You are on page 1of 76

บทที่ 3361 ก้มหน้าละอาย

"พี่สาวข้า ท่านสามารถถอนพิษให้ท่านประมุขตระกูลได้จริงหรือ?" ชูเฟิงเอ่ยถามไป๋หลีลวั่ สิ่งที่มัน


กังวลมากที่สุดในขณะนั้นก็คือ... ชูเฟิงกลัวว่าจะมิอาจถอนพิษประมุขตระกูลเทพชูได้

"น้องชาย เจ้าไม่ต้องกังวลหรอก"

"เงาดานั่นใช้พลังของข้าในการสร้างยาพิษนั้นขึ้นมา ฉะนั้นพี่สาวคนนี้ยอ่ มสามารถกาจัดพิษนั้นได้ เจ้า


เอาโอสถน้านี้ใส่ชาม จากนัน้ ให้ประมุขตระกูลเทพชูดื่ม ข้ารับประกันได้ว่าเขาจะตืน่ ขึ้นมาหลังจากนั้น
และร่างกายของเขาก็จะค่อย ๆ ฟื้นตัว" ในขณะที่ไป๋หลีลั่วพูด นางหยิบโอสถสมุนไพรออกมา

อย่างไรก็ตาม เมื่อได้เห็นโอสถสมุนไพรพวกนั้น บรรดาคนตระกูลเทพชูก็เริ่มขมวดคิ้วแน่น

ไม่เพียงแต่ตระกูลเทพชูที่มปี ฏิกิริยาในลักษณะนี้เท่านั้น แม้แต่คนนอกอย่างตระกูลเทพฟางก็เผย


สายตาที่จ้องมองอย่างน่าสงสัย

โอสถสมุนไพรนั้นประกอบด้วยของเหลวสีดาหนืด ไม่เพียงแต่ของเหลวนั้นจะน่าขยะแขยงเท่านั้น แต่


มันยังชวนให้ผู้พบเห็นรู้สึกสะอิดสะเอียนคลื่นไส้อีกด้วย

แม้ไม่สามารถบอกได้ว่ามันมีรสชาติเช่นใด แต่พอจะบอกได้ว่ามันคงจะแย่มาก

กลิ่นของของเหลวสีดาหนืดนั้นก็ยิ่งน่าขยะแขยงมากกว่า มันน่าจะเหม็นเน่ามากกว่ากลิ่นอุจจาระเสีย
อีก
นั่นจะเป็นยาถอดพิษได้อย่างไร?

"เยี่ยมมาก นี่ยอดเยีย่ มนัก!"

อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับข้อสงสัยของเหล่าสังเกตการณ์ ชูเฟิงกลับแสดงออกอย่างดีใจ

แม้ว่าคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อาจจะไม่เชื่อถือไป๋หลีลั่ว แต่ชูเฟิงกลับไว้ใจนางอย่างมาก

เนื่องจากนางบอกว่านั่นคือยาถอนพิษ ฉะนัน้ มันจะต้องเป็นยาถอนพิษมิผดิ แน่

"อ๊ากกกก"

ทันใดนั้นการแสดงออกของความสุขบนใบหน้าของชูเฟิงก็ถูกแทนที่ดว้ ยความเจ็บปวด ไม่เพียงใบหน้า


ของชูเฟิงเริ่มบิดเบือน แต่ชเู ฟิงยังเริ่มส่งเสียงร้องโอดครวญอย่างรวดร้าวออกมา

หลังจากนั้น เพียงพริบตาเดียว เกราะอัสนีและตราประทับอัสนีบนหน้าผากของชูเฟิงก็สลายไป


กระทั่งทักษะเร้นลับทั้งสองก็หายไปด้วยในเวลาเดียวกัน
พร้อมกับระดับพลังวรยุทธ์ของชูเฟิงจากระดับพลังเซียนยุทธ์ห้วงทีเ่ ก้ากลับคืนสู่ระดับพลังเซียนยุทธ์
ห้วงที่เจ็ด

ทันทีหลังจากนั้นชูเฟิงก็คุกเข่าลงบนพื้น

ผิวพรรณของมันซีดเผือด ทั้งลมปราณยังอ่อนแอมาก สิ่งสาคัญที่สุดคือผิวพรรณและลมปราณของชู


เฟิงยิ่งอ่อนแอเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

"ตึงงง"

ในที่สุดร่างกายของชูเฟิงโอนเอนไปมาและล้มลงหมดสติอยู่บนพื้น

"ชูเฟิง!"

เมื่อเห็นฉากนั้น ทั้งชูเซวียนเจิ้งฟ้าและคนอื่น ๆ ล้วนกระวนกระวายอย่างยิ่ง ทุกคนต่างรีบวิ่งตรงไป


ยังชูเฟิงและตรวจสอบอาการของมัน กล่าวได้ว่าทุกคนรู้สึกตกใจอย่างมาก เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่
พวกมันเห็นชูเฟิงบาดเจ็บหนักจนหมดสติเช่นนี้

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับชูเฟิงครั้งนี้ทาให้ทุกคนสับสนยิ่ง
"มันน่าจะเป็นผลมากจากคุกลงทัณฑ์สวรรค์ เนื่องจากชูเฟิงถูกจู่โจมด้วยสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์เป็นเวลา
หลายวัน แม้ว่ามันจะสามารถต้านทานสายฟ้าเหล่านั้นได้ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่ชเู ฟิงจะไม่เป็นอะไรเลย"

"เป็นไปได้ว่าร่างกายของมันอ่อนแอมากในตอนนี้ อีกทัง้ ก่อนหน้านี้ ชูเฟิงยังต้องต่อสู้กับคนตระกูลเทพ


ฟาง ด้วยความมุ่งมั่นทีโ่ ดดเด่นของชูเฟิงนั้นไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปจะทาได้"

"และตอนนีช้ เู ฟิงสามารถคว้าชัยชนะ และได้รับรูว้ ่าประมุขตระกูลเทพชูปลอดภัย ด้วยเหตุนั้น นั่นทา


ให้ชเู ฟิงสลัดสิ่งที่กังวลทิ้งไป อย่างไรก็ตาม เพราะร่างกายของมันอ่อนแอถึงขีดสุด"

"เป็นเหตุให้ชเู ฟิงหมดสติ เพื่อให้ร่างกายพักฟื้น" อูห๋ มิงเฟิงหั่วกล่าว

เมื่อได้ยินสิ่งที่อู๋หมิงเฟิงหัว่ ผู้คนจึงตระหนักได้ในทันที

แท้จริงแล้ว เป็นเพราะสายฟ้า ณ คุกลงทัณฑ์สวรรค์นนั้ รุนแรงอย่างมาก มันไม่ใช่สิ่งทั่วไปทีบ่ ุคคล


ธรรมดาจะต้านทานได้ ทว่าชูเฟิงกลับสามารถทานทนจานวนสายฟ้ามหาศาลเหล่านั้นได้ ชูเฟิงอดทน
ได้ถึงขนาดนั้นได้เช่นใดกัน?

ในขณะทีฝ่ ูงชนชื่นชมความตั้งใจและความทุ่มเทของชูเฟิง อู๋หมิงเฟิงหั่วกวาดสายตาของตนมองไปยัง


คนตระกูลเทพชู เขาถอนหายใจและพูดว่า

"เพียงแต่มันค่อนข้างน่าหัวเราะนัก ช่างน่าสมเพชสิ้นดี"
"บรรดาจอมยุทธ์หนุ่มสาวสามพันคนของตระกูลเทพฟางไม่สามารถทาให้ชเู ฟิงบาดเจ็บได้เลย"

"แต่ชเู ฟิงเองก็มิได้ถอดใจและละทิ้งคนในตระกูล มันทาทุกอย่างเพื่อพวกพ้อง"

การเยาะเย้ย แน่นอนว่านี่คอื เยาะเย้ยมิผดิ แน่?

ที่สาคัญที่สดุ คาพูดเยาะเย้ยของอู๋หมิงเฟิงหั่วคือความจริง

เหตุใดชูเฟิงจึงต้องทนทุกข์ทรมานจากสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งคุกลงทัณฑ์สวรรค์กัน? ไม่ได้เพราะมันถูก
พวกพ้องคนตระกูลเดียวกันไล่ประหัตประหารหรอกหรือ?

ในขณะนั้นไม่เพียงแต่คนที่วางแผนต่อต้านชูเฟิงเท่านั้นที่ก้มหน้าลงด้วยความละอาย ทว่าคนตระกูล
เทพชูทุกคนต่างสงบเงียบเช่นกัน

แม้ว่าจานวนคนส่วนใหญ่จะไม่ใช่ผู้สมรู้ร่วมคิดใส่ร้ายชูเฟิง แต่หลังจากทีท่ ีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น พวกมัน


เลือกที่จะไม่เชื่อมั่นในตัวชูเฟิง ยิ่งไปกว่านั้น ไม่เพียงพวกมันจะไม่ปกป้องชูเฟิง อันที่จริง… พวกมันยัง
กล่าวผลักไสให้ชเู ฟิงต้องตกลงสู่กับดักมรณะ
นีค่ อื ความจริง โดยเฉพาะอย่างยิง่ ก่อนหน้านี้ ชูเฟิงเพิ่งถูกสายฟ้าศักดิ์สิทธิท์ รมานและบาดเจ็บสาหัส
ร่างกายของมันอ่อนแออย่างที่ควรจะเป็น กระนั้นเพื่อเห็นแก่อาณาเขตของตระกูลเทพชู ชูเฟิงไม่ได้
เลือกที่จะรักษาอาการบาดเจ็บของตนเอง แต่กลับเข้าสูค่ ่ายกลที่ยิ่งใหญ่ เพื่อต่อสูก้ ับตระกูลเทพฟาง

อย่างไรก็ตาม บรรดาพวกพ้องฝั่งตระกูลเทพชูทเี่ ห็นชูเฟิง ไม่เพียงแต่จะไม่คิดช่วยต่อสู้ แต่ยัง


ประณามชูเฟิง โดยเลือกทีจ่ ะยอมแพ้แทนที่จะต่อสู้เคียงข้างชูเฟิง

คนเช่นนี.้ .. สมควรแล้วที่จะโดนดูถูก

"ชูฮั่นเซียน ชูเซวียนหยวน ชูเฟิง"

"อัจฉริยะระดับปีศาจสามตัวล้วนมาจากตระกูลเทพชูของพวกเจ้า"

"เห็นได้ชดั ว่าสวรรค์มอบพรอันยิ่งใหญ่ให้แก่ตระกูลเทพชูของพวกเจ้า"

"อย่างไรก็ตาม ข้ารู้สึกว่าตระกูลเทพชูของพวกเจ้าควรทบทวนการกระทาของตัวเองอย่างเหมาะสม
ว่าสิ่งที่เจ้าทานั้นมันคู่ควรกับอัจฉริยะเช่นนีห้ รือไม่" อู๋หมิงเฟิงหัว่ กล่าวเสริม

เมื่อเทียบกับคาพูดเยาะเย้ยก่อนหน้านี้ คาพูดนี้ยิ่งเย้ยหยันมากขึ้น

เช่นเดียวกับใบมีดที่คมกริบ ทุกคาพูดต่างแทงทะลุหัวใจของคนตระกูลเทพชู
ในขณะนั้นไม่เพียงแต่คนตระกูลเทพชูเท่านั้นที่เงียบ แต่บนใบหน้าของพวกมันยังเต็มไปด้วยความ
ละอายใจ

ไม่ว่าพวกมันจะเป็นบรรดาผู้อาวุโสหรือบรรดารุ่นเยาว์ก็ตาม พวกมันล้วนรู้สึกละอายใจ

ที่จริงแล้ว พวกมันคู่ควรกับอัจฉริยะเช่นนี้หรือไม่?

นับตั้งแต่ชเู ฟิงกลับไปยังตระกูลเทพชูของพวกมัน ชูเฟิงต้องอดทนต่อการถูกข่มเหงจากคนนับไม่ถ้วน


ทาไมพวกมันถึงไม่ปกป้องอัจฉริยะเช่นชูเฟิง? ทาไมพวกมันคิดถึงแต่วิธีการสังหารชูเฟิงกัน?

ทุกคนต่างรู้คาตอบนั้นชัดเจนอย่างยิ่ง

ชูเฟิงถือเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง แต่ตระกูลเทพชูของพวกมันไม่คู่ควรกับอัจฉริยะอย่างชูเฟิง

บทที่ 3362 วิถท


ี างแห่งผูป
้ กครอง
"ใต้เท้า?"

ชูเฟิงลืมตาขึ้นและไม่อาจกักเก็บความประหลาดใจไว้ได้ เมื่อค้นพบว่าเป็นอู๋หมิงเฟิงหั่วกาลังรักษา
บาดแผลให้มัน
มันไม่เคยคิดเลยว่าผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่สูงเหนือใครจะมารักษาแผลให้มันเป็นการส่วนตัว

"ชูเฟิง ใต้เท้าอู๋หมิงเฟิงหัว่ อยู่เพื่อรักษาบาดแผลให้เจ้า เร็วเข้า รีบขอบคุณท่าน" ชูหานเผิงก้าวมา


ข้างหน้า แล้วกล่าวกับชูเฟิง

ไม่เพียงแต่ชหู านเผิง ชูเซวียนเจิ้งฟาเองก็อยู่ดว้ ย แน่ละ่ … ไป๋หลีลั่วเองก็อยู่

"ขอบคุณใต้เท้า" ชูเฟิงรีบลุกขึ้นแล้วค้อมคานับอูห๋ มิงเฟิงหั่วด้วยความเคารพ

แม้ว่าบาดแผลที่มันได้รับมาจากสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์จะไม่หนักหนานัก แต่ชเู ฟิงก็รดู้ ีวา่ ล้วนแต่ต้องขอบคุณ


อู๋หมิงเฟิงหั่วที่ทาให้บาดแผลของมันสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว

"เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ในเมื่อเจ้าสบายดีแล้วก็ไม่ต้องมากพิธีรีตอง" อู๋หมิงเฟิงหั่วยิ้ม เขาเป็นคน


นิสัยดียิ่งนัก

เมื่อเห็นเช่นนั้นชูหานเผิง ชูเซวียนเจิ้งฟาและคนตระกูลเทพชูคนอื่น ๆ ก็มองหน้ากัน ความสุขที่ไม่อาจ


เก็บงาไว้ได้ปรากฏบนใบหน้าของพวกมัน
อู๋หมิงเฟิงหั่วดูจะชื่นชอบชูเฟิงอยู่มาก ไม่เช่นนั้นแล้ว คนยิ่งใหญ่เช่นเขาคงไม่รักษาบาดแผลชูเฟิงด้วย
ตนเอง

การที่สามารถสร้างความประทับใจที่ดีต่อผู้ยิ่งใหญ่เช่นอู๋หมิงเฟิงหั่วได้นั้น ไม่ได้ดีตอ่ เพียงกับชูเฟิง แต่


เป็นเรื่องดีต่อทั้งตระกูลเทพชู

ในยามนั้น ชูเฟิงเองก็ยืนตัวตรง ตอนนั้นชูเฟิงพบว่ามันอยู่ในวังทีพ่ ิเศษ เป็นสถานที่ที่ใช้เพื่อรักษา


บาดแผลโดยเฉพาะ

ไม่ไกลจากชูเฟิงมีค่ายกลเชือ่ มมิติ ภายในค่ายกลเชื่อมมิตินั้นมีคนคนหนึ่งนอนอยู่ ผู้นั้นคือประมุข


ตระกูลเทพชู

"พิษของท่านประมุขตระกูลยังไม่ถูกลบล้างออกไปอีกหรือ?" ชูเฟิงประหลาดใจ เหตุเพราะ


สถานการณ์ของประมุขตระกูลเทพชูดูจะหนักหนากว่าเมื่อครั้งที่ชเู ฟิงพบเขาในวันที่โดนพิษเสียอีก
ประมุขตระกูลเทพชูนน้ั … ดูเหมือนคนใกล้ตาย

"พี่สาว เกิดอะไรขึ้น?" ปฏิกิริยาแรกของชูเฟิงนั้นเป็นการมองไปยังไป๋หลีลวั่ มันคิดว่าโอสถสมุนไพร


ถอนพิษของนางมีปัญหา

"ไม่ใช่ความผิดของข้า ข้าทายาถอนพิษแล้ว แต่พวกมันปฏิเสธที่จะป้อนโอสถนั้นให้กับประมุขตระกูล


ของเจ้าเอง" ไป๋หลีลั่วนั่งอยูบ่ นกระถาง นางนั่วแกว่งแขนพร้อมเตะขาไปมา
"ผู้อาวุโส เหตุใดพวกท่านทั้งหลายปฏิเสธทีจ่ ะป้อนยาถอนพิษให้แก่ท่านประมุขตระกูลเล่า?" ชูเฟิง
มองไปยังชูหานเผิงและคนอื่น ๆ

"เอ่อ..."

"ชูเฟิง พี่สาวของเจ้าเชื่อถือได้หรือ?"

