You are on page 1of 317

 

 
   
บทนํา-ชะตาของหงส์และมังกร 
 
ว่ากันว่าปาดอกเหมยซึงตังอยู่ทางทิศตะวันออกของแผ่นดินจีนในยุค
โบราณนัน เปนสถานทีสวยงามดังแดนสวรรค์ เปนสถานทีอยู่ของเทพ
เซียนผู้มีอํานาจเหนือฟาดินและธรรมชาติ 
 
ปาดอกเหมยสีชมพูสะพรัง กลีบดอกไม้งดงามปลิวปราย กลินหอมเย้า
ยวนยัวฝูงผีเสือพัดกระพือปกสยาย ท่ามกลางปาเหมยใจกลางนันก็คือ
ทะเลสาบสีนําเงินสดใสนามว่าทะเลสาบตงเหอว่ากันว่า ตงเหอนันคือ
ดินแดนสวรรค์สร้างประทานให้สู่มวลมนุษย์ เปนดินแดนอันบริสุทธิ ผู้ที
ย่างเท้าเข้าสู่ดินแดนแห่งนีได้นัน จึงต้องเปนผู้ทีมีจิตใจบริสุทธิ งดงาม
ดังนําในทะเลสาบตงเหอ 
 
ฉินหยุนซี ดรุณีน้อยในชุดขาวยาวกรุยกราย พวงผมดําสนิทปล่อยยาว
สยายล้อแรงลมและเหล่าผีเสือทีรุมล้อม ดุจว่านางคือบุบผาชาติงาม
ตระการดอกใหญ่ โดดเด่นอยู่กลางทะเลสาบตงเหออันศักดิสิทธิ นาง
กําลังยืนอยู่ในศาลากลางทะเลสาบ ก้มๆเงยๆ เก็บดอกบัวสีชมพูทีชูช่อ
อวดความงามอยู่เหนือท้องนําสีฟาตระการตา 
 
พลันนันก็มีผู้ร้องเรียกจากริมฝง... 
 
“เสียวซี มาหาอาจารย์หน่อย” 
 
เสียงเรียกอันอ่อนโยน เมตตาปรานีของผู้เปนอาจารย์ นามว่าซือต้าหยุน
เหนียง ท่านยืนอยู่อย่างสงบเสงียมในดงดอกเหมย ฉินหยุนซีไม่รอช้า 
รีบวิงไปตามสะพานไม้อันงดงามเข้าไปแตะมือ ค้อมศีรษะทําความเคารพ
ท่านอาจารย์ 
 
“ศิษย์มาแล้วเจ้าค่ะ อาจารย์ต้องการให้ศิษย์รับใช้สิงใดหรือเจ้าคะ?” 
 
“ข้าไม่มีสิงใดจะใช้เจ้า แต่ข้าได้รับสารจากฉินเฉินมา บิดาของเจ้า
ต้องการให้เจ้าออกจากปาดอกเหมย เขาต้องการให้เจ้าเข้าพิธีแต่งงาน
กับองค์ชายสาม หลีเหยียนฟง” 
 
“อะไรนะเจ้าคะ ท่านอาจารย์ต้องล้อศิษย์เล่นแน่ๆ องค์ชายสามอะไรกัน 
ศิษย์ไม่เคยรู้จัก ท่านพ่อจะให้ศิษย์แต่งงานได้อย่างไร เขาน่าจะให้พีอีชิง
แต่งกับองค์ชายต่างหากสิเจ้าคะ” 
 
ฉินหยุนซีตืนตระหนก ไม่เข้าใจ...ไฉนบิดาจึงจะให้นางซึงเปนบุตรีทีท่าน
ไม่เคยสนใจไยดีแต่งงานกับองค์ชายสาม หลีเหยียนฟง นางไม่รู้เรือง
โลกภายนอกปาดอกเหมย ยังเข้าใจว่าจะได้อยู่กับอาจารย์ทีนีไปจนสิน
อายุขัยแท้ๆ 
 
“บิดาของเจ้า คงมุ่งหวังอยากให้ลูกรักได้วิวาห์กับองค์ชายรัชทายาท
มากกว่ากระมัง...ทว่างานแต่งครังนีเปนพระบัญชาขององค์ฮ่องเต้ จะขัด
มิได้ ดังนันจึงต้องเดือดร้อนถึงเจ้าแล้วเสียวซี” 
 
ซือต้าหยุนเหนียงแม้เปนหญิงชราดูอ่อนโยน ทว่าเปนผู้มีสติปญญา
รอบรู้เปนเลิศในทุกศาสตร์ อ่านคนทะลุปรุโปร่งดุจดังอ่านดวงดาวบน
ฟากฟา 
 
ฉินเฉินบิดาของเสียวซีเปนถึงเสนาบดีฝายขวาผู้กุมอํานาจในกองทัพ
นับแสนคุมอยู่ทางทิศเหนือ ความมักใหญ่ใฝสูงของฉินเฉินนับวันยิง
เปนทีลือกระฉ่อน นันเพราะอดีตฮ่องเต้พระองค์ก่อนให้ความไว้เนือเชือ
ใจฉินต้าสง บิดาของฉินเฉินจึงพระราชทานปายทองอาญาสิทธิกองทัพ
ทางเหนือซึงใหญ่ทีสุดในแคว้นหลีต้า ให้สกุลฉินดูแล อํานาจนันสืบต่อ
ตกทอดมาถึงฉินเฉิน ชายผู้เลือดเย็น มักใหญ่ใฝสูง ชายผู้ทีส่งตัว
ลูกสาวคนเล็กซึงเกิดจากหญิงสาวชาวบ้านธรรมดาของตนเองมาไว้ใน
ความดูแลของนาง ตังแต่เสียวซียังเพิงฝกเดินเตาะแตะ 
 
ซือต้าหยุนเหนียงเลียงดูฉินหยุนซีมาเหมือนเปนดุจมารดาของนาง แล้ว
จะไม่ให้ทังรักทังห่วงใยได้อย่างไร... 
 
หากเปนปกติ นางคงไม่ยอมให้เสียวซีลงจากหุบเขาปาดอกเหมย โลก
ภายนอกนันอันตรายเกินไปสําหรับสาวน้อยไร้เดียงสา ทว่าซือต้าหยุน
เหนียงเพ่งสมาธิตรวจดาวบนฟาแล้ว เห็นดาวมังกรจักรพรรดิส่องแสง
อยู่เคียงคู่กับดาวหงส์ฟา...เมือเปนเช่นนีแล้ว ใครเลยจะหลีกเลียงโชค
ชะตาได้ 
 
หลีเหยียนฟงก็คือดาวมังกรจักรพรรดิ...ส่วนเสียวซีของนางก็คือ ดาว
หงส์ฟา 
 
“แต่งงานเปนเรืองใหญ่ ท่านพ่อน่าจะถามศิษย์ก่อน...อาจารย์อย่าให้
ศิษย์ไปเลยนะเจ้าคะ ศิษย์ไม่อยากจากท่านไป...อาจารย์ช่วยศิษย์ด้วยนะ
เจ้าคะ” 
 
ฉินหยุนซีเกาะแขนอาจารย์ วิงวอนขอร้อง ไม่ต้องการแต่งงานกับชายที
นางไม่รู้จัก ไม่มีใจด้วย ต่อให้เปนองค์ชายสามแห่งแคว้นหลีต้าก็ช่าง จะ
เปนเทพบุตรเลอเลิศมาจากไหน ลองไม่รักแล้ว เสียวซีก็ไม่อยากแม้เข้า
ใกล้ 
 
“เสียวซีเอ้ย...อาจารย์ก็อยากช่วยเจ้า แต่นีเปนชะตากรรม เจ้าจงยอมรับ
แล้วลงเขาไปแต่งงานกับท่านอ๋องสามเถิด” 
 
“อาจารย์!” 
 
ฉินหยุนซีหน้าเสีย ดวงตากลมโตคู่งามดังดวงดาวสุกสกาวคลอนําตาขัง
ด้วยความน้อยใจ ใบหน้างามหมดจดเกลียงเกลาราวรูปสลักบิดเบ้ บางที
...นางอาจจะต้องขัดใจอาจารย์สักครัง... 
 
“อย่าดือเสียวซี จงเชืออาจารย์ หากไปอยู่ตําหนักอ๋องสามแล้วมีเรือง
เดือดร้อนอะไร จงระลึกถึงอาจารย์ แล้วอาจารย์จะคอยช่วยเหลือเจ้าเอง.
..ไม่ต้องกลัว เสียวซีของอาจารย์ถึงวัยจะมีคู่แล้ว คู่ครองของเจ้าจะเปน
ชายผู้ยิงใหญ่...” 
 
“แต่อาจารย์ก็บอกเอง ว่าเขาไม่ใช่องค์ชายรัชทายาท เขาจะยิงใหญ่ได้
อย่างไรล่ะเจ้าคะ?” ฉินหยุนซีเอียงคอมองอาจารย์ด้วยความประหลาด
ใจ หากเปนเช่นนันจริงๆแล้ว อาจารย์สมควรจะบอกบิดาของนาง หาก
ท่านพ่อรู้ จะได้ส่งพีอีชิงไปแต่งงานกับท่านอ๋องสามตามทีควรจะเปน 
 
“ลิขิตสวรรค์ใครจะฝนได้เล่า...เจ้าไปเถอะเสียวซี ยังมีเรืองอีกมากรอเจ้า
อยู่ทีเมืองหลวง อาจารย์ขออวยพรให้เจ้าแคล้วคลาดจากอันตรายทุกสิง.
..เปนเด็กดีน่ารัก จงสร้างแต่ความดีนะเสียวซี” 
 
ซือต้าหยุนเหนียงไล้ฝามือเหียวย่นทว่าอบอุ่นเหลือแสนบนศีรษะของลูก
ศิษย์ผู้งดงาม เส้นผมของฉินหยุนซีนุ่มนวลเปนเงาเหลือมแสงประดุจ
เส้นไหมทอแสง ความงดงามของดวงหน้าเรียวละมุนเปนหนึงไม่มีสอง 
นางรู้ตังแต่แรกทีรับเลียงเด็กน้อยเอาไว้แล้ว 
 
หงส์ย่อมควรคู่กับมังกร...แม้หนทางนันมิใช่เรืองง่ายก็ตาม 
1.ห้องหอทีไร้เจ้าบ่าว 
 
พิธีสมรสพระราชทานผ่านพ้นไปนานแล้ว ฉินหยุนซีนังรอเจ้าบ่าวอยู่
เพียงลําพังในห้องหอซึงตกแต่งเอาไว้อย่างวิจิตรตระการ นางอยู่ในชุด
เจ้าสาวสีแดงปกลวดลายงดงาม คลุมหน้าด้วยผ้าคลุมผมเจ้าสาว
พระราชทาน ทําจากผ้าแพรพรรณอย่างดี วันนีนางงามถึงขนาดว่าตัวเอง
ก็ยังไม่อยากเชือสายตา ทว่าความงามลําดังจันทร์กระจ่างบนฟาจะมี
ประโยชน์อันใด ในเมือเจ้าบ่าวซึงนางยังไม่เคยเห็นหน้า ปล่อยให้นางรอ
เก้ออยู่ในห้องหอเพียงลําพังมานานแล้ว 
 
นางทังหิวทังเมือย อยากกินอาหารให้อิมหนําแล้วก็ทิงตัวลงนอนหลับ
จนถึงรุ่งเช้าให้สาสมกับความเหน็ดเหนือย 
 
เดินปาเก็บสมุนไพรกับอาจารย์ยังไม่เหนือยเท่าแต่งงานวันนีเลย...ทัง
เหล่าขุนนางและผู้คนมากมาย นางได้ยินเสียงเอ่ยแสดงความยินดีไม่
หยุดหย่อน ฉินหยุนซีนึกอยากเปดผ้าคลุมหน้า เพือจะได้เห็นงาน
แต่งงานของตัวเองถนัดตา โดยเฉพาะใบหน้าของเจ้าบ่าว ได้ยินพวก
นางกํานัลรําลือกันว่าท่านอ๋องสามนัน หล่อเหลาสง่างามเปนหนึงไม่มี
สอง นางไม่รู้ว่าเรืองนีจริงเท็จอย่างไร แต่จากเสียงทุ้มมีอํานาจก้อง
กังวานสะกดความสนใจของผู้คนทีนางได้ยินอยู่ข้างๆ ตลอดเวลาทีทํา
พิธีนัน ฉินหยุนซีมันใจได้ ว่าเสียงลือมากมายว่าเขานันเปนท่านอ๋องผู้
แสนเย็นชาคงจะเปนความจริง เพราะแค่เสียงก็ทําให้คนขนลุกได้แล้ว 
 
“เฮ้อ หิวจัง...เมือไหร่จะมาสักทีนะ...อาหารก็น่ากินทังนันเลย...” 
 
เจ้าสาวผู้เดียวดายและหิวโซเปดผ้าคลุมหน้า มองไปบนโต๊ะกลางห้อง มี
เทียนคู่สลักลายหงส์และมังกรจุดอยู่ รอบๆมีอาหารและเครืองดืม จัด
เตรียมเอาไว้พร้อมพรัง ล้วนน่ากินชวนนําลายสอ 
 
ฉินหยุนซีมองซ้ายทีขวาที เงียหูฟงดีแล้ว แน่ใจว่าไม่มีใครมาแน่ นางไม่
รอช้ารีบโผเข้าไปคว้าของกินขนมมงคลส่งเข้าปากเคียวตุ้ย 
 
“ของกินในวังอร่อยอย่างนีเอง มิน่า ใครๆถึงอยากอยู่ในวังกันนัก แต่ว่า.
..ยังอร่อยสู้ขนมกุ้ยฮัวของอาจารย์ไม่ได้อยู่หนึงส่วน” นางกินพลางก็อด
เปรียบเทียบกับขนมทีอาจารย์ทําให้กินตังแต่เล็กไม่ได้ ขนมกุ้ยฮัวของ
อาจารย์จะใส่ส่วนผสมของดอกเและเนือของดอกเหมยลงไปด้วย 
รสชาตินันเปนหนึงในแผ่นดิน ดังอาหารของเหล่าเซียนก็ไม่ปาน 
 
“ท่านอ๋องสามช่างน่าสงสารนัก รวยก็รวยแต่ไม่เคยได้กินขนมอร่อย
เหมือนข้า ไว้ข้าจะทําให้ท่านได้ลองชิมดูก็แล้วกัน” 
 
ฉินหยุนซีกินไปก็พูดไป ตอนนีนางเหงามาก ถึงกับต้องคุยกับตนเองไป
พลางก่อน พอกินอิมหนําแล้วก็รีบกลับไปนังคลุมผ้า รอเจ้าบ่าวตามเดิม 
ทําเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึน 
 
ได้ยินเสียงฝเท้าหนักๆ ดังใกล้เข้ามาพอดี นางเม้มริฝปากใต้ผ้าคลุม
หน้า อดตืนเต้นไม่ได้ ฉินหยุนซีกําลังจะได้เห็นใบหน้าของท่านอ๋องสาม 
หลีเหยียนฟงแล้ว 
 
“ช่างน่าประหลาดใจแท้ เจ้าเฒ่าฉินเฉินกล้าส่งเจ้าให้มาเปนชายาเอก
ของข้าได้อย่างไร...ข้าไม่ใช่องค์ชายรัชทายาท คงผิดหวังแย่สินะ” 
 
แทนทีท่านอ๋องจะรีบเข้ามาเปดผ้าคลุมหน้าของนางออก เขากลับ
เหน็บแนมบิดาของนาง ท่านอ๋องสามหลีเหยียนฟงคงเข้าใจว่านางคือ
ฉินอีชิง บุตรสาวคนงามของท่านพ่อ 
 
“ใครๆก็ชืนชมว่าเจ้านันงามนัก แต่ในสายตาของข้า เจ้าก็ไม่ต่างอะไรกับ
ดอกไม้ดาษดืนทัวไป ฉินอีชิง ข้าบอกให้เจ้ารู้ไว้ตรงนีเลย ข้าแต่งกับเจ้า
แต่เพียงในนามตามพระบัญชาของเสด็จพ่อเท่านัน อย่าหวังว่าข้าจะรัก
ใคร่ไยดี หัวใจของข้ามีผู้อืนครอบครองอยู่แล้ว ซึงแน่นอนว่าคนผู้นัน
ไม่มีวันเปนเจ้า!” 
 
ท่านอ๋องสามพูดไม่หยุด เขาไม่เปดช่องให้ฉินหยุนซีตอบโต้ นางรอจน
เขาพูดจบ ด้วยความสงบนิงอย่างยิง แน่ละ นางจะต้องตืนตระหนกไป
ทําไม ในเมือนางเองก็หาได้รักใคร่ในตัวเขาแม้แต่น้อย 
 
ต้องบังคับตัวเองไม่ให้ลิงโลด อย่าเผลอหลุดเสียงหัวเราะยินดีออกไป 
ตอนนีนางก็คือเจ้าสาวผู้น่าสงสาร พระชายาทีถูกทอดทิง! 
 
“ท่านอ๋อง...มีคนรักแล้ว?” 
 
หลังจากทีเอาแต่นิงเงียบมาตลอด ฉินหยุนซีก็เปดปากถามเขาเบาๆ 
ทว่าเสียงของนางนัน เรียกดวงตาดุเปนประกายของอีกฝายให้หันไป
มองเจ้าสาวซึงยังคลุมใบหน้าอยู่ในทันที 
 
“ใช่ ข้ามีคนรักแล้ว นางชือ ฉางซิน นางเปนลูกสาวของท่านเสนาฝาย
ซ้าย ฉางซือ ฐานะของนางไม่ได้ตําต้อยกว่าเจ้า ต่อไปข้าจะแต่งตังให้
นางเปนชายาเอก” 
 
“โฮ...” ฉินหยุนซีแสร้งรําไห้กระซิกเสียใจ “ไม่ทันไรท่านอ๋องก็จะทอดทิง
ข้าแล้ว ท่านเกลียดข้ามากขนาดนันเชียวรึ?” 
 
“เกลียดทีสุด!” 
 
คําตอบทีหนักแน่นดุจภูผาทีไม่มีวันสันคลอน สะเทือนคนฟงอยู่บ้างเช่น
กัน ฉินหยุนซีเม้มเรียวปากบางสวยของตนเอง สูดหายใจแรง ตังแต่เกิด
นางใช่ว่าจะไม่เคยเจอบุรุษใจร้าย แล้งนําใจ นางเคยพบและรู้จักดี ก็ฉิน
เฉินบิดาของนางเองอย่างไรเล่า อย่าหวังว่าแค่นีจะทําอะไรเสียวซีได้! 
 
“เข้าใจแล้วเพคะ...ถ้าเช่นนันท่านอ๋องก็ควรจะเกลียดให้ถูกคนด้วย ข้า
ชือฉินหยุนซี มิใช่ฉินอีชิง ข้าเปนบุตรสาวคนเล็กของเสนาฉิน” 
 
“หือ เจ้าว่ากระไรนะ?” 
 
ท่านอ๋องสามขมวดคิวดําหนาเปนแนวทอดพาดเฉียงขนานกับดวงตา
เรียวคม สองเท้าก้าวตรงเข้าไปหาเจ้าสาว ฝามือเรียวแกร่งกล้ายืนไป
หมายแตะผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว ทว่าฉินหยุนซีปดมือเขาออกก่อน นางเงย
หน้าขึนมองเขาทังทีไม่เห็นกัน แต่คิดว่า ‘ไม่จําเปนต้องเห็น’ 
 
“จะดูหน้าข้าไปทําไม จะหน้าอย่างไรท่านก็คงเกลียดชังอยู่ดี หากพีอีชิง
ในสายตาของท่านเปรียบดังดอกไม้ดาษดืน เช่นนันก็ไม่จําเปนทีท่านจะ
ต้องเห็นหน้าข้า ท่านจะนึกว่าข้าไม่มีตัวตนอยู่ทีตําหนักไท้ฝูแห่งนีก็ย่อม
ได้” 
 
“เจ้า...สามหาว อวดดี!!” 
 
หลีเหยียนฟงตาลุกวาว โกรธจัด นางช่างร้ายกาจไม่ต่างจากบิดาของ
นาง ลูกเสือลูกจระเข้ ถอดแบบกันมาไม่มีผิด! 
 
“ก็ได้...ดี ในเมือเจ้าต้องการไร้ตัวตน เช่นนันข้าก็จะให้เจ้าอยู่อย่างไร้ตัว
ตน อย่าหาว่าข้าใจร้ายก็แล้วกัน ฉินหยุนซี” 
 
เสียงทุ้มเลือดเย็นอย่างน่าขนลุกดังขึน ก่อนทีร่างสูงใหญ่จะสะบัดหัน
เดินลิวออกจากห้องหอไป ไม่คิดจะเหลียวหลังกลับมามองเจ้าสาวผู้
เดียวดายแม้แค่หางตา 
 
ฉินหยุนซีค่อยๆเปดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวขึนมา มองไปทีประตูห้องซึงถูก
กระแทกปดอย่างแรง...นางนิงครุ่นคิดถึงอาจารย์ ได้แต่ครําครวญ ด้วย
ความไม่เข้าใจ 
 
“ทําไมอาจารย์จึงให้ศิษย์แต่งงานกับคนเช่นนี...ต่อไปเสียวซีจะมีความ
สุขได้อย่างไรเล่า เสียวซีคิดไม่ออกเลยจริงๆ...” 
 
2.สู่ตําหนักสุ่ยหลิง 
 
ฉินหยุนซีนอนหลับสบายอยู่ภายในห้องหอตําหนักไท้ฝูตําหนักใหญ่อัน
เปนท่พักของอ๋องสาม รุ่งอรุณของวันใหม่นางเปลียนชุดเตรียมพร้อม 
เข้าใจว่าท่านอ๋องจะพานางเข้าวังเพือถวายนําชาให้กับฮ่องเต้และ
ฮองเฮาตามประเพณี แต่แม่บ้านนามว่าเว่ยฉู่ กลับเข้ามานําพาฉินหยุนซี
ไปยังตําหนักร้างทีอยู่ห่างไกล 
 
“ท่านอ๋องมีบัญชาให้พระชายาหยุนซีพักอยู่ทีตําหนักสุ่ยหลิงแห่งนีนับ
ตังแต่วันนีเปนต้นไปเจ้าค่ะ” 
 
“ท่านอ๋องให้ข้าพักอยู่ทีนีรึ!” 
 
ฉินหยุนซีมองกวาดไปทัวตําหนักทีกว้างขวางไม่ถึงหนึงในสีของตําหนัก
ไท้ฝู อย่าว่าแต่ความแคบเลย ตําหนักสุ่ยหลิงแห่งนีทังเล็กและรกร้าง ใน
สวนต้นหญ้าเหียวแห้งเหลืองโกร๋น ต้นไม้ใบไม้ก็ไม่ต่างกัน...ดูราวกับไร้
แล้วซึงจิตวิญญาณก็ไม่ปาน... 
 
ฮึ ท่านอ๋องผู้มากบารมี เพียงวันแรกก็ต้อนรับชายาด้วยการส่งมาอยู่
ตําหนักร้างอันห่างไกล ช่างใจร้ายนัก! 
 
“พระชายา หม่อมฉันเข้าใจท่านนะเพคะ แต่นีเปนบัญชาของท่านอ๋อง...
ไว้หม่อมฉันจะให้นางกํานัลมาช่วยทําความสะอาดตําหนักให้นะเพคะ” 
 
เว่ยฉู่อดเห็นใจเจ้านายคนใหม่มิได้ ตําหนักสุ่ยหลิงแห่งนีร้างไร้ผู้อาศัย
มาเกือบยีสิบป จะทําความสะอาดทีก็ต้องเกณฑ์ผู้คนมาทําได้นานๆครัง 
ไม่มีใครอยากมาทีนี นางเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน ทําไมท่านอ๋องจึงส่งพระ
ชายาผู้งดงามมาพักทีนีแต่เพียงลําพัง 
 
เว่ยฉู่เห็นผู้หญิงของท่านอ๋องทุกนางล้วนงดงามสะคราญโฉม แต่พระ
ชายาฉินหยุนซีผู้นี งามพิสุทธิ ยิงมองก็ยิงงาม ดุจดังดอกเหมยสีชมพูที
ผลิบานสะพรัง ไม่น่าเชือว่าบุตรสาวคนเล็กของท่านเสนาบดีฉินเฉิน จะ
งามเสียยิงกว่าฉินอีชิงพีสาวของนางเสียอีก 
 
“เช่นนันก็น่าจะทําความสะอาดก่อนให้ข้ามา...แต่ไม่เปนไร ช่างเถิด เว่ย
ฉู่ ข้าหิวแล้ว มีอะไรให้กินบ้าง?” 
 
“เอ่อ...ท่านอ๋องสังว่า...ให้พระชายาจัดหาของกินด้วยตนเองเพคะ” เว่ย
ฉู่ก้มหน้าตอบ ลําบากใจยิง 
 
“อะไรนะ นีท่านอ๋องใจคอจะให้ข้าอดตายอยู่ทีนีเลยอย่างนันเหรอ ทําไม
เขาช่างใจร้ายนัก...ข้าเปนพระชายาเชียวนะ ถึงอย่างไรก็ได้ชือว่าเปนพระ
ชายา” ฉินหยุนซีเท้าสะเอว ท่องฐานะสูงส่งของนางให้เว่ยฉู่ฟง อีกฝาย
ได้แต่ตัวสันงันงก ลําบากใจเหลือจะเอ่ย 
 
“บ่าวทราบเพคะ พระชายา...แต่นีเปนคําสังของท่านอ๋อง...” 
 
“พอเถอะ เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ข้าคร้านจะฟง” ฉินหยุนซียกมือห้ามอีก
ฝาย นางไม่เคยเกลียดหน้าใครเท่าท่านอ๋องหลีเหยียนฟงผู้นีเลย อ้อ ไม่
สิ นางยังไม่เคยเห็นหน้าเขา ต้องกล่าวว่า นางเกลียดเขาโดยทียังไมรู้จัก
หน้า เหมือนทีเขาเองก็เกลียดนางตังแต่แรก 
 
ต่างฝายต่างเกลียดกัน...ช่างสิ นึกว่าแค่นีจะทําให้นางตายได้หรือ
อย่างไร เขาประเมินเสียวซีผู้นีตําเกินไปแล้ว! 
 
“เว่ยฉู่ เจ้าให้คนมาช่วยทําความสะอาดตําหนักให้ข้าก่อน ยกอาหารใน
โรงครัวมาด้วย มีเท่าไหร่ยกมาให้หมด ถ้าท่านอ๋องจะทําโทษ ก็ให้เขามา
ทําโทษกับข้าก็แล้วกัน” 
 
นางออกคําสังบ้าง เว่ยฉู่ทําท่าราวกับจะขัด ทว่าหญิงสาวยกมือห้ามเอา
ไว้อีก 
 
“ข้ารู้ว่าเจ้ากลัวท่านอ๋องลงโทษ บอกเขาว่าข้าบังคับให้เจ้าทําก็ได้ ข้าไม่
ให้เจ้าเดือดร้อนไปด้วยหรอก วางใจได้” นางบอกแล้วก็ยิมหวานจนแล
เห็นฟนขาวราวไข่มุกเรียงสวย 
 
เว่ยฉู่เองยังอดเอ็นดูรอยยิมงามดังเทพธิดานันไม่ได้ นางไม่เข้าใจนักว่า
สาวงามผู้อ่อนเยาว์ดูไร้เดียงสาเช่นนี นางมีดีอะไรจึงกล้ามาต่อกรกับ
ท่านอ๋องผู้เย็นชา ได้ชือว่า ‘ดุยิงกว่าเสือ’ 
 
ฉินหยุนซีนังทานอาหารอยู่ใต้ต้นหลิว ทีแห้งเหียวเฉาเหลือแต่กิงก้านไร้
ใบ โชคดีเปนยามเช้าแสงแดดยังไม่แรงมาก นางจึงอาศัยต้นหลิวและกิง
ก้านเหียวแห้งของมันช่วยลดแสงแดดได้บางส่วน 
 
ทานอาหารไปพลางก็นังดูเหล่าคนงานชายและนางกํานัลช่วยกัน
ทําความสะอาดตําหนักสุ่ยหลิง 
 
สีหน้าของแต่ละคนราวกับกําลังปวดทุกข์หนัก ทุกคนดูหวาดผวา ขวัญ
อ่อน แค่เสียงลมพัดใบไม้แห้งปลิวไหวก็ส่งเสียงกรีดร้อง รวมกลุ่มกัน
เปนกระจุก ฉินหยุนซีส่งเปดย่างเข้าปาก ยิงมองก็ยิงฉงน จนต้องกวัก
มือเรียกสาวใช้มาถามไถ่ 
 
“พวกเจ้าเปนอะไร ทําไมต้องกลัวกับแค่ใบไม้ไหว ลมพัดแรงด้วย คนใน
วังขวัญอ่อนกันเช่นนีเปนปกติเลยรึ?” 
 
“พระชายา หาใช่พวกเราขวัญอ่อนไม่ แต่ทีนี...หรือว่าพระชายาไม่รู้...ทีนี
ไม่มีใครกล้าเข้ามาหรอกเพคะ...” นางบอกอย่างเสียมิได้ ใบหน้ากลม
เล็กๆแสดงความหวาดกลัวอยู่ตลอดเวลา 
 
“ข้าเพิงเข้ามาทีนีเมือวาน เพิงมาตําหนักนีก็เช้านีเอง เจ้ารู้อะไรก็บอกมา
เถิด” 
 
“คือว่าตําหนักสุ่ยหลิงแห่งนี เปนตําหนักผี...” 
 
“เสียวชุ่ย จะพูดอะไรระวังปากด้วย!” 
 
เว่ยฉู่เข้ามาปรามเสียก่อนทีนางกํานัลเสียวชุ่ยจะพูดจบ ฉินหยุนซีหันไป
มองฝายนันตาโต เปลียนมาซักเว่ยฉู่แทน 
 
“ตําหนักนีมีอะไรรึเว่ยฉู่?” 
 
“ไม่มีอะไรเพคะ” แม่บ้านก้มหน้า ปฏิเสธตัดบท เก็บปากเก็บคํา ลําบาก
ใจเพราะดูท่าทีแล้ว พระชายาคนงามคงไม่ยอมให้นางเงียบไปทังอย่างนี
แน่ แต่แล้วก็ต้องตกใจเมือได้ยินเสียงแหลมคุ้นหู ดังมาจากหน้าประตู
ใหญ่ 
 
“เว่ยฉู่ ข้าได้ยินมาว่าพระชายาถูกท่านอ๋องไล่ส่งมาอยู่ตําหนักนี เปน
ความจริงหรือไม่?” 
 
เมือมีผู้เอ่ยถึง ‘พระชายา’ จึงหันมองไปตามสายตาของเว่ยฉู่ 
 
สตรีหน้าคมสะสวยเหมือนสวมหน้ากากในชุดแพรพรรณอย่างดีผู้นัน 
งามกรุยกรายเฉิดฉาย ดูจากการแต่งกายทีประดับประดาไปด้วยปน
พลอยหลากสีและไข่มุกลําค่า แม้จะอ่อนเยาว์และไม่คุ้นกับสังคมเมือง
หลวงแต่ฉินหยุนซีก็ฉลาดพอจะเดาฐานะของนางผู้นันได้ 
 
ผู้หญิงของท่านอ๋อง... 
 
เฮอะ ท่านอ๋องผู้เย็นชา วางท่ามาก แต่ช่างไร้รสนิยม!! 
 
3.ตําหนักผีสิง 
 
เว่ยฉู่คํานับม่งกู่หลิง สตรีซึงเปนทีโปรดปรานทีสุดของหลีเหยียนฟง แม้
จะมิใคร่ชอบพอนิสัยวางกร่าง ขีอิจฉาริษยาของนาง ทว่าก็เปนเรืองของ
เจ้านาย เว่ยฉู่สงบเสงียมรู้จักกาลเทศะจึงอยู่รอดปลอดภัยจนเปนทีไว้
วางใจของท่านอ๋องสามมาจนทุกวันนี 
 
“เจ้าเหรอ พระชายาทีแต่งเข้ามาเมือวาน” 
 
ม่งกู่หลิงพร้อมอิงอิงสาวใช้คนสนิทก้าวเข้ามาหยุดอยู่ต่อหน้าโต๊ะหิน
อ่อนทีฉินหยุนซีนังทานอาหารอยู่ เจ้าของตําหนักสุ่ยหลิงมองหญิงสาว
แปลกหน้าครู่เดียวก็หันมาส่งของกินเข้าปาก ทําเหมือนไม่ใส่ใจ จนฝาย
นันเดินเข้ามาหยุดจ้องมองนางด้วยสายตาดุดันไม่เปนมิตร จึงเอ่ยกับ
นางทังทียังกินอาหารอยู ่
 
“ใช่แล้วพีสาว แล้วท่านเล่า ท่านคงเปนคนโปรดของท่านอ๋อง เพราะท่าน
นันช่างงามนัก ข้าเพิงมาอยู่ใหม่ ไม่ค่อยรู้เรืองอะไร...ต้องขอฝากเนือ
ฝากตัวด้วย” 
 
“นับว่ายังรู้จักมารยาท เพราะถึงเจ้าจะเปนพระชายา แต่ก็หาใช่พระชายา
ทีท่านอ๋องแยแสไม่” 
 
ม่งกู่หลิงกอดอก เชิดใบหน้าคมงามขึนสูง เย่อหยิงดุจดังตัวนางเปนพระ
ชายา ส่วนอีกฝายเปนแค่นางกํานัลตัวกระจ้อยร่อย “ข้าอยู่ทีนีมาก่อน
และก็อายุมากกว่าเจ้า เรียกข้าว่าพีกู่หลิงก็ได้” 
 
“ดีๆ พีกู่หลิง เชิญท่านมาทานอาหารด้วยกันเถิด ถือว่าให้เกียรติข้าสัก
มือ” ฉินหยุนซีกวักมือเรียกอีกฝาย ไม่ถือตัว ต่างจากม่งกู่หลิง นางมอง
ฉินหยุนซีจากทางหางตา เรียวปากแต้มสีแดงจัดบิด เหยียดหยาม 
 
นีหรือบุตรสาวคนเล็กของท่านเสนาบดีฉินผู้ทรงอํานาจอยู่ในราชสํานัก
ยามนี ช่างกินเก่งมูมมาม ไม่เก็บกิริยา ถึงใบหน้าจะงาม...ก็งามแค่เล็ก
น้อย ยังเทียบกับนางหาได้ไม่ ก็แค่เด็กปากยังไม่สินกลินนํานม! 
 
“เจ้าทานเถิด ตามสบาย” 
 
“ขอบคุณพีกู่หลิง...ทุกคนได้ยินแล้วใช่หรือไม่ พีกู่หลิงอนุญาตให้ข้ากิน
ได้เต็มที” ฉินหยุนซียิมกว้าง ดวงตากลมโตสกาวซุกซน เหมือนเด็กน้อย
ทีได้ของเล่นถูกใจ 
 
ม่งกู่หลิงแค่นยิมเยาะอีกฝาย นางเด็กน้อยหาใช่คู่ต่อสู้ของนางไม่ ไม่มี
อะไรจะต้องกังวลเลย ม่งกู่หลิงยิมเยือนวางมาดเปนนางพญาหงส์ จวบ
จนได้ยินเสียงหวานสดใสของฉินหยุนซีหันไปเอ่ยกับเว่ยฉู่ 
 
“เจ้าได้ยินแล้วใช่ไหมเว่ยฉู่ อาหารพวกนีพีกู่หลิงอนุญาตให้ข้ากินได้เต็ม
ที หากท่านอ๋องถาม อย่าลืมบอกท่านด้วยนะ ว่าข้ากินตามทีพีกู่
หลิง’อนุญาต’” 
 
“เอิม...เพคะ บ่าวทราบแล้วเพคะพระชายา” 
 
เว่ยฉู่แอบอมยิม นึกเอ็นดูความเฉลียวฉลาดมีไหวพริบของพระชายาตัว
น้อย ดูเถิด...พอรู้ตัวว่าถูกหลอกแอบอ้างเอาชือไปใช้เท่านัน ม่งกู่หลิงถึง
กับเนือตัวสัน ดวงตาคมแหลมลุกวาว น่าสะพรึงกลัว 
 
“ฉินหยุนซีนีเจ้า...” 
 
“โอะ ดูเหมือนจะทําความสะอาดในตําหนักเสร็จแล้ว ข้าขอตัวก่อนนะพีกู่
หลิง...อ้อ เว่ยฉู่ อาหารเหลือเยอะแยะ เอาไปแจกเด็กๆช่วยกินด้วยนะ 
ถือเปนความใจดีจากท่านอ๋องและพีกู่หลิง...ข้าขอตัวก่อน” 
 
ฉินหยุนซีบอกกับม่งกู่หลิงและเว่ยฉู่ ก่อนเดินตัวปลิวเข้าไปภายในตํา
หนักสุ่ยหลิง ท่ามกลางสายตาของทุกคน 
 
ม่งกู่หลิงคับแค้นจนตัวสันทีถูกหลอกใช้ แต่เมือมองไปทีตําหนักสุ่ยหลิ
งด้านใน พลันนันลมแรงก็กระโชกใส่ร่างของนางแทบปลิวล้ม 
 
“แม่นางกู่หลิง ระวังด้วยเจ้าค่ะ” เว่ยฉู่ช่วยอิงอิงประคองร่างของม่งกู่หลิง 
เห็นนางหน้าซีด ตาหลุกหลิก หวาดกลัว 
 
“รีบพาข้าไปจากทีนี เร็วเข้าอิงอิงๆ!” 
 
“เจ้าค่ะนายหญิง” 
 
อิงอิงรีบกระวีกระวาด พยุงร่างอ่อนระทวยของผู้เปนนายออกจาก
อาณาเขตตําหนักสุ่ยหลิง เว่ยฉู่เองก็ถึงกับขนลุก หนาวยะเยือก 
 
แว่บประหนึงได้ยินเสียงหัวเราะเยือกเย็น เปนเสียงทีทุกคนในวังท่าน
อ๋องสามมักได้ยินกันจนชาชิน!! 
 
4.พระสนมสุ่ยชิงหลิง 
 
ร่างบอบบางในชุดขาวอมฟาของฉินหยุนซี ก้าวสํารวจภายในตําหนักสุ่ย
หลิงทีเงียบเชียบแสนวังเวง แม้จะดูเล็กมากเมือเทียบกับตําหนักอืนใน
วังนี แต่ตําหนักทังตําหนักทีนางอยู่เพียงลําพังนันก็นับว่ากว้างเกินไป
อยู่ดี ซําทีนียังดูเงียบเหงาวังเวงมากเกินไป บรรยากาศภายในช่างมืด
หม่น ไม่สดใส ฉินหยุนซีมองไปรอบๆ ผ้าม่านทีนอกชานปลิวไสวดู
ราวกับว่ามันกําลังเริงระบํารําฟอนต้อนรับนาง 
 
ลึกเข้าไปด้านในตําหนัก ฉินหยุนซีเดินมาหยุดอยู่ทีหน้าประตูห้องหนึง 
เหลือบมองทีเหนือบานประตูก็แลเห็นผ้ายันต์ปดประตูเอาไว้ นางดึง
ออกมาดู เปนยันต์กักวิญญาณนันเอง พลันลมแรงก็พัดพุ่งออกมาจาก
ภายในห้องนันพร้อมกับบานประตูทีเปดออกกว้างจนสุด 
 
“โอะ” นางยกชายเสือขึนปองลมแรงทีปะทะใบหน้า กลินสาบกรุ่นอวล 
บรรยากาศยิงวังเวง พลันนันเสียงรําไห้กระซิก ก็ดังแว่วมาเข้าหู 
 
ใครกันมารําไห้อย่างน่าสงสารอยู่ในตําหนักแห่งนี...ความอยากรู้อยาก
เห็น ผลักดันให้ฉินหยุนซีก้าวเข้าไปภายในห้องนอนใหญ่นัน นาง
กวาดตามองจนทัวทุกซอกมุมห้อง ไม่พบผู้ใดเลย อึดใจนัน กลินสาบก็
หายไปด้วย 
 
“อะไรกัน...ไม่มีใครสักหน่อย หรือข้าจะหูแว่วไปเอง...ช่างเถิด จะว่าไป 
ตําหนักนีถึงจะเก่าแต่ก็สวยใช้ได้เลย เตียงนอนก็นุ่มน่านอนด้วย” 
 
ว่าแล้วก็ล้มตัวลงนอน เตียงนีถึงจะเก่าไปสักหน่อยแต่ก็อ่อนนุ่มนอน
สบาย ฉินหยุนซีครุ่นคิดถึงม่งกู่หลิง ท่าทางฝายนันจะร้ายไม่น้อยเลย 
ชีวิตของนางต่อจากนีคงจะวุ่นวาย ไม่สงบสุขเหมือนทีนางเคยอยู่ทีเขา
ปาเหมยอีกต่อไป 
 
นางหยิบปายหยกเนือดีเงางามขึนมา หยกนีเปนเหมือนของดูต่างหน้า
อาจารย์ทีท่านได้มอบให้นางติดตัวเอาไว้ตังแต่เด็ก มือเรียวเล็กลูบไล้ 
แค่ไม่กีวันก็คิดถึงอาจารย์จะแย่ 
 
“อาจารย์เจ้าคะ ศิษย์คิดถึงท่าน เมือก่อนอยู่กลางปาเขาแต่ศิษย์ไม่เคย
รู้สึกโดดเดียวเช่นนีเลย...” 
 
นางรู้สึกท้อ ห่อเหียว แต่แล้วก็สะดุดวูบ หันขวับไปมองทีโต๊ะกลางห้อง 
รู้สึกเหมือนมีสายตาของใครบางคนนังจ้องมองมา แต่พอหันไปก็ไม่พบ
ผู้ใดเลย ทังตําหนักนีก็ยังคงมีเพียงนางผู้เดียวเช่นเดิม 
 
“ตําหนักสุ่ยหลิง...อันทีจริงทีนีถึงจะเล็กไปหน่อย แต่ถ้าตกแต่งดีๆก็คง
งามไม่น้อย...เอาเถอะ เมือข้ามาอยู่แล้ว ข้าจะดูแลเจ้าเอง ตําหนักสุ่ย
หลิงจะไม่ถูกหมินเกียรติอีกต่อไป ข้าสัญญา” 
 
ฉินหยุนซีพูดกับตัวเอง แต่ไม่รู้สึกเช่นนัน นางรู้สึกราวกับว่ามีใครบางคน
ฟงทีนางพูดด้วย 
 
นางล้มตัวลงนอนตะแคงหันหลังให้โต๊ะมุกกลางห้อง พลันนันเงาร่างสี
ขาวสองร่างก็ค่อยๆกระจ่างชัดขึน 
 
‘นายหญิงเจ้าคะ เหตุใดเด็กน้อยผู้นีจึงไม่กลัวเกรงพวกเราเหมือนคนอืน
...ข้าสัมผัสได้ว่าหยกของนางเปนสิงลําค่ามาก เหตุใดนางจึงมีหยกวิเศษ
ชินนันติดตัวได้’ 
 
นางกํานัลร่างเล็กนามว่า ชิวเหอ กล่าวกับผู้เปนนายซึงนังอย่างงามสง่า
อยู่บนเก้าอีมุก ดวงตากลมโตปลายตวัดดุจหางหงส์จับจ้องไปทีร่างของ
ฉินหยุนซีอย่างสนใจยิง 
 
‘นางมิใช่ธรรมดา...มีไอทิพย์สีแดงอยู่รอบๆตัวนาง...นีเปนสัญลักษณ์
ของผู้ทีเกิดในฤกษ์ดาวหงส์ฟา...ไม่แน่ว่า นางอาจจะช่วยล้างมลทินให้
ข้าได้’ 
 
‘ดาวหงส์ฟาเหรอเจ้าคะ ดาวหงส์ฟาไฉนมาอยู่ทีนีได้...เล่าลือกันว่า ดาว
ทังสีบนฟา คือมังกร หงส์ฟา เต่าเทพ และพยัคฆ์ขาวนัน ล้วนแต่เปนผู้มี
บุญวาสนา เปนยอดคนครองใต้หล้า...หากนางเปนหงส์ฟาจริง คงไม่ถูก
ไล่มาทีนีหรอกเจ้าค่ะ” 
 
“เปนความโง่เง่าของอ๋องสาม ทีมีตาหามีแววไม่” 
 
สุ่ยชิงหลิง หรือพระสนมชิงหลิงในอดีตเมือยีสิบปก่อนเอ่ย ก่อนเยือง
กายเข้าไปหยุดอยู่หน้าเตียงนอนซึงฉินหยุนซีหลับสนิทอยู่ นางโบกชาย
เสือยาวกรุยกรายดูนุ่มนิมของตนเองไปบนใบหน้างดงามของอีกฝาย 
พลันฉินหยุนซีก็เปดตาขึนและค่อยๆหันมามอง 
 
“ท่าน...ท่านเปนใครกัน ท่านอ๋องส่งท่านมารับใช้ข้าเหรอ?” 
 
ถามด้วยความประหลาดใจ สตรีตรงหน้านางเพลานี มีใบหน้าสวยหวาน
อมเศร้า นางอยู่ในชุดขาวสะอาดดูงามแบบเรียบง่าย แต่มีสง่าราศี เบือง
หลังของนางมีนางกํานัลอีกผู้หนึง แต่สวมใส่ชุดคนละสีกับนางกํานัลใน
วังนี 
 
ฉินหยุนซีค่อยๆ ทรงกายลุกขึนนัง ยังจ้องมองพระสนมสุ่ยชิงหลิงด้วย
ความสนใจใคร่ร ู้
 
‘สามหาวยิงนัก พระสนมชิงหลิงจะเปนข้ารับใช้เจ้าได้เยียงไร!!’ ชิวเหอดุ
ฉินหยุนซี แต่อีกฝายนันมิได้สะท้านสะเทือน กลับหันมาเพ่งมองพระ
สนมอีกครา 
 
“พระสนมชิงหลิงรึ...ท่านเปนถึงพระสนมเลยหรือ?” 
 
‘เมือยีสิบปก่อน ข้าเปนพระสนมของฮ่องเต้องค์ปจจุบัน ตําหนักสุ่ยหลิง
แห่งนี พระองค์ก็ทรงพระราชทานให้ข้า...ไม่นึกเลยว่า มาบัดนีทีนีจะ
กลายมาเปนส่วนหนึง ในเขตวังของท่านอ๋องสามโอรสของฮ่องเต้ และ
ตําหนักของข้าก็ถูกปล่อยให้รกร้างไร้ผู้เหลียวแล...’ 
 
“ท่านพูดอะไร...ข้าไม่เข้าใจ” ฉินหยุนซีส่ายหน้า คิวเรียงสวยขมวดยู่
น้อยๆ “นีเปนตําหนักร้าง ไม่เห็นมีใครบอกข้าว่ามีผู้ครอบครองอยู่ ใน
เมือท่านเปนเจ้าของทีนี เช่นนันข้าจะต้องไปบอกท่านอ๋อง ให้เขาหา
ตําหนักใหม่ให้ข้า อีกอย่าง ท่านเปนถึงพระสนมของฮ่องเต้ ท่านอ๋อง
สามช่างไร้มารยาทนัก ไม่ต้องห่วงนะพระสนม หม่อมฉันจะทวงคืนความ
เปนธรรมให้ท่านเอง เอ๊ะ!!” 
 
ฉินหยุนซีเอือมมือไปจะมือขาวซีดของพระสนมเพือให้กําลังใจนาง แต่
แล้วก็ต้องประหลาดใจยิง ทีจับได้แต่ความว่างเปล่า ดวงตากลมโตเบิก
โพลง ในพลันทีเข้าใจสถานการณ์ทังหมดแจ่มกระจ่าง 
 
พระสนมและนางกํานัล...นางทังสองไม่ใช่คนธรรมดา 
 
“ผี!!!” 
 
5.พิธีกรรมของหยุนซี 
 
ม่งกู่หลิงส่งอิงอิงมาลอบสังเกตการณ์ทีตําหนักสุ่ยหลิง อิงอิงนันกลัวก็
กลัว แต่จําต้องข่มใจทําตามคําสังของผู้เปนนาย นางได้ข่าวลือมาว่าสาม
วันทีผ่านมานี พระชายาหยุนซีไม่ออกมาจากตําหนักเลย แต่สังเว่ยฉู่ให้
ส่งนําและอาหารให้นางทีตําหนักวันละหนึงครัง โดยเฉพาะเมือเช้า นาง
สังเว่ยฉู่ตระเตรียมของมากมายคล้ายจะทําพิธีกรรมบางอย่าง ม่งกู่หลิง
และบรรดาอนุของท่านอ๋องทุกคนในวัง ต่างพากันประหลาดใจยิง ทําไม
พระชายาหยุนซีอยู่ในตําหนักสุ่ยหลิงได้มานานถึงสามวันโดยไม่สติวิ
ปราศ เผ่นหนีไปเหมือนใครต่อใคร คนธรรมดานันแค่เข้าไปอยู่ไม่ถึงครึง
วันก็เผ่นหนีไม่คิดชีวิตแล้ว 
 
“บ่าวว่า พระชายาหยุนซีต้องฝกวิชาไสยมืด มนต์ดํานอกรีดอะไรเปนแน่ 
นางถึงไม่กลัวเกรงผีร้ายทีตําหนักสุ่ยหลิงเลย วันนีนางสังของเยอะเปน
พิเศษ เหมือนจะทําพิธีกรรมอะไรสักอย่าง...หรือนางคิดจะปราบผีทีตํา
หนักสุ่ยหลิงเจ้าคะนายหญิง?” 
 
อิงอิงคาดเดา ใจเชือไปกว่าครึงค่อนว่า ฉินหยุนซีจะต้องมีวิชาคุณไสย
มนต์ดํา ไม่เช่นนัน นางคงหวาดกลัวผีร้ายจนเสียสติไปแล้ว... 
 
“นางก็แค่เด็กน้อย จะเก่งกล้าสามารถขนาดปราบผีร้ายได้อย่างไรกัน...
ข้าว่า นางต้องกําลังวางแผนเรียกร้องความสนใจจากท่านอ๋องเปนแน่ 
นับแต่แรกทีนางเข้ามาในตําหนัก ท่านอ๋องก็ไม่สนใจไยดีนาง นางสร้าง
เรืองให้วุ่นวายก็เพือไม่ให้ท่านอ๋องลืมนาง...นางเด็กฉินหยุนซีผู้นี มัน
ร้ายกว่าทีเจ้าคิดนักอิงอิง” 
 
ม่งกู่หลิงแสยะยิม อวดความเฉลียวฉลาดของนางให้สาวใช้คนสนิท
ชืนชม 
 
“นายหญิงของบ่าวช่างมีปญญาลําเลิศ มองทะลุปรุโปร่ง ถ้าเช่นนันนาย
หญิงจะทําเช่นไรต่อไปดีเจ้าคะ” อิงอิงถามต่อ แน่นอนว่าสมองของนาง
มืดทึบ โง่งม เทียบไม่ได้กับผู้เปนนาย 
 
“เจ้าไปเชิญนักพรตไปมา บอกว่าข้ามีงานด่วนจะให้เขาช่วย ห้าม
แพร่งพรายเรืองนีให้ใครรู้เปนอันขาด” ม่งกู่หลิงสังการสาวใช้ ดวงตาคม
แหลมเรียวของนางนันซุกซ่อนความชัวร้าย คิดแต่จะกําจัดผู้อืน 
 
เสียดายก็แต่อีกฝายคือฉินหยุนซี หากเปนฉินอีชิง นางคงสาแก่ใจทีได้
เหยียบยํามันยิงกว่านี!! 
 
พระชายาตัวน้อยซึงก่อความสับสน ฉงนฉงาย สงสัยไปทัววังท่านอ๋อง
สาม ยามนีนางกําลังนังเท้าคางอยู่บนโต๊ะกลางห้อง เบืองหน้าของนาง
มีถ้วยนําชาอุ่นๆ รินไว้สําหรับวิญญาณพระสนมและชิวเหอสาวใช้คน
สนิทของพระสนมด้วย 
 
‘เจ้าจะจ้องข้าอีกนานเพียงใด รู้จักกันมาสามวันแล้วเจ้ายังไม่หายสงสัย
ในตัวข้าอีกรึ?’ 
 
สุ่ยชิงหลิงนึกรําคาญ แม่เด็กน้อยแสนประหลาด ไม่ได้มีความกลัวผี
เหมือนคนธรรมดา แต่ยังเฝาซักไซ้ไถ่ถามนางไม่หยุดหย่อน 
 
“พีหลิงหลิง เหตุใดท่านต้องประเดียวก็หัวเราะ ประเดียวก็รําไห้?” 
 
ฉินหยุนซีเคยได้ยินเสียงสุ่ยชิงหลิงและชิวเหอรําไห้ ส่วนเสียงหัวเราะ
ของพวกนางนัน บรรดานางกํานัลพูดกันให้นางแอบได้ยิน 
 
เหตุใดผีทังหลายจึงเดียวก็หัวเราะ เดียวก็รําไห้ วิปริตแปรปรวนนัก? 
 
‘ทีหัวเราะ เพราะข้าขันพวกขีขลาด แค่ใบไม้ไหวก็กลัวจนหัวหด ส่วนที
รําไห้นัน...เพราะข้าตายอย่างไร้ความเปนธรรม ข้าเจ็บใจ...’ 
 
“ผู้ใดทําร้ายท่าน ฮ่องเต้รึ?” นางซักต่อ ให้ความสนใจ 
 
‘ข้าไม่รู้...แต่ขันทีหวังบอกว่า...ฝาบาทเปนผู้ประทานเหล้าพิษให้ข้า แต่ข้า
ก็ยังเชือว่าฝาบาทจะไม่ทําเช่นนัน...’ สุ่ยชิงหลิงนําตาคลอ นึกถึงอดีต
ทุกครา ก็นําตาไหลริน 
 
‘ไม่มีทางหรอกเจ้าค่ะนายหญิง ฮ่องเต้โปรดปรานท่านยิงนัก ต้องเปน
คนทีอิจฉาริษยาท่าน วางแผนร้ายใส่ร้ายท่าน...’ ชิวเหอปลอบผู้เปนนาย 
พลอยนําตาซึมตามไปด้วย นางเศร้าสลดก่อนจะหันไปเอ่ยกับฉินหยุนซี 
 
‘หากเจ้าเปนดาวหงส์ฟามาเกิดจริงๆ เช่นนันเจ้าคงสามารถช่วยนายของ
ข้าได้ หงส์ฟาเปนผู้มีอํานาจพิเศษ เปนหนึงในสีดาวเทพจตุรทิศของโลก
นี...ได้โปรดช่วยนายของข้าด้วย...’ 
 
ชิวเหอก้มศีรษะคํานับฉินหยุนซี ความปรารถนาอันยาวนานของผู้เปน
นาย นางหวังว่าสักวันจะเปนจริงได้สักที 
 
ทว่าผู้ทีนางขอร้องยังเอาแต่นิงมองมาตาโต ชิวเหอสบตากับสุ่ยชิงหลิ
งด้วยความกังวล เกรงว่าอีกฝายจะไม่ยอมช่วยพวกนาง จนฉินหยุนซี
เปดปากขึน 
 
“ท่านเจ็บแค้นรําไห้มาตลอดเวลายีสิบปเลยรึ...ช่างน่าสงสารนัก...ท่าน
เคยได้ออกไปชมโลกภายนอกตําหนักสุ่ยหลิงบ้างหรือไม่ ข้าอยากให้
ท่านได้ไปเห็นปาเหมยทีข้าเติบโต ท่านกับชิวเหอต้องชอบทีนันแน่ๆ 
อาจารย์ของข้า ท่านใจดีมาก เปนผู้รอบรู้แห่งยุค โดยเฉพาะเรือง
สมุนไพร จะเรียกว่าท่านเปนหมอเทวดาก็ว่าได้...” 
 
ฉินหยุนซีพูดไปคนละเรือง แต่เสียงเจือยแจ้วของนางราวกับเสียงนก
หงส์หยกร้องในปา แรกทีเดียวสุ่ยชิงหลิงก็ไม่คุ้นเคยและนึกรําคาญ แต่
ฟงมาสามวัน นางเริมเพลิดเพลินและเปนฝายซักถามพระชายาช่างจ้อก
ลับไปบ้าง 
 
‘ถ้าปาเหมยของเจ้ากับอาจารย์งามถึงเพียงนัน เจ้าก็คงไม่ใคร่ปรารถนา
อยากอยู่ในวัง...ถ้าเช่นนันเจ้าเข้ามาทีนีทําไมเล่า?’ 
 
“ข้าเข้ามาทําไมเหรอ...ข้าก็เข้ามาเปนพระชายาของท่านอ๋องสาม หลี...
หลีอะไรนะ...ไม่ได้คิดถึงเขานานๆ ข้าชักจําชือเขาไม่ได้แล้ว” 
 
‘หลีเหยียนฟง’ สุ่ยชิงหลิงระอาความเปนคนไม่ใคร่จะใส่ใจกับอะไรของ
ฉินหยุนซี นางหงส์ฟาผู้นีช่างไม่เหมือนผู้ใด 
 
“ใช่ๆ เขานันล่ะ ทําให้ข้าต้องลงเขามา แล้วก็มาติดอยู่ทีนี...ตอนแรกข้า
เหงามากเลย แต่ตอนนีไม่เหงาแล้ว เพราะข้ามีพีหลิงหลิงกับเสียวเหอ
เปนเพือน” 
 
‘บังอาจ พระสนมฐานะสูงส่ง เจ้าไม่เพียงจะเรียกตามใจชอบ แต่ยังมา
ทึกทักท่านเปนเพือน...’ ชิวเหอดุตามหน้าที ความจริงแล้วนางทึงฉินหยุ
นซี อีกฝายช่างไม่ถือตัว ยอมเปนเพือนกับบ่าวเช่นนางด้วย... 
 
หลังจากอยู่กับพระสนมอย่างโดดเดียวเงียบเหงามาตลอดเวลาอัน
ยาวนาน พระชายาน้อยนางนีก็คือเพือนคนแรกของนาง 
 
‘ไม่เปนไรเสียวเหอ...นางเปนเพือนคนแรกในช่วงเวลายีสิบปของพวกเรา 
ข้าไม่ถือสา...อีกอย่าง ผ่านมาขนาดนี คงไม่มีใครจดจําข้าได้อีกแล้ว...’ 
ใบหน้างดงามแสนเศร้าของพระสนมสุ่ยชิงหลิงทําให้ชิวเหอและฉินหยุ
นซี พลอยรู้สึกเศร้าตามไปด้วย 
 
ฉินหยุนซีเอือมมือเล็กๆของตนเองไปวางบนมือของสุ่ยชิงหลิง ถึง
สัมผัสได้เพียงความว่างเปล่า แต่พระสนมกลับรับรู้ได้ถึงไออุ่นของฝามือ
นัน 
 
‘ฉินหยุนซี...’ 
 
“เรียกข้าว่าเสียวซีก็ได้พีหลิงหลิง ไม่ต้องห่วง ในเมือเราเปนสหายกัน
แล้ว เรืองของพีหลิงหลิงก็เหมือนเปนเรืองของข้า ข้าจะช่วยท่าน... หาก
ไม่มีใครจดจําท่าน ข้าจะจดจําท่านไว้เอง ข้าสัญญาว่า จะไม่ลืมท่านจน
ชัวชีวิตนี” 
 
สุ่ยชิงหลิงแสนประหลาดใจนัก ดวงตากลมโตจริงใจของฉินหยุนซี...รอย
ยิมสดใสของนาง ช่างมีพลังอํานาจทีสุ่ยชิงหลิงไม่เคยพบพาน 
วิญญาณแห้งแล้งของนางก็เหมือนเช่นตําหนักสุ่ยหลิงทีทรุดโทรมไร้
ชีวิตจิตใจแห่งนี ทว่าเพียงการก้าวเข้ามาของฉินหยุนซี ชีวิตก็พลันกลับ
คืนมาสู่ทังสถานทีและจิตวิญญาณของนาง 
 
‘เจ้าช่างจิตใจดีนัก ขอบใจมากนะเสียวซี’ สุ่ยชิงหลิงแย้มยิมอ่อนโยน
ออกมาได้เปนครังแรก ชิวเหอก็พลอยยิมทังนําตาตามผู้เปนนาย 
 
‘ดีจริงๆนะเจ้าคะนายหญิง’ 
 
‘ยังจะเรียกข้านายหญิงอยู่อีก เสียวเหอ เจ้าต้องเรียกข้าว่าพีหลิงหลิง
เหมือนเสียวซีสิ’ 
 
‘บ่าวไม่กล้าเจ้าค่ะ’ 
 
ชิวเหอก้มศีรษะแทบจะจรดหน้าอกตัวเอง ยังคงให้ความเคารพต่อเจ้า
นายยิงชีพ ทว่าสุ่ยชิงหลิงนัน ปล่อยวางแล้วเรืองยศถาบรรดาศักดิ 
 
‘ข้าสังก็จงทําตามเถิด อย่าให้ข้าต้องพูดซํา’ 
 
‘เอ่อ...เจ้าค่ะ พีหลิงหลิง...’ เรียกเพือความสบายใจของนายครังนีครัง
เดียวเท่านัน เพราะนางติดปากทีจะเรียกอีกฝายว่า ‘นายหญิง’ เสียแล้ว
... 
 
“ดีแล้วๆ พวกเราเปนสหายกัน มืดแล้ว ไปทีสวนเถอะ ข้าเตรียมของ
สําหรับทําพิธีเอาไว้แล้ว” ฉินหยุนซีบอกแล้วลุกขึนจากเก้าอีประดับมุก
งดงามทีนังอยู่ เดินลิวชวนวิญญาณทังสองตามนางไปทีสวนด้านหลัง
ตําหนัก ต้องทังขู่ทังบังคับพวกนางกํานัลแทบแย่ กว่าจะได้ของมาครบ
สําหรับทําพิธ ี
 
สุ่ยชิงหลิงและชิวเหอตามพระชายามา พลันก็ตาโต ตกใจ เมือเห็นแท่น
ปะรําพิธีบวงสรวงเทวดาของฉินหยุนซี 
 
‘เสียวซี เจ้าจะทําอะไรนัน?’ พระสนมร้องถาม สีหน้าตระหนก ทว่าชิวเหอ
ตระหนกยิงเสียกว่า 
 
‘เจ้าจะทําพิธีขับไล่ข้ากับพระสนมรึ เสียวซี!!’ 
 
6.องค์ชายหกหลีลิวหลาง 
 
เสียงลือกระฉ่อนหนาหูมาถึง อ๋องสามหลีเหยียนฟงซึงกําลังสนทนาอยู่
กับองค์ชายหก หลีลิวหลาง น้องชายคนสนิท ทังคู่ได้ยินนางกํานัลคุย
กันเรืองพิธีกรรมทีตําหนักสุ่ยหลิง ซึงหลีลิวหลางนัน สนใจเรืองนีไม่
น้อย 
 
“ตําหนักสุ่ยหลิง...นันมันตําหนักผีสิงนี พีสามจะจัดพิธีอะไรทีนันรึ?” 
องค์ชายหก ผู้มีใบหน้าสําอางเรียวสวยราวอิสตรีเอ่ยถามพีชายด้วย
ความฉงน เขามาทีวังของพีสามบ่อยๆ รู้ดีทุกเรืองในวังนี ตําหนักสุ่ย
หลิงเปนตําหนักร้างทีอยู่ห่างไกลจากตําหนักไท้ฝูมาก อยู่สุดปลายวังที
เดียว วิญญาณพระสนมสุ่ยชิงหลิงเจ้าของตําหนักนัน เฮียนขนาดทีถูก
สะกดไว้แล้วแต่ก็ยังสามารถหลอกหลอนผู้คนทีเข้าไปในตําหนักได้ 
บริเวณนันเรียกว่าเปนแดนสนธยาของวังท่านอ๋องสามก็เปนได้ 
 
“ข้าไม่ได้ทําอะไร” หลีเหยียนฟงตอบเสียงเรียบ หน้านิง ทว่าแววตา
ครุ่นคิด 
 
“แต่พวกนางกํานัลบอกว่า ทีนันมีการเตรียมงานพิธี...ใครกันกล้าไปยุ่ง
กับตําหนักนัน ขนาดว่าถูกสะกดวิญญาณเอาไว้ พระสนมสุ่ยชิงหลิงก็ยัง
เฮียนนัก” 
 
“เฮียน? วิญญาณพระสนมดุร้ายมากเลยรึ?” พีชายถามเสียงเรียบอีก
เช่นเคย คนเปนน้องหน้าเสีย นึกขึนได้ เผลอพูดมากทังทีรู้ว่าพีชายไม่
เชือเรืองผีสางพวกนีนัก 
 
“ข้าผ่านไป ยังได้ยินเสียงรําไห้ดังออกมาจากภายในตําหนักออกบ่อย พี
สาม ท่านคงดวงแข็งเกินไป จึงไม่เคยเห็นหรือได้ยินเสียงอันใดเลย” 
 
“ข้าเคยเข้าไปในตําหนักนัน ก็แค่ตําหนักร้าง เก่าๆ ธรรมดา...คิดว่าพวก
บ่าวไพร่พากันหวาดกลัวเกินไปมากกว่า...หรือวิญญาณของพระสนมสุ่ย
ชิงหลิงจะยังอยู่ทีนันจริงๆ...?” หลีเหยียนฟงเปรย 
 
“โธ่ มีแต่พีสามคนเดียวทีคิดเช่นนัน ข้าว่าทุกคนในวังต่างก็รู้กันหมด ว่า
ตําหนักสุ่ยหลิงเปนตําหนักผีสิงจริงๆ แค่เข้าไปใกล้ยังหนาวเยือกไป
หมด ข้ายังว่าดีแล้วทีพีสามไม่ให้ใครไปอยู่...เออ จริงสิ ข้ามาตังนานแล้ว 
เหตุใดยังไม่พบพีสะใภ้เลย...นางอยู่ทีใดกันเล่า ข้าขอชมโฉมพีสะใภ้สัก
หน่อยได้หรือไม่” 
 
หลีลิวหลางวกมาเข้าเรืองทีเขามาในวันนี แรกทีเดียวเขาตังใจจะมาหาพี
ชายเพือดูหน้าพีสะใภ้ตังแต่วันแรก แต่ติดอยู่ทีคิดได้ว่าไม่เหมาะสม คู่
บ่าวสาวยังข้าวใหม่ปลามัน คงต้องการเวลาเปนส่วนตัวมากกว่า จึงทอด
เวลามาจนเข้าวันทีสาม ทว่ามาถึงตังนานจวนจะคําแล้วก็ยังไม่พบพี
สะใภ้สาม ทังพีชายก็ยังเอาแต่นิง ครุ่นคิดหน้าเคร่ง 
 
แล้วจู่ๆ หลีเหยียนฟงก็กลับใจ เปลียนทิศทางเดิน จากทีตังใจจะกลับ
เข้าไปภายในตําหนักไท้ฝู เขากลับเดินลิว นําหน้าผู้เปนน้องไปยัง
ทิศทางตรงกันข้าม 
 
“พีสาม ท่านจะไปไหน ไหนท่านว่าจะเลียงอาหารคําข้าอย่างไรเล่า” หลี
ลิวหลางโอดครวญ ทว่าพีชายก็ยังไม่หยุดก้าวเดิน ด้วยย่างก้าวทีมันคง 
 
“ก็เจ้าบอกเอง ว่าอยากเห็นหน้าพีสะใภ้สามมิใช่รึ ถ้าเช่นนันก็จงหุบปาก
แล้วตามข้ามา” เสียงทุ้มเย็นชา ทรงอํานาจ หากทว่าหลีลิวหลางยังคงไม่
เข้าใจนัก 
 
“พระชายามิได้อยู่ตําหนักไท้ฝูหรอกรึพีสาม?” 
 
“ข้ายกตําหนักสุ่ยหลิงให้นางอยู่ ตังแต่เมือสามวันก่อนแล้ว” 
 
“หา!! พีสาม ท่านว่าอย่างไรนะ!!” 
 
หลีลิวหลางตาโต ตกใจจนพัดแทบร่วงหลุดจากมือ 
 
“ข้าให้นางไปอยู่ตําหนักสุ่ยหลิง ทีพวกนางกํานัลคุยกันว่าตําหนักนันจะ
มีพิธี ก็คงเปนฝมือนาง อาหลาง เราไปดูกันว่าพีสะใภ้สามของเจ้า คิดทํา
อะไรกันแน่” 
 
หลีเหยียนฟงอธิบายยาวขึน และไม่เปดโอกาสให้น้องชายซักถาม ด้วย
การเดินนําตัวปลิว มุ่งหน้าไปตามสะพานทางเดินทีทอดยาว สู่ตําหนัก
สุ่ยหลิงอันห่างไกล 
 
หลีลิวหลางจําต้องเดินตามพีชายมา ด้วยความไม่เข้าใจแม้แต่น้อย... 
 
เหตุใดพีสามจึงให้พระชายาผู้แต่งงานเข้ามาเพียงคืนเดียวไปอยู่ตําหนัก
ห่างไกล น่าสะพรึงกลัวนันแต่เพียงลําพัง... 
 
ฉินหยุนซีถูกส่งตัวมาแทนพีสาวของนางก็จริง แต่นางก็หามีความผิดไม่ 
พีสามไม่ชอบเสนาฉิน แต่ท่านพีทํากับนางแบบนี...ออกจะเกินไปหรือไม่ 
 
หรือว่าฉินหยุนซีจะมีใบหน้าอัปลักษณ์ ขีริว ท่านพีจึงส่งนางไปอยู่เสีย
แสนไกล ผิดวิสัยคู่สามีภรรยาทัวไปเช่นนี... 
 
7.พระชายาปศาจ 
 
ฉินหยุนซีมองสหายทังสองซึงมิใช่มนุษย์ เห็นพวกนางตระหนกหวาด
ผวา ก็ทังขันและสงสาร ดวงตากลมโตสุกใสมีแววซุกซน เรียวปากนุ่ม
แย้มยิม 
 
“เห็นข้าเปนหมอผีหรือกระไร ไม่ต้องกลัว...ข้าแค่จัดพิธีบูชาฟาดิน ขอ
พลังจากดวงดาวช่วยพวกท่าน วิญญาณของท่านทังสองอ่อนแรงมาก 
ดังนัน ข้าจะแบ่งพลังชีวิตของข้าให้พวกท่าน ต่อไปพวกท่านจะมีพลัง 
สามารถจับต้องสิงของได้ สามารถออกจากตําหนักสุ่ยหลิงไปทีใดก็ได้
ด้วยเช่นกัน” 
 
“เสียวซี!” 
 
สุ่ยชิงหลิงร้องเสียงดังด้วยความประหลาดใจ ฉินหยุนซีเปนแค่เด็กน้อย
ท่าทางไร้เดียงสา ไฉนนางจึงกล้าทําพิธีทีเสียงต่ออายุขัยของตนเองเช่น
นีเพือวิญญาณทีเพิงรู้จักกันเล่า! 
 
“มันอันตรายนะเสียวซี ข้าเคยรู้มาว่า พิธีพวกนีจะทําให้เจ้าอายุสันลง 
การทีเจ้าอายุสันลงเพือวิญญาณของข้า มันหาคุ้มไม่” ชิวเหอร้องห้าม
เช่นกัน 
 
“ใช่แล้วเสียวซี อย่าให้ผีอย่างพวกเราเบียดบังชีวิตของเจ้าเลย เจ้ายัง
ต้องอยู่ต่อไปอีกนาน...ไม่ต้องทําเพือพวกเราถึงเพียงนันหรอก” สุ่ยชิง
หลิงห้ามปราม ไม่เห็นด้วยแน่นอน ทว่าสาวน้อยตรงหน้ายิมแฉ่งดุจแสง
ตะวัน 
 
“สําหรับข้า ไม่ว่าจะเปนคนหรือผีก็ไม่ต่างกัน หากข้าถือชะตาของหงส์
ฟาจริง การช่วยเพือนแค่นีคงไม่กระไรนัก ท่านทังสองทําใจให้สบายเถิด 
ปล่อยให้เปนหน้าทีของเสียวซีเอง” 
 
ฉินหยุนซีไม่ฟงเสียงห้ามปรามของทังสอง นางจุดธูปเทียนบูชาฟาดิน 
แล้วหยิบหยกหงส์ฟา หยกวิเศษทีอาจารย์มอบให้ขึนมากระชับไว้ใน
อุ้งมือทังสอง ตังจิตแน่วแน่ ซึมซับรับพลังจากดาวหงส์บนฟากฟาทาง
ทิศใต้ 
 
ดาวหงส์ส่องประกายสีแดงเรือดุจเปนลูกไฟ สว่างเจิดจ้า ทว่าอ่อนโยน
และงดงาม... 
 
สุ่ยชิงหลิงและชิวเหอเฝามองแต่ละห้วงเวลาทีผ่านพ้นไปด้วยใจเต้น
ระทึก พวกนางถูกทอดทิงโดดเดียวเดียวดายมายีสิบป ไม่เคยได้รับพลัง
ใดๆ วิญญาณของพวกนางได้แค่สําแดงเดชเล็กน้อย ทว่าผู้คนก็หวาด
กลัวพากันเกลียดชังทังทีไม่เคยทําร้ายผู้ใด สุ่ยชิงหลิงไม่มีจิตในทางชัว
ร้าย นางเพียงต้องการเรียกร้องความเปนธรรมทีต้องตายด้วยความคับ
แค้น 
 
หิงห้อยน้อยพราวแสงยามคํา พรูบินเข้ามาเกาะอยู่ทีเรือนผมและชุดขาว
ของฉินหยุนซีทีละตัวๆ ไม่ช้าทังร่างของนางก็ราวกับเรืองแสงได้อย่างน่า
อัศจรรย์ 
 
ท่ามกลางสายตาตืนเต้นของสุ่ยชิงหลิงและชิวเหอ ฉับพลันร่างสูงใหญ่
ของบุรุษสองคนก็ก้าวเข้ามากลางพิธี!! 
 
ฉินหยุนซีได้ยินเสียงฝเท้าหนักๆนัน นางเหลียวไปมองด้วยความ
ประหลาดใจ ดวงตากลมโตจ้องนิงไปทีบุรุษหนุ่มร่างสูงใหญ่ หน้าคม
เข้ม รูปงามจนสะกดสายตาและทําให้นางถึงกับสะดุดจนเสียสมาธิ 
 
พรึบ!! 
 
หมู่หิงห้อยแตกกระจาย บินส่องแสงไปทัวสวนอันรกร้าง พวกมันพัด
กระพือละอองแสงอณูเล็กละเอียดทีคนธรรมดาไม่สามารถมองเห็นได้ 
แต่สุ่ยชิงหลิงกับชิวเหอรับรู้ได้ถึงพลังชีวิตทีโปรยปรายลงมา พลังของ
หงส์ฟา แม้จะไม่มากนักเพราะพิธีสะดุดลงเสียก่อนกลางคันก็ตาม 
 
“นายหญิงเจ้าคะ!!” ชิวเหอดีใจเปนล้นพ้น สุ่ยชิงหลิงเองก็ไม่ต่างกัน 
 
“เสียวเหอ เสียวซีทําได้จริงๆ!” 
 
สองนายบ่าวจับมือกันด้วยความปติยินดี ก่อนจะนึกได้ ตอนนีเสียวซี
กําลังประจันหน้าอยู่กับท่านอ๋องสาม ตามมาด้วยองค์ชายหกและบ่าว
ไพร่อีกกลุ่มหนึง ซึงตามมาออกันอยู่เบืองหลังร่างสูงสง่าของท่านอ๋อง 
 
แม้แต่ม่งกู่หลิงก็ยังวิงกระหืดกระหอบเข้ามาแทบไม่ทัน นางคิดว่าตนเอง
นันเร็วแล้ว แต่ท่านอ๋องสามเดินลิวๆเข้ามาไม่สนใจใครเลย นางรีบเร่ง
ฝเท้าตามมา แล้วก็ร้อนใจเหมือนไฟเผา ท่านอ๋องสามจ้องฉินหยุนซีตา
ไม่กะพริบ ไม่รู้จะตกตะลึงอะไรนักหนา...ก็แค่ผู้หญิงทีถูกหิงห้อยรุมล้อม
จนทังร่างดูสว่างเจิดจ้าราวกับไม่ใช่มนุษย์!! 
 
ความริษยาในใจม่งกู่หลิงพลุ่งพล่าน เดือดคุ พริบตานันก็เหมือนสวรรค์
เปนใจ นางเห็นกลุ่มควันดําทะมึนกลุ่มหนึงพวยพุ่งเข้ามาจากด้านนอก
ตําหนัก ม่งกู่หลิงไม่รอช้า คว้าโอกาสทองนันเอาไว้ ด้วยการตะโกนก้อง 
จนทุกคนพากันตืนตระหนก 
 
“ปศาจ พระชายาหยุนซีเปนปศาจ!!” 
 
8.เหยือผู้รับเคราะห์ 
 
ภาพทีหลีเหยียนฟงเห็นต่อหน้าเมือครู่ ราวกับห้วงเวลาหยุดนิง สรรพ
ชีวิตหยุดการสันไหว แม้กระทังลมหายใจของเขาก็เฉกเช่นกัน... 
 
สตรีทีอยู่เบืองหน้าช่างงดงามราวกับเทพธิดา ร่างของนางขาวโพลนส่อง
ประกายพราวระยิบระยับอยู่ท่ามกลางความมืดทีโอบรอบ เจิดจ้า สดใส 
สะกดสติและสมองสังการของเขาให้หยุดการทํางานลงไปชัวขณะ 
 
ตาคมกริบดําสนิท จ้องมองแก้มอิมขาวลออ ผ่องใส ดวงตาโตพราว
หวาน จมูกโด่งรันเล็กๆรับปากเรียวปากอิม ใบหน้างามหมดจดกระจ่าง 
เข้ากันกับร่างเล็กๆน่าทะนุถนอมของนาง ราวกับไม่ใช่หญิงสาวบนโลก
ใบนี นันทําให้ท่านอ๋องผู้เย็นชาถึงกับเสียศูนย์ อึงตะลึงไป 
 
หรือนางจะเปนวิญญาณของพระสนมสุ่ยชิงหลิงทีคนเล่าลือกัน? 
 
แต่พระสนมทีเขาเคยเจอเมือครังเยาว์วัยนัน พระนางงามก็จริง แต่ไม่
เจิดจรัสเพียงนีนี? 
 
ถ้าเช่นนันนางเปนใคร...มาทําอะไรทีนี? 
 
“ปศาจ พระชายาหยุนซีเปนปศาจ!!” 
 
ม่งกู่หลิงเข้ามาและร้องลัน เสียงหวีดแหลมก้องของนาง คืนสติให้หลีเห
ยียนฟง ชายหนุ่มกะพริบตาถีๆ เพ่งมองสาวน้อยผู้งดงามตรงหน้า หัวใจ
เย็นชากระตุกวูบ 
 
นางคือฉินหยุนซี บุตรสาวคนเล็กของฉินเฉิน พระชายาทีเขาส่งมาอยู่ที
นี!!! 
 
“พระชายา...ใช่แน่รึ...?” หลีลิวหลางเองก็ตะลึงตาโตยิงกว่าพีชายเสียอีก 
โอ...แย่แล้ว เขาหลงรักนางตังแต่แค่แรกเห็นหน้า!! 
 
ทว่ายังไม่ทันได้ทําสิงใด ฉับพลันนัน มีกลุ่มเงาดํามืดพุ่งเข้าห่อหุ้มร่าง
ของฉินหยุนซีต่อหน้าต่อตาทุกคน!! 
 
'เสียวซี ระวังด้วย นันเปนกลุ่มวิญญาณชัวร้ายทีถูกคนมีอาคมปลุกพลัง
ให้ มันจะฆ่าเจ้า!!' 
 
สุ่ยชิงหลิงจะเข้าไปช่วย แต่ถูกเงาดําทะมึนน่ากลัวพวกนันสะบัดจนนาง
หัวหมุน ล้มลง ชิวเหอต้องรีบเข้ามาประคองพระสนมด้วยความห่วงใย 
 
'นายหญิง ท่านไม่เปนอะไรนะเจ้าคะ' 
 
'ข้าไม่เปนไร แต่เสียวซี...วิญญาณพวกนันจะฆ่านาง...เหตุใดพวกมันจึง
มีพลังกล้าแข็งถึงเพียงนัน...เราต้องรีบช่วยเสียวซี...โอ๊ย...' สุ่ยชิงหลิง
ขยับตัว แต่นางได้รับบาดเจ็บ แขนข้างหนึงของนางจางหายไป ชิวเหอ
เห็นเช่นนันถึงกับรําไห้ 
 
‘เราสู้มันไม่ได้หรอกเจ้าค่ะนายหญิง...พวกเราได้พลังเพิมมาจากเสียวซีก็
จริง แต่พิธีหยุดกลางทางเสียก่อน ต่อให้พวกเรารวมกําลังกันก็ยังสู้มัน
ไม่ได้เลย...ฮือ...’ 
 
'ไม่ได้ ข้าต้องช่วยเสียวซี นางมีนําใจต่อข้า!!' สุ่ยชิงหลิงจะเข้าไปหาฉิน
หยุนซีอีก 
 
ทว่ายังไม่ทันได้ทําการนัน นางก็ต้องชะงักเสียก่อน นันเพราะร่างสูง
เพรียวสะโอดสะองขององค์ชายหก หลีลิวหลาง วิงเข้าไปหาฉินหยุนซี 
เขาเอือมไปจับมือนางด้วยหวังจะช่วยเหลือเช่นกัน 
 
“ไม่ต้องกลัวพระชายา ข้าจะช่วยท่าน โอ๊ะ!!” 
 
พริบตาเหล่าวิญญาณร้ายดํามืดก็รุกคืบกลืนกินร่างขององค์ชายหกแทน 
ฉินหยุนซีกลับมาหายใจได้อีกครา ทว่าหลีลิวหลางกลับตกอยู่ใน
อันตรายแทนนางเสียแล้ว 
 
“น้องหก!! เจ้าเปนอย่างไรบ้าง น้องหก!!” 
 
หลีเหยียนฟงรีบตามเข้าไปหาน้องชาย ทันทีทีเขาแตะต้องร่างของหลีลิว
หลาง ก็เหมือนฝามือแตะถูกเปลวไฟ ทว่ากลุ่มควันดําไม่สามารถเคลือน
ตัวเข้าครอบคลุมร่างของเขาได้ เพียงสัมผัสแค่ฝามือแกร่ง เหล่าภูตผี
ร้ายก็กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เสียงโหยหวนอืออึงอล ก่อนสลายไป
ไม่เหลือแม้ฝุนละออง 
 
‘นายหญิงเจ้าคะ วิญญาณพวกนันมันทําอะไรท่านอ๋องสามไม่ได้!’ ชิวเห
อตืนเต้น ดีใจ ส่วนสุ่ยชิงหลิงนันโล่งอกอย่างยิง 
 
'เขาดวงแข็งมาก ภูตผีวิญาณไม่สามารถเข้าใกล้หรือทําอันตรายเขาได้' 
 
'เปนยอดบุรุษโดยแท้' 
 
ชิวเหออดชืนชมไม่ได้ ท่านอ๋องสามผู้สง่างาม ทังยังมากไปด้วยอํานาจ
บารมี 
 
ทว่าฉินหยุนซีนัน...นางไม่รู้จักเขา!! 
 
“เจ้า รีบช่วยน้องชายของเจ้าก่อนเร็ว เขาถูกไอพิษจากไสยเวทย์ดํา!!” 
ฉินหยุนซีร้องสังหลีเหยียนฟง 
 
“หือ? เด็กๆ รีบไปตามหมอมาเร็ว!” ชายหนุ่มงุนงงในคราแรก ก่อน
ได้สติรีบสังการ ทว่าเสียงใสเอาจริงเอาจังของฉินหยุนซีร้องห้ามเอาไว้ 
 
“ไม่ต้องตามหมอทีไหนหรอก ท่านมาช่วยข้าจับเขาไว้ ข้าจะช่วยถอนพิษ
ไสยเวทย์ดําให้เขาเอง” 
 
ท่านอ๋องสามผู้ยิงใหญ่พลันชะงักงัน ฉงนสุดกําลัง 
 
ฉินหยุนซีวาดฝามือทําเครืองหมายบางอย่างทีแผ่นหลังของอ๋องหก 
ก่อนหยิบหยกหงส์ฟาของนางขึนมา วางทาบตามลงไป พลันทังร่างของ
หลีลิวหลางก็สะท้านเฮือก พ่นควันดําออกมา 
 
“อึก!!” 
 
“เปนอย่างไรบ้างน้องหก!” 
 
หลีเหยียนฟงเข้าไปแตะไหล่น้องชาย แต่ถูกฉินหยุนซีผลักเขาออกห่าง 
นางใช้สองมือเรียวของตัวเอง ประคองใบหน้าขาวเรียว จ้องสบตา
สะลึมสะลือยังไม่ได้สติดีนักขององค์ชายหก ใบหน้างามเคลือนเข้าไป
ใกล้ชายหนุ่ม ต้องการจะดูดพิษร้ายออกมาให้สินซาก ทว่าหลีเหยียนฟง
ยืนมือใหญ่แกร่งกล้าของเขา ขวางเอาไว้ทันท่วงที 
 
ฉินหยุนซีถึงกับงง เงยหน้าขึมองเขาตาโตเปนคําถาม แต่เจอเข้ากับ
ใบหน้าคมเข้มทีดุดันยิงนัก 
 
“เจ้าจะทําอะไร” 
 
“ถามได้ ข้าก็จะช่วยดึงพิษในตัวเขาออกมาให้หมดอย่างไรเล่า ถอยไปสิ 
ท่านจะมาขวางทําไม” 
 
นางตําหนิเขาทีไม่รู้เรืองอะไร ทว่าหลีเหยียนฟงกลับดึงตัวน้องชายออก
ห่าง ไม่ยอมให้นางใช้ปากดูดพิษให้หลีลิวหลาง 
 
“น้องของข้าเปนถึงองค์ชาย แล้วเจ้าก็เปนพระชายา...จะเทียวไปจุมพิต
ชายอืนได้อย่างไร” 
 
“ข้าไม่ได้จุมพิตเขา ข้าจะช่วยเขาต่างหากเล่า ท่านไม่รู้หรอก พิษไสย
เวทย์ดํามันเปนของชันตํา ร่างกายมนุษย์ธรรมดา ถ้ารับพิษนีเข้าไปนาน 
จะเปนอันตรายถึงชีวิต...ท่านถอยไปเถอะ ท่านอ๋องสามก็ไม่ได้อยู่ตรงนี 
ถ้าเขาอยู่ข้าก็เชือว่า...เอะ หรือว่าท่าน...?” 
 
ฉินหยุนซีฉุกคิดขึนได้ ชายหน้าดุแต่ก็หล่อเหลาชวนตะลึงผู้นีเปน ‘พี
ชาย’ ท่านอ๋องหกนีนา... 
 
แล้วจากการแต่งกายด้วยเสือผ้าอย่างดี งดงามเช่นนี... 
 
หรือว่าเขาก็คือ... 
 
“ไม่ต้องพูดแล้ว หาวิธีช่วยอาหลางทางอืน ไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามจุมพิต
เด็ดขาด!” 
 
เสียงทุ้มแข็งกร้าว เฉียบขาด ครานีฉินหยุนซีมิได้ขัดเขาอีก นางดึงเอา
ขวดยาเล็กจิวทีพกติดตัวเอาไว้เสมอ ออกมาจากผ้าคาดเอว ยาเม็ดเล็กๆ
ในขวดนันเปนสีแดงเข้ม เงาวาว นางยืนส่งให้หลีเหยียนฟง และกล่าว
โดยไม่มองหน้าเขา 
 
“นีเปนยาทิพย์ของอาจารย์ข้า เปนสิงวิเศษสามารถช่วยขับพิษและรักษา
อาการได้ทุกชนิดบนโลกใบนี ท่านเอาให้น้องชายกินก็แล้วกัน” 
 
หลีเหยียนฟงรับยาทิพย์ไป เขาจ้องหน้านางเขม็ง แต่ฉินหยุนซีไม่ยอม
มองเขาเลย นางเอาแต่เมินไปทางอืน 
 
“หมดธุระแล้ว...เชิญท่านพาตัวเขากลับไป ถ้าท่านอ๋องหกฟนเมือไหร่ 
รบกวนท่านช่วยบอกเขาด้วย ข้าขอบคุณทีเขามีนําใจช่วยเหลือจนตัวเอง
ต้องรับเคราะห์...ขอตัว” 
 
ฉินหยุนซีเอ่ยโดยไม่ยอมมองหน้าหลีเหยียนฟงอีกเช่นเคย กล่าวจบ
แล้วนางก็เดินละลิวหนี เพือให้พ้นไปจากอีกฝายโดยเร็วทีสุด 
 
ฮึ ท่านอ๋องสามผู้สง่างาม หล่อเหลา...ก็แค่งามเพียงรูปโฉมภายนอก 
นําใจของเขา เทียบกับหลีลิวหลางผู้เปนน้องก็ยังไม่ได้เลย 
 
ฉินหยุนซีหันไปเบ้ปากใส่คนข้างหลังเมือเลียงพ้นมาได้ แต่พอหันกลับ
มาก็ต้องหน้าเบ้ยิงกว่า 
 
ม่งกู่หลิงนําขบวนสาวงามมาขวางอยู่ตรงหน้า...รังสีอํามหิตของพวก
นางดําทะมึน มองปราดเดียวฉินหยุนซีก็ถอนใจ 
 
ชีวิตของนางนับแต่ลงจากเขามา ไม่เคยพบกับความสงบสุขเลย เหล่าผู้
หญิงของท่านอ๋องสามช่างวุ่นวายนัก!! 
 
9.ใส่ร้ายปายสี 
 
ฉินหยุนซีทําเปนมองไม่เห็น ไม่สนใจ เดินผ่านกลุ่มผู้หญิงของท่านอ๋อง
ไป นางไม่อยากอารมณ์เสียเพราะสตรีกลุ่มนี ตอนนีนางอยากคุยกับพี
หลิงหลิงและเสียวเหอมากกว่า นันเพราะพิธีของนางยังไม่สําเร็จ อีกทัง
ยังมีกลุ่มวิญญาณประหลาดทีมีอํานาจมากกว่าภูตผีธรรมดาเข้ามาเล่น
งานนางถึงตําหนัก เรืองนีต้องมีเงือนงําบางอย่าง ฉินหยุนซีไม่ต้องการ
เสียเวลากับเรืองไร้สาระ กับแค่ความอิจฉาริษยาของพวกผู้หญิง 
 
“เดียวก่อน เจ้าจะหนีไปทีใด คิดจะหนีความผิดรึ” 
 
ม่งกู่หลิงหาเรืองทันที ทําเอาคนทีคิดจะผ่านเลยไปถึงกับหยุดฝเท้า 
ชะงักอยู่ข้างกับผู้กล่าวหา แล้วค่อยๆ หันไป 
 
“หนีรึ เหตุใดข้าต้องหนี พีกู่หลิง ท่านเข้าใจอะไรผิดไปหรือไม่...ถ้าท่าน
เข้าใจผิดเพราะความไม่รู้ ข้าก็จะอภัยให้” เอ่ยตอบโต้ไปด้วยอาการสงบ 
ใบหน้าใส อ่อนเยาว์ทว่ามิได้อ่อนแอ ไม่มีความกลัวเกรง แต่กลับนิง สง่า
งาม มีความมันใจในตนเอง 
 
เหล่าสาวงามลูกคู่ ผู้ยอมตนอยู่ใต้อํานาจของม่งกู่หลิงมองหน้ากันอย่าง
ร้อนใจและหวาดเกรง อย่างไรเสียฉินหยุนซีผู้นีก็มีตําแหน่งสูงส่งเปนถึง
พระชายา! 
 
พวกนางถึงจะเปนผู้หญิงของท่านอ๋อง แต่ก็ไม่มียศตําแหน่งใดๆ แม้แต่
ม่งกู่หลิงทีชูคอ วางท่าประดุจตนเองยิงใหญ่ในวังนีหนักหนานัน...นางก็
หามีตําแหน่งใดๆเช่นกัน 
 
“พีกู่หลิง หรือว่าท่านจะเข้าใจผิด พระชายางามน่ารักถึงเพียงนี คงไม่ได้
เปนพวกนอกรีตอย่างทีท่านว่าหรอกกระมัง...” 
 
“หุบปาก โง่เง่าอย่างพวกเจ้าจะรู้สิงใดเล่า เพราะโง่เช่นนีจึงหาเคยได้ใจ
ของท่านอ๋องไม่!” 
 
ม่งกู่หลิงตวาดใส่ลูกไล่ของตนเอง ก่อนสะบัดใบหน้าคมงามทีดูน่ากลัว
เพราะพิษริษยากลับมาทางฉินหยุนซี ถลึงตาลุกวาวจ้องมองพร้อมชีหน้า 
กล่าวหา 
 
“เจ้าทําพิธีเรียกผีร้ายมาทําร้ายองค์ชายหก ทําให้องค์ชายได้รับบาดเจ็บ 
เจ้าเปนพวกมารร้าย คิดแทรกซึมเข้ามาในราชสํานักเพือทําร้ายเหล่าเชือ
พระวงศ์!!” 
 
“กล่าวหนักไปแล้วม่งกู่หลิง!” ฉินหยุนซีตาลุกวาว โกรธขึนมาแล้ว ม่งกู่
หลิงผู้นี ข้าเริมทนเจ้าไม่ไหวแล้วนะ! 
 
“อาจารย์ของข้า ซือต้าหยุนเหนียงทีหุบเขาดอกเหมยท่านเปนผู้วิเศษ มี
คุณธรรมและความดี รอบรู้ทุกศาสตร์บนโลกนี ไม่รู้ว่าเจ้าจะรู้จักท่าน
หรือไม่ หากเจ้ามีความรอบรู้กว่านีสักนิด ก็ต้องรู้ว่า อาจารย์ของข้าสูงส่ง
ไปด้วยคุณธรรม ศิษย์ของอาจารย์หามีผู้ใดเคยทําให้ท่านผิดหวังไม่” 
 
ฉินหยุนซีกล่าวถึงอาจารย์ของนางด้วยความภาคภูมิใจ ใบหน้าเล็กๆ
ผ่องกระจ่าง เชิดขึนสูงอย่างไว้ตัว ต่างจากม่งกู่หลิง นางตัวสัน โกรธจน
หน้าแดงกําไปหมด 
 
สามหาว อวดดี...นางเด็กคนนี ร้ายกว่าทีคาดคิดเอาไว้มากมายนัก!! 
 
“เจ้าจะอ้างอย่างไรก็ได้ แต่เรืองทีเกิดขึนกับองค์ชายหก เจ้าต้องรับผิด
ชอบ!” ม่งกู่หลิงยังไม่ยอมแพ้ นางคิดเข้าข้างตนเอง ว่าอย่างไรเสียนาง
ก็เปนคนโปรดของท่านอ๋องสาม ท่านอ๋องย่อมต้องถือข้างนางมากกว่า
ลูกสาวของผู้ทีเขาเกลียดชิงชัง 
 
เสนาบดีฉินจอมวางอํานาจ มักแข็งข้อกระด้างกระเดืองใส่องค์ฮ่องเต้ 
ไม่เห็นหัวเหล่าองค์ชาย มองราวกับเหล่าองค์ชายทังหลายเปนเด็กน้อย 
ปากยังไม่สินกลินนํานม 
 
เรืองทีเสนาฉินบีบบังคับ ยัดเยียดให้ฮ่องเต้ต้องยอมให้ลูกสาวของเขา
อภิเษกเข้าวังท่านอ๋องสามนี...ผู้คนก็รู้กันไปทัวทังวังหลวง! 
 
องค์ชายรัชทายาทหลีอีไม่ทรงต้องการอภิเษกกับลูกสาวบ้านฉิน แต่ผู้ที
ต้องรับเคราะห์กลับกลายเปนองค์ชายสาม ท่านอ๋องหลีเหยียนฟงของ
นางแทน ม่งกู่หลิงสุดจะแค้นใจ นางอยากฆ่าพระยาชาผู้มากเล่ห์ให้ตาย
คามือนัก หากนางไม่เข้ามา ตําแหน่งพระชายาของท่านอ๋องก็ยังคงว่าง
อยู่...และวันหนึงท่านอ๋องจะต้องทรงประทานให้นางเปนแน่แท้!! 
 
“ถ้าอยากให้ข้ารับผิดชอบ เช่นนันก็ให้ท่านอ๋องสามของเจ้ามาพูดเอง” 
ฉินหยุนซีตอบโต้ ไม่ยอมอีกฝายเช่นกัน “แต่ถ้าเขาไม่พูด...ข้าจะเอา
เรืองเจ้า ข้อหาใส่-ร้าย-ปาย-สีพระชายา เจ้าก็รู้นี บิดาของข้าเปนถึงท่าน
เสนาบดีฝายขวา มาคิดๆดูแล้ว ข้าน่าจะลงโทษเจ้า เจ้า เจ้า พวกเจ้า
ทังหมด สมควรโดนโบยก้นคนละยีสิบทีพอหรือไม่” พระชายาชีนิวไปที
สาวงามแต่ละนาง ขู่หน้าตายสนิท ทําเอาพวกนางส่งเสียงกรีดร้องระงม 
 
“ว้าย!! เมตตาด้วยเพคะพระชายา เมตตาด้วย ข้าน้อยผิดไปแล้ว โฮ!!” 
 
กลุ่มสาวงามถลาเข้ามาเกาะแขน รําไห้ขอความเมตตาจากฉินหยุนซี 
นางต้องแอบอมยิมขํา สาวๆพวกนีขวัญอ่อนจริง ขู่ขึงขังเข้าหน่อยก็กลัว
จนหัวหด เหลือแต่ม่งกู่หลิง นางผู้นันไม่ยอมเข้ามาขอร้องเหมือนเช่น
คนอืน กลับยิงโกรธแค้นตัวสัน ตาลุกวาว 
 
ฉินหยุนซีสบตาคมแหลมวาวโรจน์ของฝายนัน กําลังคิดว่าจะจัดการกับ
คนโปรดของท่านอ๋องสามอย่างไรดี ก็พอดีเหล่ามหาดเล็กช่วยกันหาม
ร่างขององค์ชายหกผ่านมา 
 
องค์ชายสามตามน้องชายมาด้วย เมือม่งกู่หลิงเหลือบเห็นชายหนุ่ม ก็
โผเข้าไปเกาะแขนเสือของเขา จีบปากจีบคอฟองทังยังบีบนําตาคลอเบ้า 
 
“ท่านอ๋อง ช่วยกู่หลิงด้วยเพคะ พระชายาจะสังโบยหม่อมฉัน!!” 
 
ฉินหยุนซีถอนใจ ยกมือกอดอก ทําหน้าสุดเบือหน่าย รอฟงว่าพระสวามี
ของนางจะตอบคนโปรดของเขาอย่างไร นางไม่ได้คาดหวังอะไรกับคน
ใจร้ายอย่างเขาอยู่แล้ว 
 
ท่านอ๋องหยุดเดินตามน้องชาย สังให้คนรับใช้พาองค์ชายหกไปทีตํา
หนักไท้ฝูก่อน จากนันจึงก้มถามม่งกู่หลิงเสียงเรียบ 
 
“นางจะโบยเจ้าเรืองอะไร?” 
 
“หม่อมฉัน...คือ หม่อมฉัน...” ม่งกู่หลิงไม่กล้าปด ท่านอ๋องสามขึนชือว่า
เฉียบขาดนัก หากไม่รอบคอบนางเองอาจจะเคราะห์ร้ายได้ “หม่อมฉันก็
แค่ถามพระชายา ว่าเงาดําทีทําร้ายท่านอ๋องหกมาจากทีใด พระชายาไม่
เพียงไม่ตอบ แต่ยังขู่จะโบยก้นหม่อมฉันและพีน้องทุกคนด้วย...ท่าน
อ๋องได้โปรดให้ความเปนธรรมต่อพวกเราด้วยเพคะ” 
 
ว่าแล้วก็บีบนําตาสะอึกสะอืนน่าเวทนา หลีเหยียนฟงทอดสายตามองม่ง
กู่หลิง ก่อนค่อยๆหันไปทางอีกคนทีไม่ยอมมองเขาเลย 
 
นางเอาแต่เมินไปทางอืน ทําราวกับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา! 
 
“เจ้ามีอะไรจะพูดหรือไม่?” หลีเหยียนฟงถามฉินหยุนซี เสียงของเขานิง 
เรียบ ยากจะเดาความนึกคิดอีกเช่นเคย 
 
“ถ้าพูดแล้วเหนือยเปล่า ข้าจะไม่พูด” นางต่อรอง แต่หางตาก็ยังไม่แลคู่
สนทนา 
 
“ดี เช่นนันข้าให้คํามันต่อเจ้า ว่าเจ้าจะไม่เหนือยเปล่า ตามไปพบข้าทีตํา
หนักไท้ฝู เรามีเรืองต้องคุยกัน” 
 
ท่านอ๋องสามรับสัง ไม่ต้องการคําปฏิเสธ ก่อนจะก้าวเดินจากไปด้วย
ท่วงท่าสง่างาม ทิงม่งกู่หลิง นางผู้ทีเชือว่าตนเองเปน ‘คนโปรด’ ของ
ท่านอ๋องไป ราวกับลืมไปแล้วว่าบนโลกนียังมีนางอยู่ด้วย 
 
ม่งกู่หลิงเสียหน้า อับอายอย่างรุนแรง ยังดีแต่ว่าฉินหยุนซีมิได้เย้ยหยัน 
ทับถม ฝายนันสะบัดหน้าเดินหนี รีบกลับเข้าไปในตําหนักสุ่ยหลิง ไม่
สนใจใคร พลางร้องเรียกสหายทังสองของนางด้วย 
 
“พีหลิงหลิง เสียวเหอ มาคุยกันหน่อย เร็ว!” 
 
เสียงใสทีร้องเรียกวิญญาณทังสองดวง ทําเอาสาวงามทีได้ยิน พากัน
เสียวสันหลังวาบ มองหน้ากันตาโต ตระหนก ขวัญหาย 
 
พระชายาหยุนซี นางไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ ไม่มีทางใช่...คนทีไหนจะไป
เปนเพือนกับผีร้ายได้!! 
 
10.ผู้ทีเกลียดชัง... 
 
