You are on page 1of 1

WBC = 13.

32 10^3/uL
Hb = 9.5 g/dL bjkuip;oi

Hct = 31.1 %
CBC
ข้อมูลผู้ปวย
Plt = 369 10^3/uL หญิงไทย อายุ 65 ป 5 เดือน
รับ Refer จาก รพ แพทย์รงั สิต
Electrolyte 18 พฤศจิกายน 2565 ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ ด้วยอาการปวดท้องเปนๆหายๆ ท้องเสียถ่ายเหลว 3-4
Na = 134 mmol/L อาการสําคัญทีมารพ ( CC ครัง
K = 2.78 mmol/L )
Cl = 97.1 mmol/L 1 Mo PTA ปวดท้อง เปนๆหายๆ ท้องเสีย
CO2 = 27.0 mmol/L ถ่ายเหลวหลังรับประทานอาหารทุกครัง 3-4ครัง/วัน ไม่มีถ่ายเปนมูกเลือด
ไม่คลืนไส้ อาเจียน
BUN = 2.9 mg/dl ประวัติการเจ็บปวยในปจจุบัน ( PI 15/11/65 ไป รพ แพทย์รงั สิต แพทย์ให้ Admit EGD+Colonoscopy + CT
Cr = 0.25 mg/dl ) WA R/O CA Middle rectum c invade uterus ovary

มะเร็งลําไส้ตรง (CA rectum) หมายถึงภาวะของการมีเนื อเยืออักเสบเรือรัง


และคลําพบก้อนบริเวณทวารหนั กและลําไส้ตรง
ความหมายของโรคมะเร็งลําไส้ตรง มีการเปลียนแปลงการขับถ่ายอุจจาระ มีอาการท้องผูกสลับกับท้องเสีย
ผลการตรวจคลืนไฟฟาหัวใจ ( EKG )
Sinus rhythm อุจจาระมีลักษณะมูกปนเลือดมีกลินเหม็น
เมือก้อนโตขึนจะมีอาการปวดเบ่งคล้ายอยากถ่ายอุจจาระตลอดเวลา
นาหนั กตัวลค

Moderate right and minimal left pleural effusion with มีก้อนเนื องอกในชัน mucosa และ submucosa
มะเร็งอาจกระจายเข้าไปในชันทีลึกกว่าและกระจายไปยังต่อมนาเหลืองซึงการแบ่งระยะ
adjacent passive atelectasis. No pleural nodule or พยาธิสภาพของมะเร็งลําไส้ตรง ของโรคมะเร็งดําไส้ของดูคส์ แบ่งเปน 4 ระยะ คือ ระยะที 1 พบมะเร็งในผนั งลําไส้
definite loculated pleural effusion. ระยะที 2 มะเร็งผ่านลําไส้เข้าไปในชันทีลึกกว่า ระยะที 3 กระจาบไปต่อมนาเหลือง
No active pulmonary infiltration or suspicious lung mass ผลการทํา CT Scan of chest ระยะที 4 กระจายไปต่อมนาเหลือง
in the rest both lungs. และอวัยวะอืนพบบ่อยทีสุดคือ ตับ
A 1.0-cm necrotic node at subcarinal region. Please,
follow up. No enlarged nodes at other station.
A 1.1-cm ill-defined hypodense lesion at hepatic
ความหมายของโรคลําไส้อุดตัน โรคลําไส้อุดตัน หมายถึง
segment 7/8, indeterminate lesion. Please,correlate with CA middle rectum With colonic การอุดตันของลําไส้ตังแต่ลําไส้เล็กลงไปจนถึงลําไส้ใหญ่การอุดตันอาจเปนแค่เ
previous study or follow up. obstruction พียงบางส่วน โดยทีอาหารหรือนาข่อยพอผ่านได้บ้างหรืออุตัดนทังหมด