"อย่างไรเสีย นางก็เป็นคนวางยาพิษท่านประมุขตระกูลแต่แรก ทว่าในยามนี้นางกลับคิดจะให้ยาถอน


พิษแก่ท่าน ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าเราจะตรวจสอบยาถอนพิษนั่นอย่างไร ก็ดูเป็นยาพิษ" ชูหานเผิงกล่าว
เสียงต่า

"พวกเจ้าจะไปรู้เรื่องอะไร? นี่เรียกว่าแก้พิษด้วยพิษ"
"หากคนทั่วไปดื่มยาถอนพิษนี้ของข้า พวกมันย่อมตายเพราะพิษ ทว่าหากท่านประมุขตระกูลของเจ้า
ดื่มเข้าไป พิษทั้งสองจะไปต้านกันเอง ทาให้พิษภายในกายของเขาถูกถอนออก เช่นนั้นแล้ว เขาจะฟื้น
ตัวทันที" ไป๋หลีลวั่ รู้สึกไม่พอใจนักและท่าทางของนางก็ไม่ดีนัก นางทากระทั่งสบถใส่ชหู านเผิง

สาหรับนางแล้ว นอกเหนือจากชูเฟิงแล้วก็ไม่มีใครในทีน่ ี้ที่ควรค่าแก่การเคารพเลย

เมื่อเผชิญหน้ากับพฤติกรรมของไป๋หลีลั่ว ชูหานเผิงก็รู้สึกสิ้นไร้ไม้ตอก เขาลองคะเนวรยุทธ์ของไป๋


หลีลั่วตอนที่ชเู ฟิงยังหมดสติอยู่ และพบว่าวรยุทธ์ของเด็กหญิงตัวน้อยนัน้ ล้าลึกนัก
อย่างน้อย ชูหานเผิงก็ไม่อาจสู้นางได้

"หากเกิดอะไรขึ้น ข้าจะรับผิดชอบเอง" ชูเฟิงกล่าวกับชูหานเผิงและคนอื่น

จากนั้นมันก็มาหยุดยืนหน้าไป๋หลีลวั่ พร้อมกล่าวว่า "พีส่ าวหลีลั่ว เอายาถอนพิษให้ข้าเถิด"

"นี่ เอาไป อย่ากังวลเลย ยาถอนพิษของข้าได้ผลแน่" ไป๋หลีลั่วหยิบยาถอนพิษออกมา แล้วยื่นให้ชู


เฟิง

"ข้าเชื่อพี่สาวของข้าอยู่แล้ว" ชูเฟิงรับยาถอนพิษไว้ จากนั้นมันก็เดินมาหยุดหน้าประมุขตระกูลเทพชู


แล้วค่อย ๆ เทยาถอนพิษเข้าปากเขา

เมื่อเห็นเช่นนั้น ชูหานเผิงและคนอื่นก็เริ่มเป็นกังวล ทว่าพวกมันก็ไม่ได้หยุดชูเฟิง

พวกมันกังวลเกี่ยวกับประมุขตระกูลเทพชูยิ่งนัก อย่างไรเสีย พวกมันก็ไม่สามารถลบล้างพิษได้ และ


หากพวกมันยังชักช้าอยูอ่ ีก ประมุขตระกูลก็จะต้องตายเป็นแน่

พวกมันทากระทั่งขอความช่วยเหลือจากอู๋หมิงเฟิงหัว่ โชคร้ายที่อหู๋ มิงเฟิงหั่วกล่าวว่าตนเองก็ไร้กาลัง


ที่จะช่วยเหลือได้
แม้ว่ายาถอนพิษของไป๋หลีลวั่ จะดูไม่น่าเชื่อถือยิ่งนัก แต่ก็ต้องมีเหตุผลที่ทาไมชูเฟิงถึงเชื่อใจนาง ใน
ยามนั้นเอง ทุกคนไม่มที างเลือกอื่นใด นอกจากลองเสีย่ งดู

"เสียงอู้อี้"

ฝูงชนต่างดีใจอย่างยิ่ง นั่นเพราะหลังจากประมุขตระกูลเทพชูดื่มยาถอนพิษเข้าไปเพียงไม่นาน ไอพิษ


ที่ห่อหุ้มร่างของเขาเอาไว้กเ็ ริ่มจางหาย ยิ่งไปกว่านั้น ดวงตาที่ปดิ สนิทของประมุขตระกูลเทพชูก็ลืมขึ้น
อย่างช้า ๆ

"ท่านประมุขตระกูล!"

ฝูงชนพุ่งเข้าไปโอบล้อมประมุขตระกูลเทพชูเอาไว้

"เฟิงเอ๋อร์"

ประมุขตระกูลเทพชูไม่ได้สนใจฝูงชน แต่ว่าจับข้อมือชูเฟิงไว้

“ท่านประมุขตระกูล คนทีว่ างยาท่านไม่ใช่ชเู ฟิง แต่เป็นผู้อื่น เป็นชูฮั่นชิงและชูฮั่นโยวโยว พวกมันทา


เช่นนั้นเพราะต้องการที่จะกาจัดชูเฟิง พวกมันจึงตัดสินใจ…"
"ไม่ต้องพูดแล้ว" ฝูงชนอยากอธิบายเรื่องทีเ่ กิดขึ้นให้ประมุขตระกูลเทพชูฟังและช่วยชูเฟิงแก้ไขความอ
ยุติธรรมนี้ ทว่าก่อนทีพ่ วกมันจะพูดจบ ประมุขตระกูลเทพชูก็โบกมือ "แม้ว่าข้าจะไม่สามารถขยับได้ใน
ยามที่ข้าถูกพิษ แต่ข้าก็ยังมีสติอยู่ ข้าได้ยินบทสนทนาของพวกเจ้าทั้งหมด ดังนัน้ ข้ารู้สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว"

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฝูงชนก็ไม่กังวลเรื่องของชูเฟิงอีกต่อไป

"เฟิงเอ๋อร์ ข้ามีสิ่งที่จาเป็นต้องพูดกับเจ้า" ประมุขตระกูลเทพชูกล่าวกับชูเฟิงด้วยเสียงแผ่วเบา

"ผู้อาวุโส โปรดกล่าวมาเถิด" ชูเฟิงเอาหูไปใกล้ปากของประมุขตระกูลเทพชู

แม้ว่าประมุขตระกูลเทพชูจะฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่ร่างกายของเขายังอ่อนแออยู่มาก เขาไม่มีกาลังแม้แต่


จะยืนขึ้น

หลังจากชูเฟิงขยับเข้าไปใกล้ ประมุขตระกูลเทพชูก็กล่าวกับชูเฟิงผ่านกระแสเสียงว่า

"ประมุขตระกูลเทพอูห๋ ม่ากับข้าเป็นสหายสนิทกันมาหลายปี ข้ากังวลเรื่องเกี่ยวกับตระกูลเทพอู๋หม่า


มาตลอด ทว่าข้าไร้กาลังจะช่วยเหลือพวกมัน"

"ท่านอู๋หมิงเฟิงหัว่ เป็นจอมยุทธ์ยอดฝีมือหนึ่งในสิบจากดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักร ทั้งในด้าน


สถานะและพละกาลัง ท่านสามารถหยุดการกระทาชั่วช้าของตระกูลสาขาได้"
"ท่านอู๋หมิงเฟิงหัว่ ดูจะชื่นชอบเจ้ามาก เช่นนี้แล้ว ข้าต้องรบกวนเจ้ากล่าวถึงคาขอนี้ หากเจ้าขอความ
ช่วยเหลือ ท่านย่อมเต็มใจช่วยเป็นแน่"

"ข้าจะไม่ยุ่งเรื่องนี้" ในยามนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

ฝูงชนตระหนกยิ่ง โดยเฉพาะชูเฟิงกับประมุขตระกูลเทพชู ใบหน้าของพวกมันเต็มไปด้วยความ


ประหลาดใจ

ประมุขตระกูลเทพชูพูดคุยกับชูเฟิงผ่านทางกระแสเสียง ทว่าดูเหมือนอูห๋ มิงเฟิงหั่วจะได้ยินทั้งหมด

"ประมุขตระกูลเทพชู ข้าเกรงว่าข้าจะช่วยเจ้าในเรื่องเกี่ยวกับตระกูลเทพอู๋หม่าไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเจ้า


หรือชูเฟิงที่มาขอให้ข้าช่วย ข้าก็จะไม่เอาตัวเข้าไปยุ่งในเรื่องนี้" แน่ล่ะว่าอู๋หมิงเฟิงหั่วได้ยินกระแส
เสียงของประมุขตระกูลเทพชู

"ท่าน เหตุใดท่านถึงวางตัวเฉยในเรื่องเช่นนี?้ "

"ไม่ใช่ว่าดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักรเป็นผู้ปกครองแห่งดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์หรอกหรือ? ท่าน
ทั้งหลายจะไม่ทาอะไรในยามที่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นหรือ?" ชูเฟิงยืนขึ้น แล้วเอ่ยถามอู๋หมิงเฟิงหั่ว
"เฟิงเอ๋อร์ อย่าหยาบคาย"

เมื่อเห็นว่าชูเฟิงกล้าถามอูห๋ มิงเฟิงหัว่ เช่นนั้น ประมุขตระกูลเทพชู ชูหานเผิง ชูเซวียนเจิ้งฟาและคนอื่น


ก็เริ่มขมวดคิว้ พวกมันเป็นกังวลยิ่งนัก

แม้ว่าอู๋หมิงเฟิงหั่วดูจะเป็นคนดี แต่พวกมันก็รดู้ ีว่าเขาเป็นจอมยุทธ์ยอดฝีมือหนึ่งในสิบจากดินแดน


เหนือหัวแห่งดาราจักร เมื่ออยู่ต่อหน้าคนเช่นนีเ้ ป็นใครก็ไม่อาจทาตัวหยาบคายได้ ไม่เช่นนั้น คงจะพบ
กับอันตรายครั้งใหญ่

เมื่อเผชิญหน้ากับฝูงชนที่เป็นกังวล อู๋หมิงเฟิงหั่วก็ยิ้มแล้วโบกมือ เพื่อบอกทุกคนว่า ตนเองไม่ได้โกรธ

"ชูเฟิง ครึ่งแรกที่เจ้าพูดถึงนั้นถูกต้องแล้ว ดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักรของพวกเรานั้นเป็น


ผู้ปกครองของดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์ ทว่าครึ่งหลังทีเ่ จ้าพูดถึงนั้นไม่ถูกต้อง"

"ในฐานะผูป้ กครอง ตราบใดทีท่ ุกคนรู้ถึงสถานะและตาแหน่งของเราก็เป็นอันใช้ได้ พวกเราไม่ได้มี


หน้าที่ยุ่งเกี่ยวกับความแค้นระหว่างตระกูลและมหาอานาจทั้งหลาย"
"หากเรายุ่งเกี่ยวกับพวกมันก็เป็นเพราะความปรารถนาของพวกเราเอง หากเราปฏิเสธที่จะยุ่งเกี่ยวก็
ย่อมมีเหตุผล"

"นี่เป็นวิถที างของการเป็นผู้ปกครอง"

อู๋หมิงเฟิงหั่วกล่าวกับชูเฟิง
บทที่ 3363 หน้าที่และภาระของตาแหน่ง
หลังจากอู๋หมิงเฟิงหัว่ กล่าวเช่นนี้ ทุกคนก็พลันเงียบกริบ

แน่ล่ะว่านี่ย่อมเป็นวิถที างทีด่ ินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักรจัดการทุกเรื่องราวมาโดยตลอด?

พวกมันไม่ได้เอาตัวไปยุ่งเกีย่ วกับความเป็นความตายของผู้อื่น พวกมันสนใจแต่การได้รับความเคารพ


จากตระกูลและมหากาลังอื่น แค่นั้นก็เพียงพอแล้วสาหรับพวกมัน

ทันใดนั้น ประมุขตระกูลเทพชูก็ยืนขึ้นแล้วใช้กาลังทั้งหมดของตนเอง เพื่อคุกเข่าต่อหน้าอู๋หมิงเฟิงหั่ว

"ใต้เท้า ข้าขอร้องท่าน ได้โปรดช่วยตระกูลเทพอูห๋ ม่าด้วย"

"ไม่เช่นนั้น ตระกูลเทพอูห๋ ม่าอาจจะหายไปจากดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์โดยสมบูรณ์"

โชคร้ายที่สุขภาพของประมุขตระกูลเทพชูในยามนี้นนั้ อ่อนแอเกินไป อ่อนแอเสียจนเขาไม่สามารถ


คุกเข่าได้อย่างมั่นคง อย่างไรเสีย เขาก็ยังขอความช่วยเหลือจากอูห๋ มิงเฟิงหั่ว โดยไม่สนเกียรติของ
ตนเอง
"ผู้อาวุโส" ชูเฟิงยืน่ มือไปช่วยพยุงประมุขตระกูลเทพชูที่ดูใกล้จะล้มได้ทุกเมื่อในทันที

"ใต้เท้า ข้าขอร้องท่าน" ทว่าประมุขตระกูลเทพชูก็ยังขอร้องอู๋หมิงเฟิงหั่วต่อ

เช่นนี้จะเห็นได้ว่าประมุขตระกูลเทพชูเป็นห่วงสถานการณ์ของตระกูลเทพอู๋หม่าอย่างมาก ไม่เช่นนั้น
แล้ว ด้วยฐานะประมุขผู้นาตระกูล เขาย่อมไม่คุกเข่าเพื่อตระกูลอื่นเป็นแน่

โชคร้ายที่แม้ว่าประมุขตระกูลเทพชูจะขอร้องเช่นนั้น แต่อู๋หมิงเฟิงหั่วก็ยังเมินเฉย

"ข้าวางตัวชัดเจนแล้ว ข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวในเรื่องนี้"

"ประมุขตระกูลเทพชู เจ้าควรลุกขึ้นเสีย"

หลังจากอู๋หมิงเฟิงหัว่ กล่าวจบ เขาก็หันหลังกลับ แล้วเริ่มเดินไปยังทางออกของห้องโถงวัง ดู


เหมือนว่าอู๋หมิงเฟิงหัว่ จะตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้...

"ใต้เท้าอู๋หมิงเฟิงหัว่ "

ในยามนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึน้ มันเป็นเสียงของชูเฟิง
"ชูเฟิง มีสิ่งใดที่เจ้าต้องการหรือ?” อู๋หมิงเฟิงหัว่ หันมาถาม

"ใต้เท้าขอรับ ผู้น้อยขอบคุณทีท่ ่านรักษาบาดแผลข้า ข้าเองก็ต้องขอบคุณท่านด้วยที่ท่านรักษาความ


ยุติธรรมที่ลานกว้างให้แก่ขา้ ทั้งยังอนุญาตให้ข้าเข้าร่วมการประลอง"

"หากท่านไม่อยูท่ ี่นั่น ตระกูลของเราคงเสียสิทธิ์ในการเป็นผู้ปกครองของดินแดนพฤกษาม่วงแห่งโลกา


สามัญ"

"ชูเฟิงจะจดจาบุญคุณท่านไว้"

"แต่ผู้น้อยขอไม่เห็นพ้องในหนทางการเป็นผู้ปกครองของท่าน"

"ดังคาว่าไว้ 'เพื่อที่จะถือครองตาแหน่ง คนเราต้องยึดถือไว้ทั้งหน้าที่และภาระ' "

"ในเมื่อดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักรมีตาแหน่งเป็นถึงผู้ปกครองของดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์ พวก
มันย่อมมีความรับผิดชอบและภาระหน้าทีท่ ี่จะให้ผู้คนของดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์มีชีวิตอย่างสันติสุข
และป้องกันมิให้เกิดโศกนาฏกรรม"
"ดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักรไม่ควรจะปกครองผู้คนแห่งดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์อย่างปล่อยปละ
ละเลย แต่พวกท่านควรจะปกป้องผู้คนแห่งดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์ด้วยความสันติ"

"เช่นนี้ข้าจึงไม่เห็นด้วยกับวิถีทางแห่งการเป็นผูป้ กครองของท่าน" ชูเฟิงกล่าว

"ชูเฟิงอย่าได้กล่าวอะไรไร้ความรับผิดชอบ! เร็วเข้า ขอโทษใต้เท้าอู๋หมิงเฟิงหั่วเสีย!"

คนตระกูลเทพชูหวาดกลัวในทันทีที่ได้ยินคาพูดของชูเฟิง เป็นใครก็รู้ว่าคาพูดของมันน่าอับอายและ
ขบถ เป็นไปได้ที่อู๋หมิงเฟิงหัว่ จะลงโทษชูเฟิงจากสิ่งที่มนั พูด

"ไม่เป็นไร" ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับความกังวลของคนตระกูลเทพชู อู๋หมิงเฟิงหัว่ ก็ยิ้มและโบกมืออีกครั้ง


จากนั้นเขาก็มองชูเฟิง แล้วกล่าวว่า "ตามจริงแล้ว ข้าก็ไม่เห็นด้วยกับวิถีการเป็นผู้ปกครองเช่นนัน้ "

"ใต้เท้าขอรับ ในเมื่อท่านไม่เห็นด้วย เหตุใดท่านถึงปฏิเสธที่จะช่วย?" ชูเฟิงถาม

"แม้ว่าข้าจะไม่เห็นด้วย แต่ข้าก็ไม่ได้มีหวั ใจดั่งพระโพธิสัตว์ ข้าไม่ใช่คนทีป่ รารถนาจะปลดปล่อย


สิ่งมีชีวิตทั้งหลายจากความทุกข์ ไม่มีมิตรภาพระหว่างข้ากับตระกูลเทพอูห๋ ม่า เช่นนั้นเหตุใดข้าต้อง
ช่วยพวกมันด้วย?"

"หรือข้าต้องช่วยเหลือพวกมันเพียงเพราะข้าเป็นคนจากดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักรที่ปกครองทัว่
ทั้งดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์?"
"ใครตั้งกฎว่าผู้แข็งแกร่งต้องช่วยเหลือผู้ทอี่ ่อนแอ?"

"หากใครอยากจะช่วยผูท้ ี่ออ่ นแอก็ทาได้ นั่นเป็นเรื่องของพวกมัน ทว่าเป็นใครก็ไม่ควรมาเรียกร้อง


เช่นนั้นจากคนอื่น" อู๋หมิงเฟิงหั่วกล่าว

"ใต้เท้าขอรับ หากท่านไม่ใช่คนจากดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักร วันนี้ข้าและท่านประมุขตระกูบของ


ข้าก็คงไม่ขอให้ท่านช่วย เป็นดังทีท่ ่านกล่าว ไม่มีกฎว่าคนที่แข็งแกร่งต้องช่วยคนทีอ่ ่อนแอ แน่ล่ะว่านั่น
ขึ้นกับแต่ละคน"

"ทว่านั่นก็จากัดแค่เพียงคนที่ไม่มีความสัมพันธ์ใดกับผูท้ ี่อ่อนแอ"

"ใต้เท้าขอรับ ท่านเป็นคนจากดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักร มหาอานาจและตระกูลที่ท่านอยูน่ ั้นเป็น


ผู้ปกครองแห่งดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์ของพวกเรา ทุกคนในดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์ต่างเชือ่ ฟัง
คาสั่งของท่าน"

"ท่านคิดว่าผู้คนในดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์นั้นไม่มีความสัมพันธ์อันใดกับท่านหรือ?"

