Professional Documents
Culture Documents
บทที่ 5 ทฤษฎีเฮคเชอร์-โอลินห์
บทที่ 5 ทฤษฎีเฮคเชอร์-โอลินห์
(Heckscher-Ohlin Theorem)
ทฤษฎีเฮคเชอร ์-โอห ์ลิน ถือกำเนิ ดมำจำกนักเศรษฐศำสตร ์ชำวสวีเดน 2
คน คือ เอลิ เฮคเชอร ์ และเบอร ์ทิล โอห ์ลิน
ได ้ทำกำรพัฒนำแบบจำลองกำรค ้ำระหว่ำงประเทศขึน้
่ อมำมีผูน้ ำหลักทฤษฎีนีไปใช
ซึงต่ ้ ่ ยกกันว่ำ
้กันอย่ำงแพร่หลำยดังทีเรี
ทฤษฎีเฮคเชอร ์-โอห ์ลิน (Heckscher-Ohlin Theorem)
หรือเรียกเป็ นภำษำไทยได ้ว่ำ ทฤษฎีสดั ส่วนปัจจัยกำรผลิต
โดยทฤษฎีนีจะให้ ค้ วำมสำคัญแก่สด
ั ส่วนโดยเปรียบเทียบของปัจจัยกำรผลิต
(Relative Factor Proportions)
่ อยู่โดยเปรียบเทียบ
หรือปริมำณปัจจัยกำรผลิตทีมี (Relative Factor
Endowments)
้
โดยมีแนวคิดพืนฐำนว่ ่ ควำมเข ้มข ้นในกำรใช ้ปัจจัย
ำประเทศจะส่งออกสินค ้ำทีมี
กำรผลิตอย่ำงเหลือเฟื อ
่ ควำมเข ้มข ้นในกำรใช ้ปัจจัยกำรผลิตทีขำดแคลน
และจะนำเข ้ำสินค ้ำทีมี ่ เช่น
สมมติให ้ประเทศมีปัจจัยกำรผลิตสองชนิ ด ได ้แก่ แรงงำน (labor: L) และทุน
(capital: K) ประเทศทีมี่ แรงงำนมำกและมีทนุ น้อย
ประเทศนั้นจะมีคำ่ แรงงำนต่ำ แต่ต ้นทุนเงินทุนจะสูง
ประเทศนั้นก็จะส่งออกสินค ้ำทีใช
่ ้สัดส่วนในกำรผลิตของแรงงำนมำกกว่ำทุน
่ ้สัดส่วนในกำรผลิตของทุนมำกกว่ำแรงงำน
และจะนำเข ้ำสินค ้ำทีใช
้
5.1 ข้อสมมติเบืองต้
นของทฤษฎีเฮคเชอร ์-โอห ์ลิน
่
5.2 เครืองมื ่ ในการวิเคราะห ์ทฤษฎีเฮคเชอร ์-โอห ์ลิน
อทีใช้
่ อสำคัญทีถู
เครืองมื ่ กนำมำใช ้ในกำรวิเครำะห ์ทฤษฎีของเฮคเชอร ์และโอ
ห ์ลิน คือ ทฤษฎีกำรผลิตทีวิ่ เครำะห ์โดยใช ้เส ้นผลผลิตเท่ำกัน (isoquant
curve) เส ้นเป็ นไปได ้ในกำรผลิต (production possibilities curve: PPC)
และเส ้นต ้นทุนเท่ำกัน (isocost curve) รูปกล่อง (The Box Diagram)
และอัตรำกำรใช ้ปัจจัย (factor intensity)
กำหนดให ้ Q = จำนวนผลผลิต
K = จำนวนทุน
L = จำนวนแรงงำน
5.2.2
ความสัมพันธ ์ของเส้นผลผลิตเท่ากน
ั และเส้นเป็ นไปได้ในการผลิต
K
Kb b
Ka a Iqb
Iqa
L
PPC
b
Yb
PP
Ca สินค้า
รู ปที่ 2 0เส ้นเป็ นไปได ้ในกำรผลิ ้ Xa
Xb ตของทังสองประเทศ x
รูปที่ 2 เส ้นเป็ นไปได ้ในกำรผลิตของทัง้ 2 ประเทศ
่ี ้นเป็ นไปได ้ในกำรผลิตของประเทศ
สำเหตุทเส A (PPCa)
มีควำมโน้มเอียงไปในกำรผลิตสินค ้ำ X เนื่ องจำกประเทศ A
มีปัจจัยกำรผลิตแรงงำนเป็ นจำนวนมำก และสินค ้ำ X
่ นผลิตสินค ้ำประเภททีเน้
เป็ นสินค ้ำทีเน้ ่ นกำรใช ้ปัจจัยแรงงำน ประเทศ A
จึงเหมำะแก่กำรผลิตสินค ้ำ X หรืออำจเป็ นไปได ้ว่ำ ประเทศ A
่ ปัจจัยแรงงำนอยู่เป็ นจำนวนมำก
เป็ นประเทศทีมี
ทำให ้รำคำปัจจัยแรงงำนในประเทศ A มีรำคำไม่สูงมำก ทำใหก้ ำรผลิตสินค ้ำ X
่ ้องใช ้แรงงำนจำนวนมำกได ้เปรียบทำงต ้นทุนเมือเปรี
ทีต ่ ยบเทียบกับประเทศ B
่ ปัจจัยแรงงำนอยูเ่ ป็ นจำนวนน้อย
ซึงมี
5.2.3
ความสัมพันธ ์ระหว่างเส้นผลผลิตเท่าก ันและเส้นต้นทุนเท่ากน
ั
่ ำวข ้ำงต ้นแล ้วว่ำเส ้นผลผลิตเท่ำกัน
จำกทีกล่ (isoquant curve)
แสดงถึงปัจจัยกำรผลิตสองชนิ ดทีใช ่ ้ผลิตร่วมกันในสัดส่วนทีแตกต่
่ ำงกันแต่ให ้
ผลผลิตเท่ำกัน โดยมีคณุ สมบัติ ดังนี ้
่
1. เส ้นผลผลิตเท่ำกันเป็ นเส ้นทีลำดลงจำกซ ้ำยไปทำงขวำ (negative
sloping) เนื่ องจำกกำรทีผู
่ ผ้ ลิตใช ้ปัจจัยกำรผลิตชนิ ดหนึ่ งลดลง
่
ก็จะเพิมกำรใช ้ปัจจัยกำรผลิตอีกชนิ ดหนึ่ ง
่
เพือให ้ได ้ผลผลิตจำนวนเท่ำเดิม ้ เพรำะปั
ทังนี ้ จจัยกำรผลิตทัง้ 2
ชนิ ดสำมำรถทดแทนกันได ้
2. เส ้นผลผลิตเท่ำกันจะเป็ นเล ้นโค ้งเว ้ำเข ้ำหำจุดกำเนิ ด (convex to the
origin) เพรำะว่ำอัตรำกำรทดแทนกันระหว่ำงปัจจัยกำรผลิต 2
ชนิ ดมีลก ่
ั ษณะลดลงเรือยๆ (diminishing marginal rate of
technical substitution)
่ ่ทำงขวำมือจะแสดงถึงผลผลิตทีมำกขึ
3. เส ้นผลผลิตเท่ำกันทีอยู ่ น้
