Professional Documents
Culture Documents
หงส์ฟ้อนมังกรเหิน เล่ม 1
หงส์ฟ้อนมังกรเหิน เล่ม 1
1
เมื่อสติสัมปชัญญะค่อยๆ กลับคืนมาในสมอง นางก็ตื่นขึ้นมา
นางรู้สึกเพียงปวดหัวเหมือนมันจะแตกเป็นเสี่ยง ข้างหูราวกับยังมี
เสียงวือๆ ดังก้องอยู่
นางลืมตาขึ้นอย่างยากล�ำบาก แสงจันทร์นวลลอดเข้าสู่ตา แต่
เบือ้ งหน้ายังคงเลือนราง ดูเหมือนนางจะนอนอยูข่ า้ งแม่นำ�้ นอกเมือง เมือ่
ขยับนิ้วมือก็สามารถสัมผัสได้ถึงน�้ำเย็นเฉียบและดินเปียกชื้น จมูกยัง
ได้กลิ่นต้นหญ้า
นางหายใจหอบ บนหัวรู้สึกเจ็บเป็นระลอก ครั้นยกมือขึ้นคิดจะลูบ
กลับพบว่าแขนหนักอึ้ง ผ่านไปนานกว่าจะลูบถึงหัว มือแตะถูกของเหลว
คล้ายจะเป็นเลือด
นางตะลึงไปชั่วครู่ ข้าเป็นอะไรไป
ชายผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาข้างกายนางแล้วถามอย่างร้อนใจ
"เจ้าเป็นอะไรหรือไม่ บาดเจ็บที่ใด"
นางตอบอะไรไม่ได้ ความเจ็บท�ำให้สมาธิของนางแตกกระเจิง บน
หัวดูเหมือนยังมีเลือดไหลอยู่ นางพยายามกะพริบตา อยากมองหน้าชาย
ผู้นี้ให้ชัดเจนแต่กลับเห็นเป็นโครงหน้ารางเลือน
ชายผู้นั้นเหมือนจะไม่มีความอดทนรอให้นางได้สติ เขาดึงตัวนาง
ขึ้นฝั่ง ยื่นมือเข้าไปลูบคล�ำในเสื้อผ้าของนางอยู่พักหนึ่ง ปากก็พร�่ำพูด
"ของล่ะ"
ของ? ของอะไร
เหมือนมีเสียงดังลอยมาจากที่ไกลๆ ในหูนางมีเสียงดังก้อง ฟังไม่
ชัดเจน แต่ชายที่ลูบคล�ำหาของบนตัวนางผู้นั้นได้ยินมันแล้ว เขาชะงัก
ก่อนจะลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีไป
ไม่นานคนกลุ่มหนึ่งส่งเสียงโวยวายมาถึงข้างกายนาง พวกเขาถือ
คบไฟ ปากตะโกนเรียกเสียงดัง แต่แสงไฟสว่างเกินไปท�ำให้นางแสบตา
จนต้องหลับตาลง ในที่สุดนางก็ได้ยินค�ำที่พวกเขาพูดอย่างชัดเจน
"นางอยู่ที่นี่ หาเจอแล้ว หานางเจอแล้ว..."
ผู้ใดตามหาข้า
หัวนางเจ็บจนไม่อาจตอบสนองอะไรได้ จากนั้นนางก็กลับเข้าสู่
ความมืดอีกครั้ง
ผู้ที่เข้ามาคือสาวใช้ที่เดินย่องเข้ามาเบาๆ
นางฟังออก สาวใช้ผู้นี้ไม่รู้วรยุทธ์ นางแอบลืมตาขึ้น มองดูหน้าตา
สาวใช้ผู้นั้น แต่นางไม่รู้จัก และชั่วขณะนั้นเอง ในที่สุดนางก็รู้แล้วว่ามี
อะไรผิดปกติ
ในสมองนางว่างเปล่าไปหมด ไม่เพียงสาวใช้ผู้นี้ แม้แต่ตัวเองนาง
ก็ยังจ�ำไม่ได้
ว่างเปล่าไปจนสิ้น นางตกใจมาก
ในตอนนี้เองสาวใช้ผู้นั้นก็เดินมาถึงข้างเตียง เมื่อเห็นว่านางตื่นอยู่
จึงพูดขึ้น
"ฮูหยิน ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ"
ฮูหยิน? ข้าเป็นฮูหยิน เป็นภรรยาคนแล้วหรือ
นางตอบรับ "อืม" น�้ำเสียงทั้งแห้งและแหบจนทนไม่ไหวต้องไอ
ออกมา สาวใช้เห็นแล้วก็รบี ไปเทน�ำ้ มา จากนัน้ ก็ยนื่ มือมาประคองหัวนาง
ขึ้นเพื่อป้อนน�ำ้
นางดื่มน�้ำแล้วก็รู้สึกสบายขึ้นบ้าง นางมองสาวใช้ผู้นั้น มองแล้ว
มองอีก พยายามครุ่นคิดแต่ก็คิดอะไรไม่ออกเลย นางจึงกลั้นความเจ็บที่
หัวแล้วยันตัวขึ้นนั่ง เมื่อลุกนั่งตัวก็โงนเงน ทั้งร่างไร้เรี่ยวแรง ทั้งยังรู้สึก
เวียนหัวยิ่งนัก
