Professional Documents
Culture Documents
Martial God Asura 3361 - 3370
Martial God Asura 3361 - 3370
"น้องชาย เจ้าไม่ต้องกังวลหรอก"
แม้ไม่สามารถบอกได้ว่ามันมีรสชาติเช่นใด แต่พอจะบอกได้ว่ามันคงจะแย่มาก
กลิ่นของของเหลวสีดาหนืดนั้นก็ยิ่งน่าขยะแขยงมากกว่า มันน่าจะเหม็นเน่ามากกว่ากลิ่นอุจจาระเสีย
อีก
นั่นจะเป็นยาถอดพิษได้อย่างไร?
แม้ว่าคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อาจจะไม่เชื่อถือไป๋หลีลั่ว แต่ชูเฟิงกลับไว้ใจนางอย่างมาก
"อ๊ากกกก"
ทันทีหลังจากนั้นชูเฟิงก็คุกเข่าลงบนพื้น
"ตึงงง"
ในที่สุดร่างกายของชูเฟิงโอนเอนไปมาและล้มลงหมดสติอยู่บนพื้น
"ชูเฟิง!"
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับชูเฟิงครั้งนี้ทาให้ทุกคนสับสนยิ่ง
"มันน่าจะเป็นผลมากจากคุกลงทัณฑ์สวรรค์ เนื่องจากชูเฟิงถูกจู่โจมด้วยสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์เป็นเวลา
หลายวัน แม้ว่ามันจะสามารถต้านทานสายฟ้าเหล่านั้นได้ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่ชเู ฟิงจะไม่เป็นอะไรเลย"
เมื่อได้ยินสิ่งที่อู๋หมิงเฟิงหัว่ ผู้คนจึงตระหนักได้ในทันที
"เพียงแต่มันค่อนข้างน่าหัวเราะนัก ช่างน่าสมเพชสิ้นดี"
"บรรดาจอมยุทธ์หนุ่มสาวสามพันคนของตระกูลเทพฟางไม่สามารถทาให้ชเู ฟิงบาดเจ็บได้เลย"
ที่สาคัญที่สดุ คาพูดเยาะเย้ยของอู๋หมิงเฟิงหั่วคือความจริง
เหตุใดชูเฟิงจึงต้องทนทุกข์ทรมานจากสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งคุกลงทัณฑ์สวรรค์กัน? ไม่ได้เพราะมันถูก
พวกพ้องคนตระกูลเดียวกันไล่ประหัตประหารหรอกหรือ?
ในขณะนั้นไม่เพียงแต่คนที่วางแผนต่อต้านชูเฟิงเท่านั้นที่ก้มหน้าลงด้วยความละอาย ทว่าคนตระกูล
เทพชูทุกคนต่างสงบเงียบเช่นกัน
คนเช่นนี.้ .. สมควรแล้วที่จะโดนดูถูก
"อัจฉริยะระดับปีศาจสามตัวล้วนมาจากตระกูลเทพชูของพวกเจ้า"
"เห็นได้ชดั ว่าสวรรค์มอบพรอันยิ่งใหญ่ให้แก่ตระกูลเทพชูของพวกเจ้า"
"อย่างไรก็ตาม ข้ารู้สึกว่าตระกูลเทพชูของพวกเจ้าควรทบทวนการกระทาของตัวเองอย่างเหมาะสม
ว่าสิ่งที่เจ้าทานั้นมันคู่ควรกับอัจฉริยะเช่นนีห้ รือไม่" อู๋หมิงเฟิงหัว่ กล่าวเสริม
เมื่อเทียบกับคาพูดเยาะเย้ยก่อนหน้านี้ คาพูดนี้ยิ่งเย้ยหยันมากขึ้น
เช่นเดียวกับใบมีดที่คมกริบ ทุกคาพูดต่างแทงทะลุหัวใจของคนตระกูลเทพชู
ในขณะนั้นไม่เพียงแต่คนตระกูลเทพชูเท่านั้นที่เงียบ แต่บนใบหน้าของพวกมันยังเต็มไปด้วยความ
ละอายใจ
ไม่ว่าพวกมันจะเป็นบรรดาผู้อาวุโสหรือบรรดารุ่นเยาว์ก็ตาม พวกมันล้วนรู้สึกละอายใจ
ที่จริงแล้ว พวกมันคู่ควรกับอัจฉริยะเช่นนี้หรือไม่?
ทุกคนต่างรู้คาตอบนั้นชัดเจนอย่างยิ่ง
ชูเฟิงถือเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง แต่ตระกูลเทพชูของพวกมันไม่คู่ควรกับอัจฉริยะอย่างชูเฟิง
ชูเฟิงลืมตาขึ้นและไม่อาจกักเก็บความประหลาดใจไว้ได้ เมื่อค้นพบว่าเป็นอู๋หมิงเฟิงหั่วกาลังรักษา
บาดแผลให้มัน
มันไม่เคยคิดเลยว่าผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่สูงเหนือใครจะมารักษาแผลให้มันเป็นการส่วนตัว
"เอ่อ..."
"ชูเฟิง พี่สาวของเจ้าเชื่อถือได้หรือ?"
"พวกเจ้าจะไปรู้เรื่องอะไร? นี่เรียกว่าแก้พิษด้วยพิษ"
"หากคนทั่วไปดื่มยาถอนพิษนี้ของข้า พวกมันย่อมตายเพราะพิษ ทว่าหากท่านประมุขตระกูลของเจ้า
ดื่มเข้าไป พิษทั้งสองจะไปต้านกันเอง ทาให้พิษภายในกายของเขาถูกถอนออก เช่นนั้นแล้ว เขาจะฟื้น
ตัวทันที" ไป๋หลีลวั่ รู้สึกไม่พอใจนักและท่าทางของนางก็ไม่ดีนัก นางทากระทั่งสบถใส่ชหู านเผิง
"เสียงอู้อี้"
"ท่านประมุขตระกูล!"
