Professional Documents
Culture Documents
เล่ห์รักชายา ตอนที่ 1901 - 2022 (จบ)
เล่ห์รักชายา ตอนที่ 1901 - 2022 (จบ)
“ท่านมาได้อย่างไร?”
บุรุษชุดต้นจันทน์เอ่ยเตือนเสียงขรึม
ณ ห้องทรงพระอักษรวังหลวง!
ฮ่องเต้ทรงประทับอยูบ่ นพระเก้าอีม้ งั กรสีเหลืองทอง ทอดพระเนตร
มองสวี่เทียนโย่วที่ถกู คุมตัวคุกเข่าอยู่ท่พี นื ้ ตัง้ แต่ศีรษะจรดปลายเท้า พระ
พักตร์บงึ ้ ตึงแลดูน่ากลัว
“เขายังไม่ยอมพูดอะไรออกมาหรือ?” ฮ่องเต้ตรัสด้วยพระสุรเสียงเย็นชา
สวี่เทียนโย่วเป็ นคนของกลุม่ เบญจพิษ เช่นนัน้ ก็เท่ากับว่ามูห่ รงเสวี่ยที่จบั กุม
เขาไว้ย่อมไม่ใช่คนของกลุ่มเบญจพิษ ส่วนสวี่จง ท่านลุงของสวี่เทียนโย่วที่
ถูกมูห่ รงเสวี่ยกล่าวหา คาดว่าจะเป็ นดังเช่นที่นางกล่าวหานั่นคือเป็ นคน
ของกลุม่ เบญจพิษ
“ปากแข็ง หัวแข็ง”
เย่เทียนฉี “...”
เย่เทียนฉี “...”
ที่จริงแล้วเขาเองก็คิดว่าพวกอันตรายอย่างกลุม่ เบญจพิษสังหารทิง้ ไป
แต่เนิ่นๆ ก็ดี แต่วา่ ที่เขาคิดไว้ก็คือให้สวี่จงคายข้อมูลของกลุม่ เบญจพิษ
ออกมาก่อนแล้วค่อยประหารเขา กลับคิดไม่ถึงว่าเสด็จพ่อเมื่อเห็นว่าเขาไม่
ยอมปริปาก ก็ตอ้ งการสังหารเขาเสียแล้ว...
“พ่ะย่ะค่ะ” เย่เทียนฉีพยักหน้า
“พวกเขาเองก็ไม่ยอมปริปากพูดเหมือนกันหรือ?” ฮ่องเต้ตรัสถาม
เย่เทียนฉี “...พ่ะย่ะค่ะ”
นางไม่ได้ฟังผิดไปใช่หรือไม่?
นี่เขากาลังคิดอะไรอยู่นะ? คงมิใช่ว่า...
มูห่ รงเสวี่ยขบคิด เงยหน้าขึน้ มองฝ่ าบาทก็พบว่าหลังจากพระองค์ได้ฟัง
ที่เย่อเี ้ ฉินเอ่ยแล้ว พระพักตร์ก็อ่อนลงไปมาก พระสุรเสียงก็ไม่ได้ดดุ นั ถึง
เพียงนัน้ แล้ว “เราตัดสินประหารพวกเขายกตระกูล จิง้ อ๋องเห็นเป็ นเช่นไร?”
เย่เทียนฉี “...”
ลานประหารตกอยู่ในความโกลาหลทันใด...
ตอนที่ 1909 ลานประหารแตกตืน่ (2)
“คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะกล้ามาปล้นลานประหาร..ขวัญกล้าไม่นอ้ ย
ทีเดียว” เสียงกังวานใสของเย่เทียนฉีแฝงความเย็นชา
“แต่ไหนแต่ไรมาความกล้าของพวกตาหนักมืดแคว้นหนานจ้าวก็มีมาก
อยู่แล้ว” เย่อีเ้ ฉินเอ่ยอย่างไม่ใคร่ใส่ใจ
ตอนนีแ้ คว้นชิงเหยี่ยนจับตัวคนของพวกเขาไว้แล้วจะประหารคนของ
พวกเขา พวกเขาก็ตอ้ งมาปล้นลานประหารชิงตัวคนของพวกเขาเป็ นเรือ่ ง
ธรรมดา ส่วนเรือ่ งที่วา่ ลานประหารแห่งนีเ้ ป็ นลานประหารของแคว้นชิงเห
ยี่ยน มีองครักษ์อารักขามากมาย มีหวางเหยียเชือ้ พระวงศ์สองคนนั่งเป็ น
ประธาน ส่วนเขาไม่สนใจและหาได้มีความเกรงกลัวไม่...
...
เขาจะปล่อยให้พวกเบญจพิษช่วยพวกสวี่จง กับพวกสวี่เทียนโย่วไปได้
หรือ?
คาตอบคือ...ไม่มีทาง!
หลังจากบรรดาคนชุดดาตะลึงไประยะเวลาสัน้ ๆ ก็คว้ากระบี่ยาวขึน้ ปั ด
ป้องลูกธนู...
“ฟึ่ บ ฟึ่ บ ฟึ่ บ...ฟึ่ บ ฟึ่ บ ฟึ่ บ...” บนลานประหารตกอยู่ในความโกลาหลอีก
ครัง้
...
เย่เทียนฉีคิดจะยิงธนูสงั หารพวกเขาหรือ...
ไม่อย่างดายเพียงนัน้ หรอก
คนชุดดา “...”
แววตาของสวี่จงแข็งกร้าว “ท่าไม่ดีเสียแล้ว...”
คนชุดดาและพวกสวี่เทียนโย่วเบี่ยงกายหลบหนีตามสัญชาตญาณ ลูก
ธนูยิงมาตกอยู่ท่พี นื ้ ตรงหน้าพวกเขา ก่อนจะระเบิดเสียงดังปั ง...
เหล่าคนชุดดายังไม่ทนั ได้แตกตื่นก็มีธนูเพลิงยิงเข้ามาใส่ราวห่าฝนมืด
ฟ้ามัวดิน ระเบิดลานประหารเสียง “ปั ง ปั ง ปั ง...ปั ง ปั ง ปั ง...” ลานประหาร
ตกอยู่ในสภาพระเบิดรุนแรง...
เย่เทียนฉีมองดูภาพระเบิดรุนแรงด้วยสายตานิ่งเฉย บัญชาของเสด็จ
พ่อคือให้ประหารสวี่จง สวี่เทียนโย่วและพวกก่อนยามอู่ บัดนีเ้ วลาก็
ล่วงเลยยามอู่ไปแล้วไม่อาจล่าช้าได้อีก จาเป็ นต้องเร่งประหารสวี่จง สวี่
เทียนโย่วและพวกให้เร็วที่สดุ ...
บรรดาชาวบ้านที่แอบอยู่ในมุมปลอดภัยไม่ได้ว่งิ ไปไหนไกลก็เอ่ยชื่นชม
กันไม่หยุดปาก ใช้ดินปื นล้อมพวกเบญจพิษไว้ ต่อให้พวกเขาคิดหนีอย่างไร
ก็ไร้ซง่ึ หนทาง วิธีการของฉีหวางเหยียก็ช่างลา้ เลิศยิ่งนัก...
...
พวกเขาไม่เข้าใจความหมายของเขา
สวี่จงหัวเราะ “ไม่จาเป็ นต้องเข้าใจเท่าไร ทาตามที่ขา้ พูดก็พอ...”
...
กลุม่ เบญจพิษและคนตระกูลสวี่คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ
คิดจะหนีหรือ ไม่ง่ายดายเพียงนัน้
แสงอาทิตย์สีทองทอประกายกระทบร่างของนาง คล้ายกับว่าตัวนางชุบ
ทองไว้ชนั้ หนึ่ง นางสาวเท้าจากบริเวณสว่างก้าวเข้ามาช้าๆ กระโปรงปลิว
สะบัด เรือนผมสีดาปลิวไสว ราวกับว่าเดินออกมาจากภาพวาด
“โฮ่งๆ” ค่าตอบแทนของข้าเล่า?
เย่เทียนฉีพร้อมองครักษ์นบั สิบนายตามหลังไปติดๆ
...
คนของกลุม่ เบญจพิษปล้นลานประหารชิงตัวนักโทษแล้วมาที่โรงเตีย๊ ม
หลายไฉทาไมกัน?
บรรดาองครักษ์มองหน้ากัน สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย
บรรดาองครักษ์ “...”
“อืม” เย่เทียนฉีพยักหน้าลงด้วยสีหน้าจริงจัง
เย่เทียนฉี “...”
บรรดาองครักษ์ “...”
คนลากรถลาก “...”
หัวหน้าองครักษ์ “...”
“นาย...นายท่านจะทาอะไรหรือ?” คนลากรถลากเอ่ยถามอย่างใจกล้า
ด้วยความไม่เข้าใจ
“...มีอะไรหรือ?” คนลากรถลากมองหน้าสบตากันไปมาด้วยความไม่
เข้าใจ
บรรดาองครักษ์เองก็มองจิง้ จอกน้อยด้วยความงุนงงระคนสงสัยเช่นกัน
“มีปัญหาอย่างไรรึ?” หัวหน้าองครักษ์เอ่ยถามด้วยความสงสัย
“โฮ่งๆ” ไม่ใช่!
หัวหน้าองครักษ์ “...เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
“โฮ่งๆ” ข้าหมายความว่า เมือ่ เราพลิกถังเศษอาหารดูกจ็ ะรู ค้ วามจริง...
คิดไม่ถึงเลยว่าสวี่จงกับสวี่เทียนโย่วจะไม่ได้ทาเช่นนัน้ หลังจากหนีรอด
จากลานประหารแล้วก็ว่งิ มาซ่อนตัวอยู่ในถังเศษอาหารของโรงเตีย๊ มหลาย
ไฉ วางแผนการตบตาพวกเขาต่อหน้าต่อตา
ตอนที่ 1917 เปิ ดโปงคนชุดดา (3)
สวี่จงสายตาเย็นชาไม่ปริปากเอ่ยอะไรสักคา
สวี่จงยังคงหลุบเปลือกตามองต่าไม่เอ่ยอะไร
มูห่ รงเสวี่ยตามไปช้าๆ
ตระกูลโจว! คงไม่ใช่ตระกูลโจวเดียวกับที่นางคิดหรอกนะ?
โจวหยวนเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ไปไหน?”
“ก็ไปที่กรมอาญา ให้ความร่วมมือในการไต่สวนของพวกเราน่ะสิ...”
หัวหน้าองครักษ์เอ่ยเสียงดังฟั งชัด บ่าวรับใช้ท่ที าความสะอาดห้องอักษร
ของโจวหยวนเป็ นคนของกลุม่ เบญจพิษและยังบุกไปลานประหารชิงตัว
นักโทษ โจวหยวนในฐานะเจ้านายของบ่าวรับใช้ผนู้ ีก้ ็ตอ้ งรับการไต่สวนไป
ด้วย...
“แล้วเหตุใดบนตัวของใต้เท้าโจวถึงมีกลิ่นหอมสะกดรอย?” หัวหน้า
องครักษ์มองโจวหยวนนิ่งๆ พบว่าจิง้ จอกน้อยเดินวนรอบตัวโจวหยวนไป
มา ในดวงตาน่ารักของจิง้ จอกน้อยเป็ นประกายดูแคลน “โฮ่งๆ” กลิ่นหอม
สะกดรอยบนตัวคนผูน้ จี ้ างมาก ไม่ได้ถูกโรยผงหอม แต่วา่ ติดมาจากผูอ้ นื่
...
กลิ่นหอมสะกดรอยโรยไปบนชุดของคนชุดดา มีเพียงสัมผัสกับชุดดา
ของคนชุดดาเท่านัน้ ถึงจะแพร่กระจายได้ หากโจวหยวนไม่รูต้ วั ตนที่แท้จริง
ของบ่าวรับใช้ เช่นนัน้ ตอนที่เขาพบบ่าวรับใช้ บ่าวรับใช้ผนู้ นั้ ก็ควรจะสวม
เสือ้ ตัวนอก หากเป็ นเช่นนีโ้ จวหยวนก็ไม่มีทางสัมผัสชุดสีดาของบ่าวรับ
ใช้ได้...
แต่ความจริงกลับกลายเป็ นว่าตัวเขามีกลิ่นหอมสะกดรอยที่มีเฉพาะบน
ชุดดาของบ่าวรับใช้ นั่นก็เพียงพอที่จะบอกได้แล้วว่าเขาเคยสัมผัสบ่าวรับ
ใช้ท่สี วมชุดดา นั่นก็เท่ากับว่าเขารูต้ วั ตนของบ่าวรับใช้ และยังเคยพบและ
สัมผัสบ่าวรับใช้หลังจากบ่าวรับใช้กลับมาจากการบุกปล้นลานประหาร...
โจวหยวนสายตาเคร่งเครียด “ข้า...ข้า...”
“ทหาร ตรวจสอบจวนตระกูลโจวให้ละเอียด!”
มองตามพวกเขาเดินออกจากจวนจระกูลโจวไปแล้ว เย่เทียนฉีก็มีสีหน้า
เคร่งเครียด หลุบเปลือกตาลงต่าไม่พดู ไม่จาใดๆ
จิง้ จอกน้อยกระพริบตาปริบๆ เอ่ยขึน้ อย่างช้าๆ “โฮ่งๆ” อย่ามัวแต่เหม่อ
อยู่เลย จับตัวคนของกลุ่มเบญจพิษได้คนหนึ่งแล้ว พวกเราไปหาคนต่อไป
กันเถิด
เย่เทียนฉี “...เจ้าพบตัวคนชุดคาอีกคนหนึ่งแล้วหรือ?”
