Professional Documents
Culture Documents
เฉลย สมฐ คณิตศาสตร์ ม2 เล่ม1
เฉลย สมฐ คณิตศาสตร์ ม2 เล่ม1
ชุด สัมฤทธิ์มาตรฐาน
ลย
สือ
่ การเรียนรูร
้ ายวิชาพืน
้ ฐาน
Ac�i�� Learning
¤³ÔµÈÒʵÃ
ตามมาตรฐานการเรียนรูแ
กลุม
่ สาระการเรียนรูค
้ ละตัวชีว
้ ด
ั
้ ณิตศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน
้ พืน
้ ฐาน พุทธศักราช 2551
10
8
6
4
2
0
11.50
13.50
15.50
17.50
19.50
9.50
ม.2
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 2
เลม 1
Dr. Yeap Ban Har Dr. Yeap Ban Har
Dr. Joseph Yeo Boon Wooi Dr. Joseph Yeo Boon Wooi
Teh Keng Seng Teh Keng Seng
สื่อการเรียนรู้ รายวิชาพื้นฐาน
สัมฤทธิ์มาตรฐาน หลักสูตรแกนกลางฯ
คณิตศาสตร ์
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เล่ม 1
ม.2
เล่ม 1
ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
ผู้เรียบเรียง ฉบับ
Dr.Yeap Ban Har เฉลย
Dr.Joseph Yeo Boon Wooi
Mr.Teh Keng Seng
ผู้ตรวจ
ผศ.สัญชัย ภูเงิน
นางสาวทองดี กุลแกวสวางวงศ
นางสาวบูรนาถ เฉยฉิน
บรรณาธิการ
นางสาวจันทรเพ็ญ ชุมคช
พิมพครั้งที่ 34
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ
รหัสสินคา 2246024
This Secondary Mathematics Series, adapted from the New Syllabus Mathematics series,
is published in collaboration with Shing Lee Publishers Pte Ltd, Singapore.
คําแนะนําในการใช้สอ
่ื
สือ่ การเรียนรู สัมฤทธิม์ าตรฐาน หลักสูตรแกนกลางฯ คณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 2 เลม 1 จัดทําขึน้
สําหรับใชประกอบการเรียนการสอนชั้นมัธยมศึกษาปที่ 2 โดยดําเนินการจัดทําใหสอดคลองตามมาตรฐาน
การเรียนรูและตัวชี้วัด กลุมสาระการเรียนรูคณิตศาสตร (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ทุกประการ สงเสริมทักษะที่จําเปนสําหรับการเรียนรูในศตวรรษที่ 21
ทั้งทักษะดานการคิดวิเคราะห การคิดอยางมีวิจารณญาณ การแกปญหา การคิดสรางสรรค การใชเทคโนโลยี
การสื่อสาร และการรวมมือ เพื่อใหผูเรียนรูเทาทันการเปลี่ยนแปลงของระบบเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และ
สภาพแวดลอม สามารถแขงขันและอยูรวมกับประชาคมโลกได
การเรียบเรียงหนังสือเลมนี้ เปนความรวมมือระหวาง บริษัท อักษรเจริญทัศน อจท. จํากัด กับ
Shing Lee Publishers Pte Ltd. ประเทศสิงคโปร ซึ่งภายในเลมนี้มีองคประกอบตาง ๆ ดังนี้
องค์ประกอบของหนังสือ
ฉบับ
เฉลย Worked Example Exercise
ชวยใหผเู รียนเห็นถึงวิธกี ารนําสิง่ ทีเ่ รียนมาประยุกตใช แบบฝกหัดในแตละเรื่อง ซึ่งมีการแบงระดับความ
ในการแกโจทยทางคณิตศาสตรไดอยางชัดเจน ยาก-งาย โดยเริ่มจากขั้น Basic (ระดับพื้นฐาน)
Intermediate (ระดับปานกลาง) และ Advance
(ระดับสูง)
Practice Now Summary
เปนโจทยที่มีลักษณะคลายกับ Worked Example
หรือยากกวาเล็กนอย เพื่อใหผูเรียนไดลงมือฝกทํา เปนการสรุปเนื้อหาที่ไดเรียนมาทั้งหมดของแตละ
ดวยตนเอง หนวยการเรียนรู เพื่อเปนการทบทวนใหแกผูเรียน
กรอบความรูเ้ สริม
ATTENTION PROBLEM SOLVING TIP INFORMATION
เลขยกกําลัง 2 จํานวนจริง 42
1.1 เลขยกกําลังที่มีเลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็ม 4 2.1 การเขียนเศษสวนในรูปทศนิยมซํ้า
1.2 การคูณและการหารเลขยกกําลัง และการเขียนทศนิยมซํ้าในรูปเศษสวน82 44
เมื่อเลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็ม5 9 2.2 รากที่สองและรากที่สามของจํานวนตรรกยะ 61
1.3 สัญกรณวิทยาศาสตร 26 2.3 จํานวนจริง86 84
1.4 การนําความรูเกี่ยวกับเลขยกกําลัง 2.4 การนําความรูเกี่ยวกับจํานวนจริง
ไปใชในชีวิตจริง 30 ไปใชในชีวิตจริง 88
Summary 36 Summary 94
Review Exercise 1 37 Review Exercise 2 98
Challenge Yourself 41 Challenge Yourself 101
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4
3.1 นิพจนพีชคณิต ✓
3.2 การบวกและการลบพหุนาม ✓
3.3 การคูณและการหารพหุนาม ✓
หนวยที่ 4 : การแปลงทางเรขาคณิต
4.1 การแปลงทางเรขาคณิต ✓
้ หากับตัวชีว
4.2 การเลื่อนขนาน ✓
้ ด
่ การเรียนรู้ สมฐ. หลักสูตรแกนกลางฯ คณิตศาสตร์ ม.2 เล่ม 1
4.3 การสะทอน ✓
จัดการเรียนการสอนในชั้นอื่น
จัดการเรียนการสอนในชั้นอื่น
ั ชัน
✓
้ ปี
4.4 การหมุน
4.5 ความสัมพันธของการเลื่อนขนาน การสะทอน และการหมุน ✓
4.6 การนําสมบัติของการเลื่อนขนาน การสะทอน และการหมุนไปใชในชีวิตจริง ✓
หนวยที่ 5 : ความเทากันทุกประการ
5.1 ความเทากันทุกประการของรูปเรขาคณิต ✓
5.2 ความเทากันทุกประการของรูปสามเหลี่ยมสองรูปที่มีความสัมพันธ ✓
แบบตาง ๆ
5.3 การนําความรูเกี่ยวกับความเทากันทุกประการไปใชในการแกปญหา ✓
หนวยที่ 6 : เสนขนาน
6.1 เสนขนาน ✓
6.2 เสนขนานและรูปสามเหลี่ยม ✓
ฉบับ
เฉลย
ฉบับ
เฉลย
2
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1
เลขยกกําลัง
คลื่นวิทยุมีการสงสัญญาณ 2 ระบบ คือ ระบบเอเอ็ม (AM)
มีความถี่อยูในชวง 530 ถึง 1,600 กิโลเฮิรตซ หรือ 5.3 × 105
ถึง 1.6 × 106 เฮิรตซ และระบบเอฟเอ็ม (FM) มีความถี่อยู
ในชวง 88 ถึง 108 เมกะเฮิรตซ หรือ 8.8 × 107 ถึง 1.08 × 108
เฮิรตซ ระบบการสงคลื่นแบบเอเอ็มและเอฟเอ็มจะตางกันที่วิธี
การผสมคลืน่ ดังนัน้ เครือ่ งรับวิทยุระบบเอเอ็มกับระบบเอฟเอ็ม
จึงไมสามารถรับคลื่นวิทยุของอีกระบบหนึ่งได
ฉบับ
จากขอความขางตน ความถี่ที่มากที่สุดในระบบเอฟเอ็ม เฉลย
มากกวาความถี่ที่นอยที่สุดในระบบเอเอ็มอยูเทาใด
ตัวชี้วัด
• เขาใจและใชสมบัติของเลขยกกําลังที่มีเลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็ม
ในการแกปญหาคณิตศาสตรและปญหาในชีวิตจริง (ค 1.1 ม.2/1)
สาระการเรียนรูแกนกลาง
• เลขยกกําลังที่มีเลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็ม
• การนําความรูเกี่ยวกับเลขยกกําลังไปใชในการแกปญหา
3
1.1 เลขยกกําลังที่มีเลขชี้กําลัง
เปนจํานวนเต็ม
ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปที่ 1 นักเรียนไดเรียนรูเกี่ยวกับเรื่องเลขยกกําลังที่มีเลขชี้กําลังเปน
จํานวนเต็มบวกมาแลว นั่นคือ เราสามารถเขียน an แทนการคูณกันของตัวแปร a ซํ้ากัน n ตัว
ตอไปนี้เราจะพิจารณาเลขชี้กําลังที่เปนจํานวนเต็ม ซึ่งเลขยกกําลังที่มีเลขชี้กําลังเปนศูนย
หรือจํานวนเต็มลบไมสามารถเขียนใหอยูในรูปการคูณที่ซํ้ากันได จึงตองอาศัยบทนิยามอื่น ๆ
โดยจะศึกษาจากกิจกรรมตอไปนี้
Investigation
ใหนักเรียนเติมจํานวนลงในชองวางใหถูกตอง เมื่อ a แทนจํานวนใด ๆ ที่ไมเทากับศูนย
การหาร สมบัติของเลขยกกําลัง บทนิยามของเลขยกกําลัง
ฉบับ เลขยกกําลัง
เฉลย
3 - 3
1. 53 ÷ 53 53 ÷ 53 = 5 53 ÷ 53 = 55 ×× 55 ×× 55
0
=5 = 1
2. a4 ÷ a4 a4 ÷ a4 = a4 - 4 a4 ÷ a4 = aa ×× aa ×× aa ×× aa
= a0 = 1
3. 73 ÷ 75 73 ÷ 75 = 7
3 - 5
73 ÷ 75 = 7 × 77 ×× 77 ×× 77 × 7
-2
=7 1
= 72
4. a4 ÷ a6 a4 ÷ a6 = a4 - 6 a4 ÷ a6 = a × aa ×× aa ×× aa ×× aa × a
= a-2 = a12
4
จาก Investigation สรุปเปนบทนิยามไดวา
บทนิยาม กําหนดให a แทนจํานวนใด ๆ ที่ไมเทากับศูนย
a0 = 1
Worked Example 1
เขียนเลขยกกําลังในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปจํานวนเต็มหรือเศษสวน
1) 3-5 2) (-2)-4 3) -2-4
-3
4) (- 23) 5) (0.8)-2 6) (-0.1)-5 ฉบับ
เฉลย
วิธีทํา
1) 3-5 = 15 2) (-2)-4 = 1 4
3 (-2)
= 3 × 3 × 13 × 3 × 3 = (-2) × (-2) ×1 (-2) × (-2)
1
= 243 = 161
-3
3) -2-4 = - 14 4) (- 23) = 1 3
2 (- 23)
= - 2 × 2 ×1 2 × 2 = 2 1
(- 3) × (- 23) × (- 23)
= - 161 = 18
- 27
= - 278
= -3 38
5
5) (0.8)-2 = 1 6) (-0.1)-5 = 1
(0.8)2 (-0.1)5
= (0.8) ×1 (0.8) 1
= (-0.1) × (-0.1) × (-0.1) × (-0.1) × (-0.1)
1
= 0.64 1
= - 0.00001
= 100
64 = -100,000
= 1 169
Similar Questions
Practice Now Exercise 1A ขอ 1-3
เขียนเลขยกกําลังในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปจํานวนเต็มหรือเศษสวน
1) 7-3 2) (-6)-3
= 1
.............................................................................................................
3 = 1
.............................................................................................................
3
ฉบับ
7 (-6)
เฉลย ............................................................................................................. .............................................................................................................
= 7 × 71 × 7
.............................................................................................................
1
= (-6) × (-6)
.............................................................................................................
× (-6)
............................................................................................................. .............................................................................................................
1
= 343
.............................................................................................................
1
= - 216
.............................................................................................................
............................................................................................................. .............................................................................................................
............................................................................................................. .............................................................................................................
-5
3) -6-3 4) (- 43 )
= -1
.............................................................................................................
3 = 1
.............................................................................................................
5
6 (- 43)
............................................................................................................. .............................................................................................................
= - 6 61 6
............................................................................................................. = 1
.............................................................................................................
(- 43) × (- 43) × (- 43) × (- 43) × (- 43)
× ×
............................................................................................................. .............................................................................................................
1
= - 216
............................................................................................................. = - 1,024 1
.............................................................................................................
.............................................................................................................
243
.............................................................................................................
6
5) (0.9)-3 6) (-0.15)-2
= 1
............................................................................................................. = 1
.............................................................................................................
3 2
(0.9) (-0.15)
............................................................................................................. .............................................................................................................
= (0.9) (0.9) 1
............................................................................................................. = (-0.15) 1× (-0.15)
.............................................................................................................
× × (0.9)
= 0.729 1
............................................................................................................. = 0.0225 1
.............................................................................................................
= 1,000
.............................................................................................................
729 = 10,000
.............................................................................................................
225
= 1 271
.............................................................................................................
729 = 9 400
.............................................................................................................
............................................................................................................. = 44 49
.............................................................................................................
Exercise 1A
Basic Level
1. เขียนเลขยกกําลังในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปจํานวนเต็มหรือเศษสวน ฉบับ
เฉลย
1) 3-4 2) -92
= 1
………………………………………………………………………………..
4 = -(9 9)
×
………………………………………………………………………………..
3
1
=……………………………………………………………………………….. = -81
3 ×3 ×3 ×3 ………………………………………………………………………………..
= 811
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
0
3) (-3.5)-1 4) (18)
1
= -3.5
……………………………………………………………………………….. = 1
………………………………………………………………………………..
= - 27
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
-3
5) -60 6) (75)
= -1
……………………………………………………………………………….. = 1
………………………………………………………………………………..
3
………………………………………………………………………………..
(75)
………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………….. = 7 17 7 = 125
………………………………………………………………………………..
343
5×5×5
7
Intermediate Level
2. เขียนผลลัพธในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปจํานวนเต็มหรือเศษสวน
1) -50 + (-5)0 2) 3 × 2-1 + (0.5)-1
= -1 + 1
……………………………………………………………………………….. ×
1
= 3 12 + 0.5
………………………………………………………………………………..
= 0
……………………………………………………………………………….. = 32 + 2
………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………….. = 3 12
………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
ฉบับ
เฉลย Advanced Level
3. พิจารณาวาขอความในแตละขอตอไปนี้เปนจริงหรือเปนเท็จ เพราะเหตุใด
1) ถา an = 1 แลว n มีคาเทากับศูนย เมื่อ a เปนจํานวนเต็มใด ๆ
เท็จ เพราะถาให a = 1 และ n เปนจํานวนเต็มใด ๆ จะได an = 1n = 1 เสมอ
...................................................................................................................................................................................................................................................
เชน ให a = 1 และ n = 2 แทนคาใน an จะได 12 = 1
...................................................................................................................................................................................................................................................
8
1.2 การคูณและการหารเลขยกกําลัง
เม�อเลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็ม
Investigation
ใหนักเรียนเติมจํานวนลงในชองวางใหถูกตอง
1. 53 × 52 = (5 × 5 × 5) × ( 5 × 5 )
= 5×5×5×5×5
= 5 5 = 5 3 + 2
2. (-2)4 × (-2)-2 = [(-2) × (-2) × (-2) × (-2)] × [ 1
(-2) × (-2) ]
= (-2) × (-2)
= (-2) 2 = (-2) 4 + -2 ฉบับ
เฉลย
3. (0.1)-2 × (0.1)0 = [(0.1) ×1 (0.1)] × 1
= (0.1) ×1 (0.1)
= 1
(0.1) 2
= (0.1) -2 = (0.1) -2 + 0
9
จาก Investigation สรุปเปนสมบัติไดวา
สมบัติที่ 1 กําหนดให a แทนจํานวนใด ๆ ที่ไมเทากับศูนย และ m, n แทนจํานวนเต็ม
am × an = am + n
Worked Example 2
เขียนผลคูณของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปอยางงาย เมื่อ a แทนจํานวนใด ๆ
ที่ไมเทากับศูนย
1) (-3)5 × (-3)-8 2) 2-4 × 2-3
4 -5
3) (- 23) × (- 23) 4) 5-4 × (-5)-8
5) 7-3 × (-7)2 6) (-a)-7 × a14
วิธีทํา
1) (-3)5 × (-3)-8 = (-3)5 + (-8) (สมบัติที่ 1)
ฉบับ = (-3)-3
เฉลย
= 13
(-3)
2) 2-4 × 2-3 = 2-4 + (-3) (สมบัติที่ 1)
= 2-7
= 17
2
4 -5 4 + (-5)
3) (- 23) × (- 23) = (- 23) (สมบัติที่ 1)
-1
= (- 23)
= 12
-3
= - 32 หรือ -112
4) 5-4 × (-5)-8 = 5-4 × 5-8
= 5-4 + (-8) (สมบัติที่ 1)
= 5-12
= 112
5 10
หรือ 5-4 × (-5)-8 = (-5)-4 × (-5)-8
= (-5)-4 + (-8) (สมบัติที่ 1)
= (-5)-12
= 1 12
(-5)
5) 7-3 × (-7)2 = 7-3 × 72
= 7-3 + 2 (สมบัติที่ 1)
= 7-1
= 17
6) (-a)-7 × a14 = (-a)-7 × (-a)14
= (-a)-7 + 14 (สมบัติที่ 1)
= (-a)7
Similar Questions
Practice Now Exercise 1B ขอ 1(1)-(2), 2(1)
ฉบับ
เขียนผลคูณของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปอยางงาย เมื่อ a แทนจํานวนใด ๆ เฉลย
ที่ไมเทากับศูนย
1) (-6)-8 × (-6)11 2) 5-9 × 5-5
= (-6)-8 + 11 (สมบัติที่ 1)
............................................................................................................. = 5-9 + (-5) (สมบัติที่ 1)
.............................................................................................................
= (-6)3
............................................................................................................. = 5-14
.............................................................................................................
............................................................................................................. = 114
.............................................................................................................
5
7 -6
3) (- 13) × (- 13) 4) 7-6 × (-7)-10
7 + (-6)
= (- 13 ) (สมบัติที่ 1)
............................................................................................................. = 7-6 + (-10) หรือ (-7)-6 + (-10) (สมบัติที่ 1)
.............................................................................................................
= - 13
............................................................................................................. = 7-16 หรือ (-7)-16
.............................................................................................................
= 7 2
3
= 7 5-
2. (-3)4 ÷ (-3)-2 1
= (-3) × (-3) × (-3) × (-3) ÷
[(-3) × (-3)]
= (-3) × (-3) × (-3) × (-3) × (-3) × (-3)
= (-3) 6
ฉบับ = (-3) 4 - (-2)
เฉลย
3. (0.4)-2 ÷ (0.4)0 = [(0.4) ×1 (0.4)] ÷ ( 1 )
= (0.4) 1× (0.4)
= 1
(0.4) 2
= (0.4) -2
0
= (0.4) -2 -
4. ให a แทนจํานวนใด ๆ ที่ไมเทากับศูนย
a-3 ÷ a-6 = ( a × 1a × a ) ÷ a × a × a 1× a × a × a
= ( a × 1a × a ) × a × a × a × a × a × a
= a 3
= a -3 - -6
12
จาก Investigation สรุปเปนสมบัติไดวา
สมบัติที่ 2 กําหนดให a แทนจํานวนใด ๆ ที่ไมเทากับศูนย และ m, n แทนจํานวนเต็ม
am ÷ an = am - n
Worked Example 3
เขียนผลหารของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปอยางงาย เมื่อ a และ b แทนจํานวนใด ๆ
ที่ไมเทากับศูนย
1) (-2)17 ÷ (-2)9 2) 7-5 ÷ (-7)-12 3) 6a4b-5 ÷ 2a-5b3
วิธีทํา
1) (-2)17 ÷ (-2)9 = (-2)17 - 9 (สมบัติที่ 2)
= (-2)8
2) 7-5 ÷ (-7)-12 = 7-5 ÷ 7-12 ฉบับ
= 7-5 - (-12) (สมบัติที่ 2) เฉลย
= 77
3) 6a4b-5 ÷ 2a-5b3 = 3a4 - (-5)b-5 - 3 (สมบัติที่ 2)
= 3a9b-8
9
= 3a8
b
Similar Questions
Practice Now Exercise 1B ขอ 1(3)-(4), 2(2)
เขียนผลหารของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปอยางงาย เมื่อ a และ b แทนจํานวนใด ๆ
ที่ไมเทากับศูนย
1) (-3)23 ÷ (-3)32 2) 5-5 ÷ 5-16
= (-3)23 - 32 (สมบัติที่ 2)
............................................................................................................. = 5-5 - (-16) (สมบัติที่ 2)
.............................................................................................................
= (-3)-9
............................................................................................................. = 511
.............................................................................................................
= 19
............................................................................................................. .............................................................................................................
(-3)
............................................................................................................. .............................................................................................................
13
3) 16a-5b-7 ÷ 8a-10b6 4) (-2)7a14b-10 ÷ 2-4a-13b-15
= 2a-5 - (-10)b-7 - 6 (สมบัติที่ 2)
............................................................................................................. = (-2)7a14 b-10 (-2)-4a-13 b-15 ÷
.............................................................................................................
= 2a5b-13
............................................................................................................. = (-2)7 - (-4)a14 - (-13)b-10 - (-15) (สมบัติที่ 2)
.............................................................................................................
5
= 2a13
............................................................................................................. = (-2)11a27b5
.............................................................................................................
b
............................................................................................................. .............................................................................................................
Worked Example 4
เขียนผลลัพธของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปอยางงาย
8 × 715 15 -14
1) -5 7 2) 16 × (-2)
3) -0.001 × (0.1)
7 × (-7)14 (-2)-8 (0.1)5 × (-0.1)-9
วิธีทํา
8 × 715
1) -5 7 = 78 × 715
ฉบับ 7 × (-7)14 7-5 × 714
เฉลย 8 + 15
= 7-5 + 14 (สมบัติที่ 1)
7
23
= 79
7
= 723 - 9 (สมบัติที่ 2)
= 714
16 × (-2)
15
2) -8 = (-2)4 × (-2)15 - (-8) (สมบัติที่ 2)
(-2)
= (-2)4 × (-2)23
= (-2)4 + 23 (สมบัติที่ 1)
= (-2)27
-14 3 -14
3) -0.0015 × (0.1) -9 = (-0.1)5 × (0.1) -9
(0.1) × (-0.1) (0.1) × (-0.1)
= (-0.1)3 - (-9) × (0.1)-14 - 5 (สมบัติที่ 2)
= (-0.1)12 × (0.1)-19
14
= (0.1)12 × (0.1)-19
= (0.1)12 + (-19) (สมบัติที่ 1)
= (0.1)-7
= 17
(0.1)
Similar Questions
Practice Now Exercise 1B ขอ 1(7)
เขียนผลลัพธของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปอยางงาย
7 × 1118 15
1) -8(-11) 2) 81 × (-3)
11 × (-11)14 3124
= (-11)7 - 14 × 1118 - (-8) (สมบัติที่ 2) (-3) × (-3)15
=.............................................................................................................
.............................................................................................................
(-3)12
= (-11)-7 × 1126
............................................................................................................. .............................................................................................................
4 + 15
= (-11)-7 × (-11)26
............................................................................................................. = (-3) (สมบัติที่ 1)
.............................................................................................................
12
(-3)
= (-11)-7 + 26 (สมบัติที่ 1)
............................................................................................................. ............................................................................................................. ฉบับ
(-3)19 เฉลย
= (-11)19
............................................................................................................. =.............................................................................................................
(-3)12
............................................................................................................. .............................................................................................................
............................................................................................................. = (-3)7
.............................................................................................................
-7 -5
3) 0.000125 × (0.05)
4) 0.027-6 × (0.3) 9
(0.05)4 ×3 (-0.05)-9-7 (-0.3) ×3 (-0.3)-5
= (0.05) × (0.05)
.............................................................................................................
4 -9 = (0.3) × (0.3)
.............................................................................................................
-6 9
(-0.05) × (-0.05) (-0.3) × (-0.3)
............................................................................................................. .............................................................................................................
(0.05)3 + (-7)
=.............................................................................................................
(สมบัติที่ 1) (0.3)3 + (-5)
=.............................................................................................................
(สมบัติที่ 1)
(-0.05)4 + (-9) (-0.3)-6 + 9
............................................................................................................. .............................................................................................................
-4 -2
= (0.05) -5
............................................................................................................. = (0.3)
.............................................................................................................
3
(-0.05) (-0.3)
............................................................................................................. .............................................................................................................
(-0.05)-4
=............................................................................................................. (-0.3)-2
=.............................................................................................................
(-0.05)-4-5- (-5) (-0.3)-23 - 3
= (-0.05) (สมบัติที่ 2)
............................................................................................................. = (-0.3) (สมบัติที่ 2)
.............................................................................................................
= -0.05
............................................................................................................. = (-0.3)-5 = 1 5
.............................................................................................................
(-0.3)
15
Investigation
ใหนักเรียนเติมจํานวนลงในชองวางใหถูกตอง
1. (34)3 = 34 × 34 × 34
4 + 4
= 34 + (สมบัติที่ 1)
= 3 4× 3
2. [(-2)5]-2 = 1 5 2
[(-2) ]
= 51 5
(-2) × (-2)
= 51+ (สมบัติที่ 1)
(-2) 5
ฉบับ = (-2) -10
เฉลย
= (-2) 5 × -2
3. (a-7)-4 = 1-7 4
(a )
= -7 -7 1 -7 -7
a ×a ×a ×a
= 1 (สมบัติที่ 1)
a (-7) + -7 + -7 + -7
= a 28
= a -7 × -4
16
Worked Example 5
เขียนผลคูณของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปอยางงาย เมื่อ a และ b แทนจํานวนใด ๆ
ที่ไมเทากับศูนย
-2 -9 -3 -5
1) (52)-7 × (58)-3 2) [(12) ] × [(12) ]
3) (a-2)7 × (a-8)-4 4) [(-b)-3]-6 × (b6)-3
วิธีทํา
1) (52)-7 × (58)-3 = 52 × (-7) × 58 × (-3) (สมบัติที่ 3)
= 5-14 × 5-24
= 5-14 + (-24) (สมบัติที่ 1)
= 5-38
= 138
5
-2 -9 -3 -5 -2 × (-9) -3 × (-5)
2) [(12) ] × [(12) ] = (12) × (1 )
2 (สมบัติที่ 3) ฉบับ
18 15 เฉลย
= (12) × (12)
18 + 15
= (12) (สมบัติที่ 1)
33
= (12)
3) (a-2)7 × (a-8)-4 = a-2 × 7 × a-8 × (-4) (สมบัติที่ 3)
= a-14 × a32
= a-14 + 32 (สมบัติที่ 1)
= a18
4) [(-b)-3]-6 × (b6)-3 = (-b)-3 × (-6) × b6 × (-3) (สมบัติที่ 3)
= (-b)18 × b-18
= b18 × b-18
= b18 + (-18) (สมบัติที่ 1)
= b0
=1
17
Similar Questions
Practice Now Exercise 1B ขอ 1(5), 2(3)
เขียนผลคูณของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปอยางงาย เมื่อ a และ b แทนจํานวนใด ๆ
ที่ไมเทากับศูนย
-1 -8 -3 -4
1) (3-2)4 × (3-5)-2 2) [(15) ] × [(15) ]
-1 (-8)
× -3 (-4)
×
= 3-2 4 3-5 (-2) ×
×
×
(สมบัติที่ 3)
............................................................................................................. = ( 15 ) × ( 15 ) (สมบัติที่ 3)
.............................................................................................................
8 12
= 3-8 × 310
.............................................................................................................
1
(5 ) (5 ) 1
=.............................................................................................................
×
8 + 12
= 3-8 + 10 (สมบัติที่ 1)
............................................................................................................. = ( 15 ) (สมบัติที่ 1)
.............................................................................................................
20
= 32
............................................................................................................. = ( 15 )
.............................................................................................................
............................................................................................................. .............................................................................................................
............................................................................................................. = 123
.............................................................................................................
b
Worked Example 6
เขียนผลคูณของ 2563 × [(-2)-4]4 ใหอยูในรูปเลขยกกําลังที่มี 2 เปนฐาน
วิธีทํา
2563 × [(-2)-4]4 = (28)3 × [(-2)-4]4 (สมบัติที่ 3)
24
= 2 ×2 -16
Investigation
ใหนักเรียนเติมจํานวนลงในชองวางใหถูกตอง
1. (5 × 2)3 = (5 × 2) × (5 × 2) × 5 × 2
= (5 × 5 × 5) × 2 × 2 × 2
ฉบับ
= 53 × 23 เฉลย
2. [(-3) × 5]-2 = 1
[(-3) × 5]2
= 1
[(-3) × 5] × [(-3) × 5]
= 1
[(-3) × (-3)] × 5 × 5
= 1
2× 2
(-3) 5
= (-3)-2 × 5-2
3. (2 × 7)0 = 14 0
= 1 หรือ 20 × 70
จาก Investigation สรุปเปนสมบัติไดวา
สมบัติที่ 4 กําหนดให a และ b แทนจํานวนใด ๆ ที่ไมเทากับศูนย และ n แทนจํานวนเต็ม
(a × b)n = an × bn
19
จากสมบัติที่ 3 และสมบัติที่ 4 ของเลขยกกําลัง สรุปเปนสมบัติไดวา
สมบัติที่ 5 กําหนดให a และ b แทนจํานวนใด ๆ ที่ไมเทากับศูนย และ m, n, k
แทนจํานวนเต็ม
(am × bn)k = am × k × bn × k
Worked Example 7
เขียนผลลัพธของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปอยางงาย เมื่อ a, b แทนจํานวนใด ๆ
ที่ไมเทากับศูนย
1) [(-7)3 × 2-5]-2 2) [(ab4)-3 × (a3b)5]5
-6 43 3 52
3) [(-5)5 × 52-4] 4) [(ab)2 -3× -1b ]
(5 × 2 ) (a b )
วิธีทํา
ฉบับ 3 × 2-5]-2 = (-7) 3 × (-2) × 2-5 × (-2)
เฉลย 1) [(-7) (สมบัติที่ 5)
= (-7)-6 × 210
10
= 2 6
(-7)
2) [(ab4)-3 × (a3b)5]5 = (a-3 b4 × (-3) × a3 × 5 b5)5 (สมบัติที่ 5)
= (a-3 b-12 × a15 b5)5
= (a-3 + 15 b-12 + 5)5 (สมบัติที่ 1)
= (a12 b-7)5
= a12 × 5 b-7 × 5 (สมบัติที่ 5)
= a60 b-35
60
= a35
b
-6 43 -6 43
3) [(-5)5 × 52-4] = (55 × 25 )-4
(5 × 2 ) (5 × 2 )
-6 × 3 4×3
5 × 2
= 5 × (-4) 5 × (-4) (สมบัติที่ 5)
5 × 2
20
-18 12
= 5-20 × 2-20
5 ×2
= 5-18 - (-20) × 212 - (-20) (สมบัติที่ 2)
= 52 × 232
3 52 3 3
4) [(ab)2 -3× -1b ] b × b5)2
= (a2 × (-1) (สมบัติที่ 4, 5)
(a b ) a b-3 × (-1)
3×2 3×2 5×2
= a b -2 3× b (สมบัติที่ 5)
a b
6 6 10
= a b -2× 3b
a b
= a6 - (-2) b6 + 10 - 3 (สมบัติที่ 1, 2)
= a8 b13
Similar Questions
Practice Now Exercise 1B ขอ 1(9)-(10), ขอ 2(4)-(5)
เขียนผลลัพธของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปอยางงาย เมื่อ a, b แทนจํานวนใด ๆ ฉบับ
เฉลย
ที่ไมเทากับศูนย
1) [(-5)2 × 3-4]-3 2) [(a-1 b4)-2 × (a-3 b)2]-4
(-5)2 (-3) × 3-4 (-3)
× ×
=.............................................................................................................
(สมบัติที่ 5) = (a-1 (-2) b4 (-2) a-3 2 b2)-4
× ×
×
×
(สมบัติที่ 5)
.............................................................................................................
(-5)-6 × 312
=............................................................................................................. = (a2 b-8 × a-6 b2)-4
.............................................................................................................
312
=............................................................................................................. = (a2 + (-6) b-8 + 2)-4 (สมบัติที่ 1)
.............................................................................................................
(-5)6
............................................................................................................. = (a-4 b-6)-4
.............................................................................................................
............................................................................................................. .............................................................................................................
(-10)-5 × 73
=............................................................................................................. = a b ×a b
35 35 7 -28
(สมบัติที่ 4)
.............................................................................................................
7-12 ×-5 -(-10) (-16)
-16
3 - (-12) 35 + 7
5 -10
a- 5b 35 + (-28) - (-10)
=.............................................................................................................
(-10) × 7 (สมบัติที่ 2) = a × b (สมบัติที่ 1, 2)
.............................................................................................................
(-10)11 × 715
=............................................................................................................. = a37 b17
.............................................................................................................
21
Investigation
ใหนักเรียนเติมจํานวนลงในชองวางใหถูกตอง
3
1. ( 25 ) = 25 × 25 × 25
= 25 ×× 25 ×× 25
3
= 23
5
-3
2. ( 34 ) = 1 3
( 34 )
= 13
3
43
3
= 4
ฉบับ 3 3
เฉลย -3
= 3
4 -3
0
3. ( 45 ) =1
0
= 4
5 0
............................................................................................................. .............................................................................................................
215
=............................................................................................................. (a-1b-5)-6
=.............................................................................................................
7-20 (ab2)-2 × (a4 b-5) -4
............................................................................................................. .............................................................................................................
215 × 720
=............................................................................................................. a6b30
=.............................................................................................................
(สมบัติที่ 5)
a-2b-4 × a-16 b20
............................................................................................................. .............................................................................................................
............................................................................................................. .............................................................................................................
23
Exercise 1B
Basic Level
1. เขียนผลลัพธของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปอยางงาย
1) 22 × 2-8 = 2-6 = 1 ……………………………………………….
6 2) (-5)-15 × 5-6 = (-5)-21 = 1
………………………………………….
21
2 (-5)
= 3-3 = 13
3) 311 ÷ 314 ………………………………………………. 4) 32-5 ÷ 2-25 = 1
………………………………………….
3
-2 53 9
= 252
5) (84)5 × (42)-2 ………………………………………………. = (23 )
6) (278 ) × [(23) ] ………………………………………….
(-7)10 × 713 81 × (-3)
12
7) -7 = 718 หรือ (-7)18
………………………………………………. 8) = 323
………………………………………….
7 × (-7)12 3-7
4
9) [(-2)3 × 2-4]-1 ……………………………………………….
= -2 = (-11)
10) [(-11)-2 × 55]-2 ………………………………………….
510
3 -5 20
11) ( 54 ) = 715 24 -3 = 12 1 6
7
……………………………………………….
5 12) ( 5 -2 ) ………………………………………….
2 ×5
ฉบับ
เฉลย 2. เขียนผลลัพธของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปอยางงาย เมื่อ a, b และ c
แทนจํานวนใด ๆ ที่ไมเทากับศูนย
1) (-a)-9 × a16 = (-a)7
……………………………………….
2a12
2) 8a9 b-6 ÷ 4a-3 b6 =…………………………………………
b12
-2 32
= b11
3) (b-3)8 × (b-7)-5 ………………………………………. c7
4) [(ab)3 -5× c-1 ] =…………………………………………
(a b c) ab9
60 (ab-7c)2 -2
= c4 16
5) [(b-2 c7)2 × a-1 c]4 ……………………………………….
ab 6) [ 4
ab c -5 3] a4 b18 c2
=…………………………………………
Intermediate Level
3. เขียนผลลัพธของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปอยางงาย
7 -12 -1 243-1 -2 -4 -12 3
1) ( 2 ×103 ) × 1,024 2) 125 625 ÷ ( 25 ×-3 5 )
3 -5 -6 -9
5
= (27 3-22)-1 3 × × 10
..........................................................................................................
5 × 5
=..........................................................................................................
2 54-15 5-24 × 5-36
2-7 × 322 × 3-5
=.......................................................................................................... 5
=..........................................................................................................
-17
21017 541-56
= 2 ×3
.......................................................................................................... =..........................................................................................................
5
17
= 317
.......................................................................................................... ..........................................................................................................
2
24
10 -12 -1 -5 3 -12 -1 -1
3) 5 × 35 × 225-2 × (159 ) 4) 7 ×-77 × (3433 ÷ 49-2 )
81 243 5 35 25
10 -12 3-2 × 5-2 3-5 × 5-5 3 -12 73 54
= 5 ×5 × -10 ×
.............................................................................................................
12 -10 = 7 ×7 -7 × -3 -3 × -2
.............................................................................................................
3 3 3 5 7 ×5 7
............................................................................................................. .............................................................................................................
-9 -7 -6 4
= 5 × 3
.............................................................................................................
-8 = 7 ×5
.............................................................................................................
-5 -10
3 7 ×5
............................................................................................................. .............................................................................................................
14
= 3
.............................................................................................................
9 = 7-1 514 = 57 ×
.............................................................................................................
5
4. เขียนผลลัพธของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปอยางงาย เมื่อ a, b และ c
แทนจํานวนใด ๆ ที่ไมเทากับศูนย
-1)0
2 -1
1) a -1bc3 × (abc b-2 c -1 (ab-1 c)2 ÷ a7 b-6 c2 × a-5 c 2
a2 c-1 (a3 b-5 ) a-5 b3 c4 [ a2 bc-1 (b-3 c)-4]
÷ 2)
b c
2 -1
= a bc 1 a-3 b5 2 -2 2
= ab c abc
4 2 -2
b24 c-8
-1 3 × 2 -1 × 2 -1
............................................................................................................. -5 3 4 × 14 -12 4 × -10 2
.............................................................................................................
b c ac bc a bc a b c a c
............................................................................................................. .............................................................................................................
-1 6 -1 6 24 -8 ฉบับ
= a 2b c
............................................................................................................. = ab c
.............................................................................................................
-1 -9 10 เฉลย
a bc a b c
............................................................................................................. .............................................................................................................
5 7 33
= a -3 b5 c-2
= b3 2
............................................................................................................. = ab
.............................................................................................................
18
ac c
Advanced Level
3n + 1 -7n + 2 10n
5. เขียนผลลัพธของ 3 n + 3-n + 3 × 3n ใหอยูในรูปอยางงาย เมื่อ n แทนจํานวนเต็ม
27 + 3 × 81
3n -7n + 2 10n
= (3 × 3) + (3 × 3 ) = 12
28
...................................................................................................................................................................................................................................................
3n -n + 3 4n
3 + (3 × 3 )
...................................................................................................................................................................................................................................................
3n 3n + 2
= (3 × 3) + (3 ) = 37
...................................................................................................................................................................................................................................................
3n 3n + 3
3 + (3 )
...................................................................................................................................................................................................................................................
3n 3n 2
= (3 × 3) + (3 × 3 )
...................................................................................................................................................................................................................................................
3n 3n 3
3 + (3 × 3 )
...................................................................................................................................................................................................................................................
3n
= 3 (3 + 9)
...................................................................................................................................................................................................................................................
3n
3 (1 + 27)
25
1.3 สัญกรณวิทยาศาสตร
Class Discussion
ใหนักเรียนจับคูกับเพื่อน แลวเติมจํานวนลงในชองวางใหถูกตอง
ขอ ขอมูล การเขียนจํานวนในรูปปกติ (โดยประมาณ) การเขียนจํานวนในรูป
สัญกรณวิทยาศาสตร
1) จํกรุานวนประชากรใน 5,680,000 คน 5.68 106 คน
×
…………………………………………
งเทพฯ ป พ.ศ. 2560
2) เส นผานศูนยกลาง 1.39 106 กิโลเมตร
1,390,000 กิโลเมตร ×
…………………………………………
ของดวงอาทิตย
3) ความยาวคลื่นแสงสีแดง 0.000065 เซนติเมตร 6.5 10-5 เซนติเมตร
×
…………………………………………
ฉบับ
4) เส
เฉลย นผานศูนยกลาง
ของเม็ดเลือดขาว 0.000008 เมตร 8 10-6 เมตร
×
…………………………………………
Worked Example 10
ฉบับ
เขียนผลลัพธของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปสัญกรณวิทยาศาสตร เฉลย
1) (5.5 × 104) + (0.032 × 106) 2) (1.5 × 10-5) - (0.02 × 10-4)
3) (1.2 × 10-9) × (1.5 × 1012) 4) (12.5 × 10-6) ÷ (2.5 × 10-8)
วิธีทํา
1) (5.5 × 104) + (0.032 × 106) = (5.5 × 104) + (3.2 × 104)
= (5.5 + 3.2) × 104
= 8.7 × 104
2) (1.5 × 10-5) - (0.02 × 10-4) = (1.5 × 10-5) - (0.2 × 10-5)
= (1.5 - 0.2) × 10-5
= 1.3 × 10-5
3) (1.2 × 10-9) × (1.5 × 1012) = (1.2 × 1.5) × 10-9 + 12
= 1.8 × 103
-6
4) (12.5 × 10-6) ÷ (2.5 × 10-8) = 12.5 × 10-8
2.5 × 10
= 5 × 102
27
Similar Questions
Practice Now Exercise 1C ขอ 2-5
เขียนผลลัพธของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปสัญกรณวิทยาศาสตร
1) (4.25 × 105) + (0.81 × 106) 2) (9.5 × 10-4) - (8.7 × 10-5)
= (4.25 105) + (8.1 105)× ×
............................................................................................................. (9.5 × 10-4) - (0.87 × 10-4)
=.............................................................................................................
= 12.35 × 105 = 1.235 × 106
............................................................................................................. 8.63 × 10-4
=.............................................................................................................
3) (2.6 × 1015) × (3.8 × 10-21) 4) (31.5 × 10-11-11) ÷ (3.5 × 10-15)
= (2.6 3.8) 1015 + (-21)
× ×
.............................................................................................................
31.5 × 10 = 9 × 104
=.............................................................................................................
3.5 × 10-15
= 9.88 × 10-6
............................................................................................................. .............................................................................................................
Exercise 1C
Basic Level
ฉบับ
1. เขียนจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปสัญกรณวิทยาศาสตร
เฉลย 1) 176 × 1021 2) 2,301.5 × 10-10
= (1.76 102) 1021 × ×
............................................................................................................. (2.3015 × 103) × 10-10
=.............................................................................................................
= 1.76 × 1023
............................................................................................................. 2.3015 × 10-7
=.............................................................................................................
3) 0.00036 × 10-12 4) 17.5 ลานลาน
= (3.6 × 10-4) × 10-12
............................................................................................................. (17.5 × 106) × 106
=.............................................................................................................
= 3.6 × 10-16
............................................................................................................. 1.75 × 1013
=.............................................................................................................
2. เขียนผลลัพธของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปสัญกรณวิทยาศาสตร
1) (15.83 × 109) + (0.781 × 1010) 2) (13.31 × 10-6) - (0.075 × 10-4)
= (1.583 1010) + (0.781 1010)
× ×
............................................................................................................. (13.31 × 10-6) - (7.5 × 10-6)
=.............................................................................................................
= 2.364 × 1010
............................................................................................................. 5.81 × 10-6
=.............................................................................................................
3) (7.2 × 1031) × (5.6 × 10-17) 4) (1.21 × 10-18) ÷ (1.1 × 10-21)
= (7.2 5.6) 1031 + (-17)
× ×
1.21 × 10-18 = 1.1 × 103
=.............................................................................................................
.............................................................................................................
1.1 × 10-21
= 40.32 × 1014 = 4.032 × 1015
............................................................................................................. .............................................................................................................
28
Intermediate Level
3. เขียนผลลัพธของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปสัญกรณวิทยาศาสตร
1) (175.8 × 108) + (0.007 × 1013) - (0.25 × 1010)
= (1.758 1010) + (7 1010) - (0.25 1010)
× × ×
..................................................................................................................................................................................................................................................
= (1.758 + 7 - 0.25) × 1010 = 8.508 × 1010
..................................................................................................................................................................................................................................................
18 -12
2) (8.5 × 10 11) × (1.6 × 10-25 )
(1.7 × 10 ) × (4 × 10 )
= (8.5 × 1.6
1.7 × 4 ) × 10
18 + (-12) - 11 - (-25)
..................................................................................................................................................................................................................................................
= 2 1020 ×
..................................................................................................................................................................................................................................................
16 -5 22 -25
3) (16.9 × 10 ) × (1.5 × 10 ) (2.7 × 10 ) × (0.8 × 10 )
-
(1.3 × 104) (1.2 × 10-11)
= [(16.91.3× 1.5) × 1016 + (-5) - 4] - [( 2.71.2 × 0.8
) × 1022 + (-25) - (-11)]
..................................................................................................................................................................................................................................................
= (1.95 108) - (1.8 108) = 1.5 107
× × ×
.................................................................................................................................................................................................................................................. ฉบับ
เฉลย
4. กําหนด a = 2 × 105 และ b = 5 × 104 ใหหาคาของ (a - b)2 ในรูปสัญกรณวิทยาศาสตร
(a - b)2 = [(2 105) - (5 104)]2 × ×
..................................................................................................................................................................................................................................................
= [(20 - 5) × 104]2
..................................................................................................................................................................................................................................................
= (15 × 104)2
..................................................................................................................................................................................................................................................
= 225 × 108
..................................................................................................................................................................................................................................................
= 2.25 × 1010
..................................................................................................................................................................................................................................................
Advanced Level
n-1 n+1
5. เขียนผลลัพธของ (15 × 10 ) + (0.8 × 10 )
ใหอยูในรูปสัญกรณวิทยาศาสตร
2 × 10n - 2
n -1 n
= (15 × 10 × 10 ) + (0.8 × 10 × 10) = (1.50.02+ 8)
...................................................................................................................................................................................................................................................
n -2
2 × 10 × 10
= 475
...................................................................................................................................................................................................................................................
n -1
= 10 [(15 × n10 ) + (0.8 × 10)]
= 4.75 × 102
...................................................................................................................................................................................................................................................
-2
10 (2 × 10 )
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
29
1.4 การนําความรูเกี่ยวกับเลขยกกําลัง
ไปใชในชีวิตจริง
การเขียนจํานวนตาง ๆ ในรูปสัญกรณวิทยาศาสตร เราสามารถใชคํานําหนาหนวยหรือ
คําอุปสรรค (prefi x ) ในระบบหนวยเอสไอ เพื่อระบุเลขชี้กําลังของสิบสําหรับหนวยนั้น ๆ
ซึ่งคํานําหนาหนวยจะมีชื่อเฉพาะที่ใชแตกตางกัน ดังตารางตอไปนี้
ตัวคูณ คํานําหนาหนวย สัญลักษณยอ ตัวคูณ คํานําหนาหนวย สัญลักษณยอ
ที่เทียบเทา ในระบบเอสไอ ที่เทียบเทา ในระบบเอสไอ
101 เดคา- da 10-1 เดซิ- d
102 เฮกโต- h 10-2 เซนติ- c
103 กิโล- k 10-3 มิลลิ- m
106 เมกะ- M 10-6 ไมโคร- μ
ฉบับ
109 จิกะ- G 10-9 นาโน- n
เฉลย 1012 เทระ- T 10-12 พิโก- p
1015 เพตะ- P 10-15 เฟมโต- f
1018 เอกซะ- E 10-18 อัตโต- a
1021 เซตตะ- Z 10-21 เซปโต- z
1024 ยอตตะ- Y 10-24 ยอกโต- y
ตัวอยาง การใชเลขยกกําลังแสดงจํานวนที่พบในชีวิตประจําวัน
ดาวอังคาร มดคันไฟ
มีเสนผานศูนยกลางยาว มีลําตัวยาว
ประมาณ 6,794 กิโลเมตร ประมาณ 7 มิลลิเมตร
หรือ 6.794 × 106 เมตร หรือ 7 × 10-3 เมตร
เซลลเม็ดเลือดขาว แสงขาว
มีเสนผานศูนยกลางยาว เปนคลื่นแสงที่มนุษยสามารถ
ประมาณ 8 ไมโครเมตร มองเห็นได มีความยาวคลื่น
หรือ 8 × 10-6 เมตร ประมาณ 400 ถึง 800 นาโนเมตร
หรือ 4 × 10-7 ถึง 8 × 10-7 เมตร
30
Worked Example 11
ธาตุคารบอน (C) 1 อะตอม มีมวลประมาณ 1.99 × 10-23 กรัม
ธาตุคารบอน 2 × 105 อะตอม มีมวลกี่กรัม
วิธีทํา
ธาตุคารบอน 1 อะตอม มีมวลประมาณ 1.99 × 10-23 กรัม
ธาตุคารบอน 2 × 105 อะตอม มีมวลประมาณ (1.99 × 10-23) × (2 × 105) กรัม
= 1.99 × 2 × 10-23 × 105 กรัม
= 3.98 × 10-18 กรัม
5 -18
ดังนั้น ธาตุคารบอน 2 × 10 อะตอม มีมวลประมาณ 3.98 × 10 กรัม
Similar Questions
Practice Now Exercise 1D ขอ 1, 4
ธาตุโซเดียม (Na) 1 อะตอม มีมวลประมาณ 38.18 × 10-24 กรัม ธาตุโซเดียม 3 × 104 อะตอม
มีมวลกี่กรัม -24
ธาตุโซเดียม 1 อะตอม มีมวลประมาณ 38.18 10 กรัม ×
............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
ธาตุโซเดียม 3 × 104 อะตอม มีมวลประมาณ (38.18 × 10-24) × (3 × 104) กรัม
............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย
-24 4
= 38.18 × 3 × 10 × 10 กรัม
............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
-18
= 1.1454 × 10 กรัม
............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
4 -18
ดังนั้น ธาตุโซเดียม 3 × 10 อะตอม มีมวลประมาณ 1.1454 × 10 กรัม
............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
Worked Example 12
ดาวอังคารมีเสนผานศูนยกลางยาวประมาณ 6.8 × 106 เมตร
ใหหาปริมาตรของดาวอังคาร เมื่อกําหนด π ≈ 227 และ
ปริมาตรของทรงกลมเทากับ 43 πr3
วิธีทํา
ดาวอังคารมีเสนผานศูนยกลางยาวประมาณ 6.8 × 106 เมตร
6
จะไดวา ดาวอังคารมีรัศมียาวประมาณ 6.8 ×2 10 = 3.4 × 106 เมตร
ปริมาตรของดาวอังคารเทากับ 43 πr3 ลูกบาศกเมตร
≈ 4 × 22 × (3.4 × 10 ) ลูกบาศกเมตร
63
3 7
20
≈ 1.65 × 10 ลูกบาศกเมตร
ดังนั้น ดาวอังคารมีปริมาตรประมาณ 1.65 × 1020 ลูกบาศกเมตร
31
Similar Questions
Practice Now Exercise 1D ขอ 2
โลกมีเสนผานศูนยกลางยาวประมาณ 1.28 × 107 เมตร ใหหาปริมาตร
ของโลก เมื่อกําหนด π ≈ 227 และปริมาตรของทรงกลมเทากับ 43 πr3
โลกมีเสนผานศูนยกลางยาวประมาณ 1.28 107 เมตร จะไดรัศมียาวประมาณ 6.4 106 เมตร × ×
............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
≈ 4 × 22 × (6.4 × 10 ) ลูกบาศกเมตร
63
3 7 21
............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
≈ 1.1 × 10 ลูกบาศกเมตร
............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
Investigation
ใหนักเรียนเติมจํานวนลงในชองวางใหถูกตอง
โชคฝากเงินกับธนาคารแหงหนึ่งเปนเงินจํานวน 10,000 บาท ไดรับอัตราดอกเบี้ย 2%
ฉบับ แบบทบตนตอป เปนเวลา 4 ป
เฉลย
ป เงินตน ดอกเบี้ยของป เงินตน + ดอกเบี้ย = เงินรวมทั้งหมด
0 10,000 0 10,000 + 0 = 10,000
1 10,000 10,000 × 1002 = 200 10,000 + 200 = 10,200
2 10,200 10,200 × 1002 = 204 10,200 + 204 = …………………………………………
10,404
3 10,404 10,404 × 1002 = 208.08 10,404 + ………………………
208.08 = ………………………….
10,612.08
……………………….
4 2 ≈ 212.24
10,612.08 × 100
10,612.08 …………………………………………………………
…………………….. 10,612.08 + 212.24 10,824.32
≈
……………………………………………………………………………
เริ่มตน 1 2 3
จากสูตร ดอกเบี้ยทบตน A = P (1 + 100 r )t
จะได P = 10,000, r = 1.5 และ t = 3
ดังนั้น เงินรวมเมื่อตะวันฝากเงินกับธนาคารเปนระยะเวลา 3 ป
1.5 )3
เทากับ 10,000 × (1 + 100 บาท
= 10,000 × (1.015)3 บาท
≈ 10,000 × 1.046 บาท
ฉบับ
= 10,460 บาท เฉลย
นั่นคือ เมื่อตะวันฝากเงินกับธนาคารเปนระยะเวลา 3 ป จะไดเงินรวมประมาณ 10,460 บาท
Similar Questions
Practice Now Exercise 1D ขอ 3, 5
นิธิศฝากเงินกับธนาคาร 50,000 บาท โดยธนาคารใหดอกเบี้ยเงินฝากในอัตราดอกเบี้ย 1.2%
แบบทบตนตอป ใหหาเงินรวมเมื่อนิธิศฝากเงินกับธนาคารเปนระยะเวลา 5 ป
เงินตน 50,000 บาท
............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
เริ่มตน 1 2 3 4 5
............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
t
จากสู ต ร ดอกเบี ย
้ ทบต น A = P ( 100)
1 + r
............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
= 53,050 บาท
............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
33
Exercise 1D
Basic Level
1. ธาตุไนโตรเจน (N) 1 อะตอม มีมวลประมาณ 23.24 × 10-24 กรัม
ธาตุไนโตรเจน 103 อะตอม มีมวลกี่กรัม
ธาตุ ไนโตรเจน 1 อะตอม มีมวลประมาณ 23.24 × 10-24 กรัม
...................................................................................................................................................................................................................................................
ธาตุ ไนโตรเจน 103 อะตอม มีมวลประมาณ (23.24 × 10-24) × 103 กรัม
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 23.24 × 10-21 กรัม
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 2.324 × 10-20 กรัม
...................................................................................................................................................................................................................................................
งนั้น ธาตุไนโตรเจน 103 อะตอม มีมวลประมาณ 2.324 × 10-20 กรัม
ดั...................................................................................................................................................................................................................................................
2. ดาวศุกรมีเสนผานศูนยกลางยาวประมาณ 1.2 × 107 เมตร
ใหหาพื้นที่ผิวของดาวศุกร เมื่อกําหนด π ≈ 227
และพื้นที่ผิวของทรงกลมเทากับ 4 πr2
ฉบับ ดาวศุกรมีเสนผานศูนยกลางยาวประมาณ 1.2 107 เมตร จะไดรัศมียาวประมาณ 0.6 107 เมตร × ×
...................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย
พื้นที่ผิวของดาวศุกรเทากับ 4πr2 ตารางเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
≈ 4 × 22 × (0.6 × 10 )
72 ตารางเมตร
7
...................................................................................................................................................................................................................................................
≈ 4.53 × 10
14 ตารางเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ดาวศุกรมีพื้นที่ผิวประมาณ 4.53 × 1014 ตารางเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
เริ่มตน 1 2 3 4
...................................................................................................................................................................................................................................................
t
จากสู ตร ดอกเบี้ยทบตน A = P (1 + 100 r ) จะได P = 150,000, r = 2 และ t = 4
...................................................................................................................................................................................................................................................
งนั้น เงินรวมเมื่อโชคชัยฝากเงินกับธนาคารเปนระยะเวลา 4 ป เทากับ 150,000 × (1 + 100 2 )4 บาท
ดั...................................................................................................................................................................................................................................................
