You are on page 1of 20

บทที่ 1

บทนำ
1.1 ทีม
่ ำและควำมสำคัญของปัญหำ

เ มื่ อ ปี 2550
ประเทศไทยได้เริม ่ ต้นผลิตไบโอดีเซลเชิงพำณิชย์เพือ ่ นำมำผสมในน้ำมันดี
เ ซ ล ใ น อั ต ร ำ ส่ ว น 2 เ ป อ ร์ เ ซ็ น ต์
เนื่องจำกไบโอดีเซลเป็ นเชื้อเพลิงทดแทนประเภทดีเซลจำกธรรมชำติ ในปั
จจุบน ั พบว่ำควำมต้องกำรใช้ไบโอดีเซลมีแนวโน้มเพิม ้ จำกกำรทีร่ ฐั บำล
่ ขึน
กำหนดปรับเพิ่มสัดส่วนผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลเป็ น 7 เปอร์เซ็ นต์
ใ น ปี 2560 แ ล ะ เ พิ่ ม เ ป็ น 10 เ ป อ ร์ เ ซ็ น ต์ ใ น ปี 2561
ซึง่ ส่งผลให้อุตสำหกรรมไบโอดีเซลของประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่ำง
ต่อเนื่องตำมควำมต้องกำรใช้ไบโอดีเซลทีม ่ ำกขึน้ [1]
กระบวนกำรผลิตไบโอดีเซลของประเทศไทยในเชิงพำณิชย์ใช้ปฏิกริ ิ
ย ำ ท ร ำ น ส์ เ อ ส เ ท อ ริ ฟิ เ ค ชั่ น (Transesterification)
เ ป็ น ก ำ ร ท ำ ป ฏิ กิ ริ ย ำ ร ะ ห ว่ ำ ง ไ ข มั น ห รื อ น้ ำ มั น ( Tri-glyceride)
กั บ แ อ ล ก อ ฮ อ ล์ เ ช่ น เ ม ท ำ น อ ล เ อ ท ำ น อ ล
และมี ต วั เร่ ง ปฏิกิ ริ ย ำเป็ นเบส จะได้ก ลี เ ซอรอลดิบ (Crude glycerol)
เ ป็ น ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ พ ล อ ย ไ ด้ ( By-product) ป ร ะ ม ำ ณ 10
เ ป อ ร์ เ ซ็ น ต์ จ ำ ก ป ฏิ กิ ริ ย ำ [2] จ ำ ก ค ว ำ ม ต้ อ ง ก ำ ร ใ ช้
ไบโอดีเซลของประเทศไทยทีเ่ พิม ่ มำกขึน ้ ส่งผลให้มีปริมำณของกลีเซอรอล
ดิบเพิม ่ มำกขึน ้
ดังนัน
้ กำรนำกลีเซอรอลดิบทีไ่ ด้จำกกระบวนกำรผลิตไบโอดีเซลไปป
ระยุก ต์ ใ ช้จึงได้รบ ั ควำมสนใจ เช่น กำรใช้ก ลี เ ซอรอลบริสุ ท ธิ ์ (Refined
glycerol) ที่ ไ ด้ จ ำ ก ก ร ะ บ ว น ก ำ ร ก ลั่ น ก ลี เ ซ อ ร อ ล ดิ บ ใ ห้ มี ค ว ำ ม -
บ ริ สุ ท ธิ ์ ม ำ ก ขึ้ น ใ น อุ ต ส ำ ห ก ร ร ม อ ำ ห ำ ร ย ำ เ ค รื่ อ ง ส ำ อ ำ ง
และสำรตัง้ ต้นในปฏิกริ ยิ ำเคมี [3]
กลีเซอรอลถูกนำไปใช้เป็ นสำรตัง้ ต้นในปฏิกิรยิ ำเคมีเพือ ่ ผลิตเป็ นสำ
รเคมี อื่นๆ เช่น แอโครลีน (Acrolein) โพรพิลีน ไกลคอล (Propylene
glycol) อิพิคลอโรไฮดริน (Epichlorohydrin) ไฮโดรเจน (Hydrogen)
แ ล ะ ก ลี เ ซ อ ร อ ล ค ำ ร์ บ อ เ น ต ( Glycerol carbonate) เ ป็ น ต้ น [4]
โดยเฉพำะอย่ำงยิง่ กำรผลิตกลีเซอรอลคำร์บอเนตในอุตสำหกรรมพบว่ำให้
ควำมคุม ้ ค่ำทีส่ ูงมำก เนื่องจำกถูกนำไปใช้อย่ำงแพร่หลำยในอุตสำหกรรม
เพรำะเป็ นสำรที่มี ค วำมเป็ นพิษต่ำ และสำมำรถย่อ ยสลำยทำงชี วภำพได้
ท ำ ใ ห้ เ มื่ อ จ ำ ห น่ ำ ย จึ ง มี ร ำ ค ำ สู ง
โดยในกำรผลิตนัน ้ เป็ นกำรทำปฏิกริ ยิ ำระหว่ำงกลีเซอรอลและไดเมทิลคำร์
บ อ เ น ต ( Dimethyl carbonate: DMC)
ใช้ตวั เร่งปฏิกริ ยิ ำวิวธิ พันธ์ชนิดเบส (Heterogeneous basic catalyst)
เช่น แคลเซี ย มออกไซด์ (Calcium oxide: CaO) แมกนี เซี ย มออกไซด์
(Magnesium oxide: MgO) และแคลเซี ย มคำร์ บ อเนต (Calcium
carbonate: CaCO3) เป็ นต้ น เพรำะตัว เร่ ง ปฏิ กิ ริ ย ำวิ วิ ธ พัน ธ์ ช นิ ด -
เ บ ส มี ร ำ ค ำ ถู ก ส ำ ม ำ ร ถ แ ย ก อ อ ก จ ำ ก ผ ลิ ต ภัณ ฑ์ ไ ด้ ด้ ว ย ก ำ ร ก รอง
และสำมำรถนำกลับมำใช้ซำ้ ได้ [5]
น อ ก จ ำ ก นี้
แคลเซียมออกไซด์ทใี่ ช้เป็ นตัวเร่งปฏิกริ ยิ ำสำมำรถสังเครำะห์ได้จำกวัสดุทำ
งธรรมชำติที่มี ส่วนประกอบหลัก เป็ นแคลเซี ยมคำร์ บ อเนต เช่น ปะกำรัง
เ ป ลื อ ก ไ ข่ แ ล ะ เ ป ลื อ ก ห อ ย เ ป็ น ต้ น
มีงำนวิจยั ค้นพบว่ำเปลือกหอยประกอบด้วยแคลเซีย มคำร์บอเนต 95 ถึง
99 เ ป อ ร์ เ ซ็ น ต์ โ ด ย น้ ำ ห นั ก [6]
แ ล ะ ป ร ะ ก อ บ ด้ ว ย แ ค ล เ ซี ย ม อ อ ก ไ ซ ด์ ม ำ ก ก ว่ ำ ห รื อ เ ท่ ำ กั บ 98
เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนัก [7]
ดั ง นั้ น ง ำ น วิ จั ย นี้ มุ่ ง เ น้ น ก ำ ร ผ ลิ ต ก ลี เ ซ อ ร อ ล ค ำ ร์ บ อ เ น ต
โ ด ย ศึ ก ษ ำ สั ด ส่ ว น ส ำ ร ตั้ ง ต้ น ร ะ ห ว่ ำ ง ก ลี เ ซ อ ร อ ล บ ริ สุ ท ธิ ์
แ ล ะ ไ ด เ ม ทิ ล ค ำ ร์ บ อ เ น ต
แ ล ะ เ ป รี ย บ เ ที ย บ ป ร ะ สิ ท ธิ ภ ำ พ ตั ว เ ร่ ง ป ฏิ กิ ริ ย ำ แ ค ล เ ซี ย ม -
อ อ ก ไ ซ ด์ จ ำ ก เ ก ร ด อุ ต ส ำ ห ก ร ร ม
และที่ ไ ด้ จ ำกกำรสัง เครำะห์ เ ปลื อ กหอยแครง นอกจำกนี้ ย งั พิ จ ำรณำ
ก ำ ร น ำ ก ลั บ ม ำ ใ ช้ ใ ห ม่ ข อ ง ตั ว เ ร่ ง ป ฏิ กิ ริ ย ำ
ในกำรทดลองใช้กลีเซอรอลบริสุทธิ ์ และไดเมทิลคำร์บอเนตเป็ นสำรตัง้ ต้น
มี แ ค ล เ ซี ย ม อ อ ก ไ ซ ด์ เ ป็ น ตัว เ ร่ ง ป ฏิ กิ ริ ย ำ แ บ บ วิ วิ ธ พัน ธ์ ช นิ ด เ บ ส
ควบคุมอุณหภูมท ิ ใี่ ช้ในกำรทำปฏิกริ ยิ ำที่ 75 องศำเซลเซียส
อ ย่ ำ ง ไ ร ก็ ต ำ ม ง ำ น วิ จั ย ที่ ผ่ ำ น ม ำ มี ข้ อ จ ำ กั ด คื อ
ถ้ ำ ห ำ ก ใ ช้ สั ด ส่ ว น เ ชิ ง โ ม ล ข อ ง ไ ด เ ม ทิ ล ค ำ ร์ บ อ เ น ต ต่ อ
กลีเซอรอลมำกเกินไปก็ไม่สำมำรถเพิม ่ อัตรำกำรเกิดของกลีเซอรอลคำร์บอ
เ น ต เ พ ร ำ ะ มี ข้ อ จ ำ กั ด ข อ ง
ก ำ ร ท ำ ป ฏิ กิ ริ ย ำ ร ะ ห ว่ ำ ง ก ลี เ ซ อ ร อ ล แ ล ะ ตั ว เ ร่ ง ป ฏิ กิ ริ ย ำ
ดั ง นั้ น จึ ง ต้ อ ง มี ก ำ ร ศึ ก ษ ำ สั ด ส่ ว น เ ชิ ง โ ม ล ที่ เ ห ม ำ ะ ส ม
และพบว่ำ ถ้ำ หำกอุ ณ หภู มิที่ใ ช้ ใ นกำรทดลองสู ง กว่ำ 85 องศำเซลเซี ย ส
จ ะ ท ำ ใ ห้ อ ัต ร ำ ก ำ ร เ กิ ด ข อ ง ก ลี เ ซ อ ร อ ล ค ำ ร์ บ อ เ น ต ล ด ล ง
เพรำะไดเมทิลคำร์บอเนตเกิดกำรระเหย เนื่องจำกจุดเดือดของไดเมทิล -
คำร์บอเนตเท่ำกับ 90 องศำเซลเซียส [8]

