You are on page 1of 615

ตอนที่ 1901 เปิ ดฉากกับดัก (1)

“ท่านมาได้อย่างไร?”

“ย่อมต้องมีธรุ ะน่ะสิ” คนที่น่ งั อยู่เสียงเสียงแข็ง

คนที่ยืนอยู่เอ่ยขึน้ อย่างหน่ายๆ “มีธรุ ะอะไร ทาให้ทา่ นต้องมาอยู่ท่นี ่ีใน


เวลานี?้ ” จวนแม่ทพั ในตอนนีไ้ ม่เหมือนจวนแม่ทพั ในยามปกติ แต่มาถึงช่วง
พิเศษแล้ว ไม่รูว้ า่ มีสายตากี่คทู่ ่จี บั จ้องอยู่ทงั้ ในที่ลบั และที่แจ้ง คิดไม่ถึงว่า
เขาจะมาโดยไม่หลบเลี่ยงสักนิด ไม่กลัวว่าจะถูกผูอ้ ่ืนพบเห็นหรืออย่างไร...

“วางใจเถอะ ข้าระวังตัวอย่างดีไม่มีทางถูกผูใ้ ดพบเห็น...” คนที่น่ งั อยูเ่ อ่ย


อย่างไม่ย่ีหระ

คนที่ยืนอยู่ทงั้ จนใจและกระวนกระวาย “ไม่กลัวเรือ่ งที่แน่นอน กลัวก็แต่


เหตุไม่คาดฝัน...” ถ้าหากว่าถูกผูใ้ ดพบเห็นเข้า จะไม่เกิดเรือ่ งอย่างนัน้ หรือ
...
“วางใจเถอะ ต่อให้ถกู ผูค้ นพบเห็นก็ไม่ตอ้ งกังวล...สังหารคนผูน้ นั้ เสียก็
สิน้ เรือ่ ง ไม่ตอ้ งกังวลว่าจะเกิดเรือ่ ง...” คนที่น่ งั อยู่เอ่ยด้วยท่วงท่าสบาย
อารมณ์

ทว่าคนที่ยืนอยู่ได้ยินแล้วกลับปวดศีรษะ “ท่านพูดง่าย...” ผูท้ ่ถี กู ส่งมา


สังเกตการณ์ยอ่ มต้องเป็ นผูเ้ ยี่ยมยอดมากฝี มือ คนเช่นนัน้ วรยุทธ์แกร่งกล้า
ระมัดระวังยิ่งยวด มิใช่พวกเขาบอกจะจับตัวคนก็จบั ตัวคน บอกจะสังหาร
คนก็สงั หารคน...

บุรุษที่น่ งั อยู่ไม่เห็นด้วย เอ่ยด้วยความชะล่าใจ “อาศัยความสามารถของ


พ่อบ้านเช่นเจ้า ย่อมไม่สามารถบอกว่าจะจับตัวคนก็จบั ตัวคน บอกว่าจะ
สังหารคนก็สงั หารคน...” แต่เขาไม่เหมือนกัน เขาเป็ นผูเ้ ยี่ยมยุทธ์ท่มี ีอยู่ไม่
มาก สามารถบอกว่าจะจับตัวคนก็จบั ตัวคน อยากสังหารใครก็สงั หาร...

พ่อบ้าน “...แล้วท่านรูห้ รือไม่วา่ ท่านได้ถกู ใครหมายหัว ถูกใครพบเห็น


และสะกดรอยตามมาหรือไม่?”

คนที่น่ งั อยู่เอ่ยเสียงเรียบ “ย่อมไม่มีอยู่แล้ว ตอนที่ขา้ เข้ามาก็ระวัง


ตัวอย่างยิ่ง แม้แต่แมวสักตัวยังไม่แตกตื่น” ยิ่งไม่ตอ้ งพูดว่าจะทาให้ใคร
แตกตื่น
“แล้วท่านมาที่น่ีมีธรุ ะอะไร?” พ่อบ้านรูว้ า่ ตัวเองเถียงสูค้ นที่น่ งั อยู่ไม่ได้
จึงไม่อยากสนทนากับเขาเรือ่ งถูกใครหมายหัวหรือไม่ และฉลาดที่จะเปลี่ยน
หัวข้อสนทนา

คนที่น่ งั อยู่เอ่ยเสียงขรึม “ข้ามาที่น่ีก็เพื่อเฝ้าโคนไม้รอกระต่าย”

“เฝ้าโคนไม้อะไร? รอกระต่ายอะไร?” พ่อบ้านไม่เข้าใจ

“ย่อมหมายถึงกระต่ายสองตัวนัน้ ที่แฝงตัวอยูบ่ นหลังคานอกห้องอย่างไร


เล่า” คนที่น่ งั อยูเ่ อ่ยด้วยท่าทางสบายอารมณ์ ดีดวัตถุลกึ ลับไปบนหลังคา
นอกห้องอย่างรุนแรง

มูห่ รงเสวี่ยและเย่เทียนฉีท่แี ฝงตัวอยู่บนหลังคานอกห้องแววตาเยือกเย็น


พาร่างกระโจนลงไป จังหวะที่ทงั้ สองขยับตัววัตถุลกึ ลับก็โยนมาบนหลังคา
ได้ยินเสียงดังตูม หลังคากว่าครึง่ แถบระเบิดเป็ นผุยผง...

“องค์ชายสี่ ซื่อจื่อเฟย” คนที่น่ งั อยู่ลกุ ขึน้ ยืน หันกลับมามองเย่เทียนฉี


กับมูห่ รงเสวี่ย ชุดตัวยาวสีตน้ จันทน์เข้มเผยเค้าโครงร่างสูงเพรียวทรงพลัง
ทรงผมมัดสูง บนใบหน้าพรางด้วยผ้าคลุมหน้าทรงเหลี่ยมสีตน้ จันทน์เข้ม
ปอยผมกลุม่ หนึ่งปรกหน้าผากพรางใบหน้าเขาไปกว่าครึง่ เผยให้เห็นเพียง
ดวงตาหาญกล้ากดดันผูอ้ ่ืนคูน่ นั้

มูห่ รงเสวี่ยรูส้ กึ เลื่อมใส ดวงตาคูน่ ีแ้ ลดูคนุ้ เคยยิ่งนัก จึงอดไม่ได้ท่จี ะเอ่ย


ถามขึน้ ว่า “พวกเราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือไม่?”

ดวงตาของบุรุษผูน้ นั้ ฉายแววเย็นชา “เคยพบกันก่อนหน้านีห้ รือไม่ลว้ น


ไม่สาคัญ ที่สาคัญก็คือตอนนีพ้ วกเราพบหน้ากันแล้ว...”

แววตามูห่ รงเสวี่ยนิ่งขรึมเล็กน้อย “แล้วอย่างไร?”

“เพราะอย่างนัน้ ก็ขอให้องค์ชายสี่กบั ซื่อจื่อเฟยยอมให้จบั แต่โดยดี


หลีกเลี่ยงมิให้ตอ้ งเจ็บตัว” บุรุษผูน้ นั้ เอ่ยเสียงเย็นชา

“...” มูห่ รงเสวี่ยมองประเมินบุรุษผูน้ นั้ แล้วเอ่ยว่า “อาศัยเจ้าคนเดียวคิด


จะจับตัวข้ากับองค์ชายสี่ ก็ไม่ได้ง่ายดายเพียงนัน้ ...”

“ใครบอกว่าข้าตัวคนเดียว” พยางค์สดุ ท้าย บุรุษผูน้ นั้ ลากเสียงยาว


ทันใดนัน้ ก็มีคนชุดดาประเดประดังออกมาจากทั่วทุกสารทิศ ในมือถือกระบี่
ยาวล้อมเย่เทียนฉีกบั มูห่ รงเสวี่ย...
ตอนที่ 1902 เปิ ดฉากกับดัก (2)

มูห่ รงเสวี่ยมองดูบรรดาคนชุดดาที่สายตาอามหิต แผ่รงั สีสงั หารกระจาย


รอบตัวขยับตัวใกล้เข้ามาเรือ่ ยๆ นัยน์ตานิ่งขรึม “...ไม่คิดว่าจะมีการดักซุม่
เจ้ารูแ้ ต่แรกว่าพวกเราจะมาหรือ?”

“ถูกต้อง” บุรุษชุดสีตน้ จันทน์แววตาเย็นชา ตอนที่เหลยอีห้ ายตัวไปพวก


เราก็รูส้ กึ ได้วา่ ผิดปกติ การประมือกันของมูห่ รงเสวี่ยกับสวี่จงทาให้พวกเขารู ้
ว่ามูห่ รงเสวี่ยสงสัยในตัวพวกเขาแล้ว และยังต้องการขัดขวางพวกเขา
จับกุมพวกเขา แล้วเหตุใดพวกเขาต้องนั่งรอความตายให้อบุ ายของมูห่ รง
เสวี่ยบรรลุผล...

การที่สวี่จงชิงไปเพ็ดทูลฮ่องเต้ใส่รา้ ยมูห่ รงเสวี่ยเป็ นการโต้กลับขัน้ แรก


ของของพวกเรา เดิมทีคิดว่าจะสามารถนาตัวมูห่ รงเสวี่ยเข้าคุกหลวงได้
สาเร็จ กลับไม่คิดว่ามูห่ รงเสวี่ยจะเจ้าสานวนล้างผิดให้ตวั เองได้ครึง่ หนึ่ง
และยังลากสวี่จงเข้าคุกหลวงไปด้วยกัน...
และยังใช้ชีวิตอยูใ่ นคุกหลวงเสมือนปลาได้นา้ คิดจะเข้าก็เข้า คิดจะออก
ก็ออก...และยังสามารถออกคาสั่งให้ผคู้ มุ คุกหลวงกรมอาญาไต่สวนสวี่จง
...

เรือ่ งประหลาดเช่นนี ้ นับแต่โบราณมาเพิ่งเคยเกิดขึน้ เป็ นครัง้ แรก...

โชคดีท่พี วกเขาแอบเห็นมูห่ รงเสวี่ยไต่สวนสวี่จง จึงสันนิษฐานว่ามี


โอกาสสูงที่มหู่ รงเสวี่ยจะมาสอบสวนที่จวนแม่ทพั ดังนัน้ จึงกางแหฟ้าตา
ข่ายดินไว้ท่จี วนแม่ทพั สวี่ รอแค่ให้นางเข้ามาติดกับ...

“มูห่ รงเสวี่ย ยอมให้จบั แต่โดยดีเถอะ” ตกอยู่ในวงล้อมแน่นหนาเช่นนี ้


อย่างไรนางก็หนีไม่รอด ยอมให้จบั แต่โดยดีหลีกเลี่ยงการเจ็บตัวถึงจะเป็ น
วิธีท่ยี อดเยี่ยม

บุรุษชุดต้นจันทน์เอ่ยเตือนเสียงขรึม

มูห่ รงเสวี่ยแววตากระจ่างใส เอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคา “หากพวกข้าบอกว่า


ไม่เล่า?”

“เช่นนัน้ พวกข้าก็ตอ้ งลงมือ” บุรุษชุดต้นจันทน์เอ่ยเสียงเย็นชา ส่ง


สัญญาณมือ ช่วงเวลาพริบตาเดียวบรรดาคนชุดดาก็พลิกฝ่ ามือหยิบสิ่งของ
บางอย่างลักษณะเหมือนยาลูกกลอนสีนา้ ตาลดาโยนใส่มหู่ รงเสวี่ยและ
เย่เทียนฉีลกู แล้วลูกเล่า...

มูห่ รงเสวี่ยก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว ส่งเสียงเตือนว่า “เป็ นยาพิษ กลัน้


ลมหายใจเร็วเข้า”

พูดยังไม่ทนั จบ เม็ดยาก็โยนลงมาข้างกายมูห่ รงเสวี่ยและเย่เทียนฉีเกิด


เป็ นควันสีขาว...

ท่ามกลางฝุ่ นควันคละคลุง้ ก็มเี สียงแปลกใจของบุรุษชุดสีตน้ จันทน์ดงั


ขึน้ ว่า “อ๊ะ คิดไม่ถึงว่าซื่อจื่อเฟยจะมีความสามารถ รูจ้ กั ยาพิษที่พวกเรา
กลุม่ เบญจพิษคิดค้นขึน้ มาด้วย...”

มูห่ รงเสวี่ยแค่นเสียงเย็นชา “กลุม่ เบญจพิษของพวกเจ้าก็สนั ทัดแค่เรือ่ ง


ยาพิษเท่านัน้ ละ...”

เสียงกังวานใสแฝงการดูถกู อย่างไม่คิดปิ ดบัง บุรุษในชุดสีตน้ จันทน์ก็


ไม่ได้ใส่ใจ เอ่ยเนิบนาบขึน้ ว่า “ถูกต้องแล้ว พวกเรากลุม่ เบญจพิษสันทัด
เรือ่ งยาพิษ ดังนัน้ พวกเราก็ได้เตรียมนายาพิษที่พวกเราคิดค้นขึน้ มาทัง้ หมด
ให้ซ่อื ชื่อเฟยลองดู ไม่รูว้ า่ ซื่อจื่อเฟยจะทานทนไหวหรือไม่...”
มูห่ รงเสวี่ย “...ใช้พิษจะนับเป็ นความสามารถได้อย่างไร หากมี
ความสามารถ พวกเจ้าก็มาประลองกับพวกข้าสิ...”

บุรุษชุดสีตน้ จันทน์ยิม้ หยันดูแคลน “ประลองฝี มืออะไรกัน ประมือกันก็


ตายนะสิ...” เขาไม่เคยได้รบั การชีแ้ นะเรือ่ งวรยุทธ์ของมูห่ รงเสวี่ย แต่หวั หน้า
กลุม่ ตะขาบ ตุ๊กแกและคางคกน่าจะเคยผ่านการชีแ้ นะมาก่อน ทัง้ สามคน
ล้วนถูกนางจับกุมตัวก็เพียงพอให้เห็นว่าวรยุทธ์ของมูห่ รงเสวี่ยไม่เลวเลย
ทีเดียว

ตัวเขาไม่รูว้ า่ ตนเองใช่คตู่ ่อสูข้ องนางหรือไม่ และเขาเองก็ไม่อยากรู ้


เพราะว่าตัวเขาในเวลานีเ้ ชื่อว่าผูน้ าลงมือทาไม่พดู มาก ใช้วิธีการเช่นนีม้ า
แก้ไขปั ญหาได้ไม่จาเป็ นต้องใช้กาลัง...

เมื่อเอ่ยถึงตรงนีแ้ ล้ว แววตาของบุรุษในชุดต้นจันทน์ก็น่ิงขรึม บรรดาคน


ชุดดาคว้าสิ่งของที่มีลกั ษณะเป็ นผงๆ โรยใส่มหู่ รงเสวี่ยและเย่เทียนฉี...

พิษร้ายพุง่ เข้ามา มูห่ รงเสวี่ย “...”


พวกน่ารังเกียจพวกนีช้ อบใช้พิษกันจริงๆ แต่วา่ คิดจะใช้พิษมาทาร้าย
นาง ช่างฝันกลางวันโดยแท้...

มูห่ รงเสวี่ยหยิบเข็มขึน้ มาหลายเล่ม ปั กตามเนือ้ ตัวตนเอง เมื่อครูม่ ีลาง


สังหรณ์อาการของผูท้ ่ไี ด้รบั พิษ ชั่วพริบตาเดียวก็หายไปอย่างไร้รอ่ งรอย...
ตอนที่ 1903 ใครทาร้ายใครกันแน่?

ทันใดนัน้ ช่วงบ่าก็รบั นา้ หนักจากเย่เทียนฉีท่ไี ด้รบั พิษจนยืนไม่อยู่มาชน


นางเข้า

มูห่ รงเสวี่ยหรีต่ าลงเล็กน้อย ดึงเข็มเงินปั กไปบนจุดชีพลมปราณบริเวณ


ท้ายทอยของเย่เทียนฉี...

“โปรย โปรยไปเลย...โปรยเร็วๆ เข้า...พิษมีเท่าไร โปรยให้หมด...” บุรุษใน


ชุดสีตน้ จันทน์ออกคาสั่งเสียงเด็ดขาด กลุม่ เบญจพิษของเขาไม่มีส่งิ ของ
อะไรมาก ที่มีมากที่สดุ คือยาพิษ ต้องการเท่าไรมีเท่านัน้ ...

มูห่ รงเสวี่ยร้ายกาจนักมิใช่หรือ? เช่นนัน้ เขาก็ขอลองดูหน่อยสิวา่ นางจะ


ทนพิษที่พวกเขาโปรยได้หรือไม่...

“ขวับ ขวับ ขวับ...ชขวับ ขวับ ขวับ...” ยาพิษชนิดผงสีแดง สีเหลือง สีฟ้า


สีเขียวทยอยโปรยใส่มหู่ รงเสวี่ยและเย่เทียนฉี สีสนั สดใสเริงระบาคละคลุง้
ปกคลุมและบดบังมูห่ รงเสวี่ยกับเย่เทียนฉีไว้...
คนของกลุม่ เบญจพิษที่ยืนอยู่หา่ งออกไปสองก้าวมองไม่เห็นพวกเขาทัง้
สองคน คนชุดดาที่ยืนอยู่ดา้ นหลังบุรุษในชุดสีตน้ จันทน์อดไม่ได้ท่จี ะ
ประสานมือแล้วเอ่ยว่า “ใต้เท้า จะให้หยุดโปรยยาพิษก่อนหรือไม่?”

บุรุษในชุดสีตน้ จันทน์ปรายตามองตาแหน่งที่มหู่ รงเสวี่ยกับเย่เทียนฉีอยู่


เมื่อสักครู ่ พบว่าเห็นแค่ผงพิษโปรยปรายคละคลุง้ ช้าๆ เขาพอใจในผลลัพธ์
ตอนนีย้ ่ิงนัก เอ่ยอย่างอารมณ์ดีวา่ “หยุด!”

เพียงบุรุษในชุดสีตน้ จันทน์ออกคาสั่ง บรรดาคนชุดดาก็หยุดโปรยพิษ


ทันที

“ไปดูสิวา่ มูห่ รงเสวี่ยกับเย่เทียนฉีตายหรือยัง” บุรุษในชุดสีตน้ จันทน์ออก


คาสั่งเสียงเด็ดขาด

“ขอรับ” บรรดาคนชุดดารับคา กุมกระบี่ยาวในมือเดินเข้าไปในบริเวณที่


ผงพิษอบอวลทั่วท้องฟ้า

เพียงไม่นาน ท่ามกลางผงพิษที่อบอวลทั่วท้องฟ้าก็มีเสียงต่อสูด้ งั ‘เคร้ง


เคร้ง เคร้ง เคร้ง’ ยังมีเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด “โอ๊ย...โอ๊ย...”
สีหน้าหยิ่งผยองของบุรุษในชุดสีตน้ จันทน์เคร่งขึน้ ขึน้ มาทันที นี่มนั เรือ่ ง
อะไรกัน? มูห่ รงเสวี่ยกับเย่เทียนฉียงั ไม่ตายอีกหรือ?

ดูเหมือนว่าพวกเขาสองคนจะดวงแข็งไม่นอ้ ย ได้รบั พิษนานเพียงนัน้


และได้รบั พิษไปมากมายเพียงนัน้ คิดไม่ถึงว่าจะไม่ตาย!

แต่วา่ ตอนนีก้ ็คงจะตายไปแล้วกระมัง ถูกคนของเขาที่ส่งไปเมื่อครูน่ ี ้


สังหารทิง้ เสียแล้วกระมัง....

บุรุษในชุดสีตน้ จันทน์เงยหน้าขึน้ มองบริเวณที่ผงพิษอบอวลไปทั่ว


ท้องฟ้า พบว่ามีคนเดินออกมาจากด้านในสองคน

เงาคนค่อยๆ แจ่มชัดขึน้ เรือ่ ยๆ บุรุษในชุดสีตน้ จันทน์เห็นได้ชดั ว่าคนที่


เดินออกมามีสองคน คนหนึ่งรูปร่างสูงเพรียว ใบหน้าหล่อเหลา อีกคนรูปร่าง
อรชรแน่งน้อย งามล่มเมือง ในมือของทัง้ สองต่างก็ถือกระบี่กนั คนละเล่ม
คมกระบี่อาบเลือดสีแดงฉาน...

บุรุษในชุดสีตน้ จันทน์เห็นแล้วก็เบิกตากว้างอย่างตกใจ “มูห่ รงเสวี่ย เย่


เทียนฉี เหตุใดถึงเป็ นเจ้าสองคนกันเล่า?” มิใช่วา่ พวกเขาทัง้ สองได้รบั พิษ
ร้ายที่เขาสั่งให้โปรยหรือ? พวกเขาน่าจะไม่มีแรงแม้แต่จะจับไก่และถูก
ลูกน้องของเขาหั่นเป็ นชิน้ ๆ ถึงจะถูก เหตุใดถึงได้กลับตาลปั ตรกลายเป็ น
ฝ่ ายสังหารลูกน้องเขา และเดินออกมาอย่างปลอดภัยเล่า?

“เจ้าฟั งเรือ่ งของข้ามามากมาย ไม่เคยได้ยินว่าข้าถอนพิษได้หรือ


อย่างไร?” มูห่ รงเสวี่ยมองบุรุษในชุดสีตน้ จันทน์อย่างดูแคลน ความสามารถ
สูงสุดของนางไม่ใช่วรยุทธ์ การวางกลอุบาย แต่เป็ นการถอนพิษ

บุรุษในชุดสีตน้ จันทน์ “...” เรือ่ งนีเ้ ขาเองก็เคยได้ยินมาบ้าง แต่วา่ ไม่ได้


เอามาใส่ใจ เพราะว่ากลุม่ เบญจพิษสันทัดเป็ นที่สดุ คือเรือ่ งการปรุงยาพิษ
ใช้พิษ ยาพาที่พวกเขาปรุงขึน้ มาไม่มีผใู้ ดถอนพิษได้ ดังนัน้ เขาจึงไม่คิดว่า
โปรยยาพิษร้ายแรงทั่วฟ้าแล้วมูห่ รงเสวี่ยจะยังถอนพิษได้

ทว่าความจริงก็คือมูห่ รงเสวี่ยถอนพิษได้ และเดินออกมาจากค่ายกลพิษ


อบอวลทั่วท้องฟ้าที่เขาสร้างขึน้ ได้อย่างปลอดภัย...

ในที่สดุ เขาก็เข้าใจ ว่าเพราะเหตุใดเหลยอีแ้ ละสวี่จงถึงได้ตกอยู่ในเงือ้


มือมูห่ รงเสวี่ย นั่นก็เพราะว่ามูห่ รงเสวี่ยเป็ นคนเก่งกาจที่หาตัวได้ยาก
“ขอบคุณที่ยกย่อง” มูห่ รงเสวี่ยยิม้ รับคาชมของบุรุษในชุดสีตน้ จันทน์

บุรุษในชุดสีตน้ จันทน์แค่นเสียงหยันในลาคอ “ข้าไม่ได้ยกย่องเจ้า ข้า


กาลังเตือนเจ้าว่าข้าไม่ใช่เหลยอี ้ ไม่ใช่สวี่จง พวกเขาตกอยู่ในเงือ้ มือเจ้า แต่
ข้าไม่มีทาง...”
ตอนที่ 1904 คนชั่วร้ายนั้นคือเจ้า

“แล้วอย่างไร?” มูห่ รงเสวี่ยเลิกคิว้ ถาม

“เพราะอย่างนัน้ พวกเจ้าก็เตรียมรับความตายเสียเถอะ!” พูดจบ บุรุษใน


ชุดสีตน้ จันทน์ก็ออกคาสั่งแก่บรรดาคนชุดดาเสียงดังลั่น “สังหารพวกเขา
ซะ”

“ขอรับ” บรรดาคนชุดดารับคาสั่ง กระบี่ยาวในมือฟาดฟั นมูห่ รงเสวี่ย


กับเย่เทียนฉีอย่างรุนแรงเต็มกาลัง…

มูห่ รงเสวี่ยไม่มีอาการตื่นเต้นตกใจต่อกระบี่ยาวที่โจมตีเข้ามา นางยื่นมือ


ออกไปช้าๆ ลมไร้ลกั ษณ์ก่อตัวอยู่ในอุง้ มือของนาง ยิ่งพัดยิ่งทวีความรุนแรง
ขึน้ เรือ่ ยๆ ยิ่งพัดยิ่งทวีความรวดเร็วขึน้ เรือ่ ยๆ พัดพาละอองพิษที่อบอวลทั่ว
ท้องฟ้าด้านหลังนางมากลายเป็ นพายุรุนแรงสายหนึง่ ...

นางกระตุกยิม้ เงยหน้ามองบรรดาคนชุดดาที่อยู่ใกล้ๆ ก่อนจะสะบัดมือ


ส่งพายุรุนแรงลูกนัน้ ใส่พวกคนชุดดา...

“ครืน ครืน ครืน...” พายุรุนแรงหลากสีสนั ปกคลุมไปทั่วกลุม่ คนชุดดา


ทันที ผ่านไปครูใ่ หญ่ พิษหลากสีสนั ก็ค่อยๆ จางลง เผยให้เห็นผูท้ ่ถี กู คลุมอยู่
ด้านใน พบว่าบรรดาคนชุดดาด้านในยังคงค้างอยู่ในท่ายกกระบี่เพียงครุ ่
หนึ่ง ก่อนจะล้มลงไปกองกับพืน้ ดังตุบตับ...

ใหน้าของบุรุษในชุดต้นจันทน์บงึ ้ ตึงทันใด ล้มลงจากพิษที่ตวั เองโปรย


ช่างเป็ นพวกสวะไร้ประโยชน์จริงๆ “มัวตะลึงอะไรกันอยู่? ยังไม่รบี กินยาแล้ว
ลุกขึน้ มาอีก...” ศัตรูตวั ฉกาจอยู่ตรงหน้านีไ้ ม่มีเวลามามัวชักช้าร่าไร ได้รบั
พิษก็กินยาถอนพิษเอง...

บรรดาคนชุดดาที่กองอยู่กบั พืน้ แน่น่ิงไม่เคลื่อนไหว...

“พวกเจ้าหูหนวกหรืออย่างไรกัน? ไม่ได้ยินที่ขา้ พูดหรือ...” บุรุษในชุด


สีตน้ จันทน์เกรีย้ วกราด

บรรดาคนชุดดาที่กองอยู่กบั พืน้ ยังคงแน่น่ิงไม่เคลื่อนไหว

บุรุษในชุดสีตน้ จันทน์ “...พวกเศษสวะไร้ประโยชน์ ไม่ได้ยินที่ขา้ พูดหรือ


ไงกัน? ไม่ใช่วา่ ยาที่ขา้ ให้พวกเจ้าโปรยเมื่อครูน่ ีจ้ ะทาให้หหู นวกหรอกนะ...”

บุรุษในชุดสีตน้ จันทน์ด่าทออย่างโหดร้าย เสียงดังกึกก้องสะเทือนจน


มูห่ รงเสวี่ยคลึงหูอย่างทนไม่ไหว “เจ้าเลิกโวยวายได้แล้ว ไม่ใช่วา่ พวกเขา
ไม่ได้ยินคาสั่งเจ้าถึงได้ไม่ขยับ แต่เป็ นเพราะพวกเขาอยากขยับทว่าไร้ซง่ึ
เรีย่ วแรง...”

บุรุษในชุดสีตน้ จันทน์หนังตากระตุกถี่ยิบ ในใจบังเกิดลางสังหรณ์ไม่ดี


บางอย่าง หันไปเอ่ยกับมูห่ รงเสวี่ยตามสัญชาตญาณว่า “หมายความว่า
อย่างไร?”

“ข้าก็หมายความว่าพิษที่ขา้ สะบัดใส่พวกเขาเมื่อครูน่ ีข้ า้ ได้ผสมตัวยา


บางอย่างลงไป ทาให้ฤทธิ์ยานั่นเปลี่ยนไปเล็กน้อย...” ดังนัน้ พวกเขาที่เดิมที
มีแรงพอที่จะกินยาถอนพิษถึงได้ไม่มีเรีย่ วแรงหลงเหลือเลยสักนิด...

“...เจ้าปรุงยาพิษเป็ นด้วยหรือ?” บุรุษในชุดสีตน้ จันทน์มองมูห่ รงเสวี่ย


ด้วยความตกใจ

มูห่ รงเสวี่ยพยักหน้ารับตามตรง “ถูกต้อง...เจ้าไม่รูห้ รือ?”

บุรุษในชุดสีตน้ จันทน์ไม่เอ่ยวาจา ทว่าสีหน้ากลับไม่สดู้ ีนกั

มูห่ รงเสวี่ยเข้าใจได้ในทันที ถอนหายใจว่า “ดูเหมือนว่า พวกเจ้าจะยังไม่


รูจ้ กั ข้าดีพอ...”
บุรุษในชุดสีตน้ จันทน์น่ิงเงียบ “...”

ก่อนหน้านีเ้ ขาไม่ได้รบั ผิดชอบจัดการมูห่ รงเสวี่ย จะไปรูเ้ รือ่ งมูห่ รงเสวี่ย


ทัง้ หมดได้อย่างไร?

เมื่อครูน่ ีท้ ่เี ขารูเ้ รือ่ งของมูห่ รงเสวี่ยก็เป็ นเพราะได้ยินมาโดยบังเอิญ

เขาเคยได้ยินเรือ่ งที่มหู่ รงเสวี่ยถอนพิษได้ผ่านหูมาบ้าง แต่เรือ่ งที่ม่หู รง


เสวี่ยปรุงยาพิษได้ และสามารถหยิบจับพิษหลายชนิดมาปรุงเป็ นพิษอีก
ชนิดหนึ่งนัน้ ไม่เคยได้ยินมาก่อน แล้วจะรูไ้ ด้อย่างไร...

ทันใดนัน้ ก็มีเงาสายหนึ่งมาปรากฎอยู่ตรงหน้าเขา บุรุษในชุดสีตน้ จันทน์


ได้สติหลุดจากภวังค์ พบว่ามูห่ รงเสวี่ยเดินมาหาเขาทีละก้าว แต่ละย่างก้าว
มีเสียงย่าเท้าราวกับฝี เท้ายมทูตใกล้เข้ามาทุกขณะ...

บุรุษในชุดสีตน้ จันทน์หนังตากระตุกถี่ยิบ ก้าวถอยหลังตาม


สัญชาตญาณก่อนสมองสั่ง ระล่าระลักเอ่ยว่า “...มูห่ รงเสวี่ย เจ้า...เจ้าจะทา
อะไร?”

“เจ้าว่าอย่างไรเล่า?” มูห่ รงเสวี่ยยิม้ เจ้าเล่หม์ องบุรุษในชุดสีตน้ จันทน์


ตอนที่ 1905 เจ้าเองหรือนี่

บุรุษในชุดสีตน้ จันทน์หนังตากระตุกถี่ๆ สะบัดมือโปรยพิษใส่มหู่ รงเสวี่ย


จากนัน้ ก็หนั หลังจากไป ทะยานตัวออกไปด้านนอกด้วยความเร็วที่สดุ

หลังจากมูห่ รงเสวี่ยโบกสะบัดไล่พิษได้ เขาก็ทะยานออกไปได้เป็ นสิบ


เมตรแล้ว อีกนิดเดียวก็จะทะยานออกนอกจวนแม่ทพั

มูห่ รงเสวี่ยไม่มีทา่ ทีต่นื เต้น สะบัดมือน้อยๆ เข็มเงินจานวนมากก็ซดั ใส่


บุรุษในชุดสีตน้ จันทน์อย่างไม่ปรานี คิดจะหนีหรือก็ไม่ง่ายถึงเพียงนัน้ หรอก

บุรุษในชุดสีตน้ จันทน์ไม่ทนั ได้ระวังตัวก็ถกู เข็มเงินซัดเข้ากลางหลังแล้ว


เขาส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ร่วงลงมาจากกลางอากาศกระแทกพืน้
อย่างแรง เจ็บปวดจนร้องเสียงโอดครวญ เห็นดาวเป็ นประกายระยิบระยับ
กระดูกคล้ายจะแยกจากกัน เจ็บปวดเกินทานทนไหว...

มูห่ รงเสวี่ยเดินเข้ามาอย่างช้าๆ ย่อตัวลงจับผ้าคลุมหน้าบนใบหน้าของ


บุรุษในชุดสีตน้ จันทน์
บุรุษในชุดสีตน้ จันทน์ขดั ขืนสุดกาลัง ทว่ากลับไม่มีเรีย่ วแรงสักเท่าไร ไม่
อาจขัดขวางมูห่ รงเสวี่ยได้ ทาได้เพียงยอมให้นางปลดผ้าคลุมหน้าเขาออก
...

ใบหน้าคมคายหล่อเหลาปรากฎสูส่ ายตามูห่ รงเสวี่ยและเย่เทียนฉีเย่


เทียนฉีเลิกคิว้ ขึน้ ด้วยความสงสัย “เจ้าเป็ นใคร?”

“พวกท่านลองทายดูสิ?” บุรุษผูน้ นั้ มองมูห่ รงเสวี่ยและเย่เทียนฉีดว้ ย


สายตาถือดี

ท่าทางโอหังนั่นทาให้เย่เทียนฉีเลิกคิว้ เอ่ยขึน้ แล้วเอ่ยว่า “เจ้าไม่พดู ก็ไม่


เป็ นไร พวกเราตรวจสอบเองก็ได้...” เมื่อเห็นโฉมหน้าเขาแล้ว การตรวจสอบ
ข้อมูลของเขาก็เป็ นเรือ่ งช้าหรือเร็วเท่านัน้ ...

“อย่างนัน้ หรือ เช่นนัน้ พวกท่านก็ค่อยๆ ตรวจสอบไปก็แล้วกัน” บุรุษผูน้ นั้


เอ่ยอย่างไม่ใคร่สนใจนัก ส่วนลึกในดวงตาเป็ นประกายดูแคลน เหยียด
หยามและถือดี
แววตาเหยียดหยามและถือดีเป็ นประกายไหววูบพาดผ่านรวดเร็ว แต่ก็
ตกอยู่ในสายตาของมูห่ รงเสวี่ยที่สงั เกตเขาอยู่ตลอดเวลา แววตาของนาง
สุขมุ ยื่นมือไปลูบๆ คลาๆ บริเวณคางของบุรุษผูน้ นั้ ...

“เจ้าทาอะไรนะ? จะทาอะไร...” บุรุษในชุดสีตน้ จันทน์ตกตะลึงขึน้ ทันที


หลบเลี่ยงเป็ นพัลวัน

มูห่ รงเสวี่ยไม่สนใจ เพิ่มแรงกดช่วงคางของบุรุษในชุดสีตน้ จันทน์ไปมา


ในที่สดุ ก็เจอจุดที่ไม่เรียบเนียนเสมอกัน เช่นนัน้ จึงยื่นมือไปบีบแล้วออก
แรงกระชาก เพียงพริบตาเดียวก็กระชากหนังหน้ามนุษย์บนใบหน้าบุรุษผู้
นัน้ ออกมาได้ เผยให้เห็นโฉมหน้าที่ซอ่ นอยู่ภายใต้หน้ากากนัน้

ใบหน้านัน้ หล่อเหลาคมคาย เห็นแล้วเย่เทียนฉีได้แต่เบิกตากว้างด้วย


ความตกใจ “เจ้าเองหรือ” สวี่เทียนโย่ว ผูเ้ ป็ นพี่ชายของสวี่เทียนอันและเป็ น
หลานของสวี่จง

“ไม่คิดเลยว่าเจ้าเองก็เป็ นพวกเบญจพิษ” ตราบจนทุกวันนีน้ างรูจ้ กั คน


ตระกูลสวี่อยูส่ ามคน คือสวี่จง สวี่เทียนอันและสวี่เทียนโย่ว สวี่จงเป็ น
หัวหน้ากลุม่ ตุ๊กแก มีความซื่อสัตย์ภกั ดีตอ่ กลุม่ เบญจพิษ ส่วนสวี่เทียนอัน
เป็ นพวกคุณชายเจ้าสาราญ ฟั งจากคาพูดของเขาแล้วก็รูว้ า่ มีความเป็ นได้
สูงว่าเขาถูกสวี่จงชักจูงถึงได้เข้าพวกกับกลุม่ เบญจพิษ ดังนัน้ นางจึงไม่เคย
สงสัยว่าคนอื่นๆ ที่ดารงตาแหน่งสาคัญของตระกูลสวี่จะเป็ นพวกเบญจพิษ
และยิ่งไม่คิดว่าสวี่เทียนโย่วเองก็เข้าร่วมกลุ่มเบญจพิษเช่นกัน

มองดูสีหน้าสับสนของมูห่ รงเสวี่ยแล้ว สวี่เทียนโย่วประกายตาเคร่งขรึม


“ถูกเจ้าจับได้เป็ นเพราะข้าทักษะสูผ้ อู้ ่ืนมิได้ ข้ายอมรับความพ่ายแพ้ เจ้าจะ
เอาอย่างไร?”

มูห่ รงเสวี่ยเห็นสายตาเยือกเย็นของสวี่เทียนโย่วแล้วก็เอ่ยเสียงไม่ดงั นัก


ว่า “ไม่อย่างไรหรอก” สวี่เทียนโย่วเป็ นคนตระกูลสวี่ และมีตาแหน่งขุนนาง
ตาแหน่งของเขาไม่ใช่ขนุ นางระดับล่าง นางไม่สงั หารเขาและก็ไม่สนุกที่จะ
สังหารเขาด้วย “ข้าจะพาเจ้าไปเข้าเฝ้าฝ่ าบาท” ให้ฝ่าบาททอดพระเนตรว่า
คนตระกูลสวี่เป็ นเช่นไร

ณ ห้องทรงพระอักษรวังหลวง!
ฮ่องเต้ทรงประทับอยูบ่ นพระเก้าอีม้ งั กรสีเหลืองทอง ทอดพระเนตร
มองสวี่เทียนโย่วที่ถกู คุมตัวคุกเข่าอยู่ท่พี นื ้ ตัง้ แต่ศีรษะจรดปลายเท้า พระ
พักตร์บงึ ้ ตึงแลดูน่ากลัว

จวบจนมูห่ รงเสวี่ยบอกเล่าที่มาที่ไปต้นสายปลายเหตุของเรือ่ งราวที่


เกิดขึน้ ฮ่องเต้ก็ทรงเงยพระพัตร์ขนึ ้ ทอดพระเนตรมองเย่เทียนฉีท่ยี ืนอยู่
หลังสวี่เทียนโย่ว “ที่นางกล่าวมาเป็ นเรือ่ งจริงหรือ?”

เย่เทียนฉีถวายความเคารพและกล่าวว่า “ทูลเสด็จพ่อ คาพูดของซื่อจื่อ


เฟยเป็ นเรือ่ งจริงทุกคาพ่ะย่ะค่ะ”
ตอนที่ 1906 ตัดสินโทษ

เรือ่ งราวเหล่านัน้ เขาก็ได้เห็นมากับตาตัวเองและก็สมั ผัสมาเองกับตัว

พระพักตร์ของฮ่องเต้ไม่สดู้ ีเท่าไรนัก ก้มหน้าลงทอดพระเนตรมองสวี่


เทียนโย่วแล้วตรัสว่า “เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกหรือไม่?”

“กระหม่อม...กระหม่อม...” ดวงตาของสวี่เทียนโย่วหลุกหลิก คิดหา


เหตุผลที่เหมาะสมจะปั ดเรือ่ งราวเหล่านัน้ ให้พน้ ตัว ทว่าคนชุดดาที่เขาพาไป
จวนแม่ทพั สวี่ก็วางกองเรียงกันอยู่ดา้ นหลัง บนเนือ้ ตัวของพวกเขายังมีรอย
สักเป็ นรูปตุ๊กแกสีดา แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็ นคนของกลุม่ เบญจพิษ เขา
ขบคิดอย่างไรก็หาเหตุผลที่จะปั ดเรือ่ งราวให้พน้ ตัวไม่ได้เลย เช่นนัน้ จึง
บังเกิดความร้อนรนและตื่นตระหนกอยู่ในใจ เหงื่อเย็นๆ ผุดซึมขึน้ เต็ม
หน้าผาก...

ฮ่องเต้ทอดพระเนตรเห็นเช่นนัน้ ดวงพระเนตรคมก็เป็ นประกายเข้าใจได้


ในบัดดล พระพักตร์มิใคร่จะสูด้ ีเท่าไร “ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็ นคนของกลุม่
เบญจพิษจริงๆ สินะ”
พระสุรเสียงแฝงความเกรงขามและผิดหวังอย่างยากจะพรรณนา สวี่
เทียนโย่วได้ยินแล้วก็สะท้านอยู่ในใจ ระล่าระลักเอ่ยออกมาว่า “ฝ่ าบาท
กระหม่อม หระหม่อม...”

“ไม่ตอ้ งพูดอะไรแล้ว” ฮ่องเต้ตรัสตัดบทเขา สวี่เทียนโย่วเป็ นคนของกลุม่


เบญจพิษจริงๆ พระองค์ก็ไม่อยากฟั งสวี่เทียนโย่วเถียงข้างๆ คูๆ...

