Professional Documents
Culture Documents
เล่ม 14
เล่ม 14
วีดเดินออกไปจากองค์การบริหารและเดินดูรอบๆคุรุโซ
ช่างตีเหล็กคนแคระและช่างฝี มือคนอื่นๆอยู่บนถนนและกำลังสร้างไอ
เทมอะไรบางอย่าง แถวนั้นยังมีร้านของช่างตีเหล็กอย่างฟาบิโอ, แบม
บี้, และเอ็กเปอร์
รายชื่อที่กล่าวมาข้างต้นคือช่างตีเหล็กที่สามารถทำเงินได้จำนวน
มหาศาลจากการขายไอเทมที่มีลักษณะเฉพาะ, ที่พวกเขาเป็นคนสร้าง
มันขึ้นมา เมื่อมีการสนับสนุนหรือการบริจาคให้กับอาณาจักร เกิดขึ้น
เรียบร้อยแล้ว, มันมีความเป็นไปได้ที่จะสามารถกลายมาเป็นอัศวิน, แ
ละเป็นเจ้าของบ้านหรือคฤหาสน์ บ้านพักสุดหรู หรือบ้านพักตาก
อากาศ
‘ในคุรุโซ, ผู้คนถูกประเมินค่าจากทักษะช่างตีเหล็กของพวกเขา’
มันไม่ได้เหมือนกับทักษะการเย็บปักและทักษะงานฝี มืออื่นๆ, คน
แคระ, โดยธรรมชาติแล้วพวกเขารักและชื่นชอบในการเก็บรวบรวม
วัตถุดิบที่มีคุณภาพสูง, และใช้สุดยอดทักษะและความชำนาญของ
พวกเขาในด้านการตีเหล็ก, เปลี่ยนมันให้เป็นอะไรสักอย่างที่แปลกใหม่
“ข้าคือคนแคระ, ไฮส์น กำหนดส่งงานใกล้จะหมดลงแล้ว, แต่มีใครที่
ต้องการอยากจะท้าทายการทำบานหน้าต่าง 100 บานกับข้ามั้ย? มั
นเป็นคำขอร้องจากร้านของช่างตีเหล็ก”
เพื่อนร่วมงานมีความเหมาะสมขึ้นอยู่กับความจำเป็นในแต่ละ
สถานการณ์, แม้กระทั่งในคุรุโซก็เช่นกัน
“คำขอร้องอะไรกัน ช่างมากมายขนาดนี้ พวกเราต้องทำชุด
เกราะ 20 ชิ้น, แต่เงื่อนไขค่อนข้างยุ่งยากเล็กน้อย พวกเรามองหาผู้
เชี่ยวชาญในการหลอมและมีทักษะช่างตีเหล็กอย่างน้อยขั้นต้นระดับ
8 คุณจะต้องเตรียมวัตถุดิบของคุณมาเอง,และค่าใช้จ่ายโดยประมาณ
300 เหรียญทอง งานนี้เฉพาะคนแคระที่สนใจจะเพิ่มทักษะเท่านั้น!”
“มอนสเตอร์ปรากฏตัวขึ้นทั้งหมดใน 8 อุโมงค์, มันทำให้การขุดแร่ทำ
เหมืองนั้นยากมาก พวกเราต้องเอาอุโมงค์พวกนี้กลับคืนมาและฟื้นคืน
ความสงบขึ้นมาอีกครั้ง ค่าแรง 20 เหรียญทองต่อคน”
“ชุดเกราะป้ องกันทุกชิ้นต้องถูกทำขึ้นมาอย่างดี มันเป็นคำขอร้องของ
เจ้าของร้านชุดเกราะ, แต่ข้าต้องทำและส่งโล่ที่มีพลังป้ องกันมากกว่า
30 พวกเราทำมันด้วยกันมั้ย,เจ้าแคระ?”
ในปราสาททุกหลังหรือทุกหมู่บ้าน, จะมีสถานที่ไว้สำหรับประกาศรับ
สมัครหาเพื่อนร่วมทีมและซื้อ-ขายสินค้าต่างที่จำเป็นสำหรับการทำ
เควส และในที่แห่งนี้, พวกเขาสร้างของใช้ต่างๆขึ้นมา, ดังนั้นมันจึงมี
คำขอร้องมากมายเพื่อที่จะให้ได้วัตถุดิบที่จำเป็ นเหล่านั้นมาใช้ในการ
ทำเควส
เมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับภารกิจ, มันจะดีกว่าถ้ารวบรวมเพื่อนรวมงานและ
ทำภารกิจไปด้วยกัน ดีกว่าทำมันให้สำเร็จด้วยตัวคนเดียว
ต้องขอบคุณภารกิจต่างๆมากมาย ที่ถูกให้มาอย่างต่อเนื่อง, พวกคน
แคระที่มีระดับทักษะต่ำจึงได้รับโอกาสเหล่านี้เพื่อที่จะพัฒนาและเพิ่ม
ระดับทักษะของพวกเขา
คุรุโซ!
ตั้งชื่อตามอาณาจักรโบราณของคนแคระ, เมืองที่ครั้งหนึ่งเคยเจริญ
รุ่งเรืองและในอดีตเคยเป็นยุคทองของเหล่าช่างฝี มือคนแคระ!
ประตูทางเข้าบ้านของพวกคนแคระมีขนาดเล็กและคับแคบ, แต่เพดาน
สูงเพียงพอที่จะให้พวกมนุษย์สามารถเข้าไปได้
ข้างในร้านต่างๆ, มีอาวุธและชุดเกราะมากมายหลากหลายชิ้นวางเรียง
รายจัดแสดงให้แก่ผู้ที่สนใจเลือกซื้อเป็ นเจ้าของพวกมัน
นอกจากนั้นแล้ว, ถัดไปจากร้านช่างตีเหล็ก, เป็นร้านเหล้าที่พวกคน
แคระชอบดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
“ตามความคิดเห็นของข้าแล้ว, อาวุธที่ข้าทำขึ้นมาในครั้งนี้มันออกมาดู
ดีเลยทีเดียว มันเหมาะที่จะเอาไว้ใช้ฟันหัวพวกออร์คที่สุด”
“ถ้านายเป็นช่างตีเหล็ก, นายต้องมาอยู่ที่คุรุโซแน่นอน”
“ทั่งทั้งทวีปเวอร์แซลล์, พวกเรามีสุดยอดวิทยาการเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย
ที่สุด, พวกเราภูมิใจมาก”
ข้างนอกร้านเหล้า, บทสนทนาที่เสียงดังของพวกผู้เล่นคนแคระ
สามารถได้ยินมาถึงข้างใน
มีคนจำนวนมากที่เข้ามาจากทางด้านหลังถนนของเหมืองที่ถูกทิ้งร้าง
เช่นเดียวกันกับวีด, มีทั้งพวกมนุษย์และเอลฟ์
“เฮื้อกกกกก! ทำไมทุกอย่างมันแพงขนาดนี้”
ใบหน้าสวยๆของผู้เล่นเอลฟ์ หงุดหงิดขึ้นมาในทันใด เธอเจอธนูที่มีรูป
ร่างสมบูรณ์แบบสำหรับเธอ อย่างไรก็ตาม, คนขายที่เป็นคนแคระพูด
ออกมาตรงๆ
“พวกเราไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องขายมันในราคาแพงให้กับพวก
เอลฟ์ ถ้าเจ้าไม่ต้องการที่จะซื้อมันล่ะก็, ออกไปซะ!”
“คุณคะ, แต่ฉันต้องการมันจริงๆนะ…”
“งั้นก็เอาเงินมาให้ข้าสิ!”
“พวกเราควรจะทำยังไงดี เธอมีเงินไม่พอเลยเหรอ ลูมิยะ?”
“ไม่อ่ะ, ฉันยังขาดอีก 1,500 เหรียญทอง ฉันหวังว่าพวกเขาจะลด
ราคาให้พวกเราสักนิดหน่อยน่ะ พวกเขาไม่เคยที่จะลดราคาให้พวกเรา
เลย”
พวกคนแคระหน้าบูด!
ไม่เหมือนกันกับพวกเอลฟ์ และมนุษย์, พวกคนแคระไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบ
สำหรับพวกเขานัก, หรือเผ่าอื่นๆ สำหรับเรื่องนั้น
ถึงแม้ว่ามีเอลฟ์ แสนสวยอยู่ 5 คน ภายในร้าน ราคาก็ไม่ได้ลดลงเลย
สักนิดแม้แต่ 1 เหรียญทองก็ตาม วีดขยับไปด้านข้างอย่างเงียบๆ เขา
ขยับไปที่ๆพวกเอลฟ์ และคนแคระกำลังต่อรองราคากันอยู่
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้มีความตั้งใจที่จะช่วยพวกเอลฟ์ ผู้หญิงเลยแม้แต่
นิดเดียว เขาแค่สงสัยว่าธนูที่ขายอยู่ในคุรุโซนั้นมีคุณภาพขนาดไหน
นอกจากนี้, ร้านค้าแห่งนี้ยังรวบรวมของที่น่าสนใจเอาไว้มากมาย อีก
ทั้งยังตั้งอยู่ตรงจุดศูนย์กลางของคุรุโซ และเป็นที่รู้จักกันดีถึงไอเทมที่มี
คุณภาพระดับสูง
วีดชี้ไปที่ธนูที่เอลฟ์ ผู้หญิงอยากได้
“ข้าอยากดูของชิ้นนี้”
“ฉันเป็นคนเจอมันก่อนนะ”
เอลฟ์ ผู้หญิงพูดพร้อมกับถอนหายใจ อย่างไรก็ตาม, ท่าทางของวีดก็ยัง
ไม่เปลี่ยน
“อ๋อ เหรอ?”
“ยังไงก็ตาม, ฉันก็ยังมีเงินไม่พออยู่ดี…”
“งั้น ข้าขอดูมันได้มั้ย?”
“แต่…”
หลังจากที่เอลฟ์ ผู้หญิงคนนั้นพยักหน้า, เธอถูกเพื่อนๆในกลุ่ม จ้องมอง
ด้วยสายตาที่แข็งกระด้าง
แววตาของวีดลุกวาวอย่างกับว่าเขาจับเหยื่อได้แล้ว!
เจ้าของร้านคนแคระยื่นธนูให้เขาอย่างรวดเร็ว
“ร้านของเราจะยินดีเป็นอย่างยิ่งหากเพื่อนคนแคระของเราคนนี้
สามารถใช้ธนูอันนี้ได้”
วีดหยิบธนูที่เจ้าของร้านยื่นมาให้เขาอย่างระมัดระวัง
“ตรวจสอบ!”
ธนูนักรบของคนแคระเผ่ายูโนบัน:
ความทนทาน: 40/40.
ค่าความเสียหาย: 65.
ระยะการยิง: 14.
ธนูที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการล่า สร้างโดยช่างฝี มือของเผ่ายูโนบัน
ล็อคเป้ าอย่างแม่นยำ อาวุธที่แข็งแกร่งทำด้วยสายธนูที่ปรับแต่งให้
เหมาะสมกับความเร็วในการยิง
ข้อจำกัด:
เลเวล 280.
ค่าความแม่นยำ 730.
อาชีพนักธนู, หรือ นักรบขั้นกลาง สามารถใช้ไอเทมนี้ได้
คุณสมบัติเพิ่มเติม: คุณสมบัติเพิ่มเติม
ความเร็วเพิ่ม 20%
เพิ่มค่าความเสียหายในการยิงเจาะเกราะ
การยิงที่รวดเร็วมีความแม่นยำมากขึ้น
ลูกธนูเหล็ก, ลูกธนูไฟ, และลูกธนูพิษ สามารถใช้ร่วมกันได้
‘ไม่เลว’
เขาได้รับข้อมูลจากทักษะการตรวจสอบขั้นกลางของเขา
เพราะทักษะช่างตีเหล็กขั้นกลางของเขา, วีดจึงสามารถได้ข้อมูลของไอ
เทมที่มีรายละเอียดมากขึ้น
- การผลิตอาวุธ
คุณสมบัติอื่นๆของอาวุธสามารถมองเห็นได้เฉพาะผู้ที่เพิ่มระดับช่างตี
เหล็กของพวกเขาถึงขั้นกลางแล้วเท่านั้น
ถ้าคุณใช้ลูกธนูเหล็กยิงต่อเนื่องกันมากกว่า 45 ครั้งขึ้นไป, สายของ
คันธนูจะยืดออกและเป็ นสาเหตุทำให้ระยะการยิงและค่าความแม่นยำ
ลดลง 20%
ค่าความเสียหายของธนูเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 23%
เพราะนี่คือหนึ่งในอาวุธที่ช่างฝี มือของเผ่ายูโนบันทำออกมาไม่ดี, จุดศู
นย์กลางของมันไม่ได้มีการวัดขนาดอย่างถูกต้องและอาจจะมีการเบี่ยง
เบนออกนอกทิศทางประมาณ 15 เซนติเมตร เมื่อทำการยิงที่
ระยะ 100 เมตร
อย่างไรก็ตาม, ไอเทมชิ้นนี้ถูกทำขึ้นด้วยความเชื่อ ความศรัทธา, มัน
สามารถเปล่งแสงที่บอกทิศทางลูกธนูให้พุ่งไปตามเส้นทางที่กำหนดได้
อย่างเหมาะสม
ถ้าช่างตีเหล็กที่มีความเชี่ยวชาญมากกว่านี้ทำการเพิ่มประสิทธิภาพ
ของธนู, มันมีโอกาสเล็กน้อยที่จะเพิ่มระยะกางยิงสูงสุดและเพิ่มค่า
ความเสียหายสูงสุด
หลังจากที่อารมณ์เสียอยู่กับธนูสักพัก, วีดส่งมันคืนให้กับเจ้าของร้าน
“อาวุธชิ้นนี้มีราคาเท่าไหร่?”
คนแคระตอบ
“15,500 เหรียญทอง”
“ฮืมมมม”
“เจ้าต้องการที่จะซื้อมันหรือไม่?”
วีดถอยออกมาหนึ่งก้าว
“ไม่ล่ะ, ข้าจะไม่ซื้อมัน”
เขาคือผู้ที่มีธนูของไฮเอลฟ์ เหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงมองหาไอเทมเป็น
เพราะว่าเขาไม่ได้ต้องการที่จะซื้อและใช้มัน แต่เพราะเขาต้องการที่จะ
ตรวจสอบราคาของอุปกรณ์สวมใส่ นั่นคือเหตุผลเพียงหนึ่งเดียวที่เขา
มองผ่านอุปกรณ์สวมใส่ของพวกคนแคระ!
เขาไม่ต้องการที่จะซื้ออาวุธทุกชนิดอย่างแน่นอน
คนแคระเดาะลิ้นของเขา
“นั่นมันแย่หน่อยนะ พอมาคิดดูแล้ว, พวกเราคนแคระ, ไม่ต้องการธนู
เพื่อใช้ในการต่อสู้สักเท่าไหร่”
มันเป็นอาวุธที่เธอชอบ, แล้ววีดพูดว่าเขาไม่ได้ต้องการที่จะซื้อมัน, เธอ
จึงรู้สึกว่าโอกาสนั้นมาถึงแล้ว
แล้ววีดก็พูดกับคนเหล่านี้
“อย่าซื้อมันนะ”
“อะไรนะ?”
สายตาของเอลฟ์ ผู้หญิงเป็นประกายเจิดจ้าในทันที
ถึงแม้ว่าเอลฟ์ มีความงดงามโดยธรรมชาติอยู่แล้ว, แต่ก็ยังมีคนที่
หน้าตาดูดีกว่านี้อีกเมื่อมองออกไปยังโลกภายนอกที่กว้างใหญ่
พวกเขามีดวงตากลมโต, ผิวสะอาดสะอ้าน, และรูปร่างผอมเพรียวได้
สัดส่วน หูแหลมและผมสีเขียว, มันเป็นธรรมดาที่พวกผู้ชายมักจะคิด
เสมอว่าพวกเธอนั้นสวยมากๆ
“มันก็แค่ของถูกๆ”
“อะไรนะ? เจ้าพูดว่า…”
“เจ้าแคระน้อยเพื่อนยาก! เจ้าหมายความว่าอย่างไร!”
มันเป็นเรื่องปกติที่เจ้าของร้านต้องระเบิดออกมา อย่างไรก็ตาม, วีด
เมินเฉยต่อการกระทำของเจ้าของร้านและพูดต่อ
“มันไม่ใช่อาวุธที่ถูกทำขึ้นมาด้วยความระมัดระวังและพิถีพิถันคำนึงถึง
คุณภาพของมัน นอกจากพวกเอลฟ์ แล้ว, มันถูกทำขึ้นสำหรับพวกที่
ไม่ใช่คนแคระให้สามารถใช้งานได้ ความสมดุลของอาวุธก็ไม่ได้มีดี
อะไรมากนัก, และค่าเฉลี่ยความเสียหายและค่าความทนทานก็อยู่ใน
ระดับแค่ครึ่งๆกลางๆ”
อาวุธไม่ได้ดีพอที่พวกเอลฟ์ ควรจะใช้มัน ใบหน้าของเจ้าของร้านคน
แคระแดงกำอย่างกับถูกไฟเผาและไม่สามารถที่จะเอ่ยคำใดๆออกมาได้
เลย
“เฮอะ?”
“พวกคนแคระมีความภาคภูมิใจสูงมาก ทำไมคุณถึงไม่โกรธล่ะ?”
วีดยังคงพูดต่อไป
“อัตราการยิงค่อนข้างสูง, ซึ่งทำให้มันมีราคามากขึ้น, แต่อาวุธชิ้นนี้มี
จุดศูนย์กลางที่ไม่เหมาะสมและมันก็เป็นการขูดรีดโดยสิ้นเชิง ถ้าเธอ
ต้องการ, เธอสามารถที่จะลองยิงเพื่อตรวจสอบมันด้วยตัวเธอเองก็ได้”
หลังจากที่เขาพูดถึงเรื่องนี้เสร็จแล้ว, วีดรีบเดินออกไปจากร้านเพราะ
มันไม่มีอะไรต้องพูดมากไปกว่านี้อีกแล้ว
เขาให้คำแนะนำบางอย่างกับเอลฟ์ พวกนี้เพียงเพราะเธอมีอายุใกล้
เคียงกับน้องสาวของเขา
คนแคระคนนั้นหน้าแดงก่ำด้วยความอึดอัดใจเป็นอย่างมาก
พวกคนแคระเริ่มต้นมาก็มีทักษะช่างฝี มือขั้นพื้นฐานซึ่งทำให้พวกเขา
กลายเป็นสุดยอดช่างฝี มือ
คนแคระคนนั้นรู้สิ่งที่วีดพูดมากทั้งหมดนั้นถูกต้องและไม่สามารถที่จะ
โต้เถียงกลับไปได้เลยแม้แต่สักครั้งเดียว
“เอลฟ์ , เจ้าต้องการที่จะซื้อมันหรือไม่?”
เอลฟ์ วางอาวุธลงด้วยความระมัดระวังและถามอีกครั้งด้วยความหวั่น
ใจ
“ราคาของธนูนี้เท่าไหร่?”
“12,500 เหรียญทอง”
“แต่ว่าฉันได้ยินมาว่ามันไม่ค่อยสมดุล…”
“งั้นเจ้าก็ไม่ต้องซื้อมัน”
คนแคระอวดดีตอบกลับไปและเก็บแขนของเขาลง
เอลฟ์ ผู้หญิงเข้าใจดีว่าวีดกำลังช่วยเธอและเธอวิ่งตามเขาไปด้วย
ความเร็วเพื่อที่จะไม่ให้คลาดสายตาไปจากเขาและขอเขาเป็ นเพื่อน
“ขอเป็นเพื่อน!”
"?."
ในฐานะที่เป็นเอลฟ์ ผู้หญิง, เขาเป็นคนแรกที่ปฏิเสธคำขอเป็นเพื่อนกับ
เธอ
บนสนามรบและการทำเควส, เผ่าเอลฟ์ เป็นที่นิยมชมชอบมากที่สุดอยู่
เสมอ
เพราะพวกเขามีสเต็ปการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว, นักธนูมีปฏิกิริยาโต้ตอบ
ด้วยความเร็วที่น่าตกใจ และเนื่องจากพวกเอลฟ์ ผู้หญิงมีใบหน้าที่
สวยงามแลรูปร่างที่ผอม เพรียว, พวกผู้ชายจึงให้ความสนใจดูแลเป็น
พิเศษอยู่ตลอด
ในความเป็นจริงแล้ว, รูปร่างของพวกเขานั้นค่อนข้างธรรมดาและพวก
เขาดูเหมือนพวกนางแบบที่เป็นเด็กนักเรียนและมัวแต่หมุกมุ่นอยู่กับ
กองหนังสือ, แต่พวกเขาเป็นที่ชื่นชอบในรอยัล โร้ด
เอลฟ์ ผู้หญิงละทิ้งความภาคภูมิใจของเธอและพยายามอีกครั้ง
“ขอเป็นเพื่อน!”
“ขอเป็นเพื่อน!”
หลังจากความพยายามในการขอเป็นเพื่อนทั้งสามครั้ง, ในที่สุดชื่อของ
เขาคือวีด?
‘ชื่อของคนๆนั้นคือวีด?’
ณ ช่วงเวลานั้น, เอเดลกระซิบไปหาเขา, และเป็นไปตามที่เธอคิด
ไว้, คำแรกที่เธอได้ยินนั้นทื่อมาก
- ทักษะของคนแคระและความซื่อสัตย์…
คำกระซิบที่เอเดลได้ยินนั้นเหมือนกันเลย
“มันไม่ใช่ว่าพวกเราเอลฟ์ สงสัยในทักษะและคุณภาพของคนแคระ, แต่
ธนูอันนี้มันแพงเกินไปสำหรับเอลฟ์ ธรรมดาๆอย่างพวกเราที่จะใช้มันได้
ฉันรู้ว่าปรมาจารย์คนแคระสามารถสร้างธนูแบบเดียวกันนี้ได้อย่าง
ง่ายดาย"
“12,000 เหรียญทอง”
เอลฟ์ กำลังพยายามที่จะต่อรองราคากับเจ้าของร้านคนแคระผู้โอ้อวดที่
มีคนพูดกันว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะต้องรองราคากับเขา มันเป็นหัวข้อที่
ควรค่าแก่การเอ่ยถึง
- ค่าความเสียหายอยู่ในระดับค่าเฉลี่ย…
เอเดลมองดูปฏิริยาของคนแคระอย่างระมัดระวังและพูด
“มันมีค่าความเสียหายอยู่ในระดับค่าเฉลี่ย ดูไม่ค่อยเหมาะสักเท่าไหร่
ถ้าความเสียหายที่ธนูสามารถทำได้นั้นไม่คงที่, มันคงจะเป็นปัญหา
ใหญ่มากแน่ๆ ฉันต้องล่าพวกออร์คชั่วร้ายก่อนที่พวกมันจะเข้ามาใกล้”
มันรู้กันโดยทั่วไปว่าพวกออร์คคือศัตรูคู่อาฆาตของพวกเอลฟ์ และพวก
คนแคระ
เป็นที่รู้กันดีว่าพวกคนแคระนั้นเกลียดการมีอยู่ของพวกออร์ค
“11,000 เหรียญทอง ข้าให้ต่ำสุดได้เท่านี้”
“ข้าได้ยินมาว่าความทนทานของมันแย่มากเลยนะ…”
“10,500 เหรียญทอง”
ถ้าราคาของมันประมาณนี้ล่ะก็, เอเดลสามารถซื้อมันได้ด้วยเงินที่เธอมี
อยู่
“ว้าว!”
“ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าเอเดลจะมีความสามารถในการต่อรองราคาได้
ขนาดนี้”
พวกเพื่อนๆของเอลฟ์ เอเดลกำลังเชียร์เธอที่สามารถต่อรองราคาได้, อย่
างไรก็ตามเอเดลตัดสินใจที่จะเก็บความรู้สึกดีใจเอาไว้ก่อน
เอเดลยังไม่ได้ซื้อธนู ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าเธอยังไม่แน่ใจราคาของมัน
ว่าถูกต้องหรือไม่
เอเดลถามอีกครั้งเพื่อยืนยันราคา
“นั่นน่ะ…มันจะเป็นอะไรมั้ยถ้าให้ฉันลองยิงจากระยะไกลเพื่อตรวจดู
ผลลัพธ์ของมัน? ถ้ามันเป็นอาวุธที่ปรมาจารย์คนแคระเป็นคนสร้างมัน
ขึ้นมา มันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร, แต่ฉันต้องการที่จะดูว่าธนูอันนี้มันดี
พอหรือไม่ ก่อนที่ฉันจะตัดสินใจซื้อมัน อย่างไรก็ตาม, ถ้าลูกธนูมันไถล
ออกไปเล็กน้อยจากเป้ าหมายล่ะ, คุณจะลดราคามันใช้ฉัน,ได้ใช่มั้ย?”
เป็นครั้งแรกที่สีหน้าของคนแคระเปลี่ยนไป สีหน้าของเขาตอนนี้ซีดลง
อย่างเห็นได้ชัด
“เอามาให้ข้า 9,000 เหรียญทอง ถึงแม้ว่าธนูอันนี้มีข้อบกพร่องอยู่
นิดหน่อย, แต่มันไม่เลวเลยถ้าหากเจ้าซื้อมันที่ราคา 9,000 เหรียญ
ทอง”
และนั่นคือการตัดสินใจครั้งสุดท้ายที่เอเดลซื้อธนูที่ราคา 9,000 เหรี
ยญทอง
มันมีข้อเสียอยู่นิดหน่อยเมื่อคุณใช้ธนูเพราะการโจมตีไม่สอดคล้องกับ
ความเสียหายที่ทำได้!
อย่างไรก็ตาม, ทักษะการใช้ธนูเพียงพอที่จะทดแทนข้อบกพร่องของธนู
มันเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมากหากสามารถได้ธนูที่มีค่าความเสียหายสูง
พร้อมกับความเร็วในการยิงที่ระดับนี้ในราคาแบบนี้ มนุษย์มองเห็น
พวกเอลฟ์ นั้นเป็นมิตรกับพวกเขา, แต่มันเป็นเรื่องที่สุดยอดที่สามารถ
ต่อรองราคากับพวกคนแคระที่เก็บตัวพวกนี้
เอเดลพยายามกระซิบไปหาวีดเพื่อกล่าวคำขอบคุณ
- ขอบคุณมาก เพราะคุณ ฉันจึงสามารถซื้อธนูอันนี้ได้…
***
เควสส่วนใหญ่ในอาณาจักรคุรุโซที่ให้มาทำนั้น มีแต่เฉพาะเผ่าคนแคระ
หรือช่างตีเหล็ก
การแกะสลักเป็ นอะไรที่หายากมากเหมือนกับการปลูกถั่วบนพื้นที่แห้ง
แล้ง, และมันเป็นอะไรที่ไม่มีใครสามารถพูดได้ว่าพวกเขาเชี่ยวชาญใน
เรื่องนี้
- ความกล้าหาญของนักรบคนแคระ
พวกคนแคระคุยโว โอ้อวดว่าถ้าหากพวกเขามีชุดเกราะและอาวุธที่พวก
เขาทำขึ้นมา, พวกเขาสามารถที่จะป้ องกันได้แม้กระทั่งการโจมตีด้วย
ลมหายใจและสามารถตัดผ่านได้ทุกสิ่ง, พวกเขามีความสามารถแม้
กระทั่งการจับมังกรปี ศาจ, เคย์เบิร์น
นี่อาจจะเป็ นเหตุผลที่ว่าทำไมทักษะช่างตีเหล็กของพวกเขาถึงเติบโต
มากขนาดนี้, แต่โอกาสที่มันจะเป็นเรื่องจริงได้นั้นไม่มีเลย!
แม้กระทั่งด้านจิตรกรรม, ตราบใดที่ศัตรูของพวกเขาไม่ใช่มังกร, พวก
คนแคระคงไม่มีทางรู้ถึงความกลัวและการถอยหนี
จงแกะสลักนักรบคนแคระผู้กล้าหาญ
ระดับความยาก: E
รางวัลตอบแทน: ชุดเซ็ทอาวุธที่คนแคระทำขึ้นเพื่อคลายความเบื่อ
หน่ายที่เขามี
ความต้องการของเควส: ต้องเป็ นช่างแกะสลักเท่านั้น
คุณต้องสร้างรูปแกะสลักด้วยสัมฤทธิ์(bronze)
“ข้าจะทำมันตอนนี้เลย”
เขารับเควสนี้โดยที่ไม่ต้องรับเควสที่ความยากระดับ F
อาจจะพูดได้ว่าเขากำลังได้เควสที่ดีขึ้น!
เขามีความหวังอยู่เสมอว่าไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน มันต้องมีเควสช่างแกะ
สลักรอคอยเขาอยู่เสมอ
ตามนี้, เขารับเควสทุกอันที่เกี่ยวกับการแกะสลักมาทั้งหมด
‘คุรุโซเป็นสถานที่เล็กๆ’
จำนวนคนแคระที่อาศัยอยู่ที่นี่นั้นมีไม่ถึงพันคน
มีอาคารหลายหลังที่ถูกปล่อยให้ทิ้งว่าง, และมันก็เงียบเชียบไปตาม
ขนาดของพวกมัน
ถ้าไม่มีพวกนักผจญภัยเอลฟ์ หรือมนุษย์, มันคงจะกลายเป็นสถานที่ ที่
เงียบเหงา เปล่าเปลี่ยวโดยแท้จริง
‘ถ้าเราทำเควสของช่างแกะสลักต่อไป, เราเดาว่ามันต้องมีเควสอะไร
สักอย่างที่ทำให้เราสามารถแกะสลักพวกที่ไม่มีตัวตนได้แน่ๆ’
เขาคิดว่าอย่างน้อย เขาก็สามารถค้นหาเบาะแสได้
อย่างไรก็ตาม, ถึงแม้ว่าเขาจะทำเควสเสร็จไปมากมายเป็นสิบๆเควส
แล้วก็ตาม, คำขอร้องพิเศษยังไม่ปรากฏให้เห็นเลย
ถึงแม้ว่าระดับความยากของคำขอร้องเพิ่มขึ้นถึงระดับค่าเฉลี่ยหลังจาก
ที่เขาพูดถึงหมู่บ้านหัตถ์เหล็กกล้า, แต่เควสเหล่านั้นก็ยังไม่เคยเกิน
ระดับ D
เควสต่อเนื่องยากที่จะหาพบ, และ, อย่างมาก, พวกเขาแนะนำให้เขา
รู้จักกับคนแคระคนอื่นๆที่ต้องการความช่วยเหลือของช่างแกะสลัก
ความคิดบางอย่างที่น่ากลัวก็ปรากฏขึ้นในหัวของเขา!
‘มันคงไม่ใช่ขีดจำกัดของเควสช่างแกะสลักหรอกนะ, มันคงไม่ใช่
หรอก?’
ถ้าเขาเป็นสายอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้, เขาก็แค่ต้องออกไปผจญ
ภัยเท่านั้น
มันไม่มีอะไรมากที่ต้องพูดถึงการออกไปผจญภัย เขาสามารถขุดค้น
สำรวจซากโบราณสถาน, หรือเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องราวของพวกสัตว์และ
พืชพันธุ์ไม้ในแต่ละท้องถิ่น เขาสามารถจับพวกมอนสเตอร์ก็ได้
คำขอร้องที่น่าสนใจมักจะเชื่อมโยงถึงกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
แม้กระทั่งพวกพรีสต์สามารถได้รับประสบการณ์ผ่านทางพิธีกรรมพิเศษ
ที่จัดขึ้นโดยวิหาร
อย่างไรก็ตาม, เขาเริ่มคิดว่าในตอนแรกๆนั้น เควสพวกนี้คงไม่มีให้
สำหรับช่างแกะสลัก
‘ใช่แล้ว เควสที่สร้างสุสานของกษัตริย์ในอาณาจักรโรเซนไฮม์ก็เป็น
แบบนี้เหมือนกัน’
มันเป็นเควสของช่างแกะสลักที่มีความยากระดับ B!
ถ้าระดับความยากสูงกว่าภารกิจอื่นๆ ค่าประสบการณ์และรางวัล
ตอบแทนก็จะมากตามไปด้วยและมันอาจจะส่งผลกระทบ มีอิทธิพลไป
ทั่วทั้งทวีปเวอร์แซลล์
แต่อุปสรรคความยากลำบากในการก่อสร้างสุสานของกษัตริย์คือพวก
ใช้แรงงานที่จำเป็นต่อการก่อสร้าง
‘มันเป็นภารกิจที่ง่ายต่อการทำมันให้สำเร็จเพียงแค่มีพวกคนงาน
เท่านั้น นอกจากนี้, เมื่อตอนที่แกะสลักรูปปั้นของเทพธิดาเฟรย่าห์, มัน
ไม่มีความท้าทายที่พิเศษอะไร’
วีดเชี่ยวชาญการใช้แรงงานมาก, และเมื่อไหร่ก็ตามที่มีงานใหม่ๆ
ปรากฏขึ้น, เขาจะรับมันพร้อมกับมองโลกในแง่ดีไปด้วย
มันเป็นความจริงที่ว่าเขากลัวคำขอร้องการแกะสลักที่ยากๆในชีวิตจริง
แล้วถ้าหากมันเป็นคำข้อร้องที่ต้องการให้เปลี่ยนพวกอัญมณีที่มีมูลค่า
เป็นหมื่นๆเหรียญทอง ให้กลายเป็นสร้อยคอ ผลงานที่โลกต้องจารึก
และจดจำไว้ในประวัติศาสตร์นานนับศตวรรษ มันคงเป็ นอะไรที่น่าปวด
หัวสุดๆเลยใช่มั้ยล่ะ?
วีดยินดียอมรับการใช้แรงงานแบบง่ายๆ, และสร้างผลงานการแกะสลัก
ของเขาให้เป็นแบบนี้ต่อไปดีกว่า
อย่างไรก็ตาม, มันดูยากมากในขณะที่เขากำลังทำมันอยู่นั้น, เขาไม่
จำเป็นต้องคิดอะไรเลยเกี่ยวกับพวกรูปแกะสลัก
‘มันเป็นไปได้ที่เควสที่เรารับผ่านการแกะสลัก คงจะติดแหง็ก คาอยู่
ระดับที่น่าสมเพช เวทนาแบบนี้แน่นอน’
ขณะที่เขาสามารถสร้างรูปปั้นที่มีขนาดใหญ่, มันสามารถบ่งบอกได้ว่า
นั่นคือขีดจำกัดของคำขอร้องที่เกี่ยวกับการแกะสลัก
มันไม่เหมาะกับภาพลักษณ์ของช่างแกะสลักในการที่จะต้องมาทำอะไร
แบบนี้ เช่น การหาปาร์ตี้, การต่อสู้, หรือ การออกไปผจญภัย!
มันจะดีกว่าถ้าเกิดหาที่นั่งสักที่แล้วมานั่งแกะสลักไปตลอดทั้งวัน
บางคนอาจจะบอกว่าช่างตัดเย็บและช่างตีเหล็กก็มีเหตุการณ์แบบนี้เห
มือนๆกัน, แต่ไม่ว่าจะเป็ นแบบไหนก็ตาม, เขาก็มักจะสงสัยเสมอว่า, ใ
นฐานะที่เป็นช่างแกะสลัก, เขาไม่จำเป็นที่จะต้องออกไปผจญภัยเลย
หรือ
‘ไม่ เวรเอ้ย นี่คือเรื่องจริง มันไม่มีช่างแกะสลักคนไหนที่ออกไปผจญภัย
จริงๆหรอก, ใช่มั้ย?’