สาวใช้เข้ามาประคองนางพิงหัวเตียงแต่ไม่ได้หยิบเบาะนุ่มมารอง
ให้ เสร็จแล้วก็ถอยหลังไป ไม่ได้พูดอะไร
"ข้าเป็นอะไรไป"
นางมองท่าทางของสาวใช้ผู้นี้ อีกฝ่ายดูไม่ร้อนไม่หนาว กอปรกับ
10
ความว่างเปล่าภายในห้องนี้ นางคิดว่านางคงไม่ได้รับการต้อนรับนัก
"ท่านได้รับบาดเจ็บ"
สาวใช้ไม่ได้พูดอะไรมาก
ได้รับบาดเจ็บ? นางพยายามย้อนคิด คิดถึงน�้ำเย็นเฉียบ ดินโคลน
เปียกชืน้ และชายทีถ่ ามนางว่าของอยูท่ ใี่ ดผูน้ นั้ นอกจากนีแ้ ล้วไม่มอี ะไร
เหลือเลย
"ข้าบาดเจ็บได้อย่างไร" นางถามอีก
คราวนี้สาวใช้ก้มหน้าลงไม่พูดจา
นางเลิกคิ้วขึ้น มีอะไรที่พูดไม่ได้หรือ หรือว่าเรื่องนี้ยังมีความลับใด
ซ่อนอยู่ นางครุ่นคิดแล้วเอ่ยถาม
"ข้าตื่นแล้ว เจ้าไม่ไปแจ้งใครหรือ"
ค�ำพูดนี้ราวกับท�ำให้สาวใช้ประหลาดใจ นิ่งอึ้งไปก่อนจะตอบ
"ตอนนีน้ ายท่านรองก�ำลังยุง่ คงไม่มาแน่นอน พ่อบ้านเถีย่ ก็ออกไป
ท�ำธุระแทนนายท่านรอง ท่านหมอบอกว่าหัวท่านได้รับความกระทบ
กระเทือน ทายาให้แล้ว พักผ่อนให้มาก กินยาตามเวลาก็จะหายดีเอง"
"ความหมายของเจ้าคือในเมื่อท่านหมอบอกว่าไม่เป็นไร ทุกคนก็
คิดว่าไม่จ�ำเป็นต้องมาเยี่ยมใช่หรือไม่"
สาวใช้ตกตะลึง ไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไรดี
เห็นทีจะมีความลับจริงๆ นางที่เป็น 'ฮูหยิน' ผู้นี้เหตุใดจึงน่าสงสาร
เช่นนี้ ได้รับบาดเจ็บแล้วยังไม่มีใครเป็นห่วง
นางพยายามคิดชื่อ 'นายท่านรอง' กับ 'พ่อบ้านเถี่ย' สองคนนี้ แต่
คิดอยู่นานก็คิดไม่ออก
11
12
ก่อนจะพึมพ�ำกับตัวเอง
"เอาล่ะ ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าเขาไม่ใช่สามีของข้า"
นางยังรู้สึกเวียนหัวอยู่บ้างจึงไม่คิดอะไรอีก หลับตานั่งพิงหัวเตียง
พักผ่อน ผ่านไปนานจึงได้ยินเสียงฝีเท้าคนหลายคนดังมาจากนอกห้อง
เดิมทีคดิ ว่าท่านหมอเฉินผูน้ นั้ มาถึงแล้ว แต่เมือ่ ลืมตาขึน้ กลับเห็นว่าผูม้ า
เป็นหญิงชราผู้หนึ่ง
หญิงชราพาสาวใช้มาด้วยสี่ห้าคน คนทั้งกลุ่มทยอยกันเข้ามา
"ได้ข่าวว่าเกิดเรื่องกับฮูหยิน บ่าวตั้งใจมาเยี่ยมเจ้าค่ะ"
หญิงชราผูน้ นั้ แววตาคมกริบ ตอนไม่พดู จาดูแล้วเป็นคนเข้มงวดมาก
"ขอบคุณมากที่เป็นห่วง ขอโทษนะ ท่านเป็นใคร"
แม้หญิงชราจะแต่งตัวสะอาดเรียบร้อย แต่ก็ปิดบังฝุ่นควันบนตัว
ไม่มิด หน�ำซ�้ำยังดูเหน็ดเหนื่อยอยู่บ้าง คงเพิ่งกลับมาได้ไม่นาน พอกลับ
มาก็บุกมาหานาง ไม่รู้ว่ามีความสัมพันธ์กับนางอย่างไร
"หึ ท่านจ�ำเรื่องราวไม่ได้จริงหรือ" หญิงชราแค่นเสียงหึเย็นชา เห็น
ได้ชัดว่าไม่เชื่อ ใบหน้าแสดงท่าทางว่า 'เจ้ายังแกล้งโง่อีก?' ก่อนจะเอ่ย
ตอบ "บ่าวคือแม่นมอวี๋ เป็นแม่นมผู้ดูแลคฤหาสน์นี้"
เมือ่ ครูส่ าวใช้พดู ถึงพ่อบ้านเถีย่ ตอนนีม้ แี ม่นมผูด้ แู ลมาอีกคน เห็นที
ที่นี่คงเป็นคฤหาสน์ใหญ่
นางมองหน้าแม่นมอวี๋แล้วถาม
"เช่นนั้นข้าเป็นใคร"
"ท่านคือเฟิ่งหนิง เป็นฮูหยินนายท่านสามของบ่าว"
แม่นมอวี๋ขมวดหัวคิ้ว พยายามอดกลั้นต่อไป
13
"นายท่านสาม?"