1.2 วัตถุประสงค์

1.2.1
่ หำสัดส่วนเชิงโมลของสำรตัง้ ต้นทีเ่ หมำะสมระหว่ำงกลีเซอรอลบริสุทธิ ์
เพือ
และไดเมทิล-คำร์บอเนต ในกำรผลิตกลีเซอรอลคำร์บอเนต
1.2.2
เพือ่ เปรียบเทียบประสิทธิภำพของตัวเร่งปฏิกริ ยิ ำแคลเซียมออกไซด์จำกเก
ร ด อุ ต ส ำ ห ก ร ร ม แ ล ะ จ ำ ก ก ำ ร สั ง เ ค ร ำ ะ ห์ เ ป ลื อ ก ห อ ย แ ค ร ง
ในกำรผลิตกลีเซอรอลคำร์บอเนต
1.2.3
เพือ ่ ศึกษำควำมเป็ นไปได้ในกำรนำตัวเร่ง ปฏิกริ ยิ ำแคลเซียมออกไซด์ กลับ
มำใช้ซ้ำ ของ เกรดอุ ต สำหกรรม และที่ส งั เครำะห์ จำกเปลือ กหอยแครง
ในกำรผลิตกลีเซอรอลคำร์บอเนต

1.3 ขอบเขตกำรวิจยั

1.3.1
ศึกษำเกีย่ วกับกำรใช้สดั ส่วนเชิงโมลของสำรตัง้ ต้นกลีเซอรอลบริสุทธิต ์ อ
่ ได
เ ม ทิ ล -ค ำ ร์ บ อ เ น ต ที่ แ ต ก ต่ ำ ง กั น
โดยใช้ตวั เร่งปฏิกริ ยิ ำแคลเซียมออกไซด์เกรดอุตสำหกรรม
1.3.2 ศึ ก ษ ำ ผ ล ข อ ง ก ลี เ ซ อ ร อ ล ค ำ ร์ บ อ เ น ต
ทีเ่ กิดจำกกำรใช้ตวั เร่งปฏิกริ ยิ ำแคลเซียมออกไซด์ ทีต ่ ำ่ งกัน
1.3.3 ศึ ก ษ ำ ผ ล ข อ ง ก ลี เ ซ อ ร อ ล ค ำ ร์ บ อ เ น ต
ที่ เ กิ ด จ ำ ก ก ำ ร น ำ ตั ว เ ร่ ง ป ฏิ กิ ริ ย ำ แ ค ล เ ซี ย ม อ อ ก ไ ซ ด์
ทีต ่ ำ่ งกันกลับมำใช้ซำ้ เพือ
่ ผลิตกลีเซอรอลคำร์บอเนต
1.4 ประโยชน์ ทไี่ ด้รบ
ั จำกงำนวิจยั

1.4.1
เพือ
่ เพิม ั กลีเซอรอลซึ่งเป็ นผลิตภัณฑ์พลอยได้ของกระบวนกำร
่ มูลค่ำให้กบ
ผลิตไบโอดีเซล
1.4.2
เพือ่ เป็ นกำรลดปริมำณกลีเซอรอลทีจ่ ะเพิม ้ ในอนำคตตำมแนวโน้ม
่ มำกขึน
อุตสำหกรรม ไบโอดีเซลของไทยทีม ่ ก
ี ำรเติบโตต่อเนื่อง

บทที่ 2
ทฤษฎี และงำนวิจยั ทีเ่ กีย่ วข้อง
2.1 กลีเซอรอล

กลี เ ซอรอล (Glycerol) หรื อ กลี เ ซอรี น (Glycerin) ชื่อ ตำมระบบ


IUPAC ว่ ำ 1,2,3-propanetriol สู ต ร โ ม เ ล กุ ล C3H5(OH)3
โ ค ร ง ส ร้ ำ ง โ ม เ ล กุ ล เ ป็ น พ อ ลิ อ อ ล ( Polyol)
ลักษณะทำงกำยภำพเป็ นของเหลวใส มีควำมหนืดเฉพำะตัวคล้ำยน้ำมัน
ไ ม่ มี สี ไ ม่ มี ก ลิ่ น มี ร ส ห ว ำ น
ภำยในโมเลกุลของกลีเซอรอลประกอบด้วยหมู่ไฮดรอกซิล (-OH) 3 หมู่
จึงทำให้ละลำยในน้ำและเอทำนอลได้ดี สูตรโครงสร้ำงแสดงใน รูปที่ 2.1
[9]

รูปที่ 2.1 โครงสร้ำงโมเลกุลของกลีเซอรอล

กระบวนกำรผลิต ไบโอดีเ ซลด้วยปฏิกิริย ำทรำนส์ เอสเทอริฟิ เคชั่น


(Transesterification) โ ด ย มี ไ ข มั น ห รื อ น้ ำ มั น ( Tri-glyceride)
แ ล ะ แ อ ล ก อ ฮ อ ล์ เ ป็ น ส ำ ร ตั้ ง ต้ น มี ตั ว เ ร่ ง ป ฏิ กิ ริ ย ำ เ ป็ น เ บ ส
ไ ด้ ผ ลิ ต ภัณ ฑ์ เ ป็ น ไ บ โ อ ดี เ ซ ล ห รื อ เ ม ทิ ล เ อ ส เ ท อ ร์ ( Methyl ester)
และกลีเซอรอลดิบเป็ นผลิตภัณฑ์พลอยได้ ดังแสดงในรูปที่ 2.2 [2]

