You are on page 1of 86

ตอนที่ 111

ความลับ

ขณะที่ตว้ นเฉินเซวียนกําลังจะก้าวขาเดินออกไปก็บงั เอิญมีเงาคน


สวมชุดขาวผ่านตรงหน้าของเขาพอดี
“ท่านแม่” ต้วนเฉินเซวียนรี บเดินไปหยุดอยูต่ รงหน้าจางชื่อ “ท่าน
แม่ ท่านไปก่อนเถิด เดี๋ยวข้าจะกลับจวนเลย”
จางชื่อหันหน้ามาอย่างไม่พอใจเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าว่าอะไรนะ?! อยูม่ าถึง
ตอนนี้แล้ว เจ้ากลับมาบอกว่าจะไม่กินข้าวแล้วและจะกลับจวนเลย
รึ ?” เพราะหากเลี้ยวไปอีกทางหนึ่งก็จะถึงเรื อนด้านตะวันออกแล้ว
“ลูกมีเรื่ องต้องกลับไปจัดการก่อน เชิญท่านแม่ตามสบาย” เมื่อต้วน
เฉินเซวียนเอ่ยจบก็เดินหนีไปอย่างรวดเร็ วโดยไม่รอให้จางชื่อได้พดู
เกลี้ยกล่อมใด ๆ
จางชื่อโมโหจนกระทืบเท้า ลูกชายของนางนี่นะ! นับวันนางก็ยงิ่
ควบคุมไม่อยู!่
“โอ้โฮ ศิษย์นอ้ ง ว่าอย่างไร เจ้ามาร่ วมพิธีปักปิ่ นของอวิน้ เอ๋ อร์ดว้ ย
หรื อ?” เมื่อหรงซู่หนั ตัวกลับมาเห็นต้วนเฉินซวียนอยูด่ า้ นหลังก็ไม่
รู ้สึกแปลกใจอะไร “ศิษย์พี่แปลกใจยิง่ ”
“ท่านมาได้แล้วทําไมข้าจะมาไม่ได้?” ต้วนเฉินเซวียนมองหรงซู่
อย่างยัว่ ยุแล้วเอ่ยต่อว่า “อีกอย่าง…ท่านมาในวันนี้ ท่านไม่กลัว…?”
หรงซู่ยมิ้ น้อย ๆ พร้อมส่ ายหน้า “ไม่กลัว อวิน้ เอ๋ อร์กบั หนานกงจวิน้
จู่ดูแล้วคงยังไม่สนิทสนมกันถึงขั้นนั้นกระมัง? ดังนั้นตอนนี้ขา้ ตั้งใจ
ว่าจะไปหาอวิน้ เอ๋ อร์ที่หอ้ ง ไม่ได้เจอกันนานแล้วพอดี ศิษย์นอ้ งต้วน
แล้วพบกันใหม่” หรงซู่หนั ตัวกลับไปด้วยท่าทีสบาย ๆ และไม่
สนใจอีกว่าตอนนี้ตว้ นเฉินเซวียนจะหน้าบูดบึ้งขนาดไหน
ต้วนเฉินเซวียนเงียบไปชัว่ ครู่ จากนั้นจึงก้าวเท้าต่อ “ท่านไม่ใช่เชื้อ
พระวงศ์ หากมีคนเห็นว่าท่านเข้าไปในห้องสตรี โดยไม่ได้รับ
อนุญาต ท่านรู ้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น! อีกอย่างมันเหมาะสมที่ท่าน
จะทําแล้วหรื อ?”
“ข้ารับประกันว่าจะไม่มีผใู ้ ดมองเห็นแน่นอน อีกอย่างข้าไม่เหมาะ
แล้วเจ้าเหมาะงั้นหรื อ? ศิษย์นอ้ งต้วน เจ้าอย่าตามข้ามาอีกเลย”
“ข้าตามท่านซะที่ไหน! ข้าแค่ไม่ไว้ใจท่าน เลยเดินตามาด้านหลังก็
เท่านั้น เรี ยกว่าข้ามาคอยจับตาดูท่านก็แล้วกัน!”
“อ้อ แล้วแต่ เอาที่ศิษย์นอ้ งต้วนสบายใจก็พอ”
ณ สวนต้นสาลี่
เนื่องจากเช้าวันนี้หลินเหวินเสี่ ยวตื่นเต้นที่จะได้มาบ้านซูเหลียนอวิน้
ดังนั้นจึงยังไม่ได้กินข้าวเช้ามา ถึงตอนนี้ทอ้ งของนางหิ วจนส่ งเสี ยง
ร้องโครมคราม ดังนั้นนางจึงเดินตามฝูงชนไปยังเรื อนด้านตะวันตก
เพื่อกินข้าว โดยที่ไม่รอให้ซูเหลียนอวิน้ กล่าวเชิญ
ซูเหลียนอวิน้ เดินกลับมาที่หอ้ งนอนของตัวเอง นางรี บเดินมาหยุด
อยูต่ รงถังนํ้าแข็ง จากนั้นจึงสูดเอาไอเย็นเข้าไป นางร้อนจะตายอยู่
แล้ว! โชคดีที่ในห้องของตนไม่ร้อนเท่าใดนัก มิเช่นนั้นนางคงร้อน
ตายแน่ ๆ !
หนานกงมู่เสวีย่ เดินตามหลังมาช้า ๆ นางจึงเงยหน้าขึ้นแล้วส่ ง
สัญญานให้สาวรับใช้ไม่ตอ้ งตามนางเข้ามาอีก สาวรับใช้เข้าใจ
ท่าทางนี้เป็ นอย่างดีจึงหันตัวกลับไปแล้วไปรออยูต่ รงทางเดินหน้า
ห้อง ไม่ตามเข้ามาอีก หลีมู่เห็นสถานการณ์เช่นนั้นก็ไม่กล้าพูดอะไร
มาก หลังจากที่หนานกงมู่เสวีย่ ได้เข้าไปแล้วก็ปิดประตูให้ท้ งั สอง
คนอย่างระมัดระวังและไม่ตามเข้าไปเช่นกัน นัน่ เป็ นเพราะใน
ความรู ้สึกของหลีมู่ ไม่รู้วา่ เกิดจากสาเหตุใด เวลาที่นางเห็นหนาน
กงมู่เสวีย่ ทีไรมักจะมีความรู ้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทุกที
ตอนนี้บรรยากาศภายในห้องจึงเหลือเพียงหนานกงมู่เสวีย่ และซู
เหลียนอวิน้ เพียงสองคน
เมื่อซูเหลียนอวิน้ รู ้สึกผ่อนคลายลงก็หนั กลับมองหนานกงมู่เสวีย่ ที่
นัง่ อยูด่ า้ นข้างโต๊ะนํ้าชาพลางมองมาทางนางแล้วยิม้ น้อย ๆ ให้ นาง
จึงเริ่ มแสดงอาการวางตัวไม่ถูก
เงียบเกินไปหรื อเปล่า…ควรจะพูดอะไรกันหน่อยไหม?
“อื้ม” หนานกงมู่เสวีย่ กระแอมเพื่อทําลายบรรยากาศน่าอึดอัดนี้ “ซู
เหลียนอวิน้ เจ้ารู ้จกั กับหรงซู่ได้อย่างไร?” พอเอ่ยออกไปแล้ว หน้า
ของหนานกงมู่เสวีย่ พลันเปลี่ยนเป็ นสี แดง นางเป็ นอะไรไปนะ
ทําไมต้องเอ่ยถึงเรื่ องนี้ข้ ึนก่อนด้วย?
“ห๊ะ? อ้อ ๆ ” ซูเหลียนอวิน้ มีปฏิกิริยาตอบรับ จากนั้นจึงเดินไปนัง่
บนเก้าอี้ดา้ นข้างหนานกงมู่เสวีย่ “ถึงอย่างไร…คงจะเป็ นความ
บังเอิญของโชคชะตากระมัง คือว่าท่านอาจารย์เคยช่วยชีวติ ข้าเอาไว้
ครั้งหนึ่ง จากนั้นข้าก็ตามอ้อนวอนให้เขามาเป็ นอาจารย์ของข้า นี่คือ
เหตุการณ์ที่ทาํ ให้เรารู ้จกั กัน”
“อ้อ อย่างนี้เอง” พอหนานกงมู่เสวีย่ เห็นซูเหลียนอวิน้ พูดจาอย่าง
เปิ ดเผยก็รู้สึกเบาใจลงบ้างแล้วเอ่ยต่อว่า “อย่างนั้น ซูเหลียนอวิน้ เจ้า
รู ้ฐานะที่แท้จริ งของหรงซู่หรื อไม่?”
ซูเหลียนอวิน้ จัดแจงเสื้ อผ้าแล้วทําท่าฟังอย่างตั้งใจ นางหันทั้งตัวเข้า
หาหนานกงมู่เสวีย่ “ไม่บอกข้าได้หรื อไม่?”
นางไม่รู้เรื่ องเลยแม้แต่นอ้ ย! เมื่อก่อนยังดีที่นางไม่เคยคิดถึงประเด็น
นี้มาก่อน แต่ต้ งั วันนั้นที่หนานกงมู่เสวีย่ เริ่ มพูดถึงเรื่ องราวระหว่าง
หรงซู่ ต้วนเฉิ นเซวียนและตัวหนานกงมู่เสวีย่ ว่าพวกเขาทั้งสามคน
เป็ นศิษย์อาจารย์เดียวกัน ตัวนางก็เริ่ มแอบคาดเดาว่าสถานะของหรง
ซู่จะต้องไม่ธรรมดา จากนั้นนางจึงครุ่ นคิดถึงปั ญหานี้ทุกวัน
นางอึดอัดจะตายอยูแ่ ล้ว!
“เจ้าไม่รู้หรอกหรื อ…” หนานกงมู่เสวีย่ ก้มหน้าเอ่ยขึ้นเบา ๆ “ข้านึก
ว่าเจ้ารู ้เสี ยอีก เพราะว่าหรงซู่…”พูดได้เพียงครึ่ งประโยค หนานกงมู่
เสวีย่ ก็ไม่เอ่ยอะไรต่ออีก
ท่านอาจารย์เป็ นใครกันแน่! ซูเหลียนอวิน้ จะเป็ นบ้าตายอยูแ่ ล้ว!
ทําไมถึงรู ้สึกว่าคนรอบตัวนางชอบพูดจาครึ่ ง ๆ กลาง ๆ แบบนี้?
เป็ นโรคอะไรกันไปหมด!
“ท่านอาจารย์เป็ นใครแน่?” ซูเหลียนอวิน้ หันไปจ้องหนานกงมู่เสวีย่
“หนานกงจวิน้ จู่ เจ้าบอกข้าเถอะ!” อย่าปฏิเสธข้าเลย มิเช่นนั้นคืนนี้
นางต้องนอนไม่หลับอย่างแน่นอน
“แต่…หากข้าตอบคําถามของเจ้า ข้าจะได้อะไร?” หนานกงมู่เสวีย่
เงยหน้า แววตาปรากฏความสับสน “อีกอย่างหากข้าบอกความลับ
แก่เจ้าออกไปง่าย ๆ แบบนี้ ข้ามิเสี ยเปรี ยบรึ ?”
“ไม่เสี ยเปรี ยบ ไม่เสี ยเปรี ยบ!” ซูเหลียนอวิน้ ส่ ายหน้าราวป๋ องแป๋ ง
“พวกเรามาแลกเปลี่ยนความลับกันดีหรื อไม่? หากจวิน้ จู่มีคาํ ถาม
อะไรที่อยากรู ้ เจ้าถามข้าได้เลย ข้าจะต้อง…”
มิถูก เสี ยงของซูเหลียนอวิน้ ค่อย ๆ เบาลง หากเป็ นเช่นนี้เท่ากับว่า
ทรยศท่านอาจารย์? อีกอย่างนี่มนั จะมีความหมายอะไร? ขายท่าน
อาจารย์เพื่อแลกข่าว? นี่ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ …
เมื่อหนานกงมู่เสวีย่ เห็นซูเหลียนอวิน้ ค่อย ๆ เงียบไปก็ไม่รีบร้อน
อะไร ตรงกันข้ามนางกลับรู ้สึกชื่นชมด้วยซํ้า ปากแข็งดียงิ่ จุด ๆ นี้
เป็ นเรื่ องที่ตอ้ งชื่นชม แต่…
“ตอนนี้หรงซู่กม็ ิได้อยูต่ รงนี้ ที่นี่มีเพียงเราแค่สองคน บ่าวของเราก็
ไม่อยู่ เจ้ายังกลัวว่าเรื่ องจะหลุดลอดออกไปได้อีกหรื อ?” หนานกงมู่
เสวีย่ จัดแขนเสื้ อของตัวเองพลางเอ่ยขึ้นช้า ๆ
จริ งด้วย ท่านอาจารย์กม็ ิได้อยูต่ รงนี้ ตอนนั้นซูเหลียนอวิน้ เริ่ มได้สติ
แล้วนางจะยังกลัวอะไรอีก!
“ก็ได้ อย่างนั้นตอนนี้พวกเราก็สามารถผลัดกันพูดได้แล้ว!” ซู
เหลียนอวิน้ กระพริ บตาปริ บ ๆ ส่ งสัญญาณให้หนานกงมู่เสวีย่ รี บพูด
เรื่ องหรงซู่ออกมา
“อืม แต่เจ้าต้องพูดก่อนถึงจะถูก เพราะเจ้าถามข้าก่อน ถูกหรื อไม่?”
หนานกงมู่เสวีย่ ก้มหน้า สายตาของนางปรากฏความเจ้าเล่ห์ น่า
เสี ยดายที่ซูเหลียนอวิน้ มิได้เห็นสายตานี้
เพราะหากเห็นสายตานี้แล้ว ซูเหลียนอวิน้ จะได้พึงระวังตัวเอาไว้
บ้าง เพราะสายตาเช่นนี้ของหนานกงมู่เสวีย่ สําหรับหรงซู่กบั ต้วน
เฉินเซวียนแล้วเห็นมาไม่นอ้ ย นี่ถือเป็ นสัญญานที่เผยออกมาก่อนที่
นางจะจัดการใครสักคน!
“ได้! จวิน้ จู่ถามมาเลย ข้าจะต้องพูดทั้งหมดที่รู้ เรื่ องไม่รู้จะไม่พดู ” ซู
เหลียนอวิน้ นัง่ ตัวตรงแล้วเอ่ยขึ้นเพื่อยืนยัน
“ตกลง” หนานกงมู่เสวีย่ เลิกคิ้ว “เช่นนั้นข้าขอถามเจ้าว่า เจ้าเคยเห็น
ผูห้ ญิงคนไหนเคยไปหาหรงซู่หรื อไม่?”
“ไม่มี” ซูเหลียนอวิน้ ส่ ายหน้าหนักแน่น “อย่างน้อย ๆ ข้าก็ไม่เคย
สตรี นางใดปรากฏตัวอยูก่ บั ท่านอาจารย์ ดังนั้นยิง่ ไม่ตอ้ งพูดถึงหญิง
สาวเลย”
ตอนที่ 112