มิน่าล่ะเสี่ยวชิงจึงวิ่งไปเร็วเช่นนี้ ที่แท้เมื่อครู่ข้าคิดว่านายท่านรอง
เป็นสามีของตัวเอง เรื่องนี้ไม่เหมาะสมอยู่บ้างจริงๆ
แม่นมอวี๋จ้องนาง เอ่ยน�้ำเสียงไม่เป็นมิตร
"ท่านจ�ำอะไรไม่ได้เลยจริงหรือเจ้าคะ"
เฟิ่งหนิงไม่สนใจ ถามต่อ
"ที่นี่ที่ไหน"
แม่นมอวี๋ตอบเสียงเย็นชา
"คฤหาสน์สกุลหลงในเมืองหลวง"
เฟิ่งหนิงถามอีก
"ข้าเป็นอะไรไป"
"ท่านได้รบั ความกระทบกระเทือนทีห่ วั " แม่นมอวีห๋ วั เราะอย่างเย็นชา
"การกระเทือนครั้งนี้ท�ำให้สมองเลอะเลือน ดีจริงที่ท่านคิดมันออกมาได้"
"ท่านคิดว่าข้าแกล้งหรือ"
ท่าทีไม่เป็นมิตรของหญิงชราชัดเจนเกินไป เฟิ่งหนิงอยากมองข้าม
ไปก็ทำ� ไม่ได้ นางสะบัดหัว รู้สึกว่าปวดหัวและวิงเวียนอย่างหนัก
แม่นมอวี๋ยืนอยู่ข้างเตียง จ้องนางอย่างเย็นชา
เฟิง่ หนิงหลับตาลง รอจนความเจ็บนัน้ ผ่านไปค่อยครุน่ คิดแล้วถาม
"สามีของข้าล่ะ"
ค�ำถามนี้คงพอถามได้ ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่นางจะแกล้งหรือไม่แกล้ง
โง่กระมัง
"อะไรนะ"
14
ในดวงตาแม่นมอวี๋ฉายแววตกใจ
เรื่องที่ข้าถามถึงสามีก็เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมเช่นกัน?
เฟิ่งหนิงประหลาดใจ
"ท่านบอกว่าข้าเป็นฮูหยินนายท่านสามไม่ใช่หรือ ข้าได้รบั บาดเจ็บ
เขาไม่สนใจข้าเลยหรือ"
แม่นมอวี๋เม้มปากแน่นไม่พูดจา
เฟิ่งหนิงมองหน้าอีกฝ่าย นึกถึงเรื่องที่ห้องนี้โล่งขึ้นมา
ไม่มีร่องรอยว่ามีชายหนุ่มคนใดเคยพักมาก่อน ยิ่งคิดนางก็ยิ่ง
ประหลาดใจ
"ที่นี่เป็นห้องนอนของข้าในคฤหาสน์สกุลหลงหรือ"
"เจ้าค่ะ"
"ข้าเป็นภรรยาที่ถูกทิ้งหรือ"
"ยังไม่ได้เขียนหนังสือหย่า"
"เป็นเพราะสามีของข้าตายแล้วหรือ"
เสีย่ วชิงเอาแต่พดู ถึงนายท่านรองๆ หรือว่านายท่านสามตายไปนาน
แล้ว?
"พูดบ้าๆ!" แม่นมอวี๋โมโหจนพูดตะคอก "ค�ำพูดบ้าๆ นี้ห้ามพูดอีก"
"เช่นนั้นสามีของข้าอยู่ที่ใด ข้าอยากพบเขา"
แม่นมอวี๋ได้ฟังก็หรี่ตาลง จ้องหน้านางอยู่พักใหญ่ก่อนจะหันหน้า
ไปก�ำชับสาวใช้ที่อยู่ด้านหลัง
"ไปเชิญท่านหมอเฉินมา"
ท่านหมอเฉินอีกแล้ว
15
16
17
18
ไม่แน่ว่าสมองอาจใช้การได้แล้ว"
กินอาหาร? ก�ำลังถกเรื่องที่พวกนางโกหกอยู่ไม่ใช่หรือ เหตุใดจึง
เปลี่ยนไปเป็นเรื่องกินอาหารได้
คราวนีท้ กุ คนไม่ได้ใช้แค่สายตามองคนโง่เท่านัน้ แต่ใช้สายตามอง
คนโง่มากต่างหาก
ไม่เกินหนึ่งชั่วยามทุกคนในคฤหาสน์สกุลหลงต่างลือกันไปทั่ว...