ฝูงชนพุ่งเข้าไปโอบล้อมประมุขตระกูลเทพชูเอาไว้
"เฟิงเอ๋อร์"
ประมุขตระกูลเทพชูไม่ได้สนใจฝูงชน แต่ว่าจับข้อมือชูเฟิงไว้
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฝูงชนก็ไม่กังวลเรื่องของชูเฟิงอีกต่อไป
หลังจากชูเฟิงขยับเข้าไปใกล้ ประมุขตระกูลเทพชูก็กล่าวกับชูเฟิงผ่านกระแสเสียงว่า
"ข้าจะไม่ยุ่งเรื่องนี้" ในยามนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
"ไม่ใช่ว่าดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักรเป็นผู้ปกครองแห่งดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์หรอกหรือ? ท่าน
ทั้งหลายจะไม่ทาอะไรในยามที่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นหรือ?" ชูเฟิงยืนขึ้น แล้วเอ่ยถามอู๋หมิงเฟิงหั่ว
"เฟิงเอ๋อร์ อย่าหยาบคาย"
"นี่เป็นวิถที างของการเป็นผู้ปกครอง"
อู๋หมิงเฟิงหั่วกล่าวกับชูเฟิง
บทที่ 3363 หน้าที่และภาระของตาแหน่ง
หลังจากอู๋หมิงเฟิงหัว่ กล่าวเช่นนี้ ทุกคนก็พลันเงียบกริบ
เช่นนี้จะเห็นได้ว่าประมุขตระกูลเทพชูเป็นห่วงสถานการณ์ของตระกูลเทพอู๋หม่าอย่างมาก ไม่เช่นนั้น
แล้ว ด้วยฐานะประมุขผู้นาตระกูล เขาย่อมไม่คุกเข่าเพื่อตระกูลอื่นเป็นแน่
โชคร้ายที่แม้ว่าประมุขตระกูลเทพชูจะขอร้องเช่นนั้น แต่อู๋หมิงเฟิงหั่วก็ยังเมินเฉย
"ข้าวางตัวชัดเจนแล้ว ข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวในเรื่องนี้"
"ประมุขตระกูลเทพชู เจ้าควรลุกขึ้นเสีย"
"ใต้เท้าอู๋หมิงเฟิงหัว่ "
ในยามนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึน้ มันเป็นเสียงของชูเฟิง
"ชูเฟิง มีสิ่งใดที่เจ้าต้องการหรือ?” อู๋หมิงเฟิงหัว่ หันมาถาม
"ชูเฟิงจะจดจาบุญคุณท่านไว้"
"แต่ผู้น้อยขอไม่เห็นพ้องในหนทางการเป็นผู้ปกครองของท่าน"
"ในเมื่อดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักรมีตาแหน่งเป็นถึงผู้ปกครองของดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์ พวก
มันย่อมมีความรับผิดชอบและภาระหน้าทีท่ ี่จะให้ผู้คนของดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์มีชีวิตอย่างสันติสุข
และป้องกันมิให้เกิดโศกนาฏกรรม"
"ดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักรไม่ควรจะปกครองผู้คนแห่งดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์อย่างปล่อยปละ
ละเลย แต่พวกท่านควรจะปกป้องผู้คนแห่งดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์ด้วยความสันติ"
คนตระกูลเทพชูหวาดกลัวในทันทีที่ได้ยินคาพูดของชูเฟิง เป็นใครก็รู้ว่าคาพูดของมันน่าอับอายและ
ขบถ เป็นไปได้ที่อู๋หมิงเฟิงหัว่ จะลงโทษชูเฟิงจากสิ่งที่มนั พูด
"หรือข้าต้องช่วยเหลือพวกมันเพียงเพราะข้าเป็นคนจากดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักรที่ปกครองทัว่
ทั้งดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์?"
"ใครตั้งกฎว่าผู้แข็งแกร่งต้องช่วยเหลือผู้ทอี่ ่อนแอ?"
"ทว่านั่นก็จากัดแค่เพียงคนที่ไม่มีความสัมพันธ์ใดกับผูท้ ี่อ่อนแอ"
"ท่านคิดว่าผู้คนในดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์นั้นไม่มีความสัมพันธ์อันใดกับท่านหรือ?"