ตอนที่หวาไท่ซือได้สติหลังจากตื่นตระหนก บรรดาองครักษ์ก็พากันกรู
เข้าไปจับตัวหวาไท่ซือและคนชุดดาเอาไว้
ขุนนางในราชสานักสมคบกับพวกเบญจพิษแคว้นหนานจ้าว เย่เทียนฉี
ไมได้จดั การเป็ นการส่วนตัว แต่ทลู รายงานให้ฮ่องเต้ทรงทราบ
“คนของกลุม่ เบญจพิษตาหนักมืดแคว้นหนานจ้าวช่างมีความสามารถ
เสียจริง” พวกเขาไม่เพียงสามารถหลอกล่อคนหนุ่มที่เพิ่งเข้ารับราชการใน
ราชสานักไม่นานและตาแหน่งไม่สงู อย่างสวี่เทียนโย่วและโจวหยวนได้
เท่านัน้ แม้แต่สวี่จงและหวาไท่ซอื ที่รบั ราชการมานานหลายปี มีอานาจ
ทหารในมือ เป็ นขุนนางระดับสูงที่มีอานาจมากมายก็ถกู หลอกล่อไปด้วย
...
“คนของกลุม่ เบญจพิษสมคบกับขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยนได้มากมาย
เพียงนัน้ ไม่ใช่เรือ่ งที่จะสาเร็จได้ในวันเดียว”
ราชสานักของเขาไม่ตอ้ งการขุนนางที่ใจโลเลไปสมคบกับเศษสวะแคว้น
อื่นๆ
นอกวังหลวง แสงอาทิตย์สาดส่องราไร
จิง้ จอกน้อยเอ่ยอย่างภาคภูมิ
หวาไท่ซือกระทาความผิดใหญ่หลวงถูกขังอยู่ในห้องขังส่วนที่ลกึ ที่สดุ
มูห่ รงเสวี่และมูห่ รงเย่เดินตามทางอับชืน้ มืดมิดที่ทอดยาวไปยังห้องขังนัน้
ตอนที่ 1923 หักมุม (1)
ที่แท้ก็เป็ นเช่นนี ้
ปกตินางถูกหวาไท่ซือเรียกใช้อย่างอเนจอนาถ คาดว่าคงเพราะไร้
ความสามารถ เลยไม่กล้าขัดแย้งหวาไท่ซือ...
แต่วา่ หวาไท่ซือถูกจับ อิงหลันได้รบั อิสระ เหตุใดถึงไม่รบี หนีไปให้ไกล
หนีออกจากกรงเล็บของหวาไท่ซือไปเสีย มาทาอะไรที่คกุ หลวงกรมอาญา
นี่?
เหล่าองครักษ์ “...”
------
อิงหลันพูดไปก็มองหน้าหวาไท่ซือไป พบว่าหวาไท่ซือหน้าตาถมึงทึง
จ้องนางด้วยสายตาวาวโรจน์ เพลิงโทสะลุกโชนอยู่ในดวงตา ราวกับว่า
ต้องการให้นางตายทัง้ เป็ น นางอดไม่ได้ท่จี ะเลิกคิว้ “เหตุใดเล่า ไม่ยอมรับ
ความจริงหรือ? ไม่ยอมรับความจริงก็ทาอะไรไม่ได้” ใครใช้ให้ตอนนีท้ า่ น
เป็ นนักโทษต้องคุกเล่า? หวาไท่ซือกระทาความผิดร้ายแรงจนถูกขังคุก ไม่รู ้
ว่าจะถูกตัดสินโทษวันไหน ยังทาตัวสูงส่งเหมือนสมัยก่อน คิดจะตบตีนางก็
ตบตี คิดจะดุด่าก็ดดุ ่าหรือ?
ได้ฟังวาจาสบประมาทโดยไม่ปิดบังของนางแล้ว สีหน้าของหวาไท่ซอื ก็
ทวีความไม่สบอารมณ์เข้าไปอีก มองอิงหลันด้วยสายตาเย็นยะเยือกราว
กับต้องการฉีกทึง้ นางให้ตายเป็ นพันๆ หมื่นๆ ชิน้
มือเรียวยาวของอิงหลันซุกเข้าไปในแขนเสือ้ หยิบกริชออกมาเล่มหนึ่ง
ตัวกริชหลอมจากเหล็กกล้า รูปทรงธรรมดาทั่วไป เป็ นแบบเดียวกับมีดเล่ม
ใหญ่ท่วี างขายในร้านอาวุธของมีคม แต่ความเงาบนตัวกริชก็แสดงให้เห็น
ว่านี่เป็ นกริชที่มีความคมอย่างยิ่ง
หวนนึกถึงเวลาที่หวาไท่ซือทรมานนางแล้ว แววตาอิงหลันก็เย็นชา
สะบัดกริชแทงใส่หวาไท่ซือ...
ตอนที่ 1925 หักมุม (3)
แววตาของหวาไท่ซือฉายความตื่นตระหนก เบี่ยงกายหลบการโจมตี
ของอิงหลันอย่างรวดเร็ว กริชคมเฉี่ยวข้างแก้มเขา เกี่ยวปอยผมเขาไป
หลายสิบเส้น ปลิวว่อนลงบนพืน้
การกระทาโหดเ**้้ยมนัน้ ทาเอาหวาไท่ซือตื่นตระหนกเบิกตากว้าง
มองหน้าอิงหลันแล้วเอ่ยว่า “เจ้าจะสังหารข้าจริงๆ หรือ?”
กริชคมที่แฝงไอสังหารรุนแรง ขอเพียงแทงโดนเป้าหมายหากไม่ตายก็
บาดเจ็บสาหัสเอาการ หวาไท่ซือหลบหลีกมือเท้าเป็ นประวิง หลบไปเอ่ยไป
ว่า “อิงหลัน เจ้าทาเช่นนีก้ ็เนรคุณเกินไปหรือไม่...” ตอนแรกที่อิงหลันอยู่ใน
ตลาดค้าทาสถูกผูด้ แู ลทารุณทุกวัน เนือ้ ตัวถลอกปอกเปิ ก บาดแผลเต็มไป
ทั่วทัง้ ร่าง เป็ นเขาที่มีเมตตาซือ้ ตัวนางมา ช่วยนางให้พน้ จากทะเลแห่งทุกข์
...
นางไม่ตอบแทนบุญคุณเขาก็แล้วไป แต่คิดไม่ถึงว่าจะคิดสังหารเขาได้
ก็ช่างเป็ นจิง้ จอกตาขาวเลีย้ งไม่เชื่องจริงๆ...
หวาไท่ซือ “...”
เหล่าองครักษ์ “...”
หวาไท่ซือหนอหวาไท่ซือ เขาฉลาดมากเกินจึงเสียรู ้
มูห่ รงเสวี่ยถอนหายใจ มองไปที่หอ้ งขังอีกครัง้ พบว่าอิงหลันถือกริชแทง
ใส่หวาไท่ซืออย่างแรง “คนแซ่หวา ท่านทาร้ายข้าสภาพอนาถถึงเพียงนัน้
ตอนนีข้ า้ จะมาทวงหนีเ้ หล่านัน้ คืน...”
หวาไท่ซือลาบากที่สดุ รีบร้อนหลบหลีก...
ส่วนอิงหลันขยับเท้ารวดเร็ว ก้าวเท้าขยับไปใกล้เรือ่ ยๆ
บีบจนหวาไท่ซือลนลาน หลบหลีกไปทั่ว...
ความเร็วของอิงหลันไม่ได้ลดน้อยถอยลงแต่อย่างใด กริชแหลมคมใน
มือแทงเข้าใส่หวาไท่ซืออย่างโหดเหีย้ ม...
เหล่าองครักษ์ “...”
ที่แท้อิงหลันก็ได้สญ
ั ญาขายตัวคืนมาเช่นนีเ้ อง ตนยังคิดว่าหวาไท่
ซือเมตตานางเลยคืนสัญญาขายตัวให้ตงั้ นานแล้วเสียอีก...
หวาไท่ซือหลบตาลีตาเหลือก...
อิงหลันไม่แตกตื่น ไล่ตามอย่างรวดเร็ว...
ตอนที่ 1927 หักมุม (5)
หวาไท่ซือถูกแทง...ตรงจุดสาคัญ...
ส่วนอิงหลันถอนกริชออกมา มองดูเลือดแดงฉานที่อาบย้อมกริชแล้ว
หัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆ ฮ่าๆ...ข้าแก้แค้นให้ตวั เองได้แล้ว...”
หวาไท่ซือผูน้ ่าสงสาร!
องครักษ์ “...”
มูห่ รงเสวี่ยส่ายหน้า อุม้ จิง้ จอกน้อยหันหลังเดินจากไป
ปรายตามองหวาไท่ซือที่เลือดนองกองกับพืน้ และอิงหลันที่ถือกริชและ
หัวเราะอย่างบ้าคลั่งในห้องขังแล้วมูห่ รงเย่ได้แต่สา่ ยหน้า สั่งการองครักษ์
สองนายว่า “เจ้าไปในห้องขังเอาตัวอิงหลันอออกไป...” ป้องกันไม่ให้อิงห
ลันแทงหวาไท่ซือจนตาย แล้วพวกเขาหมดโอกาสสอบปากคาเขา...
นอกคุกหลวง แสงอาทิตย์เจิดจ้า
คลับคล้ายคลับคลาว่าจวนของพระสหายเจี่ยงผูน้ อี ้ ยู่ทิศตะวันออกเฉียง
ใต้ของวังเซียวเหยาอ๋อง ทุกครัง้ ที่เขาไปทางานที่สานักฮั่นหลินก็จะผ่านวัง
เซียวเหยาอ๋อง จิง้ จอกน้อยย่อมเห็นเขาขี่มา้ ผ่านนอกจวนเป็ นธรรมดา แต่
ว่า เหตุใดพระสหายเจี่ยงถึงถูกบรรดาเจ้าหน้าที่คมุ ตัวมาที่น่ีเล่า?
“เพราะว่านอกจากกลิ่นหอมสะกดรอยแล้ว เรายังค้นเจอพยานและวัตถุ
หลักฐานที่จวนหวาไท่ซือ จวนตระกูลโจวและจวนผูด้ แู ลขุนนางฝ่ ายใน” คน
ชุดดาที่สมคบกับหวาไท่ซือและโจวหยวน รวมถึงจดหมายที่หวาไท่ซือ
และโจวหยวนติดต่อกับคนของกลุม่ เบญจพิษ พวกเขาล้วนตรวจเจอทัง้ สิน้
ดังนัน้ พวกเขาถึงได้จบั กุมตัวหวาไท่ซือ โจวหยวนและผูด้ แู ลขุนนางฝ่ ายใน
...
“การที่จิง้ หวางเหยียจับกุมตัวพระสหายเจี่ยงก็ควรทาเหมือนพวกเรา
หาพยานวัตถุหลักฐานว่าพระสหายเจี่ยงสมคบกับคนของกลุม่ เบญจพิษ
...” อาศัยแค่กลิ่นหอมสะกดรอย ไม่อาจลงโทษผูอ้ ่ืนได้
...
บนตัวของสวี่จงไม่มีสญ
ั ลักษณ์กลุม่ เบญจพิษ บนตัวสวี่เทียนโย่วไม่มี
สัญลักษณ์กลุม่ เบญจพิษ บนตัวหวาไท่ซือเองก็ไม่มีสญ ั ลักษณ์ของกลุม่
เบญจพิษเช่นกัน ดังนัน้ ภายใต้สถานการณ์ท่ไี ม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน
นางก็ไม่มีทางรูว้ า่ ขุนนางกลุม่ ใดบ้างที่สมคบหรือไม่ได้สมคบกับกลุม่
เบญจพิษ...
“อืม” เย่เทียนฉีพยักหน้ารับ
แม้วา่ บนแขนของพระสหายเจี่ยงจะมีสญ
ั ลักษณ์ท่มี เี ฉพาะคนของกลุม่
เบญจพิษ แต่นางรูส้ กึ ว่าเรือ่ งราวมันไม่ถกู ต้อง...
สายตามองตามพระสหายเจี่ยงที่เดินไปไกลๆ พลันเหลือบไปเห็นเงาร่าง
องอาจที่เดินนาหน้าพระสหายเจี่ยงแล้วก็อดไม่ได้ท่ีจะขมวดคิว้ เอ่ยถามด้วย
ความสงสัย "เหตุใดเย่อีเ้ ฉินถึงมาร่วมจับตัวคนของกลุม่ เบญจพิษเล่า?" เรือ่ ง
นี ้ ฮ่องเต้ทรงมอบให้ฉีหวางเหยียจัดการไม่ใช่หรือ?
เช่นนีน้ ่ีเอง
“ตกลง” เย่เทียนฉีตอบตกลงโดยไม่ลงั เล
มูห่ รงเสวี่ยกลับไปพักผ่อนที่วงั เซียวเหยาอ๋อง แต่ผมู้ ีอานาจในเมืองหลวง
มากมายล้วนไม่ได้พกั ผ่อน เจ้าหน้าที่และองครักษ์ทกุ กองตรวจสอบทัง้ ในที่
ลับและที่แจ้ง เปิ ดโปงขุนนางที่เป็ นกลุม่ เบญจพิษคนแล้วคนเล่า...
มหาขันที “...”
ไม่น่าจะเป็ นไปได้เท่าไร...
สัญลักษณ์กลุม่ เบญจพิษมาปรากฏอยู่บนแขนของตัวเองได้อย่างไรก็ไม่รู ้
ไม่วา่ จะคิดอย่างไรก็ไม่น่าจะเป็ นไปได้เท่าไร...
“มันก็แน่อยู่แล้ว” ลอบติดต่อคบหากับกลุม่ เบญจพิษแคว้นหนานจ้าวและ
ถูกพวกเขาจับได้ ก็ตอ้ งเอ่ยว่าสัญลักษณ์บนตัวตนเองปรากฏขึน้ เองโดยไม่
ทราบสาเหตุ ตนเองไม่รูเ้ รือ่ งราว...
