Professional Documents
Culture Documents
ฟันเคม1
ฟันเคม1
ด เทอม
1
ต์
มิ
นิ
นิ
Content
i
ห ง สอน
7. สารละลาย (Solutions)
อ .
2
ผู้
พิ
ป็
ญิ
ลี่
ทิ
ฟ้
ล์
ร์
ย์
Fundamentals of General Chemistry
01403117
Atomic structures
ทฤษฎีอะตอมของดอลตัน
✪ อะตอมมีลกั ษณะเป็ นทรงกลมขนาดเล็กมากและไม่ สามารถ
แบ่ งแยกได้ อกี
✪ อะตอมของธาตุเดียวกันเหมือนกันทุกประการ
ปี ค.ศ. 1897 เซอร์ โจเซฟ จอห์ น ทอมสั น (Sir Joseph John Thomson)
=> ค้ นพบแบบจาลองของอะตอมมีลกั ษณะ รู ปร่ างเป็ นทรงกลม และมีประจุบวก
=>ประจุลบของอิเล็กตรอนเท่ ากับประจุบวก อะตอมเป็ นกลางทางไฟฟ้ า
ปี ค.ศ. 1911 ลอร์ ดเออร์ เนสต์ รัทเทอร์ ฟอร์ ด (Lord Ernest
Rutherford)
- การทดลองโดยนาอนุภาคแอลฟาจากแหล่ งกาเนิดเข้ าไปในแผ่ นทองแดงบางๆ
อะตอมประกอบด้ วย 3 อนุภาค
เ น กลาง ทาง ไฟ า
าน ทาง วเค ย p
→ =
e-
235
92
U p = ?
“Isotopes” N = ?
238
92
U e- = ?
จั
ยั
นิ
ญัล้
ป็
ขี
ร่
ติ
ตุ
ฟ้
ลี
ย์
ร์
ไป วเค ย + อง เ ยน ง าง บน
1 ช ,
พญา
"หาย ทาง
ประ < [ เ ยเ มมา . . . .
) µ
"
""
ฌื
Ex. จงหาจานวนโปรตอน อิเล็กตรอน และนิวตรอนของอะตอม
หรือ ไอออนต่อไปนี้
7 Li 27Al 51 V2-
3 13 23
↳ im
e- 13 n =
14
=
13
p
=
Al →
25 1 23
µ
+
V → ะ
23 =
p
ประ
โจท
ex .
เ ยน ญ กษ ธา
p
=
_
eะ _
n =
_ ประ nn
จง
นิ
ต้
ล่
ทั้
อั
มี
สั
พิ่
ขี
มี
ขี
ณ่
ตุ
จุ
ลั
จุ
ย์
จุ
ลี
ณ์
ร์
ไอโซโทป ไอโซโทน ไอโซบาร์ nf ไ ออก
92 U 92 U
5 B 6 C 7 N
ม่
Ex. กาหนดสัญลักษณ์ทางนิวเคลียร์ของธาตุสมมุติ
14
7A 6B 8C 9D 6E 11
12 14 18
F
15 20
12 23
1 mol of C = 6.02 x 10 atoms
6
= 12 g
12 12
Mass of 1 atom C = g
6 23
6.02 x 10
1 amu (1D) 1 12
= x g
23
12 6.02x10
-24
= 1.66 x 10 g
ปี ค.ศ. 1913 นีลส์ โบร์ (Niels Bohr)
mvr = nh = nh
2
n = ลำดับวงโคจรของอิเล็กตรอน จำนวนเต็ม 1, 2, 3, …..