"ชูเฟิง หยุดพูดเสีย"
คนตระกูลเทพชูพลันใบหน้าซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว
"ในเมื่อดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักรของพวกเรากลายเป็นผู้ปกครองแห่งดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์
เราก็มีหน้าทีป่ กป้องผู้คนแห่งดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์ แต่ปัญหาคือ... แม้ว่าเราจะไม่เข้าไปยุ่ง
เกี่ยวกับเรื่องของผู้คน ทว่าก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรที่ทาให้พวกเราเสื่อมเสีย"
"ส่วนตัวข้า ข้าตัดสินใจจะวางตัวเป็นกลาง" อู๋หมิงเฟิงหั่วกล่าว
"เจ้าช่างกล้าพูดทั้งหมดนั่น ข้าเห็นภาพสะท้อนของบิดาเจ้าอยู่ในตัวเจ้า"
ในยามนั้นอู๋หมิงเฟิงหั่วมองชูเฟิงด้วยสายตาจริงจัง
เพราะว่าสายตาของมันจริงจังนัก ฝูงชนถึงได้กระสับกระส่าย
เมื่อชูเฟิงกล่าวเช่นนั้น คนตระกูลเทพชูทั้งหมดก็เงียบสนิท
ในที่สุดอูห๋ มิงเฟิงหั่วก็เอ่ยตอบ
"แน่นอน"
บรรดาคนตระกูลเทพชูทั้งหลายถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อได้ยินคาตอบของอู๋หมิงเฟิงหัว่
"ขณะที่ข้าไม่รู้ใจของคนอืน่ ตัวข้าเองก็หวังให้เจ้าผู้เป็นดั่งกระบี่แหลมคมจะเติบโตต่อไปในอนาคต"
"ข้าหวังให้เจ้าเป็นกระบี่แหลมคมที่สามารถปกป้องดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์ของพวกเราได้ ข้าหวัง…
ว่าเจ้าจะกลายเป็นกระบี่แหลมคมที่สามารถสู้เพื่อดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์ของพวกเราได้"
ชูเฟิงเชื่อว่าผู้คนในดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์เป็นศัตรูของมัน เพราะพวกมันพยายามจะสังหารบิดาของ
ตน
ทว่าอู๋หมิงเฟิงหั่วไม่ใช่ศัตรูของชูเฟิง
อย่างไรเสีย คนที่วางยาประมุขตระกูลของพวกมันก็คือนางอยู่ดี
"ผู้อาวุโส มีสิ่งหนึ่งที่ข้าต้องอธิบายแก่ทุกท่าน"
"คนที่วางยาพิษท่านประมุขตระกูลไม่ใช่พี่สาวหลีลั่ว"
ทว่าชูเฟิงหวังว่าไป๋หลีลวั่ จะสามารถอยู่ร่วมกันคนตระกูลเทพชูได้อย่างสงบสุข
"เป็นเช่นนั้นเอง"
คนตระกูลเทพชูทั้งหลายถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อได้ยินเช่นนั้น
"ท่านประมุขตระกูล ท่านเป็นอะไรหรือไม่?!"
ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องอย่างเป็นกังวลดังขึ้น
กลายเป็นว่าประมุขตระกูลเทพชูหมดสติอีกครั้ง
"เช่นนั้นแล้วจะตัดสินได้อย่างไรว่าแผ่นป้ายชื่อเป็นของจริงหรือของปลอม? มีวิธีตรวจสอบพิเศษ
หรือไม่?" ชูเฟิงถาม
ชูเซวียนเจิ้งฟาเริ่มอธิบายวิธีตรวจสอบแผ่นป้ายชื่อจอมยุทธ์ยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสิบของดินแดนเหนือ
หัวแห่งดาราจักรให้ชเู ฟิงฟัง
ในยามนั้นเอง ชูเซวียนเจิ้งฟาก็ตระหนักในทันทีว่าชูเฟิงมีจุดประสงค์ที่ถามเรื่องนี้
อุปนิสัยของชูเฟิงนั้นเป็นผู้กล้าหาญ พวกมันกลัวว่าชูเฟิงจะพยายามสร้างแผ่นป้ายชื่อของปลอม
"ทว่าผู้คนจากดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักรย่อมจะไม่รอให้คนอื่นตรวจสอบแผ่นป้ายชื่อของพวกมัน
โดยปกติแล้ว พวกมันจะปล่อยพลังจากแผ่นป้ายชื่อของพวกมันโดยตรง" ชูเซวียนเจิ้งฟากล่าว
"นั่นก็สมกับลักษณะของคนจากดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักร" ชูเฟิงหัวเราะ
ทว่าชูเซวียนเจิ้งฟาและคนอืน่ ไม่รู้ว่าความกังวลของชูหานเผิงนั้นตรงจุดแล้ว
ชูเฟิงถามพวกมันไปทั้งหมด เพราะมันตั้งใจจะสร้างแผ่นป้ายชื่อนั้น
ทว่าพละกาลังของชูเฟิงนั้นมีจากัด เช่นนั้นก็เป็นไปไม่ได้ที่มันจะจัดการตระกูลสาขาของตระกูลเทพอู๋
หม่า ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบมหาตระกูลเทพผู้ยิ่งใหญ่
