Professional Documents
Culture Documents
(Electrochemistry)
เกณฑ์การวัดและประเมินผลรายวิชา เคมี5 ว 33225
1. อัตราส่วนคะแนนระหว่างภาค : ปลายภาค = 70 : 30
2. คะแนนระหว่างภาค จานวน 70 คะแนน นักเรียนต้องปฏิบัติดังนี้
2.1 คะแนนสอบหลังเรียนแต่ละหน่วย
ก่อนกลางภาค จานวน 10 คะแนน
หลังกลางภาค จานวน 10 คะแนน
2.2 คะแนนสมุดบันทึกระหว่างเรียน + แบบฝึกหัด จานวน 10 คะแนน
2.3 คะแนนเข้าห้องเรียน จานวน 10 คะแนน
2.4 การปฏิบัติกิจกรรม (กลุ่ม-ทดลอง) ในห้องปฏิบัติการ จานวน 10 คะแนน
2.5 คะแนนสอบกลางภาค จานวน 20 คะแนน
รวมคะแนนระหว่างภาค 70 คะแนน
3. การสอบปลายภาค จานวน 30 คะแนน
การสอบกลางภาค
1. ตากว่า 12 คะแนน สอบซ่อมได้ไม่เกิน 12 คะแนน
เกณฑ์การสอบย่อย 2. ถ้า 12 คะแนนขึ้นไป สอบใหม่ได้เพิมไม่เกิน 1 คะแนน
1. ตากว่า 6 คะแนน สอบซ่อมได้ไม่เกิน 6 คะแนน
2. ถ้า 6 คะแนนขึ้นไป สอบใหม่ได้เพิมไม่เกิน 1 คะแนน
จุดประสงค์การเรียนรู้
1.อธิบายความหมายของปฏิกริ ยิ าออกซิเดชัน ปฏิกริ ยิ ารีดกั ชัน ปฏิกริ ยิ ารีดอกซ์ ตัวรีดวิ ซ์และตัวออกซิไดส์ ในด้าน
การถ่ายโอนอิเล็กตรอนและการเปลีย่ นแปลงเลขออกซิเดชันได้
2.จัดลาดับความสามารถในการรับอิเล็กตรอนของธาตุหรือไอออนและเปรียบเทียบความสามารถในการเป็ นตัวรีดวิ ซ์
หรือตัวออกซิไดส์ได้
4.ต่อเซลล์กลั วานิกจากครึง่ เซลล์ทก่ี าหนดให้ พร้อมทัง้ บอกขัว้ แอโนด ขัว้ แคโทดและเขียนสมการแสดงปฏิกริ ยิ าได้
5.เขียนแผนภาพเซลล์กลั วานิกได้
การดุลสมการรีดอกซ์
เซลล์ไฟฟ้ าเคมี
5.ฟลูออรีนมีเลขออกซิเดชันเป็ น -1 เสมอ
6.เลขออกซิเดชันของสารประกอบใดๆก็ตาม รวมกันจะมีค่าเท่ากับ 0
หลักการพิจารณาเลขออกซิชนั
- Na2Cr2O7
2. หาเลขออกซิเดชันของ Mn ใน MnO42-
จงหาเลขออกซิเดชันของธาตุที่ขีดเส้นใต้
CrO42- HClO4
9.1 ปฏิกิริยารีดอกซ์ (Redox Reaction)
จุดประสงค์การทดลอง
1.เพื่อศึกษาปฏิกิริยาระหว่างโลหะกับไอออนในสารละลายได้
2.เพื่ออธิบายการถ่ายโอนอิเล็กตรอนระหว่างโลหะกับโลหะไอออนในปฏิกิริยา พร้อมทัง้
เขียนสมการแสดงการถ่ายโอนอิเล็กตรอนได้
สารเคมี
1.สารละลาย CuSO4 1.0 mol/dm3 อุปกรณ์
2.สารละลาย ZnSO4 1.0 mol/dm3 1.บีกเกอร์ ขนาด 50 cm3
3.Zn ขนาด 0.5 cm x 7 cm 2.กระบอกตวง ขนาด 25 cm3
4.Cu ขนาด 0.5 cm x 7 cm 3.กระดาษทราย ขนาด 3 cm x 3 cm
วิธีการทดลอง
1.ใส่สารละลาย CuSO4 1.0 mol/dm3 2.จุม่ Zn ลงในบีกเกอร์ใบที่ 1