อู๋หมิงเฟิงหั่วไม่รู้จะกล่าวตอบแก่ชเู ฟิงอย่างไร กระทั่งเขายังรู้สึกว่าสิ่งที่ชเู ฟิงกล่าวนั้นถูกต้อง


แน่ล่ะว่าหากคนเหล่านั้นไม่เกี่ยวข้องกัน ตนก็ย่อมไม่สนใจความเป็นความตายของพวกมัน เพราะตนไม่
มีภาระหรือหน้าที่ที่จะเข้าไปยุ่งกับความเป็นความตายของพวกมัน

ทว่าในเมือ่ ดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักรของพวกมันรับรู้และรับความสวามิภักดิ์จากทุกคน นั่นก็


หมายความว่ามีความสัมพันธ์ระหว่างพวกมันและผู้คนแห่งดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์ ไม่ว่า
ความสัมพันธ์ของพวกมันจะเป็นความสัมพันธ์แบบเจ้านายและข้ารับใช้หรืออย่างอื่น ความจริงที่ว่า
พวกมันมีความสัมพันธ์กัน นั่นก็หมายความว่า ดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักรมีหน้าที่ปกป้องคน
เหล่านั้น

"ชูเฟิง หยุดพูดเสีย"

คนตระกูลเทพชูพลันใบหน้าซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว

หากก่อนหน้านีช้ เู ฟิงทาเพียงถามอู๋หมิงเฟิงหั่ว ในยามนี้มันก็โต้แย้งกับอู๋หมิงเฟิงหัว่ อย่างเปิดเผย

"ไม่เป็นไร" ทว่าอู๋หมิงเฟิงหั่วก็โบกมืออีกครั้ง เพื่อบอกว่าตนเองไม่ได้โกรธชูเฟิง ทว่าเขามองชูเฟิงอีก


ครั้ง แล้วกล่าวว่า "ชูเฟิง หายากที่จะมีชนรุ่นเยาว์ที่กล้าโต้แย้งข้าอย่างที่เจ้าทา ทว่าข้าก็ต้องยอมรับ
ว่าสิ่งที่เจ้าพูดนัน้ ถูกต้อง"

"ในเมื่อดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักรของพวกเรากลายเป็นผู้ปกครองแห่งดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์
เราก็มีหน้าทีป่ กป้องผู้คนแห่งดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์ แต่ปัญหาคือ... แม้ว่าเราจะไม่เข้าไปยุ่ง
เกี่ยวกับเรื่องของผู้คน ทว่าก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรที่ทาให้พวกเราเสื่อมเสีย"
"ส่วนตัวข้า ข้าตัดสินใจจะวางตัวเป็นกลาง" อู๋หมิงเฟิงหั่วกล่าว

"หากท่านยืนยันว่าจะวางตัวเป็นกลาง เช่นนั้นแล้ว ชูเฟิงก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก" ชูเฟิงกล่าว

"เจ้าช่างกล้าพูดทั้งหมดนั่น ข้าเห็นภาพสะท้อนของบิดาเจ้าอยู่ในตัวเจ้า"

"บิดาเจ้าเองก็มีความกล้าหาญ ผู้ฝึกยุทธ์ส่วนใหญ่ขาดความกล้าหาญเช่นนี้ ข้ารูส้ ึกว่าความกล้าหาญ


ของเจ้าถือเป็นเรื่องดี"

"ทว่าข้าก็ต้องเตือนเจ้า เป็นเรื่องดีที่จะตรงไปตรงมา ทว่าก็ไม่อาจตรงไปตรงมาเกินไป ไม่เช่นนั้นแล้ว


ความตรงไปตรงมาของเจ้าอาจจะกลายเป็นการทาลายเจ้าได้"

ในยามนั้นอู๋หมิงเฟิงหั่วมองชูเฟิงด้วยสายตาจริงจัง

เพราะว่าสายตาของมันจริงจังนัก ฝูงชนถึงได้กระสับกระส่าย

"ใต้เท้า ชูเฟิงยังเด็กและไม่รู้ประสา ข้าหวังว่าท่านจะไม่ใส่ใจการกระทาของคนทีม่ ีสถานะต่ากว่าและ


ให้อภัยชูเฟิงในครั้งนี้"
นอกเหนือจากประมุขตระกูลเทพชูแล้ว ชูหานเผิงและชูเซวียนเจิ้งฟาเองก็รีบคุกเข่ากับพื้น เพื่อขอ
อภัยอู๋หมิงเฟิงหั่วแทนชูเฟิง

"พวกเจ้าทั้งหลายไม่ต้องเป็นกังวล ข้าเพียงเตือนชูเฟิงด้วยความหวังดี" เมื่อเห็นคนตระกูลเทพชูกังวล


ใจเช่นนัน้ อู๋หมิงเฟิงหั่วก็ส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ หากเขากล่าวโทษชูเฟิงจริง เขาคงไม่เสียเวลาพูด
มากเช่นนั้น แต่คงจะโจมตีชเู ฟิงไปแล้ว

บทที่ 3364 สร้างป้ายชื่อ


"ใต้เท้าขอรับ เช่นนั้นแล้ว ผู้น้อยมีเรื่องจะถาม" ชูเฟิงกล่าว

"ว่ามาเถิด" อูห๋ มิงเฟิงหั่วกล่าว

"ข้ารู้ว่ามีคนที่อยากทาลายข้า ทว่าข้ารู้สึกว่าท่านไม่ใช่คนเหล่านัน้ ใต้เท้าขอรับ สิ่งที่ชเู ฟิงผู้นี้คดิ นั้น


ถูกต้องใช่หรือไม่?" ชูเฟิงมองอู๋หมิงเฟิงหั่วด้วยสีหน้าจริงจัง

เมื่อชูเฟิงกล่าวเช่นนั้น คนตระกูลเทพชูทั้งหมดก็เงียบสนิท

แม้ว่าพวกมันจะไม่พดู อะไร แต่พวกมันทั้งหลายก็เป็นกังวลอย่างยิ่ง พวกมันกังวลถึงขั้นไม่กล้าหายใจ


ดัง ทว่าพวกมันก็มองไปยังอู๋หมิงเฟิงหั่วอย่างระวัง

เหตุทบี่ รรดาคนตระกูลเทพชูมีปฏิกิริยาเช่นนี้ นั่นก็เพราะคาถามของชูเฟิงนั้นตรงไปตรงมาเกินไป


ในยามนั้นพวกมันรู้สึกราวกับว่าอากาศถูกแช่แข็ง

บรรดาคนตระกูลเทพชูกลัวยิ่งนัก พวกมันกลัวว่าอูห๋ มิงเฟิงหัว่ จะตอบต่างออกไปจากที่พวกมันหวังจะ


ได้ยิน

ในที่สุดอูห๋ มิงเฟิงหั่วก็เอ่ยตอบ

"แน่นอน"

บรรดาคนตระกูลเทพชูทั้งหลายถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อได้ยินคาตอบของอู๋หมิงเฟิงหัว่

"ขณะที่ข้าไม่รู้ใจของคนอืน่ ตัวข้าเองก็หวังให้เจ้าผู้เป็นดั่งกระบี่แหลมคมจะเติบโตต่อไปในอนาคต"

"ข้าหวังให้เจ้าเป็นกระบี่แหลมคมที่สามารถปกป้องดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์ของพวกเราได้ ข้าหวัง…
ว่าเจ้าจะกลายเป็นกระบี่แหลมคมที่สามารถสู้เพื่อดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์ของพวกเราได้"

หลังจากอู๋หมิงเฟิงหัว่ กล่าวเช่นนี้จบ เขาก็หันเดินออกไป ไม่นานเขาก็หายไปลับตา


อู๋หมิงเฟิงหั่วจากไปแล้ว เขาไม่ให้โอกาสคนตระกูลเทพชูได้ส่งมัน

ส่วนชูเฟิงเอง มันก็ได้ยนื ยันสิ่งที่ตนคาดเดาเอาไว้

ชูเฟิงเชื่อว่าผู้คนในดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์เป็นศัตรูของมัน เพราะพวกมันพยายามจะสังหารบิดาของ
ตน

ทว่าอู๋หมิงเฟิงหั่วไม่ใช่ศัตรูของชูเฟิง

แม้ว่าเขาปฏิเสธที่จะช่วยตระกูลเทพอูห๋ ม่า แต่ชเู ฟิงก็ยงั รู้สึกว่าอู๋หมิงเฟิงหัว่ ถือเป็นคนดีคนหนึ่ง

ทว่าก็แค่ในตอนนี้ เป้าหมายของชูเฟิงคือการพิชิตดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักร และทาให้ตระกูลเทพ


ชูของพวกมันมีอานาจปกครองดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์แห่งนี้ ดังนั้นชูเฟิงย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงการ
ปะทะกับดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักรได้

"ชูเฟิง เจ้ากล้าหาญขึน้ มาก แม้ว่าใต้เท้าอู๋หมิงเฟิงหัว่ จะต่างจากคนอื่นในดินแดนเหนือหัวแห่งดารา


จักร แต่เจ้าควรหลีกเลี่ยงการยั่วให้ท่าน และมิควรทาให้ท่านโมโห"

"ถูกแล้ว ชูเฟิง ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ท่านก็เป็นคนจากดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักร ในอนาคตต่อไป


ข้างหน้า หากเจ้าเจอกับคนอื่นจากดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักร เจ้าห้ามทาตัวเช่นนี้อีก"

ชูหานเผิง ชูเซวียนเจิ้งฟาและคนอื่นเดินมาหาชูเฟิงและตักเตือนมัน หลังจากอู๋หมิงเฟิงหั่วจากไปแล้ว


"พวกท่านทั้งหลายขี้ขลาดนัก คนผู้นั้นมีอะไรให้กลัว?"

เมื่อเห็นคนตระกูลเทพชูยังหลงเหลือความกลัวอยูบ่ นใบหน้า ไป๋หลีลวั่ ก็พดู ขึ้นมาอย่างไม่เห็นด้วย


สายตาของนางเต็มไปด้วยความหยามเหยียด

"อย่างเจ้าจะไปรู้อะไร?" คนตระกูลเทพชูมองไป๋หลีลวั่ ด้วยหางตา ในสายตาของพวกมันปรากฏ


ความรังเกียจอย่างไม่อาจปกปิดได้

แม้ว่ายาถอนพิษของไป๋หลีลวั่ จะทาให้ประมุขตระกูลของพวกมันฟืน้ ได้ แต่พวกมันก็ยังมีความ


ประทับใจในแง่ลบต่อนางอยู่ดี

อย่างไรเสีย คนที่วางยาประมุขตระกูลของพวกมันก็คือนางอยู่ดี

"ผู้อาวุโส มีสิ่งหนึ่งที่ข้าต้องอธิบายแก่ทุกท่าน"

"คนที่วางยาพิษท่านประมุขตระกูลไม่ใช่พี่สาวหลีลั่ว"

"ด้วยบางสิ่งทีเ่ กิดขึ้นในอดีตจึงมีจิตวิญญาณอีกด้านหนึ่งอยู่ในร่างของนาง จิตวิญญาณนั้นเต็มไปด้วย


ความมุ่งร้ายต่อข้า นี่เป็นเหตุที่ทาไมมันถึงร่วมมือกับชูฮนั่ ชิงและคนอื่นกาจัดข้า"
"ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่เกี่ยวข้องกับพี่สาวหลีลั่ว" ชูเฟิงอธิบายในทันที หลังจากมันสังเกตเห็นความมุ่งร้าย
ที่คนตระกูลเทพชูมีต่อไป๋หลีลั่ว

ชูเฟิงรู้ว่าหากตนเองไม่อธิบายให้นางแล้ว ไป๋หลีลั่วก็จะไม่อธิบายเรื่องราวนั้นเช่นกัน ด้วยธรรมชาติ


ของนางแล้ว นางย่อมไม่สนใจว่าคนตระกูลเทพชูจะคิดอย่างไรกับนาง

ทว่าชูเฟิงหวังว่าไป๋หลีลวั่ จะสามารถอยู่ร่วมกันคนตระกูลเทพชูได้อย่างสงบสุข

"เป็นเช่นนั้นเอง"

"แม่นางหลีลั่ว ก่อนหน้านีพ้ วกเรามองเจ้าผิดไป พวกเราหวังว่าเจ้าจะไม่ถือสา"

เมื่อรู้ความจริงทั้งหมด บรรดาผู้คนจากตระกูลเทพชูก็ขอโทษไป๋หลีลวั่ ในทันที

"แม่นางหลีลั่ว อีกจิตวิญญาณในยามนี้ถูกเจ้ากดเอาไว้ หรือมันถูกกาจัดไปแล้ว? หรือว่ามัน…"

บรรดาผู้คนจากตระกูลเทพชูเป็นกังวลยิ่ง อย่างไรเสีย อีกจิตวิญญาณที่อยู่ในร่างของไป๋หลีลั่วก็เป็น


ตัวอันตราย
"พวกเจ้าทั้งหลายวางใจได้ สาวน้อยผู้นี้กดมันไว้แล้ว ไม่นานจิตวิญญาณชั่วร้ายนัน้ ก็จะหายไปอย่าง
ถาวร มันจะไม่สามารถทาอันตรายอะไรพวกเจ้าทั้งหลายได้อีก" ไป๋หลีลั่วกล่าว

คนตระกูลเทพชูทั้งหลายถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อได้ยินเช่นนั้น

"ท่านประมุขตระกูล ท่านเป็นอะไรหรือไม่?!"

ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องอย่างเป็นกังวลดังขึ้น

กลายเป็นว่าประมุขตระกูลเทพชูหมดสติอีกครั้ง

เมื่อเห็นเช่นนี้ คนตระกูลเทพชูทั้งหลายก็มารวมตัวกันอยู่ข้างกายประมุขตระกูลเทพชู ทุกคนต่างเป็น


กังวลและเริ่มตรวจสอบอาการของประมุขตระกูลเทพชูโดยพลัน

"พวกเจ้าทั้งหลายไม่ต้องกังวล พิษในกายของเขาถูกถอนออกไปแล้ว เพียงแต่ว่าสุขภาพของเขา


อ่อนแอมาก"

"เขาควรจะได้พักผ่อน ทว่าเพื่อขอความช่วยเหลือจากบุรุษคนนั้น เขาจึงทุ่มเทมากจนเกินไป นั่นเป็น


เหตุว่าทาไมเขาถึงหมดสติในที่สุด ตราบใดทีเ่ ขาได้นอนพักสักระยะ เขาก็จะฟื้นตัวโดยสมบูรณ์" ไป๋
หลีลั่วกล่าว
สิ่งที่ไป๋หลีลวั่ พูดนั้นถูกต้อง เมื่อตรวจอาการของประมุขตระกูลเทพชูแล้ว คนตระกูลเทพชูกพ็ บว่าพิษ
ถูกถอนออกไปสิ้น ในยามนัน้ เขาเพียงแต่หมดสติเพราะสุขภาพอ่อนแอเกินไป

"ผู้อาวุโส ดูเหมือนว่าแผ่นป้ายชื่อบนเอวของท่านอูห๋ มิงเฟิงหั่วจะพิเศษอยู่บางอย่าง เป็นแผ่นป้ายชื่อ


ชนิดพิเศษหรือ?" ชูเฟิงถาม

ชูเฟิงเคยเห็นผู้คนจากดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักร ทว่ามันพบว่าอู๋หมิงเฟิงหัว่ อู๋หมิงกังหยงและคน


อื่นจากดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักรล้วนแต่มีแผ่นป้ายชื่อที่ต่างกันออกไปบางส่วน

"ชูเฟิง นั่นเป็นแผ่นป้ายชื่อของจอมยุทธ์ยอดฝีมือหนึ่งในสิบจากดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักร มัน


ย่อมพิเศษอย่างมาก"
"แผ่นป้ายชื่อนั้นสื่อถึงจอมยุทธ์ยอดฝีมือหนึ่งในสิบจากดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักร เมื่อเห็นแผ่น
ป้ายชื่อก็เท่ากับเห็นคนผูน้ ั้น หากใครมีป้ายชื่อนั่น ไม่เพียงแต่จะให้การปกป้องแก่ผถู้ ือครองแล้ว ทว่า
ยังทาให้ผู้ถือครองมีอานาจอีกด้วย" ชูเซวียนเจิ้งฟากล่าว

"เช่นนั้นแล้วจะตัดสินได้อย่างไรว่าแผ่นป้ายชื่อเป็นของจริงหรือของปลอม? มีวิธีตรวจสอบพิเศษ
หรือไม่?" ชูเฟิงถาม

"แน่นอนว่ามี หากไม่มีวธิ ีตรวจสอบพิเศษแล้วมีคนสร้างแผ่นป้ายชื่อเช่นนัน้ ขึ้นมา นั่นก็ย่อมทาให้เกิด


ความวุ่นวายทั่วทั้งดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์" ชูเซวียนเจิ้งฟากล่าว
"ผู้อาวุโส ท่านบอกรายละเอียดวิธีการตรวจสอบแผ่นป้ายชื่อให้ข้าฟังได้หรือไม่?" ชูเฟิงถาม

ชูเซวียนเจิ้งฟาเริ่มอธิบายวิธีตรวจสอบแผ่นป้ายชื่อจอมยุทธ์ยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสิบของดินแดนเหนือ
หัวแห่งดาราจักรให้ชเู ฟิงฟัง

"ชูเฟิง เหตุใดเจ้าถึงถามเรือ่ งนี้? เจ้าห้ามพยายามสร้างแผ่นป้ายชื่อของปลอม หากคนของดินแดน


เหนือหัวแห่งดาราจักรพบว่าใครพยายามสร้างแผ่นป้ายชื่อของปลอม คนเหล่านั้นจะถูกจับและถูก
สังหาร" ชูหานเผิงกล่าว

"ชูเฟิง สิ่งทีท่ ่านผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวนั้นถูกต้องยิ่ง เจ้าห้ามซุกซนเด็ดขาด"

ในยามนั้นเอง ชูเซวียนเจิ้งฟาก็ตระหนักในทันทีว่าชูเฟิงมีจุดประสงค์ที่ถามเรื่องนี้

อุปนิสัยของชูเฟิงนั้นเป็นผู้กล้าหาญ พวกมันกลัวว่าชูเฟิงจะพยายามสร้างแผ่นป้ายชื่อของปลอม

"ท่านผู้อาวุโสสูงสุด ผู้อาวุโสเจิ้งฟา การแยกแยะแผ่นป้ายชื่อของดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักรเป็น


ความรู้ทั่วไปสาหรับทุกคนในดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์ กระทั่งชนรุ่นเยาว์ยังสามารถแยกแยะได้"

"เช่นนี้แล้ว ข้าก็ควรจะรู้วธิ แี ยกแยะพวกมันเช่นกัน ไม่เช่นนั้นหากมีใครเอาแผ่นป้ายชื่อนี้ออกมาใน


อนาคตแล้ว และข้าล้มเหลวในการแยกแยะ ข้าจะไม่ตกอยู่ในสถานการณ์ลาบากหรือ?" ชูเฟิงกล่าว
ด้วยรอยยิ้ม
"นั่นก็ถูกต้อง"

"ทว่าผู้คนจากดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักรย่อมจะไม่รอให้คนอื่นตรวจสอบแผ่นป้ายชื่อของพวกมัน
โดยปกติแล้ว พวกมันจะปล่อยพลังจากแผ่นป้ายชื่อของพวกมันโดยตรง" ชูเซวียนเจิ้งฟากล่าว

"นั่นก็สมกับลักษณะของคนจากดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักร" ชูเฟิงหัวเราะ

อย่างไรเสีย ผู้คนจากดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักรก็ล้วนแต่หยิ่งผยองและหลงตัวเอง พวกมันจะรอ


ให้คนอื่นตั้งคาถามต่อหลักฐานของพวกมันได้อย่างไร?