เมื่อชูเฟิงตัดสินใจได้แล้ว มันก็ลงมือทันทีและเริ่มสร้างป้ายชื่อของปลอมนั้นทันที
ชูเฟิงยิ้มแล้วเกาศีรษะอย่างงุ่มง่าม
แน่ล่ะว่าก่อนหน้านี้ ชูเฟิงพยายามจะซ่อนเรื่องนี้จากนาง
"แล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่? บอกพี่สาวมา" ไป๋หลีลวั่ กล่าว
ตระกูลสาขาของตระกูลเทพอู๋หม่าเป็นหนึ่งในสิบมหาตระกูลเทพของดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์
มันไม่อยากให้ไป๋หลีลวั่ ต้องเสี่ยงไปกับมัน
"ทาไมล่ะ? เจ้าดูถูกพี่สาวของท่านหรือ?" ไป๋หลีลวั่ เท้าสะเอวแล้วมองชูเฟิง
หลังจากไป๋หลีลั่วกล่าวจบ นางก็ปลดปล่อยลมปราณออกมา
ในชั่วขณะต่อมา ชูเฟิงก็ประหลาดใจอย่างไม่อาจเทียบ
แม้ว่ามันจะรู้ว่าไป๋หลีลั่วทรงพลังยิ่งนัก แต่มันก็ไม่เคยคิดว่านางจะทรงพลังขนาดนี้
ลมปราณที่ไป๋หลีลั่วปล่อยออกมานั้นเป็นของผู้มีระดับพลังเทวาห้วงทีเ่ ก้า
ระดับพลังเทวาห้วงสุดท้าย ไป๋หลีลั่วเป็นผูเ้ ยี่ยมยุทธ์ผมู้ ีระดับพลังเทวาห้วงสุดท้าย
"เพิ่มขึ้นกว่านี้อีกหรือ? นั่นไม่หมายความว่าวรยุทธ์ท่านจะเข้าสู่ระดับสภาวะห้วงพลังจอมเทวาหรอก
หรือ?" ชูเฟิงอ้าปากด้วยความตกตะลึง
ระดับสภาวะห้วงพลังจอมเทวาเป็นระดับวรยุทธ์ที่อยู่สูงสุดในทั้งแดนฝึกยุทธ์แห่งบรรพชน
เมื่อดูตอนนี้แล้ว ชูเฟิงพบว่ามันเสียเวลาและเสียความพยายามโดยแท้
มันวางแผนร้ายทุกสิ่งอย่างเพื่อทาลายชูเฟิง
นี่หมายความว่ายากจะจัดการร่างเงาดานั้น
"วางใจเถิด สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นเพราะความไม่ระวังของข้า"
"ขอบคุณข้า?" ชูเฟิงรู้สึกสับสน
ชูเฟิงรู้สึกอุ่นในหัวใจเมื่อได้ยินเช่นนี้
การที่คนที่มีนิสัยเช่นนางปฏิบัติกับมันเช่นนั้น นั่นก็เพียงพอที่จะพิสูจน์แล้วว่าไป๋หลีลั่วเห็นชูเฟิงเป็น
ญาติสนิทของนาง
หลังจากตัดสินใจได้ ชูเฟิงกับไป๋หลีลั่วก็เริ่มเดินทางไปยังตระกูลเทพอูห๋ ม่าในทันที ชูเฟิงไม่ได้แจ้งแก่ชู
เซวียนเจิ้งฟา หากมันบอกชูเซวียนเจิ้งฟา บุรุษผู้นั้นย่อมหยุดมันไว้ เช่นนี้แล้ว ชูเฟิงจึงทาเพียงทิ้ง
จดหมายไว้ให้ก่อนที่มันจะจากมา
ในยามนั้นมีร่างหลายร่างซ่อนอยู่ในช่องว่างห้วงอากาศข้างเขตแดนของตระกูลเทพชู
"อูฐตัวย่อย่นก็ยังตัวใหญ่กว่าม้า ยิ่งจริงเข้าไปใหญ่ในเมื่อชูเซวียนหยวนยังมีชีวิตอยู่"
"สองปีก่อนวรยุทธ์ของชูเซวียนหยวนก็ดูจะยังลดลงอยู่"
ในยามนั้นอู๋หมิงกังหยงก็เผยสีหน้าตื่นตะลึง
ชูเซวียนหยวนเป็นบุรุษทีน่ ่าหวาดกลัว
บางทีธรรมชาติอันน่าหวาดกลัวของชูเซวียนหยวนเป็นสิ่งที่คนอื่นต่างเคยได้ยินกันทั่วถึง ทว่าคงไม่เข้า
ใจความน่ากลัวนั้นอย่างถ่องแท้
ทว่าอู๋หมิงกังหยงรู้ดีว่าชูเซวียนหยวนน่ากลัวเพียงใด
"เจ้าคิดว่าท่านผู้นาไม่อยากจะกาจัดมันเมื่อก่อนหน้านีห้ รือ?"
"ดูเหมือนเราไม่ได้กาจัดภัยคุกคามอย่างชูเซวียนหยวน" อู๋หมิงกังหยงถอนใจ
ในฐานะคนจากดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักร มันจะไม่รู้เกี่ยวกับความมักใหญ่ใฝ่สูงของตระกูลเทพห
ลิงฮูได้อย่างไร?
สิ่งที่ทาให้อหู๋ มิงเฟิงหั่วกังวลมากที่สุดคือ... ความจริงที่ว่าตระกูลเทพหลิงฮูได้รวบรวมพละกาลัง
เพียงพอแล้ว แม้ว่าดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักรของพวกมันจะรู้ถึงความมักใหญ่ใฝ่สูงของตระกูล
เทพหลิงฮูก็สายไปแล้ว
ดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักรของพวกมันถูกกาหนดให้ต้องต่อสู้กับตระกูลเทพหลิงฮู
สิ่งที่อู๋หมิงเฟิงหั่วกล่าวนั้นถูกต้องยิ่ง ยังมีทางออกเพื่อที่จะเปลี่ยนสถานการณ์ระหว่างพวกมันกับชูเซ
วียนหยวน
สงครามระหว่างพวกมันนั้นไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
แม้ว่าพวกมันดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักรอยากจะหลีกเลี่ยง แต่ตระกูลเทพหลิงฮูย่อมไม่ยินยอม