ลงในบีกเกอร์ 2 ใบ ใบละ 25 cm3 จุ่ม Cu ลงในบีกเกอร์ใบที่ 2
สังเกตสีสารละลาย
*สังเกตชิ้นโลหะ
และสารละลาย
บันทึกผล
*สังเกตชิ้นโลหะ
และสารละลาย
บันทึกผล
ZnSO4 1 M
ตารางบันทึกผลการทดลอง
ชิ้นโลหะ สารละลาย
Zn ใน CuSO4
Cu ใน CuSO4
Zn ใน ZnSO4
Cu ใน ZnSO4
บันทึกผลการทดลอง
การเปลี่ยนแปลงทางเคมี การใช้พลังงานไฟฟ้ า
ทาให้เกิดพลังงานไฟฟ้ า ทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมี
ปฏิกิริยาไฟฟ้ าเคมี (Electrochemical reaction)
เป็ นปฏิกิริยาที่เกี่ยวกับการถ่ายโอนอิเล็กตรอน โดยเปลี่ยนแปลง
พลังงานเคมีเป็ นไฟฟ้ า หรือให้กระแสไฟฟ้ าแล้วทาให้เกิดปฏิกิริยาเคมี
ปฏิกิริยาที่มีการถ่ายโอนอิเล็กตรอน ปฏิกิริยาที่ไม่มีการถ่ายโอนอิเล็กตรอน
เรียกว่า ปฏิกิริยารีดอกซ์ เรียกว่า ปฏิกิริยานอนรีดอกซ์
(Redox reaction) (Non-redox reaction)
ปฏิกิริยาที่มีการให้และรับอิเล็กตรอน ปฏิกิริยาที่ไม่มีการให้และรับอิเล็กตรอน
มีการเปลี่ยนแปลงเลขออกซิเดชัน ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลขออกซิเดชัน
มีตวั รีดิวซ์และตัวออกซิไดส์ AgNO3(aq) + KCl(aq) → AgCl(s) + KNO3(aq)
ประกอบด้วย 2 ครึ่งปฏิกิริยา
- ปฏิกิริยาออกซิเดชัน (Oxidation Reaction )
- ปฏิกิริยารีดกั ชัน (Reduction reaction)
Zn(s) + Cu2+(aq) Zn2+(aq) + Cu(s)
ปฏิกิริยารีดอกซ์ (Redox reaction)
ปฏิกิริยาที่มีการถ่ายเท (ให้-รับ) อิเล็กตรอน เกิดขึน้ พร้อมกัน ทาให้เกิดการ
เปลี่ยนแปลงเลขออกซิเดชันของสาร โดยสามารถแยกเป็ นปฏิกิริยาย่อยได้ 2 ปฏิกิริยา
เรียกว่า ครึ่งปฏิกิริยา
Redox = Oxidation + Reduction
ปฏิกิริยาออกซิเดชัน ปฏิกิริยารีดกั ชัน
(Oxidation Reaction) (Redox reaction)
ปฏิกิริยาที่มีการให้อิเล็กตรอนของสาร ปฏิกิริยาที่มีการรับอิเล็กตรอนของสาร
เลขออกซิเดชันของสารจะเพิ่มขึน้ เลขออกซิเดชันของสารจะลดลง
สารที่ให้อิเล็กตรอน “ตัวรีดิวซ์” สารที่รบั อิเล็กตรอน “ตัวออกซิไดส์”
(Reducing agent) (Oxidizing agent)
ตัวรีดิวซ์ (Reducing agent) ตัวออกซิไดส์ (Oxidizing agent)
สารที่ให้อิเล็กตรอนแก่สารอื่น สารที่รบั อิเล็กตรอนจากสารอื่น
สารที่มีค่าเลขออกซิเดชันเพิ่มขึน้ สารที่มีค่าเลขออกซิเดชันลดลง
เป็ นตัวถูกออกซิไดส์ เป็ นตัวถูกรีดิวซ์
สารที่เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน สารที่เกิดปฏิกิริยารีดกั ชัน
Note!