เหตุใดถึงเป็ นเช่นนี?้
เสียงร้องทักด้วยความตกใจของมูห่ รงเสวี่ยทาเอาหยวนฟางเฟยตัวแข็ง
ทื่อ ค่อยๆ หันหน้ามาหานางแล้วยิม้ กระอักกระอ่วน “มู.่ ..มูห่ รงเสวี่ย”
จิง้ จอกน้อยมองไปยังทิศทางที่หยวนฟางเฟยลอบเข้ามา
หยวนฟางเฟยนิ่งไป “...”
จริงหรือ?
หนึ่งคนหนึ่งจิง้ จอกมองหยวนฟางเฟยด้วยสายตาตกใจ
...
ดูเหมือนว่านางจะดูแย่เช่นนัน้ จริงๆ!
“...ท่าน...ท่านขอของแทนคาขอบคุณจากข้าหรือ?” หยวนฟางเฟยแวว
ตางงงวย
“ใช่” มูห่ ลิวเฟิ งยอมรับหน้าชื่นตาบาน หยวนฟางเฟยก่อเรือ่ งน่าอายไป
แอบดูบรุ ุษ เขาช่วยนางให้พน้ จากการไล่ลา่ ช่วยให้นางหนีรอดไม่ตอ้ งอับอาย
ขายหน้า นี่ก็ถือเป็ นการช่วยเหลือครัง้ ใหญ่ นางมอบของแทนคาขอบคุณเขา
ก็เหมาะสมแล้ว...
“ข้าพอใจ...”
“เหอะๆ...”
“จริงหรือ?”
“จริงหรือ?”
โทษที่เขาสายตาไม่ดี มองไม่ออก
...
“ชีจ่ือฮุยให้พวกข้าตรวจสอบเสียหน่อยก็จะรูว้ า่ เข้าใจผิดหรือไม่”
เจ้าหน้าที่เอ่ยเบาๆ เดินเข้าไปจับแขนซ้ายของชีจ่อื ฮุยไว้ ออกแรงกระชาก
แขนเสือ้ ของเขา พริบตาเดียวแขนซ้ายของบุรุษหนุม่ ก็เผยออกมาให้เห็น บน
แขนซ้ายนั่นมีสญ
ั ลักษณ์รูปแมงป่ องสีดาเสมือนจริง ทาให้ผคู้ นพากัน
แตกตื่น
จริงหรือ?
บริเวณโดยรอบตกอยู่ในความเงียบสงัด
“ส่วนบรรดาขุนนางที่มีสญ
ั ลักษณ์กลุม่ เบญจพิษบนแขนที่ฮอ่ งเต้ทรงมี
บัญชาให้จบั กุมตัวนัน้ บ้างก็เป็ นขุนนางขัน้ หก บ้างก็เป็ นขุนนางขัน้ ห้า บ้างก็
เป็ นขุนนางขัน้ สี่...สามารถแสดงความโดดเด่นออกมาท่ามกลางบัณฑิตนับ
พันนับหมื่นของแคว้นชิงเหยี่ยนจนกลายแป็ นขุนนาง และยังแสดงความโดด
เด่นออกมาท่ามกลางขุนนางนับพันจนได้เป็ นขุนนางขัน้ หก ขุนนางขัน้ ห้า ขุน
นางขัน้ สี่ได้ ก็เห็นได้วา่ ขุนนางเหล่านัน้ ล้วนเป็ นผูม้ คี วามเป็ นเลิศ พวกเขาที่
เป็ นเลิศเพียงนัน้ จะไปเป็ นพวกปลายแถวที่สดุ แสนจะธรรมดาในกลุม่ เบญจ
พิษแคว้นหนานจ้าวได้อย่างไร?”
ใช้สญ
ั ลักษณ์กลุม่ เบญจพิษอย่างเดียวก็สามารถจัดการขุนนางได้
มากมายเช่นนัน้ คนผูน้ นั้ ช่างฉลาดปราดเปรือ่ งและเจ้าเล่หน์ กั ...
...
แล้วไหนเล่าหลักฐาน?
หากไปบอกฮ่องเต้วา่ เหล่าขุนนางถูกหมายหัวถึงได้มีสญ
ั ลักษณ์กลุม่
เบญจพิษปรากฏที่ทอ่ นแขน...
แล้วไหนเล่าหลักฐาน?
“กลิ่นดินโคลน?”
“ก็ยงั ไม่ใช่!”
“กลิ่นก้อนหิน?”
“ยิ่งไม่ใช่...”
“แล้วมันกลิ่นอะไร?” หยวนฟางเฟยเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ นอกจากกลิ่น
พวกนีแ้ ล้ว นางก็ไม่ได้กลิ่นอะไรอีก “มูห่ ลิวเฟิ ง ท่านได้กลิ่นหรือไม่?”
หยวนฟางเฟย “...”
แล้วกลิ่นยานั่นมาจากที่ใดกัน?
หยวนฟางเฟย “...”
จริงหรือ?
“หากข้าเดาไม่ผิด กลิ่นยาบนตัวฟางเฟยน่าจะติดมาจากจวนคุณชายชี”
มูห่ รงเสวี่ยโพล่งขึน้ มา ทาลายบรรยากาศกระอักกระอ่วน
หยวนฟางเฟย “...จริงหรือ?”
มูห่ ลิวเฟิ ง “...เหตุใดเจ้าถึงเอ่ยเช่นนี?้ ”
เช่นนีน้ ่ีเอง!
“แล้วมันกลิ่นยาอะไรเล่า?” หยวนฟางเฟยเอ่ยถามอย่างไม่สนใจไยดี
“เดาว่า...เป็ นยาที่ทาให้เกิดสัญลักษณ์กลุม่ เบญจพิษบนแขนคุณชายชี
...” มูห่ รงเสวี่ยเอ่ยเสียงดัง
หยวนฟางเฟย “...”
“จริงแน่นอน”
หยวนฟางเฟย “...”
มิน่าเล่าที่แขนของพวกเขาถึงได้มีสญ
ั ลักษณ์รูปแมงป่ องปรากฏขึน้ มา
โดยที่พวกเขาไม่รูต้ วั เลยสักนิด...
ที่แท้ก็มีคนวางยาในอาหารและเครือ่ งดื่มที่พวกเขาดื่มกินเข้าไปนั่นเอง
ทาให้พวกเขาตกหลุมพรางโดยไม่รูต้ วั ...
หยวนฟางเฟยไม่เข้าใจ “เจ้าจะเข้าวังไปด้วยเหตุใด?”
“ก็นาความกราบทูลฮ่องเต้อย่างไรเล่า” มูห่ ลิวเฟิ งเอามือทัง้ สอง
ประสานกันแล้วยกขึน้ ในระดับหน้าอกคานับ
วาจามีเหตุผล!
วังเซียวเหยาอ๋องไม่มีก็แล้วไป...
“ที่จวนตระกูลมูม่ ีหรือไม่?”
...
ทว่าหยวนฟางเฟยกลับมีทา่ ทีผิดหวังอยู่บา้ ง
...
หยวนฟางเฟยขมวดคิว้ อย่างกลัดกลุม้
หยวนฟางเฟย “...”
นั่นสินะ ร้านยาและโรงหมอเองก็คงไม่เตรียมสารองยาสมุนไพรส่งเดช
ยาสมุนไพรที่แทบไม่ได้ใช้สอยพวกเขาก็ไม่จาเป็ นต้องเตรียมสารองไว้ แต่วา่
“แบบนีแ้ ล้วพวกเราจะทาอย่างไรดี...” ไม่มียาสมุนไพรเหล่านี ้ พวกนางก็ไม่
มีทางปรุงยาที่ทาให้ปรากฏสัญลักษณ์รูปแมงป่ องบนร่างกายได้ ปรุงยา
ไม่ได้ก็ไม่อาจนาขึน้ ทูลถวายต่อหน้าพระพักตร์ได้ ไม่สามารถล้างมลทิน
ให้กบั เหล่าขุนนางที่ถกู ใส่รา้ ยได้...
“วางใจเถอะ เรือ่ งราวไม่ได้เศร้าเพียงนัน้ ” มูห่ รงเสวี่ยประกายตานิ่งขรึม
“พวกเราหายาสมุนไพรพวกนีจ้ ากร้านยาและโรงหมอไม่ได้ แต่ตอ้ งมีอยู่ใน
เมืองหลวงแคว้นชิงเหยี่ยนอย่างแน่นอน...”
นายาสาเร็จรูปมาจากแคว้นหนานจ้าวอย่างนัน้ หรือ?
วาจามีเหตุผล!
หยวนฟางเฟย “ขอบเขตกว้างทีเดียว...”
เกษตรกรแคว้นชิงเหยี่ยนคงไม่มีสมุนไพรพวกนี ้
หยวนฟางเฟย “...”
“เหตุใดถึงมั่นใจเช่นนี?้ ” หยวนฟางเฟยสอบถาม
“เพราะว่านอกจากอูตงจะเป็ นสมุนไพรที่สามารถทาให้เกิดสัญลักษณ์รูป
แมงป่ องปรากฏบนท่อนแขนผูค้ นแล้ว ก็ทาได้เพียงแช่เฉินผีจือปรุงเป็ น
อาหารเครือ่ งยาจีนช่วยเรือ่ งอายุยืนยาว...” มูห่ รงเสวี่ยเอ่ยท่าทางสบายๆ
วาจามีเหตุผล!
หยวนฟางเฟยพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ดูเหมือนว่าภารกิจด่วนของพวกเรา
คือการหาสถานที่ปรุงอาหารเครือ่ งยาจีนสินะ”
นางเองก็ไม่รูจ้ ริงๆ...
แต่วา่ “ข้าสามารถส่งคนไปสืบดูได้...”
คนของทางการส่งสายตามองอย่างหมิ่นๆ “สัญลักษณ์รูปเบญจพิษอยู่
บนแขนทนโท่ ยังเป็ นไปไม่ได้หรือ?”
หยวนฟางเฟยพูดไม่ออก “...”
...
“จริงหรือ?” คนของทางการเอ่ยถามอย่างไม่ใคร่ใส่ใจ
“ก็จริงน่ะสิ...” หยวนฟางเฟยเอ่ยตอบอย่างไม่สบอารมณ์
ตอนที่ 1947 หยวนฟางเฟยถูกจับ (1)
“หึๆ...” คนของทางการมองนางด้วยหางตาเต็มไปด้วยความดูแคลน
“เชื่อเจ้า...สิแปลก!”
คนของทางการตกใจจนหน้าถอดสีไปชั่วขณะ กระเด้งตัวขยับออกไป
หนึ่งเมตรกว่า มองนางอย่างระแวดระวัง “เจ้าจะทาอะไร? จะทาอะไร? จะ
ทาร้ายคนของทางการหรือ?” คนของทางการร้องเสียงหลง
คนของทางการคนอื่นถูกเสียงร้องแตกตื่นพากันมองมาทางนี ้
เมื่อสายตาของเพื่อนร่วมงานกว่ายี่สิบสามสิบนายมองมาที่ตนเอง ความ
หวาดกลัวในใจของคนของทางการผูน้ นั้ ก็สลายหายไปอย่างรวดเร็ว รูส้ กึ มี
ความมั่นใจ เดินขึน้ หน้าไปหนึง่ ก้าวเอ่ยสั่งสอนหยวนฟางเฟยอย่างหยิ่ง
ผยอง “เจ้าเบิกตาดูให้ดี พวกเราไม่ใช่คนทั่วไปแต่เป็ นคนของทางการ คน
ของทางการซึง่ ได้รบั บัญชาจากฝ่ าบาทให้มาจับกุมคุมตัวนักโทษเหล่านี ้ คิด
ไม่ถึงว่าเจ้าจะกล้าทาร้ายพวกเรา นี่ก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือ...”
“เพราะเหตุใด?” หยวนฟางเฟยเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
หยวนฟางเฟย “...”
ในดวงตาของหยวนฟางเฟยฉายประกายตาหนักแน่น หลังจากร่าลาแม่
ทัพหยวนอีกไม่ก่ีคาก็หนั หลังกลับมาจูงมู่หรงเสวี่ยเดินจากไปโดยเร็ว
หลังจากคนของทางการรอดพ้นจากความตายมาได้ก็ถอนหายใจเฮือก
ใหญ่ มองดูหยวนฟางเฟยที่จากไปอย่างอดทนรอไม่ไหว แววตานิ่งขรึม
ความใจกล้าผุดขึน้ มาในสมองว่า ตะโกนร้องเสียงดัง “ช้าก่อน!”
“หากใช่แล้วจะทาไม?”
ตอนที่ 1948 หยวนฟางเฟยถูกจับ (2)
หยวนฟางเฟยเอ่ยตอบอย่างไม่สบอารมณ์
“หากข้าไม่อยากตามเจ้าไปเข้าคุกเล่า?” หยวนฟางเฟยเอ่ยเสียงแข็ง
“จับตัวนาง...”
“จับตัวนาง...”
บรรดาคนของทางการตวาดเสียงดัง พากันจ้วงกระบี่แทงเข้ามา
หยวนฟางเฟยไม่ได้หลบหนีแต่อย่างใด ชักกระบี่ของตนเองออกมาตัง้ รับ
บรรดาคนของทางการทั่วทุกทิศ ต่อสูก้ บั บรรดาคนของทางการ
เสียงต่อสูด้ เุ ดือดดังบาดแก้วหู...
ในสนามรบ หยวนฟางเฟยมือเท้าประสานอัดบรรดาคนของทางการที่กรู
เข้ามาบินถลาออกไปคนแล้วคนเล่า...
