Professional Documents
Culture Documents
บทที่ 2 battery
บทที่ 2 battery
ต ว่ -กรดจัดดอยู่ในกลุ่มแบตเตอรี
แบบตเตอรี่ ชนิ ดตะกั แ ่ แบบบทุติยภูมิ คือ สามารถประจุไฟใหม่
และนํากลับมาใช้
ม งานได้อีอีก เช่นเดียวกักับ นิ เกิล-แคดเมียม, นิ เกิล-เหล็
ล ก, นิ เกิลล-ไฮไดรด์และลิ
ล เทียม
แบตเตอรี่ เป็ นต้น [4]
2.11.1 หลักการททํางาน
หลังจากที่ต่อภาระภายนอ
อ อกให้ครบวง จรแล้วดังภาพที่ 2.2 แล้ แ ว กรดซัลฟิ วริ ก(Sulfuriic Acid,
H2SO4) ในสสารละลายอิเล็กโทรไลต์ จจะทําปฏิกิริยากับตะกัว่ เปออร์ออกไซด์ขของแผ่นธาตุบวก
บ และ
ตะกัว่ บริ สุทธิ์ของแผ่นธาตตุ ทําให้แผ่นนธาตุท้ งั คู่เริ่ มเปลี
เ ่ยนเป็ น ตะกัว่ ซัลเฟต(LLead Sulfatee, PbSO4)
5
ในอี ก วิธี ห นึ่ งที่ จ ะสามารรถอธิ บ ายหลลัก การทํา งานนของแบตเตตอรี่ ชนิ ด ตะกกั่ว -กรด คื อในขณะที
ใ ่
แบตเตอรี่ กาํ ลัลงทําการจ่ายไฟได้เป็ นอย่างดีคือการอธิธิบายด้วยสมกการเคมีในขณณะที่แบตเตอรี่ี กาํ ลังทํา
การจ่ายกระแแสไฟให้กบั ภาระภายนอก
ภ กนั้น ปฏิกิริยาเคมี
า ที่เกิดขึ้นที่แผ่นธาตุบววก ระหว่างตะกัว่ เปอร์
ออกไซด์และกรดซัลฟิ วริิ กจะทําให้ ตตะกัว่ เปอร์ ออกไซด์ อ กลายเป็ นตะกั่วซั ลเฟต, กรดซัลฟิ วริ ก
กลายเป็ นนํ้า และได้ออกกซิ เจนที่ไม่เสสถียร(Nascennt Oxygen, ) อีกหนึ่ งตตัว สามารถเขียนเป็ น
สมการได้ดงั สมการที่ 2.1
ว น (เนื่องจจากปฏิกิริยาเคคมีเกิดในที่เดียวกันจึงสามมารถรวมกันไได้) จะได้ปฏิกิริยาเคมี
สมการเข้าด้วยกั
ที่สมดุลดังสมมการที่ 2.3
PbO2 + Pb + 2H2SO4 = 2PbSO4 + 2H2O (2.3)
ถ้าหากปล่อยให้
ย กระแสไหหลเช่นนี้ ไปเรืรื่ อยๆ จนถึงสภาวะหนึ่ง ที่สารตั้งต้น้ ทางด้านซ้ายมื
า อของ
สมการที่ 2.32 หมดไปปฏฏิกิริยาทางเคคมีก็จะไม่เกิดขึด ้ นอีก และะจะไม่มีกระแแสไฟฟ้ าไหลลระหว่าง
ขั้วบวกและขขั้วลบอีกต่อไป ณ สภาว ะเช่นนี้ ถา้ กรดซัลฟิ วริ ก ถูกใช้หมดก่อนนสารละลายอิเล็กโทร
ไลต์ก็จะกลายเป็ นเพียงนํ้าบริ
า สุทธิ์เท่านนั้น ส่ วนแผ่นธาตุ
น บวกและะแผ่นธาตุลบ จะเกิดการสสะสมของ
ตะกัว่ ซัลเฟต ดังแสดงในภภาพที่ 2.3