วีดตกลงสู่ห้วงแห่งความสิ้นหวัง
***
ทุกวันๆ, กิลด์นักล่าแห่งผืนปฐพีและเดย์มอนด์ยิ่งได้รับความสนใจมาก
ขึ้นเรื่อยๆ
เหตุผลที่คนส่วนใหญ่ให้ความสนจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ นั่นก็เพราะว่าพวก
เขากำลังล่าราชากริฟฟอนในหุบเขาฮาเวลิน
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าราชากริฟฟอน!
พวกเขาออกผจญภัยมานับครั้งไม่ถ้วน จนเดินทางมาถึงดินแดนทาง
เหนือเพื่อที่จะล่ากริฟฟอนสีเหลือง
กริฟฟอนสามาถบินไปในท้องฟ้ าได้อย่างอิสระ, พวกมันมีความว่องไว
และรวดเร็วสูงมาก, และยังฉลาดสุดๆ, ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่ามัน
เป็นการฆ่าตัวตายชัดๆ
หุบเขาฮาเวลินเป็นสถานที่ๆหลอกล่อพวกนักผจญภัยไปสู่ความตายมา
แล้วมากมาย
เดย์มอนด์และกิลด์นักล่าแห่งผืนปฐพีเข้าไปยังหุบเขาฮาเวลิน พวกเขา
ไร้ซึ่งความกลัว
พวกกริฟฟอนแสนรู้ต่างพากันต้อนรับเหล่าผู้บุกรุกด้วยการกลิ้งหิน
ขนาดยักษ์ใส่พวกเขาและ ในขณะที่พวกมันอยู่กลางอากาศ พวกมันก็
โยนกิ่งไม้ลงมาใส่พวกเขา
อย่างไรก็ตาม, พวกกริฟฟอนไม่ได้ใช้วิธีการเข้าโจมตีซึ่งๆหน้า
‘ถ้าพวกแกอยากเข้ามาใกล้กว่านี้, ก็เข้ามาเลย มันไม่มีทางที่พวกสวะ
อย่างพวกแกจะมีชีวิตอยู่รอดไปได้’
นี่ทำให้พวกเขากลัว, และ ด้วยการจู่โจมตลอดทุกคืน พวกเขาต้องเฝ้ าดู
สิ่งที่อยู่รอบๆตัวอย่างระมัดระวัง
ตอนนี้พวกเขามาได้เกินครึ่งทางของหุบเขาแล้ว, มันไกลเกินกว่าที่จะ
หันหลังกลับ, การโจมตีของพวกกริฟฟอนจะเริ่มขึ้นในเร็วนี้
กิลด์นักล่าแห่งผืนปฐพีผ่านประสบการณ์ความตายมากนับครั้งไม่ถ้วน
คำว่าล้มเหลวถูกหยิบยกขึ้นมาพูด
กิลด์อื่นๆต่างพากันหัวเราะเยาะกิลด์นักล่าแห่งพืนปฐพีในความ
ประมาทของพวกเขา
“ถ้าคุณไม่บ้า, คุณไม่มีทางที่จะท้าทายหุบเขาฮาเวลินได้หรอก”
มีกิลด์อื่นๆอีกเป็ นจำนวนมากที่มีกำลังทางทหารใหญ่กว่าเมื่อเปรียบ
เทียบกับกิลด์นักล่าแห่งผืนปฐพี แต่,พวกเขาก็ไม่กล้าแม้แต่ที่จะท้าทาย
สถานที่อันตรายอย่าง หุบเขาฮาเวลิน
แน่นอน รับประกันได้เลยว่าความพ่ายแพ้รอคอยพวกเขาอยู่
เพราะเป็นกิลด์ถึงระดับสูง ย่อมเป็ นที่จับตามองของผู้เล่นทั้งหมดบน
ทวีปเวอร์แซลล์ ถ้าพวกเขาล้มเหลว ผิดพลาดขึ้นมา ชื่อเสียงของพวก
เขาต้องป่ นปี้ย่อยยับ และนำมาซึ่งความเสียหาย มาสู่กิลด์ของพวกเขา
อีกอย่าง, ถึงแม้ว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จก็ตาม, แต่ถ้าพวกผู้
เล่นที่เป็นกำลังหลัก เป็นกำลังสำคัญ เกิดต้องมาตายไปเป็ นจำนวน
มาก, พวกเขาจะยิ่งสูญเสียไปมากกว่าเดิม
ถึงแม้ว่ากิลด์อื่นๆจะมีกำลังทางทหารที่แข็งแกร่งมากเพียงใด , พวกเขา
ก็ต้องหยุดคิดถึงมันอยู่ดี ดังนั้นกิลด์นักล่าแห่งผืนปฐพีจึงกลายเป็น
เหมือนตัวตลกในสายตาของพวกเขา ที่พยายามท้าทายหุบเขาฮาเวลิน
โดยไร้ซึ่งความเกรงกลังแต่อย่างใด
“เพราะพวกเขาเดินนำหน้าพากิลด์ไปด้วยความประมาท, พวกเขาจะ
ต้องล้มเหลวและพบจุดจบอยู่ที่ทางตอนเหนือ”
แต่, เดย์มอนด์และกิลด์นักล่าแห่งผืนปฐียังคงยืนหยัดอย่างแข็งแกร่ง
ถึงแม้พวกเขาจะเสียคนไปเป็นจำนวนมากแล้วก็ตาม
อย่างไรก็ตาม, พวกเขาก็ยังคงน่าเป็นห่วงอยู่ดีนั่นก็เพราะพวกกริฟฟอน
เพราะกริฟฟอนเป็นมอนสเตอร์ประเภทบินได้, มีเพียงแค่ลูกธนูและ
เวทย์มนต์เท่านั้นที่สามารถฆ่าพวกมันได้
ถึงกระนั้น, มันก็ไม่มีที่ที่ปลอดภัยสำหรับพวกเขา
รังของกริฟฟอนอยู่ตรงใจกลางของหุบเขาฮาเวลิน!
ในรังของพวกมัน, มีลูกกริฟฟอนที่ยังไม่มีปี กหรือยังไม่รู้วิธีที่จะบิน
หลังจากกิลด์นักล่าแห่งผืนปฐพีที่นำทีมโดยเดย์มอนด์เข้าไปถึงรังของ
พวกกริฟฟอนแล้ว และเริ่มการต่อสู้อันแสนโหดร้ายและทารุณจนถึงขั้น
เลือดสาดกันเลยทีเดียว จนในที่สุดพวกเขาก็ได้รับชัยชนะอันน่าเหลือ
เชื่อ
เพื่อที่จะฆ่าราชากริฟฟอนให้ได้ พวกเขาจำเป็นต้องจับพวกกริฟฟอนตัว
เล็กๆ การที่สามารถจับพวกกริฟฟอนและสามารถใช้มันในการต่อสู้
กลางอากาศได้นั้น คุณค่าความสำเร็จของมันนั้นยิ่งใหญ่มากเกินกว่าที่
จะบรรยายได้
มีฉากการต่อสู้ที่หุบเขาฮาเวลินถูกโพสต์ลงในหอแห่งเกียรติยศ
พวกเขาเสียชีวิตในการต่อสู้ไปเป็นจำนวนมาก แต่กิลด์ก็ยังสู้จนถึงที่สุด
และพวกเขาก็สามารถฆ่าราชากริฟฟอนได้ ซึ่งนั่นทำให้คนที่ดูอยู่นั้น
เกิดความประทับใจมาก
ผู้คนต่างถูกสะกดเนื่องจากความไม่ยั้งคิดของกิลด์นักล่าแห่งผืนปฐพี
***
วีดยังคงครุ่นคิดต่อไปเกี่ยวกับคุณค่าของการทำเควสแกะสลัก
“เฮ้อ มันก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ พวกเขาบอกว่าการเรียนก็เหมือนกับการ
ขโมย…”
มันไม่มีทางอื่นแล้วนอกจากการพัฒนาศิลปะแห่งการแกะสลัก เขา
ทำได้เพียงแค่นั่งทำเควสต่อไปให้เสร็จอย่างเงียบๆ!
“เจ้าทำดีมาก”
“ไม่เลย มันไม่ใช่ซะทั้งหมดหรอก”
แม้กระทั่งคนแคระที่ฝากฝังคำขอร้องไว้ที่เขาก็ยังมาหา, วีดทำได้เพียง
แค่ตอบไปแบบห้วนๆสั้นๆ
“โอ้! มันช่างเป็นผลงานที่สุดยอดมาก”
“ข้าก็แค่แกะมันอย่างง่ายๆเท่านั้นเอง”
“เมื่อมาคิดดูแล้วเจ้าสามารถแกะสลักพื้นผิวออกมาได้อย่างเรียบ
เนียน…และดูส่วนเว้าส่วนโค้งที่ผิวนี่สิ การที่พวกเราได้มาเห็นจุด
สูงสุดของความงดงามในสัดส่วนโค้งเว้าแบบนี้นั้น มันช่างน่าอัศจรรย์
ใจยิ่งนัก!”
“เพราะข้าทำมันขึ้นมาด้วยความตั้งใจ, ได้โปรดหยุดพูดอะไรที่เกินเลย
ไปกว่านั้นเลยและเอาเงินมาให้ข้า”
ความเหนื่อยล้าถึงขีดสุด!
ถึงแม้ว่าเขาจะได้รับคำชื่นชมมามากมาย, คำขอร้องในการแกะสลักนั้น
ก็ไม่ได้ให้ผลตอบดีเท่าที่ควร เขาทำได้เพียงแค่รับเงินมาในจำนวนที่
ตกลงกันเอาไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว
แน่นอน, ถ้าเขาแกะสลักมันออกมาได้ดีกว่าคำขอร้องล่ะก็, เขาก็จะได้
รับค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นมาอีกนิดหน่อย อย่างไรก็ตาม, รางวัลตอบแทน
จะไม่เพิ่มขึ้นเลยถ้าเขาทำได้เพียงแค่การแลกเปลี่ยนคำพูดเท่านั้น
คนแคระหัวเราะเบาๆไปที่วีดผู้ซีดเซียว
“ถ้าเจ้าเป็นช่างแกะสลัก, อย่างน้อยเจ้าก็ควรมีความภาคภูมิใจบ้าง”
“อ้า, ก็นะ! คุณควรที่จะพูดอย่างนี้ตั้งนานแล้ว”
“ช่างแกะสลักที่มีทัศนคติอันยอดเยี่ยมเช่นเจ้า ถ้าหากข้ามีคำขอร้องอื่น
อีกล่ะก็ ข้าจะแวะมาหาเจ้าอีกครั้ง”
“ถ้าหากเจอกันครั้งหน้า ได้โปรดให้ค่าตอบแทนที่ดีกว่านี้หน่อยนะ”
ถึงแม้ว่าวีดจะแสดงอาการหงุดหงิดออกมา, พวกคนแคระก็เอารูปแกะ
สลักและจากไปอย่างสบายใจ
เขายังต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้อีกเมื่อครั้งที่เขารับคำขอร้องในการแกะ
สลักให้กับมันโดล!
เขามีเวลามากพอที่จะสร้างผลงานการแกะสลักอย่างสุสานหรือ
เทพธิดาในทวีปเวอร์แซลล์ อย่างไรก็ตาม,มันมีบางสิ่งที่ช่างฝี มือคน
แคระที่อาศัยอยู่ในคุรุโซนั้นไม่มี
มันมีพวกอนุสาวรีย์, อนุสรณ์สถาน, พิพิธภัณฑ์, และอื่นๆอีก
มากมาย, กองรวมกันโดยช่างฝี มือคนแคระมหัศจรรย์, แต่ภารกิจรูป
แกะสลักนั้นหายากมาก
“มันไม่มีแม้กระทั่งร้านค้าแผงลอยเลย”
แต่กระนั้น, วีดก็ยังคงแกะสลักต่อไป
- ข้าบอกว่าแกะสลักพวกเราไงเล่า
- ช่างแกะสลัก, ทำไมเจ้าต้องเดินตามเส้นทางที่ขัดกับความรู้สึกของ
เจ้าล่ะ?
เขาเริ่มชินกับเสียงกระซิบของพวกที่ไม่มีตัวตน
วีดมักจะทำธุรกิจเฉพาะที่ร้านขายรูปแกะสลัก, ร้านขายวัตถุดิบแกะ
สลัก และร้านข้างถนนเป็นบางแห่งเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม, มีอยู่วันนึง จู่ๆ เจ้าของร้านก็เอารูปแกะสลักที่เหมือนกับ
ค้างคาวออกมา
“หัตถ์แห่งศิลป์ , เจ้าดูนี่สิ”
“ทำไม?”
“เจ้าสามารถอธิบายความประทับใจที่มีต่อผลงานชิ้นนี้ที่ทำขึ้นมาจาก
หินได้หรือไม่?”
วีดตรวจดูผลงานชิ้นนี้ในขณะที่เขากำลังถือมันอยู่ในมือ
“มันน่ารำคาญนะ, แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าช่างแกะสลักคนนี้ดูเหมือนจะไม่มี
ฝี มือในด้านนี้สักเท่าไหร่?”
“ข้ารู้, แต่ข้าจะไม่ถามหากไม่มีเหตุผล ใช่แล้ว, เจ้าจะไม่ผิดหวังกับค่า
ตอบแทนในครั้งนี้แน่นอน”
“ถ้างั้นรูปแกะสลักที่ข้าทำขึ้นมาจะขายได้ราคาที่สูงขึ้นงั้นเหรอ?”
“ก็เพิ่มได้อีก 1 เปอร์เซ็นต์ล่ะนะ ช่างแกะสลักที่โด่งดังและเป็นที่นิยม
จะสามารถขายมันได้ที่ราคาสูงๆ, และช่างแกะสลักคนอื่นๆก็สามารถ
ขายได้ที่ราคาสูงเช่นกันถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่โด่งดัง มีชื่อเสียง หรือเป็น
ที่นิยมก็ตาม…”
เนื่องจากการแลกเปลี่ยนด้วยที่สามารถทำให้ราคาของรูปแกะสลักนั้น
เพิ่มสูงขึ้น
ถ้ามีพ่อค้าหลายคนต้องการรูปปั้น ราคาของมันก็จะเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน
อันที่จริงแล้ว, มูลค่าของอุปกรณ์ป้ องกันในอาณาจักรธอร์และคุรุโซมี
ราคาแพงมากเนื่องมาจากพวกมันได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง
การที่จะตั้งราคาตามสภาพเศรษฐกิจของตลาดนั้นๆ, รูปแกะสลักไม่
สามารถที่จะถูกขายออกไปในราคาที่สูงๆได้เลย, ถึงแม้ว่ามันจะเป็นรูป
แกะสลักของวีดก็ตาม มันเป็นรูปแกะสลักที่ถูกทำขึ้นมาอย่าง
หยาบๆ, ไม่ได้ทำมาจากวัตถุดิบชั้นยอด, และมันยังขาดความเอาใจใส่
และระมัดระวังในการทำผลงานออกมา
“ถ้ามันเป็นแค่ความประทับใจเพียงครั้งเดียวล่ะก็, ข้าจะลองดู”
วีดตรวจสอบรูปแกะสลักค้างคาวอย่างใกล้ชิด
“ข้าไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรที่พิเศษตรงไหนเลย…”
เพราะเขาสร้างรูปแกะสลักมาแล้วเป็นจำนวนมาก, ทักษะการสังเกต
ของเขาจึงมีการพัฒนาเพิ่มขึ้น
รูปแกะสลักค้างคาวที่ถูกทำขึ้นด้วยก้อนหินผสมกับดินโคลนที่มี
คุณภาพแย่ มันไม่น่าจะเป็นผลงานที่ทำขึ้นมาด้วยทักษะอันยอดเยี่ยม
‘มันไม่ได้แสดงถึงความประณีต บรรจง, และมันมีรอยมีดแบบหยาบๆ
อยู่เต็มไปหมด มันแย่กว่าค่าเฉลี่ยซะอีก’
มันเป็นผลงานที่วีดเห็นว่าล้มเหลว
มันเป็นกฎที่ว่าหากคุณใช้เวลาไปกับรูปแกะสลักมากเพียงใด, ยิ่งมี
ความผิดพลาดเกิดขึ้นมากเท่าไหร่ คุณยิ่งสามารถแก้ไขมันได้มากขึ้น
เท่านั้น, แต่รูปแกะสลักชิ้นนี้เต็มไปความผิดพลาด
“ข้าจะรู้มากขึ้นหากข้ามองมันเข้าไปใกล้กว่านี้ ตรวจสอบ!”
มันเป็นรูปแกะสลักค้างคาวที่ไม่มีชื่อ
รูปแกะสลักค้างคาวกำลังคลุมตัวของมันด้วยปี กของมัน
รูปร่างของมันทำให้นึกถึงค้างคาวดูดเลือดแห่งถ้ำเชสปิน
ค่าทางศิลปะ: 3
วีดกำลังจะส่งรูปแกะสลักคืนให้กับเจ้าของร้านและพูด
“มันดูเหมือนจะไม่มีอะไรนะ มันไม่มีค่าเลยและมันยังเป็นแค่ของที่ทำ
ขึ้นมาง่ายๆ”
“อย่างนั้นเองรึ? ช่างน่าผิดหวังยิ่งนัก ข้าคาดหวังมันเอาไว้มากเลยล่ะ
กับรูปแกะสลักชิ้นนี้, เพราะมันถูกพบเจอในกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว”
แต่ ณ ช่วง เวลา นี้ เอง
วีดมองไปที่ดวงตาของรูปแกะสลัก
ทั้งขนลุกและตื่นเต้น!
ดวงตาของค้างคาวดูดเลือดราวกับมีชีวิต ดูน่ากลัวมาก!
พวกเขาบอกว่าตาของค้างคาวนั้นเสื่อมสภาพ, แต่มันก็ยังคงมีลูกตา
อยู่ ดูราวกับว่าดวงตาที่เจิดจรัสอันน่าประทับใจกำลังเคลื่อนไหวไปมา
อยู่ยังไงยังงั้น
ดวงตาของมันไม่ได้ถูกทำขึ้นด้วยหิน, แต่ถูกทำขึ้นด้วยทับทิมอันเลอค่า
วีดถึงกับต้องกลืนน้ำลายและทำการตรวจสอบผลงานหินชิ้นนี้อีกครั้ง
เขาสัมผัสไปที่ทับทิมด้วยปลายนิ้วของเขา, และสังเกตมันในขณะที่มัน
กำลังแสงส่องเป็นประกาย
‘มันคือทับทิมที่ยังไม่มีการตัดแต่งหรือเจียระไนและมันค่อนข้างหยาบ
อีกด้วย เนื่องจากมันเป็ นทับทิมที่เราสามารถเอาไปขายได้ราคาหลาย
พัน แต่ถ้าเกิดว่าเราสัมผัสมันอีกนิดหน่อย, ไม่แน่เราอาจจะเห็นอะไร
บางอย่างที่ไม่สามารถมองเห็นได้จากรูปแกะสลักค้างคาวอันนี้’
จากนั้นเขาก็ได้รับข้อความ!
- คุณค้นพบหลักฐานของค้างคาวดูดเลือดเชสปิ นในผลงานแกะสลัก
หินชิ้นนี้
วีดรับรู้ได้ถึงความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้น
“ตรวจสอบ!”
ค้างคาวดูดเลือดเชสปิ น
ผลงานของกุดอล์ฟช่างฝี มือคนแคระ
มันเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายภายในถ้ำเชสปิน
ค่าทางศิลปะ: 245
ในอาณาจักรคุรุโซ, พื้นที่ข้างหลังแม่น้ำนั้นเต็มไปด้วยถ้ำน้อยใหญ่
มากมาย มันเป็นที่แน่นอนว่าหากไม่มีคนนำทาง คนๆนั้นที่เข้าไปจะ
หลงทางภายในถ้ำที่คดเคี้ยวเหมือนกับรังมด ต้องขอบคุณการรับรู้ที่มี
มาแต่กำเนิดของพวกคนแคระและความสามารถในการอ่านร่องรอย
สายแร่ พวกเขาจึงไม่วันหลงทางอยู่ใต้ดิน อย่างไรก็ตาม, ไม่ว่าใครก็
สามารถหลงทางอยู่ภายในถ้ำที่ซับซ้อนแบบนี้ถึงจะมีแผนที่อยู่แล้ว
ก็ตาม, ถ้ามันไม่ใช่เพราะความกล้าของคนแคระ, พวกเขาไม่มีทาง
เสี่ยงอันตรายเข้าไปลึกกว่านี้แน่นอน
กุดอล์ฟคนแคระหนุ่มเดินเข้าไปในถ้ำด้วยความระมัดระวังและ
รอบคอบ
‘ครั้งนี้…เราต้องกล้าที่จะเข้าไปยังเหมืองอัญมณี’
กุดอล์ฟเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ช่างฝี มือ, แต่ที่มากกว่านั้น, เขามีความ
เข้าใจในเรื่องของสายแร่ที่อยู่ใต้ดินเป็นอย่างดี
“เราควรที่จะให้เข็มกลัดสวยๆเป็นของขวัญกับเธอ”
เขาต้องการที่จะให้เข็มกลัดที่เขาทำขึ้นมาเองกับมือด้วยอัญมณีที่เข้า
ค้นพบ ให้กับคนรักของเขาเมื่อตอนที่เขาจะขอเธอแต่งงานด้วย
กุดอล์ฟรีบเร่งเดินหน้าเข้าไปยังถ้ำเชสปิน
“นี่เป็นทางที่จะนำไปยังกลุ่มของสายธารทับทิม”
เชสปินเป็ นสถานที่พวกคนแคระไม่กล้าที่จะไป กุดอล์ฟถูกความรัก
บังตาและเข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดของถ้ำอย่างระมัดระวัง
ถ้ำที่ทั้งมืดและแคบ!
เขาเดินผ่านหินงอกหินย้อยและพวกค้างคาวดูดเลือดที่กำลังหลับให
ลอยู่
เขาเต็มใจที่จะเสี่ยงชีวิตของเขาเพื่อที่จะไปให้ไกลที่สุดจนถึงในถ้ำที่มี
เหมืองอัญมณีอยู่ข้างใน
และจากส่วนที่ลึกที่สุดของถ้ำ, เขาค้นพบร่องรอยของแสงที่ส่อง
ประกายออกมาจากอัญมณีต่างๆ
“มันอยู่นี่!”
เขาดีใจมากและเริ่มลงมือขุดมันออกมา
เขาค้นพบเหมืองอัญมณีทับทิมสีแดงฉานคุณภาพระดับสูง!
“นี่มันมากพอที่จะทำเข็มกลัดให้เธอ!”
กุดอล์ฟมีความสุขมาก
อย่างไรก็ตาม, เสียงที่ออกมาจากพลั่วขุดแร่ในตอนที่เขากำลังลงมือขุด
หาทับทิมอยู่นั้น ได้ทำให้พวกค้างคาวดูดเลือดที่อยู่ในถ้ำเชสปิ นทั้งหมด
ตื่นขึ้นมา พวกค้างคาวดูดเลือดขยับปี กของพวกมันบินไปหากุดอล์ฟ
และฝังเขี้ยวของพวกมันลงไปในตัวกุดอล์ฟ
“หยุ, หยุดนะ! ได้โปรดไว้ชีวิตคนแคระคนนี้ด้ วย!”
กุดอล์ฟพยายามหนีเข้าไปข้างในถ้ำให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้ในขณะที่มี
พวกค้างคาวไล่ตามเขามา เขาไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะหาว่าเขาอยู่ที่ไหน
และได้แต่วิ่งหนีโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง
สถานที่ที่เขามาถึงนั้นเป็นโซนที่มีลาวาร้อนระอุ!
พวกค้างคาวบินหนีไปเนื่องจากความร้อน, แต่กุดอล์ฟไม่มีพละกำลัง
เหลือแล้ว เขาสูญเสียเลือดในปริมาณมากจนทำให้เขาสะลึมสะลือเห็น
ภาพลางๆ, และเขาไม่มีแม้แต่กำลังที่จะเดินออกไปจากถ้ำ ถึงแม้ว่าเขา
จะหาทางออกเจอก็ตาม, มันคือถ้ำเชสปิน, ที่มีพวกค้างคาวดูดเลือดรอ
คอยเข้าอยู่
“เราไม่มีทางจะกลับไปได้เลย…”
กุดอล์ฟหยิบทับทิมออกมาจากเข็มกลัด
มันคือของที่เขาต้องการใช้ในขณะที่เขากำลังจะขอเจนน่าคนแคระสาว
ผู้เลอโฉมแต่งงานกับเขา
เขาสลักก้อนหินขนาดเล็กเป็นรูปของค้างคาวดูดเลือดเชสปิน, และใส่
ทับทิมที่เหลืออยู่ลงไปในดวงตาของมัน
“เราหวังว่าใครสักคนจะหามันเจอ…”
กุดอล์ฟรู้สึกว่าตัวเขานั้นมีเวลาที่จะมีชีวิตอยู่ต่ออีกไม่มากแล้ว นั่นคือ
เหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงได้เอารูปแกะสลักหินมาพันรอบๆด้วยเสื้อผ้า
ของเขาและส่งมันไหลผ่านไปกับกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก
มันบรรจุไว้เต็มไปด้วยความหวังของเขาที่ต้องการให้มันไปถึงคุรุโซหลัง
ที่ปล่อยให้มันไหลไปเรื่อยๆตามเส้นทางที่น้ำไหลผ่าน…!
รูปปั้นค้างคาวที่ถูกมัดรวมกันไหลไปกับกระสน้ำที่อยู่ใต้ดิน
คุลุก คุลุก คุลุก คลุก คลุก คลุก
อูดังทังทังทัง!
มีอยู่หลายครั้งที่มันจมลึกลงไปในแม่น้ำ, หรือความเร็วของมันลดลง, แ
ละไม่มีการปล่อยเวลาที่ผ่านไปให้สูญเปล่า, เส้นทางหลากหลายและ
สลับซับซ้อนที่คอยกีดกัน ได้ผ่านไปอย่างรวดเร็วจนเหลือแต่เส้นทางที่
ไหลวนไปเรื่อยๆ
ห่อพัสดุสะสมความเสียหายที่เกิดขึ้นเมื่อมันปะทะกับพื้นดินหรือ
หินงอกหินย้อยที่อยู่ใต้ดิน ทุกๆครั้งที่มันเกิดขึ้น, รูปแกะสลักก็จะได้รับ
ผลกระทบไปด้วย, แต่เพราะมันห่อรวมกันในเสื้อผ้าของกุดอล์ฟ, มันจึง
ปลอดภัยเหมือนเดิม
จากความคาดหวังของกุดอล์ฟ, ในที่สุดมันก็ลอยไปตามแม่น้ำจนถึง
คุรุโซ
ถึงแม้ว่ามันจะผ่านไปแล้วหลายเดือน, มันก็ไหลไปถึงคุรุโซได้อย่าง
ปลอดภัยและถูกค้นพบโดยพวกคนแคระ นั่นคือที่มาของรูปแกะสลัก
อันนี้ที่อยู่ในร้านของเจ้าของร้านขายรูปแกะสลัก
ณ ช่วงเวลาที่วีดใช้การมองทะลุของเขา, เขาสามารถมองเห็นต้น
กำเนิดของค้างคาวดูดเลือดแห่งถ้ำเชสปิน
*ติ๊ง!*
คุณได้เรียนรู้ทักษะ ‘ประติมากรรมระลึกชาติ’
สามารถรู้เห็นเหตุการณ์และเรื่องราวในอดีต รวมถึงความลับที่ซ่อนอยู่
ภายในรูปแกะสลัก
*ติ๊ง!*
ความปรารถนาของกุดอล์ฟ
กุดอล์ฟช่างฝี มือคนแคระใส่พลังเฮือกสุดท้ายลงไปในรูปแกะสลักอันนี้
มันเต็มไปด้วยความแค้นที่เขามีต่อพวกค้างคาวดูดเลือด จงล้างแค้นให้
เขาซะ, และนำเข็มกลัดที่กุดอล์ฟทิ้งไว้เป็นสิ่งสุดท้ายก่อนที่เขาจะจาก
ไป มอบมันให้กับเจนน่าสาวงามผู้เลอโฉม
ถ้าคุณทำเควสนี้สำเร็จ, คุณจะได้รับเหมืองทับทิมที่กุดอล์ฟเป็ นคนค้น
พบ
ระดับความยากของเควส: B
รางวัลตอบแทน: เหมืองทับทิมที่ถ้ำเชสปิ น
ข้อจำกัดในการทำเควส: รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับค้างคาวดูดเลือดในถ้ำ
เชสปิน, และ ทักษะการแกะสลักขั้นกลาง
วีดรู้สึกช็อคเหมือนถูกทุบด้วยฆ้อนอย่างรุนแรง เขาช็อคจนพูดไม่ออก
และนิ่งอยู่อย่างนั้น ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน ไม่ไหวติงราวกับว่าสติของเขา
หลุดลอยออกไป
ประติมากรมักถูกเมินและดูเหมือนตัวตลกในสายตาคนอื่น!
แต่เมื่อเขาพยายามและทุ่มเทขยันทำงานหนักในการสร้างรูปแกะสลัก,
มันไม่เคยทรยศเขาเลย
“เราคือประติมากร ประติมากร”
ไม่จำเป็นต้องถามความคิดเห็นของคนอื่น
ไม่จำเป็นต้องร้องขอเควสระดับต่ำๆ, มันถูกให้มาโดยไม่ต้องถามสักคำ
มันมีเควสลับในรูปแกะสลักที่สามารถหาเจอได้เฉพาะประติมากร
เท่านั้น
ด้วยทักษะทางวิชาชีพของประติมากร, ทุกอย่างสามารถเป็นไปได้!
นั่นแหละคือความหมายของการเป็นประติมากร
เล่มที่ 14 ตอนที่ 4 : ผู้บัญชาการสูงสุดแห่งความพรั่นพรึง แปลโดย คุณ luke
วีดตัดสินใจซื้อ รูปแกะสลักค้างคาวดูดเลือดแห่งถ้ำเชสปิน
เจ้าของร้านแทบจะขายให้เขาฟรี ราคาขายถูกกว่ามูลค่าของทับทิมข้าง
ในด้วยซ้ำ
“ข้าคิด 3 ทอง หวังว่าเจ้าจะช่วยให้ความฝันของ กุดอล์ฟ เป็ นจริงได้
นะ”
วีดแต่งเรื่องและโม้เกี่ยวกับรูปแกะสลัก ทำให้เจ้าของร้านยิ่งชอบเขา
มากขึ้นไปอีก
“ไม่นึกเลยว่า งานของเจ้าจะดีเยี่ยมขนาดนี้ ร้านของข้ายินดีจะซื้องาน
ประติมากรรมของเจ้าในราคา 2 เท่าจากราคาปกติ”
ราคา 2 เท่าจากปกติ ช่างฟุ่ มเฟื อยจริงๆ!
ถ้าเป็ นจริง วีดจะสามารถสร้างกำไรได้อย่างงาม แม้ว่าจะหักค่าวัสดุที่
ใช้ไปแล้วก็ตาม
วีดอาจสามารถดำรงชีวิตด้วยการสร้างงานประติมากรรมได้เลย
“ท่านแน่ใจรึว่าท่านสามารถซื้องานของข้าที่ราคานั้นได้?”
วีดถามอย่างสุภาพ
ท่าทีหยิ่งยโสเยี่ยงกุดอล์ฟ หายไปทันทีเมื่อเจ้าของร้านเสนอจะจ่ายใน
ราคาแพง
“นี่มันถูกเสียยิ่งกว่าราคาปกติอีก หัตถ์แห่งศิลป์ , ถ้าเจ้าขายงานไร้
คุณภาพแบบนี้ ข้าจะไม่ให้อภัยเจ้าแน่!”
“ข้ายังเป็นประติมากรที่อ่อนหัดนัก ยังมีเรื่องมากมายให้เรียนรู้ ต้อง
ขอบคุณท่านจริงๆ แต่ท่านไม่จำเป็นต้องชื่นชมข้าหรอก”
วีดพูดด้วยอย่างถ่อมตน
การถ่อมตน ให้ผลลัพธ์ที่ดีเสมอ ถึงแม้เจ้าของร้านต้องการจะหยุดคุย ก็
หยุดไม่ได้เพราะจะโดนรุมประณามทีหลังจึงได้แต่ตามน้ำไป
“ข้าไม่เข้าใจอารมณ์ของพวกศิลปินเลยจริงๆ”
“...”
“พวกศิลปินมักมีนิสัยประเมินตัวเองต่ำๆ ข้ามีความมั่นใจและความ
ภาคภูมิใจในฐานะเจ้าของร้านที่จะซื้องานของเจ้าในราคาที่เหมาะสม
ข้าเห็นคุณค่าของพวกมัน จงยินดีเถิดที่ได้ขายงานแกะสลักของเจ้าใน
ร้านของข้า”
“...”
หลังจากที่วีดซื้อรูปแกะสลักค้างค้าวดูดเลือดแห่งถ้ำเชสปินมา เขาได้
รับเควสใหม่ทันที
**ติ๊ง!**
ค้างค้าวดูดเลือดแห่งถ้ำเชสปิ น
ล้างแค้นพวกค้างคาวดูดเลือดที่ปลิดชีวิตช่างฝี มือผู้เชี่ยวชาญ กุดอล์ฟ
ต้องมีคนแคระนักรบเข้าร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้
คนแคระที่ได้รับเจตจำนงของกุดอล์ฟ ต้องรอดชีวิต(วีดห้ามตาย)
ความยากของเควส : B
รางวัล: เกียรติของคนแคระ
ข้อจำกัดของเควส: ต้องมีคนแคระเข้าร่วม
เควสบังคับเฉพาะเผ่าพันธุ์
ภารกิจครั้งนี้ทำให้วีดประหลาดใจเล็กน้อย
ขณะนั้นเอง คนแคระทุกคนที่อยู่ในเมือง คุรุโซ ก็ได้รับข้อความที่มี
ข้อมูลเกี่ยวกับเควสนี้
-โปรดช่วยคนแคระซึ่งเป็นตัวแทนของกุดอล์ฟต่อสู้กับค้างคาวดูดเลือด
ในถ้ำเชสปิ น เพื่อกอบกู้ ประติมากรรมของกูดอล์ฟ
คุณต้องช่วย ถ้าคุณไม่มีส่วนร่วมในภารกิจครั้งนี้ คุณจะถูกส่งออกนอก
เมือง คุรุโซ และคนแคระจะเกลียดชังคุณ
คนแคระมีความภูมิใจอย่างมากในชนเผ่าของตน ถ้าคุณไม่สาบานที่จะ
ล้างแค้น คนแคระจะไม่ปฏิบัติกับคุณเยี่ยงคนแคระอีกต่อไป
“ข้าจะร่วมมือ”
“พวกเราจะพิชิตค้างคาวดูดเลือดแห่งถ้ำ เชสปิน”
คนแคระนักรบ ตะโกนสาบานและรับภารกิจอย่างรวดเร็ว พวกเขากู่
ร้องเสียงดัง
“หาที่อยู่ตัวแทนของกุดอล์ฟเร็วเข้า!”
“ใครคือตัวแทนของกุดอล์ฟ!”
“พวกเราเป็ นปาร์ตี้คนแคระนักรบ นำทางเราไปได้เลย”
คุรุโซ ตกอยู่ในความไม่สงบ
ทุกคนต่างแยกย้าย ตะโกน ตามหาตัววีด
***
พิชิตถ้ำเชสปิน!
