You are on page 1of 314

เล่มที่ 14 ตอนที่ 1 : หมู่บ้านคนแคระหัตถ์เหล็กกล้า

“ขอโทษนะ, ทักษะการแกะสลักของนายอยู่ที่ระดับเท่าไหร่? นาย


ต้องอยู่ในระดับขั้นกลางแน่, ว่าแต่มันมากกว่าขั้นกลางระดับ 6 มั้
ย?”
“ถ้าฉันให้รางวัลกับนายเป็ นแร่เหล็กล่ะ, นายจะยอมเปิ ดเผยความลับ
สักหน่อยได้มั้ย ความลับที่เกี่ยวกับการสร้างรูปแกะสลักน่ะ?”
มันเป็นเรื่องที่ผิดปกติสำหรับพวกคนแคระที่ต้องขอร้องคนแคระคนอื่น
จนแทบจะหมอบคลานกับพื้นและเกาะขาของเขาเอาไว้แน่นเลย ช่วงที่
ช่างแกะสลักวีดเดินเข้าไปในกิลด์ช่างแกะสลัก, เหตุการณ์อันน่าตกใจก็
เกิดขึ้น
*ติ๊ง!*
- คุณเริ่มต้นหนทางแห่งประติมากรนิรันดร์กาล
มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงต่อค่าสถานะบางอย่างเมื่อ
ได้แสดงผลงานรูปแกะสลัก ยิ่งไปกว่านั้น, งานศิลป์ ที่มีความงดงาม
เป็นพิเศษจะช่วยยกระดับของทักษะให้สูงขึ้นอีกด้วย
ช่างแกะสลักได้หวนคืนกลับมาสู่โลกใบนี้อย่างแท้จริง
พวกขุนนางและเหล่าราชวงศ์จะได้ยินชื่อเสียงของท่านผ่านกิลด์ช่าง
แกะสลัก, และช่างแกะสลักคนอื่นๆจะมีกำลังใจและเกิดจิตวิญญาณ
อันแรงกล้าพุ่งพล่าน เป็นการกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันกันมากขึ้น
การจินตนาการอันไม่รู้จบ ยากที่จะหยั่งถึงและการพรรณนาอันพรั่ง
พรู; ถ้าพวกเขามีความคิดสร้างสรรค์, พวกเขาก็สามารถที่จะค้นพบวิถี
ทางการแกะสลักวิธีใหม่
- เนื่องจากแรงบันดาลใจในการแกะสลัก, ค่าศิลปะ เพิ่มขึ้น 100
- ค่าเสน่ห์ เพิ่มขึ้น 50
- ผลของทักษะที่เกี่ยวข้องกับการแกะสลักเพิ่มขึ้น 20%
- การใช้มานาในแต่ละทักษะนั้นลดลงอย่างถาวร 20%
เขาเสียสละสิทธิประโยชน์มากมายเพื่อเลือกเส้นทางของช่างแกะสลัก
ตอนนี้วีดยืนอยู่ที่จุดสูงสุดของสายอาชีพช่างแกะสลักแล้ว
ตั้งแต่ที่เขาสร้างรูปแกะสลักขึ้นมาก็ได้รับความสนใจมากขึ้น, มันทำให้
ทั่วทั้งทวีปนั้นประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น; ในทางกลับกันมันทำให้เขา
ได้รับชื่อเสียงเกียรติยศมากมาย
ผู้ฝึกสอนคนแคระพูด
“ถึงแม้เจ้าเลือกที่จะอุทิศชีวิตทั้งหมดที่เจ้ามีเพื่อโลกของการแกะสลัก
อันไร้ขอบเขต ไม่มีจุดสิ้นสุดนี้, เจ้าจะไม่มีวันได้เห็นถึงจุดจบของมัน
ขณะที่คนอื่นๆเลือกที่จะออกล่าและออกผจญภัยก็ไม่สามารถที่จะมอง
เห็นถึงคุณค่าที่แท้จริงของการแกะสลักได้, มีเรื่องเล่ากันว่า ช่างแกะ
สลักคนแคระ เค็นเดลฟ์ ชื่นชอบและสนุกไปกับการผจญภัย เจ้าเคย
ได้ยินเรื่องราวของเขาหรือไม่?”
คนแคระที่อยู่แถวนั้นพยายามที่จะไขปริศนาเพื่อให้ได้เคล็ดลับของการ
แกะสลักต่างก็เงียบลงในทันใด
พวกเขาเข้าไปใกล้พอเพื่อที่จะให้ได้ยินเสียงของผู้ฝึกสอนคนแคระ, ใน
เมื่อเขาอาจจะกำลังให้ข้อมูลอะไรบางอย่างมาก็เป็นได้
‘ช่างแกะสลักคนแคระ เค็นเดลฟ์ ?’
‘นั่นคือชื่อของคนแคระที่มาจากเควสที่ไม่เคยมีใครทำสำเร็จมาก่อน’
‘อย่างไรก็ตาม, การเริ่มเรื่องมันแตกต่างไปจากครั้งที่แล้วนะ’
‘เร็วเข้าสิ บอกเขาว่าเจ้าไม่เคยได้ยินมันมาก่อน!’
พวกคนแคระต่างกำลังพากันคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่, อย่างไรก็ตาม พวก
เขากระตือรือร้นมากที่จะได้ยินคำพูดของผู้ฝึกสอน, ดังนั้นพวกขาจึงยัง
คงเงียบอยู่เหมือนเดิม
ด้วยสัญชาตญาณ, ปากของวีดเริ่มพูดคำสรรเสริญ ยกยอ ปอปั้น ตาม
มา
“มันเป็นอย่างนี้นี่เอง นี่คือภารกิจที่น่ายินสำหรับพวกเราเหล่าคนแคระ
ที่ชื่นชอบความท้าทาย พวกเราช่างแกะสลักคนแคระสามารถเดินทาง
ไปได้ทุกที่ด้วยขาที่แข็งแรงของพวกเรา”
“อะแฮ่ม นั่นถูกต้องแล้ว, ถ้ามันเป็นเผ่าพันธุ์อื่นที่มีรากฐานที่อ่อนแอ,
พวกเขาต้องเดินทางด้วยม้า”
“ความโรแมนติคที่สามารถพบเจอได้จากการเดิน มันถูกกำหนดไว้แล้ว
ว่าการเดินนั้นทำให้ได้รับประสบการณ์อย่างเต็มที่และสามารถสร้าง
แรงบันดาลได้เป็นอย่างดี”
“มันเป็นอะไรที่เจ้าควรลองนะ”
วีดเริ่มรู้สึกหงุดหงิดพวกคนแคระที่กำลังมองดูอยู่
‘เมื่อไหร่ฉันจะได้คุยกับผู้ฝึกสอนอย่างสงบซะทีวะ’
‘ทุกสิ่งที่ฉันได้ยินมีแต่เสียงคุยกัน หนวกหูชะมัดเลย’
ผู้ฝึกสอนคนแคระพูดต่อ
“ไม่ว่างยังไงก็ตาม, เขาก็ยังเป็นเพียงคนแคระที่ชื่นชอบการเดินทางคน
เดียว, และไม่มีใครเคยได้สัมผัสเขามาก่อน มีบางคนบอกว่าเขาเป็น
หนึ่งในคนแคระที่พิเศษมากเนื่องจากเขาเป็นที่เคารพอย่างสูงต่อพวก
เอลฟ์ อวดดีพวกนั้น”
“เขาดูเหมือนว่าจะเป็นช่างแกะสลักที่มีความสามารถมากน่าดู เขา
สามารถดึงดูดความสนใจของเอลฟ์ พวกนั้นได้”
ลักษณะของเผ่าพันธุ์เอลฟ์
พวกเขาเกลียดการใช้วัตถุดิบพวกต้นไม้, หิน, และดินเหนียวที่ใช้ใน
การแกะสลัก พวกเขาเกลียดการใช้ส่วนต่างๆของธรรมชาติเพื่อใช้ใน
การสร้างรูปแกะสลัก, และใช้ในการติดฉลากหรือโฆษณาเล็กๆน้อยๆ
พวกเอลฟ์ เกลียดช่างแกะสลักเพราะพวกเขาเอาชีวิตของต้นไม้ไปและ
เปลี่ยนมันให้กลายเป็ นเนื้อไม้
เพราะเหตุผลนั้น, ป่ าที่มีพวกเอลฟ์ อาศัยอยู่จึงไม่มีกิลด์ช่างแกะสลัก
“เรื่องนี้ถูกเล่าต่อกันมาตั้งแต่สมัยปู่ ของปู่ ของปู่ ของข้า มันถูกเล่าว่า
ทักษะการแกะสลักของเขานั้นใกล้เคียงกับระดับพระเจ้าเลยทีเดียวแต่
ช่างโชคร้ายที่ผลงานของเขาไม่มีเหลือให้เห็นเลยสักชิ้นเดียว”
รูปแกะสลักของซาฮับเกือบทั้งหมดถูกทำลายในอาณาจักรโรเซนไฮม์,
มีนักสะสมจำนวนไม่น้อยที่เก็บรูปแกะสลักของเขาเอาไว้แล้วเอามันมา
ขายทำกำไร
เนื่องจากพวกเทวสถานทางศาสนาและหอคอนนักรบ, หอคอยนักเวทย์
ต่างก็มีการเก็บรักษาของของพวกปรมาจารย์เอาไว้, แต่ช่างแกะสลัก
คนแคระ เค็นเดลฟ์ ไม่ได้ทิ้งผลงานของเขาไว้ให้แก่คนรุ่นหลังเลย
“เนื่องจากเหตุการณ์นี้เอง, พวกคนแคระที่รู้ถึงทักษะของเขาที่เปรียบ
เสมือนพระเจ้า พวกเอลฟ์ หยิ่งผยองนั่น ก็ไม่เคยพูดถึงเกี่ยวบรรพบุรุษ
ของพวกเราเลย, ผู้ที่สร้างรูปแกะสลักอันน่าตื่นตาตื่นใจในจินตนาการ
ของพวกเขา…”
“เขาไม่มีครอบครัวหรือลูกศิษย์เลยเหรอ?”
ถึงจะเป็นเพียงแค่ผู้สืบทอดของเค็นเดลฟ์ , วีดก็ยังต้องการที่จะพบเขา
ให้ได้
“พวกเขาพูดว่าเขาไม่มีเลยสักคน เขาชอบเดินทางไปไหนมาไหนคน
เดียวมากที่สุดถึงขั้นที่ว่าเขาไม่แต่งงานเลยและอยู่คนเดียวไปตลอด
ชีวิต แม้กระทั่งสถานที่สุดท้ายที่เขาหลับใหลอยู่นั้นก็ยังไม่มีใครล่วงรู้
เลยแม้แต่คนเดียว พวกเราคนแคระก็ทำได้เพียงแค่ชื่นชมผลงานที่พวก
เราสร้างขึ้นมาจนถึงทุกวันนี้”
“ถูกต้องที่สุด”
พวกคนแคระนั้นเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีความภาคภูมิใจมากในผลงานของ
พวกเขา ไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์สวมใส่ต่างๆ, อุปกรณ์ป้ องกัน, และ งาน
ศิลปะ
“ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะทำลายผลงานที่ทำมาตลอดทั้งชีวิตของเขาเพื่อที่จะ
ไม่ให้ใครได้เห็นมัน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่การคาดเดาก็ตาม, สถานที่
แห่งนั้นยากต่อการค้นหา…ข้าคิดว่าผลงานของเขาต้องถูกซ่อนไว้อยู่
ในสถานที่ลับสุดยอดที่มีแต่ช่างฝี มือที่ลำเลิศที่สุด,ในหมู่พวกเราเหล่า
คนแคระ,สามารถที่จะเข้าไปได้ ถ้าเกิดว่ามันเป็นช่างแกะสลักที่ได้รับ
การยกเว้นล่ะ, เขาหรือเธอคนนั้นอาจจะสามารถค้นพบมันแล้วก็ได้”
วีดพยักหน้า
“นั่นก็อาจจะเป็นไปได้”
“ได้โปรดบอกให้ข้ารู้ หากเจ้าสามารถหาร่องรอยของคนๆนั้น
พบ, เพราะข้าต้องการที่จะเอามันมาถูกับหน้าเจ้าพวกเอลฟ์ อวดดีนั่น
และพวกมนุษย์”
*ติ๊ง!*
เรื่องเล่าตั้งแต่สมัยโบราณกาลที่เกินกว่าจะเชื่อได้ ถูกเปิ ดเผยโดยกิลด์ช่าง
แกะสลักของคนแคระ
พวกคนแคระอ้างว่ามีช่างแกะสลักที่สามารถสร้างไฟและน้ำ, แสงสว่าง
และความมืด, ในหมู่ของพวกเขา อย่างไรก็ตาม, คนอื่นๆต่างพากันไม่
เชื่อถึงการกล่าวอ้างนี้
“ขณะที่คนแคระอาจจะเป็นเผ่าพันธุ์ที่สามารถผลิตสุดยอดอาวุธ
คุณภาพเยี่ยม, ไม่ว่าพวกเขาจะมีความสามารถมากแค่ไหนก็ตาม, คว
ามสามารถทางด้านศิลปะของพวกเขานั้นเหมือนเด็กน้อยเลย เพราะ
พวกเขานั้นเตี้ย, ถึงแม้พวกเขาจะบอกว่าพวกเขาสามารถแกะสลักได้,
พวกเขาจะทำมันได้อย่างไรล่ะ? ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
คำดูถูกเหยียดหยามของพวกเอลฟ์ ดังลั่นไปทั่วทั้งป่ า
“พวกคนแคระยังต้องเรียนรู้เกี่ยวกับความลึกลับและความงดงามของ
ธรรมชาติ”
ถึงแม้ว่าคำพูดของพวกเขานั้นจะทำให้ดูน่าอับอายมากแค่ไหน แต่พวก
คนแคระก็ไม่ได้คิดที่จะต่อต้าน โต้ตอบเลยแม้แต่นิดเดียว
การที่พวกคนแคระจะสามารถกู้คืนศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจของ
พวกเขาคืนมาได้นั้น พวกเขาจำเป็นที่จะต้องค้นหาร่องรอยผลงานของ
ช่างแกะสลักคนแคระ เค็นเดลฟ์
ระดับความยาก: เควสเผ่าพันธุ์ช่างแกะสลักคนแคระ
รางวัลตอบแทน: เกียรติยศ ชื่อเสียง ในหมู่คนแคระ
ข้อกำหนดการทำเควส: รับได้เฉพาะช่างแกะสลักคนแคระเท่านั้น
ถ้าเควสล้มเหลว, พวกคนแคระจะได้รับการปฏิบัติจากพวกมนุษย์
เหมือนกับที่พวกเอลฟ์ ทำ
พวกคนแคระที่ยืนฟังเรื่องราวอยู่รอบๆนั้น ต่างพากันพยายามที่จะลด
ความมุ่งมั่นในการทำเควสของเขา
“ผู้ฝึกสอนก็เคยให้ข้าทำเควสแบบเดียวกันนี้มาก่อน”
“อย่าไปรับมันเลย มันเป็นเควสที่ยากลำบากสำหรับพวกเราเหล่าคน
แคระที่เลือกการแกะสลัก ถ้านายรับเควสนี้แล้วล่ะก็, มันยากมากที่จะ
ยกเลิกเควสนี้ในภายหลัง, และมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำเควสนี้ให้
สำเร็จ ฉันสาบานได้”
“ข้าเคยรับเควสนี้มาก่อน, แต่ไม่มีใครรู้อะไรเลยเกี่ยวกับเค็นเดลฟ์ มัน
เป็นเควสที่ข้านั้นต้องยอมแพ้หลังจากที่ต้องทนทุกข์ทรมานในการที่จะ
พยายามทำเควสนี้ให้สำเร็จ ข้าต้องทนทรมานด้วยความยากลำบาก
กว่าที่จะกู้คืนชื่อเสียงที่เสียไปและความสนิทสนม”
พวกคนแคระพยายามที่จะหยุดคนแคระที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน, แ
ละพยายามพลักดันให้เขาตอบปฏิเสธเควสไปซะ แต่ถึงอย่างไร
ก็ตาม, พวกเขาก็สงสัยด้วยความอยากรู้อยากเห็นมากสุดๆ
‘แต่ครั้งนี้, การอธิบายและรายละเอียดของเควสนั้นแตกต่างออกไปสัก
เล็กน้อย…’
อันที่จริงแล้ว มันแตกต่างสุดๆไปเลยล่ะ
แต่เพราะเขาและพวกคนแคระคนอื่นๆที่ใคร่อยากรู้เกี่ยวกับเค็นเดลฟ์ ,
พวกเขาจึงถูกบังคับให้ต้องยอมรับเควสนี้และออกค้นหาเกี่ยวกับเขา
มันเป็นเควสเผ่าพันธุ์; พวกเขาจึงตอบรับมันไปเพียงเพราะพวกเขาคิด
ว่ามันต้องได้รางวัลหรือโบนัสอะไรเพิ่มเติมหลังจากที่ทำเควสนี้สำเร็จ,
แต่ต้องมีคนแคระมากมายที่เสียใจหลงไปรับมัน
อย่างไรก็ตาม, ไม่เหมือนเมื่อก่อน, เขาให้รายละเอียดกับวีดค่อนข้าง
มากอีกทั้งยังใจดีอธิบายให้วีดฟังอย่างนุ่มนวล พวกคนแคระสังเกต
เป็นอย่างดีว่าเขามีชื่อเสียงเท่าไหร่และค่าความสนิทสนมมากแค่ไหน
กันแน่รวมถึงความแตกต่างของทักษะการแกะสลักของเขาที่ทำให้บท
สนทนาของผู้ฝึกสอนนั้นเปลี่ยนไป
และต่อมา วีดพูด
“ข้าเชื่อว่ามันคือเรื่องจริงที่ ครั้งหนึ่งพวกเราคนแคระมีสุดยอดช่างแกะ
สลักในหมู่คนแคระด้วยกัน ข้าจะต้องหาหลักฐานเจออย่างแน่นอนและ
จะเอามันมาถูหน้าเจ้าพวกเอลฟ์ อวดดีพวกนั้น”
“ขอบคุณเจ้ามากนะ ข้าหวังว่าเจ้าจะหามันพบ”
เพื่อแสดงถึงความมีน้ำใจของวีด, ผู้ฝึกสอนได้มอบรูปแกะสลักของ
เอลฟ์ ให้กับเขา
“โอ้! เขารับเควสนี้แล้ว”
“ถึงแม้ว่าข้าจะขอร้องเขามากแค่ไหนก็ตาม..คุณ,ได้โปรดยกเลิกมันไป
เสียเถอะ ก่อนที่มันจะสายเกินไป”
พวกคนแคระที่อยู่ข้างเขาไม่สามารถที่จะอดทนอย่างใจเย็นได้
อันที่จริงแล้ว พวกเขากระวนกระวายใจ
ถึงแม้ว่าคนอื่นๆจะเคยเป็นพวกที่เคยล้มเหลวจากการรับเควสนี้, มัน
เป็นที่รู้กันว่าเควสนี้นั้นยากเกินกว่าจะทำให้มันสำเร็จได้ อย่างไรก็ตาม
เมื่อวีดปรากฏตัวขึ้นและได้ตอบรับเควสนี้, พวกคนแคระต่างรู้สึกไม่
สบายใจที่ว่าเขาอาจจะทำมันสำเร็จก็ได้
“ผู้ฝึกสอน, ข้าก็เชื่อในเรื่องเล่าของช่างแกะสลักเค็นเดลฟ์ ข้าต้องการที่
จะค้นหาร่องรอยของเขา”
“ข้าก็ด้วย…”
“ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าทำมันล้มเหลวไปแล้วไม่ใช้เหรอ? แต่ก็เอาเหอะ มัน
จะเป็นการดีกว่า ยิ่งมีคนแคระเข้าร่วมเหตุการณ์ในครั้งนี้มากเท่าไหร่ยิ่ง
ดี”
พวกคนแคระที่ตื่นตัวพากันออกไปพร้อมๆกันหลังจากที่ได้รับเควสจาก
ผู้ฝึกสอนเพราะพวกเขาทั้งหมดสงสัยว่าพวกเขาอาจจะถูกทิ้งไว้เป็ น
เพียงเบื้องหลัง วีด,สร้างโอกาสของเขาได้เป็นอย่างมาก, และออกจา
กกิลด์ช่างแกะสลักไป
หมู่บ้านคนแคระ, หัตถ์เหล็กกล้าถูกสร้างขึ้นตามทางที่ขรุขระของยอด
เขา
ร้านช่างตีเหล็กและบ้านถูกสร้างขึ้นบนพื้นผิวที่ไม่เรียบสม่ำเสมอ, และ
จัตุรัสของหมู่บ้านถูกสร้างขึ้นในรูปแบบของบันได มันมีพื้นที่ราบเรียบ
ค่อนข้างน้อย, และพวกมันยังมีราคาที่แพงมากอีกด้วย
ไม่มีที่ไหนที่เหมือนกันจัตุรัสของหมู่บ้านที่ผู้คนต่างพากันขายของที่พวก
เขาไม่ต้องและรับสมัครเพื่อนร่วมทีม
วีดเดินไปที่มุมของจัตุรัสและเริ่มการแกะสลัก
*ซึ้ก-ซึ้ก*
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าแคระนั่นมีทักษะการแกะสลักที่สุดยอดมาก, มัน
เป็นเรื่องจริงแน่เหรอ?”
“มันเห็นได้ชัดเจนว่า ไม่ว่าใครก็ตามที่รับและทำเควสของเค็นเดลฟ์ ได้
สำเร็จจะถูกพูดถึงมันไปตลอด”
“งั้นข้าก็คงต้องรอดูมันแล้วล่ะ”
พวกคนแคระจับตามองดูวีดอย่างใกล้ชิด พวกผู้เล่นที่รับเควสของ
เค็นเดลฟ์ ต่างเต็มไปด้วยความรู้สึกเสียใจ
วีดตั้งใจที่จะแก้ปัญหาของเขาด้วยเควสนี้
วีดกำลังนั่งแกะสลักอยู่ ต้องการแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะย้าย
ไปที่อื่นเลย
ด้วยทักษะอันแสนมหัศจรรย์ของเขา ทำให้เขาสามารถแกะสลักบล็อก
ไม้ทรงกลมเพียงแค่หมุนมันเท่านั้น, เหมือนกับว่ามันเป็นลูกแอปเปิ้ล!
แม้กระทั่งหลังจากที่กลายมาเป็นคนแคระ, พวกที่ไม่มีตัวตนยังคง
กระซิบอยู่ในหูของเขา
- ข้าขอโทษที่เมินเจ้ามาจนถึงตอนนี้ ได้โปรดรีบๆแกะสลักข้าซะทีเถอะ
- มองมาที่ข้าสิ;มองมาที่ข้าและจงแกะสลักข้าซะ พวกช่างแกะสลัก
ชอบเมินการมีอยู่ของพวกเรา
- อ่อนหัด ช่างน่าสมเพชยิ่งนัก ไม่ใช่ว่าเจ้าปรารถนาพลังหรอกรึ?
มันอาจจะเป็นเพราะเขาเปลี่ยนรูปร่างเป็นคนแคระด้วยการใช้ทักษะ
การแกะสลัก, แต่พวกนั้นที่บ่นพึมพำด้วยเสียงที่มีพยายามดึงดูดใจ
กลับสุภาพเรียบร้อยมากขึ้น
พวกมันหยุดร่ายคำสาปใส่เขาหลังจากที่เขาแสดงทักษะของเขาในกิลด์
ช่างแกะสลัก, เพราะนั่น, เขาจึงแกะสลักด้วยความสบายใจ
“ไม่, เดี๋ยวนี้! มันไม่ใช่ว่าข้าต้องการที่จะอยู่ที่นี่ตลอดทั้งวันทั้งคืนแบบนี้
ข้าจะทำรูปแกะสลักให้เจ้า ได้โปรดกรุณาต่อแถวด้วย, อยู่ในแถว
ด้วย!”
ท่าทางแบบนี้, เขาขายของที่ระลึกให้แก่คนแคระหนุ่มสาวเป็นธรุกิจ
เสริม…
ขณะที่ไม่ค่อยมีคนแคระมากนักที่มีทักษะที่โดดเด่น, ในหมู่พวกนักรบ
และนักสู้ ถ้าช่างแกะสลักตัวเล็กมากกว่านี้, มันจะมีความเป็นไปได้
มากที่จะมีประโยชน์ในการต่อสู้
ในกรณีนี้, เขาดำรงชีวิตอยู่ด้วยการขายรูปแกะสลัก, เขาขายพวกมัน
ให้กับพวกพ่อค้าที่ต้องการซื้อและเขายังขายพวกมันให้กับพวกนักท่อง
เที่ยวได้อีกด้วย
“คุณเพิ่มราคาให้อีกแค่ 1 เหรียญทองแดงได้ไม่ได้เหรอ?”
“มันเป็นรูปแกะสลักที่ข้าทำขึ้นด้วยความพยายามอย่างมาก…ได้
โปรดเพิ่มให้ข้าอีก 1 เหรียญทองแดงเถอะนะ แล้วข้าจะพาดูรอบๆใน
ราคาที่ถูกสุดๆเลยล่ะ”
“ข้าลดราคาให้พิเศษเลยนะเนี่ย ช่วงเวลาพิเศษแบบนี้เท่านั้น, รูปแกะ
สลักทั้งหมดลดราคา 30%! ใครมาก่อนได้ก่อน เฉพาะ 5 คนแรก
เท่านั้น”
สำหรับพวกคนแคระ, การลดราคาขายให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างมาก, ขณะ
ที่คนอื่นๆเดินหนีไปด้วยความมั่นใจที่ถูกบดขยี้ พังทลายลงมา
พวกคนแคระที่มองดูอยู่นั้นสูญเสียความหวังและกำลังใจที่ถูกบดขยี้
หายไปในพริบตาและสุดท้ายทำได้เพียงต้องเดินจากไป
ถึงแม้ว่าเขาเริ่มการแกะสลักเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงพวกที่คอยตามเขามา,
ตอนนี้วีดเปี่ ยมล้นเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ เมื่อเปรียบเทียบระหว่าง
การแกะสลักและขายรูปแกะสลักในหมู่บ้านอื่นและอาณาจักรอื่น, ปฏิ
กิริยาการตอบสนองของลูกค้าที่นี่นั้นช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“รูปแกะสลักของเจ้าช่างแตกต่างจากของพวกคนแคระพวกนั้นที่ทำมัน
ขึ้นมา ข้าจะจ่ายให้เจ้า 1 เหรียญทอง”
“ขอบคุณมาก มันสวยมากๆเลย”
“เจ้าทำของพวกนี้เป็นที่ระลึกสำหรับพวกที่เดินทางมายังที่หมู่บ้านคน
แคระแห่งนี้อย่างนั้นเหรอ? ขอบคุณมาก”
เพื่อที่จะแสดงความเคารพต่อช่างฝี มือปรมาจารย์คนแคระ, โดยปกติ
แล้วพวกเขาจะจ่ายในราคาที่พวกเขาถาม เขาได้รับการปฏิบัติที่แตก
ต่างจากหมู่บ้านของพวกมนุษย์
รูปแกะสลักคนแคระกลายมาเป็นเรื่องที่น่าตลกขบขันในสายตาของ
แขกผู้มาเยือน, มันได้รับความนิยมเป็ นอย่างมาก, มันขายดีสุดๆไปเลย
และผลงานชั้นเยี่ยมที่เขาบรรจงสร้างมันขึ้นมาจากความรู้สึกที่อยู่
ภายในตัวเขาเหนือสิ่งอื่นใดในโลกนี้!
*ติ๊ง!*
- ผลงานชั้นเยี่ยม! คนแคระเด็กผู้ชายสำเร็จแล้ว!
เด็กผู้ชายคนแคระท่าทางดูมีความสุขกำลังสวมหมวก
ถึงแม้ว่ารูปแกะสลักนี้ไม่ได้มีความละม้ายคล้ายคลึงกับรูปลักษณ์
ภายนอกของเด็กสักเท่าไหร่, หนวดเคราของเขาที่ขาดหายไปนั้นบ่ง
บอกให้คุณได้รู้ถึงความอ่อนเยาว์ของเขา
เมื่อมองเข้าไปใกล้ๆรูปแกะสลัก, ลึกๆข้างในนั้นสามารถมองเห็นถึง
ศิลปะการแกะสลัก
คุณค่าทางศิลปะ: เพราะมันเป็ นผลงานของช่างแกะสลักที่ผ่านการ
รับรอง, 73
คุณสมบัติพิเศษ: ค่าโชคดีเพิ่มขึ้น 7
ผลงานชั้นเยี่ยมที่สร้างสำเร็จแล้ว: 34
- ผลของทักษะการแกะสลักทำให้ค่าประสบการณ์เพิ่มขึ้น
- ชื่อเสียง เพิ่มขึ้น 1.
มีข้อผิดพลาดเล็กน้อยอยู่นิดหน่อยแต่รูปแกะสลักยังคงออกมาเป็นผล
งานชั้นเยี่ยมอยู่
ฉันคิดว่ามันออกมาค่อนข้างดีเลยทีเดียวสำหรับมาตรฐานของฉันน่ะ
นะ, แม้กระทั่งถั่วมันยังงอกออกมาได้เลยถึงแม้มันจะอยู่ในสภาวะ
ท่ามกลางสภาพอากาศที่แห้งแล้ง
ตั้งแต่ที่เลือกเดินเส้นทางแห่งประติมากรนิรันดร์กาล, ผลงานชั้นเยี่ยม
นั้นสามารถทำออกมาได้ค่อนข้างบ่อยขึ้นและมากขึ้น
‘ทั้งหมดนี้ต้ องขอบคุณประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นมาของทักษะของเรา’
วีดรู้สึกพึงพอใจกับผลลัพธ์ที่ออกมาในตอนสุดท้าย ไม่เพียงแต่แค่
ทักษะการแกะสลักที่เพิ่มขึ้นมาเท่านั้น, ทักษะที่เกี่ยวข้องกัน
ประสิทธิภาพของมันเพิ่มขึ้นอีก 20%
เคล็ดมีดแกะสลักเพิ่มขึ้น 20%, และประติมากรรมจำแลงสามารถ
บรรยายและแสดงลักษณะของเผ่าพันธุ์นั้นๆได้ดีขึ้น
วีดสามารถใช้วิธีที่รวดเร็วที่เขาได้เรียนรู้มาจากงานชั่วคราวที่ผิดกฏ
หมายในตอนที่เขายังเป็นวัยรุ่นอยู่
รูปแกะสลักผลงานชั้นเยี่ยมประมาณ 45 ชิ้น ถูกสร้างขึ้น, เขาสามารถ
ทำเงินได้ประมาณ 1,200 เหรียญทอง
มันเป็นอะไรที่จิ๊บจ๊อยหากเปรียบเทียบกับอาชีพอื่น, แต่ด้วยเงินทั้งหมด
ที่เขามีอยู่ ได้เอาไปลงทุนในโมราต้า แม้กระทั่งจำนวนเงินที่เล็กก็ยังมี
ค่า!
วีดยังคงแกะสลักอยู่ตลอดทั้งคืน
เมื่อรุ่งเช้ามาถึง, กองกำลังเพื่ออิสรภาพของคนแคระเข้ามายังจัตุรัส
กลางเมือง
“หนึ่งวันสำหรับการเก็บภาษีจากพวกนักเดินทางทั้งหมด!”
ทุกคนจำเป็นต้องจ่ายภาษีสำหรับกิจกรรมทางพาณิชย์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น
ในจัตุรัสแห่งนี้, ถ้าหากคุณไม่จ่ายภาษีตามจำนวนที่ต้องการล่ะก็, คุณ
จะถูกบังคับให้ต้องออกจากที่แห่งนี้
กองกำลังเพื่ออิสรภาพของคนแคระปกครองกิลด์ทั้งหมดในหัตถ์
เหล็กกล้า!
กองกำลังเพื่ออิสรภาพของคนแคระเพิ่มอัตราภาษีของหมู่บ้านมากถึง
35%, ทำให้มันมีอัตราภาษีที่สูงกว่าหมู่บ้านอื่นๆ
อัตราภาษีมหาโหด!
คนส่วนใหญ่เห็นด้วย,การที่เป็นหนึ่งเดียวกัน, แต่ชื่อกลุ่มอาจจะไม่ค่อย
เหมาะกับพวกเขาสักเท่าไหร่
‘พวกเขาควรที่จะเปลี่ยนชื่อกลุ่มของพวกเขานะ กลุ่มผู้แสวงหาผล
ประโยชน์จากคนแคระดูจะเหมาะกว่านะ’
กองกำลังเพื่ออิสรภาพของคนแคระควบคุมอาณาจักรธอร์, รวมอีก 8
กิลด์และหมู่บ้านเล็กหมู่บ้านน้อยตามที่ต่างๆ
ทุกๆเดือนกิลด์ต้องส่งเครื่องบรรณาการไปให้มังกรปี ศาจเคย์เบิร์นในรูป
แบบของสินค้าต่างๆ
ด้วยเหตุนี้เองพวกคนแคระจึงไม่สามารถกลายมาเป็นเศรษฐีได้ซะที
พวกคนแคระที่มีทักษะช่างตีเหล็กระดับเริ่มต้นไม่เปิดหูเปิดตาออกมา
เพื่อหลีกเลี่ยงอัตราภาษีที่สูงลิ่ว
ส่วนพวกที่มีทักษะอยู่ในขั้นกลางพยายามที่จะโกหก เฉไฉไปมาว่า พวก
เขากำลังจะย้ายไปที่หมู่บ้านอื่น อย่างไรก็ตามกองกำลังเพื่ออิสรภาพ
ของคนแคระนั้นมีอิทธิพลเหนือหมู่บ้าน, บังคับให้พวกเขาต้องจ่ายภาษี
ให้ได้อยู่ดี
คนแคระจากกองกำลังเพื่ออิสรภาพเดินตรงไปหาวีด
“หัตถ์แห่งศิลป์ , เจ้าต้องจ่ายค่าภาษีด้วย”
“รุ่นพี่, การหาเช้ากินค่ำ อยู่ไปวันๆ เป็ นชะตาของคนแคระผู้อับจน”
“ช่างแกะสลักคนอื่นๆเค้าจ่ายภาษีกันหมดแล้ว และจากที่พวกเรา
ได้ยิน, ดูเหมือนว่าเจ้าหามาได้เยอะพอสมควรนะ”
“ข้าเพิ่งถูกไล่ตามมาจากการแกะสลักและมันเป็นความจริงที่ว่าข้ามี
ลูกค้าอยู่นิดหน่อย อย่างไรก็ตาม, คนอื่นๆอิจฉาข้าและทำให้ข้าเสื่อม
เสียชื่อเสียง ช่างแกะสลักจะสามารถทำเงินได้สักเท่าไหร่กันเชียว?”
“ได้โปรดรับมันไว้ที่ 15 เหรียญทอง”
“ข้าไม่สามารลดให้เจ้าได้ 20 เหรียญทอง จ่ายมาซะ ถ้าเจ้าไม่จ่ายก็
เชิญออกไปจากหมู่บ้านนี้”
ด้วยการข่มขู่ของนักรบคนแคระ, วีดจึงไม่มีทางเลือก เขาจำเป็นต้อง
จ่ายไป 20 เหรียญทอง อย่างไรก็ตาม, มันเป็นจำนวนที่ต้องจ่ายน้อย
มากถ้าคุณเปรียบเทียบกับภาษีที่พวกช่างฝี มือที่ทำอาวุธต้องจ่ายเป็น
จำนวนหลายร้อยเหรียญทอง การเก็บรวบรวมรายได้ของพวกเขาจาก
เงินภาษี, กองกำลังเพื่ออิสรภาพของคนแคระได้กำไรอย่างมหาศาล
ภายใต้การปกป้ องของมังกรปี ศาจเคย์เบิร์น, มันไม่มีความจำเป็นใน
การก่อตั้งกองทัพขึ้นมาเพราะไม่มีมอนสเตอร์หรืออาณาจักรอื่นๆกล้า
มารุกราน มีบางครั้งบางคราวที่พวกคนแคระรวมพลังต่อต้าน ดิ้นรน
แต่นั่นก็คงอยู่ไว้ได้ไม่นาน หรือไม่ก็กลายเป็ นหายนะ
พวกคนแคระเป็นเผ่าพันธุ์ที่อยากต่อการปิดล้อม
เมืองและหมู่บ้านถูกสร้างขึ้นบนภูมิประเทศที่เลวร้ายของภูเขา, ซึ่งเป็ น
ข้อได้เปรียบอย่างมหาศาลในการเป็นฝ่ ายตั้งรับ,และ,ไม่มีทั้งจอมเวทย์
หรือนักธนู, พวกเขาก็ไม่มีทรัพยากรที่จำเป็นในการเป็นฝ่ ายโจมตี
อาณาจักรของคนแคระช่างน่าผิดหวังยิ่งนัก
ถึงแม้มันจะเป็นสถานที่กำเนิดของพวกเขา, พวกที่มีทักษะพอประมาณ
ได้เตร็ดเตร่ เร่ร่อนไปทั่วทวีปเวอร์แซลล์
“อ้า! รูปแกะสลักมันช่างสวยอะไรขนาดนี้, เมื่อไม่นานมานี้ฉันสร้าง
พวกมันขึ้นมาโดยไม่มีข้อผิดพลาดใดๆทั้งสิ้น”
“เธอพูดเรื่องอะไรน่ะ, พิน? รูปปั้นทองเหลืองที่เธอสร้างขึ้นมาเมื่อวาน
ยังดูน่าภูมิใจกว่าอีก แล้วรูปปั้น ‘เด็กแคระท่าทางกระวนกระวาย’ นั่น
จะดูดีกว่าได้ยังไง?”
“จากมุมมองของผู้หญิงอย่างฉัน, รูปแกะสลักที่คุณสร้างขึ้นมาในวันนี้
ช่างน่าดึงดูดใจมากกว่าอีก”
วีดสร้างรูปแกะสลักของคนสองคนที่กำลังทะเลาะกันและเถียงกันไม่
หยุด
เฮอร์แมนมีอาชีพเป็นช่างตีเหล็กคนแคระ สายตาที่มองวีดกำลังทำรูป
แกะสลัก, เขาพูด
“นายดูเหมือนช่างตีเหล็กที่มาพร้อมกับทักษะอันสุดยอด”
วีดมองอย่างช่วยไม่ได้ จึงถามกลับไปที่เขา
“นายรู้ได้ไง”
“ถ้านายมองเข้าไปใกล้ๆนะ มันชัดเจนมากเลย นายไม่ใช่คนแคระที่มา
จากแถวนี้ใช่มั้ย?”
“ใช่แล้วล่ะ”
“ณ ที่แห่งนี้, คนแคระส่วนใหญ่เป็นกันเองและอาศัยอยู่ร่วมกัน ถึง
แม้ว่าคนส่วนใหญ่คิดว่าคนแคระทั้งหมดนั้นเหมือนกันหมด, แต่ถ้ามอง
เข้าไปใกล้ๆแล้ว, มันมีจุดที่แตกต่างกันอยู่เล็กน้อย”
ความยาวของหนวดเครา, สีผม, รูปร่างของเสื้อแจ็คเก็ต, และกระทั่ง
ขนาดของหัวที่แตกต่างจากรสนิยมของคนแคระ ถึงแม้คนอื่นจะ
แยกแยะได้ออกค่อนข้างลำบาก, แต่ถ้าเริ่มปรับตัวคุ้นเคยให้เข้ากับ
พวกคนแคระได้, มันจะกลายเป็นเรื่องง่ายเลยทีเดียวในการที่จะบ่ง
บอกถึงความแตกต่างในหมู่คนแคระด้วยกัน ดังนั้นเฮอร์แมนจึงพูดออก
ไปในขณะที่เขากำลังเอามือลูบหนวดเคราของเขาไปด้วย
“ในขณะที่ฉันกำลังคิดอยู่นั้น ฉันก็รู้มาค่อนข้างมาก, ช่างแกะสลักคน
แคระส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในอาณาจักรธอร์, ไม่มีใครเลยสักคนในหมู่
พวกเขาเหมือนกันกับนายเลย”
“มันชัดเจนว่านายรู้วิธีการแกะสลัก”
“มันเป็นอาชีพที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากนัก พูดถึงการแกะสลัก
แล้ว, ไม่ใช่ว่านายก็มีทักษะการใช้มือด้วยเหรอ?”
“ถึงแม้ว่าฉันจะฝึกมาเพื่อการแกะสลักโดยเฉพาะ, มันไม่มีเหตุผลอื่น
เลยที่ฉันจำเป็นต้องเรียนทักษะอื่นๆ อีกอย่างมันค่อนข้างยากลำบาก
กว่าจะเรียนรู้มันได้ มันจะดีกว่าถ้าฉันเลือกที่เน้นไปที่การแกะสลักเพียง
ด้านเดียว”
“นายสามารถเห็นพวกคนแคระที่กำลังดิ้นรนอยู่”
“พวกคนแคระที่ทำงานแกะสลักนั้นเป็นพวกมีความฝันและพยายามทำ
มันให้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม, จำนวนจริงๆของพวกคนแคระที่ประสบ
ความสำเร็จนั้นค่อนข้างน้อยมาก มือของพวกเขาเต็มไปด้วยร่องรอย
การฝึกฝนทักษะการแกะสลัก, แล้วพวกเขาจะไปมีเวลาพัฒนาทักษะ
อื่นๆได้ยังไงล่ะ? อย่างไรก็ตามฉันคิดว่าคนที่มีความสามารถแบบนาย
จะทำมันได้สำเร็จ”
“ทำไมการประเมินของนายช่างดูแม่นยำนัก?”
“นายรู้บ้างมั้ยว่า นายนั่งอยู่ที่ตรงนี้และแกะสลักมานานแค่ไหนแล้ว
และยังกินแต่เศษขนมปังอีก?”
วีดไม่ได้รู้เลยว่าเวลาได้ผ่านไปนานเท่าไหร่ “มันผ่านมาแล้ว 22 ชั่วโม
ง จากการที่ได้เห็นความสงบเยือกเย็น, ความอดทน, และทักษะการ
แกะสลักอันโดนเด่น, ฉันเดาได้เลยว่านายไม่ได้คิดที่จะพัฒนาทักษะ
อื่นๆเลย”
โดยเฉพาะเผ่าพันธุ์ของพวกคนแคระนั้น มีผู้เล่นที่มีอายุค่อนข้างมากที่
เลือกเล่นเผ่าพันธุ์นี้ค่อนจ้างเยอะเลยทีเดียว
การผลิต,และ โดยเฉพาะอันดับของสายการผลิต, เป็นอะไรที่น่าเบื่อ
และน่ารำคาญสุดๆในความคิดของพวกคนหนุ่มสาว
เฮอร์แมนเป็ นผู้เล่นอาวุโสที่อยู่ในช่วงวัยกลางคน อายุประมาณ
กลางๆ 40
ลูกชายและลูกสาวของเขา ทั้งคู่เป็นทหารอยู่ในอาณาจักรอื่น; อาชีพ
ของเขาคือคนสวน, และเขามักหยุดพักในแต่ละที่เป็นเวลา 3 ถึง 4 เดื
อน เฮอร์แมนมีชีวิตอยู่อาศัยในขณะที่เขากำลังมีความสุขและสนุกกับ
การที่ได้ซ่อมแซมและสร้างอาวุธกับชุดเกราะให้กับลูกๆของเขาใน
ระหว่างที่เขาได้มาแวะพักอยู่แถวนั้น
ข้างๆเฮอร์แมน, มีผู้เล่นผู้หญิงชื่อพิน
ผู้หญิงกับชื่อที่น่ารัก เธอเป็นผู้หญิงที่มาจากเผ่าเอลฟ์ !
ไม่เหมือนพวกนางฟ้ าตัวผอม บอบบาง, แต่เป็นเอลฟ์ ผู้หญิงที่เหมือน
กันมนุษย์ผู้ใหญ่ ถึงแม้อาชีพของเธอคือชาแมน, เมื่อเธอเดินทางมาถึง
หมู่บ้านคนแคระ,เธอก็ปักหลักอยู่ที่นี่ เพื่อให้ดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ เธอจึง
ต้องมีความถนัด; ไวน์แห่งวิญญาณ
เมื่อทำการบูชาเสนอไวน์แห่งวิญญาณแก่พระแม่ธรณีในอาณาจักรธอร์
ผลของมันจะเพิ่มขึ้นสองเท่า
ในการที่จะผลิตไวน์แห่งวิญญาณเพื่อทำให้ดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอนั้น
จำเป็นต้องผ่านระดับขั้นกลางให้ได้ซะก่อน, เธอเลือกดินที่ดีและมีพลัง
ที่แข็งแกร่งมาก, ทำการบูชา, และอยู่รอในบริเวณนั้น
ตั้งแต่ที่วีดอยู่ในตลาดนัดของหมู่บ้านหัตถ์เหล็กกล้าและแกะสลักติดต่อ
กันต่อเนื่องนานกว่า 20 ชั่วโมง, เขาคุ้นเคยและสนิทสนมกับผู้คนใน
หมู่บ้านมากมายนอกจากผู้เล่นสองคนนี้
“หัตถ์แห่งศิลป์ , เจ้าทำรายการตู้ประดับมุกที่ข้าสั่งไว้ เสร็จรึยัง?”
“ใช่ นี่คือผลงานที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว”
วีดส่งมอบตู้ประดับมุกที่เขาทำขึ้นมากับมือ
ถึงแม้ว่ามันค่อนข้างเกินกว่าที่จะเรียกได้ว่าพวกมันคือรูปปั้นจริงๆ, พว
กมันเป็นเพียงแค่ของที่ทำขึ้นมาง่ายๆ ตอนนี้เขาสามารถทำงานฝี มือที่
ต้องใช้ทักษะมากขึ้น
ตั้งแต่ งานไม้, งานโลหะ, เทคนิคการตัดแต่งที่หลากหลาย, งาน
ฝี มือ, และงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับความถนัดในการใช้มือ ทั้งหมดล้วน
เกี่ยวข้องกับการแกะสลัก, มันเป็นข้อยกเว้นอย่างหาที่สุดไม่ได้ที่ต้อง
ผ่านการฝึกฝนมากมาย
ตู้ประดับมุกต้องมีรายละเอียดและการใช้งานที่สะดวกสบาย นั่นจึง
จำเป็นต้องการความรู้ความสามารถทางศิลปะและมันไม่ง่ายเลยที่จะ
ทำมันขึ้นมาสักชิ้นนึง
“ยอดเยี่ยมมาก, หัตถ์แห่งศิลป์ ! มันต้องเป็นคำขอร้องที่ยากน่าดูเลย,
แต่ข้าชอบมันนะ เจ้าทำมันเสร็จเรียบร้อยด้วยความประณีต ละเอียด
ลออ และพิถีพิถันใส่ใจกับงานชิ้นนี้มากเหมือนอย่างกับว่าเจ้าเป็นส่วน
หนึ่งของพวกเราตระกูลคนแคระ”
คนแคระคนนั้นจ่ายเงินค่าทำตู้ประดับมุกแล้วเดินจากไปพร้อมกับมัน
วีดรู้สึกพึงพอใจกับการแลกเปลี่ยนในครั้งนี้
ตู้ประดับมุกมีราคาค่อนข้างแพง, เขาทำมันขึ้นมาให้มีมูลค่ามากกว่า
เดิม
“หัตถ์แห่งศิลป์ , แล้วปลอกใส่ดาบที่ข้าสั่งไว้ล่ะ เสร็จรึยัง?”
“มันอยู่นี่แล้ว ข้าทำมันเสร็จเรียบร้อยทุกอย่างเลย”
“ขอบคุณมาก แล้วเรามาทำธุรกิจด้วยกันอีกนะ”
พวกคนแคระยังคงมองเขาต่อไป
“คุณคะ, แล้วรูปปั้นนกกระเรียนที่ฉันทำมันตกแตก ตอนนี้มันซ่อมเสร็จ
แล้วรึยังคะ? ถ้าฉันถูกแม่จับได้ล่ะก็, ฉันต้องมีปัญหาแน่ๆเลย”
“ผมใช้กาวคุณภาพสูงติดส่วนคอให้แล้วล่ะ มันดูดีเหมือนของใหม่เลย”
“คุณไม่เห็นรอยขีดข่วนเลย,ใช่มั้ย”
“แน่นอนค่ะ”
วีดจัดการคำขอร้องทั้งหมดที่มีอยู่ในหมู่บ้าน
ขณะที่มีคำขอร้องของผู้คนมากมายให้สร้างรูปแกะสลักแบบพิเศษ, คำ
ขอร้องส่วนใหญ่เป็นอะไรที่จิ๊บจ๊อยมาก ถ้าพวกคนแคระยังมีชิ้นส่วน
ของความโลภอยู่, พวกเขาจะรีบทำมันด้วยตัวเองทันทีดีกว่าที่จะไว้ใจ
คนอื่นให้ทำมันแทนพวกเขา
อย่างไรก็ตาม, งานที่พวกคนแคระในหมู่บ้านร้องขอมานั้นไม่ได้ให้ผล
ตอบแทนที่ดีเท่าไหร่นัก, ชื่อเสียง, หรือ ความสนิทสนมก็เช่นกัน
ด้วยระดับทักษะของเขา, ถ้าเขาตั้งใจเน้นไปที่การทำงานในส่วนที่น่า
รำคาญที่สุด มันก็จะเสร็จโดยง่ายในทันที!
ณ ช่วงเวลานั้นเอง, คนแคระเมาเหล้าสวมเสื้อกั๊กสีแดงเดินลงมาตาม
ทางเดินขณะที่กำลังกวาดสายตามองหาอะไรบางอย่าง
“มันอยู่ไหนน้า? ฉันจะไปหามันได้จากที่ไหนอีก? ยิ่งไม่ค่อยมีเวลาซะ
ด้วย ต้องรีบซะแล้ว ก่อนที่ชายคนนั้นจะมา”
วีดมองหาสายตาที่ส่องประกายออกมา
‘ฉันเดาว่ามันคงถึงเวลาที่ต้องหยุดการรอคอยอันแสนยาวนานนี้ซะ
แล้ว’
ไม่มีคนแคระเลยสักคนในหมู่บ้านที่รู้เกี่ยวกับเค็นเดลฟ์ ช่างแกะสลักคน
แคระ มันไม่มีทางที่ผู้คนของอาณาจักรธอร์จะสามารถหามันพบ
- พวกเขาคือ…ผู้ที่อยู่ที่นี่มาก่อนแล้วตั้งแต่ต้นและไม่สามารถที่จะ
ปรากฏเป็นรูปเป็นร่างได้
เจ้า,ผู้ที่รักในการแกะสลัก, สถานที่ที่เจ้าต้องไปคืออาณาจักรของสิ่งมี
ชีวิตขนาดเล็ก มีสถานที่หนึ่งที่พวกสิ่งมีชีวิตที่ดื้อรั้นจะมีความรู้สึกภาค
ภูมิใจอันมหาศาล
อย่างไรก็ตาม, ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่น, ที่นี่คือสถานที่ ที่เทพธิดาเฟร
ย่าห์บอกวีดให้ไป
วีดเดินตรงไปที่คนแคระที่เมาเหล้าคนนั้นและพูดกับเขา
“คุณกำลังมองหาแร่เหล็กดีๆอยู่หรือเปล่า?”
“ใช่เลย! ใช่เลย! เจ้ารู้ได้ยังไง? ยังไงก็แล้วแต่, นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
แต่ถ้าเจ้าเกิดมีแร่เหล็กอยู่ละก็, เจ้ายินดีที่จะขายมันให้กับข้ามั้ย? ข้ารู้
มันเป็นคำขอร้องที่ดูค่อนข้างยาก คนแคระคนอื่นไม่เคยคิดที่จะถามข้า
เลย ข้าก็เลยถามเจ้าผู้ที่ไม่เคยปฏิเสธคนอื่นที่กำลังมีปัญหาและ
ต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า”
- คำขอร้องของคนแคระเดนแฮนด์
เพราะเดนแฮนด์ทั้งขี้เกียจและขี้เมา ไม่ยอมคืนแร่เหล็กให้แก่โรงตีเหล็ก
ภายใยระยะเวลาที่กำหนด, เขาจึงต้องพบกับปัญหาเป็นประจำอยู่
เสมอ เมื่อคนแคระมีค่าเกียรติยศที่มากพอสมควร, เขาจะถามคุณให้
จัดหาแร่เหล็กเพื่อที่จะรักษาสัญญาของเขา, ถึงแม้มันจะเป็นคำขอร้อง
ที่ดูไม่มีเหตุผลสักเท่าไหร่ก็ตาม
ระดับความยาก: F
ค่าตอบแทน: เงินรางวัลจำนวนหนึ่ง
ข้อจำกัดในการทำเควส: ต้องมีแร่เหล็กระดับ 2 มากกว่า 20 ชิ้นขึ้น
ไป
เมื่อวีดเติมเต็มคำขอร้องของพวกคนแคระ, เขาจะได้รับแร่จำนวนหนึ่ง
เป็นรางวัล โดยปกติแล้วพวกคนแคระมักจะไม่ค่อยให้เงิน, นอกจากแร่
และดาบเป็นรางวัลแทน
“ข้าจะนำแร่เหล็กมาให้ท่าน”
“เจ้าเอามันมาให้ข้าได้อย่างนั้นหรือ? ขอบคุณเจ้ามาก”
“ข้ามีเวลาไม่มาก เจ้าจะใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจะสามารถนำแร่พวก
นั้นมาให้ข้าได้? ข้าคือคนแคระผู้รักษาสัจจะยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด ซึ่งนั่น
หมายความว่าเจ้าก็ควรที่จะรักษาสัญญาและไม่ควรมาสายนะ”
“พอดีว่าข้าพกพวกมันติดตัวไว้อยู่ตลอดเวลา งั้นข้าจะนำมันออกมา
ตามจำนวนที่ท่านต้องการเดี๋ยวนี้เลย”
วีดควานหาของที่อยู่ในกระเป๋ าของเขาและเอาแร่เหล็กระดับ 2 จำนว
น 20 ชิ้นออกมา
“ขะ,ขอบคุณมาก! ด้วยแร่พวกนนี้ข้ าสามารถรักษาสัญญาที่ได้ให้ไว้
กับช่างตีเหล็กโนเบิ้ลแฮนด์!”
*ติ๊ง!*
- เควสของคนแคระเดนแฮนด์สำเร็จเรียบร้อยแล้ว
เดนแฮนด์สามารถส่งคืนแร่เหล็กให้กับร้านช่างตีเหล็กได้แล้ว
รางวัลตอบแทนของเควส: ได้โปรดถามเดนแฮนด์โดยตรงเลย
เดนแฮนด์ถาม
“ใช่แล้วล่ะ, ข้าต้องจ่ายให้เจ้าเท่าไหร่สำหรับแร่เหล็กพวกนี้?
20 เหรียญเงิน เป็นไง? มากกว่าราคาปกติทั่วไปนะ ฟังดูดีเลยใช่มั้ย
ล่ะ? ว่าไง?”
ราคาเฉลี่ยของแร่เหล็กระดับ 2 อยู่ที่ 1 เหรียญทอง 30 เหรียญเงิน
ขณะที่พวกพ่อค้าสามารถหามาได้มากกว่านี้ผ่านการซื้อขายที่ตลาด, แ
ต่นี่เป็นมูลค่าที่วีดสามารถยอมรับได้
วีดไม่เห็นด้วยกับราคาและส่ายหัวของเขาไปมา
“ข้าไม่ใช่พวกคนแคระที่น่าขายหน้าที่เห็นแก่ได้ในเวลาที่คับขันแบบนี้
ท่านสามารถให้ข้าได้ที่ 1 เหรียญทอง และ 30 เหรียญเงิน”
“นั่นมันจะดีเหรอ? อันที่จริงแล้ว, ไปที่ผับเถอะและหาเบียร์ดื่มกัน, ข้า
เลี้ยงเอง”
เดนแฮนด์ลูบเคราของเขาอย่างสบายใจ
“เจ้า, เจ้าเป็นคนแคระที่น่าคบหาด้วยจริงๆ ตั้งแต่ที่ข้าเห็นเจ้ามีแร่เหล็ก
ติดตัวอยู่ ราวๆ 20 ชิ้น มันบอกได้ว่าเจ้าต้องชอบเหล็กมากแน่ๆ เจ้าไม่
ได้ถามถึงราคาที่เป็ นไปไม่ได้เลยและแทนที่เจ้าจะถามราคาที่สมเหตุสม
ผล; เจ้าต้องเป็นคนแคระที่มีศีลธรรมมากแน่ๆ”
วีดรับมา 26 เหรียญทองสำหรับแร่เหล็กของเขา หลังจากนั้น, เดน
แฮนด์พูดอย่างใจดี
“เจ้าอยากจะดูรอบๆโรงตีเหล็กของโนเบิ้ลแฮนด์มั้ย?”
วีดถามอย่างกับว่าเขาเป็นคนแคระที่ไม่รู้อะไรเลย
“โรงตีเหล็ก?”
“เมื่อเจ้าอนุญาตเฉพาะพวกคนแคระที่ใกล้ชิด สนิทสนมกับเจ้าเท่านั้น
ถึงจะเข้าไปในโรงตีเหล็กได้, และเกลียดการที่ให้พวกคนที่เจ้าไม่ได้
สนิทใกล้ชิดเข้าไป, ถ้ามันไม่ได้เป็นการถามที่มากเกินไป, ข้าหวังว่าเจ้า
จะไม่ปฏิเสธนะ ข้าต้องไปที่ร้านเหล้าต่อและข้าค่อนข้างยุ่งมาก, ดังนั้น
ข้าจึงอยากให้เจ้าเป็นคนนำเอาแร่เหล็กพวกนี้ไปส่งที่โรงตีเหล็กให้ข้าที”
เควสระดับ F อีกอันปรากฏขึ้นมา!
มันเป็นเควสง่ายๆ เขาแค่ต้องนำแร่เหล็กระดับ 2 จำนวน 20 ชิ้น ไป
ส่งที่ร้านตีเหล็กของโนเบิ้ลแฮนด์
วีดรับเควสนี้และลุกออกจากที่นั่งไป
เฮอร์แมนกำลังหยอกล้อ คุยเล่นอยู่, และทันใดนั้นพินก็หันกลับมาและ
ถาม
“นายกำลังจะมุ่งหน้าไปที่คุรุโซเหรอ?”
“ใช่”
“ฉันขอให้นายประสบความสำเร็จที่นั่นนะ”
เฮอร์แมนจับมือกับเขา
“ขอบคุณ”
“ถ้าอย่างนั้น แล้วเจอกันใหม่นะ”
วีดก้มหัวเล็กน้อยและถอยหลังออกไป
“ถ้าเขาไปแล้ว, คุณคิดว่าเขาจะกลับมาที่นี่อีกมั้ย?”
“จุดประสงค์ของเขาสำเร็จแล้ว เมื่อเควสของเดนแฮนด์ที่เขารอคอยมา
นานสำเร็จลง”
พินและเฮอร์แมนมองเขาเดินจากไป, พวกเขามองหน้ากันแล้วรู้สึก
เสียใจ
เฮอร์แมนพูดเบาๆและเงียบมากๆจนคนอื่นในจัตุรัสไม่สามารถที่จะ
ได้ยินเสียงของเขา
“มันมีอยู่ 8 วิธีที่จะทำให้ได้ไปที่คุรุโซ วิธีที่ง่ายที่สุดคือการรับคำขอร้อง
ของเดนแฮนด์,แต่คุณต้องดื้อรั้นพอสมควรเลยล่ะเพื่อที่จะให้ได้มันมา”
“แล้วเขารู้ได้ยังไงว่านั่นเป็ นเขา?”
“เขาต้องได้ข้อมูลบางอย่างมาแน่ๆ ยังไงก็ตาม, พวกเรามีเหตุผล
มากกว่าที่ต้องอยู่ที่นี่
เฮอร์แมนและพินลุกออกจากที่นั่งของพวกเขา
พวกคนแคระในตลาดนัดมองไปที่พวกเขาและหันสายตาของพวกเขา
ไปทางอื่น
“แล้วพวกเราจะกลับไปที่คุรุโซมั้ย?”
“แน่นอน พวกเรามีงานต้องทำให้เสร็จที่นั่น”
“ฉันมั่นใจว่ามันต้องมีอะไรบางอย่างที่น่าสนใจหรือมีเรื่องแปลกใจรอ
คอยพวกเราอยู่แน่ๆ”
“ดูเหมือนว่าคุณผู้หญิงจะตกหลุมเขาเข้าให้แล้วนะเนี่ย”
“ได้โปรดอย่าแซวผู้หญิงคนนี้สิคะ! และฉันจะบอกให้คุณรู้ว่ามันไม่ใช่
อย่างที่คุณคิดนะ”
พินส่ายหัวไปมาและปฏิเสธเสียงแข็ง
เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอส่ายหัว, แสงสีม่วงอันเป็นเอกลักษณ์ของพวกเอลฟ์
สามารถมองเห็นได้จากหูแหลมๆที่อยู่ในผมของเธอ
เฮอร์แมนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น
“*เคี้ยก-ฮา-ฮ่า เคี้ยก-ฮา-ฮ่า* ไม่ใช่ว่านี่มันแปลกๆเหรอ? มันเป็น
ความคิดที่แตกต่างของเขาที่สามารถดึงดูดความสนใจและดึงคุณให้
เข้าไปใกล้เขา”
“ถูกต้อง อันที่จริง, ฉันค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับมันนิดหน่อย นี่เป็นครั้ง
แรกที่ฉันมีความรู้สึกแบบนี้เกี่ยวพวกคนแคระผู้ชาย อย่างไรก็ตาม, ฉัน
ไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องของความรัก, แต่มันเป็นความเสน่หาที่ฉัน
รู้สึก,และ…”
“และ, อะไร?”
“ถึงแม้ว่าฉันเพิ่งจะพูดไปเมื่อกี้นี้, แต่ลักษณะการเคลื่อนไหวของมือที่
เขาใช้ในตอนที่แกะสลักอยู่นั้นมันเป็ นอะไรที่น่ามองมากๆ”
“*เคี้ยก-ฮา-ฮ่า เคี้ยก-ฮา-ฮ่า*!”
เฮอร์แมนเริ่มหัวเราะอย่างมีความสุข
เล่มที่ 14 ตอนที่ 2 : คุรุโซ
พวกคนแคระมีระบบการอันดับในโรงตีเหล็กของพวกเขาเอง
พวกคนแคระที่มีอันดับต่ำต้องตั้งโรงตีเหล็กในพื้นที่ล่างๆของหมู่บ้าน
แน่นอนล่ะ, แม้กระทั่งพวกคนแคระที่มีอันดับต่ำยังมีความสามารถทาง
ด้านทักษะมากกว่าพวกมนุษย์เสียอีก,และมากกว่าพวกเผ่าพันธุ์อื่นๆ
เช่นกัน
พวกเขาสามารถซ่อมแซมของที่เสียหายมากๆได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะ
เป็นพวกชุดเกราะ, อาวุธ หรือ อุกปกรณ์สวมใส่อื่นๆ
คุณภาพของไอเทมที่พวกเขาสร้างขึ้นมานั้นไม่เลวเลยทีเดียว, และมีคน
มากมายที่พากันแลกเปลี่ยนซื้อ-ขายไอเทมเหล่านี้ไปทั่วทั้งทวีปเวอร์แซ
ลล์
โรงตีเหล็กของโนเบิ้ลแฮนด์ตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของหมู่บ้านหัตถ์
เหล็กกล้า พวกเขาเป็นช่างฝี มือคนแคระที่ได้รับการเคารพ ยกย่องมาก
ที่สุด
เมื่อวีดเข้าไปที่โรงตีเหล็กของโนเบิ้ลแฮนด์, เขาพบคนแคระที่เหงื่อออก
ท่วมตัวกำลังลับขวานให้คมอยู่
“อะไรของเจ้าแคระเนี่ย!”
“ในนามของเดนแฮนด์, ข้านำแร่เหล็กระดับ 2 จำนวน 20 ชิ้น มา
ส่ง”
“โอ้ เจ้าหนุ่มนั่นยังรักษาสัญญาอยู่รึเนี่ย ถ้าเจ้าต้องการที่จะดูข้าทำงาน
ล่ะก็, เจ้าไปยืนดูอยู่ที่มุมตรงนู้นนะ”
หลังจากผ่านไป 30 นาที, ในที่สุดวีดก็ได้รับคำขอร้องจากโนเบิ้ล
แฮนด์
เพราะโนเบิ้ลแฮนด์ไม่ได้มีเวลาว่างมากพอที่จะหลอมแร่เหล็ก, เขาจึง
ถามวีดให้ทำมันแทนเขา!
เมื่อรายการคำสั่งถูกป้ อนเข้ามายังโรงเหล็กที่มีชื่อเสียงแห่งนี้, ลูกค้า
ต่างคาดหวังว่าไอเทมจะถูกสร้างขึ้นด้วยแร่เหล็กคุณภาพสูง
นั่นถึงจะเป็ นไปได้ก็ต่อเมื่อคนๆนั้นมีทักษะช่างตีเหล็กสูงกว่าขั้นเริ่มต้น
ระดับ 3
“มันเป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุด ข้าจะซาบซึ้งใจเจ้ามากหากเจ้าเร่งทำมันให้
เสร็จโดยเร็ว และก็…”
แต่เมื่อนั้นโนเบิ้ลแฮนด์ต้องตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อเขามองไปที่แร่
เหล็กที่ถูกหลอมเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขารู้สึกแปลกใจมาก
“เจ้าคนไหนที่หลอมแร่เหล็กพวกนั้น?”
“ท่านมีปัญหากับมันรึ?”
“พวกมันมีขนาดเท่ากันหมด หนำซ้ำน้ำหนักยังเท่ากันไม่มีคลาดเคลื่อน
หรือผิดพลาดเลยแม้แต่น้อย, และมันยังถูกหลอมและขัดจนขึ้นรูป
สวยงาม ถึงขั้นที่ว่ามันกลายเป็นของที่มีคุณภาพสูงที่สุด ถ้าช่างตีเหล็ก
สร้างดาบ 100 เล่มด้วยแร่พวกนี้นะ, พวกเขาสามารถสร้างดาบที่มี
คุณภาพสูงออกมาได้”
โนเบิ้ลแฮนด์ยกย่องชมเชยอย่างมากถึงแร่เหล็กที่วีดเป็นคนหลอมและ
ขัดมันขึ้นรูปเรียบร้อย
ในกรณีส่วนใหญ่, ถ้าช่างตีเหล็กสร้างดาบ 100 เล่ม, บางอันอาจจะ
ออกมาผิดพลาด ล้มเหลวได้
เพราะความแตกต่างทางด้านวัตถุดิบ, และระดับอุณหภูมิ, สามารถลด
ระดับคุณภาพของดาบที่ถูกสร้างออกมาได้
ในเชิงเปรียบเทียบกับรูปแกะสลักที่ทำจากไม้, ก้อนเหล็กขนาดเล็กต้อง
ปรับขนาดของมันให้เท่ากับอัตราส่วนทอง, อย่างไรก็ตามรายละเอียดที่
มากขึ้นยิ่งจำเป็นต่อการแกะสลัก (ผู้แปล: อัตราส่วนทองใช้ในการ
คำนวณทางคณิตศาสตร์)
ต้องขอบคุณประสบการณ์ที่เขาได้รับจากการแกะสลักไม้, มันช่วย
ฝึกฝนขัดเกลาความแม่นยำของเขา, ด้วยเหตุนี้เองมันจึงไม่ใช่เรื่องยาก
สำหรับเขาที่จะสามารถนำมาใช้ในการผลิตเหล็กที่มีคุณภาพสูงออกมา
ได้
โนเบิ้ลแฮนด์พูดด้วยสีหน้าที่ดูเคร่งเครียดและจริงจัง
“แต่ข้าคิดว่ามันยังขาดอีก 40 กรัมนะ เจ้าแน่ใจเหรอว่า เจ้าใช้แร่เหล็ก
จำนวน 20 ชิ้น ในการทำเหล็กพวกนี้ขึ้นมาน่ะ?”
"..."
“มันก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ, มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรตราบใดที่เจ้าไม่ทำอะไร
เกินตัว มันจะเป็นไปได้มั้ยว่าเจ้าต้องการที่จะทำให้ทุกคนแปลกใจด้วย
การสร้างอาวุธที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาน่ะ?”
จากข้อมูลที่เขาอ่านในเวปไซต์ของสมาคมดาร์คเกมเมอร์, คำตอบของ
คำถามนี้ที่ควรจะเป็นก็คือ ‘ใช่’
“ข้าต้องการที่จะสร้างอาวุธที่ทำให้โลกทั้งใบต้องตกตะลึง ข้าเชื่อว่าข้า
สามารถที่จะสร้างอาวุธแบบนั้นได้, เช่นนั้นแล้วข้าจึงจะเหมาะสมควร
ค่าแก่การเป็นคนแคระอย่างแท้จริง”
โนเบิ้ลแฮนด์ลูบเคราของเขาพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูพึงพอใจกับคำตอบ
เป็นอย่างมาก
“ใช่แล้ว พวกเราคนแคระมีสายน้ำที่ถูกตัดขาดเพื่อแลกกับความ
สามารถในการจัดการกับโลหะสุดที่รักของพวกเรา ความสามารถของ
พวกมนุษย์ไม่อาจเทียบได้กับทักษะของพวกเรา”
ความภาคภูมิใจของคนแคระไม่มีที่สิ้นสุด!
พวกคนแคระเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องทักษะของพวกเขาที่มีความสามารถ
ในการทำงานกับไฟ, ดังนั้นความภาคภูมิใจของพวกเขาจึงไม่มีทางจาง
หายไปอย่างแน่นอน
“อาวุธของพวกคนแคระ…เจ้าต้องการสร้างมันมากขนาดไหน?”
เขาไม่จำเป็นต้องกำหนดราคาซื้อสูงๆเพื่อที่จะให้ได้มันมา, แต่เขาควรที่
จะตั้งราคาที่สูงกว่าราคาเฉลี่ยสักเล็กน้อย
วีดพูดอย่างภูมิใจ
“ข้าต้องการสร้างอาวุธที่มีมูลค่าถึง 5 พันล้านเหรียญทอง”
ทันใดนั้นโนเบิ้ลแฮนด์ก็มีอาการหงุดหงิดขึ้นมาและพูด
“5 พันล้านเหรียญทอง! ต่อให้คนแคระทุกคนรวมเงินมาไว้ด้วยกัน
ทั้งหมด, มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะเพ้อฝันอะไรที่ไร้
สาระแบบนี้ ออกไปจากโรงตีเหล็กของข้าเดี๋ยวนี้!”
ถ้ามันยังเป็นแบบนี้อยู่ล่ะก็, ทุกสิ่งที่เราอดทน ทนทรมานต้องสูญเปล่า
แน่
วีดรีบพูดทันทีเพื่อให้เขาใจเย็นลง
“ท่านพูดว่าอาวุธของคนแคระนั้นมีมูลค่าที่คู่ควรกับมัน ตอนนี้ข้ ามี
อยู่ 20,000 เหรียญทอง”
แต่ความจริงแล้ว, เขามีไม่ถึง 2,600 เหรียญทองเลยด้วยซ้ำ
เขาไม่คิดถึงเรื่องเงินลย, เขาคิดเพียงแค่ว่าต้องขายไอเทมที่เขาไม่
ต้องการหรืออุปกรณ์สวมใส่ที่ไม่จำเป็ นก็เท่านั้น!
“เจ้ามีอยู่ 20,000 เหรียญทองเหรอ?”
“ใช่แล้ว”
“เจ้าคิดที่จะซื้ออาวุธของคนแคระด้วยเงินทั้งหมดที่เจ้ามีอย่างนั้นเห
รอ?”
“แน่นอน มันยอดเยี่ยมที่สุด”
“ถ้างั้นข้าเกรงว่าข้าต้องช่วยเจ้าแล้วล่ะ พวกคนแคระทั้งหมดล้วนแล้ว
แต่ร่ำรวยมหาศาล, แต่ความจริงแล้วมันกลับตรงกันข้าม พวกเรามักจะ
สร้างบางสิ่งบางอย่างอยู่เสมอ, ล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่าและสำเร็จใน
ที่สุด วนเวียนอยู่อย่างนี้มาตลอด นี่แหละทำไมพวกเราถึงไม่รวยซะที
พวกเราต้องดิ้นรนอยู่ตลอดเวลาเพื่อชดใช้หนี้ที่เกิดจากวัตถุดิบราคา
แพงเหล่านั้น”
มีอยู่สองสิ่งที่พวกพ่อค้าค้นพบวิธีการทำกำไรให้ได้มากๆภายใน
อาณาจักรคนแคระแห่งนี้
วัตถุดิบและเบียร์
พวกคนแคระมีแนวโน้มที่จะใจกว้างมากกับเรื่องเงินๆทองๆเมื่อถึงเวลา
ต้องซื้อพวกวัสดุสำหรับงานฝี มือต่างๆ , ค่าใช้จ่ายจึงบวกเพิ่มเข้าไปอยู่
ตลอด
อย่างไรก็ตาม, พวกเขาแทบจะไม่ซื้อของหรูๆ หรือของที่มีราคาแพงเลย
แม้แต่น้อย
นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมพวกคนแคระจึงมักมีเครื่องประดับน้อยชิ้นที่
เหมาะสมกับรูปร่างหน้าตาของพวกเขา
จินตนาการถึงพวกคนแคระที่มีจมูกแหลมและใส่ตุ้มหูเป็นพุ่มหนาๆ
ไม่มีข้อยกเว้น, คนคนแคระทุกคนบนทวีปนี้ล้ วนแล้วแต่ต้องตกระกำ
ลำบากเนื่องจากความนากจนข้นแค้น
“ถ้าเจ้ามีอยู่ 20,000 เหรียญทองจริงๆ, ข้ารู้จักคนแคระบางคนที่มี
ความต้องการที่จะช่วยเหลือ พวกเขาสามารถสร้างไอเทมที่มีระดับ
คุณภาพสูงที่สุด ตอนนี้เจ้าต้องไปทางทิศตะวันออกของหมู่บ้านและนำ
จดหมายแนะนำนี้ไปให้เนนแฮนด์ เจ้าต้องหาเหมืองที่เก่าแก่ที่สุดและ
ถูกทิ้งร้างเอาไว้, เจ้าจะสามารถหาสถานที่ตั้ง ที่ๆมีสุดยอดช่างฝี มือใน
หมู่คนแคระอาศัยอยู่ ณ ที่แห่งนั้น”
*ติ๊ง!*
คุณได้รับคำแนะนำจากคนแคระ,โนเบิ้ลแฮนด์
สิ่งที่วีดต้องการมีเพียงแค่จดหมายแนะนำฉบับนี้เท่านั้น
ด้วยการที่เข้าไปและค้นหาข้อมูลภายในเวปไซต์ของสมาคมดาร์คเกม
เมอร์, ในที่สุดเขาก็ได้รับข้อมูลที่เขาต้องการ
สถานที่ ที่เขาสามารถเรียนทักษะช่างตีเหล็กขั้นสูงจากคนแคระที่มีฝี มือ
อันยอดเยี่ยม
ถ้าคุณเดินไปที่เหมืองเก่าที่ถูกทิ้งร้างเอาไว้โดยที่ไม่มีแสงสว่าง, ผ่าน
แม่น้ำ, เมืองคนแคระใต้ดินก็จะปรากฏขึ้น
มันเป็นเมืองที่ถูกสร้างขึ้นด้วยทองคำ, หิน, และเหล็ก, ที่ช่างฝี มือคน
แคระอาศัยอยู่
การเดินทางของเขาทั้งหมดจะจบลงตรงนั้น ถ้าเขาค้นพบสิ่งที่เขา
ต้องการ
วีดไม่ได้มีอุปสรรคในการมองหาหนทางไปยังหมู่บ้านของเนนแฮนด์
เขาเดินตามเส้นทางไปยังเหมืองเก่าที่ถูกทิ้งร้างได้อย่างง่ายดาย
ลึกเข้าไปข้างในเหมืองที่ถูกทิ้งร้าง, มีทางเดินเชื่อมต่อลงไปถึงใต้ดิน
*เจี๊ย-เบี้ยก เจี๊ย-เบี้ยก *
เมื่อไหร่ก็ตามที่ไฟคบเพลิงริบหรี่, เงาของวีดก็เต้นไปรอบๆ
เดินลงไปตามทางใต้ดินขณะที่ต้องพึ่งพาอาศัยแสงจากคบเพลิงที่มีอยู่
เพียงอันเดียว ซึ่งสามารถก่อให้เกิดความกลัวแก่ผู้ที่พบเห็นมัน
มันใช้ระยะเวลาราวๆ 30 นาทีในการเดินทางไปให้ถึงทางเข้าของ
เหมืองร้าง มันล้อมรอบไปด้วยหินงอกหินย้อยที่มีน้ำหยดลง
มา, ทำลายความเงียบสงัดและให้บรรยากาศชวนหลอนขนหัวลุก
ตั้งแต่ที่รอยัล โร้ดได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม, จำนวนคนที่ไปดูหนัง
สยองขวัญลดน้อยลงไปเรื่อยๆ
มีพื้นที่อันตรายจำนวนมากบนทวีปเวอร์แซลล์, เช่นดันเจี้ยนที่เต็มไป
ด้วยมอนสเตอร์จำนวนมาก, ทำให้มีคนจำนวนมากตัดสินใจที่จะเดิน
ทางไปสำรวจสถานที่เหล่านั้น นั่นคือเหตุผลที่ทำให้คนจำนวนมากไม่
สนใจที่จะดูหนังสยองขวัญอีกต่อไป
ในความเป็นจริง, เหตุผลหลักที่ทำไมผู้คนจึงหยุดดูหนังสยองขวัญก็
เพราะว่าองค์ประกอบทั่วไปของหนังสยองขวัญถูกบดบังรัศมีโดยพวก
มอนสเตอร์ที่สามารถพบเจอได้ในดันเจี้ยน
“ซอมบี้!”
“พวกมันมีเลเวลประมาณ 30 คุณไม่มีวันที่จะหามอนสเตอร์ที่มี
ลักษณะแบบนี้ได้ก่อนเลเวล 30!”
“คุณไม่สามารถจัดการมันได้ด้วยแค่การอวยพรศักดิ์สิทธิ์เพียงอย่าง
เดียว”
มีคนดูบางคนแสดงความคิดเห็นไปด้วยในขณะที่พวกเขากำลังดู
พระเอกวิ่งหนีฝูงซอมบี้อยู่
วีดไม่ได้กลัวเลยแม้แต่น้อยอย่างกับว่าเขาเกิดมาท่ามกลางความมืดมิด
ที่อยู่ภายในถ้ำ
“มันจะน่าสนใจกว่านี้ถ้ าพวกมอนสเตอร์โผล่ออกมาซุ่มโจมตี”
อันที่จริง, ต่อให้เขารู้ว่ามีมอนสเตอร์รอซุ่มโจมตีอยู่หรือมีกับดักวางไว้,
เขาคงจะไม่ตึงเครียดขนาดนี้
มันมีภาพวาด ลวดลายต่างๆอยู่บนกำแพงเต็มไปหมด, ถูกเขียนโดย
พวกคนแคระ อย่างไรก็ตาม, ส่วนใหญ่มีแต่เส้นขยุกขยิกเขียนมั่วๆ ไม่
ได้พิเศษอะไร
- ฉันจะสร้างอะไรดี ด้วยแร่พวกนี้ แร่เหล็ก 5 ชิ้น และ แร่เงิน 1 ชิ้น?
- เลือกทางเดินที่ถูกต้องไปยังหมู่บ้านคนแคระ นั่น…คือสิ่งที่ฉัน
พยายามทำอยู่ในตอนนี้ คุณรู้เส้นทางที่ถูกต้องไปยังหมู่บ้านคนแคระ
มั้ย?
- อย่ามองกลับไปโดยเด็ดขาด ถ้าคุณมองกลับไป….
ลวดลายพวกนั้นช่างไร้ประโยชน์เสียจริง ในการที่จะพยายามทำให้คน
อื่นเกิดความกลัว
คนแคระเป็ นพวกที่มองโลกในแง่ดี, แต่ชอบชื่นชอบการกลั่นแกล้ง, พว
กเขาคล้ายกับปี ศาจตัวน้อยๆที่ชอบเล่นซุกซนไปทั่ว
พวกเขาชอบไฟและเกลียดความมืด, และชอบวาด ขีดเขียนเพื่อความ
สนุก
พวกผู้เล่นระดับสูงรู้ว่าการขีดเขียนพวกนี้เป็ นอะไรที่ไร้สาระ ไม่มีแก่น
สาร และก็เดินต่อไป
อย่างไรก็ตาม, มันมีมากมายเยอะแยะเหลือเกิน, ไม่มีใครว่าคุณหรอก
หากคุณคิดว่ามันมีมหาสมบัติซ่อนอยู่ข้างหลังข้อความการขีดเขียน
เหล่านี้
เมื่อเขากำลังที่จะเดินเข้าไปในความมืด, แสงสว่างก็ปรากฏขึ้น
ในที่สุด, เขาก็เข้าใกล้จุดหมายปลายทางของเขาซะที
วีดเร่งความเร็วในการเดินโดยทันที และสุดท้าย, เขามองเห็นปลายทาง
ของถ้ำแห่งนี้
ภาพเบื้องหน้าปรากฏเป็นพื้นที่ชุมชนขนาดใหญ่
สายน้ำลำธารจากชั้นใต้ดินทั้งหมดไหลรวมกันมาบรรจบเป็นคลองหนึ่ง
สายและจากนั้นไหลเข้าสู่แม่น้ำ สายน้ำไหลผ่าน, เกิดเป็นแสงระยิบ
ระยับราวกับว่ามันมีแร่เงินอยู่ในนั้น และจากด้านหน้าของแม่น้ำ, หมู่
พิศวงชวนหลงใหลให้เข้าไป มีสิ่งปลูกสร้างผุดพ้นโผล่ขึ้นมาจากผืนดิน
บ้านของคนแคระ
จากแม่น้ำ, น้ำไหลผ่านไปยังบ้านทุกหลัง
หมู่บ้านคนแคระ ปรากฏเป็นภาพที่มีเส้นทางน้ำราวกับเส้นเลือดสีเงิน
กลุ่มขวัญสีขาวพวยพุ่งออกมาจากโรงตีเหล็กอยู่ตลอดเวลา
บ้านบางหลังถูกสร้างขึ้นด้วยวัตถุดิบล้ำค่ามากมาย เช่น
เงิน, ทองคำ, และมิธริล
พวกคนแคระ, เหมือนกับมนุษย์, ชื่นชอบการตกแต่งงดงามอลังการ, แ
ต่ไม่ชอบอะไรที่มันดูเพ้อฟันเกินจริงจนเกินไป
เหมือกันกับบ้าน, ร้านเหล้าถูกสร้างขึ้นด้วยการใช้ทองคำและวัตถุดิบ
อื่นๆ
ร้านเหล้าต้องผลิตเบียร์รสชาติดีถ้าพวกเขาสามารถจ่ายด้วยพวกหินมี
ค่าได้
คุรุโซเหมือนสถานที่ที่รวบรวมเหล่าช่างฝี มือคนแคระอย่างแน่นอน
***
เควสพรีสแห่งความตาย
ในบอร์ดสนทนาของรอยัล โร้ด, เดย์มอนด์โพสต์เควสระดับ S ที่ได้รับ
มาเป็นครั้งแรกในรอยัล โร้ด
- พวกเรา, กิลด์นักล่าแห่งผืนปฐพี, กำลังไปล่ามอนสเตอร์ระดับบอส
ในทางตอนเหนือ
พวกเรารับทุกอาชีพ
มองหานักผจญภัยที่มีความกล้าหาญพร้อมที่จะเผชิญหน้าพบกับความ
ท้าทายในครั้งนี้
ถ้าการล่าประสบความสำเร็จ, ของที่ดรอปมาได้จะถูกแบ่งให้ทุกๆคน
อย่างเท่าเทียมกัน
รางวัลตอบแทนอย่างน้อย 10,000 เหรียญทอง สำหรับผู้ที่แจ้ง
เบาะแสข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ของมอนสเตอร์ระดับบอส
ปฏิกิริยาของเหล่าผู้เล่นต่างเมินเชยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“กิลด์นักล่าแห่งผืนปฐพีได้ผ่านช่วงเวลาที่สุดยอดของพวกเขามาแล้ว”
“พวกเขาครอบครองหมู่บ้านซองโด…ถ้านายต้องการล่ามอนสเตอร์
ละก็, ไปให้กว่าทางเหนือสิ”
“ไม่แน่นะ, บางทีมันอาจจะสำเร็จก็ได้”
มีผู้เล่นไม่เยอะเท่าไหร่ที่เข้าร่วมการล่าในครั้งนี้
ทางตอนเหนือเต็มไปมอนสเตอร์แข็งแกร่งจำนวนมากและขุมกำลัง
ปี ศาจที่ชั่วร้าย, นั่นจึงทำให้การสำรวจจำเป็นต้องประกอบไปด้วยผู้เล่น
ระดับจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม, นอกจากความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อแล้ว, การ
ส่งกลุ่มสำรวจ กลุ่มเล็กๆ ออกไปผจญภัยเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล ก็เป็น
สิ่งจำเป็นเช่นเดียวกัน
“ตรงชายฝั่งทะเลทางตะวันออกของบึงโหยหวนคือสถานที่ ที่พวกคุณ
สามารถหาไฮดร้าพบ ไฮดร้ามีหัวขนาดใหญ่มากและมันมีอยู่หลายหัว
ด้วยกัน…ฉันไม่รู้รายละเอียดของมันมากเท่าไหร่นัก”
พวกเขาได้รับข้อมูลของมอนสเตอร์ระดับบอส
สมาชิกกิลด์ของเดย์มอนด์นำทางไปยังแม่น้ำที่มีไฮดร้าอาศัยอยู่
พวกเขาได้รับข้อมูลนี้จากคนในหมู่บ้านเล็กๆตรงแถบชายแดนแลกกับ
เงิน 10,000 เหรียญทอง, และพวกเขาก็มาถึงบึงโหยหวน
ไฮคร้าสามารถเติบโตได้จนมีขนาดความสูงมากกว่า 6 เมตร หัวของ
มันมีการเคลื่อนไหวที่ช้ามาก, แต่หัวของมันแต่ละหัวนั้นสามารถปล่อย
พิษร้ายแรงออกมาได้
พิษของมันสามารถลดความทนทานของโล่และชุดเกราะให้เหลือศูนย์
ได้ภายในเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น!
ไฮดร้าอาศัยอยู่ในบริเวณที่เป็นบึงเลน เมื่อพวกเขาย่างเท้าก้าวเข้าไป
เท้าของพวกเขาก็จมลึกลงไปในบริเวณบึงโคลน, ดังนั้นการล่าพวกมัน
จึงไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด
“ไปกันเถอะ”
นักรบเดย์มอนด์, เป็นคนเปิดทาง
หลังจากที่ไฮดร้าถูกกำจัดลง, ข้อมูลสถานที่ของมอนสเตอร์ระดับบอส
ตัวใหม่ก็ปรากฏขึ้น
มันมี 7 หัวและหัวของมันแต่ละหัวนั้นสามารถพ่นพิษออกมาได้อย่าง
ต่อเนื่อง
หัวของพวกมันสามารถพุ่งฉกและกลืนเหล่าคณะสำรวจ
การล่าในครั้งนี้เกือบจะไม่สำเร็จ, สมาชิกของกิลด์นักล่าแห่งผืนปฐพีได้
รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมากกว่า 25 คน และคลิปวิดีโอในการล่าก็ถูก
โพสต์ลงให้เห็นอย่างชัดเจนในหอแห่งเกียรติยศ
“มันดูเหมือนเป็นมอนสเตอร์ระดับที่จัดการยากจริงๆ”
“ไม่ใช่ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้สู้กับไฮดร้าหรอกเหรอ?”
ไม่นานนัก, พวกเขาก็ได้รับข้อมูลต่างๆเพิ่มมากขึ้น
เดย์มอนด์เลือกที่จะไปยังสถานที่ที่ใกล้ที่สุดจากตำแหน่งของพวกเขา
“สถานที่นี้ยังมีเศษเสี้ยวอารยธรรมของพวกมนุษย์หลงเหลืออยู่ ตรงนั้น
มีไส้เดือนยั้วเยี้ยอยู่เต็มไปหมด…และคณะสำรวจที่เข้าไปยังสถานที่
แห่งนั้นถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จนสิ้นซาก ไม่เหลือแม้แต่สักคนเดียว”
พวกไส้เดือนไม่สามารถที่จะละเลย ไม่สนใจพวกมันได้
พวกมันเป็นหนอนอันเดทที่หายากมาก อีกทั้งพวกมันยังดิ้นรนเพื่อที่จะ
มีชีวิตรอดอยู่ต่อไป
ไส้เดือนอันเดท! (ผู้แปล: จริงๆ อยากใช้หนอนอันเดทมาก ดูเท่ห์กว่า
เยอะ แต่เอาตามนี้เหอะ 555)
“มอนสเตอร์คลาสบอสชื่อลาวาปรากฏตัวออกมาด้วยรูปร่างตัวของมัน
มีสีเขียวและหัวเหมือนมนุษย์”
กิลด์นักล่าแห่งผืนปฐพีได้รับความเสียหายหนักมากในขณะที่พวกเขา
พยายามล่าเจ้าลาวา
ไม่มีใครรู้ว่ายังมีมอนสเตอร์ระดับบอสที่ต้องล่าอยู่อีกกี่ตัวกันแน่ กิลด์
นักล่าแห่งผืนปฐพีโจมตีมอนสเตอร์อย่างต้องเนื่องโดยไม่ได้คิดหน้าคิด
หลังอะไรเลย, ทำให้ดึงดูดความสนใจจากผู้คนมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ
***
คุรุโซสมควรได้รับสมญานามว่าเป็นสวรรค์ของเหล่าช่างตีเหล็กคน
แคระ
*ต๊อง-แต๊ง-ต๊อง-แต๊ง*
จากระยะขนาดนี้, มันง่ายมากที่จะมองเห็นคนแคระจำนวนมากถือ
ฆ้อนและฟาดลงไปที่อะไรสักอย่าง
แร่กระจายอยู่ทั่วทุกพื้นที่, ขณะที่สินค้าที่เสร็จแล้วถูกกองรวมกัน
หากเปรียบเทียบกับหมู่บ้านหัตถ์เหล็กกล้า, หมู่บ้านคนแคระที่ห่างไกล
มีความร้อนสูงกว่าและมีจำนวนประชากรน้อยกว่า
“เอ็กเปอร์, นายรู้วิธีสร้างหอกแล้วเหรอ?”
“ใช่ ฉันรู้ ค่าความเสียหายพื้นฐานของมันยังไม่เกิน 90 เลย, ตอนนี้ดู
โซ่นี่สิ”
“มันมีหินวิญญาณไฟและหินวิญญาณลม, ถ้านายเพิ่มมันเข้าไปนาย
จะได้พลังทอนาโดที่รุนแรงมาก”
“แล้วมันเพิ่มความเสียหายได้เท่าไหร่?”
“ในแต่ละรอบ, มันเพิ่มค่าความเสียหายได้ถึง 23, ไม่ต้องพูดมาก
แล้ว, ยังไงมันก็เป็นอาวุธที่น่าทึ่งอยู่ดี”
“นี่พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถของนายนะเอ็กเปอร์ อาวุธที่นายทำ
ออกมาต้องมีค่าความทนทานที่สุดยอดแน่ๆเลย”
“ดังนั้นฉันก็เลยพยายามที่จะสร้างหอก นี่เป็นครั้งแรกของฉัน, ฉัน
ต้องการเห็นว่าฉันสามารถสร้างหอกที่มีพลังโจมตีมากกว่า 100 ได้
มั้ย”
พวกแคระกระซิบคุยกันมากมายหลายเรื่องเกี่ยวกับกระบวนการผลิต
อาวุธ
เมื่อวีดเดินผ่าน, พวกเขาไม่สนใจหันมามองเขาเลยและยังคงคุยกันต่อ
ไป
“รุ่นพี่ฟาบิโอ, ผมได้ยินมาว่าคุณมีความคุ้นเคยกับการสร้างชุดเกราะ
ค่อนข้างมาก”
“เขาเก่งมากในเรื่องของการสร้างชุดเกราะ, เพียงพอที่จะเรียกได้ว่าเป็น
ปรมาจารย์แห่งศิลปะ ถ้านายมีเงินพอนะ, เขาสามารถอัพเกรดเพิ่ม
ระดับชุดเกราะให้นาย, ดีกว่าดาบทุกชนิดเลย”
“เ_ย ถ้าข้ามีเงินมากกว่านี้นะ, ข้าคงไม่ต้องมานั่งทนทำงานอะไรแบบ
นี้อีก”
“อย่าพูดอย่างนั้นสิวะ นายคิดว่ารุ่นพี่ฟาบิโอใช้ทักษะของเขาเพียงเพื่อ
เงินอย่างเดียวเหรอ? เขาไม่ใช่พวกลูกเจี๊ยบที่ทำงานที่เขาเลือกนะ”
“ทุกคนรู้แล้วน่า”
แม้กระทั่งวีดยังได้ยินและจดจำชื่อของ “ฟาบิโอ”
คนแคระฟาบิโอ, ช่างตีเหล็กผู้ถูกเลือกของอาณาจักรธอร์, เป็นผู้เล่นที่
มีชื่อเสียงโด่งดังมาก
นับจากช่วงเวลาที่วีดได้รับชุดเกราะของเดธไนท์ในเมืองลอยฟ้ า,ลา
เวียส,ฟาบิโอก็เป็นที่รู้จักกันมากแล้ว
มันมีการกล่าวกันว่าช่วงที่ฟาบิโอวางมือลงบนชุดเกราะที่เสื่อมสภาพ
ชำรุดทรุดโทรม, มันออกมาดูดีเหมือนของใหม่เลย
ฟาบิโอคือปรมาจารย์การใช้มือ
กิลด์ระดับสูง, และ พวกที่ถูกจัดอันดับ ของทวีปเวอร์แซลล์, ต่าง
รวบรวม หอบเงินจำนวนมหาศาลเพื่อขอรับการบริการจากเขา
ผู้คนต้องการชุดเกราะที่แข็งแกร่ง, แต่ปฏิเสธการใส่ชุดเกราะเพื่อช่วย
สนับสนุน, เนื่องจากมันดูเทอะทะและมีน้ำหนักค่อนข้างมาก อีกอย่าง
เมื่อมีเลวเวลสูงขึ้น, บทลงโทษจากการตายก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
นอกจากวีดแล้ว, มีคนจำนวนน้อยมากที่อดทนตั้งใจพยายามอย่างยาก
ลำบากในการเพิ่มระดับทักษะของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม, ยังมีคนอีกจำนวนมากที่ต้องการมีชุดเกราะที่ดีกว่าเมื่อ
เปรียบเทียบกับสุดยอดอาวุธ, ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สนใจว่าต้องใช้เงิน
เป็นจำนวนเท่าไหร่เพื่อที่จะอัพเกรดเพิ่มระดับชุดเกราะของพวกเขา
ช่วงเวลานั้นเอง, ฟาบิโอได้รับโชคชะตาที่สุดยอด
เขาเป็นช่างตีเหล็กคนแรกที่ประสบความสำเร็จ
เมื่อ CTS มีเดีย ออกอากาศเกี่ยวกับวีด, พร้อมกับผู้เล่นคนอื่นๆ
อีก 8 คน, ฟาบิโอก็เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ถูกเลือก
หลังจากที่รายการได้ออกอากาศไปแล้ว, มีผู้เล่นที่มีทักษะช่างตีเหล็ก
ขั้นกลางมารวมตัวกันมากขึ้น
ความพยายามที่จะเพิ่มระดับทักษะของพวกเขา, เหมืองแร่มิธริลหลาย
แห่งได้มีการพัฒนาเกิดขึ้นมากมายและวัตถุดิบที่ใช้ในการตีเหล็กที่มี
คุณภาพสูงขึ้นก็สามารถขุดพบเจอได้มากขึ้น, ซึ่งนั่นทำให้การเพิ่ม
ระดับการตีเหล็กง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อน
เมื่อเวลาผ่านไป, ผู้เล่นจำนวนมากสามารถเพิ่มระดับทักษะของพวก
เขาจนเพียงพอต่อการเสริมพลังใช้ชุดเกราะและฟาบิโอก็ได้หายไปจาก
ทวีปเวอร์แซลล์
วีดสงสัยว่าล่าสุดที่มีการพบเห็นฟาบิโอในคุรุโซ, ว่าเขากำลังพยายาม
เพิ่มระดับทักษะช่างตีเหล็กของเขาอยู่
วีดเริ่มเดินช้าลง
บริเวณแถวข้างถนน, วีดมองไปที่ช่างตีเหล็กคนแคระจำนวนมากที่
กำลังสร้างขิงต่างอยู่ๆ, ขณะที่คนอื่นๆกำลังจัดเก็บสินค้าที่เสร็จ
เรียบร้อยแล้ว
พวกคนแคระผลิตสิ่งของต่างขึ้นมาด้วยตัวพวกเขาเอง, และไม่ได้สนใจ
ว่าวีดกำลังยืนมองพวกเขาอยู่
พวกเขาสร้างของต่างๆขึ้นมาไว้เผื่อในกรณีที่มีคนต้องการอยากซื้อ, แต่
ดูเหมือนไม่มีใครจะสนใจซื้อพวกมันเลย
“ไม่ใช่ว่าหลายวันมานี้รุ่นพี่เฮอร์แมนไม่ว่างเหรอ? ฉันไม่เห็นเขามาสัก
พักแล้ว”
“ฉันก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้คนพวกนั้นกลับมาแล้ว, เขาอาจจะสร้างดาบอยู่
ก็ได้?”
“ซึก ซึก รุ่นพี่เฮอร์แมนเป็นคนระมัดระวังรอบคอบเพื่อป้ องกันความล้ม
เหลวที่อาจจะเกิดขึ้น ช่างตีเหล็กหลายคนไม่ได้ปฏิบัติตามแนวทางของ
เขาอีกต่อไปแล้ว”
“เมื่อนานมาแล้ว, ประมาณ 4 หรือ 5 เดือนที่แล้ว, ฉันเคยทำตาม
แนวทางเดียวกันที่ว่าระมัดระวังเป็นอย่างดี ตอนนั้น, ทักษะรุ่นพี่เฮอร์
แมนสุดยอดกว่าพวกเราในหมู่ช่างฝี มือทั้งหมด”
“แม้ว่านายจะหัวรั้น ดื้อดึงและพยายามที่จะสร้างดาบ ทุ่มเทจิต
วิญญาณและหัวใจที่นายมีทั้งหมดลงไปเพื่อการสร้างดาบเพียงอย่าง
เดียว…อย่างมากที่สุด,มันใช้เวลาถึง 1 สัปดาห์เลยทีเดียว แต่ถ้า
นายพยายามที่จะใช้เวลามากกว่านั้นเป็นเดือนๆล่ะก็, คงไม่มีใครที่
อยากจะซื้อดาบพวกนั้นจากนายหรอก”
“ใช่ ถูกต้องแล้ว”
“นายสามารถขายมันได้ที่งานประมูลในราคาที่สูงกว่า, แต่มันก็ยังใช้
เวลาอยู่ดี และช่างตีเหล็กทุกอย่างเกี่ยวกับเงินทั้งหมด”
จนถึงตอนนี้, เฮอร์แมนเคยเจอวีดแล้ว
บนทวีปเวอร์แซลล์, มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะมี คน หรือ สองคน
มีชื่อเหมือนกันจะมาพบเจอกันได้ อย่างไรก็ตาม, มันไม่เหมือนกับพวก
ช่างตีเหล็กคนแคระที่อยู่อาศัยใกล้กับคุรุโซ, และมีอาชีพเดียวกันกับเฮ
อร์แมน
‘ใครจะไปรู้ ฉันอาจจะได้เจอพวกเขาที่นี่อีกครั้งก็ได้’
วีดไม่ได้สนใจความสัมพันธ์ของเขากับคนอื่นๆสักเท่าไหร่นัก
อย่างไรก็ตาม, มันเป็นเรื่องจริงที่ว่าเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการล่าใน
ปาร์ตี้ของเพล และในฐานะที่เป็นดาร์คเกมเมอร์, เขามาสามารถ
ปฏิเสธภารกิจการล่าที่อันตารายได้เลยเมื่อเขาเป็นฝ่ ายที่ถูกขอร้องให้
รับภารกิจ
นอกจากการหลับนอนและไปเรียนแล้ว, เขาใช้เวลาว่างทั้งหมดที่เขามี
ไปกับการเล่นรอยัล โร้ด, และมันค่อนข้างยากลำบากเมื่อเขาต้องไปล่า
กับคนอื่นๆ
‘เรามาดูกันว่าความสัมพันธ์นี้จะถูกโชคชะตากำหนดไว้หรือไม่’
วีดมุ่งหน้าไปที่องค์การบริหารงานของคุรุโซ
ไม่เหมือนกับหมู่บ้านคนแคระอื่นๆในอาณาจักรธอร์, องค์การบริหาร
งานมีพลังอำนาจมากและปกครองควบคุมทุกอย่างทั้งหมดในคุรุโซ
ในอาณาจักรอื่นๆ, พระราชาและพวกชนชั้นสูงปกครองแผ่นดิน, ดังนั้น
มันจึงเป็นเรื่องแปลกสำหรับองค์การบริหารงานที่จัดการตัดสินทุกอย่าง
ในอาณาจักรคนแคระ
ผู้อาวุโสคนแคระได้รับการแต่งตั้งในช่วงสัปดาห์แรกของทุกๆปี ผู้อาวุโส
จะจัดการตัดสินใจทุกๆอย่างและดำเนินการตามนโยบายที่ได้กำหนดไว้
คนแคระที่แข็งแกร่งและมีทักษะการใช้ดาบอันยอดเยี่ยม 3 คน, และ
ผู้อาวุโส 7 คน จะถูกเลือกให้เป็นผู้นำขององค์การบริหารงาน, รวม
แล้วมีคนแคระทั้งหมด 10 คน ที่เป็นผู้ที่ถูกเลือก คนแคระที่เพิ่งเข้าสู่
วัยผู้ใหญ่ยังถือว่าเด็กเกินไป, ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รับการ
คัดเลือก
อย่างไรก็ตาม, มันมีการกล่าวกันว่าตำแหน่งของผู้อาวุโสนั้นเปิดโอกาส
ให้กับทุกคน, รวมถึงผู้เล่นด้วย
ผู้อาวุโสแต่ละคนจะทำงานที่องค์การบริหารงานซึ่งเป็นอีกทางเลือก
หนึ่ง
“เจ้าเป็นคนแคระที่มาใหม่ในคุระโซ เจ้าต้องการที่จะลงทะเบียนหรือ
ไม่?”
“ใช่แล้ว ข้าต้องการที่ลงทะเบียน”
“อาชีพของเจ้าคืออะไร?”
“ข้าเป็นประติมากร”
ในคุรุโซ, คุณไม่ต้องจ่ายภาษีให้กับมังกรปี ศาจเคย์เบิร์น คุณจะไม่ถูก
รบกวนจากกองกำลังเพื่ออิสรภาพของคนแคระมาเก็บเงินจากคุณ ทุก
อย่างถูกจัดการดูแลโดยพวกคนแคระทั้งหมด
การมาที่คุรุโซนั้นฟรี!
อย่างไรก็ตาม, มันมีเงื่อนไขอยู่ถ้าหากคุณต้องการที่จะออกจากคุรุโซ
พวกเขาต้องสนับสนุนสร้างผลงานให้กับเมืองที่สุดยอดแห่งนี้ พวกเขา
ต้องอุทิศตนสร้างมันขึ้นมาให้เสร็จเรียบร้อย และผลงานที่ออกมานั้น
ต้องดีกว่าค่าเฉลี่ยของผลงานที่พวกเขาเคยสร้างมาทั้งหมด
สำหรับประติมากร, เขาต้องสร้างรูปแกะสลัก
มันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการสร้างอะไรบางอย่าง, คุณไม่สามารถที่
จะสร้างผลงานแย่ๆออกมาได้
ดังนั้น, การที่จะออกจากคุรุโซ, คุณต้องสนับสนุนด้วยการสร้างผลงาน
ที่มีความเหมาะสม
นั่นคือเงื่อนไขขั้นต่ำในการที่จะเข้ามายังคุรุโซแห่งนี้
ไม่เหมือนที่อื่นๆในอาณาจักร, มันไม่มีภาษีเพราะข้อจำกัดที่มีความ
พิเศษแบบนี้
ผู้อาวุโสคนแคระถามวีด
“เจ้าชื่ออะไร?”
“ข้าชื่อหัตถ์แห่งศิลป์ ”
“นั่นเป็นชื่อที่ดีนะ”
“การดำเนินการลงทะเบียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะออกจากคุรุ
โซ, เจ้าต้องสร้างอะไรบางอย่างเอาไว้, ในกรณีของเจ้า, คงเป็นรูปแกะ
สลัก”
เมื่อวีดกำลังจะออกไปจากองค์การบริหารงาน
“ข้ามีคำถามจะถามเจ้า”
“ข้าขอถามเจ้า เจ้าต้องการข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับคุรุโซมั้ย? ถ้าเจ้า
ไม่ยุ่งอะไร, เจ้าจะฟังคำขอร้องของข้าได้มั้ย?”
คำขอร้องจากผู้อาวุโสคนแคระ!
อย่างไรก็ตาม ข้อเสนออาจจะเป็นที่น่าดึงดูดใจสำหรับวีดสักเท่าไหร่
ถึงแม้ว่าวีดมีค่าชื่อเสียงที่มากมายมหาศาล, แต่หลังจากที่เขาเปลี่ยน
มาเป็นคนแคระ ค่าชื่อเสียงทั้งหมดที่เขามีนั้นไม่มีผลอะไรเลย
ลักษณะของเผ่าพันธุ์คนแคระมีการปรับค่าชื่อเสียงจากผลงานศิลปะที่
ถูกสร้างขึ้น, แต่มันก็มีข้อจำกัดชื่อเสียงที่เขาได้มาจากการผจญภัยอยู่
เช่นกัน
ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น, ชื่อเสียงของเค้าก็ยังคงอยู่ในระดับที่สูงมาก
อย่างไรก็ตาม, คุรุโซนั้นแตกต่างไปจากที่คิดเพราะพวกเขาไม่ค่อยได้มี
การแลกเปลี่ยนสินค้ากับอาณาจักรอื่นบ่อยเท่าที่ควร
ค่าชื่อเสียงที่เขาสะสมจากทั่วทวีปเวอร์แซลล์และทางตอนเหนือ, นั้นไม่
เป็นที่ได้ยินในคุรุโซแห่งนี้
ถึงแม้ว่าวีดจะมีชื่อเสียงที่ค่อนข้างมาก, แต่เขาก็ไม่ได้รับคำขอร้องนอก
เขตพื้นที่พวกนั้นเลย
“เจ้าไม่ต้องทำคำขอร้องของข้าให้เสร็จเรียบร้อยก็ได้ เพื่อแลกเปลี่ยน
กับข้อมูลที่ข้าจะนำเสนอให้เจ้านี้ เจ้าเคยได้ยินช่างแกะสลักคนแคระ
มั้ย?”
วีดคิดว่าถ้าเขาไม่สามารถหาข้อมูลอะไรได้เลยในอาณาจักรธอร์, เขา
อาจจะหามันได้ในคุรุโซ!
วีดพยักหน้าเพื่อฟังคำถามของผู้อาวุโสคนแคระที่กำลังถามเขาอยู่นั้น
และพูด
“เขาคือสุดยอดช่างแกะสลักในหมู่พวกเราคนแคระทั้งหมด รูปแกะสลัก
ของเขาเต็มไปด้วยความพิศวง แต่ข้ามีเรื่องราวของคนแคระอีกคนที่ถูก
เล่าต่อกันมาจากบรรพบุรุษของพวกเขา”
เขาอาจจะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับเค็นเดลฟ์ อย่างน้อยที่สุด, เขาสามารถ
ยืนยันการมีตัวตนของช่างแกะสลักคนแคระ, เค็นเดลฟ์
วีดถามด้วยความหวังครั้งใหม่
“ข้าสามารถหาลูกศิษย์หรือรูปแกะสลักที่เขาทิ้งไว้เป็นเบื้องหลังได้จาก
ที่ไหน?”
“แม้ว่าข้าจะไม่รู้ถึงคำตอบพวกนั้น ตามความรู้ที่ข้ามี, คนๆนั้นไม่ได้ทิ้ง
รูปแกะสลักอะไรเอาไว้…ข้าคิดว่าพวกเราไม่สามารถที่จะหาลูกศิษย์
ของเขาพบถึงแม้ว่าพวกเขาจะยังมีชีวิตอยู่ก็ตาม แต่จากที่ข้าจำความ
ได้, มีคนแคระเป็นจำนวนมากที่ถามเกี่ยวกับเค็นเดลฟ์ ”
“นอกจากข้าแล้ว, มีคนแคระคนไหนที่ถามคำถามแบบเดียวกันนี้
อีก?”
“มีมากเลยล่ะที่ถามคำถามแบบนั้น อย่างน้อยก็สักยี่สิบคน”
เหมือนกันกับวีด, มีคนแคระจำนวนมากกว่า 20 คนที่เดินทางมายัง
คุรุโซเพื่อที่จะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเค็นเดลฟ์ อย่างไรก็ตาม, พวกเขา
ล้มเหลวในการตามหาเค็นเดลฟ์
‘เบาะแสที่อยู่ในคุรุโซ เหตุผลที่ว่าทำไมความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้
กระจายออกไปเหมือนข่าวลือก็เพราะว่าพวกคนที่ยอมแพ้ไม่ได้ต้องการ
ที่จะใช้คนแคระคนอื่นมีโอกาสหาเขาพบ’
ไม่มีใครสามารถหาร่องรอยของเค็นเดลฟ์ พบ อย่างไรก็ตาม, เพราะคน
แคระคนอื่นอาจจะหาเขาพบ, พวกเขาจึงไม่ได้ต้องการให้ข้อมูลพวกนี้
กระจายออกสู่สาธารณะและเก็บมันไว้กับตัวพวกเขาเอง
วีดถามอีกคำถาม
“พวกที่ไม่มีตัวตน; ข้าต้องทำยังไงถึงจะแกะสลักพวกที่กำลังพูดคุยอยู่
กับข้า ข้าต้องทำยังไงถึงจะแกะสลักพวกนี้ได้?”
ผู้อาวุโสคนแคระทำท่าทางงงแล้วมองไปที่เขา
“มันมีเรื่องอะไรแบบนั้นเกิดขึ้นด้วยเรอะ?”
“.....”
“ถ้าหากเจ้ากำลังมองหาสิ่งที่เจ้าต้องการในคุรุโซ, เจ้าต้องหามันด้วย
ตัวเอง ถ้าเจ้าต้องการอะไรสักอย่าง, เจ้าต้องได้มันมาด้วยตัวของเจ้า
เอง”
ในอีกความหมายหนึ่ง, ผู้อาวุโสพูดว่าคุณสามารถที่จะได้ข้อมูลมา
ง่ายๆนั่นเอง
มันมีความเป็นไปได้ว่าคำตอบที่วีดกำลังมองหาอยู่นั้นอาจจะเป็นคำ
ตอบที่ไม่มีใครสามารถบอกเขาได้
‘พวกที่ไม่มีตัวตน เราไม่รู้ว่าพวกมันเป็ นยังไง, และถ้าเกิดว่ามีใครสัก
คนที่สามารถแกะสลักพวกมันได้แล้ว, มันก็ไม่เห็นจำเป็นที่จะต้องมาร
บกวนเราให้แกะสลักพวกมันอีก’
การแกะสลักเป็ นศิลปะที่ทุกคนสามารถเพลิดเพลินไปกับมันได้, แต่มี
เพียงคนเดียวที่สามารถบรรลุถึงจุดสูงสุด!
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้รีบร้อนอะไร, เขาก็สามารถเดาได้ว่าข้อมูลที่เขา
ต้องการนั้นไม่ง่ายเลยที่จะได้มันมา
เล่มที่ 14 ตอนที่ 3 : รูปแกะสลักกับภารกิจลับ