ตัวรีดิวซ์ = ถูกออกซิไดส์ = oxidation reaction = ให้ e- = O.N. เพิ่มขึน้
ตัวออกซิไดส์ = ถูกรีดิวซ์ = reduction reaction = รับ e- = O.N. ลดลง
ความสามารถในการให้และรับอิเล็กตรอนของโลหะ
ไอออนของโลหะแต่ละชนิด มีความสามารถในการให้และรับอิเล็กตรอนในสารละลายต่างกัน
Ag
1.จุ่ม Ag(s) ใน CuSO4 2.จุ่ม Cu(s) ใน AgNO3 3.จุ่ม Cu(s) ใน ZnSO4 4.จุ่ม Zn(s) ใน CuSO4
ความสามารถในการให้และรับอิเล็กตรอนของโลหะ
1.จุ่ม Ag(s) ใน CuSO4 2.จุ่ม Cu(s) ใน AgNO3 3.จุ่ม Cu(s) ใน ZnSO4 4.จุ่ม Zn(s) ใน CuSO4
ไม่เปลี่ยนแปลง มีสารสีเทาดามาเกาะ ไม่เปลี่ยนแปลง มีสารสีตาลแดงมาเกาะ
ที่แผ่นทองแดง ที่แผ่นสังกะสี
ความสามารถในการให้และรับอิเล็กตรอนของโลหะ
1.จุ่ม Ag(s) ใน CuSO4 ไม่เปลี่ยนแปลง
จากผลการทดลอง สรุปความสามารถในการรับอิเล็กตรอน
Ag+ > Cu2+ > Zn2+
สรุปความสามารถในการให้อิเล็กตรอน
Zn > Cu > Ag
In order to keep track of what loses electrons and what gains them
, we assign oxidation numbers.
© A species is oxidized when it loses electrons.
– Here, zinc loses two electrons to go from
neutral zinc metal to the Zn2+ ion.
© A species is reduced when it gains electrons.
– Here, each of the H+ gains an electron and they
combine to form H2.
© What is reduced is the oxidizing agent.
– H+ oxidizes Zn by taking electrons from it.
© What is oxidized is the reducing agent.
– Zn reduces H+ by giving it electrons.
พิจารณาปฏิกริ ยิ าต่อไปนี้
ปฏิกริ ยิ า……………………………….
1. 2H2 (g) + O2 (g) → 2H2O(l)
ปฏิกริ ยิ า…………………………………….
Reducing agent : …………………………………………………..
Oxidizing agent : ……………………………………………………
ปฏิกริ ยิ า ……………………………….
2. AsH3 + KCIO3 H3AsO4 + KCI
ปฏิกริ ยิ า ……………………………
Reducing agent : …………………………………………………..
Oxidizing agent : …………………………………………………..
พิจารณาปฏิกริ ยิ าต่อไปนี้
ปฏิกริ ยิ า……………………………….
3. KCIO3 + Na2SnO2 → KCI + Na2SnO3
ปฏิกริ ยิ า…………………………………….
Reducing agent : …………………………………………………..
Oxidizing agent : ……………………………………………………
ปฏิกริ ยิ า ……………………………….
4. CuO + NH3 Cu + H2O + N2
ปฏิกริ ยิ า ……………………………
Reducing agent : …………………………………………………..
Oxidizing agent : …………………………………………………..
ครึ่งปฏิกิริยา (Half Reaction)
พิจารณาธาตุอิสระในสมการ
มีธาตุอิสระ ไม่มีธาตุอิสระ
เลขออกซิเดชันเปลี่ยน เลขออกซิเดชันไม่เปลี่ยน
Redox Non-Redox
ปฏิกิริยาที่เป็ นรีดอกซ์แน่ นอน
1. ปฏิกิริยาที่มีธาตุอิสระปรากฏอยู่ในสมการ
2. ปฏิกิริยาที่ไอออนของธาตุชนิดเดียวกันมีประจุเปลี่ยนไป
เช่น Sn2+ (aq) + 2Fe3+ (aq) → Sn4+ (aq) + 2Fe2+ (aq)