≈ 150,000 × 1.082 บาท
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 162,300 บาท
...................................................................................................................................................................................................................................................
นั...................................................................................................................................................................................................................................................
่นคือ เมื่อโชคชัยฝากเงินกับธนาคารเปนระยะเวลา 4 ป จะไดเงินรวมประมาณ 162,300 บาท
34
Intermediate Level
4. ระบบสุรยิ ะอยูห า งจากศูนยกลางของกาแล็กซีทางชางเผือก
ประมาณ 30,000 ปแสง และ 1 ปแสง มีระยะทางประมาณ
9.46 ลานลานกิโลเมตร ระบบสุริยะอยูหางจากศูนยกลาง
ของกาแล็กซีทางชางเผือกประมาณกี่เมตร
เนื่องจาก 1 ปแสง มีระยะทางประมาณ 9.46 ลานลานกิโลเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 9.46 × 1012 กิโลเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 9.46 × 1015 เมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ระบบสุริยะที่อยูหางจากศูนยกลางของกาแล็กซีทางชางเผือกประมาณ 30,000 ปแสง
...................................................................................................................................................................................................................................................
จะมีระยะทางประมาณ 30,000 × 9.46 × 1015 = 3 × 104 × 9.46 × 1015 เมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 28.38 × 1019 เมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 2.838 × 1020 เมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
นั่นคือ ระบบสุริยะอยูหางจากศูนยกลางของกาแล็กซีทางชางเผือกประมาณ 2.838 × 1020 เมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
Advanced Level เฉลย
35
Summary
1. เลขยกกําลังที่มีเลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็ม
1) เลขยกกําลังที่มีเลขชี้กําลังเปนศูนย
กําหนดให a แทนจํานวนใด ๆ ที่ไมเทากับศูนย
a0 = 1
2) เลขยกกําลังที่มีเลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็มลบ
กําหนดให a แทนจํานวนใด ๆ ที่ไมเทากับศูนย และ n แทนจํานวนเต็มบวก
a-n = 1n
a
2. การคูณและการหารเลขยกกําลัง เมื่อเลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็ม
สมบัติของเลขยกกําลัง
ฉบับ กําหนดให a, b แทนจํานวนใด ๆ ที่ไมเทากับศูนย และ m, n, k แทนจํานวนเต็ม
เฉลย
1) am × an = am + n
2) am ÷ an = am - n
3) (am)n = am × n
4) (a × b)n = an × bn
5) (am × bn)k = am × k × bn × k
n n
6) (ab) = an
b
m k m×k
7) (a n ) = a n × k
b b
3. สัญกรณวิทยาศาสตร
จํานวนในรูปสัญกรณวิทยาศาสตร คือ จํานวนที่เขียนในรูป
A × 10n เมื่อ 1 ≤ A < 10 และ n เปนจํานวนเต็ม
36
Review Exercise 1
1. เขียนผลลัพธของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปจํานวนเต็มหรือเศษสวน
1) -70 + (-7)0 2) 4 × 2-1 + (0.25)-1
=………………………………………………………………………………..
-1 + 1 = 42 + 0.25
1
…………………………………………………………………………………..
=………………………………………………………………………………..
0 = 2+4
…………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………….. = 6
…………………………………………………………………………………..
38
6. เขียนผลลัพธของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปสัญกรณวิทยาศาสตร
1) (8 × 1015) + (5 × 1015) - (3 × 1015)
= (8 + 5 - 3) 1015 ×
..................................................................................................................................................................................................................................................
= 10 × 1015
..................................................................................................................................................................................................................................................
= 1 × 1016
..................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
39
8. ป พ.ศ. 2560 ในกรุงเทพมหานครมีประชากรประมาณ 5.68 × 106 คน และภาคกลาง
มีประชากรประมาณ 1.7 × 107 คน อยากทราบวาประชากรในกรุงเทพมหานครคิดเปน
กี่เปอรเซ็นตของภาคกลาง
กรุ งเทพมหานครมีประชากรประมาณ 5.68 × 106 คน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ภาคกลางมี ประชากรประมาณ 1.7 × 107 คน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
6
จะได วา ประชากรในกรุงเทพมหานครคิดเปน 5.68 × 107 × 100% ของภาคกลาง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
1.7 × 10
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
≈ 33.41% ของภาคกลาง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ดั…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
งนั้น ประชากรในกรุงเทพมหานครคิดเปนประมาณ 33.41% ของภาคกลาง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
7 )5
= 100,000 (1 + 100
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ดังนั้น เมื่อครบกําหนดเวลา 5 ป แกวตาตองชําระเงินทั้งหมดเปนจํานวนเงินประมาณ 140,300 บาท
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
40
Challenge Yourself
1. กําหนด 5 = 3a และ 3 = 5b ใหหาคาของ ab + 1
จาก 5 = 3a
..................................................................................................................................................................................................................................................
จะได 5b = 3ab (ยกกําลัง b ทั้งสองขางของสมการ)
..................................................................................................................................................................................................................................................
3 = 3ab (โจทยกําหนด 3 = 5 b)
..................................................................................................................................................................................................................................................
31 = 3ab
..................................................................................................................................................................................................................................................
ab = 1
..................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ab + 1 = 1 + 1 = 2
..................................................................................................................................................................................................................................................
5n n
2. ถา x2n = 3 แลว x3n + x-n มีคาเทาใด
x +x
n 4n
x5n + xn = x (x + 1)
..................................................................................................................................................................................................................................................
3n
x +x -n -n 4n
x (x + 1)
..................................................................................................................................................................................................................................................
= n+n x
..................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
= x2n
.................................................................................................................................................................................................................................................. เฉลย
= 3
..................................................................................................................................................................................................................................................
41
ฉบับ
เฉลย
42
หนวยการเรียนรูที่ 2
จํานวนจริง
π เปนอัตราสวนระหวางความยาวเสนรอบรูปวงกลมกับ
ความยาวของเสนผานศูนยกลางของวงกลม เราใช π ในการ
คํานวณหาพืน้ ทีว่ งกลม ซึง่ ใชสตู ร πr2 เมือ่ r เปนรัศมีของวงกลม
ในการคํานวณ เรานิยมกําหนดให π มีคาประมาณ 227 หรือ
3.14
ในป ค.ศ. 1967 มีการนําเครือ่ งคํานวณมาใช เพือ่ หาคาของ
π ซึ่งคาที่ไดมีคาเปนทศนิยม คํานวณไดถึง 500,000 ตําแหนง
ฉบับ
เฉลย
ตัวชี้วัด
• เขาใจจํานวนจริงและความสัมพันธของจํานวนจริง และใชสมบัติของ
จํานวนจริงในการแกปญหาคณิตศาสตรและปญหาในชีวิตจริง
(ค 1.1 ม.2/2)
สาระการเรียนรูแกนกลาง
• จํานวนอตรรกยะ
• จํานวนจริง
• รากที่สองและรากที่สามของจํานวนตรรกยะ
• การนําความรูเกี่ยวกับจํานวนจริงไปใช
43
2.1 การเขียนเศษสวนในรูปทศนิยมซ้ํา
และการเขียนทศนิยมซ้ําในรูปเศษสวน
ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปที่ 1 นักเรียนทราบมาแลววา จํานวนตรรกยะ หมายถึง จํานวนที่
สามารถเขียนในรูป ab เมื่อ a และ b เปนจํานวนเต็ม โดยที่ b 0 เมื่อพิจารณาความสัมพันธ
ระหวางเศษสวนกับทศนิยม เราสามารถเขียน ab ใหอยูในรูปทศนิยมได และในขณะเดียวกัน
เราก็สามารถเขียนทศนิยมบางจํานวนใหอยูในรูป ab ไดเชนกัน ซึ่งนักเรียนจะไดศึกษาจากหัวขอ
ตอไปนี้
1. การเขียนเศษสวนใหอยูในรูปทศนิยมซํ้า
นักเรียนทราบมาแลววา การเขียนเศษสวนใหอยูรูปทศนิยมทําไดโดยนําตัวสวนไปหารตัวเศษ
ของเศษสวนนั้น ดังตัวอยางตอไปนี้ ATTENTION
............................................................................................................. 30
.............................................................................................................
............................................................................................................. 22
.............................................................................................................
............................................................................................................. 8
.............................................................................................................
............................................................................................................. 260
.............................................................................................................
............................................................................................................. 222
.............................................................................................................
............................................................................................................. 38
.............................................................................................................
45
เมื่อพิจารณาการเขียนเศษสวนใหอยูในรูปทศนิยมที่ไดจาก Worked Example 1 และ
Practice Now จะไดวา ATTENTION
3 = 0.75 2 = 0.666... เนื่องจาก 0.75 = 0.75000...
4 3 และ 1.2 = 1.2000...
6 = 1.2 8 = 0.727272...
5 11 ดังนั้น 0.75 และ 1.2 เปนทศนิยมซํ้า
11 = 1.8333... 38 หนึ่งตําแหนง โดยมีเลขโดดที่ซํ้า คือ 0
60 111 = 0.342342342...
เรียก 0.666..., 1.8333..., 0.727272... และ 0.342342342... วาเปน ทศนิยมซํ้า (Repeating
Decimal) ซึ่งสามารถเขียนเศษสวนที่อยูในรูปทศนิยมซํ้าโดยใชสัญลักษณ เขียนไวเหนือเลขโดด
•
ที่ซํ้า ดังนี้
กรณีที่ 1 ถาเปนทศนิยมซํ้าหนึ่งตําแหนง ใหเขียน ไวเหนือเลขโดดที่ซํ้านั้น เชน
•
•
0.666... เขียนแทนดวยสัญลักษณ 0.6 อานวา ศูนยจุดหก หกซํ้า
•
1.8333... เขียนแทนดวยสัญลักษณ 1.83 อานวา หนึ่งจุดแปดสาม สามซํ้า
กรณีที่ 2 ถาเปนทศนิยมซํ้าตั้งแตสองตําแหนงขึ้นไป ใหเขียน ไวเหนือเลขโดดที่ซํ้าตัวแรก
•
และตัวสุดทาย เชน
ฉบับ 0.727272... เขียนแทนดวยสัญลักษณ 0.72 • •
เฉลย
อานวา ศูนยจุดเจ็ดสอง เจ็ดสองซํ้า
• •
0.342342342... เขียนแทนดวยสัญลักษณ 0.342
อานวา ศูนยจุดสามสี่สอง สามสี่สองซํ้า
2. การเขียนทศนิยมซํ้าใหอยูในรูปเศษสวน
1) ทศนิยมซํ้าศูนย
นักเรียนทราบมาแลววา การเขียนทศนิยมซํ้าศูนยใหอยูในรูปเศษสวนสามารถทําได
ดังตัวอยางตอไปนี้
Worked Example 2
เขียนทศนิยมในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปเศษสวน
1) 0.4 2) 1.5 3) 1.45
วิธีทํา
1) 0.4 = 104 ÷ 2
= 25 4 2
10 = 5
ดังนั้น 0.4 = 25 ÷ 2
46
2) 1.5 = 1 + 105 ÷ 5
= 1 + 12 5
10 =
1
2
= 1 12 ÷ 5
ดังนั้น 1.5 = 1 12
3) 1.45 = 1 + 100 45
5 ÷
= 1 + 209 45 9
100 = 20
= 1 209
÷ 5
ดังนั้น 1.45 = 1 209
Similar Questions
Practice Now Exercise 2A ขอ 3(1)-(2)
เขียนทศนิยมในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปเศษสวน
1) 0.6 2) 2.8 ฉบับ
เฉลย
0.6 = 106
............................................................................................................. 2.8 = 2 + 108
.............................................................................................................
= 35
............................................................................................................. = 2 + 45
.............................................................................................................
ดังนั้น 0.6 = 35
............................................................................................................. = 2 45
.............................................................................................................
............................................................................................................. .............................................................................................................
............................................................................................................. .............................................................................................................
3) 3.75 4) 11.403
3.75 = 3 + 100 75
............................................................................................................. 11.403 = 11 + 1,000 403
.............................................................................................................
= 3 + 34
............................................................................................................. = 11 1,000 403
.............................................................................................................
= 3 34
............................................................................................................. ดังนั้น 11.403 = 11 1,000 403
.............................................................................................................
ดังนั้น 3.75 = 3 34
............................................................................................................. .............................................................................................................
............................................................................................................. .............................................................................................................
............................................................................................................. .............................................................................................................
47
Thinking Time
นักเรียนคิดวา ทศนิยมซํา้ ทีไ่ มใชทศนิยมซํา้ ศูนย สามารถใชวธิ ใี น Worked Example 2 ในการเขียน
ทศนิยมใหอยูในรูปเศษสวนไดหรือไม อยางไร
ไมได เพราะทศนิยมซํ้าที่ไมใชทศนิยมซํ้าศูนย ไมสามารถเขียนใหอยูในรูป ab เมื่อ a เปนจํานวนเต็ม และ
...............................................................................................................................................................................................................................................................
b คือ 10n เมื่อ n เปนจํานวนเต็มบวกได
...............................................................................................................................................................................................................................................................
2) ทศนิยมซํ้าที่ไมใชทศนิยมซํ้าศูนย
Investigation
ใหนักเรียนเติมจํานวนลงในชองวางใหถูกตอง
•
1. เขียน 0.5 ใหอยูในรูปเศษสวน
•
ให N = 0.5 = 0.555... .....(1)
ฉบับ
เฉลย คูณทั้งสองขางของสมการ (1) ดวย 10
10N = 5.555... .....(2)
จากสมการ (2) และสมการ (1) จะได
10N - N = (5.555...) - (0.555...)
9N = 5
N = 9 5
แต N = 0.5, ดังนั้น 0.5 = 59 • •
• •
2. เขียน 0.12 ใหอยูในรูปเศษสวน
• •
ให N = 0.12 = 0.1212... .....(1)
คูณทั้งสองขางของสมการ (1) ดวย 100
100N = 12.1212... .....(2)
จากสมการ (2) และสมการ (1) จะได
100N - N = (12.1212...) - (0.1212...)
99 N = 12
N = 99 12
แต N = 0.12, ดังนั้น 0.12 = 12 99
• • • •
48
• •
3. เขียน 0.231 ใหอยูในรูปเศษสวน
• •
ให N = 0.231 = 0.231231... .....(1)
คูณทั้งสองขางของสมการ (1) ดวย 1,000
1,000 N = 231.231231... .....(2)
จากสมการ (2) และสมการ (1) จะได
1,000 N - N = (231.231231...) - (0.231231...)
999 N = 231
N = 231 999
แต N = 0.231, ดังนั้น 0.231 = 231 •
999
• • •
Similar Questions
Practice Now Exercise 2A ขอ 2(1)
เขียนทศนิยมในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปเศษสวน
•
1) 0.7 ฉบับ
เฉลย
N = 79
•
ให N = 0.7 = 0.777... .....(1)
..................................................................................................................................................................................................................................................
•
คูณทั้งสองขางของสมการ (1) ดวย 10 แต N = 0.7
..................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น 0.7 = 79
•
10N = 7.777... .....(2)
..................................................................................................................................................................................................................................................
จากสมการ (2) และสมการ (1) จะได
..................................................................................................................................................................................................................................................
10N - N = (7.777...) - (0.777...)
..................................................................................................................................................................................................................................................
9N = 7
..................................................................................................................................................................................................................................................
• •
2) 0.36
N = 36
••
ให N = 0.36 = 0.3636... .....(1)
..................................................................................................................................................................................................................................................
99
คูณทั้งสองขางของสมการ (1) ดวย 100 N = 114
..................................................................................................................................................................................................................................................
••
100N = 36.3636... .....(2) แต N = 0.36
..................................................................................................................................................................................................................................................
99N = 36
..................................................................................................................................................................................................................................................
49
• •
3) 0.582
N = 582
• •
ให N = 0.582 = 0.582582... .....(1) 999
..................................................................................................................................................................................................................................................
ณทั้งสองขางของสมการ (1) ดวย 1,000 N = 194
คู..................................................................................................................................................................................................................................................
333• •
1,000N = 582.582582... .....(2) แต N = 0.582
..................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น 0.582 = 194
• •
จากสมการ (2) และสมการ (1) จะได 333
..................................................................................................................................................................................................................................................
1,000N - N = (582.582582...) - (0.582582...)
..................................................................................................................................................................................................................................................
999N = 582
..................................................................................................................................................................................................................................................
Thinking Time
จากขอ 3. ใน Investigation นักเรียนมีวธิ กี ารเลือกจํานวนทีน่ าํ มาคูณทัง้ สองขางของสมการ (1)
อยางไร
วิธีการเลือกจํานวนที่นํามาคูณทั้งสองขางของสมการ (1) คือ เลือกจํานวนที่อยูในรูป 10n เมื่อ n
...............................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ เปนจํานวนเต็มบวก เมื่อมาคูณกับ N แลวลบดวย N ทําใหไดจํานวนเต็มบวก
เฉลย ...............................................................................................................................................................................................................................................................
ทศนิยมซํ้าหนึ่งตําแหนง และซํ้าตั้งแตตําแหนงที่หนึ่ง
ตัวสวนใส 9 หนึ่งตัว
ตัวเศษเทากับเลขโดด
0.12 = 12
• •
99 ที่เปนตัวซํ้า
ทศนิยมซํ้าสองตําแหนง และซํ้าตั้งแตตําแหนงที่หนึ่ง
ตัวสวนใส 9 สองตัว
0.231 = 231
•
999
•
ทศนิยมซํ้าสามตําแหนง และซํ้าตั้งแตตําแหนงที่หนึ่ง
ตัวสวนใส 9 สามตัว
สามารถสรุปไดวา
ถาเปนทศนิยมซํ้า n ตําแหนงและซํ้าตั้งแตตําแหนงที่หนึ่ง เมื่อเขียนในรูปเศษสวน
จะมีตัวสวนเทากับ 9 จํานวน n ตัว และมีตัวเศษเทากับเลขโดดที่เปนตัวซํ้า
50
Worked Example 3
เขียนทศนิยมในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปเศษสวน
• • • • • • •
1) 0.6 2) 1.72 3) 2.154 4) 5.0631
วิธีทํา
1) 0.6 = 69 •
2) 1.72 = 1 + 7299
• •
ดังนั้น 0.6 = 69 •
= 1 72
99
72
ดังนั้น 1.72 = 1 99 • •
3) 2.154 = 2 + 154
•
999
•
4) 631
5.0631 = 5 + 9,999 • •
= 2 154
999
631
= 5 9,999
ดังนั้น 2.154 = 2 154
999
• • 631
ดังนั้น 5.0631 = 5 9,999 • •
Similar Questions
Practice Now Exercise 2A ขอ 3(3)-(4), 4(1)
ฉบับ
เฉลย
เขียนทศนิยมในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปเศษสวน
• • •
1) 0.8 2) 2.46
0.8 = 89 2.46 = 2 + 46
• ••
............................................................................................................. .............................................................................................................
99
ดังนั้น 0.8 = 89 46
•
............................................................................................................. = 2 99
.............................................................................................................
ดังนั้น 2.46 = 2 46
••
............................................................................................................. .............................................................................................................
99
............................................................................................................. .............................................................................................................
............................................................................................................. .............................................................................................................
• • • •
3) 7.007 4) 12.1025
• •
7.007 = 7 + 999 7
............................................................................................................. 12.1025 = 12 + 1,025
• •
.............................................................................................................
9,999
= 7 999 7
............................................................................................................. = 12 9,999 1,025
.............................................................................................................
ดังนั้น 7.007 = 7 999
• •
7
............................................................................................................. ดังนั้น 12.1025 = 12 1,025
• •
.............................................................................................................
9,999
............................................................................................................. .............................................................................................................
............................................................................................................. .............................................................................................................
51
Class Discussion
•
ใหนักเรียนจับคูกับเพื่อน แลวชวยกันพิจารณาวา สามารถเขียน 0.37 ใหอยูในรูปเศษสวนโดย
ใชวิธีการเขียนเชนเดียวกับใน Investigation หนา 48 ไดหรือไม อยางไร
•
สามารถเขียน 0.37 ใหอยูในรูปเศษสวนเชนเดียวกับใน Investigation หนา 48 ได โดยเลือกจํานวนที่อยู
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ในรูป 10n เมื่อ n เปนจํานวนเต็มบวก มา 2 จํานวน เมื่อนําจํานวนที่เลือก 2 จํานวนนั้น มาคูณกับ 0.37
•
..............................................................................................................................................................................................................................................................
แลวทําใหผลคูณที่ไดทั้งสองลบกันไดเปนจํานวนเต็ม ดังนี้
..............................................................................................................................................................................................................................................................
•
ให N = 0.37 = 0.3777... .....(1) 100N - 10N = (37.777...) - (3.777...)
..............................................................................................................................................................................................................................................................
คูณทั้งสองขางของสมการ (1) ดวย 10 90N = 34
..............................................................................................................................................................................................................................................................
10N = 3.777... .....(2) N = 34 90
..............................................................................................................................................................................................................................................................
คูณทั้งสองขางของสมการ (1) ดวย 100 N = 17 45 •
..............................................................................................................................................................................................................................................................
100N = 37.777... .....(3) แต N = 0.37
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น 0.37 = 17
•
จากสมการ (3) และสมการ (2) จะได 45
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
เฉลย
Worked Example 4
เขียนทศนิยมในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปเศษสวน
• • • • •
1) 0.317 2) 1.545 3) 6.43807
วิธีทํา
•
1) ให N = 0.317 = 0.31777... .....(1)
คูณทั้งสองขางของสมการ (1) ดวย 100
100N = 31.777... .....(2)
คูณทั้งสองขางของสมการ (1) ดวย 1,000
1,000N = 317.777... .....(3)
จากสมการ (3) และสมการ (2) จะได
1,000N - 100N = (317.777...) - (31.777...)
PROBLEM SOLVING TIP
900N = 286
1 0 0 N• = 31.777...
N = 286900 N = 0.317
แต N = 0.317, ดังนั้น 0.317 = 286 143
900 = 450
• •
1,0 0 0 N = 317.777...
52
• •
2) ให N = 1.545 = 1.54545... .....(1)
คูณทั้งสองขางของสมการ (1) ดวย 10
10N = 15.4545... .....(2)
คูณทั้งสองขางของสมการ (1) ดวย 1,000
1,000N = 1,545.4545... .....(3)
จากสมการ (3) และสมการ (2) จะได
1,000N - 10N = (1,545.4545...) - (15.4545...)
990N = 1,530
N = 1,530
990 PROBLEM SOLVING TIP
N = 1 540
990
1 0 N = 15.4545...
• •
N = 1.545
18
N = 1 33 1,0 0 0 N = 1,545.4545...
• •
แต N = 1.545
ดังนั้น 1.545 = 1 18
• •
33 ฉบับ
เฉลย
• •
3) ให N = 6.43807 = 6.43807807... .....(1)
คูณทั้งสองขางของสมการ (1) ดวย 100
100N = 643.807807... .....(2)
คูณทั้งสองขางของสมการ (1) ดวย 100,000
100,000N = 643,807.807807... .....(3)
จากสมการ (3) และสมการ (2) จะได
100,000N - 100N = (643,807.807807...) - (643.807807...)
99,900N = 643,164
N = 643,164
99,900 PROBLEM SOLVING TIP
N = 6 43,764
99,900
1 0 0 N = 643.807807...
• •
N = 6.43807
3,647
N = 6 8,325 1 0 0,0 0 0 N = 643,807.807807...
• •
แต N = 6.43807
ดังนั้น 6.43807 = 6 3,647
• •
8,325
53
Similar Questions
Practice Now Exercise 2A ขอ 2(2)
เขียนทศนิยมในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปเศษสวน
•
1) 0.902
•
ให N = 0.902 = 0.90222... .....(1) 1,000N - 100N = (902.222...) - (90.222...)
..................................................................................................................................................................................................................................................
คู..................................................................................................................................................................................................................................................
ณทั้งสองขางของสมการ (1) ดวย 100 900N = 812
100N = 90.222... .....(2) N = 812
..................................................................................................................................................................................................................................................
900
ณทั้งสองขางของสมการ (1) ดวย 1,000 N = 203
คู..................................................................................................................................................................................................................................................
225 •
1,000N = 902.222... .....(3) แต N = 0.902
..................................................................................................................................................................................................................................................
คู..................................................................................................................................................................................................................................................
ณทั้งสองขางของสมการ (1) ดวย 10 9,990N = 56,235
10N = 56.291291... .....(2) N = 56,235
..................................................................................................................................................................................................................................................
9,990
ณทั้งสองขางของสมการ (1) ดวย 10,000 N = 5 6,285
คู..................................................................................................................................................................................................................................................
9,990
10,000N = 56,291.291291... .....(3) N = 5 419
..................................................................................................................................................................................................................................................
666 • •
จากสมการ (3) และสมการ (2) จะได แต N = 5.6291
..................................................................................................................................................................................................................................................
54
จาก Class Discussion และ Worked Example 4 พิจารณาเศษสวนทีไ่ ดจากการเขียน
ทศนิยมซํา้ ใหอยูใ นรูปเศษสวนในแตละขอ จะไดวา
0.37•
= 34 = 379 -0 3 จํานวนที่นํามาลบ คือ 3 ซึ่งเปนเลขโดดที่ไมซํ้าของ 0.37
•
90
มี 9 หนึ่งตัว เมื่อทศนิยมซํ้า มี 0 หนึ่งตัว เมื่อทศนิยมซํ้า
มีเลขโดดที่ซํ้า 1 ตัว มีเลขโดดที่ไมซํ้า 1 ตัว
0.317 = • 286 = 317 - 31 จํานวนทีน่ าํ มาลบ คือ 31 ซึง่ เปนเลขโดดทีไ่ มซาํ้ ของ 0.317
•
900 9 00
มี 9 หนึ่งตัว เมื่อทศนิยมซํ้า มี 0 สองตัว เมื่อทศนิยมซํ้า
มีเลขโดดที่ซํ้า 1 ตัว มีเลขโดดที่ไมซํ้า 2 ตัว
Worked Example 5
เขียนทศนิยมในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปเศษสวน
• • • • • •
1) 0.53 2) 1.739 3) 3.0014 4) 16.17614
วิธีทํา
1) 0.53 = 5390- 5
•
= 48 90
= 158
ดังนั้น 0.53 = 158
•
55
2) 1.739 = 1,739900- 173 •
หรือ 1.739 = •
1 + 0.739 •
= 1,566
900 = 1 + 739900- 73
= 1 37
50 = 1 + 666
900
37
ดังนั้น 1.739 = 1 50 •
= 37
1 50
ดังนั้น 1.739 = 1 37
50
•
= 29,714
9,900 = 3 + 14 -0
9,900
7
= 3 4,950 14
= 3 + 9,900
7
ดังนั้น 3.0014 = 3 4,950 • • 7
= 3 4,950
7
ดังนั้น 3.0014 = 3 4,950 • •
ฉบับ
เฉลย 1,615,997
= 99,900 = 16 + 17,614 - 17
99,900
= 16 17,597
99,900 = 16 + 17,597
99,900
ดังนั้น 16.17614 = 16 17,597
99,900
• • 17,597
= 16 99,900
ดังนั้น 16.17614 = 16 17,597
99,900
• •
Similar Questions
Practice Now Exercise 2A ขอ 3(5)-(6),
เขียนทศนิยมในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปเศษสวน 4(2), 5, 6
• • •
1) 0.01 2) 2.6051
0.01 = 190- 0
• • • • •
............................................................................................................. 2.6051 = 2 + 0.6051
.............................................................................................................
= 901
............................................................................................................. = 2 + 6,051 -6
.............................................................................................................
9,990
ดังนั้น 0.01 = 901 = 2 + 6,045
•
............................................................................................................. .............................................................................................................
9,990
............................................................................................................. = 2 666 403
.............................................................................................................
Exercise 2A
Basic Level
1. เขียนเศษสวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปทศนิยม
1) 178 2) 15
22
2.125 0.68181...
8 17.000
……………………………………………………………………………….. 22 15.0000
……………………………………………………………………………….. ฉบับ
เฉลย
16
……………………………………………………………………………….. 13 2
………………………………………………………………………………..
10
……………………………………………………………………………….. 1 80
………………………………………………………………………………..
8
……………………………………………………………………………….. 1 76
………………………………………………………………………………..
20
……………………………………………………………………………….. 40
………………………………………………………………………………..
16
……………………………………………………………………………….. 22
………………………………………………………………………………..
40
……………………………………………………………………………….. 180
………………………………………………………………………………..
40
……………………………………………………………………………….. 176
………………………………………………………………………………..
0
……………………………………………………………………………….. 40
………………………………………………………………………………..
ดังนั้น 178 = 2.125
……………………………………………………………………………….. 22
………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………….. 18
………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………….. ดังนั้น 15
22 = 0.68181...
………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
57
2. เขียนทศนิยมในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปเศษสวน
• •
1) 3.92
••
ให N = 3.92 = 3.9292... .....(1)
..................................................................................................................................................................................................................................................
คูณทั้งสองขางของสมการ (1) ดวย 100
..................................................................................................................................................................................................................................................
100N = 392.9292... .....(2)
..................................................................................................................................................................................................................................................
จากสมการ (2) และสมการ (1) จะได
..................................................................................................................................................................................................................................................
100N - N = (392.9292...) - (3.9292...)
..................................................................................................................................................................................................................................................
99N = 389
..................................................................................................................................................................................................................................................
N = 389 99
..................................................................................................................................................................................................................................................
N = 3 92 99
..................................................................................................................................................................................................................................................
••
แต N = 3.92
..................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น 3.92 = 3 92
••
99
..................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ ..................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย
..................................................................................................................................................................................................................................................
• •
2) 7.3615
• •
ให N = 7.3615 = 7.3615615... .....(1)
..................................................................................................................................................................................................................................................
คู..................................................................................................................................................................................................................................................
ณทั้งสองขางของสมการ (1) ดวย 10
10N = 73.615615... .....(2)
..................................................................................................................................................................................................................................................
คู..................................................................................................................................................................................................................................................
ณทั้งสองขางของสมการ (1) ดวย 10,000
10,000N = 73,615.615615... .....(3)
..................................................................................................................................................................................................................................................
จากสมการ (3) และสมการ (2) จะได
..................................................................................................................................................................................................................................................
10,000N - 10N = (73,615.615615...) - (73.615615...)
..................................................................................................................................................................................................................................................
9,990N = 73,542
..................................................................................................................................................................................................................................................
N = 73,542 9,990
..................................................................................................................................................................................................................................................
N = 7 3,612 9,990 = 7 1,665 602
..................................................................................................................................................................................................................................................
• •
แต N = 7.3615
..................................................................................................................................................................................................................................................
• •
602
ดั..................................................................................................................................................................................................................................................
งนั้น 7.3615 = 7 1,665
58
3. เขียนทศนิยมในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปเศษสวน
1) 1.5 2) -3.23
1.5 = 1 + 105
………………………………………………………………………………..
23 )
-3.23 = -(3 + 100
………………………………………………………………………………..
= 1 + 12
………………………………………………………………………………..
23
= -3 100
………………………………………………………………………………..
= 1 12
………………………………………………………………………………..
23
ดังนั้น -3.23 = -3 100
………………………………………………………………………………..
ดังนั้น 1.5 = 1 12
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
• • •
3) 2.3 4) -6.463
• • • • • •
2.3 = 2 + 0.3
……………………………………………………………………………….. -6.463 = -(6 + 0.463)
………………………………………………………………………………..
= 2 + 39
……………………………………………………………………………….. = -(6 + 463
999)
………………………………………………………………………………..
= 2 + 13
……………………………………………………………………………….. = -6 463
………………………………………………………………………………..
999
= 2 13
………………………………………………………………………………..
• •
463
ดังนั้น -6.463 = -6 999
………………………………………………………………………………..
ดังนั้น 2.3 = 2 13
•
……………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………….. ฉบับ
เฉลย
• • • •
5) 18.1025 6) 25.64317
•• •• • • • •
18.1025 = 18 + 0.1025
……………………………………………………………………………….. 25.64317 = 25 + 0.64317
………………………………………………………………………………..
= 18 + (1,025 - 10
9,900 )
……………………………………………………………………………….. = 25 + (64,317 -6
99,990 )
………………………………………………………………………………..
= 18 + 1,015
9,900
……………………………………………………………………………….. = 25 + 64,311
99,990
………………………………………………………………………………..
203
= 18 1,980
………………………………………………………………………………..
21,437
= 25 33,330
………………………………………………………………………………..
••
203
ดังนั้น 18.1025 = 18 1,980 ดังนั้น 25.64317 = 25 21,437
• •
……………………………………………………………………………….. 33,330
………………………………………………………………………………..
Intermediate Level
4. เขียนเศษสวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปทศนิยม
1) 359 2) 346
990
35 = 3 8 346 = 349 - 3
9 9•
……………………………………………………………………………….. 990 990
………………………………………………………………………………..
••
= 3.8
……………………………………………………………………………….. = 0.349
………………………………………………………………………………..
ดังนั้น 359 = 3.8 ดังนั้น 346
• ••
……………………………………………………………………………….. 990 = 0.349
………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
59
Advanced Level
5. หาผลลัพธของ 483
990 + 1.756
• •
•• ••
เนื่องจาก 1.756 = 1 + 0.756
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
= 1 + (756 -7
990 )
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
= 1 + 749
990
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
จะได 990 + 1.756 = 990 + (1 + 749
483 483
••
990 )
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
= 1 + ( 483990
+ 749 )
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
= 1 + 1,232
990
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
56
= 1 + 45
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
= 1 + 1 11
45
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
11
= 2 45
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ดังนั้น 483 11
••
990 + 1.756 = 2 45
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ฉบับ
เฉลย …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
• • •
6. หาผลลัพธของ 55.49 - 2.312
• •
เนื่องจาก 5.49 = 5 + 0.49
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
= 5 + (4990- 4)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
= 5 + 45
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
90 • •
••
และ 2.312 = 2 + 0.312
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
= 2 + ( 312
990 )
-3
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
= 2 + 309
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
990
5.49 - 2.312 = (5 + 45 309
• ••
จะได 90 ) - (2 + 990 )
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
= 3 + ( 45 309
90 - 990 )
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
= 3 + ( 495990- 309 )
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
= 3 + 186
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
990
31
= 3 165
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
• ••
31
ดังนั้น 5.49 - 2.312 = 3 165
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
60
2.2 รากที่สองและรากที่สามของ
จํานวนตรรกยะ
1. รากที่สองของจํานวนตรรกยะ
พิจารณาตารางการคูณตอไปนี้
× 1 2 3 4 5 × -1 -2 -3 -4 -5
1 1 2 3 4 5 -1 1 2 3 4 5
2 2 4 6 8 10 -2 2 4 6 8 10
3 3 6 9 12 15 -3 3 6 9 12 15
4 4 8 12 16 20 -4 4 8 12 16 20
5 5 10 15 20 25 -5 5 10 15 20 25
61
จากตัวอยางขางตน สรุปเปนบทนิยามไดวา
บทนิยาม ให a แทนจํานวนตรรกยะหรือศูนย รากที่สองของ a คือ จํานวนที่ยกกําลังสอง
แลวเทากับ a
จากบทนิยาม จะไดวา
ยกกําลังสอง ATTENTION
เปนเครื่องหมายแสดงคารากหรือ
a, - a a กรณฑ เชน 4 อานวา รากที่สองของ
4 หรือกรณฑที่สองของ 4
รากที่สอง
1. ใชสัญลักษณ a แทนรากที่สองที่เปนบวกของ a
ใชสัญลักษณ - a แทนรากที่สองที่เปนลบของ a
จากบทนิยามที่วารากที่สองของ a คือ จํานวนที่ยกกําลังสองแลวเทากับ a
ทําใหสรุปไดวา ( a)2 = a และ (- a)2 = a
ฉบับ
เฉลย 2. ถา a = 0 รากที่สองของ a เทากับ 0 เพราะ 02 = 0
3. ถา a เปนจํานวนลบใด ๆ จะหารากที่สองของ a ไมได เพราะไมมีจํานวนตรรกยะใด ๆ
ที่ยกกําลังสองแลวจะไดจํานวนลบ
Thinking Time
1. นักเรียนสามารถเขียน 14 กับ 0.04 ใหอยูในรูปจํานวนที่เทากันสองจํานวนคูณกันไดหรือไม
อยางไร
สามารถเขียนไดโดย 14 = 12 12 = (- 12 ) (- 12 ) และ 0.04 = 0.2 0.2 = (-0.2) (-0.2)
× × × ×
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
62
Worked Example 6
หารากที่สองของจํานวนในแตละขอตอไปนี้
1) 36 2) 19 3) 0.25
4) 3 5) 15 6) 0.4
วิธีทํา
1) รากที่สองของ 36 คือ จํานวนที่ยกกําลังสองแลวเทากับ 36
จะได รากที่สองที่เปนบวกของ 36 คือ 36
และ รากที่สองที่เปนลบของ 36 คือ - 36
เนื่องจาก 62 = 36
นั่นคือ 36 = 62 = 6
และ - 36 = - 62 = -6
ดังนั้น รากที่สองของ 36 คือ 6 และ -6
2) รากที่สองของ 19 คือ จํานวนที่ยกกําลังสองแลวเทากับ 19 ฉบับ
จะได รากที่สองที่เปนบวกของ 19 คือ 19 เฉลย
และ รากที่สองที่เปนลบของ 19 คือ - 19
เนื่องจาก (13)2 = 19
นั่นคือ 1 = (1)2 = 1
9 3 3
และ - 19 = - (13)2 = - 13
ดังนั้น รากที่สองของ 19 คือ 13 และ - 13
3) รากที่สองของ 0.25 คือ จํานวนที่ยกกําลังสองแลวเทากับ 0.25
จะได รากที่สองที่เปนบวกของ 0.25 คือ 0.25
และ รากที่สองที่เปนลบของ 0.25 คือ - 0.25
เนื่องจาก 0.52 = 0.25
นั่นคือ 0.25 = (0.5)2 = 0.5
และ - 0.25 = - (0.5)2 = -0.5
ดังนั้น รากที่สองของ 0.25 คือ 0.5 และ -0.5
63
4) รากที่สองของ 3 คือ จํานวนที่ยกกําลังสองแลวเทากับ 3
จะได รากที่สองที่เปนบวกของ 3 คือ 3
และ รากที่สองที่เปนลบของ 3 คือ - 3
เนื่องจาก ไมมีจํานวนตรรกยะใดที่ยกกําลังสองแลวเทากับ 3
ดังนั้น รากที่สองของ 3 คือ 3 และ - 3
5) รากที่สองของ 15 คือ จํานวนที่ยกกําลังสองแลวเทากับ 15
จะได รากที่สองที่เปนบวกของ 15 คือ 15
และ รากที่สองที่เปนลบของ 15 คือ - 15
เนื่องจาก ไมมีจํานวนตรรกยะใดที่ยกกําลังสองแลวเทากับ 15
ดังนั้น รากที่สองของ 15 คือ 15 และ - 15
6) รากที่สองของ 0.4 คือ จํานวนที่ยกกําลังสองแลวเทากับ 0.4
จะได รากที่สองที่เปนบวกของ 0.4 คือ 0.4 ATTENTION
ฉบับ และ รากที่สองที่เปนลบของ 0.4 คือ - 0.4
เฉลย เรียนคิดวา 3, 15 และ 0.4 เปน
เนื่องจาก ไมมีจํานวนตรรกยะใดที่ยกกําลังสองแลวเทากับ 0.4 นัจํากนวนตรรกยะหรื อจํานวนอตรรกยะ
ดังนั้น รากที่สองของ 0.4 คือ 0.4 และ - 0.4
Similar Questions
Practice Now Exercise 2B ขอ 1
หารากที่สองของจํานวนในแตละขอตอไปนี้
1) 49 2) 254
รากที่สองที่เปนบวกของ 49 คือ 49
............................................................................................................. รากที่สองที่เปนบวกของ 254 คือ 254
.............................................................................................................
รากที่สองที่เปนลบของ 49 คือ - 49
............................................................................................................. รากที่สองที่เปนลบของ 254 คือ - 254
.............................................................................................................
2
เนื่องจาก 72 = 49
............................................................................................................. เนื่องจาก (25) = 254
.............................................................................................................
และ - 49 = - 72 = -7
............................................................................................................. และ - 25 = - (25) = - 25
4
.............................................................................................................
............................................................................................................. .............................................................................................................
64
3) 1.21 4) 7
รากที ่สองที่เปนบวกของ 1.21 คือ 1.21
............................................................................................................. รากที ่สองที่เปนบวกของ 7 คือ 7
.............................................................................................................
............................................................................................................. .............................................................................................................
5) 79 6) 3.8
รากที ่สองที่เปนบวกของ 79 คือ 79
............................................................................................................. รากที ่สองที่เปนบวกของ 3.8 คือ 3.8
.............................................................................................................
แล วเทากับ 79
............................................................................................................. แล วเทากับ 3.8
.............................................................................................................
ฉบับ
งนั้น รากที่สองของ 79 คือ 79 และ - 79
ดั............................................................................................................. ดั.............................................................................................................
งนั้น รากที่สองของ 3.8 คือ 3.8 และ - 3.8 เฉลย
............................................................................................................. .............................................................................................................
............................................................................................................. .............................................................................................................
Thinking Time
จาก Worked Example 6 และ Practice Now ใหนกั เรียนสังเกตจํานวนทีก่ าํ หนดใหกบั รากทีส่ อง
ของจํานวนนั้น แลวเติมตารางตอไปนี้ใหสมบูรณ
ชนิดของจํานวนที่กําหนดให สามารถหาจํ านวนตรรกยะที่ยกกําลังสอง ชนิดของจํานวนที่เปนรากที่สอง
แลวเทากับจํานวนที่กําหนดใหไดหรือไม ของจํานวนที่กําหนดให
จํานวนเต็ม ได จํานวนเต็ม
จํานวนเต็ม ไมได จํานวนอตรรกยะ
จํานวนตรรกยะ ได จํานวนตรรกยะ
จํานวนตรรกยะ ไมได จํานวนอตรรกยะ
65
2. รากที่สามของจํานวนตรรกยะ
ในทํานองเดียวกันกับรากที่สองของจํานวนตรรกยะ รากที่สามของจํานวนตรรกยะใด ๆ คือ
จํานวนตรรกยะที่ยกกําลังสามแลวไดจํานวนนั้น เชน
1 × 1 × 1 = 13 = 1 เรียก 1 วาเปนรากที่สามของ 1
2×2×2=2 =8 3 เรียก 2 วาเปนรากที่สามของ 8
3
3 × 3 × 3 = 3 = 27 เรียก 3 วาเปนรากที่สามของ 27
4 × 4 × 4 = 43 = 64 เรียก 4 วาเปนรากที่สามของ 64
5 × 5 × 5 = 53 = 125 เรียก 5 วาเปนรากที่สามของ 125
1, 8, 27, 64 และ 125 เปนจํานวนทีไ่ ดมาจากการยกกําลังสามของจํานวนเต็ม เราเรียกจํานวน
เหลานี้วา จํานวนที่เปนกําลังสามสมบูรณ (perfect cubes) โดยรากที่สามของจํานวนตรรกยะ
มีบทนิยาม ดังนี้
บทนิยาม ให a แทนจํานวนตรรกยะหรือศูนย รากที่สามของ a คือ จํานวนที่ยกกําลังสาม
แลวเทากับ a
ฉบับ
เฉลย
รากที่สามของ a เขียนแทนดวยสัญลักษณ 3 a อานวา รากที่สามของ a หรือกรณฑที่สาม
ของ a
จากบทนิยาม จะได (3 a)3 = a
ยกกําลังสาม INFORMATION
3a a 0 เปนจํานวนทีเ่ ปนกําลังสามสมบูรณ
หรือไม
รากที่สาม
Thinking Time
นักเรียนคิดวา ความสัมพันธระหวางความยาวดานแตละดานกับปริมาตรของลูกบาศก สามารถ
อธิบายไดโดยใชความสัมพันธระหวางรากทีส่ ามกับการยกกําลังสามของจํานวนตรรกยะไดอยางไร
ปริมาตรของลูกบาศก = ความยาวดาน ความยาวดาน ความยาวดาน × ×
............................................................................................................................................................................................
= ความยาวดาน3
............................................................................................................................................................................................
หรือ 3 ปริมาตรของลูกบาศก = ความยาวดาน
............................................................................................................................................................................................
66
3. การหารากที่สองและรากที่สามของจํานวนตรรกยะ
1) การหารากที่สองและรากที่สามโดยการแยกตัวประกอบ
สําหรับการหารากที่สองและรากที่สามของจํานวนที่เปนกําลังสองสมบูรณ สามารถใช
การแยกตัวประกอบของจํานวนนับใหอยูในรูปของการคูณกันของจํานวนเฉพาะ ชวยในการหา
รากที่สองและรากที่สามได โดยนักเรียนสามารถทบทวนเกี่ยวกับวิธีการแยกตัวประกอบไดจาก
กิจกรรมตอไปนี้
Class Discussion
ใหนักเรียนจับคูกับเพื่อน แลวเติมจํานวนลงในชองวางใหถูกตอง
แยกตัวประกอบของ 196
67
Worked Example 7
หารากที่สองของ 324 โดยใชวิธีแยกตัวประกอบ
วิธีทํา
2 324 แยกตัวประกอบของ 324
2 162 จะไดวา 324 = 2 × 2 × 3 × 3 × 3 × 3
3 81 = (2 × 3 × 3) × (2 × 3 × 3)
3 27 = (2 × 3 × 3)2
3 9 = 182
3 3 หรือ 324 = 2 × 2 × 3 × 3 × 3 × 3
1 = 22 × 34
จะได รากที่สองที่เปนบวกของ 324 คือ 182 = 18 ATTENTION
หรือ 22 × 34 = 2 × 32 = 18 เพราะเหตุใด เลขชีก้ าํ ลังของตัวประกอบ
และ รากที่สองที่เปนลบของ 324 คือ - 182 = -18 เฉพาะแต ละตัวของจํานวนที่เปนกําลัง
สองสมบูรณ จึงตองเปนจํานวนคู
ฉบับ 2 × 34 = -(2 × 32) = -18
เฉลย หรื อ - 2
ดังนั้น รากที่สองของ 324 คือ 18 และ -18
Similar Questions
Practice Now Exercise 2B ขอ 2
หารากที่สองของ 784 โดยใชวิธีแยกตัวประกอบ
2 784 แยกตัวประกอบของ 784
............................................................................................................................................................................................................................................................
2 392 จะไดวา 784 = 2 × 2 × 2 × 2 × 7 × 7
............................................................................................................................................................................................................................................................
2 196 = (2 × 2 × 7) × (2 × 2 × 7)
............................................................................................................................................................................................................................................................
2 98 = (2 × 2 × 7)2 = 282
............................................................................................................................................................................................................................................................
7 49 หรือ 784 = 2 × 2 × 2 × 2 × 7 × 7 = 24 × 72
............................................................................................................................................................................................................................................................
7 7 จะได รากที่สองที่เปนบวกของ 784 คือ 282 = 28
............................................................................................................................................................................................................................................................
1 หรือ 24 × 72 = 22 × 7 = 28
............................................................................................................................................................................................................................................................
และ รากที่สองที่เปนลบของ 784 คือ - 282 = -28
............................................................................................................................................................................................................................................................
หรือ - 24 × 72 = -(22 × 7) = -28
............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น รากที่สองของ 784 คือ 28 และ -28
............................................................................................................................................................................................................................................................
68
Worked Example 8
หารากที่สองของ 48 โดยใชวิธีแยกตัวประกอบ
วิธีทํา
2 48 แยกตัวประกอบของ 48
2 24 จะไดวา 48 = 2 × 2 × 2 × 2 × 3
2 12 = (2 × 2) × (2 × 2) × 3
2 6 = (2 × 2)2 × ( 3)2
3 3 = (4 3)2
1 หรือ 48 = 2 × 2 × 2 × 2 × 3
= 24 × ( 3)2
จะได รากที่สองที่เปนบวกของ 48 คือ (4 3)2 = 4 3
หรือ 24 × ( 3)2 = (22) 3 = 4 3
และ รากที่สองที่เปนลบของ 48 คือ - (4 3)2 = -4 3
หรือ - 24 × ( 3)2 = -[(22) 3] = -4 3 ฉบับ
เฉลย
ดังนั้น รากที่สองของ 48 คือ 4 3 และ -4 3
Similar Questions
Practice Now Exercise 2B ขอ 3
หารากที่สองของ 275 โดยใชวิธีแยกตัวประกอบ
5 275 แยกตัวประกอบของ 275
...............................................................................................................................................................................................................................................................
5 55 จะไดวา 275 = 5 × 5 × 11
...............................................................................................................................................................................................................................................................
11 11 = 52 × ( 11)2
...............................................................................................................................................................................................................................................................
1 = (5 11)2
...............................................................................................................................................................................................................................................................
จะได รากที่สองที่เปนบวกของ 275 คือ (5 11)2 = 5 11
...............................................................................................................................................................................................................................................................
และ รากที่สองที่เปนลบของ 275 คือ - (5 11)2 = -5 11
...............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น รากที่สองของ 275 คือ 5 11 และ -5 11
...............................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
69
Worked Example 9
หารากที่สามของ 216 โดยใชวิธีแยกตัวประกอบ
วิธีทํา
2 216 แยกตัวประกอบของ 216
2 108 จะไดวา 216 = 2 × 2 × 2 × 3 × 3 × 3
2 54 = (2 × 3) × (2 × 3) × (2 × 3)
3 27 = (2 × 3)3
3 9 = 63
3 3 หรือ 216 = 2 × 2 × 2 × 3 × 3 × 3
1 = 23 × 33
จะได รากที่สามของ 216 คือ 3 63 = 6
หรือ 3 23 × 33 = 2 × 3 = 6
ดังนั้น รากที่สามของ 216 คือ 6
ฉบับ
เฉลย
Similar Questions
Practice Now Exercise 2B ขอ 4
หารากที่สามของ 729 โดยใชวิธีแยกตัวประกอบ
3 729 แยกตัวประกอบของ 729
...............................................................................................................................................................................................................................................................
3 243 จะไดวา 729 = 3 × 3 × 3 × 3 × 3 × 3
...............................................................................................................................................................................................................................................................
3 81 = (3 × 3) × (3 × 3) × (3 × 3)
...............................................................................................................................................................................................................................................................
3 27 = (3 × 3)3
...............................................................................................................................................................................................................................................................
3 9 = 93
...............................................................................................................................................................................................................................................................
3 3 หรือ 729 = 3 × 3 × 3 × 3 × 3 × 3
...............................................................................................................................................................................................................................................................
1 = 32 × 32 × 32
...............................................................................................................................................................................................................................................................
หรือ 3 32 × 32 × 32 = 32 = 9
...............................................................................................................................................................................................................................................................
70
Worked Example 10
หารากที่สามของ 320 โดยใชวิธีแยกตัวประกอบ
วิธีทํา
2 320 แยกตัวประกอบของ 320
2 160 จะไดวา 320 = 2 × 2 × 2 × 2 × 2 × 2 × 5
2 80 = (2 × 2) × (2 × 2) × (2 × 2) × 5
2 40 = (2 × 2)3 × (3 5)3
2 20 = 43 × (3 5)3
2 10 = (4 3 5)3
5 5 จะได รากที่สามของ 320 คือ 3 (4 3 5)3 = 4 3 5
1
ดังนั้น รากที่สามของ 320 คือ 4 3 5
Similar Questions
Practice Now Exercise 2B ขอ 5
ฉบับ
เฉลย
หารากที่สามของ 875 โดยใชวิธีแยกตัวประกอบ
5 875 แยกตัวประกอบของ 875
...............................................................................................................................................................................................................................................................
5 175 จะไดวา 875 = 5 × 5 × 5 × 7
...............................................................................................................................................................................................................................................................
5 35 = 53 × (3 7)3
...............................................................................................................................................................................................................................................................
7 7 = (5 3 7)3
...............................................................................................................................................................................................................................................................
1 จะได รากที่สามของ 875 คือ 3 (5 3 7)3 = 5 3 7
...............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น รากที่สามของ 875 คือ 5 3 7
...............................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
71
2) การหารากที่สองและรากที่สามโดยการประมาณคา
นักเรียนคิดวา 10 และ 3 63 มีคาเทาใด
เนื่องจาก 10 = 2 × 5 จะเห็นไดวา เลขชี้กําลังของ 2 และ 5 ไมเปนจํานวนคู ดังนั้น 10
ไมเปนจํานวนที่เปนกําลังสองสมบูรณ ทําให 10 ไมเปนจํานวนเต็ม จึงไมสามารถใชวิธีการแยก
ตัวประกอบในการหาคา 10 ได
ในทํานองเดียวกัน เนื่องจาก 63 = 32 × 7 จะเห็นไดวา เลขชี้กําลังของ 3 และ 7
ไมเปนพหุคณู ของ 3 ดังนัน้ 63 ไมเปนจํานวนทีเ่ ปนกําลังสามสมบูรณ ทําให 3 63 ไมเปนจํานวนเต็ม
จึงไมสามารถใชวิธีการแยกตัวประกอบในการหาคา 3 63 ได ซึ่งนักเรียนสามารถประมาณคา
ของ 10 และ 3 63 ไดดังตัวอยางตอไปนี้
Worked Example 11
ใหประมาณคาของ 10 และ 3 63
วิธีทํา
ฉบับ 1. เนื่องจาก 10 มีคาใกลเคียงกับ 9 ซึ่ง 9 = 3 × 3 เปนจํานวนที่เปนกําลังสองสมบูรณ
เฉลย
ดังนั้น 10 ≈ 9 = 32 = 3
2. เนื่องจาก 63 มีคาใกลเคียงกับ 64 ซึ่ง 64 = 4 × 4 × 4 เปนจํานวนที่เปนกําลังสามสมบูรณ
ดังนั้น 3 63 ≈ 3 64 = 3 43 = 4
Similar Questions
Practice Now Exercise 2B ขอ 6
ใหประมาณคาของ 123 และ 3 123
1. 123
เนื่องจาก 123 มีคาใกลเคียงกับ 121 ซึ่ง 121 = 11 11 เปนจํานวนที่เปนกําลังสองสมบูรณ ×
..................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น 123 ≈ 121 = 112 = 11
..................................................................................................................................................................................................................................................
2. 3 123
เนื่องจาก 123 มีคาใกลเคียงกับ 125 ซึ่ง 125 = 5 5 5 เปนจํานวนที่เปนกําลังสามสมบูรณ × ×
..................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น 3 123 ≈ 3 125 = 3 53 = 5
..................................................................................................................................................................................................................................................
72
จาก Worked Example 11 จะเห็นวา คาประมาณทีไ่ ดจะเปนจํานวนเต็ม มีความใกลเคียง
คาจริงประมาณหนึ่งเทานั้น ตัวอยางตอไปนี้จะเปนการประมาณคารากที่สองและรากที่สาม
เพื่อใหใกลเคียงคาจริงมากยิ่งขึ้น
Worked Example 12
ใหประมาณคาของ 21 (ตอบในรูปทศนิยม 4 ตําแหนง)
วิธีทํา
ขั้นที่ 1 เนื่องจาก 21 เปนจํานวนที่อยูระหวาง 16 กับ 25
ซึ่ง 16 และ 25 เปนจํานวนที่เปนกําลังสองสมบูรณ จะไดวา
16 < 21 < 25
16 < 21 < 25 4 5
4 < 21 < 5 21 อยูระหวางจํานวน
ดังนั้น 21 มีคาอยูระหวาง 4 กับ 5 สองจํานวนนี้
เทคนิคการหารากที่สอง
โดยการประมาณคา 74
Similar Questions
Practice Now Exercise 2B ขอ 8
ใหประมาณคาของ 31 (ตอบในรูปทศนิยม 4 ตําแหนง)
ขั้นที่ 1 เนื่องจาก 31 เปนจํานวนที่อยูระหวาง ขั้นที่ 2 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 1
..............................................................................................................................................................................................................................................................
25 กับ 36 ซึ่งเปนจํานวนที่เปนกําลังสองสมบูรณ คาเฉลี่ยของ 5 กับ 6 เทากับ 5 +2 6 = 5.5
..............................................................................................................................................................................................................................................................