คนแคระนักรบหลายคนวิ่งพล่านอย่างบ้าคลั่ง เพื่อรวบรวมเสบียง และ
ทำหลายๆอย่างสำหรับการเตรียมพร้อม
คนแคระช่างตีเหล็ก ให้ยืมอาวุธและชุดเกราะที่เหลือของพวกเขา
“ใช้ให้ดี แล้วเอามาคืนด้วยล่ะ”
“ขอให้ภารกิจของเจ้าสำเร็จ”
คนแคระในคุรุโซ ให้การตอบรับเควสนี้อย่างดี
คุรุโซนั้นมีผู้เล่นน้อยกว่าเมืองอื่นๆ
โดยปกติแล้วคนแคระช่างเหล็กและคนแคระนักรบไม่ค่อยใส่ใจจะยุ่งกับ
งานของคนอื่น แต่นี่เป็นเควสเฉพาะเผ่าพันธุ์
“เควสเฉพาะเผ่าพันธุ์....เทียบกับมนุษย์และเผ่าอื่นๆ พวกเรามีโอกาส
มากกว่าเยอะแยะ เจ้าไม่คิดเหรอว่า นี่มันช่างยอดเยี่ยมจริงๆ”
“เควสสำหรับประติมากรคนแคระ ช่างน่าอัศจรรย์!”
เฮอร์แมนมาถึงแล้วเช่นกัน
เขาวิ่งมาพร้อมกับอาวุธเต็มมือ
“ข้ามีอาวุธ แม้มันจะกระจอกไปบ้าง แต่พวกเจ้ายืมได้มากเท่าที่
ต้องการเลย”
แม้เฮอร์แมนจะคิดว่ามันเป็ นอาวุธที่เสีย แต่ที่จริงแล้วอาวุธพวกนี้มี
ประสิทธิภาพมากกว่าอาวุธที่สร้างจากคนแคระคนอื่น“แม้เราจะเจอกัน
อีกครั้งในเมืองนี้ ข้าว่าเจ้าก็คงไม่มีเวลาให้ข้าหรอก”
“ไม่เป็นไร เอาไว้คราวหน้าก็ได้”
“ดีเลย เอ้อ เจ้าได้ยินเกี่ยวกับเรื่องเควสนั่นไหม เควสที่มาจากประติมา
กร”
วีดพบกับช่างฝี มือคนแคระคนอื่นๆอีกหลายคน
เอ็ซเปอร์ และแบมบี้ เป็นหนึ่งใน 5 ช่างฝี มือที่โด่งดังในเมือง คุรุโซ เฮอร์
แมนก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน
ฟาบิโอก็แจกเกราะที่เขาสร้างขึ้นมาเหมือนกัน เพื่อให้มันเป็นตัวแทน
ของตัวเอง
เกราะซึ่งถูกนำมาแจกมีข้อจำกัดที่เลเวล 200 มันต่ำพอที่จะให้วีดใส่
และไม่มีข้อจำกัดด้านอาชีพด้วย
“ใช้ของที่เราใช้บ่อยๆดีกว่า”
อุปกรณ์ป้ องกันพิเศษที่วีดใช้ ไม่ได้สร้างมาเพื่อการป้ องกันอย่างเดียว
เท่านั้น
แม้ว่าเลเวลที่ต้องการจะน้อย และไม่ต้องใช้ความแข็งแรงมากในการใส่
แต่เกราะพวกนี้หนักสุดๆ ทำให้มันลดความคล่องตัวลงอย่างมาก มัน
ทำให้วีดอึดอัดกับเคลื่อนที่ไม่สะดวก นอกจากนั้นเวลาวีดใส่ยังดูเหมือน
ฮิปโปอ้วนเตี้ยด้วย
วีดเชื่อว่าเกราะที่แข็งแรงและมีการต้านทานเวทย์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับ
การมีชีวิตรอด
วีดส่ายหัว
“ไม่จำเป็นหรอก”
“ห้ะ?”
“ผมจะไม่ตาย”
การตายจะสร้างความวิบัติสุดๆ
นอกจากสกิลประติมากรรมจำแลงจะถูกยกเลิกแล้ว วีดจะคืนชีพด้วย
พลังปฏิเสธความตาย
แน่นอน เมื่อเห็นเขาในรูปร่างโครงกระดูก พวกคนแคระต้องตกอยู่ใน
ความโกลาหลแน่
เพราะเขาคือ วีด เทพเจ้าสงคราม ยังไงล่ะ
‘อย่างน้อยกุดอล์ฟก็ทิ้งอะไรไว้บ้างล่ะนะ’
ต้องขอบคุณกุดอล์ฟที่ทำให้เขารู้ที่อยู่และรูปแบบการโจมตีของพวก
ค้างคาว
วีดจะไม่เสี่ยง แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม
***
“เดินทัพพพพพพ”
พอเข้าถ้ำไปแล้ว วีดเริ่มเดินก้าวยาวๆเหมือนเดินเล่นกินลมชมวิว คน
แคระนักรบสังเกต และรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
“หัตถ์แห่งศิลป์ , เจ้าบ้าไปแล้วหรือ”
“เจ้าดื่มเบียร์ชั้นสูงมาเยอะเกินรึเปล่าเนี่ย?”
พวกคนแคระเริ่มรู้สึกกังวล
เพื่อให้เควสนี้สำเร็จ วีดต้องมีชีวิตรอด
ภารกิจครั้งนี้ของพวกเขาก็คือ การสู้ภายใต้การนำของวีด!
อย่างไรก็ตาม เพราะว่าหัวหน้าของพวกเขาดูไร้ประสบการณ์ ความ
มั่นใจของคนแคระจึงสั่นคลอน
แต่วีดรู้ที่อยู่ของพวกค้างคาวดูดเลือดเป็นอย่างดีดี จึงเดินต่อไป
ภายในถ้ำอันว่างเปล่า คนแคระตระเวรไปทั่วบริเวณ
เมื่อทัพคนแคระเดินทางมาถึงจุดที่ห่างจากรังค้างคาว 500 เมตร วีดก็
ยกมือแสดงสัญญาณให้หยุดขึ้น
“พวกมันอยู่ที่นี่”
“ห้ะ? เจ้าหมายความว่าไง”
คนแคระนักรบชื่อ บินเดล ถามขึ้น
เพราะบินเดลมีประสบการณ์การใช้อาวุธมากกว่า 4 ชนิด และมีความ
เชี่ยวชาญทักษะการต่อสู้อันหลากหลาย เขาคือนักรบที่เก่งที่สุดในกอง
กำลังนี้
“พวกเราจะสู้กันที่นี่”
“เจ้าหมายถึงอะไร ไหนล่ะค้างคาว?”
วีดตอบอย่างชัดเจน
“ข้าจะนำการต่อสู้มาที่นี่”
ขณะนั้นเอง สีหน้าของพวกคนแคระนักรบก็เริ่มที่จะบูดเบี้ยว
“นั่นไม่โง่ไปหน่อยหรือ พวกเราล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ ให้ข้า
นำต่อจากนี้เถอะ”
“เจ้าหาที่ปลอดภัยและพักที่นี่ได้นะ”
“เจ้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการเคลื่อนที่อันรวดเร็วของพวกค้างค้าวด้วยซ้ำ
เหอะๆ ยิ่งกว่านั้น พวกเรายังไม่ได้เอาธนูมาสักคัน”
หลังจากนั้น พวกคนแคระก็ไม่เคารพวีดอีกต่อไป ความเชื่อใจระหว่างวี
ดกับคนแคระหายไปทันที
ได้!!! เดี๋ยวตูจะล่อมอนมาตรงนี้ให้หมด ดูซิว่าไอ้พวกเตี้ยนี่จะสู้ยังไง!
การล่าค้างคาวดูดเลือดนั้นยากกว่าการล่ามอนสเตอร์ธรรมดามาก การ
ล่าครั้งนี้จะไม่ง่ายแน่นอน การล่าครั้งนี้จำเป็นต้องมีประสบการณ์การ
ล่ามอนสเตอร์อื่นๆ ด้วยรูปแบบการล่าที่หลากหลายอย่างน้อย 12 แบบ
อย่างไรก็ตาม พวกคนแคระเมินใส่วีด
วีดจึงเอามีดแกะสลักของซาฮับออกมากรีดแขนตัวเอง
“เจ้ากำลังทำอะไรเนี่ย!”
บินเดลตะโกน
พวกคนแคระหัวดื้อนึกว่าวีดกำลังจะฆ่าตัวตาย!
และถ้าวีดตาย ทุกอย่างก็จบ ภารกิจจะล้มเหลว แล้วถ้าภารกิจล้มเหลว
คนแคระก็จะขาดทุนอย่างมหาศาลจากอุปกรณ์ที่อุตส่าห์ซื้อมา
คนแคระประหลาดใจ เมื่อ วีดพูดขึ้นมาเบาว่า
“ทัพคนแคระ เตรียมต่อสู้!”
“หือ?”
“อะไรอีกวะ?”
วีดเพลียกับความเบาปัญญาของคนแคระ แต่ก็ยอมอธิบายแบบรวบรัด
เร็วๆ
“รังค้างคาวอยู่ห่างออกไป 200 เมตร ถ้าพวกมันได้กลิ่นเลือดในรัศมี
600 เมตร พวกมันจะตามกันออกมา”
“...”
“ความยาวของถ้ำแต่ละพื้นที่ไม่เท่ากัน เพราะทางคด ทางเลี้ยวในถ้ำ
แต่หลังจากนี้ตรงนี้ไป ถ้ำจะเป็นเส้นตรง(ทำให้วีดสามารถกะระยะรังได้
แม่นยำ)นอกจากนี้ ค้างคาวจะใช้ความเร็วของมันไม่ได้ เพราะเพดาน
ถ้ำที่ต่ำและหินงอกหินย้อยที่อยู่รอบๆ เอาล่ะ คนแคระเตรียมรับศึก
กกก!”
ด้วยการยืนกรานของวีด ในที่สุดคนแคระก็หยิบอาวุธของตัวเองออกมา
เตรียมพร้อมต่อสู้
‘เสียงอะไรวะ’
‘ดูเหมือนค้างคาวกำลังมา...’
ชลัก ชลัก ชลัก ลักก (หมดปัญญาแกะเสียงจริงๆ เอาเป็นว่านี่คือเสียง
ร้องค้างคาว 555) (แอดมิน: ถ้าอยากรู้ ไปเปิดฟังในเน็ตเอาฮะ)
ฝูงค้าวคาวบินออกมาจากความมืด
“มันมากันจริงๆโว้ย”
“ศัตรูบุกกกกก!”
คนแคระนักรบที่เตรียมตัวอยู่ก่อนแล้ว ฟาดค้างคาวอย่างรุนแรงด้วย
ขวานและค้อน แต่ค้างคาวป้ องกันไว้ได้
อย่างไรก็ตาม ด้วยปี กชนิดพิเศษ และการใช้ประโยชน์จากความมืดของ
ถ้ำ ค้างคาวทำให้คนแคระต้องตระหนก ตัวที่ไม่ถูกตี เข้าเกาะคนแคระ
ทันที
แม้ว่าเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ของนักบวชจะสามารถทำความเสียหายได้บ้าง แต่
นักบวชก็มีเลือด ความแข็งแรง และพลังป้ องกันไม่พอสำหรับการช่วย
เหลือปาร์ตี้
พวกนักรบมีพละกำลังและความอึดสูง ประกอบกับเกราะที่มีพลัง
ป้ องกันเยอะ ทำให้พวกเขาเชื่อว่าจะปลอดภัยจากการโจมตีของฝูง
ค้างคาว
วีดตะโกน
“เปลี่ยนกระบวนทัพ แถวตอนเรียง 5 ปฏิบัติ!”
*คว๊าก คว๊าก คว๊าก คว๊างง*
เสียงราชสีห์คำรามสะท้อนไปมาในถ้ำ!
- ขวัญกำลังใจในการต่อสู้เพิ่มขึ้น 276
สถานะสับสนทั้งหมดถูกลบออก
โชคเพิ่มขึ้น 6
คนแคระแบ่งกลุ่มกันสู้ตามคำสั่งวีด ในขณะที่หน้าต่างค่าสถานะเด้งขึ้น
มา
ขวัญกำลังใจของปาร์ตี้เป็นสิ่งสำคัญ ถ้าหากมีขวัญกำลังใจต่ำ จะส่ง
ผลให้พลังโจมตีและเวทย์มนต์มีประสิทธิภาพลดลง
หลังจากขวัญกำลังใจต่อสู้เพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า สภาวะสับสนจากการโจมตี
ของค้างคาวก็หายไป และยังเพิ่มโชคให้พวกเขาอีกด้วย!
“รูปแบบทัพ ตอนเรียง 5!”
วีดตะโกนวลีเดิมซ้ำๆ
แม้ว่าผลของสกิลจะไม่ซ้อนทับกัน แต่มันทำให้เกิดเสียงดังอย่างมาก
วลีเดิมถูกพูดสะท้อนไปมาในถ้ำแคบๆ
“รูปแบบทัพ ตอนเรียง 5!”
“ยืนกลุ่มละ 5 คน เร็วๆ!”
แม้ว่าจะอยู่ระหว่างการตอนสู้ คนแคระก็ยืนแบ่งกลุ่มเป็น 5 กลุ่มแต่
โดยดี
เหตุผลที่พวกเขาทำตามคำสั่งวีดเพราะพวกเขาเองก็ไม่รู้ว่ากำลังเกิด
อะไรขึ้น
คนแคระสูงอายุมากประสบการณ์ประหลาดใจในทิศทางการต่อสู้ที่
เปลี่ยนไป
“เจ้านั่นกำลังใช้สกิลสำหรับสั่งอัศวินไม่ใช่เหรอนั่น”
“ผลของสกิลนั้น...ข้านึกไม่ถึงเลยว่าจะมีสกิลที่เพิ่มขวัญกำลังใจให้
สมาชิกในปาร์ตี้แบบนี้ด้ วย”
ขณะที่ยืนสู้ตามที่วีดสั่งในถ้ำแคบๆนั้นเอง พวกคนแคระนักรบก็เริ่ม
ตระหนัก
‘รูปทัพแบบนี้สร้างความแตกต่างในการต่อสู้อย่างมาก’
แม้มันจะไม่ง่ายเลย ที่ต้องฟอร์มทัพเป็นกลุ่มแบบนี้ระหว่างสู้ เพราะ
พวกเขายังขาดประสบการณ์
แต่ว่าหลังจากมารวมกันได้สำเร็จ และช่วยกันสู้ การโจมตีก็มี
ประสิทธิภาพมากขึ้น การต่อสู้ทำได้ง่ายกว่าการสู้แบบตัวใครตัวมัน
ขนาดของกลุ่มเปลี่ยนตามขนาดของบริเวณที่พวกเขาต่อสู้
บางครั้งก็เป็นกลุ่ม 4 คน และบางครั้งก็เป็นกลุ่ม 6 คน
ทุกๆครั้งที่พวกเขาเขาสู้ตามรูปแบบทัพ วีดจะสกิลใช้ราชสีห์คำราม
“หลักที่ 3 นำไปข้างหน้า หลักที่ 2 อยู่ในตำแหน่งเดิม”
หลักที่นำอยู่รู้ได้ว่าค้างคาวอยู่ห้างออกไป 3 ช่วง พวกเขาจึงเว้นช่องว่าง
ระหว่างหลักไว้
ค้างคาวมุ่งจู่โจมคนแคระที่อยู่ด้านหน้าสุดของหลักที่นำทัพอยู่
“หลักที่ 2 ขนาบข้างหลักที่นำอยู่!”
คนแคระจากหลักที่ 2 กวัดแกว่งอาวุธของพวกเขาใส่ค้างคาวที่เข้าโจมตี
เป็นฝูง
ระหว่างการต่อสู้ สิ่งที่ต้องคำนึงเป็ นอันดับแรกของนักรบคือความ
ปลอดภัยของพวกพ้อง!
คำสั่งจากวีดนั้นง่ายที่จะทำตาม ต้องขอบคุณความผูกพันทางสาย
เลือดของคนแคระ(เกี่ยวไรฟะ)
“สามคนจากหลักนำทัพเคลื่อนไปข้างหน้า ปิดช่องว่างของแถวไว้ หลัก
ที่ 2 เคลื่อนไปข้างหน้าอีก หลักที่ 3 อยู่ในตำแหน่งเดิมของตัวเอง!”
ในไม่ช้า คนแคระก็ตระหนักถึงรูปแบบกระบวนทัพที่ซ้ำไปซ้ำมา และ
เริ่มรู้ว่าจะจัดการค้างคาวอย่างไร
พวกเขาต้องรักษากระบวนทัพ และอยู่ด้วยกันระหว่างสู้กับค้างคาว
คนแคระสามารถสู้ได้อย่างดี เพราะความช่วยเหลือจากคนแคระด้วย
กัน พวกเขาสามาระรักษารูปแบบกระบวนทัพและไม่สับสนอีกต่อไป
แล้ว
คนแคระที่บาดเจ็บจะถอยออกมารับการรักษาจากนักบวช หลักจากได้
รับฮีลแล้ว ก็จะกลับเข้าไปต่อสู้อีกครั้ง
ด้วยกระบวนทัพที่วีดสร้างขึ้น ทำให้พวกเขาสู้กับค้างคาวได้ง่ายขึ้น
แต่ว่าพวกเขาไม่สามารถป้ องกันค้างคาวที่บินข้ามหลักที่ 6 ได้ ทำให้
หลักที่ 7 พลาดท่า
ความมืดจากถ้ำ ไม่สร้างผลเสียใดๆแก่พวกค้างคาว และเพราะ
ธรรมชาติของพวกมัน พวกมันสามารถเกาะตัวคนได้ดี ซึ่งสร้างความ
กังวลให้กับคนแคระที่เหลือ
‘พวกเราชนะได้น่า ต้องสู้ให้หนักกว่านี้’
‘สู้เพื่อชัยชนะของพวกเรา’
ดวงตาของคนแคระลุกโชนดังตะเกียง ในขณะที่พวกเขาเคลื่อนไปข้าง
หน้าด้วยพลังใจเปี่ ยมล้น
“เคลื่อนไปข้างหน้า บุกเข้าไป!”
คนแคระเคลื่อนไหวเท้าอย่างรวดเร็ว
*แต่ก แต่ก แต่ก แต่ก!*
กระบวนทัพแบบแถวตอนลึกยังต่อสู้กับค้างคาวด้วยความเร็วอย่าง
มั่นคง
คนแคระรู้สึกขนลุก
การต่อสู้ครั้งนี้ประสบการณ์ที่พวกเขาไม่เคยได้รับมาก่อน
มันเป็นเรื่องปกติที่กลุ่ม 5 ถึง 6 คน จะรวมกันเพื่อสร้างปาร์ตี้ แต่ว่ามัน
ยากมากที่จะรวมกลุ่มสร้างปาร์ตี้ย่อย ในขณะที่มีคนแคระหลายร้อย
ชีวิตร่วมกันสู้ด้วยกันแบบนี้
การร่วมสู้กันเป็ นกลุ่มกับฝูงค้างคาวดูดเลือด ทำให้พวกเขารู้สึกภูมิใจ
อย่างมาก
ความตื่นเต้นก่อตัวในร่างกาย คนแคระรู้สึกตื่นเต้นและกำลังสนุกไปกับ
การต่อสู้
วีดสั่งการอย่างช่ำชอง
“เร็วขึ้นอีก!”
เขาสั่งให้คนแคระก้าวเดินเร็วขึ้นไปอีก
เร็วอีก เร็วอีก เร็วอีก!
คนแคระพูดย้ำๆซ้ำๆกับตัวเอง เพื่อก้าวเดินให้ไวขึ้น ในขณะที่แกว่ง
อาวุธของพวกเขาไปด้วย
ค้างคาวที่จู่โจมหลักนำทัพพ่ายแพ้ แต่ยังมีบางตัวที่รอด แล้วบินผ่าน
มายังหลักที่ 3 และ 4 โชคดีที่เลือดของมันเหลือไม่มาก สามารถตีครั้ง
เดียวตายได้ ถ้าไม่เป็นอย่างนั้นแล้ว พวกเขาก็จะประสบพบกับความ
สูญเสียเป็นแน่
วีดใช้ราชสีห์คำรามอีกครั้งเพื่อเร่งขวัญกำลังใจของกองทัพ เมื่อขวัญ
กำลังใจเพิ่มขึ้น คนแคระก็โจมตีค้างคาวอย่างบ้าคลั่ง“เร่งความเร็ว!”
“เร็วอีก!”
“เร็วอีก!”
“เร็วอีก! เร็วอีก!”
คนแคระตะโกนพร้อมกันในขณะที่วิ่งไปข้างหน้า
นี่เป็นการต่อสู้ที่ตื่นเต้นที่สุดที่พวกเขาเคยเข้าร่วม!
พวกเขานึกไม่ถึงว่าต้องสู้ในความมืดและถ้ำแคบๆ พวกเขาไม่เคยสู้
แบบนี้มาก่อน
“หลักแรกถึงหลักที่ 3 แยกออกไปด้านซ้ายและขวาของถ้ำ หลักที่ 4
หยุดสนใจทุกๆอย่างแล้วเคลื่อนไปข้างหน้า กลุ่มที่กำลังนำทัพอยู่ ร่วม
กับทัพหน้า และย้ายตำแหน่งมาส่วนท้ายของทัพหน้า!”
ในตอนแรก คนแคระที่อยู่ทัพหน้ากังวลถึงรูปแบบของกองทัพ
พวกเขากำลังต่อสู้อยู่กับฝูงค้างคาวแบบถวายหัว ทั้งสูญเสียกำลังไป
มาก ความอึดก็ลดลงเยอะด้วยเหมือนกัน แต่พวกเขาไม่อยากแสดงให้
เห็นถึงความอ่อนแอของตัวเอง เหล่าคนแคระทัพหน้าจึงพยายามทำ
ตามคำสั่งของวีดอย่างถึงที่สุด เพื่อให้การต่อสู้อันน่าตื่นเต้นนี้ดำเนินต่อ
ไปได้
พวกเขาเคลื่อนไหวตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด เพราะหากทัพหน้าอย่าง
พวกเขาพังเมื่อไหร่ กระบวนทัพทั้งหมดจะพลันเสียไปด้วย
อย่างไรก็ตาม เหมือนวีดสามารถอ่านใจพวกเขาได้ จึงช่วยขัดความ
กังวลด้วยการเคลื่อนทัพที่อยู่ข้างหลังมาแทน
คนแคระที่ต่อสู้อยู่ด้านหน้าแยกออก และย้ายไปบริเวณข้างๆของถ้ำ
พร้อมสบตากับคนแคระที่เดินทัพขึ้นมาแทนที่
‘ทำได้ดีมาก’
‘พวกเจ้าทำดีแล้ว’
ดวงตาของพวกเขาพลันถูกเติมเต็มด้วยความเชื่อมั่นอันแรงกล้า!
หัวใจของเหล่าคนแคระกำลังหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
“ทลายฝ่ าไป!”
เมื่อทัพหน้าถูกเปลี่ยน วีดก็เปลี่ยนคำสั่งด้วยเช่นกัน
หลังจากนั้น เหล่าคนแคระก็วิ่งฝ่ าฝูงค้างคาวและจัดการพวกมันไปด้วย
ขนาดของกลุ่มค้างคาวดูดเลือดในถ้ำเชสปินนั้นใหญ่มาก
‘ถ้าเราสู้แบบปกติ เราคงแย่ไปแล้ว’
‘แค่เปลี่ยนรูปแบบกระบวนทัพก็สามารถทำให้กลุ่มของพวกเราที่มีแต่
ทหารและนักรบสู้ได้ขนาดนี้เชียวเรอะ’(ได้ข่าวว่ามี priest ด้วย-.-)
ความจริงที่คนแคระรับรู้นั้นช่างน่าตกใจยิ่งนัก
หลังจากการเปลี่ยนทัพหน้าครั้งที่ 5 ในที่สุดพวกเขาก็สามารถทลายฝ่ า
ฝูงค้างคาวไปได้
คนแคระยังมีพละกำลังเหลือเฟื อ
นี่เป็นเพราะว่าคนแคระที่อยู่ทัพหน้ายังเหลือกำลังไว้เพราะพึ่งสับ
เปลี่ยนมาเมื่อเร็วๆนี้
“ทุกคน กลับหลังหันน!”
คนแคระหันหลังกลับทันทีโดยไม่ลังเล
วีดเข้าควบคุมกองทัพคนแคระอย่างสมบูรณ์
เพราะเหล่าคนแคระตระหนักถึงผลจากคำสั่งของวีด การเตรียมความ
พร้อมในการป้ องกันตัวเองจึงสูงขึ้น
“บุกกกกกก!”
ดังเช่นทุกครั้ง พวกเขาบุกเข้าหาค้างคาว จัดการทุกๆตัวที่ขวางหน้า
หลังจากการต่อสู้จบลง ปาร์ตี้ก็จะเก็บไอเทมที่ตกตามทาง พวกเขาทำ
แบบนี้ๆในทุกๆครั้งที่จบการต่อสู้กับค้างคาว ทันใดนั้นเอง บินเดลก็ถาม
วีด
“เราจะแบ่งไอเทมกันยังไงดี?”
ตามปกติแล้ว กลุ่มที่ได้ประสบการณ์มากที่สุดจะได้รับไอเทมไป
แต่ว่าในการต่อสู้ครั้งนี้ พวกเขาต้องแยกย้ายกันไปในทุกๆกลุ่ม เพื่อ
รักษากระบวนทัพ ทำให้การแบ่งไอเทมนั้นยุ่งยากซับซ้อน
ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อกล่าวถึงคนแคระ ด้วยอุปนิสัยหลายๆอย่าง ที่ไม่
อาจมองข้ามได้
คนแคระนั้นโลภมากโดยธรรมชาติ ดังนั้น วีดจึงมีความคิดนึงแล่นเข้า
มาในหัว และตัดสินใจบอกไปว่า
“พวกคุณเก็บไอเทมได้เลย แต่ว่า ถ้าคุณเก็บมากกว่าที่คุณสามารถถือ
ได้และทำให้ความเร็วในการเดินหรือต่อสู้ลดลง ผมจะบังคับให้คุณออก
จากตำแหน่งในกองทัพที่คุณต่อสู้อยู่นี้ทันที”
“...”
“การต่อสู้ในถ้ำครั้งนี้ พวกเราจะสู้ในแบบเดิม และจะทำแบบนี้ต่อไป
จนกว่าพวกคุณจะเบื่อที่จะสู้ ดังนั้นพวกคุณจึงควรจะเก็บไอเทมแต่
พอดี เพื่อไม่ให้กระทบต่อความสามารถในการต่อสู้และการ
เคลื่อนไหว”
คนแคระพยักหน้าเข้าใจ
ลูทไอเทมแต่พอดี ดีกว่าโลภมากอย่างไร้ประโยชน์ และถูกรุมทึ้งโดยทีม
ตัวเอง
เพราะว่ายังไงพวกเขาก็จะต้องสู้ต่อไปแบบนี้อีกหลายครั้ง ทำให้มีโอ
กาศให้เก็บไอเทมอีกมากมาย
***
การล่าค้างคาวดูดเลือดแห่งถ้ำเชสปิน!
คนแคระค่อยๆสั่งสมประสบการณ์ในการต่อสู้ มากขึ้น มากขึ้น พวกเขา
ต่อสู้ได้ดียิ่งขึ้นเรื่อยๆ
“เร็วอีก เร็วอีก เร็วอีก!”
“หน้าเดิน บุกกก!”
“จัดการพวกมันให้หมด!”
เหล่าคนแคระไล่กวาดล้างภายในถ้ำอย่างไม่หยุดหย่อน
รังหลักของพวกค้างคาว!
ความมืดและความแคบของถ้ำ ที่ไม่ว่ามนุษย์หรือคนแคระหน้าไหนก็
ต้องตัวสั่นด้วยความกลัว
มีเสียงร้องอย่างโกรธเกรี้ยวของค้างคาวดังมาจากภายใน มันให้ความ
รู้สึกเหมือนพวกเขากำลังอยู่คนละถ้ำกับเมื่อกี้นี้
จนถึงตอนนี้ไม่มีใครเคยมีประสบการณ์หรือกระทั่งสัมผัสการต่อสู้เช่นนี้
มาก่อน
คนแคระบางคนแสดงความปลาบปลื้มออกมาอย่างเปิดเผย
“ถ้าการต่อสู้ทั้งหมดนี้ถูกโพสต์ลงบอร์ดเกม Royal road มันจะ
ต้องน่าตื่นเต้นมากแน่ๆ”
“มันจะพลิกโฉมวงการเกมเลยล่ะ”
ท่ามกลาง ทหารคนแคระ และ คนแคระนักรบแห่งคุรุโซนั้น มีบางคนที่
สามารถไต่เต้าเข้าสู่หอแห่งเกียรติยศได้
และพวกเขากำลังรอโอกาสที่จะอัพโหลดคลิบการต่อสู้ครั้งนี้ใส่บัญชี
ของตัวเองด้วย
วีดไม่ได้กังวลมากนัก
เขาไม่อาจเก็บสิทธินี้ไว้คนเดียวได้ เพราะพวกคนแคระก็ร่วมทำเคว
สด้วยเช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้น วีดอยู่ในสถาณการณ์ที่ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลบัญชีผู้
เล่นของตัวเองสู่สาธรณะได้
ถ้าเขาเปิดเผยว่าตัวเองเป็ นผู้นำคนแคระพวกนี้เข้าสู้ ความลับของสกิล
อาชีพประติมากร ‘ประติมากรรมจำแลง’ ก็จะถูกกระจายสู่สาธารณะ
ด้วย!
วีดเลือกที่จะเก็บเฉพาะไอเทมที่สำคัญ
“อืมมมม น้ำตาค้างคาวดูดเลือด....น่าจะเป็นวัตถุดิบสำคัญสำหรับการ
ใช้สกิลของพวกนักเวทย์นะ”
เพื่อไม่ให้กลายเป็ นตัวถ่วงกองทัพ วีดเก็บแต่ของที่มีน้ำหนักเบา และ
อุปกรณ์มีค่าเท่านั้น
สำหรับคนอื่น หากเกิดปัญหาในการแบ่งไอเทม
คำพูดของวีดช่วยยกระดับอำนาจและการควบคุมของเขาอย่างคงเส้น
คงวา
พวกคนแคระต้องระวังวีดมากกว่านี้
อย่างไรก็ตาม เพราะวีดเป็นประติมากร ทำให้เขาไม่มีส่วนร่วมในการ
ต่อสู้ แต่คนแคระก็ยังอุตส่าห์มองวีดในแง่ดี
‘ประติมากรจะเก็บไอเทมได้มากแค่ไหนกันเชียว’
‘เจ้านั่นมักแยกตัวเองออกจากการต่อสู้เสมอ ถึงอย่างงั้นก็เถอะ ที่พวก
เรามาอยู่ที่นี่ได้ก็เพราะเควสของมัน รู้สึกสงสารมันนิดหน่อยแฮะที่ได้ผล
ประโยชน์น้อยกว่าคนอื่น’
วีดได้รับแม้กระทั่งความสงสาร
ชึยั้ก กั๊ก กัก กัก ก๊ากก(เอาเป็ นว่าเสียงหัวเราะแบบชั่วร้าย....)
พวกคนแคระหารู้ไม่ว่า วีดกำลัง เก็บไอเทมจำนวนมหาศาลไว้ใน
กระเป๋ าลับของตัวเอง มากเกินกว่าที่จะใส่ลงในเป้ ของเขาด้วยซ้ำ!
ความแตกต่างระหว่างโลกของวีดกับโลกของเหล่าคนแคระนั้นช่างใหญ่
หลวง
คนแคระมักจะเก็บไอเทมทุกชิ้นที่ตก พอพวกเขาเริ่มรวบรวมไอเทม
ทำให้ดูเหมือนพวกเขาเหมือนสุนัขรุมแย่งกระดูกกัน
ขณะเดียวกัน วีดแทบไม่มองไอเทมที่ตกเลยด้วยซ้ำ
*ครึครึครึครึ*
วีดกลอกตาอย่างเป็นธรรมชาติไปรอบๆ เขาไม่มองซ้ำไปในบริเวณที่ตก
ไอเทมกากๆ
ทำเป็นเหมือนให้เวลาคนแคระเก็บของที่ตกอย่างพอดี แต่เขานั่นแหละ
ที่เก็บของแพงๆไปทั้งหมดตอนที่คนแคระไม่ได้ตั้งใจมอง!
แม้ท่ามกลางความโกลาหล ความเร็วในการต่อสู้ก็ไม่ตกลงเลย และ
สุดท้าย พวกเขาก็มองเห็นจุดสิ้นสุดของถ้ำ
“อยู่ตรงนี้!”
คนแคระคนหนึ่งในทัพหน้าตะโกน เมื่อเจอศพคนแคระ
วีดพบว่าศพนั้นแห้งเหมือนมัมมี่ คงจะเป็นเพราะถูกค้างคาวดูดเลือด
ออกจนหมดตัว และตรงนั้นเองที่เขาเจอเข็มกลัดทับทิมที่กุดอล์ฟสร้าง
ขึ้น
*ติ๊ง!*
-คุณพบเข็มกลัดทับทิมของกุดอล์ฟ
วีดหมุนไปรอบๆพร้อมพูดว่า
“เควสสำเร็จแล้ว กลับคุรุโซกันเถอะ!”
ทหารคนแคระ และคนแคระนักรบทำภารกิจของตนเองสำเร็จเรียบร้อย
***
พวกเขาเจอคนแคระชื่อ เจนน่า ในคุรุโซ วีดให้เข็มกลัดทับทิมเธอไป
ด้วยความที่ครั้งนี้เป็นหน้าที่ของวีด พวกคนแคระเลยมามุงรอบตัวเขา
และคอยดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“โชคไม่ดีเลยที่เรื่องทั้งหมดต้องมาจบลงแบบนี้ กุดอล์ฟน่ะ...รักท่าน
มากที่สุด และแม้ในลมหายใจสุดท้ายของชีวิต เขาก็สร้างสิ่งนี้มาให้
ท่าน”
“ฮือๆๆ”
เจนน่ารับเข็มกลัดทับทิมมา แล้วเริ่มร้องไห้
“กุดอล์ฟ ทำไมเจ้าต้องจากข้าไปแบบนี้ด้ วยนะ....”
*ติ๊ง!*
เควสสำเร็จ: ความปรารถนาของกุดอล์ฟ
ความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ของคนแคระช่างฝี มือกุดอล์ฟถูกรับรู้แล้ว
คุณได้แก้แค้นค้างคาวดูดเลือด และส่งมอบเข็มกลัดอัญมณีให้แก่ เจน
น่า กุดอล์ฟสามารถจากไปอย่างสงบได้เสียที
-ชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 120
-ความสัมพันธ์กับคนแคระแห่งคุรุโซเพิ่มขึ้น 10
-คุณกลายเป็นคนแคระที่เจนนา ชอบ และไว้วางใจที่สุด
-เลเวลเพิ่มขึ้น
-เลเวลเพิ่มขึ้น
หน้าต่างปรากฏขึ้นแก่สายตาของเหล่าคนแคระ เพื่อแจ้งเตือนการสิ้น
สุดของเควส
วีดไม่ได้ใส่ใจพวกนั้น เขามองไปที่เจนนาด้วยสายตาเศร้าๆ
‘ไม่มีใครรู้ความเจ็บปวดของคนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง จนกว่าพวกเขาจะมี
ประสบการณ์นั้นด้วยตัวเอง’
ความโศกเศร้าที่เขาได้เรียนรู้หลังจากการตายของพ่อแม่
พ่อแม่ของเขาไม่สามารถตายตาหลับได้หลังจากการจากไปของพวก
เขาในขณะที่ต้องทิ้งให้พวกลูกๆอยู่กันตามลำพัง
เจนนาลุกขึ้น เช็ดน้ำตาของตัวเอง
“ข้าไม่ควรเป็นแบบนี้ กุดอล์ฟคงไม่อยากให้ข้านั่งร้องไห้”
“แล้ว?”