อู๋หมิงกังหยงรู้สึกว่าถ้าวรยุทธ์ของชูเซวียนหยวนมีพลังมหาศาลเพิ่มมากขึ้นกว่าแต่ก่อนอย่างแท้จริง
เขาจะกลายเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวอย่างยิ่งมากกว่าที่จะเป็นตระกูลเทพหลิงฮู
"นอกจากนี้เราก็ไม่รู้เลยว่าชูเซวียนหยวนวางแผนจะทาอะไร อันที่จริงเขาไม่เต็มใจที่จะแสดงตัวเอง
ด้วยซ้าไป"
"อย่างไรก็ตาม มันยังมีเหตุผลที่ว่าทาไมพวกเราจึงไม่สามารถสร้างศัตรูกับตระกูลเทพชูได้ก่อนที่เรา
จะแน่ใจว่าวรยุทธ์ของชูเซวียนหยวน ในปัจจุบันเป็นเช่นไร มิฉะนั้นแล้ว เราจะทาให้ตระกูลของเราตก
อยู่ในช่องแคบที่หมดหวัง" อู๋หมิงเฟิงหั่วพูด
"จริงด้วย" อู๋หมิงกังหยงพยักหน้า
"ดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักรของเราในขณะนี้กาลังเผชิญกับศัตรูที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่เวลาที่เราจะมา
ปะทะกันเองภายใน" อูห๋ มิงเฟิงหัว่ พูด
อู๋หมิงเฟิงหั่วเป็นคนที่ไม่ชอบให้คนในตระกูลของตนทาสิ่งที่น่าละอาย
ในอดีตเขาเคยทาลายวรยุทธ์ของคนในตระกูล เพียงเพราะว่าพวกมันเหล่านั้นสมรูร้ ่วมคิดกับคน
ตระกูลอื่น
อู๋หมิงกังหยงแท้ที่จริงแล้วสามารถรอดพ้นการลงโทษได้เพียงเพราะว่า... ดินแดนเหนือหัวแห่งดารา
จักรในขณะนี้กาลังเผชิญอยูก่ ับวิกฤตที่ยิ่งใหญ่สองทาง ทั้งจากตระกูลเทพหลิงฮูและชูเซวียนหยวน
"เจ้ารู้ไหมว่าทาไมข้าถึงพูดเรื่องนี้กับเจ้า?" อู๋หมิงเฟิงหั่วถาม
"บอกพวกท่านว่าข้าได้พบชูเฟิง ทักษะของเด็กผู้นี้ล้าเลิศอย่างมากและเหนือกว่าหลิงฮูหงเฟย ใน
ความเป็นจริงทักษะของชูเฟิงไม่ได้ด้อยไปกว่าชูเซวียนหยวนในอดีตเลย"
"มันต้องมีเหตุผลที่ว่าทาไมชูเฟิงจึงปรากฏตัว ข้าสงสัยว่าชูเซวียนหยวนได้ออกมาจากสถานที่
ต้องห้ามแห่งตระกูลเทพชูแล้ว และได้กลับมายังดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์พร้อมกับชูเฟิง"
"ชูเซวียนหยวนคดโกงพวกเราเมื่อเขาถูกขับไล่ออกไปจากตระกูลเทพชู และถูกคุมขังอยู่ในสถานที่
ต้องห้าม"
"ดังนั้นเราต้องเตือนคนในตระกูลของเราว่า ห้ามนาความยุ่งยากให้กับตระกูลเทพชูหรือชูเฟิงอีก ใน
ระหว่างที่เราต้องเผชิญหน้ากับตระกูลเทพหลิงฮู เราต้องแน่ใจว่าจะไม่สร้างศัตรูกับตระกูลเทพชู" อู๋
หมิงเฟิงหั่วพูด
มีเพียงแค่อหู๋ มิงเฟิงหั่วที่ยังคงอยู่
คนผู้นั้นคือชูเซวียนหยวน
มีเพียงแค่สิ่งเดียวทีอ่ ู๋หมิงเฟิงหั่วไม่ได้พูดกับอู๋หมิงกังหยงหรือคนอื่นในตระกูล
มันคุกเข่าลงกลางอากาศ
"ถ้าเจ้าต้องการตาแหน่งของผู้ปกครองของดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์ ข้ารู้ว่าตระกูลของเราไม่สามารถ
หยุดยั้งเจ้าได้ แต่ข้าขอร้อง เจ้าโปรดไว้ชวี ิตคนในตระกูลของเรา ปล่อยให้พวกเราดาเนินชีวิตต่อไป"
ถ้าใครสักคนหนึ่งไม่ได้กลัวคนอีกคนหนึ่งในระดับที่สูงมากเช่นนี้ คนผู้นั้นจะกล้าทาสิ่งที่ไร้สาระเช่นนี้ได้
อย่างไร?
นอกจากนี้มันเป็นความสามารถอย่างหนึ่งของอู๋หมิงเฟิงหั่วทีท่ าสิ่งเช่นนี้ได้
เมื่อเปรียบเทียบกับความตรงไปตรงมาของชูเซวียนหยวน อู๋หมิงเฟิงหั่วรู้สึกกลัวคนในตระกูลของตน
มากขึ้น ผู้คนที่เชือ่ ว่าพวกตนไม่มีวันผิดพลาดและมองคนอื่นอยู่ต่ากว่า
มันกลัวว่าคนในตระกูลทีโ่ ง่เง่าของตนจะไปยั่วยุตระกูลเทพชูอีกครั้งหนึ่ง ทั้งหมดนีอ้ ู๋หมิงเฟิงหั่วเกรงว่า
พวกมันจะไปทาร้ายบุตรชายของชูเซวียนหยวน
เพราะว่ามันเห็นด้วยตาตนเองว่าชูเซวียนหยวนเป็นคนที่น่ากลัวมากเพียงใด และก็รู้เป็นอย่างดีว่าชูเฟิง
มีความสาคัญกับชูเซวียนหยวนมากเพียงใด
อย่างไรก็ตาม ถ้าใครบางคนจากดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักรได้ทาอันตรายบุตรชายของเขา...