“ตอนนีส้ วี่จงอยู่ท่ใี ด?” ฮ่องเต้เงยพระพักตร์มองเย่เทียนฉี

เย่เทียนฉีเอ่ยทูลว่า “ทูลเสด็จพ่อ ตอนนีส้ วี่จงอยู่ในคุกหลวงกรมอาญา


พ่ะย่ะค่ะ...”

“เขายังไม่ยอมพูดอะไรออกมาหรือ?” ฮ่องเต้ตรัสด้วยพระสุรเสียงเย็นชา
สวี่เทียนโย่วเป็ นคนของกลุม่ เบญจพิษ เช่นนัน้ ก็เท่ากับว่ามูห่ รงเสวี่ยที่จบั กุม
เขาไว้ย่อมไม่ใช่คนของกลุ่มเบญจพิษ ส่วนสวี่จง ท่านลุงของสวี่เทียนโย่วที่
ถูกมูห่ รงเสวี่ยกล่าวหา คาดว่าจะเป็ นดังเช่นที่นางกล่าวหานั่นคือเป็ นคน
ของกลุม่ เบญจพิษ

เพราะอย่างนัน้ ฮ่องเต้ก็ไม่จาเป็ นต้องเกรงใจอีกต่อไป


“พ่ะย่ะค่ะ” เย่เทียนฉีพยักหน้า “ไม่วา่ ลูกจะใช้วิธีใด เขาก็ไม่ยอมปริปาก
ออกมาแม้ครึง่ คา...”

“ปากแข็ง หัวแข็ง”

แต่น่าเสียดายว่าเขาเป็ นคนของกลุม่ เบญจพิษ

ฮ่องเต้ครุน่ คิดอยูช่ ่ วั ครูแ่ ล้วตรัสว่า “ในเมื่อเขาไม่ยอมพูดอะไรออกมา


เช่นนัน้ ก็ประหารไปเสีย”

มูห่ รงเสวี่ย “...”

เย่เทียนฉี “...”

“เสด็จพ่อ ประหารเขาตอนนีอ้ อกจะเร็วไปหน่อยหรือไม่...” เรือ่ งที่พวก


เขาเกี่ยวโยงกับกลุม่ เบญจพิษยังตรวจสอบออกมาไม่ได้เลยแม้แต่นอ้ ย

ฮ่องเต้สา่ ยพระพักตร์อย่างไม่เห็นด้วย “ไม่เร็วไปหรอก” สวี่จงเป็ นพวก


ปากแข็ง หัวแข็ง วิธีการของคุกหลวงกรมอาญาใช้กบั เขาไม่มีประโยชน์ หรือ
อีกนัยหนึง่ ไม่วา่ พวกเขาจะใช้วิธีการใดก็ตาม ก็ไม่มีทางได้ขอ้ มูลเรือ่ งกลุม่
เบญจพิษจากสวี่จง
เมื่อเป็ นเช่นนี ้ สาหรับพวกเขาแล้วสวี่จงก็เป็ นแค่คนไร้ประโยชน์ ศัตรู
เช่นนีจ้ ะเก็บเอาไว้เพื่อเหตุใด ควรสังหารเสียแต่เนิ่นๆ เพื่อตัดปั ญหา

มูห่ รงเสวี่ย “...”

เย่เทียนฉี “...”

ที่จริงแล้วเขาเองก็คิดว่าพวกอันตรายอย่างกลุม่ เบญจพิษสังหารทิง้ ไป
แต่เนิ่นๆ ก็ดี แต่วา่ ที่เขาคิดไว้ก็คือให้สวี่จงคายข้อมูลของกลุม่ เบญจพิษ
ออกมาก่อนแล้วค่อยประหารเขา กลับคิดไม่ถึงว่าเสด็จพ่อเมื่อเห็นว่าเขาไม่
ยอมปริปาก ก็ตอ้ งการสังหารเขาเสียแล้ว...

“ได้ยินมาว่าในคุกหลวงกรมอาญายังมีหวั หน้าในกลุม่ เบญจพิษคนอื่นๆ


ด้วยอย่างนัน้ หรือ?” ฮ่องเต้ตรัสถามขึน้

“พ่ะย่ะค่ะ” เย่เทียนฉีพยักหน้า

“พวกเขาเองก็ไม่ยอมปริปากพูดเหมือนกันหรือ?” ฮ่องเต้ตรัสถาม

“พ่ะย่ะค่ะ” เย่เทียนฉีพยักหน้า ก่อนที่จะเข้าวัง เขาก็ให้ลกู น้องไปถามที่


คุกหลวงเป็ นพิเศษ ทว่าสวี่จงกับหัวหน้ากลุม่ คางคกล้วนปิ ดปากแน่น ไม่
ยอมเผยความลับออกมาให้ลว่ งรู ้
“เช่นนัน้ ก็สงั หารไปด้วยกันให้สนิ ้ ซาก” ฮ่องเต้ตรัสอย่างไม่ลงั เล

เย่เทียนฉี “...พ่ะย่ะค่ะ”

มูห่ รงเสวี่ย “...”

เมื่อรูว้ า่ บรรดาหัวหน้าในกลุม่ เบญจพิษไม่ยอมเผยความลับที่มี


ประโยชน์ออกมา ก็ให้สงั หารหัวหน้าในกลุม่ เบญจพิษให้หมด ฮ่องเต้ช่าง
ตัดสินสังหารได้อย่างเฉียบขาด

ที่วงั เซียวเหยาอ๋องนัน้ ยังขังหัวหน้ากลุม่ เบญจพิษเอาไว้อีกหนึ่งคน


ต้องการสังหารทีเดียวเลยหรือไม่...

เพราะถึงอย่างไรเหลยอีผ้ นู้ นั้ ก็ปากแข็งเอาการ ไม่วา่ บรรดาองครักษ์ลบั


วังเซียวเหยาอ๋องจะบีบบังคับอย่างไร เขาก็ยืนหยัดที่จะไม่ปริปากพูดอะไร
ทัง้ นัน้

เหลยอีเ้ ป็ นเช่นนีเ้ ก็บเอาไว้ก็เปล่าประโยชน์...


ตอนที่ 1907 ตืน่ ตระหนกพบเย่อเี้ ฉิน

มูห่ รงเสวี่ยคิดอยูใ่ นใจ ทว่าฮ่องเต้กลับตรัสขึน้ ว่า “มาแล้วก็เข้ามาเถอะ”

มูห่ รงเสวี่ยหลุดจากภวังค์มองตามสายพระเนตรของฮ่องเต้ ก็พบว่ามี


บุรุษผูห้ นึ่งก้าวเข้ามาในห้องทรงอักษร รูปโฉมหล่อเหลา สายตาคมปลาบ
คนผูน้ นั้ ก็คือเย่อีเ้ ฉินแห่งวังจิง้ อ๋องที่ไม่ได้พบกันมานานนั่นเอง

เย่อีเ้ ฉิน เขามาอยูท่ ่นี ่ีได้อย่างไร?

มูห่ รงเสวี่ยตื่นตระหนกเป็ นอย่างมาก มองดูเย่อีเ้ ฉินนิ่งๆ ก็พบว่าเขาเดิน


ตรงเข้ามากลางห้องอักษรสายตาไม่วอกแวก ถวายบังคมฮ่องเต้ดว้ ยท่าทาง
หนักแน่นทว่าไม่ละทิง้ ความสง่างาม “กระหม่อมถวายบังคมฝ่ าบาทพ่ะย่ะ
ค่ะ”

“ไม่ตอ้ งมากพิธี” ฮ่องเต้เอ่ยด้วยสุรเสียงราบเรียบ ยื่นมือชีไ้ ปยังสวี่เทียน


โย่วที่คกุ เข่าอยู่ท่พี นื ้ แล้วตรัสว่า “เจ้ารูจ้ กั คนผูน้ ีห้ รือไม่?”
เย่อีเ้ ฉินเหลือบตามองสวี่เทียนโย่วแล้วเอ่ยว่า “ทูลฝ่ าบาท กระหม่อมรูจ้ กั
เขาก็คือสวี่เทียนโย่วพ่ะย่ะค่ะ”

“แล้วเจ้ารูห้ รือไม่วา่ เขาเข้าไปอยู่ในกลุม่ เบญจพิษ?” ฮ่องเต้ตรัสถามพระ


สุรเสียงเย็นชา ทอดพระเนตรมองเย่อเี ้ ฉินตาไม่กะพริบ สังเกตทุกอารมณ์
และความรูส้ กึ ที่ฉายบนใบหน้าของเขา

มูห่ รงเสวี่ย “...”

เกือบลืมไปเสียว่าสวี่เทียนโย่วเป็ นคนของเย่อีเ้ ฉิน สวี่เทียนโย่วถูกตรวจ


พบว่าเป็ นพวกเบญจพิษ เย่อีเ้ ฉินในฐานะผูบ้ งั คับบัญชาสูงสุดและไว้วางใจ
เขาอย่างยิ่งยวด ย่อมชวนให้ผคู้ นตรวจสอบจนถึงที่สดุ เพราะอย่างนัน้ ฝ่ า
บาทจึงทรงเรียกตัวเย่อีเ้ ฉินมาหยั่งเชิงดูทา่ ทีท่หี อ้ งทรงอักษร...

“ทูลฝ่ าบาท กระหม่อมไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ” เย่อีเ้ ฉินเอ่ยหน้าไม่เปลี่ยนสี ไม่


มีอาการหลุกหลิกแต่อย่างใด

“ไม่รูจ้ ริงหรือ?” ราวกับว่าฮ่องเต้ไม่เชื่อคาพูดของเขาเท่าไรนัก

“ไม่ทราบจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ” เย่อเี ้ ฉินเอ่ยชัดถ้อยชัดคา นา้ เสียงนัน้ ดัง


กังวาน
ฮ่องเต้ทอดพระเนตรมองเย่อเี ้ ฉินนิ่งๆ พบว่าเย่อเี ้ ฉินสีหน้าราบเรียบ ไม่
ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่พบความผิดปกติใดสักนิด พระเนตรแรงกล้าของ
ฮ่องเต้ฉายแววครุน่ คิด ตรัสว่า “ในเมื่อเป็ นเช่นนีจ้ ิง้ หวางเหยียก็มีความผิด
ฐานละเลยหน้าที่”

“กระหม่อมน้อมรับโทษพ่ะย่ะค่ะ” ความชัดเจนของเย่อีเ้ ฉิน มูห่ รงเสวี่ย


เห็นแล้วประหลาดใจยิ่งนัก คิดไม่ถึงว่าเขาจะไม่ได้โต้แย้งแทนสวี่เทียนโย่ว
เดิมทียงั คิดว่าการที่เย่อีเ้ ฉินมมาที่หอ้ งทรงอักษรก็เพื่อโต้เถียงล้างผิดให้สวี่
เทียนโย่วเสียอีก...

เห็นได้ชดั ว่าฮ่องเต้ก็ทรงคิดเช่นเดียวกันกับนาง มองเย่อีเ้ ฉินด้วยความ


ฉงน “เจ้ารับโทษชัดเจนเช่นนี ้ เจ้าก็ไม่คิดว่าสวี่เทียนโย่วบริสทุ ธิ์ แต่ถกู เราใส่
ความเขากระนัน้ หรือ?”

มูห่ รงเสวี่ยเองก็ตอ้ งการรูค้ าตอบนีเ้ ช่นกัน เช่นนัน้ จึงมองเย่อเี ้ ฉินตาไม่


กะพริบ เห็นสายตาของเขานิ่งสนิท “ทูลฝ่ าบาท ฝ่ าบาททรงปราดเปรือ่ ง
ทัง้ บุน๋ บู๊ ทรงเป็ นกษัตริยท์ ่มี ีพระปรีชาสามารถ ไม่มีทางสั่งโทษขุนนางโดยไม่
มีมลู ฝ่ าบาทตรัสว่าสวี่เทียนโย่วเป็ นพวกเบญจพิษ นั่นก็ยอ่ มแสดงว่าทรง
สอบสวนดีแล้ว พบหลักฐานว่าเขาเป็ นพวกเบญจพิษ...” ฉะนัน้ เขาจึงไม่
สงสัยว่าฝ่ าบาททรงใส่ความสวี่เทียนโย่ว...

มูห่ รงเสวี่ย “...”

เย่อีเ้ ฉินกาลังกล่าวสรรเสริญฮ่องเต้กระนัน้ หรือ?

นางไม่ได้ฟังผิดไปใช่หรือไม่?

แม้วา่ ในความทรงจาของเจ้าของร่างเดิม หรือในความทรงจาของนาง


ล้วนไม่เคยได้ยินเย่อีเ้ ฉินสรรเสริญผูใ้ ดมาก่อน แม้แต่บิดาของเขาเองเขายัง
ไม่เคยยกย่องสรรเสริญ

เพราะว่าเย่อีเ้ ฉินเป็ นผูห้ ยิ่งทะนง และก็เป็ นผูม้ ากความสามารถ ไม่วา่ จะ


เป็ นด้านบุน๋ หรือบู๊ นาทัพจับศึกอะไรพรรค์นนั้ เขาก็โดดเด่นเป็ นอันดับต้นๆ
เป็ นผูท้ ่อี ยู่ในระดับแนวหน้ามาโดยตลอด แต่ไหนแต่ไรมามีแต่ผอู้ ่ืนยกย่อง
สรรเสริญเขา เขาไม่เคยต้องยกย่องสรรเสริญผูใ้ ด...

ไม่คิดเลยว่าวันนีเ้ ขาจะสรรเสริญฝ่ าบาทได้

นี่เขากาลังคิดอะไรอยู่นะ? คงมิใช่ว่า...
มูห่ รงเสวี่ยขบคิด เงยหน้าขึน้ มองฝ่ าบาทก็พบว่าหลังจากพระองค์ได้ฟัง
ที่เย่อเี ้ ฉินเอ่ยแล้ว พระพักตร์ก็อ่อนลงไปมาก พระสุรเสียงก็ไม่ได้ดดุ นั ถึง
เพียงนัน้ แล้ว “เราตัดสินประหารพวกเขายกตระกูล จิง้ อ๋องเห็นเป็ นเช่นไร?”

“ฝ่ าบาททรงพระปรีชายิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ” เย่อเี ้ ฉินกล่าว

“เมื่อเป็ นเช่นนี ้ ก็ประหารคนตระกูลสวี่ทงั้ ตระกูลก็แล้วกัน จิง้ อ๋อง เทียนฉี


พวกเจ้ารับผิดชอบคุมการลงทัณฑ์” ฮ่องเต้รบั สั่งเสียงดัง ยังคงใช้พระเนตร
ลอบมองเย่อีเ้ ฉินโดยไม่เป็ นที่สงั เกต
ตอนที่ 1908 ลานประหารแตกตืน่ (1)

“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ” แววตาเย่อีเ้ ฉินยังคงสงบนิ่งเช่นเดิม ตกปาก


รับคาตามที่ฮ่องเต้ทรงมีพระบัญชา

ท่าทางไม่มีความผิดปกติใดๆ เลยสักนิด ทาให้ฮ่องเต้หมดความความสน


พระทัยที่จะไต่สวนต่อ ตรัสด้วยสุรเสียงน่ายาเกรง “ออกไปได้”

“พ่ะย่ะค่ะ” เย่อีเ้ ฉินส่งเสียงรับ หันหลังเดินออกไปข้างนอกอย่างไม่รบี


ร้อน...

มองดูเขาเดินจากไปไกลแล้ว ส่วนลึกนัยน์ตามูห่ รงเสวี่ยก็มีประกาย


ครุน่ คิด...

เป็ นถึงขุนนางระดับสูงของแคว้นชิงเหยี่ยน กลับไปรวมกลุม่ กับพวก


ตาหนักมืดแคว้นหนานจ้าว กลายเป็ นคนของกลุม่ เบญจพิษ มีความผิดฐาน
กบฏต่อแผ่นดิน ความผิดของสวี่เทียนโย่วประกาศออกมาโดยพลัน ผูค้ น
ต่างพากันแสดงความคิดเห็นกันไปทั่วบ้านทั่วเมือง
การตัดสินโทษทัณฑ์ยามอู่ใกล้มาถึง ด้านหน้าลานประหารล้อมด้านใน
สามชัน้ ล้อมด้านนอกอีกสามชัน้ บรรดานักโทษได้แก่ สวี่จง สวี่เทียนโย่ว
บิดามารดาของสวี่เทียนโย่ว สวี่เทียนอันและเหลยอีท้ ่เี พิ่งได้สติมาไม่นาน
สวมชุดนักโทษคุกเข่าอยู่บนลานประหาร ผมเผ้ายุ่งเหยิง แววตาฉายความ
โกรธแค้น บรรดาเจ้าหน้าที่หยิบบัญชีขนึ ้ มาตรวจสอบทีละคนอย่างละเอียด
...

เย่เทียนฉีน่ งั อยู่บนลานคุมการประหาร มองภาพด้านบนลานประหาร


อย่างไม่ใคร่ใส่ใจ ชาเลืองมองผูท้ ่นี ่ งั อยูข่ า้ งกายเขา เห็นใบหน้าเรียบเฉย
ของเย่อีเ้ ฉินก็อดไม่ได้ท่จี ะถามขึน้ ว่า “ลูกน้องผูเ้ ป็ นกาลังสาคัญของจิง้ หวาง
เหยียกาลังจะถูกตัดสินประหารชีวิต หวางเหยียไม่มีอะไรจะพูดหน่อย
หรือ?”

เย่อีเ้ ฉินแววตาเย็นชา “พวกทรยศแคว้นถูกตัดสินประหารชีวิต เป็ นสัจ


ธรรมที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ ข้ายังมีอะไรต้องพูดอีก?”

เย่เทียนฉีแววตาเฉยเมย “พูดเช่นนีก้ ็ไม่ผิด แต่วา่ ถึงอย่างไรสวี่เทียนโย่วก็


ติดตามจิง้ หวางเหยียมาหลายปี และสร้างผลงานความดีความชอบนับครัง้
ไม่ถว้ น...”
“เขาจะสร้างผลงานมากมายเพียงใดก็เปลี่ยนแปลงความจริงที่วา่ เขา
ทรยศแคว้นไม่ได้ ชดเชยความผิดฐานทรยศแคว้นไม่ได้” เย่อีเ้ ฉินตัดบนเย่
เทียนฉีดว้ ยนา้ เสียงเยือกเย็น

เย่เทียนฉี “...”

เย่อีเ้ ฉินหมายความว่า สวี่เทียนโย่วทรยศแล้ว ดังนัน้ ไม่วา่ ก่อนหน้านีเ้ ขา


จะสร้างผลงานสักเท่าไร ก็ลบล้างได้ทงั้ หมด เย่อเี ้ ฉินไม่มีทางช่วยเหลือเขา
...

ทรยศแว่นแคว้นถือเป็ นความผิดร้ายแรง เมื่อพบเจอ ไม่วา่ จะเป็ นใคร


ตาแหน่งไหน สร้างผลงานความดีความชอบเพียงใดก็ถกู ตัดสินประหารชีวิต
การที่เย่อีเ้ ฉินไม่ชว่ ยสวี่เทียนโย่วก็เป็ นเรือ่ งที่ถกู ต้อง แต่วา่ “บรรดา
นายทหารใต้อาณัติของหวางเหยียจะปวดใจหรือไม่?”

“ไม่เป็ นเช่นนัน้ อย่างแน่นอน” เย่อีเ้ ฉินส่ายหน้า “นายทหารที่ซ่อื สัตย์


จงรักภักดีตอ่ แคว้นชิงเหยี่ยนอย่างแท้จริง ย่อมไม่มีทางทรยศแคว้น
นายทหารที่ทรยศแคว้นชิงเหยี่ยนก็ไม่ใช่นายทหารแคว้นชิงเหยี่ยนอีกต่อไป
คนเช่นนัน้ ก็สมควรที่จะตัดสินประหารซึง่ หน้า” ในค่ายทหารของเขา ล้วน
เข้าใจเหตุผลนีด้ ี ไม่มีทางปวดใจเพราะเรือ่ งนีอ้ ย่างแน่นอน
“...เช่นนัน้ ก็ด”ี เย่เทียนฉีหวั เราะเบาๆ ดวงตาดาสนิทเป็ นประกายลา้ ลึก
ยากที่จะคาดเดา

“ฉีหวางเหยีย จิง้ หวางเหยีย นักโทษทัง้ หมดตรวจสอบตัวตนถูกต้องพ่ะ


ย่ะค่ะ” เจ้าหน้าที่ตรวจสอบนักโทษเดินเข้ามาเอ่ยรายงานเสียงทุม้

เย่เทียนฉีสง่ เสียงอืมรับรู ้ เงยหน้าขึน้ มองดวงอาทิตย์กลางท้องฟ้า ถึง


ยามอู่แล้ว ได้เวลาพอดี

เย่เทียนฉีหยิบไม้ประหารขึน้ มาแล้วโยนไปที่พนื ้ เสียงดังว่า “ประหาร!”

“พ่ะย่ะค่ะ” บรรดาเพชฌฆาตถือดาบเล่มใหญ่รบั คาสั่ง เดินขึน้ หน้ามา


เก็บแผ่นไม้บนตัวนักโทษออก เงือ้ ดาบขึน้ สุดแขน ฟั นลงไปตรงท้ายทอ
ของสวี่เทียนโย่ว สวี่จงและคนอื่นๆ อย่างแรง...

ขณะที่ดาบเล่มใหญ่กาลังจะฟั นลงไปบนคอของพวกเขานัน้ จูๆ่ ก็มีลกู


ธนูมากมายยิงใส่ดาบของบรรดาเพชฌฆาต ทาให้ดาบร่วงกระแทกพืน้ คน
ชุดดาจานวนหนึ่งทะยานขึน้ ท่ามกลางฝูงชน เหินตัวมาอยู่บนลานประหาร
เตะบรรดาเพชฌฆาตให้พน้ ทาง ตวัดกระบี่ฟันเชือกที่มดั สวี่จง สวี่เทียนโย่ว
และคนอื่นๆเอาไว้ หมายจะช่วยคนหลบหนี
ไม่คิดว่า บรรดาเจ้าหน้าที่ท่ดี ลู านประหารจะตามมา เกิดการต่อสูก้ นั
ขึน้ มา...

ลานประหารตกอยู่ในความโกลาหลทันใด...
ตอนที่ 1909 ลานประหารแตกตืน่ (2)

เย่เทียนฉีน่ งั อยู่บนเวทีคมุ การประหาร มองดูความโกลาหลที่ลาน


ประหาร ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งขรึมเล็กน้อย “คนชุดดา...คนของกลุม่ เบญจ
พิษ!”

“มีความเป็ นไปได้สงู ” เย่อีเ้ ฉินมองดูการต่อสูอ้ นั ดุเดือดบนลานประหาร


แล้วเอ่ยเสียงราบเรียบ

“คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะกล้ามาปล้นลานประหาร..ขวัญกล้าไม่นอ้ ย
ทีเดียว” เสียงกังวานใสของเย่เทียนฉีแฝงความเย็นชา

“แต่ไหนแต่ไรมาความกล้าของพวกตาหนักมืดแคว้นหนานจ้าวก็มีมาก
อยู่แล้ว” เย่อีเ้ ฉินเอ่ยอย่างไม่ใคร่ใส่ใจ

ทว่าเย่เทียนฉีได้ยินแล้วหันไปมองเขาทันที “จิง้ หวางเหยียรูจ้ กั กลุม่


เบญจพิษดีหรือไม่?”
“ไม่ถือว่ารูจ้ กั ดี เพียงแค่ได้ยินผูอ้ ่ืนพูดเรือ่ งของพวกเขามาบ้าง”
ยกตัวอย่างเช่นพวกตาหนักมืดแคว้นหนานจ้าวมีความทะเยอทะยาน เพียง
แค่เชือ้ พระวงศ์แคว้นหนานจ้าวมีความเห็นไม่ตรงกับพวกเขา ก็ถึงกับส่งคน
ไปบุกโจมตีเชือ้ พระวงศ์แคว้นหนานจ้าว...

องค์กรเช่นนีข้ วัญกล้าเทียมฟ้ายิ่งนัก พวกเขาไม่เกรงกลัวเชือ้ พระวงศ์


แล้วก็ไม่เกรงกลัวขุมกาลังอานาจ ใครทาให้พวกเขาไม่พอใจพวกเขาก็กล้าที่
จะงัดข้อกับคนผูน้ นั้

ตอนนีแ้ คว้นชิงเหยี่ยนจับตัวคนของพวกเขาไว้แล้วจะประหารคนของ
พวกเขา พวกเขาก็ตอ้ งมาปล้นลานประหารชิงตัวคนของพวกเขาเป็ นเรือ่ ง
ธรรมดา ส่วนเรือ่ งที่วา่ ลานประหารแห่งนีเ้ ป็ นลานประหารของแคว้นชิงเห
ยี่ยน มีองครักษ์อารักขามากมาย มีหวางเหยียเชือ้ พระวงศ์สองคนนั่งเป็ น
ประธาน ส่วนเขาไม่สนใจและหาได้มีความเกรงกลัวไม่...

‘เคร้ง เคร้ง...เคร้ง เคร้ง...’ เสียงการต่อสูอ้ นั ดุเดือดดังก้องฟ้า คนชุดดา


กาลังต่อสูก้ บั บรรดาองครักษ์อยู่บนลานประหารขนาดใหญ่กระจายออกมา
อย่างถึงที่สดุ
บรรดาองครักษ์กองแล้วกองเล่าพุง่ ขึน้ ไปบนลานประหาร ทว่ากลับถูก
บรรดาคนชุดดาถีบลงมา...

บรรดาองครักษ์กองสะเปะสะปะด้านล่างลานประหาร เป็ นภาพ


เหตุการณ์ท่ยี ่ิงใหญ่...

เย่เทียนฉีมองดูดว้ ยสายตานิ่งขรึม “คนพวกนีเ้ ป็ นพวกเบญจพิษ วรยุทธ์


สูงมาก...”

“ถูกต้อง” เย่อีเ้ ฉินมองดูฉากต่อสูต้ รงหน้าแล้วพนักหน้าเห็นด้วย บรรดา


องครักษ์ไม่ใช่คตู่ ่อสูข้ องพวกเบญจพิษ ต่อสูก้ นั อย่างนีอ้ ีกต่อไป กลุม่ คน
เบญจพิษก็จะสามารถทะลวงเกราะป้องกันของบรรดาองครักษ์ กาจัด
องครักษ์ทงั้ หมด ช่วยพวกสวี่จงกับสวี่เทียนโย่วหนีรอดไปได้...

...

สวี่จง สวี่เทียนโย่ว เหลยอีล้ ว้ นเป็ นพวกเบญจพิษ และมีตาแหน่ง


ค่อนข้างสูงในกลุม่ เบญจพิษ เย่เทียนฉีเคยคาดเดาว่ากลุม่ เบญจพิษอาจมา
ปล้นลานประหารชิงตัวพวกเขา ดังนัน้ จึงเตรียมองครักษ์จานวนห้าเท่า
อารักขาบริเวณรอบลานประหาร คิดไม่ถึงว่าพวกเบญจพิษจะมาปล้นลาน
ประหารชิงตัวนักโทษจริงๆ แต่วรยุทธ์ของพวกเขาสูงส่งเหนือความ
คาดหมาย บรรดาองครักษ์ท่เี ขาเตรียมไว้ไม่ใช่คตู่ ่อสูข้ องพวกเบญจพิษเอา
เสียเลย...

สูก้ นั เช่นนีต้ ่อไป บรรดาองครักษ์ก็จะล่มสลายกันหมด ส่วนคนของกลุม่


เบญจพิษก็จะช่วยพวกสวี่จงกับสวี่เทียนโย่วไปได้สาเร็จ...

เขาจะปล่อยให้พวกเบญจพิษช่วยพวกสวี่จง กับพวกสวี่เทียนโย่วไปได้
หรือ?

คาตอบคือ...ไม่มีทาง!

เย่เทียนฉีแววตาเคร่งขรึม โบกมือเบาๆ ชั่วพริบตานัน้ ก็มีทหารสวมชุด


เกราะนับไม่ถว้ นกรูเข้ามาจากสี่ทศิ ในมือถือคันธนูประจันหน้ากับคนชุดดา
บนลานประหาร

“ยิงธนู” เย่เทียนฉีออกคาสั่ง ธนูขนนกสีดานับไม่ถว้ นยิงใส่บรรดาคนชุด


ดาอย่างไร้ปรานี...

หลังจากบรรดาคนชุดดาตะลึงไประยะเวลาสัน้ ๆ ก็คว้ากระบี่ยาวขึน้ ปั ด
ป้องลูกธนู...
“ฟึ่ บ ฟึ่ บ ฟึ่ บ...ฟึ่ บ ฟึ่ บ ฟึ่ บ...” บนลานประหารตกอยู่ในความโกลาหลอีก
ครัง้

เย่อีเ้ ฉินที่น่ งั อยู่บนเวทีคมุ การประหาร มองดูผคู้ นวุน่ วายบนลานประหาร


สงครามธนู แววตานิ่งขรึมราวนา้ ลึก “เพื่อการคุมการประหารครัง้ นี ้ ฉีหวาง
เหยียเตรียมการมากมายทีเดียว” นับจากองครักษ์อารักขานับไม่ถว้ น ไหน
จะพลธนู คันธนู...การเตรียมการเหล่านี ้ เขาที่อยู่ในตาแหน่งคุมการประหาร
เช่นกันไม่รูเ้ รือ่ งแม้แต่นิดเดียว...

เสียงของเย่อีเ้ ฉินแฝงความเย้ยหยันโดยไม่รูต้ วั เย่เทียนฉีเองก็ไม่สนใจ


หัวเราะแล้วเอ่ยว่า “ข้าก็แค่ปอ้ งกันเหตุการณ์ไม่คาดคิด”
ตอนที่ 1910 ลานประหารแตกตืน่ (3)

พวกสวี่จง สวี่เทียนโย่วเป็ นขุนนางในราชสานักที่ทาความผิดใหญ่หลวง


เขาได้รบั บัญชาจากเสด็จพ่อให้มาคุมการประหารพวกเขาย่อมต้อง
เตรียมการให้มาก เพื่อมั่นใจว่าพวกสวี่จง สวี่เทียนโย่วจะถูกประหารสาเร็จ
ลุลว่ ง

ไม่อย่างนัน้ หากเตรียมการไม่พร้อม อาจจะทาให้พวกสวี่จงกับสวี่เทียน


โย่วได้รบั การช่วยเหลือจากกลุม่ เบญจพิษ หลบหนีการถูกประหารได้สาเร็จ
...

ไม่ตอ้ งพูดถึงว่าเสด็จพ่อไม่มีทางเอาผิดเขาเลย เพียงแค่นนั้ เขาก็คง


เหยียดหยันในความโง่เขลาของตนเองแล้ว...

เย่อีเ้ ฉิน “...”

เมื่อรูว้ า่ มีโอกาสที่กลุม่ เบญจพิษจะมาปล้นลานประหารชิงตัวนักโทษ ก็


ย่อมเตรียมการให้มากหน่อย แต่วา่ “เหตุใดฉีหวางเหยียถึงไม่ปรึกษาข้าเลย
เล่า?” เพราะถึงอย่างไรพวกเขาทัง้ คูก่ ็เป็ นขุนนางที่ได้รบั มอบหมายให้คมุ
การประหาร ต่อให้จะจัดเตรียมลานประหารอย่างไรก็ควรจะปรึกษาเขาสัก
หน่อย...

เย่เทียนฉีมองเขาแวบหนึ่ง “ข้าคิดว่า จิง้ หวางเหยียเองก็สามารถ


จัดเตรียมลานประหารได้เช่นกัน...” ในฐานะขุนนางคุมการประหาร ต้อง
มั่นใจว่านักโทษที่เขามาคุมการประหารถูกประหาร สวี่จง สวี่เทียนโย่วเป็ น
พวกเบญจพิษ การที่พวกเขาถูกประหาร โอกาสที่คนของกลุม่ เบญจพิษบุก
มาปล้นลานประหารชิงตัวนักโทษค่อนข้างสูง การจัดเตรียมบริเวณรอบลาน
ประหารเป็ นสิ่งจาเป็ น

พวกเขาไม่รูว้ า่ กลุม่ เบญจพิษมีเท่าไร จะมาเท่าไร ดังนัน้ การเตรียมการมี


มากหน่อยก็ดี

เขาเตรียมการเอาไว้หลายชัน้ เย่อีเ้ ฉินเองก็เตรียมการเอาไว้อีกหลายชัน้


ขอเพียงคนของกลุม่ เบญจพิษกล้ามาปล้นลานประหารชิงนักโทษ ก็
รับประกันได้วา่ จะส่งพวกเขาเดินทางไปสูด่ ินแดนสุขาวดี

ไม่คิดเลยว่าตอนนีค้ นของกลุม่ เบญจพิษจะบุกมาปล้นลานประหารจริงๆ


มีเพียงแค่เขาที่เตรียมการขัดขวางคนของกลุม่ เบญจพิษ แต่เย่อเี ้ ฉินนัน้ ไม่ได้
เตรียมพลทหารบริเวณรอบลานประหารเลยสักนาย...
“จิง้ หวางเหยีย ท่านก็ไม่คิดว่าคนของกลุม่ เบญจพิษจะบุกมาปล้นลาน
ประหาร หรือว่าไม่กงั วลว่าพวกสวี่จงกับสวี่เทียนโย่วจะถูกคนของกลุม่
เบญจพิษมาชิงตัวไปหรือ” เย่เทียนฉีมองเย่อีเ้ ฉินตาไม่กะพริบ

เย่อีเ้ ฉินสีหน้าแข็งค้าง “...ล้วนไม่ใช่...ข้าก็แค่...ไม่คิดว่าคนของกลุม่


เบญจพิษจะร้ายกาจเช่นนัน้ ”

“อย่างนัน้ หรือ?” เย่เทียนฉีไม่อยากจะเชื่อคาพูดของเขาสักเท่าไร

“แน่นอนอยูแ่ ล้ว...” เย่อีเ้ ฉินเอ่ยว่า “ก่อนหน้านีข้ า้ ไม่เคยสูก้ บั คนของกลุม่


เบญจพิษ...ไม่รูว้ า่ วรยุทธ์ของพวกเขาอยู่ในขัน้ ไหน...” เขาคิดว่าอาศัยแค่
การเตรียมการเวลาตัดสินโทษประหารโดยปกติก็สามารถขัดขวางคนของ
กลุม่ เบญจพิษได้...

“ก็ขอให้เป็ นเช่นนัน้ ” เย่เทียนฉีเอ่ยเสียงเบา ดูสมรภูมิการต่อสูต้ ่อ เห็นแค่


เพียงลูกธนูสีดาถี่ยิบราวสายฝนโปรยปรายหนาเม็ดกระหน่าใส่เหล่าคนชุด
ดาบนลานประหาร เหล่าคนชุดดาตวัดกระบี่ปัดลูกธนูเป็ นพัลวัน แต่ก็ยงั มี
ธนูบางส่วนเล็ดรอดยิงเข้าไปได้ ยิงโดนพวกเขาทยอยล้มลงไปกองกับพืน้ ...
บนลานประหารขนาดใหญ่ มีคนชุดดาของกลุม่ เบญจพิษไม่นอ้ ยกอง
ระเกะระกะ...

คนของกลุม่ เบญจพิษวรยุทธ์สงู ส่ง บรรดาองครักษ์สไู้ ม่ได้ก็ไม่เป็ นไร


เช่นนัน้ ก็ไม่ใช้ดาบต่อดาบ กระบี่ตอ่ กระบี่สกู้ บั กลุม่ คนชุดดา แต่ระดมยิงธนู
สังหารพวกเขาอยูไ่ กลๆ...

“ฉึก ฉึก ฉึก...ฉึก ฉึก ฉึก...” ลูกธนูยิงกระหน่าเต็มท้องกห้า คนชุดดาธนู


ยิงล้มไปกองคนแล้วคนเล่า เลือดสีแดงทะลักบาดแผลไหลพราก เลือดสีแดง
ฉานอาบย้อมไปครึง่ ลานประหาร กลิ่นคาวเลือดตลบอบอวลอยู่ในอากาศ
...

คนชุดดาบนลานประหารเริม่ น้อยลงเรือ่ ยๆ น้อยลงเรือ่ ยๆ ทว่าลูกธนู


กลับไม่ได้ลดน้อยลงเลยสักนิด ทัง้ ยังแน่นขนัดขึน้ เรือ่ ย ยิงเล็ดรอดการ
ป้องกันของพวกเขา ยิงโดนร่างของตระกูลสวี่ท่พี วกเขาเอามาเป็ นเกราะ...

เลือดสีแดงฉานกระเซ็น บรรดาคนชุดดาเอ่ยเสียงเล็ดรอดไรฟั นด้วย


ความโกรธแค้นว่า “ฉีหวางเหยีย จิง้ หวางเหยียแคว้นชิงเหยี่ยน วิธีการของ
พวกเจ้า พวกเรารับรูแ้ ล้ว...”
เย่อีเ้ ฉินแววตาเยือกเย็น ไม่เอ่ยวาจา

เย่เทียนฉีปรายตามองพวกเขา “เช่นนัน้ พวกเจ้าก็จดจ่ออยู่กบั การรับรู ้


ต่อไปก็แล้วกัน...เพราะถึงอย่างไรนี่อาจเป็ นครัง้ แรกและครัง้ สุดท้ายที่พวก
เจ้าจะได้รบั รูว้ ิธีการของข้าและจิง้ หวางเหยีย”

การเตรียมการในตอนนีเ้ ขาทุม่ เทจิตใจอย่างมาก บนลานประหารแห่งนี!้


ตอนที่ 1911 ลานประหารแตกตืน่ (4)

...

เย่เทียนฉีคิดจะยิงธนูสงั หารพวกเขาหรือ...

ไม่อย่างดายเพียงนัน้ หรอก

คนชุดดากลุม่ เบญจพิษกัดฟั นกรอด ฉวยฝุ่ นผงขึน้ มากามือหนึ่งซัดใส่


รอบทิศ...

สายลมโชยอ่อนพัดพาฝุ่ นผงเหล่านัน้ ปกคลุมบริเวณรอบลานประหาร


องครักษ์บนลานประหาร องครักษ์ท่ยี ิงธนูอยู่ไกลออกไป รวมถึงเย่เทียนฉี
และเย่อีเ้ ฉินที่มาคุมการปรัหารล้วนถูกละอองปกคลุมอยู่ดา้ นใน...

คนชุดดาหัวเราะออกมาอย่างสาแก่ใจ “ฮ่าๆๆ...นี่เป็ นพิษที่พวกข้าปรุง


ขึน้ เป็ นพิเศษ ไม่มีผใู้ ดถอนพิษได้ พวกเจ้าก็รอความตายเสียเถอะ...ฮ่าๆๆ
...”
บรรดาองครักษ์แคว้นชิงเหยี่ยนได้ยินเช่นนัน้ ต่างก็มองหน้ากัน ผูท้ ่ตี วัด
กระบี่ฟาดฟั นสังหารศัตรูก็ตวัดกระบี่ต่อ ผูท้ ่ยี ิงธนูสงั หารศัตรูก็ยิงธนูต่อ
ราวกับไม่ได้ยินคาพูดของเขาอย่างไรอย่างนัน้ ...

เย่อีเ้ ฉินที่อยู่บนลานประหารก็ยืนมองพวกเขาสายตาแน่น่ิง ส่วนเย่


เทียนฉีก็ยงั คงมองสมรภูมิรบตรงหน้าต่อไปด้วยสายตาเรียบเฉย ไม่มีว่แี วว
ของการถูกพิษเสียอย่างนัน้ ...

รอยยิม้ สาแก่ใจของคนชุดดาพลันชะงักค้าง “...พวกเจ้า...เหตุใดพวก


เจ้าถึงไม่เป็ นอะไร...”

“นั่นก็เป็ นเพราะว่าพวกข้ามียาถอนพิษอย่างไรเล่า” เย่เทียนฉีเอ่ยตอบ


เขาอย่างไม่ใคร่ใส่ใจนัก

“เป็ นไปไม่ได้ เป็ นไปไม่ได้...” คนชุดดาส่ายหน้าเป็ นพัลวัน บนโลกนีไ้ ม่มี


ผูใ้ ดสามารถถอนพิษของพวกเขาได้...

เย่เทียนฉีหวั เราะเสียงหยัน “มีอะไรที่จะเป็ นไปไม่ได้เล่า พวกเจ้าไม่เคย


พบมู.่ ..เอาเป็ นว่าพิษของพวกเจ้ากลุม่ เบญจพิษไม่ได้เป็ นดังคาล่าลือ คน
แคว้นชิงเหยี่ยนเราก็สามารถถอนพิษได้...” เขาเคยได้รบั การชีแ้ นะเรือ่ งพิษ
ของกลุม่ เบญจพิษ เพราะอย่างนัน้ เมื่อรูส้ กึ ว่ากลุม่ เบญจพิษจะมาปล้น
ลานประหารชิงตัวนักโทษ เขาก็เลยให้...เพื่อนของเขาทายาถอนพิษขึน้ มา
ซุม่ โรยไว้บริเวณรอบลานประหาร และที่คอปกเสือ้ ขององครักษ์ทกุ นาย
หากกลุม่ เบญจพิษไม่ใช้พิษก็แล้วไป แต่ถา้ ใช้พิษขึน้ มาจริงๆ บรรดา
องครักษ์ก็สามารถถอนพิษได้จากยาถอนพิษที่พ่นไว้บนคอปกเสือ้ ...