4. เส ้นผลผลิตเท่ำกันจะตัดหรือสัมผัสกันไม่ได ้
รูปที่ 3 เส ้นผลผลิตเท่ำกัน
จำกรูปข ้ำงต ้น
จะเห็นได ้ว่ำเส ้นผลผลิตเท่ำกันจะเป็ นเส ้นโค ้งลำดลงจำกซ ้ำยมือไปขวำมือ
และควำมลำดเอียงของเส ้นเรียกว่ำ
อัตรำหน่ วยท ้ำยสุดของกำรทดแทนกันทำงเทคนิ คระหว่ำงปัจจัยกำรผลิต
(marginal rate of technical subsititution : MRTS) 1
่ ้นนี จะบอกถึ
ซึงเส ้ ่ กำรใช ้เ
งควำมสำมำรถของแต่ละหน่ วยของปัจจัยกำรผลิตทีมี
่ น้
พิมขึ
่
ในอันทีจะใช ้แทนปัจจัยกำรผลิตอีกชนิ ดหนึ่ งทีลดลงแล
่ ้วยังคงผลิตอยู่บนเส ้นผ
ลผลิตเท่ำกันเส ้นเดิม เช่น บนเส ้นผลผลิตเท่ำกันเส ้นที่ 1 (iq1)
ผูผ้ ลิตจะผลิตทีจุ่ ด A โดยใช ้ปัจจัยกำรผลิตทุน เท่ำกับ OK1 และ
ปัจจัยกำรผลิตแรงงำนเท่ำกับ OL1 ต่อมำถ ้ำผูผ ่ ตไปทีจุ่ ด B
้ ลิตเลือนกำรผลิ
บนเส ้นผลผลิตเส ้นเดิม ผูผ ้ ลิตจะใช ้ปัจจัยทุน OK2 และปัจจัยแรงงำน OL2
่
ซึงในกำรเลื ่
อนกำรผลิ ตจำกจุด A ไปยังจุด B นั้น
่ น้
ผูผ้ ลิตจะต ้องใช ้แรงงำนเพิมขึ ่
L1 L2 เพือทดแทนทุ ่
นทีลดลง K1 K2
หรืออำจจะกล่ำวได ้ว่ำโดยเฉลียแล ่ ้ว K1 K2 / L1 L2
ของทุนได ้ร ับกำรทดแทนโดยแรงงำน 1 หน่ วย
นั้นคืออัตรำกำรทดแทนทำงเทคนิ คของแรงงำนเพือทุ
่ น แสดงโดยอัตรำ K1 K2
/ L1 L2 หรือ AC/CB (marginal rate of technical substitution of
labour for capital : MRTS1k = K / L) ซึงค่ ่ ำ MRTS
1 MRTS หมำยถึง
K MPPk + L MPPL = 0
จัดรูปสมกำรใหม่ จะได ้
∆K
MRTSLK = -
∆L
MPPL
=
MPPK
อย่ำงไรก็ตำม ่
เพือให ้ได ้ประสิทธิภำพสูงสุดในกำรผลิต
ผูผ้ ลิตจะต ้องผลิตสินค ้ำให ้ได ้ปริมำณสูงสุดภำยใต ้งบประมำณหรือต ้นทุนทีตน ่
มีอยู่ ่ ผ
โดยต ้นทุนทีผู ้ ลิตมีอยู่น้ันสำมำรถแสดงได ้โดยเส ้นต ้นทุนเท่ำกัน
(isocost curve) ่ งส่วนผสมต่ำงๆของปัจจัยกำรผลิตทัง้ 2 ชนิ ด
ทีแสดงถึ
คือปัจจัยกำรผลิตทุน (K) และแรงงำน (L)
่ ผ
ทีผู ่ อยู่ในรำคำปัจจัยกำรผลิตข
้ ลิตนำมำใช ้ร่วมกันภำยใต ้ต ้นทุนกำรผลิตทีมี
ณะนั้น และเพือควำมเข
่ ่
้ำใจในเรืองเส ้นต ้นทุนเท่ำกันมำกขึน้ ขอยกตัวอย่ำง
ดังนี ้
กำหนดให ้ผูผ
้ ลิตมีงบประมำณเท่ำกับ 100 บำท (C = 100)
รำคำของทุน 1 หน่ วยเท่ำกับ 20 บำท (Pk = 20) รำคำของแรงงำนเท่ำกับ 10
บำท (PL = 10) เส ้นต ้นทุนเท่ำกันสำมำรถแสดงเป็ นแผนภำพได ้ ดังนี ้
่ ผ
จำกรูปภำพข ้ำงต ้น จะเห็ นได ้ว่ำ งบประมำณทีผู ้ ลิตมีอยู่ 100 บำท
ถ ้ำผูผ ้ นเพียงอย่ำงเดียวได ้ 5 หน่ วย (C/Pk = 100/20 = 5 หน่ วย)
้ ลิตซือทุ
หรือจะจ ้ำงแรงงำนเพียงอย่ำงเดียวได ้ 10 หน่ วย (C/PL = 100/10 = 10
หน่ วย) แต่ถ ้ำผูผ ้
้ ลิตใช ้ปัจจัยกำรผลิตทังสองชนิ ดร่วมกัน
่ ่บนเส ้นตรงทีเรี
จะได ้จุดทีอยู ่ ยกว่ำเส ้นต ้นทุนเท่ำกันทีมี
่ ควำมลำดเอียงของเส ้นเ
ท่ำกับ ∆K/∆L = PL/PK = 1/2
ดังนั้น ่
เพือประโยชน์ สูงสุดในกำรผลิต
ผูผ้ ลิตจะต ้องผลิตใหไ้ ด ้ผลผลิตสูงสุดภำยใตง้ บประมำณทีมี ่ อยู่
่
และจุดทีจะผลิ ตใหไ้ ด ้ผลผลิตสูงสุด ผูผ
้ ลิตจะต ้องผลิต ณ
่ ้นผลผลิตเท่ำกัน (isoquant curve) สัมผัสกับเส ้นต ้นทุนเท่ำกัน
จุดทีเส
(isocost curve) ซึงจุ่ ดนี ควำมลำดเอี
้ ยงของเส ้นผลผลิตเท่ำกัน (isoquant
curve) จะเท่ำกับควำมลำดเอียงของเส ้นต ้นทุนเท่ำกัน (isocost curve)
นั่นคือ
PL MPPL
=
PK MPPK
จัดรูปใหม่ จะได ้
MPPL MPPK
=
PL PK
รูปกล่องแสดงถึงกำรจัดสรรปัจจัยกำรผลิตของประเทศทีมี ่ อยู่ไปผลิตสิน
่
ค ้ำอย่ำงมีประสิทธิภำพสูงสุด เพือให ้ได ้ผลผลิตสูงสุด ดังนี ้
่
2 เส ้นแนวทำงขยำยกำรผลิต หมำยถึง เส ้นทีแสดงให ้เห็นถึงกำรใช ้ปัจจัยกำรผลิตทัง้ 2
่
ชนิ ดในส่วนผสมทีแตกต่ ่ ยต ้นทุนในกำรผลิตต่ำสุด
ำงกัน ทีเสี
โดยเส ้นแนวทำงขยำยกำรผลิตได ้จำกกำรลำกเชือมต่ ่ ่
อกันของจุดทีแสดงส่ วนประกอบของปัจจัยกำร
่ ่