3. ปฏิกิริยาที่มีการถ่ายเทอะตอมของธาตุ
เช่น CO(g) + NO2(g) → CO2(g) + NO(g)
4.ปฏิกิริยาการสันดาป ปฏิกิริยาการสังเคราะห์แสงของพืช การสึกกร่อนของโลหะ
ปฏิกิริยาที่ไม่เป็ นรีดอกซ์
1. การละลายน้าหรือแตกตัวในน้าของกรด เบส และเกลือ
เช่น HCl(aq) → H+ (aq) + Cl− (aq)
2. ปฏิกิริยาสะเทินระหว่างกรดกับเบส (กรด + เบส → เกลือ + น้า)
เช่น HCI(aq) + NaOH(aq) → NaCI(s) + H2O (l)
3. ปฏิกิริยาระหว่างสารละลายของสารประกอบไอออนิก 2 ชนิด แล้วเกิดตะกอน
เช่น AgNO3 (aq) + KCl(aq) → AgCl(s) + KNO3 (aq)
แบบฝึ กหัด 9.1 หน้ า 7
9.2 ดุลสมการรีดอกซ์
การดุลสมการรีดอกซ์อย่างง่าย
เช่น 2Ca (s) + O2(g) 2CaO(s)
แต่ปฏิกิริยาที่มีความซับซ้อน
เช่น Cl2(aq) + OH-(aq) Cl-(aq) + ClO3-(aq) + H2O(l)
ต้องดุลทัง้ ระบบ สามารถดุลสมการได้ 2 วิธี คือ
ตัวรีดิวซ์
เลขออกซิเดชัน 0 +2 +3 0
Al(s) + Zn2+(aq) Al3+(aq) + Zn (s)
ตัวออกซิไดส์
ขัน้ ที่ 2 ดุลจานวนอะตอมของตัวรีดิวซ์และตัวออกซิไดส์ และหาการเปลี่ยนแปลงของเลขออกซิเดชัน
ตัวรีดิวซ์ เลขออกซิเดชันเพิ่มขึ้น 3
เลขออกซิเดชัน 0 +2 +3 0
Al(s) + Zn2+(aq) Al3+(aq) + Zn (s)
ตัวออกซิไดส์ เลขออกซิเดชันลดลง 2
เพิ่มขึน้ ( 2 ) x 3 = 6
เลขออกซิเดชัน 0 +2 +3 0
2Al(s) + 3Zn2+(aq) 2Al3+(aq) + 3Zn (s)
ลดลง (3) x 2 = 6
ขัน้ ที่ 4 ดุลจานวนอะตอมของธาตุที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลขออกซิเดชัน โดยเริ่มจากสารโมเลกุลใหญ่
ขัน้ ที่ 5 ตรวจสอบจานวนอะตอมของแต่ละธาตุและผลรวมประจุไฟฟ้ าของสารตัง้ ต้นและผลิตภัณฑ์ให้เท่ากัน
ผลรวมประจุไฟฟ้ า 6+ 6+
จานวนอะตอมของแต่ละธาตุและผลรวมประจุไฟฟ้ าของ
สารตัง้ ต้นกับผลิตภัณฑ์เท่ากัน
สมการรีดอกซ์นี้ดลุ แล้ว
จงดุลสมการรีดอกซ์โดยใช้เลขออกซิเดชัน
EX.1 Cr2O72-(aq) + H+(aq) + H2S(aq) Cr3+(aq) + H2O (l) + S(s)
O.N. ลดลง 3
Cr2O72-(aq) + I-(aq) Cr3+(aq) + I2 (s)
เลขออกซิเดชัน +6 -1 +3 0
O.N. เพิ่มขึน้ 1
ขันที
้ ่ 2 แยกสมการออกเป็ นครึง่ ปฏิกริ ยิ าออกซิเดชันและครึง่ ปฏิกริ ยิ ารีดกั ชัน
ขัน้ ที่ 5 ในสารละลายเบส เติม OH- ทัง้ 2 ข้างของสมการ เพือ่ ให้เกิดเป็ นน้า
O.N. ลดลง 3
MnO4-(aq) + I-(aq) MnO2(s) + I2(aq) + OH-(aq)
เลขออกซิเดชัน +7 -1 +4 0
O.N. เพิ่มขึน้ 1
ขันที
้ ่ 2 แยกสมการออกเป็ นครึง่ ปฏิกริ ยิ าออกซิเดชันและครึง่ ปฏิกริ ยิ ารีดกั ชัน
ขันที
้ ่ 6 ตรวจสอบจานวนอะตอมของแต่ละธาตุและผลรวมประจุไฟฟ้ าให้เท่ากัน
มีอย่างน้ อย 2 ขัว้ – ขัว้ จ่าย e- (Anode) สารที่นาไฟฟ้ าได้ โดยอาศัยการเคลื่อนที่ ของ ion
- ขัว้ รับ e- (Cathode)
ส่วนใหญ่เป็ นสารละลายไอออนิกที่ละลายน้า
ทาจากวัสดุที่ยอมให้e-/กระแสไฟฟ้ าผ่านได้