เพลิงไหม้ ใหญ่

“อย่างนั้นหรื อ” หนานกงมู่เสวีย่ ยิม้ แสดงออกอย่างชัดเจนว่าพอใจ


กับคําตอบนี้ จึงถามต่อไปว่า “เช่นนั้นเจ้ารู ้หรื อไม่วา่ หรงซู่อยูท่ ี่
ไหน? บอกข้าเรื่ องนี้ดว้ ยได้หรื อไม่?”
“เอ่อ ท่านอาจารย์อนั ที่จริ งอยูท่ ี่…” ซูเหลียนอวิน้ กําลังจะเอ่ยปาก
ตอบ แต่คิดไม่ถึงว่ารอยยิม้ ของหนานกงมู่เสวีย่ นี้จะคุน้ ตามากคุน้ ตา
เสี ยจนทําให้นางเริ่ มตัวสัน่ จากนั้นจึงได้สติกลับมาแล้วแย้งกลับไป
ว่า “จวิน้ จู่นี่ไม่ถูกต้องแล้ว เจ้าถามข้าไปหนึ่งคําถามแล้ว ดังนั้นถึง
คราวเจ้าตอบคําถามข้าแล้ว!”
ยังดี ยังดี ที่หา้ มตัวเองไว้ทนั ! มิเช่นนั้นแล้วจะต้องหลุดปากและพูด
เรื่ องนี้ออกไปแน่!
“ฮ่า ๆ …” หนานกงมู่เสวีย่ ยิม้ แห้ง ๆ แล้วแอบวิจารณ์ในใจว่า เจ้า
เด็กโง่นี่ทาํ ไมถึงรู ้ตวั ขึ้นมาได้? นางยังคิดว่าจะสามารถเค้นคําตอบ
ออกมาได้มากกว่านี้เสี ยอีก!
“เช่นนั้นก็ได้ อันที่จริ งสิ่ งที่ขา้ จะบอกเจ้าก็ไม่มีอะไรมากนัก”
บรรยากาศรอบตัวของหนานกงมู่เสวีย่ คล้ายจะเริ่ มหนาวขึ้น “เจ้า
รู ้จกั อันผิงอ๋ องหรื อไม่?”
“อันผิงอ๋ อง?” ซูเหลียนอวิน้ เอนกายไปข้างหลังเพื่อผ่อนคลาย
อิริยาบถ ตัวของนางพิงอยูบ่ นพนักเก้าอี้ ครุ่ นคิดพลางเอ่ยว่า “อันผิง
อ๋ อง…เป็ นชื่อที่คุน้ หูมากเลย…”
“ใช่ คุน้ หูมาก” รอยยิม้ ยังคงปรากฏอยูบ่ นใบหน้าของหนานกงมู่
เสวีย่ “เจ้าลองคิดดูให้ดี ๆ ข้ามัน่ ใจว่าเจ้าต้องนึกออกอย่างแน่นอน”
“อันผิงอ๋ อง?” ไม่นานนัก เสี ยงดังราวกับสายฟ้ าฝาดของซูเหลียนอ
วิน้ ก็ดงั ก้องขึ้นไปทัว่ ทั้งห้อง “หนาน หนานกงจวิน้ จู่ เจ้าหมายถึงผูท้ ี่
ช่วยลี่หยวนตี้ทาํ ให้บา้ นเมืองสงบลง แต่สุดท้ายกลับ…คืออันผิงอ๋ อง
ผูน้ ้ นั หรื อ?”
หนานกงมู่เสวีย่ ก้มหน้ามองใบชาที่ลอยขึ้น ๆ ลง ๆ ในถ้วยนํ้าชาที่
อยูต่ รงหน้า สุ ดท้ายรอจนแน่ใจว่าใบชาไม่ร่วงลงสู่ กน้ ถ้วยจึงเอ่ยขึ้น
ว่า “มิผดิ เป็ นอันผิงอ๋ องผูน้ ้ นั หรงซู่เป็ นบุตรของเขา”
“แต่จะเป็ นไปได้อย่างไร…” ซูเหลียนอวิน้ ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมา
ปิ ดปาก “ตอนนั้นอันผิงอ๋ อง ทั้งจวนของอันผิงอ๋ องมิได้ถูก…”
“หรงซู่เป็ นคนเดียวที่รอดชีวติ มาได้จากเหตุการณ์ในตอนนั้น” อัน
ผิงอ๋ อง เป็ นบุคคลที่คนในสมัยราชวงศ์ตา้ ชัว่ ล้วนจําได้
เพราะหากไม่มีเขาก็ไม่มีลี่หยวนตี้ หรื ออาจกล่าวได้วา่ ไม่มี
ราชวงศ์ตา้ ชัว่ ด้วยเช่นกัน
ในรัชสมัยของฮ่องเต้องค์ก่อน ในบรรดาพระโอรสทั้งหมดลี่หยวนตี้
ถือเป็ นผูท้ ี่โดดเด่นน้อยที่สุด และเป็ นโอรสที่ดูอ่อนแอไร้ราศีที่สุด
แต่แม้วา่ จะโชคร้ายอย่างไรสุ ดท้ายก็ตอ้ งมีวนั ที่เขาไปได้ไกลอยูด่ ี
ตอนนั้นฮ่องเต้องค์ก่อนอายุกม็ ากแล้ว ร่ างกายที่เคยแข็งแรงก็
อ่อนแอลงไปเรื่ อย ๆ แต่อย่างไรก็ยงั คงมีลมหายใจอยูต่ ่อ แม้วา่
ร่ างกายจะอ่อนล้า ทว่าจิตวิญญาณของเขากลับมิได้ลดลงไปกว่า
เมื่อก่อนเลย ความคิดของเขายังคงเฉี ยบแหลมว่องไว เขายังคง
พยายามที่จะเป็ นฮ่องเต้ที่กมุ ชะตาชีวติ ของทุกคนเอาไว้
ทว่าโดยรวมตอนนี้ความตายได้เข้ามาใกล้เขาทุกที ด้วยเหตุน้ ีความ
ปรารถนาในอํานาจก็ยงิ่ เป็ นความต้องการอันแรงกล้าของเขามากขึ้น
เนื่องจากเขาเห็นการเติบโตอย่างช้า ๆ ของลูกชายตัวเองที่นบั วันก็จะ
ยิง่ แข็งแกร่ งขึ้น ส่ วนตัวเขากลับอ่อนแอลงและเข้าใกล้ประตูมรณะ
มากขึ้นเต็มที เมื่อคิดเช่นนี้เขาก็ยงิ่ ไม่สบายใจมากขึ้น
บรรดาโอรสของเขานับวันก็ดูเหมือนไม่ใช่โอรสของเขาอีกต่อไป
แต่กลับเป็ นดัง่ ปี ศาจร้ายที่จอ้ งจะกินเลือดกินเนื้อ และหากกําจัดเขา
ให้สิ้นซากไม่ได้กค็ งจะไม่มีวนั ลามือ
องค์รัชทายาทเป็ นคนที่ไม่พอใจฮ่องเต้องค์ก่อนที่สุด เห็นชัด ๆ ว่า
ใกล้จะลาโลกไปเต็มทีแล้ว แต่กลับไม่ยอมอยูอ่ ย่างสงบ จนถึงตอนนี้
ยังคงพยายามที่จะลดอํานาจในมือของเขาอยู่
องค์รัชทายาทเข้าใจดีวา่ บิดาของเขายังคงไม่ยอมแพ้ หรื อบางทีตวั
เขาอาจจะทําอะไรให้ฮ่องเต้ผยู ้ งิ่ ใหญ่องค์น้ ีไม่พอใจเข้า ด้วยเหตุน้ ีจึง
ทําให้ท่านพ่อต้องการจะกําจัดเขาทิ้งไปเสี ย
แต่เห็นอยูช่ ดั ๆ ว่าเขาต่างหากที่กาํ ลังจะเป็ นฮ่องเต้ของแผ่นดินคน
ต่อไป! ส่วนอีกคนเป็ นเพียงคนที่นอนพะงาบ ๆ อยูบ่ นเตียงเท่านั้น
รี บพักผ่อนไปจะดีกว่า และจะได้ถือว่าเป็ นการหลุดพ้นด้วย
ไม่เหนือความคาดหมายเท่าไหร่ นกั สุ ดท้ายแล้วองค์รัชทายาทก็ลง
มือก่อกบฏ
มิถูก หากจะพูดให้ถูกต้อง ต้องไม่ใช้คาํ ว่ากบฏ แต่เป็ นการตั้งใจจะ
สังหารบิดาของเขามากกว่า
แต่ฮ่องเต้กย็ งั คงเป็ นฮ่องเต้ ประสบการณ์ที่สงั่ สมมาหลายสิ บปี
หลายสิ บปี แห่งการเป็ นฮ่องเต้ เขาจะไม่ได้เตรี ยมตัวป้ องกันเลยได้
อย่างไร? หากแม้แต่ผเู ้ ป็ นองค์รัชทายาทมาแค่ไม่กี่ปียังควบคุมไม่ได้
เขาก็อย่าหวังเลยว่าจะได้ไปพักผ่อนอย่างสงบ
สุ ดท้ายองค์รัชทายาทก็ถูกเนรเทศออกไป
และผูท้ ี่ไม่เคยมีโอกาสในศึกแห่งการแย่งชิงเก้าอี้องค์รัชทายาทนี้
อย่างลี่หยวนตี้กลับมีความสามารถโดดเด่นออกมาอย่างเหนือความ
คาดหมาย
ฮ่องเต้ทรงมี พระราชดํารัสว่า องค์ชายสิ บสาม หนานกงจิ่น มีจิตใจ
บริ สุทธิ์สตั ย์ซื่อ เคารพพี่นอ้ ง ให้เกียรติผคู ้ น ดังนั้นจึงขอแต่งตั้งให้
เป็ นองค์รัชทายาทต่อไป
ทุกคนที่ได้ฟังล้วนตื่นตระหนก เป็ นหนานกงจิ่นไปได้อย่างไร?
คนที่เป็ นไปไม่ได้มากที่สุด องค์ชายสิ บสามผูท้ ี่ไร้ปากไร้เสี ยง? นี่
มันเป็ นไปไม่ได้!
ทว่าในพระราชโองการแต่งตั้งไว้เช่นนี้ แถมพระราชโองการยังถูก
ประกาศออกจากปากขันทีใหญ่ผเู ้ ป็ นที่ไว้เนื้อเชื่อใจได้ ดังนั้นไม่วา่
คนอื่นจะแอบคิดในใจอย่างไรก็คงทําได้เพียงแอบเอาไว้ในใจ และ
คุกเข่าลงบนพื้นอย่างจงรักภักดีกม้ หัวให้กบั คนที่พวกเขาดูถูกที่สุด
แล้วเรี ยกเป็ นเสี ยงเดียวกันว่าฮ่องเต้!
อดีตองค์รัชทายาทแม้วา่ จะถูกเนรเทศไปแล้ว ทว่าพรรคพวกใน
เมืองหลวงกลับมิได้ลดลงเลย หลังจากที่ทราบข่าวว่าบิดาของตน
สวรรคตแล้ว แถมยังยกบัลลังก์ให้กบั ฮ่องเต้ที่ไร้ความสามารถที่ตน
เคยดูถูกมาตลอด เขาจึงเดือดดาลอย่างถึงที่สุด
นี่ตอ้ งการจะตบหน้าเขาใช่หรื อไม่? หาว่าเขาสู ไ้ ม่ได้แม้แต่คนไร้ค่า
เช่นนี้? จึงปลดเขาออกจากตําแหน่งแล้วแต่งตั้งคนแบบนี้ข้ ึนเป็ น
ฮ่องเต้
กล่าวได้วา่ ตอนนี้อดีตองค์รัชทายาทได้ลืมไปสนิทแล้วว่าเป็ นเพราะ
ตนเคยวางแผนปลงพระชนม์บิดา เขารู ้เพียงว่าบิดาของเราเลอะเลือน
ไปแล้ว! แต่ไม่เป็ นไรของที่เป็ นของเขาอย่างไรก็เป็ นของของเขา
แค่มีผอู ้ ื่นแย่งชิงไปชัว่ คราวจะเป็ นไรไป? ทั้งหมดก็แค่ชวั่ คราว
เท่านั้น
ผ่านไปครึ่ งปี อดีตองค์รัชทายาทก็เตรี ยมทุกอย่างจนพร้อมแล้วไล่
ตะลุยก่อสงครามจนเขยิบเข้ามาใกล้เมืองหลวง
ไม่นานนักสภาพจิตใจของคนในเมืองก็เริ่ มตกอยูใ่ นสภาวะหวาด
วิตก แม้แต่ขนุ นางใหญ่ในราชสํานักก็เริ่ มแบ่งพวกออกเป็ นสองกลุ่ม
มีท้ งั ที่เป็ นพรรคพวกของอดีตฮ่องเต้และก็มีอีกส่ วนหนึ่งที่เป็ นพรรค
พวกของลี่หยวนตี้ แน่นอนว่าพรรคพวกของลี่หยวนตี้เมื่อเทียบกับ
อดีตองค์รัชทายาทแล้วถือว่ามีนอ้ ยกว่ามากนัก
นัน่ เป็ นเพราะว่า เวลาครึ่ งปี ถือเป็ นเวลาที่ส้ นั นัก ความศรัทธาในตัว
ของลี่หยวนตี้ยงั ไม่ทนั จะแข็งแรงขึ้นมา ขณะที่ความปรี ชาสามารถ
ของอดีตรัชทายาทยังคงไม่ถูกลืมเลือน และในเวลานั้นเองที่อนั ผิง
อ๋ องอาสาออกรบเพื่อปราบอดีตรัชทายาท แล้วคืนความสงบสุ ข
ให้กบั แผ่นดิน อันผิงอ๋ องเป็ นพี่ชายแท้ ๆ ของลี่หยวนตี้ แม้วา่ จะ
ไม่ได้เกิดจากมารดาเดียวกันแต่กลับมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก
เสี ยยิง่ กว่าพี่นอ้ งท้องเดียวกันเสี ยอีก อีกทั้งในตอนนั้นลี่หยวนตี้
อ่อนแอกว่าผูอ้ ื่น ขณะที่อนั ผิงอ๋ องเชี่ยวชาญการทําศึกมากเสี ยจนถือ
ได้วา่ เกิดมาเพื่อเป็ นผูบ้ ญั ชาการศึกโดยเฉพาะ ในเมื่อมีผอู ้ าสา ลี่
หยวนตี้ยอ่ มพอใจอย่างแน่นอน ในตอนนั้นจึงตอบรับความต้องการ
ของอันผิงอ๋ องส่ งเขาออกสู่สนามรบ ผูท้ ี่มีพรสวรรค์ในการ
บัญชาการศึกอย่างเขาไม่ทาํ ให้เสี ยชื่อ ผ่านไปเพียงสี่ เดือน กองกําลัง
ของอดีตรัชทายาทก็ค่อย ๆ ถูกตีจนแตกพ่ายไปราวกับกําลังจะโดน
กําจัดอย่างถอนรากถอนโคน เมื่อขุนนางในราชสํานักเห็น
สถานการณ์เช่นนี้กเ็ ริ่ มตัดสิ นใจเปลี่ยนข้างกลับมาอยูข่ า้ งเดียวกับลี่
หยวนตี้ดงั เดิม
เมื่อกําแพงจะล้มคนก็ยงิ่ ช่วยกันผลัก ในที่สุดอดีตรัชทายาทก็พา่ ย
แพ้ แถมการพ่ายแพ้ครั้งนี้ยงั แพ้แบบถอนรากถอนโคนไม่มีทางฟื้ น
อํานาจกลับขึ้นมาได้อีก ทว่าตัวร้อยขาตายแล้วก็ยงั เคลื่อนที่ต่อได้[1]
กองกําลังเก่าของอดีตรัชทายาทยังคงหาทางคอยแก้แค้นอยูเ่ สมอ
ทว่าการจะปลงพระชนม์ลี่หยวนตี้น้ นั เป็ นสิ่ งที่ยากเกินเอื้อม ดังนั้น
สายตาของพวกเขาจึงเล็งมายังอันผิงอ๋ อง เวลาโบยบินพ้นผ่าน
เรื่ องราวของอดีตรัชทายาทค่อย ๆ ถูกลืมเลือน สุ ดท้ายประชาชนใช้
ชีวติ กันอย่างสุ ขสงบ และในตอนนี้เองที่อุบตั ิไฟไหม้ครั้งใหญ่
เหตุการณ์น้ ีเองที่ทาํ ให้ทุกคนหวนรําลึกไปถึงเหตุการณ์ในอดีตอีก
ครั้ง ไฟไหม้อยูท่ ้ งั วันทั้งคืน กว่าจะสามารถบุกเข้าไปถึงจวนของอัน
ผิงอ๋ องได้ ตอนนั้นแม้แต่กระดูกสักชิ้นก็ยงั หาไม่เจอ เรื อนทั้งหลัง
มอดไหม้กลายเป็ นเถ้าถ่านไม่เหลือสิ่ งใดทิ้งไว้อีกเลย
——
[1] ตัวร้อยขาตายแล้วก็ยงั เคลื่อนที่ต่อได้ หมายความว่ากลุ่มคนที่มี
อํานาจมาก แม้พา่ ยแพ้ไปแล้วแต่กย็ งั คงเหลือกองกําลังเก่าอยู่
ตอนที่ 113