“เข็มกลัดทับทิมอันนี้เป็นหลักฐานการหมั้นของเราสองคน ตราบนาน
เท่านานที่ข้ายังมีชีวิต ข้าจะถูกจดจำในฐานะ ภรรยาของกุดอล์ฟ ”
คนแคระหญิงเลือกที่จะยืนหยัดสู้กับความเศร้า
เจนนาพูดด้วยรอยยิ้ม
“เหมืองทับทิม แห่งถ้ำเชสปินซึ่งกุดอล์ฟเป็นผู้ค้นพบ อาจจะเป็ นของ
ขวัญที่เขาต้องการมอบให้เจ้าสำหรับภารกิจครั้งนี้ ข้าขอสวดภาวนาให้
เจ้าขุดเจอทับทิมสวยๆเยอะ เช่นเดียวกับการพัฒนาเหมืองนั่นไปด้วย”
-คุณได้รับสิทธิการพัฒนาเหมืองทับทิมแห่งถ้ำเชสปิ น
วีดได้รับสิทธิการเป็นเจ้าของเหมืองทับทิม!
***
วีดลงทะเบียนชื่อเหมืองที่หน่วยงานบริหาร
เหมืองทับทิมของ หัตถ์แห่งศิลป์ แห่งถ้ำเชสปิน!
เขารับสมัครเด็กกำพร้าและทหารที่หน่วยงานบริหารของคุรุโซ จากนั้นก็
เริ่มวางแผนขุดทับทิมขึ้นมาจากถ้ำเชสปิ น
แม้เขาจะต้องจ่ายมูลค่าของทับทิมกว่า 60% เพื่อจ้างทหารรับจ้าง
สำหรับค้ำประกันความปลอดภัยและเบี้ยรายวันของลูกเหมือง แต่วีดก็
ยังเหลือกำไรมหาศาลอยู่ดี
เขาเริ่มต้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากการรับออเดอร์ทับทิมจาก
สาธารณะก่อน จากนั้นก็ค่อยๆลดจำนวนการว่าจ้างทหารรับจ้างลง
เพื่อเพิ่มกำไร ในระยะยาว
“ทำได้ดีมาก”
“เควสนี้จะถูกจดจำว่าเป็นเควสที่สำเร็จได้รวดเร็วที่สุดในเร็วๆนี้เลยล่ะ
ถ้ามีงานอะไรในอนาคต เรียกพวกข้าได้เสมอนะ แม้ค่าแรงจะต่ำก็ตาม
วะฮ่าๆ”
คนแคระที่เข้าร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้ล้ วนพึงพอใจ จากนั้นเหล่าคนแคระ
กว่าร้อยชีวิตก็แยกย้ายกันไปทำงานของตัวเอง
เล่มที่ 14 ตอนที่ 5 : การต่อสู้กับเดธแฮนด์ แปลโดย คุณ luke
วีดเริ่มมีไฟในการทำงาน เพราะรูปแกะสลักของเขา
ภาพแห่งน้ำตาของหญิงพรหมจรรย์!
มันเป็นรูปสลักที่ถูกฝังอยู่ริมถนน
“ตรวจสอบ!”
พ่อของข้าสร้างขวานทุกๆวัน
แม่ของข้าเย็บผ้าทุกๆวัน
พวกท่านไม่ยอมเล่นกับข้าและน้องๆของข้า
ไม่มีใครเล่นกับพวกเราเลย
ความยากของเควส : E
วีดเจอคนแคระซึ่งเป็นต้นแบบของรูปแกะสลักนั่น แต่รูปสลักถูกสร้าง
เมื่อนานมาแล้ว ตอนนี้เธอจึงดูมีอายุเพิ่มขึ้น และกลายเป็นคนแคระ
หญิงโตเต็มวัยแล้ว!
เธอกำลังง่วนอยู่กับการถักอะไรซักอย่าง
“ประทานอภัย ท่านจะว่าอะไรหรือไม่ ถ้าข้าจะเล่นกับท่าน”
วีดเรียกเธอออกมาเล่นด้วยกัน เขาเตรียมเหล้าน้ำผึ้งรสแอปเปิ้ล ซึ่ง
เป็นของโปรดของคนแคระเด็กๆ รักและเล่นกับเธอเป็นเวลา 30 นาที
“ความฝันวัยเด็กของข้าได้รับการเติมเต็มแล้ว นี่คือเสื้อที่ข้าถักขึ้นมาเอง
ข้าให้เจ้า”
เสื้อคลุมทำมือสีฟ้ าของคนแคระผู้หม่นหมอง!
มันเป็นเสื้อของนักเวทย์ มีข้อจำกัดเลเวลที่ 130 แม้จะมีเลเวลที่ต่ำ แต่
เสื้อตัวนี้มีมูลค่ามากๆ
นักเวทย์มักไม่ค่อยใส่ใจกับเรื่องพลังป้ องกันมากนัก เพราะพวกเขามี
พลังโจมตีที่รุนแรงที่สุดในทุกๆสายอาชีพ ทำให้พวกเขาเน้นไปที่อัตรา
การฟื้นฟูมานา และ พลังโจมตีเป็นหลัก
ที่จริงแล้ว ไม่ว่าเสื้อคลุมจะดีหรือแย่แค่ไหน มันก็จะไม่เพิ่มเลือดหรือ
พลังป้ องกันเพิ่มเติม
แต่ว่าเสื้อคลุมทำมือสีฟ้ าตัวนี้เป็นอะไรที่นักเวทย์ทุกคนฝันถึง
มันมีออพชั่นเพิ่มความเร็วในการร่ายและเพิ่มมานาให้อีกด้วย ซึ่ง
สามารถเอาไปขายต่อได้ถึง 7,000 ทอง
ถึงแม้ไม้เท้าของนักเวทย์จะให้ค่าการโจมตีเวทย์มนต์สูงที่สุด แต่ชุด
คลุมนักเวทย์นั้นหายาก จึงขายได้ในราคาที่แพงกว่านั่นเอง
รางวัลของเควสแกะสลักระดับ E นี้มันบ้าไปแล้วชัดๆ
“ประติมากรรมเปรียบเสมือนดั่งดอกไม้แห่งศิลปะที่แท้จริง!”
วีดละเมอเพ้อพบไปเรื่อย
“ยินดีต้อนรับ, หัตถ์แห่งศิลป์ !”
“สวัสดี ท่านยามผู้เคารพรัก ท่านจะว่าอะไรไหมหากข้าขออนุญาติเขา
ไปในบ้านหลังนี้สักหน่อย?”
“ถ้าเป็ นเจ้าล่ะก็ เมื่อไหร่ก็ได้!”
วีดทำแม้กระทั่งเข้าไปเยี่ยมบ้านของยามคนแคระ
วีดคุ้นชินกับการประจบสอพลอ ซึ่งไม่เสียเงินแต่ให้ผลลัพธ์สุดยอด
เสมอ และด้วยการประจบนี้เอง ทำให้เขาสนิทกับยามได้ไวขึ้น
มีรูปแกะสลักอยู่ในบ้านของยาม
คนแคระและมนุษย์นั้นต่างกันมาก
คนแคระ รักงานประติมากรรม และงานศิลป์ อื่นๆ เช่นจิตรกรรมและ
อื่นๆอีกมากมาย.. ดังนั้น ทุกๆบ้านมักจะมีรูปสลัก 1-2 ชิ้นเสมอ
มีประติมากรรมบางชิ้นที่ไม่มีความหมายอะไรเป็นพิเศษ แต่ก็มี
ประติมากรรมหลายชิ้นที่ถูกสร้างเพื่อสื่อถึงบางสิ่งบางอย่าง
“รูปนี้เป็ นงานประติมากรรมที่น่าอัศจรรย์ใจมาก”
“อ่าาา มันเป็นของบรรพบุรุษของข้าน่ะ”
“ท่านจะอนุญาตให้ข้าดูมันใกล้ๆมากกว่านี้ได้ไหม?”
“หากเป็นประติมากรมากฝี มือเช่นท่านต้องการจะดูมันล่ะก็ นั่นคงเป็น
เกียรติแก่ข้ามาก”
“ด้วยความเคารพ ตรวจสอบ!”
-มีคนแคระเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ความจริงเกี่ยวกับความเลวทรามและ
สิ่งมีชีวิตชั่วร้ายซึ่งอาศัยอยู่ใน คุรุโซ
‘สิ่งมีชีวิตชั่วร้าย…..’
วีดมีความรู้สึกว่าเควส เควสนี้จะสร้างปัญหาให้กับเขา
-เจ้าตัวชัวร้ายนี้กลายร่าง และเที่ยวหลอกล่อคนแคระผู้บริสุทธิ์ไปทั่ว
เจ้าชั่วร้ายนี้เปลี่ยนรูปลักษณ์บ่อยๆทำให้หาตัวมันได้ยาก
อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวชั่วร้ายมักมีรูปลักษณ์ซึ่งคล้ายกับคนแคระที่ชอบ
หัวเราะเยาะเย้ยผู้อื่น
ถ้าคนแคระคนไหนสร้างของดีๆขึ้นมา มันจะเข้าหาพวกเขา
มันจะเสแสร้งทำเป็นไร้ความสามารถก่อนในทีแรก แล้วหลังจากสืบดู
ความสามารถของฝ่ ายตรงข้าม ก็จะสร้างของที่ดีกว่าของคนแคระที่มัน
เข้าหา
การกระทำอันเหยียดหยามเกียรติและทำลายความภูมิใจของคนแคระ
ที่มีความเพียรพยายามตั้งใจฝึกฝน!
วีดคิดว่าการทำแบบนี้ค่อนข้างเกินกว่าเหตุ
‘เราจะไม่ยกโทษให้ไอ้หมอนี่เด็ดขาด’
ถ้าเราหาเงินได้แค่1 ทองในขณะที่ คนอื่นๆหาได้ 2-3 ทอง มันจะสร้าง
บาดแผลทางจิตใจที่ไม่อาจเยียวยาได้!
-คุณต้องแก้แค้นเจ้าตัวชั่วร้ายนี้
เขาต้องทำให้ไอ้เลวนี่ไม่กล้าที่จะเหยียบย่ำเข้ามาในดินแดนของคน
แคระอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม คนแคระนั้นต้องปกป้ องผู้ที่อ่อนแอและไร้พลัง เขาไม่อาจ
ลงโทษมันเฉยๆได้
เพราะถ้าทำแค่นั้น ศักดิ์ศรีของชนเผ่าคนแคระก็จะยังไม่ได้รับการฟื้นฟู
กลับคืนมาได้
มันจะดีกว่าหากเขาหาตัวไอ้เลวนี่ ท้ามันแข่งอย่างเปิดเผย แล้วชนะมัน
อย่างราบคาบ
โชคยังดีที่มันไม่เก่งไปซะทุกอย่าง ดังนั้นวีดยังมีโอกาศชนะมันอยู่
ความยากของเควสครั้งนี้คือ C!
“เควสครั้งนี้น่าจะมีรางวัลดีๆให้นะ”
แทนที่จะสู่กับมันให้ชนะ วีดต้องเอาชนะมันด้วยทักษะงานฝี มือ
ทันใดนั้นวีดก็ระบุตัวคนแคระที่มีแนวโน้มจะเป็นไอ้เลวนี่ได้ทันที
เมื่อไหร่ก็ตามที่คนแคระสร้างไอเทม มักจะมีคนแคระคนนึงสร้างไอเทม
ที่ดีกว่าอยู่ข้างๆเสมอ
ชื่อของมันก็คือ เดธแฮนด์!
“คุคุคุคุ”
มันประพฤติตัวไม่เหมือนคนแคระปกติ เดธแฮนด์มักจะทำเสียงแปลกๆ
ระหว่างสร้างไอเทม
เดธแฮนด์มีชื่อเสียง จากการรับสร้างของต่างๆ และงานจิปาถะอื่นๆ
‘ถ้าหมอนี่ไม่ดื่มเหล้าล่ะก็ชัดเลย’
หลังจากแอบตามเดธแฮนด์อย่างลับๆอยู่หนึ่งวันเต็ม วีดก็มั่นใจ
คนแคระที่ไม่ดื่มเหล้าน่ะมีที่ไหนกัน!
ไร้ข้อกังขา ต้องเป็นมันแน่ๆ แม้ว่าวีดจะยืนข้างๆมัน และชวนมันดื่ม มัน
ก็ไม่สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย
“ให้ตายเหอะ ดาบกากๆแบบนี้ตัดแตงโมยังไม่ได้เลยมั้ง”
“คุคุคุ”
มีคนแคระคนหนึ่งกำลังตกเป็นเหยื่อของเดธแฮนด์
คนแคระคนนี้ใช้เงินเก็บทั้งหมดเพื่อซื้อกระดูกที่ดีที่สุด เขาจะทำดาบ
จากกระดูกของมอนสเตอร์!
หลังจากสร้างดาบที่ดูดีออกมาจากกระดูกขาอ่อนของยักษ์สำเร็จ เขาก็
ตะโกนออกมาอย่างดีใจ
“วู้ววว! ในที่สุดชั้นก็ทำดาบยักษ์เสร็จ!”
ก่อนที่เขาจะทันได้แบ่งปันความสุขนี้กับคนแคระอื่นๆ เดธแฮนด์ก็เดิน
เข้ามา
“เหหหหห มันดูซับซ้อนจัง นายสร้างดาบจากกระดูกได้ยังไงเนี่ย”
เดธแฮนด์เลยพยายามสร้างดาบจากกระดูกของยักษ์ด้วย หลังจากแอ๊บ
ล้มเหลวไป 2-3 ครั้ง มันก็เลิกแอ๊บและทำดาบออกมา
‘เป็นไปไม่ได้น่า’
คนแคระที่พึ่งสร้างดาบจากกระดูกยักษ์ตั้งใจมองดูเดธแฮนด์
‘ไม่นะ ไม่เอาแบบครั้งที่แล้วนะ’
เหล็กเป็นวัตถุดิบที่สร้างดาบได้ง่ายที่สุด
เมื่อเหล็กถูกหลอมแล้วมันจะเปลี่ยนรูปร่างได้ง่าย แถมยังขึ้นรูปได้ง่าย
เพราะความแข็งแรงของมัน
ดาบที่ทำเสร็จแล้วจะมีความคงทนมากขึ้นเมื่อนำไปลับกับหินลับดาบ
แต่ดาบจากกระดูกนั้น ทำพลาดไม่ได้เลยแม้แต่นิด เพราะกระดูกมี
ความเปราะบางเป็นอย่างมาก
แม้จะมีระดับทักษะการตีเหล็กสูงแค่ไหนก็ตาม ก็ไม่สามารถทำดาบ
จากระดูกได้หากไม่มีความรู้เกี่ยวกับกระดูกชิ้นนั้น
เดธแฮนด์ล้มเหลวไป 2-3 ครั้งแล้ว ทันใดนั้น มันก็ดึงเอากระดูกยักษ์
ของมันออกมาอีก
“กระดูกนี่มันของหายากนะเนี่ย……”
เดธแฮนด์ตีดาบในช่วงเวลาสั้นๆ และ บู้มม ดาบจากกระดูกยักษ์!
ดาบเล่มนี้ดีกว่าดาบที่คนแคระที่เป็นเหยื่อของมันสร้าง แถมยังมีรูปร่าง
น่าสนใจกว่าด้วย
แต่เดธแฮนด์กลับโยนมันลงพื้นอย่างไม่ใยดี ดาบแตกทันทีเหมือน
เครื่องปั้นดินเผา
“ให้ตายสิ นี่มันงานที่ผิดพลาดชัดๆ ดาบกากๆของข้าตัดแตงโมไม่ขาด
แน่ อย่าว่าแต่แตงโมเลย แอปเปิ้ลก็ผ่าไม่ได้ แม้แต่กล้วยก็หั่นไม่ขาด!”
“คู้คุคุคุคุคุ!”
เหยื่อของมันร้องไห้เจ็บใจอย่างขมขื่น
***
วีดเดินเข้าหาเดธแฮนด์ทันที
“อะแฮ่มๆ เราจะสร้างอะไรกันดีล่ะ การสร้างไอเทมต้องยากมากสำหรับ
ท่านแน่ๆ เพราะท่านยังขาดความสามารถและทักษะไม่เหมือนข้า”
ด้วยเสื้อผ้าที่วีดใส่ เขาดูเหมือนนักแกะสลักฝึกหัดที่กำลังถือมีดแกะ
สลักมือใหม่ และมีทักษะแกะสลักง่อยๆ ซึ่งต้องใช้เวลากว่า 10 ชั่วโมง
ในการจะสร้างกระรอก 1 ตัว
ส่วนหางใช้เวลา 4 ชั่วโมง ส่วนหัวใช้เวลา 2 ชั่วโมง แล้วถึงแม้วีดจะทำ
ส่วนลำตัวอย่างลวกๆ เขาก็ใช้เวลานานพอสมควร แถมยังเหลือขาที่ยัง
ไม่ได้ทำอีก
วีดตั้งใจจะสร้างกระรอก แต่แอ๊บทำผิดพลาดโดยการทำขามั่วๆ มันจึง
ออกมาดูเหมือนตัววีเซิล
ขนาดของกระรอกตัวนี้เท่าหมูป่ า คงไม่ต้องให้บรรยายถึงคุณภาพการ
แกะสลักนะ….
-ผลจากการแกะสลักล้มเหลว ชื่อเสียงของคุณลดลง 23 หน่วย
“คู้กกกกกคุคุคุคุ”
เมื่อวีดทำเสร็จ เดธแฮนด์ก็หัวเราะเยาะเย้ยใส่ทันที
ใครดูก็รู้ว่ากระรอกตัวนี้มันล้มเหลวชัดๆ!
วีดหยิบมีดแกะสลักมือใหม่ขึ้นมา อีกครั้งพร้อมกับแรงบันดาลใจใหม่
“ล้มเหลวก็ไม่เป็นไร เพราะการล้มเหลวจะช่วยให้เราสามารถพัฒนา
ได้!”
ครั้งนี้เขาตั้งใจจะแกะสลักวัว
วัวที่สุภาพ อ่อนโยน และขยันขันแข็ง
แม้วีดจะ(แอ๊บ)พยายามทำวัวมากกว่ากระรอกตัวที่แล้ว แต่มันก็ยังออก
มาน่าเกลียด ไม่ควรค่าแม้แต่การมองด้วยซ้ำ
ความหนาและความยาวของขาแต่ละข้างไม่เท่ากัน แถมหางยังกว้าง
แค่ 1 เซ็นต์!
โชคยังดีที่หัวทำออกมาดีแม้ส่วนอื่นๆจะล้มเหลวอย่างไม่น่าให้อภัย
แต่ไม่มีส่วนไหนที่บ่งบอกว่ามันคือวัวเลย
“ป๊ อก ตึ่งง!”
แม้มันจะเป็นรูสลักที่สำเร็จ แล้ว แต่มันก็พังทันทีที่เสร็จเพราะขาที่ไม่
สมดุลเกิดหักดังเป๊ าะ …...
มันเป็นภาพที่ไม่น่าดูเท่าไหร่นัก
ทักษะการแกะสลักของวีดค่อยๆลดลง!
-ผลจากการสร้างงานที่ล้มเหลว ชื่อเสียงลดลง 39 หน่วย
“คู้กกก คุ้คุคุคุคุ คุฮิคุฮิฮิฮิฮิ!”
เดธแฮนด์ขำหนักยิ่งกว่าเก่า
มันชอบเห็นความอัปยศอดสูของผู้อื่น และวีดก็กลายเป็นเหยื่อคนโปรด
ของมัน
“ข้าคงไม่ต้องลงมือหรอกถ้าไอ้นี่มันกระจอกขนาดนี้, แต่ว่า…”
ไม่ว่าเดธแฮนด์จะคิดอย่างไรก็ตาม มันไม่สามารถหยุดดูวีด(แอ๊บ)ล้ม
เหลวได้
“ข้าควรจะสั่งสอนมันหน่อย มันจะได้ไม่สร้างรูปแกะสลักไปอีกตลอด
ชีวิต!”
***
การแข่งขันแกะสลักระหว่างเดธแฮนด์และวีด!
ในเมืองเล็กๆอย่างคุรุโซนั้น ข่าวลือแพร่กระจายรวดเร็วมาก
จนถึงตอนนี้ เดธแฮนด์กลั่นแกล้งเหล่าคนแคระด้วยความสามารถของ
มันมานับไม่ถ้วน
แต่ว่าครั้งนี้เป็นการแข่งแกะสลัก ผลลัพธ์นั้นยากที่จะเดาได้
ในโรงเตี๊ยม ขณะที่พวกคนแคระดื่มเบียร์ วีดก็กลายเป็นประเด็นร้อนใน
การพูดคุยของเหล่าคนแคระ
“ตามหลักการแล้ว แกว่าใครจะชนะ?”
“เดธแฮนด์”
“ข้าคิดว่า หัตถ์แห่งศิลป์ จะชนะ เขาจะบดขยี้ความหยิ่งยโสของไอ้จมูก
แบนนั่น!”
คนแคระนักรบซึ่งได้ร่วมต่อสู้ด้วยกันกับวีดในถ้ำเชสปิน ส่งเสียงเชียร์ให้
เขา
“แกคิดว่าทักษะแกะสลักมันพัฒนาได้ในวันสองวันรึไง การต่อสู้แม้จะ
เสียเปรียบแต่ก็สามารถสู้กันได้อย่างสูสี แต่ทักษะงานฝี มือน่ะไม่มีวัน
โกหกหรอกนะ”
“แต่หัตถ์แห่งศิลป์ อาจจะทำได้ก็ได้”
“พนันกันมั้ยล่ะ?”
“ก็ได้ คนแพ้ต้องซื้อเหล้าให้คนชนะต่อจากนี้เป็ นต้นไป 100 วัน นับรวม
วันนี้ด้ วย”
“เอาไงเอากัน เบียร์สองถังตรงนี้!”
คุณจะเห็นการวางเดิมพันเกิดขึ้นทั่วไปท่ามกลางการดื่มอย่างรื่นเริงของ
คนแคระ
***
เดธแฮนด์สร้างรูปแกะสลักของอัศวินผีแห่งบัลเกสท์
มอนสเตอร์ชั่วร้ายที่ต่อสู้บนหลังม้าตัวเท่าภูเขา!
เมื่ออัศวินแห่งบัลเกสท์ปรากฏตัว แม้แต่มอนสเตอร์ก็ตัวสั่นด้วยความ
หวาดกลัว มันเป็ นมอนสเตอร์ระดับสูงพร้อมพลังอันเด็ดขาด
“คู้กคุคุคุคุ”
เดทแฮนด์แกะสลักอัศวินแห่งบัลเกสท์ด้วยความเร็วเหลือเชื่อ
มันมีขนาดใหญ่ เดธแฮนด์จึงต้องรวบรวมโคลนจำนวนมากเพื่อสร้าง
มันขึ้นมา
“อาาห์ การแกะสลักช่างยากอะไรขนาดนี้นะ”
มันทำเป็ นเวิ่นเว้อ
วีดส่งเสียงเหมือนกำลังจนปัญญา
วีดสร้างขาที่มีความหนาและยาวแตกต่างกัน แต่เขาก็ไม่พอใจ และแก้
งานอยู่หลายครั้ง
ในขณะที่เขากำลังแกะสลักส่วนขา วีดก็ทำส่วนลำตัวด้วยเช่นกัน และ
สุดท้ายก็เปลี่ยนโครง เพื่อให้ขาหน้าของรูปสลักยกขึ้นเล็กน้อย
ปากของเดธแฮนด์กระตุกขึ้นอย่างชั่วร้าย
“ข้าแทบไม่ได้พยายามด้วยซ้ำ...โชคช่างเข้าข้างข้าเสียเหลือเกิน”
มันทำส่วนของกล้ามเนื้อที่ละเอียดอ่อนของม้าเสร็จ รูปสลักอัศวินผีแห่ง
บัลเกสท์ที่ยอดเยี่ยมไร้ที่ติ
ตั้งแต่เกราะโซ่ กระบองเหล็ก ไปจนถึงเสื้อที่ฉีกขาด อัศวินแห่งบัลเกสท์
ถูกสร้างขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แบบ
“ฟิ้ววว~ มาคิดๆดูแล้ว ข้าแกะสลักได้เพียงเท่านี้ จะมีใครแย่ยิ่งกว่าข้า
ไหมนะ ประติมากรกระจอกอย่างข้าสมควรตาย ความตายเท่านั้นที่
คู่ควรกับความอ่อนหัดของข้า”
“คึกฮือๆๆ” เดธแฮนด์ร้องไห้อย่างเศร้าสร้อย
ผลงานชิ้นเอก!
รูปแกะสลักของ อัศวินชั้นสูงแห่งบัลเกสท์
อัศวินผีแห่งซากปรักหักพังของอาณาจักรบัลเกสท์
รูปแกะสลักรูปนี้แสดงถึงการคำรามอันกึกก้องในสงคราม
มันถูกสร้างจากโคลนคุณภาพไม่ดี และถูกย้อมด้วยสีดำ
คุณค่าทางศิลปะ: 416
คุณสมบัติพิเศษ:
ความเร็วในการเคลื่อนที่ระหว่างต่อสู้เพิ่มขึ้น 7%
ทักษะของอัศวินเพิ่มขึ้น 1
“โอ้พระเจ้า ข้าไม่ควรที่จะได้รับอนุญาตให้สร้างงานประติมากรรมอีก
ต่อไปแล้ว ข้าจะมีหน้าไปสร้างประติมากรรมชิ้นอื่นด้วยทักษะชั้นต่ำ
แบบนี้ได้ยังไง
เดธแฮนด์ทำเสียงเหมือนกำลังเจ็บปวดรวดร้าวต่อหน้าวีด
คนแคระซึ่งมุงดูด้วยความสงสัยเดาะลิ้น
“ดูเหมือนไอ้หมอนั่นจะเป็นเหยื่อคนใหม่สินะ”
“ครั้งนี้เดธแฮนด์ชั่วร้ายมาก มันตอกย้ำชัยชนะด้วยม้านั่น ไม่เหลือ
ความหวังให้ไอ้หนูนั่นเลย”
งานอันแสนวิเศษของมันช่วงชิงความมั่นใจของเหล่าคนแคระ และฝัง
มันลงไปในพื้น!
“แต่คู่ต่อสู้ครั้งนี้คือหัตถ์แห่งศิลป์ นะ ข้าว่าเจ้านั้นต้องมีอะไรดีๆบ้าง
แหละน่า”
“ข้ารู้จักเจ้านั่นดี เค้าจะไม่ยอมแพ้โดยที่ไม่ได้พยายามสู้หรอก”
เหล่าคนแคระไม่อาจคาดเดาทักษะของวีดได้ อย่างไรก็ตาม เขาเป็นถึง
คนที่ได้รับเควสระดับ B ไม่ว่าจะโชคช่วยแค่ไหน เขาก็ไม่มีทางได้รับเคว
สระดับนั้นแน่หากไม่มีทักษะขั้นพื้นฐาน
แต่วีดสร้างรูปสลักแบบพวกมือใหม่อีกอันแล้ว
“...”
เดธแฮนด์และคนแคระอื่นๆ มองดูเขาทุกๆการเคลื่อนไหว
วีดหยิบมีดแกะสลักของตัวเองขึ้นมาดูซักพักหนึ่ง ทำทีเป็นกำลังตัดสิน
ใจบางอย่าง เสร็จแล้วก็ตัดสินใจวางมันลง
คนแคระแทบสะดุดลมหายใจตัวเอง
“เฮ้ยๆ!”
“แกยอมแพ้แล้วรึเจ้าหนุ่ม!?”
พวกคนแคระกระวนกระวายใจ
“ข้าไม่ต้องใช้มีดแกะสลักหรอก”
วีดกล่าวอย่างไม่ร้อนรน แล้วยกมือเปล่าของตัวเองขึ้นมา
เขาไม่มีมีดแกะสลัก ไม่มีแม้กระทั่งวัสดุที่จะใช้ทำงาน
วีดเริ่มขยับแขนไปมาในอากาศเหมือนคนบ้า
และตอนนั้นเองที่เกิดแสงริบหรี่ขึ้นดั่งเวทย์มนต์!
วีดแกว่งแขนแบบเดิมเงียบๆ
“นี่มัน การแกะสลักแสงจันทร์ ไม่ใช่เหรอ?”
เป็นเรื่องง่ายที่จะสร้างงานแกะสลักแสงจันทร์ ด้วยการค่อยๆสร้างแสง
ใส่รูปสลัก มูลค่าทางศิลป์ ของมันก็จะเพิ่มขึ้น
แต่ว่าการแกะสลักแสงจันทร์ที่แท้จริง จะใช้แสงในการสร้างรูปแกะสลัก
ขึ้นมาจากความว่างเปล่า
วีดปล่อยลำแสงที่คดโค้งเหมือนกิ่งไม้ออกจากนิ้วทั้ง 10 เสมือนมันเป็น
เส้นด้าย
“โว้วโว้ว อะไรน่ะ!”
“นั่นเหมือนเวทย์มนต์เลย…..มีคนแคระใช้เวทย์มนต์ได้ด้วยหรือ?”
คนแคระเข้ามามุงกันมากขึ้น
วีดเป็นเหมือนนักร้องที่กำลังแสดงบนเวที และวีดซึ่งกำลังแกะสลัก
แสงจันทร์เป็ นตัวละครหลักของโชว์
แม้แต่เดธแฮนด์ก็มองดูวีดด้วยความอัศจรรย์ใจ
***
แสงเส้นบางๆเปล่งประกายความสวยงามของมันเงียบเงียบ
มันยากที่จะสร้างสีจากแสง แต่แสงเหล่านี้เต็มไปด้วยสีสันต่างๆที่รวม
ตัวกัน(อารมณ์แสงขาวหักเหกลายเป็นสีรุ้ง)
‘รวบรวมพวกมัน ผูก แล้วแผ่ออก อ้ะเกือบไปๆ ต้องยืดมันออก เราจะ
พลาดไม่ได้’
วีดรวบรวมสมาธิให้มากขึ้น
นี่เป็นครั้งแรกที่วีดแสดงศาสตร์การแกะสลักแสงจันทร์ที่แท้จริง
หากไม่ได้รับทักษะนี้มาโดยบังเอิญ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเรียนการ
แกะสลักแสงจันทร์จากการแกะสลักธรรมดา
นักแกะสลักคือผู้ใช้ประโยชน์จากวัสดุโดยใช้เทคนิคแตกต่างกันตาม
ชนิดของวัสดุ ตั้งแต่หินไปจนถึง ไม้
แต่การแกะสลักแสงจันทร์นั้นใช้แสง...
ทุกครั้งที่วีดขยับนิ้ว มานาของเขาจะลดลงเล็กน้อย และ แสงจะเปลี่ยน
เป็นสีต่างๆ
นี่แหละคือ การปรับเปลี่ยนอันละเอียดอ่อนของสลักแสงจันทร์
แม้แต่สีของแสงก็ยังมีมากมายหลากหลาย
ถ้าทำรูปสลักทีละส่วน ความต่างของสี จะส่งผลต่อผลงานโดยตรงเมื่อ
ทำเสร็จ
รูปแกะสลักที่สร้างจากสีหลายพันสีที่แตกต่างกัน มันยากยิ่งกว่าการทำ
พีรามิดอีก!
แม้มันจะเป็นงานที่งดงามอย่างไม่อาจนึกฝัน แต่ก็เป็นงานหยาบได้
ง่ายๆเช่นกันหากผู้ทำไร้ซึ่งความประณีต
กว่า 2 วัน ที่วีดต้องนั่งจดจ่อใช้สมาธิสูงสุดอยู่กับงาน มันไม่ใช่สิ่งที่ทำ
กันได้ง่ายๆ
ทักษะการแกะสลักที่เหนือยิ่งกว่าการแกะสลัก การแกะสลักแสงจันทร์!
หากใช้ทักษะอย่างต่อเนื่อง วีดต้องใช้มานาจำนวนมากเพื่อให้แสงคง
อยู่ไว้ และใช้มากขึ้นเพื่อทำให้แสงเหล่านั้นเปลี่ยนสี
‘ทักษะของเราตอนนี้ยังไม่เข้าร่องเข้ารอยเท่าไหร่’’
วีดต้องการที่จะสร้างสีที่แตกต่างกัน
เขาเพิ่มแสงสีแดงอันเจิดจ้าก่อนเป็ นอันดับแรก
‘สีแดง...ทั้ง งดงามและกล้าหาญ’
ตอนนั้นเองที่รูปสลักถูกจำกัดให้ใช้เฉพาะสีที่เข้ากันได้ กับสีแดง
แต่แล้วนิ้วของวีดก็เกิดเปลี่ยนเป็นแสงสีเหลืองแทน
เช่นเดียวกับสีแดง สีเหลืองเป็นสีที่ท้าทายมาก
สีเขียว ส้ม น้ำเงิน ดำ และ ม่วง กำลังเปลี่ยนไปมาบนนิ้วของวีด
แม้จะมีสีมากมายหลายสี แต่พวกมันก็กลมกลืนกันมาก
สีพวกนั้นใสและน่าประทับใจ มันดึงดูดผู้จ้องมองเสมือนถูกมันครอบงำ
ไว้
ตัวเลือกสีแต่ละสีมาจากความทรงจำในวัยเด็กของวีด
‘เวรเอ้ย ถึงเราจะจ้องใกล้ๆแบบนี้ก็ยังแยกไม่ออกว่าสีไหนเป็นสีไหน’
มันเป็นผลกระทบจากการเคยใช้สีแค่ 8 สี ตั้งแต่โรงเรียนอนุบาล เพราะ
ความยากจนของเขา!
เป็นเรื่องยากมากที่จะบอกถึงความแตกต่างของสีแต่ละสี มันจับต้องไม่
ได้ในสายตาวีด
พวกมันเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตลอดเวลา
ไม่ใช่เพียงแค่ 48 หรือ 60 สี
ทั้งสี ทั้งเฉด และความสว่าง ก่อเกิดสีมากมายกว่าหมื่นสี
วีดจึงเลือกสีตามสัญชาติญาณของตัวเอง
‘คงจะไม่ใช่สีที่สวยที่สุด แต่มันก็เป็นสีที่เราเลือก’
มีสีมากเกินไป และมันก็เปลี่ยนแปลงไปไวเกินไปด้วย
ไม่ว่าวีดจะเลือกสีอะไรก็ตาม เขาอาจจะเสียใจภายหลังก็ได้ แต่ตอนนี้
เขาเลือกสีที่ตรงกับใจตัวเอง
‘อ่าาห์ เสร็จละ นี่สินะ’
ในที่สุดวีดก็เลือกส่วนผสมของ สีเงินสว่าง และสีสีฟ้ าอ่อน
รวบรวมและโอบไล้แสงสว่าง มันเปรียบดังจุดสุดยอดของศิลปินที่
ทำงานโดยใช้แสงเป็ นวัสดุ!
ประติมากรรมแห่งแสงนั้นยั่วยวนมาก หากแม้ฟ้ าจะผ่าลงมาข้างๆวีด
ตอนนี้ เขาก็คงไม่รู้สึก!
ประติมากรรมแสงจันทร์อันยิ่งใหญ่!
ปี กแห่งแสงเป็ นงานประติมากรรมแสงจันทร์อันยิ่งใหญ่!
ทวีปเวอร์เซลได้รอคอยประติมากรรมแห่งแสงมาเป็นเวลานาน!