เกือบลืมไปเลยว่านับจากเกิดเหตุการณ์ขนุ นางแคว้นชิงเหยี่ยนสมคบกับ
คนของกลุม่ เบญจพิษฮ่องเต้ก็ทรงเสริมกาลังเฝ้าระวังเมืองหลวง ไม่วา่ จะ
เป็ นกลางวันหรือกลางคืนก็จะมีองครักษ์ออกลาดตระเวนปฏิบตั ิหน้าที่อยู่
ในเมืองหลวง
หยวนฟางเฟยเร่งตวัดกระบี่ไปต้านรับ ไม่คิดว่าจะไม่สามารถต้าน
รับสายลมแรงหลายสายนัน้ ได้ ได้ยินเพียงเสียงดัง ‘ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ’ ดังขึน้ เป็ น
ระลอก สายลมแรงกรีดแขน กรีดขา กรีดข้อมือของนางอย่างแรง...เลือดสี
แดงฉานสาดกระเซ็น หยวนฟางเฟยส่งเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
ชะงักไปครูห่ นึ่ง กระบี่ในมือร่วงหล่นพืน้ คุกเข่ากระแทกพืน้ เสียงดังปั ก...
เหตุการณ์เกิดขึน้ ด้วยความเร็วราวสายฟ้าฟาด เมื่อมูห่ รงเสวี่ยได้สติ
เรือ่ งราวก็เกิดขึน้ แล้ว มองดูหยวนฟางเฟยที่บาดเจ็บหนักก็ส่งเสียงร้องด้วย
ความตระหนก “ฟางเฟย...”
หยวนฟางเฟยถูกเตะเซล้มลงไปกองกับพืน้ ถลึงตามองคนของทางการผู้
นัน้ ด้วยความโมโหเอ่ยว่า “เร่งอะไรนักหนา? ข้าบาดเจ็บหนักลุกไม่ไหว...”
ตอนที่ 1950 หยวนฟางเฟยถูกจับ (4)
คนของทางการ “...”
ที่พดู มาก็มีเหตุผล!
ดวงตาคูส่ วยของคนของทางการฉายประกายยินดีบนความเดือดร้อน
ของผูอ้ ่ืนอย่างงปิ ดไม่มิด เอ่ยกับคนของทางการสองนายที่อยู่ไม่ไกลว่า
“พวกเจ้าสองคนมาคุมตัวนางไปคุกหลวง” สตรีตรงหน้าบาดเจ็บสาหัสขยับ
ไม่ได้ พวกเขาทาได้เพียง ‘ลงมือด้วยตัวเอง’ คุมตัวนางไปคุกหลวงแล้ว...
หยวนฟางเฟยลอบมองไปที่ย่ามสีขาวในมือมูห่ รงเสวี่ย
มูห่ รงเสวี่ยได้สติขนึ ้ ในฉับพลัน แม้วา่ ฟางเฟยที่ได้รบั บาดเจ็บหนักจะถูก
จับ แต่วา่ ไม่มีอนั ตรายถึงแก่ชีวิตในระยะเวลาอันสัน้ นี ้ ดังนัน้ ภารกิจด่วนของ
นางในตอนนีไ้ ม่ใช่การบุกไปช่วยหยวนฟางเฟย แต่เป็ นการกลับวังเซียว
เหยาอ๋องเพื่อปรุงยาที่ทาให้ปรากฏสัญลักษณ์รูปแมงป่ อง จากนัน้ นาขึน้ ทูล
ถวายฮ่องเต้...
...
หยวนฟางเฟย “...”
“เจ้ากล้ามาจับข้า ข้าก็กล้าร้องเรียนเจ้า”
ตอนที่ 1951 หยวนฟางเฟยถูกจับ (5)
หยวนฟางเฟย “...”
เหตุผลนีช้ ่างเฉียบขาดนัก!
บรรดาเจ้าหน้าที่พากันเคลื่อนไหว คุมตัวบรรดานักโทษเดินตรงไป
หยวนฟางเฟยที่รา่ งกายได้รบั บาดเจ็บสาหัสไม่สามารถเดินได้ ก็มี
เจ้าหน้าที่สองนายหิว้ ปี กลากนางเดินไปทาให้เดินช้าอยู่บา้ ง
หัวหน้าเจ้าหน้าที่ “...”
แล้วจะไปขอโทษเขาทาไมกัน?
“จริงอยู่แล้ว” หัวหน้าเจ้าหน้าที่พยักหน้ารับ
“เช่นนีห้ รือ...” มูห่ ลิวเฟิ งเอ่ยเสียงยาน ยกเท้าเตะหัวหน้าเจ้าหน้าที่อย่าง
รุนแรงและรวดเร็ว ทาเอาเจ้าหน้าที่ผนู้ นั้ ถลาออกไปสามสี่เมตรก่อนจะ
กระแทกลงพืน้ อย่างแรงดังตุบ กระอักเลือดคาโต...
เรียนรูแ้ ละเอามาประยุกต์ใช้ได้เลย...สุดยอด...สุดยอด
ตอนที่ 1952 เหตุการณ์อันตืน่ ตระหนก (1)
หัวหน้าเจ้าหน้าที่สีหน้าแดงก่า ทว่ากลับคิดหาเหตุผลมาโต้แย้งไม่ได้
หลังจากคิดสะระตะประเมินข้อได้เปรียบเสียเปรียบแล้วก็แค่นเสียงเฮอะ
ในลาคอ ไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงกับมูห่ ลิวเฟิ งอีกต่อไป ยื่นมือเรียกเจ้าหน้าที่ผู้
หนึ่งมาช่วยพยุงตัวเขาขึน้ มา ประคองเขาเดินโซเซไปทางคุกหลวงกรม
อาญา
เพื่อป้องกันเขาบุกไปปล้นชิงลานประหาร นางเตรียมการไว้ท่ลี าน
ประหารไม่นอ้ ย ไม่คิดว่าหัวหน้ากลุ่มแมงป่ องผูน้ ีจ้ ะไม่ปรากฏตัว...
ใต้เท้าเซียทาเสียงขึน้ จมูก
ใต้เท้าเซียได้ยินนางวิเคราะห์ก็มองนางด้วยสายตาแปลกประหลาด
“เจ้าเฉลียวฉลาดทีเดียว”
“มิสใู้ ต้เท้าเซียหรอก...”
“เลิกพูดไร้สาระแล้วส่งถุงย่ามสีขาวออกมา!” ใต้เท้าเซียตวาดตัดบทมู่
หรงเสวี่ย มองหน้านางนิ่งๆ
ลูกบอลกล เคล็ดลับความถนัดของใต้เท้าเซีย!
“เพราะว่าหลังจากที่ได้ประมือกับลูกบอลกลของใต้เท้าเซีย ข้าก็ศกึ ษา
หาจุดอ่อนของลูกบอลกลโดยเฉพาะ...” ลูกบอลกลเป็ นอาวุธร้ายแรงแต่ก็มี
จุดอ่อน แม้วา่ จุดอ่อนนัน้ จะเล็กมากๆ แต่วา่ แค่เพียงค้นพบและฟั นตรงจุด
ลูกบอลกลก็กลายเป็ นเศษซาก...
กระบี่ยาวของใต้เท้าเซียกวัดแกว่งกระบวนท่าโหดเ**้้ยม ส่วนกระบี่
ยาวของมูห่ รงเสวี่ยราวสายรุง้ ไม่ปรานี แสงสีเงินตัดผ่านกันกลางอากาศ
หลายสาย ผูค้ นพากันมองดูดว้ ยตาพร่ามัว
คนชุดดาถูกสังหารเหลือน้อยลงไปเรือ่ ยๆ ศพของคนชุดดากองอยูบ่ น
พืน้ เลือดสีแดงฉานไหลทะลักออกมาจากบาดแผลผ่านรอยแยกของแผ่น
หินไหลรินลงสูท่ ่ตี ่า...
กลิ่นคาวเลือดคละคลุง้ ไปในอากาศ...
สีหน้าของใต้เท้าเซียไม่สดู้ ีเข้าไปใหญ่ ถลึงตามองมูห่ รงเสวี่ย กลับ
พบว่ามูห่ รงเสวี่ยที่อยู่ในวงต่อสูส้ มั ผัสการจับจ้องของเขาได้อย่างรวดเร็ว
หันกลับมาส่งยิม้ ให้เขาอย่างอ่อนโยนจากนัน้ ก็ตวัดกระบี่แทงเข้ามา...
ตอนที่ 1955 เหตุการณ์อันตืน่ ตระหนก (4)
ใต้เท้าเซียสีหน้าถมึงทึง เพิ่มความเร็วและแรงในการตวัดกระบี่
ใต้เท้าเซียถูกทาร้ายจนถอยร่นไปเรือ่ ยๆ สีหน้าก็ย่ิงพาลไม่สดู้ ี
นี่มนั เสียงของทหารลาดตระเวน...
...
บรรดาทหารลาดตระเวนมองนางนิ่งๆ “การทางานของทหาร
ลาดตระเวนอย่างพวกเรา ถึงคราวให้เจ้ามาสั่งการหรือ!”
“การทางานของทหารลาดตระเวน ย่อมต้องมีเหตุผลของเราเอง”
หัวหน้านายทหารลาดตระเวนเอ่ยเสียงแข็ง
“อย่างนัน้ หรือ?” มูห่ รงเสวี่ยยิม้ เย็น “เหตุผลของพวกเจ้าคือไม่แยกแยะ
ว่าอะไรถูกอะไรผิด แค่เป็ นผูท้ ่อี ยู่ในเหตุการณ์ก็จบั ตัว ไม่สนว่าเขาจะเป็ น
เจ้าทุกข์...” ทหารลาดตระเวนไม่แยกแยะถูกผิดเช่นนีต้ งั้ แต่เมื่อไรกัน...
เจ้าว่าทหารลาดตระเวนจะแยกไม่ออกหรือว่าระหว่างนางกับมูห่ ลิวเฟิ ง
และใต้เท้าเซียกับคนชุดดา ใครดีใครร้าย ถึงได้ออกคาสั่งให้จบั ทัง้ หมด...
มิน่าเล่าหลังจากที่ใต้เท้าเซียและคนชุดดาเห็นทหารลาดตระเวนเหล่านี ้
แล้ว ถึงยังยืนนิ่งไม่มีทีทา่ ว่าจะหลบหนีเลยสักนิด ที่แท้ทหารลาดตระเวน
เหล่านีก้ ็เป็ นพวกเดียวกับพวกเขานี่เอง...
คิดไม่ถึงว่าการเคลื่อนไหวนีจ้ ะดึงดูดทหารลาดตระเวนมากมายเพียงนี ้
“ทหารลาดตระเวนนัน้ เป็ นคนของกลุม่ เบญจพิษหรือทหารลาดตระเวนของ
แคว้นชิงเหยี่ยนหรือ?”
“เหตุใดเจ้าจึงกล่าวเช่นนี.้ ..”
...
ทหารลาดตระเวนที่มีตามองไม่มีวนั เชื่อพวก...เจ้าหรอก...
“...ใต้เท้าเซีย...หนีไปแล้ว...”
เหมือนว่าจะ...ไม่มีทาง!
เหตุใดถึงมีทหารลาดตระเวนมากมายเพียงนี.้ ..
...
คนกลุม่ เบญจพิษที่น่าสงสาร!
มูห่ ลิวเฟิ งปรายตามองคนของกลุม่ เบญจพิษสองคนนัน้ ที่วางยาสาเร็จ
และเต็มไปด้วยอาการลิงโลดยินดี แววตาก็ฉายชัดถึงความสงสาร
ทหารลาดตระเวนที่เดินอยู่บนเส้นทางใกล้เคียงรวมถึงที่ยืนอยู่ท่วั
สารทิศพากันแตกตื่น ต่างพากันกรูมาทางนี ้ “เร็วเข้า เร็วเข้า...มีการ
เคลื่อนไหว...”
เผยธาตุแท้? เผยธาตุแท้อะไรกัน?
บรรดาทหารลาดตระเวนมองดูสญ
ั ลักษณ์รูปอสรพิษสีดาแล้ว สายตาก็
ฉายแววตื่นตระหนก “...นี่มนั เรือ่ งอะไรกัน?”
“...ถูกใครลอบทาร้ายกระมัง...”
ใช่ ถูกแล้ว คนของกลุม่ เบญจพิษสองคนนีก้ ็ถกู นางลอบทาร้ายเอง
นางเคยเห็นสัญลักษณ์รูปเบญจพิษบนร่างกายของคนกลุม่ เบญจพิษ
มาหลายครัง้ หลังจากศึกษาดูอย่างละเอียดก็พบว่าสัญลักษณ์ท่อี ยู่บน
ร่างกายของพวกเขาใช้สมุนไพรพิเศษชนิดหนึ่งสักลงไป หลังจากสักลงไป
แล้วสัญลักษณ์นนั้ ก็ไม่มีทางหายไป ฤทธิ์ของสมุนไพรนัน้ ย่อมต้อง
หลงเหลืออยู่ในร่างกายของพวกเขาอย่างแน่นอน...
“...ใครลงมือกันนะ...คิดไม่ถึงว่าจะลอบทาร้ายพวกเขาสองคนจนมี
สภาพเช่นนี.้ ..”
พวกเจ้าไม่ใช่ทหารลาดตระเวนแคว้นชิงเหยี่ยนที่มาจับตัวคนของกลุม่
เบญจพิษแต่เป็ นพวกเดียวกับคนของกลุม่ เบญจพิษสินะ...
นางคิดว่านางรูแ้ ล้วว่าบรรดาขุนนางใหญ่ของแคว้นชิงเหยี่ยนถูกคน
ของกลุม่ เบญจพิษใส่รา้ ยได้อย่างไร...
ตอนที่ 1961 ยึดแคว้น (4)
“ดังนัน้ ...”
เช่นนัน้ ก็ดี!
...
“ขอรับ...”