คนชุดดา “...พวกเจ้าเตรียมการได้รอบคอบยิ่งนัก” ในนา้ เสียงแฝงความ


เข่นเขีย้ วเคีย้ วฟั นอย่างไม่คิดปิ ดบัง

เย่เทียนฉีเองก็ไม่ได้ใส่ใจ เอ่ยเสียงราบเรียบว่า “ขอบคุณที่ชมเชย ข้าก็


มักเตรียมการอย่างรอบคอบเสมอ”

คนชุดดา “...”

แสงอาทิตย์สาดส่องลงกลางศีรษะ นี่ก็ลว่ งเข้ายามอู่มานานพอสมควร


แล้ว!

ใบหน้าของเย่เทียนฉีฉายแววจริงจังขึน้ มาทันที เอ่ยเสียงดังกังวานว่า


“องครักษ์บนลานประหารถอยออกไปให้หมด!”
“พ่ะย่ะค่ะ” บรรดาองครักษ์รบั คา ไม่ก่ีกระบวนท่าก็บีบศัตรูถอยร่นไป
ด้านหลัง จากนัน้ ก็ทะยานลงจากลานประหาร บนลานประหารมีเพียงคน
ชุดดา สวี่จง สวี่เทียนโย่วและพวกที่รอการตัดสินโทษประหาร

แววตาของสวี่จงแข็งกร้าว “ท่าไม่ดีเสียแล้ว...”

พูดยังไม่ทนั ขาดคาก็พบว่าบรรดาพลธนูเปลี่ยนลูกธนูใหม่เป็ นลูกธนู


แบบคบเพลิงที่มีเปลวไฟลุกโชน ยิงตรงเข้าใส่พวกลูกแล้วลูกเล่า...

คนชุดดาและพวกสวี่เทียนโย่วเบี่ยงกายหลบหนีตามสัญชาตญาณ ลูก
ธนูยิงมาตกอยู่ท่พี นื ้ ตรงหน้าพวกเขา ก่อนจะระเบิดเสียงดังปั ง...

คนของกลุม่ เบญจพิษที่อยู่ในรัศมีลกู ธนูลว้ นถูกระเบิดตาย...

เหล่าคนชุดดายังไม่ทนั ได้แตกตื่นก็มีธนูเพลิงยิงเข้ามาใส่ราวห่าฝนมืด
ฟ้ามัวดิน ระเบิดลานประหารเสียง “ปั ง ปั ง ปั ง...ปั ง ปั ง ปั ง...” ลานประหาร
ตกอยู่ในสภาพระเบิดรุนแรง...

เย่เทียนฉีมองดูภาพระเบิดรุนแรงด้วยสายตานิ่งเฉย บัญชาของเสด็จ
พ่อคือให้ประหารสวี่จง สวี่เทียนโย่วและพวกก่อนยามอู่ บัดนีเ้ วลาก็
ล่วงเลยยามอู่ไปแล้วไม่อาจล่าช้าได้อีก จาเป็ นต้องเร่งประหารสวี่จง สวี่
เทียนโย่วและพวกให้เร็วที่สดุ ...

สวี่จงกับสวี่เทียนโย่วมีคนกลุม่ เบญจพิษคุม้ กันอยู่ ทาให้ไม่สามารถเข้า


ใกล้พวกเขาได้ จึงไม่อาจสังหารพวกเขาได้ ไม่เป็ นไร เช่นนัน้ ก็ใช้ธนูเพลิง
ระเบิดพวกเขาก็แล้วกัน แม้วา่ การระเบิดจะไม่ใช่การประหาร แต่ผลลัพธ์
สุดท้ายก็เหมือนกับผลลัพธ์ท่เี สด็จพ่อต้องการ

คนของกลุม่ เบญจพิษขัดขวางการระเบิดสวี่ สวี่เทียนโย่วและพวกของ


พวกเขา ไม่เป็ นไรเช่นนัน้ ก็ระเบิดคนของกลุม่ เบญจพิษไปด้วยกันเสียเลย
ตอนที่ 1912 ลานประหารแตกตืน่ (5)

“ปั ง ปั ง ปั ง...ปั ง ปั ง ปั ง...” เสียงระเบิดดังขึน้ อย่างต่อเนื่อง ทาเอาลาน


ประหารระเบิดเป็ นแถบๆ ผูท้ ่อี ยู่ในรัศมีลว้ นถูกระเบิดจนเลือดเนือ้ ปลิวว่อน
...

บรรดาชาวบ้านที่แอบอยู่ในมุมปลอดภัยไม่ได้ว่งิ ไปไหนไกลก็เอ่ยชื่นชม
กันไม่หยุดปาก ใช้ดินปื นล้อมพวกเบญจพิษไว้ ต่อให้พวกเขาคิดหนีอย่างไร
ก็ไร้ซง่ึ หนทาง วิธีการของฉีหวางเหยียก็ช่างลา้ เลิศยิ่งนัก...

เวลานีบ้ นลานประหารถูกระเบิดเสียหายไปกว่าครึง่ หากปล่อยให้เผา


ระเบิดเช่นนีต้ ่อไป ลานประหารก็จะระเบิดเสียหายจนหมด พวกเบญจพิษ
ที่อยู่บนลานประหารก็ย่อมถูกระเบิดแผดเผาไปด้วยกัน...

กลุม่ เบญจพิษที่น่าสงสาร เจอกับฉีหวางเหยียก็จงยอมรับในความโชค


ร้ายของตนเองเสียเถอะ!
บนลานประหารปะทุอย่างต่อเนื่อง บรรดากลุม่ เบญจพิษถูกบีบจนต้อง
ถอยร่นหนีกนั อุตลุด สะบักสะบอมสิน้ ท่า บรรดาชาวบ้านเห็นแล้วก็มอง
ด้วยสายตาสงสาร

“ปั ง ปั ง ปั ง...ปั ง ปั ง ปั ง...” คนบนลานประหารน้อยลงเรือ่ ยๆ บรรดาลูก


ธนูคบเพลิงก็บบี พืน้ ที่การยิงลง ลูกธนูจานวนมากยิงใส่กลุม่ เบญจพิษที่
เหลืออยู่ไม่มาก ราวกับธนูฝนตกลงมาห่าหนึ่ง

สวี่จง สวี่เทียนโย่วและคนอื่นๆ หลบหนีกนั อุตลุด แต่ก็หนีธนูฝนที่หอ้ ม


ล้อมอยู่รอบตัวไม่พน้ ผูค้ นถูกระเบิดล้มระเนระนาด รูส้ กึ มึนงง หูก็ได้ยิน
เสียงดังอือ้ อึง

“พวกเราจะถูกระเบิดตายกันใช่หรือไม่...” ไม่รูเ้ ป็ นผูใ้ ดที่เอ่ยประโยคนี ้


ขึน้ มา

บริเวณรอบข้างเงียบลงไปครูห่ นึ่ง ก่อนจะมีเสียงดังทุม้ เอ่ยขึน้ ว่า “ไม่


ต้องหมดอาลัยตายอยากถึงเพียงนัน้ ...”

เสียงหัวเราะขื่นๆ ดังขึน้ มาว่า “ข้าน้อยไม่ได้หมดอาลัยตายอยาก เพียง


แค่พดู ตามความจริงเท่านัน้ ...” ตอนนีพ้ วกเขาติดอยูท่ ่นี ่ี อาวุธและยาพิษใน
มือไม่อาจต่อกรกับศึกลูกธนูได้ ทาได้เพียงรับการยิงโจมตีของลูกธนู ระเบิด
พวกพ้อง มองดูพวกพ้องที่ถกู ระเบิดอยู่ตรงหน้าพวกเขาคนแล้วคนเล่า
คาดว่าไม่นานก็คงถึงตาของพวกเขาแล้ว...

“...อย่าได้ทอ้ แท้ หาหนทางหนีออกไป...”

...

พวกเขาเองก็คิดอยู่ ทว่าสถานการณ์ในตอนนีจ้ ะหนีอย่างไร?

ลูกธนูยิงเข้ามารอบตัว ไม่เหลือแม้แต่ช่องว่างให้พวกเขา แล้วจะให้คิด


หาหนทางหนีไปจากที่น่ีได้อย่างไร...

“...คิดไม่ออกก็ไม่เป็ นไร คนอื่นน่าจะคิดออก พวกเราแค่พยายามยืน


หยัดต่อไปก็พอ...” สวี่จงที่เสือ้ ผ้าขาดวิ่น ผมเผ้ายุ่งเหยิงเอ่ยเป็ นนัย

กลุม่ เบญจพิษ “...”

ผูค้ นตระกูลสวี่ “...”

พวกเขาไม่เข้าใจความหมายของเขา
สวี่จงหัวเราะ “ไม่จาเป็ นต้องเข้าใจเท่าไร ทาตามที่ขา้ พูดก็พอ...”

...

กลุม่ เบญจพิษและคนตระกูลสวี่คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ

ทันใดนัน้ ก็มีเสียงแหวกอากาศมาอย่างรวดเร็ว คนชุดดานับสิบนายเหิน


เข้ามา ตวัดกระบี่ฟาดฟั นบรรดาองครักษ์บนลานประหาร...

“เคร้ง เคร้ง เคร้ง...” แสงสีเงินประกายเป็ นสาย บรรดาองครักษ์ถกู แทง


ลงไปกอง ธนูคบเพลิงลดลงไปกว่าหนึ่งในพริบตา...

บรรดาคนชุดดาฉายโอกาสนีล้ งไปที่คนของกลุม่ เบญจพิษที่เหลือและ


พวกสวี่จง จับพวกเขาและเหินทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว “ไป!”

คิดจะหนีหรือ ไม่ง่ายดายเพียงนัน้

หลังจากเย่เทียนฉีตะลึงไปชั่วขณะ ก็ได้สติขนึ ้ มามองดูคนชุดดาที่เหิน


ทะยาน ออกคาสั่งเสียงดังว่า “ยิงธนู”
“ขอรับ” บรรดาองครักษ์งา้ งสายธนูเล็งตรงไปที่คนชุดดา กลุม่ เบญจพิษ
และพวกสวี่จง...

“ฟุบ ฟุบ ฟุบ...ฟุบ ฟุบ ฟุบ...” ลูกธนูระดมยิงใส่กลุม่ คนชุดดาถี่ยิบ ทา


เอาพวกที่กาลังหลบหนีถกู ยิงไปกว่าครึง่

คนชุดดาที่ไม่ถกู ยิงตกลงมา แต่ถกู ธนูปักก็โซซัดโซเซไปครูห่ นึ่งก่อนจะ


ตัง้ หลักได้ จากนัน้ ก็เหินทะยานจากไปอย่างรวดเร็ว ไม่กล้าหยุดพัก...

ส่วนคนชุดดาที่ถกู ยิงร่วงลงมาก็ดนิ ้ รนสุดชีวิตหมายจะเหินทะยาน ไม่


คิดว่ายังไม่ทนั ลุกขึน้ มา บรรดาองครักษ์แคว้นชิงเหยี่ยนก็นากระบี่มาพาด
ตรงคอพวกเขาเสียแล้ว...
ตอนที่ 1913 ลานประหารแตกตืน่ (6)

เย่เทียนฉีเดินเข้ามาช้าๆ ดวงตาคมกวาดตามองซากศพบนพืน้ คนชุด


ดาที่ถกู บรรดาองครักษ์คมุ ตัวไว้ และมองตามทิศทางที่คนชุดดากลุม่ หนึ่งที่
หลบหนีไปด้วยความเร็ว เอ่ยเสียงเย็นชาว่า “มีคนหลบหนีไปได้หรือ?”

หัวหน้าองครักษ์เอ่ยตอบด้วยความเคารพ “เรียนหวางเหยีย หนีไปได้


หกคนพ่ะย่ะค่ะ” สวี่จง สวี่เทียนโย่ว สวี่เทียนอันและคนชุดดาสามคน

เย่เทียนฉีพยักหน้ารับรู ้ สามารถหลบหนีไปได้ทา่ มกลางวงล้อม


หนาแน่นของพวกเขาไปได้ พวกสวี่จงก็มีความสามารถไม่นอ้ ยทีเดียว “สั่ง
การลงไป ออกหมายจับทั่วเมือง!”

“พ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้าองครักษ์รบั คาสั่ง เร่งสั่งการให้ลกู น้องไปตามจับ


พวกสวี่จงย่างฉับไว สุดท้ายหันไปเห็นคนชุดดาที่ถกู บรรดาองครักษ์คมุ ตัว
ไว้ก็อดไม่ได้ท่จี ะเอ่ยถามขึน้ ว่า “หวางเหยีย จะจัดการอย่างไรกับคนพวกนี ้
ดีพะ่ ย่ะค่ะ?”
เย่เทียนฉีปรายตามองคนชุดดา พวกเบญจพิษที่ถกู จับกุมก่อนเอ่ยว่า
“สังหารซะ” คนของกลุม่ เบญจพิษปิ ดปากเงียบสนิท ก่อนหน้านีไ้ ม่วา่ พวก
เขาจะไต่สวนอย่างไร ก็ไม่ได้รบั ข้อมูลใดๆ ที่เป็ นประโยชน์ออกจากปาก
กลุม่ เบญจพิษ คาดว่าตอนนีก้ ็คงไม่ได้รบั ข้อมูลเช่นเดิม เช่นนัน้ ก็ไม่มเี หตุ
จาเป็ นที่จะต้องไต่สวนอีกต่อไป สังหารทิง้ เสียให้สนิ ้ เรือ่ ง

“พ่ะย่ะค่ะ” บรรดาองครักษ์รบั คาสั่ง มือง้างกระบี่และฟั นฉับลงมา เลือด


สีแดงฉานสาดกระเซ็น คนชุดดา กลุม่ เบญจพิษล้มลงไปกองกับพืน้ คนแล้ว
คนเล่า...

เย่เทียนฉีไม่มองสักนิด สายตายังคงจับจ้องมองทิศทางที่กลุม่ คนชุดดา


หลบหนีไป...

“สวี่จง สวี่เทียนโย่ว สวี่เทียนอันถูกช่วยไปได้ เรือ่ งที่ฮ่องเต้มอบหมายให้


ข้ากับฉีหวางเหยียคุมการตัดสินโทษประหารไม่สาเร็จ” เย่อีเ้ ฉินเดินเข้ามา
มองดูซากศพบนพืน้ แล้วเอ่ยขึน้ มาเสียงราบเรียบ

เย่เทียนฉีสะดุดอยู่ในใจ ชาเลืองมองเย่อีเ้ ฉินแล้วเอ่ยว่า “แล้วอย่างไร


เล่า?”
“เช่นนีพ้ วกเราก็ไม่ตอ้ งเข้าวังไปขอรับโทษกับฝ่ าบาทหรือ?” สวี่จง สวี่
เทียนโย่วและสวี่เทียนอันถูกช่วยไปได้ ภายใต้การคุมการตัดสินโทษ
ประหารของพวกเขาสองคน ถือว่าพวกเขาสองคนในฐานะขุนนางผูค้ มุ การ
ตัดสินโทษประหารละเลยหน้าที่...

เย่เทียนฉีสายตาเคร่งขรึม อย่างไรก็ตอ้ งไปขอรับโทษ แต่วา่ ...

“ตอนนีไ้ ม่ใช่เวลาที่ดีท่จี ะเข้าวังไปขอรับโทษ...” จูๆ่ ก็มีเสียงกระจ่างใส


ของสตรีนางหนึ่งดังขึน้ มาขัดความคิดของเย่เทียนฉี

เย่เทียนฉีหนั หน้ามองไปตามเสียง ก็พบสตรีผหู้ นึ่งเดินเข้ามา ใบหน้า


งาม แววตาสุขมุ คนผูน้ นั้ ก็คือมูห่ รงเสวี่ยนั่นเอง

แสงอาทิตย์สีทองทอประกายกระทบร่างของนาง คล้ายกับว่าตัวนางชุบ
ทองไว้ชนั้ หนึ่ง นางสาวเท้าจากบริเวณสว่างก้าวเข้ามาช้าๆ กระโปรงปลิว
สะบัด เรือนผมสีดาปลิวไสว ราวกับว่าเดินออกมาจากภาพวาด

ในดวงตาของเย่อเี ้ ฉินเป็ นประกายบางอย่างไหววูบ ก่อนจะกลับเป็ น


ปกติอย่างรวดเร็ว มองหน้านางโดยไม่พดู อะไร
เย่เทียนฉีเองก็เหม่อลอยไปชั่วขณะ หลังจากหลุดจากภวังค์ก็เอ่ยถาม
ขึน้ เบาๆ ว่า “ซื่อจื่อเฟยหมายความว่าอย่างไร?”

มูห่ รงเสวี่ยหัวเราะ “สวี่จง สวี่เทียนโย่ว สวี่เทียนอันถูกช่วยไปได้ ฉีหวาง


เหยียและจิง้ หวางเหยียปฏิบตั ิภารกิจที่มอบหมายไม่สาเร็จ เข้าวังไปรับ
โทษตอนนีจ้ าต้องถูกลงโทษหนักอย่างแน่นอน ไม่สใู้ ห้ตามหาตัวพวกสวี่จง
กับสวี่เทียนโย่วเสียก่อน เมื่อจับตัวพวกเขาได้แล้วค่อยไปขอรับโทษ เช่นนี ้
ฝ่ าบาทน่าจะไม่ถือโทษเท่าไร...”

เย่เทียนฉีได้ยินดังนัน้ ก็ยิม้ เศร้า “ข้าทราบเหตุผลข้อนีด้ ี แต่วา่ จะไปตาม


หาตัวสวี่จงกับสวี่เทียนโย่วได้ท่ไี หน” บัญชาที่เสด็จพ่อให้พวกเขามาคือ
ตัดสินโทษประหารกลุม่ เบญจพิษในยามอู่ หลังจากผ่านยามอูแ่ ล้วก็ตอ้ ง
เข้าวังไปเพื่อรายงานผล แต่วา่ ตอนนีก้ ็ลว่ งเลยยามอูม่ านานแล้ว อีกครึง่ ชั่ว
ยามก็จะเป็ นยามเว่ยแล้ว พวกเขาไม่รูว้ า่ สวี่จง สวี่เทียนโย่วและพวกหนีไป
ที่ใด แล้วจะหาตัวพวกเขาภายในครั่งชั่วยามได้อย่างไร...
เผชิญหน้ากับเย่เทียนฉีท่ขี มวดคิว้ มูห่ รงเสวี่ยก็ไม่เห็นด้วย “ต้องการหา
ตัวพวกเขาให้พบภายในครึง่ ชั่วโมงนัน้ ไม่ยาก...”

สายตาของเย่เทียนฉีตกตะลึง “จริงหรือ?” เมื่อเห็นว่ามูห่ รงเสวี่ยพยัก


หน้า เขาก็รบี ถามว่า “จะหาตัวพวกเขาได้อย่างไร?”
ตอนที่ 1914 ตามล่าหาตัวคนชุดดา

“ง่ายมาก” มูห่ รงเสวี่ยเอ่ยยิม้ ๆ ยื่นมือไปคว้าสัตว์นอ้ ยด้านหลังออกมา


มันมีขนสลวยสีทองเป็ นประกาย อีกทัง้ ยังมีตาจิง้ จอกน่ารักคูห่ นึ่ง มันก็คือ
จิง้ จอกจอกน้อยของตาหนักเทพแคว้นหนานจ้าว

นางเคยประมือกับคนของกลุม่ เบญจพิษมาหลายครัง้ รูว้ า่ คนของกลุม่


เบญจพิษแผลงฤทธิ์มาโดยตลอด ฮ่องเต้ทรงสั่งประหารหัวหน้ากลุม่ เบญจ
พิษทีเดียวสามคน คนของกลุม่ เบญจพิษย่อมไม่มีทางรามือ และมีความ
เป็ นไปได้สงู ว่าจะมาปล้นลานประหาร เพราะอย่างนัน้ นางจึงให้คนลอบ
ปะปนอยู่ละแวกใกล้ๆ ลานประหาร หากคนที่ลานประหารถูกจับหรือถูก
เผาก็แล้วไป แต่หากพวกเขาบุกออกมาจากวงล้อมของบรรดาองครักษ์
แคว้นชิงเหยี่ยนและคิดหนี บรรดาองครักษ์ลบั วังเซียวเหยาอ๋องที่แอบซุม่
อยู่ก็จะโรยผงสะกดรอยไปที่พวกเขา เพื่อสะดวกในการสะกดรอยตามไป
...
ผงสะกดรอยจะมีกลิ่นพิเศษ คนทั่วไปจะไม่ได้กลิ่น มีเพียงสัตว์เทพที่
ประสาทสัมผัสไวเท่านัน้ ถึงจะได้กลิ่น จิง้ จอกน้อยนัน้ ก็อยู่ในขอบเขตสัตว์ท่ี
ประสาทสัมผัสไว

มูห่ รงเสวี่ยก้มหน้าลงมองจิง้ จอกน้อย พบว่าจิง้ จอกน้อยกลอกตาอย่าง


พูดไม่ออก เห็นมันเป็ นสุนขั รับใช้อีกแล้ว...เฮ้อ เป็ นก็เป็ นสิ ใช่ว่ามันไม่เคย
เป็ นมาก่อน...แต่วา่ ...

“โฮ่งๆ” ค่าตอบแทนของข้าเล่า?

มันก็มีคา่ ตัวเหมือนกันนะ ไม่สามารถทางานโดยไม่จ่ายค่าตอบแทน

มูห่ รงเสวี่ยครุน่ คิด หยิบอมยิม้ ในถุงเงินออกมาอันหนึ่ง “อันนีเ้ ป็ น


อย่างไรบ้าง?” อมยิม้ เป็ นประกายสีทอง ส่องประกายระยิบระยับท่ามกลาง
แสงอาทิตย์ ราวกับว่ามีดวงดาวสีเงินเป็ นประกายอยูด่ า้ นใน

จิง้ จอกน้อยเห็นแล้วดวงตามันเป็ นประกาย กลืนนา้ ลายที่จะไหล


ออกมาลงคอ เอ่ยเสียงจริงจัง “โฮ่งๆ!” ตกลงร่วมมืออย่างไม่เต็มใจ
ว่าแล้วจิง้ จอกน้อยก็อา้ ปากงับอมยิม้ รสหวานของส้มกระจายในปาก
จิง้ จอกน้อยยิม้ ตาหยีอย่างมีความสุข รสชาติก็ไม่เลวทีเดียว...

“จะเริม่ สะกดรอยตามได้เมื่อไร?” เย่เทียนฉีมองจิง้ จอกน้อย เอ่ยถาม


เสียงทุม้

“ได้ทกุ เมื่อ” มูห่ รงเสวี่ยกล่าว ลูบศีรษะจิง้ จอกน้อยเบาๆ “ทางานได้


แล้ว”

“โฮ่ง โฮ่ง” ทราบแล้ว

จิง้ จอกน้อยย่าเท้ากระโดดจากมือของมูห่ รงเสวี่ยลงพืน้ เหยียดขาอย่าง


ทระนง สะบัดคอ กัดอมยิม้ เอ่ยว่า “โฮ่งโฮ่ง” ตามข้ามาเลย

พูดจบ จิง้ จอกน้อยร่างเล็กสีทองก็พงุ่ ตัวไปไกลราวกับลูกธนูออกจาก


แล่ง

เย่เทียนฉีพร้อมองครักษ์นบั สิบนายตามหลังไปติดๆ

มูห่ รงเสวี่ยเองก็หนั หลัง ตามไปไม่รบี ไม่ชา้


เย่อีเ้ ฉินยืนอยู่บนเวทีคมุ การประหาร มองตามหลังผูค้ นที่จากไปไกลๆ
ดวงตาเป็ นประกายเยือกเย็น

ความเร็วในการลัดเลาะของจิง้ จอกน้อยนัน้ เร็วมาก ร่างเล็กสีทองลัด


เลาะไปตามตรอกซอกซอยสายแล้วสายเล่า สุดท้ายก็ลดั เลาะมาอยู่บน
ตรอกเล็กๆ สายหนึ่งและหยุดตรงหน้าประตูบานเล็กๆ กลางซอย ส่งเสียง
อยู่ตรงหน้าประตู “โฮ่ง โฮ่ง” ทีน่ ลี่ ะ กลิ่นของผงสะกดรอยอยู่ในนี ้

“จริงหรือ?” เย่เทียนฉีและคนอื่นๆ ยืนอยู่หน้าประตูมองประตูบานเล็ก


นิ่งๆ พบว่าประตูบานเล็กนั่นเป็ นสีเทาที่พบเห็นทั่วไปในเมืองหลวง ด้านใน
ประตูบานเล็กมีหอสูงตระหง่านหลังหนึ่ง หอนั่นตกแต่งสีทองอร่ามสะดุด
ตายิ่งนัก “...นี่คอื โรงเตีย๊ มหลายไฉหรือ?”

“ใช่แล้ว” มูห่ รงเสวี่ยเดินเข้ามา มองดูโรงเตีย๊ มหลายไฉที่มีเอกลักษณ์สี


ทองอย่างจนปั ญญา ตกแต่งโรงเตีย๊ มได้หรูหราเช่นนีก้ ็มีเพียงโรงเตีย๊ ม
หลายไฉเท่านัน้ ตาแหน่งที่พวกเขายืนอยู่ในตอนนีค้ ือประตูหลังของ
โรงเตีย๊ มหลายไฉ

...
คนของกลุม่ เบญจพิษปล้นลานประหารชิงตัวนักโทษแล้วมาที่โรงเตีย๊ ม
หลายไฉทาไมกัน?

บรรดาองครักษ์มองหน้ากัน สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย

ทว่าเย่เทียนฉีกลับมีสีหน้าเคร่งขรึม สถานการณ์ท่วั ไป หลังจากที่ปล้น


ชิงตัวนักโทษแล้วมักจะเลือกสถานที่ท่ปี ลอดภัยที่สดุ การที่คนของกลุม่
เบญจพิษวิ่งมาที่โรงเตีย๊ มหลายไฉนั่นก็หมายความว่าในความคิดของพวก
เขานัน้ การมาที่โรงเตีย๊ มหลายไฉนัน้ ปลอดภัยอย่างยิ่ง...
ตอนที่ 1915 เปิ ดโปงคนชุดดา (1)

บรรดาองครักษ์ “...”

มูห่ รงเสวี่ย “...องค์ชายสี่หมายความว่า โรงเตีย๊ มหลายไฉแห่งนีเ้ ป็ น


พวกเดียวกับกลุม่ เบญจพิษอย่างนัน้ หรือ?” หรือพูดอีกนัยก็คือในโรงเตีย๊ ม
หลายไฉมีสว่ นสนับสนุนกลุม่ เบญจพิษ?

“อืม” เย่เทียนฉีพยักหน้าลงด้วยสีหน้าจริงจัง

มูห่ รงเสวี่ยก็มีสีหน้าจริงจังขึน้ มาทันใด หลังจากคนของกลุม่ เบญจพิษ


ปล้นลานประหารชิงตัวนักโทษแล้วก็ตรงมาที่โรงเตีย๊ มหลายไฉ โรงเตีย๊ ม
หลายไฉแห่งนีก้ ็ควรค่าที่จะสงสัยจริงๆ นั่นล่ะ...

“โฮ่งๆ” ในเมือ่ โรงเตีย๊ มหลายไฉควรค่าทีจ่ ะสงสัย เช่นนัน้ พวกเราก็เข้า


ไปดูขา้ งในกันเถอะ!

จิง้ จอกน้อยเห็นมูห่ รงเสวี่ยและเย่เทียนฉีคาดเดากันไปต่างๆ นานาแล้ว


ก็เกิดความราคาญ เอ่ยขึน้ อย่างไม่เกรงใจ ในเมื่อสงสัยโรงเตีย๊ มหลายไฉ
เช่นนัน้ ก็เข้าไปดูให้สนิ ้ เรือ่ ง มัวแต่สงสัยกันไปสงสัยกันมาอยู่ตรงนีร้ งั แต่จะ
เป็ นการเสียเวลาก็เท่านัน้ ...

สายตาสบประมาทของจิง้ จอกน้อย ทาเอาเย่เทียนฉีพดู ไม่ออก “...”

มูห่ รงเสวี่ย “...เช่นนัน้ ก็ดี เจ้านาทางเลย”

“โฮ่งๆ” ได้ มอบให้เป็ นหน้าทีข่ า้ เอง

จิง้ จอกน้อยตอบรับภารกิจอย่างทระนงตน บนเนือ้ ตัวของพวกเบญจ


พิษถูกโรยผงสะกดรอยเอาไว้จานวนมาก กลิ่นฉุนเสียจนมันอยู่หา่ งเป็ นสิบ
เมตรก็ยงั ได้กลิ่น มันสามารถหาตาแหน่งที่ชดั เจนของพวกเบญจพิษได้
อย่างถูกต้องแม่นยาผ่านผงสะกดรอยเหล่านัน้

“โฮ่งๆ” ตามข้ามา อย่าแตกแถว

จิง้ จอกน้อยตะกุยกรงเล็บ ร่างเล็กสีทองก็ผลุบเข้าไปด้านในประตูราว


แสงสีทองสายหนึง่

มูห่ รงเสวี่ย เย่เทียนฉีและบรรดาองครักษ์ก็ทยอยเข้าไปในประตูบาน


เล็ก ตามจิง้ จอกน้อยเข้าไปในโรงเตีย๊ มติดๆ
ไม่คิดว่าเมื่อเข้ามาข้างในได้เพียงไม่ก่ีสิบเมตรก็มีคนลากรถลากสองคน
เลีย้ วรถมาจากด้านข้าง เผชิญหน้ากับจิง้ จอกน้อย เย่เทียนฉี มูห่ รงเสวี่ย
และพวกโดยไม่ทนั ตัง้ ตัว

จิง้ จอกน้อย “...”

มูห่ รงเสวี่ย “...”

เย่เทียนฉี “...”

บรรดาองครักษ์ “...”

คนลากรถลาก “...”

คนลากรถลากมีปฏิกิรยิ าตอบสนองขึน้ มาก่อน มองดูใบหน้าเย็นชา


บุคลิกท่าทางไม่ธรรมดาของมูห่ รงเสวี่ยและเย่เทียนฉี รวมถึงใบหน้าเคร่ง
ขรึม รังสีฟาดฟั นของบรรดาองครักษ์แล้วก็ได้แต่ตวั สั่นงันงก “นะ...นาย
ท่านทัง้ หลาย...”

มูห่ รงเสวี่ยและเย่เทียนฉีเองก็ปฏิกิรยิ าตอบสนอง ทว่าไม่ได้เอ่ยสิ่งใด


หัวหน้าองครักษ์นายหนึ่งเดินขึน้ หน้ามา มองดูคนลากรถลากแล้วเอ่ย
ว่า “พวกเจ้าเป็ นใครกัน?”

คนลากรถลากตัวสั่นเทา พูดตะกุกตะกักติดๆ ขัดๆ “ระ...เรียนนายท่าน


ข้าน้อยเป็ นคนของโรงเตีย๊ มหลายไฉ มีหน้าที่ทงิ ้ ขยะขอรับ...”

หัวหน้าองครักษ์มองไปทางรถลาก ก็พบว่าบนรถลากนัน้ มีถงั ไม้อยู่หา้


ใบ ถังแต่ละใบมีสภาพไม่สวยงาม สูงประมาณครึง่ ตัวคน บนถังไม้ปิดฝา
เอาไว้ไม่รูว้ า่ ด้านในบรรจุอะไร

หัวหน้าองครักษ์ย่นื มือไปเปิ ดฝาดูอนั หนึ่ง กลิ่นสุรา เนือ้ สัตว์ ผักผลไม้


ผสมปนเปโชยมา หัวหน้าองครักษ์รบี กลัน้ ลมหายใจ เมื่อพิจารณาดูก็
พบว่าด้านในถังไม้เต็มไปด้วยของเหลือ อาทิกระดูกไก่ ก้างปลา ใบผัก เศษ
เนือ้ ต่างๆ...

หัวหน้าองครักษ์ “...”

เป็ นเศษอาหารของโรงเตีย๊ มจริงๆ ด้วย...


หัวหน้าองครักษ์ปิดฝาถังไม้ลงไปตามเดิม ก่อนจะไปเปิ ดฝาถังไม้ท่ี
เหลืออีกสี่ถงั ...

“นาย...นายท่านจะทาอะไรหรือ?” คนลากรถลากเอ่ยถามอย่างใจกล้า
ด้วยความไม่เข้าใจ

หัวหน้าองครักษ์เปิ ดฝาไม้ดพู ลางเอ่ยอย่างไม่ใคร่ใส่ใจว่า “ไม่มีอะไร แค่


ดูเฉยๆ...ข้าจาได้วา่ ส่วนใหญ่โรงเตีย๊ มจะขนเศษอาหารช่วงตอนกลางคืน
เหตุใดพวกเจ้าถึงได้เริม่ ขนกันเสียตัง้ แต่ตอนนี.้ ..” ตอนนีเ้ ป็ นเวลากลางวัน
อีกตัง้ นานกว่าจะมืด...

คนลากรถลากหัวเราะ “นั่นก็เป็ นเพราะว่ากิจการของโรงเตีย๊ มเราดีมาก


...” ค้าขายดี ลูกค้าเยอะ เศษอาหารก็ตอ้ งมากเป็ นเรือ่ งธรรมดา มากเสีย
จนไม่พอใส่ถงั ไม้ จึงต้องขนออกไปบางส่วนก่อน...

เป็ นเช่นนีน้ เี่ อง

หัวหน้าองครักษ์พยักหน้ารับรู ้ ปิ ดฝาถังอันสุดท้าย เมื่อตรวจดูทงั้ ห้าถัง


แล้ว ในถังไม้ทงั้ ห้าถังล้วนเป็ นเศษอาหาร “เอาล่ะ ไม่มีอะไรแล้ว พวกเจ้า
เอาเศษอาหารไปเทเถอะ”
ตอนที่ 1916 เปิ ดโปงคนชุดดา (2)

“ขอรับ!” คนลากรถลากเอ่ยรับคาอย่างนอบน้อม เตรียมลากรถจากไป


กลับไม่คิดว่าจิง้ จอกน้อยจะตะกุยกรงเล็บกระโจนมาอยู่ตรงหน้าทางที่รถ
ลากจะไป ขวางทางคนลากรถลากเอาไว้ “โฮ่งๆ” ไม่ให้ไป!

“...มีอะไรหรือ?” คนลากรถลากมองหน้าสบตากันไปมาด้วยความไม่
เข้าใจ

บรรดาองครักษ์เองก็มองจิง้ จอกน้อยด้วยความงุนงงระคนสงสัยเช่นกัน

จิง้ จอกน้อยเชิดหน้าขึน้ เอ่ยอย่างจองหอง “โฮ่งๆ” รถคันนีม้ ปี ัญหา

“มีปัญหาอย่างไรรึ?” หัวหน้าองครักษ์เอ่ยถามด้วยความสงสัย

จิง้ จอกน้อยเอ่ยเน้นๆว่า “โฮ่งๆ” ข้าได้กลิ่นผงสะกดรอยจากรถคันนี ้

“จริงหรือ?” มูห่ รงเสวี่ยแววตาเยือกเย็น

จิง้ จอกน้อยพยักหน้าหงึกหงัก “โฮ่งๆ” จริงแท้แน่นอน


หัวหน้าองครักษ์ท่ไี ด้กลิ่นแต่เศษอาหารก็เอ่ยขึน้ ว่า “...เจ้าหมายความ
ว่า คนของกลุม่ เบญจพิษเคยสัมผัสรถคันนีห้ รือ...”

“โฮ่งๆ” ไม่ใช่!

จิง้ จอกน้อยส่ายหน้า ข้าหมายความว่าคนของกลุม่ เบญจพิษอยู่บนรถ


คันนี!้

หัวหน้าองครักษ์ “...เป็ นไปไม่ได้หรอก!” เมื่อครูน่ ีเ้ ขาตรวจสอบถังไม้ทงั้


ห้าใบโดยละเอียดแล้ว ด้านในมีแต่เศษอาหารจริงๆ...

“โฮ่งๆ” เหตุใดจะเป็ นไปไม่ได้?

บนรถคันนีม้ ีกลิ่นผงสะกดรอยฉุนมาก ไม่มีทางที่จะมีกลิ่นติดเพียงแค่


สัมผัสในช่วงเวลาหนึ่งเท่านัน้ แต่วา่ กลิ่นผงสะกดรอยอยู่ในรถคันนี.้ ..

หัวหน้าองครักษ์ดแู ล้วว่าในถังไม่มีส่งิ ผิดปกติ ก็แสดงว่าในถังนัน้ ไม่มีส่งิ


ผิดปกติเช่นนัน้ หรือ?

หัวหน้าองครักษ์ “...เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
“โฮ่งๆ” ข้าหมายความว่า เมือ่ เราพลิกถังเศษอาหารดูกจ็ ะรู ค้ วามจริง...

จิง้ จอกน้อยเอ่ยอย่างหยิ่งทะนง ตะกุยกรงเล็บ ร่างเล็กสีทองทะยานตัว


ขึน้ สูงตะปบลงไปบนถังไม้ใบหนึ่งอย่างแรงจนถังไม้ใบใหญ่ถกู มันตะปบ
คว่า เศษอาหารในถังไหลออกมา นอกจากนัน้ ยังมีคนผูห้ นึ่งไหลตามเศษ
อาหารออกมาด้วย...

คนผูน้ นั้ สวมเสือ้ ขาวกางเกงขาว แม้วา่ เสือ้ ผ้าของเขาจะขาดวิ่นแต่ก็ยงั


เห็นได้วา่ ช่วงอกและด้านหลังของตัวเสือ้ มีอกั ษรคาว่าฉิวที่แปลว่าคนคุก
ผมเผ้าของคนผูน้ นั้ ยุ่งเหยิงแต่เมื่อเพ่งดูดีๆ ก็ยงั เห็นใบหน้าเขาชัดเจน “สวี่
...สวี่เทียนอัน!”

ไม่รูว้ า่ เป็ นผูใ้ ดที่จาสวี่เทียนอันได้ บรรดาองรักษ์ราวตื่นจากฝัน


องครักษ์ท่อี ยู่ใกล้กบั สวี่เทียนอันพากันกรูกนั เข้ามาจับตัวสวี่เทียนอัน

บรรดาองครักษ์คนอื่นก็ยกเท้าถีบไปที่ถงั เศษอาหารที่เหลืออีกสี่ใบ คิด


ไม่ถึงว่าคนของกลุม่ เบญจพิษจะซ่อนตัวอยู่ในถังเศษอาหารจริงๆ...คนของ
กลุม่ เบญจพิษก็ชาญฉลาดยิ่งนัก...
หรือเป็ นพวกเขาเองที่เลินเล่อ เหตุใดพวกเขาถึงไม่คิดว่าคนของกลุม่
เบญจพิษจะแบ่งถังไม้เป็ นสองส่วน ส่วนบนใส่เศษอาหารเอาไว้ ส่วนล่าง
ใส่คน...

“ช่วยด้วย...ช่วยด้วย...” สวี่เทียนอันที่ถกู จับกุมตัวก็ดนิ ้ รนขัดขืน ร้อง


เสียงหลงอาการแตกตื่น เท้าของบรรดาองครักษ์ยงั ไม่ทนั ถีบบนถังไม้ใบอื่น
ถังไม้ใบใหญ่ก็ระเบิดเสียง ‘ปั ง’ ดังขึน้ สองครัง้ สวี่เทียนโย่วและสวี่จงที่ซอ่ น
ตัวอยู่ในถังไม้ใบใหญ่เช่นกันก็พงุ่ ตัวออกมา ตวัดกระบี่ฟาดฟั นบรรดา
องครักษ์...

บรรดาองครักษ์ทา่ ทีสขุ มุ ยกกระบี่ขนึ ้ ตัง้ รับ ได้ยินเสียงดัง ‘เคร้ง เคร้ง


เคร้ง’ ดังขึน้ เป็ นระลอก บรรดาองครักษ์ถกู แรงสั่นสะเทือนจนถอยร่นไปข้าง
หลัง...

