You are on page 1of 306

เฉ

ชุด สัมฤทธิ์มาตรฐาน
ลย
สือ
่ การเรียนรูร
้ ายวิชาพืน
้ ฐาน
Ac�i�� Learning

¤³ÔµÈÒʵÏ
ตามมาตรฐานการเรียนรูแ
กลุม
่ สาระการเรียนรูค
้ ละตัวชีว
้ ด

้ ณิตศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน
้ พืน
้ ฐาน พุทธศักราช 2551

10
8
6
4
2
0
11.50
13.50
15.50
17.50
19.50
9.50

ม.2
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 2

เลม 1
Dr. Yeap Ban Har Dr. Yeap Ban Har
Dr. Joseph Yeo Boon Wooi Dr. Joseph Yeo Boon Wooi
Teh Keng Seng Teh Keng Seng
สื่อการเรียนรู้ รายวิชาพื้นฐาน

สัมฤทธิ์มาตรฐาน หลักสูตรแกนกลางฯ

คณิตศาสตร ์
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เล่ม 1
ม.2
เล่ม 1
ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551

ผู้เรียบเรียง ฉบับ
Dr.Yeap Ban Har เฉลย
Dr.Joseph Yeo Boon Wooi
Mr.Teh Keng Seng
ผู้ตรวจ
ผศ.สัญชัย ภูเงิน
นางสาวทองดี กุลแกวสวางวงศ
นางสาวบูรนาถ เฉยฉิน
บรรณาธิการ
นางสาวจันทรเพ็ญ ชุมคช

พิมพครั้งที่ 34
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ
รหัสสินคา 2246024

This Secondary Mathematics Series, adapted from the New Syllabus Mathematics series,
is published in collaboration with Shing Lee Publishers Pte Ltd, Singapore.
คําแนะนําในการใช้สอ
่ื
สือ่ การเรียนรู สัมฤทธิม์ าตรฐาน หลักสูตรแกนกลางฯ คณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 2 เลม 1 จัดทําขึน้
สําหรับใชประกอบการเรียนการสอนชั้นมัธยมศึกษาปที่ 2 โดยดําเนินการจัดทําใหสอดคลองตามมาตรฐาน
การเรียนรูและตัวชี้วัด กลุมสาระการเรียนรูคณิตศาสตร (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ทุกประการ สงเสริมทักษะที่จําเปนสําหรับการเรียนรูในศตวรรษที่ 21
ทั้งทักษะดานการคิดวิเคราะห การคิดอยางมีวิจารณญาณ การแกปญหา การคิดสรางสรรค การใชเทคโนโลยี
การสื่อสาร และการรวมมือ เพื่อใหผูเรียนรูเทาทันการเปลี่ยนแปลงของระบบเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และ
สภาพแวดลอม สามารถแขงขันและอยูรวมกับประชาคมโลกได
การเรียบเรียงหนังสือเลมนี้ เปนความรวมมือระหวาง บริษัท อักษรเจริญทัศน อจท. จํากัด กับ
Shing Lee Publishers Pte Ltd. ประเทศสิงคโปร ซึ่งภายในเลมนี้มีองคประกอบตาง ๆ ดังนี้

องค์ประกอบของหนังสือ
ฉบับ
เฉลย Worked Example Exercise
ชวยใหผเู รียนเห็นถึงวิธกี ารนําสิง่ ทีเ่ รียนมาประยุกตใช แบบฝกหัดในแตละเรื่อง ซึ่งมีการแบงระดับความ
ในการแกโจทยทางคณิตศาสตรไดอยางชัดเจน ยาก-งาย โดยเริ่มจากขั้น Basic (ระดับพื้นฐาน)
Intermediate (ระดับปานกลาง) และ Advance
(ระดับสูง)
Practice Now Summary
เปนโจทยที่มีลักษณะคลายกับ Worked Example
หรือยากกวาเล็กนอย เพื่อใหผูเรียนไดลงมือฝกทํา เปนการสรุปเนื้อหาที่ไดเรียนมาทั้งหมดของแตละ
ดวยตนเอง หนวยการเรียนรู เพื่อเปนการทบทวนใหแกผูเรียน

Similar Questions Review Exercise


เชือ่ มโยงขอคําถามจาก Exercise ทีค่ ลายกับ Practice เปนแบบฝกหัดทายหนวยการเรียนรู เพื่อทบทวน
Now เพือ่ ชวยใหผเู รียนสะดวกตอการคนหา สามารถ ความรูทางคณิตศาสตรที่ผูเรียนไดเรียนมา
ฝกทําไดอยางตอเนื่อง
Challenge Yourself
เปนโจทยทาทายความสามารถและพัฒนาศักยภาพของผูเรียนใหมีประสิทธิภาพ
กิจกรรมการเรียนรูแ
้ นว Active Learning

Investigation Class Discussion


เปนกิจกรรมทีช่ ว ยใหผเู รียนสืบเสาะและคนหาแนวคิด เปนคําถามที่ใหผูเรียนไดรวมกันอภิปรายในชั้นเรียน
ทีส่ าํ คัญทางคณิตศาสตร จนสามารถสรางองคความรู ชวยใหผูเรียนไดความรูใหม ๆ ไดฝกการคิดผาน
ไดดวยตนเอง กระบวนการทางคณิตศาสตร และพัฒนาทักษะการ
ใหเหตุผลและทักษะการสื่อสาร

Thinking Time Journal Writing


คําถามเพื่อชวยในการตรวจสอบวา ผูเรียนเขาใจ เป ด โอกาสให ผู  เ รี ย นได ส ะท อ นสิ่ ง ที่ เ รี ย นมาผ า น
เนื้อหานั้นหรือไม และกระตุนใหผูเรียนไดคิดตอยอด การเขียน ซึ่งสามารถใชประเมินระหวางเรียนเพื่อให
จากเนื้อหาที่เรียน ผูเรียนทราบวาตนเองตองพัฒนาหรือปรับปรุงใน
ดานใด
ฉบับ
Performance Task เฉลย
โครงงานที่ออกแบบมาเพื่อชวยพัฒนาทักษะการสืบคนขอมูล และการนําเสนอขอมูลของผูเรียน

กรอบความรูเ้ สริม
ATTENTION PROBLEM SOLVING TIP INFORMATION

ขอมูลสําคัญที่ผูเรียนควรรู ชวยชีแ้ นะวิธกี ารแกโจทยปญ หา ขอมูลที่นาสนใจ หรือขอสังเกต


เพิ่มเติม ใหกับผูเรียน ที่ไดจากเนื้อหา

RECALL JUST FOR FUN INTERNET RESOURCES

ความคิ ด รวบยอดหรื อ ทฤษฎี เกมหรือเกร็ดความรูท นี่ า สนใจ ชวยแนะนําผูเ รียนในการสืบคน


ทางคณิ ต ศาสตร ที่ ผู  เ รี ย นได ทีเ่ กีย่ วกับคณิตศาสตร เพือ่ ชวย ขอมูลผานอินเทอรเน็ต เพือ่ ให
เรียนผานมาแลว เพื่อทบทวน เติมเต็มความรูใหกับผูเรียน ผูเรียนเกิดการเรียนรูไดดวย
และใชเปนพื้นฐานในการเรียน ตนเอง
เรื่องถัดไป
สารบัญ
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2

เลขยกกําลัง 2 จํานวนจริง 42
1.1 เลขยกกําลังที่มีเลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็ม 4 2.1 การเขียนเศษสวนในรูปทศนิยมซํ้า
1.2 การคูณและการหารเลขยกกําลัง และการเขียนทศนิยมซํ้าในรูปเศษสวน82 44
เมื่อเลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็ม5 9 2.2 รากที่สองและรากที่สามของจํานวนตรรกยะ 61
1.3 สัญกรณวิทยาศาสตร 26 2.3 จํานวนจริง86 84
1.4 การนําความรูเกี่ยวกับเลขยกกําลัง 2.4 การนําความรูเกี่ยวกับจํานวนจริง
ไปใชในชีวิตจริง 30 ไปใชในชีวิตจริง 88
Summary 36 Summary 94
Review Exercise 1 37 Review Exercise 2 98
Challenge Yourself 41 Challenge Yourself 101
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4

พหุนาม 102 การแปลงทางเรขาคณิต 154


3.1 นิพจนพีชคณิต 104 4.1 การแปลงทางเรขาคณิต 156
3.2 การบวกและการลบพหุนาม 112 4.2 การเลื่อนขนาน 159
ฉบับ 3.3 การคูณและการหารพหุนาม 129 4.3 การสะทอน 169
เฉลย Summary 144 4.4 การหมุน 181
Review Exercise 3 148 4.5 ความสัมพันธของการเลื่อนขนาน
Challenge Yourself 153 การสะทอน และการหมุน 194
4.6 การนําสมบัติของการเลื่อนขนาน
การสะทอน และการหมุนไปใชในชีวิตจริง 199
Summary 203
Review Exercise 4 205
Challenge Yourself 211
หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 6

ความเท่ากันทุกประการ 212 เส้นขนาน 250


5.1 ความเทากันทุกประการของรูปเรขาคณิต 214 6.1 เสนขนาน 252
5.2 ความเทากันทุกประการของรูปสามเหลี่ยม 6.2 เสนขนานและรูปสามเหลี่ยม 268
สองรูปที่มีความสัมพันธแบบตาง ๆ 225 Summary 281
5.3 การนําความรูเกี่ยวกับความเทากันทุกประการ Review Exercise 6 282
ไปใชในการแกปญหา 240 Challenge Yourself 287
Summary 244
Review Exercise 5 245
Challenge Yourself 249
Problems in Real - World Contexts 288
ภาคผนวก 290
QR Code หนา 74, 160, 169, 182
มาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัด สาระที่ 1 สาระที่ 2 สาระที่ 3
ในสือ
มาตรฐาน ค 1.1 มาตรฐาน ค 1.2 มาตรฐาน ค 1.3 มาตรฐาน ค 2.1 มาตรฐาน ค 2.2 มาตรฐาน ค 3.1 มาตรฐาน ค 3.2
ตัวชี้วัดชั้นป (ขอที่) ตัวชี้วัดชั้นป (ขอที่) ตัวชี้วัดชั้นป (ขอที่) ตัวชี้วัดชั้นป (ขอที่) ตัวชี้วัดชั้นป (ขอที่) ตัวชี้วัดชั้นป (ขอที่) ตัวชี้วัดชั้นป (ขอที่)
หนวยการเรียนรู/เรื่อง
1 2 1 2 - 1 2 1 2 3 4 5 1 -
หนวยที่ 1 : เลขยกกําลัง
1.1 เลขยกกําลังที่มีเลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็ม ✓
1.2 การคูณและการหารเลขยกกําลัง เมื่อเลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็ม ✓
1.3 สัญกรณวิทยาศาสตร ✓
1.4 การนําความรูเกี่ยวกับเลขยกกําลังไปใชในชีวิตจริง ✓
หนวยที่ 2 : จํานวนจริง
2.1 การเขียนเศษสวนในรูปทศนิยมซํ้า และการเขียนทศนิยมซํ้าในรูปเศษสวน ✓
2.2 รากที่สองและรากที่สามของจํานวนตรรกยะ ✓
2.3 จํานวนจริง ✓
2.4 การนําความรูเกี่ยวกับจํานวนจริงไปใชในชีวิตจริง ✓
หนวยที่ 3 : พหุนาม
ตารางวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างเนือ

3.1 นิพจนพีชคณิต ✓
3.2 การบวกและการลบพหุนาม ✓
3.3 การคูณและการหารพหุนาม ✓
หนวยที่ 4 : การแปลงทางเรขาคณิต
4.1 การแปลงทางเรขาคณิต ✓
้ หากับตัวชีว

4.2 การเลื่อนขนาน ✓
้ ด
่ การเรียนรู้ สมฐ. หลักสูตรแกนกลางฯ คณิตศาสตร์ ม.2 เล่ม 1

4.3 การสะทอน ✓

จัดการเรียนการสอนในชั้นอื่น
จัดการเรียนการสอนในชั้นอื่น
ั ชัน


้ ปี

4.4 การหมุน
4.5 ความสัมพันธของการเลื่อนขนาน การสะทอน และการหมุน ✓
4.6 การนําสมบัติของการเลื่อนขนาน การสะทอน และการหมุนไปใชในชีวิตจริง ✓
หนวยที่ 5 : ความเทากันทุกประการ
5.1 ความเทากันทุกประการของรูปเรขาคณิต ✓
5.2 ความเทากันทุกประการของรูปสามเหลี่ยมสองรูปที่มีความสัมพันธ ✓
แบบตาง ๆ
5.3 การนําความรูเกี่ยวกับความเทากันทุกประการไปใชในการแกปญหา ✓
หนวยที่ 6 : เสนขนาน
6.1 เสนขนาน ✓
6.2 เสนขนานและรูปสามเหลี่ยม ✓
ฉบับ
เฉลย
ฉบับ
เฉลย

2
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1
เลขยกกําลัง
คลื่นวิทยุมีการสงสัญญาณ 2 ระบบ คือ ระบบเอเอ็ม (AM)
มีความถี่อยูในชวง 530 ถึง 1,600 กิโลเฮิรตซ หรือ 5.3 × 105
ถึง 1.6 × 106 เฮิรตซ และระบบเอฟเอ็ม (FM) มีความถี่อยู
ในชวง 88 ถึง 108 เมกะเฮิรตซ หรือ 8.8 × 107 ถึง 1.08 × 108
เฮิรตซ ระบบการสงคลื่นแบบเอเอ็มและเอฟเอ็มจะตางกันที่วิธี
การผสมคลืน่ ดังนัน้ เครือ่ งรับวิทยุระบบเอเอ็มกับระบบเอฟเอ็ม
จึงไมสามารถรับคลื่นวิทยุของอีกระบบหนึ่งได
ฉบับ
จากขอความขางตน ความถี่ที่มากที่สุดในระบบเอฟเอ็ม เฉลย
มากกวาความถี่ที่นอยที่สุดในระบบเอเอ็มอยูเทาใด

ตัวชี้วัด
• เขาใจและใชสมบัติของเลขยกกําลังที่มีเลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็ม
ในการแกปญหาคณิตศาสตรและปญหาในชีวิตจริง (ค 1.1 ม.2/1)
สาระการเรียนรูแกนกลาง
• เลขยกกําลังที่มีเลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็ม
• การนําความรูเกี่ยวกับเลขยกกําลังไปใชในการแกปญหา

3
1.1 เลขยกกําลังที่มีเลขชี้กําลัง
เปนจํานวนเต็ม
ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปที่ 1 นักเรียนไดเรียนรูเกี่ยวกับเรื่องเลขยกกําลังที่มีเลขชี้กําลังเปน
จํานวนเต็มบวกมาแลว นั่นคือ เราสามารถเขียน an แทนการคูณกันของตัวแปร a ซํ้ากัน n ตัว
ตอไปนี้เราจะพิจารณาเลขชี้กําลังที่เปนจํานวนเต็ม ซึ่งเลขยกกําลังที่มีเลขชี้กําลังเปนศูนย
หรือจํานวนเต็มลบไมสามารถเขียนใหอยูในรูปการคูณที่ซํ้ากันได จึงตองอาศัยบทนิยามอื่น ๆ
โดยจะศึกษาจากกิจกรรมตอไปนี้

Investigation
ใหนักเรียนเติมจํานวนลงในชองวางใหถูกตอง เมื่อ a แทนจํานวนใด ๆ ที่ไมเทากับศูนย
การหาร สมบัติของเลขยกกําลัง บทนิยามของเลขยกกําลัง
ฉบับ เลขยกกําลัง
เฉลย
3 - 3
1. 53 ÷ 53 53 ÷ 53 = 5 53 ÷ 53 = 55 ×× 55 ×× 55
0
=5 = 1

2. a4 ÷ a4 a4 ÷ a4 = a4 - 4 a4 ÷ a4 = aa ×× aa ×× aa ×× aa
= a0 = 1

3. 73 ÷ 75 73 ÷ 75 = 7
3 - 5
73 ÷ 75 = 7 × 77 ×× 77 ×× 77 × 7
-2
=7 1
= 72

4. a4 ÷ a6 a4 ÷ a6 = a4 - 6 a4 ÷ a6 = a × aa ×× aa ×× aa ×× aa × a
= a-2 = a12

4
จาก Investigation สรุปเปนบทนิยามไดวา
บทนิยาม กําหนดให a แทนจํานวนใด ๆ ที่ไมเทากับศูนย
a0 = 1

บทนิยาม กําหนดให a แทนจํานวนใด ๆ ที่ไมเทากับศูนย และ n เปนจํานวนเต็มบวก


a-n = 1n
a

Worked Example 1
เขียนเลขยกกําลังในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปจํานวนเต็มหรือเศษสวน
1) 3-5 2) (-2)-4 3) -2-4
-3
4) (- 23) 5) (0.8)-2 6) (-0.1)-5 ฉบับ
เฉลย
วิธีทํา
1) 3-5 = 15 2) (-2)-4 = 1 4
3 (-2)
= 3 × 3 × 13 × 3 × 3 = (-2) × (-2) ×1 (-2) × (-2)
1
= 243 = 161
-3
3) -2-4 = - 14 4) (- 23) = 1 3
2 (- 23)
= - 2 × 2 ×1 2 × 2 = 2 1
(- 3) × (- 23) × (- 23)
= - 161 = 18
- 27
= - 278
= -3 38
5
5) (0.8)-2 = 1 6) (-0.1)-5 = 1
(0.8)2 (-0.1)5
= (0.8) ×1 (0.8) 1
= (-0.1) × (-0.1) × (-0.1) × (-0.1) × (-0.1)
1
= 0.64 1
= - 0.00001
= 100
64 = -100,000
= 1 169

Similar Questions
Practice Now Exercise 1A ขอ 1-3
เขียนเลขยกกําลังในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปจํานวนเต็มหรือเศษสวน
1) 7-3 2) (-6)-3
= 1
.............................................................................................................
3 = 1
.............................................................................................................
3
ฉบับ
7 (-6)
เฉลย ............................................................................................................. .............................................................................................................

= 7 × 71 × 7
.............................................................................................................
1
= (-6) × (-6)
.............................................................................................................
× (-6)
............................................................................................................. .............................................................................................................
1
= 343
.............................................................................................................
1
= - 216
.............................................................................................................

............................................................................................................. .............................................................................................................

............................................................................................................. .............................................................................................................
-5
3) -6-3 4) (- 43 )
= -1
.............................................................................................................
3 = 1
.............................................................................................................
5
6 (- 43)
............................................................................................................. .............................................................................................................

= - 6 61 6
............................................................................................................. = 1
.............................................................................................................
(- 43) × (- 43) × (- 43) × (- 43) × (- 43)
× ×
............................................................................................................. .............................................................................................................
1
= - 216
............................................................................................................. = - 1,024 1
.............................................................................................................

.............................................................................................................
243
.............................................................................................................

............................................................................................................. = - 1,024 243


.............................................................................................................

6
5) (0.9)-3 6) (-0.15)-2
= 1
............................................................................................................. = 1
.............................................................................................................
3 2
(0.9) (-0.15)
............................................................................................................. .............................................................................................................

= (0.9) (0.9) 1
............................................................................................................. = (-0.15) 1× (-0.15)
.............................................................................................................
× × (0.9)
= 0.729 1
............................................................................................................. = 0.0225 1
.............................................................................................................

= 1,000
.............................................................................................................
729 = 10,000
.............................................................................................................
225
= 1 271
.............................................................................................................
729 = 9 400
.............................................................................................................

............................................................................................................. = 44 49
.............................................................................................................

Exercise 1A
Basic Level
1. เขียนเลขยกกําลังในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปจํานวนเต็มหรือเศษสวน ฉบับ
เฉลย
1) 3-4 2) -92
= 1
………………………………………………………………………………..
4 = -(9 9)
×
………………………………………………………………………………..
3
1
=……………………………………………………………………………….. = -81
3 ×3 ×3 ×3 ………………………………………………………………………………..
= 811
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..

0
3) (-3.5)-1 4) (18)
1
= -3.5
……………………………………………………………………………….. = 1
………………………………………………………………………………..
= - 27
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..

……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..

-3
5) -60 6) (75)
= -1
……………………………………………………………………………….. = 1
………………………………………………………………………………..
3
………………………………………………………………………………..
(75)
………………………………………………………………………………..

……………………………………………………………………………….. = 7 17 7 = 125
………………………………………………………………………………..
343
5×5×5
7
Intermediate Level
2. เขียนผลลัพธในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปจํานวนเต็มหรือเศษสวน
1) -50 + (-5)0 2) 3 × 2-1 + (0.5)-1
= -1 + 1
……………………………………………………………………………….. ×
1
= 3 12 + 0.5
………………………………………………………………………………..
= 0
……………………………………………………………………………….. = 32 + 2
………………………………………………………………………………..

……………………………………………………………………………….. = 3 12
………………………………………………………………………………..

……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..

3) -2-2 + 22 - (-2)0 4) -100 - 10 - (-10)-1


= -1 +4-1
2
………………………………………………………………………………..
1
= -1 - 10 - -10
………………………………………………………………………………..
2
1
= -4 + 3
……………………………………………………………………………….. = -11 + 101
………………………………………………………………………………..
= 2 34
……………………………………………………………………………….. = -10 109
………………………………………………………………………………..

……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..

ฉบับ
เฉลย Advanced Level
3. พิจารณาวาขอความในแตละขอตอไปนี้เปนจริงหรือเปนเท็จ เพราะเหตุใด
1) ถา an = 1 แลว n มีคาเทากับศูนย เมื่อ a เปนจํานวนเต็มใด ๆ
เท็จ เพราะถาให a = 1 และ n เปนจํานวนเต็มใด ๆ จะได an = 1n = 1 เสมอ
...................................................................................................................................................................................................................................................
เชน ให a = 1 และ n = 2 แทนคาใน an จะได 12 = 1
...................................................................................................................................................................................................................................................

2) -an = (-a)n เมื่อ a เปนจํานวนเต็ม และ n เปนจํานวนคูบวก


เท็จ เชน ให a = -1 และ n = 2 แทนคาใน -an จะได -(-1)2 = -1
...................................................................................................................................................................................................................................................
และแทนคาใน (-a)n จะได [-(-1)]2 = 12 = 1
...................................................................................................................................................................................................................................................

3) a-n = - 1n เมื่อ a เปนจํานวนเต็มที่ไมเทากับศูนย และ n เปนจํานวนเต็มบวก


a -n -3 1 1
เท็จ เชน ให a = 2 และ n = 3 แทนคาใน a จะได 2 = = 8
...................................................................................................................................................................................................................................................
3
2
และแทนค า ใน - 1 จะได - 1 = - 1
23 8
...................................................................................................................................................................................................................................................
an
4) ถา n มีคาเพิ่มขึ้น แลว an มีคาเพิ่มขึ้น เมื่อ a และ n เปนจํานวนเต็มใด ๆ
เท็จ เชน ให a = -2 และ n = 2, 3, 4 แทนคาใน an
...................................................................................................................................................................................................................................................
จะได (-2)2 = 4, (-2)3 = -8 และ (-2)4 = 16 ตามลําดับ
...................................................................................................................................................................................................................................................

8
1.2 การคูณและการหารเลขยกกําลัง
เม�อเลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็ม
Investigation
ใหนักเรียนเติมจํานวนลงในชองวางใหถูกตอง
1. 53 × 52 = (5 × 5 × 5) × ( 5 × 5 )
= 5×5×5×5×5
= 5 5 = 5 3 + 2
2. (-2)4 × (-2)-2 = [(-2) × (-2) × (-2) × (-2)] × [ 1
(-2) × (-2) ]
= (-2) × (-2)
= (-2) 2 = (-2) 4 + -2 ฉบับ
เฉลย
3. (0.1)-2 × (0.1)0 = [(0.1) ×1 (0.1)] × 1
= (0.1) ×1 (0.1)
= 1
(0.1) 2
= (0.1) -2 = (0.1) -2 + 0

4. ให a แทนจํานวนใด ๆ ที่ไมเทากับศูนย


a-3 × a-4 = a × 1a × a × [ a × a 1× a × a ]
= a × a × a × 1a × a × a × a
= 1
a 7
= a -7 = a -3 + -4

9
จาก Investigation สรุปเปนสมบัติไดวา
สมบัติที่ 1 กําหนดให a แทนจํานวนใด ๆ ที่ไมเทากับศูนย และ m, n แทนจํานวนเต็ม
am × an = am + n

Worked Example 2
เขียนผลคูณของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปอยางงาย เมื่อ a แทนจํานวนใด ๆ
ที่ไมเทากับศูนย
1) (-3)5 × (-3)-8 2) 2-4 × 2-3
4 -5
3) (- 23) × (- 23) 4) 5-4 × (-5)-8
5) 7-3 × (-7)2 6) (-a)-7 × a14
วิธีทํา
1) (-3)5 × (-3)-8 = (-3)5 + (-8) (สมบัติที่ 1)
ฉบับ = (-3)-3
เฉลย
= 13
(-3)
2) 2-4 × 2-3 = 2-4 + (-3) (สมบัติที่ 1)
= 2-7
= 17
2
4 -5 4 + (-5)
3) (- 23) × (- 23) = (- 23) (สมบัติที่ 1)
-1
= (- 23)
= 12
-3
= - 32 หรือ -112
4) 5-4 × (-5)-8 = 5-4 × 5-8
= 5-4 + (-8) (สมบัติที่ 1)
= 5-12
= 112
5 10
หรือ 5-4 × (-5)-8 = (-5)-4 × (-5)-8
= (-5)-4 + (-8) (สมบัติที่ 1)
= (-5)-12
= 1 12
(-5)
5) 7-3 × (-7)2 = 7-3 × 72
= 7-3 + 2 (สมบัติที่ 1)
= 7-1
= 17
6) (-a)-7 × a14 = (-a)-7 × (-a)14
= (-a)-7 + 14 (สมบัติที่ 1)
= (-a)7
Similar Questions
Practice Now Exercise 1B ขอ 1(1)-(2), 2(1)
ฉบับ
เขียนผลคูณของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปอยางงาย เมื่อ a แทนจํานวนใด ๆ เฉลย
ที่ไมเทากับศูนย
1) (-6)-8 × (-6)11 2) 5-9 × 5-5
= (-6)-8 + 11 (สมบัติที่ 1)
............................................................................................................. = 5-9 + (-5) (สมบัติที่ 1)
.............................................................................................................
= (-6)3
............................................................................................................. = 5-14
.............................................................................................................

............................................................................................................. = 114
.............................................................................................................
5
7 -6
3) (- 13) × (- 13) 4) 7-6 × (-7)-10
7 + (-6)
= (- 13 ) (สมบัติที่ 1)
............................................................................................................. = 7-6 + (-10) หรือ (-7)-6 + (-10) (สมบัติที่ 1)
.............................................................................................................
= - 13
............................................................................................................. = 7-16 หรือ (-7)-16
.............................................................................................................

............................................................................................................. = 116 หรือ 1 16


.............................................................................................................
7 (-7)
5) 13-9 × (-13)8 6) a-17 × a21
= 13-9 + 8 (สมบัติที่ 1)
............................................................................................................. = a-17 + 21 (สมบัติที่ 1)
.............................................................................................................
= 13-1
............................................................................................................. = a4
.............................................................................................................
= 131
............................................................................................................. .............................................................................................................
11
Investigation
ใหนักเรียนเติมจํานวนลงในชองวางใหถูกตอง
1. 75 ÷ 73 = (7 × 7 × 7 × 7 × 7) ÷ ( 7 × 7 × 7 )
= 7×7×7×7×7
7×7×7

= 7 2
3
= 7 5-
2. (-3)4 ÷ (-3)-2 1
= (-3) × (-3) × (-3) × (-3) ÷
[(-3) × (-3)]
= (-3) × (-3) × (-3) × (-3) × (-3) × (-3)
= (-3) 6
ฉบับ = (-3) 4 - (-2)
เฉลย
3. (0.4)-2 ÷ (0.4)0 = [(0.4) ×1 (0.4)] ÷ ( 1 )
= (0.4) 1× (0.4)
= 1
(0.4) 2
= (0.4) -2
0
= (0.4) -2 -
4. ให a แทนจํานวนใด ๆ ที่ไมเทากับศูนย
a-3 ÷ a-6 = ( a × 1a × a ) ÷ a × a × a 1× a × a × a
= ( a × 1a × a ) × a × a × a × a × a × a
= a 3
= a -3 - -6

12
จาก Investigation สรุปเปนสมบัติไดวา
สมบัติที่ 2 กําหนดให a แทนจํานวนใด ๆ ที่ไมเทากับศูนย และ m, n แทนจํานวนเต็ม
am ÷ an = am - n

Worked Example 3
เขียนผลหารของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปอยางงาย เมื่อ a และ b แทนจํานวนใด ๆ
ที่ไมเทากับศูนย
1) (-2)17 ÷ (-2)9 2) 7-5 ÷ (-7)-12 3) 6a4b-5 ÷ 2a-5b3
วิธีทํา
1) (-2)17 ÷ (-2)9 = (-2)17 - 9 (สมบัติที่ 2)
= (-2)8
2) 7-5 ÷ (-7)-12 = 7-5 ÷ 7-12 ฉบับ
= 7-5 - (-12) (สมบัติที่ 2) เฉลย
= 77
3) 6a4b-5 ÷ 2a-5b3 = 3a4 - (-5)b-5 - 3 (สมบัติที่ 2)
= 3a9b-8
9
= 3a8
b
Similar Questions
Practice Now Exercise 1B ขอ 1(3)-(4), 2(2)
เขียนผลหารของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปอยางงาย เมื่อ a และ b แทนจํานวนใด ๆ
ที่ไมเทากับศูนย
1) (-3)23 ÷ (-3)32 2) 5-5 ÷ 5-16
= (-3)23 - 32 (สมบัติที่ 2)
............................................................................................................. = 5-5 - (-16) (สมบัติที่ 2)
.............................................................................................................
= (-3)-9
............................................................................................................. = 511
.............................................................................................................
= 19
............................................................................................................. .............................................................................................................
(-3)
............................................................................................................. .............................................................................................................
13
3) 16a-5b-7 ÷ 8a-10b6 4) (-2)7a14b-10 ÷ 2-4a-13b-15
= 2a-5 - (-10)b-7 - 6 (สมบัติที่ 2)
............................................................................................................. = (-2)7a14 b-10 (-2)-4a-13 b-15 ÷
.............................................................................................................
= 2a5b-13
............................................................................................................. = (-2)7 - (-4)a14 - (-13)b-10 - (-15) (สมบัติที่ 2)
.............................................................................................................
5
= 2a13
............................................................................................................. = (-2)11a27b5
.............................................................................................................
b
............................................................................................................. .............................................................................................................

Worked Example 4
เขียนผลลัพธของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปอยางงาย
8 × 715 15 -14
1) -5 7 2) 16 × (-2)
3) -0.001 × (0.1)
7 × (-7)14 (-2)-8 (0.1)5 × (-0.1)-9
วิธีทํา
8 × 715
1) -5 7 = 78 × 715
ฉบับ 7 × (-7)14 7-5 × 714
เฉลย 8 + 15
= 7-5 + 14 (สมบัติที่ 1)
7
23
= 79
7
= 723 - 9 (สมบัติที่ 2)
= 714
16 × (-2)
15
2) -8 = (-2)4 × (-2)15 - (-8) (สมบัติที่ 2)
(-2)
= (-2)4 × (-2)23
= (-2)4 + 23 (สมบัติที่ 1)
= (-2)27
-14 3 -14
3) -0.0015 × (0.1) -9 = (-0.1)5 × (0.1) -9
(0.1) × (-0.1) (0.1) × (-0.1)
= (-0.1)3 - (-9) × (0.1)-14 - 5 (สมบัติที่ 2)
= (-0.1)12 × (0.1)-19
14
= (0.1)12 × (0.1)-19
= (0.1)12 + (-19) (สมบัติที่ 1)
= (0.1)-7
= 17
(0.1)
Similar Questions
Practice Now Exercise 1B ขอ 1(7)
เขียนผลลัพธของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปอยางงาย
7 × 1118 15
1) -8(-11) 2) 81 × (-3)
11 × (-11)14 3124
= (-11)7 - 14 × 1118 - (-8) (สมบัติที่ 2) (-3) × (-3)15
=.............................................................................................................
.............................................................................................................
(-3)12
= (-11)-7 × 1126
............................................................................................................. .............................................................................................................
4 + 15
= (-11)-7 × (-11)26
............................................................................................................. = (-3) (สมบัติที่ 1)
.............................................................................................................
12
(-3)
= (-11)-7 + 26 (สมบัติที่ 1)
............................................................................................................. ............................................................................................................. ฉบับ
(-3)19 เฉลย
= (-11)19
............................................................................................................. =.............................................................................................................
(-3)12
............................................................................................................. .............................................................................................................

............................................................................................................. = (-3)19 - 12 (สมบัติที่ 2)


.............................................................................................................

............................................................................................................. = (-3)7
.............................................................................................................

-7 -5
3) 0.000125 × (0.05)
4) 0.027-6 × (0.3) 9
(0.05)4 ×3 (-0.05)-9-7 (-0.3) ×3 (-0.3)-5
= (0.05) × (0.05)
.............................................................................................................
4 -9 = (0.3) × (0.3)
.............................................................................................................
-6 9
(-0.05) × (-0.05) (-0.3) × (-0.3)
............................................................................................................. .............................................................................................................
(0.05)3 + (-7)
=.............................................................................................................
(สมบัติที่ 1) (0.3)3 + (-5)
=.............................................................................................................
(สมบัติที่ 1)
(-0.05)4 + (-9) (-0.3)-6 + 9
............................................................................................................. .............................................................................................................
-4 -2
= (0.05) -5
............................................................................................................. = (0.3)
.............................................................................................................
3
(-0.05) (-0.3)
............................................................................................................. .............................................................................................................
(-0.05)-4
=............................................................................................................. (-0.3)-2
=.............................................................................................................
(-0.05)-4-5- (-5) (-0.3)-23 - 3
= (-0.05) (สมบัติที่ 2)
............................................................................................................. = (-0.3) (สมบัติที่ 2)
.............................................................................................................
= -0.05
............................................................................................................. = (-0.3)-5 = 1 5
.............................................................................................................
(-0.3)
15
Investigation
ใหนักเรียนเติมจํานวนลงในชองวางใหถูกตอง
1. (34)3 = 34 × 34 × 34
4 + 4
= 34 + (สมบัติที่ 1)
= 3 4× 3
2. [(-2)5]-2 = 1 5 2
[(-2) ]
= 51 5
(-2) × (-2)
= 51+ (สมบัติที่ 1)
(-2) 5
ฉบับ = (-2) -10
เฉลย
= (-2) 5 × -2
3. (a-7)-4 = 1-7 4
(a )
= -7 -7 1 -7 -7
a ×a ×a ×a
= 1 (สมบัติที่ 1)
a (-7) + -7 + -7 + -7

= a 28
= a -7 × -4

จาก Investigation สรุปเปนสมบัติไดวา


สมบัติที่ 3 กําหนดให a แทนจํานวนใด ๆ ที่ไมเทากับศูนย และ m, n แทนจํานวนเต็ม
(am)n = am × n

16
Worked Example 5
เขียนผลคูณของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปอยางงาย เมื่อ a และ b แทนจํานวนใด ๆ
ที่ไมเทากับศูนย
-2 -9 -3 -5
1) (52)-7 × (58)-3 2) [(12) ] × [(12) ]
3) (a-2)7 × (a-8)-4 4) [(-b)-3]-6 × (b6)-3
วิธีทํา
1) (52)-7 × (58)-3 = 52 × (-7) × 58 × (-3) (สมบัติที่ 3)
= 5-14 × 5-24
= 5-14 + (-24) (สมบัติที่ 1)
= 5-38
= 138
5
-2 -9 -3 -5 -2 × (-9) -3 × (-5)
2) [(12) ] × [(12) ] = (12) × (1 )
2 (สมบัติที่ 3) ฉบับ
18 15 เฉลย
= (12) × (12)
18 + 15
= (12) (สมบัติที่ 1)
33
= (12)
3) (a-2)7 × (a-8)-4 = a-2 × 7 × a-8 × (-4) (สมบัติที่ 3)
= a-14 × a32
= a-14 + 32 (สมบัติที่ 1)
= a18
4) [(-b)-3]-6 × (b6)-3 = (-b)-3 × (-6) × b6 × (-3) (สมบัติที่ 3)
= (-b)18 × b-18
= b18 × b-18
= b18 + (-18) (สมบัติที่ 1)
= b0
=1
17
Similar Questions
Practice Now Exercise 1B ขอ 1(5), 2(3)
เขียนผลคูณของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปอยางงาย เมื่อ a และ b แทนจํานวนใด ๆ
ที่ไมเทากับศูนย
-1 -8 -3 -4
1) (3-2)4 × (3-5)-2 2) [(15) ] × [(15) ]
-1 (-8)
× -3 (-4)
×
= 3-2 4 3-5 (-2) ×
×
×
(สมบัติที่ 3)
............................................................................................................. = ( 15 ) × ( 15 ) (สมบัติที่ 3)
.............................................................................................................
8 12
= 3-8 × 310
.............................................................................................................
1
(5 ) (5 ) 1
=.............................................................................................................
×
8 + 12
= 3-8 + 10 (สมบัติที่ 1)
............................................................................................................. = ( 15 ) (สมบัติที่ 1)
.............................................................................................................
20
= 32
............................................................................................................. = ( 15 )
.............................................................................................................

............................................................................................................. .............................................................................................................

3) (a-6)5 × (a-8)-4 4) (b2)-7 × (b-3)-5 × [(-b)8]-3


= a-6 5 a-8 (-4) ×
×
×
(สมบัติที่ 3)
............................................................................................................. = b2 (-7) b-3 (-5) b8 (-3)
×
×
×
×
×
(สมบัติที่ 3)
.............................................................................................................
= a-30 × a32
............................................................................................................. = b-14 × b15 × b-24
.............................................................................................................
ฉบับ = a-30 + 32 (สมบัติที่ 1) = b-14 + 15 + (-24) (สมบัติที่ 1)
เฉลย ............................................................................................................. .............................................................................................................
= a2
............................................................................................................. = b-23
.............................................................................................................

............................................................................................................. = 123
.............................................................................................................
b
Worked Example 6
เขียนผลคูณของ 2563 × [(-2)-4]4 ใหอยูในรูปเลขยกกําลังที่มี 2 เปนฐาน
วิธีทํา
2563 × [(-2)-4]4 = (28)3 × [(-2)-4]4 (สมบัติที่ 3)
24
= 2 ×2 -16

= 224 + (-16) (สมบัติที่ 1)


= 28
Similar Questions
Practice Now Exercise 1B ขอ 1(4)
เขียนผลคูณของ 128-4 × [(-2)7]4 ใหอยูในรูปเลขยกกําลังที่มี 2 เปนฐาน
128-4 [(-2)7]4 = (27)-4 [(-2)7]4
× × = 2-28 + 28 (สมบัติที่ 1)
.............................................................................................................................................................................................................................................................
= 2-28 × (-2)28 (สมบัตทิ ี่ 3) = 20
.............................................................................................................................................................................................................................................................
= 2-28 × 228
.............................................................................................................................................................................................................................................................
18
Thinking Time
เขียนผลคูณของ [(ma)b]c × [(mb)c]a ใหอยูในรูปอยางงาย เมื่อ m แทนจํานวนใด ๆ
ที่ไมเทากับศูนย และ a, b, c แทนจํานวนเต็ม
[(ma)b]c [(mb)c]a = ma b c mb c a
×
× ×
×
× ×
(สมบัติที่ 3) = mabc + abc (สมบัติที่ 1)
...............................................................................................................................................................................................................................................................
= mabc × mabc = m2abc
...............................................................................................................................................................................................................................................................

Investigation
ใหนักเรียนเติมจํานวนลงในชองวางใหถูกตอง
1. (5 × 2)3 = (5 × 2) × (5 × 2) × 5 × 2
= (5 × 5 × 5) × 2 × 2 × 2
ฉบับ
= 53 × 23 เฉลย
2. [(-3) × 5]-2 = 1
[(-3) × 5]2
= 1
[(-3) × 5] × [(-3) × 5]
= 1
[(-3) × (-3)] × 5 × 5
= 1
2× 2
(-3) 5
= (-3)-2 × 5-2
3. (2 × 7)0 = 14 0
= 1 หรือ 20 × 70
จาก Investigation สรุปเปนสมบัติไดวา
สมบัติที่ 4 กําหนดให a และ b แทนจํานวนใด ๆ ที่ไมเทากับศูนย และ n แทนจํานวนเต็ม
(a × b)n = an × bn

19
จากสมบัติที่ 3 และสมบัติที่ 4 ของเลขยกกําลัง สรุปเปนสมบัติไดวา
สมบัติที่ 5 กําหนดให a และ b แทนจํานวนใด ๆ ที่ไมเทากับศูนย และ m, n, k
แทนจํานวนเต็ม
(am × bn)k = am × k × bn × k

Worked Example 7
เขียนผลลัพธของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปอยางงาย เมื่อ a, b แทนจํานวนใด ๆ
ที่ไมเทากับศูนย
1) [(-7)3 × 2-5]-2 2) [(ab4)-3 × (a3b)5]5
-6 43 3 52
3) [(-5)5 × 52-4] 4) [(ab)2 -3× -1b ]
(5 × 2 ) (a b )
วิธีทํา
ฉบับ 3 × 2-5]-2 = (-7) 3 × (-2) × 2-5 × (-2)
เฉลย 1) [(-7) (สมบัติที่ 5)
= (-7)-6 × 210
10
= 2 6
(-7)
2) [(ab4)-3 × (a3b)5]5 = (a-3 b4 × (-3) × a3 × 5 b5)5 (สมบัติที่ 5)
= (a-3 b-12 × a15 b5)5
= (a-3 + 15 b-12 + 5)5 (สมบัติที่ 1)
= (a12 b-7)5
= a12 × 5 b-7 × 5 (สมบัติที่ 5)
= a60 b-35
60
= a35
b
-6 43 -6 43
3) [(-5)5 × 52-4] = (55 × 25 )-4
(5 × 2 ) (5 × 2 )
-6 × 3 4×3
5 × 2
= 5 × (-4) 5 × (-4) (สมบัติที่ 5)
5 × 2

20
-18 12
= 5-20 × 2-20
5 ×2
= 5-18 - (-20) × 212 - (-20) (สมบัติที่ 2)
= 52 × 232
3 52 3 3
4) [(ab)2 -3× -1b ] b × b5)2
= (a2 × (-1) (สมบัติที่ 4, 5)
(a b ) a b-3 × (-1)
3×2 3×2 5×2
= a b -2 3× b (สมบัติที่ 5)
a b
6 6 10
= a b -2× 3b
a b
= a6 - (-2) b6 + 10 - 3 (สมบัติที่ 1, 2)
= a8 b13
Similar Questions
Practice Now Exercise 1B ขอ 1(9)-(10), ขอ 2(4)-(5)
เขียนผลลัพธของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปอยางงาย เมื่อ a, b แทนจํานวนใด ๆ ฉบับ
เฉลย
ที่ไมเทากับศูนย
1) [(-5)2 × 3-4]-3 2) [(a-1 b4)-2 × (a-3 b)2]-4
(-5)2 (-3) × 3-4 (-3)
× ×
=.............................................................................................................
(สมบัติที่ 5) = (a-1 (-2) b4 (-2) a-3 2 b2)-4
× ×
×
×
(สมบัติที่ 5)
.............................................................................................................

(-5)-6 × 312
=............................................................................................................. = (a2 b-8 × a-6 b2)-4
.............................................................................................................
312
=............................................................................................................. = (a2 + (-6) b-8 + 2)-4 (สมบัติที่ 1)
.............................................................................................................
(-5)6
............................................................................................................. = (a-4 b-6)-4
.............................................................................................................

............................................................................................................. = a16 b24 (สมบัติที่ 5)


.............................................................................................................
[(-10) 5 × 7-3]-1 [(ab)5 × ab-4]7
3) 4)
[(-7)6 ×510(-1)8]-2 × -3 (-1)
×
(ab-25 )57 7 × -4 7×
(-10) ×7
=.............................................................................................................
(สมบัติที่ 5) = (ab) 5 ×-2a 5b (สมบัติที่ 5)
.............................................................................................................
76 (-2) × 108 (-2)
× ×
ab ×

............................................................................................................. .............................................................................................................
(-10)-5 × 73
=............................................................................................................. = a b ×a b
35 35 7 -28
(สมบัติที่ 4)
.............................................................................................................
7-12 ×-5 -(-10) (-16)
-16
3 - (-12) 35 + 7
5 -10
a- 5b 35 + (-28) - (-10)
=.............................................................................................................
(-10) × 7 (สมบัติที่ 2) = a × b (สมบัติที่ 1, 2)
.............................................................................................................

(-10)11 × 715
=............................................................................................................. = a37 b17
.............................................................................................................

21
Investigation
ใหนักเรียนเติมจํานวนลงในชองวางใหถูกตอง
3
1. ( 25 ) = 25 × 25 × 25
= 25 ×× 25 ×× 25
3
= 23
5
-3
2. ( 34 ) = 1 3
( 34 )
= 13
3
43
3
= 4
ฉบับ 3 3
เฉลย -3
= 3
4 -3
0
3. ( 45 ) =1
0
= 4
5 0

จาก Investigation สรุปเปนสมบัติไดวา


สมบัติที่ 6 กําหนดให a และ b แทนจํานวนใด ๆ ที่ไมเทากับศูนย และ n แทนจํานวนเต็ม
n n
(ab) = abn

จากสมบัติที่ 3 และสมบัติที่ 6 ของเลขยกกําลัง สรุปเปนสมบัติไดวา


สมบัติที่ 7 กําหนดให a และ b แทนจํานวนใด ๆ ที่ไมเทากับศูนย และ m, n, k
แทนจํานวนเต็ม
m k am × k
a
( bn ) = bn × k
22
Worked Example 8
เขียนผลหารของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปอยางงาย เมื่อ a, b แทนจํานวนใด ๆ
ที่ไมเทากับศูนย
-7)2 -1
2) [ (ab
4 -2
(a-4 b-5)-1 ]
1) ( 32 )
5
วิธีทํา
-7)2 -1
4 -2 4 × (-2)
2) [ (ab (ab-7)2 × (-1) (สมบัติที่ 7)
(a-4 b-5)-1]
1) ( 32 ) = 32 × (-2) (สมบัติที่ 7) =
5 5 (a-4b-5)-1 × (-1)
-8 -7 -2
= 3-4 = (ab-4 )-5
5 ab
4 -2 -7 × (-2)
= 58 = a b-4 -5 (สมบัติที่ 5)
3 ab
-2 14
= a-4b-5
ab
ฉบับ
=a2b19 (สมบัติที่ 2) เฉลย
Similar Questions
Practice Now Exercise 1B ขอ 1(11)-(12), 2(6), 3-5
เขียนผลหารของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปอยางงาย เมื่อ a, b แทนจํานวนใด ๆ
ที่ไมเทากับศูนย
-1 -5 3 -2
2) [ 2(a b 4) -5 2 ]
-3 -5
1) (2 4 )
7 ab × (a b )
2-3 (-5)
×
=.............................................................................................................
(สมบัติที่ 7) (a-1b-5)3 (-2) ×
=.............................................................................................................
(สมบัติที่ 7)
74 (-5)
×
(ab2)-2 × (a4 b-5) 2 (-2) ×

............................................................................................................. .............................................................................................................
215
=............................................................................................................. (a-1b-5)-6
=.............................................................................................................
7-20 (ab2)-2 × (a4 b-5) -4
............................................................................................................. .............................................................................................................
215 × 720
=............................................................................................................. a6b30
=.............................................................................................................
(สมบัติที่ 5)
a-2b-4 × a-16 b20
............................................................................................................. .............................................................................................................

............................................................................................................. = a24 b14 (สมบัติที่ 1, 2)


.............................................................................................................

............................................................................................................. .............................................................................................................

23
Exercise 1B
Basic Level
1. เขียนผลลัพธของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปอยางงาย
1) 22 × 2-8 = 2-6 = 1 ……………………………………………….
6 2) (-5)-15 × 5-6 = (-5)-21 = 1
………………………………………….
21
2 (-5)
= 3-3 = 13
3) 311 ÷ 314 ………………………………………………. 4) 32-5 ÷ 2-25 = 1
………………………………………….
3
-2 53 9
= 252
5) (84)5 × (42)-2 ………………………………………………. = (23 )
6) (278 ) × [(23) ] ………………………………………….
(-7)10 × 713 81 × (-3)
12
7) -7 = 718 หรือ (-7)18
………………………………………………. 8) = 323
………………………………………….
7 × (-7)12 3-7
4
9) [(-2)3 × 2-4]-1 ……………………………………………….
= -2 = (-11)
10) [(-11)-2 × 55]-2 ………………………………………….
510
3 -5 20
11) ( 54 ) = 715 24 -3 = 12 1 6
7
……………………………………………….
5 12) ( 5 -2 ) ………………………………………….
2 ×5
ฉบับ
เฉลย 2. เขียนผลลัพธของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปอยางงาย เมื่อ a, b และ c
แทนจํานวนใด ๆ ที่ไมเทากับศูนย
1) (-a)-9 × a16 = (-a)7
……………………………………….
2a12
2) 8a9 b-6 ÷ 4a-3 b6 =…………………………………………
b12
-2 32
= b11
3) (b-3)8 × (b-7)-5 ………………………………………. c7
4) [(ab)3 -5× c-1 ] =…………………………………………
(a b c) ab9
60 (ab-7c)2 -2
= c4 16
5) [(b-2 c7)2 × a-1 c]4 ……………………………………….
ab 6) [ 4
ab c -5 3] a4 b18 c2
=…………………………………………

Intermediate Level
3. เขียนผลลัพธของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปอยางงาย
7 -12 -1 243-1 -2 -4 -12 3
1) ( 2 ×103 ) × 1,024 2) 125 625 ÷ ( 25 ×-3 5 )
3 -5 -6 -9
5
= (27 3-22)-1 3 × × 10
..........................................................................................................
5 × 5
=..........................................................................................................
2 54-15 5-24 × 5-36
2-7 × 322 × 3-5
=.......................................................................................................... 5
=..........................................................................................................
-17
21017 541-56
= 2 ×3
.......................................................................................................... =..........................................................................................................
5
17
= 317
.......................................................................................................... ..........................................................................................................
2
24
10 -12 -1 -5 3 -12 -1 -1
3) 5 × 35 × 225-2 × (159 ) 4) 7 ×-77 × (3433 ÷ 49-2 )
81 243 5 35 25
10 -12 3-2 × 5-2 3-5 × 5-5 3 -12 73 54
= 5 ×5 × -10 ×
.............................................................................................................
12 -10 = 7 ×7 -7 × -3 -3 × -2
.............................................................................................................
3 3 3 5 7 ×5 7
............................................................................................................. .............................................................................................................
-9 -7 -6 4
= 5 × 3
.............................................................................................................
-8 = 7 ×5
.............................................................................................................
-5 -10
3 7 ×5
............................................................................................................. .............................................................................................................
14
= 3
.............................................................................................................
9 = 7-1 514 = 57 ×
.............................................................................................................
5
4. เขียนผลลัพธของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปอยางงาย เมื่อ a, b และ c
แทนจํานวนใด ๆ ที่ไมเทากับศูนย
-1)0
2 -1
1) a -1bc3 × (abc b-2 c -1 (ab-1 c)2 ÷ a7 b-6 c2 × a-5 c 2
a2 c-1 (a3 b-5 ) a-5 b3 c4 [ a2 bc-1 (b-3 c)-4]
÷ 2)
b c
2 -1
= a bc 1 a-3 b5 2 -2 2
= ab c abc
4 2 -2
b24 c-8
-1 3 × 2 -1 × 2 -1
............................................................................................................. -5 3 4 × 14 -12 4 × -10 2
.............................................................................................................
b c ac bc a bc a b c a c
............................................................................................................. .............................................................................................................
-1 6 -1 6 24 -8 ฉบับ
= a 2b c
............................................................................................................. = ab c
.............................................................................................................
-1 -9 10 เฉลย
a bc a b c
............................................................................................................. .............................................................................................................
5 7 33
= a -3 b5 c-2
= b3 2
............................................................................................................. = ab
.............................................................................................................
18
ac c

Advanced Level
3n + 1 -7n + 2 10n
5. เขียนผลลัพธของ 3 n + 3-n + 3 × 3n ใหอยูในรูปอยางงาย เมื่อ n แทนจํานวนเต็ม
27 + 3 × 81
3n -7n + 2 10n
= (3 × 3) + (3 × 3 ) = 12
28
...................................................................................................................................................................................................................................................
3n -n + 3 4n
3 + (3 × 3 )
...................................................................................................................................................................................................................................................
3n 3n + 2
= (3 × 3) + (3 ) = 37
...................................................................................................................................................................................................................................................
3n 3n + 3
3 + (3 )
...................................................................................................................................................................................................................................................
3n 3n 2
= (3 × 3) + (3 × 3 )
...................................................................................................................................................................................................................................................
3n 3n 3
3 + (3 × 3 )
...................................................................................................................................................................................................................................................
3n
= 3 (3 + 9)
...................................................................................................................................................................................................................................................
3n
3 (1 + 27)

25
1.3 สัญกรณวิทยาศาสตร
Class Discussion
ใหนักเรียนจับคูกับเพื่อน แลวเติมจํานวนลงในชองวางใหถูกตอง
ขอ ขอมูล การเขียนจํานวนในรูปปกติ (โดยประมาณ) การเขียนจํานวนในรูป
สัญกรณวิทยาศาสตร
1) จํกรุานวนประชากรใน 5,680,000 คน 5.68 106 คน
×
…………………………………………
งเทพฯ ป พ.ศ. 2560
2) เส นผานศูนยกลาง 1.39 106 กิโลเมตร
1,390,000 กิโลเมตร ×
…………………………………………
ของดวงอาทิตย
3) ความยาวคลื่นแสงสีแดง 0.000065 เซนติเมตร 6.5 10-5 เซนติเมตร
×
…………………………………………
ฉบับ
4) เส
เฉลย นผานศูนยกลาง
ของเม็ดเลือดขาว 0.000008 เมตร 8 10-6 เมตร
×
…………………………………………

5) มวลของนิวตรอน 1.675 × 10-24 กรัม


0.000000000000000000000001675 กรัม …………………………………………

จาก Class Discussion จะเห็นวา จํานวนที่มีคามาก ๆ หรือมีคานอย ๆ จะนิยมเขียน


ในรูปสัญกรณวิทยาศาสตร
จํานวนที่อยูในรูปสัญกรณวิทยาศาสตร คือ จํานวนที่เขียนอยูในรูป A × 10n
เมื่อ 1 ≤ A < 10 และ n เปนจํานวนเต็ม
Worked Example 9
เขียนจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปสัญกรณวิทยาศาสตร
1) 218.5 × 108 2) 0.00047 × 10-5 3) 5 พันลาน
วิธีทํา
1) 218.5 × 108 = (2.185 × 102) × 108 2) 0.00047 × 10-5 = (4.7 × 10-4) × 10-5
= 2.185 × 1010 = 4.7 × 10-9
26
3) 5 พันลาน = (5 × 103) × 106
= 5 × 109
Similar Questions
Practice Now Exercise 1C ขอ 1
เขียนจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปสัญกรณวิทยาศาสตร
1) 4,601.9 × 1012 2) 0.0000085 × 10-3
= (4.6019 103) 1012 × ×
............................................................................................................. (8.5 × 10-6) × 10-3
=.............................................................................................................
= 4.6019 × 1015
............................................................................................................. 8.5 × 10-9
=.............................................................................................................
3) 0.0000049 × 105 4) 3 หมื่นลาน
-6 5
= (4.9 10 ) 10 × ×
............................................................................................................. (3 × 104) × 106
=.............................................................................................................
= 4.9 × 10-1
............................................................................................................. 3 × 1010
=.............................................................................................................

Worked Example 10
ฉบับ
เขียนผลลัพธของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปสัญกรณวิทยาศาสตร เฉลย
1) (5.5 × 104) + (0.032 × 106) 2) (1.5 × 10-5) - (0.02 × 10-4)
3) (1.2 × 10-9) × (1.5 × 1012) 4) (12.5 × 10-6) ÷ (2.5 × 10-8)
วิธีทํา
1) (5.5 × 104) + (0.032 × 106) = (5.5 × 104) + (3.2 × 104)
= (5.5 + 3.2) × 104
= 8.7 × 104
2) (1.5 × 10-5) - (0.02 × 10-4) = (1.5 × 10-5) - (0.2 × 10-5)
= (1.5 - 0.2) × 10-5
= 1.3 × 10-5
3) (1.2 × 10-9) × (1.5 × 1012) = (1.2 × 1.5) × 10-9 + 12
= 1.8 × 103
-6
4) (12.5 × 10-6) ÷ (2.5 × 10-8) = 12.5 × 10-8
2.5 × 10
= 5 × 102

27
Similar Questions
Practice Now Exercise 1C ขอ 2-5
เขียนผลลัพธของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปสัญกรณวิทยาศาสตร
1) (4.25 × 105) + (0.81 × 106) 2) (9.5 × 10-4) - (8.7 × 10-5)
= (4.25 105) + (8.1 105)× ×
............................................................................................................. (9.5 × 10-4) - (0.87 × 10-4)
=.............................................................................................................
= 12.35 × 105 = 1.235 × 106
............................................................................................................. 8.63 × 10-4
=.............................................................................................................
3) (2.6 × 1015) × (3.8 × 10-21) 4) (31.5 × 10-11-11) ÷ (3.5 × 10-15)
= (2.6 3.8) 1015 + (-21)
× ×
.............................................................................................................
31.5 × 10 = 9 × 104
=.............................................................................................................
3.5 × 10-15
= 9.88 × 10-6
............................................................................................................. .............................................................................................................

Exercise 1C
Basic Level
ฉบับ
1. เขียนจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปสัญกรณวิทยาศาสตร
เฉลย 1) 176 × 1021 2) 2,301.5 × 10-10
= (1.76 102) 1021 × ×
............................................................................................................. (2.3015 × 103) × 10-10
=.............................................................................................................
= 1.76 × 1023
............................................................................................................. 2.3015 × 10-7
=.............................................................................................................
3) 0.00036 × 10-12 4) 17.5 ลานลาน
= (3.6 × 10-4) × 10-12
............................................................................................................. (17.5 × 106) × 106
=.............................................................................................................
= 3.6 × 10-16
............................................................................................................. 1.75 × 1013
=.............................................................................................................

2. เขียนผลลัพธของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปสัญกรณวิทยาศาสตร
1) (15.83 × 109) + (0.781 × 1010) 2) (13.31 × 10-6) - (0.075 × 10-4)
= (1.583 1010) + (0.781 1010)
× ×
............................................................................................................. (13.31 × 10-6) - (7.5 × 10-6)
=.............................................................................................................
= 2.364 × 1010
............................................................................................................. 5.81 × 10-6
=.............................................................................................................
3) (7.2 × 1031) × (5.6 × 10-17) 4) (1.21 × 10-18) ÷ (1.1 × 10-21)
= (7.2 5.6) 1031 + (-17)
× ×
1.21 × 10-18 = 1.1 × 103
=.............................................................................................................
.............................................................................................................
1.1 × 10-21
= 40.32 × 1014 = 4.032 × 1015
............................................................................................................. .............................................................................................................

28
Intermediate Level
3. เขียนผลลัพธของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปสัญกรณวิทยาศาสตร
1) (175.8 × 108) + (0.007 × 1013) - (0.25 × 1010)
= (1.758 1010) + (7 1010) - (0.25 1010)
× × ×
..................................................................................................................................................................................................................................................
= (1.758 + 7 - 0.25) × 1010 = 8.508 × 1010
..................................................................................................................................................................................................................................................
18 -12
2) (8.5 × 10 11) × (1.6 × 10-25 )
(1.7 × 10 ) × (4 × 10 )
= (8.5 × 1.6
1.7 × 4 ) × 10
18 + (-12) - 11 - (-25)
..................................................................................................................................................................................................................................................
= 2 1020 ×
..................................................................................................................................................................................................................................................
16 -5 22 -25
3) (16.9 × 10 ) × (1.5 × 10 ) (2.7 × 10 ) × (0.8 × 10 )
-
(1.3 × 104) (1.2 × 10-11)
= [(16.91.3× 1.5) × 1016 + (-5) - 4] - [( 2.71.2 × 0.8
) × 1022 + (-25) - (-11)]
..................................................................................................................................................................................................................................................
= (1.95 108) - (1.8 108) = 1.5 107
× × ×
.................................................................................................................................................................................................................................................. ฉบับ
เฉลย
4. กําหนด a = 2 × 105 และ b = 5 × 104 ใหหาคาของ (a - b)2 ในรูปสัญกรณวิทยาศาสตร
(a - b)2 = [(2 105) - (5 104)]2 × ×
..................................................................................................................................................................................................................................................
= [(20 - 5) × 104]2
..................................................................................................................................................................................................................................................
= (15 × 104)2
..................................................................................................................................................................................................................................................
= 225 × 108
..................................................................................................................................................................................................................................................
= 2.25 × 1010
..................................................................................................................................................................................................................................................

Advanced Level
n-1 n+1
5. เขียนผลลัพธของ (15 × 10 ) + (0.8 × 10 )
ใหอยูในรูปสัญกรณวิทยาศาสตร
2 × 10n - 2
n -1 n
= (15 × 10 × 10 ) + (0.8 × 10 × 10) = (1.50.02+ 8)
...................................................................................................................................................................................................................................................
n -2
2 × 10 × 10
= 475
...................................................................................................................................................................................................................................................
n -1
= 10 [(15 × n10 ) + (0.8 × 10)]
= 4.75 × 102
...................................................................................................................................................................................................................................................
-2
10 (2 × 10 )
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

29
1.4 การนําความรูเกี่ยวกับเลขยกกําลัง
ไปใชในชีวิตจริง
การเขียนจํานวนตาง ๆ ในรูปสัญกรณวิทยาศาสตร เราสามารถใชคํานําหนาหนวยหรือ
คําอุปสรรค (prefi x ) ในระบบหนวยเอสไอ เพื่อระบุเลขชี้กําลังของสิบสําหรับหนวยนั้น ๆ
ซึ่งคํานําหนาหนวยจะมีชื่อเฉพาะที่ใชแตกตางกัน ดังตารางตอไปนี้
ตัวคูณ คํานําหนาหนวย สัญลักษณยอ ตัวคูณ คํานําหนาหนวย สัญลักษณยอ
ที่เทียบเทา ในระบบเอสไอ ที่เทียบเทา ในระบบเอสไอ
101 เดคา- da 10-1 เดซิ- d
102 เฮกโต- h 10-2 เซนติ- c
103 กิโล- k 10-3 มิลลิ- m
106 เมกะ- M 10-6 ไมโคร- μ

ฉบับ
109 จิกะ- G 10-9 นาโน- n
เฉลย 1012 เทระ- T 10-12 พิโก- p
1015 เพตะ- P 10-15 เฟมโต- f
1018 เอกซะ- E 10-18 อัตโต- a
1021 เซตตะ- Z 10-21 เซปโต- z
1024 ยอตตะ- Y 10-24 ยอกโต- y

ตัวอยาง การใชเลขยกกําลังแสดงจํานวนที่พบในชีวิตประจําวัน
ดาวอังคาร มดคันไฟ
มีเสนผานศูนยกลางยาว มีลําตัวยาว
ประมาณ 6,794 กิโลเมตร ประมาณ 7 มิลลิเมตร
หรือ 6.794 × 106 เมตร หรือ 7 × 10-3 เมตร
เซลลเม็ดเลือดขาว แสงขาว
มีเสนผานศูนยกลางยาว เปนคลื่นแสงที่มนุษยสามารถ
ประมาณ 8 ไมโครเมตร มองเห็นได มีความยาวคลื่น
หรือ 8 × 10-6 เมตร ประมาณ 400 ถึง 800 นาโนเมตร
หรือ 4 × 10-7 ถึง 8 × 10-7 เมตร
30
Worked Example 11
ธาตุคารบอน (C) 1 อะตอม มีมวลประมาณ 1.99 × 10-23 กรัม
ธาตุคารบอน 2 × 105 อะตอม มีมวลกี่กรัม
วิธีทํา
ธาตุคารบอน 1 อะตอม มีมวลประมาณ 1.99 × 10-23 กรัม
ธาตุคารบอน 2 × 105 อะตอม มีมวลประมาณ (1.99 × 10-23) × (2 × 105) กรัม
= 1.99 × 2 × 10-23 × 105 กรัม
= 3.98 × 10-18 กรัม
5 -18
ดังนั้น ธาตุคารบอน 2 × 10 อะตอม มีมวลประมาณ 3.98 × 10 กรัม
Similar Questions
Practice Now Exercise 1D ขอ 1, 4
ธาตุโซเดียม (Na) 1 อะตอม มีมวลประมาณ 38.18 × 10-24 กรัม ธาตุโซเดียม 3 × 104 อะตอม
มีมวลกี่กรัม -24
ธาตุโซเดียม 1 อะตอม มีมวลประมาณ 38.18 10 กรัม ×
............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
ธาตุโซเดียม 3 × 104 อะตอม มีมวลประมาณ (38.18 × 10-24) × (3 × 104) กรัม
............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย
-24 4
= 38.18 × 3 × 10 × 10 กรัม
............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
-18
= 1.1454 × 10 กรัม
............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
4 -18
ดังนั้น ธาตุโซเดียม 3 × 10 อะตอม มีมวลประมาณ 1.1454 × 10 กรัม
............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................

Worked Example 12
ดาวอังคารมีเสนผานศูนยกลางยาวประมาณ 6.8 × 106 เมตร
ใหหาปริมาตรของดาวอังคาร เมื่อกําหนด π ≈ 227 และ
ปริมาตรของทรงกลมเทากับ 43 πr3
วิธีทํา
ดาวอังคารมีเสนผานศูนยกลางยาวประมาณ 6.8 × 106 เมตร
6
จะไดวา ดาวอังคารมีรัศมียาวประมาณ 6.8 ×2 10 = 3.4 × 106 เมตร
ปริมาตรของดาวอังคารเทากับ 43 πr3 ลูกบาศกเมตร
≈ 4 × 22 × (3.4 × 10 ) ลูกบาศกเมตร
63
3 7
20
≈ 1.65 × 10 ลูกบาศกเมตร
ดังนั้น ดาวอังคารมีปริมาตรประมาณ 1.65 × 1020 ลูกบาศกเมตร
31
Similar Questions
Practice Now Exercise 1D ขอ 2
โลกมีเสนผานศูนยกลางยาวประมาณ 1.28 × 107 เมตร ใหหาปริมาตร
ของโลก เมื่อกําหนด π ≈ 227 และปริมาตรของทรงกลมเทากับ 43 πr3
โลกมีเสนผานศูนยกลางยาวประมาณ 1.28 107 เมตร จะไดรัศมียาวประมาณ 6.4 106 เมตร × ×
............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................

ปริมาตรของโลกเทากับ 43 πr3 ลูกบาศกเมตร


............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................

≈ 4 × 22 × (6.4 × 10 ) ลูกบาศกเมตร
63
3 7 21
............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................

≈ 1.1 × 10 ลูกบาศกเมตร
............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................

ดังนั้น โลกมีปริมาตรประมาณ 1.1 × 1021 ลูกบาศกเมตร


............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................

Investigation
ใหนักเรียนเติมจํานวนลงในชองวางใหถูกตอง
โชคฝากเงินกับธนาคารแหงหนึ่งเปนเงินจํานวน 10,000 บาท ไดรับอัตราดอกเบี้ย 2%
ฉบับ แบบทบตนตอป เปนเวลา 4 ป
เฉลย
ป เงินตน ดอกเบี้ยของป เงินตน + ดอกเบี้ย = เงินรวมทั้งหมด
0 10,000 0 10,000 + 0 = 10,000
1 10,000 10,000 × 1002 = 200 10,000 + 200 = 10,200
2 10,200 10,200 × 1002 = 204 10,200 + 204 = …………………………………………
10,404
3 10,404 10,404 × 1002 = 208.08 10,404 + ………………………
208.08 = ………………………….
10,612.08
……………………….

4 2 ≈ 212.24
10,612.08 × 100
10,612.08 …………………………………………………………
…………………….. 10,612.08 + 212.24 10,824.32

……………………………………………………………………………

จาก Investigation จะเห็นวา วิธีการคิดดอกเบี้ยจะมีการนําดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นในแตละครั้ง


ที่มีการคิดดอกเบี้ยไปรวมกับเงินตนของครั้งถัดไป เราเรียกการคิดดอกเบี้ยแบบนี้วา ดอกเบี้ย
ทบตน ซึ่งสรุปเปนสูตรไดวา
A = P (1 + 100r )t

เมื่อ A แทนเงินรวมเมื่อสิ้นปที่ t P แทนเงินตน


r แทนอัตราดอกเบี้ยตอครั้ง t แทนจํานวนครั้งที่มีการคิดดอกเบี้ย
32
Worked Example 13
ตะวันฝากเงินกับธนาคาร 10,000 บาท โดยธนาคารใหดอกเบี้ยเงินฝากในอัตราดอกเบี้ย 1.5%
แบบทบตนตอป ใหหาเงินรวมเมื่อตะวันฝากเงินกับธนาคารเปนระยะเวลา 3 ป
วิธีทํา เงินตน 10,000 บาท

เริ่มตน 1 2 3
จากสูตร ดอกเบี้ยทบตน A = P (1 + 100 r )t
จะได P = 10,000, r = 1.5 และ t = 3
ดังนั้น เงินรวมเมื่อตะวันฝากเงินกับธนาคารเปนระยะเวลา 3 ป
1.5 )3
เทากับ 10,000 × (1 + 100 บาท
= 10,000 × (1.015)3 บาท
≈ 10,000 × 1.046 บาท
ฉบับ
= 10,460 บาท เฉลย
นั่นคือ เมื่อตะวันฝากเงินกับธนาคารเปนระยะเวลา 3 ป จะไดเงินรวมประมาณ 10,460 บาท
Similar Questions
Practice Now Exercise 1D ขอ 3, 5
นิธิศฝากเงินกับธนาคาร 50,000 บาท โดยธนาคารใหดอกเบี้ยเงินฝากในอัตราดอกเบี้ย 1.2%
แบบทบตนตอป ใหหาเงินรวมเมื่อนิธิศฝากเงินกับธนาคารเปนระยะเวลา 5 ป
เงินตน 50,000 บาท
............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................

............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................

เริ่มตน 1 2 3 4 5
............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................

............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
t
จากสู ต ร ดอกเบี ย
้ ทบต น A = P ( 100)
1 + r
............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................

จะได P = 50,000, r = 1.2 และ t = 5


............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................

งนั้น เงินรวมเมื่อนิธิศฝากเงินกับธนาคารเปนระยะเวลา 5 ป เทากับ 50,000 × (1 + 100 1.2 )5 บาท


ดั............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
≈ 50,000 × 1.061 บาท
............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................

= 53,050 บาท
............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................

นั่นคือ เมื่อนิธิศฝากเงินกับธนาคารเปนระยะเวลา 5 ป จะไดเงินรวมประมาณ 53,050 บาท


............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................

33
Exercise 1D
Basic Level
1. ธาตุไนโตรเจน (N) 1 อะตอม มีมวลประมาณ 23.24 × 10-24 กรัม
ธาตุไนโตรเจน 103 อะตอม มีมวลกี่กรัม
ธาตุ ไนโตรเจน 1 อะตอม มีมวลประมาณ 23.24 × 10-24 กรัม
...................................................................................................................................................................................................................................................
ธาตุ ไนโตรเจน 103 อะตอม มีมวลประมาณ (23.24 × 10-24) × 103 กรัม
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 23.24 × 10-21 กรัม
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 2.324 × 10-20 กรัม
...................................................................................................................................................................................................................................................
งนั้น ธาตุไนโตรเจน 103 อะตอม มีมวลประมาณ 2.324 × 10-20 กรัม
ดั...................................................................................................................................................................................................................................................
2. ดาวศุกรมีเสนผานศูนยกลางยาวประมาณ 1.2 × 107 เมตร
ใหหาพื้นที่ผิวของดาวศุกร เมื่อกําหนด π ≈ 227
และพื้นที่ผิวของทรงกลมเทากับ 4 πr2
ฉบับ ดาวศุกรมีเสนผานศูนยกลางยาวประมาณ 1.2 107 เมตร จะไดรัศมียาวประมาณ 0.6 107 เมตร × ×
...................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย
พื้นที่ผิวของดาวศุกรเทากับ 4πr2 ตารางเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
≈ 4 × 22 × (0.6 × 10 )
72 ตารางเมตร
7
...................................................................................................................................................................................................................................................
≈ 4.53 × 10
14 ตารางเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ดาวศุกรมีพื้นที่ผิวประมาณ 4.53 × 1014 ตารางเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................