ฮูหยินนายท่านสามหัวกระทบกระเทือนจนเลอะเลือนไปแล้ว
ในทีส่ ดุ ท่านหมอเฉินก็รดุ มาถึง เขาตรวจบาดแผลบนหัวเฟิง่ หนิง ดู
แล้ ว ว่ า บาดแผลภายนอกอาการดีขึ้น ไม่มีอันตรายถึงชีวิต แต่การ
กระเทือนนีท้ ำ� ให้สมองเลอะเลือน เป็นโรคทางประสาท ท�ำเอาเขาไม่กล้า
วินิจฉัยโรคส่งเดช
โรคนี้แปลกประหลาด พบเจอได้น้อย มีหรือที่เขาจะกล้าบอกว่า
ฮูหยินสามแกล้งท�ำ แต่หากนางไม่ได้แกล้งท�ำ แล้วจะอธิบายความผิด
ปกติของนางอย่างไร
ท่านหมอก็ไม่อาจสรุปและคืนความบริสุทธิ์ให้นางได้ เรื่องนี้ท�ำให้
เฟิ่งหนิงรู้สึกจนใจ แต่ในที่สุดนางก็ได้กินอาหาร เมื่อเติมท้องจนอิ่มแล้ว
นางรู้สึกสบายตัวขึ้นมาก หลังจากดื่มยาขมปี๋ลงไปถ้วยหนึ่งนางก็ล้มตัว
ลงนอนหลับสนิทไป
หลังจากตื่นขึ้นมาทุกอย่างยังไม่เปลี่ยนแปลง
ยังคงเป็นห้องห้องนั้น ยังคงเป็นเสี่ยวชิงผู้นั้น ยังคงคิดอะไรไม่ออก
เฟิ่งหนิงรู้สึกว่าคนที่นี่คงไม่ได้พูดโกหก เพราะคนคนเดียวแสดง
ละครง่าย แต่คนหลายคนแสดงละครร่วมกันยาก ในตอนทีพ่ ดู คุยกันนาง
19
ได้สังเกตอย่างจริงจัง นับจากแม่นมอวี๋ถึงสาวใช้ไปจนกระทั่งท่านหมอ
เฒ่า ทั้งหมดล้วนรู้จักหน้านาง ท่าทางโกรธเคืองตกใจสงสัยของพวกเขา
ดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริง บนใบหน้าของทุกคนไม่มีพิรุธอะไรเลย
เช่นนั้นนางอยู่ในคฤหาสน์นี้ด้วยสาเหตุใดกันแน่
แท้จริงแล้วเฟิ่งหนิงรู้สึกร้อนใจ นางป่วย สมองว่างเปล่า เป็น
ช่วงเวลาที่ต้องการการดูแลปลอบใจ แต่พอลืมตาขึ้นนางกลับมาอยู่ใน
สภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นมิตร บอกว่านางแกล้งท�ำเป็นบ้าเพื่อกลบเกลื่อน
ความผิด แต่นางเคยท�ำอะไรกันแน่ นางไม่รู้ สิ่งนี้ท�ำให้นางรู้สึกกลัวอยู่
บ้าง
นางจนปัญญากับสภาพการณ์ตอนนี้ นางไม่อาจท�ำให้ตัวเองจ�ำ
เรื่องราวได้ ไม่อาจยับยั้งความเย็นชาและการประชดประชันที่คนเหล่านี้
มีต่อนางได้ นางไม่รู้ว่าที่ผ่านมานางเคยท�ำอะไรมาก่อน ไม่รู้ว่าคนเหล่า
นีเ้ คยท�ำอะไรนาง หรือแม้แต่ผทู้ ไี่ ด้ชอื่ ว่าเป็นสามีของนางจะกลมจะแบน
จะอ้วนจะผอมอย่างไรนางก็ไม่รู้
เขาจะดีต่อนางหรือไม่ เขามีภรรยาอื่นอีกหรือไม่ นางอยู่บ้านนี้
ในฐานะอะไร
นางนึกไม่ออกเลย สุดท้ายนางจึงไม่ไปนึกถึงมันอีก
เฟิ่งหนิงตัดสินใจให้ตัวเองกินดีดื่มดีนอนดี ตอนนี้สิ่งที่ส�ำคัญที่สุด
คือการรักษาตัวให้ดี เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง ค�ำพูดนั้นว่าไว้อย่างไรนะ
เมื่อรถถึงหน้าภูเขาย่อมมีทางไป* ใช่หรือไม่ คิดได้เช่นนี้นางก็ใช้ชีวิตได้
20
อย่างสบายใจมากขึ้น
21
รุ่นบรรพบุรุษ รุ่นนายผู้เฒ่าจึงได้หมั้นหมายลูกหลานที่ยังไม่เกิดให้
แต่งงานกัน นางแต่งงานมาอยู่ที่นี่ได้สามปีแล้ว ยังไม่มีบุตรธิดา
ในเมื่อเป็นสกุลที่คบหากันมานาน เหตุใดต้องรังเกียจข้าเช่นนี้ด้วย
หรือสามปีมานี้ข้าไม่ได้ให้ก�ำเนิดบุตรธิดา ครอบครัวสามีจึงไม่ยินดี?
เฟิง่ หนิงคิดไปคิดมาก็รสู้ กึ ว่าเรือ่ งนีม้ คี วามเป็นไปได้สงู แต่เมือ่ ถาม
เสี่ยวชิง อีกฝ่ายกลับแกล้งท�ำเป็นยุ่ง
22
23
24
25
26
จึงสลัดคนผู้นั้นหลุดได้
นางกอดชามกินซาลาเปา รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาก
อร่อยเหลือเกิน!
เฟิ่งหนิงคิดจะหาที่นั่งเพื่อก�ำจัดซาลาเปาที่เหลือให้หมด นางเดิน
วนไปสองรอบก็เดินมาถึงหน้าเรือนสองชัน้ แห่งหนึง่ มองเห็นเหนือหลังคา
กระเบื้องเคลือบมีไผ่เขียวล้อมรอบ ดอกหญ้าปลิวไสว ทัศนียภาพช่าง
งดงาม
นางชอบสถานที่นี้ในทันที ทิวทัศน์สวยงามเคล้าซาลาเปา ไม่เลว
ทีเดียว!
เฟิ่งหนิงกัดซาลาเปาพลางชื่นชมภาพความงามของที่แห่งนี้
ลานโล่งภูเขาจ�ำลองด้านหน้าตั้งอยู่ทางซ้าย สระน�้ำศาลาเล็ก
ด้านหน้าตั้งอยู่ทางขวา มีทางสายเดียวที่เลี้ยวสามโค้งก็สามารถไปถึง
เรือนด้านหน้าได้ เฟิ่งหนิงไม่รู้ว่าเหตุใดตัวเองจึงรู้ แต่นางก็รู้ว่าทิวทัศน์
งดงามเหล่านี้อาศัยการจัดวางที่ประหลาด ศาลาไม้ไผ่ด้านหลังภูเขา
จ�ำลองนัน้ เป็นสิง่ ปลูกสร้างเพือ่ ใช้ปอ้ งกัน ปกติแลดูงดงาม แต่หากมีศตั รู
บุกรุก สิ่งที่จัดวางไว้เหล่านี้จะเป็นกลไกป้องกันที่เอาชีวิตคนได้
เฟิง่ หนิงยัดซาลาเปาลูกหนึง่ ใส่ปาก เหตุใดนางจึงรูเ้ รือ่ งเหล่านี้ เรือ่ ง
ที่นางควรรู้คือชื่อของนาง อดีตของนาง นางมีสหายคนใดบ้าง สามีของ
นางเป็นคนเช่นไร บ้านเกิดของนางอยู่ที่ใด เกิดเรื่องอะไรกับนาง...