มีเพียงผู้เชี่ยวชาญการแกะสลักและลูกศิษย์ของพวกเขาไม่กี่คนเท่านั้น
ที่รู้ถึงการมีอยู่ของ งานประติมากรรมแห่งแสง
ศาสตร์แห่งประติมากรรมแสงซึ่งถูกบันทึกไว้ในตำนานของ
ประวัติศาสตร์ถูกนำกลับมา และสร้างขึ้นในรูปแบบของงานศิลปะ
มันเต็มไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และเป็นชิ้นงานที่คู่ควรจะเป็น
มรดกของศาสตร์แห่งงานประติมากรรม
ช่างน่าเศร้านักที่ปี กคู่นี้ขาดสมมาตรที่สมบูรณ์แบบไปเล็กน้อย
คุณค่าทางศิลปะ: 17,900
ชิ้นงานของบุคคลซึ่งเดินไปบนทางแห่งประติมากรนิรันดร์กาล
คุณสมบัติ พิเศษ:
ผู้ใดที่มองไปที่ปี กแห่งแสง จะได้รับอัตราฟื้นฟูเลือดและมานาเพิ่ม
ขึ้น 15%เป็นเวลา 1 วัน
ค่าสถานะทั้งหมดเพิ่มขึ้น 25
การต้านทานความมืดเพิ่มขึ้น 35%
ไม่ได้รับผลจากเวทย์ที่ทำให้ตาบอด
เพราะงานประติมากรรมชิ้นนี้ เมืองจะได้รับการปกป้ องเพิ่มเติมในช่วง
เวลากลางคืน
ระงับพลังของมอนสเตอร์ที่ตอบสนองต่อช่วงเวลากลางคืนได้ 3%
นักบวชแห่งแสงจะได้รับทักษะและศรัทธา เพิ่มขึ้น 15%
ผลไม่ซ้อนทับกับงานประติมากรรมชิ้นอื่น
จำนวนของงานประติมากรรมแสงจันทร์อันยิ่งใหญ่ที่สร้างขึ้น:2
-ความเข้าใจในประติมากรรมเพิ่มขึ้น 1 ระดับ
-ชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 332
-ค่าศิลปะเพิ่มขึ้น 30
-ความฉลาดเพิ่มขึ้น 2
-เสน่ห์เพิ่มขึ้น 7
-ปี กแห่งแสงได้รับการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของงานประติมากรรม
แห่งแสง ประติมากรที่เห็นมันจะเข้าใจในงานประติมากรรมมากขึ้น
และสร้างงานที่ดีขึ้นด้วย
-ผลจากการสร้างงานประติมากรรมแสงจันทร์อันยิ่งใหญ่ สถานะ
ทั้งหมดจะเพิ่มขึ้น 4 แต้ม
งานประติมากรรมที่น่าอัศจรรย์ใจ!
แม้วีดจะสร้างงานประติมากรรมแสงจันทร์ขึ้นมาหลายครั้งแล้ว แต่ครั้ง
นี้คงบอกได้ว่า เป็นประติมากรรมแสงจันทร์ที่แท้จริง
งานประติมากรรมชิ้นนี้ยังมีมูลค่าทางศิลปะสูงที่สุดเท่าที่วีดเคยทำมา
เพราะคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของมันนั่นเอง
ปี กแห่งแสงกระพือปี กลอยขึ้นไปบนอากาศ
วีดโอดครวญพลางชกพื้นไปด้วย
“นี่มันความผิดพลาด ความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง!”“...”
“...”
ปี กคู่นี้สวยงามบาดลึกลงในใจเหล่าคนแคระที่มองไปที่มัน
พวกเขาต้องการด่าและวิจารณ์วีดอย่างมาก
‘เมิงบ้าปะเนี่ย ไอ่เตี้ยเอ้ย!’’
‘ไอ้เวรนั่นเรียกงานชิ้นนี้ว่าความผิดพลาด ล้อพวกกูเล่นเหรอวะ!’
ตำนานได้ถูกสร้างขึ้น อันที่จริงแล้ว ไม่มีคนแคระคนไหนเคยเห็น
ประติมากรรมแสงจันทร์มาก่อน
งานดีขนาดนี้ถูกสร้างขึ้นมา แต่ไอ้คนสร้างดันมาเสียใจอย่างงั้นรึ!
“ประติมากรเยี่ยงข้าซึ่งไร้ความสามารถสมควรตาย *ฮึก ฮึก* ข้าสร้าง
งานที่แย่ขนาดนี้ได้ยังไงนะ”
"?."
"?."
“ข้าโทษการไม่ตั้งใจของตัวเอง ถ้าข้าพยายามมากกว่านี้ล่ะก็...”
อย่างไรก็ตาม ปี กคู่นี้ของวีดนั้นนับว่ายากที่สุดที่เขาเคยทำมาเลย
เขาต้องรักษาการควบคุมของนิ้วเพื่อให้เหมาะสมกับความหนาแน่น
ของสี และทำแบบนี้เหมือนกันทุกนิ้ว เขาลังเลไม่ได้ แม้เพียงน้อยนิด
ก็ตาม การเคลื่อนไหวทุกอย่างต้องแม่นยำที่สุด
ทุกคนที่มุงดูรู้ว่าเขาใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมงในการสร้างปี กคู่นี้
เหงื่อเย็นๆชื้นขึ้นบริเวณหน้าผากและหลังของวีด
“เดธแฮนด์”
“ห ห่ ห้ะ? ระ เรียกข้าเหรอ?”
เดธแฮนด์ถูกทำให้อับอาย ในขณะที่มองไปที่ปี กแห่งแสง มันก็ติดสตั๊น
เพราะความงาม
วีดเริ่มกล่าวขอโทษ
“ข้าขอโทษ”
“อ อะไร อะไรกัน? ทำไมเจ้าขอโทษข้าล่ะ….”
“เจ้าพูดถูก ประติมากรอ่อนหัดอย่างข้าไม่มีค่าพอที่จะสร้างงานศิลปะ”
“...”
“ข้าได้ใช้งานทักษะอันหยาบโลนของข้า เพื่อสร้างงานที่ผิดพลาดขึ้นมา
ข้าคิดว่าข้าคงทนไม่ไหวที่จะต้องใช้ชีวิตอยุ่ในความอับอายแบบนี้”
“...”
มีจุดด่างพร้อยเล็กน้อยในปี กแห่งแสง
ถ้าคุณสร้างปี ก ปี กทั้ง 2 ข้างควรจะมีขนาดเท่ากัน แต่ถ้าคุณมองดีๆที่
ปี กของวีดคู่นี้จะเห็นว่า ขนาดของมันไม่เท่ากัน
มีข้อบกพร่องเล็กๆน้อยๆอีกหลายอย่าง แต่มันมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
เว้นแต่ว่าคุณจะจ้องมันอย่างใกล้ชิดจริงๆ
ประติมากรรมที่สมบูรณ์แบบนั้นหายากมาก และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่วีด
ทำงานประติมากรรมแสงจันทร์โดยใช้แสงเป็นวัสดุ งานชิ้นนี้จึงถือได้ว่า
ใกล้เคียงกับคำว่า สมบูรณ์แบบมากกว่าคำว่า ล้มเหลว มันเป็นหนึ่งใน
ผลงานอันยิ่งใหญ่ไม่กี่ชิ้นของวีดด้วย
“ช่างน่าอับอายนัก ถ้ามีรูหนูล่ะก็ ข้าคงคลานหลบเข้าไปแล้ว ประติมา
กรไร้ความสามารถเช่นข้าสมควรตาย”
วีดเลียนแบบคำพูดของเดธแฮนด์ และย้อนคำพูดเหล่าคืนกลับใส่หน้า
ของมันเต็มๆ!
“ประติมากรรมของข้าช่างแสนสกปรก ประติมากรเช่นข้านั้นไม่มี
ประโยชน์ต่ออนาคตของโลกใบนี้ เดธแฮนด์ เจ้าคิดว่าไง?”
“ข ข้าหรือ….”
เดธแฮนด์ผู้ฉาวโฉ่แห่งคุรุโซกำลังถูกทำให้อับอาย และมันก็เสียหน้าเกิน
กว่าจะพูดอะไร
คนแคระซึ่งพูดครอบงำด้วยความสวยงามของปี กแห่งแสงเริ่มรู้สึกตัว
การแข่งขันแกะสลักของวีดและเดธแฮนด์!
วีดเป็นผู้ชนะ!
‘หัตถ์แห่งศิลป์ เป็นฝ่ ายชนะะะะะะะะ’
‘เดธแฮนด์พ่ายแพ้แล้ว ฮุเรย์ๆ ’
***
วีดและคนแคระคนอื่นยืนรับฟังคำยอมจำนนจากเดธแฮนด์
“ก่อนหน้านี้ ข้าหลงละเริงโอ้อวดไปกับทักษะของตัวเอง ต้องขอโทษ
ด้วย”
-คุณได้กำจัดสิ่งชั่วร้ายแห่งคุรุโซแล้ว
ข้อความสำเร็จเควสเด้งขึ้นมา
“เจ้าเป็นคนแคระที่มีความสามารถจริงๆ เมื่อข้าขัดเกลาฝี มือแล้ว ข้าจะ
กลับมาท้าเจ้าใหม่”
เดธแฮนด์ดึงเอารูปสลักขนาด 15 เซ็นออกมาจากภายในอกเสื้อแล้วส่ง
ให้วีด
-คุณได้รับรูปแกะสลักจากเดธแฮนด์
“ข้าหวังว่าเจ้าจะเก็บรูปสลักนี้ไว้ จนกว่าจะถึงวันที่เราเจอกันอีกครั้ง”
โดดเดี่ยวและสิ้นหวัง เดธแฮนด์หันหลังกลับแล้วเดินจากไป
“อะไรกัน แม่งให้เราแค่รูปปั้น 1 รูป?”
“งั้นนี้ก็คือจุดจบของเรื่องทั้งหมดนี้สินะ”
เหล่าคนแคระเฝ้ ามองด้วยไหล่ที่ผ่อนคลายลง
อัศวินแห่งบัลเกสท์ที่เดธแฮนด์สร้างนั้นถูกสร้างออกมาได้อย่างดีเยี่ยม
มันเป็นงานที่ดีงานนึงเลย และที่สุดของที่สุดก็คือ พวกเขาได้เฝ้ ามอง
กระบวนการสร้างปี กแห่งแสงขึ้น ความทรงจำซึ่งพวกเขาจะไม่มีวันลืม
ไปจนวันตาย!
อย่างไรก็ตาม ด้วยเกียรติ และความสามารถของเดธแฮนด์ เรื่องจะไม่
จบแค่นี้แน่!
เล่มที่ 14 ตอนที่ 6 : ดินแดนแห่งความฝัน แปลโดย คุณ luke
ยูนิคอร์น
คำๆนี้ ความจริงแล้วเป็นชื่อของสัตว์ในเทพนิยาย แต่หากผู้คนเกาหลี
ส่วนใหญ่ได้ยิน สิ่งที่พวกเขาส่วนใหญ่จะนึกถึงก็คือ บริษัทยูนิคอร์น
คอร์ปเปอร์เรชั่น
บริษัทหนึ่งเดียวซึ่งเป็นผู้พัฒนาและบริหารเกม Royal Road!
ไม่ใช่เรื่องเกินเลย ที่จะพูดว่า พวกเขากวาดเอาเงินจำนวนมหาศาลจาก
ทั่วโลกด้วยการสร้างโลกใบใหม่อย่าง Royal Road ขึ้นมา ยูนิ
คอร์นเป็นหนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ของเครือข่ายวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องกับ
แคปซูล(เครื่องเล่น VR ในนิยาย)และคอมพิวเตอร์ขนาดพกพา
แม้จะหักค่าต้นทุนที่ใช้ในการดูแลเครื่องเซิร์ฟเวอร์และการพัฒนาของ
Royal Road แล้ว กำไรต่อเดือนของบริษัทนี้ก็ยังคงสูงเฉียดฟ้ า
อยู่ดี
ไม่เพียงเท่านั้น ยูนิคอร์นยังเป็นบริษัทชั้นนำในอีกหลายแขนง อาทิ
เครือข่ายการสื่อสาร ธุรกิจการ์ตูน นวัตกรรมรูปถ่ายและวีดิโอ การท่อง
เที่ยว อุตสาหกรรมบันเทิง และอีกมากมายหลายสาขา(Luke:ครอง
โลกเหอะครับ)
บริษัทยูนิคอร์นซึ่งเป็นผู้พัฒนา และรังสรรค์โลกใบใหม่ขึ้นมาได้ สร้าง
คลื่นที่สั่นสะเทือนไปทุกวงการทั่วทั้งโลก และยิ่งทำให้บริษัทขยายตัว
ยิ่งขึ้นไปอีก
โลกเสมือนจริงใบแรกของมนุษยชาติ Royal Road
แทบทุกภาคส่วนธุรกิจของบริษัทยูนิคอร์นอิงอยู่กับ Royal
Road และตัวเกมเองเน้นไปที่เสถียรภาพและการดึงดูดผู้เล่นใหม่ๆ
ในช่วงเวลากลางงานประชุมสำคัญระหว่างหัวหน้าแผนกและผู้บริหาร
ของบริษัทยูนิคอร์น
จาง ยุน ซู หัวหน้าหน่วย กุลยุทธ์การตลาดระยะยาว กำลังดำเนินการ
ประชุม
“ผู้บริหารคิม เพื่อให้การประชุมนี้ดำเนินไปอย่างราบลื่น พวกเรา
ต้องการข้อมูลอ้างอิงจากคุณด้วยครับ ตอนนี้อัตราการเติบโตของผู้เล่น
ของเราเป็นยังไงบ้าง?”
ผู้บริหารคิม ฮาน ซอ พลิกหน้ากระดาษผ่านข้อมูลต่างๆ เขาหยิบ
ผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อออกจากหน้าผาก แล้วใช้สายตาเฉียบคมมอง
ไปที่สมาชิกทุกคนที่อยู่ในการประชุม
“แน่นอน ผมเป็นผู้รับผิดชอบ เทพเจ้าแห่งเวอร์เซล นี่นะ”
เทพเจ้าแห่งเวอร์เซล
เป็นชื่อของ AI ซึ่งจัดการดูแลทุกๆความเป็นไปในทวีปเวอร์เซลล์
แม้ว่าทฤษฎีของยูนิคอร์นจะละเอียดถี่ถ้วน และพวกเขาพิสูจน์การมีอยู่
ของโลกเสมือนได้แล้วก็ตาม อเมริกากับจีนก็ยังคงมองไปทางด้านลบ
เพียงอย่างเดียว
- โลกเสมือนจริงแห่งแรก มันยังเร็วเกินไป
บริษัทของเกาหลีงั้นรึ ? ช่างเป็นการประกาศที่ไม่น่าเชื่อถืออย่างที่สุด
แม้แต่นักวิทยาศาตร์ของเกาหลีเองตอนแรกที่ได้ยินก็ยังคิดว่าพวกเขาล้อ
เล่นกันขำๆ
แต่ความจริงก็ยังเป็นความจริงอยู่วันยังค่ำ
ทุกคนบนโลกสามารถเล่น Royal Road ได้ แต่ผู้เล่นจากต่าง
ประเทศเข้าร่วมทีหลัง ทำให้ผู้เล่นเกาหลีมีเลเวลนำไปก่อน
มีผู้เล่นหลายคนจากต่างประเทศ แต่เพราะพวกเขาเริ่มเกมค่อนข้างช้า จึง
ตามหลังผู้เล่นเกาหลีอยู่มาก
ผู้เล่นต่างประเทศมักอยู่ในเมืองเล็กๆ และเกาะในภาคกลางของทวีป แต่
เพราะโปรแกรมแปลภาษาอัตโนมัติ ทำให้เชื้อชาติของพวกเขาไม่ถูก
เปิ ดเผย
ทุกๆคนพูดภาษาเดียวกันใน Royal Road ดังนั้นเชื้อชาติจึงไม่
ค่อยมีความหมายอะไรมากนัก
หัวหน้าฝ่ ายจัดการบริหาร ซอน อึล จาง หัวเราะคิกคัก
“เป็นเรื่องที่น่าโล่งใจไม่ใช่หรือครับ เพราะพวกเขาไม่มีโอกาสแม้แต่
น้อย จะสามารถขึ้นเป็นจักรพรรดิได้ ”
“ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ก็ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นนะครับ”
จาง ยุน ซู ยิ้ม
ใน Royal Road นั้น ผู้ที่ได้เป็นจักรพรรดิของทวีปเวอร์เซล จะได้
รับส่วนแบ่ง 10%จากกำไรรายเดือนของบริษัทยูนิคอร์นเป็นรางวัล
การได้เป็นจักรพรรดินั้นเป็นเป้ าหมายสูงสุดของเกม และผู้เล่นที่
สามารถทำมันให้เป็นจริงได้ จะได้รับผลประโยชน์ที่คาดไม่ถึงเลยล่ะ
(Luke://ผมคิดว่าพระเอกยังไม่รู้เรื่องนี้)
การแข่งขันอย่างหนักของผู้เล่นส่วนใหญ่ก็เพื่อเงินรางวัลก้อนนี้
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากเงินแล้ว ยังมีรางวัลเฉพาะอื่นๆด้วย อาทิ
ได้เป็นหุ้นส่วน 5% ของบริษัทยูนิคอร์น
นักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยรับผิดชอบทำโปรเจคนี้ ในขณะที่ผู้ถือหุ้น
ของบริษัทคนอื่นๆไม่เห็นด้วย แต่แผนกข้อมูลและยุทธศาสตร์การ
ทำงานผลักดันสนับสนุนข้อเสนอนี้ จนในที่สุดก็ทำให้มันรวมอยู่ใน
รางวัลได้สำเร็จ
ผู้ที่จะเป็นจักรพรรดิได้ต้องมีพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด จักรพรรดิสามารถ
ทำลายได้ทุกอย่าง เช่นเดียวกัน สามารถสร้างได้ทุกสิ่งตามแต่ความ
ต้องการของตน
แม้แต่บริษัทซึ่งสร้างและปรับปรุงระบบเศรษฐกิจ โดยอิงจากทวีปเวอร์
เซล อย่าง ยูนิคอร์น ก็ไม่ปลอดภัยจากเงื้อมมือของจักรพรรดิ
แม้แต่เทพผู้สร้างทวีปเวอร์เซลเองก็ไม่สามารถแตะต้องจักรพรรดิ
ได้(มันมีกฏหมายคุ้มหัว)
จักรพรรดิแห่งโลกเสมือนจริงซึ่งมีผู้เล่นกว่า ร้อยล้านคนทั่วโลก
มันเป็นรางวัลลับที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่ สาธารณะชนจะรู้ยิ่ง
นัก (Luke://อย่าให้วีดรู้ล่ะ)
***
การประชุมถูกจัดขึ้นในช่วงเช้า มีเนื้อหาเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ความ
สัมพันธ์กับสาธารณะ ระบบสนับสนุนเทคโนโลยีใหม่ๆ และหุ้นส่วน
ทางธุรกิจ
แม้กระนั้น สมาชิกที่เข้าร่วมประชุมก็ไม่ได้คุยกันเกี่ยวกับ บาร์ด เรย์ ผู้
เล่นเลเวลสูง หรือหัวหน้ากิลด์ต่างๆ กลับกัน พวกเขาคุยกันเกี่ยวกับ
หัวข้อสำคัญอื่นๆ
“นักกลยุทธ ยุน ยัง ซึล เป็นผู้รับผิดชอบงานนี้ เมื่อเร็วๆนี้ npc จาก
อาณาจักรแห่งฮอร์ด เริ่มได้รับความนิยมเพราะมีหน้าตาน่ารัก ผมส่ง
เอกสารวิเคราะห์ข้อมูลตัวละครไปแล้ว คุณได้เปิ ดอ่านบ้างหรือยัง?”
“ดิฉันได้รับเอกสารแล้วค่ะ ทางเรากำลังเร่งผลิต npc ตัวดังกล่าว
อยู่”(Luke://คงผลิตตุ๊กตาขายล่ะมั้ง)
“มีผู้เล่นที่ใช้ ยานพาหนะเดินเครื่องโดยระบบปิ โตรเคมี(น้ำมัน)
สำหรับวันหยุดพักผ่อนมากขึ้นเรื่อยๆ พวกมันเริ่มเป็นที่รู้จักและได้รับ
ผลตอบรับที่ดีจากผู้เล่น เพราะ ราคา ความเร็ว และความปลอดภัยของ
มัน พวกคุณคิดยังไง หากเรานำมันมาติดตั้งในรีสอร์ทของเรา?”
“การเดินทางคมนาคมในรีสอร์ทรึ? อืม...ไม่ว่าจะใช้สำหรับปี นเขา
เล่นสกี หรือแม้กระทั่งเล่นกอล์ฟ ผมก็เห็นด้วยว่ามันมีแนวโน้มจะให้
ผลลัพธ์ที่ดี ผมจะเก็บไว้พิจารณาละกัน”
มันเป็นการประชุมสบายๆ
หัวหน้าแผนกต่างๆกินแซนด์วิชไปพลาง คุยกันไปพลาง
แต่ในทันทีที่มื้อเช้าจบลง บรรยากาศรอบๆตัว หัวหน้าแผนกการตลาด
ระยะยาว จาง ยุน ซู ก็เปลี่ยนไป
“เออ....ผมคิดว่า เราควรตรวจสอบ ดุลยภาพภายนอกของพลัง
ใน Royal Road ครับ”
หัวหน้าแผนก ซอน อึล จาง ยืนขึ้น แล้วเปิ ดหน้าจอที่ใจกลางห้อง
ประชุม เส้นแบ่งเขตแดน ปราสาท และเมืองของแต่ละกิลด์ถูกแสดงไว้
บนแผนที่
“พลังโดยรวมของทวีปเวอร์เซลสามารถแบ่งคร่าวๆได้ดังนี้ ใจกลาง
ทวีป 66% ตะวันออก 10% ตะวันตก 8% ภาคใต้ 13% และ
ภาคเหนือ 3%”
จาง ยุน ซู ชี้ไปที่ธงซึ่งถูกตั้งไว้ในพื้นที่ต่างๆ
“ภาคตะวันออกนั้นใหญ่กว่าที่เราคาดการณ์ไว้ มีกิลด์ กิลด์หนึ่งยึดครอง
หมู่บ้านไว้อยู่ สมาชิกแต่ละคนก็มีเลเวลสูงมากด้วย”
“อ้างอิงจากผู้เล่นใหม่ อาณาจักรหลายแห่งที่อยู่เลย ที่ราบแห่งความสิ้น
หวัง กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ส ออร์คเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เกิดการ
เติบโตอย่างชัดเจนเช่นนี้”
มันเป็นภาพที่หาดูได้ยาก หลายเผ่าพันธุ์มารวมตัวกัน ประกอบไปกับ
การพัฒนาของออร์ค ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความสมดุลของพลัง
“มีผู้เล่นหลายคนกำลังโซโลผจญภัย ในอาณาจักรโบราณของภาคใต้
ส่วนภาคเหนือนั้นแม้จะมีผู้เล่นอยู่น้อย แต่เพราะความขัดแย้งทาง
ทรัพยากรที่แผ่ขยายออกเป็นวงกว้าง นักรบที่แข็งแกร่งกำลังถูกขัดเกลา
จากสภาพแวดล้อมอันโหดร้ายอยู่…..ในส่วนของบริเวณที่ผมคิดว่าเรา
ต้องโฟกัสเป็นพิเศษ ก็คือบริเวณใจกลางทวีปครับ ”
หัวหน้าแผนก ซอน อึล จาง ผายมือไปทางใจกลางของทวีปเวอร์เซล ที่
ซึ่งอาณาจักรคาลามอร์ และอาณาจักรฮาเวนตั้งเบียดเสียดกันอยู่
ทั้ง 2 เป็นประเทศยักษ์ใหญ่(Luke:ถ้าให้เปรียบก็คง US:Russi
a)
“ด้วยนโยบายทางเศรษฐกิจของอาณาจักรทั้ง 2 แล้ว พวกเขายังคง
สามารถเติบโตขึ้นไปได้อีก อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 อาณาจักรนี้มีอัตราการ
เติบโตที่เทียบไม่ได้กับบริเวณอื่นๆเลย กระผมขอเสนอให้จับตามองผู้
เล่นจำนวน 149 คนนี้ไว้”
จาง ยุน ซู ถามด้วยน้ำเสียงเบาๆ
“ได้สิ แต่ว่าคุณใช้เกณฑ์อะไรในการคัดเลือกผู้เล่นเหล่านี้ครับ?”
“อิทธิพล และเลเวลครับ”
“แสดงว่าผู้เล่นกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ต้องเป็นหัวหน้ากิลด์ ขุนนาง หรือไม่ก็
เจ้าเมืองสินะครับ”
จู่ๆแผนที่ก็เกิดไฟลุกขึ้น
“อ้ะ!”
เดย์มอนด์ และลูกกิลด์ของเขาก็ยืนตัวแข็ง มองสิ่งที่เกิดขึ้น
วิดิโอที่ประกอบกันจากรูปหลายรูปถูกสร้างขึ้นในกองไฟ
ผ่านเมืองที่จมหาย จนถึงสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยซากมอนสเตอร์ เจ้าจัก
ปี นข้ามภูเขา และเดินทางผ่านหน้าผาที่ไร้ซึ่งรอยเท้าแห่งชีวิต เจ้าจะต้อง
ข้ามผ่านป่ าแห่งสายหมอก
ต้นไม้ตายที่แห้งกรังจะเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกให้เจ้ารู้
หลังจากเจ้าข้ามผ่านป่ าแห่งสายหมอกไปได้แล้ว วิหารแห่งความตายจะ
ปรากฏ มันถูกปิ ดมาเนิ่นนานหลายร้อยปี แล้ว หลังจากแสดงภาพประตู
หนาที่สถานที่แห่งหนึ่งแล้ว รูปภาพก็หยุด
แผนที่ถูกเผาไหม้เหลือเพียงขี้เถ้า
เดย์มอนด์มองไปที่ลูกกิลด์ของเขาด้วยดวงตาลุกโชน
“พวกนายจำสิ่งที่เห็นได้ใช่ไหม?”
“ครับหัวหน้า พวกเราจำได้ทั้งหมด”
“เราจะออกเดินทางกันทันที”
เดย์มอนด์และกิลด์แห่งผืนปฐพีออกมาข้างนอกทันที สถานที่ที่พวกเขา
จะไปอยู่ไม่ไกลจากโมราต้ามากนัก
พวกเขามาถึงสถานที่ที่มีพลังชั่วร้ายแผ่ออกมา สถานที่เดียวกันกับที่เห็น
ในรูปภาพ
มันเป็นการค้นพบที่จะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของทวีปเวอร์เซล
เดย์มอนด์ใช้เวลาสำรวจนานหลายชั่วโมง และในที่สุดเขาก็พบ แท่นสัก
การะที่ยังอยู่ในสภาพดีแม้จะถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่ นหนาเตอะ
“บนประตูเขียนไว้ว่าอะไรน่ะ”
จอมเวทย์ของกิลด์แปลความหมายของสิ่งที่เขียนไว้
“มันเขียนไว้ว่า ‘ประตูแห่งนรก’ ในภาษาโบราณ”
“นั่นหมายความว่า ประตูนี้ไม่ควรถูกเปิ ดสินะ”
ในช่วงวินาทีนั้นเอง ความคิดของเดย์มอนด์ตีกันอย่างหนัก
พวกเขายังไม่รู้ว่าถ้าเปิ ดประตูแล้วจะเกิดอะไรขึ้น พวกเขายังไม่รู้ว่ามี
ความน่ากลัวอะไรรอพวกเขาอยู่….
แม้ว่าพวกเขาจะไม่อยากจ้องไปที่ประตู ซึ่งตั้งอยู่พอดีในกรอบ ไร้ซึ่ง
รอยแตก แต่สิ่งที่พวกเขามั่นใจก็คือ มันไม่ควรจะถูกเปิ ด
“แต่เราจะมายอมแพ้ ทั้งๆที่มาไกลขนาดนี้แล้วไม่ได้นะ”
เดย์มอนด์ ขบฟันคิดอย่างหนัก
เควสไม่หยุดง่ายๆแค่การหาวิหารแห่งความตายแน่ๆ
“ไม่ว่าอะไรจะอยู่ที่ปลายทางเส้นนี้ ฉันก็อยากเห็นมันด้วยตาของตัว
เอง”
เดย์มอนด์เปิ ดประตูเหล็กออกกว้าง
มีปี ศาจน่ากลัวจำนวนมากโผล่ออกมา มันมันน่ากลัวเหมือนหลุดออกมา
จากฝันร้าย
พวกบอสที่ เขาล่าก็รวมอยู่ในกลุ่มมอนสเตอร์เช่นกัน
“ด ดะ เดย์มอนด์! ระวังตัวด้วย!”
หัวหน้านักรบของกลุ่ม ผู้ซึ่ งไม่เคยแสดงความหวาดกลัวออกมาซักครั้ง
ในการต่อสู้ พูดเตือนด้วยเสียงสั่น
นาโด สังเกตุพวกปี ศาจ แล้วก็พูดโพล่งขึ้นมา
“ดูเหมือนพวกมันจะไม่โจมตีเรานะ”
“หืม?”
“ดูสิ พวกมันแค่มองเราอย่างสงบเท่านั้น”
เมื่อนาโดขยับ ดวงตานับพันของพวกปี ศาจก็จะตามการเคลื่อนไหวของ
เธอ
พวกมันไม่ได้ตั้งท่าต่อสู้ เพียงแต่ป้ องกันพื้นที่ของตนอย่างเงียบๆ
พวกปี ศาจตั้งแถวอยู่ทั้ง 2 ฝั่งซ้ายขวา และเหลือช่องตรงกลางไว้ ให้
เพียงพอสำหรับคนเดินผ่าน
พวกเขารู้สึกเหมือนกับ จะถูกขย้ำตายแน่ถ้าหากพยายามจะหนี แต่นาโด
กล่าวอย่างมั่นใจว่า
“ลองมาทางนี้ดู”
“ใช่ เหมือนกับพวกมันจะเว้นช่องไว้ให้เราเดิน”
เดย์มอนด์และกิลด์นักล่าแห่งผืนปฐพีเดินก้าวหนักๆไปตามช่องว่างระ
หว่างมอนสเตอร์
พวกเขาไม่รู้ตัวว่ากำลังทำอะไร รู้แค่เพียงว่ากำลังพยายามรวบรวมชิ้น
ส่วนแผนที่ไปก็เพื่อเควสระดับ S แต่พวกเขาก็เริ่มตงิดใจขึ้นเรื่อยๆเมื่อ
มีวิหารแห่งความตายเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว พวก
เขากำลังโดนกดดันอย่างหนัก
เดย์มอนด์พยามเดินตัวลีบ ไม่ให้ตัวไปแตะกับพวกมอนสเตอร์
‘เราตัดสินใจจะทิ้งชีวิต ตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด’
หากจำนวนของปี ศาจเริ่มมีมากเกินไป ก็จะต้องมีคนเริ่มต่อต้านพวกมัน
แน่
พวกปี ศาจไปรวมตัวกันที่วิหารแห่งความตาย
พวกเขาทั้งหมดไม่เพียงพอจะเป็นอาหารให้ไอ้พวกตัวอัปลักษณ์ ไร้ชื่อ
พวกนี้ด้วยซ้ำ
‘ตั้งแต่ที่เรามาถึงที่นี่ เราก็ไม่มีอะไรเหลือแล้ว นอกจากความตาย’
พวกเขาพบประติมากรรมรูปหมู่บ้านหมู่บ้านหนึ่งที่อยู่บริเวณทางเข้า
มันถูกทำขึ้นมาแบบย้วยๆ และบนแท่นบูชาก็มีสัญลักษณ์แปลกๆที่ถอด
ความไม่ได้ พร้อมกับข้อความจากโบราณกาล
-ข้าโหยหาสถานที่ซึ่งคนตายยังคงสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
พลังในการชุบชีวิต เป็นพลังพิเศษที่11 ของวิหารเอ็มบินยู
ยิ่งมีความตายมากเท่าไหร่ เหล่าสาวกแห่งวิหารเอ็มบินยูก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
นี่เป็นหน้าที่ของเจ้า: จงฆ่าเพื่อช่วยชีวิตพวกเขาซะ
มันค่อนข้างยากที่จะเข้าใจประโยคย้อนแย้งแบบนั้น
แต่เดย์มอนด์ก็ไม่ได้คิดมาก
“วิหารเอ็มบินยู? เป็นครั้งแรกที่ได้ยินชื่อนี้เลยนะ แต่ถ้ามันเป็นบัตร
ผ่านทางสำหรับเควส เดี๋ยวเราก็คงคิดออกเองล่ะมั้ง”
เพราะพวกเขาอยู่ที่วิหารเอ็มบินยู มีหลายเรื่องที่พวกเขาอยากรู้ ห้อง
ปิ ดตายหลายห้อง ของตกแต่งแปลกๆ และ ไอเทมที่อยู่ในหีบห่อต่างๆ
เหมือนกับความเหนื่อยล้าหายเป็นปลิดทิ้ง มีหลายอย่างกำลังรอให้พวก
เขาไปสำรวจ
อย่างไรก็ตาม เดย์มอนด์และลูกกิลด์ของเขาก็ไม่ได้ชะล่าใจ
“ไหนๆเราก็เจอวิหารแห่งความตายแล้ว ต้องศึกษานักบวชของวิหารนี้
ซักหน่อย ไปบ้านนักบวชกันเถอะ”
เดย์มอนด์และลูกกิลด์เคลื่อนไหว และในขณะที่ตั้งท่าพร้อมต่อสู้ตลอด
เวลา
-บ้านพักนักบวชแห่งการชุบชีวิต
พวกเขารู้ ว่าที่นี้ คือวิหารแห่งความตาย แต่กลับมีคำอย่าง “การชุบ
ชีวิต” ซึ่งดูเหมือนจะขัดแย้งกันเองกับความเชื่อของพวกเขาอยู่ด้วยนี่สิ
“แน่ใจแล้วเหรอว่าไม่มีบ้านพักหลังอื่นอีก?”
“ฉันไม่เห็นซักหลังเลย ที่นี่เป็นที่เดียวที่เขียนว่า ‘บ้านพัก’*(บ้านพัก
ที่โบสถ์มอบให้นักบวช)”
“งั้นเข้าไปข้างในกันเถอะ ทุกคนเตรียมตั้งการ์ดป้ องกันไว้ด้วย”
พวกเขาผลักประประตูเปิ ดออก ในบ้านเต็มไปด้วยใยแมงมุมและฝุ่ น
ไม่มีใครอยู่ในบ้านหลังนั้น มีแต่ศพที่ถูกทำเป็นมัมมี่แห้งกรังอยู่ 1 ศพ
และข้างหน้าของศพนั้นเอง ที่พวกเขาเจอหนังสือ ประมวลคัมภีร์อะไร
ซักอย่างวางอยู่
<<ม้วนคัมภีร์แห่งการชุบชีวิต>>
หนังสือได้รับการตกแต่งจากการเย็บเป็นลวดลายด้วยด้ายสีทอง
เดย์มอนด์ยื่นมือออกไปทางหนังสือ
เขากำลังทำเควสของวิหารแห่งความตายอยู่ จึงจำเป็นจะต้องขุดคุ้ยความ
ลับออกมาให้มากที่สุด(มาอีกแล้ว จู่ๆแม่งก็มีคำว่า priest ออกมาจาก
ความว่างเปล่า,,,ได้ข่าวว่าที่เขาบ้านนี้มามีแค่พวกเดย์มอนกับกิลมัน
ไม่ใช่เหรอวะ นักบวชมายังงายอีกกกกกกกกกกกกก
กกก) (Admin: เอาที่สบายใจครับ 555)
ในขณะที่กำลังตรวจสอบศพ เหล่านักบวชก็ขยับไอเทมรอบๆไปๆมาๆ
แต่ว่าสุดท้ายพวกเขาก็อดทนต่อความโลภของตัวเองไว้ในไหว จึง
วางมือลงบนของอย่างกระหายใครรู้
“ตรวจสอบ!”