มูห่ รงเสวี่ยเอ่ยเสียงแข็งมองดูคนที่อยู่ตรงหน้าใต้เท้าเซียแล้วเอ่ยว่า
“คนผูน้ ีก้ ็คงเป็ นหัวหน้าใหญ่เทพเจ้ามังกรเห็นหัวไม่เห็นหางมาตลอดสินะ”
เมื่อครูน่ ีต้ อนที่นางยืนอยู่ดา้ นนอก ได้ยินบทสนทนาที่ใต้เท้าเซียเอ่ยกับ
บุรุษผูน้ ี ้ นา้ เสียงของใต้เท้าเซียแผ่วเบา มีความถ่อมตนและให้เกียรติ
นอกจากหัวหน้าใหญ่กลุม่ เบญจพิษแล้ว นางก็ยงั คิดไม่ออกว่าจะยังมีใคร
ที่หวั หน้ากลุม่ แมงป่ องผูแ้ สนเย่อหยิ่งทะนงจะปฏิบตั ิดว้ ยเช่นนี.้ ..
ตอนที่ 1964 นับถอยหลังตอนอวสาน (2)
บุรุษในชุดคลุมไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เพียงแต่มองหน้านางนิ่งๆ
กาลังภายในลา้ ลึก!
เอ๋...
ราวกับว่าเขาจะลงมือหนักไปหน่อย!
เช่นนีห้ รือ...
...
พลังจู่โจมขัน้ รวบรวมคมมีด!
จินหลายไฉเถ้าแก่จินเป็ นยอดฝี มอื ที่ไม่เปิ ดเผยตัวโดยแท้! มีไม่ก่ีคนใน
เมืองหลวงแคว้นชิงเหยี่ยนที่จะบรรลุถึงขัน้ นี ้ คิดไม่ถึงว่าเขาจะบรรลุ
ขอบเขตนีไ้ ด้
...
กระแทกเอียงอีกแล้ว ไม่ได้ชนกระแทกบุรุษในชุดคลุมกับหัวหน้ากลุม่
แมงป่ องจังๆ!
“แล้วหัวหน้ากลุม่ คางคกที่พวกเราจับตัว...”
เจียงซินสีหน้าเคร่งขรึม หลังจากมีข่าวแพร่ออกมาว่าบิดาของนาง
สมคบคิดกับคนของกลุม่ เบญจพิษ นางก็หมดอานาจในการดูแลจวน
ตระกูลถัง ตอนนีน้ างไม่มีอานาจตัดสินใจอะไรในจวนตระกูลถังแล้ว แต่วา่
“ต่อให้ขา้ ไม่มีอานาจตัดสินใจอะไรในตระกูลถัง แต่ขา้ ก็เป็ นฮูหยินเอกที่
ถังเยี่ยแต่งเข้ามาอยู่ดี...”
เจียงซินเอ่ยถามด้วยความไม่พอใจ “เจ้าหัวเราะอะไร?”
เจียงซินสีหน้าหม่นหมองไม่สดู้ ี สาวใช้และบรรดาแม่นมที่อยู่ตรงหน้านี ้
เชื่อฟั งคาสั่งของซ่งหรุย่ เอ๋อร์ ดูจากการที่ไล่นางออกจากห้องและโยนของ
นางทิง้ ก็เห็นได้ชดั ว่าไม่เห็นนางเป็ นเจ้านายของจวนตระกูลถังอีกต่อไป
แล้ว แต่วา่ “แล้วพวกท่านพ่อท่านแม่เล่า...”
“เพราะเหตุใดกัน?” สายตาคมปลาบราวธนูปลายแหลมเจียงซินยิงตรง
ไปที่ซง่ หรุย่ เอ๋อร์...
ตอนที่ 1971 นับถอยหลังตอนอวสาน (9)
เจียงซินหัวเราะเสียงหยัน
ซ่งหรุย่ เอ๋อร์ได้ฟังวาจาที่แฝงความกระทบกระทั่งแล้วก็มีอารมณ์โกรธ
ขึน้ มาทันที “หุบปาก!”
“เจ้า...”
เจียงซินเอ่ยออกมาจนถังเยี่ยสะอึก คิดจะปฏิเสธแต่ก็จนใจไม่รูว้ า่ จะ
ปฏิเสธที่ตรงไหน ระหว่างที่ขมวดคิว้ คิดหาเหตุผลที่เหมาะสมนัน้ เจียงซิน
ก็หนั ไปสั่งการสาวใช้คนสนิทและแม่นมที่นางพามาจากตระกูลเจียงว่า
“ไปเก็บสินเดิมให้เรียบร้อยเถอะ...” เก็บเสร็จแล้วก็จะได้กลับจวนตระกูล
เจียงทันที จวนตระกูลถังไม่ตอ้ งการให้นางอยู่ นางก็ไม่อยากอยู่ท่นี ่ี
เหมือนกัน
“ช้าก่อน!” บรรดาสาวใช้และแม่นมยังไม่ทนั ตอบรับ ซ่งหรุย่ เอ๋อร์ก็ชิง
เอ่ยว่า “เจียงซิน เจ้าไม่ใช่ลาจาก แต่ถกู หย่าร้าง ผูท้ ่ถี กู หย่าไม่มีคณ
ุ สมบัติ
นาสินเดิมกลับไป...”
เจียงซินทาราวกับว่าไม่ได้ยินสิ่งที่นางพูด ให้สาวใช้และแม่นมประคอง
เดินต่อไปเรือ่ ยๆ
“เจ้าบอกว่าไม่เกี่ยวกับเจ้าก็หมายความว่าไม่เกี่ยวกับเจ้าหรือ?” ซ่ง
หรุย่ เอ๋อร์ไม่เห็นด้วยกับคาพูดของนาง “หลายเดือนที่เจ้าแต่งเข้ามาใน
จวนตระกูลถัง เจ้ากระทาความผิดไปไม่รูต้ งั้ เท่าไร เพียงแต่พ่เี ยี่ยเห็นแก่
ความเป็ นสามีภรรยาเลยไม่ได้เขียนก็เท่านัน้ เอง...”
บรรดาสาวใช้และแม่นมจวนตระกูลถังสาวเท้าบีบเข้าไปใกล้พวกเจียง
ซิน กามือทัง้ สองข้างอยู่ในท่าเตรียมพร้อม...
ส่วนถังเยี่ยนัน้ ราวกับว่าไม่เห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้า ยังคงก้มหน้า
มองต่าไม่เอ่ยอะไรออกมาเช่นเคย...
เจียงซินหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน “เพื่อแย่งสินเดิมเจ้าสาวของข้า
แล้ว พวกเจ้าทาได้ทกุ วิถีทางไม่ได้ดว้ ยเล่หก์ ็เอาด้วยกล...”
บรรดาสาวใช้และแม่นมของจวนตระกูลถังมองหน้าสบตากัน ถาม
อย่างเย้ยเยาะว่า “ฮูหยินน้อย...คุณหนูเจียง นี่เป็ นคาสั่งของนายท่าน
โปรดอย่าทาให้พวกเราลาบากใจเลยเจ้าค่ะ...”
บรรดาสาวใช้และแม่นมจวนตระกูลถังมองหน้ากันอีกครัง้ ขาดความ
มั่นใจ พาหันถอยร่นไปข้างหลังโดยไม่รูต้ วั
บรรดาสาวใช้และแม่นมตระดูลเดิมของเจียงซินเห็นเช่นนีก้ ็มองหน้า
สบตากันแววตาเป็ นประกายทาตามเจียงซินทุกกระเบียดนิว้ รุดไปหักกิ่ง
ไม้หวดใส่บรรดาสาวใช้และแม่นมของจวนตระกูลถังอย่างแรง...
บรรดาสาวใช้และแม่นมของจวนตระกูลถังราวตื่นจากหลับฝัน พากัน
ไปยังต้นไม้ใหญ่ในลานนั่น ไม่คิดว่าพวกนางยังไปไม่ถึงต้นไม้ใหญ่ บรรดา
สาวใช้และแม่นมของจวนตระกูลถังก็ว่งิ เข้ามาสะบัดกิ่งไม้หวดพวกนาง
จนต้องล่าถอยกลับมา...
พวกไร้ประโยชน์ พวกไร้ประโยชน์...ช่างไร้ประโยชน์เสียจริง...
สิ่งที่ตอบถังเยี่ยมีเพียงเสียงหวดกิ่งไม้...
...
คาพูดของเขาหมายความว่าอย่างไร?
เอ่อ...
จะพูดเช่นไรดีเล่า?
ถังเยี่ยยืนอยู่ตรงกลางวงต่อสู้ ถูกบ่าวรับใช้ตระกูลเจียงและบรรดาบ่าว
รับใช้ตระกูลถังล้อมรอบเอาไว้แน่นหนา ปลีกตัวไปไหนไม่ได้ ยิ่งไม่ตอ้ งไป
พูดถึงการให้ไปทาเรือ่ งอื่นเลย บุรุษในชุดคลุมเห็นแล้วสีหน้าเคร่งขรึม ช่าง
เป็ นคนที่ไร้ประโยชน์เสียจริง!
คิดหนีหรือ ไมง่ายเพียงนัน้ !
คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะมาถึงคุกหลวงกรมอาญาเสียได้...
มุมปากมูห่ ลิวเฟิ งกระตุก ปรายตามองกองเลือดที่ยงั คงสดใหม่ตาม
ทางแล้วอดไม่ได้ท่จี ะเอ่ยว่า “พวกเขาได้รบั บาดเจ็บสาหัส...”
นักโทษในชุดต้องขัง สวมกุญแจมือและตรวนข้อเท้าถูกช่วยออกมา
จัดการให้อยู่ในสถานที่ปลอดภัยคนแล้วคนเล่า
ทว่าไม่มีเสียงตอบรับใดๆ กลับมา
ยังคงไม่มีเสียงตอบรับใดๆ กลับมาเช่นเคย...
ยังคงไม่มีเสียงตอบรับของหยวนฟางเฟยเช่นเคย แต่มีเสียงอ่อนระโหย
ร้องขอความช่วยเหลือดังขึน้ ท่ามกลางกลุม่ ควันว่า “ชะ...ช่วย...ช่วยด้วย
...”
...
หยวนฟางเฟยถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะปะปนเข้ามาอยู่ในคุกหลวงกรมอาญา!
ดูเหมือนว่าการวางเพลิงคุกหลวงกรมอาญาครัง้ นีจ้ ะเป็ นฝี มอื ของพวก
เขา...
บริเวณทางเดินควันอบอวล หยวนฟางเฟยสาลักจนไอค่อกแค่ก
ติดต่อกัน “แค่กๆๆ...ควันของเพลิงไหม้ครัง้ นีห้ นามาก...คงไม่ใช่ว่าข้าไม่
ตายเพราะถูกไฟไหม้ แต่สาลักควันตายหรอกนะ...แค่กๆๆ...”
ขุนนางและครอบครัวขุนนางตระกูลแล้วตระกูลเล่าถูกปล่อยออกมา
เอ่ยขอบคุณด้วยความซาบซึง้ ใจ และวิ่งออกไปด้านนอกคุกหลวงด้วย
ความยินดี...
โซ่เหล็กนีค้ ่อนข้างแข็งแรงทนทานนัก
แม่ทพั หยวนหรีต่ าลง ใช้กาลังภายในสุดกาลังซัดโซ่เหล็กอีกครัง้
“เพีย๊ ะๆๆ...”
โซ่เหล็กยังคงนิ่งไม่ไหวติง
...
คุกหลวงกรมอาญานีช้ ่างรอบคอบและน่าชิงชังเสียจริง...
เสียงร้องโอดครวญดังตามมา “...โอ๊ย...โอ๊ย...”
ไม่คิดว่าบรรดาบุรุษในชุดดาจะขยับตัว เงาร่างสูงใหญ่หายไปจากห้อง
ขัง ยังไม่ทนั ที่ขนุ นางวัยกลางคนและแม่ทพั หยวนจะตกใจ บรรดาบุรุษใน
ชุดคลุมที่หายไปก็มาปรากฏตัวอยูต่ รงหน้าพวกเขา ตวัดกระบี่ใส่พวกเขา
อีกครัง้ ...
ตอนที่ 1980 นับถอยหลังตอนอวสาน (18)
...
ภายในห้องขังอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือด...
บรรดาขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “จริงหรือ?”
“จริงแท้แน่นอน!” มูห่ รงเสวี่ยพยักหน้าหงึกหงัก คนของกลุม่ เบญจพิษ
ไม่อาจช่วงชิงอานาจของแคว้นหนานจ้าว จึงวิ่งมาที่แคว้นชิงเหยี่ยนช่วง
ชิงอานาจของแคว้นชิงเหยี่ยน ปรุงยาที่ทาให้ปรากฏสัญลักษณ์รูปแมง
ป่ อง ปรักปราขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยนจานวนมากถือเป็ นแผนการขัน้ ที่หนึ่ง
ของพวกเขา...
สังหารหมูข่ นุ นางแคว้นชิงเหยี่ยนทาให้แคว้นชิงเหยี่ยนระส่าระสาย
เป็ นแผนการขัน้ ที่สองของพวกเขา...
“น่าชิงชังยิ่งนัก” ขุนนางวัยกลางคนทุบหมัดลงบนลูกกรงห้องขัง ทา
เอาลูกกรงบิดเบีย้ ว ความเคียดแค้นฉายชัดบนใบหน้าของเขา เอ่ยเน้น
นา้ เสียงว่า “กลุม่ เบญจพิษแคว้นหนานจ้าวช่างวางหมากดีย่ิงนัก...”
“พวกคนต่าช้าสารเลวไร้ยางอาย...”
“ปล่อยพวกเขาไว้ไม่ได้เด็ดขาด...”
“พวกเรารีบเข้าวังไปเข้าเฝ้าฝ่ าบาทกันเถอะ...”
“กราบทูลเรือ่ งจริงให้ฮ่องเต้ทรงทราบ...”
บรรดาขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยนแย่งกันพูดจนฟั งไม่ได้ศพั ท์ มองขุนนาง
วัยกลางคนอย่างมีนยั ยะ
ขุนนางวัยกลางคนสายตาสุขมุ “ควรต้องเข้าวังกราบทูลฮ่องเต้จริงๆ
...”