ผลิตทีใช ้ต ้นทุนตำสุด หรือให ้ผลผลิตสูงสุด ณ จุดสัมผัสของเส ้นผลผลิตเท่ำกันและเส ้นต ้นทุนเท่ำกัน
จำกรูปที-่ ้
แกนตังแสดงปริ
มำณของทุน
ส่วนแกนนอนแสดงปริมำณของแรงงำน
่
รูปกล่องจะแสดงถึงปริมำณปัจจัยกำรผลิตทีประเทศมี
อยู่และเส ้นทะแยง OxOy
่
จะแสดงถึงอัตรำกำรใช ้ปัจจัยถัวเฉลียของประเทศ
โดยถ ้ำกำหนดให ้ประเทศผลิตสินค ้ำ 2 ชนิ ด คือ ผำ้ (x) และเหล็ก (y)
่
กำรผลิตข ้ำวเริมจำก ่
Ox ถึง Oy และกำรผลิตผำ้ เริมจำก Oy ถึง Ox ดังนั้น
เรำสำมำรถสร ้ำงเส ้นผลผลิตเท่ำกันของสินค ้ำ x และ y ได ้โดยสินค ้ำ x
่
เริมจำก Ox และสินค ้ำ y ่
เริมจำก Oy
่ ่ภำยในรูปกล่องจะแสดงถึงผลผลิตสินค ้ำ x และ y ร่วมกัน
จุดใดๆก็ตำมทีอยู
เช่น ทีจุ่ ด D แสดงถึงปริมำณของสินค ้ำข ้ำว 50 หน่ วย และผำ้ 45 หน่ วย
แต่ทว่่ี ำจุด D
่ มป
เป็ นจุดทีไม่ ่
ี ระสิทธิภำพในกำรผลิตเพรำะว่ำถ ้ำเรำเลือนกำรผลิ
ตตำมเส ้น
50x มำทีจุ่ ด A เรำจะได ้ข ้ำวเป็ นปริมำณเท่ำเดิม แต่จะได ้สินค ้ำผำ้ เพิมขึ
่ น้
เนื่ องจำกจุด A เป็ นจุดทีเส
่ ้นผลผลิตเท่ำกัน 50x สัมผัสกับเส ้นผลผลิตเท่ำกัน
60y ้
จุดนี จะเป็ ่ ประสิทธิภำพในกำรผลิต
นจุดทีมี
เพรำะอัตรำทดแทนทำงเทคนิ คในกำรผลิตสินค ้ำทัง้ 2 ชนิ ดเท่ำกัน
ประเทศจะใช ้ทุน OK และแรงงำน OL ในกำรผลิตสินค ้ำผำ้
่ อใช ้ในกำรผลิตสินค ้ำเหล็ก
ส่วนปัจจัยทีเหลื
ถ ้ำเรำลำกเส ้นผ่ำนจุดทีซึ ่ งเส
่ ้นผลผลิตเท่ำกันสองเส ้นสัมผัส
เรำจะได ้เส ้นเสน้ หนึ่ งทีเรี
่ ยกว่ำเส ้น contract curve เช่นเส ้น OxABCOy
ทุกๆจุดบนเส ้น contract curve ่ ประสิทธิภำพในกำรผลิต
เป็ นจุดทีมี
่
จุดอืนๆที ่ ่นอกเส ้น
อยู contract curve
่ มป
จะเป็ นจุดทีไม่ ี ระสิทธิภำพในกำรผลิต
่
เพรำะประเทศสำมำรถทีจะเพิ ่ นค ้ำชนิ ดหนึ่ งโดยทีสิ
มสิ ่ นค ้ำอีกชนิ ดหนึ่ งไม่ได ้ลด
ลงเลย และจำกรูป 4.3(ก)
เรำสำมำรถนำจุดทีมี ่ ประสิทธิภำพในกำรผลิตจำกกำรใช ้ปัจจัยกำรผลิตทัง้ 2
่ ผลผลิตผำ้ 50 หน่ วยและเหล็ก 60 หน่ วย
ชนิ ดมำผลิตสินค ้ำได ้แก่ จุด A ทีมี
่ ผลผลิตผำ้ 95 หน่ วยและเหล็ก 45 หน่ วย และจุด C ทีมี
จุด B ทีมี ่ ผลผลิตผำ้
130 หน่ วยและเหล็ก 20 หน่ วยมำสร ้ำงเส ้นเป็ นไปได ้ในกำรผลิตได ้ดังรูปที่ 4.3
(ข)
5.4 อต
ั ราการใช้ปัจจัย (Factor Intensity)
ดังนั้น เมือท
่ ำกำรเปรียบเทียบอัตรำส่วนของปัจจัยทุนต่อแรงงำนของทัง้
2 ประเทศ จะพบว่ำ ประเทศ B
มีอต ้
ั รำส่วนของปัจจัยทุนต่อแรงงำนในกำรผลิตสินค ้ำทังเหล็ กและผำ้ สูงกว่ำปร
ะเทศ A โดยในกำรผลิตเหล็ก ประเทศ B
มีอต
ั รำส่วนของปัจจัยทุนต่อแรงงำนเท่ำกับ 4 ่
ในขณะทีประเทศ A
มีอต
ั รำส่วนทุนต่อแรงงำนเท่ำกับ 1 และในกำรผลิตสินค ้ำผำ้ ประเทศ B
มีอต
ั รำส่วนของปัจจัยทุนต่อแรงงำนเท่ำกับ 1 ส่วนประเทศ A
มีอตั รำส่วนของปัจจัยทุนต่อแรงงำนเท่ำกับ 1/4 ่
ซึงกำรที ่
ประเทศ
B
ใช ้ทุนมำกในกำรผลิตสินค ้ำทัง้ 2 ชนิ ดนี ้ อำจเป็ นสำเหตุมำจำกประเทศ B
มีปัจจัยทุนอยู่เป็ นจำนวนมำก ทำให ้รำคำทุนของประเทศ B ถูกกว่ำประเทศ A
ดังนั้น ผูผ
้ ลิตในประเทศ B
่ จะลดต
จึงใช ้ทุนไปทดแทนแรงงำนเพือที ่ ้นทุนกำรผลิตลง
5.5 ความเข้มข้นในการใช้ปัจจัยการผลิต
ในกำรศึกษำแบบจำลองของเฮคเชอร ์-
่ ค้ วำมสำคัญแก่สด
โอห ์ลินทีให ั ส่วนโดยเปรียบเทียบของปัจจัยกำรผลิต
จะเน้นกำรศึกษำเกียวกั่ ่ ้แรงงำนมำก
บกำรผลิตสินค ้ำ 2 ประเภท คือ สินค ้ำทีใช
(labor abundant) และสินค ้ำทีใช ่ ้ทุนมำก (capital abundant)
่ ก
ในทีนี ้ ำหนดให ้ผำ้ เป็ นสินค ้ำทีใช
่ ้แรงงำนมำก และเหล็ กเป็ นสินค ้ำทีใช
่ ้ทุนมำก
่
ซึงควำมมี
มำกของปัจจัยกำรผลิต (factor abundant)
่ อยู่โดยเปรียบเทียบของ 2 สินค ้ำ ดังนี ้
จะถูกกำหนดโดยปัจจัยกำรผลิตทีมี
กำรคำนวณหำสัดส่วนทุนต่อแรงงำน
K/Lx1 = 4/10 = 0.40
จำกรูปภำพข ้ำงต ้น
จะเห็นว่ำผูผ
้ ลิตจะเลือกใช ้ทุนและแรงงำนในจุดทีเสี่ ยต ้นทุนต่ำสุดจะอยู่ทจุ่ี ด E