ไม่ใช่เพียงคนจากดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักรเท่านั้นที่ไม่รู้เกี่ยวกับพลังอานาจของชูเซวียนหยวน แต่
คนอีกเป็นจานวนมากในดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์ก็ไม่รเู้ กี่ยวกับพลังอานาจของชูเซวียนหยวนเช่นกัน
แท้ที่จริงมีคนอีกเป็นจานวนมากที่ตั้งคาถามเกี่ยวกับความสาเร็จของชูเซวียนหยวน และเชื่อว่าสิ่งบอก
เล่าเหล่านั้นเป็นการโกหกและพูดเกินจริง
นอกจากนี้มันยังมีคนไม่มากมายนักที่จะคิดเปรียบเทียบหลิงฮูหงเฟยกับชูเซวียนหยวน
ทุกคนรู้สึกว่าอู๋หมิงเฟิงหัว่ โอ้อวดความสามารถของชูเซวียนหยวนจนเกินจริงและบั่นทอนจิตใจของคน
ใน อู๋หมิงเฟิงหั่วถูกคนในตระกูลเรียกว่าเป็นคนทรยศและเรียกร้องให้ถูกลงโทษอย่างหนัก
แต่โชคดีที่ผู้ปกครองคนปัจจุบันของดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักรอย่างอูห๋ มิงโต่วเทียนเป็นคนฉลาด
ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจทีจ่ ะปราบชูเซวียนหยวนเหมือนกับที่เคยปราบชูฮั่นเซียน
เมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้น ดูเหมือนเป็นข้อพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของพวกมันในเวลานั้นเป็นการผิดพลาด
สิ่งที่เคยเกิดขึน้ ในอดีตอาจจะเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
ไร้อานาจ อู๋หมิงเฟิงหั่วในเวลานี้ดูเหมือนไร้พลังเหมือนกับที่เคยเป็นมาในอดีต
"เหอะ.."
ภาพของเขาในอดีตดูเหมือนโดดเดี่ยวเป็นอย่างยิ่งและเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
...........
ชูเฟิงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับบทสนทนาระหว่างอู๋หมิงเฟิงหั่วและอู๋หมิงกังหยง
มันไม่รู้ด้วยว่าการกลับมาของตนจะสร้างแรงกดดันอย่างมากมายให้กับอู๋หมิงเฟิงหั่ว
หลังจากเดินทางมาระยะเวลาหนึ่ง ชูเฟิงและไป๋หลีลั่วก็ได้มาถึงดินแดนซื่อโจวแห่งโลกาเบื้องบนที่
ปกครองโดยตระกูลเทพอูห๋ ม่า
เมื่อชูเฟิงและไป๋หลีลั่วออกมาจากวงแหวนเวทเคลื่อนย้ายโบราณ ทันใดนั้นพวกมันก็พบเห็นกลุ่มคน
จากตระกูลเทพอูห๋ ม่า
หัวใจของชูเฟิงตกวูบลงไปทันทีทเี่ ห็นคนเหล่านั้น
แต่แท้ที่จริงแล้ว พวกมันมาจากตระกูลสาขาของตระกูลเทพอู๋หม่า
สิ่งทีช่ เู ฟิงกังวลมากที่สุดได้เกิดขึ้นแล้ว
"ใต้เท้า เกิดอะไรขึ้น?"
ถึงแม้ว่าลมอันรุนแรงจะไม่ได้มีพลังที่อันตรายมากนัก แต่สามารถบอกได้ว่ามันมีความน่ากลัวเพียงใด
"มันเป็นคนสองคนก่อนหน้านี้" ชายชราพูดหลังจากกวาดตามองไปรอบบริเวณ
"คนสองคนจากก่อนหน้านี้"
คนจากตระกูลสาขารู้ได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติหลังจากที่ได้ยินคาพูดเหล่านั้น
เหตุผลเพราะว่าพวกมันสังเกตได้ว่า เมื่อครู่นั้นมีคนสองคนที่เพิ่งจะออกมาจากวงแหวนเวทเคลื่อนย้าย
โบราณ
อย่างไรก็ตาม พวกมันไม่ได้เห็นรูปลักษณ์ภายนอกของชูเฟิงและไป๋หลีลั่ว
เหตุผลเพราะว่าคนทั้งสองปลอมตัวมา
"ใต้เท้า เหตุใดผู้เยี่ยมยุทธ์จึงมาปรากฏตัวที่นี่อย่างกะทันหัน?"
ถ้าเช่นนั้นพวกมันมักจะกล่าวถึงคนจากตระกูลหลักว่าเป็น 'เศษสวะ'
"ถึงแม้ว่าพวกมันจะใช่ เราก็ไม่มีความจาเป็นต้องกลัว"
"ขอรับ"
คนจากตระกูลสาขากลับไปยืนประจาตาแหน่งของตน หนึ่งในคนเหล่านั้นส่งข่าวออกไปว่ามีอะไร
เกิดขึ้น
ดวงตาและคาพูดของเขาล้วนเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
เพราะการเดินทางด้วยความเร็วเต็มที่ของไป๋หลีลั่ว นางและชูเฟิงได้มาถึงด้านนอกของตระกูลเทพอู๋
หม่าอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้ว่าอาณาเขตของตระกูลเทพอู๋หม่าจะกว้างใหญ่มหาศาล แต่ค่ายกลเชื่อมมิติสามารถที่จะปิด
ผนึกได้ทั้งหมดทั้งท้องฟ้าและพื้นดิน ความใหญ่โตของค่ายกลเชื่อมมิติเป็นที่น่าตกใจอย่างยิ่ง
นอกจากนี้ค่ายกลเชื่อมมิติไม่ได้ถูกซ่อนเร้น ทุกคนสามารถมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน
คนจากตระกูลเทพอูห๋ ม่ารวมตัวกันอยู่ด้านนอกของค่ายกลเชื่อมมิติ
ในเวลานั้นขุมอานาจที่อยู่ใกล้เคียงได้เข้ามารวมตัวกันล้อมรอบค่ายกลเชื่อมมิติไว้ นอกจากนี้ยังมีพวกที่
เคยได้ยนิ ว่ากาลังจะเกิดอะไรขึ้นก็ล้วนมารวมกันอยู่ในบริเวณนั้น
ถึงแม้พวกมันจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ระหว่างตระกูลเทพอู๋หม่าที่เป็นตระกูลหลักและตระกูลสาขา
แต่บรรดาขุมอานาจของดินแดนซื่อโจวล้วนมีท่าทีวิตกกังวลบนใบหน้า พวกมันมีความรู้สึกว่าจะต้องมี
อะไรที่หนักหนาสาหัสกาลังจะเกิดขึ้น
ถ้าชูเฟิงเข้าไปโจมตีในเวลานี้ มันเกรงว่าจะมีผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลหลักและตระกูลสาขา
ชูเฟิงต้องการจะตัดสินใจหลังจากที่ได้ตดั สินสถานการณ์
"ไม่มีปัญหา" ไป๋หลีลั่วยิ้มอย่างอ่อนหวานและแสดงท่าทางแก่นแก้ว
เมื่อเปรียบเทียบกับความเอาจริงเอาจังของชูเฟิง นางไม่ได้วิตกกังวลเลยแม้แต่น้อย
...............