จะไดวา 25 < 31 < 36 เนื่องจาก 5.52 = 30.25 ซึ่งนอยกวา 31
..............................................................................................................................................................................................................................................................
25 < 31 < 36 จะได 30.25 < 31 < 36
..............................................................................................................................................................................................................................................................
5 < 31 < 6 ดังนั้น 5.5 < 31 < 6
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น 31 มีคาอยูระหวาง 5 กับ 6
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ขั้นที่ 3 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 2 ขั้นที่ 4 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 3
..............................................................................................................................................................................................................................................................
คาเฉลี่ยของ 5.5 กับ 6 เทากับ 5.52+ 6 = 5.75 คาเฉลี่ยของ 5.5 กับ 5.75 เทากับ
..............................................................................................................................................................................................................................................................
เนื่องจาก 5.752 ≈ 33.06 ซึ่งมากกวา 31 5.5 + 5.75 = 5.625
..............................................................................................................................................................................................................................................................
2
จะได 30.25 < 31 < 33.06 เนื อ
่ งจาก 5.6252 ≈ 31.64 ซึ่งมากกวา 31
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น 5.5 < 31 < 5.75 จะได 30.25 < 31 < 31.64
.............................................................................................................................................................................................................................................................. ฉบับ
ดังนั้น 5.5 < 31 < 5.625
..............................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย
ขั้นที่ 5 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 4 ขั้นที่ 6 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 5
..............................................................................................................................................................................................................................................................
คาเฉลี่ยของ 5.5 กับ 5.625 เทากับ คาเฉลี่ยของ 5.5625 กับ 5.625 เทากับ
..............................................................................................................................................................................................................................................................
5.5 + 5.625 = 5.5625 5.5625 + 5.625 = 5.59375
2
..............................................................................................................................................................................................................................................................
2
เนื อ
่ งจาก 5.5625 2 ≈ 30.94 ซึ่งนอยกวา 31 เนื อ
่ งจาก 5.593752 ≈ 31.29 ซึ่งมากกวา 31
..............................................................................................................................................................................................................................................................
จะได 30.94 < 31 < 31.64 จะได 30.94 < 31 < 31.29
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น 5.5625 < 31 < 5.625 ดังนั้น 5.5625 < 31 < 5.59375
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ขั้นที่ 7 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 6 ขั้นที่ 8 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 7
..............................................................................................................................................................................................................................................................
คาเฉลี่ยของ 5.5625 กับ 5.59375 เทากับ คาเฉลี่ยของ 5.5625 กับ 5.578125 เทากับ
..............................................................................................................................................................................................................................................................
5.5625 + 5.59375 = 5.578125 5.5625 + 5.578125 = 5.5703125
..............................................................................................................................................................................................................................................................
2 2
เนื อ
่ งจาก 5.578125 2 ≈ 31.12 ซึ่งมากกวา 31 เนื อ
่ งจาก 5.57031252 ≈ 31.03 ≈ 31
..............................................................................................................................................................................................................................................................
จะได 30.94 < 31 < 31.12 ดังนั้น 31 มีคาประมาณ 5.5703
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น 5.5625 < 31 < 5.578125
..............................................................................................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................................................................................
75
Similar Questions
Thinking Time Exercise 2B ขอ 9
76
3) การหารากที่สองและรากที่สามโดยการใชเครื่องคิดเลข
ในปจจุบัน การหารากที่สองและรากที่สามสามารถใชเครื่องคิดเลขชวยในการคํานวณ
ไดโดยงาย ซึ่งเครื่องคิดเลขจะมีปุมคําสั่งที่ใชในการหารากที่สองและรากที่สาม ดังนี้
SHIFT +
ปุมคําสั่งหารากที่สาม
ปุมคําสั่งหารากที่สอง ATTENTION
ATTENTION
ปุมกดบนเครื่องคิดเลขแตละรุนอาจมี
ความแตกตางกัน ใหอางอิงวิธีใชงาน
ตามเครื่องคิดเลขรุนนั้น ฉบับ
เฉลย
Worked Example 13
หาผลลัพธของ 3 50 โดยใชเครื่องคิดเลข (ตอบในรูปทศนิยม 4 ตําแหนง)
63
วิธีทํา
สามารถหาผลลัพธของ 3 50 ไดโดยการกดปุมบนเครื่องคิดเลขตามลําดับ ดังนี้
63
( 5 0 ) ÷ ( SHIFT 6 3 ) =
ดังนั้น 3 50 ≈ 1.7771
63
Similar Questions
Practice Now Exercise 2B ขอ 7, 10, 11
หาผลลัพธของ 3 47 × 219 โดยใชเครือ่ งคิดเลข (ตอบในรูปทศนิยม 4 ตําแหนง)
สามารถหาผลลัพธของ 3 47 219 ไดโดยการกดปุมบนเครื่องคิดเลขตามลําดับ ดังนี้
×
..............................................................................................................................................................................................................................................................
( SHIFT 4 7 ) × ( 2 1 9 ) =
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น 3 47 × 219 53.4057 ≈
..............................................................................................................................................................................................................................................................
77
Exercise 2B
Basic Level
1. หารากที่สองของจํานวนในแตละขอตอไปนี้
1) 441
รากที่สองของ 441 คือ จํานวนตรรกยะ เนื่องจาก 212 = 441
..................................................................................................................................................................................................................................................
ที่ยกกําลังสองแลวเทากับ 441 นั่นคือ 441 = 212 = 21
..................................................................................................................................................................................................................................................
จะได รากที่สองที่เปนบวกของ 441 คือ 441 และ - 441 = - 212 = -21
..................................................................................................................................................................................................................................................
และ รากที่สองที่เปนลบของ 441 คือ - 441 ดังนั้น รากที่สองของ 441 คือ 21 และ -21
..................................................................................................................................................................................................................................................
2) 289
676
รากที่สองของ 289 คื อ จํ า นวนตรรกยะที ่ เนื อ
่ งจาก ( 17)2 = 289
676 26 676 2
..................................................................................................................................................................................................................................................
289 289 17 17
ยกกําลังสองแลวเทากับ 676 นั่นคือ 676 = (26) 2 = 26
..................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
จะได รากที่สองที่เปนบวกของ 289 676 คือ 676 และ
289 - 289676 = - (26) = - 26
17 17
..................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย และ รากที่สองที่เปนลบของ 289 289
676 คือ - 676 ดังนั้น รากที่สองของ 676 คือ 26 และ - 26
289 17 17
..................................................................................................................................................................................................................................................
3) 9.75
รากที่สองของ 9.75 คือ จํานวนตรรกยะ เนื่องจาก ไมมีจํานวนตรรกยะใดที่ยกกําลังสอง
..................................................................................................................................................................................................................................................
จะได รากที่สองที่เปนบวกของ 9.75 คือ 9.75 ดังนั้น รากที่สองของ 9.75 คือ 9.75 และ - 9.75
..................................................................................................................................................................................................................................................
78
3. หารากที่สองของ 578 โดยใชวิธีแยกตัวประกอบ
แยกตัวประกอบของ 578
...................................................................................................................................................................................................................................................
2 578 จะไดวา 578 = 2 × 17 × 17
...................................................................................................................................................................................................................................................
17 289 = 172 × ( 2)2
...................................................................................................................................................................................................................................................
17 17 = (17 2)2
...................................................................................................................................................................................................................................................
1 จะได รากที่สองที่เปนบวกของ 578 คือ (17 2)2 = 17 2
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
2) 3 220
เนื่องจาก 220 มีคาใกลเคียงกับ 216 ซึ่ง 216 = 6 6 6 เปนจํานวนที่เปนกําลังสามสมบูรณ × ×
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น 3 220 ≈ 3 216 = 3 63 = 6
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
3 256
ดังนั้น (2 + 149) × ≈ 90.2060
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
2) 312 × 3 87 ÷ 645
สามารถหาคําตอบของ 312 ×
3 87 ÷ 645 ไดโดยการกดปุมบนเครื่องคิดเลขตามลําดับ ดังนี้
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
3 1 2 × SHIFT 8 7 ÷ 6 4 5 =
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น 312 ×
3 87 ÷ 645 3.0818 ≈
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
80
Intermediate Level
8. ใหประมาณคาของ 59 (ตอบในรูปทศนิยม 4 ตําแหนง)
ขั้นที่ 1 เนื่องจาก 59 เปนจํานวนที่อยูระหวาง ขั้นที่ 2 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 1
..............................................................................................................................................................................................................................................................
คาเฉลี่ยของ 7.5 กับ 8 เทากับ 7.52+ 8 = 7.75 คาเฉลี่ยของ 7.5 กับ 7.75 เทากับ
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น 7.5 < 59 < 7.75 จะได 58.14 < 59 < 60.06
.............................................................................................................................................................................................................................................................. ฉบับ
ดังนั้น 7.625 < 59 < 7.75 เฉลย
..............................................................................................................................................................................................................................................................
คาเฉลี่ยของ 7.625 กับ 7.75 เทากับ คาเฉลี่ยของ 7.625 กับ 7.6875 เทากับ
..............................................................................................................................................................................................................................................................
7.625 + 7.75 = 7.6875 7.625 + 7.6875 = 7.65625
..............................................................................................................................................................................................................................................................
2 2
เนื่องจาก 7.6875 ≈ 59.1 ซึ่งมากกวา 59 2 เนื่องจาก 7.656252 ≈ 58.62 ซึ่งนอยกวา 59
..............................................................................................................................................................................................................................................................
จะได 58.14 < 59 < 59.1 จะได 58.62 < 59 < 59.1
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น 7.625 < 59 < 7.6875 ดังนั้น 7.65625 < 59 < 7.6875
..............................................................................................................................................................................................................................................................
คาเฉลี่ยของ 7.65625 กับ 7.6875 เทากับ คาเฉลี่ยของ 7.671875 กับ 7.6875 เทากับ
..............................................................................................................................................................................................................................................................
7.65625 + 7.6875 = 7.671875 7.671875 + 7.6875 = 7.6796875
..............................................................................................................................................................................................................................................................
2 2
เนื่องจาก 7.671875 ≈ 58.86 ซึ่งนอยกวา 59 2 เนื่องจาก 7.67968752 ≈ 58.98 ≈ 59
..............................................................................................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................................................................................
81
9. ใหประมาณคาของ 3 516 (ตอบในรูปทศนิยม 4 ตําแหนง)
ขั้นที่ 1 เนื่องจาก 516 เปนจํานวนที่อยูระหวาง ขั้นที่ 2 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 1
..............................................................................................................................................................................................................................................................
512 กับ 729 ซึ่งเปนจํานวนที่เปนกําลังสามสมบูรณ คาเฉลี่ยของ 8 กับ 9 เทากับ 8 +2 9 = 8.5
..............................................................................................................................................................................................................................................................
จะไดวา 512 < 516 < 729 เนื่องจาก 8.53 ≈ 614.13 ซึ่งมากกวา 516
..............................................................................................................................................................................................................................................................
3
512 < 3 516 < 3 729 ดังนั้น 8 < 3 516 < 8.5
..............................................................................................................................................................................................................................................................
8 < 3 516 < 9
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น 3 516 มีคาอยูระหวาง 8 กับ 9
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ขั้นที่ 3 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 2 ขั้นที่ 4 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 3
..............................................................................................................................................................................................................................................................
คาเฉลี่ยของ 8 กับ 8.5 เทากับ 8 +28.5 = 8.25 คาเฉลี่ยของ 8 กับ 8.25 เทากับ 8 + 28.25 = 8.125
..............................................................................................................................................................................................................................................................
เนื่องจาก 8.253 ≈ 561.52 ซึ่งมากกวา 516 เนื่องจาก 8.1253 ≈ 536.38 ซึ่งมากกวา 516
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น 8 < 3 516 < 8.25 ดังนั้น 8 < 3 516 < 8.125
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ขั้นที่ 5 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 4 ขั้นที่ 6 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 5
..............................................................................................................................................................................................................................................................
คาเฉลี่ยของ 8 กับ 8.125 เทากับ คาเฉลี่ยของ 8 กับ 8.0625 เทากับ
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
เฉลย 8 + 8.125 = 8.0625 8 + 8.0625 = 8.03125
..............................................................................................................................................................................................................................................................
2 2
เนื่องจาก 8.0625 ≈ 524.09 ซึ่งมากกวา 516 3 เนื่องจาก 8.031253 ≈ 518.02 ซึ่งมากกวา 516
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น 8 < 3 516 < 8.0625 ดังนั้น 8 < 3 516 < 8.03125
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ขั้นที่ 7 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 6 ขั้นที่ 8 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 7
..............................................................................................................................................................................................................................................................
คาเฉลี่ยของ 8 กับ 8.03125 เทากับ คาเฉลี่ยของ 8.015625 กับ 8.03125 เทากับ
..............................................................................................................................................................................................................................................................
8 + 8.03125 = 8.015625 8.015625 + 8.03125 = 8.0234375
..............................................................................................................................................................................................................................................................
2 2
เนื่องจาก 8.015625 ≈ 515.01 ซึ่งนอยกวา 516 เนื่องจาก 8.02343753 ≈ 516.51 ซึ่งมากกวา 516
3
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น 8.015625 < 3 516 < 8.03125 ดังนั้น 8.015625 < 3 516 < 8.0234375
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ขั้นที่ 9 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 8 ขั้นที่ 10 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 9
..............................................................................................................................................................................................................................................................
คาเฉลี่ยของ 8.015625 กับ 8.0234375 เทากับ คาเฉลี่ยของ 8.01953125 กับ 8.0234375 เทากับ
..............................................................................................................................................................................................................................................................
8.015625 + 8.0234375 = 8.01953125 8.01953125 + 8.0234375 = 8.021484375
..............................................................................................................................................................................................................................................................
2 2
เนื่องจาก 8.01953125 ≈ 515.76 ซึ่งนอยกวา 516 เนื่องจาก 8.0214843753 ≈ 516.14 ≈ 516
3
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น 8.01953125 < 3 516 < 8.0234375 ดังนั้น 3 516 มีคาประมาณ 8.0215
..............................................................................................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................................................................................
82
10. หาผลลัพธของจํานวนในแตละขอตอไปนีโ้ ดยใชเครือ่ งคิดเลข (ตอบในรูปทศนิยม 4 ตําแหนง)
2
1) 3555 3+ 5
2 × 222
2
สามารถหาคําตอบของ 555 + 5 ไดโดยการกดปุมบนเครื่องคิดเลขตามลําดับ ดังนี้
...................................................................................................................................................................................................................................................
3 3
2 × 222
...................................................................................................................................................................................................................................................
( 5 5 5 + 5 x2 ÷ ) ( 2 SHIFT x3 × SHIFT 2 2 2 ) =
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
2
ดังนั้น 555 + 5 ≈ 1.0024
...................................................................................................................................................................................................................................................
3 3
2 × 222
...................................................................................................................................................................................................................................................
2) (3 200)2 - 3 300
100
สามารถหาคําตอบของ (3 200)2 - 300 ไดโดยการกดปุมบนเครื่องคิดเลขตามลําดับ ดังนี้
...................................................................................................................................................................................................................................................
3
100
...................................................................................................................................................................................................................................................
( SHIFT 2 0 0 ) x2 - ( 3 0 0 ÷ SHIFT 1 0 0 ) = ฉบับ
................................................................................................................................................................................................................................................... เฉลย
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น (3 200)2 - 300 ≈ 30.4679
...................................................................................................................................................................................................................................................
3
100
...................................................................................................................................................................................................................................................
Advanced Level
3 3
11. หาผลลัพธของ 12 × 272
3 3 3
43 + 3 4,913
3 × 272 3 3
12
เนื่องจาก 3 3 = 312 3× 27 = 3(12 3× 3) = 3 363
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
4 + 4,913 4 + 4,913 4 + 4,913 4 + 4,913
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
สามารถหาผลลัพธของ 36
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………ไดโดยการกดปุมบนเครื่องคิดเลขตามลําดับ ดังนี้
3 3 4 + 4,913
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3 6÷ SHIFT x3 SHIFT ( 4 =
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
+ 4 9 1 3 )
ดังนั้น 36 =4
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3 3 4 + 4,913
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
83
2.3 จํานวนจริง
นักเรียนไดศึกษาเกี่ยวกับจํานวนตรรกยะและจํานวนอตรรกยะมาแลววา
จํานวนตรรกยะ คือ จํานวนที่สามารถเขียนใหอยูในรูป ab เมื่อ a และ b
เปนจํานวนเต็ม โดยที่ b 0
ซึ่งจํานวนจริง เปนจํานวนที่ประกอบดวยจํานวนตรรกยะและจํานวนอตรรกยะ
Investigation
ฉบับ
เฉลย
ใหนักเรียนหาผลลัพธของจํานวนในตารางตอไปนี้โดยใชเครื่องคิดเลข แลวเติมตารางใหสมบูรณ
ประเภทของจํานวน ผลลัพธที่ไดจากการเครื่องคิดเลข
จํานวน
ตรรกยะ อตรรกยะ ทศนิยมรูจบ ทศนิยมซํ้า ทศนิยมไมรูจบ
9 = 2.25 ✓ ✓
4
-3 18 = …………………………………….
-3.125 ✓ ✓
63 = …………………………………….
0.984375 ✓ ✓
64
1 = …………………………………….
0.333... ✓ ✓
3
- 123 -1.242424...
99 = ……………………………………. ✓ ✓
22 = …………………………………….
3.142857142857... ✓ ✓
7
1 = …………………………………….
0.707106... ✓ ✓
2
3 1.709975...
5 = ……………………………………. ✓ ✓
3.141592...
π = ……………………………………. ✓ ✓
84
1. ทศนิยมรูจบเปนจํานวนตรรกยะหรือจํานวนอตรรกยะ RECALL
ทศนิยมรูจบเปนจํานวนตรรกยะ
........................................................................................................................................... ทศนิยมรูจบ คือ ทศนิยมที่มีเลขโดด
2. ทศนิยมซํ้าเปนจํานวนตรรกยะหรือจํานวนอตรรกยะ หลังจุดทศนิยมมีคาสิ้นสุด
ทศนิยมซํ้าเปนจํานวนตรรกยะ
........................................................................................................................................... ทศนิยมไมรจู บ คือ ทศนิยมทีม่ เี ลขโดด
หลังจุดทศนิยมไมซํ้ากัน และตอเนื่อง
3. ทศนิยมไมรูจบเปนจํานวนตรรกยะหรือจํานวนอตรรกยะ ไปไมรูจบ
ทศนิยมไมรูจบเปนจํานวนอตรรกยะ
...........................................................................................................................................
จํานวนจริง
สมบัติของจํานวนจริง
สมบัติของจํานวนจริงจะเปนไปตามสมบัติของจํานวนตรรกยะและจํานวนอตรรกยะ ดังนี้
1. สมบัติของหนึ่ง
สมบัติ กําหนดให a แทนจํานวนจริงใด ๆ
สมบัติการคูณดวยหนึ่ง : a × 1 = 1 × a = a
สมบัติการหารดวยหนึ่ง : a ÷ 1 = a
85
2. สมบัติของศูนย
สมบัติ กําหนดให a แทนจํานวนจริงใด ๆ
สมบัติการบวกดวยศูนย : a + 0 = 0 + a = a
สมบัติการคูณดวยศูนย : a × 0 = 0 × a = 0
สมบัติการหารศูนยดวยจํานวนจริงใด ๆ : 0 ÷ a = 0 เมื่อ a 0
3. สมบัติการสลับที่
สมบัติ กําหนดให a และ b แทนจํานวนจริงใด ๆ
สมบัติการสลับที่สําหรับการบวก : a + b = b + a
สมบัติการสลับที่สําหรับการคูณ : a × b = b × a
ฉบับ 4. สมบัติการเปลี่ยนหมู
เฉลย
สมบัติ กําหนดให a, b และ c แทนจํานวนจริงใด ๆ
สมบัติการเปลี่ยนหมูสําหรับการบวก : (a + b) + c = a + (b + c)
สมบัติการเปลี่ยนหมูสําหรับการคูณ : (a × b) × c = a × (b × c)
5. สมบัติการแจกแจง
สมบัติ กําหนดให a, b และ c แทนจํานวนจริงใด ๆ
a × (b + c) = (a × b) + (a × c)
และ (b + c) × a = (b × a) + (c × a)
86
Worked Example 14
หาผลลัพธของจํานวนในแตละขอตอไปนี้
1) (- 112 - 1.9) + 24
11 2) 3 × (2 3 + 1 )
3
วิธีทํา
1) (- 112 - 1.9) + 24 2 24
11 = (- 11 + 11) - 1.9 (สมบัติการเปลี่ยนหมูสําหรับการบวก)
= 22
11 - 1.9
= 2 - 1.9
= 0.1
2) 3 × (2 3 + 1 ) = ( 3 × 2 3) + ( 3 × 1) (สมบัติการแจกแจง)
3 3
= 2( 3)2 + 1
= (2 × 3) + 1
= 6+1
= 7 ฉบับ
เฉลย
Similar Questions
Practice Now Exercise 2C ขอ 1
หาผลลัพธของจํานวนในแตละขอตอไปนี้
1. (103 - 56 ) + 7.7
= 103 + 7.7 - 56
( )
..................................................................................................................................................................................................................................................
= (0.3 + 7.7) - 56
..................................................................................................................................................................................................................................................
= 8 - 56
..................................................................................................................................................................................................................................................
= 7 16
..................................................................................................................................................................................................................................................
2. ( 2 - 2 2) × 1
3 2
= ( 2 1 ) - (2 2 1 )× ×
..................................................................................................................................................................................................................................................
3 2 2
= 1 - 2
..................................................................................................................................................................................................................................................
3
= 1 -2 3
..................................................................................................................................................................................................................................................
3
..................................................................................................................................................................................................................................................
87
2.4 การนําความรูเกี่ยวกับจํานวนจริง
ไปใชในชีวิตจริง
นักเรียนสามารถนําความรูเกี่ยวกับจํานวนจริงมาใชในการแกปญหาในชีวิตจริงได ดังตัวอยาง
ตอไปนี้
Worked Example 15
วงกลมวงหนึ่งมีพื้นที่ประมาณ 3,850 ตารางเซนติเมตร วงกลมวงนี้มีรัศมียาวกี่เซนติเมตร
(กําหนด π ≈ 227 )
วิธีทํา
ใหวงกลมมีรัศมียาว a เซนติเมตร
เนื่องจากวงกลมมีพื้นที่ประมาณ 3,850 ตารางเซนติเมตร
จากสูตร พื้นที่วงกลม เทากับ π × (ความยาวรัศมี)2
3,850 ≈ π × a × a a2 ≈ 352
× a ≈ 3,850
2 2
ฉบับ
เฉลย
a π a ≈ (35) , - (35)
a2 ≈ 3,850 × 227 a ≈ 35, -35
แตเนื่องจาก a เปนความยาวของรัศมีของวงกลม จึงใชเฉพาะจํานวนบวก
ดังนั้น วงกลมวงนี้มีรัศมียาวประมาณ 35 เซนติเมตร
Similar Questions
Practice Now Exercise 2C ขอ 5
วงกลมวงหนึ่งมีพื้นที่ประมาณ 13.86 ตารางเซนติเมตร วงกลมวงนี้มีรัศมียาวกี่เซนติเมตร
(กําหนด π ≈ 227 )
ใหวงกลมมีรัศมียาว a เซนติเมตร เนื่องจากวงกลมมีพื้นที่ประมาณ 13.86 ตารางเซนติเมตร
..............................................................................................................................................................................................................................................................
จากสูตร พื้นที่วงกลม เทากับ π × (ความยาวรัศมี)2
..............................................................................................................................................................................................................................................................
13.86 ≈ π × a × a a2 ≈ 2.12
..............................................................................................................................................................................................................................................................
a × a ≈ 13.86 a ≈ (2.1)2 , - (2.1)2
..............................................................................................................................................................................................................................................................
π
a2 ≈ 13.86 × 227 a ≈ 2.1, -2.1
..............................................................................................................................................................................................................................................................
แตเนื่องจาก a เปนความยาวของรัศมีของวงกลม จึงใชเฉพาะจํานวนบวก
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น วงกลมวงนี้มีรัศมียาวประมาณ 2.1 เซนติเมตร
..............................................................................................................................................................................................................................................................
88
Worked Example 16
แจกันทรงกระบอกใบหนึ่งมีความจุประมาณ 1,108.8 ลูกบาศกเซนติเมตร แจกันใบนี้มีความสูง
20 เซนติเมตร และสูตรการหาปริมาตรของทรงกระบอกเทากับ πr2h เมื่อ r แทนความยาว
ของรัศมี และ h แทนความสูง ใหหาวาแจกันใบนี้มีรัศมียาวกี่เซนติเมตร (กําหนด π ≈ 227 )
วิธีทํา
จากสูตร ปริมาตรของทรงกระบอก เทากับ πr2h
แจกันทรงกระบอกใบหนึ่งมีความจุประมาณ 1,108.8 ลูกบาศกเซนติเมตร
จะได 1,108.8 ≈ π × r2 × 20 r2 ≈ 17.64 = (4.2)2
r2 ≈ 1,108.8
20π r ≈ (4.2)2 , - (4.2)2
r2 ≈ 1,108.8 7
20 × 22 r ≈ 4.2, -4.2
แตเนื่องจาก r เปนความยาวของรัศมีของวงกลม จึงใชเฉพาะจํานวนบวก
ดังนั้น แจกันใบนี้มีรัศมียาวประมาณ 4.2 เซนติเมตร
Similar Questions ฉบับ
Practice Now Exercise 2C ขอ 3, 6
เฉลย
..............................................................................................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................................................................................
89
Worked Example 17
กลองกระดาษทรงลูกบาศกใบหนึ่งมีความจุประมาณ 21,952 ลูกบาศกเซนติเมตร ใหหาวา
กลองกระดาษใบนี้มีดานแตละดานยาวกี่เซนติเมตร
วิธีทํา
ใหดานแตละดานของกลองกระดาษยาว a เซนติเมตร
เนื่องจากกลองกระดาษมีความจุประมาณ 21,952 ลูกบาศกเซนติเมตร
จากสูตร ปริมาตรของลูกบาศก เทากับ (ความยาวดาน)3
21,952 ≈ a3
a3 ≈ 283
a ≈ 3 283
a ≈ 28
ดังนั้น กลองกระดาษใบนี้มีดานแตละดานยาวประมาณ 28 เซนติเมตร
Similar Questions
ฉบับ
เฉลย Practice Now Exercise 2C ขอ 4, 7, 8
แท็งกนํ้าทรงลูกบาศกแท็งกหนึ่งมีความจุประมาณ 15.625 ลูกบาศกเมตร ใหหาวาดานในของ
แท็งกนํ้านี้มีดานแตละดานยาวกี่เมตร
ใหดานแตละดานของดานในของแท็งกนํ้ายาว a เมตร
..............................................................................................................................................................................................................................................................
15.625 ≈ a3
..............................................................................................................................................................................................................................................................
a3 ≈ 2.53
..............................................................................................................................................................................................................................................................
a ≈ 3 2.53
..............................................................................................................................................................................................................................................................
a ≈ 2.5
..............................................................................................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................................................................................
90
Exercise 2C
Basic Level
1. หาผลลัพธของจํานวนแตละขอตอไปนี้
1) ( 32 × 1.5) × 29 = ( 32 × 29) × 1.5 = 13 × 1.5 = 0.5
..............................................................................................................................................................................
3 3 3
=(2 35 × 36 ) + ( 2 35 × 93 3 ) = 45 + 323 = 8 +1015 3
2) 235 × ( 63 + 933 ) ..............................................................................................................................................................................
5 5 4 5 5 5 4 5
2. ถังสีทรงกระบอกใบหนึ่งมีความจุประมาณ 6,600 ลูกบาศกเซนติเมตร ถังสีใบนี้มีความสูง
21 เซนติเมตร ใหหาวาถังสีใบนี้มีรัศมียาวกี่เซนติเมตร (กําหนด π ≈ 227 )
จากสูตรปริมาตรของทรงกระบอก เทากับ r2h π
...................................................................................................................................................................................................................................................
ถังสีทรงกระบอกใบหนึ่งมีความจุประมาณ 6,600 ลูกบาศกเซนติเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
จะได 6,600 ≈ π × r2 × 21 r2 ≈ 100 = (10)2
...................................................................................................................................................................................................................................................
r2 ≈ 6,600 21π r ≈ (10)2 , - (10)2
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
r2 ≈ 6,600 21 × 22
7 r ≈ 10, -10
................................................................................................................................................................................................................................................... เฉลย
แตเนื่องจาก r เปนความยาวของรัศมีของวงกลม จึงใชเฉพาะจํานวนบวก
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ถังสีใบนี้มีรัศมียาวประมาณ 10 เซนติเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
91
Intermediate Level
4. นาฬกาติดผนังรูปวงกลมมีพื้นที่หนาปด 616 ตารางเซนติเมตร เข็มยาวของนาฬกาเรือนนี้
ควรยาวไมเกินเทาใด
ใหนาฬกามีรัศมียาว a เซนติเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
616 = π × a × a a2 ≈ 142
...................................................................................................................................................................................................................................................
เนื่องจาก เข็มยาวของนาฬกาจะยาวไมเกินรัศมีของนาฬกา
...................................................................................................................................................................................................................................................
ทอนเหล็กทรงกระบอกมีความยาวเปน 2a เซนติเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
17,248 ≈ π × a × a × 2a a3 ≈ 2,744
...................................................................................................................................................................................................................................................
a3 ≈ 17,248 a ≈ 3 143
...................................................................................................................................................................................................................................................
2π
a3 ≈ 8,624 a ≈ 14
...................................................................................................................................................................................................................................................
π
a3 ≈ 8,624 × 227
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
92
6. กลองทรงลูกบาศกมีความจุ 4,096 ลูกบาศกเซนติเมตร นํากลองใบนี้ใสในกลองอีกใบหนึ่ง
ซึ่งกวาง 14 เซนติเมตร ยาว 16 เซนติเมตร จะใสไดหรือไม เพราะเหตุใด
กลองทรงลูกบาศกมีความจุ 4,096 ลูกบาศกเซนติเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
จะไดวา กลองใบนี้มีความยาวดานละ
...................................................................................................................................................................................................................................................
3 4,096 = 16 เซนติเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
เพราะกลองใบนี้มีความกวางมากกวากลองที่จะนําไปใส
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
Advanced Level
7. ลูกฟุตบอลลูกหนึ่ง ใสลงกลองกระดาษทรงลูกบาศกที่มีความจุ 10,648 ลูกบาศกเซนติเมตร
ไดพอดี (ผิวลูกฟุตบอลสัมผัสดานในของกลองพอดีทกุ ดาน) ใหหาวาลูกฟุตบอลลูกนีม้ ปี ริมาตร
เทาใด ฉบับ
ใหดานแตละดานของกลองกระดาษยาว a เซนติเมตร เฉลย
...................................................................................................................................................................................................................................................
เนื่องจากกลองกระดาษมีปริมาตร 10,648 ลูกบาศกเซนติเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
จากสูตร ปริมาตรของลูกบาศก เทากับ (ความยาวดาน)3
...................................................................................................................................................................................................................................................
10,648 = a3
...................................................................................................................................................................................................................................................
a3 = 223
...................................................................................................................................................................................................................................................
a = 3 223
...................................................................................................................................................................................................................................................
a = 22
...................................................................................................................................................................................................................................................
จะไดวา กลองกระดาษมีดานแตละดานยาว 22 เซนติเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
เนื่องจากลูกฟุตบอลสามารถใสลงในกลองกระดาษไดพอดี
...................................................................................................................................................................................................................................................
จะไดวา ลูกฟุตบอลมีรัศมียาวเทากับครึ่งหนึ่งของความยาวดานของกลองกระดาษ
...................................................................................................................................................................................................................................................
นั่นคือ ลูกฟุตบอลมีรัศมียาวเทากับ 222 = 11 เซนติเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
จากสูตร ปริมาตรของทรงกลม เทากับ 43 × π × (ความยาวรัศมี)3
...................................................................................................................................................................................................................................................
จะได ปริมาตรของลูกฟุตบอล เทากับ 43 × π × (11)3
...................................................................................................................................................................................................................................................
≈ 5,577.52 ลูกบาศกเซนติเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ลูกฟุตบอลลูกนี้มีปริมาตรประมาณ 5,577.52 ลูกบาศกเซนติเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
93
Summary
1. การเขียนเศษสวนในรูปทศนิยมซํ้า และการเขียนทศนิยมซํ้าในรูปเศษสวน
1) การเขียนเศษสวนใหอยูในรูปทศนิยม ทําไดโดยนําตัวสวนไปหารตัวเศษ เชน
เขียน 34 ใหอยูในรูปทศนิยมไดโดยนํา 4 ไปหาร 3 จะได 0.75
• หากทศนิยมทีไ่ ดจากการหารเปนทศนิยมซํา้ โดยซํา้ หนึง่ ตําแหนงใหเขียน ไวเหนือ •
•
เลขโดดทีซ่ าํ้ นัน้ เชน 2.333... เขียนแทนดวยสัญลักษณ 2.3 อานวา สองจุดสาม สามซํา้
• หากเปนทศนิยมซํา้ ตัง้ แตสองตําแหนงขึน ้ ไปใหเขียน ไวเหนือเลขโดดทีซ่ าํ้ ตัวแรกและ
•
• •
ตัวสุดทาย เชน 8.070707... เขียนแทนดวยสัญลักษณ 8.07 อานวา แปดจุดศูนยเจ็ด
ศูนยเจ็ดซํ้า
2) การเขียนทศนิยมซํ้าใหอยูในรูปเศษสวน
(1) ทศนิยมซํ้าศูนย
การเขียนทศนิยมซํา้ ศูนยใหอยูใ นรูปเศษสวน สามารถใชความสัมพันธระหวางเศษสวน
และทศนิยมได ดังนี้
ฉบับ เขียน 0.4 ใหอยูในรูปเศษสวน
เฉลย
0.4 = 104 ÷ 2
= 25 4 2
10 = 5
ดังนั้น 0.4 = 25 ÷ 2
(2) ทศนิยมซํ้าที่ไมใชทศนิยมซํ้าศูนย
ทศนิยมซํ้าตั้งแตตําแหนงที่หนึ่งใหพิจารณา ดังนี้
0.5 = 59
•
ทศนิยมซํ้าหนึ่งตําแหนง และซํ้าตั้งแตตําแหนงที่หนึ่ง
ตัวสวนใส 9 หนึ่งตัว ตัวเศษเทากับ
0.12 = 12
• •
99 เลขโดดที่เปนตัวซํ้า
ทศนิยมซํ้าสองตําแหนง และซํ้าตั้งแตตําแหนงที่หนึ่ง
ตัวสวนใส 9 สองตัว
0.231 = 231
• •
999
ทศนิยมซํ้าสามตําแหนง และซํ้าตั้งแตตําแหนงที่หนึ่ง
ตัวสวนใส 9 สามตัว
94
ทศนิยมซํา้ ตัง้ แตตาํ แหนงทีส่ องเปนตนไป ใหแยกพิจารณาตัวเศษกับตัวสวนของเศษสวน ดังนี้
0.37•
= 34 = 379 -0 3 จํานวนที่นํามาลบ คือ 3 ซึ่งเปนเลขโดดที่ไมซํ้าของ 0.37
•
90
มี 9 หนึ่งตัว เมื่อทศนิยมซํ้า มี 0 หนึ่งตัว เมื่อทศนิยมซํ้า
มีเลขโดดที่ซํ้า 1 ตัว มีเลขโดดที่ไมซํ้า 1 ตัว
0.317 = • 286 = 317 - 31 จํานวนทีน่ าํ มาลบ คือ 31 ซึง่ เปนเลขโดดทีไ่ มซาํ้ ของ 0.317
•
900 9 00
มี 9 หนึ่งตัว เมื่อทศนิยมซํ้า มี 0 สองตัว เมื่อทศนิยมซํ้า
มีเลขโดดที่ซํ้า 1 ตัว มีเลขโดดที่ไมซํ้า 2 ตัว
1 540 545 - 5 • •
• •
1.545 = จํานวนที่นํามาลบ คือ 5 ซึ่งเปนเลขโดดที่ไมซํ้าของ 1.545
990 = 1 99 0
มี 9 สองตัว เมื่อทศนิยมซํ้า มี 0 หนึ่งตัว เมื่อทศนิยมซํ้า
มีเลขโดดที่ซํ้า 2 ตัว มีเลขโดดที่ไมซํ้า 1 ตัว
6.43807 = 6 43,764
• • 43,807 - 43
99,900 = 6 99,9 00
•
จํานวนทีน่ าํ มาลบ คือ 43 ซึง่ เปนเลขโดดทีไ่ มซาํ้ ของ 6.43807
•
ฉบับ
เฉลย
มี 9 สามตัว เมื่อทศนิยมซํ้า มี 0 สองตัว เมื่อทศนิยมซํ้า
มีเลขโดดที่ซํ้า 3 ตัว มีเลขโดดที่ไมซํ้า 2 ตัว
2. รากที่สองและรากที่สามของจํานวนตรรกยะ
รากที่สอง รากที่สาม
ความสัมพันธระหวาง ยกกําลังสอง ยกกําลังสาม
เลขยกกําลัง 2, -2 4 2 8
กับรากที่สองหรือ
รากที่สาม รากที่สอง รากที่สาม
บทนิยาม ให a แทนจํานวนตรรกยะหรือศูนย ให a แทนจํานวนตรรกยะหรือศูนย
รากทีส่ องของ a คือ จํานวนทีย่ กกําลังสอง รากทีส่ ามของ a คือ จํานวนทีย่ กกําลังสาม
แลวเทากับ a แลวเทากับ a
สัญลักษณ a แทนรากที่สองที่เปนบวกของ a 3a
- a แทนรากที่สองที่เปนลบของ a
การหาคารากโดยการ แยกตัวประกอบของจํานวนนั้น แลวจัด แยกตัวประกอบของจํานวนนั้น แลวจัด
แยกตัวประกอบ ใหอยูในรูปผลคูณของจํานวนที่เทากัน ใหอยูในรูปผลคูณของจํานวนที่เทากัน
สองจํานวน สามจํานวน
95
รากที่สอง รากที่สาม
การหาคารากโดยการ ขั้นที่ 1 หาจํานวนเต็มบวกสองจํานวน ขั้นที่ 1 หาจํานวนเต็มบวกสองจํานวน
ประมาณคา ที่เรียงกัน ซึ่งกําลังสองของจํานวนทั้ง ที่เรียงกัน ซึ่งกําลังสามของจํานวนทั้ง
สองตองมีจํานวนที่นอยกวากับจํานวน สองตองมีจํานวนที่นอยกวากับจํานวน
ที่มากกวาจํานวนที่ตองการหาคาราก ที่มากกวาจํานวนที่ตองการหาคารากที่
ทีส่ องและมีคา ใกลเคียงจํานวนทีต่ อ งการ สามและมีคาใกลเคียงจํานวนที่ตองการ
หาคารากที่สองมากที่สุด หาคารากที่สามมากที่สุด
ขั้นที่ 2 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจาก ขั้นที่ 2 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจาก
ขั้นที่ 1 แลวนําคาเฉลี่ยที่ไดมายกกําลัง ขั้นที่ 1 แลวนําคาเฉลี่ยที่ไดมายกกําลัง
สอง พิจารณาวามากกวาหรือนอยกวา สาม พิจารณาวามากกวาหรือนอยกวา
จํานวนที่ตองการหารากที่สอง จํานวนที่ตองการหารากที่สาม
ถามากกวา ใหนําจํานวนที่นอยกวา ถามากกวา ใหนําจํานวนที่นอยกวา
กับจํานวนทีเ่ ปนคาเฉลีย่ มาหาคาเฉลีย่ กับจํานวนทีเ่ ปนคาเฉลีย่ มาหาคาเฉลีย่
แลวนําไปยกกําลังสอง แลวนําไปยกกําลังสาม
ถานอยกวา ใหนําจํานวนที่เปนคา ถานอยกวา ใหนําจํานวนที่เปนคา
เฉลี่ยกับจํานวนที่มากกวามาหาคา เฉลี่ยกับจํานวนที่มากกวามาหาคา
เฉลี่ย แลวนําไปยกกําลังสอง เฉลี่ย แลวนําไปยกกําลังสาม
ขั้นที่ 3 ทําขั้นที่ 2 ซํ้าอีกจนไดจํานวน ขั้นที่ 3 ทําขั้นที่ 2 ซํ้าอีกจนไดจํานวน
ฉบับ ที่ มี ค า ใกล เ คี ย งกั บ จํ า นวนที่ นํ า มาหา ที่ มี ค า ใกล เ คี ย งกั บ จํ า นวนที่ นํ า มาหา
เฉลย รากที่สอง รากที่สาม
การหาคารากโดยใช กดปุม ตามดวยจํานวนที่ตองการ กดปุม SHIFT ตามดวยจํานวนที่
เครื่องคิดเลข หารากที่สอง จากนั้นกด = ตองการหารากที่สาม จากนั้นกด =
3. จํานวนจริง
จํานวนตรรกยะ หมายถึง จํานวนที่สามารถเขียนในรูปทศนิยมซํ้าหรือเศษสวน a เมื่อ
b
a และ b เปนจํานวนเต็ม โดยที่ b 0
จํานวนอตรรกยะ หมายถึง จํานวนที่ไมสามารถเขียนในรูปทศนิยมซํ้าหรือเศษสวน a เมื่อ
b
a และ b เปนจํานวนเต็ม โดยที่ b 0
แผนภาพแสดงความสัมพันธ
จํานวนจริง
จํานวนตรรกยะ จํานวนอตรรกยะ
96
4. สมบัติของจํานวนจริง
1) สมบัติของหนึ่งและศูนย
กําหนดให a และ b แทนจํานวนจริงใด ๆ
(1) สมบัติของศูนย (2) สมบัติของหนึ่ง
a+0=0+a=a a×1=1×a=a
a×0=0×a=0 a÷1=a
0 ÷ a = 0 เมื่อ a 0
2) สมบัติเกี่ยวกับการบวกและการคูณจํานวนจริง
กําหนดให a และ b แทนจํานวนจริงใด ๆ
(1) สมบัติการสลับที่ (2) สมบัติการเปลี่ยนหมู
a+b=b+a (a + b) + c = a + (b + c)
a×b=b×a (a × b) × c = a × (b × c)
(3) สมบัติการแจกแจง
a × (b + c) = (a × b) + (a × c)
(b + c) × a = (b × a) + (c × a) ฉบับ
เฉลย
97
Review Exercise 2
1. เขียนเศษสวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปทศนิยม
1) 137
20 6.85 2) 11
60 0.1833...
20 137.00
……………………………………………………………………………….. 60 11.0000
………………………………………………………………………………..
120
……………………………………………………………………………….. 60
………………………………………………………………………………..
17 0
……………………………………………………………………………….. 5 00
………………………………………………………………………………..
16 0
……………………………………………………………………………….. 4 80
………………………………………………………………………………..
1 00
……………………………………………………………………………….. 200
………………………………………………………………………………..
1 00
……………………………………………………………………………….. 180
………………………………………………………………………………..
0
……………………………………………………………………………….. 200
………………………………………………………………………………..
ดังนั้น 137
20 = 6.85
……………………………………………………………………………….. 180
………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………….. 20
………………………………………………………………………………..
ฉบับ ……………………………………………………………………………….. ดังนั้น 11
60 = 1.1833...
………………………………………………………………………………..
เฉลย
2. เขียนทศนิยมในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปเศษสวน
• •
1) 3.69 2) 8.705
69 8.705 = 8 + 705
• •
3.69 = 3 + 100
……………………………………………………………………………….. 999
………………………………………………………………………………..
69
= 3 100
……………………………………………………………………………….. = 8 + 235
333
………………………………………………………………………………..
69
ดังนั้น 3.69 = 3 100
………………………………………………………………………………..
235
= 8 333
………………………………………………………………………………..
ดังนั้น 8.705 = 8 235
• •
……………………………………………………………………………….. 333
………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
• • •
3) -19.83 4) 37.9011
• • • • • •
-19.83 = -(19 + 0.83)
……………………………………………………………………………….. 37.9011 = 37 + 0.9011
………………………………………………………………………………..
= -(19 + 8390- 8 )
……………………………………………………………………………….. = 37 + 9,011 -9
9,990
………………………………………………………………………………..
= -(19 + 75
90 )
……………………………………………………………………………….. = 37 + 9,002
9,990
………………………………………………………………………………..
= -19 56
………………………………………………………………………………..
4,501
= 37 4,995
………………………………………………………………………………..
ดังนั้น -19.83 = -19 56 ดังนั้น 37.9011 = 37 4,501
• • •
……………………………………………………………………………….. 4,995
………………………………………………………………………………..
98
3. หา 3 2.16 × 108 โดยใชวิธีแยกตัวประกอบ
2 216 เนื่องจาก 3 2.16 108 = 3 216 106
× ×
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
2 108 แยกตัวประกอบของ 216
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
2 54 จะไดวา 216 = 2 × 2 × 2 × 3 × 3 × 3
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
3 27 = (2 × 3) × (2 × 3) × (2 × 3)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
3 9 = 63
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
3 3 เนื่องจาก 216 × 106 = 63 × (102)3
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
1 = (6 × 102)3
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ดังนั้น ×
3 2.16 108 = 3 (6 102)3 = 6 102 = 600
× ×
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
4. หาผลลัพธของจํานวนตอไปนี้
1) 120 × (325 192
600 + 240) 2) ( 35 64
11 - 9 + 11) ÷ 24
= (120 325
× ×
192
600) + (120 240)
……………………………………………………………………………….. = (35 64
11 + 11 - 9) 24
÷
………………………………………………………………………………..
= 325
5 + 2
192
……………………………………………………………………………….. = (99
11 - 9) ÷ 24
………………………………………………………………………………..
ฉบับ
เฉลย
= 65 + 96
……………………………………………………………………………….. = (9 - 9) ÷ 24
………………………………………………………………………………..
= 161
……………………………………………………………………………….. = 0 ÷ 24
………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………….. = 0
………………………………………………………………………………..
(- 47 ) - (- 25 )
2 3
5. หาผลลัพธของ 3 8 โดยใชเครื่องคิดเลข
64
- 625 ÷ - 125
4 2
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
2 3
(- 7 ) - (- 5 )
สามารถหาคําตอบของ ไดโดยการกดปุมบนเครื่องคิดเลขตามลําดับ ดังนี้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
64 ÷ 3 - 8
- 625 125
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
( ( - 4 ÷ 7 ) 2 - ( - 2 ÷ 5 )
x 3 ) ÷ ( -
SHIFT x
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
( 6 4 ÷ 6 2 5 ) ÷ SHIFT ( - 8 ÷ 1 2 5 ) ) =
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
4 2
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
2 3
(- 7 ) - (- 5 )
ดังนั้น ≈ 0.4882
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
64 ÷ 3 - 8
- 625 125
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
99
6. หาจํานวนที่รากที่สองและรากที่สามของจํานวนนั้นมีคาเทากัน พรอมอธิบาย
ให a แทนจํานวนที่รากที่สองและรากที่สามของจํานวนนั้นมีคาเทากัน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
310.464 = 43 × π × r3
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
r3 ≈ 310.464 × 21
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
88
3
r ≈ 74.088
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
r ≈ 4.2
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
9 เม็ด เรียงตอกันจึงจะสามารถบรรจุลูกอมได
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
100
Challenge Yourself
1. กําหนด x - 3 + (y + 2)2 = 0 ใหหาคาของ x และ y
เนื่องจาก - 3 และ (y + 2)2 ไมสามารถเปนจํานวนลบได
x
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
จะไดวา x - 3 = 0 และ (y + 2)2 = 0
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
x - 3 = 0 และ y+2 = 0
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
x = 3 และ y = -2
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ดังนั้น x = 3 และ y = -2
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ฉบับ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
เฉลย
2. กําหนด 0.00 = 101 เลขโดดใน
•
ควรเปนจํานวนใด
•
พิจารณา 0.00 จะเห็นวา เปนทศนิยมซํ้า 1 ตําแหนง โดยซํ้าตั้งแตตําแหนงที่สาม
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
0.00 = 101
•
เนื่องจาก
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
•
0.00 = 100 1
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
1
900 = 100
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
9
900 = 900
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ดังนั้น เลขโดดใน คือ 9
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
101
ฉบับ
เฉลย
102
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3
พหุนาม
นั ก มายากลได แ สดงมายากลโดยหยิ บ เหรี ย ญหนึ่ ง บาท
มาทั้งหมด 12 เหรียญ จากนั้นแบงเหรียญเปน 2 กอง กองที่
หนึ่งใหเหรียญหงายหัวจํานวน 5 เหรียญ และกองที่สองให
เหรียญหงายกอยจํานวน 7 เหรียญ เมื่อแบงเสร็จ นักมายากล
ไดนําเหรียญทั้งสองกองมารวมกันแลว โดยที่เหรียญแตละ
เหรียญยังคงหงายหนาเหมือนเดิม จากนัน้ เขาไดนาํ ผามาปดตา
ตัวเองไว แลวแบงเหรียญทั้งหมดออกเปน 2 กองอีกครั้ง โดย
กองทีห่ นึง่ มีจาํ นวน 5 เหรียญ และกองทีส่ องมีจาํ นวน 7 เหรียญ เฉลย ฉบับ
ซึง่ เขาจะไมเห็นวาเหรียญแตละกองหงายหนาอะไรบาง เมือ่ แบง
เสร็จ จึงพลิกเหรียญกองที่มีจํานวน 5 เหรียญทั้งหมด แลวเขา
ไดกลาวกับผูช มในขณะทีป่ ด ตาอยูว า “ตอนนีท้ งั้ สองกองมีเหรียญ
ที่หงายหัวจํานวนเทากัน” โดยผูชมจะพบวาเปนไปตามที่เขา
กลาวไว สรางความประหลาดใจใหกับผูชมทุกคน แตทราบ
หรือไมวา สามารถใชความรูเกี่ยวกับพหุนามชวยในการอธิบาย
หลักการของการแสดงชุดนี้ได
ตัวชี้วัด
• เขาใจหลักการดําเนินการของพหุนามและใชพหุนามในการแกปญหา
คณิตศาสตร (ค 1.2 ม.2/1)
สาระการเรียนรูแกนกลาง
• พหุนาม
• การบวก การลบ และการคูณของพหุนาม
• การหารพหุนามดวยเอกนามที่มีผลหารเปนพหุนาม
103
3.1 นิพจนพีชคณิต
พีชคณิต คือ คณิตศาสตรแขนงหนึง่ ทีม่ กี ารใชสญั ลักษณตา ง ๆ หรือตัวอักษร เพือ่ แทนจํานวน
ซึ่งสัญลักษณหรือตัวอักษรเหลานั้น เราเรียกวา ตัวแปร โดยทั่วไปจะนิยมเขียนแทนตัวแปรดวย
ตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพเล็ก
1. สัญลักษณทางพีชคณิต
ตัวอยางการใชสัญลักษณในทางพีชคณิต สามารถศึกษาไดจากตารางตอไปนี้
สมการ สมการพีชคณิต
ผลรวมของ 2 กับ 3 a + b = b + a = c ผลรวมของ a กับ b
2+3=3+2=5 (หรือ 3 กับ 2) เทากับ 5 (หรือ b กับ a) เทากับ c
ผลตางระหวาง a กับ b
ผลตางระหวาง 6 กับ 5
6-5=1 a-b=c เทากับ c เมื่อ
ฉบับ เทากับ 1 a มากกวา b
เฉลย
a × b = b × a = c ผลคูณของ a กับ b
3 × 5 = 5 × 3 = 15 ผลคูณของ 3 กับ 5
(หรือ 5 กับ 3) เทากับ 15 เรามั กจะเขียนในรูป (หรือ b กับ a) เทากับ c
ab = c หรือ ba = c
3 × 3 = 32 = 9 3 ยกกําลังสองเทากับ 9 a × a = a2 a ยกกําลังสองเทากับ a2
3
3 × 3 × 3 = 3 = 27 3 ยกกําลังสามเทากับ 27 a × a × a = a3 a ยกกําลังสามเทากับ a3
24 หาร 3 a หาร b มีผลหารเทากับ
24 ÷ 3 = 24 × 13 = 8 มีผลหารเทากับ 8 a ÷ b = a × 1b = c c เมื่อ b 0
2. นิพจนพีชคณิต
พิจารณาพจนพชี คณิต 3a เลข 3 ขางหนาตัวแปร a เปนสัมประสิทธิข์ อง a ในทํานองเดียวกัน
สัมประสิทธิ์ของ ab ใน 18ab คือ 18 และสัมประสิทธิ์ของ abc ใน 45abc คือ 45 นักเรียนคิดวา
สัมประสิทธิ์ของ a3 ใน -25a3 คือจํานวนใด
นิพจนพีชคณิต คือ การนําพจนพีชคณิตหลาย ๆ พจนมาประกอบกัน โดยใชเครื่องหมายการ
ดําเนินการทางคณิตศาสตร (+, -, ×, ÷) เปนตัวเชื่อม ซึ่งจะไมมีเครื่องหมายเทากับอยูในนิพจน
พจนที่นํามาประกอบกันนั้นอาจจะเปนพจนที่เปนตัวแปรหรือพจนที่เปนคาคงตัวก็ได เชน
104
ATTENTION
เปนนิพจนที่ประกอบดวย 1 พจน ไดแก 5x
1 ตัวแปร ไดแก x พจนที่มีตัวแปรเหมือนกัน
5x และตัวแปรที่เหมือนกันนั้น
0 คาคงตัว
โดยตัวแปร x มีเลขชี้กําลังเปน 1 และมีสัมประสิทธิ์ คือ 5 มีเลขชีก้ าํ ลังเทากัน เราเรียก
พจนนั้นวา พจนที่คลายกัน
เปนนิพจนที่ประกอบดวย 2 พจน ไดแก 2x และ 3 เชน 2x กับ 5x, 7y2 กับ
1 ตัวแปร ไดแก x -3y2 และ x3y กับ 4x3y
2x + 3
1 คาคงตัว ไดแก 3
โดยตัวแปร x มีเลขชี้กําลังเปน 1 และมีสัมประสิทธิ์ คือ 2
เปนนิพจนที่ประกอบดวย 3 พจน ไดแก x2, -3y และ 1
2 ตัวแปร ไดแก x และ y
x2 - 3y + 1
1 คาคงตัว ไดแก 1
โดยตัวแปร x มีเลขชี้กําลังเปน 2 และมีสัมประสิทธิ์ คือ 1
ตัวแปร y มีเลขชี้กําลังเปน 1 และมีสัมประสิทธิ์ คือ -3
เปนนิพจนที่ประกอบดวย 2 พจน ไดแก 6xy3 และ 1
2 ตัวแปร ไดแก x และ y ฉบับ
6xy3 + 1 1 คาคงตัว ไดแก 1 เฉลย
โดยตัวแปร x ที่มีเลขชี้กําลังเปน 1 คูณกับตัวแปร y
ที่มีเลขชี้กําลังเปน 3 และมีสัมประสิทธิ์ คือ 6
นิพจนที่อยูในรูปเอกนาม หรือเขียนใหอยูในรูปการบวกของเอกนามตั้งแต
สองเอกนามขึ้นไป เรียกวา พหุนาม
จากตารางจะไดวา
5x เปนเอกนาม
2x + 3 เปนพหุนามที่เกิดจากการบวกของเอกนามสองเอกนาม
6xy3 + 1 เปนพหุนามที่เกิดจากการบวกของเอกนามสองเอกนาม
x2 - 3y + 1 สามารถเขียนในรูปการบวกกันของเอกนามสามเอกนามไดเปน x2 + (-3y) + 1
x2 - 3y + 1 จึงเปนพหุนามที่เกิดจากการบวกของเอกนามสามเอกนาม
105
Thinking Time
1. 0 เปนเอกนามหรือไม เพราะเหตุใด
0...................................................................................................................................................................................................................................................
เปนเอกนาม เพราะสามารถเขียนใหอยูใ นรูปการคูณกันของคาคงตัวกับตัวแปรตัง้ แตหนึง่ ตัวขึน้ ไป และ
เลขชี ้กําลังของตัวแปรแตละตัวเปนศูนยหรือจํานวนเต็มบวกได เชน 0x, 0x2
...................................................................................................................................................................................................................................................