แต่เรื่องเหล่านี้นางไม่รู้เลยแม้แต่เรื่องเดียว...กลัดกลุ้มเช่นนี้ กิน
ซาลาเปาอีกสองสามลูกดีกว่า
เฟิ่งหนิงตั้งหน้าตั้งตากิน กลับมีเสียงพูดเย็นชาดังขึ้นทางด้านหลัง
27
ในทันใด
"สถานที่นี้ไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะมาได้"
เฟิง่ หนิงกอดชามซาลาเปาหันหน้าไป พยายามเคีย้ วตุย้ ๆ แล้วกลืน
ซาลาเปาในปากลงไป
ผู้ที่พูดกับนางคือชายหนุ่มอายุยี่สิบกว่าปี คิ้วโก่ง ตาเป็นประกาย
สุกใส รูปร่างสูงโปร่ง สวมชุดยาวสีฟ้าน�้ำทะเล แถบคาดเอวสีขาว มีหยก
ขาวห้อยอยู่ แลดูภูมิฐาน ท่าทางฉลาดเฉลียว เขาก�ำลังแสดงความไม่
พอใจไว้เต็มใบหน้า
เฟิ่งหนิงถอยหลังไปหนึ่งก้าว สมองอันว่างเปล่าไม่มีความทรงจ�ำ
เกี่ยวกับคนผู้นี้แม้แต่น้อย แต่เห็นได้ชัดว่าเขารู้จักนาง
เฟิ่งหนิงกอดชามซาลาเปาแน่นแล้วมองส�ำรวจฝ่ายตรงข้ามอย่าง
ตั้งใจ
ในดวงตาของเขาฉายแววตกใจ เห็นได้ชัดว่าเขาคาดไม่ถึงว่านาง
หันหน้ามาแล้วจะท�ำท่าเช่นนี้ ไม่เคยเห็นคนกอดชามซาลาเปาเดินเล่นไป
ทั่วหรือ
การที่เฟิ่งหนิงนิ่งเงียบและมองส�ำรวจท�ำให้ชายผู้นั้นหรี่ตาลง เขา
พูดซ�้ำอีกครั้ง
"สถานที่นี้ไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะมาได้"
เฟิ่งหนิงไม่เข้าใจ ที่นี่คือที่ใด เหตุใดนางจึงมาไม่ได้
ชายผู้นั้นมองดูท่าทางของนางแล้วมองชามที่นางกอดเอาไว้พลาง
พูดเสียงเข้ม
"ท�ำไม เจ้าจ�ำอะไรไม่ได้จริงหรือ"
28
เฟิ่งหนิงมองไปที่ซาลาเปาตามสายตาของเขาก่อนจะตอบกลับ
"ท้องหิวแล้วต้องกิน เรื่องนี้ข้ายังจ�ำได้ แต่คนและเรื่องราวภายใน
คฤหาสน์ข้าลืมไปแล้วจริงๆ"
ชายหนุ่มพิจารณานางอย่างละเอียด ราวกับต้องการดูว่าเป็นเรื่อง
จริงหรือเท็จ จากนั้นเขาจึงพูดเสียงเบาด้วยรอยยิ้ม
"เจ้าลองคิดให้ดีสิว่าข้าเป็นใคร หากตอบถูก ของที่เจ้าเคยขอข้าไว้
ก่อนหน้านี้ ข้าจะใคร่ครวญดูอีกที"
น�้ำเสียงของเขาแฝงการหลอกล่อ ฟังดูสนิทสนม ยังบอกว่านางขอ
ของจากเขาอีกด้วย
เฟิ่งหนิงนึกยินดีในใจจึงพูดเสียงดัง
"เป็นสามีของข้า?"
คนผู้นั้นท�ำหน้าปั้นปึ่งในทันที ในดวงตาเต็มไปด้วยความรังเกียจ
และดูถูก
คราวนี้เฟิ่งหนิงเข้าใจแล้ว นางรู้สึกไม่ยินดีขึ้นมาทันใด
"อ้อ ที่แท้ก็ไม่ใช่" นางรู้สึกโมโหจึงถลึงตาใส่เขา ปากบ่นพึม "พี่รอง
ก็พี่รองสิ มาหลอกกันท�ำไม รังแกผู้หญิงที่หัวได้รับบาดเจ็บสนุกนักหรือ
ไม่เคารพน้องสะใภ้ของตัวเองเช่นนี้!"