รูปที่ 2.2 กระบวนกำรผลิตไบโอดีเซลด้วยปฏิกริ ยิ ำทรำนส์เอสเทอริฟิเคชั่น

กลี เ ซอรอลดิ บ ที่ แ ยกได้ จ ำกกระบวนกำรผลิ ต ไบโอดี เ ซลนั้ น


โ ด ย ทั่ ว ไ ป เ ป็ น ข อ ง เ ห ล ว ห นื ด
สี น้ ำ ต ำ ล ด ำ มี ค ว ำ ม บ ริ สุ ท ธิ ์ อ ยู ร ะ ห ว ำ ง 70 ถึ ง 80 เ ป อ ร์ เ ซ็ น ต์
ซึ่งองค ประกอบทีเ่ จือปนอยู ในกลีเซอรอลดิบ ได แก
ไตรกลีเ ซอไรด คงเหลือ เมทำนอลคงเหลือ ไบโอดีเซล สบู และอื่น ๆ
ก ลี เ ซ อ ร อ ล ดิ บ เ มื่ อ น ำ ไ ป แ ย ก ส ำ ร อิ น ท รี ย์ แ ล ะ สิ่ ง เ จื อ ป น อ อ ก
และนำไปกลั่นแบบสุญญำกำศจะได้กลีเซอรอลทีม ่ ีควำมบริสุทธิม ์ ำกยิง่ ขึน

ซึ่ ง ก ลี เ ซ อ ร อ ล บ ริ สุ ท ธิ ์ มี คุ ณ ส ม บั ติ ต ำ ม ที่ แ ส ด ง ใ น ต ำ ร ำ ง ที่ 2.1
ก ลี เ ซ อ ร อ ล บ ริ สุ ท ธิ ์ ถู ก น ำ ไ ป ใ ช้ กั บ อุ ต ส ำ ห ก ร ร ม ต่ ำ ง ๆ เ ช่ น
อุ ต ส ำ ห ก ร ร ม อ ำ ห ำ ร ใ ช้ เ ป็ น ส ำ ร ใ ห้ ค ว ำ ม ชุ่ ม ชื้ น ใ ห้ ค ว ำ ม ห ว ำ น
แ ล ะ ช่ ว ย ถ น อ ม อ ำ ห ำ ร
อุตสำหกรรมเครือ ่ งสำอำงและผลิตภัณฑ์ทำควำมสะอำดและดูแลร่ำงกำยใช้
เ ป็ น ส ำ ร ห ล่ อ ลื่ น ตั ว ท ำ ล ะ ล ำ ย ใ ห้ ค ว ำ ม ชุ่ ม ชื้ น
อุ ต ส ำ ห ก ร ร ม ย ำ ใ ช้ เ ป็ น ส ำ ร ห ล่ อ ลื่ น
และใช้เป็ นส่วนผสมของยำทีเ่ ป็ นน้ำเชือ ่ ม เป็ นต้น [9]

ิ องกลีเซอรอลบริสุทธิ ์
ตำรำงที่ 2.1 คุณสมบัตข
คุณสมบัติ ค่ำคงที่
มวลโมเลกุล 92.09 g/mol
ควำมหนำแน่ น 1.261 g/ml (ทีอ
่ ุณหภูมิ 20 °C)
ควำมหนืด 1.5 Pa.s
จุดเดือด 290 °C
จุดหลอมเหลว 18.17 °C
160 °C (Closed Cup)
จุดวำบไฟ
177 °C (Open Cup)

2.2 ไดเมทิลคำร์บอเนต

ไ ด เ ม ทิ ล ค ำ ร์ บ อ เ น ต ( Dimethyl carbonate: DMC)


เ ป็ น ส ำ ร ป ร ะ ก อ บ อิ น ท รี ย์ สู ต ร โ ม เ ล กุ ล OC(OCH3)2
ลัก ษณะทำงกำยภำพเป็ นของเหลวใส ไวไฟ ไม่มี สี กลิ่นคล้ำยเมทำนอล
มี ค ว ำ ม เ ป็ น พิ ษ ต่ ำ แ ล ะ ถู ก จั ด เ ป็ น Green reagent
เนื่ อ งจำกเป็ นตัว ท ำละลำยที่เ ป็ นมิต รกับ สิ่ง แวดล้อ ม (Green solvent)
และมี ค วำมสำมำรถในกำรย่ อ ยสลำยทำงชี ว ภำพสู ง สู ต รโครงสร้ำ ง
แสดงในรู ป ที่ 2.3 ไดเมทิ ล คำร์ บ อเนต เมื่ อ มี ก ำรสู ด ดมหรื อ สัม ผัส
ไ ม่ ก่ อ ใ ห้ เ กิ ด อ ำ ก ำ ร ร ะ ค ำ ย เ คื อ ง ห รื อ ก ำ ร ก ล ำ ย พั น ธุ์
จึ ง ส ำ ม ำ ร ถ ใ ช้ ง ำ น ไ ด้ อ ย่ ำ ง ป ล อ ด ภั ย
ซึง่ ไดเมทิลคำร์บอเนตมีคณ ุ สมบัตต ิ ำมทีแ
่ สดงในตำรำงที่ 2.2 [10]
รูปที่ 2.3 โครงสร้ำงโมเลกุลของไดเมทิลคำร์บอเนต

ตำรำงที่ 2.2 คุณสมบัตข


ิ องไดเมทิลคำร์บอเนต
คุณสมบัติ ค่ำคงที่
มวลโมเลกุล 90.08 g/mol
ควำมหนำแน่ น 1.07 g/ml
จุดเดือด 90 °C
จุดหลอมเหลว 4.6 °C
จุดวำบไฟ 21.7 °C (Open Cup)

กระบวนกำรสังเครำะห์ไดเมทิลคำร์บอเนต มี 3 วิธี ดังต่อไปนี้ [11]


2.2.1 สัง เครำะห์ จำกปฏิ กิ ริ ย ำระหว่ ำ งฟอสจี น ( Phosgene)
แ ล ะ เ ม ท ำ น อ ล ไ ด้ ก ร ด ไ ฮ โ ด ร ค ล อ ริ ก ( Hydrochloric acid)
เ ป็ น ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ ข้ ำ ง เ คี ย ง
วิ ธี นี้ เ ป็ น ก ำ ร สั ง เ ค ร ำ ะ ห์ ไ ด เ ม ทิ ล ค ำ ร์ บ อ เ น ต ที่ ใ ช้ ใ น อ ดี ต
ในปัจจุบน ั ไม่เป็ นทีน
่ ิยมเพรำะควำมเป็ นอันตรำยและควำมเป็ นพิษสูงของ
ฟอสจีน ปฏิกริ ยิ ำแสดงตำม สมกำร 2-1
COCl2 + 2 CH3OH → CH3OCO2CH3 + 2 HCl
(2-1)
2.2.2 สัง เ ค ร ำ ะ ห์ จ ำ ก ป ฏิ กิ ริ ย ำ ร ะ หว่ ำ ง โ พ ร พิ ลี น ค ำ ร์ บ อเนต
(Propylene carbonate) และ เมทำนอล ได้ โ พรพิ ลี น ไกลคอล
(Propylene glycol) เป็ นผลิต ภัณ ฑ์ ข้ำ งเคี ย ง วิธี นี้ เ ป็ นกำรสัง เครำะห์
ไดเมทิลคำร์บอเนตเชิงพำณิ ชย์ทีใ่ ช้ในปัจจุบน ั ปฏิกิริยำแสดงตำมสมกำร
2-2
C4H6O3 + 2 CH3OH → CH3OCO2CH3 +
C3H8O2 (2-2)
2.2.3 สัง เครำะห์ จ ำกปฏิกิ ริย ำระหว่ำ งก๊ำ ซคำร์ บ อนมอนอกไซด์
( Carbon Monoxide) เ ม ท ำ น อ ล แ ล ะ อ อ ก ซิ เ จ น
วิธี นี้ เ ป็ นกำรสัง เครำะห์ ไ ดเมทิล คำร์ บ อเนตเชิ ง พำณิ ช ย์ ที่ใ ช้ ใ นปัจ จุ บ น

ปฏิกริ ยิ ำแสดงตำมสมกำร 2-3
2 CH3OH + CO + ½ O2 → CH3OCO2CH3 +
H 2O (2-3)
ไ ด เ ม ทิ ล ค ำ ร์ บ อ เ น ต
เป็ นสำรเคมี ที่ถู ก น ำมำใช้ ป ระโยชน์ อ ย่ ำ งหลำกหลำยในอุ ต สำหกรรม
เช่น เป็ นตัวทำละลำยในอุตสำหกรรมสีและกำรเคลือบ เป็ นสำรมัธยันตร
(Intermediate) ในกำร-สัง เครำะห์ โ พลี ค ำร์ บ อเนต (Polycarbonate)
เ ป็ น ส ำ ร เ ติ ม แ ต่ ง เ พื่ อ เ พิ่ ม ค่ ำ อ อ ก เ ท น ใ น น้ ำ มั น เ บ น ซิ น
และเป็ นวัตถุดบ ิ ทีใ่ ช้ในกำรผลิตแบตเตอรีล่ เิ ทียมไอออน เป็ นต้น [10]