หยวนฟางเฟยมองดูบาดแผลบนตัวแม่ทพั หยวนก่อนจะสลับมอง
บาดแผลบนตัวเงาร่างกายานัน้ พยักหน้าตามสัญชาตญาณ คนผูน้ นั้
บาดเจ็บสาหัสกว่าบิดาของนางจริงๆ...
“เขาบาดเจ็บถึงเพียงนัน้ ยังไม่เป็ นอะไร แล้วข้าจะเป็ นอะไรได้อย่างไร
กันเล่า...” แม่ทพั หยวนเอ่ยอย่างภูมิใจ พลิกมือกลับเป็ นฝ่ ายคว้าแขนหยวน
ฟางเฟยเดินออกไปข้างนอก “ไปเถอะๆ พวกเขาเข้าวังหลวงไปเข้าเฝ้า
ฮ่องเต้กนั เถอะ ภารกิจนีเ้ ร่งด่วนนัก สาคัญใหญ่หลวง...”
มูห่ รงเสวี่ยเบี่ยงกายหลบสะเก็ดไฟแล้วก็มองดูกระบอกที่พ่นสะเก็ดไฟ
ออกมา ก่อนเอ่ยเสียงขรึม “น่าจะเป็ น...กระบอกพ่นไฟกล...”
“มันคืออะไร?” หยวนฟางเฟยยังคงไม่ค่อยเข้าใจเช่นเดิม
หยวนฟางเฟยเองก็คว้ากระบอกพ่นไฟกลพ่นสะเก็ดไฟใส่บรรดาผูค้ มุ
ตาม...
หยวนฟางเฟยตามไม่ทนั ชั่วขณะ
“...”
บางครัง้ หยวนฟางเฟยก็ชาญฉลาด
ขุนนางวัยกลางคนที่เป็ นหัวหน้ามองตามหลังหยวนฟางเฟยไปก่อนจะ
เอ่ยอย่างมีนยั แฝง “ข้าเกรงว่าหยวนฟางเฟยผูเ้ ดียวจะออกนอกประตูคกุ
หลวงไปไม่ได้”
...
ผูค้ มุ ที่เป็ นคนของกลุม่ เบญจพิษทั่วไปไม่มีทางทาอะไรหยวนฟางเฟย
ได้แน่นอน กลับกันหากเปลี่ยนเป็ นหัวหน้าของกลุม่ เบญจพิษลงมือเอง
ฝ่ ายที่เคราะห์รา้ ยก็กลายเป็ นหยวนฟางเฟย...
แววตาของนางดุดนั แตะปลายเท่าพาเรือนร่างอรชรทะยานไปราวปุย
เมฆ พริบตาเดียวก็ไปอยู่ตรงหน้าเงาร่างคนชุดดา เหนี่ยวประแจกระบอก
พ่นไฟกลพ่นสะเก็ดไฟใส่เงาร่างคนชุดดาอย่างไม่ปรานี...
...
มองดูวงแหวนที่ประณีตละเอียดอ่อน มองคมกระบี่ยาวบนวงแหวน
มองปลายแหลมของคมกระบี่ยาว ฟั นเลื่อยที่แหลมคมรวมทัง้ จุดศูนย์กลาง
ของคมกระบี่ยาวเลยไปถึงรอยเว้าเด่นชัด ออกแบบมาเพื่อสังหารคน หาก
ไม่ระวังถูกคมกระบี่ยาวบนวงแหวนแทงเข้าไป ต่อให้ไม่ได้บาดเจ็บสาหัส
จนตาย ก็ถกู ปล่อยให้เลือดไหลหมดตัวจนตาย...
หยวนฟางเฟย “...”
ร้ายกาจเพียงนีเ้ ชียวหรือ!
“ถูกต้อง” มูห่ รงเสวี่ยพยักหน้า สะบัดกระบี่รบั มือวงแหวนคมกระบี่เงิน
นั่น...
วงแหวนคมกระบี่นีย้ ากจะรับมือโดยแท้...
บรรดาขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยนตกตะลึงหน้าซีดเผือด มองดูวงแหวน
สังหารนัน้ เนิ่นนานเปล่งวาจาไม่ออก
มูห่ รงเสวี่ยเองก็มสี ีหน้าเคร่งขรึม มองดูคมด้านในวงแหวนแววตานิ่งงัน
กิโยติน ประสิทธิภาพคมกระบี่วงในของวงแหวนช่างเหมือนกับกิโยตินใน
ยุคปั จจุบนั ที่นางเคยเห็นไม่มีผิดเพีย้ น
วงแหวนขนาดใหญ่มาก ครอบได้กระทั่งศีรษะของจินหลายไฉที่ประดับ
กวานสีทอง...
บรรดาขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยนได้สติ พากันคว้ามีด คว้ากระบี่จากร่างไร้
วิญญาณขึน้ มาสูก้ บั วงแหวน...
ภายในคุกหลวงตกอยู่ในความวุน่ วายโกลาหล...
“หมายความว่าอย่างไร?” แววตาของหยวนฟางเฟยฉายชัดถึงความไม่
เข้าใจ
แววตาของหยวนฟางเฟยเย็นยะเยือก หยิบยาลูกกลอนในแขนเสือ้ อก
มายัดใส่ปากหนึ่งเม็ด ชั่วอึดใจต่อมาสีหน้าของนางก็กลับเป็ นปกติอย่าง
รวดเร็วอย่างสังเกตได้ชดั จากนัน้ นางก็ลกุ ขึน้ ยืนสะบัดกระบี่จว้ งแทงใส่
หัวหน้ากลุม่ แมงป่ อง...
เสียงหวีดร้องแฝงความหวาดกลัวสุดขีด
...
หยวนฟางเฟยปรายตามองเขาอย่างสบประมาท “นี่ไม่ใช่ของบ้าอะไร
หรอก แต่เป็ นอาวุธสังหาร” ของสิ่งนัน้ ครอบด้านบนสิ่งใดก็จะตัดของสิ่งนัน้
มูห่ ลิวเฟิ งถูกมันหมายหัวเอาไว้ ทว่ากลับมีเพียงพัดเท่านัน้ ที่ถกู ตัดขาด ถือ
เป็ นโชคดีมากแล้ว...
แต่น่าเสียดายที่หลบไม่พน้ ...
กระบี่ยาวกรีดผ่านอากาศ ตรงดิ่งเข้าใส่ลาคอของหัวหน้ากลุม่ แมงป่ อง
...
บริเวณโดยรอบตกอยู่ในความเงียบสงบ
วรยุทธ์ของจินหลายไฉไม่ธรรมดา แต่วรยุทธ์ของนางเองก็ไม่ได้อ่อน
ด้อยเช่นกัน สามารถกดดันจินหลายไฉได้อยู่แล้ว ไม่เห็นต้องขอความ
ช่วยเหลือจากใคร
ฝ่ ามือราวอาวุธของจินหลายไฉรับมือกับพลังกระบี่ถกู กรีดเข้าหลาย
สายเลือดอาบย้อมไปทั่ว...
สีหน้าของจินหลายไฉเคร่งเครียดขึน้ เลิกใช้ฝ่ามือและเปลี่ยนมาใช้ทา่
ร่างปราดเปรียว ขยับตัวเคลื่อนไหวไปมาราววานรปราดเปรียวต่อหน้ามู่
หรงเสวี่ย หาช่องโหว่โจมตีนาง
ร่างอ้วนท้วมของจินหลายไฉแข็งค้างไปครูห่ นึ่งก่อนจะล้มกองไปบนพืน้
เสียงดังตุบ ดวงตาเบิกโพล่ง นัยน์ตาฉายชัดถึงความตื่นตระหนกและไม่
อยากที่จะเชื่อ...
...
ที่แท้มือของเขาก็เปลี่ยนสภาพไปแล้วนี่เอง มิน่าเล่าหัวหน้าใหญ่กลุม่
เบญจพิษถึงรับกระบี่ของนางได้ “เจ้าใช้พิษ!” ใช้พิษเปลี่ยนสภาพสองมือ
ของตนเอง ทาให้สองมือแข็งแกร่งไร้เทียมทาน แกร่งเสียยิ่งกว่าอาวุธ คน
กลุม่ เบญจพิษนีช้ า่ งมีลกู ไม้เสียเหลือเกิน
กระบี่ยาวของหยวนฟางเฟยผ่านการสกัดกัน้ ของหัวหน้าใหญ่กลุม่
เบญจพิษ แทงใส่ผา้ คลุมศีรษะของเขา ได้ยินเสียงดัง ‘สวบ’ ผ้าครอบหมวก
ถูกกรีดขาด เผยให้เห็นโฉมหน้าของหัวหน้าใหญ่กลุม่ เบญจพิษที่ซอ่ นอยู่
ภายใต้ผา้ โพกนั่น...
เลือดสีแดงฉานไหลทะลักออกมาจากบาดแผลไหลอาบย้อมเสือ้ ผ้าเป็ น
สีแดง ตามการเคลื่อนไหวของพวกเขา...
กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นค่อยๆ อบอวลอยู่ในอากาศ!
เจียงซินมองดูรา่ งไร้วิญญาณของถังเยี่ยที่เบิกโพล่งด้วยความเกรีย้ ว
กราด ก่อนจะมองร่างไร้วิญญาณของซ่งหรุย่ เอ๋อร์ท่นี อนตายตาไม่หลับ
แล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ในที่สดุ สุนขั สองตัวที่ทาลายชีวิตของนางทัง้
ชีวิตเพื่อผลประโยชน์ของตนเองก็ตายลงเสียที...
นางเงยหน้าขึน้ มองดูทอ้ งนภาสีฟ้าโปร่ง ดวงตาดาขลับก็ฉายแววสบาย
ใจอย่างอิสระ...
“เยี่ยเอ๋อร์...”
...
นี่เป็ น...เสียงบิดามารดาของถังเยี่ย!
น่าเสียดาย บุตรชายของพวกเขารอความช่วยเหลือของพวกเขาไม่ไหว
เสียแล้ว
นายท่านถังเดินตรงเข้ามา มองเจียงซินด้วยแววตาคมกริบราวลูกธนู
ปลายแหลม “เจ้าเป็ นผูส้ งั หารอาเยี่ยหรือ?”
“ใช่!” เจียงซินยอมรับโดยไม่ลงั เลสักนิด
เจียงซินแค่นเสียงเยาะ เบี่ยงกายหลบกระบี่ยาวที่นายท่านถังแทงเข้ามา
อย่างไม่อนาทรร้อนใจ จากนัน้ นางก็สะบัดมือ กระบี่ยาวในมือของนางแทง
เข้าใส่ช่วงอกของนายท่านถังอย่างไม่ปรานี คาวเลือดแดงฉานกกระเซ็น...
แต่ไหนแต่ไรมาพ่อแม่สามีของนางเป็ นคนเฉลียวฉลาดมุง่ หา
ผลประโยชน์หลีกเลี่ยงอันตราย พวกเขาเห็นว่าตระกูลเดิมของนางเกิดเรือ่ ง
คิดที่จะหย่านาง ไล่นางออกจากตระกูล นางเหยียดหยามพฤติกรรมของ
พวกเขาแต่ก็ไม่ได้เกลียดชัง และก็ไม่เคยคิดกาจัดพวกเขาให้สนิ ้ ซาก แต่ช่วย
ไม่ได้ท่ีพวกเขาเอาตัวเข้ามาหาเรือ่ งตายเอง
พ่อสามีโดนนางแทงไปหนึ่งกระบี่ แม่สามีโดนนางเตะไปหนึ่งทีลว้ น
บาดเจ็บอาการสาหัส เกรงว่าจะอยู่ได้อีกไม่นาน...
...
แม้แต่ผบู้ ญ
ั ชาการทหารรักษาพระองค์ยงั ถูกใส่ความ นี่เขาควรจะพูดว่า
คนของกลุม่ เบญจพิษขวัญกล้าเทียมฟ้า หรือควรจะพูดว่าคนของกลุม่
เบญจพิษช่างร้ายกาจกันเล่า...
ณ ห้องทรงอักษร!
ขุนนางราชสานักแคว้นชิงเหยี่ยนต้องดวงตามืดบอดเช่นไร ถึงได้ผละ
จากฮ่องเต้แคว้นชิงเหยี่ยนเช่นพระองค์ไปหาสุนขั ไร้ญาติเช่นกลุม่ เบญจ
พิษแคว้นหนานจ้าว...ช้าก่อน...
ที่แขนของขุนนางในราชสานักจานวนมากปรากฏสัญลักษณ์รูปเบญจ
พิษ พระองค์ก็ทรงคิดว่าพวกเขาสมคบกับกลุม่ เบญจพิษ แต่วา่ ตอนนีม้ า
ลองตรองดูแล้ว กลุม่ เบญจพิษแคว้นหนานจ้าวเป็ นเพียงสุนขั ไร้ญาติ การ
ที่พวกเขาจะสมคบกับเหล่าขุนนางในราชสานักแคว้นชิงเหยี่ยนได้ก็ควร
จะต้องเป็ นการร่วมมือที่เอือ้ ผลประโยชน์ซง่ึ กันและกัน แต่เวลาล่วงเลยมา
จนตอนนี ้ เหล่าขุนนางที่สมคบกับกลุม่ เบญจพิษถูกจับกุมตามพระบัญชา
ของพระองค์ไม่นอ้ ย ส่วนกลุม่ เบญจพิษที่เป็ นพรรคพวกกลับไม่มีการ
เคลื่อนไหวใดๆ เห็นได้ชดั ว่ามีบางอย่างผิดปกติ...
ฮ่องเต้มิได้ทรงตรัสสิ่งใดถือเป็ นการยอมรับไปโดยปริยาย
เย่อีเ้ ฉินหัวเราะ มองดูทอ้ งฟ้าด้านนอกหน้าต่างเอ่ยเสียงหนักแน่นว่า
“คิดตัง้ นานมาแล้ว...”
