Professional Documents
Culture Documents
Untitled
Untitled
and
Gene Regulations
อ.เนรัฐชลา สุ วรรณคนธ์
SC2301
การแสดงออกของยีน
การแสดงออกของยีน (gene expression) คือการ
แสดงออกของจีโนไทป์ ให้ ปรากฏออกมาเป็ นฟี โน
ไทป์
ประกอบด้วย 2 กระบวนการ
Transcription : DNA=>RNA
Translation : RNA=> Protein
Gene expression (การแสดงออกของยีน)
+1 +34
-10 ATG
Eukaryote promoter
ขั้นตอนการเกิด transcription
* ในการเกิด transcription จะเริ่ มจากปลาย 5/ ไปสิ้ นสุ ดทางด้าน
ปลาย 3/ โดย
1. Initiation of transcription ; เริ่ มการสังเคราะห์ สาย RNA โดย
เอ็นไซม์ RNA pol. ที่รวมกันเป็ น holoenzyme (2 ; เป็ น
เอนไซม์ที่สมบรู ณ์สามารถทำงานได้) เข้ามาจับยังบริ เวณ promoter
site โดยการนำของ หน่วยย่อย (sigma protein) ทำให้ สาย DNA
บริ เวณนั้นโป่ งและแยกออกเป็ น single strand ชัว่ คราว holoeenzyme
เข้ามาจับและเริ่ มต้นในการสังเคราะห์ RNA เมื่อ holoenzyme
เคลื่อนที่มายังจุดเริ่ มต้นในการสังเคราะห์
2. Elongation of transcription ; เมื่อมีการสังเคราะห์ สาย RNA ได้ประมาณ
8-10 nucleotide แล้ว protein ก็จะหลุดออกจาก holoenzyme (เหลือเฉพาะ
core enzyme : 2 ) ทำหน้าที่ในการช่วยเพิ่มความยาวของสาย RNA ต่อ
ไปเรื่ อยๆ จนสิ้ นสุ ดการสังเคราะห์
3. Termination of transcription ; เป็ นระยะที่หยุดการสร้างสาย RNA โดยมี
วิธีการหยุดสร้างได้ 2 แบบ
3.1 การหยุดแบบใช้ rho factot หรื อ protein : โดย protein จะเข้าไป
ดึงให้สาย RNA แยกตัวออกจาก RNA pol. และ DNA template
3.2 การหยุดแบบไม่ใช้ protein ; เป็ นการหยุดโดยพบสัญญาณหยุด
(terminal signal) ที่บริ เวณทางด้านปลาย 3/ ของสาย RNA ซึ่ งมีเบส G กับ C
มาก และมีเบส U เรี ยงกันประมาณ 8-10 ตัว ทำให้สาย RNA บริ เวณนั้นพันและ
จับคู่กนั เป็ นรู ปกิ๊บติดผม (hairpin loop)
ความแตกต่ างของ euk. และ prok. ในการเกิด transciption
• ใน prok. สามารถสังเคราะ RNA และโปรตีน ได้บริ เวณเดียวกัน ส่ วนใน
euk. การสังเคราะ RNA เกิดใน nucleus และการสังเคราะห์โปรตีนเกิดใน
cytoplasm
• RNA pol. ใน prok.สามารถ สังเคราะห์สาย RNA ได้ท้ งั 3 ชนิด แต่ใน euk.