ดังที่ได้กล่าวมาแล้
ว วว่าปฏิกิริยาเคมีข องแบตเตอรีรสามารถย้
่ อนกลั
น บได้ เมื่ออเซลล์เก็บไฟฟฟ้ าชนิ ด
ตะกั่ว -กรด ได้รั บ อิ เ ล็ ก ตรอนจากต้้น กํา เนิ ด ภายยนอกเข้า ไปปในขั้ว ลบทํ าให้ แ ผ่ น ธา ตุ ล บคาย
อิเล็กตรอน ผ่ผานสารละลายอิเล็กโทรไลลต์เข้าสู่แผ่นธาตุ ธ บวก การกกระทําเช่นนี้ เเรี ยกว่า“การปประจุไฟ”
ดังแสดงในภภาพที่ 2.4
7
ส่ วนปฏิกิริยาเคมี
า ที่แผ่นธาาตุลบระหว่างงตะกัว่ ซัลเฟตตกับนํ้า จะทําให้ ตะกัว่ ซัลลเฟตเปลี่ยนเเป็ นตะกัว่
บริ สุทธิ์และนนํ้าก็เข้าทําปฏิฏิกิริยากับซัลเเฟต ในอัตราส่ วนที่เหมาะะสมทําให้เกิดดกรดซัลฟิ วริ ก และได้
ผลิตผลเป็ นออกซิ
อ เจน ปฏิกิริยาเคมีที่เกิ ดขึ้นนี้สามารรถเขียนเป็ นสมการได้
ส ดงั นี้
กาารที่จะนําหลักการดั
ก งกล่าววข้างต้นไปใช้งานได้น้ นั จะต้ จ องมีข้ นั ตตอนต่างๆ เพื่อให้ได้
แบตเตอรี่ ที่มีมีความเหมาะสสมกับการใช้ช้งานทั้งในเรื่ องของ
อ ขนาดด รู ปร่ าง คววามปลอดภัยในการใช้
ใ
งาน ลักษณะะของการใช้งาน เป็ นต้น กการผลิตแบตเเตอรี่ สาํ หรับใช้ ใ งานจึงจําเป็ป็ นต้องมีองค์ค์ประกอบ
อื่นๆเพิ่มเติมจากที่กล่าวมาแล้วในหลักกการทํางานเบืบื้องต้นของแบตเตอรี่ โดยยทัว่ ไปในแบตเตอรี่ ลูก
หนึ่งจะประกกอบด้วยส่ วนประกอบดังตต่อไปนี้
4. แผ่นกั้น(Seeparator) แผ่นนกั้นสําหรับแบตเตอรี
แ ่ มีรูปร่
ป างเป็ นแผ่นนบาง ๆ มีรูสํสาํ หรับให้
สารละลายอิเล็
เ กโทรไลต์ซึซึมผ่านได้ ใชช้สอดระหว่างแผ่นธาตุบวก และแผ่นธธาตุลบ สลับกันไปเพื่อ
ป้ องกันไม่ให้หแผ่นธาตุบวกและแผ่นธาาตุลบสัมผัสกัน ในปั จจุบนแผ่ นั นกั้นนิยมมใช้แผ่นกั้นชนิ
ช ด PVC
ฉาบใยแก้ว
6. เปลือกหม้อและฝาปิ
แ ด(Coontainer and Cover) ทําด้วยยางแข็
ว งหรืรื อพลาสติก
2. Sealed Lead-Acid
L Batteries เป็ นแบตเตออรี่ ตะกัว่ -กรดดชนิ ดที่มีการรควบ คุม
สารละลายอิิเล็กโทรไลต์ต์ โดยมีลิ้นนระบายให้ก๊าซออกถ้า ากําลัลงดันภายในนแบตเตอรี่ สูงกว่
ง าค่าที่
กําหนดไว้ โดยปกติจะอยูยูท่ ี่ประมาณ 2 – 5 psig ในนขณะที่เกิดก๊าซขึ า ้ น ภายในนแบตเตอรี่ จะถู