วีดเดินออกไปจากองค์การบริหารและเดินดูรอบๆคุรุโซ
ช่างตีเหล็กคนแคระและช่างฝี มือคนอื่นๆอยู่บนถนนและกำลังสร้างไอ
เทมอะไรบางอย่าง แถวนั้นยังมีร้านของช่างตีเหล็กอย่างฟาบิโอ, แบม
บี้, และเอ็กเปอร์
รายชื่อที่กล่าวมาข้างต้นคือช่างตีเหล็กที่สามารถทำเงินได้จำนวน
มหาศาลจากการขายไอเทมที่มีลักษณะเฉพาะ, ที่พวกเขาเป็นคนสร้าง
มันขึ้นมา เมื่อมีการสนับสนุนหรือการบริจาคให้กับอาณาจักร เกิดขึ้น
เรียบร้อยแล้ว, มันมีความเป็นไปได้ที่จะสามารถกลายมาเป็นอัศวิน, แ
ละเป็นเจ้าของบ้านหรือคฤหาสน์ บ้านพักสุดหรู หรือบ้านพักตาก
อากาศ
‘ในคุรุโซ, ผู้คนถูกประเมินค่าจากทักษะช่างตีเหล็กของพวกเขา’
มันไม่ได้เหมือนกับทักษะการเย็บปักและทักษะงานฝี มืออื่นๆ, คน
แคระ, โดยธรรมชาติแล้วพวกเขารักและชื่นชอบในการเก็บรวบรวม
วัตถุดิบที่มีคุณภาพสูง, และใช้สุดยอดทักษะและความชำนาญของ
พวกเขาในด้านการตีเหล็ก, เปลี่ยนมันให้เป็นอะไรสักอย่างที่แปลกใหม่
“ข้าคือคนแคระ, ไฮส์น กำหนดส่งงานใกล้จะหมดลงแล้ว, แต่มีใครที่
ต้องการอยากจะท้าทายการทำบานหน้าต่าง 100 บานกับข้ามั้ย? มั
นเป็นคำขอร้องจากร้านของช่างตีเหล็ก”
เพื่อนร่วมงานมีความเหมาะสมขึ้นอยู่กับความจำเป็นในแต่ละ
สถานการณ์, แม้กระทั่งในคุรุโซก็เช่นกัน
“คำขอร้องอะไรกัน ช่างมากมายขนาดนี้ พวกเราต้องทำชุด
เกราะ 20 ชิ้น, แต่เงื่อนไขค่อนข้างยุ่งยากเล็กน้อย พวกเรามองหาผู้
เชี่ยวชาญในการหลอมและมีทักษะช่างตีเหล็กอย่างน้อยขั้นต้นระดับ
8 คุณจะต้องเตรียมวัตถุดิบของคุณมาเอง,และค่าใช้จ่ายโดยประมาณ
300 เหรียญทอง งานนี้เฉพาะคนแคระที่สนใจจะเพิ่มทักษะเท่านั้น!”
“มอนสเตอร์ปรากฏตัวขึ้นทั้งหมดใน 8 อุโมงค์, มันทำให้การขุดแร่ทำ
เหมืองนั้นยากมาก พวกเราต้องเอาอุโมงค์พวกนี้กลับคืนมาและฟื้นคืน
ความสงบขึ้นมาอีกครั้ง ค่าแรง 20 เหรียญทองต่อคน”
“ชุดเกราะป้ องกันทุกชิ้นต้องถูกทำขึ้นมาอย่างดี มันเป็นคำขอร้องของ
เจ้าของร้านชุดเกราะ, แต่ข้าต้องทำและส่งโล่ที่มีพลังป้ องกันมากกว่า
30 พวกเราทำมันด้วยกันมั้ย,เจ้าแคระ?”
ในปราสาททุกหลังหรือทุกหมู่บ้าน, จะมีสถานที่ไว้สำหรับประกาศรับ
สมัครหาเพื่อนร่วมทีมและซื้อ-ขายสินค้าต่างที่จำเป็นสำหรับการทำ
เควส และในที่แห่งนี้, พวกเขาสร้างของใช้ต่างๆขึ้นมา, ดังนั้นมันจึงมี
คำขอร้องมากมายเพื่อที่จะให้ได้วัตถุดิบที่จำเป็ นเหล่านั้นมาใช้ในการ
ทำเควส
เมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับภารกิจ, มันจะดีกว่าถ้ารวบรวมเพื่อนรวมงานและ
ทำภารกิจไปด้วยกัน ดีกว่าทำมันให้สำเร็จด้วยตัวคนเดียว
ต้องขอบคุณภารกิจต่างๆมากมาย ที่ถูกให้มาอย่างต่อเนื่อง, พวกคน
แคระที่มีระดับทักษะต่ำจึงได้รับโอกาสเหล่านี้เพื่อที่จะพัฒนาและเพิ่ม
ระดับทักษะของพวกเขา
คุรุโซ!
ตั้งชื่อตามอาณาจักรโบราณของคนแคระ, เมืองที่ครั้งหนึ่งเคยเจริญ
รุ่งเรืองและในอดีตเคยเป็นยุคทองของเหล่าช่างฝี มือคนแคระ!
ประตูทางเข้าบ้านของพวกคนแคระมีขนาดเล็กและคับแคบ, แต่เพดาน
สูงเพียงพอที่จะให้พวกมนุษย์สามารถเข้าไปได้
ข้างในร้านต่างๆ, มีอาวุธและชุดเกราะมากมายหลากหลายชิ้นวางเรียง
รายจัดแสดงให้แก่ผู้ที่สนใจเลือกซื้อเป็ นเจ้าของพวกมัน
นอกจากนั้นแล้ว, ถัดไปจากร้านช่างตีเหล็ก, เป็นร้านเหล้าที่พวกคน
แคระชอบดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
“ตามความคิดเห็นของข้าแล้ว, อาวุธที่ข้าทำขึ้นมาในครั้งนี้มันออกมาดู
ดีเลยทีเดียว มันเหมาะที่จะเอาไว้ใช้ฟันหัวพวกออร์คที่สุด”
“ถ้านายเป็นช่างตีเหล็ก, นายต้องมาอยู่ที่คุรุโซแน่นอน”
“ทั่งทั้งทวีปเวอร์แซลล์, พวกเรามีสุดยอดวิทยาการเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย
ที่สุด, พวกเราภูมิใจมาก”
ข้างนอกร้านเหล้า, บทสนทนาที่เสียงดังของพวกผู้เล่นคนแคระ
สามารถได้ยินมาถึงข้างใน
มีคนจำนวนมากที่เข้ามาจากทางด้านหลังถนนของเหมืองที่ถูกทิ้งร้าง
เช่นเดียวกันกับวีด, มีทั้งพวกมนุษย์และเอลฟ์
“เฮื้อกกกกก! ทำไมทุกอย่างมันแพงขนาดนี้”
ใบหน้าสวยๆของผู้เล่นเอลฟ์ หงุดหงิดขึ้นมาในทันใด เธอเจอธนูที่มีรูป
ร่างสมบูรณ์แบบสำหรับเธอ อย่างไรก็ตาม, คนขายที่เป็นคนแคระพูด
ออกมาตรงๆ
“พวกเราไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องขายมันในราคาแพงให้กับพวก
เอลฟ์ ถ้าเจ้าไม่ต้องการที่จะซื้อมันล่ะก็, ออกไปซะ!”
“คุณคะ, แต่ฉันต้องการมันจริงๆนะ…”
“งั้นก็เอาเงินมาให้ข้าสิ!”
“พวกเราควรจะทำยังไงดี เธอมีเงินไม่พอเลยเหรอ ลูมิยะ?”
“ไม่อ่ะ, ฉันยังขาดอีก 1,500 เหรียญทอง ฉันหวังว่าพวกเขาจะลด
ราคาให้พวกเราสักนิดหน่อยน่ะ พวกเขาไม่เคยที่จะลดราคาให้พวกเรา
เลย”
พวกคนแคระหน้าบูด!
ไม่เหมือนกันกับพวกเอลฟ์ และมนุษย์, พวกคนแคระไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบ
สำหรับพวกเขานัก, หรือเผ่าอื่นๆ สำหรับเรื่องนั้น
ถึงแม้ว่ามีเอลฟ์ แสนสวยอยู่ 5 คน ภายในร้าน ราคาก็ไม่ได้ลดลงเลย
สักนิดแม้แต่ 1 เหรียญทองก็ตาม วีดขยับไปด้านข้างอย่างเงียบๆ เขา
ขยับไปที่ๆพวกเอลฟ์ และคนแคระกำลังต่อรองราคากันอยู่
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้มีความตั้งใจที่จะช่วยพวกเอลฟ์ ผู้หญิงเลยแม้แต่
นิดเดียว เขาแค่สงสัยว่าธนูที่ขายอยู่ในคุรุโซนั้นมีคุณภาพขนาดไหน
นอกจากนี้, ร้านค้าแห่งนี้ยังรวบรวมของที่น่าสนใจเอาไว้มากมาย อีก
ทั้งยังตั้งอยู่ตรงจุดศูนย์กลางของคุรุโซ และเป็นที่รู้จักกันดีถึงไอเทมที่มี
คุณภาพระดับสูง
วีดชี้ไปที่ธนูที่เอลฟ์ ผู้หญิงอยากได้
“ข้าอยากดูของชิ้นนี้”
“ฉันเป็นคนเจอมันก่อนนะ”
เอลฟ์ ผู้หญิงพูดพร้อมกับถอนหายใจ อย่างไรก็ตาม, ท่าทางของวีดก็ยัง
ไม่เปลี่ยน
“อ๋อ เหรอ?”
“ยังไงก็ตาม, ฉันก็ยังมีเงินไม่พออยู่ดี…”
“งั้น ข้าขอดูมันได้มั้ย?”
“แต่…”
หลังจากที่เอลฟ์ ผู้หญิงคนนั้นพยักหน้า, เธอถูกเพื่อนๆในกลุ่ม จ้องมอง
ด้วยสายตาที่แข็งกระด้าง
แววตาของวีดลุกวาวอย่างกับว่าเขาจับเหยื่อได้แล้ว!
เจ้าของร้านคนแคระยื่นธนูให้เขาอย่างรวดเร็ว
“ร้านของเราจะยินดีเป็นอย่างยิ่งหากเพื่อนคนแคระของเราคนนี้
สามารถใช้ธนูอันนี้ได้”
วีดหยิบธนูที่เจ้าของร้านยื่นมาให้เขาอย่างระมัดระวัง
“ตรวจสอบ!”
ธนูนักรบของคนแคระเผ่ายูโนบัน:
ความทนทาน: 40/40.
ค่าความเสียหาย: 65.
ระยะการยิง: 14.
ธนูที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการล่า สร้างโดยช่างฝี มือของเผ่ายูโนบัน
ล็อคเป้ าอย่างแม่นยำ อาวุธที่แข็งแกร่งทำด้วยสายธนูที่ปรับแต่งให้
เหมาะสมกับความเร็วในการยิง
ข้อจำกัด:
เลเวล 280.
ค่าความแม่นยำ 730.
อาชีพนักธนู, หรือ นักรบขั้นกลาง สามารถใช้ไอเทมนี้ได้
คุณสมบัติเพิ่มเติม: คุณสมบัติเพิ่มเติม
ความเร็วเพิ่ม 20%
เพิ่มค่าความเสียหายในการยิงเจาะเกราะ
การยิงที่รวดเร็วมีความแม่นยำมากขึ้น
ลูกธนูเหล็ก, ลูกธนูไฟ, และลูกธนูพิษ สามารถใช้ร่วมกันได้
‘ไม่เลว’
เขาได้รับข้อมูลจากทักษะการตรวจสอบขั้นกลางของเขา
เพราะทักษะช่างตีเหล็กขั้นกลางของเขา, วีดจึงสามารถได้ข้อมูลของไอ
เทมที่มีรายละเอียดมากขึ้น
- การผลิตอาวุธ
คุณสมบัติอื่นๆของอาวุธสามารถมองเห็นได้เฉพาะผู้ที่เพิ่มระดับช่างตี
เหล็กของพวกเขาถึงขั้นกลางแล้วเท่านั้น
ถ้าคุณใช้ลูกธนูเหล็กยิงต่อเนื่องกันมากกว่า 45 ครั้งขึ้นไป, สายของ
คันธนูจะยืดออกและเป็ นสาเหตุทำให้ระยะการยิงและค่าความแม่นยำ
ลดลง 20%
ค่าความเสียหายของธนูเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 23%
เพราะนี่คือหนึ่งในอาวุธที่ช่างฝี มือของเผ่ายูโนบันทำออกมาไม่ดี, จุดศู
นย์กลางของมันไม่ได้มีการวัดขนาดอย่างถูกต้องและอาจจะมีการเบี่ยง
เบนออกนอกทิศทางประมาณ 15 เซนติเมตร เมื่อทำการยิงที่
ระยะ 100 เมตร
อย่างไรก็ตาม, ไอเทมชิ้นนี้ถูกทำขึ้นด้วยความเชื่อ ความศรัทธา, มัน
สามารถเปล่งแสงที่บอกทิศทางลูกธนูให้พุ่งไปตามเส้นทางที่กำหนดได้
อย่างเหมาะสม
ถ้าช่างตีเหล็กที่มีความเชี่ยวชาญมากกว่านี้ทำการเพิ่มประสิทธิภาพ
ของธนู, มันมีโอกาสเล็กน้อยที่จะเพิ่มระยะกางยิงสูงสุดและเพิ่มค่า
ความเสียหายสูงสุด
หลังจากที่อารมณ์เสียอยู่กับธนูสักพัก, วีดส่งมันคืนให้กับเจ้าของร้าน
“อาวุธชิ้นนี้มีราคาเท่าไหร่?”
คนแคระตอบ
“15,500 เหรียญทอง”
“ฮืมมมม”
“เจ้าต้องการที่จะซื้อมันหรือไม่?”
วีดถอยออกมาหนึ่งก้าว
“ไม่ล่ะ, ข้าจะไม่ซื้อมัน”
เขาคือผู้ที่มีธนูของไฮเอลฟ์ เหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงมองหาไอเทมเป็น
เพราะว่าเขาไม่ได้ต้องการที่จะซื้อและใช้มัน แต่เพราะเขาต้องการที่จะ
ตรวจสอบราคาของอุปกรณ์สวมใส่ นั่นคือเหตุผลเพียงหนึ่งเดียวที่เขา
มองผ่านอุปกรณ์สวมใส่ของพวกคนแคระ!
เขาไม่ต้องการที่จะซื้ออาวุธทุกชนิดอย่างแน่นอน
คนแคระเดาะลิ้นของเขา
“นั่นมันแย่หน่อยนะ พอมาคิดดูแล้ว, พวกเราคนแคระ, ไม่ต้องการธนู
เพื่อใช้ในการต่อสู้สักเท่าไหร่”
มันเป็นอาวุธที่เธอชอบ, แล้ววีดพูดว่าเขาไม่ได้ต้องการที่จะซื้อมัน, เธอ
จึงรู้สึกว่าโอกาสนั้นมาถึงแล้ว
แล้ววีดก็พูดกับคนเหล่านี้
“อย่าซื้อมันนะ”
“อะไรนะ?”
สายตาของเอลฟ์ ผู้หญิงเป็นประกายเจิดจ้าในทันที
ถึงแม้ว่าเอลฟ์ มีความงดงามโดยธรรมชาติอยู่แล้ว, แต่ก็ยังมีคนที่
หน้าตาดูดีกว่านี้อีกเมื่อมองออกไปยังโลกภายนอกที่กว้างใหญ่
พวกเขามีดวงตากลมโต, ผิวสะอาดสะอ้าน, และรูปร่างผอมเพรียวได้
สัดส่วน หูแหลมและผมสีเขียว, มันเป็นธรรมดาที่พวกผู้ชายมักจะคิด
เสมอว่าพวกเธอนั้นสวยมากๆ
“มันก็แค่ของถูกๆ”
“อะไรนะ? เจ้าพูดว่า…”
“เจ้าแคระน้อยเพื่อนยาก! เจ้าหมายความว่าอย่างไร!”
มันเป็นเรื่องปกติที่เจ้าของร้านต้องระเบิดออกมา อย่างไรก็ตาม, วีด
เมินเฉยต่อการกระทำของเจ้าของร้านและพูดต่อ
“มันไม่ใช่อาวุธที่ถูกทำขึ้นมาด้วยความระมัดระวังและพิถีพิถันคำนึงถึง
คุณภาพของมัน นอกจากพวกเอลฟ์ แล้ว, มันถูกทำขึ้นสำหรับพวกที่
ไม่ใช่คนแคระให้สามารถใช้งานได้ ความสมดุลของอาวุธก็ไม่ได้มีดี
อะไรมากนัก, และค่าเฉลี่ยความเสียหายและค่าความทนทานก็อยู่ใน
ระดับแค่ครึ่งๆกลางๆ”
อาวุธไม่ได้ดีพอที่พวกเอลฟ์ ควรจะใช้มัน ใบหน้าของเจ้าของร้านคน
แคระแดงกำอย่างกับถูกไฟเผาและไม่สามารถที่จะเอ่ยคำใดๆออกมาได้
เลย
“เฮอะ?”
“พวกคนแคระมีความภาคภูมิใจสูงมาก ทำไมคุณถึงไม่โกรธล่ะ?”
วีดยังคงพูดต่อไป
“อัตราการยิงค่อนข้างสูง, ซึ่งทำให้มันมีราคามากขึ้น, แต่อาวุธชิ้นนี้มี
จุดศูนย์กลางที่ไม่เหมาะสมและมันก็เป็นการขูดรีดโดยสิ้นเชิง ถ้าเธอ
ต้องการ, เธอสามารถที่จะลองยิงเพื่อตรวจสอบมันด้วยตัวเธอเองก็ได้”
หลังจากที่เขาพูดถึงเรื่องนี้เสร็จแล้ว, วีดรีบเดินออกไปจากร้านเพราะ
มันไม่มีอะไรต้องพูดมากไปกว่านี้อีกแล้ว
เขาให้คำแนะนำบางอย่างกับเอลฟ์ พวกนี้เพียงเพราะเธอมีอายุใกล้
เคียงกับน้องสาวของเขา
คนแคระคนนั้นหน้าแดงก่ำด้วยความอึดอัดใจเป็นอย่างมาก
พวกคนแคระเริ่มต้นมาก็มีทักษะช่างฝี มือขั้นพื้นฐานซึ่งทำให้พวกเขา
กลายเป็นสุดยอดช่างฝี มือ
คนแคระคนนั้นรู้สิ่งที่วีดพูดมากทั้งหมดนั้นถูกต้องและไม่สามารถที่จะ
โต้เถียงกลับไปได้เลยแม้แต่สักครั้งเดียว
“เอลฟ์ , เจ้าต้องการที่จะซื้อมันหรือไม่?”
เอลฟ์ วางอาวุธลงด้วยความระมัดระวังและถามอีกครั้งด้วยความหวั่น
ใจ
“ราคาของธนูนี้เท่าไหร่?”
“12,500 เหรียญทอง”
“แต่ว่าฉันได้ยินมาว่ามันไม่ค่อยสมดุล…”
“งั้นเจ้าก็ไม่ต้องซื้อมัน”
คนแคระอวดดีตอบกลับไปและเก็บแขนของเขาลง
เอลฟ์ ผู้หญิงเข้าใจดีว่าวีดกำลังช่วยเธอและเธอวิ่งตามเขาไปด้วย
ความเร็วเพื่อที่จะไม่ให้คลาดสายตาไปจากเขาและขอเขาเป็ นเพื่อน
“ขอเป็นเพื่อน!”
"?."
ในฐานะที่เป็นเอลฟ์ ผู้หญิง, เขาเป็นคนแรกที่ปฏิเสธคำขอเป็นเพื่อนกับ
เธอ
บนสนามรบและการทำเควส, เผ่าเอลฟ์ เป็นที่นิยมชมชอบมากที่สุดอยู่
เสมอ
เพราะพวกเขามีสเต็ปการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว, นักธนูมีปฏิกิริยาโต้ตอบ
ด้วยความเร็วที่น่าตกใจ และเนื่องจากพวกเอลฟ์ ผู้หญิงมีใบหน้าที่
สวยงามแลรูปร่างที่ผอม เพรียว, พวกผู้ชายจึงให้ความสนใจดูแลเป็น
พิเศษอยู่ตลอด
ในความเป็นจริงแล้ว, รูปร่างของพวกเขานั้นค่อนข้างธรรมดาและพวก
เขาดูเหมือนพวกนางแบบที่เป็นเด็กนักเรียนและมัวแต่หมุกมุ่นอยู่กับ
กองหนังสือ, แต่พวกเขาเป็นที่ชื่นชอบในรอยัล โร้ด
เอลฟ์ ผู้หญิงละทิ้งความภาคภูมิใจของเธอและพยายามอีกครั้ง
“ขอเป็นเพื่อน!”
“ขอเป็นเพื่อน!”
หลังจากความพยายามในการขอเป็นเพื่อนทั้งสามครั้ง, ในที่สุดชื่อของ
เขาคือวีด?
‘ชื่อของคนๆนั้นคือวีด?’
ณ ช่วงเวลานั้น, เอเดลกระซิบไปหาเขา, และเป็นไปตามที่เธอคิด
ไว้, คำแรกที่เธอได้ยินนั้นทื่อมาก
- ทักษะของคนแคระและความซื่อสัตย์…
คำกระซิบที่เอเดลได้ยินนั้นเหมือนกันเลย
“มันไม่ใช่ว่าพวกเราเอลฟ์ สงสัยในทักษะและคุณภาพของคนแคระ, แต่
ธนูอันนี้มันแพงเกินไปสำหรับเอลฟ์ ธรรมดาๆอย่างพวกเราที่จะใช้มันได้
ฉันรู้ว่าปรมาจารย์คนแคระสามารถสร้างธนูแบบเดียวกันนี้ได้อย่าง
ง่ายดาย"
“12,000 เหรียญทอง”
เอลฟ์ กำลังพยายามที่จะต่อรองราคากับเจ้าของร้านคนแคระผู้โอ้อวดที่
มีคนพูดกันว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะต้องรองราคากับเขา มันเป็นหัวข้อที่
ควรค่าแก่การเอ่ยถึง
- ค่าความเสียหายอยู่ในระดับค่าเฉลี่ย…
เอเดลมองดูปฏิริยาของคนแคระอย่างระมัดระวังและพูด
“มันมีค่าความเสียหายอยู่ในระดับค่าเฉลี่ย ดูไม่ค่อยเหมาะสักเท่าไหร่
ถ้าความเสียหายที่ธนูสามารถทำได้นั้นไม่คงที่, มันคงจะเป็นปัญหา
ใหญ่มากแน่ๆ ฉันต้องล่าพวกออร์คชั่วร้ายก่อนที่พวกมันจะเข้ามาใกล้”
มันรู้กันโดยทั่วไปว่าพวกออร์คคือศัตรูคู่อาฆาตของพวกเอลฟ์ และพวก
คนแคระ
เป็นที่รู้กันดีว่าพวกคนแคระนั้นเกลียดการมีอยู่ของพวกออร์ค
“11,000 เหรียญทอง ข้าให้ต่ำสุดได้เท่านี้”
“ข้าได้ยินมาว่าความทนทานของมันแย่มากเลยนะ…”
“10,500 เหรียญทอง”
ถ้าราคาของมันประมาณนี้ล่ะก็, เอเดลสามารถซื้อมันได้ด้วยเงินที่เธอมี
อยู่
“ว้าว!”
“ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าเอเดลจะมีความสามารถในการต่อรองราคาได้
ขนาดนี้”
พวกเพื่อนๆของเอลฟ์ เอเดลกำลังเชียร์เธอที่สามารถต่อรองราคาได้, อย่
างไรก็ตามเอเดลตัดสินใจที่จะเก็บความรู้สึกดีใจเอาไว้ก่อน
เอเดลยังไม่ได้ซื้อธนู ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าเธอยังไม่แน่ใจราคาของมัน
ว่าถูกต้องหรือไม่
เอเดลถามอีกครั้งเพื่อยืนยันราคา
“นั่นน่ะ…มันจะเป็นอะไรมั้ยถ้าให้ฉันลองยิงจากระยะไกลเพื่อตรวจดู
ผลลัพธ์ของมัน? ถ้ามันเป็นอาวุธที่ปรมาจารย์คนแคระเป็นคนสร้างมัน
ขึ้นมา มันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร, แต่ฉันต้องการที่จะดูว่าธนูอันนี้มันดี
พอหรือไม่ ก่อนที่ฉันจะตัดสินใจซื้อมัน อย่างไรก็ตาม, ถ้าลูกธนูมันไถล
ออกไปเล็กน้อยจากเป้ าหมายล่ะ, คุณจะลดราคามันใช้ฉัน,ได้ใช่มั้ย?”
เป็นครั้งแรกที่สีหน้าของคนแคระเปลี่ยนไป สีหน้าของเขาตอนนี้ซีดลง
อย่างเห็นได้ชัด
“เอามาให้ข้า 9,000 เหรียญทอง ถึงแม้ว่าธนูอันนี้มีข้อบกพร่องอยู่
นิดหน่อย, แต่มันไม่เลวเลยถ้าหากเจ้าซื้อมันที่ราคา 9,000 เหรียญ
ทอง”
และนั่นคือการตัดสินใจครั้งสุดท้ายที่เอเดลซื้อธนูที่ราคา 9,000 เหรี
ยญทอง
มันมีข้อเสียอยู่นิดหน่อยเมื่อคุณใช้ธนูเพราะการโจมตีไม่สอดคล้องกับ
ความเสียหายที่ทำได้!
อย่างไรก็ตาม, ทักษะการใช้ธนูเพียงพอที่จะทดแทนข้อบกพร่องของธนู
มันเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมากหากสามารถได้ธนูที่มีค่าความเสียหายสูง
พร้อมกับความเร็วในการยิงที่ระดับนี้ในราคาแบบนี้ มนุษย์มองเห็น
พวกเอลฟ์ นั้นเป็นมิตรกับพวกเขา, แต่มันเป็นเรื่องที่สุดยอดที่สามารถ
ต่อรองราคากับพวกคนแคระที่เก็บตัวพวกนี้
เอเดลพยายามกระซิบไปหาวีดเพื่อกล่าวคำขอบคุณ
- ขอบคุณมาก เพราะคุณ ฉันจึงสามารถซื้อธนูอันนี้ได้…
***
เควสส่วนใหญ่ในอาณาจักรคุรุโซที่ให้มาทำนั้น มีแต่เฉพาะเผ่าคนแคระ
หรือช่างตีเหล็ก
การแกะสลักเป็ นอะไรที่หายากมากเหมือนกับการปลูกถั่วบนพื้นที่แห้ง
แล้ง, และมันเป็นอะไรที่ไม่มีใครสามารถพูดได้ว่าพวกเขาเชี่ยวชาญใน
เรื่องนี้

“ไฮโฮ ไฮโฮ, ข้าไม่สามารถซื้อเบียร์ได้เพราะเงินของข้าที่ใช้ซื้อเบียร์นั้น


หมดแล้ว ถึงแม้ว่านี่เป็นเรื่องที่โชคร้าย, ข้าไม่สามารถที่จะขอร้องได้
เนื่องจากศักดิ์ศรีของคนแคระ ช่างโชคดีที่คุณผู้หญิงเจ้าของร้านเหล้า
พูดว่าเธอชอบรูปแกะสลัก; เจ้าพอที่จะทำมันให้เธอสักชิ้นได้มั้ย? เพื่อ
เป็นการตอบแทนเจ้า ข้าจะมอบพลั่วขุดแร่ให้เจ้าเอาไปใช้ เจ้าไม่
สามารถขายมันได้, แต่เจ้าสามารถใช้งานมันได้หลากหลายวช่องทาง”
*ติ๊ง!*
- คำขอร้องของคนงานเหมืองคนแคระ
สร้างรูปแกะสลักของพลั่วขุดแร่
เมื่อคุณทำเสร็จแล้ว, คุณสามารถได้รับพลั่วขุดแร่
ระดับความยากของเควส: F
รางวัลตอบแทน: พลั่วขุดแร่
ข้อจำกัดการทำเควส: เฉพาะช่างแกะสลักเท่านั้น
“ข้าจะแกะสลักมันเดี๋ยวนี้”
“เจ้าพูดว่าเจ้าเป็นช่างแกะสลักงั้นรึ? ช่างแกะสลัก…เมื่อตอนข้ายัง
เด็ก, ข้าได้เห็นรูปแกะสลักอันน่าประทับใจ อะไร, เจ้าพูดว่าข้าไม่
เหมือนคนที่จะสนใจอะไรอย่างนั้นเหรอ?”
“มันไม่ใช่แค่นั้นนะ คนแคระคือศิลปินในตำนาน, และพวกเขาคือช่าง
ฝี มือที่มีความละเอียดลออและมีความประณีตพิถีพิถัน”
“ถูกต้องแล้ว พวกมนุษย์หยิ่งยโสพวกนั้นพูดว่าคนแคระไม่มีความ
สนใจในเรื่องของศิลปะเลย; ไม่เหมือนพวกออร์คสวะพวกนั้น, พวกเรา
คนแคระผู้ฉลาดเฉลียวรักสิ่งสวยงามและคงทน ถึงแม้ว่าในเมืองคุรุโซ
ของพวกเรา, พวกเรามีนักรบคนแคระมากมายที่ไม่รู้จักคำว่าถอย ข้า
ต้องการที่จะเก็บความทรงจำพวกนั้นไว้ภายในบ้านของข้า สร้างรูปแกะ
สลักที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจของนักรบคนแคระให้กับข้า”
*ติ๊ง!*