คราบนํา้ ตา

“แต่หรงซู่เป็ นเพียงคนเดียวที่รอดชีวติ จากเหตุการณ์ไฟไหม้ใหญ่


ครั้งนั้น” หนานกงมู่เสวีย่ เอ่ยขึ้นเรี ยบ ๆ
ซูเหลียนอวิน้ ฟังจนสติหลุดลอย นางก้มหน้าแล้วพึมพัมกับตัวเอง
“นี่เป็ นเรื่ องที่เกิดขึ้นเมื่อสิ บห้าปี ก่อน นัน่ ก็หมายความว่า ท่าน
อาจารย์ในตอนนั้น…อายุเพียงห้าขวบ…”
เด็กน้อยอายุหา้ ขวบสู ญเสี ยคนในครอบครัวทั้งหมดไปภายในคืน
เดียว ความเจ็บปวดขนาดนั้น ท่านอาจารย์ผา่ นมันมาได้อย่างไร?
“เฮ้อ เรื่ องนี้เกิดขึ้นตอนเขาอายุได้เพียงห้าขวบ” หนานกงมู่เสวีย่ ลุก
ขึ้นยืนพิงหน้าต่างโดยไม่สนใจสี หน้าของซูเหลียนอวิน้ อีก “แต่กย็ งั ดี
ที่เขารู ้เรื่ องราวนี้หลังจากเหตุการณ์ผา่ นไปสิ บปี ให้หลัง ดังนั้นเขาจึง
ไม่ได้อ่อนแออย่างที่เจ้าคิด”
“ตอนที่เขาอายุได้หา้ ขวบ เขาถูกส่ งตัวมาอยูก่ บั ท่านอาจารย์หลิงอวิน๋
นักบวชเต๋ าของพวกเราเพื่อเรี ยนศิลปะต่าง ๆ และด้วยเหตุน้ ีเองที่ทาํ
ให้เขารอดพ้นจากหายนะครั้งนั้น” หนานกงมู่เสวีย่ หัวเราะเบา ๆ
“แต่วา่ …” ซูเหลียนอวิน้ ตั้งท่าจะเอ่ยปากจากนั้นก็หุบปากลงอย่าง
เงียบ ๆ อีกครั้ง ทําไมนางถึงมีความรู ้สึกว่าหนานกงมู่เสวีย่ เล่า
เรื่ องราวเพียงครึ่ งเดียวเท่านั้น? เหมือนนางพยายามตัดเรื่ องบางอย่าง
ที่สาํ คัญออกไป ไม่ยอมเล่าให้นางฟัง
หนานกงมู่เสวีย่ เอามือสัมผัสแจกันดอกไม้บนโต๊ะแล้วมองลวดลาย
ที่สลับซับซ้อนของมัน แววตาของนางค่อย ๆ ลํ้าลึกมากขึ้น
“อวิน้ เอ๋ อร์!” เสี ยงอันคุน้ เคยดังขึ้นจากด้านนอกประตู
“ท่านอาจารย์! เขามาแล้วจริ ง ๆ !” ซูเหลียนอวิน้ ลุกพรวดขึ้นแล้ว
เดินไปยังประตูอย่างรวดเร็ ว “ซูเหลียนอวิน้ !” หนานกงมู่เสวีย่ ย่อม
ได้ยนิ เสี ยงเรี ยกนั้นด้วยอย่างแน่นอน เมื่อเห็นว่าซูเหลียนอวิน้ กําลัง
จะทะยานออกจากห้องไปทันทีกร็ ี บรั้งนางเอาไว้อย่างทันท่วงทีแล้ว
ส่ ายหน้าแล้วเอ่ย ๆ เบา ๆ ว่า “เจ้าอย่าเพิ่ง…บอกหรงซู่วา่ ข้าอยูท่ ี่นี่”
“ตกลง…” ซูเหลียนอวิน้ พยักหน้า “ข้าไม่พดู หรอก”
ซูเหลียนอวิน้ เดินออกจากห้องไปแล้วมองไปยังหรงซู่ที่ยนื อยูไ่ ม่
ไกลนัก ในตอนนั้นเองจึงรู ้สึกว่าดวงตาของตนมีบางสิ่ งที่อุ่น ๆ ไหล
ออกมา
“อวิน้ เอ๋ อร์ โตเป็ นสาวแล้วนะ” หรงซู่ยนื อยูใ่ ต้ตน้ สาลี่พลางยิม้ ให้ซู
เหลียนอวิน้ ที่ยงั อยูใ่ ต้ชายคาบ้าน สายตาของเขาเปี่ ยมความเอ็นดู
“ท่านอาจารย์…” เสี ยงของซูเหลียนอวิน้ สัน่ เครื อ เนื่องจากหลังจาก
ที่นางเห็นหรงซู่แล้ว คําพูดต่าง ๆ ที่หนานกงมู่เสวีย่ เล่าให้นางฟัง
คล้ายดังลอยขึ้นมาที่หูนางอีกครั้ง
ท่านอาจารย์ ความทุกข์สาหัสใหญ่หลวงเช่นนั้น ทําไมท่านถึง…
“ท่านอาจารย์!” ซูเหลียนอวิน้ รี บโผเข้าหาหรงซู่แล้วจ้องหน้าของเขา
อยูพ่ กั หนึ่ง จากนั้นก็กระโจนเข้าอกหรงซู่แล้วร้องไห้
ด้านในห้อง หนานกงมู่เสวีย่ ยืนอยูร่ ิ มหน้าต่างมองดูซูเหลียนอวิน้ โผ
เข้าสู่ อกของหรงซู่ ในใจจึงเกิดความรู ้สึกบางอย่างขึ้น จากนั้นจึงกํา
มือของตัวเองแน่น
ทว่าเมื่อสังเกตดูดี ๆ อีกครั้ง สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเมตตา
ความเอ็นดู ทว่าความรู ้สึกเดียวที่ไม่เห็นคือความรัก ดังนั้นความรู ้สึก
กังวลในใจของหนานกงมู่เสวีย่ จึงค่อย ๆ คลายลงได้บา้ ง
ยังดี ๆ …
“อวิน้ เอ๋ อร์?” เมื่อหรงซู่โดนซูเหลียนอวิน้ วิง่ เข้าใส่ เต็มแรงเช่นนั้นทํา
ให้ถอยหลังไปสองสามก้าว จากนั้นจึงมองหญิงสาวที่กาํ ลังกอดตน
อยูแ่ ถมยังซุกหน้าร้องไห้อยูต่ รงอกก็ไม่ท้ งั นึกโมโหและอยากขํา แต่
เมื่อเห็นซูเหลียนอวิน้ ร้องไห้อย่างเศร้าสลดเช่นนั้น ความรู ้สึกที่
อยากจะหัวเราะนั้นก็ค่อย ๆ จางหายไป
หรงซู่จึงยืน่ มือออกไปลูบผมของซูเหลียนอวิน้ “เป็ นอะไรไปหรื อ?
โตเป็ นสาวขึ้นอีกปี มันน่าเศร้าขนาดนั้นเชียวหรื อ?”
“ไม่ใช่สกั หน่อย!” ซูเหลียนอวิน้ ซุกหน้าเข้าไปในอกของหรงซู่แล้ว
พูดเสี ยงอูอ้ ้ ีข้ ึนว่า “ข้าแค่…รู ้สึกอ่อนไหวขึ้นมาบ้างไม่ได้เลยหรื อ?”
“ได้สิ ๆ จะอ่อนไหวก็แล้วแต่เจ้าเถิด” เมื่อหรงซู่เห็นซูเหลียนอวิน้ พุง่
เข้าใส่ อย่างกะทันหันเช่นนั้น รอยยิม้ ที่มุมปากก็ยงิ่ ปรากฏชัดขึ้น
“แต่อวิน้ เอ๋ อร์ ไม่วา่ เจ้าจะรู ้สึกเศร้าหรื อว่าอะไรก็ตาม อันที่จริ งก็
ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้า แต่น้ าํ ตาของเจ้า…หากเจ้ายังไม่ยอมเอาหน้า
ออกไป อาจารย์เกรงว่าชุดสองพันตําลึงของข้าชุดนี้จะเปื้ อนเอาได้
อวิน้ เอ๋ อร์หากเป็ นเช่นนั้นเจ้าจะช่วยชดใช้ให้ขา้ ด้วยหรื อไม่?”
ซูเหลียนอวิน้ กล่าวอย่างใจเย็นว่า “ท่านอาจารย์ ฝันไปเถอะ! ข้าว่า
ท่านต้องการขูดรี ดเอาชุดใหม่จากข้ามากกว่ากระมัง! เพ้อเจ้อ!” ไม่
ว่าเรื่ องอะไรก็เป็ นเงินเป็ นทองไปหมด จะไม่ให้ซูเหลียนอวิน้ ไม่ใจ
เย็นคงไม่ได้
เนื่องจากต้วนเฉินเซวียนเดินไปพลางครุ่ นคิดไปที่อยูด่ า้ นหน้าเรื อน
เพียงครู่ เดียวเขาก็เดินเข้ามาภายในเรื อนของซูเหลียนอวิน้ เขาจะหา
เหตุผลอะไรที่น่าเชื่อถือได้ เพราะทุกคนต่างรู ้ดีวา่ เขาไม่ค่อยชอบซู
เหลียนอวิน้ มากนัก ดังนั้นฝี กา้ วของเขาจึงช้ากว่าหรงซู่อยูห่ ลายก้าว
แต่เนื่องเพราะเขาเดินช้ากว่าอยูส่ องสามก้าวนั้น เป็ นเหตุให้เขาเห็น
ภาพของซูเหลียนอวิน้ ซุกอยูใ่ นอกของหรงซู่เมื่อเขาเดินถึงกลาง
เรื อน
“ซู เหลียน อวิน้ !” ต้วนเฉิ นเซวียนกัดฟันเอ่ยปากขึ้น แล้วรี บก้าวเข้า
มาพร้อมเอ่ยขึ้น “ซูเหลียนอวิน้ เจ้ารู ้สึกละอายบ้างหรื อไม่? ลาก
ผูช้ ายที่ไหนก็ไม่รู้มากอด? เจ้า…”
ซูเหลียนอวิน้ ตัวแข็งทื่อ เพราะนางได้ยนิ เสี ยงของต้วนเฉิ นเซวียนอ
ย่างมิได้คาดคิดมาก่อน นางตกใจจนแทบจะลืมร้องไห้ไปเลยด้วย
ซํ้า!
แต่แม้วา่ นางจะกําลังตื่นตระหนก แต่ท่าทางของนางยังคงเดิมแล้ว
กล่าวออกไปว่า “เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย! ข้าจะกอดใครแล้วมันเรื่ อง
อะไรของเจ้า! ข้าไม่ได้กอดท่านสักหน่อย! อีกอย่าง นี่ใช่คนแปลก
หน้าเสี ยที่ไหน? ท่านเป็ นใครถึงมาตําหนิขา้ !” นางจะยอมเขาทําไม
กัน ตอนนี้ท่านอาจารย์ยงั อยูต่ รงนี้ท้ งั คน สองต่อหนึ่ง นางจะต้อง
กลัวอะไรอีก
อีกอย่าง ที่นี่คือเรื อนของนาง บ้านของนาง!
“ซูเหลียนอวิน้ เจ้ากล้ามากเกินไปแล้ว!” กล้าไม่ฟังคําพูดของเขาแล้ว
หรื อ? แถมยังกล้าตําหนิเขาว่ายุง่ เรื่ องคนอื่นต่อหน้าต่อหน้าต่อตา
อีก?
ดูท่าแล้วช่วงนี้ความกล้าหาญของนางพัฒนาขึ้นมาก ต้วนเฉินเซวียน
สูดหายใจเข้าลึก ซูเหลียนอวิน้ ที่ปกติเพียงเห็นหน้าเขาก็ยอมว่าง่าย
ทุกอย่างเป็ นการเสแสร้งหรื อ? เพราะเขาไม่เคยเห็นว่านิสยั ของใคร
จะเปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้! ไม่เพียงกล้าตีกล้าต่อยกับคนอื่นแต่ยงั กล้า
หาเรื่ องคนอื่นด้วย
ต้วนเฉินเซวียนมองอยูเ่ ป็ นเวลาพักหนึ่งแล้ว แต่ซูเหลียนอวิน้ ก็ยงั คง
ไม่ยอมผละออกจากหรงซู่กย็ งิ่ โกรธมากขึ้นอีก ทว่าความโกรธ
เปลี่ยนเป็ นรอยยิม้ เขายิม้ พลางยืน่ มือออกมาเพือ่ จะดึงพวกเขาทั้ง
สองคนแยกออกจากกัน้
ซูเหลียนอวิน้ ไม่ได้ไม่เต็มใจผละออกจากหรงซู่ แต่เพียงเพราะ…
สภาพของนางในตอนนี้ นางสามารถจินตนาการออกได้วา่ เป็ น
อย่างไร!
หน้าตาของนางคงมีน้ าํ มูกและนํ้าตาเปรอะเปื้ อนไปทัว่ ทั้งหน้า
สภาพของนางเช่นนี้ ซูเหลียนอวิน้ คิดว่านางยอมตายเสี ยดีกว่าให้ต ้
วนเฉินเซวียนมองเห็น!
น่าอายเกินไปถูกหรื อไม่? อีกอย่างสภาพเช่นนี้จะทําให้เสี ย
ภาพลักษณ์จนหมดสิ้ น!
หรงซู่โอบซูเหลียนอวิน้ เบี่ยงตัวอย่างรวดเร็ วเพื่อหลบมือของต้วน
เฉินเซวียนคู่น้ นั “ศิษย์นอ้ ง ควาเกรี้ ยวกราดของเจ้าตอนนี้ทาํ ไมถึง
มากนัก? หรื อเป็ นเพราะว่าอากาศร้อนเกินไป? เรื่ องนี้ศิษย์พี่คงต้อง
สัง่ สอนเจ้าบ้างแล้ว เจ้าควรจะรู ้…”
หรงซู่เริ่ มบ่นเขาเจื้อยแจ้วไม่หยุดหย่อน พลางเอามืออีกข้างสะกิดซู
เหลียนอวิน้ เพื่อเป็ นสัญญาณบอกให้นางลุกออกไปได้แล้ว เพราะ
จากมุมนี้ตว้ นเฉินเซวียนไม่สามารถมองเห็นนางได้แล้ว
ซูเหลียนอวิน้ เข้าใจอย่างรวดเร็ วจึงรี บผละออกจากหรงซู่ จากนั้นจึง
รี บดึงผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกมาเช็ดคราบนํ้าตาจนสะอาด เมื่อ
ลองเอามือสัมผัสจนพบว่าไม่มีคราบลื่นอยูบ่ นใบหน้าแล้วก็ค่อย ๆ
หันตัวกลับไปเงียบ ๆ
ตอนนี้สายตาของนางที่มองไปยังต้วนเฉินเซวียนเต็มไปด้วยความ
เย็นชา
ตอนที่ 114

หวาดกลัว

“หุบปาก!” ต้วนเฉินเซวียนกดเสี ยงตํ่า “หรงซู่หากเจ้ายังกล้าพูดมาก


อีกแม้แต่คาํ เดียวล่ะก็…”
เมื่อต้วนเฉินเซวียนสบตากับซูเหลียนอวิน้ จิตใจของเขาก็ยงิ่
ห่อเ**◌่ยว ทว่าเขายังคงมาดเพิกเฉยต่อทุกสิ่ ง แล้วเพ่งสายตาจ้องไป
ยังซูเหลียนอวิน้ อย่างไม่ลดละ ทว่าเพียงครู่ เดียว สายตาของต้วนเฉิน
เซวียนก็หนั กลับไปจ้องที่หรงซู่อีกครั้ง
เนื่องจากตอนนี้ไฟโทสะที่อยูใ่ นร่ างของเขายังหาทางระบายออกไป
ไม่ได้ และหรงซู่กเ็ หมาะที่จะเป็ นที่ระบายอารมณ์ได้ดียงิ่
“ศิษย์นอ้ ง อย่าโกรธไปเลย” หรงซู่ยมิ้ ขึ้นแล้วค่อย ๆ ดันซูเหลียนอ
วิน้ มาอยูด่ น้ หน้าของตน “เจ้าดูตวั เจ้าสิ ดุร้ายขนาดนั้น แล้วจะมี
ผูห้ ญิงคนไหนชอบเจ้าล่ะ ถูกไหม อีกอย่างหากเจ้าทําให้ซูเหลียนอ
วิน้ เสี ยขวัญไปจะทําอย่างไร?”
เมื่อหรงซู่ออกแรงผลักซูเหลียนอวิน้ ออกไปด้านหน้าแบบนั้น นางก็
เกิดความคิดอยากจะเอาหรงซู่ไปประหารแบบพันมีดหมื่นแร่ ซ้ าํ แล้ว
ซํ้าเล่า
เนื่องจากนางมองออกอย่างแน่นอนว่าตอนนี้ตว้ นเฉินเซวียนกําลัง
อารมณ์ไม่ดี แต่วา่ นี่เป็ นเรื่ องความแค้นส่ วนตัวระหว่างพวกเขาทั้ง
สองคนมิใช่หรื อ? ทําไมต้องดึงนางเข้าไปเกี่ยว? ทําไมต้องดึงนางเข้า
ไปเกี่ยวด้วย!
“ซูเหลียนอวิน้ …” ท้ายที่สุดต้วนเฉินเซวียนก็ไม่ได้จอ้ งไปยังหรงซู่
อีกต่อไป สายตาของเขาเคลื่อนไหวมาตกอยูท่ ี่ซูเหลียนอวิน้ “การ
กระทําทั้งหมดของเจ้าเมื่อครู่ น้ ี เจ้าจะไม่อธิบายอะไรหน่อยหรื อ?”
ครั้งนี้ตว้ นเฉินเซวียนค่อย ๆ กล่าวยํ้าคําพูดแต่ละคําช้า ๆ นํ้าเสี ยง
ของเขาทุม้ ลึกหาใดเปรี ยบ ด้วยเหตุน้ ีเมื่อซูเหลียนอวิน้ ได้ยนิ ก็รู้สึก
ราวกับโดนเอามีดทื่อ ๆ ไร้รูปร่ างเฉื อนเข้าเนื้อของนางทีละน้อย
โรคประสาทของต้วนเฉินเซวียนกําเริ บขึ้นอีกแล้ว! นางจะทํา
อะไร…นางจะทําอะไรมันเกี่ยวกับเขาตรงไหน? หรื อว่าเป็ นเพราะ
หรงซู่เป็ นศิษย์พี่ของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่ชอบเห็นหรงซู่อยูใ่ กล้ชิดกับ
นาง?เนื่องจากเมื่อเกลียดสิ่ งใดแล้ว เวลาที่คนผูน้ ้ นั ข้องเกี่ยวกับสิ่ งใด
ก็จะต้องก็จะพาลเกลียดสิ่ งนั้นไปด้วย
เมื่อซูเหลียนอวิน้ สบตากับต้วนเฉินเซวียน แข่งขาและท้องน้อยของ
นางพลันสัน่ ไหวอย่างควบคุมไม่ได้
ตอนนี้เขาอยูท่ ี่เรื อนของนางนะ! เขาคงจะไม่ฆ่าคนตายแถวนี้
กระมัง? แต่เมื่อนึกถึงเวลาปกติที่เขาแสดงอารมณ์อย่างไม่สนใจใคร
หน้าไหนเทียบกับสายตาของเขาในตอนนี้…ต้วนเฉิ นเซวียนคง
ไม่ได้อยากจะฆ่านางอย่างเ**◌้ยมโหดจริ ง ๆ กระมัง!
เนื่องจากแววตาของเขามีความเดือดดาลอยูอ่ ย่างเข้มข้น ทั้งความ
อาฆาตก็ชดั เจน
“ท่านอาจารย์…” ซูเหลียนอวิน้ ก้าวถอยหลังแล้วกระตุกเสื้ อของหรง
ซู่ นางกลัวตายจะแย่! ท่านอาจารย์อย่ามัวแต่หลบอยูห่ ลังนางสิ !
“อวิน้ เอ๋ อร์…”เมื่อหรงซู่เห็นท่าทางของต้วนเฉิ นเซวียนแล้วก็รับรู ้ได้
ทันทีวา่ ศิษย์นอ้ งของเขาตอนนี้กาํ ลังโกรธอย่างมาก ด้วยเหตุน้ ีหรงซู่
จึงไร้หนทางอื่นแลไม่รู้จะเลือกทําสิ่ งอื่นใดได้อีก
“อวิน้ เอ๋ อร์” หรงซู่แกะมือของซูเหลียนอวิน้ ที่เกาะเกี่ยวอยูท่ ี่เสื้ อของ
เขาออกแล้วเอ่ยว่า “อาจารย์เองก็เห็นใจเจ้าแต่ไร้หนทางจะช่วย
ดังนั้นเจ้าช่วยตัวเองจะดีที่สุด! มียาอีกมากมายที่อาจารย์ตอ้ งรี บ
กลับไปจัดการ ดังนั้นอาจารย์ตอ้ งขอตัวก่อนแล้ว”
ไม่เอาศิษย์นอ้ งอันตรพาลของท่านไปด้วยเล่า! หรงซู่ท่านกลับมา
ก่อน!
ตอนนี้บรรยากาศตึงเครี ยดหาใดเปรี ยบ อีกทั้งในขณะนี้ที่หรงซู่ก็
กําลังจะปลีกตัวหนีไปนั้น หนานกงมู่เสวีย่ ก็ผลักประตูเปิ ดและเดิน
ออกมาในเวลานั้น
ทั้งสามคนจึงมองไปยังหนานกงมู่เสวีย่ เป็ นตาเดียวและได้ยนิ หนาน
กงมู่เสวีย่ เอ่ยขึ้นเพียงว่า “หรงซู่”
ในตอนนั้นหรงซู่ยงั คงใช้สายตาขบขันหันไปมองหนานกงมู่เสวีย่
จากนั้นสายตาจึงเริ่ มปรากฏความหนาวยะเยือก หรงซู่จึงยืน่ มือ
ปล่อยซูเหลียนอวิน้ ออกไป จากนั้นจึงทําความเคารพหนานกงมู่เสวีย่
แล้วเอ่ยว่า “จวิน้ จู่”
เมื่อได้ยนิ คําพูดสองคํานี้ มือของหนานกงมู่เสวีย่ ที่ซ่อนอยูใ่ นแขน
เสื้ อพลันกําแน่นขึ้น
จวิน้ จู่…คําสองคําที่หนานกงมู่เสวีย่ ได้ยนิ อยูท่ ุกวัน แต่นี่เป็ นครั้ง
แรกที่นางรู ้สึกว่า คําสองคํานี้สามารถทําร้ายคนได้มากถึงขั้นนี้
“หรงซู่” หนานกงมู่เสวีย่ เอ่ยขึ้น ระหว่างที่ค่อย ๆ ก้าวลงมาจาก
ระเบียงทางเดิน “ท่าน…มาตรงนี้ก่อนได้หรื อไม่? ข้ามีเรื่ องจะต้อง
พูดกับท่าน”
หรงซู่ไม่คล้อยตามแต่อย่างใด “มีเรื่ องอะไร จวิน้ จู่กพ็ ดู ออกมาได้
เลย ข้าน้อยอยูต่ รงนี้ได้ยนิ ทุกอย่าง”
“หรงซู่” ดวงตาคู่งามของหนานกงมู่เสวีย่ เบิกกว้างแล้วเดินออกมา
ข้างหน้าอย่างรวดเร็ ว “จวิน้ จู่บอกให้เจ้ามาทางนี้ เจ้าไม่ได้ยนิ หรื อ
ไง?!”
หรงซู่ยกั ไหล่อย่างไม่ใส่ ใจ รอยยิม้ เริ่ มกลับมาปรากฏอยูบ่ นใบหน้า
ของเขาอีกครั้ง ทว่าแม้วา่ เขาจะยิม้ อยู่ แต่รอยยิม้ นั้นกลับไม่ได้ยมิ้
ออกมาจากดวงตา เขาเอ่ยขึ้นว่า “ดูแล้วจวิน้ จู่คงไม่อยากจะคุยกันดี
ๆ แล้ว ช่างเถิด ข้าน้อยเองก็คิดว่าไม่มีเรื่ องอะไรจะคุยกับจวิน้ จู่แล้ว
เช่นกัน” เมื่อพูดจบเขาก็เตรี ยมตัวหันจะเดินจากไป
“หรงซู่เจ้าลองเดินหนีอีกก้าวหนึ่งต่อหน้าข้าดูสิ!” ไม่รู้วา่ หนานกงมู่
เสวีย่ โศกเศร้าหรื อว่าโมโห ขณะที่นางกําลังเอ่ยปากอยูน่ ้ นั ร่ างกาย
ของนางพลางสัน่ เทา เท้าขวาของหรงซู่ที่กาํ ลังจะก้าวหยุดชะงัก
จากนั้นจึงวางเท้าลง เขาหันหน้ากลับมาแล้วเอ่ยว่า “ในเมื่อจวิน้ จู่
ไม่ให้ขา้ น้อยเดิน ข้าก็จะไม่เดิน” จากนั้นร่ างของหรงซู่กก็ ระโดด
ลอยขึ้นแล้วบินจากไป
เอ่อ เขาไม่ได้เดินสักก้าวเลยจริ ง ๆ เพราะว่าเขาเลือกที่จะบินจากไป
หนานกงมู่เสวีย่ เฝ้ ามองเงาร่ างสี ขาวที่ค่อย ๆ เล็กลงและห่างไกล
ออกไป ร่ างกายของนางยิง่ สัน่ เทามากขึ้น ท้ายที่สุดของเหลว
บางอย่างก็เอ่อทะลักออกมาจากดวงตาของนางอย่างควบคุมไม่ได้
“ศิษย์พี่หญิง” เมื่อต้วนเฉินเซวียนเห็นหรงซู่ใช้วชิ าตัวเบาจากไป
เช่นนั้น เขาก็อดแอบทอดถอนใจไม่ได้ เขาก้าวไปข้างหน้าเพราะ
อยากจะเอ่ยปากปลอบใจ ทว่าพอครุ่ นคิดดูแล้วกลับเลือกที่จะปล่อย
วาง ตอนนี้ไม่วา่ จะเป็ นคําปลอบใจของผูใ้ ดก็คงจะเป็ นเพียงเกลือที่
โรยลงไปบนบาดแผลเสี ยมากกว่า… ร้อยถ้อยคําหมื่นคําพูดก็มิสู้
คําพูดของคนผูน้ ้ นั เพียงประโยคเดียว นี่คือสถานการณ์ที่กาํ ลัง
เกิดขึ้นในตอนนี้
“ซูเหลียนอวิน้ ” หนานกงมู่เสวีย่ ทําจมูกฟึ ดฟัด ทว่าเพียงครู่ เดียวนาง
ก็ยดื ตัวตรงแล้วเชิดหน้าขึ้นกลับคืนสู่ จวิน้ จู่ที่มีความสู งส่ งสง่างาม
เช่นเดิมตามปกติ นางเอ่ยต่อว่า “จวิน้ จู่ขอตัวก่อน วันหน้าหากมีเรื่ อง
อะไร ข้าจะส่ งจดหมายมาเชิญเจ้าไป ถึงตอนนั้นเจ้าก็เตรี ยมตัวให้ดีก็
แล้วกัน” เมื่อเอ่ยจบหนานกงมู่เสวีย่ ก็จากไปโดยไม่หนั หน้ากลับมา
มอง
“ตกลง…” ซูเหลียนอวิน้ พยักหน้าเกร็ ง ๆ
เอ๊ะ มิถูก
หนานกงมู่เสวีย่ เจ้ากลับมาก่อน! เจ้าอย่าเพิ่งไปเลย ขอร้องล่ะ! เพราะ
ในลานบ้านของนางตอนนี้เหลือเพียงซูเหลียนอวิน้ กับต้วนเฉิ นเซ
วียนเท่านั้น
“ซูเหลียนอวิน้ ” หลังจากที่เงียบไปช่วงเวลาหนึ่ง ความโกรธของต้
วนเฉินเซวียนก็มิได้รุนแรงอย่างเดิมอีก แต่เมื่อเขาเห็นซูเหลียนอวิ้
นมองตามหลังหนานกงมู่เสวีย่ ไปอย่างคาดหวัง แต่สายตาเมื่อมอง
กลับมาที่ตน กลับเป็ นสายตาของความหวาดกลัวและอยากหลีกเลี่ยง
โทสะของต้วนเฉินเซวียนเดิมทีที่ลดลงไปแล้วเกือบครึ่ ง ตอนนี้กลับ
ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง
“ซูเหลียนอวิน้ เจ้ากลัวข้ามากเลยหรื อ?” ต้วนเฉิ นเซวียนก้าวเข้าไป
ช้า ๆ พลางเอ่ยขึ้น ทว่าเสี ยงของเขาในตอนนี้กลับแหบแห้งชวนฝัน
หากไม่ทนั ระวังตัวให้ดีกค็ งจะถูกเสี ยงนี้ดึงดูดให้ตกลงไปในวังวนที่
กําลังหมุนวน ตอนนี้ซูเหลียนอวิน้ พยักหน้างึกหงักราวกับไก่จิก
ข้าวเปลือก แต่เมื่อมองไปยังสายตาของต้วนเฉินเซวียนที่ยงิ่ มืดดําขึ้น
เรื่ อย ๆ ในหัวของนางก็เริ่ มเข้าใจอะไรบางอย่าง จากนั้นก็รีบส่ าย
หน้าปฏิเสธอย่างบ้าคลัง่
“ข้า ข้า ข้า…” ตอนนั้นซูเหลียนอวิน้ เอามือกุมศีรษะของตนเอาไว้
แล้วนัง่ ยอง ๆ ลงบนพื้น
“เอ๊ะ? เจ้าเป็ นอะไรไปน่ะ?” ต้วนเฉินเซวียนยิม้ พลางเอ่ยถาม
ตอนที่ 115