หลังจากตัง้ หลักได้แล้ว บรรดาองครักษ์ก็เงยหน้าขึน้ เห็นสวี่เทียนโย่ว


กับสวี่จงยืนเอาหลังชนกันท่าทางสะบักสะบอมอยูบ่ นรถลาก ถือกระบี่ชี ้
หน้าพวกเขา
เย่เทียนฉีเดินขึน้ หน้ามา มองดูสวี่จงและสวี่เทียนโย่วนิ่งๆ เอ่ยกับพวก
เขาว่า “พวกท่านใจกล้านัก” คนทั่วไปหลังจากหนีรอดจากลานประหาร
แล้ว ล้วนหาที่ปลอดภัยเพื่อหลบซ่อนตัว รอให้สถานการณ์เมืองหลวงเงียบ
เสียก่อนแล้วคอยจังหวะขยับตัว

คิดไม่ถึงเลยว่าสวี่จงกับสวี่เทียนโย่วจะไม่ได้ทาเช่นนัน้ หลังจากหนีรอด
จากลานประหารแล้วก็ว่งิ มาซ่อนตัวอยู่ในถังเศษอาหารของโรงเตีย๊ มหลาย
ไฉ วางแผนการตบตาพวกเขาต่อหน้าต่อตา
ตอนที่ 1917 เปิ ดโปงคนชุดดา (3)

“ขอบคุณที่ยกย่อง” สวี่จงเอ่ยเสียงเย็นชา กระบี่ยาวในมือยังคงชีห้ น้า


บรรดาองครักษ์ ไม่มีทีท่าผ่อนคลายสักนิด

เย่เทียนฉีเองก็ไม่ได้ใส่ใจ เอ่ยขึน้ อย่างเนิบช้าว่า “เหตุใดพวกเจ้าถึงแอบ


ซ่อนตัวอยู่ในถังเศษอาหารของโรงเตีย๊ มหลายไฉได้เล่า”

“ไม่มีความจาเป็ นต้องบอกเจ้า” สวี่จงเอ่ยเสียงเย็นชา

เย่เทียนฉีก็ไม่ได้ใส่ใจ มองเขาด้วยสายตานิ่งเฉยแล้วเอ่ยว่า “เจ้าไม่บอก


ก็ไม่เป็ นไร” เขาก็พอจะเดาได้วา่ ในฐานะนักโทษคดีรา้ ยแรงของราชสานัก
หลังจากหนีไปจากลานประหารแล้วสิ่งแรกที่จะทาคือสลัดทหารที่ไล่ตาม
จากนัน้ ก็หาสถานที่ท่พี วกเขาคิดว่าปลอดภัยหลบซ่อนตัว การที่สวี่จง สวี่
เทียนโย่วและสวี่เทียนอันมาที่โรงเตีย๊ มหลายไฉและซ่อนตัวอยู่ในถังเศษ
อาหาร นั่นก็หมายความว่าพวกเขารูส้ กึ ว่าโรงเตีย๊ มหลายไฉคือสถานที่ท่ี
ปลอดภัย
ส่วนเหตุใดการที่มาโรงเตีย๊ มหลายไฉถึงทาให้พวกเขารุส้ กึ ปลอดภัยนั่น
ก็อาจจะเป็ นเพราะว่าโรงเตีย๊ มหลายไฉมีสว่ นพัวพันกับพวกเขา การหลบ
ซ่อนตัวอยู่ในโรงเตีย๊ มหลายไฉก็ทาให้พวกเขารูส้ กึ สบายใจ และก็อาจ
เป็ นไปได้วา่ พวกเขาเห็นว่าแขกเหรือ่ ที่โรงเตีย๊ มหลายไฉมีจานวนมาก
คนงานกาลังยุ่ง การหลบซ่อนตัวอยู่ท่โี รงเตีย๊ มหลายไฉจะไม่ถกู บรรดา
องครักษ์คน้ พบได้โดยง่าย...

“ไม่ทราบว่าแม่ทพั สวี่จดั อยู่ประเภทใด?” เย่เทียนฉีชาเลืองมองสวี่จง

สวี่จงหน้าถอดสียงั ไม่ทนั ได้เอ่ยอะไรออกมา ก็มีเสียงระล่าระลักอธิบาย


ชิงดังขึน้ มาก่อนว่า “อย่างหลัง อย่างหลัง...”

บนทางเดินสายเล็กๆ สายหนึ่งมีคนวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาสองคน คนหนึ่ง


เป็ นบ่าวรับใช้สวมชุดตัวยาวผ้าหยาบสีนา้ เงินเข้ม ส่วนอีกคนสวมชุด
กระโปรงตัวยาวสีทอง ตรงเอวคาดที่รดั เอวและมีพหู่ ยกห้อยเอวสีทอง บน
ศีรษะประดับหมวกสีทอง คนผูน้ กี ้ ็คือเถ้าแก่โรงเตีย๊ มหลายไฉ จินหลายไฉ
นั่นเอง
เป็ นเพราะรีบร้อนเดินมา จินหลายไฉจึงเหงื่อออกทั่วตัว หายใจหอบ
วาจาที่เปล่งออกมาก็ติดๆ ขัดๆ “นายท่าน...ใต้เท้า...สาเหตุท่นี กั โทษผูน้ ี ้
ปรากฏตัวอยู่ในโรงเตีย๊ มหลายไฉของข้าน้อย...เป็ นอย่างหลัง...เป็ นอย่าง
หลังแน่นอน...”

“แต่ไหนแต่ไรมาโรงเตีย๊ มหลายไฉของข้าน้อยก็ปฏิบตั ิอยู่ในกฎระเบียบ


ไม่มีทางทาเรือ่ งผิดกฎแน่ และยิ่งไม่มีทางสมคบกับพวกนักโทษ...พวก
นักโทษมาปรากฏตัวอยู่ในถังเศษอาหารของโรงเตีย๊ มหลายไฉ นั่นต้องเป็ น
เพราะพวกเขาเห็นว่าโรงเตีย๊ มหลายไฉมีลกู ค้ามากมาย สะดวกแก่การ
หลบซ่อนตัว...นายท่านได้โปรดตรวจสอบให้กระจ่าง...” จินหลายไฉ
อธิบายรวดเดียวจบ หยุดอยู่หา่ งจากเย่เทียนฉีหา้ หกเมตร ก่อนจะหายใจ
เอาอากาศเข้าปอด มองเย่เทียนฉีดว้ ยสายตาคาดหวัง

เย่เทียนฉีไม่ได้ตอบเขา เงยหน้าขึน้ มองสวี่จง “แม่ทพั สวี่วา่ อย่างไร?”

สวี่จงสายตาเย็นชาไม่ปริปากเอ่ยอะไรสักคา

จินหลายไฉร้อนใจ “นะ...นายท่านท่านนี ้ ท่านโปรดเมตตา เอ่ยความ


จริงกับบรรดาคนของทางการเถิด ตระกูลจินของข้าเป็ นคนค้าขายหากิน
สุจริต จิตใจดีงาม...สุราอาหารที่ขายออกไปไม่เคยหลอกลวงเด็กเล็กและ
คนชรา เวลาคิดเงินก็ตดั เศษทิง้ เห็นขอทานบนท้องถนนก็ใจดีแจกหมั่นโถ
...พวกเราไม่เคยทาเรือ่ งผิดต่อกฎแคว้น ท่านจะใส่รา้ ยตระกูลจินของข้า
ไม่ได้นะ...”

สวี่จงยังคงหลุบเปลือกตามองต่าไม่เอ่ยอะไร

จินหลายไฉร้อนรนกระวนกระวาย ไหว้ประลกๆ “นายท่านผูน้ ี ้ ขอร้อง


ท่าน...ลูกผูช้ ายกล้าทาก็กล้ารับ อย่าดึงผูบ้ ริสทุ ธิ์เข้ามาเกี่ยวด้วยเลย...
ตระกูลจินของข้ามีผใู้ หญ่และเด็กเป็ นร้อยคน เกี่ยวโยงด้วยไม่ได้จริงๆ...”

สวี่จงยังคงไม่สนใจเขาอยู่เช่นเดิม เงยหน้ามองเย่เทียนฉี “ฉีหวางเหยีย


มาเพื่อคุมตัวพวกข้าไปรับโทษประหารหรือ?”

“ไม่ใช่” เย่เทียนฉีสา่ ยหน้า “เลยยามอู่มาแล้ว ข้าก็เตรียมสังหารพวกเจ้า


ตามโชคชะตา...”
ขณะที่เอ่ยนัน้ บรรดาองครักษ์ท่อี ยู่วงนอกก็เก็บกระบี่ คว้าคันธนูและ
ลูกศรที่ไพล่อยู่ดา้ นหลัง เล็งปลายธนูใส่สวี่จง สวี่เทียนโย่วและสวี่เทียนอัน
ที่ถกู ล้อมอยู่ตรงกลาง

แสงอาทิตย์สีทองสาดส่อง ปลายแหลมของลูกธนูแผ่ไอสังหาร สวี่จง


เห็นแล้วหรีต่ าลงมอง
ตอนที่ 1918 ตบหน้า (1)

“ครัง้ นีพ้ วกเจ้าก็หนีไม่รอดแล้ว” คนที่เย่เทียนฉีพามาเป็ นยอดฝี มอื ใน


กลุม่ องครักษ์ ส่วนสวี่จง สวี่เทียนโย่วและสวี่เทียนอันมีทงั้ ที่คนได้รบั
บาดเจ็บและไม่เป็ นวรยุทธ์ แทบไม่มีทางหนีวงล้อมของบรรดาองครักษ์
ยอดฝี มือได้พน้

“ต่อให้พวกเราหนีไม่พน้ แล้วอย่างไร?” เห็นลางพ่ายแพ้อยู่ตรงหน้า


แล้วสวี่จงก็หมดความคิดที่จะหลบหนี เอ่ยสิ่งที่ตนเองคิดอยู่ในใจออกมา
โดยไม่ปิดบัง “องครักษ์ยอดฝี มอื เกือบร้อยของฉีหวางเหยียก็ทาได้เพียง
สังหารพวกเราสามคนเท่านัน้ เอง...” ส่วนคนของกลุม่ เบญจพิษคนอื่นๆ
พวกเขายังหาไม่เจอเลย ยิ่งไม่ตอ้ งเอ่ยถึงการสังหาร...

เคลื่อนทัพองครักษ์ยอดฝี มือร้อยนายสังหารคนของกลุม่ เบญจพิษได้


สามคน ผลการรบนีม้ ีอะไรให้น่าภาคภูมิใจกัน...
เย่เทียนฉีเห็นความสาแก่ใจและเย้ยหยันในแววตาสวี่จงแล้วก็ขมวดคิว้
ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา การเคลื่อนทัพองครักษ์ยอดฝี มือร้อยนายสังหารคน
สามคน ก็ไม่มีอะไรให้น่าภาคภูมิใจทัง้ นัน้ ...

“ใครบอกว่าพวกเราเคลื่อนทัพองครักษ์ยอดฝี มอื ร้อยนายแล้วสังหารได้


แค่พวกเจ้าสามคนเล่า?” มูห่ รงเสวี่ยเอ่ยปากพูดขึน้ มาทันที มองสวี่จง
สายตานิ่งเฉยและเอ่ยว่า “พวกเรายังสามารถหาตัวคนของกลุม่ เบญจพิษ
คนอื่นๆ ได้อีก...”

“จริงหรือ?” สวี่จงปรายตามองนางอย่างไม่ใคร่ใส่ใจเท่าใดนัก เห็นได้ชดั


ว่าไม่เชื่อคาพูดของนาง

มูห่ รงเสวี่ยประกายตาสุขมุ “แน่นอนสิ” มองผ่านสายตาดูแคลนของสวี่


จง มูห่ รงเสวี่ยอุม้ จิง้ จอกน้อยขึน้ มา “รูห้ รือไม่วา่ เหตุใดพวกเราถึงหาตัว
พวกเจ้าพบได้อย่างถูกต้องแม่นยา? นั่นก็เป็ นเพราะว่ามัน คือจิง้ จอกเทพ
แห่งตาหนักเทพแคว้นหนานจ้าว...มันสามารถตามกลิ่นของผงสะกดรอยที่
บรรดาองครักษ์ลบั วังเซียวเหยาอ๋องโรยไว้ท่ตี วั ของพวกเจ้า...”
“นอกจากพวกเจ้าสามคนแล้ว บนตัวของคนชุดดาสามคนที่มาช่วยพวก
เจ้าก็โรยผงสะกดรอยไว้เช่นกัน...” ขอเพียงให้จงิ ้ จอกน้อยตามกลิ่นของผง
สะกดรอยไปก็จะหาตัวของคนชุดดาสามคนนัน้ พบ...

“จะ...จริงหรือ…” สวี่จงได้ยินเช่นนัน้ ก็ต่นื ตระหนก วาจาที่กล่าวออกมา


ไม่ไหลลื่นสักเท่าไร แต่นา้ เสียงของเขา โทนเสียงของเขายังคงเชื่อครึง่ ไม่
เชื่อครึง่

มูห่ รงเสวี่ยเองก็ไม่ได้สนใจ เอ่ยนิ่งๆ ว่า “แน่นอนอยูแ่ ล้ว หากเจ้าไม่เชื่อ


จะตามพวกข้าไปดูก็ได้นะ” ว่าแล้ว มูห่ รงเสวี่ยก็ปล่อยจิง้ จอกน้อยไว้บน
พืน้

จิง้ จอกน้อยดมกลิ่นในอากาศ ตะกุยกรงเล็บกระโจนไปทางหนึ่ง

มูห่ รงเสวี่ยตามไปช้าๆ

เย่เทียนฉีปรายตามองสวี่จงและพวกแวบหนึ่ง เอ่ยสั่งการว่า “นาพวก


เขาไปด้วย”
หลักจากที่จิง้ จอกน้อยผลุบเข้าผลุบออกบนถนนหนทาง ตรอกซอกซอย
หลายต่อหลายสายแล้วก็มาหยุดอยู่ท่หี น้าจวนแห่งหนึ่ง มองไปยังจวนเอ่ย
ขึน้ ว่า “โฮ่งๆ” ทีจ่ วนแห่งนีม้ กี ลิ่นของผงสะกดรอย

มูห่ รงเสวี่ยแหงนหน้าขึน้ มองจวนแหง่นี ้ พบว่าจวนแห่งนีเ้ รียบร้อย


งดงาม ด้านบนแขวนป้ายทีเขียนไว้งดงามดั่งหงส์รอ่ นมังกรราว่า ‘ตระกูล
โจว’

ตระกูลโจว! คงไม่ใช่ตระกูลโจวเดียวกับที่นางคิดหรอกนะ?

“โฮ่งๆ” ตระกูลโจว จวนตระกูลโจวของโจวเส้าชิงตามทีท่ า่ นคิดนัน่ ละ!

จิง้ จองน้อยเอ่ยขึน้ อย่างหยิ่งผยอง ร่างเล็กสีทองทะยานเข้าไปบน


กาแพงสูงและผลุบเข้าไปในจวนตระกูลโจว

เย่เทียนฉียืนอยู่ดา้ นนอกจวนตระกูลโจว มองดูอกั ษรคาว่า ‘ตระกูลโจว’


บนประตูแล้วสีหน้าก็เคร่งขรึมขึน้ เรือ่ ยๆ “เข้าไปตรวจสอบในจวน”
“พ่ะย่ะค่ะ” บรรดาองครักษ์รบั คาสั่ง เคาะประตูจวนตระกูลโจวเสียงดัง
ก่อนจะผลุบเข้าไปในจวนตระกูลโจว เมื่อเจอจิง้ จอกน้อยก็ตามมันผลุบเข้า
ไปในห้องอักษรของโจวหยวน

ภายในห้องหนังสือก็มีบา่ วรับใช้ผหู้ นึ่งกาลังปั ดกวาดทาความสะอาด


เมื่อหันมาเห็นบรรดาองครักษ์ก็ปรีเ่ ข้ามาขวางไว้ทนั ที “พวกเจ้าเป็ นใคร? นี่
มันห้องอักษรของใต้เท้าโจวนะ...”

“ขออภัย พวกเราได้รบั บัญชาจากฝ่ าบาทให้มาจับตัวคน ต่อให้เป็ นห้อง


อักษรของใต้เท้าโจว พวกเราก็มีสทิ ธิ์เข้ามาค้น...” บรรดาองครักษ์เอ่ยยา้
ขึน้ พูดยังไม่ทนั จบจิง้ จอกน้อยก็สง่ เสียงร้องขึน้ มาว่า “โฮ่งๆ” เป็ นเขา เป็ น
เขานีล่ ะ...ทีต่ วั เขามีกลิ่นของผงสะกดรอย...
ตอนที่ 1919 ตบหน้า (2)

“จริงหรือ?” บรรดาองครักษ์พากันชะงัก รีบจับตัวบ่าวรับใช้ผนู้ นั้ ไว้ทนั ที

บ่าวรับใช้ดนิ ้ รนขัดขืน “พวกท่านทาอะไรนะ? ทาอะไรนะ...จาคนผิด


หรือเปล่า...”

“จาไม่ผิดหรอก หาเจ้าอยู่น่ นั แหละ” บรรดาองครักษ์เอ่ยอย่างไม่เกรงใจ


จับมือสองข้างของบ่าวรับใช้ผนู้ นั้ ไขว้หลังเอาไว้

บ่าวรับใช้ดนิ ้ รนแรงขึน้ “แต่ขา้ ไม่รูจ้ กั พวกท่าน...”

“พวกข้าเองก็ไม่รูจ้ กั เจ้า แต่พวกข้ารูจ้ กั มัน...” องครักษ์พดู แล้วก็ออก


แรงกระชากคอเสือ้ ของบ่าวรับใช้ผนู้ นั้ เสือ้ ตัวนอกของบ่าวรับใช้ฉีกขาดเผย
ให้เห็นชุดสีดาที่สวมอยู่ดา้ นใน...

บ่าวรับใช้หน้านิ่งไปชั่วขณะ อาการดิน้ รนขัดขืนก็ชะงักไปโดยฉับพลัน


“มีอะไร เกิดอะไรขึน้ ?” โจวหยวนเดินออกมาจากด้านในห้องอักษร
หน้าตาตื่น หน้าตางัวเงีย ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสือ้ ผ้าไม่เรียบร้อย คล้ายกับว่าถูก
เสียงโหวกเหวกเมื่อครูน่ ีป้ ลุกให้ต่นื ขึน้

หัวหน้าองครักษ์เดินขึน้ ไปแล้วเอ่ยว่า “ใต้เท้าโจวตื่นแล้วหรือ ในเมื่อตื่น


แล้วก็เชิญตามพวกเรามาเถิดขอรับ”

โจวหยวนเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ไปไหน?”

“ก็ไปที่กรมอาญา ให้ความร่วมมือในการไต่สวนของพวกเราน่ะสิ...”
หัวหน้าองครักษ์เอ่ยเสียงดังฟั งชัด บ่าวรับใช้ท่ที าความสะอาดห้องอักษร
ของโจวหยวนเป็ นคนของกลุม่ เบญจพิษและยังบุกไปลานประหารชิงตัว
นักโทษ โจวหยวนในฐานะเจ้านายของบ่าวรับใช้ผนู้ ีก้ ็ตอ้ งรับการไต่สวนไป
ด้วย...

โจวหยวนหัวเราะออกมาอย่างแห้งๆ “ข้าไม่รูว้ า่ บ่าวรับใช้ผนู้ ีม้ ีเลศนัย


...”

“อย่างนัน้ หรือ?” หัวหน้าองครักษ์มองเขาสายตาแปลกๆ


“จริงสิ” โจวหยวนพยักหน้าหนักแน่น

“แล้วเหตุใดบนตัวของใต้เท้าโจวถึงมีกลิ่นหอมสะกดรอย?” หัวหน้า
องครักษ์มองโจวหยวนนิ่งๆ พบว่าจิง้ จอกน้อยเดินวนรอบตัวโจวหยวนไป
มา ในดวงตาน่ารักของจิง้ จอกน้อยเป็ นประกายดูแคลน “โฮ่งๆ” กลิ่นหอม
สะกดรอยบนตัวคนผูน้ จี ้ างมาก ไม่ได้ถูกโรยผงหอม แต่วา่ ติดมาจากผูอ้ นื่
...

จวนตระกูลโจวในตอนนี ้ นอกจากโจวหยวนแล้วก็มเี พียงบ่าวรับใช้ท่มี ี


กลิ่นหอมสะกดรอย กลิ่นหอมสะกดรอยที่ติดอยู่บนตัวมาจากใครคงไม่ตอ้ ง
พูดแล้ว

กลิ่นหอมสะกดรอยโรยไปบนชุดของคนชุดดา มีเพียงสัมผัสกับชุดดา
ของคนชุดดาเท่านัน้ ถึงจะแพร่กระจายได้ หากโจวหยวนไม่รูต้ วั ตนที่แท้จริง
ของบ่าวรับใช้ เช่นนัน้ ตอนที่เขาพบบ่าวรับใช้ บ่าวรับใช้ผนู้ นั้ ก็ควรจะสวม
เสือ้ ตัวนอก หากเป็ นเช่นนีโ้ จวหยวนก็ไม่มีทางสัมผัสชุดสีดาของบ่าวรับ
ใช้ได้...
แต่ความจริงกลับกลายเป็ นว่าตัวเขามีกลิ่นหอมสะกดรอยที่มีเฉพาะบน
ชุดดาของบ่าวรับใช้ นั่นก็เพียงพอที่จะบอกได้แล้วว่าเขาเคยสัมผัสบ่าวรับ
ใช้ท่สี วมชุดดา นั่นก็เท่ากับว่าเขารูต้ วั ตนของบ่าวรับใช้ และยังเคยพบและ
สัมผัสบ่าวรับใช้หลังจากบ่าวรับใช้กลับมาจากการบุกปล้นลานประหาร...

โจวหยวนสายตาเคร่งเครียด “ข้า...ข้า...”

“ใต้เท้าโจวไม่ตอ้ งพูดอะไรแล้ว” หัวหน้าองครักษ์โบกมือตัดบทสนทนา


ของเขา “มีอะไรจะพูด ท่านก็เก็บไปพูดในคุกกรมอาญาก็แล้วกัน”

“ทหาร ตรวจสอบจวนตระกูลโจวให้ละเอียด!”

“ขอรับ” บรรดาองครักษ์รบั คาสั่ง ทาการตรวจสอบทั่วทัง้ จวนตระกูล


โจว

เย่เทียนฉียืนอยู่ในโถงมองดูสองคนที่ถกู จับในห้องอักษร รวมทัง้ บรรดา


องครักษ์ท่กี ระจัดกระจายไปรอบด้าน ดวงตาฉายแววสุขมุ เดิมทีพวกเขาก็
มาเพื่อจับตัวคนของกลุม่ เบญจพิษที่บกุ ปล้นลานประหาร ไม่คิดเลยว่า
นอกจากคนของกลุม่ เบญจพิษแล้วยังจับตัวโจวหยวนผูซ้ ง่ึ สมคบกับพวก
กลุม่ เบญจพิษได้อีกด้วย...
นี่เป็ นผลลัพธ์ท่อี ยู่เหนือความคาดหมายจริงๆ...

“ขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยนที่สมคบกับพวกเบญจพิษมีมากหรือไม่?” จู่ๆ เย่


เทียนฉีก็ถามขึน้ มา ไม่ได้เอ่ยชื่อว่าถามใคร แต่มหู่ รงเสวี่ยรูด้ ีวา่ เขากาลัง
ถามนาง เมื่อครุน่ คิดครูห่ นึ่งก็เอ่ยว่า “น่าจะมีไม่นอ้ ย”

แต่จะเป็ นใครบ้างนัน้ นางก็ไม่รู ้ แต่วา่ ดูจากอุปนิสยั และพฤติกรรมของ


หัวหน้าแต่ละคนในกลุม่ เบญจพิษก็รูว้ า่ พวกเขาติดต่อกับขุนนางแคว้นชิง
เหยี่ยนไม่นอ้ ย และสมคบกับขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยนไม่นอ้ ย...
ตอนที่ 1920 ตบหน้า (3)

“หวางเหยีย พบสิ่งนีข้ อรับ” องครักษ์นายหนึ่งเดินเข้ามาในมือประคอง


กล่องไม้อนั หนึ่ง เปิ ดกล่องไม้ออกอย่างรวดเร็ว ข้างในนัน้ มีจดหมายอยู่
หลายฉบับ หัวจดหมาย เนือ้ หารวมถึงลายมือลงท้ายแสดงให้เห็นอย่าง
เด่นชัดว่านี่เป็ นจดหมายที่โจวหยวนกับคนของกลุม่ เบญจพิษติดต่อกัน...

“ใต้เท้าโจว ดูเหมือนว่าท่านจาเป็ นต้องตามเราไปที่คกุ กรมอาญาสัก


ครัง้ เสียแล้ว” เย่เทียนฉีเอ่ยเสียงจริงจัง ไม่สนใจมองใบหน้าแข็งค้างของ
โจวหยวน สั่งการเสียงขรึม “นาตัวไป”

“พ่ะย่ะค่ะ” บรรดาองครักษ์รบั คาสั่ง กุมตัวโจวหยวนและคนของกลุม่


เบญจพิษเดินออกไป

มองตามพวกเขาเดินออกจากจวนจระกูลโจวไปแล้ว เย่เทียนฉีก็มีสีหน้า
เคร่งเครียด หลุบเปลือกตาลงต่าไม่พดู ไม่จาใดๆ
จิง้ จอกน้อยกระพริบตาปริบๆ เอ่ยขึน้ อย่างช้าๆ “โฮ่งๆ” อย่ามัวแต่เหม่อ
อยู่เลย จับตัวคนของกลุ่มเบญจพิษได้คนหนึ่งแล้ว พวกเราไปหาคนต่อไป
กันเถิด

เย่เทียนฉี “...เจ้าพบตัวคนชุดคาอีกคนหนึ่งแล้วหรือ?”

จิง้ จอกน้อยเชิดหน้าขึน้ เอ่ยเสียงทระนง “โฮ่งๆ” แน่นอนอยู่แล้ว ขอเพียง


กลิ่นหอมสะกดรอยยังอยู่ ข้าย่อมหาตัวพวกเขาพบอยู่แล้ว

“เช่นนัน้ ก็อย่ารอช้าอยู่เลย รีบไปตามหาคนเถอะ” คนชุดดาที่บกุ ปล้น


ลานประหารหนีไปได้ทงั้ หมดสามคน หากจับกุมตัวพวกเขาทัง้ สามกลับมา
ได้ก็คงจะดีไม่นอ้ ย

“โฮ่งๆ” ไม่มปี ัญหา ตามข้ามาเถอะ

จิง้ จอกน้อยเอ่ยอย่างมั่นใจ ร่างเล็กสีทองผลุบออกไปนอกจวนตระกูลโจ


วอย่างรวดเร็วราวแสงสีทองสายหนึง่ ...

จวนที่จิง้ จอกน้อยผลุบเข้ามาในครัง้ นี ้ มูห่ รงเสวี่ยเองก็คนุ้ เคยเป็ นอย่าง


ดี มันก็คือจวนตระกูลหวาที่หวาไท่ซืออาศัยอยู่น่ นั เอง หวาไทซือกาลัง
สนทนากับคนชุดดาผูห้ นึ่งอย่างลับๆ อยู่ในห้องนอน กลิ่นหอมสะกดรอย
บนตัวชายผูน้ นั้ ฉุนเสียจนจิง้ จอกน้อยกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ
“โฮ่งๆ” จับได้อกี คนหนึ่งแล้ว

ตอนที่หวาไท่ซือได้สติหลังจากตื่นตระหนก บรรดาองครักษ์ก็พากันกรู
เข้าไปจับตัวหวาไท่ซือและคนชุดดาเอาไว้

หวาไท่ซือกระวนกระวายใจ “ฉีหวางเหยีย กระหม่อม...”

“หวาไท่ซือ ท่านไม่ตอ้ งพูดอะไรแล้ว...” เย่เทียนฉียกมือขึน้ ตัดบทเขา จับ


ได้คาหนังคาเขาทัง้ นักโทษและของกลางยังมีอะไรให้ตอ้ งชีแ้ จงอีก “หาก
หวาไท่ซือต้องการชีแ้ จง ก็ไปทูลต่อเสด็จพ่อเถอะ...” เขาไม่มีอารมณ์มานั่ง
ฟั งคาอธิบายของหวาไท่ซือ...

“ไม่ใช่เช่นนัน้ ฉีหวางเหยีย กระหม่อมถูกใส่ความ ถูกใส่ความ...” หวาไท่


ซือร้องบอกเสียงหลง ถูกบรรดาองครักษ์คมุ ตัวไป

มองดูสีหน้าเกรีย้ วกราดของหวาไท่ซือแล้ว มูห่ รงเสวี่ยก็ลอบถอนหายใจ


เดิมทีนางก็อยากเก็บหวาไท่ซือไว้เป็ นเหยื่อล่อตัวการที่อยู่เบือ้ งหลัง ไม่คิด
ว่าหวาไท่ซือจะหาเรือ่ งตายเช่นนี ้ สมคบกับคนของกลุม่ เบญจพิษที่บกุ ปล้น
ลานประหาร ต่อให้นางอยากเก็บเขาไว้ก็ทาไม่ได้...

มูห่ รงเสวี่ยส่ายหน้าพลางถอนหายใจ มองดูเย่เทียนฉีเหลือองครักษ์


กลุม่ หนึ่งตรวจค้นจวนหวาไท่ซือ จากนัน้ ก็พาองครักษ์อีกกลุม่ หนึ่งตาม
จิง้ จอกน้อยไปจับตัวคนชุดดาคนที่สาม...

คนชุดดาคนที่สามก็ไม่ได้หนีไปไหนไกล จับได้ท่จี วนผูด้ แู ลขุนนางฝ่ าย


ใน ขณะนัน้ ผูด้ แู ลขุนนางฝ่ ายในเองก็อยู่ดว้ ย บรรดาองครักษ์จงึ จับตัวไว้ทงั้
คู.่ ..

ขุนนางในราชสานักสมคบกับพวกเบญจพิษแคว้นหนานจ้าว เย่เทียนฉี
ไมได้จดั การเป็ นการส่วนตัว แต่ทลู รายงานให้ฮ่องเต้ทรงทราบ

ฮ่องเต้ประทับอยูบ่ นเก้าอีส้ ีเหลืองทอง พลิกดูหลักฐานที่คน้ เจอจากจวน


ตระกูลโจว จวนตระกูลหวาและจวนผูด้ แู ลขุนนางฝ่ ายในที่เย่เทียนฉีถวาย
ขึน้ มาพระพักตร์บงึ ้ ตึงแลน่ากลัว ความน่าเกรงขามรุนแรงขึน้ เรือ่ ยๆ ทาให้
ผูค้ นหายใจไม่ออก...
โจวหยวน หวาไท่ซือและผูด้ แู ลขุนนางฝ่ ายในคุกเข่าอยู่ท่พี นื ้ ก้มหน้าลง
ต่าไม่พดู ไม่จาใดๆ...

ไม่รูว้ า่ เวลาผ่านไปเท่าไร ฮ่องเต้ทรงวางหลักฐานในมือลง และตรัส


กับโจวหยวน หวาไท่ซือรวมถึงผูด้ แู ลขุนนางฝ่ ายในว่า “พวกเจ้ามีอะไรจะ
พูดหรือไม่?”
ตอนที่ 1921 ตบหน้า (4)

โจวหยวน หวาไท่ซือและผูด้ แู ลขุนนางฝ่ ายในมองตากัน ก่อนจะก้มหน้า


ก้มตาลงแล้วเอ่ยขึน้ ว่า “ทูลฝ่ าบาท กระหม่อมถูกใส่ความ...”

“ใส่ความหรือ? พยานหลักฐานพร้อมสรรพ พวกเจ้ายังกล้าตะโกนปาวๆ


ว่าถูกใส่ความ!” ฮ่องเต้ทรงกริว้ หยิบหลักฐานที่อยู่ตรงหน้าฟาดโครม
กระแทกใบหน้าและศีรษะโจวหยวน หวาไท่ซือและผูด้ แู ลขุนนางฝ่ ายใน

ทัง้ สามไม่กล้าหลบหลีก หลักฐานกระแทกศีรษะของพวกเขาทัง้ สาม


ราวหิมะขาวโปรยปราย พระสุรเสียงเกรีย้ วกราดของฮ่องเต้ตวาดขึน้ ในห้อง
ทรงอักษร “พวกเจ้าเป็ นขุนนางในราชสานัก เราไม่ดีตอ่ พวกเจ้าอย่างนัน้
หรือ พวกเจ้าถึงได้ไปสมคบกับพวกตาหนักมืดแคว้นหนานจ้าว...”

“ฝ่ าบาท กระหม่อม...”

“หุบปาก!” ฮ่องเต้ตวาดตัดบทพวกเขาทัง้ สามคน ตรัสด้วยทรงกริว้ “เรา


ไม่อยากฟั งคาแก้ตวั ของพวกเจ้า...” พยานหลักฐานแน่นหนาเพียงนีก้ ็เพียง
พอที่จะพิสจู น์วา่ โจวหยวน หวาไท่ซือและผูด้ แู ลขุนนางฝ่ ายในสมคบกับ
พวกกลุม่ เบญจพิษแคว้นหนานจ้าว คาอธิบายของพวกเขาก็แค่คาแก้ตวั ที่
เอ่ยเพื่อให้ตนเองพ้นผิด...

คาพูดพวกนัน้ เขาไม่อยากฟั งแล้วก็ไม่ไม่สนใจจะฟั ง “ทหาร คุมตัวพวก


เขาเข้าคุกหลวง!”

“พ่ะย่ะค่ะ” บรรดาองครักษ์เดินเข้ามาคุมตัวโจวหยวน หวาไท่ซือและ


ผูด้ แู ลขุนนางฝ่ ายในที่ดนิ ้ รนขัดขืน ร้องตะโกนว่าถูกใส่ความออกไป

ฮ่องเต้ประทับอยูบ่ นเก้าอีส้ ีเหลืองทอง รอยย่นบนพระนลาฏราวกับว่า


ทรงชราไปอีกสิบปี

เย่เทียนฉีกงั วลใจ ร้องเรียกเสียงขรึม “เสด็จพ่อ!”

“เราไม่เป็ นไร” ฮ่องเต้โบกมือ ยื่นมือไปคลึงบริเวณขมับข้างขวา พระสุ


รเสียงเหนื่อยล้า “ครองราชย์มายี่สบิ ปี เราสุขมุ รอบคอบมาโดยตลอด พลัง
อานาจของแคว้นชิงเหยี่ยนก็เจริญรุง่ เรืองขึน้ เรือ่ ยๆ คิดอยู่ลกึ ๆ ว่าขุนนาง
และราษฎรแคว้นชิงเหยี่ยนมีนา้ หนึง่ ใจเดียวกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะเกิด
ปั ญหาใหญ่ในราชสานักเสียได้...”
สวี่จง สวี่เทียนโย่ว หวาไทซือ โจวหยวน...ขุนนางเหล่านีไ้ ม่ได้มีอายุรุน่
ราวคราวเดียวกัน ประสบการณ์ต่างกัน เป็ นขุนนางคนละฝ่ าย คิดไม่ถึงว่า
จะสมคบกับคนกลุม่ เดียวกันเสียได้...

“คนของกลุม่ เบญจพิษตาหนักมืดแคว้นหนานจ้าวช่างมีความสามารถ
เสียจริง” พวกเขาไม่เพียงสามารถหลอกล่อคนหนุ่มที่เพิ่งเข้ารับราชการใน
ราชสานักไม่นานและตาแหน่งไม่สงู อย่างสวี่เทียนโย่วและโจวหยวนได้
เท่านัน้ แม้แต่สวี่จงและหวาไท่ซอื ที่รบั ราชการมานานหลายปี มีอานาจ
ทหารในมือ เป็ นขุนนางระดับสูงที่มีอานาจมากมายก็ถกู หลอกล่อไปด้วย
...

“พ่ะย่ะค่ะ” เย่เทียนฉีเอ่ยรับต่อจากฮ่องเต้ ลึกๆ แล้วสาหรับตัวเขาเอง


หากไม่ได้เห็นกับตาตนเอง เขาก็ไม่รูว้ า่ ที่แคว้นชิงเหยี่ยนจะมีขนุ นางที่
สมคบกับพวกกลุม่ เบญจพิษมากมายเพียงนัน้ มีทงั้ ขุนนางฝ่ ายบุน๋ ขุนนาง
ฝ่ ายบู๊ ขุนนางระดับสูง ขุนนางระดับล่าง...

จนถึงตอนนีเ้ ขาเองก็ยงั ไม่รูเ้ ลยว่าในราชสานักแคว้นชิงเหยี่ยน


นอกจากขุนนางเหล่านีแ้ ล้ว ยังมีใครสมคบกับกลุม่ เบญจพิษอีกบ้าง...

คนของกลุม่ เบญจพิษทอดแหไว้ในราชสานักแคว้นชิงเหยี่ยน ผูท้ ่ตี ดิ


ร่างแหคือขุนนางราชสานักที่สมคบกับพวกกลุม่ เบญจพิษ จานวนคนที่
แน่นอนของคนเหล่านัน้ เขาก็ไม่รู ้ ชื่อและตาแหน่งที่ชดั เจนของคนเหล่านัน้
เขาก็ไม่รู.้ ..

“คนของกลุม่ เบญจพิษสมคบกับขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยนได้มากมาย
เพียงนัน้ ไม่ใช่เรือ่ งที่จะสาเร็จได้ในวันเดียว”

“พ่ะย่ะค่ะ” แม้แต่แม่ทพั ฝ่ ายบู๊ท่มี กี องกาลังทหารในมืออย่างสวี่จง ขุน


นางขัน้ หนึ่งเช่นหวาไท่ซือยังยอมศิโรราบ ก็พอจะเห็นได้วา่ ของกลุม่ เบญจ
พิษแคว้นหนานจ้าวไม่ได้กระทาการในแคว้นชิงเหยี่ยนแค่วนั สองวัน...

ขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยนที่ถกู กลุม่ เบญจพิษหลอกล่อและไปสมคบคิดกับ


พวกเขา และยังดารงตาแหน่งสูงๆ ในแคว้นชิงเหยี่ยน ไม่ใช่เรือ่ งดีต่อแคว้น
ชิงเหยี่ยน

“เทียนฉี ตรวจสอบขุนนางราชสานักให้ละเอียด” เขาจะต้องเปิ ดโปงขุน


นางเหล่านีใ้ ห้หมด

ราชสานักของเขาไม่ตอ้ งการขุนนางที่ใจโลเลไปสมคบกับเศษสวะแคว้น
อื่นๆ

“พ่ะย่ะค่ะ” เย่เทียนฉีตอบรับเสียงขรึม ดวงตาดาขลับเป็ นประกายนิ่ง


ลึก
ตอนที่ 1922 สอบสวน

นอกวังหลวง แสงอาทิตย์สาดส่องราไร

มูห่ รงเสวี่ยอุม้ จิง้ จอกน้อยเดินทอดน่องอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ อุง้ เท้า


ของจิง้ จอกน้อยประคองอมยิม้ ไว้อนั หนึ่ง แทะอย่างมีความสุข “โฮ่งๆ” อม
ยิม้ รสผิงกั่วอร่อยจังเลย...

“หากอร่อยเจ้าก็กินให้มากหน่อย” มูห่ รงเสวี่ยหยิบอมยิม้ ออกมาให้มนั


อีกสองอัน อันหนึ่งรสเฉ่าเหมย(สตอเบอรรี)่ สีชมพู อันหนึ่งรสส้มสีเหลือง
อ่อน...

จิง้ จอกน้อยมองด้วยสายตาเป็ นประกาย ยื่นอุง้ เท้าไปแย่งอมยิม้ มา


“โฮ่งๆ” ขอบคุณนะ รสเฉ่าเหมยกับรสส้ม เป็ นสองรสชาติทมี่ นั ชอบทีส่ ดุ
เลย...

“ไม่ตอ้ งเกรงใจ นี่เป็ นรางวัลของเจ้า” มูห่ รงเสวี่ยยิม้ แล้วลูบหัวจิง้ จอก


น้อยเบาๆ จิง้ จอกน้อยจัดการเรือ่ งราวได้อย่างรวดเร็ว นางอารมณ์ดี
นอกจากค่าตอบแทนแล้วยังให้รางวัลพิเศษด้วย...
จิง้ จอกน้อยกะพริบตาปริบๆ “โฮ่งๆ” ขอเพียงจัดการเรือ่ งทีท่ า่ น
มอบหมายให้เรียบร้อยก็จะมีของรางวัลเช่นนีใ้ ช่หรือไม่?

มูห่ รงเสวี่ยคิดอยูค่ รูห่ นึ่งดูแล้วก็เอ่ยว่า “ประมาณนัน้ ...”

“โฮ่งๆ” เช่นนัน้ ต่อจากนีไ้ ปถ้ามีงานอย่างนีอ้ กี อย่าลืมเรียกใช้ขา้ นะ...ข้า


รับรองว่าจะจัดการให้เรียบร้อยงดงามเหมือนวันนีเ้ ลย...

จิง้ จอกน้อยเอ่ยอย่างภาคภูมิ

มองดูสายตาเป็ นประกายของจิง้ จอกน้อยแล้ว มูห่ รงเสวี่ยก็เอ่ยว่า “...


ได้!”

ช่างเป็ นจิง้ จอกจอมตะกละจริงๆ เลย

“น้องสาว...น้องสาว...” เสียงเรียกคุน้ หูดงั ขึน้ มา มูห่ รงเสวี่ยหันหน้าไปก็


พบกับมูห่ รงเย่ในชุดเครือ่ งแบบเดินนาองครักษ์สองนายตรงดิ่งเข้ามาหา
นาง มองดูใบหน้าที่ฉายปณิธานอันแรงกล้าของมูห่ รงเย่แล้ว มูห่ รงเสวี่ย
กะพริบตาแล้วเอ่ยว่า “นี่เจ้า...กาลังจะเข้าวังหรือ?”