สะพานเกลือ (Sali Bridge)
สะพานไอออน มีหน้ าที่ รักษาสมดุลไอออนบวกและไอออนลบ
Anode : ไอออนบวกจะละลายลงในสารละลายเพิ่มมากขึน้
Cathode : ไอออนบวกจากสารละลายรับ e- เกาะที่ขวั ้
ไอออนลบเพิ่มขึน้
พลังงานเคมี
Galvanic cell พลังงานไฟฟ้ า
(ปฏิกิริยาเคมี) (กระแสไฟฟ้ า)
Electrolytic cell
จุดประสงค์การทดลอง
1.เพื่อศึกษาการถ่ายโอนอิเล็กตรอน
ในเซลล์กลั วานิกได้
2.เพื่ออธิบายทิศทางการถ่ายโอน
อิเล็กตรอนในเซลล์กลั วานิกได้
3.เพื่ออธิบายได้ว่าครึ่งเซลล์ใด
เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันหรือรีดกั ชัน
4.เพื่ออธิบายหน้ าที่ของสะพานเกลือได้
อุปกรณ์
1.บีกเกอร์ ขนาด 50 cm3
2.กระบอกตวง ขนาด 25 cm3
สารเคมี
3.กระดาษกรอง ขนาด 1 cm x 8 cm
1.สารละลาย CuSO4 1.0 mol/dm3
4.โวล์ตมิเตอร์
2.สารละลาย ZnSO4 1.0 mol/dm3
5.หลลอดไฟ
3.สารละลาย KNO3
4.Zn ขนาด 0.5 cm x 0.5 cm
5.Cu ขนาด 0.5 cm x 0.5 cm
วิธีการทดลอง
2.นาบีกเกอร์ที่มีโลหะจุ่มอยู่ใน
สารละลายมาวางชิดกัน ใช้สะพาน
1.จุม่ แผ่น Cu ลงในสารละลาย เกลือ วางพาดบีกเกอร์ทงั ้ สองให้ 3.ต่อแผ่น Cu และ แผ่น Zn เข้า
CuSO4 1.0 mol/dm3 ปริมาตร 20 cm3 ปลายกระดาษจุ่มในสารละลายของ กับโวลต์มิเตอร์
จุ่มแผ่น Zn ลงในสารละลาย *สังเกตทิ ศทางการเบนเข็มโวลต์มิเตอร์
แต่ละบีกเกอร์ อ่านค่าความต่างศักย์
ZnSO4 1.0 mol/dm3 ปริมาตร 20
cm3 กระดาษกรองชุบสารละลายอิม่ ตัว KNO3
2e-
1. เมื่อต่อเซลล์กลั วานิกครบวงจรแล้วเข็มของโวลต์มิเตอร์เบนไปจากขีดศูนย์แสดงว่าเกิดการ
ถ่ายโอนอิเล็กตรอนและมีกระแสไฟฟ้ าเกิดขึน้
2. เมื่อต่อครึ่งเซลล์ Cu(s)ICu2+(aq) กับ ครึ่งเซลล์ Zn(s)IZn2+(aq) ให้ครบวงจร พบว่าเข็มของ
โวลต์มิเตอร์เบนเข้าหาขัว้ ทองแดงแสดงว่า
ขัว้ สังกะสีให้อิเล็กตรอนแก่ Cu2+(aq) ที่อยู่รอบๆขัว้ ทองแดง มีการถ่ายโอนอิเล็กตรอน
ระหว่างสังกะสีกบั Cu2+(aq)
3. เมื่อสังกะสีให้อิเล็กตรอนเกิดเป็ น Zn2+(aq) ผิวสังกะสีจะกร่อนไป อิเล็กตรอนจากขัว้ สังกะสีจึง
เคลื่อนที่ผา่ นลวดตัวนาไปยังขัว้ ทองแดง ส่วน Cu2+(aq) ในสารละลาย CuSO4 จะรับอิเล็กตรอน
เกิดเป็ นทองแดงเกาะที่ขวั ้ ทองแดง ทาให้สารละลายสีฟ้าจางลง
หน้ าที่สะพานเกลือ
1.ทาให้ครบวงจรไฟฟ้ า
2.ตัวกันไม่ให้สารละลายในครึ่งเซลล์ทงั ้ สองผสมกัน
3.รักษาสมดุลระหว่างไอออนบวกและไอออนลบ
ในสารละลายอิเล็กโทรไลต์แต่ละครึ่งเซลล์
เซลล์กลั วานิก (Galvanic cell)
1.ส่วนประกอบเซลล์กลั วานิก
1.4 โวลต์มิเตอร์ เครื่องมือวัดค่าศักย์ไฟฟ้ าของเซลล์
เซลล์กลั วานิก (Galvanic cell)
2.ปฏิกิริยาเซลล์กลั วานิก
เซลล์กลั วานิก (Galvanic cell)
3.แผนภาพเซลล์กลั วานิกและสมการไอออนิก
จงตอบคาถามต่อไปนี้
2.1 แผนภาพเซลล์กลั วานิก : ……………………………………………………………….