ตามปกติแล้ว พวกมันจะเผยพลังส่วนหนึ่งของพวกมันตั้งแต่เริ่ม เพื่อที่จะแสดงให้เห็นถึงสถานะ

ทว่าชูเซวียนเจิ้งฟาและคนอืน่ ไม่รู้ว่าความกังวลของชูหานเผิงนั้นตรงจุดแล้ว

ชูเฟิงถามพวกมันไปทั้งหมด เพราะมันตั้งใจจะสร้างแผ่นป้ายชื่อนั้น

บทที่ 3365 ปีศาจของจริง


ประมุขตระกูลเทพชูทากระทั่งคุกเข่าต่ออู๋หมิงเฟิงหัว่ เพื่อที่จะขอให้เขาช่วยตระกูลเทพอู๋หม่า
ชูเฟิงจาสิ่งที่เกิดขึน้ ได้ดี มันรู้ว่าประมุขตระกูลเทพชูอยากจะช่วยตระกูลเทพอูห๋ ม่าอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ชเู ฟิงเองก็อยากจะช่วยตระกูลเทพอูห๋ ม่า เช่นนั้น… มันจึงตัดสินใจจะช่วยประมุขตระกูล


เทพชูในการช่วยเหลือตระกูลหลักของตระกูลเทพอู๋หม่า

ทว่าพละกาลังของชูเฟิงนั้นมีจากัด เช่นนั้นก็เป็นไปไม่ได้ที่มันจะจัดการตระกูลสาขาของตระกูลเทพอู๋
หม่า ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบมหาตระกูลเทพผู้ยิ่งใหญ่

เช่นนี้แล้ว มันก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเสี่ยงสร้างป้ายชื่อของปลอม เพื่อป้องกันตระกูลสาขาของ


ตระกูลเทพอูห๋ ม่าจากการใช้ป้ายชื่อนั่น

เมื่อชูเฟิงตัดสินใจได้แล้ว มันก็ลงมือทันทีและเริ่มสร้างป้ายชื่อของปลอมนั้นทันที

ชูเฟิงเชื่อมัน่ ในตนเอง มันรูส้ ึกว่านอกเสียจากจะเป็นจอมเวทกึ่งเทพ กระทั่งคนจากดินแดนเหนือหัว


แห่งดาราจักรก็ไม่อาจพิสูจน์ป้ายชื่อของปลอมนั้นได้

"บอกหน่อยน้องชาย เจ้าทาอะไร?" ทันใดนัน้ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น มันเป็นเสียงของไป๋หลีลวั่

แต่เดิมแล้ว ตระกูลเทพชูเตรียมที่พักให้นาง แต่นางยืนยันว่าจะพักกับชูเฟิง ด้วยความที่ไม่มีใคร


จัดการกับอารมณ์ของนางได้ ชูเฟิงจึงไม่มที างเลือกอื่นใด นอกจากพานางกลับมายังตาหนักที่พักของ
มัน
เมื่อได้ยินสิ่งที่ไป๋หลีลั่วกล่าว ชูเฟิงก็เก็บป้ายชื่อไปในทันที

"อย่าพยายามซ่อนเลย ข้าเห็นนะ นั่นคืออะไร? การทีเ่ จ้าพยายามจะซ่อนของนั่นจากกระทั่งพี่สาว


ของเจ้า เจ้าวางแผนจะใช้ปา้ ยชื่อนั้นทาเรื่องน่าอายหรือ?" ไป๋หลีลวั่ กะพริบตาใสซื่อ แล้วประเมินชู
เฟิงอย่างสงสัย

"ไม่ ไม่ ไม่ แน่ล่ะว่าไม่ ข้าไม่ได้พยายามจะซ่อนสิ่งนี้จากท่านเลย" ชูเฟิงเกาศีรษะอย่างงุ่มง่าม ในเมื่อ


มันถูกจับได้แล้ว ชูเฟิงก็ไม่ได้พยายามจะซ่อนอีกต่อไปแล้ว มันนาเอาป้ายชื่อออกมา

"ข้าต้องบอกว่าเจ้าทาออกมาได้ดูเหมือนจริงยิ่งนัก" ไป๋หลีลวั่ ตรวจสอบป้ายชื่อในมือของชูเฟิงอย่าง


ระมัดระวัง จากนั้นนางก็มองชูเฟิง "เจ้าคิดจะใช้ป้ายชือ่ นี้เพื่อช่วยตระกูลเทพอูห๋ ม่าใช่หรือไม่?"

"อืม พี่สาวข้าฉลาดนัก" ชูเฟิงพยักหน้า

"เพ่ย! เด็กเอ๋ย หยุดพยายามชมข้าเลย ใครกันที่ก่อนหน้านีพ้ ยายามจะซ่อนป้ายชื่อนั้นจากข้า?" ไป๋


หลีลั่วมองชูเฟิงด้วยหางตา

ชูเฟิงยิ้มแล้วเกาศีรษะอย่างงุ่มง่าม

แน่ล่ะว่าก่อนหน้านี้ ชูเฟิงพยายามจะซ่อนเรื่องนี้จากนาง
"แล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่? บอกพี่สาวมา" ไป๋หลีลวั่ กล่าว

ไม่มีอะไรให้ชเู ฟิงซ่อนจากไป๋หลีลวั่ ดังนั้นมันจึงเริ่มเล่าปัญหาที่ตระกูลเทพอูห๋ ม่าต้องเผชิญให้นางฟัง

"มีมหาอานาจทีไ่ ร้เหตุผลเช่นนี้อยูด่ ้วยหรือ? เจ้าพยายามที่จะกาจัดพวกมันสินะ"

"ไปกันน้องชาย พี่สาวจะไปกับเจ้า แล้วไปสอนพวกชัว่ ไร้ยางอายสักบทเรียน" ขณะที่ไป๋หลีลวั่ พูด


นางก็จับตัวชูเฟิงไว้ แล้วเริม่ เดินไปทางประตูตาหนัก

"พี่สาว ข้าไม่อาจพาท่านไปเสี่ยงกับข้า" ชูเฟิงดึงตัวออกจากไป๋หลีลวั่ ทันที

ตระกูลสาขาของตระกูลเทพอู๋หม่าเป็นหนึ่งในสิบมหาตระกูลเทพของดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ป้ายชื่อของชูเฟิงก็เป็นของปลอม หากมันสามารถหลอกพวกนั้นได้ก็ย่อมดี แต่หาก


มันล้มเหลว ชูเฟิงย่อมทาตัวเองให้เกิดอันตรายอย่างเลี่ยงไม่ได้

มันไม่อยากให้ไป๋หลีลวั่ ต้องเสี่ยงไปกับมัน
"ทาไมล่ะ? เจ้าดูถูกพี่สาวของท่านหรือ?" ไป๋หลีลวั่ เท้าสะเอวแล้วมองชูเฟิง

"ไม่ ข้าไม่ได้ดูถูกท่าน เพียงแต่…"

"ฮ่า ฮ่า... ดูท่าทางโง่เง่าของเจ้า พี่สาวแสนฉลาดของเจ้าจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเจ้าเป็นห่วงข้า?"

"ทว่าน้องชาย... เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล ประมุขตระกูลสาขาของตระกูลเทพอู๋หม่าเป็นเพียงผู้มีระดับ


พลังเทวาห้วงที่แปด พี่สาวของเจ้ารับมือมันได้"

หลังจากไป๋หลีลั่วกล่าวจบ นางก็ปลดปล่อยลมปราณออกมา

ในชั่วขณะต่อมา ชูเฟิงก็ประหลาดใจอย่างไม่อาจเทียบ

แม้ว่ามันจะรู้ว่าไป๋หลีลั่วทรงพลังยิ่งนัก แต่มันก็ไม่เคยคิดว่านางจะทรงพลังขนาดนี้

ลมปราณที่ไป๋หลีลั่วปล่อยออกมานั้นเป็นของผู้มีระดับพลังเทวาห้วงทีเ่ ก้า
ระดับพลังเทวาห้วงสุดท้าย ไป๋หลีลั่วเป็นผูเ้ ยี่ยมยุทธ์ผมู้ ีระดับพลังเทวาห้วงสุดท้าย

ไม่แปลกใจเลยที่ไป๋หลีลั่วจะแสดงปฏิกิริยาดูถูก เมื่อนางเผชิญหน้ากระทั่งคนอย่างอู๋หมิงเฟิงหั่ว นั่น


เพราะนางมีระดับวรยุทธ์เดียวกับอู๋หมิงเฟิงหั่ว

"พี่สาวหลีลวั่ ท่านทรงพลังเกินไปแล้ว" ชูเฟิงตื่นเต้นยิง่ นัก ไป๋หลีลั่วทาให้มนั ประหลาดใจอย่างเป็น


สุข

"มีอะไรให้นางประหลาดใจกันเล่า? พี่สาวของเจ้ายังไม่ได้กลั่นเจ้าเดรัจฉานนั่นเสร็จสิ้นเลย เมื่อพี่สาว


ของเจ้ากลั่นมันเสร็จสิ้น วรยุทธ์ของข้าจะเพิ่มยิ่งขึ้นกว่านี้มาก" ไป๋หลีลวั่ กล่าว

"เพิ่มขึ้นกว่านี้อีกหรือ? นั่นไม่หมายความว่าวรยุทธ์ท่านจะเข้าสู่ระดับสภาวะห้วงพลังจอมเทวาหรอก
หรือ?" ชูเฟิงอ้าปากด้วยความตกตะลึง

ระดับสภาวะห้วงพลังจอมเทวา! ตามทีป่ ระมุขตระกูลเทพชูเคยบอกชูเฟิง จอมเทวาเป็นระดับที่มีเพียง


คนจานวนหยิบมือในทั้งแดนฝึกยุทธ์แห่งบรรพชนไปถึง

ระดับสภาวะห้วงพลังจอมเทวาเป็นระดับวรยุทธ์ที่อยู่สูงสุดในทั้งแดนฝึกยุทธ์แห่งบรรพชน

กระทั่งคนที่ยิ่งใหญ่เช่นอู๋หมิงเฟิงหัว่ ยังเป็นเพียงผูเ้ ยี่ยมยุทธ์ที่มีระดับพลังเทวาห้วงสุดท้าย


เช่นนั้นแล้ว ผู้เยี่ยมยุทธ์ทมี่ รี ะดับสภาวะห้วงพลังจอมเทวาจะมีสถานะใดกัน?

"เรื่องเล็กน้อง เรื่องเล็กน้อย ทาใจให้สงบไว้" เมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของชูเฟิง ไป๋หลีลั่วก็พอใจใน


ตัวเองนักและทาราวกับว่านีไ่ ม่ใช่เรื่องใหญ่ ท่าทางของนางน่ารักนัก

"พี่สาวของข้า ท่านควรจะบอกข้าก่อนหน้านี้ หากข้ารู้ว่าข้ามีท่านเป็นผูห้ นุนหลัง ข้าก็ไม่ต้องลงทุน


สร้างสิ่งนี้ที่นี่แล้ว"

ชูเฟิงชี้ไปยังป้ายชื่อในมือด้วยท่าทางหดหู่ อย่างไรเสีย มันก็พยายามสร้างของสิ่งนี้ขึ้นมา

เมื่อดูตอนนี้แล้ว ชูเฟิงพบว่ามันเสียเวลาและเสียความพยายามโดยแท้

เมื่อมีไป๋หลีลั่วอยู่กบั มัน ป้ายชื่อก็ไม่มีความจาเป็น

"เจ้าไม่เคยถามข้าเอง" ไป๋หลีลั่วกลอกตาใส่ชเู ฟิง

"เอาล่ะ เอาล่ะ ข้าผิดเอง น้องชายของท่านผิดเอง" ชูเฟิงพูดด้วยรอยยิม้

ในยามนี้ไป๋หลีลั่วเป็นผูห้ นุนหลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมัน ชูเฟิงจึงไม่อาจจะแกล้งแหย่นางได้


นอกจากนั้นชูเฟิงยังยินดีนัก การที่มีไป๋หลีลวั่ อยูด่ ้วยอาจจะช่วยตระกูลเทพอูห๋ ม่าได้

มันยังชื่นชมไม่หยุด ไป๋หลีลวั่ สมกับที่เป็นสิ่งประหลาดพลังฟ้าดินที่ฝนื กฎของแดนฝึกยุทธ์แห่งบรรพชน


พลังของนางน่ากลัวนัก

หากพรสวรรค์ของผู้ฝึกยุทธ์แข็งแกร่งนัก พวกมันจะไม่ถือว่าเป็นอัจฉริยะ แต่พวกมันจะถูกถือว่าเป็น


อัจฉริยะระดับปีศาจ

ส่วนไป๋หลีลวั่ นั้นนางไม่จาเป็นต้องให้ผู้อื่นมากาหนดว่าเป็นอะไร ในเมื่อนางเป็นสิ่งประหลาดพลังฟ้าดิน


ซึ่งคล้ายกับปีศาจของจริงมาตั้งแต่เริ่มแล้ว

บทที่ 3366 ภัยคุกคามของดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักร

"พี่สาว เดรัจฉานนั่นยากทีจ่ ะกลั่นหรือ?" ไม่ช้าชูเฟิงก็เผยสีหน้าเป็นกังวล

เงาดานั้นสามารถกดสติสัมปชัญญะของไป๋หลีลั่วเมื่อก่อนหน้านี้ ทั้งะสามารถควบคุมร่างของนาง เพื่อ


วางยาพิษประมุขตระกูลเทพชู

มันวางแผนร้ายทุกสิ่งอย่างเพื่อทาลายชูเฟิง

นี่หมายความว่ายากจะจัดการร่างเงาดานั้น
"วางใจเถิด สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นเพราะความไม่ระวังของข้า"

"ทว่าในครั้งนี้ข้าได้กดสัตว์เดรัจฉานนัน่ ไว้สมบูรณ์แล้ว การกลั่นมันก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว มันไม่มีโอกาส


เปลี่ยนสถานการณ์ได้อีก"

"พี่สาวต้องขอบคุณท่าน" ไป๋หลีลวั่ กล่าว

"ขอบคุณข้า?" ชูเฟิงรู้สึกสับสน

"หากไม่ใช่เพราะข้าอยากจะล้างความอยุติธรรมที่เจ้าได้รับ ข้าคงไม่ระเบิดพลังเพือ่ กดเดรัจฉานนัน่ ไว้


ดังนั้นข้าย่อมต้องขอบใจเจ้า" ไป๋หลีลั่วกล่าว

ชูเฟิงรู้สึกอุ่นในหัวใจเมื่อได้ยินเช่นนี้

คาพูดของไป๋หลีลั่วแสดงให้ชเู ฟิงเห็นว่า... นางเห็นค่ามันมากเท่าใด

การที่คนที่มีนิสัยเช่นนางปฏิบัติกับมันเช่นนั้น นั่นก็เพียงพอที่จะพิสูจน์แล้วว่าไป๋หลีลั่วเห็นชูเฟิงเป็น
ญาติสนิทของนาง
หลังจากตัดสินใจได้ ชูเฟิงกับไป๋หลีลั่วก็เริ่มเดินทางไปยังตระกูลเทพอูห๋ ม่าในทันที ชูเฟิงไม่ได้แจ้งแก่ชู
เซวียนเจิ้งฟา หากมันบอกชูเซวียนเจิ้งฟา บุรุษผู้นั้นย่อมหยุดมันไว้ เช่นนี้แล้ว ชูเฟิงจึงทาเพียงทิ้ง
จดหมายไว้ให้ก่อนที่มันจะจากมา

ทว่าเนื้อหาในจดหมายบอกเพียงมันมีสิ่งที่ต้องทา และมันได้จากไปทาสิ่งนั้น ชูเฟิงไม่ได้อธิบายวางมัน


ไปทาอะไร

แม้ว่าบรรดาผู้คนจากตระกูลเทพชูจะไม่เห็นตอนทีช่ เู ฟิงกับไป๋หลีลวั่ จากไป แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า


ไม่มีใครเห็นทั้งคู่จากไป

ในยามนั้นมีร่างหลายร่างซ่อนอยู่ในช่องว่างห้วงอากาศข้างเขตแดนของตระกูลเทพชู

พวกมันเป็นคนจากดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักร ไม่เพียงอู๋หมิงกังเซียงจะอยู่ตรงนั้น แต่อู๋หมิงเฟิงหั่ว


เองก็อยู่ด้วย

เมื่อเห็นทิศทางทีช่ เู ฟิงและไป๋หลีลวั่ หายไป แววไร้ปรานีก็ปรากฏในสายตาของอู๋หมิงกังหยง เขากล่าว


ว่า "ใต้เท้าเฟิงหั่ว ในเมื่อบิดาเป็นสิงห์ บุตรชายก็ไม่อาจเป็นสุนัข ในอนาคตชูเฟิงผู้นั้นย่อมไม่ใช่คนที่
จะจัดการได้โดยง่าย เหตุใดเราไม่อาศัยโอกาสนี้เพื่อกาจัดมัน นั่นถือเป็นการเลีย่ งปัญหาในอนาคตมิใช่
หรือ?"

"จัดการมัน? เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?" อู๋หมิงเฟิงหัว่ แสดงสีหน้าไม่พอใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาจ้องอู๋หมิง


กังหยงอย่างดุร้าย แล้วจึงสะบัดมือเพื่อบอกให้คนอืน่ ล่าถอย
เมื่อคนอื่นจากดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักรจากไปแล้ว อู๋หมิงกังหยงและอู๋หมิงเฟิงหั่วก็ยังอยู่ตรง
นัน้

"ท่านขอรับ ข้ารับใช้ผู้นี้กล่าวอะไรผิดไปหรือ?" อู๋หมิงกังหยงอายุมากกว่าอู๋หมิงเฟิงหัว่ มาก ทว่าเขา


ยังอ่อนน้อมต่ออู๋หมิงเฟิงหัว่ เป็นอย่างยิ่ง

เขากลัวว่าตนจะพูดอะไรผิด แล้วทาให้อหู๋ มิงเฟิงหั่วผิดใจ

"หากเราสังหารชูเฟิง ชูเซวียนหยวนจะปล่อยเรื่องนี้ไปได้อย่างไร?" อู๋หมิงเฟิงหัว่ ถาม

"ใต้เท้า แต่ก่อนนั้นชูเซวียนหยวนก็สู้ตระกูลของเราไม่ได้ แล้วในตอนนี้ มันก็ถูกคุมขังอยู่ในสถานที่


ต้องห้ามของตระกูลเทพชูมาหลายปี วรยุทธ์ของมันย่อมลดลง และทาให้มันกลายเป็นผูพ้ ิการ นั่นยังมี
ความจาเป็นต้องกลัวมันอยูอ่ ีกหรือ?" อู๋หมิงกังหยงถาม

"อูฐตัวย่อย่นก็ยังตัวใหญ่กว่าม้า ยิ่งจริงเข้าไปใหญ่ในเมื่อชูเซวียนหยวนยังมีชีวิตอยู่"

"ยิ่งไปกว่านั้นยังมีสิ่งหนึ่งทีเ่ จ้ายังไม่รู้ นี่ถึงเวลาที่ข้าจะบอกให้เจ้ารู้แล้ว"


"ตามจริงแล้ว ตระกูลของเราแอบจับตาดูสถานที่ต้องห้ามของตระกูลเทพชูที่ชเู ซียนหยวนถูกจองจา
มาตลอดหลายปีมานี้ ตลอดเวลา เราได้ส่งคนไปที่นั่นเพื่อตรวจสอบการกระทาของชูเซวียนหยวน"

"สองปีก่อนวรยุทธ์ของชูเซวียนหยวนก็ดูจะยังลดลงอยู่"

"ทว่าสถานที่ต้องห้ามของตระกูลเทพชูทชี่ เู ซวียนหยวนถูกกักขังในตอนนี้ถูกผนึกเอาไว้ ค่ายกลผนึกนั้น


ทรงพลังยิ่งนัก กระทั่งท่านผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหกจะร่วมมือกัน พวกท่านก็ยังไม่สามารถทะลวงค่ายกลได้
จากเรื่องนี้เป็นใครก็จนิ ตนาการได้ว่าค่ายกลผนึกนั่นทรงพลังแค่ไหน" อูห๋ มิงเฟิงหั่วกล่าว

"ใต้เท้า เช่นนัน้ ไม่ได้หมายความว่าวรยุทธ์ของชูเซวียนหยวนไม่ได้ลดลงเลยหรอกหรือ? ทว่าวรยุทธ์


ของมันยังเพิ่มขึ้นอีก?"