ต้องใช้ RNA pol. คนละชนิดกัน และต้องอาศัย transcription factor ในการ
สังเคราะห์ดว้ ย
• สาย mRNA ใน prok. มีลกั ษณะเป็ น polycistronic คือสายหนึ่งของ
mRNA สามารถแปลเป็ นโปรตีนได้หลายชนิด ส่ วนใน euk. มีลกั ษณะเป็ น
monocistronic หนึ่งสายของ mRNA ถูกแปลเป็ นโปรตีนได้เพียงชนิดเดียว
การเปลีย่ นแปลง mRNA (mRNA processing)
* สาย RNA ที่จะเป็ นแม่แบบในการสังเคราะห์ โปรตีน คือ mRNA
หลังจากที่เกิด transcription แล้วสาย RNA ที่ได้จะยังไม่สมบรู ณ์
เรี ยกว่า heterogeneous nuclear RNA (hnRNA) ต้องมีการผ่าน
กระบวนการ RNA processing ก่อนจึงเป็ นสาย mRNA ที่สมบรู ณ์
1. Capping ; ที่ปลาย 5/ ของสาย RNA มีการเติม 7- methyl-
guanosine ที่ nucleotide ตัวแรกของสาย RNA ด้วยพันธะ 5/-5/
triphosphate bridge จากนั้นมีการเติม methyl group ในโมเลกุลของ
น้ำตาลที่ nucleotide ตัวถัดมา ซึ่งจะเกิดก่อนที่มีการสังเคราะสาย
RNA เสร็ จ
2. การเกิด poly adenylation ; มีการเติมเบส A ประมาณ 200
nucleotide ที่ปลาย 3/ ของสาย RNA และก่อนเติมจะมีการตัดใน
บริ เวณ nucleotide ที่ 12 ซึ่งอยูถ่ ดั จาก ลำดับเบส AAUAAA
3. การตัดส่ วนทีเ่ ป็ น intron ออก (RNA splicing) ; ในยีนของ euk. มี
ลำดับเบสที่มีมีการแปลออกมาเป็ น amino acid เรี ยกว่า intron
ก่อนที่สาย RNA จะเกิดการแปลรหัส (translation) ต้องมีการตัด
ส่ วน intron ออกและเชื่อมส่ วนที่เป็ น exon ในกระบวนการ
splicing ต้องอาศัยลำดับเบสที่จ ำเพาะในการตัด intron คือ ที่
ปลาย 5/ เป็ น GU และที่ปลาย 3/ เป็ น AG
Protein synthesis or translation
ปัจจัยทีเ่ กีย่ วข้ องกับการสั งเคราะห์ โปรตีน
ไรโบโซมเป็ นนิวคลิโอโปรตีน (nucleoproetein) ประกอบไปด้ วยส่ วนทีเ่ ป็ นโปรตีน
และส่ วนทีเ่ ป็ นอาร์ เอนเอ (rRNA) มีหน้ าทีใ่ นการสั งเคราะห์ โปรตีน
Ribosome locations
โครงสร้ างของไรโบโซม
Ribosome ประกอบด้ วย 2 subunit มี 3 sites
• A site หรือ Aminoacyl site สำหรับ aminoacyl-tRNA
• P site หรือ Peptidyl site สำหรับ tRNA ทีมี peptide
• E site หรือ Exit site สำหรับ free tRNA
ทีว่ ่ างเปล่ าพร้ อมทีจ่ ะออกจาก
ribosome
Genetic code (รหัสพันธุกรรม)
+ รหัสพันธุกรรม เป็ นลำดับของนิวคลีโอไทด์ที่พบบนสาย
mRNA ที่ก ำหนดลำดับและชนิดของกรดอะมิโน
+ เป็ นรหัสสากล (universal code) ในสมช.ทุกชนิดใช้รหัส
พันธุกรรมเดียวกันหมด ยกเว้น ใน mitochondria ของคน มีเบส
บางตัวแตกต่างไปจาก universal code
+ รหัสพันธุกรรมบางตัวเป็ น multiple codon หรื อ degenerate มี
amino acid บางตัวมีรหัสพันธุกรรมมากกว่า 1 codon
• Genetic code (รหัสพันธุกรรม)
+ เป็ นลำดับของ nucleotide บนสาย mRNA ที่ถ่ายทอดข้อความทาง
พันธุกรรมมาจาก DNA หรื อ gene ให้ออกมาเป็ นลำดับของ amino acid ใน
สายโปรตีน
• รหัสพันธุกรรมประกอบด้วยเบส 3 ตัว (triple) เรี ยกว่า codon หรื อ triplet
code ซึ่ งมีท้ งั หมด 64 codon (4x4x4)
* 61 codon จะเป็ นรหัสพันธุกรรมสำหรับแปลเป็ น amino acid 20 ชนิด
* 3 codon เป็ นรหัสสัง่ ให้หยุดการสังเคราะห์โปรตีน เรี ยกว่า stop codon
or nonsense codon ( รหัสหยุด ; UAA, UAG, UGA)
+รหัสที่เป็ นสัญญาณการเริ่ มต้น (start codon or initiation codon) คือ
AUG ซึ่ งเป็ น codon ของ amino acid ชนิด methyonine ใน euk. ส่ วน prok.