ทีโต๊ะกลางห้องนอน ฉินหยุนซีรินนําชาดืมหลายต่อหลายถ้วย โดยมี
วิญญาณของสุ่ยชิงหลิงกับเสียวเหอนังมองตาปริบๆ ไม่รู้ว่าอีกฝาย
กระหายอะไรถึงเพียงนัน 
 
‘เสียวซีค่อยๆ ระวังสําลัก...’ พระสนมเตือนด้วยความห่วงใย 
 
“ท่านไม่รู้อะไรพีหลิงหลิง ทะเลาะกับคนพวกนัน ทําให้ข้าเสียพลังงานไป
มากเลย อึก...” พูดจบก็ดืมอีก จนชาหมดกาก็ยังเหมือนไม่เพียงพอ จะ
บอกใครได้ว่าทีจริงแล้วนางหิวจะแย่ เมือครู่เสียพลังไปเยอะเลย แต่
ตําหนักนีไม่มีนางกํานัลรับใช้ นําชายังต้องต้มเองเลย “จริงสิ...ไม่เปนไร 
เดียวข้าจะไปดืมชาทีตําหนักไท้ฝูสักหน่อย ทีนันต้องใช้ใบชาอย่างดี ชุ่ม
คอชืนใจกว่าทีนีเปนแน่” 
 
นางกะการณ์ ไม่ได้รู้เลย ว่าสิงใดจะเกิดขึนกับตนเองบาง 
 
สุ่ยชิงหลิงจ้องมองเด็กสาวเบืองหน้า ฉงนยิงนัก ยีสิบปทีนางอยู่ตํา
หนักสุ่ยหลิงมา ไม่เคยมีเหตุการณ์ดังเช่นวันนีเกิดขึน กลุ่มวิญญาณ
เหล่านันมีพลังกล้าแข็งยิง นางเห็นชัดเจนว่าพวกมันเล่นงานเสียวซี แต่
เสียวซีกลับไม่เปนอะไรเลย 
 
‘เจ้าไม่เปนไรเลยรึเสียวซี วิญญาณพวกนันร้ายกาจมากนะ พวกมันไม่
ธรรมดาเลย’ พระสนมถามไถ่ 
 
“ข้าไม่เปนไรพีหลิงหลิง ไม่ต้องห่วง ข้ามีหยกหงส์คุ้มกาย ถึงต่อให้ไม่มี
หยกหงส์ฟา ข้าก็พอมีอาคมคุ้มตัวอยู่บ้าง แต่ว่า...อืม...” ฉินหยุนซีนับ
นิวไปมา ท่าทางรอบรู้ของนางทําให้สุ่ยชิงหลิงสนใจยิง 
 
‘เสียวซี เจ้ามีความสามารถหยังรู้สรรพสิงได้รึ’ 
 
“เอะ...เอ่อ...แฮ่ๆ ลืมไป ข้าฝกมาไม่ถึงขันนีนา...” ยกมือลูบหลังศีรษะ
ตนเองเขินๆ พร้อมยิมกว้างจนตาหยีไปหมด “เสียดายนัก ข้าเกียจคร้าน
เกินไป ไม่นึกว่าถ้าสําเร็จวิชาหยังรู้แล้วจะดี” 
 
‘นันสิ ไม่เช่นนันเราคงได้รู้ว่า วิญญาณร้ายพวกนันมันมาจากทีใด’ สุ่ย
ชิงหลิงถอนใจ เสียดายนัก นางยังคงไม่สบายใจ ตราบใดทียังไม่รู้ทีมาที
ไปของเรืองนี 
 
“ไม่ต้องห่วงพีหลิงหลิง พวกมันทําการณ์ครังนีไม่สําเร็จ เดียวจะต้อง
ลงมืออีกแน่ เราก็แค่รอ...แต่ว่าพีหลิงหลิง ท่านไม่ต้องห่วงเรืองความ
ปลอดภัยนะ ข้ามียันต์ของอาจารย์ติดมาด้วย ข้าจะติดยันต์ไว้ทีหน้า
ประตูตําหนักทังสีทิศ ต่อให้วิญญาณร้ายเก่งกล้าเพียงใดก็จะเข้ามา
ทําร้ายพวกท่านในตําหนักสุ่ยหลิงไม่ได้เปนอันขาด” ฉินหยุนซีบอก
พร้อมยิมกว้าง เหมือนไม่มีอะไร จนสุ่ยชิงหลิงเอ็ดขึนอย่างเหลืออด 
 
‘ยังจะห่วงข้าอีก เจ้าเองต่างหากทีต้องห่วงตนเอง วิญญาณร้ายพวกนัน
มันต้องการเล่นงานเจ้า ไม่มีใครรับประกันได้ว่าเจ้าจะปลอดภัยทุกครัง
ไป ตราบใดทีเรายังไม่รู้ต้นตอทีมาของมัน จะให้ข้าวางใจได้อย่างไรกัน’ 
 
“พีหลิงหลิงห่วงข้ารึ...ท่านช่างน่ารักจัง” พระชายาตัวน้อยยิมแปน แก้ม
อิมดูนุ่มน่าหยิก 
 
‘ฉินหยุนซี เจ้ารู้จักเดือดร้อนบ้างหรือไม่’ 
 
สุ่ยชิงหลิงโวยวาย ไม่เข้าใจท่าทางสบายๆของอีกฝาย หรือเพราะนางรู้ว่า
ตัวเองเปนดาวหงส์ฟา...ทว่าต่อให้เปนผู้มีบุญบารมีเพียงใด ก็ยังเปน
มนุษย์ หากประมาท ก็ย่อมต้องพลาดเข้าได้สักครา 
 
“ข้ารู้แล้ว พีหลิงหลิงไม่ต้องร้อนใจไป ผู้ทีส่งวิญญาณพวกนันมา ตอนนี
คงบาดเจ็บไม่น้อย จากทีมนต์ดําถูกโต้กลับ ท่านอ๋องสามคนนีไม่
ธรรมดาเลย...สมกับทีเปนคนดวงแข็ง คราวนีคนทีส่งผีร้ายพวกนันมาจะ
ต้องได้รับบาดเจ็บ รักษาตัวอีกหลายวันแน่นอน ระหว่างนีพวกเราก็ไม่ใช่
แค่จะรอมันอย่างเดียว แต่ยังมีเวลาสืบหาเบาะแสคนร้ายในวังได้อีกด้วย
” 
 
‘แล้วเจ้าสงสัยผู้ใด?’ สุ่ยชิงหลิงถามฉินหยุนซี แต่ชิวเหอแย่งตอบอย่าง
มันใจ 
 
‘จะมีใครอีกเล่าเจ้าค่ะ ในวังนีคนทีเกลียดเสียวซีทีสุด ก็มีแต่ม่งกู่หลิงกับ
พวกลิวล้อของนาง’ 
 
สุ่ยชิงหลิงรับฟงชิวเหอ เหลือบมองฉินหยุนซีก็เห็นฝายนันนิงไปดุจ
ยอมรับว่า นางเองก็คิดเช่นเดียวกัน... 
 
เพียงแต่ฉินหยุนซีไม่ได้บอกกับสหายทังสอง ว่าในวังนี...มิใช่ม่งกู่หลิ
งกับพีน้องทังหลายของนางเท่านันหรอก ทีเกลียดชังเสียวซีผู้นี... 
 
ท่านอ๋องสามก็ด้วย... 
 
ฉินหยุนซียังจดจําคืนวันแต่งงานได้ไม่ลืม...เขาเกลียดชังนางมาก 
เกลียดขนาดทีไม่ปรารถนาจะแตะต้อง 
 
ท่านอ๋องไม่ลงรอยกับบิดาของนาง...ฉินหยุนซีพอจะรู้มาอยู่ก่อนแล้ว 
การแต่งงานของนางกับเขา ก็ล้วนแล้วแต่เปนเหตุผลมาจากทีทาง
ราชวงศ์ต้องการกระชับอํานาจในกองทัพ เกรงว่าบิดาของนางจะคิด
การณ์ใหญ่ ทําให้เดือดร้อน 
 
หลีเหยียนฟงไม่มีวันรักนาง จะมีก็แต่ความเกลียดชัง... 
 
ในเมือเปนเช่นนีแล้ว ท่านอ๋องสามหลีเหยียนฟงก็สมควรเปนอีกผู้หนึง
ซึงนางต้อง ‘สงสัย’ ใช่หรือไม่… 
 
11.ความบาดหมางสะสม 
 
องค์ชายหกหลีลิวหลางถูกนํามาส่งและให้นอนพักในห้องรับรอง หมอ
หลวงถูกเรียกเข้ามาตรวจอาการอย่างรวดเร็ว ภายหลังจากทีหมอบอกว่า
น้องชายของเขาปลอดภัย ไม่มีสิงใดต้องกังวล 
 
ท่านอ๋องสามสังเหอตงให้ไปสืบเรืองทีเกิดขึน จากนันจึงนังอ่านหนังสือ
พลาง จิบชาไปพลางระหว่างรอให้น้องชายรู้สึกตัว 
 
ไม่ถึงชัวยามต่อมา หลีลิวหลางก็ค่อยๆได้สติคืนมา ทว่าคําแรกทีหลุดมา
จากปากหยักสวยของเขา กลับสร้างความขุ่นใจให้แก่พีชายซึงนังเฝาอยู ่
 
“พีสะใภ้ พีสะใภ้ท่านเปนอย่างไรบ้าง!!” 
 
ชายหนุ่มหน้าสวยพรวดพราดลุกขึนนัง หอบหายใจ เหงือเม็ดเล็กๆผุด
พรายทัวใบหน้าขาวเรียว เจ้าตัวหอบน้อยๆ ก่อนหันไปเห็นพีชายซึงมอง
มา ดวงตาคมดุจตาเหยียวนิง ทว่าเย็นเยียบ 
 
“พีสาม เกิดอะไรขึน ทําไมข้ามานอนอยู่ทีนี แล้วพระชายา...พีสะใภ้เปน
อย่างไรบ้าง!” 
 
“ห่วงตัวเองก่อนดีกว่าไหมเจ้าหก ฟนขึนมาก็ถามถึงแต่พีสะใภ้สาม ข้า
นังรอเจ้าฟนอยู่ตังนาน ไม่สนใจกันหน่อยรึ” ผู้เปนพีชายต่อว่าเสียง
เรียบ ค่อยๆจิบชาก่อนจะได้ยินเสียงเคาะประตูจากนางกํานัล 
 
“โธ่ พีสาม ข้าเปนห่วงพีสะใภ้จริงๆนะ ท่านก็เห็น นางถูกเงาดํามืดพวก
นันรุมเล่นงาน ตอนข้าถูกเงามืดพวกนันกลืนกิน ข้ายังอึดอัดจะแย่ นึก
ว่าต้องตายแล้วด้วยซํา” หลีลิวหลางเล่า นําเสียงยังตืนเต้นไม่หาย 
 
“ไม่ต้องกังวลไป พีสะใภ้สามของเจ้า ไม่เพียงนางจะไม่เปนอะไร แต่นาง
ยังเปนคนเข้ามาช่วยเจ้าด้วย” 
 
หลีเหยียนฟงบอกน้องชาย ทําเอาอีกฝายขมวดคิวสวยด้วยความฉงน 
ไม่อยากเชือ 
 
“พีสะใภ้ข้า เก่งกล้าสามารถถึงเพียงนันเชียวรึ” 
 
ก๊อกๆๆ 
 
เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึนเบาๆ หยุดจังหวะสนทนาของสองพีน้อง
ลงชัวขณะ 
 
“ท่านอ๋องเพคะ พระยาชามาถึงแล้ว จะให้บ่าวต้อนรับพระยาชาทีใดดี
เพคะ?” 
 
“ให้นางไปรอทีห้องข้าก่อน” 
 
“เพคะ” 
 
“พีสะใภ้มารึ พีสามข้าอยากพบนาง” 
 
หลีลิวหลางเอ่ยบอกพีชายอย่างลืมตัว แต่เมือนึกได้ก็รีบอธิบายเสียง
อ่อย “ไม่ใช่กระไรหรอก พีสามอย่าเข้าใจผิด...ข้าก็แค่อยากรู้ว่านาง
ปลอดภัยดีแล้วจริงหรือไม่ ท่านน่าจะให้หมอหลวงไปดูอาการนางสัก
หน่อย...” 
 
“นางแข็งแรงยิงกว่าม้าพยศเสียอีก เจ้าไม่ต้องห่วงนางหรอก” อ๋องสาม
ตัดบท ทํานิงเรียบแต่ดุขึงอยู่ในที 
 
หลีลิวหลางสะบัดผ้าห่มแพรสีเข้มนุ่มลืนออก รีบลุกจากเตียงเข้ามานัง
บนเก้าอีประดับมุกข้างกับผู้เปนพี เทนําชาในกาใส่ถ้วยดืมดับกระหาย 
ก่อนจะซักถามพีชายต่อ 
 
“เหตุใดพีสามจึงส่งพีสะใภ้ไปอยู่ไกลถึงตําหนักสุ่ยหลิงเล่า นางเปนธิดา
ของเสนาฉินก็จริง แต่นางก็เปนแค่สาวน้อยอ้อนแอ้นบอบบาง ท่าทาง
ไม่มีพิษมีภัย อีกประการ ข้าว่านางงามยิงกว่าฉินอีชิงเสียอีก...เออ จริงสิ
พีสาม เงาดําทีจ้องทําร้ายนาง มันมาจากทีใด ท่านรู้หรือไม่” 
 
“เจ้าช่างพูดมากจริง อาการดีขึนแล้วรึ?” หลีเหยียนฟงเอ่ยถามน้องชาย 
ตําหนิฝายนันทางสายตามากกว่าคําพูด 
 
“ข้าไม่เปนอะไรเลย สบายมาก ข้าเปนถึงองค์ชายหกแห่งหลีต้าเชียวนะ 
ภูตผีร้ายทีใดจะกล้ามาแตะต้องข้าได้” หลีลิวหลางคุยโอ่เสียเลย 
 
“ฮึ! คิดเช่นนันก็ดีแล้ว” หลีเหยียนฟงปรายตามองน้องชาย ส่ายหน้าไป
มาอย่างระอาแกมเอือเอ็นดู “ส่วนเรืองผีร้ายนัน ขอเวลาข้าสักหน่อย ข้า
ต้องสืบให้ได้ว่ามันมาจากทีใด” 
 
ทังวังหลวงก็มีแต่หลีลิวหลางทีอ่อนโยน มองโลกในแง่ดี ความไร้เดียง
สาไม่มีพิษมีภัยของน้องหก ทําให้เขาสบายใจทีจะคบหาด้วย ทีสําคัญ
ลิวหลางติดตามเขามาตังแต่เยาว์วัย หลีเหยียนฟงก็ไม่รู้ว่าเหตุใดเจ้า
น้องชายผู้นีจึงต้องตามติดเขาแจไปทุกที 
 
แม้ต่อมาเขาจะมิใช่องค์ชายรัชทายาท พวกพีน้องคนอืนต่างแห่แหนกัน
ไปเอาอกเอาใจพีใหญ่หลีอี แต่หลีลิวหลางก็ยังเปนเช่นเดิม 
 
“พีสาม ท่านว่าเรืองนีจะเกียวกับม่งกู่หลิงหรือไม่?” 
 
“เจ้าสงสัยนาง?” หลีเหยียนฟงไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่ย้อนถามกลับ
ไป แลเห็นน้องชายพยักหน้า 
 
“ในบรรดาอนุของพี ข้าไม่ชอบม่งกู่หลิงเลย นางงดงามแต่ไม่น่าเข้าใกล้.
..อยู่ด้วยแล้วไม่สบายใจ...ท่านแม่เคยบอกข้าว่า ความอิจฉาริษยาของ
สตรีนันร้ายนัก ถ้าข้าแต่งงาน ข้าจะมีแค่เมียเดียว ไม่ยอมให้ชายาของข้า
ต้องทุกข์ระทมเพราะความอิจฉาริษยาของสตรีอืนเปนอันขาด” 
 
“พูดเช่นนี...เจ้าจะว่าข้าไม่ดีทีมีอนุหลายคนใช่หรือไม่” 
 
องค์ชายสามยิมทีมุมปาก เปนรอยยิมเย็นเยือกทีทําให้น้องชายต้องรีบ
สันหน้า ส่ายมือปฏิเสธไปมา 
 
“ไม่ๆ ข้าไม่กล้าหรอกพีสาม เพียงแต่ข้าเห็นท่านแม่ไม่มีความสุข เพราะ
เสด็จพ่อมีสนมมากมาย...ข้าไม่อยากเปนเหมือนท่านพ่อ...” ตอนท้าย
หลีลิวหลางก้มหน้าลงเล็กน้อย เอ่ยเสียงเบา หน้าเศร้า 
 
พระสนมฉางอิง พระมารดาของเขาไม่เปนทีโปรดปรานนัก นานๆฮ่องเต้
ถึงจะแวะไปหาทีตําหนักสักครา หลีลิวหลางมักหาเวลาไปอยู่เปนเพือน
พระมารดา เขารักท่านแม่มาก ทว่ามีแต่คนล้อหาว่าเขาเปนลูกแหง่ติด
มารดา มีเพียงพีสามเท่านันทีไม่เคยตําหนิ ทังยังให้กําลังใจด้วย 
 
‘ถ้าท่านแม่ข้ายังอยู่ ข้าก็จะคอยดูแลอยู่ข้างๆท่านเช่นกัน ไม่ต้องสนใจ
ใครหรอกอาหลาง ทําสิงทีเจ้ามีความสุขเถิด’ 
 
พีสามเปนคนอ่อนโยน มีเมตตา...ลิวหลางรู้ดีกว่าใคร... 
 
แต่ไฉนตอนนี...ทําไมท่านพีจ้องมองเขาด้วยตาคมดุ น่ากลัวจนขนลุก! 
 
“ถ้าเจ้าเห็นใจฉินหยุนซีเพราะคิดถึงท่านแม่เจ้า ข้าก็เข้าใจ แต่จงอย่าลืม 
อย่างไรเสียนางก็เปนลูกสาวของฉินเฉิน เจ้าแก่นันเจ้าเล่ห์นัก ทังยังมัก
ใหญ่ใฝสูง แล้วลูกสาวเขาจะเปนคนดีไปได้อย่างไร” หลีเหยียนฟงเอ่ย
ถึงฉินเฉินคราใดก็ทําหน้าดุดัน แววตาแข็งกร้าวด้วยความเกลียดชัง หลี
ลิวหลางถึงกับนิงเงียบไป 
 
พีสามเปนคนทีไม่ใคร่ใส่ใจเรืองอํานาจความยิงใหญ่นัก แต่ก็ทํางานช่วย
เหลือเสด็จพ่อด้วยดีเสมอมา พีสามเปนผู้ยอดยุทธ ศึกษาตําราพิชัย
ยุทธจนแตกฉาน เปนทีไว้วางใจให้นําทัพออกขับไล่ศัตรูตัวฉกาจ คือ
แคว้นเย่ทางทิศเหนือ แต่หลายครังหลายหนทีต้องทะเลาะไม่ลงรอยกับ
เสนาบดีฉิน ผู้ถืออาญาสิทธิขาด คุมกองทัพส่วนใหญ่ไว้ในอุ้งมือ 
 
ครังทีทะเลาะกันแรงทีสุดก็เปนเมือสองปก่อน ท่านพีปรารถนาจะนํา
กําลังบุกโจมตีแคว้นเย่ แต่เสนาบดีฉินไม่เห็นด้วย ครังนันจึงต้องจบลง
ทีท่านพีต้องกลับวังมือเปล่า ทําให้เสด็จพ่อผิดหวัง และไม่นานหลังจาก
นัน เสด็จพ่อก็มีราชโองการ แต่งตังให้พีใหญ่หลีอีขึนเปนรัชทายาท 
 
เปนไปตามคําทํานายของโหรหลวงเมือยีสิบห้าปก่อน ทีกล่าวเอาไว้ว่า พี
สามเปนดาวมังกรมาเกิดก็จริง แต่จะเปนมังกรทีไม่ได้ครองแผ่นดิน 
 
ชะตานีของพีสามเปนทีรู้กันทัววัง แต่กระนันพีใหญ่หลีอีก็ยังคง
หวาดระแวง กลัวว่าพีสามจะพลิกกลับมาได้ครองตําแหน่งแทน 
 
เมือหนึงเดือนก่อน เสด็จพ่อซึงไม่ไว้วางใจฉินเฉินมาช้านานแล้ว ตัดสิน
ใจประทานสมรสให้พีสามกับบุตรสาวของเสนาฉิน ซึงในตอนนันต่าง
เข้าใจกันว่าจะเปนฉินอีชิง ทังนีเพือเปนการกระชับฐานอํานาจมิให้ฉิน
เฉินคิดเปนอืน เพราะอย่างไรเสีย ฝาบาทก็จะมีบุตรสาวของฉินเฉินเปน
ตัวประกันอยู่ทังคน 
 
นีจึงเปนการแต่งงาน ทีมิได้ก่อเกิดจากความรักใคร่ชอบพอของทังสอง
ฝาย และเสนาฉินตัวร้ายก็กระทําการในสิงทีไม่มีใครคาดคิด ด้วยการส่ง
ลูกสาวคนเล็กของเจ้าตัว ซึงไม่มีใครรู้จักเลยมาขึนเกียวเจ้าสาว เข้าวัง
อ๋องสามแทนฉินอีชิง 
 
ฉินหยุนซี นางเปรียบประดุจพระชายานิรนามซึงไม่มีใครรู้จักหรือเคยพบ
หน้ามาก่อน ประวัติของนางนัน ทุกคนยังรับรู้น้อยเต็มที ขนาดหน้าตา
ของนางเปนอย่างไร เขายังเพิงเห็นเมือครู่ก่อนนีเอง 
 
สวย...น่าเอ็นดูและน่าทึง...ดูอ่อนโยนมีเมตตาดุจดังนางฟา... 
 
“ถึงอย่างไร นางก็มีนําใจช่วยเหลือข้าโดยไม่ห่วงตนเอง ข้าคิดว่า...พี
สะใภ้สามต้องไม่ใช่คนเจ้าเล่ห์เหมือนอย่างบิดาของนางเปนแน่ เชือข้าสิ
พีสาม ข้าแค่เห็นหน้านางก็มีความสุขแล้ว นางต้องเปนคนดีแน่ๆ” 
 
องค์ชายหกยิมหวานละไมเมือนึกถึงพระชายาของพีชาย อีกฝายมองมา 
หน้าหล่อเหลานิงเรียบ 
 
หลีเหยียนฟงครุ่นคิดบางอย่างอยู่ชัวครู่ แล้วจึงยืนขึน 
 
“นันก็ต้องคอยดูกันต่อไป บางทีเจ้าอาจเข้าใจผิดไปเองก็เปนได้” 
 
ท่านอ๋องบอกกับผู้เปนน้อง ก่อนจะเดินออกจากห้องรับรอง ตรงไปที
ห้องของตนเองซึงอยู่ด้านในตําหนัก ลึกเข้าไป 
 
ตลอดระเบียงทางเดินเปนสวนสวยงามทีได้รับการตกแต่งดูแลอย่างดี
เยียม มองไปทางใดก็ล้วนเจริญหูเจริญตา แตกต่างจากตําหนักสุ่ยหลิง
เหมือนอยู่กันคนละโลก 
 
หลีเหยียนฟงครุ่นคิด เขาไม่เคยเข้าไปในตําหนักสุ่ยหลิงนานกีปแล้วนะ 
สิบป...หรือสิบห้าป... 
 
หากตําหนักนันมีดวงวิญญาณของพระสนมสุ่ยชิงหลิงอาศัยอยู่จริง 
พระนางก็น่าสงสารยิงนัก... 
 
“เสียดาย ข้ามองไม่เห็นท่าน...หากข้ารู้ว่าท่านอยู่ทีนันจริง คงไม่ปล่อย
ให้ตําหนักสุ่ยหลิงของท่าน รกร้างมานานถึงเพียงนี...” 
 
12.นางหงส์ปะทะมังกร 
 
ฝามือเรียวแกร่ง สะอ้าน ผลักบานประตูใหญ่เข้าไปโดยมิได้บอกกล่าวให้
คนทีอยู่ด้านในรู้ตัวแต่อย่างใด หลีเหยียนฟงก้าวเข้าไปภายในห้อง เขา
หยุดอยู่แค่เพียงไม่กีก้าว ดวงตาคมดุจตาเหยียวจ้องมองไปทีโต๊ะไม้ทรง
กลมลวดลายสลักเสลางดงามทีกึงกลางห้อง ร่างเล็กๆในชุดสีขาวของ
ฉินหยุนซีดูขาวโพลน เด่นจากทุกสิงทีอยู่รายรอบ 
 
นางฟุบหน้าเท้าแขนหลับอยู่ ตรงหน้ามีถ้วยชาวางไว้ กลินชาอย่างดี
หอมรวยรินกรุ่นอวล ท่าทางนางจะหลับสนิท แม้เขาจะเดินเข้ามาหยุด
อยู่ใกล้ๆก็ยังไม่รู้สึกตัว 
 
ชายหนุ่มหรีตามองอีกฝายอย่างครุ่นคิด ก่อนเข้าไปนังบนเก้าอีฝงตรง
กันข้ามกับนาง เทนําชาในกาใส่ถ้วยอีกใบ ยกขึนจิบตามความเคยชิน 
 
อดแปลกใจไม่ได้ ไฉนชาเหลือเทได้แค่ครึงถ้วย? 
 
“ฉินหยุนซี ตืนเถิด ข้ามาแล้ว” 
 
หลังจากปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงําอยู่นานหลายอึดใจ ท่านอ๋อง
สามจึงตัดสินใจเรียกนาง 
 
ฉินหยุนซีงัวเงียลืมตาขึนมองเขา นิงไปชัวขณะก่อนจะนึกได้ 
 
จริงสิ นางมารอเขาทีนีตามคําสัง แล้วก็หิวจนเผลอหลับไป! 
 
“ท่านอ๋อง!” 
 
“ตืนแล้วสินะ ยังดีทีไม่ขีเซาจนเกินไป” เสียงทุ้มตําหนิเยือกเย็น ใบหน้า
คมเข้มสงบนิง ช่างวางท่าจนน่าหมันไส้ 
 
“ท่านให้ข้ารอนานเกินไป” นางตําหนิเขา แต่คิดว่าบ่นไปก็คงไม่มี
ประโยชน์ จึงถามเข้าเรืองไม่อ้อมค้อม “ไม่ทราบว่า ท่านเรียกข้ามาพบ
ด้วยเหตุใด...คงไม่คิดจะลงโทษ ทีข้าทําให้แม่นางม่งตืนตระหนกหรอก
นะ” 
 
“รู้ตัวเหมือนกันรึ ว่าเจ้าทําให้นางตระหนก” เขาย้อนถาม ยกยิมทีมุม
ปากเล็กน้อย หล่อเหลาสะกดสายตา แต่ความน่าหมันไส้ก็ไม่ด้อยไปกว่า
กันเลย 
 
“ข้าก็ตระหนกเช่นกัน พวกท่านแห่กันไปทีตําหนักสุ่ยหลิงตังมากมาย 
ไม่บอกข้าเลยสักคํา ทําให้พิธีของข้าไม่สําเร็จ ทําให้ข้าต้องเสียแรงเปล่า 
ข้าวก็ไม่มีกิน หิวจนต้องมาดืมชาแทนอยู่นี” นางต่อว่าอีก ยังขุ่นใจอยู่ไม่
หาย 
 
มืดปานนีแล้ว นางไม่มีอะไรกิน จะใช้สาวใช้ก็ไม่มีให้ใช้งานสักคน แต่ฉิน
หยุนซีวางแผนเอาไว้ ว่าขากลับออกจากตําหนักไท้ฝู นางจะไปฉก
ของกินในโรงครัวติดไม้ติดมือกลับตําหนักสุ่ยหลิงด้วย มาตังไกล เรือง
อะไรจะกลับมือเปล่า อ๋องสามหวงกะแค่ของกินก็เกินไปล่ะ! 
 
“เจ้าหิวรึ?” เขาถาม 
 
“ใช่ ข้าเสียพลังงานไปมาก ย่อมต้องทังหิวและกระหาย ง่วงด้วย” ตอบ
แล้วเมินไปทางอืน ไม่อยากมองหน้าเขามากเกินไป เดียวจะเข้าใจผิด 
คิดว่านางหลงเสน่ห์ความหล่อเหลาของเขาเข้า... 
 
“เด็กๆ เข้ามาหน่อย!” 
 
หลีเหยียนฟงเรียกนางกํานัลเข้ามา สังให้นําอาหารมาให้ฉินหยุนซี นาง
แทบไม่เชือหูตนเอง ถึงกับหันกลับมามองเขา 
 
“ไปสังโรงครัว รีบทําของกินมาถวายพระชายา” 
 
“เพคะท่านอ๋อง” 
 
นางกํานัลรับคําแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว ฉินหยุนซีถึงกับตาโต มองท่าน
อ๋องสามเหมือนไม่อยากเชืออยู่ด ี
 
วันนีใจดีอะไร? 
 
“ถือเปนการตอบแทน ทีเจ้าช่วยน้องหกของข้า” เขาบอกเสียก่อน 
ราวกับอ่านใจนางได้ 
 
ฉินหยุนซีพยักหน้ารับรู้แล้วนิงไป บรรยากาศอึดอัดแปลกๆจนนางต้อง
เปนฝายเอ่ยถามเสียเอง 
 
“ท่านเรียกข้ามา...ต้องการจะซักถามเรืองทีข้าทําให้อนุคนโปรดของท่าน
ตกใจกลัวใช่หรือไม่?” 
 
“หือ?” คิวหนาเข้มพาดยาวขนานดวงตาคมของอ๋องสามลู่เข้าหากัน ทว่า
เขายังไม่ทันเอ่ยคําใด ฉินหยุนซีก็พูดจ้อตามมาไม่หยุด 
 
“ข้าเข้าใจ ท่านต้องไม่พอใจแทนนาง แต่ว่า...พูดกันตามตรงแล้ว ข้าไม่
ได้เปนฝายเริมก่อนนะ นางต่างหากทีมาใส่ความ หาว่าข้าเปนพวก
นอกรีตบ้างละ เปนภูตผีปศาจบ้างละ เฮอะ มองคนสวยอย่างข้าเปน
ปศาจได้อย่างไรกัน เปนท่านจะโมโหไหมเล่า?” 
 
“...” 
 
ฉินหยุนซีวกกลับมาถามหลีเหยียนฟงทีนังฟงนางตาปริบๆ พอนางมอง
เขาอย่างรอคอยคําตอบรับ ชายหนุ่มก็กระแอมไอในลําคอ เปนการเรียก
สติ 
 
“ข้าเข้าใจ เอาเถอะ...ข้าไม่ถือสาเรืองนี แต่ว่า...เจ้าทําพิธีบูชาฟาดิน
ทําไมรึ?” 
 
“ท่านมองออกด้วยว่าข้าทําพิธีอะไร!” ฉินหยุนซีพอใจอยู่บ้างทีท่านอ๋อง
สามก็ยังไม่เขลาเบาปญญาเหมือนอย่างบรรดาอนุทังหลายของเขา 
 
“พวกเครืองเซ็นของบวงสรวง มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเปนพิธีอะไร เจ้า
ยังไม่ได้ตอบข้าเลย ทําพิธีไปเพืออะไร” เขาถามซํา ยังคงหน้านิงเรียบ 
 
“ข้าต้องการช่วยเหลือพระสนมสุ่ยชิงหลิงและชิวเหอ สาวใช้ของนาง 
วิญญาณของพวกนางอ่อนแรงมาก หากปล่อยไว้เช่นนัน พวกนางจะ
ไม่มีโอกาสได้ไปเกิด ข้าอยากช่วยพวกนาง แต่ไม่นึกว่าระหว่างทําพิธีอยู ่
จู่ๆก็จะมีทังคนและผีเข้ามาขัดขวาง...ผีร้ายพวกนันมีพลังอํานาจมาก มีผู้
บงการมันอยู่เบืองหลัง...ซึงข้ามาคิดดู ทังวังนี คนทีเกลียดชังข้าก็มีอยู่
สองคน” 
 
“ใคร?” 
 
หลีเหยียนฟงซักสันๆ ตังใจรอฟงทีนางจะพูด ขณะทีพระชายาตัวน้อย
ยืนหน้าเข้ามาจ้องตากับเขาเสียใกล้...สายตาของนางเหมือนกล่าวหากัน 
ทว่าดวงตาคู่นันก็กลมโต สุกสกาวงดงาม 
 
“แม่นางม่งกู่หลิง...กับท่าน หลีเหยียนฟง” 
 
“หือ? เจ้าคิดว่าข้าส่งผีร้ายพวกนันมาทําร้ายเจ้ารึ?” ท่านอ๋องสามเลิกคิว
หนาของตนเองขึนสูง มองอีกฝายด้วยความประหลาดใจ ทว่ามิได้กล่าว
ปฏิเสธโต้แย้ง 
 
“ท่านเปนหนึงในผู้ต้องสงสัย” นางยอมรับไม่อ้อมค้อม ค่อยๆถอยกลับ
ไปนังกอดอก เมินหน้าหนีไปพูดโดยไม่มองกัน “แต่ข้าคิดๆดูอีกที เราไม่
เคยมีเรืองบาดหมางกันขนาดนัน...อีกประการ ท่านก็สู้ลงทุนแต่งงาน
เพือจะใช้ข้าเปนตัวประกันกับท่านพ่อข้าอยู่แล้ว...คงไม่คิดฆ่าข้าตอนนี
หรอกกระมัง” 
 
“ฉินหยุนซี...เจ้ารู้?” ตาคมดุวาวน่ากลัวขึนมาทันทีทีฉินหยุนซีกล่าวเช่น
นัน 
 
เขาคงหมินปญญาของนางมากไป ไม่น่าเชือว่าฉินหยุนซีจะรู้เรือง
ระหว่างราชวงศ์กับบิดาของนางด้วย 
 
“มันก็พอเดาได้...พ่อข้ามีอาญาสิทธิคุมกําลังทหารอยู่ในมือ ฮ่องเต้คง
อยากได้อาญาสิทธินันกลับคืนแต่ไม่กล้าทวง ทางทีดีทีสุดเพือปองกัน
การกระด้างกระเดืองในอนาคต ก็คือส่งลูกสาวมาเปนตัวประกัน...การ
แต่งงานทางการเมือง ต่างฝายต่างก็กระชับอํานาจซึงกัน...เรืองพวกนีข้า
อ่านเจอในตํารามาเยอะแยะ” 
 
นางยกสองมือขึนมาเท้าคางแล้วก็เล่ายาว จบท้ายด้วยการมองเขาตรงๆ 
ทว่าครานีดวงตากลมโตคู่สดใสนันช่างแสนหม่นเศร้า... 
 
“ฉินหยุนซี...” 
 
“ช่างน่าสงสารท่านกับฮ่องเต้นัก...เสียดายทีท่านแต่งงานผิดคน ข้าเปน
ตัวประกันความมันคงของราชบัลลังก์ไม่ได้หรอก เพราะข้าหาใช่บุตรที
ท่านพ่อรักใคร่ไม่...ถ้าจะให้ดี ท่านก็แต่งใหม่อีกครังกับพีสาวของข้าเถอะ 
ถ้าเปนพีอีชิง ท่านพ่อคงไว้หน้านาง ไม่กล้าทําการใดทีเสียงต่อนาง เช่น
นันจึงจะไม่เสียที ทีท่านสู้อุตส่าห์ลงทุนแต่งงานกับลูกสาวของผู้ทีชังนํา
หน้า” 
 
หลีเหยียนฟงอึงไปทีเดียว เขาไม่เคยคิดว่านางจะรู้มากมายเพียงนี นาง
มีหูทิพย์ตาทิพย์ หรือเปนปศาจ ดังเช่นทีม่งกู่หลิงกล่าวหากระนันหรือ... 
 
ฉินหยุนซียกถ้วยชาซึงเทค้างไว้นานแล้วขึนดืมรวดเดียวหมด ก่อนจะผุด
ลุกขึนจากเก้าอีทีนังอยู่ ร่างเล็กทว่าตังตรงทระนงยิง 
 
“ข้าดืมชาไปเยอะ กินอะไรไม่ลงอีก ขอบคุณท่านอ๋องทีอุตส่าห์สังอาหาร
มาให้ แต่ข้าง่วงแล้ว กว่าจะกลับถึงตําหนักสุ่ยหลิงก็อีกไกล ข้าขอตัวลา” 
ฉินหยุนซีย่อกายทําความเคารพท่านอ๋องสามตามมารยาท ก่อนจะเดิน
ตรงไปทีหน้าประตู เปดบานประตูกว้างออก แสงจันทร์ฉายส่องให้ยิง
เห็นร่างของนางขาวลออท่ามกลางแสงสีนวลกระจ่างทีสะท้อนอยู่ด้าน
หลัง 
 
“เดียว อย่าเพิงไป” 
 
หลีเหยียนฟงเรียกนางเอาไว้ ทําให้อีกฝายหันกลับมามองเขาอย่าง
ประหลาดใจ 
 
ร่างสูงใหญ่สง่างามก้าวเข้ามาหยุดอยู่ทีหน้าประตูเช่นกัน ฉินหยุนซี
แหงนมองเขาจนรู้สึกเมือยคอเล็กน้อย ท่านอ๋องสามตัวสูงจริงๆ ยามที
ประจันหน้ากับเขาเช่นนีนางยิงรู้สึกเหมือนถูกข่มด้วยความสูงใหญ่และ
ขนาดของร่างกาย 
 
“เรียกข้าทําไมหรือเพคะ?” กลันใจถาม อึดอัดสายตาของเขาทีนางอ่าน
ไม่ออก 
 
“ข้าไม่รับพีสาวของเจ้าเข้ามาเปนชายาหรอกนะ” เขาเอ่ยเสียงเรียบ ทว่า
จริงจังและมันคง 
 
“เอ๊ะ?” 
 
“หากต้องอยู่ร่วมวังกับลูกของศัตรูถึงสองคน ชีวิตข้าคงน่าสงสารเกินไป 
วังนีมีแค่เจ้าคนเดียวก็ปวดหัวแย่แล้ว” 
 
“ท่าน!” ฉินหยุนซีหน้าบึง ไม่พอใจแน่นอน เขากล่าวหานาง หาว่านาง
เปนตัวก่อเรืองยุ่งใช่หรือไม่! 
 
“พรุ่งนีข้าจะส่งคนงานไปปรับปรุงตําหนักสุ่ยหลิง คงต้องใช้เวลา
ปรับปรุงหลายวัน อาจจะเปนเดือน ฉะนันระหว่างนีเจ้าก็ย้ายมาอยู่ตํา
หนักไท้ฝูก่อน เจ้าจงมาทํางานทีนี...ถึงเปนพระชายาก็ต้องทํางาน มิใช่ดี
แต่ก่อเรืองวุ่นไปวันๆ” 
 
“ท่าน!! ข้าก่อเรืองเมือไหร่กัน หาความนัก!!” 
 
ฉินหยุนซีโมโห อยากดึงปากบางๆ ช่างกล่าวหาของเขาเอาไปโยนทิง
แม่นําแยงซีนัก! หาว่านางก่อเรือง...จะให้ทํางาน เชอะ อยากรู้นัก แม่
นางม่งกับบรรดาอนุสาวงามกรีดกรายของเขานัน แต่ละวันพวกนาง
ทํางานการอันใดบ้าง 
 
เขาต้องการกลันแกล้งนางชัดๆ น่าโมโหนัก!! 
 
“เขารู้กันทัวแล้ว ว่าเจ้าก่อเรืองวุ่นวายเพียงใด ไม่แน่พรุ่งนีเรืองของเจ้า
อาจกระจายไปทัววังหลวงแล้วก็เปนได้” หลีเหยียนฟงกลันยิม ขําหน้า
บูดบึงเหมือนเด็กน้อยของนาง เขาหันไปมองรอบๆ ก่อนจะออกปาก
เรียกชือคนสนิท “เหอตง เจ้าอยู่นีใช่หรือไม่?” 
 
พริบตานันเงาดําของชายในชุดสีเข้มแต่งกายรัดกุม พลันกระโดดเข้ามา
น้อมกายนังคุกเข่าต่อหน้าท่านอ๋องและพระชายา 
 
ฉินหยุนซีตาโต จ้องมองชายผู้นันอย่างสนใจ ก่อนจะหันกลับไปทาง 
หลีเหยียนฟงอย่างประหลาดใจ 
 
“อาตง เจ้าจงตามไปส่งพระชายาทีตําหนักสุ่ยหลิง ดูแลนางให้ดี พรุ่งนี
เช้าก็จงไปรับนางมาทีนีด้วย” 
 
“พะยะค่ะท่านอ๋อง ข้าน้อยน้อมรับคําสัง!” 
 
“ดี เจ้าไปเถิดพระชายา” 
 
อ๋องสามโบกมือให้ฉินหยุนซีเดินไปกับอาตง องครักษ์ประจําข้างกาย
ของเขามาตังแต่สมัยเด็ก ซึงแน่นอนว่าอาตงผู้นีจะต้องมีฝมือวรยุทธ
เปนเลิศอย่างไม่ต้องสงสัย 
 
ทว่าฉินหยุนซีก็ยังสงสัยเรืองอืนอยู่ดี... 
 
เหตุใดท่านอ๋องสามต้องให้คนสนิทตามมาส่งมารับนางด้วย...หรือกังวล
ว่าหากนางเปนอะไรไปแล้วท่านพ่อจะโกรธเขากับฮ่องเต้? 
 
ก็บอกแล้วอย่างไรเล่า นางมิใช่ลูกรักของท่านพ่อ... 
 
‘ข้าไม่รับพีสาวของเจ้าเข้ามาเปนชายาหรอกนะ’ 
 
นางนึกถึงคําพูดของหลีเหยียนฟงเมือครู ่
 
‘หากต้องอยู่ร่วมวังกับลูกของศัตรูถึงสองคน ชีวิตข้าคงน่าสงสารเกินไป 
วังนีมีแค่เจ้าคนเดียวก็ปวดหัวแย่แล้ว’ 
 
เหตุใดเขาจึงกล่าวเช่นนัน...แท้จริงแล้วท่านอ๋องหลีเหยียนฟงเปนคน
เช่นไรกันแน่... 
 
พวกผู้ชายล้วนเข้าใจยาก เหมือนเช่นทีนางก็ไม่เคยเข้าใจท่านพ่อเลย
เช่นกัน 
 
ฉินหยุนซีก้าวเดินไปตามระเบียงทางเดิน ด้านข้างเปนทิวทัศน์สวนอัน
สวยงาม คราหนึงนางเดินผ่านต้นเหมยใหญ่ทียืนต้นตายเหลือแต่กิง
ก้านแห้งกรอบ ท่าทางว่ามันคงอายุมากเกินไป นางหยุดเดินแล้วชีมือไป
ทีต้นเหมยนัน เอ่ยถามเหอตงด้วยความสนใจ 
 
“ท่านเหอตง เหตุใดทังวังนีจึงมีต้นเหมยเพียงต้นเดียว แล้วทําไมมันจึง
มีสภาพใกล้ตายเช่นนัน?” 
 
คนถูกถามกะพริบตาด้วยความประหลาดใจ ผู้หญิงของท่านอ๋องทุกคน 
ไม่เคยมีใครสนใจต้นไม้ต้นนี แม้แต่ม่งกู่หลิงก็ยังเคยอยากให้ท่านอ๋อง
โค่นต้นเหมยนีทิง แต่ถูกเมินใส่จนหัวหด ไม่กล้าเอ่ยถึงต้นไม้ต้นนีอีก
เลย 
 
“กราบทูลพระชายา นีเปนต้นเหมยทีนํามาจากบ้านเกิดเสด็จแม่ของ
ท่านอ๋องพะยะค่ะ ตอนทีย้ายมันมา รากแก้วของมันได้รับความกระทบ
กระเทือน พอนํามาปลูกทีนีจึงไม่อาจงอกงาม แล้วในทีสุดมันก็ตายลง 
หลังจากพระสนมสินไปเพียงไม่ถึงหนึงเดือน ท่านอ๋องเชือว่า มันมีจิต
วิญญาณทีเชือมโยงกับพระมารดา จึงให้เก็บซากของมันเอาไว้อย่างนี
...” 
 
“ตอนนันท่านอ๋องอายุเท่าไหร่รึ?” ฉินหยุนซีซักต่อ เพิงรู้ว่าท่านอ๋องสาม
ก็มีมุมอ่อนโยนต่อพระมารดาเช่นกัน 
 
“เพียงแปดปเท่านัน...ตอนนันเพิงย้ายเข้ามาอยู่วังนีได้เพียงสามปพะยะ
ค่ะ...” 
 
“เจ้าก็อยู่กับท่านอ๋องมาตังแต่ตอนนันเลยรึ?” 
 
“ฮ่องเต้ส่งหม่อมฉัน มาคอยดูแลท่านอ๋องตังแต่ทรงพระเยาว์แล้วพะยะ
ค่ะ” ตงเหอตอบอย่างนอมน้อม เขาก้มศีรษะคํานับนางทุกครังทีพูดคุย
กัน 
 
“เช่นนันท่านก็เปนเหมือนพีชาย เหมือนญาติของเขาคนหนึง” ฉินหยุน
ซียิม พร้อมโบกมือให้เหอตงเลิกคํานับบ่อยๆ น่ารําคาญจะแย่ “ท่านไม่
ต้องค้อมคํานับข้าก็ได้ ไม่ต้องมากพิธีรีตอง คิดว่าข้าเปนน้องสาวของ
ท่านคนหนึงก็แล้วกัน” 
 
“กระหม่อมมิกล้า พระชายาโปรดอย่ากล่าวเช่นนัน!!” เหอตงถึงกับก้มลง
คุกเข่าคํานับ เขาช่างยึดมันธรรมเนียมจนนางอ่อนใจ 
 
“เอาเถิดๆ เหอตง ลุกขึนก่อน ถ้าไม่ลุกขึนแล้วเจ้าจะไปส่งข้าทีตําหนักได้
อย่างไร” 
 
นางต้องบอกเช่นนัน เขาจึงลุกขึนยืนเต็มตัวอีกครัง ฉินหยุนซีมองอีก
ฝายแล้วยิมขํา นางเดินต่อไป ได้กลินหอมของของกินล่องลอยมาเข้า
จมูก ก็ถึงกับชะงักเท้า หันขวับมาตาโต 
 
“ประชายา โปรดรอก่อนเพคะ รอบ่าวด้วย” 
 
นางกํานัลน้อยร่างเล็ก หน้าตาน่าเอ็นดูนางหนึงวิงกระหืดกระหอบมา ใน
มือมีถุงผ้าถุงใหญ่ ต้นเหตุความหอมทีทําให้ฉินหยุนซีสะดุดเมือครู ่
 
“เจ้า มีอะไร รีบร้อนวิงมาทําไมกัน?” 
 
“หม่อมฉันมาตามรับสังท่านอ๋องเพคะ ท่านอ๋องให้หม่อมฉันนําอาหาร
มาให้ท่านเหอตง นําไปส่งให้พระชายาทีตําหนักด้วย...นีเจ้าค่ะท่านเหอ” 
นางบอกอย่างนอบน้อม แล้วยืนห่อผ้าถุงใหญ่ภายในนันคือปนโตไม้
ทรงสีเหลียมหลายชัน ส่งให้เหอตงแล้วจึงทําความเคารพฉินหยุนซีก่อน
จะถอยจากไป 
 
“อาหารในวังกลินหอมจริงๆ...ก็ยังดีนะทีท่านอ๋องของท่านยังไม่งกเท่าที
ข้าคิด” 
 
พูดพลางยืนมือไปจะคว้าถุงผ้าจากเหอตง แต่ถูกฝายนันส่งตาปรามมา
ก่อน มือน้อยจึงหดกลับ 
 
นางเดาไม่ผิดหรอกน่า...ในถุงผ้านันต้องมีซาลาเปา หมันโถวเลิศรสอยู่
ด้วย ก็แค่จะเอามากินชินสองชินก่อน ไม่เห็นเปนไรเลย... 
 
เรืองมากเหมือนกันทังนายทังบ่าว วังตัวเองแท้ๆยังต้องพิธีการอะไรก็
ไม่รู้ กว่าจะได้กิน เสียวซีผู้นีมิหิวจนตาลายหรอกหรือ... 
 
“รีบไปกันเถอะพะยะค่ะพระชายา ถึงตําหนักแล้วจะได้ทานอาหารพวกนี
เร็วๆ” 
 
เหอตงเร่ง นึกเอ็นดูแกมสงสาร พระชายาฉินหยุนซีทําหน้าเหมือน
กระต่ายหงอย ทีเขาไม่ยอมให้นางยุ่งกับห่ออาหาร 
 
เปนถึงพระชายาของท่านอ๋องสามผู้ทรงเกียรติ จะมามัวเดินกินตุ้ยๆ ได้
อย่างไรกัน ถึงไม่มีผู้ใดกล้าพูดแต่ก็ไม่งามอยู่ด ี
 
ไม่อยากเชือว่า ชายาของท่านอ๋องจะยังเปนเด็กน้อยถึงเพียงนี เพียงแค่
ไม่กีวันทีนางเข้ามาอยู่ในวังท่านอ๋อง ก็มีแต่คนพูดถึงนางกันไปทัว ท่าน
อ๋องเองก็ยังต้องวุ่นเพราะนาง 
 
นับแต่นี วังอ๋องสามทีเงียบสงบจนดูสงัดมาช้านาน คงได้มีสีสันอย่างที
ไม่เคยมีมาก่อนเปนแน่… 
 
13.งานของพระชายา 
 
สุ่ยชิงหลิงและชิวเหอ สองนายบ่าวจ้องมองอาหารในถาดต่อหน้าพวก
นางและฉินหยุนซี เปนอาหารเลิศรสทังซาลาเปาแปงนุ่มหอมหวาน เปด
ย่างเกลือ ผัดยอดผักเขียวกรุบกรอบ เนือตุ๋นยาสูตรตํารับวังหลวง 
หน้าตาล้วนน่ากินทังสิน 
 
“กินเลย พีหลิงหลิง เสียวเหอ ตามสบาย ไม่ต้องเกรงใจ” เจ้ามือตัวน้อย
ร้องเรียกทังสอง แต่แล้วก็นึกได้ “จริงสิ พวกท่านเปนดวงวิญญาณจะ
กินได้อย่างไร ต้องให้ข้าเอาอาหารเผาไฟส่งไปให้หรือไม่?” 
 
‘ไม่ต้อง เจ้าแค่ตักแล้ววางไว้ให้พวกเราก็พอ’ สุ่ยชิงหลิงบอกยิมๆ ฉินหยุ
นซีรีบทําตามอย่างรวดเร็ว เห็นทังสองนายบ่าวดูมีความสุขก็ยิมแก้มปริ 
 
“กินเยอะๆนะ ตังแต่พรุ่งนีข้าจะต้องไปตําหนักไท้ฝูของอ๋องสาม ขากลับ
จะขนเอาของกินมาเยอะๆเลย พวกเราจะได้กินเปด กินไก่กันทุกวันเลย” 
 
‘ทําไมจู่ๆ ท่านอ๋องสังให้เจ้าไปช่วยงานทีตําหนักไท้ฝูเล่า ทีนันบ่าวไพร่
ออกเยอะแยะ ไม่เห็นจําเปนต้องให้เจ้าไปเลย’ พระสนมแย้งเบาๆ ยิงคิด
ก็ยิงไม่เข้าใจอ๋องสาม ได้พระชายาน่ารักน่าเอ็นดู แต่เขาไม่สนใจ สังให้
มาอยู่ตําหนักเล็กๆอันห่างไกล ไม่มอบสาวใช้มาให้เลยสักคน แต่แล้วจู่ๆ
ก็กลับเรียกนางไปทํางานทีตําหนักของตนเอง 
 
ตําหนักนัน นางกํานัลก็มีมากกว่างานทีจะให้ทําอยู่แล้วด้วยซํา 
 
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” ฉินหยุนซีส่ายหน้า “ท่านอ๋องผู้นีอ่านใจยากนัก 
แต่เขาเคยบอกว่าเกลียดข้า ก็คง...อาจจะเห็นว่าข้าอยู่ทีนีสบายเกินไป 
เลยอยากแกล้งให้ทํางานเยอะๆกระมัง” ว่าแล้วก็ยิมกว้างเห็นฟนขาวดุจ
ไข่มุก ไม่ได้แสดงความทุกข์ร้อนใจเท่าใดนัก ต่างจากผู้ฟงทีถึงกับ
เครียด... 
 
‘แปลกจริง ทําไมท่านอ๋องจึงต้องเกลียดเจ้าด้วยเล่า เสียวซีของข้าออก
จะน่าเอ็นดู’ 
 
“พีหลิงหลิง ท่านอ๋องไม่ได้ตาดีเหมือนท่านสักหน่อย เขาก็เหมือนคนบ้า
อํานาจทัวไป อยากได้อํานาจ อยากได้อาญาสิทธิกองทัพจากท่านพ่อ
ของข้า...” 
 
ฉินหยุนซีหน้าบึง คิดถึงเรืองบิดาและหลีเหยียนฟงทีไร นางก็หงุดหงิด
ทุกที ว่ากันตามตรงแล้ว พ่อของนางกับท่านอ๋องสามนันก็เหมือนกัน ทํา
ทุกอย่างก็เพืออํานาจความเปนใหญ่! 
 
‘หมายความว่า ท่านอ๋องแต่งงานกับเจ้าเพือผลประโยชน์อย่างนันรึ?’ ชิว
เหอร้องถาม สงสารเสียวซีขึนมาทีเดียว 
 
“ข้ามองไม่เห็นอย่างอืน นอกจากด้วยเหตุผลเช่นนัน เขายังเคยบอกข้า
ด้วย ว่าเขามีคนทีรักและอยากแต่งเข้ามาเปนชายาอยู่แล้ว นางชือ...ฉาง.
..อะไรน้า...ตอนนันข้ามัวแต่ดีใจทีไม่ต้องเข้าหอกับเขา เลยจําชือนางไม่
ได้ แต่นางเปนลูกสาวท่านเสนาบดีฝายซ้าย...” 
 
‘โถ่ เสียวซีของข้า...เจ้าช่างอาภัพนัก แต่งงานเปนเรืองสําคัญในชีวิตลูก
ผู้หญิง แต่เจ้ากลับต้องแต่งกับคนทีไม่ได้รักเจ้า...’ สุ่ยชิงหลิงยกชายผ้า
ขึนเช็ดนําตาตัวเอง สงสารฉินหยุนซีจับใจ 
 
“ไม่เปนไรพีหลิงหลิง ต่อไปถ้าท่านอ๋องแต่งชายาใหม่ ข้าก็แค่กลับเขาปา
เหมยไปอยู่กับอาจารย์เหมือนเดิม แต่ท่านสองคนไม่ต้องห่วง ก่อนทีข้า
จะกลับไป อย่างไรเสีย ข้าก็ต้องช่วยพวกท่านให้ได้ไปเกิดก่อน” 
 
‘เสียวซี...’ สุ่ยชิงหลิงกลันนําตาไว้ไม่ได้เลย...นําใจทีฉินหยุนซีมอบให้
วิญญาณของนางและชิวเหอนันช่างล้นเหลือ คนดีเช่นนี เหตุใดท่าน
อ๋องสามจึงเย็นชา ไร้ความรู้สึก ไร้ความรักมอบให้นาง 
 
“ข้ากินอิมแล้ว ง่วงแล้วด้วย ขอตัวก่อน อ้อ พรุ่งนีท่านอ๋องจะส่งคนมา
ซ่อมแซมทีนี พวกพีอย่าทําให้คนงานกลัวจนไม่กล้าทํางานล่ะ ราตรี
สวัสดินะพีสาวทังสอง” 
 
ฉินหยุนซีเห็นว่าบรรยากาศอึมครึม สุ่ยชิงหลิงและชิวเหอดูเศร้า
หม่นหมองเพราะเรืองของนาง ฉินหยุนซีไม่อยากให้เปนเช่นนัน นาง
ปรารถนาเห็นทุกคนมีแต่รอยยิมมากกว่า 
 
หญิงสาวแยกตัวเดินกลับเข้าห้อง ล้มตัวลงนอนแต่ไม่อาจข่มตาหลับลง
ได้อย่างทีต้องการ 
 
ฉินหยุนซีคิดเรืองต่างๆมากมาย ทังม่งกูหลิง ท่านอ๋องสาม เรืองของ
บิดา และวิญญาณร้ายทีพุ่งเข้ามาเล่นงานนางในตอนทําพิธีนันด้วย 
 
ท่านอ๋องสามคงไม่คิดจะให้นางตายตอนนีแน่นอน ฉะนันจึงเหลือคนที
น่าสงสัยอยู่แค่คนเดียว ไม่น่าจะเปนใครอืน นอกจากสาวงามทีมีแต่
ความอิจฉาริษยาจนเก็บงําเอาไว้ไม่อยู ่
 
ม่งกู่หลิง ข้าจะลงโทษเจ้าอย่างไรดีนะ 
 
รุ่งอรุณเช้าตรู่ เหอตงนํากลุ่มช่างและคนงาน มาทีตําหนักสุ่ยหลิงตามที
หลีเหยียนฟงสังเอาไว้ เขาปล่อยให้คนงานทํางานทีตําหนักไป ส่วนตัว
เองนันก็นําพาฉินหยุนซีมาทีตําหนักไท้ฝู 
 
หญิงสาวเปดประตูก้าวเข้าไปภายในห้องส่วนตัวกว้างขวางโอ่โถงของ
ท่านอ๋องสาม โดยทีเหอตงเฝารออยู่ด้านนอก ไม่ตามเข้ามา ในห้องจึง
เหลือเพียงฉินหยุนซีกับหลีเหยียนฟงเท่านัน 
 
นางกวาดตามองไปรอบๆห้องนอน ไม่พบเจ้าของร่างสูงเพรียว
สะโอดสะองนัน แต่พริบตา หลีเหยียนฟงซึงอยู่ในสภาพยังสวมเสือตัว
ในไม่เรียบร้อย เห็นแผงอกกว้างก็เดินออกมาจากฉากกันห้อง รวดเร็ว
จนฉินหยุนซียกสองมือปดหน้าตนเองแทบไม่ทัน 
 
“ท่านอ๋อง ทําไมไม่สวมเสือผ้าให้เรียบร้อย!” ปดหน้าปดตาตัวเอง แต่ก็
ยังต่อว่าเขา แก้มใสแดงจัดไปถึงลําคอ 
 
“ปกติข้าก็แต่งเช่นนี หน้าทีแต่งตัวให้ข้านัน พวกนางกํานัลจะต้องทําให้” 
เขาตอบกลับมาหน้าตาเฉย 
 
ฉินหยุนซีเหลียวมองหา ‘นางกํานัล’ แต่ตอนนี ในห้องมีแค่นางกับเขา
สองคน… 
 
“ไม่ต้องมองหาหรอก เจ้านันล่ะ มาแต่งตัวให้ข้าเร็วเข้า” 
 
“หะ ข้าเหรอ?” 
 
หญิงสาวจิมนิวเข้าหน้าอกตัวเอง มองเขาตาโต นิงไปอึดใจเต็มๆ อีก
ฝายก็ทําเชิด ไม่สนใจหน้าตาตืนของพระชายา กลับยกสองแขนแกร่ง
ขึน เปนเชิง ‘รอให้นางมาแต่งตัวให้’ 
 
ฉินหยุนซีชักโมโหนิดๆ หมันไส้คนท่ามาก นางเดินไปหยิบชุดใหม่ของ
เขาทีชันวาง เข้าไปช่วยสวมเสือนอกและผูกผ้าคาดเอวให้เขา 
 
ระหว่างนันก็ใจเต้นตึกตักจนอยากตีศีรษะตัวเอง...เสียวซีบ้า ใจเต้นแรง
เกินไปแล้ว คิดเสียว่าเขาเปนอาจารย์ นางก็ช่วยท่านอาจารย์แต่งตัวออก
บ่อยไป 
 
แต่อาจารย์ไม่ตัวใหญ่ ไม่แข็งแรง แล้วตาก็ไม่ได้คมกริบทําให้นาง
ประหม่าเหมือนเช่นเขา... 
 
ฉินหยุนซีก้มหน้าตําเข้าไว้ จะได้ไม่ต้องสบตากับหลีเหยียนฟง รู้สึกได้ว่า
เขาคอยมองมาทีนางอยู่ตลอดเวลา...มองอะไรหนอ...จะเทียบความงาม
ของนางกับแม่นางฉางของเขาหรือไร? 
 
“เสร็จแล้วเพคะ” บอกพร้อมถอนใจยาวโล่งอก หมดสินภาระสักที หาก
ทว่า... 
 
“เดียว รวบผมให้ข้าด้วย” 
 
“ข้าจะเรียกคนมาให้” ฉินหยุนซีขัดคําสังของเขา แต่พอเห็นดวงตาเย็น
เฉียบ คมดุนัน นางก็ยอมเดินตามเขาไปนัง หน้ากระจกเงาบานใหญ่ใน
ห้องแต่งตัว 
 
หญิงสาวรวบผมยาวสลวยเปนเงางามของเขาอย่างชํานิชํานาญ ระหว่าง
ทีตังใจทํางานของตนเองอยู่นัน นางไม่รู้เลยว่าถูกอีกฝายแอบมองผ่าน
กระจกเงาทีอยู่ตรงหน้า ดังนันหลีเหยียนฟงจึงเห็นทุกอิริยาบถของนาง
อยู่ตลอดเวลา 
 
“เจ้าไม่เหมือนฉินอีชิงเลย...เปนพีน้องคนละแม่กันใช่หรือไม่?” 
 
หลีเหยียนฟงเอ่ยถามขึน ท่ามกลางความเงียบทีได้ยินแต่เสียงลม
หายใจของกันและกัน 
 
“ย่อมต้องเปนเช่นนันอยู่แล้ว พีอีชิงเปนลูกรักของท่านพ่อ ส่วนข้าเปน
ลูกชัง ท่านไม่อยากเห็นหน้าข้าถึงให้อยู่กับอาจารย์ตังแต่ยังเล็กๆ หาก
อาจารย์ไม่บอกว่าใครเปนบิดา ข้าต้องนึกว่าตนเองเกิดจากกระบอก
ไม้ไผ่ไปแล้วเปนแน่” 
 
นางตังใจเอาไว้ ว่าจะไม่พูดอะไรมากกับเขา แต่ก็เผลอจนได้... 
 
“เช่นนีเองเจ้าจึงบอกว่า ข้าลงทุนแต่งกับเจ้าไปก็เปล่าประโยชน์...” 
 
“ใช่เพคะ เสียใจตอนนีก็สายไปแล้ว ท่านต้องแต่งงานกับพีสาวข้าก่อน 
พอได้อาญาสิทธิกองทัพมา ถึงจะได้แต่งกับคนรักของท่านสมใจ...ก็...
น่าจะอีกหลายปทีเดียว” 
 
ตาคมเข้มจ้องเขม็งไปทีหญิงสาวหน้าอ่อนเยาว์ งดงามดังนางฟา จ้อง
อยู่นานจนนางรู้สึกตัว เผลอมองตอบเขาผ่านกระจกเงาบานใหญ่ตรง
หน้า แล้วก็นิงไป 
 
“ข้าพูดสิงใดผิดไปหรือไม่?” นางถามเบาๆ แก้มนุ่มใสแดงเรือ อากาศก็
ดูราวกับร้อนอบอ้าวขึน 
 
“เจ้ากังวลเรืองของข้าหรือ?” 
 
“เอ๊ะ...ไม่ๆ เรืองของท่านไม่เกียวอะไรกับข้าอยู่แล้ว ข้าก็แค่ชายาในนาม 
ชายาทีทําหน้าทีแทนสาวใช้...เสร็จแล้วเจ้าค่ะ ท่านอ๋องมีอะไรจะสังอีก
หรือไม่เพคะ?” 
 
ฉินหยุนซีเสียบปนปกผม ทําจากหยกเนือดีแกะสลักลวดลายงดงาม
ลําค่า ใส่มวยผมของเขา เสร็จแล้วก็ผละออกไปยืนห่างหลายก้าว 
 
หลีเหยียนฟงหรีตามองนางด้วยสายตาเย็นชา ดูคุกรุ่นน่ากลัว ฉินหยุนซี
สบตากับเขาแล้วก็เมินหน้าหนีไปทางอืน ไม่ต้องการปะทะสายตาด้วย 
 
ทว่าพลันทีเขาเอ่ยต่อมา นางก็ถึงกับหันขวับ ตาโตลุกวาว 
 
“มีสิ งานของชายาเช่นเจ้า จงไปทีสวน เติมนําใส่ถังให้เต็ม แล้วก็ช่วย
คนงานผ่าฟนเอาไว้ต้มนําร้อนด้วย หากทําไม่เสร็จตามกําหนด วันนีก็ไม่
ต้องกลับตําหนักสุ่ยหลิง” 
 
ท่านอ๋องสาม ท่านช่างร้ายกาจนัก 
 
ท่านกล้าสังงานเช่นนีกับพระชายาผู้งดงาม และแสนบอบบาง ลงคอได้
อย่างไรกัน!! 
 
14.พระชายาในสวน 
 
ฉินหยุนซีคิดว่า ในเมือท่านอ๋องสามไม่รู้ว่าพระชายาอย่างนางสมควร 
หรือไม่ควรทําอะไร ดังนันนางจึงต้องรักษาสิทธิของตนเอง ด้วยการชีนิว
สังคนงานในสวน ทังตักนํา ผ่าฟน ถอนหญ้า เก็บใบไม้ พระชายา
จัดการสังการและดูแลอย่างใกล้ชิด ด้วยการให้คนงานผูกผ้าทําชิงช้าให้
นางนังเล่นใต้ต้นหลิวในสวน มีทังขนมและนําชาหอมหวานอยู่ใกล้ๆ ลม
พัดเย็นสบายสดชืน ฉินหยุนซีแสนจะสุขสบายยิงนัก 
 
เปนพระชายามีอํานาจเยอะก็ดีอย่างนีเอง นางสังอะไรใครก็ทําตาม ไม่มี
ใครกล้าขัดใจเลย ท่านอ๋องโตมาอย่างนี มิน่าเล่าจึงเปนคนบ้าอํานาจ 
เอาแต่ใจตัวเอง...เห็นชายาในนามอย่างนางเปนสาวใช้ ฮึ! คิดผิดไปเสีย
แล้ว เรืองอะไรนางจะต้องลําบาก ถึงแต่งมาอยู่ในบ้านนีเปรียบเหมือน
เปนเชลยของเขา แต่นางก็พอรู้อยู่หรอกว่าเขาไม่กล้าทําอะไรนาง เชลย
กิตติมศักดิเสียอย่าง เรืองอะไรต้องกลัว 
 
‘เสียวซี เจ้าเปนอย่างไรบ้าง ลําบากมากหรือไม่’ 
 
เสียงหวานคุ้นหูดังมาจากทางเบืองหลัง ฉินหยุนซีหยุดแกว่งชิงช้า หัน
ไปมองอย่างสนใจ เห็นพระสนมสุ่ยชิงหลิงกับชิวเหอปรากฏตัวขึน ส่ง
ยิมแย้มมาให้ 
 
“พีหลิงหลิง เสียวเหอ มาหาข้าเหรอ” 
 
‘ใช่เสียวซี นายหญิงห่วงเจ้า พวกเราเลยลองออกจากตําหนักมา นีเปน
ครังแรกในรอบยีสิบปเลย ทีพวกเราสามารถออกจากตําหนักได้ โลก
ภายนอกตําหนักสุ่ยหลิงเปลียนไปมากมาย ช่างน่าตืนตาตืนใจยิงนัก’ ชิ
วเหอยังตืนเต้นไม่หาย เช่นเดียวกับนายหญิงของนาง 
 
‘ใช่แล้ว เพราะได้เจ้าช่วย วิญญาณของพวกเราจึงไม่ต้องติดอยู่แต่ในตํา
หนักสุ่ยหลิงอีกต่อไป ขอบใจเจ้ามากนะเสียวซี’ 
 
“ท่านขอบใจข้ามาเยอะแล้ว ไม่ต้องแล้วล่ะ ข้าดีใจทีพวกท่านได้เปน
อิสระ ข้ารู้ว่าการเปนอิสระนันมีความสุขมากเพียงใด” 
 
‘เสียวซี ตอนนีเจ้าไม่มีอิสระเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว...เจ้าคงเปนทุกข์มาก
สินะ...’ สุ่ยชิงหลิงหุบยิม ละอายใจ นางออกนอกตําหนักได้ก็ลิงโลดดีใจ 
มีความสุขจนลืมนึกถึงจิตใจของสาวน้อยตรงหน้า 
 
ขณะทีพวกนางได้รับอิสระทีจะไปไหนมาไหนตามใจ แต่เสียวซีกลับต้อง
มาถูกขัง ถูกใช้งานอยู่ทีตําหนักไท้ฝู... 
 
“พระชายาเพคะ หม่อมฉันชงชาหอมหมืนลี มาถวายตามรับสังแล้วเพคะ
” นางกํานัลสาวใช้นํากานําชาร้อนๆ หอมกรุ่นมาให้แทนทีชากาเดิมซึง
เริมไม่ร้อนแล้ว 
 
“ดี ขอบใจมาก วางเลย รินมาให้ข้าถ้วยหนึง แล้วเจ้าก็ไปดูนําร้อนบนเตา
ด้วย คอยเติมฟนอย่าให้นําคลายร้อนล่ะ” 
 
“เพคะ พระชายา” 
 
นางกํานัลรับคําสังแข็งขันแล้วรีบไปทําตาม ไม่ใช่แค่คนเดียว แต่ทุกคน
ทีเข้ามารับคําสังจากพระชายาน้อย ล้วนแล้วแต่เคารพยําเกรงนาง ฉิน
หยุนซีสังงานข้ารับใช้ทุกคนโดยทีสุ่ยชิงหลิงและชิวเหอได้แต่มองตา
ปริบๆ 
 
พวกนางไม่ได้คิดเลย ว่าจะมาเจอเสียวซีในลักษณะนี 
 
“ขนมทีนีอร่อยมากเลย ชาก็ห้อมหอม มานีข้าจะแบ่งให้พวกท่านทาน
ด้วย ความจริงอยู่ตําหนักนีก็สนุกดีนะพีหลิงหลิง เสียวเหอ ของกินเยอะ 
ผู้คนก็คึกคัก อยากได้อะไรก็ได้” พูดไปแล้วก็หัวเราะเสียงใส ทําเอาสอง
สาวทีอุตส่าห์มาเพราะห่วงใยมองหน้ากันไปมา ก่อนจะพลอยหัวเราะ
ตามอย่างโล่งใจ 
 
‘ข้าลืมไป ว่าเสียวซีไม่เหมือนผู้ใด’ สุ่ยชิงหลิงเปรยก่อนยกชายเสือ
ปดปากหัวเราะไปกับชิวเหอ 
 
เสียงระรืนมีความสุขของฉินหยุนซีดังไปกระแทกประสาทรับรู้ของม่งกู่
หลิงและอิงอิงสาวใช้คนสนิทของนาง ม่งกู่หลิงทราบมาว่าท่านอ๋องเรียก
ตัวพระชายามาทีตําหนักไท้ฝู 
 
เมือคืนนางจ้างนักพรตไปส่งวิญญาณร้ายมาเล่นงานฉินหยุนซี ไม่นึก
เลยว่านอกจากจะทําอะไรนางผู้นันไม่ได้แล้ว มนต์สะกดวิญญาณยัง
ย้อนกลับไปทําร้ายนักพรตไป ตอนนีเขาได้รับบาดเจ็บและต้องหนีการ
ตามล่าจากคนของท่านอ๋องสามหัวซุกหัวซุน 
 
หากนักพรตไปถูกจับตัวได้ ตัวนางเองก็จะเดือดร้อนไปด้วย... 
 
ม่งกู่หลิงไม่สบายใจ เหมือนนังนอนอยู่บนพืนหนามอันแหลมคม หวาด
กลัวความผิดและยิงคุมแค้นฉินหยุนซี 
 
นางชวนพรรคพวกมาดูฉินหยุนซีในสวนของตําหนักไท้ฝู ตําหนักส่วน
ตัวของท่านอ๋องทีแม้แต่นางยังไม่มีโอกาสได้อยู่ทีนี เรือนพักของนาง
นันแสนสบายก็จริง แต่ก็เทียบกับตําหนักไท้ฝูไม่ได้แม้ส่วนเสียว ม่งกู่
หลิงเฝาวาดหวังว่าสักวันนางจะได้เข้ามาครอบครองตําหนักนี วาง
อํานาจบารมีข่มผู้คนให้สยบแทบเท้า แต่ตอนนี...แค่ฉินหยุนซีสังทุกคน
ก็พร้อมสยบ แม้แต่นางเองก็ยังต้องระมัดระวังถ้าจะเสียง 
 
“นายหญิงเจ้าคะ ข้าได้ยินมาว่าท่านอ๋องใช้นางทํางานไม่ต่างจากคนรับ
ใช้ แต่นางไม่ยอมทําอันใดเลย กลับเอาแต่นังเล่นแล้วก็กินขนมกับดืม
ชาไม่หยุด ชีนิวสังงาน ทําตัวราวกับเปนพระชายาจริงๆไปแล้วเจ้าค่ะ” อิ
งอิงรายงาน ยิงทําให้ผู้เปนนายของนางริษยาตาร้อน ไฟลุกพรึบ 
 
“ข้าจะรายงานท่านอ๋อง นอกจากนางจะไม่ทําตามรับสังท่านอ๋องแล้ว 
นางยังวางอํานาจบาตรใหญ่ ข่มผู้อืน ตอนนีท่านอ๋องอยู่ทีใด เจ้ารู้หรือ
ไม่อิงอิง?” 
 
“น่าจะอยู่ทีห้องโถงใหญ่เจ้าค่ะ เมือครู่ข้าเห็นเกียวจากทีบ้านของเสนา
ฉางถูกหามเข้ามา ฉางซินคงมา...อุ่ย...เอ่อะ...บ่าวขออภัยเจ้าค่ะนาย
หญิง!” 
 
อิงอิงรู้ตัวว่าไม่ควรเอ่ยถึงพวกบ้านสกุลฉาง โดยเฉพาะ ฉางซิน ศัตรู
หัวใจตัวฉกาจของม่งกู่หลิง แต่ก็เผลอไปเสียแล้ว 
 
เปนทีรับรู้กันในหมู่ผู้ทีใกล้ชิดท่านอ๋องสาม ว่าท่านนันมีใจให้กับฉางซิน 
ธิดาของท่านเสนาฉางซือ คาดการณ์กันเอาไว้ว่า ท่านอ๋องจะต้องรับฉาง
ซินมาเปนพระชายา แต่แล้วทุกอย่างกลับเปลียนไปด้วยเหตุผลทางการ
เมือง ท่านอ๋องจึงต้องเสียสละความรักของตนเอง 
 
ม่งกู่หลิงเคยหลงยินดี ทีท่านอ๋องมิได้แต่งงานกับฉางซินทีเขาชืนชอบ 
แต่เปนฉินอีชิงทีเขาชิงชังไม่เคยเหลือบแล แม้ว่าฉินอีชิงจะขึนชือว่าเปน
สตรีทีงดงามผู้หนึงก็ตาม 
 
อย่างน้อยท่านอ๋องก็คงไม่คิดหลงรักลูกของศัตรูอย่างฉินอีชิงได้ลงคอ..
.แต่พอกลายมาเปนฉินหยุนซีผู้นี ม่งกู่หลิงกลับรู้สึกท้อแท้หวาด
ประหวันยิงกว่า 
 
บอกไม่ถูกว่าทําไมจึงรู้สึกกลัว และกังวล...ทังทีอีกฝายก็แค่นางเด็กน้อย
ซุกซน ไม่รู้จักพิธีการ ไม่ใช่สตรีผู้เรียบร้อยมีมารยาทเหมือนเช่นฉางซิน 
 
“นางมาทําไม...คงต้องการดูว่าท่านอ๋องยังหลงใหลนางอยู่อีกหรือไม่
ละสิ...ทังฉางซิน ทังฉินหยุนซี...พวกมันสมควรตายนัก!” 
 
“นายหญิงเจ้าคะ เบาๆด้วย...” อิงอิงกระซิบเตือน ม่งกู่หลิงเผลอพูด
เสียงดังไปแล้ว โชคดีว่าตรงนีไม่มีผู้ใด ทว่าสองสาวหารู้ไม่ ถึงไม่มีคนฟง
แต่ก็มีผีฟงอยู่และได้ยินครบทังหมด 
 
‘ท่านอ๋องสามมีคนรักอยู่แล้วจริงๆด้วย...น่าสงสารเสียวซีนะเจ้าคะนาย
หญิง’ ชิวเหอซึมไปเลยเมือได้ยินทีม่งกู่หลิงเอ่ย 
 
‘นันสิ...เสียวซีไม่เคยได้รับความรักจากบิดา มารดาก็มาตายตังแต่นาง
ยังเล็ก แล้วยังต้องมาแต่งงานกับชายทีไม่มีใจให้นางเลย ซํายังเกลียด
ชังนางอีก...นีก็ยังถูกนางม่งนีคิดร้ายด้วย เสียวซีของข้าไม่ควรต้องมี
ชีวิตทีน่าสงสารเช่นนีเลย...’ สุ่ยชิงหลิงถึงกับกลันนําตาเอาไว้ไม่อยู่ นาง
สะอืนน้อยๆ หากยังไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงใสแจ๋วร้องเรียก 
 
“พีหลิงหลิง เสียวเหอ มาเล่นชิงช้ากันเร็ว ข้าจะแกว่งให้พวกท่านนังเอง” 
 
มิใช่แค่เสียงทีสดใสดุจนกหงส์หยก แต่ใบหน้าและดวงตากลมโตของ
นางก็สดใสเปนประกาย เปยมด้วยชีวิตชีวา 
 
สุ่ยชิงหลิงนันหลงรักความอ่อนเยาว์สดใสของฉินหยุนซีเข้าเต็มเปา คิด
ว่าฝายนันเปนเหมือนน้องสาวแท้ๆ ไม่ว่าจะทุกข์ใจเพียงใด เพียงมีฉิน
หยุนซีอยู่ใกล้ๆ ความทุกข์ก็เหมือนจะเบาบางและค่อยๆสลายไป ราวกับ
ว่านางมีพลังวิเศษทีสามารถขับไล่ความมืดมิดออกไปได้ 
 
นางน่ารัก งดงามเช่นนี ใจท่านอ๋องสามทําด้วยสิงใดจึงมองไม่เห็น ไม่
สามารถสัมผัสได้บ้างสักนิดเชียวหรือ? 
 
สุ่ยชิงหลิงและชิวเหออยู่เปนเพือนไม่ให้ฉินหยุนซีโดดเดียว ขณะทีทุก
อย่างเปนราบรืน ไม่กีอึดใจหลังจากนัน กลับมีเสียงแตกตืนโวยวาย ลัน
มาจากหลังกําแพงสวนด้านนอก 
 
ฉินหยุนซีและคนอืนๆ รีบวิงออกไปดู นอกกําแพงนันเปนลานสนาม
หญ้าเขียวขจีกว้างใหญ่ ยาวไปจรดปาหนาทึบไกลออกไป บัดนีมีม้าสี
นําตาลแดงตัวใหญ่แข็งแรงมาก กําลังเหวียงสะบัดผู้คนทีเข้ามารุมล้อม
จับมันเอาไว้กระเด็นกระดอนไปคนละทิศละทาง 
 
“ม้าโลหิตอาละวาด รีบไปทูลท่านอ๋องเร็ว!!” 
 
15.ได้รับบาดเจ็บ 
 
อีกด้านหนึงทีห้องโถงใหญ่สําหรับรับรองแขกของตําหนักไท้ฝู 
 
ร่างสูงโปร่งบอบบางในชุดสีเขียวอ่อนงดงามของฉางซินถวายคํานับ
ท่านอ๋องสาม ก่อนเอ่ยถามถึงผู้ทีนางห่วงใยจนต้องรีบตามมา
เยียมเยียนถึงทีนี 
 
“ท่านอ๋องเพคะ องค์ชายหกเปนอย่างไรบ้าง ข้าทราบว่าเขาได้รับบาด
เจ็บ ต้องพักรักษาตัวอยู่ทีนี เขาเปนอะไรมากหรือไม่เพคะ?” 
 
มิใช่แค่คําถามทีแสดงความห่วงใย แต่ใบหน้างามหมดจดของนางก็
หม่นเศร้าเหมือนจะร้องไห้ หากไม่ตาบอดหูหนวกจนเกินไป ใครๆก็คง
มองออกว่าฉางซินผู้งดงามนัน นางมีความรู้สึกเช่นไรต่อน้องหกของเขา 
 
“เจ้าหกไม่เปนอะไร เจ้ารู้ข่าวของเขาเร็วนัก นังก่อนสิฉางซิน” หลีเหยี
ยนฟงเอ่ยกับนาง ก่อนจะให้นางกํานัลไปเรียกตัวองค์ชายหกมาพบตาม
ทีฉางซินต้องการ 
 
“เขาไม่เปนไรจริงนะเพคะ ถ้าเช่นนันข้าก็ค่อยโล่งใจ” ฉางซินสีหน้าดีขึน
ทันตาเห็น ท่าทางของนางทําให้หลีเหยียนฟงกระตุกยิมบางเบาทีมุม
ปากได้รูป 
 
“เจ้าช่างห่วงใยน้องหกเหลือเกินนะ น่าอิจฉาเจ้าหก มีสาวงามทีเพียบ
พร้อมเช่นเจ้าคอยห่วงใย” 
 
“มิได้เพคะ ข้าก็ห่วงใยองค์ชายทุกพระองค์ เพียงแต่ท่านอ๋องสามเก่ง
กล้าสามารถ ไม่มีสิงใดทําอันตรายได้ ไม่เหมือนองค์ชายหก ถ้าเขาเก่ง
วรยุทธเหมือนท่านข้าคงเบาใจ” 
 
“น้องหกไม่ชอบการต่อสู้มาแต่ไหนแต่ไร แต่ฝมือของเขาก็ใช่ว่าจะแย่
อะไร เจ้ายังไม่เคยเห็นเวลาเขาเอาจริงขึนมา ถ้าได้เห็นสักครังก็คงเบาใจ 
ไม่พูดว่าเขาไม่เก่งอีก” 
 
“เช่นนันข้าคงต้องปลอมตัวเปนชาย แอบตามพวกท่านไปสนามรบเสีย
แล้วกระมังเพคะ” 
 
หลีเหยียนฟงหัวเราะ พึงพอใจในความเฉลียวฉลาดช่างพูดของนาง 
 
ฉางซินเปนกุลสตรีทีงดงามทังรูปโฉม ชาติตระกูล และกิริยามารยาทที
นุ่มนวลอ่อนโยน นางเปนสตรีในฝนของชายหนุ่มแทบทุกคน เหมาะสม
กับตําแหน่งพระชายาอันทรงเกียรติยิงนัก เทียบไปแล้ว พระชายาของ
เขายังห่างชันจากฉางซินมากมายนัก... 
 
...ปานนีนางคงกําลังหาบนํา ผ่าฟนเหน็ดเหนือยอยู่... 
 
มือเล็กๆบอบบางของนางจะแห้งแตกหรือไม่...เขาทําเกินไปหรือเปล่านะ

 
“ท่านพี ให้คนไปตามข้ามีธุระอะไร...อ้าว ซินซิน เจ้ามาเยียมพีสามรึ?” 
 
องค์ชายหกเปดประตูเข้ามา ใบหน้าหล่อเหลาสดชืนแจ่มใส ไม่เหลือ
ความเปนคนปวยเหมือนเช่นเมือคําคืนทีผ่านมาเลย เจ้าตัวชะงักไปเมือ
แลเห็นฉางซิน รอยยิมกว้างปรากฏขึนมาบนใบหน้าของชายหนุ่ม ทําเอา
ฉางซินต้องเมินหน้าหนี เกลือนความขัดเขิน 
 
“ข้าได้ยินมาว่าองค์ชายหกบาดเจ็บอยู่ทีตําหนักไท้ฝู ท่านเปนอย่างไร
บ้าง” นางไถ่ถาม สนใจความเปนไปของเขา 
 
“เจ้าก็ดูเองสิ ข้าเหมือนคนบาดเจ็บหรือไม่?” หลีลิวหลางหมุนตัวให้นาง
ดูชัดๆ รอยยิมของเขาสดใสดังแสงตะวัน ฉางซินพลอยยิมตามในทันที 
 
“ท่านแข็งแรง ปลอดภัยดี ข้าก็เบาใจ” 
 
“ใช่ ฉางซินเปนห่วงเจ้ามากนะน้องหก ตอนแรกทีมาถึง หน้านาง
ซีดเซียวมาก ดูตอนนีสิ” หลีเหยียนฟง บุ้ยใบ้ให้น้องชายสังเกตหญิง
สาวตรงหน้า แต่องค์ชายหกผู้ไร้เดียงสาเลิกคิวหนาของตนเองขึนสูง 
งุนงง ตามพีชายไม่ทัน 
 
“ทําไมรึพีสาม ซินซินนางก็ย่อมต้องห่วงข้าอยู่แล้ว เราเปนเพือนเล่นกัน
มาตังแต่เด็ก ท่านลุงฉางซือก็เปนพีชายบุญธรรมของท่านแม่ข้า ข้ากับ
ซินซินก็เปนเหมือนพีน้องกัน ไม่ห่วงได้อย่างไร ใช่ไหมซินซิน” 
 
“เอ่อ...เพคะ...” ฉางซินหน้าแห้ง ผิดหวัง แต่ไม่ยอมถอดใจ ต่อให้วันนี
องค์ชายหกไม่รู้ใจนาง ทว่าสักวันเขาจะต้องรับรู้ ฉางซินผู้นีพร้อมจะรอ
คอยเขาตลอดไป... 
 
“เจ้าหก ไหนๆฉางซินก็แวะมาถึงนีแล้ว เจ้าพานางไปเดินเล่นหน่อยไป... 
เดียวก็ถึงเวลาอาหารแล้ว อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนนะฉางซิน” 
 
ท่านอ๋องชวนอย่างใจดี แม้ท่านจะดูดุน่ากลัวกับผู้อืน แต่ท่านก็ใจดีกับ
นางเสมอ 
 
“ขอบพระทัยเพคะท่านอ๋อง” 
 
หญิงสาวย่อกาย คํานับทําความเคารพหลีเหยียนฟง ทว่ายังไม่ทันได้
เดินตามหลีลิวหลางออกจากห้องโถง ข้ารับใช้หนุ่มผู้หนึงก็วิงกระหืดกระ
หอบเข้ามารายงานท่านอ๋องปากคอสัน 
 
“กราบทูลท่านอ๋อง ม้าโลหิตกําลังอาละวาด ไม่ยอมฟงผู้ใด ท่านอ๋อง
โปรดเสด็จไปดูด้วยเถิดพะยะค่ะ!!” 
 
ม้าโลหิตเปนม้าพิเศษ เหตุทีตังชือมันว่าม้าโลหิตเพราะมันมีสีนําตาลเข้ม
จัดจนดูเหมือนเปนสีแดง มันเปนม้าตัวใหญ่แข็งแรงพ่วงพี ขาแต่ละข้าง
ทรงพลังมหาศาล เปนม้าศึกชันยอด ทว่ายามนีมันกําลังคลุ้มคลัง ไม่ฟง
ผู้ใด คนเลียงม้าช่วยกันกระชากบังเหียนก็ถูกเหวียงลอยละลิว มันวิง
พลุ่งพล่านฮ้อตะบึงไปทัว จนผ่านมาทีกลุ่มคนงานสตรีทีริมธารนําข้าง
กําแพงวัง พวกนางเหล่านันกําลังนังซักผ้าไปพลางคุยเล่นกันอย่าง
ออกรส กว่าจะรู้ตัวว่ามีภัย ก็เมือม้าสีแดงตัวใหญ่พุ่งเข้ามาด้วยความเร็ว
ทีพร้อมทําลายทุกสิงเบืองหน้า 
 
“ม้าโลหิต!!” 
 
เสียงกรีดร้องดังก้องไปทัว ในกลุ่มนันบังเอิญมีเด็กชายตัวจิวยืนขวางอยู่
ด้วย 
 
ม้าโลหิตพุ่งตรงเข้าไป ไม่มีทางทีเด็กน้อยจะหนีทัน หลีเหยียนฟงกับหลี
ลิวหลางตามเข้าไปยังไม่ถึง แต่เหอตงอยู่ใกล้กว่า เขาทะยานขึนไปนัง
บนหลังเจ้าม้าคลังและพยายามดึงบังเหียนควบคุมมัน แต่ม้าหนุ่มไม่
หยุดพยศ มันยังคงควบตะบึงพุ่งเข้าไป ประดุจเด็กน้อยตรงหน้านันคือ
เปาหมาย 
 
ร่างจิวหลิวรําไห้จ้า ผู้เปนมารดากรีดร้อง ผวาจะเข้ามาหาลูกชายแต่ถูก
เพือนๆพากันรังตัวเอาไป ไม่ยอมปล่อย 
 
ฉินหยุนซีเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง จะให้นิงอยู่เฉยก็คงทําไม่ได้ นางวิง
เข้าไปหาเด็กน้อย รวบร่างนันเข้าไว้ในอ้อมแขนรัดแน่น ท่ามกลาง
สายตาตระหนกตกใจสุดขีดของผู้คนครึงค่อนตําหนัก 
 
พลันมีรัศมีสีแดงเรือแผ่ออกจากตัวนาง แสงนันบางเบาและหายไปใน
ห้วงเวลาอันรวดเร็วเกินกว่าทีสายตาคนธรรมดาจะมองเห็น ทว่าม้าโลหิต
ชึงทะยานมาด้วยความเร็วสูงถึงกับสะดุดเฮือก มันกระโดดเลยผ่านข้าม
ร่างของฉินหยุนซีไปหวุดหวิดเฉียดฉิว 
 
พระชายาและเด็กน้อยในอ้อมแขนล้มกลิงไถลไปกับพืนหญ้า ทังเศษดิน 
หินและกิงไม้แห้งเลอะเทอะอยู่บนเสือผ้าและเส้นผมยาวสลวยของนาง
เต็มไปหมด 
 
“พระชายา ท่านเปนอย่างไรบ้าง พระชายา!!” 
 
ผู้คนในตําหนักวิงกรูกันเข้าไปรายล้อมอยู่รอบตัวฉินหยุนซี หญิงสาวก
อดเด็กชาย ก้มหน้านิงอยู่ชัวครู่ก่อนค่อยๆขยับตัว ลุกขึนนัง ปล่อยเด็ก
น้อย วิงจีเข้าไปหามารดาซึงถึงกับเข่าอ่อน ลุกไม่ขึน 
 
สองแม่ลูกกอดกันรําไห้จ้า น่าเวทนา ระหว่างนันฉางซินรีบเข้าไปช่วย
ประคองฉินหยุนชี และพบว่ามีเลือดไหลเปรอะเปอนชายผ้าของนางด้วย 
ฉางซินอุทานตกใจ ทว่าสาวใช้รวมทังมารดาของเด็กหันมาเห็นเข้า ก็ถึง
กับทรุดลงไปอีกครา 
 
“พระชายาโปรดอภัยให้ด้วย พระชายาโปรดอภัยให้ลูกข้าด้วย!!” 
 
มารดาของเด็กน้อยเข้ามาคุกเข่ารําไห้ โขกศีรษะคํานับอ้อนวอนขอความ
เมตตาต่อฉินหยุนซี ลูกของนางเปนต้นเหตุให้พระชายาของท่านอ๋อง
เลือดตก โทษทัณฑ์ครังนี ใหญ่หลวงนัก! 
 
“ข้าไม่ได้เปนอะไร ไม่ใช่เลือดข้าหรอก สงสัยจะเปนของม้าโลหิต ไม่ต้อง
สนใจหรอก...เจ้ากับลูกปลอดภัยก็ดีแล้ว รีบพาเด็กกลับไปทีพักเถิด” 
ฉินหยุนชีโบกมือซ้าย ไล่พวกสาวใช้ให้รีบไป ส่วนมือขวาทีได้รับ
บาดแผลไถลไปถูกกิงไม้แทงเลือดไหล นางไพล่หลังซ่อนไว้ไม่ให้ใคร
เห็น 
 
“ขอบพระทัยชายา ขอบพระทัยท่านอ๋องเพคะ” 
 
แม่ของเด็กค้อมกายโขกศีรษะกับพืนหญ้า ทําความเคารพฉินหยุนซีและ
หลีเหยียนฟงซึงตามเข้ามาถึงแล้วหลายต่อหลายครัง ก่อนจะรีบอุ้มพา
ลูกชายกลับเข้าวังไป 
 
ฉินหยุนซีลุกขึนมายืนเต็มตัวโดยการช่วยประคองของฉางซิน นางจ้อง
มองสตรีโฉมงามทีไม่คุ้นหน้า ก่อนทีหลีลิวหลวงจะเข้ามาแนะนํา 
 
"พีสะใภ้สาม นีคือฉางซินญาติของข้าเอง...นางมาเยียมข้า เออ ท่านเปน
อย่างไรบ้าง บาดเจ็บตรงไหนหรือไม่" 
 
“ข้ามาไม่เปนไร...ยินดีทีได้รู้จักแม่นางฉางซิน ข้าชือฉินหยุนซี" 
 
ฉินหยุนซียังคงซ่อนมือขวาทีโลหิตยังไหลรินลงมา เอาไว้ข้างหลัง แขน
ขวาของนางสันระริก เจ็บปวด มีสุ่ยชิงหลิงและชิวเหอตามเข้ามาดูด้วย
ความไม่สบายใจ 
 
‘เลือดไหลไม่หยุดเลยเสียวซี เจ้าควรรีบไปทําแผลก่อน’ สุ่ยชิงหลิง
แนะนํา ทว่าอีกฝายยังทําเฉยไม่รู้ไม่ชี ดังว่าไม่มีอะไรเกิดขึน 
 
“ฉินหยุนซี มานีซิ” 
 
หลีเหยียนฟงซึงยืนนิงเงียบอยู่นานแล้วเรียกนาง ทว่าฉินหยุนชีอิด
เอือน กลับเขยิบถอยหลังออกห่างเหมือนจะหนีไม่ให้เขาเข้าใกล้ ในเวลา
นันเหอตงซึงคุมม้าโลหิตให้สงบได้แล้วรีบรุดตามเข้ามา คุกเข่าคํานับ
ท่านอ๋องผู้เปนนาย 
 
“ทูลท่านอ๋อง ขาข้างซ้ายของม้าโลหิตมีหนามชินใหญ่ตําอยู่ มันจึง
คลุ้มคลัง ไม่ฟงใคร...ข้าน้อยคุมม้าโลหิตไม่อยู่ ทําให้พระชายาบาดเจ็บ..
.ข้าน้อยสมควรตาย” 
 
“รู้ความผิดก็ดีแล้ว...เด็กๆ เอาตัวเหอตงไปขังคุก รอการลงโทษ!” 
 
เสียงสังการอันเฉียบขาดของหลีเหยียนฟง ไม่มีผู้ใดกล้าค้าน เปนเช่น
นันมาแต่ไหนแต่ไร ทว่าบัดนีกลับไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป 
 
“เหตุใดท่านอ๋องต้องสังคุมขังเหอตงด้วย...เขาไม่ได้มีความผิดอันใด 
หากไม่ได้เขาช่วยรังม้าเอาไว้ ปานนีข้าคงตายไปแล้ว ท่านสังคุมขังเขา
เช่นนี ไม่ถูกนะเพคะ" 
 
ฉินหยุนซีเปนคนแรกในตําหนักอ๋อง ทีกล้าคัดง้างบัญชาของอ๋องสามผู้
ยิงใหญ่ 
 
ทังฉางซินและหลีลิวหลางต่างหน้าเสีย กลัวว่าเรืองจะบานปลาย พระ
ชายาช่างไม่รู้อะไรเลย นางอาจจะต้องโทษเสียเองก็เปนได้! 
 
“พีสะใภ้ ใจเย็นก่อน พีสามสังเช่นนีย่อมต้องมีเหตุผล” องค์ชายหก
อยากช่วยปกปองพีสะใภ้ ทว่าฉินหยุนซีไม่สนใจ นางตอบโต้กับหลีเหยี
ยนฟงไม่ลดละ 
 
“ข้าไม่สน ห้ามท่านอ๋องเอาโทษเหอตง ไม่เช่นนันข้าจะฟองพ่อข้า” 
 
นางต้องการช่วยผู้บริสุทธิ ไม่อยากให้ผู้ใดต้องมารับเคราะห์เพราะนาง 
ฉินหยุนซีจําต้องยกเอาบิดาขึนอ้างทังทียังไม่ทราบเช่นกัน ว่าท่านพ่อจะ
ออกหน้าให้นางหรือไม่ 
 
ไม่มีทางอืนอีกแล้ว นางจําเปนต้องลองดู เพือจะได้ช่วยเหลือผู้ไม่มี
ความผิด 
 
หลีเหยียนฟงนิงไป นางคิดว่าเขาจะไม่ยอมรับปาก ท่าทางเขาเหมือน
ไม่ใช่คนทียอมรับฟงผู้อืนง่ายๆ ทว่า... 
 
“ถ้าเจ้าต้องการเช่นนัน...ข้าจะปล่อยเหอตงก็ได้” 
 
“จริงรึเพคะ ดีจริงๆ” ฉินหยุนซียิมออกมาได้ แต่ใบหน้าของนางซีดเซียว
กว่าปกติไปอย่างเห็นได้ชัด 
 
“ขอบพระทัยพระชายา ข้าน้อยจะไม่ลืมบุญคุณของพระชายาเลยพะยะ
ค่ะ” เหอตงถูกปล่อยตัว เขาเข้ามาคุกเข่าน้อมศีรษะคํานับฉินหยุนซี 
 
“ไม่เปนไร ท่านรีบลุกขึนเถอะ” นางโบกมือซ้าย ให้อีกฝายลุกขึน ทันที
นันหลีเหยียนฟงก็ออกคําสังกับเหอตง เสียงทุ้มเฉียบขาด เข้มจัด 
 
“อาตง รีบไปเชิญหมอหลวงมารักษาพระชายา อย่าได้ชักช้าเสียเวลา!” 
 
เหอตงน้อมรับคําสังแล้วรีบจากไป ฉินหยุนซีมองตามหลังองครักษ์หนุ่ม
ไป ก่อนหันมาสบตาคมของท่านอ๋องสามด้วยความประหลาดใจ 
 
เขารู้ได้อย่างไรว่านางบาดเจ็บ เขาเห็นมือนาง? 
 
“ใครก็ได้ ไปบอกเว่ยฉู่ให้ทําอาหารบํารุงเลือดมาถวายพระชายาด้วย” 
หลีเหยียนฟงสังนางกํานัลต่อ ฉินหยุนซีได้แต่มองเขาสังโน่นนีตาปริบๆ 
จนสุดท้ายท่านอ๋องจอมบงการก็หันมาเอ่ยกับนาง 
 
“ข้าทําตามทีเจ้าต้องการ ไม่เอาโทษเหอตงแล้ว แต่ถ้าเหอตงไม่มีโทษ 
เช่นนัน โทษทังหมดก็ต้องตกอยู่ทีเจ้าม้าบ้านัน..” ชายหนุ่มหันไปทาง
ม้าโลหิตทียืนคอตกอยู่อย่างรู้สํานึก เสียงทุ้มเด็ดขาดของเขาดังต่อมา
ราวกับประกาศิต 
 
”เด็กๆ เอาม้าโลหิตไปฆ่าทิงซะ มันบังอาจทําให้พระชายาของข้าต้อง
บาดเจ็บ เสียเลือด โทษนีสมควรตายสถานเดียวเท่านัน!!” 
 
รับสังเฉียบขาด เหียมเกรียมจนฉินหยุนซีตกใจอีกรอบ รีบร้องห้ามเสียง
หลง 
 
“อย่านะเพคะ ท่านอ๋องโปรดเมตตาด้วย มันไม่ได้ตังใจจะทําให้ข้าเจ็บ 
โทษของมันไม่ถึงกับต้องตาย อย่าฆ่ามันนะเพคะท่านอ๋อง!” 
 
“ไม่ได้ ถ้าท่านฉินรู้ว่าข้าปล่อยให้เจ้าบาดเจ็บในตําหนักนีโดยไม่มีผู้รับ
ผิดชอบ ข้าจะตอบเขาได้อย่างไร ในเมือเจ้ามิให้เหอตงรับโทษ เช่นนันก็
ต้องให้ม้าโลหิตมันรับโทษแทน” 
 
หลีเหยียนฟงประกาศเสียงเข้มเด็ดขาด เอาจริง ตาเรียวคมกริบ ไร้แวว
ล้อเล่น 
 
เขาจะทําจริงๆรึ...ม้าโลหิตทีประเมินค่ามิได้ เขาคิดจะฆ่ามันเพราะนาง
จริงๆหรือ!! 
 
ฉินหยุนซีไม่อยากเชือ แต่นางก็ไม่กล้าล้อเล่นกับคนประหลาดอย่างหลี
เหยียนฟง อย่างไรเสีย นางไม่ยอมให้เขาฆ่าใครหรืออะไรเพราะนางทัง
สิน 
 
“ข้าไม่ได้เปนอะไร ท่านดูสิ แผลแค่นิดเดียวเท่านัน ไม่ต้องถึงกับฆ่าม้า
ศึกของท่านหรอกเพคะ อึก!!” นางยืนมือให้เขาดู บาดแผลไม่ใหญ่นักก็
จริงแต่กิงไม้ยังคาอยู่ และเลือดของนางยังไหลซึมออกมาไม่หยุด 
 
หลีเหยียนฟงคว้าหมับ กํารวบมือเล็กๆของนางเอาไว้ คิวหนาขมวดลู ่
ตาคมเข้มเครียด ดุดัน 
 
“ท่านอ๋อง ข้าเจ็บ...เอ่อ เจ็บเล็กน้อยเท่านันจริงๆเพคะ...” 
 
ฉินหยุนซีบอกเขาเสียงอ่อย ความจริงก็คือเจ็บ แต่นางไม่กล้าแสดง
ความอ่อนแอฟูมฟายใหญ่โต เพราะนันจะหมายถึงชีวิตของม้าโลหิต 
 
เขากลัวบิดาของนางถึงกับจะยอมเสียม้าพิเศษหายากตัวนันไปทีเดียว...
อาญาสิทธิบัญชากองทัพในมือท่านพ่อช่างยิงใหญ่นัก ไม่เพียงบัญชา
ทังกองทัพ แต่ยังมีอํานาจเหนือเชือพระวงศ์ได้อีกด้วย 
 
“เจ็บตัวอย่างนี ยังจะดืออยู่อีก กลับตําหนักกับข้า” เขาสัง จะดึงมือนาง
ให้เดินไปด้วยกัน แต่หญิงสาวรังตัวเองเอาไว้ ยังหน้าบึงไม่ยินยอม 
 
“ท่านต้องรับสัง ยกโทษตายให้ม้าโลหิตก่อนสิเพคะ” 
 
“ไม่ ข้าบอกเจ้าแล้วไง ข้าต้องตอบบิดาเจ้าได้” 
 
“เช่นนันท่านก็ไม่ต้องบอกเขาว่าข้าบาดเจ็บสิ ท่านไม่พูด ทุกคนใน
ตําหนักไม่พูด ท่านพ่อก็ไม่รู้ ม้าโลหิตก็ไม่ต้องตาย เช่นนีไม่ดีกว่ารึเพคะ
?” 
 
นางย้อนถามเขา ทว่าหลีเหยียนฟงนิง ไม่ตอบรับหรือปฏิสธ เขาทําให้
นางร้อนใจไม่คลาย 
 
“ท่านอ๋อง ม้าโลหิตเปนสิงหายาก เปนม้าคู่ใจของจอมทัพผู้เก่งกล้า...ฆ่า
มันทิงจะเปนเรืองผิดพลาดครังใหญ่นะเพคะ...อย่าฆ่าเลย นะเพคะ...” 
นางอ้อนวอนและครุ่นคิด 
 
ขู่จะฟองท่านพ่ออีกดีหรือไม่? 
 
ทว่าหลีเหยียนฟง หันไปสังคนดูแลม้าเสียงเฉียบขาดเสียก่อน 
 
“เอาม้าโลหิตกลับเข้าคอก ดูแลมันให้ดี อย่าให้มีเรืองเช่นนีเกิดขึนอีก 
ไม่เช่นนัน คนทีจะหัวหลุดก็คือพวกเจ้าทุกคน” 
 
“พะยะค่ะท่านอ๋อง!!!” 
 
พวกคนเลียงม้ากลัวจนหัวหด รีบพาม้าโลหิตกลับคอกม้าทีอยู่ทางด้าน
หลัง เจ้าม้าตัวโตพ่วงพีดูหงอยเหงาสํานึกผิดทีทําร้ายนายหญิง มันหัน
มองฉินหยุนซีหลายคราก่อนจะเดินตามคนเลียงออกไป 
 
หญิงสาวมองตามมันไปเช่นกัน แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเพราะแรงกดกระชับ
ทีฝามือ 
 
“อยู่นิงๆ” หลีเหยียนฟงสัง หยิบผ้าแพรจากด้านในอกเสือของตนเอง
ออกมา ช่วยซับเลือดให้ฉินหยุนซี จากนันจึงพันทบเอาไว้ “อย่าเพิงดึง
กิงไม้ออก เลือดจะยิงออกมากขึน รอให้หมอมาก่อนแล้วค่อยจัดการ รีบ
กลับเข้าตําหนักก่อนเถิด” 
 
เขาบอกแล้วตรงเข้าช้อนอุ้มร่างเล็กๆของนางลอยลิว ฉินหยุนซีเบิกตาโต
ตืนตะลึง อ้าปากค้าง เช่นเดียวกับสหายทังสองของนาง 
 
‘นายหญิง ท่านอ๋อง...ท่านอ๋องเขาอุ้ม...’ ชิวเหอถึงกับพูดไม่เปนภาษา 
ตืนเต้นแทนฉินหยุนซี 
 
ท่านอ๋องใจร้าย เย็นชา ไร้หัวใจกําลังอุ้มเสียวซีกลับเข้าตําหนัก 
 
นีมัน...ช่างเหลือเชือยิงนัก!! 
 