3. โชคชัยฝากเงินกับธนาคาร 150,000 บาท โดยธนาคารใหดอกเบี้ยเงินฝากในอัตราดอกเบี้ย


2% แบบทบตนตอป ใหหาเงินรวมเมื่อโชคชัยฝากเงินกับธนาคารเปนระยะเวลา 4 ป
เงินตน 150,000 บาท
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

เริ่มตน 1 2 3 4
...................................................................................................................................................................................................................................................
t
จากสู ตร ดอกเบี้ยทบตน A = P (1 + 100 r ) จะได P = 150,000, r = 2 และ t = 4
...................................................................................................................................................................................................................................................
งนั้น เงินรวมเมื่อโชคชัยฝากเงินกับธนาคารเปนระยะเวลา 4 ป เทากับ 150,000 × (1 + 100 2 )4 บาท
ดั...................................................................................................................................................................................................................................................
≈ 150,000 × 1.082 บาท
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 162,300 บาท
...................................................................................................................................................................................................................................................
นั...................................................................................................................................................................................................................................................
่นคือ เมื่อโชคชัยฝากเงินกับธนาคารเปนระยะเวลา 4 ป จะไดเงินรวมประมาณ 162,300 บาท

34
Intermediate Level
4. ระบบสุรยิ ะอยูห า งจากศูนยกลางของกาแล็กซีทางชางเผือก
ประมาณ 30,000 ปแสง และ 1 ปแสง มีระยะทางประมาณ
9.46 ลานลานกิโลเมตร ระบบสุริยะอยูหางจากศูนยกลาง
ของกาแล็กซีทางชางเผือกประมาณกี่เมตร
เนื่องจาก 1 ปแสง มีระยะทางประมาณ 9.46 ลานลานกิโลเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 9.46 × 1012 กิโลเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 9.46 × 1015 เมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ระบบสุริยะที่อยูหางจากศูนยกลางของกาแล็กซีทางชางเผือกประมาณ 30,000 ปแสง
...................................................................................................................................................................................................................................................
จะมีระยะทางประมาณ 30,000 × 9.46 × 1015 = 3 × 104 × 9.46 × 1015 เมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 28.38 × 1019 เมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 2.838 × 1020 เมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
นั่นคือ ระบบสุริยะอยูหางจากศูนยกลางของกาแล็กซีทางชางเผือกประมาณ 2.838 × 1020 เมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
Advanced Level เฉลย

5. นทีตองการนําเงิน 100,000 บาท ไปลงทุนเปนเวลา 5 ป โดยมี 2 บริษัท ยื่นขอเสนอ ดังนี้


บริษัท อักษรไทย : ใหอัตราดอกเบี้ย 3.5% ตอป โดยคิดดอกเบี้ยทบตนทุก 3 เดือน
บริษัท ทรัพยอนันต : ใหอัตราดอกเบี้ย 6% ตอป โดยคิดดอกเบี้ยทบตนทุก 6 เดือน

อยากทราบวา นทีควรจะลงทุนกับบริษัทใดจึงจะไดผลตอบแทนมากที่สุด พรอมอธิบาย


เหตุผลประกอบ
บริษัท อักษรไทย บริษัท ทรัพยอนันต
...................................................................................................................................................................................................................................................
P = 100,000, r = 3.5 4 = 0.875, t = 4 × 5 = 20 P = 100,000, r = 62 = 3, t = 2 × 5 = 10
...................................................................................................................................................................................................................................................
จะได A = P (1 + 100 r )t จะได A = P (1 + 100 r )t
...................................................................................................................................................................................................................................................
20 10
= 100,000 ( 100 )
1 + 0.875 บาท = 100,000 ( 100) บาท
1 + 3
...................................................................................................................................................................................................................................................
≈ 119,033.98 บาท ≈ 134,391.64 บาท
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดั...................................................................................................................................................................................................................................................
งนั้น นทีควรจะลงทุนกับบริษัททรัพยอนันตมากกวา เพราะเมื่อสิ้นปที่ 5 จะไดผลตอบแทนที่มากกวา
...................................................................................................................................................................................................................................................

35
Summary
1. เลขยกกําลังที่มีเลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็ม
1) เลขยกกําลังที่มีเลขชี้กําลังเปนศูนย
กําหนดให a แทนจํานวนใด ๆ ที่ไมเทากับศูนย
a0 = 1
2) เลขยกกําลังที่มีเลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็มลบ
กําหนดให a แทนจํานวนใด ๆ ที่ไมเทากับศูนย และ n แทนจํานวนเต็มบวก
a-n = 1n
a
2. การคูณและการหารเลขยกกําลัง เมื่อเลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็ม
สมบัติของเลขยกกําลัง
ฉบับ กําหนดให a, b แทนจํานวนใด ๆ ที่ไมเทากับศูนย และ m, n, k แทนจํานวนเต็ม
เฉลย
1) am × an = am + n
2) am ÷ an = am - n
3) (am)n = am × n
4) (a × b)n = an × bn
5) (am × bn)k = am × k × bn × k
n n
6) (ab) = an
b
m k m×k
7) (a n ) = a n × k
b b
3. สัญกรณวิทยาศาสตร
จํานวนในรูปสัญกรณวิทยาศาสตร คือ จํานวนที่เขียนในรูป
A × 10n เมื่อ 1 ≤ A < 10 และ n เปนจํานวนเต็ม

36
Review Exercise 1
1. เขียนผลลัพธของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปจํานวนเต็มหรือเศษสวน
1) -70 + (-7)0 2) 4 × 2-1 + (0.25)-1
=………………………………………………………………………………..
-1 + 1 = 42 + 0.25
1
…………………………………………………………………………………..
=………………………………………………………………………………..
0 = 2+4
…………………………………………………………………………………..

……………………………………………………………………………….. = 6
…………………………………………………………………………………..

3) -5-3 × 54 - (-5)0 4) -100 - 10-1 - (-10)-2


-1 × 5-3 × 54 - 1
=……………………………………………………………………………….. = -1 - 101 - 100
1
…………………………………………………………………………………..
= -5 - 1
……………………………………………………………………………….. = - 111
100
…………………………………………………………………………………..
= -6
………………………………………………………………………………..
11
= -1 100
…………………………………………………………………………………..

5) -3-3 + 44 + 50 6) (-2)1 + (-3)2 + (-4)3 + (-5)4


= - 271 + 256 + 1
……………………………………………………………………………….. = -2 + 9 + (-64) + 625
…………………………………………………………………………………..
ฉบับ
= 256 2627
……………………………………………………………………………….. = 568
………………………………………………………………………………….. เฉลย
……………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………..

2. เขียนผลลัพธของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปอยางงาย เมื่อ a, b แทนจํานวนใด ๆ


ที่ไมเทากับศูนย
1) (ab-1)-5 × (a3 b)-3 2) (a-4 b2)-5 ÷ (ab6)-1
20 -10
a-5 b5 × a-9 b-3
=……………………………………………………………………………….. = a b
…………………………………………………………………………………..
-1 -6
a b
= a-5 a- 9 × b5 b-3
……………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………..
a-14 b2
=……………………………………………………………………………….. = a21 b-4
…………………………………………………………………………………..
2 21
= b14
……………………………………………………………………………….. = a4
…………………………………………………………………………………..
a b
-1 -5 0 (a-7b-2)4 -2
3) (ab ) 4 ×-8(ab) 4) 4 -5 × (ab)
(a b) a b-28 -8 -2
……………………………………………………………………………….. = a b
4 -5 × -2
a
…………………………………………………………………………………..
ab b
a-5 b5 × 1
=……………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………..
a-32 b-8
……………………………………………………………………………….. = a-34 b-1
…………………………………………………………………………………..
a27 b13
=……………………………………………………………………………….. = 341
…………………………………………………………………………………..
a b
37
3. เขียนผลลัพธของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปอยางงาย
1) (32 × 5-2)-3 × (53 × 9-1)2 2) (2-2 × 5-2)4 ÷ (53 × 2-2)-6
-8 -8
= 3-6 56 56 3-4
× × ×
……………………………………………………………………………….. = 2 ×5
………………………………………………………………………………..
-18 12
5 ×2
= 3-10 × 512
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
12
= 510
……………………………………………………………………………….. = 2-20 510
×
………………………………………………………………………………..
3 10
……………………………………………………………………………….. = 520
………………………………………………………………………………..
2
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..

-2 × 11)-3 + 113 2 × 5-2 -1


3) (11 4) 2 -2 + ( 7 )
7 2
1,331-1 2 ×5
-1 -3 3 -2 × 52
= (11 ) + 11
………………………………………………………………………………..
3 -1 = 7 +2
………………………………………………………………………………..
2 -2 -1
(11 ) 2 × 5 7
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
3 3 2 2
= 11 +-311
……………………………………………………………………………….. = 7 ×5 + 7 ×5
………………………………………………………………………………..
2 2
11 2 2
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
ฉบับ 3 2 2
เฉลย = 2 × 11 = 2 × 116
………………………………………………………………………………..
-3 = 2 ( 7 × 5 ) = 7 ×2 5
………………………………………………………………………………..
2
11 2
4. เขียนผลลัพธของ 3-1 ÷ [3-1 ÷ (3-1 ÷ (3-1)2)-2]2 ใหอยูในรูปอยางงาย
= 3-1 [3-1 (3-1 3-2)-2]2
÷ ÷ ÷
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
= 3-1 ÷ [3-1 ÷ 3-2]2
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
= 3-1 ÷ 32
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
= 3-3
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
= 13
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
3
x x x
5. เขียนผลลัพธของ 3-x + 3-x + 3 -x ใหอยูในรูปอยางงาย เมื่อ x แทนจํานวนเต็ม
x
3 +3 +3
= 33 •
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
33• -x
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
= 3x - (-x)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
= 3x + x
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
= 32x
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

38
6. เขียนผลลัพธของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปสัญกรณวิทยาศาสตร
1) (8 × 1015) + (5 × 1015) - (3 × 1015)
= (8 + 5 - 3) 1015 ×
..................................................................................................................................................................................................................................................
= 10 × 1015
..................................................................................................................................................................................................................................................
= 1 × 1016
..................................................................................................................................................................................................................................................

..................................................................................................................................................................................................................................................

2) (11.37 × 1012) + (0.85 × 1014) - (0.93 × 1013)


= (1.137 1013) + (8.5 1013) - (0.93 1013)
× × ×
..................................................................................................................................................................................................................................................
= (1.137 + 8.5 - 0.93) × 1013
..................................................................................................................................................................................................................................................
= 8.707 × 1013
..................................................................................................................................................................................................................................................

..................................................................................................................................................................................................................................................

3) (5.4 × 1026) × (6.312 × 10-14) ÷ (0.081 × 10-18)


= (5.4 × 6.3) × 10 = 4.2 1032 ×
..................................................................................................................................................................................................................................................
-20 ฉบับ
8.1 × 10 เฉลย
..................................................................................................................................................................................................................................................
34.02 × 1012
=..................................................................................................................................................................................................................................................
8.1 × 10-20
..................................................................................................................................................................................................................................................
20 -5 19 -24
4) (14.4 × 10 ) × (311 × 10 ) - (8.5 × 10 ) × (0.2 × 10 )
(1.2 × 10 ) (1.7 × 10-10)
= (14.41.2× 3) × 104 - (8.51.7 × 0.2
) × 1019 - 24 + 10
..................................................................................................................................................................................................................................................
= (36 104) - (1 105)
× ×
..................................................................................................................................................................................................................................................
= (3.6 × 105) - (1 × 105)
..................................................................................................................................................................................................................................................
= 2.6 × 105
..................................................................................................................................................................................................................................................

7. กําหนด a = 3 × 108 และ b = 5 × 107 ใหหาคาของ (a + b)2 ในรูปสัญกรณวิทยาศาสตร


(a + b)2 = [(3 108) + (5 107)]2
× × = 1,225 1014
×
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
= [(30 × 107) + (5 × 107)]2 = 1.225 × 1017
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
= (35 × 107)2
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

39
8. ป พ.ศ. 2560 ในกรุงเทพมหานครมีประชากรประมาณ 5.68 × 106 คน และภาคกลาง
มีประชากรประมาณ 1.7 × 107 คน อยากทราบวาประชากรในกรุงเทพมหานครคิดเปน
กี่เปอรเซ็นตของภาคกลาง
กรุ งเทพมหานครมีประชากรประมาณ 5.68 × 106 คน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ภาคกลางมี ประชากรประมาณ 1.7 × 107 คน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
6
จะได วา ประชากรในกรุงเทพมหานครคิดเปน 5.68 × 107 × 100% ของภาคกลาง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
1.7 × 10
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
≈ 33.41% ของภาคกลาง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ดั…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
งนั้น ประชากรในกรุงเทพมหานครคิดเปนประมาณ 33.41% ของภาคกลาง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

9. โลกมีมวลประมาณ 6.97 × 1024 กิโลกรัม และดาวเสารมีมวลเปน 95.2 เทาของโลก


ดาวเสารจะมีมวลเปนเทาใด
โลกมี มวลประมาณ 6.97 × 1024 กิโลกรัม
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ฉบับ ดาวเสาร มีมวลเปน 95.2 เทาของโลก
เฉลย …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
จะได วา ดาวเสารมีมวลประมาณ 95.2 × 6.97 × 1024 กิโลกรัม
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
= 663.544 × 1024 กิโลกรัม
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
≈ 6.64 × 10
26 กิโลกรัม
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
งนั้น ดาวเสารจะมีมวลประมาณ 6.64 × 1026 กิโลกรัม
ดั…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

10. แกวตากูเงินกับธนาคารจํานวน 100,000 บาท โดยธนาคารคิดดอกเบี้ยเงินกูในอัตราดอกเบี้ย


ทบตน 7% ตอป เมื่อครบกําหนดเวลา 5 ป แกวตาตองชําระเงินทั้งหมดเปนจํานวนเทาใด
P = 100,000, r = 7, t = 5 ≈ 100,000(1.403)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
t
จะได A = P (1 + 100 r) = 140,300
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
7 )5
= 100,000 (1 + 100
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ดังนั้น เมื่อครบกําหนดเวลา 5 ป แกวตาตองชําระเงินทั้งหมดเปนจํานวนเงินประมาณ 140,300 บาท
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

40
Challenge Yourself
1. กําหนด 5 = 3a และ 3 = 5b ใหหาคาของ ab + 1
จาก 5 = 3a
..................................................................................................................................................................................................................................................
จะได 5b = 3ab (ยกกําลัง b ทั้งสองขางของสมการ)
..................................................................................................................................................................................................................................................
3 = 3ab (โจทยกําหนด 3 = 5 b)
..................................................................................................................................................................................................................................................
31 = 3ab
..................................................................................................................................................................................................................................................
ab = 1
..................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ab + 1 = 1 + 1 = 2
..................................................................................................................................................................................................................................................
5n n
2. ถา x2n = 3 แลว x3n + x-n มีคาเทาใด
x +x
n 4n
x5n + xn = x (x + 1)
..................................................................................................................................................................................................................................................
3n
x +x -n -n 4n
x (x + 1)
..................................................................................................................................................................................................................................................
= n+n x
..................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
= x2n
.................................................................................................................................................................................................................................................. เฉลย
= 3
..................................................................................................................................................................................................................................................

3. ผลบวกของเลขโดดในแตละหลักของ (22560 × 52561) - 1 มีคาเทาใด


(22560 52561) - 1 = [22560 (5 52560)] - 1
× × ×
..................................................................................................................................................................................................................................................
= 5 × (2 × 5)2560 - 1
..................................................................................................................................................................................................................................................
= (5 × 102560) - 1
..................................................................................................................................................................................................................................................
พิจารณา (5 × 10) - 1 = 49 (มีเลข 9 จํานวน 1 ตัว)
..................................................................................................................................................................................................................................................
(5 × 102) - 1 = 499 (มีเลข 9 จํานวน 2 ตัว)
..................................................................................................................................................................................................................................................
(5 × 103) - 1 = 4,999 (มีเลข 9 จํานวน 3 ตัว)
..................................................................................................................................................................................................................................................
(5 × 104) - 1 = 49,999 (มีเลข 9 จํานวน 4 ตัว)
..................................................................................................................................................................................................................................................
(5 × 105) - 1 = 499,999 (มีเลข 9 จํานวน 5 ตัว)
..................................................................................................................................................................................................................................................

..................................................................................................................................................................................................................................................
(5 102560) - 1 = 4999…9 (มีเลข 9 จํานวน 2560 ตัว)
×
..................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ผลบวกของเลขโดดในแตละหลักของ (22560 × 52561) - 1 มีคาเทากับ 4 + 9(2560) = 23,044
..................................................................................................................................................................................................................................................

41
ฉบับ
เฉลย

42
หนวยการเรียนรูที่ 2
จํานวนจริง
π เปนอัตราสวนระหวางความยาวเสนรอบรูปวงกลมกับ
ความยาวของเสนผานศูนยกลางของวงกลม เราใช π ในการ
คํานวณหาพืน้ ทีว่ งกลม ซึง่ ใชสตู ร πr2 เมือ่ r เปนรัศมีของวงกลม
ในการคํานวณ เรานิยมกําหนดให π มีคาประมาณ 227 หรือ
3.14
ในป ค.ศ. 1967 มีการนําเครือ่ งคํานวณมาใช เพือ่ หาคาของ
π ซึ่งคาที่ไดมีคาเปนทศนิยม คํานวณไดถึง 500,000 ตําแหนง
ฉบับ
เฉลย

ตัวชี้วัด
• เขาใจจํานวนจริงและความสัมพันธของจํานวนจริง และใชสมบัติของ
จํานวนจริงในการแกปญหาคณิตศาสตรและปญหาในชีวิตจริง
(ค 1.1 ม.2/2)
สาระการเรียนรูแกนกลาง
• จํานวนอตรรกยะ
• จํานวนจริง
• รากที่สองและรากที่สามของจํานวนตรรกยะ
• การนําความรูเกี่ยวกับจํานวนจริงไปใช

43
2.1 การเขียนเศษสวนในรูปทศนิยมซ้ํา
และการเขียนทศนิยมซ้ําในรูปเศษสวน
ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปที่ 1 นักเรียนทราบมาแลววา จํานวนตรรกยะ หมายถึง จํานวนที่
สามารถเขียนในรูป ab เมื่อ a และ b เปนจํานวนเต็ม โดยที่ b 0 เมื่อพิจารณาความสัมพันธ
ระหวางเศษสวนกับทศนิยม เราสามารถเขียน ab ใหอยูในรูปทศนิยมได และในขณะเดียวกัน
เราก็สามารถเขียนทศนิยมบางจํานวนใหอยูในรูป ab ไดเชนกัน ซึ่งนักเรียนจะไดศึกษาจากหัวขอ
ตอไปนี้
1. การเขียนเศษสวนใหอยูในรูปทศนิยมซํ้า
นักเรียนทราบมาแลววา การเขียนเศษสวนใหอยูรูปทศนิยมทําไดโดยนําตัวสวนไปหารตัวเศษ
ของเศษสวนนั้น ดังตัวอยางตอไปนี้ ATTENTION

เศษสวนในรูป ab เมื่อ a และ b เปน


Worked Example 1 จํานวนเต็ม และ b 0 ทุกจํานวน
ฉบับ สามารถเขียนใหอยูในรูปทศนิยมซํ้าได
เฉลย เขียนเศษสวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปทศนิยม เสมอ สําหรับทศนิยมทีไ่ มซาํ้ และไมรจู บ
1) 34 2) 2 จะไมสามารถเขียนในรูป ab เมื่อ a
3 และ b เปนจํานวนเต็ม และ b 0 ได
วิธีทํา เราเรียกจํานวนนี้วา จํานวนอตรรกยะ
1) 34 เขียนใหอยูในรูปทศนิยมได โดย 2) 2 เขียนใหอยูในรูปทศนิยมได โดย
3
นํา 4 ไปหาร 3 ดังนี้ นํา 3 ไปหาร 2 ดังนี้
0.75 0 . 6 6 6 ...
4 3.00 3 2.000
0 0
30 20
28 18
20 20
18
20 20
0 18
ดังนั้น 34 = 0.75 2
การหารขางตน ถาหารตอไปจะได 6 เรื่อย ๆ
โดยไมมีที่สิ้นสุด ดังนั้น 23 = 0.666...
44
Similar Questions
Practice Now Exercise 2A ขอ 1
เขียนเศษสวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปทศนิยม
1) 65 2) 118
1.2 0.7272...
5 6.0
............................................................................................................. 11 8 .0000
.............................................................................................................
5
............................................................................................................. 77
.............................................................................................................
10
............................................................................................................. 30
.............................................................................................................
10
............................................................................................................. 22
.............................................................................................................
0
............................................................................................................. 80
.............................................................................................................
ดังนั้น 65 = 1.2
............................................................................................................. 77
.............................................................................................................

............................................................................................................. 30
.............................................................................................................

............................................................................................................. 22
.............................................................................................................

............................................................................................................. 8
.............................................................................................................

............................................................................................................. ดังนั้น 118 = 0.7272...


.............................................................................................................
ฉบับ
3) 11
60
38
4) 111 เฉลย
0.1833... 0.342342...
60 11.0000
............................................................................................................. 111 38.000000
.............................................................................................................
60
............................................................................................................. 33 3
.............................................................................................................
5 00
............................................................................................................. 4 70
.............................................................................................................
4 80
............................................................................................................. 4 44
.............................................................................................................
200
............................................................................................................. 260
.............................................................................................................
180
............................................................................................................. 222
.............................................................................................................
200
............................................................................................................. 380
.............................................................................................................
180
............................................................................................................. 333
.............................................................................................................
20
............................................................................................................. 470
.............................................................................................................
ดังนั้น 11 60 = 0.1833...
............................................................................................................. 444
.............................................................................................................

............................................................................................................. 260
.............................................................................................................

............................................................................................................. 222
.............................................................................................................

............................................................................................................. 38
.............................................................................................................

............................................................................................................. ดังนั้น 111 38 = 0.342342...


.............................................................................................................

45
เมื่อพิจารณาการเขียนเศษสวนใหอยูในรูปทศนิยมที่ไดจาก Worked Example 1 และ
Practice Now จะไดวา ATTENTION
3 = 0.75 2 = 0.666... เนื่องจาก 0.75 = 0.75000...
4 3 และ 1.2 = 1.2000...
6 = 1.2 8 = 0.727272...
5 11 ดังนั้น 0.75 และ 1.2 เปนทศนิยมซํ้า
11 = 1.8333... 38 หนึ่งตําแหนง โดยมีเลขโดดที่ซํ้า คือ 0
60 111 = 0.342342342...
เรียก 0.666..., 1.8333..., 0.727272... และ 0.342342342... วาเปน ทศนิยมซํ้า (Repeating
Decimal) ซึ่งสามารถเขียนเศษสวนที่อยูในรูปทศนิยมซํ้าโดยใชสัญลักษณ เขียนไวเหนือเลขโดด

ที่ซํ้า ดังนี้
กรณีที่ 1 ถาเปนทศนิยมซํ้าหนึ่งตําแหนง ใหเขียน ไวเหนือเลขโดดที่ซํ้านั้น เชน


0.666... เขียนแทนดวยสัญลักษณ 0.6 อานวา ศูนยจุดหก หกซํ้า

1.8333... เขียนแทนดวยสัญลักษณ 1.83 อานวา หนึ่งจุดแปดสาม สามซํ้า
กรณีที่ 2 ถาเปนทศนิยมซํ้าตั้งแตสองตําแหนงขึ้นไป ใหเขียน ไวเหนือเลขโดดที่ซํ้าตัวแรก

และตัวสุดทาย เชน
ฉบับ 0.727272... เขียนแทนดวยสัญลักษณ 0.72 • •

เฉลย
อานวา ศูนยจุดเจ็ดสอง เจ็ดสองซํ้า
• •
0.342342342... เขียนแทนดวยสัญลักษณ 0.342
อานวา ศูนยจุดสามสี่สอง สามสี่สองซํ้า
2. การเขียนทศนิยมซํ้าใหอยูในรูปเศษสวน
1) ทศนิยมซํ้าศูนย
นักเรียนทราบมาแลววา การเขียนทศนิยมซํ้าศูนยใหอยูในรูปเศษสวนสามารถทําได
ดังตัวอยางตอไปนี้
Worked Example 2
เขียนทศนิยมในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปเศษสวน
1) 0.4 2) 1.5 3) 1.45
วิธีทํา
1) 0.4 = 104 ÷ 2

= 25 4 2
10 = 5
ดังนั้น 0.4 = 25 ÷ 2
46
2) 1.5 = 1 + 105 ÷ 5
= 1 + 12 5
10 =
1
2
= 1 12 ÷ 5
ดังนั้น 1.5 = 1 12
3) 1.45 = 1 + 100 45
5 ÷
= 1 + 209 45 9
100 = 20
= 1 209
÷ 5
ดังนั้น 1.45 = 1 209
Similar Questions
Practice Now Exercise 2A ขอ 3(1)-(2)
เขียนทศนิยมในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปเศษสวน
1) 0.6 2) 2.8 ฉบับ
เฉลย
0.6 = 106
............................................................................................................. 2.8 = 2 + 108
.............................................................................................................
= 35
............................................................................................................. = 2 + 45
.............................................................................................................
ดังนั้น 0.6 = 35
............................................................................................................. = 2 45
.............................................................................................................

............................................................................................................. ดังนั้น 2.8 = 2 45


.............................................................................................................

............................................................................................................. .............................................................................................................

............................................................................................................. .............................................................................................................

3) 3.75 4) 11.403
3.75 = 3 + 100 75
............................................................................................................. 11.403 = 11 + 1,000 403
.............................................................................................................
= 3 + 34
............................................................................................................. = 11 1,000 403
.............................................................................................................
= 3 34
............................................................................................................. ดังนั้น 11.403 = 11 1,000 403
.............................................................................................................
ดังนั้น 3.75 = 3 34
............................................................................................................. .............................................................................................................

............................................................................................................. .............................................................................................................

............................................................................................................. .............................................................................................................

47
Thinking Time
นักเรียนคิดวา ทศนิยมซํา้ ทีไ่ มใชทศนิยมซํา้ ศูนย สามารถใชวธิ ใี น Worked Example 2 ในการเขียน
ทศนิยมใหอยูในรูปเศษสวนไดหรือไม อยางไร
ไมได เพราะทศนิยมซํ้าที่ไมใชทศนิยมซํ้าศูนย ไมสามารถเขียนใหอยูในรูป ab เมื่อ a เปนจํานวนเต็ม และ
...............................................................................................................................................................................................................................................................
b คือ 10n เมื่อ n เปนจํานวนเต็มบวกได
...............................................................................................................................................................................................................................................................

2) ทศนิยมซํ้าที่ไมใชทศนิยมซํ้าศูนย

Investigation
ใหนักเรียนเติมจํานวนลงในชองวางใหถูกตอง

1. เขียน 0.5 ใหอยูในรูปเศษสวน

ให N = 0.5 = 0.555... .....(1)
ฉบับ
เฉลย คูณทั้งสองขางของสมการ (1) ดวย 10
10N = 5.555... .....(2)
จากสมการ (2) และสมการ (1) จะได
10N - N = (5.555...) - (0.555...)
9N = 5
N = 9 5
แต N = 0.5, ดังนั้น 0.5 = 59 • •

• •
2. เขียน 0.12 ใหอยูในรูปเศษสวน
• •
ให N = 0.12 = 0.1212... .....(1)
คูณทั้งสองขางของสมการ (1) ดวย 100
100N = 12.1212... .....(2)
จากสมการ (2) และสมการ (1) จะได
100N - N = (12.1212...) - (0.1212...)
99 N = 12
N = 99 12
แต N = 0.12, ดังนั้น 0.12 = 12 99
• • • •

48
• •
3. เขียน 0.231 ใหอยูในรูปเศษสวน
• •
ให N = 0.231 = 0.231231... .....(1)
คูณทั้งสองขางของสมการ (1) ดวย 1,000
1,000 N = 231.231231... .....(2)
จากสมการ (2) และสมการ (1) จะได
1,000 N - N = (231.231231...) - (0.231231...)
999 N = 231
N = 231 999
แต N = 0.231, ดังนั้น 0.231 = 231 •
999
• • •

Similar Questions
Practice Now Exercise 2A ขอ 2(1)
เขียนทศนิยมในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปเศษสวน

1) 0.7 ฉบับ
เฉลย
N = 79

ให N = 0.7 = 0.777... .....(1)
..................................................................................................................................................................................................................................................

คูณทั้งสองขางของสมการ (1) ดวย 10 แต N = 0.7
..................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น 0.7 = 79

10N = 7.777... .....(2)
..................................................................................................................................................................................................................................................
จากสมการ (2) และสมการ (1) จะได
..................................................................................................................................................................................................................................................
10N - N = (7.777...) - (0.777...)
..................................................................................................................................................................................................................................................
9N = 7
..................................................................................................................................................................................................................................................
• •
2) 0.36
N = 36
••
ให N = 0.36 = 0.3636... .....(1)
..................................................................................................................................................................................................................................................
99
คูณทั้งสองขางของสมการ (1) ดวย 100 N = 114
..................................................................................................................................................................................................................................................
••
100N = 36.3636... .....(2) แต N = 0.36
..................................................................................................................................................................................................................................................

ดังนั้น 0.36 = 114


••
จากสมการ (2) และสมการ (1) จะได
..................................................................................................................................................................................................................................................

100N - N = (36.3636...) - (0.3636...)


..................................................................................................................................................................................................................................................

99N = 36
..................................................................................................................................................................................................................................................

49
• •
3) 0.582
N = 582
• •
ให N = 0.582 = 0.582582... .....(1) 999
..................................................................................................................................................................................................................................................
ณทั้งสองขางของสมการ (1) ดวย 1,000 N = 194
คู..................................................................................................................................................................................................................................................
333• •
1,000N = 582.582582... .....(2) แต N = 0.582
..................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น 0.582 = 194
• •
จากสมการ (2) และสมการ (1) จะได 333
..................................................................................................................................................................................................................................................
1,000N - N = (582.582582...) - (0.582582...)
..................................................................................................................................................................................................................................................
999N = 582
..................................................................................................................................................................................................................................................

Thinking Time
จากขอ 3. ใน Investigation นักเรียนมีวธิ กี ารเลือกจํานวนทีน่ าํ มาคูณทัง้ สองขางของสมการ (1)
อยางไร
วิธีการเลือกจํานวนที่นํามาคูณทั้งสองขางของสมการ (1) คือ เลือกจํานวนที่อยูในรูป 10n เมื่อ n
...............................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ เปนจํานวนเต็มบวก เมื่อมาคูณกับ N แลวลบดวย N ทําใหไดจํานวนเต็มบวก
เฉลย ...............................................................................................................................................................................................................................................................

จาก Investigation พิจารณาเศษสวนทีไ่ ดจากการเขียนทศนิยมซํา้ ใหอยูใ นรูปเศษสวน จะไดวา


0.5 = 59 •

ทศนิยมซํ้าหนึ่งตําแหนง และซํ้าตั้งแตตําแหนงที่หนึ่ง
ตัวสวนใส 9 หนึ่งตัว
ตัวเศษเทากับเลขโดด
0.12 = 12
• •

99 ที่เปนตัวซํ้า
ทศนิยมซํ้าสองตําแหนง และซํ้าตั้งแตตําแหนงที่หนึ่ง
ตัวสวนใส 9 สองตัว
0.231 = 231

999

ทศนิยมซํ้าสามตําแหนง และซํ้าตั้งแตตําแหนงที่หนึ่ง
ตัวสวนใส 9 สามตัว
สามารถสรุปไดวา
ถาเปนทศนิยมซํ้า n ตําแหนงและซํ้าตั้งแตตําแหนงที่หนึ่ง เมื่อเขียนในรูปเศษสวน
จะมีตัวสวนเทากับ 9 จํานวน n ตัว และมีตัวเศษเทากับเลขโดดที่เปนตัวซํ้า
50
Worked Example 3
เขียนทศนิยมในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปเศษสวน
• • • • • • •
1) 0.6 2) 1.72 3) 2.154 4) 5.0631
วิธีทํา
1) 0.6 = 69 •
2) 1.72 = 1 + 7299
• •

ดังนั้น 0.6 = 69 •
= 1 72
99
72
ดังนั้น 1.72 = 1 99 • •

3) 2.154 = 2 + 154

999

4) 631
5.0631 = 5 + 9,999 • •

= 2 154
999
631
= 5 9,999
ดังนั้น 2.154 = 2 154
999
• • 631
ดังนั้น 5.0631 = 5 9,999 • •

Similar Questions
Practice Now Exercise 2A ขอ 3(3)-(4), 4(1)
ฉบับ
เฉลย
เขียนทศนิยมในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปเศษสวน
• • •
1) 0.8 2) 2.46
0.8 = 89 2.46 = 2 + 46
• ••
............................................................................................................. .............................................................................................................
99
ดังนั้น 0.8 = 89 46

............................................................................................................. = 2 99
.............................................................................................................
ดังนั้น 2.46 = 2 46
••
............................................................................................................. .............................................................................................................
99
............................................................................................................. .............................................................................................................

............................................................................................................. .............................................................................................................
• • • •
3) 7.007 4) 12.1025
• •
7.007 = 7 + 999 7
............................................................................................................. 12.1025 = 12 + 1,025
• •
.............................................................................................................
9,999
= 7 999 7
............................................................................................................. = 12 9,999 1,025
.............................................................................................................
ดังนั้น 7.007 = 7 999
• •
7
............................................................................................................. ดังนั้น 12.1025 = 12 1,025
• •
.............................................................................................................
9,999
............................................................................................................. .............................................................................................................

............................................................................................................. .............................................................................................................

51
Class Discussion

ใหนักเรียนจับคูกับเพื่อน แลวชวยกันพิจารณาวา สามารถเขียน 0.37 ใหอยูในรูปเศษสวนโดย
ใชวิธีการเขียนเชนเดียวกับใน Investigation หนา 48 ไดหรือไม อยางไร

สามารถเขียน 0.37 ใหอยูในรูปเศษสวนเชนเดียวกับใน Investigation หนา 48 ได โดยเลือกจํานวนที่อยู
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ในรูป 10n เมื่อ n เปนจํานวนเต็มบวก มา 2 จํานวน เมื่อนําจํานวนที่เลือก 2 จํานวนนั้น มาคูณกับ 0.37

..............................................................................................................................................................................................................................................................
แลวทําใหผลคูณที่ไดทั้งสองลบกันไดเปนจํานวนเต็ม ดังนี้
..............................................................................................................................................................................................................................................................

ให N = 0.37 = 0.3777... .....(1) 100N - 10N = (37.777...) - (3.777...)
..............................................................................................................................................................................................................................................................
คูณทั้งสองขางของสมการ (1) ดวย 10 90N = 34
..............................................................................................................................................................................................................................................................
10N = 3.777... .....(2) N = 34 90
..............................................................................................................................................................................................................................................................
คูณทั้งสองขางของสมการ (1) ดวย 100 N = 17 45 •
..............................................................................................................................................................................................................................................................
100N = 37.777... .....(3) แต N = 0.37
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น 0.37 = 17

จากสมการ (3) และสมการ (2) จะได 45
..............................................................................................................................................................................................................................................................

ฉบับ
เฉลย
Worked Example 4
เขียนทศนิยมในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปเศษสวน
• • • • •
1) 0.317 2) 1.545 3) 6.43807
วิธีทํา

1) ให N = 0.317 = 0.31777... .....(1)
คูณทั้งสองขางของสมการ (1) ดวย 100
100N = 31.777... .....(2)
คูณทั้งสองขางของสมการ (1) ดวย 1,000
1,000N = 317.777... .....(3)
จากสมการ (3) และสมการ (2) จะได
1,000N - 100N = (317.777...) - (31.777...)
PROBLEM SOLVING TIP
900N = 286
1 0 0 N• = 31.777...
N = 286900 N = 0.317
แต N = 0.317, ดังนั้น 0.317 = 286 143
900 = 450
• •
1,0 0 0 N = 317.777...

52
• •
2) ให N = 1.545 = 1.54545... .....(1)
คูณทั้งสองขางของสมการ (1) ดวย 10
10N = 15.4545... .....(2)
คูณทั้งสองขางของสมการ (1) ดวย 1,000
1,000N = 1,545.4545... .....(3)
จากสมการ (3) และสมการ (2) จะได
1,000N - 10N = (1,545.4545...) - (15.4545...)
990N = 1,530
N = 1,530
990 PROBLEM SOLVING TIP

N = 1 540
990
1 0 N = 15.4545...
• •
N = 1.545
18
N = 1 33 1,0 0 0 N = 1,545.4545...
• •
แต N = 1.545
ดังนั้น 1.545 = 1 18
• •

33 ฉบับ
เฉลย
• •
3) ให N = 6.43807 = 6.43807807... .....(1)
คูณทั้งสองขางของสมการ (1) ดวย 100
100N = 643.807807... .....(2)
คูณทั้งสองขางของสมการ (1) ดวย 100,000
100,000N = 643,807.807807... .....(3)
จากสมการ (3) และสมการ (2) จะได
100,000N - 100N = (643,807.807807...) - (643.807807...)
99,900N = 643,164
N = 643,164
99,900 PROBLEM SOLVING TIP

N = 6 43,764
99,900
1 0 0 N = 643.807807...
• •
N = 6.43807
3,647
N = 6 8,325 1 0 0,0 0 0 N = 643,807.807807...
• •
แต N = 6.43807
ดังนั้น 6.43807 = 6 3,647
• •

8,325
53
Similar Questions
Practice Now Exercise 2A ขอ 2(2)
เขียนทศนิยมในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปเศษสวน

1) 0.902

ให N = 0.902 = 0.90222... .....(1) 1,000N - 100N = (902.222...) - (90.222...)
..................................................................................................................................................................................................................................................

คู..................................................................................................................................................................................................................................................
ณทั้งสองขางของสมการ (1) ดวย 100 900N = 812
100N = 90.222... .....(2) N = 812
..................................................................................................................................................................................................................................................
900
ณทั้งสองขางของสมการ (1) ดวย 1,000 N = 203
คู..................................................................................................................................................................................................................................................
225 •
1,000N = 902.222... .....(3) แต N = 0.902
..................................................................................................................................................................................................................................................

ดังนั้น 0.902 = 203



จากสมการ (3) และสมการ (2) จะได
..................................................................................................................................................................................................................................................
225
..................................................................................................................................................................................................................................................
• •
2) 3.108
••
ให N = 3.108 = 3.10808... .....(1) 1,000N - 10N = (3,108.0808...) - (31.0808...)
..................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
เฉลย คู..................................................................................................................................................................................................................................................
ณทั้งสองขางของสมการ (1) ดวย 10 990N = 3,077
10N = 31.0808... .....(2) N = 3,077
..................................................................................................................................................................................................................................................
990
ณทั้งสองขางของสมการ (1) ดวย 1,000 N = 3 107
คู..................................................................................................................................................................................................................................................
990• •
1,000N = 3,108.0808... .....(3) แต N = 3.108
..................................................................................................................................................................................................................................................

ดังนั้น 3.108 = 3 107


••
จากสมการ (3) และสมการ (2) จะได
..................................................................................................................................................................................................................................................
990
..................................................................................................................................................................................................................................................
• •
3) 5.6291
• •
ให N = 5.6291 = 5.6291291... .....(1) 10,000N - 10N = (56,291.291291...) - (56.291291...)
..................................................................................................................................................................................................................................................

คู..................................................................................................................................................................................................................................................
ณทั้งสองขางของสมการ (1) ดวย 10 9,990N = 56,235
10N = 56.291291... .....(2) N = 56,235
..................................................................................................................................................................................................................................................
9,990
ณทั้งสองขางของสมการ (1) ดวย 10,000 N = 5 6,285
คู..................................................................................................................................................................................................................................................
9,990
10,000N = 56,291.291291... .....(3) N = 5 419
..................................................................................................................................................................................................................................................
666 • •
จากสมการ (3) และสมการ (2) จะได แต N = 5.6291
..................................................................................................................................................................................................................................................

ดังนั้น 5.6291 = 5 419


• •
..................................................................................................................................................................................................................................................
666

54
จาก Class Discussion และ Worked Example 4 พิจารณาเศษสวนทีไ่ ดจากการเขียน
ทศนิยมซํา้ ใหอยูใ นรูปเศษสวนในแตละขอ จะไดวา
0.37•
= 34 = 379 -0 3 จํานวนที่นํามาลบ คือ 3 ซึ่งเปนเลขโดดที่ไมซํ้าของ 0.37

90
มี 9 หนึ่งตัว เมื่อทศนิยมซํ้า มี 0 หนึ่งตัว เมื่อทศนิยมซํ้า
มีเลขโดดที่ซํ้า 1 ตัว มีเลขโดดที่ไมซํ้า 1 ตัว

0.317 = • 286 = 317 - 31 จํานวนทีน่ าํ มาลบ คือ 31 ซึง่ เปนเลขโดดทีไ่ มซาํ้ ของ 0.317

900 9 00
มี 9 หนึ่งตัว เมื่อทศนิยมซํ้า มี 0 สองตัว เมื่อทศนิยมซํ้า
มีเลขโดดที่ซํ้า 1 ตัว มีเลขโดดที่ไมซํ้า 2 ตัว

1.545 = 1 540 545 - 5 • •


• • จํานวนที่นํามาลบ คือ 5 ซึ่งเปนเลขโดดที่ไมซํ้าของ 1.545
990 = 1 99 0
มี 9 สองตัว เมื่อทศนิยมซํ้า มี 0 หนึ่งตัว เมื่อทศนิยมซํ้า ฉบับ
มีเลขโดดที่ซํ้า 2 ตัว มีเลขโดดที่ไมซํ้า 1 ตัว เฉลย

6.43807 = 6 43,764 43,807 - 43 • •


• • จํานวนทีน่ าํ มาลบ คือ 43 ซึง่ เปนเลขโดดทีไ่ มซาํ้ ของ 6.43807
99,900 = 6 99,9 00
มี 9 สามตัว เมื่อทศนิยมซํ้า มี 0 สองตัว เมื่อทศนิยมซํ้า
มีเลขโดดที่ซํ้า 3 ตัว มีเลขโดดที่ไมซํ้า 2 ตัว

Worked Example 5
เขียนทศนิยมในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปเศษสวน
• • • • • •
1) 0.53 2) 1.739 3) 3.0014 4) 16.17614
วิธีทํา
1) 0.53 = 5390- 5

= 48 90
= 158
ดังนั้น 0.53 = 158

55
2) 1.739 = 1,739900- 173 •
หรือ 1.739 = •
1 + 0.739 •

= 1,566
900 = 1 + 739900- 73
= 1 37
50 = 1 + 666
900
37
ดังนั้น 1.739 = 1 50 •
= 37
1 50
ดังนั้น 1.739 = 1 37
50

3) 3.0014 = 30,014 - 300


9,900
• •
หรือ 3.0014 = 3 + 0.0014 • • • •

= 29,714
9,900 = 3 + 14 -0
9,900
7
= 3 4,950 14
= 3 + 9,900
7
ดังนั้น 3.0014 = 3 4,950 • • 7
= 3 4,950
7
ดังนั้น 3.0014 = 3 4,950 • •

4) 16.17614 = 1,617,614• - 1,617


99,900

หรือ 16.17614 = 16 + 0.17614 • • • •

ฉบับ
เฉลย 1,615,997
= 99,900 = 16 + 17,614 - 17
99,900
= 16 17,597
99,900 = 16 + 17,597
99,900
ดังนั้น 16.17614 = 16 17,597
99,900
• • 17,597
= 16 99,900
ดังนั้น 16.17614 = 16 17,597
99,900
• •

Similar Questions
Practice Now Exercise 2A ขอ 3(5)-(6),
เขียนทศนิยมในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปเศษสวน 4(2), 5, 6
• • •
1) 0.01 2) 2.6051
0.01 = 190- 0
• • • • •
............................................................................................................. 2.6051 = 2 + 0.6051
.............................................................................................................

= 901
............................................................................................................. = 2 + 6,051 -6
.............................................................................................................
9,990
ดังนั้น 0.01 = 901 = 2 + 6,045

............................................................................................................. .............................................................................................................
9,990
............................................................................................................. = 2 666 403
.............................................................................................................

ดังนั้น 2.6051 = 2 403


• •
............................................................................................................. .............................................................................................................
666
56
• • • •
3) 7.13596 4) 21.08433
•• •• • • • •
7.13596 = 7 + 0.13596
............................................................................................................. 21.08433 = 21 + 0.08433
.............................................................................................................
= 7 + 13,596 - 135
.............................................................................................................
99,000 = 21 + 8,433 -8
.............................................................................................................
99,900
= 7 + 13,461
.............................................................................................................
99,000 = 21 + 99,900 8,425
.............................................................................................................
= 7 33,000 4,487
............................................................................................................. = 21 3,996 337
.............................................................................................................
ดังนั้น 7.13596 = 7 33,000
••
4,487
............................................................................................................. ดังนั้น 21.08433 = 21 3,996
• •
337
.............................................................................................................

Exercise 2A
Basic Level
1. เขียนเศษสวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปทศนิยม
1) 178 2) 15
22
2.125 0.68181...
8 17.000
……………………………………………………………………………….. 22 15.0000
……………………………………………………………………………….. ฉบับ
เฉลย
16
……………………………………………………………………………….. 13 2
………………………………………………………………………………..
10
……………………………………………………………………………….. 1 80
………………………………………………………………………………..
8
……………………………………………………………………………….. 1 76
………………………………………………………………………………..
20
……………………………………………………………………………….. 40
………………………………………………………………………………..
16
……………………………………………………………………………….. 22
………………………………………………………………………………..
40
……………………………………………………………………………….. 180
………………………………………………………………………………..
40
……………………………………………………………………………….. 176
………………………………………………………………………………..
0
……………………………………………………………………………….. 40
………………………………………………………………………………..
ดังนั้น 178 = 2.125
……………………………………………………………………………….. 22
………………………………………………………………………………..

……………………………………………………………………………….. 18
………………………………………………………………………………..

……………………………………………………………………………….. ดังนั้น 15
22 = 0.68181...
………………………………………………………………………………..

……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..

……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..

……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..

57
2. เขียนทศนิยมในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปเศษสวน
• •
1) 3.92
••
ให N = 3.92 = 3.9292... .....(1)
..................................................................................................................................................................................................................................................
คูณทั้งสองขางของสมการ (1) ดวย 100
..................................................................................................................................................................................................................................................
100N = 392.9292... .....(2)
..................................................................................................................................................................................................................................................
จากสมการ (2) และสมการ (1) จะได
..................................................................................................................................................................................................................................................
100N - N = (392.9292...) - (3.9292...)
..................................................................................................................................................................................................................................................
99N = 389
..................................................................................................................................................................................................................................................
N = 389 99
..................................................................................................................................................................................................................................................
N = 3 92 99
..................................................................................................................................................................................................................................................
••
แต N = 3.92
..................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น 3.92 = 3 92
••

99
..................................................................................................................................................................................................................................................

ฉบับ ..................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย
..................................................................................................................................................................................................................................................
• •
2) 7.3615
• •
ให N = 7.3615 = 7.3615615... .....(1)
..................................................................................................................................................................................................................................................
คู..................................................................................................................................................................................................................................................
ณทั้งสองขางของสมการ (1) ดวย 10
10N = 73.615615... .....(2)
..................................................................................................................................................................................................................................................
คู..................................................................................................................................................................................................................................................
ณทั้งสองขางของสมการ (1) ดวย 10,000
10,000N = 73,615.615615... .....(3)
..................................................................................................................................................................................................................................................
จากสมการ (3) และสมการ (2) จะได
..................................................................................................................................................................................................................................................
10,000N - 10N = (73,615.615615...) - (73.615615...)
..................................................................................................................................................................................................................................................
9,990N = 73,542
..................................................................................................................................................................................................................................................
N = 73,542 9,990
..................................................................................................................................................................................................................................................
N = 7 3,612 9,990 = 7 1,665 602
..................................................................................................................................................................................................................................................
• •
แต N = 7.3615
..................................................................................................................................................................................................................................................
• •
602
ดั..................................................................................................................................................................................................................................................
งนั้น 7.3615 = 7 1,665
58
3. เขียนทศนิยมในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปเศษสวน
1) 1.5 2) -3.23
1.5 = 1 + 105
………………………………………………………………………………..
23 )
-3.23 = -(3 + 100
………………………………………………………………………………..

= 1 + 12
………………………………………………………………………………..
23
= -3 100
………………………………………………………………………………..

= 1 12
………………………………………………………………………………..
23
ดังนั้น -3.23 = -3 100
………………………………………………………………………………..

ดังนั้น 1.5 = 1 12
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..

……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
• • •
3) 2.3 4) -6.463
• • • • • •
2.3 = 2 + 0.3
……………………………………………………………………………….. -6.463 = -(6 + 0.463)
………………………………………………………………………………..

= 2 + 39
……………………………………………………………………………….. = -(6 + 463
999)
………………………………………………………………………………..

= 2 + 13
……………………………………………………………………………….. = -6 463
………………………………………………………………………………..
999
= 2 13
………………………………………………………………………………..
• •
463
ดังนั้น -6.463 = -6 999
………………………………………………………………………………..

ดังนั้น 2.3 = 2 13

……………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………….. ฉบับ
เฉลย
• • • •
5) 18.1025 6) 25.64317
•• •• • • • •
18.1025 = 18 + 0.1025
……………………………………………………………………………….. 25.64317 = 25 + 0.64317
………………………………………………………………………………..
= 18 + (1,025 - 10
9,900 )
……………………………………………………………………………….. = 25 + (64,317 -6
99,990 )
………………………………………………………………………………..
= 18 + 1,015
9,900
……………………………………………………………………………….. = 25 + 64,311
99,990
………………………………………………………………………………..
203
= 18 1,980
………………………………………………………………………………..
21,437
= 25 33,330
………………………………………………………………………………..
••
203
ดังนั้น 18.1025 = 18 1,980 ดังนั้น 25.64317 = 25 21,437
• •
……………………………………………………………………………….. 33,330
………………………………………………………………………………..

Intermediate Level
4. เขียนเศษสวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปทศนิยม
1) 359 2) 346
990
35 = 3 8 346 = 349 - 3
9 9•
……………………………………………………………………………….. 990 990
………………………………………………………………………………..
••
= 3.8
……………………………………………………………………………….. = 0.349
………………………………………………………………………………..
ดังนั้น 359 = 3.8 ดังนั้น 346
• ••
……………………………………………………………………………….. 990 = 0.349
………………………………………………………………………………..

……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..

59
Advanced Level
5. หาผลลัพธของ 483
990 + 1.756
• •

•• ••
เนื่องจาก 1.756 = 1 + 0.756
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
= 1 + (756 -7
990 )
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
= 1 + 749
990
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
จะได 990 + 1.756 = 990 + (1 + 749
483 483
••

990 )
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
= 1 + ( 483990
+ 749 )
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
= 1 + 1,232
990
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
56
= 1 + 45
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
= 1 + 1 11
45
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
11
= 2 45
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ดังนั้น 483 11
••

990 + 1.756 = 2 45
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ฉบับ
เฉลย …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
• • •
6. หาผลลัพธของ 55.49 - 2.312
• •
เนื่องจาก 5.49 = 5 + 0.49
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

= 5 + (4990- 4)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

= 5 + 45
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
90 • •
••
และ 2.312 = 2 + 0.312
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

= 2 + ( 312
990 )
-3
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

= 2 + 309
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
990
5.49 - 2.312 = (5 + 45 309
• ••
จะได 90 ) - (2 + 990 )
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

= 3 + ( 45 309
90 - 990 )
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

= 3 + ( 495990- 309 )
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

= 3 + 186
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
990
31
= 3 165
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
• ••
31
ดังนั้น 5.49 - 2.312 = 3 165
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

60
2.2 รากที่สองและรากที่สามของ
จํานวนตรรกยะ
1. รากที่สองของจํานวนตรรกยะ
พิจารณาตารางการคูณตอไปนี้
× 1 2 3 4 5 × -1 -2 -3 -4 -5
1 1 2 3 4 5 -1 1 2 3 4 5
2 2 4 6 8 10 -2 2 4 6 8 10
3 3 6 9 12 15 -3 3 6 9 12 15
4 4 8 12 16 20 -4 4 8 12 16 20
5 5 10 15 20 25 -5 5 10 15 20 25

จากตารางการคูณ จํานวนในชองสีฟาเกิดจากการคูณกันของจํานวนเต็มสองจํานวน ซึ่งเปน ฉบับ


จํานวนเดียวกัน นั่นคือ เฉลย
1 × 1 = 12 = 1 และ (-1) × (-1) = (-1)2 = 1
2 × 2 = 22 = 4 (-2) × (-2) = (-2)2 = 4
3 × 3 = 32 = 9 (-3) × (-3) = (-3)2 = 9
4 × 4 = 42 = 16 (-4) × (-4) = (-4)2 = 16
5 × 5 = 52 = 25 (-5) × (-5) = (-5)2 = 25
จะเห็นวา
1 = 12 = (-1)2 เรียก 1 และ -1 วาเปนรากที่สองของ 1
2 2
4 = 2 = (-2) เรียก 2 และ -2 วาเปนรากที่สองของ 4
2 2
9 = 3 = (-3) เรียก 3 และ -3 วาเปนรากที่สองของ 9
2 2
16 = 4 = (-4) เรียก 4 และ -4 วาเปนรากที่สองของ 16
2
25 = 5 = (-5) 2 เรียก 5 และ -5 วาเปนรากที่สองของ 25
1, 4, 9, 16 และ 25 เปนจํานวนที่ไดมาจากการยกกําลังสองของจํานวนเต็ม เราเรียกจํานวน
เหลานี้วา จํานวนที่เปนกําลังสองสมบูรณ (perfect squares)

61
จากตัวอยางขางตน สรุปเปนบทนิยามไดวา
บทนิยาม ให a แทนจํานวนตรรกยะหรือศูนย รากที่สองของ a คือ จํานวนที่ยกกําลังสอง
แลวเทากับ a

จากบทนิยาม จะไดวา
ยกกําลังสอง ATTENTION

เปนเครื่องหมายแสดงคารากหรือ
a, - a a กรณฑ เชน 4 อานวา รากที่สองของ
4 หรือกรณฑที่สองของ 4
รากที่สอง
1. ใชสัญลักษณ a แทนรากที่สองที่เปนบวกของ a
ใชสัญลักษณ - a แทนรากที่สองที่เปนลบของ a
จากบทนิยามที่วารากที่สองของ a คือ จํานวนที่ยกกําลังสองแลวเทากับ a
ทําใหสรุปไดวา ( a)2 = a และ (- a)2 = a
ฉบับ
เฉลย 2. ถา a = 0 รากที่สองของ a เทากับ 0 เพราะ 02 = 0
3. ถา a เปนจํานวนลบใด ๆ จะหารากที่สองของ a ไมได เพราะไมมีจํานวนตรรกยะใด ๆ
ที่ยกกําลังสองแลวจะไดจํานวนลบ

Thinking Time
1. นักเรียนสามารถเขียน 14 กับ 0.04 ใหอยูในรูปจํานวนที่เทากันสองจํานวนคูณกันไดหรือไม
อยางไร
สามารถเขียนไดโดย 14 = 12 12 = (- 12 ) (- 12 ) และ 0.04 = 0.2 0.2 = (-0.2) (-0.2)
× × × ×
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

2. นักเรียนสามารถหาจํานวนที่ยกกําลังสองแลวเทากับ 14 กับ 0.04 ไดหรือไม อยางไร


สามารถหาไดโดย 14 = ( 12 )2 = (- 12 )2 และ 0.04 = (0.2)2 = (-0.2)2
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

3. นักเรียนสามารถหารากที่สองของ 14 กับ 0.04 ไดหรือไม อยางไร


สามารถหาไดโดย รากที่สองของ 14 คือ ( 12 )2 และ - ( 12 )2 นั่นคือ 12 และ - 12
...................................................................................................................................................................................................................................................
รากที่สองของ 0.04 คือ (0.2)2 และ - (0.2)2 นั่นคือ 0.2 และ -0.2
...................................................................................................................................................................................................................................................

62
Worked Example 6
หารากที่สองของจํานวนในแตละขอตอไปนี้
1) 36 2) 19 3) 0.25
4) 3 5) 15 6) 0.4
วิธีทํา
1) รากที่สองของ 36 คือ จํานวนที่ยกกําลังสองแลวเทากับ 36
จะได รากที่สองที่เปนบวกของ 36 คือ 36
และ รากที่สองที่เปนลบของ 36 คือ - 36
เนื่องจาก 62 = 36
นั่นคือ 36 = 62 = 6
และ - 36 = - 62 = -6
ดังนั้น รากที่สองของ 36 คือ 6 และ -6
2) รากที่สองของ 19 คือ จํานวนที่ยกกําลังสองแลวเทากับ 19 ฉบับ
จะได รากที่สองที่เปนบวกของ 19 คือ 19 เฉลย
และ รากที่สองที่เปนลบของ 19 คือ - 19
เนื่องจาก (13)2 = 19
นั่นคือ 1 = (1)2 = 1
9 3 3
และ - 19 = - (13)2 = - 13
ดังนั้น รากที่สองของ 19 คือ 13 และ - 13
3) รากที่สองของ 0.25 คือ จํานวนที่ยกกําลังสองแลวเทากับ 0.25
จะได รากที่สองที่เปนบวกของ 0.25 คือ 0.25
และ รากที่สองที่เปนลบของ 0.25 คือ - 0.25
เนื่องจาก 0.52 = 0.25
นั่นคือ 0.25 = (0.5)2 = 0.5
และ - 0.25 = - (0.5)2 = -0.5
ดังนั้น รากที่สองของ 0.25 คือ 0.5 และ -0.5

63
4) รากที่สองของ 3 คือ จํานวนที่ยกกําลังสองแลวเทากับ 3
จะได รากที่สองที่เปนบวกของ 3 คือ 3
และ รากที่สองที่เปนลบของ 3 คือ - 3
เนื่องจาก ไมมีจํานวนตรรกยะใดที่ยกกําลังสองแลวเทากับ 3
ดังนั้น รากที่สองของ 3 คือ 3 และ - 3
5) รากที่สองของ 15 คือ จํานวนที่ยกกําลังสองแลวเทากับ 15
จะได รากที่สองที่เปนบวกของ 15 คือ 15
และ รากที่สองที่เปนลบของ 15 คือ - 15
เนื่องจาก ไมมีจํานวนตรรกยะใดที่ยกกําลังสองแลวเทากับ 15
ดังนั้น รากที่สองของ 15 คือ 15 และ - 15
6) รากที่สองของ 0.4 คือ จํานวนที่ยกกําลังสองแลวเทากับ 0.4
จะได รากที่สองที่เปนบวกของ 0.4 คือ 0.4 ATTENTION
ฉบับ และ รากที่สองที่เปนลบของ 0.4 คือ - 0.4
เฉลย เรียนคิดวา 3, 15 และ 0.4 เปน
เนื่องจาก ไมมีจํานวนตรรกยะใดที่ยกกําลังสองแลวเทากับ 0.4 นัจํากนวนตรรกยะหรื อจํานวนอตรรกยะ
ดังนั้น รากที่สองของ 0.4 คือ 0.4 และ - 0.4
Similar Questions
Practice Now Exercise 2B ขอ 1
หารากที่สองของจํานวนในแตละขอตอไปนี้
1) 49 2) 254
รากที่สองที่เปนบวกของ 49 คือ 49
............................................................................................................. รากที่สองที่เปนบวกของ 254 คือ 254
.............................................................................................................

รากที่สองที่เปนลบของ 49 คือ - 49
............................................................................................................. รากที่สองที่เปนลบของ 254 คือ - 254
.............................................................................................................
2
เนื่องจาก 72 = 49
............................................................................................................. เนื่องจาก (25) = 254
.............................................................................................................

นั่นคือ 49 = 72 = 7 นั่นคือ 4 = (2)2 = 2


............................................................................................................. 25 5 2 5
.............................................................................................................

และ - 49 = - 72 = -7
............................................................................................................. และ - 25 = - (25) = - 25
4
.............................................................................................................

ดังนั้น รากที่สองของ 49 คือ 7 และ -7


............................................................................................................. ดังนั้น รากที่สองของ 254 คือ 25 และ - 25
.............................................................................................................

............................................................................................................. .............................................................................................................

64
3) 1.21 4) 7
รากที ่สองที่เปนบวกของ 1.21 คือ 1.21
............................................................................................................. รากที ่สองที่เปนบวกของ 7 คือ 7
.............................................................................................................

รากที ่สองที่เปนลบของ 1.21 คือ - 1.21


............................................................................................................. รากที ่สองที่เปนลบของ 7 คือ - 7
.............................................................................................................

เนื ่องจาก 1.12 = 1.21


............................................................................................................. เนื ่องจาก ไมมีจํานวนตรรกยะใด
.............................................................................................................

่นคือ 1.21 = 1.12 = 1.1


นั............................................................................................................. ที.............................................................................................................
่ยกกําลังสองแลวเทากับ 7
และ - 1.21 = - 1.12 = -1.1
............................................................................................................. ดั.............................................................................................................
งนั้น รากที่สองของ 7 คือ 7 และ - 7
ดั.............................................................................................................
งนั้น รากที่สองของ 1.21 คือ 1.1 และ -1.1 .............................................................................................................

............................................................................................................. .............................................................................................................

5) 79 6) 3.8
รากที ่สองที่เปนบวกของ 79 คือ 79
............................................................................................................. รากที ่สองที่เปนบวกของ 3.8 คือ 3.8
.............................................................................................................

รากที ่สองที่เปนลบของ 79 คือ - 79


............................................................................................................. รากที ่สองที่เปนลบของ 3.8 คือ - 3.8
.............................................................................................................

เนื ่องจาก ไมมีจํานวนตรรกยะใดที่ยกกําลังสอง


............................................................................................................. เนื ่องจาก ไมมีจํานวนตรรกยะใดที่ยกกําลังสอง
.............................................................................................................

แล วเทากับ 79
............................................................................................................. แล วเทากับ 3.8
.............................................................................................................
ฉบับ
งนั้น รากที่สองของ 79 คือ 79 และ - 79
ดั............................................................................................................. ดั.............................................................................................................
งนั้น รากที่สองของ 3.8 คือ 3.8 และ - 3.8 เฉลย
............................................................................................................. .............................................................................................................

............................................................................................................. .............................................................................................................

Thinking Time
จาก Worked Example 6 และ Practice Now ใหนกั เรียนสังเกตจํานวนทีก่ าํ หนดใหกบั รากทีส่ อง
ของจํานวนนั้น แลวเติมตารางตอไปนี้ใหสมบูรณ
ชนิดของจํานวนที่กําหนดให สามารถหาจํ านวนตรรกยะที่ยกกําลังสอง ชนิดของจํานวนที่เปนรากที่สอง
แลวเทากับจํานวนที่กําหนดใหไดหรือไม ของจํานวนที่กําหนดให
จํานวนเต็ม ได จํานวนเต็ม
จํานวนเต็ม ไมได จํานวนอตรรกยะ
จํานวนตรรกยะ ได จํานวนตรรกยะ
จํานวนตรรกยะ ไมได จํานวนอตรรกยะ

65
2. รากที่สามของจํานวนตรรกยะ
ในทํานองเดียวกันกับรากที่สองของจํานวนตรรกยะ รากที่สามของจํานวนตรรกยะใด ๆ คือ
จํานวนตรรกยะที่ยกกําลังสามแลวไดจํานวนนั้น เชน
1 × 1 × 1 = 13 = 1 เรียก 1 วาเปนรากที่สามของ 1
2×2×2=2 =8 3 เรียก 2 วาเปนรากที่สามของ 8
3
3 × 3 × 3 = 3 = 27 เรียก 3 วาเปนรากที่สามของ 27
4 × 4 × 4 = 43 = 64 เรียก 4 วาเปนรากที่สามของ 64
5 × 5 × 5 = 53 = 125 เรียก 5 วาเปนรากที่สามของ 125
1, 8, 27, 64 และ 125 เปนจํานวนทีไ่ ดมาจากการยกกําลังสามของจํานวนเต็ม เราเรียกจํานวน
เหลานี้วา จํานวนที่เปนกําลังสามสมบูรณ (perfect cubes) โดยรากที่สามของจํานวนตรรกยะ
มีบทนิยาม ดังนี้
บทนิยาม ให a แทนจํานวนตรรกยะหรือศูนย รากที่สามของ a คือ จํานวนที่ยกกําลังสาม
แลวเทากับ a
ฉบับ
เฉลย
รากที่สามของ a เขียนแทนดวยสัญลักษณ 3 a อานวา รากที่สามของ a หรือกรณฑที่สาม
ของ a
จากบทนิยาม จะได (3 a)3 = a
ยกกําลังสาม INFORMATION

3a a 0 เปนจํานวนทีเ่ ปนกําลังสามสมบูรณ
หรือไม
รากที่สาม

Thinking Time
นักเรียนคิดวา ความสัมพันธระหวางความยาวดานแตละดานกับปริมาตรของลูกบาศก สามารถ
อธิบายไดโดยใชความสัมพันธระหวางรากทีส่ ามกับการยกกําลังสามของจํานวนตรรกยะไดอยางไร
ปริมาตรของลูกบาศก = ความยาวดาน ความยาวดาน ความยาวดาน × ×
............................................................................................................................................................................................
= ความยาวดาน3
............................................................................................................................................................................................
หรือ 3 ปริมาตรของลูกบาศก = ความยาวดาน
............................................................................................................................................................................................

66
3. การหารากที่สองและรากที่สามของจํานวนตรรกยะ
1) การหารากที่สองและรากที่สามโดยการแยกตัวประกอบ
สําหรับการหารากที่สองและรากที่สามของจํานวนที่เปนกําลังสองสมบูรณ สามารถใช
การแยกตัวประกอบของจํานวนนับใหอยูในรูปของการคูณกันของจํานวนเฉพาะ ชวยในการหา
รากที่สองและรากที่สามได โดยนักเรียนสามารถทบทวนเกี่ยวกับวิธีการแยกตัวประกอบไดจาก
กิจกรรมตอไปนี้

Class Discussion
ใหนักเรียนจับคูกับเพื่อน แลวเติมจํานวนลงในชองวางใหถูกตอง
แยกตัวประกอบของ 196

2. หาตัวประกอบเฉพาะ 2 196 1. ใสจํานวนที่ตองการ


ฉบับ
ที่นอยที่สุดของ 196 ไดแก 2 2 98 แยกตัวประกอบ ไดแก 196 เฉลย
7 49 3. นํา 2 ไปหาร 196 จะได 98
4. หาตัวประกอบเฉพาะ
ที่นอยที่สุดของ 98 ไดแก 2 7 7
1 5. ทําซํ้าขั้นตอนที่ 2-3
จนกระทั่งผลหารเปน 1
6. จะได ตัวประกอบของ 196 คือ ผลคูณของจํานวนในหลักนี้
ดังนั้น ตัวประกอบของ 196 = 2 × 2 × 7 × 7
= 22× 72

จาก Class Discussion จะเห็นวา นักเรียนสามารถใชการแยกตัวประกอบของจํานวนนับ


ชวยในการหารากที่สองและรากที่สามไดดังตัวอยางตอไปนี้

67
Worked Example 7
หารากที่สองของ 324 โดยใชวิธีแยกตัวประกอบ
วิธีทํา
2 324 แยกตัวประกอบของ 324
2 162 จะไดวา 324 = 2 × 2 × 3 × 3 × 3 × 3
3 81 = (2 × 3 × 3) × (2 × 3 × 3)
3 27 = (2 × 3 × 3)2
3 9 = 182
3 3 หรือ 324 = 2 × 2 × 3 × 3 × 3 × 3
1 = 22 × 34
จะได รากที่สองที่เปนบวกของ 324 คือ 182 = 18 ATTENTION
หรือ 22 × 34 = 2 × 32 = 18 เพราะเหตุใด เลขชีก้ าํ ลังของตัวประกอบ
และ รากที่สองที่เปนลบของ 324 คือ - 182 = -18 เฉพาะแต ละตัวของจํานวนที่เปนกําลัง
สองสมบูรณ จึงตองเปนจํานวนคู
ฉบับ 2 × 34 = -(2 × 32) = -18
เฉลย หรื อ - 2
ดังนั้น รากที่สองของ 324 คือ 18 และ -18

Similar Questions
Practice Now Exercise 2B ขอ 2
หารากที่สองของ 784 โดยใชวิธีแยกตัวประกอบ
2 784 แยกตัวประกอบของ 784
............................................................................................................................................................................................................................................................
2 392 จะไดวา 784 = 2 × 2 × 2 × 2 × 7 × 7
............................................................................................................................................................................................................................................................
2 196 = (2 × 2 × 7) × (2 × 2 × 7)
............................................................................................................................................................................................................................................................
2 98 = (2 × 2 × 7)2 = 282
............................................................................................................................................................................................................................................................
7 49 หรือ 784 = 2 × 2 × 2 × 2 × 7 × 7 = 24 × 72
............................................................................................................................................................................................................................................................
7 7 จะได รากที่สองที่เปนบวกของ 784 คือ 282 = 28
............................................................................................................................................................................................................................................................
1 หรือ 24 × 72 = 22 × 7 = 28
............................................................................................................................................................................................................................................................
และ รากที่สองที่เปนลบของ 784 คือ - 282 = -28
............................................................................................................................................................................................................................................................
หรือ - 24 × 72 = -(22 × 7) = -28
............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น รากที่สองของ 784 คือ 28 และ -28
............................................................................................................................................................................................................................................................

68
Worked Example 8
หารากที่สองของ 48 โดยใชวิธีแยกตัวประกอบ
วิธีทํา
2 48 แยกตัวประกอบของ 48
2 24 จะไดวา 48 = 2 × 2 × 2 × 2 × 3
2 12 = (2 × 2) × (2 × 2) × 3
2 6 = (2 × 2)2 × ( 3)2
3 3 = (4 3)2
1 หรือ 48 = 2 × 2 × 2 × 2 × 3
= 24 × ( 3)2
จะได รากที่สองที่เปนบวกของ 48 คือ (4 3)2 = 4 3
หรือ 24 × ( 3)2 = (22) 3 = 4 3
และ รากที่สองที่เปนลบของ 48 คือ - (4 3)2 = -4 3
หรือ - 24 × ( 3)2 = -[(22) 3] = -4 3 ฉบับ
เฉลย
ดังนั้น รากที่สองของ 48 คือ 4 3 และ -4 3

Similar Questions
Practice Now Exercise 2B ขอ 3
หารากที่สองของ 275 โดยใชวิธีแยกตัวประกอบ
5 275 แยกตัวประกอบของ 275
...............................................................................................................................................................................................................................................................
5 55 จะไดวา 275 = 5 × 5 × 11
...............................................................................................................................................................................................................................................................
11 11 = 52 × ( 11)2
...............................................................................................................................................................................................................................................................
1 = (5 11)2
...............................................................................................................................................................................................................................................................
จะได รากที่สองที่เปนบวกของ 275 คือ (5 11)2 = 5 11
...............................................................................................................................................................................................................................................................
และ รากที่สองที่เปนลบของ 275 คือ - (5 11)2 = -5 11
...............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น รากที่สองของ 275 คือ 5 11 และ -5 11
...............................................................................................................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................................................................................................

69
Worked Example 9
หารากที่สามของ 216 โดยใชวิธีแยกตัวประกอบ
วิธีทํา
2 216 แยกตัวประกอบของ 216
2 108 จะไดวา 216 = 2 × 2 × 2 × 3 × 3 × 3
2 54 = (2 × 3) × (2 × 3) × (2 × 3)
3 27 = (2 × 3)3
3 9 = 63
3 3 หรือ 216 = 2 × 2 × 2 × 3 × 3 × 3
1 = 23 × 33
จะได รากที่สามของ 216 คือ 3 63 = 6
หรือ 3 23 × 33 = 2 × 3 = 6
ดังนั้น รากที่สามของ 216 คือ 6
ฉบับ
เฉลย
Similar Questions
Practice Now Exercise 2B ขอ 4
หารากที่สามของ 729 โดยใชวิธีแยกตัวประกอบ
3 729 แยกตัวประกอบของ 729
...............................................................................................................................................................................................................................................................
3 243 จะไดวา 729 = 3 × 3 × 3 × 3 × 3 × 3
...............................................................................................................................................................................................................................................................
3 81 = (3 × 3) × (3 × 3) × (3 × 3)
...............................................................................................................................................................................................................................................................
3 27 = (3 × 3)3
...............................................................................................................................................................................................................................................................
3 9 = 93
...............................................................................................................................................................................................................................................................
3 3 หรือ 729 = 3 × 3 × 3 × 3 × 3 × 3
...............................................................................................................................................................................................................................................................
1 = 32 × 32 × 32
...............................................................................................................................................................................................................................................................

จะได รากที่สามของ 729 คือ 3 93 = 9


...............................................................................................................................................................................................................................................................

หรือ 3 32 × 32 × 32 = 32 = 9
...............................................................................................................................................................................................................................................................

ดังนั้น รากที่สามของ 729 คือ 9


...............................................................................................................................................................................................................................................................

70
Worked Example 10
หารากที่สามของ 320 โดยใชวิธีแยกตัวประกอบ
วิธีทํา
2 320 แยกตัวประกอบของ 320
2 160 จะไดวา 320 = 2 × 2 × 2 × 2 × 2 × 2 × 5
2 80 = (2 × 2) × (2 × 2) × (2 × 2) × 5
2 40 = (2 × 2)3 × (3 5)3
2 20 = 43 × (3 5)3
2 10 = (4 3 5)3
5 5 จะได รากที่สามของ 320 คือ 3 (4 3 5)3 = 4 3 5
1
ดังนั้น รากที่สามของ 320 คือ 4 3 5

Similar Questions
Practice Now Exercise 2B ขอ 5
ฉบับ
เฉลย
หารากที่สามของ 875 โดยใชวิธีแยกตัวประกอบ
5 875 แยกตัวประกอบของ 875
...............................................................................................................................................................................................................................................................
5 175 จะไดวา 875 = 5 × 5 × 5 × 7
...............................................................................................................................................................................................................................................................
5 35 = 53 × (3 7)3
...............................................................................................................................................................................................................................................................
7 7 = (5 3 7)3
...............................................................................................................................................................................................................................................................
1 จะได รากที่สามของ 875 คือ 3 (5 3 7)3 = 5 3 7
...............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น รากที่สามของ 875 คือ 5 3 7
...............................................................................................................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................................................................................................