เป็ น N-formyl -methyonine
การอ่ านรหัสพันธุกรรม
1. รหัสพันธุกรรม (triplet หรือ codon) 1 รหัส ประกอบด้วยลำดับเบส 3 ตัว
เรี ยงติดต่อกันบนสายเอ็มอาร์เอ็นเอ
2. ไม่ มกี ารเว้ น (commaless) ไรโบโซม (ribosome) จะอ่านรหัสพันธุกรรม
อย่างต่อเนื่องครั้งละ 3 นิวคลีโอไทด์ โดยไม่มีการเว้น (commaless) หรื อข้าม
นิวคลีโอไทด์
3. รหัสพันธุกรรมไม่ มกี ารเหลือ่ มซ้ อนกัน (non overlapping) ในกระบวน
แปลรหัส พบว่ารหัสพันธุกรรมจะถูกอ่านเรี ยงต่อกันอย่างเป็ นลำดับๆ ละ 3 เบส
นับตั้งแต่จุดเริ่ มต้นโดยไม่มีการอ่านการเหลื่อมซ้อนกันของเบสที่อยูต่ ่างรหัส
พันธุกรรมกัน
การถอดและการแปล Codons
28
• สารตั้งต้ นในการสั งเคราะห์ โปรตีน
* amino acid มี 20 ชนิด
+ tRNA เป็ นตัวนำ amino acid มายัง ribosome เพื่อสังเคราะห์
polypeptide หรื อ protein
+ amino acid มาเกาะยังทางด้านปลาย 3/ ของ tRNA เป็ น
aminoacyl tRNA
• tRNA
+ เป็ น RNA ที่มีหน้าที่ในการนำ amino acid มายังสาย mRNA
+ โมเลกุลของ tRNA มี ลำดับเบสที่เข้าคู่กนั (complementary) กับ
codon 3 ตัวบนสาย mRNA เรี ยกว่า anticodon
Amino acid
(กรดอะมิโน)
Wobble base
การจับกันระหว่ าง Codon (mRNA) กับ Anticodon (tRNA)
• tRNAs decode คำสัง่ ใน mRNA โดยการจับคู่ของ base ระหว่าง
complementary bases ระหว่าง tRNA และ mRNA
• Francis Crick (1966) พบว่า
– จากปลาย 5 มีเบสใน nucleotide ตัวที่ 2 และ 3 ของ
anticodon จับอย่าง complement กับ codon
– จากปลาย 5 ที่ base ตัวที่ 1 ของ anticodon อาจจับ
non-complementary กับ base ตัวที่ 3 ของ codon
+ nucleotide ตำแหน่ งที่ 3 จากปลาย 5/ ของ codon บนสาย mRNA สามารถจับ
อย่ างไม่ complementary กับ nucleotide ตำแหน่ งที่ 1 จากปลาย 5/ ของ
anticodon บนสาย tRNA ได้ เรียกตำแหน่ งนีว้ ่ า wobble position มักพบเบสที่
นอกเหนือจาก A,T,C,G คือเบส inosine (I) ซึ่งสามารถจับกับเบส C,U,A ได้
การจับกันระหว่ าง Codon (mRNA) กับ Anticodon (tRNA)
+ การที่เบส I สามรถจับกับเบสได้หลายตัว ทำให้ tRNA 1 ชนิด
สามารถจับกับ codon ได้หลาย codon จากการศึกษาพบมี tRNA
เพียง 50 ชนิด
เบสตัวที่ 1 ของ anticodon จากปลาย 5 เป็ น wobble’s base
เบสตัวที่ 3 ของ codon จากปลาย 5 เป็ น wobble’s base
ทีต่ ำแหน่ ง wobble นี้ เบสมีการสร้ างพันธะไฮโดรเจนอย่ างอ่ อน การจับคู่ของ
เบสในตำแหน่ งนีไ้ ม่ เป็ นไปตามกฎการเข้ าคู่กนั ของเบส ทำให้ tRNA 1 ตัว ซึ่ง
นำ amino acid ชนิดเดียวสามารถ จับกับ หลาย codons ได้ เรียกปรากฏการนี้