16.คนปวยของหลีเหยียนฟง 
 
เหอตงแทบจะอุ้มหมอหลวงพากระโดดข้ามกําแพงเข้ามาในตําหนักท่าน
อ๋องสาม เมือหมอมาถึงก็เริมต้นทําแผลทีฝามือของพระชายาด้วยความ
ระมัดระวัง เพราะทุกขณะนันอยู่ท่ามกลางตาดุคมเฉียบทีจ้องเขม็งของ
ท่านอ๋อง หมอหลวงชราแข็งใจทําแผลจนเรียบร้อย แต่ตอนเขียนใบสัง
ยา มือไม้ก็ยังสันๆอยู่เลย 
 
“เอ่อ...นีพะยะค่ะ ท่านอ๋อง ต้มยาให้พระชายาดืมสักสองชุดก็จะหายแล้ว 
ไม่ต้องห่วงนะพะยะค่ะ” 
 
“ดี ถ้าหมดยาสองชุดดังเจ้าว่าแล้วพระชายายังไม่หาย เจ้าเตรียมไปหา
งานใหม่ได้เลย” รับสังเสียงเรียบ แต่คนฟงสยองขนลุก รีบค้อมกาย
คํานับขอทูลลา ท่านอ๋องสามวันนีดุโหดยิงกว่าปกติไปหลายเท่า 
 
หรือจะเพราะท่านเปนห่วงพระชายา แต่แผลก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรนัก แผล
แค่นีไม่ถึงแก่ชีวิต ทว่าท่านอ๋องกลับทําราวกับเปนเรืองใหญ่ระดับแว่น
แคว้น 
 
“อาตงส่งท่านหมอด้วย...เว่ยฉู่ ให้คนไปจัดยาทีห้องยาในวังมาต้มให้
พระชายาดืม” หลีเหยียนฟงสังคนสนิททังสอง ก่อนจะหันมาทางน้อง
หกและฉางซิน 
 
“พวกเจ้า ทีนีไม่มีอะไรแล้ว ไว้วันหลังข้าจะเลียงอาหารเจ้าแทน แต่วันนี
คงไม่สะดวกแล้ว น้องหก เจ้าช่วยไปส่งฉางซินทีบ้านด้วย” หลีเหยี
ยนฟงไล่ทังสองตรงๆ ทําเอาผู้เปนน้องหน้างอ หลีลิวหลางยังอยากรอดู
อาการของพีสะใภ้ผู้น่ารักอีกสักหน่อย พีชายมาสังเช่นนี ผิดแผนเขาไป
หมด 
 
แต่จะขัดคําสังก็ไม่ได้... 
 
“เช่นนันข้าขอทูลลาท่านอ๋องและพระชายาก่อน ครังหน้าคงมีโอกาสได้
พบกันอีกนะเพคะ” ฉางซินคํานับ กล่าวลาอย่างมีมารยาท กิริยาของนาง
นุ่มนวลงดงาม ฉินหยุนซีจําได้และคิดว่าคงไม่ผิด ฉางซินผู้นีก็คือคนที
หลีเหยียนฟงเคยบอกนางในคืนเข้าหอ ว่านางเปนสตรีทีเขารักปกใจ 
 
หญิงเดียวทีหลีเหยียนฟงจะรับเปนชายาทีแท้จริงของเขา... 
 
ก็นับว่าหลีเหยียนฟงยังพอมีตา ฉางซินผู้นีดูเรียบร้อย อ่อนโยน ดูไม่
ร้ายกาจเหมือนม่งกู่หลิง หรือแม้แต่พีสาวของนาง... 
 
ฉินหยุนซีไม่อยากนึกถึงฉินอีชิงพีสาวของตนเองนัก ความทรงจําของ
นางต่อพีสาวคนละแม่มีน้อยเต็มที ท่านพ่อเคยพาพีสาวไปเยียมนางที
ปาดอกเหมย ตอนนันพีอีชิงกับนางยังเล็กมาก แต่ฉินหยุนซีก็ยังคงจํา
เสียงบ่นว่าของพีสาวได้ 
 
“ท่านพ่อ ข้าไม่ชอบทีนี ดอกไม้เยอะก็จริง แต่ไม่มีสิงใดเลย ของกินก็ไม่
อร่อย ของเล่นก็ไม่มี เพือนก็ไม่มี มีแต่สัตว์ปาน่าเกลียดน่ากลัว...ข้า
อยากกลับบ้าน ท่านพ่อพาข้ากลับบ้านเราเถิด ข้าไม่อยากอยู่ทีนี...” 
 
“อีชิง มาเจอน้องสาวของเจ้าก่อนเถิด นีคือเสียวซีน้องของเจ้า รู้จักกัน
ไว้สิลูก” บิดาจับจูงพีสาวมาให้พบกับฉินหยุนซี ทังสองพีน้องจ้องมอง
กันไปมา เสียวซีคิดจะเข้าไปจับมือกับคนเปนพี นางดีใจนักทีมีพีน้อง
และพีสาวของนางก็เปนเด็กหญิงทีหน้าตางดงาม 
 
ทว่าเมือโผเข้าไปคว้ามือของท่านพี กลับถูกฝายนันสะบัดมือออก พร้อม
เสียงกรีดร้องโวยวาย 
 
“มือเจ้าเย็นนัก ไม่เหมือนคนทัวไป เจ้าเปนคนหรือผีกันแน่” 
 
“ท่านพี...เสียวซีย่อมต้องเปนคนสิ...เสียวซีเปนน้องของท่าน...” ฉินหยุ
นซีเวลานันไม่รู้ประสานัก นางอยากเล่นกับพีสาว ญาติอีกคนบนโลกใบ
นีของตนเอง 
 
“ไม่จริง มือของเจ้าเย็นเยือกดุจนําแข็ง คงเพราะเจ้าอยู่ในสถานทีเย็น
เยียบ ทีนีไม่เห็นมีมนุษย์คนใดนอกจากอาจารย์ของเจ้า...พวกเจ้าสอง
คนศิษย์อาจารย์ต้องเปนผี หรือไม่ก็ปศาจนําแข็งเปนแน่” 
 
ฉินอีชิงกล่าวหา ก่อนวิงหนีจากไปซุกซบกับบิดาซึงยืนคุยอยู่กับอาจารย์ 
เสียวซีจะตามพีสาวไปเช่นกัน แต่นางก้าวขาไม่ออก สะดุดหกล้ม 
 
ไม่รู้ว่า...ทําไมตอนนันเหมือนร่างกายไร้เรียวแรง เลือดในตัวเย็นเปนนํา
แข็งจริงๆดังทีพีอีชิงกล่าวหา เหมือนมีนําแข็งมาเกาะอยู่รอบตัวจนขยับ
ไม่ได้ ลืมตาก็ไม่ขึน 
 
ฉินหยุนซีจําได้แค่ว่าตอนนันนางหลับไป ลืมตาตืนขึนมาอีกทีบิดาและพี
สาวก็ลงจากเขาไปแล้ว นางอยู่กับอาจารย์เรือยมานับแต่นัน นานแสน
นานหลายปกว่าทีบิดาจะมาเยียมสักครัง ท่านพ่อไม่เคยพาพีอีชิงมาด้วย
อีก ฉินหยุนซีมีโอกาสได้เห็นคนเปนพีอีกครัง ก็เมือตอนทีจะต้องขึน
เกียวเจ้าสาวแทนฝายนัน 
 
“โชคดีของเจ้าแล้วทีได้เปนพระชายาของท่านอ๋องสามผู้สง่างาม 
เสียดายนัก หากเขาเปนรัชทายาท ข้าคงไม่ต้องเดือดร้อนให้เจ้าแต่ง
แทน” 
 
“พีอีชิงชอบท่านอ๋องสามรึ...ถ้าชอบท่านก็แต่งกับเขาสิ เหตุใดต้องสนใจ
ตําแหน่งรัชทายาทด้วย” ฉินหยุนถามพีสาวกลับไป ด้วยความไม่เข้าใจ 
 
ตําแหน่งยศถาบรรดาศักดิทังหลายก็แค่ของสมมุติ ตัวตนและความสุข
ทังชีวิตต่างหากคือสิงสําคัญทีสุด 
 
“ชอบไปก็เท่านัน เขาให้ในสิงทีข้าต้องการไม่ได้...เจ้าแต่งไปแทนข้าก็
ดีแล้ว อย่างน้อยก็ยังทําประโยชน์ให้ท่านพ่อได้บ้าง” 
 
ฉินหยุนซีไม่ตอบโต้ใดๆ ทังทีนางอยากถามพีสาวมากมาย 
 
ระหว่างพวกเราพ่อลูก ต้องมีผลประโยชน์ต่อกันด้วยหรือ...ถ้าเช่นนัน
แล้วนางได้อะไรตอบแทนบ้างเล่า...สู้ยอมลงจากเขาปาเหมยมา ใจจริง
ลึกๆนางก็อยากให้ท่านพ่อเอ็นดู รักใคร่นางเช่นทีรักพีอีชิง 
 
แต่พ่อไม่รัก...พีก็ไม่รัก...ท่านอ๋องหลีเหยียนฟงยิงไม่ต้องหวัง ขนาด
บิดายังไม่รักแล้ว ยังจะหวังให้ผู้ทีเกลียดชังนางเช่นเขา มารักได้อย่างไร
กัน... 
 
“ฉินหยุนซี เจ้าเจ็บปวดตรงไหนอีกหรือไม่?” 
 
เสียงถามเยือกเย็นขององค์ชายสามปลุกให้ฉินหยุนซีตืนจากอดีตทีเจ็บ
ปวด นางกะพริบตาถีๆ ความนึกคิดถึงอดีตพลันมลายไป ตอนนีนางอยู่
ในห้องกับท่านอ๋องสาม สามีในนาม เขากําลังถามอาการของนางอยู่
ด้วยความห่วง...ใย...ไม่สิ มิใช่ความห่วงใย เขากลัวว่านางจะฟองท่านพ่อ
ต่างหากเล่า 
 
“ไม่เพคะ ข้าไม่เปนอะไร” บอกปดแล้วก็ทําท่าจะเหวียงเท้าก้าวลงจาก
เตียงทีนอนอยู่ ทว่าหลีเหยียนฟงยกมือปรามเสียก่อน 
 
“จะไปไหน หยุด ห้ามขยับ เดียวรอกินยาแล้วนอนซะ” 
 
“นอนรึ...แต่ทีนีคือตําหนักไท้ฝู?” ฉินหยุนซีเตือนให้เขารู้ เผือเขาจะลืม
ไป นางต้องกลับตําหนักสุ่ยหลิง ทว่าหลีเหยียนฟงยังคงปนหน้า
เคร่งขรึมไม่เปลียน 
 
“ก็ตําหนักไท้ฝูนีละ เจ้าต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ทีนี จะกลับไปได้อย่างไร 
ทีตําหนักสุ่ยหลิงไม่มีใคร เจ้าก็พักอยู่ทีนีก่อน จนกว่าแผลจะหายก็แล้ว
กัน” เขาสังหน้าตาเฉย ฉินหยุนซีถึงกับกะพริบตาปริบๆ ให้ฉงนนัก 
 
“ตะ...แต่ท่านเคยสังให้ข้าไปอยู่ทีตําหนักสุ่ยหลิง...” นางทวนคําในอดีต
ของเขา 
 
“ตอนนีข้าก็สังให้เจ้าพักอยู่ทีนีแทนแล้วอย่างไรเล่า ยังไม่เข้าใจอะไรอีก” 
 
“แต่ท่านเกลียดข้า...” ทวนอีกเช่นกัน 
 
“เจ้านีช่างเข้าใจอะไรยากเย็น ข้าสังให้อยู่นีก็อยู่สิ ดือไม่เข้าท่า ถ้าเจ้ายัง
ดืออยู่ ข้าจะสังให้ผูกแขนขา ล่ามไว้กับเตียง” ท่านอ๋องขู่หน้าตาย 
 
“ท่านกล้ารึ ลองดูสิ ข้าจะฟองท่านพ่อ!” ฉินหยุนซีโมโหฉิว เขากล้าดี
อย่างไรกล้าจะมาจับนางมัดเปนนักโทษ เกินไปแล้ว! 
 
“เฮอะ ไหนเจ้าเคยบอกข้า ว่าเจ้าเปนลูกทีบิดาไม่รักไม่ไยดี เจ้าฟองบิดา
ไปแล้วจะมีประโยชน์อันใด ยอมเชือฟงข้าแต่โดยดีดีกว่า” 
 
คราวนีหลีเหยียนฟงไม่กลัวบิดานางแล้ว ฉินหยุนซีเพิงนึกได้ โธ่เอ๋ย 
เสียวซี ตอนโน้นไม่น่าไปบอกเขาเลยว่าพ่อไม่รัก!! 
 
“แต่ข้าไม่อยากพักทีนี...ท่านอ๋อง!!” ฉินหยุนซีไม่พอใจนัก เขาช่างถือ
อํานาจบาตรใหญ่ สังการเอาแต่ใจ ไม่มีเหตุผลเลย บาดแผลแค่นี นาง
ไปรักษาตัวทีตําหนักสุ่ยหลิงก็ย่อมได้ ใครจะอยากอยู่ตําหนักเดียวกับ
เขา 
 
ทว่าหลีเหยียนฟงไม่ยอมรับฟงนางเลย เขาสังแล้วก็เดินหนีออกจาก
ห้องไป ทีหน้าประตูมีทหารคอยเฝาอยู่ด้วย ถ้าเช่นนีนางก็ไม่ต่างจากคน
ติดอยู่ในทีคุมขังเลยน่ะสิ 
 
หลีเหยียนฟงร้ายกาจนัก แต่ว่า...ถ้าเขาไม่กลัวทีนางขู่ แล้วเช่นนัน...เหตุ
ใดก่อนหน้านี เขาจึงยอมรับฟง ทําให้นางเข้าใจผิด คิดว่าเขาเกรงทีนาง
ขู่ว่าจะฟองบิดาเล่า? 
 
เขาทังจะลงโทษเหอตง...ทังจะฆ่าม้าโลหิต ถ้านางไม่ห้ามเอาไว้ จะเกิด
อะไรขึน... 
 
ท่านอ๋องสามผู้นี แท้จริงแล้วเขาเปนคนอย่างไรกันแน่ ช่างเปนผู้ทีเข้าใจ
ยากเสียจริง 
 
17.ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นันถึงตัว 
 
หลีเหยียนฟงนังกอดอก แผ่นหลังยืดตรงสง่างาม เขาใช้ความคิดอยู่บน
เก้าอีตัวใหญ่ในห้องหนังสือ ซึงเปนห้องทีเขาใช้ทํางานส่วนตัว เบือง
หน้ามีผ้าแพรสีม่วงอ่อนเปอนเลือด ชายหนุ่มจ้องมองเหมือนไม่เคยพบ
เคยเห็น ไม่อยากเชือสายตาตัวเอง เขาใช้ผ้าแพรผืนนีช่วยรัดแผลให้ฉิน
หยุนซี เลือดของนางติดเต็มอยู่ในผ้า นีมัน...ไม่ควรจะเกิดขึนเลย 
 
ขณะนันเองมีเสียงเคาะประตูดังขึน ตามมาด้วยเสียงหวานหยดของม่งกู่
หลิง 
 
“ท่านอ๋อง กู่หลิงขอเข้าพบเพคะ กู่หลิงมีเรืองของพระชายาอยาก
กราบทูลให้ท่านอ๋องทรงทราบเพคะ” 
 
“เข้ามา” 
 
หลีเหยียนฟงอนุญาตเสียงเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ เขานิง เย็นชา 
เข้าถึงยาก เหมือนมีกําแพงกันขวางเอาไว้ให้แยกจากทุกคน 
 
ม่งกู่หลิงเยืองย่างเข้ามา แต่ละก้าวล้วนเต็มไปด้วยจริตมารยาพยายาม
ปรุงแต่งให้ตนเองดูงดงาม ดูดี มีเสน่ห์ในทุกอิริยาบถ ทว่าความ
พยายามของนาง ไม่สามารถจุดประกายความตืนเต้นในแววตาคมทีแสน
เย็นชาของบุรุษตรงหน้าได้เลย 
 
“เจ้ามีเรืองอะไรจะพูดก็ว่าไป ข้าฟงอยู่” หลีเหยียนฟงยกมือให้นางพูด
ตามทีต้องการ ทว่าม่งกู่หลิงยังวางท่าอิดเอือนเล่นตัวพอเปนพิธี ก่อนจะ
กล่าวทีนางตังใจจะมาฟอง อยากให้เขารู้ใจจะขาด 
 
“ทูลท่านอ๋อง หม่อมฉันทราบมาว่า ท่านอ๋องรับสังให้พระชายาทํางานใน
สวน ทังผ่าฟน หาบนํา ต้มนํา แต่หม่อมฉันเห็นกับตานะเพคะ ว่าพระ
ชายาหาได้ทําตามทีท่านอ๋องรับสังไม่ พระชายาไม่เห็นว่ารับสังของท่าน
อ๋องสําคัญแต่อย่างใดเลย กู่หลิงเห็นแล้วรู้สึกโกรธแทนท่านอ๋องยิงนัก 
พระชายาทีเกียจคร้าน ไม่เชือฟงรับสังเช่นนี สมควรต้องสังสอนให้
หลาบจํานะเพคะ” 
 
ม่งกู่หลิงใส่ไฟยาวเหยียด พึงพอใจทีท่านอ๋องนิงฟงอย่างตังใจ นางพูด
จบแล้วก็หยุดรอฟงข่าวดี ครานีท่านอ๋องต้องสังลงโทษฉินหยุนซี ท่าน
อ๋องเกลียดชังนางอยู่แล้ว ตอนนีจะเปนโอกาสอันดี ได้ลงโทษนางให้
สาสม 
 
หลีเหยียนฟงเคาะปลายนิวแกร่งของตนกับโต๊ะหนังสือเบืองหน้า ดวงตา
ยังคงจ้องมองผ้าแพรเปอนเลือดทีวางสงบนิงอยู่ทีเดิม 
 
ม่งกู่หลิงมองตามสายตาของเขา พอเห็นผ้าแพรก็เบิกตาโพลง ตืนตกใจ 
 
“ตายแล้ว นันผ้าแพรของพระมารดามิใช่หรือเพคะ เหตุใดจึงมีสภาพเช่น
นี ใครกัน บังอาจทําให้ผ้าแพรของดูต่างหน้าพระมารดาของท่านอ๋อง
สกปรกน่าเกลียดเช่นนี มันสมควรตายนัก” 
 
ม่งกู่หลิงโวยวายเปนเรืองใหญ่โต นางรู้มาว่าท่านอ๋องสามพกผ้าแพร
เปนของดูต่างหน้าของพระมารดาผู้ล่วงลับไปแล้วเอาไว้ตลอดเวลา ท่าน
อ๋องหวงผ้าผืนนีมาก เปนของสําคัญไม่ยอมให้ใครแตะ นางเคยหยิบมา
ดูด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ท่านอ๋องยังกริวเกือบจะฟนมือขาด ตังแต่
นันม่งกู่หลิงไม่กล้าแตะผ้าแพรของท่านอ๋องอีกเลย 
 
ทว่าบัดนี ผ้าแพรทีสวยงามกลับเปรอะเปอนรอยเลือดเปนด่างดวง ม่งกู่
หลิงให้สงสัยงงงวยนักว่าเพราะเหตุใด ผ้าแพรของสําคัญของท่านอ๋อง
จึงมีสภาพเช่นนี พลันนางก็นึกได้ 
 
จริงสิ ท่านอ๋องใช้ผ้าผืนนีพันบาดแผลให้ฉินหยุนซี!! 
 
โอ!! สวรรค์ ไยนางไม่นึกได้ก่อน ปากพาจนเสียแล้วกู่หลิงเอ๋ย!! 
 
“กู่หลิงขอประทานอภัย ทรงเมตตาด้วยเพคะท่านอ๋อง กู่หลิงโง่เขลาเบา
ปญญา กู่หลิงมิได้มีเจตนาจะว่าท่านอ๋องแม้แต่น้อย ท่านอ๋องโปรด
เมตตาด้วย!!” 
 
ทันทีทีรู้ตัว นางถึงกับทรุดลงไปรําไห้ขอความเมตตาอยู่กลางห้อง 
สายตาของท่านอ๋องสามยามนีเย็นเยือกจับขัวหัวใจ ทังทีอากาศยามนี
อบอุ่น แต่ม่งกู่หลิงหนาวเหน็บเพราะดวงตาคมกริบดุน่าสะพรึงคู่นัน 
 
“เจ้าช่างกล้านักม่งกู่หลิง เรืองเก่ายังไม่ทันสะสาง เจ้าก็ก่อเรืองใหม่อีก 
จะให้ข้าลงโทษเจ้าอย่างไรดี?” 
 
”ท่านอ๋องเมตตาด้วย กู่หลิงไม่มีเจตนาร้ายต่อท่านแม้แต่น้อย กู่หลิงขอ
ทําคุณไถ่โทษ ด้วยการดูแลผ้าแพรของพระมารดา กู่หลิงขอทําความ
สะอาดผ้าแพรเปนการไถ่โทษเพคะ” 
 
นางเสนอตัวปากคอสัน ทว่าหลีเหยียนฟงกระแทกเสียง “หึ” ในลําคอ 
ก่อนปฏิเสธอย่างเด็ดขาด 
 
“ไม่จําเปน ผ้าของข้า ข้าจัดการเองได้ ทีเจ้ามานีก็แค่ต้องการจะให้ข้า
ลงโทษฉินหยุนซีสินะ” 
 
“โอะ ไม่เพคะ หม่อมฉันมิกล้า...ก็แค่ทูลรายงานตามทีเห็นมาเท่านัน 
ส่วนจะทําโทษพระชายาหรือไม่ หม่อมฉันมิบังอาจก้าวก่ายท่านอ๋อง
หรอกเพคะ” 
 
“เจ้านีฉลาดรู้จักพูดดี ข้าชอบทีเจ้าพอมีไหวพริบอยู่บ้าง” หลีเหยียนฟ
งกล่าวชมนาง หน้าคมมีรอยยิมน้อยๆ หากแต่แววตานันมิได้ยิมตามไป
ด้วย 
 
“เปนบุญของกู่หลิงทีท่านอ๋องทรงเมตตา...” 
 
“ตังแต่เจ้ามาอยู่ทีวังของข้า ได้รับความลําบากอันใดหรือไม่ ข้าเคยใช้ให้
เจ้าต้องทํางาน ลําบากตรากตรําอย่างนันรึ?” หลีเหยียนฟงเปลียนเรือง 
ถามนาง ม่งกู่หลิงร้อนรน รีบส่ายหน้า 
 
“ไม่เพคะ หม่อมฉันสุขสบายทุกประการ หม่อมฉันซาบซึงนําพระทัยท่าน
อ๋องยิงนัก” 
 
“เช่นนันเจ้าคิดว่า พระชายาของข้าสมควรจะทํางานดุจเปนข้ารับใช้ในวัง
นีอย่างนันรึ?” 
 
“เอ่อ...หม่อมฉัน...” นางตอบไม่ออก กําลังตระหนกอย่างยิง 
 
“ขนาดเจ้าทีเปนอนุยังอยู่อย่างสุขสบาย แล้วข้าจะให้พระชายาทํางาน
เยียงข้ารับใช้ได้อย่างไร ทีฉินหยุนซีไม่ทํางานพวกนันก็สมควรแล้ว หรือ
เจ้าคิดว่าผู้หญิงของข้าควรทํางานหนักพวกนัน...เจ้าอยากทํารึ?” 
 
“โอะ ไม่เพคะ หม่อมฉันไม่...หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะท่านอ๋อง!!” ม่งกู่
หลิงตกใจอย่างหนัก รีบโขกศีรษะต่อหน้าหลีเหยียนฟง นับครังไม่ถ้วน 
 
“พอแล้ว เลิกคํานับได้แล้ว ม่งกู่หลิง หมดเรืองของเจ้าแล้วใช่หรือไม่” 
 
“เพคะ หม่อมฉันไม่มีเรืองอะไรแล้วเพคะ” รีบบอก หวังจะได้หนีกลับไป
ตังหลัก ทว่ากลับไม่ง่ายเช่นนัน 
 
“ถ้าหมดเรืองของเจ้าแล้ว ก็ถึงทีเรืองของข้าบ้าง ม่งกู่หลิง เจ้าเกียวข้อง
กับเรืองเมือคืนทีตําหนักสุ่ยหลิงใช่หรือไม่?” 
 
“โอะ...กู่หลิงเปล่านะเพคะท่านอ๋อง...มะ... ไม่เกียวกับหม่อมฉันนะเพคะ.
..ท่านอ๋องเมตตาด้วย กู่หลิงถูกใส่ร้าย มีคนชัวช้ามาใส่ร้ายให้ท่านเกลียด
ชังกู่หลิง ท่านอ๋องอย่าทรงเชือมันนะเพคะ!!” 
 
ม่งกู่หลิงรําไห้ นําหูนําตาไหลพราก เคราะห์ซํากรรมซัดจริงๆ ใครมันช่าง 
‘ชัวช้า’ กล้าแพร่งพรายความลับของนางให้ท่านอ๋องรู ้
 
หรือจะเปนอิงอิง ไม่มีใครรู้เรืองนีนอกจากอิงอิง...แต่อิงอิงก็ไม่เคยมี
นิสัยเช่นนัน... 
 
“ข้าเองทีสงสัยเจ้า ทังวังนีคนทีเดือดร้อนกับการมาของพระชายาเหลือ
เกินก็มีแต่เจ้าผู้เดียว...ไอ้หมอผีทีเจ้าจ้างวานให้ส่งผีร้ายเข้ามาอาละวาด 
มันสารภาพทุกอย่างหมดแล้ว ข้าให้ทหารจับตัวมัน ส่งกรมอาญา ไปรับ
โทษแล้ว เหลือก็แต่เจ้า...ผิดแล้วไม่รู้จักผิด ข้าคง ‘ชัวช้า’ มากสินะ” 
 
หลีเหยียนฟงยิมเย็นรับคําด่าทอว่า ‘ชัวช้า’ ของม่งกู่หลิง ในขณะที
ตัวนางเองนัน หน้าซีดไร้สีเลือด ตัวแข็งทือไปแล้ว 
 
นางไม่น่ามาแส่หาเรืองเลย โดนทังขึนทังล่อง เสียใจตอนนีก็ไม่ทันเสีย
แล้ว!! 
 
18.โลหิตวิเศษ 
 
ฉินหยุนซีถูกบังคับให้นอนพักอยู่แต่ในห้อง เมือได้อยู่เพียงลําพัง ใน
ห้องก็ช่างเงียบเชียบนัก หญิงสาวยกฝามือขวาของตัวเองขึนมาลองกําดู 
พบว่ามันคลายความเจ็บปวดลงไปมาก ทีบริเวณแผลก็เหมือนมีเปลวไฟ
สีแดงระเรือราวกับว่า มันกําลังรักษาบาดแผลให้นางอยู ่
 
เปนเช่นนีมาตังแต่นางจําความได้แล้ว เว้นแค่ครังเดียวเมือตอนทีนางได้
เจอพีสาวครังแรก ตอนนันก่อนหน้าทีจะได้เจอพีอีชิงไม่กีวัน ฉินหยุนซี
เหมือนจําได้เลือนรางว่านางถูกพิษของสัตว์บางอย่าง ตัวมันกลมๆขาว
อวบเปนชันๆดูนุ่มนิมคล้ายก้อนหิมะ... 
 
เปนพิษทีร้ายแรงมาก อาจารย์ต้องวิงวุ่นหาสมุนไพรชันเลิศจากทัวทัง
เขามาปรุงยารักษาให้ และตัวนางก็เย็นเฉียบราวกับมีนําแข็งอยู่ภายใน 
หนาวสันอยู่ตลอดเวลา...เย็นจัดราวกับมิใช่ร่างกายของมนุษย์ 
 
ตอนทีพิษหมดไปและร่างกายค่อยๆกลับมาอบอุ่นเปนปกติเหมือนคน
ทัวไปนัน ฉินหยุนซีดีใจทีสุด นางเฝารอจะพบพีสาวเพืออวดว่านางมิใช่
ปศาจแต่อย่างใด ทว่าพีสาวไม่เคยแวะไปหานางอีก เพือนของนางเกือบ
ทังหมดจึงเปนบรรดาสัตว์ปาบนเขา ถึงจะเงียบเหงาไปบ้าง แต่ก็สุขสงบ 
ไม่วุ่นวายเหมือนผู้คนในเมืองหลวง 
 
โดยเฉพาะทีวังแห่งนี มีคนบ้าอํานาจมาจํากัดอิสระเสรีภาพของนาง 
 
‘เสียวซี พวกเรามาแล้ว!’ 
 
เสียงของสุ่ยชิงหลิงดังมาก่อนตัว ไม่ช้าร่างของพระสนมและชิวเหอก็
ปรากฏให้เห็น ทังสองตาโต ชะงักมองอย่างสนใจเมือเห็นมือทีได้รับ
บาดแผลของฉินหยุนซี 
 
‘อัศจรรย์นัก ทําไมมือของเจ้าจึงมีรัศมีสีแดงล้อมอยู่ เกิดอะไรขึนรึเสียว
ซี?’ 
 
“ข้าก็ไม่รู้ แต่เหมือนว่า มันกําลังรักษาบาดแผลให้ข้า ตังแต่เด็กมาแล้ว 
เวลาทีได้บาดแผลก็จะหายเร็ว เวลาทีมีภัยก็มักไม่ค่อยเปนอะไร...” ฉิน
หยุนซีกล่าว ยังคงมองมือตนเอง ถึงจะดูประหลาดกว่าคนทัวไปแต่
บางทีก็อดภูมิใจไม่ได้ 
 
‘ไม่น่าเชือเลย เปนบุญตาของข้าจริงๆ เคยได้ยินแต่เขารําลือกัน ตํานาน
บอกไว้ว่า ดาวหงส์ฟามีพลังในการฟนคืน โลหิตของหงส์ฟามีอํานาจใน
การรักษา สลายพิษได้ทุกชนิด...เปนเรืองจริงใช่หรือไม่เสียวซี?’ ชิวเหอ
ตืนเต้นยิง นางสนใจใฝความรู้ อ่านตําราและบทความจากปรมาจารย์นัก
ปราชญ์ในอดีตมากมาย เรืองเล่าขานในตํานานโบราณไม่รู้ว่าเปนเรือง
จริงหรือไม่ เพราะนางก็ไม่เคยได้พบกับหงส์ฟามาก่อนเช่นกัน 
 
เสียวซีเปนคนแรก นางช่างเปนผู้ทีน่าสนใจยิงนัก 
 
“อาจารย์ก็เคยบอก ว่าหงส์ฟาเปนดาวเทพอารักษ์ประจําทิศใต้ เปนดาว
แห่งการฟนคืนชีวิต...ข้าก็ไม่รู้ว่าเลือดของข้าจะสามารถรักษาพิษได้ทุก
ชนิดหรือไม่ แต่มันก็ช่วยรักษาข้าทุกครังทีได้รับบาดเจ็บ เว้นแค่ครัง
เดียว...เมือตอนทีข้ายังเด็ก ไม่รู้ว่าโดนพิษตัวอะไรเข้าไป ตอนนันถ้าไม่
ได้ยาทิพย์ของอาจารย์ช่วยไว้ ข้าคงตายไปแล้ว” 
 
‘โธ่ เสียวซี ดีแล้วทีเจ้าไม่เปนอะไร’ สุ่ยชิงหลิงนําตาปริมขึนมาทีเดียว 
ส่วนชิวเหอนัน นางยกมือลูบคางพลางครุ่นคิด 
 
‘ถ้าเช่นนันก็หมายความว่า เลือดหงส์ฟามิใช่จะสลายได้ทุกพิษ ตําราทีข้า
อ่านมาอาจจะผิดพลาด’ ชิวเหอพึมพํา 
 
“เสียวเหอ ข้าอยากอ่านตําราเกียวกับหงส์ฟาบ้าง ข้ายังไม่ค่อยรู้เรือง
เกียวกับตนเองนัก ถ้าได้อ่านหาความรู้เพิมก็คงจะดี” 
 
‘ในห้องสมุดของท่านอ๋องมีตําราเก่าๆ ดีๆอยู่มากมาย ข้าจะไปหามาให้
เจ้าเอง’ ชิวเหอขันอาสา ก่อนจะหายตัวไป ทิงให้สุ่ยชิงหลิงอยู่เปนเพือน
พระชายาไปก่อนแต่เพียงลําพัง 
 
‘เสียวซี ข้าเชือว่าเจ้าเปนหงส์ฟาจริงๆ แต่ถึงเปนหงส์ฟาก็ยังเปนคน
ธรรมดา เจ้าต้องระวังตัวให้มาก อย่าประมาท ข้าไม่อยากเห็นเจ้าเจ็บตัว
อีก รู้ไหม?’ พระสนมลูบศีรษะนางพลางปลอบโยนอย่างอบอุ่น ฉินหยุน
ซียิมแปน สีหน้าสดใสขึนทันที 
 
“ข้ารู้ พีหลิงหลิงไม่ต้องห่วง ข้าไม่ยอมตายง่ายๆหรอก ทีสําคัญ ถ้าจะ
ตาย ข้าก็จะต้องช่วยเรียกร้องความเปนธรรมให้ท่านก่อน ไม่เช่นนันก็คง
ตายตาไม่หลับ” 
 
‘ยังจะพูดเรืองเปนตายอีก ไม่เอา ห้ามพูด’ สุ่ยชิงหลิงโวยวายแทน ไม่
พอใจทีอีกฝายพูดเรืองตายบ่อยๆ ฟงแล้วใจหายอย่างไรไม่ร ู้
 
ทว่า พลันนางก็สะกิดใจบางอย่างและหยุดชะงัก คิวขมวดลู ่
 
“พีหลิงหลิง ท่านเปนอะไร มีอะไรรึ?” 
 
‘ไม่สิ...มันไม่ถูก เจ้าไม่รู้สึกว่ามันแปลกบ้างรึเสียวซี...’ พระสนมเอ่ยขึน
สีหน้าเคร่งเครียดผิดไปจากเดิม พลอยทําให้ฉินหยุนซีตืนเต้นตามไป
ด้วย 
 
“ท่านหมายถึงเรืองใด อะไรทีแปลกรึพีหลิงหลิง?” คนเจ็บบนเตียงตาโต 
หากทว่าเมือสุ่ยชิงหลิงบอกมา นางกลับยิงตาโตขึนกว่าเดิมเสียอีก 
 
‘เหตุใดผู้คนในตําหนักไม่มีใครเอ่ยถึงเรืองดาวหงส์ฟาเลย หากในวัง
หลวงรู้เรืองดาวหงส์ฟา นีน่าจะเปนเรืองใหญ่ของแผ่นดินหลีต้าทีเดียว 
ขนาดดวงมังกรจักรพรรดิขององค์ชายสาม ยังเปนทีเล่าขานไม่จบสิน 
แล้วเหตุใด เจ้าทีเปนดาวหงส์ฟาจึงไม่มีผู้ใดเอ่ยถึง...เสียวซี หรือว่า...?’ 
 
พระสนมไม่พูดต่อให้จบ แต่ฉินหยุนซีสมองฉับไวและรู้ได้ทันที 
 
ท่านพ่อไม่ได้บอกชะตาเกิดของนางให้ใครรับรู้! 
 
แคว้นหลีต้ารู้เพียงว่าจะมีการกําเนิดขึนของผู้กุมชะตาหงส์ฟา แต่ไม่รู้ว่า 
คนคนนันคือใคร!! 
 
ณ คฤหาสน์บ้านสกุลฉิน ของเสนาบดีฝายขวา ฉินเฉิน 
 
ฉินอีชิงใช้เวลาว่าง แต่งกาพย์โครงกลอน ศึกษาตําราของยอดปราชญ์
แต่โบราณ นางเฝาฝกฝนตนเองให้เปนยอดหญิงผู้สมบูรณ์แบบ เตรียม
การเปนพระชายาขององค์ชายรัชทายาท และจะเปนฮองเฮาผู้สูงศักดิใน
อนาคต 
 
เพือการนีถึงมีใจให้องค์ชายสาม ฉินอีชิงก็ต้องตัดใจ รอให้นางได้ครอง
อํานาจในวังหลวงก่อนเถิด จะเปนองค์ชายสามผู้เย่อหยิงหรือใคร ต่างก็
ต้องสยบอยู่ใต้อุ้งมือนางหมดทังสิน 
 
นางกระหยิมยิมย่อง มีความสุขเมือนึกถึงอํานาจมากล้นทีวาดหวัง รีบ
วาดภาพจนแล้วเสร็จแล้วตังใจจะเอาไปอวดท่านพ่อ จึงเดินไปทีห้อง
ของท่าน กําลังจะยกมือเคาะประตู แต่แล้วกลับชะงักงัน เมือได้ยินเสียง
คนสนทนากันดังออกมาจากในห้อง 
 
ฉินอีชิงแนบใบหูกับประตู ฟงบิดาของนางพูดคุยกับองครักษ์ส่วนตัว
ของท่าน 
 
“ส่งชะตาเกิดของลูกข้าเข้าไปในวังแล้ว เปนอย่างไรบ้าง โหรหลวงกับ
ราชครูสงสัยสิงใดหรือไม่?” 
 
“เท่าทีข้าสังเกตดู พวกเขาหาได้สงสัยสิงใดไม่ขอรับ ไต้เท้า” คนสนิทก้ม
ศีรษะนอบน้อม ตอบอย่างชัดเจน 
 
“ดี ห้ามแพร่งพรายให้ใครรู้เรืองดวงชะตาเกิดแท้จริงของเสียวซีเด็ดขาด 
จําไว้ ใครทีรู้เรืองนีมันต้องตาย” 
 
เสียงของบิดาช่างเหียมเกรียม...ฉินอีชิงถึงกับขนลุก ดวงตาคมเบิกโต
ตืนตระหนก 
 
ชะตาเกิดของเสียวซีรึ...ชะตาเกิดอะไรกัน เหตุใดท่านพ่อถึงขนาดต้องฆ่า
คนเพราะเรืองเพียงแค่นีด้วยเล่า 
 
ฉินอีชิงให้สงสัยนัก ตลอดมาบิดาไม่เคยเล่าอะไรเรืองน้องสาวต่าง
มารดาให้นางรับรู้มากมายนัก นางเองก็หาได้ใส่ใจไม่ นันเพราะอยู่ห่าง
ไกลกันเกินไป นางแทบจะลืมเสียวซีไปแล้วด้วยซํา 
 
ด้วยความสงสัยและคิดว่านางมีสิทธิทีจะรับรู้ ฉินอีชิงเปดประตูเข้าไป 
ประจันหน้ากับบิดาและองครักษ์ตรงๆ 
 
“ท่านพ่อ ชะตาเกิดของเสียวซีมีอะไรรึเจ้าคะ เหตุใดจึงต้องทําลับลมคม
นัยด้วย?” นางถามตามตรง ถือตนว่าเปนลูกรัก เปนความหวังของบิดา
มาแต่ไหนแต่ไร 
 
“ไม่มีอะไร เจ้ามีสิงใดก็ไปทําเถิด อีกสองวันจะมีงานใหญ่ เจ้าคงไม่ลืม
งานฉลองวันเกิดขององค์ชายหลีอี เจ้าควรสนใจแต่เรืองนีมากกว่า” 
 
“แต่ว่าท่านพ่อ ข้าเปนพีสาวของเสียวซี ข้าควรจะได้รู้เรืองของนางด้วยสิ
เจ้าคะ” ฉินอีชิงยังคงอยากรู้อยากเห็น ทว่าบิดาส่ายหน้าไปมา ดวงตา
เรียวแหลม คมเฉียบ 
 
“ไม่ต้องสนใจน้องของเจ้าหรอก แต่ไหนแต่ไรเจ้าก็ไม่เคยสนใจนางอยู่
แล้วมิใช่รึ ตอนนีเสียวซีไม่ใช่คนของบ้านฉินแล้ว แต่เปนคนของตําหนัก
ท่านอ๋องสาม เจ้ารู้หรือไม่รู้เรืองของนาง ก็ไม่มีอะไรเกียวข้องกันแล้ว” 
 
“ท่านพ่อ...” ฉินอีชิงไม่รู้สึกว่าบิดาไม่ใส่ใจผู้เปนน้องสาวของนาง ทว่า
กลับสัมผัสได้ว่า ท่านไม่อยากให้นางแตะต้องฉินหยุนซีมากกว่า!! 
 
“เราจะไม่คุยเรืองนีกันอีก ไปเตรียมตัวเข้าวัง อย่าให้เกิดความผิดพลาด 
ยังมีงานสําคัญรออยู่ เจ้าต้องแต่งเปนพระชายาขององค์รัชทายาทหลีอี 
พ่อจะช่วยผลักดันให้ถึงทีสุด คราวนีฮ่องเต้ก็ขวางเราพ่อลูกไม่ได้อีก ถึง
ตอนนัน เจ้าก็จะได้เปนว่าทีฮองเฮา เจ้าใฝฝนตําแหน่งนีมาโดยตลอดมิ
ใช่รึ” 
 
“ฮึ ท่านก็รู้อยู่แล้ว ต้องให้ข้าพูดอันใดอีกเล่า” 
 
ฉินอีชิงงอนบิดา แต่ก็ยอมรับว่าสิงทีท่านพูดมานันเปนความปรารถนา
สูงสุดของนาง 
 
ครังก่อนท่านพ่อเกือบเสียทีฮ่องเต้ แทนทีฮ่องเต้จะมีรับสังให้นางได้
แต่งงานกับองค์รัชทายาทหลีอี กลับให้นางแต่งกับองค์ชายสามท่าน
อ๋องหลีเหยียนฟงแทน โชคดีนักทีฮ่องเต้ไม่ทรงทราบว่า บิดาของนางมี
ลูกสาวอยู่อีกคน จึงมิได้ระบุชือของนางลงไว้ในพระบรมราชโองการ 
 
ท่านพ่อหัวไว จึงหาทางออกด้วยการส่งตัวเสียวซีเข้าตําหนักท่านอ๋อง
แทนนาง...เรืองนี แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังไม่อาจโต้แย้ง ต้องยอมรับความผิด
พลาดทีเกิดขึน แม้จะไม่เต็มใจก็ตาม 
 
ทว่าครานีนางต้องไม่พลาดอีก...เพือตําแหน่งฮองเฮาทีฝนถึงมาชัวชีวิต 
นางมีแต่ต้อง ‘จับ’ องค์ชายหลีอีให้อยู่มือเท่านัน! 
 
19.ตํานานดาวสีเทพ 
 
ชิวเหอนําหนังสือเกียวกับตํานานของสัตว์เทพทังสีทิศ มาให้ฉินหยุนซี
อ่านฆ่าเวลาระหว่างทีนางต้องนอนพักรักษามืออยู่ทีตําหนักไท้ฝู ใน
หนังสือกล่าวถึงตํานานของดาวเทพผู้พิทักษ์บ้านเมืองทังสีทิศ อันได้แก่ 
เต่าดําแห่งทิศเหนือ หงส์แดงแห่งทิศใต้ เสือขาวแห่งทิศตะวันตกและ
มังกรแห่งทิศตะวันออก 
 
ดาวมังกร หมายถึงพลังอํานาจ ผู้ทีเกิดมาด้วยบุญบารมียิงใหญ่ ดวง
ชะตาของจักรพรรดิ 
 
ดาวเต่าเทพ หมายถึงผู้ทีเกิดมาพร้อมพลังและจิตวิญญาณทีพร้อม
ปกปองผู้อืน ชะตาจะได้เปนจอมทัพผู้ปกปองประชาราษฎร์ 
 
ดาวเสือขาว ผู้มีพลังทําลายล้าง ผู้ทีเกิดมาเพือจะได้เปนจอมทัพแผ่
ขยายดินแดนแว่นแคว้น 
 
ดาวหงส์แดง พลังแห่งการฟนคืน ช่วยเหลือสรรพชีวิต ดาวแดงผู้ส่อง
แสงนําทางผู้คน... 
 
ผู้กําเนิดใต้ดาวทังสี ล้วนเปนยอดคน...เปนผู้ทีสวรรค์เลือกสรรให้ใช้
พรสวรรค์ทีมีเพือมวลมนุษย์ แผ่นดินใดได้ครองสีดาวเทพ จักรุ่งเรือง
ยังยืนนาน หามีผู้ต้านทานและจักรพรรดิพระองค์นัน จักได้จารึก
พระนามอยู่คู่ฟาดิน... 
 
ฉินหยุนซีวางหนังสือลงข้างเตียง ถอนใจยาว รู้สึกหน่วงลึกในอก
แปลกๆ ตํานานกล่าวไว้ว่าดาวหงส์มีพลังฟนฟู และว่าดาวทังสีเปนที
ต้องการของจักรพรรดิผู้ยิงใหญ่ 
 
เหมือนมีภาระหน้าทียิงใหญ่ต่อบ้านเมือง ภาระนันดูช่างหนักอึง แต่นาง
ก็เปนแค่เด็กสาวธรรมดาทีต้องการชีวิตทีสุขสงบ มากกว่าจะเข้าไปใน
วังวนของการแย่งชิงอํานาจ ความเปนใหญ่ 
 
ฉินหยุนซีไม่ชอบสงครามการสู้รบ นางไม่ปรารถนาเห็นผู้ใดต้องสูญเสีย 
ไม่เคยเห็นดีด้วยกับการเข่นฆ่าเพือให้ได้เพียงแค่ความไพศาลของแผ่น
ดิน 
 
แผ่นดินจะมีประโยชน์อันใด หากไร้ซึงใจผู้คน... 
 
แอ๊ด... 
 
ประตูหน้าห้องถูกผลักเข้ามาโดยไม่มีการบอกกล่าว ฉินหยุนซีหันไป
มอง เห็นเปนหลีเหยียนฟงก็เมินกลับไปทางเดิม ไม่อยากเห็นหน้าเขา 
แต่พอนึกบางอย่างได้ก็หันขวับกลับไป แล้วรีบบอกเขา 
 
“ท่านอ๋อง ท่านมาก็ดีแล้ว มือข้าหายแล้ว เช่นนีข้ากลับตําหนักสุ่ยหลิง
ได้แล้วใช่หรือไม่” ชูมือขวาให้เขาดู บาดแผลของนางเหลือเพียงแค่รอย
จางๆเท่านัน 
 
หลีเหยียนฟงนิงไป คิวหนาของชายหนุ่มขมวดลู่ด้วยความประหลาดใจ 
 
“เหตุใดแผลจึงหายเร็ว แค่วันเดียวเท่านัน ยาของหมอหลวงช่างราวกับ
ยาวิเศษทีเดียว” 
 
ไม่เอ่ยเปล่า แต่เขายังคว้ามือเธอกํารวบไว้แน่น ร้อนถึงฉินหยุนซีทีต้อง
พยายามดึงมือของตนเองออกจากอุ้งมือหนา 
 
“ท่าน...ปล่อยมือข้า” 
 
นางขึงตาดุ สังเขา ดึงมืออย่างไรก็ไม่หลุดจากอุ้งมืออุ่นไปได้เลย 
หนําซําท่านอ๋องสามยังจับมือนางพลิกดูหาร่องรอยบาดแผลไปมา 
ประหลาดใจทีแผลนางหายในเวลาแค่ไม่กีชัวยาม 
 
เหตุใดจึงเปนเช่นนี? 
 
“หรือเจ้ามีเวทมนตร์วิเศษ สามารถรักษาบาดแผลตนเองได้?” เขาเงย
หน้าขึนถาม สีหน้าดูจริงจัง และยังคงไม่ปล่อยมือนาง 
 
“มิใช่เวทมนตร์อันใด เพียงแต่ว่า...ร่างกายของข้าไม่เหมือนผู้อืนนัก 
เวลาได้บาดแผลมักจะหายเร็วเช่นนีเองเพคะ” นางหลบตาเขา หาข้ออ้าง 
เลียงตอบไปทางอืน 
 
ความจริงแล้ว นางก็มีอาคมสามารถรักษาตนเองได้อยู่ แต่แผลแค่นีไม่
มากมายอะไร หากไม่จําเปน ก็ไม่อยากใช้เวทมนตร์ให้เปลืองพลังและ
เหน็ดเหนือยจนเกินไป 
 
ท่านพ่อไม่บอกใครเรืองชะตาเกิดของนาง ท่านย่อมต้องมีเหตุผล...
บางทีนีอาจจะดีต่อตัวนาง ฉินหยุนซีอยากเปนคนธรรมดา นางไม่อยาก
เปนทีต้องการของเหล่าผู้มีอํานาจ 
 
ท่านพ่อทําเพือนางใช่หรือไม่...? 
 
ฉินหยุนซีปรารถนาอยากไปพบบิดา นันเพราะในใจนางเกิดความหวัง
เรืองรองขึนมา ทีเคยเข้าใจมาตลอดว่าท่านพ่อไม่รักใคร่ใยดีนัน แท้จริง
แล้วอาจไม่เปนเช่นนัน... 
 
หัวใจของนางเต้นแรงขึนด้วยความหวัง แก้มนุ่มขาวละเอียดแดงระเรือ 
ยิงคิดนางก็ยิงทนอยู่ไม่ได้ อยากไปหาท่านพ่อเสียเดียวนี ทว่าท่านอ๋อง
หลีเหยียนฟงไม่ยอมคลายฝามือ ปล่อยนางเปนอิสระเสียที 
 
ฉินหยุนซีเงยหน้าสบตาคมกริบของเขาโดยไม่ตังใจ นันช่างเปนความ
ผิดพลาดของนาง เพราะตาดําใหญ่กระด้างเย็นชาของเขา เหตุใดยามนี
จึงดูแปลกไป...นางหลุบตาลง ออกแรงดึงมืออีกครัง พอถอนฝามือออก
มาจากอุ้งมืออุ่นอ้าวของเขาได้ ก็โล่งใจเปนอย่างยิง 
 
“ในเมือข้าหายแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลทีจะอยู่ทีนีต่อ...ข้าจะกลับตําหนักสุ่ย
หลิง ทูลลาท่านอ๋องเพคะ” นางรีบลุกขึนจากเตียง ถวายคํานับเขาตาม
มารยาทแล้วเตรียมผละหนี ทว่าหลีเหยียนฟงเรียกเอาไว้ 
 
“ช้าก่อน ฉินหยุนซี” 
 
“เพคะ?” นางหยุดเท้าทีก้าวเดิน หันกลับไปมองเขา แลเห็นหลีเหยี
ยนฟงถือหนังสือตํานานสัตว์เทพทังสีทิศไว้ในอุ้งมือ ชูขึนให้นางดู 
 
“เจ้าไปหยิบหนังสือของข้ามาตังแต่เมือใด?” 
 
“เอ่อ...ข้า...ข้ามิได้หยิบ มีผู้อืนหยิบมา ข้าเห็นก็เลยหยิบมาอ่าน” นาง
มิได้กล่าวผิด แค่มิได้บอกความจริงให้ครบเท่านัน! 
 
“เจ้าสนใจเรืองนีด้วยรึ” เขาถามต่อ ปรายตามองหนังสือในมือ...ตํานาน
เก่าแก่โบราณ เขาอุตส่าห์เก็บไว้ลึกสุดในชันหนังสือแล้วแท้ๆ ใครไป
หยิบออกมาได้? 
 
“ไม่เพคะ ข้าก็แค่...แค่หยิบเอามาอ่านฆ่าเวลาเท่านัน ไม่ค่อยเข้าใจ
เท่าใดนักหรอกเพคะ...” 
 
“อ่านเล่นรึ นีเปนหนังสือเก่าแก่ลําค่ายิงนัก...ชายาของข้าช่างตาถึงเสีย
จริง” เขาเหน็บแนมพร้อมรอยยิมหยันทีมุมปากสวย ฉินหยุนซีเผลอทํา
ปากยืนใส่ด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะรู้ตัวรีบเมินหน้าหนีอย่างแสนงอน 
 
“ข้าก็เพิงทราบ ท่านอ๋องสนใจเรืองของข้าไปเสียทุกสิง จริงสิ ผ้าแพรผืน
ทีท่านช่วยพันแผลให้ข้าอยู่ทีใดรึ” 
 
“ถามทําไม” หลีเหยียนฟงย้อนถามแทนจะตอบ 
 
“ผ้าผืนนันสวยงามนัก ถ้าท่านทิงไปเพราะมันเปอนเลือดข้า ก็น่า
เสียดาย ถ้าท่านไม่ต้องการมันแล้ว ข้าอยากขอจะได้หรือไม่” 
 
“ทําไม เจ้าชอบผ้าผืนนันหรือ?” 
 
“เพคะ” นางพยักหน้า ยิมแปนลืมตัว หากแล้วก็ต้องชะงัก เมือหลีเหลี
ยนฟงดึงผ้าแพรสีม่วงแสนสวยจากด้านในอกเสือของเขา ยืนส่งมาให้
ต่อหน้า 
 
“ถ้าเจ้าชอบ ข้าให้...” 
 
“ขอบพระทัยท่านอ๋อง” ฉินหยุนซีรับผ้าแพรแสนสวยจากมือเขามาพินิจ
ดู ผ้าผืนนีสะอาดเอียม ไม่มีรอยเลือดของนางหลงเหลืออยู่เลย เปนผ้า
แพรปกลวดลายดอกโบตันละเอียดประณีต งดงามเปนอย่างยิง 
 
“ผ้าผืนนีอยู่กับข้ามานานมาก ต่อให้มันเปอนเปรอะสิงใด แต่สําหรับข้า
มันเปนของลําค่าเสมอ ถ้าเจ้าชืนชอบมันก็จงเก็บไว้ให้ดี หากไม่ต้องการ
วันใดจงอย่าทิง นํามันส่งกลับคืนให้ข้า” 
 
ฉินหยุนซีมองเขาด้วยความประหลาดใจ ถ้าผ้าผืนนีเปนของสําคัญต่อ
เขาถึงเพียงนันแล้ว ท่านอ๋องหลีเหยียนฟงมาให้นางทําไมเล่า 
 
“เอ่อ...ถ้ามันเปนของสําคัญของท่าน ข้าไม่รับไว้จะดีกว่า ท่านเอาคืนไป
เถิดเพคะ” นางยืนส่งคืนให้เขา แต่อีกฝายยกมือไพล่หลัง ยืนตัวตรง นิง
เฉย 
 
“เจ้าเก็บไว้เถิด ข้าออกปากให้แล้ว มันก็คือของของเจ้านับแต่นี” 
 
ฉินหยุนซีประหลาดใจอย่างบอกไม่ถูก เหตุใดท่านอ๋องจึงประทานผ้า
แพรของเขาให้นาง เขาเกลียดนางมิใช่หรือ...? 
 
“อาการเจ้าเปนอย่างไรบ้าง ไม่บาดเจ็บทีใดอีกแล้วใช่หรือไม่?” ท่านอ๋อง
สามเปลียนเรือง ถามไถ่พลางมองสํารวจนางไปทัว 
 
คนถูกสํารวจแก้มร้อนวูบวาบ รีบบอกปดอย่างเร็ว 
 
“ข้าไม่เปนไรแล้วเพคะ แข็งแรงดีมาก...ให้ข้ากลับไปทํางานในสวนอีกก็
ยังไหว สบายๆเลยเพคะ” ต้องการหันเหความสนใจของเขา ลืมไปสนิท
ว่าก่อนหน้านีนางได้สร้างวีรกรรมอะไรเอาไว้ 
 
“อ่อ ให้เจ้าไปชีนิวสังพวกนางกํานัล แล้วก็ขนขนมกับชาหอมหมืนลีของ
ข้าไปนังกินเล่นในสวนนันน่ะรึ” 
 
“อุ่ย...” นางครางเบาๆ ความลับไม่มีในโลก แต่ก็ไม่ได้กริงเกรง ฉินหยุ
นซี กล้าทําก็กล้ารับ! “ข้าทําเช่นนันเพราะหวังดีกับท่านอ๋องนะเพคะ 
ท่านอ๋องลองคิดดู อย่างไรเสียข้าก็เปนถึงธิดาของเสนาฉิน ถ้าข้าลดตัว
ไปทํางานกับพวกสาวใช้ ลําบากตรากตรํา เกิดเรืองแพร่ออกไป ท่านอ๋อง
อาจจะถูกเข้าใจผิด ถูกหมินเกียรติ ไม่เปนทีพอใจของเหล่าผู้คน ท่าน
พ่อของข้าก็อาจจะยิงไม่ชอบท่านอ๋องมากขึนไปอีก...คิดกลับไปกลับมา
อย่างไร นีมันเท่ากับข้าทําคุณต่อท่านอ๋องโดยแท้เลยนะเพคะ” 
 
พูดตังมากมาย ร่ายยาวยกแม่นําทังห้าสาย สุดท้ายนางก็อ้างบุญคุณกับ
เขาเฉยเลย 
 
หลีเหยียนฟงหลุบตาคมมองพระชายาของตนเอง มุมปากบางสวยของ
เขากระตุกเล็กน้อย 
 
“อืม...เจ้าทําความดีความชอบ ถ้าเช่นนันข้าสมควรจะตอบแทนเจ้าแล้ว” 
 
เขาเอ่ยออกมาจนได้ ฉินหยุนซีตาโต ตืนเต้น แต่นึกขึนได้ คนเราไม่ควร
โลภมาก นางโบกผ้าแพรในมือ ยิมสดใสเมือเอ่ยปฏิเสธออกไป 
 
“ไม่เปนไรมิได้เพคะ ท่านอ๋องประทานผ้าแพรผืนนีให้ข้าแล้ว ข้าไม่
ต้องการสิงใดอีกแล้วเพคะ” 
 
“ฮึ เจ้าช่างมักน้อยนัก อุตส่าห์ช่วยปกปองชือเสียงของข้าเอาไว้ อย่างไร
ข้าก็ต้องให้รางวัลแก่เจ้า” 
 
หลีเหยียนฟงกอดอก ยืนยัน แย้มยิมน้อยๆ แต่ดูมีเลศนัย 
 
ให้ตายเถิด หน้าหล่อเหลาของเขาไม่น่าไว้ใจเลย 
 
ฉินหยุนซีขยับปากจะปฏิเสธอีก แต่แล้วเว่ยฉู่ก็เคาะประตู แล้วเปดเข้ามา
เมือท่านอ๋องอนุญาต 
 
นางกํานัลสูงวัยเดินนําหน้าสาวใช้อีกสองนางเข้ามาในห้อง พวกนางถือ
กล่องใบโตหลายใบนํามาวางลําเลียงบนโต๊ะกลางห้อง แล้วเอ่ยทูลท่าน
อ๋อง 
 
“ทูลท่านอ๋อง ชุดของพระชายาสําหรับงานวันพรุ่งนีเตรียมพร้อมตามที
รับสังแล้วเพคะ” 
 
ชุดของนางหรือ งานวันพรุ่งนี...มีงานอะไร เหตุใดนางไม่รู้เรืองเลยเล่า? 
 
ฉินหยุนซีตาโต งงงัน ท่านอ๋องก็มองนางมาอย่างเข้าใจ จึงช่วยอธิบาย
ให้กระจ่างแจ้งขึน 
 
“พรุ่งนีเปนวันเกิดขององค์รัชทายาทหลีอี เดิมทีข้าก็ลังเลว่าจะพาเจ้าไป
ด้วยกันดีหรือไม่ แต่เมือเจ้าบอกว่าหายดี แข็งแรงมาก ดังนันข้าก็เบาใจ 
พรุ่งนีข้าจะพาเจ้าไปเปดหูเปดตา กินของอร่อยทีวังองค์รัชทายาทด้วย
กัน” 
 
เขาสรุปทีเปนดังคําสัง เฉียบขาด...ไม่ต้องการการปฏิเสธ 
 
ฉินหยุนซีรู้สึกว่านางพลาดไป ถ้ารู้สักนิดว่าจะถูกลากตัวเข้าวังรัชทายาท
ด้วย นางแกล้งปวยหนักต่ออีกสักวันยังจะดีกว่า 
 
“ท่านอ๋อง ข้าไม่อยากไป...ข้าไม่ค่อยรู้พิธีการ...เกรงว่าจะทําให้ท่านขาย
หน้าได้...” 
 
ขนาดล่วงรู้ว่าเขาไม่ยอมรับฟงแน่ แต่ฉินหยุนซีก็ยังอด ‘ทักท้วง’ มิได้ 
 
“ไม่เปนไร แค่ชายาเปนห่วงหน้าตาของข้าก็พอ เรืองอืนไว้ให้เปนภาระ
ของข้าเอง” 
 
“ท่าน!” 
 
“เว่ยฉู่ ดูแลพระชายาด้วย อย่าให้ขาดตกบกพร่อง” หลีเหยียนฟงไม่
สนใจเสียงประท้วงเล็กๆของนาง หันไปสังการเว่ยฉู่แล้วก็ปรายตามอง
มาทีพระชายาเล็กน้อย 
 
นางไม่พอใจ พองลมจนแก้มปอง หน้างอเง้า ทว่าชายหนุ่มหาได้ใส่ใจ
ไม่ เขาสังเว่ยฉู่แล้วก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ทิงให้พวกนางกํานัล
รุมล้อมฉินหยุนซี จนนางกระดิกกระเดียไปไหนไม่ได้ 
 
 
20.ชะตาของดวงดาว 
 
เพราะจะต้องเข้าวังองค์รัชทายาทหลีอี สุ่ยชิงหลิงและชิวเหอจึงรับหน้าที
เปนผู้ช่วยให้ข้อมูลขององค์รัชทายาททีฉินหยุนซีไม่รู้อะไรนัก 
 
“พระมารดาขององค์ชายหลีอี ก็คือฮองเฮาซู่เฟง...สมัยก่อนพระนางได้
รับการแต่งตังเปนพระมเหสีฝายขวา ส่วนพระนางหยางเซียง พระมารดา
ขององค์ชายสามนัน มีตําแหน่งเปนพระมเหสีฝายซ้าย พระนางหยางเซี
ยงนัน มีสุขภาพทีไม่แข็งแรง หลังจากให้กําเนิดท่านอ๋องสามแล้วก็ปวย
กระเสาะกระแสะมาเรือย จนเมือท่านอ๋องสามอายุได้แปดป พระนางก็
จากไป...ว่ากันว่า การให้กําเนิดบุตรทีเกิดใต้ฤกษ์ดวงดาวทียิงใหญ่นัน 
จะกินพลังชีวิตของมารดา...แม่ของเจ้าก็เปนเช่นนันใช่หรือไม่เล่าเสียวซี
?” 
 
คําถามของสุ่ยชิงหลิงหาได้คําตอบในทันทีไม่ นันเพราะฉินหยุนซีนิง
เงียบกริบไปในทันที 
 
ดวงตากลมโตเบิกโพลง... 
 
อย่างนันเองรึ...ถ้าเปนเช่นนันจริง ก็แสดงว่า ท่านแม่สินเพราะให้กําเนิด
นางน่ะสิ! 
 
‘เสียวซีอย่าร้องไห้! นายหญิงเจ้าคะ เสียวซีร้องไห้ใหญ่แล้ว!’ 
 
ชิวเหอตกใจ จู่ๆ ฉินเสียวซีก็นําตาร่วงเผาะๆลงมาไม่หยุด สุ่ยชิงหลิง
หน้าเสีย รีบผวาเข้าไปสวมกอดร่างเล็กๆของอีกฝายเอาไว้ ยกมือลูบ
ศีรษะปลอบโยน ยิงตกใจทีฉินหยุนซีสะอืนไห้ออกมาให้เห็นเปนครัง
แรก 
 
‘เสียวซี ข้าขอโทษ ข้าผิดเอง ไม่ควรพูดเรืองแม่เจ้า...เจ้าอย่าร้องไห้เลย
นะ เสียวซีเด็กดี...ข้าเชือว่าแม่ของเจ้าภูมิใจในตัวเจ้า ต่อให้แลกด้วยชีวิต 
นางก็คงมีความสุขทีได้เปนแม่ของเจ้า...’ 
 
“ฮือ...!!” 
 
ฉินหยุนซีรําไห้ไม่หยุด ยิงคิดถึงมารดาจับใจ... 
 
มิน่าเล่า แม่ถึงพรําสอนเสมอ สังเสียบ่อยครัง เสียงหวานแต่อ่อนล้าของ
ท่านแม่ นางยังคงจดจําได้เสมอ 
 
‘เสียวซี จําไว้นะลูก ไม่ว่าอนาคตจะเปนอย่างไร จงอย่าได้โทษตนเอง...
จงรู้ไว้ว่า แม่มีความสุขทีได้อยู่ดูแลเสียวซี...แม่อยู่กับลูกเสมอ ในนํา...
บนท้องฟา...ในอากาศ...หงส์น้อยของแม่...แม่รักเสียวซีทีสุด...แม่จะอยู่
กับเจ้าเสมอ...’ 
 
คําสังเสียของมารดา เสียวซีไม่มีวันลืม แม้เวลาทีอยู่ด้วยกันจะน้อยนิด
นัก แต่นันคือความทรงจําอันลําค่า ทีผ่านมานางไม่เคยรู้ว่าท่านแม่
อ่อนแอลงเรือยๆ จนไม่สามารถอยู่ต่อไปได้ นันเปนเพราะนาง 
 
การแบกรับชะตาของเด็กผู้เกิดมาพิเศษ ไม่เหมือนผู้อืน ต้องแลกด้วย
ชีวิตของผู้เปนมารดา นีคือชะตาของดาวเทพทังสี! 
 
“พีหลิงหลิง...ข้าไม่อยากเปนหงส์ฟา ข้าแค่อยากให้ท่านแม่อยู่กับข้า...
ถ้าเลือดหงส์ฟาสามารถรักษาพิษ สามารถฟนฟูชีวิตได้...ทําไมท่านแม่จึง
ไม่ลองใช้เลือดข้ารักษาตัวท่านเล่า...ข้ายินดีให้เลือดท่านแม่จนหมดตัว 
ข้าจะให้หมดทุกหยดทีมีเลย...ฮือ!!” 
 
ฉินหยุนซีตัดพ้อระบายความอัดอัน สุ่ยชิงหลิงและชิวเหอ พลอยอด
สะเทือนใจไปด้วยไม่ได้ 
 
เสียวซีคงพูดเพราะความโศกเศร้า ทังสองปล่อยให้นางรําไห้จนสาแก่ใจ 
เมือได้ระบายออกมา ความทุกข์ของนางคงทุเลาเบาบางลง 
 
เสียวซีคงรู้อยู่แล้ว ว่าเหตุใดแม่ของนางจึงไม่ยอมใช้เลือดของลูกรักษา
ตนเอง... 
 
ท่านแม่ทีรักนางยิงสิงใด ไม่มีวันทําร้ายให้นางต้องเลือดตกแม้สักครึง
หยด! 
 
คําคืนนีอากาศช่างหนาวนัก ดวงจันทร์กลมโตส่องแสงสว่างเรืออยู่กลาง
ท้องฟา แม้จะดึกแล้วแต่ทิวทัศน์ในสวนก็ยังคงสว่างไสว สามารถมอง
เห็นทุกอย่างได้กระจ่างชัด 
 
ต้นเหมยของพระมารดาแผ่กิงก้านไร้ดอกไร้ใบ ตระหง่านอยู่กลางสวนที
สวยงาม ร่างสูงใหญ่ของหลีเหยียนฟงหยุดยืนอยู่ริมระเบียงทางเดิน นิง
มองดูต้นเหมยซึงยืนต้นตายไปนานหนักหนาแล้ว แต่เขายังคงเก็บมัน
ไว้ทีเดิม เหมือนเดิมกับเมือสิบสีปก่อน ดังว่าจะหยุดวันเวลาเอาไว้ตังแต่
เมือครานัน 
 
ความรู้สึกรักใครสักคนช่างเจ็บปวดนัก...เหมือนทีเขารักท่านแม่มากมาย 
แต่ก็ไม่อาจช่วยเหลือท่านได้ ต้องปล่อยให้ท่านจากไป หัวใจของเขามัน
หนาวเย็นราวกับไร้ความรู้สึก...ไม่อาจดีใจถึงทีสุดและไม่เคยเสียใจถึงที
สุด มันว่างเปล่า ไร้ชีวิต...หากไม่อยู่เพือบ้านเมือง หลีเหยียนฟงก็ไม่รู้ว่า
เขาจะอยู่เพือสิงใด 
 
เพราะเขาเปนเช่นนี พระบิดาจึงประทานสมรสให้แต่งงานกับบุตรสาว
ของฉินเฉิน สําหรับหลีเหยียนฟงแล้ว จะแต่งกับผู้ใดเขาก็ไม่รู้สึกยินดี
ยินร้าย ไม่ได้สนใจใส่ใจ เขาสามารถทําได้ทุกอย่างตามทีพระบิดามอบ
หมาย 
 
ต่อให้ต้องแต่งงานเพือการเมืองอีกสักกีครังก็ไม่ใช่เรืองแปลกประหลาด
อันใด...ส่วนความรักนัน...เปนเรืองห่างไกล เขาไม่คิดว่าตนเองจะมีความ
รักให้กับสตรีใดบนโลกใบนีได้ 
 
การกําเนิดมาใต้ฤกษ์ดาวมังกร เปนความหวังยิงใหญ่ของแผ่นดินและ
ผู้คน ขณะเดียวกันก็เปนภัยอันใหญ่หลวงจากผู้ทีมุ่งหวังปองร้าย ทุก
ย่างก้าวของเขาคืออันตราย ไม่มีอะไรแน่นอน ดังนันพระบิดาจึงส่ง
องครักษ์ฝมือดีทีสุดในวังหลวงเช่นเหอตงมาคอยดูแลรับใช้ ตังแต่เขายัง
เปนเด็กชายตัวน้อย 
 
“ท่านอ๋อง ดึกแล้วยังไม่นอนหรือพะยะค่ะ?” 
 
เหอตงเฝาอยู่ด้านนอก แลเห็นเจ้านายเดินออกจากห้องนอนมาที
ระเบียงทางเดินเพือชมสวนยามคําคืน จึงเข้ามาทําความเคารพและคอย
ดูแล 
 
“คืนนีหนาวมาก อีกเดียวหิมะคงตก เจ้าไม่ต้องมาคอยเฝาข้าหรอก ไป
พักเถิด พรุ่งนียังต้องเหนือยอีกมาก” หลีเหยียนฟงสังอีกฝายด้วยความ
เมตตา แม้เหอตงจะเปนข้ารับใช้ แต่ก็อยู่กับเขามานาน เหมือนเปนพี
ชายมากกว่าคนรับใช้ธรรมดา 
 
“ขอบคุณท่านอ๋อง” 
 
เหอตงน้อมรับคําสัง ไม่เคยขัด ทว่าก่อนทีเขาจะเดินจากไป ผู้เปนนายก
ลับเอ่ยถามไล่หลังตามมาเสียก่อน 
 
“เจ้าโกรธข้ารึไม่ หากฉินหยุนซีไม่ช่วยไว้ เจ้าคงไม่พ้นโทษตายไปแล้ว” 
 
ผู้ถูกถามหันกลับมา ก้มศีรษะคํานับด้วยความจงรักภักดีไม่เคยเปลียน 
 
“ข้าน้อยถวายสัจจะต่อหน้าฮ่องเต้และพระนางหยางเซียง จะปกปอง
คุ้มครองท่านอ๋องด้วยชีวิต หากท่านอ๋องต้องการ เหอตงพร้อมตายแทน
ท่าน แล้วไฉนจะต้องคิดมาก ท่านสังอยู่ ข้าพร้อมอยู่ ท่านสังตาย ข้า
พร้อมตายพะยะค่ะ” 
 
วาจาเน้นยํานันช่างเด็ดเดียว มันใจยิง หลีเหยียนฟงนิงไป ก่อนเอ่ย
เสียงแผ่วเบา 
 
“ขอบใจเจ้านักอาตง...ความภักดีของเจ้าข้าซาบซึง...ขอบใจทีเจ้าช่วย
ปกปองฉินหยุนซี...” 
 
“มิได้พะยะค่ะ ข้าน้อยมีหน้าทีปกปองท่านอ๋องและพระชายา ขอท่าน
อ๋องโปรดอย่าคิดมาก” 
 
“ดี เจ้าไปพักผ่อนเถิด” 
 
หลีเหยียนฟงโบกมือให้อีกฝายไปพัก ไม่เรียกเอาไว้อีก เขาเองยังไม่
เข้าใจเลย ตอนนันพอเห็นฉินหยุนซีได้รับบาดเจ็บ เหตุใดจึงโมโหนัก 
 
ไม่รู้ว่าโมโหอะไร ม้าโลหิต เหอตง...หรือว่าหนามทีดันไปตําเท้าม้า! 
 
หากฉินหยุนซีไม่ขอชีวิตเหอตงและม้าโลหิตเอาไว้ เขาก็คงต้องเสียใจไม่
น้อย...ดังนันเมือนางอยากได้ผ้าแพรของพระมารดา เขาจึงยอมยกให้
แม้ว่านันจะเปนของสําคัญยิงของตนเองก็ตาม 
 
ต้องเปนเช่นนันสิ...ไม่อย่างนัน ไม่มีทางทีเขาจะยอมมอบผ้าแพรของดู
ต่างหน้าท่านแม่ให้นางแน่นอน! 
 
หลีเหยียนฟงบอกตนเอง หยุดยืนมองท้องฟากลางแสงจันทร์นวล
กระจ่างอยู่ครู่หนึง จึงหันหลังจะเดินกลับเข้าห้อง พลันหางตากลับเห็น
เงาตะคุ่มของใครคนหนึง นางเปดประตูห้อง เดินออกมาทรุดนังทีริม
ระเบียง 
 
ฉินหยุนซี! 
 
เขาย่างเท้าเข้าไปหยุดอยู่ข้างหลังนางอย่างเงียบเชียบ ฉินหยุนซีอยู่ใน
ชุดนอนสีขาว เนือผ้าบางนักเมือเทียบกับอากาศหนาวยามนี นางนัง
ห้อยเท้าทีริมระเบียง เอียงศีรษะเล็กๆซบกับเสาเรือนทรงกลม ท่าทางไม่
สนใจสิงใดรอบตัว ราวกับนางตกอยู่ในภวังค์ลําลึก 
 
“ฉิน...” 
 
“ท่านบอกข้า ว่าอยู่ในนํา...บนท้องฟา...ในอากาศ...ท่านแม่ คืนนีอากาศ
หนาวนัก ถ้าท่านอยู่ในอากาศ...ได้โปรดช่วยให้อบอุ่นกว่านีหน่อยเถิด...
เสียวซีหนาวจนนอนไม่หลับแล้ว...” 
 
ปากนางบ่นว่าหนาวจนนอนไม่หลับ แต่ดวงตากลมโตกลับปรือแล้วปด
ลง นางหลับไปทังทีกอดอกห่อตัวเพราะความหนาว ก็สวมเสือผ้าบางจะ
ช่วยกันหนาวอะไรได้ 
 
อีกไม่ช้าหิมะคงตกลงมา... 
 
หลีเหยียนฟงถอดเสือคลุมตัวใหญ่เนือหนาอย่างดีของตนเอง นําเข้าไป
ห่อตัวพระชายาน้อยจอมขีเซา พอพลิกร่างนางมาเพือจะอุ้มพาเข้าไปส่ง
ในห้องนอน แสงจันทร์ก็ส่องกระทบให้เห็นคราบนําตาบนแก้มขาวผ่อง 
ชายหนุ่มชะงักงันไปด้วยความคาดไม่ถึง 
 
นางร้องไห้หรือ...ฉินหยุนซีทุกข์ใจด้วยเรืองอันใดกัน 
 
หรือจะเกียวกับทีนางเอ่ยถึงแม่เมือครู่? 
 
จริงด้วย...เขารู้เรืองเกียวกับนางน้อยเต็มที ในคืนวันแต่งงาน พอรู้ว่า
นางมิใช่ฉินอีชิง เขาก็สังให้เหอตงไปหาประวัติของฉินหยุนซีมาทันที 
 
ทว่าประวัติของนางทีได้มานันน้อยนิดนัก รู้แค่ว่านางเปนธิดาคนเล็ก
ของฉินเฉิน กําพร้ามารดาตังแต่เล็ก และถูกส่งไปอยู่บนเขากับซือต้าหยุ
นเหนียง หญิงชราทีรําลือกันว่าเปนประดุจเทพ มีพลังอํานาจหยังรู้ฟา
ดิน 
 
บิดาของนางเพิงส่งชะตาของนางเข้าวังไปให้โหรหลวงและท่านราชครู
ผูกดวง พบว่าเปนดวงชะตาของเด็กสาวธรรมดาทัวไป ไม่มีอะไรโดดเด่น
เปนพิเศษ 
 
แต่อย่างนางหรือจะเปนแค่เด็กสาวธรรมดา 
 
“ไม่มีทาง เจ้าไม่ใช่ธรรมดาแน่ ฉินหยุนซี...” 
 
หลีเหยียนเฟยใช้ชายเสือนอนของเขาช่วยเช็ดคราบนําตาให้นางอย่าง
อ่อนโยน สาวน้อยพอได้ไออุ่นจากอ้อมอกเขาก็กลับยิงซุกซบอิงแอบ
แนบชิด ซํายังพึมพําดีใจ 
 
“ท่านแม่มาหาข้าแล้ว ท่านอยู่ในอากาศจริงๆด้วย ข้าไม่หนาวแล้ว...” 
 
คนถูกกอดซบซุกถึงกับทําหน้าไม่ถูก ตัวแข็งทือประดุจแผ่นหิน หน้า
ร้อนวูบเปนครังแรกในชีวิต 
 
ใครจะเชือ ท่านอ๋องผู้เย็นชา ยามนีกําลังหน้าแดงเพราะชายาทีเขาเคย
ประกาศว่าเกลียดชังนัก!! 
 
21.จ้าวหมิงเจ้าแห่งพิษ 
 
คําคืนนันฉินหยุนซีหลับฝนถึงมารดาของนาง ท่านแม่มาหานางทีตํา
หนักไท้ฝู ฉินหยุนซีดีใจมาก นางกอดท่านแน่น แสนสุขใจ แต่ก่อนที
มารดาจะไป ท่านได้ฝากฝงบิดาเอาไว้กับนางด้วย 
 
“เสียวซี พ่อเจ้ากําลังจะมีภัย ช่วยพ่อด้วยนะลูก มีแต่เจ้าเท่านันทีจะช่วย
ท่านพ่อได้” 
 
“ท่านพ่อจะมีภัยรึเจ้าคะ ท่านแม่ไม่ต้องห่วง เสียวซีไม่ให้ท่านพ่อเปน
อะไรแน่ ถึงท่านจะไม่รักเสียวซี แต่เสียวซีก็รักท่านพ่อทีสุด เสียวซีจะ
ปกปองท่านพ่อเอง” 
 
“ช่างน่ารักยิงนักเสียวซี หงส์น้อยของแม่” 
 
ลีเสียวฝูโอบกอดและจุมพิตหน้าผากของบุตรสาว ก่อนทีฉินหยุนซีจะ
สะดุ้งตืนเพราะเสียงเรียกระรัวของเว่ยฉู่และเหล่านางกํานัล 
 
“พระชายาโปรดตืนเถิดเพคะ สายมากแล้ว เดียวไปงานไม่ทันนะเพคะ!” 
 
“เอะอะอะไรแต่เช้าเว่ยฉู่...ข้ากําลังฝนดีทีเดียว...เอ...ทีนีทีไหน นีไม่ใช่
ห้องข้านี?” ฉินหยุนซีขยีตา งัวเงีย ยังไม่อยากตืน แต่ทนเสียงร้องเรียก
ไม่ไหว พอมองไปรอบๆห้องก็ต้องประหลาดใจ 
 
ห้องใคร...ไม่ใช่ห้องทีนางนอนพักรักษาตัวอยู่นีนา... 
 
แต่ก็คุ้นๆอยู่ คลับคล้ายคลับคลาว่านางจะเคยเข้ามาในห้องนี 
 
“เอะ นีมันห้องท่านอ๋องนี ข้ามาอยู่ทีนีได้อย่างไรกัน!!” 
 
พอนึกได้ฉินหยุนซีตกใจแทบอยากลงไปหลับอีกรอบ เว่ยฉู่ก็ไม่ช่วย
ตอบความกระจ่างอันใดให้นางเลย 
 
“หม่อมฉันไม่ทราบได้เพคะ หม่อมฉันแค่มาทําหน้าที ช่วยพระชายาแต่ง
ตัว ท่านอ๋องรออยู่ทีห้องโถงแล้วเพคะ” 
 
เอ่ยฉู่กล่าวจบก็ช่วยกันกับนางกํานัล ไล่ต้อนพระชายาทีตอนนีหน้าแดง
กําไปหมดแล้วให้เข้าไปอาบนําอุ่น ซึงจัดเตรียมเอาไว้ให้ด้านหลังฉาก
กันพร้อมสรรพแล้ว 
 
ฉินหยุนซีถูกลากเข้าไปอาบนําแต่งตัว แต่นางไม่ได้สนใจมองตนเองเลย
เพราะมัวแต่นึกถึงเมือคืน... 
 
นางฝนว่าเจอท่านแม่ นางกอดท่านแม่สุดแรงเกิดเลย สัมผัสนันช่าง
เหมือนจริงยิงกว่าจริง ฉินหยุนซีขนลุกซู่ หัวใจเต้นรัวกระหนําถียิบ 
 
สวรรค์ ท่านช่างไม่ช่วยเสียวซีเลย ตอนนีนางแน่ใจแล้วว่าท่านแม่ทีนาง
กอดเมือคืนนันเปนตัวปลอม!! 
 
ใครจะไปรู้เล่า ว่าเขาจะเข้ามานอนข้างๆกัน แล้วนางเข้ามานอนในห้อง
ท่านอ๋องได้อย่างไร ช่างน่าอายนัก เสียวซีไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ทีใดแล้ว! 
 
“เสร็จแล้วเพคะพระชายา” 
 
เสียงบอกของเว่ยฉู่ ทําให้ฉินหยุนซีรู้สึกตัว นางเหลือบตามองภาพของ
ตนเองทีสะท้อนอยู่ในกระจกเงาบานใหญ่ต่อหน้า ดวงตากลมโตกะพริบ
ถี ใบหน้าของนางเรียบตึงแต้มสีสันงดงามราวกับจะเปล่งประกายได้ ผม
ยาวสลวยมัดรวบปล่อยชายบางส่วนลงมาดูเรียบร้อย ครอบด้วยปนปก
ผมทําจากทองคําแท้ๆเปนรูปดอกไม้ช่อใหญ่ ดูราวกับมงกุฎดอกไม้ 
อาภรณ์ทีสวมใส่ก็สดสวย ทําจากผ้าไหมเดินดินทองคําแวววาว ถึงจะ
หนักอึงไปจากปกติแต่ก็แลกมาด้วยความงามทีน่าภาคภูมิใจ 
 
ฉินหยุนซีเคยแต่งตัวสวยเช่นนีในคําคืนวันแต่งงาน แต่ตอนนันไม่มีใคร
เห็นหน้านางเลย ผิดจากครานี ใบหน้างดงามราวรูปสลักของนางมิต้อง
ปกปดอีกต่อไป ท่านอ๋องหลีเหยียนฟงผู้เปนสามีได้เห็นเต็มตา ทังเหอ
ตงและบ่าวไพร่ในตําหนักต่างพากันตะลึงกับความงดงามของพระชายา 
 
ทว่าฉินหยุนซีหาได้ใส่ใจสิงใด พอเจอท่านอ๋องสาม นางรีบก้าวเข้าไปหา
เขาแล้วเอ่ยถามอย่างร้อนใจ 
 
“ท่านอ๋องเพคะ เมือคืนข้าไปนอนอยู่ในห้องท่านได้อย่างไร...” 
 
“อย่าเพิงคุยตรงนี มานีเถิด ใกล้เวลางานเริมแล้ว” 
 
ท่านอ๋องดึงมือเล็กๆของนางไปกํารวบไว้ เมินหน้าหนีนางด้วยการจูงมือ
พระชายา พาเดินไปด้วยกัน ทว่าฉินหยุนซีก็ยังสังเกตเห็น ว่าใบหูของ
ท่านอ๋องนัน ดูแดงจัดผิดปกติ 
 
นางกะพริบตา รู้สึกมือตัวเองใต้อุ้งมือใหญ่แกร่งของเขาเย็นชืนขึนมา 
นางอยากดึงมือออกมา แต่อีกฝายกํามือนางไว้แน่นเหลือเกิน 
 
“ท่านอ๋อง ข้าเดินเองได้เพคะ...” นางบอกเบาๆ ไม่กล้ามองหน้าเขาเช่น
กัน รู้สึกแปลกๆ อย่างทีไม่เคยเปนมาก่อน 
 
“มาเถอะน่า อย่าดือ ข้าช่วย จะได้เดินเร็วๆ” 
 
หลีเหยียนฟงดุกลับมาไม่จริงจังนัก ยังคงจูงมือหญิงสาวพาเดินไปยัง
รถม้าทีรออยู่ มีเหอตงเปนผู้ทําหน้าทีควบคุมม้าให้ นอกจากนีทังด้าน
หน้าและด้านหลังรถม้า ยังมีทหารม้าองครักษ์ตังแถวคอยคุ้มกันอีกนับ
สิบ 
 
เหอตงจะเข้ามาช่วยส่งพระชายาขึนรถม้า แต่หลีเหยียนฟงจับมือฉินหยุ
นซีไม่ปล่อย แล้วเปนผู้ส่งนางขึนรถม้าด้วยตนเอง 
 
ฉินหยุนซีขึนไปนังบนรถม้าเรียบร้อยแล้ว ท่านอ๋องจึงก้าวตามขึนมานัง
หลังตรง สง่างาม วางท่าขรึมอยู่ข้างกัน ทว่าใบหน้าเรียวได้รูปสวยของ
เขายามนีกลับเปนสีแดงเรือดูแปลกตาไป 
 
หญิงสาวใจเต้นแรงแปลกๆ ร้อนวูบวาบในทรวงอกและลามไปทีใบหน้า..
.ใบหูทังสองก็ไม่ละเว้น นางสูดหายใจลึกๆ นังทําสมาธิก็แล้ว แต่อาการ
ดังว่าก็ยังไม่ทุเลาลงอย่างทีต้องการ 
 
ข้าต้องไม่สบายเปนแน่ ทําอย่างไรดี!!? 
 
“เมือคืน...ข้าเห็นเจ้าไปนังหลับอยู่ทีระเบียงทางเดินริมสวน...” หลีเหยี
ยนฟงกระแอ่มในลําคอ เอ่ยโดยไม่มองหน้านาง แต่เขารู้ว่านางแอบมอง
เขาบ่อยครังมาก “ข้าตังใจจะพาเจ้ากลับเข้าห้องของเจ้า แต่...” 
 
“ข้าทําไมรึเพคะ?” รีบถามอย่างอยากรู้ ท่านอ๋องไม่ยอมพูดต่อ เอาแต่
นิงเงียบไป เบือนหน้าหนีให้นางเห็นแต่ใบหูแดงจัดของเขา 
 
“เจ้า เอ่อ...เจ้าจับข้าไว้ไม่ยอมปล่อย ข้าก็เลย ไม่มีทางเลือก ต้องพาเจ้า
เข้าไปนอนในห้อง...” หลีเหยียนฟงเอ่ยต่อเสียงตํา มีกระแอมไอใน
ลําคอ เพราะเขาเปลียนทีนาง ‘กอด’ เปนคําว่า ‘จับ’ แทน... 
 
แต่ฉินหยุนซีก็รู้! โอ...นางคิดว่าเขาเปนท่านแม่ และกอดเขาอย่างเหนียว
แน่น สวรรค์!! 
 
ฉินหยุนซีหน้าร้อนแทบจะไหม้เปนเถ้า นางยกสองมือเรียวขึนลูบแก้ม
ทังสองข้างของตนเอง หลีเหยียนฟงปรายตามองมา เรียวปากหยักได้
รูปราวกับจะเอ่ยบางอย่าง ทว่าพลันนันรถม้าก็หยุดวิงกะทันหัน 
 
ฉินหยุนซีตกใจเอียงตัวไปวูบหนึง แต่นางไม่ได้กลิงกระดอนไปไหนไกล
จากอกกว้างของท่านอ๋องสาม เขาช่วยรังร่างนางเอาไว้ในอ้อมแขนแกร่ง 
โดยทีหญิงสาวได้แต่นิงตัวแข็งทือ ทําตาปริบๆ 
 
“เกิดอะไรขึนอาตง ข้างนอกมีเรืองอะไรรึ!” หลีเหยียนฟงร้องถาม
องครักษ์คนสนิท ฝามือใหญ่ยังคงกดรึงร่างเล็กๆนุ่มนิมและหอมหวาน
เอาไว้กับตนแน่น 
 
ฝายนันลงจากรถม้า เปดผ้าม่านออกแล้วก้มหน้าคํานับ ทูลรายงาน 
 
“ขอประทานอภัยพะยะค่ะท่านอ๋อง พระชายา...ด้านหน้ามีรถม้าของ
หญิงสาวนางหนึงเข้ามาขวางทางกะทันหัน ทหารด้านหน้าเข้าไปดูแล้ว
ว่านางต้องการอะไร ขอท่านอ๋องและพระชายาโปรดรอสักครู่” 
 
“ได้” หลีเหยียนฟงพยักหน้า มองตามเหอตงไป แลเห็นหญิงสาวผู้หนึง
แต่งกายผิดไปจากชาวเมืองหลีต้าทัวไป น่าจะมาจากชนเผ่าทางตะวัน
ตก นางแต่งหน้าดูคมดุดันน่าเกรงขาม กิริยาท่าทางแสดงความมันใจใน
ตัวเองอย่างยิง 
 
นางมองตรงประสานสายตามาทีหลีเหยียนฟงอย่างท้าทาย ทหาร
องครักษ์เข้าไปถามว่านางเปนผู้ใด ต้องการอะไร ทว่าหญิงสาวผู้นันไม่
ตอบผู้ถาม กลับตะโกนเลยผ่านแถวกองทหารม้าอารักขา พูดกับท่าน
อ๋องโดยตรง 
 
“ท่านคือองค์ชายสาม หลีเหยียนฟงใช่หรือไม่?” 
 
“นางต้องการพบข้า ไปเรียกนางมาใกล้ๆซิ อาตง” หลีเหยียนฟงสังเห
อตง ไม่ช้าฝายนันก็เดินนําหญิงสาวแปลกหน้าเข้ามาหยุดอยู่ข้างรถม้า
ของท่านอ๋อง 
 
“เจ้าถามหาข้ารึ?” หลีเหยียนฟงเอ่ยถามนางเสียงเรียบ 
 
“ถ้าท่านคือองค์ชายสามหลีเหยียนฟง นันก็ใช่คนทีข้าต้องการพบแล้ว” 
นางตอบโต้มา ไม่ยอมคํานับ แต่กลับเชิดหน้าดูเย่อหยิง ท้าทาย 
 
“ใช่ เปนข้าเอง แล้วเจ้าเปนใคร ต้องการสิงใด มาขวางรถม้าของข้ามี
โทษสถานใดรู้หรือไม่” หลีเหยียนฟงจ้องตอบนางด้วยแววตานิงเรียบ
เย็นชา ดุจว่าอีกฝายไม่ได้มีค่าควรให้เขาสนใจสักเท่าไร 
 
ทว่าจ้าวหมิงนัน นางสนใจเขาเปนอย่างยิง ด้วยรูปโฉมและบุคลิกอัน
ยอดเยียมของหลีเหยียนฟงนัน เปนทีสะดุดตาแก่เพศตรงข้ามมาแต่
ไหนแต่ไร 
 
เสียก็แต่ เขามิได้อยู่เพียงลําพัง...นางชักสีหน้าไม่พอใจเมือเหลือบไป
มองหญิงสาวผู้นังเคียงอยู่กับเขา ยิงขุ่นเคือง เพราะนางผู้นันช่างงดงาม
ยิงกว่าทีนางจะคาดถึงไปมากมายนัก! 
 
พระชายาของหลีเหยียนฟงงามถึงปานนีเชียวรึ!! 
 
“ข้ากระทําสิงใดย่อมต้องรู้ผลของมัน ท่านอ๋องสาม ข้าคือจ้าวหมิง องค์
หญิงแห่งเผ่าลัวปา ข้าเดินทางมาทีแผ่นดินหลีต้าเพือต้องการเจริญ
สัมพันธไมตรีกับพวกท่าน ข้าได้ยินชือเสียงของดาวมังกรเช่นท่านมา
นานแล้ว โชคดีทีวันนีมีโอกาส ได้มาเห็นเปนบุญตา” 
 
นางประสานมือคํานับ แต่วาจาและกิริยานันอวดดีท้าทาย หลีเหยียนฟ
งกระตุกยิมทีมุมปาก ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ ไร้ความรู้สึก 
 
“เช่นนันก็ควรจะไปทีวังข้า มิใช่ทีกลางถนนเช่นนี ข้ากําลังจะไปงาน
สําคัญ เจ้าทําให้ข้าไปงานสาย” 
 
“องค์ชาย จ้าวหมิงเพิงเข้ามาเมืองใหญ่ครังแรก มิรู้ธรรมเนียม ขอท่าน
โปรดอภัยด้วย” นางก้มคํานับอย่างมีจริต แพรวพราว เชือมันในตัวเอง
ยิง 
 
ฉินหยุนซีมองดูจ้าวหมิง บอกไม่ถูกเลยว่าทําไมช่างอึดอัดนักเวลามอง
หน้าคมดุของฝายนัน สังเกตเห็นได้ว่าทีเล็บของนางเปนสีคลําไปจาก
คนทัวไป จ้าวหมิงคงเปนคนทีชอบศึกษาเรืองพิษ เล็บนางจึงเปนสีคลํา
เช่นนัน... 
 
“เจ้าคิดว่าองค์ชายสามแห่งหลีต้าเปนใคร...เจ้าอยากให้อภัยแล้วข้าต้อ
งอภัยรึ?” 
 
หลีเหยียนฟงย้อนถามเสียงเรียบ หน้านิงก็จริง แต่จ้าวหมิงรับรู้ได้ว่าเขา
ไม่พอใจการกระทําของนาง 
 
ทว่าใครจะสนเล่า... บุรุษตรงหน้าของนางผู้นีช่างมีรูปโฉมทีหล่อเหลา 
สง่างามนัก จ้าวหมิงพึงพอใจในตัวเขานับแต่แรกทีเห็น ช่างสง่างามน่า
เกรงขามสมคําเล่าลือ...หากรู้ว่าเขารูปงามเช่นนี นางคงมาทีหลีต้านาน
แล้ว ไม่ต้องรอให้พระบิดาคะยันคะยอแกมบังคับเช่นนี 
 
“จ้าวหมิงยินดีทําทุกอย่างเพือชดใช้ความผิด ขอองค์ชายโปรดสังมาเถิด
เพคะ” นางไม่ได้กลัวเกรงโทษทัณฑ์จากเขาเลย นันเพราะรู้ดีว่าอาณา
จักรหลีต้าย่อมไม่ประสงค์จะเปนศัตรูกับแคว้นลัวปาให้ยุ่งยากเพิมขึน 
 
ลัวปาเปนดินแดนทีขึนชือเรืองพิษ องค์หญิงจ้าวหมิงแห่งลัวปาได้ฉายา
ว่าเปนจ้าวแห่งพิษตังแต่อายุยังน้อย ความสามารถของนางทําให้เผ่า
เล็กๆ ทางตะวันตกอย่างลัวปาเริมเปนทีกล่าวขานมากขึน ว่ากันว่าหาก
ได้ลัวปาไว้ในอุ้งมือ การโจมตีแผ่นดินอืนก็เปนเรืองง่ายดุจพลิกฝามือ 
 
ฮ่องเต้องค์ปจจุบันเคยผูกไมตรีกับเผ่าลัวปา ด้วยการรับนางสนมจาก
ชนเผ่าลัวปาเข้าวัง แต่ฮ่องเต้ไม่ทรงโปรดนาง จึงปล่อยให้นางเงียบเหงา
เศร้าเสียใจมาโดยตลอด 
 
สัมพันธภาพระหว่างหลีต้าและลัวปาจึงไม่สู้ดีนัก หลีเหยียนฟงยังเชือว่า 
หลายครังทีเขาทําศึกกับแคว้นเย่ทางทิศเหนือนัน ชนเผ่าลัวปาน่าจะ
คอยให้ความช่วยเหลือแคว้นเย่อยู่ในทางลับ เพราะหลายครังกองทัพ
ของเขาถูกพิษร้ายเล่นงาน สูญเสียไปไม่น้อย 
 
พวกลัวปาก็เหมือนนกหลายหัว พร้อมจะเข้าได้กับฝายทีให้ผลประโยชน์
เปนทีพอใจ ตอนนีมาถึงเมืองหลวง ย่อมต้องหวังผลบางอย่าง ไม่มีผู้ใด
ทําการโดยไม่หวังผล 
 
“ข้าก็พูดไปอย่างนันเอง ใครจะกล้าลงโทษองค์หญิงแห่งลัวปาได้ลงคอ 
ถอยรถของเจ้าไปเถิด ข้ากําลังรีบ” หลีเหยียนฟงไม่อยากเอาความกับ
นาง จึงยอมยกโทษให้ 
 
“องค์ชายช่างมีเมตตายิง จ้าวหมิงประทับใจท่านยิงนัก” นางคํานับเขา 
เงยหน้าขึนมาส่งยิมเยือนอย่างอ่อนหวาน ทว่าชายหนุ่มเมินหน้าหนี
อย่างไว้ตัว เย่อหยิง 
 
“ไว้คงได้พบกัน...อาตง ส่งองค์หญิงไปทีรถม้าด้วย” 
 
หลีเหยียนฟง บอกลานางก่อนปดผ้าม่านลง ตัดการสนทนา เหอตงเข้า
มาเชิญจ้าวหมิงกลับไปขึนรถม้าของนาง เมือสิงกีดขวางพ้นทางไปแล้ว 
ขบวนรถม้าของท่านอ๋อง จึงมุ่งหน้าสู่วังขององค์รัชทายาทต่อไป 
 
ฉินหยุนซีเลิกผ้าม่านทีหน้าต่างฝงของนาง มองจ้าวหมิงและทหารคน
สนิทของนาง ฝายนันก็มองมาเช่นกัน ดวงตาของจ้าวหมิงนันดุดัน เรียว
แหลมดูราวกับดวงตาของอสรพิษร้าย 
 
ทว่ามนุษย์นันร้ายกาจยิงกว่าสัตว์อืนมากมายนัก ฉินหยุนซีไม่สบายใจ
เลยกับการพบจ้าวหมิง 
 
นางสังหรณ์ใจไม่ดี กลัวว่าจะมีเรืองใหญ่เกิดขึน! 
 
22.หนอนปศาจ 
 
ท่านอ๋องสามหลีเหยียนฟงและพระชายาฉินหยุนซี กลายเปนจุดเด่น
เรียกความสนใจจากทุกคนในงาน ทังกลุ่มเชือพระวงศ์ด้วยกันและเหล่า
ข้าราชบริพาร ทีมาร่วมงานเฉลิมฉลองวันคล้ายวันประสูติขององค์รัชทา
ยาทหลีอี 
 
องค์ชายหกนันยินดีนักทีได้พบกับฉินหยุนซี ความชืนชมทีเขามีต่อนาง
นัน ยิงเพิมมากขึน มิใช่แค่องค์ชายหกแต่เพียงผู้เดียว ทว่าบุรุษหนุ่ม
แทบทังหมดในห้องโถงต่างจ้องมองความงามอันบริสุทธิสดใสของฉิน
หยุนซี และริษยาความโชคดีของท่านอ๋องสาม ไม่เว้นแม้แต่องค์
รัชทายาท 
 
หลีอีนังอยู่บนแท่นประทับอันโอฬารด้านในสุด เขาอยู่ในชุดสีทองดูมี
สง่าราศีสมกับตําแหน่งองค์รัชทายาท ว่าทีฮ่องเต้ของหลีต้าคนต่อไป 
 
งานวันเกิดปนีไม่มีอะไร ก็เปนดังเช่นทุกปทีผ่านมา มีผู้คนมากมายเข้า
มาอวยพร มอบของขวัญลําค่า มีการแสดงร่ายรําของเหล่าสาวงามให้ดู
เพือความเพลิดเพลิน ทว่าในพลันทีเขาได้แลเห็นฉินหยุนซีก้าวเข้ามาใน
ห้องโถงเคียงคู่มากับหลีเหยียนฟงนัน หลีอีถึงกับสะดุด จอกสุราทองคํา
ทีถืออยู่ในมือร่วงหล่น จนนางกํานัลรีบคํานับขออภัยโทษแทบไม่ทัน 
 
หลีอีมิได้สนใจสิงใดรอบกายเลยแม้สักน้อยนิด สายตาของเขาเพ่งจ้อง
แต่ฉินหยุนซี ราวกับตกอยู่ในภวังค์อันแสนหวาน เพียงแค่เห็นหน้านาง
หัวใจของเขาก็พองโต เต้นระรัวราวกับหนุ่มน้อยผู้ไม่ประสีประสา 
 
“หม่อมฉันหลีเหยียนฟงและพระชายาฉินหยุนซี ขอถวายพระพรเสด็จพี 
ขอทรงพระเจริญพะยะค่ะ” หลีเหยียนฟงและฉินหยุนซีถวายคํานับ และ
ส่งมอบของขวัญทีเตรียมมาให้หลีอี เปนภาพวาดลําค่าจากฝมือจิตรกรผู้
มีชือเสียงของแคว้นหลีต้านันเอง 
 
“ขอบใจน้องสาม ชายาสามด้วย ไปนังพักให้สบายก่อนเถิด” 
 
“ขอบพระทัยเสด็จพี/ขอบพระทัยองค์รัชทายาทเพคะ” 
 
หลีเหยียนฟงนําพระชายาเข้าไปนัง ยังทีนังด้านข้างทีเตรียมไว้ไม่ห่าง
จากองค์รัชทายาทนัก ด้วยตําแหน่งของเขานันเปนรองก็แค่หลีอีและพี
รองคือองค์ชายหลีเฉียวเท่านัน 
 
ทว่าหลีเหยียนฟงมิได้ตาบอด หูหนวก พีใหญ่ของเขานันนังไม่เปนสุข
เลย เอาแต่ส่งตาหวานพราววิบวับมาทีพระชายาแสนสวยของเขาอยู่
ตลอดเวลา 
 
นียังไม่นับเจ้าหกและคนอืนๆด้วย บัดซบ! หากรู้สักนิดว่าจะเปนเช่นนี 
เขาคงไม่พานางมาด้วย ให้อยู่แต่ทีตําหนักนันก็ดีอยู่แล้ว!! 
 
“ท่านอ๋อง ไฉนท่านทําหน้าบึงนัก วันนีเปนวันมงคลของพีชายท่าน ข้า
แนะนําว่าท่านควรจะยิมสักหน่อยนะเพคะ...องค์ชายหลีอีทรงมองมาตรง
นีบ่อยนัก คงไม่พอพระทัยทีท่านทําหน้าบึงเปนแน่” ฉินหยุนซีกระซิบ
กระซาบเตือนคนหน้าบึงตาดุขวางทีนังอยู่ข้างกัน 
 
นางนันสุดแสนตืนตาตืนใจ วังขององค์ชายหลีอีกว้างใหญ่อลังการ 
งดงามยิงกว่าวังของท่านอ๋องสามเสียอีก ผู้คนก็ล้วนแต่งกายเต็มยศ 
เหล่าบุรุษนันล้วนส่งยิมเปนมิตรให้นาง แต่เหล่าสตรีดูหน้าบึงตึงไม่แพ้
ท่านอ๋องรูปงามทีนังอยู่ข้างนางเลย 
 
ฉินหยุนซีสะดุดเมือเห็นบิดาของนางและฉินอีชิงเข้ามาถวายพระพรองค์
ชายหลีอี นางอยากจะเข้าไปคุยกับบิดา แต่ติดทีพิธีการของวันนียังไม่
แล้วเสร็จ จึงทนนังดืมชาและทานของวางไปก่อน 
 
ผู้คนมากมายล้วนเข้ามาถวายพระพรองค์รัชทายาทและมอบของขวัญ
สวยงามลําค่า ไม่ต้องสงสัยเลยว่าองค์ชายหลีอีต้องรํารวยมากมาย
มหาศาล ขนาดยังมิได้ขึนครองราชย์ ยังมีแต่ผู้คนแห่เข้ามาประจบเอาใจ
มากมาย 
 
ฉินหยุนซีเริมเบือกับพิธีรีตองมากมายเบืองหน้า นางแอบหาวหวอด
หลายต่อหลายครัง มีเพียงท่านอ๋องสามทีแลเห็นแล้วขึงตาดุเปนเชิง
ปราม นางแสร้งยกชายเสือขึนปดปาก เหลือบแต่ตาโตๆ มองเขาอย่าง
ล้อเลียน หลีเหยียนฟงทําหน้าขึงดุใส่ แต่แอบเมินไปซ่อนยิมทางอืน 
 
ไม่นึกเลยว่าระหว่างนันจะมีร่างหนึง คุ้นตา จู่ๆก็โดดลงมาจากบนหลังคา 
แล้ววิงฝาทหารเข้ามา กลางห้องโถงจัดงานเลียง 
 
“ทหารจับนางไว้ ผู้บุกรุก!!” 
 