106
ATTENTION
4) 4p - 2q4 สามารถเขียนในรูปการบวกกันของเอกนาม
ดี ก รี สู ง สุ ด ของพหุ น ามที่ อ ยู ใ นรู ป
สองเอกนาม ไดเปน 4p + (-2q4) ผลสํ า เร็ จ ที่ ไ ม มี พ จน ที่ ค ล า ยกั น
ดังนั้น 4p - 2q4 เปนพหุนาม เรียกวา ดีกรีของพหุนาม เชน 4p - 2q4
4
5) x2 - 3y + z สามารถเขียนในรูปการบวกกันของเอกนาม ซึ่ง 4p มีดีกรีเทากับ 1 และ 4 2q มี
ดีกรีเทากับ 4 ดังนั้น 4p - 2q มีดีกรี
สามเอกนาม ไดเปน x2 + (-3y) + z เทากับ 4
ดังนั้น x2 - 3y + z เปนพหุนาม
6) 23 สามารถเขียนในรูปการคูณไดเปน 2n-3 มีเลขชี้กําลังของตัวแปร n เปน -3 ซึ่งไมใชศูนย
n
หรือจํานวนเต็มบวก และ 3m-1 มีเลขชี้กําลังของตัวแปร m เปน -1 ซึ่งไมใชศูนยหรือ
จํานวนเต็มบวก
ดังนั้น 3m-1 + 23 + 4 ไมเปนพหุนาม
n
Similar Questions
Practice Now Exercise 3A ขอ 1-3
นิพจนในแตละขอตอไปนี้เปนพหุนามหรือไม เพราะเหตุใด
1) 5x-4 ฉบับ
5x-4 มี 5 เปนคาคงตัว มีเลขชี้กําลังของตัวแปร x เปน -4 ซึ่งไมใชศูนยหรือจํานวนเต็มบวก
................................................................................................................................................................................................................................................... เฉลย
ดังนั้น 5x-4 ไมเปนพหุนาม
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
2) 3a-2
b3a
สามารถเขียนในรูปการคูณไดเปน 3ab2 มี 3 เปนคาคงตัว มี a เปนตัวแปรที่มีเลขชี้กําลังเปน 1
...................................................................................................................................................................................................................................................
-2
b
และมี b เปนตัวแปรที่มีเลขชี้กําลังเปน 2
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น 3a-2 เปนพหุนาม
...................................................................................................................................................................................................................................................
b
3) 25 m3 - 1-2
n
2 m3 มี 2 เปนคาคงตัว มี m เปนตัวแปรที่มีเลขชี้กําลังเปน 3
...................................................................................................................................................................................................................................................
51 5
สามารถเขียนในรูปการคูณไดเปน -n2 มี -1 เปนคาคงตัว มีเลขชี้กําลังของตัวแปร n เปน 2
-...................................................................................................................................................................................................................................................
-2
n
ดังนั้น 25 m3 - 1-2 เปนพหุนาม
...................................................................................................................................................................................................................................................
n
4) 3 5 + q - 6r
4p3
สามารถเขียนในรูปการคูณไดเปน 34 p-5 มี 34 เปนคาคงตัว
...................................................................................................................................................................................................................................................
5
4p
มีเลขชี้กําลังของตัวแปร p เปน -5 ซึ่งไมใชศูนยหรือจํานวนเต็มบวก
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น 3 5 + q - 6r ไมเปนพหุนาม
...................................................................................................................................................................................................................................................
4p
107
ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปที่ 1 นักเรียนเคยใชบัตรตัวเลขและบัตรตัวแปรชวยในการบวกและ
การลบจํานวนเต็มมาแลว ทําใหทราบวาบัตรตัวเลขมี 2 ดาน ถาดานหนึ่งแสดงจํานวน 1 อีกดาน
หนึ่งจะแสดงจํานวน -1 ซึ่งเปนจํานวนตรงขามกัน
1 -1
ดานหนา ดานหลัง
ในทํานองเดียวกัน บัตรตัวแปรที่ดานหนึ่งแสดงตัวแปร x อีกดานหนึ่งจะแสดงตัวแปร -x
x -x
ดานหนา ดานหลัง
เพื่อใหไดจํานวนลบของ x เราจะพลิกดานบัตรตัวแปรที่แสดงตัวแปร x ดังนี้
พลิก
x -x จะไดวา -(x) = -x
เพื่อใหไดจํานวนลบของ -x เราจะพลิกดานบัตรตัวแปรที่แสดงตัวแปร -x ดังนี้
ฉบับ พลิก
เฉลย -x x จะไดวา -(-x) = x
ถาจับคูบัตรตัวแปร x กับบัตรตัวแปร -x เขาดวยกัน เราจะไดคูที่เปนศูนย 1 คู
x -x จะไดวา x + (-x) = 0
เราสามารถใชบตั รตัวเลขและบัตรตัวแปร เพือ่ แสดงพจนทเี่ ปนพีชคณิตได เชน ใชบตั รตัวแปร
x 3 ใบ เพื่อแสดง 3x
x x x 3x = x + x + x
ใชบัตรตัวแปร -x 3 ใบ เพื่อแสดง -3x
-x -x -x -3x = (-x) + (-x) + (-x)
เพื่อใหไดจํานวนลบของ 3x เราจะพลิกดานบัตรตัวแปรที่แสดงตัวแปร x ทั้ง 3 ใบ ดังนี้
พลิก
x x x -x -x -x จะไดวา -(3x) = -3x
เพื่อใหไดจํานวนลบของ -3x เราจะพลิกดานบัตรตัวแปรที่แสดงตัวแปร -x ทั้ง 3 ใบ ดังนี้
พลิก
-x -x -x x x x จะไดวา -(-3x) = 3x
108
ถารวมบัตรตัวแปร x 3 ใบ กับบัตรตัวแปร -x 3 ใบ เขาดวยกัน เราจะไดคทู เี่ ปนศูนย 3 คู
x -x
x -x คูที่เปนศูนย จะไดวา 3x + (-3x) = 0
x -x
ในทํานองเดียวกับบัตรตัวแปร x เราสามารถนําเสนอตัวแปรอื่น ๆ ในรูปของบัตรตัวแปรได เชน
การนําเสนอบัตรตัวแปร x2 ดังตัวอยางตอไปนี้
x2 -x2
ดานหนา ดานหลัง
พลิก
x2 -x2 -(x2) = -x2
(เปลีี่ยนเครื่องหมาย)
x2 x2 x2 3x 2 = x 2 + x 2 + x 2
พลิก
x2 x2 x2 -x2 -x2 -x2 -(3x2) = -3x2
(เปลีี่ยนเครื่องหมาย)
พลิก
-x2 -x2 -x2 x2 x2 x2 -(-3x2) = 3x2
(เปลีี่ยนเครื่องหมาย)
x2 -x2
x2 -x2 คูที่เปนศูนย 3x2 + (-3x2) = 0
x2 -x2
109
เราสามารถใชบัตรตัวเลขและบัตรตัวแปรในการแสดงนิพจนพีชคณิตได เชน
4x + 2
x x x x 1 1 4x + 2 = x + x + x + x + 1 + 1
x + 2y
x y y x + 2y = x + y + y
2 x2 + x - 3
x2 x2 x -1 -1 -1 2x2 + x - 3 = x2 + x2 + x + (-1) + (-1) + (-1)
-2x2 - x + 1
-x2 -x2 -x 1 -2x2 - x + 1 = (-x2) + (-x2) + (-x) + 1
3x 3 + 3
x3 x3 x3 1 1 1 3x3 + 3 = x3 + x3 + x3 + 1 + 1 + 1
ฉบับ
เฉลย
Thinking Time
สามารถใชบัตรตัวเลขและบัตรตัวแปรนําเสนอพหุนาม -2x3 - x2 + 5x - 1 และ 4x2 + 4y2 + 3
ไดวาอยางไร
-2 x3 - x2 + 5x - 1
..............................................................................................................................................................................................................................................................
-x3 -x3 -x2 x x x x x -1
..............................................................................................................................................................................................................................................................
-2 x3 - x2 + 5x - 1 = (-x3) + (-x3) + (-x2) + x + x + x + x + x + (-1)
..............................................................................................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................................................................................
x2 + 4y2 + 3
4..............................................................................................................................................................................................................................................................
x2 x2 x2 x2 y2 y2 y2 y2 1 1 1
..............................................................................................................................................................................................................................................................
x2 + 4y2 + 3 = x2 + x2 + x2 + x2 + y2 + y2 + y2 + y2 + 1 + 1 + 1
4..............................................................................................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................................................................................
110
Exercise 3A
Basic Level
1. นิพจนในแตละขอตอไปนี้เปนพหุนามหรือไม เพราะเหตุใด
3 2
1) x2 2) -a4cb
x3 มี 1 เปนคาคงตัว และมี เปนตัวแปรที่มี
x
………………………………………………………………………………..
-a2b สามารถเขียนในรูปการคูณไดเปน -a2bc-1
………………………………………………………………………………..
2 2 4c 4
เลขชี้กําลังเปน 3
………………………………………………………………………………..
1
มี - 4 เปนคาคงตัว มี a เปนตัวแปรทีม่ เี ลขชีก้ าํ ลัง
………………………………………………………………………………..
3
ดังนั้น x2 เปนพหุนาม
……………………………………………………………………………….. เปน 2 มี b เปนตัวแปรที่มีเลขชี้กําลังเปน 1
………………………………………………………………………………..
Intermediate Level
2. เขียนนิพจนที่เปนเอกนามที่มี 3 ตัวแปร มีสัมประสิทธิ์เปน 67 และมีดีกรีเปน 4 มา 2 นิพจน
แนวตอบ 6 a2bc, 6 ab2c
...................................................................................................................................................................................................................................................
7 7
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
111
3.2 การบวกและการลบพหุนาม
1. การบวกเอกนาม
นักเรียนสามารถใชความรูเ กีย่ วกับพจนทคี่ ลายกัน บัตรตัวเลขและบัตรตัวแปร ชวยในการบวก
เอกนามได ดังนี้
ตัวอยาง 2x + 3x ATTENTION
x
x เอกนามที่ไมคลายกัน เชน 5x2
x
กับ 3xy ไมสามารถเขียนผลบวก
x x x ในรูปเอกนามได แตจะเขียนในรูป
x x x 5x2 + 3xy ซึ่งเปนพหุนามแทน
x
ดังนั้น 2x + 3x = 5x
ตัวอยาง 2x + (-3x)
ฉบับ
เฉลย -x -x -x
x -x x -x
x -x x -x คูที่เปนศูนย
ดังนั้น 2x + (-3x) = -x
ตัวอยาง -2x2 + 3x2
x2 x2 x2
-x2 x2 -x2 x2 คูที่เปนศูนย
-x2 x2 -x2 x2
ดังนั้น -2x2 + 3x2 = x2
ตัวอยาง -2x3 + (-3x3)
-x3
-x3 -x3
-x3 -x3 -x3
-x3 -x3 -x3
-x3
ดังนั้น -2x3 + (-3x3) = -5x3
112
จากตัวอยางที่กําหนดให สรุปไดวา
Practice Now
หาผลบวกของเอกนามในแตละขอตอไปนี้ โดยใชบัตรตัวเลขและบัตรตัวแปร
1) 3x + 4x 2) 3x + (-4x)
x
.............................................................................................................
-x -x -x
.............................................................................................................
x x
.............................................................................................................
x -x x -x
.............................................................................................................
x x x
.............................................................................................................
x -x x -x
.............................................................................................................
x x x x
.............................................................................................................
x -x x -x
.............................................................................................................
x x x x
.............................................................................................................
คูที่เปนศูนย
.............................................................................................................
งนั้น 3x + 4x = 7x
ดั............................................................................................................. งนั้น 3x + (-4x) = -x
ดั.............................................................................................................
ฉบับ
3) -3x2 + 4x2 4) -3x3 + (-4x3) เฉลย
x2 x2 x2
.............................................................................................................
-x3
.............................................................................................................
-x2 x2 -x2 x2
.............................................................................................................
-x3 -x3
.............................................................................................................
-x2 x2 -x2 x2
.............................................................................................................
-x3 -x3 -x3
.............................................................................................................
-x2 x2 -x2 x2
.............................................................................................................
-x3 -x3 -x3 -x3
.............................................................................................................
คูที่เปนศูนย
.............................................................................................................
-x3 -x3 -x3 -x3
.............................................................................................................
งนั้น -3x2 + 4x2 = x2
ดั............................................................................................................. ดังนั้น -3x3 + (-4x3) = -7x3
.............................................................................................................
Worked Example 2
หาผลบวกของเอกนามในแตละขอตอไปนี้
1) 7x + 11x 2) -8m3 + 4m3
3) 5ab2 + (-3ab2) 4) -2x3y2z + (-6x3y2z)
วิธีทํา
1) 7x + 11x = (7 + 11)x
= 18x
113
2) -8m3 + 4m3 = (-8 + 4)m3
= -4m3
3) 5ab2 + (-3ab2) = [5 + (-3)]ab2
= 2ab2
4) -2x3y2z + (-6x3y2z) = [-2 + (-6)]x3y2z
= -8x3y2z
Similar Questions
Practice Now Exercise 3B ขอ 1
หาผลบวกของเอกนามในแตละขอตอไปนี้
1) 6m + 4m
= (6 + 4)m
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 10m
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
เฉลย 2) p3 + (-p3)
= [1 + (-1)]p3
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 0
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
3) (-3x2y) + 5x2y
= (-3 + 5) 2y x
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 2x2y
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
4) -5ab2c3 + (-ab2c3)
= [-5 + (-1)]ab2c3
...................................................................................................................................................................................................................................................
= -6ab2c3
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
114
2. การลบเอกนาม
นักเรียนสามารถใชความรูเกี่ยวกับพจนที่คลายกัน บัตรตัวเลขและบัตรตัวแปร ชวยในการลบ
เอกนามได ดังนี้
ตัวอยาง 3x - 2x
x x
x นํ า ออกไป 2x
x
3x -2x x
ดังนั้น 3x - 2x = x
เนื่องจาก 3x + (-2x) = x จะไดวา 3x - 2x = 3x + (-2x) เราสามารถเขียนแทน 3x - 2x
ดวย 3x + (-2x) และใชบัตรตัวเลขและบัตรตัวแปรแทนไดวา
x x x
x -x x -x
x -x x -x
ฉบับ
คูที่เปนศูนย เฉลย
ตัวอยาง -3x - 2x -x
-x -x
-x -x -x
-x -x -x
-x
ดังนั้น -3x - 2x = -3x + (-2x) = -5x
ตัวอยาง 3x2 - (-2x2)
เนื่องจาก -(-2x2) = 2x2 จะไดวา 3x2 - (-2x2) = 3x2 + 2x2
x2
x2 x2
x2 x2 x2
x2 x2 x2
x2
ดังนั้น 3x2 - (-2x2) = 3x2 + 2x2 = 5x2
115
ตัวอยาง -3x3 - (-2x3)
เนื่องจาก -(-2x3) = 2x3 จะไดวา -3x3 - (-2x3) = -3x3 + 2x3
-x3 -x3 -x3
-x3 x3 -x3 x3
คูที่เปนศูนย
-x3 x3 -x3 x3
Practice Now
ฉบับ
เฉลย หาผลลบของเอกนามในแตละขอตอไปนี้ โดยใชบัตรตัวเลขและบัตรตัวแปร
1) 4x - 3x 2) 4x - (-3x)
x x x
............................................................................................................. เนื ่องจาก 4x - (-3x) = 4x + 3x
.............................................................................................................
x -x x -x x
............................................................................................................. .............................................................................................................
x -x x -x x x
............................................................................................................. .............................................................................................................
x -x x -x x x
............................................................................................................. .............................................................................................................
คูที่เปนศูนย x x
............................................................................................................. .............................................................................................................
ดังนั้น 4 - 3 = x x x
............................................................................................................. งนั้น 4x - (-3x) = 7x
ดั.............................................................................................................
3) -4x2 - 3x2 4) -4x3 - (-3x3)
เนื่องจาก -4 2 - 3 2 = -4 2 + (-3 2)
x x x x
............................................................................................................. เนื ่องจาก -4x3 - (-3x3) = -4x3 + 3x3
.............................................................................................................
-x2
.............................................................................................................
-x3 -x3 -x3
.............................................................................................................
-x2 -x2
.............................................................................................................
-x3 x3 -x3 x3
.............................................................................................................
-x2 -x2
.............................................................................................................
-x3 x3 -x3 x3
.............................................................................................................
-x2 -x2
.............................................................................................................
-x3 x3 -x3 x3
.............................................................................................................
ดังนั้น -4 2 - 3 2 = -7x x x 2
............................................................................................................. ดังนั้น -4 3 - (-3 3) = -
x x x 3
.............................................................................................................
116
Worked Example 3
หาผลลบของเอกนามในแตละขอตอไปนี้
1) 6x - 5x 2) -2m3 - 3m3
3) 4ab2 - (-7ab2) 4) -12x3y2z - (-9x3y2z)
วิธีทํา
1) 6x - 5x = (6 - 5)x ATTENTION
= x a - b = a + (-b) เมื่อ a, b
2) -2m3 - 3m3 = (-2 - 3)m3 แทนจํานวนจริงใด ๆ และ -b
เปนจํานวนตรงขามของ b
= -5m3
3) 4ab2 - (-7ab2) = [4 - (-7)]ab2
= 11ab2
4) -12x3y2z - (-9x3y2z) = [-12 - (-9)]x3y2z
= -3x3y2z ฉบับ
เฉลย
Similar Questions
Practice Now Exercise 3B ขอ 2
หาผลลบของเอกนามในแตละขอตอไปนี้
1) 4m - 9m
= (4 - 9)m
...................................................................................................................................................................................................................................................
= -5m
...................................................................................................................................................................................................................................................
2) 8n4 - (-2n4)
= [8 - (-2)]n4
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 10n4
...................................................................................................................................................................................................................................................
3) -13xy3 - 7xy3
= (-13 - 7) y3 x
...................................................................................................................................................................................................................................................
= -20xy3
...................................................................................................................................................................................................................................................
4) -ab2c3 - (-ab2c3)
= [-1 - (-1)]ab2c3
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 0
...................................................................................................................................................................................................................................................
117
3. การบวกพหุนาม
การหาผลบวกของพหุนามตั้งแต 2 พหุนามขึ้นไป ทําไดโดยนําพจนที่คลายกันในแตละ
พหุนามมาบวกกัน ซึ่งนักเรียนจะไดศึกษาจากตัวอยางตอไปนี้
ตัวอยาง (x - 1) + (2x - 3)
เนื่องจาก (x - 1) + (2x - 3) = x - 1 + 2x - 3
-1 จับกลุมพจนที่คลายกัน -1
x -1 x -1
x -1 x -1 x x -1 -1
x - 1 + 2x - 3 x + 2x - 1 - 3 = 3x - 4
= 3x - 4 x - 1+
ฉบับ
2x - 3
เฉลย 3x - 4
118
ตัวอยาง (x2 - 3x - 1) + (2x2 + x + 2)
เนื่องจาก (x2 - 3x - 1) + (2x2 + x + 2) = x2 - 3x - 1 + 2x2 + x + 2
-x จับกลุมพจน -x x2
-x x2 1 ที่คลายกัน x2 -x 1 x2 -x
x2 -x -1 x2 x 1 x2 x2 -x x -1 1 x2 -x 1
คูที่เปนศูนย
= x2 + 2x2 - 3x + x - 1 + 2 x2 - 3 x - 1 +
= 3x2 - 2x + 1 2 x2 + x + 2
3 x2 - 2 x + 1
ฉบับ
เฉลย
ตัวอยาง (2x3 - x) + (-3x3 - 2x2) + (x3 + 3)
เนื่องจาก (2x3 - x) + (-3x3 - 2x2) + (x3 + 3) = 2x3 - x - 3x3 - 2x2 + x3 + 3
จับกลุมพจน 3 3
-x3 1 1 1
ที่คลายกัน x3 -x3
x3 -x3 -x2 1 x -x -x2 1 -x2 1
x3 -x -x3 -x2 x3 1 x3 -x3 -x2 -x 1 -x2 -x 1
คูที่เปนศูนย
119
Practice Now
หาผลบวกของพหุนามในแตละขอตอไปนี้ โดยใชบัตรตัวเลขและบัตรตัวแปร
1) (x + 2) + (5x - 4)
เนื่องจาก ( + 2) + (5 - 4) = + 2 + 5 - 4
x x x x
...................................................................................................................................................................................................................................................
x x x
...................................................................................................................................................................................................................................................
x -1 x -1 x
...................................................................................................................................................................................................................................................
x -1 จับกลุมพจน x -1 x
...................................................................................................................................................................................................................................................
ที่คลายกัน
1 x -1 x 1 -1 x -1
...................................................................................................................................................................................................................................................
x 1 x -1 x x 1 -1 คูที่เปนศูนย x x -1
...................................................................................................................................................................................................................................................
x + 2 + 5x - 4 x + 5x + 2 - 4 6x - 2
...................................................................................................................................................................................................................................................
x
ดังนั้น ( + 2) + (5 - 4) = + 5 + 2 - 4 = 6 - 2 x x x x
...................................................................................................................................................................................................................................................
2) (2x - 3) + (-3x + 2)
x
เนื่องจาก (2 - 3) + (-3 + 2) = 2 - 3 - 3 + 2 x x x
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ ...................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย -1 -x จับกลุมพจน -x -1
...................................................................................................................................................................................................................................................
ที่คลายกัน x
x -1 -x 1 -x -1 1
...................................................................................................................................................................................................................................................
x -1 -x 1 x -x -1 1 -x -1
...................................................................................................................................................................................................................................................
คูที่เปนศูนย
...................................................................................................................................................................................................................................................
2x - 3 - 3x + 2 2x - 3x - 3 + 2 -x - 1
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น (2 - 3) + (-3 + 2) = 2 - 3 - 3 + 2 = - - 1
x x x x x
...................................................................................................................................................................................................................................................
120
4) (-3x3 - y) + (-2y - 4) + (2x3 + 5)
เนื ่องจาก (-3x3 - y) + (-2y - 4) + (2x3 + 5) = -3x3 - y - 2y - 4 + 2x3 + 5
...................................................................................................................................................................................................................................................
1 1
...................................................................................................................................................................................................................................................
-1 1 -1 1
...................................................................................................................................................................................................................................................
-x 3 -1 1 จับกลุมพจน -x 3 -y -1 1 -y
...................................................................................................................................................................................................................................................
-x3 -y -1 x3 1 ที่คลายกัน -x3 x3 -y -1 1 -y
...................................................................................................................................................................................................................................................
-x3 -y -y -1 x3 1 -x3 x3 -y -1 1 -x3 -y 1
...................................................................................................................................................................................................................................................
คูที่เปนศูนย คูที่เปนศูนย
...................................................................................................................................................................................................................................................
-3x3 - y - 2y - 4 + 2x3 + 5 -3x3 + 2x3 - y - 2y - 4 + 5 -x3 - 3y + 1
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น (-3 3 - y) + (-2y - 4) + (2 3 + 5) = -3 3 + 2 3 - y - 2y - 4 + 5 = - 3 - 3y + 1
x x x x x
...................................................................................................................................................................................................................................................
Worked Example 4
หาผลบวกของพหุนามในแตละขอตอไปนี้
1) (2x - 4y) + (4x + 2y) 2) (x3 + 2y3 - 3) + (-5x3 + 2)
ฉบับ
3) (2x3 + 1) + (-3x2 - x) + (2x2 - 7) 4) (- 23x5y2 - 56) + (2x5y2 - 2x2y5) + 23 เฉลย
วิธีทํา
ATTENTION
พจนที่คลายกัน
การเขียนพหุนามในรูปผลสําเร็จ นิยม
1) (2x - 4y) + (4x + 2y) = 2x - 4y + 4x + 2y เขียนโดยเรียงจากพจนที่มีดีกรีมาก
ที่สุดไปนอยที่สุด และในแตละพจน
พจนที่คลายกัน จะเขียนเรียงตัวแปรตามลําดับตัวอักษร
= 2x + 4x - 4y + 2y ภาษาอังกฤษ เชน
= 6x - 2y 3b2ac3 - 2c5a3 + zxy เขียนใหมไดเปน
-2a3c5 + 3ab2c3 + xyz
พจนที่คลายกัน
2) (x3 + 2y3 - 3) + (-5x3 + 2) = x3 + 2y3 - 3 - 5x3 + 2
พจนที่คลายกัน
= x3 - 5x3 + 2y3 - 3 + 2
= -4x3 + 2y3 - 1
121
พจนที่คลายกัน
ฉบับ
เฉลย
Similar Questions
Practice Now Exercise 3B ขอ 3
หาผลบวกของพหุนามในแตละขอตอไปนี้
1) (2x - 5y) + (3x + 8y) 2) (-3x2 - 6) + (-4x2 - y2 + 3)
x
= 2 - 5y + 3 + 8y x
.............................................................................................................. = -3 2 - 6 - 4 2 - y2 + 3
x x
..............................................................................................................
= 2x + 3x - 5y + 8y
.............................................................................................................. = -3x2 - 4x2 - y2 - 6 + 3
..............................................................................................................
= 5x + 3y
.............................................................................................................. = -7x2 - y2 - 3
..............................................................................................................
.............................................................................................................. ..............................................................................................................
= 5x3 - 3x3 + 2x - 6x - 2 - 5
.............................................................................................................. = 12 x2y3 - x2y3 - 52 + 34 - 2x3y2
..............................................................................................................
= 2x3 - 4x - 7
.............................................................................................................. = - 12 x2y3 - 74 - 2x3y2
..............................................................................................................
122
4. การลบพหุนาม
พหุนามตรงขาม
เราไดศึกษาเกี่ยวกับจํานวนตรงขามโดยใชบัตรตัวเลขและบัตรตัวแปรมาแลววา
พลิก พลิก
1 -1 -(1) = -1 x2 -x2 -(x2) = -x2
(เปลี่ยนเครื่องหมาย) (เปลี่ยนเครื่องหมาย)
พลิก พลิก
-1 1 -(-1) = 1 -x2 x2 -(-x2) = x2
(เปลี่ยนเครื่องหมาย) (เปลี่ยนเครื่องหมาย)
พลิก พลิก
x -x -(x) = -x x2 x2 x2 -x2 -x2 -x2 -(3x2) = -3x2
(เปลี่ยนเครื่องหมาย) (เปลี่ยนเครื่องหมาย)
พลิก พลิก
-x x -(-x) = x -x2 -x2 -x2 x2 x2 x2 -(-3x2) = 3x2
(เปลี่ยนเครื่องหมาย) (เปลี่ยนเครื่องหมาย) ฉบับ
เฉลย
นักเรียนสามารถใชบตั รตัวเลขและบัตรตัวแปรเพือ่ แสดงพหุนามตรงขามได ดังตัวอยางตอไปนี้
ตัวอยาง -(x + 2)
- x 1 1 พลิก -x -1 -1
-(x + 2) -x - 2
ดังนั้น -(x + 2) = -x - 2
ตัวอยาง -(x - 2)
- x -1 -1 พลิก -x 1 1
-(x - 2) -x + 2
ดังนั้น -(x - 2) = -x + 2
ตัวอยาง -(-x + 3y - 1)
- -x y y y -1 พลิก x -y -y -y 1
-(-x + 3y - 1) x - 3y + 1
ดังนั้น -(-x + 3y - 1) = x - 3y + 1
123
การลบพหุนาม
สําหรับการหาผลลบของพหุนามสองพหุนาม สามารถทําไดในทํานองเดียวกันกับการหา
ผลลบของจํานวนจริงสองจํานวน โดยใชความรูเกี่ยวกับจํานวนตรงขาม ดังนี้
ตัวอยาง (x - 1) - (2x - 3)
เนื่องจาก (x - 1) - (2x - 3) = (x - 1) + [-(2x - 3)]
x -1 1 จับกลุมพจน 1 1
ที ่ ค ล า ยกั น
- x x -1 -1 -1 -x 1 -x 1 -x 1
x -1 -x 1 x -x -1 1
คูที่เปนศูนย
(x - 1) + [-(2x - 3)] x - 1 - 2x + 3 x - 2x - 1 + 3 -x + 2
ฉบับ ดังนั้น (x - 1) - (2x - 3) = (x - 1) + (-2x + 3) PROBLEM SOLVING TIP
เฉลย
= x - 2x - 1 + 3 x - 1+
= -x + 2 -2x + 3
-x + 2
2) (x2 - 2x - 1) - (3x2 - x + 1)
เนื่องจาก ( 2 - 2 - 1) - (3 2 - + 1) = ( 2 - 2 - 1) + [-(3 2 - + 1)]
x x x x x x x x
...................................................................................................................................................................................................................................................
จับกลุม ฉบับ
-x 2
พจนที่ -x2
................................................................................................................................................................................................................................................... เฉลย
x2 -x -x -1 -x -x2 คลายกัน -x2 -x -1 -x2
...................................................................................................................................................................................................................................................
-1
- x2 x2 x2 -x 1 x2 -x -1 -x2 x -1 x2 -x2 -x x -1 -x2 -x -1
...................................................................................................................................................................................................................................................
คูที่เปนศูนย
...................................................................................................................................................................................................................................................
2 - 2x - 1) + [-(3x2 - x + 1)]
x2 - 2x - 1 - 3x2 + x - 1 x2 - 3x2 - 2x + x - 2 -2x2 - x - 2
(x...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น (x2 - 2x - 1) - (3x2 - x + 1) = (x2 - 2x - 1) + (-3x2 + x - 1)
...................................................................................................................................................................................................................................................
= x2 - 3x2 - 2x + x - 1 - 1 = -2x2 - x - 2
...................................................................................................................................................................................................................................................
Similar Questions
Practice Now Exercise 3B ขอ 4-6
หาผลลบของพหุนามในแตละขอตอไปนี้
1) (-5x - 3y + 8) - (-2x + y - 2z)
= (-5 - 3y + 8) + [-(-2 + y - 2z)]
x x
...................................................................................................................................................................................................................................................
= (-5x - 3y + 8) + (2x - y + 2z)
...................................................................................................................................................................................................................................................
= -5x - 3y + 8 + 2x - y + 2z
...................................................................................................................................................................................................................................................
= -5x + 2x - 3y - y + 2z + 8
...................................................................................................................................................................................................................................................
= -3x - 4y + 2z + 8
...................................................................................................................................................................................................................................................
126
2) (- 35 x7y5 + 53) - (3x5y7 - 35 x7y5) - 73
= (- 35 7y5 + 53 ) + [-(3 5y7 - 35 7y5)] - 73
x x x
...................................................................................................................................................................................................................................................
= (- 35 x7y5 + 53 ) + (-3x5y7 + 35 x7y5) - 73
...................................................................................................................................................................................................................................................
= - 35 x7y5 + 53 - 3x5y7 + 35 x7y5 - 73
...................................................................................................................................................................................................................................................
= - 35 x7y5 + 35 x7y5 - 3x5y7 + 53 - 73
...................................................................................................................................................................................................................................................
= -3x5y7 - 23
...................................................................................................................................................................................................................................................
Exercise 3B
Basic Level
1. หาผลบวกของเอกนามในแตละขอตอไปนี้
1) 15x + 7x 2) 7a6b2 + (-8a6b2)
= (15 + 7) x
............................................................................................................. = [7 + (-8)]a6b2
............................................................................................................. ฉบับ
เฉลย
= 22x
............................................................................................................. = (7 - 8)a6b2
.............................................................................................................
............................................................................................................. = -a6b2
.............................................................................................................
2. หาผลลบของเอกนามในแตละขอตอไปนี้
1) (-9p3) - 5p3 2) -24xy2z3 - (-12xy2z3)
= (-9 - 5)p3
............................................................................................................. = [-24 - (-12)] y2z3 x
.............................................................................................................
= -14p3
............................................................................................................. = (-24 + 12)xy2z3
.............................................................................................................
............................................................................................................. = -12xy2z3
.............................................................................................................
3. หาผลบวกของพหุนามในแตละขอตอไปนี้
1) (5m - 11n) + (11m + 5n) 2) (4x4y3 - 57 ) + (- 85 x4y3 - x3y4) + (3x3y4 + 11
14)
= 5m - 11n + 11m + 5n
............................................................................................................. = 4 4y3 - 57 - 85 4y3 - 3y4 + 3 3y4 + 11
x x x x 14
.............................................................................................................
= 5m + 11m - 11n + 5n
............................................................................................................. = 4x y - 5 x y - x y + 3x y - 7 + 11
4 3 8 4 3 3 4 3 4 5
14
.............................................................................................................
= 16m - 6n
.............................................................................................................
12
= 5 x y + 2x y + 14 4 3 3 4 1
.............................................................................................................
............................................................................................................. .............................................................................................................
127
4. หาผลลบของพหุนามในแตละขอตอไปนี้
1) (-4x + 2y) - (-x - 5y + 3) 2) -(38 x5y2 + 79) - (- 32 x2y5 - 2x5y2) - 14 x2y5
(-4x + 2y) + [-(-x - 5y + 3)]
=............................................................................................................. -( 38 x5y2 + 79 ) + [-(- 32 x2y5 - 2x5y2)] - 14 x2y5
=.............................................................................................................
(-4x + 2y) + (x + 5y - 3)
=............................................................................................................. -( 38 x5y2 + 79 ) + ( 32 x2y5 + 2x5y2) - 14 x2y5
=.............................................................................................................
-4x + 2y + x + 5y - 3
=............................................................................................................. - 38 x5y2 - 79 + 32 x2y5 + 2x5y2 - 14 x2y5
=.............................................................................................................
-4x + x + 2y + 5y - 3
=............................................................................................................. - 38 x5y2 + 2x5y2 + 32 x2y5 - 14 x2y5 - 79
=.............................................................................................................
-3x + 7y - 3
=............................................................................................................. 13 x5y2 + 5 x2y5 - 7
=.............................................................................................................
8 4 9
Intermediate Level
5. ใหหาผลรวมของ 2x2 - 3x + 11 กับ 7x2 - 3x - 4 ลบดวย 14x2 - 12x - 6
(2 2 - 3 + 11) + (7 2 - 3 - 4) - (14 2 - 12 - 6)
x x x x x x
..................................................................................................................................................................................................................................................
= 2x2 - 3x + 11 + 7x2 - 3x - 4 + [-(14x2 - 12x - 6)]
..................................................................................................................................................................................................................................................
= 2x2 - 3x + 11 + 7x2 - 3x - 4 - 14x2 + 12x + 6
..................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
เฉลย = 2x2 + 7x2 - 14x2 - 3x - 3x + 12x + 11 - 4 + 6
..................................................................................................................................................................................................................................................
= -5x2 + 6x + 13
..................................................................................................................................................................................................................................................
Advanced Level
6. ใหหาพหุนามดีกรีสองมา 2 พหุนาม ซึ่งเมื่อนําพหุนามทั้งสองมาลบกัน จะมีผลลบเทากับ
-4x2 - 3x - 1 พรอมแสดงวิธีคิด
จากความสัมพันธระหวางพหุนามตัวตั้ง กําหนดให พหุนามดีกรีสองที่เปนพหุนามตัวลบ
..................................................................................................................................................................................................................................................
พหุนามตัวลบและผลลบ คือ x2 + 2x + 1 และจาก
..................................................................................................................................................................................................................................................
พหุนามตัวตั้ง - พหุนามตัวลบ = พหุนามผลลบ พหุนามผลลบ + พหุนามตัวลบ = พหุนามตัวตั้ง
..................................................................................................................................................................................................................................................
จะไดวา จะไดวา (-4x2 - 3x - 1) + (x2 + 2x + 1)
..................................................................................................................................................................................................................................................
พหุนามตัวตั้ง = พหุนามผลลบ + พหุนามตัวลบ = -4x2 - 3x - 1 + x2 + 2x + 1
..................................................................................................................................................................................................................................................
นั่ น คื อ กํ า หนดพหุ น ามดี ก รี ส องที่ เ ป น พหุ น าม = -3x2 - x
..................................................................................................................................................................................................................................................
ตัวลบมา 1 พหุนาม แลวนําไปบวกกับพหุนาม ดังนั้น พหุนามดีกรีสอง 2 พหุนาม ซึ่งเมื่อนํา
..................................................................................................................................................................................................................................................
ผลลบ จะไดพหุนามดีกรีสองอีก 1 พหุนาม ซึง่ เปน พหุนามทั้งสองมาลบกัน จะมีผลลบเทากับ
..................................................................................................................................................................................................................................................
พหุนามตัวตั้ง -4x2 - 3x - 1 คือ -3x2 - x ลบดวย x2 + 2x + 1
..................................................................................................................................................................................................................................................
128
3.3 การคูณและการหารพหุนาม
1. การคูณพหุนาม
การคูณระหวางเอกนามกับเอกนาม และการคูณระหวางเอกนามกับพหุนาม
การคูณระหวางเอกนามกับเอกนาม และการคูณระหวางเอกนามกับพหุนาม สามารถใช
บัตรตัวเลข บัตรตัวแปร และตารางการคูณ ชวยในการหาคําตอบได ดังนี้
ตัวอยาง 2(3x)
คูณบัตรตัวเลขและบัตรตัวแปรแตละใบที่แสดง 3x ดวย 2
× x x x
1 x x x
1 x x x 1×x=x
ดังนั้น 2(3x) = 6x
ตัวอยาง 2(3x - 2) ฉบับ
เฉลย
คูณบัตรตัวเลขและบัตรตัวแปรแตละใบที่แสดง 3x - 2 ดวย 2
× x x x -1 -1
1 x x x -1 -1
1 x x x -1 -1 1 × (-1) = -1
1×x=x
ดังนั้น 2(3x - 2) = 2(3x) + 2(-2)
= 6x - 4
ตัวอยาง -2(3x - 2)
คูณบัตรตัวเลขและบัตรตัวแปรแตละใบที่แสดง 3x - 2 ดวย -2
× x x x -1 -1
-1 -x -x -x 1 1
-1 -x -x -x 1 1 -1 × (-1) = 1
-1 × x = -x
ดังนั้น -2(3x - 2) = (-2)(3x) + (-2)(-2)
= -6x + 4
129
ตัวอยาง 2x(3x - 2)
คูณบัตรตัวเลขและบัตรตัวแปรแตละใบที่แสดง 3x - 2 ดวย 2x
ATTENTION
× x x x -1 -1
การคูณระหวางเอกนามกับเอกนาม
x x2 x2 x2 -x -x
ทําไดโดยนําสัมประสิทธิ์ของเอกนาม
x x2 x2 x2 -x -x x × (-1) = -x แตละพจนมาคูณกัน และนําสวนที่
x × x = x2 เปนตัวแปรของเอกนามแตละพจน
มาคู ณ กั น โดยใช ส มบั ติ ก ารคู ณ
ดังนั้น 2x(3x - 2) = 2x(3x) + 2x(-2) เลขยกกําลัง
= 6x2 - 4x เชน 2x × 3x = (2 × 3) × (x × x)
ตัวอยาง -2x2(3x - 2) = 6x2
คูณบัตรตัวเลขและบัตรตัวแปรแตละใบที่แสดง 3x - 2 ดวย -2x2
× x x x -1 -1
-x2 -x3 -x3 -x3 x2 x2
-x2 -x3 -x3 -x3 x2 x2 -x2 × (-1) = x2
ฉบับ
เฉลย -x2 × x = -x3
ดังนั้น -2x2(3x - 2) = (-2x2)(3x) + (-2x2)(-2)
= -6x3 + 4x2
Practice Now
หาผลคูณในแตละขอตอไปนี้ โดยใชบัตรตัวเลขและบัตรตัวแปร
1) -3x(-3x2) 2) -3x(-x2 + 3x)
คูณบัตรตัวเลขและบัตรตัวแปรแตละใบที่แสดง
................................................................................................................ คูณบัตรตัวเลขและบัตรตัวแปรแตละใบที่แสดง
................................................................................................................
-3x2 ดวย -3x
................................................................................................................ -X2 + 3X ดวย -3X
................................................................................................................
× -x2 -x2 -x2
................................................................................................................
× -x2 x x x
................................................................................................................
-x x3 x3 x3 -x x3 -x2 -x2 -x2
................................................................................................................ ................................................................................................................
-x x3 x3 x3 -x x3 -x2 -x2 -x2
................................................................................................................ ................................................................................................................
-x x3 x3 x3 -x × (-x2) = x3
................................................................................................................
-x x3 -x2 -x2 -x2 -x × x = -x2
................................................................................................................
ดังนั้น -3 (-3 2) = 9 x x x 3
................................................................................................................
-x × (-x2) = x3
................................................................................................................
130
จากตัวอยางขางตน จะเห็นไดวาการคูณในแตละตัวอยางเปนการใชสมบัติการแจกแจง
ของจํานวนจริง เมื่อ a, b และ c เปนจํานวนจริงใด ๆ ดังนี้
a(b + c) = ab + ac
Worked Example 6
หาผลคูณในแตละขอตอไปนี้
1) 2(x - 2) 2) -2(3 + 4x)
3) 2x(x2 + 5) 4) -3x3(4x - 3y)
วิธีทํา
1) 2(x - 2) = 2x - 2(2) 2) -2(3 + 4x) = (-2)(3) + (-2)(4x)
= 2x - 4 = -6 - 8x
ฉบับ
3) 2 x(x2 + 5) = + 2x(5) 2x(x2) 4) -3 x3(4x - 3y) = (-3x3)(4x) + (-3x3)(-3y) เฉลย
3
= 2x + 10x = -12x4 + 9x3y
Similar Questions
Practice Now Exercise 3C ขอ 1, 7
หาผลคูณในแตละขอตอไปนี้
1) 3(4x + 1) 2) 7(5x - 2)
= 3(4 ) + 3(1) x
................................................................................................................ 7(5x) - 7(2)
=................................................................................................................
= 12x + 3
................................................................................................................ 35x - 14
=................................................................................................................
................................................................................................................ ................................................................................................................
................................................................................................................ ................................................................................................................
131
การคูณระหวางพหุนามกับพหุนาม
สําหรับการคูณระหวางพหุนามกับพหุนาม สามารถใชบตั รตัวเลข บัตรตัวแปร และตารางการคูณ
ชวยในการหาคําตอบได ดังนี้
ตัวอยาง (x + 2)(x + 3)
x+3
× x 1 1 1 × x 3
x x2 x x x x x2 3x
x+2 1 x 1 1 1
2 2x 6
1 x 1 1 1
ดังนั้น (x + 2)(x + 3) = x(x + 3) + 2(x + 3)
= x2 + 3x + 2x + 6
= x2 + 5x + 6
ตัวอยาง (x + 2)(x - 3)
ฉบับ x-3
เฉลย × x -1 -1 -1 -3
× x
x x2 -x -x -x x x2 -3x
x+2 1 x -1 -1 -1
2 2x -6
1 x -1 -1 -1
ดังนั้น (x + 2)(x - 3) = x(x - 3) + 2(x - 3)
= x2 - 3x + 2x - 6
= x2 - x - 6
ตัวอยาง (x - 2)(x + 3)
x+3
× x 1 1 1 × x 3
x x2 x x x x x2 3x
x-2 -1 -x -1 -1 -1
-2 -2x -6
-1 -x -1 -1 -1
ดังนั้น (x - 2)(x + 3) = x(x + 3) - 2(x + 3)
= x2 + 3x - 2x - 6
= x2 + x - 6
132
ตัวอยาง (x - 2)(x - 3)
x-3
× x -1 -1 -1 × x -3
x x2 -x -x -x x x2 -3x
x-2 -1 -x 1 1 1
-2 -2x 6
-1 -x 1 1 1
ดังนั้น (x - 2)(x - 3) = x(x - 3) - 2(x - 3)
= x2 - 3x - 2x + 6
= x2 - 5x + 6
ตัวอยาง (2x - 3)(3x + 2)
3x + 2
× x x x 1 1 × 3x 2
x x2 x2 x2 x x
2x 6x2 4x
x x2 x2 x2 x x ฉบับ
-x -x -x -1 เฉลย
2x - 3 -1 -1
-1 -x -x -x -1 -1 -3 -9x -6
-1 -x -x -x -1 -1
ดังนั้น (2x - 3)(3x + 2) = 2x(3x + 2) - 3(3x + 2)
= 6x2 + 4x - 9x - 6
= 6x2 - 5x - 6
จากตัวอยางขางตน จะเห็นไดวาการคูณในแตละตัวอยางเปนการใชสมบัติการแจกแจง
ของจํานวนจริง เมื่อ a, b และ c เปนจํานวนจริงใด ๆ ดังนี้
133
Worked Example 7
หาผลคูณในแตละขอตอไปนี้
1) (x + 4)(x + 5) 2) (4 - 3x)(5 - 2x)
3) (x - 2y)(x + 5y) 4) (2x2 - 1)(5x - 3)
วิธีทํา
1) (x + 4)(x + 5) = x(x + 5) + 4(x + 5)
= x2 + 5x + 4x + 20
= x2 + 9x + 20
2) (4 - 3x)(5 - 2x) = 4(5 - 2x) - 3x(5 - 2x)
= 20 - 8x - 15x + 6x2
= 20 - 23x + 6x2
ฉบับ 3) (x - 2y)(x + 5y) = x(x + 5y) - 2y(x + 5y)
เฉลย = x2 + 5xy - 2xy - 10y2
= x2 + 3xy - 10y2
4) (2x2 - 1)(5x - 3) = 2x2(5x - 3) - (5x - 3)
= 10x3 - 6x2 - 5x + 3
Similar Questions
Practice Now Exercise 3C ขอ 2, 8
หาผลคูณในแตละขอตอไปนี้
1) (x - 6)(x + 7) 2) (3 - 2x)(6 + 4x)
xx
= ( + 7) - 6( + 7) x
................................................................................................................ = 3(6 + 4 ) - 2 (6 + 4 ) x x x
................................................................................................................
= x2 + 7x - 6x - 42
................................................................................................................ = 18 + 12x - 12x - 8x2
................................................................................................................
= x2 + x - 42
................................................................................................................ = 18 - 8x2
................................................................................................................
134
Journal Writing
นทีแสดงวิธีหาผลคูณของ (a + b)(c + d + e) ดังนี้
(a + b)(c + d + e) = ac + bd + e
นักเรียนคิดวา วิธีหาผลคูณของนทีถูกตองหรือไม อยางไร
2. การหารพหุนาม
การหารเอกนามดวยเอกนาม
การหารเอกนามดวยเอกนาม ใชหลักการเดียวกับการคูณเอกนามกับเอกนามที่มีตัวแปร
มากกวาหนึ่งตัวแปร โดยใหแยกคิดสวนที่เปนคาคงตัวกับสวนที่เปนตัวแปร และใชสมบัติของ
เลขยกกําลังที่วา
สมบัติ ให a แทนจํานวนจริงใด ๆ ที่ไมเทากับศูนย และ m, n แทนจํานวนเต็ม แลว ฉบับ
m เฉลย
am ÷ an = a n = am - n
a
โดยมีขอตกลงวา เอกนามที่เปนตัวหารตองไมเปนศูนย
Worked Example 8
หาผลหารในแตละขอตอไปนี้
7 5
1) x3 2) -3m3
x m
วิธีทํา
7
1) x3 = x7 - 3
x
= x4
5
2) -3m3 = -3m5 - 3
m
= -3m2
135
Similar Questions
Practice Now Exercise 3C ขอ 3
หาผลหารในแตละขอตอไปนี้
5 9
1) x4 2) -2a6
x 5-4 a
= x
................................................................................................................ = -2a9 - 6
.................................................................................................................
= x
................................................................................................................ = -2a3
.................................................................................................................
136
Similar Questions
Practice Now Exercise 3C ขอ 4
หาผลหารในแตละขอตอไปนี้ พรอมตรวจสอบคําตอบ
4 7
1) 4a 4b 3
16a b
= (164 ) a4 - 4 b7 - 3
...................................................................................................................................................................................................................................................
b4
=...................................................................................................................................................................................................................................................
4 4
ตรวจสอบผลหาร (16a4b3)(b4 ) = (16 × 14 )(a4b3 + 4)
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 4a4b7
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
5y7z4
2) -14x
18x3y6z2
= (-14 18 ) y z x 5-3 7-6 4-2
...................................................................................................................................................................................................................................................
= -79 x2 yz2
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
ตรวจสอบผลหาร (18x3y6z2)(-79 x2yz2) = [18 × (-79 )](x3 + 2 y6 + 1 z2 + 2)
................................................................................................................................................................................................................................................... เฉลย
= -14x5y7z4
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
การหารพหุนามดวยเอกนาม
2
พิจารณาการหาร (3x2 + 6) ÷ 3 สามารถเขียนใหอยูในรูปเศษสวนไดเปน 3x 3+ 6 ซึ่งเปน
เศษสวนที่มีตัวเศษเปนพหุนาม และมีตัวสวนเปนเอกนาม โดยใชหลักการบวกของเศษสวนที่มี
ตัวสวนเทากัน จะเขียนไดเปน
3x2 + 6 = 3x2 + 6
3 3 3
จะเห็นไดวา การหารพหุนามดวยเอกนามนี้สามารถเขียนใหอยูในรูปของผลรวมของการหาร
เอกนามดวยเอกนาม 2 พจน ซึ่งเราสามารถใชความรูจากหัวขอที่แลวชวยในการหาผลลัพธของ
การหารเอกนามดวยเอกนามได
137
Worked Example 10
หาผลหารของ (5x2 + 20) ÷ 10
วิธีทํา
2
(5x2 + 20) ÷ 10 = 5x 10+ 20
2
= 5x
10 + 10
20
2
= x2 + 2
Similar Questions
Practice Now Exercise 3C ขอ 5
หาผลหารของ (3x2 - 8) ÷ 12
2
(3 x2 - 8) ÷ 12 = 3x12- 8
..............................................................................................................................................................................................................................................................
2
= 3x 122 - 12
8
..............................................................................................................................................................................................................................................................
= x4 - 23
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
เฉลย จาก Worked Example 10 จะเห็นไดวา ผลหารที่ไดเปนพหุนาม หากใชความสัมพันธ
ระหวางตัวตั้ง ตัวหาร และผลหารของพหุนาม เพื่อตรวจสอบคําตอบ จะไดวา
2 2
10( x2 + 2) = 10( x2 ) + 10(2) = 5x2 + 20
Worked Example 11
หาผลหารในแตละขอตอไปนี้ พรอมตรวจสอบคําตอบ
1) (a2 + 4ab2) ÷ 2a 2) (15x3y2 + 3yz4 - 9x5y4z2) ÷ 3y
วิธีทํา
2 2
1) (a2 + 4ab2) ÷ 2a = a +2a4ab
= 2a a2 + 4ab2
2a
= 2a + 2b2
ตรวจสอบผลหาร 2a( 2a + 2b2) = 2a( 2a ) + 2a(2b2)
= a2 + 4ab2
138
3 2 4
2) (15x3y2 + 3yz4 - 9x5y4z2) ÷ 3y = 15x y + 3yz - 9x5y4z2
3y
3 2 3yz4 5 4 2
= 15x3yy + 3y - 9x3yy z
= 5x3y + z4 - 3x5y3z2
ตรวจสอบผลหาร 3y(5x3y + z4 - 3x5y3z2) = 3y(5x3y) + 3y(z4) - 3y(3x5y3z2)
= 15x3y2 + 3yz4 - 9x5y4z2
Similar Questions
Practice Now Exercise 3C ขอ 6, 9-10
หาผลหารในแตละขอตอไปนี้ พรอมตรวจสอบคําตอบ
1) (15a3 + 20a2b3) ÷ 5a
(15a 3 + 20a2b3) ÷ 5a = 15a3 + 20a2b3
5a
...................................................................................................................................................................................................................................................
3 20a2b3
= 15a +
...................................................................................................................................................................................................................................................
5a 5a ฉบับ
= 3a + 4ab3 2
...................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย
ตรวจสอบคํ าตอบ 5a(3a2 + 4ab3) = 5a(3a2) + 5a(4ab3)
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 15a3 + 20a2b3
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
139
Exercise 3C
Basic Level
1. หาผลคูณในแตละขอตอไปนี้
1) -6(-7x - 3) 2) -5x(2 - 3x)
= -6(-7 ) + (-6)(-3) x
............................................................................................................. x
= -5 (2) - (-5 )(3 ) x x
.............................................................................................................
= 42x + 18
............................................................................................................. = -10x + 15x2
.............................................................................................................
............................................................................................................. .............................................................................................................
ฉบับ 2. หาผลคูณในแตละขอตอไปนี้
เฉลย
1) (x + 3)(x + 7) 2) (4x - 1)(3x + 5)
xx
= ( + 7) + 3( + 7) x
............................................................................................................. x x
= 4 (3 + 5) - (3 + 5) x
.............................................................................................................
= x2 + 7x + 3x + 21
............................................................................................................. = 12x2 + 20x - 3x - 5
.............................................................................................................
= x2 + 10x + 21
............................................................................................................. = 12x2 + 17x - 5
.............................................................................................................
3. หาผลหารในแตละขอตอไปนี้
12 11
1) x 9 2) -5m10
x m
= 12 - 9 x
............................................................................................................. = -5m11 - 10
.............................................................................................................
= x3
............................................................................................................. = -5m
.............................................................................................................
............................................................................................................. .............................................................................................................
140
4. หาผลหารในแตละขอตอไปนี้ พรอมตรวจสอบคําตอบ
5 4
1) 16a3b2
24a b
= ( 16 242 )2a b
5-3 4-2
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 2a3b
...................................................................................................................................................................................................................................................
3b2) 2a2b2 = 24 × 2 (a3 + 2 b2 + 2)
ตรวจสอบผลหาร (24a ( 3 ) ( 3)
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 16a5b4
...................................................................................................................................................................................................................................................
3 2 6
2) -18m n 3p
3mnp
= (-18 3 )m n p
3-1 2-1 6-3
...................................................................................................................................................................................................................................................
= -6m2np3
...................................................................................................................................................................................................................................................
ตรวจสอบผลหาร (3mnp3)(-6m2np3) = [3 × (-6)](m1 + 2 n1 + 1 p3 + 3)
...................................................................................................................................................................................................................................................
= -18m3n2p6
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
5. หาผลหารของ (6x2 + 10) ÷ 15 เฉลย
2
(6 2 + 10) 15 = 6x 15+ 10
x ÷
..................................................................................................................................................................................................................................................
2
= 6x 152 + 15
10
..................................................................................................................................................................................................................................................
= 2x5 + 23
..................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................
6. หาผลหารในแตละขอตอไปนี้ พรอมตรวจสอบคําตอบ
1) (a2 + 2ab) ÷ 6a
2
(a2 + 2ab) 6a = a +6a2ab ÷
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 6a a2 + 2ab
...................................................................................................................................................................................................................................................
6a
= a + b
...................................................................................................................................................................................................................................................
6 3
ตรวจสอบคําตอบ 6a( 6 + 3b ) = 6a( 6a ) + 6a( 3b ) a
...................................................................................................................................................................................................................................................
= a2 + 2ab
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
141
2) (-x3y6z2 + 21xy3z5 + 14y4z3) ÷ 7yz2
3 6 2 3 5 4 3
x3y6z2 + 21xy3z5 + 14y4z3) ÷ 7yz2 = -x y z + 21xy2z + 14y z
(-...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
3 6 2
7yz 3 5 4 3
...................................................................................................................................................................................................................................................
= -x y z + 21xy z + 14y z
...................................................................................................................................................................................................................................................
7yz 2 7yz 2 7yz2
...................................................................................................................................................................................................................................................
3 5
= -x7y + 3xy2z3 + 2y3z
...................................................................................................................................................................................................................................................
Intermediate Level
7. หาผลลัพธในแตละขอตอไปนี้
1) 7(2a + 1) - 4(8a - 3) 2) 3b(5 + b) - 2b(3b - 7)
ฉบับ =.............................................................................................................
[7(2a) + 7(1)] - [4(8a) - 4(3)] =.............................................................................................................
[3b(5) + 3b(b)] - [2b(3b) - 2b(7)]
เฉลย
=.............................................................................................................