หลงเอ้อร์หัวเราะเย็นชา
"น้องสะใภ้ เจ้าเพิ่งจะหายจากการบาดเจ็บแท้ๆ แต่ดูสดชื่นไม่เลว
เลย"
เฟิ่งหนิงรู้สึกไม่พอใจแต่ก็ตอบกลับไป
"จะถลึงตาใส่คนไม่ต้องใช้แรงมากมายอะไร"
29
30
รอจนนางเดินไปไกล องครักษ์ผู้หนึ่งก็กระโดดออกมาก้มหัวรับผิด
กับหลงเอ้อร์
"นางวิ่งเข้าไปในครัวจึงคลาดสายตาไปขอรับ"
"นางท�ำอะไรบ้าง"
"ก็แค่เดินเล่นไปทั่ว ไม่ได้พูดคุยกับใคร จากนั้นก็เข้าไปในครัวและ
มาที่นี่ขอรับ"
หลงเอ้อร์นงิ่ เงียบไปครูห่ นึง่ เห็นองครักษ์ผนู้ นั้ เหมือนอยากพูดอะไร
จึงเอ่ยถาม
"ยังมีอะไรอีก"
31
32
จะไปรายงานดีหรือไม่ เฟิ่งหนิงก็กลับมาพอดี
เสี่ยวชิงรีบเข้าไปรับ
"ฮูหยิน ท่านไปที่ใดมา"
เฟิ่งหนิงมอบชามเปล่าให้สาวใช้แล้วนั่งลงบนขั้นบันได
"เสี่ยวชิง เจ้าบอกข้าสักนิดสิ ตอนแรกข้าถูกคนเกลียดได้อย่างไร"
เสี่ยวชิงตะลึงไป
"บ่าวเพิ่งจะถูกส่งมาดูแลท่านได้ไม่นาน ก่อนหน้านี้บ่าวท�ำงานอยู่
ที่เรือนอื่นเจ้าค่ะ"
ฟังจากค�ำพูดนี้นางคงไม่รู้กระจ่างจริงๆ เฟิ่งหนิงถอนหายใจ
"แล้วก่อนหน้าเจ้าใครเป็นคนดูแลข้า"
"สาวใช้ที่ติดตามท่านมาตอนแต่งงานเจ้าค่ะ แต่สองเดือนก่อนจะ
เกิดเรื่องกับท่าน สาวใช้คนนั้นป่วยหนัก นางตายแล้ว"
เฟิ่งหนิงนิ่งงัน
"ตายแล้ว?"
"เจ้าค่ะ ท่านหมอเฉินเคยไปตรวจนาง เป็นการป่วยตายจริงๆ"
เฟิ่งหนิงนิ่งไปอีกครั้ง
"เสีย่ วชิง เจ้าเน้นว่าเป็นการป่วยตายจริง หมายความว่าก่อนหน้านี้
สงสัยว่านางไม่ได้ป่วยตายใช่หรือไม่"
เสี่ยวชิงร้อนใจ พูดอย่างระมัดระวังตัว
"ท่านคิดมากไปแล้วเจ้าค่ะ"
เฟิ่งหนิงเอามือยันหน้าผากแล้วพูดพึมพ�ำ
"ข้าคิดมากไปบ้างจริงๆ"
33
เสี่ยวชิงไม่ได้พูดต่อ เฟิ่งหนิงจึงพูดขึ้นอีก
"ปกติในบ้านนี้สิ่งที่ไม่ขาดก็คือเรื่องซุบซิบนินทา ตอนที่เจ้าท�ำงาน
อยูเ่ รือนอืน่ คงเคยได้ยนิ ชือ่ เสียงของข้ามาบ้าง เจ้าไม่ตอ้ งกลัว อย่างไรเสีย
ข้าก็จำ� อะไรไม่ได้ ข้าแค่อยากรูว้ า่ ข้ามาอยูใ่ นบ้านนีแ้ ล้วเป็นอย่างไร หาก
ที่ผ่านมาข้าเคยท�ำเรื่องเลวร้าย ข้าก็อยากหาทางชดเชยเท่านั้น"
เสีย่ วชิงมองหน้าเฟิง่ หนิงอยูพ่ กั ใหญ่ ในทีส่ ดุ ก็อำ�้ ๆ อึง้ ๆ เล่าออกมา
"บ่าวได้ยินเพียงว่าที่ทางบ้านของท่านให้ท่านแต่งเข้ามาไม่ได้มี
จุดประสงค์ดี บ้านนี้จึงไม่ค่อยชอบท่านนัก"
"ฮะ? ทางบ้านข้ามีจดุ ประสงค์ไม่ด?ี แล้วเหตุใดบ้านสกุลหลงจึงไม่
ได้ความเช่นนี้ แต่งงานทั้งอย่างนี้เลยหรือ"
"ได้ยินว่าเป็นสัญญาแต่งงานที่เขียนไว้ตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ ไม่แต่ง
ไม่ได้เจ้าค่ะ"
เฟิ่งหนิงตะลึงไป
ไม่แต่งไม่ได้หรือ หรือว่าข้าบีบให้คนสกุลหลงแต่งข้าเข้าบ้าน?