หัวหน้าองครักษ์สังทหารเสียงหลง เหล่าทหารอารักขากรูกันเข้ามารุม
ล้อมรอบตัวจ้าวหมิงและซ่งชางคนสนิทของนาง ทว่าจ้าวหมิงหาได้มี
ทีท่ากริงเกรงแต่อย่างใด นางประมือกับเหล่าทหาร ซัดฝามือใส่ผู้ชายตัว
โตๆ พากันล้ม กระเด็นกระดอนไม่เปนท่า ก่อนประกาศก้องอย่างโอหัง 
 
“ข้าแค่จะมาอวยพรวันเกิด ให้ของขวัญองค์รัชทายาท เหตุใดต้องห้าม
ด้วย หรือว่าวังแห่งนีเข้าได้แต่พวกขุนนางและเชือพระวงศ์ชันสูง ชนต่าง
เผ่าอย่างองค์หญิงแห่งลัวปา หามีสิทธิเหยียบย่างเข้ามาอย่างนันรึ” 
 
จ้าวหมิงเหน็บแนม หน้าตาดุเคร่งเครียด ยิงเจ็บแค้นทีหามีใครรับฟง
นางไม่ 
 
“อารักขาองค์ชาย อารักขาองค์ชาย!!” 
 
ทหารเพิมกําลังหนุนเนืองเข้าล้อมจ้าวหมิงและซ่งชาง ทว่ายังมิทันได้
ลงมือกับนาง เสียงดังกังวานแสดงอํานาจของหลีอีก็หยุดการปะทะนัน
เอาไว้ 
 
“ทหารหยุดก่อน ไม่เปนไร ให้นางเข้ามา!” 
 
จ้าวหมิงสะบัดหน้าหันไปจ้องมองบุรุษในชุดสีทองอร่าม นังอยู่ด้านใน
สุด เขาคือองค์ชายหลีอีอย่างมิพักต้องสงสัย หน้าตาเขามีความละม้าย
คล้ายองค์ชายสามอยู่บางส่วน แต่ไม่รูปงามสะกดสายตาเท่า... 
 
มุมปากอิมสีแดงสดของหญิงสาวเหยียดรอยยิมหยันเยาะ นางก้าวเดิน
ไปกลางห้องโถง ถวายคํานับองค์ชายหลีอี และมอบของขวัญเปนผ้า
แพรปกลวดลายหงส์และมังกรร่ายรําสวยงาม 
 
“ถวายบังคมรัชทายาท ข้าคือองค์หญิงจ้าวหมิง เปนตัวแทนจากแคว้น
ลัวปา มาถวายพระพรองค์ชาย นีเปนผ้าแพรฝมือปกของลัวปา งามเปน
หนึงในแผ่นดิน เปนของพิเศษเฉพาะในแบบของพวกเรา ขอองค์ชาย
โปรดรับเอาไว้ด้วย” 
 
นางส่งผ้าแพรลําค่าผืนนันให้ฉินเฉินเปนตัวแทนรับไปถวายองค์
รัชทายาท หลีอีรับไปคลีออกดู เห็นลวดลายงามสมทีนางว่าก็นึกชืนชม 
 
เผ่าลัวปา เล่ากันว่าเปนชนเผ่าทีไร้วัฒนธรรม เปนพวกคนปาแต่เก่งกาจ
และชํานาญเรืองพิษนัก ไม่น่าเชือว่าจะมียอดฝมือในการปกลวดลายที
งดงามถึงเพียงนี โดยเฉพาะเส้นลายไหมสีดํา ดูช่างเงางามราวกับมีชีวิต 
 
“ขอบใจเจ้านักองค์หญิงจ้าวหมิง เชิญนังพัก ร่วมดูฟอนรํากับพวกเรา
ก่อนเถิด” หลีอีทํามือ เชิญให้นางและผู้ติดตามไปนังข้างๆ แต่จ้าวหมิงก
ลับกอดอก หันไปมององค์ชายสามแล้วเอ่ยกับเขาโดยไม่สนผู้ใด 
 
“องค์ชายสาม เราได้พบกันอีกแล้ว เร็วจริงๆ สงสัยว่านีจะเปนโชคชะตา 
ดวงของเราคงสมพงศ์เหมาะสมกัน” 
 
ทุกคนถึงกับเงียบกริบ สถานการณ์ตึงเครียดกลับมาอีกครัง จ้าวหมิงผู้นี
ไม่มีใครรู้ว่าจะมาไม้ไหน แต่ท่าว่าน่าจะร้ายมากกว่าดี... 
 
“ไม่นึกว่าเจ้าจะมาทีนีด้วย เชิญนังร่วมดืมกับพวกเราเถิดองค์หญิงจ้าว
หมิง” 
 
“ข้าอยากนังข้างกับท่าน ขอให้ข้านังข้างท่านได้หรือไม่องค์ชายสาม” 
จ้าวหมิงกล่าว ทําเอาผู้คนในห้องโถงมองหน้ากันอย่างตระหนก 
 
นางชืนชอบองค์ชายสาม แต่เขานันมีพระชายาอยู่แล้ว!! 
 
“ข้างข้ามีชายาอยู่ และข้า-ไม่-ต้อง-การ-สตรี-อืน” 
 
หลีเหยียนฟงกล่าวเน้นยํา โดยไม่แม้แต่จะปรายตามองนาง เขายกจอก
สุราขึนดืม ท่วงท่ายังคงสงบนิง สง่างาม 
 
“แต่ชายาของท่านก็เปนแค่ลูกสาวเสนาบดี ไหนเลยจะช่วยเหลืออะไร
ท่านได้มากมาย...” จ้าวหมิงถือวิสาสะ เข้าไปทิงตัวลงนังข้างกับหลีเหยี
ยนฟงยังอีกด้านหนึง ทีฉินหยุนซีมิได้นังอยู่ ทําราวกับไม่เห็นฉินหยุนซี
อยู่ในสายตา นางลอยหน้าลอยตาท้าทาย ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยความ
มันใจ 
 
“ลองคิดดูสิท่านอ๋อง ถ้าท่านยอมหย่ากับแม่นางฉินแล้วมาแต่งงานกับ
ข้าแทน ข้าจะเปนพระชายาทีสามารถช่วยเหลือท่านได้มากมาย พิษของ
ข้า...สามารถล้มได้ทังกองทัพ” 
 
“บังอาจ จ้าวหมิง เจ้ากล่าวเช่นนีต้องการปรามาสว่ากองทัพหลีต้าของ
เรา ต้องกลัวเกรงพิษของเจ้าอย่างนันรึ!!” 
 
หลีอีตวาดใส่นาง ไม่พอใจยิงนัก จ้าวหมิงช่างเปนสตรีทีไร้ยางอาย เข้า
มาถึงก็จะบีบบังคับให้น้องชายของเขาแต่งงานด้วย ยกตนข่มท่าน อวด
อ้างตน ช่างยโสโอหังนัก!! 
 
“ทูลองค์ชาย หม่อมฉันหาได้กล่าวเกินจริงไม่ ทีแคว้นลัวปาอยู่รอดจาก
ภัยข้าศึกศัตรูมาได้จนทุกวันนี ก็เพราะพวกเรามีความเชียวชาญเรืองพิษ
เปนอย่างยิง โดยเฉพาะพิษหนอนปศาจของเผ่าเรา หม่อมฉันเปนผู้ค้น
พบเอง หนอนปศาจเปนสัตว์ในตํานานโบราณ พิษร้ายแรงและไร้ทางแก้ 
ต่อให้หมอเทวดาก็ไม่สามารถรักษาได้ อย่าหาว่าข้าดูถูกวิชาแพทย์ของ
หลีต้าเลย แต่หมอหลวงของวังนีก็ไม่มีความสามารถ สยบพิษหนอน
ปศาจของข้าได้เช่นกัน” 
 
นางเชิดหน้า มันใจในตนเอง ท่าทางจองหองอวดดีนันเปนทีเกลียดชัง
ของทุกคน 
 
“บังอาจ พวกเราชาวหลีต้าหาได้เกรงกลัวพิษหนอนอะไรนันของเจ้าไม่ 
ถ้าจะมาเพือก่อกวน ข้าว่าเจ้ากลับไปเสียดีกว่า ไม่เช่นนันอย่าหาว่าแคว้น
หลีต้าของเรารังแกชนเผ่าเล็กๆ ไร้อารยะอย่างลัวปา” 
 
ฉินเฉินผุดขึนยืนชีหน้าไล่นาง จ้าวหมิงและซ่งชางองครักษ์ของนาง ต่าง
ชักสีหน้าไม่พอใจ ซ่งชางนันถึงกับชักกระบีออกจากฝก แต่จ้าวหมิงแตะ
แขนห้ามเขาเอาไว้ 
 
“ไม่ต้องซ่งชาง คนหลีต้าพวกนีดูหมินว่าเราเปนชาวเผ่าเล็กๆ ด้อยค่า...
วันนีข้าจะสังสอนให้พวกเขาได้สํานึก พิษหนอนปศาจของข้า จะสําแดง
ให้เห็นเดียวนี!!” 
 
จ้าวหมิงเอ่ยเสียงดัง ประกาศให้ทุกคนในห้องโถงได้ยินชัดแจ้ง นาง
ผลิกฝามือท่องมนต์ ใช้พลังปลุกพิษหนอนปศาจทีส่งออกไปแล้วผ่าน
ทางผ้าแพรทีฉินเฉินและหลีอีสัมผัสไปเมือครู ่
 
พลันคนทังสองทีต้องพิษไปแล้วก็กระตุกเฮือก ทีมือเจ็บปวดสะบัดร้อน
สะบัดหนาวก่อนปรากฎเปนรอยดําคลํา ลุกลามกินวงกว้างขึนเรือยๆ 
 
“โอ๊ย ร้อน ข้าร้อนยิงนัก!!” 
 
“ท่านพ่อ!!” ฉินอีชิงกรีดร้องตืนตระหนก รีบวิงเข้าไปหาบิดาซึงยืนตัวงอ
อยู่ข้างแท่นประทับขององค์ชายหลีอี 
 
ตัวองค์รัชทายาทนันก็ถึงกับทรุดลงไปนอนทุรนทุรายกับพืน ใบหน้าบิด
เบียวเจ็บปวด ทีฝามือดุจดังโดนเผาไหม้ มีควันดําเปนละอองลอยคุกรุ่น
ออกมาไม่หยุด 
 
“ผ้าแพรของนางมีพิษ ทหารจับตัวนางไว้ เอายาถอนพิษมาให้ได้!!!” 
 
23.ยาทิพย์ 
 
ในพลันทีทหารรุมห้องล้อมเข้ามาจะเล่นงาน จ้าวหมิงก็ยกฝามือทีกลาย
เปนสีดําไหม้ของนางขึนมาขู่ ประกาศกร้าวอย่างเหียมเกรียมชนิดที
ทําให้เหล่าทหารไม่กล้าเข้าใกล้ประชิดตัวนาง 
 
“ใครกล้าเข้าใกล้ข้า ก็มาสิ ทัวตัวของข้าล้วนเต็มไปด้วยพิษร้ายแรง พวก
เจ้าจะตายอย่างทุกข์ทรมานยิงกว่าตกนรก!” 
 
“โอย ทําอย่างไรดี...” ทหารต่างหวาดกลัว ท่านเสนาบดีฉินเฉิงและองค์
ชายหลีอี ยังทุรนทุรายเจ็บปวด ส่งเสียงร้องโหยหวนน่ากลัวให้ดูเปน
ตัวอย่างอยู่เลย 
 
หลีเหยียนฟงรีบรุดเข้าไปดูอาการของพีชาย ส่วนฉินหยุนซีก็วิงเข้าไปหา
บิดา พอเอือมมือไปจะแตะมือทังสองข้างของท่าน บิดากลับเอามือไพล่
หลังหนีมิให้นางแตะต้อง 
 
“ท่านพ่อ ขอข้าดูหน่อยเถิด ข้าจะช่วยท่าน...” 
 
“ไม่ได้!! ห้ามเจ้ายุ่งเด็ดขาด โอ๊ะ!” ฉินเฉินไม่ยอมรับความช่วยเหลือจาก
ลูกสาวคนเล็ก กลับฝนทนความเจ็บปวดราวกับมือทังสองกําลังถูกเผา
ไหม้ด้วยไฟสีดําเอาไว้ 
 
หากเสียวซีใช้โลหิตของนางช่วยเขาตรงนี ทุกคนจะต้องรู้ว่านางคือดาว
หงส์ เขาไม่ต้องการเช่นนัน!! 
 
“ท่านพ่อ ท่านเจ็บมาก ให้ข้าช่วยเถิดเจ้าค่ะ ข้ามียาวิเศษของอาจารย์อยู่.
..ท่านไม่ต้องห่วง...” ฉินหยุนซีนําตาคลอ เจ็บปวดใจทีเห็นบิดาทุกข์
ทรมานเพราะพิษร้าย 
 
หนอนปศาจ...นางเคยได้ยินอาจารย์พูดถึง มันเปนหนอนทีมีอายุ
ยืนนานตังแต่หนึงร้อยถึงห้าร้อยปก่อนจะกลายเปนดักแด้ ทังตัวดูดซับ
ไอพิษจากมวลแมกไม้และสัตว์พิษชนิดอืนๆเอาไว้ตลอดเวลา ตัวของมัน
จึงมีสีดําเงาเลือมพราย 
 
หนอนปศาจนัน เปนสัตว์ในตํานานทีหายากยิงนัก ว่ากันว่าถ้ามีไว้ใน
ครอบครองแค่ตัวเดียวก็สามารถทําลายได้ทังกองทัพ! 
 
จ้าวหมิงผู้นีช่างโหดร้าย นางใช้พิษร้ายเหล่านีบงการผู้คนให้ได้ในสิงที
ต้องการ 
 
ฉินหยุนซีให้โกรธจ้าวหมิงนัก แต่ตอนนีนางต้องรีบเอายามารักษาบิดา
ก่อน นางหยิบยาทิพย์ของซือต้าหยุนเหนียงส่งให้บิดา แต่ท่านไม่ยอม
กิน กลับสังให้พีสาวนางนํายาเม็ดนันมอบให้องค์ชายหลีอีก่อน 
 
“อีชิง นํายาทิพย์นีไปมอบให้องค์รัชทายาทด้วยตัวเจ้าเอง...บอกท่านว่า
นีเปนยาวิเศษตกทอดมาจากต้นตระกูลเรา...” 
 
“ท่านพ่อ ข้ายังมียาอยู่อีก เม็ดนีท่านกินก่อนเถิดเจ้าค่ะ” ฉินหยุนซีรีบ
บอก เข้าใจว่าบิดาไม่รู้ ทว่าฉินเฉินกลับกระซิบสังนางอย่างดุดัน 
 
“ให้พีสาวเจ้านํายาไปถวายองค์รัชทายาทก่อน เร็ว!” 
 
“ท่านพ่อ!” 
 
ฉินหยุนซีหน้าซีดเผือด มองบิดาอย่างตืนตระหนก 
 
ท่านพ่อถึงกับยอมเสียงตาย เพือต้องการให้พีสาวของนางได้ความดี
ความชอบ ‘ได้ช่วยชีวิตองค์รัชทายาท’... 
 
หน้าตา เกียรติยศนัน...สําคัญยิงกว่าชีวิตตนเองเลยหรือ องค์ชายนันยัง
หนุ่มแน่นแข็งแรงกว่าท่านพ่อ เขาย่อมทนพิษได้มากกว่า แต่ท่านพ่อ
กลับไม่ห่วงตัวเองเลย 
 
ฉินหยุนซีนําตาคลอ นางนันห่วงใยท่านพ่อทีสุด แต่ท่านไม่สนใจตัวเอง
เลย 
 
หญิงสาวให้ยากับพีสาวไปถวายองค์รัชทายาท ก่อนจะนําอีกเม็ดมาให้
บิดาตามทีท่านต้องการ 
 
ฉินเฉินอาการดีขึนอย่างรวดเร็วเมือกินยาเข้าไป ฉินหยุนซีค่อยโล่งอกที
บิดาปลอดภัย นางละสายตาจากบิดา มองความวุ่นวายรอบตัวองค์ชาย
หลีอี 
 
พีอีชิงของนางมอบยาให้เขากินแล้วเช่นกัน อาการขององค์ชายดีขึนใน
พลัน นันทําให้จ้าวหมิงถึงกับหน้าเสีย ตระหนกตกใจยิง 
 
“นางปศาจ คงคาดไม่ถึงสินะว่าหลีต้าของเราจะมีหมอเทวะอยู่ พิษ
กระจอกของเจ้าไม่สามารถทําอะไรพวกเราได้หรอก จงยอมรับโทษตาย
เสียแต่โดยดี!!” ฉินเฉินสังให้ทหารจับตายจ้าวหมิงกับซ่งชาง 
 
“เปนไปได้อย่างไร...หนอนปศาจของข้า หามียาใดสลายพิษได้ไม่...” 
 
จ้าวหมิงนันผิดหวังอย่างรุนแรง พิษทีนางมันใจยิงว่าไม่มีผู้ใดสลายได้ 
กลับทําอะไรหลีอีและฉินเฉินมิได้เลย 
 
“องค์หญิงระวัง!!” 
 
“โอ๊ย!!” 
 
จ้าวหมิงไม่ทันระวังตัวจึงถูกคมหอกของทหารรักษาพระองค์เข้าไป เหล่า
ทหารเมือโจมตีนางได้ ก็ยิงฮึกเหิมมีกําลังใจ ซ่งชางเห็นท่าไม่ดี รีบ
แหวกวงล้อมแล้วพาจ้าวหมิงหลบหนีออกไปอย่างทุลักทุเล 
 
กว่าจะพ้นออกจากตําหนักองค์รัชทายาทได้ ซ่งชางก็ได้บาดแผลเต็มตัว 
เขาเหนือยหอบแทบหมดเรียวแรง แต่ก็ยังอดเปนห่วงจ้าวหมิงมิได้ 
 
นางยังคงผิดหวังอย่างรุนแรง จิตใจไม่อยู่กับเนือกับตัว พิษหนอนปศาจ
ทีนางภูมิใจนัก วันนีกลับกลายเปนของไร้ค่า... 
 
“ไม่จริง ข้าไม่เชือ...หนอนปศาจของข้า ไม่มีวันถูกทําลาย...ไม่มีทาง...” 
นางล้มทรุดลงไปคุกเข่ากับพืนหญ้า ใบหน้าซีดเผือด ไร้เรียวแรงแม้จะ
พยุงกาย 
 
สุดยอดของพิษก็คือหนอนปศาจ นีเปนพิษทีรุนแรงทีสุดทีนางมี หากมี
ผู้ทําลายได้แล้วไซร้ นันเท่ากับว่านางไม่หลงเหลือสิงใดแล้วในชีวิต!! 
 
“องค์หญิงอย่าเสียใจไปเลย พวกมันคงมียาไม่กีเม็ดหรอก การปรุงยา
ถอนพิษสัตว์ในตํานานนันไม่ใช่เรืองง่าย พิษของหนอนปศาจเรายัง
สามารถทําได้อีกมาก ถ้าเราวางพิษใส่พวกมันพร้อมกันทีละหลายๆ
คนในคราเดียว พวกมันไม่มีทางหายามาใช้ทันแน่นอน...จะช้าหรือเร็ว 
พิษของท่านก็ต้องเอาชนะพวกหลีต้าได้แน่” 
 
ซ่งชางอายุมากกว่าหลายป เตือนให้สตินาง จ้าวหมิงพลันกะพริบตาถี 
ความคิดชัวร้ายบังเกิดในบัดดลนัน 
 
“จริงของเจ้าซ่งชาง พวกมันไม่มียาถอนพิษได้ทุกครังไปหรอก หนอน
ของข้าล้มได้ทังกองทัพ ในเมือมันรักษาได้หนึงข้าจะแพร่พิษสอง มัน
รักษาได้สองข้าจะแพร่พิษสี ดูซิว่าหมอเทวะของพวกมันจะช่วยได้ทุกครัง
หรือไม่” 
 
“องค์หญิง...ท่านอยากแต่งงานกับองค์ชายหลีเหยียนฟงจริงๆรึ?” 
 
ซ่งชางเอ่ยถาม เห็นผู้เปนนายดูช่างมุ่งมันจะบีบบังคับหลีเหยียนฟงนัก 
แต่ก่อนเขาไม่เคยเห็นองค์หญิงสนใจชายใด แต่พอได้เจอหลีเหยียนฟง 
นางก็เปลียนไป 
 
เดิมที...ท่านอ๋องเล่อปาต้องการส่งนางมาเพือเจริญสัมพันธไมตรีกับ
แคว้นใหญ่อย่างหลีต้า ทว่าความเอาแต่ใจตนเองขององค์หญิงก็ทําเสีย
เรืองไปหมด หากท่านอ๋องทราบเรืองนีเข้า ต้องกริวเปนแน่ 
 
แต่ก็กริวไปประเดียวประด๋าว เพราะท่านอ๋องนัน ทรงเอ็นดูจ้าวหมิงยิงนัก 
เลียงดูด้วยการตามใจนางมาตังแต่เล็ก นางอยากได้อะไรต้องได้ ไม่เคย
พลาดมาก่อนเลยสักครัง 
 
นีเปนครังแรกในชีวิต ทีจ้าวหมิงพลาดจากสิงทีนางอยากได้!! 
 
“เจ้าไม่เห็นรึ องค์ชายหลีเหยียนฟงเขาช่างสง่างามนัก แถมยังเปนถึง
ดาวมังกร ถ้าได้เขามาเปนพวก แคว้นลัวปาของเราจะยิงใหญ่เกรียงไกร 
เสด็จพ่อก็ต้องดีพระทัยแน่ๆ” จ้าวหมิงทําตาเพ้อฝนเมือนึกถึงหลีเหยี
ยนฟง ซ่งชางมองดูก็รู้ว่านางตกอยู่ในห้วงรัก นางกําลัง ‘หลงใหล’ 
อย่างถอนตัวไม่ขึน 
 
“แต่เขามีชายาอยู่แล้ว เช่นนันท่านจะฆ่าชายาของเขาหรือไม่?” ซ่งชาง
ถามต่อ 
 
“เฮอะ ก็แค่หญิงไร้ค่า มีดีแค่รูปโฉม...ข้าไม่จําต้องเสียพิษหนอนของข้า
กับคนไร้ค่าเช่นนางหรอก องค์ชายหลีเหยียนฟงอย่างไรเสียก็ต้องเปน
ของข้า เขาต้องเดินเข้ามา เปนฝายอ้อนวอนให้ข้าแต่งงานกับเขาเอง!” 
 
จ้าวหมิงแสยะยิม กลับมามันใจอีกครัง 
 
นางจะบีบให้เขายอมมาศิโรราบแทบเท้า อยากรู้เช่นกัน ว่าหลีเหยียนฟง
จะหยิงจองหองกับนางได้อีกสักเพียงใด 
 
กลับลัวปาครานี นางจะนําดาวเทพมังกรกลับไปด้วย เสด็จพ่อจะต้อง
ประทานรางวัลให้นางแน่นอน!! 
 
24.บุญคุณต้องทดแทน 
 
งานเลียงฉลองวันเกิดขององค์รัชทายาทต้องยุติลง ฮ่องเต้หลีปาเทียน
และฮองเฮาซู่เฟงรีบเสด็จมาดูอาการขององค์ชายหลีอีทีตําหนักของ
องค์รัชทายาทด้วยพระองค์เอง เรืองนีทําให้ทรงกริวจ้าวหมิงและเผ่าลัว
ปาเปนอย่างยิง 
 
“มันช่างบังอาจนัก กล้าเล่นสกปรกใส่อาอี อาเฉียว! เอาทหารไป ตาม
จับตัวนางปศาจนันมารับโทษให้ได้!!” ฮ่องเต้รับสังกับหลีเฉียวบุตรชาย
คนรอง ฝายนันรับคําสังแล้วรีบออกจากห้องนอนของหลีอีไปทันที 
 
ในห้องยามนีจึงเหลือบรรดาองค์ชาย ฉินเฉินและฉางซือรอรับคําสังของ
ฮ่องเต้และฮองเฮา 
 
“ลูกอี เจ้ารอดมาได้เพราะยาหมอเทวะผู้ใดรึ ไหนว่าพิษหนอนปศาจร้าย
แรงมาก หมอหลวงของเราก็ไม่เชียวชาญพิษของมันด้วย เหตุใดเจ้าจึงดู
ไม่เปนอะไรเลย...เจ้าได้ยาถอนพิษมาจากทีใดรึ?” ฮ่องเต้ทอดพระเนตร
สํารวจลูกชาย หลีอีอยู่ในชุดนอน หน้าตาดูเซียวไปก็จริง แต่ก็ดูปกติดี
ทุกประการ 
 
“นันสิลูกอี ตอนคนไปรายงานว่าลูกถูกพิษร้ายแรง แม่ใจหายนัก ลูกอี
ของแม่ ดีเหลือเกินทีเจ้าไม่เปนอะไร สวรรค์คุ้มครองเจ้าโดยแท้” พระ
นางซู่เฟงลูบหลังไหล่บุตรชายไม่หยุดหย่อน 
 
“ลูกไม่เปนไรแล้วจริงๆ เสด็จพ่อ เสด็จแม่โปรดวางพระทัย เปนเพราะลูก
ได้ยาวิเศษจากตระกูลฉินช่วยชีวิตเอาไว้...ต้องขอบคุณท่านเฉินทีช่วยข้า
...” 
 
หลีอีรู้สึกดีขึนต่อฉินเฉิน เดิมทีเขาไม่ชอบความกระด้างกระเดือง ชอบ
ขัดคําสัง วางอํานาจข่ม แทรกแซงการศึกไปทุกครังของฉินเฉิน แต่เรือง
วันนีทําให้เปลียนความคิดทีมีต่อฝายนัน 
 
หากไม่ได้ยาทิพย์ตกทอดมาของตระกูลฉิน เขาคงตายไปแล้ว...หากเขา
ตาย คนทีจะมาเปนรัชทายาทต่อจากเขาก็ต้องเปนหลีเหยียนฟงผู้โดด
เด่นอย่างไม่ต้องสงสัย 
 
“ฉินเฉิน ข้าเพิงรู้ว่าบ้านเจ้ามียาวิเศษชันยอดเช่นนี...เจ้าได้ยามาจากที
ใดรึ?” ฮ่องเต้หลีปาเทียนหันมาตรัสถามฉินเฉินทีคู้กายรออยู่ด้านหลัง
สุด ข้างกันกับฉางซือ 
 
“นีเปนยาวิเศษทีตกทอดมาตังแต่บรรพบุรุษของข้าพระองค์ มีเหลืออยู่
ไม่กีเม็ดแล้ว นับว่าองค์ชายทรงมีบุญญาบารมียิงนัก ทียายังเหลืออยู่
พอช่วยพระองค์ได้” 
 
“เจ้ามีบุญคุณต่อลูกข้า ต้องให้รางวัลเจ้าเปนการตอบแทนเสียแล้ว...เจ้า
ต้องการสิงใดเปนการตอบแทนขอให้บอกเถิดฉินเฉิน จะเปนแก้วแหวน
เงินทอง บ่าวไพร่รึของประดับลําค่า สิงใดทีข้ามี ข้ายินดีมอบให้เปนการ
ตอบแทน” 
 
“ฝาบาทเพคะ...” 
 
ฮองเฮาซู่เฟงอยากจะห้ามฮ่องเต้ ทว่าไม่ทันเสียแล้ว ฉินเฉินซึงรอเวลา
อยู่รีบกราบทูล มัดมือชก 
 
“ถ้าเช่นนันกระหม่อมอยากจะขอฝากฝงบุตรสาวคนโต อีชิงไว้ใต้การ
ดูแลขององค์ชายหลีอี ขอฝาบาททรงโปรดจัดสมรสพระราชทานให้ลูก
ข้ากับองค์ชายหลีอีด้วยพระเจ้าค่ะ” 
 
พลันทีฉินเฉินยกบุตรสาวให้องค์ชายรัชทายาท ทังห้องก็เงียบกริบ 
 
องค์ฮ่องเต้จากทีทรงยิมแย้มก็กลับมีพักตร์ทีนิงขึง เคร่งเครียด ทรงรู้ตัว
ว่า ‘พลาดเสียแล้ว’ เพราะมัวแต่ดีใจทีลูกชายปลอดภัย ลืมไปสนิทที
เดียวว่าเจ้าเจ้าฉินเฉินจ้องจะเกียวดองกับราชวงศ์อยู ่
 
ครังก่อนก็เสนอยกลูกสาวให้... หลีปาเทียนต้องออกปากให้หลีเหยี
ยนฟงรับบุตรสาวของฉินเฉินเอาไว้แทน เข้าใจว่านันคือฉินอีชิง แต่กลับ
กลายเปนบุตรสาวคนเล็กของมันไปแทนเสียได้ 
 
ทรงเสียรู้ เพราะไม่คาดว่าเจ้าฉินเฉินจะแอบซ่อนลูกสาวเอาไว้ในปาเขา 
ไม่มีผู้ใดล่วงรู้เลย แถมจากทีนําดวงชะตามาตรวจดู ก็เปนแค่เด็กสาว
ธรรมดาสามัญ มิได้มีความโดดเด่น ไม่คู่ควรกับลูกสามของพระองค์
แม้แต่น้อยนิด 
 
ตอนนีก็มาฉินอีชิงอีก...ฮ่องเต้หลีปาเทียนครุ่นคิดหนัก จะทําอย่างไรดี 
วาจาทีเอ่ยปากอนุญาตให้อีกฝายขอสิงใดก็ได้ ถ่วงรังพระองค์เอาไว้ 
ทรงหันไปทางหลีอี เห็นโอรสเองก็ส่ายหน้าน้อยๆ เปนเชิงปฏิเสธ 
 
หลีอีไม่ต้องการแต่งงานกับฉินอีชิง เมือก่อนไม่ ตอนนียิงไม่ สตรีทีอยู่
ในหัวใจของเขายามนีคือฉินหยุนซีต่างหาก! 
 
อยากรู้นัก หากเขาตอบตกลงรับการสมรสพระราชทานกับบุตรสาวของ
ฉินเฉินแทนหลีเหยียนฟง พระชายาของเขาจะเปนฉินหยุนซีหรือไม่...ถ้า
เช่นนันเขาคงเปนบุรุษผู้มีความสุขทีสุดในใต้หล้า 
 
“ฝาบาทตรัสเอง ว่าหม่อมฉันจะขอสิงใดก็ได้ หม่อมฉันเหลือลูกสาวอีก
คนทียังไม่เปนฝงเปนฝา ลูกอีชิงของหม่อมฉันเปนกุลสตรี งดงามน่ารัก 
นางชืนชมองค์ชายหลีอีมาช้านาน มุ่งหวังอยากปรนนิบัติรับใช้องค์ชาย
ด้วยความภักดี ขอฝาบาทและองค์ชาย โปรดพิจารณาด้วย...” 
 
ฉินเฉินเห็นว่าฮ่องเต้ยังไม่ทรงรับปากสักที จึงต้องกระตุ้นซํา ขณะยก
สองมือขึนประสานกันและก้มศีรษะคํานับลงไป ชายสูงวัยแอบลอบยิม
เจ้าเล่ห ์
 
ไม่นึกเลยว่าองค์หญิงจ้าวหมิงจะมาก่อเรืองเข้าทางเขาพอดี ราวกับ
สวรรค์ลิขิต...ครานีต่อให้ไม่เต็มใจ แต่องค์ชายหลีอีก็ไม่พ้นต้องรับ
ลูกสาวของเขาเปนพระยาชา 
 
อีชิงเอ๋ย...พ่อขอแสดงความยินดีกับเจ้าล่วงหน้า...ว่าทีพระชายา และ
ฮองเฮาในอนาคตอันใกล้!! 
 
อีกด้านหนึง ทีห้องรับรองแขกตําหนักองค์รัชทายาทนัน ฉินอีชิงและฉิน
หยุนซีต่างรอคอยฉินเฉินและองค์ชายหลีเหยียนฟงอยู่ สองพีน้องได้มี
โอกาสประจันหน้ากันอีกครัง หลังจากวันแต่งงานของฉินหยุนซีและ
ท่านอ๋องสาม 
 
ฉินอีชิงไม่ใคร่อยากจะมองหน้างดงามของน้องสาวนัก เพราะยิงมอง
นางก็ยิงขุ่นใจ ความงามบริสุทธิราวกับดอกเหมยปาทีชวนตราตรึงของ
เสียวซีช่างรบกวนจิตใจนาง เคยคิดว่าตนเองนันงามลําเปนหนึง แต่น้อง
สาวผู้นีกลับโผล่มา แล้วทําให้นางรู้สึกว่าตัวเอง ‘ด้อยค่า’ ลงไป 
 
ทว่าอีกไม่นาน นางจะได้แต่งงานกับองค์รัชทายาท...ฉินหยุนซีให้งาม
ปานนางฟาก็ไม่อาจเทียบวาสนาบารมีกับนางได้อีกต่อไป!! 
 
“เจ้าได้ยานันมาจากทีใดรึเสียวซี ซือต้าหยุนเหนียงอาจารย์เจ้าให้มารึ?” 
 
ฉินอีชิงเอ่ยถามน้องสาว นางเห็นตอนทีเสียวซีส่งยาให้บิดา 
 
“ใช่ อาจารย์มอบยามาให้ข้า บอกว่าให้ใช้ในเวลาทีเหมาะสม” ฉินหยุนซี
ยอมรับตามตรง ประสาซือ 
 
ฉินอีชิงตาลุกวาว ไม่อยากเชือ หญิงชราอยู่ปาเขาห่างไกลเช่นซือต้าหยุน
เหนียงกลับมียาวิเศษลําค่ายิง 
 
“เช่นนันเอามาให้ข้า ข้าจะเก็บไว้ให้เอง เจ้าไม่จําเปนต้องใช้อะไรแล้ว ต่อ
ไปข้าจะเปนผู้ดูแลยาทิพย์เอง” ฉินอีชิงแบมือมาต่อหน้าน้องสาว ทว่า
อีกฝายมองมือนางแล้วนิงไป จนพีสาวต้องเอ่ยซํา 
 
“เสียวซี ข้าบอกให้เอายามาให้ข้าอย่างไรเล่า เจ้าไม่ได้ยินทีข้าพูดรึ?” 
 
“ยานีอาจารย์มอบให้ข้า กําชับว่าเปนของสําคัญ...พีอีชิงมิได้เปนอะไร 
ข้าคงมอบให้ท่านมิได้” 
 
ฉินหยุนซีส่ายหน้าปฏิเสธ แล้วเมินหนีไปทางอืน ทําราวกับไม่สนใจกัน 
ฉินอีชิงถึงกับก้าวมาดักหน้าน้องสาว พร้อมเสียงแหลม แผดดุดัน 
 
“เช่นไรจึงมอบให้ข้ามิได้ ข้าเปนพีสาวของเจ้า เอายามาให้ข้าเดียวนี!” 
 
“ไม่ อย่าบังคับข้าท่านพี ไม่ให้ก็คือไม่ให้” 
 
ฉินหยุนซีขึนเสียงตอบโต้กลับไปเช่นกัน หากคิดไม่ถึงว่าคนเปนพีจะถึง
ขันสะบัดฝามือตบหน้านางดัง เผียะ! 
 
ฉินหยุนซีหน้าหันตามแรงตบของอีกฝาย พลันนันประตูห้องถูกผลักเข้า
มาอย่างแรง ฉินอีชิงถึงกับชะงักค้าง ด้วยผู้เข้ามาอย่างรวดเร็วนัน คือ
ท่านอ๋องสามและบิดาของนาง 
 
“อีชิง เจ้าทําอะไรเสียวซี!!” 
 
ฉินเฉินตวาดบุตรสาวคนโต ตาลุกวาวโรจน์ เห็นกับตาว่าอีชิงตบหน้า
เสียวซี 
 
“ท่านพ่อ...ข้า...เอ่อ...ท่านอ๋อง!!” 
 
ฉินอีชิงแทบจะรําไห้ ทังบิดาและท่านอ๋องสามต่างเข้ามาเห็นความหยาบ
คายก้าวร้าวของนางเข้าพอดี สวรรค์! ท่านเพิงเข้าข้างข้าอยู่หลัดๆ ไย
ตอนนีกลับแกล้งข้าเสียแล้วเล่า!! 
 
“เสียวซี เจ้าเปนอย่างไรบ้าง” หลีเหยียนฟงตรงเข้าไปคว้าสองไหล่
บอบบางของพระชายา ก้มหน้ามองสํารวจแก้มขาวลออของนาง เห็น
รอยแดงกําขึนมาทังแถบ 
 
ฉินอีชิงทําเกินไปแล้ว!! 
 
“เหตุใดจึงต้องทําร้ายเสียวซีด้วย นางเปนน้องของเจ้าก็จริง แต่บัดนี
นางคือชายาของข้า เหตุใดต้องปาเถือนหยาบคายใส่นาง เจ้าอยากตาย
ใช่หรือไม่!” ชายหนุ่มหันมาตะคอก เกรียวกราดใส่ผู้ทีทําร้ายฉินหยุนซี
ทันที! 
 
“ท่านอ๋องเมตตาด้วย ท่านอ๋องสามโปรดอภัย อีชิงมิได้ตังใจ อีชิงสํานึก
ผิดแล้ว ฮือ...” 
 
ฉินอีชิงคุกเข่าลง โขกศีรษะคํานับแทบไม่ทัน นางรําไห้สะอึกสะอืน 
หวาดกลัว ไม่คิดเลยว่าท่านอ๋องจะออกหน้าให้เสียวซีถึงเพียงนี เขาดู
โกรธมากจริงๆ 
 
“ไม่ตังใจ เจ้าพูดแค่นีแล้วจบเรืองงันรึ ทหาร!!” 
 
“ท่านอ๋องโปรดยังมือด้วย ลูกข้าเลอะเลือนทําร้ายพระชายา ท่านอ๋อง
โปรดเมตตา อย่างไรเสียก็เปนญาติกัน...พระชายา เมตตาอีชิงด้วย...” 
ฉินเฉินต้องช่วยเข้ามาขอร้องแทนฉินอีชิง ลูกสาวคนโตของของเขานัน
ช่างโง่เขลานัก บัดนีเสียวซีอยู่ใต้การปกปองของท่านอ๋องสาม มิใช่น้อง
สาวของนางคนเดิมอีกต่อไป หากอ๋องสามโกรธจัด สังประหารขึนมา 
เขาเองก็คงช่วยไม่ได้ 
 
ไม่รู้ว่าเสียวซีจะสามารถขอร้องสามีของนางได้หรือไม่... 
 
ฉินเฉินฝากความหวังไว้ทีเสียวซี แต่คนทีถูกคาดหวังก็ยังไม่รู้เลยว่านาง
จะทัดทานท่านอ๋องได้อย่างไร 
 
ทําไมเขาต้องโกรธมากมายขนาดนี... 
 
“ท่านอ๋องเพคะ ข้าไม่เปนอะไร...อย่าลงโทษพีอีชิงเลยนะเพคะ” ฉินหยุน
ซีขอร้องเขา อย่างไรเสียนันก็พีสาวนาง 
 
ถึงพีไม่รักนาง แต่นางก็ทนเห็นฝายนันเปนอะไรไปไม่ได้อยู่ด ี
 
“เจ้าใจดีเกินไป การใจดีจะเหมือนเปนคนอ่อนแอ คนอ่อนแอจะตกเปน
เหยือของพวกมากเล่ห์...ชายาของข้าใครจะมาแตะต้องไม่ได้ ไม่เว้นแม้
จะเปนพีสาว ต่อให้เปนบิดาของเจ้า ข้าก็จะลงทัณฑ์” 
 
เสียงเฉียบขาดดุดันของท่านอ๋อง ทําเอาฉินเฉินกับฉินอีชิงเหงือตก ฉิน
เฉินมองบุตรสาวคนโตอย่างตําหนิ นางทําให้เสียเรืองโดยแท้ ท่านอ๋อง
โกรธแล้ว จะได้อยู่รอดจนถึงเปนฮองเฮาหรือไม่เล่า? 
 
“ท่านอ๋อง ลงโทษพ่อข้าไม่ได้นะเพคะ” ฉินหยุนซีไม่มีทางยอมได้ นาง
ยกสองมือจับอกเสือของเขาเขย่าเบาๆ ขอร้องอ้อนวอน “เรืองนีขอให้
เลิกแล้วต่อกันไปเถิดเพคะ ถือว่าวันนีเปนวันมงคลขององค์ชายหลีอี 
อภัยให้บิดากับพีสาวข้าสักครังเถิดนะเพคะ” 
 
นางยกพีชายของเขาขึนอ้างอย่างชาญฉลาด หลีเหยียนฟงหรีตาจ้อง
หน้าเนียนสวยของพระชายา ในสมองครุ่นคิดจะสังสอนฉินอีชิงอย่างไร
ดี นางช่างกล้านัก เสนอตัวจะแต่งงานกับพีชายเขา อยากเปนพระชายา
ขององค์รัชทายาทจนตัวสัน หนําซํายังกล้ามาตบใบหน้างดงามของฉิน
หยุนซี...เขาไม่ยอมเลิกแล้วต่อกันไป โดยไม่ทําอะไรเลยแน่นอน 
 
“ก็ได้ ครังนีจะเห็นแก่พีชายข้า ลดโทษให้ฉินอีชิงสักครัง” 
 
เขาเอ่ยออกมา ปากบอกว่าเห็นแก่พีชาย แต่ความจริงเปนทีรู้กันว่า ‘เห็น
แก่พระชายา’ นันทําเอาฉินเฉินกับฉินอีชิงถอนใจยาวโล่งอก คิดว่าคง
ไม่มีอะไรแล้ว ลืมไปสนิทว่า หลีเหยียนฟง ‘ลดโทษ’ มิใช่ ‘ยกโทษ’ 
 
ดังนันเมือเขาสังลงโทษตามมา ฉินอีชิงจึงถึงกับเข่าทรุด แทบล้มลงไป
กับพืนอีกรอบ 
 
“ใครก็ได้ เข้ามา นําตัวฉินอีชิงไปลงโทษ ตบปากยีสิบที ครังหน้าจะได้
เข็ดหลาบ ไม่กล้าแตะต้องพระชายาหยุนซีอีก!!” 
 
สังแล้วก็หันหลังเดินหนี แทบจะโอบอุ้มพระชายาลอยไปโดยไม่ต้องเดิน 
 
ฉินอีชิงอ้าปากค้าง หน้าเผือดซีด ตระหนกเสียขวัญ นําตาร่วงพรูลงมา
ด้วยความหวาดกลัว 
 
“ท่านพ่อ!!” 
 
นางรําร้องหวังให้ฉินเฉินช่วย แต่ฝายนันส่ายหน้า ถอนใจยาวไม่
สามารถช่วยเหลือได้... 
 
นางกํานัลและทหารตามมาคุมตัวฉินอีชิงไปรับโทษตามบัญชาของท่าน
อ๋อง ฉินอีชิงคนงามถูกตบปากบวม แสบร้อน เจ็บปวดไปหมด นางรําไห้
จนนําตานอง ยิงเคืองแค้น 
 
ท่านอ๋องสาม จําไว้ ถ้าข้าได้เปนฮองเฮาวันใด ท่านต้องชดใช้คืนให้ข้า
เปนสิบเปนร้อยเท่า!!! 
 
25.ในรถม้า... 
 
ขบวนรถม้าส่วนพระองค์ของท่านอ๋องสาม ภายใต้การขับเคลือนอย่าง
ระมัดระวังของเหอตง วิงออกจากวังองค์ชายรัชทายาทมุ่งหน้าไปตาม
เส้นทางทีทอดยาว กลับสู่วังท่านอ๋องสาม ซึงอยู่ห่างกันอีกด้านหนึงของ
ตัวเมือง 
 
สถานการณ์ในรถม้ายามนีไม่เหมือนเช่นตอนขามา ท่านอ๋องหลีเหยี
ยนฟงนังกอดอกหลังตรงหลับตานิง ไม่พูดอะไรเลย ในขณะทีพระชายา
ตัวน้อย แอบช้อนตาโตคู่สวยมองเขาหลายต่อหลายครัง 
 
ฉินหยุนซียิงคิดก็ไม่เข้าใจ ตังแต่ตอนทีจ้าวหมิงขอนังข้างเขา และขอให้
เขาหย่าจากนางแล้วไปแต่งกับฝายนันแทน เหตุใดท่านอ๋องจึงปฏิเสธ
อย่างไร้เยือใย... 
 
และทีเขาปกปองนางจากพีอีชิงอีกเล่า...เขาเคยบอกว่าเกลียดชังนาง...ผู้
ทีเกลียดชังต้องปกปองกันเช่นนีด้วยหรือ? 
 
“มองอะไร หน้าข้ามีสิงใดติดอยู่รึ?” 
 
ชายหนุ่มเอ่ยถามทังทียังไม่ลืมตา ฉินหยุนซีตาโต ตกใจเล็กน้อย แต่ไม่
ได้หวาดกลัวต่อเขาเลย 
 
“ท่านเห็นข้า แสดงว่าท่านก็คอยมองข้าอยู่เช่นกัน” 
 
นางตอบโต้ ท่านอ๋องลืมตาคมกริบขึนมองพระชายาตรงๆ ก่อนเอ่ยพึม
พําเบาๆ 
 
“เฉไฉ” 
 
“ท่านว่าข้ารึ” 
 
“อยู่กันสองคน ไม่ว่าเจ้าแล้วว่าผู้ใด” 
 
“ฮึ กล้าว่าพระชายาเช่นนี หม่อมฉันจะฟองท่านอ๋องสามนะเพคะ” แสร้ง
ขู่เขา ก็เมือครู่ท่านอ๋องยังออกโรงปกปองนางอยู่เลย ดูสิตอนนีจะว่า
อย่างไร 
 
หลีเหยียนฟงทอดสายตาคมสวยดําสนิทของเขา มองหน้าเนียนลออ
ของพระชายาแล้วนิงเงียบไปครู่หนึง ก่อนจะเมินหน้าหนีไปทางอืนแล้ว
ตอบเสียงเรียบ 
 
“อ๋องสามคงไม่สนใจ ชายาซุกซนเช่นนี สมควรถูกดุแล้ว” 
 
“อืม...นันสิเพคะ ท่านอ๋องสามเกลียดชังชายาผู้นีอยู่แล้วนีนา...” นังเท้า
คางกับเข่าตัวเอง ทําปากยืน ก็ท่านอ๋องไม่เห็นอยู่แล้ว เสียวซีอยากทํา
อะไรก็ได้ “แต่จะว่าไป...ข้าประหลาดใจนัก เหตุใดท่านอ๋องไม่ทรงหย่า
กับข้าแล้วรับชายาคนใหม่แทนเล่า ไหนๆ องค์รัชทายาทก็คงต้อง
แต่งงานกับพีสาวของข้าแน่แล้ว...เหล่าเชือพระวงศ์ไม่ต้องคอยกลัวว่า
พ่อข้าจะคิดคดอีกต่อไป...ว่าไป ข้าก็กําลังจะหมดประโยชน์ต่อท่าน...
ท่านสมควรแต่งงานใหม่กับผู้ทีท่านรัก หรือผู้ทีสามารถเปนประโยชน์ต่อ
ท่านและหลีต้าได้มากกว่า...ถึงเวลานัน ท่านคงได้ทุกสิงทีปรารถนา” 
 
“เจ้ารู้หรือว่าข้าปรารถนาสิงใด” 
 
“บุรุษล้วนอยากได้อํานาจและสาวงาม ท่านอ๋องก็คงเช่นกัน” 
 
“ฉลาดพอใช้ แต่ข้าไม่ต้องการสาวงาม!” บอกนางโดยมิได้หันไปมอง 
 
เพราะข้ามีสาวงามอยู่แล้ว จะอยากได้สตรีอืนทีด้อยกว่าไปอีกทําไมกัน? 
 
หลีเหยียนฟงอยากตอบนางไปเช่นนัน แต่ใครจะพูดได้ เขาเคยว่านาง
เอาไว้ ประกาศว่าเกลียดนาง จะไม่ร่วมหอกับนาง สารพัดจะทําเอาไว้ 
หากกลับท่าทีมาเกียวนางตอนนี ฉินหยุนซีคงหัวเราะเยาะดูหมินกันเปน
แน่ 
 
ด้วยศักดิศรีท่านอ๋องทีคําคอ เขาไม่อาจทําดังใจได้...ดังนันจึงเลียงพูด
ไปอีกทาง 
 
“ชายาของข้าต้องเปนสตรีทีงดงาม อ่อนโยน ใจดีมีเมตตา น่าเอ็นดู...คง
หาเช่นนีไม่ได้หรอก” 
 
“โอ้โฮ นันเปนคุณสมบัติของเทพธิดาเลยเชียวนะเพคะท่านอ๋อง” ฉิน
หยุนซีบ่น คุณสมบัติขันเทพของพระชายาในอุดมคติของเขา แต่พอ
มองไปก็นึกขํา ท่านอ๋องหลีเหยียนฟงเอ่ยไปก็หน้าแดงจรดใบหู ดู
ประหลาดยิงนัก! 
 
ความรู้สึกยามนี ช่างแตกต่างจากในวันเข้าหอ ตอนนันแม้ไม่เห็นหน้า 
แต่นางก็ชิงชังความใจร้ายของเขานักหนา 
 
เอ...แล้วตอนนีนางยังชังเขาอยู่อีกหรือไม่เล่า? 
 
ฉินหยุนซีถามตนเอง แต่ไร้คําตอบเพราะท่านอ๋องเอ่ยขึนมาเสียก่อน 
 
“นันก็แน่อยู่แล้ว ดาวมังกรเช่นข้า ถ้าจะว่าไปแล้วก็ต้องเหมาะสมกับดาว
หงส์ฟาทีสุด ถ้าเปนแค่หญิงสาวธรรมดา ก็หาได้คู่ควรกับข้าไม่” 
 
“ฮึ ท่านยังจะรอดาวหงส์ฟาอีกรึ ไหนว่ารักแม่นางฉางซินนักหนาอย่างไร
เล่า พูดไปพูดมา สําหรับบุรุษแล้ว ก็มุ่งหวังแต่การแต่งงานเพืออํานาจ
อยู่ดี” 
 
“ข้าไม่เถียงว่าเจ้าเข้าใจถูก เมือก่อนข้าเปนเช่นนัน แต่ตอนนี...” 
 
“ตอนนีทําไมรึ?” นางถามพร้อมจ้องหน้าเขาจริงจัง หลีเหยียนฟงเปน
ฝายกะพริบตา เมินหน้าหนี 
 
“ไม่มีอะไร” เขาตัดสินใจไม่พูด ทําไมต้องให้พูดเล่า นางก็เห็นอยู่แล้วว่า
เขาไม่ต้องการหย่า! 
 
“ท่านอ๋อง ข้าไม่ว่าจริงๆนะเพคะ หากท่านต้องการหย่ากับข้าไปแต่งงาน
ใหม่...ข้ายินดีหย่าให้ท่านนะเพคะ” ฉินหยุนซีวกกลับมาเรืองเดิม นาง
ครุ่นคิดแล้ว...ในเมือเขาเกลียดนาง ก็ไม่มีประโยชน์ทีนางจะยึดเขาเอาไว้ 
การแต่งงานทีไร้สิงยึดเหนียวทางจิตใจ สักวันก็ต้องจบสินลงอยู่ด ี
 
จะช้าเร็วก็คงไม่ต่างกัน...อย่างมาก นางก็แค่กลับไปอยู่ในปาในเขาเช่น
เดิม... 
 
“หือ?” 
 
บรรยากาศทีกําลังดีอยู่ ตึงเครียดขึนมาในพลัน หลีเหยียนฟงขมวดคิว 
ส่งตาคมดุจ้องมองชายาของตนเองอย่างคาดไม่ถึง 
 
ฉินหยุนซีนังขัดสมาธิ กอดอก หลังตังตรง หน้าเคร่ง เอ่ยต่อด้วยท่าทาง
ดูเอาจริงเอาจังนัก 
 
“มาคิดดูแล้ว...ให้ท่านได้แต่งงานกับผู้ทีท่านปรารถนาก็ดีเหมือนกัน... 
ท่านเกลียดข้า เห็นหน้าข้าทุกวันก็มีแต่อารมณ์เสีย...ดังนัน ท่านอ๋อง
แต่งพระชายาใหม่เถอะเพคะ ข้าจะทําหนังสือหย่าให้” 
 
เฮือก!! 
 
หลีเหยียนฟงรู้สึกได้ ว่าเส้นสายในสมองของเขามันกระตุกอย่างแรง! 
เขาถึงกับขบริมฝปากตนเอง ข่มความเกรียวกราดเอาไว้ พูดไม่ออกอยู่
หลายอึดใจ ระหว่างนันก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ดังมาจากด้านนอกรถ
ม้า 
 
เหอตงขําอะไร เจ้านีชักเอาใหญ่แล้ว! 
 
“อาตง เหมือนว่าข้าจะได้ยินเสียงประหลาด ตังใจขับรถม้าหน่อย” 
 
คนถูกดุอยู่กรายๆ อมยิม ส่ายหัวไปมา เขานันตังใจขับรถม้าให้ท่านอ๋อง
และพระชายาอยู่แล้ว เพียงแต่เขาอดดีใจไม่ได้ 
 
ท่านอ๋องสามทีแต่ไหนแต่ไร มิได้ยินดียินร้ายเรืองแต่งงานหรือรับอนุ 
ใครมาถวายก็รับไว้ พระบิดาให้แต่งงานก็แต่ง ไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของ
ตนเองเท่าใดนัก มาวันนีกลับทรงปฏิเสธองค์หญิงจ้าวหมิงด้วยตัวเอง
เปนครังแรก 
 
เหอตงรู้ดีทีสุด เจ้านายของเขาเปลียนไปแล้ว แม้ว่าฉินหยุนซีจะเปน
หญิงสาวธรรมดา แต่นางก็ได้เข้ามาเปลียนชีวิตของท่านอ๋องสาม อย่าง
ไม่เคยมีผู้ใดทําได้มาก่อน 
 
ดูเถิด นางช่างกล้าหาญขอหย่าจากท่านอ๋อง ทังทีท่านอ๋องได้บอกปด
จ้าวหมิงไป นางไม่รู้หรือไรว่าท่านอ๋องเลือกนางมากกว่าเหตุผลทางการ
เมืองใดๆ! 
 
“ข้าไม่อยากคุยเรืองนี” 
 
หลีเหยียนฟงหันกลับมาตอบโต้กับฉินหยุนซี แต่การทีเขาบอกปด ไม่
สนใจข้อเสนอของนาง ทําให้นางประหลาดใจนัก 
 
ท่านอ๋องน่าจะดีใจมิใช่หรือ นีไม่เพียงจะไม่ยินดี แต่เขายังนังนิง หลับตา
หนีนางไปดือๆ 
 
“ท่านอ๋อง ข้าพูดจริงนะเพคะ ข้าจะหย่า...” 
 
“หุบปาก ข้าไม่อยากฟงเสียงเจ้า” 
 
เสียงเข้มดุขึง หน้าหล่อเหลาก็ดุถมึงทึงยิงนัก ฉินหยุนซีถึงกับคอหด 
กลับมานังกอดเข่า หน้าเจือน 
 
ท่านอ๋องโกรธนางหรือ...แต่นางทําเพือเขา เขาน่าจะดีใจมิใช่รึ... 
 
ฉินหยุนซีนิง ครุ่นคิด นางเองก็ไม่เข้าใจตนเองนัก เหตุใดท่านอ๋องที
ปฏิเสธข้อเสนอขอหย่าของนาง ด้วยอาการหน้าบึงตึงดูโกรธจัดนัน 
กลับทําให้หัวใจนางเต้นแรง พองโต 
 
ทุกคราทีเขาเลือกเคียงข้างนาง นางรู้สึกอบอุ่นราวกับได้รับการปกปอง 
ความรู้สึกนีท้นทวีขึนมาจนแน่นอยู่ในอก... 
 
นางอยากทําอะไรเพือเปนการตอบแทนเขาบ้าง อย่างน้อยท่านอ๋องจะ
ได้ลดความชิงชังทีมีต่อนางลงสักนิดก็ยังดี... 
 
ฉินหยุนซีทนนังนิงเงียบมาระยะเวลาหนึง นางนึกเบือจึงแง้มผ้าม่านที
หน้าต่างออกดูทิวทัศน์สองข้างทาง มองออกไปแลเห็นตลาด มีสินค้า
และของกินหน้าตาพืนๆ แต่ดูน่ากิน มีร้านหนึงขายปนปกผมรูปดอกไม้
สวยงาม นางสนใจจ้องมองดู เมือรถกําลังจะเลยผ่านไป จึงตัดสินใจ
ร้องขอต่อท่านอ๋อง 
 
“ท่านอ๋องเพคะ ข้าขอลงไปซือของทีตลาด ได้หรือไม่เพคะ” 
 
“มีของทีอยากได้รึ?” เขาลืมตาขึนมองแล้วถามเสียงเรียบ ไม่รู้ว่าจะ
อนุญาตหรือไม่ 
 
“เพคะ ไม่ใช่ของสําคัญอะไร ท่านอ๋องให้ข้าลง แล้วกลับตําหนักไปก่อน
ก็ได้ ข้าซือของเสร็จแล้วจะกลับตําหนักเอง ท่านอ๋องจะได้ไม่เสียเวลา” 
 
นางกล่าวโดยลืมดูการแต่งกายของตนเองไปชัวขณะ ทว่าท่านอ๋องสาม
นันเห็นเต็มตาและกระจ่างแก่ใจยิง หากนางลงไปเดินตลาดของชาวบ้าน
ในสภาพเช่นนี ผู้คนจะต้องแตกตืน พากันมารุมล้อมชายาของเขา โดย
เฉพาะพวกผู้ชาย ใครจะไปยอมให้คนพวกนันใช้สายตาหืนกระหายจ้อง
มองนาง!! 
 
“อยากได้สิงใดจงบอกอาตง ให้เขาลงไปซือให้ เจ้าไม่ต้องลง อยู่บนนี
ห้ามไปไหน” ท่านอ๋องสังเสียงดุเข้มงวด ดูเหมือนจะโกรธหนักยิงกว่า
เดิม 
 
ฉินหยุนซีหน้ามุ่ย แสนจะผิดหวัง แต่ไม่มีทางเลือก สามีว่าอย่างไรก็ต้อง
ว่าตามกัน 
 
ก็เขาเปนถึงท่านอ๋องผู้ยิงใหญ่นีนะ!! 
 
26.มลทินในอดีต 
 
รถม้ามาจอดนิงสนิท ณ เบืองหน้าตําหนักไท้ฝู ท่านอ๋องหลีเหยียนฟง
จูงมือพระชายาลงจากรถม้า ท่ามกลางสายตาของบ่าวไพร่ทีบางคนถึง
ขนาดแอบอมยิมถูกใจ ด้วยชืนชมพระชายามาตังแต่ตอนทีนางช่วยชีวิต
เด็กน้อยเอาไว้จากม้าโลหิตแล้ว 
 
สองสามวันมานี ภายในวังก็เงียบสงบ มีความสุขขึน บรรดาอนุทังหลาย
ของท่านอ๋องไม่เคยโผล่หน้ามาวุ่นวาย พอขาดม่งกู่หลิงลูกพีใหญ่ไปสัก
คน ก็เหมือนขาดขุมพลังขับเคลือน พวกนางอยู่เงียบๆแต่ทีเรือน คงรอ
เวลาเหมือนดอกไม้เหียวแห้ง เพราะท่านอ๋องอยู่แต่กับพระชายาไม่ไป
ไหนเลย 
 
“ท่านอ๋องเพคะ หมดหน้าทีแล้ว ข้า...เอ่อ...เสียวซีขออนุญาตกลับตํา
หนักสุ่ยหลิงนะเพคะ” เปลียนคําแทนตัวให้น่าเอ็นดู ท่านอ๋องจะได้
อนุญาต ปานนีพีสาวทังสองคงรอนางอยู่แล้ว อีกประการ นางอยากไปดู
ว่าตําหนักสุ่ยหลิงเมือซ่อมแซมแล้วจะสวยงามขึนสักเพียงใด 
 
“ได้ เจ้าไปเถิด ไว้แล้วข้าจะไปรับ” 
 
“เอะ ท่านอ๋อง แต่ว่าเสียวซีจะพักทีนัน...” 
 
“อาตง ไปส่งพระชายา ดูแลนางให้ดี เรียบร้อยแล้วไปเชิญองค์ชายหก
มาพบข้าด้วย ข้าจะไปรอทีห้องหนังสือ” 
 
“พะยะค่ะท่านอ๋อง” เหอตงคํานับรับคําสัง 
 
หลีเหยียนฟงไม่สนใจทีฉินหยุนซีทักท้วงเลย เขาสังเหอตงแล้วก็หัน
หลังเดินเข้าตําหนักไท้ฝู สีหน้าของเขาเคร่งขรึม ดูเปนกังวล... 
 
การปรากฏตัวของจ้าวหมิง คงสร้างความวิตกให้กับทุกคนเปนอันมาก 
ฉินหยุนซีอดสงสัยไม่ได้ พิษหนอนปศาจของจ้าวหมิงนัน สามารถใช้
เลือดของนางแก้ได้หรือไม่ 
 
ถึงท่านพ่อไม่ประสงค์จะให้นางใช้ความสามารถของหงส์ฟา แต่ยาทิพย์
ของอาจารย์เหลืออยู่แค่สองเม็ดเท่านัน หากมีคนถูกพิษอีกแล้วจะทํา
อย่างไร...จ้าวหมิงคงไม่หยุดอยู่แค่เรืองวันนี นางดูหลงใหลท่านอ๋อง
เปนอย่างมาก 
 
ฮึ นอกจากจะเกิดมาในดวงของมังกรผู้ยิงใหญ่แล้ว ยังหล่อหลาสง่างาม
เปนทีต้องตาต้องใจของสตรีมากมาย ทังพีสาวนาง ทังจ้าวหมิงต่างก็ชืน
ชอบเขาทังสิน 
 
แต่ท่านอ๋องบอกว่าชอบฉางซินมิใช่รึ เหตุใดตอนอยู่ในงานเขามิได้มอง
ฉางซินสักเท่าไหร่เลยเล่า? 
 
ท่านอ๋องแทบไม่มองผู้ใดเลย ทังพีสาวของนางหรือจ้าวหมิง ท่านอ๋อง
ทรงมองแต่...เอ๋...? 
 
นวลแก้มใสผ่องแดงระเรือลามไปจรดใบหู เพิงระลึกได้บัดนีเอง ท่าน
อ๋องมิได้มองสตรีใดนอกจากนาง ท่านอ๋องคอยมองแต่ฉินหยุนซี! 
 
“โอ้ สวรรค์...” นางยกมือแตะทีตําแหน่งหัวใจตัวเอง หัวใจเต้นเร็วแรง
ราวกับจะทะลุออกมาเต้นอยู่ภายนอก 
 
เหตุใดนางต้องยินดี มีความสุขเช่นนี...หรือนางเองก็ชืนชอบท่านอ๋อง
สามเช่นเดียวกัน 
 
โอ...เสียวซี เหตุใดไปชอบท่านอ๋องได้ เขาเกลียดนางจะแย่ ไม่ได้นะฉิน
หยุนซี หากไปหลงรักท่านอ๋อง จะยิงมีแต่ต้องเสียใจ! 
 
นางยกสองมือตีแก้มนุ่มของตนเอง จนได้ยินเสียงถามไถ่ของเหอตง ก็
ถึงกับสะดุ้ง 
 
“พระชายาไม่สบายรึพะยะค่ะ?” 
 
“เปล่าๆ ข้ามิได้เปนอะไร” รีบส่ายหน้าปฏิเสธ หารู้ไม่ว่าตอนนีหน้าตัวเอง
แดงกําไปหมด เห็นแล้วช่างน่าเอ็นดูนัก 
 
เหอตงหันหน้าไปอมยิมทางอืน เอ็นดูพระชายาเหมือนได้น้องสาวน่ารัก
มาเพิมในวังอันเงียบเหงาแห่งนี 
 
“ถ้ามีสิงใดต้องการให้ข้าน้อยรับใช้ ขอทรงบอกได้เลยนะพะยะค่ะ” เขา
เอ่ยก่อนจะกลับมาเดินทําหน้านางอีก 
 
ฉินหยุนซีมองตามแผ่นหลังกว้างขององครักษ์หนุ่มไป เหอตงเข้าวังมา
นานแล้ว บางทีเขาน่าจะรู้เรืองเกียวกับพระสนมสุ่ยชิงหลิง 
 
ในเมือตอนเข้าวังรัชทายาทไปนัน มัวแต่วุ่นวายไม่มีเวลาปลีกตัวไปหา
ข้อมูลอะไรเลย ตอนนีมีแค่นางกับเหอตง หนทางสะดวกแล้ว 
 
“ท่านเหอ ข้าอยากทราบประวัติของตําหนักสุ่ยหลิง ไหนๆท่านอ๋องก็ยก
ให้เปนตําหนักของข้าแล้ว...แต่ข้ายังไม่รู้เรืองอะไรเกียวกับตําหนักนัน
เลย ท่านช่วยเล่าให้ข้าฟงไว้เปนความรู้หน่อยได้หรือไม่” 
 
เหอตงหยุดเดิน จุดทีเขาและพระชายายืนอยู่เปนเนินสะพานข้ามธารนํา
เล็กๆ เบืองล่างเปนสวนหย่อมทีออกจะกว้างขวางอยู่สักหน่อย 
 
“ตําหนักสุ่ยหลิง เดิมเปนของพระสนมสุ่ยชิงหลิง ต่อมาพระนางสินลง 
ตําหนักจึงถูกปล่อยทิงร้าง จนฮ่องเต้ทรงประทานทีดินบริเวณนีให้สร้าง
วังท่านอ๋อง ท่านอ๋องสามกับพระมารดาจึงย้ายมาประทับทีตําหนักไท้ฝู 
ส่วนตําหนักสุ่ยหลิงก็ปล่อยทิงร้างเอาไว้จนท่านเข้ามา...” เหอตงทูล
ตอบอย่างนอบน้อม 
 
“แล้ว...เหตุใดพระสนมจึงสินเล่า พระนางเปนอะไรรึ?” ฉินหยุนซีซักถาม
ต่อ แสร้งทําเปนไม่รู้เรืองรู้ราวอะไร 
 
“ตืนลึกหนาบางเรืองนี ข้าน้อยมิรู้ชัดแจ้ง แต่จากทีพวกนางในพูดกัน 
คล้ายว่าพระสนมจะกินยาพิษเพือหนีความผิดทีทรงทําเอาไว้พะยะค่ะ” 
 
“หือ? หนีความผิดรึ พีหลิงหลิง...เอ่อ พระสนมทําผิดอันใดรึ!” ฉินหยุน
ซีนึกโกรธแทนสุ่ยชิงหลิง ใครกันกล้าบังอาจใส่ร้ายปายสีพีสาวของนาง! 
 
“ตอนนัน...ฮองเฮาซู่เฟงยังเปนพระสนมเอกอยู่ พระนางจู่ๆก็ถูกพิษร้าย 
อาการหนักมากทีเดียว เจ้ากรมอาญาสืบสวนบอกว่าเปนความผิดของ
พระสนมสุ่ยชิงหลิง เพราะยาพิษทีว่านันอยู่ในนําซุปไก่ดําทีพระนางนํา
มาถวายพระสนมเอก...เรืองนีลือกระฉ่อนไปทัววัง ต่างเชือว่าพระสนม
สุ่ยชิงหลิงริษยา อยากได้ตําแหน่งพระสนมเอก จึงวางยาจะฆ่าพระนางซู่
เฟง” 
 
“มีเรืองเช่นนีด้วยรึ...” ฉินหยุนซีหน้าเศร้า คิวเรียวสวยลู่เข้าหากัน 
 
ตอนนันพีหลิงหลิงคงทุกข์ใจนัก... 
 
“พระสนมสุ่ยชิงหลิงทรงปฏิเสธข้อกล่าวหาทุกอย่างก็จริง แต่หลังจากที
พระนางถูกสอบสวนไม่กีวันก็ทรงสินพระชนม์ ลือกันว่าทรงดืมเหล้าพิษ
เพือต้องการหนีความผิดทีทําไว้” 
 
ฉินหยุนซีนิงไป...ในหัวใจชาหนึบ พลอยเจ็บปวดตามผู้ทีถูกเข้าใจผิด 
 
พระสนมสินไปด้วยมลทินติดตัว ว่าพระนางฆ่าตัวตายหนีความผิดทีทําไว้
กับฮองเฮาซู่เฟง มิน่าเล่าวิญญาณของนางจึงไม่สามารถไปสู่สุคติภพได้ 
 
“พระชายา ท่านรําไห้...” เหอตงตกใจทีเห็นนําตาปริมกรอบตาคู่งามของ
ฉินหยุนซี 
 
“ใช่ ข้าสงสารพระสนม นางอาจจะตายไปทังๆทียังแบกรับมลทิน เพราะ
เหตุนีวิญญาณจึงไม่สงบ...ฮือ...” 
 
“พระชายา...” เหอตงอึกอัก ไม่รู้จะปลอบเจ้านายอย่างไร จะแตะตัวนาง
ก็หาได้ไม่ ดังนันจึงต้องสรรหาคําพูดเหมาะๆมาปลอบยกใหญ่ “วังหลวง
ก็เปนเช่นนี มีผู้คนมากมายอยากเข้ามา แล้วก็มีอีกนับไม่ถ้วนทีต้องตาย
ไปทังๆทีไม่รู้ว่ามีความผิดจริงดังทีถูกกล่าวหาหรือไม่...เรืองมันนานมาก
แล้ว พระชายาอย่าเศร้าไปเลย ปานนีพระสนมกับชิวเหอคงไปเกิดใหม่
แล้ว...” 
 
“ยัง พระสนมกับชิวเหอยังอยู่!” ฉินหยุนซีร้องบอกอีกฝายไป นําตายัง
ไหลเผาะๆ เหอตงถึงกับอึง กะพริบตาเรียวเล็กของตนเองปริบๆ... 
 
“พระชายาหมายถึง...ผีพระสนมสุ่ยชิงหลิงกับชิวเหอ...?” 
 
เหอตงย้อนถามเบาๆ กลืนนําลายลงคออึกใหญ่...พระชายาพยักหน้า
ยืนยันมันใจ 
 
“ใช่ ข้าเห็นพวกนางมากับตา นันอย่างไรเล่า ทังสองคนรอข้าอยู่ทีหน้า
ตําหนักแล้ว” ฉินหยุนซีหันไปเห็นทังสองคนทีหน้าตําหนัก พวกนางยืน
รออยู่ จึงทิงเหอตงแล้ววิงเข้าไปหา 
 
พระสนมสุ่ยชิงหลิงน่ะหรือจะวางยาลอบฆ่าฮองเฮาซู่เฟง...นางไม่เชือ 
ไม่มีวันเชือเปนอันขาด 
 
‘เสียวซีเจ้ากลับมาแล้ว พวกเรามีของจะอวดเจ้าด้วย มาเร็วเข้าเสียวซี’ 
 
สุ่ยชิงหลิงโบกมือเรียกพร้อมรอยยิมสดใส เช่นเดียวกันกับชิวเหอ ทัง
สองดูตืนเต้นยินดีทีได้พบฉินหยุนซี 
 
“ข้าก็มีเรืองในวังองค์ชายหลีอี มาเล่าให้พวกท่านฟงเช่นกัน” 
 
ฉินหยุนซีรีบใช้ผ้าแพรเช็ดนําตา ร้องบอกพวกนางไป ลืมสนิทว่าเหอตง
ยังยืนมองอยู่จากทีไม่ไกลนัก และได้ยินทีพระชายาพูดคนเดียวชัดเจน 
 
พระชายาเห็นผีและพูดกับผีได้อย่างนันรึ!? 
 
ท่านอ๋องทรงทราบเรืองนีหรือไม่!!? 
 
27.เตรียมรับมือ 
 
ทีห้องหนังสืออันเปนห้องทรงงานขององค์ชายหลีเหยียนฟง ชายหนุ่ม
เขียนจดหมายขึนสองฉบับ ขณะกําลังจะเขียนเสร็จ ประตูหน้าห้องถูก
เคาะก่อนจะเปดเข้ามาโดยองค์ชายหก 
 
“พีสาม เรียกข้ามา ต้องการคุยเรืองจ้าวหมิงใช่หรือไม่” 
 
หลีลิวหลางล่วงรู้ใจพีชายได้ไม่ยาก ตอนนีทังวังก็ร้อนใจเพราะพิษร้าย
ของจ้าวหมิงกันไปหมด ก่อนจะแยกกันออกจากวังของรัชทายาทมา พี
สามก็สังให้เขาไปคุยกับหมอหลวงเรืองพิษหนอนปศาจมาด้วย 
 
“นําตัวอย่างพิษหนอนปศาจ ไปให้หมอหลวงวิเคราะห์จําแนกพิษแล้ว
หรือยัง?” 
 
“เรียบร้อยแล้วพีสาม เห็นท่านหมอบอกว่า มันเปนพิษร้อนมีฤทธิเผา
ไหม้เลือดเนือของเหยือ พิษชนิดนีมีอานุภาพความเข้มข้นสูงมาก ใช้แค่
ไม่กีเกล็ด ก็สามารถฆ่าศัตรูได้ ถ้าต้องพิษทางผิวหนัง ทังร่างจะถูกเผา
ไหม้ภายในหนึงชัวยาม ก่อนสินลมจะเจ็บปวดทรมานเหมือนตกนรก แต่
หากดืมกินพิษเข้าไป จะออกฤทธิแผดเผาอวัยวะภายใน ตายในเวลาไม่กี
อึดใจเท่านัน” 
 
“ร้ายแรงมาก...” หลีเหยียนฟงหน้าเครียด หนักใจยิงนัก 
 
หนอนปศาจ...สัตว์อะไร ทําไมจึงเก็บสะสมพิษเอาไว้ในตัวได้มากมาย
เพียงนี? 
 
“แล้วท่านหมอมีวิธีรักษาได้หรือไม่?” เขาถามน้องชายต่อ 
 
“ท่านหมอบอกว่า หนอนปศาจเปนของหายากมาก ท่านหมอเองยังไม่
เคยเห็นมันเลยด้วยซํา คงต้องขอเวลานําพิษของมันมาจําแนก
คุณสมบัติสักระยะ...” 
 
“สักระยะนีนานเพียงใด หนึงวัน หนึงเดือน หรือหนึงป ปานนันเชือพระ
วงศ์มิถูกพิษของนางกันหมดแล้วหรอกรึ!!” 
 
“พีสาม จ้าวหมิงชอบท่านมาก นางดูต้องการจะแต่งงานกับท่านจริงๆ...
หากยังแก้พิษของนางมิได้...ท่านจะพิจารณาเรืองแต่งงานกับนางหรือ
ไม่...” หลีลิวหลางเอ่ยถาม หยังเชิงพีชาย ทว่าหลีเหยียนฟงกลับฟาด
ฝามือเปรียงบนโต๊ะทีนังอยู่ ผู้เปนน้องถึงกับสะดุ้ง หน้าเสีย 
 
“ข้ารึจะแต่งงานกับคนอย่างนาง ให้ตายก็ไม่มีวันแต่งเด็ดขาด!” 
 
“แต่พีสามก็ยังยอมแต่งกับพีสะใภ้...” 
 
“มันไม่เหมือนกัน ตอนนันข้าแต่งตามบัญชาของเสด็จพ่อ” หลีเหยี
ยนฟงแก้ตัว หากแต่หลีลิวหลางก็ยังรุก ไล่ต้อนไม่หยุดหย่อน 
 
“เช่นนันหากครานีเสด็จพ่อมีพระบัญชาให้พีแต่งกับจ้าวหมิง พีสามก็จะ
แต่งอย่างนันรึ?” 
 
หลีเหยียนมิได้ตอบน้องชายในครังนี เขานิงเงียบไป ใบหน้าหล่อเหลา
เรียวได้รูปเหมาะเจาะนันกร้าวกระด้าง ดุดัน 
 
นันสิ...แต่ก่อนเขาไม่เคยต้องคิดอะไรมากมาย ขอเพียงเปนบัญชาของ
เสด็จพ่อ ขอเพียงแค่ได้ทําประโยชน์เพือบ้านเมือง...ทว่าตอนนีหลีเหยี
ยนฟงไม่อาจเอ่ยได้เต็มปากเต็มคําเช่นวันวานอีกต่อไป 
 
“ข้าคิดว่า...มันมีทางอืนอีก ไม่จําเปนทีจะต้องแต่งงานกับนาง” 
 
เขาตอบเลียงไปไม่ตรงกับคําถามของหลีลิวหลาง คนเปนน้องรับฟงแล้ว
ก็เงียบไป ใบหน้าคมคายอ่อนโยนขององค์ชายหกหม่นเศร้า 
 
เขารู้ใจนิสัยพีชายดี...ถ้าพีสามเปลียนไปเช่นนี ก็มีเหตุผลเดียวเท่านัน 
 
พีสามนะพีสาม ก็ไหนท่านบอกว่า ไม่ชอบพระชายาอย่างไรเล่า? 
 
“นันสิ... ถึงอย่างไรเราก็ยังมียาทิพย์ของฉินเฉินอยู่ สถานการณ์คงไม่
เลวร้ายมากนัก” หลีลิวหลางเอ่ยเสียงเรียบ หน้าเศร้า...รู้สึกผิดหวังอยู่
บ้าง เขาชอบฉินหยุนซี... แต่ถ้าพีชายชอบนางด้วยเช่นกัน ลิวหลางจะไป
สู้พีสามได้อย่างไรเล่า... 
 
“ยาทิพย์ของฉินเฉินรึ” 
 
หลีเหลียนฟงพลันนึกได้ เขาเคยเห็นยานันมาก่อน...วันทีลิวหลางบาด
เจ็บเพราะถูกวิญญาณผีร้ายเล่นงาน พระชายาของเขาก็นํายาเม็ดสีแดง
มันเงานันให้ลิวหลางกิน... 
 
หรือยาทีองค์รัชทายาทกินเข้าไปนัน แท้จริงแล้วมิใช่ของฉินเฉิน แต่เปน
ของฉินหยุนซี 
 
นางเคยบอก ว่านันเปนยาทิพย์ของอาจารย์นาง...ถ้าเปนสิงวิเศษลําค่า
เช่นนัน ก็แสดงว่าคงมีไม่กีเม็ด!! 
 
“ข้าเกรงว่ามันจะไม่พอน่ะสิ...ทางทีดีก็คือ เราต้องจับตัวจ้าวหมิงให้ได้
โดยเร็วทีสุด” หลีเหยียนฟงไม่อาจประมาทได้ ขึนชือก็บอกแล้วว่า ‘ยา
ทิพย์’ แสดงว่ามันต้องเปนของทีได้มายาก ต้องมีเพียงไม่กีเม็ดอยู่แล้ว 
 
“ท่านพ่อรับสังให้ทหารตามล่าตัวนางแล้ว ต่อให้มีปกบิน นางมารนันก็
หนีไม่รอดแน่ พีสามโปรดวางใจ” หลีลิวหลางปลอบผู้เปนพี ก่อนจะนึก
อะไรบางอย่างได้ แล้วเอ่ยต่อ 
 
“จริงสิพีสาม จ้าวหมิงนางอายุไม่เท่าไหร่ แต่กลับเชียวชาญพิษถึงเพียง
นี นับได้ว่านางเปนผู้มีพรสวรรค์หายากผู้หนึง...ท่านคิดว่า...นางจะใช่
ดาวหงส์ฟาทีพวกเราตามหาอยู่หรือไม่?” 
 
“เหลวไหล ดาวเทพไม่มีทางโหดเหียมเหมือนเช่นทีนางทํา!” หลีเหยี
ยนฟงดุน้องชายพลางโบกมือ ไม่เปดโอกาสให้หลีลิวหลางเอ่ยกระไรต่อ 
ด้วยการชิงอธิบาย “หมอดูเทวดาทํานายเอาไว้เมือก่อนข้าเกิด ว่าแผ่น
ดินหลีต้าของเราจะกําเนิดดาวเทพถึงสองดวง ทังดาวหงส์และมังกร จะ
ต้องเปนชาวหลีต้า มิใช่ชาวเผ่าลัวปา ต่อให้จ้าวหมิงมีพรสวรรค์สักปาน
ใด แต่พรสวรรค์ของนางใช้ในทางทําลาย มิใช่ช่วยเหลือผู้คน เทพต้องมี
จิตเมตตา โดยเฉพาะหงส์ฟา นางไม่มีวันทําร้ายผู้ใด” 
 
“แต่เสด็จพ่อตามหามาตังยีสิบกว่าปแล้ว ก็ยังไม่พบหงส์ฟา ข้าเริมคิด
แล้วว่าหมอดูเทวะอาจจะผิดพลาด...ตอนนีเขาก็หายตัวไป ไม่มีผู้ใด
พบเห็น อาจจะตายไปแล้ว...เหลือแต่พวกเราทียังคงตามหาหงส์ฟา
ราวกับคนบ้า” หลีลิวหลางเอ่ยอย่างท้อใจ ไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึน 
ผ่านมาปานนีผู้ถือชะตาดาวหงส์ฟาทีทุกคนรอคอยก็ยังไม่ปรากฏ 
 
แต่ถ้าหากว่านางปรากฏตัว ฉินหยุนซีคงลําบาก เพราะมังกรนันย่อม
คู่ควรกับหงส์ พีสามอาจจะต้องรับหงส์ฟาเข้ามาเปนชายาเอก... 
 
หลีลิวหลางคิดถึงฉินหยุนซีแล้วก็อดใจหายมิได้ เขาสงสารนางยิงนัก 
 
“ทีหาก็หาไปเถิด แต่พวกเราอยู่ตรงนี ไม่ควรแต่รอชะตา ต้องทําในสิงที
เราทําได้ พรุ่งนีข้าจะเข้าเฝาเสด็จพ่อ ปรึกษาเรืองจ้าวหมิง เจ้าจะไปด้วย
กันไหมน้องหก” 
 
หลีเหยียนฟงชวนน้องชายในตอนท้าย หลีลิวหลางทีเห็นชอบตามเขา
ทุกอย่างมีหรือจะปฏิเสธ 
 
“ได้สิ ข้าจะไปกับท่าน...อ้อ พีสาม แล้วท่านคิดเห็นเช่นไร ทีฉินเฉินบัง
คับให้พีใหญ่แต่งงานกับฉินอีชิง ตาแก่นันช่างฉวยโอกาสนัก ข้ามองก็ร ู้
พีใหญ่มิได้ชืนชอบฉินอีชิงเลย” 
 
“เจ้ามองพีใหญ่ทะลุปรุโปร่งถึงเพียงนันเชียว ถ้าเช่นนันแล้วเจ้ารู้หรือไม่ 
พีใหญ่ชมชอบผู้ใด?” หลีเหยียนฟงย้อนถามน้องชาย ใบหน้าคมเข้ม
หล่อเหลายังนิงเรียบ ต่างจากหลีลิวหลางทีเริมกระอึกกระอัก 
 
“เอ่อ...” เขาจะตอบท่านพีได้อย่างไร สายตาของพีใหญ่นัน เอาแต่จ้อง
มองพีสะใภ้สามไม่ลดละ! 
 
พีใหญ่หาได้สนใจฉินอีชิงหรือสาวงามคนใด นอกจากฉินหยุนซีผู้โดด
เด่นราวกับเทพธิดาจําแลงกายมาเปนมนุษย์! 
 
“ทีคราวนีถึงกับพูดไม่ออกเลยนะเจ้าหก พีใหญ่ของเจ้าดูยากปานนัน
เชียวรึ” หลีเหยียนฟงยิมน้อยๆ แต่หลีลิงหลางกลับขนลุก 
 
พีสามยิมอย่างโหด พีสามต้องรู้แน่ๆว่าพีใหญ่หมายปองฉินหยุนซี พี
สามฉลาดออกจะตายไป!! 
 
“ข้า...ข้านึกได้ว่ามีธุระ ขอตัวไปทําธุระก่อน แล้วพบกันพรุ่งนีนะพีสาม” 
 
หลีลิวหลางคิดว่าเขาไม่สมควรเอ่ยออกไป จะเท่ากับยิงเพิมความ
บาดหมางให้พีชายทังสองมากกว่า แค่ทีพีใหญ่ได้เปนรัชทายาทก็ไม่รู้ว่า
พีสามจะคิดมากเพียงใด ครานีพีใหญ่กลับมาสนใจพระชายาของพีสาม
เข้าอีก...น่ากลัวว่าอาจจะมีปญหาใหญ่ในอนาคต 
 
หลีลิวหลางลอบมองอีกฝาย ก่อนจะเดินเลียงออกมา เห็นชัดเจนว่าพี
สามอารมณ์ไม่ดี ท่าทีเหมือนโกรธพีใหญ่เสียด้วย 
 
พีสามรักฉินหยุนซีชัดๆ! 
 
อีกทางหนึงนัน ฉินหยุนซีเข้ามาภายในตําหนักสุ่ยหลิงทีสวยงามราวกับ
ตําหนักเพิงสร้างเสร็จใหม่ๆ ผ้าม่าน ผ้าปูเตียง โต๊ะเก้าอี หรือแม้กระทัง
ชุดกานําชาก็ยังใหม่เอียมสวยงาม นางมัวแต่สํารวจไปรอบๆตําหนักด้วย
ความตืนตาตืนใจ จนมาหยุดอยู่ทีสวนด้านหลังตําหนัก ตอนนีมีต้นไม้
และดอกไม้ถูกนํามาปลูกตกแต่งเอาไว้จนเต็มพืนที เห็นแล้วช่างแสน
สดชืน แจ่มใส อดเอ่ยปากชืนชมท่านอ๋องมิได้ 
 
“ท่านอ๋องสามนีก็ใช้ได้ ไม่เสียทีทีเปนถึงดาวมังกร...” 
 
‘เสียวซี เจ้าชอบท่านอ๋องสามแล้วรึ?’ ชิวเหอเข้ามากระซิบกระซาบถาม
อย่างอยากรู้ ใบหน้าหวานละมุนของเสียวซียามเอ่ยถึงท่านอ๋องสามนัน 
ช่างดูสดใสมีความสุข ราวกับสตรีทีตกอยู่ในห้วงรัก 
 
“ข้า...” คนถูกถามไม่รู้จะตอบอย่างไร คงดูน่าสมเพทหากต้องยอมรับว่า 
ชอบคนทีเกลียดชังนางเข้าแล้ว 
 
‘เสียวซี เมือครู่ตอนทีอยู่หน้าตําหนัก เจ้าคุยเรืองอะไรกับเหอตงอยู่รึ?’ 
 
เสียงถามของพระสนมสุ่ยชิงหลิง ขัดขึนก่อนทีฉินหยุนซีจะจนมุม นาง
หันไปมองพระสนมแทน ลืมเรืองทีคุยกับชิวเหอค้างอยู่ไปเลย 
 
“พีหลิงหลิง...ไม่มีอะไร ก็...คุยกันเรืองทัวไปเท่านัน...” ตอบไปเพราะไม่
อยากเห็นพีสาวไม่สบายใจ เรืองมลทินในอดีตนัน สร้างความเจ็บปวด
ให้พีหลิงหลิงเปนอย่างยิง หากไม่จําเปน ฉินหยุนซีก็ไม่ต้องการให้พระ
สนมเจ็บปวด 
 
ทว่าหน้าสวยๆของพระสนมสุ่ยชิงหลิงนันแสนเศร้า... 
 
‘คงไม่ใช่เรืองทัวไป ข้าเห็นว่าเจ้ารําไห้ด้วย...เกียวกับเรืองของข้าใช่หรือ
ไม่?’ 
 
‘โอะ จริงหรือไม่เสียวซี เจ้าคุยอะไรกับเหอตงรึ บอกหน่อยซิ!’ ชิวเหอ 
กระตุกแขนเสียวซี อยากรู้อยากเห็นขึนมาทันที 
 
“เอ่อ...ใช่ ข้าคุยเรืองพีหลิงหลิง...” ตัดใจยอมรับ ใบหน้ายังเปยมความ
กังวล 
 
‘เขาบอกว่าอย่างไรบ้าง เล่าให้ข้าฟงหน่อยเสียวซี’ 
 
“พีหลิงหลิง...” ฉินหยุนซีไม่อยากเล่าเลย แต่คงเลียงไม่ได้ “...เอ่อ...เหอ
ตงบอกว่า เขาไม่ค่อยรู้รายละเอียดนัก แต่ทุกคนเชือกันว่า พีหลิงหลิ
งดืมเหล้าพิษหนีความผิดทีทําร้ายฮองเฮาซู่เฟง...” 
 
‘ชัวร้ายนัก นายหญิงถูกบังคับให้ดืมเหล้าพิษ หวังกงกงบอกเองกับปาก 
ว่าฝาบาททรงประทานเหล้าพิษเพือให้เรืองทังหมดยุติ นายหญิงจะไม่
ดืมก็มิได้ ฝาบาททรงพระทัยร้ายนัก!!’ ชิวเหอโกรธแค้นแทนผู้เปนนาย 
เมือสุ่ยชิงหลิงตายเพราะเหล้าพิษ ชิวเหอก็ดืมเหล้าทีเหลือจากนาย ยอม
ตายเปนเพือนสุ่ยชิงหลิงด้วยความภักดี นางรู้ดีทีสุด นายหญิงไม่มีวัน
ทําเรืองดังทีถูกกล่าวหา 
 
“เสียวเหอ อย่าโกรธไปเลย เหอตงเขาก็เล่าตามทีเขารู้มา คนทีคิดร้าย
ต่อพีหลิงหลิงนัน ก็เปนธรรมดาอยู่แล้วทีเขาจะต้องการปกปด ไม่ให้ผู้ใด
ล่วงรู้ ว่าเขาทําให้พีหลิงหลิงต้องตาย” ฉินหยุนซีปลอบชิวเหอ ก่อนจะ
หันไปทางสุ่ยชิงหลิง เห็นฝายนันหน้าเคร่งเครียด จ้องมาทีนางนิงเขม็ง 
“พีหลิงหลิง เหตุใดท่านจึงมองข้าเช่นนัน?” 
 
‘เรืองของข้าทีได้ยินมา เจ้าคิดอย่างไรบ้างเสียวซี...เจ้าคิดว่าข้าลอบ
สังหารพระสนมเอกหรือไม่?’ 
 
“ทําไมพีถามเช่นนี เสียวซีจะคิดเช่นนันได้อย่างไร เสียวซีเชือในความ
บริสุทธิของท่านอยู่แล้ว” ฉินหยุนซียิมปลอบใจอีกฝาย เข้าใจว่าสุ่ยชิง
หลิงกําลังเจ็บปวดเมือนึกถึงอดีต ทว่าเพียงแค่นันยังมิอาจดึงนางออก
มาจากความรันทดหดหู่ได้ 
 
‘ไม่จริงหรอก เราเพิงรู้จักกันไม่กีวัน เจ้าจะมาเชือใจผีอย่างข้าได้อย่างไร
กัน...อย่างน้อยใจเจ้าก็ต้องมีความระแวง คิดว่าข้าจะทําชัวจริงดังทีผู้คน
เขากล่าวหาหรือไม่’ 
 
“พีหลิงหลิง” ฉินหยุนซีหน้าเจือน สุ่ยชิงหลิงเหมือนถูกความมืดมนเข้า
ครอบงํา จะเรียกไปเท่าใดก็ไม่เปนผล ฉินหยุนซีเลยคว้ามือของฝายนัน
จับเอาไว้ บีบกระชับแน่น 
 
“พีหลิงหลิง ฟงข้า อย่าคิดเรืองอะไรทีทําให้จิตใจหม่นเศร้า ขอให้ท่าน
เชือข้า ข้ายังไม่เคยดูคนผิดมาก่อน ผู้ใดทีข้าถูกชะตาด้วยล้วนเปนคนดี 
ข้าเชือท่าน เชือเสียวเหอ...เสียวซีผู้นี ถ้าเชือมันผู้ใดแล้ว ต่อให้ฟาถล่ม
ดินทลาย ก็ไม่มีสิงใดมาเปลียนความคิดข้าได้” 
 
‘เสียวซี...’ สุ่ยชิงหลิงชะงัก นําตาไหลพราก ได้สติกลับมาทันที ‘ฮือ...
ขอบใจนะเสียวซี...เจ้าเปนผู้เดียวทีเชือข้า...’ 
 
“ตอนนีมีข้าผู้เดียว แต่ต่อไปผู้คนทังหมดจะต้องรับรู้ พระสนมสุ่ยชิง
หลิงเปนผู้บริสุทธิ ปราศจากมลทิน ท่านสบายใจเถิด วันหนึงข้าจะทูล
ฮ่องเต้ ขอคืนความเปนธรรมให้ท่านแน่ๆ” 
 
ฉินหยุนซียิมละไม อ่อนโยน สุ่ยชิงหลิงกับชิวเหอยิมทังนําตา ก่อนจะ
นึกบางอย่างขึนได้ 
 
‘อุ๊ย จริงด้วย ข้าลืมเรืองสําคัญไป...นางมาพอดี เสียวซี อย่าเพิงตกใจไป
เสียก่อนล่ะ ดูโน่นสิ’ 
 
“หือ?” ฉินหยุนซีทําเสียงฉงนในลําคอ มองตามมือชีของสุ่ยชิงหลิงและ
ชิวเหอไปทีสวน เห็นหญิงสาวสองคนในชุดนางกํานัลเก่าๆ กําลังหิวถัง
นําทําจากไม้หนักอึงอย่างยากลําบาก เพือไปรดนําต้นไม้ดอกไม้ในสวน 
 
ฉินหยุนซีเบิกตาโต ตืนตะลึง เมือแลเห็นนางทังสองชัดเจน 
 
“ม่งกู่หลิงกับอิงอิงนี พวกนางมาทํางานทีนีได้อย่างไรกัน!!” 
 
28.หวงแหน... 
 
ม่งกู่หลิงและอิงอิงสาวใช้คนสนิทถึงกับสะดุ้ง หน้าซีดเผือดเมือหันมา
เห็นฉินหยุนซีเข้าพอดีเช่นกัน 
 
นางอับอายและเสียหน้าเปนอย่างยิง นางถูกท่านอ๋องลงโทษโบยยีสิบ
ไม้และให้มาทํางานรับใช้ทีตําหนักสุ่ยหลิง ตําหนักผีสิงสุดเฮียนทีผู้คน
หวาดกลัวกันทังวัง ทว่าพวกนางไม่มีทางเลือก ต้องเข้ามาทํางานตาม
รับสังของท่านอ๋อง เพราะอย่างน้อยก็ดีกว่าโทษตาย หากท่านอ๋องส่งตัว
นางไปทีกรมอาญา 
 
เข้ามาทํางานวันนีวันแรก ก็ถูกหลอกหลอนจากวิญญาณร้ายสารพัด...
เดินอยู่ก็ถูกผลักบ้าง ถูกตบบ้าง ได้ยินเสียงหัวเราะหลอกหลอนของผี
ร้ายดังไม่หยุดหย่อน นางให้สงสัยยิงนัก ฉินหยุนซีทนอยู่ตําหนักผี
เฮียนอย่างนีได้อย่างไรกัน 
 
ม่งกู่หลิงแสนระทมทุกข์ พวกลิวล้อทีคอยตามนางทุกเรือง บัดนีก็ตีตัว
ออกห่าง ทังยังดูหมินเหยียดหยาม หาว่าเพราะนางทําให้ท่านอ๋องพาล
เอือมระอาอนุคนอืนๆ ไม่ยอมเรียกไปปรนนิบัติเลย ทําราวกับตําหนัก
อ๋องสามมีแต่พระชายาหยุนซีแค่เพียงผู้เดียว 
 
ได้ยินว่าฉินหยุนซีได้นอนพักอยู่ตําหนักไท้ฝูด้วย ม่งกู่หลิงอิจฉาริษยา
แทบอกแตกตาย แต่ในเวลาเช่นนี นางทําสิงใดมิได้เลย นอกจากก้ม
หน้ารับเคราะห์กรรม 
 
นอกจากจะถูกโบยจนก้นแตก ร้าวระบม นอนหงายไม่ได้แล้ว ฝามือนุ่มก็
เริมแสบแตกเปนแผล ใบหน้าสะสวยก็แห้งกร้าน หมองคลําหาสง่าราศี
ไม่เจอ 
 
“นายหญิงเจ้าคะ ฉินหยุนซีมา โอย...นางต้องรังแกเอาคืนทีพวกเราเคย
คิดร้ายนางเปนแน่!” อิงอิงกระซิบบอกให้นายหญิงเตรียมรับมือ ทว่าฉิน
หยุนซีนัน มองมาจากทีระเบียงทางเดิน แต่มิได้เข้ามาหาเรืองพวกนาง
ทังสอง กลับเดินเลยผ่านไปเหมือนมองไม่เห็น 
 
“นางไปแล้ว...นางเด็กแสบมันต้องมีแผนเล่นงานข้าแน่ๆ” ม่งกู่หลิงผู้
เคยแต่คิดร้ายผู้อืนเหมือนคนมีชนักติดหลัง อิงอิงเองก็งงงัน ไม่เข้าใจ 
อย่าว่าแต่พวกนางทังสอง แม้แต่ผีสาวทังคู่ก็ยังงงทีฉินหยุนซีไม่แก้แค้น
เอาคืนม่งกู่หลิง 
 
‘เสียวซี เจ้าควรจะเข้าไปสังสอนมันสองคนสักหน่อย พวกนันเปนผู้ว่า
จ้างหมอผีให้ส่งวิญญาณร้ายมาเล่นงานเจ้าเชียวนะ’ สุ่ยชิงหลิงร้องบอก 
ลอยตามหลังร่างเล็กบอบบางของพระชายามา 
 
‘ใช่แล้ว เสียวซี พวกนางรับสารภาพต่อท่านอ๋องเลย ท่านอ๋องสามเห็น
เงียบๆ ไม่ค่อยแสดงท่าทีอะไร แต่ความจริงแล้วก็สนใจเรืองเจ้าไม่น้อย 
ช่างไม่เหมือนผู้ทีเกลียดชังกันเลย...ถ้าเจ้าไม่เล่าให้พวกเราฟง ว่าแต่ง
กับเขาเพราะเหตุใด ข้าต้องคิดว่าท่านอ๋องชอบเจ้ามากแน่ๆ’ 
 
ชิวเหอพูดโดยไม่ทันได้คิด แต่คนฟงหยุดก้าวเดินแล้วกะพริบตาโต 
 
จริงสิ ท่านอ๋องลงโทษม่งกู่หลิงให้นาง...เขาเดือดร้อนแทนนางด้วยรึ ผู้ที
เกลียดชังกันเขาทําอย่างท่านอ๋องสามทุกคนหรือไม่...? 
 
‘เสียวซี ไม่แน่นะ ถ้าเจ้าบอกท่านอ๋องว่าเจ้าเปนดาวหงส์ ท่านอ๋องอาจ
จะหันมาชอบเจ้าได้อย่างง่ายดาย ข้าได้ยินมาว่า ทุกคนต่างรอคอยการ
ปรากฏตัวของดาวหงส์ฟา หากท่านอ๋องรู้ว่าเจ้าเปนผู้ทีรอคอย เขาจะ
ต้องรักเจ้าแน่ๆ’ สุ่ยชิงหลิงเสนอแนะ สัญชาตญาณของผู้หญิงด้วยกัน 
นางมองออกว่าเสียวซีของนางมิได้เกลียดชังท่านอ๋องสาม นางคงมีใจ
ให้เขาแล้ว คงไม่น้อยเลยด้วย 
 
“ไม่ได้หรอกพีหลิงหลิง ท่านพ่อไม่ต้องการให้เรืองนีแพร่ออกไป ท่านไม่
ต้องการให้ข้าเปนหงส์ฟาของทุกคน...การทีท่านปกปดเรืองนี แสดงว่า
ต้องมีเหตุผล ข้าจะทําตามทีท่านพ่อต้องการ” 
 
‘เสียวซี ข้าไม่เข้าใจเลย หงส์ฟาเปนดาวคู่บุญของหลีต้า เจ้าเปนหงส์ฟา
จะมีคุณแก่เสนาฉินยิงนัก เหตุใดเขาจึงไม่ต้องการ...’ สุ่ยชิงหลิงครุ่นคิด 
 
“ข้าก็ไม่รู้...แต่ทีข้ารู้แน่ก็คือ ท่านพ่อไม่ต้องการให้ข้าเปดเผยจริงๆ ท่าน
พ่อไม่ยอมให้ข้าใช้เลือดตัวเองช่วยท่านกับองค์ชายหลีอี...หากข้าไม่พก
ยาทิพย์ติดตัวไว้ตลอดเวลา...ท่านพ่อกับรัชทายาทต้องตายแน่ๆ” 
 
‘หะ เจ้าว่าอย่างไรนะเสียวซี เกิดอะไรขึนทีวังองค์รัชทายาทกันแน่ เล่ามา
เร็วเข้า!!’ 
 
สุ่ยชิงหลิงและชิวเหอตืนเต้นอยากรู้ขึนมาทันที ฉินหยุนซีได้โอกาส จึง
เล่าเรืองทังหมดทีเกิดขึน ณ วังองค์รัชทายาทให้พวกนางรับทราบด้วย 
 
“ตอนนัน...ความจริงข้าก็ตังใจจะให้ยาทิพย์กับท่านพ่อและองค์
รัชทายาทอยู่แล้ว เพราะข้ายังไม่ได้ทดสอบดูเลยว่าโลหิตของข้านัน
สามารถสลายพิษร้ายได้จริงหรือไม่ แต่ท่านพ่อก็สังห้ามข้าไว้ก่อนแล้ว...
นีแสดงว่าท่านพ่อไม่ต้องการให้ใครรู้เรืองของข้าจริงๆ...” 
 
‘นอกจากนี บิดาของเจ้ายังเอายาของเจ้าไปใช้ แอบอ้างรับความดีความ
ชอบจากฮ่องเต้อีก เสียวซีเอ๊ย บิดาของเจ้าจะต้องการอํานาจวาสนาไป
ถึงไหน...’ 
 
ชิวเหอบ่นหลังจากทีฟงฉินหยุนซีเล่าจนจบแล้ว ส่วนสุ่ยชิงหลิงนัน นาง
คิดกังวล 
 
ฟงจากทีเสียวซีเล่ามา คราวนีแผ่นดินหลีต้าคงเจอปญหาใหญ่ พิษทีร้าย
แรงระดับนี หากเชือพระวงศ์คนสําคัญโดนเข้าพร้อมกันหลายๆคน ต้อง
กลายเปนเรืองใหญ่แน่! 
 
‘เสียวซี ฟงจากเจ้าเล่ามา จ้าวหมิงคนนีคงไม่ยอมเลิกราง่ายๆแน่ นางคง
หาจังหวะเหมาะลงมืออีกเพือจะบีบท่านอ๋องสาม หากท่านอ๋องต้อง
ยอมรับนาง เพราะทนเห็นพีน้องล้มตายมิได้ เจ้าจะทําอย่างไรเล่า?’ 
 
สุ่ยชิงหลิงคิดแล้วก็แสนเปนห่วงบ้านเมืองและเสียวซี ดูเถิด ตอนนีเสียว
ซีของนางหน้าเจือน ซีดขาวไปทีเดียว 
 
“ไม่มีทาง ต้องไม่มีวันนัน...ข้าไม่ยอมหรอก อย่างไรก็ไม่ยอม” 
 
‘เสียวซี...’ 
 
พระสนมมองหน้ากับชิวเหอ คําตอบของฉินหยุนซีนันช่างหนักแน่น 
จริงจัง แสดงความมันใจ 
 
นางไม่ยอมยกท่านอ๋องให้จ้าวหมิง โอ...เสียวซีรักท่านอ๋องสามจริงๆด้วย
!! 
 
