You are on page 1of 19

PAT 1 (ต.ค.

52) 1

PAT 1 (ต.ค. 52)


รหัสวิชา 71 วิชา ความถนัดทางคณิตศาสตร์ (PAT 1)
วันเสาร์ ที 10 ตุลาคม 2552 เวลา 13.00 - 16.00 น.

ตอนที 1 ข้ อ 1 - 25 ข้ อละ 6 คะแนน


1. กําหนดให้ เอกภพสัมพัทธ์คือเซต {−2, −1, 1, 2} ประโยคในข้ อใดต่อไปนี 7มีคา่ ความจริงเป็ นเท็จ
1. ∃∃ ≤ 0 ∧ || =  + 1 2. ∃∀ ≤  ∧ −( + ) ≥ 0
3. ∀∃ +  = 0 ∨  −  = 0 4. ∀∀|| < || ∨ || > ||

2. กําหนดให้ , , เป็ นประพจน์ พิจารณาข้ อความต่อไปนี 7


ก. ถ้ า  ∧ มีคา่ ความจริงเป็ นจริง แล้ ว  และ  ∨ ( ∧ ) ⇒  มีคา่ ความจริ งเหมือนกัน
ข. ถ้ า  มีคา่ ความจริงเป็ นเท็จ แล้ ว และ ( ⇒ ) ∧ มีคา่ ความจริงเหมือนกัน
ข้ อใดต่อไปนี 7เป็ นจริ ง
1. ก. ถูก และ ข. ถูก 2. ก. ถูก และ ข. ผิด
3. ก. ผิด และ ข. ถูก 4. ก. ผิด และ ข. ผิด
2 PAT 1 (ต.ค. 52)

3. กําหนดให้ " = {0, 1, 2, {0, 1, 2}} และ #(") แทนเซตกําลังของ " พิจารณาข้ อความต่อไปนี 7
ก. " ∩ #(") = {0, 1, 2}
ข. %&" − #(")' < %(#(") − ")
ข้ อใดต่อไปนี 7เป็ นจริ ง
1. ก. ถูก และ ข. ถูก 2. ก. ถูก และ ข. ผิด
3. ก. ผิด และ ข. ถูก 4. ก. ผิด และ ข. ผิด

4. กําหนดให้ " เป็ นเซตคําตอบของสมการ  ( +  ) − 27 − 27 = 0


และ + เป็ นเซตคําตอบของสมการ  ( + &1 − √3' ) − &36 + √3' − 36 = 0
" ∩ + เป็ นสับเซตของช่วงในข้ อใดต่อไปนี 7
1. −3√5, −0.9 2. −1.1, 0 3. 0, 3√5 4. 1, 5√3

4 47)
5. กําหนดให้ 1 = 2 3 456(47) ≥ 5 9 ช่วงในข้ อใดต่อไปนี 7เป็ นสับเซตของ 1
4 68
1. (−∞, −3) 2. (−1, 0.5) 3. (−0.5, 2) 4. (1, ∞)
PAT 1 (ต.ค. 52) 3

6. กําหนดให้ 1 = −2, 2 และ = {(, ) ∈ 1 × 1 |  ) + 2 ) = 2}


ช่วงในข้ อใดต่อไปนี 7ไม่เป็ นสับเซตของ D> − R >
1. (−1.4, −1.3) 2. (−1.3, −1.2) 3. (1.2, 1.4) 4. (1.4, 1.5)

7. กําหนดให้ ABC เป็ นรูปสามเหลีย มทีมีด้าน AB ยาว √2 หน่วย


ถ้ า BC( + AC( = 2BC + 2AC แล้ ว cot C มีคา่ เท่ากับเท่าใด
1. √8( 2. 8) 3. 1 4. √3

8. ถ้ า >0 และ 84 + 8 = 44 + 247( แล้ ว ค่าของ  อยูใ่ นช่วงใดต่อไปนี 7


1. 0, 1) 2. 1, 2) 3. 2, 3) 4. 3, 4)
4 PAT 1 (ต.ค. 52)

9. กําหนดให้ " = {(, ) |  ) +  ) = 1} และ


+ = {(, ) |  +  − 10 − 10 + 49 = 0}
) )

ถ้ า  ∈ " และ  ∈ + แล้ ว ระยะทางมากสุดทีเป็ นไปได้ ระหว่างจุด  และ  เท่ากับข้ อใดต่อไปนี 7