“ไม่ใช่” มูห่ รงเย่สา่ ยหน้า “ข้ามาหาเจ้านั่นละ”

“หาข้าหรือ? หาข้าด้วยเรือ่ งใด?” มูห่ รงเสวี่ยไม่เข้าใจ


มูห่ รงเย่แววตาเป็ นประกาย “ไปสอบสวนหวาไท่ซือที่คกุ หลวงกรม
อาญาน่ะสิ”

มูห่ รงเสวี่ย “ฝ่ าบาทจะสอบสวนหวาไท่ซือหรือ?”

“ใช่แล้ว” มูห่ รงเย่พยักหน้า ตอนนีห้ วาไท่ซือเป็ นขุนนางตาแหน่งสูงสุด


ในบรรดาผูท้ ่สี มคบกับกลุม่ เบญจพิษที่จบั ตัวได้ และเขาก็ไม่ได้สมคบกับ
คนของกลุม่ เบญจพิษแค่คนเดียว ข้อมูลของกลุม่ เบญจพิษในมือของเขา
ต้องมีมากกว่าผูอ้ ่นื อย่างแน่นอน ดังนัน้ ฮ่องเต้จงึ จะสอบสวนเขา

ส่วนผูท้ ่ที าหน้าที่สอบสวนนัน้ มีองค์ชายสี่เย่เทียนฉี และเขาผูซ้ ง่ึ เคยประ


มือกับหวาไท่ซอื มาก่อน ก็ได้รบั อนุญาตให้ไปร่วมสอบสวนที่คกุ หลวงกรม
อาญาด้วย เวลาที่องค์ชายสี่สอบสวนเขาสามารถเพิ่มเติมส่วนที่องค์ชายสี่
ไม่ทรงทราบ ขยายขอบเขตของการสอบสวนให้กว้างขึน้ ...

“น้องสาวเจ้าประมือกับหวาไท่ซอื มากกว่าข้า ตามข้าไปคุกหลวงกรม


อาญาด้วยกันเถิด” หากพบองค์ชายสี่แล้ว เรือ่ งที่เขาเองกไม่รู ้ น้องสาวจะ
ได้เสริมข้อมูลในส่วนที่องค์ชายสี่ไม่ทรงทราบ ขยายขอบเขตของการ
สอบสวนให้กว้างขึน้ ไปอีก...

มูห่ รงเสวี่ยคิดๆ ดูแล้วก็เอ่ยว่า “ก็ดีเหมือนกัน” คนของกลุม่ เบญจพิษ


สมคบกับขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยน เห็นได้ชดั ว่าไม่ได้ปรารถนาดี และขุนนาง
แคว้นชิงเหยี่ยนที่สมคบกับกลุม่ เบญจพิษแต่ละคนก็ปากแข็งราวปิ ดผนึก
สอบสวนได้ยาก

องค์ชายสี่ไปสอบสวนพวกเขา จะได้เรือ่ งหรือเปล่านางเองก็ไม่รู ้ แต่วา่


หากองค์ชายสี่สามารถทาให้หวาไท่ซือยอมปริปากขึน้ มาได้ นางเองก็
พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือทาให้หวาไท่ซือเอ่ยออกมาให้มากที่สดุ ...

“ชักช้าไม่ทนั การ พวกเรารีบไปที่คกุ หลวงกรมอาญากันเถอะ” เมื่อมูห่ รง


เสวี่ยเห็นด้วย มูห่ รงเย่ก็ลากนางสาวเท้าไปทางคุกหลวงกรมอาญาแววตา
เป็ นประกาย

หวาไท่ซือกระทาความผิดใหญ่หลวงถูกขังอยู่ในห้องขังส่วนที่ลกึ ที่สดุ
มูห่ รงเสวี่และมูห่ รงเย่เดินตามทางอับชืน้ มืดมิดที่ทอดยาวไปยังห้องขังนัน้
ตอนที่ 1923 หักมุม (1)

มูห่ รงเสวี่ยมองเห็นอยู่ไกลๆ ว่าหวาไท่ซือกาลังนั่งหลับตาทาใจให้สงบ


อยู่บนกองหญ้าแห้งในห้องขังขนาดใหญ่ และมีสตรีรูปโฉมงดงาม ดวงตา
เป็ นประกายสุกสกาวผูห้ นึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเขา สตรีผนู้ นั้ ก็คืออิงหลันผูเ้ ป็ น
สาวใช้ของหวาไท่ซือนั่นเอง

“เหตุใดอิงหลันถึงเข้าไปอยู่ในห้องขังห้องนัน้ ได้เล่า?” มูห่ รงเสวี่ยสงสัย


เท่าที่นางรูม้ าหลังจากขุนนางกระทาความผิดก็จะถูกขังแยกกับบ่าวรับใช้
โดยเฉพาะหวาไท่ซือที่กระทาความผิดร้ายแรงสมคบกับพวกเบญจพิษ เขา
ย่อมต้องถูกขังเดี่ยวอยูแ่ ล้ว เหตุใดถึงนาตัวสาวใช้ของเขาไปไว้ในห้องขัง
เดียวกัน?

มูห่ รงเย่เองก็รูส้ กึ สงสัยอยู่บา้ ง รับสานวนที่องครักษ์สง่ มาให้ขนึ ้ มาดู


แล้วก็เอ่ยขึน้ ว่า “อิงหลันไม่ได้ถกู ขังไว้ในห้องนัน้ แต่นางเข้าไปเอง”

มูห่ รงเสวี่ย “...หมายความว่าอย่างไร?” อิงหลันต้องการอยู่เป็ นเพื่อน


หวาไท่ซือหรือ?

“ไม่ใช่เสียหน่อย...อิงหลันไม่ใช่นกั โทษ นางมาดูหวาไท่ซือผูเ้ ป็ นนักโทษ


ก็เท่านัน้ ” มูห่ รงเย่อ่านบันทึกสานวนแล้วก็เอ่ยเสียงดังฟั งชัด
มูห่ รงเสวี่ย “...อิงหลันไม่ใช่บา่ วรับใช้จวนหวาไท่ซือหรือ?” ตามกฎของ
แคว้นชิงเหยี่ยน หวาไท่ซือกระทาความผิดถูกคุมตัวขังคุก อิงหลันในฐานะ
บ่าวรับใช้จวนหวาไท่ซือก็ตอ้ งถูกจับกุมคุมตัวเข้าห้องขังด้วยเช่นกัน แล้ว
เหตุใดนางถึงไม่ใช่นกั โทษเล่า...

มูห่ รงเย่มองดูเนือ้ ความในสานวนแล้วเอ่ยว่า “หวาไท่ซือคืนสัญญาขาย


ตัวให้นางแล้ว แม้วา่ นางจะเป็ นบ่าวรับใช้ในจวนหวาไท่ซือแต่ก็มีอิสระ ไม่
ต้องเกี่ยวโยงกับหวาไท่ซืออีก” หวาไท่ซือกระทาความผิดไม่เกี่ยวข้องกับ
นาง ยามที่บรรดาเจ้าหน้าที่ยดึ ทรัพย์จวนหวาไท่ซือและจับกุมตัวบ่าวรับใช้
จึงไม่จบั ตัวนาง...

ที่แท้ก็เป็ นเช่นนี ้

มูห่ รงเสวี่ยพยักหน้าด้วยความเข้าใจ ปกติเห็นหวาไท่ซือเรียกใช้อิงหลัน


ราวข้าทาสบริวาร ยังเข้าใจว่าอิงหลันขายตัวเป็ นทาสแบบสัญญาตาย อยู่
ในกามือของหวาไท่ซือจะบีบก็ตายจะคลายก็รอด ไม่คิดเลยว่าอิงหลันจะ
เป็ นอิสระ ได้สญ ั ญาขายตัวคืน...

ปกตินางถูกหวาไท่ซือเรียกใช้อย่างอเนจอนาถ คาดว่าคงเพราะไร้
ความสามารถ เลยไม่กล้าขัดแย้งหวาไท่ซือ...
แต่วา่ หวาไท่ซือถูกจับ อิงหลันได้รบั อิสระ เหตุใดถึงไม่รบี หนีไปให้ไกล
หนีออกจากกรงเล็บของหวาไท่ซือไปเสีย มาทาอะไรที่คกุ หลวงกรมอาญา
นี่?

มูห่ รงเสวี่ยส่งสายตามองอิงหลันด้วยความสงสัย เห็นว่าหวาไท่ซือเองก็


ปิ ดเปลือกตาลงเอ่ยถามสิ่งที่อยากรูอ้ ยู่ในใจว่า “เจ้ามาทาอะไรที่น่ี?”

อิงหลันหัวเราะ “ข้าน้อยมาดูไท่ซือ...ดูวา่ ตอนนีท้ า่ นจนมุมเพียงใด น่า


สมเพชเพียงใด...”

มูห่ รงเสวี่ย “...”

มูห่ รงเย่ “...”

เหล่าองครักษ์ “...”

หวาไท่ซือลืมตาขึน้ มามองทันที ตวัดสายตาคมปลาบราวธนูปลาย


แหลมไปทางอิงหลัน “มาดูเรือ่ งขายหน้าของเปิ่ นกวาน[1] เจ้ามีสิทธิ์หรือ
...”

“ไท่ซือ ตอนนีท้ า่ นไม่ใช่ขนุ นางแล้วแต่เป็ นนักโทษต้องคุก...ยังกล้าเรียก


ตนเองว่าเปิ่ นกวาน จุ๊ๆ...” อิงหลันมองปะทะสายตากับหวาไท่ซืออย่างไม่
ยอมลงให้ นา้ เสียงหวานหูแฝงความเย้ยหยันอย่างไม่ปิดบัง
วาจาแทงใจดานัน้ ทาให้หวาไท่ซือสีหน้าบึง้ ตึงขึน้ มาทันที ทัง้ โกรธทัง้
โมโห “เปิ่ นกวานก็แค่ไม่เป็ นที่ทรงโปรดชั่วคราวเท่านัน้ เอง...”

“ไม่เป็ นที่ทรงโปรดชั่วคราวหรือ? หึ...” อิงหลันหัวเราะหยัน “ท่านสมคบ


กับพวกเบญจพิษแคว้นหนานจ้าว ตอนนีถ้ กู ฮ่องเต้องค์ปัจจุบนั จับได้ ถูก
ปลดตาแหน่ง ถูกริบทรัพย์ คนของท่านก็ถกู คุมขังอยู่ในคุกหลวงกรมอาญา
เรือ่ งใหญ่เช่นนีใ้ นสายตาท่านยังมองว่าไม่เป็ นที่ทรงโปรดชั่วคราวหรือ?”

“หรือว่าหวาไท่ซือยังคิดว่ายังมีโอกาสหวนกลับมาตัง้ ตัวเป็ นใหญ่อีก


ครัง้ หนึ่งหรือ? ต่อให้ทา่ นอยากมีโอกาสนี ้ แต่เกรงว่าฮ่องเต้องค์ปัจจุบนั คง
ไม่ให้โอกาสนีแ้ ก่ทา่ น..”

ประโยคสุดท้าย อิงหลันลากเสียงยาว แฝงความเย้ยหยันสบประมาท


อย่างไม่ปิดบัง

------

[1] เปิ่ นกวาน คาเรียกแทนตัวผูท้ ่มี ีฐานะขุนนาง เพื่อแสดงว่าตนมีฐานะ


อยู่เหนือคูส่ นทนา
ตอนที่ 1924 หักมุม (2)

สีหน้าของหวาไท่ซือบึง้ ตึงขึน้ มาทันที สะบัดมือหมายจะฟาดใบหน้า


อิงหลัน “หุบปาก!”

อิงหลันก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว หลบฝ่ ามือของหวาไท่ซือ มองเขา


ด้วยสายตาเย้ยหยัน จุ๊ๆ นี่หวาไท่วือถูกพูดแทงใจดา เกิดความอายจนโกรธ
หรือ?

หวาไท่ซือไม่รูส้ ่งิ ที่นางคิด พบว่าโจมตีพลาดเป้า สีหน้าก็ย่ิงไม่สบ


อารมณ์ จิกตามองอิงหลันอย่างโหดเ**้้ยม “เจ้ากล้าหลบหรือ...”

อิงหลันเชิดหน้าขึน้ เอ่ยด้วยความพอใจ “เหตุใดข้าจะต้องไม่กล้าหลบ?


ตอนนีข้ า้ เป็ นชาวชิงเหยี่ยนคนหนึ่ง มีอิสระ ท่านที่เป็ นนักโทษต้องการคุก
ลงไม้ลงมือกับข้า ข้าก็ไม่จาเป็ นต้องอยู่เฉยๆ...”

อิงหลันพูดไปก็มองหน้าหวาไท่ซือไป พบว่าหวาไท่ซือหน้าตาถมึงทึง
จ้องนางด้วยสายตาวาวโรจน์ เพลิงโทสะลุกโชนอยู่ในดวงตา ราวกับว่า
ต้องการให้นางตายทัง้ เป็ น นางอดไม่ได้ท่จี ะเลิกคิว้ “เหตุใดเล่า ไม่ยอมรับ
ความจริงหรือ? ไม่ยอมรับความจริงก็ทาอะไรไม่ได้” ใครใช้ให้ตอนนีท้ า่ น
เป็ นนักโทษต้องคุกเล่า? หวาไท่ซือกระทาความผิดร้ายแรงจนถูกขังคุก ไม่รู ้
ว่าจะถูกตัดสินโทษวันไหน ยังทาตัวสูงส่งเหมือนสมัยก่อน คิดจะตบตีนางก็
ตบตี คิดจะดุด่าก็ดดุ ่าหรือ?

ได้ฟังวาจาสบประมาทโดยไม่ปิดบังของนางแล้ว สีหน้าของหวาไท่ซอื ก็
ทวีความไม่สบอารมณ์เข้าไปอีก มองอิงหลันด้วยสายตาเย็นยะเยือกราว
กับต้องการฉีกทึง้ นางให้ตายเป็ นพันๆ หมื่นๆ ชิน้

อิงหลันไม่แยแส ปั ดฝุ่ นที่ไม่มีอยู่บนมือตัวเองเบาๆ “เอาเถิดๆ...คร้านที่


จะคุยกับท่านแล้ว...” เมื่อครูน่ ีเ้ อาแต่คยุ เรือ่ งไร้สาระ เกือบลืมจุดประสงค์ท่ี
นางมาในวันนีเ้ สียแล้ว...

มือเรียวยาวของอิงหลันซุกเข้าไปในแขนเสือ้ หยิบกริชออกมาเล่มหนึ่ง
ตัวกริชหลอมจากเหล็กกล้า รูปทรงธรรมดาทั่วไป เป็ นแบบเดียวกับมีดเล่ม
ใหญ่ท่วี างขายในร้านอาวุธของมีคม แต่ความเงาบนตัวกริชก็แสดงให้เห็น
ว่านี่เป็ นกริชที่มีความคมอย่างยิ่ง

หวาไท่ซือเห็นกริชเล่มนีแ้ ล้ว ในดวงตาคมก็ฉายความตื่นตระหนกไหว


วูบ ถอยหลังออกไปโดยไม่รูต้ วั เอ่ยถามขึน้ ว่า “เจ้า...เจ้าจะทาอะไร?”

อิงหลันถือกริชไว้ในมือ ยิม้ เฉิดฉัน “ไม่ได้ทาอะไร ข้าก็แค่จะใช้มนั มาแก้


แค้น...”
“แก้แค้น? เปิ่ น...ข้ากับเจ้ามีความแค้นต่อกันหรือ?” หวาไท่ซอื เอ่ยถาม
ด้วยความสงสัย ถอยหลังต่อไปโดยไม่รูต้ วั

มองดูแววตาสงสัยของเขาแล้ว อิงหลันก็แค่นยิม้ “หวาไท่ซือขีห้ ลงขีล้ ืม


จริงๆ หลังจากที่ขา้ เข้ามาอยู่ท่จี วนหวาไท่ซือ ท่านปฏิบตั ิกบั ข้าอย่างไร หรือ
ว่าหวาไท่ซือจะจาไม่ได้?”

ภายในหัวของหวาไท่ซือฉายภาพที่เขาด่าว่าอิงหลันเป็ นฉากๆ ในใจก็


บังเกิดความโกรธแค้นทว่าสีหน้ากลับยังคงราบเรียบ เอ่ยว่า “ตอนนัน้ ...ข้า
แค่ดดุ ่าว่ากล่าวเจ้าเพียงไม่ก่ีประโยค...” ตอนัน้ เขาเองก็เจอปั ญหาหนักใจ
อารมณ์ไม่ดีถึงได้ดดุ ่าว่ากล่าวอิงหลัน...อีกอย่างตอนนัน้ อิงหลันก็เป็ นแค่
บ่าวรับใช้ผหู้ นึ่ง เกิดเป็ นบ่าวรับใช้ ก็ตอ้ งเสียสละตนเองขจัดปั ญหาให้ผู้
เป็ นนาย...

แค่ดดุ ่านางสักพักระบายโทสะก็ถือว่าเขามีเมตตาแล้ว ตอนนัน้ เขามี


สัญญาขายตัวของอิงหลันอยู่ในมือ เป็ นเจ้านายของอิงหลัน ต่อให้เขาทุบตี
อิงหลันจนตาย ก็ไม่มีใครเอาเรือ่ ง...

“หึ...” อิงหลันแค่นหัวเราะ นางรูอ้ ยู่แล้วว่าหวาไท่ซือจะพูดออกมาเช่นนี ้


ในใจของหวาไท่ซอื เห็นนางเป็ นแค่บา่ วรับใช้ท่ไี ม่ได้สลักสาคัญใดๆ เป็ น
บุคคลที่สละทิง้ ได้ทกุ เวลา ไม่วา่ เขาจะทุบตีนาง ด่าทอนาง ทรมานนาง
อย่างไร แค่ไว้ชีวติ นางไว้ก็ถือว่าเมตตาปรานีนางแล้ว...
ความคิดเช่นนี ้ นางไม่กล้าเห็นพ้อง และไม่เตรียมจะเห็นพ้องด้วย

หวนนึกถึงเวลาที่หวาไท่ซือทรมานนางแล้ว แววตาอิงหลันก็เย็นชา
สะบัดกริชแทงใส่หวาไท่ซือ...
ตอนที่ 1925 หักมุม (3)

แววตาของหวาไท่ซือฉายความตื่นตระหนก เบี่ยงกายหลบการโจมตี
ของอิงหลันอย่างรวดเร็ว กริชคมเฉี่ยวข้างแก้มเขา เกี่ยวปอยผมเขาไป
หลายสิบเส้น ปลิวว่อนลงบนพืน้

การกระทาโหดเ**้้ยมนัน้ ทาเอาหวาไท่ซือตื่นตระหนกเบิกตากว้าง
มองหน้าอิงหลันแล้วเอ่ยว่า “เจ้าจะสังหารข้าจริงๆ หรือ?”

“ไร้สาระ” อิงหลันที่เห็นว่าโจมตีไม่ถกู เป้าหมาย ก็บนั ดาลโทสะแทงกริช


ไปอีกครัง้ ...

กริชคมที่แฝงไอสังหารรุนแรง ขอเพียงแทงโดนเป้าหมายหากไม่ตายก็
บาดเจ็บสาหัสเอาการ หวาไท่ซือหลบหลีกมือเท้าเป็ นประวิง หลบไปเอ่ยไป
ว่า “อิงหลัน เจ้าทาเช่นนีก้ ็เนรคุณเกินไปหรือไม่...” ตอนแรกที่อิงหลันอยู่ใน
ตลาดค้าทาสถูกผูด้ แู ลทารุณทุกวัน เนือ้ ตัวถลอกปอกเปิ ก บาดแผลเต็มไป
ทั่วทัง้ ร่าง เป็ นเขาที่มีเมตตาซือ้ ตัวนางมา ช่วยนางให้พน้ จากทะเลแห่งทุกข์
...
นางไม่ตอบแทนบุญคุณเขาก็แล้วไป แต่คิดไม่ถึงว่าจะคิดสังหารเขาได้
ก็ช่างเป็ นจิง้ จอกตาขาวเลีย้ งไม่เชื่องจริงๆ...

“หึ...” หวาไท่ซือไม่เอ่ยถึงเรื่องนีก้ ็แล้วไป พอเขาเอ่ยขึน้ มา ดวงตาคูง่ าม


ที่น่ิงเฉยของอิงหลันก็พลันบังเกิดความเกรีย้ วกราด “คนแซ่หวา ยังมีหน้า
มาพูดเรือ่ งนีอ้ ีกหรือ ท่านคิดว่าข้าไม่รูห้ รืออย่างไร ความลาบากที่ขา้ ได้รบั
การลงโทษที่ขา้ ได้รบั ตอนอยู่ในตลาดค้าทาสล้วนเป็ นเพราะท่าน?”

ตอนนางเป็ นเด็กยังไม่โดดเด่น ไม่สามารถเข้าไปเป็ นบ่าวรับใช้ตระกูล


คนรวย แต่การเข้าไปเป็ นสาวใช้ตระกูลทั่วไปก็พอทาได้อยู่ แต่ไม่รูเ้ หตุใด
หวาไท่ซือถึงถูกตาต้องใจนาง สั่งให้คนของตลาดค้าทาสรังแกนาง ทารุณ
นางเป็ นพิเศษ จนกระทั่งนางถูกตีจนมีบาดแผลทั่วร่าง ลมหายใจรวยริน
แล้วถึงได้ทาทีเป็ นผูม้ ีพระคุณยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือนาง...

“เจ้า...เจ้ารูไ้ ด้อย่างไร...” หวาไท่ซอื หรีต่ าลงด้วยความตื่นตระหนก เรือ่ ง


นีม้ ีแค่เขากับผูด้ แู ลตลาดค้าทาสที่รู ้ และผูด้ แู ลนั่นก็ตายไปก่อนที่เขาจะซือ้
ตัวอิงหลันหนึ่งเดือนก่อน...

“นั่นก็เพราะว่าข้าฉลาดพอ” อยู่ในตลาดค้าทาสมานานหลายปี และยัง


ถูกรังแกทารุณมาหลายปี แผนการกลอุบายอะไรพรรค์นนั้ อิงหลันก็เห็นมา
ไม่นอ้ ย คนเช่นหวาไท่ซือที่รอให้ผคู้ นถลาลงห้วงลึกก่อนแล้วค่อยแสร้งทา
เป็ นผูช้ ่วยชีวิตฉุดเขาขึน้ มา นางเห็นมานับครัง้ ไม่ถว้ น ดังนัน้ ตอนที่นาง
บาดเจ็บทั่วร่างล้มลงกับพืน้ และหวาไท่ซือทาราวผูช้ ่วยชีวิตเข้ามาซือ้ ตัว
นาง นางก็แอบคาดเดาว่าเป็ นไปได้หรือไม่วา่ ความอนาถที่นางเผชิญจะ
เป็ นแผนการของหวาไท่ซือ...

หลังจากเข้ามาอาศัยในจวนไท่ซือแล้ว นางก็ลอบสืบเรือ่ งนีเ้ งียบๆ


สุดท้ายก็พบว่าสิ่งที่นางเผชิญตอนอยู่ในตลาดค้าทาสเป็ นแผนการที่หวา
ไท่ซือจงใจจริงๆ ด้วย...

หวาไท่ซือ “...”

เหล่าองครักษ์ “...”

มูห่ รงเย่ “...”

มูห่ รงเสวี่ย “...”

หวาไท่ซือปราดเปรือ่ งยิ่งหนัก แสร้งทาเป็ นสร้างบุญคุณให้ผอู้ ่ืน


ตระหนักถึงบุญคุณของเขา ให้รูส้ กึ ซาบซึง้ ในบุญคุณของเขา คิดว่าคนอื่น
จะถูกทารุณร้ายแรงเกินไป มีประสบการณ์กบั แผนการกลอุบายมากมาย
เปลี่ยนมุมมองความคิดไปตัง้ นานแล้ว ไม่มีใครเชื่อ ประกายกอบกูท้ ่หี วาไท่
ซือจงใจแสดงออกมา แต่เดิมก็ไม่มีผใู้ ดเชื่อ...

หวาไท่ซือหนอหวาไท่ซือ เขาฉลาดมากเกินจึงเสียรู ้
มูห่ รงเสวี่ยถอนหายใจ มองไปที่หอ้ งขังอีกครัง้ พบว่าอิงหลันถือกริชแทง
ใส่หวาไท่ซืออย่างแรง “คนแซ่หวา ท่านทาร้ายข้าสภาพอนาถถึงเพียงนัน้
ตอนนีข้ า้ จะมาทวงหนีเ้ หล่านัน้ คืน...”

หวาไท่ซือลาบากที่สดุ รีบร้อนหลบหลีก...

ส่วนอิงหลันขยับเท้ารวดเร็ว ก้าวเท้าขยับไปใกล้เรือ่ ยๆ

บีบจนหวาไท่ซือลนลาน หลบหลีกไปทั่ว...

ทันใดนัน้ หวาไท่ซือก็เสียจังหวะ ถูกหญ้าแห้งใต้เท้าเกี่ยวพัน ร่างกายแก่


ชราเซถลาไปกับพืน้ ...
ตอนที่ 1926 หักมุม (4)

ความเร็วของอิงหลันไม่ได้ลดน้อยถอยลงแต่อย่างใด กริชแหลมคมใน
มือแทงเข้าใส่หวาไท่ซืออย่างโหดเหีย้ ม...

หวาไท่ซอื มองดูกริชที่จะแทงเข้าตัวเองแล้วก็ลนลานยือ้ ยุดข้อมือของ


อิงหลันเอาไว้ ขัดขวางการจู่โจมของนาง กริชสีเงินค้างอยู่บนข้างแก้มเขา
ห่างไปไม่ถึงห้ามิลลิเมตร ปลายแหลมคมเป็ นประกายเยือกเย็นอามหิตอยู่
ในห้องขังที่แสนมืดมิด ระยะห่างแค่หา้ มิลลิเมตรนั่นทาให้หวารูส้ กึ ได้ถึงไอ
สังหารที่แผ่กระจายจากคมกริชได้อย่างชัดเจน...

แววตาเขานิ่งขรึม มองอิงหลันตาไม่กะพริบ เอ่ยขึน้ ว่า “ต่อให้ทกุ สิ่งทุก


อย่างที่เจ้าเผชิญตอนอยู่ในตลาดค้าทาสเป็ นแผนการของข้า แต่จากตอน
นัน้ จนถึงตอนนี ้ นับไปต่างๆ นานาแล้วข้าก็ปฏิบตั ิกบั เจ้าเป็ นอย่างดี...” ไม่
ต้องพูดถึงว่าหลังจากอิงหลันเข้ามาอาศัยในจวนไท่ซือแล้วได้อยู่ดีกินดีทกุ
วัน เลีย้ งดูอย่างดีคาดว่าจะดีวา่ คุณหนูบางจวนเสียอีก พูดถึงเรือ่ งตอนที่
จวนหวาไท่ซือถูกริบทรัพย์แล้วเขาคืนสัญญาขายตั๋วให้นาง ทาให้นางไม่
ต้องรับการพัวพันของจวนไท่ซือ แค่ขอ้ นีข้ อ้ เดียวก็เพียงพอที่จะชดเชย
ความผิดที่เขาสั่งการในตลาดค้าทาสแล้ว...
“หึ...” อิงหลันได้ฟังเขาพูดเช่นนีแ้ ล้ว ไม่เพียงไม่มีความประทับใจใดๆ
ความเย้ยหยันในดวงตาคูส่ วยก็ย่ิงเข้มขึน้ “ที่ทา่ นเลีย้ งดูขา้ ให้กินดีอยู่ดีทกุ
วัน ก็เพราะท่านเตรียมจะเลีย้ งดูขา้ ให้ดี จากนัน้ ก็ใช้ประโยชน์จากข้าอย่าง
โหดเ**้้ยม เวลาผ่านมาเนิ่นนานเพียงนี ้ ท่านต้องการให้ขา้ สาธยายหรือไม่
ว่าท่านใช้ประโยชน์อะไรจากข้าบ้าง...ส่วนสัญญาขายตัวนั่นน่ะหรือ?
สัญญาขายตัวนั่นเป็ นท่านคืนให้กบั ข้าหรือ เป็ นข้าที่ลงมือแย่งมา
ต่างหาก!” หลังจากหวาไท่ซือถูกจับเข้าคุกหลวงแล้ว เจ้าหน้าที่กรมอาญา
ก็บกุ มาค้นจวนตระกูลหวา นางชิงวิ่งเข้าไปในห้องนอนของหวาไท่ซือ หยิบ
สัญญาขายตัวของนางที่เขาเก็บซ่อนไว้...

เหล่าองครักษ์ “...”

มูห่ รงเย่ “...”

มูห่ รงเสวี่ย “...”

ที่แท้อิงหลันก็ได้สญ
ั ญาขายตัวคืนมาเช่นนีเ้ อง ตนยังคิดว่าหวาไท่
ซือเมตตานางเลยคืนสัญญาขายตัวให้ตงั้ นานแล้วเสียอีก...

มูห่ รงเสวี่ยมองหวาไท่ซือด้วยความสนใจ พบว่าหวาไท่ซือมีสีหน้าเข้ม


ขึน้ ถลึงตามองอิงหลันอย่างพูดอะไรไม่ออก
อิงหลันกลับยิน้ เย็น สลัดการยือ้ ยุดของหวาไท่ซอื แทงกริชใส่เขาอีกครัง้
...

ครัง้ นีห้ วาไท่ซือที่เต็มไปด้วยความโมโหและโกรธแค้น ตกใจจนเปลือก


ตากระตุก ลนลานคว้าข้อมืออิงหลันไว้เป็ นพัลวัน เอ่ยขึน้ ด้วยความร้อนรน
“เดี๋ยวก่อน...เดี๋ยวก่อน...ต่อให้ระหว่างเราสองคนไม่มีบญ ุ คุณเรือ่ งเลีย้ งดู
และการคืนสัญญา อย่างไรก็ยงั มีบญ ุ คุณฉันท์สามีภรรยานะ...สามีภรรยา
วันเดียวบุญคุณล้นหลาม...”

“หุบปาก!” อิงหลันตวาดตัดบทเขา ถลึงตามองเขาด้วยความเกรีย้ ว


โกรธ เพลิงโทสะลุกโชนขึน้ ในแววตาคูส่ วยของนางราวกับว่าต้องการ
สังหารเขาให้ตายทัง้ เป็ น “บุญคุณฉันท์สามีภรรยาหรือ? หึ ไม่วา่ จะเป็ นใน
ใจของท่านหรือท่าทีท่ที า่ นมีตอ่ ข้า ล้วนแสดงให้เห็นชัดว่าท่านเห็นข้าเป็ น
ของเล่นชิน้ หนึ่ง สาวใช้อ่นุ เตียงที่ไม่มีฐานะใดๆ ถูกท่านเรียกก็ไปถูกไล่ก็มา
...” ยังจะมาพูดเรือ่ งบุญคุณฉันท์สามีภรรยาอะไร? คงมีแต่ผีเท่านัน้ ที่จะไป
มีบญุ คุณฉันท์สามีภรรยากับเจ้า...

“อีกทัง้ ตอนที่ทา่ นเรียกข้าไปอุ่นเตียง ท่านรูห้ รือไม่วา่ ข้ารังเกียจท่าน


มากเพียงใด?” ผูเ้ ฒ่าวัยเฉียดหกสิบ เนือ้ ตัวจะเน่าเปื่ อยอยูแ่ ล้ว แทนที่จะใช้
วาระช่วงสุดท้ายของชีวิตทางานเพื่อนบ้านเมือง อยู่บา้ นเลีย้ งหลาน
กลับมานอนกับนางดรุณีนอ้ ยวัยสิบห้าสิบหก พาลให้รูส้ กึ รังเกียจเสียจริง
...

“หวาไท่ซือ ท่านเพิ่มโทษให้ตนเองสาเร็จอีกหนึ่งข้อแล้ว ทาให้ขา้ ยิ่ง


เกลียดท่านได้สาเร็จ” ดังนัน้ ต่อจากนีไ้ ป ท่านก็รบั โทษเสียเถอะ

อิงหลันแววตาเย็นชา ชักมือตัวเองออกจากการยือ้ ยุดของหวาไท่ซือ ยก


กริชแทงใส่หวาไท่ซืออีกครัง้ ...

หวาไท่ซือหลบตาลีตาเหลือก...

อิงหลันไม่แตกตื่น ไล่ตามอย่างรวดเร็ว...
ตอนที่ 1927 หักมุม (5)

“ฉึก ฉึก ฉึก...ฉึก ฉึก ฉึก...” กริชสีเงินยกขึน้ สูงกลางอากาศเปล่ง


ประกายไอสังหารหลายสาย แต่ละสายล้วนพุง่ แทงใส่หวาไท่ซือ...

หวาไท่ซือลนลานหลีกหนี ทว่ายังคงไม่อาจหลบกริชได้เช่นเคย เสือ้ ผ้าที่


เขาสวมอยู่ถกู กรีดขาดเป็ นรอยสัน้ ยาวหลายรอย รังสีอามหิตผ่านรอยกรีด
ซึมเข้าสูผ่ ิวหนังพาให้รา่ งกายสั่นสะท้าน หวาไท่ซือบังเกิดลางสังหรณ์ท่ไี ม่
ดีขนึ ้ มา ส่งเสียงร้องตะโกนโดยไม่สนใจผูใ้ ด “ใครก็ได้...ใครก็ได้เข้ามาที...”

“ไม่ตอ้ งตะโกนหรอก...ผูค้ มุ ที่อยูล่ ะแวกนีถ้ กู ข้าซือ้ ตัวเอาไว้หมดแล้ว


พวกเขาจะไม่มีทางเข้ามาหากข้ายังไม่ออกไป...” อิงหลันพูดเสียง
โหดเ**้้ยม ยกกริชขึน้ อย่างรวดเร็ว หวาไท่ซือถูกบีบจนกลิง้ ไปกลิง้ มา
สภาพดูน่าอนาถยิ่งนัก

ทันใดนัน้ หวาไท่ซือก็พลิกตัวหลบหลีกช้าลง อิงหลันเมื่อเห็นว่าสบ


โอกาสจึงจ้วงแทงลงไปอย่างแรง “โอ๊ย...” หวาไท่ซือส่งเสียงร้องออกมา
ด้วยความเจ็บปวด ดังลั่นก้องนภา...
ผูค้ นพากันมองตาค้าง พบว่ากริชของอิงหลันปั กอยู่ตรงหว่างขาของ
หวาไท่ซือ เลือดสีแดงฉานอาบย้อมเสือ้ ผ้า...

หวาไท่ซือถูกแทง...ตรงจุดสาคัญ...

มูห่ รงเย่และองครักษ์อีกสองนายเห็นภาพน่าสังเวชนัน้ แล้วหนีบขาเข้า


หากันโดยสัญชาตญาณ อิงหลันผูน้ ีก้ ็โหดเ**้้ยมจริงๆ...

พบศัตรูเช่นอิงหลันก็นบั ว่าเป็ นโชคไม่ดีของหวาไท่ซือแล้ว...

โดยเฉพาะศัตรูผนู้ ี ้ เป็ นคนที่หวาไท่ซือสร้างขึน้ มาเอง...

ผูค้ นพากันมองไปยังหวาไท่ซือ พบว่าเขามีสีหน้าซีดเผือด ถลึงตามอง


อิงหลันขยับริมฝี ปากทว่ากลับไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา...

ส่วนอิงหลันถอนกริชออกมา มองดูเลือดแดงฉานที่อาบย้อมกริชแล้ว
หัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆ ฮ่าๆ...ข้าแก้แค้นให้ตวั เองได้แล้ว...”

มูห่ รงเย่ “...”

หวาไท่ซือผูน้ ่าสงสาร!

องครักษ์ “...”
มูห่ รงเสวี่ยส่ายหน้า อุม้ จิง้ จอกน้อยหันหลังเดินจากไป

มูห่ รงเย่รอ้ งเสียงหลง “น้องสาว เจ้าจะไปไหนหรือ?”

“กลับแล้ว” มูห่ รงเสวี่ยเอ่ยตอบโดยไม่หยุดเท้าและไม่หนั หลังกลับมา


หวาไท่ซือบาดเจ็บเช่นนัน้ ไม่อาจสอบสวนได้ช่ วั ขณะ นางเองก็ไม่
จาเป็ นต้องรัง้ ตัวอยู่ท่นี ่ี...

มูห่ รงเย่ “...มันก็ใช่...”

พวกเขามาที่คกุ หลวงกรมอาญาก็เพื่อสอบสวนหวาไท่ซือ ไม่คิดว่าจะ


เกิดเรือ่ งขึน้ กับหวาไท่ซือ...แล้วยังเป็ นเรือ่ งเช่นนีอ้ ีก...

ปรายตามองหวาไท่ซือที่เลือดนองกองกับพืน้ และอิงหลันที่ถือกริชและ
หัวเราะอย่างบ้าคลั่งในห้องขังแล้วมูห่ รงเย่ได้แต่สา่ ยหน้า สั่งการองครักษ์
สองนายว่า “เจ้าไปในห้องขังเอาตัวอิงหลันอออกไป...” ป้องกันไม่ให้อิงห
ลันแทงหวาไท่ซือจนตาย แล้วพวกเขาหมดโอกาสสอบปากคาเขา...

“ส่วนเจ้าไปเชิญท่านหมอมา” หวาไท่ซือได้รบั บาดเจ็บไม่นอ้ ย หากห้าม


เลือดไม่ทนั อาจตายได้ พวกเขายังต้องการสอบปากคาหวาไท่ซือเพื่อหา
ข้อมูลจากเขาอยู่ เพราะอย่างนัน้ ก็จะปล่อยให้เขาตายตอนนีไ้ ม่ได้...
องครักษ์สองนายรับคาสั่งและจากไป มูห่ รงเย่ตามมูห่ รงเสวี่ยไป
“น้องสาว เดี๋ยวข้าไปส่ง...”

“ไม่ตอ้ งหรอก ข้ากลับเองได้” มูห่ รงเสวี่ยตอบโดยไม่หนั หน้ากลับมา


มอง “ท่านอยู่ท่นี ่คี อยดูอาการหวาไท่ซือเถอะ อย่าปล่อยให้เขาเสียเลือดจน
ตาย...”

มูห่ รงเย่ “...ก็ได้...เจ้าเองก็ระวังตัวด้วย” มูห่ รงเย่ชะงักเท้า เอ่ยกาชับมู่


หรงเสวี่ย

“รูแ้ ล้ว” มูห่ รงเสวี่ยยิม้ น้อยๆ หันกลับไปโบกมือลามูห่ รงเย่ท่อี ยู่ดา้ นหลัง


ก่อนเดินออกจากคุกหลวงกรมอาญาไป

นอกคุกหลวง แสงอาทิตย์เจิดจ้า

แสงอาทิตย์อ่อนละมุนสาดส่องไปบนร่าง จิง้ จอกน้อยปรือตาบิดขีเ้ กียจ


“โฮ่งๆ” ด้านนอกดีย่งิ นัก มีแสงแดดอบอุ่น ตากแดดนิดค่อยฟื ้นมีชวี ติ ชีวา
ขึน้ มาบ้าง...
ตอนที่ 1928 พบเย่อเี้ ฉินอีกครั้ง

ไม่เหมือนในคุกหลวง ทัง้ มืดทัง้ อับ อยูแ่ ค่ประเดี๋ยวเดียวมันยังรูส้ กึ ทัง้


หนาวทัง้ หดหู.่ ..

“...” มูห่ รงเสวี่ยมองจิง้ จอกน้อยอย่างจนใจ “...ไม่ถึงขนาดนัน้ ...”


ระยะเวลาแค่ประเดี๋ยวเดียวเท่านัน้ เอง...

“โฮ่งๆ” ขนาดนัน้ ขนาดนัน้ ขนาดนัน้ เลย...

จิง้ จอกน้อยพูดเสียงหนักแน่น ดวงตาฉายแววจริงจัง คุกหลวงกรม


อาญาแห่งนัน้ อยูแ่ ค่เพียงประเดี๋ยวเดียวมันก็ทนไม่ไหวแล้ว มันไม่ชอบคุก
หลวงกรมอาญา ต่อไปพวกเราอย่ามาอีกเลยนะ...

มูห่ รงเสวี่ย “...ข้าจะพยายาม...” ในเมื่อจิง้ จอกน้อยไม่ชอบคุกหลวงกรม


อาญา หากไม่พามาได้ก็ไม่ตอ้ งพามันมาก็แล้วกัน...

“โฮ่งๆ” ดีย่งิ นัก! ไม่ตอ้ งเข้าไปในคุกหลวงกรมอาญา คือสิ่งดีงามในชีวติ


...

จิง้ จอกน้อยหยิบอมยิม้ อันใหม่ออกมา พึมพาทานองเพลงที่ตนเองแต่ง


ขึน้ มาพลางแทะอมยิม้ อย่างมีความสุข
มูห่ รงเสวี่ย “...”

ช่างเป็ นจิง้ จอกน้อยที่ไม่โตเอาเสียเลย...