ยามเย็นอากาศหม่นมัวเพราะหิมะตกลงมา ทุกแห่งขาวโพลน อากาศ
เย็นจัด ทว่าท่านอ๋องหลีเหยียนฟงกลับกางร่ม มารับฉินหยุนซีทีตําหนัก
สุ่ยหลิงด้วยพระองค์เอง 
 
หญิงสาวแทบไม่อยากเชือสายตาเมือเห็นท่านอ๋อง เขาอยู่ในชุดผ้าคลุม
สีดํา ร่างสูงใหญ่ ตระหง่าน ใบหน้าเรียวได้รูปเหมาะเจาะ ผิวขาวตัดกับ
เครืองหน้าคมเข้ม คิวหนาดํายาวจรดหางตา ดวงตาดําเปนสองชันแบบ
เล็กๆ ยิงดูสวย รับกับจมูกโด่ง ริมฝปากของเขาบางเปนสีแดงเรือตาม
ธรรมชาติ...หากแต้มรอยยิมสักนิดก็คงดี... 
 
ฉินหยุนซีคิดขณะเดินออกมาหาเขาทีหน้าประตูห้อง เห็นแต่ท่านอ๋องมา
ผู้เดียว ไม่เห็นเหอตงอยู่ข้างกายเขาอย่างเคย นางอดประหลาดใจไม่ได้ 
 
“เหอตงไม่มาด้วยเหรอเพคะ?” 
 
“ข้าใช้เขาไปธุระ มาเถอะ ข้ามารับเจ้าแล้ว กลับตําหนักไท้ฝูกันเถิด” 
เสียงทุ้มเอ่ยชวน 
 
ฉินหยุนซีก้มหน้าก้มตาเดินเข้ามาใต้ร่มคันเดียวกับเขา ท่านอ๋องให้นาง
ถือร่ม ส่วนเขานันนําเสือคลุมอีกตัวหนึงมาช่วยสวมทับให้นางอย่างอ่อน
โยน 
 
หญิงสาวแก้มแดงปากแดงเพราะความหนาว ตากลมโตเหลือบมองหลี
เหยียนฟง รับรู้ว่าเขาใส่ใจนางยิง หัวใจนางเต้นแรงไม่หยุดทีเดียว 
 
“ขอบพระทัยเพคะ” 
 
“ไม่เปนไร เปนอย่างไรบ้าง ชอบตําหนักสุ่ยหลิงตอนนีหรือไม่?” เขาแย่ง
ร่มกลับไปถือเสียเอง ออกเดินไปด้วยกันและชวนนางคุยไปด้วย 
 
“ชอบสิเพคะ ไม่นึกเลยว่าท่านอ๋องจะตกแต่งทีนีจนสวยงาม พีหลิงหลิ
งกับเสียวเหอก็ชอบมากเช่นกัน ฝากขอบพระทัยท่านอ๋องด้วย...เอ่อ...
อุ๊ย” นางยกมือแตะปากตัวเอง เผลอพูดไปแล้วก็ตกใจ มองเขาด้วย
ความกังวล 
 
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องไม่เคยเห็นวิญญาณของพระสนมกับชิวเหอ เขาจะ
ว่าอย่างไรทีนางเอ่ยไปเช่นนัน 
 
“เจ้าเห็นวิญญาณของพระสนม กับคนของนางด้วยหรือ?” 
 
หลีเหยียนฟงย้อนถาม ก้มหน้าเข้ามาใกล้จนนางเผลอถอยหลังห่างด้วย
ความตกใจ หิมะบนพืนทําให้ลืนจนเกือบหงายหลัง แต่ท่านอ๋องรังเอว
บางของนาง ช่วยประคองเอาไว้ 
 
ฉินหยุนซีตกใจ ซบหน้านิงอยู่กับอ้อมอกของเขา ยิงใจเต้นแรงระรัวดัง 
ท่านอ๋องเองก็โอบกอดนางไว้ กดให้ร่างเล็กๆซุกแน่นอยู่ในอ้อมอกของ
เขาอย่างมันคง 
 
หญิงสาวกะพริบตา อุ่นยิงกว่าอุ่น ความหนาวเย็นของหิมะทีโปรยปราย
ทําร้ายนางมิได้เลย ดุจได้อยู่ใต้โอบล้อมของขุนเขาทีแข็งแกร่ง 
 
รู้สึกแสนสบายจนหนังตาหนักอึงชอบกล... 
 
“ยังไม่ได้ตอบเลย เจ้าเห็นวิญญาณของพระสนมหรือไม่?” เขาก้มลงมา
ใกล้ ริมฝปากแดงเรือเคลียอยู่ทีหน้าผากมนของนาง ทําเอาฉินหยุนซี
หน้าร้อนผ่าว 
 
“ทูลตามตรง เสียวซีเห็นเพคะ” 
 
“แล้วเจ้าไม่ถูกพวกนางหลอกหลอนเอารึ ทําไมจึงยังอยากจะอยู่ทีนีอยู่
อีก” เขาถามต่อ แอบแตะเรียวปากอุ่นลงกับหน้าผากของนาง แต่ฉินหยุ
นซีคงไม่รู้ตัว เพราะนางนิงเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึน 
 
“ก็ ท่านให้ข้ามาอยู่ทีนี...” นางเตือนความจําให้เขาด้วย ท่านอ๋องหลงลืม
ไปแล้วหรือว่าทําอะไรกับนางเอาไว้บ้าง 
 
“เช่นนัน ข้าจะให้เจ้ากลับไปอยู่ตําหนักไท้ฝูกับข้าเปนการถาวร ส่วนทีนี 
ถ้าพระสนมอาศัยอยู่จริงๆ ก็ยกให้นางอยู่ตามสบาย” 
 
“ให้ข้าไปอยู่ตําหนักไท้ฝูกับท่าน ...หมายถึง...จะไม่ให้ข้ากลับมาพักทีตํา
หนักสุ่ยหลิงอีกแล้วเหรอเพคะ!” ฉินหยุนซีตาโต ตืนตะลึง นางได้ยิน
เรืองทีเหลือเชือ น่าตืนตระหนกกว่าตอนเจอผีพระสนมกับชิวเหอเสียอีก 
 
ท่านอ๋องหลีเหยียนฟงพยักหน้า ยืนยันหนักแน่น ทว่าฉินหยุนซียังงงงัน 
...เขาอนุญาตให้นางพักทีตําหนักไท้ฝูของเขาได้อย่างไร พักรักษาตัว
ชัวคราวยังพอว่า แต่ถ้าให้อยู่ถาวรนี... ก็เขาเกลียดนาง แล้วตอนนีเกิด
อะไรขึน 
 
“ท่าน...ท่านต้องล้อข้าเล่นเปนแน่...เหตุใดข้าต้องไปพักอยู่ทีนันด้วย ข้า
อยู่ทีนีก็ดีอยู่แล้ว...ท่านอ๋อง ปล่อยนะเพคะ!” 
 
ฉินหยุนซีอุทานเสียงหลงในตอนท้าย แล้วก็กอดคออีกฝายเอาไว้แทบ
ไม่ทัน ท่านอ๋องจู่ๆก็อุ้มนางตัวลอย จมูกนางชนบีไปกับแก้มเรียวของ
เขาเต็มที 
 
“ไม่มีใครบอกเจ้ารึ เปนชายาทีดีต้องเชือฟงสามี ห้ามมีปากเสียง ห้าม
เถียง และถ้าไม่ถามด้วยจะยิงวิเศษมาก” 
 
เขาบอกเสียงกลัวหัวเราะขบขันในลําคอ ฉินหยุนซีถึงกับชะงัก จ้องมอง
หน้าหล่อเหลาทีลอยอยู่ใกล้เหลือเกิน ด้วยความประหลาดใจยิง 
 
ท่านอ๋องหลีเหยียนฟงหัวเราะสดใสก็เปนกับเขาด้วย? 
 
นางนิงมองเขาตาโตอยู่ชัวขณะ ปล่อยให้หลีเหยียนฟงอุ้มร่างนางกลับ
ตําหนักไท้ฝู ลืมนึกไปสนิทว่าระหว่างทางเดินทีทอดยาวกว่าจะถึงตํา
หนักไท้ฝูนัน ล้วนเต็มไปด้วยบ่าวไพร่ เหล่าทหารและนางกํานัลมากมาย 
สายตาของผู้คนเหล่านัน ล้วนทําให้ฉินหยุนซีเขินอายอย่างหนัก... 
 
“ท่านอ๋องเพคะ เสียวซีลงเดินเองได้ เสียวซียังมิได้พิการ...” 
 
นางกระซิบกระซาบบอกเขาอย่างสุภาพเรียบร้อย ทว่าท่านอ๋องกลับมิได้
แยแส 
 
“ปล่อยลง เจ้าก็วิงจู้ดกลับตําหนักสุ่ยหลิงน่ะสิ ไม่ละ ข้าไม่อยากวิงไล่จับ
เจ้าไปทัววัง” 
 
“เสียวซีมิได้เปนเด็กเล็กเช่นนัน!” นางประท้วง นึกโมโห ท่านอ๋องกล่าว
ราวกับนางเปนเด็กน้อยจอมซน...นางหาได้เปนเช่นนันไม่! 
 
“หึ ข้ารู้ ใครจะกล้ามองฉินหยุนซีเปนเด็กน้อยได้อีกเล่า เปนถึงพระชายา
ของท่านอ๋องสาม เปนเจ้าของวังนีร่วมกับข้า” 
 
“หา?” 
 
นางผละออก มองหน้าเขาให้ชัดเจน มิได้ฟงผิดไปใช่หรือไม่ 
 
เหตุใดท่านอ๋องตรัส ราวกับว่านางเปนชายาทีทรงรักยิง? 
 
“มองอีกแล้ว หน้าข้ามีสิงใดติดอยู่รึ?” 
 
เขาถามยิมๆ ใบหน้ายามแย้มยิมของหลีเหยียนฟงสะดุดตานัก ดูช่าง
อ่อนโยน ทําให้รู้สึกอบอุ่นใจ 
 
“เปล่า ไม่มีเพคะ...เสียวซีแค่หนาว...” เอ่ยตอบแผ่วเบา แล้วก็ฉวยโอกาส
ซุกหน้าเข้ามาอกอุ่นของเขาเหมือนลูกแมวน้อย ได้ยินเสียงทุ้มของหลี
เหยียนฟงหัวเราะเบาๆ ดังอยู่ข้างใบหูนุ่มนิม 
 
“ขนาดนีแล้วยังหนาวอีกหรือ สงสัยว่าเสียวซีของข้าจะไม่ชอบความ
หนาวเอามากๆ” 
 
“เพคะ เสียวซีทนความหนาวไม่ค่อยได้นัก...” นางหลับตา ความจริง
ตอนนีไม่หนาวเลยเพราะอ้อมกอดและไออุ่นจากตัวเขาทีโอบล้อมนาง
อยู่ แปลกนัก ร่างกายของบุรุษให้ความอบอุ่นได้ถึงเพียงนีเชียวหรือ... 
 
ฉินหยุนซีไม่เคยได้ถูกบิดาโอบกอดสักครัง ปาดอกเหมยทีนางเติบโตมา 
ถึงไม่หนาวเย็นจับขัว แต่อากาศก็มิได้อบอุ่น นางแพ้ความเย็นมาตังแต่
เล็กๆ หลังจากทีปวยหนักเกือบสินชีพเพราะถูกพิษเจ้าตัวกลมอ้วนสีขาว
เหมือนก้อนหิมะตัวนัน... อาจารย์ปรุงยาทิพย์ขึนมาทังสินหกเม็ด ให้
นางกินจนรอดตายและเหลืออีกห้าเม็ด ตอนนีนางใช้ไปจนเหลือเพียง
สองเม็ดสุดท้ายแล้ว 
 
‘เสียวซีเอ๊ย จําไว้นะ ยาทิพย์แต่ละเม็ดมีค่ามาก จงคิดให้ดีก่อนจะใช้มัน..
.จงเลือกช่วยแต่เฉพาะคนทีสําคัญต่อเจ้าจริงๆ...ไม่เช่นนันแล้ว ถ้าถึง
เวลาทีเจ้าต้องการใช้จริงๆจะลําบาก ส่วนผสมลําเลิศในยานีหาไม่ได้อีก
แล้วในรอบหนึงร้อยป เจ้าต้องรักษาให้ดี อย่าได้ประมาทเปนอันขาด...’ 
 
อาจารย์...วันนีเสียวซีใช้ยาไปแล้วถึงสองเม็ด ช่วยทังท่านพ่อและองค์
รัชทายาท เสียวซีคงมิได้ตัดสินใจผิด เพราะท่านพ่อนันสําคัญต่อเสียวซี 
ส่วนองค์รัชทายาทนันก็สําคัญต่อแผ่นดิน ยาทีเหลืออีกสองเม็ด เสียวซี
จะเก็บไว้อย่างดี… จะไม่ใช้อีกแล้ว... 
 
นางครุ่นคิดมากมาย รู้สึกง่วงงุนเพิมขึน และค่อยๆหลับตาลง รอบกาย
ยิงขาวโพลนจนมองเห็นทางเดินทอดยาวได้เลือนราง ฉินหยุนซีกําลังจะ
เผลอหลับอยู่แล้ว แต่หันไปเห็นต้นเหมยของพระนางหยางเซียง
ตระหง่านอยู่ท่ามกลางหิมะขาวร่วงพรูลงมาเปนสาย 
 
ต้นเหมยของพระมารดาท่านอ๋อง...คงดีงามไม่น้อย หากมันจะสามารถ
กลับมาผลิดอกแตกใบใหม่ได้อีกครัง... 
 
“ท่านอ๋องเพคะ ต้นเหมยต้นนันใหญ่มาก แต่ก่อนเวลามันออกดอกคง
สวยมากเลยนะเพคะ” นางชีชวนให้เขาดู แล้วชวนคุย หลีเหยียนฟงมอง
ตามแล้วก็นิงไปครู่หนึง 
 
“ข้าเคยเห็นแต่ก่อนทีมันจะถูกย้ายมา ตังแต่ทีย้ายต้นของมันมาลงปลูก
ทีสวนแห่งนี มันก็ไม่เคยออกดอกอีกเลย หลังจากทีท่านแม่จากไป มัน
ก็ยืนต้นตายอยู่เช่นนี...กลายเปนเพียงซากต้นไม้ทีอยู่ท่ามกลางสวนอัน
สวยงาม” 
 
“ท่านไม่ยอมเอามันออกไป...ท่านเฝารอ เผือว่าสักวัน มันจะกลับฟนขึน
มาออกดอกอีกครังเหรอเพคะ?” นางถามต่อ 
 
“ไม่หรอก มันเปนไปไม่ได้ ต้นไม้มันตายไปแล้ว จะกลับมาอีกได้อย่างไร
...ถ้าทําได้ ข้าคงเปนดาวหงส์ฟาแล้ว” เขาเอ่ยทีเล่นทีจริง 
 
“แล้วถ้ามันกลับมาผลิดอกได้อีก ท่านจะดีใจใช่หรือไม่?” นางย้อนถาม 
หลีเหยียนฟงเลิกคิวขึนเปนเชิงถาม แต่มิได้เอ่ยปากพูด เขายิมทีมุมปาก
สวย มองนางด้วยความเอ็นดู 
 
“มันสวยมาก อาจจะไม่งามเท่าปาดอกเหมยของเจ้า แต่ก็งดงามอยู่ใน
ความทรงจําของข้า แต่ถ้าเจ้าไม่ชอบมัน เช่นนันข้าจะให้คนนําออกไป 
แล้วนําต้นใหม่ทีออกดอกสะพรังเข้ามาปลูกแทน” 
 
“ไม่ต้องหรอกเพคะ ต้นนีก็ดีอยู่แล้ว ไม่แน่ว่าทีมันยังไม่ล้มลงไปจนปาน
นี... มันอาจกําลังรอเวลาฟนคืนกลับมาอยู่ก็เปนได้” 
 
ท่านอ๋องมองพระชายาของตนด้วยความฉงน แต่มิได้ใส่ใจนัก นางคง
พูดไปเช่นนันเอง ไม่มีความหมายอืนใด ถึงแม้ว่าซือต้าหยุนเหนียง
อาจารย์ของนางจะได้ชือว่าเปนผู้วิเศษ หยังรู้ฟาดิน ทว่าฉินหยุนซีก็เปน
แค่สาวน้อยธรรมดา อาจจะผิดแผกผู้อืนไปบ้าง แต่นางคงไม่สามารถ
ปลุกชีพต้นไม้ทีตายไปแล้วให้กลับคืนมาได้หรอก 
 
ยาทิพย์ของนางก็ใช้ไม่ได้กับต้นไม้... 
 
แม้รู้ดีว่าฉินเฉินและพีใหญ่ของเขานัน รอดตายมาเพราะยาทิพย์ของฉิน
หยุนซี แต่หลีเหยียนฟงไม่คิดปริปากเอ่ยเรืองนีออกไป จริงอยู่ว่าเขาไม่
พอใจทีฉินเฉินช่างฉวยโอกาสแอบอ้างความดีความชอบอย่างเจ้าเล่ห ์
แต่หากเขาบอกพีใหญ่ไป พีใหญ่ทีชืนชอบฉินหยุนซีอยู่แล้ว คงยิง
หลงใหลนางเพิมมากขึน 
 
หลีเหยียนฟงเลือกทีจะนิงเงียบ ทําไม่รู้ไม่เห็นเสีย ดีกว่าจะให้ท่านพี หลี
อีมาวุ่นวายกับนาง... 
 
เขากระชับร่างน้อยทีอุ้มอยู่ไว้แน่นในอ้อมอก ทังอบอุ่นและมันคง ริม
ฝปากได้รูปสวยแตะลงไปทีกลุ่มผมสลวยหอมนุ่มละมุนละไมของนาง 
หวงแหนและยิงรู้สึกเปนเจ้าเข้าเจ้าของ 
 
หลีเหยียนฟงไม่เคยมีความรู้สึกเช่นนีต่อสตรีนางใด...ยามนีอย่าว่าแต่
ฉางซินทีเขาเคยชืนชมเลย ต่อให้หงส์ฟามาปรากฏอยู่ต่อหน้า เขาก็ยินดี
จะเลือกฉินหยุนซีผู้นี โดยไม่แยแสต่อชะตาใดๆ!! 
 
29.ความลับไม่มีในโลก 
 
ณ บ้านร้างนอกเมืองทางทิศใต้ จ้าวหมิงและซ่งชางใช้เปนทีพํานักหลบ
การตามล่าของเหล่าทหาร ทัวเมืองทหารแน่นหนาและขวักไขว่ แถมทังคู่
ก็ยังได้รับบาดเจ็บตามร่างกายหลายจุด จากการประทะกับเหล่าทหาร
ระหว่างการหลบหนีออกมา 
 
จ้าวหมิงยิงคิดก็ยิงแค้นใจ พวกผู้คนภาคกลางมียอดฝมือมากมาย นาง
ชะล่าใจ เหมือนกบอยู่ในกะลา คิดว่าตนเองเก่งกล้าสามารถ แต่ความ
จริงแล้ว วรยุทธของนางนันนับว่ายังอ่อนด้อยเมือเทียบกับยอดฝมือ
ของแคว้นหลีต้า 
 
โชคดีทีมีพิษติดตัวมาหลายชนิด แต่ใช้ไปก็จวนจะหมดแล้ว ต่อไปคง
หลบหนีได้ยากลําบากขึน! 
 
“องค์หญิง เราคงต้องกลับลัวปาก่อน ขืนยังอยู่ทีนีต่อไป เราคงไม่รอด
เปนแน่ พวกมันส่งทหารมือดีมาไล่ล่าเรามากมาย อยู่ทีนีเราเสียเปรียบ
นะพะยะค่ะ” 
 
ซ่งชางเตือนสติ องค์หญิงบาดเจ็บอยู่ แถมทังยังมุ่งหวังแต่จะเอาชนะ 
เรืองครานีทําให้นางเสียหน้าอย่างใหญ่หลวง เขารู้จักนางดี หากกลับลัว
ปาไปทังอย่างนี ท่านอ๋องจะต้องทรงกริวองค์หญิงเปนอันมาก 
 
นางคิดสร้างผลงานไถ่โทษความผิดเสียก่อน ทว่าเห็นทีว่าจะยิงแย่ หาก
นางถูกจับตัวได้ คงไม่พ้นโทษตายสถานเดียว 
 
“ข้าไม่ยอมไปทังอย่างนี อย่างน้อยก็ต้องเอาคืนพวกมันก่อน ข้าต้องสัง
สอนพวกมันให้สํานึกทีกล้ามาปฏิเสธข้า ไม่เห็นหัวเผ่าลัวปาของเร... อึก
!!” 
 
ซ่งชางซัดฝามือเข้าทีท้ายทอยของจ้าวหมิง นางสลบหมดสติในพลัน 
เขารู้ว่าตัวเองมีโทษหนัก แต่หากไม่ทําเช่นนี ความดือรันขององค์หญิง
จะทําร้ายตัวนางเอง 
 
องค์หญิงเปนผู้มีพรสวรรค์ทางด้านพิษ นางมีความดือรัน ทุ่มเททุก
อย่างเพือต้องการเอาชนะ อุตส่าห์ดันด้นไปในปาลึกทังกันดารยากเข็น
และอันตรายเพือตามหาสุดยอดแห่งพิษทียังไม่เคยพบพาน เฝาตามหา
อยู่ในปาถึงห้าป แล้วโชคก็เข้าข้างนางอย่างน่าอัศจรรย์ นางค้นพบ
หนอนปศาจทีว่าหายากยิงนักในปาดงดิบทางเหนือของแคว้นลัวปา 
 
หนอนปศาจนันว่าหายากแสนเข็ญแล้ว ทว่ากรรมวิธีสกัดพิษของมันมา
ใช้กลับยิงยากลําบากมากกว่า 
 
ยาถอนพิษนันจึงไม่ต้องพูดถึง กว่าจะได้มาแต่ละหยดสาหัสสากรรจ์ พิษ
ของหนอนปศาจนัน ไม่มียาถอนพิษแบบทัวไป ต้องใช้พิษสู้พิษเท่านัน 
ซึงนันทําให้ยาถอนพิษถูกสกัดออกมาได้น้อยมาก 
 
เมือได้สุดยอดแห่งพิษมาแล้วนัน ทําให้ท่านอ๋องยินดีเปนอย่างยิง ท่าน
อ๋องต้องการให้องค์หญิงเดินทางมาแคว้นหลีต้าเพือหยังเชิงฮ่องเต้หลี
ปาเทียน ลัวปาเปนชนเผ่าเล็กๆ หากได้พันธมิตรเปนแคว้นทีเข้มแข็ง
อย่างหลีต้าหรือแคว้นเย่ ก็จะช่วยเสริมความมังคังและมันคง ทว่าองค์
หญิงกลับทําทุกอย่างล่มเพราะความใจร้อนของนางแต่เพียงผู้เดียว 
 
ถึงไม่เห็นด้วยกับสิงทีเจ้านายทํา แต่ซ่งชางก็มีหน้าทีต้องพาองค์หญิง
กลับลัวปาอย่างปลอดภัย เขาแบกร่างของนางขึนพาดบ่า จะพาเดินทาง
ต่อ ทว่าพลันก็ต้องหันขวับ 
 
สัญชาตญาณเตือนให้ซ่งชางมองบนต้นไม้ใหญ่ ทีอยู่ห่างออกไปนอก
ตัวบ้านร้าง ทีลําต้นแข็งแรงของไม้ใหญ่นัน มีร่างสูงใหญ่ของชายคน
หนึง เขาสวมหน้ากากสีดํา นังห้อยเท้ามองมาอยู่นานเท่าไรแล้วก็ไม่ร ู้
 
“เจ้า เจ้าเปนใคร คนทีฮ่องเต้ส่งมารึ!” 
 
“ไม่น่าถามเลย หากข้าเปนคนของทางการ ปานนีก็คงจับเจ้ากับองค์
หญิงจ้าวหมิงไปแล้ว...เจ้าสองคนเปนทีต้องการของทางการ ค่าหัวราคา
ดีมาก ใครได้หัวพวกเจ้าไป คงสบายไปทังชาติ” 
 
ชายผู้นันไม่พูดเปล่า แต่ยังหยิบพัดขึนมาโบกสะบัด ดูช่างแสนสบายจน
น่าหมันไส้ 
 
หากไม่ติดว่าต้องแบกร่างองค์หญิงอยู่ ซ่งชางคงได้ทําอะไรสักอย่าง ไม่
ต้องทนสะกดอารมณ์อยู่เช่นนี 
 
“เจ้าไม่ต้องการหัวพวกเรา แสดงว่าเจ้าคงรํารวยอยู่แล้ว ถ้าเช่นนัน
ต้องการอะไร?” ซ่งชางถาม ไม่ชอบใจท่าทีโอหัง และบรรยากาศรอบตัว
ชายผู้นันเลย 
 
แทนคําตอบ ชายในหน้ากากกลับโยนของสิงหนึงมาให้ เปนจดหมาย
ฉบับหนึง โดยเขาสําทับตามมา 
 
“ฝากส่งจดหมายของข้าให้ท่านอ๋องแห่งลัวปาด้วย หวังว่าครังหน้าคงมี
โอกาสได้พบกันอีก” 
 
“เจ้าเปนใคร?” ซ่งชางรับจดหมายทีร่อนส่งมาเหมาะเหม็ง พลังยุทธของ
คนผู้นันไม่ธรรมดาเลย 
 
ผู้ถูกถามกระโดลงมาจากต้นไม้ ผมดํายาวสลวยพลิวเล่นลม แม้จะไม่
อาจเห็นใบหน้าใต้หน้ากากปกปด ทว่าซ่งชางก็รับรู้ได้ถึงความมีอํานาจ
น่าเกรงขามของฝายนัน 
 
“ข้าเปนใคร ไว้ท่านอ๋องของเจ้าอ่านจดหมายของข้าแล้วจะรู้เอง ตอนนี
เจ้าไปได้แล้ว รีบไปซะ!” 
 
บุรุษสวมหน้ากากเอ่ยยังไม่ขาดคํา พวกทหารก็กรูกันเข้ามารุมล้อม พุ่ง
เข้าโจมตีซ่งชางและชายแปลกหน้าพร้อมกัน ทว่าถูกชายผู้นันซัดทีเดียว
กระเด็นกระดอนล้มไม่เปนท่า 
 
“ไปเร็ว ถ้าไม่รีบไปตอนนี อาจไม่ได้กลับลัวปาแล้วก็เปนได้!” 
 
“ขอบคุณทีช่วยเหลือ ครังหน้าหากมีโอกาสข้าคงได้ตอบแทน” 
 
ซ่งชางเอ่ยจบก็รีบเร่งฝเท้าด้วยความเร็ว ชายแปลกหน้าผู้นันเพียงผู้
เดียว สามารถต้านทหารทังฝูงได้ ผู้ทีเก่งกล้าสามารถเช่นนี ไม่บ่อยนักที
จะได้พบ 
 
ซ่งชางให้สงสัยนักว่าฝายนันเปนใคร พัดทีเขาใช้เปนอาวุธดูไม่เข้ากับ
เขาเท่าใดนัก 
 
แต่รูปวาดเส้นพู่กันแบบเรียบง่ายบนพัดเล่มนัน...กลับเปนรูปของพยัคฆ์ 
ทีกําลังเยืองย่าง 
 
เมือตะวันลาลับขอบฟา สรรพสิงรอบกายคืบคลานเข้าสู่ความมืด ร่างสูง
ใหญ่ของบุรุษสวมหน้ากากแต่ตัวเบาดุจปุยนุ่น กระโดดทีเดียวก็ไปอยู่
บนหลังคา เขากวาดตามองไปทัวตําหนักไท้ฝูอันกว้างใหญ่ มีเงาวูบของ
เหล่าองครักษ์ทีเร้นกายคอยดูแลโผล่มา แต่ก็ถูกบุรุษผู้ถือพัดซัดจนสิน
สติ เมือทางโปร่งโล่ง เขาจึงได้ถือโอกาสสํารวจตรวจตราทีอยู่ของหลีเห
ยียนฟง 
 
ไหนๆก็มาแล้ว ลองแวะเข้ามาดูสักหน่อย เผือจะได้อะไรทีเปนประโยชน์
บ้าง และถ้ามีโอกาสก็อาจจะได้สะสางบัญชีทีเคยมีต่อกันด้วย ทว่ายัง
ไม่ทันได้พบเปาหมาย กลับสะดุดตากับร่างหนึงเสียก่อน 
 
สตรีผู้นัน นางวิงเข้าไปในสวน และหยุดยืนอยู่หน้าต้นเหมยต้นใหญ่ที
ยืนต้นตายอยู่ ท่าทางของนางดูลับๆล่อๆ มีพิรุธ นางมองกวาดไปรอบๆ 
เมือไม่เห็นใครจึงทําการบางอย่าง ซึงทําให้ผู้บุกรุกหยุดจ้องมองอย่าง
สนใจ 
 
หนึงนันเพราะนางช่างมีใบหน้าทีลอองดงามราวกับรูปสลักของเทพธิดา 
ส่วนอีกประการนัน เขาเห็นนางใช้มีดสันเล่มหนึงกรีดฝามือตนเองจน
โลหิตไหลซึมออกมา 
 
นางทาบฝามือเปอนโลหิตของตนเองลงบนลําต้นทีแห้งตายซาก หยาบ
กระด้างของต้นเหมย ผู้บุกรุกเพ่งมองด้วยความสนใจยิง ช่างแปลกนัก 
รอบกายมืดหมดแล้ว ทว่าตัวนางดูราวกับมีแสงเรือส่องสว่าง และแสง
เรือเรืองจากตัวนางนัน ถ่ายทอดไปทีต้นไม้ตายซากต้นนัน 
 
พลันต้นเหมยทีแห้งกรังเหลือเพียงซาก กลับแตกตุ่มใบ ผลิดอกตูม
อย่างน่าอัศจรรย์!! 
 
ดวงตาคมเรียวของผู้บุกรุกในความมืดเบิกโพลง ทันทีทีเห็นปาฏิหาริย์
เช่นนัน 
 
“ดาวหงส์ฟารึ! ไม่น่าเชือ!!” 
 
เขาตกตะลึง ไม่นึกว่าตํานานโลหิตหงส์จะเปนจริง คนธรรมดาจะมีโลหิต
ทีวิเศษเช่นนันได้อย่างไร... ทว่าสิงทีเห็นอยู่กับตาเปนเครืองยืนยัน ชาย
หนุ่มให้สงสัยนักว่าแม่นางผู้นีเปนใคร นางเข้ามาทําอะไรในตําหนักของ
หลีเหยียนฟง ทว่าพริบตานัน ก็เห็นร่างสูงสง่าในชุดขาวสะอาด โดดเด่น
แม้อยู่ท่ามกลางความมืดของบุรุษผู้มองปราดเดียวก็รู้ว่าเปนผู้มีอํานาจ
วาสนา กําลังเดินตรงเข้าไปหานาง 
 
ชายสวมหน้ากากหรีตาลง คํานวณความสัมพันธ์ของคนทังคู่แล้ว ก็
ตาลุกวาว เคร่งเครียด 
 
“ดาวมังกรกับดาวหงส์ฟา...นางเปนผู้หญิงของหลีเหยียนฟงรึ เปนเช่นนี
ไปได้อย่างไรกัน!” 
 
30.โลหิตแห่งการฟนคืน... 
 
ย้อนไปก่อนหน้าเล็กน้อย... 
 
ฉินหยุนซีตืนขึนมาหลังจากเผลอหลับไปตอนท่านอ๋องไปรับนางกลับมา
จากตําหนักสุ่ยหลิงเมือช่วงเย็น ห้องนีเปนห้องของท่านอ๋องเสียด้วย... 
 
นางเปดประตูออกมา เหลียวซ้ายแลขวา จังหวะช่างเปนใจ ไม่มีทหารอยู่
แถวนีพอดี นางมองจนทัวเห็นว่าปลอดคน จึงรีบวิงปร๋อเข้าไปในสวน 
ตรงไปยังต้นเหมยใหญ่ทีแห้งตายซาก ยืนต้นอยู่อย่างโดดเดียว 
 
ถึงเวลาทีนางจะได้พิสูจน์แล้ว ว่าโลหิตของตนเองนัน สามารถฟนฟูชีวิต
ได้จริงหรือไม่ เริมจากต้นเหมยทีตายไปนานแล้วต้นนี... 
 
นางใช้มีดสันทีพกมาด้วย กรีดฝามือตนเอง ทาบทาโลหิตลงไปทีลําต้น
หยาบกร้าน หลับตาลงทําสมาธิ ด้วยจิตแน่วแน่ทีมุ่งหวังอยากเห็นต้นไม้
แห่งความทรงจําของท่านอ๋องฟนคืน 
 
อยากเห็นท่านอ๋องสามดีใจ อยากเห็นเขามีความสุข...ความรู้สึกนีช่าง
เปนแรงขับเคลือนทีทรงอานุภาพ 
 
พริบตานันลําต้นทีแห้งกรอบเหลือแต่ซาก กลับฟูแน่นขึน มีตุ่มใบและ
ตุ่มดอกผลิออกมาเปนทีน่าอัศจรรย์ ฉินหยุนซีเบิกตาโต สุดตืนเต้น 
ยินดีเปนล้นพ้น 
 
“ได้ผลจริงๆด้วย ไม่น่าเชือ!” ฉินหยุนซียิมด้วยความดีใจ และเมือได้ยิน
ท่านอ๋องหลีเหยียนฟงเรียกมาแต่ไกล นางจึงหันไปหาเขาพร้อมรอยยิม
สดใสนันด้วย 
 
“ท่านอ๋อง ดูสิเพคะ ต้นเหมยของพระนางหยางเซียง...ช่างน่าอัศจรรย์
นัก” 
 
นางชีชวนให้เขาดู ต้นเหมยทีพลิกกลับมามีตุ่มดอก มีใบอ่อนเล็กๆ 
สะท้อนแสงกระจ่างท่ามกลางความมืด 
 
หลีเหยียนฟงก้าวเข้าไป หยุดมองต้นเหมยอย่างไม่อยากเชือสายตา
ตนเอง ก่อนจะก้มลงมองพระชายาของตน เห็นฝามือมีรอยบาดแผล
ของนาง เขาขมวดคิวไม่พอใจ กําลังจะเอือมมือไปจับมือนาง ก็กลับ
ได้ยินเสียงทหารเวรยามร้องตะโกนขึน 
 
“บุกรุก มีผู้บุกรุก!! คุ้มกันท่านอ๋องกับพระชายาเดียวนี!!” 
 
ทหารเวรยามผ่านมาเจอองครักษ์ทีถูกทําร้ายหมดสติ ทังวังพลัน
สว่างไสวไปด้วยคบไฟ เหล่าทหารวิงกันวุ่นวาย ต่างเข้าไปห้อมล้อมหลี
เหยียนฟงและฉินหยุนซี 
 
“เกิดอะไรขึน!!” ท่านอ๋องหันไปถามทหารทีวิงเข้ามาคํานับและเตรียม
รายงานอยู่แล้ว 
 
“ทูลท่านอ๋อง องครักษ์เงาถูกทําร้ายพะยะค่ะ พวกเรากําลังกระจายกําลัง
กันค้นหาคนร้ายพะยะค่ะ” 
 
“มีผู้บุกรุกรึ...” เอ่ยอย่างแปลกใจ แต่เอือมมือแกร่งโอบไหล่เล็กๆของ
พระชายา ดึงให้นางเข้ามาชิดใกล้อย่างปกปอง ทําเอาฉินหยุนซีหน้า
ร้อนซู่ “ไปตามจับตัวมาให้ได้ อย่าให้พระชายาได้รับอันตรายเปนอันขาด
!!” 
 
“พะยะค่ะ!!” 
 
เหล่าทหารวิงวุ่นไล่ตามหาผู้บุกรุกไม่ได้รับเชิญ หารู้ไม่ว่าอีกฝายนันทรุด
ลงนังขัดสมาธิอยู่เหนือหลังคาสูงขึนไป ไม่ไกลกันนัก ตาเรียวเข้มมี
อํานาจเอาแต่จับจ้องอยู่ทีพระชายาฉินหยุนซี 
 
นางคือหงส์ฟาทีพวกหลีต้าตามหาอยู่แทบพลิกแผ่นดินหรือ...เช่นนัน
เหตุใดเขาจึงไม่ทราบข่าวเลย หรือฮ่องเต้หลีปาเทียนจงใจปกปด เพราะ
ไม่ต้องการให้นางเปนทีต้องการของแว่นแคว้นอืน อาจกลัวว่านางจะถูก
ชิงตัวไป 
 
โอ สวรรค์ช่างเข้าข้างเขายิงนัก ไม่นึกว่าการแวะเข้ามาหวังสืบข่าวในวัง
อ๋องสามครานี เขาจะได้รู้ความลับของแคว้นหลีต้าเข้าแล้ว 
 
เลือดของหงส์ฟาเปนสิงวิเศษ เปนทีต้องการของทุกแคว้นทังแผ่นดิน 
หากเรืองนีแพร่งพรายออกไป อ๋องสามหลีเหยียนฟงก็อาจปกปองนาง
เอาไว้ไม่ไหวเปนแน่ 
 
เขาเพ่งมองนางอย่างสนใจ หงส์ฟาทีทังงดงามมีค่าคู่ควรแผ่นดิน หากมี
นางอยู่ ก็คงไม่ต้องหวันเกรงแม้พิษร้ายกาจของพวกลัวปาหรือแว่น
แคว้นใดๆ 
 
“หึ ข้าอยากได้เจ้านัก หงส์ฟา” เขาพึมพํา หากแล้วก็ต้องชะงัก เมือหาง
ตาเหลือบเห็นร่างสูงเพรียวของบุรุษผู้หนึง ฝายนันโดดขึนมาบนหลังคา
เดียวกับเขา และจ้องมองมาด้วยใบหน้าถมึงทึง ดุดัน 
 
“เจ้าเปนใคร เข้ามาในวังท่านอ๋องด้วยประสงค์สิงใด!” 
 
“เจ้า...?” ชายผู้ซ่อนใบหน้าใต้หน้ากากปกปด หรีตา ค่อยๆลุกขึนประจัน
หน้ากับอีกฝาย นิงคิดครู่หนึงก็นึกได้ 
 
องครักษ์คนสนิทของหลีเหยียนฟงนันเอง!! 
 
“ข้าเหอตง เปนองครักษ์ของท่านอ๋องสาม เจ้าเปนใคร ชือเรียงเสียงไร 
ปกปดหน้าตา แอบเข้ามาก่อกวนในวังท่านอ๋องด้วยประสงค์สิงใด” 
 
เหอตงชีกระบีเงาปลาบคมกริบในมือไปทีอีกฝาย จิตสังหารเพิมมากขึน 
เตรียมพร้อมสําหรับการต่อสู้ 
 
“ข้าเปนแค่คนนิรนาม วันนีหลงเข้ามาในวังอ๋องทีใหญ่โต หาทางออกไม่
เจอ มิได้คิดจะทําร้ายผู้ใด ท่านเหอตงโปรดใจเย็นก่อนเถิด” เอ่ยตอบโต้
ไปอย่างอารมณ์ดี ไม่ทุกข์ร้อน แม้นว่าความตายจะมารออยู่ต่อหน้า 
 
“วังท่านอ๋องเปนสถานทีท่องเทียวของเจ้าตังแต่เมือใด บังอาจนัก ตาม
ข้าไปรับโทษกับท่านอ๋องซะ ข้าไม่อยากเสียเวลา” 
 
“หือ...ย่อมได้ ข้าจะตามเจ้าไปพบท่านอ๋องกับพระชายาก็ได้” 
 
ชายในหน้ากาก ยอมตามเหอตงลงมาพบท่านอ๋องหลีเหยียนฟงแต่โดย
ดี สร้างความแปลกใจให้กับองครักษ์หนุ่มเปนอย่างยิง ทว่าชายผู้นัน
กลับมิยอมคุกเข่าให้ท่านอ๋องสาม ซํายังเอาแต่จ้องหน้าพระชายาเขม็ง 
 
“บังอาจ กล้าดีเยียงไรเอาแต่จ้องหน้าพระชายา คุกเข่าลงเดียวนี!!” 
 
เหอตงโกรธแทนเจ้านาย ท่านอ๋องถึงกับดึงพระชายาฉินหยุนซีให้หลบ
ไปเบืองหลังของตน ทรงหวงแหนพระชายาปานนัน แต่เจ้าคนร้ายก็ยัง
ทําเฉยเหมือนไม่รู้ว่ากําลังเสียมารยาทอย่างยิง 
 
แต่มันเปนคนร้าย จะถามหามารยาทอันใดได้เล่า 
 
เหอตงถีบขาของอีกฝาย แต่เจ้าโจรในหน้ากากดํา ขาแข็งดังเหล็กกล้า 
ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมคุกเข่าเปนอันขาด! 
 
“เจ้า...” เหอตงเงือกระบีจ่อลําคอแกร่งของอีกฝาย พร้อมจะตวัดคมดาบ
หากท่านอ๋องรับสังอนุญาต 
 
“ข้าน้อยมิได้มีเจตนาร้ายอันใด ก็แค่อยากเข้ามาชมสวนอันงดงามในวัง
ท่านอ๋องให้เปนบุญตาสักครัง ไม่นึกว่าจะได้พบพระชายาของท่านอ๋อง
ด้วย...เปนโชคดีของข้าน้อย ทีได้มีวาสนาพานพบสตรีทีงดงามเช่นพระ
ชายา” 
 
ผู้ถูกคุมตัวเอาไว้ ยังกล้าเกียวพาราสีฉินหยุนซีต่อหน้าท่านอ๋องและ
ทหารทังตําหนัก! 
 
หลีเหยียนฟงขบกรามแน่น ออกคําสังอย่างเกรียวกราดยิง 
 
“เปดหน้าของมันออกดูสิ!” 
 
ทหารเข้ามาจะดึงหน้ากากออกจากใบหน้าของอีกฝาย แต่ชายหนุ่ม
นิรนามถอยหลังหนี รีบอ้าง 
 
“ใบหน้าข้าน้อยอัปลักษณ์น่าเกลียด เกรงว่าถ้าเปดออกให้พระชายาเห็น
แล้ว คงกินอะไรไม่ลง จะเก็บไปฝนร้ายได้” 
 
“อย่างนันรึ ดี อาตง เปดหน้ามัน!!” 
 
ท่านอ๋องสังเหอตง องครักษ์คนสนิทก้าวเข้ามาประชิดหมายจะถอด
หน้ากากของผู้บุกรุกออก แต่แล้วอีกฝายกลับสะบัดมือใส่อย่างแรง เกิด
การปะทะฝามือกัน ชายแปลกหน้าต่อสู้จนได้โอกาส จึงกระโดดหนีตัว
ลอยขึนไปบนหลังคา 
 
เหอตงจะตามไป แต่ถูกซัดระเบิดควันขวางหน้า พริบตาเดียวชายผู้นันก็
หายไปกับความมืด ทิงเอาไปแต่ความฉงน ว่ามันเปนใคร เข้ามาในวัง
ท่านอ๋อง ต้องการอะไรกันแน่... 
 
“ท่านอ๋อง พระชายา ไม่เปนไรนะพะยะค่ะ” เหอตงรีบหันมาไถ่ถาม เมือ
ทังสองพระองค์บอกว่าไม่เปนไร เขาจึงทูลต่อ “ข้าน้อยจะตามไปลองหา
ตัวมันดู เผือจะอยู่รอบๆ บริเวณนี ท่านทังสองรีบเข้าตําหนักก่อนเถิดพะ
ยะค่ะ” 
 
“อืม...สังทหารมาเพิม คอยสอดส่องเข้มงวด อย่าให้มีคนร้ายลักลอบเข้า
มาได้อีกเปนอันขาด” 
 
ท่านอ๋องรับสังแล้วก็ดึงแขนประชายา พาเดินลิวกลับเข้าตําหนัก ในใจ
นึกคุ้น เจ้าคนในหน้ากากผู้นันอยู่ไม่น้อย 
 
ช่างเหมือนเคยพบทีใดมาก่อน เหมือนจะรู้จัก...ท่าทางเช่นนัน หรือจะ
เปน... 
 
ไม่สิ ไม่น่าใช่...คนผู้นันไม่ควรจะมาอยู่ทีนีได้หรอก 
 
31.กักขังไว้ในอ้อมแขน 
 
ฉินหยุนซีถูกท่านอ๋องหลีเหยียนฟงพากลับเข้ามาในห้อง เขาจับนางกด
ไหล่ บังคับให้นังลงบนเตียง ฉินหยุนซีช้อนตาโตมองท่านอ๋องด้วย
ความงงและไม่เข้าใจ ท่านอ๋องดูกังวล ว้าวุ่นและไม่พอใจอะไรบางอย่าง 
 
“นอนอยู่ในห้องดีๆ เหตุใดเจ้าจึงออกไปในสวน ไม่รู้รึว่าคํามืดมัน
อันตราย” รับสังตําหนิ ฉินหยุนซีจึงรีบอธิบาย 
 
“เสียวซีเห็นว่าต้นเหมยผลิใบ แตกดอก เลยออกไปดูเพคะ ท่านอ๋องไม่
ดีใจทีต้นเหมยกลับมามีชีวิตอีกครังหรือเพคะ?” ถามเขาพร้อมรอคอยว่า
จะได้เห็นเขาดีใจ แต่แล้วก็ต้องหน้าเจือนเพราะเสียงดุตะคอกอย่างไม่
พอใจของท่านอ๋อง 
 
“อย่าเปลียนเรือง ไม่รู้รึ เจ้านิรนามนันมันจ้องมองเจ้าราวกับ...เอ่อ...” 
ท่านอ๋องรับสังไม่จบก็สะดุดเสียเอง 
 
“ราวกับอะไรรึเพคะ?” ฉินหยุนซีไม่ยอมให้เขาเลียง นางซักไซ้ อยากรู้
อยากเห็น 
 
“อย่าถามมาก บุรุษทังหมดล้วนไม่น่าไว้วางใจ เจ้าแค่เชือฟงข้าก็พอ ต่อ
ไปอย่าแอบออกไปไหนเพียงลําพัง ทุกย่างก้าวจะต้องมีองครักษ์อยู่ด้วย
เสมอ เข้าใจหรือไม่?” แตะแขนทังสองข้างของนางพร้อมกับจ้องมองลึก
เข้าไปในดวงตากลมโตสวยพราว ราวกับอัญมณี 
 
ทําไมเขาจะไม่ดีใจทีต้นเหมยกลับมาคืนชีพอีกครัง แต่ว่า... 
 
ท่านอ๋องมองมือข้างทีได้บาดแผลของนาง ถึงกับขบกรามแน่น หนัก
หน่วงในหัวใจไปหมด 
 
หงส์ฟาแล้วอย่างไรเล่า ต้องใช้โลหิตตนเองเพือช่วยเหลือผู้คน...นางตัว
เล็กแค่นี โลหิตจะมีสักเท่าไหร่...เท่าไหร่จึงจะเพียงพอช่วยเหลือผู้คนทัว
หล้า!! 
 
หากคนรู้เข้าก็คงแห่แหนกันมาขอให้นางช่วยเหลือ นางต้องเชือดตัวเอง
อีกสักกีสิบกีร้อยแผลจึงจะเพียงพอ... 
 
นีไม่ใช่พรสวรรค์ของฟา แต่มันคือคําสาปต่างหาก เสียวซี...เจ้าไม่ควร
เปนหงส์ฟาเลย... 
 
“เสียวซีอยู่ในปา ไม่คุ้นกับผู้คนมากมาย และว่ากันตามตรงแล้ว เสียวซี
ไม่คิดว่าคนผู้นันจะทําอันตรายเสียวซีนะเพคะ สายตาของเขาแปลกๆก็
จริง แต่ว่าไปแล้ว สายตาท่านอ๋องยังน่ากลัวกว่าเสียอีก” นางวิจารณ์
ตามตรง ทําเอาท่านอ๋องหลีเหยียนฟงถึงกับชะงัก กะพริบตาถี รีบปรับ
สีหน้าให้เปนปกติ 
 
“ข้าน่ากลัวอย่างไร มองดูให้ดีอีกทีสิ ข้าน่ากลัวทีใด?” 
 
หลีเหยียนฟงถาม พร้อมกันนันก็ก้มหน้าเข้ามาใกล้จนปลายจมูกจรด
กัน ฉินหยุนซีสะดุ้งผละถอยหลังหนีเข้าไปด้านใน แทนทีท่านอ๋องจะล่า
ถอย เขากลับตามเข้ามา กักขังร่างเล็กๆของพระชายาเอาไว้ติดกับด้าน
ในสุดระหว่างผนังห้องกับลําแขนแกร่งของตนเองแทน 
 
“ท่านอ๋อง...” 
 
ฉินหยุนซีตระหนกยิงนัก ท่านอ๋องเข้ามาใกล้ชิดมากเกินไป หัวใจของ
นางเต้นแรงดังว่าจะหลุดกระเด็นออกมาภายนอก 
 
รับรู้ได้ถึงไออุ่นจากร่างสูงใหญ่ของเขา กลินอายของท่านอ๋องกักขังนาง
เอาไว้ ฉินหยุนซีก้มหน้างุด ทว่าท่านอ๋องก็ยังตามเข้ามา ปลายจมูกโด่ง
เคลียผะแผ่วอยู่ข้างแก้ม ลมหายใจของเขาช่างเร่าร้อน ฉินหยุนซีไม่กล้า
หายใจ เปนความอึดอัดทีแสนทรมาน เย้ายวน ปนปวนในหัวอก 
 
“ท่านอ๋อง...” นางฝนข่มความขัดเขิน เรียกเขา มือไม้เย็นยะเยียบตืน
ตระหนก 
 
“ข้าอยู่นีแล้ว มีกระไรก็ว่ามาเถิด” หลีเหยียนฟงขานรับเสียงทุ้มนุ่มแหบ
พร่าเล็กน้อย 
 
ฉินหยุนซียิงใจเต้นแรงแทบเปนบ้า นางกําผ้าปูเตียงแน่นแทบฉีกขาด 
เมือรับรู้ได้ถึงสิงนุ่มนิมทีเคลียคลออยู่กับเรียวปากสีเรือของตนเอง 
 
ท่านอ๋อง จุมพิต... 
 
นางเบิกตาโต ตกใจ เลือนมือจะดันแผ่นอกกว้างของเขา แต่ท่านอ๋อง
คว้ารวบมือเล็กของนางสอดประสานไว้แน่น 
 
“โอ๊ะ...” นางอุทาน เจ็บแปลบเบาๆ ตรงแผลทีเพิงกรีดไป นันเองท่าน
อ๋องจึงชะงัก พลิกฝามือนางขึนดู แล้วก็ถึงกับนิงขึง หน้าเคร่งเครียดไป
อีก 
 
...คิวเข้มดกหนาของชายหนุ่มขมวดลู่เข้าหากัน ดวงตาคมกริบดุดันของ
เขากลับมาจ้องใบหน้างดงามของฉินหยุนซี เรียวปากบางสีแดงเรือของ
ท่านอ๋องราวกับจะขยับเอ่ยบางถ้อยคํา หากแต่แล้วก็นิงเงียบไม่ยอมพูด
ออกมา 
 
ฉินหยุนซีหน้าซีด ตระหนกกับปฏิกิริยาของเขา ท่านอ๋องเหมือนต้องการ
พูดเรืองสําคัญบางอย่าง แต่แล้วก็กลับนิงขึงไปอีก เอาแต่กํามือข้างทีได้
รับบาดแผลของนางไว้แน่น... 
 
ทว่าแปลกยิงนัก ความเจ็บทีบาดแผลของนางกลับคลายลงไปอย่าง
รวดเร็ว นางยังไม่ทันได้พูดกระไร หลีเหยียนฟงก็กลับดึงนางเข้าไปกอด
ไว้แน่น ซุกแนบริมฝปากและปลายคางแกร่งลงกับบ่าเล็กๆ นุ่มนิมเจือ
กลินหอมชืนใจของนาง แววตาของเขาบ่งบอกความกังวลใจอย่างยิง 
 
“ขอบใจเจ้านักทีห่วงใยต้นไม้ของท่านแม่ข้า ข้าดีใจทีเห็นมันกลับคืนมา.
..แต่ว่าเสียวซี ระวังตัวเองด้วย เจ้าได้แผลบ่อยเกินไปแล้วนะเสียวซี!” 
 
“ท่านอ๋อง...” ฉินหยุนซีอําอึง อ้าปากค้าง ไม่คาดคิดจริงๆว่าท่านอ๋อง “
ห่วงใย” นางถึงเพียงนี 
 
ก็แค่แผลเล็กจิวเดียวเท่านันเอง... 
 
“ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามีบาดแผล...ไม่ต้องการให้เจ้าเจ็บปวด เจ้าไม่ควร
ต้องเสียสละ...ไม่ว่าจะเปนบาดแผลเพราะอะไร... เจ้าต้องรู้จักระวังตัวให้
มาก อย่าได้บาดเจ็บให้ข้าเห็นอีก เข้าใจไหมเสียวซี” 
 
ท่านอ๋องรับสังอบอุ่นถึงเพียงนี ฉินหยุนซีจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นาง
ถึงกับนําตารืน ซาบซึงจนบอกไม่ถูก ราวกับว่าเขาได้บอกอะไรบางอย่าง
กับนางมากกว่าเพียงแค่ทีกล่าวออกมา 
 
หรือท่านอ๋องจะรู้เช่นกันว่านางเปนดาวหงส์...ถ้าเช่นนันทําไมเขาจึง
เงียบไม่เอ่ยปาก ทําไมเขาจึงทําเหมือนท่านพ่อของนาง หรือนีคือการ
แสดงความรักในแบบของบุรุษ? 
 
ท่านอ๋องเคยเกลียดเสียวซีมิใช่หรือ...เหตุใดท่านจึงทําตรงข้ามกับคําว่า
เกลียด เสียวซีสับสนไปหมดแล้ว 
 
“ท่านอ๋อง เปนห่วงเสียวซีเหรอเพคะ?” นางถามตรงๆ ตามความเข้าใจ
ของตนเอง ทว่าหลีเหยียนฟงนันยังปากหนัก เขาแสดงออกขนาดนีแล้ว 
นางยังจะถามอีก? 
 
“ไม่ต้องถามมาก ข้าสังเจ้าทําตามก็พอ แล้วก็จําไว้ ต่อไปห้ามสบตากับ
ชายใด ไม่เว้นแม้แต่เหอตง” 
 
“เพราะเหตุใดเล่าเพคะ คนเราเมือสนทนากัน ก็ต้องมองหน้า มองตา
เพือจะได้เห็นความจริงใจ หากสนทนาแล้วเสียวซีไม่มองหน้าผู้ใด คนมิ
หาว่าเสียวซีเปนปศาจอีกหรอกรึ?” ฉินหยุนซีไม่เห็นด้วยกับเขา นาง
บริสุทธิใจเปนทีตัง เหตุใดต้องหลบหน้าหลบตาผู้คน? 
 
“ใครมันกล้าบังอาจว่าเจ้า คงไม่อยากตายดี ข้าจะสังตัดหัวให้สิน!” หลี
เหยียนฟงขึนเสียงแข็งกร้าวอย่างผู้มีอํานาจและเอาแต่ใจไม่น้อย ฉินหยุ
นซีเอียงคอมองเขาพลางถอนใจ หมู่นีท่านอ๋องช่างประหลาดนัก นาง
คาดเดาอารมณ์ของเขาไม่ได้เลย 
 
จะว่าร้ายเหมือนแต่แรกก็ไม่ใช่ เขามิได้หวังร้ายต่อนาง กลับเปนห่วงเปน
ใยจนเกินไปเสียด้วยซํา 
 
“เราประหารทุกคนด้วยเรืองไร้เหตุผลมิได้หรอกเพคะ ท่านอ๋องเปนผู้นํา
คน ต้องมีเมตตา หัวใจของประชา ซือหามาได้ด้วยใช้ใจแลกใจ มิใช่ด้วย
อํานาจบังคับ...หากท่านอ๋องไม่ต้องการให้เสียวซีมองผู้ใด เช่นนันเสียว
ซีก็คงต้องเปนคนตาบอดแล้วเพคะ ท่านอ๋องเกลียดเสียวซีอยู่แล้ว...ท่าน
จะลงโทษสังให้เสียวซีตาบอดรึเพคะ?” 
 
ฉินหยุนซี ถามอะไรเช่นนัน!! 
 
ท่านอ๋องถึงกับนิงอึงไป ตระหนักได้ว่าปญหาใหญ่ของเขา ก็คือทีกล่าว
เท็จกับนางในคืนวันแต่งงาน! 
 
ตอนนันเพราะอคติต่อฉินเฉินบิดาของนาง เขาจึงโกหกไปหลายประการ 
ทังทีบอกว่าเกลียดชังนาง และทีอ้างกับนางว่าหลงรักฉางซิน 
 
จะอธิบายอย่างไรดี ปากก็หนักราวกับมีเหล็กถ่วงอยู่สักพันชัง 
 
“ข้า...คือข้า...” 
 
“เพคะ ท่านอ๋อง เสียวซีรอฟงอยู่?” ฉินหยุนซีทําตาโต ลุ้นว่าเขาจะพูดคํา
ใดออกมา มิได้กลัวว่าเขาจะสังให้นางตาบอด ท่านอ๋องสามผู้ทีเห็นแผล
มีดบาดนิดเดียวของนางก็ทรงโวยวายใหญ่โต นางเชือว่าเขาไม่ใจร้าย
เช่นนันกับนางแน่นอน 
 
“ข้าง่วงแล้ว นอนเถิด!” 
 
ท่านอ๋องเปลียนเรืองดือๆ ล้มตัวลงนอนทังทีมีร่างของฉินหยุนซีอยู่ใน
อ้อมแขนแข็งแกร่งด้วย นางตกใจอุทานเบาๆ เมือลงไปนอนเคียงหัน
หน้าเข้าหากัน ตาต่อตาสบกัน นางถึงกับพูดไม่ออก ความร้อนอุ่นซ่าน
อยู่ในอก แก้มขาวลออนวลเนียนร้อนฉ่า ดวงตาคมเข้มคู่สวยของท่าน
อ๋องราวกับมีเวทมนตร์สะกดวิญญาณได้ นางนิงขึงไม่กล้าขยับตัว แล้วก็
สะดุ้งเบาๆ เมือหลีเหยียนฟงวางฝามือลงมาทาบกับแก้มอ่อนนุ่มของ
นาง 
 
เขาลูบผิวนวลใสอย่างเบามือ ทะนุถนอม ฉินหยุนซีขนลุกซู่ เหมือนถูก
เข็มหลายสิบเล่มปกเข้าไปทีหัวใจ ตกประหม่าไปหมด นางพยายามถอน
สายตาจากดวงตาคมซึงของท่านอ๋อง ทว่ากลับถูกดึงแก้มนุ่มอย่างเอ็นดู 
แล้วรับสังเอาแต่ใจ 
 
“หลบตาได้อย่างไร ไม่เห็นรึว่าข้ากําลังมองเจ้าอยู่” 
 
“โอย ท่านอ๋อง ทรงจ้องเสียวซีอยู่ตังนานแล้ว เสียวซีง่วงแล้ว เสียวซีผิด
ทีใดหรือเพคะ” ฉินหยุนซีโวยวายกลับไปบ้าง หากคําตอบของท่านอ๋อง 
ทําให้นางอ้าปากค้าง ตาโตแปว 
 
“ห้ามหลบตา ข้ากําลังฝกให้เจ้าชินกับสายตาของบุรุษ ต่อไปไม่ว่าใคร
มองเจ้าก็ห้ามหวันไหวเด็ดขาด จงจดจําไว้แต่สายตาของข้า” 
 
“ท่านอ๋อง...” 
 
ฉินหยุนซีตกตะลึง อยากคิดว่าตนเองนันฝนไป ท่านอ๋องหลีเหยียนฟงก
ล่าวเช่นนี สีหน้าของเขาจริงจังจนนางขนลุก สันสะเทือนเข้าไปจนถึงจิต
วิญญาณ 
 
ฉินหยุนซีเปนคนซือ สดใส และค่อนข้างจะมองโลกในแง่ดี เพราะอยู่แต่
กับปาเขามาทังชีวิต ทว่านางมิได้โง่เง่าขนาดจะไม่เข้าใจความหมายที
ท่านอ๋องกล่าวมา 
 
“เสียวซี...เหตุใดจึงเงียบไป เจ้าเข้าใจทีข้าพูดหรือไม่?” หลีเหยียนฟง
เอ่ยถาม ร้อนใจอย่างไม่เคยเปนมาก่อน เขาแทบทนอยู่เฉยไม่ได้ ยัง
จดจําสายตาทีผู้บุกรุกนิรนามนันจ้องมองนางได้ด ี
 
ผู้ทีเขาอยากควักตาโยนทิง ก็คือบุรุษทุกคนทีกล้ามองฉินหยุนซีด้วย
ความสิเน่หา!! 
 
ท่านอ๋องเฝารอคําตอบของนาง ฉินหยุนซีเอาแต่นิง...เงียบ...ก่อนจะ
ค่อยๆ หยิบผ้าห่มมาคลุมร่างตนเองจรดปลายจมูกโด่งรันเล็กๆ เสียง
แสนหวานสดใสเอ่ยตามมา ทําให้หลีเหยียนฟงถึงกับหน้าร้อนผ่าวเช่น
กัน 
 
“ท่านอ๋องเพคะ...บอกตรงๆก็ได้นะว่าชอบเสียวซี...ไม่เห็นต้องอ้อมค้อม
เลย...” 
 
“ข้า...ก็ข้าไม่เคยชอบใคร...” เอ้า ยอมรับก็ได้!! 
 
“ทรงมีอนุตังเยอะแยะ นันมิได้ชอบรึเพคะ?” นางถามอีก แต่อายจนต้อง
มุดหน้าลงไปซ่อนใต้ผ้าห่มแพรแสนนุ่มนิม 
 
“ไม่เลย ข้าไม่เคยชอบใคร แม้แต่ฉางซินนัน ข้าก็ปดเพราะอยากให้เจ้า
เจ็บปวด...ตอนนันข้าไม่ชอบเจ้าจริงๆ...” ท่านอ๋องเอ่ย เอือมมือไปดึง
ผ้าห่มลดระดับลง เพือจะได้เห็นหน้าเขินอายของนางให้ชืนใจ 
 
แม้ความมืดจะทําให้ไม่สามารถเห็นแก้มแดงๆของนาง แต่อาการขัดเขิน
ของนางก็ช่างน่าเอ็นดู 
 
“เสียวซี เราดีกันเถิดนะ ลืมเรืองบาดหมางทีผ่านมา แล้วเริมกันใหม่ ข้า
จะชดเชยให้เจ้า จะตามใจเจ้า...เจ้าชอบดอกเหมย ข้าจะปลูกต้นเหมยปา
ให้ทัวทังวัง...จะทําให้เจ้ามีความสุขอยู่ทีนีตลอดไป” 
 
“ท่านอ๋อง...” 
 
หลีเหยียนฟงยินดีนักทีฉินหยุนซีมิได้ตังปอมต่อต้านเปนศัตรูกับเขา 
นางเองก็มีใจให้เขาเฉกเช่นเดียวกัน ชายหนุ่มยิมกว้าง จะคว้าร่างเล็กๆ
เข้ามากอดแนบอก ทว่ากลับถูกนางผลักไสแล้วขึนเสียงดุใส่ในพลัน 
 
“พูดคําหวานแค่นีแล้วคิดว่าเสียวซีจะดีกับท่านง่ายๆเรอะ ไม่มีทางเพคะ
!” 
 
“เสียวซี!” 
 
ท่านอ๋องงงนัก เสียวซีทีเอียงอายก้มหน้างุดๆอยู่เมือครู่ ตอนนีกลายร่าง
เปนแม่เสือ นางสลัดผ้าห่มออก นังขัดสมาธิ กอดอก แผ่นหลังเหยียด
ตรง หน้าหวานเคร่งเครียดเอาจริง 
 
“เสียวซีไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้นก็จริง แต่คิดแล้วก็โมโหนัก คืนแต่งงาน
ท่านทําให้เสียวซีเจ็บปวด ทังยังไล่เสียวซีไปไกล ใช้ให้ทํางานสารพัด 
ความผิดของท่านอ๋อง ไม่ใช่ว่าจะอภัยให้ได้ง่ายๆ” 
 
“แล้วเจ้าจะให้ข้าทําอย่างไร” หลีเหยียนฟงลุกขึนนังประจันหน้ากับนาง
บ้างเช่นกัน ฉินหยุนซีทําท่าขบคิด ไม่ช้าก็หัวเราะร่วน สดใสจนท่านอ๋อง
ใจอ่อนยวบ 
 
“ท่านต้องพาข้าไปซือของทีตลาดในเมือง” 
 
“แต่...มันอันตราย ข้าไม่ไว้ใจ อาจมีคนคิดร้าย...” 
 
“ไม่ไปรึเพคะ?” 
 
“โอะ...” หลีเหยียนฟงชะงัก ถอนใจเฮือกใหญ่ ลําบากใจไม่น้อยกับ
ความแสนซนของพระชายา เขาหรือเปนห่วงความปลอดภัยของนาง อีก
ทังอย่างไรก็ไม่อยากให้ใครมองนางอยู่ดี แต่หากไม่ตามใจก็คงมิได้ 
 
“พรุ่งนีข้าต้องเข้าวังแต่เช้า เอาไว้ตอนเย็นข้าจะพาเจ้าไปเดินตลาดก็แล้ว
กัน” 
 
“ขอบพระทัยเพคะ ท่านอ๋องใจดีทีสุดเลย!!” นางกํามือ ยินดีในชัยชนะ
เล็กน้อยของตนเอง ยิมกว้างทังปากและดวงตา ช่างสดใสเหมือนนก
น้อยเข้ามาบินร่าเริงในใจเขา 
 
หลีเหยียนฟงพลอยยิมตาม ไม่รู้ว่าเขาไม่ได้ยิมเต็มทีมานานหนักหนา
เพียงใดแล้ว รู้สึกได้ทีเดียวว่าใบหน้าตึงเปรียะ 
 
เอาเถิด ขนทหารใต้บัญชาของเขาไปล้อมตลาดสักห้าร้อยคน อีกทังเขา
กับเหอตงก็ยังอยู่ด้วย คงไม่มีอะไร... 
 
“ท่านอ๋องสัญญาแล้ว ถ้าเช่นนันนอนเถิดเพคะ พรุ่งนีท่านต้องเข้าเฝา
ฮ่องเต้ เดียวจะตืนสาย” นางคว้าผ้าห่มกลับมาคลุมร่างแล้วทิงตัวลง
นอนหันหลังให้เขา แอบอมยิมตาหยีมีความสุขและอบอุ่นใจยิง 
 
ความจริงนางไม่ได้อยากไปตลาดขนาดนันหรอก ก็แค่ลองขอดู แต่เขาก็
ยังอนุญาต แค่นึกภาพท่านอ๋องหลีเหยียนฟงไปเดินตลาดด้วยกัน 
ท่ามกลางชาวบ้านมากมายก็รู้สึกดีแล้ว 
 
ท่านอ๋องรักนาง...สวรรค์ เสียวซีมีคนทีรักแล้ว ไม่เคยรู้สึกดีเช่นนีมาก่อน
เลย!! 
 
“เอ่อ...เสียวซี...ข้าขอกอดเจ้าได้หรือไม่...?” ท่านอ๋องทิงตัวลงนอน หัน
หน้าเข้าหานาง และเอ่ยถามแผ่วเบา 
 
“ไม่ได้เพคะ” นางตอบชัดเจน ทําเปนไม่สนใจ รอฟงเสียงหายใจ
สมําเสมอยามหลับของเขา แต่กลับกลายเปนตนเองทีเผลอหลับไปเสีย
ก่อน 
 
ท่านอ๋องรอจนแน่ใจแล้วว่าพระชายาหลับสนิท หายใจเปนจังหวะ
สมําเสมอ เขาค่อยๆเอือมแขนแกร่งไปหมายจะดึงร่างน้อยของนางเข้า
มาโอบกอดเอาไว้ให้ชืนใจ ทว่าจู่ๆ ฉินหยุนซีกลับพลิกตัวมาเปนฝายก่าย
กอดเขาเอาไว้เสียเอง ท่านอ๋องถึงกับกะพริบตาปริบๆ ยังจดจําได้ คืน
ก่อนนันนางก็กอดเขาแน่นเหนียวเพราะเข้าใจว่าเขาเปนท่านแม่ของนาง 
แล้วนี...เสียวซีจะเข้าใจว่าเขาเปนท่านแม่อยู่อีกหรือไม่? 
 
“ท่านแม่...เสียวซีคิดถึงท่าน...” 
 
คิดยังมิทันขาดตอน นางก็พึมพําเรียกท่านแม่กรอกหูเขาอีกแล้ว... 
 
หลีเหยียนฟงหนอหลีเหยียนฟง...เวรกรรมตามสนองเจ้าแล้ว ตอนนี
ทรมานราวกับตกนรกทังเปนทีเดียว!! 
 
32.ฮ่องเต้มีบัญชา 
 
เช้ามืดของวันรุ่งขึน ฉินหยุนซีลืมตาตืนขึนมาไม่พบท่านอ๋องแล้ว เขาไม่
ได้อยู่ในห้อง 
 
เมือคืนนางช่างฝนดี ฝนถึงท่านแม่...หมู่นีรู้สึกว่านางจะฝนถึงท่านแม่
บ่อยขึนอย่างไรชอบกล... 
 
อาจเพราะมาอยู่ทีนีไม่มีอาจารย์ เพือนทีพูดคุยได้ก็มีแต่พีหลิงหลิงกับ
เสียวเหอ... 
 
จริงสิ พีหลิงหลิงกับเสียวเหอ!! 
 
ฉินหยุนซีนังคิดทบทวน จะมีทางใดทีนางสามารถสืบเบาะแสเรืองของ
พระสนมได้มากกว่านีบ้าง หน้าตาหวังกงกงผู้นันนางก็ไม่รู้จัก จะไปตาม
หาเขาได้ทีใดกัน ตอนนีเปนหรือตายไปแล้วก็ไม่ร ู้
 
นางนึกถึงคําสอนของอาจารย์ ท่านสอนให้นางฝกจิตมาตังแต่เด็ก 
เวทมนตร์ทังหลายจะทรงอิทธิฤทธิก็ด้วยใช้จิตเปนสําคัญ 
 
‘เสียวซีจําไว้ว่าต้องหมันฝกจิต เมือจิตสงบ ปญญาเกิด เมือปญญาเกิด
ความรอบรู้จะเพิมพูน จงปล่อยจิตให้ว่างดังอากาศ มองไม่เห็น แต่รับรู้
ได้ด้วยการหายใจ...ผู้ทีควบคุมจิต สามารถเปดได้ทังอดีตและอนาคต’ 
 
“เปดอดีตและอนาคต...แต่เปดอดีตนัน ง่ายกว่าเปดอนาคต...จริงสิ ถ้า
ข้าลองเปดอดีตเข้าไปดูตอนทีพีหลิงหลิงตาย ก็คงจะได้เบาะแสเพิม!” 
 
ฉินหยุนซีพึมพํา ดวงตาเปนประกาย นางมองซ้ายมองขวา ในยามนีช่าง
เปนใจ ท่านอ๋องยังไม่กลับเข้ามา บรรยากาศก็เงียบสงบเหมาะแก่การ
รวมสมาธิ 
 
วิชาบังคับจิต เปดอดีตและอนาคต นางไม่อยากใช้นักเพราะต้องเสีย
พลังงานเยอะมาก แต่เมือคิดแล้วก็ไม่มีทางเลือก เผือจะได้เบาะแสเพิม
เติม สักนิดก็ยังดี! 
 
นางหลับตานังทําสมาธิ รวบรวมจิตเปนหนึง ประสานฝามือรวมสมาธิ 
ย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ทีเกิดขึนกับพระสนมสุ่ยชิงหลิงเมือยีสิบปก่อน
... 
 
เหตุการณ์ทีเกิดขึนกับพระสนมนัน เปนภาพทีปรากฏในสมาธิของนาง 
เหมือนดังมีม่านหมอกบางๆขวางกัน แต่กระนันฉินหยุนซีก็ได้มีโอกาส
เห็นหน้าตาของหวังกงกง ผู้ทีอัญเชิญเหล้าพิษมาถวายพระสนม...ส่วนผู้
ทีออกคําสังประทานเหล้าพิษมานัน... 
 
ฉินหยุนซีอยากเห็นใบหน้าของสตรีสูงศักดิผู้นัน ทว่ากลับมองไม่เห็น มี
เพียงแหวนหยกขาวแกะสลักทีพระนางสวมอยู่ แหวนวงนันน่าจะเปน
ของสังทําพิเศษ รูปร่างของมันเหมือนศีรษะของนกหงส์หยกทีดวงตาฝง
พลอยสีเขียวเม็ดเล็กๆทว่าส่องแสงจนแสบตา 
 
‘นําเหล้านีไปให้นางดืม บอกนางว่า เปนเหล้าทีฮ่องเต้ทรงประทานให้
นาง จัดการให้ดี อย่าให้เรืองมาถึงข้าได้เปนอันขาด’ 
 
สตรีผู้นันรับสังกับหวังกงกง เสียงของนางเย็นชา โหดเหียม มีกังวาน
ของพลังอํานาจ...ต้องไม่ใช่คนธรรมดา พลันนันฉินหยุนซีก็ต้องสะดุด
เพราะเสียงเคาะเบาๆ ทีหน้าประตูห้อง 
 
“พระชายาเพคะ ตืนแล้วหรือยังเพคะ” 
 
“ตืนแล้ว เข้ามาสิเว่ยฉู่” ตอบกลับ แล้วรีบซับเม็ดเหงือทีผุดพรายออกมา
มากมาย เหนือยจนต้องหอบหายใจ แต่ต้องพยายามทําเหมือนไม่มี
อะไรเกิดขึน ต่อหน้าเว่ยฉู่และนางกํานัลทีตามเข้ามา 
 
ฉินหยุนซีได้รับการปฏิบัติอย่างดี เทียบเท่ากับท่านอ๋องหลีเหยียนฟง 
ฉินหยุนซีปล่อยให้พวกนางทําตามหน้าที ดีเหมือนกัน จะได้นังเฉยๆ 
พักเหนือยสักครู่ และมีเวลาได้ครุ่นคิดถึงนิมิตรทีเห็นมา 
 
สตรีผู้ออกคําสังกงกงได้ จะเปนใครอืนได้อีก นอกจากพระสนมเอกใน
ตอนนัน หรือก็คือ...ฮองเฮาซู่เฟง!! 
 
ฉินหยุนซีคิดถึงตรงนีก็เหงือแตกซิก ทังทีอากาศก็ไม่ร้อน หากผู้บงการ
คือฮองเฮาจริงๆ นีจะเท่ากับนางเสียงเอาคอไปพาดคมมีด โทษประหาร
ลอยมาอยู่ต่อหน้านีเอง 
 
แต่นางสัญญากับพีหลิงหลิงเอาและเสียวเหอเอาไว้ จะผิดคําพูดได้
อย่างไรเล่า !? 
 
กําลังครุ่นคิดอยู่ทีเดียว พลันก็ได้ยินเสียงของท่านอ๋องดังอยู่ทีหน้าห้อง 
 
“เพิมทหารคุ้มกันโดยรอบตําหนักให้มากขึน ส่งคนไปสืบหาเบาะแส
คนร้ายด้วย ข้าต้องการจับมันให้ได้โดยเร็วทีสุด” 
 
“พะยะค่ะท่านอ๋อง” 
 
“ท่านอ๋อง มีอะไรหรือเปล่าเพคะ” ฉินหยุนซีรีบออกจากห้อง เข้ามาหา
หลีเหยียนฟงทีระเบียงทางเดิน เห็นเขาหน้าบึงดุเคร่งเครียดอยู่ แต่พอ
หันมาทางนาง แววตาคมดุดันนันก็กลับมาอ่อนโยน 
 
“ไม่มีอะไร...เจ้าแต่งตัวเสร็จแล้วรึเสียวซี” เขาเปลียนเรืองเมือหันมาคุย
กับนาง 
 
ฉินหยุนซีเอง ไม่สบายใจนัก เพราะคิดว่าชายนิรนามผู้นันอาจจะรู้ความ
ลับของนาง แต่ยังพยายามปลอบตัวเอง เขาอาจเปนแค่ชาวยุทธทัวไป ที
ไม่รู้เรืองตํานานสีดาวเทพเลยก็เปนได้ 
 
อย่ากังวลไปก่อนเลย คงไม่มีอะไรหรอก... 
 
“เพคะ แต่ว่า ท่านอ๋องตืนเช้ามากเลยนะเพคะ” 
 
“อืม...ข้าไปทํางานนะ มีหนังสือรายงานจากชายแดนต้องอ่านเยอะเลย” 
เขาตอบกลับ ยิมในหน้า ไม่อาจบอกความจริงได้ ใครจะไปหลับลง นาง
เล่นกอดแน่นจนเขาไม่กล้ากระดุกกระดิก! 
 
“โถ...ท่านอ๋องราชกิจเยอะมากเลย ดูสิ ขอบตาคลําไปหมดแล้ว” 
 
นางเอ่ยแล้วยืนปลายนิวแตะทีใต้ตาของเขา ปลายนิวเรียวของนางเย็น
ชุ่มชืนอย่างประหลาด ท่านอ๋องรู้สึกสดชืนขึนทันที 
 
“รอยดําลดลงแล้วเพคะ เวทย์ฟนฟูแบบง่ายๆ เสียวซีเรียนมาจาก
อาจารย์ ไม่นึกว่าจะได้มาใช้กับท่านอ๋อง” นางบอกพร้อมรอยยิมสดใส 
หน้าใสซีดเซียวไปบ้าง แต่ดีทีได้รับการปกปดด้วยเครืองประทินโฉมมา
เรียบร้อยแล้ว 
 
ความจริงแล้วถึงจะยากลําบากเพียงใด แต่เขาก็ยังได้หลับช่วงสันๆอยู่
บ้าง และเช้านีเขาตืนมาด้วยอารมณ์ทีดีเยียม เพราะได้เห็นหน้าฉินหยุน
ซีตังแต่แรกลืมตาตืน แต่ก็ติดทีตนเองนันอดนอนมาครึงค่อนคืน จึงยัง
ไม่ค่อยสดชืนเท่าใดนัก 
 
“ขอบใจชายา มีเจ้าอยู่ด้วย ข้าคงไม่ต้องกลัว แม้จะนอนไม่หลับแต่ก็ยัง
มีคนช่วยลบตาดําให้” 
 
“แล้วเหตุใดจึงนอนไม่หลับเล่าเพคะ” ถามพาซือเสียจนท่านอ๋องอยาก
ดึงแก้มอิมใสของนางเปนการลงโทษ ทว่าดวงตาใส่แปวนันช่างงามนัก 
เห็นแล้ว ผู้ใดเล่าจะโกรธนางลง 
 
“ช่างเถิด ไปกินอาหารเช้ากัน” หลีเหยียนฟงเปลียนเรือง หันมาจูงมือ
พาพระชายา ไปทีโต๊ะอาหารซึงจัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว 
 
อาหารมือเช้าก็เปนอาหารชันเลิศ ชาหอมหมืนลีจิบแล้วแสนสุขใจ ฉิน
หยุนซีทานอาหารเลิศรส ก็นึกถึงเพือนทังสองของนาง จึงแบ่งใส่ถ้วย
เอาไว้บนโต๊ะอาหารด้วย การกระทําของนางทําให้ท่านอ๋อง เอ่ยถามด้วย
ความประหลาดใจ 
 
“เสียวซี ทําอะไรรึ?” 
 
“แบ่งอาหารอร่อย ให้พีหลิงหลิงกับเสียวเหอเพคะ” 
 
คนตอบยิมแปน ทําเหมือนเปนเรืองปกติ ท่านอ๋องกะพริบตาปริบๆ ส่วน
เว่ยฉู่กับนางกํานัลทังหลายพากันก้มหน้างุด เหงือแตกซิก หวาดกลัว
วิญญาณพระสนมและชิวเหอ แต่ไม่กล้าพูด ท่านอ๋องยังไม่ว่ากระไร แล้ว
ข้ารับใช้อย่างพวกนางหรือจะกล้า... 
 
“เว่ยฉู่ ช่วยจัดการเรืองอนุทังหลายแทนข้าที ให้เงินทองพวกนาง แล้ว
ส่งกลับบ้านเกิดไปให้หมด ม่งกู่หลิงก็ด้วย ต่อไปวังข้าจะมีแค่พระชายา
ฉินหยุนซีเพียงผู้เดียว” 
 
ท่านอ๋องรับสังกับเว่ยฉู่ เสียงเรียบนันเด็ดขาด ใบหน้าหล่อเหลาไร้วีแวว
แสดงความสนใจต่อเหล่าอนุทังหลาย เว่ยฉู่มิได้แปลกใจเพราะท่านอ๋อง
ก็ไม่สู้จะใส่ใจบรรดาหญิงสาวเหล่านันเท่าใดนัก นางน้อมรับคําสัง รู้
หน้าทีเปนอย่างดี 
 
“ท่านอ๋องโปรดวางใจ เว่ยฉู่จะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยเพคะ” 
 
“ดี ได้เจ้าช่วยจัดการดูแล ข้าก็สบายใจ” ท่านอ๋องบอกเว่ยฉู่ ก่อนหัน
เอ่ยกับฉินหยุนซีอย่างอ่อนโยน “เสียวซี เดียวข้าต้องเข้าวัง ไว้ข้ากลับมา
แล้วจะทําตามสัญญาทีให้ไว้กับเจ้านะ” 
 
“เพคะท่านอ๋อง เสียวซีจะรอ” 
 
ฉินหยุนซียิมแก้มแดงเรือน่าเอ็นดู สุ่ยชิงหลิงและชิวเหอทานอาหารที
พระชายาตังไว้ให้พลางก็จ้องหน้าแดงๆของฉินหยุนซี ส่งยิมให้กัน 
หัวเราะคิกคัก 
 
‘เสียวซีของเราตอนนีเปนคนโปรดท่านอ๋องไปแล้ว ข้าว่าอีกหน่อยท่าน
อ๋องคงกลัวเจ้าเหมือนหนูกลัวแมว’ พระสนมเอ็นดูเสียวซีกับท่านอ๋อง 
 
‘จริงด้วยเจ้าค่ะนายหญิง วังท่านอ๋องไม่เพียงแต่ดอกเหมยจะผลิบาน 
แต่ดอกไม้ในใจของใครบางคนก็ผลิบานด้วย’ 
 
“พวกท่านหยุดล้อข้ากับท่านอ๋องได้แล้ว ข้าอุตส่าห์เรียกมาทานของ
อร่อย ถ้าไม่ทานแต่มัวล้อข้ากับท่านอ๋องอยู่เช่นนี ข้าจะเก็บของพวก
ท่านมากินเองให้หมดเลย” ฉินหยุนซีหน้ามุ่ย ขัดเขิน นางเริมคิดได้ว่าไม่
ควรเล่าให้สองสาวรับฟง ดูเถิด ล้อนางมาตังแต่เช้าแล้ว 
 
‘ได้อย่างไรเล่า อย่าเชียว ให้แล้วก็ให้เลยสิ ของกินพวกนีเปนของพวก
เราแล้ว’ เสียวเหอไม่ยอม รีบสูดกลินอาหารอย่างมีความสุข 
 
ฉินหยุนซีมัวแต่เถียงกับสหายของนาง ลืมไปสนิทว่าท่านอ๋องมองอยู ่
พอนึกได้จึงหันไปส่งยิมแห้งๆ 
 
ท่านอ๋องส่ายหน้า ไม่ว่ากระไร จนจังหวะทีลับหลังนาง หลีเหยียนฟงจึง
เอ่ยกับเว่ยฉู่และบรรดานางกํานัล 
 
“ห้ามแพร่งพรายเรืองพระชายาพูดคนเดียวออกไปเปนอันขาด และห้าม
ผู้ใดนินทาว่าร้ายพระชายา ถ้าข้ารู้ จะถูกตัดลินให้พูดไม่ได้อีกต่อไป” 
 
“เพคะท่านอ๋อง ข้าน้อยมิกล้า...” 
 
พวกนางน้อนรับคําสังด้วยดี หลีเหยียนฟงรีบไปเปลียนเสือผ้า เตรียม
เข้าวังพบกับฮ่องเต้และบรรดาพีน้อง เพือปรึกษาหารือเรืองเผ่าลัวปา 
 
เมือคืนมีทหารมารายงานว่าจ้าวหมิงและซ่งชางหนีไปได้โดยความช่วย
เหลือของชายใส่หน้ากาก เขาฉุกคิดขึนได้ หรือจะเปนคนเดียวกับที
บุกรุกเข้ามาตําหนักไท้ฝู... ท่าทางยโสโอหังกวนประสาทของฝายนัน ยัง
ทําให้โมโหอยู่ไม่หาย 
 
ต้องเพิมกําลังคุ้มกันรอบตําหนัก เพือไม่ให้ฉินหยุนซีตืนตระหนกจน
เกินไป ท่านอ๋องครุ่นคิด ใจจริงไม่อยากเข้าวังเวลานีเลย รู้สึกกังวล 
หน่วงในอกลึกๆอย่างไรชอบกล... 
 
ณ ตําหนักหลวงของห้องเต้หลีปาเทียน ฮ่องเต้กับเหล่าองค์ชายกําลัง
ปรึกษาหารือราชกิจ เตรียมการรับมือจ้าวหมิง เชือว่าอย่างไรเสีย นางจะ
ต้องย้อนกลับมาอีกเปนแน่ 
 
ตอนนีทีชายแดนติดกับแคว้นเย่ก็เดือดประทุพร้อมจะเปดศึกกันได้อยู่
ตลอดเวลา หากต้องมาเปดศึกกับเผ่าลัวปาด้วย จําเปนต้องเตรียมการ
รักษากําลังไพร่พลให้พ้นพิษร้ายของจ้าวหมิงเสียก่อน 
 
“เสด็จพ่อ พระสนมจ้าวอิงเปนญาติของจ้าวหมิง บางทีพระนางอาจจะรู้
เรืองยาถอนพิษหนอนปศาจก็ได้นะพะยะค่ะ” หลีเฉียวกราบทูลพระบิดา 
ทว่าฮ่องเต้ส่ายพระพักตร์ไปมา ไม่อาจคาดหวัง 
 
“นางเข้ามาอยู่ทีวังหลวงตังหลายสิบปแล้ว ห่างจากพวกลัวปามานาน 
พิษหนอนปศาจนีเปนของจ้าวหมิง สนมอิงคงไม่รู้จักหรอก” 
 
“เสด็จพ่อ ลูกทราบมาว่าซือต้าหยุนเหนียงแห่งปาดอกเหมย อาจารย์
ของฉินหยุนซีนันเปนผู้วิเศษ มีความรอบรู้ เชียวชาญในศาสตร์ทุกแขนง 
เก่งกาจดุจเซียน ถ้าอย่างไร เราน่าจะส่งคนไปเชิญนางมาทํายาถอนพิษ
หนอนปศาจให้เรา...” องค์รัชทายาทเอ่ยขึน เขาถึงกับเรียกตัวฉินเฉิน
เข้ามาสอบถามประวัติของฉินหยุนซี อยากรู้ทุกเรืองของนาง 
 
“มีเรืองเช่นนีด้วยรึ อาฟง...ชายาเจ้าเปนศิษย์ของผู้วิเศษเช่นนันเชียวรึ?” 
 
“ทูลเสด็จพ่อ ลูกเคยได้ยินเสียวซีพูดถึงอาจารย์ของนางเช่นกัน นางว่า
อาจารย์เปนผู้ทีมีความรอบรู้จริงๆพะยะค่ะ” หลีเหยียนฟงกราบทูล
ฮ่องเต้ แต่ในใจนันไม่พอใจยิง ท่านพีถึงขนาดสืบประวัติของฉินหยุนซี 
แต่ก่อนแต่ไรท่านเคยสนใจนางเสียเมือไหร่ 
 
“เสด็จพ่อพะยะค่ะ ถ้าอย่างไรแล้ว เราเรียกตัวฉินหยุนซีเข้ามาถามเรืองนี 
ไม่แน่บางที เราอาจจะได้ซือต้าหยุนเหนียงมาเปนกําลังให้เรา ต่อไปทัพ
หลีต้าของเราจะไม่ต้องกลัวสิงใด สามารถยกทัพขยายแผ่นดิน มีชัย
เหนือแคว้นเย่หรือแม้แต่ลัวปาได้นะพะยะค่ะ” 
 
“อืม...ถ้าซือต้าหยุนเหนียงเก่งกาจขนาดทีเล่าลือกันจริง เช่นนันก็ควรจะ
ขอให้นางมาช่วยพวกเรา...” ฮ่องเต้หลีปาเทียนลูบเครายาวของพระองค์ 
พลางครุ่นคิด เห็นแต่ผลดี ไม่มีข้อเสียจึงตอบตกลงตามหลีอีเสนอมา 
 
“เหยียนฟง จงไปนําตัวชายาของเจ้าเข้าวังมาพบข้าเดียวนี!” 
 
“พะยะค่ะเสด็จพ่อ” 
 
หลีเหยียนฟงคํานับ น้อมรับบัญชา ทว่าใบหน้าหล่อเหลายามก้มลง
คํานับพระบิดานัน เปยมล้นไม่ด้วยความไม่สบายใจ มีเพียงหลีลิวหลาง
ทีเข้าใจพีชายคนสนิทของตนเองดีทีสุด 
 
พีสามคงไม่อยากให้พระชายาเข้ามายุ่งเกียวกับการศึกสงคราม รบราฆ่า
ฟน 
 
แต่นีเปนพระบัญชาฮ่องเต้ ใครเล่าจะขัดขืนได้! 
 
33.อ้อมแขนปกปอง 
 
ระหว่างทีรอท่านอ๋องกลับมารับตัวนางไปเทียว ฉินหยุนซีให้คนงานผูก
ชิงช้าทําจากผ้าและแผ่นไม้ทีใต้ต้นเหมย มีนําชาร้อนๆ ควันกรุ่นและขนม
ของกินมากมาย แสนสุขใจ โดยไม่ลืมจะแบ่งให้เพือนทังสองของนาง
ด้วย 
 
เหล่านางกํานัลต่างพากันหวาดกลัว ขนลุกชัน พระชายามีเพือนเปน
วิญญาณของพระสนมและชิวเหอ ตอนนีพากันเข้ามาอยู่กับพระชายาที
ตําหนักไท้ฝู คนงานและนางกํานัลนันกลัวก็กลัว แต่ไม่มีใครกล้าปริปาก
พูด กลัวจะถูกตัดลิน ท่านอ๋องหลีเหยียนฟงนันทรงเด็ดขาด น่าสะพรึง
ยิงกว่าผี 
 
‘เสียวซี โลหิตของหงส์ฟาช่างพิเศษยิงนัก ต้นเหมยนียืนต้นตายมานาน
แล้ว พอได้โลหิตของเจ้าก็กลับฟนคืนดังได้นําทิพย์ วิเศษจริงๆ...’ พระ
สนมสุ่ยชิงหลิงชืนชม เมือคืนเห็นต้นเหมยผลิใบอ่อนและแตกตุ่มดอก 
เช้านีดอกเริมแย้มบาน ดกสะพรังเต็มต้น มีใบอ่อนแซมประปราย ช่าง
งดงามสดชืน แสนสุขใจยิงนัก 
 
‘ตํานานเปนความจริง ต่อไปไม่ต้องกลัวพิษชนิดใดๆอีกแล้วนะเสียวซี ถ้า
จ้าวหมิงโผล่มาอีก ก็ใช้โลหิตของเจ้าช่วยเหลือท่านอ๋องได้’ ชิวเหอบอก
พลางสูดกลินหอมหวานของขนมอย่างโล่งใจ 
 
“เรืองถอนพิษหนอนของจ้าวหมิงนัน ข้าคงต้องทดลองพิษดูก่อน จะ
ผลีผลามไม่ได้ นันหมายถึงชีวิตคน...พูดถึงเรืองนีก็น่าหนักใจ ผ้าพิษผืน
นันตอนนีอยู่ในวังของฮ่องเต้...ข้าอาจจะต้องเข้าไปขโมยมา...” 
 
‘เจ้าจะลอบเข้าวังฮ่องเต้รึเสียวซี!’ 
 
“ก็คงต้องเปนเช่นนัน...เอ๊ะ!” 
 
‘หือ!!”’ 
 
มิใช่แค่ฉินหยุนซีเพียงผู้เดียวทีรู้สึกได้ถึงสายตาของใครคนหนึงแอบ
มองอยู่ พอหันไปก็พบกับชายสวมหน้ากากคนเมือคืน เขานังไขว้ขา
แสนสบายอยู่บนคานหลังคาด้านบน ทําราวกับกําลังนังเล่นอยู่ในสวน 
ทังทีกําลังบุกรุกเข้ามาในวังท่านอ๋องสามอีกแล้ว 
 
‘ใครกัน เสียวซี เจ้ารู้จักเขาหรือไม่?’ ชิวเหอถาม ตายังคงจ้องมองเขา 
เช่นเดียวกับฉินหยุนซีและสุ่ยชิงหลิง 
 
“ไม่นะ...ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาเปนใครเช่นกัน” 
 
‘ท่าทางไม่น่าไว้วางใจเลย ดูเถิด เขาจ้องเจ้าตาไม่กะพริบ เรียกทหารมา
จัดการเลยดีหรือไม่ เสียวซี?’ สุ่ยชิงหลิงเสนอแนะ ทว่าฉินหยุนซียังคง
ประหลาดใจมากกว่า 
 
เขาหนีไปแล้ว เหตุใดจึงย้อนกลับมาอีก ทังยังเอาแต่จ้องมองนาง เขามี
ธุระอะไร...หรือเมือคืนเขาจะเห็นทีนางใช้โลหิตฟนคืนให้ต้นเหมยจริงๆ 
 
เขาสงสัยในตัวนาง...ชายผู้นีท่าทางไม่ธรรมดาเลย 
 
“ไม่ต้องพีหลิงหลิง ข้าก็อยากจะถามเขาเหมือนกัน ว่ามีธุระอะไร” ฉิน
หยุนซีเอ่ย ลุกขึนจากชิงช้าทีนังเล่นอยู่ พลางร้องถามชายผู้นัน 
 
“เจ้าเปนใคร ต้องการสิงใด เหตุใดจึงลอบเข้ามาในตําหนักท่านอ๋องได้
ทุกวีวัน ไม่กลัวตายรึ?” 
 
“ถ้ากลัวก็คงไม่เข้ามา” เขากระโดดลงมาหยุดอยู่ต่อหน้านาง เรือนกาย
สูงใหญ่และดูน่าเกรงขาม ข่มให้ฉินหยุนซียิงตัวเล็กกระจ้อยร่อย 
 
“มีผู้บุกรุก คุ้มกันพระชายา!!” 
 
เหล่าทหารแห่แหนกันเข้ามาทันทีทีเห็นผู้บุกรุก แต่เขากลับฉวยโอกาส
ดึงแขนนาง พาลอยละลิวผ่านกําแพงชันในออกไปภายนอกด้วยกัน 
 
“เสียวซี!!” พระสนมสุ่ยชิงหลิงและชิวเหอ ล่องลอยตามไปติดๆ เห็นชาย
ผู้นันพาฉินหยุนซีหลบเข้ามุม แล้วยกมือปดปากนางไว้ พวกทหารไม่ทัน
เห็น วิงผ่านเลยกันไปหมด 
 
ทว่าฉินหยุนซีมิได้อยู่เฉย ทันทีทีได้โอกาส นางกระแทกข้อศอกใส่หน้า
ท้องแกร่งของเขาเต็มแรง ฝามือทีปดปากนางอยู่คลายออกในทันที ฉิน
หยุนซีรีบผละออกหนีไปตังหลัก พร้อมรับมือ หากทว่าชายผู้นันกลับ
แย้มยิมเอ็นดูนาง 
 
“เจ้ายิมกระไร ดูหมิน คิดว่าข้าทําอะไรเจ้าไม่ได้รึ” 
 
“อย่าพูดเช่นนัน ข้ามิได้คิดหมินท่าน ใครจะกล้าหมินหงส์ฟาผู้เปนที
ต้องการของทุกแว่นแคว้นได้ลงคอ” 
 
“เจ้า...ข้ามิใช่หงส์ฟา เจ้าเข้าใจผิดไปแล้ว” ปฏิเสธปากแข็ง แต่แล้วก็
ต้องสะดุ้ง ชายผู้นันก้าวเข้ามาประชิดตัวนางอย่างรวดเร็ว คว้าหมับข้อ
มือนางชูให้ดูพลางรุกไล่ 
 
“หากมิใช่หงส์ฟาตามตํานานเล่าขาน คงไม่สามารถฟนชีพให้ต้นไม้ที
แห้งตายไปแล้วได้เปนแน่ หงส์ฟาทีฮ่องเต้แห่งหลีต้าตามหามานาน
ปรากฎแล้วเช่นนี แต่ยังเก็บเปนความลับ คงกลัวว่าแคว้นอืนจะรู้แล้วมา
ชิงตัวเจ้าไป ข้ารู้ความลับสําคัญของหลีต้า เช่นนีข้าควรจะทําอย่างไรดี 
พระชายาได้โปรดช่วยข้าคิดหน่อยเถิด...” 
 
“ไม่มีใครเชือเจ้าหรอก อยากพูดก็พูดไป ข้าไม่ใส่ใจ อย่างไรข้าก็ยัง
ยืนยันเช่นเดิม ข้าไม่ใช่ดาวหงส์ฟา” ฉินหยุนซีสะบัดจนหลุดจากอุ้งมือ
หนาของเขา มีรอยแดงทีข้อมือของนาง แต่หญิงสาวมิได้สนใจ นางรีบ
ถดถอยห่างไปตังหลัก จ้องมองเขาอย่างระมัดระวัง 
 
“แน่ใจรึ ถ้าเช่นนันข้าจะขอทดสอบดูสักหน่อย” ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมยิม
เหียมเกรียมทีมุมปาก พลันนันรวดเร็วราวกับสายลมพัด ชายผู้นันตวัด
กระบีคมกริบออกจากฝก เปาหมายของเขาอยู่ทีเว่ยฉู่ซึงวิงตามออกมา
หาพระชายาด้วย 
 
ฉินหยุนซีเบิกตาโต ตกใจ รีบโผเข้าไปกอดเว่ยฉู่จนล้มลงไปทังคู ่
 
“พระชายา!!” เว่ยฉู่ตืนตระหนก พอมองผ่านไหล่บางของพระชายาไปก็
ต้องขวัญผวา กลุ่มนางกํานัลทีวิงตามมาส่งเสียงกรีดร้องหวาดกลัว 
 
ชายผู้นันตัวโตแข็งแรง กลินอายรอบตัวเขานันดุดัน โหดเหียม เว่ยฉู่
หวาดกลัวแทบสินสติ ทว่าความอบอุ่นจากอ้อมกอดปกปองของพระ
ชายาทําให้นางซาบซึงตืนตัน 
 
พระชายากําลังพยายามปกปองข้ารับใช้อย่างนางแทนทีจะทรงเปนห่วง
พระองค์เอง เว่ยฉู่จะกล้ารับความใจดีของพระชายาไว้ได้อย่างไร 
 
“พระชายาเพคะ...ทรงรีบหนีไป ไม่ต้องห่วงเว่ยฉู่...” นางกํานัลสูงวัย
ผลักไส พยายามผลิกตัวเข้าขวางระหว่างพระชายากับคนร้ายผู้นัน 
 
“เว่ยฉู่!!” 
 
ฉัวะ!!! 
 
เสียงคมดาบตวัดชําแรกผิวเนือมนุษย์ดังขึน เว่ยฉู่สะดุ้งเฮือกตาเหลือก
ลาน โลหิตพุ่งกระฉูดต่อหน้าต่อตาฉินหยุนซีทีเบิกตาโพลง สะเทือนใจ
อย่างยิง 
 
กลุ่มทหารวิงกลับมา เห็นร่างของเว่ยฉู่ทีแผ่นหลังถูกคมกระบีฟนจน
เลือดโชก แผลยาวเปนทาง ผู้ทีทําร้ายนางกํานัลสูงวัย ก็คือชายผู้ทีบัดนี
ยังคงจ่อกระบียาว คมแปลบของตนเองไปทีเบืองหน้าพระชายาฉินหยุน
ซีซึงนังกอดร่างโชกเลือดของเว่ยฉู่อยู่บนพืนหญ้า 
 
“รักษานางสิ เลือดของหงส์ฟามีพลังฟนฟูชีวิตได้...ถ้าเจ้าเปนดาวหงส์
ฟา นางก็รอด แต่ถ้ามิใช่ นางผู้นีก็ต้องตาย” 
 
ฉินหยุนซีก้มหน้ามองเว่ยฉู่ ร่างของอีกฝายกระตุก สันสะท้านอยู่ในอ้อม
กอดของนาง โลหิตไหลเนืองนอง กลินคาวคละคลุ้ง 
 
เว่ยฉู่ต้องมาเปนเช่นนีก็เพราะนาง...ฉินหยุนซีนําตาไหล เจ็บปวดใจ นาง
ใช้อาคมทีรําเรียนมารักษาบาดแผลให้เว่ยฉู่ในเบืองต้น ทว่าความ
เหน็ดเหนือยจากทีนังสมาธิมองอดีตเมือเช้า ทําให้นางต้องพยายาม
อย่างยิง กว่าทีบาดแผลของเว่ยฉู่จะค่อยๆปดตัวลงบางส่วน 
 
“เว่ยฉู่ ข้าขอโทษ...ยกโทษให้ข้าด้วย...ข้าเปนต้นเหตุให้เจ้าต้องเปนเช่น
นี...” 
 
ฉินหยุนซีรู้สึกผิดอย่างใหญ่หลวง ชายผู้นันช่างโหดร้าย ใจเหียมเกรียม
ผิดมนุษย์ สามารถทําร้ายได้แม้นางกํานัลสูงอายุทีไม่มีพิษภัยกับเขาเลย 
เพียงเพือต้องการให้นางยอมรับ! 
 
“รีบไปตามหมอมารักษาเว่ยฉู่ เร็วเข้า!!” 
 
นางสังทหาร บางส่วนวิงไปทําตามคําสัง ส่วนทีเหลือนันรุมกันเล่นงาน
คนร้าย การต่อสู้เกิดขึนอย่างดุเดือด แต่ทหารธรรมดานันไม่สามารถทํา
อะไรผู้บุกรุกได้ 
 
ชายสวมหน้ากากทําร้ายเหล่าทหารล้มกระจาย ก่อนตรงเข้าไปหมายจะ
คว้าตัวพระชายาไปด้วยกัน ทว่ายังไม่ได้แตะต้องร่างของฉินหยุนซี เขา
กลับถูกมีดสันซัดใส่หลังมือ เฉียวไป แต่ได้เลือดพุ่ง 
 
“โอ๊ะ!” 
 
“ท่านเหอ...ท่านอ๋อง!!” 
 
ฉินหยุนซีหันมองไปยังทีมาของมีดบิน ดีใจทีเห็นเหอตงเปนเจ้าของมีด
บินเล่มนัน ทว่าพอมองไปข้างหลังของเหอตง ร่างสูงใหญ่ของหลีเหยี
ยนฟงตามเข้ามาเช่นกัน 
 
นางดีใจอย่างยิง รีบโผเข้าหาอ้อมกอดปกปองของท่านอ๋อง รู้ว่าตัวเอง
จะปลอดภัยทันทีทีเห็นเขา 
 
“ไม่เปนไรแล้วเสียวซี โอะ เลือดนี!!” 
 
“ไม่ใช่ของเสียวซีเพคะ ของเว่ยฉู่ นางบาดเจ็บ ท่านอ๋องช่วยนางด้วยนะ
เพคะ อย่าให้นางเปนอะไร...” รีบบอกเขา นางยังคงเปนห่วงเว่ยฉู่ทีถูก
พาเข้าตําหนักไปก่อนแล้ว 
 
หลีเหยียนฟงกดให้ศีรษะของนางเข้ามาซุกแนบอกกว้างของเขา ชุด
พระราชทานจากฮ่องเต้เปอนเลือดทีติดตัวนางไปด้วย ทว่าเขามิได้ใส่ใจ
ตรงนันเลย 
 
ตาคมกริบเงยขึนจ้องมองชายสวมหน้ากากทีต่อสู้กับเหอตง ชายคนนัน
เรียวแรงเยอะมาก ฝมือก็อยู่ในขันดีมากเช่นกัน คนทีมีฝมือระดับนีไม่น่า
จะมีกีคน 
 
เท่าทีเขารู้จัก มีใครบ้างนะ... 
 