(14a + 7) - (32a -12) (15b + 3b2) - (6b2 - 14b)
=.............................................................................................................
=.............................................................................................................
14a - 32a + 7 + 12 3b2 - 6b2 + 15b + 14b
=.............................................................................................................
=.............................................................................................................
-18a + 19 -3b2 + 29b
=.............................................................................................................
8. หาผลลัพธในแตละขอตอไปนี้
1) 5x(x - 6y) + (x + 3y)(3x - 4y)
= 5 2 - 30 y + (3 - 4y) + 3y(3 - 4y)
x x x x x
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 5x2 - 30xy + 3x2 - 4xy + 9xy - 12y2
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 5x2 + 3x2 - 30xy - 4xy + 9xy - 12y2
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 8x2 - 25xy - 12y2
...................................................................................................................................................................................................................................................
142
9. หาผลลัพธในแตละขอตอไปนี้
5 4 4n3 21m4n3 - 21m3n2
1) ( -20m n +3 30m ) ( 7m2n2 )
-
-5m n3
-20m5n4 + 30m4n3 - 21m4n3 - 21m3n2
( -5m3n3 -5m3n3 ) ( 7m2n2 7m2n2 )
=...................................................................................................................................................................................................................................................
= (4m2n - 6m) - (3m2n - 3m)
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 4m2n - 3m2n - 6m + 3m
...................................................................................................................................................................................................................................................
= m2n - 3m
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
6 2 4 4 3 3 5 2
2) ( 16p q 4- 28p q ) × (6p q +3 9p2 q )
4p q 4 4 -3p q
6 2 3 3 5 2
= (16p q - 8p q ) ( 6p q + 9p q )
4 2 4 2 ×
...................................................................................................................................................................................................................................................
3 2 3 2
4p q 4p q -3p q -3p q
(4p2 - 2q2) × (-2q - 3p2)
=...................................................................................................................................................................................................................................................
= 4p2(-2q - 3p2) + (-2q2)(-2q - 3p2)
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
= -8p2q - 12p4 + 4q3 + 6p2q2
................................................................................................................................................................................................................................................... เฉลย
= -12p4 + 6p2q2 - 8p2q + 4q3
...................................................................................................................................................................................................................................................
Advanced Level
10. พืน้ ทีข่ องรูปสีเ่ หลีย่ มผืนผารูปหนึง่ เทากับ 5a2 + 15a ตารางหนวย ถาดานกวางของรูปสีเ่ หลีย่ ม
ผืนผารูปนี้ยาว 5a หนวย แลวรูปสี่เหลี่ยมผืนผารูปนี้มีความยาวรอบรูปเทาใด
จาก พื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมผืนผา = ความกวาง ความยาว ×
..................................................................................................................................................................................................................................................
5a2 + 15a = 5a(ความยาว)
..................................................................................................................................................................................................................................................
2
ความยาว = 5a + 15a
..................................................................................................................................................................................................................................................
5a
= a + 3 หนวย
..................................................................................................................................................................................................................................................
จะไดวา ความยาวรอบรูปของรูปสี่เหลี่ยมผืนผา = 2(ความกวาง + ความยาว)
..................................................................................................................................................................................................................................................
= 2[5a + (a + 3)]
..................................................................................................................................................................................................................................................
= 2(6a + 3)
..................................................................................................................................................................................................................................................
= 12a + 6 หนวย
..................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น รูปสี่เหลี่ยมผืนผารูปนี้มีความยาวรอบรูป 12a + 6 หนวย
..................................................................................................................................................................................................................................................
143
Summary
1. นิพจนพีชคณิต
พีชคณิต คือ คณิตศาสตรแขนงหนึง่ ทีม่ กี ารใชสญั ลักษณตา ง ๆ หรือตัวอักษร เพือ่ แทนจํานวน
ซึ่งสัญลักษณหรือตัวอักษรเหลานั้น เราเรียกวา ตัวแปร โดยทั่วไปจะนิยมเขียนแทนตัวแปรดวย
ตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพเล็ก
1 คือ คาคงตัว
สมการพีชคณิต x และ y คือ ตัวแปร
3x - 2y + 1 = 0 3 และ -2 คือ คาคงตัวที่เปนสัมประสิทธิ์
หนาตัวแปร x และ y ตามลําดับ
นิพจนพีชคณิต
คือ การนําพจนพีชคณิตหลาย ๆ พจนมาประกอบกัน โดยใชเครื่องหมายการดําเนินการ
ทางคณิตศาสตร (+, -, ×, ÷) เปนตัวเชื่อม ซึ่งจะไมมีเครื่องหมายเทากับอยูในนิพจน
144
3. การบวกเอกนาม
1) ถาเอกนามที่นํามาบวกกันเปนเอกนามที่คลายกัน จะไดวา
145
6. การลบพหุนาม
การหาผลลบของพหุนามสองพหุนามสามารถทําไดในทํานองเดียวกันกับการหาผลลบของ
จํานวนจริงสองจํานวน โดยใชความรูเกี่ยวกับจํานวนตรงขาม ดังนี้
จากนั้นนําพจนที่คลายกันในแตละพหุนามมาบวกหรือลบกันเชนเดียวกับการบวกและการลบ
เอกนาม
ตัวอยาง
(-4x + 2y) - (-x - 5y + 3) = (-4x + 2y) + [-(-x - 5y + 3)]
= (-4x + 2y) + (x + 5y - 3)
พจนที่คลายกัน
= -4x + 2y + x + 5y - 3
ฉบับ พจนที่คลายกัน
เฉลย = -4x + x + 2y + 5y - 3
= -3x + 7y - 3
7. การคูณพหุนาม
1) การคูณระหวางเอกนามกับเอกนาม ทําไดโดย
(1) นําสัมประสิทธิ์ของเอกนามแตละพจนมาคูณกัน
(2) นําสวนทีเ่ ปนตัวแปรของเอกนามแตละพจนมาคูณกันโดยใชสมบัตกิ ารคูณเลขยกกําลัง
ตัวอยาง
2x(3x) = (2 × 3)x1 + 1
= 6x2
2) การคูณระหวางเอกนามกับพหุนาม ทําไดโดยใชสมบัติการแจกแจง
ตัวอยาง
2x(3x - 2) = 2x(3x) + 2x(-2)
= 6x2 - 4x
146
3) การคูณระหวางพหุนามกับพหุนาม ทําไดโดย
(1) นําแตละพจนของพหุนามหนึ่งมาคูณกับทุก ๆ พจนของอีกพหุนามหนึ่ง
(2) นําผลคูณทั้งหมดมาบวกกัน
ตัวอยาง
× x 3
(x + 2)(x + 3) = x(x + 3) + 2(x + 3) x x2 3x
2
= x + 3x + 2x + 6
= x2 + 5x + 6 2 2x 6
8. การหารพหุนาม
1) การหารเอกนามดวยเอกนาม ทําไดโดย
(1) นําสัมประสิทธิ์ของเอกนามแตละพจนมาหารกัน
(2) นําสวนทีเ่ ปนตัวแปรของเอกนามแตละพจนมาหารกันโดยใชสมบัตกิ ารหารเลขยกกําลัง
ตัวอยาง
6a7b3 = ( 6 ) a7 - 2b3 - 1
3a2b 3 ฉบับ
= 2a b 5 2 เฉลย
2) การหารพหุนามดวยเอกนาม ทําไดโดย
(1) หารแตละพจนของพหุนามตัวตั้งดวยเอกนามที่เปนตัวหาร
(2) นําผลหารแตละพจนมาบวกหรือลบกัน โดยถาไดผลหารเปนพหุนาม จะกลาววา
การหารนั้นเปนการหารลงตัว
ตัวอยาง
2 2
(a2 + 4ab2) ÷ 2a = a +2a4ab
a2 + 4ab2
= 2a 2a
= 2a + 2b2
147
Review Exercise 3
1. นิพจนในแตละขอตอไปนี้เปนพหุนามหรือไม เพราะเหตุใด
2
1) -5xy 2) 3mn2 + 4q - 5n
6z 2 q2 m-1
2 4q สามารถเขียนในรูปการคูณไดเปน 4q-1
-5xy สามารถเขียนในรูปการคูณไดเปน
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
6z 2 -1 q2
-5xy z มี -5 เปนคาคงตัว มี 4 เปนคาคงตัว
6 6
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
มี………………………………………………………………………………..
x เปนตัวแปรที่มีเลขชี้กําลังเปน 1 มี q เปนตัวแปรที่มีเลขชี้กําลังเปน -1
………………………………………………………………………………..
2 4q 5n
มี………………………………………………………………………………..
y เปนตัวแปรที่มีเลขชี้กําลังเปน 2 ดังนั้น 3mn
2 + q2 - m-1 ไมเปนพหุนาม
………………………………………………………………………………..
และมี z เปนตัวแปรที่มีเลขชี้กําลังเปน -1
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
2
งนั้น -5xy ไมเปนพหุนาม
ดั……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
6z
2. เขียนนิพจนที่เปนเอกนามที่มี 3 ตัวแปร มีสัมประสิทธิ์เปน -2 และมีดีกรีเปน 3 มา 2 นิพจน
แนวตอบ -2xyz, -2abc
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ฉบับ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
เฉลย
3. เขียนนิพจนที่เปนพหุนามที่มี 3 ตัวแปร มี 2 พจน และมีดีกรีเปน 5 มา 2 นิพจน
แนวตอบ 2xy + z5, a2b3 - c
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
4. หาผลบวกของเอกนามในแตละขอตอไปนี้
1) 17x + 16x 2) 9a4b6 + (-12a4b6)
x
= (17 + 16)
……………………………………………………………………………….. = [9 + (-12)]a4b6
………………………………………………………………………………..
= 33x
……………………………………………………………………………….. = -3a4b6
………………………………………………………………………………..
5. หาผลลบของเอกนามในแตละขอตอไปนี้
1) (-11h2) - 8h2 2) -14p3qr5 - (-32p3qr5)
= (-11 - 8)h2
……………………………………………………………………………….. = [-14 - (-32)]p3qr5
………………………………………………………………………………..
= -19h2
……………………………………………………………………………….. = 18p3qr5
………………………………………………………………………………..
148
6. หาผลบวกของพหุนามในแตละขอตอไปนี้
1) (8x - 17y) + (17x - 8y)
x
= 8 - 17y + 17 - 8y x
..................................................................................................................................................................................................................................................
= 8x + 17x - 17y - 8y
..................................................................................................................................................................................................................................................
= 25x - 25y
..................................................................................................................................................................................................................................................
7. หาผลลบของพหุนามในแตละขอตอไปนี้
1) (-6a + 4b) - (-3a - 2b - 5) 2) -(56 x6y + 79) - (- 52 xy5 - 3x6y) - 54 xy5
= -6a + 4b + 3a + 2b + 5
……………………………………………………………………………….. = -56 6y - 79 + 52 y5 + 3 6y - 54 y5
x x x x
………………………………………………………………………………..
ฉบับ
เฉลย
= -6a + 3a + 4b + 2b + 5
……………………………………………………………………………….. = -56 x6y + 3x6y + 52 xy5 - 54 xy5 - 79
………………………………………………………………………………..
= -3a + 6b + 5
……………………………………………………………………………….. = 136 x6y + 54 xy5 - 79
………………………………………………………………………………..
= 6x2 + x2 - 5x + x - 2 + 1
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
= 7x2 - 4x - 1
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
149
9. หาผลรวมของ 3x2 + 2x - 10 กับ -2x2 - 2x - 5 ลบดวย 16x2 - 7x - 5
(3 2 + 2 - 10) + (-2 2 - 2 - 5) - (16 2 - 7 - 5)
x x x x x x
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
= 3x2 + 2x - 10 - 2x2 - 2x - 5 - 16x2 + 7x + 5
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
= 3x2 - 2x2 - 16x2 + 2x - 2x + 7x - 10 - 5 + 5
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
= -15x2 + 7x - 10
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
10. หาผลคูณในแตละขอตอไปนี้
1) 5(-11x - 8) 2) -6x(9x + 5y)
x
= 5(-11 ) - 5(8)
……………………………………………………………………………….. x x x
= -6 (9 ) + (-6 )(5y)
………………………………………………………………………………..
= -55x - 40
……………………………………………………………………………….. = -54x2 - 30xy
………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
11. หาผลคูณในแตละขอตอไปนี้
ฉบับ 1) (x - 5)(x + 10) 2) (2x2 - 3)(4x - 7)
เฉลย
xx x
= ( + 10) + (-5)( + 10)
……………………………………………………………………………….. = 2 2(4 - 7) + (-3)(4 - 7)
x x x
………………………………………………………………………………..
= x2 + 10x - 5x - 50
……………………………………………………………………………….. = 8x3 - 14x2 - 12x + 21
………………………………………………………………………………..
= x2 + 5x - 50
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
12. หาผลหารในแตละขอตอไปนี้
10 14
1) c 8 2) -4n11
-c n
= -c10 - 8
……………………………………………………………………………….. = -4n14 - 11
………………………………………………………………………………..
= -c2
……………………………………………………………………………….. = -4n3
………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
4 5 6
13. หาผลหารของ -12a3 b3 c3 พรอมตรวจสอบคําตอบ
-12a4b5c6
20a b c
-12 4 - 3 5 - 3 6 - 3
= ( 20 ) a b c
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
3 3 3
20a b c
= -35 ab2c3
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ตรวจสอบผลหาร (20a3b3c3)(-35 ab2c3) = [20 × (-35 )](a3 + 1 b3 + 2 c3 + 3)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
= -12a4b5c6
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
150
14. หาผลหารของ (-22a4b5c3 - a5b3c2 + 33a4b3) ÷ 11a4b3
-22a4b5c3 - a5b3c2 + 33a4b3 = -22a4b5c3 - a5b3c2 + 33a4b3
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
4 3 4 3 4 3 4 3
11a b 11a b 211a b 11a b
= -2b2c3 - ac
11 + 3
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
5 5 3 4 9a4b3 + 3a5b6
17. หาผลลัพธของ ( -15a b 3- 10a
4
b
) × ( 3a4b3 )
5a b
-15a5b5 - 10a3b4 9a4b3 + 3a5b6
( 5a b ) ×
( 3a b )
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
3 4 4 3
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
5 5 3 4
= (-15a b - 10a b ) 9a4b3 + 3a5b6
3 4
5a b 5a b3 4 × 4 3 ( 3a b 3a b )
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
4 3
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
= (-3a2b - 2)(3 + ab3)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
= -3a2b(3 + ab3) + (-2)(3 + ab3)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
= -9a2b - 3a3b4 - 6 - 2ab3
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
= -3a3b4 - 2ab3 - 9a2b - 6
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
151
18. รูปสีเ่ หลีย่ มผืนผารูปหนึง่ มีความยาวรอบรูปเทากับ 6y2 - 2y หนวย ถาดานกวางของรูปสีเ่ หลีย่ ม
ผืนผารูปนี้ยาว 2y หนวย แลวรูปสี่เหลี่ยมผืนผารูปนี้มีพื้นที่เทาใด
จาก ความยาวรอบรูปของรูปสี่เหลี่ยมผืนผา = (2 ความกวาง) + (2 ความยาว)
× ×
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
6y2 - 2y = 2(2y) + (2 × ความยาว)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ความยาว = 6y2 - 2y - 4y
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
2
2
= 3y - 3y หนวย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
จะไดวา พื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมผืนผา = ความกวาง × ความยาว
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
= 2y(3y2 - 3y)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
= 6y3 - 6y2 ตารางหนวย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ดังนั้น รูปสี่เหลี่ยมผืนผารูปนี้มีพื้นที่ 6y3 - 6y2 ตารางหนวย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
19. ตอบคําถามตอไปนี้
1) เวลา 3y นาที กับเวลา 25y วินาที ตางกันกี่วินาที
ฉบับ เวลา 3y นาที เทากับ 3y 60 วินาที ×
เฉลย ..................................................................................................................................................................................................................................................
= 180y วินาที
..................................................................................................................................................................................................................................................
จะได 180y - 25y = 155y วินาที
..................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น เวลา 3y นาที กับเวลา 25y วินาที ตางกัน 155y วินาที
..................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................
152
Challenge Yourself
พิจารณาการคูณของจํานวนที่มีสองหลักกับจํานวนที่มีสองหลัก
ถาเลขโดดในหลักสิบของจํานวนทั้งสองเหมือนกัน และเลขโดดในหลักหนวยมีผลรวมเทากับ 10
เราสามารถหาผลคูณระหวางจํานวนสองจํานวนนี้ไดโดยใชวิธีลัด ดังนี้
คูณเลขโดดในหลักสิบดวยเลขโดด 7 4 × คูณเลขโดดในหลักหนวยของจํานวน
ที่อยูถัดไป นั่นคือ 7 × 8 = 56 7 6 ทั้งสองเขาดวยกัน นั่นคือ 4 × 6 = 24
5 6 2 4
.............................................................................................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................................................................................
153
ฉบับ
เฉลย
154
หนวยการเรียนรูที่ 4
การแปลง
ทางเรขาคณิต
ปจจุบันเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับอากาศยานไรคนขับหรือโดรน
(drone) ได รั บ ความนิ ย มเป น อย า งมาก โดรนส ว นใหญ
จะถูกออกแบบใหมีลักษณะ 4 ใบพัด ซึ่งใบพัดแตละใบจะหมุน
รอบแกน ๆ หนึง่ ทีใ่ ชเปนจุดหมุนของใบพัด โดยอุปกรณควบคุม
จะทําการควบคุมใบพัดที่อยูในแนวเสนทแยงมุมเดียวกันให
ฉบับ
หมุนในทิศทางเดียวกัน ซึ่งมีใบพัดสองตัวที่หมุนในทิศทาง เฉลย
ตามเข็มนาฬกา และมีใบพัดอีกสองตัวที่หมุนในทิศทางทวน
เข็มนาฬกา
ตัวชี้วัด
• เขาใจและใชความรูเกี่ยวกับการแปลงทางเรขาคณิตในการแกปญหา
คณิตศาสตรและปญหาในชีวิตจริง (ค 2.2 ม.2/3)
สาระการเรียนรูแกนกลาง
• การเลื่อนขนาน
• การสะทอน
• การหมุน
• การนําความรูเกี่ยวกับการแปลงทางเรขาคณิตไปใชในการแกปญหา
155
4.1 การแปลงทางเรขาคณิต
การแปลงทางเรขาคณิต หมายถึง การเปลี่ยนแปลงตําแหนง รูปราง หรือขนาดของจุดหรือ
สิ่งของตาง ๆ
ตารางตอไปนีจ้ ะแสดงการแปลงทางเรขาคณิตซึง่ มีทงั้ หมด 4 แบบ คือ การเลือ่ นขนาน (translation)
การสะทอน (reflection) การหมุน (rotation) และการยอ/ขยาย (enlargement/dilation)
การเลือ่ นขนาน การสะทอน การหมุน การยอ/ขยาย
C1 C C1 C C1
C C
B1
B1 B1 A1
B A1 B C1 B
A B B1 A1 A A1 A
A
จากการแปลงทางเรขาคณิตทั้ง 4 แบบ เราจะเรียก ∆ ABC ซึ่งเปนรูปกอนการแปลงวา
ฉบับ
เฉลย “รูปตนแบบ (pre-image)” และเรียก ∆ A1B1C1 ซึ่งเปนรูปหลังการแปลงวา “ภาพ (image)”
การแปลงทางเรขาคณิตเปนการดําเนินการเกีย่ วกับรูปเรขาคณิต ซึง่ ทําใหเกิดการเปลีย่ นแปลง
จากตําแหนงหนึง่ ไปยังอีกตําแหนงหนึง่ โดยทีร่ ปู รางและขนาดอาจมีการเปลีย่ นแปลง แตการเรียน
ในระดับชัน้ นี้ จะเรียนเฉพาะการแปลงทางเรขาคณิตทีท่ าํ ใหภาพทีไ่ ดจากการแปลงมีรปู รางและขนาด
ไมเปลีย่ นแปลง ซึง่ มีเพียง 3 แบบ คือ การเลือ่ นขนาน (translation) การสะทอน (reflection) และ
การหมุน (rotation) เมือ่ พิจารณารูปตนแบบและภาพทีไ่ ดจากการแปลงจะพบวา จุดทีอ่ ยูบ นรูปตนแบบ
จะจับคูกับจุดที่อยูบนภาพที่ไดจากการแปลง โดยเรียกจุดที่จับคูกันวา จุดที่สมนัยกัน ดังนั้น เมื่อ
เลือกจุดอื่น ๆ บนรูปตนแบบจะมีจุดที่สมนัยกันบนภาพที่ไดจากการแปลงเพียงจุดเดียวเทานั้น
Class Discussion
ใหนักเรียนจับคูกับเพื่อนจากนั้นนําโทรศัพทเคลื่อนที่ของตนเองขึ้นมา แลวชวยกันพิจารณาวา
การยายตําแหนงของแอปพลิเคชันบนหนาจอโทรศัพทเคลื่อนที่เกี่ยวของกับการแปลงทาง
เรขาคณิตหรือไม อยางไร
การยายตําแหนงของแอปพลิเคชันบนหนาจอโทรศัพทเคลือ่ นทีเ่ ปนการเปลีย่ นตําแหนงของแอปพลิเคชันโดยที่
..............................................................................................................................................................................................................................................................
รูปรางและขนาดของแอปพลิเคชันไมเปลี่ยนแปลงจึงเปนการแปลงทางเรขาคณิต
..............................................................................................................................................................................................................................................................
156
Exercise 4A
Basic Level
1. รูปตอไปนี้เปนภาพที่ไดจากการเลื่อนขนาน การสะทอน การหมุนรูปตนแบบหรือไม
รูปตนแบบ
1) 2) 3) 4) 5)
เปน
……………………….. ไมเปน
……………………….. เปน
……………………….. ไมเปน
……………………….. เปน
………………………..
2. ภาพที่ไดจากการแปลงทางเรขาคณิตตอไปนี้เกิดจากการแปลงทางเรขาคณิตแบบใด
Y ฉบับ
1) การเลื่อนขนาน
……………………………………………………………………. เฉลย
2 ………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
-6 -4 -2 0 2 4 6 X ………………………………………………………………………
-2 ………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
-4
………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
Y การหมุน
2) …………………………………………………………………….
6 ………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
4
………………………………………………………………………
2 ………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
-2 0 2 4 6 8 10 X
………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
157
Y การสะทอน
3) …………………………………………………………………….
6 ………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
4
………………………………………………………………………
2 ………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
-6 -4 -2 0 2 4 6 X
………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
Y
4) การยอ/ขยาย
…………………………………………………………………….
6 ………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
4
………………………………………………………………………
2 ………………………………………………………………………
ฉบับ ………………………………………………………………………
เฉลย -2 0 2 4 6 8 10 X
………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
Intermediate Level
3. เขียนกราฟแสดงจุด A(4, 2), B(6, 4), C(6, 7), D(4, 5), A1(-4, 2), B1(-6, 4), C1(-6, 7)
และ D1(-4, 5) บนระบบพิกัดฉากเดียวกัน จากนั้นตรวจสอบวา □ A1B1C1D1 เปนภาพที่ได
จากการแปลง □ ABCD ดวยการแปลงทางเรขาคณิตแบบใด
Y A B C D เปนภาพทีไ่ ดจากการแปลง
□ 1 1 1 1
C1 C …………………………………………………………………….
□ ABCD ดวยการสะทอน
………………………………………………………………………
6
D1 D
………………………………………………………………………
B1 4 B ………………………………………………………………………
A1 2 A ………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
-6 -4 -2 0 2 4 6 X
………………………………………………………………………
-2 ………………………………………………………………………
158
4.2 การเล�อนขนาน
พิจารณารูปตอไปนี้
A1 C1
2 หนวย
3 หนวย
C 4 หนวย
A B B1
4 หนวย
จากรูป จะเห็นวา
• จุด A1 เกิดจากการเลื่อนจุด A ไปดานบนในแนวดิ่ง 3 หนวย เรียกจุด A1 วาเปนภาพ ฉบับ
ที่ไดจากการเลื่อนขนานจุด A ซึ่งเปนรูปตนแบบ และกลาววา จุด A1 กับจุด A เปนจุดที่ เฉลย
สมนัยกัน
• จุด B1 เกิดจากการเลื่อนจุด B ไปทางขวา 4 หนวย เรียกจุด B1 วาเปนภาพที่ไดจาก
การเลื่อนขนานจุด B ซึ่งเปนรูปตนแบบ และกลาววา จุด B1 กับจุด B เปนจุดที่สมนัยกัน
• จุด C1 เกิดจากการเลือ่ นจุด C ไปทางขวา 4 หนวย และเลือ่ นไปดานบนในแนวดิง่ 2 หนวย
เรียกจุด C1 วาเปนภาพที่ไดจากการเลื่อนขนานจุด C ซึ่งเปนรูปตนแบบ และกลาววา
จุด C1 กับจุด C เปนจุดที่สมนัยกัน
พิจารณาการเลื่อนขนาน ∆ ABC ตอไปนี้
Y
A 3 A1
B 2 C B1 C1
A2 1
B2
-5 -4 -3 -2 -1 0 1C2 2 3 4 5 X
159
จากรูป จะเห็นวา ∆ A1B1C1 เกิดจากการเลื่อน ∆ ABC ขนานกับแกน X ไปทางขวา 5 หนวย
จุด A, B และ C เปนจุดที่สมนัยกับจุด A1, B1 และ C1 ตามลําดับ ซึ่งแตละจุดที่สมนัยกัน
อยูหางกันเปนระยะ 5 หนวย เราจะเรียก ∆ ABC วารูปตนแบบ และเรียก ∆ A1B1C1 วาเปน
ภาพที่ไดจากการเลื่อนขนาน ∆ ABC
จาก จุด A และจุด B เปนจุดที่สมนัยกับจุด A1 และจุด B1 ตามลําดับ
จะได AB กับ A1B1 เปนดานที่สมนัยกัน ทําให AB = A1B1
จุด B และจุด C เปนจุดที่สมนัยกับจุด B1 และจุด C1 ตามลําดับ
จะได BC กับ B1C1 เปนดานที่สมนัยกัน ทําให BC = B1C1
จุด A และจุด C เปนจุดที่สมนัยกับจุด A1 และจุด C1 ตามลําดับ
จะได AC กับ A1C1 เปนดานที่สมนัยกัน ทําให AC = A1C1
และจาก AB และ BC เปนดานที่สมนัยกับ A1B1 และ B1C1 ตามลําดับ
∧
จะได ABC กับ A1∧B1C1 เปนมุมที่สมนัยกัน ทําให ABC ∧
= A1∧B1C1
BC และ CA เปนดานที่สมนัยกับ B1C1 และ C1A1 ตามลําดับ
∧
จะได BCA กับ B1C∧1A1 เปนมุมที่สมนัยกัน ทําให BCA ∧
= B1C∧1A1
ฉบับ CA และ AB เปนดานที่สมนัยกับ C1A1 และ A1B1 ตามลําดับ
เฉลย ∧
จะได CAB กับ C1∧A1B1 เปนมุมที่สมนัยกัน ทําให CAB ∧
= C1∧A1B1
เมื่อพิจารณา ∆ A2B2C2 จะพบวา ∆ A2B2C2 เกิดจากการเลื่อน ∆ ABC ขนานกับแกน Y
ไปดานลาง 2 หนวย และเลื่อนขนานกับแกน X ไปทางขวา 1 หนวย เราจะเรียก ∆ ABC
วารูปตนแบบ และเรียก ∆ A2B2C2 วาเปนภาพที่ไดจากการเลื่อนขนาน ∆ ABC
จากรูปขางตน สรุปไดวา
1) การเลื่อนขนานเปนการแปลงทางเรขาคณิตโดยภาพที่ไดจากการเลื่อนขนานมีขนาดและ
รูปรางเหมือนกับรูปตนแบบ
2) รู ป ต น แบบกั บ ภาพที่ ไ ด จ ากการเลื่ อ นขนานสามารถทั บ กั น ได ส นิ ท โดยไม ต อ งพลิ ก
หมุน หรือยอ/ขยาย
3) การเลื่อนขนานเปนการเลื่อนจุดทุกจุดบนรูปตนแบบไปในทิศทางเดียวกัน และเปนระยะ
เทากัน
4) ระยะทางระหวางจุดบนรูปตนแบบกับจุดบนภาพที่ไดจากการเลื่อนขนานซึ่งเปนจุดที่
สมนัยกันจะมีระยะทางเทากัน
การเลื่อนขนาน
160
จากขอสรุปขางตน เขียนเปนบทนิยามไดวา
บทนิยาม การเลือ่ นขนานบนระนาบ เปนการแปลงทางเรขาคณิตแบบหนึง่ ทีม่ กี ารเลือ่ นจุด
ทุกจุดบนรูปตนแบบไปบนระนาบตามแนวเสนตรงในทิศทางเดียวกัน และเปนระยะเทากัน
Worked Example 1
กําหนด □ ABCD เปนรูปตนแบบที่มีจุด A(1, -2), B(5, -1), C(4, -4) และ D(0, -4) เปน
จุดยอดมุม ใหสรางภาพที่ไดจากการเลื่อนขนาน □ ABCD ตามเงื่อนไขในแตละขอตอไปนี้
1) ขนานกับแกน X ไปทางซาย 8 หนวย
2) ขนานกับแกน Y ไปดานบน 4 หนวย
วิธีทํา
1) สรางจุด A1, B1, C1 และ D1 ที่เกิดจากการเลื่อนจุด A, B, C และ D ตามลําดับ ขนานกับ
แกน X ไปทางซาย 8 หนวย
จะเห็นวา คาของพิกัดที่สองคงเดิม แตคาของพิกัดที่หนึ่งของทุกจุดจะลดลงจุดละ 8 หนวย ฉบับ
เฉลย
ดังนั้น □ A1B1C1D1 ซึ่งเปนภาพที่ไดจากการเลื่อนขนาน □ ABCD จะมีจุดยอดมุม คือ
จุด A1(-7, -2), B1(-3, -1), C1(-4, -4) และ D1(-8, -4)
2) สรางจุด A2, B2, C2 และ D2 ซึ่งเกิดจากการเลื่อนจุด A, B, C และ D ตามลําดับ ขนานกับ
แกน Y ไปดานบน 4 หนวย
จะเห็นวา คาของพิกัดที่หนึ่งคงเดิม แตคาของพิกัดที่สองของทุกจุดจะเพิ่มขึ้นจุดละ 4 หนวย
ดังนั้น □ A2B2C2D2 ซึ่งเปนภาพที่ไดจากการเลื่อนขนาน □ ABCD จะมีจุดยอดมุม คือ
จุด A2(1, 2), B2(5, 3), C2(4, 0) และ D2(0, 0)
Y
A2 B2
2
D2 C2 6 X
-10 -8 -6 -4 B1 -2 0 2 4 B 8 10
A1 A
-2
D1 C1 -4 D C
161
Similar Questions
Practice Now Exercise 4B ขอ 1-2, 4, 8
กําหนด ∆ ABC เปนรูปตนแบบที่มีจุด A(-8, 3), B(-6, 4) และ C(-3, 2) เปนจุดยอดมุม
ใหสรางภาพที่ไดจากการเลื่อนขนาน ∆ ABC ตามเงื่อนไขในแตละขอตอไปนี้
1) ขนานกับแกน X ไปทางขวา 10 หนวย
2) ขนานกับแกน Y ไปดานลาง 5 หนวย
Y
B 4 B1
A A1
C C1
-8 0 X
B2 -4 4 8
A2
C2
ฉบับ
เฉลย Worked Example 2
Y
สรางภาพที่ไดจากการเลื่อนขนาน □ ABCD
ซึ่งเปนรูปตนแบบตามเวกเตอร PQ 6
วิธีทํา 4 D C
การเลื่อนขนานตามเวกเตอร PQ หรือ PQ Q
2 A B
คือ การเลื่อนขนานโดยมีทิศทางเดียวกับการ
เลื่อนขนานที่เริ่มจากจุด P ไปยังจุด Q และมี 0 2 4 6 8 X
ระยะที่ใชในการเลื่อนขนานเทากับ PQ P
ดังนั้น การเลื่อนขนาน □ ABCD ตาม PQ Y
ทําได ดังนี้ D1 C1
สรางจุด A1, B1, C1 และ D1 ซึ่งเปนภาพที่ได 6
A B1
จากการเลื่อนขนานจุด A, B, C และ D ตาม 4 D C1
ลําดับ ตาม PQ จะได □ A1B1C1D1 เปนภาพ Q
2 A B
ที่ไดจากการเลื่อนขนาน □ ABCD ตาม PQ
0 2 4 6 8 X
P
162
Similar Questions
Practice Now Exercise 4B ขอ 3, 7
สรางภาพที่ไดจากการเลื่อนขนานรูปหาเหลี่ยม ABCDE ซึ่งเปนรูปตนแบบตามเวกเตอร MN
Y
6 D1
E1
4 D C1
E A1
2 C B1
A X
-6 -4 -2 0 2 4B 6 8 10 12 14
-2 N
M
Worked Example 3
ใหอธิบายการเลื่อนขนาน □ ABCD ซึ่งเปนรูปตนแบบ เพื่อใหได □ A1B1C1D1 และ □ A2B2C2D2 ฉบับ
เฉลย
ซึ่งเปนภาพที่ไดจากการเลื่อนขนาน
Y
วิธีทํา
10 การเลื่อนขนาน □ ABCD ซึ่งเปนรูปตนแบบ
A B8 เพื่อใหได □ A1B1C1D1 ซึ่งเปนภาพที่ไดจาก
การเลื่อนขนาน จะเลื่อนขนาน 2 ครั้ง ดังนี้
6 ครั้งที่ 1 เลื่อน □ ABCD ขนานกับแกน X
A1 B1
D C4 ไปทางขวา 6 หนวย
ครั้งที่ 2 เลื่อน □ ABCD ขนานกับแกน Y
2 D C1
1 ไปดานลาง 3 หนวย
-4 -2 0 2 4 X การเลื่อนขนาน □ ABCD ซึ่งเปนรูปตนแบบ
เพื่อใหได □ A2B2C2D2 ซึ่งเปนภาพที่ไดจาก
-2
A2 B2 การเลื่อนขนานจะเลื่อนขนาน 2 ครั้ง ดังนี้
-4 ครั้งที่ 1 เลื่อน □ ABCD ขนานกับแกน Y
-6 D ไปดานลาง 11 หนวย
C
2 2 ครั้งที่ 2 เลื่อน □ ABCD ขนานกับแกน X
ไปทางขวา 5 หนวย
163
Practice Now Similar Questions
Exercise 4B ขอ 5-6
ใหอธิบายการเลื่อนขนาน □ ABCD ซึ่งเปนรูปตนแบบ เพื่อใหได □ A1B1C1D1 และ □ A2B2C2D2
ซึ่งเปนภาพที่ไดจากการเลื่อนขนาน
Y
B
A C 4
2 B1
B2 A1 C1
A2 C2 D X
-10 -8 -6 -4 -2 0 2 4 6 8 10
-2
D1
D2
การเลื่อนขนาน ABCD เพื่อใหได A B C D ทําไดโดย
□ □ 1 1 1 1
..................................................................................................................................................................................................................................................
เลื่อน □ ABCD ขนานกับแกน X ไปทางขวา 8 หนวย และ
..................................................................................................................................................................................................................................................
เลื่อนขนานกับแกน Y ไปดานลาง 3 หนวย
..................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
เฉลย การเลื่อนขนาน □ ABCD เพื่อใหได □ A2B2C2D2 ทําไดโดย
..................................................................................................................................................................................................................................................
เลื่อน □ ABCD ขนานกับแกน X ไปทางซาย 4 หนวย และ
..................................................................................................................................................................................................................................................
เลื่อนขนานกับแกน Y ไปดานลาง 4 หนวย
..................................................................................................................................................................................................................................................
Exercise 4B
Basic Level
Y
1. หาพิกัดของจุดซึ่งเปนภาพที่ไดจากการ
เลือ่ นขนานจุด A, B, C และ D ตามเงือ่ นไข B(-6, 4)
4
ในแตละขอตอไปนี้
C1(-4, 1) 2 C(2, 1)
1) เลื่อนจุด A ขนานกับแกน X
ไปทางขวา 4 หนวย -6 -4 -2 0 2 4 X
2) เลื่อนจุด B ขนานกับแกน Y -2 A1(2, -2)
ไปดานลาง 8 หนวย A(-2, -2)
3) เลื่อนจุด C ขนานกับแกน X B1(-6, -4) -4
ไปทางซาย 6 หนวย
164
2. ใหพิจารณาวา รูปสามเหลี่ยม A, B, C, D และ E รูปใดบางทีเ่ ปนภาพที่ไดจากการเลื่อนขนาน
∆ XYZ พรอมทั้งอธิบายเหตุผลประกอบ
A C
B
X
D
Y Z E
รู..................................................................................................................................................................................................................................................
ปสามเหลี่ยม B และ D เปนภาพที่ไดจากการเลื่อนขนาน ∆ XYZ เนื่องจากรูปสามเหลี่ยม B และ D
สามารถทั บ ∆ XYZ ไดสนิทโดยไมตองพลิก หมุน หรือยอ/ขยาย
..................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
Intermediate Level เฉลย
3. สรางภาพที่ไดจากการเลื่อนขนาน ∆ ABC ตามเงื่อนไขในแตละขอตอไปนี้
1) ระยะทางเทากับ AB และไปในทิศทางเดียวกับ AB
2) ระยะทางเทากับ BC และไปในทิศทางเดียวกับ BC
Y
10
6
C2
4
A2 B2 C1
C
2
A B A1 B1
-2 0 2 4 6 8 10 12 14 16 18 X
165
4. กําหนด □ PQRS เปนรูปตนแบบทีม่ จี ดุ P(0, 1), Q(4, 1), R(6, 3) และ S(2, 3) เปนจุดยอดมุม
ใหสรางภาพที่ไดจากการเลื่อนขนาน □ PQRS ตามเงื่อนไขในแตละขอตอไปนี้
1) ขนานกับแกน X ไปทางซาย 8 หนวย 2) ขนานกับแกน Y ไปดานบน 4 หนวย
3) ขนานกับแกน X ไปทางขวา 4 หนวย 4) ขนานกับแกน Y ไปดานลาง 5 หนวย
Y
S2 R2
6
P2 Q2
S1 R1 4 S R S3 R3
2
P1 P Q P3 Q3
Q1 X
-10 -8 -6 -4 -2 0 2 4 6 8 10
-2 S4 R4
-4 P Q4
4
ฉบับ
เฉลย
5. ใหอธิบายการเลื่อนขนานจุด P ซึ่งเปนรูปตนแบบ เพื่อใหไดจุด P1 ซึ่งเปนภาพที่ได
จากการเลื่อนขนานในแตละขอตอไปนี้
1) จุด P(6, 1) กับจุด P1(9, 3)
เริ่มจาก เลื่อนจุด P(6, 1) ขนานกับแกน ไปทางขวา 3 หนวย จากนั้นเลื่อนขนานกับแกน Y X
..................................................................................................................................................................................................................................................
ไปดานบน 2 หนวย
..................................................................................................................................................................................................................................................
166
6. ใหอธิบายการเลื่อนขนานรูปเจ็ดเหลี่ยม ABCDEFG ซึ่งเปนรูปตนแบบ เพื่อใหได
รูปเจ็ดเหลี่ยม X และ Y ซึ่งเปนภาพที่ไดจากการเลื่อนขนาน
Y
14
12
E
10
F D
G 8 C
A B6
4 X
2
-10 -8 -6 -4 -2 0 2 4 6 8 10 X ฉบับ
เฉลย
-2
Y -4
-6
..................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................
167
Advanced Level
7. กําหนดรูปแปดเหลี่ยม A เปนรูปตนแบบที่มีจุด (3, 2), (4, 2), (5, 3), (5, 4), (4, 5), (3, 5),
(2, 4) และ (2, 3) เปนจุดยอดมุม ใหสรางภาพที่ไดจากการเลื่อนขนานรูปแปดเหลี่ยม A
ตามเงื่อนไขในแตละขอตอไปนี้
1) ขนานกับแกน X ไปทางซาย 7 หนวย
2) ขนานกับแกน Y ไปดานบน 6 หนวย
3) เลื่อนไปในทิศทางและขนาดเดียวกันกับ XY
Y
10
C
8
D
6 Y
4
ฉบับ B A
เฉลย 2 X
-6 -4 -2 0 2 4 6 8 10 12 14 X
.........................................................................................................................
.........................................................................................................................
.........................................................................................................................
168
4.3 การสะทอน
พิจารณารูปตอไปนี้
C C1
B B1
A A1
L
จากรูป จะเห็นวา ∆ A1B1C1 เกิดจากการพลิก ∆ ABC ขามเสนตรง L เรียกเสนตรง L
วา เสนสะทอน (line of reflection) และเราสรุปไดวา
ฉบับ
1) การสะทอนเปนการแปลงทางเรขาคณิตโดยภาพที่ไดจากการสะทอนมีขนาดและรูปราง เฉลย
เหมือนกับรูปตนแบบ
2) รูปตนแบบกับภาพที่ไดจากการสะทอนไมสามารถทับกันไดสนิทโดยไมตองพลิก หมุน
หรือยอ/ขยาย
3) เสนสะทอน คือ เสนตรงที่แบงครึ่งและตั้งฉากกับสวนของเสนตรงที่มีจุดคูที่สมนัยกันเปน
จุดปลาย
4) จุดทุกจุดบนรูปตนแบบกับจุดบนภาพที่ไดจากการแปลงซึ่งเปนจุดคูที่สมนัยกันจะหาง
จากเสนสะทอนเปนระยะทางเทากัน
จากขอ 3) จะไดวา การหาเสนสะทอนทําไดโดยการลากเสนตรงผานจุดกึง่ กลางของ AA1 และ
BB1 ดังนัน้ ในกรณีทวั่ ไป การหาเสนสะทอนทําไดโดยการลากเสนตรงผานจุดกึง่ กลางของสวนของ
เสนตรงที่เชื่อมตอระหวางจุดที่สมนัยกัน 2 คู
จากขอสรุปขางตน เขียนเปนบทนิยามไดวา
บทนิยาม การสะทอนบนระนาบ เปนการแปลงทางเรขาคณิตแบบหนึง่ ซึง่ ภาพทีไ่ ดจากการ
สะทอนเกิดจากการพลิกรูปตนแบบขามเสนสะทอน
169 การสะทอน
Worked Example 4
สรางภาพที่ไดจากการสะทอน □ ABCD โดยมีเสนสะทอนตอไปนี้
1) แกน X 2) แกน Y
3) เสนตรง L1 4) เสนตรง L2
Y
L1
D C
A B
0 X
ฉบับ
เฉลย
L2
วิธีทํา Y
A3 B3
P3 D3 S R C3 Q3 L1
C2 D2 3 3
R2 S2 D C
S4 P2
B2 D4 A2 R4 Q2 A B
P1 S1 R1 Q1 X
C4 P4 0 A1 B1
A4 Q4
D1 C1
B4 L2
170
1) ที่จุด A สราง AA1 ใหแบงครึ่งและตั้งฉากกับแกน X ที่จุด P1 โดยที่ AP1 = P1A1
ที่จุด B สราง BB1 ใหแบงครึ่งและตั้งฉากกับแกน X ที่จุด Q1 โดยที่ BQ1 = Q1B1
ที่จุด C สราง CC1 ใหแบงครึ่งและตั้งฉากกับแกน X ที่จุด R1 โดยที่ CR1 = R1C1
ที่จุด D สราง DD1 ใหแบงครึ่งและตั้งฉากกับแกน X ที่จุด S1 โดยที่ DS1 = S1D1
จากนั้นลาก A1B1, B1C1, C1D1 และ D1A1
จะได □ A1B1C1D1 เปนภาพที่ไดจากการสะทอน □ ABCD โดยมีแกน X เปนเสนสะทอน
2) ที่จุด A สราง AA2 ใหแบงครึ่งและตั้งฉากกับแกน Y ที่จุด P2 โดยที่ AP2 = P2A2
ที่จุด B สราง BB2 ใหแบงครึ่งและตั้งฉากกับแกน Y ที่จุด Q2 โดยที่ BQ2 = Q2B2
ที่จุด C สราง CC2 ใหแบงครึ่งและตั้งฉากกับแกน Y ที่จุด R2 โดยที่ CR2 = R2C2
ที่จุด D สราง DD2 ใหแบงครึ่งและตั้งฉากกับแกน Y ที่จุด S2 โดยที่ DS2 = S2D2
จากนั้นลาก A2B2, B2C2, C2D2 และ D2A2
จะได □ A2B2C2D2 เปนภาพที่ไดจากการสะทอน □ ABCD โดยมีแกน Y เปนเสนสะทอน ฉบับ
เฉลย
3) ที่จุด A สราง AA3 ใหแบงครึ่งและตั้งฉากกับเสนตรง L1 ที่จุด P3 โดยที่ AP3 = P3A3
ที่จุด B สราง BB3 ใหแบงครึ่งและตั้งฉากกับเสนตรง L1 ที่จุด Q3 โดยที่ BQ3 = Q3B3
ที่จุด C สราง CC3 ใหแบงครึ่งและตั้งฉากกับเสนตรง L1 ที่จุด R3 โดยที่ CR3 = R3C3
ที่จุด D สราง DD3 ใหแบงครึ่งและตั้งฉากกับเสนตรง L1 ที่จุด S3 โดยที่ DS3 = S3D3
จากนั้นลาก A3B3, B3C3, C3D3 และ D3A3
จะได □ A3B3C3D3 เปนภาพที่ไดจากการสะทอน □ ABCD โดยมีเสนตรง L1 เปนเสนสะทอน
4) ที่จุด A สราง AA4 ใหแบงครึ่งและตั้งฉากกับเสนตรง L2 ที่จุด P4 โดยที่ AP4 = P4A4
ที่จุด B สราง BB4 ใหแบงครึ่งและตั้งฉากกับเสนตรง L2 ที่จุด Q4 โดยที่ BQ4 = Q4B4
ที่จุด C สราง CC4 ใหแบงครึ่งและตั้งฉากกับเสนตรง L2 ที่จุด R4 โดยที่ CR4 = R4C4
ที่จุด D สราง DD4 ใหแบงครึ่งและตั้งฉากกับเสนตรง L2 ที่จุด S4 โดยที่ DS4 = S4D4
จากนั้นลาก A4B4, B4C4, C4D4 และ D4A4
จะได □ A4B4C4D4 เปนภาพที่ไดจากการสะทอน □ ABCD โดยมีเสนตรง L2 เปนเสนสะทอน
171
Similar Questions
Practice Now Exercise 4C ขอ 1-3, 6-8
สรางภาพที่ไดจากการสะทอน ∆ ABC โดยมีเสนสะทอนตอไปนี้
1) แกน X 2) แกน Y
3) เสนตรง L1 4) เสนตรง L2
Y
B4 L2
A3 B3
C4
A4 C3 L1
C2 C
B2 A2 A B
0 X
A1 B1
ฉบับ
เฉลย
C1
Worked Example 5
สรางเสนสะทอนระหวางรูปตนแบบกับภาพที่ไดจากการสะทอนตอไปนี้
A1
C1
A B1
B
C
172
วิธีทํา
การสรางเสนสะทอนระหวางรูปตนแบบกับภาพที่ไดจากการสะทอนทําได 2 วิธี ดังนี้
วิธที ี่ 1 ใชการสรางเสนตรงผานจุดกึง่ กลางของสวนของเสนตรงทีเ่ ชือ่ มตอระหวางจุดคูท ี่
สมนัยกัน 2 คู
A1
X
C1
A B1
Y
B
C
ลาก AA1 และ BB1 จากนั้นหาจุด X และ Y ซึ่งเปนจุดกึ่งกลางของ AA1 และ BB1 ฉบับ
ตามลําดับ แลวลาก XY ผานจุด X และ Y จะได XY เปนเสนสะทอน เฉลย
วิธีที่ 2 ใชการสรางพื้นฐานทางเรขาคณิตสรางเสนตรงที่แบงครึ่งและตั้งฉากกับสวนของ
เสนตรงที่มีจุดคูที่สมนัยกันเปนจุดปลาย
A1
X
C1
A B1
Y
B
C
1) ลาก AA1, BB1 และ CC1
2) บน AA1 สราง XY ใหแบงครึ่งและตั้งฉากกับ AA1 และลากผาน BB1 และ CC1
3) จะได XY เปนเสนสะทอน
173
Similar Questions
Practice Now Exercise 4C ขอ 4-5, 9-10
สรางเสนสะทอนระหวางรูปตนแบบกับภาพที่ไดจากการสะทอนตามเงื่อนไขตอไปนี้
1) ใชการสรางเสนตรงผานจุดกึ่งกลางของสวนของเสนตรงที่เชื่อมตอระหวางจุดที่สมนัยกัน 2 คู
C A
P
B A1
Q
C1
ฉบับ B1
เฉลย
2) ใชการสรางพื้นฐานทางเรขาคณิตสรางเสนตรงที่แบงครึ่งและตั้งฉากกับสวนของเสนตรง
ที่มีจุดที่สมนัยกันเปนจุดปลาย
C A
P
B A1
Q
C1
B1
174
Exercise 4C
Basic Level
1. เขียนตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพใหญซึ่งภาพที่ไดจากการสะทอนจากกระจกเงามีรูปราง
และขนาดเทาเดิม
A, H, , M, O, T, U, V, W, และ Y
I X
..................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................
2. สรางภาพที่ไดจากการสะทอนรูปตนแบบตอไปนี้
1) 2)
TRANSFORM
REFLECT T C E L F E R TRANSFORM ฉบับ
เฉลย
3. สรางภาพที่ไดจากการสะทอนรูปตนแบบที่กําหนดโดยมีเสนสะทอนตอไปนี้
1) แกน X 2) แกน Y
Y Y
A 2 B 4 B1
B A A1
C X 2
C1 -2 0
B1
-2 C C1 X
A1 -2 0 2
175
3) เสนตรง x = 0.5 4) เสนตรง y = -0.5
Y Y
x = 0.5 A B
2
G C
4 F D
-2 0E 2
X
D C2 C1 D1 y = -0.5
E1
E1 F1 -2 D1
FE F1
G1 C1
A B0 B1 2 A1 X
A1 B1
4. สรางเสนสะทอนระหวางรูปตนแบบกับภาพที่ไดจากการสะทอนตอไปนี้
ฉบับ 1)
เฉลย
2)
176
5. สรางเสนสะทอนของรูปภาพตอไปนี้
1) 2)
Intermediate Level
6. สรางภาพที่ไดจากการสะทอน ∆ ABC โดยมีเสนสะทอนตอไปนี้
1) แกน X
ฉบับ
2) แกน Y เฉลย
3) เสนตรง L1
Y
B B2 L1
A A2
2
C C2
-4 -2 0 2 4 X
C1
C3 -2 B3
A1
B1 -4
A3
177
7. สรางภาพที่ไดจากการสะทอนจุด A(-5, -2), B(-8, 3) และ C(-4, 7) โดยมีเสนสะทอน
ตอไปนี้
1) เสนตรง L1 2) เสนตรง L2 3) เสนตรง L3
Y
A1(-5, 10) B3(-1, 10)
8 C2(6, 7)
C(-4, 7)
A3(4, 7)
B1(-8, 5) C (-5, 6)
3
L1
4
B(-8, 3)
B2(10, 3)
C1(-4, 1)
-8 -4 0 4 8 X
A2(7, -2)
-2
ฉบับ A(-5, -2) L2 L3
เฉลย
8. สรางภาพทีไ่ ดจากการสะทอนรูปตนแบบทีก่ าํ หนดใหตอ ไปนี้ โดยมีเสนตรง L1 เปนเสนสะทอน
Y
L1
-2 0 2 4 6 X
-2
178
9. สรางเสนสะทอนระหวางรูปตนแบบกับภาพที่ไดจากการสะทอนตอไปนี้
1)
ฉบับ
เฉลย
2)
179
Advanced Level
10. กําหนดรูปหกเหลี่ยม ABCDEF เปนรูปตนแบบ ที่มีจุด A(1, 1), B(3, 1), C(3, 2.5),
D(2.5, 3), E(1.5, 3) และ F(1, 2.5) เปนจุดยอดมุม
1) สรางภาพที่ไดจากการสะทอนรูปหกเหลี่ยม ABCDEF โดยมีแกน Y เปนเสนสะทอน
Y
4
D1 E1 E D
C1 F1 F C
2
B1 A1 A B
ฉบับ -2 0 2 4 6 X
เฉลย
A B
-2 0 2 4 6 X
180
4.4 การหมุน
รูปตอไปนี้เปนการหมุน ∆ ABC รอบจุดกําเนิด O ในทิศทางทวนเข็มนาฬกาดวยมุมที่มี
ขนาด 90 ํ ทําใหได ∆ A1B1C1 เปนภาพที่ไดจากการหมุน ∆ ABC
Y
B1 C1 B
A
A1 C
O X
ฉบับ
เฉลย
รูปตอไปนี้จะแสดง □ A1B1C1D1 ซึ่งเปนภาพที่ไดจากการหมุน □ ABCD รอบจุด P(0, 2)
ดวยมุมที่มีขนาด 180 ํ และเราจะเรียกจุด P วา จุดหมุนที่อยูบนรูปตนแบบ
Y
6
D1 4 B
A2 1 A
C1 C
P(0, 2)
B1 D
-10 -8 -6 -4 -2 0 2 4 6 8 10 X
-2
181
Thinking Time
□ A1B1C1D1 เปนภาพที่ไดจากการสะทอน □ ABCD หรือไม อยางไร
□ A B C D ไมเปนภาพที่ไดจากการสะทอน ABCD เพราะมีจุดคูที่สมนัยกันเพียง 2 คู □
...............................................................................................................................................................................................................................................................