2.2 ขัว้ Anode : ……………………………………………………………..
2.3 ขัว้ Cathode : ……………………………………………………
2.4 Oxidation Reaction : ……………………………………………….
2.5 Reducation Reaction : ………………………………………………………….
แบบฝึ กหัด 9.3 หน้ า 31
4.ศักย์ไฟฟ้ าของเซลล์และศักย์ไฟฟ้ ามาตรฐานของครึ่งเซลล์ เซลล์กลั วานิก (Galvanic cell)
(Standard Reaction Potential)
V = 1 J/C
ﬦEcell เรียกว่า ศักย์ไฟฟ้ าของเซลล์ (cell potential)
ﬦภาวะมาตรฐาน : ที่ 25๐C ความเข้มข้นของสารละลาย 1 M
และความดันของแก๊สเป็ น 1 atm
เรียกว่า ศักย์ไฟฟ้ าของเซลล์มาตรฐาน (Eocell)
เซลล์กลั วานิก (Galvanic cell)
การหาค่าศักย์ไฟฟ้ าของครึ่งเซลล์ใดๆ ใช้วิธีเปรียบเทียบ นักเคมีจึงกาหนดให้
ครึ่งเซลล์ไฮโดรเจนมาตรฐาน (Standard Hydrogen Electrode) ย่อว่า SHE
หรือเรียกอีกชื่อว่า ขัว้ ไฟฟ้ าไฮโดรเจนมาตรฐาน เป็ นครึ่งเซลล์มาตรฐานสากล
ที่ใช้เปรียบเทียบหาค่าศักย์ไฟฟ้ ามาตรฐานของครึ่งเซลล์ชนิดต่างๆ
Pt(s)|H2(g,1 atm)|H+(aq,1 M)
เซลล์กลั วานิก (Galvanic cell)
บนแพลทินัมแบลก
2e- + 2H+ (1 M) H2 (g,1 atm)
ถ้าครึ่งเซลล์มาตรฐานไฮโดรเจนให้อิเล็กตรอนได้ดีกว่า
ถ้าครึ่งเซลล์มาตรฐานไฮโดรเจนรับอิเล็กตรอนได้ดีกว่า
การหาค่าศักย์ไฟฟ้ ามาตรฐานของครึ่งเซลล์
1.นาครึง่ เซลล์มาตรฐานทีต่ อ้ งการหาค่า Eo มาต่อเป็ นเซลล์กลั วานิกกับครึง่ เซลล์ไฮโดรเจนมาตรฐาน
ให้ครบวงจร โดยมีโวลต์มเิ ตอร์ต่ออยูด่ ว้ ย แล้วอ่านศักย์ไฟฟ้ ามาตรฐานของเซลล์
2.สังเกตการเบนเข็มโวลต์มเิ ตอร์ ขัวที
้ เ่ ข็มเบนออกเป็ นขัว้ Anode และขัว้ ทีเ่ ข็มเบนเข้าเป็ นขัว้ Cathode
3.กาหนดให้คา่ ครึง่ เซลล์ไฮโดรเจนมาตรฐาน มี Eo = 0.00 V
4.การคานวณหาค่าศักย์ไฟฟ้ ามาตรฐานของครึง่ เซลล์
Eocell = EoCathode – EoAnode
Eocell = ศักย์ไฟฟ้ ามาตรฐานของเซลล์
EoCathode =ศักย์ไฟฟ้ ามาตรฐานของครึ่งเซลล์แบบรีดกั ชันที่ขวั ้ Cathode (ขัว้ บวก)
EoAnode = ศักย์ไฟฟ้ ามาตรฐานของครึ่งเซลล์แบบรีดกั ชันที่ขวั ้ Anode (ขัว้ ลบ)
เซลล์กลั วานิก (Galvanic cell)
1.ใช้เปรียบเทียบความสามารถในการเป็ นตัวออกซิไดส์หรือตัวรีดิวซ์
Eo มาก รับ e- ได้ดีกว่า Eo น้ อย
ตัวออกซิไดส์ที่ดี ตัวรีดิวซ์ที่ดี
(ขัว้ Cathode) (ขัว้ Anode)
พิจารณาครึ่งเซลล์รีดกั ชันมาตรฐานต่อไปนี้
Ag+(aq) + e- Ag(s) Eo = +0.80
Cl2(g) + 2e- 2Cl-(aq) Eo = +1.36
Cu2+(aq) + 2e- Cu(s) Eo = +0.34
เปรียบเทียบความสามารถในการรับอิเล็กตรอน : …………………………………
ตัวออกซิไดส์ที่ดีที่สดุ : …………………………..