ชัวขณะทีเหอตงรุกไล่และแทงคมกระบีทะลุถูกเสือของฝายนัน ชายใน
หน้ากากเบียงตัวหลบได้หวุดหวิด แต่เสือของเขาขาดกระจุย พัดเล่ม
โปรดของเจ้าตัวกระเด็นตกลงมา คลีออกโดยบังเอิญ 
 
หลีเหยียนฟงมองพัดเล่มนัน เห็นภาพวาดลายเส้นรูปเสือเรียบง่าย ทว่า
ลายเส้นมีพลังเปนเอกลักษณ์ยิง เขาเคยเห็นลายเส้นแบบนี...มันคล้าย
กับรูปวาดธงสัญลักษณ์ของแคว้นเย่ 
 
“เจ้าเปนคนของแคว้นเย่ใช่หรือไม่!!” เขาถามออกไป เผลอกอดพระ
ชายาในอ้อมแขนแน่นเข้า จนอีกฝายแทบมองไม่เห็นใบหน้าของนาง 
 
“หึ ช่างสังเกตเสียจริง สมเปนท่านอ๋องสามผู้ลําเลิศ” ชายสวมหน้ากาก
ยอมรับไม่อ้อมค้อมเช่นกัน เขาต่อสู้กับเหอตงพลางก็ยังมีแก่ใจตอบหลี
เหยียนฟง 
 
“เราสองแคว้นเปนศัตรูกันก็จริง แต่ก็เผชิญหน้าอย่างผู้กล้าในสนามรบ 
เจ้าเข้ามาระรานพระชายาของข้าถึงในตําหนัก ช่างไร้คุณธรรม ไม่ว่าเจ้า
จะเปนใคร เห็นทีว่าชือเสียงของทัพเย่คงพินาศสินวันนี!” 
 
“ท่านอ๋อง โปรดอย่าเหมารวม ข้ามิได้มาในฐานะคนในกองทัพเย่ วันนี
ทีมาก็ด้วยความอยากรู้อยากเห็นส่วนตัว ...ไม่นึกว่า ดาวมังกรจะมีนาง
หงส์...” 
 
“ช้าก่อน หยุด อย่าเพิงพูด!” 
 
หลีเหยียนฟงกางมือห้ามพร้อมทังเสียงตะคอกทรงอํานาจยิง เขาหันไป
สังเหล่าทหารและนางกํานัลบริเวณนัน สร้างความประหลาดใจให้กับทุก
คนยิง 
 
“พวกเจ้ามีอะไรก็ไปทํา คนผู้นีข้ากับเหอตงจะจัดการเอง อย่าลืมให้คน
ไปรับตัวท่านหมอมาดูอาการเว่ยฉู่โดยเร็ว” 
 
ฉินหยุนซีเงยหน้าขึนมองหลีเหยียนฟง ผ่านปลายคางสีเขียวอ่อนน่าลูบ
เล่นของเขา ใจเต้นแรงระรัว ท่านอ๋องห้ามมิให้ชายผู้นันพูดออกไป...
ท่านอ๋องรู้ว่านางคือดาวหงส์จริงๆด้วย!! 
 
เมือคนอืนๆ ถอยร่นเข้าไปในตําหนัก เฝามองมาอยู่ห่างไกลได้ทีแล้ว หลี
เหยียนฟงจึงหันไปทางผู้บุกรุกอย่างไม่พอใจ 
 
“ข้าไม่สนใจว่าเจ้าเปนใคร แต่หากเจ้าต้องการฉินหยุนซีไป เพือ
ประโยชน์ของตนเอง ก็ต้องล้มข้าก่อน” 
 
“ท่านอ๋อง ไม่ต้องหรอกพะยะค่ะ ข้าน้อยรับมือได้!” เหอตงขัดขึน เปน
ห่วงความปลอดภัยของผู้เปนนาย 
 
“ท่านอ๋อง...” ฉินหยุนซีเรียกเขาอย่างห่วงใย แต่ก็พอรู้ว่าคงห้ามไม่ได้ 
 
“ข้าไม่เปนไรเสียวซี ไม่ต้องห่วง...” ยกมืออุ่นลูบเส้นผมของนางอย่าง
เบามือ ใบหน้าหล่อเหลามีรอยยิมบางๆ ชวนให้ผ่อนคลายและขณะ
เดียวกันก็แสดงถึงความมันใจของเขาด้วย 
 
ฉินหยุนซีต้องจํายอมตามใจท่านอ๋อง นางคว้ามือเขามากุมเอาไว้ด้วย
สองมือของตนเองอยู่ชัวขณะ ก่อนค่อยๆปล่อยออกแล้วหลบไปยืนด้าน
หลัง มีสองผีสาวคอยอยู่เปนเพือน 
 
‘เสียวซีไม่ต้องห่วง ท่านอ๋องเปนผู้ยอดยุทธ เก่งทุกด้าน ไม่มีทางพ่าย
แพ้เจ้าคนเลวนันแน่’ ชิวเหอรีบบอก เห็นฉินหยุนซีไม่สบายใจ 
 
จากการต่อสู้กันของคนทังคู่นัน ท่านอ๋องมิได้เปนรอง แต่ก็ยังไม่ทําให้
นางคลายกังวล ท่านอ๋องสามเก่งกล้าสามารถก็จริง แต่ชายผู้นันมีความ
โหดร้ายมากกว่า นางไม่สามารถไว้ใจได้จนกว่าทุกอย่างจะยุติลง 
 
หลีเหยียนฟงเปนผู้เยียมยุทธ ร่างกายของเขาแข็งแกร่งและมีพละกําลัง
มากเยียงอย่างชายชาตินักรบ ชายสวมหน้ากากเปนฝายเพลียงพลํา 
ตอนหนึงหน้ากากทีปกปดใบหน้าของเขา โดนคมกระบีของหลีเหยี
ยนฟงจนขาด หลุดออกเผยให้เห็นโฉมหน้าทีแท้จริง 
 
ในพลันนันทังเหอตงและท่านอ๋องถึงกับชะงัก คาดไม่ถึงยิง 
 
“องค์ชายลู่เจียนหาน!!” 
 
ฉินหยุนซีได้ยินฐานะของชายผู้นันว่าเปนถึง ‘องค์ชาย’ ถ้าเช่นนันเขา
คือองค์ชายแห่งแคว้นเย่กระนันหรือ 
 
นางจ้องมองลู่เจียนหานอย่างไม่อยากเชือ องค์ชายของแคว้นเย่ มาทีนี
เพียงลําพังได้อย่างไรกัน!! 
 
ทว่าสุ่ยชิงหลิงทีจ้องมององค์ชายลู่เจียนหานอยู่มาตังแต่แรก จู่ๆก็กล่าว
ขึนอย่างแน่ใจนัก 
 
‘เสียวซี คนผู้นีเปนดาวพยัคฆ์ขาว เขามีกลินอายของพลังชีวิตทีไม่
เหมือนคนทัวไป...ข้าสงสัยมาตังแต่แรกแล้ว ตอนนีพลังงานของเขาแรง
มาก ข้ามันใจว่าเขาต้องเปนดาวพยัคฆ์ขาวเปนแน่!!’ 
 
34.ปอนยาท่านอ๋อง 
 
ฉินหยุนซีได้ยินทุกคําทีพระสนมสุ่ยชิงหลิงร้องบอก ...ชายผู้นันคือผู้ถือ
ชะตาของพยัคฆ์ขาว เช่นนันก็คงไม่แปลกหากว่าเขาจะรู้เรืองตํานานของ
สีดาวเทพเปนอย่างดี แถมทังยังจับพิรุธนางได้ในเวลาอันรวดเร็ว 
 
ไม่ได้ ท่านอ๋องยังไม่รู้ว่าลู่เจียนหานเปนดาวพยัคฆ์ ต้องบอกเขา! 
 
“ท่านอ๋องเพคะ เขาคือดาวพยัคฆ์ขาว ท่านอ๋องระวังด้วย!!” 
 
“พยัคฆ์ขาวรึ?” หลีเหยียนฟงประหลาดใจยิงนัก เหตุใดเสียวซีเอ่ยเช่น
นัน 
 
หมอดูเทวะเคยทํานายการปรากฏของดาวเทพทังสี บอกไว้ว่าดาวมังกร
และหงส์ฟาจะปรากฏทีแคว้นหลีต้า ส่วนเต่าดํากับพยัคฆ์ขาวนันมิใช่ชาว
หลีต้า แต่จะเปนคนแคว้นอืน เรืองนีโด่งดังเปนอันมาก ดังนันเสด็จพ่อ
ของเขาจึงเฝารอการปรากฎของดาวหงส์กับมังกรทีแคว้นหลีต้ามาโดย
ตลอด 
 
ส่วนการปรากฏของผู้กุมชะตาดาวเต่ากับพยัคฆ์นัน ยังไม่ปรากฏข่าว
ออกมา ไม่มีผู้ใดรู้ว่าคนทังสองเปนใคร อยู่ทีใด องค์ชายลู่เจียนหานนัน 
หลีเหยียนฟงเคยปะทะด้วยในสนามรบ แต่ฝายนันก็ไม่ใช่แม่ทัพของ
แคว้นเย่ แม่ทัพใหญ่ของแคว้นเย่คือขุนพลแก่จอมเจ้าเล่ห์ทีชืออู่ฮัน 
แล้วเช่นนัน ลู่เจียนหานจะเปนดาวพยัคฆ์ไปได้อย่างไรกัน! 
 
ชายหนุ่มเผลอหันไปมองฉินหยุนซี ในพลันทีละสายตาจากคู่ต่อสู้ ฝาย
นันก็ขว้างกระบีพุ่งเข้าใส่ทังเร็วและแรงราวกับลูกศรทีพุ่งออกไปจากคัน
ธนู ไม่เพียงแค่นันทว่าลู่เจียนหานยังพุ่งตามเข้ามาด้วย 
 
หลีเหยียนฟงหลบคมกระบีได้หวุดหวิด ทว่าฝามือแดงกําราวเปลวไฟ
ของลู่เจียนหาน กลับตามเข้ามาอย่างรวดเร็ว พุ่งเข้ากระแทกใส่หลีเหยี
ยนฟงในทีเผลอ ถึงกับกระเด็น 
 
“ท่านอ๋อง!!” ฉินหยุนซีวิงเข้าไปหาท่านอ๋อง เรืองความว่องไวนางไม่แพ้
ใครแน่ แต่กระนันแรงจากฝามือของลู่เจียนหานก็ยังทําให้กระเด็นไป
ด้วยกันทังคู ่
 
“ตําช้ายิงนัก เปนถึงองค์ชายแคว้นเย่ ซํายังเปนดาวพยัคฆ์ขาว ไยจึง
ทําตัวสกปรกโสมม ลอบทําร้ายผู้อืน เจ้ามันตําช้า วันนีข้าจะสังสอนเจ้า
แทนฮ่องเต้แคว้นเย่เอง!” เหอตงโกรธแค้นยิง ท่านอ๋องหลีเหยียนฟงถึง
กับไอออกมาเปนโลหิต บริเวณหน้าอกนันก็ชุ่มโลหิตแดงฉาน 
 
“มันช่วยไม่ได้ พวกเจ้าเล่นรุมข้า ข้าเอาตัวรอดมันผิดตรงไหน การต่อสู้
กันก็เหมือนทําศึก ย่อมต้องใช้ทุกกลวิธีเพือการเอาชนะ เจ้าเองก็เช่นกัน 
เหอตง ต่อให้เจ้าเก่งแค่ไหนก็ไม่มีทางเอาชนะกงเล็บพยัคฆ์ของข้าได้” ลู่
เจียนหานเอ่ยอย่างลําพอง ก่อนจะหันมาทางฉินหยุนซี “วันนีดาวมังกร
จะสินบุญหรือไม่ อยู่ทีเจ้าแล้วฉินหยุนซี ใช้ความสามารถของเจ้ารักษา
หลีเหยียนฟงสิ ข้าก็อยากจะรู้นัก หากต้องรักษาจนเลือดหมดตัว เจ้าจะ
ยอมหรือไม่ ฮ่าๆๆ” 
 
กล่าวจบก็หัวเราะลัน ตาคมดุจ้องมองหลีเหยียนฟงด้วยความสาแก่ใจ 
 
มาหลีต้าครานี นอกจากจะได้พบดาวหงส์ทีหายไปแล้ว ยังได้เอาคืนหลี
เหยียนฟง ลู่เจียนหานเกลียดชังหลีเหยียนฟงมาช้านานแล้ว ตอน
ประจันหน้ากันในสนามรบนันก็วุ่นวาย ไม่อาจรู้แพ้ชนะ แต่ทุกครังทีหลี
เหยียนฟงยกทัพขึนไปขับไล่แคว้นเย่ กองทัพเย่เปนต้องถอยร่นไม่เปน
ท่า ยังดีทีหลีเหยียนฟงไม่สามารถบัญชาทัพใหญ่ได้ หากไม่เช่นนัน
แคว้นเย่อาจถึงคราวต้องลําบาก สุ่มเสียงต่อการสินแผ่นดิน 
 
แผ่นดินแคว้นเย่นันหนาวเย็น ทุรกันดารนักหนา ถึงมีแร่รัตนชาติ
มากมาย แต่เรืองอาหารการกินนัน ประชาชนยังอดอยากแร้นแค้น ไม่
อุดมสมบูรณ์สุขสบายกันเหมือนเช่นทีหลีต้า ชาวเย่ใฝฝนอยากได้แผ่น
ดินภาคกลางของหลีต้า แต่ก็ยังไม่สามารถทําได้ เพราะหลีเหยียนฟงนัน
เปนดาวมังกร เปนผู้ทีประชาชนให้ความเคารพนับถือ 
 
วันนีหากหลีต้าสินแล้วซึงหลีเหยียนฟง บ้านเมืองจะต้องระสําระสาย 
ประชาชนจะเสียขวัญและกําลังใจ นีเปนข้อเสียของการทีชาวประชายึด
ดาวเทพมังกรเปนเครืองคําชู ยึดเหนียวจิตใจ 
 
เหตุนีเสด็จพ่อของลู่เจียนหาน ฮ่องเต้ลู่ฝู จึงมิได้แพร่งพรายเรืองของ
พยัคฆ์ขาวออกไป หนึงเพือมิให้เปนเปาโจมตีของคนรอบข้าง และสอง
เพือต้องการให้ศูนย์กลางการปกครองยังคงมีเพียงพระองค์เปนหนึง
เดียว ส่วนดาวพยัคฆ์นัน แค่รับรู้ว่ามีอยู่ก็เพียงพอแล้ว 
 
ลู่เจียนหานตามแม่ทัพอู่ฮันออกรบบ่อยครัง เขาคิดเช่นเดียวกับพระบิดา 
อยากแผ่ขยายอาณาเขตแคว้นเย่ลงมาทางใต้ ทุกอย่างเปนไปด้วยดี 
เพราะฉินเฉินผู้คุมอํานาจกองทัพ ไม่ปรารถนาการศึกสงครามนัก พอแค้
วนเย่ยกทัพลงไป ก็เจอกับหลีเหยียนฟงและพ่ายแพ้ ต้องถอยร่นกลับ
ชายแดนมาทุกครา 
 
ถึงกองกําลังจะน้อยกว่า แต่แค่กองทัพมีดาวมังกรอยู่ด้วย เหล่าทหารก็
ฮึกเหิมมีกําลังใจ 
 
ลู่เจียนหานนึกอยากประกาศตัวเองบ้าง เขาก็เปนดาวพยัคฆ์เช่นกัน ทว่า
พระบิดากลับไม่ยินดี ทรงไม่ต้องการให้ใครมาแย่งความโดดเด่นของ
พระองค์ แม้จะเปนโอรสของพระองค์เองก็ตาม! 
 
หากหลีเหยียนฟงสิน แคว้นหลีต้าจะถึงคราววิบัติสินสูญ แคว้นเย่จะไม่
ต้องหวาดกลัวผู้ใด แผ่นดินภาคกลางทีอุดมสมบูรณ์และสวยงามดัง
แดนสวรรค์จะเปนของแคว้นเย่ พระบิดาจะต้องชืนชมยินดีมีความสุข
เปนอย่างยิง 
 
เขาคิดอยากจะตามไปซําหลีเหยียนฟงให้หมดเสียนหนาม แล้วชิงตัว
หงส์ฟาไปอยู่ทําประโยชน์ให้ทีแคว้นเย่ แต่ติดทีเจ้าเหอตง วรยุทธของ
องครักษ์ผู้นี ไม่แพ้หลีเหยียนฟง แต่ทีมีมากกว่าคือความระแวดระวังทุก
ฝก้าว ไม่เปดโอกาสให้เขาเข้าถึงได้เลยแม้สักครึงก้าว!! 
 
“เจ้าคงเปนองครักษ์ทีเก่งทีสุดในหลีต้า ฮ่องเต้คงคัดสรรเจ้ามาอย่างดี
ทีสุดเพือคุ้มครองดาวมังกร...” ลู่เจียนหานพึมพํา พลางก็หลบกระบี
คมกริบทรงอานุภาพของเหอตงแทบไม่ทัน 
 
ปกติก็ว่ารับมือยากอยู่แล้ว แต่ยามนีองครักษ์ยอดฝมือโกรธจัด ฟาด
กระบีใส่เขาไม่ยัง ลู่เจียนหานถึงกับสะท้าน ต้องหาจังหวะถอยหนี 
กระโดดไปตังหลัก คิดว่าจะปลอดภัยแล้ว แต่ไม่คาดฝนว่าเหอตงจะซัด
มีดสันตามมาโดนไหล่เขาอย่างจัง 
 
“โอ๊ย!!” 
 
ลู่เจียนหานถึงกับขึนไปทรุดอยู่บนหลังคา เขาดึงมีดสันของเหอตงออก
จากหัวไหล่ตนเอง เห็นควันฟูลอยฟุง จึงรู้ได้ทันทีว่ามีดสันเล่มนีอาบยา
พิษเอาไว้ด้วย 
 
“ปกติข้าไม่คิดจะใช้พิษทําร้ายใคร แต่ท่านบอกเอง ว่าการต่อสู้สามารถ
ใช้ทุกกลวิธี ในเมือท่านเล่นงานเจ้านายของข้า นันก็คือการตอบแทนคืน 
หลีต้าของเรามีหงส์ฟาอยู่ แล้วแคว้นเย่ของท่านมีหมอเทวะอยู่หรือไม่...
หากไม่มี คงถึงคราวดาวพยัคฆ์จะสินก่อนได้ฉายแสง...กลับแคว้นเย่
ไปซะ รอดูท่านอ๋องของข้าบุกตีแคว้นเย่ รวบรวมแผ่นดินเปนหนึงในนรก
เถิด!” 
 
เหอตงกล่าวอย่างดุดัน นีคงเปนการพูดทียาวทีสุดของเขา ลู่เจียนหาน
ถึงกับขบกรามแน่น ดวงตาลุกวาว 
 
“เราต้องได้พบกันอีกแน่ เหอตง หลีเหยียนฟง...ถึงวันนันข้าจะให้พวก
เจ้าและชาวหลีต้าชดใช้ทีกล้าทําร้ายข้า!!” 
 
ลู่เจียนหานกล่าวทิงท้ายแล้วแข็งใจหลบหนีไป เหอตงอยากจะตาม แต่
ติดว่าเปนห่วงเจ้านายนัก เขารีบเข้าไปดูหลีเหยียนฟง เห็นพระชายา
กําลังใช้เวทมนตร์ของนางรักษาให้อยู่ แต่อาการท่านอ๋องดูไม่ดีขึนนัก 
ทรงไอเปนโลหิตออกมาอีก ฉินหยุนซีถึงกับนําตาร่วงพรู 
 
“พระชายา อาการท่านอ๋องเปนอย่างไรบ้าง ท่านรักษาเขาได้หรือไม่?” 
เหอตงถามอย่างร้อนรน 
 
“ข้า...ไม่รู้สิ แต่ข้าจะลองดู ท่านเหอ ขอยืมกระบีท่านด้วย...” บอกกับอีก
ฝาย นําตายังไหลพรากๆ ท่านอ๋องนังขัดสมาธิหลับตานิง เหมือนกําลัง
ต่อสู้กับความเจ็บปวดอยู่ บาดแผลทีแผ่นอกของเขาสาหัสยิง กรงเล็บ
พยัคฆ์ของลู่เจียนหาน หากเปนคนธรรมดาโดน คงสินใจตายคาทีไป
แล้ว 
 
ฉินหยุนซีรับกระบีทีแสนคมกริบของเหอตงมา กําลังจะเชือดแขนตัวเอง
เพือมอบโลหิตของนางให้กับหลีเหยียนฟง ในเมือนางคืนชีพให้ต้นเหม
ยทีตายได้ ถ้าเช่นนันนางหวังเหลือเกินว่าโลหิตนีจะสามารถรักษาท่าน
อ๋องได้ 
 
ขอแค่ท่านอ๋องปลอดภัย เสียวซีไม่ยอมให้ท่านเปนอะไรเด็ดขาด!! 
 
นางกําลังจะเชือดแขนขาวผ่องของตนเอง ทว่าพริบตานันกลับต้องชะงัก 
เมือฝามือแกร่งของหลีเหยียนฟง คว้ากระบีเอาไว้ คมของมันบาดมือเขา
จนได้เลือดไหลลงมา ทว่าหลีเหยียนฟงยังคงยืนกรานหนักแน่น 
 
“ข้าไม่ต้องการโลหิตของเจ้า ไม่ต้องใช้มันเพือข้า...เหอตง เก็บกระบี 
ดูแลนาง อย่าให้นางได้รับบาดเจ็บแม้แต่รอยขีดข่วน...” 
 
“ท่านอ๋อง...” เหอตงทราบดี...ท่านอ๋องไม่ปรารถนาจะให้ฉินหยุนซีเจ็บ
แม้แต่น้อยนิด ท่านอ๋องเปนคนดือรัน แต่หากลองได้รักใครหรือสิงใด
แล้ว นันคือสิงลําค่าทีท่านอ๋องจะต้องดูแลอย่างดีทีสุด 
 
“พระชายา ท่านอ๋องจะไม่มีความสุข หากท่านต้องเจ็บตัวเพือท่าน...” เห
อตงบอกกับฉินหยุนซีให้นางเข้าใจ 
 
“เจ็บตัวแค่นี ข้าไม่เปนไร ชีวิตท่านอ๋องสําคัญกว่า...ท่านอ๋องเพคะ เสียว
ซีเต็มใจให้โลหิตรักษาท่าน...อย่าดือเลยนะเพคะ...” นางหันไปอ้อนวอน
ขอร้องหลีเหยียนฟง แต่ชายหนุ่มส่ายหน้า กลับไปขอให้เหอตงช่วย
ประคองกลับเข้าตําหนักแทน 
 
ฉินหยุนซีเดินตามคนทังสองไป เห็นอาการของท่านอ๋องแล้วก็เจ็บปวด
ใจนัก...โลหิตของนาง จะสําคัญกว่าชีวิตของท่านอ๋องได้อย่างไรกัน 
 
‘ท่านอ๋องรักเจ้ามากนะเสียวซี...เออ เสียวซีอย่าร้องไห้เลย เจ้ารีบใช้ยา
ทิพย์ของเจ้า ช่วยเหลือท่านอ๋องเถิด ยังมีเหลืออยู่มิใช่รึ?’ สุ่ยชิงหลิง
เตือนสติฉินหยุนซี พลันนันพระชายาจึงนึกได้ รีบหยิบขวดยาออกมา 
 
จริงด้วย นางลืมไปได้อย่างไรกัน ยายังเหลืออีกสองเม็ด ถ้าเปนการช่วย
ท่านอ๋องหลีเหยียนฟงแล้ว ต่อให้ยาเหลือเพียงเม็ดสุดท้าย นางก็ยินดี
ใช้เพือเขา! 
 
“เหอตง เจ้าออกไปรอข้างนอกก่อน ข้ามีวิธีรักษาท่านอ๋องแล้ว ไม่ต้อง
ห่วง” ฉินหยุนซียิมออกทังนําตา เมือชูขวดยาทิพย์ของนางให้เหอตง
และหลีเหยียนฟงดู 
 
“วิเศษนัก ถ้าเช่นนันข้าน้อยฝากพระชายาช่วยดูแลท่านอ๋องด้วยพะยะค่ะ
” 
 
เหอตงดีใจยิง เขาเคยเห็นฉินหยุนซีใช้ยานีรักษาท่านอ๋องหก นางเคย
บอกว่ายาของนางเปนยาวิเศษสามารถรักษาได้ทุกอย่าง 
 
ถ้าเช่นนันเขาก็เบาใจ... 
 
องครักษ์หนุ่มรีบออกจากห้องไป ปล่อยให้เปนหน้าทีของฉินหยุนซี
จัดการกับท่านอ๋องตามสบาย ชิวเหอมองตามหลังเขาไป แต่แล้วก็ต้อง
แปลกใจทีเห็นพระสนมล่องลอยตามเหอตงออกไปด้วย 
 
‘นายหญิงเจ้าคะ นายหญิงจะไปทีใด’ 
 
‘มากับข้าเถิดเสียวเหอ ข้ารู้สึกแปลกๆบางอย่าง อยากดูให้แน่ใจสัก
หน่อย’ 
 
‘เจ้าค่ะ’ 
 
ชิวเหอตามสุ่ยชิงหลิงออกไป ทิงให้ฉินหยุนซีอยู่กับหลีเหยียนฟงเพียง
ลําพัง ในห้องนอนของคนทังคู ่
 
ฉินหยุนซีไม่รอช้า รีบนํายามายืนจ่อรอให้ถึงริมฝปากแห้งขาวซีดของเขา 
หลีเหยียนฟงซึงหลับตาทําสมาธิอยู่รู้สึกได้ถึงความเย็นของยาทิพย์ เขา
ลืมตาขึนมอง พอเห็นว่าเปนยาทิพย์ของสําคัญของฉินหยุนซีก็ถึงกับอึง 
 
“รีบทานเร็วเข้าเพคะ อ้าปากสิ เสียวซีจะปอน...” 
 
“...ยานีเปนของสําคัญทีอาจารย์มอบให้เจ้า ไว้ใช้ยามทีจําเปนจริงๆ มิใช่
หรือ?” 
 
เขากลับย้อนถาม แทนทีจะอ้าปากรับยาเข้าไป 
 
“โธ่ ท่านอ๋องเพคะ ตอนนีก็จําเปนแล้วอย่างไรเล่า ท่านบาดเจ็บขนาดนี 
ไม่มีครังไหนจําเปนเท่านีอีกแล้วเพคะ” 
 
“ไม่ต้องหรอก บาดเจ็บแค่นี ข้าไม่ถึงตาย เจ้าเก็บยาเอาไว้ใช้ในเวลาที
สําคัญกว่านีเถิด” 
 
“ท่านนีอย่างไรกัน ทําไมดือนัก!” พระชายาเริมโกรธ นางคะยันคะยอ
เพียงใดเขาก็ไม่ยอมท่าเดียว หากเปนเรืองอืนนางอาจยอมลงให้เขาได้ 
แต่เรืองนีเท่านัน...เรืองนี ฉินหยุนซีไม่มีวันยอม “ท่านไม่ให้ข้าเชือดแขน 
ข้าก็ไม่เชือดแล้ว ตอนนีข้าจะให้ยาท่าน ท่านก็ยังจะไม่เอาอีก ท่านอ๋อง
หลีเหยียนฟง เคยคิดถึงความรู้สึกของข้าบ้างหรือไม่!” 
 
“เสียวซี...” 
 
นางเบือนหน้าหนี นําตาปริมคลอดวงตากลมโตขึนมาอีกคํารบหนึง...อด
น้อยใจมิได้ 
 
เขาเจ็บปวดทุกข์ทรมานปานนีแล้ว ยังจะว่าไม่จําเปนต้องใช้ยาของนาง
อีก หากช่วยเขามิได้แล้ว นางจะเปนหงส์ฟาไปเพืออะไร... 
 
“ข้าจะถามท่านอีกครัง ท่านอ๋อง จะยอมกินยาทิพย์ของข้าเองดีๆ หรือ
ไม่?” นางหันกลับมาถาม ดวงตาวาวเข้ม เอาจริงเอาจัง 
 
หลีเหยียนฟงกะพริบตา รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล...นางจะ
ทําอะไร? 
 
“เสียวซี ข้าไม่เปนไรจริงๆ หากตายง่ายๆ ข้าก็ไม่ใช่ดาวมังกรแล้ว เจ้า
อย่าได้กังวล...อือ!?” 
 
ท่านอ๋องพูดยังไม่จบก็ต้องอุทานตกใจในลําคอ ฉินหยุนซีโยนยาทิพย์
เข้าปากตนเองแล้วโผเข้ามา แนบริมฝปากแสนนุ่มนวลอ่อนหวานของ
นางเข้ากับปากอุ่นร้อนของเขา ส่งยาทิพย์จากปากของนางเข้าปากของ
เขาแล้วดันจนชายหนุ่มจําต้องกลืนลงไปด้วยความตกใจ 
 
หลีเหยียนฟงตะลึง เหนือความคาดฝนเปนทีสุด เขาถึงกับหงายหลังล้ม
ลงไปนอนแผ่ราบบนเตียงโดยมีร่างของฉินหยุนซีทาบทับตามลงไปด้วย 
ฤทธิของยาทิพย์ยามเมือผ่านลงไปในลําคอและกระเพาะอาหารนัน ช่าง
เยือกเย็นชุ่มชืน ในกายของเขา เหมือนมีขุมพลังงานอันมหาศาลว่ายวน
อยู่ทัว ความเจ็บปวดจากพิษฝามือพยัคฆ์ของลู่เจียนหานค่อยๆเลือน
หายไป 
 
ยาทิพย์ของซือต้าหยุนเหนียงช่างวิเศษสมคํารําลือ ทว่าหลีเหยียนฟงก
ลับหัวใจเต้นแรงไม่หยุด แรงขึน...และแรงขึน 
 
นันเพราะริมฝปากของเขากับฉินหยุนซียังคงมิได้แยกจากกัน เขาสัมผัส
ได้ทุกสิงทุกอย่างของนาง... ทังปากนุ่มหวาน ผมยาวสลวยน่าสางเล่น
ด้วยปลายนิว ร่างนุ่มนิมแสนอบอุ่นทีสันคลอนหัวใจให้สะเทือนวูบวาบ 
หวันไหว... 
 
สวรรค์...หากต้องตายลงตรงนี หลีเหยียนฟงก็ไม่เสียใจเลย!! 
 
 
35.องครักษ์ผู้ภักดี! 
 
เวลาผ่านไปครู่หนึง เหอตงเอียงข้างแนบใบหูคอยรับฟงความ
เคลือนไหวภายในห้องของเจ้านาย ยังคงเปนห่วงทังสองคนโดยเฉพาะ
ท่านอ๋อง ทว่าด้านในนันเงียบกริบ มันเกิดอะไรขึน หรือว่าท่านอ๋องจะดือ
ไม่ยอมรับยาของพระชายา 
 
ถ้าเช่นนันต้องตามหมอหลวง! 
 
เหอตงคิดเผือเอาไว้ รีบเร่งไปตามหมอหลวง หารู้ไม่ว่าในห้องของผู้เปน
นายเวลานีนัน หลีเหยียนฟงหายปวยในเวลาอันรวดเร็ว เขานังอยู่ข้าง
เตียง เช่นเดียวกับฉินหยุนซี ต่างฝายต่างหน้าแดงกําด้วยกันทังคู ่
 
เหตุการณ์เมือสักครู่ มิใช่แค่หลีเหยียนฟงทีแทบสลบไปด้วยความตืน
เต้น แม้แต่ตัวนางเองก็ยังตระหนกเหลือเชือกับความอาจหาญของตน 
 
ไม่มีอะไรเสียหน่อยเสียวซี ก็แค่ปอนยาเอง นางแค่ต้องการรักษาท่าน
อ๋อง... 
 
นางแอบมองท่านอ๋อง เห็นนังเงียบไปเลย หรือท่านอ๋องจะยังไม่หาย
ตระหนก... 
 
“เรืองทีเจ้าเปนดาวหงส์ฟา...ข้าเห็นด้วยกับบิดาเจ้า อย่าได้แพร่งพราย
ให้ใครรู้จะดีกว่า” 
 
หลีเหยียนฟงเอ่ยขึนจนได้ เขาหันมามองหน้าจริงจัง ไม่มีวีแววล้อเล่น 
ฉินหยุนซีให้ฉงน เขาเองก็คิดเหมือนท่านพ่อ? 
 
“เพราะอะไรเพคะ เสียวซีได้ยินมาว่าทุกคนทีหลีต้าต่างก็เฝารอการ
ปรากฏตัวของดาวหงส์ตามคําทํานาย เหตุใดท่านอ๋องจึงไม่ต้องการให้
เสียวซีเปดเผยตัวเล่า?” 
 
“เจ้าจะมีอันตราย ไม่เห็นหรือ ลู่เจียนหานยังต้องการตัวเจ้าไปแคว้นเย่
เลย อีกประการหนึง...โลหิตหงส์ช่วยเหลือผู้คนได้ก็จริง แต่อย่างไรเจ้าก็
เปนสตรีบอบบาง ตัวแค่นี...ข้าอยากให้เจ้าอยู่อย่างสุขสบายในวังนี 
มากกว่าจะต้องคอยกรีดเลือดตนเองช่วยผู้อืน ซําแล้วซําเล่า...” 
 
“ท่านอ๋อง...” 
 
ฉินหยุนซีถึงกับนําตาซึม ด้วยความซาบซึงตืนตัน นางเลือนตัวเข้าไปนัง
ชิดกับเขาจนรู้สึกได้ถึงกระไออุ่นจากร่างสูงใหญ่ เลยเอียงศีรษะไปซบ
กับไหล่แกร่งของเขาเสียเลย ช่างอบอุ่นใจยิงนัก 
 
ท่านอ๋องเปนห่วงนาง... 
 
“ข้าอยากให้เจ้า เปนเสียวซีของข้าอย่างเดียวเท่านัน...” ท่านอ๋องเอียง
ศีรษะมาแนบกับเส้นผมนุ่มละมุนของนาง หลับตาลง ชัวขณะหนึงตอนนี 
เขาอยากได้ผ่อนคลายสบายใจ...เก็บความกังวลทังหลายเอาไว้ก่อน 
 
ทว่าพอคลายกังวลลง ก็กลับนึกถึงเหตุการณ์เมือครู่ ดวงตาคมกริบหลุบ
ลงมองพระชายาทีกอดแขนเขาแล้วซุกซบอยู่ นางยอมเสียสละเพือปลุก
ชีพให้ต้นเหมยของพระมารดากลับมาออกดอกผลิใบงดงามอีกครัง ก็
เพือต้องการให้เขาดีใจ ฉินหยุนซีช่างน่าเอ็นดู ยิงคิดก็ยิงหวงแหน 
 
พลันหลีเหยียนฟงก็นึกได้ถึงรับสังของพระบิดา หากพระบิดารู้ว่าหงส์ฟา
ตัวน้อยอยู่ตรงนี เสียวซีจะมีชีวิตทียากลําบาก นางจะปราศจากอิสระ
อย่างทีเคยเปน และจะต้องกลายเปนสมบัติของแคว้น 
 
เขาไม่ต้องการให้เสียวซีเปนของใคร นอกจากของเขาคนเดียว! 
 
“ท่านอ๋องเพคะ ถ้าลู่เจียนหานแพร่เรืองของเสียวซีออกไป จะทําอย่างไร
ดีเพคะ?” ฉินหยุนซีนึกขึนได้ รีบผงกศีรษะขึนมามองเขาด้วยความไม่
สบายใจ 
 
“เขาไม่น่าจะพูดไปหรอก ข้าคิดว่า เขาคงไม่อยากมีคู่แข่งเยอะเปนแน่ 
อีกประการ...ต่อให้เขาปล่อยข่าวออกมาจริงๆ ข้าก็จะช่วยปกปองเจ้าเอง
” 
 
“ท่านอ๋อง...” ฉินหยุนซีซึงใจยิงนัก นางกําลังแสนสุขใจอยู่ทีเดียว ทว่า
ท่านอ๋องจู่ๆก็กล่าวขึน... 
 
“เสียวซี เสด็จพ่อมีรับสังให้ข้าพาเจ้าเข้าเฝา เจ้าแต่งตัวเตรียมเข้าวัง
พร้อมกับข้าเถิด” 
 
“หือ...เข้าวังฮ่องเต้เหรอเพคะ เข้าไปทําไมกัน...ฮ่องเต้มีธุระอันใดกับ
เสียวซีเหรอเพคะ?” นางสอบถามกลับ งุนงง หากเมือท่านอ๋องอธิบาย 
เจ้าตัวก็นิงขึงไป ความกังวลมาเยือนอีกครา 
 
“เสด็จพ่อไม่สบายใจเรืองพิษของจ้าวหมิง ท่านอยากให้อาจารย์ของเจ้า
มาช่วยเหลือ...ฮ่องเต้...ต้องการให้เจ้าไปขอให้ซือต้าหยุนเหนียงเข้าวัง” 
 
“เปนไปไม่ได้หรอกเพคะ อาจารย์อุทิศตนอยู่กับชีวิตเรียบง่าย ไม่ชอบ
ยุ่งเรืองวุ่นวายทางโลก อาจารย์ไม่มีทางยอมลงจากเขามาหรอกเพคะ” 
 
“อืม...” ท่านอ๋องครุ่นคิด เขาก็พอจะเดาได้อยู่แล้ว ตาคมเห็นความกังวล
ไม่สบายใจของพระชายา เขาจึงยกมือลูบศีรษะของนางเพือปลอบโยน “
ไม่เปนไรเสียวซี ข้าจะช่วยพูดกับเสด็จพ่อเอง ไม่ต้องห่วงไป” 
 
ฉินหยุนซียิมออกมาได้ทีเดียว ท่านอ๋องกล่าวเช่นนีนางก็โล่งอก กลับมา
ซบแขนเขาต่ออย่างสบายใจ 
 
หากแล้วก็ต้องสะดุดตาโต เพราะจู่ๆ ท่านอ๋องก็ก้มหน้าเข้ามา มือใหญ่
ข้างหนึงแตะประคองแก้มนุ่มใสของนาง บังคับไม่ให้หันหน้าหนีไปไหน 
จนริมฝปากอุ่นซ่านแตะลงมาบนปากของนาง แผ่วเบาในทีแรก ก่อน
ค่อยๆหนักหน่วงขึนจนฉินหยุนซีสะท้านไปหมด 
 
จุมพิตของท่านอ๋อง ช่างแตกต่างจากตอนทีนางปอนยาเขาเมือครู่ ฉิน
หยุนซีเบิกตาโต ยิงตกใจเมือท่านอ๋องกดร่างของนางลงบนเตียงด้าน
หลัง แม้จะนุ่มนวลแต่นางก็ยังตระหนก หัวใจเต้นแรงแทบระเบิด ท่าน
อ๋องอยู่เหนือร่างของนาง จ้องมองมาด้วยสายตาทีเห็นแล้ว ยิงหวันไหว 
สะท้านไปหมด 
 
“ท่านอ๋องเพคะ...เราต้องเข้าวังใช่หรือไม่...?” กลืนนําลายเอือก ถาม
เพราะเกรงว่าท่านอ๋องจะลืม... 
 
“เข้าช้าหน่อยก็ได้ ปานนีทหารคงไปรายงานเสด็จพ่อแล้ว ว่าข้าไม่สบาย
” เขาตอบแย้มยิม หน้าหล่อเหลาสดใส ดูขาวผ่องมีสง่าราศียิงกว่าเดิม
เสียด้วยซํา 
 
“ถ้าท่านไม่สบาย เช่นนันก็ต้องตามหมอ...ถอยไปสิเพคะ เสียวซีอึดอัด
...” ยกมือแตะแผ่นอกของเขา แต่ถูกคว้ารวบเอาไว้แล้วจับกดลงกับเตียง
นอน ฉินหยุนซีประหม่าขัดเขิน ไม่กล้ามองหน้าท่านอ๋องตรงๆ แต่ถูก
รับสังบังคับอย่างอ่อนโยน 
 
“เสียวซีมองข้าสิ พระชายา...ต้องเชือฟงสามีรู้ไหม” 
 
“ท่านอ๋อง...” นางอยากประท้วง แต่พูดไม่ออก หัวใจเต้นแรงขึนเรือยๆ 
ตืนเต้นแทบคุมสติไว้ไม่อยู ่
 
“อีกประการ...เจ้าจะให้ข้าไปหาหมอทีไหนอีกเล่า ในเมือข้ามีหมอทีเก่ง
ทีสุดอยู่ตรงนีทังคน” 
 
หลีเหยียนฟงกดเรียวปากบางและจมูกโด่งลงหอมแก้มนุ่มใสแสนหอม
หวานของนาง ไล่เรือยไปจนถึงปากนุ่มนิมทีเย้ายวน กดจุมพิตแนบแน่น 
ไม่เปดโอกาสให้นางหลีกเลียง หรือบ่ายเบียงอีกต่อไป 
 
ทว่าพลันนันราวกับสวรรค์ล่ม ประตูห้องกลับถูกเคาะเปนจังหวะรีบเร่ง 
ตามเข้ามาด้วยเสียงร้อนใจของเหอตง!! 
 
“ท่านอ๋องพะยะค่ะ ท่านอ๋องเปนอย่างไรบ้าง ข้าน้อยพาท่านหมอมาดู
อาการท่านอ๋องแล้วพะยะค่ะ!!” 
 
36.ทวงคืนความเปนธรรม 
 
เหอตงพาหมอหลวงเข้ามาตรวจอาการของท่านอ๋อง พบว่าองค์ชายมี
ร่างกายทีแข็งแรงดีมาก ราวกับว่าไม่เคยได้บาดเจ็บมาก่อนเลย นันทําให้
เหอตงยินดียิงนัก แต่ขณะเดียวกันเขาก็รับรู้ได้ว่าท่านอ๋องทรงหงุดหงิด
เพราะการเข้ามารบกวนของเขาเปนอันมาก คาดเดาจากสถานการณ์แล้ว
นัน สงสัยว่าเขาจะเปนห่วงผิดเวลาไปจริงๆ 
 
เหอตงส่งท่านหมอกลับไปรักษาอาการของเว่ยฉู่ต่อ หลังพบว่านาง
กํานัลสูงวัยมีอาการไม่ถึงกับชีวิต เพียงแต่ต้องรักษาตัวจนกว่าบาดแผล
จะหายดี ซึงกินเวลาน่าจะราวๆครึงเดือน พอทราบเช่นนันเขาก็วางใจ 
ตามท่านอ๋องกับพระชายาเข้าวังได้อย่างไม่มีสิงใดต้องกังวล 
 
พระราชวังขององค์ฮ่องเต้นันกว้างใหญ่ไพศาลยิงนัก ฉินหยุนซีคิดว่า 
หากไม่มีผู้พาเข้ามา นางจะต้องหลงหาทางออกไม่เจอเปนแน่แท้ เหล่า
นางกํานัลมีมากมายตลอดเส้นทาง ทหารก็เช่นกัน ต่างล้วนคํานับแสดง
ความเคารพต่อท่านอ๋องหลีเหยียนฟงและพระชายา 
 
ฉินหยุนซีตืนเต้นเล็กน้อยทีจะได้พบกับฮ่องเต้ จากทีพระองค์ไม่ยอมให้
นางถวายนําชาหลังแต่งงาน ก็พอจะเดาได้อยู่แล้วว่าฮ่องเต้ทรงไม่ชอบ
หน้านาง...ท่านพ่อกับฮ่องเต้และเหล่าองค์ชายไม่รู้ว่ามีเรืองบาดหมาง
อะไรกันมากแค่ไหน แค่คิดก็น่าอึดอัดจะแย่ 
 
แต่ได้พบองค์ฮ่องเต้ก็ดี หากมีโอกาส นางจะขอรือคดีของพระสนมสุ่ย
ชิงหลิง...รู้ว่าคงไม่ใช่เรืองง่ายเลย เพราะเรืองนี ดันมาเกียวพันกับ
ฮองเฮาองค์ปจจุบัน 
 
หากฮองเฮาทรงมีส่วนร่วมด้วย กับการสินพระชนม์ของพระสนมสุ่ยชิง
หลิง นีจะเปนเรืองใหญ่ทีเดียว... 
 
“น้องสาม น้องสะใภ้สาม เจ้ามาแล้วรึ” 
 
“ถวายบังคมองค์รัชทายาทพะยะค่ะ” หลีเหยียนฟงถวายคํานับองค์ชาย
หลีอี โดยฉินหยุนซีรีบทําตาม 
 
“ถวายบังคมองค์รัชทายาทเพคะ” 
 
“ตามสบาย ไม่ต้องมากพิธี เสด็จพ่อรอพวกเจ้าอยู่นานแล้ว รีบไปเข้า
เฝาท่านกันเถิด” หลีอีกล่าวแล้วเดินนําทังสองไปทีตําหนักของฮ่องเต้ 
ระหว่างนัน ฉินหยุนซีแลเห็นว่าองค์รัชทายาททรงหันมามองทีนางบ่อย
ครัง ทรงแย้มยิมอย่างทอดไมตรีมาให้ แต่เมือเห็นหน้าบึงของอ๋องสามก็
ถึงกับหน้าเจือนไป... 
 
หลีเหยียนฟงคว้ามือนางกุมกระชับไว้ ฉินหยุนซีกะพริบตา เขินอาย แต่ก็
ยินดีจะกุมมือกับเขา การทําเช่นนีช่วยให้นางรู้สึกอุ่นใจ ไม่ต้องโดดเดียว
ภายในวังหลวงทีกว้างใหญ่ ไม่คุ้นเคยแห่งนี 
 
ภายในห้องทรงงานของห้องเต้หลีปาเทียน ฮ่องเต้ประทับอยู่ด้านหลัง
โต๊ะทรงอักษร มีกองม้วนเอกสารมากมายบนโต๊ะ และรอบๆห้องก็เช่นกัน 
มีชันหนังสือและชันกองม้วนเอกสาร ฮ่องเต้ทรงงานมากมายจริงๆ 
 
ทุกคนต่างถวายคํานับฮ่องเต้อย่างนอบน้อม ฉินหยุนซีก็เช่นกัน นางก้ม
ลงถวายคํานับฮ่องเต้หลีปาเทียน ทรงทอดพระเนตรมองนางอย่างสนใจ
ยิง 
 
“เจ้าคือฉินหยุนซี ธิดาคนเล็กของฉินเฉินรึ!” 
 
ฮ่องเต้ตรัสถามด้วยความประหลาดใจ ไม่อยากเชือ แต่เดิมนันทรงเข้าใจ
มาตลอดว่าฉินเฉินมีบุตรสาวเพียงคนเดียวก็คือฉินอีชิง ไม่เคยล่วงรู้มา
ก่อนเลยว่าเฒ่าเจ้าเล่ห์นันจะมีบุตรสาวซ่อนอยู่ในปาเขาอีกคน 
 
พระองค์กริวยิงนักทีเสียที ประมาทจนถูกตลบหลัง จึงพาลกริวมาถึงฉิน
หยุนซีด้วย ทรงไม่คิดปรารถนาต้องการให้นางเข้าวังมาให้เห็นหน้า จน
เวลานี...เมือได้เห็นใบหน้างดงามราวกับเทพธิดาของนาง ฮ่องเต้หลีปา
เทียนยังถึงกับตกตะลึง 
 
มิน่าเล่า...เจ้าสามจึงเงียบไปไม่ปริปากบ่นเรืองชายาทีไม่ต้องการ ดูเถิด 
เจ้าลูกชายของพระองค์เวลานี แทบจะอุ้มชายาลอยเข้ามาในห้องนีที
เดียว 
 
“หม่อมฉัน ฉินหยุนซี เปนธิดาของท่านพ่อฉินเฉินเพคะ” นางถวาย
คํานับพร้อมยืนยัน ก้มหน้านิงอยู่เช่นนัน รอรับฟงว่าฮ่องเต้จะตรัสสิงใด
ต่อ 
 
“สามีเจ้าเล่าให้เจ้าฟงแล้วหรือยัง ว่าข้าเรียกเจ้าเข้ามาด้วยประสงค์สิงใด
?” 
 
“เพคะ หม่อมฉันรับทราบแล้ว” 
 
“ถ้าเช่นนันเจ้ามีความเห็นว่าอย่างไร?” ทรงถามต่อ 
 
“อาจารย์ของหม่อมฉัน ท่านเปนคนสันโดษ ไม่ชอบยุ่งเกียวเรืองทาง
โลก ขอกราบทูลตามตรง ท่านคงไม่ยอมเข้าวังมาแน่นอนเพคะ” 
 
“อะไรกันเล่า เปนผู้มีความรู้ความสามารถมากมาย แต่กลับไปซุกซ่อนตัว
อยู่ในปาลึก ไม่ใช้ความสามารถทีมีเพือบ้านเมือง แล้วความสามารถ
เหล่านันจะมีประโยชน์อันใดเล่า” ฮ่องเต้ได้ฟงแล้วไม่พอพระทัยนัก ทรง
คาดหวังว่าฉินหยุนซีจะยอมช่วย แต่นางกลับบอกปดตังแต่เพิงเริมต้น 
 
“กราบทูลฝาบาท...อาจารย์เคยบอกว่า ท่านศึกษาธรรมชาติเพืออยู่กับ
ธรรมชาติ หากจิตสงบ ปญญาจะเกิด หากฝกปญญาให้มาก ความรอบรู้
ก็จะตามมาเอง อาจารย์ท่านมิได้ต้องการความรอบรู้ แต่นันเปนสิงที
ท่านได้มาจากการฝกฝนจิตและปญญา” 
 
“หมายความว่า อย่างไรอาจารย์ของเจ้าก็จะไม่ยอมลงเขามาอย่างนันรึ” 
 
“เพคะ ฝาบาท เปนเช่นนัน” 
 
“บังอาจ!!” 
 
ฮ่องเต้หลีปาเทียนฟาดฝามือปงลงกับโต๊ะเบืองหน้า ทุกคนต่างไม่
สบายใจ ทังหลีอีและหลีเหยียนฟงต่างก้าวออกมาปกปองฉินหยุนซี 
 
“เสด็จพ่อขออย่าทรงกริวไปเลย ลูกจะส่งคนไปตามหาซือต้าหยุนเหนียง 
ไปขอร้องให้นางลงจากเขามา ไม่แน่นางอาจจะเปลียนใจหากเรามอบ
ของทีนางต้องการให้ ขอเสด็จพ่ออย่าเพิงทรงกริวฉินหยุนซีไปเลยพะยะ
ค่ะ” หลีอีกราบทูล ยังไม่หมดหวัง 
 
“เสด็จพ่อโปรดอภัยให้เสียวซีด้วย นางอยู่แต่ปาเขา ไม่รู้ว่าสิงใดควรไม่
ควร เปนความผิดของลูกเองทีสังสอนนางไม่ดี เสด็จพ่อโปรดเมตตา
ด้วย!” หลีเหยียนฟงออกรับแทนพระชายา 
 
“นันสิเสด็จพ่อ พีสะใภ้สามไม่ได้ตังใจทําให้เสด็จพ่อผิดหวังหรอกพะยะ
ค่ะ” หลีลิวหลางช่วยพูดด้วยอีกคน ฮ่องเต้หลีปาเทียนถึงกับยกมือห้าม 
ไม่อนุญาตให้ใครพูดอีก 
 
“พอแล้ว ข้าไม่ได้โกรธนาง พวกเจ้าไม่ต้องร้อนใจ แห่กันออกหน้าให้
นางถึงเพียงนีหรอก” 
 
กลายเปนฮ่องเต้ทรงตําหนิลูกชายทังสามของพระองค์ โดยเฉพาะหลีอี
นัน เหตุใดจึงทําราวกับห่วงใยน้องสะใภ้นัก 
 
“เอาอย่างทีรัชทายาทว่ามาก็ได้ ฉินหยุนซี เจ้าจงบอกรายละเอียดทีอยู่
ของอาจารย์เจ้ามา ข้าจะส่งคนไปเชิญนางเอง” 
 
“เพคะ” 
 
ฉินหยุนซีให้ความร่วมมือด้วยดี โดยไม่ได้ปริปากบอกว่า หากอาจารย์
ของนางไม่ต้องการให้พบแล้ว...ต่อให้หาอย่างไรก็ไม่มีทางพบได้
แน่นอน 
 
ระหว่างนัน ฮ่องเต้ทรงรับสังถามฉินเฉิน เกียวกับราชสาสน์ซึงส่งไป
ต่อว่า ถามหาความรับผิดชอบจากเผ่าลัวปา 
 
“เรียบร้อยแล้วพะยะค่ะฝาบาท” 
 
“ดี ข้าอยากรู้นักว่าอ๋องแห่งลัวปาจะว่าอย่างไร ลูกสาวของเขาช่างไม่รู้จัก
ฟาสูงแผ่นดินตํา กล้ามาหยามเราถึงที เรืองนีอย่างไรก็ต้องมีคนรับผิด
ชอบ” ฮ่องเต้รับสังอย่างเกรียวกราด คิดถึงขึนมาทีไรก็เจ็บแค้นจ้าวหมิง 
 
ฉินเฉินถวายคํานับรับคําฮ่องเต้ ขณะนัน ฉินหยุนซีให้ข้อมูลเรือง
อาจารย์ของนางกับท่านเสนาฉางซือแล้วเสร็จพอดี ฮ่องเต้รับราย
ละเอียดทีฉางซือนํามาถวาย เมืออ่านแล้วก็ทรงพอพระทัย 
 
“ขอบใจเจ้ามากทีให้ความร่วมมือ ข้าจะตอบแทนให้เจ้า อยากได้สิงใด
เปนการตอบแทนเล่า ฉินหยุนซี” 
 
คนถูกถามตาวาว เปนประกายด้วยความยินดี โอกาสทีนางต้องการมา
ถึงแล้ว นางรีบคุกเข่าลง กราบทูลขอความเปนทําให้พระสนมสุ่ยชิงหลิง 
 
“ทูลฝาบาทหม่อมฉันรู้จักกับพระสนมสุ่ยชิงหลิง เจ้าของตําหนักสุ่ยหลิง
เมือยีสิบปก่อน หม่อมฉันคิดว่าการตายของพระสนมมีเงือนงํา อยาก
ขอร้องให้ฝาบาทได้โปรดประทานอนุญาต รือคดีพระสนมขึนมาสืบสวน
อีกครังเพคะ” 
 
“พระสนมสุ่ยชิงหลิงรึ!!” 
 
ฮ่องเต้หมวดคิว เอ่ยชือพระสนมมาก็จดจําได้ทันที นางเคยเปนพระสนม
คนโปรดของพระองค์เมือนานมาแล้ว ทรงตังใจจะแต่งตังนางเปนพระ
สนมเอกเลย แต่เกิดเรืองกับนางขึนเสียก่อน 
 
นางตายอย่างมีเงือนงําอย่างนันหรือ 
 
“เรืองนานขนาดนันแล้ว ทําไมเจ้าเพิงมาพูดถึง แล้วอะไรทําให้เจ้าคิดว่า
นางตายอย่างมีเงือนงํา?” 
 
“ทูลฝาบาท ขอบอกตามตรง หม่อมฉันรู้จักพระสนมดี พระสนมเปนผู้มี
จิตใจอ่อนโยน มีเมตตา นางไม่มีวันทําร้ายผู้ใด นางเปนผู้บริสุทธิทีถูก
ใส่ร้าย ขอเพียงฝาบาทมีบัญชา เรียกตัวหวังกงกงเข้ามาสอบสวน ทุก
อย่างก็จะกระจ่างเพคะ” 
 
“หวังกงกงรึ...เจ้าแน่ใจนะว่าจะทําเช่นนี นีเปนเรืองใหญ่...หากไม่มี
เหตุผลทีเหมาะสมข้าคงอนุญาตไม่ได้...” 
 
ฮ่องเต้หลีปาเทียนมีสีพระพักตร์ไม่ดีนัก พระองค์นันจําพระนางสุ่ยชิง
หลิงได้เสมอ ตอนทีนางตายนัน พระองค์กริวมาก เรียกผู้เกียวข้องในตํา
หนักสุ่ยหลิงมาสอบสวนด้วยพระองค์เอง 
 
หวังกงกงนันพระองค์ก็เคยสอบถาม แต่ขันทีจอมเจ้าเล่ห์พลิกพลิวปาก
แข็ง ไม่เคยยอมรับ แถมทังซู่เฟงก็ยังออกโรงปกปองมัน...ฮ่องเต้
สังหรณ์ว่าเรืองนีจะเกียวข้องกับฮองเฮา ถ้าเปนเช่นนัน อาจกระทบ
กระเทือนกลายเปนเรืองใหญ่ 
 
สู้ผ่านแล้วให้ผ่านเลยไปน่าจะดีกว่า... 
 
“ทูลฝาบาท พระสนมตายอย่างไร้ความเปนธรรม ถูกระบุไว้ว่าฆ่าตัวตาย
เพือหนีความผิดทีทําไว้กับฮองเฮา วิญญาณของพระสนมไม่สามารถไป
เกิดได้เพราะยังหวังเรียกร้องความเปนธรรม ยีสิบปมานี แทบทุกคนที
รู้จักตําหนักสุ่ยหลิงมักจะพูดเปนเสียงเดียวกันว่าทีนันเปนตําหนักผีสิง 
พระสนมและชิวเหอรอคอยความเปนธรรมมานานถึงยีสิบปแล้ว...ต้องให้
วิญญาณของพวกนางรอคอยอีกถึงเมือไหร่เพคะ...หรือต่อให้รอตลอด
กาลก็ยังไม่ได้รับความเปนธรรมจากพระองค์!” 
 
“บังอาจ ฉินหยุนซี กล้าดีอย่างไรมาว่าท่านพ่อข้าไร้ความเปนธรรม!! ต่อ
ให้เจ้าเปนพระชายาของน้องสาม แต่ใช่ว่าจะปากดี โอหังกับฮ่องเต้ได้!” 
องค์ชายหลีเฉียวตะคอกใส่ฉินหยุนซี พลันนันหลีเหยียนฟงรีบคุกเข่าลง 
คํานับพระบิดา 
 
“เปนความผิดของลูกเอง เสด็จพ่อโปรดอภัยให้เสียวซีด้วย เสียวซีอายุ
ยังน้อย ทังยังไม่เคยเข้าวัง นางไม่รู้ธรรมเนียม ล่วงเกินเสด็จพ่อ ขอ
เสด็จพ่อโปรดอย่าได้ถือสา...” 
 
“ไม่ถือสาได้อย่างไร เสด็จพ่อเปนถึงฮ่องเต้ เปนโอรสสวรรค์ ใช่ผู้ทีชายา
ของเจ้าสามารถล่วงเกินได้รึ” องค์ชายหลีเฉียวไม่ยินยอม เห็นว่านีจะ
เปนโอกาสได้เล่นงานหลีเหยียนฟงทีเขาไม่พอใจมาช้านาน 
 
เปนผู้กุมชะตาของดาวมังกรแล้วอย่างไร...ก็แค่คนธรรมดา แต่เพราะเกิด
ใต้ดาวมังกรจึงกลายเปนผู้มีชือเสียง เปนความหวังของปวงประชา โดด
เด่นเกินหหน้าพีน้องทังหมด แม้แต่องค์รัชทายาทก็ยังไม่อาจเทียบ
บารมีด้วยได้ 
 
องค์รัชทายาทนันโชคดีอยู่ทีมีพระมารดาซู่เฟงคอยช่วยเหลือ หาไม่เช่น
นันแล้ว ตําแหน่งรัชทายาทต้องตกเปนของหลีเหยียนฟงอย่างไม่ต้อง
สงสัย 
 
“ถ้าเช่นนัน ลูกขอรับผิดทุกอย่างแทนเสียวซี” 
 
“เหยียนฟง อย่านึกว่าเจ้าเปนดาวมังกร คุมกองทัพห้าหมืนแล้วจะทํา
อะไรก็ได้ เสด็จพ่อพะยะค่ะ หากไม่ทรงลงโทษ จะกลายเปนเยียงอย่าง 
ต่อไปพระเกียรติจะถูกล่วงเกินอีกนะพะยะค่ะ” องค์ชายหลีเฉียวหันไป
ทูลพระบิดาให้ลงโทษหลีเหยียนฟงไปด้วย 
 
ทว่าฮ่องเต้ทรงโบกหัตถ์ รีบปรามก่อนจะลุกลามไปใหญ่โต 
 
“อาเฉียว ไม่ต้องมากพิธีถึงเพียงนัน อย่างไรเสียเราก็เปนครอบครัว
เดียวกัน ลุกขึนเถิดอาฟง เจ้าด้วย ฉินหยุนซี” ทรงเอ่ยกับโอรสและลูก
สะใภ้อย่างอ่อนโยน 
 
“เจ้าอายุเท่าไหร่รึ ฉินหยุนซี?” ทรงถามนางต่อ 
 
“ปนีหม่อมฉันอายุ สิบเจ็ดปเพคะ” 
 
“เจ้าอายุน้อยเช่นนี แล้วรู้จักพระสนมสุ่ยชิงหลิงทีตายไปเมือยีสิบปก่อน
ได้อย่างไร” 
 
“หม่อมฉัน...” 
 
“หม่อมฉันเล่าให้นางฟงเองพะยะค่ะเสด็จพ่อ” เปนหลีเหยียนฟงอีกเช่น
เดิมทีออกหน้าปกปองนาง... 
 
ฉินหยุนซีลอบมองเสียวหน้าด้านข้างของสามี ลําบากใจเหลือเกินที
ทําให้ท่านอ๋องต้องเดือดร้อนไปด้วย...นางไม่ต้องการให้เปนเช่นนี แต่จะ
ห้ามไม่ให้ท่านอ๋องเข้ามายุ่งได้อย่างไรเล่า 
 
“หม่อมฉันจําพระสนมได้ สมัยเด็กๆ ยังเคยได้รับขนมจากพระนาง ทรง
เปนสตรีทีอ่อนโยน มีเมตตา หม่อมฉันเอง ก็ไม่เคยเชือว่าพระสนมสุ่ย
ชิงหลิงจะฆ่าตัวตาย และยิงไม่เชือว่านางจะทําร้ายฮองเฮา ขอเสด็จพ่อ
ได้โปรดช่วยเหลือดวงวิญญาณของพระนาง อนุญาตให้มีการไต่สวน
ใหม่ เพือจะได้คืนความเปนธรรมให้นางด้วย” 
 
หลีเหยียนฟงก้มคํานับพระบิดา นิงและรอคอยการตัดสินใจของฮ่องเต้ 
นานทีเดียวกว่าทีจะได้ยินเสียงเอ่ยเบาๆ 
 
“เอาเถิด ถ้าเช่นนันข้าจะออกคําสังด่วน ให้เจ้ากรมอาญารือฟนคดีนี จะ
ให้เบิกตัวหวังกงกงมาสอบสวนอีกครัง” 
 
“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ/ขอบพระทัยฝาบาทเพคะ” 
 
หลีเหยียนฟงและฉินหยุนซีรีบถวายคํานับ ฉินหยุนซีนันดีใจนัก ในทีสุด
ฮ่องเต้ก็ทรงยอมแล้ว 
 
พีหลิงหลิงกับเสียวเหอ คราวนีข้าจะล้างมลทินให้พวกท่านให้ได้!! 
 
37.เปดศาล 
 
เรืองทีท่านอ๋องสามและพระชายาขอรือฟนคดีของพระสนมสุ่ยชิงหลิง
เมือยีสิบปก่อน มาถึงหูฮองเฮาซู่เฟงจากการรายงานของขันทีซุน ขันที
รับใช้ใกล้ชิดของฮ่องเต้ 
 
ฮองเฮาซู่เฟงเมือทราบเรืองเข้าก็ถึงกับทุบโต๊ะไม้งาช้างฝงหยกขาวทีข้าง
กายดังปง ใบหน้าคมหวานเกรียวกราด โกรธแค้น 
 
“หลีเหยียนฟง มันคิดจะเปนศัตรูกับข้ารึ คงไม่พอใจทีตนเองไม่ได้เปน
รัชทายาทจึงคิดหาทางเล่นงานข้า...ร้ายนัก มันคงคิดว่ากําจัดข้าแล้ว
ฮ่องเต้จะต้องถอดลูกอีออกจากตําแหน่งรัชทายาท!” 
 
“ฮองเฮาพะยะค่ะ แล้วจะทําอย่างไรต่อไปดีพะยะค่ะ?” หวังกงกงหน้าซีด 
ก้มหน้าทูลถาม หวาดกลัวยิงนัก 
 
ตังแต่เมือยีสิบปก่อน เขาก็นอนไม่หลับ กินไม่อิม...เห็นแต่สภาพการ
ตายของพระสนมสุ่ยชิงหลิงและชิวเหอ หลอกหลอนติดตามาจนทุกวันนี 
ถึงจะรู้สึกผิดต่อพระสนม แต่ฮองเฮานันน่ากลัวยิงกว่า เขาเองก็กลัวจะ
ถูกฮองเฮาประทานเหล้าพิษปดปากเช่นกัน 
 
“จะทําอะไร เจ้าก็ไปขึนศาลทีกรมอาญา แล้วก็พูดเหมือนเดิม...หรือเจ้า
จะเปดโปงข้ารึ?” 
 
“โอ ข้าน้อยมิกล้า ข้าน้อยมิกล้า ฮองเฮาเมตตาด้วยพะยะค่ะ ข้าน้อยห
รือจะกล้าให้ร้ายฮองเฮา ฮองเฮาโปรดพิจารณาด้วย...” หวังกงกงทรุด
ลงไปโขกศีรษะคํานับขอความเมตตา ทว่าดวงตาเรียวแหลมคมของ
ฮองเฮาปรายมองมานันช่างเหียมเกรียม เย็นชา ชวนขนหัวลุก 
 
“อย่าทําให้ข้าผิดหวัง จําไว้ หากข้าพัง เจ้ากับทุกคนทีบ้านของเจ้าจะ
ต้องไม่ตายดี แม้แต่กระดูกของเจ้าก็จะไม่มีฝงในสุสาน!!” 
 
“ฮองเฮาโปรดวางพระทัย ข้าน้อยทราบแล้วว่าควรจะทําอย่างไร ฮองเฮา
ได้โปรดเมตตาด้วย!!” 
 
หวังกงกงตัวสันงันงก หน้าซีดเผือดอย่างน่าเวทนายิง ระหว่างนันเอง มี
เสียงเคาะประตูดังขึน นางกํานัลส่วนพระองค์เข้ามารายงานฮองเฮา
อย่างนอบน้อม 
 
“ฮองเฮาเพคะ องค์รัชทายาทขอเข้าเฝาเพคะ” 
 
“หือ? ลูกอีรึ หรือจะมาเรืองคดีของสุ่ยชิงหลิงเหมือนกัน...ให้ลูกข้าเข้ามา
ได้?” ฮองเฮาซู่เฟงพึมพํา ครุ่นคิด ก่อนรับสังให้รัชทายาทเข้าเฝาได้ 
 
“หวังกงกง เจ้าออกไปได้ หวังว่าเจ้าคงจดจําทีข้าสังได้แม่นยํา เมือไปถึง
กรมอาญาจงให้การตามเดิม อย่าให้ผิดพลาด รีบไปรีบมา อย่าให้ข้าผิด
หวังเปนอันขาด” 
 
“พะยะค่ะ ข้าน้อยจะไม่ทําให้ฮองเฮาผิดหวังพะยะค่ะ” 
 
หวังกงกงถวายคํานับก่อนจะถอยออกจากห้องโถงไป ระหว่างนันเขา
เดินสวนกับองค์รัชทายาท กงกงเฒ่ารีบก้มศีรษะถวายคํานับ ก่อนจะ
เลียงออกมา 
 
เขาต้องรีบไปให้การเรืองพระสนมสุ่ยชิงหลิงทีกรมอาญา...หึ ท่านอ๋อง
หลีเหยียนฟงกับพระชายา ไม่รู้คิดอะไร จู่ๆจึงจะมารือฟนคดีฆ่าตัวตาย
หนีความผิดของพระสนมสุ่ยชิงหลิงขึนมาอีก 
 
ปานนีแล้ว...มันจะได้อะไร ช่างโง่เง่าเสียจริง! 
 
จะเรียกสอบกีครังต่อกีครัง เขาก็จะให้การเหมือนเดิม เมือยีสิบปก่อน
ไม่มีใครทําอะไรหวังกงกงผู้นีได้อย่างไร ตอนนีก็จะยังเปนเช่นนัน 
 
ถ้าไม่ยอมรับเสียอย่าง ใครหน้าไหนจะมาเค้นปากของเขาได้เล่า!! 
 
ท่านอ๋องหลีเหยียนฟงและพระชายานังรถม้าจากวังหลวงมาทีกรมอาญา
ซึงอยู่ไม่ไกลจากวังของฮ่องเต้ ระหว่างทีนังมาด้วยกันในรถม้า ท่านอ๋อง
เอาแต่นิงเงียบ ไม่พูดจาอะไรเลย ฉินหยุนซีลอบมองหน้าเขา ลังเลอยู่
หลายอึดใจก่อนจะเอนตัวเข้าไป ซบไหล่หนาของท่านอ๋องอย่างออด
อ้อน 
 
เพียงเท่านันท่านอ๋องก็หันมองมา ดึงให้นางเอนลงมานอนหนุนตักของ
เขาแทน ฉินหยุนซีถึงกับถอนใจยาว รู้สึกผิดมาโดยตลอด 
 
“ท่านอ๋องอภัยให้เสียวซีด้วย...เสียวซีไม่ได้ตังใจทําให้ท่านโกรธจริงๆ
เพคะ” 
 
“ข้าไม่ได้โกรธ แต่เจ้าน่าจะบอกข้าก่อน เรืองพระสนมเปนเรืองใหญ่ 
เพราะเกียวพันหลายฝาย ทังฮองเฮาซู่เฟง รวมถึงความมันคงของ
รัชทายาท อาจจะทําให้ราชวงศ์เสือมพระเกียรติ...หากเสด็จพ่อไม่ทรง
เมตตา เจ้าคงลําบากไปแล้ว” เขาต่อว่านาง แต่มือใหญ่ก็ลูบเล่นเส้นผม
นุ่มลืนของนางอย่างปลอบโยนในคราเดียวกัน 
 
“เสียวซีใจร้อนเกินไป เสียวซียอมรับผิดทุกประการ แต่หากไม่ทูลขอร้อง
ฮ่องเต้ตอนนี เสียวซีก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีโอกาสนีได้อีกเมือไหร่...
เสียวซีทําให้ท่านอ๋องลําบาก ขอประทานอภัยนะเพคะ...” 
 
“ไม่เปนไร อย่าได้คิดมาก เรืองของเจ้าก็เหมือนเรืองของข้า ถ้าต้องรับ
โทษเพราะเรืองนี ข้าก็จะรับพร้อมกับเจ้าด้วย” 
 
“ท่านอ๋อง...” ฉินหยุนซีถึงกับอึงไป จ้องมองใบหน้าของเขาแล้วนําตา
คลอ สุดจะตืนตัน 
 
ท่านอ๋องช่างดีต่อนางยิงนัก...เช่นนีแล้วเสียวซีจะไม่รักท่านสุดใจได้
อย่างไรเล่า... 
 
นางยืนฝามือเล็กเรียวอ่อนนุ่มของตนเองขึนแตะแก้มสากของท่านอ๋อง 
เขาเองก็ก้มหน้ามองมา สบตากันอย่างอ่อนโยน... 
 
ท่านอ๋องกดปลายจมูกโด่งกับหน้าผากมนของนาง สูดกลินหอมและ
ความนุ่มนวลของนางเข้าไว้เต็มปอด ชืนใจยิง ราวกับได้พลังชีวิตเพิมขึน
มาอีกมากมาย 
 
ไม่ว่านางจะผิดพลาดอะไร ร้ายแรงเพียงใด เมือรักแล้ว หลีเหยียนฟง
พร้อมจะทําทุกอย่างเพือปกปองนาง 
 
“จําไว้เสียวซี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึน เราจะไม่แยกจากกัน อยู่ก็อยู่ด้วยกัน 
และถ้าต้องตาย...ข้าจะตายกับเจ้า” 
 
“ท่านอ๋อง!” 
 
ฉินหยุนซีถึงกับพูดไม่ออก ถ้อยคําของท่านอ๋องทําให้นางสะท้านไป
หมด ไม่เคยคาดฝนเลยว่าเขาจะปกปองนาง ร่วมหัวจมท้ายกับนาง ยอม
ทุกอย่างเพือนางถึงเพียงนี... 
 
หากยังไม่ได้เอ่ยตอบกลับไป รถม้าก็หยุดลง เสียงรายงานของเหอตงดัง
เข้ามา 
 
“ถึงกรมอาญาแล้วพะยะค่ะท่านอ๋อง พระชายา” 
 
เจ้ากรมอาญาจิงหยวน เบิกตัวหวังกงกง เพราะในอดีตเมือยีสิบปก่อน 
นางกํานัลในตําหนักสุ่ยหลิงเคยให้การเอาไว้ว่า ในวันทีพระสนมสุ่ย
สินพระชนม์นัน หวังกงกงได้เข้าไปขอพบพระสนมและอยู่ร่วมใน
เหตุการณ์นันด้วย ทว่าหวังกงกงปากแข็ง ยืนกรานกระต่ายขาเดียวไม่รู้
ไม่เห็น ครานีขันทีเฒ่าก็คิดว่าคงไม่มีกระไร ขอแค่เขายังยืนยันเหมือน
เช่นเดิม 
 
ทว่าทีห้องพิจารณาคดีของกรมอาญาวันนี กลับมีแขกผู้ทรงเกียรติอย่าง
ท่านอ๋องและพระชายาเข้าร่วมรับฟงการไตร่สวนด้วย 
 
“ข้าน้อยหวังกงกง ขอสาบานต่อฟา จะให้การด้วยความจริงทุกประการ 
หากโปปดมดเท็จแม้คําเดียวขอให้ฟาดินลงโทษ ถูกห้าม้าแยกร่าง มิได้
ตายดี ถูกสวรรค์ลงทัณฑ์... ” ขันทีเฒ่าสบถสาบาน หลังจากทีคํานับ
ท่านอ๋องและพระชายาเรียบร้อยแล้ว 
 
“หวังกงกง ข้าขอถามท่าน วันนันท่านไปทีตําหนักของพระสนมสุ่ยชิง
หลิงด้วยเหตุใด?” เจ้ากรมอาญาจิงหยวนเริมต้นสอบสวน 
 
“ข้าก็เคยตอบไปแล้วในสํานวนเก่า ท่านมิได้อ่านหรอกรึ?” หวังกงกง
เล่นลิน มิได้หวันเกรงอํานาจของเจ้ากรมอาญา ในเมือเขามีฮองเฮาผู้ยิง
ใหญ่หนุนหลังอยู่ทังคน ไยต้องกลัวผู้ใด 
 
“ข้าถาม ท่านก็จงตอบ ต่อหน้าท่านอ๋องและพระชายา กล้าเล่นลินอีกรึ
หวังกงกง!” จิงหยวนขึนเสียงกําราบดุดัน ทว่าหวังกงกงผู้มาก
เล่ห์เหลียมสะบัดหน้าเชิด เย่อหยิง จองหอง ยังไม่เสียการควบคุม
ตนเอง 
 
“ข้าน้อยให้ความเคารพท่านอ๋องและพระชายา แต่เรืองนีหาได้เกียวข้อง
กับข้าน้อยแต่อย่างใด ข้าน้อยเข้าไปในห้องก็เห็นพระสนมและคนรับใช้
ส่วนพระองค์สินใจเสียแล้ว พวกนางฆ่าตัวตายหนีความผิดก็ต่างเห็นกัน
อยู่ ยังจะถามอะไรข้าอีก นีมันเรืองไร้สาระ เสียเวลางานของข้าน้อยโดย
แท้!” 
 
“ไร้สาระรึ” ฉินหยุนซีทวนคําของหวังกงกง กํามือแน่น นับหนึงถึงสิบ 
 
...อดทนก่อนเถิดเสียวซี...หวังกงกงผู้นี หากยอมคายความจริงง่ายๆ ก็
คงไม่หลุดรอดมานานถึงยีสิบปหรอก... 
 
“ถ้าเช่นนันท่านก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แล้วท่านรู้ได้อย่างไรว่าพระสนม
สุ่ยชิงหลิงฆ่าตัวตายเล่า?” เจ้ากรมอาญาซักถามกงกงต่อ 
 
“ข้าก็แค่เดาเอาจากพฤติการณ์ พระนางถูกต้องสงสัยว่าวางยาพระ
สนมเอกในตอนนัน นางก็คงกลัวความผิด จึงต้องดืมยาพิษชิงฆ่าตัว
ตายตัดหน้าไป...เรืองนีใครๆก็รู้กันทังนัน” หวังกงกงแสยะยิม ลอยหน้า
ลอยตาตอบ 
 
“ท่านยังไม่ได้ตอบเลยนะกงกง ท่านเข้าไปทีตําหนักสุ่ยหลิงในตอนนัน
ทําไมกัน?” 
 
หลีเหยียนฟงเอ่ยถามขึนบ้าง ใบหน้านิงเรียบ เคร่งขรึมของเขามีบารมี
ขนาดทําให้หวังกงกงต้องหุบยิม แววตาหลุกหลิกขึนมาทันที 
 
“กราบทูลท่านอ๋อง เกียวกับเรืองนี ข้าน้อยได้ให้การเอาไว้แล้วในบันทึก
คําให้การเมือยีสิบปก่อนพะยะค่ะ” หวังกงกงโต้ตอบ หวังพลิกพลิวให้
พ้นไปได้อีกครา ทว่าหลีเหยียนฟงนัน ไม่ยอมปล่อยผ่านไปง่ายๆ 
 
“เมือยีสิบปทีแล้วข้ายังไม่เคยได้อ่านสํานวนนีเลย ท่านช่วยพูดให้ข้าฟง
ตอนนีได้หรือไม่...ในเมือมันเปนความจริง พูดร้อยครังก็ต้องตรงกันทัง
ร้อยครัง แต่หากไม่ใช่ความจริงแล้ว...ก็คงกลัวทีจะต้องพูดซํา” 
 
“โอะๆ ข้าน้อยหาได้กลัวไม่พะยะค่ะ วันนันข้าน้อยไปทีตําหนักสุ่ยหลิงก็
เพราะพระสนมสุ่ยชิงหลิงเรียกให้ไปพบ ไม่นึกว่าแทนทีไปแล้วจะพบพระ
สนม กลับพบแต่ศพของพระนางและชิวเหอแทน...เรืองทังหมดก็เปน
อย่างนีละพะยะค่ะ” 
 
หวังกงกงเปดปากเล่า ซึงทังหมดเปนความเท็จทีเจ้าตัวรู้ด ี
 
เขาจะพูดปนเรืองอย่างไรก็ได้ คนก็ตายไปแล้ว ไม่เห็นจะยากอะไรเลย! 
 
“แล้วท่านพอจะรู้หรือไม่ พระสนมเรียกให้ท่านไปพบด้วยเรืองอันใด?” 
ท่านอ๋องซักต่อ 
 
“ข้าน้อยไม่อาจทราบได้พะยะค่ะ” หวังกงกงบอกปด ใช้วิธีเดิมคือไม่
ยอมเปดปากเด็ดขาด เรืองแบบนี หากยิงพูดมากไป ข้อมูลอาจจะขัด
แย้งแล้วนําไปสู่การรัดคอตนเองจนดินไม่หลุด ทางทีดี บอกปดไปก็
หมดปญหา 
 
“ถึงไม่ทราบได้ แต่ท่านก็คงจะพอเดาได้อยู่บ้างกระมัง ท่านเปนนักเดานี 
เห็นเมือครู่ท่านยังเดาสาเหตุการตายของพระสนมได้เปนเรืองเปนราว 
ท่านจะไม่ลองเดาดูหน่อยรึ ว่าพระสนมสุ่ยชิงหลิงเรียกให้ท่านไปพบ
ด้วยเรืองอันใด” ท่านอ๋องหลีเหยียนฟงไม่ยอมให้หวังกงกงหลบเลียงได้
โดยง่าย เขาบีบจนหวังกงกงต้องเอ่ยปากพูดจนได้ 
 
“ข้าน้อยไม่อาจทราบได้จริงๆพะยะค่ะ แต่ถ้าจะทรงให้ข้าน้อยคาดเดา...
ข้าน้อยคิดว่า พระสนมคงต้องการให้ข้าน้อยช่วยทูลกับพระสนมเอกใน
เวลานัน...ว่าพระสนมไม่มีส่วนเกียวข้องด้วยกับเรืองยาพิษ...พระสนมสุ่ย
คงอยากให้พระสนมเอกซู่เฟงหายโกรธโดยเร็วไวพะยะค่ะ” 
 
“ถ้าเปนเช่นทีเจ้าเดา...แสดงว่าพระสนมสุ่ยมีความคิดจะปรับความเข้าใจ
กับพระนางซู่เฟงอยู่ คนเช่นนีรึทีคิดจะฆ่าตัวตาย...หากนางคิดตายแล้ว 
จะเรียกเจ้าไปพบทําไม” 
 
“เอ่อ...ข้าน้อยไม่ทราบพะยะค่ะ ข้าน้อยเองก็ไม่เข้าใจพระสนมสุ่ยเช่นกัน
” 
 
หวังกงกงไหลไปได้เรือยๆ เจ้ากรมอาญาลอบสบตากับหลีหยียนฟงด้วย
ความหนักใจ 
 
มันยากจริงๆทีจะเอาผิดหวังกงกงได้... 
 
“หวังกงกง ท่านเคยได้ยินข่าวลือเรืองวิญญาณของพระสนมสุ่ยชิงหลิ
งบ้างหรือไม่...ว่ากันว่าพระนางตายอย่างไร้ความเปนธรรม ทําให้
วิญญาณยังติดอยู่ ไม่สามารถไปไหนได้...หากนางเปนเช่นทีท่านว่าจริง 
ก็คงไม่ต้องมาวนเวียนอยู่เช่นนีหรอกกระมัง” จิงหยวนกล่าว 
 
หวังกงกงนิงเงียบไป ชัวขณะเขารู้สึกผิด แต่จะให้ยอมรับความจริงเขาก็
ทําไม่ได้ เพราะมันหมายถึงชีวิตของตนเองนันทีเดียว... 
 
“หึ เรืองผีสาง...อย่าบอกข้านะว่าท่านตัดสินกฎหมายโดยการอ้างผีสาง 
ช่างน่าขัน...พระสนมสุ่ยชิงหลิงฆ่าตัวตาย วิญญาณของนางไปไหนมิได้
เปนเพราะเวรกรรมของนางเอง มิได้เกียวข้องอะไรกับข้าน้อยแม้แต่น้อย 
ต่อให้พระนางอาละวาดหลอกหลอนผู้คนสักเพียงใด นันก็เปลียนความ
จริงทีพระนางฆ่าตัวตายหนีความผิดไปไม่ได้อยู่ดี” 
 
“เปนเพราะเวรกรรมรึ ดี! ข้าชอบประโยคนี” 
 
ฉินหยุนซีทนนิงฟงมาตลอด ในทีสุดนางก็เอ่ยขึน ทังท่านอ๋อง จิงหยวน 
และหวังกงกงต่างหันมองมาทีนางเปนตาเดียวกัน 
 
“ท่านเจ้ากรมอาญา ข้าขอหมึกกับพู่กันหน่อยจะได้หรือไม่” นางหันไป
ขอกับเจ้ากรมอาญา ทําเอาทุกคนทีได้ยินยิงฉงน 
 
“พระชายา ท่านจะทําอะไรรึ นีเรากําลังสอบสวนหวังกงกงอยู่นะพะยะค่ะ
” 
 
“ข้ามีวิธีจะทําให้หวังกงกงพูดความจริง...ใช้วิธีของข้า จะไม่เปนการเสีย
เวลาอันมีค่าของหวังกงกงด้วย” นางตอบ นันทําให้เจ้ากรมอาญาต้อง
กะพริบตาด้วยความประหลาดใจ 
 
เขาให้คนนําสิงทีนางต้องการมาให้ ฉินหยุนซีเมือได้พู่กันและแท่นฝน
หมึกมาแล้ว จึงหยิบเอากระดาษยันต์ด้านในตัวเสือขึนมา ตังสมาธิ 
กําหนดจิตเขียนอักษรคําว่า “ซือตรง” ลงไปบนยันต์แผ่นนัน และอีก
แผ่นก็ทําเช่นเดียวกัน 
 
“พระชายา ท่านจะทําอะไร นีท่านคงไม่คิดจะสะกดจิต ใช้เวทมนตร์บีบ
บังคับให้ข้าน้อยยอมรับความจริงหรอกนะ” หวังกงกงดักคอนางไว้ก่อน 
ชักรู้สึกไม่ชอบมาพากล... 
 
พอจะทราบอยู่บ้างว่าพระชายาของท่านอ๋องสามนัน นางอยู่ปาเขามาทัง
ชีวิต และอาจารย์ของนางก็เหมือนว่าจะเปนผู้วิเศษทีไม่ใช่คนธรรมดา... 
 
“พระชายา โปรดใจเย็นก่อน ข้ากําลังสอบสวน...” เจ้ากรมอาญาเองก็รีบ
บอก แต่ไม่กล้าดุใส่นางด้วยเกรงใจท่านอ๋อง 
 
“สอบสวนรึ ท่านจะสอบสวนได้อย่างไร คนกลับกลอกผู้นีไม่ยอมให้
ความจริงกับใครบ้าง ไม่พูดยังไม่พอ ซํายังดูหมินพระสนมผู้ทีต้องตายอ
ย่างน่าเวทนา” ฉินหยุนซีเอ่ยกับเจ้ากรมอาญา ก่อนจะหันไปทางหวัง
กงกง แล้วเอ่ยกับขันทีเจ้าเล่ห์ “เจ้าเองก็เห็นทุกอย่างกับตาตนเอง เจ้า
ยอมตนเปนเครืองมือของคนอืน ทําเรืองชัว มาถึงตอนนีคงมันใจว่าไม่มี
ใครทําอะไรได้แน่แล้วละสิ” 
 
“พระชายา ท่านกล่าวหาข้าโดยไร้หลักฐานเช่นนี...เกรงว่าต่อให้ท่านอ๋อง
ก็คงจะช่วยท่านมิได้นะพะยะค่ะ” หวังกงกงยิมเยาะมันใจ 
 
ฉินหยุนซีกัดปาก ก้มหน้าลง ดวงตาแดงรืนนิงไปเล็กน้อย ยังคงโกรธ
คับแค้นแทนพระสนมสุ่ยชิงหลิง... 
 
คนตายพูดไม่ได้แล้ว มีแต่คนเปนทีพูดจ้อโกหกไม่หยุด ฉินหยุนซีสูด
หายใจลึก ระงับความโกรธ ก่อนจะเงยหน้าขึนเอ่ยกับหลีเหยียนฟง 
 
“ท่านอ๋อง ในเมือคนผู้นีปากแข็งนัก เสียวซีขอใช้วิธีของเสียวซีนะเพคะ” 
 
“วิธีอะไรรึ?” 
 
เขาถาม แต่ฉินหยุนซีไม่ตอบในทันที นางหยิบเอายันต์ทีวางอยู่บนโต๊ะ
มาถือไว้ ชูขึนให้ท่านอ๋องและจิงหยวนดู 
 
“ท่านอ๋อง ท่านเจ้ากรมอาญา นีคือยันต์ซือตรง ผู้ทีถูกยันต์นีแปะไว้ที
ร่างกาย จะกล่าวแต่ความจริง ถ้าไม่เชือข้า ขอเชิญท่านพิสูจน์ดูก่อนได้” 
 
“โอะ...มีของวิเศษเช่นนีด้วยรึ...ถ้าเช่นนันขอข้าทดสอบดูก่อนเถิดพระ
ชายา” 
 
เจ้ากรมอาญาจิงหยวนทดสอบยันต์ของฉินหยุนซี ด้วยการสังให้ลูกน้อง
ของเขาคนหนึง โกหกโดยให้เขียนความจริงเก็บซ่อนเอาไว้ เมือแปะ
ยันต์ลงไปทีหน้าผาก ทหารผู้น้อยคนนันก็เอ่ยทุกอย่าง ตรงกับทีได้
เขียนข้อความเก็บเอาไว้ไม่มีผิด 
 
เมือเปนเช่นนีแล้ว เจ้ากรมอาญาจึงตัดสินใจ สอบสวนหวังกงกงต่อ 
 
“จงเล่าเรืองในวันนันมาอย่างละเอียด หวังกงกง เจ้ามีส่วนเกียวข้องกับ
การตายของพระสนมสุ่ยหรือไม่!!” 
 
38.ข้าจะไปกับเจ้าทุกที... 
 
ฮองเฮาซู่เฟงกําลังนังดืมชาอย่างสบายพระทัย ก่อนหน้านีองค์
รัชทายาทมาหาด้วยความห่วงใย แต่นางได้ยืนยันกับเขาไปแล้วว่าไม่มี
สิงใดต้องกังวล เพราะนางนันมิได้เกียวข้องใดๆกับการตายของพระสนม
สุ่ยชิงหลิงทังสิน นันเองหลีอีจึงกลับตําหนักไปอย่างคลายใจ 
 
ฮองเฮาเองก็มิได้หนักใจอะไร เรืองตังนานขนาดนันแล้ว ต่อให้หลีเหยี
ยนฟงเก่งกล้าสามารถเพียงใด ก็ไม่มีทางไล่หวังกงกงจนมุมได้แน่นอน 
รอก่อนเถิด เมือการสอบสวนสินสุดแล้วอ๋องสามเอาผิดอะไรหวังกงกง
ไม่ได้ นางจะกราบทูลฮ่องเต้ให้เล่นงานเขากลับ อยากกล้าบังอาจมา
ลองดีกับนาง 
 
หากไม่แน่จริง ไหนเลยจะเขียดาวมังกรพ้นจากตําแหน่งรัชทายาทได้ 
 
หลีเหยียนฟง เจ้ามันก็คือดาวมังกรทีจะไม่ได้ครองบัลลังก์ ดังเช่นที
หมอดูเทวดาเคยทํานายเอาไว้นันละ! 
 
พระนางกระหยิมยิมเยาะ แต่แล้วนางกํานัลก็วิงหน้าตืนเข้ามารายงาน ว่า
มีทหารจากกรมอาญาเข้ามาในตําหนัก เจ้ากรมอาญามาทูลเชิญฮองเฮา
ไปสอบสวนคดีของพระสนมสุ่ยชิงหลิง เมือยีสิบปก่อนด้วยตนเอง 
 
ฮองเฮาถึงกับทําถ้วยชาตกพืน พระทัยหายอย่างไม่เคยเปนมาก่อน 
 
เกิดอะไรขึน หวังกงกงพลาดอย่างนันรึ!!? 
 
“ทูลฮองเฮา หวังกงกงให้การพาดพิงถึงพระองค์ หม่อมฉันจึงเดินทาง
มาทีตําหนักซู่ฟางเพือขอเชิญเสด็จพระนาง เสด็จไปให้การทีศาลของ
หม่อมฉันด้วยพะยะค่ะ” จิงหยวนกราบทูลอย่างนอบน้อม แล้วก็ไม่ผิด
จากทีคิดไว้ ฮองเฮาตวาดลันกลับมาอย่างเกรียวกราด 
 
“บังอาจ!! ข้าเปนใคร แล้วเจ้าเปนใคร กล้าบังอาจจะมาสอบสวนข้ารึ รู้
หรือไม่ ถ้าข้าทูลให้ฮ่องเต้ทรงทราบ หัวพวกเจ้าจะไม่เหลือติดบ่าแม้สัก
คน!” 
 
“กระหม่อมมิกล้า แต่ว่าฮองเฮาโปรดเห็นใจกระหม่อมด้วย...ในเมือหวัง
กงกงพาดพิงถึงฮองเฮา กระหม่อมก็มีหน้าทีต้องสอบสวนตามกฎหมาย 
ซึงเรืองนีกระหม่อมได้กราบทูลฮ่องเต้แล้ว ทรงมีรับสังให้ฮองเฮาไป
ให้การทีศาลกรมอาญาของหม่อมฉันพะยะค่ะ” จิงหยวนกราบทูล โดย
ซุนกงกงทีมาด้วยกัน ก็ช่วยยืนยัน 
 
“เปนความจริงพะยะค่ะ ฮ่องเต้ทรงรับสังมาเช่นนันจริงๆ ขอฮองเฮา
โปรดทําตามพระบัญชาด้วย...” 
 
เจ้ากรมอาญารู้ว่าพระนางซู่เฟง ต้องไม่ยอมไปขึนศาลด้วยกันเปนแน่ 
 
ดังนันก่อนจะมาทีนี จิงหยวนจึงได้นําความกราบทูลฮ่องเต้เรียบร้อย
แล้ว 
 
ฮ่องเต้รับคําสารภาพของหวังกงกงไปทอดพระเนตร...ทรงนิงเงียบไป
นานมาก กว่าจะรับสังอนุญาตให้เขานําตัวฮองเฮาไปทีศาลได้ 
 
จิงหยวนทราบดี เรืองนีเปนเรืองใหญ่ กระทบกระเทือนต่อพระเกียรติยศ
ของราชวงศ์ ทว่าฮ่องเต้ก็ทรงมีความยุติธรรมพอทีจะไม่เพิกเฉย เมือ
ความจริงปรากฏ 
 
“อะไรนะ ฮ่องเต้! ฮ่องเต้ทําเช่นนีกับข้าได้อย่างไร! ไม่จริง ข้าไม่เชือ...” 
พระนาง ถึงกับแทบเสียสติ นําตาหลังไหล 
 
ฮ่องเต้ไม่ปกปองนางเลยรึ...เขาทําราวกับว่านางมิใช่ฮองเฮาของเขา!! 
 
“ข้าจะพบฮ่องเต้ พวกเจ้าถอยไปให้หมด ข้าจะไปพบฮ่องเต้ จะถาม
พระองค์เอง ว่ามันเกิดอะไรขึนกันแน่!!” ฮองเฮาประกาศก้อง ทว่ายัง
ไม่ทันได้พ้นจากตําหนัก ขบวนเสด็จของฮ่องเต้ก็มาถึงเสียก่อน 
 
พระนางซู่เฟงถวายคํานับฮ่องเต้หลีปาเทียน ก่อนจะตรงเข้าไปเกาะแขน
ของพระองค์ จับเขย่าเบาๆ เงยใบหน้านองนําตาขึนทูลถาม “ฝาบาท
เพคะ ฝาบาทเมตตาด้วย หม่อมฉันไม่รู้เรืองใดๆทังสิน ขอฝาบาทเชือ
หม่อมฉัน หม่อมฉันหรือจะกล้าทําเรืองชัวช้าเช่นนัน...” 
 
“ชัวช้ารึ...ใช่ ชัวช้าอย่างทีสุด!!” ฮ่องเต้ไม่สนใจทีนางวิงวอนเลย กลับ
ทรงยืนคําให้การรับสารภาพของหวังกงกงให้พระนางอ่าน 
 
ฮองเฮารับกระดาษแผ่นนันมาอ่านทังนําตา ยิงอ่านก็ยิงหน้าซีด ตืน
ตระหนก 
 
“เจ้ากลัวว่าข้าจะแต่งตังสุ่ยชิงหลิงขึนมาแทนเจ้า จึงวางยาตนเองแล้วใส่
ความนาง ทังยังกล้าแอบอ้างชือข้า ประทานเหล้าพิษฆ่านางอย่างโหด
เหียม พระสนมชิงหลิงต้องตายไปด้วยความเข้าใจผิดทีมีต่อข้า...ยีสิบป
มาแล้วทีวิญญาณของนางยังเฝาวนเวียนเพือขอความเปนธรรม...เจ้านี
มัน...เจ้าทําให้ข้าผิดหวังยิงนัก!!” 
 
“ฝาบาท!!” 
 
พระนางซู่เฟงถึงกับทรุดลงไปทังอย่างนัน รัชทายาทตามเข้ามาพอดี เขา
ทราบเรืองเพราะคนทีตําหนักพระมารดารีบไปส่งข่าวให้ทราบ 
 
องค์รัชทายาทรีบเข้ามาช่วยประคองพระมารดา สงสารนางจับใจ แต่
ตอนนีหลีอีงุนงง สับสนไปหมด เรืองพระสนมสุ่ยมาเกียวข้องกับ
พระมารดาของเขาได้อย่างไร 
 
“เสด็จพ่อ นีอาจเปนการเข้าใจผิด...ท่านแม่ไม่ทําเรืองเช่นนันเปนแน่ ข้า
เชือมันในตัวนาง” รัชทายาทช่วยแก้ตัวแทนพระมารดา ทว่าฮ่องเต้หลีปา
เทียนนันไม่เห็นประโยชน์ใดๆทีหวังกงกงจะให้ร้ายฮองเฮา ใครจะกล้า
แตะต้องนาง หากนีไม่ใช่เรืองจริง! 
 
“เจ้าคิดว่าหวังกงกงข้ารับใช้คนสนิทของแม่เจ้า จะกล้าใส่ความนางรึ 
หวังกงกงกล้าถึงเพียงนันเชียวรึ ถ้าเช่นนันแล้วเขาทําเพือประโยชน์อัน
ใด ในเมือตัวเขาเองก็ต้องโทษประหารเช่นกัน” 
 
“ข้า...โธ่เสด็จแม่...” 
 
รัชทายาทพูดไม่ออกไปทีเดียว เขาก้มลงมองพระมารดา ถึงกับนําตา
คลอเมือเห็นพระมารดารําไห้นําตานองน่าเวทนายิง... 
 
“เจ้าไม่ต้องไปกรมอาญาแล้วก็ได้ซู่เฟง ข้าขอสังให้เจ้าไปอยู่ตําหนักเย็น 
อยู่สํานึกผิดทีนันไปจนชัวชีวิต และขอปลดเจ้าออกจากตําแหน่งฮองเฮา
นับตังแต่บัดนี หวังว่าเจ้าคงรู้ ว่านีคือความเมตตาทีข้ามอบให้คนอย่าง
เจ้าแล้ว” 
 
“ฝาบาท เมตตาด้วย หม่อมฉันผิดไปแล้ว ฝาบาท โฮ!!!” 
 
ฮ่องเต้ไม่รับฟงคําอ้อนวอนขอร้องใดๆของพระนางซู่เฟง ยังทรงกริวกับ
ความจริงทีได้รับรายงานมาไม่หาย 
 
เสียแรงทีหลงไว้เนือเชือใจ นึกว่าเปนคนดี แต่งตังให้เปนถึงฮองเฮา แต่
แม่ของแผ่นดินกลับจิตใจชัวร้าย ซุกซ่อนความผิดเอาไว้นานถึงยีสิบป 
 
ยิงคิดก็ยิงกริว เสียพระทัยยิงนัก ...พระสนมชิงหลิง นางเปนหญิงสาวที
ร่าเริงสดใส จิตใจดีงาม...ไม่ควรเลย... 
 
“อาฟง” ตรัสเรียกอ๋องสาม 
 
“พะยะค่ะเสด็จพ่อ” หลีเหยียนฟงคํานับรอรับคําสังพระบิดา 
 
“เจ้ากับพระชายาเปนผู้รือฟนคดีนีเพือต้องการคืนความเปนธรรมให้พระ
สนมชิงหลิง ข้าขอมอบหมายให้เจ้าสองคน นํากระดูกของพระสนมเข้า
บรรจุทําพิธีในสุสานหลวง ประทานยศพระสนมเอกให้นาง จารึกชือนาง
ไว้ในรายนามราชวงศ์ ทําพิธีไว้อาลัยให้นางหนึงเดือน ข้าจะไปร่วมพิธี
งานศพของนางด้วยตนเอง” 
 
“พะยะค่ะ เสด็จพ่อโปรดวางพระทัย ลูกจะจัดการเรืองนีเอง” 
 
“ดี พวกเจ้าไปจัดการเถิด ข้าต้องการพักผ่อนสักหน่อย” 
 
ทรงประทานอนุญาตก่อนจะมุ่งตรงกลับตําหนักส่วนพระองค์ สีพระ
พักตร์ช่างซีดเซียว อ่อนล้า 
 
หลีเหยียนฟงและฉินหยุนซีน้อมส่งฮ่องเต้ โล่งใจทีคดีของพระสนมจบ
ลงได้อย่างรวดเร็ว 
 
“ไปเถอะ ยังมีเรืองต้องจัดการอีก พระศพของพระสนมถูกฝงอยู่สุสาน
ของบ่าวไพร่ทีไร้ญาติ ช่างน่าสงสารนัก ต่อไปนางจะได้เกียรติยศทุก
อย่างคืนกลับมา” ท่านอ๋องกล่าวกับพระชายา ทว่านางยังคงสลด หดหู ่
 
“พีหลิงหลิงตายไปแล้ว ถึงได้ยศศักดิมากมายก็ไม่ช่วยอะไร...แต่นันก็
แสดงให้เห็นว่า ฝาบาททรงมีนําพระทัยต่อพีหลิงหลิงไม่น้อยเลยเช่นกัน
...” 
 
“อืม...” 
 
หลีเหยียนฟงจับมือนางกระชับอบอุ่น จะพานางเดินออกไปขึนรถม้า
เพือกลับตําหนักไท้ฝู แต่แล้วจู่ๆ ฉินหยุนซีก็หยุดฝเท้า รังแขนท่านอ๋อง
เอาไว้ 
 
“เสียวซี มีอะไรรึ?” 
 
“ท่านอ๋อง ยังมีอีกเรือง...พิษหนอนปศาจของจ้าวหมิง เสียวซีอยากขอ
ลองใช้เลือดของเสียวซีทดสอบพิษของนาง...หากเลือดของเสียวซี
สามารถสยบพิษของจ้าวหมิงได้ หลีต้าจะไม่ต้องหวาดกลัวพิษของนาง
อีกต่อไป...ท่านอ๋องโปรดอนุญาตให้เสียวซีทดสอบพิษหนอนปศาจด้วย
เพคะ” 
 
“เสียวซี ข้าเคยบอกแล้วอย่างไรเล่า ข้าไม่ต้องการให้เจ้าเสียสละ” หลีเห
ยียนฟงปฏิเสธในพลัน ยังคงยืนยันคําเดิม 
 
“แต่เสียวซีอยากช่วยท่านอ๋อง อยากปกปองชาวหลีต้า อยากเปน
ประโยชน์ต่อท่านและทุกคน” นางกล่าวจริงใจ กระตือรือร้น หากท่าน
อ๋องก็ยังคงส่ายหน้า 
 
“ไม่ได้ ข้าไม่ต้องการให้ใครรู้เรืองเจ้า” 
 
“แต่องค์ชายลู่เจียนหานก็รู้แล้ว...” 
 
“ช่างสิ ข้าไม่ยอมรับเสียอย่าง ลู่เจียนหานมันจะทําอะไรได้” 
 
หลีเหยียนฟงไม่สนใจ เขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ยอมให้นางเปนหงส์ฟา
ของหลีต้าหรือผู้ใด หงส์ฟาควรสาบสูญไป เหลือแต่ฉินหยุนซีทีจะอยู่
ข้างกับเขาเพียงผู้เดียวเท่านัน... 
 
“ถึงเช่นนัน เสียวซีก็อยากช่วยท่านสักครัง...นะเพคะ แค่ครังนีครังเดียว 
ท่านอ๋องโปรดใช้เลือดของเสียวซีทดลองพิษหนอนของจ้าวหมิงด้วย” 
นางก้มศีรษะขอร้องท่านอ๋อง 
 
เขานิงไปนานก่อนจะถอนใจ...จากนิสัยของนาง หากเขาไม่อนุญาต ฉิน
หยุนซีอาจจะทําการอะไรบางอย่างเองโดยลําพังอีก...ถ้าเช่นนันนางอาจ
จะเปนอันตรายได้ ฉะนันให้เขามีส่วนรู้เห็นด้วยจะดีกว่า อย่างน้อยก็จะ
ได้ช่วยคิด ช่วยดูแลนางได้ 
 
“ถ้าเจ้าต้องการเช่นนัน ก็ได้ แต่ข้าจะเปนคนลองพิษหนอนของจ้าวหมิง
เอง เจ้าแค่ให้เลือดของเจ้ากับข้าก็พอ” 
 
“ท่านอ๋อง ไม่ได้นะเพคะ ถ้าเกิดผิดพลาดขึนมา ท่านจะได้รับอันตราย!” 
ฉินหยุนซีไม่เห็นด้วย เกรงว่าหากเลือดของนางใช้กับพิษหนอนไม่ได้ผล
ขึนมา ท่านอ๋องจะต้องบาดเจ็บหนักอีกครัง 
 
“ไม่เปนไร เจ้ายังมียาทิพย์อีกหนึงเม็ดมิใช่รึ เจ้าก็ใช้ยาของเจ้า ‘ปอน’ 
ข้าอีกสิ” ท่านอ๋องหลีเหยียนฟงเอ่ย ทําตาพราวล้อเลียน ฉินหยุนซีถึง
กับหน้าแดงกํา เขินจนต้องก้มหน้างุด 
 
“ท่านอ๋อง ท่านช่างดือนัก ไม่ยอมกินยาดีๆทําให้ข้าต้องลําบาก” 
 
นางต่อว่า แต่แล้วก็ต้องอุทาน เพราะถูกท่านอ๋องดึงร่างเข้าไปกอดไว้กับ
อก ท่ามกลางเหล่านางกํานัลทีมองเห็นแล้วต่างตกใจ รีบก้มหน้าหลบ
กันไปหมด 
 
“เราสองคนก็คงจะดือพอกัน...เสียวซี ข้าคงต้องขอติดสัญญากับเจ้าเอา
ไว้ก่อน เอาไว้ข้าจะพาเจ้าไปเทียวตลาดวันหลังก็แล้วกันนะ” เขายัง
อุตส่าห์นึกถึงสัญญาทีให้ไว้ ทังทีวันนีเกิดเรืองขึนมากมายเหลือเกิน... 
 