ในยามนั้นอู๋หมิงกังหยงก็เผยสีหน้าตื่นตะลึง

ท่านผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหกที่อหู๋ มิงเฟิงหัว่ กล่าวถึงล้วนแต่เป็นจอมเทวาทั้งสิ้น การที่ทั้งหกทางานร่วมกัน แล้ว


ยังเกิดความล้มเหลวในการทะลวงค่ายกลผนึก จากเรือ่ งนี้เป็นใครก็จินตนาการได้ว่าค่ายกลผนึกนั้น
ทรงพลังแค่ไหน

"เราน่าจะถูกชูเซวียนหยวนหลอกลวง สถานที่ต้องห้ามนั้นไม่ได้ทาให้วรยุทธ์ของมันลดลง ยิ่งไปกว่า


นั้น ท่านผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหกยังสงสัยว่าชูเซวียนหยวนออกมาจากสถานที่ต้องห้ามแล้ว"

"บุรุษผู้นั้นกลับมาพร้อมบุตรชายของมัน" อู๋หมิงเฟิงหัว่ กล่าว


"กลับมาหรือ?"

เมื่อได้ยินคาว่า ‘กลับมา’ ร่างของอู๋หมิงกังหยงก็เริ่มสั่นเทาอย่างช่วยไม่ได้ ในยามนั้นขนทั้งหมดบน


ร่างลุกชันอย่างห้ามมิได้

"เจ้าคิดว่าข้ามายังตระกูลเทพชูทาไมกัน? ข้ามาเพราะว่าข้าได้ยินว่าชูเฟิงกลับมาแล้ว นั่นเป็นเหตุว่า


ทาไมข้าถึงมาตรวจสอบว่าบุตรชายของชูเซวียนหยวนเป็นคนเช่นไร และตัดสินดูวา่ ชูเซวียนหยวน
กลับมาด้วยหรือไม่" อูห๋ มิงเฟิงหั่วกล่าว

"ใต้เท้า เช่นนัน้ แล้วหมายความว่าพวกเราถูกตระกูลเทพชูหลอกลวงน่ะสิ ชูเซวียนหยวนผู้นั้นไม่ได้ถูก


ลงโทษ แต่ว่ามันเข้าสู่การเก็บตัวฝึกตน?" อู๋หมิงกังหยงเผยแววหวาดกลัวในดวงตา

ไม่ใช่เพราะว่าเขาขี้ขลาด แต่เป็นเพราะว่าเขารูด้ ีว่านามชูเซวียนหยวนนั้นหมายถึงอะไร

ชูเซวียนหยวนเป็นบุรุษทีน่ ่าหวาดกลัว

บางทีธรรมชาติอันน่าหวาดกลัวของชูเซวียนหยวนเป็นสิ่งที่คนอื่นต่างเคยได้ยินกันทั่วถึง ทว่าคงไม่เข้า
ใจความน่ากลัวนั้นอย่างถ่องแท้
ทว่าอู๋หมิงกังหยงรู้ดีว่าชูเซวียนหยวนน่ากลัวเพียงใด

นั่นก็เพราะพวกมันรู้ว่าชูเซวียนหยวนน่ากลัวเพียงใด ขนาดทีด่ ินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักรยังเห็นชูเซ


วียนหยวนเป็นหอกข้างแคร่

"พวกเราสามารถบอกได้วา่ พวกเราถูกหลอก" อู๋หมิงเฟิงหั่วกล่าว

"ไอ้สารเลวนั่น หากพวกเรารู้ว่าเรื่องนี้จะเกิดขึน้ พวกเราคงจะไม่ให้โอกาสมันในตอนนั้น พวกเราควร


จะกาจัดมันทิ้ง" อู๋หมิงกังหยงกล่าว

"เจ้าคิดว่าท่านผู้นาไม่อยากจะกาจัดมันเมื่อก่อนหน้านีห้ รือ?"

"แม้ว่าท่านผู้นาจะชนะการต่อสู้เมื่อก่อนหน้านี้ แต่ท่านก็ชนะอย่างฉิวเฉียด ยิ่งไปกว่านั้น ท่านผู้นายัง


รู้สึกว่าชูเซวียนหยวนยังออมมือไว้และไม่ได้ใช้ความสามารถทั้งหมดของมัน แม้ว่าท่านจะไม่รู้ว่าชูเซ
วียนหยวนมีความสามารถอืน่ อะไรอีก แต่ท่านผู้นาก็รู้สึกกลัวชูเซวียนหยวนเพราะเรื่องนั้น" อู๋หมิงเฟิง
หั่วกล่าว

"เช่นนั้นแล้ว นัน่ หมายความว่าไม่ใช่ท่านผู้นาไว้ชีวิตชูเซวียนหยวน แต่เป็นเพราะท่านไม่อาจกาจัดชูเซ


วียนหยวน แม้ว่าท่านอยากจะทาเช่นนั้นหรอกหรือ?" ใบหน้าของอูห๋ มิงกังหยงเต็มไปด้วยความตก
ตะลึง
"อืม” อู๋หมิงเฟิงหัว่ พยักหน้า

"ใต้เท้า หากก่อนนั้นท่านผูน้ าไม่อาจกาจัดชูเซวียนหยวนได้ เช่นนั้นกับชูเซวียนหยวนในปัจจุบัน นั่นไม่


หมายความว่าพวกเรา…?" ยิ่งอู๋หมิงกังหยงคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เขายิ่งกลัวมากขึ้นเท่านั้น

"ก่อนนั้นแม้ว่าเราจะจับตาดูตระกูลเทพชู และมองชูเซวียนหยวนเป็นตัวอันตราย ทั้งยังคิดจะกาจัด


มัน ทว่าเราก็ไม่ได้เปิดตัวเป็นศัตรูกับชูเซวียนหยวนอย่างเปิดเผย ท่านผู้นาทิ้งทางออกให้เปลีย่ นเรื่องนี้
ได้"

"ไม่เช่นนั้น หากก่อนนี้เราลงมืออย่างเต็มที่ ด้วยนิสัยของชูเซวียนหยวน มันคงจะโจมตีเราแล้ว"

"ในเมื่อชูเซวียนหยวนไม่ได้โจมตีเรา นั่นหมายความว่า… มันไม่ได้เก็บเรื่องที่เกิดขึน้ ก่อนนั้นมาใส่ใจ"


อู๋หมิงเฟิงหั่วกล่าว

"ไม่ใส่ใจหรือ?" อู๋หมิงกังหยงไม่เห็นด้วยกับอูห๋ มิงเฟิงหั่ว เขาจาได้ว่าชูเซวียนหยวนเป็นคนเจ้าคิดเจ้า


แค้น

"ใต้เท้า หรือว่าเราคิดมากเกินไป? ค่ายกลผนึกนั่นอาจจะเป็นเพียงการป้องกันของชูเซวียนหยวน?


บางทีอาจจะเป็นสิ่งที่มนั ปลดปล่อยออกมาผ่านการใช้งานสมบัติล้าค่าบางอย่าง?"
"ส่วนที่ว่าทาไมชูเซวียนหยวนใช้งานค่ายกลผนึกออกมา มันทาเพือ่ ที่เราจะได้คดิ ว่ามันแข็งแกร่งขึ้น
แล้วหวาดกลัวมันและไม่กล้าโจมตีบุตรชายของมัน?" อู๋หมิงกังหยงลองทายดู

"สิ่งที่เจ้าพูดก็เป็นไปได้ ทว่าข้ารู้สึกว่าความเป็นไปได้นนั้ น้อยนัก" อู๋หมิงเฟิงหัว่ กล่าว

"ดูเหมือนเราไม่ได้กาจัดภัยคุกคามอย่างชูเซวียนหยวน" อู๋หมิงกังหยงถอนใจ

"ชูเซวียนหยวนเป็นภัยคุกคาม นั่นย่อมไม่ต้องสงสัย ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือตอนนี้ ชูเซวียนหยวนก็


ยังเป็นภัยคุกคามที่เราไม่อาจมองข้ามได้"

"ทว่าภัยคุกคามตัวจริงต่อดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักรของเราในยามนี้ไม่ใช่ชเู ซวียนหยวน แต่เป็น


ตระกูลเทพหลิงฮู" อู๋หมิงเฟิงหั่วกล่าว

เมื่อได้ยินคาว่า ‘ตระกูลเทพหลิงฮู’ อูห่ มิงเฟิงหั่วก็เริ่มขมวดคิ้ว ความกังวลบนใบหน้าของมันชัดมาก


ขึ้น

ในฐานะคนจากดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักร มันจะไม่รู้เกี่ยวกับความมักใหญ่ใฝ่สูงของตระกูลเทพห
ลิงฮูได้อย่างไร?
สิ่งที่ทาให้อหู๋ มิงเฟิงหั่วกังวลมากที่สุดคือ... ความจริงที่ว่าตระกูลเทพหลิงฮูได้รวบรวมพละกาลัง
เพียงพอแล้ว แม้ว่าดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักรของพวกมันจะรู้ถึงความมักใหญ่ใฝ่สูงของตระกูล
เทพหลิงฮูก็สายไปแล้ว

ดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักรของพวกมันถูกกาหนดให้ต้องต่อสู้กับตระกูลเทพหลิงฮู

สิ่งที่อู๋หมิงเฟิงหั่วกล่าวนั้นถูกต้องยิ่ง ยังมีทางออกเพื่อที่จะเปลี่ยนสถานการณ์ระหว่างพวกมันกับชูเซ
วียนหยวน

ทว่ากับตระกูลเทพหลิงฮูแล้ว มันไม่มีทางทีจ่ ะเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ได้เลย

สงครามระหว่างพวกมันนั้นไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

แม้ว่าพวกมันดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักรอยากจะหลีกเลี่ยง แต่ตระกูลเทพหลิงฮูย่อมไม่ยินยอม

บทที่ 3367 หมดหวังโดยสิ้นเชิง

"ใต้เท้า ถ้าชูเซวียนหยวนออกมาจากสถานที่ต้องห้ามแห่งตระกูลเทพชูแล้วแน่นอน และวรยุทธ์ของ


เขาเพิ่มมากขึ้นมาด้วย นั่นจะไม่ได้หมายความว่าเราต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน ถ้าชูเซวียนหยวนไป
ร่วมมือกับตระกูลเทพหลิงฮูและเข้ามาโจมตีเราด้วยกองหน้าทั้งสอง?" อู๋หมิงกังหยงเริ่มวิตกกังวล
มากขึ้นเมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ อันที่จริงเขารู้สึกหมดหวัง
ถ้ามันเป็นเพียงแค่ตระกูลเทพหลิงฮูเพียงลาพัง ดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักรทีม่ ที รัพยากรและ
สมบัติมากมายที่เก็บรวบรวมมาเป็นเวลาหลายปีน่าจะพอต่อสู้กับพวกมันได้ แต่ถา้ ชูเซวียนหยวนเข้าไป
ร่วมการต่อสู้ด้วย เป็นการยากสาหรับพวกตนที่จะรับมือ

อู๋หมิงกังหยงรู้สึกว่าถ้าวรยุทธ์ของชูเซวียนหยวนมีพลังมหาศาลเพิ่มมากขึ้นกว่าแต่ก่อนอย่างแท้จริง
เขาจะกลายเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวอย่างยิ่งมากกว่าที่จะเป็นตระกูลเทพหลิงฮู

"เจ้าไม่ต้องกังวลในเรื่องนัน้ ด้วยบุคลิกลักษณะของชูเซวียนหยวน นัน่ เป็นไปไม่ได้สาหรับเขาทีจ่ ะไป


ร่วมมือกับตระกูลเทพหลิงฮู"

"นอกจากนี้เราก็ไม่รู้เลยว่าชูเซวียนหยวนวางแผนจะทาอะไร อันที่จริงเขาไม่เต็มใจที่จะแสดงตัวเอง
ด้วยซ้าไป"

"อย่างไรก็ตาม มันยังมีเหตุผลที่ว่าทาไมพวกเราจึงไม่สามารถสร้างศัตรูกับตระกูลเทพชูได้ก่อนที่เรา
จะแน่ใจว่าวรยุทธ์ของชูเซวียนหยวน ในปัจจุบันเป็นเช่นไร มิฉะนั้นแล้ว เราจะทาให้ตระกูลของเราตก
อยู่ในช่องแคบที่หมดหวัง" อู๋หมิงเฟิงหั่วพูด

"จริงด้วย" อู๋หมิงกังหยงพยักหน้า

"ถ้าข้าไม่ได้มาที่นี่ในเวลานี้ เจ้าก็คงก่อเรื่องผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงแน่นอน" อูห๋ มิงเฟิงหัว่ มองไปที่อู๋


หมิงกังหยง สายตาของเขาดูดดุ ัน

"ใต้เท้า ความผิดพลาดอะไรหรือที่ข้าน้อยผู้นเี้ ป็นต้นเหตุ?" อู๋หมิงกังหยงถาม


"เจ้าคิดว่าข้าไม่รหู้ รือว่าเจ้าได้รับประโยชน์อย่างมหาศาลจากตระกูลเทพฟาง และจัดฉากการต่อสู้บ้า
บอคอแตกนี้ขึ้นเพราะเรื่องนี้" อู๋หมิงเฟิงหั่วพูดอย่างเย็นชา

"ใต้เท้า ข้าน้อยผิดไปแล้ว ใต้เท้าโปรดให้โอกาสข้าด้วยเถิด"

ท่าทีของอูห๋ มิงกังหยงเปลี่ยนไปอย่างมาก เขารีบคุกเข่าลงกลางอากาศและขอร้องให้อู๋หมิงเฟิงหัว่ ให้


อภัย

"ลุกขี้น ถ้าข้าต้องการจะลงโทษเจ้า ข้าคงทาไปแล้วก่อนหน้านี้"

"ดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักรของเราในขณะนี้กาลังเผชิญกับศัตรูที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่เวลาที่เราจะมา
ปะทะกันเองภายใน" อูห๋ มิงเฟิงหัว่ พูด

"ขอบคุณใต้เท้า" อู๋หมิงกังหยงแสดงการขอบคุณออกมาทันทีและเอามือปาดเหงือ่ ที่ไหลเต็มหน้าของ


เขา ก่อนหน้านี้เขารู้สึกหวั่นเกรงอย่างมาก เหตุผลเพราะว่าเขารู้ว่าบุคลิกลักษณะของอู๋หมิงเฟิงหั่วเป็น
อย่างไร

อู๋หมิงเฟิงหั่วเป็นคนที่ไม่ชอบให้คนในตระกูลของตนทาสิ่งที่น่าละอาย
ในอดีตเขาเคยทาลายวรยุทธ์ของคนในตระกูล เพียงเพราะว่าพวกมันเหล่านั้นสมรูร้ ่วมคิดกับคน
ตระกูลอื่น

อู๋หมิงกังหยงแท้ที่จริงแล้วสามารถรอดพ้นการลงโทษได้เพียงเพราะว่า... ดินแดนเหนือหัวแห่งดารา
จักรในขณะนี้กาลังเผชิญอยูก่ ับวิกฤตที่ยิ่งใหญ่สองทาง ทั้งจากตระกูลเทพหลิงฮูและชูเซวียนหยวน

"เรื่องที่เกี่ยวข้องกับชูเซวียนหยวนเป็นความลับอย่างแท้จริง ปกติแล้ว ข้าไม่ควรบอกเจ้าเกี่ยวกับเรื่อง


นี"้

"เจ้ารู้ไหมว่าทาไมข้าถึงพูดเรื่องนี้กับเจ้า?" อู๋หมิงเฟิงหั่วถาม

"ใต้เท้า โปรดอธิบาย" อู๋หมิงกังหยงประสานมือด้วยความเคารพ

"ในขณะทีท่ ุกคนในดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักรของเรารู้ว่าชูเซวียนหยวนเป็นศัตรูตัวร้าย แต่มัน


ไม่ได้หมายความว่า คนเหล่านั้นรู้ว่าชูเซวียนหยวนเป็นผู้ที่มีความน่ากลัวมากเพียงใด คนในตระกูลของ
เราเป็นจานวนมากมองเขาอย่างดูถูกดูแคลน"

"สาหรับเจ้า เจ้าเป็นคนในจานวนสองสามคนที่รดู้ ีว่าชูเซวียนหยวนน่ากลัวมากเพียงใด"

"ข้าพูดทั้งหมดนี้กับเจ้า เพราะว่าข้ามีงานที่ต้องการให้เจ้าทาให้สาเร็จ" อู๋หมิงเฟิงหั่วพูด


"ใต้เท้า โปรดชี้แนะ" อูห๋ มิงกังหยงพูด

"หลังจากที่เจ้ากลับไปที่ตระกูล ให้เจ้าไปหาท่านผูย้ ิ่งใหญ่ทั้งหก และถ้าเจ้าสามารถที่จะแจ้งให้กับ


ท่านผู้นาได้โดยตรง... มันก็จะเป็นการดีที่สุด"

"บอกพวกท่านว่าข้าได้พบชูเฟิง ทักษะของเด็กผู้นี้ล้าเลิศอย่างมากและเหนือกว่าหลิงฮูหงเฟย ใน
ความเป็นจริงทักษะของชูเฟิงไม่ได้ด้อยไปกว่าชูเซวียนหยวนในอดีตเลย"

"มันต้องมีเหตุผลที่ว่าทาไมชูเฟิงจึงปรากฏตัว ข้าสงสัยว่าชูเซวียนหยวนได้ออกมาจากสถานที่
ต้องห้ามแห่งตระกูลเทพชูแล้ว และได้กลับมายังดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์พร้อมกับชูเฟิง"

"ชูเซวียนหยวนคดโกงพวกเราเมื่อเขาถูกขับไล่ออกไปจากตระกูลเทพชู และถูกคุมขังอยู่ในสถานที่
ต้องห้าม"

"ถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตแท้ทจี่ ริงเป็นเรื่องเสแสร้ง ชูเซวียนหยวนในคนปัจจุบันน่าจะมีความแข็งแกร่ง


เพิ่มมากขึ้นกว่าแต่ก่อน"

"นอกจากนี้ในเวลานี้เขาเป็นคนที่อยู่ในที่ลบั ในขณะทีพ่ วกเราอยู่ในที่แจ้ง"


"โชคดี มันดูเหมือนว่าบุรุษผู้นี้ไม่ได้วางแผนที่จะทาสงครามกับเรา ตราบใดที่เราไม่ได้พยายามที่จะยั่ว
ยุเขาอีกครั้งหนึ่ง เขาก็น่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับตระกูลของเรา"