2.3 แคลเซียมออกไซด์

แคลเซียมออกไซด์ (Calcium oxide: CaO) ลักษณะเป็ นผงสีขำว


ในอุ ต สำหกรรมสำมำรถผลิ ต ได้ จ ำกกำรเผำหิ น ปู น (Lime stone)
ที่ อุ ณ หภู มิ สู ง ซึ่ ง ประกอบด้ ว ยแคลเซี ย มคำร์ บ อ เนตเป็ นส่ ว น ใหญ่
นอกจำกนี้ ส ำมำรถสัง เครำะห์ ไ ด้จ ำกวัส ดุ ท ำงธรรมชำติ เช่ น ปะกำรัง
เ ป ลื อ ก ไ ข่ แ ล ะ เ ป ลื อ ก ห อ ย เ ป็ น ต้ น
เ พ ร ำ ะ ภ ำ ย ใ น โ ค ร ง ส ร้ ำ ง มี ชั้ น ผ นึ ก แ ค ล เ ซี ย ม (Prismatic layer)
ป ร ะ ก อ บ ด้ ว ย ส ำ ร ป ร ะ ก อ บ แ ค ล เ ซี ย ม
ส่วนใหญ่จะอยูใ่ นรูปของแคลไซต์ของแคลเซียมคำร์บอเนต [6]
แคลเซียมออกไซด์นิยมใช้เป็ นตัวเร่งปฏิกิรยิ ำวิวธิ พันธ์ชนิดเบสในป
ฏิ กิ ริ ย ำ ท ร ำ น ส์ เ อ ส เ ท อ ริ ฟิ เ ค ชั่ น เ พื่ อ ผ ลิ ต ไ บ โ อ ดี เ ซ ล
แ ล ะ ก ลี เ ซ อ ร อ ล ค ำ ร์ บ อ เ น ต
นอกจำกนี้ สำมำรถใช้ในอุตสำหกรรมเหล็ก เพือ ่ เป็ นตัวดึงสำรเจือปนต่ำงๆ
ใ น ก ร ะ บ ว น ก ำ ร ผ ลิ ต เ ห ล็ ก
และเป็ นสำรสำหรับกำรตกตะกอนของกำรบำบัดน้ำเสีย [12]

2.4 กลีเซอรอลคำร์บอเนต

ก ลี เ ซ อ ร อ ล ค ำ ร์ บ อ เ น ต ( Glycerol carbonate)
หรื อ สำมำรถเรี ย กอี ก ชื่ อ ว่ ำ 4-hydroxymethyl-1,3-dioxolan-2-one
สู ต รโมเลกุ ล C4H6O4 ลัก ษณะทำงกำยภำพเป็ นของเหลวใส ไม่ มี สี
ไม่มีกลิน
่ และสำมำรถละลำยในน้ำได้ สูตรโครงสร้ำงแสดงในรูปที่ 2.4
กลีเซอรอลคำร์บอเนตเป็ นสำรเคมีทีน ่ ำมำใช้ อย่ำงหลำกหลำยในอุตสำหกร
รม เพรำะเป็ นสำรเคมี ที่มี เ อกลัก ษณ์ เ ฉพำะตัว เช่ น มี ค วำมเป็ นพิษ ต่ ำ
ควำมสำมำรถในกำรติ ด ไฟต่ ำ และสำมำรถย่ อ ยสลำยทำงชี ว ภำพได้
เป็ นต้น ซึ่งกลีเซอรอลคำร์ บอเนตมีคุณสมบัติตำมที่แสดงในตำรำงที่ 2.3
[13]

รูปที่ 2.4 โครงสร้ำงโมเลกุลของกลีเซอรอลคำร์บอเนต

ตำรำงที่ 2.3 คุณสมบัตข


ิ องกลีเซอรอลคำร์บอเนต
คุณสมบัติ ค่ำคงที่
มวลโมเลกุล 118 g/mol
ควำมหนำแน่ น 1.4 g/ml (ทีอ
่ ุณหภูมิ 20 °C)
จุดเดือด 110 - 115 °C (0.1 mmHg)
จุดวำบไฟ >190 °C

กระบวนกำรสังเครำะห์ กลีเซอรอลคำร์บอเนตในอุตสำหกรรมใช้ปฏิ
กิ ริ ย ำทรำนส์ เ อสเทอริ ฟิ เคชั่น ในกำรสัง เครำะห์ สำเหตุ จ ำกรำคำถู ก
ใช้เวลำในกำรทำปฏิกิริยำน้อย สำมำรถแยกตัวเร่งปฏิกิริยำออกมำได้ง่ำย
ผลิตภัณฑ์ทีไ่ ด้หรือกลีเซอรอลคำร์บอเนตสำมำรถนำไปแยกสิ่งเจือปนและ
ท ำ ใ ห้ บ ริ สุ ท ธิ ์ ไ ด้ ง่ ำ ย
โดยปฏิกริ ยิ ำทรำนส์เอสเทอริฟิเคชั่นเป็ นกำรทำปฏิกริ ยิ ำระหว่ำงกลีเซอรอล
แ ล ะ ไ ด เ ม ทิ ล ค ำ ร์ บ อ เ น ต ที่ ม ำ ก เ กิ น พ อ
จำกนั้นเติมตัวเร่งปฏิกิริยำชนิ ดเบส ได้เมทำนอลเป็ นผลิตภัณฑ์ข้ำงเคีย ง
ปฏิกริ ยิ ำแสดงใน รูปที่ 2.5 [5]
รูปที่ 2.5
กระบวนกำรสังเครำะห์กลีเซอรอลคำร์บอเนตด้วยปฏิกริ ยิ ำทรำนส์เอสเทอริ
ฟิ เคชั่น

กลีเซอรอลคำร์บอเนตถูกนำมำใช้ประโยชน์อย่ำงหลำกหลำยในอุตสำ
หกรรม เช่น เป็ นสำรเคมีแทนเอทิลีนคำร์บอเนต (Ethylene carbonate)
แ ล ะ โ พ ร พิ ลี น ค ำ ร์ บ อ เ น ต (Propylene carbonate)
ใช้เป็ นสำรมัธยันตร์สำหรับสังเครำะห์สำรเคมีและพอลิเมอร์ (Polymer)
ใช้ เ ป็ นตัว ท ำละลำยส ำหรับ แบตเตอรี่ อิ เ ล็ ก โทรไลต์ ( Electrolyte)
ใช้เป็ นตัวทำละลำยทีเ่ ป็ นมิตรกับ สิ่งแวดล้อมในอุตสำหกรรมเครือ ่ งสำอำง
และใช้เป็ นวัตถุดบิ ในงำนสี กำรเคลือบ และสำรหล่อลืน ่ เป็ นต้น [14]

2.5
กลไกกำรเกิดปฏิกริ ยิ ำทรำนส์เอสเทอริฟิเคชั่นของตัวเร่งปฏิกริ ยิ ำช
นิดเบส

กลไกกำรเกิดปฏิกริ ยิ ำทรำนส์เอสเทอริฟิเคชั่นของตัวเร่งปฏิกริ ยิ ำชนิ


ดเบส แสดงในรูปที่ 2.6 [5]
รูปที่ 2.6
กลไกกำรเกิดปฏิกริ ยิ ำทรำนส์เอสเทอริฟิเคชั่นของตัวเร่งปฏิกริ ยิ ำชนิดเบส