เฟิ่งหนิงบอกความเสียใจออกมาไม่ได้ นางยืนขึ้นแล้วเดินกลับไป
ที่ห้องพลางเอ่ยด้วยน�้ำเสียงเศร้าสลด
"เช่นนั้น...ข้ากลับบ้านข้าได้หรือไม่"
"เรื่องนี้บ่าวตอบไม่ได้เจ้าค่ะ ต้องถามนายท่านรองหรือแม่นมอวี๋"
"เสี่ยวชิง เหตุใดเรื่องของข้าต้องถามพี่รองด้วย"
"นายท่านรองเป็นหัวหน้าครอบครัวนี่เจ้าคะ"
"แต่ ข ้ า แต่ ง งานกั บ นายท่ า นสาม ข้ า มี ส ามี พี่ ร องเป็ น หั ว หน้ า
ครอบครัวใหญ่ ข้ากับท่านพี่ไม่ควรจะนับเป็นครอบครัวเล็กหรือ"
34
เสี่ยวชิงมองหน้านาง ในดวงตาแฝงความเห็นใจ
"ฮูหยิน ปกตินายท่านสามจะไม่ยุ่งเรื่องของท่าน เขามักจะออกไป
ข้างนอก ไม่อยูใ่ นคฤหาสน์ การกินอยู่ ของใช้ของท่านล้วนได้นายท่านรอง
เป็นผู้จัดการ มีเรื่องอะไรก็ต้องรายงานนายท่านรองเจ้าค่ะ"
เฟิ่งหนิงได้ฟัง ในใจก็ยิ่งรู้สึกเสียใจ
สามีของนางไม่ยุ่งเรื่องของนาง เช่นนี้นางอยู่ในบ้านสกุลหลงนี้
นับว่าเป็นแขกนั่งกินนอนกินหรืออะไร
นางรู้สึกเศร้าสลด นอนลงบนเตียงแล้วพูดเสียงเครียด
"เสี่ยวชิง ที่นี่ไม่ชอบข้า ข้าก็ไม่ชอบที่นี่ ข้าอยากกลับบ้าน"
เสี่ยวชิงมองนางอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็พูดว่า
"เช่นนั้นบ่าวจะไปรายงานนายท่านรองแทนท่านก็แล้วกันเจ้าค่ะ"
35
2
ผ่านไปไม่กี่วัน เฟิ่งหนิงทนรอค�ำตอบของหลงเอ้อร์ไม่ไหวจึงไปหา
เขาเอง เพราะหลังจากทีน่ างพูดกับเสีย่ วชิงไปในวันนัน้ เริม่ จากอาหารเช้า
ของนางวันรุ่งขึ้นก็มีปริมาณลดลงและรสชาติก็อ่อนลง เสี่ยวชิงก็ไม่รู้ว่า
เกิดอะไรขึน้ สอบถามบ่าวทีม่ าส่งอาหารก็บอกเพียงว่าคนครัวเป็นคนจัดให้
เมื่อสอบถามไป คนครัวก็บอกว่านายท่านรองเป็นผู้สั่ง
เฟิ่งหนิงมองดูอาหารหลายมื้อที่มีเพียงผัดผักสองจานกับข้าวหนึ่ง
ถ้วย แม้อาหารจะมีรสชาติไม่เลว แต่นางกินไม่อิ่มจนรู้สึกทนไม่ไหว เมื่อ
ทนไม่ไหวก็รู้สึกโกรธ นางคิดว่าถึงจะไม่ยินดีที่นางแต่งเข้ามาก็ไม่อาจ
ปล่อยให้นางกินไม่อิ่มเช่นนี้ นางไม่ขออะไรอืน่ จากบ้านสามี แต่การกินดี
กินอิ่มก็ต้องมีให้สิ
นางจึงไปพบหลงเอ้อร์ด้วยความโมโห ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ใดก็วิ่งไปที่
เรือนต้องห้ามนั้น เมื่อไปถึงหน้าเรือนก็มีคนมาขวางนางเอาไว้ แต่นาง
36
กลับยืดอกพูด
"ข้าต้องการพบพี่รอง"
หลงเอ้อร์มาแล้ว เขาพูดอย่างเอื่อยเฉื่อย
"น้องสะใภ้ เรื่องที่เจ้าอยากกลับบ้านข้าได้ยินแล้ว แต่เจ้าร้อนใจ
เช่นนี้ก็ไม่มีประโยชน์ สามีของเจ้าไม่อยู่ในคฤหาสน์ การกลับบ้านเป็น
เรื่องส่วนตัวของพวกเจ้าสองคน อย่างไรเสียข้าก็ต้องรอเจ้าสามกลับมา
แล้วค่อยปรึกษากับเขา"
"ที่ข้ามาไม่ใช่เพราะเรื่องนี้"
"อ้อ? เช่นนั้นเพราะเรื่องอะไร"
"ข้ากินไม่อิ่ม"
บ่าวผู้หนึ่งที่อยู่ด้านข้างพ่นเสียงหัวเราะออกมา หลงเอ้อร์ก็เลิกคิ้ว
ขึ้นอย่างตกใจ พูดซ�้ำค�ำเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ใช่
"กินไม่อิ่ม?"