- ความกล้าหาญของนักรบคนแคระ
พวกคนแคระคุยโว โอ้อวดว่าถ้าหากพวกเขามีชุดเกราะและอาวุธที่พวก
เขาทำขึ้นมา, พวกเขาสามารถที่จะป้ องกันได้แม้กระทั่งการโจมตีด้วย
ลมหายใจและสามารถตัดผ่านได้ทุกสิ่ง, พวกเขามีความสามารถแม้
กระทั่งการจับมังกรปี ศาจ, เคย์เบิร์น
นี่อาจจะเป็ นเหตุผลที่ว่าทำไมทักษะช่างตีเหล็กของพวกเขาถึงเติบโต
มากขนาดนี้, แต่โอกาสที่มันจะเป็นเรื่องจริงได้นั้นไม่มีเลย!
แม้กระทั่งด้านจิตรกรรม, ตราบใดที่ศัตรูของพวกเขาไม่ใช่มังกร, พวก
คนแคระคงไม่มีทางรู้ถึงความกลัวและการถอยหนี
จงแกะสลักนักรบคนแคระผู้กล้าหาญ
ระดับความยาก: E
รางวัลตอบแทน: ชุดเซ็ทอาวุธที่คนแคระทำขึ้นเพื่อคลายความเบื่อ
หน่ายที่เขามี
ความต้องการของเควส: ต้องเป็ นช่างแกะสลักเท่านั้น
คุณต้องสร้างรูปแกะสลักด้วยสัมฤทธิ์(bronze)
“ข้าจะทำมันตอนนี้เลย”
เขารับเควสนี้โดยที่ไม่ต้องรับเควสที่ความยากระดับ F
อาจจะพูดได้ว่าเขากำลังได้เควสที่ดีขึ้น!
เขามีความหวังอยู่เสมอว่าไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน มันต้องมีเควสช่างแกะ
สลักรอคอยเขาอยู่เสมอ
ตามนี้, เขารับเควสทุกอันที่เกี่ยวกับการแกะสลักมาทั้งหมด
‘คุรุโซเป็นสถานที่เล็กๆ’
จำนวนคนแคระที่อาศัยอยู่ที่นี่นั้นมีไม่ถึงพันคน
มีอาคารหลายหลังที่ถูกปล่อยให้ทิ้งว่าง, และมันก็เงียบเชียบไปตาม
ขนาดของพวกมัน
ถ้าไม่มีพวกนักผจญภัยเอลฟ์ หรือมนุษย์, มันคงจะกลายเป็นสถานที่ ที่
เงียบเหงา เปล่าเปลี่ยวโดยแท้จริง
‘ถ้าเราทำเควสของช่างแกะสลักต่อไป, เราเดาว่ามันต้องมีเควสอะไร
สักอย่างที่ทำให้เราสามารถแกะสลักพวกที่ไม่มีตัวตนได้แน่ๆ’
เขาคิดว่าอย่างน้อย เขาก็สามารถค้นหาเบาะแสได้
อย่างไรก็ตาม, ถึงแม้ว่าเขาจะทำเควสเสร็จไปมากมายเป็นสิบๆเควส
แล้วก็ตาม, คำขอร้องพิเศษยังไม่ปรากฏให้เห็นเลย
ถึงแม้ว่าระดับความยากของคำขอร้องเพิ่มขึ้นถึงระดับค่าเฉลี่ยหลังจาก
ที่เขาพูดถึงหมู่บ้านหัตถ์เหล็กกล้า, แต่เควสเหล่านั้นก็ยังไม่เคยเกิน
ระดับ D
เควสต่อเนื่องยากที่จะหาพบ, และ, อย่างมาก, พวกเขาแนะนำให้เขา
รู้จักกับคนแคระคนอื่นๆที่ต้องการความช่วยเหลือของช่างแกะสลัก
ความคิดบางอย่างที่น่ากลัวก็ปรากฏขึ้นในหัวของเขา!
‘มันคงไม่ใช่ขีดจำกัดของเควสช่างแกะสลักหรอกนะ, มันคงไม่ใช่
หรอก?’
ถ้าเขาเป็นสายอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้, เขาก็แค่ต้องออกไปผจญ
ภัยเท่านั้น
มันไม่มีอะไรมากที่ต้องพูดถึงการออกไปผจญภัย เขาสามารถขุดค้น
สำรวจซากโบราณสถาน, หรือเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องราวของพวกสัตว์และ
พืชพันธุ์ไม้ในแต่ละท้องถิ่น เขาสามารถจับพวกมอนสเตอร์ก็ได้
คำขอร้องที่น่าสนใจมักจะเชื่อมโยงถึงกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
แม้กระทั่งพวกพรีสต์สามารถได้รับประสบการณ์ผ่านทางพิธีกรรมพิเศษ
ที่จัดขึ้นโดยวิหาร
อย่างไรก็ตาม, เขาเริ่มคิดว่าในตอนแรกๆนั้น เควสพวกนี้คงไม่มีให้
สำหรับช่างแกะสลัก
‘ใช่แล้ว เควสที่สร้างสุสานของกษัตริย์ในอาณาจักรโรเซนไฮม์ก็เป็น
แบบนี้เหมือนกัน’
มันเป็นเควสของช่างแกะสลักที่มีความยากระดับ B!
ถ้าระดับความยากสูงกว่าภารกิจอื่นๆ ค่าประสบการณ์และรางวัล
ตอบแทนก็จะมากตามไปด้วยและมันอาจจะส่งผลกระทบ มีอิทธิพลไป
ทั่วทั้งทวีปเวอร์แซลล์
แต่อุปสรรคความยากลำบากในการก่อสร้างสุสานของกษัตริย์คือพวก
ใช้แรงงานที่จำเป็นต่อการก่อสร้าง
‘มันเป็นภารกิจที่ง่ายต่อการทำมันให้สำเร็จเพียงแค่มีพวกคนงาน
เท่านั้น นอกจากนี้, เมื่อตอนที่แกะสลักรูปปั้นของเทพธิดาเฟรย่าห์, มัน
ไม่มีความท้าทายที่พิเศษอะไร’
วีดเชี่ยวชาญการใช้แรงงานมาก, และเมื่อไหร่ก็ตามที่มีงานใหม่ๆ
ปรากฏขึ้น, เขาจะรับมันพร้อมกับมองโลกในแง่ดีไปด้วย
มันเป็นความจริงที่ว่าเขากลัวคำขอร้องการแกะสลักที่ยากๆในชีวิตจริง
แล้วถ้าหากมันเป็นคำข้อร้องที่ต้องการให้เปลี่ยนพวกอัญมณีที่มีมูลค่า
เป็นหมื่นๆเหรียญทอง ให้กลายเป็นสร้อยคอ ผลงานที่โลกต้องจารึก
และจดจำไว้ในประวัติศาสตร์นานนับศตวรรษ มันคงเป็ นอะไรที่น่าปวด
หัวสุดๆเลยใช่มั้ยล่ะ?
วีดยินดียอมรับการใช้แรงงานแบบง่ายๆ, และสร้างผลงานการแกะสลัก
ของเขาให้เป็นแบบนี้ต่อไปดีกว่า
อย่างไรก็ตาม, มันดูยากมากในขณะที่เขากำลังทำมันอยู่นั้น, เขาไม่
จำเป็นต้องคิดอะไรเลยเกี่ยวกับพวกรูปแกะสลัก
‘มันเป็นไปได้ที่เควสที่เรารับผ่านการแกะสลัก คงจะติดแหง็ก คาอยู่
ระดับที่น่าสมเพช เวทนาแบบนี้แน่นอน’
ขณะที่เขาสามารถสร้างรูปปั้นที่มีขนาดใหญ่, มันสามารถบ่งบอกได้ว่า
นั่นคือขีดจำกัดของคำขอร้องที่เกี่ยวกับการแกะสลัก
มันไม่เหมาะกับภาพลักษณ์ของช่างแกะสลักในการที่จะต้องมาทำอะไร
แบบนี้ เช่น การหาปาร์ตี้, การต่อสู้, หรือ การออกไปผจญภัย!
มันจะดีกว่าถ้าเกิดหาที่นั่งสักที่แล้วมานั่งแกะสลักไปตลอดทั้งวัน
บางคนอาจจะบอกว่าช่างตัดเย็บและช่างตีเหล็กก็มีเหตุการณ์แบบนี้เห
มือนๆกัน, แต่ไม่ว่าจะเป็ นแบบไหนก็ตาม, เขาก็มักจะสงสัยเสมอว่า, ใ
นฐานะที่เป็นช่างแกะสลัก, เขาไม่จำเป็นที่จะต้องออกไปผจญภัยเลย
หรือ
‘ไม่ เวรเอ้ย นี่คือเรื่องจริง มันไม่มีช่างแกะสลักคนไหนที่ออกไปผจญภัย
จริงๆหรอก, ใช่มั้ย?’
วีดตกลงสู่ห้วงแห่งความสิ้นหวัง
***
ทุกวันๆ, กิลด์นักล่าแห่งผืนปฐพีและเดย์มอนด์ยิ่งได้รับความสนใจมาก
ขึ้นเรื่อยๆ
เหตุผลที่คนส่วนใหญ่ให้ความสนจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ นั่นก็เพราะว่าพวก
เขากำลังล่าราชากริฟฟอนในหุบเขาฮาเวลิน
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าราชากริฟฟอน!
พวกเขาออกผจญภัยมานับครั้งไม่ถ้วน จนเดินทางมาถึงดินแดนทาง
เหนือเพื่อที่จะล่ากริฟฟอนสีเหลือง
กริฟฟอนสามาถบินไปในท้องฟ้ าได้อย่างอิสระ, พวกมันมีความว่องไว
และรวดเร็วสูงมาก, และยังฉลาดสุดๆ, ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่ามัน
เป็นการฆ่าตัวตายชัดๆ
หุบเขาฮาเวลินเป็นสถานที่ๆหลอกล่อพวกนักผจญภัยไปสู่ความตายมา
แล้วมากมาย
เดย์มอนด์และกิลด์นักล่าแห่งผืนปฐพีเข้าไปยังหุบเขาฮาเวลิน พวกเขา
ไร้ซึ่งความกลัว
พวกกริฟฟอนแสนรู้ต่างพากันต้อนรับเหล่าผู้บุกรุกด้วยการกลิ้งหิน
ขนาดยักษ์ใส่พวกเขาและ ในขณะที่พวกมันอยู่กลางอากาศ พวกมันก็
โยนกิ่งไม้ลงมาใส่พวกเขา
อย่างไรก็ตาม, พวกกริฟฟอนไม่ได้ใช้วิธีการเข้าโจมตีซึ่งๆหน้า
‘ถ้าพวกแกอยากเข้ามาใกล้กว่านี้, ก็เข้ามาเลย มันไม่มีทางที่พวกสวะ
อย่างพวกแกจะมีชีวิตอยู่รอดไปได้’
นี่ทำให้พวกเขากลัว, และ ด้วยการจู่โจมตลอดทุกคืน พวกเขาต้องเฝ้ าดู
สิ่งที่อยู่รอบๆตัวอย่างระมัดระวัง
ตอนนี้พวกเขามาได้เกินครึ่งทางของหุบเขาแล้ว, มันไกลเกินกว่าที่จะ
หันหลังกลับ, การโจมตีของพวกกริฟฟอนจะเริ่มขึ้นในเร็วนี้
กิลด์นักล่าแห่งผืนปฐพีผ่านประสบการณ์ความตายมากนับครั้งไม่ถ้วน
คำว่าล้มเหลวถูกหยิบยกขึ้นมาพูด
กิลด์อื่นๆต่างพากันหัวเราะเยาะกิลด์นักล่าแห่งพืนปฐพีในความ
ประมาทของพวกเขา
“ถ้าคุณไม่บ้า, คุณไม่มีทางที่จะท้าทายหุบเขาฮาเวลินได้หรอก”
มีกิลด์อื่นๆอีกเป็ นจำนวนมากที่มีกำลังทางทหารใหญ่กว่าเมื่อเปรียบ
เทียบกับกิลด์นักล่าแห่งผืนปฐพี แต่,พวกเขาก็ไม่กล้าแม้แต่ที่จะท้าทาย
สถานที่อันตรายอย่าง หุบเขาฮาเวลิน
แน่นอน รับประกันได้เลยว่าความพ่ายแพ้รอคอยพวกเขาอยู่
เพราะเป็นกิลด์ถึงระดับสูง ย่อมเป็ นที่จับตามองของผู้เล่นทั้งหมดบน
ทวีปเวอร์แซลล์ ถ้าพวกเขาล้มเหลว ผิดพลาดขึ้นมา ชื่อเสียงของพวก
เขาต้องป่ นปี้ย่อยยับ และนำมาซึ่งความเสียหาย มาสู่กิลด์ของพวกเขา
อีกอย่าง, ถึงแม้ว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จก็ตาม, แต่ถ้าพวกผู้
เล่นที่เป็นกำลังหลัก เป็นกำลังสำคัญ เกิดต้องมาตายไปเป็ นจำนวน
มาก, พวกเขาจะยิ่งสูญเสียไปมากกว่าเดิม
ถึงแม้ว่ากิลด์อื่นๆจะมีกำลังทางทหารที่แข็งแกร่งมากเพียงใด , พวกเขา
ก็ต้องหยุดคิดถึงมันอยู่ดี ดังนั้นกิลด์นักล่าแห่งผืนปฐพีจึงกลายเป็น
เหมือนตัวตลกในสายตาของพวกเขา ที่พยายามท้าทายหุบเขาฮาเวลิน
โดยไร้ซึ่งความเกรงกลังแต่อย่างใด
“เพราะพวกเขาเดินนำหน้าพากิลด์ไปด้วยความประมาท, พวกเขาจะ
ต้องล้มเหลวและพบจุดจบอยู่ที่ทางตอนเหนือ”
แต่, เดย์มอนด์และกิลด์นักล่าแห่งผืนปฐียังคงยืนหยัดอย่างแข็งแกร่ง
ถึงแม้พวกเขาจะเสียคนไปเป็นจำนวนมากแล้วก็ตาม
อย่างไรก็ตาม, พวกเขาก็ยังคงน่าเป็นห่วงอยู่ดีนั่นก็เพราะพวกกริฟฟอน
เพราะกริฟฟอนเป็นมอนสเตอร์ประเภทบินได้, มีเพียงแค่ลูกธนูและ
เวทย์มนต์เท่านั้นที่สามารถฆ่าพวกมันได้
ถึงกระนั้น, มันก็ไม่มีที่ที่ปลอดภัยสำหรับพวกเขา
รังของกริฟฟอนอยู่ตรงใจกลางของหุบเขาฮาเวลิน!
ในรังของพวกมัน, มีลูกกริฟฟอนที่ยังไม่มีปี กหรือยังไม่รู้วิธีที่จะบิน
หลังจากกิลด์นักล่าแห่งผืนปฐพีที่นำทีมโดยเดย์มอนด์เข้าไปถึงรังของ
พวกกริฟฟอนแล้ว และเริ่มการต่อสู้อันแสนโหดร้ายและทารุณจนถึงขั้น
เลือดสาดกันเลยทีเดียว จนในที่สุดพวกเขาก็ได้รับชัยชนะอันน่าเหลือ
เชื่อ
เพื่อที่จะฆ่าราชากริฟฟอนให้ได้ พวกเขาจำเป็นต้องจับพวกกริฟฟอนตัว
เล็กๆ การที่สามารถจับพวกกริฟฟอนและสามารถใช้มันในการต่อสู้
กลางอากาศได้นั้น คุณค่าความสำเร็จของมันนั้นยิ่งใหญ่มากเกินกว่าที่
จะบรรยายได้
มีฉากการต่อสู้ที่หุบเขาฮาเวลินถูกโพสต์ลงในหอแห่งเกียรติยศ
พวกเขาเสียชีวิตในการต่อสู้ไปเป็นจำนวนมาก แต่กิลด์ก็ยังสู้จนถึงที่สุด
และพวกเขาก็สามารถฆ่าราชากริฟฟอนได้ ซึ่งนั่นทำให้คนที่ดูอยู่นั้น
เกิดความประทับใจมาก
ผู้คนต่างถูกสะกดเนื่องจากความไม่ยั้งคิดของกิลด์นักล่าแห่งผืนปฐพี
***
วีดยังคงครุ่นคิดต่อไปเกี่ยวกับคุณค่าของการทำเควสแกะสลัก
“เฮ้อ มันก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ พวกเขาบอกว่าการเรียนก็เหมือนกับการ
ขโมย…”
มันไม่มีทางอื่นแล้วนอกจากการพัฒนาศิลปะแห่งการแกะสลัก เขา
ทำได้เพียงแค่นั่งทำเควสต่อไปให้เสร็จอย่างเงียบๆ!
“เจ้าทำดีมาก”
“ไม่เลย มันไม่ใช่ซะทั้งหมดหรอก”
แม้กระทั่งคนแคระที่ฝากฝังคำขอร้องไว้ที่เขาก็ยังมาหา, วีดทำได้เพียง
แค่ตอบไปแบบห้วนๆสั้นๆ
“โอ้! มันช่างเป็นผลงานที่สุดยอดมาก”
“ข้าก็แค่แกะมันอย่างง่ายๆเท่านั้นเอง”
“เมื่อมาคิดดูแล้วเจ้าสามารถแกะสลักพื้นผิวออกมาได้อย่างเรียบ
เนียน…และดูส่วนเว้าส่วนโค้งที่ผิวนี่สิ การที่พวกเราได้มาเห็นจุด
สูงสุดของความงดงามในสัดส่วนโค้งเว้าแบบนี้นั้น มันช่างน่าอัศจรรย์
ใจยิ่งนัก!”
“เพราะข้าทำมันขึ้นมาด้วยความตั้งใจ, ได้โปรดหยุดพูดอะไรที่เกินเลย
ไปกว่านั้นเลยและเอาเงินมาให้ข้า”
ความเหนื่อยล้าถึงขีดสุด!
ถึงแม้ว่าเขาจะได้รับคำชื่นชมมามากมาย, คำขอร้องในการแกะสลักนั้น
ก็ไม่ได้ให้ผลตอบดีเท่าที่ควร เขาทำได้เพียงแค่รับเงินมาในจำนวนที่
ตกลงกันเอาไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว
แน่นอน, ถ้าเขาแกะสลักมันออกมาได้ดีกว่าคำขอร้องล่ะก็, เขาก็จะได้
รับค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นมาอีกนิดหน่อย อย่างไรก็ตาม, รางวัลตอบแทน
จะไม่เพิ่มขึ้นเลยถ้าเขาทำได้เพียงแค่การแลกเปลี่ยนคำพูดเท่านั้น
คนแคระหัวเราะเบาๆไปที่วีดผู้ซีดเซียว
“ถ้าเจ้าเป็นช่างแกะสลัก, อย่างน้อยเจ้าก็ควรมีความภาคภูมิใจบ้าง”
“อ้า, ก็นะ! คุณควรที่จะพูดอย่างนี้ตั้งนานแล้ว”
“ช่างแกะสลักที่มีทัศนคติอันยอดเยี่ยมเช่นเจ้า ถ้าหากข้ามีคำขอร้องอื่น
อีกล่ะก็ ข้าจะแวะมาหาเจ้าอีกครั้ง”
“ถ้าหากเจอกันครั้งหน้า ได้โปรดให้ค่าตอบแทนที่ดีกว่านี้หน่อยนะ”
ถึงแม้ว่าวีดจะแสดงอาการหงุดหงิดออกมา, พวกคนแคระก็เอารูปแกะ
สลักและจากไปอย่างสบายใจ
เขายังต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้อีกเมื่อครั้งที่เขารับคำขอร้องในการแกะ
สลักให้กับมันโดล!
เขามีเวลามากพอที่จะสร้างผลงานการแกะสลักอย่างสุสานหรือ
เทพธิดาในทวีปเวอร์แซลล์ อย่างไรก็ตาม,มันมีบางสิ่งที่ช่างฝี มือคน
แคระที่อาศัยอยู่ในคุรุโซนั้นไม่มี
มันมีพวกอนุสาวรีย์, อนุสรณ์สถาน, พิพิธภัณฑ์, และอื่นๆอีก
มากมาย, กองรวมกันโดยช่างฝี มือคนแคระมหัศจรรย์, แต่ภารกิจรูป
แกะสลักนั้นหายากมาก
“มันไม่มีแม้กระทั่งร้านค้าแผงลอยเลย”
แต่กระนั้น, วีดก็ยังคงแกะสลักต่อไป
- ข้าบอกว่าแกะสลักพวกเราไงเล่า
- ช่างแกะสลัก, ทำไมเจ้าต้องเดินตามเส้นทางที่ขัดกับความรู้สึกของ
เจ้าล่ะ?
เขาเริ่มชินกับเสียงกระซิบของพวกที่ไม่มีตัวตน
วีดมักจะทำธุรกิจเฉพาะที่ร้านขายรูปแกะสลัก, ร้านขายวัตถุดิบแกะ
สลัก และร้านข้างถนนเป็นบางแห่งเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม, มีอยู่วันนึง จู่ๆ เจ้าของร้านก็เอารูปแกะสลักที่เหมือนกับ
ค้างคาวออกมา
“หัตถ์แห่งศิลป์ , เจ้าดูนี่สิ”
“ทำไม?”
“เจ้าสามารถอธิบายความประทับใจที่มีต่อผลงานชิ้นนี้ที่ทำขึ้นมาจาก
หินได้หรือไม่?”
วีดตรวจดูผลงานชิ้นนี้ในขณะที่เขากำลังถือมันอยู่ในมือ
“มันน่ารำคาญนะ, แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าช่างแกะสลักคนนี้ดูเหมือนจะไม่มี
ฝี มือในด้านนี้สักเท่าไหร่?”
“ข้ารู้, แต่ข้าจะไม่ถามหากไม่มีเหตุผล ใช่แล้ว, เจ้าจะไม่ผิดหวังกับค่า
ตอบแทนในครั้งนี้แน่นอน”
“ถ้างั้นรูปแกะสลักที่ข้าทำขึ้นมาจะขายได้ราคาที่สูงขึ้นงั้นเหรอ?”
“ก็เพิ่มได้อีก 1 เปอร์เซ็นต์ล่ะนะ ช่างแกะสลักที่โด่งดังและเป็นที่นิยม
จะสามารถขายมันได้ที่ราคาสูงๆ, และช่างแกะสลักคนอื่นๆก็สามารถ
ขายได้ที่ราคาสูงเช่นกันถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่โด่งดัง มีชื่อเสียง หรือเป็น
ที่นิยมก็ตาม…”
เนื่องจากการแลกเปลี่ยนด้วยที่สามารถทำให้ราคาของรูปแกะสลักนั้น
เพิ่มสูงขึ้น
ถ้ามีพ่อค้าหลายคนต้องการรูปปั้น ราคาของมันก็จะเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน
อันที่จริงแล้ว, มูลค่าของอุปกรณ์ป้ องกันในอาณาจักรธอร์และคุรุโซมี
ราคาแพงมากเนื่องมาจากพวกมันได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง
การที่จะตั้งราคาตามสภาพเศรษฐกิจของตลาดนั้นๆ, รูปแกะสลักไม่
สามารถที่จะถูกขายออกไปในราคาที่สูงๆได้เลย, ถึงแม้ว่ามันจะเป็นรูป
แกะสลักของวีดก็ตาม มันเป็นรูปแกะสลักที่ถูกทำขึ้นมาอย่าง
หยาบๆ, ไม่ได้ทำมาจากวัตถุดิบชั้นยอด, และมันยังขาดความเอาใจใส่
และระมัดระวังในการทำผลงานออกมา
“ถ้ามันเป็นแค่ความประทับใจเพียงครั้งเดียวล่ะก็, ข้าจะลองดู”
วีดตรวจสอบรูปแกะสลักค้างคาวอย่างใกล้ชิด
“ข้าไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรที่พิเศษตรงไหนเลย…”
เพราะเขาสร้างรูปแกะสลักมาแล้วเป็นจำนวนมาก, ทักษะการสังเกต
ของเขาจึงมีการพัฒนาเพิ่มขึ้น
รูปแกะสลักค้างคาวที่ถูกทำขึ้นด้วยก้อนหินผสมกับดินโคลนที่มี
คุณภาพแย่ มันไม่น่าจะเป็นผลงานที่ทำขึ้นมาด้วยทักษะอันยอดเยี่ยม
‘มันไม่ได้แสดงถึงความประณีต บรรจง, และมันมีรอยมีดแบบหยาบๆ
อยู่เต็มไปหมด มันแย่กว่าค่าเฉลี่ยซะอีก’
มันเป็นผลงานที่วีดเห็นว่าล้มเหลว
มันเป็นกฎที่ว่าหากคุณใช้เวลาไปกับรูปแกะสลักมากเพียงใด, ยิ่งมี
ความผิดพลาดเกิดขึ้นมากเท่าไหร่ คุณยิ่งสามารถแก้ไขมันได้มากขึ้น
เท่านั้น, แต่รูปแกะสลักชิ้นนี้เต็มไปความผิดพลาด
“ข้าจะรู้มากขึ้นหากข้ามองมันเข้าไปใกล้กว่านี้ ตรวจสอบ!”
มันเป็นรูปแกะสลักค้างคาวที่ไม่มีชื่อ
รูปแกะสลักค้างคาวกำลังคลุมตัวของมันด้วยปี กของมัน
รูปร่างของมันทำให้นึกถึงค้างคาวดูดเลือดแห่งถ้ำเชสปิน
ค่าทางศิลปะ: 3
วีดกำลังจะส่งรูปแกะสลักคืนให้กับเจ้าของร้านและพูด
“มันดูเหมือนจะไม่มีอะไรนะ มันไม่มีค่าเลยและมันยังเป็นแค่ของที่ทำ
ขึ้นมาง่ายๆ”
“อย่างนั้นเองรึ? ช่างน่าผิดหวังยิ่งนัก ข้าคาดหวังมันเอาไว้มากเลยล่ะ
กับรูปแกะสลักชิ้นนี้, เพราะมันถูกพบเจอในกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว”
แต่ ณ ช่วง เวลา นี้ เอง
วีดมองไปที่ดวงตาของรูปแกะสลัก
ทั้งขนลุกและตื่นเต้น!
ดวงตาของค้างคาวดูดเลือดราวกับมีชีวิต ดูน่ากลัวมาก!
พวกเขาบอกว่าตาของค้างคาวนั้นเสื่อมสภาพ, แต่มันก็ยังคงมีลูกตา
อยู่ ดูราวกับว่าดวงตาที่เจิดจรัสอันน่าประทับใจกำลังเคลื่อนไหวไปมา
อยู่ยังไงยังงั้น
ดวงตาของมันไม่ได้ถูกทำขึ้นด้วยหิน, แต่ถูกทำขึ้นด้วยทับทิมอันเลอค่า
วีดถึงกับต้องกลืนน้ำลายและทำการตรวจสอบผลงานหินชิ้นนี้อีกครั้ง
เขาสัมผัสไปที่ทับทิมด้วยปลายนิ้วของเขา, และสังเกตมันในขณะที่มัน
กำลังแสงส่องเป็นประกาย
‘มันคือทับทิมที่ยังไม่มีการตัดแต่งหรือเจียระไนและมันค่อนข้างหยาบ
อีกด้วย เนื่องจากมันเป็ นทับทิมที่เราสามารถเอาไปขายได้ราคาหลาย
พัน แต่ถ้าเกิดว่าเราสัมผัสมันอีกนิดหน่อย, ไม่แน่เราอาจจะเห็นอะไร
บางอย่างที่ไม่สามารถมองเห็นได้จากรูปแกะสลักค้างคาวอันนี้’
จากนั้นเขาก็ได้รับข้อความ!
- คุณค้นพบหลักฐานของค้างคาวดูดเลือดเชสปิ นในผลงานแกะสลัก
หินชิ้นนี้
วีดรับรู้ได้ถึงความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้น
“ตรวจสอบ!”
ค้างคาวดูดเลือดเชสปิ น
ผลงานของกุดอล์ฟช่างฝี มือคนแคระ
มันเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายภายในถ้ำเชสปิน
ค่าทางศิลปะ: 245
ในอาณาจักรคุรุโซ, พื้นที่ข้างหลังแม่น้ำนั้นเต็มไปด้วยถ้ำน้อยใหญ่
มากมาย มันเป็นที่แน่นอนว่าหากไม่มีคนนำทาง คนๆนั้นที่เข้าไปจะ
หลงทางภายในถ้ำที่คดเคี้ยวเหมือนกับรังมด ต้องขอบคุณการรับรู้ที่มี
มาแต่กำเนิดของพวกคนแคระและความสามารถในการอ่านร่องรอย
สายแร่ พวกเขาจึงไม่วันหลงทางอยู่ใต้ดิน อย่างไรก็ตาม, ไม่ว่าใครก็
สามารถหลงทางอยู่ภายในถ้ำที่ซับซ้อนแบบนี้ถึงจะมีแผนที่อยู่แล้ว
ก็ตาม, ถ้ามันไม่ใช่เพราะความกล้าของคนแคระ, พวกเขาไม่มีทาง
เสี่ยงอันตรายเข้าไปลึกกว่านี้แน่นอน
กุดอล์ฟคนแคระหนุ่มเดินเข้าไปในถ้ำด้วยความระมัดระวังและ
รอบคอบ
‘ครั้งนี้…เราต้องกล้าที่จะเข้าไปยังเหมืองอัญมณี’
กุดอล์ฟเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ช่างฝี มือ, แต่ที่มากกว่านั้น, เขามีความ
เข้าใจในเรื่องของสายแร่ที่อยู่ใต้ดินเป็นอย่างดี
“เราควรที่จะให้เข็มกลัดสวยๆเป็นของขวัญกับเธอ”
เขาต้องการที่จะให้เข็มกลัดที่เขาทำขึ้นมาเองกับมือด้วยอัญมณีที่เข้า
ค้นพบ ให้กับคนรักของเขาเมื่อตอนที่เขาจะขอเธอแต่งงานด้วย
กุดอล์ฟรีบเร่งเดินหน้าเข้าไปยังถ้ำเชสปิน
“นี่เป็นทางที่จะนำไปยังกลุ่มของสายธารทับทิม”
เชสปินเป็ นสถานที่พวกคนแคระไม่กล้าที่จะไป กุดอล์ฟถูกความรัก
บังตาและเข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดของถ้ำอย่างระมัดระวัง
ถ้ำที่ทั้งมืดและแคบ!
เขาเดินผ่านหินงอกหินย้อยและพวกค้างคาวดูดเลือดที่กำลังหลับให
ลอยู่
เขาเต็มใจที่จะเสี่ยงชีวิตของเขาเพื่อที่จะไปให้ไกลที่สุดจนถึงในถ้ำที่มี
เหมืองอัญมณีอยู่ข้างใน
และจากส่วนที่ลึกที่สุดของถ้ำ, เขาค้นพบร่องรอยของแสงที่ส่อง
ประกายออกมาจากอัญมณีต่างๆ
“มันอยู่นี่!”
เขาดีใจมากและเริ่มลงมือขุดมันออกมา
เขาค้นพบเหมืองอัญมณีทับทิมสีแดงฉานคุณภาพระดับสูง!
“นี่มันมากพอที่จะทำเข็มกลัดให้เธอ!”
กุดอล์ฟมีความสุขมาก
อย่างไรก็ตาม, เสียงที่ออกมาจากพลั่วขุดแร่ในตอนที่เขากำลังลงมือขุด
หาทับทิมอยู่นั้น ได้ทำให้พวกค้างคาวดูดเลือดที่อยู่ในถ้ำเชสปิ นทั้งหมด
ตื่นขึ้นมา พวกค้างคาวดูดเลือดขยับปี กของพวกมันบินไปหากุดอล์ฟ
และฝังเขี้ยวของพวกมันลงไปในตัวกุดอล์ฟ
“หยุ, หยุดนะ! ได้โปรดไว้ชีวิตคนแคระคนนี้ด้ วย!”
กุดอล์ฟพยายามหนีเข้าไปข้างในถ้ำให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้ในขณะที่มี
พวกค้างคาวไล่ตามเขามา เขาไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะหาว่าเขาอยู่ที่ไหน
และได้แต่วิ่งหนีโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง
สถานที่ที่เขามาถึงนั้นเป็นโซนที่มีลาวาร้อนระอุ!
พวกค้างคาวบินหนีไปเนื่องจากความร้อน, แต่กุดอล์ฟไม่มีพละกำลัง
เหลือแล้ว เขาสูญเสียเลือดในปริมาณมากจนทำให้เขาสะลึมสะลือเห็น
ภาพลางๆ, และเขาไม่มีแม้แต่กำลังที่จะเดินออกไปจากถ้ำ ถึงแม้ว่าเขา
จะหาทางออกเจอก็ตาม, มันคือถ้ำเชสปิน, ที่มีพวกค้างคาวดูดเลือดรอ
คอยเข้าอยู่
“เราไม่มีทางจะกลับไปได้เลย…”
กุดอล์ฟหยิบทับทิมออกมาจากเข็มกลัด
มันคือของที่เขาต้องการใช้ในขณะที่เขากำลังจะขอเจนน่าคนแคระสาว
ผู้เลอโฉมแต่งงานกับเขา
เขาสลักก้อนหินขนาดเล็กเป็นรูปของค้างคาวดูดเลือดเชสปิน, และใส่
ทับทิมที่เหลืออยู่ลงไปในดวงตาของมัน
“เราหวังว่าใครสักคนจะหามันเจอ…”
กุดอล์ฟรู้สึกว่าตัวเขานั้นมีเวลาที่จะมีชีวิตอยู่ต่ออีกไม่มากแล้ว นั่นคือ
เหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงได้เอารูปแกะสลักหินมาพันรอบๆด้วยเสื้อผ้า
ของเขาและส่งมันไหลผ่านไปกับกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก
มันบรรจุไว้เต็มไปด้วยความหวังของเขาที่ต้องการให้มันไปถึงคุรุโซหลัง
ที่ปล่อยให้มันไหลไปเรื่อยๆตามเส้นทางที่น้ำไหลผ่าน…!
รูปปั้นค้างคาวที่ถูกมัดรวมกันไหลไปกับกระสน้ำที่อยู่ใต้ดิน
คุลุก คุลุก คุลุก คลุก คลุก คลุก
อูดังทังทังทัง!
มีอยู่หลายครั้งที่มันจมลึกลงไปในแม่น้ำ, หรือความเร็วของมันลดลง, แ
ละไม่มีการปล่อยเวลาที่ผ่านไปให้สูญเปล่า, เส้นทางหลากหลายและ
สลับซับซ้อนที่คอยกีดกัน ได้ผ่านไปอย่างรวดเร็วจนเหลือแต่เส้นทางที่
ไหลวนไปเรื่อยๆ
ห่อพัสดุสะสมความเสียหายที่เกิดขึ้นเมื่อมันปะทะกับพื้นดินหรือ
หินงอกหินย้อยที่อยู่ใต้ดิน ทุกๆครั้งที่มันเกิดขึ้น, รูปแกะสลักก็จะได้รับ
ผลกระทบไปด้วย, แต่เพราะมันห่อรวมกันในเสื้อผ้าของกุดอล์ฟ, มันจึง
ปลอดภัยเหมือนเดิม
จากความคาดหวังของกุดอล์ฟ, ในที่สุดมันก็ลอยไปตามแม่น้ำจนถึง
คุรุโซ
ถึงแม้ว่ามันจะผ่านไปแล้วหลายเดือน, มันก็ไหลไปถึงคุรุโซได้อย่าง
ปลอดภัยและถูกค้นพบโดยพวกคนแคระ นั่นคือที่มาของรูปแกะสลัก
อันนี้ที่อยู่ในร้านของเจ้าของร้านขายรูปแกะสลัก
ณ ช่วงเวลาที่วีดใช้การมองทะลุของเขา, เขาสามารถมองเห็นต้น
กำเนิดของค้างคาวดูดเลือดแห่งถ้ำเชสปิน
*ติ๊ง!*
คุณได้เรียนรู้ทักษะ ‘ประติมากรรมระลึกชาติ’
สามารถรู้เห็นเหตุการณ์และเรื่องราวในอดีต รวมถึงความลับที่ซ่อนอยู่
ภายในรูปแกะสลัก
*ติ๊ง!*
ความปรารถนาของกุดอล์ฟ
กุดอล์ฟช่างฝี มือคนแคระใส่พลังเฮือกสุดท้ายลงไปในรูปแกะสลักอันนี้
มันเต็มไปด้วยความแค้นที่เขามีต่อพวกค้างคาวดูดเลือด จงล้างแค้นให้
เขาซะ, และนำเข็มกลัดที่กุดอล์ฟทิ้งไว้เป็นสิ่งสุดท้ายก่อนที่เขาจะจาก
ไป มอบมันให้กับเจนน่าสาวงามผู้เลอโฉม
ถ้าคุณทำเควสนี้สำเร็จ, คุณจะได้รับเหมืองทับทิมที่กุดอล์ฟเป็ นคนค้น
พบ
ระดับความยากของเควส: B
รางวัลตอบแทน: เหมืองทับทิมที่ถ้ำเชสปิ น
ข้อจำกัดในการทำเควส: รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับค้างคาวดูดเลือดในถ้ำ
เชสปิน, และ ทักษะการแกะสลักขั้นกลาง
วีดรู้สึกช็อคเหมือนถูกทุบด้วยฆ้อนอย่างรุนแรง เขาช็อคจนพูดไม่ออก
และนิ่งอยู่อย่างนั้น ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน ไม่ไหวติงราวกับว่าสติของเขา
หลุดลอยออกไป
ประติมากรมักถูกเมินและดูเหมือนตัวตลกในสายตาคนอื่น!
แต่เมื่อเขาพยายามและทุ่มเทขยันทำงานหนักในการสร้างรูปแกะสลัก,
มันไม่เคยทรยศเขาเลย
“เราคือประติมากร ประติมากร”
ไม่จำเป็นต้องถามความคิดเห็นของคนอื่น
ไม่จำเป็นต้องร้องขอเควสระดับต่ำๆ, มันถูกให้มาโดยไม่ต้องถามสักคำ
มันมีเควสลับในรูปแกะสลักที่สามารถหาเจอได้เฉพาะประติมากร
เท่านั้น
ด้วยทักษะทางวิชาชีพของประติมากร, ทุกอย่างสามารถเป็นไปได้!
นั่นแหละคือความหมายของการเป็นประติมากร
เล่มที่ 14 ตอนที่ 4 : ผู้บัญชาการสูงสุดแห่งความพรั่นพรึง แปลโดย คุณ luke
วีดตัดสินใจซื้อ รูปแกะสลักค้างคาวดูดเลือดแห่งถ้ำเชสปิน
เจ้าของร้านแทบจะขายให้เขาฟรี ราคาขายถูกกว่ามูลค่าของทับทิมข้าง
ในด้วยซ้ำ
“ข้าคิด 3 ทอง หวังว่าเจ้าจะช่วยให้ความฝันของ กุดอล์ฟ เป็ นจริงได้
นะ”
วีดแต่งเรื่องและโม้เกี่ยวกับรูปแกะสลัก ทำให้เจ้าของร้านยิ่งชอบเขา
มากขึ้นไปอีก
“ไม่นึกเลยว่า งานของเจ้าจะดีเยี่ยมขนาดนี้ ร้านของข้ายินดีจะซื้องาน
ประติมากรรมของเจ้าในราคา 2 เท่าจากราคาปกติ”
ราคา 2 เท่าจากปกติ ช่างฟุ่ มเฟื อยจริงๆ!
ถ้าเป็ นจริง วีดจะสามารถสร้างกำไรได้อย่างงาม แม้ว่าจะหักค่าวัสดุที่
ใช้ไปแล้วก็ตาม
วีดอาจสามารถดำรงชีวิตด้วยการสร้างงานประติมากรรมได้เลย
“ท่านแน่ใจรึว่าท่านสามารถซื้องานของข้าที่ราคานั้นได้?”
วีดถามอย่างสุภาพ
ท่าทีหยิ่งยโสเยี่ยงกุดอล์ฟ หายไปทันทีเมื่อเจ้าของร้านเสนอจะจ่ายใน
ราคาแพง
“นี่มันถูกเสียยิ่งกว่าราคาปกติอีก หัตถ์แห่งศิลป์ , ถ้าเจ้าขายงานไร้
คุณภาพแบบนี้ ข้าจะไม่ให้อภัยเจ้าแน่!”
“ข้ายังเป็นประติมากรที่อ่อนหัดนัก ยังมีเรื่องมากมายให้เรียนรู้ ต้อง
ขอบคุณท่านจริงๆ แต่ท่านไม่จำเป็นต้องชื่นชมข้าหรอก”
วีดพูดด้วยอย่างถ่อมตน
การถ่อมตน ให้ผลลัพธ์ที่ดีเสมอ ถึงแม้เจ้าของร้านต้องการจะหยุดคุย ก็
หยุดไม่ได้เพราะจะโดนรุมประณามทีหลังจึงได้แต่ตามน้ำไป
“ข้าไม่เข้าใจอารมณ์ของพวกศิลปินเลยจริงๆ”
“...”
“พวกศิลปินมักมีนิสัยประเมินตัวเองต่ำๆ ข้ามีความมั่นใจและความ
ภาคภูมิใจในฐานะเจ้าของร้านที่จะซื้องานของเจ้าในราคาที่เหมาะสม
ข้าเห็นคุณค่าของพวกมัน จงยินดีเถิดที่ได้ขายงานแกะสลักของเจ้าใน
ร้านของข้า”
“...”
หลังจากที่วีดซื้อรูปแกะสลักค้างค้าวดูดเลือดแห่งถ้ำเชสปินมา เขาได้
รับเควสใหม่ทันที
**ติ๊ง!**
ค้างค้าวดูดเลือดแห่งถ้ำเชสปิ น
ล้างแค้นพวกค้างคาวดูดเลือดที่ปลิดชีวิตช่างฝี มือผู้เชี่ยวชาญ กุดอล์ฟ
ต้องมีคนแคระนักรบเข้าร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้
คนแคระที่ได้รับเจตจำนงของกุดอล์ฟ ต้องรอดชีวิต(วีดห้ามตาย)
ความยากของเควส : B
รางวัล: เกียรติของคนแคระ
ข้อจำกัดของเควส: ต้องมีคนแคระเข้าร่วม
เควสบังคับเฉพาะเผ่าพันธุ์
ภารกิจครั้งนี้ทำให้วีดประหลาดใจเล็กน้อย
ขณะนั้นเอง คนแคระทุกคนที่อยู่ในเมือง คุรุโซ ก็ได้รับข้อความที่มี
ข้อมูลเกี่ยวกับเควสนี้
-โปรดช่วยคนแคระซึ่งเป็นตัวแทนของกุดอล์ฟต่อสู้กับค้างคาวดูดเลือด
ในถ้ำเชสปิ น เพื่อกอบกู้ ประติมากรรมของกูดอล์ฟ
คุณต้องช่วย ถ้าคุณไม่มีส่วนร่วมในภารกิจครั้งนี้ คุณจะถูกส่งออกนอก
เมือง คุรุโซ และคนแคระจะเกลียดชังคุณ
คนแคระมีความภูมิใจอย่างมากในชนเผ่าของตน ถ้าคุณไม่สาบานที่จะ
ล้างแค้น คนแคระจะไม่ปฏิบัติกับคุณเยี่ยงคนแคระอีกต่อไป
“ข้าจะร่วมมือ”
“พวกเราจะพิชิตค้างคาวดูดเลือดแห่งถ้ำ เชสปิน”
คนแคระนักรบ ตะโกนสาบานและรับภารกิจอย่างรวดเร็ว พวกเขากู่
ร้องเสียงดัง
“หาที่อยู่ตัวแทนของกุดอล์ฟเร็วเข้า!”
“ใครคือตัวแทนของกุดอล์ฟ!”
“พวกเราเป็ นปาร์ตี้คนแคระนักรบ นำทางเราไปได้เลย”
คุรุโซ ตกอยู่ในความไม่สงบ
ทุกคนต่างแยกย้าย ตะโกน ตามหาตัววีด
***
พิชิตถ้ำเชสปิน!
คนแคระนักรบหลายคนวิ่งพล่านอย่างบ้าคลั่ง เพื่อรวบรวมเสบียง และ
ทำหลายๆอย่างสำหรับการเตรียมพร้อม
คนแคระช่างตีเหล็ก ให้ยืมอาวุธและชุดเกราะที่เหลือของพวกเขา
“ใช้ให้ดี แล้วเอามาคืนด้วยล่ะ”
“ขอให้ภารกิจของเจ้าสำเร็จ”
คนแคระในคุรุโซ ให้การตอบรับเควสนี้อย่างดี
คุรุโซนั้นมีผู้เล่นน้อยกว่าเมืองอื่นๆ
โดยปกติแล้วคนแคระช่างเหล็กและคนแคระนักรบไม่ค่อยใส่ใจจะยุ่งกับ
งานของคนอื่น แต่นี่เป็นเควสเฉพาะเผ่าพันธุ์
“เควสเฉพาะเผ่าพันธุ์....เทียบกับมนุษย์และเผ่าอื่นๆ พวกเรามีโอกาส
มากกว่าเยอะแยะ เจ้าไม่คิดเหรอว่า นี่มันช่างยอดเยี่ยมจริงๆ”
“เควสสำหรับประติมากรคนแคระ ช่างน่าอัศจรรย์!”
เฮอร์แมนมาถึงแล้วเช่นกัน
เขาวิ่งมาพร้อมกับอาวุธเต็มมือ
“ข้ามีอาวุธ แม้มันจะกระจอกไปบ้าง แต่พวกเจ้ายืมได้มากเท่าที่
ต้องการเลย”
แม้เฮอร์แมนจะคิดว่ามันเป็ นอาวุธที่เสีย แต่ที่จริงแล้วอาวุธพวกนี้มี
ประสิทธิภาพมากกว่าอาวุธที่สร้างจากคนแคระคนอื่น“แม้เราจะเจอกัน
อีกครั้งในเมืองนี้ ข้าว่าเจ้าก็คงไม่มีเวลาให้ข้าหรอก”
“ไม่เป็นไร เอาไว้คราวหน้าก็ได้”
“ดีเลย เอ้อ เจ้าได้ยินเกี่ยวกับเรื่องเควสนั่นไหม เควสที่มาจากประติมา
กร”
วีดพบกับช่างฝี มือคนแคระคนอื่นๆอีกหลายคน
เอ็ซเปอร์ และแบมบี้ เป็นหนึ่งใน 5 ช่างฝี มือที่โด่งดังในเมือง คุรุโซ เฮอร์
แมนก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน
ฟาบิโอก็แจกเกราะที่เขาสร้างขึ้นมาเหมือนกัน เพื่อให้มันเป็นตัวแทน
ของตัวเอง
เกราะซึ่งถูกนำมาแจกมีข้อจำกัดที่เลเวล 200 มันต่ำพอที่จะให้วีดใส่
และไม่มีข้อจำกัดด้านอาชีพด้วย
“ใช้ของที่เราใช้บ่อยๆดีกว่า”
อุปกรณ์ป้ องกันพิเศษที่วีดใช้ ไม่ได้สร้างมาเพื่อการป้ องกันอย่างเดียว
เท่านั้น
แม้ว่าเลเวลที่ต้องการจะน้อย และไม่ต้องใช้ความแข็งแรงมากในการใส่
แต่เกราะพวกนี้หนักสุดๆ ทำให้มันลดความคล่องตัวลงอย่างมาก มัน
ทำให้วีดอึดอัดกับเคลื่อนที่ไม่สะดวก นอกจากนั้นเวลาวีดใส่ยังดูเหมือน
ฮิปโปอ้วนเตี้ยด้วย
วีดเชื่อว่าเกราะที่แข็งแรงและมีการต้านทานเวทย์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับ
การมีชีวิตรอด
วีดส่ายหัว
“ไม่จำเป็นหรอก”
“ห้ะ?”
“ผมจะไม่ตาย”
การตายจะสร้างความวิบัติสุดๆ
นอกจากสกิลประติมากรรมจำแลงจะถูกยกเลิกแล้ว วีดจะคืนชีพด้วย
พลังปฏิเสธความตาย
แน่นอน เมื่อเห็นเขาในรูปร่างโครงกระดูก พวกคนแคระต้องตกอยู่ใน
ความโกลาหลแน่
เพราะเขาคือ วีด เทพเจ้าสงคราม ยังไงล่ะ
‘อย่างน้อยกุดอล์ฟก็ทิ้งอะไรไว้บ้างล่ะนะ’
ต้องขอบคุณกุดอล์ฟที่ทำให้เขารู้ที่อยู่และรูปแบบการโจมตีของพวก
ค้างคาว
วีดจะไม่เสี่ยง แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม
***
“เดินทัพพพพพพ”
พอเข้าถ้ำไปแล้ว วีดเริ่มเดินก้าวยาวๆเหมือนเดินเล่นกินลมชมวิว คน
แคระนักรบสังเกต และรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
“หัตถ์แห่งศิลป์ , เจ้าบ้าไปแล้วหรือ”
“เจ้าดื่มเบียร์ชั้นสูงมาเยอะเกินรึเปล่าเนี่ย?”
พวกคนแคระเริ่มรู้สึกกังวล
เพื่อให้เควสนี้สำเร็จ วีดต้องมีชีวิตรอด
ภารกิจครั้งนี้ของพวกเขาก็คือ การสู้ภายใต้การนำของวีด!
อย่างไรก็ตาม เพราะว่าหัวหน้าของพวกเขาดูไร้ประสบการณ์ ความ
มั่นใจของคนแคระจึงสั่นคลอน
แต่วีดรู้ที่อยู่ของพวกค้างคาวดูดเลือดเป็นอย่างดีดี จึงเดินต่อไป
ภายในถ้ำอันว่างเปล่า คนแคระตระเวรไปทั่วบริเวณ
เมื่อทัพคนแคระเดินทางมาถึงจุดที่ห่างจากรังค้างคาว 500 เมตร วีดก็
ยกมือแสดงสัญญาณให้หยุดขึ้น
“พวกมันอยู่ที่นี่”
“ห้ะ? เจ้าหมายความว่าไง”
คนแคระนักรบชื่อ บินเดล ถามขึ้น
เพราะบินเดลมีประสบการณ์การใช้อาวุธมากกว่า 4 ชนิด และมีความ
เชี่ยวชาญทักษะการต่อสู้อันหลากหลาย เขาคือนักรบที่เก่งที่สุดในกอง
กำลังนี้
“พวกเราจะสู้กันที่นี่”
“เจ้าหมายถึงอะไร ไหนล่ะค้างคาว?”
วีดตอบอย่างชัดเจน
“ข้าจะนำการต่อสู้มาที่นี่”
ขณะนั้นเอง สีหน้าของพวกคนแคระนักรบก็เริ่มที่จะบูดเบี้ยว
“นั่นไม่โง่ไปหน่อยหรือ พวกเราล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ ให้ข้า
นำต่อจากนี้เถอะ”
“เจ้าหาที่ปลอดภัยและพักที่นี่ได้นะ”
“เจ้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการเคลื่อนที่อันรวดเร็วของพวกค้างค้าวด้วยซ้ำ
เหอะๆ ยิ่งกว่านั้น พวกเรายังไม่ได้เอาธนูมาสักคัน”
หลังจากนั้น พวกคนแคระก็ไม่เคารพวีดอีกต่อไป ความเชื่อใจระหว่างวี
ดกับคนแคระหายไปทันที
ได้!!! เดี๋ยวตูจะล่อมอนมาตรงนี้ให้หมด ดูซิว่าไอ้พวกเตี้ยนี่จะสู้ยังไง!
การล่าค้างคาวดูดเลือดนั้นยากกว่าการล่ามอนสเตอร์ธรรมดามาก การ
ล่าครั้งนี้จะไม่ง่ายแน่นอน การล่าครั้งนี้จำเป็นต้องมีประสบการณ์การ
ล่ามอนสเตอร์อื่นๆ ด้วยรูปแบบการล่าที่หลากหลายอย่างน้อย 12 แบบ
อย่างไรก็ตาม พวกคนแคระเมินใส่วีด
วีดจึงเอามีดแกะสลักของซาฮับออกมากรีดแขนตัวเอง
“เจ้ากำลังทำอะไรเนี่ย!”
บินเดลตะโกน
พวกคนแคระหัวดื้อนึกว่าวีดกำลังจะฆ่าตัวตาย!
และถ้าวีดตาย ทุกอย่างก็จบ ภารกิจจะล้มเหลว แล้วถ้าภารกิจล้มเหลว
คนแคระก็จะขาดทุนอย่างมหาศาลจากอุปกรณ์ที่อุตส่าห์ซื้อมา
คนแคระประหลาดใจ เมื่อ วีดพูดขึ้นมาเบาว่า
“ทัพคนแคระ เตรียมต่อสู้!”
“หือ?”
“อะไรอีกวะ?”
วีดเพลียกับความเบาปัญญาของคนแคระ แต่ก็ยอมอธิบายแบบรวบรัด
เร็วๆ
“รังค้างคาวอยู่ห่างออกไป 200 เมตร ถ้าพวกมันได้กลิ่นเลือดในรัศมี
600 เมตร พวกมันจะตามกันออกมา”
“...”
“ความยาวของถ้ำแต่ละพื้นที่ไม่เท่ากัน เพราะทางคด ทางเลี้ยวในถ้ำ
แต่หลังจากนี้ตรงนี้ไป ถ้ำจะเป็นเส้นตรง(ทำให้วีดสามารถกะระยะรังได้
แม่นยำ)นอกจากนี้ ค้างคาวจะใช้ความเร็วของมันไม่ได้ เพราะเพดาน
ถ้ำที่ต่ำและหินงอกหินย้อยที่อยู่รอบๆ เอาล่ะ คนแคระเตรียมรับศึก
กกก!”
ด้วยการยืนกรานของวีด ในที่สุดคนแคระก็หยิบอาวุธของตัวเองออกมา
เตรียมพร้อมต่อสู้
‘เสียงอะไรวะ’
‘ดูเหมือนค้างคาวกำลังมา...’
ชลัก ชลัก ชลัก ลักก (หมดปัญญาแกะเสียงจริงๆ เอาเป็นว่านี่คือเสียง
ร้องค้างคาว 555) (แอดมิน: ถ้าอยากรู้ ไปเปิดฟังในเน็ตเอาฮะ)
ฝูงค้าวคาวบินออกมาจากความมืด
“มันมากันจริงๆโว้ย”
“ศัตรูบุกกกกก!”
คนแคระนักรบที่เตรียมตัวอยู่ก่อนแล้ว ฟาดค้างคาวอย่างรุนแรงด้วย
ขวานและค้อน แต่ค้างคาวป้ องกันไว้ได้
อย่างไรก็ตาม ด้วยปี กชนิดพิเศษ และการใช้ประโยชน์จากความมืดของ
ถ้ำ ค้างคาวทำให้คนแคระต้องตระหนก ตัวที่ไม่ถูกตี เข้าเกาะคนแคระ
ทันที
แม้ว่าเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ของนักบวชจะสามารถทำความเสียหายได้บ้าง แต่
นักบวชก็มีเลือด ความแข็งแรง และพลังป้ องกันไม่พอสำหรับการช่วย
เหลือปาร์ตี้
พวกนักรบมีพละกำลังและความอึดสูง ประกอบกับเกราะที่มีพลัง
ป้ องกันเยอะ ทำให้พวกเขาเชื่อว่าจะปลอดภัยจากการโจมตีของฝูง
ค้างคาว
วีดตะโกน
“เปลี่ยนกระบวนทัพ แถวตอนเรียง 5 ปฏิบัติ!”
*คว๊าก คว๊าก คว๊าก คว๊างง*
เสียงราชสีห์คำรามสะท้อนไปมาในถ้ำ!
- ขวัญกำลังใจในการต่อสู้เพิ่มขึ้น 276
สถานะสับสนทั้งหมดถูกลบออก
โชคเพิ่มขึ้น 6
คนแคระแบ่งกลุ่มกันสู้ตามคำสั่งวีด ในขณะที่หน้าต่างค่าสถานะเด้งขึ้น
มา
ขวัญกำลังใจของปาร์ตี้เป็นสิ่งสำคัญ ถ้าหากมีขวัญกำลังใจต่ำ จะส่ง
ผลให้พลังโจมตีและเวทย์มนต์มีประสิทธิภาพลดลง
หลังจากขวัญกำลังใจต่อสู้เพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า สภาวะสับสนจากการโจมตี
ของค้างคาวก็หายไป และยังเพิ่มโชคให้พวกเขาอีกด้วย!
“รูปแบบทัพ ตอนเรียง 5!”
วีดตะโกนวลีเดิมซ้ำๆ
แม้ว่าผลของสกิลจะไม่ซ้อนทับกัน แต่มันทำให้เกิดเสียงดังอย่างมาก
วลีเดิมถูกพูดสะท้อนไปมาในถ้ำแคบๆ
“รูปแบบทัพ ตอนเรียง 5!”
“ยืนกลุ่มละ 5 คน เร็วๆ!”
แม้ว่าจะอยู่ระหว่างการตอนสู้ คนแคระก็ยืนแบ่งกลุ่มเป็น 5 กลุ่มแต่
โดยดี
เหตุผลที่พวกเขาทำตามคำสั่งวีดเพราะพวกเขาเองก็ไม่รู้ว่ากำลังเกิด
อะไรขึ้น
คนแคระสูงอายุมากประสบการณ์ประหลาดใจในทิศทางการต่อสู้ที่
เปลี่ยนไป
“เจ้านั่นกำลังใช้สกิลสำหรับสั่งอัศวินไม่ใช่เหรอนั่น”
“ผลของสกิลนั้น...ข้านึกไม่ถึงเลยว่าจะมีสกิลที่เพิ่มขวัญกำลังใจให้
สมาชิกในปาร์ตี้แบบนี้ด้ วย”
ขณะที่ยืนสู้ตามที่วีดสั่งในถ้ำแคบๆนั้นเอง พวกคนแคระนักรบก็เริ่ม
ตระหนัก
‘รูปทัพแบบนี้สร้างความแตกต่างในการต่อสู้อย่างมาก’
แม้มันจะไม่ง่ายเลย ที่ต้องฟอร์มทัพเป็นกลุ่มแบบนี้ระหว่างสู้ เพราะ
พวกเขายังขาดประสบการณ์
แต่ว่าหลังจากมารวมกันได้สำเร็จ และช่วยกันสู้ การโจมตีก็มี
ประสิทธิภาพมากขึ้น การต่อสู้ทำได้ง่ายกว่าการสู้แบบตัวใครตัวมัน
ขนาดของกลุ่มเปลี่ยนตามขนาดของบริเวณที่พวกเขาต่อสู้
บางครั้งก็เป็นกลุ่ม 4 คน และบางครั้งก็เป็นกลุ่ม 6 คน
ทุกๆครั้งที่พวกเขาเขาสู้ตามรูปแบบทัพ วีดจะสกิลใช้ราชสีห์คำราม
“หลักที่ 3 นำไปข้างหน้า หลักที่ 2 อยู่ในตำแหน่งเดิม”
หลักที่นำอยู่รู้ได้ว่าค้างคาวอยู่ห้างออกไป 3 ช่วง พวกเขาจึงเว้นช่องว่าง
ระหว่างหลักไว้
ค้างคาวมุ่งจู่โจมคนแคระที่อยู่ด้านหน้าสุดของหลักที่นำทัพอยู่
“หลักที่ 2 ขนาบข้างหลักที่นำอยู่!”
คนแคระจากหลักที่ 2 กวัดแกว่งอาวุธของพวกเขาใส่ค้างคาวที่เข้าโจมตี
เป็นฝูง
ระหว่างการต่อสู้ สิ่งที่ต้องคำนึงเป็ นอันดับแรกของนักรบคือความ
ปลอดภัยของพวกพ้อง!
คำสั่งจากวีดนั้นง่ายที่จะทำตาม ต้องขอบคุณความผูกพันทางสาย
เลือดของคนแคระ(เกี่ยวไรฟะ)
“สามคนจากหลักนำทัพเคลื่อนไปข้างหน้า ปิดช่องว่างของแถวไว้ หลัก
ที่ 2 เคลื่อนไปข้างหน้าอีก หลักที่ 3 อยู่ในตำแหน่งเดิมของตัวเอง!”
ในไม่ช้า คนแคระก็ตระหนักถึงรูปแบบกระบวนทัพที่ซ้ำไปซ้ำมา และ
เริ่มรู้ว่าจะจัดการค้างคาวอย่างไร
พวกเขาต้องรักษากระบวนทัพ และอยู่ด้วยกันระหว่างสู้กับค้างคาว
คนแคระสามารถสู้ได้อย่างดี เพราะความช่วยเหลือจากคนแคระด้วย
กัน พวกเขาสามาระรักษารูปแบบกระบวนทัพและไม่สับสนอีกต่อไป
แล้ว
คนแคระที่บาดเจ็บจะถอยออกมารับการรักษาจากนักบวช หลักจากได้
รับฮีลแล้ว ก็จะกลับเข้าไปต่อสู้อีกครั้ง
ด้วยกระบวนทัพที่วีดสร้างขึ้น ทำให้พวกเขาสู้กับค้างคาวได้ง่ายขึ้น
แต่ว่าพวกเขาไม่สามารถป้ องกันค้างคาวที่บินข้ามหลักที่ 6 ได้ ทำให้
หลักที่ 7 พลาดท่า
ความมืดจากถ้ำ ไม่สร้างผลเสียใดๆแก่พวกค้างคาว และเพราะ
ธรรมชาติของพวกมัน พวกมันสามารถเกาะตัวคนได้ดี ซึ่งสร้างความ
กังวลให้กับคนแคระที่เหลือ
‘พวกเราชนะได้น่า ต้องสู้ให้หนักกว่านี้’
‘สู้เพื่อชัยชนะของพวกเรา’
ดวงตาของคนแคระลุกโชนดังตะเกียง ในขณะที่พวกเขาเคลื่อนไปข้าง
หน้าด้วยพลังใจเปี่ ยมล้น
“เคลื่อนไปข้างหน้า บุกเข้าไป!”
คนแคระเคลื่อนไหวเท้าอย่างรวดเร็ว
*แต่ก แต่ก แต่ก แต่ก!*
กระบวนทัพแบบแถวตอนลึกยังต่อสู้กับค้างคาวด้วยความเร็วอย่าง
มั่นคง
คนแคระรู้สึกขนลุก
การต่อสู้ครั้งนี้ประสบการณ์ที่พวกเขาไม่เคยได้รับมาก่อน
มันเป็นเรื่องปกติที่กลุ่ม 5 ถึง 6 คน จะรวมกันเพื่อสร้างปาร์ตี้ แต่ว่ามัน
ยากมากที่จะรวมกลุ่มสร้างปาร์ตี้ย่อย ในขณะที่มีคนแคระหลายร้อย
ชีวิตร่วมกันสู้ด้วยกันแบบนี้
การร่วมสู้กันเป็ นกลุ่มกับฝูงค้างคาวดูดเลือด ทำให้พวกเขารู้สึกภูมิใจ
อย่างมาก
ความตื่นเต้นก่อตัวในร่างกาย คนแคระรู้สึกตื่นเต้นและกำลังสนุกไปกับ
การต่อสู้
วีดสั่งการอย่างช่ำชอง
“เร็วขึ้นอีก!”
เขาสั่งให้คนแคระก้าวเดินเร็วขึ้นไปอีก
เร็วอีก เร็วอีก เร็วอีก!
คนแคระพูดย้ำๆซ้ำๆกับตัวเอง เพื่อก้าวเดินให้ไวขึ้น ในขณะที่แกว่ง
อาวุธของพวกเขาไปด้วย
ค้างคาวที่จู่โจมหลักนำทัพพ่ายแพ้ แต่ยังมีบางตัวที่รอด แล้วบินผ่าน
มายังหลักที่ 3 และ 4 โชคดีที่เลือดของมันเหลือไม่มาก สามารถตีครั้ง
เดียวตายได้ ถ้าไม่เป็นอย่างนั้นแล้ว พวกเขาก็จะประสบพบกับความ
สูญเสียเป็นแน่
วีดใช้ราชสีห์คำรามอีกครั้งเพื่อเร่งขวัญกำลังใจของกองทัพ เมื่อขวัญ
กำลังใจเพิ่มขึ้น คนแคระก็โจมตีค้างคาวอย่างบ้าคลั่ง“เร่งความเร็ว!”
“เร็วอีก!”
“เร็วอีก!”
“เร็วอีก! เร็วอีก!”
คนแคระตะโกนพร้อมกันในขณะที่วิ่งไปข้างหน้า
นี่เป็นการต่อสู้ที่ตื่นเต้นที่สุดที่พวกเขาเคยเข้าร่วม!
พวกเขานึกไม่ถึงว่าต้องสู้ในความมืดและถ้ำแคบๆ พวกเขาไม่เคยสู้
แบบนี้มาก่อน
“หลักแรกถึงหลักที่ 3 แยกออกไปด้านซ้ายและขวาของถ้ำ หลักที่ 4
หยุดสนใจทุกๆอย่างแล้วเคลื่อนไปข้างหน้า กลุ่มที่กำลังนำทัพอยู่ ร่วม
กับทัพหน้า และย้ายตำแหน่งมาส่วนท้ายของทัพหน้า!”
ในตอนแรก คนแคระที่อยู่ทัพหน้ากังวลถึงรูปแบบของกองทัพ
พวกเขากำลังต่อสู้อยู่กับฝูงค้างคาวแบบถวายหัว ทั้งสูญเสียกำลังไป
มาก ความอึดก็ลดลงเยอะด้วยเหมือนกัน แต่พวกเขาไม่อยากแสดงให้
เห็นถึงความอ่อนแอของตัวเอง เหล่าคนแคระทัพหน้าจึงพยายามทำ
ตามคำสั่งของวีดอย่างถึงที่สุด เพื่อให้การต่อสู้อันน่าตื่นเต้นนี้ดำเนินต่อ
ไปได้
พวกเขาเคลื่อนไหวตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด เพราะหากทัพหน้าอย่าง
พวกเขาพังเมื่อไหร่ กระบวนทัพทั้งหมดจะพลันเสียไปด้วย
อย่างไรก็ตาม เหมือนวีดสามารถอ่านใจพวกเขาได้ จึงช่วยขัดความ
กังวลด้วยการเคลื่อนทัพที่อยู่ข้างหลังมาแทน
คนแคระที่ต่อสู้อยู่ด้านหน้าแยกออก และย้ายไปบริเวณข้างๆของถ้ำ
พร้อมสบตากับคนแคระที่เดินทัพขึ้นมาแทนที่
‘ทำได้ดีมาก’
‘พวกเจ้าทำดีแล้ว’
ดวงตาของพวกเขาพลันถูกเติมเต็มด้วยความเชื่อมั่นอันแรงกล้า!
หัวใจของเหล่าคนแคระกำลังหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
“ทลายฝ่ าไป!”
เมื่อทัพหน้าถูกเปลี่ยน วีดก็เปลี่ยนคำสั่งด้วยเช่นกัน
หลังจากนั้น เหล่าคนแคระก็วิ่งฝ่ าฝูงค้างคาวและจัดการพวกมันไปด้วย
ขนาดของกลุ่มค้างคาวดูดเลือดในถ้ำเชสปินนั้นใหญ่มาก
‘ถ้าเราสู้แบบปกติ เราคงแย่ไปแล้ว’
‘แค่เปลี่ยนรูปแบบกระบวนทัพก็สามารถทำให้กลุ่มของพวกเราที่มีแต่
ทหารและนักรบสู้ได้ขนาดนี้เชียวเรอะ’(ได้ข่าวว่ามี priest ด้วย-.-)
ความจริงที่คนแคระรับรู้นั้นช่างน่าตกใจยิ่งนัก
หลังจากการเปลี่ยนทัพหน้าครั้งที่ 5 ในที่สุดพวกเขาก็สามารถทลายฝ่ า
ฝูงค้างคาวไปได้
คนแคระยังมีพละกำลังเหลือเฟื อ
นี่เป็นเพราะว่าคนแคระที่อยู่ทัพหน้ายังเหลือกำลังไว้เพราะพึ่งสับ
เปลี่ยนมาเมื่อเร็วๆนี้
“ทุกคน กลับหลังหันน!”
คนแคระหันหลังกลับทันทีโดยไม่ลังเล
วีดเข้าควบคุมกองทัพคนแคระอย่างสมบูรณ์
เพราะเหล่าคนแคระตระหนักถึงผลจากคำสั่งของวีด การเตรียมความ
พร้อมในการป้ องกันตัวเองจึงสูงขึ้น
“บุกกกกกก!”
ดังเช่นทุกครั้ง พวกเขาบุกเข้าหาค้างคาว จัดการทุกๆตัวที่ขวางหน้า
หลังจากการต่อสู้จบลง ปาร์ตี้ก็จะเก็บไอเทมที่ตกตามทาง พวกเขาทำ
แบบนี้ๆในทุกๆครั้งที่จบการต่อสู้กับค้างคาว ทันใดนั้นเอง บินเดลก็ถาม
วีด
“เราจะแบ่งไอเทมกันยังไงดี?”
ตามปกติแล้ว กลุ่มที่ได้ประสบการณ์มากที่สุดจะได้รับไอเทมไป
แต่ว่าในการต่อสู้ครั้งนี้ พวกเขาต้องแยกย้ายกันไปในทุกๆกลุ่ม เพื่อ
รักษากระบวนทัพ ทำให้การแบ่งไอเทมนั้นยุ่งยากซับซ้อน
ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อกล่าวถึงคนแคระ ด้วยอุปนิสัยหลายๆอย่าง ที่ไม่
อาจมองข้ามได้
คนแคระนั้นโลภมากโดยธรรมชาติ ดังนั้น วีดจึงมีความคิดนึงแล่นเข้า
มาในหัว และตัดสินใจบอกไปว่า
“พวกคุณเก็บไอเทมได้เลย แต่ว่า ถ้าคุณเก็บมากกว่าที่คุณสามารถถือ
ได้และทำให้ความเร็วในการเดินหรือต่อสู้ลดลง ผมจะบังคับให้คุณออก
จากตำแหน่งในกองทัพที่คุณต่อสู้อยู่นี้ทันที”
“...”
“การต่อสู้ในถ้ำครั้งนี้ พวกเราจะสู้ในแบบเดิม และจะทำแบบนี้ต่อไป
จนกว่าพวกคุณจะเบื่อที่จะสู้ ดังนั้นพวกคุณจึงควรจะเก็บไอเทมแต่
พอดี เพื่อไม่ให้กระทบต่อความสามารถในการต่อสู้และการ
เคลื่อนไหว”
คนแคระพยักหน้าเข้าใจ
ลูทไอเทมแต่พอดี ดีกว่าโลภมากอย่างไร้ประโยชน์ และถูกรุมทึ้งโดยทีม
ตัวเอง
เพราะว่ายังไงพวกเขาก็จะต้องสู้ต่อไปแบบนี้อีกหลายครั้ง ทำให้มีโอ
กาศให้เก็บไอเทมอีกมากมาย
***
การล่าค้างคาวดูดเลือดแห่งถ้ำเชสปิน!
คนแคระค่อยๆสั่งสมประสบการณ์ในการต่อสู้ มากขึ้น มากขึ้น พวกเขา
ต่อสู้ได้ดียิ่งขึ้นเรื่อยๆ
“เร็วอีก เร็วอีก เร็วอีก!”
“หน้าเดิน บุกกก!”
“จัดการพวกมันให้หมด!”
เหล่าคนแคระไล่กวาดล้างภายในถ้ำอย่างไม่หยุดหย่อน
รังหลักของพวกค้างคาว!
ความมืดและความแคบของถ้ำ ที่ไม่ว่ามนุษย์หรือคนแคระหน้าไหนก็
ต้องตัวสั่นด้วยความกลัว
มีเสียงร้องอย่างโกรธเกรี้ยวของค้างคาวดังมาจากภายใน มันให้ความ
รู้สึกเหมือนพวกเขากำลังอยู่คนละถ้ำกับเมื่อกี้นี้
จนถึงตอนนี้ไม่มีใครเคยมีประสบการณ์หรือกระทั่งสัมผัสการต่อสู้เช่นนี้
มาก่อน
คนแคระบางคนแสดงความปลาบปลื้มออกมาอย่างเปิดเผย
“ถ้าการต่อสู้ทั้งหมดนี้ถูกโพสต์ลงบอร์ดเกม Royal road มันจะ
ต้องน่าตื่นเต้นมากแน่ๆ”
“มันจะพลิกโฉมวงการเกมเลยล่ะ”
ท่ามกลาง ทหารคนแคระ และ คนแคระนักรบแห่งคุรุโซนั้น มีบางคนที่
สามารถไต่เต้าเข้าสู่หอแห่งเกียรติยศได้
และพวกเขากำลังรอโอกาสที่จะอัพโหลดคลิบการต่อสู้ครั้งนี้ใส่บัญชี
ของตัวเองด้วย
วีดไม่ได้กังวลมากนัก
เขาไม่อาจเก็บสิทธินี้ไว้คนเดียวได้ เพราะพวกคนแคระก็ร่วมทำเคว
สด้วยเช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้น วีดอยู่ในสถาณการณ์ที่ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลบัญชีผู้
เล่นของตัวเองสู่สาธรณะได้
ถ้าเขาเปิดเผยว่าตัวเองเป็ นผู้นำคนแคระพวกนี้เข้าสู้ ความลับของสกิล
อาชีพประติมากร ‘ประติมากรรมจำแลง’ ก็จะถูกกระจายสู่สาธารณะ
ด้วย!
วีดเลือกที่จะเก็บเฉพาะไอเทมที่สำคัญ
“อืมมมม น้ำตาค้างคาวดูดเลือด....น่าจะเป็นวัตถุดิบสำคัญสำหรับการ
ใช้สกิลของพวกนักเวทย์นะ”
เพื่อไม่ให้กลายเป็ นตัวถ่วงกองทัพ วีดเก็บแต่ของที่มีน้ำหนักเบา และ
อุปกรณ์มีค่าเท่านั้น
สำหรับคนอื่น หากเกิดปัญหาในการแบ่งไอเทม
คำพูดของวีดช่วยยกระดับอำนาจและการควบคุมของเขาอย่างคงเส้น
คงวา
พวกคนแคระต้องระวังวีดมากกว่านี้
อย่างไรก็ตาม เพราะวีดเป็นประติมากร ทำให้เขาไม่มีส่วนร่วมในการ
ต่อสู้ แต่คนแคระก็ยังอุตส่าห์มองวีดในแง่ดี
‘ประติมากรจะเก็บไอเทมได้มากแค่ไหนกันเชียว’
‘เจ้านั่นมักแยกตัวเองออกจากการต่อสู้เสมอ ถึงอย่างงั้นก็เถอะ ที่พวก
เรามาอยู่ที่นี่ได้ก็เพราะเควสของมัน รู้สึกสงสารมันนิดหน่อยแฮะที่ได้ผล
ประโยชน์น้อยกว่าคนอื่น’
วีดได้รับแม้กระทั่งความสงสาร
ชึยั้ก กั๊ก กัก กัก ก๊ากก(เอาเป็ นว่าเสียงหัวเราะแบบชั่วร้าย....)
พวกคนแคระหารู้ไม่ว่า วีดกำลัง เก็บไอเทมจำนวนมหาศาลไว้ใน
กระเป๋ าลับของตัวเอง มากเกินกว่าที่จะใส่ลงในเป้ ของเขาด้วยซ้ำ!
ความแตกต่างระหว่างโลกของวีดกับโลกของเหล่าคนแคระนั้นช่างใหญ่
หลวง
คนแคระมักจะเก็บไอเทมทุกชิ้นที่ตก พอพวกเขาเริ่มรวบรวมไอเทม
ทำให้ดูเหมือนพวกเขาเหมือนสุนัขรุมแย่งกระดูกกัน
ขณะเดียวกัน วีดแทบไม่มองไอเทมที่ตกเลยด้วยซ้ำ
*ครึครึครึครึ*
วีดกลอกตาอย่างเป็นธรรมชาติไปรอบๆ เขาไม่มองซ้ำไปในบริเวณที่ตก
ไอเทมกากๆ
ทำเป็นเหมือนให้เวลาคนแคระเก็บของที่ตกอย่างพอดี แต่เขานั่นแหละ
ที่เก็บของแพงๆไปทั้งหมดตอนที่คนแคระไม่ได้ตั้งใจมอง!
แม้ท่ามกลางความโกลาหล ความเร็วในการต่อสู้ก็ไม่ตกลงเลย และ
สุดท้าย พวกเขาก็มองเห็นจุดสิ้นสุดของถ้ำ
“อยู่ตรงนี้!”
คนแคระคนหนึ่งในทัพหน้าตะโกน เมื่อเจอศพคนแคระ
วีดพบว่าศพนั้นแห้งเหมือนมัมมี่ คงจะเป็นเพราะถูกค้างคาวดูดเลือด
ออกจนหมดตัว และตรงนั้นเองที่เขาเจอเข็มกลัดทับทิมที่กุดอล์ฟสร้าง
ขึ้น
*ติ๊ง!*
-คุณพบเข็มกลัดทับทิมของกุดอล์ฟ
วีดหมุนไปรอบๆพร้อมพูดว่า
“เควสสำเร็จแล้ว กลับคุรุโซกันเถอะ!”
ทหารคนแคระ และคนแคระนักรบทำภารกิจของตนเองสำเร็จเรียบร้อย
***
พวกเขาเจอคนแคระชื่อ เจนน่า ในคุรุโซ วีดให้เข็มกลัดทับทิมเธอไป
ด้วยความที่ครั้งนี้เป็นหน้าที่ของวีด พวกคนแคระเลยมามุงรอบตัวเขา
และคอยดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“โชคไม่ดีเลยที่เรื่องทั้งหมดต้องมาจบลงแบบนี้ กุดอล์ฟน่ะ...รักท่าน
มากที่สุด และแม้ในลมหายใจสุดท้ายของชีวิต เขาก็สร้างสิ่งนี้มาให้
ท่าน”
“ฮือๆๆ”
เจนน่ารับเข็มกลัดทับทิมมา แล้วเริ่มร้องไห้
“กุดอล์ฟ ทำไมเจ้าต้องจากข้าไปแบบนี้ด้ วยนะ....”
*ติ๊ง!*
เควสสำเร็จ: ความปรารถนาของกุดอล์ฟ
ความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ของคนแคระช่างฝี มือกุดอล์ฟถูกรับรู้แล้ว
คุณได้แก้แค้นค้างคาวดูดเลือด และส่งมอบเข็มกลัดอัญมณีให้แก่ เจน
น่า กุดอล์ฟสามารถจากไปอย่างสงบได้เสียที
-ชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 120
-ความสัมพันธ์กับคนแคระแห่งคุรุโซเพิ่มขึ้น 10
-คุณกลายเป็นคนแคระที่เจนนา ชอบ และไว้วางใจที่สุด
-เลเวลเพิ่มขึ้น
-เลเวลเพิ่มขึ้น
หน้าต่างปรากฏขึ้นแก่สายตาของเหล่าคนแคระ เพื่อแจ้งเตือนการสิ้น
สุดของเควส
วีดไม่ได้ใส่ใจพวกนั้น เขามองไปที่เจนนาด้วยสายตาเศร้าๆ
‘ไม่มีใครรู้ความเจ็บปวดของคนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง จนกว่าพวกเขาจะมี
ประสบการณ์นั้นด้วยตัวเอง’
ความโศกเศร้าที่เขาได้เรียนรู้หลังจากการตายของพ่อแม่
พ่อแม่ของเขาไม่สามารถตายตาหลับได้หลังจากการจากไปของพวก
เขาในขณะที่ต้องทิ้งให้พวกลูกๆอยู่กันตามลำพัง
เจนนาลุกขึ้น เช็ดน้ำตาของตัวเอง
“ข้าไม่ควรเป็นแบบนี้ กุดอล์ฟคงไม่อยากให้ข้านั่งร้องไห้”
“แล้ว?”
“เข็มกลัดทับทิมอันนี้เป็นหลักฐานการหมั้นของเราสองคน ตราบนาน
เท่านานที่ข้ายังมีชีวิต ข้าจะถูกจดจำในฐานะ ภรรยาของกุดอล์ฟ ”
คนแคระหญิงเลือกที่จะยืนหยัดสู้กับความเศร้า
เจนนาพูดด้วยรอยยิ้ม
“เหมืองทับทิม แห่งถ้ำเชสปินซึ่งกุดอล์ฟเป็นผู้ค้นพบ อาจจะเป็ นของ
ขวัญที่เขาต้องการมอบให้เจ้าสำหรับภารกิจครั้งนี้ ข้าขอสวดภาวนาให้
เจ้าขุดเจอทับทิมสวยๆเยอะ เช่นเดียวกับการพัฒนาเหมืองนั่นไปด้วย”
-คุณได้รับสิทธิการพัฒนาเหมืองทับทิมแห่งถ้ำเชสปิ น
วีดได้รับสิทธิการเป็นเจ้าของเหมืองทับทิม!
***
วีดลงทะเบียนชื่อเหมืองที่หน่วยงานบริหาร
เหมืองทับทิมของ หัตถ์แห่งศิลป์ แห่งถ้ำเชสปิน!
เขารับสมัครเด็กกำพร้าและทหารที่หน่วยงานบริหารของคุรุโซ จากนั้นก็
เริ่มวางแผนขุดทับทิมขึ้นมาจากถ้ำเชสปิ น
แม้เขาจะต้องจ่ายมูลค่าของทับทิมกว่า 60% เพื่อจ้างทหารรับจ้าง
สำหรับค้ำประกันความปลอดภัยและเบี้ยรายวันของลูกเหมือง แต่วีดก็
ยังเหลือกำไรมหาศาลอยู่ดี
เขาเริ่มต้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากการรับออเดอร์ทับทิมจาก
สาธารณะก่อน จากนั้นก็ค่อยๆลดจำนวนการว่าจ้างทหารรับจ้างลง
เพื่อเพิ่มกำไร ในระยะยาว
“ทำได้ดีมาก”
“เควสนี้จะถูกจดจำว่าเป็นเควสที่สำเร็จได้รวดเร็วที่สุดในเร็วๆนี้เลยล่ะ
ถ้ามีงานอะไรในอนาคต เรียกพวกข้าได้เสมอนะ แม้ค่าแรงจะต่ำก็ตาม
วะฮ่าๆ”
คนแคระที่เข้าร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้ล้ วนพึงพอใจ จากนั้นเหล่าคนแคระ
กว่าร้อยชีวิตก็แยกย้ายกันไปทำงานของตัวเอง
เล่มที่ 14 ตอนที่ 5 : การต่อสู้กับเดธแฮนด์ แปลโดย คุณ luke
วีดเริ่มมีไฟในการทำงาน เพราะรูปแกะสลักของเขา
ภาพแห่งน้ำตาของหญิงพรหมจรรย์!
มันเป็นรูปสลักที่ถูกฝังอยู่ริมถนน
“ตรวจสอบ!”
พ่อของข้าสร้างขวานทุกๆวัน
แม่ของข้าเย็บผ้าทุกๆวัน
พวกท่านไม่ยอมเล่นกับข้าและน้องๆของข้า
ไม่มีใครเล่นกับพวกเราเลย
ความยากของเควส : E
วีดเจอคนแคระซึ่งเป็นต้นแบบของรูปแกะสลักนั่น แต่รูปสลักถูกสร้าง
เมื่อนานมาแล้ว ตอนนี้เธอจึงดูมีอายุเพิ่มขึ้น และกลายเป็นคนแคระ
หญิงโตเต็มวัยแล้ว!
เธอกำลังง่วนอยู่กับการถักอะไรซักอย่าง
“ประทานอภัย ท่านจะว่าอะไรหรือไม่ ถ้าข้าจะเล่นกับท่าน”
วีดเรียกเธอออกมาเล่นด้วยกัน เขาเตรียมเหล้าน้ำผึ้งรสแอปเปิ้ล ซึ่ง
เป็นของโปรดของคนแคระเด็กๆ รักและเล่นกับเธอเป็นเวลา 30 นาที
“ความฝันวัยเด็กของข้าได้รับการเติมเต็มแล้ว นี่คือเสื้อที่ข้าถักขึ้นมาเอง
ข้าให้เจ้า”
เสื้อคลุมทำมือสีฟ้ าของคนแคระผู้หม่นหมอง!
มันเป็นเสื้อของนักเวทย์ มีข้อจำกัดเลเวลที่ 130 แม้จะมีเลเวลที่ต่ำ แต่
เสื้อตัวนี้มีมูลค่ามากๆ
นักเวทย์มักไม่ค่อยใส่ใจกับเรื่องพลังป้ องกันมากนัก เพราะพวกเขามี
พลังโจมตีที่รุนแรงที่สุดในทุกๆสายอาชีพ ทำให้พวกเขาเน้นไปที่อัตรา
การฟื้นฟูมานา และ พลังโจมตีเป็นหลัก
ที่จริงแล้ว ไม่ว่าเสื้อคลุมจะดีหรือแย่แค่ไหน มันก็จะไม่เพิ่มเลือดหรือ
พลังป้ องกันเพิ่มเติม
แต่ว่าเสื้อคลุมทำมือสีฟ้ าตัวนี้เป็นอะไรที่นักเวทย์ทุกคนฝันถึง

มันมีออพชั่นเพิ่มความเร็วในการร่ายและเพิ่มมานาให้อีกด้วย ซึ่ง
สามารถเอาไปขายต่อได้ถึง 7,000 ทอง
ถึงแม้ไม้เท้าของนักเวทย์จะให้ค่าการโจมตีเวทย์มนต์สูงที่สุด แต่ชุด
คลุมนักเวทย์นั้นหายาก จึงขายได้ในราคาที่แพงกว่านั่นเอง
รางวัลของเควสแกะสลักระดับ E นี้มันบ้าไปแล้วชัดๆ

“ประติมากรรมเปรียบเสมือนดั่งดอกไม้แห่งศิลปะที่แท้จริง!”
วีดละเมอเพ้อพบไปเรื่อย
“ยินดีต้อนรับ, หัตถ์แห่งศิลป์ !”
“สวัสดี ท่านยามผู้เคารพรัก ท่านจะว่าอะไรไหมหากข้าขออนุญาติเขา
ไปในบ้านหลังนี้สักหน่อย?”
“ถ้าเป็ นเจ้าล่ะก็ เมื่อไหร่ก็ได้!”
วีดทำแม้กระทั่งเข้าไปเยี่ยมบ้านของยามคนแคระ
วีดคุ้นชินกับการประจบสอพลอ ซึ่งไม่เสียเงินแต่ให้ผลลัพธ์สุดยอด
เสมอ และด้วยการประจบนี้เอง ทำให้เขาสนิทกับยามได้ไวขึ้น
มีรูปแกะสลักอยู่ในบ้านของยาม
คนแคระและมนุษย์นั้นต่างกันมาก
คนแคระ รักงานประติมากรรม และงานศิลป์ อื่นๆ เช่นจิตรกรรมและ
อื่นๆอีกมากมาย.. ดังนั้น ทุกๆบ้านมักจะมีรูปสลัก 1-2 ชิ้นเสมอ
มีประติมากรรมบางชิ้นที่ไม่มีความหมายอะไรเป็นพิเศษ แต่ก็มี
ประติมากรรมหลายชิ้นที่ถูกสร้างเพื่อสื่อถึงบางสิ่งบางอย่าง
“รูปนี้เป็ นงานประติมากรรมที่น่าอัศจรรย์ใจมาก”
“อ่าาา มันเป็นของบรรพบุรุษของข้าน่ะ”
“ท่านจะอนุญาตให้ข้าดูมันใกล้ๆมากกว่านี้ได้ไหม?”
“หากเป็นประติมากรมากฝี มือเช่นท่านต้องการจะดูมันล่ะก็ นั่นคงเป็น
เกียรติแก่ข้ามาก”
“ด้วยความเคารพ ตรวจสอบ!”
-มีคนแคระเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ความจริงเกี่ยวกับความเลวทรามและ
สิ่งมีชีวิตชั่วร้ายซึ่งอาศัยอยู่ใน คุรุโซ
‘สิ่งมีชีวิตชั่วร้าย…..’
วีดมีความรู้สึกว่าเควส เควสนี้จะสร้างปัญหาให้กับเขา
-เจ้าตัวชัวร้ายนี้กลายร่าง และเที่ยวหลอกล่อคนแคระผู้บริสุทธิ์ไปทั่ว
เจ้าชั่วร้ายนี้เปลี่ยนรูปลักษณ์บ่อยๆทำให้หาตัวมันได้ยาก
อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวชั่วร้ายมักมีรูปลักษณ์ซึ่งคล้ายกับคนแคระที่ชอบ
หัวเราะเยาะเย้ยผู้อื่น
ถ้าคนแคระคนไหนสร้างของดีๆขึ้นมา มันจะเข้าหาพวกเขา
มันจะเสแสร้งทำเป็นไร้ความสามารถก่อนในทีแรก แล้วหลังจากสืบดู
ความสามารถของฝ่ ายตรงข้าม ก็จะสร้างของที่ดีกว่าของคนแคระที่มัน
เข้าหา
การกระทำอันเหยียดหยามเกียรติและทำลายความภูมิใจของคนแคระ
ที่มีความเพียรพยายามตั้งใจฝึกฝน!
วีดคิดว่าการทำแบบนี้ค่อนข้างเกินกว่าเหตุ
‘เราจะไม่ยกโทษให้ไอ้หมอนี่เด็ดขาด’
ถ้าเราหาเงินได้แค่1 ทองในขณะที่ คนอื่นๆหาได้ 2-3 ทอง มันจะสร้าง
บาดแผลทางจิตใจที่ไม่อาจเยียวยาได้!
-คุณต้องแก้แค้นเจ้าตัวชั่วร้ายนี้
เขาต้องทำให้ไอ้เลวนี่ไม่กล้าที่จะเหยียบย่ำเข้ามาในดินแดนของคน
แคระอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม คนแคระนั้นต้องปกป้ องผู้ที่อ่อนแอและไร้พลัง เขาไม่อาจ
ลงโทษมันเฉยๆได้
เพราะถ้าทำแค่นั้น ศักดิ์ศรีของชนเผ่าคนแคระก็จะยังไม่ได้รับการฟื้นฟู
กลับคืนมาได้
มันจะดีกว่าหากเขาหาตัวไอ้เลวนี่ ท้ามันแข่งอย่างเปิดเผย แล้วชนะมัน
อย่างราบคาบ
โชคยังดีที่มันไม่เก่งไปซะทุกอย่าง ดังนั้นวีดยังมีโอกาศชนะมันอยู่
ความยากของเควสครั้งนี้คือ C!
“เควสครั้งนี้น่าจะมีรางวัลดีๆให้นะ”
แทนที่จะสู่กับมันให้ชนะ วีดต้องเอาชนะมันด้วยทักษะงานฝี มือ
ทันใดนั้นวีดก็ระบุตัวคนแคระที่มีแนวโน้มจะเป็นไอ้เลวนี่ได้ทันที
เมื่อไหร่ก็ตามที่คนแคระสร้างไอเทม มักจะมีคนแคระคนนึงสร้างไอเทม
ที่ดีกว่าอยู่ข้างๆเสมอ
ชื่อของมันก็คือ เดธแฮนด์!
“คุคุคุคุ”
มันประพฤติตัวไม่เหมือนคนแคระปกติ เดธแฮนด์มักจะทำเสียงแปลกๆ
ระหว่างสร้างไอเทม
เดธแฮนด์มีชื่อเสียง จากการรับสร้างของต่างๆ และงานจิปาถะอื่นๆ
‘ถ้าหมอนี่ไม่ดื่มเหล้าล่ะก็ชัดเลย’
หลังจากแอบตามเดธแฮนด์อย่างลับๆอยู่หนึ่งวันเต็ม วีดก็มั่นใจ
คนแคระที่ไม่ดื่มเหล้าน่ะมีที่ไหนกัน!
ไร้ข้อกังขา ต้องเป็นมันแน่ๆ แม้ว่าวีดจะยืนข้างๆมัน และชวนมันดื่ม มัน
ก็ไม่สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย
“ให้ตายเหอะ ดาบกากๆแบบนี้ตัดแตงโมยังไม่ได้เลยมั้ง”
“คุคุคุ”
มีคนแคระคนหนึ่งกำลังตกเป็นเหยื่อของเดธแฮนด์
คนแคระคนนี้ใช้เงินเก็บทั้งหมดเพื่อซื้อกระดูกที่ดีที่สุด เขาจะทำดาบ
จากกระดูกของมอนสเตอร์!
หลังจากสร้างดาบที่ดูดีออกมาจากกระดูกขาอ่อนของยักษ์สำเร็จ เขาก็
ตะโกนออกมาอย่างดีใจ
“วู้ววว! ในที่สุดชั้นก็ทำดาบยักษ์เสร็จ!”
ก่อนที่เขาจะทันได้แบ่งปันความสุขนี้กับคนแคระอื่นๆ เดธแฮนด์ก็เดิน
เข้ามา
“เหหหหห มันดูซับซ้อนจัง นายสร้างดาบจากกระดูกได้ยังไงเนี่ย”
เดธแฮนด์เลยพยายามสร้างดาบจากกระดูกของยักษ์ด้วย หลังจากแอ๊บ
ล้มเหลวไป 2-3 ครั้ง มันก็เลิกแอ๊บและทำดาบออกมา
‘เป็นไปไม่ได้น่า’
คนแคระที่พึ่งสร้างดาบจากกระดูกยักษ์ตั้งใจมองดูเดธแฮนด์
‘ไม่นะ ไม่เอาแบบครั้งที่แล้วนะ’
เหล็กเป็นวัตถุดิบที่สร้างดาบได้ง่ายที่สุด
เมื่อเหล็กถูกหลอมแล้วมันจะเปลี่ยนรูปร่างได้ง่าย แถมยังขึ้นรูปได้ง่าย
เพราะความแข็งแรงของมัน
ดาบที่ทำเสร็จแล้วจะมีความคงทนมากขึ้นเมื่อนำไปลับกับหินลับดาบ
แต่ดาบจากกระดูกนั้น ทำพลาดไม่ได้เลยแม้แต่นิด เพราะกระดูกมี
ความเปราะบางเป็นอย่างมาก
แม้จะมีระดับทักษะการตีเหล็กสูงแค่ไหนก็ตาม ก็ไม่สามารถทำดาบ
จากระดูกได้หากไม่มีความรู้เกี่ยวกับกระดูกชิ้นนั้น
เดธแฮนด์ล้มเหลวไป 2-3 ครั้งแล้ว ทันใดนั้น มันก็ดึงเอากระดูกยักษ์
ของมันออกมาอีก
“กระดูกนี่มันของหายากนะเนี่ย……”
เดธแฮนด์ตีดาบในช่วงเวลาสั้นๆ และ บู้มม ดาบจากกระดูกยักษ์!
ดาบเล่มนี้ดีกว่าดาบที่คนแคระที่เป็นเหยื่อของมันสร้าง แถมยังมีรูปร่าง
น่าสนใจกว่าด้วย
แต่เดธแฮนด์กลับโยนมันลงพื้นอย่างไม่ใยดี ดาบแตกทันทีเหมือน
เครื่องปั้นดินเผา
“ให้ตายสิ นี่มันงานที่ผิดพลาดชัดๆ ดาบกากๆของข้าตัดแตงโมไม่ขาด
แน่ อย่าว่าแต่แตงโมเลย แอปเปิ้ลก็ผ่าไม่ได้ แม้แต่กล้วยก็หั่นไม่ขาด!”
“คู้คุคุคุคุคุ!”
เหยื่อของมันร้องไห้เจ็บใจอย่างขมขื่น
***
วีดเดินเข้าหาเดธแฮนด์ทันที
“อะแฮ่มๆ เราจะสร้างอะไรกันดีล่ะ การสร้างไอเทมต้องยากมากสำหรับ
ท่านแน่ๆ เพราะท่านยังขาดความสามารถและทักษะไม่เหมือนข้า”
ด้วยเสื้อผ้าที่วีดใส่ เขาดูเหมือนนักแกะสลักฝึกหัดที่กำลังถือมีดแกะ
สลักมือใหม่ และมีทักษะแกะสลักง่อยๆ ซึ่งต้องใช้เวลากว่า 10 ชั่วโมง
ในการจะสร้างกระรอก 1 ตัว
ส่วนหางใช้เวลา 4 ชั่วโมง ส่วนหัวใช้เวลา 2 ชั่วโมง แล้วถึงแม้วีดจะทำ
ส่วนลำตัวอย่างลวกๆ เขาก็ใช้เวลานานพอสมควร แถมยังเหลือขาที่ยัง
ไม่ได้ทำอีก
วีดตั้งใจจะสร้างกระรอก แต่แอ๊บทำผิดพลาดโดยการทำขามั่วๆ มันจึง
ออกมาดูเหมือนตัววีเซิล
ขนาดของกระรอกตัวนี้เท่าหมูป่ า คงไม่ต้องให้บรรยายถึงคุณภาพการ
แกะสลักนะ….
-ผลจากการแกะสลักล้มเหลว ชื่อเสียงของคุณลดลง 23 หน่วย
“คู้กกกกกคุคุคุคุ”
เมื่อวีดทำเสร็จ เดธแฮนด์ก็หัวเราะเยาะเย้ยใส่ทันที
ใครดูก็รู้ว่ากระรอกตัวนี้มันล้มเหลวชัดๆ!
วีดหยิบมีดแกะสลักมือใหม่ขึ้นมา อีกครั้งพร้อมกับแรงบันดาลใจใหม่
“ล้มเหลวก็ไม่เป็นไร เพราะการล้มเหลวจะช่วยให้เราสามารถพัฒนา
ได้!”
ครั้งนี้เขาตั้งใจจะแกะสลักวัว
วัวที่สุภาพ อ่อนโยน และขยันขันแข็ง
แม้วีดจะ(แอ๊บ)พยายามทำวัวมากกว่ากระรอกตัวที่แล้ว แต่มันก็ยังออก
มาน่าเกลียด ไม่ควรค่าแม้แต่การมองด้วยซ้ำ
ความหนาและความยาวของขาแต่ละข้างไม่เท่ากัน แถมหางยังกว้าง
แค่ 1 เซ็นต์!
โชคยังดีที่หัวทำออกมาดีแม้ส่วนอื่นๆจะล้มเหลวอย่างไม่น่าให้อภัย
แต่ไม่มีส่วนไหนที่บ่งบอกว่ามันคือวัวเลย
“ป๊ อก ตึ่งง!”
แม้มันจะเป็นรูสลักที่สำเร็จ แล้ว แต่มันก็พังทันทีที่เสร็จเพราะขาที่ไม่
สมดุลเกิดหักดังเป๊ าะ …...
มันเป็นภาพที่ไม่น่าดูเท่าไหร่นัก
ทักษะการแกะสลักของวีดค่อยๆลดลง!
-ผลจากการสร้างงานที่ล้มเหลว ชื่อเสียงลดลง 39 หน่วย
“คู้กกก คุ้คุคุคุคุ คุฮิคุฮิฮิฮิฮิ!”