ขั้ น ต อ น ที่ 1 เ ป็ น ป ฏิ กิ ริ ย ำ ร ะ ห ว่ ำ ง ก ลี เ ซ อ ร อ ล
แ ล ะ ตั ว เ ร่ ง ป ฏิ กิ ริ ย ำ ช นิ ด เ บ ส ( B)
โ ด ย ตั ว เ ร่ ง ป ฏิ กิ ริ ย ำ ช นิ ด เ บ ส ที่ แ ข็ ง แ ร ง จ ะ รั บ โ ป ร ต อ น 1 ตั ว
จำกหนึ่ ง ในสองของหมู่ ไ ฮดรอกซิ ล หลัก (Primary hydroxyl- group)
ข อ ง ก ลี เ ซ อ ร อ ล ส่ ง ผ ล ใ ห้ เ กิ ด เ ป็ น ก ลี เ ซ อ ร อ ก ไ ซ ด์ แ อ น ไ อ อ อ น
(Glyceroxide anion) และกรด-คอนจูเกต (BH)
ขั้ น ต อ น ที่ 2
กลี เ ซอรอกไซด์ แ อนไอออนจ่ำ ยอิเ ล็ ก ตรอนให้ค ำร์ บ อนที่ห มู่ค ำร์ บ อนิ ล
(Carbonyl- carbon) ข อ ง โ ม เ ล กุ ล ไ ด เ ม ทิ ล ค ำ ร์ บ อ เ น ต
ส่ ง ผลให้ เ กิ ด เป็ นสำรมัธ ยัน ตร์ เ มทิ ล กลี เ ซอริ ล คำร์ บ อเนต (Methyl
glyceryl carbonate intermediate) แ ล ะ เ ม ท อ ก ไ ซ ด์ แ อ น ไ อ อ อ น
(Methoxide anion)
ขั้ น ต อ น ที่ 3 เ ม ท อ ก ไ ซ ด์ แ อ น ไ อ อ อ น จ ำ ก ขั้ น ต อ น ที่ 2
ท ำ ป ฏิ กิ ริ ย ำ กั บ ก ร ด ค อ น จู เ ก ต ที่ ไ ด้ จ ำ ก ขั้ น ต อ น ที่ 1
ส่งผลให้เกิดเป็ นเมทำนอล และเกิดตัวเร่งปฏิกริ ยิ ำชนิดเบสขึน ้ มำใหม่
ขั้ น ต อ น ที่ 4
สำรมัธ ยัน ตร์ เ มทิ ล กลี เ ซอริ ล คำร์ บ อเนตเกิ ด ปฏิกิ ริ ย ำปิ ดเป็ นวงแหวน
(Cyclization- reaction) ส ำ เ ห ตุ จ ำ ก อ อ ก ซิ เ จ น ที่ มี ป ร ะ จุ ล บ
(Nucleophilic) ที่ ห มู่ ไ ฮ ด ร อ ก ซิ ล ห มู่ ที่ 2 (Secondary- hydroxyl
group) เ ค ลื่ อ น ที่ ไ ป ห ำ ค ำ ร์ บ อ น ที่ ห มู่ ค ำ ร์ บ อ นิ ล
ส่งผลให้เกิดเป็ นกลีเซอรอลคำร์บอเนต และเมทำนอล