“เร็วๆ เข้า...เดินเร็วหน่อย เดินเร็วหน่อย...อย่าอืดอาดยืดยาด...” เสียง


ฝี เท้าของคนกลุม่ หนึ่งตามมาด้วยคาสั่งเสียงดุรา้ ย มูห่ รงเสวี่ยเงยหน้าขึน้
พบเจ้าหน้าที่สิบกว่านายคุมตัวคนกลุม่ หนึ่งเดินผ่านมา ในนัน้ มีทงั้ บุรุษ
และสตรี มีทงั้ ผูเ้ ฒ่าและเด็กน้อย บางคนสวมชุดหรูหรา บางคนสวมชุด
ธรรมดาทั่วไป แต่ไม่วา่ จะสวมชุดหรูหราหรือชุดพืน้ ๆ ก็เปรอะเปื ้อนไม่นอ้ ย
ไหนจะผมเผ้าของพวกเขาที่แม้จะหลุดลุย่ แต่ก็ยงั พอมองออกถึงความ
พิถีพิถนั ในคราแรก...

นี่เป็ นกลุม่ คนที่ใช้ชีวิตที่มีเกียรติม่งั คั่งและร่ารวย คนที่เป็ นผูน้ าอายุส่ี


สิบกว่าปี และสวมชุดขุนนางขัน้ ห้า แต่สีหน้าซีดขาว คิว้ ขมวดแน่น แววตา
เต็มไปด้วยความเจ็บใจและจนใจ...

“โฮ่งๆ” ขุนนางผูน้ นั้ แลคุน้ ๆ อยูบ่ า้ งหรือไม่

จิง้ จอกน้อยมองขุนนางขัน้ ห้าผูน้ นั้ แล้วทาตาปริบๆ

มูห่ รงเสวี่ยคิดๆ ดูแล้วก็เอ่ยว่า “เหมือนว่าเขาคือ...พระสหายเจี่ยงสานัก


ฮั่นหลินนะ...”
“พระสหายเจี่ยง!” ได้ยินชื่อตาแหน่งนีแ้ ล้ว จิง้ จอกน้อยดวงตาเป็ น
ประกายขึน้ มา “โฮ่งๆ” มันนึกออกแล้ว ตอนที่มนั ปี นไปเล่นบนกาแพงวัง
เซียวเหยาอ๋อง เคยเห็นเขาขี่มา้ ผ่านนอกจวน...และมีขนุ นางที่ข่ีมา้ อยูข่ า้ ง
หลังเขาเรียกเขาว่าพระสหายเจี่ยง...

มูห่ รงเสวี่ย “...”

คลับคล้ายคลับคลาว่าจวนของพระสหายเจี่ยงผูน้ อี ้ ยู่ทิศตะวันออกเฉียง
ใต้ของวังเซียวเหยาอ๋อง ทุกครัง้ ที่เขาไปทางานที่สานักฮั่นหลินก็จะผ่านวัง
เซียวเหยาอ๋อง จิง้ จอกน้อยย่อมเห็นเขาขี่มา้ ผ่านนอกจวนเป็ นธรรมดา แต่
ว่า เหตุใดพระสหายเจี่ยงถึงถูกบรรดาเจ้าหน้าที่คมุ ตัวมาที่น่ีเล่า?

มูห่ รงเสวี่ยไม่เข้าใจ หันไปถามเจ้าหน้าที่ท่คี มุ ตัวอยู่ใกล้ๆ นางว่า “นี่มนั


เรือ่ งอะไรหรือ?”

องครักษ์รูจ้ กั มูห่ รงเสวี่ย เห็นนางเอ่ยถามจึงตอบตามความจริง “พวก


ข้าน้อยตรวจพบว่าพระสหายเจี่ยงสมคบกับกลุม่ เบญจพิษ เช่นนัน้ จึงคุม
ตัวเขามา...”

“ไม่ใช่นะๆ...ข้าไม่ได้สมคบกับกลุม่ เบญจพิษ...ข้าถูกปรักปรา...” มูห่ รง


เสวี่ยยังไม่ทนั เอ่ยอะไรออกมา พระสหายเจี่ยงก็รบี ตะโกนออกมาว่าตนถูก
ปรักปรา
“หุบปาก!” หัวหน้าองครักษ์ขมวดคิว้ ตวาด หันหลังไปต่อยท้องพระ
สหายเจี่ยงหนึ่งหมัด

พระสหายเจี่ยงถูกต่อยก็สง่ เสียงร้องด้วยความเจ็บปวด งอตัวกุมท้อง


เหงื่อเม็ดเล็กผุดเต็มหน้าผาก ดวงตาเฉลียวฉลาดและมองการณ์ไกลเต็ม
ไปด้วยความรูส้ กึ เจ็บปวด แต่เขาก็ยงั คงออกแรงเงยหน้าขึน้ แก้ต่างให้กบั
ตัวเองว่า “ข้าถูกปรักปรา...ข้าไม่ไม่ได้สมคบกับพวกกลุม่ เบญจพิษ...”

วาจาจริงจัง นา้ เสียงหนักแน่นนั่นได้ยินแล้วมูห่ รงเสวี่ยอดไม่ได้ท่จี ะ


ขมวดคิว้ หันไปถามหัวหน้าองครักษ์วา่ “พวกเจ้าไม่ได้เข้าใจผิดใช่
หรือไม่?”

“ย่อมไม่ผิดแน่” หัวหน้าองครักษ์ยงั ไม่ทนั ได้พดู อะไร ก็มีเสียงเย็นชาแว่ว


มาจากกลุม่ คนด้านนอก

มูห่ รงเสวี่ยเงยหน้าไปเห็นเย่อเี ้ ฉินที่ไม่รูว้ า่ มาอยู่ท่นี ่ีตงั้ แต่เมื่อไร เดินตรง


เข้ามาหานาง เรือนกายสูงโปร่ง หน้าตาหล่อเหลา ดวงตาคมคายสร้าง
ความกดดันชนิดหนึ่งให้ผอู้ ่ืน

มุห่ รงเสวี่ยหรีต่ าลง เอ่ยเสียงเย็นชาว่า “เหตุใดถึงได้ม่นั ใจเพียงนี”้


ตอนที่ 1929 ตาต่อตา ฟั นต่อฟั น (1)

“เพราะว่าพวกเรามีหลักฐาน!” เย่อเี ้ ฉินหยุดฝี เท้ายืนห่างจากมูห่ รงเสวี่ย


ออกไปราวสามฉื่อ[1]

สายลมโชยอ่อน รังสีเย็นชาเฉพาะตัวของเย่อีเ้ ฉินก็ประดังเข้ามา มูห่ รง


เสวี่ยเลิกคิว้ อย่างไม่ชิน เอ่ยว่า “หลักฐานอะไรหรือ?”

“วัตถุหลักฐาน” เย่อีเ้ ฉินส่งสัญญาณมือ องครักษ์สามนายก็จงู สุนขั เข้า


มา สุนขั สามตัวนี ้ ตัวหนึ่งสีดา ตัวหนึ่งสีดินเหลือง อีกตัวหนึ่งสีเหลืองปนดา
สุนขั แต่ละตัวมีรูปร่างสูงใหญ่ สง่าผ่าเผย “สุนขั สามตัวนีต้ ามกลิ่มหอม
สะกดรอยของเจ้าไปถึงจวนพระสหายเจี่ยง...”

“...” มูห่ รงเสวี่ย “พวกมันได้กลิ่นหอมสะกดรอยได้อย่างไร?” ต้องการให้


สัตว์แกะรอยกลิ่นหอมสะกดรอย ก่อนอื่นต้องให้ดมกลิ่นหอมสะกดรอย
เสียก่อน และหอมสะกดรอยที่นางปรุงขึน้ มาเคยให้จิง้ จอกน้อยดมเท่านัน้
...
“ข้าให้พวกมันดมกลิ่นชุดดาของคนชุดดาสามคนที่เจ้าจับตัวมาจาก
จวนไท่ซือ จวนตระกูลโจว และจวนผูด้ แู ลขุนนางฝ่ ายใน...” เย่อีเ้ ฉินเอ่ย
อย่างไม่ย่ีหระ

มูห่ รงเสวี่ย “...”

ชุดดาที่คนชุดดาสามคนนัน้ สวมใส่มีกลิ่นของหอมสะกดรอย และนาง


เป็ นผูป้ รุงหอมสะกดรอยนัน้ ขึน้ มา สุนขั ดมกลิ่นเสือ้ ผ้าของพวกเขาย่อมได้
กลิ่นของหอมสะกดรอยแน่นอน สามารถตามกลิ่นหอมสะกดรอยตามหา
ตัวคนชุดดา ไปตามสถานที่ท่พี วกเขาเคยไป

แต่วา่ “การที่สนุ ขั ตามกลิ่นของหอมสะกดรอยไปที่จวนพระสหายเจี่ยงก็


ไม่ได้หมายความว่าพระสหายเจี่ยงสมคบกับกลุม่ เบญจพิษ...”

“เหตุใดจึงเอ่ยเช่นนี?้ ” เย่อีเ้ ฉินมองมูห่ รงเสวี่ย ท่าทางอยากฟั ง


รายละเอียดให้มากขึน้

มูห่ รงเสวี่ยประกายตาสุขมุ “โรยหอมสะกดรอยไว้บนตัวคนชุดดา ไม่ว่า


คนชุดดาจะวิ่งไปที่ใดกลิ่นหอมสะกดรอยก็จะลอยไปติดที่น่ นั ...” นั่นก็
หมายความว่าสถานที่ท่คี นชุดดาวิ่งผ่านก็จะมีกลิ่นหอมสะกดรอยจางๆ
เช่นบนลานประหาร เส้นทางที่คนชุดดาผ่าน บนต้นไม้ บนหลังคาเป็ นต้น...
“พวกเจ้าตามกลิ่นหอมสะกดรอยไปที่จวนพระสหายเจี่ยง ก็เป็ นไปได้วา่
คนชุดดาผ่านจวนพระสหายเจี่ยง...”

“อย่างนัน้ หรือ?” เย่อีเ้ ฉินปรายตามองมูห่ รงเสวี่ย “แล้วตอนที่พวกเจ้า


ตามกลิ่นหอมสะกดรอยไปตรวจค้นจวนหวาไท่ซือ จวนตระกูลโจวและจวน
ผูด้ แู ลขุนนางฝ่ ายใน เหตุใดถึงตัดสินว่าพวกเขาสมคบกับกลุม่ เบญจพิษ
...”

“เพราะว่านอกจากกลิ่นหอมสะกดรอยแล้ว เรายังค้นเจอพยานและวัตถุ
หลักฐานที่จวนหวาไท่ซือ จวนตระกูลโจวและจวนผูด้ แู ลขุนนางฝ่ ายใน” คน
ชุดดาที่สมคบกับหวาไท่ซือและโจวหยวน รวมถึงจดหมายที่หวาไท่ซือ
และโจวหยวนติดต่อกับคนของกลุม่ เบญจพิษ พวกเขาล้วนตรวจเจอทัง้ สิน้
ดังนัน้ พวกเขาถึงได้จบั กุมตัวหวาไท่ซือ โจวหยวนและผูด้ แู ลขุนนางฝ่ ายใน
...

“การที่จิง้ หวางเหยียจับกุมตัวพระสหายเจี่ยงก็ควรทาเหมือนพวกเรา
หาพยานวัตถุหลักฐานว่าพระสหายเจี่ยงสมคบกับคนของกลุม่ เบญจพิษ
...” อาศัยแค่กลิ่นหอมสะกดรอย ไม่อาจลงโทษผูอ้ ่ืนได้

“จิง้ หวางเหยียมีหลักฐานเหล่านัน้ หรือไม่?” มูห่ รงเสวี่ยมองหน้าเย่อีเ้ ฉิน


ไม่กะพริบตา ดวงตาดาขลับคูง่ ามฉายแววเย็นชา
เย่อีเ้ ฉินเห็นแล้วมุมปากยกโค้งขึน้ โพล่งออกมานิ่งๆ “มีอยู่แล้ว”

“อย่างนัน้ หรือ?” มูห่ รงเสวี่ยเลิกคิว้ เรียวสวยราวกิ่งหลิว แปลกใจกับ


วาจาของเย่อีเ้ ฉิน “ไม่รูว้ า่ เป็ นหลักฐานอะไรหรือ?”

“ต้องเป็ นพยานบุคคลและวัตถุหลักฐานที่เจ้าต้องการอยู่แล้ว” เย่อีเ้ ฉิน


เอ่ยขึน้ อย่างไม่ใส่ใจ ขยับปลายนิว้ ส่งกาลังภายในรุนแรงสายหนึ่งทะยาน
ไปที่พระสหายเจี่ยงอย่างไม่ปรานี...

แววตาของมูห่ รงเสวี่ยนิ่งขรึม ยกมือขึน้ ส่งกาลังภายในไปขัดกาลัง


ภายในของเย่อีเ้ ฉิน...

“ปั ง!” กาลังภายในของมูห่ รงเสวี่ยปะทะกับกาลังภายในของเย่อีเ้ ฉิน ทา


ให้กาลังภายในนัน้ เบนไปกรีดเข้าที่แขนของพระสหายเจี่ยง สร้างรอยแผล
ขนาดใหญ่ท่แี ขนของเขา เลือดสีแดงฉานไหลซึมแขนเสือ้ ของเขา...

[1] ฉื่อ คือหน่วยมาตราวัดของจีน โดยที่ 1 ฉื่อ เท่ากับ 33.33 เซนติเมตร


ตอนที่ 1930 ตาต่อตา ฟั นต่อฟั น (2)

“เย่อีเ้ ฉิน ท่านทาอะไรน่ะ?” มูห่ รงเสวี่ยมองเย่อีเ้ ฉินด้วยสีหน้าไม่เป็ น


มิตร

แววตาของเย่อีเ้ ฉินนิ่งขรึม “เจ้าต้องการหลักฐานไม่ใช่หรือ? ข้าก็จะให้ดู


หลักฐาน!”

“สังหารเขาแล้วได้หลักฐานหรือ?” มูห่ รงเสวี่ยเอ่ยค่อนแขวะ

“ย่อมไม่ใช่อยูแ่ ล้ว” เย่อเี ้ ฉินส่ายหน้า “ข้าไม่ได้คิดจะสังหารเขา...”

“แล้วเมื่อครูน่ ีท้ า่ น...”

“ข้าแค่จะให้เจ้าดูหลักฐาน” เย่อีเ้ ฉินตัดบทมูห่ รงเสวี่ย เขาชีน้ วิ ้


ท่ามกลางสายตาไม่เข้าใจของนาง “นั่นคือหลักฐาน...”

มูห่ รงเสวี่ยหันไปมองอย่างไม่ค่อยอยากเชื่อ มองตามสายตามองเย่อี ้


เฉินไปก็พบว่าแขนเสือ้ ของพระสหายเจี่ยงกรีดเป็ นทางยาวกว่าครึง่ เผยให้
เห็นแขนที่มีเลือดไหลซึม บนผิวหนังที่มีเลือดไหลออกมานัน้ ปรากฏ
สัญลักษณ์รูปแมงป่ องมีชีวิตชีวาตัวหนึ่ง...
มูห่ รงเสวี่ยจ้องเขม็ง “นั่นคือ...”

“นั่นคือสัญลักษณ์ท่มี ีเฉพาะคนของกลุม่ เบญจพิษ” เย่อเี ้ ฉินเอ่ยต่อ


ประโยคของนาง

“จิง้ หวางเหยียเองก็รูจ้ กั สัญลักษณ์ของพวกเบญจพิษหรือ?” มูห่ รงเสวี่ย


มองหน้าเย่อีเ้ ฉินอย่างแปลกใจอยูบ่ า้ ง

เย่อีเ้ ฉินสีหน้าเรียบเฉย “รูจ้ กั สิ บนตัวของคนชุดดาสามคนที่เจ้าจับมา


ล้วนมีสญ ั ลักษณ์เช่นนี”้

...

คนชุดดาสามคนที่นางจับตัวมาเป็ นสมาชิกของกลุม่ เบญจพิษ บนเนือ้


ตัวของพวกเขาย่อมมีสญ ั ลักษณ์กลุม่ เบญจพิษ แต่วา่ “เท่าที่ขา้ รูม้ า คน
ของกลุม่ เบญจพิษค่อนข้างจะระวังตัว ในราชสานักแคว้นชิงเหยี่ยน ไม่วา่
จะเป็ นคนของกลุม่ เบญจพิษเองก็ดี หรือว่าจะเป็ นบรรดาขุนนางที่สมคบ
กับกลุม่ เบญจพิษล้วนไม่มีสญ
ั ลักษณ์เช่นนีบ้ นเนือ้ ตัวพวกเขา...”

บนตัวของสวี่จงไม่มีสญ
ั ลักษณ์กลุม่ เบญจพิษ บนตัวสวี่เทียนโย่วไม่มี
สัญลักษณ์กลุม่ เบญจพิษ บนตัวหวาไท่ซือเองก็ไม่มีสญ ั ลักษณ์ของกลุม่
เบญจพิษเช่นกัน ดังนัน้ ภายใต้สถานการณ์ท่ไี ม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน
นางก็ไม่มีทางรูว้ า่ ขุนนางกลุม่ ใดบ้างที่สมคบหรือไม่ได้สมคบกับกลุม่
เบญจพิษ...

หากพระสหายเจี่ยงที่อยู่ตรงหน้าผูน้ ีส้ มคบกับกลุม่ เบญจพิษจริงๆ เป็ น


คนของกลุม่ เบญจพิษ เช่นนัน้ บนเนือ้ ตัวของเขาก็ตอ้ งไม่มีสญั ลักษณ์เช่นนี ้
ถึงจะถูก...การที่เขามีสญ
ั ลักษณ์เช่นนีก้ ลับดูเหมือนเป็ นการถูกปรักปรา
เสียมากกว่า...

“ซื่อจื่อเฟยไม่เคยเห็นที่แขนของโจวหยวนกับผูด้ แู ลขุนนางฝ่ ายในสินะ”


เย่อีเ้ ฉินเอ่ยตัดบทมูห่ รงเสวี่ยเสียงแข็ง เอ่ยกับนางว่า “บนเนือ้ ตัวของเขาก็มี
สัญลักษณ์เช่นนี.้ ..”

มูห่ รงเสวี่ยจ้องเขม็ง “เป็ นไปได้อย่างไร?”

“หากไม่เชื่อ เจ้าก็ลองไปดูสิ” เย่อเี ้ ฉินเอ่ยนิ่งๆ แสดงท่าทีไม่แยแส

มูห่ รงเสวี่ย “...”

คุกหลวงกรมอาญาอยู่ไม่ไกล นางเดินเร็วๆ เพียงไม่ก่ีกา้ วก็สามารถเข้า


ไปในคุกหลวง พบโจวหยวนและผูด้ แู ลขุนนางฝ่ ายในที่อยู่ในคุกก็รูแ้ ล้วว่า
บนแขนของพวกเขามีสญ
ั ลักษณ์ของกลุม่ เบญจพิษหรือไม่
ท่าทางไม่แยแสปล่อยให้นางไปพิสจู น์ท่เี ย่อีเ้ ฉินแสดงออกมานัน้ ก็ดู
เหมือนว่าบนแขนของโจวหยวนและผูด้ แู ลขุนนางฝ่ ายในจะมีสญ ั ลักษณ์
ของกลุม่ เบญจพิษจริงๆ...

แล้วเหตุใดบนแขนของหวาไท่ซอื สวี่เทียนโย่วและสวี่แทนผูซ้ ง่ึ สมคบกับ


กลุม่ เบญจพิษถึงไม่มีสญ
ั ลักษณ์ของกลุม่ เบญจพิษเล่า...

คงไม่ใช่ว่าโจวหยวนและผูด้ แู ลขุนนางฝ่ ายในเข้าร่วมกลุม่ เบญจพิษ


แต่สวี่เทียนโย่วและสวี่เทียนอันซึง่ เป็ นหลานของหัวหน้ากลุม่ จิง้ จกสวี่จง
ไม่ได้รบั อนุญาตให้เข้ากลุม่ หรอกนะ...

“ข้าถูกปรักปรา ข้าถูกปรักปรา...ข้าไม่รูว้ า่ รอยสักรูปแมงป่ องมาปรากฏ


อยู่ท่แี ขนของข้าได้อย่างไร...” พระสหายเจี่ยงมองรอยสักรูปแมงป่ องที่แขน
ของตัวเองแล้ว ละล่าละลักเอ่ยด้วยความตื่นตระหนก

หัวหน้าองครักษ์ผนู้ นั้ เห็นเป็ นเช่นนีก้ ็ต่อยไปอีกหมัด “หุบปากซะ อยาก


ปั ดความผิดให้พน้ ตัวก็ไม่รูจ้ กั หาเหตุผลที่ฟังขึน้ เสียหน่อย...”

พระสหายเจี่ยงถูกต่อยเข้าที่ลนิ ้ ปี่ ก็เซถลาไปข้างหลังหลายก้าว กระแทก


กับต้นไม้ดา้ นหลังอย่างแรงถึงได้หยุด สีหน้าพลันซีดขาว หยาดเหงื่อเม็ดโต
ผุดขึน้ เต็มหน้าผาก แต่รมิ ฝี ปากของเขายังคงซีดขาวเช่นเคย เอ่ยโต้แย้งให้
ตัวเองว่า “ข้า...พูดเรือ่ งจริง...ข้าไม่ได้สมคบกับกลุม่ เบญจพิษ...สัญลักษณ์
นี.้ ..เมื่อหนึ่งชั่วยามก่อนยังไม่มีเลย...”
ตอนที่ 1931 ตาต่อตา ฟั นต่อฟั น (3)

“ยังไม่หบุ ปากอีก!” หัวหน้าองครักษ์ตวาดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์


กาลังจะปล่อยอีกหนึ่งหมัด

“หยุดนะ!” มูห่ รงเสวี่ยประกายตาเคร่งขรึม ขณะจะเข้าไปขวางกลับไม่คิด


ว่าเย่อีเ้ ฉินที่ยืนนิ่งไม่ขยับอยู่นานจะยื่นมือมาคว้าข้อมือนางไว้ กระชากนาง
กลับมา “มูห่ รงเสวี่ย เจ้าอย่าได้เข้าไปยุ่งเรือ่ งที่ไม่ควรยุ่งให้มากเลย”

ลมหายใจอุ่นเป่ ารดบนหน้าผากมูห่ รงเสวี่ย มูห่ รงเสวี่ยขมวดคิว้ ด้วยความ


ไม่ชอบใจ ออกแรงกระชากมือตัวเองออก ทว่าเย่อีเ้ ฉินกลับจับข้อมือนางไว้
แน่น ไม่วา่ นางจะกระชากอย่างไรก็ไม่หลุด ใบหน้างามของนางนิ่งเฉยขึน้ มา
ทันที เอ่ยกับอีเ้ ฉินเสียงแข็ง “ปล่อยมือ”

เย่อีเ้ ฉินได้ยินแล้วไม่เพียงแต่ไม่ยอมปล่อยมือ อีกทัง้ ยังกระชับแน่นขึน้


กระดูกข้อต่อมือขึน้ สีขาว เส้นเลือดหลังมือปูดนูนขึน้ มา แต่เหมือนว่าเขาไม่
รูต้ วั ก้มหน้าเอ่ยกับมูห่ รงเสวี่ยเสียงขรึม “มูห่ รงเสวี่ย เจ้าเข้าใจที่ขา้ พูดมา
หรือไม่?”
มูห่ รงเสวี่ยที่ชกั มือกลับไม่ได้ก็เงยหน้าขึน้ ประสานสายตากับเขานิ่งๆ
“เข้าใจแล้วอย่างไร ไม่เข้าใจแล้วอย่างไร”

“เข้าใจก็ดีไป แต่หากไม่เข้าใจ...” เย่อีเ้ ฉินบีบข้อมือมูห่ รงเสวี่ยแน่นขึน้


ขณะที่จะออกแรงบีบลงไป ก็มีเสียงกังวานแฝงความน่าเกรงขามและความ
เย็นชาดังขึน้ ไกลๆ ว่า “จิง้ หวางเหยีย”

เย่อีเ้ ฉินหัวหลังกลับมา พบเย่เทียนฉีเดินเข้ามาภายใต้ขบวนองครักษ์


มากมาย สาวเท้าก้าวเข้ามาทางเขา ดวงตาคมเป็ นประกายห่วงใยและร้อน
รนแทบไม่สงั เกต

แววตาของเย่อีเ้ ฉินนิ่งขรึม ปล่อยข้อมือมูห่ รงเสวี่ยที่กระชับไว้แน่นออก


หันกลับมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึน้ เดินเอามือไพล่หลังไปทางคุกหลวงกรม
อาญาท่าทีปกติ แว่วเสียงเขาออกคาสั่งเสียงดุดนั มาตามลม “คุมตัวตระกูล
พระสหายเจี่ยงเข้าคุกหลวง”

“ขอรับ” บรรดาองครักษ์คมุ ตัวนักโทษขานรับ ต้อนคนตระกูลพระสหาย


เจี่ยงไปยังคุกหลวงกรมอาญา
มูห่ รงเสวี่ยมองดูขอ้ มือที่ถกู บีบแน่นจนแดงแล้วก็นวดคลึงเบาๆ ดวงตาดา
ขลับเย็นยะเยือก

เย่เทียนฉีเดินตรงเข้ามาเอ่ยด้วยด้วยความห่วงใย “ไม่เป็ นอะไรใช่


หรือไม่?”

“ไม่เป็ นไร” มูห่ รงเสวี่ยส่ายหน้า เอ่ยกับเย่เทียนฉีวา่ “ท่านมาสอบสวนหวา


ไท่ซือหรือ?”

“อืม” เย่เทียนฉีพยักหน้ารับ

มูห่ รงเสวี่ยมองดูสีหน้าซีดขาว แววตาเจ็บแค้นของพระสหายเจี่ยงที่ถกู


บรรดาองครักษ์ไล่ตอ้ นไปแล้วเอ่ยว่า “ข้ารูส้ กึ ว่าเรือ่ งของพระสหายเจี่ยงมี
บางอย่างที่ผิดปกติ...”

เย่เทียนฉีมองดูฝีเท้าซวนเซของคนตระกูลเจี่ยงแล้วเอ่ยว่า “วางใจเถิด ข้า


จะตรวจสอบอย่างละเอียด” เสด็จพ่อทรงมอบหมายเรือ่ งการตรวจสอบขุน
นางในราชสานักให้เขาจัดการ เขาต้องตรวจสอบเรือ่ งราวพัวพันของขุนนาง
แต่ละคนให้ชดั เจน หากว่าพระสหายเจี่ยงไม่ใช่คนของกลุม่ เบญจพิษจริง
และก็ไม่ได้สมคบอะไรกับคนของกลุม่ เบญจพิษ เขาย่อมคืนความความ
บริสทุ ธิ์ให้พระสหายเจี่ยง...

“ลาบากฉีหวางเหยียแล้ว” มูห่ รงเสวี่ยถอนหายใจ กลิ่นหอมสะกดรอยที่


นางเป็ นผูป้ รุงขึน้ มานัน้ เอาไว้ใช้เพื่อเปิ ดโปงคนของกลุม่ เบญจพิษ รวมถึงขุน
นางในราชสานักแคว้นชิงเหยี่ยนที่สมคบกับคนของกลุม่ เบญจพิษ ไม่อยาก
ไปเกี่ยวโยงผูบ้ ริสทุ ธิ์...

แม้วา่ บนแขนของพระสหายเจี่ยงจะมีสญ
ั ลักษณ์ท่มี เี ฉพาะคนของกลุม่
เบญจพิษ แต่นางรูส้ กึ ว่าเรือ่ งราวมันไม่ถกู ต้อง...

สายตามองตามพระสหายเจี่ยงที่เดินไปไกลๆ พลันเหลือบไปเห็นเงาร่าง
องอาจที่เดินนาหน้าพระสหายเจี่ยงแล้วก็อดไม่ได้ท่ีจะขมวดคิว้ เอ่ยถามด้วย
ความสงสัย "เหตุใดเย่อีเ้ ฉินถึงมาร่วมจับตัวคนของกลุม่ เบญจพิษเล่า?" เรือ่ ง
นี ้ ฮ่องเต้ทรงมอบให้ฉีหวางเหยียจัดการไม่ใช่หรือ?

เย่เทียนฉีมองเย่อเี ้ ฉินแวบหนึง่ เอ่ยอธิบายขึน้ ว่า “สวี่จง สวี่เทียนโย่ว


และสวี่เทียนอันถูกคนของกลุม่ เบญจพิษชิงตัวไปจากลานประหาร การคุม
การประหารของเย่อีเ้ ฉินล้มเหลว เขาเลยเข้าวังไปรับผิดกับเสด็จพ่อ พอรูว้ า่
ข้ากาลังสืบหาตัวคนของกลุม่ เบญจพิษที่ซอ่ นตัวอยูใ่ นกลุม่ ขุนนาง เขาก็
เสนอตัวเข้ามาช่วยเหลือ...”
ตอนที่ 1932 เรื่องราวอันน่าตระหนก (1)

เช่นนีน้ ่ีเอง

มูห่ รงเสวี่ยพยักหน้าอย่างเข้าใจ ปล่อยวางอารมณ์ความรูส้ กึ ลง สีหน้า


บังเกิดร่องรอยแห่งความเหนื่อยล้าจางๆ

เย่เทียนฉีเห็นแล้วก็เอ่ยโน้มน้าวนางว่า “ที่น่ีมีขา้ อยู่ เจ้ากลับไปพักผ่อน


เสียหน่อยเถอะ”

“ก็ดีเหมือนกัน” สัญลักษณ์ของกลุม่ เบญจพิษที่อยูบ่ นตัวพระสหายเจี่ยง


แต่ไม่มีปรากฏบนตัวพวกสวี่เทียนโย่ว สวี่เทียนอัน ทาเอามูห่ รงเสวี่ยขบคิด
จนปวดสมอง วาจาโน้มน้าวของเย่เทียนฉีทาให้นางสังเกตว่าตอนนีน้ างกาย
ใจอ่อนล้า จึงเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของเย่เทียนฉี แต่วา่ “หากมีความ
คืบหน้าเรือ่ งของพระสหายเจี่ยงอย่างไร รบกวนท่านช่วยแจ้งข้าสักหน่อย
เถิด” มูห่ รงเสวี่ยกาชับอย่างรอบคอบ

“ตกลง” เย่เทียนฉีตอบตกลงโดยไม่ลงั เล
มูห่ รงเสวี่ยกลับไปพักผ่อนที่วงั เซียวเหยาอ๋อง แต่ผมู้ ีอานาจในเมืองหลวง
มากมายล้วนไม่ได้พกั ผ่อน เจ้าหน้าที่และองครักษ์ทกุ กองตรวจสอบทัง้ ในที่
ลับและที่แจ้ง เปิ ดโปงขุนนางที่เป็ นกลุม่ เบญจพิษคนแล้วคนเล่า...

คณะสานักสารบรรณกลาง บัณฑิตสานักฮั่นหลิน รองผูบ้ ญ


ั ชาการทหาร
องครักษ์ ผูบ้ ญ
ั ชาการกองหน้า หัวหน้ากองกาลังเจีย้ นรุย่ เป็ นต้น ขุนนางน้อย
ใหญ่คนแล้วคนเล่าล้วนถูกเปิ ดโปง คุมตัวเข้าคุกหลวงกรมอาญา...

ข้อมูลถูกถ่ายทอดเข้าไปในวังหลวง ฮ่องเต้ทรงพิโรธอย่างหนัก “ขุนนาง


มากมายเพียงนี.้ ..คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีขนุ นางที่คบหาสมาคมกับกลุม่ เบญจ
พิษมากมายเพียงนี.้ ..น่ารังเกียจที่สดุ ...” เป็ นคนแคว้นชิงเหยี่ยนของเขาแท้ๆ
เกิดที่แคว้นชิงเหยี่ยน โตที่แคว้นชิงเหยี่ยน ศึกษาที่แคว้นชิงเหยี่ยน และเข้า
รับราชการที่แคว้นชิงเหยี่ยน รับเบีย้ หวัดจากพระองค์ผเู้ ป็ นฮ่องเต้แคว้นชิงเห
ยี่ยน ทว่ากลับมีใจเข้าพวกกับกลุม่ เบญจพิษแคว้นหนานจ้าว...

“ฝ่ าบาทโปรดระงับโทสะด้วยพ่ะย่ะค่ะ...อาจเป็ นการเข้าใจผิด...” ท่าทาง


ทรงพิโรธจนระงับไม่อยู่ มหาขันทีท่ดี แู ลรับใช้เห็นแล้วก็หวั่นหวาด ร้อนรนเอ่ย
ปลอบประโลม
“หลักฐานกองอยูต่ รงหน้าแล้ว ยังเป็ นเรือ่ งเข้าใจอะไรผิดอีกหรือ?” ฮ่องเต้
ทรงผรุสวาทดังก้อง สัญลักษณ์ของกลุม่ เบญจพิษแคว้นหนานจ้าวปรากฏอยู่
บนแขนของพวกเขาชัดๆ...ในใจเข้าพวกกลุม่ เบญจพิษแคว้นหนานจ้าวยังไม่
พอ แม้แต่รา่ งกายก็ยงั สร้างสัญลักษณ์ของกลุม่ เบญจพิษแคว้นหนานจ้าว
เอาไว้...หึ พวกเขาช่างจงรักภักดีตอ่ กลุม่ เบญจพิษแคว้นหนานเสียจริง...

“ฝ่ าบาท บรรดาใต้เท้าที่มีสญ


ั ลักษณ์กลุม่ เบญจพิษบนแขนต่างร้อง
ตะโกนว่าถูกปรักปรา...” มหาขันทีเอ่ยเตือนข้อมูลที่บรรดาองครักษ์รายงาน
ขึน้ มา พวกเขาล้วนพูดว่าไม่รูว้ า่ สัญลักษณ์กลุม่ เบญจพิษมาปรากฏอยู่บน
แขนของพวกเขาได้อย่างไร...

“หึ ไม่รูว้ า่ สัญลักษณ์กลุม่ เบญจพิษมาปรากฏอยู่บนแขนของพวกเขาได้


อย่างไรหรือ?” ฮ่องเต้ยิม้ หยัน “เจ้าคิดว่าเป็ นไปได้หรือไม่?”

มหาขันที “...”

ไม่น่าจะเป็ นไปได้เท่าไร...

สัญลักษณ์กลุม่ เบญจพิษมาปรากฏอยู่บนแขนของตัวเองได้อย่างไรก็ไม่รู ้
ไม่วา่ จะคิดอย่างไรก็ไม่น่าจะเป็ นไปได้เท่าไร...
“มันก็แน่อยู่แล้ว” ลอบติดต่อคบหากับกลุม่ เบญจพิษแคว้นหนานจ้าวและ
ถูกพวกเขาจับได้ ก็ตอ้ งเอ่ยว่าสัญลักษณ์บนตัวตนเองปรากฏขึน้ เองโดยไม่
ทราบสาเหตุ ตนเองไม่รูเ้ รือ่ งราว...

เหตุผลปั ดความผิดที่ไม่ได้เรือ่ งเช่นนี ้ แม้แต่ผียงั ไม่เชื่อ คิดไม่ถึงว่าพวกเขา


จะกล้านามาหลอกลวงเขา ช่างโง่เขลาเสียจริง...

“ทหาร ถ่ายทอดคาสั่งให้ฉีอ๋อง จิง้ อ๋อง ตรวจสอบอย่างเข้มงวดต่อไป คุม


ตัวผูท้ ่มี ีสญ
ั ลักษณ์กลุม่ เบญจพิษบนตัว ไม่วา่ จะมีตาแหน่งสูงเพียงใดให้คมุ
ตัวทัง้ หมด” ฮ่องเต้ส่งั การสายพระเนตรเยือกเย็น...

ข้อมูลส่งมาถึงวังเซียวเหยาอ๋อง มูห่ รงเสวี่ยที่พกั ผ่อนจนเพียงพอแล้วนั่ง


หน้านิ่วคิว้ ขมวดอยู่ในลาน...

เหตุใดถึงเป็ นเช่นนี?้

เหตุใดถึงมีขนุ นางถูกจับมากมายเช่นนัน้ ...

สัญลักษณ์กลุม่ เบญจพิษ คิดไม่ถึงว่าบนแขนของพวกเขาจะปรากฏ


สัญลักษณ์กลุม่ เบญจพิษ...
จิง้ จอกน้อยหมอบอยูบ่ นกาแพงสูงท่าทางเกียจคร้าน มองดูถนนสายหลัก
ด้านนอกวังเซียวเหยาอ๋องอย่างไม่ใคร่ใส่ใจเท่าไร ดูไปก็รายงานสถานการณ์
ไปว่า “โฮ่งๆ” มีขนุ นางถูกจับอีกแล้ว...องครักษ์กลุม่ ใหญ่คมุ ตัวมาเลยนะ...
ขุนนางผูน้ ชี ้ ่างดูคนุ้ หน้าคุน้ ตายิ่งนัก...มันนึกออกแล้วเขาก็คอื คนแซ่มผู่ ู ้
บัญชาการทหารม้า...
ตอนที่ 1933 เรื่องราวอันน่าตระหนก (2)

มูห่ รงเสวี่ยหลุบเปลือกตาลง ครุน่ คิดเรือ่ งราวอะไรบางอย่างคล้ายกับว่า


ไม่ได้ยินสิ่งที่มนั พูด

จิง้ จอกน้อยก็ไม่ได้ใส่ใจ มันหมอบบนกาแพงอย่างเกียจคร้านรายงาน


สถานการณ์ท่ตี นเองเห็นต่อไปเรือ่ ยๆ “โฮ่งๆ” ไอหยา มีขนุ นางถูกคุมตัวมาอีก
คนหนึ่งแล้ว...ครอบครัวของเขาก็ถูกจับตัวมาด้วย...ดูขบวนทีถ่ ูกคุมตัวมานัน่
สิ...ใหญ่โตเหลือเกิน...ขุนนางผูน้ ชี ้ า่ งดูคนุ้ ตาอย่างไรชอบกล...เขาชือ่ ว่าอะไร
นะ...หัวหน้ากองธนูใหญ่อ.ู๋ ..ผูบ้ ญ
ั ชาการอู่...

ทันใดนัน้ เองก็มีวตั ถุลกึ ลับจากด้านนอกหล่นเข้ามาในวังเซียวเหยาอ๋อง


หล่นกระแทกอยู่กลางลานเสียงดัง ‘ตุบ’ เกิดฝุ่ นตลบอบอวล...

มูห่ รงเสวี่ยสะดุง้ ตื่นจากภวังค์ทนั ใด ผุดลุกขึน้ ยืนมองวัตถุลกึ ลับนัน้ อย่าง


ระแวดระวัง จิง้ จอกน้อยที่ถกู ขัดจังหวะก็กระเด้งตัวขึน้ มาด้วยความตกใจ
เบิกตากว้างมองวัตถุลกึ ลับนั่น พบว่าวัตถุลกึ ลับนัน้ ก็คือมนุษย์สวมใส่ชดุ สี
ฟ้านา้ ทะเล ร่างกายกายา ฟุบหน้าอยู่กบั พืน้ จากนัน้ เขาก็สะบัดศีรษะเอามือ
ยันพืน้ ค่อยๆ หยัดกายขึน้ มา มูห่ รงเสวี่ยที่เห็นใบหน้าของนางชัดเจนก็รอ้ งทัก
ขึน้ มาว่า “ฟางเฟย”

เสียงร้องทักด้วยความตกใจของมูห่ รงเสวี่ยทาเอาหยวนฟางเฟยตัวแข็ง
ทื่อ ค่อยๆ หันหน้ามาหานางแล้วยิม้ กระอักกระอ่วน “มู.่ ..มูห่ รงเสวี่ย”

หยวนฟางเฟยในตอนนีห้ มอบอยูก่ บั พืน้ ผมเผาอาภรณ์เลอะฝุ่ นอยู่ไม่


น้อย สภาพดูมอมแมมยิ่งนัก มูห่ รงเสวี่ยอดที่จะเอ่ยถามขึน้ ไม่ได้วา่ “ฟางเฟย
นี่เจ้าทาอะไรน่ะ? เหตุใดถึงเข้าจวนมาสภาพนี?้ ” ปกติเวลาที่หยวนฟางเฟย
มาวังเซียวเหยาอ๋องล้วนแต่เข้ามาทางประตูหน้า หรือต่อให้มีเรือ่ งด่วน
จาเป็ นต้องกระโจนเข้ามาในวังเซียวเหยาอ๋องก็จะลงพืน้ อย่างมั่นคง ไม่เป็ น
เช่นเมื่อครูน่ ีท้ ่เี ข้ามาในวังเซียวเหยาอ๋องด้วยความร้อนรน...

หยวนฟางเฟยหัวเราะแห้งๆ อย่างไม่เป็ นธรรมชาติ “ฮะๆ...เมื่อครูน่ ี.้ ..ข้าก็


แค่อยากทดสอบดูวา่ วิชาตัวเบาของข้าฝึ กไปถึงขัน้ ไหนแล้ว...เพราะอย่างนัน้
จึงได้รวมกาลังกระโจนเข้ามาในวังเซียวหยาอ๋อง...ไม่คิดว่า จะเร็วเกินไปจน
ตัวข้ายัง้ เท้าไว้ไม่อยู.่ ..”