่ นจุดทีเส
ซึงเป็ ่ ้นต ้นทุนเท่ำกัน C1 สัมผัสกับเส ้นผลผลิตเท่ำกัน (iq) ค่ำควำมชนั
ณ จุดสัมผัสจะมีคำ่ MPPL/ MPPk เท่ำกับ w/r และในกำรผลิตเหล็ก 1
หน่ วยจะใช ้ทุนเท่ำกับ OK1 หน่ วย และใช ้แรงงำน OL1 หน่ วย โดย ณ จุด E
้ ผ
นี ผู ้ ลิตจะเสียต ้นทุน wL + rK ต่ำสุด ภำยใต ้เงือนไขที
่ ่
จะผลิตผำ้ ให ้ได ้ 1
หน่ วย (F(K, L) = 1)
้
และหำกนำเส ้นต ้นทุนเท่ำกันและเส ้นผลผลิตเท่ำกันทังของเหล็ กและผ้ำมำไว ้ใน
รูปภำพเดียวกัน (รูปภำพที่ ---)
้
จะเห็ นเส ้นแนวทำงในกำรขยำยขนำดกำรผลิตในอุตสำหกรรมทังสองแตกต่
ำง
กันอย่ำงชดั เจน
กล่ำวคือเส ้นแนวทำงในกำรขยำยขนำดกำรผลิตเหล็กจะมีคำ่ ควำมชนั มำกกว่ำ
เส ้นแนวทำงในกำรขยำยขนำดกำรผลิตผำ้ ดังภำพที่ ---- กำหนดให ้จุด X1
่ ยต ้นทุนต่ำสุดในกำรผลิตผำ้
คือจุดทีเสี และจุด X2
่ ยต ้นทุนต่ำสุดในกำรผลิตเหล็กและหำกลำกเส ้นจำกจุดกำเนิ ด
คือจุดทีเสี
(จุดศูนย ์) ผ่ำนจุด X1 และจุด X2 จะเห็นว่ำเส ้น X2 มีควำมชนั มำกกว่ำเส ้น X1
รู ปภาพที่ --------
่
อ ัตราส่วนทุนต่อแรงงานทีเหมาะสมในการผลิ
ตผ้าและเหล็ก
ี่ าคญ
5.6 ทฤษฎีทส ั ในแบบจาลองของเฮคเชอร ์-โอห ์ลิน
่ ดอยู่ในแบบจำลองของเฮคเชอร ์-โอห ์ลิน
ทฤษฎีสำคัญทีจั ได ้แก่
ทฤษฎีของเฮคเชอร ์-โอห ์ลิน (Heckscher-Ohlin Theorem)
ทฤษฎีว่ำด ้วยควำมเท่ำเทียมกันของรำคำปัจจัยกำรผลิต (Factor-Price
Equalization Theorem) ทฤษฎีของสโตเพิล-ซำมูเอลสัน (Stolper-
Samuelson Theorem) และ ทฤษฎีของริบซินสกี (Rybczynski
Theorem) โดยมีรำยละเอียด ดังนี ้
- ก่อนมีการค้าระหว่างประเทศ
ประเทศ A จุดดุลยภำพในกำรผลิต และจุดดุลยภำพในกำรบริโภคจะอยู่
ณ จุดที่ D* ่ นจุดทีเส
ซึงเป็ ่ ้นควำมเป็ นไปได ้ในกำรผลิต PPCa
สัมผัสกับเส ้นควำมพึงพอใจของผูบ้ ริโภคเส ้น CC1
ประเทศ B จุดดุลยภำพในกำรผลิต และจุดดุลยภำพในกำรบริโภคจะอยู่
ณ จุดที่ D ่ นจุดทีเส
ซึงเป็ ่ ้นควำมเป็ นไปได ้ในกำรผลิต PPCb
สัมผัสกับเส ้นควำมพึงพอใจของผูบ้ ริโภคเส ้น CC1
หำกเปรียบเทียบรำคำสัมพัทธ ์ของเหล็กต่อผ้ำของสองประเทศ (px2/px1)
โดยพิจำรณำจำกค่ำควำมชันของเส ้นควำมพอใจของชุมชนเส ้นที่ 1 ณ จุด
D* ของประเทศ A และค่ำควำมชันของเส ้นควำมพอใจของชุมชนเส ้นที่ 1 ณ
จุด D ของประเทศ B จะเห็นได ้ว่ำรำคำสัมพัทธ ์ของเหล็กในประเทศ B
จะถูกกว่ำในประเทศ A (ค่ำควำมชนั ของเส ้นควำมพอใจของผูบ้ ริโภค ณ จุด
D ชันน้อยกว่ำจุด D*)
- หลังมีการค้าระหว่างประเทศ
่
เมือประเทศมี
ระบบเศรษฐกิจแบบเปิ ด (open economy)
่ กำรติดต่อค ้ำขำยกับต่ำงประเทศแล ้ว
ทีมี
ตำมทฤษฎีของเฮคเชอร ์-
่ ค้ วำมสำคัญแก่สด
โอลินห ์ทีให ั ส่วนโดยเปรียบเทียบของปัจจัยกำรผลิต
่ ควำมเข ้มข ้นในกำรใช ้ปัจจัยกำรผลิ
โดยมีแนวคิดว่ำประเทศจะส่งออกสินค ้ำทีมี
ตอย่ำงเหลือเฟื อ
่ ควำมเข ้มข ้นในกำรใช ้ปัจจัยกำรผลิตทีขำดแคลน
และจะนำเข ้ำสินค ้ำทีมี ่
จะพบว่ำ
ประเทศ A
่ ควำมได ้เปรียบเชิงเปรียบเทียบในกำรผลิตผำ้ มำกกว่ำประเทศ B
เป็ นประเทศทีมี
ถ ้ำพิจำรณำเส ้น PPCa จะพบว่ำลักษณะเส ้น PPCa
่ ้ปัจจัยแรงงำนในกำรผลิตเป็ นหลัก
มีควำมโน้มเอียงไปในกำรผลิตผำ้ ทีใช
ส่งผลให ้ประเทศ A หันไปผลิตผำ้ มำกขึน้
่
ทำให ้จุดดุลยภำพในกำรผลิตเลือนมำอยู ่ทจุ่ี ด F*
่ อยู่ไปผลิตผำ้ มำกขึนในขณะที
เพรำะใช ้ปัจจัยทีมี ้ ่
ลดกำรผลิ ตเหล็กลง
ส่วนจุดดุลยภำพในกำรบริโภคจะเคลือนย ่ ำ้ ยมำอยู่ทจุ่ี ด I*
บนเส ้นควำมพึงพอใจของผูบ้ ริโภคเส ้นที่ 3 ดังนั้นประเทศ A
จะมีผำ้ เหลือในจำนวน F*H* ่ ้องส่งไปแลกกับเหล็กจำนวน
ซึงต H*I*
่ เพียงพอในกำรบริโภค (พิจำรณำสำมเหลียม
ทีไม่ ่ F*I*H*)
ประเทศ B
จะมีควำมได ้เปรียบเชิงเปรียบเทียบในกำรผลิตเหล็กมำกกว่ำประเทศ A
เพรำะเส ้น PPCb
่ ้ปัจจัยกำรผลิตประเภททุนเป็ นหลัก
มีควำมโน้มเอียงไปในกำรผลิตเหล็กทีใช