2.6 งำนวิจยั ทีเ่ กีย่ วข้อง

Rokicki แ ล ะ ค ณ ะ ( 2005)
ท ำกำรสัง เครำะห์ ก ลี เ ซอรอลคำร์ บ อเนตด้ว ยปฏิกิ ริ ย ำทรำนส์ เ อสเทอ-
ริ ฟิ เ ค ชั่ น
ใช้กลีเซอรอลบริสุทธิแ ์ ละไดเมทิลคำร์บอเนตทีม ่ ำกเกินพอเป็ นสำรตัง้ ต้นด้ว
ย สั ด ส่ ว น เ ชิ ง โ ม ล 1:3 มี โ พ แ ท ส เ ซี ย ม ค ำ ร์ บ อ เ น ต (K2CO3)
เป็ นตัว เร่ง ปฏิกิริย ำ (สัด ส่ว นเชิ ง โมลของตัว เร่ง ปฏิกิริย ำต่อ กลี เ ซอรอล
เท่ำ กับ 0.03) ท ำปฏิกิริย ำภำยใต้ก ำรรี ฟ ลัก ซ์ ที่ช่ ว งอุ ณ หภู มิ 73 ถึง 75
อ ง ศ ำ เ ซ ล เ ซี ย ส เ ป็ น เ ว ล ำ 3 ชั่ ว โ ม ง
หลัง จำกนั้น น ำกลี เ ซอรอลคำร์ บ อเนตที่ไ ด้ ไ ปแยกไดเมทิ ล คำร์ บ อเนต
แ ล ะ เ ม ท ำ น อ ล ด้ ว ย ก ำ ร ก ลั่ น ที่ อุ ณ ห ภู มิ 40 อ ง ศ ำ เ ซ ล เ ซี ย ส
ภ ำ ย ใ ต้ ก ำ ร ล ด ค ว ำ ม ดั น ที่ 0.5 มิ ล ลิ เ ม ต ร ป ร อ ท
และน ำไ ปก รองผ่ ำ น เรซิ น ชนิ ด -แลก เปลี่ ย นไอออนบวก (Cation-
exchanging resin: Amberlit IR 120) เ พื่ อ ก ำ จั ด ตั ว เ ร่ ง ป ฏิ กิ ริ ย ำ
พบว่ ำ ได้ เ ปอร์ เ ซ็ นต์ ผลได้ (Yield) ของกลี เ ซอรอลคำร์ บ อเนต 97
เ ป อ ร์ เ ซ็ น ต์ [15]
แต่งำนวิจยั นี้ พบว่ำมีขอ ้ ด้อยทีเ่ ป็ นตัวเร่งปฏิกริ ยิ ำเอกพันธุ์ของสำรประกอบ
โลหะหมู่ ที่ 1 (Alkali metal) และไฮดรอกไซด์ -ไอออน (Hydroxide
ion)
ซึ่งจะพบปัญหำเมือ ่ ทำกำรแยกตัวเร่งปฏิกริ ยิ ำทีล่ ะลำยผสมอยูใ่ นผลิตภัณฑ์
เพรำะไม่ ส ำมำรถน ำน้ ำ มำล้ ำ งเหมื อ นกรณี ผ ลิ ต ภัณ ฑ์ ไ บโอดี เ ซลได้
เ นื่ อ ง จ ำ ก ก ลี เ ซ อ ร อ ล ค ำ ร์ บ อ เ น ต ส ำ ม ำ ร ถ ล ะ ล ำ ย ใ น น้ ำ ไ ด้
ท ำ ใ ห้ ก ำ ร แ ย ก ส ำ ร เ กิ ด ไ ด้ ย ำ ก ขึ้ น [5]
ซึ่ ง อ ำ จ เ ป็ น ปั ญ ห ำ ร บ ก ว น ห ำ ก น ำ ม ำ ผ ลิ ต ใ น ร ะ ดั บ อุ ต ส ำ ห ก ร ร ม
จึงต้องมีกำรทดลองเพือ ่ หำตัวเร่งปฏิกริ ยิ ำต่ำงๆ ทีเ่ หมำะสมแทน
Ochoa-Gómez แ ล ะ ค ณ ะ (2009)
ศึกษำเกีย่ วกับตัวเร่งปฏิกริ ยิ ำและช่วงปฏิกริ ยิ ำทีเ่ หมำะสมในกำรสังเครำะห์
ก ลี เ ซ อ ร อ ล ค ำ ร์ บ อ เ น ต ด้ ว ย ป ฏิ กิ ริ ย ำ ท ร ำ น ส์ เ อ ส เ ท อ ริ ฟิ เ ค ชั่ น
โดยใช้สดั ส่วนเชิงโมลของ กลีเซอรอลบริสุทธิต ์ อ
่ ไดเมทิลคำร์บอเนตเป็ น
1:5 สำรผสมถู กนำไปปั่นและให้ควำมร้อ น เมื่อ ให้ค วำมร้อ นถึงอุณหภูมิ
75 อ ง ศ ำ เ ซ ล เ ซี ย ส ท ำ ก ำ ร เ ติ ม ตั ว เ ร่ ง ป ฏิ กิ ริ ย ำ
(สัด ส่วนเชิงโมลของตัวเร่งปฏิกิริย ำต่อ กลีเซอรอล เท่ำกับ 0.1)
เ พื่ อ เ ริ่ ม ก ำ ร ท ำ ป ฏิ กิ ริ ย ำ ห ลั ง จ ำ ก ท ำ ป ฏิ กิ ริ ย ำ ผ่ ำ น ไ ป 90 น ำ ที
กรองตัว เร่ ง ปฏิ กิ ริ ย ำออกและน ำไปล้ ำ งด้ ว ยเมทำนอลปริ ม ำตร 100
มิ ล ลิ ลิ ต ร จ ำ น ว น 3 ค รั้ ง
นำของเหลวผสมทีก ่ รองตัวเร่งปฏิกริ ยิ ำออกไปทำกำรระเหยแยกไดเมทิลคำ
ร์ บ อเนตและเมทำนอล จำกกำรทดลองพบว่ ำ ตัว เร่ ง ปฏิกิริ ย ำชนิ ด กรด
( Acid catalysts) ไ ด้ แ ก่ ก ร ด ซั ล ฟิ ว ริ ก ( H2SO4)
กรดพำรำโทลู อี น ซัล โฟนิ ก (p-Toluenesulfonic acid)
Amberlyst 131 Wet แ ล ะ Amberlyst 39 Wet
พบว่ำทุกชนิดทีใ่ ช้ทำกำรทดลองให้เปอร์เซ็นต์กำรเปลีย่ น (Conversion)
ข อ ง ก ลี เ ซ อ ร อ ล ใ น ช่ ว ง ต่ ำ ก ว่ ำ 34 เ ป อ ร์ เ ซ็ น ต์
และเปอร์เซ็นต์ผลได้ของกลีเซอรอลคำร์บอเนตในช่วงต่ำกว่ำ 7 เปอร์เซ็นต์
ส ำหรับ ตัว เร่ ง ปฏิ กิ ริ ย ำวิ วิ ธ -พัน ธุ์ ช นิ ด เบส ได้ แ ก่ แคลเซี ย มออกไซด์
(CaO) แคลเซี ย มคำร์ บ อเนต (CaCO3) แมกนี เ ซี ย มออกไซด์ (MgO)
Amberlyst A26OH แ ล ะ Amberjet- 4400 OH
พ บ ว่ ำ ตั ว เ ร่ ง ป ฏิ กิ ริ ย ำ ที่ ดี ที่ สุ ด คื อ แ ค ล เ ซี ย ม -
ออกไซด์ ที่ผ่ำ นกำรเผำที่อุ ณ หภู มิ 900 องศำเซลเซี ย ส เป็ นเวลำ 1 คื น
โดย ให้ เ ปอร์ เซ็ นต์ ก ำรเปลี่ ย นของ ก ลี เ ซอรอล 94.1 เปอร์ เซ็ นต์
และเปอร์ เ ซ็ น ต์ ผ ลได้ ข องกลี เ ซอรอลคำร์ บ อเนต 91.1 เปอร์ เ ซ็ น ต์
ส ำหรับ ตัว เร่ ง ปฏิ กิ ริ ย ำเอกพัน ธุ์ ชนิ ด เบส (Hemogeneous) ได้ แ ก่
โพแทสเซี ย มคำร์ บ อเนต (K2CO3) โพแทสเซี ย มไฮดรอกไซด์ (KOH)
และโซเดี ย มไฮดรอกไซด์ (NaOH) ให้ เ ปอร์ เ ซ็ น ต์ ก ำรเปลี่ ย นของ
กลีเซอรอลและเปอร์เซ็นต์ผลได้ของกลีเซอรอลคำร์บอเนตใกล้เคียงและเท่ำ
กั บ 100 เ ป อ ร์ เ ซ็ น ต์
จำกผลกำรทดลองพบว่ำแคลเซียมออกไซด์เป็ นตัวเลือกทีเ่ หมำะสมสำหรับเ
ป็ นตัว เร่ ง ปฏิ กิ ริ ย ำ ในกำรผลิ ต ระดับ อุ ต สำหกรรม เพรำะรำคำถู ก
ส ำ ม ำ ร ถ น ำ ก ลั บ ม ำ ใ ช้ ซ้ ำ ไ ด้
และแยกออกจำกผลิตภัณฑ์ได้งำ่ ยด้วยวิธีกำรกรอง [5]
ว ร ำ รั ต น์ เ ลิ ศ ส น เ ม ธ ำ กุ ล ( 2010)
ศึกษำกำรสังเครำะห์กลีเซอรอลคำร์บอเนตจำกกลีเซอรอลดิบทีไ่ ด้จำกกระบ
ว น ก ำ ร ผ ลิ ต ไ บ โ อ ดี เ ซ ล โ ด ย ใ ช้ ส ำ ร ตั้ ง ต้ น ตั ว เ ร่ ง ป ฏิ กิ ริ ย ำ
แ ล ะ ส ภ ำ ว ะ ใ น ก ำ ร ท ด ล อ ง เ ห มื อ น Rokicki แ ล ะ ค ณ ะ
แต่เปลีย่ นสำรตัง้ ต้นจำกกลีเซอรอลบริสุทธิเ์ ป็ นกลีเซอรอลดิบทีผ ่ ำ่ นกำรแย
ก ส ำ ร อิ น ท รี ย์ อ อ ก ด้ ว ย ส ำ ร ล ะ ล ำ ย ก ร ด ซัล ฟิ ว ริ ก ค ว ำ ม เ ข้ ม ขัน 98
เปอร์ เ ซ็ น ต์ โ ดยปริ ม ำตร เจื อ จำงกับ กลี เ ซอรอลบริ สุ ท ธิ ์แ ทน
พ บ ว่ ำ เ ป อ ร์ เ ซ็ น ต์ ก ำ ร เ ป ลี่ ย น ข อ ง ก ลี เ ซ อ ร อ ล 80.26 เ ป อ ร์ เ ซ็ น ต์
และเปอร์เซ็นต์ผลได้ของกลีเซอรอลคำร์บอเนต 77 เปอร์เซ็นต์ [16]
Zheng แ ล ะ ค ณ ะ ( 2014) ศึ ก ษ ำ ช่ ว ง อุ ณ ห ภู มิ (30 ถึ ง 70
อ ง ศ ำ เ ซ ล เ ซี ย ส )
ที่เหมำะสมในกำรกำรทำปฏิกิริยำและสัดส่วนของตัวเร่งปฏิกิริยำ Mg-Al
hydrotalcite (0.5 ถึ ง 6) ที่ ดี ที่ สุ ด ใ น ก ำ ร สั ง เ ค ร ำ ะ ห์
ก ลี เ ซ อ ร อ ล ค ำ ร์ บ อ เ น ต โ ด ย ใ ช้ ก ลี เ ซ อ ร อ ล บ ริ สุ ท ธิ ์ 0.438 โ ม ล
แ ล ะ ไ ด เ ม ทิ ล ค ำ ร์ บ อ เ น ต 0.135 โ ม ล เ ป็ น ส ำ ร ตั้ ง ต้ น
ทำกำรปั่นส่วนผสมและให้ควำมร้อนจนถึงช่วงอุณหภูมท ิ ก ี่ ำหนดในกำรทด
ลอง จำกนั้น เติ ม ตัว เร่ ง ปฏิ กิ ริ ย ำ 0.45 กรัม เพื่ อ เริ่ ม กำรท ำปฏิ กิ ริ ย ำ
ห ลั ง จ ำ ก ก ำ ร ท ำ ป ฏิ กิ ริ ย ำ ผ่ ำ น ไ ป 3 ชั่ ว โ ม ง ตั ว เ ร่ ง -
ป ฏิ กิ ริ ย ำ ถู ก แ ย ก อ อ ก ด้ ว ย เ ค รื่ อ ง เ ห วี่ ย ง ส ำ ร
จำกกำรทดลองพบว่ ำ สัด ส่ ว นของตัว เร่ ง ปฏิกิ ริย ำ Mg-Al hydrotalcite
ที่ ดี ที่ สุ ด คื อ 2 และอุ ณ หภู มิ ที่ เ หมำะสมในกำรท ำปฏิ กิ ริ ย ำ คื อ 70
องศำเซลเซี ย ส โดยให้ เ ปอร์ เ ซ็ น ต์ ก ำรเปลี่ ย นของกลี เ ซอรอล 66.9
เปอร์เซ็นต์ [17]
วุ ฒิ ชั ย ร ส ช ำ ติ ( 2015)
ได้ ท ำกำรศึ ก ษำตัว เร่ ง ปฏิ กิ ริ ย ำแคลเซี ย มออกไซด์ ที่ ส งั เครำะห์ จำก
วัส ดุ ธ รรมชำติ (เปลื อ กหอยแครง เปลื อ กหอยเชอรี่ และเปลื อ กไข่ )
ที่ เ ห ม ำ ะ ส ม ที่ สุ ด ใ น ก ำ ร สั ง เ ค ร ำ ะ ห์
กลีเซอรอลคำร์บอเนตและเปรียบเทียบผลกับแคลเซียมออกไซด์เกรดวิเครำ
ะ ห์ โ ด ย ก ร ะ บ ว น ก ำ ร สั ง เ ค ร ำ ะ ห์ แ ค ล เ ซี ย ม อ อ ก ไ ซ ด์
สำมำรถทำได้จำกนำเปลือกไปผ่ำนกระบวนกำรบด ร่อน และเผำเป็ นเวลำ
3 ชั่ ว โ ม ง ที่ อุ ณ ห ภู มิ 800 อ ง ศ ำ เ ซ ล เ ซี ย ส
ก ร ะ บ ว น ก ำ ร สั ง เ ค ร ำ ะ ห์ ก ลี เ ซ อ ร อ ล ค ำ ร์ บ อ เ น ต
ในกำรทดลองใช้สดั ส่วนเชิงโมลของกลีเซอรอลบริสุทธิต ์ อ ่ ไดเมทิลคำร์บอเ
น ต เ ป็ น 1:4 ตัว เ ร่ ง ป ฏิ กิ ริ ย ำ แ ค ล เ ซี ย ม - อ อ ก ไ ซ ด์ 4
เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนัก อุณหภูมิทีใ่ ช้ในกำรทำปฏิกิริยำ 80 องศำเซลเซียส
ห ลั ง จ ำ ก ท ำ ป ฏิ กิ ริ ย ำ ผ่ ำ น ไ ป 90 น ำ ที
ท ำ ก ำ ร ก ร อ ง ตั ว เ ร่ ง ป ฏิ กิ ริ ย ำ อ อ ก ล้ ำ ง ด้ ว ย เ ม ท ำ น อ ล
หลังจำกนั้น นำไปอบที่อุ ณหภู มิ 100 องศำเซลเซี ย ส เป็ นเวลำ 1
ชั่ ว โ ม ง ก่ อ น น ำ ตั ว เ ร่ ง ป ฏิ กิ ริ ย ำ ก ลั บ ม ำ ใ ช้ ซ้ ำ
จำกผลกำรทดลองพบว่ำตัวเร่งปฏิกริ ยิ ำแคลเซียมออกไซด์ จำกหอยแครงดี
ที่ สุ ด โดยให้ เ ปอร์ เ ซ็ น ต์ ผ ลได้ ข องกลี เ ซอรอลคำร์ บ อเนต 92.1
เ ป อ ร์ เ ซ็ น ต์
และตัวเร่งปฏิกริ ยิ ำแคลเซียมออกไซด์เกรดวิเครำะห์ให้เปอร์เซ็นต์ผลผลิตข
องกลีเซอรอลคำร์บอเนต 78.1 เปอร์เซ็นต์ ซึง่ น้อยทีส ่ ุด [8]