1. 5√2 หน่วย 2. 2 + 5√2 หน่วย 3. 2√5 หน่วย 4. 5 + 2√5 หน่วย

10. กําหนดให้ G เป็ นวงรี ทีมีโฟกัสอยูท่ ีจดุ ยอดของไฮเพอร์ โบลา ) − ) = 1


ถ้ า G ผ่านจุด (0, 1) แล้ ว จุดในข้ อใดต่อไปนี 7อยูบ่ น G
√) 8 √(
1. (1, − )
) 2. (1, √2) 3. (1, − )) 4. (1, )
)


11. กําหนดให้ H = IK สอดคล้ องกับสมการ "H = L เมือ
J
1 2 1 1 −1 0 2
" = M−2 0 1N , + = M2 0 −1N และ L = M−2N
0 1 2 1 4 0 3
O
ถ้ า (2" + +)H = IPK แล้ ว O + P + Q มีคา่ เท่ากับข้ อใดต่อไปนี 7
Q
1. 3 2. 6 3. 9 4. 12
PAT 1 (ต.ค. 52) 5

0  0 68
8
12. ถ้ า det T2 M0 2 2N U = 468 แล้ ว  มีคา่ เท่ากับข้ อใดต่อไปนี 7
3 1 5
1. 1 2. 2 3. 3 4. 4

13. กําหนดให้ VW และ X̅ เป็ นเวกเตอร์ ทีไม่เท่ากับเวกเตอร์ ศนู ย์ซงึ VW ตังฉากกั


7 บ X̅ และ VW + X̅ ตังฉากกั
7 บ VW − X̅
พิจารณาข้ อความต่อไปนี 7
ก. |VW| = |X̅ |
ข. VW + 2X̅ ตังฉากกั
7 บ 2VW − X̅
ข้ อใดต่อไปนี 7เป็ นจริ ง
1. ก. ถูก และ ข. ถูก 2. ก. ถูก และ ข. ผิด
3. ก. ผิด และ ข. ถูก 4. ก. ผิด และ ข. ผิด

14. พิจารณาข้ อความต่อไปนี 7


OZ ∑ OZ ลูเ่ ข้ า

ก. ถ้ า ลําดับ ลูเ่ ข้ า แล้ ว อนุกรม
n =1
\
∑ OZ ลูเ่ ข้ า แล้ ว อนุกรม ∑ [1 + )] ^ ลูเ่ ข้ า
]
∞ ∞
ข. ถ้ า อนุกรม
n =1 n =1
ข้ อใดต่อไปนี 7เป็ นจริ ง
1. ก. ถูก และ ข. ถูก 2. ก. ถูก และ ข. ผิด
3. ก. ผิด และ ข. ถูก 4. ก. ผิด และ ข. ผิด
6 PAT 1 (ต.ค. 52)

15. กําหนดให้ J เป็ นจํานวนเชิงซ้ อนทีสอดคล้ องกับ J ( − 2J ) + 2J = 0 และ J ≠ 0


ถ้ า อาร์ กิวเมนต์ของ J อยูใ่ นช่วง (0, `)) แล้ ว ab
(a̅ )5
มีคา่ เท่ากับข้ อใดต่อไปนี 7
1. −2i 2. 1 − i 3. 1 + i 4. 2i

16. ถุงใบหนึง บรรจุลกู แก้ วสีแดง 5 ลูก สีเขียว 4 ลูก และสีเหลือง 3 ลูก ถ้ า หยิบลูกแก้ วจากถุงทีละลูก 3 ครัง7 โดยไม่ใส่
คืน แล้ วความน่าจะเป็ นทีจ ะหยิบได้ ลกู แก้ ว ลูกทีหนึง สอง และสาม เป็ นสีแดง สีเขียว และสีเหลือง ตามลําดับเท่ากับ
ข้ อใดต่อไปนี 7
8 8 ( (
1. )8 2. )) 3. )) 4. )d

17. กล่องใบหนึง บรรจุหลอดไฟ 12 หลอด เป็ นหลอดชํารุด 3 หลอด ถ้ าหยิบหลอดไฟ จากกล่องมา 4 หลอด แล้ ว ความ
น่าจะเป็ นทีจ ะได้ หลอดชํารุดไม่เกิน 1 หลอด เท่ากับข้ อใดต่อไปนี 7
1. 8( 2. 8e 3. 8eff
4. 8e
dd
PAT 1 (ต.ค. 52) 7