เดธแฮนด์ขำหนักยิ่งกว่าเก่า
มันชอบเห็นความอัปยศอดสูของผู้อื่น และวีดก็กลายเป็นเหยื่อคนโปรด
ของมัน
“ข้าคงไม่ต้องลงมือหรอกถ้าไอ้นี่มันกระจอกขนาดนี้, แต่ว่า…”
ไม่ว่าเดธแฮนด์จะคิดอย่างไรก็ตาม มันไม่สามารถหยุดดูวีด(แอ๊บ)ล้ม
เหลวได้
“ข้าควรจะสั่งสอนมันหน่อย มันจะได้ไม่สร้างรูปแกะสลักไปอีกตลอด
ชีวิต!”
***
การแข่งขันแกะสลักระหว่างเดธแฮนด์และวีด!
ในเมืองเล็กๆอย่างคุรุโซนั้น ข่าวลือแพร่กระจายรวดเร็วมาก
จนถึงตอนนี้ เดธแฮนด์กลั่นแกล้งเหล่าคนแคระด้วยความสามารถของ
มันมานับไม่ถ้วน
แต่ว่าครั้งนี้เป็นการแข่งแกะสลัก ผลลัพธ์นั้นยากที่จะเดาได้
ในโรงเตี๊ยม ขณะที่พวกคนแคระดื่มเบียร์ วีดก็กลายเป็นประเด็นร้อนใน
การพูดคุยของเหล่าคนแคระ
“ตามหลักการแล้ว แกว่าใครจะชนะ?”
“เดธแฮนด์”
“ข้าคิดว่า หัตถ์แห่งศิลป์ จะชนะ เขาจะบดขยี้ความหยิ่งยโสของไอ้จมูก
แบนนั่น!”
คนแคระนักรบซึ่งได้ร่วมต่อสู้ด้วยกันกับวีดในถ้ำเชสปิน ส่งเสียงเชียร์ให้
เขา
“แกคิดว่าทักษะแกะสลักมันพัฒนาได้ในวันสองวันรึไง การต่อสู้แม้จะ
เสียเปรียบแต่ก็สามารถสู้กันได้อย่างสูสี แต่ทักษะงานฝี มือน่ะไม่มีวัน
โกหกหรอกนะ”
“แต่หัตถ์แห่งศิลป์ อาจจะทำได้ก็ได้”
“พนันกันมั้ยล่ะ?”
“ก็ได้ คนแพ้ต้องซื้อเหล้าให้คนชนะต่อจากนี้เป็ นต้นไป 100 วัน นับรวม
วันนี้ด้ วย”
“เอาไงเอากัน เบียร์สองถังตรงนี้!”
คุณจะเห็นการวางเดิมพันเกิดขึ้นทั่วไปท่ามกลางการดื่มอย่างรื่นเริงของ
คนแคระ
***
เดธแฮนด์สร้างรูปแกะสลักของอัศวินผีแห่งบัลเกสท์
มอนสเตอร์ชั่วร้ายที่ต่อสู้บนหลังม้าตัวเท่าภูเขา!
เมื่ออัศวินแห่งบัลเกสท์ปรากฏตัว แม้แต่มอนสเตอร์ก็ตัวสั่นด้วยความ
หวาดกลัว มันเป็ นมอนสเตอร์ระดับสูงพร้อมพลังอันเด็ดขาด
“คู้กคุคุคุคุ”
เดทแฮนด์แกะสลักอัศวินแห่งบัลเกสท์ด้วยความเร็วเหลือเชื่อ
มันมีขนาดใหญ่ เดธแฮนด์จึงต้องรวบรวมโคลนจำนวนมากเพื่อสร้าง
มันขึ้นมา
“อาาห์ การแกะสลักช่างยากอะไรขนาดนี้นะ”
มันทำเป็ นเวิ่นเว้อ
วีดส่งเสียงเหมือนกำลังจนปัญญา
วีดสร้างขาที่มีความหนาและยาวแตกต่างกัน แต่เขาก็ไม่พอใจ และแก้
งานอยู่หลายครั้ง
ในขณะที่เขากำลังแกะสลักส่วนขา วีดก็ทำส่วนลำตัวด้วยเช่นกัน และ
สุดท้ายก็เปลี่ยนโครง เพื่อให้ขาหน้าของรูปสลักยกขึ้นเล็กน้อย
ปากของเดธแฮนด์กระตุกขึ้นอย่างชั่วร้าย
“ข้าแทบไม่ได้พยายามด้วยซ้ำ...โชคช่างเข้าข้างข้าเสียเหลือเกิน”
มันทำส่วนของกล้ามเนื้อที่ละเอียดอ่อนของม้าเสร็จ รูปสลักอัศวินผีแห่ง
บัลเกสท์ที่ยอดเยี่ยมไร้ที่ติ
ตั้งแต่เกราะโซ่ กระบองเหล็ก ไปจนถึงเสื้อที่ฉีกขาด อัศวินแห่งบัลเกสท์
ถูกสร้างขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แบบ
“ฟิ้ววว~ มาคิดๆดูแล้ว ข้าแกะสลักได้เพียงเท่านี้ จะมีใครแย่ยิ่งกว่าข้า
ไหมนะ ประติมากรกระจอกอย่างข้าสมควรตาย ความตายเท่านั้นที่
คู่ควรกับความอ่อนหัดของข้า”
“คึกฮือๆๆ” เดธแฮนด์ร้องไห้อย่างเศร้าสร้อย
ผลงานชิ้นเอก!
รูปแกะสลักของ อัศวินชั้นสูงแห่งบัลเกสท์
อัศวินผีแห่งซากปรักหักพังของอาณาจักรบัลเกสท์
รูปแกะสลักรูปนี้แสดงถึงการคำรามอันกึกก้องในสงคราม
มันถูกสร้างจากโคลนคุณภาพไม่ดี และถูกย้อมด้วยสีดำ
คุณค่าทางศิลปะ: 416
คุณสมบัติพิเศษ:
 ความเร็วในการเคลื่อนที่ระหว่างต่อสู้เพิ่มขึ้น 7%
 ทักษะของอัศวินเพิ่มขึ้น 1
“โอ้พระเจ้า ข้าไม่ควรที่จะได้รับอนุญาตให้สร้างงานประติมากรรมอีก
ต่อไปแล้ว ข้าจะมีหน้าไปสร้างประติมากรรมชิ้นอื่นด้วยทักษะชั้นต่ำ
แบบนี้ได้ยังไง
เดธแฮนด์ทำเสียงเหมือนกำลังเจ็บปวดรวดร้าวต่อหน้าวีด
คนแคระซึ่งมุงดูด้วยความสงสัยเดาะลิ้น
“ดูเหมือนไอ้หมอนั่นจะเป็นเหยื่อคนใหม่สินะ”
“ครั้งนี้เดธแฮนด์ชั่วร้ายมาก มันตอกย้ำชัยชนะด้วยม้านั่น ไม่เหลือ
ความหวังให้ไอ้หนูนั่นเลย”
งานอันแสนวิเศษของมันช่วงชิงความมั่นใจของเหล่าคนแคระ และฝัง
มันลงไปในพื้น!
“แต่คู่ต่อสู้ครั้งนี้คือหัตถ์แห่งศิลป์ นะ ข้าว่าเจ้านั้นต้องมีอะไรดีๆบ้าง
แหละน่า”
“ข้ารู้จักเจ้านั่นดี เค้าจะไม่ยอมแพ้โดยที่ไม่ได้พยายามสู้หรอก”
เหล่าคนแคระไม่อาจคาดเดาทักษะของวีดได้ อย่างไรก็ตาม เขาเป็นถึง
คนที่ได้รับเควสระดับ B ไม่ว่าจะโชคช่วยแค่ไหน เขาก็ไม่มีทางได้รับเคว
สระดับนั้นแน่หากไม่มีทักษะขั้นพื้นฐาน
แต่วีดสร้างรูปสลักแบบพวกมือใหม่อีกอันแล้ว
“...”
เดธแฮนด์และคนแคระอื่นๆ มองดูเขาทุกๆการเคลื่อนไหว
วีดหยิบมีดแกะสลักของตัวเองขึ้นมาดูซักพักหนึ่ง ทำทีเป็นกำลังตัดสิน
ใจบางอย่าง เสร็จแล้วก็ตัดสินใจวางมันลง
คนแคระแทบสะดุดลมหายใจตัวเอง
“เฮ้ยๆ!”
“แกยอมแพ้แล้วรึเจ้าหนุ่ม!?”
พวกคนแคระกระวนกระวายใจ
“ข้าไม่ต้องใช้มีดแกะสลักหรอก”
วีดกล่าวอย่างไม่ร้อนรน แล้วยกมือเปล่าของตัวเองขึ้นมา
เขาไม่มีมีดแกะสลัก ไม่มีแม้กระทั่งวัสดุที่จะใช้ทำงาน
วีดเริ่มขยับแขนไปมาในอากาศเหมือนคนบ้า
และตอนนั้นเองที่เกิดแสงริบหรี่ขึ้นดั่งเวทย์มนต์!
วีดแกว่งแขนแบบเดิมเงียบๆ
“นี่มัน การแกะสลักแสงจันทร์ ไม่ใช่เหรอ?”
เป็นเรื่องง่ายที่จะสร้างงานแกะสลักแสงจันทร์ ด้วยการค่อยๆสร้างแสง
ใส่รูปสลัก มูลค่าทางศิลป์ ของมันก็จะเพิ่มขึ้น
แต่ว่าการแกะสลักแสงจันทร์ที่แท้จริง จะใช้แสงในการสร้างรูปแกะสลัก
ขึ้นมาจากความว่างเปล่า
วีดปล่อยลำแสงที่คดโค้งเหมือนกิ่งไม้ออกจากนิ้วทั้ง 10 เสมือนมันเป็น
เส้นด้าย
“โว้วโว้ว อะไรน่ะ!”
“นั่นเหมือนเวทย์มนต์เลย…..มีคนแคระใช้เวทย์มนต์ได้ด้วยหรือ?”
คนแคระเข้ามามุงกันมากขึ้น
วีดเป็นเหมือนนักร้องที่กำลังแสดงบนเวที และวีดซึ่งกำลังแกะสลัก
แสงจันทร์เป็ นตัวละครหลักของโชว์
แม้แต่เดธแฮนด์ก็มองดูวีดด้วยความอัศจรรย์ใจ
***
แสงเส้นบางๆเปล่งประกายความสวยงามของมันเงียบเงียบ
มันยากที่จะสร้างสีจากแสง แต่แสงเหล่านี้เต็มไปด้วยสีสันต่างๆที่รวม
ตัวกัน(อารมณ์แสงขาวหักเหกลายเป็นสีรุ้ง)
‘รวบรวมพวกมัน ผูก แล้วแผ่ออก อ้ะเกือบไปๆ ต้องยืดมันออก เราจะ
พลาดไม่ได้’
วีดรวบรวมสมาธิให้มากขึ้น
นี่เป็นครั้งแรกที่วีดแสดงศาสตร์การแกะสลักแสงจันทร์ที่แท้จริง
หากไม่ได้รับทักษะนี้มาโดยบังเอิญ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเรียนการ
แกะสลักแสงจันทร์จากการแกะสลักธรรมดา
นักแกะสลักคือผู้ใช้ประโยชน์จากวัสดุโดยใช้เทคนิคแตกต่างกันตาม
ชนิดของวัสดุ ตั้งแต่หินไปจนถึง ไม้
แต่การแกะสลักแสงจันทร์นั้นใช้แสง...
ทุกครั้งที่วีดขยับนิ้ว มานาของเขาจะลดลงเล็กน้อย และ แสงจะเปลี่ยน
เป็นสีต่างๆ
นี่แหละคือ การปรับเปลี่ยนอันละเอียดอ่อนของสลักแสงจันทร์
แม้แต่สีของแสงก็ยังมีมากมายหลากหลาย
ถ้าทำรูปสลักทีละส่วน ความต่างของสี จะส่งผลต่อผลงานโดยตรงเมื่อ
ทำเสร็จ
รูปแกะสลักที่สร้างจากสีหลายพันสีที่แตกต่างกัน มันยากยิ่งกว่าการทำ
พีรามิดอีก!
แม้มันจะเป็นงานที่งดงามอย่างไม่อาจนึกฝัน แต่ก็เป็นงานหยาบได้
ง่ายๆเช่นกันหากผู้ทำไร้ซึ่งความประณีต
กว่า 2 วัน ที่วีดต้องนั่งจดจ่อใช้สมาธิสูงสุดอยู่กับงาน มันไม่ใช่สิ่งที่ทำ
กันได้ง่ายๆ
ทักษะการแกะสลักที่เหนือยิ่งกว่าการแกะสลัก การแกะสลักแสงจันทร์!
หากใช้ทักษะอย่างต่อเนื่อง วีดต้องใช้มานาจำนวนมากเพื่อให้แสงคง
อยู่ไว้ และใช้มากขึ้นเพื่อทำให้แสงเหล่านั้นเปลี่ยนสี
‘ทักษะของเราตอนนี้ยังไม่เข้าร่องเข้ารอยเท่าไหร่’’
วีดต้องการที่จะสร้างสีที่แตกต่างกัน
เขาเพิ่มแสงสีแดงอันเจิดจ้าก่อนเป็ นอันดับแรก
‘สีแดง...ทั้ง งดงามและกล้าหาญ’
ตอนนั้นเองที่รูปสลักถูกจำกัดให้ใช้เฉพาะสีที่เข้ากันได้ กับสีแดง
แต่แล้วนิ้วของวีดก็เกิดเปลี่ยนเป็นแสงสีเหลืองแทน
เช่นเดียวกับสีแดง สีเหลืองเป็นสีที่ท้าทายมาก
สีเขียว ส้ม น้ำเงิน ดำ และ ม่วง กำลังเปลี่ยนไปมาบนนิ้วของวีด

แม้จะมีสีมากมายหลายสี แต่พวกมันก็กลมกลืนกันมาก
สีพวกนั้นใสและน่าประทับใจ มันดึงดูดผู้จ้องมองเสมือนถูกมันครอบงำ
ไว้
ตัวเลือกสีแต่ละสีมาจากความทรงจำในวัยเด็กของวีด
‘เวรเอ้ย ถึงเราจะจ้องใกล้ๆแบบนี้ก็ยังแยกไม่ออกว่าสีไหนเป็นสีไหน’
มันเป็นผลกระทบจากการเคยใช้สีแค่ 8 สี ตั้งแต่โรงเรียนอนุบาล เพราะ
ความยากจนของเขา!
เป็นเรื่องยากมากที่จะบอกถึงความแตกต่างของสีแต่ละสี มันจับต้องไม่
ได้ในสายตาวีด
พวกมันเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตลอดเวลา
ไม่ใช่เพียงแค่ 48 หรือ 60 สี
ทั้งสี ทั้งเฉด และความสว่าง ก่อเกิดสีมากมายกว่าหมื่นสี
วีดจึงเลือกสีตามสัญชาติญาณของตัวเอง
‘คงจะไม่ใช่สีที่สวยที่สุด แต่มันก็เป็นสีที่เราเลือก’
มีสีมากเกินไป และมันก็เปลี่ยนแปลงไปไวเกินไปด้วย
ไม่ว่าวีดจะเลือกสีอะไรก็ตาม เขาอาจจะเสียใจภายหลังก็ได้ แต่ตอนนี้
เขาเลือกสีที่ตรงกับใจตัวเอง
‘อ่าาห์ เสร็จละ นี่สินะ’
ในที่สุดวีดก็เลือกส่วนผสมของ สีเงินสว่าง และสีสีฟ้ าอ่อน

มันเป็นแสงที่ส่องเป็ นเฉดสีฟ้ าสดใสและเปล่งประกายเป็นแสงสีเงิน


สีเงินฟ้ า นั้นสำหรับวีดผู้ซึ่งเคยใช้สีเทียนแค่8 สี ไม่สามารถอธิบายหรือ
ตีความออกมาได้
มันสวยงามและดูทรงค่าเกินกว่าที่แสงจะสามารถสื่อได้(แน่นอน ตัว
อักษรด้วย T_T)
*ปุ๊ ง!*
แสงที่ไหลออกจากตัววีดจางหายไป
แสงหลากร้อยสีที่รวมกันเป็นบอลแสงตรงหน้าวีดหายไป เหลือเพียงแต่
แสงสีเงินฟ้ าที่สว่างขึ้นจากมือวีดเท่านั้น
นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการแกะสลักแสงจันทร์
‘เราจะสร้างอะไรดีนะ?’
ความกังวลของวีดจางลงเมื่อเขาเห็นแสงที่ตัวเองสร้างขึ้น
ประติมากรรมนั้นเป็นอาชีพที่ทำงานขึ้นอยู่กับวัสดุ และเพราะเหตุผล
นั้นทำให้งานบางชิ้นไม่สามารถสร้างขึ้นมาได้เพราะข้อจำกัดของวัสดุที่
ใช้
ตั้งแต่ที่วีดตัดสินใจใช้การแกะสลักแสงจันทร์ เขาก็มีไกด์ไลน์บางๆในใจ
ไว้อยู่แล้ว

‘ซอยูนดีไหมนะ ถึงแม้เราจะใช้เธอเป็นแบบบ่อยไปหน่อย แต่ถ้าเรา


สร้างเธอจากแสงนี่ล่ะก็ เธอจะต้องสวยเหมือนเทพจุติแน่ๆ’
แต่ว่า ความจริงแล้วมันยากเกินไปที่จะสร้างคนโดยใช้เพียงแค่แสง ยาก
ทั้งการคงไว้ซึ่งความสวยงามและ ยากมากๆสำหรับการสร้างผิว
ละเอียดอ่อนของมนุษย์ด้วยแสง
วีดคิดว่ามันคงเป็ นสิ่งที่ท้าทายในอนาคต แต่สำหรับตอนนี้ ความ
สามารถของเขายังไม่ถึงขั้น
‘ปิงหรง หรือพวกไวเวิร์นก็น่าจะโอเค’
คงจะเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ถ้าจะสร้างงานแกะสลักเดิมๆของ
เขาใหม่ด้วยแสง
อย่างไรก็ตาม หลังจากวีดมองแสงที่เรืองรองอยู่บนแขนของตัวเอง ก็
เปลี่ยนความคิด
‘ไม่ๆ เราต้องสร้างสิ่งที่เหมาะสมกับแสงนี้’
แทนที่จะเลือกจากงานที่เขาทำไว้แล้วในอดีต วีดตัดสินใจสร้างงานชิ้น
ใหม่ด้วยลวดลายซึ่งดึงออกมาจากความรู้สึกอันลึกซึ้งของตัวเอง
วีดเริ่มทักทออากาศด้วยเส้นใยแสง
เส้นใยแสงมาพันกันและขยับพริ้วไหวไปมา เขาจดจำรูปแบบการขยับ
ของมัน
ไม่ใช่ทั้งหิน หรือไม้ แต่ตอนนี้ แสง กำลังถูกใช้เพื่อสร้างงาน
ประติมากรรม!
มันเป็นงานที่พิถีพิถัน และต้องใส่ใจในทุกรายละเอียด
นิ้วทั้ง 10 ของวีด เคลื่อนไหวอย่างอ่อนโยนเหมือนเขากำลังเล่นเครื่อง
ดนตรีอยู่
ความหนาของแสงเปลี่ยนไปขึ้นอยู่กับความหนาแน่นและเวลา
ด้ายแสงนั้นจะมีคุณภาพลดลงได้ ดังนั้นถ้าประติมากรไม่สามารถเพ่ง
สมาธิไปที่งานได้อย่างต่อเนื่อง จะไม่สามารถทำงานอันละเอียดอ่อน
แบบนี้ได้!
ขณะที่กำลังทำงานแกะสลักแสงจันทร์นั้นเอง รอบๆตัววีดเต็มไปด้วยออ
ร่าสุดวิเศษ

รวบรวมและโอบไล้แสงสว่าง มันเปรียบดังจุดสุดยอดของศิลปินที่
ทำงานโดยใช้แสงเป็ นวัสดุ!
ประติมากรรมแห่งแสงนั้นยั่วยวนมาก หากแม้ฟ้ าจะผ่าลงมาข้างๆวีด
ตอนนี้ เขาก็คงไม่รู้สึก!

ในที่สุด ปี กคู่หนึ่งซึ่งสร้างจากด้ายแสงสีเงินฟ้ าก็สำเร็จ!


- โปรดตั้งชื่อให้กับงานชิ้นนี้
วีดมองไปที่งานพึ่งเสร็จของตัวเอง แล้วพูดว่า
“ปี กแห่งแสง”
ถ้าเหล่าคนแคระรู้ชื่อที่ถูกตั้งให้กับรูปสลักชิ้นนี้ในตอนนั้น พวกเขาคง
รู้สึกถึงความเศร้าที่ฉีกกระชากหัวใจพวกเขาเป็นแน่
ปี กที่สร้างขึ้นจากแสงอันเลอเลิศ
นี่มันก็ไม่แตกต่างอะไรจากการที่ปี กให้ชื่อตัวเองหรอก!
วีดฉีกยิ้มกว้าง
‘ตามคาด เซ้นส์การตั้งชื่อของเรานี่ยอดเยี่ยมจริงๆ’
- คุณต้องการจะตั้งชื่อว่า “ปี กแห่งแสง” หรือไม่?
“ใช่”
*ติ๊ง!*
ทักษะการแกะสลักพัฒนาขึ้น
ความชำนาญงานฝี มือเพิ่มขึ้น

ประติมากรรมแสงจันทร์อันยิ่งใหญ่!
ปี กแห่งแสงเป็ นงานประติมากรรมแสงจันทร์อันยิ่งใหญ่!
ทวีปเวอร์เซลได้รอคอยประติมากรรมแห่งแสงมาเป็นเวลานาน!
มีเพียงผู้เชี่ยวชาญการแกะสลักและลูกศิษย์ของพวกเขาไม่กี่คนเท่านั้น
ที่รู้ถึงการมีอยู่ของ งานประติมากรรมแห่งแสง
ศาสตร์แห่งประติมากรรมแสงซึ่งถูกบันทึกไว้ในตำนานของ
ประวัติศาสตร์ถูกนำกลับมา และสร้างขึ้นในรูปแบบของงานศิลปะ
มันเต็มไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และเป็นชิ้นงานที่คู่ควรจะเป็น
มรดกของศาสตร์แห่งงานประติมากรรม
ช่างน่าเศร้านักที่ปี กคู่นี้ขาดสมมาตรที่สมบูรณ์แบบไปเล็กน้อย

คุณค่าทางศิลปะ: 17,900
ชิ้นงานของบุคคลซึ่งเดินไปบนทางแห่งประติมากรนิรันดร์กาล
คุณสมบัติ พิเศษ:
ผู้ใดที่มองไปที่ปี กแห่งแสง จะได้รับอัตราฟื้นฟูเลือดและมานาเพิ่ม
ขึ้น 15%เป็นเวลา 1 วัน
ค่าสถานะทั้งหมดเพิ่มขึ้น 25
การต้านทานความมืดเพิ่มขึ้น 35%
ไม่ได้รับผลจากเวทย์ที่ทำให้ตาบอด
เพราะงานประติมากรรมชิ้นนี้ เมืองจะได้รับการปกป้ องเพิ่มเติมในช่วง
เวลากลางคืน
ระงับพลังของมอนสเตอร์ที่ตอบสนองต่อช่วงเวลากลางคืนได้ 3%
นักบวชแห่งแสงจะได้รับทักษะและศรัทธา เพิ่มขึ้น 15%
ผลไม่ซ้อนทับกับงานประติมากรรมชิ้นอื่น
จำนวนของงานประติมากรรมแสงจันทร์อันยิ่งใหญ่ที่สร้างขึ้น:2
-ความเข้าใจในประติมากรรมเพิ่มขึ้น 1 ระดับ
-ชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 332
-ค่าศิลปะเพิ่มขึ้น 30
-ความฉลาดเพิ่มขึ้น 2
-เสน่ห์เพิ่มขึ้น 7
-ปี กแห่งแสงได้รับการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของงานประติมากรรม
แห่งแสง ประติมากรที่เห็นมันจะเข้าใจในงานประติมากรรมมากขึ้น
และสร้างงานที่ดีขึ้นด้วย
-ผลจากการสร้างงานประติมากรรมแสงจันทร์อันยิ่งใหญ่ สถานะ
ทั้งหมดจะเพิ่มขึ้น 4 แต้ม
งานประติมากรรมที่น่าอัศจรรย์ใจ!
แม้วีดจะสร้างงานประติมากรรมแสงจันทร์ขึ้นมาหลายครั้งแล้ว แต่ครั้ง
นี้คงบอกได้ว่า เป็นประติมากรรมแสงจันทร์ที่แท้จริง
งานประติมากรรมชิ้นนี้ยังมีมูลค่าทางศิลปะสูงที่สุดเท่าที่วีดเคยทำมา
เพราะคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของมันนั่นเอง
ปี กแห่งแสงกระพือปี กลอยขึ้นไปบนอากาศ
วีดโอดครวญพลางชกพื้นไปด้วย
“นี่มันความผิดพลาด ความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง!”“...”
“...”
ปี กคู่นี้สวยงามบาดลึกลงในใจเหล่าคนแคระที่มองไปที่มัน
พวกเขาต้องการด่าและวิจารณ์วีดอย่างมาก
‘เมิงบ้าปะเนี่ย ไอ่เตี้ยเอ้ย!’’
‘ไอ้เวรนั่นเรียกงานชิ้นนี้ว่าความผิดพลาด ล้อพวกกูเล่นเหรอวะ!’
ตำนานได้ถูกสร้างขึ้น อันที่จริงแล้ว ไม่มีคนแคระคนไหนเคยเห็น
ประติมากรรมแสงจันทร์มาก่อน
งานดีขนาดนี้ถูกสร้างขึ้นมา แต่ไอ้คนสร้างดันมาเสียใจอย่างงั้นรึ!
“ประติมากรเยี่ยงข้าซึ่งไร้ความสามารถสมควรตาย *ฮึก ฮึก* ข้าสร้าง
งานที่แย่ขนาดนี้ได้ยังไงนะ”
"?."
"?."
“ข้าโทษการไม่ตั้งใจของตัวเอง ถ้าข้าพยายามมากกว่านี้ล่ะก็...”
อย่างไรก็ตาม ปี กคู่นี้ของวีดนั้นนับว่ายากที่สุดที่เขาเคยทำมาเลย
เขาต้องรักษาการควบคุมของนิ้วเพื่อให้เหมาะสมกับความหนาแน่น
ของสี และทำแบบนี้เหมือนกันทุกนิ้ว เขาลังเลไม่ได้ แม้เพียงน้อยนิด
ก็ตาม การเคลื่อนไหวทุกอย่างต้องแม่นยำที่สุด
ทุกคนที่มุงดูรู้ว่าเขาใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมงในการสร้างปี กคู่นี้
เหงื่อเย็นๆชื้นขึ้นบริเวณหน้าผากและหลังของวีด
“เดธแฮนด์”
“ห ห่ ห้ะ? ระ เรียกข้าเหรอ?”
เดธแฮนด์ถูกทำให้อับอาย ในขณะที่มองไปที่ปี กแห่งแสง มันก็ติดสตั๊น
เพราะความงาม

วีดเริ่มกล่าวขอโทษ
“ข้าขอโทษ”
“อ อะไร อะไรกัน? ทำไมเจ้าขอโทษข้าล่ะ….”
“เจ้าพูดถูก ประติมากรอ่อนหัดอย่างข้าไม่มีค่าพอที่จะสร้างงานศิลปะ”
“...”
“ข้าได้ใช้งานทักษะอันหยาบโลนของข้า เพื่อสร้างงานที่ผิดพลาดขึ้นมา
ข้าคิดว่าข้าคงทนไม่ไหวที่จะต้องใช้ชีวิตอยุ่ในความอับอายแบบนี้”
“...”
มีจุดด่างพร้อยเล็กน้อยในปี กแห่งแสง
ถ้าคุณสร้างปี ก ปี กทั้ง 2 ข้างควรจะมีขนาดเท่ากัน แต่ถ้าคุณมองดีๆที่
ปี กของวีดคู่นี้จะเห็นว่า ขนาดของมันไม่เท่ากัน
มีข้อบกพร่องเล็กๆน้อยๆอีกหลายอย่าง แต่มันมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
เว้นแต่ว่าคุณจะจ้องมันอย่างใกล้ชิดจริงๆ
ประติมากรรมที่สมบูรณ์แบบนั้นหายากมาก และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่วีด
ทำงานประติมากรรมแสงจันทร์โดยใช้แสงเป็นวัสดุ งานชิ้นนี้จึงถือได้ว่า
ใกล้เคียงกับคำว่า สมบูรณ์แบบมากกว่าคำว่า ล้มเหลว มันเป็นหนึ่งใน
ผลงานอันยิ่งใหญ่ไม่กี่ชิ้นของวีดด้วย
“ช่างน่าอับอายนัก ถ้ามีรูหนูล่ะก็ ข้าคงคลานหลบเข้าไปแล้ว ประติมา
กรไร้ความสามารถเช่นข้าสมควรตาย”
วีดเลียนแบบคำพูดของเดธแฮนด์ และย้อนคำพูดเหล่าคืนกลับใส่หน้า
ของมันเต็มๆ!
“ประติมากรรมของข้าช่างแสนสกปรก ประติมากรเช่นข้านั้นไม่มี
ประโยชน์ต่ออนาคตของโลกใบนี้ เดธแฮนด์ เจ้าคิดว่าไง?”
“ข ข้าหรือ….”
เดธแฮนด์ผู้ฉาวโฉ่แห่งคุรุโซกำลังถูกทำให้อับอาย และมันก็เสียหน้าเกิน
กว่าจะพูดอะไร
คนแคระซึ่งพูดครอบงำด้วยความสวยงามของปี กแห่งแสงเริ่มรู้สึกตัว
การแข่งขันแกะสลักของวีดและเดธแฮนด์!
วีดเป็นผู้ชนะ!
‘หัตถ์แห่งศิลป์ เป็นฝ่ ายชนะะะะะะะะ’
‘เดธแฮนด์พ่ายแพ้แล้ว ฮุเรย์ๆ ’
***
วีดและคนแคระคนอื่นยืนรับฟังคำยอมจำนนจากเดธแฮนด์
“ก่อนหน้านี้ ข้าหลงละเริงโอ้อวดไปกับทักษะของตัวเอง ต้องขอโทษ
ด้วย”
-คุณได้กำจัดสิ่งชั่วร้ายแห่งคุรุโซแล้ว
ข้อความสำเร็จเควสเด้งขึ้นมา
“เจ้าเป็นคนแคระที่มีความสามารถจริงๆ เมื่อข้าขัดเกลาฝี มือแล้ว ข้าจะ
กลับมาท้าเจ้าใหม่”
เดธแฮนด์ดึงเอารูปสลักขนาด 15 เซ็นออกมาจากภายในอกเสื้อแล้วส่ง
ให้วีด
-คุณได้รับรูปแกะสลักจากเดธแฮนด์
“ข้าหวังว่าเจ้าจะเก็บรูปสลักนี้ไว้ จนกว่าจะถึงวันที่เราเจอกันอีกครั้ง”
โดดเดี่ยวและสิ้นหวัง เดธแฮนด์หันหลังกลับแล้วเดินจากไป
“อะไรกัน แม่งให้เราแค่รูปปั้น 1 รูป?”
“งั้นนี้ก็คือจุดจบของเรื่องทั้งหมดนี้สินะ”
เหล่าคนแคระเฝ้ ามองด้วยไหล่ที่ผ่อนคลายลง
อัศวินแห่งบัลเกสท์ที่เดธแฮนด์สร้างนั้นถูกสร้างออกมาได้อย่างดีเยี่ยม
มันเป็นงานที่ดีงานนึงเลย และที่สุดของที่สุดก็คือ พวกเขาได้เฝ้ ามอง
กระบวนการสร้างปี กแห่งแสงขึ้น ความทรงจำซึ่งพวกเขาจะไม่มีวันลืม
ไปจนวันตาย!
อย่างไรก็ตาม ด้วยเกียรติ และความสามารถของเดธแฮนด์ เรื่องจะไม่
จบแค่นี้แน่!
เล่มที่ 14 ตอนที่ 6 : ดินแดนแห่งความฝัน แปลโดย คุณ luke
ยูนิคอร์น
คำๆนี้ ความจริงแล้วเป็นชื่อของสัตว์ในเทพนิยาย แต่หากผู้คนเกาหลี
ส่วนใหญ่ได้ยิน สิ่งที่พวกเขาส่วนใหญ่จะนึกถึงก็คือ บริษัทยูนิคอร์น
คอร์ปเปอร์เรชั่น
บริษัทหนึ่งเดียวซึ่งเป็นผู้พัฒนาและบริหารเกม Royal Road!
ไม่ใช่เรื่องเกินเลย ที่จะพูดว่า พวกเขากวาดเอาเงินจำนวนมหาศาลจาก
ทั่วโลกด้วยการสร้างโลกใบใหม่อย่าง Royal Road ขึ้นมา ยูนิ
คอร์นเป็นหนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ของเครือข่ายวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องกับ
แคปซูล(เครื่องเล่น VR ในนิยาย)และคอมพิวเตอร์ขนาดพกพา
แม้จะหักค่าต้นทุนที่ใช้ในการดูแลเครื่องเซิร์ฟเวอร์และการพัฒนาของ
Royal Road แล้ว กำไรต่อเดือนของบริษัทนี้ก็ยังคงสูงเฉียดฟ้ า
อยู่ดี
ไม่เพียงเท่านั้น ยูนิคอร์นยังเป็นบริษัทชั้นนำในอีกหลายแขนง อาทิ
เครือข่ายการสื่อสาร ธุรกิจการ์ตูน นวัตกรรมรูปถ่ายและวีดิโอ การท่อง
เที่ยว อุตสาหกรรมบันเทิง และอีกมากมายหลายสาขา(Luke:ครอง
โลกเหอะครับ)
บริษัทยูนิคอร์นซึ่งเป็นผู้พัฒนา และรังสรรค์โลกใบใหม่ขึ้นมาได้ สร้าง
คลื่นที่สั่นสะเทือนไปทุกวงการทั่วทั้งโลก และยิ่งทำให้บริษัทขยายตัว
ยิ่งขึ้นไปอีก
โลกเสมือนจริงใบแรกของมนุษยชาติ Royal Road
แทบทุกภาคส่วนธุรกิจของบริษัทยูนิคอร์นอิงอยู่กับ Royal
Road และตัวเกมเองเน้นไปที่เสถียรภาพและการดึงดูดผู้เล่นใหม่ๆ
ในช่วงเวลากลางงานประชุมสำคัญระหว่างหัวหน้าแผนกและผู้บริหาร
ของบริษัทยูนิคอร์น
จาง ยุน ซู หัวหน้าหน่วย กุลยุทธ์การตลาดระยะยาว กำลังดำเนินการ
ประชุม
“ผู้บริหารคิม เพื่อให้การประชุมนี้ดำเนินไปอย่างราบลื่น พวกเรา
ต้องการข้อมูลอ้างอิงจากคุณด้วยครับ ตอนนี้อัตราการเติบโตของผู้เล่น
ของเราเป็นยังไงบ้าง?”
ผู้บริหารคิม ฮาน ซอ พลิกหน้ากระดาษผ่านข้อมูลต่างๆ เขาหยิบ
ผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อออกจากหน้าผาก แล้วใช้สายตาเฉียบคมมอง
ไปที่สมาชิกทุกคนที่อยู่ในการประชุม
“แน่นอน ผมเป็นผู้รับผิดชอบ เทพเจ้าแห่งเวอร์เซล นี่นะ”
เทพเจ้าแห่งเวอร์เซล
เป็นชื่อของ AI ซึ่งจัดการดูแลทุกๆความเป็นไปในทวีปเวอร์เซลล์

คิม ฮัน ซอ รวบรวมนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะ 17 คน เพื่อช่วยกัน


สร้าง AI ตัวนี้ขึ้นมา
AI ซึ่งดูแลการกำเนิดของทวีปเวอร์เซล และทุกๆรายละเอียดในทวีป
มันเป็นผู้สร้างที่แท้จริงของ Royal Road และผู้ปกครองเพียงหนึ่ง
เดียว!
ตอนนี้ AI จัดการทุกๆอย่างด้วยตัวเอง พวกเขาเพียงแค่เฝ้ าดูมันทำงาน
เท่านั้น รายงานทุกๆอย่างที่มันสร้างขึ้น ถูกจัดเก็บไว้ในที่ที่เดียว นั่นก็
คือ แผนกจัดการระบบของ คิม ฮันซอ
“พวกคุณคงจะทราบกันดีอยู่แล้ว ข้อมูลที่ผมกำลังจะเปิ ดเผยเป็นความ
ลับสูงสุดของบริษัท และไม่ว่าจะด้วยเหตุใดๆก็ตาม คุณไม่มีสิทธิเปิ ด
เผยมันสู่สาธารณะ”
“ซึ่งรวมถึงครอบครัว เพื่อนร่วมงาน และลูกน้องของคุณด้วยเช่นกัน
หลังจากนี้เป็นต้นไป ทุกๆคนโปรดอยู่ในความสงบด้วย”
สมาชิกที่เข้าร่วมประชุมได้สาบานตนว่าจะเก็บความลับไว้แล้วก่อนเข้า
ร่วมประชุม
ทุกๆคนพยักหน้าเงียบๆ เป็นสัญญาณ
หัวข้อที่กำลังจะสนทนากันสำคัญมาก มันสามารถเปลี่ยนแปลงแก่นฐาน
ของทวีปเวอร์เซลทั้งทวีปได้
คนพวกนี้ไม่โง่ถึงขนาดจะไม่รู้ว่าจะเกิดความโกลาหลขนาดไหน หาก
ข้อมูลนี้ถูกปล่อยออกไป
“งั้นเรามาเริ่มกันเลย ผู้เล่นระดับแนวหน้าส่วนใหญ่มีเลเวลต่ำ
กว่า 430 เล็กน้อย ”
“พวกเขามีจำนวน 890 คน ค่อนข้างใกล้เคียงกับการคาดการณ์ของ
เรา”

Royal Road นั้นมีกลุ่มเป้ าหมายทั่วโลก ไม่ใช่แค่เพียงเกาหลี


เท่านั้น
อัตราการเติบโตของเกมนั้นเป็นไปอย่างราบลื่น ไม่มีปัญหา อย่างไร
ก็ตาม ผู้เล่นส่วนมากเป็นคนเกาหลี
ในทุกๆเกมที่ถูกสร้างขึ้น มักจะมีผู้เล่นกลุ่มหนึ่ง ที่ต้องการเล่นเกมให้
จบ
และเพราะมีผู้เล่นกลุ่มนั้นอยู่ ประวัติศาสตร์แห่งทวีปเวอร์เซลก็ถูก
เปลี่ยนแปลงอยู่หลายครั้งหลายครา
แผนกความสัมพันธ์กับสาธารณะ และ แผนกปฏิบัติการ ไม่สามารถเพิก
เฉยกับความพิเศษของผู้เล่นกลุ่มนี้ได้
รองหัวหน้าฝ่ ายนโยบายต่างประเทศ ซู อิน เฮ ซึ่งมาแทนหัวหน้าฝ่ าย
ยกมือ
“ดิฉันมีคำถามค่ะ ผู้เล่นต่างประเทศเช่น ญี่ปุ่ ม อเมริกา และจีนไปถึง
เลเวลเท่าไหร่กันแล้วคะ”
“พวกเขายังมีเลเวลค่อนข้างต่ำ เพราะเมื่อตอนที่ Royal Road พึ่ง
เปิ ดให้บริการแรกๆ พวกเขามีโอกาสเข้าถึงเกมได้น้อยกว่าคนเกาหลี แต่
พวกผู้เล่นต่างประเทศกำลังพัฒนาตัวละครอย่างต่อเนื่องอยู่ในบริเวณ
เมือง และเกาะต่างๆ ”
อเมริกา และจีน ต่างแสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับ Royal
Road อย่างชัดเจน พวกเขาทำใจเชื่อไม่ได้ว่า บริษัทยูนิคอร์นจะ
สามารถสร้างโลกเสมือนจริงขึ้นมาได้

แม้ว่าทฤษฎีของยูนิคอร์นจะละเอียดถี่ถ้วน และพวกเขาพิสูจน์การมีอยู่
ของโลกเสมือนได้แล้วก็ตาม อเมริกากับจีนก็ยังคงมองไปทางด้านลบ
เพียงอย่างเดียว
- โลกเสมือนจริงแห่งแรก มันยังเร็วเกินไป
บริษัทของเกาหลีงั้นรึ ? ช่างเป็นการประกาศที่ไม่น่าเชื่อถืออย่างที่สุด

แม้แต่นักวิทยาศาตร์ของเกาหลีเองตอนแรกที่ได้ยินก็ยังคิดว่าพวกเขาล้อ
เล่นกันขำๆ
แต่ความจริงก็ยังเป็นความจริงอยู่วันยังค่ำ
ทุกคนบนโลกสามารถเล่น Royal Road ได้ แต่ผู้เล่นจากต่าง
ประเทศเข้าร่วมทีหลัง ทำให้ผู้เล่นเกาหลีมีเลเวลนำไปก่อน
มีผู้เล่นหลายคนจากต่างประเทศ แต่เพราะพวกเขาเริ่มเกมค่อนข้างช้า จึง
ตามหลังผู้เล่นเกาหลีอยู่มาก
ผู้เล่นต่างประเทศมักอยู่ในเมืองเล็กๆ และเกาะในภาคกลางของทวีป แต่
เพราะโปรแกรมแปลภาษาอัตโนมัติ ทำให้เชื้อชาติของพวกเขาไม่ถูก
เปิ ดเผย
ทุกๆคนพูดภาษาเดียวกันใน Royal Road ดังนั้นเชื้อชาติจึงไม่
ค่อยมีความหมายอะไรมากนัก
หัวหน้าฝ่ ายจัดการบริหาร ซอน อึล จาง หัวเราะคิกคัก
“เป็นเรื่องที่น่าโล่งใจไม่ใช่หรือครับ เพราะพวกเขาไม่มีโอกาสแม้แต่
น้อย จะสามารถขึ้นเป็นจักรพรรดิได้ ”
“ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ก็ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นนะครับ”
จาง ยุน ซู ยิ้ม
ใน Royal Road นั้น ผู้ที่ได้เป็นจักรพรรดิของทวีปเวอร์เซล จะได้
รับส่วนแบ่ง 10%จากกำไรรายเดือนของบริษัทยูนิคอร์นเป็นรางวัล
การได้เป็นจักรพรรดินั้นเป็นเป้ าหมายสูงสุดของเกม และผู้เล่นที่
สามารถทำมันให้เป็นจริงได้ จะได้รับผลประโยชน์ที่คาดไม่ถึงเลยล่ะ
(Luke://ผมคิดว่าพระเอกยังไม่รู้เรื่องนี้)
การแข่งขันอย่างหนักของผู้เล่นส่วนใหญ่ก็เพื่อเงินรางวัลก้อนนี้
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากเงินแล้ว ยังมีรางวัลเฉพาะอื่นๆด้วย อาทิ
ได้เป็นหุ้นส่วน 5% ของบริษัทยูนิคอร์น
นักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยรับผิดชอบทำโปรเจคนี้ ในขณะที่ผู้ถือหุ้น
ของบริษัทคนอื่นๆไม่เห็นด้วย แต่แผนกข้อมูลและยุทธศาสตร์การ
ทำงานผลักดันสนับสนุนข้อเสนอนี้ จนในที่สุดก็ทำให้มันรวมอยู่ใน
รางวัลได้สำเร็จ
ผู้ที่จะเป็นจักรพรรดิได้ต้องมีพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด จักรพรรดิสามารถ
ทำลายได้ทุกอย่าง เช่นเดียวกัน สามารถสร้างได้ทุกสิ่งตามแต่ความ
ต้องการของตน
แม้แต่บริษัทซึ่งสร้างและปรับปรุงระบบเศรษฐกิจ โดยอิงจากทวีปเวอร์
เซล อย่าง ยูนิคอร์น ก็ไม่ปลอดภัยจากเงื้อมมือของจักรพรรดิ
แม้แต่เทพผู้สร้างทวีปเวอร์เซลเองก็ไม่สามารถแตะต้องจักรพรรดิ
ได้(มันมีกฏหมายคุ้มหัว)
จักรพรรดิแห่งโลกเสมือนจริงซึ่งมีผู้เล่นกว่า ร้อยล้านคนทั่วโลก
มันเป็นรางวัลลับที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่ สาธารณะชนจะรู้ยิ่ง
นัก (Luke://อย่าให้วีดรู้ล่ะ)
***

การประชุมถูกจัดขึ้นในช่วงเช้า มีเนื้อหาเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ความ
สัมพันธ์กับสาธารณะ ระบบสนับสนุนเทคโนโลยีใหม่ๆ และหุ้นส่วน
ทางธุรกิจ
แม้กระนั้น สมาชิกที่เข้าร่วมประชุมก็ไม่ได้คุยกันเกี่ยวกับ บาร์ด เรย์ ผู้
เล่นเลเวลสูง หรือหัวหน้ากิลด์ต่างๆ กลับกัน พวกเขาคุยกันเกี่ยวกับ
หัวข้อสำคัญอื่นๆ
“นักกลยุทธ ยุน ยัง ซึล เป็นผู้รับผิดชอบงานนี้ เมื่อเร็วๆนี้ npc จาก
อาณาจักรแห่งฮอร์ด เริ่มได้รับความนิยมเพราะมีหน้าตาน่ารัก ผมส่ง
เอกสารวิเคราะห์ข้อมูลตัวละครไปแล้ว คุณได้เปิ ดอ่านบ้างหรือยัง?”
“ดิฉันได้รับเอกสารแล้วค่ะ ทางเรากำลังเร่งผลิต npc ตัวดังกล่าว
อยู่”(Luke://คงผลิตตุ๊กตาขายล่ะมั้ง)
“มีผู้เล่นที่ใช้ ยานพาหนะเดินเครื่องโดยระบบปิ โตรเคมี(น้ำมัน)
สำหรับวันหยุดพักผ่อนมากขึ้นเรื่อยๆ พวกมันเริ่มเป็นที่รู้จักและได้รับ
ผลตอบรับที่ดีจากผู้เล่น เพราะ ราคา ความเร็ว และความปลอดภัยของ
มัน พวกคุณคิดยังไง หากเรานำมันมาติดตั้งในรีสอร์ทของเรา?”
“การเดินทางคมนาคมในรีสอร์ทรึ? อืม...ไม่ว่าจะใช้สำหรับปี นเขา
เล่นสกี หรือแม้กระทั่งเล่นกอล์ฟ ผมก็เห็นด้วยว่ามันมีแนวโน้มจะให้
ผลลัพธ์ที่ดี ผมจะเก็บไว้พิจารณาละกัน”
มันเป็นการประชุมสบายๆ
หัวหน้าแผนกต่างๆกินแซนด์วิชไปพลาง คุยกันไปพลาง
แต่ในทันทีที่มื้อเช้าจบลง บรรยากาศรอบๆตัว หัวหน้าแผนกการตลาด
ระยะยาว จาง ยุน ซู ก็เปลี่ยนไป
“เออ....ผมคิดว่า เราควรตรวจสอบ ดุลยภาพภายนอกของพลัง
ใน Royal Road ครับ”
หัวหน้าแผนก ซอน อึล จาง ยืนขึ้น แล้วเปิ ดหน้าจอที่ใจกลางห้อง
ประชุม เส้นแบ่งเขตแดน ปราสาท และเมืองของแต่ละกิลด์ถูกแสดงไว้
บนแผนที่
“พลังโดยรวมของทวีปเวอร์เซลสามารถแบ่งคร่าวๆได้ดังนี้ ใจกลาง
ทวีป 66% ตะวันออก 10% ตะวันตก 8% ภาคใต้ 13% และ
ภาคเหนือ 3%”
จาง ยุน ซู ชี้ไปที่ธงซึ่งถูกตั้งไว้ในพื้นที่ต่างๆ
“ภาคตะวันออกนั้นใหญ่กว่าที่เราคาดการณ์ไว้ มีกิลด์ กิลด์หนึ่งยึดครอง
หมู่บ้านไว้อยู่ สมาชิกแต่ละคนก็มีเลเวลสูงมากด้วย”
“อ้างอิงจากผู้เล่นใหม่ อาณาจักรหลายแห่งที่อยู่เลย ที่ราบแห่งความสิ้น
หวัง กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ส ออร์คเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เกิดการ
เติบโตอย่างชัดเจนเช่นนี้”
มันเป็นภาพที่หาดูได้ยาก หลายเผ่าพันธุ์มารวมตัวกัน ประกอบไปกับ
การพัฒนาของออร์ค ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความสมดุลของพลัง
“มีผู้เล่นหลายคนกำลังโซโลผจญภัย ในอาณาจักรโบราณของภาคใต้
ส่วนภาคเหนือนั้นแม้จะมีผู้เล่นอยู่น้อย แต่เพราะความขัดแย้งทาง
ทรัพยากรที่แผ่ขยายออกเป็นวงกว้าง นักรบที่แข็งแกร่งกำลังถูกขัดเกลา
จากสภาพแวดล้อมอันโหดร้ายอยู่…..ในส่วนของบริเวณที่ผมคิดว่าเรา
ต้องโฟกัสเป็นพิเศษ ก็คือบริเวณใจกลางทวีปครับ ”
หัวหน้าแผนก ซอน อึล จาง ผายมือไปทางใจกลางของทวีปเวอร์เซล ที่
ซึ่งอาณาจักรคาลามอร์ และอาณาจักรฮาเวนตั้งเบียดเสียดกันอยู่
ทั้ง 2 เป็นประเทศยักษ์ใหญ่(Luke:ถ้าให้เปรียบก็คง US:Russi
a)
“ด้วยนโยบายทางเศรษฐกิจของอาณาจักรทั้ง 2 แล้ว พวกเขายังคง
สามารถเติบโตขึ้นไปได้อีก อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 อาณาจักรนี้มีอัตราการ
เติบโตที่เทียบไม่ได้กับบริเวณอื่นๆเลย กระผมขอเสนอให้จับตามองผู้
เล่นจำนวน 149 คนนี้ไว้”
จาง ยุน ซู ถามด้วยน้ำเสียงเบาๆ
“ได้สิ แต่ว่าคุณใช้เกณฑ์อะไรในการคัดเลือกผู้เล่นเหล่านี้ครับ?”
“อิทธิพล และเลเวลครับ”
“แสดงว่าผู้เล่นกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ต้องเป็นหัวหน้ากิลด์ ขุนนาง หรือไม่ก็
เจ้าเมืองสินะครับ”

แม้แต่คนระดับสูงอย่าง จาง ยุน ซู เอง ก็ไม่ได้รับข้อมูลสำคัญก่อนการ


ประชุม แน่นอนว่าข้อมูลเหล่านี้ไม่สามารถนำออกไปจากห้องประชุม
ได้เช่นกัน ดังนั้น ข้อมูลจะถูกแจกจ่ายเฉพาะระหว่างการประชุมเท่านั้น
“ใช่ครับ ถึงแม้จะมีผู้เล่นที่โดดเด่นหลายคนจากการเล่นแบบโซโล แต่
ว่าอิทธิพลจากการเล่นคนเดียวนั้นมีจำกัด มาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ นี่คือผู้
เล่นจากกิลด์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในทวีป”
สมาชิกในที่ประชุมดูข้อมูลของผู้เล่นทั้ง 149 คนกันเงียบๆ ในห้อง
ประชุมจึงเหลือเพียงเสียงพลิกหน้ากระดาษเท่านั้น
ข้อมูลพวกนี้ต่างจากข้อมูลที่ถูกแชร์ลงในเว็บบอร์ดเกมหรืออินเตอร์เน็ต
มันถูกรวบรวมจากแผนกข้อมูลและยุทธศาสตร์การดำเนินงาน ดังนั้น
มันจึงมีความน่าเชื่อถือสูง
หากได้อ่านเอกสารเหล่านี้ จะสามารถรู้ทั้งเชื้อชาติ และเพศของผู้เล่น
ถ้ามีกิลด์ๆหนึ่งที่แข็งแกร่งกว่ากิลด์อื่นอย่างเด่นชัด กิลด์ที่เหลือจะก่อตั้ง
พันธมิตร 5-6 กิลด์ เพื่อต่อต้าน และในบางโอกาศ กิลด์10 กว่ากิลด์ก็
สู้กันในประเทศประเทศเดียว
เพราะมีผู้เล่นจำนวนมากในทวีปเวอร์เซล มันจึงเป็นเรื่องปกติ เมื่อไหร่
ก็ตามที่ความสมดุลของพลังถูกเปลี่ยน ผู้แพ้สงครามจะถูกดูดกลืนโดยผู้
ชนะ และเมื่อมันเกิดขึ้น ผู้ชนะก็จะสร้างศัตรูเพิ่มอย่างไม่อาจเลี่ยงได้
มีสงครามหลายครั้งที่ทำให้สมดุลอันบางเบานี่เปลี่ยนแปลง แต่ก็ยังไม่
เคยมีครั้งไหนที่ใหญ่พอจะเปลี่ยนแปลงทวีปเวอร์เซลทั้งทวีปได้
หัวหน้าของแผนกพัฒนา ฮา ยุน-จี เหมือนสงสัยอะไรบางอย่างขณะ
กำลังอ่านเอกสาร เธอพูดขึ้น
“ดูเหมือนอิทธิพลของ บาร์ดเรย์ และกิลด์เฮอร์มีสจะสูงกว่าที่ดิฉันคิดไว้
มาก คุณหาข้อมูลพวกนี้มาจากไหนกัน? ”
“นั่นเป็นคำถามที่ดี”
ตาทุกคู่ในห้องประชุมจับจ้องไปที่ ซอน อึล จาง
การประชุมครั้งนี้เป็นความลับสุดยอด จนถึงตอนนี้ การจัดอันดับผู้เล่น
คร่าวๆจากการกระทำของพวกเขา อย่างเช่น การค้าขาย หรือ ความคืบ
หน้าของเควส ถูกเปิ ดเผยสู่สาธารณะอยู่แล้ว แม้กระทั่งในบริษัทยูนิ
คอร์นเองก็ตาม แต่มีเพียงผู้ที่มีความสำคัญหรือมีหน้าที่เฉพาะ จึงจะ
สามารถดูรายงานเล่มนี้ได้

ในรายงานเล่มนี้ ความจริงอันน่าตกใจของกิลด์เฮอร์มีสถูกเปิ ดเผยออก


มา ไม่ว่าจะทั้งทางด้านการทหาร การเงิน หรือประสิทธิภาพ เช่น
เดียวกันกับ ทักษะ และ อาณานิคมของพวกเขา มีมากกว่ากิลด์ที่มีชื่อเสีย
งอื่นๆในอาณาจักรฮาเว่นมากกว่า 5 เท่า
“บาร์ดเรย์เป็นผู้เล่นที่เยี่ยมมาก ตั้งแต่เปิ ดเกม Royal Road มา เขา
ก็เป็นอันดับ 1 มาตลอด เขาเป็นผู้ก่อตั้งกิลด์เฮอร์มีสด้วย มีครั้งหนึ่งที่
อันดับของเขาลดลง เพราะเขาต้องยุ่งอยู่กับการสร้าง และจัดการกิลด์เฮ
อร์มีส แต่หลังจากทุกอย่างลงตัว เขาก็ผงาดกลับมาเป็นอันดับ 1 อย่าง
รวดเร็วอีกครั้ง นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่ทุกท่านได้รู้ว่าเลเวลที่แท้จริงของ
เขามากถึง 447 แล้ว”
ทุกคนในห้องประชุมพยักหน้าอย่างสลดใจ
เลเวลของบาร์ดเรย์น่ะสำคัญก็จริง แต่พวกเขาไม่นึกว่าจะมีผู้เล่นที่มีเลเว
ลมากกว่า 400 เยอะขนาดนี้
สถานีโทรทัศน์และผู้เล่นต่างคาดการณ์เลเวลของบาร์ดเรย์ไว้ที่ 410
อย่างไรก็ตาม ความจริงคือเลเวลของเขาสูงกว่าที่คนทั่วไป และ คู่แข่ง
ของเขาคาดไว้มาก พวกเขาไม่อยู่ในระดับเลเวลของบาร์ดเรย์ แถมยัง
โดนทิ้งห่างไปไกลโขจนน่าท้อใจ
แม้แต่สมาชิกในห้องประชุมก็ค่อนข้างตกใจกับสิ่งที่ตัวเองเห็น
ผู้เล่นแนวหน้านั้นน่ากลัว พลังของพวกเขา ไม่ใช่เพียงแค่เลเวลเท่านั้น
แต่เป็นการใช้สกิล เซ้นส์ในการต่อสู้ และความสามารถโดยรวมที่สูง
กว่าผู้เล่นทั่วไป
เหตุผลที่คลิบของผู้เล่นระดับสูงได้รับความนิยมเพราะพวกเขามีความ
พิเศษที่เฉพาะตัว
เหตุผลที่ทำให้ทหารแห่งโชซอน*เอาชนะทหารของโครยอ*ได้ เป็น
เพราะความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพของกระบวนทัพการต่อสู้ (Lu
ke://**ราชวงศ์ของเกาหลี**) (Admin: ไปดูจูมงก็ได้นะครับ)
เพื่อแสดงให้เห็นถึง ความแตกต่างระหว่างทักษะของตัวเองกับผู้อื่น
พวกเขาจะล่ามอนสเตอร์ด้วยวิธีใหม่ๆ
การได้เฝ้ าดูพวกเขาลงดันเจี้ยน หรือ โหมกระหน่ำจู่โจมใส่ป้ อมปราการ
ของพวกมอนสเตอร์ เปรียบเสมือนการดูหนังแอคชั่นแฟนตาซีทุ่มทุน
สร้างดีๆเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว

มีนักฆ่าคนนึงที่โจมตีป้ อมปราการมอนเตอร์ชั่วร้ายในอาณาจักร ไบมาร์


คนเดียว เขาฆ่าพวกมันกว่า 10 ตัวทุกๆคืน
หลังจากทำให้พวกมอนสเตอร์กลัว นักฆ่าคนนั้นก็ทำลายปราสาท และ
ชักธงของตัวเองขึ้นสู่จุดสูงสุดของปราสาทนั้น มันเป็นการกำเนิดของผู้
ครองปราสาทคนใหม่ และผู้คนที่ได้รับชมเรื่องราวนี้ก็มีแรงผลักดันเพิ่ม
ขึ้น
การต่อสู้นั้นไม่ใช่อีเว้นท์ที่สุ่มเกิดขึ้นแน่นอน แต่ก็ไม่ชัดเจนพอที่จะ
บอกด้วยข้อมูลจากคลิบวีดิโอ ที่ชัดเจนก็คือ การจะพิชิตประสาทได้นั้น
ต้องเตรียมการมาอย่างดี
“อย่างไรก็ตาม ความกลัวกระจัดกระจายไปทั่วอยู่ทุกหนแห่ง มีผู้เล่น
บางกลุ่มชอบผจญภัย และต่อสู้เพียงลำพัง ผู้เล่นส่วนมากเลือกที่จะสร้าง
กิลด์ เข้ายึดและปกครองหมู่บ้าน แต่ พวกเขาไม่ได้หยุดแค่เพียงการเล่น
สงครามการเมืองหรือการเหยียบพันธมิตรของตัวเองเพื่อทำให้อิทธิพล
ของตัวเองมากขึ้น พวกเขาทำทุกๆวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ โดยเฉ
พาะกิลด์เฮอร์มีส พวกเขาใช้วิธีที่โจ่งแจ้งในการขยายอำนาจของตัวเอง
กว่าครึ่งของสงครามแย่งชิงอาณาจักรฮาเวนเกิดจากพวกเขา นอกจากนี้
พวกเรายังทราบมาจากการสอบถามอีกว่า มีกิล 3-4 กิลที่มีความ
สัมพันธ์ลึกซึ้งกับกิลด์เฮอร์มีส ”
“...”
เฮอร์มีส สนเพียงแค่อำนาจเท่านั้น หาใช่มิตรภาพไม่!
เพราะมูลค่าอันมหาศาลของทวีปเวอร์เซล ผู้เล่นหลายคนก็ต้องการเป็น
ผู้มีอำนาจเหมือนๆกัน
เหล่าหัวหน้าแผนกต่างกุมขมับ
“มีผู้เล่นเก่งๆเยอะนะ”
“เยอะมากพอที่จะทำให้ผมขนลุกเลยล่ะ พวกเขาพัฒนากันไวขนาดนี้ได้
ยังไง?”
ผู้อำนวยการ คิม ฮัน ซู กล่าว
“ไม่มีอะไรต้องตกใจ เราคาดหวังความก้าวหน้าของผู้เล่นไว้สูงแบบนี้
อยู่แล้ว ตั้งแต่ตอนที่เราเริ่มให้บริการ Royal Road”
“...”
“พวกคุณไม่ได้คิดไว้อยู่แล้วหรอกหรือว่า โลกเสมือนจริงแห่งนี้จะถูก
ปกครองด้วยผู้มีพลังอำนาจ?”
แม้ว่าพวกเขาจะรู้อยู่แล้วว่าคงจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นบ้าง แต่ผู้เล่นเหล่านี้
ก็ยังคงทำให้พวกเขาตกใจกับพฤติกรรมสุดโต่งแบบนี้อยู่ดี
บนหน้าจอ แสดงการต่อสู้ของผู้เล่นระดับสูง มันน่าทึ่งมาก มันเต็มไป
ด้วยฉากการต่อสู้เหมือนกับว่าผู้เล่นกำลังสู้อยู่กับมอนสเตอร์ในโลก
แฟนตาซีจริงๆ มันผาดโผน เฉียบขาดดั่งใบมีด แสดงให้เห็นถึงทักษะ
อันแพรวพราวและความสามารถเฉพาะตัวของพวกเขา
แรกเริ่มเดิมที พวกเขาคิดว่าผู้เล่นเก่งๆ มีความสามารถจะหาตัวได้ยาก
แต่ในความจริงแล้ว มีผู้เล่นแบบนั้นอยู่ค่อนข้างมากใน Royal
Road
พวกเขาทึ่งจนพูดอะไรไม่ออก
“เราต้องมองมันเป็นโลกใบใหม่ มันจะค่อยๆพัฒนาไปเรื่อยๆเริ่มจากยุค
ล่าอาณานิคมก่อน และไม่ว่าผู้ปกครองของเวอร์เซลจะเป็นคนอย่างไร
หรือทำอะไรก็ตาม เขาก็จะส่งผลกระทบต่อพวกเราโดยตรง ดังนั้น พวก
เราจึงต้องเฝ้ าจับตามองว่าที่จักรพรรดิเหล่านี้ไว้ให้ดี และนี่ก็คือจุด
ประสงค์ของการประชุมครั้งนี้”
สมาชิกการประชุมพยักหน้าขณะที่ฟัง คิม ฮัน ซอพูด ซอน อึล จางย้ำอีก
ครั้ง
“บาร์ดเรย์และผู้เล่นระดับสูงไม่ได้เปิ ดเผยข้อมูลของพวกเขาทั้งหมดให้
กับสถานีโทรทัศน์และสื่อต่างๆ ถ้าคุณติดตามดูจะเห็นได้ว่าพวกเขา
พยายามจำกัดเนื้อหาบางส่วนเอาไว้ ผู้เล่นคนอื่นจะได้ไม่รู้สึกกังวลเกิน
ไปถึงกำแพงสูงที่พวกเขาไม่มีวันก้าวข้ามไปได้”
จาง ยุน ซู โอดครวญ
“อยากได้ตัวพวกเขามาทำโฆษณาให้เกมจัง”
ผู้คนต่างประเมินค่าบาร์ดเรย์ไว้สูง เขาเป็นผู้เล่นที่เป็นรากฐานของกิลด์
เฮอร์มีส
มาคิดๆดูแล้ว แม้แต่ความจริงเช่นนี้ยังถูกปลอมแปลงขึ้นมาได้
คอของผู้เข้าร่วมประชุมก็แห้งผาก
(Luke://คนอื่นเข้าใจกันว่าบาร์ดเรย์ไม่ใช่หัวหน้ากิลด์เฮอร์
มีส......มั้ง)
“มีผู้เล่นกว่า 149 คน ที่ควบคุมผู้เล่นกว่าหมื่นคนได้ด้วยพลังของตัว
เองได้ แต่ว่า ท่ามกลางพวกเขา มี13 คนที่โดดเด่นกว่าคนอื่นๆ เหมือน
กับยักษ์ เหมือนคลื่นอัคคี พวกเขาแข็งแกร่งที่สุด และหลักแหลมที่สุด
ในอนาคต อาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น แต่ตอนนี้ เราสามารถคาด
หวังได้ว่า มีโอกาสกว่า 70% ที่หนึ่งในพวกเขาจะกลายเป็น
จักรพรรดิ”
***
การประชุมดำเนินต่อไปจนถึงตอนกลางคืน
การถกกันถึงพลังของกิลด์ที่มีอิทธิพลในทวีปเวอร์เซลนั้นไม่มีจุดสิ้นสุด
ผลงานของผู้เล่นบางคนน่าตกใจ จนทำให้ผู้เข้าร่วมประชุมถึงกับเหงื่อ
ตก
ในที่สุด การประชุมก็สิ้นสุดลง จาง ยุน ซุ ซอน อึล จาง และคิม ฮาน ซอ
อยู่ต่อไปเล็กน้อย
“วู้วว! จบซักทีนะครับ คุณทำหน้าที่ดีมาก คุณซอน”
“ไม่ต้องชมกันหรอก คุณเองก็คงต้องทำงานหนักเหมือนกันถึงพัฒนา
ได้ขนาดนี้ จาง”
อวยกันไปอวยกันมา แล้วก็ดื่มกาแฟกันอย่างอารมณ์ดี
จางยุนซู เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ เลยถามออกมา
“เอ้อ คุณซอนครับ ขอถามอะไรอย่างได้ไหม”
“หืม?”
“มีผู้เล่นคนหนึ่งที่ผมสนใจ แต่ไม่เห็นประวัติของเขาในแฟ้ มงานน่ะสิ”
“เป็นไปไม่ได้หรอก พวกเราเลือกคนที่มีโอกาศเป็นจักรพรรดิมาหมด
แล้วนะ ผู้เล่นคนนั้นชื่ออะไรล่ะ?”
“วีด ครับ”
“อ้อ วีด คนที่ทำสงครามชนะกองทัพอมตะสินะ”
ซอนอึลจาง ดูคลิบของวีดกับ จางยุนซู แล้ว ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาเดียว
กับที่มีข่าวเกี่ยวกับพวกอันเดดปล่อยออกมา
“หากอิงจากเลเวล และอิทธิพลของเขา เขาไม่เข้าเกณฑ์ของเราน่ะ”
“ตามคาด”
จางยุนซูทำท่าเสียดาย แต่คิมฮันซอหัวเราะ แล้วพูดขึ้นมา
“ถึงแม้เขาจะถูกรวมไว้ในรายชื่อ แต่เขาก็จะเป็นคนที่แข็งแกร่ง และมี
อิทธิพลน้อยที่สุดอยู่ดี”
“จริงเหรอครับ ทำไมล่ะ?”
คิมฮันซอ ตอบอย่างใจเย็น แต่เด็ดขาด
“เพราะเขาไม่มีเป้ าหมายยังไงล่ะ”
จางยุนซูดูเหมือนจะยังไม่เข้าใจ จึงถามต่อ
“คุณบอกว่าเขาไม่มีเป้ าหมายเหรอ แต่วีดกำลังทำเควสที่สั่นสะเทือน
โลกทั้งใบอยู่นะครับ คุณรู้ใช่ไหมว่าเขาเริ่มเกมช้ากว่าคนอื่น 1 ปี ?”
อย่างไรก็ตาม แม้แต่ซอน อึล จาง ก็อยู่ข้างเดียวกับ คิมฮานซอ
“ผมก็ไม่คาดหวังในตัววีดเหมือนกับคุณคิมนะ”
"?."
“ความจริงก็คือ พวกเราซึ่งอยู่ฝ่ ายเทคนิคเฝ้ ามองดูเขาอย่างใกล้ชิดเลยล่ะ
จากการตรวจสอบ เราพบว่าเขาเข้าร่วมในสงคราม ปารังคา สงคราม
โบราณในหน้าประวัติศาสตร์ เขายังเดินทางไปอาณาจักรแวมไพร์และ
กลับมาแล้วด้วย”
คิมฮานซอ ผงกศรีษะ
“ผมก็สนใจเขานะ เพราะครั้งหนึ่งผมก็เคยเล่น continent of
magic”
วิศวะกร ทุกคนในแผนกระบบเห็นเขาทำเควส
ซอน อึล จาง พูดต่อไป
“อย่างไรก็ตาม ฉันไม่รู้เลยว่าเขาจะทำเควสที่ส่งผลกระทบต่อโลกแบบ
นี้ อีกต่อไปเรื่อยๆหรือเปล่า ก็แค่นั้นเอง ถ้าคุณดูรายการเควสที่เขารับ
ลักษณะนิสัย สกิล และความสามารถในการต่อสู้ เข้าคล้ายกับเจ้าเมือง
โมราต้ามากๆเลย”
“เดี๋ยวนะ นี่คุณกำลังบอกว่า เทพสงครามวีดเป็นเจ้าเมืองโมราต้า เออไม่
สิ…..เป็นประติมากร?”
“ข้อมูลนี้เชื่อถือได้ 99%”
จางยุนซู ติดสตั๊น
แม้แต่ในความฝันที่ประหลาดที่สุดของเขาก็ไม่เคยคิดว่าวีดเป็นประติมา
กร
ในฐานะประติมากร เขาขึ้นสู่หอแห่งเกียรติยศได้โดยใช้เวลาน้อย
กว่า 1 ปี แล้วยังความจริงที่ว่าเขาทำเควสกองทัพอันเดธสำเร็จอีก นี่มัน
ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย!
“ถูกแล้วล่ะ พลังป้ องกันพื้นฐานและสกิลเวทย์มนต์ที่เขาใช้ เบาเกินกว่า
ที่จะเป็นอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ เขาผ่านพวกมันมาได้ด้วยเซ้นใน
การต่อสู้และทักษะที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ล้วนๆ”
จาง ยุน ซู แทบไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ตัวเองได้ยิน แต่คิมฮานซอ บอกความ
จริงกับเค้าขณะที่ผงกหัวแสดงสีหน้าจริงจัง จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจาก
ยอมรับมัน
เพราะคิมฮานซอเป็นผู้เดียวที่สามารถเข้าถึงทุกๆข้อมูลของบริษัทยูนิ
คอร์นได้
“ผมเข้าใจละ เพราะเขามีอาชีพประติมากรสินะ หัวหน้าคิมถึงไม่คาด
หวังกับเค้า”
“คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะ”
คิมฮันซอ ปฏิเสธอย่างเหนือความคาดหมาย
“แม้ว่าในแผนกดูและระบบจะมีหลายคนที่ชอบเขาเหมือนกับคุณ เทพ
สงครามวีด ดาร์กเกมเมอร์ในตำนาน ที่พิชิตเควสที่ส่งผลกับทั้งทวีปได้
แต่ก็เช่นกัน เป็นคนที่โอ้อวดความสามารถของตัวเอง(ตรงไหนฟะ) ผม
มองดูเขาด้วยความสนใจก็จริง แต่ก็พบความผิดหวังเหมือนกัน”
“ทำไมล่ะครับ”
“เขา….อืม เขาใช้ชีวิตในที่ปลอดสายตาคนตลอด”
“...”
“เขาออกล่าและทำเควสเฉพาะกับคนที่เขารู้จักเท่านั้น เขาแทบไม่มีตัว
ตนเลยในสาธารณะ ในขณะที่กินผลไม้ เขาสามารถที่จะทำเกษตรเพื่อ
ให้กินได้มากกว่าแต่เขาก็ไม่ทำ ใช้ชีวิตโดยปราศจากกิเลศ เป็นหนึ่งใน
ข้อผิดพลาดที่มักพบในพวกดาร์กเกมเมอร์ เราจะให้อิสระพวกเขา
ทำไมตั้งแต่ทีแรกล่ะ ถ้าพวกเขาไม่ใช้มันให้เป็นประโยชน์?”
จางยุนซู ตอบเขาขณะเดียวกับการฟื้ นความจำเกี่ยวกับแผนริเริ่มตอนที่
เกมพึ่งเปิ ดใหม่
“เพราะพวกเขาเป็นประชากรของทวีปเวอร์เซลสินะ พวกเขาต้องเป็น
คนสร้างกฎหมายและระบบการปกครองขึ้นมาเอง...”
“ใช่แล้ว พวกเราไม่ได้มองผู้เล่นเป็นตัวเลขรายได้ของบริษัททั้งหมด
หรอกนะ ไม่ว่าพวกเขาจะใช้วิธีใดก็ตาม ตราบเท่าที่พวกเขายังคงมีเป้ า
หมาย เราจะไม่ขัดขวางคนที่มีแรงผลักดันในการปกครอง”
Royal Road ได้ปูทางไว้ให้คนได้เป็นผู้ปกครอง เป็นจักรพรรดิ
แห่งสหพันธ์จักรวรรดิ เกมมอบโอกาสให้ผู้เล่นได้ท้าทายกับความเป็น
ไปไม่ได้ เพื่อให้พวกเขาทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริง
อย่างไรก็ตาม เหล่าดาร์กเกมเมอร์นั้นทำธุรกิจ ขายไอเทมต่างๆ หรือรับ
เป็นนักรบรับจ้างเพื่อเงิน พวกเขามีความสุขดีกับสถานะปัจจุบันของตัว
เอง และไม่ได้มีเป้ าหมายที่มากไปกว่าเรื่อง”เงิน”แล้ว
“วีดไม่ได้ขายไอเทมที่เขาหามาได้อย่างเดียวเท่านั้น เขายังทำสัญญากับ
สถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ และหอเกียรติยศ เขาน่าจะได้รับเงินมามากที
เดียว ถือว่าเขาประสบความสำเร็จในการเป็นดาร์กเกมเมอร์อย่าง
แท้จริง”
คิมฮันซอ พูดเหมือนกับว่าเขาเห็นมันเป็นเรื่องปกติ
หากใครได้เห็นประวัติการล่ามอนสเตอร์ การทำเควส และความโด่งดัง
ของวีด ก็จะรู้ได้เลยว่าเขาหาเงินได้มากกว่าหัวหน้าแผนกในบริษัท
ระดับกลางด้วยซ้ำ

“อย่างไรก็ตาม นี่เป็นความลับของเขา และผมคงไม่สามารถเฝ้ าดูเขาได้


ตลอดไป และก็จะไม่เป็นคนแรกที่ทำให้เขาเปิ ดเผยมันออกมาแน่นอน
ความจริงแล้วผมต้องการปิ ดความลับของเขาไว้นะ แต่ว่าขนาดพนักงาน
ในฝ่ ายเทคนิคยังรู้แล้ว ผมว่าอีกไม่นานผู้เล่นคนอื่นก็จะรู้เช่นกัน ว่า เทพ
สงครามวีด กับ ประติมากรวีด และ เจ้าเมืองโมราต้า เป็นชายคน
เดียวกัน ”
พูดง่ายๆว่า แม้วีดจะหลบอยู่ในมุมมืดแบบนี้ไปตลอด แต่ท้ายที่สุด ตัว
ตนของเขาก็จะถูกเปิ ดโปงในอนาคตอันใกล้นี้แน่นอน
จางยุนซู พูดปกป้ อง
“ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะครับ คุณคิมไม่คิดบ้างเหรอว่ามันน่าเหลือเชื่อ ที่
ประติมากรที่จะมาได้ไกลขนาดนี้”
คิมฮันซอ แสดงกิริยาหยาบกระด้างทันที
“ไม่รู้ว่าคุณจะต้องการอะไรจากคำถามนี้นะ เขาเป็นประติมากรที่ยอด
เยี่ยมก็จริง แล้วไงล่ะ? เราต้องแสดงความเห็นอกเห็นใจศัตรูของเขาเห
รอที่ถูกประติมากรจัดการ? ”
“ก็ไม่เชิงหรอกครับ แต่ว่า...”
“โมราต้า? ใช่ ผมรู้ว่าเมืองนั้นมีอัตราการเจริญเติบโตที่รวดเร็วมาก ผม
พูดถูกไหม?”
“ใช่ครับ มันกำลังจะกลายเป็นเมืองหลวงของภาคเหนือ มันดึงดูดนัก
ผจญภัยทุกคนที่อยู่ภาคเหนือ แถมเมื่อไม่นานมานี้ก็ยังมีการลงทุนเงิน
ก้อนใหญ่ไปกับการพัฒนาเมืองด้วย”
“เมื่อการคุ้มครองจากวิหารแห่งเฟรย่าจบลง และเมืองมีการค้าขายเพิ่ม
ขึ้น มันจะดึงดูดให้พวกโลภมากไปรวมตัวกันที่นั่น คุณคิดเหรอว่า ว่าไอ้
พวกนั้นมันจะแคร์เรื่องที่วีดเป็นประติมากร?”
“...”
“ชื่อเสียงเรียงนามของเขาในฐานะเทพเจ้าแห่งสงคราม เขาต้องใช้ความ
พยายามอย่างมากในการรักษามันเอาไว้ หากเพียงแต่หลงระเริงใจแม้
เพียงช่วงเวลาหนึ่ง ความล่มสลายก็จะตามมาทันที”
“....”
จางยุนซู ไม่สามารถปกป้ องวีดได้อีกแล้ว เพราะที่คิมฮันซอพูดมาถูกทุก
อย่าง
“ผู้คนมองแค่ว่า ‘ถ้าฉันเดินทางมาที่ภาคเหนือ ความฝันของฉันจะเป็น
จริง’ ….ถ้าพวกเขาเอาแต่ป้ องกันเมืองและท้าทายเขา พวกเขาก็จะไม่
ได้อะไรกลับมาเลย ถ้าคุณไม่มีความฝัน คุณก็จะโดนคนที่มีเหยียบจน
ตาย หรือไม่ก็จะจบลงที่การกลายเป็นผู้เล่นธรรมดา ทวีปเวอร์เซลไม่เปิ ด
ทางให้คนที่ไร้ความสามารถหรอกนะ!” (Luke://เอาจริงๆ ช่วงแรก
ที่มันพูดผมแปลไม่ออกครับ นั่งงมตั้งนานก็ยังไม่รู้
ว่า ‘They’ หรือ ‘Him’ ที่อีบ้าคิมมันต้องการสื่อคือพวกไหน ยัง
ไง สุดท้ายก็ยอมแพ้ แล้วแปลตรงๆแม่งนีแ่หละ) (Admin: หมาย
ถึงคนทั่วไปแหละครับ)
นั่นเป็นครั้งแรกที่จางยุนซูเห็น คิมฮันซอ อินจัดขนาดนั้น
มากถึงขนาดทำให้ จาง ยุน ซู รู้สึกเหมือนกำลังโดนคุกคาม
เขาเป็นผู้บริหารคนสำคัญของยูนิคอร์น ที่ควบหน้าที่วิศวกรด้วย คนคน
นี้มีสมองที่ไม่ธรรมดา
เพราะเขาคือผู้บริหาร คิมฮันซอ คำพูดดั่งนักวิชาการที่ถูกเปล่งดังออกไป
ทั่วพื้นที่ ผู้คนสามารถเชื่อถือคำพูดของเราได้ในระดับนึงทีเดียว
หัวหน้าแผนก ซันอึลจาง ไม่ใส่ใจกับบทสนทนามากนัก เขา ยิงคำถาม
ออกไปเพื่อหวังให้สภาวะตึงเครียดคลายตัวลง
“แล้วถ้าเกิดว่า วีดตั้งใจที่จะครองทวีปเวอร์เซลขึ้นมาล่ะ อะไรจะเกิด
ขึ้น?”
เขาถามโดยไม่คิด แต่ก็ไม่ได้มีเจตนาแอบแฝงเช่นกัน
คิมฮันซอหลับตา และเงียบไปสักพักเหมือนกำลังประเมินอะไรซักอย่าง
เขานิ่งไปค่อนข้างนาน ทำให้คนอื่นคิดว่าเขาอาจจะหลับไปแล้วก็ได้
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ทวีปเวอร์เซลทั้งหมดก็อาจจะตกอยู่ในกำมือของ
เขา”
“...”
“ถ้าวีดเริ่มที่จะมีความฝันที่ยิ่งใหญ่เหมือนคนอื่น สถานการณ์จะกลับ
กันเลยล่ะ นำความสามารถที่ถูกเก็บไว้ของเขาออกมาใช้ ในขณะที่ชื่อ
เสียงของเขาถูกกล่าวขานออกไป ประกอบกับความฝันอันยิ่งใหญ่ของ
เทพเจ้าแห่งสงครามวีด ทวีปเวอร์เซลอาจจะถือกำเนิดขึ้นมาใหม่เลย
ก็ได้”
***
ขณะที่เดย์มอนด์กำลังล่าบอสมอนสเตอร์ในภาคเหนือ เขาก็เก็บรวบรวม
ชิ้นส่วนแผนที่ ที่จะนำไปสู่วิหารแห่งความตาย
ขณะกำลังเก็บชิ้นส่วนแผนที่อยู่นั้น กิลด์นักล่าแห่งปฐพีได้รับความเสีย
หายอย่างหนัก
“ถึงพวกเราตายก็ไม่เป็นไร ความหวังสุดท้ายของพวกเราคือการทำเคว
สนี้ให้สำเร็จ แม้ว่าเราจะต้องใช้เงินเก็บทั้งหมดของเรา เราก็ต้องทำให้
สำเร็จให้ได้!”
ทุกๆคนต่างหัวเราะเยาะพวกเขาที่เลือกจะท้าทายความเป็นไปไม่ได้
เหตุผลที่มอนสเตอร์ระดับบอสอันตรายไม่ใช่เฉพาะพลังของมันเท่านั้น
แต่รวมถึงรูปแบบการโจมตีที่ไม่อาจคาดเดาของพวกมันด้วย
การขาดข้อมูลทำให้พวกเขาได้รับความเสียหายหนักมาก!
พวกเขาล้มเหลวในการล่าบอสพวกนี้ ครั้งแล้วครั้งเล่า สมาชิกกิลด์บาง
คนตายเกิน 10 ครั้งแล้ว
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้ว ผู้เล่นที่รอดซึ่งได้รับแรงผลักดันจากสมาชิกที่
ยอมพลีชีพ ก็สามารถทำเควสสำเร็จได้จากการรวมพลังกันของพวกเขา
“อวยชัยให้กับกิลด์ นักล่าแห่งผืนปฐพี ฮูเรย์!”
“กิลด์นักล่าที่เก่งที่สุดได้ถือกำเนิดแล้ว!”
“กิลด์แห่งนักรบที่เชี่ยวชาญการล่าบอส!”
หลังจากจัดการบอสทั้ง 12 ตัว เสียงของผู้ชื่นชมกิลด์นักล่าแห่งผืน
ปฐพีก็ดังขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
อย่างไรก็ตาม เดย์มอนด์และกิลด์ของเขาเลือกที่จะหลบเลี่ยงผู้คนอย่าง
ไม่ลังเล

ชิ้นส่วนแผนที่ทั้ง 7 ที่พวกเขาทุ่มเทเพื่อให้ได้มา ถูกรวบรวมมาครบ


แล้ว
ถึงแม้ว่ากิลด์ของเขาจะเป็นกิลด์แรกที่สามารถพิชิตบอสแห่งเขตเหนือ
ลงได้ แต่พวกเขาก็ไม่รู้สึกภูมิใจแม้แต่นิด เพราะพวกเขาตายกันมากเกิน
ไป เกินกว่าที่จะเรียกมันว่า ความสำเร็จได้
เดย์มอนด์และกิลด์ของเขากลับไปที่ชั้นใต้ดินของกิลด์อันมืดมิดและ
หดหู่
“กัปตัน”
“ว่า?”
“ทำไมเราถึงต้องกลับไปที่ชั้นใต้ดินอีก?”
เดย์มอนตอบนาโดด้วยน้ำเสียงสบายๆ
“เพราะมันเหมาะสำหรับพวกเราซึ่งกำลังวางแผนทำเรื่องชั่วๆอยู่ยังไง
ล่ะ”
“ชิ! ฉันบอกคุณตลอดแหละ ว่าคุณน่ะเป็นพวกตามน้ำเกินไป”
เดย์มอนด์ตอบรับคำแดกดันของนาโด ด้วยการยิ้มกว้างและหัวเราะ เขา
ดึงเอาชิ้นส่วนแผนที่ออกจากกระเป๋ าเสื้อ
“งั้น ฉันจะพยายามต่อมันล่ะนะ”
เดย์มอนด์พูดอย่างตั้งใจ
เขาเอาชิ้นส่วนแผนที่ทั้ง 7 ออกมา และเริ่มต่อมันเหมือนกับจิ๊กซอว์
ฟวูมมมม ฟวูมมม ฟวูมม ซู่!