-หนังสือเวทย์แห่งการชุบชีวิต: ความคงทน 58/60 ม้วนคัมภีร์แห่ง
ส่วนที่11 ของวิหารเอ็มบินยู
บรรจุด้วยพื้นฐานแห่งการฟื้ นคืนชีพ โรคระบาด และเวทย์มนตร์แห่ง
ความเป็นอมตะ
เวทย์มนต์ชุบชีวิตจัดเป็นมนต์ดำที่เลวร้ายที่สุด มันเป็นการทำบาปชนิด
หนึ่ง
หาก เนโครแมนซี่(สกิลของพวกเนโครแมนเซอร์)คือทำให้คนตาย
กลายเป็นอันเดด
การชุบชีวิตก็คือการบังคับให้คนตายกลับมาจากนรก ด้วยการบูชายัญที่
ชั่วร้าย
มันไม่ใช่การคืนชีพอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ใกล้เคียงกับพันธะสัญญาอัน
เลวทรามที่จะขับไล่เหล่ามอนสเตอร์ออกจากนรก ทำให้พวกมันฟื้ น
กลับมาอีกครั้ง แล้วควบคุมพวกมัน
มนต์นี้เป็นคาถาต้องห้ามซึ่งมีรากฐานแตกต่างจากศาสตร์เวทย์มนตร์อัน
เดดของเนโครเมนเซอร์!
หนังสือเล่มนี้ เป็นรากเหง้าของการมีอยู่ของ ภาคีแห่งการคืนชีพ
ข้อจำกัด:สำหรับนักบวชแห่งการฟื้ นคืนเท่านั้น
เมื่อไหร่ก็ตามที่ใช้เวทย์มนต์ คุณจะต้องสูบพลังชีวิตของสิ่งมีชีวิต
คุณสมบัติอื่นๆ:
การต่อต้านเวทย์ทุกชนิด +50
สถานะทั้งหมด +10
อัตราการฟื้ นฟูมานา เพิ่มขึ้น 25%
เมื่อพลัง ชีวิตอมตะ ถูกใช้งาน พลังชีวิตจะไม่ลดลง
สามารถควบคุมสิ่งที่ถูกชุบชีวิตขึ้นมาได้
*ฟื้ นคืนชีพ:ต้องการชีวิต 20 ชีวิต ด้วยการแย่งชิงชีวิตจากผู้อื่น ทำให้
สามารถชุบชีวิตคนตายและควบคุมพวกมันได้
*โรคระบาด:ต้องการชีวิต 150 ชีวิต ด้วยการใช้มานา จะทำให้เกิด
โรคระบาดรุนแรงบนพื้นที่ พื้นที่ระบาดถูกจำกัดในบางบริเวณ ความเร็ว
ในการแพร่ระบาดขึ้นอยู่กับตัวกลาง
*ชีวิตอมตะ:ใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ไม่สามารถยกเลิกกลางคันได้
เป็นอมตะ แต่ว่า ถ้าหากผู้เล่นไม่สามารถหาแหล่งพลังงานจากการ
บูชายัญได้ ชีวิตอมตะจะถูกยกเลิก และคุณจะตายอย่าง
ถาวร(delete ตัวละคร)
วิหารเอ็มบินยู
วิหารเอ็มบินยูนิกายที่ 11 พวกเขาฆ่าอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้นเพื่อชุบชีวิต
และบงการผู้ที่ถูกทำให้ฟื้ นจากความตาย
โลกเรียกพวกเขาว่า เผ่าพันธุ์ แห่งความตาย
*ติ๊ง!*
-คุณสามารถเปลี่ยนอาชีพเป็น นักบวชแห่งแห่งฟื้ นคืืนได้ คุณต้องการที่
จะเปลี่ยนอาชีพเดี๋ยวนี้เลยหรือไม่?
หลังจากเปลี่ยนคลาสแล้ว ทักษะของคุณและค่าสถานะต่างๆจะยังคงอยู่
เหมือนเดิม
คุณจะสามารถใช้หนังสือเวทย์แห่งการชุบชีวิตได้
นักบวชแห่งการชุบชีวิต มีหน้าที่ที่จะเติมเต็มทวีปเวอร์เซลด้วยชีวิตที่ถูก
นำกลับมาจากนรก
หากคุณทำสัญญากับความตาย ซึ่งเป็นการฝ่ าฝืนกฎของธรรมชาติแล้ว
เมื่อคุณตาย คุณจะฟื้ นคืนชีพกลับมาไม่ได้อีก
เขาสามารถเป็นนักบวชแห่งการฟื้ นคืนได้!
ถ้าเขาทำให้พวกมอนสเตอร์ทมิฬและลูกน้องของมันอยู่ภายใต้การ
ควบคุมของเขาได้ พลังของกิลด์นักล่าแห่งผืนปฐพีจะต้องเพิ่มขึ้นอย่าง
ก้าวกระโดดแน่
พวกมอนสเตอร์ทมิฬนั้นให้สัญญาการเคารพเชื่อฟังที่แน่นอน ไม่
เหมือนกลุ่มพันธมิตรขิงกิลต่างๆ และพวกนักรบรับจ้าง
แถมเขายังสามารถใช้เวทย์ชุบชีวิตได้ด้วย
อย่างไรก็ตาม หากเดย์มอนตายขึ้นมา เขาจะพบกับจุดจดอันเป็นนิรันด์
มันเป็นเส้นทางแห่งชีวิตที่แสนสั้น แต่ก็ยิ่งใหญ่
ที่จะตรวจสอบเรื่องนี้ในการต่อสู้จริงๆ
พวกเขานำทัพวิญญาณปี ศาจออกจากวิหารแห่งการคืนชีพ และเริ่ม
ทำการ
ทดลองในทุ่งร้าง
ฝูงมันติคอร์ผู้โชคร้ายที่กำลังเดินผ่านได้กลายมาเป็นหนูทดลองของพวก
เค้า (Admin: สัตว์ในเทพนิยายคล้ายสิงโต)
มันติคอร์มีรูปร่างคล้ายสิงโตขนาดใหญ่ มีพละกำลังและความเร็วที่สูง
มาก
แม้กระทั่งกิลด์นักล่าแห่งผืนปฐพีเคยต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายมาแล้ว
ในครั้งก่อนๆ พวกเขาสามารถเอาชนะมาได้ในขณะที่ต้องได้รับความ
เสียหาย
แต่พวกเขาอ่อนแอมากเนื่องมาจากการทำเควสและไม่สามารถใช้พลัง
ได้
อย่างเต็มที่
“จัดการพวกเวรนั่นซะ”
เมื่อสิ้นคำสั่งของเดย์มอนด์ เหล่าวิญญาณปี ศาจขนาดยักษ์เคลื่อนพล
ข้ามทุ่งร้างพร้อมเสียงฝีเท้าอันดังกระหึ่มราวกับฟ้ าร้อง
ทุกครั้งที่พวกเขาเคลื่อนไปข้างหน้า จะเกิดหลุมมากมายในพื้นดิน
พวกวิญญาณปี ศาจใช้น้ำหนักอันมหาศาลของพวกมันพุ่งเข้าไปโจมตีฝูง
มันติคอร์ ทั้งบดขยี้และเหยียบย่ำพวกมัน
มันติคอร์เป็นสิบๆตัวถูกเตะกระเด็นด้วยของขาหน้าของวิญญาณปี ศาจ
จน
ลอยขึ้นไปในอากาศและพวกวิญญาณปี ศาจตัวอื่นๆใช้เขาของพวกมัน
ทิ่ม
แทงมันติคอร์ที่กำลังตกลงมา
มันเป็นภาพที่น่าดู: การกัดและการข่วนของมันติคอร์แทบจะไม่
สามารถทำความเสียหายให้แก่พวกวิญญาณปี ศาจได้เลย
ทุกๆครั้งที่มันติคอร์ตาย เดย์มอนด์และกิลด์สามารถรับรู้ได้ว่าพลังแห่ง
การ
คืนชีพกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
- ด้วยการครอบครองพลังชีวิตของผู้อื่น คุณได้รับพลังแห่งการ
คืนชีพ 35 หน่วย
- ความจงรักภักดีของคุณที่มีต่อวิหารเอ็มบินยูเพิ่มขึ้น
ค่าอุทิศของคุณที่มีต่อวิหารเอ็มบินยูเพิ่มขึ้น
คุณได้รับสถานะผู้ติดตามชั้นผู้น้อย
พวกเขาได้รับพลังแห่งการคืนชีพทุกครั้งที่วิญญาณปี ศาจประสบความ
สำเร็จ
ในการล่า ความจงรักภักดีของพวกเขาที่มีต่อวิหารเอ็มบินยูเพิ่มขึ้นด้วย
เช่นกัน
กองทัพของเดย์มอนด์ใหญ่โตขึ้นทุกครั้งเมื่อเขาใช้พลังแห่งการคืนชีพ!
นาโดถึงกับเอ่ยปากชม
“ถ้ามันมีพลังขนาดนี้นะ พวกเราควรที่จะทำลายกำแพงปราสาทได้แล้ว
นะ”
ไม่มีอะไรที่สามารถเปรียบเทียบได้กับอาวุธทลายป้ อม
พวกแรกด้วยพละกำลังอันมหาศาล ไม่มีอะไรที่จะสามารถทำอะไรพวก
เขาได้
เมื่อพวกเขาไปประจักษ์ถึงความแข็งแกร่งของกองทัพคืนชีพ เดย์มอนด์
และ
กิลด์นักล่าแห่งผืนปฐพีถึงกับขนลุก ตัวสั่นสะท้าน
ความสามารถของพวกวิญญาณปี ศาจขนาดกลางและขนาดเล็กก็โดดเด่น
ไม่
แพ้กัน
โดยการใช้พลังชุบชีวิต เหล่าทหารและอัศวินที่ตายไปแล้วสามารถฟื้ น
คืนกลับ
มามีชีวิตได้อีกครั้ง พวกที่กลับมามีชีวิตจะสูญเสียสติปัญญาและความ
คิด
แล้วจะกลายมาเป็นลูกสมุนที่รู้จักแต่การต่อสู้ คอยจัดการศัตรูของพวก
มัน
อย่างโหดร้ายและทารุณ
***
“มันถึงเวลาแล้วที่พวกเราต้องติดสินใจว่าจะมุ่งหน้าไปที่ไหนต่อ”
เดย์มอนด์พูดในขณะที่กำลังใส่ไม้เท้ากระดูกและหมวกเหล็ก
ไอเทมที่พวกเขาได้มาเป็นรางวัลในขณะที่พวกเขาออกล่าในทุ่งร้างกับ
กองทัพคืนชีพ!
“ออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะ”
ซูบันเสนอความคิดนี้
“ข้าว่าตอนนี้มันถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะยึดครองและช่วงชิงอาณาจักร
ของพวกมนุษย์และพวกเอลฟ์ ”
กองทัพคืนชีพกำลังเติบโตมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และมันยากที่จะ
หา
สถานที่ล่าดีๆที่เหมาะสมในทุ่งร้างแห่งนี้
แม้ว่าพวกเขาจะใช้แค่เพียงพวกวิญญาณปี ศาจขนาดกลาง
สถานการณ์ก็ไม่ได้แตกต่างกันสักเท่าไหร่
ดังนั้นแล้วการที่จะหาฝูงมอนสเตอร์จึงยิ่งยากขึ้นไปอีก
เดิมทีกิลด์นักล่าแห่งผืนปฐพีเป็นพวกที่ชื่นชอบการต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง
พวกเขาครอบครองพลังอันมหาศาลที่เหนือกว่าทุกๆอาณาจักรในทวีป
เวอร์
เซลล์
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะยังไม่รู้ในสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่นั้นสามารถนำ
ความ
หายนะมาสู่โลกใบนี้ ทุกคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต่างก็ไม่ได้กังวลหรือ
สนใจที่จะ
ต้องรอเพราะเหตุผลนี้
นาโดถาม
“หมู่บ้านที่อยู่ใกล้ที่สุดอยู่ที่ไหน?”
“แม้กระทั่งในทุ่งร้างแห่งนี้ ยังมีหมู่บ้านเล็กๆมากมายตรงแถบ
ชายแดน”
พวกเขาเดินเร่ร่อนไปมาพร้อมกับกองทัพคืนชีพ
พวกเขาผ่านพวกนักล่าที่มีขนาดเล็กกว่าจำนวนมากและหมู่บ้านเล็กๆที่
ดำรงชีวิตอยู่ด้วยการทำเกษตรกรรม
“แต่ว่าพวกเขาเล็กมากเลยนะ พวกเราไม่จำเป็นต้องมองหาพวกเขา
หรอก พวกเราสามารถจัดการพวกนั้นได้เพียงแค่เดินผ่าน เพื่อการเริ่ม
ต้นที่ดี ทำไมพวกเราไม่มุ่งหน้าไปยังโมราต้าล่ะ? ที่นั่นมีผู้คนมารวม
ตัวกันเป็นจำนวนมาก”
มาร์วิ่นแนะนำโมราต้า
มันอยู่ใกล้ที่สุดและมีจำนวนประชากรหนาแน่น! แต่ซูบันมีความคิด
เห็นที่แตกต่างออกไป
“โมราต้ามีวิหารเฟรย่าห์คอยปกป้ องอยู่ แล้วยังมีพวกนักผจญภัยที่มี
เลเวลสูงอีกด้วย และถ้าพวกเราเกิดไปโจมตีที่นั่นตั้งแต่เริ่มเลยละก็
ความเสียหายที่พวกเราจะได้รับนั้นคงมากน่าดู”
“พวกเราต้องคำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นด้วย ถึงแม้ว่าพวก
วิญญาณปี ศาจจะตาย พวกเราสามารถชุบชีวิตพวกมันได้ตลอด”
“มันก็ถูกนะ แต่มันก็มีอาณาจักรอื่นๆหรือหมู่บ้านที่อยู่รอบๆโมราต้า
ไม่ใช่เหรอ?”
“มันก็อาจจะเป็นอย่างนั้น แต่…”
“หลังจากที่พวกเราจัดการโมราต้าและยุ่งอยู่กับการเก็บกวาดเมือง
เล็กๆในทางตอนเหนือ อาณาจักรที่อยู่ในทางตอนกลางสามารถเตรียม
พร้อมรับมือการโจมตีของพวกเราได้ พวกเราต้องเปิ ดฉากโจมตีทาง
ตอนกลางก่อน ที่นั่นผู้คนจะได้ประจักษ์ซึ่งถึงความแข็งแกร่งของพวก
เรา อีกทั้งพวกเรายังสามารถขยายกองทัพของเราเพิ่มได้มากขึ้นอีกด้วย”
นาโดเห็นด้วยกับซูบัน
“การต่อสู้เล็กๆ พวกเราสามารถชนะได้อย่างแน่นอนแต่ว่ามันจะเสีย
เวลาน่ะสิ พวกเราอาจจะเสียเปรียบได้ในภายหลัง มันจะดีกว่ามั้ยถ้าพวก
เราไปยังทางตอนกลางที่ๆมีโอกาสเกิดการต่อสู้เกิดขึ้นมากมาย?”
มันมีความคิดเห็นที่ขัดแย้งกันเกิดขึ้น พวกหนึ่งต้องการที่จะโจมตีไป
รอบๆ
หมู่บ้านต่างๆ ส่วนอีกพวกหนึ่งต้องการที่จะโจมตีโมราต้าทันที
“พวกเราจะไปที่ทางตอนกลางกัน แก้แค้นพวกเวรนั่นก่อนเป็นอันดับ
แรก พวกที่คิดมาแย่งดินแดนและฆ่าพี่น้องของพวกเรา พวกเรา
แข็งแกร่งพอแล้ว ดังนั้นมันจึงไม่มีเหตุผลที่พวกเราต้องรออีกต่อไป
พวกเราจะละทิ้งชื่อของกิลด์นักล่าแห่งผืนปฐพีไว้ที่นี่ พวกเราจะนำ
กองทัพในนามของวิหารแห่งการคืนชีพ”
เหล่าพรีสต์ของวิหารแห่งการคืนชีพเลือกที่จะทำตามการตัดสินใจของ
เดย์มอนด์
เพราะพวกเขาคือกิลด์แห่งการต่อสู้ ถ้ามีการตัดสินใจเกิดขึ้นแล้ว
มันจะไม่มีเสียงซุบซิบให้ได้ยินอีกเลย
วิหารแห่งการคืนชีพและวิญญาณปี ศาจเคลื่อนพลมุ่งหน้าสู่ทางใต้
***
“พวกวิญญาณปี ศาจกำลังจะมาโจมตีเรา!”
“มีพวกมอนสเตอร์หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวกำลังมุ่งมาทางนี้”
พวกผู้เล่นที่กำลังออกล่าอยู่, หยุดการกระทำทุกอย่างและรีบมุ่งหน้า
เข้าไปยังประตูทางเหนือของอาณาจักรอิโซรุ
“มันเกิดอะไรขึ้น?”
“นายพูดว่าพวกมอนสเตอร์กำลังโจมตีใช่มั้ย?”
เพื่อที่จะหาว่ามันเกิดอะไรขึ้น พวกผู้เล่นจึงไปรวมตัวกันใกล้ๆ
กับกำแพงปราสาท
มอนสเตอร์ส่วนใหญ่ไม่สามารถที่จะเจาะทะลุกำแพงปราสาทหนาๆได้
และ
กลายมันเป็นเหยื่อของลูกธนูและเวทย์มนต์
“ไม่ใช่ว่ามันเหมือนกับการออกล่าเป็นปาร์ตี้หรอกเหรอ ที่ต้องทำก็แค่
ออกไปจัดการฝูงมอนสเตอร์นั่นซะและกลับเข้ามายังปราสาทเหมือน
เดิม?”
“มอนสเตอร์อะไรกันถึงขนาดทำให้พวกเขากลัวจนต้องวิ่งหนี?”
ในขณะที่ผู้คนกำลังคุยกันและมองดูอย่างสบายใจ เหล่าผู้เล่นที่เข้ามา
ทาง
ประตูเหนือต่างตื่นตระหนกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ทุกคน เตรียมตัวอพยพ!”
“พวกเจ้าจะมีชีวิตรอดอยู่ได้หากหนีออกไปจากอาณาจักรอิโซรุ เร็ว
เข้า!”
“กองทัพมอนสเตอร์กำลังเดินหน้าบุกเข้ามา!”
หลังจากที่รับรู้ได้ถึงเหตุฉุกเฉินจากเสียงกรีดร้องตะโกนของพวกเขา
เหล่านักรบที่กำลังคุยกันกับพวกพ่อค้าที่กำลังทำธุรกิจอยู่และผู้คนที่
กำลังคุย
กันในตลาดนัด ต่างพากันลุกขึ้นยืน
นอกจากจะยังไม่วิ่งหนีแล้ว ยังออกไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น
พวกเขาย้ายไปที่กำแพงเมือง
“มันไม่ใช่ธุระอะไรของข้าถ้าหากพวกเจ้าต้องมาเสียใจในภายหลัง!”
“พวกเราเตือนแล้วนะว่าให้รีบอพยพน่ะ”
พวกผู้เล่นที่เข้ามาจากประตูทางเหนือ รีบหนีออกไปทางประตูทิศใต้
ทันที
เพื่อนๆของพวกเขา เช่นเดียวกับพวกผู้เล่นคนอื่นๆที่ยังสงสัย
ต่างพากันหนีออกไปตามพวกเขา
อัศวินและทหารของอาณาจักรอิโซรุรวมพลจัดตั้งแนวทัพอยู่บน
กำแพงปราสาทของประตูทางเหนือ
แม้กระทั่งจอมเวทย์ที่ไม่ชอบเสี่ยงออกไป ยังมาพร้อมกับไม้กายสิทธิ์
และ
เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้
มีเพียงแค่ผู้เล่นเท่านั้นที่รู้ว่าเหตุการณ์นี้มันเลวร้ายแค่ไหน
ในขณะที่พวกเขากำลังโอดครวญอยู่ว่าจะหนีไปหรือไม่
ฝูงวิญญาณปี ศาจจากทางเหนือเข้ามาประชิดใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
พวกมันคือวิญญาณปี ศาจขนาดยักษ์ซึ่งมีขนาดตัวเทียบเท่ากับป้ อม
ปราการ
วิหารแห่งการคืนชีพปรากฏตัวพร้อมกับกองทัพวิญญาณปี ศาจนับหมื่น
ตัว
หลังจากที่พวกเขารวมพลวิญญาณปี ศาจเข้าสู่แนวทัพแล้ว ทางด้าน
ประตู, เดย์มอนด์กำลังขี่ม้าเข้าไปใกล้
“ข้าชื่อเดย์มอนด์!”
เดย์มอนด์ตะโกนเสียงดังไปที่กำแพงปราสาท
เขาอยู่ห่างออกไปหลายเมตร แต่พวกผู้เล่นก็สามารถได้ยินเสียงของเขา
อย่าง
ชัดเจน
“ถ้านั่นคือเดย์มอนด์ แสดงว่าเขาเป็นผู้เล่นอย่างนั้นสินะ?”
“ฉันคิดว่าเขาเป็นผู้เล่นที่มีชื่อเสียงโด่งดังจากการล่ามอนสเตอร์ระดับ
บอสในทางเหนือนะ…”
“การที่เขาสามารถนำกองทัพมอนสเตอร์มาปรากฏตัวที่นี่ได้นั้น มัน
ต้องเกี่ยวข้องอะไรกับเควสที่เขาทำอยู่แน่เลย?”
ผู้คนที่สงสัยต่างรอคอยคำพูดถัดไปของเดย์มอนด์
พวกเขาคิดว่าเดย์มอนด์ต้องการเรียกร้องทรัพย์สมบัติมากมายจากอาณา
จักรอิโซรุ และแนะนำให้พวกเขายอมแพ้; โดยเฉพาะเมื่อเขานำกอง
ทัพมอนสเตอร์มาพร้อมกับเขา
แต่พวกเขาไม่สามารถที่จะช่วยอะไรได้นอกจากตกใจกับคำพูดที่เดย์
มอนด์
กำลังจะพูดออกมา
“ข้าขอประกาศสงครามกับอาณาจักรอิโซรุ พวกคนที่ไม่ต้องการต่อสู้
ข้าจะให้เวลาพวกเจ้า 10 นาที ออกมาจากกำแพงปราสาทซะและหนี
ลงใต้ไป ส่วนพวกที่ไม่ฟังคำเตือนของพวกเราเตรียมตัวตายได้เลย”
มันเป็นการยื่นคำขาดแบบรุนแรงจนหาที่เปรียบไม่ได้!
เมื่อพวกเขามองเห็ยกองทัพมอนสเตอร์ที่เดย์มอนด์เป็นคนสั่งการอยู่
พวกผู้เล่นต่างพากันหนีออกไปจากอาณาจักรอิโซรุอย่างเงียบๆ
อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้หนีออกไปจากพื้นที่แถวนั้นแต่กลับขึ้นไป
บนเนิน
เขาใกล้และรอดูการต่อสู้ของอาณาจักรอิโซรุกับกองทัพมอนสเตอร์ เดย์
มอนด์
และวิหารแห่งการคืนชีพตัดสินใจปล่อยให้พวกที่มุงดูเหตุการณ์หรือ
พวกที่ไม่รู้
อีโหน่อีเหน่หนีไป
“เอาล่ะหมดเวลา 10 นาทีแล้ว ทุกคนที่เหลืออยู่ในปราสาทคือศัตรู
ของพวกเรา”
เดย์มอนด์และพรีสต์แห่งการคืนชีพพร้อมกับวิญญาณปี ศาจ
เริ่มร่ายเวทย์มนต์ของพวกเขา และในไม่ช้าควันสีเทาก็ปกคลุมปราสาท
ทั้ง
หลัง
เมื่อโรคระบาดแพร่กระจายออกไป ใบหน้าของพวกทหารและอัศวินถูก
ย้อมเป็นสีเขียว
พวกเขาอ่อนแอหมดแรงจนไม่สามารถที่จะแบกรับน้ำหนักของชุด
เกราะที่
พวกเขาใส่และขาดใจตายบนกำแพง
“มังกรดิน บุก!”
พวกวิญญาณปี ศาจขนาดใหญ่ยักษ์มหึมาที่นาโดเรียกมานั้น พุ่งเข้าไป
หากอง
ทัพของศัตรูด้วยย่างก้าวอันหนักหน่วง
ความรู้สึกแปลกประหลาดมาก พวกมันเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นแล้วพุ่งเข้าชนใส่
กำแพงปราสาทด้วยความเร็วอันน่าสะพรึงกลัว
บู้มมมม!
ส่วนหนึ่งของกำแพงปราสาทแตกละเอียดกลายเป็นฝุ่ นผง
พวกวิญญาณปี ศาจขนาดยักษ์ทุบตีและทำลายกำแพงปราสาท ในขณะที่
พวกวิญญาณปี ศาจขนาดกลางโจมตีปราสาท;พวกมันทั้งกระโดดและ
ปี นขึ้นไปบนกำแพงปราสาท หรือพวกมันหาทางเข้าได้โดยใช้พวก
วิญญาณปี ศาจขนาดยักษ์
ทหารของอาณาจักรอิโซรุระดมยิงลูกธนูและเวทย์มนต์ แต่ไม่ว่าจะยังไง
พวกวิญญาณปี ศาจโดนยิงจนล้มลงไปแล้วกลับลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง
พรีสต์แห่งการคืนชีพร่ายเวทย์มนต์ชุบชีวิตพวกมันขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ต้องขอบคุณวิญญาณปี ศาจขนาดยักษ์ที่มีร่างกายมหึมา กำแพงปราสาท
ได้พังทลายลงมา; แม้กระทั่งโครงสร้างภายในของปราสาทยังได้รับ
ความเสียหายจนพังยับเยิน
มันเป็นภาพที่น่าสยดสยองยากที่จะลืมได้ในสายตาของผู้เล่นที่ได้
พบเห็น
เหตุการณ์นี้ ทั้งปราสาทเกิดรอยร้าวและพังทลายลงมา
เดย์มอนด์และวิหารแห่งการคืนชีพเดินหน้ากวาดล้างด้วยพลังทั้งหมดที่
พวก
เขามี ไม่มีการไว้ชีวิตหรือแม้แต่ดวงวิญญาณที่อยู่ภายในปราสาท
ทั้งหมด
อาณาจักรอิโซรุถูกบดขยี้อย่างรวดเร็ว และกองทัพคืนชีพกลับมีพลังเพิ่ม
มาก
ยิ่งขึ้นไปอีก
พวกวิญญาณปี ศาจเติบโตขึ้นผ่านประการณ์การต่อสู้
เมื่อชีวิตดับสิ้น พวกทหารธรรมดาและอัศวินทั้งหมดถูกชุบชีวิตขึ้นมา
อีกครั้ง
นี่คือวิธีการที่เดย์มอนด์และกองทัพคืนชีพจัดการกับอาณาจักรอิโซรุ
การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในหน้าประวัติศาสตร์บนทวีปเวอร์เซลล์
กำลังจะ
เกิดขึ้น
***
พวกคนแคระแห่งคุรุโซอยู่ในสภาวะชุลมุนวุ่นวายอันเนื่องมาจากสวน
น้ำนั่นเอง
“เค้ เฮะ เฮะ เฮ!”
“ดื่มเบียร์ตอนที่กำลังเล่นน้ำอยู่นี่ มันสุดยอดจริงๆ”
พวกคนแคระต่างพากันสนุกสนานไปกับสวนน้ำโดยไม่สนใจว่าพวก
เขานั้นจะ
มีอายุเท่าไหร่หรือเพศอะไร เมื่อไม่นานมานี้ มีเทรนด์ใหม่ล่าสุดคือดื่ม
เบียร์ใน
ขณะที่กำลังลงมาจากสไลเดอร์น้ำ
เฮอร์แมนและพินกล่าวกับวีด
“ประติมากรรมของเค็นเดลฟ์ ! ไม่ใช่ว่านี่คือเควสเฉพาะเผ่าพันธุ์ที่ผู้
ฝึกสอนในกิลด์ประติมากรคนแคระเป็นคนให้มาอย่างนั้นสินะ? พอ
ลองมาคิดดูแล้วคนที่ค้นพบมันนี่ ดันเป็นคนที่เรารู้จักซะด้วย…มันช่าง
เป็นข่าวที่น่าตกใจมาก”
“ยินดีด้วย นายสามารถจัดการคำขอร้องที่ไม่เคยมีใครสามารถไข
ปริศนานี้ได้มาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน”
สำหรับพวกคนแคระ, การค้นพบร่องรอยที่ลึกลับ ซับซ้อนของ
เค็นเดลฟ์ ผู้เป็นตำนานนั้น เป็นภารกิจที่น่าทึ่ง
ที่หน้าต่างเควสของวีดมีบางอย่างเปลี่ยนไป-ถ้าเขาไปหาผู้ฝึกสอนจอร์
บิดที่กิลด์ประติมากร เขาสามารถได้รับรางวัลในทันที
ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่พวกคนแคระรวมทั้งเฮอร์แมนจะรู้สึกอิจฉา
วีดพูดตามความคิดของเขาด้วยท่าทางอ่อนน้อมถ่อมตน
“โอ้ ได้โปรด ผมก็แค่หามันเจอโดยบังเอิญเท่านั้น”
“...”
“ก็ตั้งแต่ที่ผมมองหามันทั่วทั้งคุรุโซแล้ว มันก็เหลืออยู่เพียงที่เดียวที่
มันน่าจะอยู่ที่นั่น?”
“...”
“มันไม่มีอะไรที่พิเศษเลยกับสิ่งที่ผมทำ มันก็แค่ความพยายามของ
พวกคนแคระคนอื่นๆหมดลงก็เท่านั้นเอง”
การพูดของเค้านั้นยิ่งทำให้พวกเขาชอบวีดน้อยลงไปอีก!
มันแปลกสำหรับวีดที่จะต้องชมหรือสรรเสริญคนอื่นๆ ดังนั้นเขาจึงทำ
สิ่งที่ดีที่สุดด้วยการพูดล้อเล่นเหมือนมันเป็นเรื่องตลก
‘มันแน่นอนล่ะว่าการได้รับคำชมไม่ใช่เรื่องที่ดี!’
เมื่อครั้งที่เค้าเคยทำงานเป็นลูกจ้าง ตอนที่เค้าทำงานได้ไม่ดีมักจะโดน
สบถใส่
อยู่ตลอดเวลา มันเป็นวันที่เค้าได้รับคำก่นด่าสาปแช่งมากกว่าอาหารที่
ได้มา
เสียอีก
แต่ด้วยความพยายามมุมานะ เขาจึงสามารถก้าวข้ามผ่านความยาก
ลำบาก
ไปได้ ขนาดถึงขั้นที่ว่าเขาเชี่ยวชาญเทคนิคต่างๆมากมายจนสามารถ
ทำงาน
ได้มากกว่าคนอื่น
เขาทั้งยกและถือกองอิฐเป็นกองๆ, ติดตาให้ตุ๊กตาเป็นร้อยๆ, และยัง
ส่งหนังสือพิมพ์ได้ดีอีกด้วย
“นายมีความสามารถทางด้านนี้นะ”
“นายเป็นคนที่มีความสามารถโดดเด่น เป็นคนที่พวกเราต้องการมาก”
เมื่อได้รับคำชื่นชมจากท่านประธานมากเท่าไหร่, จำนวนงานที่เขาได้
รับนั้นยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
มันยิ่งแย่มากขึ้นอีกเมื่อเขาทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านเหล้า
“นายสุดยอดมาก! สมบูรณ์แบบที่สุด! จากนี้ไป ฉันจะให้ลี ฮุนทำ
งานนี้”
ได้โดยสัญชาตญาณ
และเขาไม่ได้แกล้งทำหรือหลอกคนอื่นในเรื่องนี้
ตามกฎแล้ว การค้นพบที่เกิดขึ้นทั้งหมดภายหลังจากความพยายาม
อุตสาหะมาอย่างยาวนาน ในที่สุดมันมาชัดเจนในตอนท้าย
“ในฐานะที่เป็นประติมากร มันใช่เพียงแค่การมองหาผลงานที่สำเร็จ
เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่ามันจะเป็นงานประติมากรรมแบบไหน ถ้าคุณเข้าใจ
ถึงวัตถุดิบที่ใช้ในการสร้างมัน, สถานที่, และลักษณะของมัน, ไม่ว่า
อะไรก็ตามที่ผมทำขึ้นมานั้น มันเป็นไปได้เสมอ”
“เข้าใจวัตถุดิบและคุณลักษณะ…มันไม่ใช่แค่การตีดาบให้เสร็จ, แต่
ต้องใส่ใจและความเป็นตัวของตัวเองลงไปในขั้นตอนที่ทำนั้นด้วย?”
พวกมันคือดาบธรรมดาๆ, แต่เฮอร์แมนคิดถึงพวกมันเป็นเวลานาน,
อย่างกับว่าเขาได้รับเบาะแสอะไรบางอย่างจากพวกมัน
พินลังเลอยู่นานก่อนที่จะถามอย่างระมัดระวัง
“ตอนนี้คุณทำเควสสำเร็จแล้ว คุณจะออกจากคุรุโซเลยมั้ย?”
เธอก็ด้วย เธอรู้ว่าเขาทำเควสของประติมากรสำเร็จที่มีอยู่เกือบ
ทั้งหมด, และเขายังค้นพบร่องรอยของเค็นเดลฟ์ อีกด้วย อันที่จริงแล้ว
วีดทำภารกิจเสร็จไปแล้วมากมายหลากหลายชนิด
คำขอร้องที่ต้องทำคู่ไปกับการผจญภัยหรือต่อสู้, คำขอร้องการผลิต
เช่น งานเย็บปักและการตีเหล็ก, คำข้อร้องที่ต้องสร้างงาน
ประติมากรรมให้ประทับใจ…เขาทำมันเสร็จทั้งหมด!
ทำได้ทุกอย่าง แต่ไม่เก่งสักอย่าง, คำขอร้องที่เขาได้รับมาจึงเพิ่มขึ้น
ปกติแล้ว เมื่อพวกคนแคระเห็นวีด พวกเขาจะรีบมาขอร้องให้เขาทำนู่น
ทำนี่
ให้ทันที
“เหมืองทางหินทางทิศตะวันออกเต็มไปด้วยพวกหนอนตะกั่ว เจ้าพอ
จะจัดการมันได้มั้ย?”