ะ กกักไว้
และจะรวมตัตัวกันกลายเป็ปนหยดนํ้า กระบวนการรรวมตัวเป็ นหหยดนํ้าภายใ นแบตเตอรี่ นีน้ ีสามารถ
ดําเนินได้เป็ นอย่
น างดีถา้ อัตราการประจุ
ต ไไฟฟ้ าไม่สูงเกิกินไป ตัวอย่างตามภาพที่ 22.9
12
(11) ขั้วแบบตเตอรี่
(9 )วาล์ท
(7) ยางกันอิเล็ค โทรด
(5) จุด ต่อ ขั้ว +
(1) แผ่นธาตุตุ
(3) เพพลทกั้น
(10) กรอบภายนอก
(8) จุดต่อ ขั้ว -
(6) การรรวมเซล์ล
(4)) เพลทขั้ว -
(2) เพลทขั้ว +
2.11.4 วิธีการอัดประจุ
ก แรงดันชาร์์จในคาบเวลาา(ต่อเซลล์)
ก. ข. แรงดันั กับกระแสใในคาบเวลาขณะชาร์จ
2. Constant Current
C Charrging จะใช้ค่คาความต้านททานค่ามากๆ (เมื่อเทียบกับค่ บ าความ
ต้านทานภายยในของแบตเตอรี่ ) ต่ออนุกกรมกับวงจรเเพื่อกําจัดค่ากระแสโดยต้
ก อองใช้แรงดันไฟฟ้
ไ าของ
า ก ระแสไไฟฟ้ าอัด ปร ะจุ มี ค่ า คงที่เมื่ อ แรงดัน ไไฟฟ้ าของแ บตเตอรี่
แหล่ ง จ่ า ยไฟฟสู ง เพื่ อ ทําให้
13
เปลี่ยนแปลงงไป ความสัมพันธ์การเปปลี่ยนแปลงขอองแรงดันกับกระแสต่อคาาบเวลาแสดงในภาพที่
2.11
ก. ลักษณะของแรง
ษ ดันกับกระแสสการชาร์จ ข. แรงดันั กับกระแสใในคาบเวลาขณะชาร์จ
1. แอมแปร์ -ชัวโมง
ว่ (AH)) เป็ นหน่ วยพืพื้นฐานในการรวัดความจุขอองแบตเตอรี่ โดยใช้
วิธีการคายปรระจุดว้ ยกระแแสคงที่แล้วจับเวลาเป็ นชัวโมงจนใกล้
ว่ จะคายประจุ
จ หหมด ความจุจุแอมแปร์
ชัว่ โมงได้จากกการนําค่ากรระแสคูณกับเ วลาเป็ นชัว่ โมมง ตัวอย่างเชช่น แบตเตอรีรี่ ความจุ 80 แอมแปร์
แ -
ชัว่ โมง หมายยความว่าแบตตเตอรี่ ลูกนั้นสสามารถจ่ายไไฟกระแสตรงงคงที่ 8 แอมแแปร์ได้นาน 10 1 ชัว่ โมง
หรื อ 4 แอมแแปร์ได้นาน 20 ชัว่ โมง
ค่าความจุของแบตเตอรี่ สามารถวั
า ดได้ใในหน่วยของแอมแปร์-ชัว่ โมง และปรระสิ ทธิภาพขอองการอัด
ประจุ หรื ออาจเรี ยกว่า ปรระสิ ทธิภาพของแอมแปร์-ชัว่ โมง (Ah Efficiency)
E คําํ นวณได้จากกสมการที่
2.10 ซึ่งในแบบตเตอรี่ ตะกัว-กรด
ว่ จะมีค่าประมาณ 955 % แต่ในแบบตเตอรี่ แบบนินิเกิล-แคดเมียมจะมี
ย ค่า
ด ว่ ไปจะมีมีค่าประสิ ทธิภาพของพลั
น้อยกว่านี้ ในนแบตเตอรี่ โดยทั ภ งงานน้อยกว่า ประสิ ทธิ ภาพพของการ