18. ในการโยนลูกเต๋า 2 ลูกหนึง ครัง7 ความน่าจะเป็ นทีจะได้ แต้ มรวมเป็ น 7 โดยทีมีลกู เต๋าลูกหนึง ขึ 7นแต้ มไม่น้อยกว่า 4
เท่ากับข้ อใดต่อไปนี 7
1. 8( 2. 8e 3. 8g 4. 8) 8

19. กําหนดให้ ความสูงของคนกลุม่ หนึง มีการแจกแจงแบบปกติ ถ้ ามีคนสูงกว่า 145 เซนติเมตรและ 165 เซนติเมตรอยู่
84.13% และ 15.87% ตามลําดับ แล้ ว สัมประสิทธิEของความแปรผันของความสูงของคนกลุม ่ นี 7เท่ากับข้ อใด
ต่อไปนี 7
J 1.00 1.12 1.14 1.16
พื 7นทีใต้ เส้ นโค้ งปกติมาตรฐานจาก 0 ถึง J 0.3413 0.3686 0.3729 0.3770

8 ) ( e
1. (8
2. (8
3. (8
4. (8

20. กําหนดให้ ข้อมูลชุดหนึง มีการแจกแจงปกติ หยิบข้ อมูล 8 , ) , ( มาคํานวณค่ามาตรฐานปรากฏว่าได้ คา่ เป็ น


J8 , J) , J( ตามลําดับ ถ้ า J8 + J) = J( แล้ ว ค่าเฉลีย เลขคณิตของข้ อมูลชุดนี 7เท่ากับข้ อใดต่อไปนี 7
1. 8 + ) − ( 2. 8 − ) − (
3. ( − ) − 8 4. 8 + ) + (
8 PAT 1 (ต.ค. 52)

21. กําหนดให้ " เป็ นเซตซึง สอดคล้ องกับเงือนไขต่อไปนี 7


ก. 1 ∈ "
ข. ถ้ า  ∈ " แล้ ว 48 ∈ "
ค.  ∉ " ก็ตอ่ เมือ 2 ∈ "
จํานวนในข้ อใดต่อไปนี 7เป็ นสมาชิกของ "
1. 8) 2. 8j 3. 8
8g
4. 8
()

22. ถ้ า k เป็ นมุมซึง 0° ≤ k ≤ 180° แล้ ว จากเวลาเทียงวันถึงบ่ายโมง เข็มยาวและเข็มสันของนาฬ


7 กิ าจะทํามุมกัน
เท่ากับ k เป็ นครัง7 แรกเมือเวลาผ่านไปกีนาที
1. )m8(
นาที 2. )m
88
นาที 3. )mf นาที 4. )m
n
นาที

23. กําหนดให้ oZ = (0, 1) ∩ (8), 2) ∩ ()(, 3) ∩ … ∩ (Z68 Z


, %) เมือ % เป็ นจํานวนนับ
ค่าของ % ทีน้อยทีสดุ ทีทําให้ oZ ⊆ ( )dd8,
)dd(
)dde )dd)
 เท่ากับข้ อใดต่อไปนี 7
1. 2554 2. 2552 3. 1277 4. 1276
PAT 1 (ต.ค. 52) 9

โจทย์สาํ หรับข้ อ 24 - 25
นาย ก, ข, ค, ง, จ และ ฉ นัง เก้ าอี 7 6 ตัวทีมีหมายเลข 1 ถึง 6 เรี ยงแถวหน้ ากระดานจากซ้ ายไปขวา โดยมีเงือนไข
ดังต่อไปนี 7
- นาย ค นัง เก้ าอี 7หมายเลข 1 หรื อ 6
- นาย จ ไม่นงั ติดนาย ค
- นาย จ ไม่นงั ติดนาย ข
- นาย ฉ นัง ติดด้ านซ้ ายของนาย จ

24. ถ้ า นาย ค นัง เก้ าอี 7หมายเลข 1 และนาย ข นัง เก้ าอี 7หมายเลข 5 แล้ ว ข้ อใดต่อไปนี 7เป็ นจริ ง
1. นาย ก นัง เก้ าอี 7หมายเลข 4 2. นาย ก นัง เก้ าอี 7หมายเลข 6
3. นาย ฉ นัง เก้ าอี 7หมายเลข 2 4. นาย ง นัง เก้ าอี 7หมายเลข 6