71
2) การหารากที่สองและรากที่สามโดยการประมาณคา
นักเรียนคิดวา 10 และ 3 63 มีคาเทาใด
เนื่องจาก 10 = 2 × 5 จะเห็นไดวา เลขชี้กําลังของ 2 และ 5 ไมเปนจํานวนคู ดังนั้น 10
ไมเปนจํานวนที่เปนกําลังสองสมบูรณ ทําให 10 ไมเปนจํานวนเต็ม จึงไมสามารถใชวิธีการแยก
ตัวประกอบในการหาคา 10 ได
ในทํานองเดียวกัน เนื่องจาก 63 = 32 × 7 จะเห็นไดวา เลขชี้กําลังของ 3 และ 7
ไมเปนพหุคณู ของ 3 ดังนัน้ 63 ไมเปนจํานวนทีเ่ ปนกําลังสามสมบูรณ ทําให 3 63 ไมเปนจํานวนเต็ม
จึงไมสามารถใชวิธีการแยกตัวประกอบในการหาคา 3 63 ได ซึ่งนักเรียนสามารถประมาณคา
ของ 10 และ 3 63 ไดดังตัวอยางตอไปนี้

Worked Example 11
ใหประมาณคาของ 10 และ 3 63
วิธีทํา
ฉบับ 1. เนื่องจาก 10 มีคาใกลเคียงกับ 9 ซึ่ง 9 = 3 × 3 เปนจํานวนที่เปนกําลังสองสมบูรณ
เฉลย
ดังนั้น 10 ≈ 9 = 32 = 3
2. เนื่องจาก 63 มีคาใกลเคียงกับ 64 ซึ่ง 64 = 4 × 4 × 4 เปนจํานวนที่เปนกําลังสามสมบูรณ
ดังนั้น 3 63 ≈ 3 64 = 3 43 = 4

Similar Questions
Practice Now Exercise 2B ขอ 6
ใหประมาณคาของ 123 และ 3 123
1. 123
เนื่องจาก 123 มีคาใกลเคียงกับ 121 ซึ่ง 121 = 11 11 เปนจํานวนที่เปนกําลังสองสมบูรณ ×
..................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น 123 ≈ 121 = 112 = 11
..................................................................................................................................................................................................................................................

2. 3 123
เนื่องจาก 123 มีคาใกลเคียงกับ 125 ซึ่ง 125 = 5 5 5 เปนจํานวนที่เปนกําลังสามสมบูรณ × ×
..................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น 3 123 ≈ 3 125 = 3 53 = 5
..................................................................................................................................................................................................................................................

72
จาก Worked Example 11 จะเห็นวา คาประมาณทีไ่ ดจะเปนจํานวนเต็ม มีความใกลเคียง
คาจริงประมาณหนึ่งเทานั้น ตัวอยางตอไปนี้จะเปนการประมาณคารากที่สองและรากที่สาม
เพื่อใหใกลเคียงคาจริงมากยิ่งขึ้น

Worked Example 12
ใหประมาณคาของ 21 (ตอบในรูปทศนิยม 4 ตําแหนง)
วิธีทํา
ขั้นที่ 1 เนื่องจาก 21 เปนจํานวนที่อยูระหวาง 16 กับ 25
ซึ่ง 16 และ 25 เปนจํานวนที่เปนกําลังสองสมบูรณ จะไดวา
16 < 21 < 25
16 < 21 < 25 4 5
4 < 21 < 5 21 อยูระหวางจํานวน
ดังนั้น 21 มีคาอยูระหวาง 4 กับ 5 สองจํานวนนี้

ขั้นที่ 2 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 1 ฉบับ


เฉลย
คาเฉลี่ยของ 4 กับ 5 เทากับ 4 +2 5 = 4.5 4 4.5 5
เนื่องจาก 4.52 = 20.25 ซึ่งนอยกวา 21 21 อยูระหวางจํานวน
จะได 20.25 < 21 < 25 สองจํานวนนี้
ดังนั้น 4.5 < 21 < 5
ขั้นที่ 3 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 2
คาเฉลี่ยของ 4.5 กับ 5 เทากับ 4.5 2+ 5 = 4.75 4 4.5 4.75 5
เนื่องจาก 4.752 ≈ 22.56 ซึ่งมากกวา 21 21 อยูระหวางจํานวน
จะได 20.25 < 21 < 22.56 สองจํานวนนี้
ดังนั้น 4.5 < 21 < 4.75
ขั้นที่ 4 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 3
คาเฉลี่ยของ 4.5 กับ 4.75 เทากับ 4.5 +2 4.75 = 4.625
เนื่องจาก 4.6252 ≈ 21.39 ซึ่งมากกวา 21
จะได 20.25 < 21 < 21.39 4 4.5 4.625 4.75 5
ดังนั้น 4.5 < 21 < 4.625 21 อยูระหวางจํานวน
สองจํานวนนี้
73
ขั้นที่ 5 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 4
คาเฉลี่ยของ 4.5 กับ 4.625 เทากับ 4.5 +24.625 = 4.5625
เนื่องจาก 4.56252 ≈ 20.82 ซึ่งนอยกวา 21
จะได 20.82 < 21 < 21.39 4.5 4.5625 4.625 4.75
ดังนั้น 4.5625 < 21 < 4.625 21 อยูระหวางจํานวน
สองจํานวนนี้
ขั้นที่ 6 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 5
คาเฉลี่ยของ 4.5625 กับ 4.625 เทากับ 4.5625 2+ 4.625 = 4.59375
เนื่องจาก 4.593752 ≈ 21.1 ซึ่งมากกวา 21
จะได 20.82 < 21 < 21.1 4.5 4.5625 4.59375 4.625
ดังนั้น 4.5625 < 21 < 4.59375 21 อยูระหวางจํานวน
สองจํานวนนี้
ขั้นที่ 7 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 6
ฉบับ คาเฉลี่ยของ 4.5625 กับ 4.59375 เทากับ 4.5625 +2 4.59375 = 4.578125
เฉลย เนื่องจาก 4.5781252 ≈ 20.96 ซึ่งนอยกวา 21
จะได 20.96 < 21 < 21.1 4.5625 4.578125 4.59375
ดังนั้น 4.578125 < 21 < 4.59375 21 อยูระหวางจํานวน
สองจํานวนนี้
ขั้นที่ 8 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 7
คาเฉลี่ยของ 4.578125 กับ 4.59375 เทากับ 4.578125 2+ 4.59375 = 4.5859375
เนื่องจาก 4.58593752 ≈ 21.03 ซึ่งมากกวา 21
จะได 20.96 < 21 < 21.03 4.578125 4.5859375 4.59375
ดังนั้น 4.578125 < 21 < 4.5859375 21 อยูระหวางจํานวน
สองจํานวนนี้
ขั้นที่ 9 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 8
คาเฉลีย่ ของ 4.578125 กับ 4.5859375 เทากับ 4.578125 +2 4.5859375 = 4.58203125
เนื่องจาก 4.582031252 ≈ 21
ดังนั้น 21 มีคาประมาณ 4.5820

เทคนิคการหารากที่สอง
โดยการประมาณคา 74
Similar Questions
Practice Now Exercise 2B ขอ 8
ใหประมาณคาของ 31 (ตอบในรูปทศนิยม 4 ตําแหนง)
ขั้นที่ 1 เนื่องจาก 31 เปนจํานวนที่อยูระหวาง ขั้นที่ 2 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 1
..............................................................................................................................................................................................................................................................
25 กับ 36 ซึ่งเปนจํานวนที่เปนกําลังสองสมบูรณ คาเฉลี่ยของ 5 กับ 6 เทากับ 5 +2 6 = 5.5
..............................................................................................................................................................................................................................................................
จะไดวา 25 < 31 < 36 เนื่องจาก 5.52 = 30.25 ซึ่งนอยกวา 31
..............................................................................................................................................................................................................................................................
25 < 31 < 36 จะได 30.25 < 31 < 36
..............................................................................................................................................................................................................................................................
5 < 31 < 6 ดังนั้น 5.5 < 31 < 6
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น 31 มีคาอยูระหวาง 5 กับ 6
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ขั้นที่ 3 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 2 ขั้นที่ 4 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 3
..............................................................................................................................................................................................................................................................
คาเฉลี่ยของ 5.5 กับ 6 เทากับ 5.52+ 6 = 5.75 คาเฉลี่ยของ 5.5 กับ 5.75 เทากับ
..............................................................................................................................................................................................................................................................
เนื่องจาก 5.752 ≈ 33.06 ซึ่งมากกวา 31 5.5 + 5.75 = 5.625
..............................................................................................................................................................................................................................................................
2
จะได 30.25 < 31 < 33.06 เนื อ
่ งจาก 5.6252 ≈ 31.64 ซึ่งมากกวา 31
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น 5.5 < 31 < 5.75 จะได 30.25 < 31 < 31.64
.............................................................................................................................................................................................................................................................. ฉบับ
ดังนั้น 5.5 < 31 < 5.625
..............................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย
ขั้นที่ 5 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 4 ขั้นที่ 6 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 5
..............................................................................................................................................................................................................................................................
คาเฉลี่ยของ 5.5 กับ 5.625 เทากับ คาเฉลี่ยของ 5.5625 กับ 5.625 เทากับ
..............................................................................................................................................................................................................................................................
5.5 + 5.625 = 5.5625 5.5625 + 5.625 = 5.59375
2
..............................................................................................................................................................................................................................................................
2
เนื อ
่ งจาก 5.5625 2 ≈ 30.94 ซึ่งนอยกวา 31 เนื อ
่ งจาก 5.593752 ≈ 31.29 ซึ่งมากกวา 31
..............................................................................................................................................................................................................................................................
จะได 30.94 < 31 < 31.64 จะได 30.94 < 31 < 31.29
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น 5.5625 < 31 < 5.625 ดังนั้น 5.5625 < 31 < 5.59375
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ขั้นที่ 7 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 6 ขั้นที่ 8 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 7
..............................................................................................................................................................................................................................................................
คาเฉลี่ยของ 5.5625 กับ 5.59375 เทากับ คาเฉลี่ยของ 5.5625 กับ 5.578125 เทากับ
..............................................................................................................................................................................................................................................................
5.5625 + 5.59375 = 5.578125 5.5625 + 5.578125 = 5.5703125
..............................................................................................................................................................................................................................................................
2 2
เนื อ
่ งจาก 5.578125 2 ≈ 31.12 ซึ่งมากกวา 31 เนื อ
่ งจาก 5.57031252 ≈ 31.03 ≈ 31
..............................................................................................................................................................................................................................................................
จะได 30.94 < 31 < 31.12 ดังนั้น 31 มีคาประมาณ 5.5703
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น 5.5625 < 31 < 5.578125
..............................................................................................................................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................................................................................................

75
Similar Questions
Thinking Time Exercise 2B ขอ 9

นักเรียนคิดวา วิธีการใน Worked Example 12 สามารถใชในการประมาณคา 3 47 ไดหรือไม


อยางไร
สามารถใช วิธีการใน Worked Example 12 รวมกับความสัมพันธระหวางรากที่สามและการยกกําลังสาม
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ของจํ านวนตรรกยะ ในการประมาณคาของ 3 47 ได ดังนี้
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ขั..............................................................................................................................................................................................................................................................
้นที่ 1 เนื่องจาก 47 เปนจํานวนที่อยูระหวาง ขั้นที่ 2 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 1
27 กับ 64 ซึ่งเปนจํานวนที่เปนกําลังสามสมบูรณ คาเฉลี่ยของ 3 กับ 4 เทากับ 3 +2 4 = 3.5
..............................................................................................................................................................................................................................................................
จะได วา 27 < 47 < 64 เนื่องจาก 3.53 ≈ 42.88 ซึ่งนอยกวา 47
..............................................................................................................................................................................................................................................................
3 27 < 3 47 < 3 64 จะได 42.88 < 47 < 64
..............................................................................................................................................................................................................................................................
3 < 3 47 < 4 ดังนั้น 3.5 < 3 47 < 4
..............................................................................................................................................................................................................................................................
งนั้น 3 47 มีคาอยูระหวาง 3 กับ 4
ดั..............................................................................................................................................................................................................................................................
ขั..............................................................................................................................................................................................................................................................
้นที่ 3 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 2 ขั้นที่ 4 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 3
ฉบับ
าเฉลี่ยของ 3.5 กับ 4 เทากับ 3.52+ 4 = 3.75
ค..............................................................................................................................................................................................................................................................
คาเฉลี่ยของ 3.5 กับ 3.75 เทากับ
เฉลย เนื ่องจาก 3.753 ≈ 52.73 ซึ่งมากกวา 47 3.5 + 3.75 = 3.625
..............................................................................................................................................................................................................................................................
2
จะได 42.88 < 47 < 52.73 เนื อ
่ งจาก 3.6253 ≈ 47.63 ซึ่งมากกวา 47
..............................................................................................................................................................................................................................................................
งนั้น 3.5 < 3 47 < 3.75
ดั..............................................................................................................................................................................................................................................................
จะได 42.88 < 47 < 47.63
ดังนั้น 3.5 < 3 47 < 3.625
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ขั..............................................................................................................................................................................................................................................................
้นที่ 5 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 4 ขั้นที่ 6 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 5
ค..............................................................................................................................................................................................................................................................
าเฉลี่ยของ 3.5 กับ 3.625 เทากับ คาเฉลี่ยของ 3.5625 กับ 3.625 เทากับ
3.5 + 3.625 = 3.5625 3.5625 + 3.625 = 3.59375
..............................................................................................................................................................................................................................................................
2 3 ≈ 45.21 ซึ่งนอยกวา 47
2
เนื อ
่ งจาก 3.5625 เนื อ
่ งจาก 3.593753 ≈ 46.41 ซึ่งนอยกวา 47
..............................................................................................................................................................................................................................................................
จะได 45.21 < 47 < 47.63 จะได 46.41 < 47 < 47.63
..............................................................................................................................................................................................................................................................
งนั้น 3.5625 < 3 47 < 3.625 ดังนั้น 3.59375 < 3 47 < 3.625
ดั..............................................................................................................................................................................................................................................................
ขั..............................................................................................................................................................................................................................................................
้นที่ 7 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 6
ค..............................................................................................................................................................................................................................................................
าเฉลี่ยของ 3.59375 กับ 3.625 เทากับ
3.59375 + 3.625 = 3.609375
..............................................................................................................................................................................................................................................................
2
เนื อ
่ งจาก 3.6093753 ≈ 47.02 ≈ 47
..............................................................................................................................................................................................................................................................
งนั้น 3 47 มีคาประมาณ 3.609375
ดั..............................................................................................................................................................................................................................................................

76
3) การหารากที่สองและรากที่สามโดยการใชเครื่องคิดเลข
ในปจจุบัน การหารากที่สองและรากที่สามสามารถใชเครื่องคิดเลขชวยในการคํานวณ
ไดโดยงาย ซึ่งเครื่องคิดเลขจะมีปุมคําสั่งที่ใชในการหารากที่สองและรากที่สาม ดังนี้

SHIFT +
ปุมคําสั่งหารากที่สาม

ปุมคําสั่งหารากที่สอง ATTENTION

ปุม SHIFT เปนการเรียกใชคําสั่ง


สีเหลืองที่อยูดานบนของแตละปุมกด

ATTENTION

ปุมกดบนเครื่องคิดเลขแตละรุนอาจมี
ความแตกตางกัน ใหอางอิงวิธีใชงาน
ตามเครื่องคิดเลขรุนนั้น ฉบับ
เฉลย
Worked Example 13
หาผลลัพธของ 3 50 โดยใชเครื่องคิดเลข (ตอบในรูปทศนิยม 4 ตําแหนง)
63
วิธีทํา
สามารถหาผลลัพธของ 3 50 ไดโดยการกดปุมบนเครื่องคิดเลขตามลําดับ ดังนี้
63
( 5 0 ) ÷ ( SHIFT 6 3 ) =
ดังนั้น 3 50 ≈ 1.7771
63
Similar Questions
Practice Now Exercise 2B ขอ 7, 10, 11
หาผลลัพธของ 3 47 × 219 โดยใชเครือ่ งคิดเลข (ตอบในรูปทศนิยม 4 ตําแหนง)
สามารถหาผลลัพธของ 3 47 219 ไดโดยการกดปุมบนเครื่องคิดเลขตามลําดับ ดังนี้
×
..............................................................................................................................................................................................................................................................
( SHIFT 4 7 ) × ( 2 1 9 ) =
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น 3 47 × 219 53.4057 ≈
..............................................................................................................................................................................................................................................................

77
Exercise 2B
Basic Level
1. หารากที่สองของจํานวนในแตละขอตอไปนี้
1) 441
รากที่สองของ 441 คือ จํานวนตรรกยะ เนื่องจาก 212 = 441
..................................................................................................................................................................................................................................................
ที่ยกกําลังสองแลวเทากับ 441 นั่นคือ 441 = 212 = 21
..................................................................................................................................................................................................................................................
จะได รากที่สองที่เปนบวกของ 441 คือ 441 และ - 441 = - 212 = -21
..................................................................................................................................................................................................................................................
และ รากที่สองที่เปนลบของ 441 คือ - 441 ดังนั้น รากที่สองของ 441 คือ 21 และ -21
..................................................................................................................................................................................................................................................

2) 289
676
รากที่สองของ 289 คื อ จํ า นวนตรรกยะที ่ เนื อ
่ งจาก ( 17)2 = 289
676 26 676 2
..................................................................................................................................................................................................................................................
289 289 17 17
ยกกําลังสองแลวเทากับ 676 นั่นคือ 676 = (26) 2 = 26
..................................................................................................................................................................................................................................................

ฉบับ
จะได รากที่สองที่เปนบวกของ 289 676 คือ 676 และ
289 - 289676 = - (26) = - 26
17 17
..................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย และ รากที่สองที่เปนลบของ 289 289
676 คือ - 676 ดังนั้น รากที่สองของ 676 คือ 26 และ - 26
289 17 17
..................................................................................................................................................................................................................................................

3) 9.75
รากที่สองของ 9.75 คือ จํานวนตรรกยะ เนื่องจาก ไมมีจํานวนตรรกยะใดที่ยกกําลังสอง
..................................................................................................................................................................................................................................................

ที่ยกกําลังสองแลวเทากับ 9.75 แลวเทากับ 9.75


..................................................................................................................................................................................................................................................

จะได รากที่สองที่เปนบวกของ 9.75 คือ 9.75 ดังนั้น รากที่สองของ 9.75 คือ 9.75 และ - 9.75
..................................................................................................................................................................................................................................................

และ รากที่สองที่เปนลบของ 9.75 คือ - 9.75


..................................................................................................................................................................................................................................................

2. หารากที่สองของ 1,089 โดยใชวิธีแยกตัวประกอบ


แยกตัวประกอบของ 1,089
...................................................................................................................................................................................................................................................
3 1,089 จะไดวา 1,089 = 3 × 3 × 11 × 11
...................................................................................................................................................................................................................................................
3 363 = (3 × 11) × (3 × 11)
...................................................................................................................................................................................................................................................
11 121 = (3 × 11)2 = 332
...................................................................................................................................................................................................................................................
11 11 จะได รากที่สองที่เปนบวกของ 1,089 คือ 332 = 33
...................................................................................................................................................................................................................................................
1 และ รากที่สองที่เปนลบของ 1,089 คือ - 332 = -33
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น รากที่สองของ 1,089 คือ 33 และ -33
...................................................................................................................................................................................................................................................

78
3. หารากที่สองของ 578 โดยใชวิธีแยกตัวประกอบ
แยกตัวประกอบของ 578
...................................................................................................................................................................................................................................................
2 578 จะไดวา 578 = 2 × 17 × 17
...................................................................................................................................................................................................................................................
17 289 = 172 × ( 2)2
...................................................................................................................................................................................................................................................
17 17 = (17 2)2
...................................................................................................................................................................................................................................................
1 จะได รากที่สองที่เปนบวกของ 578 คือ (17 2)2 = 17 2
...................................................................................................................................................................................................................................................

และ รากที่สองที่เปนลบของ 578 คือ - (17 2)2 = -17 2


...................................................................................................................................................................................................................................................

ดังนั้น รากที่สองของ 578 คือ 17 2 และ -17 2


...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

4. หารากที่สามของ 1,331 โดยใชวิธีแยกตัวประกอบ


แยกตัวประกอบของ 1,331
...................................................................................................................................................................................................................................................
11 1,331 จะไดวา 1,331 = 11 × 11 × 11
...................................................................................................................................................................................................................................................
11 121 = 113
...................................................................................................................................................................................................................................................
11 11 ฉบับ
จะได รากที่สามของ 1,331 คือ 3 113 = 11
................................................................................................................................................................................................................................................... เฉลย
1 ดังนั้น รากที่สามของ 1,331 คือ 11
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

5. หารากที่สามของ 2,000 โดยใชวิธีแยกตัวประกอบ


แยกตัวประกอบของ 2,000
...................................................................................................................................................................................................................................................
2 2,000 จะไดวา 2,000 = 2 × 2 × 2 × 2 × 5 × 5 × 5
...................................................................................................................................................................................................................................................
2 1,000 = (2 × 5) × (2 × 5) × (2 × 5) × 2
...................................................................................................................................................................................................................................................
2 500 = 103 × (3 2)3
...................................................................................................................................................................................................................................................
2 250 = (10 3 2)3
...................................................................................................................................................................................................................................................
5 125 จะได รากที่สามของ 2,000 คือ 3 (10 3 2)3 = 10 3 2
...................................................................................................................................................................................................................................................
5 25 ดังนั้น รากที่สามของ 2,000 คือ 10 3 2
...................................................................................................................................................................................................................................................
5 5
...................................................................................................................................................................................................................................................
1
79
6. หารากที่สองและรากที่สามของจํานวนในแตละขอตอไปนี้โดยการประมาณคา
1) 220
เนื่องจาก 220 มีคาใกลเคียงกับ 225 ซึ่ง 225 = 15 15 เปนจํานวนที่เปนกําลังสองสมบูรณ ×
...................................................................................................................................................................................................................................................

ดังนั้น 220 ≈ 225 = 152 = 15


...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

2) 3 220
เนื่องจาก 220 มีคาใกลเคียงกับ 216 ซึ่ง 216 = 6 6 6 เปนจํานวนที่เปนกําลังสามสมบูรณ × ×
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น 3 220 ≈ 3 216 = 3 63 = 6
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

7. หาผลลัพธของจํานวนในแตละขอตอไปนีโ้ ดยใชเครือ่ งคิดเลข (ตอบในรูปทศนิยม 4 ตําแหนง)


1) (2 + 149) × 3 256
3 256
สามารถหาคําตอบของ (2 + 149) × ไดโดยการกดปุมบนเครื่องคิดเลขตามลําดับ ดังนี้
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ ...................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย ( 2 + 1 4 9 ) × SHIFT 2 5 6 =
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................
3 256
ดังนั้น (2 + 149) × ≈ 90.2060
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

2) 312 × 3 87 ÷ 645
สามารถหาคําตอบของ 312 ×
3 87 ÷ 645 ไดโดยการกดปุมบนเครื่องคิดเลขตามลําดับ ดังนี้
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................
3 1 2 × SHIFT 8 7 ÷ 6 4 5 =
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

ดังนั้น 312 ×
3 87 ÷ 645 3.0818 ≈
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

80
Intermediate Level
8. ใหประมาณคาของ 59 (ตอบในรูปทศนิยม 4 ตําแหนง)
ขั้นที่ 1 เนื่องจาก 59 เปนจํานวนที่อยูระหวาง ขั้นที่ 2 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 1
..............................................................................................................................................................................................................................................................

49 กับ 64 ซึ่งเปนจํานวนที่เปนกําลังสองสมบูรณ คาเฉลี่ยของ 7 กับ 8 เทากับ 7 +2 8 = 7.5


..............................................................................................................................................................................................................................................................

จะไดวา 49 < 59 < 64 เนื่องจาก 7.52 = 56.25 ซึ่งนอยกวา 59


..............................................................................................................................................................................................................................................................

49 < 59 < 64 จะได 56.25 < 59 < 64


..............................................................................................................................................................................................................................................................

7 < 59 < 8 ดังนั้น 7.5 < 59 < 8


..............................................................................................................................................................................................................................................................

ดังนั้น 59 มีคาอยูระหวาง 7 กับ 8


..............................................................................................................................................................................................................................................................

ขั้นที่ 3 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 2 ขั้นที่ 4 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 3


..............................................................................................................................................................................................................................................................

คาเฉลี่ยของ 7.5 กับ 8 เทากับ 7.52+ 8 = 7.75 คาเฉลี่ยของ 7.5 กับ 7.75 เทากับ
..............................................................................................................................................................................................................................................................

เนื่องจาก 7.752 ≈ 60.06 ซึ่งมากกวา 59 7.5 + 7.75 = 7.625


..............................................................................................................................................................................................................................................................
2
จะได 56.25 < 59 < 60.06 เนื่องจาก 7.6252 ≈ 58.14 ซึ่งนอยกวา 59
..............................................................................................................................................................................................................................................................

ดังนั้น 7.5 < 59 < 7.75 จะได 58.14 < 59 < 60.06
.............................................................................................................................................................................................................................................................. ฉบับ
ดังนั้น 7.625 < 59 < 7.75 เฉลย
..............................................................................................................................................................................................................................................................

ขั้นที่ 5 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 4 ขั้นที่ 6 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 5


..............................................................................................................................................................................................................................................................

คาเฉลี่ยของ 7.625 กับ 7.75 เทากับ คาเฉลี่ยของ 7.625 กับ 7.6875 เทากับ
..............................................................................................................................................................................................................................................................
7.625 + 7.75 = 7.6875 7.625 + 7.6875 = 7.65625
..............................................................................................................................................................................................................................................................
2 2
เนื่องจาก 7.6875 ≈ 59.1 ซึ่งมากกวา 59 2 เนื่องจาก 7.656252 ≈ 58.62 ซึ่งนอยกวา 59
..............................................................................................................................................................................................................................................................

จะได 58.14 < 59 < 59.1 จะได 58.62 < 59 < 59.1
..............................................................................................................................................................................................................................................................

ดังนั้น 7.625 < 59 < 7.6875 ดังนั้น 7.65625 < 59 < 7.6875
..............................................................................................................................................................................................................................................................

ขั้นที่ 7 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 6 ขั้นที่ 8 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 7


..............................................................................................................................................................................................................................................................

คาเฉลี่ยของ 7.65625 กับ 7.6875 เทากับ คาเฉลี่ยของ 7.671875 กับ 7.6875 เทากับ
..............................................................................................................................................................................................................................................................
7.65625 + 7.6875 = 7.671875 7.671875 + 7.6875 = 7.6796875
..............................................................................................................................................................................................................................................................
2 2
เนื่องจาก 7.671875 ≈ 58.86 ซึ่งนอยกวา 59 2 เนื่องจาก 7.67968752 ≈ 58.98 ≈ 59
..............................................................................................................................................................................................................................................................

จะได 58.86 < 59 < 59.1 ดังนั้น 59 มีคาประมาณ 7.6797


..............................................................................................................................................................................................................................................................

ดังนั้น 7.671875 < 59 < 7.6875


..............................................................................................................................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................................................................................................

81
9. ใหประมาณคาของ 3 516 (ตอบในรูปทศนิยม 4 ตําแหนง)
ขั้นที่ 1 เนื่องจาก 516 เปนจํานวนที่อยูระหวาง ขั้นที่ 2 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 1
..............................................................................................................................................................................................................................................................
512 กับ 729 ซึ่งเปนจํานวนที่เปนกําลังสามสมบูรณ คาเฉลี่ยของ 8 กับ 9 เทากับ 8 +2 9 = 8.5
..............................................................................................................................................................................................................................................................
จะไดวา 512 < 516 < 729 เนื่องจาก 8.53 ≈ 614.13 ซึ่งมากกวา 516
..............................................................................................................................................................................................................................................................
3
512 < 3 516 < 3 729 ดังนั้น 8 < 3 516 < 8.5
..............................................................................................................................................................................................................................................................
8 < 3 516 < 9
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น 3 516 มีคาอยูระหวาง 8 กับ 9
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ขั้นที่ 3 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 2 ขั้นที่ 4 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 3
..............................................................................................................................................................................................................................................................
คาเฉลี่ยของ 8 กับ 8.5 เทากับ 8 +28.5 = 8.25 คาเฉลี่ยของ 8 กับ 8.25 เทากับ 8 + 28.25 = 8.125
..............................................................................................................................................................................................................................................................
เนื่องจาก 8.253 ≈ 561.52 ซึ่งมากกวา 516 เนื่องจาก 8.1253 ≈ 536.38 ซึ่งมากกวา 516
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น 8 < 3 516 < 8.25 ดังนั้น 8 < 3 516 < 8.125
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ขั้นที่ 5 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 4 ขั้นที่ 6 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 5
..............................................................................................................................................................................................................................................................
คาเฉลี่ยของ 8 กับ 8.125 เทากับ คาเฉลี่ยของ 8 กับ 8.0625 เทากับ
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
เฉลย 8 + 8.125 = 8.0625 8 + 8.0625 = 8.03125
..............................................................................................................................................................................................................................................................
2 2
เนื่องจาก 8.0625 ≈ 524.09 ซึ่งมากกวา 516 3 เนื่องจาก 8.031253 ≈ 518.02 ซึ่งมากกวา 516
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น 8 < 3 516 < 8.0625 ดังนั้น 8 < 3 516 < 8.03125
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ขั้นที่ 7 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 6 ขั้นที่ 8 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 7
..............................................................................................................................................................................................................................................................
คาเฉลี่ยของ 8 กับ 8.03125 เทากับ คาเฉลี่ยของ 8.015625 กับ 8.03125 เทากับ
..............................................................................................................................................................................................................................................................
8 + 8.03125 = 8.015625 8.015625 + 8.03125 = 8.0234375
..............................................................................................................................................................................................................................................................
2 2
เนื่องจาก 8.015625 ≈ 515.01 ซึ่งนอยกวา 516 เนื่องจาก 8.02343753 ≈ 516.51 ซึ่งมากกวา 516
3
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น 8.015625 < 3 516 < 8.03125 ดังนั้น 8.015625 < 3 516 < 8.0234375
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ขั้นที่ 9 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 8 ขั้นที่ 10 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจากขั้นที่ 9
..............................................................................................................................................................................................................................................................
คาเฉลี่ยของ 8.015625 กับ 8.0234375 เทากับ คาเฉลี่ยของ 8.01953125 กับ 8.0234375 เทากับ
..............................................................................................................................................................................................................................................................
8.015625 + 8.0234375 = 8.01953125 8.01953125 + 8.0234375 = 8.021484375
..............................................................................................................................................................................................................................................................
2 2
เนื่องจาก 8.01953125 ≈ 515.76 ซึ่งนอยกวา 516 เนื่องจาก 8.0214843753 ≈ 516.14 ≈ 516
3
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น 8.01953125 < 3 516 < 8.0234375 ดังนั้น 3 516 มีคาประมาณ 8.0215
..............................................................................................................................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................................................................................................

82
10. หาผลลัพธของจํานวนในแตละขอตอไปนีโ้ ดยใชเครือ่ งคิดเลข (ตอบในรูปทศนิยม 4 ตําแหนง)
2
1) 3555 3+ 5
2 × 222
2
สามารถหาคําตอบของ 555 + 5 ไดโดยการกดปุมบนเครื่องคิดเลขตามลําดับ ดังนี้
...................................................................................................................................................................................................................................................
3 3
2 × 222
...................................................................................................................................................................................................................................................
( 5 5 5 + 5 x2 ÷ ) ( 2 SHIFT x3 × SHIFT 2 2 2 ) =
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................
2
ดังนั้น 555 + 5 ≈ 1.0024
...................................................................................................................................................................................................................................................
3 3
2 × 222
...................................................................................................................................................................................................................................................

2) (3 200)2 - 3 300
100
สามารถหาคําตอบของ (3 200)2 - 300 ไดโดยการกดปุมบนเครื่องคิดเลขตามลําดับ ดังนี้
...................................................................................................................................................................................................................................................
3
100
...................................................................................................................................................................................................................................................
( SHIFT 2 0 0 ) x2 - ( 3 0 0 ÷ SHIFT 1 0 0 ) = ฉบับ
................................................................................................................................................................................................................................................... เฉลย
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น (3 200)2 - 300 ≈ 30.4679
...................................................................................................................................................................................................................................................
3
100
...................................................................................................................................................................................................................................................

Advanced Level
3 3
11. หาผลลัพธของ 12 × 272
3 3 3
43 + 3 4,913
3 × 272 3 3
12
เนื่องจาก 3 3 = 312 3× 27 = 3(12 3× 3) = 3 363
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
4 + 4,913 4 + 4,913 4 + 4,913 4 + 4,913
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
สามารถหาผลลัพธของ 36
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………ไดโดยการกดปุมบนเครื่องคิดเลขตามลําดับ ดังนี้
3 3 4 + 4,913
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3 6÷ SHIFT x3 SHIFT ( 4 =
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
+ 4 9 1 3 )
ดังนั้น 36 =4
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3 3 4 + 4,913
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

83
2.3 จํานวนจริง
นักเรียนไดศึกษาเกี่ยวกับจํานวนตรรกยะและจํานวนอตรรกยะมาแลววา
จํานวนตรรกยะ คือ จํานวนที่สามารถเขียนใหอยูในรูป ab เมื่อ a และ b
เปนจํานวนเต็ม โดยที่ b 0

จํานวนอตรรกยะ คือ จํานวนที่ไมสามารถเขียนใหอยูในรูป ab เมื่อ a และ b


เปนจํานวนเต็ม โดยที่ b 0

ซึ่งจํานวนจริง เปนจํานวนที่ประกอบดวยจํานวนตรรกยะและจํานวนอตรรกยะ

Investigation
ฉบับ
เฉลย
ใหนักเรียนหาผลลัพธของจํานวนในตารางตอไปนี้โดยใชเครื่องคิดเลข แลวเติมตารางใหสมบูรณ
ประเภทของจํานวน ผลลัพธที่ไดจากการเครื่องคิดเลข
จํานวน
ตรรกยะ อตรรกยะ ทศนิยมรูจบ ทศนิยมซํ้า ทศนิยมไมรูจบ
9 = 2.25 ✓ ✓
4
-3 18 = …………………………………….
-3.125 ✓ ✓

63 = …………………………………….
0.984375 ✓ ✓
64
1 = …………………………………….
0.333... ✓ ✓
3
- 123 -1.242424...
99 = ……………………………………. ✓ ✓

22 = …………………………………….
3.142857142857... ✓ ✓
7
1 = …………………………………….
0.707106... ✓ ✓
2
3 1.709975...
5 = ……………………………………. ✓ ✓
3.141592...
π = ……………………………………. ✓ ✓

84
1. ทศนิยมรูจบเปนจํานวนตรรกยะหรือจํานวนอตรรกยะ RECALL

ทศนิยมรูจบเปนจํานวนตรรกยะ
........................................................................................................................................... ทศนิยมรูจบ คือ ทศนิยมที่มีเลขโดด
2. ทศนิยมซํ้าเปนจํานวนตรรกยะหรือจํานวนอตรรกยะ หลังจุดทศนิยมมีคาสิ้นสุด
ทศนิยมซํ้าเปนจํานวนตรรกยะ
........................................................................................................................................... ทศนิยมไมรจู บ คือ ทศนิยมทีม่ เี ลขโดด
หลังจุดทศนิยมไมซํ้ากัน และตอเนื่อง
3. ทศนิยมไมรูจบเปนจํานวนตรรกยะหรือจํานวนอตรรกยะ ไปไมรูจบ
ทศนิยมไมรูจบเปนจํานวนอตรรกยะ
...........................................................................................................................................

จาก Investigation จะเห็นวา ทศนิยมรูจบและทศนิยมซํ้าเปนจํานวนตรรกยะ แตทศนิยม


ไมรูจบเปนจํานวนอตรรกยะ สามารถเขียนเปนแผนภาพแสดงความสัมพันธได ดังนี้

จํานวนจริง

จํานวนตรรกยะ จํานวนอตรรกยะ ฉบับ


เฉลย
ทศนิยมรูจบ ทศนิยมซํ้า ทศนิยมไมรูจบ
เชน 2, - 4, 94 , -3 18 เชน 13 , - 123 22
99 , 7 เชน 12, -3 2, π

สมบัติของจํานวนจริง
สมบัติของจํานวนจริงจะเปนไปตามสมบัติของจํานวนตรรกยะและจํานวนอตรรกยะ ดังนี้
1. สมบัติของหนึ่ง
สมบัติ กําหนดให a แทนจํานวนจริงใด ๆ
สมบัติการคูณดวยหนึ่ง : a × 1 = 1 × a = a
สมบัติการหารดวยหนึ่ง : a ÷ 1 = a

85
2. สมบัติของศูนย
สมบัติ กําหนดให a แทนจํานวนจริงใด ๆ
สมบัติการบวกดวยศูนย : a + 0 = 0 + a = a
สมบัติการคูณดวยศูนย : a × 0 = 0 × a = 0
สมบัติการหารศูนยดวยจํานวนจริงใด ๆ : 0 ÷ a = 0 เมื่อ a 0

3. สมบัติการสลับที่
สมบัติ กําหนดให a และ b แทนจํานวนจริงใด ๆ
สมบัติการสลับที่สําหรับการบวก : a + b = b + a
สมบัติการสลับที่สําหรับการคูณ : a × b = b × a

ฉบับ 4. สมบัติการเปลี่ยนหมู
เฉลย
สมบัติ กําหนดให a, b และ c แทนจํานวนจริงใด ๆ
สมบัติการเปลี่ยนหมูสําหรับการบวก : (a + b) + c = a + (b + c)
สมบัติการเปลี่ยนหมูสําหรับการคูณ : (a × b) × c = a × (b × c)

5. สมบัติการแจกแจง
สมบัติ กําหนดให a, b และ c แทนจํานวนจริงใด ๆ
a × (b + c) = (a × b) + (a × c)
และ (b + c) × a = (b × a) + (c × a)

86
Worked Example 14
หาผลลัพธของจํานวนในแตละขอตอไปนี้
1) (- 112 - 1.9) + 24
11 2) 3 × (2 3 + 1 )
3
วิธีทํา
1) (- 112 - 1.9) + 24 2 24
11 = (- 11 + 11) - 1.9 (สมบัติการเปลี่ยนหมูสําหรับการบวก)
= 22
11 - 1.9
= 2 - 1.9
= 0.1
2) 3 × (2 3 + 1 ) = ( 3 × 2 3) + ( 3 × 1) (สมบัติการแจกแจง)
3 3
= 2( 3)2 + 1
= (2 × 3) + 1
= 6+1
= 7 ฉบับ
เฉลย
Similar Questions
Practice Now Exercise 2C ขอ 1
หาผลลัพธของจํานวนในแตละขอตอไปนี้
1. (103 - 56 ) + 7.7
= 103 + 7.7 - 56
( )
..................................................................................................................................................................................................................................................
= (0.3 + 7.7) - 56
..................................................................................................................................................................................................................................................
= 8 - 56
..................................................................................................................................................................................................................................................
= 7 16
..................................................................................................................................................................................................................................................

2. ( 2 - 2 2) × 1
3 2
= ( 2 1 ) - (2 2 1 )× ×
..................................................................................................................................................................................................................................................
3 2 2
= 1 - 2
..................................................................................................................................................................................................................................................
3
= 1 -2 3
..................................................................................................................................................................................................................................................
3
..................................................................................................................................................................................................................................................

87
2.4 การนําความรูเกี่ยวกับจํานวนจริง
ไปใชในชีวิตจริง
นักเรียนสามารถนําความรูเกี่ยวกับจํานวนจริงมาใชในการแกปญหาในชีวิตจริงได ดังตัวอยาง
ตอไปนี้
Worked Example 15
วงกลมวงหนึ่งมีพื้นที่ประมาณ 3,850 ตารางเซนติเมตร วงกลมวงนี้มีรัศมียาวกี่เซนติเมตร
(กําหนด π ≈ 227 )
วิธีทํา
ใหวงกลมมีรัศมียาว a เซนติเมตร
เนื่องจากวงกลมมีพื้นที่ประมาณ 3,850 ตารางเซนติเมตร
จากสูตร พื้นที่วงกลม เทากับ π × (ความยาวรัศมี)2
3,850 ≈ π × a × a a2 ≈ 352
× a ≈ 3,850
2 2
ฉบับ
เฉลย
a π a ≈ (35) , - (35)
a2 ≈ 3,850 × 227 a ≈ 35, -35
แตเนื่องจาก a เปนความยาวของรัศมีของวงกลม จึงใชเฉพาะจํานวนบวก
ดังนั้น วงกลมวงนี้มีรัศมียาวประมาณ 35 เซนติเมตร
Similar Questions
Practice Now Exercise 2C ขอ 5
วงกลมวงหนึ่งมีพื้นที่ประมาณ 13.86 ตารางเซนติเมตร วงกลมวงนี้มีรัศมียาวกี่เซนติเมตร
(กําหนด π ≈ 227 )
ใหวงกลมมีรัศมียาว a เซนติเมตร เนื่องจากวงกลมมีพื้นที่ประมาณ 13.86 ตารางเซนติเมตร
..............................................................................................................................................................................................................................................................
จากสูตร พื้นที่วงกลม เทากับ π × (ความยาวรัศมี)2
..............................................................................................................................................................................................................................................................
13.86 ≈ π × a × a a2 ≈ 2.12
..............................................................................................................................................................................................................................................................
a × a ≈ 13.86 a ≈ (2.1)2 , - (2.1)2
..............................................................................................................................................................................................................................................................
π
a2 ≈ 13.86 × 227 a ≈ 2.1, -2.1
..............................................................................................................................................................................................................................................................
แตเนื่องจาก a เปนความยาวของรัศมีของวงกลม จึงใชเฉพาะจํานวนบวก
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น วงกลมวงนี้มีรัศมียาวประมาณ 2.1 เซนติเมตร
..............................................................................................................................................................................................................................................................

88
Worked Example 16
แจกันทรงกระบอกใบหนึ่งมีความจุประมาณ 1,108.8 ลูกบาศกเซนติเมตร แจกันใบนี้มีความสูง
20 เซนติเมตร และสูตรการหาปริมาตรของทรงกระบอกเทากับ πr2h เมื่อ r แทนความยาว
ของรัศมี และ h แทนความสูง ใหหาวาแจกันใบนี้มีรัศมียาวกี่เซนติเมตร (กําหนด π ≈ 227 )
วิธีทํา
จากสูตร ปริมาตรของทรงกระบอก เทากับ πr2h
แจกันทรงกระบอกใบหนึ่งมีความจุประมาณ 1,108.8 ลูกบาศกเซนติเมตร
จะได 1,108.8 ≈ π × r2 × 20 r2 ≈ 17.64 = (4.2)2
r2 ≈ 1,108.8
20π r ≈ (4.2)2 , - (4.2)2
r2 ≈ 1,108.8 7
20 × 22 r ≈ 4.2, -4.2
แตเนื่องจาก r เปนความยาวของรัศมีของวงกลม จึงใชเฉพาะจํานวนบวก
ดังนั้น แจกันใบนี้มีรัศมียาวประมาณ 4.2 เซนติเมตร
Similar Questions ฉบับ
Practice Now Exercise 2C ขอ 3, 6
เฉลย

แกวนํ้าทรงกระบอกใบหนึ่งที่มีความจุประมาณ 462 ลูกบาศกเซนติเมตร แกวนํ้ามีความสูง


12 เซนติเมตร ใหหาวาแกวใบนี้มีรัศมียาวกี่เซนติเมตร (กําหนด π ≈ 227 )
จากสูตร ปริมาตรของทรงกระบอก เทากับ r2h π
..............................................................................................................................................................................................................................................................
แกวนํ้าทรงกระบอกใบหนึ่งมีความจุประมาณ 462 ลูกบาศกเซนติเมตร
..............................................................................................................................................................................................................................................................
จะได 462 ≈ π × r2 × 12 r2 ≈ 12.25 = (3.5)2
..............................................................................................................................................................................................................................................................
r2 ≈ 12 462 r ≈ (3.5)2 , - (3.5)2
..............................................................................................................................................................................................................................................................
π
r2 ≈ 462 12 × 22
7 r ≈ 3.5, -3.5
..............................................................................................................................................................................................................................................................
แตเนื่องจาก r เปนความยาวของรัศมีของวงกลม จึงใชเฉพาะจํานวนบวก
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น แกวนํ้าใบนี้มีรัศมียาวประมาณ 3.5 เซนติเมตร
..............................................................................................................................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................................................................................................

89
Worked Example 17
กลองกระดาษทรงลูกบาศกใบหนึ่งมีความจุประมาณ 21,952 ลูกบาศกเซนติเมตร ใหหาวา
กลองกระดาษใบนี้มีดานแตละดานยาวกี่เซนติเมตร
วิธีทํา
ใหดานแตละดานของกลองกระดาษยาว a เซนติเมตร
เนื่องจากกลองกระดาษมีความจุประมาณ 21,952 ลูกบาศกเซนติเมตร
จากสูตร ปริมาตรของลูกบาศก เทากับ (ความยาวดาน)3
21,952 ≈ a3
a3 ≈ 283
a ≈ 3 283
a ≈ 28
ดังนั้น กลองกระดาษใบนี้มีดานแตละดานยาวประมาณ 28 เซนติเมตร

Similar Questions
ฉบับ
เฉลย Practice Now Exercise 2C ขอ 4, 7, 8
แท็งกนํ้าทรงลูกบาศกแท็งกหนึ่งมีความจุประมาณ 15.625 ลูกบาศกเมตร ใหหาวาดานในของ
แท็งกนํ้านี้มีดานแตละดานยาวกี่เมตร
ใหดานแตละดานของดานในของแท็งกนํ้ายาว a เมตร
..............................................................................................................................................................................................................................................................

เนื่องจากแท็งกนํ้ามีความจุประมาณ 15.625 ลูกบาศกเมตร


..............................................................................................................................................................................................................................................................

จากสูตร ปริมาตรของลูกบาศก เทากับ (ความยาวดาน)3


..............................................................................................................................................................................................................................................................

15.625 ≈ a3
..............................................................................................................................................................................................................................................................

a3 ≈ 2.53
..............................................................................................................................................................................................................................................................

a ≈ 3 2.53
..............................................................................................................................................................................................................................................................

a ≈ 2.5
..............................................................................................................................................................................................................................................................

ดังนั้น ดานในของแท็งกนํ้านี้มีดานแตละดานยาวประมาณ 2.5 เมตร


..............................................................................................................................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................................................................................................

90
Exercise 2C
Basic Level
1. หาผลลัพธของจํานวนแตละขอตอไปนี้
1) ( 32 × 1.5) × 29 = ( 32 × 29) × 1.5 = 13 × 1.5 = 0.5
..............................................................................................................................................................................

3 3 3
=(2 35 × 36 ) + ( 2 35 × 93 3 ) = 45 + 323 = 8 +1015 3
2) 235 × ( 63 + 933 ) ..............................................................................................................................................................................
5 5 4 5 5 5 4 5
2. ถังสีทรงกระบอกใบหนึ่งมีความจุประมาณ 6,600 ลูกบาศกเซนติเมตร ถังสีใบนี้มีความสูง
21 เซนติเมตร ใหหาวาถังสีใบนี้มีรัศมียาวกี่เซนติเมตร (กําหนด π ≈ 227 )
จากสูตรปริมาตรของทรงกระบอก เทากับ r2h π
...................................................................................................................................................................................................................................................
ถังสีทรงกระบอกใบหนึ่งมีความจุประมาณ 6,600 ลูกบาศกเซนติเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
จะได 6,600 ≈ π × r2 × 21 r2 ≈ 100 = (10)2
...................................................................................................................................................................................................................................................
r2 ≈ 6,600 21π r ≈ (10)2 , - (10)2
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
r2 ≈ 6,600 21 × 22
7 r ≈ 10, -10
................................................................................................................................................................................................................................................... เฉลย
แตเนื่องจาก r เปนความยาวของรัศมีของวงกลม จึงใชเฉพาะจํานวนบวก
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ถังสีใบนี้มีรัศมียาวประมาณ 10 เซนติเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

3. ลูกเตาทรงลูกบาศกลูกหนึ่งมีปริมาตรประมาณ 2,744 ลูกบาศกมิลลิเมตร ใหหาวาลูกเตา


ลูกนี้มีดานแตละดานยาวกี่มิลลิเมตร
ใหดานแตละดานของดานของลูกเตายาว a มิลลิเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
เนื่องจากลูกเตามีความจุประมาณ 2,744 ลูกบาศกมิลลิเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
จากสูตร ปริมาตรของลูกบาศก เทากับ (ความยาวดาน)3
...................................................................................................................................................................................................................................................
2,744 ≈ a3
...................................................................................................................................................................................................................................................
a3 ≈ 143
...................................................................................................................................................................................................................................................
a ≈ 3 143
...................................................................................................................................................................................................................................................
a ≈ 14
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ลูกเตาลูกนี้มีดานแตละดานยาวประมาณ 14 มิลลิเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................

91
Intermediate Level
4. นาฬกาติดผนังรูปวงกลมมีพื้นที่หนาปด 616 ตารางเซนติเมตร เข็มยาวของนาฬกาเรือนนี้
ควรยาวไมเกินเทาใด
ใหนาฬกามีรัศมียาว a เซนติเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................

เนื่องจากหนาปดนาฬกามีพื้นที่ 616 ตารางเซนติเมตร


...................................................................................................................................................................................................................................................

จากสูตร พื้นที่วงกลม เทากับ π × (ความยาวรัศมี)2


...................................................................................................................................................................................................................................................

616 = π × a × a a2 ≈ 142
...................................................................................................................................................................................................................................................

a × a ≈ 616 a ≈ (14)2 , - (14)2


...................................................................................................................................................................................................................................................
π
a2 ≈ 616 × 227 a ≈ 14, -14
...................................................................................................................................................................................................................................................

แต a เปนความยาวของรัศมีของนาฬกา จึงใชเฉพาะจํานวนบวก


...................................................................................................................................................................................................................................................

จะไดวา นาฬกาเรือนนี้มีรัศมียาวประมาณ 14 เซนติเมตร


...................................................................................................................................................................................................................................................

เนื่องจาก เข็มยาวของนาฬกาจะยาวไมเกินรัศมีของนาฬกา
...................................................................................................................................................................................................................................................

ดังนั้น เข็มยาวของนาฬกาเรือนนี้ควรยาวไมเกิน 14 เซนติเมตร


...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
เฉลย 5. ทอนเหล็กทรงกระบอกทอนหนึง่ มีปริมาตรประมาณ 17,248 ลูกบาศกเซนติเมตร ถาความยาว
ของทอนเหล็กนี้ยาวเปนสองเทาของความยาวรัศมีของฐาน ใหหาความยาวของรัศมีของ
ทอนเหล็กนี้
(กําหนด π ≈ 227 และปริมาตรของทรงกระบอกเทากับ π × (ความยาวรัศมี)2 × ความสูง)
ใหทอนเหล็กทรงกระบอกมีรัศมียาว a เซนติเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................

ทอนเหล็กทรงกระบอกมีความยาวเปน 2a เซนติเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................

และมีปริมาตรประมาณ 17,248 ลูกบาศกเซนติเมตร


...................................................................................................................................................................................................................................................

จากสูตร ปริมาตรทรงกระบอก เทากับ π × (ความยาวรัศมี)2 × ความสูง


...................................................................................................................................................................................................................................................

17,248 ≈ π × a × a × 2a a3 ≈ 2,744
...................................................................................................................................................................................................................................................

a3 ≈ 17,248 a ≈ 3 143
...................................................................................................................................................................................................................................................

a3 ≈ 8,624 a ≈ 14
...................................................................................................................................................................................................................................................
π
a3 ≈ 8,624 × 227
...................................................................................................................................................................................................................................................

ดังนั้น รัศมีของทอนเหล็กนี้ยาวประมาณ 14 เซนติเมตร


...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

92
6. กลองทรงลูกบาศกมีความจุ 4,096 ลูกบาศกเซนติเมตร นํากลองใบนี้ใสในกลองอีกใบหนึ่ง
ซึ่งกวาง 14 เซนติเมตร ยาว 16 เซนติเมตร จะใสไดหรือไม เพราะเหตุใด
กลองทรงลูกบาศกมีความจุ 4,096 ลูกบาศกเซนติเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................

จะไดวา กลองใบนี้มีความยาวดานละ
...................................................................................................................................................................................................................................................
3 4,096 = 16 เซนติเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................

ดังนั้น นํากลองใบนี้ใสในกลองกวาง 14 เซนติเมตร ยาว 16 เซนติเมตร ไมได


...................................................................................................................................................................................................................................................

เพราะกลองใบนี้มีความกวางมากกวากลองที่จะนําไปใส
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

Advanced Level
7. ลูกฟุตบอลลูกหนึ่ง ใสลงกลองกระดาษทรงลูกบาศกที่มีความจุ 10,648 ลูกบาศกเซนติเมตร
ไดพอดี (ผิวลูกฟุตบอลสัมผัสดานในของกลองพอดีทกุ ดาน) ใหหาวาลูกฟุตบอลลูกนีม้ ปี ริมาตร
เทาใด ฉบับ
ใหดานแตละดานของกลองกระดาษยาว a เซนติเมตร เฉลย
...................................................................................................................................................................................................................................................
เนื่องจากกลองกระดาษมีปริมาตร 10,648 ลูกบาศกเซนติเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
จากสูตร ปริมาตรของลูกบาศก เทากับ (ความยาวดาน)3
...................................................................................................................................................................................................................................................
10,648 = a3
...................................................................................................................................................................................................................................................
a3 = 223
...................................................................................................................................................................................................................................................
a = 3 223
...................................................................................................................................................................................................................................................
a = 22
...................................................................................................................................................................................................................................................
จะไดวา กลองกระดาษมีดานแตละดานยาว 22 เซนติเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
เนื่องจากลูกฟุตบอลสามารถใสลงในกลองกระดาษไดพอดี
...................................................................................................................................................................................................................................................
จะไดวา ลูกฟุตบอลมีรัศมียาวเทากับครึ่งหนึ่งของความยาวดานของกลองกระดาษ
...................................................................................................................................................................................................................................................
นั่นคือ ลูกฟุตบอลมีรัศมียาวเทากับ 222 = 11 เซนติเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
จากสูตร ปริมาตรของทรงกลม เทากับ 43 × π × (ความยาวรัศมี)3
...................................................................................................................................................................................................................................................
จะได ปริมาตรของลูกฟุตบอล เทากับ 43 × π × (11)3
...................................................................................................................................................................................................................................................
≈ 5,577.52 ลูกบาศกเซนติเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ลูกฟุตบอลลูกนี้มีปริมาตรประมาณ 5,577.52 ลูกบาศกเซนติเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................

93
Summary
1. การเขียนเศษสวนในรูปทศนิยมซํ้า และการเขียนทศนิยมซํ้าในรูปเศษสวน
1) การเขียนเศษสวนใหอยูในรูปทศนิยม ทําไดโดยนําตัวสวนไปหารตัวเศษ เชน
เขียน 34 ใหอยูในรูปทศนิยมไดโดยนํา 4 ไปหาร 3 จะได 0.75
• หากทศนิยมทีไ่ ดจากการหารเปนทศนิยมซํา้ โดยซํา้ หนึง่ ตําแหนงใหเขียน ไวเหนือ •

เลขโดดทีซ่ าํ้ นัน้ เชน 2.333... เขียนแทนดวยสัญลักษณ 2.3 อานวา สองจุดสาม สามซํา้
• หากเปนทศนิยมซํา้ ตัง้ แตสองตําแหนงขึน ้ ไปใหเขียน ไวเหนือเลขโดดทีซ่ าํ้ ตัวแรกและ

• •
ตัวสุดทาย เชน 8.070707... เขียนแทนดวยสัญลักษณ 8.07 อานวา แปดจุดศูนยเจ็ด
ศูนยเจ็ดซํ้า
2) การเขียนทศนิยมซํ้าใหอยูในรูปเศษสวน
(1) ทศนิยมซํ้าศูนย
การเขียนทศนิยมซํา้ ศูนยใหอยูใ นรูปเศษสวน สามารถใชความสัมพันธระหวางเศษสวน
และทศนิยมได ดังนี้
ฉบับ เขียน 0.4 ใหอยูในรูปเศษสวน
เฉลย
0.4 = 104 ÷ 2

= 25 4 2
10 = 5
ดังนั้น 0.4 = 25 ÷ 2

(2) ทศนิยมซํ้าที่ไมใชทศนิยมซํ้าศูนย
ทศนิยมซํ้าตั้งแตตําแหนงที่หนึ่งใหพิจารณา ดังนี้
0.5 = 59

ทศนิยมซํ้าหนึ่งตําแหนง และซํ้าตั้งแตตําแหนงที่หนึ่ง
ตัวสวนใส 9 หนึ่งตัว ตัวเศษเทากับ
0.12 = 12
• •

99 เลขโดดที่เปนตัวซํ้า
ทศนิยมซํ้าสองตําแหนง และซํ้าตั้งแตตําแหนงที่หนึ่ง
ตัวสวนใส 9 สองตัว
0.231 = 231
• •

999
ทศนิยมซํ้าสามตําแหนง และซํ้าตั้งแตตําแหนงที่หนึ่ง
ตัวสวนใส 9 สามตัว
94
ทศนิยมซํา้ ตัง้ แตตาํ แหนงทีส่ องเปนตนไป ใหแยกพิจารณาตัวเศษกับตัวสวนของเศษสวน ดังนี้
0.37•
= 34 = 379 -0 3 จํานวนที่นํามาลบ คือ 3 ซึ่งเปนเลขโดดที่ไมซํ้าของ 0.37

90
มี 9 หนึ่งตัว เมื่อทศนิยมซํ้า มี 0 หนึ่งตัว เมื่อทศนิยมซํ้า
มีเลขโดดที่ซํ้า 1 ตัว มีเลขโดดที่ไมซํ้า 1 ตัว

0.317 = • 286 = 317 - 31 จํานวนทีน่ าํ มาลบ คือ 31 ซึง่ เปนเลขโดดทีไ่ มซาํ้ ของ 0.317

900 9 00
มี 9 หนึ่งตัว เมื่อทศนิยมซํ้า มี 0 สองตัว เมื่อทศนิยมซํ้า
มีเลขโดดที่ซํ้า 1 ตัว มีเลขโดดที่ไมซํ้า 2 ตัว

1 540 545 - 5 • •
• •
1.545 = จํานวนที่นํามาลบ คือ 5 ซึ่งเปนเลขโดดที่ไมซํ้าของ 1.545
990 = 1 99 0
มี 9 สองตัว เมื่อทศนิยมซํ้า มี 0 หนึ่งตัว เมื่อทศนิยมซํ้า
มีเลขโดดที่ซํ้า 2 ตัว มีเลขโดดที่ไมซํ้า 1 ตัว

6.43807 = 6 43,764
• • 43,807 - 43
99,900 = 6 99,9 00

จํานวนทีน่ าํ มาลบ คือ 43 ซึง่ เปนเลขโดดทีไ่ มซาํ้ ของ 6.43807

ฉบับ
เฉลย
มี 9 สามตัว เมื่อทศนิยมซํ้า มี 0 สองตัว เมื่อทศนิยมซํ้า
มีเลขโดดที่ซํ้า 3 ตัว มีเลขโดดที่ไมซํ้า 2 ตัว

2. รากที่สองและรากที่สามของจํานวนตรรกยะ
รากที่สอง รากที่สาม
ความสัมพันธระหวาง ยกกําลังสอง ยกกําลังสาม
เลขยกกําลัง 2, -2 4 2 8
กับรากที่สองหรือ
รากที่สาม รากที่สอง รากที่สาม
บทนิยาม ให a แทนจํานวนตรรกยะหรือศูนย ให a แทนจํานวนตรรกยะหรือศูนย
รากทีส่ องของ a คือ จํานวนทีย่ กกําลังสอง รากทีส่ ามของ a คือ จํานวนทีย่ กกําลังสาม
แลวเทากับ a แลวเทากับ a
สัญลักษณ a แทนรากที่สองที่เปนบวกของ a 3a
- a แทนรากที่สองที่เปนลบของ a
การหาคารากโดยการ แยกตัวประกอบของจํานวนนั้น แลวจัด แยกตัวประกอบของจํานวนนั้น แลวจัด
แยกตัวประกอบ ใหอยูในรูปผลคูณของจํานวนที่เทากัน ใหอยูในรูปผลคูณของจํานวนที่เทากัน
สองจํานวน สามจํานวน

95
รากที่สอง รากที่สาม
การหาคารากโดยการ ขั้นที่ 1 หาจํานวนเต็มบวกสองจํานวน ขั้นที่ 1 หาจํานวนเต็มบวกสองจํานวน
ประมาณคา ที่เรียงกัน ซึ่งกําลังสองของจํานวนทั้ง ที่เรียงกัน ซึ่งกําลังสามของจํานวนทั้ง
สองตองมีจํานวนที่นอยกวากับจํานวน สองตองมีจํานวนที่นอยกวากับจํานวน
ที่มากกวาจํานวนที่ตองการหาคาราก ที่มากกวาจํานวนที่ตองการหาคารากที่
ทีส่ องและมีคา ใกลเคียงจํานวนทีต่ อ งการ สามและมีคาใกลเคียงจํานวนที่ตองการ
หาคารากที่สองมากที่สุด หาคารากที่สามมากที่สุด
ขั้นที่ 2 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจาก ขั้นที่ 2 หาคาเฉลี่ยของจํานวนที่ไดจาก
ขั้นที่ 1 แลวนําคาเฉลี่ยที่ไดมายกกําลัง ขั้นที่ 1 แลวนําคาเฉลี่ยที่ไดมายกกําลัง
สอง พิจารณาวามากกวาหรือนอยกวา สาม พิจารณาวามากกวาหรือนอยกวา
จํานวนที่ตองการหารากที่สอง จํานวนที่ตองการหารากที่สาม
ถามากกวา ใหนําจํานวนที่นอยกวา ถามากกวา ใหนําจํานวนที่นอยกวา
กับจํานวนทีเ่ ปนคาเฉลีย่ มาหาคาเฉลีย่ กับจํานวนทีเ่ ปนคาเฉลีย่ มาหาคาเฉลีย่
แลวนําไปยกกําลังสอง แลวนําไปยกกําลังสาม
ถานอยกวา ใหนําจํานวนที่เปนคา ถานอยกวา ใหนําจํานวนที่เปนคา
เฉลี่ยกับจํานวนที่มากกวามาหาคา เฉลี่ยกับจํานวนที่มากกวามาหาคา
เฉลี่ย แลวนําไปยกกําลังสอง เฉลี่ย แลวนําไปยกกําลังสาม
ขั้นที่ 3 ทําขั้นที่ 2 ซํ้าอีกจนไดจํานวน ขั้นที่ 3 ทําขั้นที่ 2 ซํ้าอีกจนไดจํานวน
ฉบับ ที่ มี ค  า ใกล เ คี ย งกั บ จํ า นวนที่ นํ า มาหา ที่ มี ค  า ใกล เ คี ย งกั บ จํ า นวนที่ นํ า มาหา
เฉลย รากที่สอง รากที่สาม
การหาคารากโดยใช กดปุม ตามดวยจํานวนที่ตองการ กดปุม SHIFT ตามดวยจํานวนที่
เครื่องคิดเลข หารากที่สอง จากนั้นกด = ตองการหารากที่สาม จากนั้นกด =
3. จํานวนจริง
จํานวนตรรกยะ หมายถึง จํานวนที่สามารถเขียนในรูปทศนิยมซํ้าหรือเศษสวน a เมื่อ
b
a และ b เปนจํานวนเต็ม โดยที่ b 0
จํานวนอตรรกยะ หมายถึง จํานวนที่ไมสามารถเขียนในรูปทศนิยมซํ้าหรือเศษสวน a เมื่อ
b
a และ b เปนจํานวนเต็ม โดยที่ b 0
แผนภาพแสดงความสัมพันธ
จํานวนจริง

จํานวนตรรกยะ จํานวนอตรรกยะ

ทศนิยมรูจบ ทศนิยมซํ้า ทศนิยมไมรูจบ


เชน 2, - 4, 94 , -3 18 เชน 13 , - 123 22
99 , 7 เชน 12, -3 2, π

96
4. สมบัติของจํานวนจริง
1) สมบัติของหนึ่งและศูนย
กําหนดให a และ b แทนจํานวนจริงใด ๆ
(1) สมบัติของศูนย (2) สมบัติของหนึ่ง
a+0=0+a=a a×1=1×a=a
a×0=0×a=0 a÷1=a
0 ÷ a = 0 เมื่อ a 0
2) สมบัติเกี่ยวกับการบวกและการคูณจํานวนจริง
กําหนดให a และ b แทนจํานวนจริงใด ๆ
(1) สมบัติการสลับที่ (2) สมบัติการเปลี่ยนหมู
a+b=b+a (a + b) + c = a + (b + c)
a×b=b×a (a × b) × c = a × (b × c)
(3) สมบัติการแจกแจง
a × (b + c) = (a × b) + (a × c)
(b + c) × a = (b × a) + (c × a) ฉบับ
เฉลย

97
Review Exercise 2
1. เขียนเศษสวนในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปทศนิยม
1) 137
20 6.85 2) 11
60 0.1833...
20 137.00
……………………………………………………………………………….. 60 11.0000
………………………………………………………………………………..
120
……………………………………………………………………………….. 60
………………………………………………………………………………..
17 0
……………………………………………………………………………….. 5 00
………………………………………………………………………………..
16 0
……………………………………………………………………………….. 4 80
………………………………………………………………………………..
1 00
……………………………………………………………………………….. 200
………………………………………………………………………………..
1 00
……………………………………………………………………………….. 180
………………………………………………………………………………..
0
……………………………………………………………………………….. 200
………………………………………………………………………………..
ดังนั้น 137
20 = 6.85
……………………………………………………………………………….. 180
………………………………………………………………………………..

……………………………………………………………………………….. 20
………………………………………………………………………………..
ฉบับ ……………………………………………………………………………….. ดังนั้น 11
60 = 1.1833...
………………………………………………………………………………..
เฉลย
2. เขียนทศนิยมในแตละขอตอไปนี้ใหอยูในรูปเศษสวน
• •
1) 3.69 2) 8.705
69 8.705 = 8 + 705
• •
3.69 = 3 + 100
……………………………………………………………………………….. 999
………………………………………………………………………………..
69
= 3 100
……………………………………………………………………………….. = 8 + 235
333
………………………………………………………………………………..
69
ดังนั้น 3.69 = 3 100
………………………………………………………………………………..
235
= 8 333
………………………………………………………………………………..
ดังนั้น 8.705 = 8 235
• •
……………………………………………………………………………….. 333
………………………………………………………………………………..

……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
• • •
3) -19.83 4) 37.9011
• • • • • •
-19.83 = -(19 + 0.83)
……………………………………………………………………………….. 37.9011 = 37 + 0.9011
………………………………………………………………………………..
= -(19 + 8390- 8 )
……………………………………………………………………………….. = 37 + 9,011 -9
9,990
………………………………………………………………………………..
= -(19 + 75
90 )
……………………………………………………………………………….. = 37 + 9,002
9,990
………………………………………………………………………………..
= -19 56
………………………………………………………………………………..
4,501
= 37 4,995
………………………………………………………………………………..
ดังนั้น -19.83 = -19 56 ดังนั้น 37.9011 = 37 4,501
• • •
……………………………………………………………………………….. 4,995
………………………………………………………………………………..

98
3. หา 3 2.16 × 108 โดยใชวิธีแยกตัวประกอบ
2 216 เนื่องจาก 3 2.16 108 = 3 216 106
× ×
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
2 108 แยกตัวประกอบของ 216
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
2 54 จะไดวา 216 = 2 × 2 × 2 × 3 × 3 × 3
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
3 27 = (2 × 3) × (2 × 3) × (2 × 3)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
3 9 = 63
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
3 3 เนื่องจาก 216 × 106 = 63 × (102)3
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
1 = (6 × 102)3
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ดังนั้น ×
3 2.16 108 = 3 (6 102)3 = 6 102 = 600
× ×
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

4. หาผลลัพธของจํานวนตอไปนี้
1) 120 × (325 192
600 + 240) 2) ( 35 64
11 - 9 + 11) ÷ 24
= (120 325
× ×
192
600) + (120 240)
……………………………………………………………………………….. = (35 64
11 + 11 - 9) 24
÷
………………………………………………………………………………..

= 325
5 + 2
192
……………………………………………………………………………….. = (99
11 - 9) ÷ 24
………………………………………………………………………………..
ฉบับ
เฉลย
= 65 + 96
……………………………………………………………………………….. = (9 - 9) ÷ 24
………………………………………………………………………………..

= 161
……………………………………………………………………………….. = 0 ÷ 24
………………………………………………………………………………..

……………………………………………………………………………….. = 0
………………………………………………………………………………..