h = ค่ำคงที่พลังค์ = 6.6262 x 10-34 Js
r e-
แบบจาลองตามทฤษฎีของโบร์
นิวเคลียส
วงโคจรที่ 1, E1 E2 E3
นิวเคลียส
2. เมื่ออิเล็กตรอนได้ รับพลังงานหรื อเปล่ งพลังงานออกมาเท่ ากับผลต่ างของระดับ
พลังงานวงโคจรจะเป็ นผลให้ อเิ ล็กตรอนเปลีย่ นวงโคจรและพลังงานจานวนนี้
ΔE = h = עhעc = hc
ΔE = Enf – Eni
Enf
ΔE = + ดูดกลืนพลังงาน
Eni
Eni
ΔE = - คายพลังาน
Enf
ปี ค.ศ. 1924 ลุย เดอ บรอยล์ (Louis de Broglie)
✪ ได้ ต้งั สมมติฐานว่ า แสงมีสมบัตเิ ป็ นอนุภาคได้ ในทางกลับกันอนุภาคก็จะมี
สมบัติเป็ นคลื่นได้ เหมือนแสง
=> “สารทุกชนิดมีสมบัตคิ วามเป็ นทั้งคลื่นและอนุภาค”
เมื่อโฟตอนเป็ นคลื่นจะมีพลังงาน E = hν hν = mc2
เมื่อโฟตรอนเป็ นอนุภาคจะมีพลังงาน E = mc2
mc = hν/c ; ν/c = 1/λ
mc = h/λ
λ = ความยาวคลื่นของโฟตรอน
เมื่อให้ อเิ ล็กตรอนเคลื่อนที่รอบนิวเคลียสในวงโคจรที่เสถียร หมายความว่ า
อิเล็กตรอนมีสมบัตเิ ป็ นคลื่นนิ่งเท่ านั้น ซึ่งจะต้ องเป็ นไปตามความสั มพันธ์ ที่ว่าความ
ยาวของเส้ นรอบวงของวงโคจรของอนุภาคอิเล็กตรอน ต้ องเท่ ากับจานวนเท่ าของความ
ยาวคลื่นของอิเล็กตรอนนั้น ตามสมการ 2r = n (เมื่อ n = เลขจานวนเต็ม)
จะไม่เกิดขึ้น
a) b) n=41
n=4 เพรำะ n ต้อง
3
เป็ นจำนวนเต็ม
2πr = nλ …...(1)
From λ = h/mv and (1)
mvr = nh/2π
which related to Bohr’s model
Ex. จงคานวณมวลของอนุภาคชนิดหนึ่งซึ่งเคลื่อนทีด่ ้ วนความเร็ว 10 m.s-1
(กาหนดให้ λ = 3.3 x 10-30 m, h = 6.6 x 10-34 J.s, 1 J = 1 kgm2s-2)
Ans.
λ = h/mv,
m = h/λv = 6.6 x 10-34 kgm2s-1
10 x (3.3 x 10-30) m2s-1
m = 2x10-5 kg
= 2x10-2 g
ปี ค.ศ. 1927 เวอร์ เนอร์ ไฮเซนเบร์ ก (Werner Heisenberg)
0 อา เ ย
เ น
✪ “ อิเล็กตรอนว่ ามีการเคลือ่ นทีใ่ นบริ เวณหนึ่งๆ ซึ่งมีรูปร่ างต่ างๆ กันใน 3 มิติรอบ
เ น นาน
ๆ
✪ “ อิเล็กตรอนว่ ามีการเคลือ่ นทีใ่ นบริ เวณหนึ่งๆ ซึ่งมีรูปร่ างต่ างๆ กันใน 3 มิติรอบ
นิวเคลียส แต่ ละบริเวณทีอ่ ิเล็กตรอนเคลื่อนทีเ่ รียกว่ า ออร์ ทลั (orbital)
หรือ ออร์ บิทลั เชิงอะตอม (atomic orbital)”
ใ"
e-
โบ ล
Bohr model s orbital
5
บอก สม ของ
p orbital d orbital
ธา
ลืมิ
ตุ
ติ
บั
ติ
ผล งาน ของ เดอ บรอย ไ
และ เซน แม ก เ น นฐาน ของ การ กษา
กลศาสต แอน ประการ
ทฤษ ม 2
☐ จาก ค .
จง ขนาด เ ก มาก จน เ น ก า เรา จะ ด สม
าง ไ โดยตรง ใ เรา จารณา สม าง ของ
ๆ ๆ
ไ แ ระ บ โอกาส ห อ ค า จะ เ น เ า น
.
โลน เจอ
นม
"" ออก เดช
กม
รานา
- . .
.
ม .
± ในไทย
ล์
ศึ
พื้
มี
วิ
จึ
ด้
ย้
ต่
สู
ชั้
ที่ย้มี
วั
ที่
ต่
ทำ
พิ
ย้
ต่
สุ
นั้
น่
ที
มี
ข่
กุ
ท่
ป็
ป็
นื่
กิ
ด้
ป็
ล็
ค่
รื
ด้
ล้
ร้
ลื่
ก้
ว่
ช้
ห้
ริ
อ้
ณิ
ลื่
ดั
บั
บั
ร์
บั
บั
ติ
ติ
ด์
ฎี
ติ
รี
ติ
ห์
ร์
ร์
ปี 1927 : Erwin Schrödinger
Hamiltonian
_
H Ψ = EΨ
*
Ψ 2 = โอกาสในการพบอิเล็กตรอนรอบนิวเคลียส
Ymyi
ระบบ
atomgmolecdgion
dx / dy Idz Y = EY
ก การ เค อน ของ e-
รพ
ngf วเค ย
.