25. ถ้ ากําหนดเงือนไขเพิมเติมให้ มคี นนัง คัน กลางระหว่างนาย ข และ ค อยู่ 3 คน แล้ ว จํานวนวิธีของการนัง ทังหมด
7
เท่ากับข้ อใดต่อไปนี 7
1. 1 วิธี 2. 2 วิธี 3. 3 วิธี 4. 4 วิธี
10 PAT 1 (ต.ค. 52)

ตอนที 2 ข้ อ 1 - 25 ข้ อละ 6 คะแนน


1. กําหนดเซตและจํานวนสมาชิกของเซตตามตารางต่อไปนี 7
เซต " + L "∪+ +∪L "∪L (" ∩ +) ∪ L
จํานวนสมาชิก 15 17 22 23 29 32 28
จํานวนสมาชิกในเซต "∪+∪L เท่ากับเท่าใด

2. ถ้ า O เป็ น ห.ร.ม. ของ 403 และ 465 และ P เป็ น ห.ร.ม. ของ 431 และ 465 แล้ ว O − P มีคา่ เท่าใด

t ∘ s(3) + s ∘ t68 (3)


8
3. ถ้ า s() = 4 และ t() = 2s() แล้ ว มีคา่ เท่าใด
PAT 1 (ต.ค. 52) 11

(s 68 + t68 )(2)
4
s() = √ t() = 874
v
4. ถ้ า และ แล้ ว มีคา่ เท่าใด

4
5. ถ้ า 1 − cot 20° = 86wxy )d° แล้ ว  มีคา่ เท่าใด

(sin k + cos k)) =


( `
6. ถ้ า เมือ 0≤k≤ แล้ ว arccos(tan 3k) มีคา่ เท่าใด
) e
12 PAT 1 (ต.ค. 52)

7. ให้ O, P และ Q เป็ นจํานวนจริง ถ้ าวงกลม  ) +  ) + O + P + Q = 0 มีจดุ ศูนย์กลางที (2, 1) และมี


เส้ นตรง  −  + 2 = 0 เป็ นเส้ นสัมผัสวงกลม แล้ ว |O + P + Q| เท่ากับเท่าใด

8. พาราโบลามีจดุ ยอดที (−1, 0) และมีจดุ กําเนิดเป็ นโฟกัส ถ้ าเส้ นตรง  =  ตัดพาราโบลาทีจ ดุ P และจุด Q แล้ ว
ระยะทางระหว่างจุด P กับจุด Q เท่ากับเท่าใด

9. กําหนด log   + 4 log 4  = 4 แล้ ว log   ( มีคา่ เท่าใด


PAT 1 (ต.ค. 52) 13

10. รากทีมีคา่ น้ อยทีสดุ ของสมการ 2‚xƒ(46)) ∙ 2‚xƒ(46() = 2‚xƒ ) มีคา่ เท่าใด

1 2 4
11. กําหนดให้ " = M−3 8 0 N สมาชิกในแถวที 3 หลักที 1 ของ "68 เท่ากับเท่าใด
1 2 −1

12. กําหนดให้ ABC เป็ นรูปสามเหลีย มทีมี D เป็ นจุดบนด้ าน AC และ F เป็ นจุดบนด้ าน BC ถ้ า †††††‡ = 8 AC
AD †††††‡ ,
e
†††††‡ และ DF
††††‡ = 8 BC
BF †††††‡ + PBC
†††††‡ = OAB †††††‡ แล้ ว \ มีคา่ เท่าใด
( ˆ
14 PAT 1 (ต.ค. 52)

13. กําหนดให้ ‰, J เป็ นจํานวนเชิงซ้ อนซึง ‰Š = J − 2i และ |‰|) = J + 6


ถ้ าอาร์ กิวเมนต์ของ ‰ อยูใ่ นช่วง 0, `) และ ‰ = O + Pi เมือ O, P เป็ นจํานวนจริง แล้ ว O + P มีคา่ เท่าใด

14. กําหนดให้ O และ P เป็ นจํานวนจริ งบวกซึง O < P


ถ้ าค่ามากสุดและค่าน้ อยสุดของ # = 2 +  เมือ ,  เป็ นไปตามเงือนไข O ≤  + 2 ≤ P ,  ≥ 0 และ
 ≥ 0 มีคา่ เท่ากับ 100 และ 10 ตามลําดับ แล้ ว O + P มีคา่ เท่าใด