1. เเบบถาวร ทํามากในมะเร็งลําไส้ใหญ่ส่วนโค้ง (Sigmoid


colon) เเละลําไส้ตรง ผลจากกาวะลําไส้อุดตัน จะเกิดการเปลียนแปลงเฉพาะทีต่อผนั งลําไส้เองและการเปลียนแปลงทัว ๆ ไป ต่อร่างกายทังหมด
ลักษณะอุจจราระทีออกมาเหมือนอุจจระปกติ คือ การรักษาโดยผ่าตัดทวารเทียม การเปลียนแปลงจะมากหรือน้ อยขึนอยูก ่ ับ
เปนเนื อปนนา ไม่มีนาย่อยปนออกมากับอุจจาระ หมายถึงการผ่าตัดให้เกิดช่องเปดของลําไส้ใหญ่ออกมาภายน 1.ระดับของลําไส้ทีเกิดการอุดตัน
สามารถควบคุมการขับถ่ายได้ อกร่างกายดยผ่านทางผนั งหน้าท้องเพือเปนทางระบายของอุ 2.ความดันจะมากหรือน้ อยขึนอยูก ่ ับการอุดตัน
จจาระแทนตําแหน่ งเดิม 3.ระยะเวลาทีเกิดการอุดตัน
คือทวารหนั กเพือไม่ให้อุจาระผ่านไปขังบริเวณทีมีพยาธิสภาพ 4.ยังมีเลือดมาเลียงลําไส้ส่วนนั นเปนปกติ หรือไม่ในภาวะปกติทางเดินอาหารจะหลังของเหลวออกมาประมาณ 8-10 ลิตร/วัน
2. เเบบชัวคราว ใน case กรณี ศึกษาทําการผ่าตัดแบบชัวคราว คือ Loop หรือบริเวณทีได้รบ
ั บาดเจ็บแบ่งเปน 2 ชนิ ด คือ จากกระเพาะลําไส้เล็ก ทางเดินนาดี ดับอ่อน ทังหมดนี ส่วนใหญ่จะมีการดูดซึมกกับมาทางลําไส้เล็กมีส่วนน้ อยทีถูกดูดกลับทางลําไส้ใหญ่
transverse colostomy เปนการผ่าตัดลําไส้ใหญ่ส่วนต้น ตัดขวาง ในภาวะปกติลําไส้เล็กจะมีการดูดของเหลวและเกลือแร่จากกระแสเลือดเข้าสู่ลําไส้
ลักษณะของทวารเทียมอาจเปน loop หรือ dowbic barrel พยาธิสภาพของโรคลําไส้อุดตัน
การรักษา เมือการอุดตันเกิดขึนจะเกิดการเสียของเหลวและเกลือแร่ ซึงเกิดขึนได้ 3 ทาง คือ
โดยนําส่วนปลายของลําไส้ทีตัดออกทัง 2 1.มีการดังของของเหลวและเกลือแร่ภายในลําไส้เหนื อรอยต่อจุดอุดตัน
ข้างมาเปดทีทน้าท้องให้อุจจาระผ่านชัวคราวเพือรักษาโรคของลําไส้ทีอยูต
่ ากว่าช่ 2.การสูญเสียของเหลวและเกลือแร่เข้าไปในผนั งลําไส้ส่วนทีเหนื อรอยต่อจุดอุดตัน
องเปดของลําไส้ลงไป โดยใช้เวลาประมาณ 2 เดือน จึงจะผ่าตัดปดทวารเทียมได้ 3.การสูญเสียของเหลวและเกลือแร่ทีมองเห็นได้ชด ั ทีสุด คือ การสูญเสียโดย การอาเจียนออกมา หรือการดูดออกจาก nasogastric tube
ลักษณะของลําไส้ลงไป โดยใช้เวลาประมาณ 2 เดือน ซึงโดยการอุดตันของทางเดินอาหารจะมีการคังของของเหลวและก๊าซภายในลําไส้ ทําให้ลําไส้โปงพองซึงเกิดเปนของเสียได้
จึงจะผ่าตัดปดทวารเทียมได้ ซึงนอกจากจะทําให้ผู้ปวยอาเจียนแล้ว ยังทําให้ลําไส้บีบตัวแรงขึน ส่งผลให้ผู้ปวยหายอาการปวดท้องได้
ลักษณะของอุจจาระก่อนข้างเหลวและมีนาย่อยออกจากลําไส้เล็กปนออกมาด้วย
ซึงมีฤทธิเปนกรดทําให้ระคายเคืองต่อผิวหนั งรอบาทวารเทียมได้งา่ ย
ควบคุมการขับถ่ายได้ยาก ผู้ปวยหญิง case s/p loop transvere colostomy on
1. ผู้ปวยเสียงติดเชือบริเวณแผลผ่าตั
colostomy ผู้ปวยตืน รู ต ้ ัวรู เ้ รืองดี v/s BP : 120/93 mmhg
p: 90 /min R: 22 /min T: 37.2 COn kabiven v 60 ml/hr ด ข้อมูลสนั บสนุน SD :
Mo 4 mg IV prn q 6 hr. มีให้ยา metronidazole 500 mg v q 8 hr ผู้ปวยให้ประวัติวา่ มีเเผลผ่าตัดเปดลําไส้เพือถ่ายอุจจาระทางหน้าท้อ
ผู้ปวยได้รบั ยาตามแผนการรักษา pain score 2 คะแนน
สรุ ปอาการผู้ปวยขณะทีนั กศึกษาได้ดูเเล ข้อวินิจฉั ยทางการพยาบาล ง
Plasil 10 mg v prn q 8 hr. rest ได้ ทานอาหารได้เล็กน้ อย ambulation ได้ดี
การรักษาโดยการใช้ยา OD : แผล Colostomy อยูใ่ กล้กับบริเวณแผลผ่าตัด
Metronidazole 500 mg IV q 8 hr. -อุณหภูมิรา่ งกาย 37.6 องศาเซลเซียส ชีพจร 108 ครัง/นาที ( 3 หลังผ่าตัด )
Cef-3 2g IV OD.
AMK (1) 1x2 /20 tab
ไม่เกิดการติดเชือบริเวณแผลผ่าตัด
Para (500) 2 /20 tab ข้อมูลสนั บสนุน วัตถุประสงค์การพยาบาล
SD :ผู้ปวยบอกว่า รู ส
้ ึกอายเวลาทีมีกลิน
OD : 1. ลักษณะบาดแผล ขอบแผลไม่บวมแดง ไม่มี Discharge เปนหนอง
หลังแพทย์แจ้งว่าต้องเปดทวารเทียมและต้องขับถ่ายอุจาระท
ไม่มีกลินเหม็น
างหน้าท้องเปนระยะเวลานาน ผู้ปวยหน้าตาไม่แจ่มใส
เวลาพูดคุยหรือปฏิสัมพันธ์กับผู้อน
ื เกณฑ์การประเมินผล 2. อุณหภูมิรา่ งกายปกติ 36.5-37.4 องศาเซลเซียส ชีพจร 60-100 ครัง/นาที