รักแท้

“ท่านอย่าเข้ามานะ!” ในขณะที่ฝีเท้าของต้วนเฉินเซวียนมาหยุดลง
ตรงหน้าซูเหลียนอวิน้ นั้น ซูเหลียนอวิน้ ก็ตะโกนประโยคนี้ออกมา
ตอนนี้นางรู ้สึกกลัวอย่างยิง่ ! ไม่วา่ ร่ างกายของนางจะพยายามปกปิ ด
เพียงใด แต่ในใจของนางกําลังรู ้สึกหวาดกลัวต้วนเฉินเซวียน
ความทรงจําต่อฝ่ ามือปลิดชีพนางของเขา เป็ นความเจ็บปวดที่รวด
ร้าวฝังลึกอยูใ่ นหัวใจของนาง ทุกช่วงเวลาที่ผา่ นไป นางไม่เคยลืม
มันได้เลย
ความตายไม่น่ากลัว แต่ความน่ากลัวอยูท่ ี่ระยะเวลาก่อนความตายจะ
มาถึงต่างหาก
“เจ้า!” เดิมทีตว้ นเฉินเซวียนกะจะสัง่ สอนซูเหลียนอวิน้ สักปะโยค
สองประโยคให้นางรี บลุกขึ้นมา เพราะว่าชุดพิธีการที่นางใส่ อยู่
ตอนนี้เป็ นแบบที่คอเสื้ อค่อนข้างจะกว้าง
เมื่อซูเหลียนอวิน้ นัง่ ยอง ๆ แถมยังขดตัวเช่นนี้ ทําให้เขาสามารถเห็น
บางสิ่ งที่อยูด่ า้ นในอย่างทะลุปรุ โปร่ งเลยทีเดียว
ทว่าก็เป็ นไปตามที่เขาคิดเอาไว้ ต้วนเฉินเซวียนเหลือบมองดูผา้ ที่พนั
ซ้อนทับกันไว้หลาย ๆ ชั้นแล้วพยักหน้า เป็ นไปอย่างที่เขาคิดไว้ไม่มี
ผิด ตรงนั้นของนางคือของปลอม!
“ข้ากลัวท่านมากจริ ง ๆ ท่านอย่าเข้ามาจะได้ไหม” ซูเหลียนอวิน้ เงย
หน้าพูดเสี ยงอูอ้ ้ ี
แม้วา่ การร้องไห้เมื่อครู่ น้ ีจะหยุดได้แล้ว แต่ตอนนี้ไม่รู้วา่ เกิดขึ้นได้
อย่างไรหรื อบางทีอาจจะเกิดจากความกลัวเป็ นเหตุ นํ้าตาของนางจึง
ไหลออกมาอีกครั้ง
ต้วนเฉินเซวียนไม่เอ่ยสิ่ งใดในตอนนั้น
เมื่อครู่ น้ ีตวั เขาหงุดหงิดและโกรธเกรี้ ยวราวกับฟ้ าพิโรธ ทว่าตอนนี้
เมื่อเห็นขอบตาคู่น้ นั ของซูเหลียนอวิน้ แดงกํ่า นํ้าตาของนางเอ่อล้น
เต็มดวงตาแต่ยงั พยายามฝื นกลั้นสุ ดชีวติ เพื่อไม่ให้มนั ไหลออกมา
จิตใจของเขาในตอนนี้ราวกับกําลังถูกบางสิ่ งลูบผ่านเบา ๆ อย่าง
อ่อนโยน
ความรู ้สึกอันแปรปรวนของเขา ทําเอาความรู ้สึกโกรธเกรี้ ยวนี้ค่อย
ๆ สงบลงอย่างว่าง่าย
ต้วนเฉินเซวียนจ้องไปที่ซูเหลียนอวิน้ ก็พบว่าดวงตาของนางแดงกํ่า
ฟันของนางกัดริ มฝี ปากล่างไว้เบา ๆ รวมทั้งสองมือของนางกําลัง
โอบกอดตัวเองเอาไว้
ตอนนั้นเองเขาจึงรู ้สึกว่าซูเหลียนอวิน้ แบบในตอนนี้ไม่เลวทีเดียว?
ไม่ได้มีทีท่าอย่างลูกแมวขนฟูอีกต่อไป แต่เป็ นกระต่ายตื่นตูมตัว
หนึ่งเท่านั้น
เป็ นภาพที่เห็นแล้วทําให้รู้สึกว่าอยากที่จะอุม้ นางมากอดเอาไว้ตรง
อก
ต้วนเฉินเซวียนกลืนนํ้าลายอึกหนึ่ง นํ้าเสี ยงของเขาในตอนนี้เริ่ ม
อ่อนโยนขึ้น “ข้า ข้าไม่รังแกผูห้ ญิงหรอก ข้าเพียง…คนผูน้ ้ นั คือศิษย์
พี่ของข้า ข้าก็เลย ก็เลย…” เขาคนเดิมที่พดู จาฉะฉานหายไปไหน
แล้ว? เหตุใดตอนนี้จึงพูดกระตุกกระตักเช่นนี้?
ซูเหลียนอวิน้ กระพริ บตามองปริ บ ๆ เมื่อเห็นว่าตอนนี้อารมณ์โกรธ
ของต้วนเฉินเซวียนคลายลงจนหมดแล้วก็ถอนหายใจจากนั้นค่อย ๆ
ลุกขึ้นยืนแล้วถอยหลัง จากนั้นเอ่ยว่า “ข้ารู ้แล้ว ต่อไปข้าจะ…ไม่
ใกล้ชิดกับท่านอาจารย์แบบนั้นแล้ว? ดังนั้นท่าน ท่านอย่าโกรธอีก
ได้ไหม?
ซูเหลียนอวิน้ กระพริ บตาแล้วกระพริ บตาอีก นางรู ้สึกสํานึกผิดมาก
เพียงใด แววตาคูน่ ้ นั ของก็ยงิ่ แสดงความสํานึกผิดออกมามากเท่านั้น
เฮ้อ นางผิดไปแล้วจริ ง ๆ มิน่าเล่าชาติที่แล้วต้วนเฉิ นเซวียนถึงไม่
ชอบขี้หน้านางและเกลียดนางมากขนาดนั้น?
เหตุผลของเรื่ องทั้งหมด ตอนนี้นางหาพบแล้ว
ที่แท้แล้วรักแท้เพียงหนึ่งเดียวในใจของต้วนเฉิ นเซวียนคือท่าน
อาจารย์! มิน่าแปลกใจเลยจริ ง ๆ …ที่ตว้ นเฉิ นเซวียนไม่เคยมีข่าว
ข้องเกี่ยวกับสตรี นางใดเลยแถมยังไม่เคยรับมิตรไมตรี จากสตรี นาง
ใดเลย
ที่แท้แล้วคนที่เขาชอบ เป็ นบุรุษนัน่ เอง!
ซูเหลียนอวิน้ แอบครุ่ นคิดอยูใ่ นใจ เรื่ องนี้…ท่านอาจารย์รู้ตวั
หรื อไม่? เขารู ้ไหมว่าต้วนเฉินเซวียนรักเขาจนถึงขั้นน่าเวทนาขนาด
นี้? ไม่วา่ ผูใ้ ดจะเข้าใกล้เขาสักคนก็ไม่ยอม! ความขี้หึงนี้ของเขาเป็ น
ครั้งแรกที่นางเคยเห็น
เฮ้อ แต่พอนึกถึงหนานกงมู่เสวีย่
นี่เป็ นครั้งแรกที่ซูเหลียนอวิน้ เข้าใจความรู ้สึกของคนหัวอกเดียวกัน
หนานกงมู่เสวีย่ เองก็คงจะรู ้เรื่ องราวของพวกเขาเช่นกันกระมัง? แต่
ถึงแม้จะเป็ นเช่นนี้นางก็ยงั คงรักท่านอาจารย์อย่างสุ ดหัวใจหรื อ?
นี่เป็ นจิตใจของผูร้ ู ้จกั ให้อภัยที่ยงิ่ ใหญ่เป็ นอย่างยิง่ ! แม้วา่ จะเป็ น
เช่นนี้กย็ งั ทนรับไหว!
ต้วนเฉินเซวียนไม่ทนั ได้สงั เกตแววตาของซูเหลียนอวิน้ เพราะเขา
กําลังครุ่ นคิดถึงคําพูดที่ซูเหลียนอวิน้ พูดออกมาเมื่อครู่ น้ ีอยู่
เฮ้อ ในที่สุดนางก็เข้าใจเสี ยทีวา่ อะไรที่เขาเรี ยกว่าหญิงชายมิควร
ใกล้ชิดสนิทสนมกัน ท่านอาจารย์น่ะหรื อ? เขาเป็ นใครกัน?
ต้วนเฉินเซวียนรู ้เพียงว่าคนผูน้ ้ นั ที่ซูเหลียนอวิน้ เรี ยกว่าท่านอาจารย์
อายุมากกว่านางเพียงไม่กี่ปีทั้งยังเป็ นบุรุษอีกด้วย!
“อืม” ต้วนเฉินเซวียนพยักหน้า จากนั้นก็เริ่ มกลับมาวางสี หน้าเย็นชา
อีกครั้งแล้วเอ่ยว่า “เจ้ารู ้จกั กาลเทศะก็ดีแล้ว อะไรทําได้ อะไรทํา
มิได้ คงไม่ตอ้ งให้ขา้ คอยสอนเจ้าอีกกระมัง?”
“มิตอ้ ง…” ซูเหลียนอวิน้ ก้มหน้าตอบรับ
นางเข้าใจทุกอย่างแล้ว แต่วา่ นางจะต้องหาเวลาไปถามหรงซู่ดว้ ย
ตัวเองให้ได้ถึงจะถูกต้อง! หากพวกท่านรักกันจริ ง ๆ นางก็คง…คง
ทําได้เพียงอวยพรให้ท้ งั สองคนมีความสุ ข!
“เช่นนั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว ต่อไปเจ้าก็ปฏิบตั ิตวั ให้ดี ๆ หน่อยก็พอ” ต้
วนเฉิ นเซวียนหันไปมองซูเหลียนอวิน้ เป็ นครั้งสุ ดท้ายจากนั้นก็
ตัดสิ นใจจากไป
“เดินระวังด้วย…” ซูเหลียนอวิน้ ก้มหน้าเอ่ย
ต้วนเฉินเซวียนไม่ได้กล่าวตอบอะไรอีก เมื่อซูเหลียนอวิน้ เงยหน้า
ขึ้นมาจึงพบว่าคนตรงหน้านางไม่รู้วา่ หายตัวไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้ว
ซูเหลียนอวิน้ “…”
จะไปไม่คิดจะบอกกันสักคําเลยหรื อ? นางก้มหน้าจนปวดคอไป
หมดแล้ว!
“คุณหนูเจ้าคะ!”
ตอนที่ซูเหลียนอวิน้ กําลังบีบนวดคอของตัวเองอยูน่ ้ นั และกําลัง
วางแผนว่าจะกลับจวนไปนอนกลางวันสักหน่อยนั้นก็มีเงาร่ าง
สะโอดสะองกระโดดออกมาโผล่อยูต่ รงหน้านาง
“คุณหนู คุณหนู! บ่ายวันนี้บ่าวได้เงินมามากมายเลยเชียวเจ้าค่ะ”
เนี่ยนเอ๋ อร์เขย่าถุงเงินในมือ เศษเงินที่อยูใ่ นกระเป๋ าเงินกระทบกันส่ ง
เสี ยงดังแก๊ก ๆ
เมื่อซูเหลียนอวิน้ เห็นดวงตาของเนี่ยนเอ๋ อร์ยมิ้ จนแทบจะปิ ดไป
เช่นนี้กเ็ ริ่ มเอามือลูบหน้าผากตัวเองแล้วเอ่ยว่า “เจ้าไปเล่นกับใคร
มา?” เล่นการพนันอย่างเปิ ดเผยเช่นนี้เลยหรื อ! แถมยังเป็ นฝ่ ายเริ่ ม
บอกตนอีกต่างหาก…ซูเหลียนอวิน้ ไม่รู้จะบอกว่าเนี่ยนเอ๋ อร์น้ นั ใส
ซื่อเกินไปหรื อว่าโง่เกินไปดี
เนี่ยนเอ๋ อร์ยมิ้ “เล่นกับพี่หลีมู่ หลานเย่วแ์ ละก็สาวใช้ของจวิน้ จู่ พวก
เราเล่นไผ่ใบไม่ดว้ ยกัน ส่ วนข้าเป็ นผูช้ นะมากที่สุด!”
“เนี่ยนเอ๋ อร์!” หลีมู่เมื่อได้ยนิ ดังนั้นก็รีบวิง่ ออกมา “เนี่ยนเอ๋ อร์
เจ้า…”
“คุณหนูเจ้าคะ…” เมื่อหลีมู่มองเห็นซูเหลียนอวิน้ ตอนนั้นนางก็กม้
หน้างุดจนไม่สามารถจะก้มลงไปได้อีก “คุณหนูเจ้าคะ บ่าวสํานึกผิด
แล้ว…”
ซูเหลียนอวิน้ ยิม้ กว้าง “หลีมู่ เจ้าว่าอะไรนะ? เจ้าทําผิดอะไร?” ช่าง
น่าโมโหจริ ง ๆ ! เมื่อครู่ น้ ีนางกําลังตกอยูใ่ นสถานการณ์เป็ นตาย
เท่ากัน! อีกนิดเดียวนางอาจไม่ได้กลับมาอีก และพวกเขาจะไม่ได้
พบนางอีกแล้ว?
แต่คนรับใช้และองครักษ์ตวั ดีของนาง กลับนัง่ เล่นไพ่ใบไม้กนั อยู?่
เสี ยงเมื่อครู่ น้ ีดงั ขนาดนั้น…เอาล่ะ แม้วา่ จะไม่ดงั มากก็ตาม แต่กค็ ง
จะไม่เบาขนาดนั้น ไม่มีคนได้ยนิ สักคนเลยหรื อ!
ซูเหลียนอวิน้ iรู ้สึกว่าตัวเองโมโหจนตัวแทบจะลอยขึ้นไปบนฟ้ าอยู่
แล้ว
“บ่าว…” เมื่อหลีมู่เห็นรอยยิม้ ของซูเหลียนอวิน้ เสี ยงของนางก็ยงิ่
เบาลง “บ่าวมิควรชวนเนี่ยนเอ๋ อร์เล่นไผ่…แถมยังเล่นแบบเอาเงิน
คุณหนูบ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูโปรดลงโทษ”
เมื่อเนี่ยนเอ๋ อร์เห็นสี หน้าเศร้าโศกอัดอั้นของหลีมู่ดงั นั้นจึงเข้าใจว่า
เรื่ องเมื่อครู่ ที่พวกนางทําเป็ นเรื่ องร้ายแรงขนาดไหน! ตอนนั้นนาง
จึงไม่อยากถือถุงเงินไว้อีกต่อไปแล้วยืน่ ถุงเงินออกไปให้ซูเหลียนอ
วิน้ แล้วกล่าว่า “คุณหนู! เมื่อครู่ พวกบ่าวเพียงต้องการเล่นสนุกกัน
เท่านั้น…เรื่ องนั้น คุณหนูเจ้าคะเอาเงินพวกนี้คืนไปเถิดเจ้าค่ะ! เนี่ยน
เอ๋ อร์ไม่อยากได้แล้ว!”
ซูเหลียนอวิน้ ผลักถุงเงินคืนกลับไปเงียบ ๆ “ข้ามาเพื่อต้องการจะ
บอกพวกเจ้าว่า ครั้งหน้าเวลาที่พวกเจ้าจะทําอะไรช่วยหูไวตาไว
และตั้งใจฟังเสี ยงรอบ ๆ ด้านบ้าง!”
ตอนที่ 116