E =P E. .
+ รอย
{n
|
-
แรง
ง ด ระห าง e- และ
p
" วเค ยส)
การ
เ
เอง 40
F-× ᵗ
_
ztle เอา 2
↓
! 2
ว
l
152
I
แรง ผ ก
1 S พ 7 .
nrpor
.
ศั
ฎู๋
ยุ
นิ
ที่
ดึ
นิ
กั
มี
ตั
หํ๋
กุ๋
ทำ
ฅื๋
อั
ข้
ลั
ลั
ย์
ลื่
ดู
ว่
ว่
ลี
ลี
ร์
The Schrödinger solution
✪ การแก้สมการคลื่น ให้ค่า Ψ เป็ นฟั งก์ชนั ในพิกดั ทรงกลม (spherical coordinates) คือ
มีตวั แปรเป็ น r, θ, Φ แทน x, y, z ค่าที่ได้จะแยกฟั งก์ชนั คลื่นออกเป็ น 2 ส่วนคือ
Ψ (r,θ,Φ) = R(r) . Y(θ,Φ)
-
บอกถึ งระดับพลังงานหลักของอิเล็กตรอนในอะตอม
เมื่อค่ า n มีค่ามาก ออร์ บิทลั จะมีขนาดใหญ่ และขยายตัวออกจากนิวเคลียสมากขึน้
ตาแหน่ งของอิเล็ตรอนอยู่ห่างจากนิวเคลียสและจะมีพลังงานสู งขึน้
1S 2S
52
3S
5=}
5= |
บิ
ยิ่
มี
ทั
ญ่
2. เลขควอนตัมโมเมนตัมเชิงมุม The angular momentum
quantum number (l) เ ม
อ
→
2 0, 1 (2ค่า) 1 p พู 2 พู
บ เบล
3 0, 1, 2 (3ค่า) 2 d พู 4 พู
¥
หรอ
_
?
4 0, 1, 2, 3 (4ค่า) 3 f พู 6 พู
ดั
อ สอบ
แนว
Ex. จงเขียนสัญลักษณ์ของออร์บิทลั ที่มีเลขควอนตัมต่อปนนี้
ก) n = 2, = 0 2s
ข) n = 3, = 2 d 3
ค) n = 4, = 1 p 4
ง) n = 5, = 3 f 5
ข้
3. เลขควอนตัมแม่ เหล็ก The magnetic quantum number (ml)
Py ml = -1
E Px Py Pz
สนำมแม่เหล็ก -
หรื อ
Pz ml = 0
s
ml = +1 0 -1
อ าง ด Px ml = +1
ทน ว์คา แ ง ขนาน สนาม แ เห ก มาก มา
าง าง
ออ
ออ ล แกนy าน
ทั่
บิ
ต้
ข้
บ้
ล่
ข้
สุ
ล่
ต้
ยู่
ม่
ทั
ต่
ร์
ล็
จะ
เ ยน ก ด เ ยง e- .
ใน อ อ จ _
(1)
m 0
d
b จน ออ ล
→
ญ
↓ o
=
Pj - - -
04
Md
+1
djd ะ 2
j
จ น ออ .
ละ 2 (2) +1=5 orbitals
di - - - -
-
+2 + | 0 -
| -2
Md
อ าง าง
f) d =3
me ะ ว เลข
fj _ _ _ _ - - -
+3 42 41 °
7 -2 J
md
ระ
ๆ รอ
งเคราะ ธ . .
ๆ
.
.
_
จั
ร์
ร์
บุ
บิ
ร์
ที่
ตั
หุ
สั่
ล่
ข้
รี
ขี
บิ
ยู่
บิ
ท้
บิ
ร่
ท์
ทั
บิ
ท้
ทั
ร์
4. เลขควอนตัมสปิ น Electron spin quantum number (ms)
✪ อิเล็กตรอนสามารถหมุนรอบตัวเองได้ 2 แบบคือตามเข็มและทวนเข็ม
นาฬิ กา ทาให้ เกิดค่ า ms ได้ 2 ค่ า
1 ออ ล บรร ะ ว → 2× ญื๋
Ex.จงหำลำดับที่ในกำรบรรจุของอิเล็กตรอนซึ่งมีเลขควอนตัม m =
spindown1
+1 และ ms = – 2 ในออร์บิทลั d
iii.:
.