(- 47 ) - (- 25 )
2 3
5. หาผลลัพธของ 3 8 โดยใชเครื่องคิดเลข
64
- 625 ÷ - 125
4 2
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
2 3
(- 7 ) - (- 5 )
สามารถหาคําตอบของ ไดโดยการกดปุมบนเครื่องคิดเลขตามลําดับ ดังนี้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
64 ÷ 3 - 8
- 625 125
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
( ( - 4 ÷ 7 ) 2 - ( - 2 ÷ 5 )
x 3 ) ÷ ( -
SHIFT x
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
( 6 4 ÷ 6 2 5 ) ÷ SHIFT ( - 8 ÷ 1 2 5 ) ) =
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

4 2
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
2 3
(- 7 ) - (- 5 )
ดังนั้น ≈ 0.4882
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
64 ÷ 3 - 8
- 625 125
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

99
6. หาจํานวนที่รากที่สองและรากที่สามของจํานวนนั้นมีคาเทากัน พรอมอธิบาย
ให a แทนจํานวนที่รากที่สองและรากที่สามของจํานวนนั้นมีคาเทากัน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

จากนิยามของรากที่สอง รากที่สองของ a คือ จํานวนที่ยกกําลังสองแลวเทากับ a


…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

และจากนิยามของรากที่สาม รากที่สามของ a คือ จํานวนที่ยกกําลังสามแลวเทากับ a


…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

จะไดวา a = ( a)2 = (3 a)3


…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ซึ่ง 0 = ( 0)2 = (3 0)3 และ 1 = ( 1)2 = (3 1)3


…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ดังนั้น จํานวนที่รากที่สองและรากที่สามของจํานวนนั้นมีคาเทากัน ไดแก 0 และ 1


…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

7. หากตองการทําภาชนะพลาสติกรูปทรงกระบอกเพือ่ บรรจุลกู อมทรงกลมทีม่ ปี ริมาตร


310.464 ลูกบาศกมลิ ลิเมตร จํานวน 9 เม็ด ดังรูป ภาชนะนัน้ ควรมีขนาดเปนอยางไร
ใหลูกอมทรงกลมมีรัศมียาว a มิลลิเมตร
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ฉบับ เนื่องจากลูกอมมีปริมาตร 310.464 ลูกบาศกมิลลิเมตร


……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
เฉลย
จากสูตรปริมาตรทรงกลม เทากับ 43 × π × (ความยาวรัศมี)3
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

310.464 = 43 × π × r3
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

r3 ≈ 310.464 × 21
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
88
3
r ≈ 74.088
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

r ≈ 4.2
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

จะไดวา ลูกอมมีรัศมียาวประมาณ 4.2 มิลลิเมตร


……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

จากรูป ภาชนะบรรจุลูกอมรูปทรงกระบอกจะมีรัศมียาวมากกวาลูกอม และมีความสูงมากกวาลูกอม


…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

9 เม็ด เรียงตอกันจึงจะสามารถบรรจุลูกอมได
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

จะไดวา ลูกอม 9 เม็ด เรียงตอกัน ยาวเทากับ ความยาวเสนผานศูนยกลางของลูกอม × 9


…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
≈ (2 × 4.2) × 9
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
= 8.4 × 9
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
= 75.6
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ดังนั้น ภาชนะรูปทรงกระบอกควรมีรัศมียาวมากกวา 4.2 มิลลิเมตร และมีความสูงมากกวา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
75.6 มิลลิเมตร เพื่อที่จะสามารถบรรจุลูกอมได 9 เม็ด
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

100
Challenge Yourself
1. กําหนด x - 3 + (y + 2)2 = 0 ใหหาคาของ x และ y
เนื่องจาก - 3 และ (y + 2)2 ไมสามารถเปนจํานวนลบได
x
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
จะไดวา x - 3 = 0 และ (y + 2)2 = 0
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
x - 3 = 0 และ y+2 = 0
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
x = 3 และ y = -2
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ดังนั้น x = 3 และ y = -2
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ฉบับ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
เฉลย
2. กําหนด 0.00 = 101 เลขโดดใน

ควรเปนจํานวนใด

พิจารณา 0.00 จะเห็นวา เปนทศนิยมซํ้า 1 ตําแหนง โดยซํ้าตั้งแตตําแหนงที่สาม
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
0.00 = 101

เนื่องจาก
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

0.00 = 100 1
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
1
900 = 100
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
9
900 = 900
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ดังนั้น เลขโดดใน คือ 9
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

101
ฉบับ
เฉลย

102
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3
พหุนาม
นั ก มายากลได แ สดงมายากลโดยหยิ บ เหรี ย ญหนึ่ ง บาท
มาทั้งหมด 12 เหรียญ จากนั้นแบงเหรียญเปน 2 กอง กองที่
หนึ่งใหเหรียญหงายหัวจํานวน 5 เหรียญ และกองที่สองให
เหรียญหงายกอยจํานวน 7 เหรียญ เมื่อแบงเสร็จ นักมายากล
ไดนําเหรียญทั้งสองกองมารวมกันแลว โดยที่เหรียญแตละ
เหรียญยังคงหงายหนาเหมือนเดิม จากนัน้ เขาไดนาํ ผามาปดตา
ตัวเองไว แลวแบงเหรียญทั้งหมดออกเปน 2 กองอีกครั้ง โดย
กองทีห่ นึง่ มีจาํ นวน 5 เหรียญ และกองทีส่ องมีจาํ นวน 7 เหรียญ เฉลย ฉบับ
ซึง่ เขาจะไมเห็นวาเหรียญแตละกองหงายหนาอะไรบาง เมือ่ แบง
เสร็จ จึงพลิกเหรียญกองที่มีจํานวน 5 เหรียญทั้งหมด แลวเขา
ไดกลาวกับผูช มในขณะทีป่ ด ตาอยูว า “ตอนนีท้ งั้ สองกองมีเหรียญ
ที่หงายหัวจํานวนเทากัน” โดยผูชมจะพบวาเปนไปตามที่เขา
กลาวไว สรางความประหลาดใจใหกับผูชมทุกคน แตทราบ
หรือไมวา สามารถใชความรูเกี่ยวกับพหุนามชวยในการอธิบาย
หลักการของการแสดงชุดนี้ได
ตัวชี้วัด
• เขาใจหลักการดําเนินการของพหุนามและใชพหุนามในการแกปญหา
คณิตศาสตร (ค 1.2 ม.2/1)
สาระการเรียนรูแกนกลาง
• พหุนาม
• การบวก การลบ และการคูณของพหุนาม
• การหารพหุนามดวยเอกนามที่มีผลหารเปนพหุนาม

103
3.1 นิพจนพีชคณิต
พีชคณิต คือ คณิตศาสตรแขนงหนึง่ ทีม่ กี ารใชสญั ลักษณตา ง ๆ หรือตัวอักษร เพือ่ แทนจํานวน
ซึ่งสัญลักษณหรือตัวอักษรเหลานั้น เราเรียกวา ตัวแปร โดยทั่วไปจะนิยมเขียนแทนตัวแปรดวย
ตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพเล็ก
1. สัญลักษณทางพีชคณิต
ตัวอยางการใชสัญลักษณในทางพีชคณิต สามารถศึกษาไดจากตารางตอไปนี้
สมการ สมการพีชคณิต
ผลรวมของ 2 กับ 3 a + b = b + a = c ผลรวมของ a กับ b
2+3=3+2=5 (หรือ 3 กับ 2) เทากับ 5 (หรือ b กับ a) เทากับ c
ผลตางระหวาง a กับ b
ผลตางระหวาง 6 กับ 5
6-5=1 a-b=c เทากับ c เมื่อ
ฉบับ เทากับ 1 a มากกวา b
เฉลย
a × b = b × a = c ผลคูณของ a กับ b
3 × 5 = 5 × 3 = 15 ผลคูณของ 3 กับ 5
(หรือ 5 กับ 3) เทากับ 15 เรามั กจะเขียนในรูป (หรือ b กับ a) เทากับ c
ab = c หรือ ba = c
3 × 3 = 32 = 9 3 ยกกําลังสองเทากับ 9 a × a = a2 a ยกกําลังสองเทากับ a2
3
3 × 3 × 3 = 3 = 27 3 ยกกําลังสามเทากับ 27 a × a × a = a3 a ยกกําลังสามเทากับ a3
24 หาร 3 a หาร b มีผลหารเทากับ
24 ÷ 3 = 24 × 13 = 8 มีผลหารเทากับ 8 a ÷ b = a × 1b = c c เมื่อ b 0

2. นิพจนพีชคณิต
พิจารณาพจนพชี คณิต 3a เลข 3 ขางหนาตัวแปร a เปนสัมประสิทธิข์ อง a ในทํานองเดียวกัน
สัมประสิทธิ์ของ ab ใน 18ab คือ 18 และสัมประสิทธิ์ของ abc ใน 45abc คือ 45 นักเรียนคิดวา
สัมประสิทธิ์ของ a3 ใน -25a3 คือจํานวนใด
นิพจนพีชคณิต คือ การนําพจนพีชคณิตหลาย ๆ พจนมาประกอบกัน โดยใชเครื่องหมายการ
ดําเนินการทางคณิตศาสตร (+, -, ×, ÷) เปนตัวเชื่อม ซึ่งจะไมมีเครื่องหมายเทากับอยูในนิพจน
พจนที่นํามาประกอบกันนั้นอาจจะเปนพจนที่เปนตัวแปรหรือพจนที่เปนคาคงตัวก็ได เชน

104
ATTENTION
เปนนิพจนที่ประกอบดวย 1 พจน ไดแก 5x
1 ตัวแปร ไดแก x พจนที่มีตัวแปรเหมือนกัน
5x และตัวแปรที่เหมือนกันนั้น
0 คาคงตัว
โดยตัวแปร x มีเลขชี้กําลังเปน 1 และมีสัมประสิทธิ์ คือ 5 มีเลขชีก้ าํ ลังเทากัน เราเรียก
พจนนั้นวา พจนที่คลายกัน
เปนนิพจนที่ประกอบดวย 2 พจน ไดแก 2x และ 3 เชน 2x กับ 5x, 7y2 กับ
1 ตัวแปร ไดแก x -3y2 และ x3y กับ 4x3y
2x + 3
1 คาคงตัว ไดแก 3
โดยตัวแปร x มีเลขชี้กําลังเปน 1 และมีสัมประสิทธิ์ คือ 2
เปนนิพจนที่ประกอบดวย 3 พจน ไดแก x2, -3y และ 1
2 ตัวแปร ไดแก x และ y
x2 - 3y + 1
1 คาคงตัว ไดแก 1
โดยตัวแปร x มีเลขชี้กําลังเปน 2 และมีสัมประสิทธิ์ คือ 1
ตัวแปร y มีเลขชี้กําลังเปน 1 และมีสัมประสิทธิ์ คือ -3
เปนนิพจนที่ประกอบดวย 2 พจน ไดแก 6xy3 และ 1
2 ตัวแปร ไดแก x และ y ฉบับ
6xy3 + 1 1 คาคงตัว ไดแก 1 เฉลย
โดยตัวแปร x ที่มีเลขชี้กําลังเปน 1 คูณกับตัวแปร y
ที่มีเลขชี้กําลังเปน 3 และมีสัมประสิทธิ์ คือ 6

นิพจนทสี่ ามารถเขียนใหอยูใ นรูปการคูณกันของคาคงตัวกับตัวแปรตัง้ แตหนึง่ ตัวขึน้ ไป


และเลขชี้กําลังของตัวแปรแตละตัวเปนศูนยหรือจํานวนเต็มบวก เรียกวา เอกนาม

นิพจนที่อยูในรูปเอกนาม หรือเขียนใหอยูในรูปการบวกของเอกนามตั้งแต
สองเอกนามขึ้นไป เรียกวา พหุนาม

จากตารางจะไดวา
5x เปนเอกนาม
2x + 3 เปนพหุนามที่เกิดจากการบวกของเอกนามสองเอกนาม
6xy3 + 1 เปนพหุนามที่เกิดจากการบวกของเอกนามสองเอกนาม
x2 - 3y + 1 สามารถเขียนในรูปการบวกกันของเอกนามสามเอกนามไดเปน x2 + (-3y) + 1
x2 - 3y + 1 จึงเปนพหุนามที่เกิดจากการบวกของเอกนามสามเอกนาม

105
Thinking Time
1. 0 เปนเอกนามหรือไม เพราะเหตุใด
0...................................................................................................................................................................................................................................................
เปนเอกนาม เพราะสามารถเขียนใหอยูใ นรูปการคูณกันของคาคงตัวกับตัวแปรตัง้ แตหนึง่ ตัวขึน้ ไป และ
เลขชี ้กําลังของตัวแปรแตละตัวเปนศูนยหรือจํานวนเต็มบวกได เชน 0x, 0x2
...................................................................................................................................................................................................................................................

2. เอกนาม 5x และ 3xy2 สามารถเขียนใหอยูในรูปการบวกของเอกนามตั้งแตสองเอกนาม


ขึ้นไปไดหรือไม จากนั้นพิจารณาวา 5x และ 3xy2 เปนพหุนามหรือไม อยางไร
x และ 3xy2 สามารถเขียนใหอยูในรูปการบวกของเอกนามตั้งแตสองเอกนามขึ้นไปได เชน 5x + 0,
5...................................................................................................................................................................................................................................................
xy2 + 0 ดังนั้น 5x และ 3xy2 จึงเปนพหุนาม
3...................................................................................................................................................................................................................................................
3. จากขอ 1. และขอ 2. สามารถสรุปไดวาอยางไร
เอกนามทุ กเอกนามสามารถเขียนใหอยูในรูปการบวกของเอกนามตั้งแตสองเอกนามขึ้นไป
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดั...................................................................................................................................................................................................................................................
งนั้น เอกนามทุกเอกนามจึงเปนพหุนาม

ฉบับ Worked Example 1


เฉลย
นิพจนในแตละขอตอไปนี้เปนพหุนามหรือไม เพราะเหตุใด
1) 2a3 2) -6x2y5 3) 7b ATTENTION

4) 4p - 2q4 5) x2 - 3y + z 6) 3m-1 + 23 + 4 พหุ น ามที่ ไ ม มี พ จน ที่ ค ล า ยกั น เลย


n เรี ย กว า พหุ น ามในรู ป ผลสํ า เร็ จ
วิธีทํา เชน 4p - 2q ไมมีพจนที่คลายกัน
1) 2a3 มี 2 เปนคาคงตัว และมี a เปนตัวแปร จึงเปนพหุนามในรูปผลสําเร็จ สวน
4p - 2p มี 4p และ 2p เปนพจนที่
ที่มีเลขชี้กําลังเปน 3 ดังนั้น 2a3 เปนพหุนาม คลายกัน ทําให 4p - 2p ไมเปนพหุนาม
2) -6x2y5 มี -6 เปนคาคงตัว มี x เปนตัวแปร ในรูปผลสําเร็จ
ที่มีเลขชี้กําลังเปน 2 และมี y เปนตัวแปร ATTENTION
ที่มีเลขชี้กําลังเปน 5 ดังนั้น -6x2y5 เปนพหุนาม ผลบวกของเลขชี้กําลังของตัวแปร
3) 7b สามารถเขียนในรูปการคูณไดเปน 7b-1 แตละตัวในเอกนาม เรียกวา ดีกรี
มีเลขชี้กําลังของตัวแปร b เปน -1 ซึ่งไมใชศูนย ของเอกนาม เชน -6x2y5 มีผลบวก
หรือจํานวนเต็มบวก ดังนั้น 7b ไมเปนพหุนาม ของเลขชี้กําลังของตัวแปรแตละตัว
คือ 2 + 5 = 7 นั่นคือ -6x2y5 มีดีกรี
เทากับ 7

106
ATTENTION
4) 4p - 2q4 สามารถเขียนในรูปการบวกกันของเอกนาม
ดี ก รี สู ง สุ ด ของพหุ น ามที่ อ ยู  ใ นรู ป
สองเอกนาม ไดเปน 4p + (-2q4) ผลสํ า เร็ จ ที่ ไ ม มี พ จน ที่ ค ล า ยกั น
ดังนั้น 4p - 2q4 เปนพหุนาม เรียกวา ดีกรีของพหุนาม เชน 4p - 2q4
4
5) x2 - 3y + z สามารถเขียนในรูปการบวกกันของเอกนาม ซึ่ง 4p มีดีกรีเทากับ 1 และ 4 2q มี
ดีกรีเทากับ 4 ดังนั้น 4p - 2q มีดีกรี
สามเอกนาม ไดเปน x2 + (-3y) + z เทากับ 4
ดังนั้น x2 - 3y + z เปนพหุนาม
6) 23 สามารถเขียนในรูปการคูณไดเปน 2n-3 มีเลขชี้กําลังของตัวแปร n เปน -3 ซึ่งไมใชศูนย
n
หรือจํานวนเต็มบวก และ 3m-1 มีเลขชี้กําลังของตัวแปร m เปน -1 ซึ่งไมใชศูนยหรือ
จํานวนเต็มบวก
ดังนั้น 3m-1 + 23 + 4 ไมเปนพหุนาม
n
Similar Questions
Practice Now Exercise 3A ขอ 1-3
นิพจนในแตละขอตอไปนี้เปนพหุนามหรือไม เพราะเหตุใด
1) 5x-4 ฉบับ
5x-4 มี 5 เปนคาคงตัว มีเลขชี้กําลังของตัวแปร x เปน -4 ซึ่งไมใชศูนยหรือจํานวนเต็มบวก
................................................................................................................................................................................................................................................... เฉลย
ดังนั้น 5x-4 ไมเปนพหุนาม
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

2) 3a-2
b3a
สามารถเขียนในรูปการคูณไดเปน 3ab2 มี 3 เปนคาคงตัว มี a เปนตัวแปรที่มีเลขชี้กําลังเปน 1
...................................................................................................................................................................................................................................................
-2
b
และมี b เปนตัวแปรที่มีเลขชี้กําลังเปน 2
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น 3a-2 เปนพหุนาม
...................................................................................................................................................................................................................................................
b
3) 25 m3 - 1-2
n
2 m3 มี 2 เปนคาคงตัว มี m เปนตัวแปรที่มีเลขชี้กําลังเปน 3
...................................................................................................................................................................................................................................................
51 5
สามารถเขียนในรูปการคูณไดเปน -n2 มี -1 เปนคาคงตัว มีเลขชี้กําลังของตัวแปร n เปน 2
-...................................................................................................................................................................................................................................................
-2
n
ดังนั้น 25 m3 - 1-2 เปนพหุนาม
...................................................................................................................................................................................................................................................
n
4) 3 5 + q - 6r
4p3
สามารถเขียนในรูปการคูณไดเปน 34 p-5 มี 34 เปนคาคงตัว
...................................................................................................................................................................................................................................................
5
4p
มีเลขชี้กําลังของตัวแปร p เปน -5 ซึ่งไมใชศูนยหรือจํานวนเต็มบวก
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น 3 5 + q - 6r ไมเปนพหุนาม
...................................................................................................................................................................................................................................................
4p
107
ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปที่ 1 นักเรียนเคยใชบัตรตัวเลขและบัตรตัวแปรชวยในการบวกและ
การลบจํานวนเต็มมาแลว ทําใหทราบวาบัตรตัวเลขมี 2 ดาน ถาดานหนึ่งแสดงจํานวน 1 อีกดาน
หนึ่งจะแสดงจํานวน -1 ซึ่งเปนจํานวนตรงขามกัน
1 -1
ดานหนา ดานหลัง
ในทํานองเดียวกัน บัตรตัวแปรที่ดานหนึ่งแสดงตัวแปร x อีกดานหนึ่งจะแสดงตัวแปร -x
x -x
ดานหนา ดานหลัง
เพื่อใหไดจํานวนลบของ x เราจะพลิกดานบัตรตัวแปรที่แสดงตัวแปร x ดังนี้
พลิก
x -x จะไดวา -(x) = -x
เพื่อใหไดจํานวนลบของ -x เราจะพลิกดานบัตรตัวแปรที่แสดงตัวแปร -x ดังนี้
ฉบับ พลิก
เฉลย -x x จะไดวา -(-x) = x
ถาจับคูบัตรตัวแปร x กับบัตรตัวแปร -x เขาดวยกัน เราจะไดคูที่เปนศูนย 1 คู
x -x จะไดวา x + (-x) = 0
เราสามารถใชบตั รตัวเลขและบัตรตัวแปร เพือ่ แสดงพจนทเี่ ปนพีชคณิตได เชน ใชบตั รตัวแปร
x 3 ใบ เพื่อแสดง 3x
x x x 3x = x + x + x
ใชบัตรตัวแปร -x 3 ใบ เพื่อแสดง -3x
-x -x -x -3x = (-x) + (-x) + (-x)
เพื่อใหไดจํานวนลบของ 3x เราจะพลิกดานบัตรตัวแปรที่แสดงตัวแปร x ทั้ง 3 ใบ ดังนี้
พลิก
x x x -x -x -x จะไดวา -(3x) = -3x
เพื่อใหไดจํานวนลบของ -3x เราจะพลิกดานบัตรตัวแปรที่แสดงตัวแปร -x ทั้ง 3 ใบ ดังนี้
พลิก
-x -x -x x x x จะไดวา -(-3x) = 3x

108
ถารวมบัตรตัวแปร x 3 ใบ กับบัตรตัวแปร -x 3 ใบ เขาดวยกัน เราจะไดคทู เี่ ปนศูนย 3 คู
x -x
x -x คูที่เปนศูนย จะไดวา 3x + (-3x) = 0
x -x
ในทํานองเดียวกับบัตรตัวแปร x เราสามารถนําเสนอตัวแปรอื่น ๆ ในรูปของบัตรตัวแปรได เชน
การนําเสนอบัตรตัวแปร x2 ดังตัวอยางตอไปนี้
x2 -x2
ดานหนา ดานหลัง
พลิก
x2 -x2 -(x2) = -x2
(เปลีี่ยนเครื่องหมาย)

-x2 พลิก x2 -(-x2) = x2


(เปลีี่ยนเครื่องหมาย)
ฉบับ
เฉลย
x2 -x2 x2 + (-x2) = 0

x2 x2 x2 3x 2 = x 2 + x 2 + x 2

-x2 -x2 -x2 -3x2 = (-x2) + (-x2) + (-x2)

พลิก
x2 x2 x2 -x2 -x2 -x2 -(3x2) = -3x2
(เปลีี่ยนเครื่องหมาย)

พลิก
-x2 -x2 -x2 x2 x2 x2 -(-3x2) = 3x2
(เปลีี่ยนเครื่องหมาย)

x2 -x2
x2 -x2 คูที่เปนศูนย 3x2 + (-3x2) = 0
x2 -x2

109
เราสามารถใชบัตรตัวเลขและบัตรตัวแปรในการแสดงนิพจนพีชคณิตได เชน
4x + 2
x x x x 1 1 4x + 2 = x + x + x + x + 1 + 1
x + 2y
x y y x + 2y = x + y + y
2 x2 + x - 3
x2 x2 x -1 -1 -1 2x2 + x - 3 = x2 + x2 + x + (-1) + (-1) + (-1)
-2x2 - x + 1
-x2 -x2 -x 1 -2x2 - x + 1 = (-x2) + (-x2) + (-x) + 1
3x 3 + 3
x3 x3 x3 1 1 1 3x3 + 3 = x3 + x3 + x3 + 1 + 1 + 1
ฉบับ
เฉลย
Thinking Time
สามารถใชบัตรตัวเลขและบัตรตัวแปรนําเสนอพหุนาม -2x3 - x2 + 5x - 1 และ 4x2 + 4y2 + 3
ไดวาอยางไร
-2 x3 - x2 + 5x - 1
..............................................................................................................................................................................................................................................................
-x3 -x3 -x2 x x x x x -1
..............................................................................................................................................................................................................................................................
-2 x3 - x2 + 5x - 1 = (-x3) + (-x3) + (-x2) + x + x + x + x + x + (-1)
..............................................................................................................................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................................................................................................
x2 + 4y2 + 3
4..............................................................................................................................................................................................................................................................
x2 x2 x2 x2 y2 y2 y2 y2 1 1 1
..............................................................................................................................................................................................................................................................
x2 + 4y2 + 3 = x2 + x2 + x2 + x2 + y2 + y2 + y2 + y2 + 1 + 1 + 1
4..............................................................................................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................................................................................................

110
Exercise 3A
Basic Level
1. นิพจนในแตละขอตอไปนี้เปนพหุนามหรือไม เพราะเหตุใด
3 2
1) x2 2) -a4cb
x3 มี 1 เปนคาคงตัว และมี เปนตัวแปรที่มี
x
………………………………………………………………………………..
-a2b สามารถเขียนในรูปการคูณไดเปน -a2bc-1
………………………………………………………………………………..
2 2 4c 4
เลขชี้กําลังเปน 3
………………………………………………………………………………..
1
มี - 4 เปนคาคงตัว มี a เปนตัวแปรทีม่ เี ลขชีก้ าํ ลัง
………………………………………………………………………………..
3
ดังนั้น x2 เปนพหุนาม
……………………………………………………………………………….. เปน 2 มี b เปนตัวแปรที่มีเลขชี้กําลังเปน 1
………………………………………………………………………………..

……………………………………………………………………………….. และมี c เปนตัวแปรที่มีเลขชี้กําลังเปน -1


………………………………………………………………………………..
2
……………………………………………………………………………….. ดังนั้น -a4cb ไมเปนพหุนาม
………………………………………………………………………………..
2
3) - 32 + 25 n4 4) 5pq - 2q - 4p
2 p-3 3q2
m
- 3 สามารถเขียนในรูปการคูณไดเปน
………………………………………………………………………………..
2 - 4p สามารถเขียนในรูปการคูณไดเปน - 43 pq-2
………………………………………………………………………………..
2
m -2 3q4
-3m มี -3 เปนคาคงตัว มี m เปนตัวแปร - 3 เปนคาคงตัว มี p เปนตัวแปรทีม่ เี ลขชีก้ าํ ลัง ฉบับ
มี………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………..
เฉลย
ที่มีเลขชี้กําลังเปน -2
……………………………………………………………………………….. เปน 1 และมี q เปนตัวแปรทีม่ เี ลขชีก้ าํ ลังเปน -2
………………………………………………………………………………..
2 2q 4p
ดังนั้น - 32 + 25 n4 ไมเปนพหุนาม
……………………………………………………………………………….. งนั้น 5pq
2 - p-3 - 3q2 ไมเปนพหุนาม
ดั………………………………………………………………………………..
m
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..

Intermediate Level
2. เขียนนิพจนที่เปนเอกนามที่มี 3 ตัวแปร มีสัมประสิทธิ์เปน 67 และมีดีกรีเปน 4 มา 2 นิพจน
แนวตอบ 6 a2bc, 6 ab2c
...................................................................................................................................................................................................................................................
7 7
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

3. เขียนนิพจนที่เปนพหุนามที่มี 2 ตัวแปร มี 3 พจน และมีดีกรีเปน 6 มา 2 นิพจน


แนวตอบ x2y4 + 2x - 1, x2 - 3xy - y6
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

111
3.2 การบวกและการลบพหุนาม
1. การบวกเอกนาม
นักเรียนสามารถใชความรูเ กีย่ วกับพจนทคี่ ลายกัน บัตรตัวเลขและบัตรตัวแปร ชวยในการบวก
เอกนามได ดังนี้
ตัวอยาง 2x + 3x ATTENTION
x
x เอกนามที่ไมคลายกัน เชน 5x2
x
กับ 3xy ไมสามารถเขียนผลบวก
x x x ในรูปเอกนามได แตจะเขียนในรูป
x x x 5x2 + 3xy ซึ่งเปนพหุนามแทน
x
ดังนั้น 2x + 3x = 5x
ตัวอยาง 2x + (-3x)
ฉบับ
เฉลย -x -x -x
x -x x -x
x -x x -x คูที่เปนศูนย
ดังนั้น 2x + (-3x) = -x
ตัวอยาง -2x2 + 3x2
x2 x2 x2
-x2 x2 -x2 x2 คูที่เปนศูนย
-x2 x2 -x2 x2
ดังนั้น -2x2 + 3x2 = x2
ตัวอยาง -2x3 + (-3x3)
-x3
-x3 -x3
-x3 -x3 -x3
-x3 -x3 -x3
-x3
ดังนั้น -2x3 + (-3x3) = -5x3
112
จากตัวอยางที่กําหนดให สรุปไดวา

ผลบวกของเอกนามที่คลายกัน = ผลบวกของสัมประสิทธิ์ × ชุดของตัวแปรในเอกนาม

Practice Now
หาผลบวกของเอกนามในแตละขอตอไปนี้ โดยใชบัตรตัวเลขและบัตรตัวแปร
1) 3x + 4x 2) 3x + (-4x)
x
.............................................................................................................
-x -x -x
.............................................................................................................
x x
.............................................................................................................
x -x x -x
.............................................................................................................
x x x
.............................................................................................................
x -x x -x
.............................................................................................................
x x x x
.............................................................................................................
x -x x -x
.............................................................................................................
x x x x
.............................................................................................................
คูที่เปนศูนย
.............................................................................................................
งนั้น 3x + 4x = 7x
ดั............................................................................................................. งนั้น 3x + (-4x) = -x
ดั.............................................................................................................
ฉบับ
3) -3x2 + 4x2 4) -3x3 + (-4x3) เฉลย
x2 x2 x2
.............................................................................................................
-x3
.............................................................................................................
-x2 x2 -x2 x2
.............................................................................................................
-x3 -x3
.............................................................................................................
-x2 x2 -x2 x2
.............................................................................................................
-x3 -x3 -x3
.............................................................................................................
-x2 x2 -x2 x2
.............................................................................................................
-x3 -x3 -x3 -x3
.............................................................................................................
คูที่เปนศูนย
.............................................................................................................
-x3 -x3 -x3 -x3
.............................................................................................................
งนั้น -3x2 + 4x2 = x2
ดั............................................................................................................. ดังนั้น -3x3 + (-4x3) = -7x3
.............................................................................................................

Worked Example 2
หาผลบวกของเอกนามในแตละขอตอไปนี้
1) 7x + 11x 2) -8m3 + 4m3
3) 5ab2 + (-3ab2) 4) -2x3y2z + (-6x3y2z)
วิธีทํา
1) 7x + 11x = (7 + 11)x
= 18x

113
2) -8m3 + 4m3 = (-8 + 4)m3
= -4m3
3) 5ab2 + (-3ab2) = [5 + (-3)]ab2
= 2ab2
4) -2x3y2z + (-6x3y2z) = [-2 + (-6)]x3y2z
= -8x3y2z
Similar Questions
Practice Now Exercise 3B ขอ 1
หาผลบวกของเอกนามในแตละขอตอไปนี้
1) 6m + 4m
= (6 + 4)m
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 10m
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
เฉลย 2) p3 + (-p3)
= [1 + (-1)]p3
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 0
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

3) (-3x2y) + 5x2y
= (-3 + 5) 2y x
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 2x2y
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

4) -5ab2c3 + (-ab2c3)
= [-5 + (-1)]ab2c3
...................................................................................................................................................................................................................................................
= -6ab2c3
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

114
2. การลบเอกนาม
นักเรียนสามารถใชความรูเกี่ยวกับพจนที่คลายกัน บัตรตัวเลขและบัตรตัวแปร ชวยในการลบ
เอกนามได ดังนี้
ตัวอยาง 3x - 2x
x x
x นํ า ออกไป 2x
x
3x -2x x
ดังนั้น 3x - 2x = x
เนื่องจาก 3x + (-2x) = x จะไดวา 3x - 2x = 3x + (-2x) เราสามารถเขียนแทน 3x - 2x
ดวย 3x + (-2x) และใชบัตรตัวเลขและบัตรตัวแปรแทนไดวา
x x x
x -x x -x
x -x x -x
ฉบับ
คูที่เปนศูนย เฉลย
ตัวอยาง -3x - 2x -x
-x -x
-x -x -x
-x -x -x
-x
ดังนั้น -3x - 2x = -3x + (-2x) = -5x
ตัวอยาง 3x2 - (-2x2)
เนื่องจาก -(-2x2) = 2x2 จะไดวา 3x2 - (-2x2) = 3x2 + 2x2
x2
x2 x2
x2 x2 x2
x2 x2 x2
x2
ดังนั้น 3x2 - (-2x2) = 3x2 + 2x2 = 5x2

115
ตัวอยาง -3x3 - (-2x3)
เนื่องจาก -(-2x3) = 2x3 จะไดวา -3x3 - (-2x3) = -3x3 + 2x3
-x3 -x3 -x3
-x3 x3 -x3 x3
คูที่เปนศูนย
-x3 x3 -x3 x3

ดังนั้น -3x3 - (-2x3) = -3x3 + 2x3


= -x 3
จากตัวอยางที่กําหนดให สรุปไดวา

ผลลบของเอกนามที่คลายกัน = ผลลบของสัมประสิทธิ์ × ชุดของตัวแปรในเอกนาม

Practice Now
ฉบับ
เฉลย หาผลลบของเอกนามในแตละขอตอไปนี้ โดยใชบัตรตัวเลขและบัตรตัวแปร
1) 4x - 3x 2) 4x - (-3x)
x x x
............................................................................................................. เนื ่องจาก 4x - (-3x) = 4x + 3x
.............................................................................................................
x -x x -x x
............................................................................................................. .............................................................................................................
x -x x -x x x
............................................................................................................. .............................................................................................................
x -x x -x x x
............................................................................................................. .............................................................................................................
คูที่เปนศูนย x x
............................................................................................................. .............................................................................................................
ดังนั้น 4 - 3 = x x x
............................................................................................................. งนั้น 4x - (-3x) = 7x
ดั.............................................................................................................
3) -4x2 - 3x2 4) -4x3 - (-3x3)
เนื่องจาก -4 2 - 3 2 = -4 2 + (-3 2)
x x x x
............................................................................................................. เนื ่องจาก -4x3 - (-3x3) = -4x3 + 3x3
.............................................................................................................
-x2
.............................................................................................................
-x3 -x3 -x3
.............................................................................................................
-x2 -x2
.............................................................................................................
-x3 x3 -x3 x3
.............................................................................................................
-x2 -x2
.............................................................................................................
-x3 x3 -x3 x3
.............................................................................................................
-x2 -x2
.............................................................................................................
-x3 x3 -x3 x3
.............................................................................................................
ดังนั้น -4 2 - 3 2 = -7x x x 2
............................................................................................................. ดังนั้น -4 3 - (-3 3) = -
x x x 3
.............................................................................................................

116
Worked Example 3
หาผลลบของเอกนามในแตละขอตอไปนี้
1) 6x - 5x 2) -2m3 - 3m3
3) 4ab2 - (-7ab2) 4) -12x3y2z - (-9x3y2z)
วิธีทํา
1) 6x - 5x = (6 - 5)x ATTENTION

= x a - b = a + (-b) เมื่อ a, b
2) -2m3 - 3m3 = (-2 - 3)m3 แทนจํานวนจริงใด ๆ และ -b
เปนจํานวนตรงขามของ b
= -5m3
3) 4ab2 - (-7ab2) = [4 - (-7)]ab2
= 11ab2
4) -12x3y2z - (-9x3y2z) = [-12 - (-9)]x3y2z
= -3x3y2z ฉบับ
เฉลย
Similar Questions
Practice Now Exercise 3B ขอ 2
หาผลลบของเอกนามในแตละขอตอไปนี้
1) 4m - 9m
= (4 - 9)m
...................................................................................................................................................................................................................................................
= -5m
...................................................................................................................................................................................................................................................

2) 8n4 - (-2n4)
= [8 - (-2)]n4
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 10n4
...................................................................................................................................................................................................................................................

3) -13xy3 - 7xy3
= (-13 - 7) y3 x
...................................................................................................................................................................................................................................................
= -20xy3
...................................................................................................................................................................................................................................................

4) -ab2c3 - (-ab2c3)
= [-1 - (-1)]ab2c3
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 0
...................................................................................................................................................................................................................................................

117
3. การบวกพหุนาม
การหาผลบวกของพหุนามตั้งแต 2 พหุนามขึ้นไป ทําไดโดยนําพจนที่คลายกันในแตละ
พหุนามมาบวกกัน ซึ่งนักเรียนจะไดศึกษาจากตัวอยางตอไปนี้
ตัวอยาง (x - 1) + (2x - 3)
เนื่องจาก (x - 1) + (2x - 3) = x - 1 + 2x - 3
-1 จับกลุมพจนที่คลายกัน -1
x -1 x -1
x -1 x -1 x x -1 -1

x - 1 + 2x - 3 x + 2x - 1 - 3 = 3x - 4

ดังนั้น (x - 1) + (2x - 3) = x + 2x - 1 - 3 PROBLEM SOLVING TIP

= 3x - 4 x - 1+
ฉบับ
2x - 3
เฉลย 3x - 4

ตัวอยาง (-3x + y) + (-x - 4y)


เนื่องจาก (-3x + y) + (-x - 4y) = -3x + y - x - 4y
-y -y -x
-x -y จับกลุมพจนที่คลายกัน -x -y -x -y
-x -y -x -y -x -y
-x y -x -y -x -x y -y -x -y
คูที่เปนศูนย
-3x + y - x - 4y -3x - x + y - 4y -4x - 3y

ดังนั้น (-3x + y) + (-x - 4y) = -3x - x + y - 4y PROBLEM SOLVING TIP


= -4x - 3y -3x + y +
-x - 4y
-4x - 3y

118
ตัวอยาง (x2 - 3x - 1) + (2x2 + x + 2)
เนื่องจาก (x2 - 3x - 1) + (2x2 + x + 2) = x2 - 3x - 1 + 2x2 + x + 2
-x จับกลุมพจน -x x2
-x x2 1 ที่คลายกัน x2 -x 1 x2 -x
x2 -x -1 x2 x 1 x2 x2 -x x -1 1 x2 -x 1
คูที่เปนศูนย

x2 - 3x - 1 + 2x2 + x + 2 x2 + 2x2 - 3x + x - 1 + 2 3x2 - 2x + 1

ดังนั้น (x2 - 3x - 1) + (2x2 + x + 2) PROBLEM SOLVING TIP

= x2 + 2x2 - 3x + x - 1 + 2 x2 - 3 x - 1 +
= 3x2 - 2x + 1 2 x2 + x + 2
3 x2 - 2 x + 1
ฉบับ
เฉลย
ตัวอยาง (2x3 - x) + (-3x3 - 2x2) + (x3 + 3)
เนื่องจาก (2x3 - x) + (-3x3 - 2x2) + (x3 + 3) = 2x3 - x - 3x3 - 2x2 + x3 + 3
จับกลุมพจน 3 3
-x3 1 1 1
ที่คลายกัน x3 -x3
x3 -x3 -x2 1 x -x -x2 1 -x2 1
x3 -x -x3 -x2 x3 1 x3 -x3 -x2 -x 1 -x2 -x 1
คูที่เปนศูนย

2x3 - x - 3x3 - 2x2 + x3 + 3 2x3 + x3 - 3x3 - 2x2 - x + 3 -2x2 - x + 3

ดังนั้น (2x3 - x) + (-3x3 - 2x2) + (x3 + 3) PROBLEM SOLVING TIP

= 2x3 - 3x3 + x3 - 2x2 - x + 3 2 x3 + 0 x2 - x + 0


= -2x2 - x + 3 -3x3 - 2x2 + 0x + 0+
x3 + 0 x2 + 0x + 3
-2x2 - x + 3

119
Practice Now
หาผลบวกของพหุนามในแตละขอตอไปนี้ โดยใชบัตรตัวเลขและบัตรตัวแปร
1) (x + 2) + (5x - 4)
เนื่องจาก ( + 2) + (5 - 4) = + 2 + 5 - 4
x x x x
...................................................................................................................................................................................................................................................
x x x
...................................................................................................................................................................................................................................................
x -1 x -1 x
...................................................................................................................................................................................................................................................
x -1 จับกลุมพจน x -1 x
...................................................................................................................................................................................................................................................
ที่คลายกัน
1 x -1 x 1 -1 x -1
...................................................................................................................................................................................................................................................
x 1 x -1 x x 1 -1 คูที่เปนศูนย x x -1
...................................................................................................................................................................................................................................................
x + 2 + 5x - 4 x + 5x + 2 - 4 6x - 2
...................................................................................................................................................................................................................................................
x
ดังนั้น ( + 2) + (5 - 4) = + 5 + 2 - 4 = 6 - 2 x x x x
...................................................................................................................................................................................................................................................

2) (2x - 3) + (-3x + 2)
x
เนื่องจาก (2 - 3) + (-3 + 2) = 2 - 3 - 3 + 2 x x x
...................................................................................................................................................................................................................................................

ฉบับ ...................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย -1 -x จับกลุมพจน -x -1
...................................................................................................................................................................................................................................................
ที่คลายกัน x
x -1 -x 1 -x -1 1
...................................................................................................................................................................................................................................................
x -1 -x 1 x -x -1 1 -x -1
...................................................................................................................................................................................................................................................
คูที่เปนศูนย
...................................................................................................................................................................................................................................................
2x - 3 - 3x + 2 2x - 3x - 3 + 2 -x - 1
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น (2 - 3) + (-3 + 2) = 2 - 3 - 3 + 2 = - - 1
x x x x x
...................................................................................................................................................................................................................................................

3) (-x2 - y2 - 1) + (-2x2 + 4y2 + 2)


เนื่องจาก (- 2 - y2 - 1) + (-2 2 + 4y2 + 2) = - 2 - y2 - 1 - 2 2 + 4y2 + 2
x x x x
...................................................................................................................................................................................................................................................
y2 y2
...................................................................................................................................................................................................................................................
y2 จับกลุมพจน -x2 y2 -x2 y2
...................................................................................................................................................................................................................................................
ที่คลายกัน
-x2 y2 1 -x2 y2 1 -x2 y2
...................................................................................................................................................................................................................................................
-x2 -y2 -1 -x2 y2 1 -x2 -y2 y2 -1 1 -x2 y2 1
...................................................................................................................................................................................................................................................
คูที่เปนศูนย
...................................................................................................................................................................................................................................................
-x2 - y2 - 1 - 2x2 + 4y2 + 2 -x2 - 2x2 - y2 + 4y2 - 1 + 2 -3x2 + 3y2 + 1
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น (-x2 - y2 - 1) + (-2x2 + 4y2 + 2) = -x2 - 2x2 - y2 + 4y2 - 1 + 2 = -3x2 + 3y2 + 1
...................................................................................................................................................................................................................................................

120
4) (-3x3 - y) + (-2y - 4) + (2x3 + 5)
เนื ่องจาก (-3x3 - y) + (-2y - 4) + (2x3 + 5) = -3x3 - y - 2y - 4 + 2x3 + 5
...................................................................................................................................................................................................................................................
1 1
...................................................................................................................................................................................................................................................
-1 1 -1 1
...................................................................................................................................................................................................................................................
-x 3 -1 1 จับกลุมพจน -x 3 -y -1 1 -y
...................................................................................................................................................................................................................................................
-x3 -y -1 x3 1 ที่คลายกัน -x3 x3 -y -1 1 -y
...................................................................................................................................................................................................................................................
-x3 -y -y -1 x3 1 -x3 x3 -y -1 1 -x3 -y 1
...................................................................................................................................................................................................................................................
คูที่เปนศูนย คูที่เปนศูนย
...................................................................................................................................................................................................................................................
-3x3 - y - 2y - 4 + 2x3 + 5 -3x3 + 2x3 - y - 2y - 4 + 5 -x3 - 3y + 1
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น (-3 3 - y) + (-2y - 4) + (2 3 + 5) = -3 3 + 2 3 - y - 2y - 4 + 5 = - 3 - 3y + 1
x x x x x
...................................................................................................................................................................................................................................................

Worked Example 4
หาผลบวกของพหุนามในแตละขอตอไปนี้
1) (2x - 4y) + (4x + 2y) 2) (x3 + 2y3 - 3) + (-5x3 + 2)
ฉบับ
3) (2x3 + 1) + (-3x2 - x) + (2x2 - 7) 4) (- 23x5y2 - 56) + (2x5y2 - 2x2y5) + 23 เฉลย
วิธีทํา
ATTENTION
พจนที่คลายกัน
การเขียนพหุนามในรูปผลสําเร็จ นิยม
1) (2x - 4y) + (4x + 2y) = 2x - 4y + 4x + 2y เขียนโดยเรียงจากพจนที่มีดีกรีมาก
ที่สุดไปนอยที่สุด และในแตละพจน
พจนที่คลายกัน จะเขียนเรียงตัวแปรตามลําดับตัวอักษร
= 2x + 4x - 4y + 2y ภาษาอังกฤษ เชน
= 6x - 2y 3b2ac3 - 2c5a3 + zxy เขียนใหมไดเปน
-2a3c5 + 3ab2c3 + xyz
พจนที่คลายกัน
2) (x3 + 2y3 - 3) + (-5x3 + 2) = x3 + 2y3 - 3 - 5x3 + 2
พจนที่คลายกัน
= x3 - 5x3 + 2y3 - 3 + 2
= -4x3 + 2y3 - 1

121
พจนที่คลายกัน

3) (2x3 + 1) + (-3x2 - x) + (2x2 - 7) = 2x3 + 1 - 3x2 - x + 2x2 - 7


พจนที่คลายกัน
= 2x3 - 3x2 + 2x2 - x + 1 - 7
= 2 x3 - x2 - x - 6
พจนที่คลายกัน
4) (- 23 x5y2 - 56) + (2x5y2 - 2x2y5) + 23 = - 23x5y2 - 56 + 2x5y2 - 2x2y5 + 23
พจนที่คลายกัน
= - 23 x5y2 + 2x5y2 - 2x2y5 - 56 + 23
= 43 x5y2 - 2x2y5 - 16

ฉบับ
เฉลย
Similar Questions
Practice Now Exercise 3B ขอ 3
หาผลบวกของพหุนามในแตละขอตอไปนี้
1) (2x - 5y) + (3x + 8y) 2) (-3x2 - 6) + (-4x2 - y2 + 3)
x
= 2 - 5y + 3 + 8y x
.............................................................................................................. = -3 2 - 6 - 4 2 - y2 + 3
x x
..............................................................................................................

= 2x + 3x - 5y + 8y
.............................................................................................................. = -3x2 - 4x2 - y2 - 6 + 3
..............................................................................................................

= 5x + 3y
.............................................................................................................. = -7x2 - y2 - 3
..............................................................................................................

.............................................................................................................. ..............................................................................................................

3) (5x3 + 2x) + (-6x - 2) + (-3x3 - 5) 4) ( 12 x2y3 - 5 ) + (-x2y3 + 3 ) - 2x3y2


25 2 3 3 4 3 2
= 53+2 -6 -2-33-5
x x x x
..............................................................................................................
1 23
= 2 y -2- y +4-2 y
x x x
..............................................................................................................

= 5x3 - 3x3 + 2x - 6x - 2 - 5
.............................................................................................................. = 12 x2y3 - x2y3 - 52 + 34 - 2x3y2
..............................................................................................................

= 2x3 - 4x - 7
.............................................................................................................. = - 12 x2y3 - 74 - 2x3y2
..............................................................................................................

.............................................................................................................. = -2x3y2 - 12 x2y3 - 74


..............................................................................................................

122
4. การลบพหุนาม
พหุนามตรงขาม
เราไดศึกษาเกี่ยวกับจํานวนตรงขามโดยใชบัตรตัวเลขและบัตรตัวแปรมาแลววา
พลิก พลิก
1 -1 -(1) = -1 x2 -x2 -(x2) = -x2
(เปลี่ยนเครื่องหมาย) (เปลี่ยนเครื่องหมาย)

พลิก พลิก
-1 1 -(-1) = 1 -x2 x2 -(-x2) = x2
(เปลี่ยนเครื่องหมาย) (เปลี่ยนเครื่องหมาย)

พลิก พลิก
x -x -(x) = -x x2 x2 x2 -x2 -x2 -x2 -(3x2) = -3x2
(เปลี่ยนเครื่องหมาย) (เปลี่ยนเครื่องหมาย)

พลิก พลิก
-x x -(-x) = x -x2 -x2 -x2 x2 x2 x2 -(-3x2) = 3x2
(เปลี่ยนเครื่องหมาย) (เปลี่ยนเครื่องหมาย) ฉบับ
เฉลย
นักเรียนสามารถใชบตั รตัวเลขและบัตรตัวแปรเพือ่ แสดงพหุนามตรงขามได ดังตัวอยางตอไปนี้
ตัวอยาง -(x + 2)
- x 1 1 พลิก -x -1 -1
-(x + 2) -x - 2
ดังนั้น -(x + 2) = -x - 2
ตัวอยาง -(x - 2)
- x -1 -1 พลิก -x 1 1
-(x - 2) -x + 2
ดังนั้น -(x - 2) = -x + 2
ตัวอยาง -(-x + 3y - 1)
- -x y y y -1 พลิก x -y -y -y 1
-(-x + 3y - 1) x - 3y + 1
ดังนั้น -(-x + 3y - 1) = x - 3y + 1

123
การลบพหุนาม
สําหรับการหาผลลบของพหุนามสองพหุนาม สามารถทําไดในทํานองเดียวกันกับการหา
ผลลบของจํานวนจริงสองจํานวน โดยใชความรูเกี่ยวกับจํานวนตรงขาม ดังนี้

พหุนามตัวตั้ง - พหุนามตัวลบ = พหุนามตัวตั้ง + พหุนามตรงขามของพหุนามตัวลบ

ตัวอยาง (x - 1) - (2x - 3)
เนื่องจาก (x - 1) - (2x - 3) = (x - 1) + [-(2x - 3)]
x -1 1 จับกลุมพจน 1 1
ที ่ ค ล า ยกั น
- x x -1 -1 -1 -x 1 -x 1 -x 1
x -1 -x 1 x -x -1 1
คูที่เปนศูนย
(x - 1) + [-(2x - 3)] x - 1 - 2x + 3 x - 2x - 1 + 3 -x + 2
ฉบับ ดังนั้น (x - 1) - (2x - 3) = (x - 1) + (-2x + 3) PROBLEM SOLVING TIP
เฉลย
= x - 2x - 1 + 3 x - 1+
= -x + 2 -2x + 3
-x + 2

ตัวอยาง (2x2 - x + 1) - (x2 - 2x - 1)


เนื่องจาก (2x2 - x + 1) - (x2 - 2x - 1) = (2x2 - x + 1) + [-(x2 - 2x - 1)]
จับกลุม
x พจนที่ 2 x 1
x2 x2 -x 1 x2 คลายกัน x2 1
- x2 -x -x -1 x2 -x 1 -x2 x 1 x -x2 -x x 1 x2 x 1
คูที่เปนศูนย
(2x2 - x + 1) - (x2 - 2x - 1) 2x2 - x + 1 - x2 + 2x + 1 2x2 - x2 - x + 2x + 1 + 1 x2 + x + 2
ดังนั้น (2x2 - x + 1) - (x2 - 2x - 1) PROBLEM SOLVING TIP

= (2x2 - x + 1) + (-x2 + 2x + 1) 2x2 - x + 1 +


-x2 + 2x + 1
= 2x2 - x2 - x + 2x + 1 + 1 x2 + x + 2
= x2 + x + 2
124
Practice Now
หาผลลบของพหุนามในแตละขอตอไปนี้ โดยใชบัตรตัวเลขและบัตรตัวแปร
1) (x + 1) - (3x + 1)
x
เนื่องจาก ( + 1) - (3 + 1) = ( + 1) + [-(3 + 1)] x x x
...................................................................................................................................................................................................................................................
-x จับกลุมพจน -x
...................................................................................................................................................................................................................................................
x 1 -x ที่คลายกัน -x -x
...................................................................................................................................................................................................................................................
- x x x 1 x 1 -x -1 x -x 1 -1 -x
...................................................................................................................................................................................................................................................
คูที่เปนศูนย
...................................................................................................................................................................................................................................................
(x + 1) + [-(3x + 1)] x + 1 - 3x - 1 x - 3x + 1 - 1 -2x
...................................................................................................................................................................................................................................................
x
ดังนั้น ( + 1) - (3 + 1) = ( + 1) + (-3 - 1) x x x
...................................................................................................................................................................................................................................................
= x - 3x + 1 - 1 = -2x
...................................................................................................................................................................................................................................................

2) (x2 - 2x - 1) - (3x2 - x + 1)
เนื่องจาก ( 2 - 2 - 1) - (3 2 - + 1) = ( 2 - 2 - 1) + [-(3 2 - + 1)]
x x x x x x x x
...................................................................................................................................................................................................................................................
จับกลุม ฉบับ
-x 2
พจนที่ -x2
................................................................................................................................................................................................................................................... เฉลย
x2 -x -x -1 -x -x2 คลายกัน -x2 -x -1 -x2
...................................................................................................................................................................................................................................................
-1
- x2 x2 x2 -x 1 x2 -x -1 -x2 x -1 x2 -x2 -x x -1 -x2 -x -1
...................................................................................................................................................................................................................................................
คูที่เปนศูนย
...................................................................................................................................................................................................................................................
2 - 2x - 1) + [-(3x2 - x + 1)]
x2 - 2x - 1 - 3x2 + x - 1 x2 - 3x2 - 2x + x - 2 -2x2 - x - 2
(x...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น (x2 - 2x - 1) - (3x2 - x + 1) = (x2 - 2x - 1) + (-3x2 + x - 1)
...................................................................................................................................................................................................................................................
= x2 - 3x2 - 2x + x - 1 - 1 = -2x2 - x - 2
...................................................................................................................................................................................................................................................

3) (2x2 - 3y) - (-4x2 + 1) - (2y + 2)


เนื่องจาก (2 2 - 3y) - (-4 2 + 1) - (2y + 2) = (2 2 - 3y) + [-(-4 2 + 1)] + [-(2y + 2)]
x x x x
...................................................................................................................................................................................................................................................
x 2 จับกลุม x2
...................................................................................................................................................................................................................................................
พจนที่
x2 x2 -y -y -y -y x2
คลายกัน x2 -y
...................................................................................................................................................................................................................................................
- -x2 -x2 -x2 -x2 1 x 2 -y x 2 -y -1 x 2 x2 -y -y -1
...................................................................................................................................................................................................................................................
- y y 1 1 x2 -y x2 -1 -y -1 x2 x2 -y -y -1 -1
...................................................................................................................................................................................................................................................
(2x2 - 3y) + [-(-4x2 + 1)] + [-(2y + 2)] 2x2 - 3y + 4x2 - 1 - 2y - 2 6x2 - 5y - 3
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น (2 2 - 3y) - (-4 2 + 1) - (2y + 2) = (2 2 - 3y) + (4 2 - 1) + (-2y - 2)
x x x x
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 2x2 + 4x2 - 3y - 2y - 1 - 2 = 6x2 - 5y - 3
...................................................................................................................................................................................................................................................
125
Worked Example 5
หาผลลบของพหุนามในแตละขอตอไปนี้
1) (-4x + 2y) - (-x - 5y + 3) 2) (- 14 xy2 + 79) - (- 12 x2y - xy2) - 13
วิธีทํา
1) (-4x + 2y) - (-x - 5y + 3) 2) (- 14 xy2 + 79) - (- 12 x2y - xy2) - 13
= (-4x + 2y) + [-(-x - 5y + 3)] = (- 14 xy2 + 79) + [-(- 12 x2y - xy2)] - 13
= (-4x + 2y) + (x + 5y - 3) = - 14 xy2 + 79 + (12 x2y + xy2) - 13
พจนที่คลายกัน
พจนที่คลายกัน
= -4x + 2y + x + 5y - 3 = - 14 xy2 + 79 + 12 x2y + xy2 - 13
พจนที่คลายกัน
พจนที่คลายกัน
ฉบับ
= -4x + x + 2y + 5y - 3 = 4 + + 12 x2y + 79 - 13
- 1 xy2 xy2
เฉลย = -3x + 7y - 3 = 34 xy2 + 12 x2y + 49

Similar Questions
Practice Now Exercise 3B ขอ 4-6
หาผลลบของพหุนามในแตละขอตอไปนี้
1) (-5x - 3y + 8) - (-2x + y - 2z)
= (-5 - 3y + 8) + [-(-2 + y - 2z)]
x x
...................................................................................................................................................................................................................................................
= (-5x - 3y + 8) + (2x - y + 2z)
...................................................................................................................................................................................................................................................
= -5x - 3y + 8 + 2x - y + 2z
...................................................................................................................................................................................................................................................
= -5x + 2x - 3y - y + 2z + 8
...................................................................................................................................................................................................................................................
= -3x - 4y + 2z + 8
...................................................................................................................................................................................................................................................

126
2) (- 35 x7y5 + 53) - (3x5y7 - 35 x7y5) - 73
= (- 35 7y5 + 53 ) + [-(3 5y7 - 35 7y5)] - 73
x x x
...................................................................................................................................................................................................................................................
= (- 35 x7y5 + 53 ) + (-3x5y7 + 35 x7y5) - 73
...................................................................................................................................................................................................................................................
= - 35 x7y5 + 53 - 3x5y7 + 35 x7y5 - 73
...................................................................................................................................................................................................................................................
= - 35 x7y5 + 35 x7y5 - 3x5y7 + 53 - 73
...................................................................................................................................................................................................................................................
= -3x5y7 - 23
...................................................................................................................................................................................................................................................

Exercise 3B
Basic Level
1. หาผลบวกของเอกนามในแตละขอตอไปนี้
1) 15x + 7x 2) 7a6b2 + (-8a6b2)
= (15 + 7) x
............................................................................................................. = [7 + (-8)]a6b2
............................................................................................................. ฉบับ
เฉลย
= 22x
............................................................................................................. = (7 - 8)a6b2
.............................................................................................................

............................................................................................................. = -a6b2
.............................................................................................................

2. หาผลลบของเอกนามในแตละขอตอไปนี้
1) (-9p3) - 5p3 2) -24xy2z3 - (-12xy2z3)
= (-9 - 5)p3
............................................................................................................. = [-24 - (-12)] y2z3 x
.............................................................................................................
= -14p3
............................................................................................................. = (-24 + 12)xy2z3
.............................................................................................................

............................................................................................................. = -12xy2z3
.............................................................................................................

3. หาผลบวกของพหุนามในแตละขอตอไปนี้
1) (5m - 11n) + (11m + 5n) 2) (4x4y3 - 57 ) + (- 85 x4y3 - x3y4) + (3x3y4 + 11
14)
= 5m - 11n + 11m + 5n
............................................................................................................. = 4 4y3 - 57 - 85 4y3 - 3y4 + 3 3y4 + 11
x x x x 14
.............................................................................................................
= 5m + 11m - 11n + 5n
............................................................................................................. = 4x y - 5 x y - x y + 3x y - 7 + 11
4 3 8 4 3 3 4 3 4 5
14
.............................................................................................................
= 16m - 6n
.............................................................................................................
12
= 5 x y + 2x y + 14 4 3 3 4 1
.............................................................................................................

............................................................................................................. .............................................................................................................

127
4. หาผลลบของพหุนามในแตละขอตอไปนี้
1) (-4x + 2y) - (-x - 5y + 3) 2) -(38 x5y2 + 79) - (- 32 x2y5 - 2x5y2) - 14 x2y5
(-4x + 2y) + [-(-x - 5y + 3)]
=............................................................................................................. -( 38 x5y2 + 79 ) + [-(- 32 x2y5 - 2x5y2)] - 14 x2y5
=.............................................................................................................
(-4x + 2y) + (x + 5y - 3)
=............................................................................................................. -( 38 x5y2 + 79 ) + ( 32 x2y5 + 2x5y2) - 14 x2y5
=.............................................................................................................
-4x + 2y + x + 5y - 3
=............................................................................................................. - 38 x5y2 - 79 + 32 x2y5 + 2x5y2 - 14 x2y5
=.............................................................................................................
-4x + x + 2y + 5y - 3
=............................................................................................................. - 38 x5y2 + 2x5y2 + 32 x2y5 - 14 x2y5 - 79
=.............................................................................................................
-3x + 7y - 3
=............................................................................................................. 13 x5y2 + 5 x2y5 - 7
=.............................................................................................................
8 4 9
Intermediate Level
5. ใหหาผลรวมของ 2x2 - 3x + 11 กับ 7x2 - 3x - 4 ลบดวย 14x2 - 12x - 6
(2 2 - 3 + 11) + (7 2 - 3 - 4) - (14 2 - 12 - 6)
x x x x x x
..................................................................................................................................................................................................................................................
= 2x2 - 3x + 11 + 7x2 - 3x - 4 + [-(14x2 - 12x - 6)]
..................................................................................................................................................................................................................................................
= 2x2 - 3x + 11 + 7x2 - 3x - 4 - 14x2 + 12x + 6
..................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
เฉลย = 2x2 + 7x2 - 14x2 - 3x - 3x + 12x + 11 - 4 + 6
..................................................................................................................................................................................................................................................
= -5x2 + 6x + 13
..................................................................................................................................................................................................................................................

Advanced Level
6. ใหหาพหุนามดีกรีสองมา 2 พหุนาม ซึ่งเมื่อนําพหุนามทั้งสองมาลบกัน จะมีผลลบเทากับ
-4x2 - 3x - 1 พรอมแสดงวิธีคิด
จากความสัมพันธระหวางพหุนามตัวตั้ง กําหนดให พหุนามดีกรีสองที่เปนพหุนามตัวลบ
..................................................................................................................................................................................................................................................
พหุนามตัวลบและผลลบ คือ x2 + 2x + 1 และจาก
..................................................................................................................................................................................................................................................
พหุนามตัวตั้ง - พหุนามตัวลบ = พหุนามผลลบ พหุนามผลลบ + พหุนามตัวลบ = พหุนามตัวตั้ง
..................................................................................................................................................................................................................................................
จะไดวา จะไดวา (-4x2 - 3x - 1) + (x2 + 2x + 1)
..................................................................................................................................................................................................................................................
พหุนามตัวตั้ง = พหุนามผลลบ + พหุนามตัวลบ = -4x2 - 3x - 1 + x2 + 2x + 1
..................................................................................................................................................................................................................................................
นั่ น คื อ กํ า หนดพหุ น ามดี ก รี ส องที่ เ ป น พหุ น าม = -3x2 - x
..................................................................................................................................................................................................................................................
ตัวลบมา 1 พหุนาม แลวนําไปบวกกับพหุนาม ดังนั้น พหุนามดีกรีสอง 2 พหุนาม ซึ่งเมื่อนํา
..................................................................................................................................................................................................................................................
ผลลบ จะไดพหุนามดีกรีสองอีก 1 พหุนาม ซึง่ เปน พหุนามทั้งสองมาลบกัน จะมีผลลบเทากับ
..................................................................................................................................................................................................................................................
พหุนามตัวตั้ง -4x2 - 3x - 1 คือ -3x2 - x ลบดวย x2 + 2x + 1
..................................................................................................................................................................................................................................................

128
3.3 การคูณและการหารพหุนาม
1. การคูณพหุนาม
การคูณระหวางเอกนามกับเอกนาม และการคูณระหวางเอกนามกับพหุนาม
การคูณระหวางเอกนามกับเอกนาม และการคูณระหวางเอกนามกับพหุนาม สามารถใช
บัตรตัวเลข บัตรตัวแปร และตารางการคูณ ชวยในการหาคําตอบได ดังนี้
ตัวอยาง 2(3x)
คูณบัตรตัวเลขและบัตรตัวแปรแตละใบที่แสดง 3x ดวย 2
× x x x
1 x x x
1 x x x 1×x=x
ดังนั้น 2(3x) = 6x
ตัวอยาง 2(3x - 2) ฉบับ
เฉลย
คูณบัตรตัวเลขและบัตรตัวแปรแตละใบที่แสดง 3x - 2 ดวย 2
× x x x -1 -1
1 x x x -1 -1
1 x x x -1 -1 1 × (-1) = -1
1×x=x
ดังนั้น 2(3x - 2) = 2(3x) + 2(-2)
= 6x - 4
ตัวอยาง -2(3x - 2)
คูณบัตรตัวเลขและบัตรตัวแปรแตละใบที่แสดง 3x - 2 ดวย -2
× x x x -1 -1
-1 -x -x -x 1 1
-1 -x -x -x 1 1 -1 × (-1) = 1
-1 × x = -x
ดังนั้น -2(3x - 2) = (-2)(3x) + (-2)(-2)
= -6x + 4
129
ตัวอยาง 2x(3x - 2)
คูณบัตรตัวเลขและบัตรตัวแปรแตละใบที่แสดง 3x - 2 ดวย 2x
ATTENTION
× x x x -1 -1
การคูณระหวางเอกนามกับเอกนาม
x x2 x2 x2 -x -x
ทําไดโดยนําสัมประสิทธิ์ของเอกนาม
x x2 x2 x2 -x -x x × (-1) = -x แตละพจนมาคูณกัน และนําสวนที่
x × x = x2 เปนตัวแปรของเอกนามแตละพจน
มาคู ณ กั น โดยใช ส มบั ติ ก ารคู ณ
ดังนั้น 2x(3x - 2) = 2x(3x) + 2x(-2) เลขยกกําลัง
= 6x2 - 4x เชน 2x × 3x = (2 × 3) × (x × x)
ตัวอยาง -2x2(3x - 2) = 6x2
คูณบัตรตัวเลขและบัตรตัวแปรแตละใบที่แสดง 3x - 2 ดวย -2x2
× x x x -1 -1
-x2 -x3 -x3 -x3 x2 x2
-x2 -x3 -x3 -x3 x2 x2 -x2 × (-1) = x2
ฉบับ
เฉลย -x2 × x = -x3
ดังนั้น -2x2(3x - 2) = (-2x2)(3x) + (-2x2)(-2)
= -6x3 + 4x2
Practice Now
หาผลคูณในแตละขอตอไปนี้ โดยใชบัตรตัวเลขและบัตรตัวแปร
1) -3x(-3x2) 2) -3x(-x2 + 3x)
คูณบัตรตัวเลขและบัตรตัวแปรแตละใบที่แสดง
................................................................................................................ คูณบัตรตัวเลขและบัตรตัวแปรแตละใบที่แสดง
................................................................................................................
-3x2 ดวย -3x
................................................................................................................ -X2 + 3X ดวย -3X
................................................................................................................
× -x2 -x2 -x2
................................................................................................................
× -x2 x x x
................................................................................................................
-x x3 x3 x3 -x x3 -x2 -x2 -x2
................................................................................................................ ................................................................................................................
-x x3 x3 x3 -x x3 -x2 -x2 -x2
................................................................................................................ ................................................................................................................
-x x3 x3 x3 -x × (-x2) = x3
................................................................................................................
-x x3 -x2 -x2 -x2 -x × x = -x2
................................................................................................................
ดังนั้น -3 (-3 2) = 9 x x x 3
................................................................................................................
-x × (-x2) = x3
................................................................................................................

................................................................................................................ ดังนั้น -3 (- 2 + 3 ) = (-3 )(- 2) + (-3 )(3 )


X X X X X X X
................................................................................................................

................................................................................................................ = 3X3 - 9X2


................................................................................................................

130
จากตัวอยางขางตน จะเห็นไดวาการคูณในแตละตัวอยางเปนการใชสมบัติการแจกแจง
ของจํานวนจริง เมื่อ a, b และ c เปนจํานวนจริงใด ๆ ดังนี้

a(b + c) = ab + ac

Worked Example 6
หาผลคูณในแตละขอตอไปนี้
1) 2(x - 2) 2) -2(3 + 4x)
3) 2x(x2 + 5) 4) -3x3(4x - 3y)
วิธีทํา
1) 2(x - 2) = 2x - 2(2) 2) -2(3 + 4x) = (-2)(3) + (-2)(4x)
= 2x - 4 = -6 - 8x
ฉบับ
3) 2 x(x2 + 5) = + 2x(5) 2x(x2) 4) -3 x3(4x - 3y) = (-3x3)(4x) + (-3x3)(-3y) เฉลย
3
= 2x + 10x = -12x4 + 9x3y

Similar Questions
Practice Now Exercise 3C ขอ 1, 7
หาผลคูณในแตละขอตอไปนี้
1) 3(4x + 1) 2) 7(5x - 2)
= 3(4 ) + 3(1) x
................................................................................................................ 7(5x) - 7(2)
=................................................................................................................
= 12x + 3
................................................................................................................ 35x - 14
=................................................................................................................
................................................................................................................ ................................................................................................................

3) 5x(2x2 - 3) 4) -2x2(8x - 2y2)


= 5 (2 2) + 5 (-3)
x x x
................................................................................................................ = (-2 2)(8 ) + (-2 2)(-2y2)
x x x
................................................................................................................
= 10x3 - 15x
................................................................................................................ = -16x3 + 4x2y2
................................................................................................................

................................................................................................................ ................................................................................................................

131
การคูณระหวางพหุนามกับพหุนาม
สําหรับการคูณระหวางพหุนามกับพหุนาม สามารถใชบตั รตัวเลข บัตรตัวแปร และตารางการคูณ
ชวยในการหาคําตอบได ดังนี้
ตัวอยาง (x + 2)(x + 3)
x+3
× x 1 1 1 × x 3
x x2 x x x x x2 3x
x+2 1 x 1 1 1
2 2x 6
1 x 1 1 1
ดังนั้น (x + 2)(x + 3) = x(x + 3) + 2(x + 3)
= x2 + 3x + 2x + 6
= x2 + 5x + 6
ตัวอยาง (x + 2)(x - 3)
ฉบับ x-3
เฉลย × x -1 -1 -1 -3
× x
x x2 -x -x -x x x2 -3x
x+2 1 x -1 -1 -1
2 2x -6
1 x -1 -1 -1
ดังนั้น (x + 2)(x - 3) = x(x - 3) + 2(x - 3)
= x2 - 3x + 2x - 6
= x2 - x - 6
ตัวอยาง (x - 2)(x + 3)
x+3
× x 1 1 1 × x 3
x x2 x x x x x2 3x
x-2 -1 -x -1 -1 -1
-2 -2x -6
-1 -x -1 -1 -1
ดังนั้น (x - 2)(x + 3) = x(x + 3) - 2(x + 3)
= x2 + 3x - 2x - 6
= x2 + x - 6
132
ตัวอยาง (x - 2)(x - 3)
x-3
× x -1 -1 -1 × x -3
x x2 -x -x -x x x2 -3x
x-2 -1 -x 1 1 1
-2 -2x 6
-1 -x 1 1 1
ดังนั้น (x - 2)(x - 3) = x(x - 3) - 2(x - 3)
= x2 - 3x - 2x + 6
= x2 - 5x + 6
ตัวอยาง (2x - 3)(3x + 2)
3x + 2
× x x x 1 1 × 3x 2
x x2 x2 x2 x x
2x 6x2 4x
x x2 x2 x2 x x ฉบับ
-x -x -x -1 เฉลย
2x - 3 -1 -1
-1 -x -x -x -1 -1 -3 -9x -6
-1 -x -x -x -1 -1
ดังนั้น (2x - 3)(3x + 2) = 2x(3x + 2) - 3(3x + 2)
= 6x2 + 4x - 9x - 6
= 6x2 - 5x - 6
จากตัวอยางขางตน จะเห็นไดวาการคูณในแตละตัวอยางเปนการใชสมบัติการแจกแจง
ของจํานวนจริง เมื่อ a, b และ c เปนจํานวนจริงใด ๆ ดังนี้

(a + b)(c + d) = a(c + d) + b(c + d)


= ac + ad + bc + bd

133
Worked Example 7
หาผลคูณในแตละขอตอไปนี้
1) (x + 4)(x + 5) 2) (4 - 3x)(5 - 2x)
3) (x - 2y)(x + 5y) 4) (2x2 - 1)(5x - 3)
วิธีทํา
1) (x + 4)(x + 5) = x(x + 5) + 4(x + 5)
= x2 + 5x + 4x + 20
= x2 + 9x + 20
2) (4 - 3x)(5 - 2x) = 4(5 - 2x) - 3x(5 - 2x)
= 20 - 8x - 15x + 6x2
= 20 - 23x + 6x2
ฉบับ 3) (x - 2y)(x + 5y) = x(x + 5y) - 2y(x + 5y)
เฉลย = x2 + 5xy - 2xy - 10y2
= x2 + 3xy - 10y2
4) (2x2 - 1)(5x - 3) = 2x2(5x - 3) - (5x - 3)
= 10x3 - 6x2 - 5x + 3
Similar Questions
Practice Now Exercise 3C ขอ 2, 8
หาผลคูณในแตละขอตอไปนี้
1) (x - 6)(x + 7) 2) (3 - 2x)(6 + 4x)
xx
= ( + 7) - 6( + 7) x
................................................................................................................ = 3(6 + 4 ) - 2 (6 + 4 ) x x x
................................................................................................................
= x2 + 7x - 6x - 42
................................................................................................................ = 18 + 12x - 12x - 8x2
................................................................................................................
= x2 + x - 42
................................................................................................................ = 18 - 8x2
................................................................................................................

3) (2x + y)(x - 3y) 4) (3x2 + 2)(4x - 5)


xx
= 2 ( - 3y) + y( - 3y) x
................................................................................................................ = 3 2(4 - 5) + 2(4 - 5)
x x x
................................................................................................................
= 2x2 - 6xy + xy - 3y2
................................................................................................................ = 12x3 - 15x2 + 8x - 10
................................................................................................................
= 2x2 - 5xy - 3y2
................................................................................................................ ................................................................................................................

134
Journal Writing
นทีแสดงวิธีหาผลคูณของ (a + b)(c + d + e) ดังนี้
(a + b)(c + d + e) = ac + bd + e
นักเรียนคิดวา วิธีหาผลคูณของนทีถูกตองหรือไม อยางไร

2. การหารพหุนาม
การหารเอกนามดวยเอกนาม
การหารเอกนามดวยเอกนาม ใชหลักการเดียวกับการคูณเอกนามกับเอกนามที่มีตัวแปร
มากกวาหนึ่งตัวแปร โดยใหแยกคิดสวนที่เปนคาคงตัวกับสวนที่เปนตัวแปร และใชสมบัติของ
เลขยกกําลังที่วา
สมบัติ ให a แทนจํานวนจริงใด ๆ ที่ไมเทากับศูนย และ m, n แทนจํานวนเต็ม แลว ฉบับ
m เฉลย
am ÷ an = a n = am - n
a

โดยมีขอตกลงวา เอกนามที่เปนตัวหารตองไมเปนศูนย

Worked Example 8
หาผลหารในแตละขอตอไปนี้
7 5
1) x3 2) -3m3
x m
วิธีทํา
7
1) x3 = x7 - 3
x
= x4
5
2) -3m3 = -3m5 - 3
m
= -3m2

135
Similar Questions
Practice Now Exercise 3C ขอ 3
หาผลหารในแตละขอตอไปนี้
5 9
1) x4 2) -2a6
x 5-4 a
= x
................................................................................................................ = -2a9 - 6
.................................................................................................................
= x
................................................................................................................ = -2a3
.................................................................................................................