ของขวัญ

“เจ้าค่ะ คุณหนู” เนี่ยนเอ่อร์ยกนิ้วขึ้นสาบาน “ต่อไปพวกบ่าวจะไม่


เล่นการพนันแลกเงินอีกแล้วเจ้าค่ะ! “
นี่ไม่ใช่ประเด็นสําคัญของเรื่ องนี้สกั หน่อย เข้าใจหรื อไม่? ประเด็น
สําคัญคือ…
ช่างเถอะ ๆ ซูเหลียนอวิน้ รู ้สึกว่าตอนนี้ดวงอาทิตย์คงร้อนแรง
เกินไปกระมัง ตอนนี้ตาทั้งสองข้างของนางจึงพร่ ามัวไปหมด เรื่ อง
เมื่อครู่ น้ ี…เงียบปากเอาไว้ดีกว่า เพราะเมื่อครู่ น้ ีท่าทางของตนก็น่า
กลัวเสี ยขนาดนั้น…
คิดเสี ยว่าเมื่อครู่ ไม่มีเรื่ องอะไรเกิดขึ้น
“พวกเจ้ารู ้ดว้ ยตัวเองก็ดีแล้ว” เสี ยงของซูเหลียนอวิน้ คล้ายคนหมด
แรง “จริ งสิ หญิงรับใช้ของหนานกงมู่เสวีย่ ผูน้ ้ นั พวกเจ้าบอกนางที
ซิวา่ เจ้านายของนางกลับไปแล้ว! ให้นางคิดเอาเองก็แล้วกันว่าจะทํา
อย่างไรต่อ จะค้างคืนกับพวกเราที่นี่ หรื อว่าจะรี บตามกลับไปตอนนี้
เลย บางทีอาจจะตามทัน”
“คุณหนูซูวา่ อะไรนะเจ้าคะ จวิน้ จู่ของบ่าวกลับไปแล้ว” หญิงรับใช้
ของหนานกงมู่เสวีย่ อุทานออกมาด้วยความตกใจ “เป็ นไปได้
อย่างไร! บ่าว บ่าวไม่เห็นได้ยนิ เสี ยงคุณหนูเดินออกไปเลย! “
“นัน่ เป็ นเพราะพวกเจ้าเล่นกันจนไม่ลืมหูลืมตา…หนานกงจวิน้ จู่
กลับไปตั้งนานแล้ว” ซูเหลียนอวิน้ ก้าวเท้าเดินไปทางห้องนอนของ
ตัวเองแล้วเอ่ยต่อว่า “เนี่ยนเอ๋ อร์ เจ้าคืนเงินให้หญิงรับใช้นางนี้ได้
แล้ว จากนั้นให้นางรี บนัง่ รถม้าตามกลับไป มิเช่นนั้นขืนยังช้าอยู่
พระอาทิตย์คงจะตกดินเสี ยก่อน! “
ณ จวนจิ้งอันโหว
ต้วนเฉินเซวียนกําลังนอนอยูบ่ นเตียง เขานอนพลิกตัวกลับไปมา ไม่
ว่าจะทําอย่างไรก็หลับไม่ลง
ตอนนี้ในหัวของเขา เมื่อใดก็ตามที่ปล่อยให้สมองโล่งก็จะมีภาพ
ของซูเหลียนอวิน้ ที่กาํ ลังตาแดงกํ่าพร้อมอาการหวาดกลัวแทรกเข้า
มา…ความรู ้สึกที่ตนมิอาจควบคุมได้เช่นนี้ทาํ เอาเขาอึดอัดจนหัว
แทบจะระเบิด!
ตอนนั้นเขาเพียงคิดจะ…ข่มขู่นางก็เท่านั้น…เขาไม่ได้คิดจะ…!
ต้วนเฉินเซวียนเตะผ้าห่มออก แล้วขยี้ผมตัวเองอย่างคลุม้ คลัง่
อีกทั้งไม่รู้วา่ เป็ นเพราะอะไร ทําไมเขาจึงมีความรู ้สึกแปลก
ประหลาดบางอย่างในตอนสุ ดท้ายที่เขากําลังจะออกจากเรื อนของซู
เหลียนอวิน้ สายตาของซูเหลียนอวิน้ ที่มองเขาทําไมถึงพิลึกแบบ
นั้น?
แต่สายตานั้นเป็ นสายตาของการสํานึกผิดอย่างแท้จริ งและเป็ น
สายตาที่บ่งบอกว่าตนรู ้ตวั แล้วว่าทําผิด แต่อย่างไรก็ยงั รู ้สึกว่า…มี
บางอย่างไม่ถูกต้อง?
ไม่ได้ พรุ่ งนี้เขาจะต้องกลับไปหาหรงซู่อีกรอบหนึ่ง เรื่ องนี้จะต้อง
ข้องเกี่ยวกับเขาไม่มากก็นอ้ ย
บางทีอาจเป็ นไปได้วา่ หรงซู่พดู เรื่ องเหลวไหลให้ซูเหลียนอวิน้ ฟัง
ลับหลังเขา! หากเป็ นเช่นนี้จริ ง…เขาสาบานเลยว่าจะไม่ยอมปล่อย
หรงซู่ไปแน่!
……
“คุณหนู? ” หลีมู่เคาะประตูสองสามที “คุณหนูนอนหรื อยังเจ้าคะ? “
“ยัง มีเรื่ องอะไรเข้ามาคุยกันข้างในก่อนสิ ” ซูเหลียนอวิน้ ควํ่า
หน้าปกหนังสื อที่อยูใ่ นมือลงอย่างระมัดระวัง “มีอะไรหรื อ ถึงได้มา
หาข้าเอาดึกดื่นป่ านนี้”
หลีมู่เดินเข้ามาอย่างเงียบเชียบ จากนั้นจึงวางกล่องรู ปสี เหลี่ยมผืนผ้า
ไว้บนโต๊ะยาวแล้วเอ่ยขึ้นว่า “คุณหนูเจ้าคะ วันนี้บ่าวเจอสิ่ งนี้เข้า
ตอนที่กาํ ลังจัดการของขวัญจากงานพิธีปักปิ่ นอยู”่
“ทําไมหรื อ”
“ของสิ่ งนี้ไม่ได้ถกู เขียนเอาไว้วา่ ผูใ้ ดเป็ นคนให้ อีกทั้งยังไม่ได้บอก
ด้วยว่าของข้างในคืออะไร ดังนั้นบ่าวจึงเอามาให้คุณหนูเจ้าค่ะ”
“ขอข้าดูหน่อย” ซูเหลียนอวิน้ พลิกตัวลงมาจากเตียง นางใส่ รองเท้า
อย่างลวก ๆ แล้วเดินลงมา
ซูเหลียนอวิน้ ยกกล่องใบนั้นขึ้น แล้วชัง่ นํ้าหนักอยูใ่ นมือ นํ้าหนักไม่
เบาเลยทีเดียว? แถมกล่องยังเป็ นรู ปทรงนี้อีก? กล่องที่มีรูปทรงยาว
เช่นนี้…ข้างในจะต้องมี…
หรื อว่าจะเป็ น
ในหัวของซูเหลียนอวิน้ ปรากฏภาพความคิดที่น่าจะเป็ นไปได้ที่สุด
“หลีมู่ขา้ รับรู ้แล้ว” ซูเหลียนอวิน้ วางกล่องใบนั้นลงบนโต๊ะอย่าง
ระมัดระวัง “ตอนนี้กด็ ึกมากแล้ว เจ้ารี บกลับไปพักผ่อนเถิด เผือ่
พรุ่ งนี้จะต้องตื่นเช้าขึ้นมาทําอะไร เจ้ารี บไปนอนเถอะ! “
เป็ นไปได้หรื อไม่ที่ของด้านในนี้จะเป็ นกระบี่ช้ นั ยอดที่ท่านอาจารย์
รับปากเอาไว้ เพราะนางแกะของขวัญดูหมดแล้วยังไม่เจอสิ่ งนั้นเลย!
แม้แต่ของที่เด็กเมื่อวานซื นอย่างองค์ชายเก้ามอบให้ นางก็แกะดู
หมดแล้ว
ทว่าเมื่อคิดถึงองค์ชายเก้าขึ้นมา ซูเหลียนอวิน้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู ้สึก…
อึดอัดและเจ็บใจ!
รู ้หรื อไม่วา่ เด็กเมื่อวานซืนคนนั้นมอบอะไรให้นาง ของที่เขามอบ
ให้นางคือแบบฝึ กคัดลายมือหลายเล่มและยังมีคมั ภีร์ชือจิง[1]อีก
ด้วย!
สุ ดท้ายด้านบนยังแนบจดหมายมาให้อีกหนึ่งฉบับ เนื้อหาใน
จดหมายเขียนเอาไว้วา่ เมื่อพิจารณาจากในงานฉลองวสันตฤดูแล้ว
บทกลอนที่ซูเหลียนอวิน้ เขียนในงานเขามีโอกาสได้เห็นแล้ว ดังนั้น
จึงมีขอ้ แนะนําดังนี้
หนึ่ง หวังว่านางจะขยันฝึ กคัดลายมือ เพราะหากลายมือของนางน่า
เกลียดเช่นนี้จะทําให้เขาขายหน้าเอาได้! (เพราะว่ามีหลายคนรับรู ้
แล้วว่าเขากับนางมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวต่อกัน)
สอง หวังว่านางจะเรี ยนรู ้บทกลอนให้มากกว่านี้ เพราะกลอนที่นาง
เขียนบทนั้นให้ความรู ้สึกราวกับว่าเด็กเป็ นผูเ้ ขียนและราบเรี ยบ
จนเกินไป สูเ้ ด็กอายุหา้ ขวบอย่างเขายังมิได้! (ถือเป็ นการเยาะเย้ยซู
เหลียนอวิน้ ไปด้วยว่าโตกว่าเขาตั้งหลายปี แต่กลับสู เ้ ขาไม่ได้)
สุ ดท้าย หวังว่าซูเหลียนอวิน้ จะมีอารมณ์และนิสยั ที่สุภาพและ
อ่อนโยนกว่านี้สกั หน่อย การแสดงออกอย่างฉุนเฉียวขนาดนั้นใน
งานวสันตฤดูทาํ ให้ผอู ้ ื่นต้องขายหน้า ยังดีที่คนผูน้ ้ นั ใจดีจึงไม่
ทะเลาะกับนาง มิเช่นนั้นแล้วหากคนผูน้ ้ นั ขายหน้าจนหัวเสี ยขึ้นมา
ซูเหลียนอวิน้ คงจะเดือดร้อน ทั้งหมดนี้คือสิ่ งที่องค์ชายเก้ามอบให้
นางทั้งหมดในกล่องใบนั้น เมื่อคิดถึงตรงนี้ซูเหลียนอวิน้ ก็อยากจะ
เดินทางเข้าวังหลวงเพื่อนําตัวเจ้าเด็กหน้าเหม็นจอมหยิง่ ผยองนัน่ ตี
สัง่ สอนสักยก! นางลายมือน่าเกลียดหรื อ?! น่าเกลียดตรงไหน!
แม้แต่คนลายมือสวยอย่างหนานกงมู่เสวีย่ ยังไม่รังเกียจนาง! แล้ว
ทําไมเจ้าเด็กเมื่อวานซืนผูน้ ้ ีตอ้ งมาคอยจับผิดนางด้วย? อีกเรื่ องหนึ่ง
คือเรื่ องบทกลอน ก่อนหน้าวันงานฉลองวสันตฤดูนางต้องรี บยัดบท
กลอนตั้งมากมาย นางอ่านจนแทบจะอาเจียนออกมา! ชีวติ นี้ของนาง
ต่อจากนี้…อย่างน้อยก็ภายในเดือนนี้ นางไม่อยากจะแตะต้อง
หนังสื อพวกนี้อีกแล้ว อีกอย่างหนึ่งในเมื่อรู ้วา่ นางขี้โมโห ยังจะกล้า
เขียนจดหมายฉบับนี้มาถึงนางอีกหรื อ ไม่กลัวว่านางจะบุกเข้าวัง
หลวงไปตีกน้ ของเขาสักยกเลยหรอ! มันน่าจริ ง ๆ …
อย่างไรก็ตามตอนที่ซูเหลียนอวิน้ อ่านจดหมายฉบับนั้นจบ นางก็ได้
ขยําจดหมายฉบับนั้นเป็ นก้อนแล้วโยนทิ้งไปเรี ยบร้อยแล้ว ส่ วนของ
นั้น…ของมิอาจโยนทิ้งได้ ดังนั้นนางจึงเอาของทั้งหมดนั้นรวมทั้ง
กล่องย้ายไปวางที่หอ้ งเก็บของของนางในจุดที่ลึกที่สุดของห้อง
“คุณหนู ของชิ้นนี้ล่ะเจ้าคะ ให้บ่าวเอาออกไปด้วยไหม” หลีมู่เอ่ย
ปากหยัง่ เชิงอย่างระมัดระวัง เพราะเมื่อดูท่าทางของซูเหลียนอวิน้
แล้ว ทําไมถึงดูเหมือนอยากจะกอดของสิ่ งนี้ไว้โดยไม่อยากวางมือ?
“อ๋ อ” ซูเหลียนอวิน้ หลุดจากภวังค์แล้วเอ่ยว่า “ไม่ตอ้ ง ๆ เอาไว้ที่ขา้
ก่อนเถิด ของชิ้นนี้ค่อนข้างหนักทีเดียว หากให้หลีมู่ยา้ ยไปย้ายมาคง
ลําบากแย่ เอาวางไว้หอ้ งของข้านี่ล่ะ”
“เจ้าค่ะ…” หลีมู่ยงั มีคาํ พูดอยากจะพูดต่อ แต่เมื่อนึกถึงเรื่ องของ
ตัวเองช่วงบ่ายวันนี้ เรื่ องที่นางแอบเล่นไพ่ใบไม้โดยไม่รู้สึกผิดต่อซู
เหลียนอวิน้ ….ตอนนี้นางจึงรู ้สึกว่านางมีความมัน่ ใจไม่พอ ด้วยเหตุ
นี้นางจึงทําได้เพียงพยักหน้าจากนั้นก็ถอยหลังออกไป
ตอนที่หลีมู่เพิ่งจะเดินออกไป ซูเหลียนอวิน้ ก็รีบพุง่ ตัวไปที่ประตู
เพื่อปิ ดให้แน่น ไม่แน่หากจู่ ๆ หลีมู่เกิดมีเรื่ องอะไรแล้ววกกลับเข้า
มาอีกจะทําอย่างไร เมื่อจัดการทุกอย่างเรี ยบร้อย ซูเหลียนอวิน้ ก็ได้
โอกาสเปิ ดกล่องใบนั้นดูสกั ที นางค่อย ๆ เปิ ดออกจากรอยแยกเล็ก
ๆ ด้านในคล้ายมีแสงสว่างส่ องประกายวับไหว
“คุณพระช่วย! ” ซูเหลียนอวิน้ เปิ ดฝากล่องทั้งหมดออก ในตอนที่
นางเห็นกระบี่เล่มนั้นวางอยูใ่ นกล่อง นางก็ยกมือขึ้นมาปิ ดปาก
ตัวเองไว้อย่างยากจะควบคุม
นางเกรงว่าตัวเองจะตื่นเต้นมากเกินไปจนส่งเสี ยงร้องและหากเสี ยง
นั้นดึงดูดผูค้ นเข้ามาที่หอ้ งของนาง นัน่ คงจะทําให้เกิดเรื่ องวุน่ วาย
ขึ้นอย่างแน่นอน
——
[1] คัมภีร์ชือจิง คือคัมภีร์กวี เป็ นหนังสื อรวบรวมบทกวีที่เก่าแก่
ที่สุดของจีน
ตอนที่ 117