บทที่ 3
วัสดุ อุปกรณ์ และวิธีกำรดำเนินงำนวิจยั
3.1 อุปกรณ์ และสำรเคมี

3.1.1 วัตถุดบิ และสำรเคมี


1. กลีเซอรอลบริสุทธิ ์ (Glycerol: C3H5(OH)3) ควำมบริสุทธิ ์
99.91 เปอร์เซ็นต์
2. ไดเมทิลคำร์บอเนต (Dimethyl carbonate: DMC)
ควำมบริสุทธิ ์ 99.85 เปอร์เซ็นต์
3. กลีเซอรอลคำร์บอเนต (Glycerol carbonate: C4H6O4)
4. เมทำนอล (Methanol: CH3OH ) ควำมบริสุทธิ ์ 99.99
เปอร์เซ็นต์
5. ไอโซโพรพำนอล (Isopropanol: C3H8O) ควำมบริสุทธิ ์
99.90 เปอร์เซ็นต์
6. แคลเซียมออกไซด์ (Calcium oxide: CaO)
เกรดอุตสำหกรรม และสังเครำะห์จำก
เปลือกหอยแครง
7. น้ำมันพืช
สำหรับเป็ นตัวกลำงถ่ำยเทควำมร้อนไปยังขวดก้นกลม
8. น้ำ
9. ซิลก ิ ำเจล

3.1.2 อุปกรณ์
1. ขวดก้นกลม 3 คอ (3-neck bottom flask) ขนำด 100
มิลลิลต
ิ ร
2. เครือ่ งควบแน่ น (Condenser)
3. เทอร์โมมิเตอร์ (Thermometer)
4. เครือ ่ งให้ควำมร้อนและกวนผสม (Heater and stirrer)
5. แท่งแม่เหล็กกวนสำร (Magnetic stirrer)
6. สำยยำงซิลโิ คน
7. จุกปิ ดเครือ ่ งแก้ว (Glass stopper)
8. กระบอกฉี ดยำ (Syringe) ขนำด 3 มิลลิลต ิ ร
9. บีกเกอร์ (Beaker) ขนำด 100 มิลลิลต ิ ร
10. กระดำษกรอง
11. ปิ เปตต์ (Pipette) ขนำด 5 มิลลิลต ิ ร
12. ขวดวัดปริมำตร (Volumetric flask) ขนำด 10 และ 25
มิลลิลต
ิ ร
13. ขวดเก็บสำรตัวอย่ำง
14. เครือ ่ งชั่งน้ำหนัก
15. ภำชนะโลหะใส่น้ำมันพืช
16. เตำเผำ
17. ถ้วยเผำสำร
18. เดซิเคเตอร์ (Desiccator)
19. Gas chromatography (GC)
20. X-ray Powder Diffraction (XRD)
21. Scanning electron microscope (SEM)
22. Brunauer-Emmett-Teller (BET) Surface Area
Analysis