“ไม่เปนไรเพคะ อย่างไรเสีย สักวันเราต้องได้ไปเดินเทียวตลาดด้วยกัน 
กินบะหมีด้วยกัน อ้อ แล้ววันหนึงข้าจะพาท่านไปเขาดอกเหมยที
อาจารย์อยู่ ทีนันมีทิวทัศน์ทีสวยงามมาก ดอกเหมยมากมายจะโอบ
กอดเรา...ข้าอยากให้ท่านได้เห็น...ไว้เราไปด้วยกันนะเพคะ” 
 
“ไปสิ ข้าจะไปกับเจ้าทุกที...” 
 
ท่านอ๋องหลีเหยียนฟงยิมเห็นฟนขาวเรียงสวย เปนรอยยิมทีช่างอ่อน
โยนเฉกเช่นเดียวกับแววตาคมทีทอดมองฉินหยุนซี 
 
นับตังแต่ท่านแม่สินไป เขาก็ไม่เคยมีความสุขทีแท้จริง จนฉินหยุนซีผู้นี
ก้าวเข้ามา 
 
เหมือนเวลาแห่งความสุขเมือนานมาแล้ว ได้กลับมาเดินต่ออีกครัง... 
 
เขาฝนจริงๆ อยากอยู่กับนางจนแก่เฒ่า เฝาชืนชมดอกเหมยทีงดงามไป
ด้วยกันในทุกๆป... 
 
ทังสองไม่รู้เลยว่า ภาพของพวกเขานัน อยู่ในสายตาของหลีอีซึงเดิน
ตามออกมา องค์รัชทายาทถึงกับชะงัก ตาลุกด้วยความริษยาและเจ็บ
แค้นน้องชาย 
 
หลีเหยียนฟงต้องทําอะไรแน่ๆ หวังกงกงถึงให้การซัดทอดพระมารดา
ของเขา... 
 
หลีอีซึงมีอคติต่อหลีเหยียนฟง โยนความเจ็บแค้นทังหมดไปให้น้องชาย
ผู้ทีเขาอิจฉาริษยามาตังแต่วัยเยาว์ 
 
หลีเหยียนฟงผู้เกิดมาก็มีแต่คนยกย่องนับถือ เพราะเปนดาวมังกร 
เหนือกว่าเขาทุกประการ ซํายังได้แต่งงานเปนเจ้าของหญิงสาวผู้งดงาม 
นางสมควรจะเปนของเขาต่างหาก แต่หลีเหยียนฟงกลับ ‘แย่ง’ ไป 
 
ตอนนีเสด็จแม่มาถูกปลดจากตําแหน่งฮองเฮาแล้ว ตําแหน่งรัชทายาท
ของเขาจึงสันคลอนอย่างหนัก ไม่รู้ว่าเสด็จพ่อจะปลดเขาจากตําแหน่ง
วันใด 
 
ยิงคิด องค์ชายหลีอีก็ยิงร้อนใจ เขาอยากทําอะไรสักอย่าง...แต่ก็ต้อง
โทษความไม่เอาไหนของตนเอง 
 
ทีผ่านมาเขาไม่เคยได้ทําอะไรเลย เสด็จแม่เปนผู้จัดการให้ทังหมด ตอน
นีจะมาคิดทําอะไรด้วยตนเองก็คิดไม่ออก สมองมันมืดทึบไม่รู้จะเริมต้น
ตรงไหนดี 
 
เขามันไม่ได้เรืองจริงๆ!! 
 
39.ทดลองพิษ 
 
หลีเหยียนพงนําผ้าแพรพิษหนอนปศาจจากวังหลวงกลับมาทีตําหนักไท้
ฝู ทดลองใช้ฝามือสัมผัสผ้าแพรพิษด้วยตนเอง ทว่าเพียงได้รับพิษยัง
เหมือนไม่เพียงพอ... 
 
“ดูเหมือนว่า จ้าวหมิงจะทําอะไรกับพิษหนอนปศาจด้วย...ท่านอ๋อง ท่าน
จําได้หรือไม่ ตอนนันจ้าวหมิงทําอย่างไรบ้าง” 
 
“นางเหมือนใช้อาคมเปนตัวเร่งปฏิกิริยาของพิษ...” หลีเหยียนฟง
วิเคราะห์ 
 
“ถ้าเช่นนัน ข้าจะลองกําหนดจิตเร่งพิษ อาจไม่เหมือนเช่นทีนางทํา
เสียทีเดียว แต่ก็น่าจะกระตุ้นพิษขึนมาได้เช่นกัน...แต่ว่า ท่านอ๋อง...ท่าน
จะต้องเจ็บปวด...” ฉินหยุนซีทําหน้าเหมือนจะร้องไห้ นางเตรียมโลหิต
ตนเองใส่ถ้วยเอาไว้แล้ว แต่ก็เปนห่วงเขายิงนัก 
 
หากเปนไปได้ นางไม่อยากให้ท่านอ๋องต้องบาดเจ็บเลย...แต่นางจะลอง
พิษเองท่านอ๋องก็ไม่ยินยอม แค่นางกรีดเลือดออกมา ท่านอ๋องก็หน้า
เครียดแล้วเครียดอีกจนนางนึกกลัวใจนัก 
 
“ข้าไม่กลัว เอาเลยเสียวซี ข้าก็อยากรู้ว่าโลหิตของเจ้าจะสามารถสลาย
พิษร้ายได้หรือไม่” 
 
หลีเหยียนฟงสัง ฉินหยุนซีจึงเริมต้น รวมสมาธิ ใช้วิชาเพ่งจิตสังให้พิษ
ของหนอนปศาจประทุขึนมา 
 
ในบัดดลนันฝามือทังสองข้างของหลีเหยียนฟงบังเกิดไฟสีดําลุกไหม้
แผดเผา ควันฟุงลอยฟู กลินเนือเหม็นไหม้ ท่านอ๋องถึงกับนิวหน้าเจ็บ
ปวด ทว่ายังไม่ไร ฉินหยุนซีก็รีบส่งถ้วยทีมีโลหิตของนางให้เขาดืม ผ่าน
ลําคอลงไป 
 
ครู่เดียวเท่านัน ชายหนุ่มก็แทบลืมความเจ็บปวดแสนสาหัสทีเกิดขึนเมือ
ก่อนหน้าไปทีเดียว 
 
“ท่านอ๋อง เปนอย่างไรบ้างเพคะ!” นางร้องถามเขา เตรียมยาทิพย์เม็ด
สุดท้ายพร้อมเอาไว้กันความผิดพลาดอยู่ในมือแล้ว ทว่าหลีเหยียนฟง
ยกมือห้ามเอาไว้ 
 
“ข้าไม่เปนไรเสียวซี ดูสิ โลหิตของเจ้าสามารถสลายพิษของหนอนปศาจ
ได้!” 
 
เขาชูมือให้นางดู ฝามือทังสองข้างของท่านอ๋องค่อยๆกลับมาขาวเปน
ปกติ ส่วนทีไหม้และถูกทําลายค่อยๆสมานกลับมาเปนดังเดิมราวกับไม่
เคยต้องพิษร้ายมาก่อน 
 
ฉินหยุนซีเห็นเช่นนันก็ดีใจนัก โผเข้าไปกอดคอท่านอ๋องแน่น โล่งใจยิง
นัก 
 
“ดีจริงๆ วิเศษเหลือเกิน ท่านอ๋องไม่เปนไร เสียวซีขอโทษทีทําให้ท่าน
ต้องเจ็บตัว...ฮือ...” 
 
“เสียวซี...” ท่านอ๋องหลีเหยียนฟงค่อยๆแตะมือสัมผัสนาง โอบกอดนาง
เอาไว้อย่างปลอบโยน “ข้าไม่ได้เปนอะไรแล้วจริงเสียวซี เจ้าดูสิ โลหิต
ของเจ้าช่างวิเศษนัก” 
 
“เพคะ” ตอบรับโดยไม่เงยหน้าขึนมองกัน 
 
“เช่นนี ข้ามีเจ้าอยู่เคียงข้างคงอายุยืนยาว ไม่มีพิษใดในโลกนีจะทําร้าย
ได้” หลีเหยียนฟงเอ่ยยิมๆ ทว่าครานีหญิงสาวถึงกับชะงัก นึกได้ 
 
“ไม่เพคะ อาจจะมีอยู่พิษหนึงทีโลหิตของเสียวซีสลายไม่ได้...” นางเงย
หน้าขึนมา บอกเขาด้วยความไม่สบายใจ 
 
“หือ พิษของอะไร เหตุใดเจ้าจึงกล่าวเช่นนัน?” หลีเหยียนฟงสนใจทันที 
 
“เสียวซีก็ไม่รู้ว่ามันเปนตัวอะไร เมือตอนทีเสียวซียังเล็กๆ เคยถูกเจ้าตัว
อ้วนกลมสีขาวทําร้าย มันมีพิษของไอเย็น ทําให้เสียวซีหนาวเหมือนตัว
จะกลายเปนนําแข็ง เกือบจะตายอยู่แล้ว จนอาจารย์ปรุงยาทิพย์ช่วย
ชีวิตเสียวซีได้สําเร็จ...ยาทิพย์ทีได้มาจากอาจารย์นี ก็คือส่วนทีเหลือจาก
การปรุงยาของอาจารย์ในตอนนัน อาจารย์บอกว่า มันสร้างมาจากส่วน
ผสมหายากในรอบหนึงร้อยป จะไม่มีทางปรุงยานีได้อีกแล้ว ท่านจึงสัง
ให้เสียวซีเก็บยาพวกนีเอาไว้ให้ดี ให้ใช้แต่เฉพาะกับบุคคลทีเปนคน
สําคัญของเสียวซีเท่านัน...” 
 
“ยาทิพย์สําคัญถึงเพียงนี แต่เจ้าก็ยังจะใช้มันเพือข้าถึงสองเม็ด...ไม่
เสียดายหรือเสียวซี?” ท่านอ๋องถาม รู้คําตอบอยู่แล้ว แต่ก็อยากรับฟง
จากปากของนางอยู่ด ี
 
“ไม่เลยเพคะ ขอเพียงช่วยท่านอ๋อง ให้ยาหมดสิน ให้โลหิตของเสียวซี
หมดร่าง เสียวซีไม่มีวันปล่อยให้ท่านเปนอะไรไปต่อหน้า” 
 
“ฉินหยุนซี เจ้าเกินไปแล้วนะ!!” 
 
หลีเหยียนฟงรัดร่างน้อยของนางอย่างรุนแรง จนฉินหยุนซีคิดว่ากระดูก
กระเดียวนางอาจจะหักบางส่วนหรือไม่ ทว่าเสียงทุ้มเข้มงวดของท่าน
อ๋อง ทําให้นางไม่กล้าแม้แต่จะโอดครวญ 
 
“ข้าเคยบอกแล้ว ว่าไม่ต้องการเลือดของเจ้า ข้าไม่ต้องการให้เจ้าเปน
หงส์ฟา เจ้าคือฉินหยุนซี เปนชายาของข้าตําแหน่งเดียวก็เพียงพอแล้ว” 
 
เขายําซําๆ ดุจเกรงว่านางจะหลงลืม ฉินหยุนซีถึงกับยิมทังนําตา นาง
กอดเขาแน่นด้วยความหวงแหนดุจเดียวกัน... 
 
ท่านอ๋อง...ข้าก็ต้องการเช่นนัน และหวังอยากให้เปนเช่นนันตลอดไป... 
 
ฉินหยุนซีซุกหน้าลงกับอ้อมอกอบอุ่นของท่านอ๋อง สบายใจแล้วทีโลหิต
ของนาง จะสามารถเปนประโยชน์ต่อท่านอ๋องและกองทัพหลีต้าได้ 
 
นางแค่อยากช่วยปกปองท่านอ๋องและราษฏร์ทีท่านอ๋องรัก ความจริง
แล้วฉินหยุนซีมีเรืองอยากคุยกับเขามากมาย แต่วันนีนางเหนือยเหลือ
เกิน... 
 
ยังไม่ได้บอกพีหลิงหลิงกับชิวเหอเรืองของพวกนางเลย ตังแต่กลับมา
จากวังหลวงก็มัวแต่วุ่นเรืองการทดลองพิษ...ไว้พรุ่งนีคงได้แจ้งข่าวดีให้
เพือนทังสองทราบ 
 
ฉินหยุนซีหลับไปอย่างคลายกังวลไปหลายส่วน ภายใต้อ้อมแขน
ปกปองคุ้มครองของท่านอ๋องหลีเหยียนฟง นางรู้ว่านางจะสามารถหลับ
ลงได้อย่างปลอดภัย 
 
ดึกแล้ว แต่แสงไฟในห้องหนังสือของตําหนักไท้ฝูยังส่องสว่างอยู่ ท่าน
อ๋องหลีเหยียนฟงกับเหอตง กําลังช่วยกันรือค้นกองหนังสือเก่าเก็บทีใน
ห้องด้านในซึงเต็มไปด้วยหนังสือเก่าๆ หยากไย่ใยแมงมุมและฝุนหนา
เกาะเขรอะ 
 
“ลืมสังให้นางกํานัลเข้ามาทําความสะอาดหนังสือพวกนีไปเลย...ดูให้ทัว
นะอาตง ข้าจําได้ว่าเคยเห็นอยู่ มันต้องมีแน่ๆ” 
 
“พะยะค่ะ ข้าน้อยกําลังหาอยู่” 
 
เหอตงรือค้นหาหนังสือทีเจ้านายต้องการ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังหาไม่
เจอ จนหลีเหยียนฟงชักท้อใจ เขาตัดสินใจเอ่ยต่อสวรรค์ 
 
“สวรรค์ หากข้าเปนดาวมังกร เกิดมาเพือช่วยเหลือปวงประชาโดยแท้ ขอ
ให้ข้าหาหนังสือเล่มนันเจอด้วยเถิด...ข้าอยากได้หนังสือพิษต้านพิษของ
ปรมาจารย์ซือถูจิน” 
 
ตุบ! 
 
ยังไม่สินคํา หนังสือเล่มหหนึงก็ตกกลิงลงมาจากชัน เหอตงรีบเข้าไป
หยิบดู ก็พบว่าช่างน่าอัศจรรย์นัก 
 
“ท่านอ๋อง หนังสือของปรมาจารย์ซือถูจิน!!” 
 
“จริงรึ เอามาให้ข้าดูซิ!!!” 
 
หลีเหยียนฟงหยิบหนังสือเล่มนันมาดูด้วยความดีใจ ทว่ามิใช่หนังสือ
พิษต้านพิษ กลับเปนอีกเล่ม ทีปรมาจารย์ซือถูจินผู้เชียวชาญเรืองพิษ
เขียนขึนมาเช่นกัน... 
 
“สุดยอดพิษร้ายในแผ่นดิน...” ท่านอ๋องพลิกดูเนือหาด้านใน เปนการ
ระบุพิษของสัตว์ชนิดต่างๆ มีการจัดชันระบุอันดับของพิษร้ายไว้ มีกล่าว
ถึงพิษหนอนปศาจของจ้าวหมิงด้วย 
 
หนอนปศาจ เปนสัตว์พิษในตํานาน มีช่วงอายุยืนนานถึงห้าร้อยป เปน
พิษไฟสีดํา มีอานุภาพทําลายล้างเปนลําดับทีสามในสิบสุดยอดพิษ วิธี
แก้คือต้องหาพิษของหนอนหิมะมาปรุงเปนยาแก้ แต่ทังหนอนปศาจ
และหนอนหิมะนันต่างเปนสัตว์โบราณ หายากด้วยกันทังคู่ หนอนปศาจ
สีดําจะอาศัยอยู่ในเขตดินแดนทีเปนปารกชัฎ ดูซับไอพิษของดอกไม้
และสัตว์พิษในปา ส่วนหนอนหิมะ ดูดซับไอเย็นของนําแข็งทีเหนือโลก 
ดังนันหนอนหิมะจึงหายากยิงกว่าหนอนปศาจ 
 
อันดับสอง พิษของดักแด้ปศาจ ดักแด้ปศาจนี มาจากหนอนปศาจ เมือ
มีอายุครบห้าร้อยปจะกลายเปนดักแด้ ฝงตัวอยู่ใต้พิภพ ดูดไอร้อนระอุ
ของลาวาใต้พิภพ ซึมซับเอามาเปนพลังไฟทีทําลายล้างทุกสรรพสิง สิงที
จะต้านไอพิษร้อนนีก็คือดักแด้หิมะของหนอนหิมะซึงอาจจะไม่มีอยู่อีก
แล้วในแผ่นดินเช่นกัน 
 
อันดับหนึงคือพิษของผีเสือแห่งความตาย มันสามารถพ่นละอองพิษ
ร้ายฆ่าคนได้เปนจํานวนมหาศาล แต่ผีเสือแห่งความตายถูกล่าอย่าง
หนัก เชือว่าคงไม่มีอีกแล้ว 
 
เช่นเดียวกับผีเสือนางฟา...ผีเสือนางฟาพัฒนามาจากดักแด้หิมะ ผีเสือ
นางฟาสามารถโปรยผงไอเย็นรักษาพิษร้อนได้ทุกชนิด แต่คงไม่มีใน
แผ่นดินแล้วเช่นกัน เพราะพวกมันต้องเปนหนอนถึงห้าร้อยป กลายเปน
ดักแด้อีกห้าร้อยป ฝงตัวยาวนานอยู่ใต้ก้อนนําแข็งครบเวลาแล้ว จึงจะ
ลอกคราบออกมากลายเปนผีเสือนางฟา 
 
เนืองจากสามารถรักษาพิษไอร้อนได้ทุกชนิดบนโลกนี ผีเสือนางฟาจึง
เปนทีต้องการของทุกแว่นแคว้น มันถูกตามล่าอย่างหนัก จนหาย
สาบสูญไปหลายร้อยปแล้ว คิดว่าในโลกนีคงไม่มีอีกแล้วทังผีเสือแห่ง
ความตายและผีเสือนางฟา 
 
“เสียวซีบอกว่า นางถูกเจ้าตัวอ้วนกลมสีขาวเล่นงาน...หนาวเหมือนกับ
จะกลายเปนก้อนนําแข็ง...บางที...เสียวซีอาจจะถูกหนอนหิมะหรือไม่ก็
ดักแด้หิมะเล่นงาน...” หลีเหยียนฟงพึมพําเปนเชิงปรึกษากับเหอตง 
ภายหลังจากทียืนหนังสือให้อีกฝายอ่านแล้วเช่นกัน 
 
“ท่านอ๋องคิดว่าใช่หรือพะยะค่ะ อาจจะเปนพิษของสัตว์ชนิดอืนก็เปนได้ 
เพราะเท่าทีข้าน้อยรู้มา ปาดอกเหมยหนาวก็จริง แต่มิใช่แดนนําแข็งที
หนอนหิมะจะอยู่อาศัยแน่นอน...ในหนังสือนีก็บอกแล้วว่ามันต้องอยู่ใน
ดินแดนนําแข็งทางเหนือ ซึงน่าจะอยู่สูงขึนไปจากปาดอกเหมยอีกมาก
ทีเดียว” 
 
“ถ้าเช่นนัน ยังมีพิษของสัตว์ชนิดใดอีกเล่า ซือต้าหยุนเหนียงถึงขนาด
ต้องหาส่วนผสมของสมุนไพรชันเลิศทีสุดในรอบร้อยปมารักษาเสียวซี 
นันย่อมแสดงว่าสัตว์ทีทําร้ายเสียวซีต้องไม่ธรรมดา...ข้าคิดดูแล้ว มัน
ต้องเปนหนอนหิมะแน่นอน” 
 
“หากท่านอ๋องต้องการความจริง เช่นนันเราคงต้องสอบถามจากซือต้า
หยุนเหนียงแล้วพะยะค่ะ” 
 
“อืม...พีข้าส่งคนไปหานางอยู่เช่นกัน แต่เสียวซีมันใจว่าอาจารย์ของนาง
ไม่ยอมลงเขามาแน่นอน...อาตง ส่งคนของเราไปสอบถามซือต้าหยุน
เหนียงเรืองของเสียวซีมาให้ข้าหน่อย ข้าอยากรู้ว่านางเคยถูกหนอนหิมะ
ทําร้ายมาก่อนใช่หรือไม่” 
 
“พะยะค่ะ ข้าน้อยจะรีบส่งคนไปโดยเร็ว ท่านอ๋องโปรดวางใจ” 
 
เหอตงน้อมรับคําสัง รีบออกจากห้องหนังสือไป เหลือแต่หลีเหยียนฟง
ทียังพลิกหนังสือดูพลางครุ่นคิด 
 
หากหนอนหิมะยังมีอยู่จริง นันก็หมายความว่าพิษของจ้าวหมิงยังมีคู่
ปรับ หากมีหนอนหิมะมาไว้ในครอบครอง เสียวซีก็จะไม่ต้องใช้เลือด
ของนาง... 
 
“หากเปนเช่นนันจริง...ข้าจะต้องจับมันมาให้ได้!!” 
 
40.หงส์คู่มังกร 
 
ท่านอ๋องหลีแหยียนฟงกลับเข้าห้องนอน เห็นฉินหยุนซีหลับสนิทอยู่
อย่างสบายใจ ใบหน้ายามหลับของนางช่างไร้เดียงสาเหมือนเด็กน้อย 
ตัวนางก็บอบบางเล็กนิดเดียว แต่ชะตากรรมทีต้องแบกรับนันช่างยิง
ใหญ่ บ่าเล็กๆทังสองข้างของนางจะรับไหวได้อย่างไร 
 
เสียวซี...จ้าวหมิงเคยขู่เอาไว้ว่าจะวางยาหลีต้าทังกองทัพ หากเปนเช่น
นันจริงแล้ว เลือดหมดตัวเจ้าก็คงไม่เพียงพอ...ข้าจะให้เจ้าเสียสละถึง
เพียงนันได้อย่างไรกัน... 
 
หลีเหยียนฟงทิงตัวลงไปนอนเคียงข้าง ดึงร่างเล็กนุ่มนิมและอบอุ่นเข้า
มากอดไว้แน่นอย่างหวงแหน กดริมฝปากจุมพิตแก้มเนียนละเอียดและ
เรียวปากนุ่มแสนอ่อนหวานของนาง แต่แรกคิดเพียงแค่อยากสัมผัสให้
คลายความเจ็บปวดในใจ แต่ยิงได้สัมผัสกลับยิงโหยหา ยิงต้องการเพิม
ขึน...ดังว่าจะไม่จบสิน 
 
“ท่านอ๋อง...” 
 
ฉินหยุนซีรู้สึกตัวตืนขึนมา ยังไม่ทันตังหลักอะไรก็ถูกกดจุมพิตลําลึก
ราวกับว่าจะฉุดสติของนางให้หลุดลอยออกไป นางเผลอดินด้วยความ
ตกใจ ทังจุมพิตและร่างสูงใหญ่หนาหนักของท่านอ๋องทีทาบลงมา แต่
แล้วก็ต้องชะงัก กะพริบตาถีๆ เมือเห็นแววตาของเขา 
 
ท่านอ๋องหลีเหยียนฟงจ้องมองนาง ด้วยดวงตาวาววามมีความหมาย 
นางถึงกับขนลุกซู่ หัวใจเต้นโครมครามไม่หยุด ครันพอเบือนหน้าหนี
ดวงตาคู่คมเข้มก็ถูกเขาจับแก้ม บังคับให้หันกลับมาสบตากันในระยะที
ใกล้เสียจนฉินหยุนซีต้องหลับตาป 
 
คืนนีท่านอ๋องไม่เหมือนเดิม เขาดูแปลกไป นางกลัว...แต่ไม่กล้าขยับหนี 
รู้สึกว่าฝามือของท่านอ๋องร้อนผ่าว แต่ก็ยังน้อยกว่าริมฝปากอุ่นของเขา
ทีนาบลงมาบนต้นคอขาวผ่อง ขบเม้มจนนางสะท้าน เกือบดินขัดขืน
ด้วยความตืนตระหนก 
 
“ท่านอ๋อง ทําอะไร...ท่านกัดเสียวซี...?” 
 
เขาอยากหัวเราะกับความไร้เดียงสาของนาง ใบหน้าหล่อเหลาคลอเคลีย
อยู่ติดกับหน้าหวานๆของนาง ส่งยิมให้นาง แต่ฉินหยุนซีหลับตาป ร้อง
โอดครวญ 
 
“ท่านอ๋อง เสียวซีอึดอัด หายใจไม่ออก...” 
 
นางประท้วงเบาๆ ทว่าท่านอ๋องไม่ยอมรับฟง เขากดเรียวปากร้อนเร่าและ
จมูกโด่งฝงลงมาบนแก้มนุ่มใสของนาง ร่างเล็กๆสะท้านเฮือกทังตืนเต้น
และสับสน 
 
“เสียวซี ข้าอยากมีลูกกับเจ้า มีหลายๆคนเลย เจ้าคิดเห็นอย่างไร...” 
ท่านอ๋องกระซิบถามเสียงแหบพร่า ตําลึก ชิดติดกับริมฝปากนุ่มเย้ายวน
ของนาง 
 
ฉินหยุนซี แก้มแดงซ่าน ขนลุกชันทังร่าง 
 
“ลูกหรือเพคะ...หมายความว่า ถ้ายอมให้ท่านอ๋องกัดคอแล้วจะมีลูกได้
หรือเพคะ?” นางถามกลับอย่างไร้เดียงสา ผู้เปนสามีถึงกับมันเขียว ก้ม
ลงไปงับปลายจมูกเล็กๆของนางด้วย 
 
“ไม่ใช่แค่กัดคอ...ต้องกัดจมูก...กัดปาก ข้าจะกัดเจ้าทังตัว...” ท่านอ๋องขู่
เสียงนุ่มตํากับทีใบหูเล็กๆนิมๆของนาง ฉินหยุนซียังไม่ทันได้เอ่ยโต้แย้ง 
พลันก็ถูกฟนคมของเขา งับใบหูของนางเข้าอีก 
 
“อือ! ท่านอ๋อง เจ็บนะเพคะ!” บ่นหน้างอเง้า พร้อมกันนันก็พยายาม
ผลักใส แต่ร่างใหญ่โตทังหนาและหนักไม่แม้แต่จะขยับ กลับยังขบเล็ม
ใบหูของนาง ราวกับว่าเขาต้องการจะกินนางทังตัวจริงๆ 
 
“ท่านอ๋อง...ถ้าท่านกินเสียวซีหมดทังตัว เช่นนันเสียวซีก็ต้องหายไป 
แล้วอย่างนันจะมีทายาทให้ท่านได้อย่างไรกัน?” 
 
“หงส์น้อยของข้า เจ้าช่างใสซือ ไร้เดียงสาจริงๆ” ท่านอ๋องหลีเหยียนฟง
เชยปลายคางมน ให้นางหันมาสบตากัน ฉินหยุนซีใจเต้นรัวกระหนํา 
ดวงตาคมกริบของท่านอ๋องช่างมีเสน่ห์เย้ายวน 
 
นางอยากสัมผัสเขาเช่นกัน แต่ไม่รู้ว่าสมควรจะทําเช่นไร... 
 
กลัวแต่ว่าตนเองจะหัวใจเต้นแรงจนระเบิดออกมา นางอาจจะตายเสีย
ก่อนได้มีโอกาสเห็นหน้าลูกของตนเองกับท่านอ๋อง...ไม่สิ นางจะต้อง
ถูกท่านอ๋องกัดกินจนหมดทังตัว แต่นางนึกไม่ออกจริงๆ การทําเช่นนี
แล้วจะมีลูกได้อย่างไร 
 
ท่านอ๋องแนบจุมพิตเข้ามาบดเคล้าลึกซึงในปากนาง ครานีไม่เหมือนกับ
ครังก่อนๆ เพราะท่านอ๋องทังร้อนระอุและหิวกระหาย ท่านอ๋องจูบและจูบ
จนนางหายใจไม่ออก ราวกับกําลังจะขาดใจตายเสียให้ได้ 
 
“ท่านอ๋อง หยุดเถิดเพคะ เสียวซีกําลังจะตายแล้ว...” นางรีบประท้วง
ทันทีทีเขาปล่อยให้ได้สูดอากาศหายใจอีกครัง ฉินหยุนซีหอบสะท้าน 
นําหูนําตาคลอ ขนลุกซู่ วาบหวามไปหมด เปนความรู้สึกทีช่างน่า
อัศจรรย์ นางไม่เคยพานพบและไม่เข้าใจเลย มันเกิดอะไรขึนกับร่างกาย
ตนเอง 
 
“ไม่ตายหรอก ไม่ตายเด็ดขาด ข้าจะปล่อยให้เสียวซีตายได้อย่างไรเล่า...
เปนเด็กดีนะเสียวซี อย่าดินหนีไปไหน...หากเจ้าหนี เราจะไม่ได้ลูก เจ้า
อยากมีลูกกับข้าหรือไม่...?” ท่านอ๋องถามยัวนาง ฉินหยุนซีนันรักเด็กยิง
นัก ยิงถ้าเปนทายาทของท่านอ๋องกับนางเองด้วยแล้ว... 
 
“อยากมีเพคะ ต้องทําอย่างไรเสียวซีจึงจะมีลูกกับท่านอ๋องได้เล่า...แต่ว่า 
ท่านอ๋องอย่ากินเสียวซีเลยนะเพคะ เสียวซีไม่อร่อยหรอก...” บอกเพราะ
ไม่อยากให้ท่านอ๋องขบกัดใบหูและลําคอของนางอีก มันทังจักจีและ
วาบหวามเหมือนหัวใจจะขาด นางไม่รู้ว่าตนเองควรจะทําอย่างไรดี กัด
ตอบเขาได้หรือไม่? 
 
“ใครว่าเสียวซีไม่อร่อย ถ้าเสียวซีไม่อร่อย ก็ไม่มีหญิงใดในโลกทีอร่อย
แล้ว” 
 
“หมายความว่า...ท่านอ๋องจะกินเสียวซีให้ได้...?” ถามอย่างหวาดกลัว
จริงๆ แต่ถูกท่านอ๋องลูบศีรษะอย่างเอ็นดูและช่วยปลอบโยน 
 
“อดทนหน่อยนะเสียวซี ไม่มีอะไรต้องกลัว ไว้ใจข้าเถิดพระชายา...” 
 
“เอ่อ...” นางนิวหน้า คิวสวยย่นยู่ ชังใจอยู่ครู่หนึงจึงพยักหน้า ยอมรับ
ชะตากรรม “ก็ได้เพคะ เสียวซียอมให้ท่านอ๋องกิน หากท่านอ๋องต้องการ.
..เสียวซีก็ตามใจท่าน” 
 
พูดอย่างน่าเอ็นดูเปนทีสุด ใครเลยจะอดใจไหว ท่านอ๋องหลีเหยียนฟง
ถึงกับสติหลุด ไม่อาจรังรอได้อีกต่อไป 
 
หัวใจของนางเปนของเขาแล้ว ร่างกายของนางก็กําลังจะเปนของเขา
ด้วยเช่นกัน... เปนของเขาคนเดียวชัวกาล ทุกภพชาติ นิจนิรันดร 
 
“ข้ารักเจ้า ข้าเปนของเจ้า รีบๆตังครรภ์ลูกของเราเร็วๆนะเสียวซี...” 
 
ท่านอ๋องกระซิบบอกกับนาง ทว่าฉินหยุนซีมัวแต่ตระหนกตืนเต้น นาง
ไม่รู้เหนือรู้ใต้ ไม่ได้ยินคําบอกรักของเขาไปอย่างน่าเสียดาย 
 
เพิงรู้ว่าท่านอ๋องมิได้กินนางทังตัวในแบบทีเข้าใจ... 
 
การ ‘กิน’ ของเขาเปนคนละอย่าง คนละความหมายกันโดยสินเชิง… 
 
41.ห้วงเวลาแห่งความสุข 
 
ค่อนรุ่งอากาศยิงเย็น ท่านอ๋องหลีเหยียนฟงและฉินหยุนซีนอนอยู่ใต้
ผ้าห่มผืนเดียวกัน ต่างนอนตะแคงหันหน้าเข้าหากัน ต่างฝายต่างมอง
สบตาด้วยความรู้สึกทีลึกซึงและสุขใจยิงนัก 
 
ท่านอ๋องช้อนมือนางทีวางพาดไว้กับหมอน ให้อยู่เหนืออุ้งมือใหญ่ของ
เขา กุมกระชับไว้แน่น ฉินหยุนซีนันเขินอายจึงก้มหน้ามุดลงไปซ่อนตัว
อยู่ใต้ผืนผ้าห่ม แต่กลับถูกเขาดักคอ เสียงนุ่มทุ้มจนคนฟงใจสันขึนมา
อีกครา 
 
“จะหนีไปไหน ผ้าห่มช่วยซ่อนเจ้าเอาไว้มิได้หรอก” 
 
“ไม่ได้ก็ช่าง เสียวซีไม่อยากมองตาท่านอ๋องแล้ว ท่านไว้ใจไม่ได้!” เสียง
ต่อว่าเขา ดังมาจากใต้ผืนผ้าห่ม 
 
ท่านอ๋องร้ายนัก หลอกนางได้ลงคอ ‘กิน’ ของเขานันมิใช่อย่างทีนาง
เข้าใจ คงเห็นนางเปนเด็กน้อยไม่รู้เรืองรู้ราว จึงหลอกล่อ หว่านล้อม
สารพัด นางก็หลงเชือเขาไป ดูเถิด รอยเต็มตัวไปหมดแล้ว 
 
“ว่าสามีอย่างนีได้อย่างไรกัน พระชายาของข้าช่างไม่รู้ธรรมเนียมจริงๆ” 
แสร้งว่าด้วยความเอ็นดูนาง เขาไม่เคยมีความสุขเช่นนีมาก่อนเลย จน
ฉินหยุนซีก้าวเข้ามา 
 
นางเติมเต็มชีวิตของเขาให้สว่างไสวอบอุ่น สมเปนหงส์ฟาผู้มีพลังใน
การฟนคืน เขาคงเปนบุรุษทีเห็นแก่ตัวมาก มุ่งหวังจะยึดหงส์ฟาไว้เปน
ของตนเองผู้เดียวตลอดกาล 
 
“สามีขีแกล้ง เอาแต่ใจ ดูเถิด เสียวซีเจ็บไปหมดทังตัว...” ตังใจจะบ่นให้
เขาสํานึก แต่เสียงกลับออดอ้อนโดยทีนางไม่รู้ตัว 
 
“ไหนดูซิ เจ้าเจ็บทีใดบ้าง ข้าจะรักษาให้” ท่านอ๋องเคลือนตัวเข้ามาใกล้ 
ดึงผ้าห่มลงมาจนเห็นหน้าสวยทีกําลังงอนแก้มปอง ผมยาวสลวยยุ่ง
รุ่ยร่ายยิงดูเย้ายวนยัวใจ 
 
สวรรค์ นางงดงามจับตายิงกว่าเดิมเสียอีก!! 
 
“ไม่ต้องเลย ท่านอ๋องดีแต่ทําร้ายเสียวซี ท่านมีเวทมนตร์รักษาเสียเมือ
ไหร่” 
 
นางปฏิเสธ ไม่ยอมหลงกล หลีเหยียนฟงถึงกับหัวเราะในลําคอ 
 
“ให้ข้าลองดูก่อนสิ จะได้รู้ว่าได้หรือไม่” 
 
“ท่านอ๋อง...” 
 
ฉินหยุนซีพูดไม่ออก นางนิงตัวแข็งทือเมือสามีก้มหน้าลงมาแตะริม
ฝปากอุ่นซ่านทีช่างซุกซน ลงกับผิวเนือนุ่มนิมทีลําคอของนาง หัวใจดวง
น้อยเต้นระรัว โครมครามไม่หยุด ท่านอ๋องต้องได้ยินแน่ๆ 
 
“ท่านอ๋อง...ท่านจะทําอะไรเพคะ ท่านเพิง...” 
 
นางยกมือดันแผ่นอกกว้างแกร่งตึง เต็มไปด้วยมัดกล้ามของเขา แต่ถูก
ดึงมือออก ท่านอ๋องสอดนิวมือแกร่งหยาบของเขาเข้ากับนิวมือเรียวนุ่ม
ของนาง กําไว้แน่นดุจผสานเปนหนึงเดียว 
 
สุดท้ายแล้ว...หงส์น้อยไร้เดียงสาก็ไม่พ้นถูกมังกรผู้หิวโหยกลืนกินด้วย
ความเสน่หาอีกจนได้... 
 
ฉินหยุนซีหลับสนิทไปยาวนานหลายชัวยาม จนได้ยินเสียงเคาะประตู
เบาๆ มีเสียงร้องถามอย่างเกรงใจดังเข้ามา 
 
“พระชายาเพคะ ทรงตืนแล้วหรือยังเพคะ?” 
 
“อืม...ข้าตืนแล้ว เข้ามาสิ...” เอ่ยบอกแล้วงัวเงียลุกขึนนัง 
 
เว่ยฉู่ยังต้องนอนพักรักษาตัว จึงให้นางกํานัลคนสนิทมารับใช้พระชายา
แทนนางไปพลางก่อน 
 
นางกํานัลสองนางผลักประตูเข้ามา ทว่าพอเหลือบเห็นพระชายาก็ถึงกับ
สะดุ้ง รีบหันหน้าไปทางอืนด้วยความขัดเขิน 
 
“พระชายาเพคะ...ท่านอ๋องทรงมีธุระด่วน ทรงรับสังให้ข้าน้อย ช่วยดูแล
พระชายา...” 
 
“ดูแลกระไร เอะ...ตายจริง!” ก้มมองสภาพตนเอง เห็นชุดนอนหลุดลุ่ย
ไม่เรียบร้อย พอมองสูงขึนมาบริเวณเนินอกสล้างก็มีรอยแดงเล็กๆ พลัน
นันนางนึกขึนได้ว่าเมือคําคืนทีผ่านมา ท่านอ๋องกัดนางไว้ทัวทังตัว ช่าง
น่าอับอายนัก!! 
 
ฉินหยุนซีทังเขินและอับอายจนไม่รู้จะทําหน้าอย่างไร นางรีบจัดเสือ
นอนให้เข้าทีเรียบร้อย นึกโล่งใจว่าคงไม่มีอะไร แต่แล้วก็ต้องร้องลัน 
เปนทีตระหนก ขนาดวิญญาณของพระสนมสุ่ยชิงหลิงกับชิวเหอรีบพุ่ง
เข้ามาดู ด้วยความห่วงใย 
 
‘เสียวซี เจ้าร้องกระไร มีเรืองร้ายแรงอันใดรึ!!’ 
 
‘นันสิ เกิดอะไรขึน เสียวซี ใครรังแกเจ้า!!’ ชิวเหอถามด้วย นางตามนาย
หญิงเข้าไปทีหน้าเตียงนอนของฉินหยุนซี เห็นพระสนมอึงไปเมือเห็น
บางอย่าง จึงมองตามสายตาของเจ้านายไป พลันก็ต้องยกมือปดปาก
ด้วยความตืนเต้น 
 
“โอ...เสียวซี นีเจ้ากับท่านอ๋อง...” 
 
“เปล่านะข้าเปล่า...เอ่อ...ท่านอ๋องรังแกข้า...” ฉินหยุนซีอายจนอยากซุก
อยู่ใต้ผ้าห่ม ไม่ต้องการพบปะผู้ใดทังสิน โลหิตของนางหยดเปนจุดแดง
เด่นอยู่กลางเตียง ช่างน่าอับอายขายหน้าทีสุด!! 
 
ไหนท่านอ๋อง ว่าไม่ต้องการให้นางบาดเจ็บ แล้วเหตุใดจึงทําให้นางเสีย
โลหิต...คนโกหก คนใจร้าย ไม่ทันไรก็ผิดคําพูดเสียแล้ว!! 
 
‘เสียวซี ท่านอ๋องมิได้รังแกเจ้าหรอก นีมันเปนเรืองธรรมดาของสตรีที
เข้าหอกับสามีในคืนแรก เจ้าอย่าไปว่าท่านอ๋องเลย ฮ่าๆ’ 
 
“พีหลิงหลิง ท่านหัวเราะเยาะข้ารึ เสียที ข้าหรืออุตส่าห์มีข่าวดีจะบอก
ท่าน งันข้าไม่บอกท่านแล้ว ข้าบอกเสียวเหอดีกว่า...โอะ จริงสิ” นึกได้ว่า
นางกําลังพูดคนเดียวให้บ่าวไพร่กลัวอีกแล้ว จึงหันไปบอกนางกํานัลทัง
สอง “พวกเจ้าออกไปก่อนเถิดนะ วันนีข้าจะแต่งตัวเอง มีอะไรก็ไปทํา
เถิด” 
 
“เพคะ” 
 
พอได้โอกาส นางกํานัลทังสอง ก็แทบจะวิงออกจากห้องไปไม่เหลียว
หลัง ฉินหยุนซีมองตามไปขําๆ ก่อนจะหันมาส่งยิมกว้างให้พระสนมและ
ชิวเหอ 
 
“พวกท่านคงยังไม่รู้ ตอนนีฮ่องเต้มีพระบัญชา คืนฐานะให้พีหลิงหลิง 
แต่งตังให้ท่านเปนพระสนมเอก คืนพระศพเข้าสุสานราชวงศ์ จัดงาน
พระศพให้ท่านหนึงเดือนอย่างสมเกียรติ ฮ่องเต้บอกว่าจะทรงเสด็จมา
ร่วมงานของท่านด้วย พีหลิงๆ ข้าดีใจกับท่านและเสียวเหอด้วย พวก
ท่านไม่ถูกลืมอีกแล้วนะ” 
 
‘เจ้าพูดอะไรกันเสียวซี...นีเกิดอะไรขึนเมือวานนีรึ?’ 
 
พระสนมสุ่ยชิงหลิงยังงงๆ นางเตรียมตัวตังรับไม่ทันเลย 
 
ฉินหยุนซีเล่าเรืองเมือวานทีเกิดขึน ในศาลของกรมอาญาและทีวังของ
พระนางซู่เฟงให้ทังสองรับรู้ พระสนมสุ่ยชิงหลิงรําไห้นําตาเปยกชุ่ม
ใบหน้า เปนนําตาแห่งความปติยินดีนันเอง 
 
‘ข้าไม่อยากเชือเลยเสียวซี เจ้าช่วยนายหญิงได้จริงๆ เจ้าช่วยคืนความ
เปนธรรมให้นายหญิงของข้าจนได้!’ 
 
“เสียวเหอ อย่าชมเกินไป เรืองนีท่านอ๋องสามทรงช่วยเหลือด้วยเปน
อย่างมาก หากไม่ได้ท่านอ๋อง ทุกอย่างคงไม่ง่ายดายเช่นนี” ฉินหยุนซี
รีบบอก 
 
‘ฮองเฮาซู่เฟงช่างร้ายกาจนัก นางกลัวว่านายหญิงของข้าจะเปนที
โปรดปรานจากฮ่องเต้เหนือนาง ตอนนันนายหญิงเปนทีโปรดปรานของ
ฮ่องเต้มาก ถึงขนาดมีการคาดการณ์ว่านายหญิงอาจจะได้รับการแต่งตัง
เปนฮองเฮา ถ้าทรงตังครรภ์พระโอรส’ เสียวเหอขยายความเพิมในราย
ละเอียดทีฉินหยุนซีก็พอจะคาดเดาได้ 
 
ฉินหยุนซีนันนิงไป นางนึกสลดกับชะตากรรมของหญิงสาวในวังหลัง 
 
ล้วนไม่พ้นแก่งแย่งชิงดี อิจฉาริษยา แข่งแย่งกันเพือให้ได้เปนหนึงในใจ
ของพระสวามี เพืออํานาจและความมังคัง... 
 
‘เสียวซี ทําไมเจ้าทําหน้าเศร้า...เจ้ากําลังกลัวความริษยาของผู้หญิงในวัง
หลังรึ...อย่ากลัวไปเลย ท่านอ๋องสามก็ไล่อนุทังหมดไปแล้ว ไม่ทรงยอม
รับจ้าวหมิงด้วย ท่านไม่เหมือนพระบิดาของท่านหรอก เจ้าควรจะดีใจที
ได้เปนหญิงเดียวซึงเปนทีรักยิงของท่านอ๋องนะ’ เสียวเหอปลอบฉินหยุ
นซี ทําให้หญิงสาวรู้สึกสบายใจขึน 
 
‘ถ้าเปนเช่นนี อีกไม่นานพวกเราคงต้องจากกันแล้วนะเสียวซี...’ พระ
สนมเอ่ยขึนบ้าง เมือนางได้รับความเปนธรรมคืนมา คนผิดอย่างพระ
นางซู่เฟงก็ได้รับโทษทีทําเอาไว้กับนาง ถูกกักขังเหมือนตายทังเปนอยู่
ในตําหนักเย็นแล้ว วิญญาณของนางก็เหมือนถูกปลดปล่อยให้หลุดพ้น
จากพันธนาการ 
 
“จริงด้วย...ข้าเสียใจทีพวกท่านจะไม่อยู่กับข้าแล้ว แต่ว่า ขณะเดียวกัน
ข้าก็ดีใจกับพวกท่านด้วยเช่นกัน...ข้าไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกนีเลย...” 
ฉินหยุนซีบ่น 
 
‘เสียวซี เด็กน้อย...เจ้าจะไม่ต้องเหงานานนักหรอก อีกไม่ช้าเจ้าก็จะต้อง
มีทายาทให้ท่านอ๋อง...ลูกของเจ้ากับท่านอ๋องจะต้องน่ารักน่าเอ็นดู ถึง
เวลานัน ข้าหวังว่าเจ้ากับท่านอ๋องและลูกๆ จะมีแต่ความสุข เหมือนเช่น
ทีเจ้าทําให้ข้ากับเสียวเหอมีความสุขในเวลานี...’ 
 
พระสนมสุ่ยชิงหลิงและชิวเหอยิมอย่างสดใสให้ฉินหยุนซี ฉินหยุนซีถึง
กับนําตาซึมขังกรอบตา นางยกมือเรียวลูบท้องตนเอง แค่คิดตามพระ
สนมว่ามาก็มีความสุขเหลือเกินแล้ว 
 
ลูกของนางกับท่านอ๋อง ลูกชายลูกหญิงทีน่ารัก สดใส นางแย้มยิมตาม
ความคิดของตนเอง หากแล้วก็ต้องสะดุด เพราะเสียงเคาะประตูเรียก
ของท่านอ๋อง 
 
“เสียวซี ตืนแล้วใช่ไหม ข้าเข้าไปนะ” 
 
“ท่านอ๋อง!” 
 
เขาเปดประตูเข้ามา นางมัวแต่ยิมค้าง ยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจจะพบ
หน้าเขาตอนนีเลย ฉินหยุนซีแก้มแดงกํา ยามเมือสบตากับสามีทีก้าว
ตรงเข้ามานังลงบนเตียง หันหน้ามาหานาง 
 
พระสนมสุ่ยชิงหลิงและเสียวเหอรู้หน้าที รีบพากันลอยออกจากห้องไป 
ทิงให้สองสามีภรรยาได้อยู่กันตามลําพัง 
 
“ท่านอ๋อง...อ๊ะ ห้ามมองนะเพคะ!!” 
 
ฉินหยุนซีนึกขึนได้ รอยเลือดยังเด่นชัดอยู่บนทีนอน ท่านอ๋องต้องเห็น
แน่ๆ ช่างน่าอายนัก!! 
 
นางตวัดผ้าห่มคลุมรอยเลือดทีกลางเตียง กําลังจะต่อว่าท่านอ๋องเพือ
กลบเกลือนความเขินอาย ก็กลับเปนฝายถูกมือใหญ่นันลูบไล้เรือนผม
ยาวนุ่มของนางด้วยความเอ็นดู 
 
“เสียวซี...มีเรืองสําคัญต้องบอกเจ้า...” 
 
“เพคะ มีเรืองอะไรรึ?” นางชะงักไปทันที รู้สึกได้ว่าท่านอ๋องดูแปลกๆไป 
เหมือนมีเรืองไม่สบายใจ ตรงข้ามกับเมือคืนนีโดยสินเชิง 
 
“ตอนนีชายแดนด้านเหนือติดกับแคว้นเย่มีการเคลือนไหว ข้าต้องไป
ดูแลด้วยตนเอง อาจเกิดการปะทะใหญ่ได้ทุกเมือ ข้าจะต้องเข้าวัง แล้ว
จากนันจะต้องเดินทางไปชายแดน...ข้า...ไม่อยากไปเลย...” 
 
ท่านอ๋องเลือนฝามือลงมา กอบกุมแก้มใสนุ่มให้สัมผัสทีแสนน่า
หลงใหลของนาง ฉินหยุนซีเองนิงขึงไปครู่หนึง ก่อนจะจับมือข้างนัน
ของท่านอ๋องมากุมกระชับไว้แน่นใต้ฝามือเล็กๆของนาง 
 
“ถ้าท่านอ๋องจะไปรบ เช่นนันเสียวซีจะไปด้วย เสียวซีอาจเปนประโยชน์
ต่อท่านอ๋องได้บ้าง” 
 
“ไม่ เจ้าต้องอยู่ทีตําหนักนี ข้าจะทิงเหอตงเอาไว้คอยอารักขาเจ้า ข้าเคย
บอกแล้ว ว่าจะไม่ยอมให้ความลับของเจ้าแพร่งพรายไป” 
 
“แต่ถ้าศัตรูเล่นงานทัพเราด้วยพิษ...” 
 
“ไม่ต้องห่วง หากไม่ใช่พิษทีเราไม่รู้จักอย่างหนอนปศาจของจ้าวหมิงก็
ไม่เปนปญหา ข้ามียาถอนพิษได้” 
 
ฉินหยุนซีนิงไป...ท่านอ๋องไม่ต้องการนางจริงๆ... 
 
“อย่าทําหน้าเช่นนัน เจ้าไม่รู้หรอกว่าข้าไม่อยากไปไหนไกลจากเจ้าเลย
สักนิด...แต่ข้าคุมทหารชายแดนเหนืออยู่ หากปล่อยพวกแคว้นเย่ลงมา
ได้ ชาวประชาจะเดือดร้อน จะต้องล้มตาย พวกเย่ต้องการแผ่นดินอุดม
สมบูรณ์ของเรา แต่ไม่ต้องการผู้คน...หน้าทีของข้าคือปกปองทังแผ่น
ดินและประชา...เจ้าเข้าใจข้าด้วยเสียวซี...” ท่านอ๋องหลีเหยียนฟงลูบ
แก้มนุ่มนิมของนางแผ่วเบาทว่าส่งผ่านความรู้สึกของเขามาถึงนาง
มากมาย 
 
ฉินหยุนซีโผเข้ากอดเขาแนบแน่น กลันนําตาเอาไว้สุดกําลัง นางเองก็ไม่
อยากให้ท่านอ๋องจากไป ไม่อยากเลย... 
 
ทว่าท่านอ๋องมิได้มีหน้าทีต่อนางเพียงคนเดียว เขายังต้องมีหน้าทีต่อ
แผ่นดินเกิดทีรักยิงอีกด้วย 
 
42.มิใช่ญาติและมิใช่น้องสาว... 
 
ฮ่องเต้หลีปาเทียนเรียกหารือราชกิจด่วน เนืองจากกองทัพแคว้นเย่
เคลือนตัวผ่านชายแดน รุกเข้ามาในแผ่นดินหลีต้า กองทหารต้องถอย
ร่น ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจากภัยสงครามทีกลับมาประทุอีกรอบ 
 
“บัดซบ มันกําแหงเกินไปแล้ว ฉินเฉิน จงใช้กองทหารในบัญชาของเจ้า
ร่วมมือกับอ๋องสาม บุกขึนไปปราบปราม ตีแคว้นเย่ให้แตกพ่าย มันจะได้
เลิกเปนหอกข้างแคร่ของพวกเราสักที" 
 
ฮ่องเต้รับสัง พักตร์ดุกร้าว เดือดดาล 
 
“ทูลฝาบาท กองทหารสามแสนของหม่อมฉัน จําเปนต้องเหลือส่วน
ใหญ่เอาไว้ปกปองภาคกลาง ถ้าท่านอ๋องสามต้องการ ก็คงให้ยืมได้ไม่
เกินห้าหมืนพะยะค่ะ” ฉินเฉินกราบทูล สร้างความไม่พอใจให้กับฮ่องเต้
และหลีเหยียนฟงเปนอย่างยิง 
 
“จะบ้ารึไรท่านฉิน แคว้นเย่มันระดมพลมากันตังหนึงแสนสามหมืน ท่าน
ให้พีข้ายืมทหารห้าหมืน ของพีสามมีอีกห้าหมืน อย่างไรก็เสียเปรียบ
เห็นๆ” องค์ชายหกโวยวายขึน ฉินเฉินมักเปนเช่นนี ราวกับจะแกล้งให้พี
ชายของเขาไปตาย 
 
ขนาดเปนลูกเขยแล้ว ก็ยังไม่เลิกนิสัยแบบเดิมๆ เจ้าแก่ตัวร้าย! 
 
“กําลังขาดไปแค่สามหมืน ถ้าท่านอ๋องสามปรีชาสามารถ ก็คงไม่ใช่
ปญหา...” 
 
“เจ้า...” 
 
“อย่างไรเสีย กระหม่อมก็คิดว่า เราระดมกําลังไว้ปกปองเมืองหลวงจะ
ปลอดภัยทีสุด ถ้าท่านอ๋องมีปญหาจริงๆ ไว้ค่อยส่งกําลังหนุนขึนไป
ทีหลังก็ยังได้ ไม่จําเปนต้องรีบร้อนส่งขึนไปมากมายหรอกพะยะค่ะ” ฉิน
เฉินก็ยังเปนเช่นเดิม...หวงอํานาจกองทัพเอาไว้ เกรงว่าจะตกเปนของผู้
อืน 
 
อีกประการ...เขารู้จักฮ่องเต้ดี...ต่อให้เกลียดชังเขาเพียงใด แต่ก็ทรงเชือ
ฟงคําสังเสียของฮ่องเต้องค์ก่อนอยู่ด ี
 
“อืม...เจ้าจะว่าอย่างไรอาฟง” 
 
ฮ่องเต้หลีปาเทียนมองสบตากับหลีเหยียนฟง เห็นฝายนันนิงเงียบไป
ก่อนจะทูลต่อพระองค์อย่างทระนงนัก 
 
“ลูกไม่มีปญหาพะยะค่ะ ปกปองเสด็จพ่อและชาวเมืองก็นับเปนสิง
สําคัญยิง ลูกยินดีจะยกทัพหนึงแสนขึนไปขับไล่ศัตรูเพือชาวหลีต้าของ
เราพะยะค่ะ” 
 
“ดีมาก เจ้าไม่เคยทําให้ข้าผิดหวังจริงๆ” 
 
“เสด็จพ่อ ลูกขอตามพีสามออกรบปกปองบ้านเมืองด้วยพะยะค่ะ” องค์
ชายหกทูลขอพระบิดา ต้องการตามเสด็จพีชายไปด้วย 
 
“ได้ ดี พวกเจ้าสองพีน้องจงไปรบนําชัยชนะมาให้ข้า จงรีบออกเดินทาง 
ขอให้พวกเจ้าจงมีชัยเหนือศัตรู!” 
 
ฮ่องเต้ทรงพอพระทัยยิงนัก สายพระเนตรของพระองค์ยามทอดมองหลี
เหยียนฟง ทําให้รัชทายาทหลีอียิงริษยา 
 
ไปเถิด ไปรบอยู่ทางเหนือนานเปนปเลยยิงดี! 
 
เจ้าอาจมิได้กลับมา หรือหากกลับมาครานี เจ้าอาจจะต้องสูญเสียเมียรัก
ให้ข้าแล้วก็เปนได้!! 
 
กองทัพเตรียมกําลังไพร่พลกันอย่างคึกคัก หลีต้าไม่มีศึกสงคราม 
ชายแดนสงบมาสองปแล้ว ตอนนีการกรีธาทัพหนึงแสนเริมต้นขึน ข่าว
สงครามกับแคว้นเย่สะพัดไปทัว ประชาชนต่างไม่สบายใจแต่ก็เชือมันว่า
ท่านอ๋องสาม ดาวมังกรผู้เก่งกล้าจะสามารถกําชัยชนะเหนือศัตรูได้ 
 
ทีตําหนักองค์ชายหกหลีลิวหลาง ฉางซินซึงทราบเรืองรีบไปหาองค์ชาย
ด้วยความร้อนใจ เขาจะออกศึกอีกแล้ว ไม่รู้เลยว่าจากกันครานีอีกกี
เดือนหรือกีปจึงจะได้พบกันอีก 
 
“องค์ชาย ท่านต้องระวังพระองค์ให้ดี ต้องทานข้าวทุกมือ สวมเสือผ้า
หนาๆ พักผ่อนให้เพียงพอ รู้หรือไม่” นางสังเสีย ช่วยเตรียมข้าวของ
ส่วนตัวให้เขา องค์ชายหกจะห้ามปรามก็ไม่ฟง เขาไม่กล้าขัดใจนางนัก 
เพราะฉางซินเหมือนจะรําไห้ด้วย 
 
“เจ้าเปนอะไรซินซิน ข้าแค่ตามพีสามไปรบ ยังไม่ได้ตายเสียหน่อย ดูสิ 
เจ้ารําไห้อย่างกับจะส่งศพข้าเข้าสุสานหลวง” 
 
“ท่านอย่าได้กล่าวเปนลางร้ายเช่นนี!” นางรีบเข้าไป ยกมือแตะริมฝปาก
ของเขา ไม่ต้องการให้พูดในสิงไม่เปนมงคล นางยิงใจหายอยู่ด้วย 
 
“ซินซิน...ข้าไม่เปนไรหรอก ดูเจ้าสิ ตาแดง จมูกแดงไปหมดแล้ว ตลก
จริงๆ” 
 
องค์ชายหกหลีลิวหลางอดขําไม่ได้เมือเห็นหน้าแดงๆของนาง ซินซินก็
น่าเอ็นดูไม่น้อยเลย เขาหัวเราะขบขัน แต่แล้วก็ถึงกับหัวเราะค้าง เมือ
หญิงสาวโผเข้ามาสวมกอดเขาไว้แน่น 
 
เฮือก!! ฉางซินทําอะไร!! 
 
“องค์ชายหก ความรู้สึกของข้าหาใช่เรืองล้อเล่น ข้าไม่ยอมให้ท่าน
หัวเราะเยาะทังทีไม่รู้อะไรเลย...” นางบอกอย่างโกรธเคือง เขาช่างกล้า
หัวเราะเยาะทังทีนางนันรักเขาหมดหัวใจ องค์ชายหกไม่เคยรู้ความรู้สึก
ของนาง มองนางเปนเหมือนญาติ เหมือนน้องสาว ทังทีนางคิดกับเขา
มากกว่านันมาเนินนานแล้ว! 
 
ฉางซินเขย่งตัวขึนจนสุดปลายเท้า คว้าลําคอแกร่งขององค์ชายให้โน้ม
ตําลงมารับจุมพิตของนาง ปากต่อปากบดเบียดกันท่ามกลางความ
ตระหนกขององค์ชาย เขาถึงกับเบิกตาโต นิงขึงไป ปล่อยให้นางจุมพิต
จนสาแก่ใจ จึงเปนฝายคลายอ้อมแขนออก 
 
องค์ชายหกยังคงตะลึงไม่หาย จนฉางซินกล่าวใส่หน้าเขาด้วยโทสะและ
ความอาย 
 
“ทีนีรู้แล้วหรือยังว่าข้าคิดอย่างไร องค์ชาย ท่านหายซือบือแล้วใช่หรือไม่
!” 
 
“เอ่อ...ข้า...ซินซิน นีเจ้าจูบ...” หลีลิวหลางชีนิวไปทีนางแล้วก็ชีเข้าทีปาก
ตนเอง พลันแก้มขาวเรียวของเจ้าตัวก็แดงเรือขึนมาทันที 
 
เพิงตระหนักและตืนตระหนกยิง เขาเสียจุมพิตแรกของตนเองให้ซินซิน
ไปแล้ว โอสวรรค์!! 
 
“ใช่ ข้าจุมพิตท่าน เราจุมพิตกันแล้ว รีบกลับมารับผิดชอบข้าด้วย ต้อง
กลับมานะ ข้าจะรอท่าน!” นางกําหมัดชกหน้าท้องของเขากลบเกลือน
ความเขินอาย ก่อนจะรีบหนีออกจากห้องไป 
 
องค์ชายหกถึงกับงงงวย ยกปลายนิวแตะเรียวปากแดงเรือของตนเอง...
จุมพิตเปนเช่นนีเองหรือนี 
 
ปากของซินซินช่างนุ่มนิมให้ความรู้สึกดีนัก หัวใจเขายังเต้นแรงอยู่เลย...
โธ่ แล้วนีจะมีสมาธิกับการศึกไหมเล่า ฉางซิน เจ้าทําให้ข้าสับสนไปหมด
แล้ว!! 
 
43.พรากจาก... 
 
ฉินหยุนซีข่มกลันความโศกเศร้า ช่วยแต่งตัวให้สามี 
 
นีเปนครังแรกทีต้องจากกับเขาไกลหลายร้อยลี เส้นทางขึนเหนือนัน
ล้วนแต่หนาวเย็น เปนดินแดนทีนางไม่ชอบเลย แต่ว่าสามีจะต้องไปที
นัน...การรบพุ่งจะยืดเยือยาวนานเพียงใดยังไม่ร ู้
 
“รีบกลับมานะเพคะ เสียวซีรอท่านอยู่ทุกวัน...ห้ามเปนอะไรไปเด็ดขาด 
เพราะท่านสัญญาแล้วว่าจะพาเสียวซีไปเดินตลาดด้วยกัน...” 
 
สังเสียพลางช่วยเขาผูกชุดเกราะ นําตาคลอดวงตากลมโต 
 
“ไม่ต้องห่วง เจ้าก็สัญญาแล้วว่าจะพาข้าไปชมปาดอกเหมยของเจ้า ข้า
ต้องกลับมาหาเจ้าแน่นอนเสียวซี เด็กดี...ชายาทีน่ารัก หงส์ของข้า ต่อ
ให้ต้องตาย ข้าก็จะกลับมาตายอยู่ข้างกายเจ้า” 
 
“อย่าพูดเหมือนเปนลางร้ายเช่นนัน...” นางยกมือแตะปากของเขา 
ใจหายยิง จู่ๆ เหตุใดท่านอ๋องพูดเรืองเปนตาย นางไม่สบายใจเลย! 
 
“เสียวซี ข้าพูดความจริงจากใจ ดังนันไม่ว่าจะเกิดอะไร ขอให้เจ้าจงจําไว้
เสมอ ข้าคือดาวมังกรของชาวหลีต้า ทว่าเจ้าของทีแท้ของข้านันคือเจ้า 
ไม่ว่าจะอย่างไร ข้าต้องหาทางกลับมาหาเจ้า รอข้านะเสียวซี” บอกนาง
แล้วคว้าร่างเล็กๆ อ้อนแอ้นบอบบางนันเข้ามากอดไว้แน่น นางแทบจะ
จมหายเข้ามาในเรือนกายสูงใหญ่ของเขาอยู่แล้ว 
 
“เสียวซีรอท่านเสมอ...รีบกลับมานะเพคะ” ฉินหยุนซีกลันนําตาเอาไว้ไม่
อยู่ รู้สึกเศร้าเหลือเกิน แต่ครู่เดียวก็ฝนยิมออกมา ไม่ต้องการให้ท่าน
อ๋อง ห่วงหน้าพะวงหลัง 
 
หลีเหยียนฟงยกมือลูบไล้ใบหน้างดงามของนาง เก็บและจดจําทุกอย่าง
ทีเปนนาง ทังใบหน้านี เส้นผมยาวสลวยเงางามดุจแพรไหม ผิวขาวผ่อง
นุ่มละมุน ...เขามีนางอยู่เต็มทุกห้องหัวใจไปหมดแล้ว! 
 
“ทันทีทีกลับได้ ข้าจะรีบกลับมา ขอสัญญาต่อเจ้าด้วยชีวิต” 
 
ท่านอ๋องให้สัจจะอีกครัง ก้มลงมากอดรัดนางไว้แน่น เช่นเดียวกับฉิน
หยุนซีทีกอดเขาแทบจะฝงร่างลงไปเปนหนึงเดียวกัน 
 
ขบวนทัพของหลีต้าเคลือนออกจากเมืองไปนานแล้ว ฉินหยุนซียังยืนส่ง
ท่านอ๋องอยู่บนกําแพงเมือง ใบหน้าอ่อนเยาว์งดงามเศร้าสร้อย นางมัว
แต่เหม่อ จนมีผ้าคลุมผืนหนึงวางลงมาบนบ่าทังสองข้าง 
 
พอหันไปมองผู้เปนเจ้าของผ้าคลุมผืนงาม ฉินหยุนซีก็ต้องประหลาดใจ
นัก 
 
“องค์รัชทายาท!” 
 
“เจ้ายืนส่งน้องสามตรงนีนานแล้ว กลับลงข้างล่างเถิด หิวหรือไม่ ข้าจะ
เลียงอาหารเจ้าเองนะเสียวซี” 
 
“เอะ เอ่อ ขอบพระทัยเพคะ แต่ไม่ต้องดีกว่า ข้า...” 
 
“อย่าปฏิเสธเลย ข้าหิวแล้ว มาเถิด ข้าสังเตรียมอาหารไว้แล้ว แวะไปทาน
อาหารทีตําหนักข้าก่อน แล้วค่อยกลับตําหนักไท้ฝูก็ยังไม่สาย” 
 
“เอ่อ...” ฉินหยุนซีหันไปสบตากับเหอตง เห็นเขาแสดงความไม่พอใจ
เช่นกัน นางกลัวจะมีเรือง จึงส่ายหน้าเปนเชิงห้ามปรามองครักษ์หนุ่มไว้
ก่อน 
 
ฉินหยุนซียอมตามไปทานอาหารกับองค์รัชทายาทหลีอี เขาดูดีใจและมี
ความสุขมาก ไม่มีท่าทางเศร้าสลดหรือเปนห่วงหลีเหยียนฟงกับหลีลิว
หลางทีต้องไปรบปกปองแผ่นดินเลยแม้แต่น้อย 
 
“เจ้าทานน้อยเหลือเกินเสียวซี ทานเยอะๆ สิ ข้าให้พ่อครัวปรุงอาหารที
อร่อยทีสุดมาเพือเจ้าเชียวนะ นีอย่างไรเล่า หูฉลามแดง หายากนัก แต่
ข้าก็ยังให้คนหามาเพือเจ้า” 
 
“ทรงตังใจจะให้หม่อมฉันมาทีนีตังแต่แรกแล้วรึ?” ฉินหยุนซีวางตะเกียบ
ทองคําลง ตัดสินใจเอ่ยถามตรงๆ ใบหน้างดงามมีรอยยิมเสมอ ตอนนี
นิงเรียบ เงียบขรึม 
 
“เอ่อ...ไม่ถึงขนาดนันหรอก ข้าก็แค่อยากให้เจ้าคลายเศร้า อะไรทีทําได้
ก็เลยอยากทําเพือเจ้า” รัชทายาทแก้ตัว 
 
“ของกินดีเลิศปานใด ก็ไม่ทําให้หม่อมฉันคลายเศร้าได้หรอกเพคะ ทาง
เดียวทีหม่อมฉันจะคลายเศร้าได้ ก็คือท่านอ๋องสามต้องเสด็จกลับมา” 
 
“เสียวซี...” 
 
“ขอประทานอภัยนะเพคะ หม่อมฉันยังมีงานต้องทําอีกมาก ขอบพระทัย
ทีทรงเลียงอาหารแสนอร่อย หม่อมฉันขอทูลลาเพคะ” 
 
ฉินหยุนซีถวายคํานับแล้วลุกหนีจากโต๊ะอาหารมาดือๆ องค์ชาย
รัชทายาทวางตะเกียบแล้ววิงตามมารังมือนางไว้แทบไม่ทัน 
 
“เดียวก่อนสิเสียวซี ข้ารู้นะว่าเจ้าถูกบังคับให้แต่งงานกับน้องสามเช่นกัน 
เจ้ากับน้องสามมิได้รักใคร่กัน เหตุใดเจ้าต้องทําท่าทีราวกับรักเขา
มากมายด้วยเล่า” 
 
ทรงตรัสถามด้วยความไม่เข้าใจ ทว่าฉินหยุนซีสะบัดฝามือหนาของ
รัชทายาทออกอย่างแรง 
 
“เรืองของหม่อมฉันกับท่านอ๋องสาม หาได้เกียวกับผู้อืนไม่” 
 
“แต่ข้าชอบเจ้านะเสียวซี หากเจ้าแต่งงานกับข้า เจ้าจะได้เปนฮองเฮาใน
อนาคต!” 
 
รัชทายาทเอาตําแหน่งทีใฝฝนของสตรีทัวหล้ามาล่อ หวังว่านางจะสนใจ 
หากเปนฉินอีชิงคงตาโตรีบตะครุบรับไว้แทบไม่ทัน ทว่าสําหรับฉินหยุน
ซีนัน นางไม่สนใจตําแหน่งสูงส่งใดๆ 
 
“หม่อมฉันเปนน้องสะใภ้ของพระองค์...ไม่แน่ด้วยว่า ตอนนีก็อาจจะอุ้ม
ท้องทายาทของท่านอ๋องสามอยู่แล้วก็เปนได้ สตรีทีไม่บริสุทธิ ผ่านชาย
อืนมาแล้วอย่างหม่อมฉัน มิกล้ารับตําแหน่งสูงส่งจากท่านหรอกเพคะ” 
นางตอบชัดเจน เน้นทุกถ้อยคําหนักแน่น ทว่าองค์รัชทายาทยังไม่ยอม
ตัดใจ 
 
“เสียวซี ข้าไม่สนว่าเจ้าจะผ่านใครมา ข้าชอบเจ้ามาก ข้าจะทูลขอสมรส
พระราชทานกับเจ้าแทนฉินอีชิง...” 
 
“พอเถิดเพคะ หม่อมฉันไม่อยากฟง!!” ฉินหยุนซีเหลืออดเหลือทน กับ
รัชทายาทผู้ไม่มียางอายเช่นเขา!! 
 
นางขึนชือว่าเปนน้องสะใภ้ เขายังกล้าพูดจาเอาแต่ใจตนเองเช่นนี ไม่
สนใจธรรมเนียมประเพณี ไม่รู้จักผิดชอบชัวดี!! 
 
“เสียวซี...ข้าชอบเจ้าจริงๆ อยู่กับข้า เจ้าจะมีความสุขกว่าอยู่กับน้องสาม
มากมาย น้องสามไม่เคยมีใจให้หญิงผู้ใด เจ้าจะมีแต่ทุกข์ระทมไปชัว
ชีวิต เชือข้าเถิด...” รัชทายาทไม่โกรธแม้จะถูกนางขึนเสียงใส่ เขายัง
พยายามจะหว่านล้อมนาง จนเหอตงต้องเข้ามาขัดจังหวะเพราะทนฟง
ต่อไม่ได้แล้ว 
 
“พอเถิดพะยะค่ะองค์รัชทายาท เกิดใครมาได้ยินเข้า จะเสือมพระเกียรติ 
กลายเปนทีครหานินทานะพะยะค่ะ” 
 
“เจ้าขีข้า ไม่ต้องมายุ่ง!!” หลีอีตะคอก ถลึงตาใส่เหอตง กิริยาของเขา
เปนคนละแบบกับทีแสดงต่อฉินหยุนซีโดยสินเชิง 
 
“องค์รัชทายาทเพคะ เหอตงเปรียบเหมือนพีชายของหม่อมฉัน เขาไม่ใช่
ข้ารับใช้ในสายตาของหม่อมฉัน ได้โปรดให้เกียรติคนของหม่อมฉันด้วย
...ขอทูลลาเพคะ” 
 
นางถวายคํานับ ก่อนจะเดินนําเหอตงออกจากวังขององค์รัชทายาทไป 
ไม่สนใจหลีอีทีผิดหวังอย่างแรง ถึงกับยิงคุมแค้นแน่นอก 
 
เขาจะทําอย่างไรดี อะไรๆ ก็หลีเหยียนฟง ทุกสิงทุกอย่างทีดีงาม ความ
ไว้วางใจของเสด็จพ่อในการคุมกองทัพ ฉินหยุนซีก็เช่นกัน ทุกสิงทุก
อย่างล้วนแล้วแต่เปนของหลีเหยียนฟง เขาซึงเปนองค์รัชทายาทนัน
ไม่มีอะไรเลย นอกจากตําแหน่งทีง่อนแง่น ไม่รู้ว่าจะถูกปลดวันใด 
 
หากหลีเหยียนฟงยังอยู่ต่อไป สักวันเขาจะต้องหมดสินทุกสิงทุกอย่าง... 
 
หลีอีรู้ทังรู้อยู่เต็มอก แต่ก็ไม่เห็นทางทีจะขัดขวางหลีเหยียนฟงได้เลย 
 
เห็นทีว่า...เขาคงต้องภาวนา ขอให้แคว้นเย่มีชัยเหนือทัพหลีต้าของหลี
เหยียนฟงเสียแล้วกระมัง... 
 
44.ส่งสู่สรวงสวรรค์ 
 
ในทีสุด งานพระศพของพระสนมสุ่ยชิงหลิงก็ครบกําหนดหนึงเดือนของ
การไว้อาลัย ฮ่องเต้ทรงเสด็จมาเปนผู้ปดสุสานให้พระนางด้วยพระองค์
เอง ปายจารึกพระนางหน้าสุสานสวยงามและแสดงพระอิสริยยศชันพระ
สนมเอก เปนทีจดจําต่อปวงประชาราษฎร์ไปอีกนานเท่านาน 
 
ฉินหยุนซีเองก็ร่วมไว้อาลัยให้พระสนม มาตลอดเวลาหนึงเดือนทีท่าน
อ๋องสามจากไปรบทีแดนเหนือ นางอาศัยงานของพระสนมยกขึน
บังหน้าเพือจะหลบเลียงองค์รัชทายาททีช่างตามตือนัก โชคดีมีเหอตง
คอยดูแล ฉินหยุนซีนันนึกอยากจะเตะองค์รัชทายาทหน้าไม่อาย วันละ
หลายต่อหลายรอบ 
 
เขาช่างตามตือนางอยู่ไม่เลิกรา ตลอดเวลาหนึงเดือนทีผ่านมานางเริม
ได้ยินเสียงซุบซิบนินทาไม่งามขยายวงกว้างไปเรือยๆ ตัวนางนันไม่ใคร่
จะใส่ใจเพราะรู้ดีว่ามันมิใช่ความจริง แต่คนทีเดือดร้อนหนักหนาก็คือพี
สาวผู้ไม่เคยชอบหน้านางเลย 
 
“ฉินหยุนซี เจ้าช่างหน้าไม่อาย ท่านอ๋องไม่อยู่ เจ้าก็แอบให้ท่าชายอืน 
ไม่รักนวลสงวนตัว ประพฤติตัวให้ข้ากับท่านพ่อเสือมเสียไปด้วย น่า
อับอายขายหน้ายิงนัก!!” 
 
ฉินอีชิงตามมาเล่นงานฉินหยุนซีถึงตําหนักไท้ฝู ฉินหยุนซีตังใจว่าวันนี
นางจะทําพิธีส่งดวงวิญญาณให้พระสนมสุ่ยชิงหลิงและชิวเหอ จึงให้คน
จัดตังปะรําพิธีขึน ทว่ายังไม่ทันได้เริม พีสาวก็เข้ามาก่อกวนเสียก่อนแล้ว 
ท่าทางนางจะหึงหวงเข้าขันวิกฤติ ไม่ดูความจริงอะไรเลย 
 
“ถ้ามาเพราะเรืองนี เชิญท่านพีกลับไปเถิด ข้าไม่ว่างจะคุยเรืองไร้สาระ” 
ฉินหยุนซีไล่พีสาวตรงๆ ไม่ว่างจะโต้เถียงไร้สาระด้วย 
 
“เรืองทีเจ้าจงใจจะแย่งรัชทายาทของข้าไป เปนเรืองไร้สาระรึเสียวซี เจ้า
มันช่างไร้ยางอาย พอสามีไม่อยู่ก็เทียวไปยัวยวนรัชทายาท หวังสูงอยาก
เปนฮองเฮา หญิงมีสามีแล้วเช่นเจ้ารึจะได้เปนพระชายาของรัชทายาท 
เจ้าฝนเฟองมากไปแล้ว” 
 
“พีอีชิง ข้าจะไม่พูดซําอีกแล้ว ข้าไม่สนใจองค์รัชทายาทของท่าน เชิญ
ท่านกลับไป ไม่เช่นนันข้าจะไม่เกรงใจ” ฉินหยุนซีระอาความเอาแต่ใจ
เจ้าอารมณ์ โมโหร้ายไร้เหตุผลของพีสาวนัก 
 
“เสียวซี เจ้าหาเรืองเจ็บตัวเองนะ อย่ามาโทษข้าแล้วกัน!!” 
 
ฉินอีชิงเงือง่าฝามือจะตบตีทําร้ายฉินหยุนซีเหมือนครังก่อน แต่กลับถูก
น้องสาวซึงไวกว่าแปะยันต์เข้าทีกลางหน้าผาก นางพลันชะงักตัวแข็ง
ค้าง ร้องวีดไม่หยุด 
 
“เสียวซี เจ้าทําอันใดต่อร่างกายข้า เหตุใดข้าจึงขยับมิได้...ปล่อยข้าเดียว
นีฉินหยุนซี นางปศาจ ข้าจะฟองท่านพ่อว่าเจ้ารังแกข้า!!” 
 
ฉินหยุนซีไม่สนใจเสียงรําร้องด่าทอของพีสาว นางกดยันต์แปะปดปาก
ของพีสาวไปด้วย ทําให้ฉินอีชิงรู้สึกเหมือนโดนปดปากไว้ พูดไม่ได้ ได้
แต่ร้องอู้อีฟงไม่ได้ศัพท์ 
 
“อยู่เงียบๆ เสียบ้าง ลองคิดทบทวนสิงทีตัวเองทําไป ตอนนีข้าคือพระ
ชายาของท่านอ๋องแล้ว ไม่ใช่น้องสาวของท่านเหมือนเมือก่อน ถ้าข้า
ยอมให้ท่านรังแกง่ายๆ ก็เท่ากับปล่อยให้ท่านข่มเหงชือเสียงของท่าน
อ๋องสามสามีของข้าน่ะสิ... เด็กๆ ช่วยกันแบกพีข้าไปส่งคืนทีบ้านท่าน
เสนาฉินให้ด้วย” 
 
“เพคะ พระชายา” 
 
นางกํานัลสาวๆ ช่วยกันหอบหิวร่างแข็งทือของฉินอีชิงออกไป ฉินหยุน
ซีแอบมองตามพีสาว ถึงกับถอนใจอย่างเหนือยหน่าย 
 
“พระชายา ท่านควรจะพักผ่อนบ้าง ตังแต่ท่านอ๋องจากไป ท่านก็ต้อง
ดูแลวังท่านอ๋อง ไหนจะงานของพระสนมสุ่ยชิงหลิงอีก ท่านควรจะพัก
ผ่อนบ้างนะพะยะค่ะ” เหอตงกราบทูล เปนห่วงพระชายา มีแต่เรือง
วุ่นวายเข้ามาทําให้นางเสียชือเสียงไม่หยุดหย่อน เขานันอยู่ดูแลนาง
ตลอด รู้เห็นทุกอย่าง พระชายาหยุนซีเปนพระชายาทีดีงาม สมค่าคู่ควร
กับความรักทีท่านอ๋องสามมอบให้นางจนหมดใจ 
 
“สักครู่เถิด ข้าจะทําพิธีส่งวิญญาณให้พีหลิงหลิงกับชิวเหอ ถือเปน
ความปรารถนาดีสุดท้ายทีข้าจะมอบให้พวกนางได้” 
 
ฉินหยุนซีบอกแล้วก็เดินเซน้อยๆ ไปทีหน้าปะรําพิธี รวบรวมสมาธิจิต
สวดมนต์ส่งวิญญาณให้พระสนมและชิวเหอ 
 
ดาวหงส์บนฟาส่องประกายแสงเจิดจรัส พลันนัน รอบกายของพระสนม
และชิวเหอบังเกิดเปนประกายพราวระยิบระยับ พวกนางส่งยิมให้ฉินหยุ
นซีด้วยความสํานึกบุญคุณเปนล้นพ้น 
 
‘เสียวซี ขอบใจเจ้านัก พวกเรากําลังจะไปแล้ว คงอดคิดถึงเจ้าไม่ได้ พวก
เรารักเจ้านะเสียวซี’ 
 
“ข้าก็รักพวกท่าน พวกท่านไปเถิด ขอให้มีความสุข ขอสวรรค์ปกปอง
คุ้มครองพวกท่าน” ฉินหยุนซีเอ่ย นําตาคลอ นางอยากร้องไห้ยิงนัก แต่
จะเสียสมาธิตอนนีไม่ได้ 
 
‘เสียวซี ถึงพวกเราไม่อยู่แล้ว แต่ข้าก็เบาใจทีเจ้ามีเหอตงคอยดูแลอยู ่
เขาเปนคนดี และเก่งกล้ามาก เจ้ามีเต่าดําคุ้มครองทังคน จะไม่มีผู้ใดทํา
อันตรายเจ้าได้แน่นอน’ 
 
“หือ เต่าดํารึ...ท่านหมายถึงเหอตง?” ฉินหยุนซีสะดุด จ้องมองพระสนม
ด้วยความประหลาดใจยิง 
 
‘ใช่แล้ว เจ้าไม่สงสัยรึ เขาสามารถรับมือกับลู่เจียนหานได้ มีเขาอยู่เคียง
ข้างอ๋องสามมาตังแต่แรก ท่านอ๋องจึงปลอดภัยจากภยันตราย ตอนนี
เขามาอยู่กับเจ้าแล้ว ข้าก็วางใจ...ดูแลตัวเองด้วยนะเสียวซี’ 
 
พระสนมและชิวเหอส่งยิมให้ ใบหน้าของพวกนางอิมเอิบมีความสุข นัน
เปนภาพสุดท้าย ก่อนทีนางทังสองจะหายไปกับสายตาของฉินหยุนซี 
 
ปานนีทีสุสานหลวง ฮ่องเต้คงทําพิธีปดสุสานให้พระสนมเรียบร้อยแล้ว
เช่นกัน 
 
ลาก่อนนะพีหลิงหลิง เสียวเหอ... 
 
สักวันคงได้พบกันอีก ข้าจะรอวันนัน... 
 
ฉินหยุนซีลุกขึนจากหน้าปะรําพิธี ภายหลังจากทีนางเผากระดาษเงิน
กระดาษทองและสิงของต่างๆ ส่งไปให้พระสนมและชิวเหอเรียบร้อยแล้ว 
 
พอหันหลังเดินมาก็เจอกับเหอตงทียินเฝาถวายอารักขาอยู่ นางหยุด
มองสบตาเขาด้วยความฉงนนัก 
 
เหอตงเปนดาวเต่าดํา ถ้าเช่นนันเขาก็เปนทีต้องการของทุกแคว้นเช่นกัน 
เหตุใดเขาจึงมาเปนองครักษ์ไร้ชือเสียงเกียรติยศเช่นนี 
 
“พระชายา ท่านมองข้าน้อยเหมือนจะถามอะไร...มีอะไรหรือเปล่าพะยะ
ค่ะ?” เหอตงขมวดคิว ใบหน้าเรียวนิงสงบเยือกเย็น มีความสุขุมและนิง
สงบอยู่เสมอ 
 
“เหอตง แต่เดิมนัน ท่านมิใช่ชาวหลีต้าสินะ” 
 
“ท่านรู้ได้อย่างไร...เอ่อ...พะยะค่ะ เดิมนันข้าน้อยเปนชาวแคว้นเว่ยทาง
ทิศตะวันออก ครอบครัวหนีภัยแล้งมาหลีต้าทีอุดมสมบูรณ์ พวกเราได้
รับความช่วยเหลือจากชาวหลีต้า ตัวข้าและครอบครัวนัน ได้รับพระ
เมตตาจากพระนางหยางเซียง พระมารดาของท่านอ๋องสาม ข้าฝกฝน
วิทยายุทธก็เพือหวังจะปกปองพระนาง ทดแทนบุญคุณ...” 
 
“ท่านเปนคนดีนัก...เปนถึงดาวเต่าดํา แต่ไม่สนใจลาภยศชือเสียง ช่าง
หาได้ยากยิง” 
 
เหอตงนิงเงียบไป เขาครุ่นคิดต่อว่าจะพูดดีหรือไม่ ทว่าสุดท้ายก็ตัดสิน
ใจเอ่ยออกมา 
 
“ขอทูลตามตรง ข้าน้อยไม่สนเรืองดาวเทพพวกนัน อีกทัง ข้าน้อย
ติดตามท่านอ๋อง ได้ช่วยเหลือท่านอ๋องก็เท่ากับได้ช่วยเหลือปวงประชา
ชาวหลีต้าด้วยเช่นกัน เท่านีข้าน้อยก็พอใจแล้วพะยะค่ะ” 
 
ฉินหยุนซียิมอย่างอ่อนโยน ยิงรู้ว่าเขาคือดาวเต่าดําผู้คุ้มครองทีเก่งกล้า
สามารถ ก็ยิงอบอุ่นใจ 
 
ไม่รู้ว่าท่านอ๋องทราบนีหรือไม่ แต่นางรู้สึกราวกับว่าภายใต้ความคุ้มครอง
ของเหอตง ก็คือความคุ้มครองของท่านอ๋องเช่นเดียวกัน 
 
ขณะนันเอง ทหารรักษาพระองค์ได้เข้ามาทูลรายงาน 
 
“กราบทูลพระชายา ม้าเร็วจากชายแดนเหนือ ส่งสารจากท่านอ๋องสาม
มาถึงพระชายาพะยะค่ะ” 
 
“จริงรึ รีบนํามาให้ข้าเร็วเข้า!” 
 
ฉินหยุนซีตืนเต้นยินดีราวกับว่าตัวท่านอ๋องมาเอง นางรีบเดินไปหา
ทหารสงสารผู้นัน รับสารจากสามีมากอดไว้แนบอก ตืนเต้นยินดีสุด
ประมาณ 
 
ไม่ได้เจอท่านอ๋องตังหนึงเดือนแล้ว เขาเปนอย่างไรบ้าง จะผอมไปหรือ
ไม่ นางคิดถึงเขาใจจะขาด... 
 
“ท่านเหอ ข้าจะไปพักผ่อนแล้ว ท่านก็ไปพักผ่อนเถิด อย่ามัวแต่อารักขา
ข้าโดยไม่ได้พักผ่อนล่ะ ข้าไม่อยากให้ท่านเปนอะไรไป เดียวท่านอ๋องจะ
ว่า ข้าใช้คนของท่านมากเกินไป” 
 
นางหันมาบอกแล้วรีบวิงเข้าห้องไปอย่างร่าเริง กลับมามีชีวิตชีวาทันทีที
ได้รับจดหมายฉบับแรกจากท่านอ๋องหลีเหยียนฟง 
 
45.พยัคฆ์บาดเจ็บ 
 
‘เสียวซี เจ้าเปนอย่างไรบ้าง... 
 
ข้าอยู่ทีชายแดน ทุกเช้าต้องวางแผนการรบ พวกแคว้นเย่ภายใต้การนํา
ของแม่ทัพอู่ฮัน นํากองกําลังพยายามจะรุกรานเข้ามาอยู่ตลอดเวลา แต่
เจ้าไม่ต้องเปนห่วง ข้าไม่ยอมให้ชาวหลีต้าต้องเดือดร้อนแน่ ข้าจะขับไล่
ให้พวกมันถอยร่นไปจนถึงเมืองหลวงแคว้นเย่ทีเดียว 
 
รอข้าอีกหน่อยนะเสียวซี...’ 
 
ฉินหยุนซีนําตารืน ไม่รอช้า รีบเขียนจดหมายตอบโต้สามี นางนันคิดถึง
เขายิงนัก ดีเหลือเกินทียังสามารถได้อ่านจดหมายลายมือของท่านอ๋อง 
นีราวกับว่าท่านอ๋องได้มาอยู่ข้างๆ ทําให้นางไม่เหงาเหมือนอย่างทีผ่าน
มา 
 
นางเขียนจดหมายตอบโต้กับท่านอ๋อง 
 
เวลาผ่านไปอีกสองเดือน... 
 
ฉินหยุนซีตืนขึนมาตอนเช้าด้วยความรู้สึกทีไม่ดีนัก นางคลืนไส้ วิงเวียน 
เว่ยฉู่รีบไปเชิญท่านหมอหลวงมาตรวจอาการของนาง พลันก็ได้รับข่าว
อันน่ายินดี ฉินหยุนซีตังครรภ์ได้สามเดือนแล้วนันเอง 
 
จดหมายแจ้งข่าวดีนี ส่งมาถึงมือของท่านอ๋องหลีเหยียนฟงทีชายแดน
ในอีกสิบห้าวันต่อมา ทันทีทีทราบข่าวพระชายา ท่านอ๋องถึงกับชาไปทัง
ร่าง ความเหน็ดเหนือยจากราชกิจอันยาวนาน พลันมลายหายไปใน
ทันที 
 
“ลิวหลาง เจ้าจะมีหลานแล้วนะ เจ้าได้ยินหรือไม่ พระชายาบอกว่าข้า
กําลังจะมีลูก!!” 
 
“จริงรึพีสาม ช่างเปนข่าวดียิงนัก ข้าขอแสดงความยินดีด้วยพีสาม เช่นนี
ต้องรีบเผด็จศึกแคว้นเย่ให้เร็วทีสุด พีสามจะได้กลับไปหาพีสะใภ้สักที” 
 
หลีลิวหลางยิมยินดีกับพีชาย รีบเก็บจดหมายจากฉางซินไว้ในอกเสือ
ของตนเอง ฉางซินส่งจดหมายมาด้วยความเปนห่วงเขา และขณะ
เดียวกันนางก็เล่าเรืองราวทีวังหลวงให้เขารับรู้เช่นกัน 
 
พีใหญ่ตามตือพระชายาสามจนเปนทีลือกระฉ่อนไปในวังหลวง...หลีลิว
หลางไม่กล้าบอกให้พีสามของเขาไม่สบายใจ จึงปดปากเงียบเรืองนีเอา
ไว้ ลําพังแค่ภารกิจขับไล่กองทัพเย่ไม่ให้บุกรุกเข้ามาในแผ่นดิน พีสามก็
ไม่ว่างอยู่แล้ว 
 
“แม่ทัพอู่ฮันของแคว้นเย่เปนคนเจ้าเล่ห์ร้ายกาจนัก มันส่งทหารเข้ามา
ยัวยุเราตลอด ข้าเกรงว่าหากเราผลีผลามเข้าไป จะหลงกลถูกกลศึกของ
มัน อีกทังทหารของมันทีเข้ามาก่อกวนนันก็มีจํานวนน้อยเกินไป ทัพ
ใหญ่ของพวกมันอาจซุ่มรอให้เราบุกเข้าไป แล้วฉวยโอกาสโอบล้อมเรา
เอาไว้ ทหารเรามีหนึงแสน อย่างไรก็น้อยกว่าอยู่ถึงสามหมืน ดังนันจึง
ต้องรอบคอบให้มาก...” 
 
“ข้าเข้าใจท่านพี...เออ จริงด้วย ตังแต่เสด็จพ่อทรงมีรับสังให้พีรองยก
ทัพห้าหมืนไปตีลัวปาราบคาบในคืนเดียวเมือเดือนก่อน จ้าวหมิงกับบิดา
ของนางก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ท่านพีสังเกตบ้างไหม พวกเย่มัน
เล่นงานเราด้วยพิษมากขึน ...พีสาม ท่านคิดว่าจ้าวหมิงจะมาช่วยอู่ฮัน 
เล่นงานทัพของเราทางนีหรือไม่” 
 
คําถามของหลีลิวหลางนันน่าคิด หลีเหยียนฟงนิงไปชัวขณะก่อนเอย
ช้าๆ 
 
“อันทีจริงข้าคิดว่า เย่กับลัวปามันคงร่วมมือกันในทางลับมานานแล้ว 
เพราะอย่างนีข้าจึงไม่อยากผลีผลามบุกเข้าไป การทีพีรองสามารถกวาด
ล้างพวกลัวปาได้อย่างง่ายดาย นันก็อาจจะเปนเพราะจ้าวหมิงกับอ๋องลัว
ปาไม่ได้อยู่ทีเผ่าก็เปนได้...ข้าคิดว่าพวกเขาน่าจะมีความสัมพันธ์อันดีกับ
แคว้นเย่...องค์ชายลู่เจียนหานก็เคยช่วยจ้าวหมิงมาก่อน บางที นางกับ
บิดา อาจจะซ่อนตัวอยู่ทีแคว้นเย่ หากเราไม่จัดการให้ราบคาบ ก็คงไม่
พ้นต้องอยู่ทีนีไปอีกนาน” 
 
“นันสิ พีสามคงอยากกลับบ้าน ไปหาลูกเมียจะแย่แล้ว” หลีลิวหลาง
หัวเราะ อารมณ์ดีเมือนึกถึงหลานตัวน้อยๆ ซึงกําลังจะได้เห็นหน้าในอีก
แค่หกเดือนเท่านัน 
 
“อย่ามาล้อข้า อีกหน่อยเจ้ามีชายาก็จะรู้เอง” 
 
“ข้าไม่มีใครสักหน่อย” น้องชายปฏิเสธ แต่คนเปนพีนัน มิได้ไร้เดียงสา
ขนาดจะไม่รู้เรืองอะไร 
 
“จริงรึ ข้าเห็นฉางซินส่งจดหมายมาให้เจ้าตลอดเวลา เจ้าเองถึงไม่ตอบ
นางแต่ก็เก็บจดหมายของนางเอาไว้อย่างดี...สงสัยว่าน้องหกของข้าจะ
ไม่ได้คิดกับฉางซินเปนแค่น้องสาวเสียแล้วกระมัง” 
 
“พีสามอย่ามาล้อข้า...ฉางซินเปนน้องสาว อย่างไรก็น้องสาว! ข้าไม่คุย
กับท่านแล้ว ข้าจะออกไปตรวจแถวทหาร!” 
 
หลีลิวหลางเขินหน้าแดง รีบผละออกจากทีพัก แล้วมาหยุดยืนกดที
ตําแหน่งหัวใจตนเองอยู่หลายอึดใจ 
 
เหตุใดเขาต้องตืนเต้นเมือท่านพีเอ่ยถึงฉางซินด้วย...มันน่าโมโหตังแต่ที
เขาไม่สามารถลืมจุมพิตของนางเมือสามเดือนก่อนได้แล้ว แปลกนัก...
เหตุใดเขาต้องคิดถึงนางด้วย...เหตุใดเขาจึงหวันไหวเพราะปากนุ่มนิม
ของนาง เขารักนางหรือไม่... 
 
ยิงคิดยิงปวดหัว ฉางซิน เจ้ามาทําให้ข้าสับสน กระวนกระวาย ไม่มีสมาธิ
เหมือนอย่างเคย หากข้าเปนอะไรไป นันเปนความผิดของเจ้าคนเดียว
เลยรู้ไว้! 
 
ลับหลังน้องชายออกจากทีพักไปไม่ทันไร หลีเหยียนฟงก็ได้รับคําตอบที
รอคอย เขาส่งคนไปตามหาซือต้าหยุนเหนียงมานานถึงสามเดือน วันนี
จึงได้รับจดหมายจากนาง รู้สึกตืนเต้นยิงนัก นันเพราะว่าทหารทีพีใหญ่
เคยส่งไปตามหาหญิงชรานัน หาเท่าใดก็ไม่พบ แต่ทหารของเขากลับได้
พบนาง และได้จดหมายตอบกลับมาจากซือต้าหยุนเหนียง 
 
มิน่าเล่าเสียวซีจึงไม่ห่วงเรืองนีเลย ซือต้าหยุนเหนียงคงจะเลือกพบหรือ
ไม่พบใครได้นันเอง 
 
หลีเหยียนฟงรีบเปดจดหมายออกอ่าน หากสามารถได้หนอนหิมะมา ก็
ไม่ต้องกลัวพิษหนอนปศาจของจ้าวหมิงอีกต่อไป 
 
“ท่านอ๋องหลีเหยียนฟง ท่านนันฉลาดหลักแหลมนัก สามารถรู้ได้ว่า
เสียวเปามีตัวตนอยู่... 
 
เสียวเปามันคือหนอนหิมะอายุห้าร้อยป...มันเปนสัตว์โบราณหายากยิง 
วงจรชีวิตของมันจะเปนหนอนอยู่ห้าร้อยป เปนดักแด้อีกห้าร้อยป หลัง
จากนันจึงจะกลายเปนผีเสือสายรุ้ง หรืออีกนามก็คือผีเสือนางฟา 
 
...ข้านันอยากช่วยท่านนัก แต่ติดทีตอนนีเสียวเปายังเปนเพียงดักแด้
และฝงตัวรับพลังไอเย็นอยู่ใต้ทะเลสาบตงเหอ หากต้องการนําตัวเสียว
เปาขึนมา จะต้องใช้ผู้มีบุญวาสนากับมัน...ท่านคงรู้แน่ๆ ว่าคนผู้นันเปน
ใคร...” 
 
“เสียวซีรึ!!” หลีเหยียนฟงนึกออกแต่นางผู้เปนหงส์ฟาของเขาเท่านัน 
 
“ท่านอ๋อง ท่านคงพอรู้อยู่แล้ว ว่าเสียวซีนันนางแพ้ความเย็น เพราะเมือ
ตอนยังเด็ก นางเคยถูกเสียวเปาโจมตีโดยไม่ตังใจ เสียวเปานันมัน
เสียใจทีทําร้ายเสียวซี มันเฝาดูนางมาตลอด แต่เสียวซีไม่รู้ตัว นางจํา
เสียวเปาไม่ได้...ตอนนีเสียวเปาอยู่ใต้ทะเลสาบตงเหอ ลึกราวกับอยู่ใต้
สะดือโลก หากเสียวซีดําลงไป นางอาจจะตายก่อนได้เจอเสียวเปา...และ
ไม่แน่ด้วยว่า เสียวเปาจะสามารถลอกคราบเปนผีเสือนางฟา ขึนมาจาก
ทะเลสาบได้หรือไม่ มันเพิงเปนดักแด้แค่ไม่กีป ยังมีพลังสะสมไม่มาก
พอจะลอกคราบได้ หากเสียวซีจะช่วยมันลอกคราบละก็... 
 
...นางอาจต้องใช้โลหิตหงส์จนหมดตัว 
 
นีเปนสิงทีข้าอยากบอกท่าน...หากเมือใดทีท่านได้เห็นผีเสือนางฟา นัน
ก็หมายความว่าเสียวซีได้เสียสละชีวิตของนางเพือทุกคน...หากเวลานัน
มาถึง ขอให้ท่านอ๋องจงอย่าได้เสียใจ... 
 
ท่านอ๋องหลีเหยียนฟง...แต่เดิมท่านนันมีชะตาทีจะมิได้ครองแผ่นดิน ...
ท่านคงสงสัยใช่หรือไม่ ว่าเหตุจึงเปนเช่นนัน...มังกรทีไร้หัวใจเพือ
ตนเอง ทีไหนเล่าจะมีหัวใจเหลือเพือประชา...” 
 
หลีเหยียนฟงกําจดหมายในมือแน่น จนยับคามือแกร่ง!! 
 
ซือต้าหยุนเหนียงบอกเช่นนี หมายความว่าอย่างไร นางหมายถึงเขาจะ
ต้องสูญเสียเสียวซีอย่างนันรึ!! 
 
“บัดซบ ไม่มีทาง ข้าไม่ยอม...!!” 
 
หลีเหยียนฟงตัดความเปนไปได้เรืองหนอนหิมะไปทันที 
 
แต่หากจ้าวหมิงคลังใช้พิษหนอนปศาจขึนมา ทัพหลีต้าจะทําอย่างไรดี... 
 
หนทางข้างหน้า มันช่างดูมืดมนเหลือเกิน... 
 
สองเดือนต่อมา ณ ตําหนักหลวง แคว้นเย่... 
 
หิมะทางเหนือตกโปรยปรายอยู่ตลอดเวลา พระราชวังของแคว้นเย่
ประดุจวังนําแข็งทีหนาวเย็นอยู่ตลอดทังป ฮ่องเต้แคว้นเย่นาม ลู่ฝู เปน
ผู้ทีหลงตนเอง ใจแคบ เจ้าอารมณ์และทะเยอทะยานยิง ทรงใช้ชาวเผ่า
ลัวปาในเรืองพิษเพือเล่นงานกองทัพหลีต้ามาโดยตลอด 
 
ครังล่าสุด ฮ่องเต้ลู่ฝูทราบว่า อ๋องแห่งลัวปาแอบส่งตัวจ้าวหมิงไปทีหลี
ต้า หวังจะผูกไมตรี โชคดีจ้าวหมิงกลับไปก่อเรืองอาละวาดจนหลีต้าส่ง
กองทัพมาปราบเผ่าลัวปาเสียราบคาบ ท่านอ๋องกับธิดาจึงต้องหนีตาย
มาอาศัยขอพึงใบบุญของแคว้นเย่ 
 
จ้าวหมิงเปนผู้เชียวชาญด้านพิษ โดยเฉพาะพิษหนอนปศาจของนางนัน 
ร้ายกาจนัก ตอนนีนางกําลังพัฒนาพิษของหนอนปศาจทีมีจํานวนจํากัด
ให้สามารถเพิมปริมาณพิษได้มากยิงขึน โดยใช้เพียงละอองบางเบาก็
สามารถฆ่าคนจํานวนมากได้ในเวลาไม่กีชัวยาม 
 
หากสําเร็จ ทัพหลีต้ากีแสนก็จะไม่ครณามือของแคว้นเย่อีกต่อไป 
 
ตอนนีทีต้องการทีสุดก็คือ แคว้นเย่อยากได้ตัวอ๋องหลีเหยียนฟงมาไว้
ในกํามือ จ้าวหมิงเองมีใจต้องการเอาชนะหลีเหยียนฟง นางต้องการตัว
เขา และนีคือข้อต่อรองของนางต่อการช่วยเหลือฮ่องเต้ลู่ฝูในครังนี 
 
นางต้องการให้หลีเหยียนฟงมาสยบอยู่แทบเท้า จ้าวหมิงคือสตรีทีใช้
ความเคียดแค้นเปนพลังในการขับเคลือนโดยแท้ 
 
ลู่เจียนหานทีรักษาตัวหายจากพิษซึงถูกเหอตงเล่นงานนานแล้ว เมือได้
รู้จักกับจ้าวหมิงมากขึน เขากลับไม่ชอบนิสัยของนางเลย นันเพราะ จ้าว
หมิงช่างโหดเหียม อํามหิต การทดสอบพิษของนางนัน เข่นฆ่าชาวบ้าน
ไปมากมาย เขาเริมทนความเอาแต่ใจของนางไม่ไหว ถึงกับทูลต่อพระ
บิดาว่าต้องการยกเลิกเปนพันธมิตรกับจ้าวหมิง แต่เสด็จพ่อไม่สนใจ
ความเห็นของเขา ท่านต้องการใช้พิษของจ้าวหมิงเพือเอาชนะทัพหลีต้า
ให้จงได้ 
 
ถึงเปนองค์ชายผู้ถือชะตาของดาวพยัคฆ์ แต่ลู่เจียนหานนันเกิดผิดที 
ฮ่องเต้ลู่ฝูไม่โปรดปราน หากลูกชายจะมาแย่งชิงหัวใจของประชาชนไป
จากพระองค์ เพียงเพราะลู่เจียนหานเกิดมาใต้ดาวพยัคฆ์ขาวส่องแสง 
 
เปนพยัคฆ์แล้วอย่างไรเล่า พระองค์เปนถึงโอรสสวรรค์ ย่อมเหนือกว่า
ดาวพยัคฆ์หรือดาวใดๆ ดังนันจึงไม่ทรงประกาศออกไป ด้วยกลัวว่าพระ
โอรสจะเข้ามาแย่งความภักดีของประชาไปจากพระองค์จนหมดสิน 
 
ลู่เจียนหานทราบดี เสด็จพ่อเปนผู้มีใจคับแคบ อิจฉาริษยาไม่เว้นว่าเขา
นันคือโอรสของพระองค์เอง แม้แต่ตําแหน่งแม่ทัพ ท่านก็ยังไว้ใจอู่ฮัน
มากกว่าเขาซึงเปนลูกชายแท้ๆ 
 
เมือห้าเดือนก่อนลู่เจียนหานนึกสนุก ไปเทียวทีหลีต้าและได้พบกับจ้าว
หมิงนัน เขาเองได้เขียนจดหมายถึงท่านอ๋องแห่งลัวปา ขอให้ล้มเลิก
ความคิดจะผูกไมตรีกับหลีต้าแล้วหันมาช่วยแคว้นเย่อย่างจริงจัง ตอน
นันไม่ได้คาดคิดเลยว่า เมือจ้าวหมิงกับอ๋องลัวปามาทีแคว้นเย่จริงๆ แล้ว
นัน กลับสร้างปญหาขึนมา... 
 