“โฮ่งๆ” ไร้สาระ เห็นอยู่วา่ เจ้าทาเรือ่ งไม่ดมี าและผลุบเข้ามาหลบภัยในวัง


เซียวเหยาอ๋องชัดๆ...
ขณะที่มหู่ รงเสวี่ยยังไม่ทนั ได้พดู อะไร จิง้ จอกน้อยก็ชิงเอ่ยขึน้ มาก่อน นอน
หมอบบนกาแพงมองหยวนฟางเฟยด้วยสายตาเย้ยหยัน

หยวนฟางเฟยได้ยินแล้วแหมือนถูกจับได้ ลุกขึน้ ยืนแล้วมองจิง้ จอกด้วย


อย่างไม่สบอารมณ์ “จิง้ จอกน้อย จะเอ่ยวาจาเหลวไหลไม่ได้นะ ข้าไปทาเรือ่ ง
อะไรไม่ดีเมื่อไรกัน?”

“โฮ่งๆ” ท่านไม่ได้ทาอะไรผิดหรือ? เช่นนัน้ แล้วองครักษ์พวกนัน้ ไล่ตาม


ท่านมาทาไม...

จิง้ จอกน้อยมองไปยังทิศทางที่หยวนฟางเฟยลอบเข้ามา

หยวนฟางเฟยนิ่งไป “...”

มูห่ รงเสวี่ยทะยานตัวขึน้ กลางอากาศหกฉื่อด้วยความไม่อยากเชื่อ มอง


ตามสายตาจิง้ จอกน้อยไป เห็นว่ามีองครักษ์กลุม่ หนึ่งไฃ่ตามมาอย่างรวดเร็ว
จริงๆ ไล่ตามพลางเอ่ยว่า “เร็วเข้า...เร็วเข้า...อย่าปล่อยให้เขาหนีไปได้...”

“นี่มนั เรือ่ งอะไรกันแน่?” มูห่ รงเสวี่ยกลับมายืนบนพืน้ มองหยวนฟางเฟย


ด้วยความสงสัย
แววตาของหยวนฟางเฟยเป็ นประกายชอบกล “ความจริงแล้ว...ก็ไม่มี
อะไร...ข้าก็แค่...ก็แค่...”

“เจ้าก็แค่แอบดูบรุ ุษผูห้ นึ่งแล้วถูกจับได้เท่านัน้ เอง...” เสียงบุรุษคุน้ หูดงั


แว่วมาไกลๆ

มูห่ รงเสวี่ย “...”

จิง้ จอกน้อย “...”

จริงหรือ?

หนึ่งคนหนึ่งจิง้ จอกมองหยวนฟางเฟยด้วยสายตาตกใจ

หยวนฟางเฟยถูกมองมาด้วยสายตาเช่นนัน้ ก็หน้าแดงระเรือ่ หันไปเอ่ยกับ


ต้นทางของเสียงด้วยความโกรธ “ก็แค่แอบดูนิดๆ หน่อยๆ เท่านัน้ เอง ไม่เห็น
เป็ นอะไรเลย...” เนือ้ ไม่ได้แหว่งเสียหน่อย...

“มันก็ไม่เห็นเป็ นอะไรนั่นล่ะ แต่วา่ ต้องอยูบ่ นเงื่อนไขที่วา่ ทักษะการแอบดู


ของเจ้าสูงพอที่จะไม่ถกู ผูอ้ ่ืนจับได้...” บุรุษผูน้ นั้ หรือก็คือมูห่ ลิวเฟิ งเหินเข้ามา
ในวังเซียวเหยาอ๋อง เอ่ยอย่างไม่ใคร่ใส่ใจเท่าไรนัก
หยวนฟางเฟยทัง้ โกรธทัง้ โมโห ถลึงตาใส่เขาและเอ่ยว่า “ทักษะการแอบดู
ของข้าไม่สงู พอ แต่วา่ เรือ่ งที่ขา้ ไปแอบดูผอู้ ่ืนเป็ นเรือ่ งที่ไม่ได้ไตร่ตรองไว้ก่อน
และทาอย่างเงียบๆ แล้วท่านรูไ้ ด้อย่างไร...คงไม่ใช่วา่ ท่านกาลังแอบดูขา้ อยู่
หรอกนะ?”
ตอนที่ 1934 เรื่องราวอันน่าตระหนก (3)

นึกถึงเหตุการณ์เมื่อครึง่ ชั่วยามก่อนที่ตนเองอาบนา้ เปลี่ยนเสือ้ ผ้าเป็ น


พิเศษเพื่อไปแอบดูบรุ ุษที่หมายปอง...

หยวนฟางเฟยก็ยกมือทาบอก มองมูห่ ลิวเฟิ งด้วยสายตาหวาดระแวง

ท่าทางราวกับถูกทาให้เสียหายนั่น เห็นแล้วมูห่ ลิวเฟิ งเส้นเลือดขมับเต้น


ตุบ เอ่ยเสียงลอดไรฟั นว่า “หยวนฟางเฟย รบกวนไปส่องคันฉ่องดูสภาพ
ตนเองในตอนนีเ้ สียหน่อยเถิด..รูปหน้าราวบุรุษฉกรรจ์ ร่างกายกายาเช่นสุกร
คูค่ วรพอให้ขา้ ต้องไปแอบดูหรือ?”

สายตาของมูห่ ลิวเฟิ งที่มองมาอย่างสบประมาท เห็นแล้วหยวนฟางเฟยก็


นิ่งอึง้ ไป “...”

นี่มหู่ ลิวเฟิ งรังเกียจนางถึงเพียงนีเ้ ชียว นางดูแย่ขนาดนัน้ เลยหรือ?

...
ดูเหมือนว่านางจะดูแย่เช่นนัน้ จริงๆ!

นางไม่ใช่สตรีเฉกเช่นที่มหู่ ลิวเฟิ งชื่นชอบ มูห่ ลิวเฟิ งบอกว่าไม่ได้แอบดู


นางก็คงจะไม่ได้แอบดูนางจริงๆ นั่นละ...

นางไม่ได้ถกู แอบดู ความบริสทุ ธิ์ของนางยังอยู่ดี!

เมื่อคิดมาถึงตรงนีแ้ ล้ว หยวนฟางเฟยก็ดีใจขึน้ มา แต่แล้วนางก็นกึ ถึง


คาถามหนึ่งขึน้ มาได้ “ท่านไม่ได้แอบดูขา้ แล้วรูเ้ รือ่ งที่ขา้ ไปแอบดูบรุ ุษได้
อย่างไร?”

มูห่ ลิวเฟิ งปรายตามองนางแวบหนึง่ เอ่ยว่า “เห็นเข้าโดยบังเอิญ” เขาเดิน


อาดๆ อยู่บนถนน ขณะที่เดินผ่านด้านนอกจวนของของบุรุษผูน้ นั้ ก็พลัน
เหลือบไปเห็นหยวนฟางเฟยที่อยู่บนกิ่งไม้ แอบมองบุรุษผูน้ นั้ จนนา้ ลายไหล
...

มูห่ รงเสวี่ย “...”

จิง้ จอกน้อย “...”


หยวนฟางเฟยสีหน้าเก้อเขิน หัวเราะแห้งๆ “...ช่างเป็ นเรือ่ งบังเอิญจริงๆ
...”

“เป็ นเรือ่ งบังเอิญจริงๆ นั่นละ แต่วา่ เจ้าควรต้องขอบคุณความบังเอิญนี ้


...” มูห่ ลิวเฟิ งเอ่ยต่อไปท่ามกลางสายตาไม่เข้าใจของหยวนฟางเฟยว่า
“บังเอิญคนที่พบเห็นว่าเจ้ากาลังแอบดูบรุ ุษอยู่เป็ นข้า ตอนที่บรุ ุษผูน้ นั้ จับได้
ว่าเจ้ากาลังแอบดูเขาอยู่และสั่งให้องครักษ์ตามจับตัวเจ้า จึงยื่นมือช่วยสกัด
องครักษ์เหล่านัน้ ที่ไล่ตามเจ้าไว้...ไม่อย่างนัน้ เจ้าคงถูกบรรดาองครักษ์พวก
นัน้ จับตัวไปตัง้ นานแล้ว...”

หยวนฟางเฟย “...เช่นนัน้ ต้องขอบคุณท่านจริงๆ...”

“ไม่ตอ้ งเกรงใจ” มูห่ ลิวเฟิ งเอ่ยอย่างไม่ใคร่ใส่ใจเท่าไร ยื่นมือไปตรงหน้า


หยวนฟางเฟย หยวนฟางเฟยทาหน้าไม่เข้าใจ เขาจึงเอ่ยอธิบายช้าๆ “อย่าแค่
พูดขอบคุณ เจ้าก็ขอบคุณให้เป็ นเรือ่ งเป็ นราวหน่อย...”

“...ท่าน...ท่านขอของแทนคาขอบคุณจากข้าหรือ?” หยวนฟางเฟยแวว
ตางงงวย
“ใช่” มูห่ ลิวเฟิ งยอมรับหน้าชื่นตาบาน หยวนฟางเฟยก่อเรือ่ งน่าอายไป
แอบดูบรุ ุษ เขาช่วยนางให้พน้ จากการไล่ลา่ ช่วยให้นางหนีรอดไม่ตอ้ งอับอาย
ขายหน้า นี่ก็ถือเป็ นการช่วยเหลือครัง้ ใหญ่ นางมอบของแทนคาขอบคุณเขา
ก็เหมาะสมแล้ว...

“เหอะๆ...” หยวนฟางเฟยมองดูมือที่แบออกมาตรงหน้านิ่งๆ ไม่ได้ส่งิ ที่


ต้องการก็จะไม่ชกั กลับของมูห่ ลิวเฟิ งแล้วก็หวั เราะออกมาเบาๆ “ให้ความ
ช่วยเหลือต้องการของตอบแทนก็สมควร...ท่านช่วยข้าครัง้ ใหญ่ ข้าจะมอบ
ของแทนคาขอบคุณที่ทา่ นไม่มีวนั ลืมไปชั่วชีวิตชิน้ หนึ่ง...” พูดแล้ว ก็มกี ่ิงไม้ท่ี
ไม่รูว้ า่ หยวนฟางเฟยเอามาจากไหนฟาดลงบนมือที่แบอยู่ตรงหน้านางอย่าง
แรง...

เสียงฟาดลงมานัน้ ทาเอามูห่ ลิวเฟิ งสะดุง้ จนรีบชักมือกลับมา กิ่งไม้เฉียด


นิว้ ของเขาฟาดลงพืน้ อย่างแรง ทาเอาหินชิงสือแข็งแรงที่พนื ้ เป็ นรอยแยก
เล็กๆ...

มูห่ ลิวเฟิ ง “...ไม่เห็นต้องใช้แรงขนาดนีเ้ ลยนี่?”


“เหอะๆ!” หยวนฟางเฟยหัวเราะเจ้าเล่ห ์ “นี่เป็ น ‘ของแทนคาขอบคุณ’ ชิน้
ใหญ่ท่ใี ห้ทา่ น ย่อมต้องออกแรงให้มากเสียหน่อย...” ว่าแล้ว หยวนฟางเฟยก็
ฟาดกิ่งไม้ลงไปอีกครัง้ ....

มูห่ ลิวเฟิ งรีบเบี่ยงตัวหลบหลีก หลบไปพลางเอ่ยว่า “หยวนฟางเฟย มีใคร


มอบของแทนคาขอบคุณเช่นเจ้าบ้าง?”

“ก่อนหน้านีม้ ีหรือไม่ขา้ ไม่รู ้ แต่วา่ ตอนนีม้ ีแล้ว...” หยวนฟางเฟยเอ่ยห้วนๆ


ฟาดกิ่งไม้ลงไปอีกครัง้ ...

มูห่ ลิวเฟิ งหลบหลีกอีกครัง้ “หยวนฟางเฟย เจ้ามันเนรคุณ...”

“ข้าพอใจ...”

“ต่อไปเจ้าเจอเรือ่ งลาบาก ข้าจะไม่ช่วยเจ้าแล้ว...”

“เหอะๆ...”

หยวนฟางเฟยกับมูห่ ลิวเฟิ งไล่ตีกนั ไปมา เจ้าตามข้าแอบ เจ้าตีขา้ หลบกัน


อยู่เช่นนัน้ ขณะนัน้ เสียงไม้ดงั ลั่นฝุ่ นตลบไปทั่ว...
มูห่ รงเสวี่ยเห็นแล้วก็เงยหน้าขึน้ มองท้องฟ้าอย่างอับจนคาพูด

ทันใดนัน้ จิง้ จอกน้อยที่หมอบดูความสนุกอยู่บนกาแพงก็สง่ เสียงตะโกน


ขึน้ ว่า “โฮ่งๆ” คนทีห่ ยวนฟางเฟยแอบดูไล่ตามมาแล้ว คนทีห่ ยวนฟางเฟย
แอบดูไล่ตามมาแล้ว...

“จริงหรือ?”

“จริงหรือ?”

หยวนฟางเฟยและมูห่ ลิวเฟิ งส่งเสียงร้องขึน้ มาพร้อมกัน ไม่ได้สนใจที่จะ


ไล่ตีกนั อีก ต่างก็ทะยานตัวขึน้ สูงมองตามสายตาจิง้ จอกน้อยไป...
ตอนที่ 1935 เรื่องราวอันน่าตระหนก (4)

บนถนนสายใหญ่ บุรุษหนุ่มผูห้ นึง่ รีบร้อนเดินเข้ามาท่ามกลางวงล้อมของ


บ่าวรับใช้นบั สิบคน บุรุษผูน้ นั้ ใบหน้าหล่อเหลา สีหน้าเคร่งขรึม ราวกับมี
เปลวเพลิงอยู่ในดวงตาคูน่ นั้ กวาดสายตามองผูค้ นที่เดินกันไปมาอย่างดุดนั
ไม่ทงิ ้ ความโกรธ...

“...เป็ นบุรุษที่หยวนฟางเฟยแอบดูจริงด้วย...” มูห่ ลิวเฟิ งมองดูบรุ ุษหนุม่ ผู้


นัน้ ชื่นชมสายตาของจิง้ จอกน้อยอยู่ในใจ มองปราดเดียวก็รูเ้ ลย แต่วา่
“จิง้ จอกน้อยรูไ้ ด้อย่างไรว่าบุรุษผูน้ ีเ้ ป็ นคนที่หยวนฟางเฟยแอบดู?” จิง้ จอก
น้อยไม่ได้อยู่ในเหตการณ์ตอนที่หยวนฟางเฟยแอบดูบรุ ุษผูน้ ีเ้ สียหน่อย!

“โฮ่งๆ” ง่ายมาก ดูจากท่าทางของบุรุษผูน้ นั้ ก็รูแ้ ล้ว!

จิง้ จอกน้อยเชิดใบหน้าขึน้ เอ่ยอธิบายออกมาด้วยความภูมิใจ ท่านดู


ท่าทางของบุรุษผูน้ นั้ สิ อารมณ์กรุน่ โกรธ แววตาทัง้ โกรธทัง้ อายนั่น ท่าทาง
ราวกับถูกผูอ้ ่ืนทาให้เสียหายนั่น ต้องเป็ นบุรุษที่หยวนฟางเฟยไปแอบดูอย่าง
แน่นอน...
หยวนฟางเฟยได้ยินแล้วสีหน้าก็เครียดขึง้ ขึน้ มาทันที ถลึงตามองจิง้ จอก
น้อยกับมูห่ ลิวเฟิ ง

มูห่ ลิวเฟิ งทาเป็ นมองไม่เห็น ยกนิว้ โป้งให้จิง้ จอกน้อยเอ่ยยกยอว่า “...ร้าย


กาจ ร้ายกาจ...วิเคราะห์ได้ตรงจุด...วิเคราะห์ได้ถกู หมด...”

จิง้ จอกน้อยเองก็ไม่ได้สนใจหน้าเครียดของหยวนฟางเฟย สะบัดคอเอ่ย


ออกมาอย่างอวดดี “โฮ่งๆ” แน่นอน

มูห่ รงเสวี่ย “...”

หนึ่งคนหนึ่งจิง้ จอกเห็นเป็ นเรื่องสนุกไม่กลัวเรือ่ งใหญ่เสียจริง

“อย่ามัวแต่ดคู วามสนุก รีบหาทางรับมือกับบุรุษผูน้ นั้ เถิด...”

มูห่ ลิวเฟิ งไม่เห็นเป็ นเช่นนัน้ “เขามีอะไรให้ตอ้ งรับมือกัน เขาไม่รูเ้ สีย


หน่อยว่าคนที่แอบดูเขาอยู่ในวังเซียวเหยาอ๋อง...” เขาไม่รูว้ า่ คนอยู่ท่วี งั เซียว
เหยาอ๋อง ก็ไม่มีทางมาถามหาคนที่วงั เซียวเหยาอ๋อง...

มูห่ รงเสวี่ยเหลือบสายตามองเขาแวบหนึ่ง “ข้ากังวลว่าบุรุษผูน้ นั้ จะมา


ถามว่าเห็นคนที่ตอ้ งสงสัยหรือไม่”
มูห่ ลิวเฟิ ง “...เจ้าก็บอกไปว่าไม่เห็นแค่นนั้ ก็จบ..”

“ข้าเป็ นคนจริงใจ ไม่ชอบโกหก!” มูห่ รงเสวี่ยเอ่ยเสียงดังฟั งชัด วาจา


จริงใจ

มูห่ ลิวเฟิ ง “...”

โทษที่เขาสายตาไม่ดี มองไม่ออก

มูห่ รงเสวี่ยไม่รูถ้ ึงสิ่งที่เขาคิดอยู่ในใจ จึงเอ่ยขึน้ อีกว่า “รอให้บรุ ุษผูน้ นั้ เขา


มาถาม ข้าก็ไม่มอี ารมณ์จะจัดการ...”

...

“ไม่เป็ นไร เดี๋ยวข้าจัดการเอง” มูห่ ลิวเฟิ งอาสารับเรือ่ งนี ้ เรือ่ งเล็กน้อย


เท่านี ้ เขาก็รบั รองเลยว่าจะจัดการเรือ่ งราวได้อย่างเหมาะสม

เงยหน้ามองบุรุษผูน้ นั้ ราวกับว่าเดินตรงมาทางวังเซียวเหยาอ๋องจริงๆ มู่


หลิวเฟิ งรีบจัดแจงเสือ้ ผ้าของตนเอง เตรียมไปพบหน้าบุรุษผูน้ นั้ ด้วยท่าทางที่
คิดว่าหล่อเหลา องอาจผ่าเผยที่สดุ ไม่คิดว่าจะมีเสียงดังโวยวายแทรกขึน้ มา
ว่า “เป็ นเขา เป็ นเขา...เป็ นเขานั่นละ”
มูห่ ลิวเฟิ งเงยหน้าขึน้ พบเจ้าหน้าที่สวมเครือ่ งแบบกรมอาญากลุม่ หนึ่งกรู
เข้ามาจากข้างๆ วิ่งไปอยู่ตรงหน้าบุรุษผูน้ นั้ ขวางทางเขาไว้ “ชีจ่ือฮุย มีคน
รายงานว่าท่านสมคบกับกลุม่ เบญจพิษ รบกวนให้พวกข้าตรวจสอบเสีย
หน่อย...”

บุรุษหนุ่มตื่นตระหนก “ข้าสมคบกับคนของกลุม่ เบญจพิษหรือ? พวกเจ้า


เข้าใจอะไรผิดไปหรือไม่?”

“ชีจ่ือฮุยให้พวกข้าตรวจสอบเสียหน่อยก็จะรูว้ า่ เข้าใจผิดหรือไม่”
เจ้าหน้าที่เอ่ยเบาๆ เดินเข้าไปจับแขนซ้ายของชีจ่อื ฮุยไว้ ออกแรงกระชาก
แขนเสือ้ ของเขา พริบตาเดียวแขนซ้ายของบุรุษหนุม่ ก็เผยออกมาให้เห็น บน
แขนซ้ายนั่นมีสญ
ั ลักษณ์รูปแมงป่ องสีดาเสมือนจริง ทาให้ผคู้ นพากัน
แตกตื่น

“ท่านเป็ นพวกเบญจพิษจริงๆ ด้วย!” เจ้าหน้าที่ปล่อยแขนเสือ้ เขาลง แวว


ตานิ่งขรึม “นาตัวเขากลับไปคุกหลวงกรมอาญา”

“ขอรับ” บรรดาเจ้าหน้าที่กรมอาญากรูเข้ามาจับตัวบุรุษหนุ่มนั่น คุมตัว


เขาเดินไปทางคุกหลวงกรมอาญา...
บุรุษหนุ่มดิน้ รนขัดขืน เสียงตะโกนร้องด้วยความตื่นตกใจแว่วมาตามสาย
ลม “ข้าไม่ได้สมคบกับพวกเบญจพิษ...ไม่ได้ทาจริงๆ...ข้าไม่รูว้ า่ สัญลักษณ์
รูปเบญจพิษนี่ปรากฏขึน้ มาได้อย่างไร...”

ผูค้ นเดินห่างออกไปไกลจวบจนมองไม่เห็นเงา หยวนฟางเฟยมองตาม


ทิศทางที่พวกเขาเดินจากไป เอ่ยอย่างมึนลงอย่างไม่มีปฏิกิรยิ าตอบสนอง “นี่
...นี่มนั เรือ่ งอะไรกัน?”
ตอนที่ 1936 เรื่องราวอันน่าตระหนก (5)

มูห่ ลิวเฟิ งเหลือบตามองนางด้วยความสงสาร “ยังจะเป็ นเรือ่ งอะไรได้อีก?


บุรุษที่เจ้าแอบดูสมคบกับพวกเบญจพิษแคว้นหนานจ้าว เข้าพวกกับกลุม่
เบญจพิษแคว้นหนานจ้าวไปแล้ว...”

“เป็ นไปไม่ได้!” หยวนฟางเฟยส่ายหน้าปฏิเสธ ท่าทางหนักแน่น

มูห่ ลิวเฟิ งแค่นเสียงเยาะ เอ่ยเสียงเย้ยหยัน “หลักฐานอยู่บนแขนของเขา


ยังมีอะไรเป็ นไปไม่ได้อีกหรือ...” ต่อให้ชอบบุรุษผูน้ นั้ มากมายเพียงใด ก็ขอ
อย่าได้พดู โกหกหน้าซื่อตาใสได้หรือไม่...

“เมื่อครึง่ ชั่วยามก่อนตอนที่ขา้ เจอเขา บนแขนของเขาไม่มีสญ


ั ลักษณ์กลุม่
เบญจพิษ...” หยวนฟางเฟยรีบอธิบาย

มูห่ ลิวเฟิ ง “...”

จิง้ จอกน้อย “...”


มูห่ รงเสวี่ย “...”

จริงหรือ?

“จริงแท้แน่นอน!” หยวนฟางเฟยพยักหน้าหงึกหงัก ไม่ทนั ได้เขินอาย เอ่ย


เล่าเรือ่ งราวที่นางเห็นขึน้ ว่า “เมื่อครึง่ ชั่วยามก่อน ข้าแฝงตัวแอบ...ดูเขาอยู่
บนต้นไม้ใหญ่ตน้ หนึ่งในลานฝึ กยุทธ์ท่จี วนเขา ตอนนัน้ เขากาลังฝึ กยุทธ์พอดี
สวมชุดฝึ กยุทธ์ตวั สัน้ ไม่มีชายแขนเสือ้ ข้าเห็นเต็มสองตาว่าท่อนแขนทัง้ สอง
ข้างของเขาเกลีย้ งเกลา ไม่มีสญ
ั ลักษณ์อะไรสักอย่าง...”

“จากนัน้ หลังจากเขาฝึ กยุทธ์เสร็จกลับไปชาระร่างกายที่หอ้ งอาบนา้ ข้าก็


ลอบตามไปหมอบอยูบ่ นหลังคาห้องอาบนา้ แง้มกระเบือ้ งแผ่นหนึ่งส่อง
สายตามองดูขา้ งใน ตอนนัน้ ท่อนแขนทัง้ สองข้างของเขาก็เกลีย้ งเกลา ไม่มี
สัญลักษณ์ใดๆ เช่นกัน...”

จิจ้ อกน้อย “...”

มูห่ รงเสวี่ย “...”

มูห่ ลิวเฟิ ง “...เจ้ามั่นใจนะว่าไม่ได้ดผู ิด?”


“ไม่มีทางผิดแน่นอน” หยวนฟางเฟยเอ่ยเน้นยา้ นางชอบคุณชายท่านนัน้
มาก เพราะอย่างนัน้ ตอนที่คณ
ุ ชายท่านนัน้ อาบนา้ นางก็มองสอดส่องไปทั่ว
อยู่หลายรอบ เรียกได้วา่ ร่างกายท่อนบนของคุณชายท่านนัน้ นางก็เห็น
หมดแล้ว ปานอยู่ตาแหน่งไหนบนร่างกายคุณชายนางล้วนเห็นหมดและเห็น
เต็มสองตา หากว่าตรงแขนของคุณชายท่านนัน้ มีสญ
ั ลักษณ์อะไร นางต้อง
เห็นอย่างแน่นอน...

จิง้ จอกน้อย “...”

มูห่ ลิวเฟิ ง “...หากเป็ นเช่นนี ้ เมื่อครึง่ ชั่วยามก่อนบนแขนของคุณชายท่าน


นัน้ ไม่มีสญ
ั ลักษณ์เบญจพิษจริงๆ...”

“จริง จริงแท้...เสียยิ่งกว่าทองคา!” หยวนฟางเฟยพยักหน้าหงึกหงัก


เกือบจะยกมือขึน้ สาบาน

“แล้วเหตุใดตอนนีค้ รึง่ ชั่วยามให้หลัง บนแขนของงคุณชายท่านนัน้ ถึงได้มี


สัญลักษณ์เบญจพิษผุดขึน้ มาได้เล่า?” มูห่ ลิวเฟิ งเอ่ยถามในสิ่งที่คิด

หยวนฟางเฟยส่ายหน้า “ข้าเองก็ไม่รูเ้ ช่นกัน...”


มูห่ ลิวเฟิ งหรีต่ าลงเล็กน้อย เมื่อครูน่ ีต้ อนที่คณ
ุ ชายชีถกู จับกุม ตัวเขาเองก็
บอกว่าไม่รูว้ า่ สัญลักษณ์เบญจพิษปรากฏขึน้ บนแขนของเขาได้อย่างไร ตอน
นัน้ เขายังคิดว่านั่นเป็ นคากล่าวให้ตนเองพ้นตัวของคุณชายชี แต่ตอนนีด้ ู
เหมือนว่า คุณชายชีจะไม่รูว้ า่ สัญลักษณ์เบญจพิษปรากฏขึน้ บนแขนของเขา
ได้อย่างไรจริงๆ...

เรือ่ งนีน้ ่าสนใจทีเดียว!

“น่าสนใจจริงๆ นั่นละ” มูห่ รงเสวี่ยเอ่ยปากเอ่ยขึน้ มาบ้าง จูๆ่ ก็มี


สัญลักษณ์เบญจพิษปรากฏอยู่บนแขนของเขาโดยที่เขาเองไม่รูเ้ รือ่ งราว...

“ดูเหมือนว่า คุณชายชีทา่ นนัน้ คงจะถูกใครหมายหัวแล้ว...”

“นั่นสิ” มูห่ ลิวเฟิ งพยักหน้าเห็นด้วย ถ้าหากไม่ถกู ใครหมายหัวคงไม่เกิด


เหตุการณ์ปรากฏสัญลักษณ์เบญจพิษบนแขนของคุณชายชีโดยที่เจ้าตัวไม่
รูต้ วั เช่นนีห้ รอก...

ไม่วา่ จะเป็ นตอนที่หยวนฟางเฟยแอบดูคณ


ุ ชายชี หรือหลังจากที่หยวน
ฟางเฟยแอบดูคณ
ุ ชายชี คุณชายชีลว้ นมีสติรูต้ วั ผูท้ ่สี ามารถสร้างสัญลักษณ์
เบญจพิษบนแขนคุณชายชีได้ในขณะที่เขามีสติรูส้ กึ ตัวโดยที่ไม่รูต้ วั ...คนผู้
นัน้ ช่างร้ายกาจไม่ธรรมดาทีเดียว...

มูห่ ลิวเฟิ งเอ่ยสรรเสริญ มูห่ รงเสวี่ยประกายตานิ่งลึกจู่ๆ ก็เอ่ยขึน้ ว่า “บน


แขนคุณชายชีอาจถูกคนหมายหัวเลยปรากฏรอยสัญลักษณ์เบญจพิษ
เช่นนัน้ บนแขนของผูอ้ ่ืนก็อาจจะถูกใครหมายหัวและปรากฏรอยสัญลักษณ์
เบญจพิษเช่นกัน...”
ตอนที่ 1937 เรื่องราวอันตระหนก (7)

บริเวณโดยรอบตกอยู่ในความเงียบสงัด

ผ่านไปครูใ่ หญ่ มูห่ ลิวเฟิ งก็เอ่ยเสียงพร่าขึน้ ว่า “เจ้ากาลังจะบอกว่า พระ


บัญชาของฮ่องเต้ท่ที รงให้จบั กุมขุนนางที่มีสญ
ั ลักษณ์เบญจพิษบนท่อนแขน
ล้วนเป็ นการถูกใครบางคนหมายหัวไว้...”

“มีความเป็ นไปได้แปดถึงเก้าส่วน!” ประกายตาของมูห่ รงเสวี่ยนิ่งลึก นาง


เคยประมือกับคนกลุม่ เบญจพิษมาหลายครัง้ สาหรับกลุม่ เบญจพิษแล้วนาง
ไม่กล้าพูดว่าตัวเองเข้าใจมากน้อยเพียงใด แต่มีอย่างหนึ่งที่นางกระจ่างแจ้ง
นั่นก็คือในกลุม่ เบญจพิษมีเพียงพวกปลายแถวทั่วไปเท่านัน้ ที่จะสัก
สัญลักษณ์กลุม่ เบญจพิษไว้บนร่างกาย ส่วนสัญลักษณ์กลุม่ เบญจพิษของ
บรรดาหัวหน้ากลุม่ เบญจพิษล้วนปั กอยูบ่ นเสือ้ ผ้า เวลาต้องการแสดงตัวตน
ก็จะสวมชุดที่มีสญ
ั ลักษณ์กลุม่ เบญจพิษ ส่วนเวลาที่ไม่ตอ้ งการแสดงตัวตนก็
ไม่สวมชุดนัน้ สะดวกในการหลบซ่อนรวมถึงปิ ดบังตัวตนอย่างยิ่ง...
สวี่จงเป็ นแม่ทพั แคว้นชิงเหยี่ยนมานานหลายปี แต่ไม่เคยถูกใครพบ
ตัวตนกลุม่ เบญจพิษของเขา เป็ นความดีความชอบของวิธีการปั กสัญลักษณ์
ประเภทนี.้ ..

“ส่วนบรรดาขุนนางที่มีสญ
ั ลักษณ์กลุม่ เบญจพิษบนแขนที่ฮอ่ งเต้ทรงมี
บัญชาให้จบั กุมตัวนัน้ บ้างก็เป็ นขุนนางขัน้ หก บ้างก็เป็ นขุนนางขัน้ ห้า บ้างก็
เป็ นขุนนางขัน้ สี่...สามารถแสดงความโดดเด่นออกมาท่ามกลางบัณฑิตนับ
พันนับหมื่นของแคว้นชิงเหยี่ยนจนกลายแป็ นขุนนาง และยังแสดงความโดด
เด่นออกมาท่ามกลางขุนนางนับพันจนได้เป็ นขุนนางขัน้ หก ขุนนางขัน้ ห้า ขุน
นางขัน้ สี่ได้ ก็เห็นได้วา่ ขุนนางเหล่านัน้ ล้วนเป็ นผูม้ คี วามเป็ นเลิศ พวกเขาที่
เป็ นเลิศเพียงนัน้ จะไปเป็ นพวกปลายแถวที่สดุ แสนจะธรรมดาในกลุม่ เบญจ
พิษแคว้นหนานจ้าวได้อย่างไร?”

มูห่ ลิวเฟิ งครุน่ คิด “...บางที พวกเขาอาจจะไม่ใช่พวกปลายแถวทั่วไป แต่


เป็ นหัวหน้าของพวกนัน้ อีกที...” ในกลุม่ เบญจพิษนัน้ นอกจากหัวน้ากลุม่
เบญจพิษและพวกปลายแถวแล้ว น่าจะยังมีลาดับขัน้ อื่นๆ อีก เช่นรอง
หัวหน้า รวมถึงหัวหน้ากลุม่ ห้าคน หัวหน้ากลุม่ สิบคน หัวหน้ากองอะไรเทือก
นัน้ สาหรับดูแลลาดับขัน้ ของพวกปลายแถว...
“ต่อให้เป็ นเช่นนีบ้ นร่างกายของผูด้ แู ลลาดับขัน้ ก็ไม่น่ามีสญ
ั ลักษณ์กลุม่
เบญจพิษ...” มูห่ รงเสวี่ยเอ่ยเสียงดังฟั งชัด

“เหตุใดถึงเอ่ยเช่นนี?้ ” มูห่ ลิวเฟิ งเอ่ยถาม

มูห่ รงเสวี่ยประกายตานิ่งลึก “เพราะว่าสัญลักษณ์กลุม่ เบญจพิษจะ


เปิ ดเผยตัวตนของพวกเขาน่ะสิ...” สัญลักษณ์กลุม่ เบญจพิษเป็ นสัญลักษณ์ท่ี
มีเฉพาะกลุม่ เบญจพิษ คนของกลุม่ เบญจพิษลอบเข้ามารับราชการในชิงเห
ยี่ยน ขอเพียงพวกเขาไม่โง่เขลาเบาปั ญญาก็จะทาเช่นเดียวกับสวี่จง เนือ้ ตัว
เกลีย้ งเกลาไม่มีรอยสัญลักษณ์อะไรแสดงตัวตนกลุม่ เบญจพิษของพวกเขา
มีแค่บนเสือ้ ผ้าหรือของสิ่งอื่นที่ปักสัญลักษณ์แสดงตัวตนไว้ เมื่อต้องการ
แสดงตัวตนลลุม่ ห้าพษก็เอาเสือ้ ผ้าหรือของอะไรเหล่านัน้ มาสวมหรือพกติด
ตัว เมื่อไม่ตอ้ งการแสดงตัวตนในฐานะกลุม่ เบญจพิษก็ซอ่ นของสิ่งนัน้ ไว้...

เมื่อเป็ นเช่นนีข้ อเพียงพวกเขาไม่เป็ นฝ่ ายเปิ ดเผยตัวตน ก็ไม่มีผใู้ ดรูต้ วั ตน


ของเขาและไม่มีทางจับตัวพวกเขาได้...

เหมือนในตอนนีท้ ่ฮี ่องเต้ทรงจับผูท้ ่มี ีสญ


ั ลักษณ์กลุม่ เบญจพิษที่สกั ไว้บน
แขนได้คนหนึ่ง ก็สาวตัวคนอื่นได้เป็ นโขยง จับใครก็ใช่ เรือ่ งราวโง่เขลาเช่นนี ้
ไม่ใช่ส่งิ ที่จิง้ จอกเจ้าเล่หแ์ สนกลเช่นขุนนางขัน้ หก ขุนนางขัน้ ห้า ขุนนางขัน้ สี่
กระทาออกมาได้...

มูห่ ลิวเฟิ ง “...ที่พดู มาก็มีเหตุผล” เมื่อพูดเช่นนี ้ ขุนนางที่มีสญ


ั ลักษณ์กลุม่
เบญจพิษตรงแขนและถูกจับในฐานะคนกลุม่ เบญจพิษ ก็ถกู ปรักปราจริงๆ
สินะ...

“ถูกต้อง” มูห่ รงเสวี่ยพยักหน้า มีคนจงใจวางแผนจัดการพวกเขา

ใช้สญ
ั ลักษณ์กลุม่ เบญจพิษอย่างเดียวก็สามารถจัดการขุนนางได้
มากมายเช่นนัน้ คนผูน้ นั้ ช่างฉลาดปราดเปรือ่ งและเจ้าเล่หน์ กั ...

มูห่ ลิวเฟิ งสรรเสริญในใจ ผูท้ ่ฉี ลาดปราดเปรือ่ งและเจ้าเล่หเ์ ช่นนีค้ ือใคร


กันนะ?

“ยังจะเป็ นใครได้อีกเล่า คนกลุม่ เบญจพิษน่ะสิ” มูห่ รงเสวี่ยตอบกลับหนึ่ง


ประโยคอย่างไม่ย่หี ระ

มูห่ ลิวเฟิ ง “...จริงหรือ?”

“เจ้าว่าอย่างไรล่ะ?” มูห่ รงเสวี่ยปรายตามองมูห่ ลิวเฟิ ง


มูห่ ลิวเฟิ ง “...”

น่าจะเป็ นเรือ่ งจริง แต่วา่ “เหตุใดจึงกล่าวเช่นนี?้ ”

“เพราะว่าสัญลักษณ์กลุม่ เบญจพิษมีเฉพาะคนของกลุม่ เบญจพิษน่ะสิ ผู้


ที่กล้าใช้ส่งิ นีม้ าวางแผนจัดการคนอื่น นอกจากคนกลุม่ เบญจพิษแล้ว ข้าก็
มองไม่เห็นใคร...” มูห่ รงเสวี่ยกล่าวเบาๆ แววตานิ่งลึก

...

มูห่ ลิวเฟิ งนิ่งไป นัยน์ตาดาขลับเป็ นประกายวาววับ

มูห่ รงเสวี่ยถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “ยังไม่ตอ้ งเอ่ยอะไรมากมายหรอก พวก


เรามาคิดกันก่อนดีกว่าว่าจะทาอย่างไร”
ตอนที่ 1938 พบเบาะแส (1)

มูห่ ลิวเฟิ งมองมูห่ รงเสวี่ย “เจ้าหมายความว่าจะเปิ ดโปงแผนการของกลุม่


เบญจพิษ ช่วยบรรดาขุนนางที่ถกู ใส่รา้ ยเช่นนัน้ หรือ?”

“อืม” มูห่ รงเสวี่ยพยักหน้า คนของกลุม่ เบญจพิษใส่รา้ ยขุนนางแคว้นชิงเห


ยี่ยนเป็ นวงกว้างเช่นนี ้ น่าจะเป็ นเพราะการถูกกวาดล้างก่อนหน้านี ้

หัวหน้ากลุม่ ตุ๊กแก หัวหน้ากลุม่ ตะขาบ หัวหน้ากลุม่ คางคกของกลุม่


เบญจพิษถูกพวกเขาจับได้จบั สังหารได้สงั หาร และพวกเขายังสาวเถาวัลย์
ลูบแตงสาวถึงตัวขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยนที่สมคบกับกลุม่ เบญจพิษได้หลาย
คน ทาให้กลุม่ เบญจพิษได้รบั ผลกระทบอย่างหนัก

ดังนัน้ เมื่อกลุม่ เบญจพิษโมโหขึน้ มาจึงลงมือกับเหล่าขุนนางแคว้นชิงเห


ยี่ยน หรือจะพูดให้น่าฟั งหน่อยก็คอื เจ้าทาร้ายหัวหน้าของพวกข้า พวกข้าก็
จะทาร้ายขุนนางพวกเจ้า
ตอนนีข้ นุ นางที่ถกู คุมตัวเข้าคุกหลวงมีกว่ายี่สิบสามสิบนาย แต่วา่ พวก
เบญจพิษยังไม่มวี ่แี ววว่าจะรามือ ยังคงวางแผนใส่รา้ ยเหล่าขุนนางต่อไป
เรือ่ ยๆ...

“หากพวกเขาทาเช่นนีต้ ่อไป ท่านคิดว่าจะเกิดผลลัพธ์เช่นไร?”

มูห่ ลิวเฟิ งครุน่ คิดชั่วครูเ่ อ่ยว่า “ขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยนก็จะถูกจับทุกวัน


ราษฎรแคว้นชิงเหยี่ยนจิตใจระส่าระสาย เกิดความวุน่ วายไปทั่ว...”

“ถูกต้อง” มูห่ รงเสวี่ยพยักหน้า สิ่งที่กลุม่ เบญจพิษต้องการคือทาให้ฮอ่ งเต้


แคว้นชิงเหยี่ยนประหารขุนนางใหญ่แคว้นชิงเหยี่ยน สร้างความโกลาหลใน
แคว้นชิงเหยี่ยน แก้แค้นแคว้นชิงเหยี่ยน พวกเขาไม่อาจปล่อยให้แผนการของ
กลุม่ เบญจพิษบรรลุเป้าหมาย ดูจากสถานการณ์แล้วมีเพียงต้องเปิ ดโปง
แผนการของกลุม่ เบญจพิษ ช่วยเหล่าขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยนเท่านัน้

“เป็ นจริงตามนัน้ ” มูห่ ลิวเฟิ งพยักหน้าเห็นด้วย เพียงแต่ “ต้องการจะช่วย


ขุนนางเหล่านัน้ ไม่ใช่เรือ่ งง่าย”
ฮ่องเต้ทรงปั กพระทัยเชื่อไปแล้วว่าขุนนางเหล่านัน้ เป็ นกลุม่ เบญจพิษ
เกลียดขุนนางพวกนัน้ เข้ากระดูกดา หากพวกเขาต้องการช่วยคนต้องมี
หลักฐานที่มากพอ...