ในเวลานั้นกลุ่มคนที่เป็นที่ภาคภูมิใจที่สุดของดินแดนซือ่ โจวมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวล
ไม่เพียงแต่เด็กเล็กที่กาลังร้องไห้ ทว่าญิงที่แต่งงานแล้วก็ยังร้องไห้ ความไม่สบายใจและความกลัว
ปรากฏอยู่บนใบหน้าของทุกคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนั้น
"ท่านประมุขตระกูล!"
ในเวลานั้นผู้อาวุโสจากตระกูลหลักพยายามอย่างที่สุดที่จะหยุดประมุขตระกูลจากการทาบางสิ่ง
บางอย่าง
ทั้งหมดรู้ว่าประมุขตระกูลของตนตัดสินใจทาอะไร
การตัดสินใจของเขาเป็นสิ่งที่น่าละอายสาหรับคนของตระกูลหลักแห่งตระกูลเทพอู๋หม่า แต่อย่างไรก็
ตาม พวกมันไม่มีทางเลือก นอกจากยอมรับสิ่งนั้น
การเผชิญหน้ากับปฏิกิริยาของคนจากตระกูลหลัก คนจากตระกูลสาขาไม่เพียงแต่ไม่เคลื่อนไหวแม้แต่
น้อย แต่มีรอยยิ้มเยาะทีป่ รากฏขึ้นบนใบหน้ามากขึ้นและมากขึ้น พวกมันปฏิบัติราวกับว่ากาลังดูเรื่อง
ตลก ซึ่งนาความพึงพอใจอย่างมากมายมาให้พวกมัน
"อู๋หม่าเหยียนเทียน ข้ารับข้อเสนอของเจ้า"
ทันใดนั้นประมุขตระกูลหลักมองขึ้นไปยังคนทีอ่ ยู่กลางอากาศ
การได้เห็นเช่นนั้น ประมุขตระกูลหลักพูดอีกครั้งหนึ่ง
หลังจากที่เขากล่าวคาเหล่านั้นจบ ร่างของประมุขตระกูลหลักของตระกูลเทพอู๋หม่าเริ่มสั่นสะท้าน
เสียงร่าไห้ของคนในตระกูลเทพอู๋หม่าเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น
การเปลี่ยนแซ่เป็นเรื่องที่น่าอดสูและอับอายเกินจะรับได้!
อย่างไรก็ตาม หลังจากประมุขตระกูลหลักพูดจบ อู๋หม่าเหยียนเทียนยังคงไม่มีปฏิกิริยาใด ไม่เพียง
แค่อู๋หม่าเหยียนเทียน แม้กระทั่งคนอื่นจากตระกูลสาขาก็ไม่มีปฏิกิริยาใดแม้แต่น้อย
มันเป็นราวกับว่าทั้งหมดได้คาดหวังมาแล้วว่าจะได้รับคาตอบจากประมุขตระกูลหลักของตระกูลเทพอู๋
หม่าเช่นนี้ พวกมันจึงไม่รู้สึกประหลาดใจ
สิ่งนี้ทาให้คนจากตระกูลหลักรู้สึกอึดอัดใจเพิ่มมากขึ้น
คนบางคนเริ่มตะโกนสาปแช่งตระกูลสาขา ในขณะที่คนบางคนคุกเข่าลงและร้องขอการให้อภัย ใน
เวลานั้นพวกมันล้วนตื่นตระหนกอย่างมาก
"เริ่มได้"
ทันใดนั้นเอง จิตสังหารก็ปกคลุมไปทั่วบริเวณ
ในเวลานั้นทุกคนจากตระกูลสาขาชักอาวุธออกมา
พลังของการโจมตีและการสังหารอย่างมากมายปรากฏเต็มท้องฟ้าในเวลานัน้ และครอบคลุมคนทุกคน
จากตระกูลหลัก
คนจากตระกูลเทพอูห๋ ม่าทั้งหลายล้วนตกอยู่ในสภาพสิน้ หวัง
พวกมันล้วนรู้ดีว่าไม่สามารถจะรอดพ้นการสังหารครั้งนี้ไปได้
"ปังงงง"
ทันใดนั้นมีเสียงดังก้องขึ้น
เหตุผลเพราะว่าเสียงดังนั้นออกมาจากด้านนอกอาณาเขตของตระกูลเทพอู๋หม่า
นอกจากนี้... ดูเหมือนมีเสียงกรีดร้องอยู่ร่วมกับเสียงดังนั้นด้วย
ถ้าเช่นนั้นแล้ว มันไม่ได้หมายความว่าเสียงกรีดร้องนั้นมาจากคนของตระกูลสาขาหรือ?
"ท่านประมุขตระกูล ใครบางคนตีฝ่าค่ายกลปิดผนึกเข้ามา!"