วัตถุประสงค์การพยาบาล
เพือให้ผู้ปวยมีความรู ส
้ ึกมีคุณค่าในตัวเอง 1. ประเมินดูลักษณะบาดแผล สังเกตลักษณะของ Discharge ทุกครังทีทําแผล รอยบวมแดง
และยอมรับภาพลักษณ์ ทีเปลียนไปได้ 2. ล้างมือก่อนและหลังให้การพยาบาลทุกครัง และทําแผลโดยยึดหลักปราศจากเชือ
3. วัดสัญญาณชีพทุก 4 ชัวโมง เพือประเมินภาวะติดเชือทีแผล
3. ผู้ปวยมีความรู ส
้ ึกสูญเสียภาพลักษณ์ กิจกรรมการพยาบาล
1. ผู้ปวยมีสีหน้าแจ่มใส 4. เปลียนถุง Colostomy ให้วา่ งไม่มีอุจจาระ เพือปองกันอุจจาระทีรัวออกมาปนเปอนบาดแผล
เนื องจากต้องขับถ่ายอุจาระทางหน้าท้อง
5. ให้ยาปฏิชวี นะตามแผนการรักษา คือ Metronidazole 500 mg iv drip ทุก 8 ชัวโมง และ
2. เข้าใจและยอมรับภาพลักษณ์ ทีเปลียนไป Cef-3 2g IV OD. ตามแผนการรักษา และสังเกตอาการข้างเคียงของยา ได้แก่ ผืน คลืนไส้ อาเจียน
ให้ความร่วมมือในการช่วยเหลือดูแลตนเอง เกณฑ์การประเมินผล 6. แนะนําผู้ปวยเกียวกับการดูแลบาดแผล ระวังไม่ให้แผลเปยกนา ไม่ใช้มือหรือวัตถุสิงของถูกต้อง
บริเวณบาดแผล เพราะอาจจะเปนการเพิมเชือโรคสู่บาดแผล