จาก Worked Example 8 จะเห็นวา การหารเอกนามดวยเอกนามผลหารที่ไดจะเปน


เอกนาม กลาวไดวาการหารนี้เปนการหารลงตัว นักเรียนสามารถตรวจสอบผลหารของเอกนาม
ไดเชนเดียวกับการตรวจสอบผลหารของจํานวนจริงที่เปนการหารลงตัว โดยใชความสัมพันธ
ระหวางตัวตั้ง ตัวหาร และผลหาร ดังนี้
ตัวหาร × ผลหาร = ตัวตั้ง

ฉบับ Worked Example 9


เฉลย
หาผลหารในแตละขอตอไปนี้ พรอมตรวจสอบคําตอบ
7 3 3 5
1) 6a 2b 2) -15x2y 2z
3a b 12x y
วิธีทํา
7 3
1) 6a 2b = ( 63 ) a7 - 2b3 - 1 INTERNET RESOURCES
3a b
= 2a5b2 เขาเว็บไซต http://www.wolfram
alpha.com เพื่อใชซอฟตแวรในการ
2 5 2 2 + 5 1 + 2
ตรวจสอบผลหาร (3a b)(2a b ) = (3 × 2)(a b ) ตรวจสอบผลหารของพหุนามได
= 6a7b3
-15x 3y5z
2) 2 2 = (-15
12 ) x3 - 2y5 - 2z
12x y
= -54 xy3z
ตรวจสอบผลหาร (12x2y2)(-54 xy3z) = [12 × (-54 )](x2 + 1y2 + 3z)
= -15x3y5z

136
Similar Questions
Practice Now Exercise 3C ขอ 4
หาผลหารในแตละขอตอไปนี้ พรอมตรวจสอบคําตอบ
4 7
1) 4a 4b 3
16a b
= (164 ) a4 - 4 b7 - 3
...................................................................................................................................................................................................................................................
b4
=...................................................................................................................................................................................................................................................
4 4
ตรวจสอบผลหาร (16a4b3)(b4 ) = (16 × 14 )(a4b3 + 4)
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 4a4b7
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

5y7z4
2) -14x
18x3y6z2
= (-14 18 ) y z x 5-3 7-6 4-2
...................................................................................................................................................................................................................................................
= -79 x2 yz2
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
ตรวจสอบผลหาร (18x3y6z2)(-79 x2yz2) = [18 × (-79 )](x3 + 2 y6 + 1 z2 + 2)
................................................................................................................................................................................................................................................... เฉลย
= -14x5y7z4
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

การหารพหุนามดวยเอกนาม
2
พิจารณาการหาร (3x2 + 6) ÷ 3 สามารถเขียนใหอยูในรูปเศษสวนไดเปน 3x 3+ 6 ซึ่งเปน
เศษสวนที่มีตัวเศษเปนพหุนาม และมีตัวสวนเปนเอกนาม โดยใชหลักการบวกของเศษสวนที่มี
ตัวสวนเทากัน จะเขียนไดเปน
3x2 + 6 = 3x2 + 6
3 3 3
จะเห็นไดวา การหารพหุนามดวยเอกนามนี้สามารถเขียนใหอยูในรูปของผลรวมของการหาร
เอกนามดวยเอกนาม 2 พจน ซึ่งเราสามารถใชความรูจากหัวขอที่แลวชวยในการหาผลลัพธของ
การหารเอกนามดวยเอกนามได

137
Worked Example 10
หาผลหารของ (5x2 + 20) ÷ 10
วิธีทํา
2
(5x2 + 20) ÷ 10 = 5x 10+ 20
2
= 5x
10 + 10
20
2
= x2 + 2
Similar Questions
Practice Now Exercise 3C ขอ 5
หาผลหารของ (3x2 - 8) ÷ 12
2
(3 x2 - 8) ÷ 12 = 3x12- 8
..............................................................................................................................................................................................................................................................
2
= 3x 122 - 12
8
..............................................................................................................................................................................................................................................................
= x4 - 23
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
เฉลย จาก Worked Example 10 จะเห็นไดวา ผลหารที่ไดเปนพหุนาม หากใชความสัมพันธ
ระหวางตัวตั้ง ตัวหาร และผลหารของพหุนาม เพื่อตรวจสอบคําตอบ จะไดวา
2 2
10( x2 + 2) = 10( x2 ) + 10(2) = 5x2 + 20
Worked Example 11
หาผลหารในแตละขอตอไปนี้ พรอมตรวจสอบคําตอบ
1) (a2 + 4ab2) ÷ 2a 2) (15x3y2 + 3yz4 - 9x5y4z2) ÷ 3y
วิธีทํา
2 2
1) (a2 + 4ab2) ÷ 2a = a +2a4ab
= 2a a2 + 4ab2
2a
= 2a + 2b2
ตรวจสอบผลหาร 2a( 2a + 2b2) = 2a( 2a ) + 2a(2b2)
= a2 + 4ab2
138
3 2 4
2) (15x3y2 + 3yz4 - 9x5y4z2) ÷ 3y = 15x y + 3yz - 9x5y4z2
3y
3 2 3yz4 5 4 2
= 15x3yy + 3y - 9x3yy z
= 5x3y + z4 - 3x5y3z2
ตรวจสอบผลหาร 3y(5x3y + z4 - 3x5y3z2) = 3y(5x3y) + 3y(z4) - 3y(3x5y3z2)
= 15x3y2 + 3yz4 - 9x5y4z2
Similar Questions
Practice Now Exercise 3C ขอ 6, 9-10
หาผลหารในแตละขอตอไปนี้ พรอมตรวจสอบคําตอบ
1) (15a3 + 20a2b3) ÷ 5a
(15a 3 + 20a2b3) ÷ 5a = 15a3 + 20a2b3
5a
...................................................................................................................................................................................................................................................
3 20a2b3
= 15a +
...................................................................................................................................................................................................................................................
5a 5a ฉบับ
= 3a + 4ab3 2
...................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย
ตรวจสอบคํ าตอบ 5a(3a2 + 4ab3) = 5a(3a2) + 5a(4ab3)
...................................................................................................................................................................................................................................................

= 15a3 + 20a2b3
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

2) (-8x4y5z - 16x2y3 + 4xy2z4) ÷ 12xy


4 5 2 3 2 4
(-8 x4y5z - 16x2y3 + 4xy2z4) ÷ 12xy = -8x y z - 16x y + 4xy z
...................................................................................................................................................................................................................................................
4y5z 12xy 2 3 2 4
= -8x - 16x y + 4xy z
...................................................................................................................................................................................................................................................
12xy 3y4z 4xy 12xy 2 4
12xy
= -2x - + yz
...................................................................................................................................................................................................................................................
3y4z 4xy2 4
3 3 3
ตรวจสอบคํ าตอบ 12xy ( -2x - + ) yz
...................................................................................................................................................................................................................................................
3 34 3 3 2 4
= 12xy ( -2x y z - 12xy (4xy ) + 12xy (yz )
3 )
...................................................................................................................................................................................................................................................
3 3
4 5
= -8x y z - 16x y + 4xy z 2 3 2 4
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................
139
Exercise 3C
Basic Level
1. หาผลคูณในแตละขอตอไปนี้
1) -6(-7x - 3) 2) -5x(2 - 3x)
= -6(-7 ) + (-6)(-3) x
............................................................................................................. x
= -5 (2) - (-5 )(3 ) x x
.............................................................................................................
= 42x + 18
............................................................................................................. = -10x + 15x2
.............................................................................................................

............................................................................................................. = 15x2 - 10x


.............................................................................................................

3) -3a(2a + 3b) 4) 4c(2c - 5d)


= -3a(2a) + (-3a)(3b)
............................................................................................................. = 4c(2c) - 4c(5d)
.............................................................................................................
= -6a2 - 9ab
............................................................................................................. = 8c2 - 20cd
.............................................................................................................

............................................................................................................. .............................................................................................................

ฉบับ 2. หาผลคูณในแตละขอตอไปนี้
เฉลย
1) (x + 3)(x + 7) 2) (4x - 1)(3x + 5)
xx
= ( + 7) + 3( + 7) x
............................................................................................................. x x
= 4 (3 + 5) - (3 + 5) x
.............................................................................................................
= x2 + 7x + 3x + 21
............................................................................................................. = 12x2 + 20x - 3x - 5
.............................................................................................................
= x2 + 10x + 21
............................................................................................................. = 12x2 + 17x - 5
.............................................................................................................

3) (x + y)(x + 6y) 4) (x2 - 2)(2x - 5)


xx
= ( + 6y) + y( + 6y) x
............................................................................................................. = 2(2 - 5) - 2(2 - 5)
x x x
.............................................................................................................
= x2 + 6xy + xy + 6y2
............................................................................................................. = 2x3 - 5x2 - 4x + 10
.............................................................................................................
= x2 + 7xy + 6y2
............................................................................................................. .............................................................................................................

3. หาผลหารในแตละขอตอไปนี้
12 11
1) x 9 2) -5m10
x m
= 12 - 9 x
............................................................................................................. = -5m11 - 10
.............................................................................................................
= x3
............................................................................................................. = -5m
.............................................................................................................

............................................................................................................. .............................................................................................................

140
4. หาผลหารในแตละขอตอไปนี้ พรอมตรวจสอบคําตอบ
5 4
1) 16a3b2
24a b
= ( 16 242 )2a b
5-3 4-2
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 2a3b
...................................................................................................................................................................................................................................................
3b2) 2a2b2 = 24 × 2 (a3 + 2 b2 + 2)
ตรวจสอบผลหาร (24a ( 3 ) ( 3)
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 16a5b4
...................................................................................................................................................................................................................................................
3 2 6
2) -18m n 3p
3mnp
= (-18 3 )m n p
3-1 2-1 6-3
...................................................................................................................................................................................................................................................
= -6m2np3
...................................................................................................................................................................................................................................................
ตรวจสอบผลหาร (3mnp3)(-6m2np3) = [3 × (-6)](m1 + 2 n1 + 1 p3 + 3)
...................................................................................................................................................................................................................................................
= -18m3n2p6
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
5. หาผลหารของ (6x2 + 10) ÷ 15 เฉลย
2
(6 2 + 10) 15 = 6x 15+ 10
x ÷
..................................................................................................................................................................................................................................................
2
= 6x 152 + 15
10
..................................................................................................................................................................................................................................................
= 2x5 + 23
..................................................................................................................................................................................................................................................

..................................................................................................................................................................................................................................................

6. หาผลหารในแตละขอตอไปนี้ พรอมตรวจสอบคําตอบ
1) (a2 + 2ab) ÷ 6a
2
(a2 + 2ab) 6a = a +6a2ab ÷
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 6a a2 + 2ab
...................................................................................................................................................................................................................................................
6a
= a + b
...................................................................................................................................................................................................................................................
6 3
ตรวจสอบคําตอบ 6a( 6 + 3b ) = 6a( 6a ) + 6a( 3b ) a
...................................................................................................................................................................................................................................................
= a2 + 2ab
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

141
2) (-x3y6z2 + 21xy3z5 + 14y4z3) ÷ 7yz2
3 6 2 3 5 4 3
x3y6z2 + 21xy3z5 + 14y4z3) ÷ 7yz2 = -x y z + 21xy2z + 14y z
(-...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................

3 6 2
7yz 3 5 4 3
...................................................................................................................................................................................................................................................
= -x y z + 21xy z + 14y z
...................................................................................................................................................................................................................................................
7yz 2 7yz 2 7yz2
...................................................................................................................................................................................................................................................
3 5
= -x7y + 3xy2z3 + 2y3z
...................................................................................................................................................................................................................................................

2 -x3y5 + 3xy2z3 + 2y3z


ตรวจสอบคํ า ตอบ 7yz ( 7 )
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
3 5
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 7yz2 ( -x7y ) + 7yz2(3xy2z3) + 7yz2(2y3z)
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
= - 3y6z2 + 21 y3z5 + 14y4z3
x x
...................................................................................................................................................................................................................................................

Intermediate Level
7. หาผลลัพธในแตละขอตอไปนี้
1) 7(2a + 1) - 4(8a - 3) 2) 3b(5 + b) - 2b(3b - 7)
ฉบับ =.............................................................................................................
[7(2a) + 7(1)] - [4(8a) - 4(3)] =.............................................................................................................
[3b(5) + 3b(b)] - [2b(3b) - 2b(7)]
เฉลย
=.............................................................................................................
(14a + 7) - (32a -12) (15b + 3b2) - (6b2 - 14b)
=.............................................................................................................
=.............................................................................................................
14a - 32a + 7 + 12 3b2 - 6b2 + 15b + 14b
=.............................................................................................................
=.............................................................................................................
-18a + 19 -3b2 + 29b
=.............................................................................................................
8. หาผลลัพธในแตละขอตอไปนี้
1) 5x(x - 6y) + (x + 3y)(3x - 4y)
= 5 2 - 30 y + (3 - 4y) + 3y(3 - 4y)
x x x x x
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 5x2 - 30xy + 3x2 - 4xy + 9xy - 12y2
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 5x2 + 3x2 - 30xy - 4xy + 9xy - 12y2
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 8x2 - 25xy - 12y2
...................................................................................................................................................................................................................................................

2) (7x - 3y)(x - 4y) + (5x - 9y)(y - 2x)


xx
= 7 ( - 4y) - 3y( - 4y) + 5 (y - 2 ) - 9y(y - 2 ) x x x x
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 7x2 - 28xy - 3xy + 12y2 + 5xy - 10x2 - 9y2 + 18xy
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 7x2 - 10x2 - 28xy - 3xy + 5xy + 18xy + 12y2 - 9y2
...................................................................................................................................................................................................................................................
= -3x2 - 8xy + 3y2
...................................................................................................................................................................................................................................................

142
9. หาผลลัพธในแตละขอตอไปนี้
5 4 4n3 21m4n3 - 21m3n2
1) ( -20m n +3 30m ) ( 7m2n2 )
-
-5m n3
-20m5n4 + 30m4n3 - 21m4n3 - 21m3n2
( -5m3n3 -5m3n3 ) ( 7m2n2 7m2n2 )
=...................................................................................................................................................................................................................................................
= (4m2n - 6m) - (3m2n - 3m)
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 4m2n - 3m2n - 6m + 3m
...................................................................................................................................................................................................................................................
= m2n - 3m
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

6 2 4 4 3 3 5 2
2) ( 16p q 4- 28p q ) × (6p q +3 9p2 q )
4p q 4 4 -3p q
6 2 3 3 5 2
= (16p q - 8p q ) ( 6p q + 9p q )
4 2 4 2 ×
...................................................................................................................................................................................................................................................
3 2 3 2
4p q 4p q -3p q -3p q
(4p2 - 2q2) × (-2q - 3p2)
=...................................................................................................................................................................................................................................................
= 4p2(-2q - 3p2) + (-2q2)(-2q - 3p2)
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
= -8p2q - 12p4 + 4q3 + 6p2q2
................................................................................................................................................................................................................................................... เฉลย
= -12p4 + 6p2q2 - 8p2q + 4q3
...................................................................................................................................................................................................................................................

Advanced Level
10. พืน้ ทีข่ องรูปสีเ่ หลีย่ มผืนผารูปหนึง่ เทากับ 5a2 + 15a ตารางหนวย ถาดานกวางของรูปสีเ่ หลีย่ ม
ผืนผารูปนี้ยาว 5a หนวย แลวรูปสี่เหลี่ยมผืนผารูปนี้มีความยาวรอบรูปเทาใด
จาก พื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมผืนผา = ความกวาง ความยาว ×
..................................................................................................................................................................................................................................................
5a2 + 15a = 5a(ความยาว)
..................................................................................................................................................................................................................................................
2
ความยาว = 5a + 15a
..................................................................................................................................................................................................................................................
5a
= a + 3 หนวย
..................................................................................................................................................................................................................................................
จะไดวา ความยาวรอบรูปของรูปสี่เหลี่ยมผืนผา = 2(ความกวาง + ความยาว)
..................................................................................................................................................................................................................................................
= 2[5a + (a + 3)]
..................................................................................................................................................................................................................................................
= 2(6a + 3)
..................................................................................................................................................................................................................................................
= 12a + 6 หนวย
..................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น รูปสี่เหลี่ยมผืนผารูปนี้มีความยาวรอบรูป 12a + 6 หนวย
..................................................................................................................................................................................................................................................

143
Summary
1. นิพจนพีชคณิต
พีชคณิต คือ คณิตศาสตรแขนงหนึง่ ทีม่ กี ารใชสญั ลักษณตา ง ๆ หรือตัวอักษร เพือ่ แทนจํานวน
ซึ่งสัญลักษณหรือตัวอักษรเหลานั้น เราเรียกวา ตัวแปร โดยทั่วไปจะนิยมเขียนแทนตัวแปรดวย
ตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพเล็ก
1 คือ คาคงตัว
สมการพีชคณิต x และ y คือ ตัวแปร
3x - 2y + 1 = 0 3 และ -2 คือ คาคงตัวที่เปนสัมประสิทธิ์
หนาตัวแปร x และ y ตามลําดับ
นิพจนพีชคณิต
คือ การนําพจนพีชคณิตหลาย ๆ พจนมาประกอบกัน โดยใชเครื่องหมายการดําเนินการ
ทางคณิตศาสตร (+, -, ×, ÷) เปนตัวเชื่อม ซึ่งจะไมมีเครื่องหมายเทากับอยูในนิพจน

ฉบับ สําหรับพจนที่มีตัวแปรเหมือนกัน และตัวแปรที่เหมือนกันนั้นมีเลขชี้กําลังเทากัน โดย


เฉลย
สัมประสิทธิ์หนาตัวแปรนั้นอาจเทากันหรือไมเทากันก็ได เราเรียกพจนนั้นวา พจนที่คลายกัน เชน
2x กับ 5x, 7y2 กับ -3y2 และ x3y กับ 4x3y
2. เอกนามและพหุนาม
เอกนาม
คือ นิพจนที่สามารถเขียนใหอยูในรูปการคูณกันของคาคงตัวกับตัวแปรตั้งแต
หนึ่งตัวขึ้นไป และเลขชี้กําลังของตัวแปรแตละตัวเปนศูนยหรือจํานวนเต็มบวก
เอกนาม
เอกนาม
3x - 2y + 1
พหุนาม
คือ นิพจนที่อยูในรูปเอกนาม หรือเขียนใหอยูในรูปการบวกของเอกนามตั้งแตสองเอกนามขึ้นไป

ผลบวกของเลขชี้กําลังของตัวแปรแตละตัวในเอกนาม เรียกวา “ดีกรีของเอกนาม”


ดีกรีสูงสุดของพหุนามที่อยูในรูปผลสําเร็จที่ไมมีพจนที่คลายกัน เรียกวา “ดีกรีของพหุนาม”

144
3. การบวกเอกนาม
1) ถาเอกนามที่นํามาบวกกันเปนเอกนามที่คลายกัน จะไดวา

ผลบวกของเอกนามที่คลายกัน = ผลบวกของสัมประสิทธิ์ × ชุดของตัวแปรในเอกนาม


ตัวอยาง
7x + 11x = (7 + 11)x
= 18x
2) ถาเอกนามที่นํามาบวกกันเปนเอกนามที่ไมคลายกัน เชน 5x2 กับ 3xy ไมสามารถเขียน
ผลบวกในรูปเอกนามได แตจะเขียนในรูป 5x2 + 3xy ซึ่งเปนพหุนามแทน
4. การลบเอกนาม
1) ถาเอกนามที่นํามาลบกันเปนเอกนามที่คลายกัน จะไดวา
ผลลบของเอกนามที่คลายกัน = ผลลบของสัมประสิทธิ์ × ชุดของตัวแปรในเอกนาม
ฉบับ
ตัวอยาง เฉลย
6x - 5x = (6 - 5)x
= x
2) ถาเอกนามที่นํามาลบกันเปนเอกนามที่ไมคลายกัน เชน 5x2 กับ 3xy ไมสามารถเขียน
ผลลบในรูปเอกนามได แตจะเขียนในรูป 5x2 - 3xy ซึ่งเปนพหุนามแทน
5. การบวกพหุนาม
การหาผลบวกของพหุนามตั้งแต 2 พหุนามขึ้นไป ทําไดโดยนําพจนที่คลายกันในแตละ
พหุนามมาบวกกันเชนเดียวกับการบวกเอกนาม
ตัวอยาง พจนที่คลายกัน PROBLEM SOLVING TIP

(2x - 4y) + (4x + 2y) = 2x - 4y + 4x + 2y 2x - 4y +


4x + 2y
พจนที่คลายกัน 6x - 2y
= 2x + 4x - 4y + 2y
= 6x - 2y

145
6. การลบพหุนาม
การหาผลลบของพหุนามสองพหุนามสามารถทําไดในทํานองเดียวกันกับการหาผลลบของ
จํานวนจริงสองจํานวน โดยใชความรูเกี่ยวกับจํานวนตรงขาม ดังนี้

พหุนามตัวตั้ง - พหุนามตัวลบ = พหุนามตัวตั้ง + พหุนามตรงขามของพหุนามตัวลบ

จากนั้นนําพจนที่คลายกันในแตละพหุนามมาบวกหรือลบกันเชนเดียวกับการบวกและการลบ
เอกนาม
ตัวอยาง
(-4x + 2y) - (-x - 5y + 3) = (-4x + 2y) + [-(-x - 5y + 3)]
= (-4x + 2y) + (x + 5y - 3)
พจนที่คลายกัน
= -4x + 2y + x + 5y - 3
ฉบับ พจนที่คลายกัน
เฉลย = -4x + x + 2y + 5y - 3
= -3x + 7y - 3
7. การคูณพหุนาม
1) การคูณระหวางเอกนามกับเอกนาม ทําไดโดย
(1) นําสัมประสิทธิ์ของเอกนามแตละพจนมาคูณกัน
(2) นําสวนทีเ่ ปนตัวแปรของเอกนามแตละพจนมาคูณกันโดยใชสมบัตกิ ารคูณเลขยกกําลัง
ตัวอยาง
2x(3x) = (2 × 3)x1 + 1
= 6x2
2) การคูณระหวางเอกนามกับพหุนาม ทําไดโดยใชสมบัติการแจกแจง
ตัวอยาง
2x(3x - 2) = 2x(3x) + 2x(-2)
= 6x2 - 4x

146
3) การคูณระหวางพหุนามกับพหุนาม ทําไดโดย
(1) นําแตละพจนของพหุนามหนึ่งมาคูณกับทุก ๆ พจนของอีกพหุนามหนึ่ง
(2) นําผลคูณทั้งหมดมาบวกกัน
ตัวอยาง
× x 3
(x + 2)(x + 3) = x(x + 3) + 2(x + 3) x x2 3x
2
= x + 3x + 2x + 6
= x2 + 5x + 6 2 2x 6

8. การหารพหุนาม
1) การหารเอกนามดวยเอกนาม ทําไดโดย
(1) นําสัมประสิทธิ์ของเอกนามแตละพจนมาหารกัน
(2) นําสวนทีเ่ ปนตัวแปรของเอกนามแตละพจนมาหารกันโดยใชสมบัตกิ ารหารเลขยกกําลัง
ตัวอยาง
6a7b3 = ( 6 ) a7 - 2b3 - 1
3a2b 3 ฉบับ
= 2a b 5 2 เฉลย
2) การหารพหุนามดวยเอกนาม ทําไดโดย
(1) หารแตละพจนของพหุนามตัวตั้งดวยเอกนามที่เปนตัวหาร
(2) นําผลหารแตละพจนมาบวกหรือลบกัน โดยถาไดผลหารเปนพหุนาม จะกลาววา
การหารนั้นเปนการหารลงตัว
ตัวอยาง
2 2
(a2 + 4ab2) ÷ 2a = a +2a4ab
a2 + 4ab2
= 2a 2a
= 2a + 2b2

147
Review Exercise 3
1. นิพจนในแตละขอตอไปนี้เปนพหุนามหรือไม เพราะเหตุใด
2
1) -5xy 2) 3mn2 + 4q - 5n
6z 2 q2 m-1
2 4q สามารถเขียนในรูปการคูณไดเปน 4q-1
-5xy สามารถเขียนในรูปการคูณไดเปน
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
6z 2 -1 q2
-5xy z มี -5 เปนคาคงตัว มี 4 เปนคาคงตัว
6 6
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
มี………………………………………………………………………………..
x เปนตัวแปรที่มีเลขชี้กําลังเปน 1 มี q เปนตัวแปรที่มีเลขชี้กําลังเปน -1
………………………………………………………………………………..
2 4q 5n
มี………………………………………………………………………………..
y เปนตัวแปรที่มีเลขชี้กําลังเปน 2 ดังนั้น 3mn
2 + q2 - m-1 ไมเปนพหุนาม
………………………………………………………………………………..
และมี z เปนตัวแปรที่มีเลขชี้กําลังเปน -1
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
2
งนั้น -5xy ไมเปนพหุนาม
ดั……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
6z
2. เขียนนิพจนที่เปนเอกนามที่มี 3 ตัวแปร มีสัมประสิทธิ์เปน -2 และมีดีกรีเปน 3 มา 2 นิพจน
แนวตอบ -2xyz, -2abc
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ฉบับ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
เฉลย
3. เขียนนิพจนที่เปนพหุนามที่มี 3 ตัวแปร มี 2 พจน และมีดีกรีเปน 5 มา 2 นิพจน
แนวตอบ 2xy + z5, a2b3 - c
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

4. หาผลบวกของเอกนามในแตละขอตอไปนี้
1) 17x + 16x 2) 9a4b6 + (-12a4b6)
x
= (17 + 16)
……………………………………………………………………………….. = [9 + (-12)]a4b6
………………………………………………………………………………..
= 33x
……………………………………………………………………………….. = -3a4b6
………………………………………………………………………………..

5. หาผลลบของเอกนามในแตละขอตอไปนี้
1) (-11h2) - 8h2 2) -14p3qr5 - (-32p3qr5)
= (-11 - 8)h2
……………………………………………………………………………….. = [-14 - (-32)]p3qr5
………………………………………………………………………………..
= -19h2
……………………………………………………………………………….. = 18p3qr5
………………………………………………………………………………..

148
6. หาผลบวกของพหุนามในแตละขอตอไปนี้
1) (8x - 17y) + (17x - 8y)
x
= 8 - 17y + 17 - 8y x
..................................................................................................................................................................................................................................................
= 8x + 17x - 17y - 8y
..................................................................................................................................................................................................................................................
= 25x - 25y
..................................................................................................................................................................................................................................................

2) (9x5y7 - 78) + (- 85 x5y7 + 2x7y5) + (4x7y5 - 13


16)
= 9 5y7 - 78 - 85 5y7 + 2 7y5 + 4 7y5 - 13
x x x x
..................................................................................................................................................................................................................................................
16
= 9x y - 5 x y + 2x y + 4x y - 8 - 13
5 7 8 5 7 7 5 7 5 7
..................................................................................................................................................................................................................................................
16
7
= 6x y + 5 x y - 16 5 37 5 7 27
..................................................................................................................................................................................................................................................

7. หาผลลบของพหุนามในแตละขอตอไปนี้
1) (-6a + 4b) - (-3a - 2b - 5) 2) -(56 x6y + 79) - (- 52 xy5 - 3x6y) - 54 xy5
= -6a + 4b + 3a + 2b + 5
……………………………………………………………………………….. = -56 6y - 79 + 52 y5 + 3 6y - 54 y5
x x x x
………………………………………………………………………………..
ฉบับ
เฉลย
= -6a + 3a + 4b + 2b + 5
……………………………………………………………………………….. = -56 x6y + 3x6y + 52 xy5 - 54 xy5 - 79
………………………………………………………………………………..
= -3a + 6b + 5
……………………………………………………………………………….. = 136 x6y + 54 xy5 - 79
………………………………………………………………………………..

8. หาพหุนามดีกรีสองมา 2 พหุนาม ซึ่งเมื่อนําพหุนามทั้งสองมาลบกัน จะมีผลลบเทากับ


6x2 - 5x - 2 พรอมแสดงวิธีคิด
แนวตอบ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

จาก พหุนามตัวตั้ง = พหุนามผลลบ + พหุนามตัวลบ


…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

จะไดวา ถากําหนดพหุนามดีกรีสองที่เปนพหุนามตัวลบมา 1 พหุนาม แลวนําไปบวกกับพหุนาม


…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ผลลบ จะไดพหุนามดีกรีสองอีก 1 พหุนาม ซึ่งเปนพหุนามตัวตั้ง


…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

กําหนดให พหุนามดีกรีสองที่เปนพหุนามตัวลบ คือ x2 + x + 1


…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

จะไดวา พหุนามตัวตั้ง = (6x2 - 5x - 2) + (x2 + x + 1)


…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

= 6x2 + x2 - 5x + x - 2 + 1
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

= 7x2 - 4x - 1
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ดังนั้น พหุนามดีกรีสอง 2 พหุนาม ซึ่งเมื่อนําพหุนามทั้งสองมาลบกัน จะมีผลลบเทากับ


…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

6x2 - 5x - 2 คือ 7x2 - 4x - 1 ลบดวย x2 + x + 1


…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

149
9. หาผลรวมของ 3x2 + 2x - 10 กับ -2x2 - 2x - 5 ลบดวย 16x2 - 7x - 5
(3 2 + 2 - 10) + (-2 2 - 2 - 5) - (16 2 - 7 - 5)
x x x x x x
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
= 3x2 + 2x - 10 - 2x2 - 2x - 5 - 16x2 + 7x + 5
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
= 3x2 - 2x2 - 16x2 + 2x - 2x + 7x - 10 - 5 + 5
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
= -15x2 + 7x - 10
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

10. หาผลคูณในแตละขอตอไปนี้
1) 5(-11x - 8) 2) -6x(9x + 5y)
x
= 5(-11 ) - 5(8)
……………………………………………………………………………….. x x x
= -6 (9 ) + (-6 )(5y)
………………………………………………………………………………..
= -55x - 40
……………………………………………………………………………….. = -54x2 - 30xy
………………………………………………………………………………..

……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..

11. หาผลคูณในแตละขอตอไปนี้
ฉบับ 1) (x - 5)(x + 10) 2) (2x2 - 3)(4x - 7)
เฉลย
xx x
= ( + 10) + (-5)( + 10)
……………………………………………………………………………….. = 2 2(4 - 7) + (-3)(4 - 7)
x x x
………………………………………………………………………………..
= x2 + 10x - 5x - 50
……………………………………………………………………………….. = 8x3 - 14x2 - 12x + 21
………………………………………………………………………………..
= x2 + 5x - 50
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..

12. หาผลหารในแตละขอตอไปนี้
10 14
1) c 8 2) -4n11
-c n
= -c10 - 8
……………………………………………………………………………….. = -4n14 - 11
………………………………………………………………………………..
= -c2
……………………………………………………………………………….. = -4n3
………………………………………………………………………………..

……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
4 5 6
13. หาผลหารของ -12a3 b3 c3 พรอมตรวจสอบคําตอบ
-12a4b5c6
20a b c
-12 4 - 3 5 - 3 6 - 3
= ( 20 ) a b c
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
3 3 3
20a b c
= -35 ab2c3
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ตรวจสอบผลหาร (20a3b3c3)(-35 ab2c3) = [20 × (-35 )](a3 + 1 b3 + 2 c3 + 3)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
= -12a4b5c6
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

150
14. หาผลหารของ (-22a4b5c3 - a5b3c2 + 33a4b3) ÷ 11a4b3
-22a4b5c3 - a5b3c2 + 33a4b3 = -22a4b5c3 - a5b3c2 + 33a4b3
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
4 3 4 3 4 3 4 3
11a b 11a b 211a b 11a b
= -2b2c3 - ac
11 + 3
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

15. หาผลลัพธของ 4k(6 + 2k) - 3k(2k - 5)


4k(6 + 2k) - 3k(2k - 5) = [4k(6) + 4k(2k)] - [3k(2k) + 3k(-5)]
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
= (24k + 8k2) - (6k2 - 15k)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
= 8k2 - 6k2 + 24k + 15k
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
= 2k2 + 39k
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

16. หาผลลัพธของ (5m - 2n)(3m + n) + (4n - m)(7m - n)


(5m - 2n)(3m + n) + (4n - m)(7m - n)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ฉบับ
= [5m(3m + n) + (-2n)(3m + n)] + [4n(7m - n) + (-m)(7m - n)]
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. เฉลย
= (15m2 + 5mn - 6mn - 2n2) + (28mn - 4n2 - 7m2 + mn)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
= 15m2 - 7m2 + 5mn - 6mn + 28mn + mn - 2n2 - 4n2
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
= 8m2 + 28mn - 6n2
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

5 5 3 4 9a4b3 + 3a5b6
17. หาผลลัพธของ ( -15a b 3- 10a
4
b
) × ( 3a4b3 )
5a b
-15a5b5 - 10a3b4 9a4b3 + 3a5b6
( 5a b ) ×
( 3a b )
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
3 4 4 3
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
5 5 3 4
= (-15a b - 10a b ) 9a4b3 + 3a5b6
3 4
5a b 5a b3 4 × 4 3 ( 3a b 3a b )
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
4 3
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
= (-3a2b - 2)(3 + ab3)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
= -3a2b(3 + ab3) + (-2)(3 + ab3)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
= -9a2b - 3a3b4 - 6 - 2ab3
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
= -3a3b4 - 2ab3 - 9a2b - 6
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

151
18. รูปสีเ่ หลีย่ มผืนผารูปหนึง่ มีความยาวรอบรูปเทากับ 6y2 - 2y หนวย ถาดานกวางของรูปสีเ่ หลีย่ ม
ผืนผารูปนี้ยาว 2y หนวย แลวรูปสี่เหลี่ยมผืนผารูปนี้มีพื้นที่เทาใด
จาก ความยาวรอบรูปของรูปสี่เหลี่ยมผืนผา = (2 ความกวาง) + (2 ความยาว)
× ×
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
6y2 - 2y = 2(2y) + (2 × ความยาว)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ความยาว = 6y2 - 2y - 4y
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
2
2
= 3y - 3y หนวย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
จะไดวา พื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมผืนผา = ความกวาง × ความยาว
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
= 2y(3y2 - 3y)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
= 6y3 - 6y2 ตารางหนวย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ดังนั้น รูปสี่เหลี่ยมผืนผารูปนี้มีพื้นที่ 6y3 - 6y2 ตารางหนวย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

19. ตอบคําถามตอไปนี้
1) เวลา 3y นาที กับเวลา 25y วินาที ตางกันกี่วินาที
ฉบับ เวลา 3y นาที เทากับ 3y 60 วินาที ×
เฉลย ..................................................................................................................................................................................................................................................
= 180y วินาที
..................................................................................................................................................................................................................................................
จะได 180y - 25y = 155y วินาที
..................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น เวลา 3y นาที กับเวลา 25y วินาที ตางกัน 155y วินาที
..................................................................................................................................................................................................................................................

2) ผลรวมของเวลา 50(3z - 2) นาที กับเวลา 4(z + 1) ชั่วโมง คิดเปนกี่วินาที


เวลา 50(3z - 2) นาที เทากับ 50(3z - 2) 60 วินาที ×
..................................................................................................................................................................................................................................................
= 3,000(3z - 2) วินาที
..................................................................................................................................................................................................................................................
= 9,000z - 6,000 วินาที
..................................................................................................................................................................................................................................................
เวลา 4(z + 1) ชั่วโมง เทากับ 4(z + 1) × 60 นาที
..................................................................................................................................................................................................................................................
= 4(z + 1) × 60 × 60 วินาที
..................................................................................................................................................................................................................................................
= 14,400(z + 1) วินาที
..................................................................................................................................................................................................................................................
= 14,400z + 14,400 วินาที
..................................................................................................................................................................................................................................................
จะได (9,000z - 6,000) + (14,400z + 14,400) = 23,400z + 8,400 วินาที
..................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ผลรวมของเวลา 50(3z - 2) นาที กับเวลา 4(z + 1) ชั่วโมงคิดเปน 23,400z + 8,400 วินาที
..................................................................................................................................................................................................................................................

..................................................................................................................................................................................................................................................

152
Challenge Yourself
พิจารณาการคูณของจํานวนที่มีสองหลักกับจํานวนที่มีสองหลัก
ถาเลขโดดในหลักสิบของจํานวนทั้งสองเหมือนกัน และเลขโดดในหลักหนวยมีผลรวมเทากับ 10
เราสามารถหาผลคูณระหวางจํานวนสองจํานวนนี้ไดโดยใชวิธีลัด ดังนี้
คูณเลขโดดในหลักสิบดวยเลขโดด 7 4 × คูณเลขโดดในหลักหนวยของจํานวน
ที่อยูถัดไป นั่นคือ 7 × 8 = 56 7 6 ทั้งสองเขาดวยกัน นั่นคือ 4 × 6 = 24
5 6 2 4

ใหนกั เรียนใชวธิ ลี ดั ขางตนในการหาผลลัพธของ 58 × 52 จากนัน้ ใชเครือ่ งคิดเลขตรวจสอบผลลัพธ


ที่ไดวาถูกตองหรือไม พรอมอธิบายแนวคิดของวิธีลัดนี้โดยใชการบวก ลบ คูณ และหารพหุนาม
ในการอธิบาย
หาผลลัพธของ 58 52 โดยใชวิธีลัดได ดังนี้ ×
.............................................................................................................................................................................................................................................................
5 8
.............................................................................................................................................................................................................................................................
×
5 2
............................................................................................................................................................................................................................................................. ฉบับ
เฉลย
3 0 1 6
.............................................................................................................................................................................................................................................................
เมื่อกดเครื่องคิดเลข ผลลัพธที่ไดตรงกับที่หาโดยใชวิธีลัด ซึ่งสามารถอธิบายแนวคิดของวิธีลัดนี้โดยใช
.............................................................................................................................................................................................................................................................
การบวก ลบ คูณ และหารพหุนามได ดังนี้
.............................................................................................................................................................................................................................................................
กําหนดให จํานวนที่มี 2 หลัก สองจํานวนนั้น คือ xy และ xz โดยที่ y + z = 10
.............................................................................................................................................................................................................................................................
นั่นคือ xy = 10x + y
.............................................................................................................................................................................................................................................................
xz = 10x + z
.............................................................................................................................................................................................................................................................
จะได xy × xz = (10x + y)(10x + z)
.............................................................................................................................................................................................................................................................
= 10x(10x + z) + y(10x + z)
.............................................................................................................................................................................................................................................................
= 100x2 + 10xz + 10xy + yz
.............................................................................................................................................................................................................................................................
= 100x2 + 10x(y + z) + yz
.............................................................................................................................................................................................................................................................
= 100x2 + 10x(10) + yz
.............................................................................................................................................................................................................................................................
= 100x2 + 100x + yz
.............................................................................................................................................................................................................................................................
= 100x(x + 1) + yz
.............................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................

153
ฉบับ
เฉลย

154
หนวยการเรียนรูที่ 4
การแปลง
ทางเรขาคณิต
ปจจุบันเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับอากาศยานไรคนขับหรือโดรน
(drone) ได รั บ ความนิ ย มเป น อย า งมาก โดรนส ว นใหญ
จะถูกออกแบบใหมีลักษณะ 4 ใบพัด ซึ่งใบพัดแตละใบจะหมุน
รอบแกน ๆ หนึง่ ทีใ่ ชเปนจุดหมุนของใบพัด โดยอุปกรณควบคุม
จะทําการควบคุมใบพัดที่อยูในแนวเสนทแยงมุมเดียวกันให
ฉบับ
หมุนในทิศทางเดียวกัน ซึ่งมีใบพัดสองตัวที่หมุนในทิศทาง เฉลย
ตามเข็มนาฬกา และมีใบพัดอีกสองตัวที่หมุนในทิศทางทวน
เข็มนาฬกา

ตัวชี้วัด
• เขาใจและใชความรูเกี่ยวกับการแปลงทางเรขาคณิตในการแกปญหา
คณิตศาสตรและปญหาในชีวิตจริง (ค 2.2 ม.2/3)
สาระการเรียนรูแกนกลาง
• การเลื่อนขนาน
• การสะทอน
• การหมุน
• การนําความรูเกี่ยวกับการแปลงทางเรขาคณิตไปใชในการแกปญหา

155
4.1 การแปลงทางเรขาคณิต
การแปลงทางเรขาคณิต หมายถึง การเปลี่ยนแปลงตําแหนง รูปราง หรือขนาดของจุดหรือ
สิ่งของตาง ๆ
ตารางตอไปนีจ้ ะแสดงการแปลงทางเรขาคณิตซึง่ มีทงั้ หมด 4 แบบ คือ การเลือ่ นขนาน (translation)
การสะทอน (reflection) การหมุน (rotation) และการยอ/ขยาย (enlargement/dilation)
การเลือ่ นขนาน การสะทอน การหมุน การยอ/ขยาย
C1 C C1 C C1
C C
B1
B1 B1 A1
B A1 B C1 B
A B B1 A1 A A1 A
A
จากการแปลงทางเรขาคณิตทั้ง 4 แบบ เราจะเรียก ∆ ABC ซึ่งเปนรูปกอนการแปลงวา
ฉบับ
เฉลย “รูปตนแบบ (pre-image)” และเรียก ∆ A1B1C1 ซึ่งเปนรูปหลังการแปลงวา “ภาพ (image)”
การแปลงทางเรขาคณิตเปนการดําเนินการเกีย่ วกับรูปเรขาคณิต ซึง่ ทําใหเกิดการเปลีย่ นแปลง
จากตําแหนงหนึง่ ไปยังอีกตําแหนงหนึง่ โดยทีร่ ปู รางและขนาดอาจมีการเปลีย่ นแปลง แตการเรียน
ในระดับชัน้ นี้ จะเรียนเฉพาะการแปลงทางเรขาคณิตทีท่ าํ ใหภาพทีไ่ ดจากการแปลงมีรปู รางและขนาด
ไมเปลีย่ นแปลง ซึง่ มีเพียง 3 แบบ คือ การเลือ่ นขนาน (translation) การสะทอน (reflection) และ
การหมุน (rotation) เมือ่ พิจารณารูปตนแบบและภาพทีไ่ ดจากการแปลงจะพบวา จุดทีอ่ ยูบ นรูปตนแบบ
จะจับคูกับจุดที่อยูบนภาพที่ไดจากการแปลง โดยเรียกจุดที่จับคูกันวา จุดที่สมนัยกัน ดังนั้น เมื่อ
เลือกจุดอื่น ๆ บนรูปตนแบบจะมีจุดที่สมนัยกันบนภาพที่ไดจากการแปลงเพียงจุดเดียวเทานั้น

Class Discussion
ใหนักเรียนจับคูกับเพื่อนจากนั้นนําโทรศัพทเคลื่อนที่ของตนเองขึ้นมา แลวชวยกันพิจารณาวา
การยายตําแหนงของแอปพลิเคชันบนหนาจอโทรศัพทเคลื่อนที่เกี่ยวของกับการแปลงทาง
เรขาคณิตหรือไม อยางไร
การยายตําแหนงของแอปพลิเคชันบนหนาจอโทรศัพทเคลือ่ นทีเ่ ปนการเปลีย่ นตําแหนงของแอปพลิเคชันโดยที่
..............................................................................................................................................................................................................................................................
รูปรางและขนาดของแอปพลิเคชันไมเปลี่ยนแปลงจึงเปนการแปลงทางเรขาคณิต
..............................................................................................................................................................................................................................................................

156
Exercise 4A
Basic Level
1. รูปตอไปนี้เปนภาพที่ไดจากการเลื่อนขนาน การสะทอน การหมุนรูปตนแบบหรือไม

รูปตนแบบ
1) 2) 3) 4) 5)

เปน
……………………….. ไมเปน
……………………….. เปน
……………………….. ไมเปน
……………………….. เปน
………………………..

2. ภาพที่ไดจากการแปลงทางเรขาคณิตตอไปนี้เกิดจากการแปลงทางเรขาคณิตแบบใด
Y ฉบับ
1) การเลื่อนขนาน
……………………………………………………………………. เฉลย
2 ………………………………………………………………………

………………………………………………………………………
-6 -4 -2 0 2 4 6 X ………………………………………………………………………
-2 ………………………………………………………………………

………………………………………………………………………
-4
………………………………………………………………………

………………………………………………………………………

Y การหมุน
2) …………………………………………………………………….

6 ………………………………………………………………………

………………………………………………………………………
4
………………………………………………………………………

2 ………………………………………………………………………

………………………………………………………………………
-2 0 2 4 6 8 10 X
………………………………………………………………………

………………………………………………………………………

157
Y การสะทอน
3) …………………………………………………………………….

6 ………………………………………………………………………

………………………………………………………………………
4
………………………………………………………………………
2 ………………………………………………………………………

………………………………………………………………………
-6 -4 -2 0 2 4 6 X
………………………………………………………………………

………………………………………………………………………

Y
4) การยอ/ขยาย
…………………………………………………………………….

6 ………………………………………………………………………

………………………………………………………………………
4
………………………………………………………………………

2 ………………………………………………………………………

ฉบับ ………………………………………………………………………
เฉลย -2 0 2 4 6 8 10 X
………………………………………………………………………

………………………………………………………………………

Intermediate Level
3. เขียนกราฟแสดงจุด A(4, 2), B(6, 4), C(6, 7), D(4, 5), A1(-4, 2), B1(-6, 4), C1(-6, 7)
และ D1(-4, 5) บนระบบพิกัดฉากเดียวกัน จากนั้นตรวจสอบวา □ A1B1C1D1 เปนภาพที่ได
จากการแปลง □ ABCD ดวยการแปลงทางเรขาคณิตแบบใด
Y A B C D เปนภาพทีไ่ ดจากการแปลง
□ 1 1 1 1
C1 C …………………………………………………………………….
□ ABCD ดวยการสะทอน
………………………………………………………………………
6
D1 D
………………………………………………………………………
B1 4 B ………………………………………………………………………

A1 2 A ………………………………………………………………………

………………………………………………………………………
-6 -4 -2 0 2 4 6 X
………………………………………………………………………
-2 ………………………………………………………………………

158
4.2 การเล�อนขนาน
พิจารณารูปตอไปนี้

A1 C1

2 หนวย
3 หนวย
C 4 หนวย
A B B1
4 หนวย
จากรูป จะเห็นวา
• จุด A1 เกิดจากการเลื่อนจุด A ไปดานบนในแนวดิ่ง 3 หนวย เรียกจุด A1 วาเปนภาพ ฉบับ
ที่ไดจากการเลื่อนขนานจุด A ซึ่งเปนรูปตนแบบ และกลาววา จุด A1 กับจุด A เปนจุดที่ เฉลย
สมนัยกัน
• จุด B1 เกิดจากการเลื่อนจุด B ไปทางขวา 4 หนวย เรียกจุด B1 วาเปนภาพที่ไดจาก
การเลื่อนขนานจุด B ซึ่งเปนรูปตนแบบ และกลาววา จุด B1 กับจุด B เปนจุดที่สมนัยกัน
• จุด C1 เกิดจากการเลือ่ นจุด C ไปทางขวา 4 หนวย และเลือ่ นไปดานบนในแนวดิง่ 2 หนวย
เรียกจุด C1 วาเปนภาพที่ไดจากการเลื่อนขนานจุด C ซึ่งเปนรูปตนแบบ และกลาววา
จุด C1 กับจุด C เปนจุดที่สมนัยกัน
พิจารณาการเลื่อนขนาน ∆ ABC ตอไปนี้
Y
A 3 A1

B 2 C B1 C1
A2 1

B2
-5 -4 -3 -2 -1 0 1C2 2 3 4 5 X

159
จากรูป จะเห็นวา ∆ A1B1C1 เกิดจากการเลื่อน ∆ ABC ขนานกับแกน X ไปทางขวา 5 หนวย
จุด A, B และ C เปนจุดที่สมนัยกับจุด A1, B1 และ C1 ตามลําดับ ซึ่งแตละจุดที่สมนัยกัน
อยูหางกันเปนระยะ 5 หนวย เราจะเรียก ∆ ABC วารูปตนแบบ และเรียก ∆ A1B1C1 วาเปน
ภาพที่ไดจากการเลื่อนขนาน ∆ ABC
จาก จุด A และจุด B เปนจุดที่สมนัยกับจุด A1 และจุด B1 ตามลําดับ
จะได AB กับ A1B1 เปนดานที่สมนัยกัน ทําให AB = A1B1
จุด B และจุด C เปนจุดที่สมนัยกับจุด B1 และจุด C1 ตามลําดับ
จะได BC กับ B1C1 เปนดานที่สมนัยกัน ทําให BC = B1C1
จุด A และจุด C เปนจุดที่สมนัยกับจุด A1 และจุด C1 ตามลําดับ
จะได AC กับ A1C1 เปนดานที่สมนัยกัน ทําให AC = A1C1
และจาก AB และ BC เปนดานที่สมนัยกับ A1B1 และ B1C1 ตามลําดับ

จะได ABC กับ A1∧B1C1 เปนมุมที่สมนัยกัน ทําให ABC ∧
= A1∧B1C1
BC และ CA เปนดานที่สมนัยกับ B1C1 และ C1A1 ตามลําดับ

จะได BCA กับ B1C∧1A1 เปนมุมที่สมนัยกัน ทําให BCA ∧
= B1C∧1A1
ฉบับ CA และ AB เปนดานที่สมนัยกับ C1A1 และ A1B1 ตามลําดับ
เฉลย ∧
จะได CAB กับ C1∧A1B1 เปนมุมที่สมนัยกัน ทําให CAB ∧
= C1∧A1B1
เมื่อพิจารณา ∆ A2B2C2 จะพบวา ∆ A2B2C2 เกิดจากการเลื่อน ∆ ABC ขนานกับแกน Y
ไปดานลาง 2 หนวย และเลื่อนขนานกับแกน X ไปทางขวา 1 หนวย เราจะเรียก ∆ ABC
วารูปตนแบบ และเรียก ∆ A2B2C2 วาเปนภาพที่ไดจากการเลื่อนขนาน ∆ ABC
จากรูปขางตน สรุปไดวา
1) การเลื่อนขนานเปนการแปลงทางเรขาคณิตโดยภาพที่ไดจากการเลื่อนขนานมีขนาดและ
รูปรางเหมือนกับรูปตนแบบ
2) รู ป ต น แบบกั บ ภาพที่ ไ ด จ ากการเลื่ อ นขนานสามารถทั บ กั น ได ส นิ ท โดยไม ต  อ งพลิ ก
หมุน หรือยอ/ขยาย
3) การเลื่อนขนานเปนการเลื่อนจุดทุกจุดบนรูปตนแบบไปในทิศทางเดียวกัน และเปนระยะ
เทากัน
4) ระยะทางระหวางจุดบนรูปตนแบบกับจุดบนภาพที่ไดจากการเลื่อนขนานซึ่งเปนจุดที่
สมนัยกันจะมีระยะทางเทากัน

การเลื่อนขนาน
160
จากขอสรุปขางตน เขียนเปนบทนิยามไดวา
บทนิยาม การเลือ่ นขนานบนระนาบ เปนการแปลงทางเรขาคณิตแบบหนึง่ ทีม่ กี ารเลือ่ นจุด
ทุกจุดบนรูปตนแบบไปบนระนาบตามแนวเสนตรงในทิศทางเดียวกัน และเปนระยะเทากัน

Worked Example 1
กําหนด □ ABCD เปนรูปตนแบบที่มีจุด A(1, -2), B(5, -1), C(4, -4) และ D(0, -4) เปน
จุดยอดมุม ใหสรางภาพที่ไดจากการเลื่อนขนาน □ ABCD ตามเงื่อนไขในแตละขอตอไปนี้
1) ขนานกับแกน X ไปทางซาย 8 หนวย
2) ขนานกับแกน Y ไปดานบน 4 หนวย
วิธีทํา
1) สรางจุด A1, B1, C1 และ D1 ที่เกิดจากการเลื่อนจุด A, B, C และ D ตามลําดับ ขนานกับ
แกน X ไปทางซาย 8 หนวย
จะเห็นวา คาของพิกัดที่สองคงเดิม แตคาของพิกัดที่หนึ่งของทุกจุดจะลดลงจุดละ 8 หนวย ฉบับ
เฉลย
ดังนั้น □ A1B1C1D1 ซึ่งเปนภาพที่ไดจากการเลื่อนขนาน □ ABCD จะมีจุดยอดมุม คือ
จุด A1(-7, -2), B1(-3, -1), C1(-4, -4) และ D1(-8, -4)
2) สรางจุด A2, B2, C2 และ D2 ซึ่งเกิดจากการเลื่อนจุด A, B, C และ D ตามลําดับ ขนานกับ
แกน Y ไปดานบน 4 หนวย
จะเห็นวา คาของพิกัดที่หนึ่งคงเดิม แตคาของพิกัดที่สองของทุกจุดจะเพิ่มขึ้นจุดละ 4 หนวย
ดังนั้น □ A2B2C2D2 ซึ่งเปนภาพที่ไดจากการเลื่อนขนาน □ ABCD จะมีจุดยอดมุม คือ
จุด A2(1, 2), B2(5, 3), C2(4, 0) และ D2(0, 0)
Y
A2 B2
2
D2 C2 6 X
-10 -8 -6 -4 B1 -2 0 2 4 B 8 10
A1 A
-2

D1 C1 -4 D C

161
Similar Questions
Practice Now Exercise 4B ขอ 1-2, 4, 8
กําหนด ∆ ABC เปนรูปตนแบบที่มีจุด A(-8, 3), B(-6, 4) และ C(-3, 2) เปนจุดยอดมุม
ใหสรางภาพที่ไดจากการเลื่อนขนาน ∆ ABC ตามเงื่อนไขในแตละขอตอไปนี้
1) ขนานกับแกน X ไปทางขวา 10 หนวย
2) ขนานกับแกน Y ไปดานลาง 5 หนวย
Y
B 4 B1
A A1
C C1

-8 0 X
B2 -4 4 8
A2
C2

ฉบับ
เฉลย Worked Example 2
Y
สรางภาพที่ไดจากการเลื่อนขนาน □ ABCD
ซึ่งเปนรูปตนแบบตามเวกเตอร PQ 6
วิธีทํา 4 D C
การเลื่อนขนานตามเวกเตอร PQ หรือ PQ Q
2 A B
คือ การเลื่อนขนานโดยมีทิศทางเดียวกับการ
เลื่อนขนานที่เริ่มจากจุด P ไปยังจุด Q และมี 0 2 4 6 8 X
ระยะที่ใชในการเลื่อนขนานเทากับ PQ P
ดังนั้น การเลื่อนขนาน □ ABCD ตาม PQ Y
ทําได ดังนี้ D1 C1
สรางจุด A1, B1, C1 และ D1 ซึ่งเปนภาพที่ได 6
A B1
จากการเลื่อนขนานจุด A, B, C และ D ตาม 4 D C1
ลําดับ ตาม PQ จะได □ A1B1C1D1 เปนภาพ Q
2 A B
ที่ไดจากการเลื่อนขนาน □ ABCD ตาม PQ
0 2 4 6 8 X
P
162
Similar Questions
Practice Now Exercise 4B ขอ 3, 7
สรางภาพที่ไดจากการเลื่อนขนานรูปหาเหลี่ยม ABCDE ซึ่งเปนรูปตนแบบตามเวกเตอร MN
Y

6 D1
E1
4 D C1
E A1
2 C B1
A X
-6 -4 -2 0 2 4B 6 8 10 12 14
-2 N
M

Worked Example 3
ใหอธิบายการเลื่อนขนาน □ ABCD ซึ่งเปนรูปตนแบบ เพื่อใหได □ A1B1C1D1 และ □ A2B2C2D2 ฉบับ
เฉลย
ซึ่งเปนภาพที่ไดจากการเลื่อนขนาน
Y
วิธีทํา
10 การเลื่อนขนาน □ ABCD ซึ่งเปนรูปตนแบบ
A B8 เพื่อใหได □ A1B1C1D1 ซึ่งเปนภาพที่ไดจาก
การเลื่อนขนาน จะเลื่อนขนาน 2 ครั้ง ดังนี้
6 ครั้งที่ 1 เลื่อน □ ABCD ขนานกับแกน X
A1 B1
D C4 ไปทางขวา 6 หนวย
ครั้งที่ 2 เลื่อน □ ABCD ขนานกับแกน Y
2 D C1
1 ไปดานลาง 3 หนวย
-4 -2 0 2 4 X การเลื่อนขนาน □ ABCD ซึ่งเปนรูปตนแบบ
เพื่อใหได □ A2B2C2D2 ซึ่งเปนภาพที่ไดจาก
-2
A2 B2 การเลื่อนขนานจะเลื่อนขนาน 2 ครั้ง ดังนี้
-4 ครั้งที่ 1 เลื่อน □ ABCD ขนานกับแกน Y
-6 D ไปดานลาง 11 หนวย
C
2 2 ครั้งที่ 2 เลื่อน □ ABCD ขนานกับแกน X
ไปทางขวา 5 หนวย
163
Practice Now Similar Questions
Exercise 4B ขอ 5-6
ใหอธิบายการเลื่อนขนาน □ ABCD ซึ่งเปนรูปตนแบบ เพื่อใหได □ A1B1C1D1 และ □ A2B2C2D2
ซึ่งเปนภาพที่ไดจากการเลื่อนขนาน
Y
B
A C 4
2 B1
B2 A1 C1
A2 C2 D X
-10 -8 -6 -4 -2 0 2 4 6 8 10
-2
D1
D2
การเลื่อนขนาน ABCD เพื่อใหได A B C D ทําไดโดย
□ □ 1 1 1 1
..................................................................................................................................................................................................................................................
เลื่อน □ ABCD ขนานกับแกน X ไปทางขวา 8 หนวย และ
..................................................................................................................................................................................................................................................
เลื่อนขนานกับแกน Y ไปดานลาง 3 หนวย
..................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
เฉลย การเลื่อนขนาน □ ABCD เพื่อใหได □ A2B2C2D2 ทําไดโดย
..................................................................................................................................................................................................................................................
เลื่อน □ ABCD ขนานกับแกน X ไปทางซาย 4 หนวย และ
..................................................................................................................................................................................................................................................
เลื่อนขนานกับแกน Y ไปดานลาง 4 หนวย
..................................................................................................................................................................................................................................................

Exercise 4B
Basic Level
Y
1. หาพิกัดของจุดซึ่งเปนภาพที่ไดจากการ
เลือ่ นขนานจุด A, B, C และ D ตามเงือ่ นไข B(-6, 4)
4
ในแตละขอตอไปนี้
C1(-4, 1) 2 C(2, 1)
1) เลื่อนจุด A ขนานกับแกน X
ไปทางขวา 4 หนวย -6 -4 -2 0 2 4 X
2) เลื่อนจุด B ขนานกับแกน Y -2 A1(2, -2)
ไปดานลาง 8 หนวย A(-2, -2)
3) เลื่อนจุด C ขนานกับแกน X B1(-6, -4) -4
ไปทางซาย 6 หนวย
164
2. ใหพิจารณาวา รูปสามเหลี่ยม A, B, C, D และ E รูปใดบางทีเ่ ปนภาพที่ไดจากการเลื่อนขนาน
∆ XYZ พรอมทั้งอธิบายเหตุผลประกอบ

A C
B
X

D
Y Z E

รู..................................................................................................................................................................................................................................................
ปสามเหลี่ยม B และ D เปนภาพที่ไดจากการเลื่อนขนาน ∆ XYZ เนื่องจากรูปสามเหลี่ยม B และ D
สามารถทั บ ∆ XYZ ไดสนิทโดยไมตองพลิก หมุน หรือยอ/ขยาย
..................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
Intermediate Level เฉลย
3. สรางภาพที่ไดจากการเลื่อนขนาน ∆ ABC ตามเงื่อนไขในแตละขอตอไปนี้
1) ระยะทางเทากับ AB และไปในทิศทางเดียวกับ AB
2) ระยะทางเทากับ BC และไปในทิศทางเดียวกับ BC
Y

10

6
C2
4
A2 B2 C1
C
2
A B A1 B1
-2 0 2 4 6 8 10 12 14 16 18 X

165
4. กําหนด □ PQRS เปนรูปตนแบบทีม่ จี ดุ P(0, 1), Q(4, 1), R(6, 3) และ S(2, 3) เปนจุดยอดมุม
ใหสรางภาพที่ไดจากการเลื่อนขนาน □ PQRS ตามเงื่อนไขในแตละขอตอไปนี้
1) ขนานกับแกน X ไปทางซาย 8 หนวย 2) ขนานกับแกน Y ไปดานบน 4 หนวย
3) ขนานกับแกน X ไปทางขวา 4 หนวย 4) ขนานกับแกน Y ไปดานลาง 5 หนวย
Y
S2 R2
6
P2 Q2
S1 R1 4 S R S3 R3
2
P1 P Q P3 Q3
Q1 X
-10 -8 -6 -4 -2 0 2 4 6 8 10
-2 S4 R4
-4 P Q4
4
ฉบับ
เฉลย
5. ใหอธิบายการเลื่อนขนานจุด P ซึ่งเปนรูปตนแบบ เพื่อใหไดจุด P1 ซึ่งเปนภาพที่ได
จากการเลื่อนขนานในแตละขอตอไปนี้
1) จุด P(6, 1) กับจุด P1(9, 3)
เริ่มจาก เลื่อนจุด P(6, 1) ขนานกับแกน ไปทางขวา 3 หนวย จากนั้นเลื่อนขนานกับแกน Y X
..................................................................................................................................................................................................................................................
ไปดานบน 2 หนวย
..................................................................................................................................................................................................................................................

2) จุด P(3, 2) กับจุด P1(-1, -2)


เริ่มจาก เลื่อนจุด P(3, 2) ขนานกับแกน ไปทางซาย 4 หนวย จากนั้นเลื่อนขนานกับแกน Y X
..................................................................................................................................................................................................................................................
ไปดานลาง 4 หนวย
..................................................................................................................................................................................................................................................

3) จุด P(1, 0) กับจุด P1(0, 4)


เริ่มจาก เลื่อนจุด P(1, 0) ขนานกับแกน ไปทางซาย 1 หนวย จากนั้นเลื่อนขนานกับแกน Y X
..................................................................................................................................................................................................................................................
ไปดานบน 4 หนวย
..................................................................................................................................................................................................................................................

4) จุด P(3, -3) กับจุด P1(10, -6)


เริ่มจาก เลื่อนจุด P(3, -3) ขนานกับแกน ไปทางขวา 7 หนวย จากนั้นเลื่อนขนานกับแกน Y X
..................................................................................................................................................................................................................................................
ไปดานลาง 3 หนวย
..................................................................................................................................................................................................................................................

166
6. ใหอธิบายการเลื่อนขนานรูปเจ็ดเหลี่ยม ABCDEFG ซึ่งเปนรูปตนแบบ เพื่อใหได
รูปเจ็ดเหลี่ยม X และ Y ซึ่งเปนภาพที่ไดจากการเลื่อนขนาน
Y

14

12
E
10
F D
G 8 C

A B6
4 X
2

-10 -8 -6 -4 -2 0 2 4 6 8 10 X ฉบับ
เฉลย
-2

Y -4

-6

การเลื ่อนขนานรูปเจ็ดเหลี่ยม ABCDEFG เพื่อใหไดรูปเจ็ดเหลี่ยม X ทําได โดย


..................................................................................................................................................................................................................................................
เลื ่อนรูปเจ็ดเหลี่ยม ABCDEFG ขนานกับแกน Y ไปดานลาง 4 หนวย และ
..................................................................................................................................................................................................................................................
เลื ่อนขนานกับแกน X ไปทางขวา 6 หนวย
..................................................................................................................................................................................................................................................
การเลื ่อนขนานรูปเจ็ดเหลี่ยม ABCDEFG เพื่อใหไดรูปเจ็ดเหลี่ยม Y ทําได โดย
..................................................................................................................................................................................................................................................
เลื ่อนรูปเจ็ดเหลี่ยม ABCDEFG ขนานกับแกน Y ไปดานลาง 12 หนวย และ
..................................................................................................................................................................................................................................................
เลื ่อนขนานกับแกน X ไปทางซาย 4 หนวย
..................................................................................................................................................................................................................................................

..................................................................................................................................................................................................................................................

..................................................................................................................................................................................................................................................

..................................................................................................................................................................................................................................................

..................................................................................................................................................................................................................................................

167
Advanced Level
7. กําหนดรูปแปดเหลี่ยม A เปนรูปตนแบบที่มีจุด (3, 2), (4, 2), (5, 3), (5, 4), (4, 5), (3, 5),
(2, 4) และ (2, 3) เปนจุดยอดมุม ใหสรางภาพที่ไดจากการเลื่อนขนานรูปแปดเหลี่ยม A
ตามเงื่อนไขในแตละขอตอไปนี้
1) ขนานกับแกน X ไปทางซาย 7 หนวย
2) ขนานกับแกน Y ไปดานบน 6 หนวย
3) เลื่อนไปในทิศทางและขนาดเดียวกันกับ XY
Y

10
C
8
D
6 Y
4
ฉบับ B A
เฉลย 2 X

-6 -4 -2 0 2 4 6 8 10 12 14 X

8. บันไดเลื่อนในหางสรรพสินคาแหงหนึ่งตองใชเวลา 6 วินาที ในการเลื่อนขั้นบันไดไป 5 ขั้น


อยากทราบวา ตองใชเวลาเทาใดในการเลื่อนขั้นบันไดไป 30 ขั้น
ขั.........................................................................................................................
้นบันไดเลื่อนไป 5 ขั้น ใชเวลา 6 วินาที
้นบันไดเลื่อนไป 30 ขั้น ใชเวลา 30 5× 6 วินาที
ขั.........................................................................................................................
= 36 วินาที
.........................................................................................................................
ดั.........................................................................................................................
งนั้น ตองใชเวลา 36 วินาที ในการเลื่อนขั้นบันได
ไป 30 ขั้น
.........................................................................................................................

.........................................................................................................................

.........................................................................................................................

.........................................................................................................................

168
4.3 การสะทอน
พิจารณารูปตอไปนี้

C C1

B B1
A A1
L
จากรูป จะเห็นวา ∆ A1B1C1 เกิดจากการพลิก ∆ ABC ขามเสนตรง L เรียกเสนตรง L
วา เสนสะทอน (line of reflection) และเราสรุปไดวา
ฉบับ
1) การสะทอนเปนการแปลงทางเรขาคณิตโดยภาพที่ไดจากการสะทอนมีขนาดและรูปราง เฉลย
เหมือนกับรูปตนแบบ
2) รูปตนแบบกับภาพที่ไดจากการสะทอนไมสามารถทับกันไดสนิทโดยไมตองพลิก หมุน
หรือยอ/ขยาย
3) เสนสะทอน คือ เสนตรงที่แบงครึ่งและตั้งฉากกับสวนของเสนตรงที่มีจุดคูที่สมนัยกันเปน
จุดปลาย
4) จุดทุกจุดบนรูปตนแบบกับจุดบนภาพที่ไดจากการแปลงซึ่งเปนจุดคูที่สมนัยกันจะหาง
จากเสนสะทอนเปนระยะทางเทากัน
จากขอ 3) จะไดวา การหาเสนสะทอนทําไดโดยการลากเสนตรงผานจุดกึง่ กลางของ AA1 และ
BB1 ดังนัน้ ในกรณีทวั่ ไป การหาเสนสะทอนทําไดโดยการลากเสนตรงผานจุดกึง่ กลางของสวนของ
เสนตรงที่เชื่อมตอระหวางจุดที่สมนัยกัน 2 คู
จากขอสรุปขางตน เขียนเปนบทนิยามไดวา
บทนิยาม การสะทอนบนระนาบ เปนการแปลงทางเรขาคณิตแบบหนึง่ ซึง่ ภาพทีไ่ ดจากการ
สะทอนเกิดจากการพลิกรูปตนแบบขามเสนสะทอน

169 การสะทอน
Worked Example 4
สรางภาพที่ไดจากการสะทอน □ ABCD โดยมีเสนสะทอนตอไปนี้
1) แกน X 2) แกน Y
3) เสนตรง L1 4) เสนตรง L2
Y

L1
D C

A B
0 X

ฉบับ
เฉลย
L2
วิธีทํา Y

A3 B3

P3 D3 S R C3 Q3 L1
C2 D2 3 3
R2 S2 D C
S4 P2
B2 D4 A2 R4 Q2 A B
P1 S1 R1 Q1 X
C4 P4 0 A1 B1
A4 Q4
D1 C1
B4 L2

170
1) ที่จุด A สราง AA1 ใหแบงครึ่งและตั้งฉากกับแกน X ที่จุด P1 โดยที่ AP1 = P1A1
ที่จุด B สราง BB1 ใหแบงครึ่งและตั้งฉากกับแกน X ที่จุด Q1 โดยที่ BQ1 = Q1B1
ที่จุด C สราง CC1 ใหแบงครึ่งและตั้งฉากกับแกน X ที่จุด R1 โดยที่ CR1 = R1C1
ที่จุด D สราง DD1 ใหแบงครึ่งและตั้งฉากกับแกน X ที่จุด S1 โดยที่ DS1 = S1D1
จากนั้นลาก A1B1, B1C1, C1D1 และ D1A1
จะได □ A1B1C1D1 เปนภาพที่ไดจากการสะทอน □ ABCD โดยมีแกน X เปนเสนสะทอน
2) ที่จุด A สราง AA2 ใหแบงครึ่งและตั้งฉากกับแกน Y ที่จุด P2 โดยที่ AP2 = P2A2
ที่จุด B สราง BB2 ใหแบงครึ่งและตั้งฉากกับแกน Y ที่จุด Q2 โดยที่ BQ2 = Q2B2
ที่จุด C สราง CC2 ใหแบงครึ่งและตั้งฉากกับแกน Y ที่จุด R2 โดยที่ CR2 = R2C2
ที่จุด D สราง DD2 ใหแบงครึ่งและตั้งฉากกับแกน Y ที่จุด S2 โดยที่ DS2 = S2D2
จากนั้นลาก A2B2, B2C2, C2D2 และ D2A2
จะได □ A2B2C2D2 เปนภาพที่ไดจากการสะทอน □ ABCD โดยมีแกน Y เปนเสนสะทอน ฉบับ
เฉลย
3) ที่จุด A สราง AA3 ใหแบงครึ่งและตั้งฉากกับเสนตรง L1 ที่จุด P3 โดยที่ AP3 = P3A3
ที่จุด B สราง BB3 ใหแบงครึ่งและตั้งฉากกับเสนตรง L1 ที่จุด Q3 โดยที่ BQ3 = Q3B3
ที่จุด C สราง CC3 ใหแบงครึ่งและตั้งฉากกับเสนตรง L1 ที่จุด R3 โดยที่ CR3 = R3C3
ที่จุด D สราง DD3 ใหแบงครึ่งและตั้งฉากกับเสนตรง L1 ที่จุด S3 โดยที่ DS3 = S3D3
จากนั้นลาก A3B3, B3C3, C3D3 และ D3A3
จะได □ A3B3C3D3 เปนภาพที่ไดจากการสะทอน □ ABCD โดยมีเสนตรง L1 เปนเสนสะทอน
4) ที่จุด A สราง AA4 ใหแบงครึ่งและตั้งฉากกับเสนตรง L2 ที่จุด P4 โดยที่ AP4 = P4A4
ที่จุด B สราง BB4 ใหแบงครึ่งและตั้งฉากกับเสนตรง L2 ที่จุด Q4 โดยที่ BQ4 = Q4B4
ที่จุด C สราง CC4 ใหแบงครึ่งและตั้งฉากกับเสนตรง L2 ที่จุด R4 โดยที่ CR4 = R4C4
ที่จุด D สราง DD4 ใหแบงครึ่งและตั้งฉากกับเสนตรง L2 ที่จุด S4 โดยที่ DS4 = S4D4
จากนั้นลาก A4B4, B4C4, C4D4 และ D4A4
จะได □ A4B4C4D4 เปนภาพที่ไดจากการสะทอน □ ABCD โดยมีเสนตรง L2 เปนเสนสะทอน

171
Similar Questions
Practice Now Exercise 4C ขอ 1-3, 6-8
สรางภาพที่ไดจากการสะทอน ∆ ABC โดยมีเสนสะทอนตอไปนี้
1) แกน X 2) แกน Y
3) เสนตรง L1 4) เสนตรง L2
Y
B4 L2
A3 B3
C4
A4 C3 L1
C2 C

B2 A2 A B
0 X
A1 B1
ฉบับ
เฉลย
C1

Worked Example 5
สรางเสนสะทอนระหวางรูปตนแบบกับภาพที่ไดจากการสะทอนตอไปนี้

A1

C1
A B1
B
C

172
วิธีทํา
การสรางเสนสะทอนระหวางรูปตนแบบกับภาพที่ไดจากการสะทอนทําได 2 วิธี ดังนี้
วิธที ี่ 1 ใชการสรางเสนตรงผานจุดกึง่ กลางของสวนของเสนตรงทีเ่ ชือ่ มตอระหวางจุดคูท ี่
สมนัยกัน 2 คู

A1

X
C1
A B1
Y
B
C

ลาก AA1 และ BB1 จากนั้นหาจุด X และ Y ซึ่งเปนจุดกึ่งกลางของ AA1 และ BB1 ฉบับ
ตามลําดับ แลวลาก XY ผานจุด X และ Y จะได XY เปนเสนสะทอน เฉลย
วิธีที่ 2 ใชการสรางพื้นฐานทางเรขาคณิตสรางเสนตรงที่แบงครึ่งและตั้งฉากกับสวนของ
เสนตรงที่มีจุดคูที่สมนัยกันเปนจุดปลาย

A1

X
C1
A B1
Y
B
C
1) ลาก AA1, BB1 และ CC1
2) บน AA1 สราง XY ใหแบงครึ่งและตั้งฉากกับ AA1 และลากผาน BB1 และ CC1
3) จะได XY เปนเสนสะทอน
173
Similar Questions
Practice Now Exercise 4C ขอ 4-5, 9-10
สรางเสนสะทอนระหวางรูปตนแบบกับภาพที่ไดจากการสะทอนตามเงื่อนไขตอไปนี้
1) ใชการสรางเสนตรงผานจุดกึ่งกลางของสวนของเสนตรงที่เชื่อมตอระหวางจุดที่สมนัยกัน 2 คู

C A

P
B A1

Q
C1
ฉบับ B1
เฉลย

2) ใชการสรางพื้นฐานทางเรขาคณิตสรางเสนตรงที่แบงครึ่งและตั้งฉากกับสวนของเสนตรง
ที่มีจุดที่สมนัยกันเปนจุดปลาย

C A

P
B A1

Q
C1

B1

174
Exercise 4C
Basic Level
1. เขียนตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพใหญซึ่งภาพที่ไดจากการสะทอนจากกระจกเงามีรูปราง
และขนาดเทาเดิม
A, H, , M, O, T, U, V, W, และ Y
I X
..................................................................................................................................................................................................................................................

..................................................................................................................................................................................................................................................