ความฝัน

“กรี๊ ดดดด! ” ซูเหลียนอวิน้ หวีดร้องเบา ๆ จากนั้นจึงยกมือขึ้นมาปิ ด


ใบหน้าตัวเองไว้แล้วก็บิดตัวไปมาเป็ นวงกลม
นางมิได้เดาผิดตามที่คาดเอาไว้! ข้างในนี้เป็ นกระบี่ช้ นั ยอด! แถม
กระบี่เล่มนี้ยงั สวยมากอีกด้วย!
ซูเหลียนอวิน้ พยายามที่จะควบคุมมือของตัวเองที่กาํ ลังสัน่ เทา
จากนั้นหยิบกระบี่ช้ นั ยอดเล่มนั้นออกมาอย่างระมัดระวัง เพียงเห็น
แค่ปลอกกระบี่ยงั สวยงามขนาดนี้!
เอ๊ะ? ” ตอนที่ซูเหลียนอวิน้ สัมผัสโดนกระบี่ นางพลันขมวดคิ้ว
“ทําไมถึงรู ้สึกว่า…”
ทําไมถึงรู ้สึกเหมือนว่ามีบางอย่างผิดปกติสมั ผัสโดนมือของนาง?
เพราะความรู ้สึกที่มือนางเมื่อครู่ น้ ี ไม่เหมือนสัมผัสโดนโลหะ แต่
คล้ายว่า…สัมผัสโดนของลื่น ๆ บางอย่าง?
แม้วา่ ซูเหลียนอวิน้ จะรู ้สึกสงสัยและประหลาดใจ ทว่านางยังคงจับ
ด้ามกระบี่เอาไว้แล้วดึงกระบี่ออกมา
คมกระบี่เป็ นประกายมันขลับราวกระจกเงา ตอนที่ชกั กระบี่ออกมา
ทั้งเล่มแล้วนั้น ตัวกระบี่ตอ้ งกับแสงเทียนบนเชิงเทียนส่ องประกาย
สว่างไสว ดวงตาของซูเหลียนอวิน้ โดนประกายของแสงสว่างนี้จน
ต้องหรี่ ตาลง
แต่ในชัว่ ขณะที่นางหรี่ ตาเป็ นเวลาสั้น ๆ นั้น นางจึงพลาดโอกาส
เห็นบางอย่างในช่วงที่แสงส่ องประกายออกมา
รอจนสายตาของนางเริ่ มปรับตัวได้ตามปกติแล้ว ซูเหลียนอวิน้ จึงก้ม
หน้ามองดูใบหน้าของตนที่สะท้อนอยูใ่ นกระบี่ ตอนนั้นนางรู ้สึกว่า
ตัวเองอยากจะหัวเราะ
โอ้โห งามยิง่ กระบี่เล่มนี้งามมาก เงาของสตรี ที่สะท้อนอยูใ่ นกระบี่
ก็งามเช่นกัน
ซูเหลียนอวิน้ ลองกวัดแกว่งกระบี่ดูครั้งสองครั้ง ตอนนั้นเองนางจึง
คิดว่าบางทีการกวัดแกว่งกระบี่ครั้งสองครั้งของนางสามารถทําให้
กระบี่เกิดพลังขึ้นได้?
เกิดความคิดบางอย่างขึ้นภายในก้นบึ้งของจิตใจของนาง นางจะลอง
ดูดีหรื อไม่ ลองดูวา่ ตัวเองจะควบคุมพลังของกระบี่เล่มนี้ได้หรื อไม่?
หากนางทําได้ล่ะก็ คงต้องเรี ยกนางว่าอัจฉริ ยะเสี ยแล้ว! เพราะตํารา
ทั้งสองเล่มที่หรงซู่มอบให้นางล้วนไม่ได้พดู ถึงเรื่ องนี้!
“ลองกับโต๊ะตัวนี้กแ็ ล้วกัน…” ซูเหลียนอวิน้ พึมพัม จากนั้นนางจึง
ถอยหลังไปสองสามก้าว มือทั้งสองของนางกุมด้ามกระบี่ไว้ นาง
หลับตารวบรวมพลังพุง่ ตรงไปยังโต๊ะตัวนั้น
“เอ๊ะ? ” ผ่านไปครู่ ใหญ่ เนื่องจากนางไม่ได้ยนิ เสี ยงใด ๆ ดังขึ้น ซู
เหลียนอวิน้ จึงแอบหรี่ ตาขึ้นมามองข้างหนึ่ง ทุกอย่างยังคงมีสภาพ
ดังเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่นอ้ ย
“จะเป็ นไปได้อย่างไร! ” ครั้งแรกตอนที่นางเริ่ มกวัดแกว่งมัน ทั้ง ๆ
ที่นางรู ้สึกอย่างชัดเจนว่าตัวเองควบคุมพลังของกระบี่ได้! ทําไม
ตอนนี้ถึงไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เกิดขึ้นเลย?
มิได้ นางต้องลองดูอีกครั้ง!
ด้วยเหตุน้ ีซูเหลียนอวิน้ จึงพุง่ ความสนใจของตัวเองไปยังโต๊ะตัวนั้น
อีกกว่าสิ บรอบ สุดท้ายทั้งแขนซ้ายและแขนขวาของนางก็เริ่ มเหนื่อย
ล้าจนมิอาจยกขึ้นได้อีก พอยกกระบี่ข้ ึนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว นางจึง
ทําได้เพียงมองไปข้างหน้าแล้วยอมแพ้ชวั่ คราวก่อน
“เฮ้อ แต่กย็ งั ดี” ซูเหลียนอวิน้ ค่อย ๆ นํากระบี่เก็บเข้าไปในปลอก
กระบี่อย่างระมัดระวัง แล้วพูดปลอบใจตัวเองเบา ๆ “จะดีจะร้าย
อย่างไรเจ้าก็นาํ พลังกระบี่ออกมาได้หนหนึ่งแล้ว! แม้วา่ ครั้งนั้น
อาจจะเหมือนแมวตาบอดจับหนูตาย[1]ได้กต็ าม…แต่น้ นั ก็สามารถ
กล่าวได้วา่ โชคของเจ้าไม่เลวเลยทีเดียว! “
เมื่อเก็บกระบี่เสร็ จแล้ว แต่ซูเหลียนอวิน้ กลับพบอีกปั ญหาหนึ่ง นัน่ ก็
คือนางจะเก็บกระบี่เล่มนี้ไว้ที่ใด?
ขืนวางไว้บนโต๊ะเช่นนี้ เช้าวันต่อมานางมัน่ ใจแปด เก้าจากสิ บส่ วน
ว่าของชิ้นนี้จะถูกนําออกไป…
นัน่ เป็ นเพราะซูปั๋วชวนและซูมวั่ เยีย่ ไม่ชอบอย่างยิง่ ที่นางจะไปข้อง
เกี่ยวกับสิ่ งของประเภทนี้! ส่ วนหลีม่กู ย็ งิ่ ไม่ตอ้ งพูดถึง เกรงว่าหลัง
จากนั้นนางจะต้องเป็ นคนแรกที่วงิ่ ไปรายงานเรื่ องของนาง จากนั้นก็
จะเป็ นอีกหนึ่งเสี ยงที่ไม่เห็นด้วยให้นางเก็บของแบบนี้ไว้
“มิถูกสิ รู ้สึกว่ามีบางที่ที่เราสามารถแอบเอาไว้ได้” ในตอนนั้นซู
เหลียนอวิน้ พลันนึกขึ้นได้วา่ จะต้องมีที่ไหนสักแห่งที่สามารถซ่อน
ของเอาไว้ได้
ที่น้ นั ก็คือใต้เตียงของนางนัง่ เอง!
ใต้เตียงของนางมีที่ที่สามารถสอดของซ่อนไว้ตรงกลางได้ ตําแหน่ง
นั้นเป็ นตําแหน่งที่ฟกู ที่นอนปูทบั อยูเ่ ป็ นชั้น ๆ เมื่อนอนลงบนฟูกจะ
ทําให้มนั ห้อยลงด้านล่าง จากนั้นก็จะบังจุด ๆ นั้นเอาไว้ได้ ดังนั้นต่อ
ให้เป็ นหลีมู่กไ็ ม่มีทางรู ้วา่ ด้านในมีของซ่อนอยู่
เมื่อเอ่ยถึงเรื่ องนี้ เมื่อชาติที่แล้ว สถานที่แห่งนี้กเ็ ป็ นสถานที่ที่ซู
เหลียนอวิน้ เอาไว้ใช้แอบนิยายเช่นกัน คิดไม่ถึงเลยว่าชาติน้ ีแม้นาง
จะไม่ได้ใช้มนั ไว้แอบนิยายแล้ว สถานที่แห่งนี้กย็ งั คงไม่วา่ ง เฮ้อ มัน
คงเหนื่อยมากทีเดียว
กระบี่ซ่อนไว้เรี ยบร้อยแล้ว แต่กล่องยังคงตั้งอยู่ ซูเหลียนอวิน้ ครุ่ น
คิด จากนั้นซูเหลียนอวิน้ จึงหันไปหยิบสร้อยคอเส้นยาวออกมาแล้ว
วางไว้ในกล่องนั้นแทน
สร้อยคอเส้นนี้กเ็ ป็ นของที่ใช้ในแสดงความยินดีในงานพิธีปักปิ่ น
วันนี้เช่นกัน แต่ซูเหลียนอวิน้ เชื่อว่าหลีมู่ตอ้ งจําไม่ได้อย่างแน่นอน
เพราะของในงานวันนี้มีจาํ นวนเยอะมาก หากหลีมู่จาํ ทั้งหมดได้…
คงจะน่ากลัวเกินไปสักหน่อย!
จากนั้นนางจึงกะเวลาดู คาดว่าตอนนี้คงดึกมากแล้ว เพราะซู
เหลียนอวิน้ เริ่ มหาวแล้ว
ง่วงจัง วันนี้นางเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ นางคงต้องพักผ่อนสัก
หน่อยแล้ว อีกอย่างวันพรุ่ งนี้นางยังตั้งใจไว้วา่ นางจะไปหาหรงซู่
ด้วยเพราะนางมีคาํ ถามอีกตั้งมากมายที่อยากจะถามเขา
ส่ วนตอนนี้ นอนก่อนจะดีกว่า…
“คุณหนู คุณหนูเจ้าคะ? ” เสี ยงตะโกนเรี ยกของหลีมู่ดงั ขึ้นข้างหูของ
นาง
“มีอะไรหรื อ? ” ซูเหลียนอวิน้ ปัดผมของตัวเองที่ร่วงลงมาปก
หน้าผาก และฝื นตัวเองจนลุกขึ้นมานัง่ แล้วเอ่ยถามขึ้น
“คุณหนูฝันร้ายหรื อเปล่าเจ้าคะ? ” หลีมู่นงั่ อยูด่ า้ นข้างซูเหลียนอวิน้
แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งออกมาจากหน้าอก แล้วยืน่ มือออกไป
เช็ดเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ที่ผดุ ขึ้นบนหน้าผาก “บ่าวเห็นว่าเมื่อครู่ น้ ีคุณหนู
เอาแต่ขมวดคิว้ อีกอย่าง…คุณหนูดูสิ เหงื่อของคุณหนูออกมาเยอะ
มาก”
“คงจะร้อนกระมัง…” ซูเหลียนอวิน้ ก้มหน้าพึมพํา “ตอนนี้ยามใด
แล้ว? “
“ไม่ตอ้ งรี บเจ้าค่ะ ตอนนี้เพิ่งจะยามเฉิน[2]เท่านั้น บ่าวแค่เห็นว่า
คุณหนู…คุณหนูจะนอนต่อหรื อไม่เจ้าคะ” ระหว่างที่หลีมู่พดู ก็เดิน
ไปยังอีกด้านหนึ่งของห้อง ในตอนที่นางกลับมาในมือของนางมีพดั
กลมเล่มหนึ่งกลับมาด้วย
“ไม่แล้วล่ะ” ซูเหลียนอวิน้ ดึงผ้าห่มออกแล้วเอ่ยขึ้น “ข้าตื่นแล้ว คง
นอนไม่หลับแล้วล่ะ เจ้าไปเตรี ยมเครื่ องอาบนํ้าให้ขา้ ก็แล้วกัน แล้วก็
รี บทําข้าวเช้า เพราะวันนี้ขา้ กะว่าจะออกไปข้างนอกเสี ยหน่อย”
นางหลับไม่สนิทจริ ง ๆ และก็ไม่รู้วา่ เป็ นเพราะอะไร เมื่อคืนความ
ฝันของนางถึงแปลกประหลาดนัก ทว่าความรู ้สึกในความฝัน โดย
ภาพรวมค่อนข้างขาด ๆ หาย ๆ นางคล้ายเป็ นผูช้ มเหตุการณ์ที่
เกิดขึ้นในความฝันที่คอยแอบดูเหตุการณ์ทุกอย่างอยูเ่ งียบ ๆ
ความทรงจําในความฝันคล้ายว่าวินาทีหนึ่งเป็ นช่วงเวลากลางวัน
ทว่าเพียงครู่ เดียวกลับกลายเป็ นช่วงเวลากลางคืน อีกทั้งเสี ยงที่ผหู ้ ญิง
เอ่ยขึ้นในความฝัน นางได้ยนิ ไม่ชดั เจนนัก ราวกับว่าเป็ นเสี ยง
หัวเราะ ร้องไห้และยังมี…เสี ยงกรี ดร้องอีกด้วย?
ซูเหลียนอวิน้ นวดไปที่ขมับของตัวเองพยายามห้ามไม่ให้ตวั เอง
ระลึกถึงความฝันนั้นขึ้นมาอีก เนื่องจากตอนที่นางหลับอยูน่ ้ นั นาง
รู ้สึกว่าทั้งหมดล้วนเลือนราง แต่ตอนนี้เมื่อนางตื่นขึ้นมาแล้ว ความ
ทรงจําที่เหลืออยูเ่ พียงเล็กน้อยนั้นก็ยงิ่ รู ้สึกว่ายิง่ เลือนรางลงไปเต็มที
เมื่อนางยิง่ ครุ่ นคิด และยิง่ ระลึกถึงมากเท่าไหร่ นางก็ยงิ่ รู ้สึกปวกหัว
มากขึ้นเท่านั้น
“คุณหนู มาเจ้าค่ะ” หลีมู่เดินถืออ่างนํ้าเข้ามาแล้วมองไปยังซู
เหลียนอวิน้ ที่กาํ ลังขมวดคิ้วอยูร่ าวกับเด็กคนหนึ่ง ตอนนั้นนางจึง
รู ้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ นกั “คุณหนู ฝันร้ายอะไรนัน่ อย่าได้เก็บ
มาคิดอีกเลยเจ้าค่ะ เพราะยิง่ คิดถึงมันมากเท่าไหร่ กย็ งิ่ รู ้สึกหวาดผวา
มากขึ้นเท่านั้น อีกอย่างมันยังเป็ นเพียงความฝันอีกด้วย คุณหนูเจ้าคะ
ตอนนี้คุณหนูตื่นขึ้นมาแล้ว เรื่ องราวในความฝันเหล่านั้นล้วนเป็ น
เรื่ องไม่จริ งแล้วเจ้าค่ะ! “
“อืม” ซูเหลียนอวิน้ พยักหน้า “ข้าไม่เป็ นไร หลีมู่ไม่ตอ้ งกังวล อีก
อย่างพอข้ามานัง่ นึกย้อนเอาตอนนี้ ข้ากลับนึกอะไรไม่ออกเลยแม้แต่
อย่างเดียว”
——
[1] แมวตาบอดจับหนูตาย ตัวเองไม่ได้มีความสามารถอย่างแท้จริ ง
แต่บงั เอิญประสบความสําเร็ จ
[2] ยามเฉิน ช่วงเวลาประมาณ 7:00น. – 9:00น.
ตอนที่ 118