"นอกจากนี้พวกมันทาให้คนของตระกูลของเราบาดเจ็บอีกด้วย"
คนตระกูลสาขาของตระกูลเทพอู๋หม่าร้องเสียงหลงด้วยความตื่นตระหนก
พวกมันที่กาลังยืนอยู่เหนือผู้อื่นเฉกเช่นเทพเจ้าก่อนหน้านี้ เริ่มรู้สึกไม่สบายใจในเวลานี้
พลังลมปราณของนางอยู่ในระดับสูงกว่าประมุขตระกูลสาขาอย่างอู๋หม่าเหยียนเทียนเสียอีก
บรรดาผู้คนจากตระกูลสาขารู้ดีว่ามันแสดงให้เห็นอะไร
พวกมันรู้ว่าความหายนะกาลังมาเยือน
"ข้าประเมินพวกเจ้าต่าไป เจ้าสามารถขอความช่วยเหลือจากคนเช่นนี้ได้ด้วยหรือ?"
"ถ้าเช่นนั้น ท่านประมุขตระกูลวางแผนไว้แล้วสินะ!"
"พวกเราปลอดภัยแล้ว พวกเราปลอดภัยแล้ว!"
สมาชิกตระกูลหลักของตระกูลเทพอู๋หม่าทั้งหลายล้วนปิติยินดี พวกมันรู้สึกราวกับว่าสามารถหลบหนี
จากประตูนรกได้
อย่างที่กล่าวไป ทั้งคนจากตระกูลสาขาของตระกูลเทพอู๋หม่าและคนจากตระกูลหลักไม่คิดมาก่อนเลย
ว่า ประมุขตระกูลหลักจะทาให้รู้สึกสับสนเช่นนี้
แต่เมื่อคนทั้งสองปรากฏตัวขึ้นในทันทีและหนึ่งในสองคนนั้นเป็นผูเ้ ยี่ยมยุทธ์ระดับพลังเทวาห้วงสูงสุด
มันจึงกลายเป็นความประหลาดใจอย่างใหญ่หลวงสาหรับประมุขตระกูลหลัก
ไม่ต้องพูดถึงคนอืน่ แม้แต่ตัวเขาเองยังรู้สึกสับสน
ประมุขตระกูลหลักคิดเอาไว้แล้วว่า ถึงจะมีคนมากมายให้ความช่วยเหลือพวกเขาได้
แต่ประมุขตระกูลหลักก็ยังไม่สามารถที่จะหาคนที่มีความสามารถเทียบเท่ากับคนทั้งสองที่เพิ่งจะ
ปรากฏกาย
"ถึงแม้ว่าจะมีตระกูลสาขา แต่เราก็มิใช่เศษสวะเหมือนตระกูลหลักอย่างแน่นอน"
เสียงของอู๋หม่าเหยียนเทียนไม่ใช่เพียงแค่ดังก้องเหมือนฟ้าผ่า แต่มันเหมือนกับเต็มไปด้วยจิตเจตนา
สังหาร มันปรากฏให้เห็นว่าเขาโกรธแค้นอย่างมาก
"ในเรื่องของจิตใต้สานึกของคน เจ้าที่มาจากตระกูลสาขาจะไม่สามารถเทียบเท่าได้กับตระกูลหลักได้
แม้แต่น้อย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทาไมเจ้าเป็นตระกูลสาขาและพวกมันถึงเป็นตระกูลหลัก"
แต่มันไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิงที่คนจากตระกูลสาขาต้องการที่จะกาจัดคนตระกูลหลักในยามนี้
อย่างไรก็ตาม คาพูดของชูเฟิงยิ่งเพิ่มความโกรธแค้นให้กับคนของตระกูลสาขา
สิ่งนี้เป็นเรื่องจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอู๋หม่าเหยียนเทียน ในเวลานั้นเขาลุกขึ้นยืนจากที่นั่ง
ไม่เพียงแต่มีสีหน้าดุร้ายและรังสีสังหารที่แผ่ออกมาเท่านั้น แม้แต่ตราประทับอัสนีระดับศิวโลกก็ยังคง
ปรากฏบนหน้าผากของเขาอีกด้วย
ด้วยการปรากฏตัวขึ้นของตราประทับอัสนีระดับศิวโลก ระดับพลังวรยุทธ์ของอู๋หม่าเหยียนเทียน
เพิ่มขึ้นจากระดับพลังเทวาห้วงที่แปดเป็นระดับพลังเทวาห้วงทีเ่ ก้า
"ช้าก่อน!"
อย่างไรก็ตาม เสียงของไป๋หลีลั่วดังขึ้นทันที
ทุกคนสามารถบอกได้ว่า น้าเสียงนั้นเป็นเสียงของสตรี
เพียงแค่ไม่เคยมีใครคาดคิดว่า ลมปราณนั้นจะเป็นของเด็กหญิงตัวน้อยนี้
หรือนางจงใจแปลงกายตัวเองให้เป็นเด็กหญิงตัวน้อย หรือนางเป็นเด็กหญิงตัวน้อยอย่างแท้จริง?
ถ้าคนผู้นั้นได้ปลอมแปลงจาแลงตัวเองเป็นเด็กหญิงตัวน้อยก็คงไม่เป็นไร
แต่ถ้ากลายเป็นว่านางคือเด็กหญิงจริง เรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องจริงจังอย่างมาก
เด็กหญิงตัวน้อยจะมีระดับพลังเทวาห้วงสูงสุดได้อย่างไรกัน?
ไม่เคยมีผู้ดารงอยูท่ ี่น่าเกรงกลัวเช่นนี้ในดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์ทั้งมวลมาก่อน
ด้วยสิ่งนี้ใครจะกล้ายัว่ ยุนางเล่า?
"อะไรนะ?" อู๋หม่าเหยียนเทียนถาม