"ดังนั้นเราต้องเตือนคนในตระกูลของเราว่า ห้ามนาความยุ่งยากให้กับตระกูลเทพชูหรือชูเฟิงอีก ใน
ระหว่างที่เราต้องเผชิญหน้ากับตระกูลเทพหลิงฮู เราต้องแน่ใจว่าจะไม่สร้างศัตรูกับตระกูลเทพชู" อู๋
หมิงเฟิงหั่วพูด

"ใต้เท้า เหตุใดท่านถึงไม่วางแผนที่จะไปแจ้งกับท่านผูน้ าเกี่ยวกับเรื่องนีด้ ้วยตัวของท่านเอง ถ้าท่านไป


แล้วแจ้งพวกเขาด้วยตัวท่านเอง มันจะดูมีน้าหนักมากกว่า" อู๋หมิงกังหยงพูด

"ข้าจะต้องพูดเรื่องนี้แน่ทันทีที่ข้ากลับไปที่ตระกูล อย่างไรก็ตาม ข้ามีบางสิ่งที่ต้องทาในเวลานี"้ อู๋


หมิงเฟิงหั่วพูด

"ข้าน้อยเข้าใจแล้ว ใต้เท้าโปรดวางใจ ข้าจะทาให้ดที ี่สุดที่จะอธิบายความต้องการของท่าน" อู๋หมิง


กังหยงลั่นวาจาปฏิญาน

อู๋หมิงกังหยงไม่ได้พดู คาเหล่านั้นเพียงเพื่อเอาใจ แต่เขาพูดด้วยความจริงใจ

ถึงแม้ว่าอู๋หมิงกังหยงจะเป็นคนที่โหดร้ายไร้ความปรานี โลภโมโทสันและชั่วร้าย แต่เขาก็เป็นคนที่


ซื่อสัตย์และอุทิศตัวให้กับดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักร
เขาเห็นกับตาถึงพลังของชูเซวียนหยวนในอดีต และรู้เป็นอย่างดีว่าชูเซวียนหยวนน่ากลัวมากเพียงใด
ดังนั้นเขาจึงเห็นความสาคัญและผลที่จะตามมาเมื่อชูเซวียนหยวนออกจากสถานที่ต้องห้ามแห่งตระกูล
เทพชูและกลับมายังดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์

หลังจากนั้นอูห๋ มิงเฟิงหั่วพูดคุยกับอู๋หมิงกังหยงในเรื่องอื่น ๆ ก่อนที่อู๋หมิงกังหยงจะนาคนจากดินแดน


เหนือหัวแห่งดาราจักรออกเดินทาง

มีเพียงแค่อหู๋ มิงเฟิงหั่วที่ยังคงอยู่

อู๋หมิงเฟิงหั่วไม่ได้วางแผนที่จะจากไปโดยทันที เขายังยืนอยู่ในทีท่ ี่สามารถมองขึ้นไปยังท้องฟ้าที่มี


ดาราที่กว้างใหญ่ เขามองดูเหมือนกาลังมองหาอะไรบางอย่าง

เหตุผลที่มนั จิตใจล่องลอยเช่นนั้น นั่นเพราะว่ารู้สึกหวาดกลัวคนผูห้ นึ่ง

คนผู้นั้นคือชูเซวียนหยวน

มีเพียงแค่สิ่งเดียวทีอ่ ู๋หมิงเฟิงหั่วไม่ได้พูดกับอู๋หมิงกังหยงหรือคนอื่นในตระกูล

โดยส่วนตัวแล้ว มันรู้สึกว่าชูเซวียนหยวนในปัจจุบันได้ไปถึงวรยุทธ์ในขัน้ ที่อยูเ่ หนือพลังทั้งมวลและ


ปัจเจกบุคคลในดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์
อู๋หมิงเฟิงหั่วกลัวว่าถึงแม้ดนิ แดนเหนือหัวแห่งดาราจักรจะรวมพลังกันกับพันธมิตรทั้งหมดของพวกมัน
พวกมันก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้กับชูเซวียนหยวนเพียงคนเดียว

ดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักรของพวกมันสามารถต่อสู้กับทุกคนได้ ยกเว้นอยูเ่ พียงผู้เดียวคือบุรุษผู้นี้

ดังนั้นอูห๋ มิงเฟิงหั่วจึงตัดสินใจที่จะทาบางสิ่งทีด่ ูบ้าบอคอแตก

มันคุกเข่าลงกลางอากาศ

"ชูเซวียนหยวน ข้าไม่รู้ว่าเจ้าอยู่ที่นหี่ รือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม ข้าหวังว่าเจ้าจะอยู"่

"ข้าปรารถนาที่จะขอโทษในนามของตระกูลของข้า เมื่อย้อนกลับไป มันเป็นความผิดของตระกูลของ


ข้า อย่างไรก็ตาม เจ้าเป็นคนที่ฉลาดเฉลียวและมีความเข้าใจท่านผู้นา ไม่เพียงแต่ท่านผู้นาจะเป็น
ผู้ปกครองดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักร แต่ท่านยังเป็นประมุขตระกูลเทพอูห๋ มิงของเรา เมื่อเป็น
เช่นนั้น ท่านเป็นคนที่ต้องดูแลตระกูลเทพอูห๋ มิงทั้งหมด"

"ถ้าเจ้าต้องการตาแหน่งของผู้ปกครองของดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์ ข้ารู้ว่าตระกูลของเราไม่สามารถ
หยุดยั้งเจ้าได้ แต่ข้าขอร้อง เจ้าโปรดไว้ชวี ิตคนในตระกูลของเรา ปล่อยให้พวกเราดาเนินชีวิตต่อไป"

ช่างน่าตลก การกระทาของอู๋หมิงเฟิงหั่วไม่เพียงแต่ดบู ้าบอ แต่ช่างดูน่าตลกขบขันเป็นอย่างมาก


ในฐานะจอมยุทธ์ยอดฝีมือหนึ่งในสิบจากดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักรที่อยู่สูงเหนือผู้อื่น อู๋หมิงเฟิง
หั่วกล่าวคาที่ดเู จียมตัวและทาสิ่งที่น่าอดสูของตระกูลให้กับใครบางคนที่มาจากตระกูลเทพชู

นอกจากนี้มันทาไปโดยไม่รู้เลยว่าชูเซวียนหยวนอยูท่ ี่นั่นหรือไม่ โดยธรรมชาติแล้ว นี่เป็นเรื่องที่น่า


ขบขัน

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนีเ้ ป็นการเปิดเผยอย่างหมดเปลือกว่าอู๋หมิงเฟิงหั่วมีความเกรงกลัวต่อชูเซวียน


หยวนมากเพียงใด

ถ้าใครสักคนหนึ่งไม่ได้กลัวคนอีกคนหนึ่งในระดับที่สูงมากเช่นนี้ คนผู้นั้นจะกล้าทาสิ่งที่ไร้สาระเช่นนี้ได้
อย่างไร?

นอกจากนี้มันเป็นความสามารถอย่างหนึ่งของอู๋หมิงเฟิงหั่วทีท่ าสิ่งเช่นนี้ได้

อู๋หมิงเฟิงหั่วไม่เพียงแต่หวาดกลัวชูเซวียนหยวน แต่ยงั ดูหมดสิ้นพลังในเวลานี้

ในขณะที่มนั รูว้ ่าชูเซวียนหยวนมีพลังมากเพียงใด แต่ไม่ใช่ทุกคนที่อยู่ในดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักร


รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้

เมื่อเปรียบเทียบกับความตรงไปตรงมาของชูเซวียนหยวน อู๋หมิงเฟิงหั่วรู้สึกกลัวคนในตระกูลของตน
มากขึ้น ผู้คนที่เชือ่ ว่าพวกตนไม่มีวันผิดพลาดและมองคนอื่นอยู่ต่ากว่า
มันกลัวว่าคนในตระกูลทีโ่ ง่เง่าของตนจะไปยั่วยุตระกูลเทพชูอีกครั้งหนึ่ง ทั้งหมดนีอ้ ู๋หมิงเฟิงหั่วเกรงว่า
พวกมันจะไปทาร้ายบุตรชายของชูเซวียนหยวน

ย้อนกลับไป เขาได้เห็นด้วยตาตัวเองถึงฉากที่ชเู ซวียนหยวนสังหารหมูท่ ุกคนเพียงเพราะชูเฟิง

เพราะว่ามันเห็นด้วยตาตนเองว่าชูเซวียนหยวนเป็นคนที่น่ากลัวมากเพียงใด และก็รู้เป็นอย่างดีว่าชูเฟิง
มีความสาคัญกับชูเซวียนหยวนมากเพียงใด

บางทีชเู ซวียนหยวนอาจจะไม่ทะเลาะกับดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักร เพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต

อย่างไรก็ตาม ถ้าใครบางคนจากดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักรได้ทาอันตรายบุตรชายของเขา...

แน่นอนว่า ชูเซวียนหยวนจะต้องทาให้ดนิ แดนเหนือหัวแห่งดาราจักรรู้ซึ้งเป็นที่สุด...

บทที่ 3368 การกบฏของตระกูลสาขา

อู๋หมิงเฟิงหั่วรู้เป็นอย่างดีวา่ พวกมันไม่สามารถยั่วยุชเู ซวียนหยวนได้อีกต่อไป หากพวกมันทาให้ชเู ซ


วียนหยวนรู้สึกโกรธ พวกมันเหล่าดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักรจะต้องถูกดึงกลับมาในนรกก็เป็นได้

อย่างที่กล่าวไป อูห๋ มิงเฟิงหั่วรู้เป็นอย่างดีว่า เขาไม่สามารถที่จะป้องกันคนในตระกูลที่โง่เขลาของตน


จากการทาสิ่งบ้าบอนี้ได้
บางทีทุกคนเคยได้ยินเกีย่ วกับความสาเร็จของชูเซวียนหยวนในอดีตมาก่อน แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุก
คนที่รู้ว่าชูเซวียนหยวนมีพลังมากเพียงใด

ไม่ใช่เพียงคนจากดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักรเท่านั้นที่ไม่รู้เกี่ยวกับพลังอานาจของชูเซวียนหยวน แต่
คนอีกเป็นจานวนมากในดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์ก็ไม่รเู้ กี่ยวกับพลังอานาจของชูเซวียนหยวนเช่นกัน

แท้ที่จริงมีคนอีกเป็นจานวนมากที่ตั้งคาถามเกี่ยวกับความสาเร็จของชูเซวียนหยวน และเชื่อว่าสิ่งบอก
เล่าเหล่านั้นเป็นการโกหกและพูดเกินจริง

นอกจากนี้มันยังมีคนไม่มากมายนักที่จะคิดเปรียบเทียบหลิงฮูหงเฟยกับชูเซวียนหยวน

คนซึ่งรู้ความจริงเกี่ยวกับชูเซวียนหยวนนั้นต่างรู้ว่า ในขณะทีห่ ลิงฮูหงเฟยเป็นผู้มพี รสวรรค์อย่าง


แท้จริง มันก็ไม่ใช่คนเหมาะสมที่จะนามาเทียบเท่ากับชูเซวียนหยวน

แต่โชคร้ายมีคนโง่จานวนมากเกินไปในโลกานี้ คนโง่จานวนมากมายทีเ่ ชื่อว่าตัวของพวกมันเองไม่มี


ข้อผิดพลาด

ย้อนกลับไป อูห๋ มิงเฟิงหั่วเคยพยายามชักนาคนในตระกูลของตน เพื่อไม่ให้เป็นศัตรูกับชูเซวียนหยวน


และตระกูลเทพชู

มันรู้สึกว่าด้วยบุคลิกลักษณะของชูเซวียนหยวน ถ้าพวกมันสามารถเป็นสหายกันได้ ชูเซวียนหยวนจะ


ไม่เป็นศัตรูกับดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักรอย่างแน่นอนถึง แม้ว่าจะมีพลังอานาจมากยิ่งขึ้นใน
อนาคต

แต่ในเวลานั้น ชูเซวียนหยวนถูกมองว่าเป็นคนขี้ขลาด ทั้งยังถูกดูแคลนว่าเป็นตัวตลกโดยคนมากมาย


ในดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักร

ทุกคนรู้สึกว่าอู๋หมิงเฟิงหัว่ โอ้อวดความสามารถของชูเซวียนหยวนจนเกินจริงและบั่นทอนจิตใจของคน
ใน อู๋หมิงเฟิงหั่วถูกคนในตระกูลเรียกว่าเป็นคนทรยศและเรียกร้องให้ถูกลงโทษอย่างหนัก
แต่โชคดีที่ผู้ปกครองคนปัจจุบันของดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักรอย่างอูห๋ มิงโต่วเทียนเป็นคนฉลาด

อู๋หมิงโต่วเทียนไม่เคยดูถูกชูเซวียนหยวน อย่างไรก็ตาม เขาไม่เชื่อว่าการเป็นสหายกับชูเซวียนหยวน


จะเป็นการรับประกันว่า ชูเซวียนหยวนจะไม่กลายเป็นศัตรูของดินแดนเหนือหัวแห่งดาราจักร

จากลักษณะนิสัยทีเ่ ป็นคนทีม่ ีความทะเยอทะยาน ในฐานะที่เป็นประมุขของดินแดนเหนือหัวแห่งดารา


จักร และในฐานะที่เป็นผู้ปกครองของดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์ อูห๋ มิงโต่วเทียนเชื่อมั่นในตัวเองเท่านั้น

ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจทีจ่ ะปราบชูเซวียนหยวนเหมือนกับที่เคยปราบชูฮั่นเซียน

นัน่ คือเหตุผลทีว่ า่ ทาไมสิง่ เหล่านีใ้ นอดีตจึงเกิดขึน้

เมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้น ดูเหมือนเป็นข้อพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของพวกมันในเวลานั้นเป็นการผิดพลาด

มังกรที่แท้จริงไม่สามารถถูกปราบได้ และสาหรับชูเซวียนหยวน เขาเป็นมังกรที่แท้จริง

อย่างไรก็ตาม ถ้าชูเซวียนหยวนเป็นมังกรที่แท้จริง? อู๋หมิงเฟิงหั่วรูด้ ีว่าถึงแม้ว่าตนจะกลับไปที่ตระกูล


และอธิบายให้คนในตระกูลทราบว่าเรื่องนี้มีความร้ายแรงมากเพียงใด ทว่าก็คงยังมีคนอีกเป็นจานวน
มากที่ไม่เชือ่ ตัวมัน

สิ่งที่เคยเกิดขึน้ ในอดีตอาจจะเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

ไร้อานาจ อู๋หมิงเฟิงหั่วในเวลานี้ดูเหมือนไร้พลังเหมือนกับที่เคยเป็นมาในอดีต

"เหอะ.."

ทันใดนั้น อู๋หมิงเฟิงหัว่ เค้นเสียงด้วยความขมขื่น


นั่นเป็นเสียงหัวเราะของการช่วยอะไรไม่ได้ เขาไม่เพียงแต่พบว่าเรื่องที่ตนกระทาเมื่อครู่ถือเป็นเรื่องที่
น่าขัน แต่มากไปกว่านั้นคือ... เขารู้สึกว่าการไร้พลังความสามารถของตนเป็นสิ่งทีน่ ่าหัวเราะอย่าง
แท้จริง

ถึงแม้ว่าอูห๋ มิงเฟิงหั่วจะแน่ใจว่าทางเดินนั้นจะนาไปสู่หายนะ เขาก็ไม่สามารถจะปกป้องคนจากตระกูล


ไม่ให้ถลาลึกลงไปในเส้นทางนั้น การไร้ซึ่งพลังอานาจในเรื่องนี้ทาให้เขารู้สึกหมดหวัง

ด้วยรอยยิ้มอันขมขื่นทีป่ รากฏบนใบหน้า อู๋หมิงเฟิงหัว่ ลุกขึ้นยืนและหายไปในท้องฟ้าที่มดื มิด

ภาพของเขาในอดีตดูเหมือนโดดเดี่ยวเป็นอย่างยิ่งและเต็มไปด้วยความวิตกกังวล

...........

ชูเฟิงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับบทสนทนาระหว่างอู๋หมิงเฟิงหั่วและอู๋หมิงกังหยง

มันไม่รู้ด้วยว่าการกลับมาของตนจะสร้างแรงกดดันอย่างมากมายให้กับอู๋หมิงเฟิงหั่ว

หลังจากเดินทางมาระยะเวลาหนึ่ง ชูเฟิงและไป๋หลีลั่วก็ได้มาถึงดินแดนซื่อโจวแห่งโลกาเบื้องบนที่
ปกครองโดยตระกูลเทพอูห๋ ม่า

เมื่อชูเฟิงและไป๋หลีลั่วออกมาจากวงแหวนเวทเคลื่อนย้ายโบราณ ทันใดนั้นพวกมันก็พบเห็นกลุ่มคน
จากตระกูลเทพอูห๋ ม่า

อย่างไรก็ตาม กลุ่มคนในตระกูลเทพอูห๋ ม่ามีสายตาที่โกรธแค้นและท่าทีเย็นชา


ถึงแม้ว่าพวกมันจะแขวนป้ายของตระกูลเทพอูห๋ ม่าทีเ่ อว แต่พวกมันก็สวมใส่ชดุ ที่แตกต่างไปจากอู๋หม่า
เซิ่งเจี๋ยและคนอื่น ๆ นอกจากนี้วรยุทธ์ของพวกมันดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าคนของตระกูลเทพอูห๋ ม่าที่
ชูเฟิงเคยเห็น

หัวใจของชูเฟิงตกวูบลงไปทันทีทเี่ ห็นคนเหล่านั้น

มันตระหนักได้ทันทีว่าคนของตระกูลเทพอูห๋ ม่ากลุ่มนี้ไม่ได้มาจากตระกูลเทพอูห๋ ม่าซึ่งปกครองดินแดน


ซื่อโจวแห่งโลกาเบื้องบน

แต่แท้ที่จริงแล้ว พวกมันมาจากตระกูลสาขาของตระกูลเทพอู๋หม่า

สิ่งทีช่ เู ฟิงกังวลมากที่สุดได้เกิดขึ้นแล้ว

"สายไปแล้ว พี่สาวหลีลั่ว เราต้องรีบแล้ว" ชูเฟิงมองไปที่ไป๋หลีลวั่

ไป๋หลีลวั่ มีไหวพริบและเข้าใจความต้องการของชูเฟิง นางจับตัวชูเฟิงและด้วยความไวแสง ทั้งคู่ได้


หายไปจากสถานที่ที่ตนยืนอยู่ก่อนหน้านี้

ด้วยความเร็วอันน่าพิศวงของไป๋หลีลวั่ เสียงลมดังอื้ออึงที่ถูกนางสร้างขึ้นได้พดั กวาดไปโดยรอบ

ไม่เพียงแต่ผู้คนที่ยืนดูอยู่จะได้รับผลจากลมคลั่งนั้น แม้แต่คนของตระกูลสาขาของตระกูลเทพอูห๋ ม่าก็


ล้มกลิ้งไปโดยลมทีพ่ ดั อย่างรุนแรง

"ใต้เท้า เกิดอะไรขึ้น?"