มีเกิดและมีดบั

“หลีมู่ เดี๋ยวอีกประเดี๋ยวข้าจะออกไปข้างนอก คงไม่พาเจ้าไปด้วย


นะ…”เมื่อซูเหลียนอวิน้ กินข้าวเช้าเสร็ จก็เอ่ยปากขึ้นอย่างลังเล
มือของหลีมู่ที่กาํ ลังเก็บกวาดโต๊ะอยูพ่ ลันหยุดชะงัก “แล้วคุณหนูจะ
กลับมาตอนไหนเจ้าคะ?” จากนั้นจึงหันหน้ามามองตาของซู
เหลียนอวิน้ สายตาของนางเต็มไปด้วยความไม่เชื่อใจและไม่เห็น
ด้วย
“เรื่ องนี้…” มือของซูเหลียนอวิน้ จับอยูท่ ี่บริ เวณใบหู “คงจะเป็ นช่วง
บ่ายกระมัง? วันนี้ขา้ จะต้องรี บกลับอย่างแน่นอน!”
“แต่ครั้งที่แล้วที่คุณหนูบอกว่าจะไปไหว้พระแก้บนที่วดั ฝ่ าฝัว
คุณหนูกพ็ ดู แบบนี้…” หลีมู่มองไปทางซูเหลียนอวิน้ อย่างเชื่องช่า
“คุณหนูบอกว่าแค่ไปแก้บนเท่านั้น แต่สุดท้าย…”
“ครั้งที่แล้วมันเป็ นเรื่ องที่เหนือการควบคุม!” ซูเหลียนอวิน้ ยกมือ
ขึ้นมาปิ ดหูเอาไว้เพราะไม่อยากจะได้ยนิ อีก นางรู ้ดีวา่ หลีมู่จะต้อง
เอาเรื่ องนี้มาพนันกับนาง! แต่ครั้งนั้นก็…
“หลีมู่ถึงอย่างไรเจ้าก็วางใจได้ ตอนบ่ายวันนี้ขา้ ต้องกลับมาอย่าง
แน่นอน”
“แต่วา่ …”
“หลีมู่หากเจ้ายังพูดอีก ครั้งหน้าเวลาข้าจะออกไปไหน ข้าคงจะไม่
บอกเจ้าก่อนแล้ว เพราะพอข้าบอกเจ้าเจ้าก็ไม่ให้ขา้ ไป เช่นนั้นสู ข้ า้
ไม่บอกเจ้าแล้วออกไปเลยดีกว่า จะได้ไม่ตอ้ งฟังเจ้าบ่น ดียงิ่ !” ซู
เหลียนอวิน้ นวดหูตวั เองด้วยสี หน้าไม่เกรงกลัว
“…เจ้าค่ะคุณหนู แต่คุณหนูบอกว่าจะกลับมาตอนบ่ายก็ตอ้ งกลับ
มานะเจ้าคะ! ก่อนตะวันตกดินคุณหนูจะต้องกลับมาแล้ว! มิฉะนั้น
มิฉะนั้นบ่าวจะไปบอกนายท่านกับฮูหยินว่าคุณหนูแอย่องออกไป
ข้างนอกอีกแล้ว!”
เป็ นอย่างที่คิดไว้เลย แม่หลีมู่คนนี้…
“อ่า ๆ ได้” ซูเหลียนอวิน้ เอ่ยตอบรับอย่างไม่ใส่ ใจ “ข้ารู ้แล้ว เอาล่ะ
เก็บโต๊ะเสร็ จแล้วกระมัง ข้าจะเปลี่ยนเสื้ อผ้าแล้ว หลีมู่เจ้าออกไป
ก่อนเถิด”
“เจ้าค่ะ…” หลีมู่ที่กาํ ลังหอบถ้วยและตะเกียบอยู่ สุ ดท้ายจึงเดินพลาง
กลํ้ากลืนคําพูดออกไป
ซูเหลียนอวิน้ แต่งตัวเป็ นผูช้ ายอย่างรวดเร็ ว จากนั้นจึงส่ องกระจกดู
อื้ม หล่อยิง่ เนื่องจากเมื่อชาติที่แล้วนางมักจะแอบย่องออกไปเที่ยว
เล่นข้างนอก ดังนั้นการปลอมตัวเป็ ยบุรุษสําหรับซูเหลียนอวิน้ แล้ว
ถือเป็ นเรื่ องที่นางจัดการได้อย่างถนัดมือมาก
เฮ้อ แต่ติดอยูต่ รงที่วา่ …มันสมบูรณ์แบบมากเกินไปหน่อย ไม่
เหมือนผูห้ ญิงคนอื่น ๆ ที่กลัวว่าตรงนั้นจะเผยออกมาและมัวแต่
กังวลจนทําให้เสี ยความมัน่ ใจไป!
บนเขาวัดฝ่ าฝัว
“โอ้โฮ ศิษย์นอ้ งต้วนนี่เอง มาทําไมอีกแล้ว?” เมื่อหรงซู่เห็นต้วนเฉิ น
เซวียนที่กาํ ลังนัง่ อยูบ่ นโต๊ะหิ นตัวนั้นทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้เชิญมาก็เริ่ ม
รู ้สึกปวดหัว “ศิษย์นอ้ งต้วน ศิษย์พี่คิดว่าเจ้าต้องจ่ายค่านํ้าชาให้ขา้
แล้วล่ะ เพราะชาของข้าราคาแพงทีเดียว ข้าจะไปต้อนรับให้เจ้ามา
ดื่มไหวได้อย่างไร?”
ต้วนเฉินเซวียนเงยหน้าขึ้น เมื่อเขาเห็นหรงซู่ที่ยนื อยูไ่ ม่ไกลกําลังส่ ง
เสี ยงถอนใจ เขาก็ส่งสายตาอาฆาตให้
“เรื่ องเมื่อวานนี้ยงั ไม่จบ” เมื่อวางถ้วยนํ้าชาลง ต้วนเฉิ นเซวียนก็เอ่ย
ปากขึ้นอย่างเย็นชา
“เรื่ องอะไรหรื อ?” หรงซู่เอ่ยปากขึ้นพร้อมทําหน้าตานึกอะไรไม่
ออก “ศิษย์นอ้ ง เมื่อวานเกิดเรื่ องอะไรขึ้นหรื อ?”
“ท่านอย่ามาทําไขสื อ! ท่านพูดอะไรกับซูเหลียนอวิน้ ไปบ้าง?” ต้วน
เฉินเซวียนลุกขึ้นยืน “ทําไมจู่ ๆ นางถึงสนิทกับศิษย์พี่หญิงหนานกง
ได้? ยังมีอีกเรื่ องคือทําไมนางถึงเรี ยกท่านว่าท่านอาจารย์? พวกท่าน
ทั้งสองคนตามที่ขา้ เคยเข้าใจคือไม่เคยมีอะไรเกี่ยวข้องกันมาก่อน”
“หรงซู่ เรื่ องราวทั้งหมดนี้ดูเหมือนว่าท่านจะยังติดคําอธิบายกับข้า
เอาไว้”
หรงซู่หนั ไปจัดยาสมุนไพรในมือของเขาเพื่อเลี่ยงการตอบคําถาม
แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ศิษย์นอ้ ง ศิษย์พี่รู้สึกเสี ยใจมาก เจ้าลองบอกข้ามาซิ
เจ้าเรี ยกหนานกงมู่เสวีย่ ว่าศิษย์พี่หญิงได้แล้วทําไมเจ้าถึงเรี ยกข้าว่า
ศิษย์พี่ไม่ได้? พวกเราสองคนมีอะไรแตกต่างกันหรื อ? ศิษย์นอ้ ง การ
ที่เจ้าทําเช่นนี้ทาํ ให้ขา้ รู ้สึกเสี ยใจมาก”
“และเนื่องจากว่าข้าเสี ยใจมาก ดังนั้นข้าจึงรู ้สึกว่าข้าคงบอกเจ้า
ไม่ได้”
ต้วนเฉินเซวียนตั้งท่าจะพูดต่อ แต่ในตอนนั้นเขากลับได้ยนิ เสี ยง
ฝี เท้าที่ใกล้เข้ามาเรื่ อย ๆ เขาจึงหันไปส่ งสัญญาณให้หรงซู่ เพราะ
สถานที่ทรุ ดโทรมเช่นนี้ นอกจากเขาแล้วจะยังมีใครอยากมาอีก?
หรงซู่ช้ ีไปในห้องเพื่อบอกให้ตว้ นเฉินเซวียนเข้าไปหลบก่อน
จากนั้นค่อยอธิบายให้เขาฟังทีหลัง
“ท่านอาจารย์! ข้ามาแล้ว!” ซูเหลียนอวิน้ อุม้ ดาบมาด้วยมือทั้งสอง
ข้างแล้วมองไปยังหรงซู่ “ท่านอาจารย์ที่นี่ไม่เห็นมีคนอยูเ่ ลย? เมื่อกี้
เหมือนข้าได้ยนิ ท่านกําลังพูดอยูก่ บั ผูใ้ ด”
หรงซู่ทาํ หน้าตาย “อวิน้ เอ๋ อร์ อาจารย์กาํ ลังคุยอยูก่ บั ยาสมุนไพรที่อยู่
ในมือของข้านี่ไง ข้าจะพูดเองเออเองบ้างไม่ได้หรื อ?”
“อ๋ อ อย่างนี้นี่เอง” ซูเหลียนอวิน้ ไม่ได้สงสัยต่อ เนื่องจากนอกจาก
นางแล้วก็ไม่เคยเห็นผูอ้ ื่นมาหาหรงซู่ที่นี่อีก
“อ้อจริ งด้วย ท่านอาจารย์ดูนี่สิ ในวันงานพิธีปักปิ่ นของข้า มีคนมอบ
กระบี่ช้ นั ยอดให้ขา้ จริ ง ๆ ด้วย!” ซูเหลียนอวิน้ แกว่งกระบี่ตรงหน้า
หรงซู่ดว้ ยความภาคภูมิใจกับของตรงหน้า “แต่หลีมู่บอกข้าว่า คนที่
มอบกระบี่เล่มนี้ให้ขา้ ไม่ได้ระบุชื่อเอาไว้…ดังนั้นข้าเลยไม่รู้วา่ ผูใ้ ด
เป็ นคนมอบให้ขา้ ” คนผูน้ ้ ีแปลกประหลาดนัก จะให้ของผูอ้ ื่นทั้งที่
กลับไม่ยอมบอกว่าตัวเองคือใคร
“ท่านอาจารย์ ท่านเป็ นคนมอบให้ขา้ ใช่หรื อไม่?” ซูเหลียนหน้าเงย
หน้ามองไปยังหรงซู่ “ท่านอาจารย์คงมิได้รู้สึกอายจนตั้งใจหลอกข้า
ว่าผูอ้ ื่นจะมอบให้ขา้ กระมัง? แต่ความจริ งแล้วท่านเป็ นผูม้ อบให้ขา้
เอง ฮ่า ๆ เป็ นเช่นนี้ใช่หรื อไม่?”
ภายในห้อง ต้วนเฉินเซวียนที่กาํ ลังฟังซูเหลียนอวิน้ วิเคราะห์อย่าง
มัน่ อกมัน่ ใจอยูน่ ้ นั เกือบจะพุง่ ตัวออกมาแล้วหยิกหูของนางเพื่อที่จะ
บอกนางว่า กระบี่เล่มนี้เขาเป็ นผูซ้ ้ือมันมาเอง เขาเป็ นคนมอบให้นาง
เองเข้าใจหรื อไม่? หรงซู่ข้ ีงกเสี ยขนาดนั้นจะยอมเสี ยเงินหรื อ? อีก
อย่างเขาจะตาถึงเช่นนี้เลยรึ ?
“ฮ่า ๆ …” หรงซู่วางของในมือของตัวเองลง จากนั้นจึงลากซู
เหลียนอวิน้ ไปเดินเล่นที่อื่น คําพูดที่อวิน้ เอ๋ อร์เอ่ยขึ้นเมื่อครู่ น้ ีคงไม่
ถึงหูคนที่อยูใ่ นห้องผูน้ ้ นั กระมัง? หากบอกว่าเขาได้ยนิ ไปแล้วล่ะ
ก็…ช่างเถิด คําพูดต่อจากนี้คงต้องหลบออกไปไกล ๆ หน่อย
“อวิน้ เอ๋ อร์ กระบี่เล่มนี้ไม่ใช่ของอาจารย์จริ ง ๆ แม้วา่ อาจารย์จะรู ้วา่
ผูใ้ ดเป็ นคนมอบให้เจ้า แต่วา่ คนผูน้ ้ นั …เขาเป็ นคนที่ค่อนข้างขี้อาย
มาก! เขาไม่ยอมให้ขา้ พูด ดังนั้นข้าจึงต้องเก็บเอาไว้เป็ นความลับ
อวิน้ เอ๋ อร์จาํ ไว้พียงอย่างเดียวว่ากระบี่เล่มนี้ ไม่ใช่ของอาจารย์
แน่นอน!”
เขาไม่อยากจะเอาความดีเข้าตัวเลยสักนิด !
“อย่างนี้เอง” ซูเหลียนอวิน้ พยักหน้า “จริ งสิ ยังมีอีกเรื่ อง ท่าน
อาจารย์ ทําไมข้าถึงมักจะรู ้สึกว่า กระบี่เล่มนี้…มีบางอย่างผิดปกติ?
มันให้ความรู ้สึกแปลกพิกลอย่างไรก็ไม่รู้…แต่วา่ ข้าชอบมันมาก
เลย!”
หรงซู่ไม่ได้ตอบอะไร ทว่าตอนที่เขาสัมผัสโดนตอนที่รับมันมานั้น
สี หน้าของเขาพลันกลัดกลุม้
“ท่านอาจารย์เจ้าคะ?” ซูเหลียนอวิน้ ค่อย ๆ เอ่ยขึ้น “กระบี่เล่มนี้มี
ปัญหาอะไรหรื อเจ้าคะ?”
หรงซู่มิได้สนใจนาง เขาเพียงค่อย ๆ ดึงดาบออกมาเล็กน้อย แล้ว
มองไปยังตัวอักษรสองตัวที่สลักเอาไว้วา่ จิ้งหว่าน ทันใดนั้นสี หน้า
ของเขาก็ยากที่จะคาดเดาได้วา่ เขากําลังคิดอะไรอยู่
“ไม่มีอะไร” หรงซู่ยมิ้ แล้วส่ งกระบี่เล่มนี้คืนให้ซูเหลียนอวิน้ “กระบี่
เล่มนี้…คงจะเป็ นคู่กายที่ดีที่สุดสําหรับเจ้าแล้ว”
“เอ๊ะ?”
“อวิน้ เอ๋ อร์ เจ้ารู ้จกั องค์หญิงจิ้งหว่านหรื อไม่?”
“จิ้งหว่าน?” ซูเหลียนอวิน้ ครุ่ นคิดจากนั้นจึงส่ ายหน้า “ไม่รู้จกั เจ้าค่ะ
ไม่เคยได้ยนิ มาก่อนด้วย”
หรงซู่ไม่ได้รู้สึกแปลกใจ เขาจึงตัดสิ นใจเล่าเรื่ องราวโดยย่อขององค์
หญิงจิ้งหว่านให้นางฟัง จากนั้นจึงยิม้ อย่างมีเลศนัยแล้วเอ่ยว่า
“หลังจากนั้นนะอวิน้ เอ๋ อร์ กระบี่เล่มนี้อาจจะมีจิตวิญญาณขององค์
หญิงจิ้งหว่านอยูใ่ นนั้นด้วย เจ้ากลัวหรื อไม่?”
ซูเหลียนอวิน้ ก้มหน้าลงมองกระบี่ ผ่านไปครู่ ใหญ่จึงตอบว่า “ไม่
กลัว ไม่รู้วา่ เป็ นเพราะอะไร แต่ขา้ กลับไม่รู้สึกกลัว”
“เช่นนั้นก็ดี มีดา้ นมืดจึงมีดา้ นสว่าง มีเกิดจึงมีดบั หากเจ้าไม่กลัว
อย่างนั้นกระบี่เล่มนี้กถ็ ือว่าเป็ นของเจ้าอย่างสมบูรณ์แล้ว”
ตอนที่ 119

เล่าเรียน

“มีดา้ นมืดจึงมีดา้ นสว่าง มีเกิดจึงมีดบั …?” ซูเหลียนอวิน้ ก้มหน้า


ครุ่ นคิดประโยคทั้งสองนี้
“อืม” หรงซู่พยักหน้าแล้วเผลอมองไปยังด้านหลังบ้านแล้วเอ่ยต่อว่า
“คนอื่นหากถือดาบเล่มนี้ไว้ โดยปกติแล้วจะเกิดเรื่ องราวขึ้นได้สอง
แบบ”
“สองแบบไหน?” ซูเหลียนอวิน้ เก็บดาบในปลอกแล้วเงยหน้าขึ้น
ถาม
“ถ้าไม่ถูกดาบควบคุมเพื่อไปแก้แค้น ก็จะใช้ดาบเล่มนี้ไม่ได้ เมื่อ
สัมผัสจะรู ้สึกว่าดาบเล่มนี้เย็นยะเยือกผิดธรรมดา แม้วา่ จะพยายาม
ฝื นตัวเองให้ใช้ดาบนี้กค็ งจะแสดงประสิ ทธิภาพของตนได้เพียง
เล็กน้อยเท่านั้น”
“แก้แค้น?” ซูเหลียนอวิน้ ตกตะลึง “ให้ใคร? องค์หญิงจิ้งหว่านรึ ? แต่
จะแก้แค้นอย่างไร?” เพราะคนในราชวงศ์ก่อน ตายไปหมดแล้วมิใช่
หรื อ…
“อืม…จะพูดอย่างไรดี เป็ นเพราะว่าคนที่ถูกกระบี่ควบคุมส่ วนมาก
จะเป็ นสตรี สตรี มีอารมณ์โศกเศร้าและอ่อนโยน ภายใต้ความ
อ่อนโยนโศกเศร้านี้จะไปกระตุน้ กระบี่เล่มนี้ แต่บุรุษมีพลังในแบบ
ผูช้ ายที่เข้มข้นเกินไป ดาบเล่มนี้คงจะเกิดความยําเกรงขึ้น เนื่องจาก
มันก็เป็ นเพียงดาบเล่มหนึ่งเท่านั้น
“แต่อวิน้ เอ๋ อร์น้ นั แตกต่างไป” เมื่อหรงซู่เอ่ยถึงตรงนี้กต็ ้ งั ใจลดเสี ยง
ลงไปแล้วกระซิบต่อว่า “เจ้าเป็ นคนที่กลับมาเกิดอีกรอบหนึ่ง ใน
ดวงจิตของเจ้ายังไม่มีความเกลียดชังมากนักรวมทั้งพลังหยางจากทั้ง
สองภพ บวกกับเจ้าเป็ นสตรี ดว้ ยแล้ว เหมาะสมลงตัวกับดาบเล่มนี้
พอดี เจ้าจะไม่ข่มพลังมันและจะไม่ได้รับความเดือดร้อน ดังนั้นการ
ที่เจ้าเป็ นผูค้ รองคงจะถือว่าเป็ นการเหมาะสมที่สุดแล้ว”
เวลานี้ตว้ นเฉินเซวียนพยายามที่จะเอาหูของตนแนบชิดกับขอบ
ประตูเพื่อฟังว่าพวกเขาทั้งสองคนกําลังพูดเรื่ องอะไรอยูก่ นั แน่
เพราะเขามีลางสังหรณ์บางอย่างว่าการสนทนาต่อจากนี้ของหรงซู่
จะต้องมีไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน! แต่หรงซู่เองก็เป็ นคนมีวรยุทธ์อีก
ทั้งยังเป็ นศิษย์พี่ของเขาด้วย จึงกล่าวได้วา่ ใน
ด้านวรยุทธ์ พวกเขาทั้งสองไม่สามารถเสมอกัน ไม่สามารถตัดสิ น
แพ้ชนะกันได้
ดังนั้นในตอนนี้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าหรงซู่ไม่อยากให้เขาได้ยนิ
เรื่ องราวนี้ ด้วยเหตุน้ ีตว้ นแนเซวียนจึงทําได้เพียงเดาอย่างขาด ๆ
ตอน ๆ เท่านั้น
“แต่วา่ …” หรงซู่นาํ มือของตนเคาะเบา ๆ ไปที่คางของตัวเองสอง
สามทีแล้วครุ่ นคิดอยูค่ รู่ หนึ่ง “แต่วา่ …ช่างเถอะ มันก็ไม่แน่ พอถึง
วันนั้นแล้วค่อยพูดก็ได้ คงไม่มีเรื่ องใหญ่อะไร…”
“เอ๊ะ?” ซูเหลียนอวิน้ รู ้สึกสับสนเมื่อเห็นท่าทางน่าพิศวงและการ
พูดจาครึ่ ง ๆ กลาง ๆ ของหรงซู่ “คงจะ? คงจะไม่มีเรื่ องใหญ่
หมายความว่าอย่างไร? หากเกิดเรื่ องขึ้น ก็คงสายไปเสี ยแล้ว!” ตั้งแต่
ชาติที่แล้วจนถึงชาติน้ ี ท่านอาจารย์กย็ งั คงเป็ นคนไม่น่าเชื่อถือ
เหมือนเดิม!
“เอาเป็ นว่ากระบี่เล่มนี้ไม่เป็ นอันตรายกับเจ้าอย่างแน่นอน เจ้าวางใจ
ได้ ที่ขา้ พูดนั้นหมายถึงส่ วนน้อย แม้วา่ มันจะไม่เป็ นอันตรายต่อเจ้า
ทว่าสําหรับผูอ้ ื่นแล้ว…” หรงซู่หวั เราะแหะ ๆ “มิอาจรับประกันได้”
“อ่อ อย่างนั้นก็ได้” ซูเหลียนอวิน้ พยักหน้า ทว่าผ่านไปเพียงครู่ เดียว
ก็เอ่ยต่อว่า “ไม่ได้สิ! แล้วหากเป็ นพี่ชายหรื อว่าท่านแม่หรื อคนใน
ครอบครัวข้าเล่า?” หากพวกเขาโดนทําร้าย นัน่ ต้องทําให้นางรู ้สึก
ผิดจนตายแน่! เช่นนี้มิสูท้ าํ ร้ายตัวนางจะดีกว่า!
“วางใจเถอะ!” หรงซู่ลูบหน้าผากตัวเองพลางบ่นในใจ อวิน้ เอ๋ อร์จะ
อย่างไรก็ถือเป็ นผูท้ ี่อยูม่ าสองชาติแล้ว เหตุใดความคิดในบางเรื่ อง
ถึงไม่ได้พฒั นาขึ้นเลย? “ในเรื่ องราวขององค์หญิงจิ้งหว่าน ข้าได้พดู
ถึงพ่อแม่ของนางให้เจ้าฟังหรื อ? ดังนั้นเรื่ องนี้ไม่เป็ นไรหรอก”
ท่าทางของหรงซู่ในตอนนี้แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่อยากคุยเรื่ อง
นี้ต่อแล้วจึงหยุดพูดแล้วทําท่าราวกับคิดเรื่ องอื่นออกจึงเอ่ยว่า “จริ งสิ
อวิน้ เอ๋ อร์ เจ้ายังไม่ได้บอกอาจารย์เลยว่าเหตุใดในงานพิธีปักปิ่ นของ
เจ้าถึงปรากฏหนานกงมู่เสวีย่ อยูด่ ว้ ย? ตอนที่เจ้ามาเชิญข้าไปงานใน
ครั้งก่อน เจ้าไม่เห็นเอ่ยถึงสักคํา”
“เอ๊ะ? งั้นหรื อ?” ซูเหลียนอวิน้ กระพริ บตาปริ บ ๆ แล้วเกาศีรษะ
“หนานกงมู่เสวีย่ ..นางมาร่ วมงานแล้วมีปัญหาอะไรหรื อ? นางเป็ น
ถึงจวิน้ จู่เชียวนะ! อีกอย่างหากข้าจะเชิญหนานกงมู่เสวีย่ มาด้วย
ทําไมข้าต้องบอกท่านอาจารย์ดว้ ย? ท่านอาจารย์สนใจนางถึงขนาด
นี้? คงมิได้พยายามหาทางหลบนางกระมัง?”
“มันเป็ นเพราะเหตุใดกัน? ท่านอาจารย์ตอบคําถามข้อนี้ของข้าก่อน
ได้หรื อไม่? แล้วก็อาจารย์ของท่านคือใครกันแน่? แล้วก็ท่านกับต้วน
เฉินเซวียนมีความสัมพันธ์กนั แบบนั้น! แล้วก็…”
“หยุด!” หรงซู่ยนื่ มืออกไปเคาะหัวซูเหลียนอวิน้ “ในหัวสมองเม็ด
ถัว่ เขียวของเจ้าวันหนึ่ง ๆ คิดอะไรอยูบ่ า้ ง? ทําไมถึงมีปัญหาเยอะ
เช่นนี้? วันนี้ขา้ จะตอบคําถามเจ้าเพียงคําถามเดียว เจ้าคิดดูให้ดี ๆ
ก่อนแล้วค่อยถาม”
ซูเหลียนอวิน้ เบะปากมองไปยังหรงซู่ ท่านอาจารย์เหตุใดถึงขี้งก
นัก? นางลองคํานวนคร่ าว ๆ ดูแล้ว คําถามของนางที่อยากจะถามมี
มากกว่าสิ บข้อ! แต่เขากลับบอกนางว่าจะตอบคําถามนางเพียงข้อ
เดียว? ขี้งก ขี้งกมากเกินไปแล้ว!
“ข้าขอคิดก่อน…” โอกาสครั้งนี้คว้ามาได้ยากยิง่ ดังนั้นนางต้อง
พิจารณาให้ถว้ นถี่เสี ยหน่อย มิฉะนั้นคงจะเสี ยโอกาสไปได้!
พักใหญ่ ซูเหลียนอวิน้ จึงเงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยว่า “เช่นนั้นท่านอาจารย์
บอกข้ามาก่อน ท่าน…กับต้วนเฉินเซวียนและหนานกงมู่เสวีย่
สาบานตัวเป็ นลูกศิษย์กนั จากนั้นพวกท่านก็…เฮ้อ อย่างไรก็
เกี่ยวข้องกับปัญหาใหญ่ขอ้ นี้!
“เรื่ องนี้หรื อ” หรงซู่เผยรอยยิม้ กว้าง “เรื่ องนี้ขา้ บอกเจ้าได้” ตอนแรก
เขาเดาเอาจากนิสยั ที่ชอบข่าวโคมลอยของอวิน้ เอ๋ อร์แล้วา่ รู ้วา่ นางจะ
ตามถามเขาอย่างเอาเป็ นเอาตายว่าเขากับหนานกงมู่เสวีย่ มี
ความสัมพันธ์อย่างไรต่อกัน ไม่วา่ จะอย่างไรก็เป็ นคําถามเกี่ยวกับ
เรื่ องราวของเขากับหนานกงมู่เสวีย่
คิดไม่ถึงเลยว่าอวิน้ เอ๋ อร์จะถามคําถามนี้? คําถามข้อนี้น้ นั ไม่ซบั ซ้อน
สักนิด จะให้เขาบอกนางทั้งหมดยังได้
แต่วา่ …หรงซู่แอบถอนใจ ดูท่าแล้วในใจของซูเหลียนอวิน้ นี้ยงั คงมี
ที่สาํ หรับเจ้าเด็กหน้าเหม็นต้วนเฉินเซวียนอยูอ่ ย่างแน่นอน มิเช่นนั้น
จะเอ่ยถึงเขาทําไมกัน? นี่ทาํ ให้เขาอดทอดถอนใจมิได้ ศิษย์นอ้ งของ
เขาคงใกล้จะถึงเวลาแต่งงานแล้วจริ ง ๆ !
“ตอนนั้นข้าสาบานตนเป็ นศิษย์ของท่านอาจารย์ของพวกข้าตอนอายุ
ได้หา้ ปี หนานกง…จวิน้ จู่อายุได้หกปี ส่ วนต้วนเฉินเซวียนอายุได้
เก้าขวบ
“อ่อ ๆ ” ซูเหลียนอวิน้ พยักหน้า “จากนั้นเล่า? พวกท่านก็บาํ เพ็ญกัน
ตลอดมาเลยหรื อ? ไม่ลงจากเขากันมาบ้างเลยรึ ?” เพราะหากเขาลง
จากเขามาบ้าง ด้วยสติปัญญาของท่านอาจารย์เขาจะต้องรู ้เรื่ องราวที่
บ้านของเขาถูกกําจัดในตอนนั้นอย่างแน่นอน…
“ข้าไม่ได้ลงจากเขาเลย” หรงซู่ส่ายศีรษะ “ปกติแล้วจะมีเพียงเจ้า
เด็กต้วนเฉินเซวียนนัน่ เพียงผูเ้ ดียวที่ลงไปวิง่ เล่น และการขึ้น ๆ ลง ๆ
นั้นเหนื่อยเกินไป อีกอย่างข้ายังเป็ นศิษย์พี่ใหญ่สุด การแอบไปเที่ยว
เล่นเช่นนั้น เป็ นเรื่ องที่น่าขายหน้าเกินไป!
“โดยปกติแล้วพวกท่าฝึ กอะไรกันบ้างหรื อ?” ซูเหลียนอวิน้ ให้ความ
สนใจกับคําถามข้อนี้มาก นางวางกระบี่ไว้บนโต๊ะแล้วโน้มไป
ข้างหน้าอย่างอยากรู ้ “ฝึ กวรยุทธ์เพียงอย่างเดียวหรื อ? มีฝึกอย่างอื่น
อีกหรื อไม่ ข้าขอฝึ กบ้างได้หรื อไม่” นางเองก็อยากเรี ยนวิชาการ
เสี่ ยงทายและการดูดวงชะตาประเภทนี้กบั หรงซู่บา้ ง เพราะไม่เพียง
แค่ฟัง แต่แค่พดู ขึ้นมาก็ทาํ ให้ผอู ้ ื่นรู ้สึกถึงความลึกลับอย่างยิง่ ! ไม่มี
อะไรดึงดูดความสนใจของนางได้มากไปกว่านี้แล้ว
“อืม ข้าเรี ยนเพียงแค่ศาสตร์การแพทย์ฉีหวง[1] ส่ วนต้วนเฉิ นเซวียน
เรี ยนเรื่ องแนวคิดด้านการปกครองสําหรับเชื้อพระวงศ์ ส่ วนหนาน
กง เนื่องเพราะนางเป็ นสตรี จึงเรี ยนเพียงวิชาสี่ ศิลปวิทยา ทว่าระดับ
การเรี ยนของนางนั้น หากเทียบกับข้าและต้วนเฉินเซวียนแล้วถือว่า
ชํ่าของกว่ามากนัก” หรงซู่กล่าวเรี ยบ ๆ
แต่ละคนเรี ยนได้เพียงด้านเดียวหรื อ? เหตุใดจึงเรี ยนทุกด้านไม่ได้
เล่า?” เพราะจากนิสยั ของหรงซู่แล้วเขาดูไม่ใช่คนประเภทที่วา่ พอขี้
เกียจแล้วไม่อยากเรี ยนต่อเสี ยหน่อย
——
[1] ศาสตร์การแพทย์ฉีหวง ฉีหมายถึงหมอหลวงฉี ปั๋ว ส่ วนหวง
หมายถึงพระเจ้าหวงตี้ ทั้งสองคนนี้ร่วมกันคิดค้นตําราการแพทย์
แผนจีนขึ้นมา
ตอนที่ 120