จู่ๆแผนที่ก็เกิดไฟลุกขึ้น
“อ้ะ!”
เดย์มอนด์ และลูกกิลด์ของเขาก็ยืนตัวแข็ง มองสิ่งที่เกิดขึ้น
วิดิโอที่ประกอบกันจากรูปหลายรูปถูกสร้างขึ้นในกองไฟ
ผ่านเมืองที่จมหาย จนถึงสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยซากมอนสเตอร์ เจ้าจัก
ปี นข้ามภูเขา และเดินทางผ่านหน้าผาที่ไร้ซึ่งรอยเท้าแห่งชีวิต เจ้าจะต้อง
ข้ามผ่านป่ าแห่งสายหมอก
ต้นไม้ตายที่แห้งกรังจะเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกให้เจ้ารู้
หลังจากเจ้าข้ามผ่านป่ าแห่งสายหมอกไปได้แล้ว วิหารแห่งความตายจะ
ปรากฏ มันถูกปิ ดมาเนิ่นนานหลายร้อยปี แล้ว หลังจากแสดงภาพประตู
หนาที่สถานที่แห่งหนึ่งแล้ว รูปภาพก็หยุด
แผนที่ถูกเผาไหม้เหลือเพียงขี้เถ้า
เดย์มอนด์มองไปที่ลูกกิลด์ของเขาด้วยดวงตาลุกโชน
“พวกนายจำสิ่งที่เห็นได้ใช่ไหม?”
“ครับหัวหน้า พวกเราจำได้ทั้งหมด”
“เราจะออกเดินทางกันทันที”
เดย์มอนด์และกิลด์แห่งผืนปฐพีออกมาข้างนอกทันที สถานที่ที่พวกเขา
จะไปอยู่ไม่ไกลจากโมราต้ามากนัก

พวกเขาใช้ม้าเร็วเดินทางไปทางใต้ 3 วัน จากนั้นก็ไปทางตะวันตก ข้าม


ดินแดนที่ถูกทิ้งร้าง
ดินแดนรกร้างแห้งนี้ส่วนมากมีแต่ดันเจี้ยน นักผจญภัยจึงไม่ค่อยมากัน
“ทะเลทรายเดอเรียม ไม่อยากจะคิดว่าราต้องผ่านที่แบบนี้ด้วย”
“ที่นี่เป็นที่ที่เราล่าบอสนี่นา”
“ฉันจำได้ว่าเราเจอปัญหาเยอะมากกก กว่าจะหาที่ซ่อนของไอ้บอสเวร
นั่นเจอ”
นักเดินทางและนักผจญภัยเขตเหนือได้ทำการค้นหาหลายพื้นที่ของภาค
เหนือแล้ว แต่พวกเขาทำได้แค่เฉียดกายเข้าใกล้ สถานที่อย่าง ดินแดนที่
ถูกทิ้งร้างและป่ าแห่งสายหมอก เท่านั้น
ด้วยขนาดที่กว้างใหญ่ของทวีปเวอร์เซล หากคุณไม่รู้สถานที่ที่จะไป
แบบเฉพาะเจาะจง คุณอาจจะเผลอผ่านมันไปอย่างไม่รู้ตัวก็ได้
แม้ว่าพื้นที่ที่ถูกทิ้งร้างจะถูกสนับสนุนให้นักผจญภัยมาทำการสำรวจใน
ตอนแรก แต่มีดันเจี้ยนที่มองเห็นได้อยู่ไม่กี่แห่งเท่านั้น เพราะไม่มีทางที่
จะสำรวจพื้นที่นี้แบบนี้ได้ทุกซอกทุกมุม
เพื่อที่จะหาสถานที่ในภาพ กิลนักล่าแห่งผืนดินได้เดินทางผ่าน พื้นที่ที่
ถูกทิ้งร้าง และหน้าผาแห่งหนึ่ง
พวกเขาเกือบจะหาต้นไม้ตายแห้งกรังในป่ าแห่งสายหมอกไม่เจอ แต่
แล้วพวกเขาก็ผ่านมันมาได้
เมื่อผ่านทุกอุปสรรคขวากหนาม พวกเขาก็มาถึงสถานที่สักการะของ
วิหารแห่งความตาย

พวกเขามาถึงสถานที่ที่มีพลังชั่วร้ายแผ่ออกมา สถานที่เดียวกันกับที่เห็น
ในรูปภาพ
มันเป็นการค้นพบที่จะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของทวีปเวอร์เซล
เดย์มอนด์ใช้เวลาสำรวจนานหลายชั่วโมง และในที่สุดเขาก็พบ แท่นสัก
การะที่ยังอยู่ในสภาพดีแม้จะถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่ นหนาเตอะ
“บนประตูเขียนไว้ว่าอะไรน่ะ”
จอมเวทย์ของกิลด์แปลความหมายของสิ่งที่เขียนไว้
“มันเขียนไว้ว่า ‘ประตูแห่งนรก’ ในภาษาโบราณ”
“นั่นหมายความว่า ประตูนี้ไม่ควรถูกเปิ ดสินะ”
ในช่วงวินาทีนั้นเอง ความคิดของเดย์มอนด์ตีกันอย่างหนัก
พวกเขายังไม่รู้ว่าถ้าเปิ ดประตูแล้วจะเกิดอะไรขึ้น พวกเขายังไม่รู้ว่ามี
ความน่ากลัวอะไรรอพวกเขาอยู่….
แม้ว่าพวกเขาจะไม่อยากจ้องไปที่ประตู ซึ่งตั้งอยู่พอดีในกรอบ ไร้ซึ่ง
รอยแตก แต่สิ่งที่พวกเขามั่นใจก็คือ มันไม่ควรจะถูกเปิ ด
“แต่เราจะมายอมแพ้ ทั้งๆที่มาไกลขนาดนี้แล้วไม่ได้นะ”
เดย์มอนด์ ขบฟันคิดอย่างหนัก
เควสไม่หยุดง่ายๆแค่การหาวิหารแห่งความตายแน่ๆ
“ไม่ว่าอะไรจะอยู่ที่ปลายทางเส้นนี้ ฉันก็อยากเห็นมันด้วยตาของตัว
เอง”
เดย์มอนด์เปิ ดประตูเหล็กออกกว้าง
มีปี ศาจน่ากลัวจำนวนมากโผล่ออกมา มันมันน่ากลัวเหมือนหลุดออกมา
จากฝันร้าย
พวกบอสที่ เขาล่าก็รวมอยู่ในกลุ่มมอนสเตอร์เช่นกัน
“ด ดะ เดย์มอนด์! ระวังตัวด้วย!”
หัวหน้านักรบของกลุ่ม ผู้ซึ่ งไม่เคยแสดงความหวาดกลัวออกมาซักครั้ง
ในการต่อสู้ พูดเตือนด้วยเสียงสั่น
นาโด สังเกตุพวกปี ศาจ แล้วก็พูดโพล่งขึ้นมา
“ดูเหมือนพวกมันจะไม่โจมตีเรานะ”
“หืม?”
“ดูสิ พวกมันแค่มองเราอย่างสงบเท่านั้น”
เมื่อนาโดขยับ ดวงตานับพันของพวกปี ศาจก็จะตามการเคลื่อนไหวของ
เธอ
พวกมันไม่ได้ตั้งท่าต่อสู้ เพียงแต่ป้ องกันพื้นที่ของตนอย่างเงียบๆ
พวกปี ศาจตั้งแถวอยู่ทั้ง 2 ฝั่งซ้ายขวา และเหลือช่องตรงกลางไว้ ให้
เพียงพอสำหรับคนเดินผ่าน
พวกเขารู้สึกเหมือนกับ จะถูกขย้ำตายแน่ถ้าหากพยายามจะหนี แต่นาโด
กล่าวอย่างมั่นใจว่า
“ลองมาทางนี้ดู”
“ใช่ เหมือนกับพวกมันจะเว้นช่องไว้ให้เราเดิน”
เดย์มอนด์และกิลด์นักล่าแห่งผืนปฐพีเดินก้าวหนักๆไปตามช่องว่างระ
หว่างมอนสเตอร์
พวกเขาไม่รู้ตัวว่ากำลังทำอะไร รู้แค่เพียงว่ากำลังพยายามรวบรวมชิ้น
ส่วนแผนที่ไปก็เพื่อเควสระดับ S แต่พวกเขาก็เริ่มตงิดใจขึ้นเรื่อยๆเมื่อ
มีวิหารแห่งความตายเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว พวก
เขากำลังโดนกดดันอย่างหนัก
เดย์มอนด์พยามเดินตัวลีบ ไม่ให้ตัวไปแตะกับพวกมอนสเตอร์
‘เราตัดสินใจจะทิ้งชีวิต ตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด’
หากจำนวนของปี ศาจเริ่มมีมากเกินไป ก็จะต้องมีคนเริ่มต่อต้านพวกมัน
แน่
พวกปี ศาจไปรวมตัวกันที่วิหารแห่งความตาย
พวกเขาทั้งหมดไม่เพียงพอจะเป็นอาหารให้ไอ้พวกตัวอัปลักษณ์ ไร้ชื่อ
พวกนี้ด้วยซ้ำ
‘ตั้งแต่ที่เรามาถึงที่นี่ เราก็ไม่มีอะไรเหลือแล้ว นอกจากความตาย’
พวกเขาพบประติมากรรมรูปหมู่บ้านหมู่บ้านหนึ่งที่อยู่บริเวณทางเข้า
มันถูกทำขึ้นมาแบบย้วยๆ และบนแท่นบูชาก็มีสัญลักษณ์แปลกๆที่ถอด
ความไม่ได้ พร้อมกับข้อความจากโบราณกาล
-ข้าโหยหาสถานที่ซึ่งคนตายยังคงสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
พลังในการชุบชีวิต เป็นพลังพิเศษที่11 ของวิหารเอ็มบินยู
ยิ่งมีความตายมากเท่าไหร่ เหล่าสาวกแห่งวิหารเอ็มบินยูก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
นี่เป็นหน้าที่ของเจ้า: จงฆ่าเพื่อช่วยชีวิตพวกเขาซะ
มันค่อนข้างยากที่จะเข้าใจประโยคย้อนแย้งแบบนั้น
แต่เดย์มอนด์ก็ไม่ได้คิดมาก
“วิหารเอ็มบินยู? เป็นครั้งแรกที่ได้ยินชื่อนี้เลยนะ แต่ถ้ามันเป็นบัตร
ผ่านทางสำหรับเควส เดี๋ยวเราก็คงคิดออกเองล่ะมั้ง”
เพราะพวกเขาอยู่ที่วิหารเอ็มบินยู มีหลายเรื่องที่พวกเขาอยากรู้ ห้อง
ปิ ดตายหลายห้อง ของตกแต่งแปลกๆ และ ไอเทมที่อยู่ในหีบห่อต่างๆ
เหมือนกับความเหนื่อยล้าหายเป็นปลิดทิ้ง มีหลายอย่างกำลังรอให้พวก
เขาไปสำรวจ
อย่างไรก็ตาม เดย์มอนด์และลูกกิลด์ของเขาก็ไม่ได้ชะล่าใจ
“ไหนๆเราก็เจอวิหารแห่งความตายแล้ว ต้องศึกษานักบวชของวิหารนี้
ซักหน่อย ไปบ้านนักบวชกันเถอะ”
เดย์มอนด์และลูกกิลด์เคลื่อนไหว และในขณะที่ตั้งท่าพร้อมต่อสู้ตลอด
เวลา
-บ้านพักนักบวชแห่งการชุบชีวิต
พวกเขารู้ ว่าที่นี้ คือวิหารแห่งความตาย แต่กลับมีคำอย่าง “การชุบ
ชีวิต” ซึ่งดูเหมือนจะขัดแย้งกันเองกับความเชื่อของพวกเขาอยู่ด้วยนี่สิ
“แน่ใจแล้วเหรอว่าไม่มีบ้านพักหลังอื่นอีก?”
“ฉันไม่เห็นซักหลังเลย ที่นี่เป็นที่เดียวที่เขียนว่า ‘บ้านพัก’*(บ้านพัก
ที่โบสถ์มอบให้นักบวช)”
“งั้นเข้าไปข้างในกันเถอะ ทุกคนเตรียมตั้งการ์ดป้ องกันไว้ด้วย”
พวกเขาผลักประประตูเปิ ดออก ในบ้านเต็มไปด้วยใยแมงมุมและฝุ่ น
ไม่มีใครอยู่ในบ้านหลังนั้น มีแต่ศพที่ถูกทำเป็นมัมมี่แห้งกรังอยู่ 1 ศพ
และข้างหน้าของศพนั้นเอง ที่พวกเขาเจอหนังสือ ประมวลคัมภีร์อะไร
ซักอย่างวางอยู่
<<ม้วนคัมภีร์แห่งการชุบชีวิต>>
หนังสือได้รับการตกแต่งจากการเย็บเป็นลวดลายด้วยด้ายสีทอง
เดย์มอนด์ยื่นมือออกไปทางหนังสือ
เขากำลังทำเควสของวิหารแห่งความตายอยู่ จึงจำเป็นจะต้องขุดคุ้ยความ
ลับออกมาให้มากที่สุด(มาอีกแล้ว จู่ๆแม่งก็มีคำว่า priest ออกมาจาก
ความว่างเปล่า,,,ได้ข่าวว่าที่เขาบ้านนี้มามีแค่พวกเดย์มอนกับกิลมัน
ไม่ใช่เหรอวะ นักบวชมายังงายอีกกกกกกกกกกกกก
กกก) (Admin: เอาที่สบายใจครับ 555)
ในขณะที่กำลังตรวจสอบศพ เหล่านักบวชก็ขยับไอเทมรอบๆไปๆมาๆ
แต่ว่าสุดท้ายพวกเขาก็อดทนต่อความโลภของตัวเองไว้ในไหว จึง
วางมือลงบนของอย่างกระหายใครรู้

“ตรวจสอบ!”
-หนังสือเวทย์แห่งการชุบชีวิต: ความคงทน 58/60 ม้วนคัมภีร์แห่ง
ส่วนที่11 ของวิหารเอ็มบินยู
บรรจุด้วยพื้นฐานแห่งการฟื้ นคืนชีพ โรคระบาด และเวทย์มนตร์แห่ง
ความเป็นอมตะ
เวทย์มนต์ชุบชีวิตจัดเป็นมนต์ดำที่เลวร้ายที่สุด มันเป็นการทำบาปชนิด
หนึ่ง
หาก เนโครแมนซี่(สกิลของพวกเนโครแมนเซอร์)คือทำให้คนตาย
กลายเป็นอันเดด
การชุบชีวิตก็คือการบังคับให้คนตายกลับมาจากนรก ด้วยการบูชายัญที่
ชั่วร้าย
มันไม่ใช่การคืนชีพอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ใกล้เคียงกับพันธะสัญญาอัน
เลวทรามที่จะขับไล่เหล่ามอนสเตอร์ออกจากนรก ทำให้พวกมันฟื้ น
กลับมาอีกครั้ง แล้วควบคุมพวกมัน
มนต์นี้เป็นคาถาต้องห้ามซึ่งมีรากฐานแตกต่างจากศาสตร์เวทย์มนตร์อัน
เดดของเนโครเมนเซอร์!
หนังสือเล่มนี้ เป็นรากเหง้าของการมีอยู่ของ ภาคีแห่งการคืนชีพ
ข้อจำกัด:สำหรับนักบวชแห่งการฟื้ นคืนเท่านั้น
เมื่อไหร่ก็ตามที่ใช้เวทย์มนต์ คุณจะต้องสูบพลังชีวิตของสิ่งมีชีวิต
คุณสมบัติอื่นๆ:
 การต่อต้านเวทย์ทุกชนิด +50
 สถานะทั้งหมด +10
 อัตราการฟื้ นฟูมานา เพิ่มขึ้น 25%
 เมื่อพลัง ชีวิตอมตะ ถูกใช้งาน พลังชีวิตจะไม่ลดลง
 สามารถควบคุมสิ่งที่ถูกชุบชีวิตขึ้นมาได้
*ฟื้ นคืนชีพ:ต้องการชีวิต 20 ชีวิต ด้วยการแย่งชิงชีวิตจากผู้อื่น ทำให้
สามารถชุบชีวิตคนตายและควบคุมพวกมันได้
*โรคระบาด:ต้องการชีวิต 150 ชีวิต ด้วยการใช้มานา จะทำให้เกิด
โรคระบาดรุนแรงบนพื้นที่ พื้นที่ระบาดถูกจำกัดในบางบริเวณ ความเร็ว
ในการแพร่ระบาดขึ้นอยู่กับตัวกลาง
*ชีวิตอมตะ:ใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ไม่สามารถยกเลิกกลางคันได้
เป็นอมตะ แต่ว่า ถ้าหากผู้เล่นไม่สามารถหาแหล่งพลังงานจากการ
บูชายัญได้ ชีวิตอมตะจะถูกยกเลิก และคุณจะตายอย่าง
ถาวร(delete ตัวละคร)
วิหารเอ็มบินยู
วิหารเอ็มบินยูนิกายที่ 11 พวกเขาฆ่าอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้นเพื่อชุบชีวิต
และบงการผู้ที่ถูกทำให้ฟื้ นจากความตาย
โลกเรียกพวกเขาว่า เผ่าพันธุ์ แห่งความตาย
*ติ๊ง!*
-คุณสามารถเปลี่ยนอาชีพเป็น นักบวชแห่งแห่งฟื้ นคืืนได้ คุณต้องการที่
จะเปลี่ยนอาชีพเดี๋ยวนี้เลยหรือไม่?
หลังจากเปลี่ยนคลาสแล้ว ทักษะของคุณและค่าสถานะต่างๆจะยังคงอยู่
เหมือนเดิม
คุณจะสามารถใช้หนังสือเวทย์แห่งการชุบชีวิตได้
นักบวชแห่งการชุบชีวิต มีหน้าที่ที่จะเติมเต็มทวีปเวอร์เซลด้วยชีวิตที่ถูก
นำกลับมาจากนรก
หากคุณทำสัญญากับความตาย ซึ่งเป็นการฝ่ าฝืนกฎของธรรมชาติแล้ว
เมื่อคุณตาย คุณจะฟื้ นคืนชีพกลับมาไม่ได้อีก

เขาสามารถเป็นนักบวชแห่งการฟื้ นคืนได้!
ถ้าเขาทำให้พวกมอนสเตอร์ทมิฬและลูกน้องของมันอยู่ภายใต้การ
ควบคุมของเขาได้ พลังของกิลด์นักล่าแห่งผืนปฐพีจะต้องเพิ่มขึ้นอย่าง
ก้าวกระโดดแน่
พวกมอนสเตอร์ทมิฬนั้นให้สัญญาการเคารพเชื่อฟังที่แน่นอน ไม่
เหมือนกลุ่มพันธมิตรขิงกิลต่างๆ และพวกนักรบรับจ้าง
แถมเขายังสามารถใช้เวทย์ชุบชีวิตได้ด้วย
อย่างไรก็ตาม หากเดย์มอนตายขึ้นมา เขาจะพบกับจุดจดอันเป็นนิรันด์
มันเป็นเส้นทางแห่งชีวิตที่แสนสั้น แต่ก็ยิ่งใหญ่

เขายืนอยู่บนจุดเปลี่ยน เขาจะทำให้ผู้คนใน Royal Road ต้องจับ


จ้องมาที่ตัวเอง หรือจะทำเควสต่อเฉยๆ?
“ข้าต้องการเป็นนักบวชแห่งการฟื้ นคืนชีพ”
เดย์มอนด์เลือกที่จะเปลี่ยนอาชีพ
***
เดย์มอนด์และกิลด์ของเขาเข้าควบคุมฝูงมอนสเตอร์ทมิฬ แม้ว่าพวกเขา
จะหาสมบัติไม่เจอ แต่ก็เจอลูกแก้วที่ใช้ในเวทย์คำสาบหลายลูก
สมาชิกกิลด์ที่เหลือก็เปลี่ยนอาชีพเป็น นักบวชแห่งการฟื้ นคืนชีพ ตามๆ
กันหมด
“นี่อาจจะเป็นความสุขครั้งสุดท้ายของพวกเรา”
เดย์มอนด์พูดด้วยใบหน้าเปื้ อนรอยยิ้มบางๆ
นักบวชแห่งการฟื้ นคืนชีพจำเป็นต้องฆ่า เพื่อให้ได้มาซึ่งพลังและความ
แข็งแกร่ง
ความสามารถในการชุบชีวิตของพวกเขาขึ้นอยู่กับสิ่งบูชายัญที่พวกเขา
ฆ่า
เป็นที่แน่นอนแล้วว่า ทวีปเวอร์เซลกำลังจะตกอยู่ในความหายนะ
แต่ตอนนี้ไม่มีหนทางให้หวนกลับแล้ว ซูบัน ที่พึ่งเปลี่ยนอาชีพมาหยกๆ
หัวเราะชั่วร้าย
“ใส่ทั้งหมดที่พวกเรามีไปเลย!”
นาโด ถอดชุดคลุมนักเวทย์ออก แล้วโยนมันไปข้างๆ แต่เธอกลับกระ
สับกระส่ายไปมา เมื่อได้สวมชุดของนักบวช ดูเหมือนเธอจะไม่ชอบใส่
ชุดนี้
“ไม่มีกฎอะไรบอกไว้ว่าพวกเราจะตายก่อน(said no one
fuckign everrr) พี่น้องเอ๋ย พวกเราจะมีชีวิต พวกเราต้องรอด
และโบกสะบัดธงของพวกเราในสนามรบ!”
เดย์มอนด์พยักหน้า พลางพูดว่า
“เป็นประโยคปลุกใจที่ไม่เลว”
เควสเปิ ดโปงความลับของนักบวชแห่งความตายถูกยกเลิก และแทนที่
ด้วย เควสแพร่ขยายนามแห่งวิหารเอ็มบินยู
เล่มที่ 14 ตอนที่ 7 : สวนน้ำสำหรับเด็ก
เดธแฮนด์ได้พ่ายแพ้ต่อรูปแกะสลักแสงจันทร์ของวีด!
รางวัลตอบแทนเป็นแค่รูปปั้นแห่งความตาย, แต่เขาก็ไม่ได้นึกเสียใจ
เลยแม้แต่น้อย
“ถ้าเราขายมันล่ะก็, มันต้องขายได้หลายตังค์แน่เลย!”
ของทุกอย่างล้วนมีราคา ถึงแม้พวกมันจะไม่ใช่อาวุธ, ชุดเกราะ, หรือ
อัญมณี, เขาพอใจตราบใดที่เขาสามารถขายมันได้ราคาสูงๆ
ด้วยสายตาที่แม่นยำประกอบกับวัตถุดิบที่ใช้ขึ้นรูปของมันนั้นเป็นหยก
สีดำสนิท, เขาสามารถบอกได้ว่ามันเป็นไอเทมเฉพาะแน่นอน
รูปปั้นที่คล้ายกับสัตว์อสูรประเภทม้า, มาพร้อมกับกลิ่นไอแห่งความ
ตาย ซึ่งไม่ได้มีแต่เพียงชื่อของมันเท่านั้น มันยังส่งผลถึงบรรยากาศ
รอบๆตัวอีกด้วย
“ยังไงก็ตาม มันไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไร”
ตกดึก พวกคนแคระไม่ได้มีความสงสัยใคร่รู้อะไรเกี่ยวกับการที่วีดเดิน
ไปยังสถานที่ๆเขาแกะสลักปี กแห่งแสง
ปี กอันแสนสง่างาม ชวนให้สงสัยถึงความลึกลับของมัน แต่ก็คงไว้ซึ่ง
ความปลื้มปี ติทุกครั้งเมื่อผู้คนได้มองไปที่มัน ยามที่มันสยายปี กไปตาม
สายลมที่พัดผ่าน มันคือผลงานประติมากรรมที่สร้างจากการแกะสลัก
แสงจันทร์
นี่เองที่ทำให้สุดยอดช่างตีเหล็กทั้ง 5 คน ต่างมีไฟลุกโชนและความมุ่ง
มั่นอันแรงกล้า นี่คือผลงานศิลปะที่เกิดจากหัตถ์แห่งศิลป์ ผู้โด่งดังใน
อาณาจักรคนแคระ
วีดยื่นมือของเขาออกไปและสัมผัสปี กแห่งแสงอย่างนุ่มนวล แสงที่
ปล่อยออกมาปกคลุมไปที่มือของเขาพร้อมกับประกายแสงอันลึกลับ
และภาพเบื้องหน้าที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของวีด เป็นอะไรที่สุดยอดมากๆ
“ถ้าเราเอาให้ฮายันดูล่ะก็ เธอจะชื่นชมในความงดงามของมัน…ยังไง
ซะ เราควรที่จะเก็บมันไว้ดีกว่า โอ้ ของรักของข้า ผลงานที่ข้าสร้างขึ้น
มาด้วยจิตวิญญาณแห่งศาสตร์และศิลป์ …ข้าขอมอบชีวิตให้กับเจ้า
บัดนี้ ถึงเวลาแล้ว จงตื่นขึ้นมาจากการหลับใหลอันยาวนาน และ มอบ
ความภักดีให้กับข้า ประติมากรรมประทานชีพ!”
เขาไม่สามารถที่จะปล่อยรูปแกะสลักแสงจันทร์เอาไว้แบบนี้ได้ ไม่งั้น
แล้วมันจะเป็นได้แค่ของตกแต่งที่ประดับประดาอยู่ในคุรุโซ เขาต้องการ
ที่จะมอบชีวิตให้กับมันเพื่อทำให้มันเป็นของๆเค้าโดยสมบูรณ์
- รูปแกะสลักอันนี้ไม่มีรูปร่างที่เหมาะสมแก่การมอบชีวิต มันไม่
สามารถเคลื่อนไหวเองได้เนื่องรูปร่างที่ไม่แน่นอนของมัน แต่มัน
สามารถเกาะสิ่งที่มีชีวิตอื่นๆได้ คุณต้องการที่จะมอบชีวิตให้กับรูปแกะ
สลักอันนี้หรือไม่?
“ประติมากรรมประทานชีพ!”
- คุณได้มอบชีวิตให้กับรูปแกะสลักแล้ว
ความแข็งแกร่งของรูปแกะสลักขึ้นอยู่กับระดับของค่าสถานะศิลปะ
ตอนนี้ค่าสถานะศิลปะอยู่ที่ 1,196 ดังนั้นระดับเลเวลของรูปแกะ
สลักที่ได้คือ 406
เพราะนี่คือผลงานชิ้นเอก เลเวลจึงบวกเพิ่มอีก 20% เลเวลเพิ่มขึ้น
ถึง 487
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากรูปแกะสลักนั้นเป็นประเภทบิน จึงมีการคำนวณ
ข้อเสียเปรียบด้านเลเวลอีก 10%
พลังชีวิตของรูปแกะสลักนั้นค่อนข้างต่ำ แต่มันมีความเร็วอันน่าทึ่ง
รูปแกะสลักที่ได้มอบชีวิตให้ มีคุณสมบัติเพิ่มขึ้นอีกสามอย่าง
คุณภาพและความสามารถของคุณสมบัติเหล่านี้จะแตกต่างกันไปตาม
รูปร่างและเลเวลของรูปแกะสลัก
คุณสมบัติ ธาตุแสง (100%), คุณสมบัติ ธาตุ
ไฟ (100%), คุณสมบัติ พลังศักดิ์สิทธิ์ (100%).
พลังโจมตีนั้นไม่มีเลย มันมีจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้แข็งแกร่งสุดๆเช่น
เดียวกับพลังป้ องกันที่สูง อีกทั้งยังมีพลังป้ องกันเวทย์มนต์ที่สูงด้วย
มันสามารถเผาพลาญศัตรูด้วยพลังแห่งเปลวเพลิง
เวทย์คำสาปมันไม่มีผลกับ ความต้านทานต่อเวทย์มนต์ดำสูงมาก มัน
สามารถใช้เวทย์มนต์ศักดิ์สิทธิ์ได้เล็กน้อย
เพราะครั้งหนึ่งมันเคยเป็นรูปแกะสลักแสงจันทร์มาก่อน ความสามารถ
พิเศษจึงถูกเพิ่มเข้าไป
คำสาปที่ปล่อยออกมาจากเวทย์มนต์, และมอนสเตอร์ที่มีความอาฆาต
แบบปี ศาจ จะได้รับผลเบาลง
มานาถูกใช้ไป 5,000
ความเชี่ยวชาญเวทย์มนต์ฟื้ นคืนชีวิตเพิ่มขึ้น 20% ของเลเวลและค่า
สถานะ
ค่าสถานะศิลปะลดลงถาวร 6 หน่วย
ค่าสถานะที่ลดลงสามารถได้รับคืนเมื่อสร้างรูปแกะสลักหรือกิจกรรม
ทางศิลปะ
เลเวลลดลง 1
เนื่องจากเลเวลลดลง, ค่าสถานะที่เพิ่มขึ้นมาล่าสุดนั้นลดลง 5 หน่วย
ค่าสถานะที่ลดลงสามารถเพิ่มขึ้นได้อีกครั้งเมื่อเลเวลเพิ่มขึ้นเหมือนเดิม
ได้โปรดดูแลชีวิตของรูปแกะสลักให้ดี เมื่อมันเสียชีวิตลง มันสามารถ
ชุบชีวิตกลับคืนมาได้อีกครั้ง
เมื่อมันถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ มันไม่สามารถชุบชีวิตขึ้นมาได้อีก
ปี กแห่งแสงกระขึ้นไปบนหลังของวีดและฝังตัวของมันลงไป เพราะมัน
ไม่มีร่างกาย มันจึงต้องอาศัยคนอื่นเหมือนปรสิต
ปี ก, ที่ถูกทำขึ้นมาจากแสงอันยิ่งใหญ่ความยาวเป็นสิบๆเมตร ได้ฝังตัว
ของมันลงที่หลังของวีด
ลำแสงมากมายกระจายไปทั่วในขณะที่ปี กสยายออก
เมื่อมองดูแล้ว วีดเหมือนกับนักรบแห่งแสงผู้มีปี กอลังการ
ทันใดนั้น ร่างกายของวีดก็ลอยขึ้นไปอยู่กลางอากาศ
“ปล่อยข้าลงได้แล้ว”
เพียงคำเดียว เขาทำลายบรรยากาศลงในทันที
ปี กแห่งแสงยิ่งสยายปี กของมันออกไปมากขึ้น แสงสีเงินฟ้ าสาดส่อง
กระจายออกไป จนปกคลุมบนท้องถนนด้วยแสงระยิบระยับ
ความพยายามที่เกิดจากความตั้งใจของมันเพื่อที่จะทำให้เจ้าของของมัน
นั้นมีความสุข!
วีดกุมขมับและทำหน้าบึ้ง
“หรี่แสงของเจ้าซะ”
“...”
“ลงไปได้แล้ว ข้าลอยขึ้นมาสูงพอแล้ว”
“...”
ปี กแห่งแสงหดเล็กลงในทันใดและค่อยๆพาวีดลงมาสู่พื้นอย่างปลอดภัย
“นายของข้า ได้โปรดตั้งชื่อให้กับข้าด้วย”
ปี กแห่งแสงพูดกับวีดอย่างสุภาพ
แตกต่างจากเสียงที่ฟังดูแล้วน่าขนลุกกับนิสัยแย่ๆของพวกปิ งหลงและ
ไวเวิร์น, เสียงของปี กแห่งแสงนั้นบริสุทธิ์ เหมือนกับเสียงของนางฟ้ า
(Admin: ให้นึกถึงโค้ชเจนนิเฟอร์คิ้ม คอมเม้นท์นะครับ เสียง
ของเธอสุดยอดมาก เหมือน angel voice)
“ชื่อของเจ้า…”
“งั้นเอาเป็นปี กมีแสงละกัน” (Admin: light wing จะ
เอาปี กส่องแสง ก็ยังดูดีอยู่ เอาแบบนี้แหละ ฮาดี ฮ่าๆ)
“...”
ถ้า ไวเวิร์น, โกลด์มินิ, และปิ งหลง อยู่ที่นั่นด้วย, พวกมันคงแบ่งปัน
ความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานร่วมกัน
วีดตัดสินใจแล้วว่าจะปล่อยรูปปั้นแห่งความตายเอาไว้แบบนี้ก่อน
“เราคิดว่ามันน่าจะมีความลับอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ในรูปแกะสลักอัน
นี้แน่ๆ”
เขาสามารถรู้สึกว่านี่ต้องเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์อะไรสักอย่าง
ไอเทมชิ้นนี้มีความเชื่อมโยงกับเดธแฮนด์! ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันมีจะ
เควสที่เกินกว่าจะจินตนาการได้รออยู่
“ตอนนี้เราคงต้องพักเรื่องพวกนี้เอาไว้ก่อน”
วีดคิดว่าเขาควรที่จะรอไปก่อน
คุรุโซมีรูปแกะสลักมากมาย, แต่เรื่องสำคัญเร่งด่วนที่สุดคือการหา
เบาะแสเกี่ยวกับเค็นเดลฟ์ !
- จงตามหาพี่น้องของคนแคระที่หายไปในตอนที่เขายังเป็นเด็ก
สำหรับเบาะแส, ให้ใช้รูปแกะสลักของเด็กคนนั้น
มันคือเควสตามหาคนแคระที่โตแล้วโดยการมองไปที่รูปปั้นของเด็กคน
นั้น
คนแคระไม่เคยรักษาภาพลักษณ์เมื่อครั้งวัยเยาว์, ดังนั้นนี่จึงเป็นภารกิจ
ที่ค่อนข้างเป็นไปได้ยากพอสมควรที่จะทำมันให้สำเร็จ
วีดพบพี่น้องคนแคระภายในถ้ำของคุรุโซ
“ถูกต้องแล้ว ข้าชื่อนอร์แมน เจ้ารู้ได้ยังไงว่าเป็นข้า?”
“ก็มันไม่มีคนแคระคนไหนโง่เหมือนเจ้าน่ะสิ เจ้าไม่ได้เปลี่ยนไปเลย
จากเมื่อตอนที่เจ้ายังเป็นเด็ก”
“โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ!”
คนแคระนอร์แมนร้องไห้ออกมาเหมือนเด็ก!
- มันยากมากที่จะตรวจสอบแร่ที่ใช้ในการทำรูปแกะสลัก
มันเป็นเควสที่ให้วิเคราะห์วัตถุดิบที่ใช้ในการแกะสลักและตามหาถ้ำที่
สามารถหาวัตถุดิบชนิดนี้ได้
ภารกิจสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีด้วยความร่วมมือระหว่างช่างตีเหล็กและคน
งานเหมือง
ต้องขอบคุณการพัฒนาเหมืองโดยคนแคระผู้มีนามว่าทวิตเตอร์, วีดจึง
สามารถลงทะเบียนเป็นเจ้าของได้ ถ้าเหมืองทับทิมมีการพัฒนาอย่าง
ดี, มันสามารถทำเงินให้เขาได้มากมายมหาศาลในอนาคต!
ถึงแม้ว่าวีดจะทำเควสเสร็จไปแล้วถึง 10 เควสด้วยกัน, เขาก็ยังไม่
สามารถค้นพบร่องรอยที่นำไปหาเค็นเดลฟ์ ได้
เพราะรูปแกะสลักทั้งหมดไม่ได้มีความทรงจำที่เฉพาะเจาะจง, จึงมีอยู่
หลายครั้งที่เขาพบกับทางตัน แม้กระทั่งหลังจากทำการตรวจสอบรูป
แกะสลักทุกอันในคุรุโซ, ร่องรอยที่เชื่อมโยงถึงเค็นเดลฟ์ ก็ยังหาไม่พบ
“เควสนี้มันไม่ง่ายเลยนะเนี่ย”
พวกคนแคระที่รับเควสจากผู้ฝึกสอนช่างแกะสลักจอร์บิดสงสัยว่าพวก
เขานั้นโดนหลอกหรือเปล่า
“มันไม่มีอะไรที่เราทำได้เลยหรือเนี่ย…”
อย่างไรก็ตาม, มันน่าขายหน้ามากหากต้องกลับไปที่หมู่บ้านหัตถ์
เหล็กกล้าแล้วยกเลิกเควสนี้ซะ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะอยู่ต่อในคุรุโซ
อีก 10 วัน
“หัตถ์แห่งศิลป์ นายขยันมากเลยนะ”
เฮอร์แมนอยู่ถัดออกไปจากวีด
เฮอร์แมนมาพร้อมกันกับพิน พวกเขาตัดสินใจมาหาวีดและดูวีดแกะ
สลักจากช่วงเช้าจนถึงตอนกลางคืน ข้างๆ เฮอร์แมนและพิน มีพวกคน
แคระอย่างน้อยๆประมาณ 50 คน กำลังมองดูเขาอยู่
พวกเขาคือคนแคระที่เติบโตขึ้นจากความใกล้ชิดกับวีดภายหลังที่พวก
เขาทำเควสมาด้วยกันมากมาย และมีพวกคนแคระที่รอคอยด้วยความ
หวังที่ว่าวีดจะสร้างรูปแกะสลักแสงจันทร์ขึ้นมาอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม, วีดไม่ได้สร้างรูปแกะสลักแสงจันทร์ขึ้นมาอีก
‘ทักษะการแกะสลักของเรายังไม่สมบูรณ์พอ’
ปี กแห่งแสงปรากฏขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ใจราวกับว่ามันมีปาฏิหาริย์
เกิดขึ้น, แต่ทักษะของเขายังห่างชั้นเกินไปที่จะสามารถตัดสินตัวเขา
เองได้
ผลงานศิลปะทางประวัติศาสตร์!
คุณค่าทางศิลปะของผลงานที่มีความลึกล้ำและสุดยอดนั้นยิ่งใหญ่มาก
อย่างไรก็ตาม ผลงานเหล่านั้นไม่ได้มีให้เห็นบ่อยนัก แม้ว่าเขาพยายาม
สร้างอะไรบางอย่างที่สุดยอด, แต่มันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดไปซะ
ทั้งหมด!
ขณะที่ทำปี กแห่งแสง, เขาทำผิดพลาดมากมายจนนับไม่ถ้วนโดย
เฉพาะพวกความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ และเขายังมีความมุ่งมั่นที่จะทำมัน
อีกครั้ง..
‘เรากำลังติดใจเรื่องแสง, ทำมันขึ้นมาโดยที่ไม่มีแสง, ใช้คุณสมบัติ
ต่างของแสง มันจะเป็นไปไม่ได้ถ้าเราไม่เข้าใจถึงลักษณะของแสงเป็น
อย่างดี’
ทักษะของผู้สืบทอดประติมากรโดยธรรมชาติคือการตรวจสอบวัตถุดิบ
ที่พวกเขากำลังใช้
วีดใช้ทักษะการแกะสลักแสงจันทร์และเล่นไปกับแสง เมื่อไหร่ก็ตาม
ที่มานาของเขาหมด, เขาก็จะเอาชิ้นไม้ธรรมดาๆออกมาแกะในระหว่าง
ที่รอมานาของเขาให้ฟื้ นคืนกลับมา
เขากินเศษขนมปังในระหว่างที่เขานั่งทำงานและทำรูปแกะสลักขึ้นมาก
อีกหลายชนิด
“...”
วีดไม่ได้ตอบสนองต่อเฮอร์แมน
วีดรู้ว่ามันคือธรรมเนียมการปฏิบัติที่ควรให้เกียรติและแสดงความ
นอบน้อม สุภาพต่อผู้อาวุโส, แต่มันก็ยังมีข้อจำกัดอยู่เหมือนกัน เขา
เบื่อที่จะต้องมาตอบคำถามมากมายของเฮอร์แมนและยังต้องคอยคุยกับ
เขาอีกในขณะที่เขาอยู่ถัดไปจากวีด
อันที่จริงมันก็มันไม่ได้รบกวนวีดอะไรสักเท่าไหร่ แต่วีดก็ไม่ได้ตอบ
พวกเขา เฮอร์แมนและพินก็ยังคุยไม่หยุด
“ชายที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจพยายามทำในสิ่งที่เขาต้องการให้สำเร็จ, พิ
น, เธอต้องแน่ใจว่าเธอจะต้องหาคนๆนั้นที่มีความมั่นคง, เป็นคน
ขยันทำงาน”
“แน่นอน แต่ฉันจะหาคนแบบนั้นได้ที่ไหนล่ะ?”
“มันมีเหตุผลเหรอที่จะต้องมองหาคนแบบนั้นในที่ไกลๆ ในเมื่อก็มีอยู่
คนนึงที่อยู่ใกล้ๆ?”
“โอ้ คุณพระ, คุณปู่ , คุณพูดมากไปแล้วะ”
ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นจากพวกเขาส่งผลถึงวีดด้วย ถึงแม้เฮอร์แมนจะ
ออกไปจากที่ของเขา, มันก็ยังมีคนแคระคนอื่น เข้ามาแทนที่ของเขา
และเริ่มสนทนาคุยกันเหมือนเดิม
พวกคนแคระที่เคยทำเควสร่วมกันและคนอื่นๆในสายอาชีพเดียวกัน
ต่างพากันพูดคุยในหมู่พวกเขาเอง
พวกเขาเอาอาวุธและชุดเกราะที่พวกเขาสร้างมันขึ้นมา ให้วีดช่วยสลัก
และลงลวดลายต่างๆให้กับพวกเขา
ผลลัพธ์ที่ได้คือ วีดสามารถเห็นอุปกรณ์ทุกอย่างเกือบจะทั้งหมดที่พวก
คนแคระในคุรุโซทำขึ้นมา
ไม่มีใครไม่รู้จักการแข่งขันอันดุเดือดระหว่างช่างตีเหล็กคนแคระผู้ที่มี
ความสามารถด้านทักษะการตีเหล็กที่เหนือกว่าวีด
‘ชุดเกราะที่ฟาบิโอทำขั้นมานั้นมีฟังชั่นสุดยอดมากมาย คุณสมบัติอื่น
ของผลงานของเขายังไม่ถึงขั้นชั้นเฉพาะ แต่ชุดเกราะของเขานั้นมีค่า
สถานะป้ องกันที่สูงมากๆ’
ทักษะของฟาบิโอโดดเด่นมากถึงขนาดทำให้วีดนั้นเกิดอาการอิจฉาตา
ร้อน
‘คุณภาพของวัตถุดิบและทักษะกระบวนการที่แม่นยำ เขาสามารถผล
งานออกมาแทบจะไม่มีข้อผิดพลาดใดๆเลย’
เขาไม่หวงวัตถุดดิบของเข้าและไม่ใช้กลเม็ดหลอกเด็ก; เขาใช้ทักษะ
ช่างตีเหล็กเพียวๆเลย
‘ถ้าเลเวลของมันได้ถึงขนาดนี้นะ…เราคิดว่าเขาคงมีทักษะช่างตีเหล็ก
ขั้นสูงแน่นอน’
หลังจากที่วีดได้เห็นผลงานอันสุดยอดของฟาบิโอ, ชุดเกราะสีรุ้ง, เขา
จึงมั่นใจสุดๆ (Admin: เกราะเพชรเจ็ดสี มณีเจ็ดแสง 555)
“ตรวจสอบ!”
- ชุดเกราะสีรุ้ง(Rainbow Coloured Armour):
ความทนทาน 150/150. พลังป้ องกัน: 159
ผลงานของคนแคระที่มอนสเตอร์เกลียดที่สุด
วัตถุดิบหายากเจ็ดชนิดถูกหลอมหลวมกันเพื่อสร้างสิ่งนี้
ชุดเกราะที่สามารถคลุมได้ทั้งตัวอย่างมิดชิด, (มันอยู่ในระดับที่สวย
ที่สุด), ดังนั้นอัศวินที่มีเลเวลต่ำจึงไม่สามารถใส่มันได้
ผลงานชิ้นนี้สร้างขึ้นมาได้ไม่นานและมันยังไม่ผ่านการใช้งานใดๆ มัน
จึงอยู่ในภาพที่สมบูรณ์
อาชีพที่สามารถใช้ได้: อัศวิน, นักรบเท่านั้น
เลเวล 350
คุณสมบัติพิเศษ:
ความต้านทานทางกายภาพ (30%).
ความต้านทานเวทย์มนต์ (20%).
ความว่องไว -50.
ความเต็มอิ่ม +80. ค่าเสน่ห์ +60.
ทักษะความเป็นผู้นำเพิ่มขึ้นอย่างมาก
มีโอกาสค่อนข้างสูงที่จะสามารถสะท้อนการโจมตีที่มีพลังต่ำกลับไปหา
ศัตรูได้
พลังป้ องกันที่มหาศาล!
เพราะวีดขาดความชำนาญด้านตีเหล็ก, ความทนทานจึงต่ำ, แต่มัน
ไม่มีปัญหามากนักถ้ามันอยู่เหนือระดับค่าเฉลี่ยของความทนทานเพราะ
เมื่อใช้ไปแล้วก็สามารถเอามันออกมาซ่อมได้ทุกครั้ง
“มันดีมากเลยที่ได้รู้ว่าใช้วัตถุดิบอะไรบ้างในการสร้างชุดเกราะชิ้นนี้
ขึ้นมา”
เพราะทักษะช่างตีเหล็กของวีดนั้นต่ำกว่าของฟาบิโอ, เขาจึงไม่
สามารถวิเคราะห์วัตถุดิบที่นำมาใช้ได้ เขารู้แค่ว่ามันมีมิธริลและเหล็กดำ
เป็นส่วนผสม แต่นอกเหนือจากนั้นแล้วเขาไม่รู้อะไรเลย
ฟาบิโอรวบรวมวัตถุดิบสุดหรูทุกชนิดและใช้พวกมันได้อย่างมี
ประสิทธิภาพในการสร้างชุดเกราะ
‘หลังจากฟาบิโอ, เอ็กซ์เปอร์และเฮอร์แมนคือการแข่งขันหลัก’
พวกเขาคือสองช่างตีเหล็กที่สร้างหอกและดาบ ทักษะของพวกเค้านั้น
ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าของฟาบิโอเลย
เพราะมีความภาคภูมิใจและการแข่งขันระหว่างช่างตีเหล็ก, ไม่มีใคร
เปิ ดเผยระดับทักษะของพวกเขา อย่างไรก็ตาม การมองดูที่ผลงานของ
พวกเขา มันเหมือนกับว่าสองคนนี้นั้นอยู่ในระดับช่างตีเหล็กขั้นสูงด้วย
กันทั้งคู่
‘ถ้าสามคนนี้เพิ่มทักษะการตีเหล็กถึงขึ้นสูง แสดงว่าเมื่อรวมอีกสอง
คนที่เหลือที่เรายังไม่ได้เจอ มีความเป็นไปได้ว่ามีช่างตีเหล็ก 5 คน ที่มี
ทักษะขั้นสูง’
วีดเห็นเอ็กซ์เปอร์ในขณะที่เขาตรวจดูหอกเคียวที่ทำเสร็จแล้วและเฮอร์
เคยเห็นวีดดูดาบที่เขาทำขึ้นมา
มันยังไม่เสร็จเรียบร้อยดีนัก, แต่วีดสามารถมองเห็นถึงความตั้งใจอย่าง
แรงกล้าที่ทุ่มเทใส่ลงไปในดาบเล่มนี้ การที่จะสร้างผลงานให้เสร็จออก
มาสักชิ้นนั้น เหล็กที่ดีต้องถูกหลอมและขึ้นรูปซ้ำไปซ้ำมา
เฮอร์แมนหันมาเป็นช่างตีเหล็กก็เพราะเขานั้นชอบดาบมากและต้องการ
สร้างพวกมันขึ้นมา
ถ้าฟาบิโอหรือเอ็กซ์เปอร์แข่งขันกันเพื่อความเชี่ยวชาญในทักษะการตี
เหล็ก เฮอร์แมนทำงานเพื่อที่จะสร้างดาบที่ดียิ่งๆขึ้นไป
ในหมู่ช่างตีเหล็กนั้นมีความแตกต่างอย่างมากในเรื่องของลักษณะนิสัย
ของแต่ละคน
‘เราคิดว่าคนแรกที่จะได้เป็นปรมาจารย์ช่างตีเหล็กก่อนใครเพื่อน…
น่าจะเป็นฟาบิโอนะ’
หนึ่งในสุดยอดช่างตีเหล็กบนทวีปเวอร์เซลล์, เขาครอบครองพลังอัน
มหาศาล
เมื่อมองดูชุดเกราะที่เขาแจกจ่ายให้ พวกมันมีระดับที่ใกล้เคียงกับ
อุปกรณ์สวมใส่ของพวกผู้เล่นระดับท้อปและดูเหมือนว่าเขามีคอนเน็
คชั่นในหมู่พวกผู้เล่นระดับท้อปด้วย การได้เป็นเพื่อนกับผู้เล่นระดับท้อ
ป เขาสามารถใช้วัตถุดิบที่พวกนั้นรวบรวมมาและสร้างชุดเกราะหรือ
เสริมพลังให้กับพวกเขา
การได้เห็นถึงความทะเยอทะยานของฟาบิโอ เขาน่าจะเป็นคนแรกที่ไป
ถึงขั้นปรมาจารย์
‘คนแคระคนอื่นๆ, โดยเฉพาะเฮอร์แมน, มีทักษะที่น่าประดับใจ’
แบบนี้เองที่วีดสามารถเข้าถึงพวกคนแคระในคุรุโซได้ทั้งหมด
การเพิ่มเพื่อนพวกนักรบ,นักสู้,และประติมากร, ที่เข้าร่วมในการทำ
เควสด้วยกันพวกเขาจึงกลายมาเป็นเพื่อนกับวีด, พวกเขาถามคำถาม
มากมายทำอย่างกับว่าพวกว่างซะจนไม่มีอะไรจะทำ พวกช่างตีเหล็ก
พยายามตีสนิทใกล้ชิดกับวีดเพราะความชำนาญในการแกะสลักของเขา
บางครั้ง พวกคนแคระก็เอาข้าวปั้นมาให้วีด เขาจึงไม่อดยากในคุรุโซอีก
ต่อไป
วีดใช้เวลาไปมากเพื่อให้ตัวเขานั้นคุ้นเคยกับการแกะสลักแสงจันทร์
ทักษะการแกะสลักของเขาขยับเข้าใกล้ไปอีกระดับ และเขากำลังไปได้
สวยกับการควบคุมแสง เนื่องจากว่ามีรูปแกะสลักมากมายที่เข้าสร้างขึ้น
มาและได้ให้ชีวิต มันจึงทำให้ตัวเขานั้นท่วมท้นไปด้วยการแกะสลัก
(Admin: แปลกๆแต่ช่างเหอะ)
ถ้าเลเวลของเขาและค่าสถานะศิลปะไม่ลดลงล่ะก็ เขาคงไม่สามารถที่จะ
หยุดแกะสลักได้
และแล้วในวันสุดท้ายของการแกะสลักของเขาก็มาถึง, คนแคระ
จำนวนมากก็ยังคงมาหาเหมือนเดิม
“ข้าคิดว่าข้าควรที่จะสร้างดาบสักเล่มในเมื่อประติมากรยังขยันทำงาน
แบบนี้”
พวกเขาถูกกระตุ้นโดยวีด ช่างตีเหล็กคนอื่นๆเริ่มขยันทำงานเพื่อเพิ่ม
ทักษะการตีเหล็กของพวกเขา
“มันสวยจัง”
วันนี้ก็เช่นกัน, พินและเฮอร์แมนก็มาอยู่ข้างๆวีดเหมือนเดิม พวกเขา
กำลังมองดูวีดแกะสลัก
โดยพื้นฐานแล้ว การสร้างรูปแกะสลักนั้นจำเป็นต้องมีทักษะ
ถ้าคุณสร้างรูปแกะสลักเป็นเวลาร้อยวัน คุณจะกลายเป็นพวกคนโกหก
หลองลวงไปในทันทีหากมันไม่มีอะไรอยู่ในมือคุณเลย
เนื่องจากระดับทักษะของเขาทั้งการแกะสลักและงานฝีมือ วีดจึง
สามารถทำรูปแกะสลักไม้ขึ้นมาได้โดยไม่ต้องออกแรงมากนัก ไม้คือ
วัตถุดิบที่วีดคุ้นเคยมากที่สุด เมื่อมันมาอยู่ในมือของเขาราวกับว่ามันได้
มีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง
“นายคิดยังไงกับศิลปะ?”
วีดตอบคำถามของเฮอร์แมนอย่างตรงไปตรงมา
“มันก็แค่ทักษะที่ไร้ค่า ไม่ทำเงินให้เลยน่ะสิ”
“แต่มันก็มีบางกรณีที่ศิลปิ นนั้นรวยสุดๆ ดูข่าวซะบ้างนะ แล้วนายจะ
พวกภาพวาดที่มีมูลค่าหลายร้อยล้านดอลล่าร์”
“ก็นะ ภาพวาดพวกนั้นถูกขายออกไปหลังจากคนที่สร้างพวกมันขึ้น
มาได้ตายไปแล้ว ผลงานที่มีค่านับร้อย นับพัน-ทำไมถึงต้องไปสนใจ
มันด้วยล่ะก็ในเมื่อถ้าขายพวกมันได้? ยังไงซะคนเราก็ต้องตายอยู่ดี”
วีดพูดจาโผงผาง ห้วนๆ ไร้หางเสียง ดูแล้วไม่ค่อยน่าฟังสักเท่าไหร่
“ในขณะที่กำลังวาดภาพพวกนั้น ระดับความหิวที่เขาต้องทุกข์ทน
ทรมานนั้นมีเพียงแค่ศิลปิ นคนเดียวเท่านั้นที่รู้ ถ้าครอบครัวของเขาต้อง
มาหิวโหย อดยากไปกับเขาด้วยล่ะ มันก็ต้องเป็นความผิดของเขาเพียง
คนเดียว”
“แต่ยังไงซะก็ต้องขอบคุณประสบการณ์อันมีค่าและโด่งดังของพวก
เขาที่สร้างสรรค์ผลงานอันสุดยอด อลังการงานสร้างขึ้นมาให้กับโลกใบ
นี้?”
“ไม่ว่ามันจะเป็นจิตรกรรมหรือประติมากรรม มันก็ไม่สามารถเติมเต็ม
อาหารบนโต๊ะให้พวกเรากินได้หรอก”
เขาคิดเรื่องพวกนี้ราวกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อน เฮอร์แมนถึง
กับต้องตบปากตัวเอง
“ทุกคนล้วนมีความคิดเป็นของตนเอง..แต่คุณค่าที่ได้จากการทำสิ่งที่
คนอื่นไม่สามารถทำได้สำเร็จตลอดช่วงชีวิตของคนเรานั้น มันมีค่าเกิน
กว่าที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดนะ”
“ผมไม่รู้หรอก”
“การที่ข้ามีชีวิตมาจนถึงตอนนี้ได้นั้น ท้ายที่สุดแล้วข้าก็เพิ่งมาเข้าใจว่า
ชีวิตนั้นไม่ได้มีแค่กินและอยู่ไปวันๆเท่านั้น อย่างน้อยมันก็คือการกระ
ตุ้นให้คนเราได้คิดถึงสิ่งที่เราต้องการทำอย่างแท้จริง และถ้าเกิดนายได้
ทำมัน นายก็จะประสบความสำเร็จในชีวิต…”
ถึงแม้ว่าคำพูดของเฮอร์แมนนั้นจะฝังลึกลงไปในความคิดของคนอื่นๆ
วีดไม่ได้รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย
วีดไม่สามารถไปไหนได้ก็เพราะเมื่อสิบนาทีที่แล้ว เฮอร์แมนเอาลูกชิ้น
ปลาออกมาและถามเขาเพื่อให้ทำตุ๋นลูกชิ้นปลาอร่อยๆ ให้กิน วีดรำ
คาญมาก
ถึงแม้ว่าคำพูดของเฮอร์แมนนั้นมีความหมายที่ดี วีดก็ไม่ได้เก็บมาคิด
ใส่ใจให้เครียดเปล่าๆ เพราะเฮอร์แมนและพิน ทั้งคู่ขี้เกียจสนใจจนหัน
มากินตุ๋นลูกชิ้นปลาและโอเด้ง
‘ถ้าส่วนผสมที่เป็นลูกชิ้นปลานั้นเป็นของดี แน่นอนล่ะมันชัดเจนว่า
รสชาติของโอเด้งจะต้องอร่อยด้วย’
ในตอนนั้นเอง เครื่องมือที่วีดใช้แกะสลักอยู่นั้นก็หยุดไปซะเฉยๆ
“เควสของจอร์บิดปรมาจารย์การแกะสลัก, ตรวจสอบข้อมูล”
- คำขอร้องของจอร์บิดปรมาจารย์การแกะสลัก
เรื่องราวที่ถูกเล่าต่อๆกันมาเป็นระยะเวลาในกิลด์ประติมากร
ครั้งเคยมีคนแคระที่สามารถแกะสลักไฟและน้ำ,แสงสว่างและความมืด
อย่างไรก็ตาม พวกมนุษย์ไม่เชื่อในเรื่องราวพวกนี้
“พวกเรายอมรับว่าพวกคนแคระมีความสามารถโดดเด่นในการสร้าง
อาวุธ แต่ที่พูดกันว่าพวกเขามีทักษะอันสูงส่งในด้านศิลปะ, มันออกจะ
ปัญญาอ่อนเกินไปหน่อยนะ พวกเตี้ยอย่างคนแคระจะไปเข้าใจอะไร
เกี่ยวกับการแกะสลักได้กันเล่า? อ๊า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
คำสบประมาท ดูถูกของพวกเอลฟ์ ดังลั่นไปทั่วทั้งป่ า
“คนแคระต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องราวอันลึกลับและความงดงาม
ของธรรมชาติ”
คำพูดพวกนั้นทำให้คนแคระอับอายขายหน้า, แต่พวกเขาไม่สามารถที่
จะตอบโต้อะไรกลับไปได้เลย
เพื่อที่จะรักษาเกียรติภูมิ ความภาคภูมิใจของคนแคระ, จงตามหาร่อง
รอยของคนแคระประติมากรเค็นเดลฟ์
ระดับความยาก: เควสประติมากรรมเผ่าคนแคระ
รางวัลตอบแทน: เกียรติยศจากคนแคระ
ข้อจำกัดในการทำเควส: ประติมากรที่เป็นคนแคระหนึ่งคน
ถ้าหากคุณทำภารกิจนี้ล้มเหลว, พวกคนแคระในหมู่บ้านทั้งหมดจะ
ปฏิบัติตัวกับคุณในแบบที่พวกเอลฟ์ และพวกมนุษย์ทำ
เค็นเดลฟ์ , ประติมากรแห่งไฟและน้ำ, แสงสว่างและความมืด!
คำตอบนั้นซ่อนอยู่ในคำอธิบายของเควส
‘วัตถุดิบพื้นฐานในการแกะสลัก ถ้าเป็นอย่างนั้น, วัตถุดิบอะไรที่คุณ
ต้องการใช้แกะสลักไฟและน้ำล่ะ?’
แน่นอน, ไฟและน้ำเป็นสิ่งที่ต้องการ การที่จะแกะสลักแสงสว่างและ
ความมืด, วัตถุดิบต้องมีตัวตนอยู่อย่างแน่นอน
ทันใดนั้นเอง วีดลุกขึ้นและวิ่งไปที่ริมแม่น้ำ
ขาสั้นๆของเค้าและก้นกระตุกไปมาในขณะที่เขารีบวิ่งอย่างรวดเร็ว เฮ
อร์แมนและพินวิ่งตามเขาไปโดยที่ไม่รู้เหตุผลว่าทำไม
“มันเกิดอะไรขึ้น?”
“ข้าเดาว่าพวกเราต้องเจออะไรบางอย่างแน่ถ้าพวกเราตามเขาไปด้วย”
พวกคนแคระ,คิดกันว่าพวกคนอาจจะเห็นอะไรดีๆที่น่าสนใจก็เป็นได้,
ละทิ้งจากกิจกรรมทุกอย่างที่พวกเขาทำอยู่และตามวีดไปยังแม่น้ำ
“มันเกินอะไรเกิดขึ้นกับเขากันเนี่ย?”
“เขาเบื่อทำรูปแกะสลักแล้วเหรอถึงได้กลายเป็นแบบนั้นน่ะ?”
ภาพเบื้องหน้าคือฝูงปลาที่แหวกว่ายอยู่ในแม่น้ำ, วีดมองไปรอบๆและ
สูดอากาศ หายใจเข้าไปลึกๆ
‘เราไม่รู้ว่าการคาดเดาของเราจะถูกมั้ย ยังไงก็ตาม เค็นเดลฟ์ เป็นประติ
มากร ประติมากรที่ไม่สร้างประติมากรรมต้องผิดปกติแน่ๆ
ประติมากรรมที่เขาสร้างขึ้นมาต้องถูกซ่อนไว้ที่ไหนซักแห่งในคุรุโซ ไ
ม่มีใครสามารถหามันพบ’
วีดกระโดดลงไปในแม่น้ำ
*ตูม!*
เมื่อเขากระโดดลงไปในน้ำ เขาดำดิ่งลึกลงไปในแม่น้ำ
มันเป็นการกระทำที่ไม่คาดคิดโดยที่พวกคนแคระไม่สามารถคาดเดาได้
ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“มันมีคนแคระที่ว่ายน้ำเป็นด้วยเหรอวะ?”
“คนแคระจะว่ายน้ำได้ยังไงล่ะ?”
เนื่องจากผลพวงของร่างกายของพวกคนแคระ, คนแคระจึงจมน้ำ
เหมือนกับก้อนหิน
วีดดำดิ่งลงไปตลอดระยะทางจนถึงก้นของแม่น้ำและคลำไปรอบๆตัว
ด้วยมือของเขา
พวกคนแคระที่มามุงดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ต่างพากันสรุปว่าวีดที่ยืนอยู่
ในแม่น้ำที่ใสสะอาดนั้นกำลังทำอะไรแปลกๆ
“เขาดูไม่เหมือนคนแคระที่กำลังจะจมน้ำเลย”
“มันเหมือนกับว่าเขากำลังดิ้นรนหาอะไรบางอย่าง”
ทุกครั้งที่วีดพยายามจับอะไรบางอย่างอยู่ในน้ำ ปลาไหลหรือปลากระ
บอกสีเทาเล็ดลอดหนีจากมือของวีด
ถ้าเขาพยายามมากกว่านี้ เขาสามารถจับปลาได้ แต่เขามีความคิดตั้งมั่น
อยู่ในหัวและคุ้นเขี่ยควานหาไปรอบๆแม่น้ำต่อไป
‘มันต้องอยู่นี้สักที่แหละน่า ถ้ามันอยู่ในคุรุโซ เราต้องหามันเจอแน่ๆ’
เขาเริ่มขาดอากาศหายใจ, แต่วีดยังคงยืดแขนของเขาออกไปและเดิน
บนพื้นของแม่น้ำอย่างบ้าคลั่ง มันไม่มีช่วงเวลาไหนเลยที่เขาไม่เสียใจ
กับการที่เป็นคนแคระแขนขาสั้น
‘เราหายใจไม่ออก’
ไม่ว่าเขาจะมีความอดทนสูงสักเท่าไหร่ ยังไงซะเขาก็ต้องถึงขีดจำกัด
อยู่ดี
*ฟิ้ ว!*
ทันใดนั้น มีบางอย่างถูกยิงลงไปในแม่น้ำ
ลูกธนูของเอลฟ์ ที่อัดแน่นไปด้วยพลังวิญญาณแห่งลม
เอลฟ์ เอเดลผู้ที่ได้รับคำแนะนำจากวีดเมื่อตอนที่เธอพยายามซื้อธนูอัน
ใหม่, เธอเป็นคนยิงลูกธนูนั้นเอง
วีดเดินไปยังจุดที่ลูกธนูตกลงไปและหายใจเข้าไป (Admin: คาด
ว่ายิงแล้วมีมวลอากาศ ทำให้สามารถหายใจในนั้นได้)
“เร็วเข้า รีบขึ้นมา!”
เอเดลตะโกนจากข้างบนของผิวน้ำ, แต่วีดไม่ได้ยินเสียงของเธอ วีด
เข้าใจดีว่าเธอกำลังพยายามจะพูดอะไร เขาส่ายหัวและยังคงตั้งหน้าตั้งตา
เดินต่อไปใต้แม่น้ำ
เอเดลยิงลูกธนูออกไปอีกหลายดอกเพื่อให้มีอากาศมากพอ
อย่างไรก็ตาม ยิ่งวีดเดินลึกเข้าไปในแม่น้ำมากเท่าไหร่ ลูกที่ยิงออกมายิ่ง
ไม่มีแรงพอที่จะไปถึงเขา
‘ถ้าที่นี่คือสถานที่ๆมีประติมากรรมซ่อนอยู่, มันอาจจะเป็นไปได้ว่า
อยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของแม่น้ำ’
วีดไม่ได้ลดความเร็วในการดำน้ำเลยแม้แต่นิดเดียว
ต่อให้มันไม่มีทางที่จะกลับขึ้นไป, ด้วยพลังปฏิเสธความตาย เขาจะเกิด
ใหม่ใต้น้ำในสภาพอันเดด
ถ้ามันอยู่ในคุรุโซจริงๆ, และมันเป็นประติมากรรม เขามั่นใจว่าที่นี่
แหละคือสถานที่ๆถูกต้อง!
ณ ที่แห่งนั้น ราวกับว่าเป็นสถานที่ๆไร้ซึ่งทางออก แต่แล้ววีดก็เจอสิ่งที่
เขากำลังมองหาอยู่
มันไม่ใช่วัตถุแข็งๆ แต่เป็นกระแสน้ำที่แตกต่างออกไป
- คุณค้นพบประติมากรรมแห่งสายน้ำของเค็นเดลฟ์
- คุณได้รับชื่อเสียงเพิ่ม 200
- คุณต้องการที่จะฟื้ นฟูประติมากรรมแห่งสายน้ำของเค็นเดลฟ์ หรือ
ไม่? ต้องการใช้มานา 20,000 และค่าสถานะทางศิลปะของคุณ
ต้องมากกว่า 500 เพื่อที่จะฟื้ นฟูผลงานชิ้นนี้
วีดตกลง
“กร้วก อั่ก เบล่อ เบลือก เอื้อก เบล่อก”
ถึงแม้ว่าการออกเสียงจะมีปัญหาเนื่องจากน้ำไหลเข้าไปทุกครั้งที่เปิ ด
ปากพูด วีดก็ตระหนักรู้ได้ว่ามันกำลังพยายามที่จะพูดอะไร
ณ ช่วงเวลานี้เอง น้ำในแม่น้ำเริ่มเคลื่อนไหว
ไม่สนใจซึ่งแรงโน้มถ่วง น้ำเริ่มที่จะลอยขึ้นไปในอากาศ
ดวงดาวปรากฏขึ้น
นกน้อยมากมายบินไปในขณะที่พวกมันทำเสียงเจี๊ยวจ๊าว
ผีเสื้อสยายปี กของมัน และเด็กๆที่เป็นคนแคระเริ่มเต้นรำไปมาด้วยขา
สั้นๆของพวกเขา
หยดน้ำจากประติมากรรมกลายมาเป็นฉากหลังที่ประดับประดาคุรุโซ
“ว้าว!”
“แม่น้ำกลายเป็นประติมากรรม!”
ตรงที่วีดยืนอยู่ เส้นทางใหม่ก่อตัวขึ้นจากสายน้ำ
สายน้ำหลายสายระเบิดขึ้นไปสู่ท้องฟ้ า จากนั้นรวมตัวเข้าด้วยกันอย่าง
รวดเร็วจนเกิดเสียงดังกระหึ่ม ไหลลงมาเหมือนน้ำตก และรวมตัวเข้า
ด้วยกันอีกครั้ง และ กลายมาเป็นสายน้ำอันนุ่มนวล
ในเส้นทางน้ำ มีเรือที่ทำขึ้นมาจากน้ำไหลเอื่อยๆไปตามทาง
มีลูกเรืออยู่บนเสากระโดงด้วย, และปลาโลมาทะยานขึ้นมาจากผิวน้ำ
อย่างสง่างาม ทั้งหมดนี้ทำขึ้นมาจากน้ำ
ภาพที่มองเห็นอยู่ตรงหน้าเป็นอะไรที่สูงส่งและสวยงามจนสามารถเติม
เต็มความสุขให้กับคุณได้
ผลงานที่บรรยายความงดงามของสายน้ำได้ดีที่สุด!
- ในขณะที่ทำการฟื้ นฟูประติมากรรมที่สร้างขึ้นมาจากคนแคระ ระดับ
การแกะสลักของคุณเพิ่มขึ้น
ค่าสถานะเสน่ห์และโชคเพิ่มขึ้น 10 หน่วย
ชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 50
- คุณได้เป็นสักขีพยานสวนน้ำสำหรับเด็กของเค็นเดลฟ์
ผลงานศิลปะของคนแคระประติมากรเค็นเดลฟ์
ธรรมชาติของสายน้ำสะท้อนให้เห็นถึงความบริสุทธิ์และไร้เดียงสาของ
บรรดาลูกๆและเด็กๆของประติมากร
เพราะอารมณ์ความปราบปลื้มที่เอ่อล้นในผลงานชิ้นนี้ สติปัญญาเพิ่มขึ้น
อย่างถาวร 3 หน่วย
คนที่ใช้สวนน้ำที่เค็นเดลฟ์ สร้างขึ้นสำหรับลูกๆของเขา คนๆนั้นจะได้
รับประสบการณ์อันสมบูรณ์แบบและความสนุกสนานที่แท้จริง
วีดไม่รีรอและกระโจนเข้าไปในสายน้ำ
น้ำพุ่งทะยานขึ้นไปเหมือนน้ำผุ ร่างกายของเขาถูกพาขึ้นไปอย่าง
รวดเร็ว; จากนั้นเขาก็ไหลลงมาเหมือนกับว่าเขาอยู่บนสไลเดอร์เลย
หลังจากข้ามผ่านท้องน้ำ วีดผ่านเนินเขาวารี
พวกปลาโลมาขี้เล่นกระโดดขึ้นมาและเอาจมูกแตะไปที่หน้าของวีด;
สาดน้ำใส่เขาด้วยน้ำที่ไหลผ่าน
- คุณกำลังสนุกไปกับสวนน้ำสำหรับเด็ก
พลังชีวิต,มานา, และความอึดของคุณฟื้ นคืนอย่างรวดเร็ว
ความอึดเพิ่มขึ้นถึงระดับสูงสุด
ถ้าหากกำลังเพิ่มทักษะเวทย์มนต์ธาตุน้ำ ทักษะที่มีความสัมพันธ์
เกี่ยวข้องกันจะได้รับการยกระดับให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
“มันดูน่าสนุกนะ!”
“ไปกันเถอะ!”
ทั้งคนแคระและเอลฟ์ ต่างพากันเล่นสไลเดอร์น้ำ
“วู้ววว ฮู้ววว!”
“ตื่นเต้นชะมัด!”
สไลเดอร์น้ำแห่งนี้เป็นการพลิกโฉมคุรุโซครั้งใหญ่!
ช่างตีเหล็กแกล้งทำท่าเหมือนกำลังล้างอะไรบางอย่างอยู่ แล้วก็แอบ
เข้าไปตรงช่องว่างใต้หอนาฬิกา
“ฮูเร่!”
“นี่มันสนุกมาก!”
เหล่าคนแคระผู้บ้าคลั่งทุกขนาดและรูปร่างต่างพากันตะโกนโหวกเหวก
เสียงดัง และทุกคนดื่มด่ำเต็มที่ไปกับความสนุกสนานที่เกิดที่ขึ้น
สายน้ำอันสดชื่นทำให้พวกเขาเปี ยกปอนไปหมดทั่วทั้งใบหน้าและทั้ง
ตัวของพวกเขา
ภายในกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว พวกเขาพลิกตัวไปมาแสดงท่าทางการ
เคลื่อนไหวอย่างกับการเล่นกายกรรมอยู่บนเจ็ทสกีน้ำยังไงยังงั้น และอ้า
ปากกว้างอยู่ในน้ำเหมือนกับพวกเขากำลังแข่งกับฉลาม
ผลงานที่ค้นพบได้สร้างบรรยากาศราวกับดินแดนในเทพนิยายเกินกว่า
จะจินตนาการได้
พวกเขากำลังสนุกไปกับการเล่นอยู่ในสวนน้ำ น้ำที่เกิดจากการกระจาย
กระเซ็นไปรอบๆ ปรากฏภาพอันมหัศจรรย์ สายรุ้ง!
- คุณชื่นชมสายรุ้งแห่งปาฏิหาริย์ของเค็นเดลฟ์
ในขณะที่ขุดแร่หาวัตถุดิบอยู่ภายในถ้ำที่มืดมิด หรือ หลอมเหล็กอยู่นั้น
พวกคนแคระไม่ค่อยได้มีโอกาสมากเท่าไหร่นักที่จะได้เห็นสายรุ้ง
ช่วงที่ฝนตก, มันเป็นธรรมดาที่พวกคนแคระจะไปนั่งและดื่มเบียร์ใน
ร้านเหล้าแถวนั้น
ส่วนพวกคนแคระที่ไม่ต้องการเล่นสไลเดอร์และว่ายน้ำอยู่ในสายน้ำที่
ส่องประกายระยิบระยับ สายรุ้งเปรียบได้กับของขวัญแห่งเวทย์มนต์
- พลังชีวิตเพิ่มขึ้นถึงระดับสูงสุดเป็นระยะเวลาหนึ่งวัน
- โชคเพิ่มขึ้นอย่างถาวร 6 หน่วย
- ในวันที่ฝนตก ทักษะการสังเกตและการมองเห็นเพิ่มขึ้นเป็นระยะ
เวลาหนึ่งเดือน
“อ้า, สวยจัง!”
สายรุ้งที่คุณคิดว่ามือของคุณจะสัมผัสมันได้แต่ก็ยังไม่สามารถเอื้อมไป
ถึงได้อยู่ดี
พวกเขาผ่านความมืดมิดที่ๆพวกเขาไม่สามารถมองเห็นได้เลยถึงแม้พวก
เขาจะลืมตากว้างมากแค่ไหนก็ตาม
- คุณชื่นชมห้องพักผ่อนในยามบ่ายของเค็นเดลฟ์
เค็นเดลฟ์ ประติมากรผู้ชื่นชอบและรักในการพักผ่อน!
นอกเหนือจากพวกคนแคระประติมากรเหล่านั้น เขาก็มีด้านที่ขี้เกียจอยู่
เหมือนกัน เขาชอบหลับในตอนเช้าอยู่บ่อยครั้ง และถ้าเขาได้ลิ้มชิมรส
เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เมื่อไหร่ เขาจะตื่นขึ้นมาในวันถัดไปของมื้อเย็น
เพื่อความมุ่งตั้งใจอย่างแรงกล้าที่มีเหลืออยู่ เขาจึงต้องการการพักผ่อนที่
ค่อนข้างมากพอสมควร (Admin: เข้าใจนะครับ อารมณ์ศิลปิ น
เทพๆ ชอบอินดี้ 555)
สำหรับเค็นเดลฟ์ แล้ว นี่เป็นรสชาติที่แสนหวานปานน้ำผึ้งก็มิอาจที่จะ
เปรียบเทียบได้
พลังชีวิต,มานา, และความอึดของคุณฟื้ นคืนเร็วขึ้น 35% เป็น
ระยะเวลาหนึ่งวัน
ถ้าชื่นชมห้องพักผ่อนในยามบ่ายเป็นระยะเวลาติดต่อกันสามวัน
ความเร็วในการฟื้ นฟูเพิ่มขึ้นอีก 50%
เวทย์มนต์ที่ร่ายโดยนักเวทย์ใช้ระยะเวลาสั้นลงและจำนวนทักษะเวทย์
มนต์ที่สามารถใช้ได้จากทักษะการจดจำเพิ่มขึ้นอีก 40%
ความลงตัวและกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของแสงสว่างและ
ความมืด
เต่าและหอยทากเร่งรีบเฉียดกายผ่านกันไป
เสียงกังวานที่ฟังแล้วให้ความรู้สึกสดชื่นของสายน้ำที่ไหลผ่าน
มันมีรูปร่างของก้อนเมฆที่ลอยเอื่อยเฉื่อยอยู่ข้างบน
วีดค้นพบประติมากรรมของเค็นเดลฟ์
เล่มที่ 14 ตอนที่ 8: การสร้างจิตวิญญาณแห่งธาตุ
เดย์มอนด์และกิลด์นักล่าแห่งผืนปฐพีแยกประเภทของวิญญาณปี ศาจ
พวกมันคือวิญญาณปี ศาจขนาดยักษ์ 50 ตัว! ขุมกำลังนี้ยังมีวิญญาณ
ปี ศาจขนาดกลางอีก 1,000 ตัว และวิญญาณปี ศาจขนาดเล็กอีก
เป็นหมื่นๆตัว
“เอาล่ะ เรามาลองกันเถอะ”
เดย์มอนด์ชอบความคิดของนาโด
“พวกเราต้องรู้ให้ได้ว่ามีพลังมากแค่ไหน”
ครั้งแรกที่ได้สบตากับพวกวิญญาณปี ศาจ มันน่าทึ่งมาก แต่พวกเขา
ต้องการ