หนอนตะกั่วเป็นมอนสเตอร์ที่มีเลเวลสูงกว่า 300
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่วีดจะล่าพวกมันได้ด้วยระดับเลเวลของเขา, แต่
เพราะพวกมันสามารถขุดและฝังตัวลงไปในดินได้, พวกมันเป็นมอนส
เตอร์ที่จับได้ค่อนข้างลำบากหากปราศจากซึ่งเวทย์มนต์ อีกอย่างพวกมัน
ยังรับรู้ได้ถึงอันตรายใกล้ตัว แล้วพวกมันจะพ่นพิษที่สามารถแก้ได้ยาก
มาก
“ดาบที่สามารถทำให้เหล็กแหลกสลายกลายเป็นผุยผง, และชุดเกราะ
ไม่สามารถที่จะป้ องกันได้เลย, มันมีเรื่องเล่าที่คนเขาลือกันว่าดาบใน
ตำนานถูกซ่อนอยู่ในอาณาจักรของพวกเรา, เจ้าเชื่อเรื่องพวกนี้มั้ย? ข้
าจะดีใจมากหากเจ้าสามารถหามันพบ”
เควสดาบในตำนาน
ด้วยความยากระดับ A, มันเป็นเควสที่พิเศษมากขนาดที่ว่าไม่มีใครใน
คุรุโซสามารถทำเควสนี้ได้
มันมีเบาะแสไม่มากนัก, แต่มันมีโอกาสสูงมากที่เขาสามารถเพิ่มความ
สนิทสนมกับพวกคนแคระที่อาศัยอยู่จนถึงระดับสูงสุดได้
วีด,ผู้ที่สามารถยกยอได้ตลอดทั้งวัน, คิดว่ามันเป็นการท้าทายที่คุ้มค่า
มากสำหรับเควสพวกนี้ แต่ว่าเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยกเลิก
ไป เพราะเขายังขาดทักษะการตีเหล็กขั้นสูงที่ต้องการในระหว่างการทำ
เควส
“พวกเขาพูดกันว่ามันมีผลไม้ที่สามารถยืดอายุขัยของพวกคนแคระซึ่ง
สามารถหามันพบได้ในบึงทางทิศตะวันตกของคุรุโซ,แต่ว่าไม่มีใครทำ
มันได้สำเร็จเลยสักคน เจ้าอยากจะลองสักครั้งมั้ย?”
มันเป็นเควสระดับ B
ถ้าคุณเข้าร่วมทีมกับพวกพระหรือนักบวช, คุณสามารถดิ้นรนหาผลไม้
ในดันเจี้ยนที่อยู่ในบึงได้
เควสระดับ A และระดับ B ต่างไหลมาเทมาอย่างไม่ขาดสาย
เควสท่วมท้นอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
วีดตอบคำถามของพินอย่างเรียบง่าย
“ผมคิดว่าคงถึงเวลาต้องไปแล้วล่ะ”
“ฉันก็คิดอย่างนั้นนะ…”
“แต่ว่ามันยังไม่ถึงเวลา เหตุผลที่ผมมาที่นี่-ผมคิดว่าผมสามารถทำมัน
สำเร็จได้นะ”
***
เขายังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่นัก, แต่มันไม่เหมือนว่าเค็นเดลฟ์ เป็นถึง
ระดับปรมาจารย์การแกะสลัก
‘ตั้งแต่ที่เราหาร่องรอยของเขาพบ, ถ้าเขาเป็นถึงประติมากรระดับ
ปรมาจารย์ล่ะก็ เขาต้องทิ้งความลับอะไรบางอย่างที่เกี่ยวกับ
ประติมากรรม’
ต้องแกะสลักอะไร
เขาเดาว่าเค็นเดลฟ์ เป็นประติมากรที่มีความปราบปลื้มและประทับใจกับ
ผลงานประติมากรรม การที่จะสามารถสร้างประติมากรรมขึ้นมาจากน้ำ
ได้นั้นหมายความว่าเขาต้องมีความรู้ความเข้าใจถึงลักษณะของน้ำเป็น
อย่างดี จึงสามารถควบคุมมันได้ราวกับว่ามันเป็นร่างกายของเขาเอง
ความลับของประติมากร!
ถ้าหากคุณเพิ่มระดับความสัมพันธ์กับสิ่งที่ไม่มีชีวิตจนถึงระดับสูงสุด
แล้วล่ะก็ คุณจะสามารถแกะสลักอะไรก็ได้
วีดผู้เป็นถึงประติมากรแสงจันทร์ได้เรียนรู้วิธีการควบคุมแสง มันยังมี
ประติมา
กรที่มีความสามารถพิเศษอีกมากอยู่ทุกหนทุกแห่ง และยังมีพวกที่แกะ
สลัก
ในสิ่งที่พวกเขาต้องการอีกด้วย ความรักที่มีต่อการแกะสลักกลายมาเป็น
แรง
พลักดันและแรงบันดาลใจที่คอยขับเคลื่อนพวกเขา
ตอนนี้ เขามีความมั่นใจมากขึ้นที่จะแกะสลักพวกสิ่งลี้ลับที่ขอร้องเขาให้
แกะ
สลักพวกมัน
- เจ้าประติมากรไร้ความสามารถ ใช้หัวทึบๆของเจ้าและมือนั่นแกะ
สลักข้าซะ
- อะไรคือเหตุผลที่ทำให้เจ้าไม่แกะสลักข้า ข้าจะเชื่อฟังคำสั่งเจ้าทุก
อย่าง แกะสลักข้าได้แล้ว!
‘เราต้องเข้าใจพวกมัน เราต้องทำพวกมันขึ้นมาจากความรู้สึกของพวก
มัน’
เหตุผลที่ว่าทำไมหยดน้ำถึงส่องแสงแวววาวระยิบระยับงดงามมากก็
เพราะว่ามันนำเอาลักษณะทั้งหมดที่ดีที่สุดในชีวิตออกมา สายลม
บรรยายถึงอิสระเสรี และสายรุ้งบ่งบอกถึงความสุดยอดมหัศจรรย์
ลักษณะอันแสนวิเศษของสายรุ้งที่คุณเห็นได้เฉพาะแต่ในฝัน มันกลาย
เป็นจริงแล้วในผลงานประติมากรรมของเค็นเดลฟ์ อารมณ์ที่มากพอถึง
ขั้นทำให้พวกผู้ใหญ่กลับมาทำตัวเป็นเด็กอีกครั้ง!
วีดถือมีดแกะสลักไว้ในมือทั้งสองข้าง
‘เราจะกลายมาเป็นพวกมัน เราจะดูซับความรู้สึกที่พวกมันมีให้แก่เรา
เราจะแกะสลักพวกมันไปตามที่หัวใจของเราพาไป’
- ประติมากร เจ้าจะสร้างข้างั้นรึ?
เสียงที่จริงใจและสง่าผ่าเผย, ที่คอยให้กำลังใจด้วยความอบอุ่นแต่ไม่ถึง
กับเป็นเสียงที่ไม่สุภาพ-วีดตัดสินใจที่จะเก็บความรู้สึกไว้ภายในตัวเขา
มนุษย์ มอนสเตอร์ หรืออะไรก็แล้วแต่ การที่จะตั้งชื่อให้มันนั้นค่อนข้าง
ยาก
เพื่อที่จะแยกแยะประเภทของมัน เขาต้องรวมสมาธิไปเพื่อให้ได้ยินเสียง
ที่
เปล่งออกมา
เสียงที่ได้ยินเต็มไปด้วยข้อมูลมากมาย
อารมณ์ของมันในขณะนี้และลักษณะนิสัย, รูปร่างที่เหมาะสม, และ
ความชอบที่ยังเหลืออยู่อย่างครบถ้วน ทั้งหมดนี้สามารถรู้สึกได้
‘ดวงตาที่แสดงถึงความอบอุ่น, มือที่เล็กกว่าขนาดปกติ, ไหล่กว้าง
และร่างกายที่แข็งแรง เราไม่สามารถละเลยความรู้สึกที่กล้าหาญและ
อบอุ่นนี้ได้’
แทนที่จะมานึกทรมานว่าจะทำอะไรขึ้นมาก่อน, เขาสร้าง
ประติมากรรมให้ไหลไปตามอารมณ์
แขนขายาว ทุกสิ่งทุกอย่างยาวมากกว่าของมนุษย์นิดหน่อย แต่มันไม่น่า
เกลียดเหมือนมอนสเตอร์, และประติมากรรมชิ้นนี้ยังให้ความรู้สึกที่
นุ่มนวล ละมุนละไม สุภาพ อ่อนหวาน ราวกับเทพบุตรลงมาจุติ
“นี่คือประติมากรรมที่ข้าสร้างขึ้นมาให้กับเจ้า”
ติ๊ง!
- คุณได้เรียนรู้ศิลปะการสร้างประติมากรรมจิตวิญญาณแห่งธาตุ
- การสร้างประติมากรรมจิตวิตวิญญาณแห่งธาตุ: ประติมากรรมที่ถูก
สร้างขึ้นเพื่อให้เป็นร่างกายของจิตวิญญาณแห่งธาตุ
วิญญาณจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนที่มีตัวตนอยู่บนทวีปเวอร์เซลล์
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากพวกนั้นแล้ว มีจำนวนเพียงน้อยนิดเท่านั้น
ที่ร่างกายเป็นรูปธรรมหรือถูกตั้งชื่อให้
ถ้าคุณสร้างร่างกายให้กับพวกจิตวิญญาณ, จิตวิญญาณพวกนี้จะ
สามารถเดินทางไปไหนมาได้ทั่วทั้งทวีปเวอร์เซลล์ด้วยร่างกายนั้น
ถ้าหากว่าคุณตั้งชื่อให้กับมัน, คุณก็จะกลายเป็นบิดาผู้สร้างแห่งจิต
วิญญาณและสามารถออกคำสั่งควบคุมพวกมันในการต่อสู้
ถ้าจำนวนมานาที่ใช้เรียกจิตวิญญาณนั้นมีปริมาณน้อย คุณสามารถเรียก
จิต
วิญญาณขั้นกลางได้ตั้งแต่แรกเลย
ร่างกายที่เสร็จสมบูรณ์ของจิตวิญญาณจะต้องได้รับความพึงพอใจเพื่อที่
จะเรียกจิตวิญญาณที่เป็นรางวัลหรือราชันวิญญาณ
คุณภาพของจิตวิญญาณที่คุณสามารถเรียกออกมาได้ในอนาคตขึ้นอยู่กับ
ระดับของทักษะการแกะสลักและค่าความสนิทสนม
ถ้าคุณสามารถทำให้ทักษะการแกะสลักของคุณไปถึงระดับปรมาจารย์
ได้ คุณสามารถเรียนรู้ทักษะ ‘การสร้างเผ่าพันธุ์’
ข้อจำกัด: สามารถใช้ได้เมื่อมีทักษะการแกะสลักถึงขั้นสูงแล้วเท่านั้น
ความต้องการของทักษะ: ค่าสถานะทางศิลปะ 200 (ถูกใช้ไป
ถาวร)
ข้อควรระวัง: จิตวิญญาณจะเรียนรู้ได้มากที่สุดในวันแรกที่พวกมันเกิด
มา ลักษณะนิสัยของจิตวิญญาณขึ้นอยู่กับประติมากรผู้สร้างพวกมัน
ถ้าจิตวิญญาณแห่งธาตุที่เรียกออกมาในเวลาเดียวกัน มีธาตุที่ตรงข้าม
กัน
พวกมันจะต่อสู้กันเองในทันที
สามารถพัฒนาไปถึงจิตวิญญาณขั้นกลางได้
ผ่านทักษะการเรียกจิตวิญญาณ จิตวิญญาณสามารถแสดงทักษะต่างๆอัน
สุดยอดของพวกมันออกมาได้
ความสามารถพิเศษ: พสุธากัมปนาท, ขุด, ฝัง, ค้นหาแหล่งน้ำ, เร่
งการเจริญเติบโตของพืชผลทางการเกษตร
เพราะว่านี่คือครั้งแรกที่ประสบความสำเร็จ, ลักษณะหน้าตาของจิต
วิญญาณจึงไม่สามารถแสดงออกได้ถึงความมีชีวิตและถูกสร้างขึ้นมา
ด้วยทักษะที่พอประมาณ
- เจ้าประติมากรซกมก! เจ้ากล้าดียังไงถึงสร้างไอ้เวรนั่นก่อนข้า! ข้า
โมโหแล้วนะ ข้าจะเผามันให้หมด
วีดเห็นความล้มเหลวของเขาสะท้อนออกมาจากเสียงที่โกรธเกรี้ยวและวี
ดยก
มีดแกะสลักของเขาขึ้น
‘มันคือจิตวิญญาณ มันไม่จำเป็นต้องเหมือนกับมนุษย์’
เขาสร้างเปลวไฟอันร้อนแรง เขาทำมันออกมาให้มีแขนและขายาว
- คุณได้สร้างจิตวิญญาณขึ้นมาใหม่
ค่าสถานะทางศิลปะ 160 หน่วย ถูกใช้ไป
- ทักษะการตรวจสอบประติมากรรมเพิ่มขึ้น
- ทักษะงานฝีมือเพิ่มขึ้น
- ค่าชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 260
- เสน่ห์เพิ่มขึ้น 60 หน่วย
รูปร่างที่มีไฟลุกโชน
“ข้าชอบมัน,ร่างกายนี้ ข้าพอใจกับมันมาก ประติมากร,พูดชื่อข้า!”
จิตวิญญาณแห่งไฟกำลังสนุกสนานไปกับตัวของมัน
“กรวดเพลิงเป็นไง”
“กรวดเพลิง! ข้าชอบชื่อนี้นะ”
“ตรวจสอบ!”
- กรวดเพลิง
จิตวิญญาณแห่งเปลวเพลิงอันร้อนแรง
ถูกสร้างขึ้นมาโดยประติมากรบนมาตรฐานใหม่ของทักษะการแกะสลัก
ที่
พัฒนาขึ้น
มีความอดทนน้อยและลักษณะนิสัยที่เกรี้ยวกราด อารมณ์รุนแรง
สามารถพัฒนาไปเป็นจิตวิญญาณขั้นสูงได้
ผ่านทักษะการเรียกจิตวิญญาณ จิตวิญญาณสามารถแสดงทักษะต่างๆอัน
สุดยอดของพวกมันออกมาได้
ความสามารถพิเศษ: หอกเพลิง, กันไฟได้, มอดไหม้
“มนุษย์โคลน จงออกมา กรวดเพลิง จงออกมา!”
แววตาของวีดเป็นประกาย มานาของเขาไหลออกมาเป็นคลื่น
พื้นดินสั่นสะเทือนและก่อตัวขึ้น เปลวไฟที่ร้อนระอุก่อตัวขึ้นเช่นกัน
และ
มนุษย์โคลน
และกรวดเพลิงถูกเรียกออกมาเป็นร้อยๆตัว
จิตวิญญาณแห่งธาตุขั้นกลาง, จิตวิญญาณแห่งธาตุขั้นสูง นี่คือพลังที่
แสดงออกมาของทักษะการแกะสลักขั้นสูง!
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เรียกพวกจิตวิญญาณแห่งธาตุระดับปกติออกมา
ทั้งหมด
ทั้งๆที่เขาสามารถทำได้ เขาไม่รู้สึกเสียใจที่มันจะออกมาเกินห้าหรือหก
ตัว ถ้า
จำนวนของจิตวิญญาณแห่งธาตุเพิ่มมากขึ้น มันจะยากในตอนที่ต้อง
ควบคุม
พวกมัน
“อ้า, ในที่สุดก็ได้ออกมาเจอโลกภายนอกซะที! เจ้าไม่คิดเหรอว่า
ความฝันนี้มันจะเป็นจริงขึ้นมา?”
“ดูนี่สิ ร่างกายของพวกเรา มันมีตัวตน, และพวกเราสามารถเคลื่อน
ย้ายพวกมันไปไหนนมาไหนได้ตามที่พวกเราต้องการ”
สำหรับพวกจิตวิญญาณแห่งธาตุที่ถูกสร้างขึ้นมาได้ไม่นาน ราวกับว่า
ร่างกาย
ของพวกมันเหมือนปาฏิหาริย์
เมื่อพวกมันเห็นร่างกายของตัวเอง พวกมันอุทานออกมาด้วยความแปลก
ใจ
และเกลือกกลิ้งไปมาอยู่บนพื้น
ทุกครั้งที่พวกมนุษย์โคลนทำอะไรก็ตาม พื้นมักจะสั่นเล็กน้อยอยู่เสมอ
และใน
กรณีของพวกกรวดเพลิง เปลวเพลิงยิ่งร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ
แม้ว่าพวกมันจะมีความสุขที่หมกมุ่นอยู่กับปาฏิหาริย์ที่ถูกสร้างขึ้นมา
ไม่ช้า
พวกมันก็รับรู้ได้ถึงวีด
พวกมันรู้โดยสัญชาตญาณว่าใครคือเจ้านายที่เป็นคนสร้างพวกมันขึ้นมา
และมีความสนิทสนลึกซึ้งกับเขา
ความสามารถพิเศษและความเป็นผู้นำของวีดกำลังจะปลดปล่อยขึ้นมา
อีกครั้ง และ ราชสีห์คำราม!
“อะแฮ่ม! ข้าคือเจ้านายที่สร้างพวกเจ้าขึ้นมาทั้งหมด ตั้งแต่ที่ข้าได้
เห็นชีวิตแก่พวกเจ้า จงทำตามที่ข้าต้องการซะ”
มนุษย์และกรวดเพลิงที่เป็นต้นแบบและถูกสร้างขึ้นมาเป็นพวกแรกนั้น
มี
ความพิเศษตรงที่อีโก้ของพวกมัน
พวกมันคือตัวแทนของพวกพ้องจิตวิญญาณในหมู่พวกมัน
อย่างไรก็ตาม, พวกจิตวิญญาณธรรมดาตัวอื่นๆ ก้มหัวและสาธยาย
ความต่างๆ
“พวกเราจะทำตามคำสั่งของเจ้านายทุกอย่างด้วยพลังแห่งดิน”
“พวกข้าจะเผาทำลายทุกอย่างให้ราบคาบหากพวกมันเป็นภัยคุกคาม
ต่อท่าน”
คำปฏิญาณแสดงความจงรักภักดีจากกองทัพจิตวิญญาณ!
อย่างกับว่าเขาเป็นผู้นำเจ้าลัทธิ วีดชูแขนทั้งสองข้างขึ้นมา
“จงเชื่อในตัวข้าและทำตามคำสั่งของข้า!”
“ขอรับ เจ้านาย!”
“จงเชื่อ! จงเชื่อในตัวข้า, และพรุ่งนี้ที่สดใสรอเราอยู่”
(Admin: ตามเทรนด์โปเกม่อนหน่อย 555)
“ข้าคือใคร!”
“บร้ะเจ้าผู้ยิ่งใหญ่, เจ้านายผู้สร้างพวกเรา”
“เจ้านายคือประติมากรที่รังสรรค์ผลงานจนเสร็จสิ้น, วีรุบุรุษประติ
มากรผู้ที่ทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้”
อย่างกับว่าพวกมันกำลังแข่งขันกันอยู่ พวกมนุษย์โคลนและพวกกรวด
เพลิงกำลังยกยอเขา บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าวีดเป็นคนสร้างพวกมัน
พวกมันเลยเรียนรู้อะไรที่ไม่ดีได้ก่อนเป็นอันดับแรก (Admin: แ
ปลมาถึงตรงนี้ ลั่นเลยทีเดียว 555 )
“แล้วความเฉลียวฉลาดของข้าล่ะ?”
“ฉลาดที่สุดในทวีปนี้”
“เจ้านายคืออัจฉริยะ”
“เมื่อตอนที่ข้าอายุได้ 1 ขวบ, ข้าคลานได้ 100 เมตร
ภายใน 0.1 วินาที ตอนอายุ 2 ขวบ, ข้าใช้ปี กของข้าบินไปยัง
ท้องฟ้ า”
“โอ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้!”
ด้านหลังผ้าคลุมของวีด, ปี กแห่งแสงสยายกว้าง
สว่างมาก สว่างสุดๆ! ระยิบระยับตระการตาเหนือคำบรรยายใดๆทั้ง
ปวง ใช้เพื่อการโกหกโดยเฉพาะ ช่างเป็นชีวิตของประติมากรรม
แสงจันทร์ที่ได้รับชีวิตมาเสียจริง!
การได้เห็นความจงรักภักดีแบบเบ็ดเสร็จของพวกจิตวิญญาณ หัวใจของ
อุ่น
ขึ้นมาในทันที
“ใบหน้าของข้านั้นหล่อเหลาที่สุดในโลก! ไม่มีมนุษย์คนใดที่จะ
มีหน้าตาดีไปกว่าข้าผู้นี้ อีกแล้ว เมื่อสาวๆได้เห็นรอยยิ้มของข้า พวกเธอ
ไม่สามารถที่จะอดทนได้จนต้องมารุมเร้าข้า”
“...”
“...”
พวกมนุษย์โคลนเหมือนกับว่าพวกมันกัดเข้าไปข้างในทาร์ตเกรพฟรุ้ต
(Admin: ไม่รู้มันเกี่ยวอะไรกัน แต่น่าจะเป็นเหมือนกับว่าไป
โดนอะไรบางอย่างเข้าให้ แล้วไปกระตุ้นมัน)
“นั่-นั่นมันน้อยไปหน่อย…”
วีดมองไปที่กรวดเพลิง มันกำลังเผาไหม้หญ้าที่ดูสมบูรณ์แข็งแรง อย่าง
เฉยเมย
“พวกเราปล่อยให้เค้าอยู่ในโลกของเขาไปคนเดียวเถอะและฟังตามที่
เขาพูดอย่างเดียวพอ แต่เขาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ควรจะหยุดน่ะซี้”
“ใช่ พวกเราต้องจูบตูดเค้ามั้ยวะและต้องทนทรมานเพื่อที่จะให้ได้
ร่างกายนี้มาเนี่ย?”
“ข้าไม่คิดว่ามันจะเลวร้ายถึงขั้นนั้นหรอกนะ…”
กรวดเพลิงกระซิบคุยกันเงียบๆท่ามกลางวงสนทนาของพวกมัน
วีดตะโกนออกมาด้วยเสียงดังฟังชัด
“อะแฮ่ม! นี่มันช่างเป็นเหตุการณ์ที่น่าเศร้ามาก การที่พวกจิตวิญญาณ
แห่งธาตุที่ข้าสร้างขึ้นอย่างยากลำบาก กลับไม่พอใจที่จะอยู่บนโลกใบ
นี้…ข้าควรที่จะใช้ทักษะประติมากรรมทำลายล้างเพื่อบดขยี้ทุกสิ่งทุก
อย่างและทำเหมือนกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน?”
พวกมนุษย์โคลนและพวกกรวดเพลิงรู้สึกได้ถึงภัยคุกคามที่มีต่อชีวิต
ของพวก
มันและรีบยกแขนขึ้นมา
“ฮูเร่ ให้เจ้านายวีด!”
“เจ้านายจงเจริญ!”
ความสุขของพวกมันนั้นช่างสั้นเหมือนกับชีวิต, และในขณะที่พวกมัน
กำลังยกแขนขึ้นมา ร่างกายของพวกมนุษย์โคลนและพวกกรวดเพลิงเริ่ม
เลือนลางและกำลังจะหายไป มานาของวีดถูกใช้เกลี้ยงไม่มีเหลือและเขา
ไม่สามารถที่จะทำให้พวกมันอยู่ต่อได้นานกว่านี้
“ได้โปรดเรียกพวกเราได้ทุกเวลา เจ้านาย!”
“ได้โปรดอย่าลืมข้านะ”
เมื่อพวกมนุษย์โคลนและพวกกรวดเพลิงหายไปแล้ว แต่เสียงอื้ออึงที่ดัง
ก้อง
ไปทั่วของพวกมันยังคงได้ยินผ่านอากาศที่เบาบาง
หลังจากที่พวกมนุษย์โคลนและพวกกรวดเพลิงทั้งหมดได้ถูกเรียกกลับ
ไป วีด
ทักษะประติมากรรมการสร้างจิตวิญญาณแห่งธาตุ
ความทรงจำมากมายที่เขาพยายามและทุ่มเทเพื่อค้นหาเคล็ดลับการแกะ
สลักนี้ ผุดขึ้นมาในหัวของเขาอีกครั้ง
ในอดีตที่ผ่านมาเขาโดนคำสาปทุกครั้งเมื่อต้องทำการแกะสลัก!
เมื่อมานาของเขาเต็มแล้ว วีดลุกขึ้นยืนจากที่ของเขาอีกครั้ง
“มนุษย์โคลน จงออกมา กรวดเพลิง จงออกมา!”
ดินและไฟโผล่ขึ้นมา, มนุษย์โคลนและกรวดเพลิงถูกเรียกออกมาอีก
ครั้ง!
วีดชูมือทั้งสองข้างขึ้นไปในอากาศ
“ฮูเร่ เจ้านายวีด!”
“ฮูเร่!”
การล้างสมองยังคงดำเนินต่อไปตลอดทั้งวันไม่จบไม่สิ้น
การล้างสมองที่บังคับพวกมันให้เคารพและเชิดชูเขาเพียงผู้เดียว!
“ข้าคือใคร!”
“ผู้สร้างแห่งเรา ผู้ยิ่งใหญ่เหนืออื่นใดไม่มีใครเทียม ผู้ที่สงสารชีวิตอัน
จิ๊บจ๊อยของพวกเราและสร้างร่างกายให้กับพวกเรา”
“คำพูดของข้าล่ะ?”
“พวกมันคือคำสั่งเด็ดขาดที่พวกเราต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตามแม้พวก
เราจะต้องสูญสิ้นไปจากโลกนี้ก็ตาม”
“มันไม่มีเกียติยศอันใดที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าการได้ใช้ร่างกายที่มีอยู่นี้เพื่อ
เติมเต็มคำสั่งของนายท่าน”
วันต่อมา, สถานที่ ที่พวกมนุษย์โคลนเคลื่อนย้ายและมุ่งหน้าไป คือ
เหมืองทับทิมของวีด
“ขุดพวกมันระวังๆด้วยล่ะ อย่าให้พวกมันมีแม้แต่รอยขีดข่วนเชียว
นะ!”
ถ้าผู้สร้างจิตวิญญาณดูแลจิตวิญญาณเหล่านั้นเปรียบเสมือนเพื่อนของ
เขาเอง พวกมันจะให้ความเคารพแก่เขา…
กับพวกจิตวิญญาณที่น่ารักน่าเอ็นดู
อย่างไรก็ตาม มันมีบางอย่างที่ใช้ไม่ได้ผลกับวีด
วันแห่งแรงงานทาสได้มาเยือนอีกครั้ง พวกจิตวิญญาณถูกเรียกออกมา
เพื่อขุดหาแร่ทับทิม
เล่มที่ 14 ตอนที่ 9: บทสนทนาของดาร์คเกมเมอร์
- ผมกำลังทำเครื่องประดับสำหรับคุณฮวารยองด้วย
แน่นอนล่ะ เครื่องประดับที่สำเร็จเสร็จสมบูรณ์ต้องเก็บไว้ให้ฮวารยอง
เขาตั้งใจที่จะขายพวกมันให้กับฮวารยองผู้ร่ำรวย
- ขอบคุณนะ ฉันอยากเจอคุณเร็วๆจัง
มันเป็นตอนที่วีดกำลังกระซิบกับฮวารยองและกำลังสร้างของอยู่นั้น
พวกช่างตีเหล็กในคุรุโซได้ยินข่าวลือที่ค่อนข้างหนาหู
“เห็นได้ชัดเลยว่ากองทัพของเดย์มอนด์ยึกที่ราบโนปุเน็มได้แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นอาณาเขตอีก 20 แห่งของทวีปเวอร์เซลล์ก็ตกเป็นของ
พวกเขาแล้วน่ะสิ?”
“มันไม่ผิดหรอกที่จะพูดแบบนั้น พวกเขาในตอนนี้กำลังเตรียมพร้อม
ด้วยขุมกำลังขนาดมหึมา หลังจากที่ยึดครองอาณาจักรอิโซรุ พวก
วิญญาณปี ศาจ ตนใหม่ๆก็เกิดขึ้นมาเรื่อยๆ ดังนั้นขนาดของกองทัพจึง
ใหญ่ขึ้นทุกครั้งที่พวกเขามุ่งหน้าไปที่ต่างๆ”
“มันช่างน่ากลัวชะมัด”
วีดได้ยินเรื่องพวกนี้ในขณะที่เขากำลังสร้างเครื่องประดับ
จากเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทำให้ราคาขายของไอเทมทะยานสูงขึ้นไปอย่าง
กับติดจรวด เช่นเดียวกับที่วิหารแห่งการคืนชีพที่มุ่งเน้นโจมตีไปเรื่อยๆ
เหล่าอัศิวินของทวีปเวอร์เซลล์ก็สนใจว่าจะต้องใช้เงินไปสักเท่าไหร่
เพื่อปกป้ องตัวพวกเขาเองแล้ว พวกเขาทุ่มเททุกอย่าง
อย่างไรก็ตาม ทางสหภาพเองก็ยังคงมีความกังวลอยู่ไม่น้อย
ตรรกะความคิดที่ว่าพลังของกองทัพคืนชีพกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ได้รับการ
ตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ แต่ยังไงก็ตาม สงครามที่เกิดขึ้นระหว่างกลุ่ม
มหาอำนาจต่างๆยังคงไม่จบ และนั่นทำให้ราคายังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อ
เนื่อง มีเพียงแค่เหล่าผู้เล่นดาร์คเกมเมอร์ที่กำลังสนุกไปกับเหตุการณ์สุด
พิเศษเช่นนี้
‘กองทัพคืนชีพงั้นเรอะ เชอะ แล้วจะให้ทำยังไงวะ’
วีดเองก็ได้เห็นภาพเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นของกองทัพคืนชีพผ่าน
รายการถ่ายทอดสด
กองทัพวิญญาณปี ศาจที่ไม่สามารถบรรยายได้ด้วยเพียงแค่คำว่า “น่า
เหลือเชื่อ”!
กองทัพคืนชีพมีพลังแข็งแกร่งเพียงพอที่จะบดขยี้อาณาจักรได้ทั้ง
อาณาจักร
เดย์มอนด์รับประกันความปลอดภัยของผู้ที่ไม่คิดต่อต้านเป็นศัตรู, พวก
ผู้เล่นธรรมดาๆทั่วไป และนักท่องเที่ยวที่กำลังสนุกอยู่กับการพักผ่อน
ต้องขอบคุณเรื่องนั้น พวกเขาจึงได้รับภาพการถ่ายทอดสดของพื้นที่ ที่
ถูกยึดครองโดยกองทัพคืนชีพ
โบสถ์ที่มีความละม้ายคล้ายคลึงกับวิญญาณปี ศาจถือเคียวในขณะที่กำลัง
ขี่ม้า! นั่นคือโบสถ์ขนาดมหึมาที่กองทัพคืนชีพกำลังสร้าง
ปัญหาก็คือรูปร่างของโบสถ์อันนี้ วีดรู้สึกคุ้นเคยกับมันมาก
‘ประติมากรรมที่เดธแฮนด์ทิ้งไว้ก็เหมือนกับของพวกนั้น…’
เขาเริ่มสงสัยว่ามันอาจจะเป็นไปได้ที่จะเป็นเควสต่อเนื่อง
มันอาจจะเป็นไอเทมจำเป็นสำหรับเควสของเดย์มอนด์ หรือทำให้
เหตุการณ์พลิกผันได้ด้วยการทำเควสเพื่อหยุดพวกเขา ไม่ว่ามันจะเป็น
แบบไหนหรือผลออกมาด้านไหน ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันต้องเกี่ยวข้อง
กันแน่ๆ
‘ปัญหาก็คือ…เราควรจะรับเควสนี้, หรือไม่’
ถ้าวีดรับเควสนี้มาทำ, มันอาจจะมีเหตุการณ์ การต่อสู้อันยุ่งยากลำบาก
เกิดขึ้น
วีดเลยได้แต่หาข้อโต้แย้งในขณะที่เขากำลังสร้างของอยู่
‘เราควรขายมันทิ้งและปล่อยเอาไว้อย่างนั้นดีมั้ยนะ’
แม้ว่าเขาต้องการที่จะขายประติมากรรมชิ้นนี้ แต่ถ้าทักษะประติมากรรม
ไม่สูงพอ หรือขาดไปแม้แต่นิดเดียว มันจะเป็นไอเทมที่ไม่สามารถเอา
มาใช้งานได้ ดังนั้นปัญหาก็คือเขาไม่รู้ว่าจะหาคนซื้อได้จากที่ไหน
เล่มที่ 14 ตอนที่ 11: การรอคอยของดาอิน
ผู้อำนวยการ คิม ฮาน โซ กำลังมองดู ยู บิง จุน—ผู้เป็นอาจารย์ของเค้า, นักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะขนานแท้เปรียบได้ราวกับ
บุคคลที่สวรรค์ส่งมา
เส้นสีขาวบางๆพาดอยู่ตรงกลางหัวของเขา, ดวงตาแดงก่ำ, และ แว่นตาหนาเตอะ
ถึงนั่นจะดูเหมือนว่า ยู บิง จุน กำลังเครียดอยู่ตลอดเวลา, แต่สมองของเขาอยู่ในระดับที่สามารถเรียกเขาได้ว่าอัจฉริยะ
‘แม้ว่าโลกจะรู้จักรอยัล โร้ดที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยฉันและนักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆอีก 17 คน…’
“ผมกลับมาแล้วครับ”
“เคะเคะ ฉันเดาว่ามันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว”
“เค๊ะเค่ะเคะ”
บนจอที่เขากำลังมองดูอยู่ เขาสามารถเห็นกิจกรรมการผจญภัยต่างๆที่เกิดขึ้นบนทวีปเวอร์เซลล์ได้ทั้งหมด
ผู้เล่นที่กำลังเพิ่มความแข็งแกร่งในขณะที่กำลังออกล่าอยู่ในป่ าที่ไม่มีใครพบเจอ
ผู้เล่นที่กำลังเพิ่มความอึดขั้นพื้นฐานด้วยการปี นป่ ายภูเขาที่สูงชันในทวีปแห่งนี้
ผู้เล่นที่กำลังเพิ่มความแข็งแกร่งด้วยการทดสอบขีดจำกัดของตัวเองในเกาะร้างที่เต็มไปด้วยมอนสเตอร์
ยู บิง จุน มีความสุขเมื่อได้มองผู้เล่นเหล่านี้
บททดสอบที่ไม่รู้จบในการก้าวข้ามขีดจำกัดของพวกเขา พวกเขาได้สัมผัสประสบการณ์ที่สุดยอดที่สุดที่ไม่มีที่ไหนบนโลก
เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“การที่พูดว่ารอยัล โร้ดคือเกม…”
หลังจากที่ไล่ล่าพวกโครงกระดูกเรืองแสงเป็นระยะเวลาถึงเจ็ดวัน พวกเขาได้ค้นพบรางวัลอันยิ่งใหญ่ใกล้ๆกับสุสานที่ซึ่ง
เป็นสถานที่สุดท้าย และพวกเขาสามารถชำระร้างและจัดการกับพวกมันด้วยเวทย์มนต์ศักดิ์สิทธิ์ ของเคลริค
“สำเร็จแล้ว!”
“เยี่ยมมากทุกคน”
เคลริคและพลหอกดูมีความสุขมากกว่าใครเพื่อน
“คุณดาอินช่วยได้เยอะเลย ขอบคุณนะ”
การไล่ล่าโครงกระดูกเรืองแสงนั้นค่อนข้างยากถึงแม้จะเป็นนักล่าที่มีฝีมือก็ตาม นั่นก็เพราะว่าพวกมันสามารถเข้าไปใน
ภูเขาที่มีมอนสเตอร์จำนวนมาก หรือหาดันเจี้ยนเพื่อหลบซ่อน เมื่อพวกเขาหยุดสู้ในขณะที่กำลังไล่ตามโครงกระดูกเรือง
แสง มันสามารถหนีไปที่ไหนก็ได้ก่อนที่พวกเขาจะหามันพบ
ถ้าพวกเขาไม่มีเวทย์มนต์ของชาร์แมนที่คอยเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่แล้วล่ะก็ การไล่จับพวกโครงกระดูกเรืองแสงจะ
เป็นอะไรที่ยากลำบากมากขึ้นไปอีก
รอยยิ้มของดาอินก็ปรากฏให้เห็น
“มันก็ไม่ได้มีอะไรมากนักหรอก ฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยได้มีส่วนร่วมในการต่อสู้ด้วยสักเท่าไหร่ ”
ดาอินชนะใจของสมาชิกทุกคนที่อยู่ในปาร์ตี้
“พี่สาว อยู่ต่อกับพวกเราเถอะนะ”
“คุณจะทำเควสด้วยกันกับพวกเราอีกมั้ย?”