1. สร้างสัมพันธภาพทีดีกับผู้ปวย พูดคุยสอบถามปญหาความต้องการของผู้ปวยด้วยท่าทีทีเปนไมตรี
ผู้ปวยดูแลบาดแผลได้อย่างถูกต้อง บาดแผลผ่าตัดแห้งดี Stoma แดงดี
เห็นใจ แสดงออกถึงการยอมรับและเข้าใจผู้ปวย ให้ผู้ปวยเกิดความไว้วางใจ
รอบแผลไม่มีอกั เสบ บวมแดง อุจจาระออกดี อุณหภูมิรา่ งกาย 36.8 องศาเซลเซียส
และรู ว้ า่ พยาบาลมีความ จริงใจในการช่วยเหลือ เช่น การสัมผัส การเยียมดูแลผู้ปวยบ่อย ๆ การประเมินผล
2. อธิบายเกียวกับอาการทีเปนอยูว ่ า่ ผู้ปวยมีพยาธิสภาพทีลําไส้ จําเปนต้องตัดลําไส้ส่วนนั นออก
ทําให้ไม่สามารถขับถ่ายอุจจาระทางทวารหนั กได้
จําเปนต้องดึงเอาลําไส้มาเปดอย่างถาวรทางหน้าท้อง เพือให้มีการขับถ่ายแทน
ซึงมีหลายคนทีต้องขับถ่ายแบบนี เช่นกันและสามารถใช้ชว ี ต
ิ ประจําวันได้อย่างปกติ ข้อมูลสนั บสนุน SD : ผู้ปวยหญิง case s/p loop transvere colostomy ครอบถุง colostomy transparent one-piece
ถ้าปฏิบัติตามคําแนะนํา เพือให้ผู้ปวยเข้าใจเหตุผลและความจําเปน และเสริมสร้างกําลังใจ แผลผ่าตัดทีหน้าท้องแห้งติดดีแผลบริเวณฝเย็บไม่มีมีภาวะแทรกซ้อนทีผิวหนั งรอบทวารเทียมเนื องจากแพ้อุปกรณ์ รองรับ
3. สอนวิธก ี าร สาธิตการผู้ปวยเปลียนถุงอุจจาระ และการลดกลิน เพือให้ผู้ปวยมีความมันใจ มากขึน 2. มีโอกาสเกิดการระคายเคืองทีผิวหนั งรอบทวารเทียมภายหลังการใช้ สิงขับถ่าย
เมือมีการพบปะหรือเข้าสังคม โดย อุปกรณ์ รองรับการขับถ่ายเปนเวลานาน
3.1 สอนให้ผู้ปวยเปลียนถุงอุจจาระเอง และให้ถุงว่างอยูเ่ สมอ กิจกรรมการพยาบาล OD : ผู้ปวยยังไม่ทําความสะอาดทวารเทียมด้วยตนเอง
3.2 ทําความสะอาดร่างกาย และสวมเสือผ้าให้มิดชิด หลีกเลียงอาหารทีทําให้เกิดกลิน ได้แก่ ถัว ให้พยาบาลเปนผู้ทําความสะอาดทวารเทียม
ปลา ไข่ หัวหอม และกะหลาปลี
4. แนะนําช่วยเหลือผู้ปวยในการวางแผนเพือทีจะดูแลตนเอง และเพือทีจะปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ
โดยให้ผู้ปวยปฏิบัติตนตามคําแนะนํา และร่วมมือในการรักษาพยาบาล เพือผลดีกับตัวผู้ปวยเอง เพือแก้ไขภาวะแทรกซ้อนของผิวหนั งรอบทวารเทียมจากการระคายเคืองต่าง ๆ
5. จัดเตรียมอุปกรณ์ Stoma bag ทีต้องใช้เมือผู้ปวยกลับบ้าน ประกอบด้วย ถุง Stoma bag วัตถุประสงค์การพยาบาล
พลาสเตอร์เหนี ยวขนาด 1 นิว สําลีก้อนใหญ่ นาเกลือสําหรับล้างแผล
6. ตรียมข้อมูลเกียวกับการใช้บริการในชุมชน และหน่วยงานทีสามารถให้ความช่วยเหลือผู้ปวยได้ ผิวหนั งรอบทวารเทียมไม่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น
เพือวางแผนให้ข้อมูลผู้ปวยก่อนจําหน่าย ผิวหนั งอักเสบมีลักษณะเปนผืนแดง
เกณฑ์การประเมินผ เปนแผลถลอกจากการดึงลอกอุปกรณ์ เปนต้น