2. สรางภาพที่ไดจากการสะทอนรูปตนแบบตอไปนี้
1) 2)

TRANSFORM
REFLECT T C E L F E R TRANSFORM ฉบับ
เฉลย

3. สรางภาพที่ไดจากการสะทอนรูปตนแบบที่กําหนดโดยมีเสนสะทอนตอไปนี้
1) แกน X 2) แกน Y
Y Y

A 2 B 4 B1

B A A1
C X 2
C1 -2 0
B1
-2 C C1 X
A1 -2 0 2

175
3) เสนตรง x = 0.5 4) เสนตรง y = -0.5
Y Y
x = 0.5 A B
2
G C
4 F D
-2 0E 2
X
D C2 C1 D1 y = -0.5
E1
E1 F1 -2 D1
FE F1
G1 C1
A B0 B1 2 A1 X
A1 B1
4. สรางเสนสะทอนระหวางรูปตนแบบกับภาพที่ไดจากการสะทอนตอไปนี้
ฉบับ 1)
เฉลย

2)

176
5. สรางเสนสะทอนของรูปภาพตอไปนี้
1) 2)

Intermediate Level
6. สรางภาพที่ไดจากการสะทอน ∆ ABC โดยมีเสนสะทอนตอไปนี้
1) แกน X
ฉบับ
2) แกน Y เฉลย
3) เสนตรง L1
Y
B B2 L1
A A2
2

C C2
-4 -2 0 2 4 X
C1

C3 -2 B3
A1
B1 -4
A3

177
7. สรางภาพที่ไดจากการสะทอนจุด A(-5, -2), B(-8, 3) และ C(-4, 7) โดยมีเสนสะทอน
ตอไปนี้
1) เสนตรง L1 2) เสนตรง L2 3) เสนตรง L3
Y
A1(-5, 10) B3(-1, 10)

8 C2(6, 7)
C(-4, 7)
A3(4, 7)
B1(-8, 5) C (-5, 6)
3
L1
4
B(-8, 3)
B2(10, 3)
C1(-4, 1)
-8 -4 0 4 8 X
A2(7, -2)
-2
ฉบับ A(-5, -2) L2 L3
เฉลย
8. สรางภาพทีไ่ ดจากการสะทอนรูปตนแบบทีก่ าํ หนดใหตอ ไปนี้ โดยมีเสนตรง L1 เปนเสนสะทอน
Y
L1

-2 0 2 4 6 X

-2

178
9. สรางเสนสะทอนระหวางรูปตนแบบกับภาพที่ไดจากการสะทอนตอไปนี้
1)

ฉบับ
เฉลย
2)

179
Advanced Level
10. กําหนดรูปหกเหลี่ยม ABCDEF เปนรูปตนแบบ ที่มีจุด A(1, 1), B(3, 1), C(3, 2.5),
D(2.5, 3), E(1.5, 3) และ F(1, 2.5) เปนจุดยอดมุม
1) สรางภาพที่ไดจากการสะทอนรูปหกเหลี่ยม ABCDEF โดยมีแกน Y เปนเสนสะทอน
Y

4
D1 E1 E D
C1 F1 F C
2

B1 A1 A B

ฉบับ -2 0 2 4 6 X
เฉลย

2) สรางเสนสะทอนระหวางรูปหกเหลีย่ ม ABCDEF ซึง่ เปนรูปตนแบบกับภาพทีไ่ ดจากการสะทอน


ที่มีจุด A2(6, 6), B2(6, 4), C2(4.5, 4), D2(4, 4.5), E2(4, 5.5) และ F2(4.5, 6)
เปนจุดยอดมุม
Y F2 A2
E2
D2
4 B2
C2
E D
F C
2

A B

-2 0 2 4 6 X

180
4.4 การหมุน
รูปตอไปนี้เปนการหมุน ∆ ABC รอบจุดกําเนิด O ในทิศทางทวนเข็มนาฬกาดวยมุมที่มี
ขนาด 90 ํ ทําใหได ∆ A1B1C1 เปนภาพที่ไดจากการหมุน ∆ ABC
Y

B1 C1 B
A

A1 C
O X

ฉบับ
เฉลย
รูปตอไปนี้จะแสดง □ A1B1C1D1 ซึ่งเปนภาพที่ไดจากการหมุน □ ABCD รอบจุด P(0, 2)
ดวยมุมที่มีขนาด 180 ํ และเราจะเรียกจุด P วา จุดหมุนที่อยูบนรูปตนแบบ
Y

6
D1 4 B
A2 1 A
C1 C
P(0, 2)
B1 D
-10 -8 -6 -4 -2 0 2 4 6 8 10 X
-2

181
Thinking Time
□ A1B1C1D1 เปนภาพที่ไดจากการสะทอน □ ABCD หรือไม อยางไร
□ A B C D ไมเปนภาพที่ไดจากการสะทอน ABCD เพราะมีจุดคูที่สมนัยกันเพียง 2 คู □
...............................................................................................................................................................................................................................................................
1 1 1 1

จากรูปขางตน สรุปไดวา
1) การหมุนเปนการแปลงทางเรขาคณิตซึ่งภาพที่ไดจากการหมุนจะมีขนาดและรูปราง
เหมือนกับรูปตนแบบ
2) การหมุนเปนการเคลื่อนที่รอบจุด ๆ หนึ่งที่มีทิศทางของการหมุนตามเข็มนาฬกาหรือ
ทวนเข็มนาฬกา
3) การหมุนเปนการหมุนจุดทุกจุดบนรูปตนแบบรอบจุดหมุนดวยมุมทีม่ ขี นาดเทากัน โดยเรา
จะแบงจุดหมุนเปน 2 กรณี คือ จุดหมุนที่อยูบนรูปตนแบบและจุดหมุนที่ไมอยูบนรูปตนแบบ
4) จุดคูที่สมนัยกันแตละคูที่อยูบนรูปตนแบบกับภาพที่ไดจากการหมุน
จะอยูหางจากจุดหมุนเปนระยะทางเทากัน
ฉบับ จากขอสรุปขางตน เขียนเปนบทนิยามไดวา การหมุน
เฉลย
บทนิยาม การหมุนบนระนาบ เปนการแปลงทางเรขาคณิตแบบหนึ่งที่มีจุดตรึงจุดหนึ่ง
เรียกวา จุดหมุน โดยแตละจุดบนรูปตนแบบจะเคลื่อนที่รอบจุดหมุนดวยมุมที่มีขนาดเทากัน
ตามทิศทางที่กําหนด
Worked Example 6
กําหนด ∆ ABC เปนรูปตนแบบ ใหสรางภาพที่ไดจากการหมุน ∆ ABC รอบจุด P(-2, 2)
ในทิศทางตามเข็มนาฬกาดวยมุมที่มีขนาด 90 ํ
Y
B
4
P(-2, 2)
2
A
C X
-10 -8 -6 -4 -2 0 2 4 6 8 10
-2

182
วิธีทํา
∧ ∧ ∧
1) ลาก AP, BP และ CP แลวสราง APA1, BPB1 และ CPC1 ในทิศทางตามเข็มนาฬกา
ใหมีขนาดเทากับ 90 ํ โดยที่ AP = A1P, BP = B1P และ CP = C1P
2) ลาก A1B1, B1C1 และ C1A1 จะได ∆ A1B1C1 เปนภาพที่ไดจากการหมุน ∆ ABC รอบจุด
P(-2, 2) ในทิศทางตามเข็มนาฬกาดวยมุมที่มีขนาด 90 ํ
Y
B
4
P(-2, 2)
2
90 ํ A
A1 C X
-10 -8 -6 -4 -2 0 2 4 6 8 10
-2 B1

C1 -4
ฉบับ
เฉลย

Similar Questions
Practice Now Exercise 4D ขอ 1-5, 8
กําหนด □ ABCD เปนรูปตนแบบ ใหสรางภาพที่ไดจากการหมุน □ ABCD รอบจุด P(2, 0)
ในทิศทางทวนเข็มนาฬกาดวยมุมที่มีขนาด 90 ํ
Y
C1
D1 B
4 C

2 A
B1 P(2, 0)90 ํ D
-10 -8 -6 -4 -2 0 A X
1 2 4 6 8 10
-2

-4

183
Worked Example 7
กําหนด ∆ ABC เปนรูปตนแบบ และ ∆ PQR เปนภาพที่ไดจากการหมุน ∆ ABC ใหหาจุดหมุน
ทิศทางการหมุน และขนาดของมุมที่ใชในการหมุน
Y
B 4
A
2
Q
-10 C-8 -6 -4 -2 0 2 4 6 8 10 X
-2

-4

P R
วิธีทํา
ฉบับ
เฉลย 1) เนื่องจากจุด A กับจุด P และจุด B กับจุด Q เปนจุดคูที่สมนัยกัน ลาก AP และ BQ
จากนั้นสรางเสนตรงที่แบงครึ่งและตั้งฉากกับ AP และ BQ ที่จุด M และ N ตามลําดับ โดยที่
สวนของเสนตรงทั้งสองตัดกันที่จุด E

2) วัดขนาดของ AEP จะไดขนาดของมุมที่ใชในการหมุน
Y
B 4
A E(1, 3)
N 2
Q
-10 C-8 -6 -4 -2 0 2 4 6 8 10 X
M -2

-4

P R
ดังนั้น ∆ PQR เปนภาพที่ไดจากการหมุน ∆ ABC รอบจุด E(1, 3) ในทิศทางทวนเข็มนาฬกา
ดวยมุมที่มีขนาด 90 ํ

184
Similar Questions
Practice Now Exercise 4D ขอ 6-7, 9-11
กําหนด ∆ ABC เปนรูปตนแบบ และ ∆ PQR เปนภาพที่ไดจากการหมุน ∆ ABC ใหหาจุดหมุน
ทิศทางการหมุน และขนาดของมุมที่ใชในการหมุน
Y
Q
R 4

2
P N4 C X
-10 -8 -6 -4 -2 0 2 6 8 10
-2 M
E(0, -2)
-4 A
B
ดั...............................................................................................................................................................................................................................................................
งนั้น ∆ PQR เปนภาพที่ไดจากการหมุน ∆ ABC รอบจุด E(0, -2) ในทิศทางทวนเข็มนาฬกา ฉบับ
ดวยมุมที่มีขนาด 120 ํ
............................................................................................................................................................................................................................................................... เฉลย

Thinking Time
ใหนักเรียนอธิบายวา เพราะเหตุใดจุดหมุนใน Worked Example 7 จึงเปนจุดที่อยูบนจุดตัด
ของเสนตรงที่แบงครึ่งและตั้งฉากกับ AP และ BQ
จาก Worked E ample 7 จะเห็นวา จุดทุกจุดที่อยูบนเสนตรงที่แบงครึ่งและตั้งฉาก AP จะอยูหางจาก
x
...............................................................................................................................................................................................................................................................
จุด A และจุด P ซึ่งเปนจุดที่สมนัยกันเปนระยะทางเทากัน ในทํานองเดียวกัน จุดทุกจุดที่อยูบนเสนตรงที่แบง
...............................................................................................................................................................................................................................................................
ครึ่งและตั้งฉากกับ BQ จะอยูหางจากจุด B และจุด Q ซึ่งเปนจุดที่สมนัยกันเปนระยะทางเทากัน เนื่องจาก
...............................................................................................................................................................................................................................................................
จุดที่สมนัยกันแตละคูที่อยูบนรูปตนแบบกับภาพที่ไดจากการหมุนจะอยูหางจากจุดหมุนเปนระยะทางเทากัน
...............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น จุดตัดของเสนตรงที่แบงครึ่งและตั้งฉากกับ AP และ BQ เปนจุดหมุนใน Worked Example 7
...............................................................................................................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................................................................................................

185
Exercise 4D
Basic Level
1. สรางภาพที่ไดจากการหมุนจุดตอไปนี้รอบจุดกําเนิดในทิศทางตามเข็มนาฬกาดวยมุม
ที่มีขนาด 90 ํ
1) A(-2, 0) 2) B(0, 5)
3) C(-3, -4) 4) D(3, 3)
Y
B(0, 5)
C1(-4, 3) 4
D(3, 3)
2 A1(0, 2)
A(-2, 0) B1(5, 0)
90 ํ X
-10 -8 -6 -4 -2 90 0ํ 2 4 6 8 10
-2 D1(3, -3)
ฉบับ C(-3, -4)
เฉลย -4

2. สรางภาพที่ไดจากการหมุนจุดตอไปนี้รอบจุดกําเนิดในทิศทางทวนเข็มนาฬกาดวยมุม
ที่มีขนาด 90 ํ
1) A(4, 0) 2) B(0, -2)
3) C(4, 4) 4) D(-3, 2)
Y
C1(-4, 4) C(4, 4)
4 A1(0, 4)
D(-3, 2)
2
90Bํ (2, 0) A(4, 0)
1
-10 -8 -6 -4 -2 90 ํ 0 2 4 6 8 10 X
-2 B(0, -2)
D1(-2, -3)-4

186
3. สรางภาพที่ไดจากการหมุนจุด A(1, 4) รอบจุด (4, 2) ในทิศทางตามเข็มนาฬกาดวยมุม
ที่มีขนาดตอไปนี้
1) 90 ํ 2) 270 ํ
Y

6 A1(6, 5)
A(1, 4)
4
90 ํ
2 (4, 2) 270 ํ

-10 -8 -6 -4 -2 0 2 4 6 8 10 X
-2 A2(2, -1)

-4

-6
ฉบับ
เฉลย
4. กําหนด ∆ ABC เปนรูปตนแบบ ใหสราง ∆ PQR ซึ่งเปนภาพที่ไดจากการหมุน ∆ ABC
รอบจุด (2, 1) ในทิศทางตามเข็มนาฬกาดวยมุมที่มีขนาด 90 ํ
Y

5 C

1
(2, 1) 90 ํ
A B
P X
-1 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9
-1
Q R

187
5. กําหนดจุด P(2, 4), Q(4, -1) และ R(-1, 0) เปนจุดที่อยูบนระบบพิกัดฉากเดียวกัน
1) สรางภาพที่ไดจากการหมุนจุด P(2, 4) รอบจุด R(-1, 0) ไปในทิศทางตามเข็มนาฬกา
ดวยมุมที่มีขนาด 90 ํ
Y
P(2, 4)
4

2
90 ํ X
-10 -8 -6 -4 -2 0 2 4 6 8 10
R(-1, 0)
-2
P1 (3, -3)
2) สรางภาพที่ไดจากการหมุนจุด Q(4, -1) รอบจุด P(2, 4) ไปในทิศทางตามเข็มนาฬกา
ดวยมุมที่มีขนาด 90 ํ
Y
ฉบับ
เฉลย P(2, 4)
4
90 ํ
2
Q1(-3, 2)
-10 -8 -6 -4 -2 0 2 4 6 8 10 X
Q(4, -1)
-2

3) สรางภาพที่ไดจากการหมุนจุด R(-1, 0) รอบจุด Q(4, -1) ดวยมุมที่มีขนาด 180 ํ


Y

2
R(-1, 0)
-10 -8 -6 -4 -2 0 2 4 6 8 10 X
-2 Q(4, -1)
R1(9, -2)
-4

188
Intermediate Level
6. กําหนด ∆ ABC เปนรูปตนแบบ และ ∆ A1B1C1 เปนภาพที่ไดจากการหมุน ∆ ABC ใหหา
จุดหมุน ทิศทางการหมุน และขนาดของมุมที่ใชในการหมุน
Y

C 4

3 A1
B
E2 F
1
D(0, 1) B1
A C1
-5 -4 -3 -2 -1 0 1 2 3 4 5 X
-1

ดังนั้น A B C เปนภาพที่ไดจากการหมุน ABC รอบจุด D(0, 1) ในทิศทางตามเข็มนาฬกา


∆ 1 1 1 ∆
..................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
เฉลย
ดวยมุมที่มีขนาด 150 ํ
..................................................................................................................................................................................................................................................

7. กําหนด ∆ ABC เปนรูปตนแบบ และ ∆ PQR เปนภาพทีไ่ ดจากการหมุน ∆ ABC ใหหาจุดหมุน


ทิศทางการหมุน และขนาดของมุมทีใ่ ชในการหมุน
Y

2 P
D(3, 1) R
1
F
-1 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 X
-1 A E Q
-2 B
-3 C

ดังนั้น PQR เปนภาพที่ไดจากการหมุน ABC รอบจุด D(3, 1) ในทิศทางทวนเข็มนาฬกา


∆ ∆
..................................................................................................................................................................................................................................................
ดวยมุมที่มีขนาด 90 ํ
..................................................................................................................................................................................................................................................
189
8. หาทิศทางการหมุน และขนาดของมุมที่ใชในการหมุนใบพัดลมในตําแหนงที่ 1 รอบจุด O
ไปยังใบพัดลมในตําแหนงที่ 2
1 2

60 ํ
6 O 3

5 4

ใบพัดลมในตําแหนงที่ 1 หมุนรอบจุด O ในทิศทางตามเข็มนาฬกาดวยมุมที่มีขนาด 60 ํ ไปยัง


..................................................................................................................................................................................................................................................
ใบพัดลมในตําแหนงที่ 2 หรือ
..................................................................................................................................................................................................................................................

ฉบับ ใบพัดลมในตําแหนงที่ 1 หมุนรอบจุด O ในทิศทางทวนเข็มนาฬกาดวยมุมที่มีขนาด 300 ํ ไปยัง


..................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย ใบพัดลมในตําแหนงที่ 2
..................................................................................................................................................................................................................................................

..................................................................................................................................................................................................................................................

..................................................................................................................................................................................................................................................

..................................................................................................................................................................................................................................................

..................................................................................................................................................................................................................................................

9. กําหนดรูป B เปนภาพทีไ่ ดจากการหมุนรูป A และรูป C เปนภาพทีไ่ ดจากการหมุนรูป B ใหหา


1) จุดหมุน ทิศทางการหมุนและขนาดของมุมที่ใชในการหมุนรูป A ซึ่งเปนรูปตนแบบ เพื่อใหได
รูป B ซึ่งเปนภาพที่ไดจากการหมุน
2) จุดหมุน ทิศทางการหมุน และขนาดของมุมที่ใชในการหมุนรูป B ซึ่งเปนรูปตนแบบ
เพื่อใหไดรูป C ซึ่งเปนภาพที่ไดจากการหมุน
3) สรางภาพที่ไดจากการหมุนรูป A รอบจุด (2, -1) ในทิศทางทวนเข็มนาฬกาดวยมุม
ที่มีขนาด 90 ํ

190
Y

A 3

2
B
1
(-1, 0)
-5 -4 -3 -2 -1 0 1 2 3 4 5 X
(2, -1)
-1 (3, -1)
-2

-3
C
-4

-5 ฉบับ
เฉลย
D
-6

-7

ดังนั้น รูป B เปนรูปที่ไดจากการหมุนรูป A รอบจุด (-1, 0) ในทิศทางตามเข็มนาฬกาดวยมุมที่มีขนาด


..................................................................................................................................................................................................................................................
90 ํ รูป C เปนรูปที่ไดจากการหมุนรูป B รอบจุด (3, -1) ในทิศทางตามเข็มนาฬกาดวยมุม
..................................................................................................................................................................................................................................................
ที่มีขนาด 240 ํ และรูป D เปนรูปที่ไดจากการหมุนรูป A รอบจุด (2, 1) ในทิศทางทวนเข็ม
..................................................................................................................................................................................................................................................
นาฬกาดวยมุมที่มีขนาด 90 ํ
..................................................................................................................................................................................................................................................

..................................................................................................................................................................................................................................................

..................................................................................................................................................................................................................................................

..................................................................................................................................................................................................................................................

..................................................................................................................................................................................................................................................

191
Advanced Level
10. กําหนด ∆ A1B1C1 เปนภาพที่ไดจากการหมุน ∆ ABC รอบจุด C ในทิศทางตามเข็มนาฬกา
ดวยมุมที่มีขนาด 25 ํ ดังรูป B 1
B

A1
25 ํ C
A C1

ใหหาขนาดของ CAA1
ฉบับ
เนื ่องจาก AC = A1C
..................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย จะได วา ∆ CAA1 เปนรูปสามเหลี่ยมหนาจั่ว
..................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
นั..................................................................................................................................................................................................................................................
่นคือ CAA1 = CA1A

และจากขนาดของมุ มภายในทั้งสามของรูปสามเหลี่ยมรวมกันไดเทากับ 180 ํ และ ACA1 = 25 ํ
..................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧ ∧
จะไดวา CAA1 + CA1A + ACA1 = 180 ํ
..................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
CAA1 + CAA1 + 25 ํ = 180 ํ
..................................................................................................................................................................................................................................................

2CAA1 = 155 ํ
..................................................................................................................................................................................................................................................

CAA1 = 77.5 ํ
..................................................................................................................................................................................................................................................

..................................................................................................................................................................................................................................................

..................................................................................................................................................................................................................................................

..................................................................................................................................................................................................................................................

..................................................................................................................................................................................................................................................

..................................................................................................................................................................................................................................................

..................................................................................................................................................................................................................................................

..................................................................................................................................................................................................................................................

192
11. ชิงชาสวรรคเครือ่ งหนึง่ ประกอบดวยกระเชาจํานวน 24 กระเชา

11 12 13 14
10 15
9 16
8 17
7 18
6 19
5 20
4 21
3 22
2 1 24 23

1) หาขนาดของมุมที่ใชในการหมุนกระเชาตําแหนงที่ 3 ไปยังกระเชาตําแหนงที่ 14 เมื่อ


ชิงชาสวรรคหมุนกระเชาในทิศทางตามเข็มนาฬกา
เนื ่องจากมุมรอบจุดศูนยกลางวงกลมมีขนาดเทากับ 360 ํ
..................................................................................................................................................................................................................................................

จะได วา มุมที่อยูระหวางกระเชาแตละคูที่ติดกันเทากับ 360 ํ


..................................................................................................................................................................................................................................................
24 ฉบับ
= 15 ํ
..................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย
ดั..................................................................................................................................................................................................................................................
งนั้น ขนาดของมุมที่ใชในการหมุนกระเชาในตําแหนงที่ 3 ไปยังกระเชาในตําแหนงที่ 14
เทากับ (14 - 3) × 15 ํ
..................................................................................................................................................................................................................................................

= 11 × 15 ํ
..................................................................................................................................................................................................................................................

= 165 ํ
..................................................................................................................................................................................................................................................

2) หาตําแหนงใหมของกระเชาตําแหนงที่ 3 เมื่อชิงชาสวรรคหมุนกระเชาตําแหนงที่ 3
ในทิศทางตามเข็มนาฬกาดวยมุมที่มีขนาด 180 ํ
ถ..................................................................................................................................................................................................................................................
าชิงชาสวรรคหมุนกระเชาตําแหนงที่ 3 ในทิศทางตามเข็มนาฬกาดวยมุมที่มีขนาด 180 ํ จะทําให
กระเช าตําแหนงที่ 3 หมุนไปแทนตําแหนงของกระเชาตําแหนงที่ 15
..................................................................................................................................................................................................................................................

..................................................................................................................................................................................................................................................

..................................................................................................................................................................................................................................................

..................................................................................................................................................................................................................................................

..................................................................................................................................................................................................................................................

..................................................................................................................................................................................................................................................

193
4.5 ความสัมพันธของการเล�อนขนาน
การสะทอน และการหมุน
Investigation
ใหนักเรียนทํากิจกรรม แลวตอบคําถามตอไปนี้
ตอนที่ 1
1. สราง ∆ ABC ที่มีจุด A(5, 3), B(13, 3) และ C(13, 11) เปนจุดยอดมุม
2. สรางเสนตรง L1 ผานจุด (5, 5) และ (-5, -5) และเสนตรง L2 ผานจุด (0, 0) และ (-5, 5)
ซึ่งเสนตรง L1 ตั้งฉากกับเสนตรง L2
3. สราง ∆ A1B1C1 ซึ่งเปนภาพที่ไดจากการสะทอน ∆ ABC โดยมีเสนตรง L1 เปนเสนสะทอน
4. สราง ∆ A2B2C2 ซึง่ เปนภาพทีไ่ ดจากการหมุน ∆ A1B1C1 รอบจุดกําเนิดดวยมุมทีม่ ขี นาด 180 ํ
ฉบับ
Y
เฉลย L2 B1 C1 L
10 C1
5 A1
A B
-25 -20 -15 -10 -5 0 5 10 15 20 25 X
A2-5
-10
C2 B2

5. ใหอธิบายความสัมพันธระหวาง ∆ ABC ซึ่งเปนรูปตนแบบ และ ∆ A2B2C2 ซึ่งเปนภาพ


ที่ไดจากการแปลง
A B C เปนภาพที่ไดจากการสะทอน ABC โดยมีเสนตรง L เปนเสนสะทอน แลวหมุนภาพที่ได
∆ 2 2 2 ∆
...................................................................................................................................................................................................................................................
1
จากการสะทอนรอบจุดกําเนิดดวยมุมที่มีขนาด 180 ํ และยังเปนภาพที่ไดจากการสะทอน ∆ ABC
...................................................................................................................................................................................................................................................
โดยมีเสนตรง L2 เปนเสนสะทอน ซึ่งเสนตรง L1 ตั้งฉากกับเสนตรง L2
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

194
ตอนที่ 2
1. ปฏิบัติตามขอ 1.-2. ในตอนที่ 1
2. สราง ∆ A1B1C1 ซึ่งเปนภาพที่ไดจากการหมุน ∆ ABC รอบจุดกําเนิดดวยมุมที่มีขนาด 180 ํ
3. สราง ∆ A2B2C2 ซึ่งเปนภาพที่ไดจากการสะทอน ∆ A1B1C1 โดยมีเสนตรง L2 เปนเสนสะทอน
Y
L2 B2 C2 L
10 C1
5 A2
A B
-25 -20 -15 -10 0 X
B1 A-51 5 10 15 20 25
-5

C1 -10

ฉบับ
4. ใหอธิบายความสัมพันธระหวาง ∆ ABC ซึ่งเปนรูปตนแบบ และ ∆ A2B2C2 ซึ่งเปนภาพที่ได เฉลย
จากการแปลง
∆ A B C ภาพที่ไดจากการหมุน ABC รอบจุดกําเนิดดวยมุมที่มีขนาด 180 ํ แลวสะทอนภาพที่ได

...................................................................................................................................................................................................................................................
2 2 2
จากการหมุ น โดยมี เ ส น ตรง L 2 เป น เส น สะท อ น และยั ง เป น ภาพที่ ไ ด จ ากการสะท อ น ∆ ABC
...................................................................................................................................................................................................................................................
โดยมี เสนตรง L1 เปนเสนสะทอน ซึ่งเสนตรง L1 ตั้งฉากกับเสนตรง L2
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

จาก Investigation สรุปไดวา


1) ถาสะทอนรูปตนแบบโดยมีเสนตรง L1 เปนเสนสะทอน แลวหมุนภาพทีไ่ ดจากการสะทอน
รอบจุดกําเนิดดวยมุมที่มีขนาด 180 ํ ทําใหภาพที่ไดจากการหมุนครั้งที่สองเปนภาพที่ได
จากการสะทอนรูปตนแบบเดิม โดยมีเสนสะทอนตั้งฉากกับเสนสะทอนเสนเดิม
2) ถาหมุนรูปตนแบบรอบจุดกําเนิดดวยมุมที่มีขนาด 180 ํ แลวสะทอนรูปนั้นโดยมีเสนตรง
L2 เปนเสนสะทอนจะทําใหภาพทีไ่ ดจากการสะทอนครัง้ ทีส่ องเปนภาพทีไ่ ดจากการสะทอน
รูปตนแบบเดิม โดยมีเสนสะทอนตั้งฉากกับเสนสะทอนเดิม

195
Investigation
C
ใหนักเรียนทํากิจกรรม แลวตอบคําถามตอไปนี้
ตอนที่ 1 กําหนด ∆ ABC เปนรูปตนแบบซึ่งมี
เสนตรง L1 และ L2 เปนเสนสะทอน
โดยที่ L1 ขนานกับ L2 ดังรูป A B L1

L2

1. สราง ∆ A1B1C1 ซึ่งเปนภาพที่ไดจากการสะทอน ∆ ABC โดยมีเสนตรง L1 เปนเสนสะทอน


2. สราง ∆ A2B2C2 ซึ่งเปนภาพที่ไดจากการสะทอน ∆ A1B1C1 โดยมีเสนตรง L2 เปนเสนสะทอน
ฉบับ C
เฉลย

A B L1
A1 B1

C1 L2
C2

A2 B2
3. ใหอธิบายความสัมพันธระหวาง ∆ ABC ซึ่งเปนรูปตนแบบ และ ∆ A2B2C2 ซึ่งเปนภาพที่ได
จากการแปลง
A B C เปนภาพที่ไดจากการเลื่อนขนาน ABC
∆ 2 2 2 ∆
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

196
C
ตอนที่ 2 กําหนด ∆ ABC เปนรูปตนแบบซึ่งมี
เสนตรง L1 และ L2 เปนเสนสะทอน
โดยที่ L1 ไมขนานกับ L2 ดังรูป
A B L1
L2

1. สราง ∆ A1B1C1 ซึ่งเปนภาพที่ไดจากการสะทอน ∆ ABC โดยมีเสนตรง L1 เปนเสนสะทอน


2. สราง ∆ A2B2C2 ซึง่ เปนภาพทีไ่ ดจากการสะทอน ∆ A1B1C1 โดยมีเสนตรง L2 เปนเสนสะทอน
C
ฉบับ
เฉลย
A B L
1
A1 B1 L
2
B2

C1
C2

A2

3. ใหอธิบายความสัมพันธระหวาง ∆ ABC ซึ่งเปนรูปตนแบบ และ ∆ A2B2C2 ซึ่งเปนภาพที่ได


จากการแปลง
A B C เปนภาพที่ไดจากการหมุน ABC รอบจุดตัดของเสนตรง L และ L ในทิศทางทวนเข็ม
∆ 2 2 2 ∆
...................................................................................................................................................................................................................................................
1 2
นาฬกาดวยมุมที่มีขนาด θ
...................................................................................................................................................................................................................................................

197
จาก Investigation สรุปไดวา
1) ภาพที่ไดจากการสะทอนรูปตนแบบโดยมีเสนสะทอนสองเสนที่ขนานกัน จะเปนภาพ
ที่ไดจากการเลื่อนขนานรูปตนแบบเดิม
2) ภาพที่ไดจากการสะทอนรูปตนแบบโดยมีเสนสะทอนสองเสนที่ไมขนานกัน จะเปนภาพ
ที่ไดจากการหมุนรูปตนแบบเดิม

Thinking Time
1. จากกิจกรรม Investigation ตอนที่ 1 ระยะที่ใชเลื่อนขนานระหวาง ∆ ABC กับ ∆ A2B2C2
และระยะหางระหวางเสนตรง L1 กับ L2 ที่ขนานกันมีความสัมพันธกันอยางไร
ระยะที ่ใชเลื่อนขนานระหวาง ∆ ABC กับ ∆ A2B2C2 เปนสองเทาของระยะหางระหวางเสนตรง L1 กับ L2
...................................................................................................................................................................................................................................................
ที...................................................................................................................................................................................................................................................
่ขนานกัน
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ ...................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย
2. จากกิจกรรม Investigation ตอนที่ 2 ขนาดของมุมที่ใชในการหมุน ∆ ABC เพื่อใหได
∆ A2B2C2 และขนาดของมุมระหวางเสนตรง L1 และ L2 ที่ตัดกัน มีความสัมพันธกันอยางไร
ขนาดของมุ มที่ใชในการหมุน ∆ ABC เพื่อใหได ∆ A2B2C2 เปนสองเทาของขนาดของมุมระหวาง
...................................................................................................................................................................................................................................................
เส นตรง L1 กับ L2 ที่ตัดกัน
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................

Performance Task
นักเรียนเคยสังเกตเห็นตราประจําสินคาหรือตราประจําหนวยงานที่เรียกวา โลโก (Logo)
ที่พบเจอในชีวิตประจําวัน แลวสามารถบอกไดหรือไมวาโลโกน้ันมีการออกแบบที่เกี่ยวของกับ
การแปลงทางเรขาคณิตแบบใดบาง พรอมทั้งอธิบายและวาดรูปประกอบ

198
4.6 การนําสมบัติของการเล�อนขนาน
การสะทอน และการหมุนไปใชในชีวิตจริง
นักเรียนสามารถนําความรูเรื่องการเลื่อนขนาน การสะทอน และการหมุน ไปใชในการสราง
แบบรูปตาง ๆ ซึ่งเรียกวา เทสเซลเลชัน (tessellation) ซึ่งสามารถพบเห็นไดในชีวิตประจําวัน
ดังรูป

ภาพเทสเซลเลชัน เปนการนํารูปตนแบบที่เปนรูป INFORMATION ฉบับ


เฉลย
เรขาคณิตและรูปทัว่ ไปมาเรียงตอกันบนระนาบ โดยไมใหเกิด คําวา “Tessellate” มีรากศัพทมา
ชองวางหรือการคาบเกี่ยวซอนกันเกิดขึ้น และทุกรูปที่นํามา จากภาษาละติน คือ “tessella”
จัดเรียงจะตอกันไดสนิทพอดี ซึ่งหมายถึง กระเบื้องรูปสี่เหลี่ยม
จั ตุ รั ส เล็ ก ๆ นํ า มาเรี ย งกั น เป น
ลวดลาย
การสรางภาพเทสเซลเลชันทําไดหลายรูปแบบ ในที่นี้จะขอยกตัวอยาง ดังนี้
เทสเซลเลชันแบบปกติ (regular tessellation)
เทสเซลเลชันที่เกิดจากการนํารูปเรขาคณิตที่เปนรูปเหลี่ยมดานเทา มุมเทา ชนิดเดียวกัน
มาวางเรียงตอกันไปเรื่อย ๆ ใหเต็มพื้นระนาบ

ภาพเทสเซลเลชันแบบปกติ

199
เทสเซลเลชันแบบกึ่งปกติ (semi regular tessellation)
เทสเซลเลชันแบบกึง่ ปกติ หรือเทสเซลเลชันอารคมิ ดี สี (Archimedean tessellation) เกิดจาก
การนํารูปเรขาคณิตทีเ่ ปนรูปเหลีย่ มมากกวาหนึง่ แบบมาวางเรียงตอกันไปเรือ่ ย ๆ ใหเต็มพืน้ ระนาบ

ภาพเทสเซลเลชันแบบกึ่งปกติ

เทสเซลเลชันจากรูปทั่วไป
ฉบับ เทสเซลเลชันที่เกิดจากนํารูปภาพหรือลวดลายตาง ๆ ที่ไมใชรูปเรขาคณิตนํามาเรียงตอกัน
เฉลย
เทสเซลเลชันรูปแบบนี้เปนผลงานของเมาริตส คอรเนลิส เอสเชอร (Maurits Cornelis Escher
หรือ M.C. Escher) ซึ่งเปนศิลปนและนักคณิตศาสตรชาวดัตชที่มีชื่อเสียง

ภาพเทสเซลเลชันที่เกิดจาก ภาพเทสเซลเลชันที่เกิดจาก ภาพเทสเซลเลชันที่เกิดจาก


การเลื่อนขนานรูปมา การสะทอนรูปนกและปลา การหมุนรูปกิ้งกา

200
Exercise 4E
Basic Level
1. ใหนักเรียนพิจารณาวารูปเรขาคณิตตอไปนี้ สรางเปนภาพเทสเซลเลชันไดหรือไม

1) …………………………….. ไมได

2) …………………………….. ได

3) …………………………….. ได

4) …………………………….. ได ฉบับ


เฉลย

5) …………………………….. ไมได

6) …………………………….. ไมได

Intermediate Level
2. กําหนด ∆ A1B1C1 เปนภาพที่ไดจากการสะทอนของ ∆ ABC โดยมีแกน X เปนเสนสะทอน
และ ∆ A2B2C2 เปนภาพที่ไดจากการสะทอนของ ∆ A1B1C1 โดยมีแกน Y เปนเสนสะทอน
ใหหาความสัมพันธของภาพที่ไดจากการสะทอน ∆ A2B2C2 กับรูปตนแบบ ∆ ABC
∆ A B C เปนภาพที่ไดจากการหมุนของรูปตนแบบ ABC รอบจุดกําเนิดดวยมุมที่มีขนาด 180 ํ ∆
..................................................................................................................................................................................................................................................
2 2 2
..................................................................................................................................................................................................................................................

..................................................................................................................................................................................................................................................

201
3. กําหนด ∆ ABC ที่มีจุด A(4, 3), B(19, 3) และ C(9, 10) เปนจุดยอดมุม และมี ∆ A1B1C1
เปนภาพทีไ่ ดจากการสะทอน ∆ ABC โดยมีแกน Y เปนเสนสะทอน และมี ∆ A2B2C2 เปนภาพ
ที่ไดจากการสะทอน ∆ A1B1C1 โดยมีเสนตรง x = -15 เปนเสนสะทอน ใหหาความสัมพันธ
ของภาพที่ไดจากการสะทอน ∆ A2B2C2 กับรูปตนแบบ ∆ ABC
Y
x = -15
15
C2 C1 10 C

5
A2 B1 B2 A1 A B
-25 -20 -15 -10 -5 0 5 10 15 20 25 X
-5

-10
ฉบับ
เฉลย -15

∆ A B C เปนภาพที่ไดจากการเลื่อนขนานของรูปตนแบบ ABC ∆
..................................................................................................................................................................................................................................................
2 2 2
..................................................................................................................................................................................................................................................

..................................................................................................................................................................................................................................................

..................................................................................................................................................................................................................................................

Advanced Level
4. ภาพที่ไดจากการสะทอนของรูปตนแบบโดยมีเสนตรงสองเสนที่ขนานกันเปนเสนสะทอน ซึ่ง
เสนตรงสองเสนนี้มีระยะหางกัน 10 หนวย ใหหาระยะที่ใชเลื่อนขนานของภาพที่ไดจาก
การสะทอนกับรูปตนแบบ
ระยะที ่ใชเลื่อนขนานของภาพที่ไดจากการสะทอนกับรูปตนแบบจะเปนสองเทาของระยะหางระหวาง
..................................................................................................................................................................................................................................................
เส นตรงสองเสนที่ขนานกัน ดังนั้น ระยะที่ใชเลื่อนขนานของภาพที่ไดจากการสะทอนกับรูปตนแบบนี้
..................................................................................................................................................................................................................................................
เท ากับ 20 หนวย
..................................................................................................................................................................................................................................................

..................................................................................................................................................................................................................................................

202
Summary
1. การแปลงทางเรขาคณิต
การแปลงทางเรขาคณิตเปนการดําเนินการเกีย่ วกับรูปเรขาคณิต ซึง่ ทําใหเกิดการเปลีย่ นแปลง
จากตําแหนงหนึ่งไปยังตําแหนงหนึ่ง โดยอาจมีการเปลี่ยนแปลงขนาดและรูปราง
2. การเลื่อนขนาน
A1 การเลือ่ นขนานบนระนาบเปนการแปลงทางเรขาคณิตแบบ
A
หนึ่ง ที่มีการเลื่อนจุดทุกจุดบนรูปตนแบบไปบนระนาบ
ตามแนวเสนตรงในทิศทางเดียวกัน และเปนระยะเทากัน
B1

B C1

C
ฉบับ
3. การสะทอน เฉลย
A A1 การสะทอนบนระนาบเปนการแปลงทางเรขาคณิตแบบหนึง่
ซึ่งภาพที่ไดจากการสะทอนเกิดจากการพลิกรูปตนแบบ
ขามเสนสะทอน

C C1
B B1

4. การหมุน
A การหมุนบนระนาบเปนการแปลงทางเรขาคณิตแบบหนึ่ง
B1 ที่มีจุดตรึงจุดหนึ่งเปนจุดหมุน โดยแตละจุดบนรูปตนแบบ
จะเคลื่ อ นที่ ร อบจุ ด หมุ น ด ว ยมุ ม ที่ มี ข นาดเท า กั น ตาม
A1 ทิศทางที่กําหนด
B
CC1

203
5. ความสัมพันธของการเลื่อนขนาน การสะทอน และการหมุน
1) ความสัมพันธของการสะทอนและการหมุน
Y Y
A1 B1 A2 B2
L2 ➀B
L2 B
C1 ➁ C2
C A C A
X X

0 A1 C1 0
C2 ➀
B
L1 L1 1
B2 A2
ถาสะทอนรูปตนแบบโดยมีเสนตรง L1 เปน ถาหมุนรูปตนแบบรอบจุดกําเนิดดวยมุม
เสนสะทอน แลวหมุนภาพทีไ่ ดจากการสะทอน ที่มีขนาด 180 ํ แลวสะทอนรูปนั้นโดยมี
รอบจุดกําเนิดดวยมุมทีม่ ขี นาด 180 ํ ทําให เสนตรง L2 เปนเสนสะทอนจะทําใหภาพ
ภาพทีไ่ ดจากการหมุนครัง้ ทีส่ องเปนภาพที่ ทีไ่ ดจากการสะทอนครัง้ ทีส่ องเปนภาพที่
ไดจากการสะทอนรูปตนแบบเดิม โดยมี ไดจากการสะทอนรูปตนแบบเดิม โดยมี
ฉบับ เสนสะทอนตั้งฉากกับเสนสะทอนเสนเดิม เสนสะทอนตั้งฉากกับเสนสะทอนเดิม
เฉลย
2) ความสัมพันธของการสะทอนและการเลื่อนขนาน
B
A C L1 ภาพทีไ่ ดจากการสะทอนรูปตนแบบโดยมีเสนสะทอน
A1 C1
B1 L2
สองเสนทีข่ นานกัน จะเปนภาพทีไ่ ดจากการเลือ่ นขนาน
B2 รูปตนแบบเดิม
A2 C2
C
L1 A B ภาพทีไ่ ดจากการสะทอนรูปตนแบบโดยมีเสนสะทอน
A1 B1
B2 สองเสนที่ไมขนานกัน จะเปนภาพที่ไดจากการหมุน
C1
C2 รูปตนแบบเดิม
L2
A2
6. ภาพเทสเซลเลชัน
ภาพเทสเซลเลชันเปนการนํารูปตนแบบที่เปนรูปเรขาคณิตและรูปทั่วไปมาเรียงตอกัน
บนระนาบ โดยไมใหเกิดชองวางหรือการคาบเกีย่ วซอนกันเกิดขึน้ และทุกรูปทีน่ าํ มาจัดเรียง
จะตอกันไดสนิทพอดี

204
Review Exercise 4
1. ภาพตอไปนี้เกี่ยวของกับการแปลงทางเรขาคณิตแบบใด
1) การหมุน
.........................................................................................................................

.........................................................................................................................

.........................................................................................................................

.........................................................................................................................

2) การสะทอน
.........................................................................................................................

.........................................................................................................................

.........................................................................................................................

.........................................................................................................................

3) การเลื่อนขนาน
.........................................................................................................................

.........................................................................................................................

......................................................................................................................... ฉบับ
เฉลย
.........................................................................................................................

.........................................................................................................................

2. กําหนด ∆ ABC ที่มีจุด A(1, 2), B(4, 10) และ C(14, 1) เปนจุดยอดมุม ใหสรางภาพ
ที่ไดจากการเลื่อนขนาน ∆ ABC ตามเงื่อนไขตอไปนี้
1) ขนานกับแกน X ไปทางซาย 15 หนวย
2) ขนานกับแกน Y ไปดานลาง 10 หนวย
Y
B1 10 B

5
C1 A
A1 C
-25 -20 -15 -10 -5 0 B2 5 10 15 20 25 X
-5

-10 A2 C2

205
3. ใหอธิบายการเลื่อนขนานของรูปตนแบบกับภาพที่ไดจากการเลื่อนขนานตอไปนี้
1) รูปตนแบบ คือ จุด A(2, 3) และภาพที่ไดจากการเลื่อนขนาน คือ จุด A1(5, 7)
เลื…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
่อนจุด A ขนานกับแกน X ไปทางขวา 3 หนวย และเลื่อนขนานกับแกน Y ไปดานบน 4 หนวย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

2) รูปตนแบบ คือ จุด A(1, 4) และภาพที่ไดจากการเลื่อนขนาน คือ จุด A1(-2, 0)


เลื…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
่อนจุด A ขนานกับแกน X ไปทางซาย 3 หนวย และเลื่อนขนานกับแกน Y ไปดานลาง 4 หนวย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

3) รูปตนแบบ คือ จุด A(-1, 2) และภาพที่ไดจากการเลื่อนขนาน คือ จุด A1(3, -1)


เลื…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
่อนจุด A ขนานกับแกน X ไปทางขวา 4 หนวย และเลื่อนขนานกับแกน Y ไปดานลาง 3 หนวย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

4) รูปตนแบบ คือ จุด A(-2, -4) และภาพที่ไดจากการเลื่อนขนาน คือ จุด A1(-5, 6)


เลื…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
่อนจุด A ขนานกับแกน X ไปทางซาย 3 หนวย และเลื่อนขนานกับแกน Y ไปดานบน 10 หนวย
ฉบับ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
เฉลย
4. กําหนด □ ABCD ที่มีจุด A(-15, 15), B(-10, 18), C(-5, 15) และ D(-10, 8) ใหสรางภาพ
ที่ไดจากการเลื่อนขนาน □ ABCD ตามเงื่อนไขตอไปนี้
1) ขนานกับแกน X ไปทางขวา 5 หนวย
2) ขนานกับแกน Y ไปดานลาง 12 หนวย
3) เลื่อนไปในทิศทางและขนาดเดียวกันกับ XY
Y
B1
B
X
A C 15 C1
A1
10 B3 Y
D D1 A C3
B2 3
5
A2 C2
-25 -20 -15 -10 -5 0 D3 5 10 15 20 25 X
D2 -5

206
5. กําหนด ∆ ABC ที่มีจุด A(3, 3), B(6, 10) และ C(14, 5) ใหสรางภาพที่ไดจากการสะทอน
∆ ABC โดยมีเสนสะทอนตอไปนี้

1) แกน X 2) แกน Y
3) เสนตรง L1 4) เสนตรง L2
Y
L1
15
B2 10 B B3

C2 5 C3 C
A2 A A3
-25 -20 -15 -10 -5 0 X
A1 5 10 15 20 25
-5 C1 L2
-10 A B1
4 ฉบับ
-15 C4 เฉลย
B4

6. สรางเสนสะทอนระหวางรูปตนแบบกับภาพที่ไดจากการสะทอนตอไปนี้
1) Y 2) Y

X X

207
7. กําหนดรูปหกเหลี่ยม ABCDEF เปนรูปตนแบบ ที่มีจุด A(5, 13), B(10, 13), C(13, 9),
D(10, 5), E(5, 5) และ F(2, 9) เปนจุดยอดมุม
1) ใหสรางรูปหกเหลีย่ ม A1B1C1D1E1F1 ซึง่ เปนภาพทีไ่ ดจากการสะทอนรูปหกเหลีย่ ม ABCDEF
โดยมีแกน X เปนเสนสะทอน และสรางรูปหกเหลี่ยม A2B2C2D2E2F2 ซึ่งเปนภาพที่ไดจาก
การสะทอนรูปหกเหลี่ยม A1B1C1D1E1F1 โดยมีเสนตรง L1 เปนเสนสะทอน
Y
L1
15
A B
10 F C
5 E D
-25 -20 -15 -10 -5 0 5 10 15 20 25 X
D2 E2 E1 D1
-5
C2 F2 -10 F1 C1
ฉบับ
เฉลย B2 A2 A1 B1
-15

2) ถารูปหกเหลี่ยม A2B2C2D2E2F2 เปนภาพที่ไดจากการสะทอนรูปหกเหลี่ยม ABCDEF


โดยมีเสนตรง L2 เปนเสนสะทอน ใหสรางเสนตรง L2
Y
L2
15 A B
10 F C
5 E D
-25 -20 -15 -10 -5 0 5 10 15 20 25 X
F2 -5
A2 E2 -10

B2 D2 -15
C2
208
8. สรางภาพที่ไดจากการหมุนจุดตอไปนี้รอบจุดกําเนิดในทิศทางทวนเข็มนาฬกาดวยมุมที่มี
ขนาด 90 ํ
1) A(2, 3) 2) B(3, -4)
3) C(-1, 5) 4) D(0, -2)
Y
C(-1, 5)
4 A(2, 3) B1(4, 3)
2
A1(-3, 2)
90 ํ D1(2, 0)
-10 -8 -6 -4 -2 0 2 4 6 8 10 X
C1(-5, -1) -2 D(0, -2)

-4
B(3, -4)
ฉบับ
เฉลย
9. กําหนด ∆ ABC ที่มีจุด A(1, 2), B(2, 6) และ C(-3, 5) เปนจุดยอดมุม ใหสรางภาพที่ได
จากการหมุน ∆ ABC รอบจุด (-2, 0) ในทิศทางตามเข็มนาฬกาดวยมุมที่มีขนาด 90 ํ
Y

6 B
C
4

2 A C1
-10 -8 -6 -4 -290 ํ 0 2 4 6 8 10 X
(-2, 0)
-2
A1
-4 B1
-6

209
10. กําหนด □ ABCD ประกอบดวยรูปสี่เหลี่ยมที่มีขนาดเทากันจํานวน 4 รูป
Y

10

6
A Q B
4
P O R
2
D S C
-6 -4 -2 0 2 4 6 8 10 12 14 X
-2

ฉบับ 1) ใหอธิบายขั้นตอนในการแปลง □ APOQ เพื่อใหไดภาพที่ไดจากการแปลงเปน □ OSCR


เฉลย
่อน □ APOQ ขนานกับแกน X ไปทางขวา 4 หนวย และเลื่อนขนานกับแกน Y ไปดานลาง 2 หนวย
เลื…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

2) ใหอธิบายขั้นตอนในการแปลง □ APOQ เพื่อใหไดภาพที่ไดจากการแปลงเปน □ PDSO


เลื…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
่อน □ APOQ ขนานกับแกน Y ไปดานลาง 2 หนวย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

3) ใหอธิบายขั้นตอนในการแปลง □ APOQ เพื่อใหไดภาพที่ไดจากการแปลงเปน □ BROQ


สะท อน □ APOQ โดยมีเสนตรง x = 6 เปนเสนสะทอน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

4) ใหอธิบายขั้นตอนในการแปลง □ APOQ เพื่อใหไดภาพที่ไดจากการแปลงเปน □ DPOS


สะท อน □ APOQ โดยมีเสนตรง y = 3 เปนเสนสะทอน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

5) ใหอธิบายขั้นตอนในการแปลง □ APOQ เพื่อใหไดภาพที่ไดจากการแปลงเปน □ CROS


หมุ น □ APOQ รอบจุด O ดวยมุมที่มีขนาด 180 ํ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

210
Challenge Yourself
กําหนด ABCD เปนรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสซึ่งมีพื้นที่ 100 ตารางหนวย และรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส WXYZ
มีพื้นที่เทากับรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ABCD ซึ่งมีพื้นที่แรเงาเปนสวนที่ซอนทับกันระหวางสี่เหลี่ยม
ทั้งสองรูป โดยที่จุด W เปนจุดกึ่งกลางของรูปสี่เหลี่ยม ABCD ใหหาพื้นที่สวนที่แรเงา
X

B C Y

W
Z
A D
เนื่องจากรูปสี่เหลี่ยม ABCD มีพื้นที่เทากับรูปสี่เหลี่ยม WXYZ จะไดวา ดานแตละดานของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส
...............................................................................................................................................................................................................................................................
ทั...............................................................................................................................................................................................................................................................
้งสองนั้นยาวเทากัน นั่นคือมีรูปรางที่เหมือนกันและขนาดที่เทากัน ถาหมุนรูปสี่เหลี่ยม WXYZ รอบจุดหมุน
W ในทิศทางทวนเข็มนาฬกา โดยให WX ตั้งฉากกับ BC และ WZ ตั้งฉากกับ CD จะไดวาพื้นที่สวนที่ ฉบับ
...............................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย
แรเงามีพื้นที่เทากับหนึ่งในสี่ของพื้นที่รูปสี่เหลี่ยม ABCD
...............................................................................................................................................................................................................................................................

X X Y
...............................................................................................................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................................................................................................
B Y B C
C
...............................................................................................................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................................................................................................
W W Z
...............................................................................................................................................................................................................................................................

Z
...............................................................................................................................................................................................................................................................
A D A D
...............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น พื้นที่สวนที่แรเงาเทากับ 14 พื้นที่รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ABCD ×
...............................................................................................................................................................................................................................................................
= 14 × 100
...............................................................................................................................................................................................................................................................
= 25 ตารางหนวย
...............................................................................................................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................................................................................................

211
ฉบับ
เฉลย

212
หนวยการเรียนรูที่ 5
ความเทากัน
ทุกประการ
แทนแกรม (tangram) คือ แผนตัวตอปริศนา 7 ชิ้น
ที่ประกอบไปดวยตัวตอรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส 1 ชิ้น รูปสี่เหลี่ยม
ดานขนาน 1 ชิน้ และรูปสามเหลีย่ มมุมฉาก 5 ชิน้ เมือ่ นําทุกชิน้
มาประกอบเขาดวยกัน สามารถประกอบเปนรูปสีเ่ หลีย่ มจัตรุ สั ได
จากรูป กลาวไดวา รูปสามเหลี่ยมสีแดงและรูปสามเหลี่ยม ฉบับ
สีเขียวเปนรูปที่เทากันทุกประการ แตรูปสามเหลี่ยมสีเขียว เฉลย
กับรูปสามเหลี่ยมสีสมไมเปนรูปที่เทากันทุกประการ นักเรียน
คิดวา รูปสองรูปจะเทากันทุกประการขึ้นอยูกับอะไรบาง

ตัวชี้วัด
• เขาใจและใชสมบัติของรูปสามเหลี่ยมที่เทากันทุกประการในการ
แกปญหาคณิตศาสตรและปญหาในชีวิตจริง (ค 2.2 ม.2/4)
สาระการเรียนรูแกนกลาง
• ความเทากันทุกประการของรูปสามเหลี่ยม
• การนําความรูเกี่ยวกับความเทากันทุกประการไปใชในการแกปญหา

213
5.1 ความเทากันทุกประการ
ของรูปเรขาคณิต
Investigation
ใหนักเรียนจับคูกับเพื่อน แลวทํากิจกรรมพรอมทั้งตอบคําถามตอไปนี้

A2
A1 A3 A4 A5

(a) (b) (c) (d) (e)


1. ใหนักเรียนอธิบายเกี่ยวกับรูปราง ขนาด ตําแหนง และลักษณะการวางของกรรไกรแตละรูป
กรรไกรแตละรูปมีรูปรางเหมือนกันและขนาดเทากัน แตรูป (a) - (d) มีตําแหนงและลักษณะการวาง
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ ที่แตกตางกัน
เฉลย ...................................................................................................................................................................................................................................................

2. คัดลอกรูปกรรไกรทั้ง 5 รูป โดยใชกระดาษลอกลายแลวตัดตามรอยที่ลอกไว จากนั้นนํา


รูปกรรไกรที่ตัดมาวางทับกันแลวสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้น
รูปกรรไกรแตละรูปจะวางทับกันไดสนิทพอดี
...................................................................................................................................................................................................................................................

3. ถากรรไกรรูป (b) เปนภาพที่ไดจากการหมุนกรรไกรรูป (a) โดยมีจุด A1 เปนจุดหมุน


และหมุนไปในทิศทางตามเข็มนาฬกาดวยมุมที่มีขนาด 90 ํ อยากทราบวา กรรไกรรูป (c),
(d) และ (e) เปนภาพที่ไดจากการแปลงกรรไกรรูป (a) อยางไร
กรรไกรรูป (c) เปนภาพที่ไดจากการสะทอนกรรไกรรูป (a) กรรไกรรูป (d) เปนภาพที่ไดจากการหมุน
...................................................................................................................................................................................................................................................
กรรไกรรูป (a) โดยมีจุด A1 เปนจุดหมุน และหมุนไปในทิศทางทวนเข็มนาฬกาดวยมุมที่มีขนาด 180 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
หรือหมุนไปในทิศทางตามเข็มนาฬกาดวยมุมทีม่ ขี นาด 180 ํ และกรรไกรรูป (e) เปนภาพทีม่ ที ศิ ทางและ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ตําแหนงเหมือนกับกรรไกรรูป (a)
...................................................................................................................................................................................................................................................

จาก Investigation สรุปไดวา


รูปภาพสองรูปเทากันทุกประการ ก็ตอเมื่อ รูปภาพทั้งสองรูปนั้นมีรูปรางเหมือนกันและ
มีขนาดเทากัน
จะเห็นวา เราสามารถใชความรูเรื่อง การแปลงทางเรขาคณิต เพื่อตรวจสอบความเทากัน
ทุกประการของรูปภาพได
214
Thinking Time

(a) (b)
กรรไกรรูป (a) และกรรไกรรูป (b) เทากันทุกประการหรือไม เพราะเหตุใด
กรรไกรรู ป (a) และกรรไกรรูป (b) เทากันทุกประการ เพราะมีรูปรางเหมือนกันและมีขนาดเทากัน
...............................................................................................................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................................................................................................

เนื่องจากรูปเรขาคณิตและรูปภาพเปนรูปที่อยูบนระนาบสองมิติที่มีความกวางและความยาว
ฉบับ
ซึ่งสามารถบอกขนาดและรูปรางไดเชนกัน ดังนั้น ความเทากันทุกประการของรูปเรขาคณิต เฉลย
เปนไปตามสมบัติความเทากันทุกประการที่กลาววา
สมบัติ รูปเรขาคณิตสองรูปเทากันทุกประการ ก็ตอเมื่อ รูปเรขาคณิตทั้งสองรูปนั้น
มีรูปรางเหมือนกันและมีขนาดเทากัน

Worked Example 1
จากรูปที่กําหนดให รูปใดบางเทากันทุกประการ

A C D E
B

H
F I J
G

215
วิธีทํา
เนื่องจาก รูป A, B, C และ D มีรูปรางเหมือนกันและมีขนาดเทากัน
รูป F, H และ I มีรูปรางเหมือนกันและมีขนาดเทากัน
ดังนั้น รูป A, B, C และ D เปนรูปที่เทากันทุกประการ
รูป F, H และ I เปนรูปที่เทากันทุกประการ
Practice Now Similar Questions
Exercise 5A ขอ 1
จากรูปที่กําหนด รูปใดบางเทากันทุกประการ

B C D E
A

F G H I J
ฉบับ
เฉลย
เนื่องจาก รูป A และ H มีรูปรางเหมือนกันและมีขนาดเทากัน รูป B และ E มีรูปรางเหมือนกันและ
...............................................................................................................................................................................................................................................................
มีขนาดเทากัน รูป C และ F มีรูปรางเหมือนกันและมีขนาดเทากัน รูป D, G และ I มีรูปรางเหมือนกัน
...............................................................................................................................................................................................................................................................
และมีขนาดเทากัน ดังนั้น รูป A และ H เปนรูปที่เทากันทุกประการ รูป B และ E เปนรูปที่เทากัน
...............................................................................................................................................................................................................................................................
ทุกประการ รูป C และ F เปนรูปที่เทากันทุกประการ รูป D, G และ I เปนรูปที่เทากันทุกประการ
...............................................................................................................................................................................................................................................................

พิจารณารูปที่กําหนดใหตอไปนี้
D D1
A A1

B C B1 C1
กําหนด □ ABCD และ □ A1B1C1D1 เปนรูปสี่เหลี่ยมที่เทากันทุกประการ จะไดวา A∧
และ A∧1 เปนมุมคูที่สมนัยกันซึ่งมีขนาดเทากัน ในทํานองเดียวกัน B,
∧ ∧
C และ D∧ เปนมุมคูที่
สมนัยกับ ∧B1, C∧1 และ ∧D1 ตามลําดับ ซึ่งมีขนาดเทากันคูตอคู
เราใชสัญลักษณ “ ≅ ” แทน “เทากันทุกประการ”

216
เนื่องจาก □ ABCD เทากันทุกประการกับ □ A1B1C1D1
เขียนโดยใชสัญลักษณไดวา □ ABCD ≅ □ A1B1C1D1 อานวา “รูปสี่เหลี่ยม ABCD เทากัน
ทุกประการกับรูปสี่เหลี่ยม A1B1C1D1” หรือ “รูปสี่เหลี่ยม ABCD และรูปสี่เหลี่ยม A1B1C1D1
เทากันทุกประการ”
การเขียนสัญลักษณแสดงความเทากันทุกประการของรูปหลายเหลี่ยม นิยมเขียนเรียงตาม
ลําดับของมุมคูที่สมนัยกัน ดังนี้
□ ABCD ≅ □ A1B1C1D1

เราสามารถเขียนแสดงความเทากันทุกประการของ □ ABCD กับ □ A1B1C1D1 วาเปน


□ CDAB ≅ □ C1D1A1B1 หรือ □ DABC ≅ □ D1A1B1C1 ไดหรือไม

เนื่องจาก □ ABCD ≅ □ A1B1C1D1 จะพบวา ดาน AD และดาน A1D1 ซึ่งเปนดานคูที่


สมนัยกันยาวเทากัน ในทํานองเดียวกัน ดาน AB, BC และ CD เปนดานคูที่สมนัยกับดาน A1B1,
B1C1 และ C1D1 ตามลําดับ ก็มีความยาวเทากันคูตอคู กลาวไดวา ฉบับ
เฉลย
รูปหลายเหลี่ยมสองรูปเทากันทุกประการ ก็ตอเมื่อ ดานคูที่สมนัยกันและมุมคูที่
สมนัยกันของรูปหลายเหลี่ยมทั้งสองมีขนาดเทากันเปนคู ๆ
Worked Example 2
เติมขอความลงในชองวางในแตละขอตอไปนี้ใหถูกตอง เมื่อกําหนด □ ABCD ≅ □ WXYZ
∧ ∧
A 2 ซม. W 1) ABC = W XY = ……………….
D Z 2) ………………. = X∧YZ = ……………….
4 ซม. 3) AD = ………………. = ………………. เซนติเมตร
B 80 ํ C Y 60 ํ X 4) ………………. = WX = ………………. เซนติเมตร
วิธีทํา
จาก □ ABCD ≅ □ WXYZ จะไดวา ∧A, ∧B, ∧C และ ∧D เปนมุมคูที่สมนัยกันกับ W,
∧ ∧ ∧
X, Y

และ Z ตามลําดับ

ดังนั้น 1) ABC = W∧XY = 80 ํ 2) BCD∧
= X∧YZ = 60 ํ
3) AD = WZ = 2 เซนติเมตร 4) AB = WX = 4 เซนติเมตร
217
Similar Questions
Practice Now Exercise 5A ขอ 2-3
เติมขอความลงในชองวางในแตละขอตอไปนี้ใหถูกตอง เมื่อกําหนด □ ABCD ≅ □ PQRS
P 1) PQ = AB = ………………. 5 เซนติเมตร
S
2 ซม. D 2) SR = ………………. DC = 6 เซนติเมตร
A 6 ซม.
3) PS = ………………. AD = ……………….
2 เซนติเมตร
5 ซม. C Q BC = ……………….
5.3 เซนติเมตร
4) QR = ……………….
R ∧ ∧
B 5.3 ซม. 5) PQR ABC = ……………….
= ………………. 90 ํ

Worked Example 3
พิจารณารูปสามเหลี่ยมแตละคูที่กําหนดใหตอไปนี้วาเทากันทุกประการหรือไม เพราะเหตุใด
1) 2) D S
A Q
ฉบับ 60 ํ 70 ํ
เฉลย 3.68 ซม. 3 ซม. 3.39 ซม.
3 ซม. 5 ซม. 5 ซม.
70 ํ 50 ํ 60 ํ 50 ํ
B 3.39 ซม. C P 3.68 ซม. R 80 ํ U
E F T
วิธีทํา
เขียนเหตุผลเพื่อแสดงวารูปสามเหลี่ยมทั้งสองรูปเทากันทุกประการ
∧ ∧
1) BAC = QPR = 60 ํ (มุมคูที่สมนัยกันมีขนาดเทากัน)
∧ ∧
ABC = PQR = 70 ํ (มุมคูที่สมนัยกันมีขนาดเทากัน)
∧ ∧
ACB = PRQ = 50 ํ (มุมคูที่สมนัยกันมีขนาดเทากัน)
AB = PQ = 3 เซนติเมตร (ดานคูที่สมนัยกันมีความยาวเทากัน)
BC = QR = 3.39 เซนติเมตร (ดานคูที่สมนัยกันมีความยาวเทากัน)
AC = PR = 3.68 เซนติเมตร (ดานคูที่สมนัยกันมีความยาวเทากัน)
จะได ดานคูท สี่ มนัยกันและมุมคูท สี่ มนัยกันของรูปสามเหลีย่ มทัง้ สองมีขนาดเทากัน
เปนคู ๆ
ดังนั้น ∆ ABC ≅ ∆ PQR

218
2) พิจารณา ∆ STU จะได
∧ ∧
T = U = 80 ํ (มุมที่ฐานของรูปสามเหลี่ยมหนาจั่ว
มีขนาดเทากัน)

S = 180 ํ - 80 ํ - 80 ํ = 20 ํ (ผลรวมของมุมภายในของ ∆ STU
เทากับ 180 ํ)
จะได ∆ STU ไมมีมุมภายในที่เปนมุมคูที่สมนัยกันกับมุมภายในของ ∆ DEF
ดังนั้น ∆ STU และ ∆ DEF ไมเทากันทุกประการ
Similar Questions
Practice Now Exercise 5A ขอ 4
พิจารณารูปสามเหลี่ยมแตละคูที่กําหนดใหตอไปนี้วาเทากันทุกประการหรือไม เพราะเหตุใด
1) E
4 ซม. 60 ํ S 6.13 ซม. U
40 ํ
D 80 ํ 6.13 ซม. 4 ซม.
80 ํ 5.39 ซม. ฉบับ
5.39 ซม. T เฉลย
∧ ∧
F
EDF = STU = 80 ํ (มุมคูที่สมนัยกันมีขนาดเทากัน)
...............................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
DEF = TSU = 60 ํ (มุมคูที่สมนัยกันมีขนาดเทากัน)
...............................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
DFE = TUS = 40 ํ (มุมคูที่สมนัยกันมีขนาดเทากัน)
...............................................................................................................................................................................................................................................................
DE = TS = 4 เซนติเมตร (ดานคูที่สมนัยกันมีความยาวเทากัน)
...............................................................................................................................................................................................................................................................
EF = SU = 6.13 เซนติเมตร (ดานคูที่สมนัยกันมีความยาวเทากัน)
...............................................................................................................................................................................................................................................................
DF = TU = 5.39 เซนติเมตร (ดานคูที่สมนัยกันมีความยาวเทากัน)
...............................................................................................................................................................................................................................................................
จะได ดานคูที่สมนัยกันและมุมคูที่สมนัยกันของรูปสามเหลี่ยมทั้งสองมีขนาดเทากันเปนคู ๆ
...............................................................................................................................................................................................................................................................
ดั...............................................................................................................................................................................................................................................................
งนั้น ∆ DEF ≅ ∆ TSU
...............................................................................................................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................................................................................................

219
2) L X
60 ํ
5 ซม. 5 ซม. 40 ํ Z

70 ํ 70 ํ
M N Y
พิจารณา LMN จะได ∆
...............................................................................................................................................................................................................................................................

N = 180 ํ - 70 ํ - 60 ํ = 50 ํ (ผลรวมของมุมภายในของ ∆ LMN เทากับ 180 ํ)
...............................................................................................................................................................................................................................................................
พิจารณา ∆ XYZ จะได
...............................................................................................................................................................................................................................................................

X = 180 ํ - 70 ํ - 40 ํ = 70 ํ (ผลรวมของมุมภายในของ ∆ XYZ เทากับ 180 ํ)
...............................................................................................................................................................................................................................................................
จะได ∆ XYZ ไมมีมุมภายในที่มีขนาดเทากับ 50 ํ หรือ 60 ํ ซึ่งเปนมุมคูที่สมนัยกับ ∆ LMN
...............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ∆ LMN และ ∆ XYZ ไมเทากันทุกประการ
...............................................................................................................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................................................................................................

ฉบับ ...............................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย
Worked Example 4
กําหนด ∆ ABC ≅ ∆ CED
RECALL
D
60 ํ 10 ซม. P
b
A E 20 ํ C A c d B
a
8.8 ซม. C D
B Q
∧ ∧
1) ให BAC = 20 ํ, CDE = 60 ํ, AB = 8.8 เซนติเมตร กําหนดให PQ ตัด AB และ CD
และ CD = 10 เซนติเมตร ใหหา จะไดวา
(1) ขนาดของ ECD ∧
(2) ขนาดของ ECB∧ • ถา ∧a = ∧b แลว AB // CD
∧ • ถา ∧a = ∧c แลว AB // CD
(3) ขนาดของ ABC (4) AC (5) AE
• ถา ∧a + ∧d = 180 ํ แลว AB // CD
2) AB และ DC มีความสัมพันธกันอยางไร

220
วิธีทํา
1) จาก ∆ ABC ≅ ∆ CED
∧ ∧
จะได BAC และ ECD เปนมุมคูที่สมนัยกัน
∧ ∧
ABC และ CED เปนมุมคูที่สมนัยกัน
∧ ∧
ACB และ CDE เปนมุมคูที่สมนัยกัน
∧ ∧
ดังนั้น (1) ECD = BAC = 20 ํ (มุมคูที่สมนัยกันมีขนาดเทากัน)
∧ ∧
(2) ACB = CDE = 60 ํ (มุมคูที่สมนัยกันมีขนาดเทากัน)

(3) ABC = 180 ํ - 20 ํ - 60 ํ = 100 ํ (ผลรวมของมุมภายในของ ∆ ABC
เทากับ 180 ํ)
(4) AC = CD = 10 เซนติเมตร (ดานคูที่สมนัยกันมีความยาวเทากัน)
(5) BA = EC = 8.8 เซนติเมตร (ดานคูที่สมนัยกันมีความยาวเทากัน)
AE = AC - EC = AC - BA = 10 - 8.8 = 1.2 เซนติเมตร
∧ ∧
2) จาก BAC = ECD = 20 ํ จะไดวา AB // DC
Similar Questions
Practice Now Exercise 5A ขอ 5-6
ฉบับ
เฉลย
กําหนด ∆ ABC ≅ ∆ CDE
B
D 27 ซม. E 38 ํ

114 ํ
C 18 ซม. A
∧ ∧
1) ให ABC = 38 ํ, DCE = 114 ํ, AC = 18 เซนติเมตร และ DE = 27 เซนติเมตร ใหหา
∧ ∧
ABC = 38 ํ
(1) ขนาดของ CDE = ...............................................................................................................................................................................
(มุมคูที่สมนัยกันมีขนาดเทากัน)

(2) ขนาดของ CED 180 ํ - 114 ํ - 38 ํ = 28 ํ (ผลรวมของมุมภายในของ ∆ CDE เทากับ 180 ํ)
= ...............................................................................................................................................................................
∧ ∧
(3) ขนาดของ ACB CED = 28 ํ
= ...............................................................................................................................................................................
(มุมคูที่สมนัยกันมีขนาดเทากัน)
DE = 27 เซนติเมตร
(4) BC = ..............................................................................................................................................................................................................
(ดานคูที่สมนัยกันมีความยาวเทากัน)
BC - CE = BC - AC = 27 - 18 = 9 เซนติเมตร (ดานคูที่สมนัยกันมีความยาวเทากัน)
(5) BE = ..............................................................................................................................................................................................................
2) AC และ∧ ED มี∧ความสัมพันธกันอยางไร
จาก ACB = CED = 28 ํ จะไดวา AC // ED
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

221
Exercise 5A
Basic Level
1. จากรูปที่กําหนด รูปใดบางเทากันทุกประการ

A C E F
B D

G H I J K L

รูป A และ F เปนรูปที่เทากันทุกประการ รูป B และ J เปนรูปที่เทากันทุกประการ รูป C และ E


...................................................................................................................................................................................................................................................
เปนรูปที่เทากันทุกประการ รูป D และ G เปนรูปที่เทากันทุกประการ และรูป I และ K เปนรูป
...................................................................................................................................................................................................................................................
ที่เทากันทุกประการ
...................................................................................................................................................................................................................................................

2. เติมขอความลงในชองวางในแตละขอตอไปนี้ใหถูกตอง เมื่อกําหนดรูปหาเหลี่ยม PQRST


ฉบับ เทากันทุกประการกับรูปหาเหลี่ยม VWXYZ
เฉลย 1) PQ = VW = ………………. 3.5 เซนติเมตร
P 2 ซม. T V Z 2) PT = ………………. VZ = 2 เซนติเมตร
2.1 ซม.
S Y 3) QR = ………………. WX = ……………….3.5 เซนติเมตร
3.5 ซม.
2 ซม. 4) TS = ………………. ZY = ……………….2.1 เซนติเมตร
Q 3.5 ซม. R W X 5) SR = ………………. YX = ………………. 2 เซนติเมตร
∧ ∧
6) PQR VWX = ……………….
= ………………. 90 ํ
Intermediate Level
3. กําหนด □ EFGH ≅ □ LMNO ใหหาความยาวของดานและขนาดของมุมที่ไมทราบคา
ของรูปสี่เหลี่ยมทั้งสองรูป
E 3 ซม. N M
H 75 ํ
120 ํ
2.4 ซม. 3.4 ซม.
O 100 ํ
F 65 ํ 5 ซม. G L
จาก □ EFGH ≅ □ LMNO จะไดวา EF = LM = 3.4 เซนติเมตร, GH = NO = 2.4 เซนติเมตร,
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧ ∧ ∧
FG = MN = 5 เซนติเมตร, HE = OL = 3 เซนติเมตร, HEF = OLM = 100 ํ, FGH = MNO = 75 ํ,
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧ ∧ ∧
EFG = LMN = 65 ํ และ GHE = NOL = 120 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................

222
4. พิจารณารูปสามเหลี่ยมแตละคูตอไปนี้วาเทากันทุกประการหรือไม เพราะเหตุใด
1) D

18.8 ซม. 19.7 ซม. S


80 ํ 18.8 ซม.
10 ซม.
E 8010ํ ซม. 70 ํ F U 19.7 ซม. 30 ํ T

EDF = 180 ํ - 80 ํ - 70 ํ = 30 ํ (ผลรวมของมุมภายในของ ∆ DEF เทากับ 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................