"ใช่" เฟิ่งหนิงพยักหน้าอย่างแรง "ข้าท�ำผิดอะไร ท�ำไมจึงปล่อยให้
ข้าหิว"
ท่าทางของนางดูเหมือนเด็กๆ ท�ำให้หลงเอ้อร์อดไม่ได้ ฉีกปากยิ้ม
เช่นกัน
"ข้าบอกให้คนครัวท�ำผัดผักรสจืดสักนิดเพื่อให้เจ้าล้างความมันใน
ตัว ช่วงก่อนเป็นเพราะเจ้าได้รบั บาดเจ็บจึงเสริมอาหารให้เจ้าตลอด กลัว
ว่าจะท�ำให้กระเพาะล�ำไส้รบั ไม่ไหว ข้าก็เป็นห่วงร่างกายของเจ้านะ อาหาร
เหล่านัน้ เพียงพอส�ำหรับคนหนึง่ คน เจ้าพูดว่าข้าปล่อยให้เจ้าหิวได้อย่างไร"
"ข้าวเพียงถ้วยเดียวจะกินอิม่ ได้อย่างไร! ปกติกต็ อ้ งสองถ้วย อาหาร
37
38
เฟิ่งหนิงไม่ได้ยอมแพ้อย่างที่หลงเอ้อร์คิด นางวิ่งหน้าเครียดไปที่
ครัว ตอนนี้เพราะผู้เป็นนายล้วนกินอาหารเสร็จแล้ว เหล่าบ่าวไพร่จึง
รวมตัวกันกินอาหารกลางวันในลานครัว เมื่อเห็นฮูหยินสามที่ไม่มีผู้ใด
เหลียวแลบุกเข้ามา ทุกคนก็พากันตะลึงไป
เฟิง่ หนิงเห็นพวกเขาถือชามใหญ่คนละใบ ในชามมีขา้ วกองราวกับ
ภูเขายอดแหลมเล็ก ในใจก็รู้สึกอิจฉา นางแค่นเสียงหึทีหนึ่งแล้วหมุนตัว
เดินเข้าไปในครัว ในครัวยังไม่ได้เก็บกวาด นางจึงขยับมือพลิกดูไปมา ไม่
เห็นมีอาหารที่ท�ำเสร็จไว้ ในใจรู้สึกผิดหวังมาก
ชายอ้วนวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินเข้ามาเอ่ยปากพูดเสียงดัง
"ฮูหยิน ท่านก�ำลังท�ำอะไร ทีน่ เี่ ป็นครัว ไม่ใช่ทที่ ที่ า่ นจะมาเทีย่ วเล่น
นะขอรับ"
"เจ้าเป็นใคร"
ชายอ้วนยืดอกขึ้น
"บ่าวคือพ่อครัวใหญ่ทังหรง ทุกคนเรียกบ่าวว่าทังฉู*"
เฟิ่งหนิงตบไหล่เขา ทังฉูหัวใจกระตุก หรือฮูหยินผู้นี้คิดจะหาเรื่อง
เขาด้วยเรื่องผัดผักสองจาน ข้าวหนึ่งถ้วย แม้อาหารจะเรียบง่าย แต่เขา
ก็ท�ำมันด้วยใจ หากนางกล้าติว่าไม่ดีเขาก็จะไม่ยอม
ปรากฏว่าสิ่งที่เฟิ่งหนิงพูดคือ
"ทังฉู อาหารที่เจ้าท�ำอร่อยมาก"
ทังฉูตกใจ นางใช้วิธีอะไรกัน มารยาทน�ำก�ำลังพลตาม** หรือ
* ฉู แปลว่าพ่อครัวหรือคนทำ�ครัว
** มารยาทนำ�กำ�ลังพลตาม เป็นสำ�นวน หมายถึงใช้วิธีเจรจากับฝ่ายตรงข้ามโดยมารยาทก่อน หากไม่ได้ผล
จึงค่อยใช้กำ�ลังหรือใช้ไม้แข็งจัดการ
39
"แต่..."
ว่าแล้ว มีแต่ตามมา ทังฉูเตรียมใจเอาไว้แล้ว แม้ฮูหยินผู้นี้จะไม่มี
อ�ำนาจในคฤหาสน์ แต่เขาก็ต้องรับมืออย่างระมัดระวัง
"แต่เจ้าให้ข้าเพียงเล็กน้อย ข้าจะกินอิ่มได้อย่างไร"
กินไม่อิ่ม? ทังฉูตกตะลึง
ก่อนหน้านี้ทางฮูหยินสามขออาหารปริมาณสองคน เขาก็ไม่ได้ว่า
อะไร คิดว่ากินพร้อมกับสาวใช้ แต่วันก่อนนายท่านรองก�ำชับเป็นพิเศษ
ว่าส่งอาหารมังสวิรัติง่ายๆ ไปให้นางก็พอ เขายังถามว่าเตรียมปริมาณ
หนึ่งคนหรือสองคน นายท่านรองก็ตอบว่าหนึ่งคน เขายังคิดว่าเจ้านาย
กับสาวใช้กินอาหารด้วยกันคงไม่เหมาะสม นายท่านรองจึงไม่อนุญาต
คิดไม่ถึงว่าวันนี้ฮูหยินสามกลับวิ่งมาเอาความกับเขา
เฟิ่งหนิงเห็นเขาไม่ตอบจึงถามตรงไปตรงมา
"ตอนนี้ข้ากินไม่อิ่ม เจ้าว่าท�ำอย่างไรดี"
ท�ำอย่างไร? ทังฉูก็จนปัญญา จ�ำต้องพูดออกไปว่า
"ข้าวปลาอาหารเหลือเพียงของที่พวกเราบ่าวไพร่ในเรือนนี้กิน
เท่านั้นแล้ว หากจะติดเตาคงไม่ทันกาล ต้องรอหลังเที่ยง"
เมื่อพูดถึงหลังเที่ยง เฟิ่งหนิงก็ตาเป็นประกาย
"ซาลาเปา?"
ทังฉูส่ายหน้า
"ซาลาเปาไม่ได้ขอรับ ซาลาเปาเป็นของนายท่านรอง ทุกวันตอน
บ่ายนายท่านรองจะต้องกินของว่างเหล่านี้ วันก่อนนายท่านรองไม่ได้กนิ
ก็โมโหไปรอบหนึ่งแล้ว"
40
เฟิ่งหนิงได้ฟังค�ำนี้ก็เข้าใจในทันที
"ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง!"
ชายหนุม่ ใจแคบผูน้ นั้ แกล้งนางเพราะซาลาเปา มินา่ ล่ะ อาหารของ
สองวันนี้จึงเปลี่ยนไป
นางแอบขบเขีย้ วเคีย้ วฟัน เอ่ยค�ำขอบคุณแล้วก็หมุนตัวเดินจากไป
ทังฉูลูบหัว ไม่รู้จริงๆ ว่าฮูหยินสามมีจุดประสงค์อะไร
41
42
43
แม่นมอวี๋ตอบกลับ
"นายท่านรองโปรดวางใจ หญิงคนนีค้ ดิ จะแกล้งโง่ บ่าวจะท�ำให้นาง
เผยธาตุแท้ออกมาให้ได้"
44