ที่จะตรวจสอบเรื่องนี้ในการต่อสู้จริงๆ
พวกเขานำทัพวิญญาณปี ศาจออกจากวิหารแห่งการคืนชีพ และเริ่ม
ทำการ
ทดลองในทุ่งร้าง
ฝูงมันติคอร์ผู้โชคร้ายที่กำลังเดินผ่านได้กลายมาเป็นหนูทดลองของพวก
เค้า (Admin: สัตว์ในเทพนิยายคล้ายสิงโต)
มันติคอร์มีรูปร่างคล้ายสิงโตขนาดใหญ่ มีพละกำลังและความเร็วที่สูง
มาก

แม้กระทั่งกิลด์นักล่าแห่งผืนปฐพีเคยต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายมาแล้ว

ในครั้งก่อนๆ พวกเขาสามารถเอาชนะมาได้ในขณะที่ต้องได้รับความ
เสียหาย

แต่พวกเขาอ่อนแอมากเนื่องมาจากการทำเควสและไม่สามารถใช้พลัง
ได้

อย่างเต็มที่
“จัดการพวกเวรนั่นซะ”
เมื่อสิ้นคำสั่งของเดย์มอนด์ เหล่าวิญญาณปี ศาจขนาดยักษ์เคลื่อนพล

ข้ามทุ่งร้างพร้อมเสียงฝีเท้าอันดังกระหึ่มราวกับฟ้ าร้อง
ทุกครั้งที่พวกเขาเคลื่อนไปข้างหน้า จะเกิดหลุมมากมายในพื้นดิน

พวกวิญญาณปี ศาจใช้น้ำหนักอันมหาศาลของพวกมันพุ่งเข้าไปโจมตีฝูง

มันติคอร์ ทั้งบดขยี้และเหยียบย่ำพวกมัน

มันติคอร์เป็นสิบๆตัวถูกเตะกระเด็นด้วยของขาหน้าของวิญญาณปี ศาจ
จน

ลอยขึ้นไปในอากาศและพวกวิญญาณปี ศาจตัวอื่นๆใช้เขาของพวกมัน
ทิ่ม

แทงมันติคอร์ที่กำลังตกลงมา
มันเป็นภาพที่น่าดู: การกัดและการข่วนของมันติคอร์แทบจะไม่
สามารถทำความเสียหายให้แก่พวกวิญญาณปี ศาจได้เลย
ทุกๆครั้งที่มันติคอร์ตาย เดย์มอนด์และกิลด์สามารถรับรู้ได้ว่าพลังแห่ง
การ

คืนชีพกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
- ด้วยการครอบครองพลังชีวิตของผู้อื่น คุณได้รับพลังแห่งการ
คืนชีพ 35 หน่วย
- ความจงรักภักดีของคุณที่มีต่อวิหารเอ็มบินยูเพิ่มขึ้น
ค่าอุทิศของคุณที่มีต่อวิหารเอ็มบินยูเพิ่มขึ้น
คุณได้รับสถานะผู้ติดตามชั้นผู้น้อย
พวกเขาได้รับพลังแห่งการคืนชีพทุกครั้งที่วิญญาณปี ศาจประสบความ
สำเร็จ

ในการล่า ความจงรักภักดีของพวกเขาที่มีต่อวิหารเอ็มบินยูเพิ่มขึ้นด้วย
เช่นกัน
กองทัพของเดย์มอนด์ใหญ่โตขึ้นทุกครั้งเมื่อเขาใช้พลังแห่งการคืนชีพ!
นาโดถึงกับเอ่ยปากชม

“ถ้ามันมีพลังขนาดนี้นะ พวกเราควรที่จะทำลายกำแพงปราสาทได้แล้ว
นะ”

ไม่มีอะไรที่สามารถเปรียบเทียบได้กับอาวุธทลายป้ อม

อย่างไรก็ตาม หากพวกเขาปล่อยให้เหล่าวิญญาณปี ศาจออกไปโจมตี


เป็น

พวกแรกด้วยพละกำลังอันมหาศาล ไม่มีอะไรที่จะสามารถทำอะไรพวก
เขาได้
เมื่อพวกเขาไปประจักษ์ถึงความแข็งแกร่งของกองทัพคืนชีพ เดย์มอนด์
และ

กิลด์นักล่าแห่งผืนปฐพีถึงกับขนลุก ตัวสั่นสะท้าน

ความสามารถของพวกวิญญาณปี ศาจขนาดกลางและขนาดเล็กก็โดดเด่น
ไม่

แพ้กัน

โดยการใช้พลังชุบชีวิต เหล่าทหารและอัศวินที่ตายไปแล้วสามารถฟื้ น
คืนกลับ

มามีชีวิตได้อีกครั้ง พวกที่กลับมามีชีวิตจะสูญเสียสติปัญญาและความ
คิด

แล้วจะกลายมาเป็นลูกสมุนที่รู้จักแต่การต่อสู้ คอยจัดการศัตรูของพวก
มัน

อย่างโหดร้ายและทารุณ
***
“มันถึงเวลาแล้วที่พวกเราต้องติดสินใจว่าจะมุ่งหน้าไปที่ไหนต่อ”
เดย์มอนด์พูดในขณะที่กำลังใส่ไม้เท้ากระดูกและหมวกเหล็ก
ไอเทมที่พวกเขาได้มาเป็นรางวัลในขณะที่พวกเขาออกล่าในทุ่งร้างกับ
กองทัพคืนชีพ!
“ออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะ”
ซูบันเสนอความคิดนี้
“ข้าว่าตอนนี้มันถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะยึดครองและช่วงชิงอาณาจักร
ของพวกมนุษย์และพวกเอลฟ์ ”
กองทัพคืนชีพกำลังเติบโตมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และมันยากที่จะ
หา

สถานที่ล่าดีๆที่เหมาะสมในทุ่งร้างแห่งนี้
แม้ว่าพวกเขาจะใช้แค่เพียงพวกวิญญาณปี ศาจขนาดกลาง

สถานการณ์ก็ไม่ได้แตกต่างกันสักเท่าไหร่

ดังนั้นแล้วการที่จะหาฝูงมอนสเตอร์จึงยิ่งยากขึ้นไปอีก
เดิมทีกิลด์นักล่าแห่งผืนปฐพีเป็นพวกที่ชื่นชอบการต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง

ณ ทุ่งร้างแห่งนี้ มีผู้คนเพียงหยิบมือ พวกเขาจึงอดไม่ได้ที่จะต้องระเบิด


ความ
อัดอั้นที่มีอยู่ออกมา
“พวกเราต้องเริ่มเคลื่อนไหวได้แล้ว”
มาร์วิ่นเห็นด้วยกับความคิดนี้
เขาคิดว่ามันคงจะเป็นความผิดมหันต์หากไม่ใช้พลังที่พวกเขาครอบ
ครองอยู่

พวกเขาครอบครองพลังอันมหาศาลที่เหนือกว่าทุกๆอาณาจักรในทวีป
เวอร์

เซลล์

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะยังไม่รู้ในสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่นั้นสามารถนำ
ความ

หายนะมาสู่โลกใบนี้ ทุกคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต่างก็ไม่ได้กังวลหรือ
สนใจที่จะ

ต้องรอเพราะเหตุผลนี้
นาโดถาม
“หมู่บ้านที่อยู่ใกล้ที่สุดอยู่ที่ไหน?”
“แม้กระทั่งในทุ่งร้างแห่งนี้ ยังมีหมู่บ้านเล็กๆมากมายตรงแถบ
ชายแดน”
พวกเขาเดินเร่ร่อนไปมาพร้อมกับกองทัพคืนชีพ

พวกเขาผ่านพวกนักล่าที่มีขนาดเล็กกว่าจำนวนมากและหมู่บ้านเล็กๆที่

ดำรงชีวิตอยู่ด้วยการทำเกษตรกรรม
“แต่ว่าพวกเขาเล็กมากเลยนะ พวกเราไม่จำเป็นต้องมองหาพวกเขา
หรอก พวกเราสามารถจัดการพวกนั้นได้เพียงแค่เดินผ่าน เพื่อการเริ่ม
ต้นที่ดี ทำไมพวกเราไม่มุ่งหน้าไปยังโมราต้าล่ะ? ที่นั่นมีผู้คนมารวม
ตัวกันเป็นจำนวนมาก”
มาร์วิ่นแนะนำโมราต้า
มันอยู่ใกล้ที่สุดและมีจำนวนประชากรหนาแน่น! แต่ซูบันมีความคิด
เห็นที่แตกต่างออกไป
“โมราต้ามีวิหารเฟรย่าห์คอยปกป้ องอยู่ แล้วยังมีพวกนักผจญภัยที่มี
เลเวลสูงอีกด้วย และถ้าพวกเราเกิดไปโจมตีที่นั่นตั้งแต่เริ่มเลยละก็
ความเสียหายที่พวกเราจะได้รับนั้นคงมากน่าดู”
“พวกเราต้องคำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นด้วย ถึงแม้ว่าพวก
วิญญาณปี ศาจจะตาย พวกเราสามารถชุบชีวิตพวกมันได้ตลอด”
“มันก็ถูกนะ แต่มันก็มีอาณาจักรอื่นๆหรือหมู่บ้านที่อยู่รอบๆโมราต้า
ไม่ใช่เหรอ?”
“มันก็อาจจะเป็นอย่างนั้น แต่…”
“หลังจากที่พวกเราจัดการโมราต้าและยุ่งอยู่กับการเก็บกวาดเมือง
เล็กๆในทางตอนเหนือ อาณาจักรที่อยู่ในทางตอนกลางสามารถเตรียม
พร้อมรับมือการโจมตีของพวกเราได้ พวกเราต้องเปิ ดฉากโจมตีทาง
ตอนกลางก่อน ที่นั่นผู้คนจะได้ประจักษ์ซึ่งถึงความแข็งแกร่งของพวก
เรา อีกทั้งพวกเรายังสามารถขยายกองทัพของเราเพิ่มได้มากขึ้นอีกด้วย”
นาโดเห็นด้วยกับซูบัน
“การต่อสู้เล็กๆ พวกเราสามารถชนะได้อย่างแน่นอนแต่ว่ามันจะเสีย
เวลาน่ะสิ พวกเราอาจจะเสียเปรียบได้ในภายหลัง มันจะดีกว่ามั้ยถ้าพวก
เราไปยังทางตอนกลางที่ๆมีโอกาสเกิดการต่อสู้เกิดขึ้นมากมาย?”
มันมีความคิดเห็นที่ขัดแย้งกันเกิดขึ้น พวกหนึ่งต้องการที่จะโจมตีไป
รอบๆ

หมู่บ้านต่างๆ ส่วนอีกพวกหนึ่งต้องการที่จะโจมตีโมราต้าทันที
“พวกเราจะไปที่ทางตอนกลางกัน แก้แค้นพวกเวรนั่นก่อนเป็นอันดับ
แรก พวกที่คิดมาแย่งดินแดนและฆ่าพี่น้องของพวกเรา พวกเรา
แข็งแกร่งพอแล้ว ดังนั้นมันจึงไม่มีเหตุผลที่พวกเราต้องรออีกต่อไป
พวกเราจะละทิ้งชื่อของกิลด์นักล่าแห่งผืนปฐพีไว้ที่นี่ พวกเราจะนำ
กองทัพในนามของวิหารแห่งการคืนชีพ”
เหล่าพรีสต์ของวิหารแห่งการคืนชีพเลือกที่จะทำตามการตัดสินใจของ

เดย์มอนด์
เพราะพวกเขาคือกิลด์แห่งการต่อสู้ ถ้ามีการตัดสินใจเกิดขึ้นแล้ว

มันจะไม่มีเสียงซุบซิบให้ได้ยินอีกเลย
วิหารแห่งการคืนชีพและวิญญาณปี ศาจเคลื่อนพลมุ่งหน้าสู่ทางใต้
***
“พวกวิญญาณปี ศาจกำลังจะมาโจมตีเรา!”
“มีพวกมอนสเตอร์หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวกำลังมุ่งมาทางนี้”
พวกผู้เล่นที่กำลังออกล่าอยู่, หยุดการกระทำทุกอย่างและรีบมุ่งหน้า
เข้าไปยังประตูทางเหนือของอาณาจักรอิโซรุ
“มันเกิดอะไรขึ้น?”
“นายพูดว่าพวกมอนสเตอร์กำลังโจมตีใช่มั้ย?”
เพื่อที่จะหาว่ามันเกิดอะไรขึ้น พวกผู้เล่นจึงไปรวมตัวกันใกล้ๆ

กับกำแพงปราสาท

มอนสเตอร์ส่วนใหญ่ไม่สามารถที่จะเจาะทะลุกำแพงปราสาทหนาๆได้
และ
กลายมันเป็นเหยื่อของลูกธนูและเวทย์มนต์
“ไม่ใช่ว่ามันเหมือนกับการออกล่าเป็นปาร์ตี้หรอกเหรอ ที่ต้องทำก็แค่
ออกไปจัดการฝูงมอนสเตอร์นั่นซะและกลับเข้ามายังปราสาทเหมือน
เดิม?”
“มอนสเตอร์อะไรกันถึงขนาดทำให้พวกเขากลัวจนต้องวิ่งหนี?”
ในขณะที่ผู้คนกำลังคุยกันและมองดูอย่างสบายใจ เหล่าผู้เล่นที่เข้ามา
ทาง

ประตูเหนือต่างตื่นตระหนกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ทุกคน เตรียมตัวอพยพ!”
“พวกเจ้าจะมีชีวิตรอดอยู่ได้หากหนีออกไปจากอาณาจักรอิโซรุ เร็ว
เข้า!”
“กองทัพมอนสเตอร์กำลังเดินหน้าบุกเข้ามา!”
หลังจากที่รับรู้ได้ถึงเหตุฉุกเฉินจากเสียงกรีดร้องตะโกนของพวกเขา

เหล่านักรบที่กำลังคุยกันกับพวกพ่อค้าที่กำลังทำธุรกิจอยู่และผู้คนที่
กำลังคุย

กันในตลาดนัด ต่างพากันลุกขึ้นยืน
นอกจากจะยังไม่วิ่งหนีแล้ว ยังออกไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น

พวกเขาย้ายไปที่กำแพงเมือง
“มันไม่ใช่ธุระอะไรของข้าถ้าหากพวกเจ้าต้องมาเสียใจในภายหลัง!”
“พวกเราเตือนแล้วนะว่าให้รีบอพยพน่ะ”
พวกผู้เล่นที่เข้ามาจากประตูทางเหนือ รีบหนีออกไปทางประตูทิศใต้
ทันที
เพื่อนๆของพวกเขา เช่นเดียวกับพวกผู้เล่นคนอื่นๆที่ยังสงสัย

ต่างพากันหนีออกไปตามพวกเขา
อัศวินและทหารของอาณาจักรอิโซรุรวมพลจัดตั้งแนวทัพอยู่บน

กำแพงปราสาทของประตูทางเหนือ

แม้กระทั่งจอมเวทย์ที่ไม่ชอบเสี่ยงออกไป ยังมาพร้อมกับไม้กายสิทธิ์
และ

เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้

มีเพียงแค่ผู้เล่นเท่านั้นที่รู้ว่าเหตุการณ์นี้มันเลวร้ายแค่ไหน
ในขณะที่พวกเขากำลังโอดครวญอยู่ว่าจะหนีไปหรือไม่

ฝูงวิญญาณปี ศาจจากทางเหนือเข้ามาประชิดใกล้ขึ้นเรื่อยๆ

พวกมันคือวิญญาณปี ศาจขนาดยักษ์ซึ่งมีขนาดตัวเทียบเท่ากับป้ อม
ปราการ

วิหารแห่งการคืนชีพปรากฏตัวพร้อมกับกองทัพวิญญาณปี ศาจนับหมื่น
ตัว
หลังจากที่พวกเขารวมพลวิญญาณปี ศาจเข้าสู่แนวทัพแล้ว ทางด้าน
ประตู, เดย์มอนด์กำลังขี่ม้าเข้าไปใกล้
“ข้าชื่อเดย์มอนด์!”
เดย์มอนด์ตะโกนเสียงดังไปที่กำแพงปราสาท

เขาอยู่ห่างออกไปหลายเมตร แต่พวกผู้เล่นก็สามารถได้ยินเสียงของเขา
อย่าง

ชัดเจน
“ถ้านั่นคือเดย์มอนด์ แสดงว่าเขาเป็นผู้เล่นอย่างนั้นสินะ?”
“ฉันคิดว่าเขาเป็นผู้เล่นที่มีชื่อเสียงโด่งดังจากการล่ามอนสเตอร์ระดับ
บอสในทางเหนือนะ…”
“การที่เขาสามารถนำกองทัพมอนสเตอร์มาปรากฏตัวที่นี่ได้นั้น มัน
ต้องเกี่ยวข้องอะไรกับเควสที่เขาทำอยู่แน่เลย?”
ผู้คนที่สงสัยต่างรอคอยคำพูดถัดไปของเดย์มอนด์
พวกเขาคิดว่าเดย์มอนด์ต้องการเรียกร้องทรัพย์สมบัติมากมายจากอาณา
จักรอิโซรุ และแนะนำให้พวกเขายอมแพ้; โดยเฉพาะเมื่อเขานำกอง
ทัพมอนสเตอร์มาพร้อมกับเขา
แต่พวกเขาไม่สามารถที่จะช่วยอะไรได้นอกจากตกใจกับคำพูดที่เดย์
มอนด์

กำลังจะพูดออกมา
“ข้าขอประกาศสงครามกับอาณาจักรอิโซรุ พวกคนที่ไม่ต้องการต่อสู้
ข้าจะให้เวลาพวกเจ้า 10 นาที ออกมาจากกำแพงปราสาทซะและหนี
ลงใต้ไป ส่วนพวกที่ไม่ฟังคำเตือนของพวกเราเตรียมตัวตายได้เลย”
มันเป็นการยื่นคำขาดแบบรุนแรงจนหาที่เปรียบไม่ได้!
เมื่อพวกเขามองเห็ยกองทัพมอนสเตอร์ที่เดย์มอนด์เป็นคนสั่งการอยู่

พวกผู้เล่นต่างพากันหนีออกไปจากอาณาจักรอิโซรุอย่างเงียบๆ
อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้หนีออกไปจากพื้นที่แถวนั้นแต่กลับขึ้นไป
บนเนิน

เขาใกล้และรอดูการต่อสู้ของอาณาจักรอิโซรุกับกองทัพมอนสเตอร์ เดย์
มอนด์
และวิหารแห่งการคืนชีพตัดสินใจปล่อยให้พวกที่มุงดูเหตุการณ์หรือ
พวกที่ไม่รู้

อีโหน่อีเหน่หนีไป
“เอาล่ะหมดเวลา 10 นาทีแล้ว ทุกคนที่เหลืออยู่ในปราสาทคือศัตรู
ของพวกเรา”

เดย์มอนด์และพรีสต์แห่งการคืนชีพพร้อมกับวิญญาณปี ศาจ

เริ่มร่ายเวทย์มนต์ของพวกเขา และในไม่ช้าควันสีเทาก็ปกคลุมปราสาท
ทั้ง

หลัง

เมื่อโรคระบาดแพร่กระจายออกไป ใบหน้าของพวกทหารและอัศวินถูก
ย้อมเป็นสีเขียว
พวกเขาอ่อนแอหมดแรงจนไม่สามารถที่จะแบกรับน้ำหนักของชุด
เกราะที่

พวกเขาใส่และขาดใจตายบนกำแพง
“มังกรดิน บุก!”
พวกวิญญาณปี ศาจขนาดใหญ่ยักษ์มหึมาที่นาโดเรียกมานั้น พุ่งเข้าไป
หากอง

ทัพของศัตรูด้วยย่างก้าวอันหนักหน่วง

ทุกครั้งที่พวกวิญญาณปี ศาจก้าวเดินแต่ละที มันจะเดินเซไปเซมาให้

ความรู้สึกแปลกประหลาดมาก พวกมันเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นแล้วพุ่งเข้าชนใส่

กำแพงปราสาทด้วยความเร็วอันน่าสะพรึงกลัว
บู้มมมม!
ส่วนหนึ่งของกำแพงปราสาทแตกละเอียดกลายเป็นฝุ่ นผง
พวกวิญญาณปี ศาจขนาดยักษ์ทุบตีและทำลายกำแพงปราสาท ในขณะที่
พวกวิญญาณปี ศาจขนาดกลางโจมตีปราสาท;พวกมันทั้งกระโดดและ
ปี นขึ้นไปบนกำแพงปราสาท หรือพวกมันหาทางเข้าได้โดยใช้พวก
วิญญาณปี ศาจขนาดยักษ์
ทหารของอาณาจักรอิโซรุระดมยิงลูกธนูและเวทย์มนต์ แต่ไม่ว่าจะยังไง
พวกวิญญาณปี ศาจโดนยิงจนล้มลงไปแล้วกลับลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง
พรีสต์แห่งการคืนชีพร่ายเวทย์มนต์ชุบชีวิตพวกมันขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ต้องขอบคุณวิญญาณปี ศาจขนาดยักษ์ที่มีร่างกายมหึมา กำแพงปราสาท
ได้พังทลายลงมา; แม้กระทั่งโครงสร้างภายในของปราสาทยังได้รับ
ความเสียหายจนพังยับเยิน
มันเป็นภาพที่น่าสยดสยองยากที่จะลืมได้ในสายตาของผู้เล่นที่ได้
พบเห็น

เหตุการณ์นี้ ทั้งปราสาทเกิดรอยร้าวและพังทลายลงมา

เดย์มอนด์และวิหารแห่งการคืนชีพเดินหน้ากวาดล้างด้วยพลังทั้งหมดที่
พวก

เขามี ไม่มีการไว้ชีวิตหรือแม้แต่ดวงวิญญาณที่อยู่ภายในปราสาท
ทั้งหมด

อาณาจักรอิโซรุถูกบดขยี้อย่างรวดเร็ว และกองทัพคืนชีพกลับมีพลังเพิ่ม
มาก

ยิ่งขึ้นไปอีก
พวกวิญญาณปี ศาจเติบโตขึ้นผ่านประการณ์การต่อสู้

เมื่อชีวิตดับสิ้น พวกทหารธรรมดาและอัศวินทั้งหมดถูกชุบชีวิตขึ้นมา
อีกครั้ง

นี่คือวิธีการที่เดย์มอนด์และกองทัพคืนชีพจัดการกับอาณาจักรอิโซรุ

การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในหน้าประวัติศาสตร์บนทวีปเวอร์เซลล์
กำลังจะ

เกิดขึ้น
***
พวกคนแคระแห่งคุรุโซอยู่ในสภาวะชุลมุนวุ่นวายอันเนื่องมาจากสวน
น้ำนั่นเอง
“เค้ เฮะ เฮะ เฮ!”
“ดื่มเบียร์ตอนที่กำลังเล่นน้ำอยู่นี่ มันสุดยอดจริงๆ”

พวกคนแคระต่างพากันสนุกสนานไปกับสวนน้ำโดยไม่สนใจว่าพวก
เขานั้นจะ
มีอายุเท่าไหร่หรือเพศอะไร เมื่อไม่นานมานี้ มีเทรนด์ใหม่ล่าสุดคือดื่ม
เบียร์ใน
ขณะที่กำลังลงมาจากสไลเดอร์น้ำ

เฮอร์แมนและพินกล่าวกับวีด
“ประติมากรรมของเค็นเดลฟ์ ! ไม่ใช่ว่านี่คือเควสเฉพาะเผ่าพันธุ์ที่ผู้
ฝึกสอนในกิลด์ประติมากรคนแคระเป็นคนให้มาอย่างนั้นสินะ? พอ
ลองมาคิดดูแล้วคนที่ค้นพบมันนี่ ดันเป็นคนที่เรารู้จักซะด้วย…มันช่าง
เป็นข่าวที่น่าตกใจมาก”
“ยินดีด้วย นายสามารถจัดการคำขอร้องที่ไม่เคยมีใครสามารถไข
ปริศนานี้ได้มาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน”
สำหรับพวกคนแคระ, การค้นพบร่องรอยที่ลึกลับ ซับซ้อนของ
เค็นเดลฟ์ ผู้เป็นตำนานนั้น เป็นภารกิจที่น่าทึ่ง
ที่หน้าต่างเควสของวีดมีบางอย่างเปลี่ยนไป-ถ้าเขาไปหาผู้ฝึกสอนจอร์
บิดที่กิลด์ประติมากร เขาสามารถได้รับรางวัลในทันที

ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่พวกคนแคระรวมทั้งเฮอร์แมนจะรู้สึกอิจฉา

วีดพูดตามความคิดของเขาด้วยท่าทางอ่อนน้อมถ่อมตน
“โอ้ ได้โปรด ผมก็แค่หามันเจอโดยบังเอิญเท่านั้น”
“...”
“ก็ตั้งแต่ที่ผมมองหามันทั่วทั้งคุรุโซแล้ว มันก็เหลืออยู่เพียงที่เดียวที่
มันน่าจะอยู่ที่นั่น?”
“...”
“มันไม่มีอะไรที่พิเศษเลยกับสิ่งที่ผมทำ มันก็แค่ความพยายามของ
พวกคนแคระคนอื่นๆหมดลงก็เท่านั้นเอง”
การพูดของเค้านั้นยิ่งทำให้พวกเขาชอบวีดน้อยลงไปอีก!
มันแปลกสำหรับวีดที่จะต้องชมหรือสรรเสริญคนอื่นๆ ดังนั้นเขาจึงทำ
สิ่งที่ดีที่สุดด้วยการพูดล้อเล่นเหมือนมันเป็นเรื่องตลก
‘มันแน่นอนล่ะว่าการได้รับคำชมไม่ใช่เรื่องที่ดี!’

เมื่อครั้งที่เค้าเคยทำงานเป็นลูกจ้าง ตอนที่เค้าทำงานได้ไม่ดีมักจะโดน
สบถใส่

อยู่ตลอดเวลา มันเป็นวันที่เค้าได้รับคำก่นด่าสาปแช่งมากกว่าอาหารที่
ได้มา

เสียอีก
แต่ด้วยความพยายามมุมานะ เขาจึงสามารถก้าวข้ามผ่านความยาก
ลำบาก

ไปได้ ขนาดถึงขั้นที่ว่าเขาเชี่ยวชาญเทคนิคต่างๆมากมายจนสามารถ
ทำงาน

ได้มากกว่าคนอื่น
เขาทั้งยกและถือกองอิฐเป็นกองๆ, ติดตาให้ตุ๊กตาเป็นร้อยๆ, และยัง
ส่งหนังสือพิมพ์ได้ดีอีกด้วย
“นายมีความสามารถทางด้านนี้นะ”
“นายเป็นคนที่มีความสามารถโดดเด่น เป็นคนที่พวกเราต้องการมาก”
เมื่อได้รับคำชื่นชมจากท่านประธานมากเท่าไหร่, จำนวนงานที่เขาได้
รับนั้นยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
มันยิ่งแย่มากขึ้นอีกเมื่อเขาทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านเหล้า
“นายสุดยอดมาก! สมบูรณ์แบบที่สุด! จากนี้ไป ฉันจะให้ลี ฮุนทำ
งานนี้”

ทุกครั้งที่ได้รัยคำชม เขามีความสุขที่ได้ยินมัน แต่วีดรู้ดีว่าอีกไม่นาน


ร่างกายของเขาจะเหนื่อยล้าไปทั้งตัว
แม้กระทั่งในกรณีแบบนี้ ที่ไม่ใช่ความตั้งใจของเฮอร์แมน วีดสามารถ
โต้ตอบ

ได้โดยสัญชาตญาณ

และเขาไม่ได้แกล้งทำหรือหลอกคนอื่นในเรื่องนี้

ตามกฎแล้ว การค้นพบที่เกิดขึ้นทั้งหมดภายหลังจากความพยายาม
อุตสาหะมาอย่างยาวนาน ในที่สุดมันมาชัดเจนในตอนท้าย
“ในฐานะที่เป็นประติมากร มันใช่เพียงแค่การมองหาผลงานที่สำเร็จ
เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่ามันจะเป็นงานประติมากรรมแบบไหน ถ้าคุณเข้าใจ
ถึงวัตถุดิบที่ใช้ในการสร้างมัน, สถานที่, และลักษณะของมัน, ไม่ว่า
อะไรก็ตามที่ผมทำขึ้นมานั้น มันเป็นไปได้เสมอ”
“เข้าใจวัตถุดิบและคุณลักษณะ…มันไม่ใช่แค่การตีดาบให้เสร็จ, แต่
ต้องใส่ใจและความเป็นตัวของตัวเองลงไปในขั้นตอนที่ทำนั้นด้วย?”
พวกมันคือดาบธรรมดาๆ, แต่เฮอร์แมนคิดถึงพวกมันเป็นเวลานาน,
อย่างกับว่าเขาได้รับเบาะแสอะไรบางอย่างจากพวกมัน
พินลังเลอยู่นานก่อนที่จะถามอย่างระมัดระวัง
“ตอนนี้คุณทำเควสสำเร็จแล้ว คุณจะออกจากคุรุโซเลยมั้ย?”
เธอก็ด้วย เธอรู้ว่าเขาทำเควสของประติมากรสำเร็จที่มีอยู่เกือบ
ทั้งหมด, และเขายังค้นพบร่องรอยของเค็นเดลฟ์ อีกด้วย อันที่จริงแล้ว
วีดทำภารกิจเสร็จไปแล้วมากมายหลากหลายชนิด
คำขอร้องที่ต้องทำคู่ไปกับการผจญภัยหรือต่อสู้, คำขอร้องการผลิต
เช่น งานเย็บปักและการตีเหล็ก, คำข้อร้องที่ต้องสร้างงาน
ประติมากรรมให้ประทับใจ…เขาทำมันเสร็จทั้งหมด!
ทำได้ทุกอย่าง แต่ไม่เก่งสักอย่าง, คำขอร้องที่เขาได้รับมาจึงเพิ่มขึ้น
ปกติแล้ว เมื่อพวกคนแคระเห็นวีด พวกเขาจะรีบมาขอร้องให้เขาทำนู่น
ทำนี่

ให้ทันที
“เหมืองทางหินทางทิศตะวันออกเต็มไปด้วยพวกหนอนตะกั่ว เจ้าพอ
จะจัดการมันได้มั้ย?”
หนอนตะกั่วเป็นมอนสเตอร์ที่มีเลเวลสูงกว่า 300
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่วีดจะล่าพวกมันได้ด้วยระดับเลเวลของเขา, แต่
เพราะพวกมันสามารถขุดและฝังตัวลงไปในดินได้, พวกมันเป็นมอนส
เตอร์ที่จับได้ค่อนข้างลำบากหากปราศจากซึ่งเวทย์มนต์ อีกอย่างพวกมัน
ยังรับรู้ได้ถึงอันตรายใกล้ตัว แล้วพวกมันจะพ่นพิษที่สามารถแก้ได้ยาก
มาก
“ดาบที่สามารถทำให้เหล็กแหลกสลายกลายเป็นผุยผง, และชุดเกราะ
ไม่สามารถที่จะป้ องกันได้เลย, มันมีเรื่องเล่าที่คนเขาลือกันว่าดาบใน
ตำนานถูกซ่อนอยู่ในอาณาจักรของพวกเรา, เจ้าเชื่อเรื่องพวกนี้มั้ย? ข้
าจะดีใจมากหากเจ้าสามารถหามันพบ”
เควสดาบในตำนาน
ด้วยความยากระดับ A, มันเป็นเควสที่พิเศษมากขนาดที่ว่าไม่มีใครใน
คุรุโซสามารถทำเควสนี้ได้
มันมีเบาะแสไม่มากนัก, แต่มันมีโอกาสสูงมากที่เขาสามารถเพิ่มความ
สนิทสนมกับพวกคนแคระที่อาศัยอยู่จนถึงระดับสูงสุดได้
วีด,ผู้ที่สามารถยกยอได้ตลอดทั้งวัน, คิดว่ามันเป็นการท้าทายที่คุ้มค่า
มากสำหรับเควสพวกนี้ แต่ว่าเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยกเลิก
ไป เพราะเขายังขาดทักษะการตีเหล็กขั้นสูงที่ต้องการในระหว่างการทำ
เควส
“พวกเขาพูดกันว่ามันมีผลไม้ที่สามารถยืดอายุขัยของพวกคนแคระซึ่ง
สามารถหามันพบได้ในบึงทางทิศตะวันตกของคุรุโซ,แต่ว่าไม่มีใครทำ
มันได้สำเร็จเลยสักคน เจ้าอยากจะลองสักครั้งมั้ย?”
มันเป็นเควสระดับ B
ถ้าคุณเข้าร่วมทีมกับพวกพระหรือนักบวช, คุณสามารถดิ้นรนหาผลไม้
ในดันเจี้ยนที่อยู่ในบึงได้
เควสระดับ A และระดับ B ต่างไหลมาเทมาอย่างไม่ขาดสาย
เควสท่วมท้นอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
วีดตอบคำถามของพินอย่างเรียบง่าย
“ผมคิดว่าคงถึงเวลาต้องไปแล้วล่ะ”
“ฉันก็คิดอย่างนั้นนะ…”
“แต่ว่ามันยังไม่ถึงเวลา เหตุผลที่ผมมาที่นี่-ผมคิดว่าผมสามารถทำมัน
สำเร็จได้นะ”
***
เขายังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่นัก, แต่มันไม่เหมือนว่าเค็นเดลฟ์ เป็นถึง
ระดับปรมาจารย์การแกะสลัก
‘ตั้งแต่ที่เราหาร่องรอยของเขาพบ, ถ้าเขาเป็นถึงประติมากรระดับ
ปรมาจารย์ล่ะก็ เขาต้องทิ้งความลับอะไรบางอย่างที่เกี่ยวกับ
ประติมากรรม’

ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ก็ต้องขอบคุณเขา วีดจึงสามารถหาทางออกเจอว่าเขา

ต้องแกะสลักอะไร

เขาเดาว่าเค็นเดลฟ์ เป็นประติมากรที่มีความปราบปลื้มและประทับใจกับ
ผลงานประติมากรรม การที่จะสามารถสร้างประติมากรรมขึ้นมาจากน้ำ
ได้นั้นหมายความว่าเขาต้องมีความรู้ความเข้าใจถึงลักษณะของน้ำเป็น
อย่างดี จึงสามารถควบคุมมันได้ราวกับว่ามันเป็นร่างกายของเขาเอง
ความลับของประติมากร!

ถ้าหากคุณเพิ่มระดับความสัมพันธ์กับสิ่งที่ไม่มีชีวิตจนถึงระดับสูงสุด
แล้วล่ะก็ คุณจะสามารถแกะสลักอะไรก็ได้

วีดผู้เป็นถึงประติมากรแสงจันทร์ได้เรียนรู้วิธีการควบคุมแสง มันยังมี
ประติมา

กรที่มีความสามารถพิเศษอีกมากอยู่ทุกหนทุกแห่ง และยังมีพวกที่แกะ
สลัก

ในสิ่งที่พวกเขาต้องการอีกด้วย ความรักที่มีต่อการแกะสลักกลายมาเป็น
แรง

พลักดันและแรงบันดาลใจที่คอยขับเคลื่อนพวกเขา

ตอนนี้ เขามีความมั่นใจมากขึ้นที่จะแกะสลักพวกสิ่งลี้ลับที่ขอร้องเขาให้
แกะ
สลักพวกมัน
- เจ้าประติมากรไร้ความสามารถ ใช้หัวทึบๆของเจ้าและมือนั่นแกะ
สลักข้าซะ
- อะไรคือเหตุผลที่ทำให้เจ้าไม่แกะสลักข้า ข้าจะเชื่อฟังคำสั่งเจ้าทุก
อย่าง แกะสลักข้าได้แล้ว!
‘เราต้องเข้าใจพวกมัน เราต้องทำพวกมันขึ้นมาจากความรู้สึกของพวก
มัน’
เหตุผลที่ว่าทำไมหยดน้ำถึงส่องแสงแวววาวระยิบระยับงดงามมากก็
เพราะว่ามันนำเอาลักษณะทั้งหมดที่ดีที่สุดในชีวิตออกมา สายลม
บรรยายถึงอิสระเสรี และสายรุ้งบ่งบอกถึงความสุดยอดมหัศจรรย์
ลักษณะอันแสนวิเศษของสายรุ้งที่คุณเห็นได้เฉพาะแต่ในฝัน มันกลาย
เป็นจริงแล้วในผลงานประติมากรรมของเค็นเดลฟ์ อารมณ์ที่มากพอถึง
ขั้นทำให้พวกผู้ใหญ่กลับมาทำตัวเป็นเด็กอีกครั้ง!
วีดถือมีดแกะสลักไว้ในมือทั้งสองข้าง
‘เราจะกลายมาเป็นพวกมัน เราจะดูซับความรู้สึกที่พวกมันมีให้แก่เรา
เราจะแกะสลักพวกมันไปตามที่หัวใจของเราพาไป’
- ประติมากร เจ้าจะสร้างข้างั้นรึ?
เสียงที่จริงใจและสง่าผ่าเผย, ที่คอยให้กำลังใจด้วยความอบอุ่นแต่ไม่ถึง
กับเป็นเสียงที่ไม่สุภาพ-วีดตัดสินใจที่จะเก็บความรู้สึกไว้ภายในตัวเขา
มนุษย์ มอนสเตอร์ หรืออะไรก็แล้วแต่ การที่จะตั้งชื่อให้มันนั้นค่อนข้าง
ยาก

เพื่อที่จะแยกแยะประเภทของมัน เขาต้องรวมสมาธิไปเพื่อให้ได้ยินเสียง
ที่
เปล่งออกมา

เสียงที่ได้ยินเต็มไปด้วยข้อมูลมากมาย
อารมณ์ของมันในขณะนี้และลักษณะนิสัย, รูปร่างที่เหมาะสม, และ
ความชอบที่ยังเหลืออยู่อย่างครบถ้วน ทั้งหมดนี้สามารถรู้สึกได้
‘ดวงตาที่แสดงถึงความอบอุ่น, มือที่เล็กกว่าขนาดปกติ, ไหล่กว้าง
และร่างกายที่แข็งแรง เราไม่สามารถละเลยความรู้สึกที่กล้าหาญและ
อบอุ่นนี้ได้’
แทนที่จะมานึกทรมานว่าจะทำอะไรขึ้นมาก่อน, เขาสร้าง
ประติมากรรมให้ไหลไปตามอารมณ์
แขนขายาว ทุกสิ่งทุกอย่างยาวมากกว่าของมนุษย์นิดหน่อย แต่มันไม่น่า
เกลียดเหมือนมอนสเตอร์, และประติมากรรมชิ้นนี้ยังให้ความรู้สึกที่
นุ่มนวล ละมุนละไม สุภาพ อ่อนหวาน ราวกับเทพบุตรลงมาจุติ
“นี่คือประติมากรรมที่ข้าสร้างขึ้นมาให้กับเจ้า”
ติ๊ง!
- คุณได้เรียนรู้ศิลปะการสร้างประติมากรรมจิตวิญญาณแห่งธาตุ
- การสร้างประติมากรรมจิตวิตวิญญาณแห่งธาตุ: ประติมากรรมที่ถูก
สร้างขึ้นเพื่อให้เป็นร่างกายของจิตวิญญาณแห่งธาตุ

วิญญาณจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนที่มีตัวตนอยู่บนทวีปเวอร์เซลล์
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากพวกนั้นแล้ว มีจำนวนเพียงน้อยนิดเท่านั้น
ที่ร่างกายเป็นรูปธรรมหรือถูกตั้งชื่อให้
ถ้าคุณสร้างร่างกายให้กับพวกจิตวิญญาณ, จิตวิญญาณพวกนี้จะ
สามารถเดินทางไปไหนมาได้ทั่วทั้งทวีปเวอร์เซลล์ด้วยร่างกายนั้น
ถ้าหากว่าคุณตั้งชื่อให้กับมัน, คุณก็จะกลายเป็นบิดาผู้สร้างแห่งจิต
วิญญาณและสามารถออกคำสั่งควบคุมพวกมันในการต่อสู้

ถ้าจำนวนมานาที่ใช้เรียกจิตวิญญาณนั้นมีปริมาณน้อย คุณสามารถเรียก
จิต

วิญญาณขั้นกลางได้ตั้งแต่แรกเลย

ร่างกายที่เสร็จสมบูรณ์ของจิตวิญญาณจะต้องได้รับความพึงพอใจเพื่อที่
จะเรียกจิตวิญญาณที่เป็นรางวัลหรือราชันวิญญาณ
คุณภาพของจิตวิญญาณที่คุณสามารถเรียกออกมาได้ในอนาคตขึ้นอยู่กับ

ระดับของทักษะการแกะสลักและค่าความสนิทสนม

ถ้าคุณสามารถทำให้ทักษะการแกะสลักของคุณไปถึงระดับปรมาจารย์
ได้ คุณสามารถเรียนรู้ทักษะ ‘การสร้างเผ่าพันธุ์’
ข้อจำกัด: สามารถใช้ได้เมื่อมีทักษะการแกะสลักถึงขั้นสูงแล้วเท่านั้น
ความต้องการของทักษะ: ค่าสถานะทางศิลปะ 200 (ถูกใช้ไป
ถาวร)
ข้อควรระวัง: จิตวิญญาณจะเรียนรู้ได้มากที่สุดในวันแรกที่พวกมันเกิด
มา ลักษณะนิสัยของจิตวิญญาณขึ้นอยู่กับประติมากรผู้สร้างพวกมัน

ถ้าจิตวิญญาณแห่งธาตุที่เรียกออกมาในเวลาเดียวกัน มีธาตุที่ตรงข้าม
กัน

พวกมันจะต่อสู้กันเองในทันที

ถ้าสร้างวิญญาณปี ศาจจำนวนมากเกินไป ชื่อเสียงที่ไม่ดีจะเพิ่มขึ้น


ถ้าจิตวิญญาณที่มีร่างกายสมบูรณ์สูญเสียราชันวิญญาณ, จิตวิญญาณ
ทั้งหมดจะอ่อนแอลงจนกว่าราชันวิญญาณจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่
ถ้าสามารถบรรลุทักษะจนถึงขั้นที่เชี่ยวชาญแล้ว สามารถสร้างมอนส
เตอร์กึ่งมนุษย์ได้,แต่ค่าสถานะทั้งหมดจะลดลง 20 แต้ม
- คุณได้สร้างจิตวิญญาณตัวใหม่
ค่าสถานะทางศิลปะ 160 หน่วยถูกใช้ไป
- ทักษะการแกะสลักขั้นสูงเพิ่มขึ้นถึงระดับ 6 ประติมากรรมจะมี
ความพิเศษมากขึ้นและมีรายละเอียดเพิ่มขึ้น
- ทักษะงานฝีมือของคุณเพิ่มขึ้น
- ชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 260
- เสน่ห์เพิ่มขึ้น 60
เคล็ดมีดแกะสลัก, ประติมากรรมประทานชีพ, ประติมากรรม
จำแลง…และตอนนี้เขาได้รับเคล็ดลับการแกะสลักอันใหม่
ทักษะการสร้างจิตวิญญาณ
มันคือเคล็ดลับของประติมากรที่สามารถทำให้พวกวิญญาณที่มีตัวตนอยู่
ในโลกนี้มีร่างและรูปร่างได้จริงๆ!
งานประติมากรรมที่วีดแกะสลักด้วยไม้วางอยู่ข้างๆเขา,และทั้งๆดิน ฝุ่ น
โคลนรวมตัวกันกลายเป็นรูปเป็นร่าง
กองดินโคลนพูดออกมาอย่างนอบน้อม
“ประติมากร, เจ้าสร้างร่างกายขึ้นมาให้ข้า, ได้โปรดเลือกชื่อให้ข้า
ด้วย”
วีดตอบกลับไปหลังจากที่พิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว
“เอาเป็น มนุษย์โคลนละกัน”
“ก็ได้”
ไม่ว่าคุณจะมองมันยังไงก็ตาม, จิตวิญญาณตัวนี้ดูเหมือนว่าจะ
เกี่ยวข้องกับดิน ดังนั้นชื่อที่โผล่ขึ้นมาในความคิดควรจะเป็น มนุษย์ดิน
ถึงอย่างนั้นถ้าเขาเลือกชื่อนั้นล่ะก็ มันดูออกง่ายเกินไปถึงความตั้งใจของ
มัน เขาเลยใช้หัวของเขาเลือกชื่อมนุษย์โคลนขึ้นมา
‘อย่างที่คิดไว้ ไม่มีใครมีเซ้นส์ในการตั้งชื่อดีไปกว่าเราอีกแล้ว’
วีดถาม
“เจ้าชอบร่างกายนี้มั้ย?”
“ข้าคิดว่ามันไม่ค่อยสะดวกสบายเท่าไหร่เวลาที่ขยับไปไหนมาไหน,
แต่ข้าก็ชอบมันนะ”
มันอาจจะเป็นประติมากรรมรูปแบบใหม่, เพื่อให้แน่ใจ, วีดพยายามที่
จะตรวจสอบมัน
“ตรวจสอบ”
- มนุษย์โคลน
จิตวิญญาณธาตุดิน
มันถือกำเนิดจากความสามารถของประติมากร
มันสุภาพและมีนิสัยที่เชื่อถือได้ แต่ว่าเพราะร่างกายของมันไม่เหมาะสม
เท่าไหร่นัก มันจึงแสดงความสามารถได้เพียง 35% เท่านั้น ของ
พลังที่มันมีอยู่

สามารถพัฒนาไปถึงจิตวิญญาณขั้นกลางได้

ผ่านทักษะการเรียกจิตวิญญาณ จิตวิญญาณสามารถแสดงทักษะต่างๆอัน

สุดยอดของพวกมันออกมาได้
ความสามารถพิเศษ: พสุธากัมปนาท, ขุด, ฝัง, ค้นหาแหล่งน้ำ, เร่
งการเจริญเติบโตของพืชผลทางการเกษตร
เพราะว่านี่คือครั้งแรกที่ประสบความสำเร็จ, ลักษณะหน้าตาของจิต
วิญญาณจึงไม่สามารถแสดงออกได้ถึงความมีชีวิตและถูกสร้างขึ้นมา
ด้วยทักษะที่พอประมาณ
- เจ้าประติมากรซกมก! เจ้ากล้าดียังไงถึงสร้างไอ้เวรนั่นก่อนข้า! ข้า
โมโหแล้วนะ ข้าจะเผามันให้หมด

วีดเห็นความล้มเหลวของเขาสะท้อนออกมาจากเสียงที่โกรธเกรี้ยวและวี
ดยก

มีดแกะสลักของเขาขึ้น
‘มันคือจิตวิญญาณ มันไม่จำเป็นต้องเหมือนกับมนุษย์’
เขาสร้างเปลวไฟอันร้อนแรง เขาทำมันออกมาให้มีแขนและขายาว
- คุณได้สร้างจิตวิญญาณขึ้นมาใหม่
ค่าสถานะทางศิลปะ 160 หน่วย ถูกใช้ไป
- ทักษะการตรวจสอบประติมากรรมเพิ่มขึ้น
- ทักษะงานฝีมือเพิ่มขึ้น
- ค่าชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 260
- เสน่ห์เพิ่มขึ้น 60 หน่วย

ประติมากรรมของวีดติดไฟในทันที ทุกสิ่งที่เหลืออยู่ในเนื้อไม้ มีเพียง


แค่เศษ

ซาก และในไม่ช้าทุกอย่างก็ถูกเผาไปจนหมดสิ้น ณ ที่ตรงนั้น ปรากฏ


เห็นเป็น

รูปร่างที่มีไฟลุกโชน
“ข้าชอบมัน,ร่างกายนี้ ข้าพอใจกับมันมาก ประติมากร,พูดชื่อข้า!”
จิตวิญญาณแห่งไฟกำลังสนุกสนานไปกับตัวของมัน
“กรวดเพลิงเป็นไง”
“กรวดเพลิง! ข้าชอบชื่อนี้นะ”
“ตรวจสอบ!”
- กรวดเพลิง
จิตวิญญาณแห่งเปลวเพลิงอันร้อนแรง

ถูกสร้างขึ้นมาโดยประติมากรบนมาตรฐานใหม่ของทักษะการแกะสลัก
ที่

พัฒนาขึ้น

มีความอดทนน้อยและลักษณะนิสัยที่เกรี้ยวกราด อารมณ์รุนแรง

ถึงแม้ว่ามันจะขาดเสน่ห์ เพราะมันมีร่างกายที่เหมาะสม มันจึงชอบที่จะ


แสดงความสามารถของมัน มันสามารถใช้พลังได้ถึง 62% จากที่มี
อยู่

สามารถพัฒนาไปเป็นจิตวิญญาณขั้นสูงได้

ผ่านทักษะการเรียกจิตวิญญาณ จิตวิญญาณสามารถแสดงทักษะต่างๆอัน
สุดยอดของพวกมันออกมาได้
ความสามารถพิเศษ: หอกเพลิง, กันไฟได้, มอดไหม้
“มนุษย์โคลน จงออกมา กรวดเพลิง จงออกมา!”

แววตาของวีดเป็นประกาย มานาของเขาไหลออกมาเป็นคลื่น

พื้นดินสั่นสะเทือนและก่อตัวขึ้น เปลวไฟที่ร้อนระอุก่อตัวขึ้นเช่นกัน
และ

มนุษย์โคลน

และกรวดเพลิงถูกเรียกออกมาเป็นร้อยๆตัว
จิตวิญญาณแห่งธาตุขั้นกลาง, จิตวิญญาณแห่งธาตุขั้นสูง นี่คือพลังที่
แสดงออกมาของทักษะการแกะสลักขั้นสูง!

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เรียกพวกจิตวิญญาณแห่งธาตุระดับปกติออกมา
ทั้งหมด

ทั้งๆที่เขาสามารถทำได้ เขาไม่รู้สึกเสียใจที่มันจะออกมาเกินห้าหรือหก
ตัว ถ้า
จำนวนของจิตวิญญาณแห่งธาตุเพิ่มมากขึ้น มันจะยากในตอนที่ต้อง
ควบคุม

พวกมัน
“อ้า, ในที่สุดก็ได้ออกมาเจอโลกภายนอกซะที! เจ้าไม่คิดเหรอว่า
ความฝันนี้มันจะเป็นจริงขึ้นมา?”
“ดูนี่สิ ร่างกายของพวกเรา มันมีตัวตน, และพวกเราสามารถเคลื่อน
ย้ายพวกมันไปไหนนมาไหนได้ตามที่พวกเราต้องการ”

สำหรับพวกจิตวิญญาณแห่งธาตุที่ถูกสร้างขึ้นมาได้ไม่นาน ราวกับว่า
ร่างกาย

ของพวกมันเหมือนปาฏิหาริย์

เมื่อพวกมันเห็นร่างกายของตัวเอง พวกมันอุทานออกมาด้วยความแปลก
ใจ

และเกลือกกลิ้งไปมาอยู่บนพื้น

ทุกครั้งที่พวกมนุษย์โคลนทำอะไรก็ตาม พื้นมักจะสั่นเล็กน้อยอยู่เสมอ
และใน

กรณีของพวกกรวดเพลิง เปลวเพลิงยิ่งร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ

แม้ว่าพวกมันจะมีความสุขที่หมกมุ่นอยู่กับปาฏิหาริย์ที่ถูกสร้างขึ้นมา
ไม่ช้า

พวกมันก็รับรู้ได้ถึงวีด

พวกมันรู้โดยสัญชาตญาณว่าใครคือเจ้านายที่เป็นคนสร้างพวกมันขึ้นมา
และมีความสนิทสนลึกซึ้งกับเขา
ความสามารถพิเศษและความเป็นผู้นำของวีดกำลังจะปลดปล่อยขึ้นมา
อีกครั้ง และ ราชสีห์คำราม!
“อะแฮ่ม! ข้าคือเจ้านายที่สร้างพวกเจ้าขึ้นมาทั้งหมด ตั้งแต่ที่ข้าได้
เห็นชีวิตแก่พวกเจ้า จงทำตามที่ข้าต้องการซะ”

มนุษย์และกรวดเพลิงที่เป็นต้นแบบและถูกสร้างขึ้นมาเป็นพวกแรกนั้น
มี

ความพิเศษตรงที่อีโก้ของพวกมัน
พวกมันคือตัวแทนของพวกพ้องจิตวิญญาณในหมู่พวกมัน
อย่างไรก็ตาม, พวกจิตวิญญาณธรรมดาตัวอื่นๆ ก้มหัวและสาธยาย
ความต่างๆ
“พวกเราจะทำตามคำสั่งของเจ้านายทุกอย่างด้วยพลังแห่งดิน”
“พวกข้าจะเผาทำลายทุกอย่างให้ราบคาบหากพวกมันเป็นภัยคุกคาม
ต่อท่าน”
คำปฏิญาณแสดงความจงรักภักดีจากกองทัพจิตวิญญาณ!
อย่างกับว่าเขาเป็นผู้นำเจ้าลัทธิ วีดชูแขนทั้งสองข้างขึ้นมา
“จงเชื่อในตัวข้าและทำตามคำสั่งของข้า!”
“ขอรับ เจ้านาย!”
“จงเชื่อ! จงเชื่อในตัวข้า, และพรุ่งนี้ที่สดใสรอเราอยู่”
(Admin: ตามเทรนด์โปเกม่อนหน่อย 555)
“ข้าคือใคร!”
“บร้ะเจ้าผู้ยิ่งใหญ่, เจ้านายผู้สร้างพวกเรา”
“เจ้านายคือประติมากรที่รังสรรค์ผลงานจนเสร็จสิ้น, วีรุบุรุษประติ
มากรผู้ที่ทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้”
อย่างกับว่าพวกมันกำลังแข่งขันกันอยู่ พวกมนุษย์โคลนและพวกกรวด
เพลิงกำลังยกยอเขา บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าวีดเป็นคนสร้างพวกมัน
พวกมันเลยเรียนรู้อะไรที่ไม่ดีได้ก่อนเป็นอันดับแรก (Admin: แ
ปลมาถึงตรงนี้ ลั่นเลยทีเดียว 555 )
“แล้วความเฉลียวฉลาดของข้าล่ะ?”
“ฉลาดที่สุดในทวีปนี้”
“เจ้านายคืออัจฉริยะ”
“เมื่อตอนที่ข้าอายุได้ 1 ขวบ, ข้าคลานได้ 100 เมตร
ภายใน 0.1 วินาที ตอนอายุ 2 ขวบ, ข้าใช้ปี กของข้าบินไปยัง
ท้องฟ้ า”
“โอ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้!”
ด้านหลังผ้าคลุมของวีด, ปี กแห่งแสงสยายกว้าง
สว่างมาก สว่างสุดๆ! ระยิบระยับตระการตาเหนือคำบรรยายใดๆทั้ง
ปวง ใช้เพื่อการโกหกโดยเฉพาะ ช่างเป็นชีวิตของประติมากรรม
แสงจันทร์ที่ได้รับชีวิตมาเสียจริง!

การได้เห็นความจงรักภักดีแบบเบ็ดเสร็จของพวกจิตวิญญาณ หัวใจของ
อุ่น

ขึ้นมาในทันที
“ใบหน้าของข้านั้นหล่อเหลาที่สุดในโลก! ไม่มีมนุษย์คนใดที่จะ
มีหน้าตาดีไปกว่าข้าผู้นี้ อีกแล้ว เมื่อสาวๆได้เห็นรอยยิ้มของข้า พวกเธอ
ไม่สามารถที่จะอดทนได้จนต้องมารุมเร้าข้า”
“...”
“...”
พวกมนุษย์โคลนเหมือนกับว่าพวกมันกัดเข้าไปข้างในทาร์ตเกรพฟรุ้ต
(Admin: ไม่รู้มันเกี่ยวอะไรกัน แต่น่าจะเป็นเหมือนกับว่าไป
โดนอะไรบางอย่างเข้าให้ แล้วไปกระตุ้นมัน)
“นั่-นั่นมันน้อยไปหน่อย…”
วีดมองไปที่กรวดเพลิง มันกำลังเผาไหม้หญ้าที่ดูสมบูรณ์แข็งแรง อย่าง
เฉยเมย
“พวกเราปล่อยให้เค้าอยู่ในโลกของเขาไปคนเดียวเถอะและฟังตามที่
เขาพูดอย่างเดียวพอ แต่เขาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ควรจะหยุดน่ะซี้”
“ใช่ พวกเราต้องจูบตูดเค้ามั้ยวะและต้องทนทรมานเพื่อที่จะให้ได้
ร่างกายนี้มาเนี่ย?”
“ข้าไม่คิดว่ามันจะเลวร้ายถึงขั้นนั้นหรอกนะ…”

กรวดเพลิงกระซิบคุยกันเงียบๆท่ามกลางวงสนทนาของพวกมัน
วีดตะโกนออกมาด้วยเสียงดังฟังชัด
“อะแฮ่ม! นี่มันช่างเป็นเหตุการณ์ที่น่าเศร้ามาก การที่พวกจิตวิญญาณ
แห่งธาตุที่ข้าสร้างขึ้นอย่างยากลำบาก กลับไม่พอใจที่จะอยู่บนโลกใบ
นี้…ข้าควรที่จะใช้ทักษะประติมากรรมทำลายล้างเพื่อบดขยี้ทุกสิ่งทุก
อย่างและทำเหมือนกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน?”

พวกมนุษย์โคลนและพวกกรวดเพลิงรู้สึกได้ถึงภัยคุกคามที่มีต่อชีวิต
ของพวก

มันและรีบยกแขนขึ้นมา
“ฮูเร่ ให้เจ้านายวีด!”
“เจ้านายจงเจริญ!”
ความสุขของพวกมันนั้นช่างสั้นเหมือนกับชีวิต, และในขณะที่พวกมัน
กำลังยกแขนขึ้นมา ร่างกายของพวกมนุษย์โคลนและพวกกรวดเพลิงเริ่ม
เลือนลางและกำลังจะหายไป มานาของวีดถูกใช้เกลี้ยงไม่มีเหลือและเขา
ไม่สามารถที่จะทำให้พวกมันอยู่ต่อได้นานกว่านี้
“ได้โปรดเรียกพวกเราได้ทุกเวลา เจ้านาย!”
“ได้โปรดอย่าลืมข้านะ”
เมื่อพวกมนุษย์โคลนและพวกกรวดเพลิงหายไปแล้ว แต่เสียงอื้ออึงที่ดัง
ก้อง

ไปทั่วของพวกมันยังคงได้ยินผ่านอากาศที่เบาบาง

หลังจากที่พวกมนุษย์โคลนและพวกกรวดเพลิงทั้งหมดได้ถูกเรียกกลับ
ไป วีด

ครุ่นคิด สรุป ทบทวนและพักฟื้ นมานาของเขา

ทักษะประติมากรรมการสร้างจิตวิญญาณแห่งธาตุ

ความทรงจำมากมายที่เขาพยายามและทุ่มเทเพื่อค้นหาเคล็ดลับการแกะ

สลักนี้ ผุดขึ้นมาในหัวของเขาอีกครั้ง
ในอดีตที่ผ่านมาเขาโดนคำสาปทุกครั้งเมื่อต้องทำการแกะสลัก!

เมื่อมานาของเขาเต็มแล้ว วีดลุกขึ้นยืนจากที่ของเขาอีกครั้ง
“มนุษย์โคลน จงออกมา กรวดเพลิง จงออกมา!”
ดินและไฟโผล่ขึ้นมา, มนุษย์โคลนและกรวดเพลิงถูกเรียกออกมาอีก
ครั้ง!

วีดชูมือทั้งสองข้างขึ้นไปในอากาศ

“ฮูเร่ เจ้านายวีด!”
“ฮูเร่!”
การล้างสมองยังคงดำเนินต่อไปตลอดทั้งวันไม่จบไม่สิ้น
การล้างสมองที่บังคับพวกมันให้เคารพและเชิดชูเขาเพียงผู้เดียว!
“ข้าคือใคร!”
“ผู้สร้างแห่งเรา ผู้ยิ่งใหญ่เหนืออื่นใดไม่มีใครเทียม ผู้ที่สงสารชีวิตอัน
จิ๊บจ๊อยของพวกเราและสร้างร่างกายให้กับพวกเรา”
“คำพูดของข้าล่ะ?”
“พวกมันคือคำสั่งเด็ดขาดที่พวกเราต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตามแม้พวก
เราจะต้องสูญสิ้นไปจากโลกนี้ก็ตาม”
“มันไม่มีเกียติยศอันใดที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าการได้ใช้ร่างกายที่มีอยู่นี้เพื่อ
เติมเต็มคำสั่งของนายท่าน”
วันต่อมา, สถานที่ ที่พวกมนุษย์โคลนเคลื่อนย้ายและมุ่งหน้าไป คือ
เหมืองทับทิมของวีด
“ขุดพวกมันระวังๆด้วยล่ะ อย่าให้พวกมันมีแม้แต่รอยขีดข่วนเชียว
นะ!”
ถ้าผู้สร้างจิตวิญญาณดูแลจิตวิญญาณเหล่านั้นเปรียบเสมือนเพื่อนของ
เขาเอง พวกมันจะให้ความเคารพแก่เขา…

ปกติแล้ว เมื่อคนเราออกไปผจญภัยในทวีปเวอร์เซลล์ มักจะผูกมิตรเป็น


เพื่อน

กับพวกจิตวิญญาณที่น่ารักน่าเอ็นดู

อย่างไรก็ตาม มันมีบางอย่างที่ใช้ไม่ได้ผลกับวีด

วันแห่งแรงงานทาสได้มาเยือนอีกครั้ง พวกจิตวิญญาณถูกเรียกออกมา
เพื่อขุดหาแร่ทับทิม
เล่มที่ 14 ตอนที่ 9: บทสนทนาของดาร์คเกมเมอร์