SUT = 180 ํ - 80 ํ - 30 ํ = 70 ํ (ผลรวมของมุมภายในของ ∆ TSU เทากับ 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
EDF = STU = 30 ํ (มุมคูที่สมนัยกันมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
DEF = TSU = 80 ํ (มุมคูที่สมนัยกันมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
EFD = SUT = 70 ํ (มุมคูที่สมนัยกันมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
DE = TS = 18.8 เซนติเมตร (ดานคูที่สมนัยกันมีความยาวเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
EF = SU = 10 เซนติเมตร (ดานคูที่สมนัยกันมีความยาวเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
FD = UT = 19.7 เซนติเมตร (ดานคูที่สมนัยกันมีความยาวเทากัน)
................................................................................................................................................................................................................................................... ฉบับ
ดังนั้น ∆ DEF ≅ ∆ TSU
...................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย

2) Y
4 ซม. 70 ํ
L
65 ํ 5.13 ซม.
X 65 ํ
70 ํ
M 4 ซม. N Z

MNL = 180 ํ - 65 ํ - 70 ํ = 45 ํ (ผลรวมของมุมภายในของ ∆ LMN เทากับ 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................

YZX = 180 ํ - 65 ํ - 70 ํ = 45 ํ (ผลรวมของมุมภายในของ ∆ XYZ เทากับ 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
MLN = YXZ = 65 ํ (มุมคูที่สมนัยกันมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
LMN = XYZ = 70 ํ (มุมคูที่สมนัยกันมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
LNM = XZY = 45 ํ (มุมคูที่สมนัยกันมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
เนื่องจาก MN = 4 และ YZ = 5.13 ซึ่งทําให MN YZ
...................................................................................................................................................................................................................................................
จะได ดานคูที่สมนัยกันของ ∆ LMN และ ∆ XYZ ยาวไมเทากัน
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ∆ LMN และ ∆ XYZ ไมเทากันทุกประการ
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

223
∧ ∧
5. กําหนด ∆ ABK ≅ ∆ ACK โดยที่ AKB = 90 ํ, ACK = 62 ํ,
B AB = 17 เซนติเมตร และ BK = 8 เซนติเมตร ใหหาขนาดของ
17 ซม. ∧
8 ซม. BAC
จาก ABK ≅ ACK ∆ ∆
.............................................................................................................................................................................................................................................
A K จะได ABK = ACK = 62 ํ
∧ ∧
.............................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
62 ํ
KAC = KAB = 180 ํ - 90 ํ - 62 ํ = 28 ํ
.............................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧ ∧
C ดังนั้น BAC = KAB + KAC = 28 ํ + 28 ํ = 56 ํ
.............................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................

Advanced Level
6. กําหนด ∆ ABC เปนรูปสามเหลี่ยมหนาจั่ว โดยที่ AB = AC, BC = 12 เซนติเมตร
∧ ∧
และ ABK = 58 ํ ใหหา CH เมื่อ ∆ ABK ≅ ∆ ACH และ AKC = 90 ํ
A
ฉบับ
เฉลย
H

58 ํ
B K C
12 ซม.
จาก ABK ACH จะไดวา
∆ ≅ ∆ กําหนด CH = n เซนติเมตร จะได
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
AHC = AKB = 180 ํ - 90 ํ = 90 ํ (ขนาดของมุมตรง) CK = n เซนติเมตร (ดานประกอบมุมยอดของ
...................................................................................................................................................................................................................................................
AH = AK (ดานคูที่สมนัยกันมีความยาวเทากัน) รูปสามเหลี่ยมหนาจั่ว
...................................................................................................................................................................................................................................................
เมื่อลากสวนของเสนตรงเชื่อมระหวางจุด K กับจุด H มีความยาวเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
จะได ∆ AHK เปนรูปสามเหลี่ยมหนาจั่ว BK = CH = n เซนติเมตร (ดานคูที่สมนัยกัน
...................................................................................................................................................................................................................................................

กําหนด AHK = x จะได มีความยาวเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
AKH = AHK = x (มุมที่ฐานของรูปสามเหลี่ยมหนาจั่ว พิจารณา ∆ ABC และ ∆ ABK
...................................................................................................................................................................................................................................................
มีขนาดเทากัน) จะได n + n = 12
...................................................................................................................................................................................................................................................

CHK = 90 ํ - x 2n = 12
...................................................................................................................................................................................................................................................

CKH = 90 ํ - x n =6
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ∆ CHK เปนรูปสามเหลี่ยมหนาจั่ว ดังนั้น CH ยาว 6 เซนติเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................

224
5.2 ความเทากันทุกประการของรูปสามเหลี่ยม
สองรูปที่มีความสัมพันธแบบตาง ๆ
ในหัวขอ 5.1 เราไดศึกษาความเทากันทุกประการของรูปเรขาคณิตสองรูป โดยการ
แสดงวารูปเรขาคณิตทั้งสองรูปนั้นมีรูปรางเหมือนกันและมีขนาดเทากัน และยังสามารถแสดง
ความเทากันทุกประการ โดยใชการแปลงทางเรขาคณิตไดอีกดวย
สําหรับการแสดงความเทากันทุกประการของรูปสามเหลี่ยมสองรูป เราจะแสดงวา ดานคูที่
สมนัยกัน และมุมคูที่สมนัยกันของรูปสามเหลี่ยมทั้งสองมีขนาดเทากันเปนคู ๆ
ตัวอยาง
A X E

B C Y Z G F
ฉบับ
เฉลย
∆ ABC เทากันทุกประการกับ ∆ XYZ ก็ตอเมื่อ
AB = XY ATTENTION

BC = YZ ∆ ABC และ ∆ XYZ สมนัยกัน ก็ตอเมื่อ


CA = ZX จุด A และจุด X เปนจุดที่สมนัยกัน

CAB = Z∧XY จุด B และจุด Y เปนจุดที่สมนัยกัน
∧ จุด C และจุด Z เปนจุดที่สมนัยกัน
ABC = X∧YZ

BCA = YZ∧X
เมื่อพิจารณา ∆ EFG และ ∆ ABC จะพบวา
EF = AB
FG = BC
GE = CA
∧ ∧
GEF = CAB
∧ ∧
EFG = ABC
∧ ∧
FGE = BCA

225
จะเห็นวา ∆ EFG เทากันทุกประการกับ ∆ ABC เนื่องจาก ∆ EFG เปนภาพที่ไดจาก
การสะทอน ∆ ABC
ในหัวขอตอไปนี้ เราจะตรวจสอบความเทากันทุกประการของรูปสามเหลี่ยมสองรูป โดยใช
เงือ่ นไขของการเทากันทุกประการของรูปสามเหลีย่ ม ไดแก มีดา นคูท สี่ มนัยกันของรูปสามเหลีย่ ม
3 คู มีความยาวเทากันเปนคู ๆ และมีมุมคูที่สมนัยกัน 3 คู มีขนาดเทากันเปนคู ๆ

1. รูปสามเหลี่ยมสองรูปที่มีความสัมพันธกันแบบ ดาน-ดาน-ดาน

Investigation
ใหนักเรียนทํากิจกรรม แลวตอบคําถามตอไปนี้
1. ตัดไมเสียบลูกชิ้น 3 ไม โดยที่แตละไมมีความยาว 4, 6 และ 9 เซนติเมตร
2. นําไมเสียบลูกชิ้นทั้ง 3 ไม ในขอ 1. มาประกอบเปนรูปสามเหลี่ยมใหไดมากที่สุดเทาที่จะ
ฉบับ เปนไปได โดยที่ความยาวของดานแตละดานของรูปสามเหลี่ยมตองเทากับความยาวของ
เฉลย
ไมเสียบลูกชิ้นแตละไม (กรณีที่ไมมีไมเสียบลูกชิ้น นักเรียนสามารถใชสิ่งของอยางอื่นแทนได
โดยมีเงื่อนไขวาสิ่งของที่นํามาแทนนั้นตองมีความยาวตามที่กําหนด)
3. ตรวจสอบวารูปสามเหลี่ยมที่สรางไดมีลักษณะดังภาพ ATTENTION
ที่กําหนดตอไปนี้หรือไม ถารูปสามเหลี่ยมที่สรางได เราไมสามารถสรางรูปสามเหลี่ยม
ไมเหมือนกับรูปที่กําหนด ใหนักเรียนทําการหมุน ที่ มี ค วามยาวของด า นที่ ย าวที่ สุ ด
หรือพลิกรูปสามเหลีย่ ม จนกระทัง่ วางทับรูปสามเหลีย่ ม ยาวกว า หรื อ เท า กั บ ผลรวมของ
ที่กําหนดไดสนิทพอดี นักเรียนคิดวาจะสามารถสราง ความยาวของดานสองดานที่เหลือได
รูปสามเหลี่ยมแบบอื่นไดอีกหรือไม
A
4 ซม. 6 ซม.

B C
9 ซม.
นักเรียนไมสามารถสรางรูปสามเหลี่ยมแบบอื่น ๆ ได
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

226
4. เตรียมไมเสียบลูกชิ้น 3 ไม โดยที่แตละไมมีความยาวแตกตางจากขอ 1. และความยาวของ
ไมเสียบลูกชิ้นที่ยาวที่สุดตองนอยกวาผลรวมของความยาวของไมเสียบลูกชิ้น 2 ไมท่ีเหลือ
จากนัน้ นํามาประกอบเปนรูปสามเหลีย่ มอีกครัง้ นักเรียนจะสามารถประกอบเปนรูปสามเหลีย่ ม
ไดทั้งหมดกี่แบบ
นั...................................................................................................................................................................................................................................................
กเรียนสามารถประกอบเปนรูปสามเหลี่ยมไดเพียงแบบเดียว
...................................................................................................................................................................................................................................................

จาก Investigation สรุปไดวา


ถารูปสามเหลี่ยมสองรูปใด ๆ มีความยาวดานเทากันสามคูดานตอดาน แลวรูปสามเหลี่ยม
สองรูปนั้นจะเทากันทุกประการ
ความเทากันทุกประการของรูปสามเหลี่ยมสองรูปที่มีความยาวดานเทากันสามคูดานตอดาน
เรียกวา รูปสามเหลี่ยมสองรูปที่มีความสัมพันธกันแบบ ดาน-ดาน-ดาน เขียนแทนดวย ด.ด.ด.

ฉบับ
Worked Example 5 เฉลย
ใหแสดงวา ∆ ABC ≅ ∆ XYZ

A Z 9 ซม. Y
4 ซม. 7 ซม. 7 ซม. 4 ซม.
B 9 ซม. C
X

วิธีทํา
AB = XY = 4 เซนติเมตร (กําหนดให)
BC = YZ = 9 เซนติเมตร (กําหนดให)
CA = ZX = 7 เซนติเมตร (กําหนดให)
ดังนั้น ∆ ABC ≅ ∆ XYZ (ด.ด.ด.)

227
Similar Questions
Practice Now Exercise 5B ขอ 1(1), 2(1), 3(1)
ใหแสดงวา ∆ ABC ≅ ∆ EFD
D AB = EF = 5 เซนติเมตร (กําหนดให)
....................................................................................................................................................
A
5 ซม. BC = FD = 11 เซนติเมตร (กําหนดให)
....................................................................................................................................................
11 ซม.
B CA = DE (กําหนดให)
....................................................................................................................................................
F ดังนั้น ∆ ABC ≅ ∆ EFD (ด.ด.ด.)
....................................................................................................................................................
11 ซม.
C E 5 ซม. ....................................................................................................................................................

2. รูปสามเหลี่ยมสองรูปที่มีความสัมพันธกันแบบ ดาน-มุม-ดาน

Investigation
ใหนักเรียนทํากิจกรรม แลวตอบคําถามตอไปนี้
ฉบับ
เฉลย ตอนที่ 1
1. สราง ∆ XYZ โดยที่ XY = 3 เซนติเมตร, YZ = 6 เซนติเมตร และ X∧YZ = 50 ํ
แลวเปรียบเทียบกับรูปสามเหลี่ยมของเพื่อนในหองเรียน
2. รูปสามเหลี่ยมที่สรางไดเหมือนกับรูปที่กําหนดใหดานลางหรือไม และสามารถสราง
รูปสามเหลี่ยมแบบอื่นไดอีกหรือไม
X X

3 ซม. 3 ซม.

Y 50 ํ Z Z 50 ํ Y
6 ซม. 6 ซม.
นั...................................................................................................................................................................................................................................................
กเรียนสามารถสรางรูปสามเหลี่ยมซึ่งจะเหมือนกับรูปที่กําหนดและไมสามารถสรางรูปสามเหลี่ยม
แบบอื ่นไดอีก
...................................................................................................................................................................................................................................................

3. สราง ∆ XYZ โดยใหนกั เรียนกําหนด XY, YZ และ X∧YZ ขึน้ มาเอง ซึง่ จะพบวาในแตละเงือ่ นไข
ที่กําหนด จะสามารถสรางรูปสามเหลี่ยมไดเพียงแบบเดียวเทานั้น
4. จาก ∆ XYZ จะเห็นวา X∧YZ อยูระหวางดาน XY และ YZ เราจะเรียก X∧YZ วา มุมในระหวาง
ดานคูที่ยาวเทากัน
228
5. ใหนักเรียนสรุปความรูที่ไดจาก Investigation ตอนที่ 1
นักเรียนจะสามารถสรางรูปสามเหลี่ยมไดเพียงรูปเดียวเทานั้น เมื่อกําหนดความยาวดานเพียงสองดาน
...................................................................................................................................................................................................................................................
และมุมในระหวางดานคูที่ยาวเทากัน
...................................................................................................................................................................................................................................................

ตอนที่ 2

1. สราง ∆ ABC โดยที่ AB = 3 เซนติเมตร, AC = 2 เซนติเมตร และ ABC = 30 ํ
2. รูปตอไปนี้เปนหนึ่งในรูปสามเหลี่ยมที่สรางไดจากเงื่อนไขในขอ 1.
A
3 ซม. 2 ซม.
B 30 ํ C
นักเรียนสามารถสราง ∆ ABC นอกเหนือจากรูปขางตนไดหรือไม (ตองเปนรูปสามเหลี่ยม
ที่ไมใชภาพที่ไดจากการเลื่อนขนาน การสะทอน หรือการหมุนจากรูปสามเหลี่ยมขางตน)
ไมได เพราะสามารถสราง ABC ไดเพียงแบบเดียว ∆
...................................................................................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................................................................................... ฉบับ
∧ ∧ เฉลย
3. จากรูป ∆ ABC จะเห็นวา ถา ABC ไมใชมุมที่อยูระหวางดาน AB และ AC แลว ABC
จะไมใชมุมในระหวางดานคูที่ยาวเทากัน
4. ใหนักเรียนสรุปความรูที่ไดจาก Investigation ตอนที่ 2
นักเรียนจะสรางรูปสามเหลี่ยมไดมากกวาหนึ่งรูป เมื่อกําหนดความยาวดานสองดานและมุมที่ไมใช
...................................................................................................................................................................................................................................................
มุมในระหวางดานคูที่ยาวเทากัน
...................................................................................................................................................................................................................................................

จาก Investigation สรุปไดวา


ถารูปสามเหลี่ยมสองรูปใด ๆ มีความยาวดานเทากันสองคู และมุมในระหวางดานคูที่ยาว
เทากันมีขนาดเทากัน แลวรูปสามเหลี่ยมสองรูปนั้นจะเทากันทุกประการ
ความเทากันทุกประการของรูปสามเหลี่ยมสองรูปที่มีความยาวดานเทากันสองคู และมุม
ในระหวางดานคูที่ยาวเทากันมีขนาดเทากัน เรียกวา รูปสามเหลี่ยมสองรูปที่มีความสัมพันธกัน
แบบ ดาน-มุม-ดาน เขียนแทนดวย ด.ม.ด.
ถากําหนดใหมุมของรูปสามเหลี่ยมสองรูปที่มีความสัมพันธกันแบบ ดาน-มุม-ดาน เปนมุม
ที่ไมใชมุมในระหวางดานคูที่ยาวเทากัน แลวรูปสามเหลี่ยมสองรูปนั้นจะมีความสัมพันธกันแบบ
ดาน-ดาน-มุม ซึ่งเปนความสัมพันธที่ไมทําใหรูปสามเหลี่ยมทั้งสองรูปนั้นเทากันทุกประการ
229
รูปตอไปนี้แสดงรูปสามเหลี่ยมสองรูปที่สรางตามเงื่อนไขของ Investigation ตอนที่ 2
ขอ 1.
A A
3 ซม. 2 ซม. 3 ซม.
30 ํ
2 ซม.
B 30 ํ C B C
จะเห็นวา รูปสามเหลีย่ มทัง้ สองรูปเปนรูปสามเหลีย่ มทีม่ คี วามสัมพันธกนั แบบ ดาน-ดาน-มุม
แตรูปสามเหลี่ยมทั้งสองรูปไมเปนรูปสามเหลี่ยมที่เทากันทุกประการ ดังนั้น การแสดงวา
รูปสามเหลี่ยมสองรูปเทากันทุกประการจะไมแสดงโดยใชความสัมพันธแบบ ดาน-ดาน-มุม
ถึงแมวาจะมีบางกรณีที่รูปสามเหลี่ยมสองรูปที่มีความสัมพันธกันแบบ ดาน-ดาน-มุม จะเทากัน
ทุกประการก็ตาม

Worked Example 6
ใหแสดงวา ∆ PQR ≅ ∆ GHF
ฉบับ
เฉลย G วิธีทํา
Q
9 ซม. 40 ํ PQ = GH = 9 เซนติเมตร (กําหนดให)
9 ซม. ∧ ∧
R H RPQ
RP = FGH = 40 ํ (กําหนดให)
12 ซม. 40 ํ 12 ซม. RP = FG = 12 เซนติเมตร (กําหนดให)
P
ดังนั้น ∆ PQR ≅ ∆ GHF (ด.ม.ด.)
F

Similar Questions
Practice Now Exercise 5B ขอ 1(2), 2(2), 3(2)
ใหแสดงวา ∆ PQR ≅ ∆ SPT
P PQ = SP (กําหนดให)
....................................................................................................................................................
∧ ∧
PQR = SPT (กําหนดให)
....................................................................................................................................................
QR = PT (กําหนดให)
....................................................................................................................................................
T ดังนั้น ∆ PQR ≅ ∆ SPT (ด.ม.ด.)
....................................................................................................................................................
S
R ....................................................................................................................................................
Q

230
Worked Example 7
กําหนด □ ABCD มี AC และ BD เปนเสนทแยงมุม A 7 ซม. B
AO = CO, OB = OD และ AB = 7 เซนติเมตร
O
1) ใหพิสูจนวา ∆ AOB ≅ ∆ COD
D C
2) ใหหา CD
วิธีทํา
1) AO = CO (กําหนดให)
∧ ∧
AOB = COD (ถาเสนตรงสองเสนตัดกัน แลวมุมตรงขามมีขนาดเทากัน)
OB = OD (กําหนดให)
ดังนั้น ∆ AOB ≅ ∆ COD (ด.ม.ด.)
2) จาก ∆ AOB ≅ ∆ COD จะไดวา ดานคูที่สมนัยกันของ ∆ AOB และ ∆ COD ยาวเทากัน
ดังนั้น CD = AB = 7 เซนติเมตร

Similar Questions ฉบับ


เฉลย
Practice Now Exercise 5B ขอ 4-5

กําหนด □ ABCD เปนรูปสี่เหลี่ยมผืนผา โดยที่ AC และ BD ตัดกันที่จุด O และ CAB = 25 ํ
A 25 ํ B 1) ใหพิสูจนวา ∆ AOB ≅ ∆ COD
AB = CD (กําหนดให)
.........................................................................................................................................
∧ ∧
O BAO = DCO = 25 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
.........................................................................................................................................

D C AO = CO (เสนทแยงมุมของรูปสี่เหลี่ยมผืนผา
.........................................................................................................................................
จะตัดกันและแบงครึ่งซึ่งกันและกัน)
.........................................................................................................................................
ดังนั้น AOB ∆ ≅∆ COD (ด.ม.ด.)
.........................................................................................................................................

2) ใหหาขนาดของ ACD
จาก AOB COD ∆ ≅∆
.........................................................................................................................................
จะได มุมคูที่สมนัยกันของ ∆ AOB และ ∆ COD
.........................................................................................................................................
มีขนาดเทากัน
.........................................................................................................................................
∧ ∧ ∧
ดังนั้น ACD = DCO = BAO = 25 ํ
.........................................................................................................................................

.........................................................................................................................................

231
3. รูปสามเหลี่ยมสองรูปที่มีความสัมพันธกันแบบ มุม-มุม-ดาน

Investigation
ใหนักเรียนทํากิจกรรม แลวตอบคําถามตอไปนี้
ตอนที่ 1
∧ ∧
1. สราง ∆ PQR โดยที่ PQ = 4 เซนติเมตร, RPQ = 40 ํ และ PQR = 60 ํ แลวเปรียบเทียบ
กับรูปสามเหลี่ยมของเพื่อนในหองเรียน R
2. รูปสามเหลี่ยมที่นักเรียนและเพื่อนในหองสรางนั้น
สามารถสรางไดเพียงแบบเดียวใชหรือไม (ไมรวม
รูปที่ไดจากการสะทอนรูปสามเหลี่ยมที่สราง) และ 60 ํ
P 40 ํ Q
เหมือนกับรูปที่กําหนดใหหรือไม 4 ซม.
นักเรียนสามารถสรางรูปสามเหลี่ยมไดเพียงแบบเดียว ซึ่งจะเหมือนกับรูปที่กําหนดให
...................................................................................................................................................................................................................................................

ฉบับ 3. ใหนักเรียนสรุปความรูที่ไดจาก Investigation ตอนที่ 1


เฉลย
นักเรียนสามารถสรางรูปสามเหลี่ยมไดเพียงรูปเดียวเทานั้น เมื่อกําหนดขนาดของมุมเพียงสองมุม
...................................................................................................................................................................................................................................................
และความยาวดานที่อยูระหวางมุมทั้งสองนั้น
...................................................................................................................................................................................................................................................

ตอนที่ 2
∧ ∧
1. สราง ∆ ABC โดยที่ AB = 5 เซนติเมตร, CAB = 50 ํ และ BCA = 80 ํ
2. รูปสามเหลี่ยมที่นักเรียนและเพื่อนในหองสรางนั้นสามารถสรางไดเพียงแบบเดียวใชหรือไม
(ไมรวมรูปที่ไดจากการสะทอนรูปสามเหลี่ยมที่สราง) และเหมือนกับรูปที่กําหนดใหหรือไม
นักเรียนสามารถสรางรูปสามเหลี่ยมไดเพียงแบบเดียว ซึ่งจะเหมือนกับรูปที่กําหนดให
...................................................................................................................................................................................................................................................
PROBLEM SOLVING TIP
C ∧
80 ํ ถาสราง AB และ CAB กอน จากนั้น

หาขนาดของ ABC โดยใชความสัมพันธ
ของมุมภายในของรูปสามเหลี่ยม แลว

A 50 ํ
B สราง ABC นักเรียนจะสามารถสราง
5 ซม. ∧
ACB ไดงายขึ้น
3. ใหนักเรียนสรุปความรูที่ไดจาก Investigation ตอนที่ 2
นักเรียนสามารถสรางรูปสามเหลี่ยมไดเพียงรูปเดียวเทานั้น เมื่อกําหนดขนาดของมุมเพียงสองมุม
...................................................................................................................................................................................................................................................
และความยาวดานที่ไมไดอยูระหวางมุมทั้งสองนั้น
...................................................................................................................................................................................................................................................

232
4. ถานักเรียนสรางรูปสามเหลี่ยม 2 รูป โดยกําหนดใหมุมภายในมีขนาดเทากัน 2 คู ซึ่ง
รู ป สามเหลี่ยมรูปแรกจะกําหนดความยาวด า นให อ ยู  ระหว า งมุ มภายในที่ กํ า หนด และ
รูปสามเหลี่ยมรูปที่สองจะกําหนดความยาวดานที่ไมไดอยูระหวางมุมภายในที่กําหนด
อยากทราบวารูปสามเหลี่ยมทั้งสองรูปจะเหมือนหรือแตกตางกันอยางไร
Hint สังเกต PROBLEM SOLVING TIP ของขอ 2.
รู...................................................................................................................................................................................................................................................
ปสามเหลี่ยมทั้งสองรูปจะเหมือนกัน เพราะเมื่อกําหนดขนาดของมุมภายใน 2 มุม
นั...................................................................................................................................................................................................................................................
กเรียนจะสามารถหาขนาดของมุมภายในมุมที่สามของรูปสามเหลี่ยมได

จาก Investigation สรุปไดวา


ถารูปสามเหลี่ยมสองรูปใด ๆ มีมุมที่มีขนาดเทากันสองคูและมีดานยาวเทากันหนึ่งคู โดยมุม
ที่มีขนาดเทากันเปนมุมที่สมนัยกัน และดานที่ยาวเทากันเปนดานที่สมนัยกัน แลวรูปสามเหลี่ยม
สองรูปนั้นจะเทากันทุกประการ
ความเทากันทุกประการของรูปสามเหลี่ยมสองรูปที่มีขนาดของมุมเทากันสองคูและมีดาน
ยาวเทากันหนึ่งคู โดยที่ดานคูที่ยาวเทากันจะอยูหรือไมอยูระหวางมุมคูที่มีขนาดเทากันก็ได ฉบับ
เรียกวา รูปสามเหลี่ยมสองรูปที่มีความสัมพันธกันแบบ มุม-มุม-ดาน เขียนแทนดวย ม.ม.ด. เฉลย
หรือรูปสามเหลี่ยมสองรูปที่มีความสัมพันธกันแบบ มุม-ดาน-มุม เขียนแทนดวย ม.ด.ม. (ตางจาก
รูปสามเหลี่ยมสองรูปที่มีความสัมพันธกันแบบ ดาน-มุม-ดาน ซึ่งมุมที่กําหนดใหตองเปนมุมที่อยู
ระหวางดานคูที่ยาวเทากัน)
Worked Example 8
ใหพิสูจนวา ∆ ABC ≅ ∆ FED
10 ซม. E
วิธีทํา
D 30 ํ 80 ํ ∧
DFE = 180 ํ - 80 ํ - 30 ํ = 70 ํ (มุมภายในของรูปสามเหลี่ยม
รวมกันเทากับ 180 ํ)

A F CAB = 70 ํ (กําหนดให)
∧ ∧
70 ํ CAB = DFE (สมบัติของการเทากัน)
∧ ∧
ABC = FED = 80 ํ (กําหนดให)
80 ํ
B 10 ซม. C BC = ED = 10 เซนติเมตร (กําหนดให)
ดังนั้น ∆ ABC ≅ ∆ FED (ม.ม.ด.)

233
Similar Questions
Practice Now Exercise 5B ขอ 1(3), 2(3), 3(3)
ใหพิสูจนวา ∆ VWX ≅ ∆ ZYX
∧ ∧
V VW = ZY X X (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
....................................................................................................................................................
∧ ∧
W V=Y Z
X X (ถาเสนตรงสองเสนตัดกัน
....................................................................................................................................................
แลวมุมตรงขามมีขนาดเทากัน)
....................................................................................................................................................
W Y
X V =ZX X (กําหนดให)
....................................................................................................................................................
ดังนั้น ∆ VWX ≅ ∆ ZYX (ม.ม.ด.)
....................................................................................................................................................
Z ....................................................................................................................................................

4. รูปสามเหลี่ยมสองรูปที่มีความสัมพันธกันแบบ ฉาก-ดาน-ดาน

Investigation

ฉบับ ใหนักเรียนทํากิจกรรม แลวตอบคําถามตอไปนี้


เฉลย 1. สราง ∆ DEF โดยที่ DEF ∧
= 90 ํ, DE = 3 เซนติเมตร และ FD = 5 เซนติเมตร
แลวเปรียบเทียบกับรูปสามเหลี่ยมของเพื่อนในหองเรียน
2. รูปสามเหลี่ยมที่นักเรียนและเพื่อนในหองสรางนั้นสามารถสรางไดเพียงแบบเดียวใชหรือไม
(ไมรวมรูปที่ไดจากการสะทอนรูปสามเหลี่ยมที่สราง) และเหมือนกับรูปที่กําหนดใหหรือไม
D

5 ซม.
3 ซม.

E F
นักเรียนสามารถสรางรูปสามเหลี่ยมไดเพียงแบบเดียว ซึ่งจะเหมือนกับรูปที่กําหนดให
.................................................................................................................................................................................................................................................

.................................................................................................................................................................................................................................................

3. ใหนักเรียนสรุปความรูที่ไดจาก Investigation
นักเรียนจะสรางรูปสามเหลี่ยมไดเพียงรูปเดียวเทานั้น เมื่อกําหนดเพียงดานตรงขามมุมฉาก
.................................................................................................................................................................................................................................................
และดานประกอบมุมฉากดานใดดานหนึ่ง
.................................................................................................................................................................................................................................................

234
จาก Investigation สรุปไดวา
ถารูปสามเหลี่ยมมุมฉากสองรูปใด ๆ มีดานตรงขามมุมฉากยาวเทากัน และดานประกอบ
มุมฉากดานใดดานหนึ่งยาวเทากัน แลวรูปสามเหลี่ยมมุมฉากสองรูปนั้นจะเทากันทุกประการ
โดยทั่วไปรูปสามเหลี่ยมสองรูปที่มีความสัมพันธกันแบบ ดาน-ดาน-มุม จะไมเทากัน
ทุกประการ แตจะมีขอยกเวน คือ กรณีที่รูปสามเหลี่ยมทั้งสองรูปเปนรูปสามเหลี่ยมมุมฉากที่มี
ดานตรงขามมุมฉากยาวเทากันและดานประกอบมุมฉากดานใดดานหนึง่ ยาวเทากัน รูปสามเหลีย่ ม
สองรูปจะเทากันทุกประการ โดยความสัมพันธของรูปสามเหลี่ยมมุมฉากสองรูปในลักษณะ
ดังกลาว เรียกวา รูปสามเหลี่ยมมุมฉากสองรูปที่มีความสัมพันธกันแบบ ฉาก-ดาน-ดาน
เขียนแทนดวย ฉ.ด.ด.
Worked Example 9
ใหพิสูจนวา ∆ PQR ≅ ∆ SUT
วิธีทํา
P S ∧ ∧
PQR = SUT = 90 ํ (กําหนดให) ฉบับ
QR = UT (กําหนดให) เฉลย
RP = TS (กําหนดให)
Q R T U ดังนั้น ∆ PQR ≅ ∆ SUT (ฉ.ด.ด.)

Similar Questions
Practice Now Exercise 5B ขอ 1(4), 2(4), 3(4)
ใหพิสูจนวา ∆ XWZ ≅ ∆ ZYX
∧ ∧
X WZ = ZY = 90 ํ X (กําหนดให)
..............................................................................................................................................................
W X
WZ = YX (กําหนดให)
..............................................................................................................................................................
ZX = XZ (ZX เปนดานรวม)
..............................................................................................................................................................
ดังนั้น ∆ XWZ ≅ ∆ ZYX (ฉ.ด.ด.)
..............................................................................................................................................................
Z Y
..............................................................................................................................................................

235
Exercise 5B
Basic Level
1. พิจารณารูปสามเหลี่ยมที่กําหนดให แลวตอบคําถามตอไปนี้

5 ซม. 6 ซม. 5 ซม.


4 ซม.
60 ํ 40 ํ 40 ํ
5 ซม. 6 ซม.
(a) (b) (c)

5 ซม. 6 ซม. 4 ซม.


40 ํ 60 ํ 40 ํ

5 ซม. 5 ซม.
(d) (e) (f)
ฉบับ
เฉลย
40 ํ 5 ซม.
5 ซม. 5 ซม.
4 ซม.
4 ซม.
6 ซม. 60 ํ

(g) (h) (i)


1) ตรวจสอบวารูปสามเหลี่ยมคูใดบางที่เทากันทุกประการ โดยมีความสัมพันธแบบ
ดาน-ดาน-ดาน
พิจารณารูปสามเหลี่ยม (b) และ (g) จะพบวา รูปสามเหลี่ยม (b) และ (g) มีความยาวดานเทากัน
...................................................................................................................................................................................................................................................
สามคูดานตอดาน ดังนั้น รูปสามเหลี่ยม (b) และ (g) เทากันทุกประการ โดยมีความสัมพันธแบบ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดาน-ดาน-ดาน
...................................................................................................................................................................................................................................................

2) ตรวจสอบวารูปสามเหลี่ยมคูใดบางที่เทากันทุกประการ โดยมีความสัมพันธแบบ
ดาน-มุม-ดาน
พิจารณารูปสามเหลี่ยม (c) และ (e) จะพบวา รูปสามเหลี่ยม (c) และ (e) มีความยาวดานเทากัน
...................................................................................................................................................................................................................................................
สองคู และมุมในระหวางดานคูที่ยาวเทากันมีขนาดเทากัน ดังนั้น รูปสามเหลี่ยม (c) และ (e) เทากัน
...................................................................................................................................................................................................................................................
ทุกประการ โดยมีความสัมพันธแบบ ดาน-มุม-ดาน
...................................................................................................................................................................................................................................................

236
3) ตรวจสอบวารูปสามเหลี่ยมคูใดบางที่เทากันทุกประการ โดยมีความสัมพันธแบบ
มุม-มุม-ดาน
พิจารณารูปสามเหลี่ยม (a) และ (i) จะพบวา รูปสามเหลี่ยม (a) และ (i) มีมุมที่มีขนาดเทากัน
...................................................................................................................................................................................................................................................
สองคูและมีดานยาวเทากันหนึ่งคู โดยมุมที่มีขนาดเทากันเปนมุมที่สมนัยกัน และดานที่ยาวเทากัน
...................................................................................................................................................................................................................................................
เปนดานที่สมนัยกัน ดังนั้น รูปสามเหลี่ยม (a) และ (i) เทากันทุกประการ โดยมีความสัมพันธแบบ
...................................................................................................................................................................................................................................................
มุม-มุม-ดาน
...................................................................................................................................................................................................................................................

4) ตรวจสอบวารูปสามเหลี่ยมคูใดบางที่เทากันทุกประการ โดยมีความความสัมพันธแบบ
ฉาก-ดาน-ดาน
พิจารณารูปสามเหลี่ยม (f) และ (h) จะพบวา รูปสามเหลี่ยม (f) และ (h) มีดานตรงขามมุมฉาก
...................................................................................................................................................................................................................................................
ยาวเทากัน และดานประกอบมุมฉากดานใดดานหนึ่งยาวเทากัน ดังนั้น รูปสามเหลี่ยม (f) และ (h)
...................................................................................................................................................................................................................................................
เทากันทุกประการ โดยมีความสัมพันธแบบ ฉาก-ดาน-ดาน
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

2. ใหแสดงวารูปสามเหลี่ยมแตละคูตอไปนี้เทากันทุกประการ โดยเติมขอความลงในชองวาง
ใหถูกตอง ฉบับ
เฉลย
1) AB = ……………….PQ
A P QR = 8 เซนติเมตร
6 ซม. 6 ซม. BC = ……………….
CA = ……………….RP = ……………….6 เซนติเมตร
B 8 ซม. C R 8 ซม. Q
∆ PQR (ด.ด.ด.)
ดังนั้น ∆ ABC ≅ …………………………………………………

2) DE = ……………….ZY = 3 เซนติเมตร
D X 5 ซม. Y ∧ ∧
ZYX = 70 ํ
3 ซม.
70 ํ DEF = ……………….
3 ซม. YX = ………………. 5 เซนติเมตร
E 70 ํ 5 ซม. F EF = ……………….
Z ∆ ZYX (ด.ม.ด.)
ดังนั้น ∆ DEF ≅ …………………………………………………

∧ ∧
3) L U MLN VWU = 80 ํ
= ……………….
30 ํ M ∧ ∧
7 ซม. NML UVW = ……………….
= ………………. 30 ํ
70 ํ 7 ซม. 80 ํ W
N
30 ํ NM = ………………. UV = ……………….
7 เซนติเมตร
V ∆ NML ≅ ∆ UVW ……………………………..
ดังนั้น ………………. (ม.ม.ด.)

237
G S ∧ ∧
4) IHG STU = ……………….
= ………………. 90 ํ
5 ซม. ST = 5 เซนติเมตร
IH = ……………….
H 13 ซม. T US = ……………….
13 เซนติเมตร
GI = ……………….
5 ซม. 12 ซม. ∆ IHG ≅ ∆ STU ……………………………..
(ฉ.ด.ด.)
I
U ดังนั้น ……………….

Intermediate Level
3. ใหพิสูจนวารูปสามเหลี่ยมแตละคูตอไปนี้เทากันทุกประการ
1) A B C AB = CB (กําหนดให)
....................................................................................................................................................
BD = BD (BD เปนดานรวม)
....................................................................................................................................................
DA = DC (กําหนดให)
....................................................................................................................................................

D ดังนั้น ∆ ABD ≅ ∆ CBD (ด.ด.ด.)


....................................................................................................................................................

ฉบับ
เฉลย 2) A B BC = DA (กําหนดให)
....................................................................................................................................................
∧ ∧
BCA = DAC (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
....................................................................................................................................................
CA = AC (CA เปนดานรวม)
....................................................................................................................................................

D C ดังนั้น ∆ ABC ≅ ∆ CDA (ด.ม.ด.)


....................................................................................................................................................

∧ ∧
3) F E CDB = FDE (ถาเสนตรงสองเสนตัดกัน แลวมุมตรงขามมีขนาดเทากัน)
....................................................................................................................................................
∧ ∧
DBC = DEF (กําหนดให)
....................................................................................................................................................
D
BC = EF (กําหนดให)
....................................................................................................................................................

A C ดังนั้น ∆ BCD ≅ ∆ EFD (ม.ม.ด.)


....................................................................................................................................................
B

A B ∧ ∧
4) ABC = CDA = 90 ํ (กําหนดให)
....................................................................................................................................................
BC = DA (กําหนดให)
....................................................................................................................................................
CA = AC (CA เปนดานรวม)
....................................................................................................................................................
ดังนั้น ∆ ABC ≅ ∆ CDA (ฉ.ด.ด.)
....................................................................................................................................................

D C
238
4. กําหนด ST = UT, TR = TV, U

R
RS = 4 เซนติเมตร และ TRS = 80 ํ 80 ํ T
4 ซม.
V
S
1) ใหพิสูจนวา ∆ RST ≅ ∆ VUT 2) ใหหา VU
ST = UT (กําหนดให)
……………………………………………………………………………….. เนื่องจาก RST VUT
∆ ≅∆
………………………………………………………………………………..
∧ ∧
STR = UTV (ถาเสนตรงสองเสนตัดกัน
……………………………………………………………………………….. จะได VU และ RS เปนดานคูที่สมนัยกัน
………………………………………………………………………………..
แลวมุมตรงขามมีขนาดเทากัน)
……………………………………………………………………………….. จะมีความยาวเทากัน
………………………………………………………………………………..
TR = TV (กําหนดให)
……………………………………………………………………………….. ดังนั้น VU = RS = 4 เซนติเมตร
………………………………………………………………………………..
ดังนั้น ∆ RST ≅ ∆ VUT (ด.ม.ด.)
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..

3) ใหหาขนาดของ TVU 4) RS และ VU มีความสัมพันธกันอยางไร
เนื่องจาก RST VUT
∆ ≅ ∆
……………………………………………………………………………….. RS // VU
………………………………………………………………………………..
∧ ∧
จะได TVU และ TRS เปนมุมคูที่สมนัยกัน
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
จะมีขนาดเทากัน
……………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………….. ฉบับ
∧ ∧
ดังนั้น TVU = TRS = 80 ํ
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
เฉลย
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..

5. กําหนด JI = GH และ HJ = IG G J
60 ํ

40 ํ
H I
∧ ∧
1) ใหหารูปสามเหลี่ยมที่เทากันทุกประการ 2) ถา HJI = 60 ํ และ H∧IG = 40 ํ แลว GHI
กับ ∆ GHI พรอมทัง้ อธิบายเหตุผลประกอบ มีคาเปนเทาใด
พิจารณา J H และ GH
∆ I ∆ I
……………………………………………………………………………….. จาก ∆ JIH ≅ ∆ GHI จะไดวา
………………………………………………………………………………..
∧ ∧
JI = GH (กําหนดให)
……………………………………………………………………………….. GH = HJI = 60 ํ
I………………………………………………………………………………..
(มุมคูที่สมนัยกัน
IH = HI (มี IH เปนดานรวม)
……………………………………………………………………………….. มีขนาดเทากัน)
………………………………………………………………………………..

HJ = IG (กําหนดให)
……………………………………………………………………………….. ดังนั้น GH = 180 ํ - 60 ํ - 40 ํ
I
………………………………………………………………………………..
ดังนั้น ∆ JIH ≅ ∆ GHI (ด.ด.ด.)
……………………………………………………………………………….. = 80 ํ
………………………………………………………………………………..

239
5.3 การนําความรูเ กีย่ วกับความเทากันทุกประการ
ไปใชในการแกปญหา
ในหัวขอกอนหนานี้ เราไดศึกษาเกี่ยวกับความเทากันทุกประการมาแลว ซึ่งในหัวขอนี้
เราจะนําความรูและสมบัติของความเทากันทุกประการมาใชในการแกปญหาทางคณิตศาสตร
และปญหาในชีวิตจริง ดังตัวอยางตอไปนี้
Worked Example 10

ใหพิสูจนวา OT แบงครึ่ง POQ
วิธีทํา
P RO = SO (วงกลมวงเดียวกันมีรัศมียาวเทากัน)
OT = OT (OT เปนดานรวม)
R
T TR = TS (วงกลมวงเดียวกันมีรัศมียาวเทากัน)
O S
ดังนั้น ∆ ROT ≅ ∆ SOT (ด.ด.ด.)
ฉบับ Q ∧ ∧ ∧ ∧
เฉลย จะได POT = ROT = SOT = QOT

นั่นคือ OT แบงครึ่ง POQ
Similar Questions
Practice Now Exercise 5C ขอ 1-5
ใหพิสูจนวา PQ แบงครึ่งและตั้งฉากกับ AB
พิจารณา PAQ และ PBQ จะไดวา
∆ ∆
....................................................................................................................................................

P PA = PB (วงกลมวงเดียวกันมีรัศมียาวเทากัน)
....................................................................................................................................................
AQ = BQ (วงกลมวงเดียวกันมีรัศมียาวเทากัน)
....................................................................................................................................................
QP = QP (QP เปนดานรวม)
....................................................................................................................................................
ดังนั้น ∆ PAQ ≅ ∆ PBQ (ด.ด.ด.)
....................................................................................................................................................
∧ ∧ ∧ ∧
A R B จะได APR = APQ = BPQ = BPR
....................................................................................................................................................
พิจารณา ∆ APR และ ∆ BPR
....................................................................................................................................................
∧ ∧
จะได AP = BP, APR = BPR และ PR = PR
....................................................................................................................................................
ดังนั้น ∆ APR ≅ ∆ BPR (ด.ม.ด.)
....................................................................................................................................................
Q ∧ ∧
จะได PRA = PRB = 180 ํ
2 = 90 ํ
....................................................................................................................................................
นั่นคือ PQ แบงครึ่งและตั้งฉากกับ AB
....................................................................................................................................................

240
Exercise 5C
Basic Level
1. สุธีตองการวัดความกวางของบอนํ้าจากจุด A ไปยัง A B
จุด B เขาใชความรูเกี่ยวกับความเทากันทุกประการ
ของรูปสามเหลี่ยมชวยในการหาความกวางของบอนํ้า
C
ถาสุธีบอกวา สามารถหาความกวางของบอนํ้าจากจุด A
ไปยั ง จุ ด B โดยวั ด ความยาวของ B ′ A ′ แทน
อยากทราบวา แนวคิดของสุธีถูกตองหรือไม อยางไร B′ A′
พิ...................................................................................................................................................................................................................................................
จารณา ∆ ACB และ ∆ A′CB′ จะได AB = A′B′ = B′A′
จะได AC = A′C (กําหนดให) นั่นคือ เราสามารถหาความกวางของบอนํ้า
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
ACB = A′CB′ (ถาเสนตรงสองเสนตัดกัน โดยวัดความยาวของ B′A′ แทนได
...................................................................................................................................................................................................................................................
แลวมุมตรงขาม ดังนั้น แนวคิดของสุธีถูกตอง
...................................................................................................................................................................................................................................................
มีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
CB = CB ′ (กําหนดให)
................................................................................................................................................................................................................................................... ฉบับ
เฉลย
ดั...................................................................................................................................................................................................................................................
งนั้น ∆ ACB ≅ ∆ A′CB′ (ด.ม.ด.)

2. กลาตองการวัดความกวางของรางเหล็กจากจุด A ไปยัง
จุด B เขาจึงสรางเครื่องมือชิ้นหนึ่งขึ้นมาซึ่งมีลักษณะ A B′
เปนกากบาท เครื่องมือชิ้นนี้ประกอบดวยชิ้นสวนที่ยาว O
AA′ และชิ้นสวนที่ยาว BB′ โดยมีจุดหมุน O เปนจุดตัด
ที่แบงครึ่งชิ้นสวนทั้งสองซึ่งกันและกัน ถากลาบอกวา
สามารถวัดความกวางของรางเหล็ก โดยวัดความยาวของ B A′
A′B′ แทน อยากทราบวาแนวคิดของกลาถูกตองหรือไม
อยางไร
พิ...................................................................................................................................................................................................................................................
จารณา ∆ AOB และ ∆ A′OB′
จะได AO = A′O (กําหนดให)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
AOB = A′OB′ (ถาเสนตรงสองเสนตัดกัน แลวมุมตรงขามมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
OB = OB′ (กําหนดให)
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดั...................................................................................................................................................................................................................................................
งนั้น ∆ AOB ≅ ∆ A′OB′ (ด.ม.ด.)
จะได AB = A′B′ ดังนั้น แนวคิดของกลาถูกตอง
...................................................................................................................................................................................................................................................

241
Intermediate Level
3. กําหนดจุด P อยูบน OA และจุด Q อยูบน OB โดยที่ OP = OQ ถานําไมฉากอันหนึ่ง
วางบน ∆ COQ โดยใหด านหนึ่งของไม ฉ ากอยู  บ น PQ และอี กด า นหนึ่ ง ผ า นจุ ด O

ใหพิสูจนวา OC แบงครึ่ง AOB

P C Q

A B
พิจารณา PCO และ QCO ∆ ∆
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ ∧ ∧
เฉลย จะไดวา PCO = QCO = 90 ํ (โดยการวัด)
...................................................................................................................................................................................................................................................
CO = CO (CO เปนดานรวม)
...................................................................................................................................................................................................................................................
OP = OQ (กําหนดให)
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ∆ PCO ≅ ∆ QCO (ฉ.ด.ด.)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧ ∧ ∧
จะได AOC = POC = QOC = BOC
...................................................................................................................................................................................................................................................

นั่นคือ OC แบงครึ่ง AOB
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

4. นนทตองการทําราวตากผาบนพื้นราบ โดยปกเสา 2 เสาให B E


ตัง้ ฉากกับพืน้ จากนัน้ นําเชือกผูกทีป่ ลายเสาดานบนระหวาง
เสาทั้งสองใหตึง และใชเชือกผูกยึดเสากับพื้นดิน ดังรูป
A C F D
อยากทราบวาเชือกที่ใชยึดเสาทั้งสองกับพื้นดินยาวเทากัน
หรือไม อยางไร

242
พิจารณา ABC และ DEF ∆ ∆
.................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
จะได ABC = DEF (กําหนดให)
.................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
ACB = DFE = 90 ํ (กําหนดให)
.................................................................................................................................................................................................................................................
BC = EF (เสนตรงสองเสนบนระนาบเดียวกันจะขนานกัน
.................................................................................................................................................................................................................................................
เมื่อระยะหางระหวางเสนตรงทั้งสองเทากันเสมอ)
.................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ABC DEF ∆ ≅ ∆ (ม.ด.ม.)
.................................................................................................................................................................................................................................................
จะได AB = DE
.................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น เชือกที่ใชยึดเสาทั้งสองกับพื้นดินยาวเทากัน
.................................................................................................................................................................................................................................................

Advanced Level
5. กําหนดจุด P อยูบน OA และจุด Q อยูบน OB โดยที่ OP = OQ จากนั้นนําไมฉากอันหนึ่ง

ที่มีมุมภายในเปน 90 ํ, 45 ํ และ 45 ํ มาวางดังรูป ใหพิสูจนวา OM แบงครึ่ง AOB
O
P ฉบับ
A เฉลย

Q
M

B
พิจารณา POM และ QOM ∆ ∆
...................................................................................................................................................................................................................................................
จะไดวา PO = QO (กําหนดให)
...................................................................................................................................................................................................................................................
OM = OM (OM เปนดานรวม)
...................................................................................................................................................................................................................................................
MP = MQ (ดานประกอบมุมยอดของรูปสามเหลี่ยมหนาจั่วมีความยาวเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น POM QOM ∆ ≅ ∆ (ด.ด.ด.)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧ ∧ ∧
จะได AOM = POM = QOM = BOM
...................................................................................................................................................................................................................................................

นั่นคือ OM แบงครึ่ง AOB
...................................................................................................................................................................................................................................................

243
Summary
1. ความเทากันทุกประการของรูปเรขาคณิต
1) รูปเรขาคณิตสองรูปเทากันทุกประการ ก็ตอเมื่อ รูปเรขาคณิตทั้งสองรูปนั้นมีรูปราง
เหมือนกันและมีขนาดเทากัน
2) เราสามารถใชความรูเรื่อง การแปลงทางเรขาคณิต เพื่อตรวจสอบความเทากัน
ทุกประการของรูปเรขาคณิตได A
B A1 B1
3) รูปหลายเหลีย่ มสองรูปเทากันทุกประการ
ก็ตอเมื่อ ดานคูที่สมนัยกันและมุมคูที่ D C D1 C1
สมนั ย กั น ของรู ป หลายเหลี่ ย มทั้ ง สอง □ ABCD ≅ □ A1B1C1D1
มีขนาดเทากันเปนคู ๆ
2. ความเทากันทุกประการของรูปสามเหลี่ยมสองรูปที่มีความสัมพันธแบบตาง ๆ
รูปสามเหลี่ยมสองรูปที่เทากันทุกประการ รูปสามเหลี่ยมสองรูปที่เทากันทุกประการ
ฉบับ โดยมีความสัมพันธแบบ ดาน-ดาน-ดาน โดยมีความสัมพันธแบบ ดาน-มุม-ดาน
เฉลย
A X A X

B C Y Z B C Y Z
มีความยาวดานเทากันสามคูดานตอดาน มีความยาวดานเทากันสองคู และมุมในระหวาง
เชน AB = XY, BC = YZ และ CA = ZX ดานคูที่ยาวเทากันมีขนาดเทากัน
∧ ∧
เชน AB = XY, ABC = XYZ และ BC = YZ
รูปสามเหลี่ยมสองรูปที่เทากันทุกประการ รูปสามเหลี่ยมมุมฉากสองรูปที่เทากันทุกประการ
โดยมีความสัมพันธแบบ มุม-มุม-ดาน โดยมีความสัมพันธแบบ ฉาก-ดาน-ดาน
A X A X

B C Y Z B C Y Z
มีมุมที่มีขนาดเทากันสองคู และมีดานยาวเทากัน มีดา นตรงขามมุมฉากยาวเทากัน และดานประกอบ
หนึ่งคู โดยมุมที่มีขนาดเทากันเปนมุมที่สมนัยกัน มุมฉากดานใดดานหนึ่งยาวเทากัน
∧ ∧
และดานที่ยาวเทากันเปนดานที่สมนัยกัน เชน ABC = XYZ = 90 ,ํ BC = YZ และ CA = ZX
∧ ∧ ∧ ∧
เชน ABC = XYZ, BCA = YZX และ CA = ZX

244
Review Exercise 5
1. พิจารณารูปสามเหลี่ยมแตละคูตอไปนี้วาเทากันทุกประการหรือไม เพราะเหตุใด
1) A Q 2) D S
67 ํ
12 ซม. 6 ซม. 6.4 ซม.
P
C 6.4 ซม. T 48 ํ 70 ํ 5 ซม.
B 12 ซม. 18 ํ E 70 ํ
62 ํ 6 ซม. U
R 5 ซม. F
พิจารณา ABC

……………………………………………………………………………….. DE = TU
………………………………………………………………………………..

จะได BCA = 180 ํ - 90 ํ - 67 ํ = 23 ํ
……………………………………………………………………………….. EF = US
………………………………………………………………………………..
จะเห็น มุมภายในแตละมุมของรูป ∆ ABC
……………………………………………………………………………….. FD = ST
………………………………………………………………………………..
ไมเทากับ 18 ํ ซึ่งเปนขนาดของมุมคูที่สมนัย
……………………………………………………………………………….. ดังนั้น ∆ DEF ≅ ∆ TUS (ด.ด.ด.)
………………………………………………………………………………..
กับ ∆ PQR
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
ดังนัน้ ∆ ABC และ ∆ PQR ไมเทากันทุกประการ
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
∧ ∧ ∧
2. กําหนด □ ABCD ≅ □ PQRS, A = 100 ํ, B = 70 ํ, C = 95 ํ และ PQ = 6 เซนติเมตร
1) ใหหา AB 2) ใหหาขนาดของ ∧S ฉบับ
เฉลย
จาก ABCD
□ ≅ □ PQRS
……………………………………………………………………………….. จาก ABCD
□ ≅□ PQRS
…………………………………………………………………………………..
จะได ดานคูที่สมนัยกันยาวเทากัน
……………………………………………………………………………….. จะได มุมคูที่สมนัยกันมีขนาดเทากัน
…………………………………………………………………………………..
∧ ∧
ดังนั้น AB = PQ = 6 เซนติเมตร
……………………………………………………………………………….. ดังนั้น S = D = 360 ํ - 100 ํ - 70 ํ - 95 ํ = 95 ํ
…………………………………………………………………………………..
∧ ∧
3. กําหนด ∆ ABC ≅ ∆ AKH, CAB = 52 ํ, KHA = 36 ํ, AB = 6 เซนติเมตร
และ AH = 10.2 เซนติเมตร

1) ใหหาขนาดของ AKH
H จาก ABC AKH
∆ ≅ ∆
…………………………………………………………………………………..
36 ํ จะได มุมคูที่สมนัยกันมีขนาดเทากัน
…………………………………………………………………………………..
∧ ∧
10.2 ซม. ดังนั้น HAK = CAB = 52 ํ
…………………………………………………………………………………..

นั่นคือ AKH = 180 ํ - 52 ํ - 36 ํ = 92 ํ
…………………………………………………………………………………..

A 52 ํ K C 2) ใหหา KC
CA = HA = 10.2 เซนติเมตร
…………………………………………………………………………………..
6 ซม.
AK = AB = 6 เซนติเมตร
…………………………………………………………………………………..
B ดังนั้น KC = CA - AK
…………………………………………………………………………………..
= 10.2 - 6 = 4.2 เซนติเมตร
…………………………………………………………………………………..

245

4. กําหนด ∆ ABC ≅ ∆ AHK, CAB = 53 ํ, C

AHK = 90 ํ, AH = 6 เซนติเมตร และพื้นที่ H
ของ ∆ ABC = 24 ตารางเซนติเมตร 6 ซม. X
∧ A 53 ํ
1) ใหหาขนาดของ ABC B K
จาก ABC AHK ∆ ≅ ∆
...................................................................................................................................................................................................................................................
จะได มุมคูที่สมนัยกันมีขนาดเทากัน
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
ดังนั้น ABC = AHK = 90 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

2) ใหหา AB และ BC
จาก ABC AHK จะไดวา AB = AH = 6 เซนติเมตร
∆ ≅ ∆
...................................................................................................................................................................................................................................................
จาก พื้นที่ของ ∆ ABC = 24 ตารางเซนติเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
จะได 24 = 12 × AB × BC
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น BC = 24AB× 2 = 24 6× 2 = 8 เซนติเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................

ฉบับ 3) ใหหาขนาดของ B∧XK


เฉลย พิจารณา ACB จะไดวา ACB = 180 ํ - 90 ํ - 53 ํ = 37 ํ


...................................................................................................................................................................................................................................................

พิจารณา CH จะไดวา CH = 180 ํ - 90 ํ = 90 ํ
∆ X X
...................................................................................................................................................................................................................................................

C H = 180 ํ - 90 ํ - 37 ํ = 53 ํ X
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
ดังนั้น B K = C H = 53 ํ
X X
...................................................................................................................................................................................................................................................

5. ใหแสดงวารูปสามเหลี่ยมแตละคูตอไปนี้ เทากันทุกประการหรือไม เพราะเหตุใด


1) AB = RP = 5 เซนติเมตร
A 5 ซม. R ………………………………………………………………………………………..
P BC = PQ = 6 เซนติเมตร
………………………………………………………………………………………..
5 ซม. 7 ซม. 7 ซม. CA = QR = 7 เซนติเมตร
………………………………………………………………………………………..
6 ซม.
B ดังนั้น ∆ ABC ≅ ∆ RPQ (ด.ด.ด.)
………………………………………………………………………………………..
6 ซม. C Q ………………………………………………………………………………………..

2) Q AB = PQ = 12 เซนติเมตร
………………………………………………………………………………………..
A ∧ ∧
CAB = RPQ = 80 ํ
80 ํ 8.9 ซม. ………………………………………………………………………………………..
12 ซม. 12 ซม. CA = RP = 8.9 เซนติเมตร
C ………………………………………………………………………………………..
80 ํ ดังนั้น ∆ ABC ≅ ∆ PQR (ด.ม.ด.)
R 8.9 ซม. P
………………………………………………………………………………………..
B
………………………………………………………………………………………..

246
3) พิจารณา ABC และ PQR ∆ ∆
………………………………………………………………………………………..
C จะได ดาน AB และ PQ เปนดานคูที่สมนัยกัน
………………………………………………………………………………………..
9 ซม. 6.5 ซม. P
5 ซม. 5 ซม. ………………………………………………………………………………………..
แต AB PQ
30 ํ R 30 ํ Q
B 7 ซม. A 9 ซม. ดังนั้น ∆ ABC และ ∆ PQR ไมเทากันทุกประการ
………………………………………………………………………………………..

………………………………………………………………………………………..

4) AB = PQ = 6.5 เซนติเมตร
………………………………………………………………………………………..
A R 45 ํ 75 ํ
P ∧
จาก PQR = 180 ํ - 75 ํ - 45 ํ = 60 ํ จะได
………………………………………………………………………………………..
∧ ∧
6.5 ซม. 8.9 ซม. 6.5 ซม. ABC = PQR = 60 ํ
………………………………………………………………………………………..
60 ํ BC = QR = 8.9 เซนติเมตร
B 8.9 ซม. C Q ………………………………………………………………………………………..
ดังนั้น ∆ ABC ≅ ∆ PQR (ด.ม.ด.)
………………………………………………………………………………………..

6. พิจารณารูปสามเหลี่ยมตอไปนี้ แลวตรวจสอบวารูปสามเหลี่ยมคูใดบางที่เทากันทุกประการ
A D J
G 75 ํ 50 ํ I
55 ํ
3 ซม. 3 ซม. ฉบับ
75 ํ L เฉลย
50 ํ
C 50 ํ F E 75 ํ
50 ํ 3 ซม.
B 3 ซม. H

K
จารณา ∆ DEF และ ∆ JLK จะได JLK = 180 ํ - 55 ํ - 50 ํ = 75 ํ
พิ…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
∧ ∧
DEF = JLK = 75 ํ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
EF = LK = 3 เซนติเมตร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
∧ ∧
EFD = LKJ = 50 ํ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ดังนั้น ∆ DEF ≅ ∆ JLK (ม.ด.ม.)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

7. กําหนด □ ABCD มี AC และ BD เปนเสนทแยงมุม, A D


OA = OC และ OD = OB
O
B C
1) ใหพิสูจนวา ∆ OAD ≅ ∆ OCB 2) ใหเขียนมุมที่เทากันมา 2 คู
OD = OB (กําหนดให)
……………………………………………………………………………….. จาก OAD OCB
∆ ≅∆
…………………………………………………………………………………..
∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧
DOA = BOC (ถาเสนตรงสองเสนตัดกัน แลว
……………………………………………………………………………….. จะได OAD = OCB และ ADO = CBO
…………………………………………………………………………………..
มุมตรงขามจะมีขนาดเทากัน)
……………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………..
OA = OC (กําหนดให)
……………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………..
ดังนั้น ∆ OAD ≅ ∆ OCB (ด.ม.ด.)
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
247

8. กําหนด PQ ขนานและยาวเทากับ RS, PR = 5 เซนติเมตร และ QSR = 50 ํ
P
Q

R
S
1) ใหพิสูจนวา ∆ PQR ≅ ∆ SRQ พรอมทั้งอธิบายเหตุผลประกอบ
PQ = SR (กําหนดให)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
PQR = SRQ (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
QR = RQ (QR เปนดานรวม)
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ∆ PQR ≅ ∆ SRQ (ด.ม.ด.)
...................................................................................................................................................................................................................................................

2) ใหหา QS และขนาดของ QPR
จาก PQR SRQ ∆ ≅ ∆
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
จะได QS และ RP เปนดานคูที่สมนัยกัน และ QPR และ RSQ เปนมุมคูที่สมนัยกัน
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
ดังนั้น QS = RP = 5 เซนติเมตร และ QPR = RSQ = 50 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
เฉลย ...................................................................................................................................................................................................................................................

9. กําหนดจุด P และจุด Q เปนจุด ๆ หนึ่งบน OB และ OA ตามลําดับ PC เปนรังสีที่


ตั้งฉากกับ OB ที่จุด P และ QC เปนรังสีที่ตั้งฉากกับ OA ที่จุด Q ซึ่ง PC และ QC ตัดกัน

ที่จุด C ใหพิสูจนวา OC แบงครึ่ง AOB
B
P
O C

Q
A
พิจารณา POC และ QOC ∆ ∆
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
จะไดวา CPO = CQO = 90 ํ (โดยการวัด)
...................................................................................................................................................................................................................................................
PO = QO (กําหนดให)
...................................................................................................................................................................................................................................................
OC = OC (OC เปนดานรวม)
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ∆ POC ≅ ∆ QOC (ฉ.ด.ด.)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧ ∧ ∧
จะได AOC = QOC = POC = BOC
...................................................................................................................................................................................................................................................

นั่นคือ OC แบงครึ่ง AOB
...................................................................................................................................................................................................................................................

248
Challenge Yourself
กําหนด □ ABCD เปนรูปสี่เหลี่ยมดานขนาน
A B

D C
ใหพิสูจนวา ∆ ABC ≅ ∆ CDA ดวยวิธีการที่แตกตางกัน มา 3 วิธี
แนวตอบ
...............................................................................................................................................................................................................................................................
วิธีที่ 1 จะพิสูจนวา ∆ ABC ≅ ∆ CDA โดยใชความสัมพันธของรูปสามเหลี่ยมสองรูปแบบ ดาน-ดาน-ดาน
...............................................................................................................................................................................................................................................................
เนื่องจาก AB = CD (ดานตรงขามของรูปสี่เหลี่ยมดานขนานมีความยาวเทากัน)
...............................................................................................................................................................................................................................................................
BC = DA (ดานตรงขามของรูปสี่เหลี่ยมดานขนานมีความยาวเทากัน)
...............................................................................................................................................................................................................................................................
CA = AC (CA เปนดานรวม)
............................................................................................................................................................................................................................................................... ฉบับ
ดังนั้น ∆ ABC ∆ CDA ≅ (ด.ด.ด.)
...............................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย
วิธีที่ 2 จะพิสูจนวา ∆ ABC ≅ ∆ CDA โดยใชความสัมพันธของรูปสามเหลี่ยมสองรูปแบบ มุม-ดาน-มุม
...............................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
เนื่องจาก BCA = DAC (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
...............................................................................................................................................................................................................................................................
CA = AC (CA เปนดานรวม)
...............................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
CAB = ACD (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
...............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ∆ ABC ≅ ∆ CDA (ม.ด.ม.)
...............................................................................................................................................................................................................................................................
วิธีที่ 3 จะพิสูจนวา ∆ ABC ≅ ∆ CDA โดยใชความสัมพันธของรูปสามเหลี่ยมสองรูปแบบ ดาน-มุม-ดาน
...............................................................................................................................................................................................................................................................
เนื่องจาก BC = DA (ดานตรงขามของรูปสี่เหลี่ยมดานขนานมีความยาวเทากัน)
...............................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
BCA = DAC (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
...............................................................................................................................................................................................................................................................
CA = AC (CA เปนดานรวม)
...............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ∆ ABC ≅ ∆ CDA (ด.ม.ด.)
...............................................................................................................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................................................................................................

249
ฉบับ
เฉลย

250
หนวยการเรียนรูที่ 6
เสนขนาน
ทุน ลูต ดั คลืน่ เปนอุปกรณทใี่ ชสาํ หรับแบงเลนของกีฬาวายนํา้
โดยจะแบงเลนไดทั้งหมด 8 เลน ซึ่งทุนลูตัดคลื่นที่แบงเลน
แตละเลนจะขนานกัน ถากรรมการประจําการแขงขันกีฬาวายนํา้
รายการหนึ่ ง ต อ งการตรวจสอบว า ทุ  น ลู  ตั ด คลื่ น ขนานกั น
หรือไม เขาจะสามารถตรวจสอบไดอยางไร

ฉบับ
เฉลย

ตัวชี้วัด
• นําความรูเกี่ยวกับสมบัติของเสนขนานและรูปสามเหลี่ยมไปใช
ในการแกปญหาคณิตศาสตร (ค 2.2 ม.2/2)
สาระการเรียนรูแกนกลาง
• สมบัติเกี่ยวกับเสนขนานและรูปสามเหลี่ยม

251
6.1 เสนขนาน
Investigation
ใหนักเรียนจับคูกับเพื่อน แลวทํากิจกรรมพรอมทั้งตอบคําถามตอไปนี้
1. เขาเว็บไซต http://www.shinglee.com.sg/StudentResources/
แลวคลิก NSM1/ Chapter 10 Parallel Lines
2. เปดไฟล Chapter 10 Parallel Lines

ฉบับ
เฉลย


3. จากโปรแกรม GSP จะเห็นวา ∧a และ b เปนมุมภายนอกและมุมภายในที่ไมใชมุมประชิดที่
อยูบ นดานเดียวกันของเสนตัด ซึง่ เปนมุมคูท สี่ มนัยกัน ใหนกั เรียนสังเกตความสัมพันธระหวาง
∧ ∧
a และ b เมื่อเลื่อนจุด R หรือจุด S
∧ ∧
a=b
...................................................................................................................................................................................................................................................

4. จากโปรแกรม GSP จะเห็นวา ∧a และ ∧c เปนมุมแยง ใหนักเรียนสังเกตความสัมพันธระหวาง



a และ ∧c เมื่อเลื่อนจุด R หรือจุด S
∧ ∧
a=c
...................................................................................................................................................................................................................................................

5. จากโปรแกรม GSP จะเห็นวา ∧a และ d เปนมุมภายในที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัด

ใหนักเรียนสังเกตความสัมพันธระหวาง ∧a และ d เมื่อเลื่อนจุด R หรือจุด S

Hint พิจารณาผลรวมของ ∧a และ d
∧ ∧
a + d = 180 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................

252
6. ใหนักเรียนเติมขอความลงในชองวางใหถูกตอง

1) ∧a = ………..
b (มุมภายนอกและมุมภายในที่ไมใชมุมประชิดที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัด
มีขนาดเทากัน)

2) ∧a = ………..
c (มุมแยงมีขนาดเทากัน)

3) ∧a + d = ………..
180 ํ (มุมภายในที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัดมีขนาดรวมกันเทากับ 180 ํ)
7. เปดหนา 2 ของไฟล Chapter 10 Parallel Lines โดยคลิกที่แถบบริเวณมุมซายลาง

ฉบับ
เฉลย

8. จากโปรแกรม GSP จะเห็นวา ∧a และ b เปนมุมภายนอกและมุมภายในที่ไมใชมุมประชิด
ที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัด ซึ่งเปนมุมคูที่สมนัยกัน ใหนักเรียนคลิกจุด S แลวเลื่อนขึ้น

ไปหาจุด R จะเห็นวา ∧a เลื่อนเขาไปหา b โดยที่เสนประยังคงขนานกับเสนตรงทั้งสองและ
ขนาดของ ∧a เทาเดิมเสมอ นักเรียนคิดวา ขนาดของ ∧a ที่เกิดจากการเลื่อนจุด S ไปหาจุด R

เทากับขนาดของ b หรือไม เพราะเหตุใด
เนื ่องจากขนาดของ ∧a ที่เกิดจากการเลื่อนจุด S ไปหาจุด R เทากับขนาดของ ∧a เดิม และขนาดของ
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧ ∧
เดิม เทากับขนาดของ b ดังนัน้ ขนาดของ ∧a ทีเ่ กิดจากการเลือ่ นจุด S ไปหาจุด R เทากับขนาดของ b
a...................................................................................................................................................................................................................................................
9. จากหนา 1 ของไฟล Chapter 10 Parallel Lines เราทราบวา ∧a และ ∧c เปนมุมแยง
ใหพิสูจนวา ∧a = ∧c
Hint ใชความรูเรื่องมุมภายนอกและมุมภายในที่ไมใชมุมประชิดที่อยูบนดานเดียวกันของ
เสนตัดและมุมตรงขาม
∧ ∧
a = b (มุมภายนอกและมุมภายในที่ไมใชมุมประชิดที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัดมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
b = c (มุมตรงขามมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
ดังนั้น a = c
...................................................................................................................................................................................................................................................

253

10. จากหนา 1 ของไฟล Chapter 10 Parallel Lines เรารูวา ∧a และ d เปนมุมภายในที่อยูบน

ดานเดียวกันของเสนตัด ใหพิสูจนวา ∧a + d = 180 ํ
Hint ใชความรูเรื่อง มุมภายนอกและมุมภายในที่ไมใชมุมประชิดที่อยูบนดานเดียวกันของ
เสนตัดและมุมประชิด
วิ...................................................................................................................................................................................................................................................
ธีที่ 1 วิธีที่ 2
∧ ∧ ∧ ∧
a=b (มุมภายนอกและมุมภายในที่ไมใช c=a (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................

มุมประชิดทีอ่ ยูบ นดานเดียวกันของ ∧c + d = 180 ํ (มุมตรงมีขนาดเทากับ 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................
เสนตัดมีขนาดเทากัน) ดังนั้น ∧a + ∧d = ∧c + ∧d = 180 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
b...................................................................................................................................................................................................................................................
+ d = 180 ํ (มุมตรงมีขนาดเทากับ 180 ํ)
งนั้น ∧a + ∧d = ∧b + ∧d = 180 ํ
ดั...................................................................................................................................................................................................................................................

จาก Investigation สรุปไดวา JUST FOR FUN

กําหนด PQ ตัด AB และ CD ดังรูป นักเรียนสามารถแสดงลักษณะของมุม


ทั้ง 3 แบบ โดยใชตัวอักษร F, Z และ
ฉบับ C ได ดังนี้
เฉลย A
P
B • ตั ว อั ก ษร F แสดงลั ก ษณะของ
b
c d มุมภายนอกและมุมภายในที่ไมใช
a มุ ม ประชิ ด ที่ อ ยู  บ นด า นเดี ย วกั น
C Q D ของเสนตัด

ถา AB // CD แลว • ตั ว อั ก ษร Z แสดงลั ก ษณะของ


• มุมภายนอกและมุมภายในที่ไมใชมุมประชิดที่อยูบน มุมแยง

ดานเดียวกันของเสนตัดมีขนาดเทากัน เชน ∧a = b
∧ ∧
• มุมแยงมีขนาดเทากัน เชน a = c
• มุ ม ภายในที่ อ ยู  บ นด า นเดี ย วกั น ของเส น ตั ด มี ข นาด
∧ • ตั ว อั ก ษร C แสดงลั ก ษณะของ
รวมกันเทากับ 180 ํ เชน ∧a + d = 180 ํ มุ ม ภายในที่ อ ยู  บ นด า นเดี ย วกั น
และเราสามารถเขียนบทกลับของขอสรุปดังกลาวไดวา ของเสนตัด
∧ ∧
• ถา a = b แลว AB // CD
∧ ∧
• ถา a = c แลว AB // CD
∧ ∧ มี ตั ว อั ก ษรใดอี ก บ า งที่ ส ามารถใช
• ถา a + d = 180 ํ แลว AB // CD
แสดงลักษณะของมุมทั้ง 3 แบบ

254
Similar Questions
Practice Now Exercise 6A ขอ 1
กําหนด AB // CD
P R
A f e b a B
g h c d
C j i n m D
k  o p
Q S

1) ใหหามุมภายนอกและมุมภายในที่ไมใชมุมประชิดที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัดมา 1 คู
∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧
a กับ m, b กับ n, c กับ o, d กับ p, e กับ i, f กับ j, g กับ k และ h กับ 
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

2) ใหหามุมแยงมา 1 คู
∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧
c กับ m, d กับ n, g กับ i และ h กับ j
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
3) ใหหามุมภายในที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัดมา 1 คู เฉลย
∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧
c กับ n, d กับ m, g กับ j กับ h กับ i
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

4) ใหพิจารณาวา ∧c = ∧g หรือไม อยางไร


∧ ∧
c g เพราะวา PQ ไมขนานกับ RS ทําใหมุมภายนอกและมุมภายในที่ไมใชมุมประชิดที่อยู
...................................................................................................................................................................................................................................................
บนดานเดียวกันของเสนตัดมีขนาดไมเทากัน
...................................................................................................................................................................................................................................................