อัดประจุหรื อประสิ
อ ทธิภาพของแอมแปปร์ -ชัว่ โมงเนืนื่องจากการคาายประจุของแแบตเตอรี่ ใช้แรงดั
แ นตํ่า
กว่าการอัดประจุ
16
ตัวอย่างเช่น C/10 หรื ออัตรา 10 ชัว่ โมง หมายถึง ค่ากระแสเทียบเท่า Rated Capacity ในหน่วย
แอมแปร์-ชัว่ โมง หารด้วย 10
2.1.6 การทดสอบแบตเตอรี่
กาารเคลื่อนที่ไปมาของวั
ป ตถุรรอบจุดสมดุลในช่วงหนึ่ง ไม่ว่าการเคลืลื่อนที่น้ นั จะเเกิดขึ้นใน
แบบ ซํ้าตัวเอองหรื อไม่กตาม ็ต เราเรี ยกกการเคลื่อนทที่น้ ี ว่า การสั่น (Vibraation) หรื อการแกว่
ก ง
(Oscillation) เช่น การแกว่งไป-มาขของชิงช้า หรื ห อลูกตุม้ นาาฬิกา การเ คลื่อนที่ของลูกสู บใน
เครื่ องยนต์ เป็ป็ นต้น [5]
ปรรากฏการณ์การสัา น่ สะเทือนนจะเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนรู
น ปไปมาระ หว่างพลังงานน สําหรับ
ระบบที่มีการรสั่นสะเทือนนั น ้ นจะมีองค์ค์ประกอบสําคัญ คือ องค์ อ ประกอบบที่สะสมพลังงานศั ง กย์
องค์ประกอบบที่สะสมพลังงานจลน์
ง แลละองค์ประกกอบที่หน่วงใหห้พลังงานขอองระบบลดลงง ซึ่ งการ
เปลี่ ยนรู ปไปปมาของพลังงานง จะททําให้เกิ ดการเคลื่ อนที่ และการเคลื
ล ่อนนที่ น้ ี จะก่ อใหห้เกิ ดการ
สัน่ สะเทือนขึขึ้น กล่าวคือ เมื่อมีการสะสมพลังงานนศักย์ข้ ึนในระะบบ พลังงา นนี้ จะถูกเปปลี่ยนเป็ น
พลังงานจลน์น์ ซึ่ งอยูใ่ นลักษณะการเคลื
ก ลื่อนที่ของมววลในระบบ และการเคลื
แ ่ออนที่น้ ีจะก่อให้เกิดการ
สะสมพลังงาานศักย์ข้ ึนอีก เป็ นเช่นนี้ไปปเรื่ อยๆ ส่ วนองค์
น ประกอบบที่หน่วงพลังงงาน ของระบบนั้น ก็
จะเปลี่ยนพลัลังงานศักย์และพลังงานจลนน์ของระบบใให้อยูใ่ นรู ปอืน่ เช่น เสี ยง หหรื อความร้อน เป็ นต้น
จนในที่สุดพลังงานของระะบบหมดไป นอกเสี ยจากกว่ามีสิ่งใดสิ่งหนึ ง ่ งมากระททํา หรื อกระต้ตุน้ ให้การ
สัน่ สะเทือนยยังคงมีอยู่
กําหนดให้
คือ มวลขของวัตถุ
คือ ระยะะขจัด
คือ ความมหน่วงของระะบบ
22
คือ ความหน่วงวิกฤต
คือ ค่าความแข็งของสปริ ง
คือ ความถี่ธรรมชาติของการสัน่ หน่วง
2√
1. เมื่อ > 1
2. เมื่อ = 1
3. เมื่อ 1 x t C e C e
1
1