“แน่นอน ฉันจะทำ”
ผ่านไปสองสามเดือน ดาอินสนุกไปกับการผจญภัยร่วมกันกับสมาชิกในปาร์ตี้
ชื่อเสียงของเธอโด่งดังขึ้นทุกวัน เมื่อตอนที่ยังไม่มีผู้เล่นอยู่ในโมราต้ามากนัก ทุกคนต่างไม่รู้จักชาร์แมนดาอิน เธอออกไป
ผจญภัยในดินแดนแห่งมนต์ดำ
มันคือคณะสำรวจที่มีนักผจญภัยมากกว่ายี่สิบคนในโมราต้าที่เข้าร่วมการสำรวจในครั้งนี้ !
หลังจากที่ได้รับประสบการณ์ในการได้พบเจอมอนสเตอร์ใหม่ๆและดันเจี้ยนแห่งใหม่ เธอกลับมาที่โมราต้า
***
“วิ้ว! ในที่สุดฉันก็ได้กลับมาที่โมราต้าซะที”
ดาอินยิ้มกว้าง
โมราต้าที่เธอกลับมาหลังจากผ่านไปเป็นระยะเวลาอันยาวนาน…เธอไม่รู้ว่าเธอคิดถึงมันมากเท่าไหร่
มันอาจจะเป็นเพราะว่าความอิ่มตัวที่เกิดขึ้นในเมืองลอยฟ้ า ลาเวียสนั้นเพียงพอแล้ว เธอจึงหาสถานที่ใหม่ในทางเหนือและ
สร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้คน จนมีเพื่อนมากมายในโมราต้า
“แต่ว่าฉันต้องหาทางแก้คำสาปให้ได้ซะก่อน…”
สีหน้าของดาอินดูเคร่งเครียด
คณะสำรวจทั้งหมดต่างก็ได้รับคำสาปจากการที่ไปสำรวจดินแดนแห่งมนต์ดำ
ผิวหนังของพวกเขากลายเป็นสีดำเหมือนกับพวกดาร์คเอลฟ์ , และลวดลายเฉพาะของเผ่าพันธุ์ก็ปรากฏขึ้นให้เห็นเด่นชัด
คำสาปที่จะลดการแสดงผลของเวทย์มนต์และทักษะต่างๆลงครึ่งหนึ่ง!
มันคือคำสาปที่ไม่สามารถลบล้างออกไปได้ถึงแม้จะใช้เวทย์มนต์ศักดิ์สิทธิ์ของชาร์แมนหรือเคลริคก็ตาม
‘ฉันต้องไปหาพรีสต์ก่อนแล้วล่ะ’
ถึงแม้ว่าพวกพรีสต์ที่อยู่ในคณะสำรวจช่วยอะไรไม่ได้ก็ตาม พวกเขาทำได้เพียงแค่เชื่อในตัวพรีสต์ของพวกเขาเท่านั้น
ดาอินไปที่วิหารเฟรย่าห์
เป็นช่วงเวลาเดียวกันที่คณะสำรวจเพิ่งกลับมา มันจึงเต็มไปด้วยผู้คนที่มารอรับการอวยพร
หลังจากที่ต่อแถวรอคอยอย่างยาวนาน ก็ถึงคิวของเธอ เธอพบกับพรีสต์แห่งวิหารเฟรย่าห์
“ฉันต้องการรักษาคำสาปบนตัวของฉัน”
“คุณได้รับคำสาปของปี ศาจโบราณสินะ”
“ใช่แล้วล่ะ”
“ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าคุณเข้าไปในสถานที่ที่ไม่ควรจะไป มันคือคำสาปที่ก่อตัวขึ้นจากการที่คุณไปสำรวจดินแดนที่ไม่
ต้อนรับเหล่าผู้บุกรุก การที่จะถอนคำสาปได้นั้น คุณจำเป็นต้องเตรียมวัตถุดิบเหล่านี้ อันได้แก่ ไม้เคลป์ ไพน์, ผง
ทองคำขาว, แครอท, และเลือดของกระต่ายขาว ถ้าคุณทาส่วนผสมเหล่านี้ลงบนตัวของคุณ แล้วจากนั้นผสมมันเข้าด้วยกัน
และดื่มมันให้หมด คุณจึงจะเป็นอิสระจากคำสาปนี้ได้”
นอกจากไม้เคลป์ ไพน์แล้ว ถึงแม้มันจะใช้เวลามากสักหน่อย การเก็บรวบรวมพวกมันก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด
ดาอินยิ้มราวกับว่าเธอไม่ได้คาดหวังว่าการรักษามันจะง่ายอย่างที่เธอคิด
“ขอบคุณมาก”
“บอกข้ามาได้เลยว่าท่านต้องการอะไร”
เสียงของกลุ่มพ่อแค้แม่ค้าที่กำลังต่อแถวอยู่ในจัตุรัสข้างนอกวิหารเฟรย่าห์ดังขึ้นไปทั่วทุกสารทิศ
การแข่งขันของพวกพ่อค้าแม่ค้าสามารถพบเห็นได้ทั่วไปในทวีปเวอร์เซลล์
หลังจากที่ขายของที่เธอรวบรวมมาหมดแล้ว ดาอินนั่งพักผ่อนอย่างใจเย็นอยู่ที่จัตุรัส
‘ครั้งนี้ ฉันจะได้พักผ่อนและรอเขามาซะที’
การที่จะได้พบกับวีดนั้นคือเหตุผลเพียงหนึ่งเดียวของการมายังที่โมราต้าแห่งนี้
อย่างไรก็ตาม วีดก็ยังไม่กลับมาโมราต้า และเธอก็เบื่อที่จะรอและออกไปผจญภัยต่อ
เมื่อเธอจากไป รูปปั้ นเทพธิดาเฟรย่าห์ก็ถูกสร้างขึ้น พร้อมกันกับผลงานประติมากรรมต่างๆและปราสาทก็มีการ
เปลี่ยนแปลงพัฒนาไปเช่นกัน
มีข่าวลือเกี่ยวกับวีดที่ว่าเจ้าเมืองโมราต้าได้กลับมาดูแลกิจการภายในเมือง อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเขาจะออกไปผจญภัยอีก
แล้ว ดังนั้นมันจึงเป็นที่รู้กันว่าการที่จะได้พบเขานั้นยากมาก
‘มันจะมีโอกาสสักเท่าไหร่กันน้า ที่เขาจะกลับมา ในขณะที่เธอออกไปทำอย่างอื่น?’
เธอมองกลับไปยังเจ้าของเสียงที่เรียกหาเธอ
ดูผอมและบอบบาง ผู้หญิงที่มาพร้อมกับแววตาอันใสซื่อบริสุทธิ์ ดูจากเสื้อคลุมสีขาวที่เธอสวมใส่อยู่นั้น เธอต้องเป็นผู้เล่น
ที่มีอาชีพเคลริคหรือไม่ก็พรีสต์อย่างแน่นอน
“คุณเรียกฉันเหรอ?”
“ใช่ค่ะ”
“มีอะไรให้ฉันช่วยอย่างงั้นเหรอ?”
“โอ้ ดิฉันต้องขอโทษด้วยนะคะที่ต้องถามแบบนี้หลังจากที่เพิ่งเจอคุณได้ไม่นาน…คุณคือชาร์แมนที่รู้จักกันในนามว่าดา
อินใช่มั้ยคะ?”
“ใช่ ถูกต้องแล้วล่ะ”
ดาอินพยายามอ่านสีหน้าของไอรีนอย่างช้าๆ
‘ดูท่าทางแล้ว เธอน่าจะเป็นคนดีแหะ อายุก็ประมาณใกล้เคียงกับเรา…’
แต่ตอนนี้เธอไม่เต็มใจที่จะออกไปทำเควส เธออยู่ในสถานะที่กำลังรอคอยใครสักคน
เธอไม่สามารถที่จะรอวีดให้กลับมาโมราต้าได้ตลอดเวลาหรอกนะ แต่ว่าเธอเพิ่งมาหลังจากที่การผจญภัยเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ตอนนี้เธอต้องการพักผ่อนบ้าง
“ฉันต้องขอโทษเธอด้วยนะ ตอนนี้ฉันต้องการพักสักหน่อย…”
“นี่คือคุณอาดิน เธอคือชาร์แมนผู้โด่งดัง…”
“อ้า คนๆนั้นเองหรอกเหรอ!”
ฮวารยองมองไปที่ใบหน้าของดาอิน ทำเหมือนอย่างกับว่าเธอเห็นอะไรที่มันแปลกใหม่
เพราะว่าเธอเป็นชาร์แมนที่มีผิวสีดำดุจดั่งอัญมณี เธอจึงดูมีเอกลักษณ์เป็นพิเศษ
“เธอได้ถามเค้ามั้ยว่าจะมาทำเควสกับพวกเราน่ะ?”
“ค่ะ แต่ช่างน่าเสียดายที่ดูเหมือนว่าเธอไม่สามารถทำเควสกับพวกเราได้”
ดาอินที่กำลังยืนอยู่ข้างๆและฟังบทสนทนาที่เกิดขึ้นระหว่างฮวารยองและไอรีน ทันใดนั้นเธอก็พูดแทรกขึ้นมา
“เฮ้ พวกเธอ ฉันเปลี่ยนใจแล้วล่ะ”
“อะไรนะ?”
“การผจญภัยที่พวกเธอเพิ่งคุยกันเมื่อกี้นี้ ฉันอยากทำมันด้วยน่ะ”
“จริงเหรอคะ? ยอดเยี่ยมที่สุด! ขอบคุณค่ะ”
“อือ ขอบคุณที่รับฉันเข้าปาร์ตี้ด้วยนะ”
ดาอินยอมรับคำชักชวนของไอรีน
รูปปั้ นเทพธิดาเฟรย่าห์ที่ลอร์ดโมราต้าวีดเป็นคนแกะสลักมันขึ้นมา!
มันเป็นเพราะว่าใบหน้าของรูปปั้ นและของฮวารยองนั้นเหมือนกันราวกับปาฏิหาริย์
***
ลี ฮุนฝึกฝนร่างกายทุกวันที่สำนักของอัน ฮุน โด
กล้ามเนื้อทุกส่วนของลี ฮุนเห็นเด่นชัดปราศจากซึ่งไขมัน ความแข็งแกร่งทางร่างกายและความอึดเพิ่มขึ้นทุกวัน ขณะที่ได้
รับประสบการณ์การฝึกราวกับนรกจากคำแนะนำของครูฝึกที่แตกต่างกันถึง 4 แบบ ซึ่งแต่ละแบบใช้เวลา 30 นาที ร่างกาย
ของลี ฮุนในตอนนี้จึงแข็งแกร่งดุจดั่งอาวุธมหากาฬ
“ไม่ว่าดาบจะมีความคมมากแค่ไหนก็ตาม มันก็ไร้ประโยชน์เมื่อมาอยู่ในมือของคนที่ไร้ค่า ถ้านายไม่สามารถควบคุม
ร่างกายได้อย่างสมบูรณ์ นายก็ลืมไปได้เลยที่จะจับดาบเล่มนั้นขึ้นมา ถึงแม้ว่าการฝึกจะยากลำบาก มันก็เป็นกระบวนการที่
จำเป็นสำหรับการกวัดแกว่งดาบ”
ลี ฮุน เชื่อมั่นและทำตามการฝึกอันแสนทรหดของจุง อิล ฮุน เขาพยายามอดทนต่อการฝึกนรกในครั้งนี้โดยที่ไม่ปริปากบ่น
เลยแม้แต่คำเดียว
จนถึงขั้นที่ว่าครูฝึกแต่ละคนยังต้องปรึกษากันในหมู่พวกเขา
“ไม่ใช่ว่าการฝึกมันหนักเกินไปรึเปล่าวะ?”
“ถ้าพวกเราทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เขาจะขอลาออกมั้ยเนี่ย?”
“ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่แล้วเขาจะไม่ค่อยมีความคิดอะไรแบบนี้มากนักหรอก…”
“...”
“ขอบคุณครับ อาจารย์”
ลี ฮุนดื่มชาขิงจนหมด
เขากระหายน้ำมาก แต่ที่เขาสามารถดื่มมันได้อีกแก้วก็เพราะมันเป็นชาเพื่อสุขภาพ!
อัน ฮุน โด พูดหลังจากที่รินชาขิงอีกแก้วให้เขาดื่ม
“การฝึก หนักไปมั้ย?”
“มันก็พอผ่านไปได้ครับ”
หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก ลี ฮุนก็พยักหน้า
“มันก็ดีครับ”
“ดี? อะไรดีล่ะ?”
ลี ฮุน ลังเลอยู่สักพักและพูดออกมา
“สำหรับผมแล้วมันไม่มีภาระหรือเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจอีกต่อไป”
“...”
“เจ้าพอใจกับชีวิตแบบนี้แล้วงั้นเหรอ?”
“ครับ”
ลี ฮุน ตอบแบบง่ายๆ
การเรียนในมหาวิทยาลัยค่อนข้างปวดหัวและน่าเบื่อหน่าย แต่นอกจากเขาได้สิ่งที่ตัวเองต้องการแล้ว เขาก็ใช้ชีวิตอยู่อย่าง
สมถะและเรียบง่าย
“ตอนนี้มันสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว ผมได้ไปเรียนแม้กระทั่งในมหาวิทยาลัยด้วย น้องสาวของงผมการเรียนก็ดีไม่มีขาดตก
บกพร่องอะไรสักอย่าง และ สุขภาพร่างกายของคุณย่าก็ค่อยฟื้ นคืนกลับมาดีขึ้นเรื่อยๆ…”
อัน ฮุน โด ถามแบบกะทันหัน
“แล้วงานที่เจ้าอยากทำล่ะ”
“…งานที่ผมอยากทำเหรอครับ?”
ลี ฮุน เงียบอยู่ครู่หนึ่ง
ที่เขามีชีวิตอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ก็เพื่ออนาคตของน้องสาว
ในยามที่เขาหลับนอน เขามักจะกลัวว่าวันนั้นจะมาถึง วันที่เขาต้องการกังวลในขณะที่กินข้าวไปด้วย กลัวว่าเขาควรจะทำ
อะไรดีหลังจากที่ความหิวโหยหายไปแล้ว
หากปราศจากซึ่งความหวัง เขาต้องมีชีวิตอยู่ด้วยความอดอาลัยตายอยาก
ถ้าไม่มีความรับผิดชอบต่อครอบครัวของเขาแล้วนั้น เขาคงจะตัดสินใจทำอะไรที่มันสุดโต่งเกินไปแล้วก็ได้
ตอนนี้น้องสาวของเขาโตขึ้นมากแล้ว และเธอได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย อีกทั้งยังได้รับทุนการศึกษาด้วย การผ่าตัดใหญ่
ของคุณย่าก็จบลงเรียบร้อยและคุณย่าก็กำลังอยู่ในช่วงของการพักฟื้ นอย่างค่อยเป็นค่อยไป
จุดมุ่งหมายของการมีชีวิตอยู่ของลี ฮุน ก็คือการมีชีวิตอยู่เพื่อครอบครัวของเขา หากมีเหตุการณ์ที่เขาไม่สามารถดูแล
ครอบครัวของเขาได้อีกต่อไป อะไรก็ตามที่เขาอยากทำหลังจากนั้น เขาไม่เคยคิดถึงมันมาก่อนเลยสักครั้งเดียว
หลังจากที่ถอนหายใจ ลี ฮุนก็พูดออกมา
“ผมไม่มีความฝันอะไรเลย”
***
เหล่านักดาบทั้งหลายพากันเดินผ่านที่ราบแห่งความสิ้นหวังและเดินทางมาถึงหมู่บ้านออร์คในภูเขายุโรกิ
สถานที่แห่งนี้เป็นจุดเกิดของเหล่าผู้เล่นออร์คหน้าหมู และ เพราะพวกเขามีอัตราการขยายพันธุ์ที่สุดยอด ซึ่งทำให้เกิดเป็น
ครอบครัวขนาดใหญ่
หลังจากที่ผู้หญิงหรือผู้ชายได้ทำการตัดสินใจเลือกคู่ของพวกเขาเรียบร้อยแล้ว แม้กระทั่งแค่การกินอาหารร่วมกันเพียงหนึ่ง
มื้อ ทารกออร์คก็โผล่ออกมาจากไหนก็ไม่รู้
นักดาบ 5 เอามือกุมขมับ
“ฉิบหายแล้วมั้ยล่ะ การที่พวกเขาแต่งงานกับพวกออร์คนั่น…”
นักดาบ 3 ปัดไหล่ของเขา
“มันเป็นเรื่องปกติครับรุ่นพี่ ก็แค่ผู้ชายกับผู้หญิงกินข้าวด้วยกัน พวกเราต้องเข้าใจนะว่านี่คือธรรมชาติของพวกออร์คน่ะ”
นักดาบ 4 พูดแทรกขึ้นมา
“รุ่นพี่ ผู้ชายอย่างเราต้องเปิ ดหูเปิ ดตาให้กว้างเข้าไว้เพื่อที่จะเป็นประโยชน์ในการเอาชนะเกมนี้นะ”
‘เฮ้อ รู้สึกช่างโล่งใจยังไงก็ไม่รู้แหะ’
“ในอนาคตคงมีสงครามกับพวกมนุษย์ด้วย”
“พวกเราจะไม่ได้อะไรเลยจากการต่อสู้กับพวกออร์ค อีกอย่างมันอยู่ไกลเกินกว่าที่กองทัพของพวกมนุษย์จะเดินผ่านที่ราบ
แห่งความสิ้นหวังแล้วมาถึงที่นี่ ถ้าการต่อสู้กับพวกออร์คเกิดขึ้นจริงๆล่ะก็ มันคงเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นผ่านการทำเควส ดัง
นั้นผู้เล่นหลายคนจึงได้แต่เฝ้ ารอให้มันเกิดขึ้น”
พวกนักท่องเที่ยวไม่ได้เข้าไปข้างในหมู่บ้าน ได้แต่เพียงสังเกตจากข้างนอกเท่านั้น นั่นก็เพราะว่าความสัมพันธ์ระหว่างอ
อร์คกับมนุษย์นั้นไม่ได้ดีสักเท่าไหร่ มันจึงอันตรายที่จะเข้าไปใกล้
อย่างไรก็ตาม พวกนักดาบเข้าไปในหมู่บ้านออร์คโดยไม่มีพิธีรีตองอะไรแบบนั้น และเมื่อได้เห็นพวกนักดาบทำเควสด้ว
ยกันกับออร์คผู้หญิง เหล่านักท่องเที่ยวต่างตกใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
“เฮ้ย เป็นไปได้ไงวะนั่นน่ะ การที่มนุษย์เข้าไปทั้งๆอย่างนั้น? อีกอย่างพวกออร์คดูไม่สนใจพวกเขาเลยว่ะ”
“มันต้องเป็นส่วนหนึ่งของเควสแน่ๆ”
“ฉันว่ามันต้องเป็นลักษณะอะไรสักอย่างที่เกี่ยวข้องกับสายอาชีพของพวกเขา ฉันได้ยินมาว่ามันมีบางอาชีพที่มีความสนิท
สนมสูงเป็นพิเศษกับพวกเผ่าอื่นๆ”
ในขณะที่พวกนักท่องเที่ยวกำลังถกเถียงกันถึงประเด็นที่เกิดขึ้น คำตอบที่น่าเชื่อถือก็ปรากฏขึ้น
“แค่มองไปที่รูปร่างของพวกเค้าแล้วนั้น มันมีอะไรแตกต่างระหว่างพวกเขากับออร์คผู้ชายงั้นเหรอ?”
“...”
เพียงแค่มองเข้าไปใกล้ๆ คำอธิบายนั้นก็พิสูจน์ได้เป็นอย่างดี
ถึงแม้จะปฏิเสธไม่ได้ว่า พวกเขานั้นเป็นมนุษย์ ที่มีไหล่กว้างและลักษณะทางกายภาพของพวกเขานั้นยังดูดีกว่าพวกออร์ค
ซะอีก
แค่การได้เห็นร่างกายของพวกเค้าเหล่านั้น ออร์คธรรมาดาๆก็ดูเป็นมิตรกับพวกเขาขึ้นมาทันที
***
“ไฮ้ ย๊า!”
นักดาบกวัดแกว่งดาบสองมืออย่างบ้าคลั่ง
ยักษ์ ในด้านพละกำลังความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวแล้วนั้น มันไม่เป็นรองมอนสเตอร์ตัวไหนเลย
นักดาบนั้นเป็นผู้ที่อยู่เหนือจุดสูงสุดของอาชีพและกฎเกณฑ์ต่างๆ แม้กระทั่งศิลปะการใช้ดาบก็ยังไม่สามารถระงับความ
โกรธของเขาเอาไว้ได้
การเคลื่อนไหวของดาบที่ไหลลื่น รวดเร็ว และคมกริบ
*คุโหหหหหห!*
ความทรงจำเมื่อครั้งยังเป็นหนุ่มของนักดาบปรากฏขึ้นในหัวของเขา
‘สำหรับเราแล้ว มันมีเพียงแค่การต่อสู้เท่านั้น’
เขาไล่ล่าตามหาความแข็งแกร่งและก้าวไปข้างด้วยการต่อสู้อยู่เสมอซึ่งมันทำให้เลือดของเขานั้นสูบฉีดอยู่ตลอดเวลา
มีอยู่หลายครั้งที่เขาต้องเสี่ยงอันตรายถึงชีวิต และเขายังพยายามดิ้นรนต่อไปแม้ว่าจะได้รับบาดแผลจนถึงขั้นต้องตกอยู่ใน
สถานการณ์ที่เป็นตายร้ายดีก็ไม่ต่างกัน ถึงแม้ว่าเขาพึงพอใจที่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งมาได้ มันก็เป็นแค่เส้นทางที่
นำไปสู่การมองหาความท้าทายใหม่ๆ การท้าทายกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก
หลังจากที่ต่อสู้และฝึกฝนเพียงอย่างเดียวราวกับว่าถูกอะไรบางอย่างเข้าสิง วันเวลาในวัยเยาว์ของเขาก็ผ่านไป
แล้วอยู่มาวันหนึ่ง เขารู้สึกตัวอีกทีและมองไปรอบๆ เขาได้ก้าวมายืนอยู่บนจุดสูงสุดของนักดาบ
เกียรติยศความภาคภูมิใจและรอยแผลเป็นที่เขาได้รับทุกครั้งที่สามารถจัดการคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง เขาทำลายทุกสถิติ โดดขึ้น
มาเป็นนักดาบที่ไม่มีใครรอดพ้นจากคมดาบของเขาได้
ถึงแม้ผู้คนทั่วไปจะไม่รู้จักเขาก็ตาม ผู้ที่อยู่ในด้านศิลปะการต่อสู้และคนที่อยู่บนเส้นทางการต่อสู้ ต่างรู้จักเขากันเป็นอย่างดี
และความน่ากลัวของเขา
นอกเหนือจากเรื่องราวพวกนั้นแล้ว ส่วนหนึ่งที่ขาดหายไปภายในจิตใจอันว่างเปล่าของนักดาบ หลังจากที่เขาประสบความ
สำเร็จ เขาไม่มีแม้แต่คู่ชีวิต และครอบครัวของเขายังคิดว่าเขาตายไปแล้วอีกด้วย
“เราไม่มีแม้แต่ครอบครัว”
ความอ้างว้างและสิ้นหวังเป็นผลลัพธ์ที่เกิดจากความสำเร็จอันสูงสุดในชีวิต!
“ถึงแม้ว่าเราจะกลายมาเป็นสุดยอดปรมาจารย์ดาบ แต่ไม่มีใครเลยสักคนที่อยู่เคียงข้างเรา”
ก่อนหน้าที่นักดาบจะกลับมาใช้ชีวิตปกติในเกาหลี การตามหาครอบครัวของเขาและการอบรมเลี้ยงดูลูกศิษย์ เขาใช้เวลาไป
กับการอยู่คนเดียวมาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน
มันไม่มีเหตุผลจำเป็นเลยสักนิดที่ลูกศิษย์ของเขาจะเจริญรอยตามเส้นทางที่เขาได้วางไว้
นั่นก็เพราะว่าเขาต้องแบกรับภาระของครอบครัวอันหนักอึ้งเอาไว้อยู่ตลอดเวลา ถ้ามันมีอะไรบางอย่างที่สามารถทำร่วมกัน
เป็นครอบครัว ทำกับเพื่อน และ พี่น้อง มันก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องรู้สึกเหงาหรือโดดเดี่ยวอีกต่อไป
วีดมีทั้งความมุ่งมั่นอันแรงกล้าและการตัดสินใจที่เด็ดขาด แน่วแน่ และยังครอบครองความสามารถในการตอบโต้ได้อย่าง
ทันทีทันใดและยังสามารถนำทักษะของเขามาใช้ในการฝึกซ้อมได้อีกด้วย ถ้าเขามีอะไรที่ต้องทำล่ะก็ เขาจะทำมันในทันที
โดยไม่มีการรีรอหรือลังเลแม้แต่นิดเดียว
บางครั้งเขาก็แสดงท่าทีเขินอายบ้าง เขาก็ยังเป็นผู้ชายอยู่ดี
สภาพของเขาในตอนนี้นั้นเหมือนเด็กที่กำลังมองหาเป้ าหมายและความฝันในชีวิตของเขา
“ฉันล่ะอิจฉาเด็กนั่นชะมัด”
ความรู้สึกที่ซื่อตรงของนักดาบเข้าใจลูกศิษย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าเขามีน้องสาวแสนสวยและน่ารัก
อย่างลี ฮายันล่ะก็ เขาคงจะไม่จากครอบครัวของเขาไปอย่างแน่นอน
“ไหนจะเพื่อนของเค้าอีกล่ะ”
ถ้าเขาอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอิจฉาแบบเดียวกับวีดแล้วล่ะก็ ทำไมเขาต้องต่อสู้อย่างเดียวเมื่อตอนที่ยังเป็นหนุ่มอยู่ด้วยล่ะ!
“ความเหงา โดดเดี่ยว เปล่าเปลี่ยวและเดียวดาย ชีวิตที่ไร้คู่”
เขาจะแสดงให้วีดเห็นว่าการฝึกนรกของแท้นั้น มันเป็นยังไง
เขาตั้งใจที่จะสอนวีดด้วยดาบของจริง (อันนี้ไม่รู้ว่าสอนโดยใช้ดาบจริงๆ หรือ สอนถึงวิถีดาบที่แท้จริงกันแน่)
***
ด้วยความที่ว่าเขานั้นขาดประสบการณ์ในเรื่องพวกนี้ การที่ไม่ได้เข้าร่วมงานเทศกาลโรงเรียนที่จัดขึ้นเพียงไม่กี่วันก็เป็น
เรื่องที่ทำให้เขาพอใจแล้ว สำหรับลี ฮุน งานเทศกาลของมหาวิทยาลัยเกาหลีที่เหมาะสมกับวัฒนธรรมท้องถิ่นและการเสาะ
แสวงหาเหล่าดาราเซเล็ปคนดังทั้งหลาย เป็นอะไรที่ไม่สะดวกซะเหลือเกิน
แต่ ท ว่า รุ่นพี่ในคณะก็ออกมาและข่มขู่พวกเขา
“พวกเราจะไม่ยอมให้คณะอื่นมาเด่นกว่าในงานเทศกาลนี้ไม่ได้ พวกเราจะไม่ปล่อยให้พวกนั้นอยู่เหนือพวกเรา เพียงเพราะ
ว่าเราเป็นแค่คณะที่เพิ่งตั้งขึ้นมาใหม่ ทุกคนเข้าใจมั้ย?”
“ครับ/ค่ะ!”
เหล่านักศึกษาใหม่ตอบด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
ลี ฮุนไม่พูดไม่จา
“ช่างเป็นการปลุกใจที่ไร้ค่าชะมัด ทำไมพวกเราถึงไม่มองข้ามเรื่องพวกนี้ไปซะทีนะ? การที่ปล่อยผ่านเรื่องบางเรื่องไปซะ
บ้าง มันทำให้ชีวิตอยู่สบายขึ้นตั้งเยอะ หยุดการต่อต้านมหาลัยและการมีอคติต่อกันอย่างงั้นเหรอ? ไร้สาระชะมัด”
เขามีความคิดเห็นที่ต่างออกไป แต่เขาไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับปัญหาอะไรสักอย่าง เขาเลยนิ่งเงียบอยู่เฉยๆ
‘ถึงแม้ว่าเราไม่ได้พูดมันออกไปก็ตาม ยังไงซะก็ต้องมีใครซักคนตั้งใจที่จะพูดมันออกมาแน่ๆ’
มันไม่มีกฎหรือข้อบังคับบอกเอาไว้ว่าทุกคนต้องเข้าร่วมงานเทศกาลในครั้งนี้ ดังนั้นสิ่งที่เขาต้องทำมีเพียงแค่รอให้มันผ่าน
พ้นไป
นับวัน งานเทศกาลยิ่งใกล้เข้ามาขึ้นเรื่อยๆทุกวัน คณะเสมือนจริงยังไม่วางแผนเอาไว้เลยว่าจะทำอะไร
“แล้วถ้าพวกเราแต่งคอสเพลย์ให้เหมือนกับตัวละครในรอยัล โร้ดและเดินพาเหรดดูล่ะ?”
“....”
“ผมต้องการเข้าร่วมงานเทศกาลอย่างแน่นอน!”
พวกรุ่นพี่ก่อนหน้านี้ที่ทำเป็นไม่สนใจและพวกเด็กนักศึกษาที่เข้ามาใหม่ ต่างเสนอความคิดเห็นของพวกเขากันอย่างรวดเร็ว
“ปัญหาก็คือ พวกเราจะทำอะไรดีล่ะ..? แน่นอนพวกเราต้องส่งตัวแทนของคณะเข้าร่วมงานแข่งกีฬาด้วย ในเมื่อคณะของ
พวกเรามีนักศึกษาหญิงค่อนข้างเยอะ มันจะดีมากถ้ามีคนมาช่วยกันเยอะๆ มีใครจะคัดค้านมั้ย?”
“...”
“ดูเหมือนว่าจะไม่มีนะ งั้นทุกคนเข้าร่วมงานนี้กันหมดเลยนะ”
คำพูดของประธานเป็นอันสิ้นสุด
ทนทรมานกับงานเทศกาลเล็กๆย่อมดีกว่าการไปที่ซิลมิโดเป็นร้อยเท่า
“หลังจากที่ฉันคิดดูแล้วพวกเรามีเรื่องเร่งด่วนต้องไปร่วมงานเทศกาลดนตรีที่จัดขึ้น เพราะอาจารย์ไม่เคยพลาดงานนี้เลยสัก
ครั้ง”
“สำหรับงานเทศกาลดนตรี ให้หาตัวแทนมา 5 ทีม จากนั้นซ้อมร้องเพลงและส่งพวกเขาเข้าประกวด”
พวกเขาหาข้อสรุปและตกลงกันได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่ามันจะเป็นงานเทศกาลที่พวกนักศึกษาควรจะสนุกไปกับมัน พวกเขาก็
ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้เหล่าคณาจารย์ประทับใจ
สำหรับพวกนักศึกษาแล้ว แค่การเข้าร่วมงานก็กลายเป็นเรื่องที่น่าเบื่อพอสมควร แต่นี่คืองานเทศกาลของมหาวิทยาลัย
เกาหลีที่มีชื่อเสียงอันโด่งดัง และภายในงานยังมีอะไรน่าดูอีกเยอะแยะไปหมด พวกเขาจึงได้แต่รอให้งานเทศกาลนั้นมาถึง
“และฉันคิดว่าพวกเราต้องเปิ ดบาร์ด้วย เพราะพวกเราต้องหาเงินเพื่อใช้เป็นทุนสำหรับงานอีเว้นท์จากการเปิ ดบาร์ มีใคร
อยากจะช่วยงานที่บาร์มั้ย?” (Bar ในที่นี้ใช้เป็นเคาร์เตอร์ในร้านอาหารนะ)
ถ้าเป็นบาร์ล่ะก็ พวกเขาต้องทำอาหารตลอดทั้งคืน และยังมีอะไรอีกมากที่ต้องทำ ทุกอย่างต้องมีการคิดเตรียมการเอาไว้ล่วง
หน้า ถึงแม้มันจะเป็นงานที่เหนื่อยเอาการ ลี ฮุนเต็มใจยกมือของเขาขึ้นมา
“นายคือลี ฮุนใช่มั้ย? โอเค ขอบคุณ แล้วคนอื่นๆล่ะ?”
ดูจากบรรยากาศรอบข้างแล้ว พวกเฟรชชี่และรุ่นพี่ต้องเข้าร่วมภารกิจอย่างน้อยหนึ่งอย่าง
เขาตัดสินใจว่ามันจะดีกว่าถ้าได้ทำงานในบาร์ที่สะดวกสบาย
‘การแสดงหรืออะไรก็แล้วแต่ ต้องใช้เวลาเตรียมการนานตลอดทั้งสัปดาห์ ดังนั้นแค่การทนทรมานในช่วงเทศกาลยังดีซะ
กว่า’
ในเมื่อบาร์เปิ ดตอนกลางวัน เขาก็พอมีเวลาที่จะไปทำอย่างอื่นอยู่บ้าง
แต่ว่านอกจากลี ฮุนแล้ว ไม่มีนักศึกษาคนไหนเลยที่อาสาจะยกมือของพวกเขา ไม่ว่าจะมองมุมไหน การทำงานในบาร์นั้น
เป็นอะไรที่ยากแสนสาหัสและพวกเขายังคิดว่ามันเป็นอะไรที่เจ็บปวดทรมาน ดังนั้น ก็เลยไม่มีใครต้องการเข้าร่วมงานนี้
มีนักศึกษาหญิงเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยกมือของเธอขึ้น ทุกคนถึงกับตกใจไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้น
มันเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่เธอนั้นมาเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเดียวกันกับพวกเขา แม้พวกเขาทำได้แค่เพียงมองเธอที่มหาลัยทุก
วัน เธอสวยมากจนพวกเขาสงสัยว่ามันคือความฝัน หรือความจริง หรือว่ามันเป็นสรวงสวรรค์กันแน่
ซอยูนยกมือของเธอขึ้นมา
แม้กระทั่งประธานนักเรียนเองยังต้องถอยไปหนึ่งก้าว แล้วพูดอย่างสุภาพเป็นทางการ
(ในเกาหลี การพูดอย่างเป็นทางการ และไม่เป็นทางการนั้น มีลักษณะที่ค่อนข้างเฉพาะเจาะจง)
“แน่นอนล่ะ เธอคงไม่คิดที่จะทำงานที่บาร์ใช่มั้ย?”
ซอยูนพยักหน้าเบาๆ
จากนั้น พวกนักศึกษาผู้ชายต่างพากันยกมือขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ท่านประธาน ผมด้วย! ผมอยากทำงานที่บาร์ ”
“ผมยกมือขึ้นก่อนนะ ได้โปรดให้ผมทำเถอะนะ”