1 1 1 1
จากรูปขางตน สรุปไดวา
1) การหมุนเปนการแปลงทางเรขาคณิตซึ่งภาพที่ไดจากการหมุนจะมีขนาดและรูปราง
เหมือนกับรูปตนแบบ
2) การหมุนเปนการเคลื่อนที่รอบจุด ๆ หนึ่งที่มีทิศทางของการหมุนตามเข็มนาฬกาหรือ
ทวนเข็มนาฬกา
3) การหมุนเปนการหมุนจุดทุกจุดบนรูปตนแบบรอบจุดหมุนดวยมุมทีม่ ขี นาดเทากัน โดยเรา
จะแบงจุดหมุนเปน 2 กรณี คือ จุดหมุนที่อยูบนรูปตนแบบและจุดหมุนที่ไมอยูบนรูปตนแบบ
4) จุดคูที่สมนัยกันแตละคูที่อยูบนรูปตนแบบกับภาพที่ไดจากการหมุน
จะอยูหางจากจุดหมุนเปนระยะทางเทากัน
ฉบับ จากขอสรุปขางตน เขียนเปนบทนิยามไดวา การหมุน
เฉลย
บทนิยาม การหมุนบนระนาบ เปนการแปลงทางเรขาคณิตแบบหนึ่งที่มีจุดตรึงจุดหนึ่ง
เรียกวา จุดหมุน โดยแตละจุดบนรูปตนแบบจะเคลื่อนที่รอบจุดหมุนดวยมุมที่มีขนาดเทากัน
ตามทิศทางที่กําหนด
Worked Example 6
กําหนด ∆ ABC เปนรูปตนแบบ ใหสรางภาพที่ไดจากการหมุน ∆ ABC รอบจุด P(-2, 2)
ในทิศทางตามเข็มนาฬกาดวยมุมที่มีขนาด 90 ํ
Y
B
4
P(-2, 2)
2
A
C X
-10 -8 -6 -4 -2 0 2 4 6 8 10
-2
182
วิธีทํา
∧ ∧ ∧
1) ลาก AP, BP และ CP แลวสราง APA1, BPB1 และ CPC1 ในทิศทางตามเข็มนาฬกา
ใหมีขนาดเทากับ 90 ํ โดยที่ AP = A1P, BP = B1P และ CP = C1P
2) ลาก A1B1, B1C1 และ C1A1 จะได ∆ A1B1C1 เปนภาพที่ไดจากการหมุน ∆ ABC รอบจุด
P(-2, 2) ในทิศทางตามเข็มนาฬกาดวยมุมที่มีขนาด 90 ํ
Y
B
4
P(-2, 2)
2
90 ํ A
A1 C X
-10 -8 -6 -4 -2 0 2 4 6 8 10
-2 B1
C1 -4
ฉบับ
เฉลย
Similar Questions
Practice Now Exercise 4D ขอ 1-5, 8
กําหนด □ ABCD เปนรูปตนแบบ ใหสรางภาพที่ไดจากการหมุน □ ABCD รอบจุด P(2, 0)
ในทิศทางทวนเข็มนาฬกาดวยมุมที่มีขนาด 90 ํ
Y
C1
D1 B
4 C
2 A
B1 P(2, 0)90 ํ D
-10 -8 -6 -4 -2 0 A X
1 2 4 6 8 10
-2
-4
183
Worked Example 7
กําหนด ∆ ABC เปนรูปตนแบบ และ ∆ PQR เปนภาพที่ไดจากการหมุน ∆ ABC ใหหาจุดหมุน
ทิศทางการหมุน และขนาดของมุมที่ใชในการหมุน
Y
B 4
A
2
Q
-10 C-8 -6 -4 -2 0 2 4 6 8 10 X
-2
-4
P R
วิธีทํา
ฉบับ
เฉลย 1) เนื่องจากจุด A กับจุด P และจุด B กับจุด Q เปนจุดคูที่สมนัยกัน ลาก AP และ BQ
จากนั้นสรางเสนตรงที่แบงครึ่งและตั้งฉากกับ AP และ BQ ที่จุด M และ N ตามลําดับ โดยที่
สวนของเสนตรงทั้งสองตัดกันที่จุด E
∧
2) วัดขนาดของ AEP จะไดขนาดของมุมที่ใชในการหมุน
Y
B 4
A E(1, 3)
N 2
Q
-10 C-8 -6 -4 -2 0 2 4 6 8 10 X
M -2
-4
P R
ดังนั้น ∆ PQR เปนภาพที่ไดจากการหมุน ∆ ABC รอบจุด E(1, 3) ในทิศทางทวนเข็มนาฬกา
ดวยมุมที่มีขนาด 90 ํ
184
Similar Questions
Practice Now Exercise 4D ขอ 6-7, 9-11
กําหนด ∆ ABC เปนรูปตนแบบ และ ∆ PQR เปนภาพที่ไดจากการหมุน ∆ ABC ใหหาจุดหมุน
ทิศทางการหมุน และขนาดของมุมที่ใชในการหมุน
Y
Q
R 4
2
P N4 C X
-10 -8 -6 -4 -2 0 2 6 8 10
-2 M
E(0, -2)
-4 A
B
ดั...............................................................................................................................................................................................................................................................
งนั้น ∆ PQR เปนภาพที่ไดจากการหมุน ∆ ABC รอบจุด E(0, -2) ในทิศทางทวนเข็มนาฬกา ฉบับ
ดวยมุมที่มีขนาด 120 ํ
............................................................................................................................................................................................................................................................... เฉลย
Thinking Time
ใหนักเรียนอธิบายวา เพราะเหตุใดจุดหมุนใน Worked Example 7 จึงเปนจุดที่อยูบนจุดตัด
ของเสนตรงที่แบงครึ่งและตั้งฉากกับ AP และ BQ
จาก Worked E ample 7 จะเห็นวา จุดทุกจุดที่อยูบนเสนตรงที่แบงครึ่งและตั้งฉาก AP จะอยูหางจาก
x
...............................................................................................................................................................................................................................................................
จุด A และจุด P ซึ่งเปนจุดที่สมนัยกันเปนระยะทางเทากัน ในทํานองเดียวกัน จุดทุกจุดที่อยูบนเสนตรงที่แบง
...............................................................................................................................................................................................................................................................
ครึ่งและตั้งฉากกับ BQ จะอยูหางจากจุด B และจุด Q ซึ่งเปนจุดที่สมนัยกันเปนระยะทางเทากัน เนื่องจาก
...............................................................................................................................................................................................................................................................
จุดที่สมนัยกันแตละคูที่อยูบนรูปตนแบบกับภาพที่ไดจากการหมุนจะอยูหางจากจุดหมุนเปนระยะทางเทากัน
...............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น จุดตัดของเสนตรงที่แบงครึ่งและตั้งฉากกับ AP และ BQ เปนจุดหมุนใน Worked Example 7
...............................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
185
Exercise 4D
Basic Level
1. สรางภาพที่ไดจากการหมุนจุดตอไปนี้รอบจุดกําเนิดในทิศทางตามเข็มนาฬกาดวยมุม
ที่มีขนาด 90 ํ
1) A(-2, 0) 2) B(0, 5)
3) C(-3, -4) 4) D(3, 3)
Y
B(0, 5)
C1(-4, 3) 4
D(3, 3)
2 A1(0, 2)
A(-2, 0) B1(5, 0)
90 ํ X
-10 -8 -6 -4 -2 90 0ํ 2 4 6 8 10
-2 D1(3, -3)
ฉบับ C(-3, -4)
เฉลย -4
2. สรางภาพที่ไดจากการหมุนจุดตอไปนี้รอบจุดกําเนิดในทิศทางทวนเข็มนาฬกาดวยมุม
ที่มีขนาด 90 ํ
1) A(4, 0) 2) B(0, -2)
3) C(4, 4) 4) D(-3, 2)
Y
C1(-4, 4) C(4, 4)
4 A1(0, 4)
D(-3, 2)
2
90Bํ (2, 0) A(4, 0)
1
-10 -8 -6 -4 -2 90 ํ 0 2 4 6 8 10 X
-2 B(0, -2)
D1(-2, -3)-4
186
3. สรางภาพที่ไดจากการหมุนจุด A(1, 4) รอบจุด (4, 2) ในทิศทางตามเข็มนาฬกาดวยมุม
ที่มีขนาดตอไปนี้
1) 90 ํ 2) 270 ํ
Y
6 A1(6, 5)
A(1, 4)
4
90 ํ
2 (4, 2) 270 ํ
-10 -8 -6 -4 -2 0 2 4 6 8 10 X
-2 A2(2, -1)
-4
-6
ฉบับ
เฉลย
4. กําหนด ∆ ABC เปนรูปตนแบบ ใหสราง ∆ PQR ซึ่งเปนภาพที่ไดจากการหมุน ∆ ABC
รอบจุด (2, 1) ในทิศทางตามเข็มนาฬกาดวยมุมที่มีขนาด 90 ํ
Y
5 C
1
(2, 1) 90 ํ
A B
P X
-1 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9
-1
Q R
187
5. กําหนดจุด P(2, 4), Q(4, -1) และ R(-1, 0) เปนจุดที่อยูบนระบบพิกัดฉากเดียวกัน
1) สรางภาพที่ไดจากการหมุนจุด P(2, 4) รอบจุด R(-1, 0) ไปในทิศทางตามเข็มนาฬกา
ดวยมุมที่มีขนาด 90 ํ
Y
P(2, 4)
4
2
90 ํ X
-10 -8 -6 -4 -2 0 2 4 6 8 10
R(-1, 0)
-2
P1 (3, -3)
2) สรางภาพที่ไดจากการหมุนจุด Q(4, -1) รอบจุด P(2, 4) ไปในทิศทางตามเข็มนาฬกา
ดวยมุมที่มีขนาด 90 ํ
Y
ฉบับ
เฉลย P(2, 4)
4
90 ํ
2
Q1(-3, 2)
-10 -8 -6 -4 -2 0 2 4 6 8 10 X
Q(4, -1)
-2
2
R(-1, 0)
-10 -8 -6 -4 -2 0 2 4 6 8 10 X
-2 Q(4, -1)
R1(9, -2)
-4
188
Intermediate Level
6. กําหนด ∆ ABC เปนรูปตนแบบ และ ∆ A1B1C1 เปนภาพที่ไดจากการหมุน ∆ ABC ใหหา
จุดหมุน ทิศทางการหมุน และขนาดของมุมที่ใชในการหมุน
Y
C 4
3 A1
B
E2 F
1
D(0, 1) B1
A C1
-5 -4 -3 -2 -1 0 1 2 3 4 5 X
-1
2 P
D(3, 1) R
1
F
-1 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 X
-1 A E Q
-2 B
-3 C
60 ํ
6 O 3
5 4
..................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................
190
Y
A 3
2
B
1
(-1, 0)
-5 -4 -3 -2 -1 0 1 2 3 4 5 X
(2, -1)
-1 (3, -1)
-2
-3
C
-4
-5 ฉบับ
เฉลย
D
-6
-7
..................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................
191
Advanced Level
10. กําหนด ∆ A1B1C1 เปนภาพที่ไดจากการหมุน ∆ ABC รอบจุด C ในทิศทางตามเข็มนาฬกา
ดวยมุมที่มีขนาด 25 ํ ดังรูป B 1
B
A1
25 ํ C
A C1
∧
ใหหาขนาดของ CAA1
ฉบับ
เนื ่องจาก AC = A1C
..................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย จะได วา ∆ CAA1 เปนรูปสามเหลี่ยมหนาจั่ว
..................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
นั..................................................................................................................................................................................................................................................
่นคือ CAA1 = CA1A
∧
และจากขนาดของมุ มภายในทั้งสามของรูปสามเหลี่ยมรวมกันไดเทากับ 180 ํ และ ACA1 = 25 ํ
..................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧ ∧
จะไดวา CAA1 + CA1A + ACA1 = 180 ํ
..................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
CAA1 + CAA1 + 25 ํ = 180 ํ
..................................................................................................................................................................................................................................................
∧
2CAA1 = 155 ํ
..................................................................................................................................................................................................................................................
∧
CAA1 = 77.5 ํ
..................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................
192
11. ชิงชาสวรรคเครือ่ งหนึง่ ประกอบดวยกระเชาจํานวน 24 กระเชา
11 12 13 14
10 15
9 16
8 17
7 18
6 19
5 20
4 21
3 22
2 1 24 23
= 11 × 15 ํ
..................................................................................................................................................................................................................................................
= 165 ํ
..................................................................................................................................................................................................................................................
2) หาตําแหนงใหมของกระเชาตําแหนงที่ 3 เมื่อชิงชาสวรรคหมุนกระเชาตําแหนงที่ 3
ในทิศทางตามเข็มนาฬกาดวยมุมที่มีขนาด 180 ํ
ถ..................................................................................................................................................................................................................................................
าชิงชาสวรรคหมุนกระเชาตําแหนงที่ 3 ในทิศทางตามเข็มนาฬกาดวยมุมที่มีขนาด 180 ํ จะทําให
กระเช าตําแหนงที่ 3 หมุนไปแทนตําแหนงของกระเชาตําแหนงที่ 15
..................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................
193
4.5 ความสัมพันธของการเล�อนขนาน
การสะทอน และการหมุน
Investigation
ใหนักเรียนทํากิจกรรม แลวตอบคําถามตอไปนี้
ตอนที่ 1
1. สราง ∆ ABC ที่มีจุด A(5, 3), B(13, 3) และ C(13, 11) เปนจุดยอดมุม
2. สรางเสนตรง L1 ผานจุด (5, 5) และ (-5, -5) และเสนตรง L2 ผานจุด (0, 0) และ (-5, 5)
ซึ่งเสนตรง L1 ตั้งฉากกับเสนตรง L2
3. สราง ∆ A1B1C1 ซึ่งเปนภาพที่ไดจากการสะทอน ∆ ABC โดยมีเสนตรง L1 เปนเสนสะทอน
4. สราง ∆ A2B2C2 ซึง่ เปนภาพทีไ่ ดจากการหมุน ∆ A1B1C1 รอบจุดกําเนิดดวยมุมทีม่ ขี นาด 180 ํ
ฉบับ
Y
เฉลย L2 B1 C1 L
10 C1
5 A1
A B
-25 -20 -15 -10 -5 0 5 10 15 20 25 X
A2-5
-10
C2 B2
...................................................................................................................................................................................................................................................
194
ตอนที่ 2
1. ปฏิบัติตามขอ 1.-2. ในตอนที่ 1
2. สราง ∆ A1B1C1 ซึ่งเปนภาพที่ไดจากการหมุน ∆ ABC รอบจุดกําเนิดดวยมุมที่มีขนาด 180 ํ
3. สราง ∆ A2B2C2 ซึ่งเปนภาพที่ไดจากการสะทอน ∆ A1B1C1 โดยมีเสนตรง L2 เปนเสนสะทอน
Y
L2 B2 C2 L
10 C1
5 A2
A B
-25 -20 -15 -10 0 X
B1 A-51 5 10 15 20 25
-5
C1 -10
ฉบับ
4. ใหอธิบายความสัมพันธระหวาง ∆ ABC ซึ่งเปนรูปตนแบบ และ ∆ A2B2C2 ซึ่งเปนภาพที่ได เฉลย
จากการแปลง
∆ A B C ภาพที่ไดจากการหมุน ABC รอบจุดกําเนิดดวยมุมที่มีขนาด 180 ํ แลวสะทอนภาพที่ได
∆
...................................................................................................................................................................................................................................................
2 2 2
จากการหมุ น โดยมี เ ส น ตรง L 2 เป น เส น สะท อ น และยั ง เป น ภาพที่ ไ ด จ ากการสะท อ น ∆ ABC
...................................................................................................................................................................................................................................................
โดยมี เสนตรง L1 เปนเสนสะทอน ซึ่งเสนตรง L1 ตั้งฉากกับเสนตรง L2
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
195
Investigation
C
ใหนักเรียนทํากิจกรรม แลวตอบคําถามตอไปนี้
ตอนที่ 1 กําหนด ∆ ABC เปนรูปตนแบบซึ่งมี
เสนตรง L1 และ L2 เปนเสนสะทอน
โดยที่ L1 ขนานกับ L2 ดังรูป A B L1
L2
A B L1
A1 B1
C1 L2
C2
A2 B2
3. ใหอธิบายความสัมพันธระหวาง ∆ ABC ซึ่งเปนรูปตนแบบ และ ∆ A2B2C2 ซึ่งเปนภาพที่ได
จากการแปลง
A B C เปนภาพที่ไดจากการเลื่อนขนาน ABC
∆ 2 2 2 ∆
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
196
C
ตอนที่ 2 กําหนด ∆ ABC เปนรูปตนแบบซึ่งมี
เสนตรง L1 และ L2 เปนเสนสะทอน
โดยที่ L1 ไมขนานกับ L2 ดังรูป
A B L1
L2
C1
C2
A2
197
จาก Investigation สรุปไดวา
1) ภาพที่ไดจากการสะทอนรูปตนแบบโดยมีเสนสะทอนสองเสนที่ขนานกัน จะเปนภาพ
ที่ไดจากการเลื่อนขนานรูปตนแบบเดิม
2) ภาพที่ไดจากการสะทอนรูปตนแบบโดยมีเสนสะทอนสองเสนที่ไมขนานกัน จะเปนภาพ
ที่ไดจากการหมุนรูปตนแบบเดิม
Thinking Time
1. จากกิจกรรม Investigation ตอนที่ 1 ระยะที่ใชเลื่อนขนานระหวาง ∆ ABC กับ ∆ A2B2C2
และระยะหางระหวางเสนตรง L1 กับ L2 ที่ขนานกันมีความสัมพันธกันอยางไร
ระยะที ่ใชเลื่อนขนานระหวาง ∆ ABC กับ ∆ A2B2C2 เปนสองเทาของระยะหางระหวางเสนตรง L1 กับ L2
...................................................................................................................................................................................................................................................
ที...................................................................................................................................................................................................................................................
่ขนานกัน
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ ...................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย
2. จากกิจกรรม Investigation ตอนที่ 2 ขนาดของมุมที่ใชในการหมุน ∆ ABC เพื่อใหได
∆ A2B2C2 และขนาดของมุมระหวางเสนตรง L1 และ L2 ที่ตัดกัน มีความสัมพันธกันอยางไร
ขนาดของมุ มที่ใชในการหมุน ∆ ABC เพื่อใหได ∆ A2B2C2 เปนสองเทาของขนาดของมุมระหวาง
...................................................................................................................................................................................................................................................
เส นตรง L1 กับ L2 ที่ตัดกัน
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
Performance Task
นักเรียนเคยสังเกตเห็นตราประจําสินคาหรือตราประจําหนวยงานที่เรียกวา โลโก (Logo)
ที่พบเจอในชีวิตประจําวัน แลวสามารถบอกไดหรือไมวาโลโกน้ันมีการออกแบบที่เกี่ยวของกับ
การแปลงทางเรขาคณิตแบบใดบาง พรอมทั้งอธิบายและวาดรูปประกอบ
198
4.6 การนําสมบัติของการเล�อนขนาน
การสะทอน และการหมุนไปใชในชีวิตจริง
นักเรียนสามารถนําความรูเรื่องการเลื่อนขนาน การสะทอน และการหมุน ไปใชในการสราง
แบบรูปตาง ๆ ซึ่งเรียกวา เทสเซลเลชัน (tessellation) ซึ่งสามารถพบเห็นไดในชีวิตประจําวัน
ดังรูป
ภาพเทสเซลเลชันแบบปกติ
199
เทสเซลเลชันแบบกึ่งปกติ (semi regular tessellation)
เทสเซลเลชันแบบกึง่ ปกติ หรือเทสเซลเลชันอารคมิ ดี สี (Archimedean tessellation) เกิดจาก
การนํารูปเรขาคณิตทีเ่ ปนรูปเหลีย่ มมากกวาหนึง่ แบบมาวางเรียงตอกันไปเรือ่ ย ๆ ใหเต็มพืน้ ระนาบ
ภาพเทสเซลเลชันแบบกึ่งปกติ
เทสเซลเลชันจากรูปทั่วไป
ฉบับ เทสเซลเลชันที่เกิดจากนํารูปภาพหรือลวดลายตาง ๆ ที่ไมใชรูปเรขาคณิตนํามาเรียงตอกัน
เฉลย
เทสเซลเลชันรูปแบบนี้เปนผลงานของเมาริตส คอรเนลิส เอสเชอร (Maurits Cornelis Escher
หรือ M.C. Escher) ซึ่งเปนศิลปนและนักคณิตศาสตรชาวดัตชที่มีชื่อเสียง
200
Exercise 4E
Basic Level
1. ใหนักเรียนพิจารณาวารูปเรขาคณิตตอไปนี้ สรางเปนภาพเทสเซลเลชันไดหรือไม
1) …………………………….. ไมได
2) …………………………….. ได
3) …………………………….. ได
5) …………………………….. ไมได
6) …………………………….. ไมได
Intermediate Level
2. กําหนด ∆ A1B1C1 เปนภาพที่ไดจากการสะทอนของ ∆ ABC โดยมีแกน X เปนเสนสะทอน
และ ∆ A2B2C2 เปนภาพที่ไดจากการสะทอนของ ∆ A1B1C1 โดยมีแกน Y เปนเสนสะทอน
ใหหาความสัมพันธของภาพที่ไดจากการสะทอน ∆ A2B2C2 กับรูปตนแบบ ∆ ABC
∆ A B C เปนภาพที่ไดจากการหมุนของรูปตนแบบ ABC รอบจุดกําเนิดดวยมุมที่มีขนาด 180 ํ ∆
..................................................................................................................................................................................................................................................
2 2 2
..................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................
201
3. กําหนด ∆ ABC ที่มีจุด A(4, 3), B(19, 3) และ C(9, 10) เปนจุดยอดมุม และมี ∆ A1B1C1
เปนภาพทีไ่ ดจากการสะทอน ∆ ABC โดยมีแกน Y เปนเสนสะทอน และมี ∆ A2B2C2 เปนภาพ
ที่ไดจากการสะทอน ∆ A1B1C1 โดยมีเสนตรง x = -15 เปนเสนสะทอน ใหหาความสัมพันธ
ของภาพที่ไดจากการสะทอน ∆ A2B2C2 กับรูปตนแบบ ∆ ABC
Y
x = -15
15
C2 C1 10 C
5
A2 B1 B2 A1 A B
-25 -20 -15 -10 -5 0 5 10 15 20 25 X
-5
-10
ฉบับ
เฉลย -15
∆ A B C เปนภาพที่ไดจากการเลื่อนขนานของรูปตนแบบ ABC ∆
..................................................................................................................................................................................................................................................
2 2 2
..................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................
Advanced Level
4. ภาพที่ไดจากการสะทอนของรูปตนแบบโดยมีเสนตรงสองเสนที่ขนานกันเปนเสนสะทอน ซึ่ง
เสนตรงสองเสนนี้มีระยะหางกัน 10 หนวย ใหหาระยะที่ใชเลื่อนขนานของภาพที่ไดจาก
การสะทอนกับรูปตนแบบ
ระยะที ่ใชเลื่อนขนานของภาพที่ไดจากการสะทอนกับรูปตนแบบจะเปนสองเทาของระยะหางระหวาง
..................................................................................................................................................................................................................................................
เส นตรงสองเสนที่ขนานกัน ดังนั้น ระยะที่ใชเลื่อนขนานของภาพที่ไดจากการสะทอนกับรูปตนแบบนี้
..................................................................................................................................................................................................................................................
เท ากับ 20 หนวย
..................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................
202
Summary
1. การแปลงทางเรขาคณิต
การแปลงทางเรขาคณิตเปนการดําเนินการเกีย่ วกับรูปเรขาคณิต ซึง่ ทําใหเกิดการเปลีย่ นแปลง
จากตําแหนงหนึ่งไปยังตําแหนงหนึ่ง โดยอาจมีการเปลี่ยนแปลงขนาดและรูปราง
2. การเลื่อนขนาน
A1 การเลือ่ นขนานบนระนาบเปนการแปลงทางเรขาคณิตแบบ
A
หนึ่ง ที่มีการเลื่อนจุดทุกจุดบนรูปตนแบบไปบนระนาบ
ตามแนวเสนตรงในทิศทางเดียวกัน และเปนระยะเทากัน
B1
B C1
C
ฉบับ
3. การสะทอน เฉลย
A A1 การสะทอนบนระนาบเปนการแปลงทางเรขาคณิตแบบหนึง่
ซึ่งภาพที่ไดจากการสะทอนเกิดจากการพลิกรูปตนแบบ
ขามเสนสะทอน
C C1
B B1
4. การหมุน
A การหมุนบนระนาบเปนการแปลงทางเรขาคณิตแบบหนึ่ง
B1 ที่มีจุดตรึงจุดหนึ่งเปนจุดหมุน โดยแตละจุดบนรูปตนแบบ
จะเคลื่ อ นที่ ร อบจุ ด หมุ น ด ว ยมุ ม ที่ มี ข นาดเท า กั น ตาม
A1 ทิศทางที่กําหนด
B
CC1
203
5. ความสัมพันธของการเลื่อนขนาน การสะทอน และการหมุน
1) ความสัมพันธของการสะทอนและการหมุน
Y Y
A1 B1 A2 B2
L2 ➀B
L2 B
C1 ➁ C2
C A C A
X X
➁
0 A1 C1 0
C2 ➀
B
L1 L1 1
B2 A2
ถาสะทอนรูปตนแบบโดยมีเสนตรง L1 เปน ถาหมุนรูปตนแบบรอบจุดกําเนิดดวยมุม
เสนสะทอน แลวหมุนภาพทีไ่ ดจากการสะทอน ที่มีขนาด 180 ํ แลวสะทอนรูปนั้นโดยมี
รอบจุดกําเนิดดวยมุมทีม่ ขี นาด 180 ํ ทําให เสนตรง L2 เปนเสนสะทอนจะทําใหภาพ
ภาพทีไ่ ดจากการหมุนครัง้ ทีส่ องเปนภาพที่ ทีไ่ ดจากการสะทอนครัง้ ทีส่ องเปนภาพที่
ไดจากการสะทอนรูปตนแบบเดิม โดยมี ไดจากการสะทอนรูปตนแบบเดิม โดยมี
ฉบับ เสนสะทอนตั้งฉากกับเสนสะทอนเสนเดิม เสนสะทอนตั้งฉากกับเสนสะทอนเดิม
เฉลย
2) ความสัมพันธของการสะทอนและการเลื่อนขนาน
B
A C L1 ภาพทีไ่ ดจากการสะทอนรูปตนแบบโดยมีเสนสะทอน
A1 C1
B1 L2
สองเสนทีข่ นานกัน จะเปนภาพทีไ่ ดจากการเลือ่ นขนาน
B2 รูปตนแบบเดิม
A2 C2
C
L1 A B ภาพทีไ่ ดจากการสะทอนรูปตนแบบโดยมีเสนสะทอน
A1 B1
B2 สองเสนที่ไมขนานกัน จะเปนภาพที่ไดจากการหมุน
C1
C2 รูปตนแบบเดิม
L2
A2
6. ภาพเทสเซลเลชัน
ภาพเทสเซลเลชันเปนการนํารูปตนแบบที่เปนรูปเรขาคณิตและรูปทั่วไปมาเรียงตอกัน
บนระนาบ โดยไมใหเกิดชองวางหรือการคาบเกีย่ วซอนกันเกิดขึน้ และทุกรูปทีน่ าํ มาจัดเรียง
จะตอกันไดสนิทพอดี
204
Review Exercise 4
1. ภาพตอไปนี้เกี่ยวของกับการแปลงทางเรขาคณิตแบบใด
1) การหมุน
.........................................................................................................................
.........................................................................................................................
.........................................................................................................................
.........................................................................................................................
2) การสะทอน
.........................................................................................................................
.........................................................................................................................
.........................................................................................................................
.........................................................................................................................
3) การเลื่อนขนาน
.........................................................................................................................
.........................................................................................................................
......................................................................................................................... ฉบับ
เฉลย
.........................................................................................................................
.........................................................................................................................
2. กําหนด ∆ ABC ที่มีจุด A(1, 2), B(4, 10) และ C(14, 1) เปนจุดยอดมุม ใหสรางภาพ
ที่ไดจากการเลื่อนขนาน ∆ ABC ตามเงื่อนไขตอไปนี้
1) ขนานกับแกน X ไปทางซาย 15 หนวย
2) ขนานกับแกน Y ไปดานลาง 10 หนวย
Y
B1 10 B
5
C1 A
A1 C
-25 -20 -15 -10 -5 0 B2 5 10 15 20 25 X
-5
-10 A2 C2
205
3. ใหอธิบายการเลื่อนขนานของรูปตนแบบกับภาพที่ไดจากการเลื่อนขนานตอไปนี้
1) รูปตนแบบ คือ จุด A(2, 3) และภาพที่ไดจากการเลื่อนขนาน คือ จุด A1(5, 7)
เลื…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
่อนจุด A ขนานกับแกน X ไปทางขวา 3 หนวย และเลื่อนขนานกับแกน Y ไปดานบน 4 หนวย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
206
5. กําหนด ∆ ABC ที่มีจุด A(3, 3), B(6, 10) และ C(14, 5) ใหสรางภาพที่ไดจากการสะทอน
∆ ABC โดยมีเสนสะทอนตอไปนี้
1) แกน X 2) แกน Y
3) เสนตรง L1 4) เสนตรง L2
Y
L1
15
B2 10 B B3
C2 5 C3 C
A2 A A3
-25 -20 -15 -10 -5 0 X
A1 5 10 15 20 25
-5 C1 L2
-10 A B1
4 ฉบับ
-15 C4 เฉลย
B4
6. สรางเสนสะทอนระหวางรูปตนแบบกับภาพที่ไดจากการสะทอนตอไปนี้
1) Y 2) Y
X X
207
7. กําหนดรูปหกเหลี่ยม ABCDEF เปนรูปตนแบบ ที่มีจุด A(5, 13), B(10, 13), C(13, 9),
D(10, 5), E(5, 5) และ F(2, 9) เปนจุดยอดมุม
1) ใหสรางรูปหกเหลีย่ ม A1B1C1D1E1F1 ซึง่ เปนภาพทีไ่ ดจากการสะทอนรูปหกเหลีย่ ม ABCDEF
โดยมีแกน X เปนเสนสะทอน และสรางรูปหกเหลี่ยม A2B2C2D2E2F2 ซึ่งเปนภาพที่ไดจาก
การสะทอนรูปหกเหลี่ยม A1B1C1D1E1F1 โดยมีเสนตรง L1 เปนเสนสะทอน
Y
L1
15
A B
10 F C
5 E D
-25 -20 -15 -10 -5 0 5 10 15 20 25 X
D2 E2 E1 D1
-5
C2 F2 -10 F1 C1
ฉบับ
เฉลย B2 A2 A1 B1
-15
B2 D2 -15
C2
208
8. สรางภาพที่ไดจากการหมุนจุดตอไปนี้รอบจุดกําเนิดในทิศทางทวนเข็มนาฬกาดวยมุมที่มี
ขนาด 90 ํ
1) A(2, 3) 2) B(3, -4)
3) C(-1, 5) 4) D(0, -2)
Y
C(-1, 5)
4 A(2, 3) B1(4, 3)
2
A1(-3, 2)
90 ํ D1(2, 0)
-10 -8 -6 -4 -2 0 2 4 6 8 10 X
C1(-5, -1) -2 D(0, -2)
-4
B(3, -4)
ฉบับ
เฉลย
9. กําหนด ∆ ABC ที่มีจุด A(1, 2), B(2, 6) และ C(-3, 5) เปนจุดยอดมุม ใหสรางภาพที่ได
จากการหมุน ∆ ABC รอบจุด (-2, 0) ในทิศทางตามเข็มนาฬกาดวยมุมที่มีขนาด 90 ํ
Y
6 B
C
4
2 A C1
-10 -8 -6 -4 -290 ํ 0 2 4 6 8 10 X
(-2, 0)
-2
A1
-4 B1
-6
209
10. กําหนด □ ABCD ประกอบดวยรูปสี่เหลี่ยมที่มีขนาดเทากันจํานวน 4 รูป
Y
10
6
A Q B
4
P O R
2
D S C
-6 -4 -2 0 2 4 6 8 10 12 14 X
-2
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
210
Challenge Yourself
กําหนด ABCD เปนรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสซึ่งมีพื้นที่ 100 ตารางหนวย และรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส WXYZ
มีพื้นที่เทากับรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ABCD ซึ่งมีพื้นที่แรเงาเปนสวนที่ซอนทับกันระหวางสี่เหลี่ยม
ทั้งสองรูป โดยที่จุด W เปนจุดกึ่งกลางของรูปสี่เหลี่ยม ABCD ใหหาพื้นที่สวนที่แรเงา
X
B C Y
W
Z
A D
เนื่องจากรูปสี่เหลี่ยม ABCD มีพื้นที่เทากับรูปสี่เหลี่ยม WXYZ จะไดวา ดานแตละดานของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส
...............................................................................................................................................................................................................................................................
ทั...............................................................................................................................................................................................................................................................
้งสองนั้นยาวเทากัน นั่นคือมีรูปรางที่เหมือนกันและขนาดที่เทากัน ถาหมุนรูปสี่เหลี่ยม WXYZ รอบจุดหมุน
W ในทิศทางทวนเข็มนาฬกา โดยให WX ตั้งฉากกับ BC และ WZ ตั้งฉากกับ CD จะไดวาพื้นที่สวนที่ ฉบับ
...............................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย
แรเงามีพื้นที่เทากับหนึ่งในสี่ของพื้นที่รูปสี่เหลี่ยม ABCD
...............................................................................................................................................................................................................................................................
X X Y
...............................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
B Y B C
C
...............................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
W W Z
...............................................................................................................................................................................................................................................................
Z
...............................................................................................................................................................................................................................................................
A D A D
...............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น พื้นที่สวนที่แรเงาเทากับ 14 พื้นที่รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ABCD ×
...............................................................................................................................................................................................................................................................
= 14 × 100
...............................................................................................................................................................................................................................................................
= 25 ตารางหนวย
...............................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
211
ฉบับ
เฉลย
212
หนวยการเรียนรูที่ 5
ความเทากัน
ทุกประการ
แทนแกรม (tangram) คือ แผนตัวตอปริศนา 7 ชิ้น
ที่ประกอบไปดวยตัวตอรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส 1 ชิ้น รูปสี่เหลี่ยม
ดานขนาน 1 ชิน้ และรูปสามเหลีย่ มมุมฉาก 5 ชิน้ เมือ่ นําทุกชิน้
มาประกอบเขาดวยกัน สามารถประกอบเปนรูปสีเ่ หลีย่ มจัตรุ สั ได
จากรูป กลาวไดวา รูปสามเหลี่ยมสีแดงและรูปสามเหลี่ยม ฉบับ
สีเขียวเปนรูปที่เทากันทุกประการ แตรูปสามเหลี่ยมสีเขียว เฉลย
กับรูปสามเหลี่ยมสีสมไมเปนรูปที่เทากันทุกประการ นักเรียน
คิดวา รูปสองรูปจะเทากันทุกประการขึ้นอยูกับอะไรบาง
ตัวชี้วัด
• เขาใจและใชสมบัติของรูปสามเหลี่ยมที่เทากันทุกประการในการ
แกปญหาคณิตศาสตรและปญหาในชีวิตจริง (ค 2.2 ม.2/4)
สาระการเรียนรูแกนกลาง
• ความเทากันทุกประการของรูปสามเหลี่ยม
• การนําความรูเกี่ยวกับความเทากันทุกประการไปใชในการแกปญหา
213
5.1 ความเทากันทุกประการ
ของรูปเรขาคณิต
Investigation
ใหนักเรียนจับคูกับเพื่อน แลวทํากิจกรรมพรอมทั้งตอบคําถามตอไปนี้
A2
A1 A3 A4 A5
(a) (b)
กรรไกรรูป (a) และกรรไกรรูป (b) เทากันทุกประการหรือไม เพราะเหตุใด
กรรไกรรู ป (a) และกรรไกรรูป (b) เทากันทุกประการ เพราะมีรูปรางเหมือนกันและมีขนาดเทากัน
...............................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
เนื่องจากรูปเรขาคณิตและรูปภาพเปนรูปที่อยูบนระนาบสองมิติที่มีความกวางและความยาว
ฉบับ
ซึ่งสามารถบอกขนาดและรูปรางไดเชนกัน ดังนั้น ความเทากันทุกประการของรูปเรขาคณิต เฉลย
เปนไปตามสมบัติความเทากันทุกประการที่กลาววา
สมบัติ รูปเรขาคณิตสองรูปเทากันทุกประการ ก็ตอเมื่อ รูปเรขาคณิตทั้งสองรูปนั้น
มีรูปรางเหมือนกันและมีขนาดเทากัน
Worked Example 1
จากรูปที่กําหนดให รูปใดบางเทากันทุกประการ
A C D E
B
H
F I J
G
215
วิธีทํา
เนื่องจาก รูป A, B, C และ D มีรูปรางเหมือนกันและมีขนาดเทากัน
รูป F, H และ I มีรูปรางเหมือนกันและมีขนาดเทากัน
ดังนั้น รูป A, B, C และ D เปนรูปที่เทากันทุกประการ
รูป F, H และ I เปนรูปที่เทากันทุกประการ
Practice Now Similar Questions
Exercise 5A ขอ 1
จากรูปที่กําหนด รูปใดบางเทากันทุกประการ
B C D E
A
F G H I J
ฉบับ
เฉลย
เนื่องจาก รูป A และ H มีรูปรางเหมือนกันและมีขนาดเทากัน รูป B และ E มีรูปรางเหมือนกันและ
...............................................................................................................................................................................................................................................................
มีขนาดเทากัน รูป C และ F มีรูปรางเหมือนกันและมีขนาดเทากัน รูป D, G และ I มีรูปรางเหมือนกัน
...............................................................................................................................................................................................................................................................
และมีขนาดเทากัน ดังนั้น รูป A และ H เปนรูปที่เทากันทุกประการ รูป B และ E เปนรูปที่เทากัน
...............................................................................................................................................................................................................................................................
ทุกประการ รูป C และ F เปนรูปที่เทากันทุกประการ รูป D, G และ I เปนรูปที่เทากันทุกประการ
...............................................................................................................................................................................................................................................................
พิจารณารูปที่กําหนดใหตอไปนี้
D D1
A A1
B C B1 C1
กําหนด □ ABCD และ □ A1B1C1D1 เปนรูปสี่เหลี่ยมที่เทากันทุกประการ จะไดวา A∧
และ A∧1 เปนมุมคูที่สมนัยกันซึ่งมีขนาดเทากัน ในทํานองเดียวกัน B,
∧ ∧
C และ D∧ เปนมุมคูที่
สมนัยกับ ∧B1, C∧1 และ ∧D1 ตามลําดับ ซึ่งมีขนาดเทากันคูตอคู
เราใชสัญลักษณ “ ≅ ” แทน “เทากันทุกประการ”
216
เนื่องจาก □ ABCD เทากันทุกประการกับ □ A1B1C1D1
เขียนโดยใชสัญลักษณไดวา □ ABCD ≅ □ A1B1C1D1 อานวา “รูปสี่เหลี่ยม ABCD เทากัน
ทุกประการกับรูปสี่เหลี่ยม A1B1C1D1” หรือ “รูปสี่เหลี่ยม ABCD และรูปสี่เหลี่ยม A1B1C1D1
เทากันทุกประการ”
การเขียนสัญลักษณแสดงความเทากันทุกประการของรูปหลายเหลี่ยม นิยมเขียนเรียงตาม
ลําดับของมุมคูที่สมนัยกัน ดังนี้
□ ABCD ≅ □ A1B1C1D1
Worked Example 3
พิจารณารูปสามเหลี่ยมแตละคูที่กําหนดใหตอไปนี้วาเทากันทุกประการหรือไม เพราะเหตุใด
1) 2) D S
A Q
ฉบับ 60 ํ 70 ํ
เฉลย 3.68 ซม. 3 ซม. 3.39 ซม.
3 ซม. 5 ซม. 5 ซม.
70 ํ 50 ํ 60 ํ 50 ํ
B 3.39 ซม. C P 3.68 ซม. R 80 ํ U
E F T
วิธีทํา
เขียนเหตุผลเพื่อแสดงวารูปสามเหลี่ยมทั้งสองรูปเทากันทุกประการ
∧ ∧
1) BAC = QPR = 60 ํ (มุมคูที่สมนัยกันมีขนาดเทากัน)
∧ ∧
ABC = PQR = 70 ํ (มุมคูที่สมนัยกันมีขนาดเทากัน)
∧ ∧
ACB = PRQ = 50 ํ (มุมคูที่สมนัยกันมีขนาดเทากัน)
AB = PQ = 3 เซนติเมตร (ดานคูที่สมนัยกันมีความยาวเทากัน)
BC = QR = 3.39 เซนติเมตร (ดานคูที่สมนัยกันมีความยาวเทากัน)
AC = PR = 3.68 เซนติเมตร (ดานคูที่สมนัยกันมีความยาวเทากัน)
จะได ดานคูท สี่ มนัยกันและมุมคูท สี่ มนัยกันของรูปสามเหลีย่ มทัง้ สองมีขนาดเทากัน
เปนคู ๆ
ดังนั้น ∆ ABC ≅ ∆ PQR
218
2) พิจารณา ∆ STU จะได
∧ ∧
T = U = 80 ํ (มุมที่ฐานของรูปสามเหลี่ยมหนาจั่ว
มีขนาดเทากัน)
∧
S = 180 ํ - 80 ํ - 80 ํ = 20 ํ (ผลรวมของมุมภายในของ ∆ STU
เทากับ 180 ํ)
จะได ∆ STU ไมมีมุมภายในที่เปนมุมคูที่สมนัยกันกับมุมภายในของ ∆ DEF
ดังนั้น ∆ STU และ ∆ DEF ไมเทากันทุกประการ
Similar Questions
Practice Now Exercise 5A ขอ 4
พิจารณารูปสามเหลี่ยมแตละคูที่กําหนดใหตอไปนี้วาเทากันทุกประการหรือไม เพราะเหตุใด
1) E
4 ซม. 60 ํ S 6.13 ซม. U
40 ํ
D 80 ํ 6.13 ซม. 4 ซม.
80 ํ 5.39 ซม. ฉบับ
5.39 ซม. T เฉลย
∧ ∧
F
EDF = STU = 80 ํ (มุมคูที่สมนัยกันมีขนาดเทากัน)
...............................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
DEF = TSU = 60 ํ (มุมคูที่สมนัยกันมีขนาดเทากัน)
...............................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
DFE = TUS = 40 ํ (มุมคูที่สมนัยกันมีขนาดเทากัน)
...............................................................................................................................................................................................................................................................
DE = TS = 4 เซนติเมตร (ดานคูที่สมนัยกันมีความยาวเทากัน)
...............................................................................................................................................................................................................................................................
EF = SU = 6.13 เซนติเมตร (ดานคูที่สมนัยกันมีความยาวเทากัน)
...............................................................................................................................................................................................................................................................
DF = TU = 5.39 เซนติเมตร (ดานคูที่สมนัยกันมีความยาวเทากัน)
...............................................................................................................................................................................................................................................................
จะได ดานคูที่สมนัยกันและมุมคูที่สมนัยกันของรูปสามเหลี่ยมทั้งสองมีขนาดเทากันเปนคู ๆ
...............................................................................................................................................................................................................................................................
ดั...............................................................................................................................................................................................................................................................
งนั้น ∆ DEF ≅ ∆ TSU
...............................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
219
2) L X
60 ํ
5 ซม. 5 ซม. 40 ํ Z
70 ํ 70 ํ
M N Y
พิจารณา LMN จะได ∆
...............................................................................................................................................................................................................................................................
∧
N = 180 ํ - 70 ํ - 60 ํ = 50 ํ (ผลรวมของมุมภายในของ ∆ LMN เทากับ 180 ํ)
...............................................................................................................................................................................................................................................................
พิจารณา ∆ XYZ จะได
...............................................................................................................................................................................................................................................................
∧
X = 180 ํ - 70 ํ - 40 ํ = 70 ํ (ผลรวมของมุมภายในของ ∆ XYZ เทากับ 180 ํ)
...............................................................................................................................................................................................................................................................
จะได ∆ XYZ ไมมีมุมภายในที่มีขนาดเทากับ 50 ํ หรือ 60 ํ ซึ่งเปนมุมคูที่สมนัยกับ ∆ LMN
...............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ∆ LMN และ ∆ XYZ ไมเทากันทุกประการ
...............................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ ...............................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย
Worked Example 4
กําหนด ∆ ABC ≅ ∆ CED
RECALL
D
60 ํ 10 ซม. P
b
A E 20 ํ C A c d B
a
8.8 ซม. C D
B Q
∧ ∧
1) ให BAC = 20 ํ, CDE = 60 ํ, AB = 8.8 เซนติเมตร กําหนดให PQ ตัด AB และ CD
และ CD = 10 เซนติเมตร ใหหา จะไดวา
(1) ขนาดของ ECD ∧
(2) ขนาดของ ECB∧ • ถา ∧a = ∧b แลว AB // CD
∧ • ถา ∧a = ∧c แลว AB // CD
(3) ขนาดของ ABC (4) AC (5) AE
• ถา ∧a + ∧d = 180 ํ แลว AB // CD
2) AB และ DC มีความสัมพันธกันอยางไร
220
วิธีทํา
1) จาก ∆ ABC ≅ ∆ CED
∧ ∧
จะได BAC และ ECD เปนมุมคูที่สมนัยกัน
∧ ∧
ABC และ CED เปนมุมคูที่สมนัยกัน
∧ ∧
ACB และ CDE เปนมุมคูที่สมนัยกัน
∧ ∧
ดังนั้น (1) ECD = BAC = 20 ํ (มุมคูที่สมนัยกันมีขนาดเทากัน)
∧ ∧
(2) ACB = CDE = 60 ํ (มุมคูที่สมนัยกันมีขนาดเทากัน)
∧
(3) ABC = 180 ํ - 20 ํ - 60 ํ = 100 ํ (ผลรวมของมุมภายในของ ∆ ABC
เทากับ 180 ํ)
(4) AC = CD = 10 เซนติเมตร (ดานคูที่สมนัยกันมีความยาวเทากัน)
(5) BA = EC = 8.8 เซนติเมตร (ดานคูที่สมนัยกันมีความยาวเทากัน)
AE = AC - EC = AC - BA = 10 - 8.8 = 1.2 เซนติเมตร
∧ ∧
2) จาก BAC = ECD = 20 ํ จะไดวา AB // DC
Similar Questions
Practice Now Exercise 5A ขอ 5-6
ฉบับ
เฉลย
กําหนด ∆ ABC ≅ ∆ CDE
B
D 27 ซม. E 38 ํ
114 ํ
C 18 ซม. A
∧ ∧
1) ให ABC = 38 ํ, DCE = 114 ํ, AC = 18 เซนติเมตร และ DE = 27 เซนติเมตร ใหหา
∧ ∧
ABC = 38 ํ
(1) ขนาดของ CDE = ...............................................................................................................................................................................
(มุมคูที่สมนัยกันมีขนาดเทากัน)
∧
(2) ขนาดของ CED 180 ํ - 114 ํ - 38 ํ = 28 ํ (ผลรวมของมุมภายในของ ∆ CDE เทากับ 180 ํ)
= ...............................................................................................................................................................................
∧ ∧
(3) ขนาดของ ACB CED = 28 ํ
= ...............................................................................................................................................................................
(มุมคูที่สมนัยกันมีขนาดเทากัน)
DE = 27 เซนติเมตร
(4) BC = ..............................................................................................................................................................................................................
(ดานคูที่สมนัยกันมีความยาวเทากัน)
BC - CE = BC - AC = 27 - 18 = 9 เซนติเมตร (ดานคูที่สมนัยกันมีความยาวเทากัน)
(5) BE = ..............................................................................................................................................................................................................
2) AC และ∧ ED มี∧ความสัมพันธกันอยางไร
จาก ACB = CED = 28 ํ จะไดวา AC // ED
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
221
Exercise 5A
Basic Level
1. จากรูปที่กําหนด รูปใดบางเทากันทุกประการ
A C E F
B D
G H I J K L
222
4. พิจารณารูปสามเหลี่ยมแตละคูตอไปนี้วาเทากันทุกประการหรือไม เพราะเหตุใด
1) D
2) Y
4 ซม. 70 ํ
L
65 ํ 5.13 ซม.
X 65 ํ
70 ํ
M 4 ซม. N Z
∧
MNL = 180 ํ - 65 ํ - 70 ํ = 45 ํ (ผลรวมของมุมภายในของ ∆ LMN เทากับ 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
YZX = 180 ํ - 65 ํ - 70 ํ = 45 ํ (ผลรวมของมุมภายในของ ∆ XYZ เทากับ 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
MLN = YXZ = 65 ํ (มุมคูที่สมนัยกันมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
LMN = XYZ = 70 ํ (มุมคูที่สมนัยกันมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
LNM = XZY = 45 ํ (มุมคูที่สมนัยกันมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
เนื่องจาก MN = 4 และ YZ = 5.13 ซึ่งทําให MN YZ
...................................................................................................................................................................................................................................................
จะได ดานคูที่สมนัยกันของ ∆ LMN และ ∆ XYZ ยาวไมเทากัน
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ∆ LMN และ ∆ XYZ ไมเทากันทุกประการ
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
223
∧ ∧
5. กําหนด ∆ ABK ≅ ∆ ACK โดยที่ AKB = 90 ํ, ACK = 62 ํ,
B AB = 17 เซนติเมตร และ BK = 8 เซนติเมตร ใหหาขนาดของ
17 ซม. ∧
8 ซม. BAC
จาก ABK ≅ ACK ∆ ∆
.............................................................................................................................................................................................................................................
A K จะได ABK = ACK = 62 ํ
∧ ∧
.............................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
62 ํ
KAC = KAB = 180 ํ - 90 ํ - 62 ํ = 28 ํ
.............................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧ ∧
C ดังนั้น BAC = KAB + KAC = 28 ํ + 28 ํ = 56 ํ
.............................................................................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................................................................
Advanced Level
6. กําหนด ∆ ABC เปนรูปสามเหลี่ยมหนาจั่ว โดยที่ AB = AC, BC = 12 เซนติเมตร
∧ ∧
และ ABK = 58 ํ ใหหา CH เมื่อ ∆ ABK ≅ ∆ ACH และ AKC = 90 ํ
A
ฉบับ
เฉลย
H
58 ํ
B K C
12 ซม.
จาก ABK ACH จะไดวา
∆ ≅ ∆ กําหนด CH = n เซนติเมตร จะได
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
AHC = AKB = 180 ํ - 90 ํ = 90 ํ (ขนาดของมุมตรง) CK = n เซนติเมตร (ดานประกอบมุมยอดของ
...................................................................................................................................................................................................................................................
AH = AK (ดานคูที่สมนัยกันมีความยาวเทากัน) รูปสามเหลี่ยมหนาจั่ว
...................................................................................................................................................................................................................................................
เมื่อลากสวนของเสนตรงเชื่อมระหวางจุด K กับจุด H มีความยาวเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
จะได ∆ AHK เปนรูปสามเหลี่ยมหนาจั่ว BK = CH = n เซนติเมตร (ดานคูที่สมนัยกัน
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
กําหนด AHK = x จะได มีความยาวเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
AKH = AHK = x (มุมที่ฐานของรูปสามเหลี่ยมหนาจั่ว พิจารณา ∆ ABC และ ∆ ABK
...................................................................................................................................................................................................................................................
มีขนาดเทากัน) จะได n + n = 12
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
CHK = 90 ํ - x 2n = 12
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
CKH = 90 ํ - x n =6
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ∆ CHK เปนรูปสามเหลี่ยมหนาจั่ว ดังนั้น CH ยาว 6 เซนติเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
224
5.2 ความเทากันทุกประการของรูปสามเหลี่ยม
สองรูปที่มีความสัมพันธแบบตาง ๆ
ในหัวขอ 5.1 เราไดศึกษาความเทากันทุกประการของรูปเรขาคณิตสองรูป โดยการ
แสดงวารูปเรขาคณิตทั้งสองรูปนั้นมีรูปรางเหมือนกันและมีขนาดเทากัน และยังสามารถแสดง
ความเทากันทุกประการ โดยใชการแปลงทางเรขาคณิตไดอีกดวย
สําหรับการแสดงความเทากันทุกประการของรูปสามเหลี่ยมสองรูป เราจะแสดงวา ดานคูที่
สมนัยกัน และมุมคูที่สมนัยกันของรูปสามเหลี่ยมทั้งสองมีขนาดเทากันเปนคู ๆ
ตัวอยาง
A X E
B C Y Z G F
ฉบับ
เฉลย
∆ ABC เทากันทุกประการกับ ∆ XYZ ก็ตอเมื่อ
AB = XY ATTENTION
225
จะเห็นวา ∆ EFG เทากันทุกประการกับ ∆ ABC เนื่องจาก ∆ EFG เปนภาพที่ไดจาก
การสะทอน ∆ ABC
ในหัวขอตอไปนี้ เราจะตรวจสอบความเทากันทุกประการของรูปสามเหลี่ยมสองรูป โดยใช
เงือ่ นไขของการเทากันทุกประการของรูปสามเหลีย่ ม ไดแก มีดา นคูท สี่ มนัยกันของรูปสามเหลีย่ ม
3 คู มีความยาวเทากันเปนคู ๆ และมีมุมคูที่สมนัยกัน 3 คู มีขนาดเทากันเปนคู ๆ
1. รูปสามเหลี่ยมสองรูปที่มีความสัมพันธกันแบบ ดาน-ดาน-ดาน
Investigation
ใหนักเรียนทํากิจกรรม แลวตอบคําถามตอไปนี้
1. ตัดไมเสียบลูกชิ้น 3 ไม โดยที่แตละไมมีความยาว 4, 6 และ 9 เซนติเมตร
2. นําไมเสียบลูกชิ้นทั้ง 3 ไม ในขอ 1. มาประกอบเปนรูปสามเหลี่ยมใหไดมากที่สุดเทาที่จะ
ฉบับ เปนไปได โดยที่ความยาวของดานแตละดานของรูปสามเหลี่ยมตองเทากับความยาวของ
เฉลย
ไมเสียบลูกชิ้นแตละไม (กรณีที่ไมมีไมเสียบลูกชิ้น นักเรียนสามารถใชสิ่งของอยางอื่นแทนได
โดยมีเงื่อนไขวาสิ่งของที่นํามาแทนนั้นตองมีความยาวตามที่กําหนด)
3. ตรวจสอบวารูปสามเหลี่ยมที่สรางไดมีลักษณะดังภาพ ATTENTION
ที่กําหนดตอไปนี้หรือไม ถารูปสามเหลี่ยมที่สรางได เราไมสามารถสรางรูปสามเหลี่ยม
ไมเหมือนกับรูปที่กําหนด ใหนักเรียนทําการหมุน ที่ มี ค วามยาวของด า นที่ ย าวที่ สุ ด
หรือพลิกรูปสามเหลีย่ ม จนกระทัง่ วางทับรูปสามเหลีย่ ม ยาวกว า หรื อ เท า กั บ ผลรวมของ
ที่กําหนดไดสนิทพอดี นักเรียนคิดวาจะสามารถสราง ความยาวของดานสองดานที่เหลือได
รูปสามเหลี่ยมแบบอื่นไดอีกหรือไม
A
4 ซม. 6 ซม.
B C
9 ซม.
นักเรียนไมสามารถสรางรูปสามเหลี่ยมแบบอื่น ๆ ได
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
226
4. เตรียมไมเสียบลูกชิ้น 3 ไม โดยที่แตละไมมีความยาวแตกตางจากขอ 1. และความยาวของ
ไมเสียบลูกชิ้นที่ยาวที่สุดตองนอยกวาผลรวมของความยาวของไมเสียบลูกชิ้น 2 ไมท่ีเหลือ
จากนัน้ นํามาประกอบเปนรูปสามเหลีย่ มอีกครัง้ นักเรียนจะสามารถประกอบเปนรูปสามเหลีย่ ม
ไดทั้งหมดกี่แบบ
นั...................................................................................................................................................................................................................................................
กเรียนสามารถประกอบเปนรูปสามเหลี่ยมไดเพียงแบบเดียว
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
Worked Example 5 เฉลย
ใหแสดงวา ∆ ABC ≅ ∆ XYZ
A Z 9 ซม. Y
4 ซม. 7 ซม. 7 ซม. 4 ซม.
B 9 ซม. C
X
วิธีทํา
AB = XY = 4 เซนติเมตร (กําหนดให)
BC = YZ = 9 เซนติเมตร (กําหนดให)
CA = ZX = 7 เซนติเมตร (กําหนดให)
ดังนั้น ∆ ABC ≅ ∆ XYZ (ด.ด.ด.)
227
Similar Questions
Practice Now Exercise 5B ขอ 1(1), 2(1), 3(1)
ใหแสดงวา ∆ ABC ≅ ∆ EFD
D AB = EF = 5 เซนติเมตร (กําหนดให)
....................................................................................................................................................
A
5 ซม. BC = FD = 11 เซนติเมตร (กําหนดให)
....................................................................................................................................................
11 ซม.
B CA = DE (กําหนดให)
....................................................................................................................................................
F ดังนั้น ∆ ABC ≅ ∆ EFD (ด.ด.ด.)
....................................................................................................................................................
11 ซม.
C E 5 ซม. ....................................................................................................................................................
2. รูปสามเหลี่ยมสองรูปที่มีความสัมพันธกันแบบ ดาน-มุม-ดาน
Investigation
ใหนักเรียนทํากิจกรรม แลวตอบคําถามตอไปนี้
ฉบับ
เฉลย ตอนที่ 1
1. สราง ∆ XYZ โดยที่ XY = 3 เซนติเมตร, YZ = 6 เซนติเมตร และ X∧YZ = 50 ํ
แลวเปรียบเทียบกับรูปสามเหลี่ยมของเพื่อนในหองเรียน
2. รูปสามเหลี่ยมที่สรางไดเหมือนกับรูปที่กําหนดใหดานลางหรือไม และสามารถสราง
รูปสามเหลี่ยมแบบอื่นไดอีกหรือไม
X X
3 ซม. 3 ซม.
Y 50 ํ Z Z 50 ํ Y
6 ซม. 6 ซม.
นั...................................................................................................................................................................................................................................................
กเรียนสามารถสรางรูปสามเหลี่ยมซึ่งจะเหมือนกับรูปที่กําหนดและไมสามารถสรางรูปสามเหลี่ยม
แบบอื ่นไดอีก
...................................................................................................................................................................................................................................................