ว่ า Wobble Effect
การเข้ าคู่กนั ของเบสทีต่ ำแหน่ ง wobble
การแปลรหัส (Translation)
แหล่งการสั งเคราะห์ โปรตีน
เกิดขึน้ ใน cytoplasm ของ cellโดยอาศัย ribosome
I P O S
Lactose
metabolism
INDUCIBLE operon
(ต้ องมี inducer)
ภาวะที่ไม่มี lactose; Negative control
• ไม่มี inducer
• Active repressor เข้ าจับที่ operator
• RNA pol เข้ าจับที่ promoter ไม่ได้ , operon OFF
ภาวะที่มี lactose และ glucose
• มี inducer → Inactive repressor
• ไม่มี cAMP (Adenylyl cyclase ไม่ทำงาน)
• ไม่มี Activator เข้ าจับที่ promoter RNA pol ไม่ทำงาน
ภาวะที่มี lactose, ขาด glucose; Positive control
• มี inducer → Inactive repressor
• สลาย ATP cAMP โดย Adenylyl cyclase
• cAMP จับกับ CRP (cAMP receptor protein) = Activatorเข้ าจับที่
promoter RNA pol ทำงานได้ ดี, operon ON
2. Repressible operon ทริปโตเฟนโอเปอรอน (tryptophan operon)
มีลกั ษณะคล้ายกับ lac operon คือ มี regulatory gene ( trp R) ที่อยูห่ ่าง
ไกลออกไป Trp R สร้าง repressor protein ที่ยงั ทำงานไม่ได้เรี ยกว่า
aporepressor(repressor protein ที่ inactive) เมื่อเซลล์สงั เคราะห์
tryptophanแล้วมันจะทำหน้าที่เป็ น corepressor จับกับ aporepressor เพื่อให้
repressor protein สามารถทำงานได้โดยกลไกเหมือน lac operon ดังนั้น
ปริ มาณ trp จึงกำหนดระดับการแสดงออกของจีนกลุ่ม trp operon
(คือ ถ้า trp มาก อัตราการสังเคราะห์ mRNA ก็จะน้อยแต่ถา้ trp น้อย ก็
ตรงข้ามกัน
เป็ นโอเปอรอนที่เกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์กลุ่มของเอนไซม์ท่ใี ช้ใน
การสังเคราะห์กรดอะมิโนทริปโตเฟน (tryprophan)
Trp Operon (Tryptophan synthesis)
• Repressible operon (turned off by end product)
ขาด Trp ON
มี Trp OFF
Transcription
Translation
Post-translation
63
แบบฝึ กหัดการวิเคราะห์ พนั ธุประวัติ
A B
3. จากรู ปด้ านล่ างจงเติมคำในช่ องว่ างให้ ถูกต้ อง
3.4............
..........
การบ้ าน
4. จากลำดับ mRNA ด้ านล่าง จงตอบคำถามต่ อไปนี้
4.1 ลำดับ nucleotide ของโมเลกุล DNA ทั้งสองสายเป็ นอย่ างไร
4.2 Polypeptide chain ทีไ่ ด้ มลี ำดับ amino acid เป็ นอย่ างไร
5 3
5. จากรู ปด้ านล่ าง จงเติมคำในช่ องว่ างให้ ถูกต้ อง
5.1.................... 5.3..................
5.2.................. .........
........
..
5.4.....................
..............
5.5..................
................