ลี ฮุน เชื่อมต่อเข้ามาห้องแชทของสมาคมดาร์เกมเมอร์ การเปิ ดเผย


ข้อมูล, การตั้งคำถาม, การค้าขาย และระดับที่สูงขึ้นไปอีก คือหัวข้อ
หลักของห้องแชท
ปกติแล้วในห้องแชท ผู้คนที่อยู่ในนั้นต่างเสียเวลาไปกับมัน แต่กับพวก
ดาร์คเกมเมอร์นั้นต่างออกไป ข้อมูลที่เกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆของแต่ละ
อาณาจักร, สาขาอาชีพ, ข้อมูลเควส, และข้อมูลที่จำเป็นต่างๆถูกแลก
เปลี่ยนกันอยู่ตลอดเวลา
บทสนทนาเหล่านี้ไม่ได้เปิ ดกว้างให้กับทุกคน ห้องทุกห้องจะสามารถ
ใช้ได้ผ่านบอร์ดในหัวข้อต่างๆที่สามารถเข้าได้เฉพาะระดับที่ได้รับการ
อนุญาตแล้วเท่านั้น มีเพียงแค่กลุ่มเล็กๆในสมาคมดาร์คเกมเมอร์ที่แบ่ง
ปันหรือแชร์ข้อมูลต่างๆ ถึงจะได้รับการอนุญาตให้เข้าไปยังห้องแชท
เหล่านั้นได้
มันเป็นทักษะพื้นฐานในการใช้ห้องแชทเพื่อเปิ ดเผยความลับต่างๆใน
แต่ละเกม
- ฮูนิ: เร็วเข้า เร็วเข้า เข้ามาได้แล้ว คุณฮุน
- ฮุน: พวกเราเจอกันอีกแล้ว
- ฮูนิ: ใช่ ยินดีที่ได้รู้จัก
- วิคก์มี: นี่เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่ผมได้เจอคุณ คุณฮุน
มีผู้ใช้งานอยู่ในห้องแชทประมาณ 7 คน
นอกจากคนอื่นๆที่ซุ่มหลบอยู่ในนั้น, อันที่จริงแล้วมีเพียงแค่ ฮูนิ และ
วิคก์มี กำลังคุยกันอยู่
- ฮูนิ: คุณฮุน คุณมาที่นี่ตอนดึกๆตลอดเลยนะ คุณทำอะไรดึกๆดื่นๆ
อย่างนั้นเหรอ?
- ฮุน: ผมก็แค่…ผมกำลังเรียนรู้เกี่ยวกับทักษะในสายอาชีพของผมอยู่
- ฮูนิ: ทักษะอาชีพสำคัญมากๆเลยนะ ปกติแล้ว, คุณเข้าห้องแชทและ
ไม่พูดอะไรเลย, แต่คุณเช็คราคาตลาดของไอเทมอยู่ใช่มั้ย?
- ฮุน: ใช่แล้ว
- วิคก์มี: ฉันก็ทำอย่างนั้นอยู่บ่อยๆเหมือนกัน
- ฮูนิ: ทุกคนที่เป็นดาร์คเกมเมอร์ก็ทำอยางนั้นเหมือนกัน เพราะมัน
ไม่มีอาชีพอะไรที่จะยุ่งเหมือนของพวกเราอีกแล้ว
มันสำคัญมากสำหรับดาร์คเกมเมอร์ที่ต้องมาเช็คราคาตลาดของพวกไอ
เทมต่างๆ, ภารกิจ, และสถานที่ล่า เพื่อเป้ าหมายของพวกเขานั่นก็คือ
เงิน ไม่ใช่แค่แค่พยายามอย่าง แต่ข้อมูลที่ได้มา ต้องมีความสำคัญด้วย
มีเพียงแค่ดาร์คเกมเมอร์ที่เหนือกว่าพวกผู้เล่นคนอื่นๆ สามารถ
สนุกสนานไปกับการพบกันของพวกเขาได้อย่างเต็มที่
- ฮูนิ: ผมเป็นดาร์คเกมเมอร์มาแล้ว 7 ปี แล้วพวกคุณทั้งสองเป็นดาร์ค
เกมเมอร์มานานเท่าไหร่แล้ว?
- วิคก์มี: ผมเป็นมาแล้วประมาณ 3 ปี อันที่จริงก็ 2 ปี ล่ะนะ
- ฮูนิ: ถ้างั้นผมก็เป็นรุ่นพี่ของคุณน่ะสิ แต่มันก็ไม่ได้มีความหมายอะไร
สักเท่าไหร่ ถ้า 2 ปี แสดงว่าคุณเริ่มเป็นดาร์คเกมเมอร์ตั้งแต่ รอยัล โร้ด
เปิ ดเลยน่ะสิ?
- วิคก์มี: ถูกต้องแล้ว ผมเริ่มเวลาเดียวกันกับที่รอยัล โร้ดเปิ ดให้เล่น
ตั้งแต่ที่ผมเริ่มต้นเร็วกว่าคนอื่น ผมก็สามารถเก็บสะสมเงินได้บางส่วน
ตั้งแต่ต้นเลย
- ฮูนิ: ผมล่ะอิจฉาคุณจริงๆ แล้วคุณล่ะ คุณฮุน?
- ฮุน: ผมเป็นดาร์คเกมเมอร์ได้มาเกือบปี แล้ว
- ฮูนิ: นั่นมันน่าเหลือเชื่อมากๆ!
- วิคก์มี: จริงหรอเนี่ย? ถ้าคุณสามารถเข้าห้องแชทระดับนี้ได้ แสดงว่า
คุณไม่ได้อยู่ในระดับพวกผู้เล่นธรรมดาๆน่ะสิ…และมันไม่ใช่แค่เลเวล
อีกนะ, แต่คุณภาพของข้อมูลที่แบ่งปันและการตอบรับของคุณสำคัญ
มากในการที่จะประเมินระดับของคุณ
- ฮูนิ: หนึ่งปี นี่มันน่าตกใจมากๆเลยนะเนี่ย คุณพอจะบอกความลับ
อะไรให้ผมบ้างจะได้มั้ย?
- ฮุน: ผมก็แค่ขยันทำงานมากๆ และผมเริ่มหาเงินในฐานะดาร์คเกมเม
อร์ก่อนหน้านั้นแล้ว; มันก็แค่ผมลงทะเบียนไปเมื่อปี ที่แล้ว
- วิคก์มี: อย่างที่ผมคิดไว้เลย มันควรจะเป็นอย่างนั้น มันยากนะที่จะ
เป็นดาร์คเกมเมอร์ในรอยัล โร้ดน่ะ
- สมอลล์ดราก้อน: ยินดีที่ได้รู้จัก ผมเห็นบทสนทนาที่พวกคุณกำลังคุย
กันน่าสนใจดีในขณะที่ผลกำลังซุ่มอยู่ ผมเป็นดาร์คเกมเมอร์มา
แล้ว 6 ปี
ผู้ที่ใช้งานอยู่ได้ออกมาจากสถานะซุ่มและเข้าร่วมวงสนทนา ในไม่ช้า
ห้องแชทก็กลับมาดูมีชีวิตชีวามากขึ้น
พวกเขาทักทายกันและเริ่มการสนทนาพูดคุย ข้อความเก่าๆที่ผ่านมาเด้ง
ขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่แล้วมันก็ใช้เวลาไม่นาน บทสนทนาอันร้อนแรงก็
สงบลงหลังจากผ่านไปไม่ถึง 10 นาที
พวกเขาออกไปหาข้อมูลที่ตัวเองต้องการหรือพักเบรกในขณะที่เปิ ดห้อง
แชททิ้งไว้
ลี ฮุน ก็ออกไปหาข้อมูลต่างๆเหมือกันและกลับมาพบว่า ฮูนิ และ วิคก์
มี กำลังสนทนากันอยู่
- ฮูนิ: คุณฮุน คุณอยู่ตรงนั้นมั้ย?
- ฮุน: ใช่
- ฮูนิ: อันที่จริงแล้ว ครั้งนี้ผมมีเควสที่ผมต้องการทำให้สำเร็จ…ผมก็
เลยอยากปรึกษาคุณสอง
- วิคก์มี: มันคือเควสอะไรล่ะ?
- ฮูนิ: อย่างแรกเลย ได้โปรดเข้าใจผมด้วยว่าผมจะไม่เปิ ดเผยราย
ละเอียดเนื้อหาของเควส
- วิคก์มี: แน่นอน
- ฮุน: ผมเข้าใจ
- ฮูนิ: ขอบคุณที่เข้าใจผมนะ พูดตามตรงเลยนะ ผมกำลังทำเควสที่มัน
ค่อนข้างออกจะพิเศษอยู่สักเล็กน้อย
- วิคก์มี: มันเป็นเควสที่อันตรายมากมั้ย?
- ฮูนิ: นั่นก็อาจจะใช่ มันมีระดับความยากที่สูงมากๆ…เควสนี้ห้ามไม่
ให้คุณฟื้ นคืนชีพขึ้นมาได้อีกเลย
- วิคก์มี: ผมไม่เข้าใจที่คุณพูดว่าห้ามฟื้ นคืนชีพ มันหมายความว่าอะไร
เหรอ?
- ฮุน: ตัวละครจะตายจากไปในรอยัล โร้ด อย่างถาวร ใช่มั้ย?
- ฮูนิ: ใช่ ถูกต้องแล้ว การตายอย่างสมบูรณ์ของตัวละคร
มันเป็นอะไรที่สามารถเกิดขึ้นได้ถ้าหากคุณเรียนรู้เวทย์มนต์ต้องห้าม,
หรือถ้าคุณละทิ้งวิญญาณเพื่อเหตุผลบางอย่างหรืออะไรก็แล้วแต่ มันคือ
มาตรฐานของพวกดาร์คเกมเมอร์ที่จะต้องปฏิเสธคำขอร้องเหล่านี้ คำ
สาปที่ยากแก่การรักษาหรือถอนคำสาป ยังสามารถจัดการได้หลังจาก
ผ่านไปไม่นาน, แต่ถ้าตัวละครของคุณหายไป คุณต้องเริ่มเล่นใหม่อีก
ครั้งตั้งแต่ต้นเลย
หลังจากที่อาชีพของเขาได้เปลี่ยนมาเป็นประติมากรแสงจันทร์ใน
ตำนาน เขาไม่พอใจมันตั้งแต่เริ่มแรก, แต่เหตุผลที่ทำให้เขาล้มเลิกความ
ตั้งใจที่จะเริ่มเล่นอาชีพใหม่นั่นก็เพราะมันยากที่จะเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด
นั่นเอง
- ฮุน: แล้วคุณได้เควสนั้นมายังไงเนี่ย?
- ฮูนิ: ผมอยู่กับกิลด์ที่ผมบริหารอยู่, มันเป็นเควสที่พวกเราได้มาใน
ฐานะกิลด์
- วิคก์มี: ถ้าคุณกำลังบริหารจัดการกิลด์ แสดงว่าคุณต้องมีตัวละครที่
พิเศษมากแน่ๆเลย; มันช่างน่าเสียดายจริงๆ
- ฮูนิ: ใช่ ตอนนี้ผมชักรู้สึกเสียดายซะแล้วสิ ผมสงสัยว่าถ้าผมเริ่มทำ
อะไรบางอย่างที่มากจนเกินกว่าที่พวกเพื่อนๆและสมาชิกในกิลด์จะ
สามารถทำได้, แต่รางวัลตอบแทนที่จะได้รับผ่านเควสนี้มันก็เหมาะสม
เหมือนกัน
- วิคก์มี: ในฐานะดาร์คเกมเมอร์แล้ว มันคุ้มมั้ย ที่จะต้องเริ่มใหม่
ทั้งหมด?
- ฮูนิ: ผมคงต้องดูว่าเควสนี้จะเป็นไปยังไง, แต่ตอนนี้ผมคิดว่ามันคุ้มที่
จะทำการท้าทายนี้ ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่สามารเคลียร์เควสนี้ได้ก็ตาม
พวกเราก็ต้องยอมรับในผลที่ตามมาเพราะพวกเราหวังรางวัลใหญ่เอาไว้
อยู่
- วิคก์มี: ถ้าเป็นผมนะ ผมจะกังวลก่อนเลย ถึงแม้ว่าการเริ่มเล่นตัว
ละครใหม่อีกตัวจะเป็นอะไรที่ทรหดสุดๆ
- ฮูนิ: 7 ปี ที่ผ่านมาในฐานะดาร์คเกมเมอร์ของผม, ผมคิดว่านี่แหละ
คือโอกาสที่ยิ่งใหญ่และความท้าทายแบบสุดๆ ผมยังมีเงินของผมที่เก็บ
ออมไว้อยู่, ถึงแม้ว่าผมจะตายผมก็ยังสามารถเริ่มเล่นใหม่ได้
ถ้าคุณลองอ่านข้อความที่เขาพิมพ์ออกมา อย่างละเอียดถี่ถ้วน คุณก็จะ
พบว่าดาร์คเกมเมอร์ ฮูนิ กำลังพยายามพลักดันตัวเองให้คิดบวกเกี่ยวกับ
สถานการณ์ของเขาในตอนนี้
สำหรับดาร์คเกมเมอร์แล้ว, การสูญเสียตัวละครของพวกเขาก็เหมือน
กับการตกงาน!
ไม่สามารถคาดหวังอะไรได้เลยจากเงินประกันสังคมและเงินบำเหน็จ
บำนาญของผู้ว่างงาน, ถ้าคุณคิดว่านั่นคือหายนะล่ะก็ คุณจะเดือดเนื้อ
ร้อนใจเป็นเอามาก ถ้าลี ฮุนตกอยู่ในสถาณการณ์แบบเดียวกันนี้ การที่
ตัวละครของเขา วีด ถูกลบทิ้งหายไปอย่างถาวร ความกระวนกระวายใจ
ของเขาคงล้นเกินที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดก็ยังไม่หมด
‘เรายังหาเงินไม่พอ!’
นั่นอาจจะเป็นเพราะว่างานทุกอย่างที่เขาทำมาทั้งหมด จะสูญเปล่าไปใน
ทันที ดังนั้นเขาจะไม่คิดที่จะรับเควสแบบนั้นเด็ดขาด
เขามีทางเลือกไม่มากนักได้แต่ต้องอดทนต่อความทุกข์ทรมานอันแมน
สาหัส ในชีวิตจริง ไหนจะบิลค่ารักษาพยาบาลของคุณยายและค่าใช้จ่า
ยอื่นๆที่จำเป็นของครอบครัวถูกคุมคามโดยเรื่องพวกนี้ แม้ว่าฮูนิจะมีเงิน
ที่เก็บออมไว้บางส่วน แต่นั่นก็ไม่ได้รับประกันความสบายใจของเขาซะ
ทั้งหมด การที่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น มันสามารถทำให้ชีวิตของพวก
ดาร์คเกมเมอร์พังพินาศได้
ถ้าคุณตายในขณะที่กำลังออกล่า เลเวลของคุณและทักษะความชำนาญ
จะลดลง และถ้ามันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเป็นประจำล่ะก็ มันจะเป็น
ความเสียหายที่ร้ายแรงที่สุดสำหรับดาร์คเกมเมอร์
- วิคก์มี: ผมหวังว่าคุณจะไอเทมกลับมาเต็มไม้เต็มมือนะ แล้วถ้าพวก
คุณได้ไอเทมพวกนั้นมาล่ะ คุณจะจัดการพวกมันยังไง
- ฮูนิ: มั่นใจได้เลย ไอเทมทั้งหมดที่พวกเราได้มาจากการทำเควส จะ
ถูกแบ่งให้กับทุกๆคน และขายมันออกไป ไม่ว่าจะยังไง เมื่อผม
จินตนาการถึงตัวละครที่ผมอุตส่าห์สร้างมันขึ้นมาจากน้ำพักน้ำแรงของ
ผมต้องหายไปอย่างถาวรล่ะก็…มันไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นในทันที แต่ทุก
ครั้งที่ผมคิดถึงมัน ผมจะรู้สึกเจ็บปวดตรงอกอยู่เสมอ
- ฮุน: คุณต้องกังวลมากแน่ๆเลย
- ฮูนิ: มันไม่มีอะไรที่ผมทำได้ นอกจากต้องเดินหน้าต่อไปเพียงอย่าง
เดียว
- ฮุน: ถ้าคุณมีประสบการณ์ตรงนั้นแล้ว คุณจะเติบโต้ขึ้นมากกว่าเดิม
และเควส…
จู่ๆมือของลี ฮุนที่กำลังพิมพ์อยู่บนคีบอร์ด ก็หยุดไปเฉยๆซะอย่างนั้น
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่การคาดการณ์ แต่ถ้าเควสพวกนั้นสำเร็จขึ้น
มา เพราะโอกาสที่ดูเหมือนตลกร้ายเพื่อทำให้ตัวละครนั้นถูกลบออกไป
จึงไม่มีใครเต็มใจที่เสี่ยงรับเควสแบบนี้
แต่ดาร์คเกมเมอร์ ฮูนิ ยังคงกังวลถึงเรื่องการตายที่อาจจะเกิดขึ้นได้
‘เหมือนว่าเขาจะได้เควสที่ยากมากจริงๆ แหะ’
เขาเดาว่ามันต้องลำบากมากๆแน่เพื่อที่จะทำเควสนี้ให้สำเร็จ ยิ่งกว่าหา
เข็มในกองฟางซะอีก
- ฮุน: ผมขออวยพรให้คุณประสบความสำเร็จนะ พวกมันคือคำพูดที่
ผมสามารถให้คุณได้
- ฮูนิ: ขอบคุณ ผมจะทำให้ดีที่สุด ผมต้องการทำให้มั่นใจมากขึ้นไปอีก
- วิคก์มี: มันเป็นอะไรที่ทำให้หัวใจรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา เมื่อได้พวกคุณ
สองคนพูดคุยกัน
- ฮูนิ: คุณวิคก์มี, คุณฮุน พวกเรามาเป็นเพื่อนกันมั้ย? ถึงแม้ว่าผมจะ
ไม่รู้อายุของพวกคุณหรือที่อยู่ของพวกคุณ ผมคิดว่ามันไม่เลวเลยนะที่
จะเป็นเพื่อนกันในห้องแชทดาร์คเกมเมอร์เนี่ย
- ฮุน: ผมชอบความคิดนี้นะ
- ฮูนิ: ผมขอแนะนำตัวเองก่อนเลยละกัน ผมอายุ 28 ปี
- ฮุน: ผมอายุ 23 ปี
- ฮูนิ: งั้นฮุนก็เหมือนน้องเล็กของผมน่ะสิ
- ฮุน: ใช่แล้วครับพี่ ไม่ต้องพูดสุภาพอย่างเป็นทางการแล้วก็ได้
- ฮูนิ: นายไม่ใส่ใจงั้นเหรอ? แล้ววิคก์มีล่ะ อายุเท่าไหร่
- วิคก์มี: พี่ชาย! ผมอายุ 15 ปี ผมอายุน้อยสุดเลย พี่ชายทั้งสองของ
ผม ได้โปรดดูแลน้องชายที่แสนน่ารักผู้นี้ด้วยนะครับ
- ฮูนิ: ...
- ฮุน: ...
- ฮูนิ: เฮ้ วิคก์มี
- วิคก์มี: ครับ!
- ฮูนิ: ตอนนี้มัน 5 ทุ่มกว่าแล้ว นายควรรีบไปนอนได้แล้วนะ
- วิคก์มี: อ้า! มันถึงเวลาแล้วเหรอ โอ้ มันใกล้เวลาที่แม่ของผมจะกลับ
มาถึงบ้านแล้ว…ผมเดาว่าผมคงต้องแกล้งทำเป็นอ่านหนังสือทำการ
บ้านและเข้านอนซะแล้ว ลาก่อนครับ
- ฮุน: ...
- ฮูนิ: ...
***
ชีวิตมหาลัยของลี ฮุนค่อนข้างยุ่งอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าเขาจะสอบผ่าน
อย่างฉิวเฉียด, การบ้านทั้งหลายก็ยังคงมีมาเรื่อยๆ
การสอบและการท้าทายในรอยัล โร้ด
เพราะพวกนั้น, ชอย ซัง จุน และ ปาร์ค ซุน จู เป็นคนรวบรวมข้อมูล
เกี่ยวกับดันเจี้ยน, และการเตรียมการต่างๆดำเนินไปอย่างรวดเร็ว
“รุ่นพี่ จะมาเมื่อไหร่ก็ได้นะ และสิ่งที่คุณต้องทำมีเพียงแค่โชว์ผลงาน
ประติมากรรมของคุณให้พวกเราดูเท่านั้น”
ชอย ซัง จุน ใจดีมากที่พูดแบบนั้น
ไม่ว่าจะยังไง เพราะมันคืองานกลุ่ม ลี ฮุน ต้องเข้าร่วมด้วย แต่คาดหวัง
อะไรจากประติมากรได้ไม่มากนัก ฮุนต้องเอาประติมากรรมของเขาให้
พวกนั้นดู และถ้าชอย ซัง จุนและเพื่อนๆในทีมของเขาแกล้งทำเป็นว่า
พวกเขาปราบปลื้มมันมาก นั่นจะทำให้เขาได้คะแนนจากอาจารย์ด้วย
‘ถ้ามีประติมากรที่สามารถสำรวจดันเจี้ยนยากๆ รวมอยู่ในทีมด้วยละ
ก็ นั่นจะทำให้เห็นว่าเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่’
ชอย ซัง จุน ตั้งใจที่จะใช้การสำรวจดันเจี้ยนในครั้งนี้ทำให้เขาโดดเด่น
ขึ้นมา พี่ชายของเขาคือผู้เล่นระดับสูงของกิลด์ราชสีห์ทมิฬ ที่ให้เขายืม
ไอเทมและช่วยเขาในการเพิ่มเลเวล
แต่คนที่ทำให้เขากังวลมากที่สุดคือ ปาร์ค ซุน จู, จอมโจร!
‘อาชีพโจรนั้นไม่ค่อยเหมาะที่จะใช้งานในดันเจี้ยนสักเท่าไหร่ ถึงแม้ว่า
มันไม่ได้แย่ซะทีเดียวที่มีโจร 1 คนเพื่อช่วยงานของเรา ใช่แล้ว เราควร
ที่จะดีใจเอาไว้สิ’
แม้ว่าโจรสามารถช่วยเหลือได้, แต่สิ่งที่พวกเขาทำได้ทั้งหมดมีเพียงแค่
การปลดกับดักและการปลดล้อคประตูเท่านั้น
เพื่อเป้ าหมายของการสำรวจดันเจี้ยนในครั้งนี้ ทุกคนในทีมจึงประชุมใน
ตอนพักเที่ยงโดยที่ไม่มี ลี ฮุน
ขณะที่กำลังกินแซนด์วิชของเธอภายในโรงอาหารอยู่นั้น มิน ซูรา ก็ถาม
คำถามขึ้นมา
“แต่ว่าพวกนาย, แล้วอีก 2 คนที่จะมาเข้าร่วมทีมกับพวกเราเป็นใคร
กันเหรอ? ทุกคนตื่นเต้นและกำลังจะบ้าอยู่แล้วเนี่ย แต่พวกเราต้อง
ตัดสินใจได้แล้วนะและเตรียมตัวให้พร้อมด้วย”
ตอนนี้มีสมาชิกทั้งหมด 5 คนที่อยู่ในกลุ่มของพวกเขา ทีม C!
ถึงเวลาต้องหาสมาชิกเพิ่มอีก 2 คนแล้วล่ะ
ชอย ซัง จุน ก็ตื่นเต้นเช่นเดียวกันที่จะได้เห็นสมาชิกใหม่ในทีม
สำหรับตัวเขาที่โดดเด่นที่สุด, สมาชิกคนอื่นๆในทีมไม่มีใครที่จะโดด
เด่นไปมากกว่าเขาอีกแล้ว อย่างไรก็ตาม เขาต้องการพาสมาชิกในทีม
อย่างน้อยที่สุดก็ขอให้มีใครสักคนที่มีประโยชน์บ้าง
‘มันจะดีมากเลยที่มีเคลริคหรือชาร์แมน…ยังจะมีใครอยู่อีกเหรอที่ยัง
ไม่ได้ตัดสินใจเข้าร่วมทีม? พวกเราต้องถึงคนจากทีมอื่นมาด้วยมั้ย
เนี่ย?’
มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วในตอนที่เขากำลังคิดเรื่องพวกนี้อยู่ในหัวของเขา จู
อึน ฮี และ ฮง ซุน เย ที่เคยอยู่ในทีมของเขาตอนเข้าค่าย
ฝึก(Membership Training) กำลังเดินเข้ามาใกล้เขา
“เฮ้ พวกเรายังไม่ได้ตัดสินใจกลุ่มของพวกเราเลย ให้พวกเราเข้าร่วม
ทีมด้วยได้มั้ย?”
ชอย ซัง จุน ดีใจและถามพวกเธอ
“พวกเธอเล่นอาชีพอะไรและเลเวลเท่าไหร่?”
“จอมเวทย์ผู้ใช้ธาตุ เลเวล 266 ตอนนี้อยู่ที่อาณาจักรเดล”
“ฉันเป็นเรนเจอร์(Ranger) เลเวล 285 ฉันอยู่ที่ปราสาทเนคาน
ฉันกำลังออกล่าอยู่กับอึน ฮี”
จอมเวทย์ผู้ใช้ธาตุ และเรนเจอร์
มันค่อนข้างห่างไกลจากความต้องการของ ชอย ซัง จุน ที่นึกถึงเคลริค
และชาร์แมน
“พวกเรามาร่วมมือด้วยกันเถอะ!”
ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็เถอะ ชอย ซัง จุน ได้แต่ยิ้มสู้เข้าไว้
พวกผู้หญิงมักจะได้รับการต้อนรับอยู่เสมอ โดยเฉพาะ จู อึน ฮี และ ฮง
ซุน เย ผู้ที่มีใบหน้างดงาม น่ารักและเรือนร่างที่เตะตาพวกผู้ชายในคณะ
ของพวกเขา
‘อึน ฮี น่ารักมากๆ’
ซัง จุนไม่มีเหตุผลที่จะต้องปฏิเสธสเป็คในฝันแบบอึน ฮี
จู อึน ฮี มีเสน่ห์มาก จนเห็นลักยิ้มของเธอได้ทันที
“จริงๆเหรอ ขอบคุณมากเลยนะ ชอย ซัง จุน”
“อือ”
ช่างน่าสมเพชอะไรเช่นนี้ ลี ยู จอง พูดกับชอย ซัง จุน หลังจากที่มองดู
เขาแล้ว
“ถ้าพวกเธออยู่ในอาณาจักรเดล…ตอนนี้พวกเราก็อยู่ในอาณาจักรเดล
เหมือนกัน ปราสาทเนคานใช้เวลาเดินทางแค่ 1 วันเอง”
“ยู จอง เธอเลเวลเท่าไหร่แล้วเหรอ?”
“นักดาบ เลเวล 237 ซูราเป็นเอ็นชานท์เตอร์ เธอเลเวล 144”
“อย-อย่างนั้นเองหรอกเหรอ?”
ท่าทางของจู อึน ฮี และ ฮง ซุน เย ให้ได้ชัดเจนเลยว่าพวกเธอกำลังไม่
พอใจ
มันเป็นเพราะว่านักดาบมีเลเวลค่อนข้างต่ำเกินไป, และเอ็นชานท์เตอร์
ไม่ค่อยมีประโยชน์สักเท่าไหร่ในดันเจี้ยน
อาจจะเป็นเพราะเธอรู้สึกได้ว่าพวกเธอไม่พอใจ มิน ซูรา จึงถาม
“มันจะดีเหรอที่พวกเธอมาอยู่กลุ่มเดียวกันกับพวกเราน่ะ?”
“อือ ก็นะ เดี๋ยวมันก็โอเคเองแหละ แต่พวกเธอรู้มั้ยว่า…”
ฮง ซุน เย ถามในขณะที่หน้าของเธอแดงเล็กน้อย
“ทำไมรุ่นพี่ลี ฮุนถึงไม่อยู่ที่นี่ล่ะ? เขาไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกันกับพวก
เธอหรอกเหรอ?”
“รุ่นพี่ เขาไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วยนะ”
“ทำไมอ่ะ?”
“เขาบอกว่าเขาไม่ว่าง และ เพราะเขาเป็นประติมากร พวกเราไม่
ต้องการเขาในการสำรวจน่ะ”
“....”
“พวกเธอสองคนตัดสินใจที่จะเข้าร่วมกลุ่มของพวกเรา ใช่มั้ย?”
“เธอ, เธอพูดถูกแล้ว”
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม สุดท้ายแล้ว พวกเธอก็ตกอยู่ในสถานการณ์
ที่ไม่สามารถปฏิเสธได้และจำใจต้องยอมเข้าร่วมกลุ่มไปแต่โดยดี
อย่างไรซะ เมื่อแต่ละคนได้เรียนรู้ถึงระดับเลเวลและอาชีพของคนอื่นๆ
แล้ว ทุกคนสามารถรู้สึกได้ถึงสิ่งที่กำลังฝืนใจพวกเขาอยู่
‘นี่มันเลวร้ายที่สุด…’
‘การที่เราต้องมาอยู่กลุ่มเดียวกันกับคนพวกนี้ นี่มัน…’
‘ฉันตายแน่’
‘ฉันต้องได้ลงเรียนซ้ำอีกแน่เลย’
***
เวลาพักเที่ยง, ลี ฮุนไปที่ลานกว้างที่มีต้นหญ้าเขียวขจีเพื่อนั่งกินข้าว
กลางวันที่เขาเตรียมมาจากที่บ้าน
‘วันนี้ก็เหมือนกัน มันวางอยู่ที่นี่อีกแล้ว’
กล่องอาหารกลางวันสีแดงของเด็กผู้หญิง
เมื่อสิบวันก่อน, มีกล่องอาหารกลางวันสีแดงอยู่ตรงที่ลี ฮุนนั่งกินข้าว
เป็นประจำ
‘มันอาจจะเป็นอาหารกลางวันของคนอื่นก็ได้’
เขาคิดว่าเจ้าของกำลังมองหามันอยู่แน่ๆ เขาจึงไม่ได้เปิ ดดูข้างในกล่อง
อาหารกลางวัน’
วันต่อมา กล่องอาหารกลางวันถูกวางไว้อยู่ที่เดิม แต่ว่าครั้งนี้ดูแปลก
ออกไป มีกล่องอาหารกลางวันสีเหลืองที่พันไว้ด้วยผ้าเช็ดมือสีขาว มีแม้
กระทั่งโน้ตทิ้งไว้อยู่ข้างบน
- ได้โปรดกินฉันเถอะนะ
มันบ่งบอกได้ถึงความไร้เดียงสาที่ส่งผ่านออกจากลายมืออันวิจิตร
งดงามตระการตา
ลี ฮุน บ่นพึมพำในขณะที่สายตาของกำลังมองไปที่กล่องอาหารกลางวัน
‘เราไม่รู้ว่ามันเป็นของใคร, แต่โคตรอิจฉาสุดๆ’
กล่องอาหารกลางวันเปรียบเสมือนดอกไม้แห่งความรัก!
‘จากประสบการณ์ที่ผ่านมา มันไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้กินอีกแล้ว
ไอ้คนนั้นมันจะมีความสุขขนาดไหนกันน้า ที่มีแฟนแบบนี้ เขาได้แม้
กระทั่งอาหารมาฟรีๆ’
ลี ฮุน หัวเราะอย่างโดดเดี่ยวและกินข้าวกลางวันที่เขาเตรียมมาเอง
เขาคิดว่ามันต้องมีผู้ชายสักคนนอกจากเขาแล้วมาที่นี่และกินกล่อง
อาหารกลางวันนั้น
เขา ผู้ที่ไม่เคยออกเดทมาก่อน ไม่เชื่อว่ากล่องอาหารกลางวันอันนั้นจะ
เป็นของเขา
วันต่อมา
- ลี ฮุน, ได้โปรดกินอาหารกลางวันห่อนี้ด้วยนะ
ข้อความที่ยาวขึ้นและมีรายละเอียดมากขึ้น เขียนออกมาได้สวยมาก
บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าคนที่ส่งมานั้นดูเกร็งๆ ข้อความที่อยู่ใน
กระดาษเลยมีบางส่วนที่ขาดความหนักแน่น, แต่ลี ฮุนไม่ได้คิดถึงเรื่อง
นี้
“เฮ้ย นี่มันอาหารกลางวันของเรา!”
เขาก้มลงเปิ ดกล่องอาหารกลางวัน
ภายในกล่องมีซูชิม้วนอัดแน่นอยู่เต็มไปหมด! (Admin: จริงๆอยาก
ใช้ มากิซูชิ แต่เพราะประโยคถัดไปเลยใช้ซูชิม้วนแทนดีกว่า)
“ซูชิม้วนสไตล์เกาหลีทั้งหมดเลย”
ลี ฮุนถึงกับบ่นออกมา
อาหารที่ลี ฮุนเตรียมมาทานอยู่ที่มหาลัยเป็นประจำคือซูชิม้วน เขาเตรียม
พวกมันมากินเพราะมันทำง่ายและใช้เวลาน้อยในการทำ, แต่นั่นไม่ได้
หมายความว่าเขาไม่ได้ต้องการจะกินอะไรที่แตกต่างออกไป
(Admin: เมิงเห็นแก่กินสินะ - -‘)
“ก็นะ ถึงจะเป็นซูชิม้วนตราบใดที่มันรสชาติดี ก็โอเคแล้ว”
ลี ฮุน หยิบซูชิม้วนขึ้นมาลองกินดูก่อน 1 ชิ้น
ความกลมกลืนของรสชาติ กระจายไปทั่วทั้งปากของเขา
รสชาติที่ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้!
หัวไชเท้า, ปูอัด, และผักโขม ที่เธอใช้ทำออกมานั้น ช่างแตกต่าง
เหมือนอยู่กันคนละมิติ จากพวกวัตถุดิบธรรมดาๆ
ภาพด้านข้างของซูชิม้วน เผยให้เห็นถึงไข่ปลาคาเวียร์และเนื้อที่อัดแน่น
ของ กุ้งล็อบสเตอร์!
ลี ฮุน มีความรู้เรื่องทำอาหารอยู่บ้าง, แต่เขาไม่เคยเห็นวัตถุดิบพวกนี้มา
ก่อนเลย
“ไข่ปลาค้อดสดใหม่มาก แล้วไอ้เนื้อปูอัดนี่มันอะไรกัน รสชาติของ
มันดีสุดๆ?” (Admin: ไม่ต้องสงสัยนะครับ ที่ลี ฮุนพูดมาคือมัน
ไม่รู้ว่าวัตถุดิบจริงๆคืออีกชื่อนึง)
พวกมันคือซูชิม้วนที่หรูหราที่สุด!
หลังจากที่ลี ฮุนกินซูชิม้วนอย่างเอร็ดอร่อย, เขาได้ทิ้งโน้ตเอาไว้ใน
กล่องอาหารกลางวันที่ว่างเปล่า
- เวลานี้เหมือนเดิมนะ…
เขาทิ้งโน้ตเอาไว้ด้วยความหวังลมๆแล้งๆ
วันถัดมา เขาไปตรงบริเวณทุ่งหญ้า, ตรงนั้นมีกล่องอาหารกลางวันวาง
เอาไว้
- ขอบคุณนะ ที่ชอบมัน ได้โปรดวันนี้กินอีกนะ
ลี ฮุน เปิ ดฝากล่องอาหารกลางวัน
เมนูในวันนี้คือซูชิม้วนสไตล์เกาหลีอีกแล้ว, แต่วันนี้มันเต็มไปด้วย
หูฉลาม, ปลาไหล, และปลาแซลมอน
ยังมีสลัดผลไม้สดเป็นของหวานอีกด้วย
“มันอร่อยมาก”
หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา ลี ฮุน ไปมหาลัยโดยที่ไม่ต้องเอาอาหารกลาง
วันของเค้าไปด้วย ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เตรียมอาหารกลางวันไว้ก็ตาม
มันก็ยังมีอาหารรอคอยเค้าอยู่
ในขณะที่ลี ฮุนกำลังกินอยู่นั้น, ซอยูน ยืนมองดูจากที่ไกลๆ
ทุกครั้งที่เขากินอย่างมีความสุข เธอก็รู้สึกอิ่มไปด้วย ถึงแม้ว่าเธอจะไม่
ได้กินอะไรเลยก็ตาม
‘เพื่อน...’
เพื่อนที่มีค่ามากที่สุดของเธอ เพื่อนเพียงคนเดียวที่เธอมีในโลกใบนี้
ซอยูนรู้สึกขอบคุณที่เขากินมัน
เนื่องจากว่าเธอขาดทักษะการทำอาหาร ซูชิม้วนสไตล์เกาหลีที่เธอทำ
ออกมาล้อตแรกนั้นขาดออกจากกันจนดูไม่ได้เลยและไส้ที่อยู่ข้างในยัง
ล้นทะลักออกมาเต็มไปหมด การที่จะทำซูชิม้วนออกมาให้อร่อยนั้น เธอ
ต้องไปเรียนจากเชฟโรงแรมระดับห้าดาว
ในขณะที่ซอยูนมองดู ลี ฮุนมีความสุขไปกับการกิน หน้าของเธอก็แดง
ขึ้น มันเป็นภาพของเทพธิดาที่กำลังเขินอาย
***
เพื่อที่จะฟื้ นฟูค่าสถานะทางศิลปะที่ถูกใช้ไป วีดเริ่มทำงานในคุรุโซ
‘หนทางที่เร็วที่สุดเพื่อที่จะได้ค่าสถานะทางศิลปะคือการทำงานผ่าน
งานฝีมือ’
ผลงานประติมากรรมที่เสร็จสมบูรณ์ จะทำให้เขาได้รับค่าสถานะทาง
ศิลปะอย่างมหาศาล
ในทางทฤษฎีแล้ว มันเป็นวิธีที่ง่ายมาก แต่โอกาสของความสำเร็จนั้นต่ำ
มาก
เนื่องจากว่ามันมีขีดจำกัดทางด้านเทคนิคที่วีดสามารถบรรยายออกมา
ด้วยจินตนาการ การที่จะทำประติมากรรมให้สำเร็จออกมาได้อย่างต่อ
เนื่องนั้นเป็นอะไรที่ยากมาก
เปรียบเทียบได้กับการทำงานฝีมือที่เกี่ยวข้องกับอัญมณี โดยมันสามารถ
เพิ่มค่าสถานะทางศิลปะได้ 1 หรือ 2 แต้ม มันจึงดีสำหรับการเพิ่มค่า
สถานะ ถึงแม้ว่ามันจะต้องใช้เวลาทำถึง 10 ชิ้น ด้วยกัน เพื่อเพิ่มค่า
สถานะในแต่ละครั้ง เขามีความถนัดมากพอที่จะทำงานที่กดดันแบบนี้
“กฎก็คือการฝึกฝนไม่เคยโกหก มันไม่มีอะไรที่เรายินดีไปมากกว่าการ
ฝึกฝนอีกแล้ว”
เมื่อวิดีโอสวนน้ำสำหรับเด็กของเค็นเดลฟ์ ถูกอัพโหลดลงในบอร์ด
สนทนาของรอยัล โร้ด พวกผู้เล่นคนแคระต่างพากันแข่งขันเอาวิดีโอ
ของพวกเขาอัพลงให้เร็วที่สุดเท่าที่พวกเขาจะทำได้
จนกระทั่ง คุรุโซที่เคยเป็นสถานที่ลับเฉพาะในหมู่พวกคนแคระ มีน้อย
คนที่จะรู้จักมัน แต่ ทว่า หลังจากที่ภาพของพวกคนแคระที่กำลังเล่น
สนุกสนานไปกับสวนน้ำถูกเผยแพร่ออกไป ความลับนี้จึงไม่เป็นความ
ลับอีกต่อไป
จำนวนผู้คนที่สนใจเพิ่มมากขึ้น ทำให้การสำรวจเส้นทางเพื่อมายังคุรุโซ
สำเร็จและได้มีการแชร์ข้อมูลการสำรวจกันอย่างแพร่หลาย
“ในที่สุด พวกเราก็มาถึง!”
“ว้าว! นี่น่ะเหรออาณาจักรคนแคระน่ะ”
พวกมนุษย์และเอลฟ์ เดินทางมาและพบเจอมัน จำนวนของผู้เล่นในคุรุ
โซเพิ่มมากขึ้นถึง 5 เท่า
ประติมากรรมของคนแคระผู้มาเยือน!
ประติมากรรมที่พวกเขาได้รับมาผ่านการทำเควสหรือพบเจอระหว่าง
ทาง ได้เอามาให้วีดประเมินและตรวจสอบดูพวกมัน
“คุณหัตถ์แห่งศิลป์ ผมได้ยินมาว่าคุณสามารถประเมินค่าของ
ประติมากรรมได้”
“อือ ถึงแม้ว่าข้าไม่ค่อยมีเวลามาทำอะไรแบบนี้สักเท่าไหร่นัก…แต่
ตอนนี้ข้าพอมีเวลาอยู่บ้าง, ข้าจะตรวจดูให้เจ้าเลยละกัน”
“ขอบคุณ!”
แม้กระทั่งในคุรุโซ สถานที่ ที่มีสุดยอดช่างฝีมือมารวมตัวกัน หัตถ์แห่ง
ศิลป์ คือประติมากรที่โดดเด่นที่สุด
การต่อสู้ในถ้ำเชสปิ น, และชัยชนะเหนือเดธแฮนด์!
ภายในร้านเหล้ามีพวกทหารคนแคระและนักรบคนแคระนั่งคุยกันเกี่ยว
กับเควส ประติมากรรมที่เกิดขึ้นในคุรุโซ และตำนานของหัตถ์แห่งศิลป์
ก็มาถึงหูของพวกผู้มาเยือนที่เข้ามาใหม่ ผ่านการซุบซิบของพวกเขา
เหล่านั้น
วีด ผู้ที่เป็นตัวแทนของหัตถ์แห่งศิลป์ ได้รับประติมากรรมมา
“ตรวจสอบ”
- วิหคสำนึกบาป
นกพิราบที่ทำขึ้นมาจากดินเหนียว กำลังทำสมาธิด้วยการใช้ขายืนเพียง
ข้างเดียว
สร้างขึ้นโดยประติมากรไร้นาม
ถึงแม้ว่าประติมากรรมชิ้นนี้ถูกสร้างขึ้นมาด้วยทักษะที่ขัดเกลามาอย่างดี
และการพรรณนาให้เห็นถึงความสุดยอดของมัน แต่ความหมายที่ตั้งใจ
สื่อออกมาผ่านประติมากรรมชิ้นนี้นั้น ไม่สามารถที่จะตีความออกมาได้
คุณค่าทางศิลปะ: 30
- คุณได้ชื่นชมผลงานชิ้นนี้และค่าสถานะทางศิลปะของคุณเพิ่มขึ้นมา
1 แต้ม
ได้ค่าสถานะทางศิลปะจากการตรวจสอบ!
ไม่ว่าพวกมันจะเป็นผลงานจิตรกรรม, ดาบที่มีชื่อเสียง, หรือ กระทั่ง
ชุดเกราะในตำนาน พวกมันให้ค่าสถานะทางศิลปะกับเขาเพียงเล็กน้อย
‘ดูเหมือนว่าค่าสถานะทางศิลปะจะแตกต่างออกไปจากค่าสถานะอื่นๆ
นะ’
เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาทำให้ประติมากรรมมีชีวิตหรือใช้ทักษะ ค่าสถานะ
ทางศิลปะจะถูกใช้ไป แต่เมื่อเขาทำการเพิ่มมันอีกครั้ง มันจะมีแรงผลัก
ดันในการฟื้ นฟู ซึ่งนั่นทำให้เขามีความรู้สึกว่าค่าสถานะมันเพิ่มขึ้นง่าย
กว่าค่าอื่นๆอีก
อย่างไรก็ตามการท้าทายเพื่อเพิ่มค่าสถานะทางศิลปะด้วยการตรวจสอบ
เพียงอย่างเดียว ค่าสถานะทางศิลปะของเขาเพิ่มขึ้นถึงสองเท่าหลังจากที่
เขาได้ฉายาประติมากรนิรันดร์กาล
แค่เพียงการเย็บปักได้วัตถุดิบคุณภาพดี ค่าสถานะทางศิลปะของเขาก็
เพิ่มขึ้น เมื่อสร้างอะไรก็ตามจากการตีเหล็ก ค่าสถานะทางศิลปะก็เพิ่ม
ขึ้นด้วยเช่นกัน
‘มันก็ยังคงเป็นวิธีที่เราไม่สามารถใช้มันได้บ่อยๆ’
ตามชื่อของมันที่แสดงให้เห็นถึงพลังในการฟื้ นฟูค่าสถานะที่เพิ่มขึ้น
อย่างรวดเร็ว!
ถ้าเขามัวแต่ใช้ค่าสถานะทางศิลปะและไม่ได้ฟื้ นค่าของมันคืนมา เขาจะ
ไม่สามารถไปถึงระดับที่สูงขึ้นได้เลย
เพื่อที่จะฟื้ นฟูค่าสถานะทางศิลปะของเขา วีดจึงไปพบพวกคนแคระ
มากมายที่อยู่ในคุรุโซ
“หัตถ์แห่งศิลป์ นายอยากดื่มเบียร์มั้ย? เดี๋ยวข้าเลี้ยงเอง”
“นายเคยสนใจที่จะเข้าร่วมกิลด์บ้างมั้ย?”
มีกิลด์จำนวนมากต้องการเขาในฐานะที่เป็นประติมากรผู้โด่งดัง
วีดปฏิเสธพวกเขาทุกครั้งที่เจอกัน
มีอยู่มาวันนึง เฮอร์แมนได้มาเห็นฉากเหล่านั้น จึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่
สุภาพและอ่อนโยน
“มันจะดีมากเลยถ้านายเข้าร่วมกิลด์ของพวกเรา อาชีพสายการผลิต
เอ๊ะ! ถึงแม้ว่านายจะไม่ได้มีอาชีพสายการผลิต ยังไงซะ การที่คนแบบ
พวกเรา ที่มีอาชีพสายการผลิต มันสะดวกมากเลยนะเมื่อได้อยู่ในกิ
ลด์น่ะ”
“ผมก็รู้เหมือนกัน”
“แล้วมีเหตุผลอะไรที่พิเศษมั้ยว่าทำไมนายถึงไม่อยากอยู่ในกิลด์?”
เขาอาจถูกจับได้ว่าเขาเป็นดาร์คเกมเมอร์ แม้กระทั่งเมื่อตอนที่เขาเล่น
เดอะคอนทิเน้นท์อ็อฟเมจิค เขาก็อยู่คนเดียวมาตลอด และต้องปะทะกับ
พวกกิดล์ต่างๆอยู่เสมอ นั่นจึงทำให้มันเป็นภาระสำหรับเขา
แววตาของเฮอร์แมนส่องแสงเป็นประกายในขณะที่เขากำลังหัวเราะ
“ดูเหมือนว่านายจะมีเรื่องราวที่ไม่สามารถพูดได้สินะ แต่แค่เพราะว่า
นายอยู่ในกิลด์ นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนต้องการที่จะรู้ทุกอย่าง
เกี่ยวกับนายซะหน่อย”
“...”
“นายไม่จำเป็นต้องพูดอะไรก็ตามที่นายไม่อยากให้คนอื่นรู้ แค่ทำตัว
ตามสบาย และถ้านายไม่ชอบที่จะอยู่ในกิลด์ นายไม่สามารถที่จะออก
จากมันได้เลยหรือ?”
“นั่นก็อาจจะใช่ แต่…”
“เมื่อไหร่ที่นายอายุเท่าฉันนะ สิ่งที่นายจะเสียดายมากที่สุดคือการที่ไม่
ได้ลองทำอะไรที่มันแตกต่างออกไปในตอนที่นายยังเป็นหนุ่มอยู่ นาย
จะเสียดายมันมั้ยหลังจากที่นายได้พยายามลองทำดูแล้ว? ร่างกายไม่ใช่
สิ่งที่ควรกังวลมากนักเมื่อตอนที่นายยังหนุ่มยังแน่นอยู่”
วีดตัดสินใจ
‘ถ้ามันมีกิลด์ที่เราสามารถไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระล่ะก็ เราคิดว่า
มันคงไม่เลวร้ายนักหรอกที่จะลองเข้าดู’
มันมีอยู่หลายวิธีที่เขาอาจจะกลายมาเป็นผู้เล่นเพียงคนเดียว แต่เขากลับ
พบเจอว่ามันไม่มีเหตุผลที่จำเป็นจะต้องหลีกเลี่ยงแนวทางการเล่นแบบกิ
ลด์
แม้กระทั่งพวกอาจารย์นักดาบเองก็ไม่ได้ตั้งกิลด์ขึ้นมา แต่ก็สามารถมี
บทบาทแบบนั้นได้ อีกทั้งพวกเขายังมีชื่อเสียงโด่งดังในอาณาจักรโร
เซ็นไฮม์ ซึ่งนั่น พวกเขาทำให้มันเป็นแบบนั้นเอง
‘ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็เถอะ เราไม่ควรที่จะไปเข้าร่วมกิลด์ของพวกครู
ฝึกเค้า’
เขาใกล้ชิดสนิทสนมกับพวกอาจารย์นักดาบและเขายังได้เจอหน้าพวก
เค้าอยู่ทุกวัน
พวกเขายังได้ลงทะเบียนเป็นเพื่อนของเขาอีกด้วย เขาจึงได้คุยกับพวก
นั้นอยู่บ่อยๆ มันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปเข้าร่วมกิลด์ที่สร้างขึ้นโดย
พวกนักดาบทั้งหลาย
เหมือนเขารับรู้ได้ว่าวีดยังไม่กล้าตัดสินใจ เฮอร์แมนจึงพูดขึ้น
“นายเคยได้ยินชื่อกิลด์นักเดินทางแห่งพื้นที่รกร้างบ้างหรือเปล่า?”
(Travelers of the Wilderness Guild)
“ผมไม่เคยได้ยินชื่อของมันเลย”
“มันคือกิลด์ที่ฉันอยู่ มีอยู่บ่อยครั้ง ที่พวกเราออกล่าโดยที่ไม่ได้พูด
อะไรกันเลย และยังมีพวกคนที่ออกไปผจญภัยเพียงอย่างเดียวด้วย…
มันคือกิลด์ที่สร้างขึ้นมาจากความเต็มใจของทุกคน”
“มีคนอยู่ทั้งหมดกี่คน?”
“ก็ประมาณสัก 25 คน? อัตราการทำกิจกรรมค่อนข้างสูง ส่วนช่วง
อายุของแต่ละกลุ่ม…มีคนแก่อย่างฉัน และ มีอีกหลายคนที่มีอายุใน
ช่วง 20 ปี , 30 ปี ,และ 40 ปี พวกเราไม่ได้ขึ้นตรงกับอาณาจักร
ไหน และมันก็ไม่ได้มีพิธีรีตองอะไรแบบนั้นหรอกนะ มันเลยง่ายที่จะ
เข้าน่ะ ทำไมนายไม่มาเข้ากิลด์ของพวกเราล่ะ?”
“แล้วถ้าเกิดว่ามันเริ่มไม่สะดวกสำหรับผม?”
“งั้นนายก็แค่ออก”
วีดรู้สึกว่าข้อเสนอของเฮอร์แมนนั้นสามารถยอมรับได้
‘พวกเขาคงไม่รำคาญอะไรนู่น นี่ นั่นหรอกนะที่ว่าเราเป็นประติมา
กรน่ะ’
ส่วนใหญ่แล้วกิลด์ทั้งหลายนั้นต้องการวีดให้เข้ามาอยู่ในกิลด์ด้วย เมื่อ
รู้ทันทีว่าเขานั้นเป็นประติมากร
ประติมากรสำหรับกิลด์ของพวกเขา
นั่นคือจุดมุ่งหมายที่แท้จริงในการที่จะชวนเขาเข้ากิลด์ให้ได้ แต่มันดู
เหมือนว่าเรื่องราวพวกนั้นจะไม่เกิดขึ้นกับกิลด์ของเฮอร์แมน
“โอเค แล้วผมต้องเข้ายังไงอ่ะ?”
“ฉันสามารถชวนนายได้ มันคือสิทธิพิเศษที่ให้กับสมาชิกทุกคนที่เป็น
ส่วนหนึ่งของกิลด์มาแล้วมากกว่า 1 ปี ”
ติ๊ง!
- เฮอร์แมนได้ชวนคุณให้เข้าร่วมกิลด์นักเดินทางแห่งพื้นที่รกร้าง
ข้อมูลที่เกี่ยวกับกิลด์นักเดินทางแห่งพื้นที่รกร้าง
จำนวนสมาชิก 25 คน หัวหน้ากิลด์ วาแค้นท์
รูปแบบตำแหน่งของกิลด์ ดี กิลด์ปรปักษ์ ไม่มี
อาณาจักรที่ไม่เป็นมิตร ไม่มี
คุณจะเห็นรายละเอียดต่างๆของกิลด์ได้หลังจากที่คุณเป็นสมาชิกกิลด์มา
แล้วสักระยะเวลาหนึ่ง
คุณต้องการที่จะตอบรับคำเชิญนี้มั้ย?
กิลด์ที่ชอบทำสงครามอยู่เป็นประจำหรือเป็นศัตรูกับกิลด์อื่นๆ ทำให้
พวกผู้เล่นไม่เต็มใจที่จะเข้าร่วมด้วย, แต่ถ้ากิลด์เป็นกลาง มันก็ไม่มี
อะไรน่าเสียหาย
“ผมจะเข้ากิลด์ของคุณ”
ติ๊ง!
- คุณได้เข้าร่วมกิลด์นักเดินทางแห่งพื้นที่รกร้าง
ทันใดนั้น ช่องแชทสำหรับคุยกันในกิลด์ก็ปรากฏขึ้นในหน้าต่าง
ข้อความของวีด
- ซาบรินา: ยินดีต้นรับสู่กิลด์ของพวกเรานะ, สมาชิกใหม่!
- พิน: ยินดีต้อนรับค่ะ
- เอ็ดวิน: ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้พบคุณ
กิลด์ที่ต้อนรับสมาชิกใหม่!
เมื่อมองดูที่รายชื่อสมาชิกกิลด์ มีคนอยู่ตอนนี้ 24 คนจาก
ทั้งหมด 26 คน รวมวีดด้วย
แม้ว่าคุณจะบอกว่ากิลด์มีกิจกรรมในระดับที่สูงมาก, แต่มีคนต้อนรับ
เขาเพียงแค่ 3 คนเท่านั้น
- วีด: สวัสดี ผมวีดนะ ยินดีที่ได้รู้จักพวกคุณทุกคน
- เฮอร์แมน: ดูเหมือนว่าคนอื่นๆกำลังยุ่งอยู่กับการล่าหรือไม่ก็ทำเคว
สกันนะ ในกิลด์ของพวกเรา มีอยู่หลายคนที่ปิ ดข้อความสำหรับคุยกัน
ในกิลด์ไปเลย
ดังนั้นถ้าคุณต้องการอะไรบางอย่าง สิ่งที่คุณต้องทำมีเพียงแค่ลงทะเบียน
พวกเขาเป็นเพื่อนและพูดคุยโดยตรงกับพวกเขาเลย
- วีด: ผมเข้าใจแล้ว
- พิน: แต่คุณปู่ เฮอร์แมน, คุณไม่ได้บอกว่าคุณหัตถ์แห่งศิลป์ เข้ากิลด์
ด้วยเหรอ?
- เฮอร์แมน: เธอกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่? คนที่เพิ่งเข้ากิลด์เมื่อกี้นี้คือ
หัตถ์แห่งศิลป์ นะ
- พิน: ไม่มีทาง คนที่เข้ามาเมื่อกี้คือวีด คุณปู่ ลองเช็คดูสิ
- เฮอร์แมน: ไม่มีทางที่ฉันจะพลาดได้ ฉันชวนหัตถ์แห่งศิลป์ เมื่อตอน
ที่ฉันยกมือขึ้นไปหาเขาเองกับมือเลยนะ…เฮ๋อ,มันเกิดขึ้นได้ไงเนี่ย? ต
ามที่พินพูดเมื่อกี้นี้เลย คนที่เข้ามาคือวีดจริงๆด้วย
ในตอนที่วีดเข้าร่วมกิลด์แล้ว เขาซ่อนเลเวลของเขาและอาชีพทันที
เขายังไม่ต้องการที่จะสนิทสนมกับกิลด์นี้จนเกินไป เขาไม่เต็มใจที่จะ
เปิ ดเผยตัวตนของเขาให้สมาชิกในกิลด์ที่เขาไม่รู้จักด้วย
แต่ยังไงก็ตาม ชื่อของเขายังสามารถมองเห็นได้อยู่
- วีด: ผมคือหัตถ์แห่งศิลป์ คนนั้นแหละ
- เฮอร์แมน: นายเป็นคนแคระที่เป็นประติมากร หัตถ์แห่งศิลป์ คนนั้น
น่ะเหรอ?
-วีด: ใช่แล้ว แต่ผมไม่ได้เป็นคนแคระนะ
- เฮอร์แมน: นายไม่ได้เป็นคนแคระหรอกเหรอ?
- วีด: มันมีเหตุจำเป็นน่ะ ตอนนี้ผมก็เลยแกล้งเป็นคนแคระอยู่
- พิน: หัตถ์แห่งศิลป์ , ยินดีที่ได้เจอคุณอีกนะ, แต่คุณหมายความว่ายัง
ไง, คุณไม่ใช่คนแคระเหรอ? คุณเป็นคนแคระที่เตี้ยสมบูรณ์แบบ
มาก…อั้ก! ฉันขอโทษจริงๆ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะพูดว่าพวกคนแคระเตี้ย
ยังไงก็ตาม คุณไม่ได้อยู่เผ่าเดียวกันกับคุณปู่ เฮอร์แมนหรอกเหรอ?
- วีด: นั่นไม่ใช่เผ่าที่ผมเลือก
- พิน: จริงๆแล้ว คุณเล่นเผ่าไหนกันแน่?
- วีด: มนุษย์
เฮอร์แมนยืนงงอยู่ข้างๆวีด ทันใดนั้น เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
ประติมากรรมอันน่าเหลือเชื่อที่ถูกสร้างขึ้นโดยวีด, และภาพของเขาที่
กำลังทำเควสประติมากร, และเมื่อตอนที่เขาทำปี กแห่งแสง
มีความคิดแวบนึงแล่นเข้ามาในสมองของเฮอร์แมน
- เฮอร์แมน: มนุษย์ที่เป็นประติมากรเหมือนกันกับวีด…ไม่มีทาง ไม่
จริงใช่มั้ย ลอร์ดโมราต้า?
- วีด: ใช่แล้ว นั่นผมเองแหละ
เล่มที่ 14 ตอนที่ 10: นักเดินทางแห่งพื้นที่รกร้าง
เมื่อทุกคนรู้ว่าวีดคือลอร์ดโมราต้า, หน้าต่างแชทของกิลด์แทบจะลุก
เป็นไฟในทันที
แม้กระทั่งคนที่ซุ่มอยู่ 2-3 คน ยังออกมาทักทายเขา พินและเฮอร์แมน
ต่างก็ช๊อคด้วยกันทั้งคู่และพูดว่าพวกเขาไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย
“ถึงว่าละ มีอยู่ไม่กี่คนหรอกที่จะมีทักษะการแกะสลักในระดับเดียวกับ
นาย”
เฮอร์แมนพูดพลางยิ้มไปด้วย
เมื่อลองนึกย้อนกลับมาดู ถือเป็นเรื่องแปลกที่จู่ๆก็มีประติมากรคนแคระ
มากความสามารถปรากฏตัวขึ้น
โลกของช่างฝีมือคนแคระนั้นค่อนข้างเล็ก มันจึงเป็นที่รับรู้กันได้ง่าย
มากหากมีคนแคระผู้เชี่ยวชาญทักษะต่างๆโผล่มา
เมื่อพูดถึงเรื่องนั้นแล้ว เฮอร์แมนก็เคยเป็นที่โด่งดังสุดๆมาก่อน เขาเป็น
ช่างตีเหล็ก ผู้เป็นที่ชื่นชอบของผู้คน ไม่ใช่แค่เพียงในคุรุโซเท่านั้น แต่ยัง
รวมไปถึงทั่วทั้งทวีปเวอร์เซลล์อีกด้วย!
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้สร้างของออกมามากมายสักเท่าไหร่ มันเป็นเพราะ
เขาทุ่มเทและใส่จิตวิญญาณของเขาลงไปในการสร้างดาบเพียงแค่หนึ่ง
เล่ม ชื่อของเขาก็ยังคงเป็นที่แพร่หลายกันอย่างกว้างขวาง เขาโด่งดังมาก
ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าวีดเลย
“แล้วนายเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาของนายได้ยังไงเนี่ย หรือว่านายไปทำที่
แท่นบูชาของพวกคนแคระงั้นเหรอ?”
“ก็อย่างที่เห็นล่ะนะ รูปลักษณ์ภายนอกอาจจะดูคล้ายกัน”
มันเป็นไปได้ที่จะได้รับการอวยพรชั่วคราวจากแท่นบูชาและเปลี่ยนรูป
ร่างให้กลายเป็นคนแคระ
แต่ว่าวิธีนั้นมันใช้เงินเยอะมากและเขายังต้องบริจาคเป็นการพิเศษให้แก่
พวก พรีสต์ด้วย เหนือสิ่งอื่นใดมันเป็นการอวยพรแบบพิเศษที่ไม่
สามารถรับได้หากผู้เล่นมีค่าอุทิศตนที่ต่ำเกินไป
“ยังไงซะ มันก็ดูตลกอยู่ดี”
ด้วยเสียงหัวเราะ เฮอร์แมนเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นแทน
ผู้คนที่อยู่ในกิลด์นักเดินทางแห่งพื้นที่รกร้างไม่ได้ต้องการที่จะสืบเสาะ
หรือบีบคั้นเพื่อให้ได้รายละเอียดทั้งหมด นอกเสียจากว่าถามด้วยความ
สงสัย อยากรู้อยากเห็น แล้วจากนั้นพวกเขาก็ตัดสินใจที่จะเก็บมันเป็น
ความลับ ไม่เปิ ดเผยออกมา
ถึงแม้ว่า หลักๆแล้ว ในกิลด์จะมีการพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว แต่ครั้งนี้วี
ดกลับเป็นฝ่ ายที่ต้องประหลาดใจ
- ซาบรินา: เอ็ดวิน
- เอ็ดวิน: ครับ คุณผู้หญิง
- ซาบรินา: นายเคยล่าเคล้าด์ด้วยตัวคนเดียวมั้ย?
- เอ็ดวิน: ก็หลายครั้งแล้วล่ะ น้ำเลี้ยงของพวกมันสามารถเอามาใช้ทำ
ยารักษาได้
เคล้าด์เป็นมอนสเตอร์ที่มีเลเวลประมาณ 380
ยาที่ทำมาจากน้ำเลี้ยงของเคล้าด์สามารถรักษาอาการบาดเจ็บร้ายแรงได้
ถ้าพวกเขาใช้มันและนอนพักรักษาตัว มันไม่สามารถเอามาเปรียบเทียบ
ได้กับเวทมนต์รักษาของพวกพรีสต์ได้ แต่ว่ามันก็ยังมีการแลกเปลี่ยน
กันอยู่ทุกวัน ปริมาณที่มีการซื้อขายกันนั้นน้อยนิดมาจึงทำให้ราคาของ
มันพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในกรณีที่พวกพรีสต์ตายหรือได้รับบาดเจ็บสาหัสระหว่างที่กำลังต่อสู้อยู่
มันจึงเป็นความคิดที่ดีหากจะพกยาเอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉินแบบนี้
- ซาบรินา: นายคิดว่าฉันจะฆ่ามันได้มั้ย?
- เอ็ดวิน: ได้นะ ค่อนข้างง่ายเลยล่ะ มันมีค่าพลังชีวิตต่ำ ดังนั้นคุณจึง
สามารถกำจัดมันได้ในทันที ตอนนี้คุณกำลังออกล่าอยู่ที่ไหนเหรอ?
- ซาบรินา: ถ้ำเสียงสะท้อน
- เอ็ดวิน: การที่จะไปให้ถึงที่อยู่ของพวกมันนั้นค่อนข้างเป็นปัญหาเลย
ทีเดียว แต่การล่าพวกมันไม่ได้ลำบากอย่างที่คิด คุณก็แค่จัดการมันซึ่งๆ
หน้าเท่านั้นเอง
- ซาบรินา: ขอบคุณนะ
เมื่อมองไปที่เฮอร์แมน มันเห็นได้ชัดเจนว่า เลเวลของสมาชิกในกิลด์นั้น
ไม่ธรรมดา คำถามเด็กๆหรือพวกมือใหม่ไม่ปรากฏให้เห็นเลยสักคำถาม
เดียว
แม้กระทั่งหลังจากความจริงของวีดที่เป็นลอร์ดโมราต้าถูกเปิ ดเผย มันก็
มีบทสนทนาต่างๆ ทำให้ประหลาดใจ จนเรื่องที่พูดคุยกันถึงวีดนั้น
ค่อยๆจางหายไป
‘ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่กิลด์ธรรมดาๆซะแล้วสิ’
***
ลี ฮุน เข้าไปที่บอร์ดสนทนาของสมาคมดาร์คเกมเมอร์ แล้วหลังจากที่
ลังเลอยู่นาน เขาเข้าไปเพื่อหาข้อมูลของกิลด์นักเดินทางแห่งพื้นที่รกร้าง
“มันจะปลอดภัยกว่าหากเลือกข้างที่ปลอดภัย เราอาจจะต้องรู้ข้อมูลที่
เกี่ยวข้องกับมันให้ดีด้วย”
เขาเป็นดาร์คเกมเมอร์ และเขาไม่สามารถที่จะมีชีวิตเรียบง่ายและสนุก
ไปกับมัน นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงต้องค้นหาข้อมูลของกิลด์นัก
เดินทางแห่งพื้นที่รกร้าง
- กิลด์นักเดินทางแห่งพื้นที่รกร้าง
กิลด์ที่ก่อตั้งขึ้นในอาณาจักรอาร์เม็น และอยู่ในช่วงแรกๆของรอยัล โร้ด
เป็นที่รู้กันดีว่าพวกเขาไม่ได้ยึดครองหรือมีฐานที่มั่นในอาณาจักรอื่นๆ
ตั้งแต่ที่มีการก่อตั้งขึ้นมา จากการที่กิลด์สร้างขึ้นมาด้วยคนจำนวนเพียง
น้อยนิด รายละเอียดต่างๆของสมาชิกและจำนวนที่แน่นอนของสมาชิก
ทั้งหมดจึงไม่มีการยืนยันข้อมูลในส่วนนี้อย่างแน่ชัด
กิลด์นี้ไม่ได้เข้าร่วมในสงครามใดๆและไม่มีกิจกรรมที่เปิ ดเผยหรือเป็น
ที่รู้จักกัน
มีบางครั้งบางคราวที่กิลด์ได้ทำการออกล่า พวกเขาถูกพบเห็นในขณะที่
กำจัดมอนสเตอร์ระดับบอสที่โหดหินสุดๆ; นี่คือกิลด์ที่แข็งแกร่งมากๆ
จนไม่สามารถที่จะมองข้ามไปได้เลย
รายละเอียดข้อมูลที่อ้างอิง: ถึงแม้ว่าพวกเขาจะจัดให้อยู่ในระดับความ
สัมพันธ์ที่เป็นมิตร มาตรฐานของสมาชิกในกิลด์สูงมากๆ
–ความน่าเชื่อถือ: สูงที่สุด
- อำนาจทางการเงิน: ประมาณการณ์ได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของคนส่วน
ใหญ่ รายได้ที่แน่นอนยังไม่มีการยืนยัน
แม้กระทั่งในสมาคมดาร์คเกมเมอร์ รายละเอียดของข้อมูลในส่วนนี้ไม่
ได้มีเยอะอย่างที่คิดเอาไว้ มันเป็นกิลด์ที่ไม่ค่อยมีกิจกรรมมากมายนัก
“ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็เถอะ ก็พอวางใจได้ล่ะนะ ที่มันไม่มีการพูดถึง
เสียๆหายๆ”
ลี ฮุน ยังเข้าไปที่บอร์ดคำขอร้องของสมาคมดาร์เกมเมอร์อีกด้วย มีคำขอ
ร้องมากมายปรากฏขึ้น ไม่ว่าจะเป็นภารกิจคุ้มกันหรือการออกล่า แม้
กระทั่งคำข้อร้องให้ต่อสู้ในสงครามของกิลด์ต่างๆ คำขอร้องพวกนี้ไหล
มาไม่ขาดสาย
ถึงแม้ว่าการรับสมัครนักรบรับจ้างจากผู้เล่นที่เป็นดาร์คเกมเมอร์มีราคา
สูงลิ่ว มันก็ยังมีการค่าโฆษณาต่างๆที่หลากหลายเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
โดยปกติแล้วเขามักจะเข้ามาเพื่อที่จะอัพเดตข้อมูลและสถานการณ์
ปัจจุบันของทวีปเวอร์เซลล์ หรือมองหาข้อมูลคำขอร้องต่างๆ แต่วันนี้
พิเศษกว่าวันไหนๆ
เขามาเพื่อที่จะทำเรื่องขอร้อง!
‘ฉันจำเป็นต้องทำมันถึงขนาดนี้เลยหรือเนี่ย…’
หลังจากที่มีการขัดแย้งกันเกิดขึ้นในสมองของเขา เขาเริ่มเขียนราย
ละเอียดลงไป
- หัวข้อ: การพิจารณาคำขอร้องเพื่อสืบหาข้อมูลเฉพาะของบุคคล
- ระดับนักรบรับจ้างที่ต้องการ: B
- อาชีพ: นักฆ่า, นักแกะรอย, โจร
ข้อมูลของบุคคลที่ต้องการคือ มันโดลและภรรยาของเขาในเมืองเซล
เชี่ยม อาณาจักรริทเท่น ใช้ระยะเวลามากกว่า 3 วันขึ้นไปเพื่อสังเกต
ลักษณะต่างๆและความเป็นธรรมชาติของเป้ าหมาย รวมทั้งสถานที่อยู่
อาศัยแลชีวิตความเป็นอยู่
- ค่าจ้าง จำนวน 5,000 เหรียญทอง
ในฐานะที่ผมเป็นดาร์คเกมเมอร์เหมือนกัน ผมขอ
ส่วนลด 20% สำหรับคำขอร้องในครั้งนี้
ไม่รวมค่าอาหาร!
สำหรับนักรบรับจ้างเกรด B ที่มีอาชีพมาพร้อมกับสามารถใช้ทักษะกา
รออำพรางตัวได้นั้น ค่าธรรมเนียมอย่างเป็นทางการ
คือ 5,000 เหรียญทอง ในตอนสุดท้าย เขาจำได้ที่จะไม่ลืมขอส่วนลด
ด้วย
“มันก็ไม่ใช่คำขอร้องที่อันตรายหรืออะไรพวกนั้น หวังว่าจะมีใครสัก
คนรับทำมันอยู่หรอกนะ หากพวกเขาต้องการที่จะทำน่ะนะ”
เขาใส่ระดับของนักรบรับจ้างและทำคำขอร้องที่เป็นไปไม่ได้หากจะ
อ่านมันให้รู้เรื่อง ยกเว้นก็เสียแต่ว่าคุณจะเป็นดาร์คเกมเมอร์ที่มาพร้อม
กับอาชีพที่เหมาะสม
แม้ว่ามันจะเป็นอะไรที่ต้องใช้เงินอย่างน้อย 4,000 เหรียญทอง เขา
ต้องการที่จะทำแกะสลักลูกสาวของมันโดลและภรรยาของเค้าออกมา
ให้ดีที่สุด
ถึงแม้ว่าเงินจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด มันสามารถเก็บสะสมอีกเมื่อไหร่
ก็ได้ ดังนั้นถ้าเขาไม่แสดงความสามารถให้สมศักดิ์ศรีในเรื่องนี้ เขาจะ
ไม่สามารถทำอะไรจริงใจได้เลย
“เรายอมกินพวกของตัวอย่างชิมฟรีให้อิ่มท้อง ดีกว่าไปกินที่ร้าน
อาหารของใครก็ไม่รู้”
สิงโตไม่ยอมลดตัวลงมากินหญ้า ไม่ว่ามันจะหิวแค่ไหนก็ตาม — ลี
ฮุน เองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน!
***
วิหารแห่งการคืนชีพได้เข้ายึดครองอาณาจักรอิโซรุ
พวกเขาวางโครงสร้างขนาดใหญ่ในอาณาจักร และเริ่มการก่อสร้าง
โบสถ์สำหรับวิหารแห่งการคืนชีพ
พลังแห่งการคืนชีพและพละกำลังของเดย์มอนด์และพรรคพวกพรีสต์
ของเขาจะเติบโตขึ้นตามจำนวนโบสถ์ พวกวิญญาณปี ศาจเริ่มแข็งแกร่ง
ขึ้นเรื่อยๆและยังมีความกระหายอยู่อีกมาก อีกไม่นานกองทัพคืนชีพจะ
มีพลังมากมายมหาศาล
หลังจากนั้นเป็นต้นมา ทุกวิหารในทวีปเวอร์เซลล์เสนอภารกิจเหมือนๆ
กัน
- การมีตัวตนของพวกมันได้ทำให้ดินแดนทางเหนือเกิดการนองเลือด
พวกมันได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว ขัดขวางพวกมันซะ
เพื่อที่จะทำภารกิจนี้ที่ถูกให้มาพร้อมกันนี้สำเร็จ พวกพาลาดินและ
พรีสต์พนึกกำลังด้วยกัน กลายเป็นกองกำลังสำรวจและกวาดล้างเพื่อ
อาณาจักรอิโซรุ
“ข้าจะช่วยเหลือพี่น้องของข้าจากอาณาจักรอิโซรุ มันคือความรับผิด
ของข้าที่จะต้องทำมันให้สำเร็จ”
“มันถือเป็นเกียรติสำหรับพวกเราเหล่าอัศวินที่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ใน
ครั้งนี้”
กองกำลังและกิลด์ต่างๆที่ครอบครองทุกปราสาทก็เข้าร่วมทำภารกิจ
ด้วยเป้ าหมายสูงสุด พวกเขาเพิ่มขนาดของกองทัพ วางแผนเพื่อยึดคืน
อาณาจักรอิโซรุที่ถูกทอดทิ้งและไร้ซึ่งการป้ องกัน ไปพร้อมๆกับการ
กำจัดวิหารแห่งการคืนชีพให้สิ้นซากจนหมดสิ้นจากโลกใบนี้
จำนวนของกองกำลังที่เต็มใจเข้าร่วมการปลดปล่อนอาณาจักรอโซรุมี
มากถถึง 90,000 คน!
พวกเขามุ่งหน้าสู่อาณาจักรอิโซรุด้วยพลังใจอันเหลือล้น แต่ป้ อม
ปราการขนาดมหึหาที่ไม่เคยปรากฏให้เห็นมาก่อน ได้ขวางทางพวกเขา
มันคือป้ อมปราการที่เดย์มอนด์บังคับให้พวกประชาชนของอาณาจักรอิ
โซรุสร้างมันขึ้นมา!
มันมีความสูงถึง 30 เมตร พลธนูประจำการอยู่บนกำแพงป้ อม ป้ อม
ปราการได้รับการอวยพรจากพลังแห่งธรรมชาติ ขณะเดียวกัน มันยังถูก
กีดขวางโดยช่องแคบอันแหลมคมที่อยู่ในใจกลางบริเวณหุบเขาลึก
“พวกเราเดินอ้อมป้ อมนี้ไปเถอะ”
“ไม่ได้นะ ถ้าหากพวกเราเดินอ้อมมันไปล่ะก็ มันจะใช้เวลานานมาก
เลยนะ”
“มันไม่มีเหตุผลที่พวกเราจะต้องหลีกเลี่ยงมัน ไหนๆพวกเราก็อุตส่าห์
พากองทัพมาจนถึงขนาดนี้แล้ว”
ถึงแม้ว่าพวกผู้เล่นที่เข้าร่วมในฐานะนักรบรับจ้างต้องการที่จะหลีกเลี่ยง
มัน แต่พวกขุนนางและเจ้าเมืองกลับมีความคิดที่แตกต่างไปจากพวกเขา
‘มันไม่มีทางที่ปราการเพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่ๆจะมีการป้ องกันที่ทนทาน’
‘พวกมันก็แค่กลัวพวกเราล่ะหว้า มันก็เลยต้องหาอะไรมาป้ องกัน พวก
มันจึงได้สร้างป้ อมปราการขนาดใหญ่ขึ้นมา’
โดยทั่วไปแล้ว การสร้างป้ อมปราการนั้นใช้จำนวนแรงงานมหาศาลและ
เงินอีกเป็นจำนวนมาก ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่ามันได้กลายมาเป็นกุญแจ
สำคัญต่อการปิ ดล้อมทำสงครามที่ดุเดือด แต่ว่าการซ่อมกำแพงหรือการ
บำรุงดูแลรักษาป้ อมปราการนั้นทำได้ยาก
‘หึ พวกมันก็แค่สร้างป้ อมปราการขนาดใหญ่ขึ้นมา นี่เป็นหลักฐานที่
แสดงให้เห็นว่าพวกมันกลัวพวกเรามากเลยสินะ’
ถ้ากองทัพของเดย์มอนด์มั่นใจว่าจะได้รับชัยชนะ พวกเขาคงไม่คิด
แม้แต่ที่สร้างป้ อมปราการขึ้นมา กองทัพที่มาก็คงคิดได้อยู่แค่นั้น
“พวกเราต้องบุกเข้าไปข้างหน้า”
“เพื่อความชอบธรรมอันถูกต้อง กองกำลังกวาดล้างเคลื่อนพลได้, ขอ
พระเจ้าอวยพรให้พวกเราด้วย”
นั่นคือคำพูดของแม่ทัพที่เป็นหัวเรือใหญ่ในการรวมพลของกองกำลัง
กวาดล้าง
พวกพรีสต์และเหล่าตัวแทนของแต่ละวิหาร คอยนำกองทัพให้กับผู้เล่น
ที่มาเข้าร่วมในศึกครั้งนี้ พูดในสิ่งที่พวกเขากำลังคิดอยู่ในใจ
ความจริงแล้ว แม้กระทั่งกองกำลังกวาดล้างที่อยู่ข้างหลังของพวกเขา
กำลังเร่งรีบจัดขบวนทัพเพื่อตามมาสมทบ เพราะมีกองทัพจำนวนมาก
ที่มาจากพื้นที่ซึ่งอยู่ห่างออกไปจากอาณาจักรอิโซรุค่อนข้างไกล พวก
เขาเดินทางมาเพื่อเข้าร่วมกองกำลังกวาดล้าง พวกเขาจึงต้องการที่จะเร่ง
รีบทำภารกิจ เมื่อลองมาวิเคราะห์ความคิดเห็นของพวกขุนนางและเจ้า
เมือง พวกเขาได้ตัดสินใจเดิมพันกับการปิ ดล้อมทำสงครามที่ป้ อม
ปราการแห่งนี้
“เปิ ดทางซะ”
“เติมลูกธนูให้เต็มและเตรียมติดตั้งบันไดด้วย นายต้องขุดอุโมงค์ใต้ดิน
ไกลแค่ไหน?”
กองกำลังกวาดล้างกำลังจัดตำแหน่งของพวกเขา และพวกเขากำลัง
เตรียมการสำหรับศึกปิ ดล้อมในครั้งนี้ แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่แน่ใจว่าจะ
ได้รับชัยชนะหรือไม่ แต่ความกังวลใจที่พวกเขามีต่อกองทัพคืนชีพที่บุก
เข้ายึดครองอาณาจักรอิโซรุยังไม่จางหายไปเช่นกัน
พวกเขาคือกองกำลังที่มีค่าคอยนำทัพเหล่า NPC ทหาร พวกเขาไม่
ต้องการที่จะสูญเสียทหารเหล่านี้ที่พวกเขาอุตส่าห์ฝึกมาเองกับมือไปกับ
สถานที่พวกนี้ ป้ อมปราการหินทั้งสูงและทั้งหนา และดูเหมือนว่ามันจะ
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเจาะเข้าไปข้างในด้วยวิธีการปกติแบบเดิมๆได้
หลังจากที่พวกนักเวทย์ร่ายเวทย์มนต์สนับสนุนให้กับทุกคนเรียบร้อย
แล้ว พวกเขาก็พร้อมที่จะทำสงคราม เวลาล่วงเลยไปจนกระทั่ง
ดวงตะวันลับขอบฟ้ า เผยให้เห็นราตรีแรกก่อนศึกสงคราม รุ่งอรุณ
สุดท้ายของเดือน คือยามที่เหล่ามอนสเตอร์จะมีพละกำลังสูงสุด!
กองทัพคืนชีพที่เดย์มอนด์เป็นผู้นำได้ทำการลอบโจมตีกองกำลัง
กวาดล้าง
พวกวิญญาณปี ศาจขนาดยักษ์ระเบิดพลังออกมา ทำลายประตูทางเข้า
ของป้ อมปราการ
ตึงง — ตึงง — ตึ้งง!
ย่างก้าวแต่ละครั้งของพวกวิญญาณปี ศาจขนาดยักษ์ทำให้เกิดแผ่นดิน
ไหวอย่างรุนแรง
กองกำลังที่พักผ่อนอยู่ในค่ายทหารลอยขึ้นมาข้างบนเท้าของพวกมัน
“ศัตรู!”
“ข้าไม่คิดเลยว่าพวกมันจะลอบโจมตีเราแบบนี้!”
ท่าทางที่งงงวยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเจ้าเมืองที่เป็นผู้นำของ
เหล่าทหารจำนวนมาก
การปิ ดล้อมที่พวกเขาชำนาญจนราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติ ได้เริ่มขึ้นใน
ตอนเช้าและสิ้นสุดลงในตอนกลางคืน
การลอบโจมตีในกลางดึกนั้นเกิดขึ้นไม่บ่อยเท่าไหร่นักในตอนที่มีการ
ทำสงคราม
เนื่องจากว่ามันเป็นการง่ายที่จะคอยเฝ้ าดู สอดส่องการเคลื่อนไหวอยู่แต่
ภายในป้ อมปราการ มันไม่มีเหตุผลที่จะต้องออกแรงทำเกินกำลังของ
พวกเขา ถึงแม้ว่าพวกเขาพยายามโจมตีในตอนกลางคืน แต่พวกเขาก็รู้ว่า
มันอันตราย ความผิดของพวกผู้เล่นที่ไม่ได้เข้าร่วมในการบุกโจมตีนั้น
ช่างใหญ่หลวงยิ่งนัก
แม้ว่าพวกเขาจะรู้อยู่แก่ใจดีว่ามันมีโอกาสที่สูงมากที่พวกเขาอาจจะตาย
ได้ พวกเขาก็ยังคงไม่ต้องการจัดตั้งกระบวนทัพเข้าโจมตีอยู่ดี
อย่างไรก็ดี การปล้นสะดมเกวียนขนส่งเสบียงอาหารในตอนกลางคืน ที่
มักจะเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆในสงครามระหว่างอาณาจักรคัลลามอร์และอาณา
จักรฮาเว่น ในพื้นที่อื่นๆ ยังมีผู้คนไม่มากนักที่มีประสบการณ์ในสง
ครามจริงๆ (Admin: ที่กล่าวมาข้างต้น คือ การเล่าถึงกลยุทธ์ในการ
ทำสงคราม)
“ทุกคนลุกขึ้นมาและขวางพวกมันซะ!”
“มันคือการต่อสู้! จงเตรียมตัวให้พร้อม!”
พวกผู้เล่นพากันวิ่งออกมาจากค่ายทหาร
เมื่อยามที่พวกเขาพักเหนื่อย พวกทหารจะล้อมวงนั่งเล่นไปพร้อมกับดื่ม
เหล้า ดื่มเบียร์ ดื่มไวน์ และนั่นทำให้พวกเขาตกอยู่ในสถานะที่ยากต่อ
การเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้
มันเป็นเรื่องยากที่จะได้ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในตอนที่ต้องออก
มาทำศึกสงคราม ดังนั้นครั้งสุดท้ายที่พวกเขาได้ดื่มมัน พวกเขาจึงซัด
เต็มที่เลย และต้องขอบคุณเรื่องนั้น ดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้รับความ
เสียหายมากขึ้นนะเนี่ย
‘ก่อนที่พวกเราจะมาถึงที่นี่ พวกเราผ่านโกดังเก็บของในหมู่บ้านแห่ง
หนึ่งของอาณาจักรอิโซรุ ในนั้นมีขวดไวน์อยู่เต็มไปหมด หรือว่านี่คือ
แผนการที่พวกมันได้วางเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เพื่อให้พวกเราอ่อนกำลัง
ลง?’
มันเป็นอะไรที่ดูเหมือนการเล่นของเด็กๆเกินกว่าจะเรียกได้ว่าเป็น
กลยุทธ์ แต่แน่ล่ะพวกเขาต้องยอมรับมันเพราะมันเป็นแผนการอัน
แยบยลจนน่าตกใจที่สามารถเจอจุดอ่อนของศัตรู
เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ที่กองกำลังกวาดล้างไปพบเข้าในขณะที่กำลัง
เคลื่อนพลขนเสบียงอาหาร และทุกคนดื่มมันอย่างบ้าคลั่งก่อนที่มันจะ
หมด
พวกเขาถูกจับตัวไปด้วยอาการมึนเมา
“บัดซบที่สุด, ไม่คิดว่าพวกมันจะใช้วิธีหลอกเด็กแบบนี้!”
แม้ว่าพวกผู้เล่นจะตกอยู่ในอาการมึนเมา พวกเขาก็ดึงดาบของพวกเขา
ออกมาและยกมันขึ้น
อย่างไรก็ดีที่เหตุการณ์นี้ ยังมีพวกอัศวินศักดิ์สิทธิ์ และพรีสต์อยู่ครึ่งนึง
ของกองกำลังกวาดล้าง ไม่ต้องถามก็รู้ว่าพวกเขาไม่สนใจยุ่งเกี่ยวกับ
พวกแอลกอฮอล์ พวกผู้เล่นที่กำลังเมาอยู่ ตั้งใจที่จะหนีการต่อสู้และ
หลบซ่อนตัว; มันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องยืนประจันหน้าและสู้กับ
ศัตรู
แต่เรื่องแปลกประหลาดก็ได้เกิดขึ้น ดาบของพวกเขารู้สึกหนักกว่าปกติ
- คุณติดเชื้อ พลังชีวิตและมานาลดลง
การหายใจยากลำบากมากขึ้นและยังมีอาการไอตามมาอยู่ตลอด ถ้าคุณ
ไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีและเหมาะสม ในไม่ช้าการติดเชื้อจะ
กำเริบอย่างรุนแรง
โรคระบาดได้แพร่กระจายเข้าไปในค่าย
ในทันใดนั้นเอง ได้ปรากฏให้เห็นฝูงหนูจำนวนเป็นแสนๆตัว วิ่งพล่าน
ไปทั่วทั้งค่ายทหาร
“เคลลิค, ท่านพรีสต์! พวกคุณอยู่ที่ไหน?”
“ได้โปรดรักษาโรคระบาดนี้ด้วย!”
พวกผู้เล่นต่างพากันร้องหาเคลริคและพรีสต์ก่อนใครเพื่อน
แต่พวกพรีสต์ที่สามารถรักษาพวกเขาได้นั้น กำลังถูกฝูงวิญญาณปี ศาจที่
บินได้ เข้าโจมตีพวกเขา
นี่คือกองทัพคืนชีพที่พัฒนาขึ้นไปอีกขั้น การโจมตีในตอนกลางคืน
ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การโจมตีทั้งหมดจะไม่เกิดขึ้นเลยหากปราศจากพวก
วิญญาณปี ศาจ
กรร โฮก ก๊าสส!
“อ้า!!!!!!”
“จงสู้กับศัตรู พวกแกจะไปไหนกันวะ!”
“หนีเร็ว!”
“สู้สิ ห้ามวิ่งหนีโดยเด็ดขาด!”
การซุ่มโจมตีในคืนสุดท้ายของเดือน ทำให้กองกำลังกวาดล้างแทบจะ
สูญสิ้นไปจากโลก
กองทัพคืนชีพได้ทำการรวบรวมชีวิตของผู้ที่เหลือรอดจนแทบจะใกล้
ตายอยู่แล้ว และพวกเขาได้วิญญาณปี ศาจเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังได้พรรคพวก
เพิ่มมาด้วย
ทุกครั้งที่พวกเขายึดครองปราสาทและเมืองต่างๆ พวกเขาได้รับชัยชนะ
จากการต่อสู้กับวิหารต่างๆและได้ทำลายโบสถ์ของพวกนั้นด้วย พละ
กำลังความแข็งแกร่งและอำนาจของพวกเขาเพิ่มขึ้น!
เดย์มอนด์รอบรวมกองกำลังและเดินทางออกจากอาณาจักรอิโซรุ ภาย
หลังที่พวกเขาทำการป้ องกันได้สำเร็จ จากนั้นมุ่งหน้าลงใต้ เพื่อที่จะยึด
ดินแดนที่เคยเป็นของนักล่าแห่งผืนปฐพี
กองกำลังกวาดล้างได้จัดตั้งขึ้นมาใหม่ และเจ้าเมืองของแต่ละปราสาทที่
อยู่ในเส้นทางการโจมตีของกองทัพคืนชีพ ได้ทำการรวบรวมกองกำลัง
ที่ดีที่สุดที่พวกเขาจะหาได้ในเขตแดนของพวกเขา
ทุกๆที่ ที่กองทัพคืนชีพเคลื่อนพลผ่านไป มันจะกลายเป็นสรวงสวรรค์
สำหรับวิญญาณปี ศาจ
***
จากความขยันอดทนทำงานหนักของวีด เขาสามารถฟื้ นคืนค่าสถานะ
ทางศิลปะกลับมาได้ถึง 100 แต้ม
“มันน่าเบื่อชะมัดที่ต้องมาเพิ่มค่าสถานะทางศิลปะที่ใช้ไปเนี่ย”

ถึงแม้ว่าค่าสถานะที่ฟื้ นคืนกลับมาได้นั้นค่อนข้างเร็วมาก มันก็ไม่ใช่


เรื่องง่ายเลยเหมือนกัน แต่ต้องขอบคุณมัน ที่ทำให้ความชำนาญทักษะ
การแกะสลักของเขาเพิ่มขึ้นเล็กน้อยและตอนนี้เพิ่มถึง 70% และ
ทักษะงานฝีมือของเขาเพิ่มขึ้นถึงขั้นสูงระดับ 6
มันสามารถพูดได้เลยว่าทักษะงานฝีมือถือเป็นของขวัญอันสุดยอดที่ช่วย
ในการปั่นค่าสถานะ!
วีดสร้างต่างหูด้วยความระมัดระวังอย่างสุดๆ
- ค่าสถานะทางศิลปะเพิ่มขึ้น 1
- ความชำนาญทักษะการแกะสลักเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
- ความชำนาญทักษะงานฝีมือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
- คุณได้รับทักษะการสร้างเครื่องประดับ
- การสร้างเครื่องประดับ: ทักษะที่ใช้สร้างพวกสร้อยคอ, ต่างหู, และ
แหวน ด้วยระดับทักษะที่สูงขึ้น มันเป็นไปได้ที่จะสามารถสร้างเครื่อง
ประดับที่มีความสวยงามและมาพร้อมกับค่าเสน่ห์ที่สูง
ตอนนี้ มันก็ถึง 101 แต้มซะที!
หน้าของวีดถึงกับสั่นเลยทีเดียว
เขาได้มา แม้กระทั่งทักษะสุดพิเศษของนักสร้างไอเทม การสร้างเครื่อง
ประดับ
วีดถอนหายใจ
“มันไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ในการที่ต้องสร้างทุกอย่างขึ้นมาใหม่”
เขากังวลสุดๆจนแทบจะคลื่นไส้ออกมาว่าเขาอาจจะได้เวทย์มนต์อะไร
แบบนี้
“ยังไงซะ มันก็เหลืออยู่อีกไม่เท่าไหร่จนถึงระดับปรมาจารย์”
ขณะที่สมาชิกในกิลด์ของเขากำลังพูดคุยกันอยู่ในหน้าต่างแชท วีดยังคง
มุ่งมั่นมีสมาธิอยู่กับการทำเครื่องประดับ
‘มันมีงานประติมากรรมอยู่อีกมากที่เราต้องทำ’
งานประติมากรรมต่างๆที่ผุดขึ้นมาในหัวของวีด ต้องรอจนกว่าค่า
สถานะทางศิลปะของเขาจะฟื้ นคืนกลับมาทั้งหมด มันน่าเสียดายขอ
งมากๆที่ต้องมานั่งทำประติมากรรมพวกนั้นเพียงเพื่อที่จะฟื้ นคืนค่า
สถานะเท่านั้น
ถ้าเขาไม่มีพลังใจในการสร้างทุกอย่างขึ้นมาใหม่ ซึ่งฝังลึกลงไปจนเข้า
กระดูก มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่หันหลังกลับเลยแม้แต่นิดเดียว ลี ฮุน
เรียนรู้การอดทนแบบนี้มาจากผู้จัดการบริษัท ที่ให้เขาแบกอิฐขึ้นบันได
ถึง 25 ชั้น เพราะมันเปลืองไฟหากใช้ลิฟท์ ตอนนั้นเอง เขาได้รับ
ข้อความกระซิบจากฮวารยอง
- คุณวีด คุณกำลังทำอะไรอยู่เหรอคะ?
- ผมกำลังทำงานฝีมือในคุรุโซ
- งานฝีมือ?
- ใช่แล้ว ผมเพิ่งได้ทักษะการสร้างเครื่องประดับมาเมื่อกี้นี้เอง
- ถึงแม้ฉันจะรู้ว่าการสร้างเป็นไปได้ด้วยการแกะสลัก แต่คุณได้รับแม้
กระทั่งทักษะพิเศษแบบนี้ด้วยเหรอ?
- มันเกิดขึ้นหลังจากที่ผมสร้างพวกมันมาแล้วประมาณ 1,000 ชิ้น
งานของอาชีพประติมากรรมโดยพื้นฐานทั่วไปแล้วนั้น มันก็ไม่ได้แตก
ต่างจากสายอาชีพการสร้างอื่นๆสักเท่าไหร่หากเปรียบเทียบกันดูแล้วน่ะ
นะ
- โอ้ คุณ! คุณทำถึงขนาดนี้เพื่อฉันสินะคะ เครื่องประดับพวกนี้เปรียบ
เสมือนชีวิตของนักเต้น… ขอบคุณมากนะคะ
- ...
ตั้งแต่ที่วีดสร้างรูปปั้นเทพธิดา ฮวารยองก็เพิ่มความสนใจใน
ประติมากรรมของเขามากยิ่งขึ้นไปอีก
จากลักษณะท่าทางการพูดการจาของเธอ เมื่อฟังแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะ
เข้าใจผิดและคิดว่าวีดตั้งใจเรียนทักษะการสร้างเครื่องประดับเพื่อเธอ
โดยเฉพาะ
วีดพูดอย่างจริงใจและตรงไปตรงมา

- ผมกำลังทำเครื่องประดับสำหรับคุณฮวารยองด้วย
แน่นอนล่ะ เครื่องประดับที่สำเร็จเสร็จสมบูรณ์ต้องเก็บไว้ให้ฮวารยอง
เขาตั้งใจที่จะขายพวกมันให้กับฮวารยองผู้ร่ำรวย
- ขอบคุณนะ ฉันอยากเจอคุณเร็วๆจัง
มันเป็นตอนที่วีดกำลังกระซิบกับฮวารยองและกำลังสร้างของอยู่นั้น
พวกช่างตีเหล็กในคุรุโซได้ยินข่าวลือที่ค่อนข้างหนาหู
“เห็นได้ชัดเลยว่ากองทัพของเดย์มอนด์ยึกที่ราบโนปุเน็มได้แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นอาณาเขตอีก 20 แห่งของทวีปเวอร์เซลล์ก็ตกเป็นของ
พวกเขาแล้วน่ะสิ?”
“มันไม่ผิดหรอกที่จะพูดแบบนั้น พวกเขาในตอนนี้กำลังเตรียมพร้อม
ด้วยขุมกำลังขนาดมหึมา หลังจากที่ยึดครองอาณาจักรอิโซรุ พวก
วิญญาณปี ศาจ ตนใหม่ๆก็เกิดขึ้นมาเรื่อยๆ ดังนั้นขนาดของกองทัพจึง
ใหญ่ขึ้นทุกครั้งที่พวกเขามุ่งหน้าไปที่ต่างๆ”
“มันช่างน่ากลัวชะมัด”
วีดได้ยินเรื่องพวกนี้ในขณะที่เขากำลังสร้างเครื่องประดับ
จากเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทำให้ราคาขายของไอเทมทะยานสูงขึ้นไปอย่าง
กับติดจรวด เช่นเดียวกับที่วิหารแห่งการคืนชีพที่มุ่งเน้นโจมตีไปเรื่อยๆ
เหล่าอัศิวินของทวีปเวอร์เซลล์ก็สนใจว่าจะต้องใช้เงินไปสักเท่าไหร่
เพื่อปกป้ องตัวพวกเขาเองแล้ว พวกเขาทุ่มเททุกอย่าง
อย่างไรก็ตาม ทางสหภาพเองก็ยังคงมีความกังวลอยู่ไม่น้อย
ตรรกะความคิดที่ว่าพลังของกองทัพคืนชีพกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ได้รับการ
ตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ แต่ยังไงก็ตาม สงครามที่เกิดขึ้นระหว่างกลุ่ม
มหาอำนาจต่างๆยังคงไม่จบ และนั่นทำให้ราคายังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อ
เนื่อง มีเพียงแค่เหล่าผู้เล่นดาร์คเกมเมอร์ที่กำลังสนุกไปกับเหตุการณ์สุด
พิเศษเช่นนี้
‘กองทัพคืนชีพงั้นเรอะ เชอะ แล้วจะให้ทำยังไงวะ’
วีดเองก็ได้เห็นภาพเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นของกองทัพคืนชีพผ่าน
รายการถ่ายทอดสด
กองทัพวิญญาณปี ศาจที่ไม่สามารถบรรยายได้ด้วยเพียงแค่คำว่า “น่า
เหลือเชื่อ”!
กองทัพคืนชีพมีพลังแข็งแกร่งเพียงพอที่จะบดขยี้อาณาจักรได้ทั้ง
อาณาจักร
เดย์มอนด์รับประกันความปลอดภัยของผู้ที่ไม่คิดต่อต้านเป็นศัตรู, พวก
ผู้เล่นธรรมดาๆทั่วไป และนักท่องเที่ยวที่กำลังสนุกอยู่กับการพักผ่อน
ต้องขอบคุณเรื่องนั้น พวกเขาจึงได้รับภาพการถ่ายทอดสดของพื้นที่ ที่
ถูกยึดครองโดยกองทัพคืนชีพ
โบสถ์ที่มีความละม้ายคล้ายคลึงกับวิญญาณปี ศาจถือเคียวในขณะที่กำลัง
ขี่ม้า! นั่นคือโบสถ์ขนาดมหึมาที่กองทัพคืนชีพกำลังสร้าง
ปัญหาก็คือรูปร่างของโบสถ์อันนี้ วีดรู้สึกคุ้นเคยกับมันมาก
‘ประติมากรรมที่เดธแฮนด์ทิ้งไว้ก็เหมือนกับของพวกนั้น…’
เขาเริ่มสงสัยว่ามันอาจจะเป็นไปได้ที่จะเป็นเควสต่อเนื่อง
มันอาจจะเป็นไอเทมจำเป็นสำหรับเควสของเดย์มอนด์ หรือทำให้
เหตุการณ์พลิกผันได้ด้วยการทำเควสเพื่อหยุดพวกเขา ไม่ว่ามันจะเป็น
แบบไหนหรือผลออกมาด้านไหน ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันต้องเกี่ยวข้อง
กันแน่ๆ
‘ปัญหาก็คือ…เราควรจะรับเควสนี้, หรือไม่’
ถ้าวีดรับเควสนี้มาทำ, มันอาจจะมีเหตุการณ์ การต่อสู้อันยุ่งยากลำบาก
เกิดขึ้น
วีดเลยได้แต่หาข้อโต้แย้งในขณะที่เขากำลังสร้างของอยู่
‘เราควรขายมันทิ้งและปล่อยเอาไว้อย่างนั้นดีมั้ยนะ’
แม้ว่าเขาต้องการที่จะขายประติมากรรมชิ้นนี้ แต่ถ้าทักษะประติมากรรม
ไม่สูงพอ หรือขาดไปแม้แต่นิดเดียว มันจะเป็นไอเทมที่ไม่สามารถเอา
มาใช้งานได้ ดังนั้นปัญหาก็คือเขาไม่รู้ว่าจะหาคนซื้อได้จากที่ไหน
เล่มที่ 14 ตอนที่ 11: การรอคอยของดาอิน
ผู้อำนวยการ คิม ฮาน โซ กำลังมองดู ยู บิง จุน—ผู้เป็นอาจารย์ของเค้า, นักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะขนานแท้เปรียบได้ราวกับ
บุคคลที่สวรรค์ส่งมา
เส้นสีขาวบางๆพาดอยู่ตรงกลางหัวของเขา, ดวงตาแดงก่ำ, และ แว่นตาหนาเตอะ
ถึงนั่นจะดูเหมือนว่า ยู บิง จุน กำลังเครียดอยู่ตลอดเวลา, แต่สมองของเขาอยู่ในระดับที่สามารถเรียกเขาได้ว่าอัจฉริยะ
‘แม้ว่าโลกจะรู้จักรอยัล โร้ดที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยฉันและนักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆอีก 17 คน…’

ผู้อำนวยการ คิม ฮาน โซ ส่ายหัวไปมาเบาๆ


มันมีความแตกต่างมากเมื่อพูดถึงความจริงที่สาธารณชนได้รับรู้
‘ความจริงแล้ว แนวคิดพวกนี้มาจากอาจารย์ทั้งหมด, และเขายังเป็นคนที่พัฒนาแกนกลางของเทคโนโลยีอีกด้วย ส่วนนัก
วิทยาศาสตร์คนอื่นๆและเราไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่านั้นเลย นอกจากแค่รันข้อมูลที่อาจารย์เป็นคนทำขึ้นมา’
สำหรับผู้อำนวยการ คิม ฮาน โซและนักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆแล้ว มันถือเป็นงานที่พวกเขายังต้องกลัว เพียงแค่ต้องรับผิด
ชอบในส่วนของตัวเองเท่านั้น
มีอยู่หลายครั้งที่ระบบเสมือนจริงที่สุดแสนจะเพอร์เฟ็คและไม่มีทางเป็นไปได้ อีกทั้งด้วยชื่อเสียงอันโด่งดัง ถูกมองว่าเป็น
เรื่องเพ้อฝัน มีอยู่หลายครั้งที่เขาต้องลุกขึ้นมาจากเตียงในตอนเช้า หลังจากฝันร้ายถึงเรื่องราวที่ล้มเหลว
ทุกๆครั้งที่พวกเขาต้องหยุดเมื่อพบทางตัน ยู บิง จุน จะก้าวเข้ามาเพื่อช่วยเหลือพวกเขา และคนที่เข้าใจระบบทั้งหมดก็ยัง
เป็นเขาอีกด้วย
ถึงแม้ว่านักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆรวมทั้งผู้อำนวยการ คิม ฮาน โซ สามารถจัดการเวอร์เซลล์ได้ด้วยเจตจำนงต่อหน้าที่ของ
พวกเขา, แต่พลังของพวกเขาก็ยังมีขีดจำกัด
ก้าวเท้าเดินอย่างระมัดระวัง ผู้อำนวยการ คิม ฮาน โซหยุดอยู่ตรงหน้าของ ยู บิง จุน

“ผมกลับมาแล้วครับ”

“ดี ทำได้ดีมาก แล้วพวกเด็กๆที่ออฟฟิ ซนั่น พูดกันว่ายังไงบ้างล่ะ?”