ส่งผลให ้ประเทศ B มีปริมำณกำรผลิตเหล็กมำกขึน้
่
ทำให ้จุดดุลยภำพในกำรผลิตเลือนจำกจุ ด D มำยังจุด F
่ อยู่ไปผลิตเหล็กมำกขึนในขณะเดี
และใช ้ปัจจัยกำรผลิตทีมี ้ ยวกันก็ลดปริมำณ
กำรผลิตผำ้ ลง ส่วนจุดดุลยภำพในกำรบริโภคจะเคลือนย่ ้ำยมำอยู่ทจุ่ี ด I
บนเส ้นควำมพึงพอใจของผูบ้ ริโภคเส ้นที่ 2 ทำให ้ประเทศ B จะมีเหล็กจำนวน
HF ่ ้องส่งไปแลกกับผำ้ จำนวน
ทีต IH ่ เพียงพอในกำรบริโภค
ทีไม่
(พิจำรณำสำมเหลียม่ FIH)
่ ดขึนหลั
ผลทีเกิ ้ งมีกำรค ้ำระหว่ำงประเทศ
้
จะพบว่ำทังสองประเทศต่ ้ อเที
ำงมีควำมพอใจสูงขึนเมื ่ ยบกับก่อนมีกำรค ้ำระหว่ำ
งประเทศ
และรำคำสินค ้ำโดยเปรียบเทียบในสินค ้ำสองชนิ ดในสองประเทศจะมีคำ่ เท่ำกัน
(พิจำรณำจำกค่ำควำมชันของเส ้นควำมพอใจของชุมชน เส ้น 2 ทีจุ่ ด I
จะมีคำ่ ควำมชันเท่ำกับค่ำควำมชันของเสน้ ควำมพอใจของชุมชน เสน้ 3 ทีจุ่ ด
I*)
นั่นคือหลังมีกำรค ้ำระหว่ำงประเทศ
(px1/px2)1B = (px1/px2)1 A
5.6.2 ทฤษฎีวา
่ ด้วยความเท่าเทียมก ันของราคาปั จจัยการผลิต
(Factor-Price Equalization Theorem)
กฎของกำรเท่ำกันของรำคำปัจจัยกำรผลิต กล่ำวว่ำ
่ นไปอย่ำงเสรี
กำรค ้ำระหว่ำงประเทศทีเป็
่
จะนำมำซึงรำคำปั ่ ำเทียมกันทังสองประเทศ
จจัยกำรผลิตทีเท่ ้
โดยควำมหมำยของรำคำปัจจัยในทฤษฎีนีไม่ ้ ได ้มีควำมหมำยในแง่รำคำทร ัพย ์
สินของปัจจัยกำรผลิต ้ วนของเครืองจั
หรือไม่ได ้หมำยถึงในรำคำชินส่ ่ กร
้
หรือค่ำแรงทังหมดของแรงงำน
่ จะมี
แต่รำคำปัจจัยในทีนี ้ ควำมหมำยในแง่คำ่ เช่ำทีจ่่ ำยใหก้ บ
ั กำรบริกำรของปัจ
จัย ตัวอย่ำงเช่น อัตรำค่ำจ ้ำงสำหร ับกำรบริกำรของคนงำนต่อหนึ่ งช่วงเวลำ
จะเป็ นรำยสัปดำห ์ รำยเดือน หรือรำยปี ก็ได ้
และอัตรำค่ำเช่ำสำหร ับกำรใช ้บริกำรจำกทุน
่
ซึงกำรค ้ำเสรีจะทำใหร้ ำคำปัจจัยกำรผลิตในสองประเทศเท่ำกัน
่ ้จริงเท่ำกัน
โดยคนงำนในสองประเทศจะได ้ร ับอัตรำค่ำจ ้ำงทีแท
่ ้จริงเท่ำกันเช่นกัน
และทุนในสองประเทศจะได ้ร ับอัตรำค่ำเช่ำทีแท
่ นเช่นนี เพรำะประเทศที
ทีเป็ ้ ่ แรงงำนมำกมักจะทำกำรผลิตสินค ้ำส่งออกทีเน้
มี ่ นก
่
ำรใช ้แรงงำนเป็ นหลักเพือไปแลกกั ่ นกำรใช ้ทุนเป็ นหลัก
บสินค ้ำทีเน้
่
และเมือประเทศทำกำรส่งออกสินค ้ำเน้นกำรใช ้แรงงำนมำกก็จะทำให ้มีกำรใช ้แ
รงงำนมำกขึน้ ซึงจะส่
่ งผลให ้แรงงำนเป็ นปัจจัยสำคัญในกำรผลิตสินค ้ำส่งออก
่
เพือหำรำยได ้เข ้ำประเทศ ทำใหอ้ ต ่ ้จริงในประเทศทีส่
ั รำค่ำจ ้ำงทีแท ่ งออกสูงขึน้
ในขณะเดียวกันประเทศผูน้ ำเข ้ำก็จะลดกำรผลิตสินค ้ำทีใช ่ ้แรงงำนมำกลง
ทำใหอ้ ต ่ ้จริงมีแนวโน้มลดลง
ั รำค่ำจ ้ำงทีแท
่ ้จริงในประเทศทังสองเท่
และท ้ำยสุดอัตรำค่ำจ ้ำงทีแท ้ ำกัน
่
ซึงเหตุ ้ จะเกิดขึนในประเทศที
กำรณ์เช่นเดียวกันนี ก็ ้ ส่่ งออกสินค ้ำทีเน้
่ นกำรใช ้ปั
จจัยทุนเป็ นหลักเช่นกัน
ใ น ที่ นี ้
่ จะพิ
ขอยกตัวอย่ำงเพือที ่ สูจน์ทฤษฎีควำมเท่ำเทียมกันของรำคำปัจจัยกำรผลิต
โดยก ำหนดให ม ้ ี ป ระเทศอยู่ 2 ประเทศ ได แ้ ก่ ประเทศ A และประเทศ B
โ ด ย ทั้ ง ส อ ง ป ร ะ เ ท ศ เ ป็ น ป ร ะ เ ท ศ คู่ ค ้ ำ กั น
แ ล ะ ก ำ ห น ด ใ ห ้ ร ะ ดั บ เท ค โ น โ ล ยี ข อ ง ทั้ ง ส อ ง ป ร ะ เท ศ เห มื อ น กั น
้
โดยทังสองประเทศจะท ำกำรผลิต โดยอำศัย ปั จ จัย กำรผลิต สองชนิ ด ได แ้ ก่
่
แรงงำน (L) และทุน (K) เพือใช ้ในกำรผลิตสินค ้ำประเภทเหล็กและผำ้ ดังนี ้
ส ำ ห ร ั บ ห ลั ง มี ก ำ ร ค ้ ำ ข ำ ย ร ะ ห ว่ ำ ง ป ร ะ เ ท ศ ป ร ะ เ ท ศ A
จ ะ ส่ ง ผ ้ ำ เป็ น สิ น ค ้ ำ อ อ ก แ ล ะ น ำ เข ้ ำ เห ล็ ก ใ น ข ณ ะ ที่ ป ร ะ เท ศ B
จะส่งเหล็กเป็ นสินค ้ำออก และนำเข ้ำผำ้ จะทำใหเ้ มือประเทศ ่ A จะส่งผำ้ ออกไป
้
(พิจำรณำจุด C) จะทำใหร้ ำคำผำ้ โดยเปรียบเทียบจะสูงขึนโดยปร บั รำคำจำก
OG ม ำ อ ยู่ ที่ OH ใ น ข ณ ะ ที่ ป ร ะ เ ท ศ B