\]‹Œ
5 6\5 \ŒŽ 6\
15. ถ้ า OZ เป็ นลําดับเลขคณิตซึง lim [ ]
^= 4 แล้ ว  มีคา่ เท่าใด
n→∞ Z )
PAT 1 (ต.ค. 52) 15

(Z78)Z7)nZ7 … 7(Zv
16. lim [ 87j7)n7 … 7Zv
^ มีคา่ เท่าใด
n→∞

s  () =  ) − 1 ∫ s() ‘ = 0 |s(1)|


1
17. ถ้ า และ แล้ ว มีคา่ เท่ากับเท่าใด
0

18. กําหนดให้ s() = O ) + P√ เมือ O และ P เป็ นจํานวนจริ งที P ≠ 0


ถ้ า 2s  (1) = s(1) แล้ ว ’’(e)
“ (f) มีคา
่ เท่าใด
16 PAT 1 (ต.ค. 52)

19. กําหนดให้  = s() เป็ นฟั งก์ชนั ซึง มีคา่ สูงสุดที  = 1


ถ้ า s  () = −4 ทุก  และ s(−1) + s(3) = 0 แล้ ว s มีคา่ สูงสุดเท่าใด

20. มีสงิ ของซึง แตกต่างกันอยู่ 8 ชิ 7น ต้ องแบ่งให้ คน 2 คน คนหนึง ได้ 6 ชิ 7น


และอีกคนหนึง ได้ 2 ชิ 7น จะมีจํานวนวิธีแบ่งกีวิธี

21. ในการแข่งขันฟุตบอลฤดูกาลหนึง มีทีมเข้ าร่วมการแข่งขัน 7 ทีม จัดแข่งแบบพบกันหมด (แต่ละทีมต้ องลงแข่งกับทีม


อืนทุกทีม) จะต้ องจัดการแข่งขันกีนดั
PAT 1 (ต.ค. 52) 17

22. ข้ อมูลชุดหนึง เรี ยงจากน้ อยไปมากเป็ นดังนี 7 1 , 4 ,  ,  , 9 , 10


ถ้ ามัธยฐานของข้ อมูลชุดนี 7เท่ากับค่าเฉลีย เลขคณิต และส่วนเบียงเบนเฉลีย ของข้ อมูลชุดนี 7เท่ากับ j(
แล้ ว  −  มีคา่ เท่าใด

23. ข้ อมูลชุดหนึง มี 5 จํานวนและมีคา่ เฉลีย เลขคณิตเท่ากับ 12


ถ้ าควอไทล์ที 1 และ 3 ของข้ อมูลชุดนี 7มีคา่ เท่ากับ 5 และ 20 ตามลําดับ แล้ ว เดไซล์ที 5 ของข้ อมูลชุดนี 7มีคา่ เท่าใด
18 PAT 1 (ต.ค. 52)

24. กําหนดตารางแจกแจงความถีแสดงอายุของคนในหมูบ่ ้ านแห่งหนึง เป็ นดังนี 7


อายุ (ปี ) 0-9 10-19 20-29 30-39 40-49 50-59
จํานวน (คน) 5 10 " 20 10 10
ถ้ าอายุเฉลีย ของคนในหมูบ่ ้ านนี 7เท่ากับ 33.33 ปี แล้ ว จํานวนคนในหมูบ่ ้ านนี 7เท่ากับเท่าใด

25. กําหนดให้ ข้อมูล H และ • มีความสัมพันธ์กนั ดังตารางต่อไปนี 7


H 1 2 3 3
• 1 3 4 6
ถ้ าสมการปกติของความสัมพันธ์เชิงฟั งก์ชนั ดังกล่าวอยูใ่ นรูป • = O + PH
แล้ วเมือ H = 10 ค่าของ • เท่ากับเท่าใด
PAT 1 (ต.ค. 52) 19

เฉลย
1. 4 11. 3 21. 3 6. 0 16. 4
2. 1 12. 4 22. 2 7. 5.5 17. 0.25
3. 3 13. 1 23. (852) 8. 8 18. 12
4. 1 14. 4 24. 3 9. 6 19. 8
5. 2 15. 1 25. 4 10. 4 20. 56
6. 4 16. 2 1. 33 11. 0.2 21. 21
7. 1 17. (42/55) 2. 30 12. 9 22. 2
8. 2 18. 3 3. 7.5 13. 4 23. 10
9. 2 19. 2 4. 6 14. 70 24. -
10. 1 20. 1 5. 2 15. (√32)
b
25. 19

You might also like