1. เนื องจากถุงรองรับอุจจาระผลิตจากวัสดุหลายประเภท พยาบาลแผนกผู้ปวยนอกศัลยกรรม
ผู้ปวยมีสีหน้าแจ่มใสขึน พูดคุยกับเจ้าหน้าทีและเพือนข้างเตียงดี จึงประสานกับพยาบาลเฉพาะทางทวารเทียม เพือทําการทดสอบผิวหนั งผู้ปวย และเปลียนถุง colostomy transparent one-
เข้าใจและยอมรับภาพลักษณ์ ที เปลียนไป piece จากชนิ ดกาวนาเปนชนิ ด แปน hydrocolloid
ให้ความร่วมมือในการช่วยเหลือดูแลตนเอง 2. สอนสาธิต การดูแลรักษาผิวหนั งรอบทวารเทียมทีมีผืนแดงด้วยการทําความสะอาด ด้วยสําลีฆ่าเชือโรคชุบนาเกลือ
การประเมินผล
สามารถเปลียนถุงอุจจาระเองได้ และคอยถามอย่าง จนทวารเทียมและผิวหนั งสะอาด ซับให้แห้ง วัดขนาดของทวารเทียมโดยใช้แบบเทียบขนาด ตัดตามรู ปร่างทวารเทียม
สมาเสมอเกียวกับการรักษาต่อไป ขนาดวงของรู เปดใหญ่กว่าขนาดทวารเทียมประมาณ 2 มิลลิเมตร แล้วจึงนําไปเปนแบบวาดลงบนแปนด้านหลัง
ตัดขนาดวงของทวารเทียมตามแบบทีวาดใช้ผงดูดซับ ความชืน skin barrier power โรยบาง ๆ บนผืนแดง
ลูบผงแปงออกเบาๆด้วยสําลีให้เหลือผงแปงบาง ๆ ทํา Stomahesive® Paste ทีรอบทวารเทียมทับผงแปง
เปาลมให้แห้งพอหมาด นําแปนไปครอบทวารเทียม โดยลอกกระดาษกาวด้านหลังออก ลูบเบาๆ ให้แปนปดแนบกับผิวหนั ง
3. ทบทวนความรู ท ้ ัวไปเกียวกับทวารเทียม ปกติมีสีแดงหรือชมพู ผิวมันเรียบ
ลักษณะชุม ่ ชืนขนาดจะมีขนาดเล็กลงเล็กน้ อยภายหลังผ่าตัด 6-8 สัปดาห์ ไม่มีเส้นประสาทรับความรู ส
้ ึกเมือสัมผัสจึงไม่เจ็บ
กิจกรรมการพยาบาล มีเส้นเลือดฝอยมาเลียงมากท าให้เลือดออกได้ผิวหนั งรอบทวารเทียมปกติเรียบเนี ยน ไม่แดงเปนแผล หรือมีผืนคัน
อุจจาระนิ มเปนก้อน หากมีความผิดปกติให้รบ ี กลับมาพบแพทย์
4. ทบทวน อาการผิดปกติ ทีควรไปพบแพทย์ทันที ดังนี
1) มีความผิดปกติของแผลผ่าตัด ทวารเทียม แผลเย็บทีก้น
2) ปวดท้อง หน้าท้องแข็งตึง อุจจาระออกน้ อยกว่าปกติ ไม่ผายลม คลืนไส้ อาเจียน ควรงดนาและอาหารไว้ก่อน
เนื องจากอาจมีการอุดตันของลําไส้เกิดขึน
3) ผิวหนั งรอบทวารเทียม บริเวณทีปดแปนมีผืนแผล มีอาการคัน ผิวหนั งอักเสบ
หรือติดแปนการรัวซึมของอุจจาระทีทําให้ต้องเปลียนแปนบ่อยขึน หรือแปนหลุดก่อนเวลา
4) ผิวหนั งรอบทวารเทียม บวมนูนหรือโปงออกเมือนอนราบไม่กลับคืน
5) ทวารเทียมมีความผิดปกติ มีเลือดสดออกไม่หยุดเมือทําการห้ามเลือดทีทวารเทียมหรือมีลําไส้ยนยาว
ื ทวารเทียมตีบตัน
หรือมีถ่ายเปนเลือด ออกมาจากลําไส้

ผู้ปวยไม่มีภาวะแทรกซ้อนเกียวกับทวารเทียม
การประเมินผล

You might also like