3. สราง ∆ XYZ โดยใหนกั เรียนกําหนด XY, YZ และ X∧YZ ขึน้ มาเอง ซึง่ จะพบวาในแตละเงือ่ นไข
ที่กําหนด จะสามารถสรางรูปสามเหลี่ยมไดเพียงแบบเดียวเทานั้น
4. จาก ∆ XYZ จะเห็นวา X∧YZ อยูระหวางดาน XY และ YZ เราจะเรียก X∧YZ วา มุมในระหวาง
ดานคูที่ยาวเทากัน
228
5. ใหนักเรียนสรุปความรูที่ไดจาก Investigation ตอนที่ 1
นักเรียนจะสามารถสรางรูปสามเหลี่ยมไดเพียงรูปเดียวเทานั้น เมื่อกําหนดความยาวดานเพียงสองดาน
...................................................................................................................................................................................................................................................
และมุมในระหวางดานคูที่ยาวเทากัน
...................................................................................................................................................................................................................................................
ตอนที่ 2
∧
1. สราง ∆ ABC โดยที่ AB = 3 เซนติเมตร, AC = 2 เซนติเมตร และ ABC = 30 ํ
2. รูปตอไปนี้เปนหนึ่งในรูปสามเหลี่ยมที่สรางไดจากเงื่อนไขในขอ 1.
A
3 ซม. 2 ซม.
B 30 ํ C
นักเรียนสามารถสราง ∆ ABC นอกเหนือจากรูปขางตนไดหรือไม (ตองเปนรูปสามเหลี่ยม
ที่ไมใชภาพที่ไดจากการเลื่อนขนาน การสะทอน หรือการหมุนจากรูปสามเหลี่ยมขางตน)
ไมได เพราะสามารถสราง ABC ไดเพียงแบบเดียว ∆
...................................................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................................................................... ฉบับ
∧ ∧ เฉลย
3. จากรูป ∆ ABC จะเห็นวา ถา ABC ไมใชมุมที่อยูระหวางดาน AB และ AC แลว ABC
จะไมใชมุมในระหวางดานคูที่ยาวเทากัน
4. ใหนักเรียนสรุปความรูที่ไดจาก Investigation ตอนที่ 2
นักเรียนจะสรางรูปสามเหลี่ยมไดมากกวาหนึ่งรูป เมื่อกําหนดความยาวดานสองดานและมุมที่ไมใช
...................................................................................................................................................................................................................................................
มุมในระหวางดานคูที่ยาวเทากัน
...................................................................................................................................................................................................................................................
Worked Example 6
ใหแสดงวา ∆ PQR ≅ ∆ GHF
ฉบับ
เฉลย G วิธีทํา
Q
9 ซม. 40 ํ PQ = GH = 9 เซนติเมตร (กําหนดให)
9 ซม. ∧ ∧
R H RPQ
RP = FGH = 40 ํ (กําหนดให)
12 ซม. 40 ํ 12 ซม. RP = FG = 12 เซนติเมตร (กําหนดให)
P
ดังนั้น ∆ PQR ≅ ∆ GHF (ด.ม.ด.)
F
Similar Questions
Practice Now Exercise 5B ขอ 1(2), 2(2), 3(2)
ใหแสดงวา ∆ PQR ≅ ∆ SPT
P PQ = SP (กําหนดให)
....................................................................................................................................................
∧ ∧
PQR = SPT (กําหนดให)
....................................................................................................................................................
QR = PT (กําหนดให)
....................................................................................................................................................
T ดังนั้น ∆ PQR ≅ ∆ SPT (ด.ม.ด.)
....................................................................................................................................................
S
R ....................................................................................................................................................
Q
230
Worked Example 7
กําหนด □ ABCD มี AC และ BD เปนเสนทแยงมุม A 7 ซม. B
AO = CO, OB = OD และ AB = 7 เซนติเมตร
O
1) ใหพิสูจนวา ∆ AOB ≅ ∆ COD
D C
2) ใหหา CD
วิธีทํา
1) AO = CO (กําหนดให)
∧ ∧
AOB = COD (ถาเสนตรงสองเสนตัดกัน แลวมุมตรงขามมีขนาดเทากัน)
OB = OD (กําหนดให)
ดังนั้น ∆ AOB ≅ ∆ COD (ด.ม.ด.)
2) จาก ∆ AOB ≅ ∆ COD จะไดวา ดานคูที่สมนัยกันของ ∆ AOB และ ∆ COD ยาวเทากัน
ดังนั้น CD = AB = 7 เซนติเมตร
D C AO = CO (เสนทแยงมุมของรูปสี่เหลี่ยมผืนผา
.........................................................................................................................................
จะตัดกันและแบงครึ่งซึ่งกันและกัน)
.........................................................................................................................................
ดังนั้น AOB ∆ ≅∆ COD (ด.ม.ด.)
.........................................................................................................................................
∧
2) ใหหาขนาดของ ACD
จาก AOB COD ∆ ≅∆
.........................................................................................................................................
จะได มุมคูที่สมนัยกันของ ∆ AOB และ ∆ COD
.........................................................................................................................................
มีขนาดเทากัน
.........................................................................................................................................
∧ ∧ ∧
ดังนั้น ACD = DCO = BAO = 25 ํ
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
231
3. รูปสามเหลี่ยมสองรูปที่มีความสัมพันธกันแบบ มุม-มุม-ดาน
Investigation
ใหนักเรียนทํากิจกรรม แลวตอบคําถามตอไปนี้
ตอนที่ 1
∧ ∧
1. สราง ∆ PQR โดยที่ PQ = 4 เซนติเมตร, RPQ = 40 ํ และ PQR = 60 ํ แลวเปรียบเทียบ
กับรูปสามเหลี่ยมของเพื่อนในหองเรียน R
2. รูปสามเหลี่ยมที่นักเรียนและเพื่อนในหองสรางนั้น
สามารถสรางไดเพียงแบบเดียวใชหรือไม (ไมรวม
รูปที่ไดจากการสะทอนรูปสามเหลี่ยมที่สราง) และ 60 ํ
P 40 ํ Q
เหมือนกับรูปที่กําหนดใหหรือไม 4 ซม.
นักเรียนสามารถสรางรูปสามเหลี่ยมไดเพียงแบบเดียว ซึ่งจะเหมือนกับรูปที่กําหนดให
...................................................................................................................................................................................................................................................
ตอนที่ 2
∧ ∧
1. สราง ∆ ABC โดยที่ AB = 5 เซนติเมตร, CAB = 50 ํ และ BCA = 80 ํ
2. รูปสามเหลี่ยมที่นักเรียนและเพื่อนในหองสรางนั้นสามารถสรางไดเพียงแบบเดียวใชหรือไม
(ไมรวมรูปที่ไดจากการสะทอนรูปสามเหลี่ยมที่สราง) และเหมือนกับรูปที่กําหนดใหหรือไม
นักเรียนสามารถสรางรูปสามเหลี่ยมไดเพียงแบบเดียว ซึ่งจะเหมือนกับรูปที่กําหนดให
...................................................................................................................................................................................................................................................
PROBLEM SOLVING TIP
C ∧
80 ํ ถาสราง AB และ CAB กอน จากนั้น
∧
หาขนาดของ ABC โดยใชความสัมพันธ
ของมุมภายในของรูปสามเหลี่ยม แลว
∧
A 50 ํ
B สราง ABC นักเรียนจะสามารถสราง
5 ซม. ∧
ACB ไดงายขึ้น
3. ใหนักเรียนสรุปความรูที่ไดจาก Investigation ตอนที่ 2
นักเรียนสามารถสรางรูปสามเหลี่ยมไดเพียงรูปเดียวเทานั้น เมื่อกําหนดขนาดของมุมเพียงสองมุม
...................................................................................................................................................................................................................................................
และความยาวดานที่ไมไดอยูระหวางมุมทั้งสองนั้น
...................................................................................................................................................................................................................................................
232
4. ถานักเรียนสรางรูปสามเหลี่ยม 2 รูป โดยกําหนดใหมุมภายในมีขนาดเทากัน 2 คู ซึ่ง
รู ป สามเหลี่ยมรูปแรกจะกําหนดความยาวด า นให อ ยู ระหว า งมุ มภายในที่ กํ า หนด และ
รูปสามเหลี่ยมรูปที่สองจะกําหนดความยาวดานที่ไมไดอยูระหวางมุมภายในที่กําหนด
อยากทราบวารูปสามเหลี่ยมทั้งสองรูปจะเหมือนหรือแตกตางกันอยางไร
Hint สังเกต PROBLEM SOLVING TIP ของขอ 2.
รู...................................................................................................................................................................................................................................................
ปสามเหลี่ยมทั้งสองรูปจะเหมือนกัน เพราะเมื่อกําหนดขนาดของมุมภายใน 2 มุม
นั...................................................................................................................................................................................................................................................
กเรียนจะสามารถหาขนาดของมุมภายในมุมที่สามของรูปสามเหลี่ยมได
233
Similar Questions
Practice Now Exercise 5B ขอ 1(3), 2(3), 3(3)
ใหพิสูจนวา ∆ VWX ≅ ∆ ZYX
∧ ∧
V VW = ZY X X (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
....................................................................................................................................................
∧ ∧
W V=Y Z
X X (ถาเสนตรงสองเสนตัดกัน
....................................................................................................................................................
แลวมุมตรงขามมีขนาดเทากัน)
....................................................................................................................................................
W Y
X V =ZX X (กําหนดให)
....................................................................................................................................................
ดังนั้น ∆ VWX ≅ ∆ ZYX (ม.ม.ด.)
....................................................................................................................................................
Z ....................................................................................................................................................
4. รูปสามเหลี่ยมสองรูปที่มีความสัมพันธกันแบบ ฉาก-ดาน-ดาน
Investigation
5 ซม.
3 ซม.
E F
นักเรียนสามารถสรางรูปสามเหลี่ยมไดเพียงแบบเดียว ซึ่งจะเหมือนกับรูปที่กําหนดให
.................................................................................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................................................................................
3. ใหนักเรียนสรุปความรูที่ไดจาก Investigation
นักเรียนจะสรางรูปสามเหลี่ยมไดเพียงรูปเดียวเทานั้น เมื่อกําหนดเพียงดานตรงขามมุมฉาก
.................................................................................................................................................................................................................................................
และดานประกอบมุมฉากดานใดดานหนึ่ง
.................................................................................................................................................................................................................................................
234
จาก Investigation สรุปไดวา
ถารูปสามเหลี่ยมมุมฉากสองรูปใด ๆ มีดานตรงขามมุมฉากยาวเทากัน และดานประกอบ
มุมฉากดานใดดานหนึ่งยาวเทากัน แลวรูปสามเหลี่ยมมุมฉากสองรูปนั้นจะเทากันทุกประการ
โดยทั่วไปรูปสามเหลี่ยมสองรูปที่มีความสัมพันธกันแบบ ดาน-ดาน-มุม จะไมเทากัน
ทุกประการ แตจะมีขอยกเวน คือ กรณีที่รูปสามเหลี่ยมทั้งสองรูปเปนรูปสามเหลี่ยมมุมฉากที่มี
ดานตรงขามมุมฉากยาวเทากันและดานประกอบมุมฉากดานใดดานหนึง่ ยาวเทากัน รูปสามเหลีย่ ม
สองรูปจะเทากันทุกประการ โดยความสัมพันธของรูปสามเหลี่ยมมุมฉากสองรูปในลักษณะ
ดังกลาว เรียกวา รูปสามเหลี่ยมมุมฉากสองรูปที่มีความสัมพันธกันแบบ ฉาก-ดาน-ดาน
เขียนแทนดวย ฉ.ด.ด.
Worked Example 9
ใหพิสูจนวา ∆ PQR ≅ ∆ SUT
วิธีทํา
P S ∧ ∧
PQR = SUT = 90 ํ (กําหนดให) ฉบับ
QR = UT (กําหนดให) เฉลย
RP = TS (กําหนดให)
Q R T U ดังนั้น ∆ PQR ≅ ∆ SUT (ฉ.ด.ด.)
Similar Questions
Practice Now Exercise 5B ขอ 1(4), 2(4), 3(4)
ใหพิสูจนวา ∆ XWZ ≅ ∆ ZYX
∧ ∧
X WZ = ZY = 90 ํ X (กําหนดให)
..............................................................................................................................................................
W X
WZ = YX (กําหนดให)
..............................................................................................................................................................
ZX = XZ (ZX เปนดานรวม)
..............................................................................................................................................................
ดังนั้น ∆ XWZ ≅ ∆ ZYX (ฉ.ด.ด.)
..............................................................................................................................................................
Z Y
..............................................................................................................................................................
235
Exercise 5B
Basic Level
1. พิจารณารูปสามเหลี่ยมที่กําหนดให แลวตอบคําถามตอไปนี้
5 ซม. 5 ซม.
(d) (e) (f)
ฉบับ
เฉลย
40 ํ 5 ซม.
5 ซม. 5 ซม.
4 ซม.
4 ซม.
6 ซม. 60 ํ
2) ตรวจสอบวารูปสามเหลี่ยมคูใดบางที่เทากันทุกประการ โดยมีความสัมพันธแบบ
ดาน-มุม-ดาน
พิจารณารูปสามเหลี่ยม (c) และ (e) จะพบวา รูปสามเหลี่ยม (c) และ (e) มีความยาวดานเทากัน
...................................................................................................................................................................................................................................................
สองคู และมุมในระหวางดานคูที่ยาวเทากันมีขนาดเทากัน ดังนั้น รูปสามเหลี่ยม (c) และ (e) เทากัน
...................................................................................................................................................................................................................................................
ทุกประการ โดยมีความสัมพันธแบบ ดาน-มุม-ดาน
...................................................................................................................................................................................................................................................
236
3) ตรวจสอบวารูปสามเหลี่ยมคูใดบางที่เทากันทุกประการ โดยมีความสัมพันธแบบ
มุม-มุม-ดาน
พิจารณารูปสามเหลี่ยม (a) และ (i) จะพบวา รูปสามเหลี่ยม (a) และ (i) มีมุมที่มีขนาดเทากัน
...................................................................................................................................................................................................................................................
สองคูและมีดานยาวเทากันหนึ่งคู โดยมุมที่มีขนาดเทากันเปนมุมที่สมนัยกัน และดานที่ยาวเทากัน
...................................................................................................................................................................................................................................................
เปนดานที่สมนัยกัน ดังนั้น รูปสามเหลี่ยม (a) และ (i) เทากันทุกประการ โดยมีความสัมพันธแบบ
...................................................................................................................................................................................................................................................
มุม-มุม-ดาน
...................................................................................................................................................................................................................................................
4) ตรวจสอบวารูปสามเหลี่ยมคูใดบางที่เทากันทุกประการ โดยมีความความสัมพันธแบบ
ฉาก-ดาน-ดาน
พิจารณารูปสามเหลี่ยม (f) และ (h) จะพบวา รูปสามเหลี่ยม (f) และ (h) มีดานตรงขามมุมฉาก
...................................................................................................................................................................................................................................................
ยาวเทากัน และดานประกอบมุมฉากดานใดดานหนึ่งยาวเทากัน ดังนั้น รูปสามเหลี่ยม (f) และ (h)
...................................................................................................................................................................................................................................................
เทากันทุกประการ โดยมีความสัมพันธแบบ ฉาก-ดาน-ดาน
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
2. ใหแสดงวารูปสามเหลี่ยมแตละคูตอไปนี้เทากันทุกประการ โดยเติมขอความลงในชองวาง
ใหถูกตอง ฉบับ
เฉลย
1) AB = ……………….PQ
A P QR = 8 เซนติเมตร
6 ซม. 6 ซม. BC = ……………….
CA = ……………….RP = ……………….6 เซนติเมตร
B 8 ซม. C R 8 ซม. Q
∆ PQR (ด.ด.ด.)
ดังนั้น ∆ ABC ≅ …………………………………………………
2) DE = ……………….ZY = 3 เซนติเมตร
D X 5 ซม. Y ∧ ∧
ZYX = 70 ํ
3 ซม.
70 ํ DEF = ……………….
3 ซม. YX = ………………. 5 เซนติเมตร
E 70 ํ 5 ซม. F EF = ……………….
Z ∆ ZYX (ด.ม.ด.)
ดังนั้น ∆ DEF ≅ …………………………………………………
∧ ∧
3) L U MLN VWU = 80 ํ
= ……………….
30 ํ M ∧ ∧
7 ซม. NML UVW = ……………….
= ………………. 30 ํ
70 ํ 7 ซม. 80 ํ W
N
30 ํ NM = ………………. UV = ……………….
7 เซนติเมตร
V ∆ NML ≅ ∆ UVW ……………………………..
ดังนั้น ………………. (ม.ม.ด.)
237
G S ∧ ∧
4) IHG STU = ……………….
= ………………. 90 ํ
5 ซม. ST = 5 เซนติเมตร
IH = ……………….
H 13 ซม. T US = ……………….
13 เซนติเมตร
GI = ……………….
5 ซม. 12 ซม. ∆ IHG ≅ ∆ STU ……………………………..
(ฉ.ด.ด.)
I
U ดังนั้น ……………….
Intermediate Level
3. ใหพิสูจนวารูปสามเหลี่ยมแตละคูตอไปนี้เทากันทุกประการ
1) A B C AB = CB (กําหนดให)
....................................................................................................................................................
BD = BD (BD เปนดานรวม)
....................................................................................................................................................
DA = DC (กําหนดให)
....................................................................................................................................................
ฉบับ
เฉลย 2) A B BC = DA (กําหนดให)
....................................................................................................................................................
∧ ∧
BCA = DAC (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
....................................................................................................................................................
CA = AC (CA เปนดานรวม)
....................................................................................................................................................
∧ ∧
3) F E CDB = FDE (ถาเสนตรงสองเสนตัดกัน แลวมุมตรงขามมีขนาดเทากัน)
....................................................................................................................................................
∧ ∧
DBC = DEF (กําหนดให)
....................................................................................................................................................
D
BC = EF (กําหนดให)
....................................................................................................................................................
A B ∧ ∧
4) ABC = CDA = 90 ํ (กําหนดให)
....................................................................................................................................................
BC = DA (กําหนดให)
....................................................................................................................................................
CA = AC (CA เปนดานรวม)
....................................................................................................................................................
ดังนั้น ∆ ABC ≅ ∆ CDA (ฉ.ด.ด.)
....................................................................................................................................................
D C
238
4. กําหนด ST = UT, TR = TV, U
∧
R
RS = 4 เซนติเมตร และ TRS = 80 ํ 80 ํ T
4 ซม.
V
S
1) ใหพิสูจนวา ∆ RST ≅ ∆ VUT 2) ใหหา VU
ST = UT (กําหนดให)
……………………………………………………………………………….. เนื่องจาก RST VUT
∆ ≅∆
………………………………………………………………………………..
∧ ∧
STR = UTV (ถาเสนตรงสองเสนตัดกัน
……………………………………………………………………………….. จะได VU และ RS เปนดานคูที่สมนัยกัน
………………………………………………………………………………..
แลวมุมตรงขามมีขนาดเทากัน)
……………………………………………………………………………….. จะมีความยาวเทากัน
………………………………………………………………………………..
TR = TV (กําหนดให)
……………………………………………………………………………….. ดังนั้น VU = RS = 4 เซนติเมตร
………………………………………………………………………………..
ดังนั้น ∆ RST ≅ ∆ VUT (ด.ม.ด.)
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
∧
3) ใหหาขนาดของ TVU 4) RS และ VU มีความสัมพันธกันอยางไร
เนื่องจาก RST VUT
∆ ≅ ∆
……………………………………………………………………………….. RS // VU
………………………………………………………………………………..
∧ ∧
จะได TVU และ TRS เปนมุมคูที่สมนัยกัน
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
จะมีขนาดเทากัน
……………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………….. ฉบับ
∧ ∧
ดังนั้น TVU = TRS = 80 ํ
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
เฉลย
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
5. กําหนด JI = GH และ HJ = IG G J
60 ํ
40 ํ
H I
∧ ∧
1) ใหหารูปสามเหลี่ยมที่เทากันทุกประการ 2) ถา HJI = 60 ํ และ H∧IG = 40 ํ แลว GHI
กับ ∆ GHI พรอมทัง้ อธิบายเหตุผลประกอบ มีคาเปนเทาใด
พิจารณา J H และ GH
∆ I ∆ I
……………………………………………………………………………….. จาก ∆ JIH ≅ ∆ GHI จะไดวา
………………………………………………………………………………..
∧ ∧
JI = GH (กําหนดให)
……………………………………………………………………………….. GH = HJI = 60 ํ
I………………………………………………………………………………..
(มุมคูที่สมนัยกัน
IH = HI (มี IH เปนดานรวม)
……………………………………………………………………………….. มีขนาดเทากัน)
………………………………………………………………………………..
∧
HJ = IG (กําหนดให)
……………………………………………………………………………….. ดังนั้น GH = 180 ํ - 60 ํ - 40 ํ
I
………………………………………………………………………………..
ดังนั้น ∆ JIH ≅ ∆ GHI (ด.ด.ด.)
……………………………………………………………………………….. = 80 ํ
………………………………………………………………………………..
239
5.3 การนําความรูเ กีย่ วกับความเทากันทุกประการ
ไปใชในการแกปญหา
ในหัวขอกอนหนานี้ เราไดศึกษาเกี่ยวกับความเทากันทุกประการมาแลว ซึ่งในหัวขอนี้
เราจะนําความรูและสมบัติของความเทากันทุกประการมาใชในการแกปญหาทางคณิตศาสตร
และปญหาในชีวิตจริง ดังตัวอยางตอไปนี้
Worked Example 10
∧
ใหพิสูจนวา OT แบงครึ่ง POQ
วิธีทํา
P RO = SO (วงกลมวงเดียวกันมีรัศมียาวเทากัน)
OT = OT (OT เปนดานรวม)
R
T TR = TS (วงกลมวงเดียวกันมีรัศมียาวเทากัน)
O S
ดังนั้น ∆ ROT ≅ ∆ SOT (ด.ด.ด.)
ฉบับ Q ∧ ∧ ∧ ∧
เฉลย จะได POT = ROT = SOT = QOT
∧
นั่นคือ OT แบงครึ่ง POQ
Similar Questions
Practice Now Exercise 5C ขอ 1-5
ใหพิสูจนวา PQ แบงครึ่งและตั้งฉากกับ AB
พิจารณา PAQ และ PBQ จะไดวา
∆ ∆
....................................................................................................................................................
P PA = PB (วงกลมวงเดียวกันมีรัศมียาวเทากัน)
....................................................................................................................................................
AQ = BQ (วงกลมวงเดียวกันมีรัศมียาวเทากัน)
....................................................................................................................................................
QP = QP (QP เปนดานรวม)
....................................................................................................................................................
ดังนั้น ∆ PAQ ≅ ∆ PBQ (ด.ด.ด.)
....................................................................................................................................................
∧ ∧ ∧ ∧
A R B จะได APR = APQ = BPQ = BPR
....................................................................................................................................................
พิจารณา ∆ APR และ ∆ BPR
....................................................................................................................................................
∧ ∧
จะได AP = BP, APR = BPR และ PR = PR
....................................................................................................................................................
ดังนั้น ∆ APR ≅ ∆ BPR (ด.ม.ด.)
....................................................................................................................................................
Q ∧ ∧
จะได PRA = PRB = 180 ํ
2 = 90 ํ
....................................................................................................................................................
นั่นคือ PQ แบงครึ่งและตั้งฉากกับ AB
....................................................................................................................................................
240
Exercise 5C
Basic Level
1. สุธีตองการวัดความกวางของบอนํ้าจากจุด A ไปยัง A B
จุด B เขาใชความรูเกี่ยวกับความเทากันทุกประการ
ของรูปสามเหลี่ยมชวยในการหาความกวางของบอนํ้า
C
ถาสุธีบอกวา สามารถหาความกวางของบอนํ้าจากจุด A
ไปยั ง จุ ด B โดยวั ด ความยาวของ B ′ A ′ แทน
อยากทราบวา แนวคิดของสุธีถูกตองหรือไม อยางไร B′ A′
พิ...................................................................................................................................................................................................................................................
จารณา ∆ ACB และ ∆ A′CB′ จะได AB = A′B′ = B′A′
จะได AC = A′C (กําหนดให) นั่นคือ เราสามารถหาความกวางของบอนํ้า
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
ACB = A′CB′ (ถาเสนตรงสองเสนตัดกัน โดยวัดความยาวของ B′A′ แทนได
...................................................................................................................................................................................................................................................
แลวมุมตรงขาม ดังนั้น แนวคิดของสุธีถูกตอง
...................................................................................................................................................................................................................................................
มีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
CB = CB ′ (กําหนดให)
................................................................................................................................................................................................................................................... ฉบับ
เฉลย
ดั...................................................................................................................................................................................................................................................
งนั้น ∆ ACB ≅ ∆ A′CB′ (ด.ม.ด.)
2. กลาตองการวัดความกวางของรางเหล็กจากจุด A ไปยัง
จุด B เขาจึงสรางเครื่องมือชิ้นหนึ่งขึ้นมาซึ่งมีลักษณะ A B′
เปนกากบาท เครื่องมือชิ้นนี้ประกอบดวยชิ้นสวนที่ยาว O
AA′ และชิ้นสวนที่ยาว BB′ โดยมีจุดหมุน O เปนจุดตัด
ที่แบงครึ่งชิ้นสวนทั้งสองซึ่งกันและกัน ถากลาบอกวา
สามารถวัดความกวางของรางเหล็ก โดยวัดความยาวของ B A′
A′B′ แทน อยากทราบวาแนวคิดของกลาถูกตองหรือไม
อยางไร
พิ...................................................................................................................................................................................................................................................
จารณา ∆ AOB และ ∆ A′OB′
จะได AO = A′O (กําหนดให)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
AOB = A′OB′ (ถาเสนตรงสองเสนตัดกัน แลวมุมตรงขามมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
OB = OB′ (กําหนดให)
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดั...................................................................................................................................................................................................................................................
งนั้น ∆ AOB ≅ ∆ A′OB′ (ด.ม.ด.)
จะได AB = A′B′ ดังนั้น แนวคิดของกลาถูกตอง
...................................................................................................................................................................................................................................................
241
Intermediate Level
3. กําหนดจุด P อยูบน OA และจุด Q อยูบน OB โดยที่ OP = OQ ถานําไมฉากอันหนึ่ง
วางบน ∆ COQ โดยใหด านหนึ่งของไม ฉ ากอยู บ น PQ และอี กด า นหนึ่ ง ผ า นจุ ด O
∧
ใหพิสูจนวา OC แบงครึ่ง AOB
P C Q
A B
พิจารณา PCO และ QCO ∆ ∆
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ ∧ ∧
เฉลย จะไดวา PCO = QCO = 90 ํ (โดยการวัด)
...................................................................................................................................................................................................................................................
CO = CO (CO เปนดานรวม)
...................................................................................................................................................................................................................................................
OP = OQ (กําหนดให)
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ∆ PCO ≅ ∆ QCO (ฉ.ด.ด.)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧ ∧ ∧
จะได AOC = POC = QOC = BOC
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
นั่นคือ OC แบงครึ่ง AOB
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
242
พิจารณา ABC และ DEF ∆ ∆
.................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
จะได ABC = DEF (กําหนดให)
.................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
ACB = DFE = 90 ํ (กําหนดให)
.................................................................................................................................................................................................................................................
BC = EF (เสนตรงสองเสนบนระนาบเดียวกันจะขนานกัน
.................................................................................................................................................................................................................................................
เมื่อระยะหางระหวางเสนตรงทั้งสองเทากันเสมอ)
.................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ABC DEF ∆ ≅ ∆ (ม.ด.ม.)
.................................................................................................................................................................................................................................................
จะได AB = DE
.................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น เชือกที่ใชยึดเสาทั้งสองกับพื้นดินยาวเทากัน
.................................................................................................................................................................................................................................................
Advanced Level
5. กําหนดจุด P อยูบน OA และจุด Q อยูบน OB โดยที่ OP = OQ จากนั้นนําไมฉากอันหนึ่ง
∧
ที่มีมุมภายในเปน 90 ํ, 45 ํ และ 45 ํ มาวางดังรูป ใหพิสูจนวา OM แบงครึ่ง AOB
O
P ฉบับ
A เฉลย
Q
M
B
พิจารณา POM และ QOM ∆ ∆
...................................................................................................................................................................................................................................................
จะไดวา PO = QO (กําหนดให)
...................................................................................................................................................................................................................................................
OM = OM (OM เปนดานรวม)
...................................................................................................................................................................................................................................................
MP = MQ (ดานประกอบมุมยอดของรูปสามเหลี่ยมหนาจั่วมีความยาวเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น POM QOM ∆ ≅ ∆ (ด.ด.ด.)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧ ∧ ∧
จะได AOM = POM = QOM = BOM
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
นั่นคือ OM แบงครึ่ง AOB
...................................................................................................................................................................................................................................................
243
Summary
1. ความเทากันทุกประการของรูปเรขาคณิต
1) รูปเรขาคณิตสองรูปเทากันทุกประการ ก็ตอเมื่อ รูปเรขาคณิตทั้งสองรูปนั้นมีรูปราง
เหมือนกันและมีขนาดเทากัน
2) เราสามารถใชความรูเรื่อง การแปลงทางเรขาคณิต เพื่อตรวจสอบความเทากัน
ทุกประการของรูปเรขาคณิตได A
B A1 B1
3) รูปหลายเหลีย่ มสองรูปเทากันทุกประการ
ก็ตอเมื่อ ดานคูที่สมนัยกันและมุมคูที่ D C D1 C1
สมนั ย กั น ของรู ป หลายเหลี่ ย มทั้ ง สอง □ ABCD ≅ □ A1B1C1D1
มีขนาดเทากันเปนคู ๆ
2. ความเทากันทุกประการของรูปสามเหลี่ยมสองรูปที่มีความสัมพันธแบบตาง ๆ
รูปสามเหลี่ยมสองรูปที่เทากันทุกประการ รูปสามเหลี่ยมสองรูปที่เทากันทุกประการ
ฉบับ โดยมีความสัมพันธแบบ ดาน-ดาน-ดาน โดยมีความสัมพันธแบบ ดาน-มุม-ดาน
เฉลย
A X A X
B C Y Z B C Y Z
มีความยาวดานเทากันสามคูดานตอดาน มีความยาวดานเทากันสองคู และมุมในระหวาง
เชน AB = XY, BC = YZ และ CA = ZX ดานคูที่ยาวเทากันมีขนาดเทากัน
∧ ∧
เชน AB = XY, ABC = XYZ และ BC = YZ
รูปสามเหลี่ยมสองรูปที่เทากันทุกประการ รูปสามเหลี่ยมมุมฉากสองรูปที่เทากันทุกประการ
โดยมีความสัมพันธแบบ มุม-มุม-ดาน โดยมีความสัมพันธแบบ ฉาก-ดาน-ดาน
A X A X
B C Y Z B C Y Z
มีมุมที่มีขนาดเทากันสองคู และมีดานยาวเทากัน มีดา นตรงขามมุมฉากยาวเทากัน และดานประกอบ
หนึ่งคู โดยมุมที่มีขนาดเทากันเปนมุมที่สมนัยกัน มุมฉากดานใดดานหนึ่งยาวเทากัน
∧ ∧
และดานที่ยาวเทากันเปนดานที่สมนัยกัน เชน ABC = XYZ = 90 ,ํ BC = YZ และ CA = ZX
∧ ∧ ∧ ∧
เชน ABC = XYZ, BCA = YZX และ CA = ZX
244
Review Exercise 5
1. พิจารณารูปสามเหลี่ยมแตละคูตอไปนี้วาเทากันทุกประการหรือไม เพราะเหตุใด
1) A Q 2) D S
67 ํ
12 ซม. 6 ซม. 6.4 ซม.
P
C 6.4 ซม. T 48 ํ 70 ํ 5 ซม.
B 12 ซม. 18 ํ E 70 ํ
62 ํ 6 ซม. U
R 5 ซม. F
พิจารณา ABC
∆
……………………………………………………………………………….. DE = TU
………………………………………………………………………………..
∧
จะได BCA = 180 ํ - 90 ํ - 67 ํ = 23 ํ
……………………………………………………………………………….. EF = US
………………………………………………………………………………..
จะเห็น มุมภายในแตละมุมของรูป ∆ ABC
……………………………………………………………………………….. FD = ST
………………………………………………………………………………..
ไมเทากับ 18 ํ ซึ่งเปนขนาดของมุมคูที่สมนัย
……………………………………………………………………………….. ดังนั้น ∆ DEF ≅ ∆ TUS (ด.ด.ด.)
………………………………………………………………………………..
กับ ∆ PQR
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
ดังนัน้ ∆ ABC และ ∆ PQR ไมเทากันทุกประการ
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
∧ ∧ ∧
2. กําหนด □ ABCD ≅ □ PQRS, A = 100 ํ, B = 70 ํ, C = 95 ํ และ PQ = 6 เซนติเมตร
1) ใหหา AB 2) ใหหาขนาดของ ∧S ฉบับ
เฉลย
จาก ABCD
□ ≅ □ PQRS
……………………………………………………………………………….. จาก ABCD
□ ≅□ PQRS
…………………………………………………………………………………..
จะได ดานคูที่สมนัยกันยาวเทากัน
……………………………………………………………………………….. จะได มุมคูที่สมนัยกันมีขนาดเทากัน
…………………………………………………………………………………..
∧ ∧
ดังนั้น AB = PQ = 6 เซนติเมตร
……………………………………………………………………………….. ดังนั้น S = D = 360 ํ - 100 ํ - 70 ํ - 95 ํ = 95 ํ
…………………………………………………………………………………..
∧ ∧
3. กําหนด ∆ ABC ≅ ∆ AKH, CAB = 52 ํ, KHA = 36 ํ, AB = 6 เซนติเมตร
และ AH = 10.2 เซนติเมตร
∧
1) ใหหาขนาดของ AKH
H จาก ABC AKH
∆ ≅ ∆
…………………………………………………………………………………..
36 ํ จะได มุมคูที่สมนัยกันมีขนาดเทากัน
…………………………………………………………………………………..
∧ ∧
10.2 ซม. ดังนั้น HAK = CAB = 52 ํ
…………………………………………………………………………………..
∧
นั่นคือ AKH = 180 ํ - 52 ํ - 36 ํ = 92 ํ
…………………………………………………………………………………..
A 52 ํ K C 2) ใหหา KC
CA = HA = 10.2 เซนติเมตร
…………………………………………………………………………………..
6 ซม.
AK = AB = 6 เซนติเมตร
…………………………………………………………………………………..
B ดังนั้น KC = CA - AK
…………………………………………………………………………………..
= 10.2 - 6 = 4.2 เซนติเมตร
…………………………………………………………………………………..
245
∧
4. กําหนด ∆ ABC ≅ ∆ AHK, CAB = 53 ํ, C
∧
AHK = 90 ํ, AH = 6 เซนติเมตร และพื้นที่ H
ของ ∆ ABC = 24 ตารางเซนติเมตร 6 ซม. X
∧ A 53 ํ
1) ใหหาขนาดของ ABC B K
จาก ABC AHK ∆ ≅ ∆
...................................................................................................................................................................................................................................................
จะได มุมคูที่สมนัยกันมีขนาดเทากัน
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
ดังนั้น ABC = AHK = 90 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
2) ใหหา AB และ BC
จาก ABC AHK จะไดวา AB = AH = 6 เซนติเมตร
∆ ≅ ∆
...................................................................................................................................................................................................................................................
จาก พื้นที่ของ ∆ ABC = 24 ตารางเซนติเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
จะได 24 = 12 × AB × BC
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น BC = 24AB× 2 = 24 6× 2 = 8 เซนติเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
2) Q AB = PQ = 12 เซนติเมตร
………………………………………………………………………………………..
A ∧ ∧
CAB = RPQ = 80 ํ
80 ํ 8.9 ซม. ………………………………………………………………………………………..
12 ซม. 12 ซม. CA = RP = 8.9 เซนติเมตร
C ………………………………………………………………………………………..
80 ํ ดังนั้น ∆ ABC ≅ ∆ PQR (ด.ม.ด.)
R 8.9 ซม. P
………………………………………………………………………………………..
B
………………………………………………………………………………………..
246
3) พิจารณา ABC และ PQR ∆ ∆
………………………………………………………………………………………..
C จะได ดาน AB และ PQ เปนดานคูที่สมนัยกัน
………………………………………………………………………………………..
9 ซม. 6.5 ซม. P
5 ซม. 5 ซม. ………………………………………………………………………………………..
แต AB PQ
30 ํ R 30 ํ Q
B 7 ซม. A 9 ซม. ดังนั้น ∆ ABC และ ∆ PQR ไมเทากันทุกประการ
………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………..
4) AB = PQ = 6.5 เซนติเมตร
………………………………………………………………………………………..
A R 45 ํ 75 ํ
P ∧
จาก PQR = 180 ํ - 75 ํ - 45 ํ = 60 ํ จะได
………………………………………………………………………………………..
∧ ∧
6.5 ซม. 8.9 ซม. 6.5 ซม. ABC = PQR = 60 ํ
………………………………………………………………………………………..
60 ํ BC = QR = 8.9 เซนติเมตร
B 8.9 ซม. C Q ………………………………………………………………………………………..
ดังนั้น ∆ ABC ≅ ∆ PQR (ด.ม.ด.)
………………………………………………………………………………………..
6. พิจารณารูปสามเหลี่ยมตอไปนี้ แลวตรวจสอบวารูปสามเหลี่ยมคูใดบางที่เทากันทุกประการ
A D J
G 75 ํ 50 ํ I
55 ํ
3 ซม. 3 ซม. ฉบับ
75 ํ L เฉลย
50 ํ
C 50 ํ F E 75 ํ
50 ํ 3 ซม.
B 3 ซม. H
∧
K
จารณา ∆ DEF และ ∆ JLK จะได JLK = 180 ํ - 55 ํ - 50 ํ = 75 ํ
พิ…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
∧ ∧
DEF = JLK = 75 ํ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
EF = LK = 3 เซนติเมตร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
∧ ∧
EFD = LKJ = 50 ํ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ดังนั้น ∆ DEF ≅ ∆ JLK (ม.ด.ม.)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
R
S
1) ใหพิสูจนวา ∆ PQR ≅ ∆ SRQ พรอมทั้งอธิบายเหตุผลประกอบ
PQ = SR (กําหนดให)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
PQR = SRQ (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
QR = RQ (QR เปนดานรวม)
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ∆ PQR ≅ ∆ SRQ (ด.ม.ด.)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
2) ใหหา QS และขนาดของ QPR
จาก PQR SRQ ∆ ≅ ∆
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
จะได QS และ RP เปนดานคูที่สมนัยกัน และ QPR และ RSQ เปนมุมคูที่สมนัยกัน
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
ดังนั้น QS = RP = 5 เซนติเมตร และ QPR = RSQ = 50 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
เฉลย ...................................................................................................................................................................................................................................................
Q
A
พิจารณา POC และ QOC ∆ ∆
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
จะไดวา CPO = CQO = 90 ํ (โดยการวัด)
...................................................................................................................................................................................................................................................
PO = QO (กําหนดให)
...................................................................................................................................................................................................................................................
OC = OC (OC เปนดานรวม)
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ∆ POC ≅ ∆ QOC (ฉ.ด.ด.)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧ ∧ ∧
จะได AOC = QOC = POC = BOC
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
นั่นคือ OC แบงครึ่ง AOB
...................................................................................................................................................................................................................................................
248
Challenge Yourself
กําหนด □ ABCD เปนรูปสี่เหลี่ยมดานขนาน
A B
D C
ใหพิสูจนวา ∆ ABC ≅ ∆ CDA ดวยวิธีการที่แตกตางกัน มา 3 วิธี
แนวตอบ
...............................................................................................................................................................................................................................................................
วิธีที่ 1 จะพิสูจนวา ∆ ABC ≅ ∆ CDA โดยใชความสัมพันธของรูปสามเหลี่ยมสองรูปแบบ ดาน-ดาน-ดาน
...............................................................................................................................................................................................................................................................
เนื่องจาก AB = CD (ดานตรงขามของรูปสี่เหลี่ยมดานขนานมีความยาวเทากัน)
...............................................................................................................................................................................................................................................................
BC = DA (ดานตรงขามของรูปสี่เหลี่ยมดานขนานมีความยาวเทากัน)
...............................................................................................................................................................................................................................................................
CA = AC (CA เปนดานรวม)
............................................................................................................................................................................................................................................................... ฉบับ
ดังนั้น ∆ ABC ∆ CDA ≅ (ด.ด.ด.)
...............................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย
วิธีที่ 2 จะพิสูจนวา ∆ ABC ≅ ∆ CDA โดยใชความสัมพันธของรูปสามเหลี่ยมสองรูปแบบ มุม-ดาน-มุม
...............................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
เนื่องจาก BCA = DAC (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
...............................................................................................................................................................................................................................................................
CA = AC (CA เปนดานรวม)
...............................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
CAB = ACD (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
...............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ∆ ABC ≅ ∆ CDA (ม.ด.ม.)
...............................................................................................................................................................................................................................................................
วิธีที่ 3 จะพิสูจนวา ∆ ABC ≅ ∆ CDA โดยใชความสัมพันธของรูปสามเหลี่ยมสองรูปแบบ ดาน-มุม-ดาน
...............................................................................................................................................................................................................................................................
เนื่องจาก BC = DA (ดานตรงขามของรูปสี่เหลี่ยมดานขนานมีความยาวเทากัน)
...............................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
BCA = DAC (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
...............................................................................................................................................................................................................................................................
CA = AC (CA เปนดานรวม)
...............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ∆ ABC ≅ ∆ CDA (ด.ม.ด.)
...............................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
249
ฉบับ
เฉลย
250
หนวยการเรียนรูที่ 6
เสนขนาน
ทุน ลูต ดั คลืน่ เปนอุปกรณทใี่ ชสาํ หรับแบงเลนของกีฬาวายนํา้
โดยจะแบงเลนไดทั้งหมด 8 เลน ซึ่งทุนลูตัดคลื่นที่แบงเลน
แตละเลนจะขนานกัน ถากรรมการประจําการแขงขันกีฬาวายนํา้
รายการหนึ่ ง ต อ งการตรวจสอบว า ทุ น ลู ตั ด คลื่ น ขนานกั น
หรือไม เขาจะสามารถตรวจสอบไดอยางไร
ฉบับ
เฉลย
ตัวชี้วัด
• นําความรูเกี่ยวกับสมบัติของเสนขนานและรูปสามเหลี่ยมไปใช
ในการแกปญหาคณิตศาสตร (ค 2.2 ม.2/2)
สาระการเรียนรูแกนกลาง
• สมบัติเกี่ยวกับเสนขนานและรูปสามเหลี่ยม
251
6.1 เสนขนาน
Investigation
ใหนักเรียนจับคูกับเพื่อน แลวทํากิจกรรมพรอมทั้งตอบคําถามตอไปนี้
1. เขาเว็บไซต http://www.shinglee.com.sg/StudentResources/
แลวคลิก NSM1/ Chapter 10 Parallel Lines
2. เปดไฟล Chapter 10 Parallel Lines
ฉบับ
เฉลย
∧
3. จากโปรแกรม GSP จะเห็นวา ∧a และ b เปนมุมภายนอกและมุมภายในที่ไมใชมุมประชิดที่
อยูบ นดานเดียวกันของเสนตัด ซึง่ เปนมุมคูท สี่ มนัยกัน ใหนกั เรียนสังเกตความสัมพันธระหวาง
∧ ∧
a และ b เมื่อเลื่อนจุด R หรือจุด S
∧ ∧
a=b
...................................................................................................................................................................................................................................................
252
6. ใหนักเรียนเติมขอความลงในชองวางใหถูกตอง
∧
1) ∧a = ………..
b (มุมภายนอกและมุมภายในที่ไมใชมุมประชิดที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัด
มีขนาดเทากัน)
∧
2) ∧a = ………..
c (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
∧
3) ∧a + d = ………..
180 ํ (มุมภายในที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัดมีขนาดรวมกันเทากับ 180 ํ)
7. เปดหนา 2 ของไฟล Chapter 10 Parallel Lines โดยคลิกที่แถบบริเวณมุมซายลาง
ฉบับ
เฉลย
∧
8. จากโปรแกรม GSP จะเห็นวา ∧a และ b เปนมุมภายนอกและมุมภายในที่ไมใชมุมประชิด
ที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัด ซึ่งเปนมุมคูที่สมนัยกัน ใหนักเรียนคลิกจุด S แลวเลื่อนขึ้น
∧
ไปหาจุด R จะเห็นวา ∧a เลื่อนเขาไปหา b โดยที่เสนประยังคงขนานกับเสนตรงทั้งสองและ
ขนาดของ ∧a เทาเดิมเสมอ นักเรียนคิดวา ขนาดของ ∧a ที่เกิดจากการเลื่อนจุด S ไปหาจุด R
∧
เทากับขนาดของ b หรือไม เพราะเหตุใด
เนื ่องจากขนาดของ ∧a ที่เกิดจากการเลื่อนจุด S ไปหาจุด R เทากับขนาดของ ∧a เดิม และขนาดของ
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧ ∧
เดิม เทากับขนาดของ b ดังนัน้ ขนาดของ ∧a ทีเ่ กิดจากการเลือ่ นจุด S ไปหาจุด R เทากับขนาดของ b
a...................................................................................................................................................................................................................................................
9. จากหนา 1 ของไฟล Chapter 10 Parallel Lines เราทราบวา ∧a และ ∧c เปนมุมแยง
ใหพิสูจนวา ∧a = ∧c
Hint ใชความรูเรื่องมุมภายนอกและมุมภายในที่ไมใชมุมประชิดที่อยูบนดานเดียวกันของ
เสนตัดและมุมตรงขาม
∧ ∧
a = b (มุมภายนอกและมุมภายในที่ไมใชมุมประชิดที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัดมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
b = c (มุมตรงขามมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
ดังนั้น a = c
...................................................................................................................................................................................................................................................
253
∧
10. จากหนา 1 ของไฟล Chapter 10 Parallel Lines เรารูวา ∧a และ d เปนมุมภายในที่อยูบน
∧
ดานเดียวกันของเสนตัด ใหพิสูจนวา ∧a + d = 180 ํ
Hint ใชความรูเรื่อง มุมภายนอกและมุมภายในที่ไมใชมุมประชิดที่อยูบนดานเดียวกันของ
เสนตัดและมุมประชิด
วิ...................................................................................................................................................................................................................................................
ธีที่ 1 วิธีที่ 2
∧ ∧ ∧ ∧
a=b (มุมภายนอกและมุมภายในที่ไมใช c=a (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
มุมประชิดทีอ่ ยูบ นดานเดียวกันของ ∧c + d = 180 ํ (มุมตรงมีขนาดเทากับ 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................
เสนตัดมีขนาดเทากัน) ดังนั้น ∧a + ∧d = ∧c + ∧d = 180 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
b...................................................................................................................................................................................................................................................
+ d = 180 ํ (มุมตรงมีขนาดเทากับ 180 ํ)
งนั้น ∧a + ∧d = ∧b + ∧d = 180 ํ
ดั...................................................................................................................................................................................................................................................
254
Similar Questions
Practice Now Exercise 6A ขอ 1
กําหนด AB // CD
P R
A f e b a B
g h c d
C j i n m D
k o p
Q S
1) ใหหามุมภายนอกและมุมภายในที่ไมใชมุมประชิดที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัดมา 1 คู
∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧
a กับ m, b กับ n, c กับ o, d กับ p, e กับ i, f กับ j, g กับ k และ h กับ
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
2) ใหหามุมแยงมา 1 คู
∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧
c กับ m, d กับ n, g กับ i และ h กับ j
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
3) ใหหามุมภายในที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัดมา 1 คู เฉลย
∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧
c กับ n, d กับ m, g กับ j กับ h กับ i
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
Worked Example 1
กําหนด AB // CD ใหหาคาของ a, b, c และ d
P R
A 48 ํ 61 ํ B
b
C a c D
d
Q S
255
วิธีทํา
a = 48 ํ (มุมภายนอกและมุมภายในทีไ่ มใชมมุ ประชิดทีอ่ ยูบ นดานเดียวกันของเสนตัด
มีขนาดเทากัน)
b = 61 ํ (มุมตรงขามมีขนาดเทากัน)
c+b = 180 ํ (มุมภายในที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัดมีขนาดรวมกันเทากับ 180 ํ)
c + 61 ํ = 180 ํ
c = 180 ํ - 61 ํ
= 119 ํ
d = b (มุมภายนอกและมุมภายในทีไ่ มใชมมุ ประชิดทีอ่ ยูบ นดานเดียวกันของเสนตัด
มีขนาดเทากัน)
= 61 ํ
ดังนั้น คาของ a, b, c และ d คือ 48 ํ, 61 ํ, 119 ํ และ 61 ํ ตามลําดับ
Similar Questions
ฉบับ
Practice Now Exercise 6A ขอ 2(1), 3, 4(1), 5(1)
เฉลย
กําหนด AB // CD ใหหาคาของ a, b, c และ d
P R
A a b B
c
C 54 ํ 106 ํ D
d
Q A
a = 54 ํ (มุมภายนอกและมุมภายในที่ไมใชมุมประชิดที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัดมีขนาดเทากัน)
..............................................................................................................................................................................................................................................................
c + 106 ํ = 180 ํ (มุมภายในที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัดมีขนาดรวมกันเทากับ 180 ํ)
..............................................................................................................................................................................................................................................................
c = 180 ํ - 106 ํ
..............................................................................................................................................................................................................................................................
= 74 ํ
..............................................................................................................................................................................................................................................................
b = c = 74 ํ(มุมตรงขามมีขนาดเทากัน)
..............................................................................................................................................................................................................................................................
d = c = 74 ํ(มุมภายนอกและมุมภายในที่ไมใชมุมประชิดที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัดมีขนาดเทากัน)
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น คาของ a, b, c และ d คือ 54 ํ, 74 ํ, 74 ํ และ 74 ํ ตามลําดับ
..............................................................................................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................................................................................
256
Worked Example 2
กําหนด BA // EF ใหหาคาของ a
C E
A 96 ํ 52 ํ
a
40 ํ D
F
B
วิธีทํา
ที่จุด C และจุด D สราง QP // BA // SR // EF ได ดังนี้
E w = 40 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
A C P R 52 ํ x = 96 ํ - 40 ํ = 56 ํ
wx
yz y = x = 56 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
D
40 ํ Q S F z = 52 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน) ฉบับ
B a = y + z = 56 ํ + 52 ํ = 108 ํ เฉลย
ดังนั้น คาของ a คือ 108 ํ
Similar Questions
Practice Now Exercise 6A ขอ 2(2), 4(2), 5(2)
กําหนด AB // ED ใหหาคาของ a
A X B ที.........................................................................................................................
่จุด C สราง PQ // AB // ED จะไดวา
∧
44 ํ XCQ = 44 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
.........................................................................................................................
∧
ECQ = 20 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
.........................................................................................................................
P C 2a Q 2a = XCQ + ECQ
∧ ∧
.........................................................................................................................
D 20 ํ
E 2a = 44 ํ + 20 ํ
.........................................................................................................................
= 64 ํ
.........................................................................................................................
a = 32 ํ
.........................................................................................................................
ดั.........................................................................................................................
งนั้น คาของ a คือ 32 ํ
.........................................................................................................................
257
Worked Example 3
กําหนด BC // EF ใหหาคาของ a และ b
C
23 ํ
F
A a 3b E
B D 229 ํ
วิธีทํา
ที่จุด D สราง PQ // BC // EF ได ดังนี้
C
F
23 ํ Q
ฉบับ y
เฉลย A a z x
B D E
P
จากรูป จะได x + 229 ํ = 360 ํ (มุมรอบจุดศูนยกลางวงกลมมีขนาดเทากับ 360 ํ)
x = 131 ํ
a = x = 131 ํ (มุมภายนอกและมุมภายในที่ไมใชมุมประชิด
ที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัดมีขนาดเทากัน)
y = 23 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
z + x = 180 ํ (มุมภายในที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัดมีขนาด
รวมกันเทากับ 180 ํ)
z + 131 ํ = 180 ํ
z = 49 ํ
3b = y + z
= 23 ํ + 49 ํ
= 72 ํ
b = 24 ํ
ดังนั้น คาของ a และ b คือ 131 ํ และ 24 ํ ตามลําดับ
258
Similar Questions
Practice Now Exercise 6A ขอ 2(3)-(4), 6-9, 11
กําหนด BC // EF ใหหาคาของ a และ b
C
Q F
19 ํ
A 5a 2b E
B D 245 ํ
P
∧
ที่จุด D สราง PQ // BC // EF CDQ = 19 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
..............................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧ ∧
DEF + 245 ํ = 360 ํ (มุมรอบจุดศูนยกลางวงกลม EDQ + DEF = 180 ํ (มุมภายในทีอ่ ยูบ นดานเดียวกันของ
..............................................................................................................................................................................................................................................................
มีขนาดเทากับ 360 )ํ เสนตัดมีขนาดรวมกันเทากับ 180 )ํ
..............................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
DEF = 115 ํ EDQ + 115 ํ = 180 ํ
..............................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
5a = DEF = 115 ํ (มุมภายนอกและมุมภายใน EDQ = 65 ํ
..............................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
ที่ไมใชมุมประชิดที่อยูบน 2b = CDQ + EDQ
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
ดานเดียวกันของเสนตัด = 19 ํ + 65 ํ
.............................................................................................................................................................................................................................................................. เฉลย
มีขนาดเทากัน) = 84 ํ
..............................................................................................................................................................................................................................................................
a = 23 ํ b = 42 ํ
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น คาของ a และ b คือ 23 ํ และ 42 ํ ตามลําดับ
..............................................................................................................................................................................................................................................................
Worked Example 4
∧ ∧
กําหนด PQ และ RS เปนเสนตรงที่ตัด AB และ CD ถา AWQ = DYP = 55 ํ และ
∧ ∧
AXS = 138 ํ ใหหาขนาดของ CZR
P R
A W X B
55 ํ 138 ํ
C 55 ํ D
Q Y Z S
วิธีทํา
∧ ∧
เนื่องจาก AWQ = DYP = 55 ํ
จะได AB // CD (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
∧ ∧
ดังนั้น CZR = 180 ํ - AXS = 180 ํ - 138 ํ = 42 ํ
259
Similar Questions
Practice Now Exercise 6A ขอ 10
∧ ∧
กําหนด PQ และ RS เปนเสนตรงที่ตัด AB และ CD ถา BWQ = DYQ = 122 ํ และ
∧ ∧
CZR = 65 ํ ใหหาขนาดของ BXS
∧ ∧
R เนื่องจาก BWQ = DYQ = 122 ํ
.........................................................................................................................
P
A W X B จะได AB // CD (มุมภายนอกและมุมภายในที่ไมใช
.........................................................................................................................
122 ํ
มุมประชิดที่อยูบนดานเดียวกันของ
.........................................................................................................................
C 65 ํ D เสนตัดมีขนาดเทากัน)
Y 122 ํ Z .........................................................................................................................
∧ ∧
Q S ดังนั้น B S = CZR = 65 ํ
X
.........................................................................................................................
Exercise 6A
Basic Level
1. กําหนด AB // CD
ฉบับ
เฉลย P R
A W X B
C D
Y Z
Q S
1) ใหหามุมภายนอกและมุมภายในที่ไมใชมุมประชิดที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัดมา 2 คู
∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧
B R กับ DZR, A R กับ CZR, A S กับ CZS, B S กับ DZS, BWP กับ DYP, AWP กับ CYP,
X X X X
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧ ∧ ∧
AWQ กับ CYQ และ BWQ กับ DYQ
...................................................................................................................................................................................................................................................