่ ำผำ้ เข ้ำมำจะทำให ้รำคำผำ้ โดยเปรียบเทียบจะลดลงโดยปรบั รำคำจำก OI
เมือน
ม ำ อ ยู่ ที่ OH
ส่วนรำคำปัจจัยกำรผลิตก็จะมีกำรปรบั รำคำเช่นกันโดยอัตรำค่ำจ ้ำงโดยเปรียบ
เที ย บ ข อ ง ป ร ะ เท ศ A จ ะ สู ง ขึ ้ น จ ำ ก OD ม ำ อ ยู่ ที่ OE (ป ร ะ เท ศ A
เพิ่มกำรผลิตผำ้ มำกขึน
้ จึงเพิ่มกำรใช ้แรงงำนมำกขึนเมื
้ ่อเปรียบเทียบกับทุน
ท ำ ใ ห ้ อั ต ร ำ ค่ ำ จ ้ ำ ง โ ด ย เ ป รี ย บ เ ที ย บ สู ง ขึ ้ น )
ส่วนอัตรำค่ำจ ้ำงโดยเปรียบเทียบของประเทศ B จะลดลงจำก OF มำอยู่ท่ี OE
(ประเทศ B ลดกำรผลิ ต ผ ำ้ ลง จึง ใช แ้ รงงำนน้อ ยลงเมื่ อเปรีย บเที ย บกับ ทุ น
ทำใหอ้ ต
ั รำค่ำจ ำ้ งโดยเปรีย บเทีย บลดลง) ทำให ห
้ ลังมีก ำรคำ้ ระหว่ำงประเทศ
ทั้งรำคำปั จ จัย กำรผลิ ต และรำคำสิ น ค ำ้ ใน 2 ประเทศมี แ นวโน้ ม เท่ ำ กัน
แ ล ะ ถ ้ ำ ล ำ ก ทั้ ง 3 จุ ด เ ชื่ อ ม ต่ อ กั น จ ะ ไ ด ้ เ ส ้ น Q
่
ทีแสดงให ่ ลั
เ้ ห็ นถึงควำมสัมพันธ ์ระหว่ำงรำคำปัจจัยกำรผลิตและรำคำสินคำ้ ทีมี
้
กษณะลำดขึนจำกซ ้ำยไปขวำ (upward sloping)
รู ปที่ 1.12 การเท่าเทียมก ันในราคาปั จจัย
ทฤษฎีรบิ ชินสกี
่ี
เป็ นทฤษฎีทแสดงถึ ่
งกำรเปลียนแปลงของปั จจัยกำรผลิตชนิ ดใดชนิ ดหนึ่ งทีส่
่ ง
ผลกระทบต่อระดับกำรผลิต โดยกำหนดให ้ ปัจจัยกำรผลิตมี 2
ชนิ ดและปัจจัยกำรผลิตชนิ ดหนึ่ งมีจำนวนเปลียนแปลงไป
่
่ จจัยกำรผลิตอีกชนิ ดหนึ่ งมีจำนวนคงที่
ในขณะทีปั
และระดับรำคำสินค ้ำและรำคำปัจจัยกำรผลิตคงทีด่ ้วย
โดยสำมำรถอธิบำยได ้ดังรูปภำพที่ กำหนดให ้เส ้น KK
เป็ นเส ้นแสดงข ้อจำกัดของสินค ้ำประเภททุน (capital constraint) และเส ้น
LL เป็ นเส ้นแสดงข ้อจำกัดของปัจจัยแรงงำน (labor constraint) สมมติให ้
ประเทศทำกำรผลิตสินค ้ำ 2 ประเภท คือ ผำ้ (X) และเหล็ก (Y)
ระดับกำรผลิตบนเส ้น PPCA ของประเทศจะดุลยภำพทีจุ่ ด A คือจุดทีเส
่ ้น LL
เส ้น KK และเสน้ PPC A ตัดกันพอดี
่
ในระยะเวลำต่อมำมีกำรอพยพแรงงำนจำกประเทศเพือนบ ้ำนเข ้ำมำยังประเทศม
่ น้ อีกทังประชำกรซึ
ำกยิงขึ ้ ่ ่ในวัยกำลังแรงงำนมีเพิมขึ
งอยู ่ น้
่ น้ ทำใหเ้ ส ้น LL
ส่งผลให ้ปัจจัยกำรผลิตแรงงำนในประเทศเพิมขึ
่
เลือนไปทำงขวำเป็ นเส ้น LL1 เกิดดุลยภำพใหม่ทจุ่ี ด B (จุดทีเส
่ น้ KK เส ้น LL1
่
และเส ้น PPCB ตัดกันพอดี) และเมือเปรียบเทียบดุลยภำพเดิมกับดุลยภำพใหม่
่
จะพบว่ำ เมือประเทศมี ่ ้ในกำรผลิตมำกขึน้
จำนวนแรงงำนทีใช
้
ประเทศจะมีกำรผลิตผำ้ มำกขึนตำมไปด ้วย
่ ้แรงงำนเป็ นหลักในกำรผลิต
เพรำะผำ้ เป็ นสินค ้ำทีใช
โดยปริมำณผลผลิตผำ้ จะเพิมสู ่ งขึนจำกเดิ
้ ม OX1 เป็ น OX2
และผลิตเหล็กได ้ลดลงจำกเดิม OY1 เป็ น OY2
เนื่ องจำกในกำรผลิตเหล็กเน้นปัจจัยกำรผลิตประเภททุนเป็ นหลัก
และสินค ้ำประเภททุนไม่มป ้
ี ริมำณมำกขึนในประเทศ
่
สำหร ับในกรณี ปัจจัยกำรผลิตประเภททุนเพิมมำกขึน้
่
จะมีกำรเปลียนแปลงเส ้นแสดงข ้อจำกัดของทุน ดังนี ้
รูปที่ 3.26 แสดงจุดดุลยภำพในกรณี ทปั
่ี จจัยทุนเพิมขึ
่ น้
จำกรูปภำพข ้ำงต ้น
่ี ้นแสดงข ้อจำกัดของปัจจัยทุนเปลียนแปลงไ
เป็ นกำรแสดงแผนภำพในกรณี ทเส ่
ป โดยเส ้น KK เป็ นเส ้นแสดงข ้อจำกัดของสินค ้ำประเภททุน และเส ้น LL
เป็ นเส ้นแสดงข ้อจำกัดของปัจจัยแรงงำน โดยจุด A เป็ นจุดดุลยภำพเดิม
ประเทศผลิตผำ้ OX1 และผลิตเหล็ก OY1
ิ ค ้ำประเภททุนมำกขึน้ ทำให ้เส ้น KK
ต่อมำประเทศมีสน
่
เลือนจำกเดิมไปทำงขวำมือได ้เส ้นใหม่เป็ นเส ้น KK1 และเส ้น PPC
่
จะเคลือนตั ่ ำให ้ระดับกำรผลิตเหล็ กเพิมขึ
วในลักษณะทีท ่ น้ ทำให ้ได ้จุด B
เป็ นจุดดุลยภำพใหม่มก ี ำรผลิตผำ้ ลดลงจำกเดิม OX1 เป็ น OX2
่ นจำกเดิ
และผลิตเหล็ กเพิมขึ ้ ม OY1 เป็ น OY2
่
กล่ำวสรุปได ้ว่ำ โดยทัวไปแล ้ว
่ นของปั
กำรเพิมขึ ้ จจัยกำรผลิตชนิ ดใดชนิ ดหนึ่ งในประเทศ
่ จจัยกำรผลิตอีกชนิ ดหนึ่ งมีจำนวนคงที่
โดยทีปั