+2 + 10 + -2
ml *
me
i. บ 7
*
.
. .
.
.
.. ..
.
.
. .. ..
l ะ 1 ( 1 เม อา
ๆ
=
TET tee
ne
3 = จ น ออ .
ล spihup อน
% 4
4 Pj _
+1 y
ty
o
4,1 1g
อ
ท
1mg
i.
ญ
= = = =
.
.
.
ลำ
ที่
บิ
ที่
ญึ้
ญั๋
ก่
ริ่
ทั
ดั
The boundary surface diagrams of
+
the 1s orbital.
1 วาด ป าง องไ 1
ไ เ น เค องหมาย น .
ใ ทด
Pgd
-
-
+ -
+ +
- - +
+ + -
ระห าง + -
- +
แกน
- +
บน แกน
- +
+ -
+ -
-
+
พบ
โอกาสใน การ หนาแ น ชาย
อะ
/ Gocentcrt
เพราะ p
\ นi
Cptnl cent
ตก
เอส โพ ยล
ออร์บิทลั 1S
0
( ตะเ บ ชาย งก V1
นอง
บ เวณ พบ
"
นอน ..
เพราะ ด ด แกนy
ออร์บิทลั 2S
ยั
กำ
ย้
มี
ต่ำสุ
จุ
ยั่
ที่
ริ
อำ
ข็
ชั
น่
fnrviw
0
1 บล 1 ฟ
00
15
15
28 แ H
ออร์บิทลั 3p
กราฟ
ไ ออก
ม่
ทรง กลม
คม เบส
w
2 โหน ค เห อน
น
มี
กั
มื
Electron configuration (โครงแบบอิเล็กตรอน)
Ex. Write the four quantum numbers for an electron in 3p,
3d orbital.
ญ +1 0 ำ
รก
ก\ อง
spinup
ว ท
3,1 1
me +1
ทาง {
=
1g
= ะ ะ +
, ,
2
j
ทะ
3,1 ะ 1
, me
= 0
, ๆ
ะ +
{
3,1 1g
ประทะ
3 ท
me -1
!
ะ +
ms
= = =
j ,
zy แนว ด 0,1W )
} 1 =
3mi ms
= -
5in =
3,1 ะ
1
, me
=
0g mi
-
oj
ท =
3,1=1, me
= -1
, Mg ะ -1
=
1 e- 4
า_ควร
ด เลข ม
↳ แ ละ set ไ เห อน
า
ด เลข ค วอน ตาม าะ ว เ ยว น
yrny ไ
เห อน =
คน ละ ว
ญั๋ญั๋
บิ
ชุ
มี
บู่
ลิ
คิ
ที่
ตั
ยั
ร่
ล์
ฐู
ย้
มี
ตั
ซํ
มีชุ
ถ้
กั
ตั
ดี
ต่
ม่
ม่
ท์
ต่
มื
มื
ท์
The Pauli Exclusion Principal (หลักของเพาลี)
4s 4p 4d 4f
3s 3p 3d
Energy
2s 2p
1s
Orbital energy levels in the hydrogen atom: Each
short horizontal line represents one orbital. Orbitals
with the same principal quantum number (n) all have
the same energy.