เปรียบเทียบความสามารถในการให้อิเล็กตรอน : …………………………………..
ตัวรีดิวซ์ที่ดีที่สดุ : …………………………..
เซลล์กลั วานิก (Galvanic cell)
1.อิเล็กตรอนจะไหลจากครึ่งเซลล์ที่มีความเข้มข้นน้ อยไปสู่ครึ่งเซลล์ที่มีความเข้มข้นมาก
เซลล์แอลคาไลน์
เซลล์เชื้อเพลิ ง
เซลล์ถ่านไฟฉาย
เซลล์กลั วานิก (Galvanic cell)
6.ประเภทของเซลล์กลั วานิก
เซลล์เชื้อเพลิงแบบเมมเบรนแลกเปลี่ยนโปรตอน
(Proton Exchange Membrane Fuel cell,PEMFC)
ปฏิกิริยาสันดาปของแก๊สโพรเพนในเครื่องยนต์ให้ประสิทธิภาพการ
ทางานสูงประมาณ 2 เท่าของเครื่องยนต์ชนิดสันดาปภายใน
เซลล์ปฐมภูมิ (Primary cell) เซลล์กลั วานิก (Galvanic cell)
5.2 เซลล์เชื้อเพลิงโพรเพน-ออกซิเจน (Propen-Oxygen Fuel cell)
ปฏิกิริยาของเซลล์เป็ นดังนี้
จ่ายไฟ
Pb(s) + PbO2(s) + 4H+(aq) + 2SO42- (aq) 2PbSO4(s) + 2H2O(l)
อัดไฟ
เซลล์ทตุ ิ ยภูมิ(Secondary cell) เซลล์กลั วานิก (Galvanic cell)
ปฏิกิริยาภายในเซลล์ การประจุไฟครังแรก
้
ขัว้ Cathhode : 2H+(aq) + e- H2(g)
ขัว้ Anode : 2H2O(l) + Pb(s) PbO2(s) + 4H+(aq) + 4e-
ปฏิกิริยาภายในเซลล์ การจ่ายไฟ
ขัว้ Anode : Pb(s) + SO42-(aq) PbSO4(s) + 2e-
ขัว้ Cathode : PbO2(s) + 4H+(aq) + SO42-(aq) + 2e- PbSO4(s) + 2H2O(l)
เซลล์ทตุ ิ ยภูมิ(Secondary cell) เซลล์กลั วานิก (Galvanic cell)
2.ความแตกต่างระหว่างเซลล์กลั วานิกและเซลล์อิเล็กโทรไลต์
หลักการของการชุบโลหะด้วยไฟฟ้ า
ให้โลหะชนิดหนึ่ งมาเคลือบบนโลหะอีกชนิดหนึ่ งที่อยู่
เป็ นแคโทดโดยจัดเซลล์ดงั นี้
Anode : โลหะที่ใช้ชบุ
Cathode : โลหะที่ต้องการชุบ
สารละลายอิเล็กโทรไลต์: ไอออนของโลหะชนิดเดียวกับ
โลหะที่เป็ นแอโนด หรือโลหะที่ใช้ชบุ
เซลล์อิเล็กโทรไลต์ (Electrolytic cell)
= -4.07 V
5.ประโยชน์ เซลล์อิเล็กโทรไลต์
การชุบโลหะ
วัตถุที่ต้องการชุบต่อกับ
ขัว้ ลบของแบตเตอรี่ หรือแคโทด
โลหะที่ใช้ชบุ ต่อกับ
ขัว้ บวกของแบตเตอรี่
หรือเป็ นแอโนด
สารละลายอิเล็กโทรไลต์มีไอออนของโลหะชนิด
เดียวกับโลหะที่เป็ นแอโนดหรือโลหะที่ใช้ชบุ
เซลล์อิเล็กโทรไลต์ (Electrolytic cell)
= -4.07 V
5.ประโยชน์ เซลล์อิเล็กโทรไลต์