่ นใช ้ปัจจัยกำรผลิตทีเพิ
ผลผลิตของสินค ้ำทีเน้ ่ มขึ
่ นนั
้ ้นจะมีจำนวนเพิมขึ
่ นตำมไ
้
ปด ้วย
่
ในขณะทีผลผลิ ่ นกำรใช ้ปัจจัยกำรผลิตชนิ ดทีมี
ตของสินค ้ำทีเน้ ่ จำนวนคงทีเป็
่
นปัจจัยหลักจะมีจำนวนลดลง
ลี อ อ น เ ที ย ฟ (Leontief)
์ ่ี ก ล่ ำวว่ ำ
ได ้ท ำก ำ รท ด ส อ บ ส ม ม ติ ฐ ำน ข อ งท ฤ ษ ฎี เ ฮ ค เช อ ร -์ โอ ลิ น ห ท
ประเทศใดที่มี ปั จ จัย กำรผลิต ชนิ ด ไหนมำกโดยเปรีย บเทีย บกับ ประเทศอื่น
ป ระเท ศ นั้ น ก็ จ ะส่ งออ ก สิ น ค ้ำ ที่ ใช ป
้ ั จ จั ย ก ำรผ ลิ ต ช นิ ด ที่ ต น มี อ ยู่ ม ำ ก
แล ะจ ะน ำเข ้ำ สิ น ค ้ำ ที่ ป ระเท ศ ต น มี ปั จ จั ย ก ำรผ ลิ ต อยู่ อ ย่ ำ งข ำด แค ล น
ยกตัว อย่ ำ งเช่น ก ำหนดให ม ้ ี ป ระเทศอยู่ 2 ประเทศ ได แ้ ก่ ประเทศ A และ
ป ร ะ เ ท ศ B ซึ่ ง ทั้ ง 2 ป ร ะ เ ท ศ มี ปั จ จั ย ก ำ ร ผ ลิ ต 2 ช นิ ด คื อ
ปั จ จัย กำรผลิต ประเภททุ น (K) และ ปั จ จัย แรงงำน (L) ในกำรผลิต สิน ค ำ้ 2
ช นิ ด คื อ X ที่ เน้ น ก ำ ร ใ ช ้ ทุ น เป็ น ห ลั ก ใ น ก ำ ร ผ ลิ ต แ ล ะ สิ น ค ้ ำ Y
่ นแรงงำนเป็ นหลักในกำรผลิต
ทีเน้
กำหนดให ้สัดส่วนทุนต่อแรงงำน ได ้แก่
K K
( ) >( )
L A L B
K K w
และ ( ) > ( ) ณ ทุกระดับ
L
X L
Y
r
ต ำ ม ห ลั ก ก ำ ร ข อ ง ท ฤ ษ ฎี เ ฮ ค เ ช อ ร ์ -
โ อ ห ์ ลิ น จ ะพิ จ ำ ร ณ ำ สั ด ส่ ว น โ ด ย เป รี ย บ เที ย บ ข อ ง ปั จ จั ย ก ำ ร ผ ลิ ต
แ ล ะจ ำ ก สั ด ส่ ว น ทุ น ต่ อ แ ร ง ง ำ น ข ้ ำ ง ต ้ น จ ะเห็ น ไ ด ้ว่ ำ ถ ้ ำ ป ร ะเท ศ A
มี ปั จ จัย กำรผลิ ต สิ น ค ำ้ ประเภททุ น มำกกว่ ำ ประเทศ B แสดงว่ ำ ประเทศ A
ใช ้สัดส่วนทุนต่อแรงงำนในกำรผลิตสินคำ้ มำกกว่ำประเทศ B ทำใหป้ ระเทศ A
ค ว ร จ ะ ส่ ง สิ น ค้ ำ X
่ นกำรใช ้ทุนเป็ นหลักในกำรผลิตเป็ นสินค ้ำส่งออกของประเทศ
ทีเน้
โ ด ย ใ น ก ำ ร ท ด ส อ บ ท ฤ ษ ฎี เ ฮ ค เ ช อ ร ์ -
โ อ ลิ น ห ์ ว่ ำ เ ป็ น ไ ป ต ำ ม ส ม ม ติ ฐ ำ น ข ้ ำ ง ต ้ น ห รื อ ไ ม่ นั้ น
ลี อ อ น เ ที ย ฟ ไ ด ้ ท ำ ก ำ ร ท ด ส อ บ ส ม ม ติ ฐ ำ น ที่ ว่ ำ ถ ้ ำ ป ร ะ เ ท ศ A
มี อั ต ร ำ ส่ ว น ทุ น ต่ อ แ ร ง ง ำ น (K/L) ทั้ ง ห ม ด สู ง ก ว่ ำ ป ร ะ เท ศ อื่ น ๆ
อั ต ร ำ ส่ ว น ทุ น ต่ อ แ ร ง ง ำ น ใ น ก ำ ร ผ ลิ ต สิ น ค ้ ำ X ข อ ง ป ร ะ เท ศ A
ย่อมจะตอ้ งสูงกว่ำอัตรำส่วน K/L ในกำรผลิตสิน คำ้ ทีแข่ ่ งขันกับสินคำ้ นำเขำ้
(import competing products) ของประเทศ A
โ ด ย ลี อ อ น เ ที ย ฟ ไ ด ้ เ ลื อ ก วิ ธี วิ เ ค ร ำ ะ ห ์ ที่ เ รี ย ก ว่ ำ
“ต ำ ร ำ ง ปั จ จั ย ก ำ ร ผ ลิ ต แ ล ะ ผ ล ผ ลิ ต ( input-output table)”
ม ำ ใ ช ้ ใ น ก ำ ร ท ด ส อ บ ส ม ม ติ ฐ ำ น ดั ง ก ล่ ำ ว
โ ด ย น ำ ข ้ อ มู ล ก ำ ร ใ ช ้ ปั จ จั ย ก ำ ร ผ ลิ ต แ ล ะ ผ ล ผ ลิ ต ปี ค .ศ . 1 9 4 7
ของประเทศสหร ฐั อเมริก ำที่มี อ ยู่ 192 ภำคกำรผลิ ต มำจัด กลุ่ ม ให เ้ ป็ น 50
ก ลุ่ ม ก ำ ร ผ ลิ ต แ ล ะ ใ น 5 0 ก ลุ่ ม ก ำ ร ผ ลิ ต นี ้ ก็ มี 3 8
ก ลุ่ ม ที่ มี ก ำ ร ติ ด ต่ อ ค ้ ำ ข ำ ย กั บ ต ล ำ ด โ ล ก
และสำหรบั ข ้อมูลด ้ำนปัจจัยกำรผลิตก็จำแนกออกเป็ น 2 ประเภท คือ ปัจจัยทุน
(K) และปั จ จัย แรงงำน (L) จำกนั้ นก็ ท ำกำรค ำนวณ หำใน 2 ด ำ้ นด ว้ ยกัน
ด ้ำนแรกเป็ นกำรคำนวณหำจำนวนแรงงำนและทุนทีใช ่ ้ในกำรผลิตสินค ้ำส่งออ
ก ข อ ง ส ห ร ั ฐ อ เม ริ ก ำ ใ น มู ล ค่ ำ ห นึ่ ง ล ้ ำ น ด อ ล ล ำ ร ส
์ ห ร ั ฐ อ เม ริ ก ำ
่
และดำ้ นทีสองเป็ นกำรคำนวณหำจำนวนแรงงำนและทุนทีใช ่ ้ในกำรผลิตสินคำ้
่ งขันกับสินค ้ำนำเข ้ำของสหรฐั อเมริกำในมูลค่ำหนึ่ งล ้ำนดอลลำร ์สหร ัฐอเม
ทีแข่
ริ ก ำ
่ ได ้มีกำรผลิตแข่งขันในสหร ัฐอเมริกำอยู่ในระดับค
โดยสมมติให ้สินค ้ำนำเข ้ำทีมิ
งที่
กำหนดให ้ L = จ ำ น ว น ค น ปี ( man-year)