Worked Example 1
กําหนด AB // CD ใหหาคาของ a, b, c และ d
P R
A 48 ํ 61 ํ B
b
C a c D
d
Q S

255
วิธีทํา
a = 48 ํ (มุมภายนอกและมุมภายในทีไ่ มใชมมุ ประชิดทีอ่ ยูบ นดานเดียวกันของเสนตัด
มีขนาดเทากัน)
b = 61 ํ (มุมตรงขามมีขนาดเทากัน)
c+b = 180 ํ (มุมภายในที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัดมีขนาดรวมกันเทากับ 180 ํ)
c + 61 ํ = 180 ํ
c = 180 ํ - 61 ํ
= 119 ํ
d = b (มุมภายนอกและมุมภายในทีไ่ มใชมมุ ประชิดทีอ่ ยูบ นดานเดียวกันของเสนตัด
มีขนาดเทากัน)
= 61 ํ
ดังนั้น คาของ a, b, c และ d คือ 48 ํ, 61 ํ, 119 ํ และ 61 ํ ตามลําดับ

Similar Questions
ฉบับ
Practice Now Exercise 6A ขอ 2(1), 3, 4(1), 5(1)
เฉลย
กําหนด AB // CD ใหหาคาของ a, b, c และ d
P R
A a b B
c

C 54 ํ 106 ํ D
d
Q A

a = 54 ํ (มุมภายนอกและมุมภายในที่ไมใชมุมประชิดที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัดมีขนาดเทากัน)
..............................................................................................................................................................................................................................................................
c + 106 ํ = 180 ํ (มุมภายในที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัดมีขนาดรวมกันเทากับ 180 ํ)
..............................................................................................................................................................................................................................................................
c = 180 ํ - 106 ํ
..............................................................................................................................................................................................................................................................
= 74 ํ
..............................................................................................................................................................................................................................................................
b = c = 74 ํ(มุมตรงขามมีขนาดเทากัน)
..............................................................................................................................................................................................................................................................
d = c = 74 ํ(มุมภายนอกและมุมภายในที่ไมใชมุมประชิดที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัดมีขนาดเทากัน)
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น คาของ a, b, c และ d คือ 54 ํ, 74 ํ, 74 ํ และ 74 ํ ตามลําดับ
..............................................................................................................................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................................................................................................

256
Worked Example 2
กําหนด BA // EF ใหหาคาของ a

C E
A 96 ํ 52 ํ
a
40 ํ D
F
B
วิธีทํา
ที่จุด C และจุด D สราง QP // BA // SR // EF ได ดังนี้
E w = 40 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
A C P R 52 ํ x = 96 ํ - 40 ํ = 56 ํ
wx
yz y = x = 56 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
D
40 ํ Q S F z = 52 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน) ฉบับ
B a = y + z = 56 ํ + 52 ํ = 108 ํ เฉลย
ดังนั้น คาของ a คือ 108 ํ

Similar Questions
Practice Now Exercise 6A ขอ 2(2), 4(2), 5(2)
กําหนด AB // ED ใหหาคาของ a
A X B ที.........................................................................................................................
่จุด C สราง PQ // AB // ED จะไดวา

44 ํ XCQ = 44 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
.........................................................................................................................

ECQ = 20 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
.........................................................................................................................
P C 2a Q 2a = XCQ + ECQ
∧ ∧
.........................................................................................................................
D 20 ํ
E 2a = 44 ํ + 20 ํ
.........................................................................................................................
= 64 ํ
.........................................................................................................................
a = 32 ํ
.........................................................................................................................
ดั.........................................................................................................................
งนั้น คาของ a คือ 32 ํ
.........................................................................................................................

257
Worked Example 3
กําหนด BC // EF ใหหาคาของ a และ b
C
23 ํ
F

A a 3b E
B D 229 ํ

วิธีทํา
ที่จุด D สราง PQ // BC // EF ได ดังนี้
C
F
23 ํ Q

ฉบับ y
เฉลย A a z x
B D E
P
จากรูป จะได x + 229 ํ = 360 ํ (มุมรอบจุดศูนยกลางวงกลมมีขนาดเทากับ 360 ํ)
x = 131 ํ
a = x = 131 ํ (มุมภายนอกและมุมภายในที่ไมใชมุมประชิด
ที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัดมีขนาดเทากัน)
y = 23 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
z + x = 180 ํ (มุมภายในที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัดมีขนาด
รวมกันเทากับ 180 ํ)
z + 131 ํ = 180 ํ
z = 49 ํ
3b = y + z
= 23 ํ + 49 ํ
= 72 ํ
b = 24 ํ
ดังนั้น คาของ a และ b คือ 131 ํ และ 24 ํ ตามลําดับ
258
Similar Questions
Practice Now Exercise 6A ขอ 2(3)-(4), 6-9, 11
กําหนด BC // EF ใหหาคาของ a และ b
C
Q F
19 ํ

A 5a 2b E
B D 245 ํ
P

ที่จุด D สราง PQ // BC // EF CDQ = 19 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
..............................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧ ∧
DEF + 245 ํ = 360 ํ (มุมรอบจุดศูนยกลางวงกลม EDQ + DEF = 180 ํ (มุมภายในทีอ่ ยูบ นดานเดียวกันของ
..............................................................................................................................................................................................................................................................
มีขนาดเทากับ 360 )ํ เสนตัดมีขนาดรวมกันเทากับ 180 )ํ
..............................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
DEF = 115 ํ EDQ + 115 ํ = 180 ํ
..............................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
5a = DEF = 115 ํ (มุมภายนอกและมุมภายใน EDQ = 65 ํ
..............................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
ที่ไมใชมุมประชิดที่อยูบน 2b = CDQ + EDQ
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
ดานเดียวกันของเสนตัด = 19 ํ + 65 ํ
.............................................................................................................................................................................................................................................................. เฉลย
มีขนาดเทากัน) = 84 ํ
..............................................................................................................................................................................................................................................................
a = 23 ํ b = 42 ํ
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น คาของ a และ b คือ 23 ํ และ 42 ํ ตามลําดับ
..............................................................................................................................................................................................................................................................

Worked Example 4
∧ ∧
กําหนด PQ และ RS เปนเสนตรงที่ตัด AB และ CD ถา AWQ = DYP = 55 ํ และ
∧ ∧
AXS = 138 ํ ใหหาขนาดของ CZR
P R
A W X B
55 ํ 138 ํ
C 55 ํ D
Q Y Z S
วิธีทํา
∧ ∧
เนื่องจาก AWQ = DYP = 55 ํ
จะได AB // CD (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
∧ ∧
ดังนั้น CZR = 180 ํ - AXS = 180 ํ - 138 ํ = 42 ํ
259
Similar Questions
Practice Now Exercise 6A ขอ 10
∧ ∧
กําหนด PQ และ RS เปนเสนตรงที่ตัด AB และ CD ถา BWQ = DYQ = 122 ํ และ
∧ ∧
CZR = 65 ํ ใหหาขนาดของ BXS
∧ ∧
R เนื่องจาก BWQ = DYQ = 122 ํ
.........................................................................................................................
P
A W X B จะได AB // CD (มุมภายนอกและมุมภายในที่ไมใช
.........................................................................................................................
122 ํ
มุมประชิดที่อยูบนดานเดียวกันของ
.........................................................................................................................
C 65 ํ D เสนตัดมีขนาดเทากัน)
Y 122 ํ Z .........................................................................................................................
∧ ∧
Q S ดังนั้น B S = CZR = 65 ํ
X
.........................................................................................................................

Exercise 6A
Basic Level
1. กําหนด AB // CD
ฉบับ
เฉลย P R
A W X B

C D
Y Z
Q S

1) ใหหามุมภายนอกและมุมภายในที่ไมใชมุมประชิดที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัดมา 2 คู
∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧
B R กับ DZR, A R กับ CZR, A S กับ CZS, B S กับ DZS, BWP กับ DYP, AWP กับ CYP,
X X X X
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧ ∧ ∧
AWQ กับ CYQ และ BWQ กับ DYQ
...................................................................................................................................................................................................................................................

2) ใหหามุมแยงมา 2 คู
∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧
A S กับ DZR, B S กับ CZR, AWQ กับ DYP และ BWQ กับ CYP
X X
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

3) ใหหามุมภายในที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัดมา 2 คู
∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧ ∧
A S กับ CZR, B S กับ DZR, AWQ กับ CYP และ BWQ กับ DYP
X X
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

260
∧ ∧
4) ให∧พิจารณาว

า BWQ = AXR หรือไม อยางไร
BWQ A R เพราะวา PQ ไมขนานกับ RS ทําใหมุมแยงมีขนาดไมเทากัน
X
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
5) ใหพิจารณาวา DYP + CZR = 180 ํ หรือไม อยางไร
∧ ∧
DYP + CZR 180 ํ เพราะวา PQ ไมขนานกับ RS ทําใหมุมภายในที่อยูบนดานเดียวกันของ
...................................................................................................................................................................................................................................................
เสนตัดมีขนาดรวมกันแลวไมเทากับ 180 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................

2. กําหนด AB // CD ใหหาคาของ a, b, c, d, e, f, g และ h


1) a = 117 ํ (มุมตรงขามมีขนาดเทากัน)
....................................................................................................................................................
P R b = 78 ํ (มุมภายนอกและมุมภายในที่ไมใช
117 ํ ....................................................................................................................................................
A 78 ํ B
a มุมประชิดที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัด
....................................................................................................................................................
C b D มีขนาดเทากัน)
....................................................................................................................................................
Q S
ดังนั้น คาของ a และ b คือ 117 ํ และ 78 ํ ตามลําดับ
....................................................................................................................................................

2) c = 31 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
.................................................................................................................................................... ฉบับ
A E B ∧
d c d = ECD (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
.................................................................................................................................................... เฉลย
= 35 ํ + 31 ํ
....................................................................................................................................................
35 ํ
C 31 ํ D = 66 ํ
....................................................................................................................................................
ดังนั้น คาของ c และ d คือ 31 ํ และ 66 ํ ตามลําดับ
....................................................................................................................................................

3) B e = 83 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
....................................................................................................................................................
F e f = 69 ํ (มุมภายนอกและมุมภายในทีไ่ มใชมมุ ประชิด
....................................................................................................................................................
83 ํ D ที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัดมีขนาด
....................................................................................................................................................
เทากัน)
....................................................................................................................................................
69 ํ f E
A C ดังนั้น คาของ e และ f คือ 83 ํ และ 69 ํ ตามลําดับ
....................................................................................................................................................

4) h = 60 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
....................................................................................................................................................
A B g + 75 ํ + 60 ํ = 180 ํ (ขนาดของมุมภายในทั้งสามของ
75 ํ 60 ํ ....................................................................................................................................................
รูปสามเหลี่ยมรวมกันได 180 ํ)
....................................................................................................................................................

C g h D g = 45 ํ
....................................................................................................................................................
E
ดังนั้น คาของ g และ h คือ 45 ํ และ 60 ํ ตามลําดับ
....................................................................................................................................................

261
3. กําหนด AB // CD ใหหาคาของ a, b และ c
1) a = 38 ํ (มุมภายนอกและมุมภายในที่ไมใชมุมประชิด
....................................................................................................................................................
A a B ทีอ่ ยูบ นดานเดียวกันของเสนตัดมีขนาดเทากัน)
....................................................................................................................................................
30 ํ a + 30 ํ = 2b (มุมภายนอกและมุมภายในที่ไมใชมุมประชิด
....................................................................................................................................................
C 2b 38 ํ D ทีอ่ ยูบ นดานเดียวกันของเสนตัดมีขนาดเทากัน)
....................................................................................................................................................
38 ํ + 30 ํ = 2b
....................................................................................................................................................
E F
2b = 68 ํ
....................................................................................................................................................
b = 34 ํ
....................................................................................................................................................
ดังนั้น คาของ a และ b คือ 38 ํ และ 34 ํ ตามลําดับ
....................................................................................................................................................

2) 7c + 3c = 180 ํ (มุมภายในที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัด
....................................................................................................................................................
P
มีขนาดรวมกันเทากับ 180 ํ)
....................................................................................................................................................
A 7c B 10c = 180 ํ
....................................................................................................................................................
c = 18 ํ
....................................................................................................................................................
ฉบับ C 3c D ดังนั้น คาของ c คือ 18 ํ
....................................................................................................................................................
เฉลย
....................................................................................................................................................
Q ....................................................................................................................................................

....................................................................................................................................................

Intermediate Level
4. กําหนด AB // CD ใหหาคาของ a และ b
1) A B 2) A B
142 ํ 69 ํ
P Ea Q P bE Q
114 ํ
C D C 37 ํ D
∧ ∧
AEQ + 142 ํ = 180 ํ
……………………………………………………………………………….. AEP = 69 ํ
………………………………………………………………………………..
∧ ∧
AEQ = 38 ํ
……………………………………………………………………………….. CEP = 37 ํ
………………………………………………………………………………..
∧ ∧ ∧
CEQ + 114 ํ = 180 ํ
……………………………………………………………………………….. b = AEP + CEP
………………………………………………………………………………..

CEQ = 66 ํ
……………………………………………………………………………….. = 69 ํ + 37 ํ
………………………………………………………………………………..
∧ ∧
a = AEQ + CEQ = 38 ํ + 66 ํ = 104 ํ
……………………………………………………………………………….. = 106 ํ
………………………………………………………………………………..
ดังนั้น คาของ a คือ 104 ํ
……………………………………………………………………………….. ดังนั้น คาของ b คือ 106 ํ
………………………………………………………………………………..
262
5. กําหนด AB // CD ใหหาคาของ a และ b
1) P
A X B
4a - 10 ํ

C Y D
2a - 2 ํ
Q

CYP = 2a - 2 ํ (มุมตรงขามมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................

CYP + (4a - 10 ํ) = 180 ํ (มุมภายในที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัดมีขนาดรวมกันเทากับ 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................
(2a - 2 ํ) + (4a - 10 ํ) = 180 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
6a - 12 ํ = 180 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
6a = 192 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
a = 32 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น คาของ a คือ 32 ํ ฉบับ
...................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย
2) A 28 ํ B

P 94 ํ E Q

R b F S
C 19 ํ D


AEP = 28 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน) เนือ่ งจากมุมรอบจุดศูนยกลางวงกลมมีขนาด
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
FEP = 94 ํ - AEP เทากับ 360 ํ จะได
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
= 94 ํ - 28 ํ b + EFS + DFS = 360 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
= 66 ํ b = 360 ํ - EFS - DFS
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
EFS = FEP = 66 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน) = 360 ํ - 66 ํ - 19 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................

DFS = 19 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน) = 275 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น คาของ b คือ 275 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................

263
∧ ∧
6. กําหนด AB // CE // FG, ADH = 47 ํ และ DFG = 86 ํ
B
E G
A
H 47 ํ
86 ํ
D F
C

ใหหาขนาดของ BAD
∧ ∧ ∧
CDF = 86 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน) BAD + EDA = 180 ํ (มุมภายในที่อยูบน
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
HDE = CDF = 86 ํ (มุมตรงขามมีขนาดเทากัน) ดานเดียวกันของเสนตัด
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
EDA = HDE - 47 ํ มีขนาดรวมกันเทากับ 180 )ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................

= 86 ํ - 47 ํ BAD + 39 ํ = 180 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................

= 39 ํ BAD = 141 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................

ดังนั้น ขนาดของ BAD คือ 141 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ ∧ ∧ ∧
เฉลย 7. กําหนด AC // EG, FD // GC, ABD = 46 ํ, DFE = 52 ํ และ FCG = 72 ํ
A 46 ํ B C
P 72 ํ Q
D

E 52 ํ G
F

1) ใหหาขนาดของ BCF

CGF = 52 ํ (มุมภายนอกและมุมภายในที่ไมใชมุมประชิดที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัด
...................................................................................................................................................................................................................................................
มีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
BCG + CGF = 180 ํ (มุมภายในที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัดมีขนาดรวมกันเทากับ 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................

BCG + 52 ํ = 180 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................

BCG = 128 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
BCF = BCG - 72 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 128 ํ - 72 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 56 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................

ดังนั้น ขนาดของ BCF คือ 56 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................

264

2) ให∧หาขนาดของมุมกลับของ BDF
BDQ = 46 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................

FDQ = 52 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧ ∧
มุมกลับของ BDF + BDQ + FDQ = 360 ํ (มุมรอบจุดศูนยกลางวงกลมมีขนาดเทากับ 360 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................

มุมกลับของ BDF + 46 ํ + 52 ํ = 360 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................

มุมกลับของ BDF = 262 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................

ดังนั้น ขนาดของมุมกลับของ BDF คือ 262 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

8. กําหนด AB // CE และ DF // AC
B E

D 58 ํ F ฉบับ
เฉลย
A C
7y 4x

ใหหาคาของ x และ y
∧ ∧ ∧
FDC + 58 ํ = 180 ํ (มุมตรงมีขนาดเทากับ 180 ํ) BAC + DCA = 180 ํ (มุมภายในที่อยูบน
...................................................................................................................................................................................................................................................

FDC = 122 ํ ดานเดียวกันของเสนตัด
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
DCA = FDC (มุมแยงมีขนาดเทากัน) มีขนาดรวมกันเทากับ 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................

= 122 ํ BAC + 122 ํ = 180 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
DCA + 4 = 360 ํ x (มุมรอบจุดศูนยกลางวงกลม BAC = 58 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................

มีขนาดเทากับ 360 ํ) BAC + 7y = 360 ํ (มุมรอบจุดศูนยกลางวงกลม
...................................................................................................................................................................................................................................................
122 ํ + 4 = 360 ํ x มีขนาดเทากับ 360 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................
4x = 238 ํ 58 ํ + 7y = 360 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
x = 59.5 ํ 7y = 302 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
y ≈ 43.1 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น คาของ x คือ 59.5 ํ และคาของ y ประมาณ 43.1 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................

265
9. กําหนด BC // EF ใหหาคาของ x และ y
C
32 ํ Q F
A x
B D
P 5y 147 ํ
E

ที่จุด D สราง PQ // BC // EF
...................................................................................................................................................................................................................................................
x = 147 ํ (มุมภายนอกและมุมภายในทีไ่ มใชมมุ ประชิดทีอ่ ยูบ นดานเดียวกันของเสนตัด
...................................................................................................................................................................................................................................................
มีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................

CDQ = 32 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................

QDE + 147 ํ = 180 ํ (มุมภายในที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัดมีขนาดรวมกันเทากับ 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................

QDE = 33 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
5y + CDQ + QDE = 360 ํ (มุมรอบจุดศูนยกลางวงกลมมีขนาดเทากับ 360 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................

ฉบับ 5y + 32 ํ + 33 ํ = 360 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย 5y = 295 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
y = 59 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น คาของ x และ y คือ 147 ํ และ 59 ํ ตามลําดับ
...................................................................................................................................................................................................................................................


10. กําหนด AB และ CD เปนเสนตรงที่มี PQ และ RS เปนเสนตัด ใหหาขนาดของ BWP

เมื่อ DYP = 46 ํ, A∧XS = 104 ํ และ CZR

= 76 ํ
P R
A W X B
104 ํ
C Y 46 ํ 76 ํ D
Z
Q
S
∧ ∧
เนื่องจาก A S + CZR = 104 ํ + 76 ํ = 180 ํ
X
...................................................................................................................................................................................................................................................
จะได AB // CD (มุมภายในที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัดมีขนาดรวมกันเทากับ 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
ดังนั้น BWP = DYP = 46 ํ (มุมภายนอกและมุมภายในทีไ่ มใชมมุ ประชิดทีอ่ ยูบ นดานเดียวกันของเสนตัดมีขนาด
...................................................................................................................................................................................................................................................
เทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................

266
Advanced Level
∧ ∧ ∧ ∧
11. กําหนด AB // EG, BAC = w, ACD = x, CDF = y และ DFE =z
A B
w

P C x Q

R y D S

E z
F G

ใหเขียนสมการแสดงความสั

มพันธระหวาง w, x, y และ z
QCA + w = 180 ํ (มุมภายในที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัด
...................................................................................................................................................................................................................................................
มีขนาดรวมกันเทากับ 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................

QCA = 180 ํ - w
................................................................................................................................................................................................................................................... ฉบับ

QCD = - QCA x

...................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย
= x - (180 ํ - w)
...................................................................................................................................................................................................................................................
= x - 180 ํ + w
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
CDR = QCD (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
= x - 180 ํ + w
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
RDF = y - CDR
...................................................................................................................................................................................................................................................
= y - (x - 180 ํ + w)
...................................................................................................................................................................................................................................................
= y - x + 180 ํ - w
...................................................................................................................................................................................................................................................

RDF + z = 180 ํ (มุมภายในที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัด
...................................................................................................................................................................................................................................................
มีขนาดรวมกันเทากับ 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................
x
y - + 180 ํ - w + z = 180 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
w+x = y+z
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น สมการแสดงความสัมพันธระหวาง w, x, y และ z คือ w + x = y + z
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

267
6.2 เสนขนานและรูปสามเหลี่ยม
ในระดับชั้นประถมศึกษา นักเรียนไดศึกษาเกี่ยวกับสมบัติของรูปสามเหลี่ยมใด ๆ มาแลววา
สมบัติ ขนาดของมุมภายในทั้งสามของรูปสามเหลี่ยมใด ๆ รวมกันได 180 ํ

จากสมบัติดังกลาว เราสามารถพิสูจนโดยใชสมบัติของเสนขนานได ดังนี้


พิจารณา ∆ ABC ตอไปนี้
P C Q

A B

ฉบับ ที่จุด C สราง PQ // AB จะได


เฉลย ∧ ∧
BAC = ACP (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
∧ ∧
ABC = BCQ (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
∧ ∧ ∧
เนื่องจาก ACP + ACB + BCQ = 180 ํ (มุมตรงมีขนาดเทากับ 180 ํ)
∧ ∧ ∧
ดังนั้น BAC + ACB + ABC = 180 ํ
Worked Example 5
หาคาของ a จากรูปที่กําหนดให
C
80 ํ

a 65 ํ
A B
วิธีทํา
a + 65 ํ + 80 ํ = 180 ํ (ขนาดของมุมภายในทั้งสามของรูปสามเหลี่ยมรวมกันได 180 ํ)
a = 180 ํ - 65 ํ - 80 ํ
= 35 ํ
ดังนั้น คาของ a คือ 35 ํ

268
Similar Questions
Practice Now Exercise 6A ขอ 1, 3, 7(1), 8, 10-11
หาคาของ a จากรูปที่กําหนดให
90 ํ + 65 ํ + a = 180 ํ (ขนาดของมุมภายในทัง้ สามของ
....................................................................................................................................................

65 ํ รูปสามเหลี่ยมรวมกันได 180 ํ)
....................................................................................................................................................
a = 180 ํ - 90 ํ - 65 ํ
....................................................................................................................................................
a = 25 ํ
....................................................................................................................................................
ดั....................................................................................................................................................
งนั้น คาของ a คือ 25 ํ

1. สมบัติพื้นฐานของรูปสามเหลี่ยม

Investigation
ใหนักเรียนจับคูกับเพื่อน แลวทํากิจกรรมพรอมทั้งตอบคําถามตอไปนี้
1. เขาเว็บไซต http://shinglee.com.sg/StudentResources/ ฉบับ
แลวคลิก NSM1/ Chapter 11 Basic Properties of Triangle เฉลย
2. เปดไฟล Chapter 11 Basic Properties of Triangle

3. จากโปรแกรม GSP จะเห็นวา ∆ ABC ประกอบไปดวยมุมภายในจํานวนสามมุม และดานทีอ่ ยู


ตรงขามมุมภายในทั้งสามมุมนั้น เชน ดาน a เปนดานที่อยูตรงขาม ∧A ใหเขียนชื่อดานที่อยู
ตรงขาม ∧B และ C∧

ดานที่อยูตรงขาม B คือ ดาน b
...................................................................................................................................................................................................................................................

ดานที่อยูตรงขาม C คือ ดาน c
...................................................................................................................................................................................................................................................

269
4. ใหเขียนชื่อมุมภายในที่มีขนาดใหญที่สุดและเล็กที่สุดของ ∆ ABC จากนั้นเปรียบเทียบ
ความยาวของดานที่อยูตรงขามกับมุมภายในแตละมุม แลวบอกขอสรุปที่ได
มภายในทีม่ ขี นาดใหญทสี่ ดุ และเล็กทีส่ ดุ ของ ∆ ABC คือ C∧ และ ∧B ตามลําดับ และจากการเปรียบเทียบ
มุ...................................................................................................................................................................................................................................................
ความยาวของด านที่อยูตรงขามกับมุมภายในแตละมุม จะพบวา ดานที่อยูตรงขามมุมภายในที่มี
...................................................................................................................................................................................................................................................
ขนาดใหญ ที่สุดจะยาวที่สุด และดานที่อยูตรงขามมุมภายในที่มีขนาดเล็กที่สุดจะสั้นที่สุด
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

5. ใหนักเรียนสังเกตความสัมพันธระหวางมุมภายในของ ∆ ABC และดานที่อยูตรงขามมุม


เมื่อเปลี่ยนขนาดของ ∆ ABC โดยการเลื่อนจุด A หรือจุด B หรือจุด C
เมื ่อเปรียบเทียบขนาดของมุมภายในของ ∆ ABC สองมุม จะพบวา มุมที่มีขนาดใหญกวา จะมีดาน
...................................................................................................................................................................................................................................................
ที...................................................................................................................................................................................................................................................
่อยูตรงขามมุมยาวกวา ซึ่งสามารถสรุปไดวา ดานที่สั้นที่สุดของรูปสามเหลี่ยมจะเปนดานที่อยูตรงขาม
มุ...................................................................................................................................................................................................................................................
มภายในที่มีขนาดเล็กที่สุด ในทํานองเดียวกัน ดานที่ยาวที่สุดของรูปสามเหลี่ยมจะเปนดานที่อยู
ตรงข ามมุมภายในที่มีขนาดใหญที่สุด
...................................................................................................................................................................................................................................................

ฉบับ ...................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย
6. ใหนักเรียนสังเกตความสัมพันธระหวางความยาวของดานที่ยาวที่สุดกับผลบวกของความยาว
ของดานสองดานที่เหลือของ ∆ ABC
ความยาวของด านที่ยาวที่สุดของ ∆ ABC จะสั้นกวาผลบวกของความยาวของดานสองดานที่เหลือ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ของ ∆ ABC
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

7. ใหนักเรียนทํากิจกรรมตามขอ 5. จากนั้นลองสังเกตความสัมพันธระหวางความยาวของ
ดานที่ยาวที่สุดกับผลบวกของความยาวของดานสองดานที่เหลือของ ∆ ABC วาเหมือนกับ
ขอ 6. หรือไม อยางไร
ความสั มพันธที่ไดยังเหมือนกับขอ 6. กลาวคือ ความยาวของดานที่ยาวที่สุดของ ∆ ABC จะสั้นกวา
...................................................................................................................................................................................................................................................
ผลบวกของความยาวของด านสองดานที่เหลือของ ∆ ABC เสมอ ไมวาจะเลื่อนจุด A หรือจุด B หรือ
...................................................................................................................................................................................................................................................
จุ...................................................................................................................................................................................................................................................
ด C ไปตําแหนงใดก็ตาม
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

270
8. เปดหนา 2 ของไฟล Chapter 11 Basic Properties of Triangle โดยคลิกที่แถบบริเวณ
มุมซายลาง

9. จากโปรแกรม GSP จะเห็นวา a, b และ c เปนสวนของเสนตรงที่ยาว 5, 2 และ 9 เซนติเมตร


ตามลําดับ ซึ่งความยาวของสวนของเสนตรงที่ยาวที่สุดมีคามากกวาผลบวกของความยาว
ของสวนของเสนตรงสองเสนที่เหลือ อยากทราบวาจะสามารถสรางรูปสามเหลี่ยมจาก
สวนของเสนตรงทั้งสามเสนนี้ โดยการเลื่อนเพียงจุด C ไดหรือไม
ไม สามารถสรางรูปสามเหลี่ยมจากความยาวของสวนของเสนตรงที่กําหนดให ไดโดยการเลื่อนเพียง เฉลย ฉบับ
...................................................................................................................................................................................................................................................
จุ...................................................................................................................................................................................................................................................
ดC
10. ถาปรับความยาวของ a และ b เปน 3 และ 4 เซนติเมตร ตามลําดับ จากนั้นปรับความยาว
ของ c เปน 7 เซนติเมตร โดยการเลื่อนจุด A หรือจุด B สังเกตความสัมพันธ a + b กับ c
จากนั้นพิจารณาวา สามารถสรางรูปสามเหลี่ยมจากการปรับความยาวของ a, b และ c
ไดหรือไม
ความสั มพันธระหวาง a + b กับ c คือ a + b = c และเราไมสามารถสรางรูปสามเหลี่ยมจากการปรับ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ความยาวของ a, b และ c ดังกลาวได
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

11. ใหนักเรียนปรับความยาวสวนของเสนตรงทั้งสามเสนจนสามารถสรางเปนรูปสามเหลี่ยมได
จากนั้นใหนักเรียนสรุปความสัมพันธระหวางความยาวของสวนของเสนตรงที่ยาวที่สุดกับ
ผลบวกของความยาวของสวนของเสนตรงสองเสนที่เหลือที่ใชในการสรางรูปสามเหลี่ยม
ความยาวของส วนของเสนตรงที่ยาวที่สุดจะสั้นกวาผลบวกของความยาวของสวนของเสนตรงสองเสน
...................................................................................................................................................................................................................................................
ที...................................................................................................................................................................................................................................................
่เหลือเสมอ
...................................................................................................................................................................................................................................................

271
จาก Investigation สรุปไดวา
• มุมภายในของรูปสามเหลี่ยมที่มีขนาดใหญที่สุดจะเปนมุมที่อยูตรงขามกับดานที่ยาวที่สุด
และมุมภายในของรูปสามเหลีย่ มทีม่ ขี นาดเล็กทีส่ ดุ จะเปนมุมทีอ่ ยูต รงขามกับดานทีส่ นั้ ทีส่ ดุ
• ความยาวของดานที่ยาวที่สุดของรูปสามเหลี่ยมจะสั้นกวาผลบวกของความยาวของดาน
สองดานที่เหลือของรูปสามเหลี่ยมเสมอ
2. มุมภายนอกของรูปสามเหลี่ยม
Q พิจารณา ∆ ABC ที่มีจุด P เปนจุดที่เกิดจาก
q C
การตอดาน AB ออกไปจนได AP มีจุด Q
c เปนจุดที่เกิดจากการตอดาน BC ออกไปจนได
BQ และมีจุด R เปนจุดที่เกิดจากการตอดาน
∧ ∧
A a b p
P CA ออกไปจนได CR จะเรี ย ก a, b และ ∧c วา
r B มุมภายในของ ∆ ABC และเรียก ∧p, ∧q และ ∧r วา
R
มุมภายนอกของ ∆ ABC

ฉบับ โดยทั่วไป จะเรียก ∧a และ b วา มุมภายในที่ไมใชมุมประชิดของ ∧q ในทํานองเดียวกัน
เฉลย
เราจะเรียก ∧a และ ∧c วา มุมภายในที่ไมใชมุมประชิดของ ∧p นักเรียนคิดวา มุมใดบางที่เปน
มุมภายในที่ไมใชมุมประชิดของ ∧r
พิจารณา ∆ ABC ตอไปนี้
จาก ∆ ABC จะได
∧ ∧
C b + d = 180 ํ (มุมตรงมีขนาดเทากับ 180 ํ)
∧ ∧ ∧
c a + b + c = 180 ํ (ขนาดของมุมภายใน
ทั้งสามของรูปสามเหลี่ยม
a b d
A B D รวมกันได 180 ํ)
จะไดวา ∧b + ∧d = ∧a + ∧b + ∧c
ดังนั้น ∧d = ∧a + ∧c
จากรูปขางตน สรุปไดวา
ถาตอดานใดดานหนึง่ ของรูปสามเหลีย่ มออกไป มุมภายนอกทีเ่ กิดขึน้ จะมีขนาดเทากับ
ผลบวกของขนาดของมุมภายในที่ไมใชมุมประชิดของมุมภายนอกนั้น

272
Worked Example 6
หาคาของ a จากรูปที่กําหนดให
C วิธีทํา
56 ํ เนื่ อ งจากขนาดของมุ ม ภายนอกของรู ป สามเหลี่ ย ม
เทากับผลบวกของขนาดของมุมภายในทีไ่ มใชมมุ ประชิด
50 ํ a ของมุมภายนอกนั้น
A B D
จะได a = 56 ํ + 50 ํ = 106 ํ
ดังนั้น คาของ a คือ 106 ํ
Similar Questions
Practice Now Exercise 6A ขอ 2, 4-5, 7(2), 9
หาคาของ a จากรูปที่กําหนดให
C เนื่องจากขนาดของมุมภายนอกของรูปสามเหลี่ยมเทากับ
....................................................................................................................................................
48 ํ ผลบวกของขนาดของมุมภายในที่ไมใชมุมประชิดของ
....................................................................................................................................................
ฉบับ
มุมภายนอกนั้น จะได a = 53 ํ + 48 ํ = 101 ํ
.................................................................................................................................................... เฉลย
53 ํ a ดังนั้น คาของ a คือ 101 ํ
....................................................................................................................................................
A B D
....................................................................................................................................................

นักเรียนสามารถใชสมบัติของเสนขนานและรูปสามเหลี่ยมในการใหเหตุผล เพื่อใชพิสูจนทาง
คณิตศาสตรได ดังตัวอยางตอไปนี้

Worked Example 7
กําหนด AC // DE และ BC = BE ใหพิสูจนวา AC = DE
C
วิธีทํา
∧ ∧
BCA = BED (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
B BC = BE (กําหนดให)
A D ∧ ∧
ABC = DBE (มุมตรงขามมีขนาดเทากัน)
จะได ∆ ABC ≅ ∆ DBE (ม.ด.ม.)
ดังนั้น AC = DE
E

273
Practice Now Similar Questions
Exercise 6A ขอ 6
กําหนด AB // ED และ AB = ED ใหพิสูจนวา BC = DC
∧ ∧
B E ABC = EDC (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
....................................................................................................................................................
AB = ED (กําหนดให)
....................................................................................................................................................
∧ ∧
C CAB = CED (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
....................................................................................................................................................
จะได วา ∆ ABC ≅ ∆ EDC (ม.ด.ม.)
....................................................................................................................................................
A D ดั....................................................................................................................................................
งนั้น BC = DC

Exercise 6B
Basic Level
1. หาคาของ a, b, c และ d จากรูปที่กําหนดใหในแตละขอตอไปนี้
B
1) 2a 2) B
ฉบับ 3b
เฉลย C 40 ํ
C 64 ํ 4b
68 ํ A
A
68 ํ + 2a + 64 ํ = 180 ํ
……………………………………………………………………………….. 4b + 3b + 40 ํ = 180 ํ
………………………………………………………………………………..
2a = 48 ํ
……………………………………………………………………………….. 7b = 140 ํ
………………………………………………………………………………..
a = 24 ํ
……………………………………………………………………………….. b = 20 ํ
………………………………………………………………………………..
ดังนั้น คาของ a คือ 24 ํ
……………………………………………………………………………….. ดังนั้น คาของ b คือ 20 ํ
………………………………………………………………………………..

……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..

3) C 4) C
d
c B
62 ํ
A A B
เนื่องจาก BA = BC
……………………………………………………………………………….. เนื่องจาก AC = BC = AB
………………………………………………………………………………..
∧ ∧ ∧ ∧ ∧
จะได BCA = BAC = 62 ํ
……………………………………………………………………………….. จะได BAC = CBA = ACB
………………………………………………………………………………..
62 ํ + c + 62 ํ = 180 ํ
……………………………………………………………………………….. d + d + d = 180 ํ
………………………………………………………………………………..
c = 56 ํ
……………………………………………………………………………….. d = 60 ํ
………………………………………………………………………………..
ดังนั้น คาของ c คือ 56 ํ
……………………………………………………………………………….. ดังนั้น คาของ d คือ 60 ํ
………………………………………………………………………………..

274
2. หาคาของ a, b และ c จากรูปที่กําหนดใหในแตละขอตอไปนี้
1) a = 47 ํ + 55 ํ (ขนาดของมุมภายนอกของรูปสามเหลีย่ ม
....................................................................................................................................................
C เทากับผลบวกของขนาดของมุมภายใน
....................................................................................................................................................
55 ํ ที่ไมใชมุมประชิดของมุมภายนอกนั้น)
....................................................................................................................................................
= 102 ํ
....................................................................................................................................................

a
ดังนั้น คาของ a คือ 102 ํ
....................................................................................................................................................
47 ํ
D A B ....................................................................................................................................................

....................................................................................................................................................

2) 90 ํ + b + 50 ํ = 180 ํ (ขนาดของมุมภายในทั้งสาม
....................................................................................................................................................
C ของรูปสามเหลี่ยมรวมกันได 180 ํ)
....................................................................................................................................................
b
35 ํ b = 40 ํ
....................................................................................................................................................
90 ํ + c + 35 ํ = 180 ํ (ขนาดของมุมภายในทั้งสาม
....................................................................................................................................................
D 50 ํ c ของรูปสามเหลี่ยมรวมกันได 180 ํ)
A B ....................................................................................................................................................
c = 55 ํ
.................................................................................................................................................... ฉบับ
ดังนั้น คาของ b และ c คือ 40 ํ และ 55 ํ ตามลําดับ เฉลย
....................................................................................................................................................

3. หาขนาดของมุมที่เล็กที่สุดของ ∆ ABC เมื่อขนาดของมุมภายในทั้งสามของ ∆ ABC คือ


3x, 4x และ 5x
x x x
3 + 4 + 5 = 180 ํ (ขนาดของมุมภายในทั้งสามของรูปสามเหลี่ยมรวมกันได 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................
x = 15 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ขนาดของมุมที่เล็กที่สุดของ ∆ ABC เทากับ 3(15 ํ) = 45 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................

Intermediate Level
4. หาคาของ a และ b จากรูปที่กําหนดให
D a + 90 ํ = 115 ํ
....................................................................................................................................................
Eb a = 25 ํ
....................................................................................................................................................
a a + b = 90 ํ + 32 ํ
....................................................................................................................................................
F 32 ํ G 25 ํ + b = 122 ํ
....................................................................................................................................................
b = 97 ํ
....................................................................................................................................................
A 115 ํ
B C ดังนั้น คาของ a และ b คือ 25 ํ และ 97 ํ ตามลําดับ
....................................................................................................................................................

275
5. หาคาของ a จากรูปที่กําหนดให
F
57 ํ
C
44 ํ a
E D B
51 ํ
A

EDF + 44 ํ + 57 ํ = 180 ํ (ขนาดของมุมภายในทั้งสามของรูปสามเหลี่ยมรวมกันได 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................

EDF = 79 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................

ADB = 79 ํ (มุมตรงขามมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
a = 51 ํ + 79 ํ (ขนาดของมุมภายนอกของรูปสามเหลี่ยมเทากับผลบวกของขนาดของมุมภายใน
...................................................................................................................................................................................................................................................
ที่ไมใชมุมประชิดของมุมภายนอกนั้น)
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 130 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น คาของ a คือ 130 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................

ฉบับ ...................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย ...................................................................................................................................................................................................................................................

6. กําหนด □ ABCD เปนรูปสี่เหลี่ยมที่มีดาน AB ขนานกับดาน CD และดาน AD


ขนานกับดาน BC ดังรูป
D C

A B
1) ใหพิสูจนวา ∆ ABE ≅ ∆ CDE
∧ ∧
EAB = ECD (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
ABE = CDE (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
BE = ED (เสนทแยงมุมของรูปสี่เหลี่ยมดานขนานจะแบงครึ่งซึ่งกันและกัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ∆ ABE ≅ ∆ CDE (ม.ม.ด.)
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

276
2) ใหพิสูจนวา ∆ AED ≅ ∆ CEB
∧ ∧
EDA = EBC (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
DAE = BCE (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
AE = CE (เสนทแยงมุมของรูปสี่เหลี่ยมดานขนานจะแบงครึ่งซึ่งกันและกัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ∆ AED ≅ ∆ CEB (ม.ม.ด.)
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

3) ถาพื้นที่ของ ∆ ABE เทากับพื้นที่ของ ∆ AED เทากับ 3.44 ตารางเซนติเมตร แลวพื้นที่


ของ □ ABCD เปนเทาใด
เนื่องจาก ABE CDE จะได พื้นที่ของ ABE = พื้นที่ของ CDE = 3.44 ตร.ซม.
∆ ≅∆ ∆ ∆
...................................................................................................................................................................................................................................................
และ ∆ AED ≅ ∆ CEB จะได พื้นที่ของ ∆ AED = พื้นที่ของ ∆ CEB = 3.44 ตร.ซม.
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น พื้นที่ของ □ ABCD = 4 × 3.44 = 13.76 ตร.ซม.
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

ฉบับ
7. กําหนด AB // CD ใหหาคาของ a, b, c, d และ e เฉลย
1) E
A G 45 ํ B
64 ํ H
F b

C a D
32 ํ
I
J

AHF = 45 ํ (มุมตรงขามมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
AH + C H = 180 ํ
I I (มุมภายในที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัดมีขนาดรวมกันเทากับ 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................
(45 ํ + 64 ํ) + (32 ํ + a) = 180 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
a = 39 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
b + 39 ํ + 64 ํ = 180 ํ (ขนาดของมุมภายในทั้งสามของรูปสามเหลี่ยมรวมกันได 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................
b = 77 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น คาของ a และ b คือ 39 ํ และ 77 ํ ตามลําดับ
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

277
2) A e
B
2c c

C d 120 ํ D
E
∧ ∧
เนื ่องจาก EB = EC จะได ECB = EBC = 2c
...................................................................................................................................................................................................................................................
d = 2c + 2c = 4c (ขนาดของมุมภายนอกของรูปสามเหลี่ยมเทากับผลบวกของขนาดของ
...................................................................................................................................................................................................................................................
มุมภายในที่ไมใชมุมประชิดของมุมภายนอกนั้น)
...................................................................................................................................................................................................................................................
c + d = 120 ํ (ขนาดของมุมภายนอกของรูปสามเหลี่ยมเทากับผลบวกของขนาดของ
...................................................................................................................................................................................................................................................
มุมภายในที่ไมใชมุมประชิดของมุมภายนอกนั้น)
...................................................................................................................................................................................................................................................
c + 4c = 120 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
5c = 120 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
c = 24 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................

ฉบับ d = 4(24 ํ) = 96 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย ∧
ABE = DEB

(มุมแยงมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
e + 2(24 ํ) = 96 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
e = 48 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดั...................................................................................................................................................................................................................................................
งนั้น คาของ c, d และ e คือ 24 ํ, 96 ํ และ 48 ํ ตามลําดับ

8. กําหนด ∆ ABC มีขนาดของมุมภายในทั้งสามเปน x - 35 ํ, x - 25 ํ และ 12 x - 10 ํ


อยากทราบวา x มีคาเปนเทาใด
( - 35 ํ) + ( - 25 ํ) + ( 12 - 10 )ํ = 180 ํ
x x x (ขนาดของมุมภายในทั้งสามของรูปสามเหลี่ยม
...................................................................................................................................................................................................................................................
รวมกันได 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................
5 - 70 ํ = 180 ํ
x
...................................................................................................................................................................................................................................................
2 5
2 x = 250 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
x = 100 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
งนั้น คาของ x คือ 100 ํ
ดั...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

278
∧ ∧
9. กําหนด ∆ ABC เปนรูปสามเหลี่ยมที่มี BAC = 50 ํ และ BCA = 26 ํ

1) ใหหาขนาดของ ABC 2) ถาตอดาน AB ออกไปจนถึงจุด D

ใหหาขนาดของ CBD
เนื่องจากขนาดของมุมภายในทั้งสามของ
……………………………………………………………………………….. เนื่องจากขนาดของมุมภายนอกของ
………………………………………………………………………………..
รูปสามเหลี่ยมรวมกันได 180 ํ
……………………………………………………………………………….. รูปสามเหลี่ยมเทากับผลบวกของขนาด
………………………………………………………………………………..

จะได ABC + 50 ํ + 26 ํ = 180 ํ
……………………………………………………………………………….. ของมุมภายในที่ไมใชมุมประชิด
………………………………………………………………………………..

ABC = 104 ํ
……………………………………………………………………………….. ของมุมภายนอกนั้น
………………………………………………………………………………..
∧ ∧
ดังนั้น ขนาดของ ABC คือ 104 ํ
……………………………………………………………………………….. จะได CBD = 50 ํ + 26 ํ = 76 ํ
………………………………………………………………………………..

……………………………………………………………………………….. ดังนั้น ขนาดของ CBD คือ 76 ํ
………………………………………………………………………………..

10. กําหนด AC // ED และ BE // CD


E 35 ํ D

ฉบับ
F เฉลย
106 ํ 50 ํ
A B C

1) ให∧หาขนาดของ

DFE
DEC = BCE = 50 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................

35 ํ + 50 ํ + DFE = 180 ํ (ขนาดของมุมภายในทั้งสามของรูปสามเหลี่ยมรวมกันได 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................

DFE = 95 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................

ดังนั้น ขนาดของ DFE คือ 95 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

2) ให∧หาขนาดของ

BDC
CBD = BDE = 35 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................

106 ํ + EBD + 35 ํ = 180 ํ (มุมตรงมีขนาดเทากับ 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................

EBD = 39 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
BDC = EBD = 39 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................

ดังนั้น ขนาดของ BDC คือ 39 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................

279
Advanced Level
11. กําหนด AB = AC, BD = BE และ AF = DF
A

B C E
F

D

ใหหาขนาดของ ABC

กําหนดให ABC = x
...................................................................................................................................................................................................................................................
เนื่องจาก AB = AC
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
ฉบับ จะได ABC = ACB = x
...................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย เนื่องจาก BD = BE
...................................................................................................................................................................................................................................................

และ DBE + x = 180 ํ (มุมตรงมีขนาดเทากับ 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................

DBE = 180 ํ - x
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧ ∧
จะได BDE + BED + DBE = 180 ํ (ขนาดของมุมภายในทั้งสามของรูปสามเหลี่ยมรวมกันได 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
BDE + BDE + (180 ํ - x) = 180 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................

2(BDE) = 180 ํ - (180 ํ - x)
...................................................................................................................................................................................................................................................

BDE = 180 ํ - (180 ํ - x)
...................................................................................................................................................................................................................................................
2
= 2x
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
ดังนั้น BDE = BED = 2x
...................................................................................................................................................................................................................................................
เนื่องจาก AF = DF
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧ ∧
จะได FAD = FDA = BDE = 2x
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧ ∧
เนื่องจาก BAC + ABC + ACB = 180 ํ (ขนาดของมุมภายในทั้งสามของรูปสามเหลี่ยมรวมกันได 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................
จะได x
2 + x + x = 180 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
x = 72 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................

ดังนั้น ขนาดของ ABC คือ 72 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................

280
Summary
1. เสนขนาน
กําหนดให PQ ตัด AB และ CD ดังรูป
ถา AB // CD แลว
A Pb B • มุมภายนอกและมุมภายในที่ไมใชมุมประชิดที่อยูบน
c d ดานเดียวกันของเสนตัดมีขนาดเทากัน เชน ∧a = ∧b
∧ ∧
a • มุมแยงมีขนาดเทากัน เชน a = c
C Q D • มุมภายในที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัดมีขนาด
รวมกันเทากับ 180 ํ เชน ∧a + ∧d = 180 ํ
2. สมบัติพื้นฐานของรูปสามเหลี่ยม
จากรูป สรุปไดวา
• ขนาดของมุมภายในทั้งสามของรูปสามเหลี่ยมใด ๆ
C
รวมกันได 180 ํ
• มุมภายในของรูปสามเหลีย ่ มทีม่ ขี นาดใหญทสี่ ดุ จะเปน ฉบับ
b a มุมทีอ่ ยูต รงขามกับดานทีย่ าวทีส่ ดุ และมุมภายในของ เฉลย
รูปสามเหลีย่ มทีม่ ขี นาดเล็กทีส่ ดุ จะเปนมุมทีอ่ ยูต รงขาม
A c B
กับดานที่สั้นที่สุด
• ความยาวของด า นที่ ย าวที่ สุ ด ของรู ป สามเหลี่ ย มจะ
สั้นกวาผลบวกของความยาวของดานสองดานที่เหลือ
ของรูปสามเหลี่ยมเสมอ
3. มุมภายนอกของรูปสามเหลี่ยม
“ถาตอดานใดดานหนึ่งของรูปสามเหลี่ยมออกไป มุมภายนอกที่เกิดขึ้นจะมีขนาดเทากับ
ผลบวกของขนาดของมุมภายในที่ไมใชมุมประชิดของมุมภายนอกนั้น”
Q จากรูป สรุปไดวา
∧ ∧
q C
• a และ b เปนมุมภายในที่ไมใชมุมประชิดของ ∧q
∧ ∧ ∧
c • b และ c เปนมุมภายในที่ไมใชมุมประชิดของ r
∧ ∧ ∧
• c และ a เปนมุมภายในที่ไมใชมุมประชิดของ p
p
A a b
B P
r
R

281
Review Exercise 6
1. กําหนด AB // CD ใหหาคาของ a, b และ c
1) A B
a
P E 250 ํ Q
126 ํ
C D
เนื่องจากมุมภายในที่อยูบนดานเดียวกันของ เนื่องจากมุมภายในที่อยูบนดานเดียวกันของ
...................................................................................................................................................................................................................................................
เสนตัดมีขนาดรวมกันเทากับ 180 ํ จะได เสนตัดมีขนาดรวมกันเทากับ 180 ํ จะได
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
DEP + 126 ํ = 180 ํ a + BEP = 180 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................

DEP = 54 ํ a + 56 ํ = 180 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
เนื่องจากมุมรอบจุดศูนยกลางวงกลมมีขนาด a = 124 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
เทากับ 360 ํ จะได ดังนั้น คาของ a คือ 124 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
BEP + DEP + 250 ํ = 360 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ ∧
เฉลย BEP + 54 ํ = 110 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................

BEP = 56 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................

2) P
A 3c B
6b - 21 ํ
5b - 52 ํ
C D
Q
เนื ่องจากมุมภายในที่อยูบนดานเดียวกันของ 3c = 6b - 21 ํ (มุมตรงขามมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
เส นตัดมีขนาดรวมกันเทากับ 180 ํ จะได 3c = 6(23 ํ) - 21 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
(6b - 21 ํ) + (5b - 52 ํ) = 180 ํ 3c = 117 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
11b - 73 ํ = 180 ํ c = 39 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
11b = 253 ํ ดังนั้น คาของ b และ c คือ 23 ํ และ 39 ํ ตามลําดับ
...................................................................................................................................................................................................................................................
b = 23 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................
282
∧ ∧ ∧
2. กําหนด AB // DE, GC // DF, CBH = 74 ํ, DCG = 148 ํ และ EDF = 84 ํ
G E
B 148 ํ 84 ํ
74 ํ C D
F
A H
∧ ∧
1) ใหหาขนาดของ CDE 2) ใหหาขนาดของ ABH
∧ ∧ ∧
CDF = 148 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
……………………………………………………………………………….. ABC = CDE = 128 ํ(มุมแยงมีขนาดเทากัน)
………………………………………………………………………………..
∧ ∧
เนื่องจากมุมรอบจุดศูนยกลางวงกลม
……………………………………………………………………………….. ABH = ABC - 74 ํ
………………………………………………………………………………..
มีขนาดเทากับ 360 ํ จะได
……………………………………………………………………………….. = 128 ํ - 74 ํ
………………………………………………………………………………..
∧ ∧
CDE + 84 ํ + CDF = 360 ํ
……………………………………………………………………………….. = 54 ํ
………………………………………………………………………………..
∧ ∧
CDE + 84 ํ + 148 ํ = 360 ํ
……………………………………………………………………………….. ดังนั้น ขนาดของ ABH คือ 54 ํ
………………………………………………………………………………..

CDE = 128 ํ
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..

ดังนั้น ขนาดของ CDE คือ 128 ํ
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..
ฉบับ
เฉลย
∧ ∧
3. กําหนด AC // FG, DB // FE, มุมกลับของ DEF = 316 ํ และ EFG = 58 ํ
A B C
316 ํ
D E
58 ํ G
X Y F
∧ ∧
1) ใหหาขนาดของ BDE 2) ใหหาขนาดของ ABD
เนื่องจากมุมรอบจุดศูนยกลางวงกลม
……………………………………………………………………………….. เนื่องจากมุมภายนอกและมุมภายในที่ไมใช
………………………………………………………………………………..
มีขนาดเทากับ 360 ํ จะได
……………………………………………………………………………….. มุมประชิดที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัด
………………………………………………………………………………..
∧ ∧
DEF + มุมกลับของ DEF = 360 ํ
……………………………………………………………………………….. มีขนาดเทากัน จะได
………………………………………………………………………………..
∧ ∧
DEF + 316 ํ = 360 ํ
……………………………………………………………………………….. DYF = 58 ํ
………………………………………………………………………………..
∧ ∧ ∧
DEF = 44 ํ
……………………………………………………………………………….. ABD = DYF = 58 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
………………………………………………………………………………..
∧ ∧ ∧
BDE = DEF = 44 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
……………………………………………………………………………….. ดังนั้น ขนาดของ ABD คือ 58 ํ
………………………………………………………………………………..

ดังนั้น ขนาดของ BDE คือ 44 ํ
……………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………..

283
∧ ∧ ∧ ∧
4. กําหนด AB // FE, ABC = w, BCD = x, CDE = y และ DEF = z ใหเขียนสมการ
แสดงความสัมพันธระหวาง w, x, y และ z
A w B
P Cx Q
R D y S
F z E
∧ ∧ ∧
BCQ = w (มุมแยงมีขนาดเทากัน) SDE = y - CDS = y - (180 ํ - + w) x
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
QCD = - BCQ x = y - 180 ํ + - w x
...................................................................................................................................................................................................................................................

= -w x SDE = z (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
CDS + QCD = 180 ํ (มุมภายในที่อยูบนดาน y - 180 ํ + - w = z x
...................................................................................................................................................................................................................................................
เดียวกันของเสนตัดมี w + z + 180 ํ = x + y
...................................................................................................................................................................................................................................................
ขนาดรวมกันเทากับ 180 ํ) ดังนั้น สมการแสดงความสัมพันธระหวาง w, x, y
...................................................................................................................................................................................................................................................

CDS + (x - w) = 180 ํ และ z คือ w + z + 180 ํ = x + y
...................................................................................................................................................................................................................................................

ฉบับ
CDS = 180 ํ - x + w
...................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย
5. หาคาของ a, b, c และ d จากรูปที่กําหนดใหในแตละขอตอไปนี้
1)
D
52 ํ
E

A 48 ํ b a 62 ํ C
B

a + 62 ํ + 52 ํ = 180 ํ (ขนาดของมุมภายในทั้งสามของรูปสามเหลี่ยมรวมกันได 180 ํ)


...................................................................................................................................................................................................................................................
a = 66 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
48 ํ + b + 66 ํ = 180 ํ (มุมตรงมีขนาดเทากับ 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................
b = 66 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น คาของ a และ b คือ 66 ํ และ 66 ํ ตามลําดับ
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

284
2)
D
2d

5c + 4 ํ
A 3c
B C
เนื่องจาก DB = DC เนื่องจากขนาดของมุมภายนอกของรูปสามเหลี่ยม
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
จะได DBC = DCB = 3c เทากับผลบวกของขนาดของมุมภายในที่ไมใช
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
ABD + DBC = 180 ํ (มุมตรงมีขนาดเทากับ 180 ํ) มุมประชิดของมุมภายนอกนั้น จะได
...................................................................................................................................................................................................................................................
(5c + 4 ํ) + 3c = 180 ํ 3(22 ํ) + 2d = 5(22 ํ) + 4 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
8c = 176 ํ 2d = 48 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
c = 22 ํ d = 24 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น คาของ c และ d คือ 22 ํ และ 24 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ตามลําดับ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
6. กําหนด AB // DC ใหหาคาของ a, b, c และ d เฉลย
1)
D C

a
A B
เนื่องจาก AB = AC
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
จะได ACB = ABC = a (มุมที่ฐานของรูปสามเหลี่ยมหนาจั่วมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
เนื่องจาก AC = AD = CD
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧ ∧
จะได DCA = CDA = CAD = 60 ํ (มุมภายในของรูปสามเหลี่ยมดานเทาแตละมุมมีขนาด 60 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
และ BAC = DCA = 60 ํ (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................

เนือ่ งจาก a + BAC + a = 180 ํ (ขนาดของมุมภายในทัง้ สามของรูปสามเหลีย่ มรวมกันได 180 )ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
จะได 2a + 60 ํ = 180 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
2a = 120 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
a = 60 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น คาของ a คือ 60 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................

285
2) E
d

Db c C
A 58 ํ B
∧ ∧
เนื่องจาก EA = EB จะได EAB = EBA = 58 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
58 ํ + b = 180 ํ (มุมภายในที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัดมีขนาดรวมกันเทากับ 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................
b = 122 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
c = 58 ํ (มุมภายนอกและมุมภายในที่ไมใชมุมประชิดที่อยูบนดานเดียวกันของเสนตัด
...................................................................................................................................................................................................................................................
มีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
เนื่องจาก ED = EC จะได EDC = ECD = 58 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
58 ํ + d + 58 ํ = 180 ํ (ขนาดมุมภายในทั้งสามของรูปสามเหลี่ยมรวมกันได 180 ํ)
...................................................................................................................................................................................................................................................
d = 64 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น คาของ b, c และ d คือ 122 ํ, 58 ํ และ 64 ํ ตามลําดับ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ ...................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย
7. กําหนด BA // DE, AB = DE และ GA = HD ใหพิสูจนวา CB // EF
C E

A G H D

B F
AB = DE (กําหนดให)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
GAB = HDE (มุมแยงมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
GA = HD (กําหนดให)
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ∆ ABG ≅ ∆ DEH (ด.ม.ด.)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
จะได AGB = DHE (มุมคูที่สมนัยกันของรูปสามเหลี่ยมสองรูปที่เทากันทุกประการมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
GHF = DHE (มุมตรงขามมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
AGB = GHF (สมบัติของการเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
CB // EF (มุมภายนอกและมุมภายในทีไ่ มใชมมุ ประชิดทีอ่ ยูด า นเดียวกันของเสนตัดมีขนาดเทากัน)
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น CB // EF
...................................................................................................................................................................................................................................................

286
Challenge Yourself
จากรูป AB ขนานกับ GH หรือไม อยางไร
A N P X Z F
6x - 7y 2x + 3y
C
3x - 2y
3x + 5y E
2x - 5y 6x + 2y G
D
B
M O W Y H
ที่จุด C, D, E และ F สราง MN // OP // W // YZ // AB X
.............................................................................................................................................................................................................................................................
พิจารณา AB และ MN
.............................................................................................................................................................................................................................................................

จะได BCM = 2x - 5y
.............................................................................................................................................................................................................................................................

ดังนั้น MCD = (3x - 2y) - (2x - 5y) = 3x - 2y - 2x + 5y = x + 3y
............................................................................................................................................................................................................................................................. ฉบับ
พิจารณา MN และ OP
............................................................................................................................................................................................................................................................. เฉลย

จะได CDP = x + 3y
.............................................................................................................................................................................................................................................................

ดังนั้น PDE = (3x + 5y) - (x + 3y) = 3x + 5y - x - 3y = 2x + 2y
.............................................................................................................................................................................................................................................................
พิจารณา OP และ WX
.............................................................................................................................................................................................................................................................

จะได DEX = 180 ํ - (2x + 2y) = 180 ํ - 2x - 2y
.............................................................................................................................................................................................................................................................

ดังนั้น XEZ = (6x - 7y) - (180 ํ - 2x - 2y) = 6x - 7y - 180 ํ + 2x + 2y = 8x - 5y - 180 ํ
.............................................................................................................................................................................................................................................................
พิจารณา WX และ YZ
.............................................................................................................................................................................................................................................................

จะได EFY = 8x - 5y - 180 ํ
.............................................................................................................................................................................................................................................................

ดังนั้น YFG = (2x + 3y) - (8x - 5y - 180 )ํ = 2x + 3y - 8x + 5y + 180 ํ = 8y - 6x + 180 ํ
.............................................................................................................................................................................................................................................................
พิจารณา YZ และ GH
.............................................................................................................................................................................................................................................................

จะได FGH = 180 ํ - (8y - 6x + 180 ํ) = 180 ํ - 8y + 6x - 180 ํ = 6x - 8y
.............................................................................................................................................................................................................................................................

เนื่องจากโจทยกําหนดวา FGH = 6x + 2y
.............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น AB ไมขนานกับ GH
.............................................................................................................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................................................................................................

287
Problems
in Real-World Contexts
Problems 1 การหมุนรูป
โปรแกรมไมโครซอฟตเวิรด (Microsoft Word) เปนโปรแกรมที่เหมาะสําหรับ
จัดทําเอกสารทีเ่ ปนบทความแทนการเขียนดวยลายมือ นอกจากจะพิมพเปนตัวหนังสือ
ไดแลว ยังมีเครื่องมือตาง ๆ ที่ชวยทําใหบทความนั้นมีความนาสนใจมากยิ่งขึ้น เชน การทํา
ตัวอักษรศิลป การแทรกแผนภูมิ การแทรกรูปภาพ โดยในสวนของการแทรกรูปภาพนั้น ยังมี
คําสั่งที่ใชในการแปลงรูปภาพ เชน การหมุนรูป ซึ่งมีวิธีการกําหนดมุมที่ใชในการหมุน ดังนี้

1. คลิกวัตถุที่คุณตองการหมุน

2. ภายใต เครื่องมือการวาด (หรือ เครื่องมือรูปภาพ ถาคุณหมุนรูปภาพ) บนแท็บ


รูปแบบ ในกลุม จัดเรียง ใหคลิก หมุน แลวคลิก ตัวเลือกการหมุนเพิ่มเติม
ฉบับ
เฉลย

3. ในบานหนาตางหรือกลองโตตอบที่เปดขึ้น ใหใสจํานวนองศาที่คุณตองการหมุนวัตถุ
ในกลอง การหมุน คุณยังสามารถใชลกู ศรเพือ่ หมุนวัตถุตามองศาทีแ่ นนอนทีค่ ณ
ุ ตองการ
ถาคุณไมเห็นแท็บรูปแบบของ เครื่องมือการวาด หรือ เครื่องมือรูปภาพ
ใหตรวจสอบใหแนใจวาคุณเลือกกลองขอความ รูปราง หรืออักษรศิลปแลว คุณอาจตอง
ดับเบิลคลิกที่วัตถุเพื่อเปดแท็บ รูปแบบ
ที่มา : https://support.office.com

288
ใหนักเรียนใชโปรแกรมไมโครซอฟตเวิรดในการสรางรูปตามที่กําหนดใหดานลาง โดยมี
ขั้นตอน ดังนี้

E A R T H

ฉบับ
เฉลย

1. สืบคนภาพโลกจากอินเทอรเน็ต แลวปรับขนาดใหภาพโลกทีห่ าไดใหมเี สนผานศูนยกลาง


ยาว 6.5 เซนติเมตร
2. เลือก “แทรก (Insert)” “ตัวอักษรศิลป ” แลวสรางตัวอักษรทีละตัวโดยกําหนด
ขนาดใหเทากับ 48 ดังนี้

EARTH
3. หมุนตัวอักษรแตละตัวโดยใชวิธีขางตน จากนั้นวางตัวอักษรดังภาพ ซึ่งมุมที่ใชหมุน
ตัวอักษรแตละตัวตองเทากับในภาพที่กําหนด ใหแสดงวิธีการหาขนาดของมุมที่ใชใน
การหมุนตัวอักษรแตละตัว

289
ตารางแสดง กําลังสอง กําลังสาม
รากที่สองที่เปนบวก รากที่สาม และสวนกลับของจํานวนตั้งแต 1 ถึง 100

n n2 n3 n 3n 1
n
1 1 1 1.000 1.000 1.0000
2 4 8 1.414 1.260 .5000
3 9 27 1.732 1.442 .3333
4 16 64 2.000 1.587 .2500
5 25 125 2.236 1.710 .2000
6 36 216 2.449 1.817 .1667
7 49 343 2.646 1.913 .1429
8 64 512 2.828 2.000 .1250
9 81 729 3.000 2.080 .1111
10 100 1,000 3.162 2.154 .1000
11 121 1,331 3.317 2.224 .0909
ฉบับ
เฉลย 12 144 1,728 3.464 2.289 .0833
13 169 2,197 3.606 2.351 .0769
14 196 2,744 3.742 2.410 .0714
15 225 3,375 3.873 2.466 .0667
16 256 4,096 4.000 2.520 .0625
17 289 4,913 4.123 2.571 .0588
18 324 5,832 4.243 2.621 .0556
19 361 6,859 4.359 2.668 .0526
20 400 8,000 4.472 2.714 .0500
21 441 9,261 4.583 2.759 .0476
22 484 10,648 4.690 2.802 .0455
23 529 12,167 4.796 2.844 .0435
24 576 13,824 4.899 2.884 .0417
25 625 15,625 5.000 2.924 .0400
26 676 17,575 5.099 2.962 .0385
27 729 19,683 5.196 3.000 .0370
28 784 21,952 5.292 3.037 .0357
29 841 24,389 5.385 3.072 .0345
30 900 27,000 5.477 3.107 .0333

290
n n2 n3 n 3n 1
n
31 961 29,791 5.568 3.141 .0323
32 1,024 32,768 5.657 3.175 .0313
33 1,089 35,937 5.745 3.208 .0303
34 1,156 39,304 5.831 3.240 .0294
35 1,225 42,875 5.916 3.271 .0286
36 1,296 46,656 6.000 3.302 .0278
37 1,369 50,653 6.083 3.332 .0270
38 1,444 54,872 6.164 3.362 .0263
39 1,521 59,319 6.245 3.391 .0256
40 1,600 64,000 6.325 3.420 .0250
41 1,681 68,921 6.403 3.448 .0244
42 1,764 74,088 6.481 3.476 .0238
43 1,849 79,507 6.557 3.503 .0233
44 1,936 85,184 6.633 3.530 .0227
45 2,025 91,125 6.708 3.557 .0222
46 2,116 97,336 6.782 3.583 .0217 ฉบับ
47 2,209 103,823 6.856 3.609 .0213 เฉลย
48 2,304 110,592 6.928 3.634 .0208
49 2,401 117,649 7.000 3.659 .0204
50 2,500 125,000 7.071 3.684 .0200
51 2,601 132,651 7.141 3.708 .0196
52 2,704 140,608 7.211 3.733 .0192
53 2,809 148,877 7.280 3.756 .0189
54 2,916 157,464 7.348 3.780 .0185
55 3,025 166,375 7.416 3.803 .0182
56 3,136 175,616 7.483 3.826 .0179
57 3,249 185,193 7.550 3.849 .0175
58 3,364 195,112 7.616 3.871 .0172
59 3,481 205,379 7.681 3.893 .0169
60 3,600 216,000 7.746 3.915 .0167
61 3,721 226,981 7.810 3.936 .0164
62 3,844 238,328 7.874 3.958 .0161
63 3,969 250,047 7.937 3.979 .0159
64 4,096 262,144 8.000 4.000 .0156
65 4,225 274,625 8.062 4.021 .0154

291
n n2 n3 n 3n 1
n
66 4,356 287,496 8.124 4.041 .0152
67 4,489 300,763 8.185 4.062 .0149
68 4,624 341,432 8.246 4.082 .0147
69 4,761 328,509 8.307 4.102 .0145
70 4,900 343,000 8.367 4.121 .0143
71 5,041 357,911 8.426 4.141 .0141
72 5,184 373,248 8.485 4.160 .0139
73 5,329 389,017 8.544 4.179 .0137
74 5,476 405,224 8.602 4.198 .0135
75 5,625 421,875 8.660 4.217 .0133
76 5,776 438,976 8.718 4.236 .0132
77 5,929 456,533 8.775 4.254 .0130
78 6,084 474,552 8.832 4.273 .0128
79 6,241 493,039 8.888 4.291 .0127
80 6,400 512,000 8.944 4.309 .0125
ฉบับ 81 6,561 531,441 9.000 4.327 .0123
เฉลย 82 6,724 551,368 9.055 4.344 .0122
83 6,889 571,787 9.110 4.362 .0120
84 7,056 592,704 9.165 4.380 .0119
85 7,225 614,125 9.220 4.397 .0118
86 7,396 636,056 9.274 4.414 .0116
87 7,569 658,503 9.327 4.431 .0115
88 7,744 681,472 9.381 4.448 .0114
89 7,921 704,969 9.434 4.465 .0112
90 8,100 729,000 9.487 4.481 .0111
91 8,281 753,571 9.539 4.498 .0110
92 8,464 778,688 9.592 4.514 .0109
93 8,648 804,357 9.644 4.531 .0108
94 8,836 830,584 9.695 4.547 .0106
95 9,025 857,375 9.747 4.563 .0105
96 9,216 884,736 9.798 4.579 .0104
97 9,409 912,673 9.849 4.595 .0103
98 9,604 941,192 9.899 4.610 .0102
99 9,801 970,299 9.950 4.626 .0101
100 10,000 1,000,000 10.000 4.642 .0100

292
Key Journal Writing
(หน้า 135)
แนวคําตอบ
(a + b)(c + d + e) = a(c + d + e) + b(c + d + e)
= (ac + ad + ae) + (bc + bd + be)
= ac + ad + ae + bc + bd + be
จะเห็นวา ac + ad + ae + bc + bd + be ac + bd + e
ดังนั้น วิธีหาผลคูณของนทีไมถูกต้อง

293
Key Performance Task
(หน้า 198)
แนวคําตอบ
ตราประจ�าสินค้าหรือตราประจ�าหนวยงานที่เรียกวา โลโก้ (Logos) ที่พบเจอในชีวิตประจ�าวัน
ที่มีการออกแบบที่เกี่ยวข้องกับการแปลงทางเรขาคณิตมีอยูมากมาย เชน
ธงสมาคมประชาชาติแหงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

A B

จากรูปจะเห็นวา ธงสมาคมประชาชาติแหงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มกี ารออกแบบทีเ่ กีย่ วข้อง


กับการแปลงทางเรขาคณิตในเรื่องการสะท้อน โดยจะมี AB เป็นเส้นสะท้อน

294
Problems
Key in Real-World Contexts

Problem 1 (หน้า 288)


แนวคําตอบ
วิธีการหาขนาดของมุมที่ใช้ในการหมุนตัวอักษรแตละตัว มีดังนี้
ขัน้ ที่ 1 บนเส้นรอบวงของภาพโลก สร้างจุด A จุด B จุด C และจุด D จากนัน้ ลาก AB และ CD

C
ขั้นที่ 2 บน AB สร้าง XY ที่แบงครึ่งและตั้งฉากกับ AB และบน CD สร้าง WZ ที่แบงครึ่งและ
ตั้งฉากกับ CD จะได้ XY และ WZ ตัดกันที่จุด O ซึ่งเป็นจุดศูนยกลางของภาพโลก

W
B

X Y
O D

C Z

295
ขั้นที่ 3 ที่ด้านบนของตัวอักษร R สร้างจุด P ซึ่งเป็นจุดกึ่งกลางของตัวอักษร R จากนั้นสร้าง PO

P
R
W
B

X Y
O D

C Z

ขั้นที่ 4 ที่ด้านบนของตัวอักษร T สร้างจุด Q ซึ่งเป็นจุดกึ่งกลางของตัวอักษร T จากนั้นสร้าง OQ

P Q
RT
W
B

X Y
O D

C Z

296

ขั้นที่ 5 วัดขนาดของ POQ ซึ่งเป็นขนาดของมุมที่ใช้ในการหมุนตัวอักษร T

P Q
RT
W
B

X Y
O D

C Z

ขั้นที่ 6 ท�ำซ�้ำขั้นตอน 4 และ 5 โดยเปลี่ยนจากตัวอักษร T เป็นตัวอักษร H, E และ A


ตามล�ำดับ ซึ่งจะได้ขนาดของมุมที่ใช้ในการหมุนตัวอักษร H, E และ A ตามล�ำดับ
P Q

E A R T H
W
B

X Y
O D

C Z

297
บันทึก

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

298
บันทึก

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

299
บันทึก

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................................................

300
ย ล ชุด สัมฤทธิ์มาตรฐาน Ac�i�� Learning

Á.2
เฉ

¤³ÔµÈÒʵÏ
ครบ
เนือ
้ หา กิจกรรม
และแบบฝึกหัด
àÅ‹Á 1
กิจกรรม Active Learning
หลากหลาย เพื่อสร้างองค์ความรู้
เนื้อหา ครบถ้วน ตามมาตรฐาน และพัฒนากระบวนการคิด
การเรียนรู้และตัวชี้วัด Investigation
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ Class Discussion
Thinking Time
(ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) Journal Writing
Performance Task

ความรู้เสริม เพื่อขยายและ
เพิ่มความเข้าใจให้กับนักเรียน
กิจกรรม Problems
ATTENTION
in Real-World Contexts
INFORMATION
PROBLEM SOLVING TIP เพื่อนำความรู้ทางคณิตศาสตร์
RECALL ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง
JUST FOR FUN
INTERNET RESOURCES

บริษท
ั อักษรเจริญทัศน์ อจท. จำกัด
142 ถนนตะนาว เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
โทร. 0 2622 2999 (อัตโนมัติ 20 คูส่ าย)
www.aksorn.com อักษรเจริญทัศน์ อจท.
ID Line : @aksornkrumattayom

You might also like