ฮ่องเต้ “...”
...
ตัดนิว้ พระองค์ไปนิว้ หนึ่ง ไม่สสู้ งั หารพระองค์เสียเลย!
...
ปราถนาที่จะแย่งชิงบัลลังก์ก็วางกลอุบายแย่งชิงบัลลังก์เช่นนัน้ หรือ!
เปลือกพระเนตรของฮ่องเต้กระตุกถี่รวั ในใจบังเกิดลางสังหรณ์ไม่ดี
ก้าวถอยหลังอย่างไม่รูต้ วั ตรัสกับเย่อีเ้ ฉินว่า “เจ้า...เจ้าไม่ตอ้ งการตรา
ลัญจกรแล้วหรือ?”
ฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตรมองดูเย่อเี ้ ฉินที่เดินเข้ามาใกล้จนจะถึงเบือ้ ง
หน้าพระองค์ดว้ ยสายพระเนตรหวาดหวั่น หันพระวรกายไปถอนกระบี่ท่ี
แขวนอยู่ตรงกาแพงออกมาแทงใส่เย่อีเ้ ฉิน...
...
ฮ่องเต้ตวัดกระบี่ตงั้ รับอย่างรวดเร็ว...
ฮ่องเต้ทรงก้มพระพักตร์มองแขนของพระองค์ พบว่าที่แขนของพระองค์
ถูกกรีดเป็ นรอยแผลขนาดใหญ่ เลือดสีแดงฉานไหลซึมออกมาอาบย้อม
บริเวณช่วงแขนของฉลองพระองค์...
คิดไม่ถึงเลยว่าโอวหยางเส้าเฉินจะมีชีวิตรอดออกมาได้
แต่ไม่คาดคิดว่าโอวหยางเส้าเฉินเข้าไปแล้วจะเอาชีวิตรอดมาได้ ช่าง
ดวงแข็งเสียจริง...
...
ฮ่องเต้เองก็ทรงทอดพระเนตรมองการต่อสูข้ องโอวหยางเส้าเฉินและเย่
อีเ้ ฉินด้วยความตกพระทัย พระองค์ทรงพบเห็นยอดฝี มือวรยุทธ์สงู มาไม่
น้อย แต่สงู ถึงขัน้ โอวหยาวเส้าเฉินและเย่อเี ้ ฉินเช่นนี ้ พระองค์เพิ่งเคยพบ
เป็ นครัง้ แรก...
และก็เพิ่งทรงทราบว่าวรยุทธ์ของคนเราสามารถสูงได้ถึงเพียงนี.้ ..
เมื่อครูน่ ีต้ อนที่เย่อีเ้ ฉินเข้ามาใกล้ ไม่ได้สงั หารพระองค์ถือว่ายัง้ ไมตรี
แล้ว...
“วาจาไม่ควรเอ่ยด้วยความมั่นใจเช่นนี ้ ทุกสิ่งอย่างล้วนมีความไม่
แน่นอน...” เย่อเี ้ ฉินแค่นเสียงเย้ยหยัน
...
...
นินจาที่น่าชัง...
ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก...
หานินจาที่หลบซ่อนตัวอยู่น่ะหรือ...ก็ไม่ใช่เรือ่ งยากอะไร...
การที่นินจาหายตัวไปไม่ได้หมายความว่าพวกเขาหายตัวไปจริงๆ แต่
ซ่อนตัวอยู่ในที่ท่พี วกเขามองไม่เห็น การจะหาตัวพวกนินจานัน้ ก็สามารถ
หาได้
ฮ่องเต้สายพระเนตรเคร่งขรึม เมื่อกระบี่ยาวของพวกนินจาแทงเข้ามา
พระองค์ก็ทรงจัดการกับพวกนินจาตามทุกกระเบียดนิว้ ...
ตอนที่ 2005 ตอนจบ (13)
นินจาคนแล้วคนเล่าถูกพบและสังหารในทันที จานวนนินจาลดลงเรือ่ ยๆ
ลดลงเรือ่ ยๆ...
“เหอะ!”
สนามรบตกอยู่ในความโกลาหลทันใด...
ดวงตาคมปลาบราวปลายธนูแหลมของเย่อเี ้ ฉินตวัดมองโอวหยางเส้า
เฉิน “เจ้าเองก็แฝงคนไว้ในทหารรักษาพระองค์ดว้ ยหรือ?”
โอวหยางเส้าเฉินจ้องตอบเขาโดยไม่หลบสายตา เอ่ยกับเขาเสียงแน่น
หนักว่า “เย่อีเ้ ฉิน ยอมให้จบั เสียตัง้ แต่ตอนนีย้ งั ทันนะ!”
“ทหารรักษาพระองค์ของเจ้าใกล้จะพ่ายแพ้แล้ว” โอวหยางเส้าเฉินเอ่ย
เตือนอย่างไม่เดือดร้อนใจ
วิธีนีไ้ ม่เลวทีเดียว!
นางเข้าใจมาตลอดว่าตาหนักมืดแคว้นหนานจ้าวที่ให้ความสาคัญกับ
กฏระเบียบยิ่งชีพ ถ่ายทอดศาตร์การใช้พิษเฉพาะคนในเท่านัน้ ไม่มีทาง
ถ่ายทอดให้คนนอกอย่างแน่นอน..
“...ข้าคิดว่าเมื่อเทียบกับการตายเพราะพิษของพวกมันแล้ว พวกเรา
น่าจะถูกพวกมันกัดตายเสียก่อน...” มูห่ รงเสวี่ยเอ่ยประโยคถัดจากเขา
นา้ เสียงเย้าแหย่ สัตว์พิษของกลุม่ เบญจพิษมีจานวนมหาศาล สัตว์พิษตัว
หนึ่งกัดพวกเขาแค่ทีเดียวพวกเขาก็ตายแล้ว เมื่อถึงตอนนัน้ เกรงว่าพิษ
ของสัตว์พิษที่เข้าไปในร่างกายของพวกเขาจะยังไม่ทนั ได้ออกอาการด้วย
ซา้ ...
“...” ฮ่องเต้ท่ที รงเงียบตัง้ แต่อยู่ในสถานการณ์ต่อสู้ ได้ยินบทสนทนา
ของทัง้ คูก่ ็ทรงตรัสด้วยความอ่อนพระทัยว่า “อย่าได้มองในแง่รา้ ยเพียง
นัน้ ...”
“เผชิญหน้ากับสัตว์พิษมากมายเช่นนี ้ ต่อให้พวกกระหม่อมอยากจะ
มองในแง่ดีก็ทาไม่ได้...” มูห่ ลิวเฟิ งแบมือทัง้ สองข้าง สายตาฉายแววท้อ
ใจ
ฮ่องเต้ทรงกระตือรือร้นสังหารสัตว์พิษทัง้ ห้าที่คืบคลานมาอยู่ตงหน้า
...
พวกเขาสังหารไปจานวนหนึ่งแล้วก็มีมาอีกจานวนหนึ่ง สังหารจน
เมื่อยมือไปหมดแล้ว ศพของสัตว์พิษทัง้ ห้ากองพะเนินเป็ นภูเขาแล้ว ก็ยงั
ไม่มีทา่ ทีวา่ จะหยุดพักเช่นเคย...
...
อาศัยกองกาลังทหารสองแสนนายของเขาก็เพียงพอที่จะกวาดล้างทัง้
เมืองหลวงแล้ว ต่อให้คนของโอวหยางเส้าเฉินวรยุทธ์สงู กว่านีก้ ็ไม่อาจต้าน
กองกาลังทหารสองแสนนายไปได้ สุดท้ายแล้วฝ่ ายได้รบั ชัยชนะจะไม่ตก
เป็ นฝ่ ายของเขาได้อย่างไร?
“ใช่ พวกเขาโยกย้ายกองกาลังทหารของค่ายทหารรักษาการณ์
ตะวันตก” เสียงกังวานดังขึน้ ตามมาด้วยบุรุษหนุ่มผูห้ นึ่งก้าวเข้ามา ใบหน้า
หล่อเหลา บุคลิกสุภาพอ่อนโยน เขาก็คือองค์ชายสี่เย่เทียนฉีน่ นั เอง
ด้านหลังเย่เทียนฉีมีองครักษ์และบุรุษในชุดเกราะอีกหลายนาย หนึ่งใน
นัน้ มีบรุ ุษหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ดวงตาดาขลับผูห้ นึ่ง เขาก็คอื มูห่ รงเย่ เมื่อ
เห็นมูห่ รงเสวี่ยที่กาลังต่อสูอ้ ย่างดุเดือด เขาก็รบี วิ่งเข้าไป “น้องสาว ข้ามา
ช่วยเจ้าแล้ว!”
บุรุษในชุดเกราะเหล่านัน้ ก็ว่งิ ตามเข้าไป พลางตะโกนร้องบอกว่า
“อารักขาฝ่ าบาท...”
...
“เจ้าล่วงรูแ้ ต่แรกว่าข้าจะชิงบัลลังก์หรือ?”
ไหนจะเย่เทียนฉีอีก เขาพยายามสร้างสถานการณ์ให้เย่เทียนฉี
เย่เทียนฉีเพิ่งจะก้าวเข้าไปได้เท้าเดียวก็ถกู โอวหยางเส้าเฉินลากออกมา...
ตอนที่ 2011 ตอนจบ (19)
“โอ๊ย...” เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของทหารรักษาพระองค์ฝ่าย
เย่อีเ้ ฉินคนสุดท้ายที่ถกู สังหารดังลั่น เมื่อฝ่ ายฮ่องเต้ มูห่ รงเย่ มูห่ รงเสวี่ย
จบการต่อสูแ้ ล้วก็พากันก้าวเข้ามาหาเย่อีเ้ ฉิน
และการเอาชนะได้เพราะจานวนคนที่มากกว่าเกรงว่าจะสามารถทาได้
แค่ครัง้ นีค้ รัง้ เดียว เพราะถึงอย่างไรคนของค่ายทหารรักษาการณ์ตะวันตก
ก็ไม่ได้มีจานวนมากเท่ากับกองกาลังทหารของเขา...
นั่นมัน...นายทหารค่ายทหารรักษาการณ์ทางใต้!
“พวกเจ้าโยกย้ายคนของค่ายทหารรักษาการณ์ทางใต้มาหรือ...”
“...ยามที่ฝ่าบาททรงมีบญ
ั ชาให้จบั กุมพวกเขา มิได้รบิ คืนตราอาญา
สิทธิ์ของพวกเขาอย่างนัน้ หรือ?” เย่อีเ้ ฉินมองฮ่องเต้ดว้ ยความคาดไม่ถึง
ฮ่องเต้ “...”
เมื่อพระองค์ทรงได้ยินว่าขุนนางราชสานักทัง้ บุน๋ บู๊ลอบติดต่อกับกลุม่
เบญจพิษ พระองค์ก็ทรงกริว้ มัวแต่สนใจให้กรมอาญาจับกุมตัวพวกเขา
ลืมริบคืนตราอาญาสิทธิ์ไปเสียสนิท...
หยวนฟางเฟย “...”
ผูค้ น “...”
ใช้เวลาหาตราอาญาสิทธิ์เจออยางรวดเร็ว เขาถึงได้สามารถเคลื่อน
กาลังพลของค่ายทหารรักษาการณ์ตะวันตกและค่ายทหารรักษาการณ์
ทางใต้ได้ในเวลาอันสัน้ เช่นนี.้ ..
...
“ใช่แล้ว...ถ้าไม่ใช่เพราะคนของจิง้ หวางเหยี่ยค้นจวนบรรดาแม่ทพั จน
เละเทะ กาจัดพืน้ ที่เก็บตราอาญาสิทธิ์ตงั้ มาก คาดว่าตอนนีฉ้ ีหวางเหยี่ยคง
ยังค้นหาตราอาญาสิทธิ์ในจวนใดจวนหนึ่งอยูเ่ ป็ นแน่...”
“ใช่แล้ว...กองกาลังค่ายทหารรักษาการณ์ตะวันตกและทางใต้ก็คงไม่
ได้มาที่น่ี และวังหลวงในตอนนีก้ ็คงสยบแทบเท้าจิง้ หวางเหยี่ย...จิง้ หวาง
เหยี่ยคงชิงบัลลังก์ได้โดยง่าย...ไม่ใช่ถกู ล้อมเหมือนตอนนี.้ ..”
บุรุษในชุดเกราะหลายนายกระซิบกระซาบกัน
สิ่งที่ตอบกลับมามีเพียงเสียงการต่อสูอ้ นั ดุเดือด...
“คนของเจ้าถูกทหารค่ายรักษาการณ์ตะวันตกและทางใต้รุมล้อม
เอาไว้ พวกเขาคงไม่วา่ งเข้ามา...” และก็คงจะเข้ามาไม่ได้ดว้ ย...
เป็ นไปได้อย่างไรกัน?
สายตาของเย่อเี ้ ฉินฉายชัดถึงความไม่อยากเชื่อ
“ไม่เชื่อ เจ้าก็ลองมองด้วยตาตัวเองสิ...” เย่เทียนฉียงั พูดไม่ทนั จบ เย่อี ้
เฉินก็กระโจนขึน้ ไปบนอากาศหลายเมตร มองไปด้านนอกก่อนจะพบว่า
กองกาลังของเขาถูกทหารค่ายรักษาการณ์ตะวันตกและทางใต้ลอ้ มเอาไว้
และไม่เพียงแต่ลอ้ มสังหารเท่านัน้ ยังสกัดไม่ให้พวกเขาบุกเข้ามาด้านใน
ด้วย...
“นั่นก็เป็ นเพราะว่าพวกข้าเตรียมมาตรการป้องกันเอาไว้แล้วนะสิ!”