คนจากตระกูลสาขาลุกขึ้นอย่างต่อเนื่อง และตรงไปที่ดา้ นหน้าของชายชรา

ชายชราไม่เพียงแค่เป็นคนที่มาจากตระกูลสาขาของตระกูลเทพอูห๋ ม่า แต่เขายังครอบครองระดับพลัง


เทวาห้วงที่สามอีกด้วย ถือได้ว่าเขาเป็นคนที่มีฐานะและอานาจ
อย่างไรก็ตาม แม้แต่ชายชราผู้นั้นก็ยังถูกผลักให้ล้มกลิ้งโดยลมที่รุนแรงที่ปรากฏขึน้ อย่างทันที

ถึงแม้ว่าลมอันรุนแรงจะไม่ได้มีพลังที่อันตรายมากนัก แต่สามารถบอกได้ว่ามันมีความน่ากลัวเพียงใด

"มันเป็นคนสองคนก่อนหน้านี้" ชายชราพูดหลังจากกวาดตามองไปรอบบริเวณ

"คนสองคนจากก่อนหน้านี้"

คนจากตระกูลสาขารู้ได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติหลังจากที่ได้ยินคาพูดเหล่านั้น

เหตุผลเพราะว่าพวกมันสังเกตได้ว่า เมื่อครู่นั้นมีคนสองคนที่เพิ่งจะออกมาจากวงแหวนเวทเคลื่อนย้าย
โบราณ

อย่างไรก็ตาม พวกมันไม่ได้เห็นรูปลักษณ์ภายนอกของชูเฟิงและไป๋หลีลั่ว

เหตุผลเพราะว่าคนทั้งสองปลอมตัวมา

ชูเฟิงไม่ใช่คนขี้ขลาด อย่างไรก็ตาม มันยังเป็นคนจากตระกูลเทพชู เมื่อเป็นเช่นนัน้ ชูเฟิงต้องคานึงถึง


ความปลอดภัยของตระกูลเทพชู มันจึงไม่เคยคิดที่จะแสดงตัวมาตั้งแต่แรก

"ใต้เท้า เหตุใดผู้เยี่ยมยุทธ์จึงมาปรากฏตัวที่นี่อย่างกะทันหัน?"

"มันจะเป็นผูท้ ี่พวกเศษสวะร้องขอให้มาช่วยใช่หรือไม่?" คนจากตระกูลสาขาถามด้วยความวิตกกังวล

เศษสวะทีพ่ วกมันพูดถึงน่าจะหมายถึงคนของตระกูลหลักของตระกูลเทพอูห๋ ม่าอย่างแน่นอน


พวกมันปฏิเสธทีจ่ ะกล่าวชื่อคนตระกูลหลักของตระกูลเทพอูห๋ ม่าว่าเป็นคนของตระกูลเทพอู๋หม่า ถ้า
พวกมันกล่าวออกไปเช่นนั้น นั่นก็เหมือนกับยอมรับความจริงที่ว่าพวกมันเป็นตระกูลสาขา

ถ้าเช่นนั้นพวกมันมักจะกล่าวถึงคนจากตระกูลหลักว่าเป็น 'เศษสวะ'

"ถึงแม้ว่าพวกมันจะใช่ เราก็ไม่มีความจาเป็นต้องกลัว"

"พวกเราเตรียมพร้อมอยู่แล้ว ถ้ามีใครกล้าเข้ามายุ่งเกีย่ วกับเรื่องนี้ พวกเราจะสร้างความลาบาก


ให้กับพวกมัน" ชายชรากล่าว

"ถูกต้อง นอกจากนี้พวกเราได้ขอให้ท่านใต้เท้าเดินทางมาด้วย" คนของตระกูลสาขาหัวเราะด้วย


ความยินดี

"เงียบได้แล้ว ไม่ใช่ทุกคนทีร่ ู้ว่าถึงการมาของใต้เท้าผู้นนั้ อย่าทาให้ผดิ สังเกต" ชายชรากล่าวเตือน

"ขอรับท่าน พวกเราผิดไปแล้ว" คนจากตระกูลสาขากล่าวขออภัยในทันที

"ทางานของเจ้าให้ถูกต้อง ถึงแม้ว่าท่านใต้เท้าอยู่ที่นี่ เราก็ต้องทาในสิ่งที่เราจาเป็นต้องทาตามหน้าที่


อยู่ดี" ชายชรากล่าวเตือน

"ขอรับ"

คนจากตระกูลสาขากลับไปยืนประจาตาแหน่งของตน หนึ่งในคนเหล่านั้นส่งข่าวออกไปว่ามีอะไร
เกิดขึ้น

เหตุผลทีว่ ่าทาไมพวกมันมารวมตัวกันอยู่ ณ ทีน่ ี้ เห็นได้ชดั ว่าเป็นการสอดแนมหากพบว่ามีบางอย่าง


ผิดปกติ
ถึงแม้ว่าพวกมันจะพบว่ามีปัจเจกบุคคลที่น่าสงสัยสองคน แต่ชายชรายังคงมีความมั่นใจอย่างเต็มที่

"เศษสวะทั้งหลาย พวกเจ้าจะไม่มีใครสามารถหลบหนีไปได้ เราจะเปลี่ยนความอดสูทพี่ วกเจ้ากระทา


กับท่านบรรพชนของเราในอดีต" ชายชรากล่าวพึมพาเสียงเบา

ดวงตาและคาพูดของเขาล้วนเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

บทที่ 3369 เสียงกรีดร้อง

เพราะการเดินทางด้วยความเร็วเต็มที่ของไป๋หลีลั่ว นางและชูเฟิงได้มาถึงด้านนอกของตระกูลเทพอู๋
หม่าอย่างรวดเร็ว

ทันทีที่มาถึงแล้วนั้น พวกคูค่ ้นพบว่าตระกูลเทพอู๋หม่าที่ยิ่งใหญ่ถูกปิดผนึกโดยค่ายกลเชื่อมมิตทิ ี่ไร้


ขอบเขต

ถึงแม้ว่าอาณาเขตของตระกูลเทพอู๋หม่าจะกว้างใหญ่มหาศาล แต่ค่ายกลเชื่อมมิติสามารถที่จะปิด
ผนึกได้ทั้งหมดทั้งท้องฟ้าและพื้นดิน ความใหญ่โตของค่ายกลเชื่อมมิติเป็นที่น่าตกใจอย่างยิ่ง

นอกจากนี้ค่ายกลเชื่อมมิติไม่ได้ถูกซ่อนเร้น ทุกคนสามารถมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน

คนจากตระกูลเทพอูห๋ ม่ารวมตัวกันอยู่ด้านนอกของค่ายกลเชื่อมมิติ

อย่างไรก็ตาม พวกมันไม่ใช่คนจากตระกูลเทพอูห๋ ม่าทีม่ าจากตระกูลหลัก แต่พวกมันล้วนเป็นคนที่มา


จากตระกูลสาขา

คนที่อยูด่ ้านนอกเหล่านั้นยืนอยู่สูงบนท้องฟ้าและมองลงมาอย่างยโสโอหัง ราวกับว่าพวกมันเป็น


ผู้ปกครองดินแดนซื่อโจวแห่งโลกาเบื้องบน
ด้วยสายตาเช่นนี้ก็สามารถจับความสนใจของคนที่อยู่ใกล้ได้

ในเวลานั้นขุมอานาจที่อยู่ใกล้เคียงได้เข้ามารวมตัวกันล้อมรอบค่ายกลเชื่อมมิติไว้ นอกจากนี้ยังมีพวกที่
เคยได้ยนิ ว่ากาลังจะเกิดอะไรขึ้นก็ล้วนมารวมกันอยู่ในบริเวณนั้น

ถึงแม้พวกมันจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ระหว่างตระกูลเทพอู๋หม่าที่เป็นตระกูลหลักและตระกูลสาขา
แต่บรรดาขุมอานาจของดินแดนซื่อโจวล้วนมีท่าทีวิตกกังวลบนใบหน้า พวกมันมีความรู้สึกว่าจะต้องมี
อะไรที่หนักหนาสาหัสกาลังจะเกิดขึ้น

"น้องชาย ค่ายกลเชื่อมมิตินี้จัดการได้ยากเล็กน้อย ถ้าข้าไม่โจมตีอย่างรุนแรง มันก็เป็นการยากที่จะ


เข้าไป" ไป๋หลีลั่วพูด

"พี่สาวหลีลวั่ โปรดรอสักครู่ ขอข้าดูสถานการณ์ที่อยูด่ ้านในก่อน"

ชูเฟิงและไป๋หลีลั่วกาลังยืนอยู่ในอากาศ ถึงแม้ว่าทั้งคูจ่ ะถูกกั้นจากค่ายกลปิดผนึก ชูเฟิงก็สามารถที่จะ


มองทะลุเข้าไปในค่ายกลเชือ่ มมิติและสถานการณ์ด้านในโดยการใช้เนตรสวรรค์ของมัน

ตระกูลสาขาและตระกูลหลักดูเหมือนอยู่ในภาวะการประนีประนอม ฉากทีช่ เู ฟิงกลัวยังไม่เกิดขึ้น ชู


เฟิงรู้เพียงว่าประมุขตระกูลเทพอู๋หม่ากาลังคิดหาวิธีทจี่ ะจัดการกับเรื่องนี้

ถ้าชูเฟิงเข้าไปโจมตีในเวลานี้ มันเกรงว่าจะมีผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลหลักและตระกูลสาขา

ดังนั้นมันจึงตัดสินใจทีจ่ ะสังเกตการณ์ก่อนด้วยเนตรสวรรค์ ถึงแม้ว่าชูเฟิงจะไม่สามารถได้ยินบท


สนทนาที่อยู่ภายใน แต่ก็สามารถบอกได้ว่าพวกมันกาลังพูดอะไรโดยอาศัยการสังเกต

ชูเฟิงต้องการจะตัดสินใจหลังจากที่ได้ตดั สินสถานการณ์

ถ้าตระกูลเทพอูห๋ ม่าล้มเหลวในการจัดการกับวิกฤตครัง้ นี้ ชูเฟิงก็จะยื่นมือเข้าไปช่วยเป็นธรรมดา


แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าประมุขตระกูลเทพอูห๋ ม่าสามารถจัดการกับวิกฤตเรื่องนี้ได้ดว้ ยตัวของเขาเอง ชู
เฟิงก็จะไม่เอาตัวมันเข้าไปเกี่ยวข้องและจะไม่แสดงตัว

อย่างไรก็ตาม ยิ่งชูเฟิงสังเกตมากเท่าไหร่ มันก็เริ่มขมวดคิ้วมากเท่านั้น ถึงแม้ว่าตระกูลหลักและ


ตระกูลสาขายังไม่ได้เริ่มต้นต่อสู้กัน แต่ชเู ฟิงสามารถบอกได้ว่าสถานการณ์ไม่ได้เป็นไปในทิศทางทีด่ ี
แน่นอน

"พี่สาวหลีลวั่ เตรียมพร้อมที่จะหาทางหนีทีไล่ได้ทุกเมือ่ " ชูเฟิงพูด

"ไม่มีปัญหา" ไป๋หลีลั่วยิ้มอย่างอ่อนหวานและแสดงท่าทางแก่นแก้ว

เมื่อเปรียบเทียบกับความเอาจริงเอาจังของชูเฟิง นางไม่ได้วิตกกังวลเลยแม้แต่น้อย

ในขณะทีค่ นจากตระกูลสาขาสามารถที่จะสร้างหวาดกลัวกับทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นได้ แต่ไป๋หลีลวั่ รู้สึก


ว่านางสามารถจัดการกับคนกลุ่มนี้ได้ทุกเมื่อ

...............

ทุกคนที่อยู่ในตระกูลเทพอูห๋ ม่า อีกทั้งเหล่าผู้นาทั้งหลายของดินแดนซื่อโจวล้วนถูกดึงเข้ามาในทีว่ ่าง


อากาศที่เปิดกว้างเหมือนกับเป็นกลุ่มนักโทษ

พวกมันอยู่อดั กันแน่นในสถานที่เดียวกัน ซึ่งมองดูคล้ายกับทะเลของผู้คนอย่างแท้จริง ไม่ต้องมองถึง


เพศหรืออายุ พวกมันล้วนรวมตัวกันอยู่ในจุดเดียว

ในเวลานั้นกลุ่มคนที่เป็นที่ภาคภูมิใจที่สุดของดินแดนซือ่ โจวมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวล
ไม่เพียงแต่เด็กเล็กที่กาลังร้องไห้ ทว่าญิงที่แต่งงานแล้วก็ยังร้องไห้ ความไม่สบายใจและความกลัว
ปรากฏอยู่บนใบหน้าของทุกคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนั้น

แต่สาหรับคนที่มาจากตระกูลสาขาแห่งตระกูลเทพอูห๋ ม่า พวกมันกาลังอยู่บนนภาเหมือนเทพเจ้า

ในขณะทีพ่ วกมันมองลงมาที่ตระกูลหลักด้านล่าง ไม่มีร่องรอยของความสงสารปรากฏในดวงตา พวก


มันมีแต่รอยยิ้มเยาะบนใบหน้าแทน

ในสายตาของพวกมัน บรรดาคนตระกูลหลักมิได้เป็นญาติกับพวกมันแม้แต่น้อย ความสัมพันธ์ของทั้ง


สองฝ่ายคล้ายกับศัตรูก็มิปาน

"ท่านประมุขตระกูล!"

"ไม่ ท่านต้องไม่ ท่านต้องไม่ทาเช่นนั้น!"

ในเวลานั้นผู้อาวุโสจากตระกูลหลักพยายามอย่างที่สุดที่จะหยุดประมุขตระกูลจากการทาบางสิ่ง
บางอย่าง

อย่างไรก็ตาม ประมุขตระกูลเทพอู๋หม่ากันผู้อาวุโสเหล่านั้นออกไปด้านข้าง เขากล่าวว่า "ข้า เพียงผู้


เดียวจะแบกรับการตัดสินใจวันนี้ ข้ารู้ว่าตนเองจะกลายเป็นความน่าอดสูของตระกูลเทพอู๋หม่า ข้าทา
ผิดต่อบรรพชน ทาผิดต่อพวกท่านทั้งหลาย แต่เพือ่ ความอยู่รอดของตระกูลของเรา ข้าต้องทาเช่นนี้"

"ท่านประมุขตระกูล โปรดอย่าพูดเช่นนั้น มันเป็นพวกเราที่ไม่แข็งแกร่ง มันเป็นพวกเราที่ทาให้ท่าน


ล้มเหลว" ผู้อาวุโสจากตระกูลหลัก บุคคลที่เคยอยูใ่ นฐานะสูงส่งล้วนหลั่งน้าตาด้วยความขมขื่น

ทั้งหมดรู้ว่าประมุขตระกูลของตนตัดสินใจทาอะไร

การตัดสินใจของเขาเป็นสิ่งที่น่าละอายสาหรับคนของตระกูลหลักแห่งตระกูลเทพอู๋หม่า แต่อย่างไรก็
ตาม พวกมันไม่มีทางเลือก นอกจากยอมรับสิ่งนั้น
การเผชิญหน้ากับปฏิกิริยาของคนจากตระกูลหลัก คนจากตระกูลสาขาไม่เพียงแต่ไม่เคลื่อนไหวแม้แต่
น้อย แต่มีรอยยิ้มเยาะทีป่ รากฏขึ้นบนใบหน้ามากขึ้นและมากขึ้น พวกมันปฏิบัติราวกับว่ากาลังดูเรื่อง
ตลก ซึ่งนาความพึงพอใจอย่างมากมายมาให้พวกมัน

"อู๋หม่าเหยียนเทียน ข้ารับข้อเสนอของเจ้า"

ทันใดนั้นประมุขตระกูลหลักมองขึ้นไปยังคนทีอ่ ยู่กลางอากาศ

บุคคลผู้นั้นคือชายชรา เขาไม่ได้กาลังยืนอยู่ในอากาศ แต่กาลังนั่งอยู่ในราชรถศึกและมีผู้เยี่ยมยุทธ์


ระดับสูงคุ้มกันอยูด่ ้านข้าง เขามองลงมาดูทุกสิ่งราวกับจักรพรรดิ

ชายชราผู้นั้นคือประมุขตระกูลสาขาของตระกูลเทพอู๋หม่า อู๋หม่าเหยียนเทียน เขาเป็นเทวาห้วงที่แปด

อู๋หม่าเหยียนเทียนทาตัวราวกับว่าตนไม่ได้ยินสิ่งทีป่ ระมุขตระกูลหลักของตระกูลเทพอูห๋ ม่ากล่าว เขา


มองไปที่ประมุขตระกูลเทพอู๋หม่าแบบอย่างไม่ใส่ใจและไม่ได้ตอบ

การได้เห็นเช่นนั้น ประมุขตระกูลหลักพูดอีกครั้งหนึ่ง

"วันนี้ ทุกคนจากตระกูลเทพอู๋หม่าจะเปลี่ยนแซ่ เจ้าวางใจได้ มันจะมีเพียงแค่ตระกูลเทพอู๋หม่าหนึ่ง


เดียวในดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์ จากนี้เป็นต้นไป"

หลังจากที่เขากล่าวคาเหล่านั้นจบ ร่างของประมุขตระกูลหลักของตระกูลเทพอู๋หม่าเริ่มสั่นสะท้าน

เสียงร่าไห้ของคนในตระกูลเทพอู๋หม่าเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น

การเปลี่ยนแซ่เป็นเรื่องที่น่าอดสูและอับอายเกินจะรับได้!
อย่างไรก็ตาม หลังจากประมุขตระกูลหลักพูดจบ อู๋หม่าเหยียนเทียนยังคงไม่มีปฏิกิริยาใด ไม่เพียง
แค่อู๋หม่าเหยียนเทียน แม้กระทั่งคนอื่นจากตระกูลสาขาก็ไม่มีปฏิกิริยาใดแม้แต่น้อย

มันเป็นราวกับว่าทั้งหมดได้คาดหวังมาแล้วว่าจะได้รับคาตอบจากประมุขตระกูลหลักของตระกูลเทพอู๋
หม่าเช่นนี้ พวกมันจึงไม่รู้สึกประหลาดใจ

"อู๋หม่าเหยียนเทียน ข้าหวังว่าเจ้าจะรักษาสัญญาของเจ้า" ประมุขตระกูลหลักกล่าวเพิ่ม

"ฮ่า ฮ่า ฮ่า..."

ทันใดนั้น อู๋หม่าเหยียนเทียนเริ่มหัวเราะขึ้น การหัวเราะของเขาเต็มไปด้วยเสียงเยาะเย้ย

สิ่งนี้ทาให้คนจากตระกูลหลักรู้สึกอึดอัดใจเพิ่มมากขึ้น

"อู๋หม่าเหยียนเทียน เจ้าหัวเราะทาไม?" ประมุขตระกูลหลักถาม

อู๋หม่าเหยียนเทียนค่อย ๆ หรี่ตาไปทีป่ ระมุขตระกูลหลักของตระกูลเทพอู๋หม่า "เจ้านี่ช่างโง่เง่ายิ่งนัก


เจ้าคิดหรือว่าข้ามาที่นี่วันนี้เพียงเพื่อขอให้เจ้าเปลี่ยนแซ่?"