ของแรงงำนต่อผลผลิตหนึ่ งล ้ำนดอลลำร ์
K = จ ำน วน ทุ น (เค รื่อ งจั ก ร สิ่ งป ลู ก ส ร ำ้ ง อุ ป ก รณ์
สินค ้ำคงคลัง ฯลฯ)
ต่อผลผลิตหนึ่ งล ้ำนดอลลำร ์
Xi = มูลค่ำผลผลิตของอุตสำหกรรม i
Xij = มู ล ค่ ำ ผ ล ผ ลิ ต ข อ ง อุ ต ส ำ ห ก ร ร ม i
่ ้ในอุตสำหกรรม j
ทีใช
้ ดท ้ำย (final demand) ต่อผลผลิต i
Yi = อุปสงค ์ขันสุ
ดังนั้น Xi = Xij + Yi
j
่
ในเมือ Xij =
Xij
Xj
Xj
่ คอื
ซึงก็ Xij = aij Xj
โดยที่ aij
Xij
=
Xj
ดั ง นั้ น aij ก็ คื อ ค่ ำ สั ม ป ร ะสิ ท ธิ ์ปั จ จั ย ผ ล ผ ลิ ต ห รื อ input-out
coefficient นั่ น เอ ง ถ ้ ำ ร ะ บ บ เศ ร ษ ฐ กิ จ ข อ ง เร ำ มี อุ ต ส ำ ห ก ร ร ม n
อุตสำหกรรมเรำก็อำจนำค่ำสัมประสิทธิ ์ aij เหล่ำนั้ นมำเรียงในรูปของเมทริกซ ์
A = [aij] ได ้ดังนี ้
Output
1 2 3......................N
Input
1 a11 a12 a13……a1n
2 a21 a22 a23……a2n
3 a31 a32 a33……a3n
- -
- -
- -
n an1 an2 an3……ann
่
เมือเรำคำนึ งถึง Final demand ด ้วยแล ้ว เรำก็จะได ้ X =
AX + Y
และ [1-A]X = Y
ดังนั้น X = [1-A]-1Y
L[1-A]-1E = L̅X
L[1-A]-1Mc = L̅Mc
ต า ร า ง ที่ -----
ความต้อ งการใช้ทุ น และแรงงานของประเทศสหร ฐั อเมริก าในปี
ค.ศ.1947
ห น่ ว ย :
พันล้านเหรียญสหร ัฐอเมริกา
อุตสาหกรรมส่งออก อุตสาหกรรมแข่งขันกบ
ั สินค้านาเข้า
ทุน (K) 2,5550 3,091
แรงงำน 182 170
(L) 13.9 18.1
อัต รำส่ ว น
K/L
่ : ลีออนเทียฟ (1953)
ทีมา
จ ำ ก ต ำ ร ำ ง ข ้ ำ ง ต ้ น ส ำ ม ำ ร ถ ส รุ ป ไ ด ้ ว่ ำ ใ น ปี ค .ศ . 1974
ป ร ะ เ ท ศ ส ห ร ั ฐ อ เ ม ริ ก ำ มี สั ด ส่ ว น ทุ น ต่ อ แ ร ง ง ำ น (K/L)
ข อ ง อุ ต ส ำ ห ก ร ร ม ส่ ง อ อ ก เ ท่ ำ กั บ 1 3 .9
และมีส ด
ั ส่ ว นทุ น ต่ อ แรงงำนของอุต สำหกรรมแข่ ง ขัน กับ สิน ค ำ้ น ำเข ำ้ 18.1
หมำยควำมว่ำอุตสำหกรรมส่งออกใช ้สัดส่วนทุนต่อแรงงำนในกำรผลิตสินค ้ำส่
ง อ อ ก น้ อ ย ก ว่ ำ สิ น ค ้ ำ ที่ มี ก ำ ร แ ข่ ง ขั น กั บ สิ น ค ้ ำ น ำ เ ข ้ ำ
ซึ่ ง ผ ล ที่ ไ ด ้ ขั ด แ ย ้ ง กั บ ท ฤ ษ ฎี เ ฮ ค เ ช อ ร ์ -โ อ ลิ น ห ์
่ ำวว่ำประเทศทีมี
ทีกล่ ่ ปัจจัยกำรผลิตชนิ ดใดมำกโดยเปรียบเทียบกับประเทศอืน ่
ก็ ย่ อ มจะส่ ง ออกสิ น ค ำ้ ที่ใช ป้ ั จ จัย กำรผลิ ต นั้ นอย่ ำ งเข ม
้ ขน
้ ในทำงกลับ กัน
ถ ้ำ ป ร ะเท ศ ใด มี ปั จ จั ย ก ำ ร ผ ลิ ต น้ อ ย โด ย เป รีย บ เที ย บ กั บ ป ระเท ศ อื่ น
ก็ ย่ อ ม จ ะ น ำ เ ข ้ ำ สิ น ค ้ ำ นั้ น ๆ จ ำ ก ต่ ำ ง ป ร ะ เ ท ศ
แ ล ะ ถ ้ ำ เ ป็ น ไ ป ต ำ ม ส ม ม ติ ฐ ำ น ข อ ง ท ฤ ษ ฎี เ ฮ ค เ ช อ ร ์ -โ อ ลิ น ห ์
่ ออนเทียฟคำนวณได ้ควรจะมีอต
ผลทีลี ั รำส่วนทุนต่อแรงงำนของอุตสำหกรรมส่
ง อ อ ก ค ว ร มี ค่ ำ ม ำ ก ก ว่ ำ อุ ต ส ำ ห ก ร ร ม แ ข่ ง ขั น กั บ สิ น ค ้ ำ น ำ เข ้ ำ
เพรำะคนส่วนใหญ่มก ั มีควำมเข ้ำใจว่ำประเทศอเมริกำเป็ นประเทศทีมี ่ สน ิ ค ้ำทีใ่
ช ้ปั จ จัยทุนเขม้ ขน ั รำส่วนทุนต่อแรงงำนมำก ดังนั้ น
้ ในกำรผลิตมำก และมีอต
่ อต
สินค ้ำส่งออกของประเทศอเมริกำน่ ำจะเป็ นสินค ้ำทีมี ั รำส่วนทุนต่อแรงงำนสูง
กว่ำสินค ้ำนำเข ้ำ
โดยผลกำรศึกษำของลีออนเทียฟได ้รบั กำรวิพำกษ ์วิจำรณ์อย่ำงกว ้ำงขว
้ ี ผู ้น ำวิ ธ ี ก ำรศึ ก ษ ำนี ้ ไป ทดส อบ กั บ ข อ
ำง และได ม ้ มู ลข องป ระเท ศ อื่ น ๆ
และผลกำรศึกษำก็ได ้ผลลัพธ ์ทังที ้ สนั
่ บสนุ นบำ้ งและขัดแยง้ กับทฤษฎีเฮคเชอร ์-
โอลิน ห บ์ ำ้ ง ทำให ใ้ นปั จ จุบ น
ั ยังไม่ ส ำมำรถสรุป แน่ ชัด ได ว้ ่ำทฤษฎีเฮคเชอร ์-
โ อ ห ์ ลิ น ส ำ ม ำ ร ถ อ ธิ บ ำ ย รู ป แ บ บ ก ำ ร ค ้ ำ ไ ด ้ ดี เ พี ย ง ใ ด
้ มข
เพรำะงำนแต่ละชินก็ ี ้อจำกัดในแง่ของวิธก ่ ำใหไ้ ม่สำมำรถทดสอ
ี ำรศึกษำทีท
บทฤษฎีเฮคเชอร ์-โอห ์ลินได ้อย่ำงถูกต ้องนัก
----------------------------------------------------------------