การชุบโลหะ
1. จัดสิ่งที่ต้องการชุบเป็ นแคโทด
2. ต้องการชุบด้วยโลหะใด ต้องใช้โลหะนัน้ เป็ น
แอโนด
3. สารละลายอิเล็กโทรไลต์ต้องมีไอออนของโลหะที่
เป็ นแอโนด
4. ต้องใช้ไฟฟ้ ากระแสตรงเพื่อให้อิเล็กตรอนไหลไป
ทางเดียวกันตลอด
5. ขณะชุบโลหะ ความเข้มข้นของสารละลายอิเล็ก
โทรไลต์ไม่เปลี่ยนแปลงตราบใดที่ขวั ้ แอโนดยังไม่
กร่อนหมด
เซลล์อิเล็กโทรไลต์ (Electrolytic cell)
= -4.07 V
5.ประโยชน์ เซลล์อิเล็กโทรไลต์
5.2 การทาโลหะให้บริสทุ ธ์ ิ โดยใช้เซลล์อิเล็กโทรไลติก
การทาทองแดงให้บริสทุ ธ์ ิ โดยใช้โลหะที่ไม่บริสทุ ธ์ ิ เป็ นแอโนด และ โลหะที่บริสทุ ธ์ ิ เป็ นแคโทด
2.การชุบเคลือบผิวโลหะด้วยโลหะ โดยใช้หลักการชุบโลหะ
3.การเคลือบพืน้ ผิวโลหะด้วยโลหะที่มีความว่องไวมากกว่า
(หรือเป็ นโลหะที่เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันได้ดีกว่า)
เซลล์อิเล็กโทรไลต์ (Electrolytic cell)
การป้ องกันการผุกร่อน
4. วิธีแคโทดิก (Cathodic)
โดยพันโลหะที่ไม่ต้องการให้เกิดสนิมด้วยโลหะที่มีศกั ย์ไฟฟ้ าตา่ กว่า
หรือต่อเข้ากับขัว้ ลบของแหล่งกาเนิดไฟฟ้ ากระแสตรง
• การฝังถุง Mg ตามท่อ หรือการผูก Mg ตามโครงเรือ จะทาให้ Fe ผุช้าลง
เนื่ องจาก Mg เสีย e- ง่ายกว่า Fe จะเสีย e- แทน Fe
Mg2+(aq) + 2e- Mg(s) EO = -2.36V
Fe2+(aq) + 2e- Fe(s) EO = -0.44V
5.การทาผิวด้วยสารยับยัง้ การสึกกร่อน
เซลล์อิเล็กโทรไลต์ (Electrolytic cell)
การป้ องกันการผุกร่อน
การป้ องกันการผุกร่อนของถังเหล็กโดยใช้ขวั ้ Mg
เซลล์อิเล็กโทรไลต์ (Electrolytic cell)
ปฏิกิริยาที่เกิดขึน้
ที่แอโนด Li (s) Li+(s) + e-
ที่แคโทด TiS2(s) + e- TiS2 -(s)
ปฏิกิริยารวม Li(s) + TiS2(s) Li+(s) + TiS2-(s)
แบตเตอรี่อากาศ
ประโยชน์ ใช้แยกไอออนออกจากสารละลาย
หลักการนี้ สามารถนาไปใช้ โดยให้ไอออนผ่านเยื่อบางๆ ไปยังขัว้ ไฟฟ้ า ที่มี
แยกโซเดียมไอออนและคลอไรด์ ประจุตรงกันข้าม ทาให้สารละลายที่อยู่ระหว่าง
ไอออนออกจากน้าทะเลได้ ทาให้น้าทะเล ขัว้ ไฟฟ้ าทัง้ สอง มีจานวนไอออนลดน้ อยลง
กลายเป็ นน้าจืด
เซลล์อิเล็กโทรไลต์ (Electrolytic cell)
น้ำทะเล
A B C