2) ใหหามุมแยงมา 2 คู
∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧
A S กับ DZR, B S กับ CZR, AWQ กับ DYP และ BWQ กับ CYP
X X
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
3) ใหหามุมภายในที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัดมา 2 คู
∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧
A S กับ CZR, B S กับ DZR, AWQ กับ CYP และ BWQ กับ DYP
X X
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
260
∧ ∧
4) ให∧พิจารณาว
∧
า BWQ = AXR หรือไม อยางไร
BWQ A R เพราะวา PQ ไมขนานกับ RS ทําใหมุมแยงมีขนาดไมเทากัน
X
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
5) ใหพิจารณาวา DYP + CZR = 180 ํ หรือไม อยางไร
∧ ∧
DYP + CZR 180 ํ เพราะวา PQ ไมขนานกับ RS ทําใหมุมภายในที่อยูบนดานเดียวกันของ
...................................................................................................................................................................................................................................................
เสนตัดมีขนาดรวมกันแลวไมเทากับ 180 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
2) c = 31 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
.................................................................................................................................................... ฉบับ
A E B ∧
d c d = ECD (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
.................................................................................................................................................... เฉลย
= 35 ํ + 31 ํ
....................................................................................................................................................
35 ํ
C 31 ํ D = 66 ํ
....................................................................................................................................................
ดังนั้น คาของ c และ d คือ 31 ํ และ 66 ํ ตามลําดับ
....................................................................................................................................................
3) B e = 83 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
....................................................................................................................................................
F e f = 69 ํ (มุมภายนอกและมุมภายในทีไ่ มใชมมุ ประชิด
....................................................................................................................................................
83 ํ D ที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัดมีขนาด
....................................................................................................................................................
เทากัน)
....................................................................................................................................................
69 ํ f E
A C ดังนั้น คาของ e และ f คือ 83 ํ และ 69 ํ ตามลําดับ
....................................................................................................................................................
4) h = 60 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
....................................................................................................................................................
A B g + 75 ํ + 60 ํ = 180 ํ (ขนาดของมุมภายในทั้งสามของ
75 ํ 60 ํ ....................................................................................................................................................
รูปสามเหลี่ยมรวมกันได 180 ํ)
....................................................................................................................................................
C g h D g = 45 ํ
....................................................................................................................................................
E
ดังนั้น คาของ g และ h คือ 45 ํ และ 60 ํ ตามลําดับ
....................................................................................................................................................
261
3. กําหนด AB // CD ใหหาคาของ a, b และ c
1) a = 38 ํ (มุมภายนอกและมุมภายในที่ไมใชมุมประชิด
....................................................................................................................................................
A a B ทีอ่ ยูบ นดานเดียวกันของเสนตัดมีขนาดเทากัน)
....................................................................................................................................................
30 ํ a + 30 ํ = 2b (มุมภายนอกและมุมภายในที่ไมใชมุมประชิด
....................................................................................................................................................
C 2b 38 ํ D ทีอ่ ยูบ นดานเดียวกันของเสนตัดมีขนาดเทากัน)
....................................................................................................................................................
38 ํ + 30 ํ = 2b
....................................................................................................................................................
E F
2b = 68 ํ
....................................................................................................................................................
b = 34 ํ
....................................................................................................................................................
ดังนั้น คาของ a และ b คือ 38 ํ และ 34 ํ ตามลําดับ
....................................................................................................................................................
2) 7c + 3c = 180 ํ (มุมภายในที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัด
....................................................................................................................................................
P
มีขนาดรวมกันเทากับ 180 ํ)
....................................................................................................................................................
A 7c B 10c = 180 ํ
....................................................................................................................................................
c = 18 ํ
....................................................................................................................................................
ฉบับ C 3c D ดังนั้น คาของ c คือ 18 ํ
....................................................................................................................................................
เฉลย
....................................................................................................................................................
Q ....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
Intermediate Level
4. กําหนด AB // CD ใหหาคาของ a และ b
1) A B 2) A B
142 ํ 69 ํ
P Ea Q P bE Q
114 ํ
C D C 37 ํ D
∧ ∧
AEQ + 142 ํ = 180 ํ
……………………………………………………………………………….. AEP = 69 ํ
………………………………………………………………………………..
∧ ∧
AEQ = 38 ํ
……………………………………………………………………………….. CEP = 37 ํ
………………………………………………………………………………..
∧ ∧ ∧
CEQ + 114 ํ = 180 ํ
……………………………………………………………………………….. b = AEP + CEP
………………………………………………………………………………..
∧
CEQ = 66 ํ
……………………………………………………………………………….. = 69 ํ + 37 ํ
………………………………………………………………………………..
∧ ∧
a = AEQ + CEQ = 38 ํ + 66 ํ = 104 ํ
……………………………………………………………………………….. = 106 ํ
………………………………………………………………………………..
ดังนั้น คาของ a คือ 104 ํ
……………………………………………………………………………….. ดังนั้น คาของ b คือ 106 ํ
………………………………………………………………………………..
262
5. กําหนด AB // CD ใหหาคาของ a และ b
1) P
A X B
4a - 10 ํ
C Y D
2a - 2 ํ
Q
∧
CYP = 2a - 2 ํ (มุมตรงขามมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
CYP + (4a - 10 ํ) = 180 ํ (มุมภายในที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัดมีขนาดรวมกันเทากับ 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................
(2a - 2 ํ) + (4a - 10 ํ) = 180 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
6a - 12 ํ = 180 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
6a = 192 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
a = 32 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น คาของ a คือ 32 ํ ฉบับ
...................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย
2) A 28 ํ B
P 94 ํ E Q
R b F S
C 19 ํ D
∧
AEP = 28 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน) เนือ่ งจากมุมรอบจุดศูนยกลางวงกลมมีขนาด
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
FEP = 94 ํ - AEP เทากับ 360 ํ จะได
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
= 94 ํ - 28 ํ b + EFS + DFS = 360 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
= 66 ํ b = 360 ํ - EFS - DFS
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
EFS = FEP = 66 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน) = 360 ํ - 66 ํ - 19 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
DFS = 19 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน) = 275 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น คาของ b คือ 275 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
263
∧ ∧
6. กําหนด AB // CE // FG, ADH = 47 ํ และ DFG = 86 ํ
B
E G
A
H 47 ํ
86 ํ
D F
C
∧
ใหหาขนาดของ BAD
∧ ∧ ∧
CDF = 86 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน) BAD + EDA = 180 ํ (มุมภายในที่อยูบน
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
HDE = CDF = 86 ํ (มุมตรงขามมีขนาดเทากัน) ดานเดียวกันของเสนตัด
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
EDA = HDE - 47 ํ มีขนาดรวมกันเทากับ 180 )ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
= 86 ํ - 47 ํ BAD + 39 ํ = 180 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
= 39 ํ BAD = 141 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
ดังนั้น ขนาดของ BAD คือ 141 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ ∧ ∧ ∧
เฉลย 7. กําหนด AC // EG, FD // GC, ABD = 46 ํ, DFE = 52 ํ และ FCG = 72 ํ
A 46 ํ B C
P 72 ํ Q
D
E 52 ํ G
F
∧
1) ใหหาขนาดของ BCF
∧
CGF = 52 ํ (มุมภายนอกและมุมภายในที่ไมใชมุมประชิดที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัด
...................................................................................................................................................................................................................................................
มีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
BCG + CGF = 180 ํ (มุมภายในที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัดมีขนาดรวมกันเทากับ 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
BCG + 52 ํ = 180 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
BCG = 128 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
BCF = BCG - 72 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 128 ํ - 72 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 56 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
ดังนั้น ขนาดของ BCF คือ 56 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
264
∧
2) ให∧หาขนาดของมุมกลับของ BDF
BDQ = 46 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
FDQ = 52 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧ ∧
มุมกลับของ BDF + BDQ + FDQ = 360 ํ (มุมรอบจุดศูนยกลางวงกลมมีขนาดเทากับ 360 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
มุมกลับของ BDF + 46 ํ + 52 ํ = 360 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
มุมกลับของ BDF = 262 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
ดังนั้น ขนาดของมุมกลับของ BDF คือ 262 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
8. กําหนด AB // CE และ DF // AC
B E
D 58 ํ F ฉบับ
เฉลย
A C
7y 4x
ใหหาคาของ x และ y
∧ ∧ ∧
FDC + 58 ํ = 180 ํ (มุมตรงมีขนาดเทากับ 180 ํ) BAC + DCA = 180 ํ (มุมภายในที่อยูบน
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
FDC = 122 ํ ดานเดียวกันของเสนตัด
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
DCA = FDC (มุมแยงมีขนาดเทากัน) มีขนาดรวมกันเทากับ 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
= 122 ํ BAC + 122 ํ = 180 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
DCA + 4 = 360 ํ x (มุมรอบจุดศูนยกลางวงกลม BAC = 58 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
มีขนาดเทากับ 360 ํ) BAC + 7y = 360 ํ (มุมรอบจุดศูนยกลางวงกลม
...................................................................................................................................................................................................................................................
122 ํ + 4 = 360 ํ x มีขนาดเทากับ 360 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................
4x = 238 ํ 58 ํ + 7y = 360 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
x = 59.5 ํ 7y = 302 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
y ≈ 43.1 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น คาของ x คือ 59.5 ํ และคาของ y ประมาณ 43.1 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
265
9. กําหนด BC // EF ใหหาคาของ x และ y
C
32 ํ Q F
A x
B D
P 5y 147 ํ
E
ที่จุด D สราง PQ // BC // EF
...................................................................................................................................................................................................................................................
x = 147 ํ (มุมภายนอกและมุมภายในทีไ่ มใชมมุ ประชิดทีอ่ ยูบ นดานเดียวกันของเสนตัด
...................................................................................................................................................................................................................................................
มีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
CDQ = 32 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
QDE + 147 ํ = 180 ํ (มุมภายในที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัดมีขนาดรวมกันเทากับ 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
QDE = 33 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
5y + CDQ + QDE = 360 ํ (มุมรอบจุดศูนยกลางวงกลมมีขนาดเทากับ 360 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ 5y + 32 ํ + 33 ํ = 360 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย 5y = 295 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
y = 59 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น คาของ x และ y คือ 147 ํ และ 59 ํ ตามลําดับ
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
10. กําหนด AB และ CD เปนเสนตรงที่มี PQ และ RS เปนเสนตัด ใหหาขนาดของ BWP
∧
เมื่อ DYP = 46 ํ, A∧XS = 104 ํ และ CZR
∧
= 76 ํ
P R
A W X B
104 ํ
C Y 46 ํ 76 ํ D
Z
Q
S
∧ ∧
เนื่องจาก A S + CZR = 104 ํ + 76 ํ = 180 ํ
X
...................................................................................................................................................................................................................................................
จะได AB // CD (มุมภายในที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัดมีขนาดรวมกันเทากับ 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
ดังนั้น BWP = DYP = 46 ํ (มุมภายนอกและมุมภายในทีไ่ มใชมมุ ประชิดทีอ่ ยูบ นดานเดียวกันของเสนตัดมีขนาด
...................................................................................................................................................................................................................................................
เทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
266
Advanced Level
∧ ∧ ∧ ∧
11. กําหนด AB // EG, BAC = w, ACD = x, CDF = y และ DFE =z
A B
w
P C x Q
R y D S
E z
F G
ใหเขียนสมการแสดงความสั
∧
มพันธระหวาง w, x, y และ z
QCA + w = 180 ํ (มุมภายในที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัด
...................................................................................................................................................................................................................................................
มีขนาดรวมกันเทากับ 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
QCA = 180 ํ - w
................................................................................................................................................................................................................................................... ฉบับ
∧
QCD = - QCA x
∧
...................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย
= x - (180 ํ - w)
...................................................................................................................................................................................................................................................
= x - 180 ํ + w
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
CDR = QCD (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
= x - 180 ํ + w
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
RDF = y - CDR
...................................................................................................................................................................................................................................................
= y - (x - 180 ํ + w)
...................................................................................................................................................................................................................................................
= y - x + 180 ํ - w
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
RDF + z = 180 ํ (มุมภายในที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัด
...................................................................................................................................................................................................................................................
มีขนาดรวมกันเทากับ 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................
x
y - + 180 ํ - w + z = 180 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
w+x = y+z
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น สมการแสดงความสัมพันธระหวาง w, x, y และ z คือ w + x = y + z
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
267
6.2 เสนขนานและรูปสามเหลี่ยม
ในระดับชั้นประถมศึกษา นักเรียนไดศึกษาเกี่ยวกับสมบัติของรูปสามเหลี่ยมใด ๆ มาแลววา
สมบัติ ขนาดของมุมภายในทั้งสามของรูปสามเหลี่ยมใด ๆ รวมกันได 180 ํ
A B
a 65 ํ
A B
วิธีทํา
a + 65 ํ + 80 ํ = 180 ํ (ขนาดของมุมภายในทั้งสามของรูปสามเหลี่ยมรวมกันได 180 ํ)
a = 180 ํ - 65 ํ - 80 ํ
= 35 ํ
ดังนั้น คาของ a คือ 35 ํ
268
Similar Questions
Practice Now Exercise 6A ขอ 1, 3, 7(1), 8, 10-11
หาคาของ a จากรูปที่กําหนดให
90 ํ + 65 ํ + a = 180 ํ (ขนาดของมุมภายในทัง้ สามของ
....................................................................................................................................................
65 ํ รูปสามเหลี่ยมรวมกันได 180 ํ)
....................................................................................................................................................
a = 180 ํ - 90 ํ - 65 ํ
....................................................................................................................................................
a = 25 ํ
....................................................................................................................................................
ดั....................................................................................................................................................
งนั้น คาของ a คือ 25 ํ
1. สมบัติพื้นฐานของรูปสามเหลี่ยม
Investigation
ใหนักเรียนจับคูกับเพื่อน แลวทํากิจกรรมพรอมทั้งตอบคําถามตอไปนี้
1. เขาเว็บไซต http://shinglee.com.sg/StudentResources/ ฉบับ
แลวคลิก NSM1/ Chapter 11 Basic Properties of Triangle เฉลย
2. เปดไฟล Chapter 11 Basic Properties of Triangle
269
4. ใหเขียนชื่อมุมภายในที่มีขนาดใหญที่สุดและเล็กที่สุดของ ∆ ABC จากนั้นเปรียบเทียบ
ความยาวของดานที่อยูตรงขามกับมุมภายในแตละมุม แลวบอกขอสรุปที่ได
มภายในทีม่ ขี นาดใหญทสี่ ดุ และเล็กทีส่ ดุ ของ ∆ ABC คือ C∧ และ ∧B ตามลําดับ และจากการเปรียบเทียบ
มุ...................................................................................................................................................................................................................................................
ความยาวของด านที่อยูตรงขามกับมุมภายในแตละมุม จะพบวา ดานที่อยูตรงขามมุมภายในที่มี
...................................................................................................................................................................................................................................................
ขนาดใหญ ที่สุดจะยาวที่สุด และดานที่อยูตรงขามมุมภายในที่มีขนาดเล็กที่สุดจะสั้นที่สุด
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ ...................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย
6. ใหนักเรียนสังเกตความสัมพันธระหวางความยาวของดานที่ยาวที่สุดกับผลบวกของความยาว
ของดานสองดานที่เหลือของ ∆ ABC
ความยาวของด านที่ยาวที่สุดของ ∆ ABC จะสั้นกวาผลบวกของความยาวของดานสองดานที่เหลือ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ของ ∆ ABC
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
7. ใหนักเรียนทํากิจกรรมตามขอ 5. จากนั้นลองสังเกตความสัมพันธระหวางความยาวของ
ดานที่ยาวที่สุดกับผลบวกของความยาวของดานสองดานที่เหลือของ ∆ ABC วาเหมือนกับ
ขอ 6. หรือไม อยางไร
ความสั มพันธที่ไดยังเหมือนกับขอ 6. กลาวคือ ความยาวของดานที่ยาวที่สุดของ ∆ ABC จะสั้นกวา
...................................................................................................................................................................................................................................................
ผลบวกของความยาวของด านสองดานที่เหลือของ ∆ ABC เสมอ ไมวาจะเลื่อนจุด A หรือจุด B หรือ
...................................................................................................................................................................................................................................................
จุ...................................................................................................................................................................................................................................................
ด C ไปตําแหนงใดก็ตาม
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
270
8. เปดหนา 2 ของไฟล Chapter 11 Basic Properties of Triangle โดยคลิกที่แถบบริเวณ
มุมซายลาง
...................................................................................................................................................................................................................................................
11. ใหนักเรียนปรับความยาวสวนของเสนตรงทั้งสามเสนจนสามารถสรางเปนรูปสามเหลี่ยมได
จากนั้นใหนักเรียนสรุปความสัมพันธระหวางความยาวของสวนของเสนตรงที่ยาวที่สุดกับ
ผลบวกของความยาวของสวนของเสนตรงสองเสนที่เหลือที่ใชในการสรางรูปสามเหลี่ยม
ความยาวของส วนของเสนตรงที่ยาวที่สุดจะสั้นกวาผลบวกของความยาวของสวนของเสนตรงสองเสน
...................................................................................................................................................................................................................................................
ที...................................................................................................................................................................................................................................................
่เหลือเสมอ
...................................................................................................................................................................................................................................................
271
จาก Investigation สรุปไดวา
• มุมภายในของรูปสามเหลี่ยมที่มีขนาดใหญที่สุดจะเปนมุมที่อยูตรงขามกับดานที่ยาวที่สุด
และมุมภายในของรูปสามเหลีย่ มทีม่ ขี นาดเล็กทีส่ ดุ จะเปนมุมทีอ่ ยูต รงขามกับดานทีส่ นั้ ทีส่ ดุ
• ความยาวของดานที่ยาวที่สุดของรูปสามเหลี่ยมจะสั้นกวาผลบวกของความยาวของดาน
สองดานที่เหลือของรูปสามเหลี่ยมเสมอ
2. มุมภายนอกของรูปสามเหลี่ยม
Q พิจารณา ∆ ABC ที่มีจุด P เปนจุดที่เกิดจาก
q C
การตอดาน AB ออกไปจนได AP มีจุด Q
c เปนจุดที่เกิดจากการตอดาน BC ออกไปจนได
BQ และมีจุด R เปนจุดที่เกิดจากการตอดาน
∧ ∧
A a b p
P CA ออกไปจนได CR จะเรี ย ก a, b และ ∧c วา
r B มุมภายในของ ∆ ABC และเรียก ∧p, ∧q และ ∧r วา
R
มุมภายนอกของ ∆ ABC
∧
ฉบับ โดยทั่วไป จะเรียก ∧a และ b วา มุมภายในที่ไมใชมุมประชิดของ ∧q ในทํานองเดียวกัน
เฉลย
เราจะเรียก ∧a และ ∧c วา มุมภายในที่ไมใชมุมประชิดของ ∧p นักเรียนคิดวา มุมใดบางที่เปน
มุมภายในที่ไมใชมุมประชิดของ ∧r
พิจารณา ∆ ABC ตอไปนี้
จาก ∆ ABC จะได
∧ ∧
C b + d = 180 ํ (มุมตรงมีขนาดเทากับ 180 ํ)
∧ ∧ ∧
c a + b + c = 180 ํ (ขนาดของมุมภายใน
ทั้งสามของรูปสามเหลี่ยม
a b d
A B D รวมกันได 180 ํ)
จะไดวา ∧b + ∧d = ∧a + ∧b + ∧c
ดังนั้น ∧d = ∧a + ∧c
จากรูปขางตน สรุปไดวา
ถาตอดานใดดานหนึง่ ของรูปสามเหลีย่ มออกไป มุมภายนอกทีเ่ กิดขึน้ จะมีขนาดเทากับ
ผลบวกของขนาดของมุมภายในที่ไมใชมุมประชิดของมุมภายนอกนั้น
272
Worked Example 6
หาคาของ a จากรูปที่กําหนดให
C วิธีทํา
56 ํ เนื่ อ งจากขนาดของมุ ม ภายนอกของรู ป สามเหลี่ ย ม
เทากับผลบวกของขนาดของมุมภายในทีไ่ มใชมมุ ประชิด
50 ํ a ของมุมภายนอกนั้น
A B D
จะได a = 56 ํ + 50 ํ = 106 ํ
ดังนั้น คาของ a คือ 106 ํ
Similar Questions
Practice Now Exercise 6A ขอ 2, 4-5, 7(2), 9
หาคาของ a จากรูปที่กําหนดให
C เนื่องจากขนาดของมุมภายนอกของรูปสามเหลี่ยมเทากับ
....................................................................................................................................................
48 ํ ผลบวกของขนาดของมุมภายในที่ไมใชมุมประชิดของ
....................................................................................................................................................
ฉบับ
มุมภายนอกนั้น จะได a = 53 ํ + 48 ํ = 101 ํ
.................................................................................................................................................... เฉลย
53 ํ a ดังนั้น คาของ a คือ 101 ํ
....................................................................................................................................................
A B D
....................................................................................................................................................
นักเรียนสามารถใชสมบัติของเสนขนานและรูปสามเหลี่ยมในการใหเหตุผล เพื่อใชพิสูจนทาง
คณิตศาสตรได ดังตัวอยางตอไปนี้
Worked Example 7
กําหนด AC // DE และ BC = BE ใหพิสูจนวา AC = DE
C
วิธีทํา
∧ ∧
BCA = BED (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
B BC = BE (กําหนดให)
A D ∧ ∧
ABC = DBE (มุมตรงขามมีขนาดเทากัน)
จะได ∆ ABC ≅ ∆ DBE (ม.ด.ม.)
ดังนั้น AC = DE
E
273
Practice Now Similar Questions
Exercise 6A ขอ 6
กําหนด AB // ED และ AB = ED ใหพิสูจนวา BC = DC
∧ ∧
B E ABC = EDC (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
....................................................................................................................................................
AB = ED (กําหนดให)
....................................................................................................................................................
∧ ∧
C CAB = CED (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
....................................................................................................................................................
จะได วา ∆ ABC ≅ ∆ EDC (ม.ด.ม.)
....................................................................................................................................................
A D ดั....................................................................................................................................................
งนั้น BC = DC
Exercise 6B
Basic Level
1. หาคาของ a, b, c และ d จากรูปที่กําหนดใหในแตละขอตอไปนี้
B
1) 2a 2) B
ฉบับ 3b
เฉลย C 40 ํ
C 64 ํ 4b
68 ํ A
A
68 ํ + 2a + 64 ํ = 180 ํ
……………………………………………………………………………….. 4b + 3b + 40 ํ = 180 ํ
………………………………………………………………………………..
2a = 48 ํ
……………………………………………………………………………….. 7b = 140 ํ
………………………………………………………………………………..
a = 24 ํ
……………………………………………………………………………….. b = 20 ํ
………………………………………………………………………………..
ดังนั้น คาของ a คือ 24 ํ
……………………………………………………………………………….. ดังนั้น คาของ b คือ 20 ํ
………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
3) C 4) C
d
c B
62 ํ
A A B
เนื่องจาก BA = BC
……………………………………………………………………………….. เนื่องจาก AC = BC = AB
………………………………………………………………………………..
∧ ∧ ∧ ∧ ∧
จะได BCA = BAC = 62 ํ
……………………………………………………………………………….. จะได BAC = CBA = ACB
………………………………………………………………………………..
62 ํ + c + 62 ํ = 180 ํ
……………………………………………………………………………….. d + d + d = 180 ํ
………………………………………………………………………………..
c = 56 ํ
……………………………………………………………………………….. d = 60 ํ
………………………………………………………………………………..
ดังนั้น คาของ c คือ 56 ํ
……………………………………………………………………………….. ดังนั้น คาของ d คือ 60 ํ
………………………………………………………………………………..
274
2. หาคาของ a, b และ c จากรูปที่กําหนดใหในแตละขอตอไปนี้
1) a = 47 ํ + 55 ํ (ขนาดของมุมภายนอกของรูปสามเหลีย่ ม
....................................................................................................................................................
C เทากับผลบวกของขนาดของมุมภายใน
....................................................................................................................................................
55 ํ ที่ไมใชมุมประชิดของมุมภายนอกนั้น)
....................................................................................................................................................
= 102 ํ
....................................................................................................................................................
a
ดังนั้น คาของ a คือ 102 ํ
....................................................................................................................................................
47 ํ
D A B ....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
2) 90 ํ + b + 50 ํ = 180 ํ (ขนาดของมุมภายในทั้งสาม
....................................................................................................................................................
C ของรูปสามเหลี่ยมรวมกันได 180 ํ)
....................................................................................................................................................
b
35 ํ b = 40 ํ
....................................................................................................................................................
90 ํ + c + 35 ํ = 180 ํ (ขนาดของมุมภายในทั้งสาม
....................................................................................................................................................
D 50 ํ c ของรูปสามเหลี่ยมรวมกันได 180 ํ)
A B ....................................................................................................................................................
c = 55 ํ
.................................................................................................................................................... ฉบับ
ดังนั้น คาของ b และ c คือ 40 ํ และ 55 ํ ตามลําดับ เฉลย
....................................................................................................................................................
Intermediate Level
4. หาคาของ a และ b จากรูปที่กําหนดให
D a + 90 ํ = 115 ํ
....................................................................................................................................................
Eb a = 25 ํ
....................................................................................................................................................
a a + b = 90 ํ + 32 ํ
....................................................................................................................................................
F 32 ํ G 25 ํ + b = 122 ํ
....................................................................................................................................................
b = 97 ํ
....................................................................................................................................................
A 115 ํ
B C ดังนั้น คาของ a และ b คือ 25 ํ และ 97 ํ ตามลําดับ
....................................................................................................................................................
275
5. หาคาของ a จากรูปที่กําหนดให
F
57 ํ
C
44 ํ a
E D B
51 ํ
A
∧
EDF + 44 ํ + 57 ํ = 180 ํ (ขนาดของมุมภายในทั้งสามของรูปสามเหลี่ยมรวมกันได 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
EDF = 79 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
ADB = 79 ํ (มุมตรงขามมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
a = 51 ํ + 79 ํ (ขนาดของมุมภายนอกของรูปสามเหลี่ยมเทากับผลบวกของขนาดของมุมภายใน
...................................................................................................................................................................................................................................................
ที่ไมใชมุมประชิดของมุมภายนอกนั้น)
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 130 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น คาของ a คือ 130 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ ...................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย ...................................................................................................................................................................................................................................................
A B
1) ใหพิสูจนวา ∆ ABE ≅ ∆ CDE
∧ ∧
EAB = ECD (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
ABE = CDE (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
BE = ED (เสนทแยงมุมของรูปสี่เหลี่ยมดานขนานจะแบงครึ่งซึ่งกันและกัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ∆ ABE ≅ ∆ CDE (ม.ม.ด.)
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
276
2) ใหพิสูจนวา ∆ AED ≅ ∆ CEB
∧ ∧
EDA = EBC (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
DAE = BCE (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
AE = CE (เสนทแยงมุมของรูปสี่เหลี่ยมดานขนานจะแบงครึ่งซึ่งกันและกัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ∆ AED ≅ ∆ CEB (ม.ม.ด.)
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
7. กําหนด AB // CD ใหหาคาของ a, b, c, d และ e เฉลย
1) E
A G 45 ํ B
64 ํ H
F b
C a D
32 ํ
I
J
∧
AHF = 45 ํ (มุมตรงขามมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
AH + C H = 180 ํ
I I (มุมภายในที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัดมีขนาดรวมกันเทากับ 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................
(45 ํ + 64 ํ) + (32 ํ + a) = 180 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
a = 39 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
b + 39 ํ + 64 ํ = 180 ํ (ขนาดของมุมภายในทั้งสามของรูปสามเหลี่ยมรวมกันได 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................
b = 77 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น คาของ a และ b คือ 39 ํ และ 77 ํ ตามลําดับ
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
277
2) A e
B
2c c
C d 120 ํ D
E
∧ ∧
เนื ่องจาก EB = EC จะได ECB = EBC = 2c
...................................................................................................................................................................................................................................................
d = 2c + 2c = 4c (ขนาดของมุมภายนอกของรูปสามเหลี่ยมเทากับผลบวกของขนาดของ
...................................................................................................................................................................................................................................................
มุมภายในที่ไมใชมุมประชิดของมุมภายนอกนั้น)
...................................................................................................................................................................................................................................................
c + d = 120 ํ (ขนาดของมุมภายนอกของรูปสามเหลี่ยมเทากับผลบวกของขนาดของ
...................................................................................................................................................................................................................................................
มุมภายในที่ไมใชมุมประชิดของมุมภายนอกนั้น)
...................................................................................................................................................................................................................................................
c + 4c = 120 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
5c = 120 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
c = 24 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ d = 4(24 ํ) = 96 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย ∧
ABE = DEB
∧
(มุมแยงมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
e + 2(24 ํ) = 96 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
e = 48 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดั...................................................................................................................................................................................................................................................
งนั้น คาของ c, d และ e คือ 24 ํ, 96 ํ และ 48 ํ ตามลําดับ
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
278
∧ ∧
9. กําหนด ∆ ABC เปนรูปสามเหลี่ยมที่มี BAC = 50 ํ และ BCA = 26 ํ
∧
1) ใหหาขนาดของ ABC 2) ถาตอดาน AB ออกไปจนถึงจุด D
∧
ใหหาขนาดของ CBD
เนื่องจากขนาดของมุมภายในทั้งสามของ
……………………………………………………………………………….. เนื่องจากขนาดของมุมภายนอกของ
………………………………………………………………………………..
รูปสามเหลี่ยมรวมกันได 180 ํ
……………………………………………………………………………….. รูปสามเหลี่ยมเทากับผลบวกของขนาด
………………………………………………………………………………..
∧
จะได ABC + 50 ํ + 26 ํ = 180 ํ
……………………………………………………………………………….. ของมุมภายในที่ไมใชมุมประชิด
………………………………………………………………………………..
∧
ABC = 104 ํ
……………………………………………………………………………….. ของมุมภายนอกนั้น
………………………………………………………………………………..
∧ ∧
ดังนั้น ขนาดของ ABC คือ 104 ํ
……………………………………………………………………………….. จะได CBD = 50 ํ + 26 ํ = 76 ํ
………………………………………………………………………………..
∧
……………………………………………………………………………….. ดังนั้น ขนาดของ CBD คือ 76 ํ
………………………………………………………………………………..
ฉบับ
F เฉลย
106 ํ 50 ํ
A B C
∧
1) ให∧หาขนาดของ
∧
DFE
DEC = BCE = 50 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
35 ํ + 50 ํ + DFE = 180 ํ (ขนาดของมุมภายในทั้งสามของรูปสามเหลี่ยมรวมกันได 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
DFE = 95 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
ดังนั้น ขนาดของ DFE คือ 95 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
2) ให∧หาขนาดของ
∧
BDC
CBD = BDE = 35 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
106 ํ + EBD + 35 ํ = 180 ํ (มุมตรงมีขนาดเทากับ 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
EBD = 39 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
BDC = EBD = 39 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
ดังนั้น ขนาดของ BDC คือ 39 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
279
Advanced Level
11. กําหนด AB = AC, BD = BE และ AF = DF
A
B C E
F
D
∧
ใหหาขนาดของ ABC
∧
กําหนดให ABC = x
...................................................................................................................................................................................................................................................
เนื่องจาก AB = AC
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
ฉบับ จะได ABC = ACB = x
...................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย เนื่องจาก BD = BE
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
และ DBE + x = 180 ํ (มุมตรงมีขนาดเทากับ 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
DBE = 180 ํ - x
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧ ∧
จะได BDE + BED + DBE = 180 ํ (ขนาดของมุมภายในทั้งสามของรูปสามเหลี่ยมรวมกันได 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
BDE + BDE + (180 ํ - x) = 180 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
2(BDE) = 180 ํ - (180 ํ - x)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
BDE = 180 ํ - (180 ํ - x)
...................................................................................................................................................................................................................................................
2
= 2x
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
ดังนั้น BDE = BED = 2x
...................................................................................................................................................................................................................................................
เนื่องจาก AF = DF
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧ ∧
จะได FAD = FDA = BDE = 2x
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧ ∧
เนื่องจาก BAC + ABC + ACB = 180 ํ (ขนาดของมุมภายในทั้งสามของรูปสามเหลี่ยมรวมกันได 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................
จะได x
2 + x + x = 180 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
x = 72 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
ดังนั้น ขนาดของ ABC คือ 72 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
280
Summary
1. เสนขนาน
กําหนดให PQ ตัด AB และ CD ดังรูป
ถา AB // CD แลว
A Pb B • มุมภายนอกและมุมภายในที่ไมใชมุมประชิดที่อยูบน
c d ดานเดียวกันของเสนตัดมีขนาดเทากัน เชน ∧a = ∧b
∧ ∧
a • มุมแยงมีขนาดเทากัน เชน a = c
C Q D • มุมภายในที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัดมีขนาด
รวมกันเทากับ 180 ํ เชน ∧a + ∧d = 180 ํ
2. สมบัติพื้นฐานของรูปสามเหลี่ยม
จากรูป สรุปไดวา
• ขนาดของมุมภายในทั้งสามของรูปสามเหลี่ยมใด ๆ
C
รวมกันได 180 ํ
• มุมภายในของรูปสามเหลีย ่ มทีม่ ขี นาดใหญทสี่ ดุ จะเปน ฉบับ
b a มุมทีอ่ ยูต รงขามกับดานทีย่ าวทีส่ ดุ และมุมภายในของ เฉลย
รูปสามเหลีย่ มทีม่ ขี นาดเล็กทีส่ ดุ จะเปนมุมทีอ่ ยูต รงขาม
A c B
กับดานที่สั้นที่สุด
• ความยาวของด า นที่ ย าวที่ สุ ด ของรู ป สามเหลี่ ย มจะ
สั้นกวาผลบวกของความยาวของดานสองดานที่เหลือ
ของรูปสามเหลี่ยมเสมอ
3. มุมภายนอกของรูปสามเหลี่ยม
“ถาตอดานใดดานหนึ่งของรูปสามเหลี่ยมออกไป มุมภายนอกที่เกิดขึ้นจะมีขนาดเทากับ
ผลบวกของขนาดของมุมภายในที่ไมใชมุมประชิดของมุมภายนอกนั้น”
Q จากรูป สรุปไดวา
∧ ∧
q C
• a และ b เปนมุมภายในที่ไมใชมุมประชิดของ ∧q
∧ ∧ ∧
c • b และ c เปนมุมภายในที่ไมใชมุมประชิดของ r
∧ ∧ ∧
• c และ a เปนมุมภายในที่ไมใชมุมประชิดของ p
p
A a b
B P
r
R
281
Review Exercise 6
1. กําหนด AB // CD ใหหาคาของ a, b และ c
1) A B
a
P E 250 ํ Q
126 ํ
C D
เนื่องจากมุมภายในที่อยูบนดานเดียวกันของ เนื่องจากมุมภายในที่อยูบนดานเดียวกันของ
...................................................................................................................................................................................................................................................
เสนตัดมีขนาดรวมกันเทากับ 180 ํ จะได เสนตัดมีขนาดรวมกันเทากับ 180 ํ จะได
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
DEP + 126 ํ = 180 ํ a + BEP = 180 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
DEP = 54 ํ a + 56 ํ = 180 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
เนื่องจากมุมรอบจุดศูนยกลางวงกลมมีขนาด a = 124 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
เทากับ 360 ํ จะได ดังนั้น คาของ a คือ 124 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
BEP + DEP + 250 ํ = 360 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ ∧
เฉลย BEP + 54 ํ = 110 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
BEP = 56 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
2) P
A 3c B
6b - 21 ํ
5b - 52 ํ
C D
Q
เนื ่องจากมุมภายในที่อยูบนดานเดียวกันของ 3c = 6b - 21 ํ (มุมตรงขามมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
เส นตัดมีขนาดรวมกันเทากับ 180 ํ จะได 3c = 6(23 ํ) - 21 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
(6b - 21 ํ) + (5b - 52 ํ) = 180 ํ 3c = 117 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
11b - 73 ํ = 180 ํ c = 39 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
11b = 253 ํ ดังนั้น คาของ b และ c คือ 23 ํ และ 39 ํ ตามลําดับ
...................................................................................................................................................................................................................................................
b = 23 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
282
∧ ∧ ∧
2. กําหนด AB // DE, GC // DF, CBH = 74 ํ, DCG = 148 ํ และ EDF = 84 ํ
G E
B 148 ํ 84 ํ
74 ํ C D
F
A H
∧ ∧
1) ใหหาขนาดของ CDE 2) ใหหาขนาดของ ABH
∧ ∧ ∧
CDF = 148 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
……………………………………………………………………………….. ABC = CDE = 128 ํ(มุมแยงมีขนาดเทากัน)
………………………………………………………………………………..
∧ ∧
เนื่องจากมุมรอบจุดศูนยกลางวงกลม
……………………………………………………………………………….. ABH = ABC - 74 ํ
………………………………………………………………………………..
มีขนาดเทากับ 360 ํ จะได
……………………………………………………………………………….. = 128 ํ - 74 ํ
………………………………………………………………………………..
∧ ∧
CDE + 84 ํ + CDF = 360 ํ
……………………………………………………………………………….. = 54 ํ
………………………………………………………………………………..
∧ ∧
CDE + 84 ํ + 148 ํ = 360 ํ
……………………………………………………………………………….. ดังนั้น ขนาดของ ABH คือ 54 ํ
………………………………………………………………………………..
∧
CDE = 128 ํ
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
∧
ดังนั้น ขนาดของ CDE คือ 128 ํ
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
ฉบับ
เฉลย
∧ ∧
3. กําหนด AC // FG, DB // FE, มุมกลับของ DEF = 316 ํ และ EFG = 58 ํ
A B C
316 ํ
D E
58 ํ G
X Y F
∧ ∧
1) ใหหาขนาดของ BDE 2) ใหหาขนาดของ ABD
เนื่องจากมุมรอบจุดศูนยกลางวงกลม
……………………………………………………………………………….. เนื่องจากมุมภายนอกและมุมภายในที่ไมใช
………………………………………………………………………………..
มีขนาดเทากับ 360 ํ จะได
……………………………………………………………………………….. มุมประชิดที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัด
………………………………………………………………………………..
∧ ∧
DEF + มุมกลับของ DEF = 360 ํ
……………………………………………………………………………….. มีขนาดเทากัน จะได
………………………………………………………………………………..
∧ ∧
DEF + 316 ํ = 360 ํ
……………………………………………………………………………….. DYF = 58 ํ
………………………………………………………………………………..
∧ ∧ ∧
DEF = 44 ํ
……………………………………………………………………………….. ABD = DYF = 58 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
………………………………………………………………………………..
∧ ∧ ∧
BDE = DEF = 44 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
……………………………………………………………………………….. ดังนั้น ขนาดของ ABD คือ 58 ํ
………………………………………………………………………………..
∧
ดังนั้น ขนาดของ BDE คือ 44 ํ
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
283
∧ ∧ ∧ ∧
4. กําหนด AB // FE, ABC = w, BCD = x, CDE = y และ DEF = z ใหเขียนสมการ
แสดงความสัมพันธระหวาง w, x, y และ z
A w B
P Cx Q
R D y S
F z E
∧ ∧ ∧
BCQ = w (มุมแยงมีขนาดเทากัน) SDE = y - CDS = y - (180 ํ - + w) x
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
QCD = - BCQ x = y - 180 ํ + - w x
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
= -w x SDE = z (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
CDS + QCD = 180 ํ (มุมภายในที่อยูบนดาน y - 180 ํ + - w = z x
...................................................................................................................................................................................................................................................
เดียวกันของเสนตัดมี w + z + 180 ํ = x + y
...................................................................................................................................................................................................................................................
ขนาดรวมกันเทากับ 180 ํ) ดังนั้น สมการแสดงความสัมพันธระหวาง w, x, y
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
CDS + (x - w) = 180 ํ และ z คือ w + z + 180 ํ = x + y
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
ฉบับ
CDS = 180 ํ - x + w
...................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย
5. หาคาของ a, b, c และ d จากรูปที่กําหนดใหในแตละขอตอไปนี้
1)
D
52 ํ
E
A 48 ํ b a 62 ํ C
B
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
284
2)
D
2d
5c + 4 ํ
A 3c
B C
เนื่องจาก DB = DC เนื่องจากขนาดของมุมภายนอกของรูปสามเหลี่ยม
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
จะได DBC = DCB = 3c เทากับผลบวกของขนาดของมุมภายในที่ไมใช
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
ABD + DBC = 180 ํ (มุมตรงมีขนาดเทากับ 180 ํ) มุมประชิดของมุมภายนอกนั้น จะได
...................................................................................................................................................................................................................................................
(5c + 4 ํ) + 3c = 180 ํ 3(22 ํ) + 2d = 5(22 ํ) + 4 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
8c = 176 ํ 2d = 48 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
c = 22 ํ d = 24 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น คาของ c และ d คือ 22 ํ และ 24 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ตามลําดับ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
6. กําหนด AB // DC ใหหาคาของ a, b, c และ d เฉลย
1)
D C
a
A B
เนื่องจาก AB = AC
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
จะได ACB = ABC = a (มุมที่ฐานของรูปสามเหลี่ยมหนาจั่วมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
เนื่องจาก AC = AD = CD
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧ ∧
จะได DCA = CDA = CAD = 60 ํ (มุมภายในของรูปสามเหลี่ยมดานเทาแตละมุมมีขนาด 60 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
และ BAC = DCA = 60 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
เนือ่ งจาก a + BAC + a = 180 ํ (ขนาดของมุมภายในทัง้ สามของรูปสามเหลีย่ มรวมกันได 180 )ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
จะได 2a + 60 ํ = 180 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
2a = 120 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
a = 60 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น คาของ a คือ 60 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
285
2) E
d
Db c C
A 58 ํ B
∧ ∧
เนื่องจาก EA = EB จะได EAB = EBA = 58 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
58 ํ + b = 180 ํ (มุมภายในที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัดมีขนาดรวมกันเทากับ 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................
b = 122 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
c = 58 ํ (มุมภายนอกและมุมภายในที่ไมใชมุมประชิดที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัด
...................................................................................................................................................................................................................................................
มีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
เนื่องจาก ED = EC จะได EDC = ECD = 58 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
58 ํ + d + 58 ํ = 180 ํ (ขนาดมุมภายในทั้งสามของรูปสามเหลี่ยมรวมกันได 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................
d = 64 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น คาของ b, c และ d คือ 122 ํ, 58 ํ และ 64 ํ ตามลําดับ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ ...................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย
7. กําหนด BA // DE, AB = DE และ GA = HD ใหพิสูจนวา CB // EF
C E
A G H D
B F
AB = DE (กําหนดให)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
GAB = HDE (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
GA = HD (กําหนดให)
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ∆ ABG ≅ ∆ DEH (ด.ม.ด.)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
จะได AGB = DHE (มุมคูที่สมนัยกันของรูปสามเหลี่ยมสองรูปที่เทากันทุกประการมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
GHF = DHE (มุมตรงขามมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
AGB = GHF (สมบัติของการเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
CB // EF (มุมภายนอกและมุมภายในทีไ่ มใชมมุ ประชิดทีอ่ ยูด า นเดียวกันของเสนตัดมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น CB // EF
...................................................................................................................................................................................................................................................
286
Challenge Yourself
จากรูป AB ขนานกับ GH หรือไม อยางไร
A N P X Z F
6x - 7y 2x + 3y
C
3x - 2y
3x + 5y E
2x - 5y 6x + 2y G
D
B
M O W Y H
ที่จุด C, D, E และ F สราง MN // OP // W // YZ // AB X
.............................................................................................................................................................................................................................................................
พิจารณา AB และ MN
.............................................................................................................................................................................................................................................................
∧
จะได BCM = 2x - 5y
.............................................................................................................................................................................................................................................................
∧
ดังนั้น MCD = (3x - 2y) - (2x - 5y) = 3x - 2y - 2x + 5y = x + 3y
............................................................................................................................................................................................................................................................. ฉบับ
พิจารณา MN และ OP
............................................................................................................................................................................................................................................................. เฉลย
∧
จะได CDP = x + 3y
.............................................................................................................................................................................................................................................................
∧
ดังนั้น PDE = (3x + 5y) - (x + 3y) = 3x + 5y - x - 3y = 2x + 2y
.............................................................................................................................................................................................................................................................
พิจารณา OP และ WX
.............................................................................................................................................................................................................................................................
∧
จะได DEX = 180 ํ - (2x + 2y) = 180 ํ - 2x - 2y
.............................................................................................................................................................................................................................................................
∧
ดังนั้น XEZ = (6x - 7y) - (180 ํ - 2x - 2y) = 6x - 7y - 180 ํ + 2x + 2y = 8x - 5y - 180 ํ
.............................................................................................................................................................................................................................................................
พิจารณา WX และ YZ
.............................................................................................................................................................................................................................................................
∧
จะได EFY = 8x - 5y - 180 ํ
.............................................................................................................................................................................................................................................................
∧
ดังนั้น YFG = (2x + 3y) - (8x - 5y - 180 )ํ = 2x + 3y - 8x + 5y + 180 ํ = 8y - 6x + 180 ํ
.............................................................................................................................................................................................................................................................
พิจารณา YZ และ GH
.............................................................................................................................................................................................................................................................
∧
จะได FGH = 180 ํ - (8y - 6x + 180 ํ) = 180 ํ - 8y + 6x - 180 ํ = 6x - 8y
.............................................................................................................................................................................................................................................................
∧
เนื่องจากโจทยกําหนดวา FGH = 6x + 2y
.............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น AB ไมขนานกับ GH
.............................................................................................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................................................................................
287
Problems
in Real-World Contexts
Problems 1 การหมุนรูป
โปรแกรมไมโครซอฟตเวิรด (Microsoft Word) เปนโปรแกรมที่เหมาะสําหรับ
จัดทําเอกสารทีเ่ ปนบทความแทนการเขียนดวยลายมือ นอกจากจะพิมพเปนตัวหนังสือ
ไดแลว ยังมีเครื่องมือตาง ๆ ที่ชวยทําใหบทความนั้นมีความนาสนใจมากยิ่งขึ้น เชน การทํา
ตัวอักษรศิลป การแทรกแผนภูมิ การแทรกรูปภาพ โดยในสวนของการแทรกรูปภาพนั้น ยังมี
คําสั่งที่ใชในการแปลงรูปภาพ เชน การหมุนรูป ซึ่งมีวิธีการกําหนดมุมที่ใชในการหมุน ดังนี้
1. คลิกวัตถุที่คุณตองการหมุน
3. ในบานหนาตางหรือกลองโตตอบที่เปดขึ้น ใหใสจํานวนองศาที่คุณตองการหมุนวัตถุ
ในกลอง การหมุน คุณยังสามารถใชลกู ศรเพือ่ หมุนวัตถุตามองศาทีแ่ นนอนทีค่ ณ
ุ ตองการ
ถาคุณไมเห็นแท็บรูปแบบของ เครื่องมือการวาด หรือ เครื่องมือรูปภาพ
ใหตรวจสอบใหแนใจวาคุณเลือกกลองขอความ รูปราง หรืออักษรศิลปแลว คุณอาจตอง
ดับเบิลคลิกที่วัตถุเพื่อเปดแท็บ รูปแบบ
ที่มา : https://support.office.com
288
ใหนักเรียนใชโปรแกรมไมโครซอฟตเวิรดในการสรางรูปตามที่กําหนดใหดานลาง โดยมี
ขั้นตอน ดังนี้
E A R T H
ฉบับ
เฉลย
EARTH
3. หมุนตัวอักษรแตละตัวโดยใชวิธีขางตน จากนั้นวางตัวอักษรดังภาพ ซึ่งมุมที่ใชหมุน
ตัวอักษรแตละตัวตองเทากับในภาพที่กําหนด ใหแสดงวิธีการหาขนาดของมุมที่ใชใน
การหมุนตัวอักษรแตละตัว
289
ตารางแสดง กําลังสอง กําลังสาม
รากที่สองที่เปนบวก รากที่สาม และสวนกลับของจํานวนตั้งแต 1 ถึง 100
n n2 n3 n 3n 1
n
1 1 1 1.000 1.000 1.0000
2 4 8 1.414 1.260 .5000
3 9 27 1.732 1.442 .3333
4 16 64 2.000 1.587 .2500
5 25 125 2.236 1.710 .2000
6 36 216 2.449 1.817 .1667
7 49 343 2.646 1.913 .1429
8 64 512 2.828 2.000 .1250
9 81 729 3.000 2.080 .1111
10 100 1,000 3.162 2.154 .1000
11 121 1,331 3.317 2.224 .0909
ฉบับ
เฉลย 12 144 1,728 3.464 2.289 .0833
13 169 2,197 3.606 2.351 .0769
14 196 2,744 3.742 2.410 .0714
15 225 3,375 3.873 2.466 .0667
16 256 4,096 4.000 2.520 .0625
17 289 4,913 4.123 2.571 .0588
18 324 5,832 4.243 2.621 .0556
19 361 6,859 4.359 2.668 .0526
20 400 8,000 4.472 2.714 .0500
21 441 9,261 4.583 2.759 .0476
22 484 10,648 4.690 2.802 .0455
23 529 12,167 4.796 2.844 .0435
24 576 13,824 4.899 2.884 .0417
25 625 15,625 5.000 2.924 .0400
26 676 17,575 5.099 2.962 .0385
27 729 19,683 5.196 3.000 .0370
28 784 21,952 5.292 3.037 .0357
29 841 24,389 5.385 3.072 .0345
30 900 27,000 5.477 3.107 .0333
290
n n2 n3 n 3n 1
n
31 961 29,791 5.568 3.141 .0323
32 1,024 32,768 5.657 3.175 .0313
33 1,089 35,937 5.745 3.208 .0303
34 1,156 39,304 5.831 3.240 .0294
35 1,225 42,875 5.916 3.271 .0286
36 1,296 46,656 6.000 3.302 .0278
37 1,369 50,653 6.083 3.332 .0270
38 1,444 54,872 6.164 3.362 .0263
39 1,521 59,319 6.245 3.391 .0256
40 1,600 64,000 6.325 3.420 .0250
41 1,681 68,921 6.403 3.448 .0244
42 1,764 74,088 6.481 3.476 .0238
43 1,849 79,507 6.557 3.503 .0233
44 1,936 85,184 6.633 3.530 .0227
45 2,025 91,125 6.708 3.557 .0222
46 2,116 97,336 6.782 3.583 .0217 ฉบับ
47 2,209 103,823 6.856 3.609 .0213 เฉลย
48 2,304 110,592 6.928 3.634 .0208
49 2,401 117,649 7.000 3.659 .0204
50 2,500 125,000 7.071 3.684 .0200
51 2,601 132,651 7.141 3.708 .0196
52 2,704 140,608 7.211 3.733 .0192
53 2,809 148,877 7.280 3.756 .0189
54 2,916 157,464 7.348 3.780 .0185
55 3,025 166,375 7.416 3.803 .0182
56 3,136 175,616 7.483 3.826 .0179
57 3,249 185,193 7.550 3.849 .0175
58 3,364 195,112 7.616 3.871 .0172
59 3,481 205,379 7.681 3.893 .0169
60 3,600 216,000 7.746 3.915 .0167
61 3,721 226,981 7.810 3.936 .0164
62 3,844 238,328 7.874 3.958 .0161
63 3,969 250,047 7.937 3.979 .0159
64 4,096 262,144 8.000 4.000 .0156
65 4,225 274,625 8.062 4.021 .0154
291
n n2 n3 n 3n 1
n
66 4,356 287,496 8.124 4.041 .0152
67 4,489 300,763 8.185 4.062 .0149
68 4,624 341,432 8.246 4.082 .0147
69 4,761 328,509 8.307 4.102 .0145
70 4,900 343,000 8.367 4.121 .0143
71 5,041 357,911 8.426 4.141 .0141
72 5,184 373,248 8.485 4.160 .0139
73 5,329 389,017 8.544 4.179 .0137
74 5,476 405,224 8.602 4.198 .0135
75 5,625 421,875 8.660 4.217 .0133
76 5,776 438,976 8.718 4.236 .0132
77 5,929 456,533 8.775 4.254 .0130
78 6,084 474,552 8.832 4.273 .0128
79 6,241 493,039 8.888 4.291 .0127
80 6,400 512,000 8.944 4.309 .0125
ฉบับ 81 6,561 531,441 9.000 4.327 .0123
เฉลย 82 6,724 551,368 9.055 4.344 .0122
83 6,889 571,787 9.110 4.362 .0120
84 7,056 592,704 9.165 4.380 .0119
85 7,225 614,125 9.220 4.397 .0118
86 7,396 636,056 9.274 4.414 .0116
87 7,569 658,503 9.327 4.431 .0115
88 7,744 681,472 9.381 4.448 .0114
89 7,921 704,969 9.434 4.465 .0112
90 8,100 729,000 9.487 4.481 .0111
91 8,281 753,571 9.539 4.498 .0110
92 8,464 778,688 9.592 4.514 .0109
93 8,648 804,357 9.644 4.531 .0108
94 8,836 830,584 9.695 4.547 .0106
95 9,025 857,375 9.747 4.563 .0105
96 9,216 884,736 9.798 4.579 .0104
97 9,409 912,673 9.849 4.595 .0103
98 9,604 941,192 9.899 4.610 .0102
99 9,801 970,299 9.950 4.626 .0101
100 10,000 1,000,000 10.000 4.642 .0100
292
Key Journal Writing
(หน้า 135)
แนวคําตอบ
(a + b)(c + d + e) = a(c + d + e) + b(c + d + e)
= (ac + ad + ae) + (bc + bd + be)
= ac + ad + ae + bc + bd + be
จะเห็นวา ac + ad + ae + bc + bd + be ac + bd + e
ดังนั้น วิธีหาผลคูณของนทีไมถูกต้อง
293
Key Performance Task
(หน้า 198)
แนวคําตอบ
ตราประจ�าสินค้าหรือตราประจ�าหนวยงานที่เรียกวา โลโก้ (Logos) ที่พบเจอในชีวิตประจ�าวัน
ที่มีการออกแบบที่เกี่ยวข้องกับการแปลงทางเรขาคณิตมีอยูมากมาย เชน
ธงสมาคมประชาชาติแหงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
A B
294
Problems
Key in Real-World Contexts
C
ขั้นที่ 2 บน AB สร้าง XY ที่แบงครึ่งและตั้งฉากกับ AB และบน CD สร้าง WZ ที่แบงครึ่งและ
ตั้งฉากกับ CD จะได้ XY และ WZ ตัดกันที่จุด O ซึ่งเป็นจุดศูนยกลางของภาพโลก
W
B
X Y
O D
C Z
295
ขั้นที่ 3 ที่ด้านบนของตัวอักษร R สร้างจุด P ซึ่งเป็นจุดกึ่งกลางของตัวอักษร R จากนั้นสร้าง PO
P
R
W
B
X Y
O D
C Z
P Q
RT
W
B
X Y
O D
C Z
296
∧
ขั้นที่ 5 วัดขนาดของ POQ ซึ่งเป็นขนาดของมุมที่ใช้ในการหมุนตัวอักษร T
P Q
RT
W
B
X Y
O D
C Z
E A R T H
W
B
X Y
O D
C Z
297
บันทึก
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
298
บันทึก
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
299
บันทึก
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................
300
ย ล ชุด สัมฤทธิ์มาตรฐาน Ac�i�� Learning
Á.2
เฉ
¤³ÔµÈÒʵÃ
ครบ
เนือ
้ หา กิจกรรม
และแบบฝึกหัด
àÅ‹Á 1
กิจกรรม Active Learning
หลากหลาย เพื่อสร้างองค์ความรู้
เนื้อหา ครบถ้วน ตามมาตรฐาน และพัฒนากระบวนการคิด
การเรียนรู้และตัวชี้วัด Investigation
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ Class Discussion
Thinking Time
(ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) Journal Writing
Performance Task
ความรู้เสริม เพื่อขยายและ
เพิ่มความเข้าใจให้กับนักเรียน
กิจกรรม Problems
ATTENTION
in Real-World Contexts
INFORMATION
PROBLEM SOLVING TIP เพื่อนำความรู้ทางคณิตศาสตร์
RECALL ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง
JUST FOR FUN
INTERNET RESOURCES
บริษท
ั อักษรเจริญทัศน์ อจท. จำกัด
142 ถนนตะนาว เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
โทร. 0 2622 2999 (อัตโนมัติ 20 คูส่ าย)
www.aksorn.com อักษรเจริญทัศน์ อจท.
ID Line : @aksornkrumattayom