3.2 กำรทดลอง

3.2.1
กำรทดลองหำสัดส่วนเชิงโมลของสำรตัง้ ต้นทีเ่ หมำะสมระหว่ำงกลีเซอรอล
บริสุทธิแ ์ ละ ไดเมทิลคำร์บอเนต ในกำรผลิตกลีเซอรอลคำร์บอเนต
กำรทดลองนี้ เป็ นกำรศึกษำสัดส่วนเชิงโมลของกลีเซอรอลบริสุทธิต ์ อ่
ไดเมทิ ล คำร์ บ อเนต ที่ ใ ห้ ผลผลิ ต เป็ นกลี เ ซอรอลคำร์ บ อเนตดี ที่ สุ ด
โ ด ย จ ะ ศึ ก ษ ำ สั ด ส่ ว น เ ชิ ง โ ม ล ข อ ง ก ลี เ ซ อ ร อ ล บ ริ สุ ท ธิ ์ ต่ อ
ไ ด เ ม ทิ ล ค ำ ร์ บ อ เ น ต เ ป็ น 1:1 1:3 แ ล ะ 1:5 ต ำ ม ล ำ ดั บ
โ ด ย ใ ช้ ตั ว เ ร่ ง ป ฏิ กิ ริ ย ำ แ ค ล เ ซี ย ม อ อ ก ไ ซ ด์
เกรดอุตสำหกรรมทีผ ่ ำ่ นกำรอบทีอ
่ ุณหภูมิ 110 องศำเซลเซียส เป็ นเวลำ 3
ชั่ ว โ ม ง เ พื่ อ ป้ อ ง กั น ค ว ำ ม ชื้ น
ทีส่ ดั ส่วนเชิงโมลของตัวเร่งปฏิกริ ยิ ำต่อกลีเซอรอล เท่ำกับ 0.1
ขัน
้ ตอนกำรทดลอง
1. เ ต รี ย ม ก ลี เ ซ อ ร อ ล บ ริ สุ ท ธิ ์
และตัวเร่งปฏิกริ ยิ ำแคลเซียมออกไซด์ตำมสัดส่วนเชิงโมลทีก ่ ำหนดในตำรำ
ง 3.1 ใส่ลงในขวดก้นกลม 3 คอ
2. ติ ด ตั้ง ชุ ด อุ ป กรณ์ ในกำรสัง เครำะห์ ก ลี เ ซอรอลคำร์ บ อเนต
โดยใช้เครือ ่ งให้ควำมร้อนและ กวนผสม เทอร์โมมิเตอร์ เครือ ่ งควบแน่ น
แ ล ะ แ ท่ ง แ ม่ เ ห ล็ ก โ ด ย น ำ ข ว ด ก้ น ก ล ม 3 ค อ
วำงในภำชนะโลหะทีเ่ ติมน้ำมันพืชไว้เพือ ่ ใช้น้ำมันพืชเป็ นตัวกลำงในกำรใ
ห้ควำมร้อนสำหรับทำปฏิกริ ยิ ำ
3. ทำกำรให้ควำมร้อนและกวนผสมสำรที่ควำมเร็ว 300 รอบ/นำที
เพือ ่ ให้ได้อุณหภูมิ 75 องศำเซลเซียส
4. เ มื่ อ อุ ณ ห ภู มิ 75 อ ง ศ ำ เ ซ ล เ ซี ย ส
เติมไดเมทิลคำร์บอเนตเพือ ่ เริม
่ ทำปฏิกริ ยิ ำ เป็ นเวลำ 90 นำที
5. ทำกำรเก็บตัวอย่ำงทุก 30 นำที
6. น ำ ตั ว อ ย่ ำ ง ผ ล ผ ลิ ต ที่ ไ ด้ ไ ป ท ำ ก ำ ร วิ เ ค ร ำ ะ ห์ ด้ ว ย Gas
chromatography แ ล ะ น ำ ไ ป ค ำ น ว ณ ห ำ เ ป อ ร์ เ ซ็ น ต์ ก ำ ร เ ป ลี่ ย น
(Conversion) และเปอร์เซ็นต์ผลได้ (Yield)
7. ก ร อ ง ตั ว เ ร่ ง ป ฏิ กิ ริ ย ำ แ ค ล เ ซี ย ม อ อ ก ไ ซ ด์ อ อ ก
และน ำไปล้ ำ งด้ ว ยเมทำนอลปริ ม ำตร 100 มิ ล ลิ ลิ ต ร จ ำนวน 3 ครั้ง
หลัง จำกนั้น น ำไปอบที่อุ ณ หภู มิ 110 องศำเซลเซี ย ส เป็ นเวลำ 3 ชั่ว โมง
ก่อนนำตัวเร่งปฏิกริ ยิ ำกลับมำใช้ซำ้

ต ำ ร ำ ง ที่ 3.1
์ อ
สัดส่วนเชิงโมลของกลีเซอรอลบริสุทธิต ่ ไดเมทิลคำร์บอเนตทีใ่ ช้ในกำรทด
ลอง
สัดส่วนเชิงโมล ปริมำณ ปริมำณ ปริมำณ
กลีเซอรอล:ไดเมทิลคำร์บ กลีเซอร ไดเมทิลคำร์บอเ แคลเซียมออกไ
อเนต อล นต ซด์
(กรัม) (กรัม) (กรัม)
1 : 1 (0.50 : 0.50) 46.05 46.04 2.80
1 : 3 (0.25 : 0.75) 23.02 69.06 1.40
1 : 5 (0.17 : 0.83) 15.66 76.42 0.95

3.2.2
กำรทดลองเปรียบเทียบประสิทธิภำพของตัวเร่งปฏิกริ ยิ ำแคลเซียมออกไซด์
จ ำ ก เ ก รดอุ ต สำหก ร รม แ ล ะ จ ำก ก ำรสัง เครำะห์ เปลื อ ก หอย แครง
ในกำรผลิตกลีเซอรอลคำร์บอเนต
กำรทดลองนี้เป็ นกำรเปรียบเทียบประสิทธิภำพของตัวเร่งปฏิกริ ยิ ำแค
ล เ ซี ย ม อ อ ก ไ ซ ด์ จ ำ ก เ ก ร ด อุ ต ส ำ ห ก ร ร ม
และจำกกำรสังเครำะห์เปลือกหอยแครง ในกำรผลิตกลีเซอรอลคำร์บอเนต
โดยขั้น ตอนกำรทดลองและสภำวะในกำรทดลองเหมื อ นกำรทดลองที่
3.2.1 ใ น ก ำ ร ท ด ล อ ง นี้ เ ลื อ ก ใ ช้ สั ด ส่ ว น เ ชิ ง โ ม ล ข อ ง
กลีเซอรอลบริสุทธิต ์ อ
่ ไดเมทิลคำร์บอเนตทีเ่ หมำะสมทีส ่ ุดจำกกำรทดลองที่
3.2.1
3.2.3
กำรทดลองศึกษำควำมเป็ นไปได้ในกำรนำตัวเร่งปฏิกริ ยิ ำแคลเซียมออกไซ
ด์กลับมำใช้ซำ้ ของเกรดอุตสำหกรรม และทีส ่ งั เครำะห์จำกเปลือกหอยแครง
ในกำรผลิตกลีเซอรอลคำร์บอเนต
กำรทดลองนี้เป็ นกำรนำตัวเร่งปฏิกิรยิ ำแคลเซียมออกไซด์จำกกำรท
ด ล อ ง ที่ 3.2.2 ก ลั บ ม ำ ใ ช้ ซ้ ำ เ พื่ อ ผ ลิ ต ก ลี เ ซ อ ร อ ล ค ำ ร์ บ อ เ น ต
โดยขั้น ตอนกำรทดลองและสภำวะในกำรทดลองเหมื อ นกำรทดลองที่
3.2.2
ก ำหนดกำรนำตัวเร่งปฏิกิริย ำแคลเซี ย มออกไซด์ ก ลับ มำใช้ซ้ำจ ำนวน 2
ครัง้

3.3 กำรวิเครำะห์

3.3.1 กำรวิเครำะห์ดว้ ย X-ray Powder Diffraction (XRD)


เพือ
่ วิเครำะห์องค์ประกอบของแคลเซียมออกไซด์ เกรดอุตสำหกรรม
แ ล ะ ที่ สั ง เ ค ร ำ ะ ห์ จ ำ ก เ ป ลื อ ก -ห อ ย แ ค ร ง
โดยวิเครำะห์กอ ่ นทำกำรทดลองผลิตกลีเซอรอลคำร์บอเนต

3.3.2 กำรวิเครำะห์ดว้ ย Brunauer-Emmett-Teller (BET)


Surface Area Analysis
เพือ่ วิเครำะห์พื้นทีผ ่ วิ จำเพำะของของแคลเซียมออกไซด์เกรดอุตสำห
ก ร ร ม แ ล ะ ที่ สั ง เ ค ร ำ ะ ห์ จ ำ ก เ ป ลื อ ก ห อ ย แ ค ร ง
โ ด ย วิ เ ค ร ำ ะ ห์ ก่ อ น ท ำ ก ำ ร ท ด ล อ ง ผ ลิ ต ก ลี เ ซ อ ร อ ล ค ำ ร์ บ อ เ น ต
และหลังกำรนำแคลเซียมออกไซด์กลับมำใช้ซำ้ จำนวน 2 ครัง้

3.3.3 กำรวิเครำะห์ดว้ ย Scanning electron microscope


(SEM)
เพื่ อ ศึ ก ษำพื้ น ผิว ของของแคลเซี ย มออกไซด์ เ กรดอุ ต สำหกรรม
แ ล ะ ที่ สั ง เ ค ร ำ ะ ห์ จ ำ ก เ ป ลื อ ก -ห อ ย แ ค ร ง
โ ด ย วิ เ ค ร ำ ะ ห์ ก่ อ น ท ำ ก ำ ร ท ด ล อ ง ผ ลิ ต ก ลี เ ซ อ ร อ ล ค ำ ร์ บ อ เ น ต
และหลังกำรนำแคลเซียมออกไซด์กลับมำใช้ซำ้ จำนวน 2 ครัง้
3.3.4 กำรวิเครำะห์ดว้ ย Gas chromatography (GC)
เพือ
่ วิเครำะห์โดยกำรแยกองค์ประกอบของสำรทีม
่ ีอยูใ่ นตัวอย่ำงกลีเ
ซอรอลคำร์ลอเนตทีไ่ ด้จำกกำรทดลอง

You might also like