“ครับ พวกเขากังวลมากเลยครับ โดยเฉพาะเรื่องของกองทัพคืนชีพ”

“เคะเคะ ฉันเดาว่ามันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว”

“แล้วก็ หัวหน้าแผนกการจัดการกลยุทธ์ ซุน อิล คัง บ่นใหญ่เลย เรื่องที่เขาต้องทำโอทีอยู่ทุกวัน” (OT=Overtime)

“เค๊ะเค่ะเคะ”

ยู บิง จุน หัวเราะออกมาเหมือนกับว่าเขาได้คาดการณ์มันเอาไว้หมดแล้ว


“ผู้เล่นชื่อเดย์มอนด์ คุณคิดว่าเขาเป็นยังไงเหรอครับ, อาจารย์?”

“ไหนดูซิ อืม ก็ไม่เลวนะ”

ยู บิง จุน ตอบสนองอย่างไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่


“เควสกองทัพคืนชีพ…ก็นะ พลังอันน่าเหลือเชื่อเกินกว่าจะจินตนาการได้จากภารกิจนั่น”

พวกนักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆ ที่ดูแลแผงควบคุมหลักในแผนกการจัดการระบบ ต่างพากันเงี่ยหูของพวกเขามาฟังบทสนทนา


ที่เฉพาะเจาะจงแบบนี้
ยู บิง จุน เป็นนักวิทยาศาสตร์ ผู้ที่มีมันสมองอันปราดเปรื่องเหนือผู้อื่น และ เขาได้ปิ ดกั้นตัวเอง ปราศจากซึ่งการเปิ ดเผยตัว
ตนให้โลกได้รับรู้
มีเพียงแค่โลกภายนอกเท่านั้นที่ไม่รู้, แต่ในความเป็นจริงแล้ว, ยู บิง จุน สวมบทบาทเป็นผู้นำที่คอยชักจูงทุกคน
แต่ความจริงที่ทำให้พวกนักวิทยาศาตร์ถึงกับตกใจและขนลุก คือพลังอำนาจของเทพเจ้าเวอร์เซลล์ ปราศจากและไร้ซึ่งข้อ
บกพร่องใดๆทั้งมวล พวกเขาไม่ต้องการแม้แต่ที่จะแทรกแซงหรือยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่มันทำ
มันคือสุดยอด AI ที่ดูแลโลกของรอยัล โร้ด ได้อย่างสมบูรณ์แบบนับตั้งแต่ที่มีการเปิ ดตัว ระบบอันน่าสะพรึงกลัว ที่
สามารถเรียกได้ว่า เทพเจ้าที่แท้จริง (AI=ปัญญาประดิษฐ์ ย่อมาจาก Artificial Intelligence)
และไม่ใช่เพียงแค่รอยัล โร้ดเท่านั้น; มันยังสามารถควบคุมการบริหารจัดการที่เกี่ยวข้องกับบริษัทยูนิคอร์นได้อีกด้วย ถึงแม้
จะเพิ่มการทำงานเข้าไปอีกมากมาย เทพเจ้าเวอร์เซลล์ใช้ทรัพยากรและพลังงานต่างๆแค่ 20% เอง
สำหรับพวกนักวิทยาศาสตร์แล้ว มันถือเป็นความสำเร็จที่น่ามหัศจรรย์สุดๆ
ถ้ามีใครบางคนบอกว่าระบบนี้ได้ถูกพัฒนาขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์เพียงคนเดียว พวกเขาคงต้องไม่เชื่อมันอย่างแน่นอน สิ่ง
เหล่านี้ล้วนอยู่ในการคาดการณ์ของพวกนักวิทยาศาสตร์ที่รู้จัก ยู บิง จุน
—นักวิทยาศาสตร์ที่ไม่มีใครสามารถมาแทนที่เขาได้ ต่อให้มีมนุษย์อีกกี่สิบล้านชีวิตก็ตาม

—เขาคือนักวิทยาศาสตร์ผู้ที่ทำให้เทคโนโลยีในโลกนี้ก้าวหน้าไปอีก 30 ปี ข้างหน้า ทุกอย่างล้วนอยู่ภายใต้การผลิตของเขา


ที่เคียงคู่ไปกับรอยัล โร้ด
เขาคือบุคคลที่เหล่านักวิทยาศาสตร์ต่างให้เกียรติและความเคารพเป็นอย่างสูงจนหาที่เปรียบมิได้ ยู บิง จุน คือ จุดสูงสุด
ความภาคภูมิใจของพวกเขาทุกคน
“ความโลภคือหายนะของการทำงาน ถึงแม้ง่าพวกเขาจะผ่านพ้นมันไปโดยด้วยวิธีหลอกเด็ก…ในไม่ช้าพวกเขาจะสร้าง
ศัตรูอีกเป็นจำนวนมาก”
ไม่มีนักวิทยาศาสตร์คนไหนสงสัยในคำพูดของ ยู บิง จุน
คำพูดของอัจฉริยะแห่งศตวรรษไม่เคยผิดพลาด ถ้าเขาพูดมันออกมาอย่างนั้น มันก็คงจะกลายเป็นอย่างที่เขาพูดไม่ทางใดก็
ทางหนึ่ง และสำหรับพวกนักวิทยาศาสตร์ที่รู้ล่วงหน้าเกี่ยวกับการเตรียมการของเควสและอันตรายที่ซ่อนอยู่ ผ่านเทพเจ้า
เวอร์เซลล์ พวกเขาต่างไม่รู้สึกว่ากองทัพคืนชีพคือวิกฤติอันเลวร้ายที่แท้จริง
รอยัล โร้ด คือ โลกเสมือนจริงที่ยอดเยี่ยมที่สุด
ความซับซ้อนของมันถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยเทคโนโลยี มันมีเรื่องราวมากมายนับไม่ถ้วนที่ถูกซ่อนอยู่ภายในทวีปแห่งนี้
เหล่านักวิทยาศาสตร์ต่างรู้เรื่องราวของพวกนักผจญภัยที่กำลังซ่อนตัวอยู่และทำการฝึกฝนเพื่อเพิ่มพละกำลังความแข็งแกร่ง
ของพวกเขา, ระดับเลเวลของพวกนักรบที่มีอยู่, การดำเนินไปของเควสต่างๆที่พวกเขากำลังทำ, และ พวกเขาค้นพบว่ามัน
ไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปเคร่งเครียดให้มันมากนัก
เนื่องด้วยทวีปอันกว้างใหญ่และจำนวนผู้เล่นมากมายมหาศาลที่ซึ่งทั้งหมดถูกเรียกว่าการบูรณาการผสมผสานสังคมเสมือน
จริงของมนุษยชาติ รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกนักวิทยาศาสตร์
พวกเขาก็มีส่วนร่วมในการพัฒนาด้วย รอยัล โร้ด คือโลกเสมือนจริงที่สนุกสุดๆ
หลังจากการเปิ ดตัวรอยัล โร้ด มีรายงานว่าความสุขของมนุษย์เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 40%
ด้วยความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการเปิ ดประตูไปสู่โลกแห่งใหม่ พวกนักวิทยาศาสตร์ก็กลับไปประจำตำแหน่งใน
ส่วนที่ตัวเองรับผิดชอบ
ยู บิง จุน บ่นพึมพำกับตัวเอง
“ผู้คนบนโลกใบนี้ต่างหลงมัวเมาในตัวเองง่ายเกินไป”

บนจอที่เขากำลังมองดูอยู่ เขาสามารถเห็นกิจกรรมการผจญภัยต่างๆที่เกิดขึ้นบนทวีปเวอร์เซลล์ได้ทั้งหมด
ผู้เล่นที่กำลังเพิ่มความแข็งแกร่งในขณะที่กำลังออกล่าอยู่ในป่ าที่ไม่มีใครพบเจอ
ผู้เล่นที่กำลังเพิ่มความอึดขั้นพื้นฐานด้วยการปี นป่ ายภูเขาที่สูงชันในทวีปแห่งนี้
ผู้เล่นที่กำลังเพิ่มความแข็งแกร่งด้วยการทดสอบขีดจำกัดของตัวเองในเกาะร้างที่เต็มไปด้วยมอนสเตอร์
ยู บิง จุน มีความสุขเมื่อได้มองผู้เล่นเหล่านี้
บททดสอบที่ไม่รู้จบในการก้าวข้ามขีดจำกัดของพวกเขา พวกเขาได้สัมผัสประสบการณ์ที่สุดยอดที่สุดที่ไม่มีที่ไหนบนโลก
เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“การที่พูดว่ารอยัล โร้ดคือเกม…”

หลังจากการสร้างและเปิ ดตัวรอยัล โร้ด สื่อสาธารณะต่างๆพากันคลั่งในเทคโนโลยีนี้


เทคโนโลยีที่เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่สามารถให้ความรู้สึกเสมือนจริงได้มากที่สุด!
การเติบโตของฐานผู้เล่นรอยัล โร้ดที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ได้นำหายนะมาสู่เกมต่างๆที่กำลังเปิ ดให้บริการอยู่ในปัจจุบัน
โลกใบใหม่ได้เปิ ดขึ้นแล้วสำหรับเหล่าผู้เล่นที่กระตือรือร้นอยากที่จะเข้าไปสัมผัสมันเร็วๆ
นี่เองก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้คนทั่วไปที่ไม่เคยสัมผัสหรือเล่นเกมมาก่อน ต่างพากันหลงใหลไปกับมัน และหัวข้อหรือ
บทความต่างๆที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมบันเทิง ทั้งหมดล้วนแล้วแต่พากันกล่าวถึงรอยัล โร้ด
เหล่าผู้จัดการและผู้อำนวยการของบริษัทต่างๆในโลกจริง ได้เล็งเห็นถึงความสนุกที่เกิดขึ้นอันเป็นผลพวงมาจากการได้
สัมผัสกำแพงปราสาทแบบยุคกลางหรือแม้กระทั่งชุดเซ็ทของนักผจญภัยที่มาพร้อมกับดาบคาดเอวของพวกเขา
เช่นเดียวกับการที่พวกเขาใช้เงินละเลงไปกับการลงทุนอันมหาศาลแบบนี้ พวกเขาก็ได้รับคำชื่นชมต่างๆนาๆราวกับว่าเป็นผู้
เล่นที่มีชื่อเสียงอันโด่งดังของอุตสาหกรรมเกมยุคใหม่
ยู บิง จุน ยิ้มแหยะๆทุกครั้งที่เขาได้เห็นบทความพวกนี้
“มนุษย์ที่แสนบอบบางและขี้เกียจ พวกเขาไม่รู้แม้กระทั่งอนาคตของตัวเองได้ถูกแขวนเอาไว้อยู่ตรงนี้แล้ว”

มันเป็นอะไรบางอย่างที่น่าสมเพชเกินกว่าที่ยู บิง จุนจะทนได้


เขาอุทิศชีวิตของเขาเพื่อรอยัล โร้ด มันเป็นผลงานศิลปะที่เปรียบได้ดั่งอนุสาวรีย์ที่เขาทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจ เสียสละ
ได้แม้กระทั่งชีวิตของตัวเอง เพื่อสร้างมันขึ้นมา มันเปรียบเสมือนลูกแท้ๆของเขา
ถ้ามันเป็นเพียงแค่การสร้างเกมขึ้นมา เขาคงล้มเลิกความตั้งใจนี้ไปนานแล้ว
***

หลังจากที่ไล่ล่าพวกโครงกระดูกเรืองแสงเป็นระยะเวลาถึงเจ็ดวัน พวกเขาได้ค้นพบรางวัลอันยิ่งใหญ่ใกล้ๆกับสุสานที่ซึ่ง
เป็นสถานที่สุดท้าย และพวกเขาสามารถชำระร้างและจัดการกับพวกมันด้วยเวทย์มนต์ศักดิ์สิทธิ์ ของเคลริค
“สำเร็จแล้ว!”

“เยี่ยมมากทุกคน”

เคลริคและพลหอกดูมีความสุขมากกว่าใครเพื่อน
“คุณดาอินช่วยได้เยอะเลย ขอบคุณนะ”

การไล่ล่าโครงกระดูกเรืองแสงนั้นค่อนข้างยากถึงแม้จะเป็นนักล่าที่มีฝีมือก็ตาม นั่นก็เพราะว่าพวกมันสามารถเข้าไปใน
ภูเขาที่มีมอนสเตอร์จำนวนมาก หรือหาดันเจี้ยนเพื่อหลบซ่อน เมื่อพวกเขาหยุดสู้ในขณะที่กำลังไล่ตามโครงกระดูกเรือง
แสง มันสามารถหนีไปที่ไหนก็ได้ก่อนที่พวกเขาจะหามันพบ
ถ้าพวกเขาไม่มีเวทย์มนต์ของชาร์แมนที่คอยเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่แล้วล่ะก็ การไล่จับพวกโครงกระดูกเรืองแสงจะ
เป็นอะไรที่ยากลำบากมากขึ้นไปอีก
รอยยิ้มของดาอินก็ปรากฏให้เห็น
“มันก็ไม่ได้มีอะไรมากนักหรอก ฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยได้มีส่วนร่วมในการต่อสู้ด้วยสักเท่าไหร่ ”

“ไม่จริงเลย ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นชาร์แมน พลังในการรักษาของคุณและทักษะต่างๆล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ทั้งนั้น…ถ้าคุณ


ดาอินไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยล่ะก็ มันจะยากมากเลยที่จะทำเควสนี้ให้สำเร็จ”
“พี่สาวดาอินเป็นชาร์แมนที่เก่งที่สุดเลย”

ดาอินชนะใจของสมาชิกทุกคนที่อยู่ในปาร์ตี้
“พี่สาว อยู่ต่อกับพวกเราเถอะนะ”

“คุณจะทำเควสด้วยกันกับพวกเราอีกมั้ย?”

“แน่นอน ฉันจะทำ”

ผ่านไปสองสามเดือน ดาอินสนุกไปกับการผจญภัยร่วมกันกับสมาชิกในปาร์ตี้
ชื่อเสียงของเธอโด่งดังขึ้นทุกวัน เมื่อตอนที่ยังไม่มีผู้เล่นอยู่ในโมราต้ามากนัก ทุกคนต่างไม่รู้จักชาร์แมนดาอิน เธอออกไป
ผจญภัยในดินแดนแห่งมนต์ดำ
มันคือคณะสำรวจที่มีนักผจญภัยมากกว่ายี่สิบคนในโมราต้าที่เข้าร่วมการสำรวจในครั้งนี้ !
หลังจากที่ได้รับประสบการณ์ในการได้พบเจอมอนสเตอร์ใหม่ๆและดันเจี้ยนแห่งใหม่ เธอกลับมาที่โมราต้า
***

“วิ้ว! ในที่สุดฉันก็ได้กลับมาที่โมราต้าซะที”

ดาอินยิ้มกว้าง
โมราต้าที่เธอกลับมาหลังจากผ่านไปเป็นระยะเวลาอันยาวนาน…เธอไม่รู้ว่าเธอคิดถึงมันมากเท่าไหร่
มันอาจจะเป็นเพราะว่าความอิ่มตัวที่เกิดขึ้นในเมืองลอยฟ้ า ลาเวียสนั้นเพียงพอแล้ว เธอจึงหาสถานที่ใหม่ในทางเหนือและ
สร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้คน จนมีเพื่อนมากมายในโมราต้า
“แต่ว่าฉันต้องหาทางแก้คำสาปให้ได้ซะก่อน…”

สีหน้าของดาอินดูเคร่งเครียด
คณะสำรวจทั้งหมดต่างก็ได้รับคำสาปจากการที่ไปสำรวจดินแดนแห่งมนต์ดำ
ผิวหนังของพวกเขากลายเป็นสีดำเหมือนกับพวกดาร์คเอลฟ์ , และลวดลายเฉพาะของเผ่าพันธุ์ก็ปรากฏขึ้นให้เห็นเด่นชัด
คำสาปที่จะลดการแสดงผลของเวทย์มนต์และทักษะต่างๆลงครึ่งหนึ่ง!
มันคือคำสาปที่ไม่สามารถลบล้างออกไปได้ถึงแม้จะใช้เวทย์มนต์ศักดิ์สิทธิ์ของชาร์แมนหรือเคลริคก็ตาม
‘ฉันต้องไปหาพรีสต์ก่อนแล้วล่ะ’

ถึงแม้ว่าพวกพรีสต์ที่อยู่ในคณะสำรวจช่วยอะไรไม่ได้ก็ตาม พวกเขาทำได้เพียงแค่เชื่อในตัวพรีสต์ของพวกเขาเท่านั้น
ดาอินไปที่วิหารเฟรย่าห์
เป็นช่วงเวลาเดียวกันที่คณะสำรวจเพิ่งกลับมา มันจึงเต็มไปด้วยผู้คนที่มารอรับการอวยพร
หลังจากที่ต่อแถวรอคอยอย่างยาวนาน ก็ถึงคิวของเธอ เธอพบกับพรีสต์แห่งวิหารเฟรย่าห์
“ฉันต้องการรักษาคำสาปบนตัวของฉัน”

“คุณได้รับคำสาปของปี ศาจโบราณสินะ”

“ใช่แล้วล่ะ”

“ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าคุณเข้าไปในสถานที่ที่ไม่ควรจะไป มันคือคำสาปที่ก่อตัวขึ้นจากการที่คุณไปสำรวจดินแดนที่ไม่
ต้อนรับเหล่าผู้บุกรุก การที่จะถอนคำสาปได้นั้น คุณจำเป็นต้องเตรียมวัตถุดิบเหล่านี้ อันได้แก่ ไม้เคลป์ ไพน์, ผง
ทองคำขาว, แครอท, และเลือดของกระต่ายขาว ถ้าคุณทาส่วนผสมเหล่านี้ลงบนตัวของคุณ แล้วจากนั้นผสมมันเข้าด้วยกัน
และดื่มมันให้หมด คุณจึงจะเป็นอิสระจากคำสาปนี้ได้”
นอกจากไม้เคลป์ ไพน์แล้ว ถึงแม้มันจะใช้เวลามากสักหน่อย การเก็บรวบรวมพวกมันก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด
ดาอินยิ้มราวกับว่าเธอไม่ได้คาดหวังว่าการรักษามันจะง่ายอย่างที่เธอคิด
“ขอบคุณมาก”

“ด้วยความยินดี ความสงบสุขทั้งปวงที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ล้วนเป็นไปตามพระประสงค์ของเทพธิดา”


***

“ขายของจ้า ขายของ ทางนี้รับซื้อของด้วยนะจ๊า!”

“บอกข้ามาได้เลยว่าท่านต้องการอะไร”

เสียงของกลุ่มพ่อแค้แม่ค้าที่กำลังต่อแถวอยู่ในจัตุรัสข้างนอกวิหารเฟรย่าห์ดังขึ้นไปทั่วทุกสารทิศ
การแข่งขันของพวกพ่อค้าแม่ค้าสามารถพบเห็นได้ทั่วไปในทวีปเวอร์เซลล์
หลังจากที่ขายของที่เธอรวบรวมมาหมดแล้ว ดาอินนั่งพักผ่อนอย่างใจเย็นอยู่ที่จัตุรัส
‘ครั้งนี้ ฉันจะได้พักผ่อนและรอเขามาซะที’
การที่จะได้พบกับวีดนั้นคือเหตุผลเพียงหนึ่งเดียวของการมายังที่โมราต้าแห่งนี้
อย่างไรก็ตาม วีดก็ยังไม่กลับมาโมราต้า และเธอก็เบื่อที่จะรอและออกไปผจญภัยต่อ
เมื่อเธอจากไป รูปปั้ นเทพธิดาเฟรย่าห์ก็ถูกสร้างขึ้น พร้อมกันกับผลงานประติมากรรมต่างๆและปราสาทก็มีการ
เปลี่ยนแปลงพัฒนาไปเช่นกัน
มีข่าวลือเกี่ยวกับวีดที่ว่าเจ้าเมืองโมราต้าได้กลับมาดูแลกิจการภายในเมือง อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเขาจะออกไปผจญภัยอีก
แล้ว ดังนั้นมันจึงเป็นที่รู้กันว่าการที่จะได้พบเขานั้นยากมาก
‘มันจะมีโอกาสสักเท่าไหร่กันน้า ที่เขาจะกลับมา ในขณะที่เธอออกไปทำอย่างอื่น?’

ดาอินมองไปที่อาคารต่างๆซึ่งมันไม่เคยมีมาก่อน บนถนนที่ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่ เธอเดินไปรอบๆอย่างโดดเดี่ยว เดียวดาย


‘รูปปั้นเทพธิดาเฟรย่าห์, เฮ๊อะ…’

เธอมองไปที่รูปปั้ นอันงดงามของเทพธิดาเฟรย่าห์ เธอรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย สำหรับเธอ ผู้ที่มีความน่ารัก สดใสมากกว่าผู้หญิง


ทั่วๆไป เพียงเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเธอ จะมองตัวเองในทางที่ดีแล้วก็ตาม แต่มันก็อดไม่ได้ที่เธอจะรู้สึกรำคาญอยู่บ้าง
เธอต้องการที่จะกลับไปยังสถานที่ ที่ซึ่งประดิษฐานไว้ด้วยประติมากรรมแห่งความทรงจำของเธอ ณ ถ้ำลาเวียส แต่ถ้าเธอทำ
อย่างนั้น มันจะยิ่งเจอวีดยากขึ้นไปอีก
มันเป็นช่วงที่ดาอินกำลังมองไปรอบๆจัตุรัส
“ขอโทษนะคะ”

เธอมองกลับไปยังเจ้าของเสียงที่เรียกหาเธอ
ดูผอมและบอบบาง ผู้หญิงที่มาพร้อมกับแววตาอันใสซื่อบริสุทธิ์ ดูจากเสื้อคลุมสีขาวที่เธอสวมใส่อยู่นั้น เธอต้องเป็นผู้เล่น
ที่มีอาชีพเคลริคหรือไม่ก็พรีสต์อย่างแน่นอน
“คุณเรียกฉันเหรอ?”

“ใช่ค่ะ”

“มีอะไรให้ฉันช่วยอย่างงั้นเหรอ?”

“โอ้ ดิฉันต้องขอโทษด้วยนะคะที่ต้องถามแบบนี้หลังจากที่เพิ่งเจอคุณได้ไม่นาน…คุณคือชาร์แมนที่รู้จักกันในนามว่าดา
อินใช่มั้ยคะ?”
“ใช่ ถูกต้องแล้วล่ะ”

“วิ้ว! ในที่สุดฉันก็หาคุณพบซะที ฉันชื่อไอรีน”


การเริ่มบทสนทนาของไอรีน ทำให้เธอรู้แปลกๆและดูอึดอัดไม่ค่อยสะดวกสบายนัก แต่เธอไม่สามารถซ่อนความดีใจที่เธอ
แสดงออกมาได้เมื่อเธอหาดาอินพบ
“ปาร์ตี้ของฉันกำลังทำเควสอยู่ในตอนนี้
แต่มันค่อนข้างไกลมาก และพวกเราคิดว่ามันจพดีมากหากมีใครสักคนที่มีเวทย์
มนต์สำหรับการผจญภัยเยอะๆ ดังนั้นพวกเราเลยพยายามที่จะหาชาร์แมนมาร่วมปาร์ตี้เดียวกันกับพวกเรา”
ชื่อของเควสที่เพลค้นพบนั้นคือ ‘ความลับการผลิตชุดเกราะโบราณ’
มันมีการกล่าวกันว่ามีบันทึกที่เกี่ยวกับกรรมวิธีในการผลิตถูกฝังอยู่ที่ไหนซักแห่งในทางเหนือ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการรับ
สมัครนักผจญภัยและชาร์แมน จากนั้นก็ออกเดินทาง แล้วพวกเขาก็ได้ยินชาร์แมนผู้มีชื่อเสียงอันโด่งดังนามว่าดาอิน ซึ่งเธอ
ได้กลับมาที่โมราต้าอีกครั้งและ พวกเขาก็หาเธอพบ
ไอรีนอธิบายอีกครั้งด้วยสีหน้าที่ดูกังวล
“ระดับความยาก คือ ระดับ C ถ้าคุณไม่รังเกียจ คุณอยากที่จะร่วมผจญภัยไปกับพวกเราด้วยมั้ยคะ?”

ดาอินพยายามอ่านสีหน้าของไอรีนอย่างช้าๆ
‘ดูท่าทางแล้ว เธอน่าจะเป็นคนดีแหะ อายุก็ประมาณใกล้เคียงกับเรา…’

แต่ตอนนี้เธอไม่เต็มใจที่จะออกไปทำเควส เธออยู่ในสถานะที่กำลังรอคอยใครสักคน
เธอไม่สามารถที่จะรอวีดให้กลับมาโมราต้าได้ตลอดเวลาหรอกนะ แต่ว่าเธอเพิ่งมาหลังจากที่การผจญภัยเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ตอนนี้เธอต้องการพักผ่อนบ้าง
“ฉันต้องขอโทษเธอด้วยนะ ตอนนี้ฉันต้องการพักสักหน่อย…”

ในตอนที่ดาอินกำลังพูดอยู่นั้นเอง หญิงสาวที่สวมใส่ชุดเลิศหรู ดูอลังการมาก อีกทั้งยังประดับประดาด้วยอัญมณีมากมาย


เธอเดินตรงมาหาพวกเธอจากอีกฟากของร้านค้า
ทุกครั้งที่เธอก้าวเดินไปข้างหน้าในแต่ละก้าวอย่างช้าๆ สายตาของผู้เล่นที่อยู่ในจัตุรัส ต่างพากันจ้องมองเธออย่างไม่ลดละ
แค่การได้มองเธอเดินไปมาก็ทำให้รู้สึกกระฉับเฉง กระปี้ กระเป่ า ดูมีพลังมากขึ้น
‘เธอเป็นแดนเซอร์ ’

อย่างไรก็ตาม มีเพียงอาชีพเดียวที่สามารถออกไปผจญภัยหรือออกล่าในขณะที่สวมใส่ชุดสวยๆได้ มีเพียงแค่ นักดนตรีและ


นักเต้น เธอยังใส่เครื่องประดับอื่นๆอีก เช่น กำไล สร้อยคอ ต่างหู และรองเท้าส้นสูงที่สะดวกสบายในการเต้น
เพราะว่าเธอไม่ได้ถือเครื่องดนตรีเลยสักชิ้น ดาอินจึงสรุปได้ว่าเธอเป็นแดนเซอร์แน่นอน
“คุณพี่ฮวารยอง คุณไปไหนมาคะ?”

“ฉันไปกินข้าวที่ร้านอาหารมาน่ะ แล้วคนนี้นี่ ใครกันน่ะ?”

“นี่คือคุณอาดิน เธอคือชาร์แมนผู้โด่งดัง…”

“อ้า คนๆนั้นเองหรอกเหรอ!”

ฮวารยองมองไปที่ใบหน้าของดาอิน ทำเหมือนอย่างกับว่าเธอเห็นอะไรที่มันแปลกใหม่
เพราะว่าเธอเป็นชาร์แมนที่มีผิวสีดำดุจดั่งอัญมณี เธอจึงดูมีเอกลักษณ์เป็นพิเศษ
“เธอได้ถามเค้ามั้ยว่าจะมาทำเควสกับพวกเราน่ะ?”

“ค่ะ แต่ช่างน่าเสียดายที่ดูเหมือนว่าเธอไม่สามารถทำเควสกับพวกเราได้”

ดาอินที่กำลังยืนอยู่ข้างๆและฟังบทสนทนาที่เกิดขึ้นระหว่างฮวารยองและไอรีน ทันใดนั้นเธอก็พูดแทรกขึ้นมา
“เฮ้ พวกเธอ ฉันเปลี่ยนใจแล้วล่ะ”

“อะไรนะ?”

“การผจญภัยที่พวกเธอเพิ่งคุยกันเมื่อกี้นี้ ฉันอยากทำมันด้วยน่ะ”
“จริงเหรอคะ? ยอดเยี่ยมที่สุด! ขอบคุณค่ะ”

“อือ ขอบคุณที่รับฉันเข้าปาร์ตี้ด้วยนะ”

ดาอินยอมรับคำชักชวนของไอรีน
รูปปั้ นเทพธิดาเฟรย่าห์ที่ลอร์ดโมราต้าวีดเป็นคนแกะสลักมันขึ้นมา!
มันเป็นเพราะว่าใบหน้าของรูปปั้ นและของฮวารยองนั้นเหมือนกันราวกับปาฏิหาริย์
***

ลี ฮุนฝึกฝนร่างกายทุกวันที่สำนักของอัน ฮุน โด
กล้ามเนื้อทุกส่วนของลี ฮุนเห็นเด่นชัดปราศจากซึ่งไขมัน ความแข็งแกร่งทางร่างกายและความอึดเพิ่มขึ้นทุกวัน ขณะที่ได้
รับประสบการณ์การฝึกราวกับนรกจากคำแนะนำของครูฝึกที่แตกต่างกันถึง 4 แบบ ซึ่งแต่ละแบบใช้เวลา 30 นาที ร่างกาย
ของลี ฮุนในตอนนี้จึงแข็งแกร่งดุจดั่งอาวุธมหากาฬ
“ไม่ว่าดาบจะมีความคมมากแค่ไหนก็ตาม มันก็ไร้ประโยชน์เมื่อมาอยู่ในมือของคนที่ไร้ค่า ถ้านายไม่สามารถควบคุม
ร่างกายได้อย่างสมบูรณ์ นายก็ลืมไปได้เลยที่จะจับดาบเล่มนั้นขึ้นมา ถึงแม้ว่าการฝึกจะยากลำบาก มันก็เป็นกระบวนการที่
จำเป็นสำหรับการกวัดแกว่งดาบ”
ลี ฮุน เชื่อมั่นและทำตามการฝึกอันแสนทรหดของจุง อิล ฮุน เขาพยายามอดทนต่อการฝึกนรกในครั้งนี้โดยที่ไม่ปริปากบ่น
เลยแม้แต่คำเดียว
จนถึงขั้นที่ว่าครูฝึกแต่ละคนยังต้องปรึกษากันในหมู่พวกเขา
“ไม่ใช่ว่าการฝึกมันหนักเกินไปรึเปล่าวะ?”

“ถ้าพวกเราทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เขาจะขอลาออกมั้ยเนี่ย?”

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ แต่อาจารย์บอกพวกเราให้ทำอย่างนี้ เขาต้องมีความคิดอะไรสักอย่างอยู่ในหัวแน่”


“นั่นก็อาจจะใช่นะ?”

“ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่แล้วเขาจะไม่ค่อยมีความคิดอะไรแบบนี้มากนักหรอก…”

“...”

ทุกครั้งที่ ลี ฮุน ทำการฝึกฝนร่างกาย เขาจับความรู้สึกได้ว่าทักษะที่แท้จริงของเค้านั้นกำลังเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ


ถ้าร่างกายของเค้ามั่นคงแข็งแรงแล้ว ความแข็งแกร่งทางจิตใจจะได้รับการบ่มเพาะให้อยู่เหนือจุดสูงสุด
พลังอำนาจอันแข็งแกร่งทางจิตใจจะก่อตัวขึ้นถ้าเขาผ่านการฝึกฝนอันยากลำบากในครั้งนี้ไปได้!
เมื่อเขาผ่านการฝึกในแต่ละช่วง เขาจะพักเบรกพร้อมกับดื่มชาที่อัน ฮุน โดเอาให้เขา
“มันคือชาขิง”

“ขอบคุณครับ อาจารย์”

ลี ฮุนดื่มชาขิงจนหมด
เขากระหายน้ำมาก แต่ที่เขาสามารถดื่มมันได้อีกแก้วก็เพราะมันเป็นชาเพื่อสุขภาพ!
อัน ฮุน โด พูดหลังจากที่รินชาขิงอีกแก้วให้เขาดื่ม
“การฝึก หนักไปมั้ย?”

“มันก็พอผ่านไปได้ครับ”

“ดี ช่างน่าสรรเสริญยิ่งนัก ด้วยความคิดแบบนี้แหละ จะทำให้เจ้าพัฒนาไปได้ไกลมากยิ่งขึ้นไปอีก แล้วชีวิตที่เหลืออยู่ของ


เจ้าล่ะ เจ้าจะทำยังไงกับมันรึ ?”
“ชีวิตของผมเหรอครับ?”

“ใช่แล้วล่ะ อาจารย์กำลังพูดถึงชีวิตของเจ้า อาจารย์กำลังพูดถึงการดำเนินชีวิตของเจ้า”

หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก ลี ฮุนก็พยักหน้า
“มันก็ดีครับ”

“ดี? อะไรดีล่ะ?”

“คุณย่าของผม การรักษาของเธอเป็นไปได้ด้วยดี และน้องสาวของผม การเรียนก็ดีเช่นกัน ส่วนตัวผม…”

ลี ฮุน ลังเลอยู่สักพักและพูดออกมา
“สำหรับผมแล้วมันไม่มีภาระหรือเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจอีกต่อไป”

ในวันที่ต้องพบกับความยากลำบาก แค่การกิน การอยู่ ก็กลายเป็นปัญหาที่สร้างความกังวลใจเป็นอย่างมาก


ถึงแม้ว่าบางครั้งเขาไม่ได้รับการรักษาในยามที่เขาเจ็บป่ วย แต่ตอนนี้เขาสามารถเก็บเงินได้เพียงพอแล้ว การที่เขาได้เล่น
รอยัล โร้ด เขาสามารถซื้ออะไรก็ได้ที่พวกเขาต้องการ ดังนั้นมันจึงไม่มีเหตุปัจจัยที่ทำให้เขาต้องเดือดร้อนหรือกังวลอีกต่อ
ไป
อัน ฮุน โด ส่ายหัวของเขา
“นั่นใช่ชีวิตที่เจ้าต้องการใช้จริงๆอย่างนั้นหรือ?”

“...”

“เจ้าพอใจกับชีวิตแบบนี้แล้วงั้นเหรอ?”
“ครับ”

ลี ฮุน ตอบแบบง่ายๆ
การเรียนในมหาวิทยาลัยค่อนข้างปวดหัวและน่าเบื่อหน่าย แต่นอกจากเขาได้สิ่งที่ตัวเองต้องการแล้ว เขาก็ใช้ชีวิตอยู่อย่าง
สมถะและเรียบง่าย
“ตอนนี้มันสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว ผมได้ไปเรียนแม้กระทั่งในมหาวิทยาลัยด้วย น้องสาวของงผมการเรียนก็ดีไม่มีขาดตก
บกพร่องอะไรสักอย่าง และ สุขภาพร่างกายของคุณย่าก็ค่อยฟื้ นคืนกลับมาดีขึ้นเรื่อยๆ…”
อัน ฮุน โด ถามแบบกะทันหัน
“แล้วงานที่เจ้าอยากทำล่ะ”

“…งานที่ผมอยากทำเหรอครับ?”

“ไม่ว่ามันจะเป็นจุดมุ่งหมายหรือความฝันเมื่อครั้งที่เจ้ายังเยาว์วัย หรือ งานอะไรสักอย่างที่เจ้าต้องการทำ”

ลี ฮุน เงียบอยู่ครู่หนึ่ง
ที่เขามีชีวิตอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ก็เพื่ออนาคตของน้องสาว
ในยามที่เขาหลับนอน เขามักจะกลัวว่าวันนั้นจะมาถึง วันที่เขาต้องการกังวลในขณะที่กินข้าวไปด้วย กลัวว่าเขาควรจะทำ
อะไรดีหลังจากที่ความหิวโหยหายไปแล้ว
หากปราศจากซึ่งความหวัง เขาต้องมีชีวิตอยู่ด้วยความอดอาลัยตายอยาก
ถ้าไม่มีความรับผิดชอบต่อครอบครัวของเขาแล้วนั้น เขาคงจะตัดสินใจทำอะไรที่มันสุดโต่งเกินไปแล้วก็ได้
ตอนนี้น้องสาวของเขาโตขึ้นมากแล้ว และเธอได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย อีกทั้งยังได้รับทุนการศึกษาด้วย การผ่าตัดใหญ่
ของคุณย่าก็จบลงเรียบร้อยและคุณย่าก็กำลังอยู่ในช่วงของการพักฟื้ นอย่างค่อยเป็นค่อยไป
จุดมุ่งหมายของการมีชีวิตอยู่ของลี ฮุน ก็คือการมีชีวิตอยู่เพื่อครอบครัวของเขา หากมีเหตุการณ์ที่เขาไม่สามารถดูแล
ครอบครัวของเขาได้อีกต่อไป อะไรก็ตามที่เขาอยากทำหลังจากนั้น เขาไม่เคยคิดถึงมันมาก่อนเลยสักครั้งเดียว
หลังจากที่ถอนหายใจ ลี ฮุนก็พูดออกมา
“ผมไม่มีความฝันอะไรเลย”

***

เหล่านักดาบทั้งหลายพากันเดินผ่านที่ราบแห่งความสิ้นหวังและเดินทางมาถึงหมู่บ้านออร์คในภูเขายุโรกิ
สถานที่แห่งนี้เป็นจุดเกิดของเหล่าผู้เล่นออร์คหน้าหมู และ เพราะพวกเขามีอัตราการขยายพันธุ์ที่สุดยอด ซึ่งทำให้เกิดเป็น
ครอบครัวขนาดใหญ่
หลังจากที่ผู้หญิงหรือผู้ชายได้ทำการตัดสินใจเลือกคู่ของพวกเขาเรียบร้อยแล้ว แม้กระทั่งแค่การกินอาหารร่วมกันเพียงหนึ่ง
มื้อ ทารกออร์คก็โผล่ออกมาจากไหนก็ไม่รู้
นักดาบ 5 เอามือกุมขมับ
“ฉิบหายแล้วมั้ยล่ะ การที่พวกเขาแต่งงานกับพวกออร์คนั่น…”
นักดาบ 3 ปัดไหล่ของเขา
“มันเป็นเรื่องปกติครับรุ่นพี่ ก็แค่ผู้ชายกับผู้หญิงกินข้าวด้วยกัน พวกเราต้องเข้าใจนะว่านี่คือธรรมชาติของพวกออร์คน่ะ”

นักดาบ 4 พูดแทรกขึ้นมา
“รุ่นพี่ ผู้ชายอย่างเราต้องเปิ ดหูเปิ ดตาให้กว้างเข้าไว้เพื่อที่จะเป็นประโยชน์ในการเอาชนะเกมนี้นะ”

แน่นอน การมีเซ็กซ์จริงๆนั้นสามารถเป็นไปได้ในรอยัล โร้ด (แอบติดเรทแหะ 555)


พวกมนุษย์หรือเอลฟ์ สามารถครอบครองบ้านได้ และมีอยู่หลายกรณีที่เหล่าคู่รักทำอย่างนั้นเพื่อที่จะดื่มด่ำไปกับช่วงเวลาอัน
มีค่าด้วยกันเพียงสองคน
อย่างไรก็ตาม ในกรณีของพวกออร์คนั้นออกจะพิเศษสักหน่อย—ถ้าพวกเขากินข้าวด้วยกันกับผัวเมีย หรือใครสักคนที่พวก
เขาใกล้ชิด ทารกออร์คก็จะโผล่ออกมา (มันเป็นเกมอย่าไปคิดเยอะ ว่ามันโผล่มาจากไหน 555)
ในตอนแรกมันดูไม่น่าจะเป็นไปได้ อีกทั้งพวกออร์คผู้ชายจำนวนมากที่โดดเดี่ยวและไร้คู่ พูดออกมาว่ากระบวนการมันง่าย
เกินไป อันที่จริงมันเป็นเพราะลักษณะของเผ่าพันธุ์ออร์คที่มีฟังก์ชั่นการผลิตลูกแรงเฟ่ อๆ มันมีแม้กระทั่งความคิดอันชั่วร้าย
ของคนที่ต้องการใช้ประโยชน์จากเรื่องแบบนี้เพื่อสนองตัณหาของพวกเขาเหล่านั้น
ไม่นานพวกเขาก็รู้ถึงเหตุผลที่ว่าทำไมพวกออร์คถึงทำลูกได้ง่ายดายยิ่งนักด้วยการกินอาหารด้วยกันเพียงหนึ่งมื้อ
‘ดูเหมือนว่าต้องใช้นิ้วถึง 4 นิ้วเลยแหะ ถึงจะฟิ ทพอดีกับคู่ขาออร์คผู้หญิง’

‘คู่ขาที่เป็นออร์คผู้ชาย! ถ้าเขาอ้าปากกว้างและหาวออกมานะ, แตงโมทั้งลูกคงจะฟิ ทพอดีในปากเลยแหะ’

‘แค่มองดูขนาดที่อ้วนมโหฬารและพุงย้วยๆนั่น ถ้าคนมีสติ มันคงเป็นไปได้ยากที่จะอยู่ร่วมกันกับเขา’

‘เฮ้อ รู้สึกช่างโล่งใจยังไงก็ไม่รู้แหะ’

พวกเขาดูพึงพอใจมากที่ต้องทำทั้งหมดมีเพียงแค่การกินอาหารด้วยกันเท่านั้น และพวกออร์คก็สืบพันธุ์ ขยายพันธุ์ วนเวียน


ไปอยู่อย่างนั้น ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หมู่บ้านออร์คบนภูเขายุโรกิ กำลังแผ่ขยายออกไป
ออร์คผู้ใหญ่จะดูแลพวกออร์คเด็กๆและทารกเพื่อให้พวกเขาโตขึ้น ครอบครัวออร์คเมื่ออยู่รวมกันมากเข้า ก็พัฒนากลายไป
เป็นชนเผ่า และออร์คก็ทำหน้าที่คอยควบคุมกำกับดูแลครอบครัวที่มีอยู่
ในเมื่อซีชวิเป็นออร์คคอมมานเดอร์ หลังจากที่เธอมายังภูเขายุโรกิ เธอก็ฉายแววความสารถของเธอจนเปล่งประกายออกมา
“เจ้าพวกออร์ค ชวิ ชวิ ชวิค!! พวกเราต้องกินมากกว่านี้ ต้องมีอาหารมากกว่านี้ ออกไปสู้ซะ ชวิค!”
ไม่มีทั้งคำอธิบายที่ดูสมเหตุสมผลหรือมีเหตุผลดีๆอะไรแบบนั้น เธอก็แค่ทำให้พวกออร์คพอใจด้วยการใช้ตรรกะความคิดที่
เรียบง่ายคือ กิน ต่อสู้ และสร้างลูกสมุน
บริเวณใกล้เคียงหมู่บ้านออร์ค มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางมาเพื่อเปิ ดหูเปิ ดตาคลายความสงสัยที่พวกเขามี
“พวกออร์คช่างดูมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสุดๆ”
“ออร์คเพียงลำพังอาจจะดูอ่อนแอ แต่อัตราการขยายพันธุ์ของพวกมันเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก พวกมันไม่มีนักรบรับจ้าง
ทารกออร์คสามารถออกมาได้อย่างง่ายดายและยังปวารณาเสนอตัวรับใช้พวกมันด้วยความจงรักภักดีอีกต่างหาก…ฉันคิดว่า
พวกออร์คต้องโตเร็วสุดๆเลยล่ะ”
“มันจะยังโอเคอยู่รึเปล่า ถึงแม้พวกเขาจะพูดกันว่าพวกออร์คนั้นไม่ลงรอยกันกับพวกดาร์คเอลฟ์ ?”

“ในเมื่อผู้เล่นสามารถเลือกเผ่าดาร์คเอลฟ์ ได้แล้ว ต่อไปอาจจะมีปัญหารุนแรงเกิดขึ้นระหว่างพวกเขาก็เป็นได้”

“ในอนาคตคงมีสงครามกับพวกมนุษย์ด้วย”

“สงครามเผ่าพันธุ์ระหว่างออร์คกับมนุษย์? มันก็เป็นไปได้นะ ถ้าจำนวนของพวกออร์คเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว และพวก


เขามายังทางตอนกลางได้ล่ะก็ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาอาจได้จ๊ะเอ๋เจอกันแน่นอน”
“แล้วนี่ไม่ใช่โอกาสอันดีเหรอที่จะโจมตีพวกออร์คในยามที่พวกมันอ่อนแอแบบนี้ ?”

“พวกเราจะไม่ได้อะไรเลยจากการต่อสู้กับพวกออร์ค อีกอย่างมันอยู่ไกลเกินกว่าที่กองทัพของพวกมนุษย์จะเดินผ่านที่ราบ
แห่งความสิ้นหวังแล้วมาถึงที่นี่ ถ้าการต่อสู้กับพวกออร์คเกิดขึ้นจริงๆล่ะก็ มันคงเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นผ่านการทำเควส ดัง
นั้นผู้เล่นหลายคนจึงได้แต่เฝ้ ารอให้มันเกิดขึ้น”
พวกนักท่องเที่ยวไม่ได้เข้าไปข้างในหมู่บ้าน ได้แต่เพียงสังเกตจากข้างนอกเท่านั้น นั่นก็เพราะว่าความสัมพันธ์ระหว่างอ
อร์คกับมนุษย์นั้นไม่ได้ดีสักเท่าไหร่ มันจึงอันตรายที่จะเข้าไปใกล้
อย่างไรก็ตาม พวกนักดาบเข้าไปในหมู่บ้านออร์คโดยไม่มีพิธีรีตองอะไรแบบนั้น และเมื่อได้เห็นพวกนักดาบทำเควสด้ว
ยกันกับออร์คผู้หญิง เหล่านักท่องเที่ยวต่างตกใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
“เฮ้ย เป็นไปได้ไงวะนั่นน่ะ การที่มนุษย์เข้าไปทั้งๆอย่างนั้น? อีกอย่างพวกออร์คดูไม่สนใจพวกเขาเลยว่ะ”

“มันต้องเป็นส่วนหนึ่งของเควสแน่ๆ”

“ฉันว่ามันต้องเป็นลักษณะอะไรสักอย่างที่เกี่ยวข้องกับสายอาชีพของพวกเขา ฉันได้ยินมาว่ามันมีบางอาชีพที่มีความสนิท
สนมสูงเป็นพิเศษกับพวกเผ่าอื่นๆ”
ในขณะที่พวกนักท่องเที่ยวกำลังถกเถียงกันถึงประเด็นที่เกิดขึ้น คำตอบที่น่าเชื่อถือก็ปรากฏขึ้น
“แค่มองไปที่รูปร่างของพวกเค้าแล้วนั้น มันมีอะไรแตกต่างระหว่างพวกเขากับออร์คผู้ชายงั้นเหรอ?”

“...”

เพียงแค่มองเข้าไปใกล้ๆ คำอธิบายนั้นก็พิสูจน์ได้เป็นอย่างดี
ถึงแม้จะปฏิเสธไม่ได้ว่า พวกเขานั้นเป็นมนุษย์ ที่มีไหล่กว้างและลักษณะทางกายภาพของพวกเขานั้นยังดูดีกว่าพวกออร์ค
ซะอีก
แค่การได้เห็นร่างกายของพวกเค้าเหล่านั้น ออร์คธรรมาดาๆก็ดูเป็นมิตรกับพวกเขาขึ้นมาทันที
***

“ไฮ้ ย๊า!”

นักดาบกวัดแกว่งดาบสองมืออย่างบ้าคลั่ง
ยักษ์ ในด้านพละกำลังความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวแล้วนั้น มันไม่เป็นรองมอนสเตอร์ตัวไหนเลย
นักดาบนั้นเป็นผู้ที่อยู่เหนือจุดสูงสุดของอาชีพและกฎเกณฑ์ต่างๆ แม้กระทั่งศิลปะการใช้ดาบก็ยังไม่สามารถระงับความ
โกรธของเขาเอาไว้ได้
การเคลื่อนไหวของดาบที่ไหลลื่น รวดเร็ว และคมกริบ
*คุโหหหหหห!*

ยักษ์เหวี่ยงขวานของมันไปมาด้วยความเกรี้ ยวกราด แม้กระทั่งสายลมยังพัดผ่านหน้าของเขาจากแรงเหวี่ยงของขวาน ยักษ์


ไม่สามารถตามการเคลื่อนไหวของนักดาบได้ทัน
“ชิ้ง!”

นักดาบฟันดาบลงไปที่สีข้างของยักษ์ ไม่ว่าเขาจะมีพลังโจมตีที่โดดเด่นสักเท่าไหร่ ยักษ์ก็ไม่ได้ตายง่ายขนาดนั้น


เพราะว่าเขาไม่ได้ใช้ทักษะอะไรเลย เขาจึงยังมีมานาเหลืออีกตั้งเยอะ เขาไม่ได้ตั้งใจเล็งไปที่จุดตาย แต่ยังคงไล่ฟันไปทั่วทั้ง
ตัวของยักษ์
คำพูดของลูกศิษย์ที่ฉลาดที่สุด ผู้ที่มาพบเจอในช่วงบั้นปลายชีวิตของเขา คำพูดเหล่านั้นยังคงตราตึงอยู่ในหัวของเขา
“การที่บอกว่าไม่มีความฝัน…”

ความทรงจำเมื่อครั้งยังเป็นหนุ่มของนักดาบปรากฏขึ้นในหัวของเขา
‘สำหรับเราแล้ว มันมีเพียงแค่การต่อสู้เท่านั้น’

เขาไล่ล่าตามหาความแข็งแกร่งและก้าวไปข้างด้วยการต่อสู้อยู่เสมอซึ่งมันทำให้เลือดของเขานั้นสูบฉีดอยู่ตลอดเวลา
มีอยู่หลายครั้งที่เขาต้องเสี่ยงอันตรายถึงชีวิต และเขายังพยายามดิ้นรนต่อไปแม้ว่าจะได้รับบาดแผลจนถึงขั้นต้องตกอยู่ใน
สถานการณ์ที่เป็นตายร้ายดีก็ไม่ต่างกัน ถึงแม้ว่าเขาพึงพอใจที่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งมาได้ มันก็เป็นแค่เส้นทางที่
นำไปสู่การมองหาความท้าทายใหม่ๆ การท้าทายกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก
หลังจากที่ต่อสู้และฝึกฝนเพียงอย่างเดียวราวกับว่าถูกอะไรบางอย่างเข้าสิง วันเวลาในวัยเยาว์ของเขาก็ผ่านไป
แล้วอยู่มาวันหนึ่ง เขารู้สึกตัวอีกทีและมองไปรอบๆ เขาได้ก้าวมายืนอยู่บนจุดสูงสุดของนักดาบ
เกียรติยศความภาคภูมิใจและรอยแผลเป็นที่เขาได้รับทุกครั้งที่สามารถจัดการคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง เขาทำลายทุกสถิติ โดดขึ้น
มาเป็นนักดาบที่ไม่มีใครรอดพ้นจากคมดาบของเขาได้
ถึงแม้ผู้คนทั่วไปจะไม่รู้จักเขาก็ตาม ผู้ที่อยู่ในด้านศิลปะการต่อสู้และคนที่อยู่บนเส้นทางการต่อสู้ ต่างรู้จักเขากันเป็นอย่างดี
และความน่ากลัวของเขา
นอกเหนือจากเรื่องราวพวกนั้นแล้ว ส่วนหนึ่งที่ขาดหายไปภายในจิตใจอันว่างเปล่าของนักดาบ หลังจากที่เขาประสบความ
สำเร็จ เขาไม่มีแม้แต่คู่ชีวิต และครอบครัวของเขายังคิดว่าเขาตายไปแล้วอีกด้วย
“เราไม่มีแม้แต่ครอบครัว”

ความอ้างว้างและสิ้นหวังเป็นผลลัพธ์ที่เกิดจากความสำเร็จอันสูงสุดในชีวิต!
“ถึงแม้ว่าเราจะกลายมาเป็นสุดยอดปรมาจารย์ดาบ แต่ไม่มีใครเลยสักคนที่อยู่เคียงข้างเรา”
ก่อนหน้าที่นักดาบจะกลับมาใช้ชีวิตปกติในเกาหลี การตามหาครอบครัวของเขาและการอบรมเลี้ยงดูลูกศิษย์ เขาใช้เวลาไป
กับการอยู่คนเดียวมาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน
มันไม่มีเหตุผลจำเป็นเลยสักนิดที่ลูกศิษย์ของเขาจะเจริญรอยตามเส้นทางที่เขาได้วางไว้
นั่นก็เพราะว่าเขาต้องแบกรับภาระของครอบครัวอันหนักอึ้งเอาไว้อยู่ตลอดเวลา ถ้ามันมีอะไรบางอย่างที่สามารถทำร่วมกัน
เป็นครอบครัว ทำกับเพื่อน และ พี่น้อง มันก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องรู้สึกเหงาหรือโดดเดี่ยวอีกต่อไป
วีดมีทั้งความมุ่งมั่นอันแรงกล้าและการตัดสินใจที่เด็ดขาด แน่วแน่ และยังครอบครองความสามารถในการตอบโต้ได้อย่าง
ทันทีทันใดและยังสามารถนำทักษะของเขามาใช้ในการฝึกซ้อมได้อีกด้วย ถ้าเขามีอะไรที่ต้องทำล่ะก็ เขาจะทำมันในทันที
โดยไม่มีการรีรอหรือลังเลแม้แต่นิดเดียว
บางครั้งเขาก็แสดงท่าทีเขินอายบ้าง เขาก็ยังเป็นผู้ชายอยู่ดี
สภาพของเขาในตอนนี้นั้นเหมือนเด็กที่กำลังมองหาเป้ าหมายและความฝันในชีวิตของเขา
“ฉันล่ะอิจฉาเด็กนั่นชะมัด”

ความรู้สึกที่ซื่อตรงของนักดาบเข้าใจลูกศิษย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าเขามีน้องสาวแสนสวยและน่ารัก
อย่างลี ฮายันล่ะก็ เขาคงจะไม่จากครอบครัวของเขาไปอย่างแน่นอน
“ไหนจะเพื่อนของเค้าอีกล่ะ”

นอกจากนั้นแล้วเขายังมีเหล่าสาวๆแสนสวยอย่างฮวารยอง ไอรีน และ โรมุนะอยู่ข้างกาย


นักดาบมองย้อนกลับไปถึงความทรงจำของเขา
อันที่จริงแล้ว เขามีชีวิตความเป็นอยู่เมื่อตอนยังหนุ่มแบบไหนกันแน่นะ?
“มีเพียงแค่ผู้ชายที่โชคร้ายและหน้าตาไม่ดีเท่านั้น! ข้าต้องแข็งแกร่งเพื่อบดขยี้ไอ้พวกเวรอวดดีนั่น”

ถ้าเขาอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอิจฉาแบบเดียวกับวีดแล้วล่ะก็ ทำไมเขาต้องต่อสู้อย่างเดียวเมื่อตอนที่ยังเป็นหนุ่มอยู่ด้วยล่ะ!
“ความเหงา โดดเดี่ยว เปล่าเปลี่ยวและเดียวดาย ชีวิตที่ไร้คู่”

นักดาบยังคงคร่ำครวญ พร่ำบ่นไปเรื่อย จนนำมาสู่การตัดสินใจที่แข็งกระด้าง ไร้ซึ่งความรู้สึก


“ดูเหมือนว่าเราจะปล่อยให้เขาอยู่ภายใต้การฝึกของครูคนอื่นนานเกินไปแล้ว มันถึงเวลาที่เขาต้องได้รับบทเรียนซะที”

เขาจะแสดงให้วีดเห็นว่าการฝึกนรกของแท้นั้น มันเป็นยังไง
เขาตั้งใจที่จะสอนวีดด้วยดาบของจริง (อันนี้ไม่รู้ว่าสอนโดยใช้ดาบจริงๆ หรือ สอนถึงวิถีดาบที่แท้จริงกันแน่)
***

งานเทศกาลกำลังใกล้เข้ามา จำนวนนักเรียนที่อยู่ในมหาวิทยาลัยเกาหลีจนดึกๆดื่นๆ ค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ


แต่ละคณะกำลังเตรียมการแสดงและวงดนตรี และเวทีสำหรับการประกวดร้องเพลงก็กำลังถูกติดตั้ง อย่างที่ทุกคนคาดหวัง
เอาไว้เกี่ยวกับเทศกาลดนตรี โชว์มายากลและแม้กระทั่งการแข่งขันกีฬากระชับมิตรระหว่างมหาวิทยาลัย ต่างพูดถึงกันแบบ
ปากต่อปาก
ลี ฮุน ไม่สามารถเข้าใจอะไรแบบนี้ได้
“ทำไมเราต้องทำอะไรที่สามารถดูผ่านทางโทรทัศน์ด้วยล่ะ?”

ด้วยความที่ว่าเขานั้นขาดประสบการณ์ในเรื่องพวกนี้ การที่ไม่ได้เข้าร่วมงานเทศกาลโรงเรียนที่จัดขึ้นเพียงไม่กี่วันก็เป็น
เรื่องที่ทำให้เขาพอใจแล้ว สำหรับลี ฮุน งานเทศกาลของมหาวิทยาลัยเกาหลีที่เหมาะสมกับวัฒนธรรมท้องถิ่นและการเสาะ
แสวงหาเหล่าดาราเซเล็ปคนดังทั้งหลาย เป็นอะไรที่ไม่สะดวกซะเหลือเกิน
แต่ ท ว่า รุ่นพี่ในคณะก็ออกมาและข่มขู่พวกเขา
“พวกเราจะไม่ยอมให้คณะอื่นมาเด่นกว่าในงานเทศกาลนี้ไม่ได้ พวกเราจะไม่ปล่อยให้พวกนั้นอยู่เหนือพวกเรา เพียงเพราะ
ว่าเราเป็นแค่คณะที่เพิ่งตั้งขึ้นมาใหม่ ทุกคนเข้าใจมั้ย?”
“ครับ/ค่ะ!”

เหล่านักศึกษาใหม่ตอบด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
ลี ฮุนไม่พูดไม่จา
“ช่างเป็นการปลุกใจที่ไร้ค่าชะมัด ทำไมพวกเราถึงไม่มองข้ามเรื่องพวกนี้ไปซะทีนะ? การที่ปล่อยผ่านเรื่องบางเรื่องไปซะ
บ้าง มันทำให้ชีวิตอยู่สบายขึ้นตั้งเยอะ หยุดการต่อต้านมหาลัยและการมีอคติต่อกันอย่างงั้นเหรอ? ไร้สาระชะมัด”
เขามีความคิดเห็นที่ต่างออกไป แต่เขาไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับปัญหาอะไรสักอย่าง เขาเลยนิ่งเงียบอยู่เฉยๆ
‘ถึงแม้ว่าเราไม่ได้พูดมันออกไปก็ตาม ยังไงซะก็ต้องมีใครซักคนตั้งใจที่จะพูดมันออกมาแน่ๆ’

มันไม่มีกฎหรือข้อบังคับบอกเอาไว้ว่าทุกคนต้องเข้าร่วมงานเทศกาลในครั้งนี้ ดังนั้นสิ่งที่เขาต้องทำมีเพียงแค่รอให้มันผ่าน
พ้นไป
นับวัน งานเทศกาลยิ่งใกล้เข้ามาขึ้นเรื่อยๆทุกวัน คณะเสมือนจริงยังไม่วางแผนเอาไว้เลยว่าจะทำอะไร
“แล้วถ้าพวกเราแต่งคอสเพลย์ให้เหมือนกับตัวละครในรอยัล โร้ดและเดินพาเหรดดูล่ะ?”

“พวกเราควรจะสร้างไดโนเสาร์ขนาดบิ้กเบิ้ม พวกเราสามารถทำโฮโลแกรมทีเร็กซ์ได้ และถ้าพวกเราทำให้มันเคลื่อนไหว


ไปทั่วงานเทศกาลได้ล่ะก็ มันจะกลายเป็นไฮไลท์ของงานเทศกาลเลยล่ะ” (Hologram=ภาพฉายหรือภาพจำลองสามมิติ
ง่ายๆนึกถึง โฆษณาอะไรน้า ไอ้ยิงโฮโลแกรมสามมิติแบบล้ำๆไปเลย )
“แล้วถ้าเป็นแรปเตอร์ล่ะ? ถ้าพวกเราทำให้มันวิ่งไปมาพร้อมกันเป็นร้อยๆตัวและไล่ล่าพวกมนุษย์…” (แรปเตอร์นึกไม่
ออก ให้นึกถึงจูราสซิคเวิลร์ด ที่คนฝึกทำท่าสุดฮิต ห้ามไดโนเสาร์ ท่าเหยียดแขนออกไป)
มีแต่ความคิดเห็นไร้สาระ บ้าบอคอแตก และ หรูหรา โอ่อ่าเกินไป แต่แผนการที่ดูสมเหตุสมผลก็ยังไม่ปรากฏออกมาเป็นรูป
เป็นร่างเลยแม้แต่นิดเดียว
เหลือเวลาอีกเพียงแค่สองอาทิตย์เท่านั้น ก็จะถึงวันงานเทศกาลแล้ว
เหล่านักเรียนที่อยู่ฝ่ ายบริหารของคณะกำลังเรียกทุกคนทั้งคณะให้มาประชุมรวมกัน
“พวกเราต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ”

นี่คือภาพที่รวมกันเป็นหนึ่งเดียวของรุ่นพี่ที่อยู่ฝ่ ายบริหาร รวมทั้งประธานนักศึกษาของคณะ


อย่างไรก็ตาม ยังคงไม่มีการเตรียมการหรือการวางแผนใดๆทั้งสิ้น
“มันน่าเบื่อที่จะต้องมาเตรียมอะไรแบบนี้ทุกครั้งที่มีงานเทศกาล และตอนนี้พวกเราก็ไม่ได้มีเวลามากขนาดนั้นด้วย ทำไม
พวกเราไม่ยกเลิกไม่ไปเลยซะล่ะ?”
ชอย ซัง จุน เสนอความคิดเห็นของเขาอย่างรอบคอบ ไม่นานนัก รุ่นพี่ที่เพิ่งกลับเข้ามาพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
“พวกอาจารย์กำลังสงสัยกันว่าพวกเขาควรจะจัดค่ายฝึกก่อนช่วงพักปิ ดเทอมดีมั้ยนะ”

“....”

“พิเศษสุดๆ มันต้องเป็นที่ซิลมิโดแน่นอน เข้าค่าย 6 คืน 7 วัน”

“ผมต้องการเข้าร่วมงานเทศกาลอย่างแน่นอน!”

พวกรุ่นพี่ก่อนหน้านี้ที่ทำเป็นไม่สนใจและพวกเด็กนักศึกษาที่เข้ามาใหม่ ต่างเสนอความคิดเห็นของพวกเขากันอย่างรวดเร็ว
“ปัญหาก็คือ พวกเราจะทำอะไรดีล่ะ..? แน่นอนพวกเราต้องส่งตัวแทนของคณะเข้าร่วมงานแข่งกีฬาด้วย ในเมื่อคณะของ
พวกเรามีนักศึกษาหญิงค่อนข้างเยอะ มันจะดีมากถ้ามีคนมาช่วยกันเยอะๆ มีใครจะคัดค้านมั้ย?”
“...”

“ดูเหมือนว่าจะไม่มีนะ งั้นทุกคนเข้าร่วมงานนี้กันหมดเลยนะ”

คำพูดของประธานเป็นอันสิ้นสุด
ทนทรมานกับงานเทศกาลเล็กๆย่อมดีกว่าการไปที่ซิลมิโดเป็นร้อยเท่า
“หลังจากที่ฉันคิดดูแล้วพวกเรามีเรื่องเร่งด่วนต้องไปร่วมงานเทศกาลดนตรีที่จัดขึ้น เพราะอาจารย์ไม่เคยพลาดงานนี้เลยสัก
ครั้ง”
“สำหรับงานเทศกาลดนตรี ให้หาตัวแทนมา 5 ทีม จากนั้นซ้อมร้องเพลงและส่งพวกเขาเข้าประกวด”
พวกเขาหาข้อสรุปและตกลงกันได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่ามันจะเป็นงานเทศกาลที่พวกนักศึกษาควรจะสนุกไปกับมัน พวกเขาก็
ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้เหล่าคณาจารย์ประทับใจ
สำหรับพวกนักศึกษาแล้ว แค่การเข้าร่วมงานก็กลายเป็นเรื่องที่น่าเบื่อพอสมควร แต่นี่คืองานเทศกาลของมหาวิทยาลัย
เกาหลีที่มีชื่อเสียงอันโด่งดัง และภายในงานยังมีอะไรน่าดูอีกเยอะแยะไปหมด พวกเขาจึงได้แต่รอให้งานเทศกาลนั้นมาถึง
“และฉันคิดว่าพวกเราต้องเปิ ดบาร์ด้วย เพราะพวกเราต้องหาเงินเพื่อใช้เป็นทุนสำหรับงานอีเว้นท์จากการเปิ ดบาร์ มีใคร
อยากจะช่วยงานที่บาร์มั้ย?” (Bar ในที่นี้ใช้เป็นเคาร์เตอร์ในร้านอาหารนะ)
ถ้าเป็นบาร์ล่ะก็ พวกเขาต้องทำอาหารตลอดทั้งคืน และยังมีอะไรอีกมากที่ต้องทำ ทุกอย่างต้องมีการคิดเตรียมการเอาไว้ล่วง
หน้า ถึงแม้มันจะเป็นงานที่เหนื่อยเอาการ ลี ฮุนเต็มใจยกมือของเขาขึ้นมา
“นายคือลี ฮุนใช่มั้ย? โอเค ขอบคุณ แล้วคนอื่นๆล่ะ?”

ดูจากบรรยากาศรอบข้างแล้ว พวกเฟรชชี่และรุ่นพี่ต้องเข้าร่วมภารกิจอย่างน้อยหนึ่งอย่าง
เขาตัดสินใจว่ามันจะดีกว่าถ้าได้ทำงานในบาร์ที่สะดวกสบาย
‘การแสดงหรืออะไรก็แล้วแต่ ต้องใช้เวลาเตรียมการนานตลอดทั้งสัปดาห์ ดังนั้นแค่การทนทรมานในช่วงเทศกาลยังดีซะ
กว่า’
ในเมื่อบาร์เปิ ดตอนกลางวัน เขาก็พอมีเวลาที่จะไปทำอย่างอื่นอยู่บ้าง
แต่ว่านอกจากลี ฮุนแล้ว ไม่มีนักศึกษาคนไหนเลยที่อาสาจะยกมือของพวกเขา ไม่ว่าจะมองมุมไหน การทำงานในบาร์นั้น
เป็นอะไรที่ยากแสนสาหัสและพวกเขายังคิดว่ามันเป็นอะไรที่เจ็บปวดทรมาน ดังนั้น ก็เลยไม่มีใครต้องการเข้าร่วมงานนี้
มีนักศึกษาหญิงเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยกมือของเธอขึ้น ทุกคนถึงกับตกใจไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้น
มันเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่เธอนั้นมาเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเดียวกันกับพวกเขา แม้พวกเขาทำได้แค่เพียงมองเธอที่มหาลัยทุก
วัน เธอสวยมากจนพวกเขาสงสัยว่ามันคือความฝัน หรือความจริง หรือว่ามันเป็นสรวงสวรรค์กันแน่
ซอยูนยกมือของเธอขึ้นมา
แม้กระทั่งประธานนักเรียนเองยังต้องถอยไปหนึ่งก้าว แล้วพูดอย่างสุภาพเป็นทางการ
(ในเกาหลี การพูดอย่างเป็นทางการ และไม่เป็นทางการนั้น มีลักษณะที่ค่อนข้างเฉพาะเจาะจง)

“แน่นอนล่ะ เธอคงไม่คิดที่จะทำงานที่บาร์ใช่มั้ย?”

ซอยูนพยักหน้าเบาๆ
จากนั้น พวกนักศึกษาผู้ชายต่างพากันยกมือขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ท่านประธาน ผมด้วย! ผมอยากทำงานที่บาร์ ”

“ผมยกมือขึ้นก่อนนะ ได้โปรดให้ผมทำเถอะนะ”

“น้องชาย ไม่สิ รุ่นพี่ครับ! ผมไง ดง ฮุน! รุ่นพี่จะเลือกผมใช่มั้ย? ใช่มั้ยครับ?”

“ซัง ฮุก ฉันจะเลี้ยงเหล้านายจนกว่าพวกเราจะเรียนจบ ฉันขอแค่นายให้ฉันทำงานที่บาร์เถอะนะ ฉันจะเคารพและเชิดชู


บูชานาย เหมือนผู้มีพระคุณของฉัน!”
แววตาของนักเรียนคนอื่นๆลุกโชติช่วงชัชวาล พร้อมกับตะโกนบอกว่าพวกเขาจะเข้าร่วมงานที่บาร์และรายชื่อสตาฟฟ์ ที่
บาร์ก็เต็มอย่างรวดเร็ว

You might also like