Energy of Orbital
ไม อน
P
4s มา 3
4d
5s
4p
4s 3d
Energy
3s 3p
2p
2s
1s
↓
วม
45
ราย คน
อิ
มียั
ยิ่
ตั
ดึ
ดึ
นิ
ว่
ช่
ทั่
ฉึ
ดั
ข้
ดิ
มั
ม่
ด้
ทั
ล้
ดู
บั
ว่
ลี
Energy of Orbital
1 1s He (2)
2 2s 2p Ne (10)
3 3s 3p Ar (18)
4 4s 3d 4p Kr (36)
5 5s 4d 5p Xe (54)
6 6s 4f 5d 6p Rn (86)
7 7s 5f 6d 7p
จั
รี
15
ย]
2J 2
p IN e
lo
3s 3
P IA r]
☒# ☒ 18
IKr]
ว 6
5s 4 d 5
p [ Xe]
µ
65 tf 5 d [ Rn]
ap 81
f d 7
7s 5 6 p
ไ
" e-
สอบ เ ยน แบบ อ ห อ เ ม
i
[ Ar] qg 3 d
"
qpi
ตอน
|8 20 30 32
7
[ Xe ]
2
=
แ qf
แy 54 56 63
" "
=
[ Xe ] 6 af 5 d 6
54 56 70 80 781
f"
"
[R ] d" '
น
= 7s 6
5
xp
88 102 111 113
แรก
1 บ บอก
1. ด
ห่หํ่กำ
ปุ๋
ย่
ก็
ตุ
ห้
รั
จั
ทํ๋
กุ่
ร้
ตั้
ยุ
หั๋
ติ
ขี
ด้
รื
The Building-up (Aufbau) Principle
Li (Z=3) paramagnetic
1s 2s
He (Z=2) diamagnetic
1s
Exercise
เขียนการจัดเรียง e ของH → Ca
Ex.จงเขียนกำรจัดเรี ยงอิเล็กตรอนของ
24Cr 29Cu
*** การหาเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอน (Valence electron)
จงตอบคำถำมต่ อไปนี้
ก) จงหำเลขเชิงอะตอมของธำตุนี้
ข) จงบอกเลขควอนตัมของอิเล็กตรอนตัวที่ 9 ของธำตุนี้
ค) อิเล็กตรอนตัวที่ 12 ของธำตุนีอ้ ยู่ในออร์ บิทลั ทีม่ ีรูปร่ ำงอย่ ำงไร
ง) ธำตุนีม้ ีสมบัติแม่ เหล็กหรื อไม่
จ) จงเขียนกำรจัดเรียงอิเล็กตรอนของไอออน 2+ ของธำตุนี้
ฉ) จงหำจำนวนออร์ บิทลั และจำนวนคู่อเิ ล็กตรอนของธำตุนี้
Ex. อิเล็กตรอนตัวสุ ดท้ ายของธาตุ A และ B มีชุดของเลขควอนตัม
n, , m และ ms เป็ น 4, 1, –1, + 12 และ 5, 3, -1, - 12 ตามลาดับ
Z = 19 K 1s22s22p63s23p64s1 [Ar]4s1
Z = 22 Ti 1s22s22p63s23p64s23d2 [Ar]4s23d2
d-block
f-block
Periodic Relationship among the Elements
2) Transition elements
d-block
IE1, IE2 และ IEn คือพลังงานไอออไนเซซันทีท่ าให้ อเิ ล็กตรอนตัวที่ 1, ตัวที่ 2 และ
ตัวที่ n หลุดออกจากอะตอมX(g), ไอออนX+(g) และไอออนXn-1(g)
พลังงำนที่อะตอมในสถำนะแก๊สที่สถำนะพื้นคำยออกมำเมื่อรับอิเล็กตรอนและ
เกิดเป็ นไอออนลบในสถำนะแก๊ส
X(g) + e- X-(g)
IE, EA, EN
R
IE
EA R
EN
Ex. กาหนดธาตุสมมติ 16A, 17B, 18C, 19D จงตอบคาถาม
ก) ธาตุใดมีพลังงานไอออไนเซชันน้ อยทีส่ ุ ด เพราะเหตุใด
ข) ธาตุใดมีสัมพรรคภาพอิเล็กตรอนมากทีส่ ุ ด เพราะเหตุใด
ค) ระหว่ าง 17B– กับ 19D+ ไอออนใดมีขนาดใหญ่ กว่ า
Ex. กาหนดสั ญลักษณ์ สมมติของธาตุ 5 ธาตุดงั นี้ 13A, 25B, 31C, 37D, 53E
จงตอบคาถาม
ก) ธาตุใดอยู่ในหมู่เดียวกับธาตุ C
ข) ธาตุใดอยู่ในคาบเดียวกับธาตุ C
ค) ธาตุใดอยู่บล็อก d
ง) นอกจากธาตุ B แล้ วธาตุใดทีน่ ่ าจะมีความเป็ นโลหะมาก
จ) ธาตุใดมีขนาดของอะตอมใหญ่ ทสี่ ุ ด
ฉ) ธาตุใดเป็ นอโลหะมากทีส่ ุ ด
ช) ธาตุในกลุ่ม A, B, C ธาตุใดมีสภาพไฟฟ้ าลบต่าทีส่ ุ ด
และธาตุใดมีสัมพรรคภาพอิเล็กตรอนสู งทีส่ ุ ด
ซ) ธาตุในกลุ่ม A, D, E ธาตุใดมีพลังงานไอออไนเซชันต่าทีส่ ุ ด
โลหะ อโลหะ และ กึง่ โลหะ
โลหะแทรนซิชัน
(d block)
กึง่ โลหะ
(p block)
โลหะอินเนอร์ แทรนซิชัน (f block)