เย่เทียนฉีไขข้อข้องใจให้เย่อีเ้ ฉินอีกครัง้ ช่วงนีม้ ีเหตุการณ์เกิดขึน้ ในเมือง
หลวงบ่อยครัง้ หัวหน้ากลุม่ เบญจพิษถูกจับอย่างต่อเนื่อง ขุนนางราช
สานักทัง้ บุน๋ บูถ๊ กู ใส่รา้ ยว่าสมคบคิดกับกลุม่ เบญจพิษ พวกเขาก็พอจะเดา
ได้วา่ เรือ่ งทัง้ หมดที่เกิดขึน้ มีสว่ นเกี่ยวข้องกับกลุม่ เบญจพิษอย่างแน่นอน
ดังนัน้ ก่อนที่จะเข้าวังหลวง พวกเขาก็ให้คนปรุงยาถอนพิษที่ดีท่สี ดุ และให้
กองกาลังค่ายทหารรักษาการณ์ตะวันตกและทางใต้ด่มื กันไปคนละชาม
ก่อนที่ฤทธิ์ของยาถอนพิษจะหมดไป พิษของกลุม่ เบญจพิษจึงไม่มีผล
อะไรกับพวกเขา...
พ่อบ้านหวังยังคงไม่สนใจเขาเช่นเคย ทว่ากลับออกกระบวนท่ารุนแรง
เฉียบขาดขึน้ เรือ่ ยๆ
“เอ่อ...นี่ทา่ นไม่คิดจะพักเลยหรือ?”
...
เจ้าบอกว่าคนของค่ายทหารรักษาการณ์ตะวันตกและทางใต้รวมกัน
แล้วมีสองแสนห้าหมื่นนาย เมื่อเทียบกับกองกาลังของเขาที่มีเพียงสอง
แสนนายแล้วถือว่าเป็ นต่อ
แววตาเย่อีเ้ ฉินสงบนิ่งขณะที่กาลังจะสั่งการกองกาลังใต้อานัติตนเอง
ก็พบว่าฝ่ ายค่ายทหารรักษาการณ์ตะวันตกและทางใต้สกู้ นั รุนแรงขึน้
ส่วนกองกาลังของเขาล้มลงไปเป็ นกอง...
“ก็ละอองยาแบบเดียวกับที่เหล่ากองกาลังของท่านพ่นใส่กองกาลัง
ของค่ายทหารรักษาการณ์ตะวันตกและทางใต้อย่างไรเล่า...” เย่เทียนฉี
เอ่ยนิ่งๆ
เย่อีเ้ ฉินพินิศมองแล้วก็พบว่ามีคนของค่างทหารรักษาการณ์ทางใต้นบั
สิบนายซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด เบือ้ งหน้าของพวกเขามีกระถางธูปขนาด
ใหญ่ กลุม่ ควันจากกระถางธูปลอยไปตามการพัดของพวกเขาไปทาง
สนามรบ ลอยไปปกคลุมรอบๆ กองกาลังของเขา...
ตอนที่ 2015 ตอนจบ (23)
เมื่อบรรดากองกาลังทหารสูดควันเข้าไปก็สญ
ู เสียกาลังรบทันที พากัน
ล้มลงไปกองกับพืน้ ...
“ไม่ใช่เช่นนัน้ !” โอวหยางเส้าเฉินเอ่ยเสียงแข็ง
“แล้วต่างอะไรกับใช้การไม่ได้หรือ...” โอวหยางเส้าเฉินวรยุทธ์
แข็งแกร่ง แต่การที่เขาขยับมือไม่ได้ทงั้ สองข้างนัน้ อย่างน้อยวรยุทธ์ก็
ลดขัน้ ไปกว่าครึง่ โอวหยางเส้าเฉินที่เป็ นเช่นนีก้ ็ไม่ใช่คตู่ ่อสูข้ องเขาอีก
ต่อไป...
เขาก็สามารถสังหารพวกเขาได้อย่างง่ายดาย...
ขอแค่กาจัดพวกที่อยู่ตรงหน้านีใ้ ห้สนิ ้ ซาก เขาก็สามารถขึน้ เป็ น
จักรพรรดิท่อี ยู่สงู เหนือผูใ้ ดได้สาเร็จแล้ว!
คนอื่นๆ “...”
หลังจากที่เลือดสีดาไหลออกมาแล้ว ทุกคนก็เห็นว่ามือของเย่อี ้
เฉินค่อยๆ ฟื ้ นฟูกลับเป็ นปกติอย่างรวดเร็ว...
แขนเสือ้ ปั กลายเมฆอันประณีตของโอวหยางเส้าเฉินตกลงช้าๆ
คลุมแขนที่กลับมาเป็ นปกติแล้วเอาไว้
เขาไม่ได้เบาปั ญญาถึงขนาดถูกพวกเขาล้อมโจมตี...
เย่อีเ้ ฉินดีดปลายนิว้ เบาๆ ปรากฏกลุม่ ควันสีดาพุง่ ใส่ผคู้ นที่อยู่ตรง
นัน้ ...
กองกาลังทหารค่ายทหารรักษาการณ์ตะวันตกและทางใต้นอ้ มรับ
คาสั่ง ไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว...
ควันยาที่กองกาลังค่ายทหารรักษาการณ์ตะวันตกและทางใต้ลอบ
จุดขึน้ มากระจายไปทั่ววังหลวงอย่างรวดเร็ว กองกาลังฝ่ ายเย่อีเ้ ฉิน
จานวนมากล้มลงไปกองกับพืน้ ...
กองกาลังของเขาบาดเจ็บล้มตายไปกว่าครึง่ ส่วนที่เหลืออยู่นนั้ ก็
ได้รบั บาดเจ็บไม่นอ้ ย กาลังสูร้ บเสียหายอย่างหนัก ไหนจะโดนโจมตี
ด้วยควันยาของเย่เทียนฉี...ตอนนีพ้ วกเขาก็ไม่เหมาะที่จะปะทะกับ
กองกาลังของค่ายทหารรักษาการณ์ตะวันกตกและทางใต้ ในสามสิบ
หกกลยุทธ์การหนีคือสุดยอดกลยุทธ์...
...
กองกาลังทหารของเขาที่ติดตามเขาออกรบพิชิตศัตรูทกุ หนแห่ง
ปกปั กษ์รกั ษาแผ่นดินไว้ ถูกกองกาลังทหารรักษาการณ์ตะวันตกและ
ทางใต้สงั หารจนสิน้ ...
ช่าง...น่าแค้นใจนัก!
มีคนยิงธนูใส่เขา!
แววตาของเย่อีเ้ ฉินชะงักงัน มองตามทิศทางของลูกธนูแล้วก็
พบว่าในมุมหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล มีหญิงสาวนางหนึ่งถือกาลังง้างสายอยู่
ในท่าเตรียมยิงธนู...
นางก็คือ...เจียงซิน!
“ฟิ ้ ว ฟิ ้ ว ฟิ ้ ว...”
บรรดาลูกธนูยิงใส่เหล่ากองกาลังทหาร ทาให้พวกเขาล้มลงไป
กองกับพืน้ ...
ไม่คิดเลยว่าเขาเพิ่งเหาะทะยานตัวมาได้เพียงไม่ก่ีเมตร ก็มีกอง
กาลังสวมชุดเกราะอีกกลุม่ หนึ่งกรูกนั เข้ามา ในมือถืออาวุธชนิด
เดียวกันเล็งตรงมาที่เขา “ฟิ ้ ว ฟิ ้ ว ฟิ ้ ว...” ง้างสายยิงลูกดินปื นลูกแล้ว
ลูกเล่าใส่เย่อีเ้ ฉินอย่างโหดเ**้้ยม...
หยวนฟางเฟยที่เพิ่งตามมาทันถึงกับพูดอะไรไม่ออก “...”
“...”
...
น่าแค้นใจนัก น่าแค้นใจนัก...
หยวนฟางเฟยโมโห เหินมาหลายก้าว เหนี่ยวไกกระบอกพ่นไฟกล
อย่างต่อเนื่อง ได้เสียงเสียงดัง ‘ตูม ตูม ตูม’ ดังติดต่อกัน ลูกไฟลายาว
หลายสาวพ่นออกมาจากปลายกระบอกพ่นไฟกล ยิงเข้าใส่เย่อเี ้ ฉิน
อย่างโหดเ**้้ยม...
...
หยวนฟางเฟยโมโห แกว่งมือนากระบอกพ่นไฟกลในมือเตรียมทุม่
ใส่เย่อีเ้ ฉิน...
หยวนฟางเฟยแตะปลายเท้าเบาๆ ทีหนึ่งพาร่างบึกบึนไล่ตามเย่อี ้
เฉินไปอย่างรวดเร็วราวกับกระสุนปื นใหญ่ นางจะไปทาให้เย่อเี ้ ฉิน
เห็นว่านางไม่ได้ไร้ประโยชน์!
“น้องสาว!”
”มูห่ ลิวเฟิ ง!”
เตือนช้าไปแล้ว...
ไม่คิดเลยว่าหลังจากกาลังภายในและกระบี่ยาวปล่อยออกไปตรง
จุดนัน้ แล้ว ก็กระเด็นกลับมาทันที จากนัน้ ลาแสงสีม่วงเข้มก็ย่ิง
หนาแน่นขึน้ ไล่สงั หารผูค้ นจนต้องหลบกันจ้าละหวั่น สภาพย่าแย่เต็ม
ที ดูเหมือนว่าจุดพวกนัน้ จะไม่ใช่ใจกลางค่ายกล...
...
ส่วนเย่เทียนฉีดีหน่อยไม่ได้รบั บาดเจ็บ
เมื่อมองดูมหู่ รงเสวี่ยที่โอวหยางเส้าเฉินปกป้องอยู่ในอ้อมแขนแล้ว
เขาก็เข้าใจขึน้ มาในบัดดล มีผลลัพธ์เช่นนีก้ ็ไม่แปลก ใครใช้ให้มหู่ รง
เสวี่ยเป็ นจุดอ่อนของโอวหยางเส้าเฉินกันเล่า เมื่อมูห่ รงเสวี่ยตกอยู่ใน
อันตรายเขาย่อมต้องไปช่วยโดยไม่สนใจสิ่งใดเป็ นเรือ่ งปกติ...
...
สมกับเป็ นโอวหยางเส้าเฉิน คิดไม่ถึงว่าจะสามารถต้านทาน
ลาแสงสีมว่ งของเขาได้ แต่วา่ ก็คงทาได้เพียงเท่านีน้ ่ นั แหละ...
โอวหยางเส้าเฉินก็ไม่ยอมอ่อนข้อแต่อย่างใด โยกย้ายสายลมแรง
จากพืน้ ใส่ลาแสงสีมว่ ง...
“ก็แค่ค่ายกลลาแสงสีมว่ ง ทาลายแล้วมีอะไรน่าแปลกใจกัน?”
โอวหยางเส้าเฉินย้อนถามเย่อเี ้ ฉินกลับ ค่ายกลลาแสงสีมว่ งก็เป็ น
ค่ายกล เป็ นค่ายกลก็ยอ่ มสามารถทาลายค่ายกลได้ ไม่ใช่หรือ
อย่างไร?
...
โอวหยางเส้าเฉินที่แสนร้ายกาจ เขาประเมินโอวหยางเส้าเฉินต่า
ไปจริงๆ!
“เจ้าหาใจกลางค่ายกลลาแสงสีมว่ งของข้าเจอได้อย่างไร?” โอวห
ยางเส้าเฉินสามารถทาลายค่ายกลลาแสงสีมว่ งของเขาได้ เพราะการ
โจมตีของโอวหยางเส้าเฉินเมื่อครูน่ ีก้ าจัดใจกลางค่ายกลลาแสงสีมว่ ง
ที่เขาซ่อนไว้...
สมกับที่เป็ นโอวหยางเส้าเฉินจริงๆ!
เขาประเมินโอวหยางเส้าเฉินต่าไปจริงๆ ด้วย
เขาคิดว่าเขาวางค่ายกลอย่างลึกลับ แม้แต่ผเู้ ฉลียวฉลาดเช่นมู่
หรงเสวี่ยก็รูต้ วั ต่อเมื่อเขาวางค่ายกลเสร็จเรียบร้อยแล้ว คิดไม่ถึงว่า
โอวหยางเส้าเฉินจะรูต้ วั ตัง้ แต่เขาเริม่ กางค่ายกลแล้ว...
ยอมให้จบั ตัวหรือ?
เย่เทียนฉีดวงตาชะงักงัน รีบยื่นมือไปคว้าทว่าก็คว้าได้เพียงความ
ว่างเปล่า...
เหมือนว่าตัวเขาเองก็จาไม่ได้แล้ว จาได้แค่เพียงว่าบิดาที่เขา
พึง่ พาตายจากไป ส่วนมารดาของเขานัน้ ...ไม่ตอ้ งไปเอ่ยถึงก็ได้ คนที่
เขาชอบแต่งให้ผอู้ ่ืน เขาเหลือเพียงตัวคนเดียว...รวมถึงอานาจในมือ
...
สิ่งเดียวที่เขามีและพัฒนาได้มีเพียงอานาจ ดังนัน้ เขาจึงบ่มเพาะ
กองกาลังทหารเพื่อชิงบัลลังก์ ต้องการพัฒนาให้ส่งิ เดียวยิ่งใหญ่นี ้
เกรียงไกร จนคนที่เขาแอบชอบและคนที่เขาชิงชังทาได้เพียงเงยหน้า
มอง...
ถามว่าเสียใจหรือไม่?
...
บนหน้าผาพากันมองร่างของเย่อีเ้ ฉินที่ด่งิ ลงไปจนกลายเป็ นจุด
เล็กๆ มูห่ ลิวเฟิ งถอนหายใจออกมาหนักๆ “เย่อีเ้ ฉิน...ช่างน่าเสียดาย
...”