ลู่เจียนหานผลักผนังหินผ่านเข้าไป ภายในห้องลับซึงจ้าวหมิงใช้เปนที
กักตน ทดสอบพิษหนอนปศาจของนาง จ้าวหมิงนันเปนสตรีทีโหด
เหียมยิง นางใช้ชาวเมืองแคว้นเย่เปนหนูทดลองพิษ คนแล้วคนเล่า กอง
กระดูกของผู้ทีต้องเสียชีวิตเพราะหนอนปศาจมีเพิมมากขึนๆ 
 
ทว่าครังล่าสุดนี นางถึงขนาดใช้เด็กตัวน้อยๆ วัยเพียงหกขวบมาเปน
เหยือ 
 
“ช่วยด้วย ปล่อยข้าด้วย พีชายช่วยข้าด้วย ฮือ....” 
 
เด็กน้อยถูกจับมัด เตรียมพร้อมสําหรับให้จ้าวหมิงโปรยผงพิษอณู
ละเอียดแทบมองไม่เห็นให้เด็กชายสูดดม 
 
“จ้าวหมิง หยุดก่อน เหตุใดจึงต้องทําร้ายเด็ก ปล่อยเขาไปซะ เขายังเด็ก
นัก เจ้าไม่ควรใช้แม้แต่เด็กน้อยเพือลองพิษ!” องค์ชายลู่เจียนหาน แม้
จะอยากได้ชัยชนะ แต่ก็ยังรู้ว่าเด็กน้อยไม่สมควรจะตกเปนเหยือของพิษ
อันโหดร้าย ทว่าจ้าวหมิงนันหาได้คิดเช่นเขาไม่ 
 
“เด็กน้อยผู้นี พ่อแม่ของมันล้วนตายหมดแล้วด้วยผงพิษของข้า มันอยู่
ลําพังผู้เดียว อย่างไรก็ต้องตายอยู่แล้ว ถือว่าข้าช่วยสงเคราะห์มัน ให้ได้
ไปพบหน้าพ่อแม่ในปรโลกเร็วขึน” 
 
“อย่า!! จ้าวหมิง!!” 
 
จ้าวหมิงไม่สนใจ กลับสาดละอองผงหนอนปศาจออกไป ลู่เจียนหาน
ผลักนางกระเด็นไปทันที เขารีบเข้าไปแก้มัดให้เด็กน้อย อุ้มแกเข้าไว้ใน
อ้อมแขน แม้แต่องค์รักษ์ฉีก็ห้ามเอาไว้ไม่ทัน 
 
“องค์ชาย อันตราย ยังมีผงพิษบางส่วนเหลืออยู่ในอากาศ!!” 
 
“โอ๊ะ!!” 
 
ลู่เจียนหานสูดละอองผงพิษเข้าไป แม้จะเล็กน้อยแต่ก็ทําให้เขาถึงกับ
ทรุดฮวบลงไป องครักษ์ฉี รีบใช้ผ้าปดปากปดจมูกตนเอง แล้วเข้าไป
ประคององค์ชายด้วยความห่วงใย 
 
“องค์ชาย ทําใจดีๆ ไว้ก่อนพะยะค่ะ...จ้าวหมิง ยังจะมองอะไรอยู่ ยา
ถอนพิษเล่า ยาถอนพิษผงหนอนปศาจของเจ้าอยู่ทีใด รีบมอบมาให้
องค์ชายของเราเดียวนี!!” 
 
องครักษ์ฉีขึนเสียงสังจ้าวหมิง แต่นางกลับแสยะยิมโหดเหียม 
 
“ยาถอนพิษรึ ไม่มีหรอก ข้าไม่ได้ทํายาถอนพิษ เพราะยาถอนต้องใช้พิษ
มาทํายา พิษหนอนปศาจเปนของมีค่า หาเพิมไม่ได้อีกแล้ว ข้าจึงไม่ปรุง
ยาถอน ข้ามีแต่ยาพิษเท่านัน” 
 
“เจ้า...แล้วหากตัวเจ้าติดพิษเองเล่า อย่ามาหลอกข้าเลย เจ้าต้องมียา
ถอนพิษเปนแน่ ส่งมาให้ข้าเดียวนี!!” 
 
“เสียใจ ยาถอนพิษมีไว้แค่สําหรับตัวข้าคนเดียว ส่วนผู้อืนนัน...หามีค่า
คู่ควรไม่” 
 
“จ้าวหมิง!!” 
 
องครักษ์ฉีแสนโกรธแค้นนางปศาจ ฮ่องเต้กับแม่ทัพอู่ฮันไม่น่าหลงไป
ร่วมมือกับนางเลย แล้วนีจะทําอย่างไรดีเล่า... 
 
“องค์ชาย ต้องเดินพลัง หยุดการแพร่พิษชัวคราวก่อน” 
 
“ข้าไม่เปนไร เจ้าช่วยสกัดจุดให้เด็กน้อยผู้นีก่อนเถิด ข้าจะเดินพลังสกัด
พิษไว้ชัวคราวก่อน” 
 
ลู่เจียนหานส่งตัวเด็กชายให้องครักษ์ฉีช่วยเหลือ ส่วนตัวเขาเองนังขัด
สมาธิ เดินกําลังใช้ลมปราณต้านพิษ 
 
องค์ชายลู่เจียนหานนัน เปนผู้ยอดยุทธ มีพลังสูงส่ง แต่เด็กน้อยนัน
มิใช่ องครักษ์ฉีไม่สามารถช่วยเขาได้ 
 
“โอ๊ย ข้าเจ็บปวด ทรมานนัก พีชาย ช่วยข้าด้วย ข้ายังไม่อยากตาย...” 
 
เด็กน้อยดินทุรนทุราย ร่างกลับคลําเปนสีดําขึนเรือยๆ 
 
“เด็กผู้นีไม่รอดแน่แล้ว ยิงเปนเด็กไม่มีกําลังร่างกาย ยาพิษยิงออกฤทธิ
เร็ว...องค์ชาย...ตัวท่านเองก็ใช้เวลาทีเหลือทําในสิงทีต้องการเถิด” จ้าว
หมิงแนะนําราวกับเปนผู้มีนําใจยิง ท่าทางยโสโอหังของนางทําให้องค
รักษ์ฉีถึงกับทนไม่ได้ 
 
“โอหังเกินไปแล้วจ้าวหมิง เจ้าไม่รู้รึว่าเพราะผู้ใด เจ้าจึงได้มาหลบภัย
รอดชีวิตอยู่จนบัดนี” 
 
“จะทวงบุญคุณข้ารึ หึ ทีข้าให้องค์ชายตายด้วยพิษหนอนปศาจนีนับ
เปนเกียรติต่อพวกท่านแล้ว ไม่รู้รึ หนอนปศาจได้ชือว่าสาบสูญไปจาก
โลกนีแล้ว องค์ชายลู่เจียนหานได้ตายเพราะพิษหนอนปศาจตัวสุดท้าย
ในโลก ช่างเปนวาสนาโดยแท้” 
 
“เจ้า!!” 
 
“อย่า ปล่อยนางไปอาฉี อึก!!” 
 
ลู่เจียนหานจับแขนองครักษ์เอาไว้ ไม่ให้เขาเข้าไปทําร้ายจ้าวหมิง เกรง
ว่าอาฉีจะพลอยถูกพิษของนางไปด้วย จ้าวหมิงร้ายกาจมาก พิษ
แพรวพราวรอบตัว 
 
“องค์ชาย ท่านเปนอย่างไรบ้าง ข้าจะพาท่านไปหาหมอ แล้วจะกราบทูล
ฮ่องเต้ให้มาจัดการกับนางงูพิษให้สิน!!” 
 
“สามหาว ปากดี นีแน่ะ!!” 
 
จ้าวหมิงซัดพิษเข้าใส่องครักษ์ฉีอีกคน องครักษ์ผู้เก่งกล้าถึงกับซวนเซ 
แต่เพียงชัวครู่ก็ชักกระบีพุ่งเข้าเล่นงานจ้าวหมิง และปะทะกับซ่งชาง 
 
องครักษ์ฉีประมือกับซ่งชางไปพลางก็เปนห่วงองค์ชาย จ้าวหมิงเข้าไป
ทางองค์ชาย ตังท่าจะฟาดฝามือพิษของนางใส่เขา องครักษ์ฉีรีบผละ
จากซ่งชางเข้าไปแทงจ้าวหมิงได้รับบาดเจ็บทีเอวด้านซ้าย นางถึงกับ
สะดุ้งเฮือก กรีดร้อง 
 
“ซ่งชางช่วยข้าด้วย ซ่งชางข้าเจ็บ!!” 
 
องครักษ์ฉีอาศัยความวุ่นวาย ซ่งชางเลิกสนใจเขาแต่เข้าไปดูจ้าวหมิง
แทนแล้ว 
 
องครักษ์ฉีใช้กําลังทีเหลืออยู่น้อยนิด รีบพาองค์ชายลู่เจียนหานเผ่นหนี
ออกจากห้องลับท้ายอุทยานหลวง ขึนรถม้าแล้วมุ่งไปทีบ้านหมอหลวง
เปนการด่วน 
 
ทว่าจู่ๆ องค์ชายกลับรับสังเปลียนทิศทาง 
 
“อาฉี ใช้ทางลัด พาข้าไปแคว้นหลีต้าที เร็วเข้า!!” 
 
ผู้ถูกสังถึงกับอึง ไม่เข้าใจอย่างยิง 
 
องค์ชายลู่เจียนหาน เหตุใดจึงจะเข้าไปในแดนศัตรู นันมีแต่ตายกับตาย
ชัดๆ !!! 
 
46.เสียวเปา 
 
กลางหุบเขาปาดอกเหมยนันมีอากาศเย็นชืนตลอดทังป แผ่นดินบริเวณ
เทือกเขาลูกนีทอดยาวไปจรดอาณาเขตของแคว้นเย่ทางเหนือ ทิวทัศน์
ปาเหมยและทะเลสาบตงเหอนันช่างงดงามดังภาพวาด 
 
เหอตงยืนมองดูด้วยจิตใจทีสงบนิง ดุจผิวนําของทะเลสาบทีเรียบนิง ใส
ดังกระจกแก้ว 
 
“อาตง เจ้าชอบทีนีหรือไม่” ฉินหยุนซีเอ่ยถาม ดีใจนักทีได้กลับมาปา
ดอกเหมย นางได้รับจดหมายเรียกตัวจากอาจารย์ จึงส่งจดหมายบอก
ท่านอ๋องแล้วรีบเดินทางมา เพิงสังเกตว่าชือของเหอตงนัน ก็คล้ายกัน
ทะเลสาบตงเหอ 
 
“ทีนีช่างงดงามยิงนัก ข้าน้อยเข้าใจแล้วว่าเหตุใดพระชายาจึงชอบทีนี
มาก พ่อแม่ของข้าน้อยก็เคยได้ยินกิตติศัพท์ความงามของทะเลสาบตง
เหอ จึงตังชือข้าว่าเหอตง วันนีได้มาเห็นนับเปนวาสนาโดยแท้...” 
 
“อาจจะเพราะว่าท่านคือดาวเต่าดํา เต่าเทพสมควรแล้วทีจะชือเดียวกับ
ทะเลสาบตงเหอ” 
 
เหอตงยิมกับความคิดในแง่ดีงามของพระชายาฉินหยุนซี นางช่างเปน
สตรีทีสดใสน่ารัก ได้อยู่กับนางเขารู้สึกผ่อนคลาย สบายใจ ราวกับว่าจิต
วิญญาณได้รับการพักผ่อน ไม่ร้อนรนวุ่นวายเหมือนทีผ่านๆมา 
 
“ถ้าท่านอ๋องมาด้วยกัน พระชายาคงมีความสุขมากทีเดียว...” เขาเอ่ยต่อ 
ครานีฉินหยุนซีหน้าเศร้าสลดไป 
 
“นันสิ...แต่ไม่เปนไร สักวันท่านอ๋องจะต้องมาทีนี มานังชมทะเลสาบตง
เหอพร้อมกับข้า ไม่แน่ว่าถึงตอนนันข้าอาจจะคลอดลูกแล้ว พวกเราสาม
คนจะมานังชมความงดงามของดอกเหมยปาและทะเลสาบตงเหอพร้อม
หน้ากัน...” นางยิมสดใส เห็นภาพในความคิด เมือเวลานันมาถึง นางคง
มีความสุขทีสุด 
 
“ข้าน้อยหวังให้ถึงวันนันโดยเร็ว...ว่าแต่ พบอาจารย์ของท่านแล้วหรือยัง
พะยะค่ะ?” 
 
“ยังเลย” 
 
“เสียวซี อาจารย์อยู่นีแล้ว” 
 
เสียงทักของซือต้าหยุนเหนียงดังเข้ามา ทําให้ฉินหยุนซีหันไปมองตาโต 
นางวิงถลาลืมไปว่าตนเองนันตังครรภ์ได้ห้าเดือนแล้ว เพือจะเข้าไปกอด
อาจารย์ผู้เปนทีรักยิงให้สมกับความคิดถึงสุดหัวใจ 
 
“อาจารย์เจ้าคะ เสียวซีคิดถึงท่านยิงนัก คิดถึงทุกวันเลย อาจารย์แข็ง
แรงดีใช่หรือไม่ อาจารย์คิดถึงฝมือทําขนมของศิษย์หรือไม่ อาจารย์
เมือยไหม ศิษย์จะนวดให้ท่านนะเจ้าคะ” 
 
นางชวนคุยพูดเจือยแจ้วด้วยความดีใจ เหมือนเด็กเล็กๆ เปนเสียวซีคน
เดิมทีช่างพูดช่างเอาใจ น่ารักเช่นนีจะมิให้ซือต้าหยุนเหนียงเอ็นดูนักได้
อย่างไร 
 
ดวงตาฝาฟางด้วยวัยชราของซือต้าหยุนเหนียงนัน ทอดมองฉินหยุนซี
แม้จะดีใจทีพบนางแต่ก็หนักใจอย่างยิงเช่นกัน 
 
นางจับยามตรวจดูแล้ว พบว่ากองทัพหลีต้าภายใต้การนําของท่านอ๋อง
หลีเหยียนฟงกําลังจะมีภัยครังใหญ่ กองทหารจะล้มตายมากมายราวกับ
ใบไม้ร่วง วิกฤตภัยครังนีจะลุกลามบานปลาย หากไม่สามารถหยุดพิษ
หนอนปศาจของจ้าวหมิงได้ 
 
“เสียวซีเอ้ย...อาจารย์ตามเจ้ามาพบ เจ้ากําลังท้องกําลังไส้คงเดินทาง
ลําบากมากสินะ” หญิงชรายกมือเหียวย่น ลูบใบหน้าหวานใสและ
เส้นผมลืนละมุนของนาง เสียวซีถึงกับอมยิมตาหยี 
 
“ไม่ลําบากเลยเจ้าค่ะ ท่านเหอดูแลเสียวซีอย่างดี” 
 
“อ้อ ขอบใจท่านเหอนัก ท่านช่างเปนยอดคนทีหาได้ยาก ตอนนีเสียวซี
อยู่กับข้า นางปลอดภัยดีไม่ต้องกังวลแล้ว...ท่านกลับไปหานายของท่าน
เถิด” 
 
“ขอรับ ถ้าเช่นนันข้าน้อยขอลาซือต้าหยุนเหนียง...ขอทูลลาพระชายา” 
 
เหอตงคํานับน้อมรับคําสัง แล้วรีบขีม้าเดินทางต่อไปยังชายแดนซึงอยู่
ไม่ไกลกันเท่าใดนัก ระยะทางย่นสันลงมามาก จากปาดอกเหมยถึง
แนวรบชายแดนเหนือ ใช้เวลาเดินทางเต็มฝเท้าม้าเพียงแค่สองวันก็ถึง 
 
เหอตงปรารถนา จะไปคอยอารักขาท่านอ๋องหลีเหยียนฟงอยู่ทุกลม
หายใจเข้าออกอยู่แล้ว 
 
เมือเหอตงขีม้าลับหายไปจากสายตาแล้ว ซือต้าหยุนเหนียงจึงจูงมือฉิน
หยุนซีเข้ามานังทีระเบียงเรือนพักทีแสนเรียบง่ายของนาง มีหิมะตกลง
มาบางเบาแต่ฉินหยุนซีก็ยังห่อไหล่คู้กาย หนาวจนผู้เปนอาจารย์ต้องไป
หยิบผ้ามาคลุมให้นาง 
 
“อุ่นแล้วเจ้าค่ะ ขอบคุณอาจารย์มากเลยเจ้าค่ะ” นางยิมกว้างสดใส แก้ม
แดง จมูกแดงไปหมด 
 
“เจ้าแพ้ความหนาวมาแต่ไหนแต่ไร ต้องใส่เสือผ้าหนาๆเข้าไว้...ให้
ร่างกายอบอุ่น พิษหนอนหิมะทีตกค้างอยู่ในตัวเจ้าจะได้ไม่กําเริบ” 
 
“เอะ อาจารย์ว่าอย่างไรนะ...พิษหนอนหิมะ...คืออะไรเจ้าคะ ข้าเคยถูก
หนอนหิมะเล่นงานอย่างนันรึเจ้าคะ?” 
 
“ใช่ เมือตอนทีเจ้ายังเล็กนัก ไม่รู้เดียงสา นึกว่าหนอนหิมะเปนเหมือน
สัตว์ทัวไป จึงเข้าไปจับมัน ด้วยความหวาดกลัวต่อมนุษย์ เสียวเปาจึงพ่น
พิษใส่เจ้า พิษของเสียวเปานันทําให้ทัวร่างเจ้ากลายเปนนําแข็ง เย็นจัด 
ข้าต้องไปตามหาสมุนไพรพิเศษหลายชนิด จึงสามารถสยบพิษของเสียว
เปาลงได้...” 
 
ฉินหยุนซีฟงอาจารย์พูด แล้วก็พยายามนึกปะติดปะต่อ... 
 
หนอนหิมะอย่างนันรึ เจ้าตัวอ้วนกลมสีขาวราวกับก้อนหิมะนันน่ะรึ คือ
หนอนหิมะ! 
 
“ศิษย์จําได้แล้วเจ้าค่ะอาจารย์ ศิษย์ถูกพิษหนอนหิมะตัวนัน ทรมานแทบ
ขาดใจ หนาวมาก เนือตัวขาวซีดไปหมด นึกว่าต้องตายไปแล้วเสียอีก...
เจ้าตัวนันมันชือว่าเสียวเปาหรือเจ้าคะ?” 
 
“ใช่ ชือของมันเจ้าก็เปนคนตังให้ เจ้ามันเด็กประหลาด ริอ่านจะไปเล่น
กับเสียวเปา...เจ้านันไม่รู้ว่าเสียวเปาเกลียดมนุษย์นัก เดิมทีมันต้องอยู่
ในแดนนําแข็งทีเหนือขึนไปจากทีนีอีกไกลมาก แต่มีมนุษย์พยายามไป
ค้นหาสัตว์พิษในตํานาน ผีเสือนางฟาแม่ของเสียวเปานัน ให้กําเนิด
เสียวเปาทีแดนนําแข็งทางเหนือ มันถูกผู้มีอาคมชัวตามล่าตามทําร้าย 
จึงคาบลูกหนีตายผ่านมา มันหมดแรงบิน ตกลงไปตายในทะเลสาบตง
เหอ ก่อนตายมันปล่อยพิษทิงไว้ในทะเลสาบ นักพรตชัวไม่รู้ความ ลงไป
หวังจะได้ซากของผีเสือนางฟาไว้ในครอบครอง สุดท้ายก็ต้องแข็งตาย
อยู่ในทะเลตงเหอ...ส่วนเสียวเปานัน มันรู้เห็นทีแม่ถูกมนุษย์ไล่ล่า จึง
เกลียดชังมนุษย์ยิงนัก...ตอนทีเสียวเปาพลัดตกลงมา มันได้รับบาดเจ็บ
และได้เจอกับเจ้า จึงเข้าใจว่าเจ้าเปนศัตรู...” 
 
เพราะอย่างนีเอง... 
 
ฉินหยุนซีรับฟงอาจารย์แล้วก็สงสารเสียวเปายิงนัก... 
 
เพราะมนุษย์ไล่ล่า มันจึงต้องพรากจากแม่ของมัน ตกลงมาอยู่ทีนีแต่
เพียงผู้เดียว เสียวเปาคงเคียดแค้นมนุษย์มาก เพราะมนุษย์ทําให้มัน
ต้องโดดเดียว... 
 
“ทังผีเสือนางฟา หรือแม้แต่ผีเสือแห่งความตายซึงเปนคู่ปรับของมัน 
ต่างก็มีชะตากรรมทีน่าเศร้า...มนุษย์ต่างหวังใช้พิษร้ายแรงของมันเพือ
ผลประโยชน์ของตนเอง แย่งชิงความเปนใหญ่ เข่นฆ่าผู้อืน...เสียวเปา
เกลียดชังมนุษย์ไม่ใช่เรืองแปลก แต่ว่า มีมนุษย์อยู่ผู้หนึงทีมันให้ความ
สําคัญยิงนัก ก่อนทีมันจะกลายเปนดักแด้แล้วลงสู่ทะเลสาบตงเหอไป
เมือสิบปก่อน มันฝากให้ข้าบอกเจ้า...เมือใดทีเสียวซีจดจําเสียวเปา 
เสียวเปาอยากให้เสียวซีรู้ว่าเสียวเปารู้สึกผิดยิงนักทีเคยทําร้ายเสียวซี...
สําหรับเสียวเปาแล้ว เสียวซีก็เหมือนเพือน...เหมือนพีน้อง...ตลอดเวลา
ทีผ่านมา เสียวเปาคอยแอบมองดูเจ้าอยู่...มันอยากขอโทษ...อยากเปน
เพือนกับเจ้า แต่ไม่กล้าเข้าใกล้ เพราะกลัวว่าพิษของมันจะทําร้ายเจ้าอีก
...” 
 
“โธ่เสียวเปา...อาจารย์ ข้าจําได้แล้ว เสียวเปาเปนเพือนของข้า ข้าลืม
เสียวเปาไปได้อย่างไรกัน!” 
 
ความทรงจําของนางหลังไหลกลับคืนมา ราวกับประตูนําทีถูกเปดออก 
เสียวเปาก็คือหนอนหิมะอ้วนกลมตัวใหญ่ตัวนัน มันมีหน้าตาน่ารัก มีด
วงตากลมโตไร้เดียงสา นางเข้าไปหามันทีกําลังหวาดกลัวเพราะตกลงมา
จากทีสูง มันบาดเจ็บและเกลียดชังมนุษย์จึงทําร้ายนาง 
 
ฉินหยุนซีจําได้ทุกอย่าง ตอนนันนางถูกพิษหนอนหิมะเข้าไป เนือตัว
แข็งไปหมด นางนอนรอความตายอยู่ ร่างอ้วนกลมของเสียวเปาคอยๆ
คลานต้วมเตียมเข้ามาดูนาง 
 
“ป ปๆ” 
 
“เจ้าเปนตัวอะไร หนอนหรือว่าก้อนหิมะ ตัวเจ้าขาวจัง นุ่มนิมหรือไม่นะ 
ข้าขอจับหน่อยได้หรือไม่...” เด็กน้อยไร้เดียงสา เจ็บปวดบางตายก็ยัง
ส่งยิมให้เพือนใหม่ ทังยังจับลําตัวอ้วนนุ่มนิมของมันเล่น 
 
“ป ปๆ” มันสะบัดตัวออกจากมือน้อยๆของเสียวซี พยายามจะคลานหนี 
แต่แล้วก็ได้ยินเสียงเล็กๆตามมา 
 
“เสียวเปา ข้าตังชือให้เจ้าว่าเสียวเปานะ เจ้าน่ารักมากเลย ข้า...ข้าอยาก
เล่น...กับเจ้า...” 
 
ตุบ!! 
 
ฉินหยุนซีหมดสติไป มีเสียงผีเท้าคนเข้ามา นันคือซือต้าหยุนเหนียง
เสียวเปารีบคลานไปหลบซ่อน แต่ก็ยังไม่พ้นสายตาของซือต้าหยุน
เหนียง 
 
เสียวเปาเฝามองดูเสียวซีทีทรมานเพราะพิษของมัน จนกลายเปนความ
ผูกพันไปโดยไม่รู้ตัว เมือนางหาย มันไม่กล้าเข้าใกล้เพราะคิดว่านาง
เกลียดชัง หนอนหิมะพลัดถินเสียใจทีทําร้ายเด็กน้อยน่ารักอย่างเสียวซี 
เมือมันจะกลายร่างเปนดักแด้จึงฝากความในใจ ทิงไว้กับซือต้าหยุน
เหนียง 
 
“เสียวซี ฟงอาจารย์ให้ดี บัดนีมีคนผู้หนึง คิดการใหญ่ จะใช้พิษของ
หนอนปศาจทําลายกองทัพหลีต้าของท่านอ๋องสาม...หากทัพหลีต้าแตก
พ่าย เหล่าประชาชนหลีต้า ผู้คนมากมายจะต้องพบกับภัยพิบัติใหญ่
หลวง เลือดหงส์ฟาของเจ้าก็ไม่อาจพอเพียงจะช่วยผู้คนเหล่านันได้...ที
อาจารย์เรียกเจ้ากลับมา เพราะเจ้านันมีชะตาผูกพันอยู่กับเสียวเปา เสียว
เปาเปนดักแด้ฝงตัวอยู่ใต้ทะเลสาบตงเหอ ไม่มีผู้ใดสามารถปลุกให้มัน
ตืนขึนมาก่อนเวลาได้...แต่หากเจ้าใช้จิตของหงส์ฟามอบพลังชีวิตและ
โลหิตให้เสียวเปา เสียวเปาก็อาจจะสามารถลอกคราบได้ก่อนครบวาระ...
หากเสียวเปาลอกคราบกลายเปนผีเสือนางฟาได้ทันการณ์ ชาวหลีต้าทัง
ปวงจะพ้นภัยพิบัติ ท่านอ๋องสามก็จะปลอดภัย...แต่ตัวเจ้ากับลูกนัน...” 
 
ซือต้าหยุนเหนียงไม่อาจกล่าวต่อได้ ทว่าฉินหยุนซีนางพอจะเข้าใจ... 
 
ต้องดํานําลงไปในทะเลตงเหอทีหนาวเย็น ต้องใช้จิตหงส์ฟาและโลหิต
ปลุกเสียวเปา...นางอาจจะขาดใจตายก่อนทําภารกิจสําเร็จก็เปนได้... 
 
หากนางตาย ลูกของนางก็จะต้องตายด้วย... 
 
แต่หากไม่ลองเสียงแล้ว ท่านอ๋องสาม...ท่านพ่อ รวมทังชาวเมืองหลีต้า
จะต้องพบกับภัยพิบัติครังใหญ่ 
 
ต้องเปนฝมือจ้าวหมิงเปนแน่ นางช่างชัวร้าย อํามหิต นางปศาจจ้าวหมิง 
ข้าหวังว่าเจ้าจะตายใต้คมกระบีของท่านอ๋องสามในเร็ววัน!! 
 
“ยังมีเวลาเหลืออยู่เล็กน้อย เจ้าลองคิดดูเถิดนะเสียวซี เจ้าจะเลือกทาง
ใด...อาจารย์ได้พูดสิงทีควรพูดไปหมดแล้ว เหลือก็แต่เจ้าจะตัดสินใจ...” 
 
“เจ้าค่ะ อาจารย์ ศิษย์เข้าใจ...อาจารย์เจ้าขา ขอกระดาษกับพู่กันได้ไหม
เจ้าคะ ศิษย์อยากเขียนจดหมายเจ้าค่ะ” 
 
นางบอกกับอาจารย์ ใบหน้าหวานยามนีช่างเศร้าสร้อย หม่นหมอง 
 
ฉินหยุนซีเอ๋ยฉินหยุนซี...อายุสิบเจ็ดปเท่านัน เพิงได้รู้จักความรักทีแท้
จริง กําลังจะได้ลิมรสชาติการเปนแม่...ยังมิได้พบทังท่านอ๋องผู้เปนทีรัก
และหน้าของลูกทีอยู่ในครรภ์ นางและลูกก็จะต้องตายเสียแล้วหรือ... 
 
ท่านอ๋องข้าเคยสัญญาจะรอท่าน...แต่คงรอมิได้แล้ว... 
 
ฉินหยุนซีเขียนจดหมายถึงสามีพลาง ใช้ผ้าแพรของท่านอ๋องซับนําตา 
หารู้ไม่ว่าทีด้านนอกข้างกับผนังห้องของนางนัน มีร่างสูงใหญ่ของเหอ
ตงนังกอดอก นิวหน้า รับฟงเรืองอย่างเงียบเชียบ 
 
เปนนานองครักษ์หนุ่มจึงลุกขึนยืนอีกครัง ตาเรียวดําใหญ่ชันเดียวดุดัน 
เคร่งเครียด 
 
“จ้าวหมิง ข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้!!” 
 
47.ละอองพิษ 
 
ขณะเดียวกัน แม่ทัพอู่ฮันทีด่านชายแดนก็ได้รับรายงานข่าวอันน่าตกใจ
ยิง ว่าจ้าวหมิงนันนางได้คลุ้มคลังเสียสติไปแล้ว 
 
“เรียนท่านแม่ทัพ มีรายงานข่าวมาจากเมืองหลวง จ้าวหมิงทดสอบพิษ
กับผู้คนไปทัว ตอนนีผู้คนล้มตายเปนใบไม้ร่วง ฮ่องเต้สินพระชนม์แล้ว
ส่วนองค์ชายลู่เจียนหานก็โดนพิษ แต่หายตัวไปขอรับ!!” 
 
“บัดซบ!! จ้าวหมิงบ้าไปแล้วหรืออย่างไร ส่งทหารไปจับตัวนาง ข้าจะ
ประหารให้สิน!!” 
 
“ขอรับท่านแม่ทัพ!!” 
 
ทหารรายงานยังไม่ทันได้ออกไป ก็มีอีกสองคนวิงเข้ามารายงานอย่าง
เร่งด่วน 
 
“เรียนท่านแม่ทัพ ท่านอ๋องแห่งลัวปาและองค์หญิงจ้าวหมิง มาขอพบ
ท่านแม่ทัพทีหน้าค่ายขอรับ!!” 
 
“อะไรนะ พวกมันกล้ามาให้ข้าตัดหัวถึงทีเชียวรึ” แม่ทัพอู่ฮันหรีตาเล็ก
ยิบหยีของตนเองพลางครุ่นคิด จ้าวหมิงนางช่างร้ายกาจนัก ขนาด
ฮ่องเต้ยังถูกนางฆ่าได้ ตอนนีนางยังกล้ามาหาเขาถึงที นางมีแผนอะไร
กันแน่!! 
 
เขาออกไปพบกับจ้าวหมิงและบิดาของนาง จ้าวหมิงเปนสตรีทีบ้าดี
เดือด ร้ายกาจยิงนัก อู่ฮันระมัดระวังนางในทุกฝก้าวก็ว่าได้ 
 
“เจ้าต้องการพบข้า มีธุระอะไร หรือต้องการมามอบตัวรับโทษประหาร
ถึงที” 
 
“มิได้ท่านแม่ทัพ ตอนนีวังหลวงของแคว้นเย่ล่มสลายแล้ว พวกขุนนาง
หนีตายกันกระเจิง ฮ่องเต้กับองค์ชายลู่เจียนหานล้วนตายเพราะพิษ
หนอนปศาจของข้า” 
 
“เจ้าช่างสามหาวนัก คิดว่าข้าจะกลัวพิษของเจ้ารึ!!” 
 
“ถ้ามิกลัว เช่นนันก็ก้าวเข้ามาใกล้ๆข้าสิ” นางยิมยัวท้าทาย แววตาโหด
เหียมอํามหิตสุดประมาณ อู่ฮันไม่เคยเห็นสตรีใดน่าสะพรึงกลัวเช่นนีมา
ก่อน 
 
นางฆ่าฮ่องเต้ไปทังองค์ กลับยังกล้ามายัวโมโหเขาถึงทีหน้ากองทัพ! 
 
“อย่ามาสังข้า ทหาร จับตัวนางและอ๋องแห่งลัวปาเอาไว้!!” อู่ฮันหันไป
สังทหาร แต่ซ่งชางไม่ยินยอมให้ใครแตะต้องนายทังสองของตนเอง 
การต่อสู้จึงเกิดขึน ทว่าก่อนทีซ่งชางจะเพลียงพลําเพราะกําลังน้อยกว่า 
จ้าวหมิงก็หยิบห่อผ้าขึนมา ชูขึนสูง ประกาศก้อง 
 
“นีคือพิษหนอนปศาจทีข้าพัฒนาขึนมาให้มีอานุภาพสูงสุด แม้สูดเข้าไป
เพียงน้อยนิด ก็จะต้องทรมานจนตายภายในหกชัวยาม ไร้ยาแก้ ไร้ทาง
รอด ตอนนีข้ายืนอยู่เหนือลม ใครกล้าเข้ามา ข้าจะปล่อยผงพิษกระจาย
ไปให้ทัว พวกเจ้าจะได้ตายพร้อมกับทัพทหารทังหมดของหลีต้าทีอยู่ใต้
ลมนัน!!” 
 
อู่ฮันและทหารทังแสนสามหมืนถึงกับผวาเฮือก ต่างโกรธแค้น แต่ไม่
สามารถทําอะไรนางได้ พิษของนางน่าสะพรึงกลัว เหมือนฝนร้ายของทุก
คนไปแล้ว 
 
“เจ้า...เจ้าเสียสติไปแล้ว เจ้าจะฆ่าพวกเราด้วยเหตุใด พวกเราเปน
พันธมิตรต่อกันมิใช่รึ” แม่ทัพพยายามเจรจากับนาง แต่จ้าวหมิงนันเสีย
สติไปจริงๆ 
 
“พันธมิตรรึ พวกเจ้ามันก็เหมือนพวกหลีต้า ดูหมินเหยียดหยามพวกเรา 
เห็นว่าพวกเราเปนแค่เผ่าคนปาไร้ค่า...ตอนนีข้าจะให้พวกเจ้าได้ลิม
รสชาติของความหวาดกลัวทีมาจากมือคนปาอย่างข้า จงตายไปกันให้
หมด ตายไปพร้อมกับทหารทัพหลีต้าทีพวกเจ้าเกลียดชังนันละ!!” 
 
“จ้าวหมิง อย่า!!!” 
 
แม่ทัพอู่ฮันร้องห้ามปรามนาง ทว่าไม่ทันเสียแล้ว พริบตานันผงพิษ
หนอนปศาจทีเปนละอองบางเบาทว่าทรงอานุภาพนัก ปลิวกระจายฟุง
ไปตามแรงลม ไกลออกไป ไกลออกไป ราวกับจะไม่รู้จักสินสุด 
 
กองทหารนับแสนแม้แต่แม่ทัพอู่ฮันเองก็ถึงกับทิงกระบีคู่กาย ทรุดลงไป
ร้องครางโอดโอยด้วยความเจ็บปวดจากฤทธิเผาไหม้ 
 
“พิษหนอนปศาจช่างอัศจรรย์นัก...สมแล้วทีเปนสัตว์ในตํานาน...” ซ่ง
ชางเอ่ย หากก็อดสงสารเวทนาผู้คนมากมายทีต้องมาตายเกลือนมิได้ 
 
แคว้นเย่ล่มสลายลงก็เพราะพิษของจ้าวหมิง แคว้นหลีต้าเองก็คงไม่ต่าง
กัน ตอนนีพิษกระจายเข้าไป ถึงอาณาเขตทีตังทัพหลีต้าแล้ว!! 
 
อีกทางหนึงนัน ทีปาเหมยข้างทะสาบตงเหอ ฉินหยุนซีพลันต้องหยุด
เท้าทีกําลังก้าวลงทะเลสาบไว้ก่อน เมือได้ยินเสียงม้าร้อง 
 
ฉินหยุนซีโผล่หน้าผ่านกอดอกเหมยขึนมามอง เห็นรถม้าคันหนึงจอด
อยู่กลางปาเหมย ไร้คนขับ แต่ม้าทังสองตัวนัน พอเห็นนางก็หยุดส่ง
เสียงร้องในทันที 
 
ฉินหยุนซีก้าวเข้ามาทีรถม้า พอเปดผ้าคลุมก็แลเห็นร่างสูงใหญ่ทีอยู่
ภายใน 
 
“องค์ชายลู่เจียนหาน!!” 
 
แค่กๆ 
 
องค์ชายลู่เจียนหานไอออกมาเปนโลหิตสีดํา ภายในร่างของเขาถูกพิษ
หนอนปศาจเล่นงานจนยําแย่ เขาคงถูกพิษมาหลายชัวยามแล้ว 
 
“พระชายา...ไม่คิดเลยว่าจะได้พบท่าน...นีมันเหลือเชือจริงๆ..” เขา
พึมพํา แทบไม่เหลือแรงแล้ว หนอนปศาจกัดกินร่างกายเขา ส่วนองค
รักษ์ฉีนัน ล้มลงไประหว่างทาง ม้าทังสองตัวพาเขาวิงเตลิดมาไม่รู้
ทิศทาง ด้วยความเร็วเต็มฝเท้าของมัน ไม่น่าเชือว่าพวกมันจะพาเขามา
หาฉินหยุนซี 
 
นางอยู่ในปาดอกเหมยแห่งนี มิได้อยู่ทีวังหลวงของหลีต้าอย่างทีเขา
เข้าใจแต่แรก... 
 
“องค์ชาย ท่านถูกพิษได้อย่างไร ท่านมิใช่เปนพวกเดียวกับจ้าวหมิงหรอ
กรึ?” ฉินหยุนซีประหลาดใจยิงนัก อดสงสารเขาไม่ได้ อย่างไรเสียนางก็
ไม่สามารถทนเห็นคนตายต่อหน้าได้จริงๆ 
 
“จ้าวหมิงนางเสียสติไปแล้ว...นางทดลองพิษอย่างบ้าคลัง นางพัฒนา
พิษให้ทรงพลังทําลาย สามารถแพร่กระจายไปได้ในอากาศ นางฆ่าคน
ไม่เว้นแม้แต่เด็กตัวเล็กๆ ข้าทนไม่ได้ไปห้ามนาง จึงถูกนางเล่นงาน 
องครักษ์ของข้าก็ถูกพิษ ตายไประหว่างทาง เดิมทีข้าตังใจจะไปขอให้
เจ้าช่วยทีเมืองหลวงของหลีต้า แต่ไม่รู้ทําไม ม้าสองตัวนีจึงพาข้ามาทีนี..
.พวกมันคงรู้ว่าเจ้าอยู่นี ถ้าต้องไปถึงวังอ๋องสาม...ข้าคงรอไม่ไหว...” 
 
องค์ชายลู่เจียนหานไอออกมาเปนเลือดสีดําอีกมากมาย ฉินหยุนซีไม่
อาจรอช้า นางใช้ปนปกผมแทงมือตนเอง รีบให้เขาดืมเลือดจากมือของ
นาง 
 
ลู่เจียนหานถึงกับอึง มองนางด้วยความซาบซึงใจ เขาเองมิได้หวังว่าจะ
พบนางแล้วด้วยซํา ถึงพบก็ยังคิดว่านางคงไม่ยอมรักษาเปนแน่ ทว่านาง
นันกลับมีนําใจสูงส่งยิง สมกับใบหน้าทีงามราวเทพธิดา 
 
ไม่ช้าพิษในกายของลู่เจียนหานก็ค่อยๆสลายไป เขากลับมาเปนปกติอีก
ครัง นันทําให้ฉินหยุนซีพึงพอใจมาก 
 
“ท่านหายแล้ว รีบไปเถิด ข้าเองก็มีธุระสําคัญต้องรีบทําก่อนจะไม่ทัน
การณ์...ลาก่อนเพคะองค์ชาย” 
 
“เจ้าจะไปไหนรึเสียวซี เดียวสิ ข้ายังมิได้ขอบใจเจ้าเลย” 
 
“ไม่จําเปน ท่านปลอดภัยก็ดีแล้ว...ข้าอยากให้ท่านจดจําไว้ ชีวิตใครใคร
ก็รัก การทําสงครามขยายดินแดนมีแต่จะทําให้ผู้คนล้มตาย เสียหายทัง
สองฝาย ถ้าเปนไปได้ ท่านควรจะหยุดซะ แล้วหันมาจับมือเปนพันธมิตร
กับหลีต้า สร้างแผ่นดินให้ร่มเย็นเปนสุขจะดีกว่า” 
 
“เสียวซี...” 
 
นางจะเดินกลับไปทีทะเลสาบ เขาเรียกนางไว้ ฉินหยุนซีหันกลับมามอง
และส่งยิมให้ลู่เจียนหานก่อนจะโดดลงนําไปต่อหน้าต่อตาเขา 
 
“เสียวซี เจ้าทําอะไร เสียวซี!!” 
 
ลู่เจียนหานกระโดดนําตามลงไปหมายจะช่วยฉินหยุนซี แต่ดํานําควาน
หาเพียงใดก็ไม่พบนาง ฉินหยุนซีหายไป เขามองไม่เห็นนางเลย 
 
เกิดอะไรขึน เหตุใดจึงเปนเช่นนี แล้วนําในทะเลสาบตงเหอเหตุใดจึง
หนาวเย็นจับขัว!! 
 
ก่อนทีลู่เจียนหานจะหนาวตายในทะเลสาบ พลันก็มีคนเข้ามาดึงเขาขึน
จากนําแล้วพาไปเปลียนชุดทีเปยกปอนออก ให้กลับมาสวมใส่เสือผ้าที
อบอุ่น คนผู้นันก็คือซือต้าหยุนเหนียงอาจารย์ของฉินหยุนซีนันเอง 
 
นางช่วยเหลือเขาและนําชาอุ่นๆมาให้ดืม ระหว่างนันเจ้าตัวก็นังมองไปที
ทะเลสาบตงเหอ ด้วยแววตาหม่นเศร้า 
 
“ท่าน...ท่านคือซือต้าหยุนเหนียง อาจารย์ของเสียวซีรึ?” องค์ชายลู่เจีย
นหานติดตามเรืองของฉินหยุนซีมาก่อนแล้วเช่นกัน ไม่นึกเลยว่าวันนีจะ
ได้มาพบกับนาง...ซือต้นหยุนเหนียงก็เปนเหมือนหญิงชราธรรมดา แต่
ดูสงบเสงียม มีความรอบรู้บางอย่างทีองค์ชายเองก็ไม่อาจเข้าใจ 
 
“ข้าเอง ท่านรู้จักข้าด้วยรึ?” 
 
“ข้าเคยได้ยินชือท่าน...ว่ากันว่าท่านเปนดุจเซียน อาศัยอยู่ทีนี” 
 
“ข้าก็เปนแค่หญิงชราทีชอบความสันโดษ เงียบสงบ ไม่มีอะไรแปลก
ประหลาดทีใดเลย...” 
 
“เหตุใดท่านจึงไม่ตามลงไปช่วยเสียวซี ท่านก็เห็นมิใช่รึ นางดํานําหาย
ไปใต้ทะเลสาบตงเหอ ปานนียังไม่โผล่ขึนมา นางจะฆ่าตัวตายรึ?” ลู่เจีย
นหานเปนห่วงฉินหยุนซี นางมีนําใจต่อเขา ยังไม่มีโอกาสได้ตอบแทน 
แล้วเหตุใด นางมาด่วนตัดช่องน้อยไปทังอย่างนีเล่า 
 
ซือต้าหยุนเหนียงก็ช่างกระไร...ไม่อาทรร้อนใจทีลูกศิษย์หายไปสักนิด!! 
 
“นางไปทําหน้าทีของนาง...หงส์ฟาของหลีต้าก็ต้องปกปองหลีต้า...ไม่สิ 
ต้องปกปองสรรพชีวิตต่างหาก” 
 
“ท่านหมายความว่าอย่างไร...?” 
 
ลู่เจียนหานให้ฉงนยิงนัก ซือต้าหยุนเหนียงหมายความว่ากระไร เกิด
อะไรขึนกับชาวหลีต้า 
 
หรือว่าทัพหลีต้าของหลีเหยียนฟง ถูกผงละอองพิษหนอนปศาจของจ้าว
หมิงเล่นงานเสียแล้ว!! 
 
48.แสงสว่างท่ามกลางความมืด 
 
เสียวเปาเจ้าอยู่ทีใด... 
 
ฉินหยุนซีกําหนดจิตดํานําลึกสุดหยังของทะเลสาบตงเหอทีหนาวเย็น
ลงไป ใช้หยกหงส์ฟาของอาจารย์คุ้มครองกาย ภายใต้ความมืดมิดนางมี
เพียงจิตทีเข้มแข็งของหงส์ฟาเปนเกราะคุ้มกาย รัศมีสีแดงเรือรอบร่าง
ทําให้สามารถทนทานอยู่ใต้นําลึกได้ ท่ามกลางความมืดมิดนัน นาง
กวาดตามองหา ร้องเรียกเสียวเปา 
 
“เสียวเปา ข้ามาขอความช่วยเหลือจากเจ้า ข้ารู้ว่าเสียวเปาเกลียดชัง
มนุษย์...เจ้าต้องพลัดจากทีอยู่มาอาศัยอยู่ทีนีแทน เจ้าต้องพรากจากแม่
ของเจ้า...แต่ว่าเสียวเปา หนอนปศาจคู่ปรับของเจ้ากําลังแพร่พิษร้าย
ทําลายผู้คน โลกนีไม่มีผีเสือนางฟาอีกแล้ว เหลือแต่เจ้าเท่านัน...เสียว
เปาจะช่วยข้าทําลายพิษหนอนปศาจ ช่วยมนุษย์ทีเจ้าเกลียดชังได้หรือ
ไม่ พวกเขา...มีพ่อ มีสามีของข้า...มีประชาชนผู้บริสุทธิ...” 
 
ฉินหยุนซีหลังนําตา ใช้ปนแทงข้อมือตนเอง โลหิตของนางหลังไหลพรู
ออกมาเปนสายสีแดงเรือ พุ่งไปรวมอยู่ยังจุดหนึง 
 
หมุนวงล้อมอยู่รอบๆก้อนนําแข็งขนาดใหญ่ทีดูดซับโลหิตของนาง
เข้าไปจนมันเปลียนสีจากขาวกลายเปนแดง เข้มขึน เข้มขึน... 
 
ฉินหยุนซีจ้องมองด้วยความหวัง แม้เสียเลือดและพลังชีวิตไปมากมาย 
แต่ยังคงมีจิตใจทีเข้มแข็งมุ่งมัน 
 
นางจะไม่ยอมแพ้ จนกว่าเสียวเปาจะสามารถลอกคราบได้!! 
 
ป 
 
เหมือนมีเสียงร้องเตือนนาง ดังแว่วมาจากเจ้าก้อนนําแข็งสีแดงนัน ทว่า
ฉินหยุนซีมิได้ขาดสมาธิ นางยังคงมุ่งมัน ปล่อยโลหิตหลังไหลออกจาก
ร่างไม่ขาดสาย 
 
“เสียวเปา ข้ากับลูก จะมอบชีวิตให้เจ้า เปนผีเสือนางฟาเถิด เปนตัวแทน
ของเรา ได้โปรด...ช่วยเหลือทุกคนด้วย...อึก!!” 
 
ครืน!!!! 
 
ท้องนําในทะเลสาบพลันปนปวน ไม่อาจสงบนิงอยู่ได้ดังเดิมอีกต่อไป 
สัตว์ขนาดมหึมาหมุนกาย กรีดร้องเสียงดังก้อง คลืนนําแตกออกจาก
กัน ก้อนนําแข็งสีแดงมหึมาทีใต้ทะเลสาบก็ปริแตกออกเช่นกัน 
 
ฉินหยุนซีทีสินแรงไม่เหลือแล้ว กําลังจะหมดสติลง ภาพสุดท้ายทีนาง
เห็นก่อนจะปดเปลือกตาก็คือ ปกสีขาวบริสุทธิขนาดมหึมาทีแสน
บอบบาง เคลือบด้วยละอองผงหิมะ ยามต้องประกายแสงพริบพราว
ราวกับเกล็ดรุ้ง 
 
ผีเสือนางฟา!!! 
 
เสียวเปาลอกคราบสําเร็จแล้ว!!! 
 
“ปๆๆ!!” 
 
เสียวเปาใช้ปากนุ่มๆของมันงับร่างของฉินหยุนซี โยนขึนไปบนฟา 
กระพือปกบินตามขึนไป รับร่างของนางให้ตกลงมาบนหลังอันอ่อนนุ่ม
มหึมาของมัน 
 
ฉินหยุนซีนันนางหมดสติไปแล้ว ทว่าเสียวเปานันมีสัญชาตญาณรับรู้ได้
ถึงกลินทีมันเกลียดชัง ล่องลอยมาจากทางชายแดนแคว้นเย่และหลีต้า 
 
เสียวเปาได้ยินทุกคําทีฉินหยุนซีขอร้อง พลังและเลือดของหงส์ฟาช่วย
ให้เสียวเปากลายร่างเปนผีเสือนางฟาทีสมบูรณ์ 
 
ผีเสือนางฟาตัวมหึมาทีรักสงบ ไม่ชอบยุ่งวุ่นวายกับผู้ใด บัดนีได้โผบิน
ทะยานขึนสู่ท้องฟาด้วยความเร็วราวสายลมพัด 
 
ตลอดทางทีผีเสือนางฟา สัตว์ในตํานานโบราณโบยบินผ่าน ผู้คนล้วน
ตืนเต้น ประหลาดใจ พากันมุงดูความสวยงามของมัน เด็กน้อยมากมาย
ล้วนชีชวนกันจ้องมองเสียวเปาและเสียวซีด้วยความสนใจ 
 
เสียวเปามองผู้คน มนุษย์ทีมันเคยเกลียดชัง มนุษย์ทีโหดร้าย แต่มิใช่
ทังหมด...เสียวซีมิใช่คนพวกนัน และเด็กๆทีมันพบเจอก็มิใช่เช่นนัน 
 
เสียวซีเปนเพือน...นางคงจําไม่ได้ ตอนนันเสียวเปาตกลงมาจากฟา
เพราะแม่ตาย เสียวเปาบาดเจ็บ เสียวซีถูกเสียวเปาทําร้ายแต่ก็ยังหวังดี
ช่วยเสียวเปา...เสียวซีช่วยเหลือผู้คนและสัตว์ปาอยู่เสมอ...แล้วเช่นนี
เสียวเปาจะไม่ช่วยเหลือเสียวซีได้อย่างไร... 
 
เสียวเปารู้ดี การลอกคราบก่อนกําหนดจะทําให้มันไม่สามารถมีชีวิตอยู่
ได้ยาวนานครบอายุขัย...ทว่านันไม่สําคัญ ชีวิตจะยาวนานหรือสันเพียง
เสียวลมหายใจ ขอแค่ได้ทําในสิงทีถูกต้อง เสียวเปายอมตายเพือเสียวซี
... 
 
ผีเสือนางฟาโบกบินกระพือปกเพิมแรงลม โปรยผงละอองสีขาวเหลือม
รุ้งประหนึงละอองหิมะสีรุ้ง มนุษย์ผู้ต้องพิษของหนอนปศาจสูดละออง
หิมะเข้าไปจะกลับมาฟนคืน ส่วนมนุษย์ผู้มิได้ต้องพิษจะรู้สึกสดชืนเมือ
ได้รับละอองของผีเสือนางฟา 
 
ทังงดงามและเมตตา...สมแล้วทีได้ชือว่าเปนนางฟา! 
 
ผีเสือยักษ์สีขาวโปรยละอองออกจากปกอันแสนงดงาม มันบินวนเวียน
ไปมาอยู่เหนือทัพหลีต้า จนแน่ใจแล้วว่าทุกคนปลอดภัยจึงบินต่อไปที
เมืองหลวงของแคว้นเย่ โปรยละอองหิมะ ถอนพิษร้ายของหนอนปศาจ
จนหมดสิน 
 
เสียวเปาเสร็จสินภารกิจ ระหว่างทีบินวกกลับมานัน เสียวเปาแลเห็น
มนุษย์ผู้หนึง มีรัศมีทีเหนือกว่าบุคคลธรรมดา พลันเสียวซีทีหลับอยู่
ตลอดเวลาก็ลืมตาขึน นางมองไปทีบุรุษผู้นัน ดวงตากลมโตวาวรืน 
นําตาของนางหยดรินถูกหลังนุ่มนิมของเสียวเปา 
 
“เสียวเปา...นัน...ท่านอ๋องสาม สามีของข้า ดูสิ เข้าช่างสง่างามนัก...
ขอบใจเจ้าทีช่วยเหลือเขา...ข้าทีใจทีสุดเลย...” 
 
เสียวซีกอดเสียวเปา นางกําลังจะหลับลงไปอีก อาจจะเปนการหลับชัว
กาล... 
 
พลันนันเสียวเปาตัดสินใจร่อนถลาลงสู่พืน เอนตัวให้เสียวซีตกลงไป
นอนบนพืนหญ้านุ่ม ต่อหน้าท่านอ๋องหลีเหยียนฟง กองทหารหลีต้า
และไกลออกไปก็คือเหล่าทหารของแคว้นเย่ 
 
“เสียวซี!!!” 
 
ท่านอ๋องวิงมาหาพระชายาด้วยความดีใจสุดขีด เขารวบร่างอ่อนระทวย
ของนางไว้ในอ้อมแขน รัดแน่น...ซุกใบหน้าลงไปแนบชิดกับใบหน้าขาว
ซีดของนาง 
 
กลินหอมเช่นนี ร่างนุ่มนิมเช่นนี ทีหลีเหยียนฟงฝนถึงทุกคืนวัน... 
 
ไม่มีทางทีเขาจะจําผิดพลาด ชายหนุ่มก้มลงไปซุกปลายจมูกและริม
ฝปากอุ่นของตนเองเข้ากับร่างนุ่มแต่เย็นจัดของนาง ความคิดถึงปานจะ
ขาดใจสินสุดลง ณ ตรงนี 
 
“เสียวซี!! เจ้าจริงๆด้วย เสียวซีของข้า!!” 
 
49.จุดจบของความโหดเหียม 
 
“เสียวซีจริงๆ ด้วย!! ในทีสุดข้าก็ได้พบเจ้า!!” 
 
“ท่าน...ท่านอ๋องสาม!” ฉินหยุนซีจดจําเสียงของเขาได้ ไออุ่นจากอ้อม
แขนของเขาก็เช่นกัน นางลืมตาหนักอึงอ่อนล้าขึนมองเขา พลันนําตาก็
ไหลพราก... 
 
นางไม่เหลือเรียวแรงแล้วก็ว่าได้ ก่อนตายได้พบท่านอ๋อง นีนับว่าเปน
วาสนาของนางโดยแท้ 
 
“ปๆ ๆ” 
 
เสียวเปากระพือปกพัดละอองหิมะใส่เสียวซีกับท่านอ๋องสามและองค์
ชายหก หิมะของเสียวเปานันเย็นสบายสดชืน ฉินหยุนซีรู้สึกราวกับได้
รับอาหารทิพย์บํารุงร่างกาย ความเหนือยล้าจางหาย ลมหายใจกลับมา
เปนปกติ 
 
“เสียวเปา เจ้าช่วยข้ารึ?” 
 
“ปๆ” ผีเสือยักษ์ ตัวอ้วนกลมน่ารักผงกหัวหงึกๆ มันสามารถเข้าใจทุก
อย่างทีมนุษย์พูด 
 
“เสียวเปา เจ้าช่างใจดีนัก ยอมลอกคราบเพือข้า ช่วยเหลือทุกคน...ทัง
ยังช่วยรักษาข้าอีก...สมชือเจ้ายิงนักผีเสือนางฟาของข้า...” 
 
“ปๆ” 
 
ใช่แล้ว เสียวเปาเปนผีเสือนางฟาของเสียวซี! 
 
ฉินหยุนซียิม นําตาคลอ ทว่าพลันนันเสียวเปาก็ล้มลงนอนสินเรียวแรง
อยู่กับพืนต่อหน้านาง 
 
ฉินหยุนซีรู้ว่าเสียวเปาเหนือยมาก มันกําลังจะตาย... 
 
“เสียวเปา...ขอโทษนะ เปนเพราะข้าขอให้เจ้าทําสิงทีเกินตัว...เจ้าดืม
เลือดของข้าสิ เลือดของข้าอาจจะช่วยเจ้าได้...” ฉินหยุนซียืนมือนางไป
ทีเขียวเล็กๆ ของเสียวเปา แต่ผีเสือยักษ์มองนางตาปริบๆ 
 
มันไม่ปรารถนาจะดืมกินโลหิตของสหาย...สัตว์ในตํานานเช่นมัน ไม่
สมควรจะมีอยู่ในโลกใบนีอีกแล้ว... 
 
“เสียวเปา...เจ้าอย่าตายนะ เจ้าอยู่ต่อได้ไหม ข้ามียาทิพย์อยู่อีกเม็ดหนึง 
ข้าจะให้เจ้านะ ยาทิพย์ของอาจารย์ต้องช่วยเจ้าได้แน่ๆ” ฉินหยุนซีนึก
ขึนได้ นางยังเหลือยาอีกหนึงเม็ด อาจารย์บอกว่าให้เก็บไว้ให้คนสําคัญ
ต่อนางจริงๆ เท่านัน ถึงเสียวเปามิใช่มนุษย์ แต่ก็เปนเพือนตัวสําคัญ
ของนาง นางกําหนดจิตตังสมาธิ ส่งเม็ดยาเข้าปากเจ้าผีเสือยักษ์ทีอ่อน
แรง 
 
ฉับพลันร่างใหญ่โตของเสียวเปาก็กลับหดเล็กลง จนเหลือแค่ขนาดเท่า
ฝามือ เสียวเปาอ่อนแรง การลดขนาดลงก็เพือช่วยรักษาชีวิตของมันเอา
ไว้นันเอง 
 
“เสียวเปาไม่ตายแล้ว ยาทิพย์ของข้าใช้ได้ เสียวเปา ต่อไปเราจะได้อยู่
ด้วยกันแล้วนะ” 
 
“ปๆ” 
 
มันตอบมา พริบตาก็กระพือปกบินวนไปมาร่าเริง ฉินหยุนซีถึงกับยิมทัง
นําตา 
 
“เสียวเปารอดแล้ว เสียวเปาเก่งทีสุด...โอ๊ะ นัน จ้าวหมิง!!” 
 
ท่านอ๋องหลีเหยียนฟงและทุกคน มองตามสายตาของฉินหยุนซีไป แล
เห็นจ้าวหมิง ท่านอ๋องลัวปาบิดาของนางและซ่งชางกําลังจะหนี ลัดเลาะ
ไปตามไหล่เขาทีสูงชัน หลีเหยียนฟงไม่รอช้า รีบตามขึนไปดักหน้าขวาง
ทางทังสาม ก่อนทีทหารของเขาจะตามเข้ามา รุมล้อมเอาไว้ 
 
“กลับหลีต้าไปรับโทษทีตนเองทําเอาไว้ซะจ้าวหมิง ครังนีเจ้าทําบาป
หนักหนายิงนัก หากไม่ลงโทษเจ้าให้สาสม เห็นทีว่าทัวหล้าคงไม่มีวัน
เปนสุขได้” 
 
“หลีเหยียนฟง เพราะพวกหลีต้าของเจ้าบังคับให้ข้าต้องทําเช่นนี...ถ้า
บิดาของเจ้าไม่ส่งคนมาทําลายเผ่าของเรา ข้าก็ไม่ต้องมาถูกพวกแคว้น
เย่กดหัว...ทังหมดมันเปนความผิดของพวกเจ้า!!” 
 
จ้าวหมิงไม่เคยสํานึก นางโทษแต่ผู้อืน ซํายังพยายามจะใช้ฝามือทีติด
พิษร้ายของนางเข้าทําร้ายหลีเหยียนฟง แต่วรยุทธของนางไม่อาจแตะ
ต้องเขาได้ ทังยังถูกซัดกลับจนกระอักเลือด 
 
ซ่งชางเห็นเจ้านายเพลียงพลํา จึงหมายลอบทําร้ายหลีเหยียนฟงเพือ
ช่วยจ้าวหมิง แต่ถูกท่านอ๋องหันมาซัดกระเด็น เสียหลักลอยไปกระแทก
ถูกจ้าวหมิงอย่างแรง พิษทีจ้าวหมิงเก็บติดตัวไว้หลายชนิดแตกออก ส่ง
กลินคละคลุ้งไปทัว 
 
“กรีด!!! ท่านพ่อข้าเจ็บ ท่านพ่อรีบหยิบยาถอนพิษให้ข้าเร็วเข้า โอ๊ย!!” 
 
นางดินทุรนทุราย เช่นเดียวกับซ่งชาง องครักษ์ผู้ภักดีต่อนางก็ร้อง
โอดโอยเจ็บปวดเพราะพิษของผู้เปนนาย แม้มิใช่พิษหนอนปศาจแต่ก็
รุนแรงถึงแก่ชีวิตได้ทังสิน 
 
ความจริงจ้าวหมิงมียาแก้พิษเหล่านีครบถ้วน ทว่านางดินทุรนทุรายจน
ขวดยาตกเกลือนกระจาย พิษบางชนิดเข้าตานางจนปวดแสบปวดร้อน 
เนือหนังไหม้พองเหมือนถูกไฟเผาไหม้ ทุกข์ทรมานยิงนัก 
 
“ลูกหญิง โธ่...พ่อไม่รู้เรืองพิษอะไรนีของเจ้าเลย พ่อจะช่วยเจ้าได้
อย่างไร...ท่านอ๋องสามได้โปรด ช่วยลูกข้าด้วย ท่านอ๋องสาม โปรดอภัย
ให้จ้าวหมิงด้วย...ฮือ...” 
 
อ๋องลัวปาทรงรักและตามใจจ้าวหมิงเสมอมา ถึงกับโขกศีรษะคํานับขอ
ความเมตตาจากหลีเหยียนฟง 
 
ทว่าชายหนุ่มส่ายหน้าช้าๆ ปรายตามองจ้าวหมิง ซ่งชาง และอ๋องแห่งลัว
ปาด้วยแววตาเย็นชา 
 
สมควรแล้วกับบาปกรรมทีพวกเจ้าก่อ ... 
 
“ทหาร จับทุกคนเอาไว้ ส่งตัวไปเมืองหลวงให้ฮ่องเต้ตัดสินโทษ ส่วนที
เหลือไปกับข้า วันนีเราจะเข้าไปเยือนพระราชวังของแคว้นเย่ ปกธง
แคว้นหลีต้าให้โบกสะบัด สินสุดการรบทียาวนาน บัดนีแคว้นเย่และหลี
ต้าเปนหนึงเดียวแล้ว!!” 
 
หลีเหยียนฟงกลับลงไปทีตีนเขา อุ้มฉินหยุนซีขึนม้าโลหิตมาด้วยกัน ลุย
ผ่านกองทัพนับแสนของแม่ทัพอู่ฮัน บุกตะลุยเข้าไปโดยไร้การต่อต้าน 
ด้วยเหล่าทหารและชาวเมืองต่างชืนชมบูชาเสียวเปา ผีเสือของฉินหยุนซี
ทีช่วยชีวิตพวกตน 
 
เมือเสียวเปาปรากฏกายเคียงคู่กับท่านอ๋องและฉินหยุนซี ชาวเมืองเย่
ต่างจดจํามันได้แม่นยํา แม้มันจะตัวเล็กลง ทุกคนต่างก้มคํานับด้วย
ความเลือมใสศรัทธา 
 
“ผีเสือเทพอยู่กับท่านอ๋องและพระชายา พวกท่านต้องเปนผู้ทีสวรรค์ส่ง
มา ทําให้ชาวเย่พ้นจากความยากลําบาก ท่านอ๋องและพระชายา ผีเสือ
เทวดา จงเจริญ!!!” 
 
“ผีเสือเทวดา จงเจริญ!!” 
 
เสียงแซ่ซ้องของชาวเมืองแผ่ไพศาลไปไกลแสนไกล ดังก้องกังวานทัว
พระราชวังนําแข็งของแคว้นเย่ แม่ทัพอู่ฮันและเหล่าทหารวางอาวุธยอม
จํานน จะสู้ต่อไปได้อย่างไร ในเมือฮ่องเต้และองค์ชายก็ตายเพราะมือ
จ้าวหมิงไปแล้ว ประชาชนและเหล่าทหารในแคว้นต่างก็นับถือศรัทธา
ผีเสือของฉินหยุนซี และทุกคนต่างรู้ว่า ฉินหยุนซีเปนเจ้าของผีเสือตัว
นัน... 
 
นางช่วยชีวิตของผู้คนจากพิษร้าย นางคือเทพธิดาผู้มาช่วยเหลือปวง
ประชาแม้ว่าจะเปนแคว้นศัตรูก็ตาม 
 
นีคือชัยชนะทียิงใหญ่กว่าใช้กําลังรบพุ่งฆ่าฟน ได้แผ่นดินแต่มิอาจได้
หัวใจ หรือจะสู้ได้หัวใจและได้แผ่นดินด้วย... 
 
ตลอดเวลาท่านอ๋องหลีเหยียนฟงกอดพระชายาไว้ในอ้อมแขน ไม่ยอม
ปล่อยให้ห่างกายเลยแม้สักครึงก้าว 
 
เมือเข้ายึดพระราชวังแคว้นเย่ได้ หลีเหยียนฟงได้สังให้ทหารหลีต้าเปด
คลังแจกเสบียงอาหารให้ประชาชนชาวเย่ผู้อดอยากยากแค้น ก่อนจะพา
พระชายาเดินทางกลับเมืองหลวง 
 
ระหว่างทีนังมาในรถม้าด้วยกันท่านอ๋องโอบพระชายามาตลอดทาง 
แม้ว่านางจะถอยหนีเพราะกลัวว่าเขาจะเมือย แต่หลีเหยียนฟงก็ปฏิเสธ
เด็ดขาด 
 
“ข้าไม่เปนไร มาให้ข้ากอดเถอะ ข้าคิดถึงเจ้ากับลูกยิงนัก” เอ่ยบอก
พลางเลือนฝามืออุ่นลูบหน้าท้องนูนโตของฉินหยุนซี 
 
“อีกสีเดือนก็จะได้เจอเขาแล้วเพคะ” นางรีบบอก ยิมสดใส 
 
“ข้าแทบรอไม่ไหว...ดีเหลือเกินทีจบศึกกับเย่ลงได้ ต้องทิงลูกเมียไว้ข้าง
หลัง รู้ไหม ตอนทีพิษหนอนปศาจของจ้าวหมิงแพร่กระจายมานัน...ข้า
คิดถึงเจ้ากับลูก เปนห่วงพวกเจ้าสองคนทีสุด...” 
 
“ท่านอ๋องคงลืมไปแล้ว เสียวซีไม่กลัวพิษหนอนปศาจ...” นางแย้งยิมๆ 
ทว่าเมือเขาตอบกลับมาก็ยิงยิมกว้างมากขึน 
 
“ถึงอย่างนันก็ห่วงอยู่ดี ไม่รู้ว่าท่านอ๋องน้อยในท้องเจ้าจะทําให้แม่
อ่อนแอลงมากน้อยเพียงใด” 
 
“แน้...ลูกยังไม่คลอดเลย ท่านรู้ได้อย่างไรว่าจะเปนท่านอ๋องน้อย อาจจะ
เปนองค์หญิงน้อยก็ได้ ใช่ไหมเสียวเปา?” 
 
“ป!” 
 
เสียวเปาตัวน้อยเกาะอยู่ขอบหน้าต่างรถม้า ขานรับเปนลูกคู่ ท่านอ๋อง
เหลียวไปมองเพือนรักตัวใหม่ของพระชายา เสียวเปาก็มองตอบเขาเช่น
กัน ต่างมองกันไปมา จนได้ยินเสียงฉินหยุนซีหัวเราะคิก 
 
“ท่านอ๋องทําอะไรเพคะ ทะเลาะกับเสียวเปาอยู่รึ?” 
 
“เสียวซี เจ้ายังไม่ได้เล่าให้ข้าฟงเลย เจ้าลงไปใต้ทะเลตงเหอได้อย่างไร 
ทําไมเสียวเปาจึงมาช่วยพวกเราได้ มันเกิดอะไรขึนบ้าง” ท่านอ๋องซัก
ถาม ดังนันฉินหยุนซีจึงเล่าเรืองทีนางได้จดหมายเรียกตัวจากอาจารย์ 
จึงต้องลงไปใต้ทะเลตงเหอ ขอร้องเสียวเปาให้ลอกคราบจนได้มาเจอ
เขาตรงนี 
 
เมือฟงเรืองของนางจบลง ท่านอ๋องหลีเหยียนฟงซึงนังหน้าเคร่งเครียด
มาตลอดก็มองไปทีเสียวเปาอีกครัง ทว่าครานีเขาเปดยิมอ่อนโยนส่งให้
ผีเสือนางฟาตัวน้อย 
 
เสียวเปาเพราะเจ้าช่วยเหลือแท้ๆ ข้าจึงไม่เสียเสียวซีและลูกไป... 
 
บัดนีข้าคือมังกรทียังมีหัวใจเหลืออยู่...หัวใจนีเพือลูกเมีย และเพือปวง
ประชา... 
 
“ขอบใจเจ้านักเสียวเปา เจ้าเปนสัตว์ แต่ก็ยังมีนําใจช่วยเหลือมนุษย์ ... 
เจ้านันสวยทังตัวและงามทังจิตใจ...” 
 
“ปๆ ๆ” 
 
เสียวเปาชอบใจคําชม เลยบินวนเปนวงกลมต่อหน้าท่านอ๋องหลายต่อ
หลายรอบ ฉินหยุนซีถึงกับหัวเราะ ตาหยี 
 
“เสียวเปาบอกว่า นางชอบท่านอ๋องแล้วเพคะ” 
 
“หืม เพิงชอบข้าเหรอ ไม่รู้อะไรเสียแล้วเสียวเปา เสียวซีเพือนรักของเจ้า 
นางหลงข้ามาตังนานแล้ว” 
 
“ท่านอ๋อง!!” ฉินหยุนซีจะต่อว่า ทีเขาช่างพูดให้นางอาย แต่ถูกท่านอ๋อง
ดึงเข้าไปจุมพิตอย่างโหยหา ด้วยความคิดถึงทีท่วมท้นเข้าเสียก่อน 
 
“ป!” 
 
เสียวเปาสะดุ้ง ร้องแล้วรีบบินหนีออกจากรถม้าของท่านอ๋อง เสียวเปา
ถึงเปนสัตว์ในตํานานแต่ก็เพิงเกิดมาเปนผีเสือนางฟาได้แค่วันเดียว
เท่านัน 
 
เสียวเปายังไร้เดียงสานัก ท่านอ๋องช่างหน้าไม่อาย กัดปากเสียวซีอยู่ได้ 
เดียวเสียวเปาก็เปาให้กลายเปนนําแข็งเสียเลย ฮึ!! 
 
“ป!!” 
 
ว่าแล้วก็บินปร๋อสูงขึนไป เห็นกองทัพหลีต้ามุ่งหน้าลงใต้กลับบ้าน เปน
แถวแนวยาวเหยียดไกลสุดลูกหูลูกตา 
 
เสียวเปาตาโตแปว โลกนีช่างเต็มไปด้วยสิงทีไม่เคยรู้เห็นและสวยงามยิง
นัก การอยู่ในร่างเล็กๆ ก็ดีเหมือน ไม่สะดุดตา สามารถบินไปไหนก็ได้
ไม่มีใครสนใจนัก 
 
“โอะ ผีเสือเทวดา ผีเสือวิเศษทีช่วยพวกเรา สวรรค์ส่งท่านมาโดยแท้ 
ขอบคุณท่านมาก” 
 
เสียวเปาตาโต หัวเราะปๆ ชอบอกชอบใจ บินว่อนไปทัว อวดโฉม กลาย
เปนขวัญใจของชาวประชาไม่แพ้ท่านอ๋องและพระชายาเลยทีเดียว 
 
50.เจิดจรัสท่ามกลางมหาชน 
 
ระหว่างทางนัน จู่ๆ ขบวนเสด็จของท่านอ๋องก็มีอันต้องสะดุดเพราะการ
มาถึงของบุรุษสองคน หนึงนันคือเหอตง ส่วนอีกหนึงนันคือบุคคลที
ไม่มีผู้ใดคาดคิด 
 
“องค์ชายลู่เจียนหาน!! ทหาร คุ้มกันท่านอ๋องและพระชายา!!” 
 
เหล่าทหารหน้าขบวนกรูกันเข้ามา ปดล้อมมิให้องค์ชายลู่เจียนหานเข้า
ถึงรถม้าของท่านอ๋องและพระชายา แต่เหอตงโบกมือเปนเชิงสังให้เปด
ทาง แล้วก้าวเข้ามาหยุดหน้ารถม้า เพือทูลรายงาน 
 
“ท่านอ๋อง พระชายา ข้าน้อยมาช้าไป ขอทรงโปรดอภัยด้วย” 
 
“อาตง เจ้าไม่เปนไรใช่หรือไม่?” หลีเหยียนฟงเปดผ้าม่านกันขึน พอ
เห็นเปนเหอตงก็ยิมด้วยความยินดี 
 
“ด้วยบารมีของท่านอ๋องและพระชายา ข้าน้อยปลอดภัยดี ระหว่างทาง 
ข้าน้อยพบกับองค์ชายลู่เจียนหาน องค์ชายประสงค์อยากพบกับท่าน
อ๋อง ทรงอยากให้สองแผ่นดินรวมเปนหนึงเดียว ขอให้ท่านอ๋องโปรด
เมตตาเหล่าพสกนิกรแคว้นเย่ให้เหมือนดังเปนชาวแคว้นหลีต้าด้วย...” 
 
หลีเหยียนฟงรับฟงเหอตง ก่อนมองเลยไปทีองค์ชายลู่เจียนหานทีอยู่
ไกลออกไป 
 
“ลู่เจียนหาน ท่านไม่ต้องกังวลไป ทัพของท่านก็ยังอยู่ ทุกคนยังอยู่ดี
ทังหมด ข้ามิได้ต้องการบุกเข้าไปทําลายล้าง ถ้าเจ้าไม่ติดว่าต้องเคารพ
พระบิดาข้า ต่อไปเราสองแคว้นจะไม่มีแบ่งแยก ทุกคนล้วนเปนราษฎร์
หลีต้า ช่วยเหลือเกือกูลกัน ส่วนเจ้าเองก็ตามพวกเรากลับหลีต้า ไปเข้า
เฝาฮ่องเต้ด้วยกันเถิด” 
 
“ขอบพระทัยท่านอ๋อง” ลู่เจียนหานยอมคํานับหลีเหยียนฟงอย่างหมด
ใจ ไม่ถือตัวอีกแล้วว่าตนเองนันเปนถึงเจ้าชาย มีศักดิและศรีเท่าเทียม
กัน 
 
ก่อนจะมาทีนี เขากับเหอตงก็ตามไปถึงในแคว้นเย่มาก่อนแล้ว ได้เห็น
แล้วว่าท่านอ๋องหลีเหยียนฟงนันเมตตาปรานีต่อประชากรแคว้นเย่ด้วยดี 
ไม่มีการกดขี เกณฑ์ไพร่พลเปนทาส ทุกคนยังคงอยู่กันอย่างปกติสุข 
แถมทังท่านอ๋องยังแจกเสบียงอาหารของหลีต้า ให้ชาวเมืองเย่ผู้
อดอยากขาดแคลนอาหารอีกด้วย 
 
แทบไม่มีประชาชนเศร้าทีต้องสูญเสียฮ่องเต้ไป...ทุกคนพูดถึงแต่ท่าน
อ๋อง ฉินหยุนซีและผีเสือนางฟากันทังสิน... 
 
ทรงมีนําประทัยเมตตาสมเปนดาวเทพมังกร มังกรผู้ยิงใหญ่ เปนทีรัก
ของปวงประชา... 
 
ลู่เจียนหาน ทึงในความเมตตาของท่านอ๋องสาม แต่ขณะเดียวกันก็เจ็บ
ปวดนัก พระบิดาของเขาสินทังคน แต่ประชาชนกลับสนใจน้อยเหลือ
เกิน 
 
“จัดรถม้าให้องค์ชายประทับ ดูแลและให้เกียรติองค์ชายลู่เจียนหาน 
เหมือนเช่นทีให้เกียรติต่อข้า” ท่านอ๋องรับสังกับเหล่าทหาร ส่วนเหอตง
นันรับหน้าทีขับรถม้าให้ท่านอ๋องเหมือนเช่นเดิม 
 
“กลับหลีต้ากันเถิด ยิงถึงเร็วเท่าใดก็ยิงดี พระชายาจะได้พักผ่อนให้
สบาย” หลีเหยียนฟงกล่าว พลางให้พระชายาเอนหลังลงมานอนหนุน
ตักเขา 
 
“อันทีจริง ตอนนีเสียวซีก็สบายอยู่แล้วนะเพคะ” นางล้อเลียน ยิมพราว
เจ้าเล่ห์ น่าเอ็นดูนัก 
 
“เช่นนันก็หลับซะ ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้ว” 
 
ฉินหยุนซีหลับตาลงอย่างผ่อนคลายแสนสบาย หลายวันมานีนาง
เหนือยจริงๆ เหนือยมาก...วันนีจะเปนวันแรกทีนางหลับได้เต็มอิม หลับ
ไปพร้อมกับความสุข 
 
ในทีสุดก็ได้พบท่านอ๋อง...นางจะไม่ยอมพรากจากเขาอีกแล้ว! 
 
ฉางซินกระวนกระวาย เดินไปมาแทบเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่ นางมาตัง
แถวรอรับขบวนทัพหลีต้ากลับคืนบ้าน หลังจากทีชนะสงคราม สามารถ
ทําให้แคว้นเย่ศัตรูตลอดกาลยอมศิโรราบ เปนส่วนหนึงของแผ่นดินหลี
ต้าได้อย่างน่าอัศจรรย์ 
 
ท่านอ๋องสามกลายเปนขวัญใจทีเลือมใสของปวงประชา ทุกคนต่างเฝา
รอได้ชมบารมีท่านอ๋องและพระชายา ทังสองพระองค์ต่างโดดเด่นกลาย
เปนจุดสนใจอยู่บนหลังของม้าโลหิตทีแสนสง่างาม มีผีเสือสีขาวบินวน
บ้าง เกาะทีไหล่ของพระชายาบ้าง ช่างแสนรู้และน่าเอ็นดูยิงนัก 
 
ทว่าสายตาของฉางซินมิได้มองไปทีคู่ดาวเด่น นางกลับสนใจมองแต่
องค์ชายหกซึงขีม้าตามหลังพีชายและพีสะใภ้เข้ามา ดีใจยิงทีเห็นเขา
ปลอดภัยดี ดูเหมือนว่าใบหน้างดงามของเขาจะแกร่งกล้าดูสมเปนชาย
ชาตรีขึนมากทีเดียว 
 
ฉางซินอยากโบกมือให้เขา แต่คิดว่าองค์ชายคงไม่เห็นนางเปนแน่ ผู้คน
เบียดเสียดยัดเยียดแน่นไปหมด แล้วก็จริงเสียด้วย เพราะเขาขีม้าเลยจุด
ทีนางยืนอยู่ไป 
 
หญิงสาวถึงกับหน้าเสีย สาวใช้พีเลียงต้องรีบปลอบแทบไม่ทัน 
 
“คุณหนูเจ้าคะ อย่าเสียใจไปเลย องค์ชายอาจจะไม่เห็นคุณหนู ก็ผู้คน
ออกมากมาย เดียวคุณหนูตามนายท่านเข้าวังไป อย่างไรก็ต้องได้เจอ
องค์ชายเพคะ” 
 
“อยากเจอข้ามากขนาดนันเลยรึซินซิน” 
 
“อยากเจอสิ...เอ๊ะ องค์ชายหก!!” 
 
ฉางซินยกชายเสือขึนมาปดปากตัวเอง จ้องมององค์ชายหลีลิวหลางที
โดดลงจากหลังม้า ย้อนกลับมาหานาง กลุ่มชาวบ้านแตกฮือ ต่างคํานับ
แสดงความเคารพองค์ชาย มีเพียงฉางซินทีจ้องหน้าเขา ตาโตปริมหยด
นําใสวาวรืน 
 
“อย่าร้องไห้นะฉางซิน เจ้าควรจะยิมสิ ข้ายังไม่ตาย” 
 
“ฮึก...ฮือ...” 
 
เขาอุตส่าห์ดักคอแล้วแท้ๆ แต่นางก็ยังร้องจนได้ มันเปนนําตาแห่งความ
ดีใจ ตังห้าเดือนทีนางไม่ได้เจอเขาเลย จะไม่ให้ร้องไห้ได้อย่างไรกัน 
 
“แล้วกัน ร้องไห้กลางถนนเช่นนี ไม่อายรึ เปนถึงลูกสาวท่านเสนาบดี
ฉางซือ เสียชือหมด” หลีลิวหลางพยายามขู่ให้นางหยุดรําไห้ 
 
“ไม่ต้องมาว่าเลย หม่อมฉันร้องไห้เพราะใครเล่า ไม่เคยตอบจดหมายสัก
ฉบับ ใจร้ายนัก” 
 
“ก็ข้า...ช่างเถอะๆ พรุ่งนีข้าจะมาหาพ่อเจ้า ฝากบอกท่านฉางซือด้วยก็
แล้วกัน” 
 
เขาบอกก่อนจะกลับไปขึนม้าแล้วเดินทางเข้าวังต่อไป ฉางซินมองตาม
หลีลิวหลางไปจนลับสายตา ไม่เข้าใจเลยว่าพรุ่งนีองค์ชายจะมีธุระอันใด
กับบิดาของนาง 
 
วันนีก็จะได้เจอกันในวังอยู่แล้วมิใช่รึ แล้วเหตุใดจึงไม่คุยกันให้รู้เรือง 
ต้องมาบ้านนางพรุ่งนีอีกทําไม 
 
แต่ก็ดี นางจะได้มีโอกาสพบกับเขาได้มากขึน พรุ่งนีต้องแต่งตัวสวยๆ 
ทําให้องค์ชายหกหลงเสน่ห์นางให้ได้เลยทีเดียว 
 
ฮ่องเต้หลีปาเทียนทรงดีพระทัยยิงนักกับการชนะศึก โดยไม่ต้องเสีย
เลือดเนือในครังนีของท่านอ๋องหลีเหยียนฟง ทรงตัดสินโทษประหารชีวิ
ตจ้าวหมิง ท่านอ๋องแห่งลัวปาและซ่งชาง ก่อนส่งมอบอํานาจการปก
ครองแคว้นเย่ให้กลับไปอยู่ใต้ปกครองขององค์ชายลู่เจียนหาน ตาม
คําขอร้องของท่านอ๋องหลีเหยียนฟง ทีประสงค์จะรวมแผ่นดินด้วยสันติ 
มิใช่การเข่นฆ่า 
 
“หม่อมฉันซาบซึงในพระกรุณาของฝาบาทและท่านอ๋องสามยิงนัก 
หม่อมฉันลู่เจียนหานขอสาบานต่อฟา จะไม่คิดคดทรยศ จะจงรักภักดี
ต่อฝาบาทและแผ่นดินหลีต้าตราบชัวลูกชัวหลาน ไม่คิดสร้างปญหาให้
หลีต้าอีกตลอดไป” 
 
“ดีมากองค์ชายลู่เจียนหาน ลุกขึนเถิด เชิญทําตัวตามสบาย” ฮ่องเต้
อนุญาตให้ลู่เจียนหานลุกขึนได้ ก่อนจะหันมาทางหลีเหยียนฟง ทรง
พระสรวลน้อยๆ มองเขาด้วยความภาคภูมิใจเปนล้นพ้น 
 
“อาฟง เจ้าไม่ทําให้พ่อผิดหวังจริงๆ ครังนีเจ้ามีความชอบใหญ่หลวง พ่อ
ไม่มอบรางวัลให้เจ้าคงไม่ได้แล้ว” 
 
“พะยะค่ะ” ท่านอ๋องสามคํานับ น้อมรับคําสังของพระบิดา 
 
“ประกาศไปทัวหล้า นับแต่นี องค์ชายสามหลีเหยียนฟงเปนรัชทายาท
สืบต่อจากข้า ส่วนรัชทายาทหลีอีนัน ให้ปลดจากตําแหน่ง คงไว้แต่
ตําแหน่งองค์ชาย” 
 
“เสด็จพ่อ! ท่านทําเช่นนีกับลูกไม่ได้นะพะยะค่ะ ลูกไม่ได้ทําผิดอันใด 
เหตุใดท่านจึงปลดลูกแล้วตังอาฟงแทน นีมันไม่ยุติธรรมเลยนะพะยะค่ะ
!!” 
 
องค์ชายหลีอีโวยวายขึนมาทันทีด้วยความผิดหวังอย่างรุนแรง สิงทีเขา
กลัวมาตลอดเปนจริงขึนมาแล้ว!! 
 
หลีเหยียนฟงเปนดาวมังกร ทีจะไม่ได้ครองบัลลังก์ เสด็จพ่อทําเหมือน
ใส่ใจคําทํานายนี แต่สุดท้ายก็ทรงแต่งตังมันจนได้!! 
 
“น้องสามของเจ้ามีความกล้าหาญ เปนทียอมรับไปทัว สร้างผลงาน
มากมาย ชือเสียงเลืองลือไกล แล้วดูเจ้าสิลูกอี เจ้ามีสิงใดเทียบกับน้อง
ได้บ้าง วันๆ ก็เอาแต่เกียวพาราสีเมียผู้อืน เคยคิดถึงชือเสียงของตนเอง
บ้างหรือไม่” 
 
“เสด็จพ่อ ข้ามิได้เกียวพาราสีเมียผู้อืน ใครกัน เอาเรืองน่าบัดสีมาใส่
ความข้า!!” 
 
“หลีอี!! เจ้าคิดว่าข้าหูหนวดตาบอด แก่แล้วจึงเลอะเลือน ตามความเจ้า
เล่ห์ของเจ้าไม่ทันรึ!!” ฮ่องเต้ตวาดกลับแรงกว่า ทําเอาองค์ชายหลีอีถึง
กับหน้าถอดสี ซีดเซียวไปหมด 
 
เสด็จพ่อทรงรู้...แต่ไม่ทรงเอ่ยถาม กลับทําให้เขายิงย่ามใจทําความผิด
หนักข้อขึน ช่วงทีฉินหยุนซีไม่อยู่ตําหนักไท้ฝู เขาเคยถึงกับไปรอนางใน
ตําหนักจนเปนข่าวลือกระฉ่อนไปทัว 
 
ต้องเปนพวกนางรับใช้ทีตําหนักไท้ฝู หากรู้ว่าพวกมันจะปากมากไปทัว 
สู้สังประหารให้เกลียงตําหนักไปเสียก็ดีแล้ว!! 
 
“ท่านพ่อทําเช่นนี เปนการขัดลิขิตฟา ท่านก็ทราบ หมอดูเทวะเคย
ทํานายเอาไว้ หลีเหยียนฟงคือมังกรทีจะไม่ได้ครองบัลลังก์ อย่างไรเขา
ก็เปนฮ่องเต้ต่อจากท่านไม่ได้ ฟาลิขิตชะตาเอาไว้แล้ว ท่านทําเช่นนี 
เท่ากับขัดลิขิตฟานะพะยะค่ะ!!” 
 
“ลิขิตฟาแล้วเช่นไร กะแค่หมอดูคนหนึง จะมาเหนือการตัดสินใจของข้า
ทีเปนโอรสสวรรค์ได้อย่างไร ข้าเลือกอาฟง สวรรค์ก็ต้องเลือกตามข้า!” 
 
ฮ่องเต้ประกาศก้อง ได้ยินถ้วนทัวในท้องพระโรง องค์ชายหกถึงกับยิม 
ยินดีแทนพีชายทีเขารัก เคารพ 
 
พีสามเหมาะสมแล้ว เหมาะสมทีสุด ท่านพ่อทําถูกต้องแล้ว! 
 
มาถึงตอนนี หลีอีก็พูดไม่ออกอีกต่อไป เขาได้แต่ยืนคอตก หน้าซีดสลด 
หมดสินความหวังใดๆ หากไม่มีพระมารดาแล้ว หลีอีก็คือองค์ชายทีถูก
เลียงมาดังไข่ในหิน ไม่มีความสามารถอะไรโดดเด่น เปนดุจดาวทีรอ
เวลาอับแสงแล้วหายไปจากท้องฟาเท่านัน 
 
ฉินเฉินลอบมองว่าทีลูกเขยทีเขาเคยหมายตาอย่างผิดหวัง มาถึงตอนนี 
เสนาบดีสูงวัยไม่ต้องการองค์ชายหลีอีอีกต่อไปแล้ว 
 
“ฉินเฉิน ตอนนี เจ้ายังจะต้องการให้ข้าจัดสมรสพระราชทานให้ลูกสาว
คนโตของเจ้ากับหลีอีอยู่อีกหรือไม่?” ฮ่องเต้หันมาถามฉินเฉิน แม้จะรู้
คําตอบดีอยู่แล้วก็ตาม 
 
“เอ่อ...กระหม่อมมิกล้า...มาคิดๆ ดูแล้ว องค์ชายฐานะสูงส่ง บุตรสาวก
ระหม่อมเปนแค่หญิงสาวธรรมดา คงไม่คู่ควรกับองค์ชายหรอกพะยะค่ะ
...” 
 
“เช่นนันรึ งันก็ตกลงตามนัน เรืองสัญญาแต่งงานทีเจ้าเคยขอไว้ เปน
อันยกเลิกไปแล้วกันนะ” 
 
“พะยะค่ะฝาบาท” 
 
ฉินเฉินน้อมรับ สถานการณ์พลิกกลับเช่นนีแล้ว จะให้อีชิงแต่งงานกับ
องค์ชายหลีอีไปก็ไม่เกิดประโยชน์อันใด ท่านอ๋องสามได้เปนรัชทายาท 
เสียวซีก็คือว่าทีฮองเฮาในอนาคต ในเมือเปนเช่นนี เขาก็ได้ในทุกสิงที
ต้องการอยู่แล้ว 
 
อีชิงคงไม่พอใจทีเรืองมากลายเปนแบบนี...แต่มันก็ช่วยไม่ได้ วาสนา
เปนเรืองเฉพาะของแต่ละคน เมือได้มาแค่นี อีชิงก็ควรต้องทําใจยอมรับ
... 
 
คําทํานายของหมอเทวะเมือยีสิบห้าปก่อนนัน ก็ไม่ถือว่าแม่นยําไปเสีย
หมด อาจเพราะว่าท่านอ๋องสามได้ดวงชะตาของเสียวซีมาเกือหนุนดวงก็
เปนได้ 
 
“ฉินหยุนซี ไม่นึกเลยว่าหญิงสาวธรรมดาเช่นเจ้า จะมีเพือนเปนถึงผีเสือ
นางฟา ช่างวิเศษนัก” ฮ่องเต้หันมาชืนชมฉินหยุนซีทียืนนิงอยู่ข้างกับ
หลีเหยียนฟง แน่นอนว่า นอกจากฉินเฉิน หลีเหยียนฟง และลู่เจีย
นหานทีอยู่ตรงนีแล้วนัน ในท้องพระโรง ไม่มีใครอีกแล้วทีรู้ว่าฉินหยุนซี
เปนดาวหงส์ฟา 
 
และผู้ทีรู้กําเนิดของนางทุกคน ต่างพร้อมใจกันไม่เอ่ยถึง 
 
ฉินเฉินพอใจทีเปนเช่นนัน นับวันเขายิงภูมิใจในตัวเสียวซีมากขึน...มาก
ขึน... 
 
หากเสียวฝูยังอยู่ นางก็คงดีใจเหมือนเขาในเวลานี... 
 
‘ท่านพีเจ้าคะ ลูกของเราผู้นี จะเกิดมาในฤกษ์ของดาวหงส์ นางจะเปน
ประดุจเทพผู้ปกปองผู้คน แต่ว่า...หงส์นันอาภัพนัก ข้าไม่อยากให้ลูก
เปนทีแย่งชิงของผู้คน ข้าอยากให้นางมีชีวิตทีมีความสุขเหมือนเช่นคน
ธรรมดาทัวไป...ท่านพีสัญญากับข้านะเจ้าคะ...อย่าให้ดวงหงส์ฟาของลูก 
แพร่งพรายออกไป...ท่านให้สัจจะกับข้าได้หรือไม่...’ 
 
‘อืม...ได้สิ ถ้าเจ้าต้องการเช่นนัน ข้าสัญญาว่าจะไม่ให้ผู้ใดรู้เรืองดวงของ
ลูก เว้นก็แต่ซือต้าหยุนเหนียงอาจารย์ของเจ้า’ 
 
“ดีแล้วท่านพี ดีแล้ว...ข้าต้องการเช่นนัน ขอบคุณท่านมาก...” ลีเสียวฝู
หลับตาลง มือยังลูบไล้หน้าท้องกลมใหญ่ของตนเองอย่างแผ่วเบา 
ทะนุถนอม 
 
ฉินเฉินในตอนนัน เขารับปากกับนางไปอย่างนันเอง ความจริงเขาคิดหา
ประโยชน์มากมายจากนางหงส์ทีกําลังจะเกิดมา ทว่าลีเสียวฝูเหมือนจะรู ้
พอใกล้คลอดนางหนีเขากลับปาดอกเหมยของซือต้าหยุนเหนียง เขา
ตามหาตัวเท่าไหร่ก็ไม่พบ 
 
จนหลายปต่อมา ฉินเฉินไปทีปาดอกเหมยอีกครัง เขาได้พบเพียงปาย
หลุมศพของลีเสียวฝู และเด็กน้อยหน้าตาสุดน่าเอ็นดู นางอยู่กับซือต้า
หยุนเหนียง และเรียกเขา “ท่านพ่อ” ตามทีอาจารย์ของนางสัง 
 
ซือต้าหยุนเหนียงขอคํามันจากเขา ว่าจะปฏิบัติตามสัญญาทีให้ไว้กับลี
เสียวฝู ฉินเฉินนัน ทังอยากได้อํานาจความเปนใหญ่ แต่ขณะเดียวกันก็
รู้สึกผิดต่อลีเสียวฝู เขาจึงตังใจจะรักษาสัญญาทีได้ให้ไว้กับนาง ปล่อย
ให้ซือต้าหยุนเหนียงดูแลฉินหยุนซี เพราะลีเสียวฝูไว้ใจอาจารย์ของนาง 
และฉินเฉินก็คิดว่า ฉินหยุนซีอยู่ในปาในเขาคงจะมีความสุขกว่าต้องเข้า
มาวุ่นวายกับวังวนของอํานาจ 
 
ทว่าความตังใจของเขากลับพังทลายลง ก็เพราะความทะเยอทะยานของ
ตนเอง...เขาต้องการให้อีชิงแต่งงานกับองค์รัชทายาท ทว่าฮ่องเต้กลับมี
ราชโองการให้ลูกสาวของเขาแต่งกับท่านอ๋องสามหลีเหยียนฟงแทน 
 
เมือผิดแผนเช่นนี ฉินเฉินจึงต้องคิดหาทางแก้ เขานึกถึงเสียวซี จึง
เขียนจดหมายเรียกตัวนางลงจากเขา ให้มาแต่งงานแทนอีชิงเพือแก้
ปญหาเฉพาะหน้าไปก่อน 
 
เขานําพานางเข้ามาสู่วังวนของความวุ่นวาย...กระนันฉินเฉินก็ยัง
พยายามจะรักษาสัญญาทีให้ไว้กับลีเสียวฝู ทีจะไม่เผยความลับเรือง
ชะตากําเนิดของเสียวซีให้ผู้ใดรับรู ้
 
ชะตาของหงส์ฟานันคือชะตาต้องสาป ประวัติศาสตร์ระบุเอาไว้ หงส์ฟา
จะเปนทีต้องการของทุกแว่นแคว้น ผู้มีอํานาจต่างล้วนอยากได้นางหงส์
ผู้มีเลือดวิเศษไว้ใช้ประโยชน์ข้างกาย 
 
เปนชีวิตทีเกิดมาเพือผู้อืนโดยแท้... 
 
ทว่าบัดนี เสียวซีลูกสาวของเขา นางได้อยู่เคียงข้างกับท่านอ๋องผู้มีดวง
มังกรจักรพรรดิ ย่อมแตกต่าง ไม่เหมือนเหล่านางหงส์ในตํานานพวก
นัน นันเพราะท่านอ๋องหลีเหยียนฟงรักเสียวซีของเขาด้วยใจจริง มิได้คิด
จะใช้ประโยชน์จากความเปนหงส์ฟาของนาง 
 
ฉินเฉินนันคาดเอาไว้อยู่แล้วว่าท่านอ๋องจะต้องได้เปนรัชทายาท แต่ไม่
เคยคิดว่าท่านอ๋องจะจริงใจต่อเสียวซีมากมายถึงเพียงนี 
 
ทังหมดคงเปนไปตามทีซือต้าหยุนเหนียงเคยบอกเอาไว้ 
 
หงส์ย่อมควรคู่กับมังกร... 
 
“ฉินหยุนซี เจ้ามีความดีความชอบใหญ่หลวง หากไม่ได้เจ้ากับเสียวเปา
ช่วยเหลือ บ้านเมืองคงลุกเปนไฟ เจ้าต้องการสิงใดเปนรางวัลหรือไม่” 
ฮ่องเต้ตรัสถามฉินหยุนซีด้วยสุรเสียงทีอ่อนโยนยิงนัก 
 
“ไม่เพคะ เสียวซีหาต้องการสิงใด นอกจากท่านอ๋องหลีเหยียนฟง...
เสียวซีดีใจทีสงครามสงบ ประชาเปนสุข ไม่ต้องมีการรบราฆ่าฟน ผู้คน
ไม่ต้องพลัดพรากจากคนทีรัก นีคือสิงตอบแทนทีเสียวซีได้รับแล้วเพคะ” 
 
“เจ้าช่างมีเมตตา ไม่โลภ ไม่ทะเยอะทะยาน...ไม่เพียงงดงามแค่หน้าตา 
แต่ยังจิตใจดี...ลูกข้าโชคดีนักทีได้เจ้าเคียงข้าง” ฮ่องเต้ชืนชมฉินหยุนซี 
ไม่อยากจะเชือจริงๆ ชะตาของหญิงสาวชาวบ้านธรรมดาแท้ๆ เหตุใด
นางจึงดูไม่ธรรมดาเลย... 
 
“ลูกต้องขอขอบพระทัยเสด็จพ่อทีประทานสมรสให้ลูกกับเสียวซี 
ขอบพระทัยอย่างยิงพะยะค่ะ” 
 
ท่านอ๋องและพระชายาถวายคํานับต่อองค์ฮ่องเต้ เหล่าข้าราชบริพารต่าง
ก้มคํานับพระองค์โดยพร้อมเพรียงกัน ทุกคนต่างชืนมืนมีความสุข 
 
ทันทีทีฮ่องเต้เสด็จออกจากท้องพระโรง ฉินหยุนซีก็รีบก้าวเข้าไปหาบิดา 
คํานับทําความเคารพท่าน 
 
เกิดเรืองต่างๆ มากมาย นางอยากเข้าไปกอดท่านพ่อให้สมกับความ
ห่วงใยทีมีต่อท่าน ทว่ายังคงไม่กล้า... 
 
“เสียวซี เจ้าเปนอย่างไรบ้าง...สบายดีใช่ไหมลูก?” ฉินเฉินเอ่ยถาม
ลูกสาว นําเสียงและแววตาอ่อนโยน เปลียนไปจากแต่ก่อน ฉินหยุนซีถึง
กับกะพริบตา สัมผัสได้ถึงไออุ่นจากแววตาของบิดา หัวใจพลันชุ่มชืน
อย่างประหลาด 
 
“เสียวซีสบายดีเจ้าค่ะ ท่านพ่อเล่า สบายดีนะเจ้าคะ” 
 
“พ่อสบายดี...เห็นเจ้าสบายดีพ่อก็ดีใจ ขอบพระทัยท่านอ๋องทีทรงดูแล
เสียวซีอย่างดี ข้าน้อยซาบซึงยิงนัก” ฉินเฉินคํานับท่านอ๋องสาม 
นอบน้อมและไร้ความอหังการอีกต่อไป 
 
“วางใจเถิดท่านพ่อตา ท่านไม่ต้องห่วงเสียวซีอีกแล้ว ขอให้สบายใจได้” 
 
“ได้ยินเช่นนีหม่อมฉันก็วางใจ...เสียวซี พ่อดีใจทีกลายมาเปนเช่นนี” ... 
 
“ท่านพ่อ” ฉินหยุนซีหัวใจพองโต อบอุ่น ถึงตอนนี นางรู้แล้วว่า ท่านพ่อ
รักนาง ท่านมิได้เย็นชาไร้หัวใจอย่างทีนางเคยเข้าใจมาโดยตลอด! 
 
“เสียวซีเอ้ย...ว่างก็ไปเยียมพ่อทีบ้านบ้างนะลูก ไม่ต้องห่วงเรืองพีสาว
เจ้า พ่อสังลงโทษทีนางให้ร้ายเจ้าไปแล้ว ต่อไปคงไม่กล้าพูดจาไม่ดีกับ
เจ้าอีกเปนแน่” 
 
ฉินหยุนซีกลันยิม ขําทีบิดาคิดว่านางจะเกรงกลัวพีอีชิง 
 
คราวก่อนพีสาวโดนนางเล่นงานจนตัวแข็งทือไปแล้ว ลองมาหาเรืองกัน
อีกสิ 
 
ร้ายมาก็ร้ายตอบ...จะตอบแทนเปนสองเท่าเลย ถ้าพีอีชิงกล้า ก็ลองดู! 
 
“ป” 
 
เสียวเปาส่งเสียงเรียกท่านอ๋องและพระชายา ชวนให้กลับบ้าน จากนัน
จึงบินนําออกจากท้องพระโรงไปก่อน 
 
เสียวเปาได้พบเจอนางกํานัล ผู้คนมากมาย ท่องเทียวไปทัวสวนดอกไม้
ในวังหลวง นําหวานดอกไม้มีมากมายให้เสียวเปากินได้ไม่มีวันหมด 
 
เสียวเปาชอบชีวิตทีสงบสุข เฝาดูความเปนไปของเสียวซีกับท่านอ๋อง
และลูกๆ ของทังสองทีกําลังจะเกิดมา 
 
เปนท่านอ๋องน้อย องค์หญิงน้อยน่ารัก...เปนทีรักของทุกคน 
 
รัชสมัยของฮ่องเต้หลีเหยียนฟงในภายภาคหน้า จะเปนช่วงเวลาที
รุ่งเรือง บ้านเมืองสงบ ปวงประชามีความสุขอย่างมิพักต้องสงสัยเลย... 
 
************************************ 
 
******************************************************** 

You might also like