"แท้ที่จริงแล้ว ถ้าไม่มองว่าเจ้าเต็มใจเปลี่ยนแซ่ของเจ้าหรือไม่ ผลของวันนี้ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม"

"เจ้าหมายความว่าอะไร?" ประมุขตระกูลหลักมีท่าทีตกใจอย่างเห็นได้ชัด ความรู้สึกไม่สบายใจ


อย่างยิ่งปรากฏอยู่เต็มดวงตา ถ้าเป็นเช่นนั้นสิ่งที่เขากังวลมากที่สุดกาลังจะเกิดขึน้

"เจ้าไม่เข้าใจหรือ? ก็ได้ ข้าจะพูดให้ตรงกว่านี้"


"วันนี้ ข้ามาที่นี่เพื่อกวาดล้างพวกเศษสวะเช่นเจ้าให้หายไปจากโลกนี้" อู๋หม่าเหยียนเทียนเปิดเผย
สายตาชั่วร้าย

"เจ้า! ไอ้สารเลวที่ไม่มีความซื่อสัตย์ พวกเราเป็นตระกูลเดียวกัน เจ้าเป็นคนที่ไร้มนุษยธรรมได้


อย่างไร"

การได้ยินคานั้น ประมุขตระกูลหลักรู้สึกโกรธแค้น ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าสิ่งนี้น่าจะเกิดขึ้น เขาก็ยังมี


ความโกรธแค้นอย่างมากเมือ่ สิ่งนี้ได้เกิดขึน้ จริง

ไม่ว่าจะอย่างไร พวกมันก็ลว้ นมาจากตระกูลเดียวกัน

สาหรับคนจากตระกูลหลักของตระกูลเทพอูห๋ ม่า พวกมันเริ่มเข้าสู่สภาวะของการตื่นตระหนก

คนบางคนเริ่มตะโกนสาปแช่งตระกูลสาขา ในขณะที่คนบางคนคุกเข่าลงและร้องขอการให้อภัย ใน
เวลานั้นพวกมันล้วนตื่นตระหนกอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นเสียงสาปแช่งหรือเสียงอ้อนวอน อู๋หม่าเหยียนเทียนไม่ได้แสดงความสานึก


ผิดหรือละอายใจบนใบหน้าของเขา แต่เขากลับมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอาฆาตมาดร้ายรุนแรง
ยิ่งขึ้น

"เริ่มได้"

ทันใดนั้นเอง จิตสังหารก็ปกคลุมไปทั่วบริเวณ

ในเวลานั้นทุกคนจากตระกูลสาขาชักอาวุธออกมา

พลังของการโจมตีและการสังหารอย่างมากมายปรากฏเต็มท้องฟ้าในเวลานัน้ และครอบคลุมคนทุกคน
จากตระกูลหลัก
คนจากตระกูลเทพอูห๋ ม่าทั้งหลายล้วนตกอยู่ในสภาพสิน้ หวัง

อู๋หม่าเหยียนเทียนเป็นเทวาห้วงที่แปด ถ้าเขาต้องการจะสังหาร คงไม่มีใครที่จะหลุดรอดความตายไป


ได้

พวกมันล้วนรู้ดีว่าไม่สามารถจะรอดพ้นการสังหารครั้งนี้ไปได้

พวกมัน ตระกูลหลักของตระกูลเทพอูห๋ ม่าต้องถูกกาจัด

"ปังงงง"

ทันใดนั้นมีเสียงดังก้องขึ้น

หลังจากได้ยนิ เสียง ทัง้ คนจากตระกูลหลักและสาขามีท่าทีเปลี่ยนไป

เหตุผลเพราะว่าเสียงดังนั้นออกมาจากด้านนอกอาณาเขตของตระกูลเทพอู๋หม่า

นอกจากนี้... ดูเหมือนมีเสียงกรีดร้องอยู่ร่วมกับเสียงดังนั้นด้วย

ในเวลานั้นเอง ท่าทีของคนจากตระกูลสาขาเปลี่ยนไป คนของตระกูลหลักทั้งหมดกาลังรวมตัวกันอยู่ที่


นัน่

ถ้าเช่นนั้นแล้ว มันไม่ได้หมายความว่าเสียงกรีดร้องนั้นมาจากคนของตระกูลสาขาหรือ?

บทที่ 3370 ไป๋หลีลั่ว ผู้ทรงพลัง

"ท่านประมุขตระกูล ใครบางคนตีฝ่าค่ายกลปิดผนึกเข้ามา!"
"นอกจากนี้พวกมันทาให้คนของตระกูลของเราบาดเจ็บอีกด้วย"

คนตระกูลสาขาของตระกูลเทพอู๋หม่าร้องเสียงหลงด้วยความตื่นตระหนก

ทันทีที่มันพูดจบ ร่างสองร่างก็ทะยานออกมาและร่อนลงในหมู่ฝูงชนตระกูลหลักของตระกูลเทพอูห๋ ม่า


ทั้งสองยืนอยู่ด้านข้างของประมุขตระกูลหลัก

แท้ที่จริงแล้ว คนสองคนนัน้ คือชูเฟิงและไป๋หลีลั่ว

หลังจากทีพ่ วกมันร่อนลง แม้แต่อู๋หม่าเหยียนเทียนก็ยังเริ่มขมวดคิว้ สาหรับคนอืน่ จากตระกูลสาขาไม่


มีความจาเป็นต้องกล่าวถึงท่าทีที่พวกมันมีในเวลานี้

พวกมันที่กาลังยืนอยู่เหนือผู้อื่นเฉกเช่นเทพเจ้าก่อนหน้านี้ เริ่มรู้สึกไม่สบายใจในเวลานี้

นอกจากนี้พลังลมปราณที่ไป๋หลีลวั่ ปล่อยออกมาเป็นเทวาห้วงทีเ่ ก้า

พลังลมปราณของนางอยู่ในระดับสูงกว่าประมุขตระกูลสาขาอย่างอู๋หม่าเหยียนเทียนเสียอีก

บรรดาผู้คนจากตระกูลสาขารู้ดีว่ามันแสดงให้เห็นอะไร

พวกมันรู้ว่าความหายนะกาลังมาเยือน

"ข้าประเมินพวกเจ้าต่าไป เจ้าสามารถขอความช่วยเหลือจากคนเช่นนี้ได้ด้วยหรือ?"

อู๋หม่าเหยียนเทียนมองไปทีป่ ระมุขตระกูลหลัก จิตสังหารปรากฏอยู่เต็มดวงตาของเขา


"คนสองคนนี้คือผู้ที่ท่านประมุขตระกูลขอร้องให้มาเป็นผู้ช่วยหรือ?"

"ถ้าเช่นนั้น ท่านประมุขตระกูลวางแผนไว้แล้วสินะ!"

"พวกเราปลอดภัยแล้ว พวกเราปลอดภัยแล้ว!"

สมาชิกตระกูลหลักของตระกูลเทพอู๋หม่าทั้งหลายล้วนปิติยินดี พวกมันรู้สึกราวกับว่าสามารถหลบหนี
จากประตูนรกได้

เทวาห้วงทีเ่ ก้า วรยุทธ์ระดับนี้เพียงพอแล้วที่จะกาจัดคนของตระกูลสาขาทั้งหมด

เพราะว่าทุกสิ่งเกิดขึ้นฉับพลัน คนของตระกูลหลักจานวนมากเริ่มร้องไห้ด้วยความปิติยินดี เสียง


ร้องไห้ของคนเป็นจานวนมากไม่ได้ลดลงแต่กลับเพิ่มขึ้น

พวกมันร้องไห้ก่อนหน้านีเ้ พราะหมดหวัง แต่ในเวลานีพ้ วกมันกาลังร้องไห้เพราะมีความหวัง

อย่างที่กล่าวไป ทั้งคนจากตระกูลสาขาของตระกูลเทพอู๋หม่าและคนจากตระกูลหลักไม่คิดมาก่อนเลย
ว่า ประมุขตระกูลหลักจะทาให้รู้สึกสับสนเช่นนี้

ถึงแม้ว่าพวกมันจะได้เคยขอความช่วยเหลือจากขุมอานาจหลายแห่ง แต่ขุมอานาจเหล่านัน้ ก็ไม่กล้า


ตอบรับคาร้องขอเลย มีเป็นส่วนน้อยที่ยอมรับจะมาช่วยเหลือ เมื่อเป็นเช่นนั้น ประมุขตระกูลหลักจึง
เลิกล้มความหวังไป

แต่เมื่อคนทั้งสองปรากฏตัวขึ้นในทันทีและหนึ่งในสองคนนั้นเป็นผูเ้ ยี่ยมยุทธ์ระดับพลังเทวาห้วงสูงสุด
มันจึงกลายเป็นความประหลาดใจอย่างใหญ่หลวงสาหรับประมุขตระกูลหลัก

ไม่ต้องพูดถึงคนอืน่ แม้แต่ตัวเขาเองยังรู้สึกสับสน
ประมุขตระกูลหลักคิดเอาไว้แล้วว่า ถึงจะมีคนมากมายให้ความช่วยเหลือพวกเขาได้

แต่ประมุขตระกูลหลักก็ยังไม่สามารถที่จะหาคนที่มีความสามารถเทียบเท่ากับคนทั้งสองที่เพิ่งจะ
ปรากฏกาย

"พวกเจ้าไม่กระทาเกินไปหรอกหรือ?" ชูเฟิงพูดเสียงดัง แน่นอนทีว่ ่าเสียงของมันเปลี่ยนไป แม้แต่


ประมุขตระกูลหลักหรืออูห๋ ม่าเซิ่งเจี๋ยก็ไม่สามารถจดจาเสียงของชูเฟิงได้

"เจ้าเป็นใคร? เจ้ากล้าเข้ามายุ่งเกี่ยวกับกิจธุระของคนอื่นได้เช่นไร?" อู๋หม่าเหยียนเทียนพูดอย่าง


เย็นชา ถึงแม้ว่าลักษณะภายนอกของชูเฟิงและไป๋หลีลวั่ จะทาให้เขาวิตกกังวลอย่างมาก แต่เขาก็ไม่ได้
แสดงอาการหวาดกลัว

"ข้าจะเป็นใครไม่สาคัญ สิง่ ที่สาคัญคือสิ่งทีพ่ วกเจ้ากาลังทาล้วนเป็นสิ่งที่รบั ไม่ได้"

"ตระกูลหลักได้ยอมรับการร้องขอที่น่าอับอายและไม่มเี หตุผลแล้ว เหตุใดคนจากตระกูลสาขาจึง


ยังคงต้องการที่จะกาจัดพวกมัน เจ้ายังมีความเป็นคนอยู่ไหม?" ชูเฟิงถาม

สิ่งทีช่ เู ฟิงพูดไปกระทบจุดอ่อนของอู๋หม่าเหยียนเทียน และเพิ่มความโกรธแค้นให้กบั เขามากขึ้น เขาชี้


ไปทีช่ เู ฟิงและสบถว่า "ไอ้เดรัจฉาน เจ้าเป็นใครถึงมาเรียกตระกูลสาขา?! ตอบข้ามา!"

"ถึงแม้ว่าจะมีตระกูลสาขา แต่เราก็มิใช่เศษสวะเหมือนตระกูลหลักอย่างแน่นอน"

เสียงของอู๋หม่าเหยียนเทียนไม่ใช่เพียงแค่ดังก้องเหมือนฟ้าผ่า แต่มันเหมือนกับเต็มไปด้วยจิตเจตนา
สังหาร มันปรากฏให้เห็นว่าเขาโกรธแค้นอย่างมาก

"ครั้งหนึ่งเคยเป็นตระกูลสาขา มันก็ต้องเป็นตระกูลสาขาวันยังค่า พวกเจ้าต้องกล้าที่จะเผชิญความ


จริงและไม่หลอกลวงตัวเอง ถ้าพวกเจ้าทั้งหมดไม่ใช่ตระกูลสาขา เหตุใดเจ้าจึงพยายามที่จะเย้ยหยัน
ตระกูลหลักเช่นนี้ มันไม่ใช่เพราะว่าความรู้สึกซับซ้อนจากในอดีตทีพ่ วกเจ้าต้องการที่จะตอบโต้พวกมัน
ในเวลานีห้ รือ?"
"พูดออกมา ตอนที่ตระกูลหลักมีอานาจ พวกมันกลั่นแกล้งและพยายามที่จะกาจัดพวกเจ้าหรือ?"

"อย่างไรก็ตาม ดูที่ตัวเจ้าและการกระทาของเจ้าในวันนี้ มันสามารถเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน


ระหว่างความดีและความชัว่ "

"ในเรื่องของจิตใต้สานึกของคน เจ้าที่มาจากตระกูลสาขาจะไม่สามารถเทียบเท่าได้กับตระกูลหลักได้
แม้แต่น้อย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทาไมเจ้าเป็นตระกูลสาขาและพวกมันถึงเป็นตระกูลหลัก"

"ข้าเชื่อ... จิตใต้สานึกของของเจ้าคือสาเหตุของการไม่เท่าเทียมกัน" ชูเฟิงพูดต่อ

การได้ยินคาทีช่ เู ฟิงพูด บรรดาคนจากตระกูลเทพอูห๋ ม่าทั้งหลายรับทราบในหัวใจของพวกมัน

อะไรก็ตาม สิ่งทีช่ เู ฟิงพูดเป็นความรู้สึกที่อยู่ในใจของพวกมัน

ย้อนกลับไปเมื่อตระกูลหลักร่ารวยและมีพลังอานาจ ถึงแม้ว่าจะอยู่เหนือกว่าตระกูลสาขา พวกมันก็


เพียงแค่ผลักตระกูลสาขาออกไป แต่ในท้ายที่สดุ พวกมันก็ยังคงนับว่ามาจากตระกูลเดียวกัน

แต่มันไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิงที่คนจากตระกูลสาขาต้องการที่จะกาจัดคนตระกูลหลักในยามนี้

อย่างไรก็ตาม คาพูดของชูเฟิงยิ่งเพิ่มความโกรธแค้นให้กับคนของตระกูลสาขา

สิ่งนี้เป็นเรื่องจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอู๋หม่าเหยียนเทียน ในเวลานั้นเขาลุกขึ้นยืนจากที่นั่ง

ไม่เพียงแต่มีสีหน้าดุร้ายและรังสีสังหารที่แผ่ออกมาเท่านั้น แม้แต่ตราประทับอัสนีระดับศิวโลกก็ยังคง
ปรากฏบนหน้าผากของเขาอีกด้วย
ด้วยการปรากฏตัวขึ้นของตราประทับอัสนีระดับศิวโลก ระดับพลังวรยุทธ์ของอู๋หม่าเหยียนเทียน
เพิ่มขึ้นจากระดับพลังเทวาห้วงที่แปดเป็นระดับพลังเทวาห้วงทีเ่ ก้า

"ถึงแม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใคร แต่ข้าจะเอาชีวิตเจ้า นั่นเพราะสิ่งทีเ่ จ้าเอ่ยออกมาโดยไม่คดิ "


หลังจากอู๋หม่าเหยียนเทียนพูดจบ อากาศที่อยู่โดยรอบกลายเป็นเย็นเฉียบ

"ช้าก่อน!"

อย่างไรก็ตาม เสียงของไป๋หลีลั่วดังขึ้นทันที

ทันทีที่นางพูด อูห๋ ม่าเหยียนเทียนที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและวางแผนทีจ่ ะกาจัดชูเฟิกส็ ลาย


ความตั้งใจที่จะโจมตีออกมาทันที

ทุกคนสามารถบอกได้ว่า น้าเสียงนั้นเป็นเสียงของสตรี

เสียงนั้นไม่ใช่เสียงสตรีสาว แต่มันเป็นเสียงของเด็ก เสียงของเด็กหญิงตัวเล็ก

ที่สาคัญมากไปกว่านั้น ทุกคนสามารถบอกได้ว่าพลังลมปราณของเทวาห้วงทีเ่ ก้าซึ่งถูกปล่อยออกมา


นั้น มันมาจากเด็กหญิงตัวเล็กลึกลับคนนี้

เพียงแค่ไม่เคยมีใครคาดคิดว่า ลมปราณนั้นจะเป็นของเด็กหญิงตัวน้อยนี้

หรือนางจงใจแปลงกายตัวเองให้เป็นเด็กหญิงตัวน้อย หรือนางเป็นเด็กหญิงตัวน้อยอย่างแท้จริง?

ในเวลานั้น ทุกคน ณ บริเวณนั้น รวมถึงอูห๋ ม่าเหยียนเทียนล้วนกาลังคาดเดากันอยู่ในใจ

ถ้าคนผู้นั้นได้ปลอมแปลงจาแลงตัวเองเป็นเด็กหญิงตัวน้อยก็คงไม่เป็นไร
แต่ถ้ากลายเป็นว่านางคือเด็กหญิงจริง เรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องจริงจังอย่างมาก

เด็กหญิงตัวน้อยจะมีระดับพลังเทวาห้วงสูงสุดได้อย่างไรกัน?

ไม่เคยมีผู้ดารงอยูท่ ี่น่าเกรงกลัวเช่นนี้ในดาราจักรแห่งบรรพยุทธ์ทั้งมวลมาก่อน

แต่ถ้านางมาจากที่อื่น เช่นนั้นแล้ว... ด้วยพลังอานาจที่นางมีอยู่ ผู้คนต่างรู้สึกเกรงกลัวมหาอานาจ


เบื้องหลังนาง

ด้วยสิ่งนี้ใครจะกล้ายัว่ ยุนางเล่า?

"เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเจ้าทั้งสองคนมาตั้งแต่แรก ถ้าเจ้าทั้งสองคนจะไปเดีย๋ วนี้ ข้าก็จะปล่อยให้


ไป"

ถึงแม้ว่าอู๋หม่าเหยียนเทียนจะตระหนักดีว่าเทวาห้วงที่เก้าน่าจะเป็นใครบางคนที่มคี วามพิเศษ ทว่าเขา


ก็ไม่ได้แสดงความวิตกกังวลในหัวใจ แต่กลับแสดงท่าทีดดุ ันแทน

"ข้าคิดว่าเจ้าเข้าใจผิด ข้ากาลังพยายามที่จะเตือนความทรงจาของเจ้า" ไป๋หลีลวั่ พูด

"อะไรนะ?" อู๋หม่าเหยียนเทียนถาม

"ข้าขอเตือนไม่ให้เจ้าโจมตี ถ้าเจ้าโจมตีมัน นางผู้นี้จะตีเจ้าให้หนัก จนแม้แต่มารดาของเจ้าก็จะจาเจ้า


ไม่ได้" ไป๋หลีลั่วกล่าว

You might also like