หึงหวง

“เพราะว่าคนเราเมื่อมีชีวติ อยู่ สิ่ งที่ควรหลีกเลี่ยงมากที่สุดคือความ


ละโมภ” หรงซู่ไม่แสดงอารมณ์ใด
“ก็ใช่” ซูเหลียนอวิน้ พยักหน้าหงึกหงักอย่างเห็นด้วย “คนเรามีชีวติ
อยู่ ไม่มีทางที่จะสมบูรณ์พร้อมไปทุกเรื่ องได้”
“แต่ท่านอาจารย์เพิ่งบอกไปว่า ท่านเรี ยนศาสตร์ดา้ นการทํานายดวง
ชะตาและเสี่ ยงทาย ส่ วนต้วนเฉินเซวียนเรี ยนศาสตร์ดา้ นการเมือง
การปกครอง? ฟังดูแล้วยอดเยีย่ มทั้งสิ้ น! แต่ทาํ ไมหนานกงมู่เสวีย่ ถึง
ได้เรี ยนเพียงวิชาสี่ ศิลปวิทยาเท่านั้น? ความแตกต่างนี้…” ดู ๆ แล้ว
คล้ายไม่ใช่วชิ าในระดับเดียวกันเลย! หรื อว่านักบวชเต๋ าหลิงอวิน้ ผู ้
นั้นลําเอียง? เนื่องจากการให้ความสําคัญกับบุรุษและดูถูกสตรี เป็ น
เรื่ องที่มีความเป็ นไปได้! แต่คิดไม่ถึงว่าคนที่มีบุคลิกสูงส่ งราวเทพ
เซียนอย่างเช่นในนิยายจะมีนิสยั เสี ยเช่นนี้ดว้ ย?
คนเรามิอาจดูเพียงภายนอก แล้วรี บเชื่อโดยไม่พิจารณาให้ดี เฮ้อ
“สมองเม็ดถัว่ เขียวของเจ้าวันหนึ่ง ๆ คิดอะไรอยูบ่ า้ ง!” หรงซู่เขก
หัวซูเหลียนอวิน้ อย่างขบขันแล้วอธิบายว่า “อาจารย์เองก็คิดเช่น
เดียวเขาเหมือนกัน เพราะหากพูดถึงสติปัญญาและการวางแผน
หนานกงไม่นอ้ ยหน้าข้ากับต้วนเฉินเซวียนอย่างแน่นอน อีกทั้งตัว
นางเองก็ไม่แน่วแน่และไม่เต็มใจที่จะทําบางเรื่ อง หากตอนนั้นท่าน
อาจารย์สอนนางจริ ง ๆ คงจะโดดเด่นมากกว่าข้ากับต้วนเฉิ นเซวียน
ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า”
“แต่น่าเสี ยดายที่นางเป็ นสตรี เพราะว่าในโลกปัจจุบนั นี้ สตรี ตอ้ ง
ประสบกับความเข้มงวดและโหดร้ายมากกว่าบุรุษมากนัก บวกกับ
ฐานะของนางแล้ว…” เมื่อหรงซู่เอ่ยถึงตรงนี้เขาก็ยมิ้ ออกมาอย่างไม่
ค่อยปกตินกั “การมีฐานะเป็ นพระราชวงศ์ แม้วา่ จะเป็ นสตรี แต่ก็
ต้องรู ้จกั รู ้หลบเป็ นปี ก รู ้หลีกเป็ นหางจะดีที่สุด เพราะการใช้ชีวติ
อย่างสงบสุ ขตลอดชีวติ ย่อมดีกว่าการทําอะไรตามใจไปเรื่ อย”
“อ่อ…” ซูเหลียนอวิน้ รับคําแล้วยืน่ แขนทั้งสองข้างออกมาวางไว้บน
โต๊ะหิ นแล้วเอาหัวซุกไว้ดา้ นใน “อย่างนั้นท่านอาจารย์วา่ ข้าสามารถ
เรี ยนทํานายดวงชะตากับท่านได้หรื อไม่? ข้าเองก็ไม่ใช่คนใน
ราชวงศ์คงจะไม่เป็ นไรกระมัง?”
ในความเป็ นจริ ง ปั จจุบนั นี้ยงั มีอีกหลายปัจจัยที่ไม่ดีต่อสตรี แต่นนั่
จะเป็ นอย่างไรเล่า? ตัวเองขยันให้มาก ๆ หน่อยก็คงพอชดเชยกัน
ได้?
อีกอย่างไม่มีใครเคยบอกว่าสตรี จะต้องอ่อนแอกว่าบุรุษ? ผูท้ ี่จะเอ่ย
ประโยคเช่นนี้ออกมาได้ตอ้ งเป็ นคนที่คิดว่าชีวติ นี้ของตนจะต้องตํ่า
ต้อยกว่าผูอ้ ื่นเลยหวาดกลัว เพราะหากแม้แต่ตวั เองยังยอมแพ้
เช่นนั้นก็คงไม่เหลือความหวังแม้เพียงน้อยนิด
“อวิน้ เอ๋ อร์เจ้าอยากเรี ยนหรื อ?” หรงซู่ยนื่ มือออกไปกระทุง้ ซู
เหลียนอวิน้ ที่หมอบอยูบ่ นโต๊ะแล้วเอ่ยถาม
“อยาก!” เมื่อซูเหลียนอวิน้ เงยหน้าขึ้นแววตาของนางเต็มไปด้วยการ
อ้อนวอนและยืนหยัดที่สามารถรู ้ได้โดยไม่ตอ้ งเอื้อนเอ่ย
“เอ่อ แต่วา่ ซูเหลียนอวิน้ …” หรงซู่ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยอย่างกลัดกลุม้
“อวิน้ เอ๋ อร์เจ้ารู ้ฐานะของข้าหรื อไม่? ข้าเดาว่า หนานกงคงบอกเจ้า
แล้วกระมัง”
“รู ้แล้ว หนานกงจวิน้ จู่บอกข้าแล้ว” ท่านอาจารย์ที่น่าสงสาร ต้องทน
รับความหันเหในชีวติ ตั้งแต่ยงั เด็ก น่าสงสารจนมิอาจจะสงสารไป
มากกว่านี้ได้แล้ว!
“ดังนั้นหากอวิน้ เอ๋ อร์ตอ้ งการจะเรี ยน เจ้าต้องเป็ นแบบข้าก่อน มิ
เช่นนั้นก็เรี ยนไม่ได้”
“อะไรนะ?” หมายความว่าอย่างไร? เป็ นเหมือนท่านอาจารย์? คง
มิได้…?
“ก็ตามที่เจ้าคิดไว้นนั่ แหละ” หรงซู่ยมิ้ ตาปิ ดพลางลูบหัวซูเหลียนอ
วิน้ “หากเจ้าต้องการเรี ยนเรื่ องนี้ ข้อแม้ขอ้ แรกก็คือคนในครอบครัว
ทั้งหมดจะต้องได้รับภัยพิบตั ิจนถึงแก่ความตาย เพราะมีได้กต็ อ้ งมี
เสี ย”
“อวิน้ เอ๋ อร์ เจ้ายังอยากเรี ยนอยูห่ รื อไม่?”
“ไม่” ซูเหลียนอวิน้ ส่ ายหน้าอย่างแน่วแน่ จากนั้นจึงโน้มตัวด้านบน
ขึ้นไม่ฟุบหน้าอีกต่อไป เพราะตอนนี้นางรู ้สึกว่าโต๊ะหิ นนี้เริ่ มเย็นขึ้น
แถมโต๊ะนี้…ตอนนี้นางมือไม้เย็นไปหมด!
“ข้า ไม่ เอา!”
“เช่นนั้นก็น่าเสี ยดายมาก” หรงซู่ผายมือทั้งสองออกด้านข้าง “เพราะ
ข้าเห็นว่าเจ้ามีหน่วยก้านดีมาก เพียงดูกร็ ู ้แล้วว่าเป็ นคนที่มี
ความสามารถแบบหาตัวจับยาก! แต่เจ้ากลับไม่เรี ยนซะนี่ ช่างน่า
เสี ยดายยิง่ น่าเสี ยดายจริ ง ๆ ” แม้วา่ ปากของเขาจะบอกว่าน่าเสี ยดาย
แต่รอยยิม้ ของหรงซู่กลับแสดงออกมากขึ้นเรื่ อย ๆ
ซูเหลียนอวิน้ กรอกตาใส่ หรงซู่ นางขี้เกียจจะต่อปากต่อคํากับเขา
แล้ว เพราะเรื่ องราวของคนในบ้านเอามาพูดล้อเล่นส่ งเดชได้หรื อ?
ใช่หรื อไม่?
ท่านอาจารย์ช่างน่านัก! ช่างเถิด เห็นแก่วา่ ตอนเด็กเขา…ตอนนี้ขอ
หยุดพักแล้วปล่อยเขาไปก่อน หากมีครั้งหน้าอีก หรงซู่จะต้องได้
เห็นดีแน่!
“ลา ก่อน!” ซูเหลียนอวิน้ เงยหน้าขึ้นเพื่อคะเนเวลาจากนั้นจึงเอ่ย
เพียงสองคํานี้อย่างถือตัวเตรี ยมตัวจะลากลับ
เนื่องจากนางได้รับปากหลีมู่เอาไว้แล้วว่าจะรี บกลับ ดังนั้นครั้งนี้เมื่อ
พูดไปแล้วก็ไม่ควรผิดคําพูด อีกอย่างตอนที่นางกําลังจะออก
เดินทางนั้น สายตาจับจ้องของหลีมู่เช่นนั้น ตอนนี้นางยังคงจําได้
อย่างไม่ผดิ เพี้ยน! ไม่วา่ ผูใ้ ดจะมองเห็นต่างถือว่าเป็ นโอกาสที่ยากจะ
เพิกเฉยได้
“อืม ๆ ไปเถิด ๆ ” หรงซู่ยมิ้ กว้างแล้วเอ่ยต่อไปว่า “แต่เมื่ออวิน้ เอ๋
อร์กลับไปถึงแล้ว สิ่ งใดควรพูด สิ่ งใดไม่ควรพูด เรื่ องนี้เจ้าคง
แยกแยะเองได้อยูแ่ ล้วกระมัง”
“หมายความว่าอย่างไร?” ซูเหลียนอวิน้ ถอยหลังไปสองก้าว มือทั้ง
สองของนางอุม้ ดาบเอาไว้ สี หน้าของนางมองมายังหรงซู่อย่าง
ระมัดระวัง
เมื่อดูสถานการณ์ตอนนี้ ต้องลุน้ เหตุการณ์นาทีต่อนาทีวา่ นางจะชัก
ดาบออกมาแล้วทะเลาะกับหรงซู่เมื่อไหร่
“เรื่ องนี้ยงั ต้องให้ขา้ พูดอีกรึ ?!” เมื่อหรงซู่เห็นการตั้งท่าป้ องกันตัว
ของซูเหลียนอวิน้ เช่นนี้อารมณ์กเ็ ดือดพล่านขึ้นมา
เขาก้าวไปข้างหน้า มือของเขากํามีดสั้นเอาไว้แล้วจ่อไปเคาะที่ศีรษะ
ของซูเหลียนอวิน้ อีกทั้งท่าทางของเขานั้นไม่เหลือความเมตตาเอ็นดู
ใด ๆ เหลืออยูอ่ ีก “หากเจ้ากล้าไปพูดจาเรื่ อยเปื่ อยกับหนานกงมู่เสวีย่
ล่ะก็…อวิน้ เอ๋ อร์ เจ้าต้องรับผลที่เจ้าทําด้วยตัวเอง!”
ซูเหลียนอวิน้ กุมศีรษะของตัวเองเอาไว้แล้วจ้องเขม็งไปยังหรงซู่
“ท่านจะพูดจาดี ๆ ไม่ได้เลยรึ ?! หากครั้งหน้าเจ้ากล้าทําร้ายข้าอีก ข้า
ข้าจะไปหาหนานกงมู่เสวีย่ ที่เรื อนของนาง จากนั้นจะนําเรื่ องราว
ทั้งหมดของเจ้าหลายปี มานี้เปิ ดโปงออกมาให้หมด! มาดูกนั ว่าเรา
สองคนใครจะโหดเ**◌้ยมกว่ากัน!”
หรงซู่ไม่ได้เบามือลงเลยแม้แต่นอ้ ย! นางเจ็บจะแย่อยูแ่ ล้ว! อีกอย่าง
พูดกันดี ๆ ก็ได้มิใช่หรื อ? เหตุใดถึงกล้าลงไม้ลงมือกับนาง?!
ความแค้นครั้งนี้ นางจะจดจําเอาไว้!
เฮอะ อีกอย่างหนึ่ง นางดูเป็ นคนที่ยอมขายอาจารย์เพื่อเพื่อนเลย
หรื อ? เรื่ องราวเช่นนี้นางไม่มีทางทําอย่างแน่นอน!
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าซูเหลียนอวิน้ เป็ นคนขี้ลืมมากทีเดียว เมื่อชัว่
ยามที่แล้วยังขายอาจารย์ตวั เองอยูเ่ ลย แต่พอถึงตอนนี้กบั ลืมทุกอย่าง
ไปสิ้ นแล้ว
“ไปเถิด ๆ ๆ !” หรงซู่จบั ตัวของซูเหลียนอวิน้ หันหน้าไปอีกทาง
หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ข้าเข้าใจเจ้าเป็ นอย่างยิง่ ! ดังนั้นอวิน้ เอ๋ อร์เจ้ารี บลง
เขาไปเสี ยเดี๋ยวนี้ อีกประเดี๋ยวพอดึกแล้วเจ้ากลับถึงบ้านก็ไม่มีอะไร
เหลือให้เจ้ากินอีก! รี บกลับไปเถิด!”
“เฮอะ!” ซูเหลียนอวิน้ แค่นเสี ยง จวนตระกูลซูมิได้ข้ ีงกอย่างเจ้า! ที่
อยากจะกินข้าวสักมื้อก็ตอ้ งออกไปล่าสัตวากินเอง
อีกอย่างนางยังมีหลีมู่ท้ งั คน! หลีมู่ของนางแม้วา่ จะขี้บ่นมากไป
หน่อย ส่ วนด้านอื่น ๆ ดีต่อนางหรื อไม่น้ นั ตนคงต้องบอกว่าเยีย่ ม
ยอดยิง่ นัก! นางจะยอมให้นางทนหิ วได้อย่างไร!
“คุยกันจบรึ ยงั ?” ผ่านไปพักใหญ่ตว้ นเฉินเซวียนเดินออกมาจากด้าน
ในกระท่อม นํ้าเสี ยงของคลุมเคลือยากจะเข้าใจ “ดูไม่ออกเลยว่า เจ้า
กับแม่นางคนนั้นจะมีความสัมพันธ์ดีต่อกันขนาดนี้ ศิษย์พี่หญิงรู ้
เรื่ องนี้หรื อไม่? หากไม่รู้ ข้าคิดว่าพวกเราเป็ นศิษย์อาจารย์เดียวกัน
จะว่าไปแล้วก็ควรบอกสักหน่อยใช่หรื อไม่”
หรงซู่เอ่ยว่า “ศิษย์นอ้ งต้วน เจ้ารู ้หรื อไม่วา่ ท่าทางหึ งหวงของเจ้า
ในตอนนี้ไม่ธรรมดาแล้ว”

You might also like