หากไปบอกฮ่องเต้เลยว่า ในกลุม่ เบญจพิษนัน้ มีเพียงพวกปลายแถวทั่วไป


เท่านัน้ ถึงจะมีรอยสัญลักษณ์กลุม่ เบญจพิษบนร่างกาย เหล่าขุนนางแคว้น
ชิงเหยี่ยนดีเลิศเพียงนัน้ ไม่มีทางสมคบกับพวกปลายแถวทั่วไปของกลุม่
เบญจพิษ และบนร่างกายไม่น่าจะมีรอยสัญลักษณ์กลุม่ เบญจพิษ...

แล้วไหนเล่าหลักฐาน?

หากไปบอกฮ่องเต้วา่ เหล่าขุนนางถูกหมายหัวถึงได้มีสญ
ั ลักษณ์กลุม่
เบญจพิษปรากฏที่ทอ่ นแขน...

แล้วไหนเล่าหลักฐาน?

ไม่มีหลักฐานก็คือการพูดเหลวไหลเพื่อช่วยให้กลุม่ เบญจพิษพ้นผิด โทษ


สถานเบาก็ถกู จับในฐานะพวกเดียวกับกลุม่ เบญจพิษ โทษสถานหนักก็คือ
ถูกลากตัวไปประหาร...
หยวนฟางเฟย “...เช่นนีเ้ ท่ากับว่าเมื่อต้องการช่วยเหล่าขุนนางกลับคา
พิพากษาให้พวกเขาก็ตอ้ งไปหาหลักฐานเหล่านีก้ ่อน”

“ใช่” มูห่ ลิวเฟิ งพยักหน้า การหาหลักฐาน หาตัวผูท้ ่ที าให้มีสญ


ั ลักษณ์กลุม่
เบญจพิษบนแขนของเหล่าขุนนาง และรูว้ า่ เขาหรือนางวางแผนจัดการกับขุน
นางเหล่านัน้ อย่างไร เรือ่ งราวก็จดั การได้ง่าย...

“แต่พวกเราไม่รูว้ ่าผูท้ ่หี มายหัวเหล่าขุนนางคือใคร? ไม่รูแ้ ม้กระทั่งว่าเป็ น


บุรุษหรือสตรี เป็ นหนุ่มสาวหรือคนชรา ยิ่งไปกว่านัน้ คือไม่รูว้ า่ เขาหรือนาง
หมายหัวขุนนางพวกนัน้ อย่างไร แล้วจะทาเช่นไรกันดี?” หยวนฟางเฟยขมวด
คิว้

“เพราะอย่างนัน้ ข้าถึงได้บอกว่าเป็ นเรือ่ งยากอย่างไร” ไม่รูว้ า่ จะไปหา


หลักฐานที่ไหน และก็ไม่รูว้ า่ จะไปหาตัวผูท้ ่วี างหมากได้ท่ไี หน แล้วพวกเขาจะ
ช่วยขุนนางที่ถกู ใส่รา้ ยได้อย่างไร?

บริเวณโดยรอบตกอยู่ในความเงียบอีกครัง้ หยวนฟางเฟยและมูห่ รงเสวี่ย


หน้านิ่วคิว้ ขมวด หลุบตาลงครุน่ คิด
สายลมโชยอ่อน กลิ่นไอนา้ จางๆ ปนมากับกลิ่นดอกไม้ใบหญ้าในสวน
ดอกไม้ลอยปะทะใบหน้า แววตาของมูห่ รงเสวี่ยชะงัก “นี่มนั กลิ่นอะไร?”

หยวนฟางเฟยไม่เข้าใจ สูดดมกลิ่นดูบา้ งเอ่ยว่า “กลิ่นดอกไม้ใบหญ้า ยังมี


กลิ่นไอนา้ ในสระ...”

“ไม่ได้มีเพียงเท่านี!้ ” มูห่ รงเสวี่ยส่ายหน้า สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เอ่ยว่า


“นอกจากกลิ่นดอกไม้ใบหญ้ากับกลิ่นไอนา้ แล้ว ยังมีอีกกลิ่นหนึ่งด้วย...”

หยวนฟางเฟยสูดดมอีกครัง้ “กลิ่นฝุ่ นละอองหรือ?”

มูห่ รงเสวี่ยส่ายหน้า “ไม่ใช่”

“กลิ่นดินโคลน?”

“ก็ยงั ไม่ใช่!”

“กลิ่นก้อนหิน?”

“ยิ่งไม่ใช่...”
“แล้วมันกลิ่นอะไร?” หยวนฟางเฟยเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ นอกจากกลิ่น
พวกนีแ้ ล้ว นางก็ไม่ได้กลิ่นอะไรอีก “มูห่ ลิวเฟิ ง ท่านได้กลิ่นหรือไม่?”

มูห่ ลิวเฟิ งส่ายหน้า “ไม่ได้กลิ่น!” เขาเองก็ได้กลิ่นเหมือนที่หยวนฟางเฟ


ยได้กลิ่น...แต่ท่มี หู่ รงเสวี่ยบอก เห็นได้ชดั ว่าไม่ใช่กลิ่นพวกนีท้ ่พี วกเขาได้
กลิ่น...

มูห่ ลิวเฟิ งเงยหน้าขึน้ มองมูห่ รงเสวี่ย พบว่านางมีสีหน้าเคร่งขรึม ค่อยๆ


เดินไปตามกลิ่นที่ลอยมา แต่ละก้าวที่เดินไปก็สดู ดมกลิ่นพิจารณาอยูห่ ลายที
“...เจ้าได้กลิ่นอะไรหรือไม่?”

“ข้าได้กลิ่นอะไรจางๆ...กลิ่นยา!” มูห่ รงเสวี่ยสูดลมหายใจอยู่หลายทีก่อน


จะได้ขอ้ สรุป

“กลิ่นยา!” มูห่ ลิวเฟิ งและหยวนฟางเฟยมองหน้ากัน หน้าตามึนงง พวก


เขาไม่ได้กลิ่นเลยสักนิด “เป็ นกลิ่นยาแบบใดกัน?”
ตอนที่ 1939 พบเบาะแส (2)

มูห่ รงเสวี่ยดมๆ ดูอีกครัง้ เอ่ยว่า “บอกไม่ถกู ...เป็ นกลิ่นยาแปลกๆ ชนิด


หนึ่ง...”

“หืม...มีคนต้มยาอยู่หรือ?” มูห่ ลิวเฟิ งและหยวนฟางเฟยเอ่ย กวาดสายตา


มองไปรอบๆ สอดส่องหาที่ปรุงยา

มูห่ รงเสวี่ยเอ่ยด้วยนา้ เสียงขึงขัง “ไม่ตอ้ งหาหรอก กลิ่นยานัน้ ไม่อ่นุ ร้อน


ไม่ใช่กลิ่นยาที่ตม้ ออกมา...”

มูห่ ลิวเฟย “...”

หยวนฟางเฟย “...”

แล้วกลิ่นยานั่นมาจากที่ใดกัน?

“เหมือนว่ากลิ่นยานั่นลอยมาจากที่ใดสักแห่ง...” มูห่ รงเสวี่ยเอ่ยเบาๆ เดิน


ไปตามกลิ่นที่ลอยมาจนเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าหยวนฟางเฟยโดยไม่รูต้ วั
กลิ่นยาอ่อนๆ ฉุนขึน้ ทันใด มูห่ รงเสวี่ยตาเป็ นประกาย เอ่ยกับหยวนฟางเฟย
ว่า “กลิ่นยาลอยมาจากตัวฟางเฟย...”

มูห่ ลิวเฟิ ง “...”

หยวนฟางเฟย “...”

จริงหรือ?

“ใช่แล้ว” มูห่ รงเสวี่ยขยับเข้าไปใกล้หยวนฟางเฟย ตัง้ ใจดมกลิ่นแล้วเอ่ย


ว่า “แม้วา่ กลิ่นยาบนตัวของฟางเฟยจะอ่อนมากจนแทบไม่ได้กลิ่น แต่วา่ จมูก
ที่ประสาทสัมผัสไวยังสามารถดมได้กลิ่นอยู่ หากพวกเจ้าไม่เชื่อก็มาดมดูเอง
แล้วกัน...”

มูห่ ลิวเฟิ งคิดๆ แล้วก็เดินเข้าไปใกล้หยวนฟางเฟย ตัง้ ใจดมดูดีๆ แล้วก็เอ่ย


สิ่งที่คิดออกมา “มีกลิ่นยาจริงๆ ด้วย...”

หยวนฟางเฟยยกคอปกเสือ้ แขนเสือ้ ชายเสือ้ ของตนเองขึน้ มาดม ดมไป


เอ่ยไปว่า “มีกลิ่นยาจริงๆ หรือ เหตุใดข้าถึงไม่ได้กลิ่นเลย...”
มูห่ ลิวเฟิ งปรายตามองนางอย่างสบประมาท “อาศัยจมูกอย่างเจ้าจะไป
ได้กลิ่นอะไร...”

หยวนฟางเฟยได้ยินแล้วสีหน้าพลันบึง้ ตึงในทันที สะบัดชายแขนเสือ้ จิก


สายตามองมูห่ ลิวเฟิ ง “คนแซ่มู่ ท่านพูดว่าอะไรนะ?”

“ข้าบอกว่า เจ้าไปติดกลิ่นยานี่มาจากที่ใด?” มูห่ ลิวเฟิ งตอบนางอย่างไม่


ยี่หระ

หยวนฟางเฟยโมโหอยู่ในใจ เอ่ยตอบอย่างโกรธๆ ว่า “ไม่รู”้

“แม้แต่ตวั เองไปเอากลิ่นยานี่มาจากที่ไหนก็ยงั ไม่รูห้ รือ...” มูห่ ลิวเฟิ งเอ่ย


อย่างแปลกใจ สายตาที่มองมาราวกับมองคนโง่เขลานัน้ เห็นแล้วหยวนฟาง
เฟยอารมณ์โมโหคุกรุน่ เอ่ยตะคอกอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าไม่ได้สงั เกตเรือ่ งนี ้
จะไปรูไ้ ด้อย่างไรว่าไปติดกลิ่นยานี่มาจากที่ไหน...”

มูห่ ลิวเฟิ งแค่นเสียง เอ่ยอย่างไม่ใคร่สนใจ “แล้ววันนีเ้ จ้าไปที่ใดมาบ้าง


เจ้ายังจาได้หรือไม่?”

“ย่อมจาได้อยูแ่ ล้ว” หยวนฟางเฟยเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์


“แล้วสถานที่ท่เี จ้าไปมาวันนี ้ มีท่ใี ดจ่ายยา ต้มยา หรือมีอะไรเกี่ยวข้องกับ
ยาหรือไม่?” มูห่ ลิวเฟิ งยังคงเอ่ยถามต่อไป

หยวนฟางเฟยครุน่ คิดแล้วเอ่ยว่า “เอ่อ...เหมือนว่าจะไม่มีนะ...” หลังจาก


ที่นางอาบนา้ เปลี่ยนเสือ้ ผ้าแล้วออกจากจวน ก็ลดั ไปที่จวนคุณชายชีเลย
หลังจากที่ถกู คุณชายชีจบั ได้ นางก็ว่งิ มาที่วงั เซียวเหยาอ๋อง ไม่วา่ จะเป็ นทาง
ลัดที่นางไปจวนคุณชายชีหรือเส้นทางที่นางวิ่งมาวังเซียวเหยาอ๋อง ล้วนเป็ น
ตรอกเล็กๆ ตรอกซอยนัน้ เย็นเยียบเหน็บหนาวอยู่หา่ งจากครัวเรือนผูค้ น
หลายเมตร ต่อให้มีครัวเรือนใดต้มยาก็ไม่มีทางที่นางจะมีกลิ่นยาติดตัวมา...

มูห่ ลิวเฟิ ง “...แล้วกลิ่นยาบนตัวเจ้ามาได้อย่างไร?”

“ข้าจะไปรูไ้ ด้อย่างไร!” หยวนฟางเฟยเอ่ยอย่างกลัดกลุม้ สายตาฉาย


ความบริสทุ ธิ์

มูห่ ลิวเฟิ ง “...”

“หากข้าเดาไม่ผิด กลิ่นยาบนตัวฟางเฟยน่าจะติดมาจากจวนคุณชายชี”
มูห่ รงเสวี่ยโพล่งขึน้ มา ทาลายบรรยากาศกระอักกระอ่วน

หยวนฟางเฟย “...จริงหรือ?”
มูห่ ลิวเฟิ ง “...เหตุใดเจ้าถึงเอ่ยเช่นนี?้ ”

“กลิ่นยาบนตัวฟางเฟยไม่ได้ติดอยู่ตามแขนเสือ้ สาบเสือ้ ชายเสือ้ เหมือน


ที่พบกันทั่วไป แต่ติดอยู่ตรงคอปกเสือ้ ข้างแก้มนาง...” นี่ก็หมายความว่า
หยวนฟางเฟยไม่ได้ไปติดกลิ่นยาจากสถานที่จ่ายยาหรือปรุงยาจากทางผ่าน
เหมือนที่พวกเขาพบเห็นทั่วไป แต่ไปติดกลิ่นมาด้วยวิธีการที่ค่อนข้างจะ
พิเศษ...

“เมื่อครูน่ ีฟ้ างเฟยบอกว่า นางไปแง้มกระเบือ้ งหลังคาห้องอาบนา้ คุณชาย


ชี แอบดูคณ
ุ ชายชีอาบนา้ ...”

มูห่ ลิวเฟิ งดวงตาเป็ นประกาย เอ่ยต่อประโยคของมูห่ รงเสวี่ยว่า “กลิ่นยาบ


นคอปกเสือ้ ของหยวนฟางเฟย ติดมาจากตอนนัน้ ...”
ตอนที่ 1940 พบเบาะแส (3)

“ถูกต้อง” มูห่ รงเสวี่ยพยักหน้า ตอนที่หยวนฟางเฟยแง้มกระเบือ้ งแอบดู


คุณชายชีอาบนา้ ไอร้อนจากห้องอาบนา้ ของคุณชายชีก็ระเหยผ่านช่อง
กระเบือ้ งปะทะใบหน้ารวมทัง้ คอปกเสือ้ ของหยวนฟางเฟย...

เช่นนีน้ ่ีเอง!

หยวนฟางเฟยพยักหน้าอย่างเข้าใจ ยกคอปกเสือ้ ตัวเองขึน้ มาดม เหมือน


จะมีกลิ่นยาอยู่เล็กน้อยจริงๆ “คุณชายชีใส่ยาลงไปในอ่างนา้ เขาแช่ตวั ในยา
หรือ?”

มูห่ ลิวเฟิ งกับมูห่ รงเสวี่ยสบตากันไม่ได้เอ่ยสิ่งใด มูห่ รงเสวี่ยยื่นมือไปยก


คอปกเสือ้ หยวนฟางเฟยขึน้ มาดมดูอีกครัง้ เอ่ยว่า “กลิ่นยานีไ้ ม่ใช่กลิ่นยาที่
ใช้สาหรับอาบนา้ ...”

“แล้วมันกลิ่นยาอะไรเล่า?” หยวนฟางเฟยเอ่ยถามอย่างไม่สนใจไยดี
“เดาว่า...เป็ นยาที่ทาให้เกิดสัญลักษณ์กลุม่ เบญจพิษบนแขนคุณชายชี
...” มูห่ รงเสวี่ยเอ่ยเสียงดัง

หยวนฟางเฟยส่งเสียงรับรูอ้ ย่างใจลอย ผ่านไปครูห่ นึ่งจู่ๆ ก็มีปฏิกิรยิ า


ตอบสนองขึน้ มา ร้องเสียงหลงขึน้ ด้วยความตกใจ “เจ้าว่าอะไรนะ? ยานีเ้ ป็ น
ตัวการที่ใส่รา้ ยคุณชายชีหรือ?”

“อืม!” มูห่ รงเสวี่ยพยักหน้าหงึกหงัก แม้วา่ กลิ่นยาที่หลงเหลืออยูบ่ นคอ


เสือ้ หยวนฟางเฟยจะจางมาก แต่นางดมแล้วก็รูถ้ ึงส่วนผสมสมุนไพรจาก
กลิ่นยาอ่อนๆ นัน้ ...

นางค่อนข้างจะคุน้ เคยกับสมุนไพรทุกกลิ่นที่ใช้เป็ นส่วนผสมอยู่ในตัวยานี ้


หลังจากนาสมุนไพรเหล่านีม้ าผสมกัน ผ่านการผสมปรุงแต่งกลายเป็ นยาที่
ไม่ใช่ยาพิษและไม่ใช่ยาบารุง แต่เป็ นยาที่เปลี่ยนแปลงลักษณะผิวกายของม
มุษย์...

ยาที่เปลี่ยนแปลงลักษณะผิวกายของมนุษย์ในยุคปั จจุบนั ส่วนมากจะ


เป็ นยาด้านความสวยความงาม แต่ยาที่เปลี่ยนแปลงลักษณะผิวกายในยุค
โบราณนีม้ ีการนาไปใช้หลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะในยานีท้ ่ผี สมสมุนไพร
ที่มีพิษร้ายหลายชนิด แม้วา่ จะไม่สง่ ผลร้ายต่อร่างกายมนุษย์ แต่ก็ไม่เป็ น
ผลดีตอ่ ผิวกายของมนุษย์ หลังจากอาบแช่แล้วจะทาให้ผิวกายเกิดการ
เปลี่ยนแปลง...

หยวนฟางเฟย “...”

มูห่ ลิวเฟิ ง “...จริงหรือ?”

“จริงแน่นอน”

มูห่ รงเสวี่ยพยักหน้าหนักแน่น “ในยานีม้ ีสมุนไพรตัวหนึ่งเรียกว่าเซียอ๋าว


ผูท้ ่อี าบแช่ยานีจ้ ะมีปัญหาผิวกายอย่างคาดไม่ถึง...” มีความเป็ นไปได้สงู ว่า
สัญลักษณ์กลุม่ เบญจพิษบนแขนของคุณชายชี เกิดจากการอาบแช่ตวั ยานี ้
...

สมุนไพรที่เรียกว่าเซียอ๋าว เมื่อแช่แขนไปก็เป็ นสัญลักษณ์ของกลุม่ เบญจ


พิษ...

“...” มูห่ ลิวเฟิ งครุน่ คิดอย่างละเอียดถี่ถว้ น เขาเคยเจอขุนนางแคว้นชิงเห


ยี่ยนที่ถกู จับกุมเข้าคุกหลวงในข้อหาเป็ นกลุม่ เบญจพิษนัน้ อยู่หลายคน บน
แขนของพวกเขาล้วนปรากฏสัญลักษณ์รูปแมงป่ องทัง้ สิน้ ...
แต่วา่ “ขุนนางเหล่านัน้ มีบา้ งก็ถกู จับตัวในจวน บ้างก็ถกู จับตัวในหอสุรา
บ้างก็ถกู จับในที่ทางาน ก่อนหน้าที่จะถูกจับมีหลายคนที่ไม่ได้อาบนา้ แล้ว
เหตุใดถึงมีสญ
ั ลักษณ์กลุม่ เบญจพิษบนท่อนแขนได้เล่า...”

มูห่ รงเสวี่ยคิดๆ ดูแล้วเอ่ยว่า “คาดว่าพวกเขาคงกินยานัน้ เข้าไป หรือไม่ก็


ดื่มลงไป” ยานั่นไม่วา่ จะดื่มกินหรืออาบแช่ก็มีผลลัพธ์ไม่ตา่ งกัน...

หยวนฟางเฟย “...”

มูห่ ลิวเฟิ ง “...”

มิน่าเล่าที่แขนของพวกเขาถึงได้มีสญ
ั ลักษณ์รูปแมงป่ องปรากฏขึน้ มา
โดยที่พวกเขาไม่รูต้ วั เลยสักนิด...

ที่แท้ก็มีคนวางยาในอาหารและเครือ่ งดื่มที่พวกเขาดื่มกินเข้าไปนั่นเอง
ทาให้พวกเขาตกหลุมพรางโดยไม่รูต้ วั ...

เมื่อคิดตกแล้ว มูห่ ลิวเฟิ งก็มีสีหน้าจริงจังเอ่ยว่า “พวกเราเข้าวังกันเถอะ”

หยวนฟางเฟยไม่เข้าใจ “เจ้าจะเข้าวังไปด้วยเหตุใด?”
“ก็นาความกราบทูลฮ่องเต้อย่างไรเล่า” มูห่ ลิวเฟิ งเอามือทัง้ สอง
ประสานกันแล้วยกขึน้ ในระดับหน้าอกคานับ

มูห่ รงเสวี่ยมองดูมือทัง้ สองข้างที่วา่ งแปล่าของเขาแล้วเอ่ยว่า “เจ้าจะเข้า


ไปมือเปล่าๆ เช่นนีน้ ่ะหรือ?”

มูห่ ลิวเฟิ งพยักหน้า เมื่อเห็นสายตาละเ**่่ ยใจของนางแล้วอดไม่ได้ท่จี ะ


เอ่ยถามว่า “มีอะไรไม่ถกู ต้องหรือ?”

“ย่อมไม่ถกู ต้องแน่ หากเจ้าเข้าไปมือเปล่าเช่นนี ้ ฮ่องเต้ไม่มีทางเชื่อคาพูด


ของเจ้าแน่นอน” เรือ่ งขุนนางที่เป็ นคนของกลุม่ เบญจพิษวุน่ วายมาก ฮ่องเต้
เองก็กาลังทรงกริว้ คาพูดทัง้ หมดทัง้ มวลเมื่อครูน่ ีฮ้ ่องเต้ไม่มีทางทรงเชื่อ และ
หากทรงกริว้ เห็นพวกเขาเป็ นพวกเดียวกับขุนนางที่เข้าพวกกับกลุม่ เบญจพิษ
แล้วสั่งกักบริเวณขึน้ มาก็ถือเป็ นโทษสถานเบา...

มูห่ ลิวเฟิ ง “แล้วเจ้าว่าควรทาเช่นไร...”


ตอนที่ 1941 พบเบาะแส (4)

มูห่ รงเสวี่ยประกายนิ่งลึก เอ่ยเสียงดังฟั งชัดว่า “ง่ายมาก ก็นาหลักฐาน


ไปสิ” ตอนนีฮ้ ่องเต้ทรงต้องการหลักฐาน สิ่งที่น่าเชื่อถือสุดก็คือหลักฐาน ขอ
เพียงพวกนางสามารถนาตัวยาที่ทาให้เกิดสัญลักษณ์เบญจพิษบนแขนของ
ผูค้ นไปทูลถวายหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ ไม่ตอ้ งให้พวกนางอธิบายอะไรมาก
ฮ่องเต้ก็จะทรงเชื่อคาพูดของพวกเขา

วาจามีเหตุผล!

แต่วา่ “พวกเราไม่มียาชนิดนัน้ แล้วจะทูลถวายฮ่องเต้ได้อย่างไร?” มูห่ ลิว


เฟิ งหน้านิ่วคิว้ ขมวด

มูห่ รงเสวี่ยปรายตามองเขาแวบหนึ่ง “ปรุงขึน้ มาเองก็ได้”

มูห่ ลิวเฟิ ง “...เจ้าปรุงยานีไ้ ด้หรือ”

แม้วา่ ตัวเขาเองจะไม่มีความรูเ้ รือ่ งยาสมุนไพร แต่เขาก็รูว้ า่ การปรุงยา


ชนิดหนึ่งไม่เพียงแต่ตอ้ งดูสว่ นผสม ยังต้องดูอตั ราส่วนของสมุนไพรต่างๆ
ด้วย สมุนไพรชนิดเดียวกันแต่ใส่อตั ราส่วนไม่เท่ากัน ยาที่ปรุงออกมาก็ไม่
เหมือนกัน...

มูห่ รงเสวี่ยระบายยิม้ น้อยๆ “ได้อยูแ่ ล้ว ตอนที่ขา้ ดมส่วนประกอบของยา


นัน้ ก็รูอ้ ตั ราส่วนของสมุนไพรด้วย...” ส่วนมากยาพิษในยุคปั จจุบนั จะมา
จากปฏิกิรยิ าทางเคมี ตอนที่นางถอนพิษไม่เพียงแต่ตอ้ งรูส้ ่วนประกอบของ
ยาพิษ อีกทัง้ ยังต้องรูด้ ว้ ยว่าส่วนประกอบเหล่านัน้ ประกอบมาจากตัวตัง้ ต้น
อะไร...

จากการทดลองและฝึ กฝนครัง้ แล้วครัง้ เล่า นางก็มีประสาทสัมผัสการดม


กลิ่นที่พิเศษกว่าคนทั่วไป ดมกลิ่นยาชนิดใดก็สามารถล่วงรูส้ ว่ นประกอบ
รวมถึงอัตราส่วนของยานัน้ ถึงเจ็ดแปดส่วน...

ยาที่คนกลุม่ เบญจพิษใช้ปรุงมาจากสมุนไพรตัง้ ต้นที่แยกแยะได้ง่าย


หลังจากนางดมดูแล้วก็ลว่ งรูส้ ว่ นประกอบและอัตราส่วนสมุนไพรแล้ว...

“...เจ้าเก่งกาจมาก!” มูห่ ลิวเฟิ งยกนิว้ โป้งชื่นชม

มูห่ รงเสวี่ยยิม้ รับกระดาษกับพูก่ นั ที่องครักษ์ลบั สงมาให้ ลงมือเขียน


อย่างรวดเร็ว เขียนไปก็เอ่ยว่า “ไปเตรียมสมุนไพรเหล่านีใ้ ห้พร้อม”
“ขอรับ” องครักษ์ท่ยี ืนสงบนิ่งอยูข่ า้ งๆ รับคาเสียงหนักแน่น รอจนมูห่ รง
เสวี่ยเขียนเสร็จแล้ว เขาก็หยิบกระดาษที่เขียนรายการสมุนไพรไว้เต็มไป
หมดขึน้ มาด้วยความระมัดระวัง กวาดสายตาดูอย่างรวดเร็ว ไม่คิดว่าพอ
อ่านดูแล้วเขาจะขมวดคิว้ เข้าหากันแน่น

“เป็ นอะไรไป?” มูห่ รงเสวี่ยไม่เข้าใจ

องครักษ์ลบั ประสานมือคานับเอ่ยเสียงขรึม “เรียนซื่อจื่อเฟย รายการ


สมุนไพรที่เขียนมานี ้ มีหลายรายการที่ไม่มีในจวนขอรับ...”

“...จริงหรือ?” มู่หรงเสวี่ยแปลกใจเล็กน้อย สมุนไพรที่นางเขียนขึน้ มาก็


ไม่ได้เป็ นสมุนไพรลา้ ค่าขึน้ ชื่อ คิดไม่ถึงว่าวังเซียวเหยาอ๋องจะไม่มี
“สมุนไพรตัวไหนที่ไม่มี?”

“ตัวนี ้ ตัวนี.้ ..แล้วก็ตวั นีข้ อรับ...” องครักษ์ลบั ชีไ้ ปยังรายการสมุนไพรที่


เขียนอยู่บนกระดาษ มูห่ รงเสวี่ยขมวดคิว้ น้อยๆ สมุนไพรพวกนีค้ ่อนข้างมี
ราคาอยู่บา้ ง แต่ก็ไม่ถือว่าลา้ ค่าอะไรมากมาย แล้วก็ไม่ได้หายาก เหตุใดวัง
เซียวเหยาอ๋องถึงไม่มี...
“เพราะว่าสมุนไพรเหล่านีผ้ ลิตที่แคว้นหนานจ้าว ไม่มีในแคว้นชิงเหยี่ย
นขอรับ...” อีกอย่างพวกมันไม่ใช่ยารักษาแผลและไม่ใช่ยาบารุง ยิ่งไปกว่า
นัน้ ไม่ใช่ยาถอนพิษ ขุนนางและชนชัน้ สูงแคว้นชิงเหยี่ยนน้อยคนนักที่จะซือ้
...

มูห่ ลิวเฟิ งมองดูรายการสมุนไพรบนกระดาษแล้วเอ่ยอธิบายขึน้

มูห่ รงเสวี่ย “...”

เอาเถิด สมุนไพรที่ไม่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บ ไม่สามารถบารุง ไม่


สามารถถอนพิษได้ ทาได้เพียงนามาปรุงเป็ นยาทาร้ายผูค้ น ก็ไม่ได้รบั ความ
นิยมจากชาวชิงเหยี่ยน...

วังเซียวเหยาอ๋องไม่มีก็แล้วไป...

“ที่จวนตระกูลมูม่ ีหรือไม่?”

“เดาว่า....ไม่มีนะ...” สมุนไพรที่วงั เซียวเหยาอ๋องเพียบพร้อมกว่าจวน


ตระกูลมูม่ ากนัก สมุนไพรที่วงั เซียวเหยาอ๋องไม่มี คาดว่าที่ตระกูลมูข่ องเขา
ก็ย่ิงไม่มี แต่วา่ “ข้าส่งคนกลับไปถามดูเสียหน่อยดีกว่า เผื่อว่าจะมีขนึ ้ มา
จริงๆ...” แม้วา่ ความเป็ นไปได้จะน้อย แต่ก็ไม่อาจตัดความเป็ นไปได้นีท้ งิ ้ ไป
...

“เช่นนัน้ ข้าก็สง่ คนกลับไปดูดว้ ยดีกว่า” หยวนฟางเฟยเอ่ยขึน้ มาบ้าง


ท่านพ่อของนางเป็ นแม่ทพั เหล่าองครักษ์ท่จี วนล้วนฝึ กยุทธ์ มักจะได้รบั
บาดเจ็บบ่อยๆ ไม่แน่ว่าสมุนไพรมากมายที่จวนของนางมีเตรียมไว้ อาจมี
สมุนไพรพวกนีอ้ ยู่ก็ได้...

“ดี” มูห่ รงเสวี่ยพยักหน้า มองดูมหู่ ลิวเฟิ งกับหยวนฟางเฟยสั่งการให้


องครักษ์วงั เซียวเหยาอ๋องไปที่จวนตระกูลมูแ่ ละจวนตระกูลหยวน
ตอนที่ 1942 พบเบาะแส (5)

เวลาผ่านไปครูห่ นึ่ง เหล่าองครักษ์วงั เซียวเหยาอ๋องก็กลับมารายงานว่า


“เรียนคุณชายมู่ คุณหนูหยวน ที่จวนตระกูลมูแ่ ละจวนตระกูลหยวนไม่มี
สมุนไพรพวกนีข้ อรับ”

...

ไม่มีสมุนไพรพวกนีจ้ ริงๆ ด้วย!

มูห่ ลิวเฟิ งที่พอจะเดาได้ตงั้ ตัง้ แต่คราแรกว่าผลจะเป็ นเช่นนีก้ ็ลอบถอน


หายใจออกมา ยอมรับผลลัพธ์ท่เี กิดขึน้

ทว่าหยวนฟางเฟยกลับมีทา่ ทีผิดหวังอยู่บา้ ง

มูห่ รงเสวี่ยหัวเราะ เอ่ยปลอบใจขึน้ ว่า “ไม่มีก็ไม่มีสิ” สมุนไพรที่ไม่


สามารถใช้รกั ษาอาการบาดเจ็บ ไม่สามารถใช้บารุงร่างกาย และไม่สามารถ
ใช้ถอนพิษได้ การที่วงั เซียวเหยาอ๋องไม่ได้สะสมไว้ ตระกูลมูแ่ ละตระกูล
หยวนก็ไม่ได้สะสมไว้ ไม่มีอะไรให้ผิดหวัง “เช่นนัน้ พวกเราไปดูตามร้านยา
และโรงหมอกันเถอะ”

ร้านยาและโรงหมอเป็ นสถานที่รกั ษาผูป้ ่ วย ดูอาการบาดเจ็บและถอน


พิษ สมุนไพรที่น่ นั เพียบพร้อมที่สดุ ไม่วา่ จะเป็ นสมุนไพรทั่วไป สมุนไพร
ระดับกลาง สมุนไพรลา้ ค่าหรือสมุนไพรหายากก็มีพร้อมทัง้ นัน้ มีโอกาสที่จะ
พบเจอสูง การไปหาสมุนไพรเหล่านีต้ ามร้านยาหรือโรงหมอเหมาะสมที่สดุ

“ตกลง” ท่ามกลางสายตาเห็นพ้องต้องกันของหยวนฟางเฟย มูห่ รงเสวี่ย


ก็ส่งั การให้บรรดาองครักษ์วงั เซียวเหยาอ๋องไปซือ้ ยาสมุนไพรตามร้านยา
และโรงหมอในมืองหลวง

หลังจากผ่านไปไม่นาน บรรดาองครักษ์วงั เซียวเหยาอ๋องที่ถกู สั่งให้ไปซือ้


ยาสมุนไพรก็พากันกลับมา ทยอยรายงานผลลัพธ์ของการไปซือ้ ของของตน
“ซื่อจื่อเฟย ร้านยาตระกูลจางที่ตงั้ อยู่ทางทิศใต้ของเมืองหลวงไม่มียา
สมุนไพรพวกนีข้ อรับ...”

“ซื่อจื่อเฟย โรงหมอตระกูลหลี่ท่ตี งั้ อยู่ทางทิศเหนือของเมืองหลวงไม่มยี า


สมุนไพรพวกนีข้ อรับ...”
“...ร้านยาหวังจีท้ ่ตี งั้ อยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองหลวงไม่มียาสมุนไพร
พวกนีข้ อรับ...”

“...โรงหมอตระกูลอู๋ท่ตี งั้ อยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองหลวงไม่มียา


สมุนไพรพวกนีข้ อรับ...”

...

“เหตุใดถึงไม่มียาสมุนไพรพวกนีก้ นั ?” หยวนฟางเฟยตกใจนัก มองดู


เหล่าองครักษ์แต่ละนายที่กลับมามือเปล่า มองท้องฟ้าอย่างจนคาพูด คิด
ไม่ถึงว่าร้านยาขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ในเมืองหลวงจะไม่มียา
สมุนไพรพวกนี.้ ..

มูห่ รงเสวี่ยเองก็มสี ีหน้าเคร่งเครียดขึน้ มา เอ่ยถามเสียงดังฟั งชัดว่า


“แน่ใจหรือว่าร้านขายยาและโรงหมอเหล่านัน้ ไม่มียาสมุนไพรพวกนี?้ ”

บรรดาองครักษ์วงั เซียวเหยาอ๋องพยักหน้ายืนยัน “เรียนซื่อจื่อเฟย แน่ใจ


ขอรับ” หลังจากได้รบั คาตอบจากเหล่าเถ้าแก่รา้ นยาและโรงหมอว่า ‘ไม่มียา
สมุนไพรพวกนี’้ พวกเขาก็ลอบเข้าไปตรวจสอบดูขา้ งในโรงหมอและร้านยา
ยืนยันได้วา่ ไม่มียาสมุนไพรพวกนีจ้ ริงๆ...
เหตุใดถึงเป็ นเช่นนีไ้ ด้?

ยาสมุนไพรเหล่านัน้ ไม่เป็ นที่นิยมของแคว้นชิงเหยี่ยนเพียงนีเ้ ชียวหรือ?


ในจวนตระกูลขุนนางไม่สะสม ตามร้านยาและโรงหมอก็ไม่มี...

หยวนฟางเฟยขมวดคิว้ อย่างกลัดกลุม้

มูห่ รงเสวี่ยครุน่ คิดแล้วเอ่ยขึน้ ว่า “คาดว่าไม่ใช่ปัญหาเรือ่ งนิยมหรือไม่


นิยม แต่วา่ โอกาสที่จะใช้มีนอ้ ย ตามร้านยาและโรงหมอเลยคร้านที่จะ
เตรียมยาสมุนไพรนีไ้ ว้...”

หยวนฟางเฟย “...”

นั่นสินะ ร้านยาและโรงหมอเองก็คงไม่เตรียมสารองยาสมุนไพรส่งเดช
ยาสมุนไพรที่แทบไม่ได้ใช้สอยพวกเขาก็ไม่จาเป็ นต้องเตรียมสารองไว้ แต่วา่
“แบบนีแ้ ล้วพวกเราจะทาอย่างไรดี...” ไม่มียาสมุนไพรเหล่านี ้ พวกนางก็ไม่
มีทางปรุงยาที่ทาให้ปรากฏสัญลักษณ์รูปแมงป่ องบนร่างกายได้ ปรุงยา
ไม่ได้ก็ไม่อาจนาขึน้ ทูลถวายต่อหน้าพระพักตร์ได้ ไม่สามารถล้างมลทิน
ให้กบั เหล่าขุนนางที่ถกู ใส่รา้ ยได้...
“วางใจเถอะ เรือ่ งราวไม่ได้เศร้าเพียงนัน้ ” มูห่ รงเสวี่ยประกายตานิ่งขรึม
“พวกเราหายาสมุนไพรพวกนีจ้ ากร้านยาและโรงหมอไม่ได้ แต่ตอ้ งมีอยู่ใน
เมืองหลวงแคว้นชิงเหยี่ยนอย่างแน่นอน...”

ไม่อย่างนัน้ คนของกลุม่ เบญจพิษจะปรุงยานัน้ มาใส่รา้ ยขุนนางแคว้นชิง


เหยี่ยนได้อย่างไร?

นายาสาเร็จรูปมาจากแคว้นหนานจ้าวอย่างนัน้ หรือ?

หึๆ นางก็ไม่คิดว่าคนของกลุม่ เบญจพิษจะมีความสามารถล่วงรู ้


เหตุการณ์ลว่ งหน้า รูม้ าก่อนว่าจะใช้วิธีการนีใ้ ส่รา้ ยขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยน
และนายาสาเร็จรูปมา

คนของกลุม่ เบญจพิษนายาสมุนไพรพวกนัน้ มาจากแคว้นหนานจ้าว...

หึ แคว้นหนานจ้าวอยู่หา่ งจากแคว้นชิงเหยี่ยนเป็ นพันลี ้ ดูจากการให้


ความสาคัญในเรื่องประสิทธิภาพของคนกลุม่ เบญจพิษแล้ว พวกเขาไม่มี
ทางเปลืองแรงเปลืองเวลาเดินทางไกลเป็ นพันลีเ้ พื่อไปนายาสมุนไพรพวกนี ้
มาจากแคว้นหนานจ้าวอย่างแน่นอน...
ตอนที่พวกเขาปรุงยาย่อมใช้วตั ถุดบิ จากในพืน้ ที่น่ีละ่

คนกลุม่ เบญจพิษสามารถใช้วตั ถุดิบในพืน้ ที่ หายาสมุนไพรพวกนัน้ เจอ


พวกนางก็ทาได้เหมือนกัน
ตอนที่ 1943 พบเบาะแส (6)

วาจามีเหตุผล!

ยาสมุนไพรอยู่ท่เี มืองหลวงแคว้นชิงเหยี่ยนนี่ละ คนของกลุม่ เบญจพิษ


หาได้ พวกนางก็หาได้เช่นกัน แต่วา่ “พวกเราควรจะไปตามหายาสมุนไพร
พวกนัน้ ที่ไหน?” หยวนฟางเฟยเอ่ยถาม

มูห่ รงเสวี่ยครุน่ คิดเล็กน้อยแล้วก็เอ่ยว่า “สถานที่ซง่ึ มีสมุนไพร มีการใช้


สมุนไพร”

หยวนฟางเฟย “ขอบเขตกว้างทีเดียว...”

นอกจากร้านยาและโรงหมอแล้ว ในเมืองหลวงแคว้นชิงเหยี่ยนผูท้ ่มี ี


สมุนไพรก็คือพวกเกษตรกร ขุนนางฝ่ ายบุ๊นและบู๊ ตระกูลชนชัน้ สูง หรือ
แม้กระทั่งราษฎรทั่วไปก็มีการสะสมสมุนไพร หากไปตรวจสอบดูแต่ละที่
อย่างน้อยก็ตอ้ งตรวจสอบถึงเดือนหน้า เดือนถัดไป หรือแม้แต่เดือนต่อไป
เรือ่ ยๆ ถึงจะตรวจสอบได้หมด...
“ไม่ตอ้ งลาบากถึงเพียงนัน้ ” มูห่ รงเสวี่ยตัดบทอาการแตกตื่นของหยวน
ฟางเฟย สมุนไพรที่พวกนางต้องการหานัน้ เพาะปลูกในเฉพาะแคว้นหนาน
จ้าว แคว้นชิงเหยี่ยนไม่ได้ปลูกสมุนไพรเหล่านัน้ เนื่องจากสภาพดินฟ้า
อากาศแตกต่างกัน สภาพแวดล้อมย่อมไม่เหมือนกัน สมุนไพรเหล่านัน้ ปลูก
ที่แคว้นชิงเหยี่ยนไม่ขนึ ้ ต่อให้ปลูกขึน้ ก็คาดว่าจะใช้ไม่ได้...

เกษตรกรแคว้นชิงเหยี่ยนคงไม่มีสมุนไพรพวกนี ้

ส่วนขุนนางฝ่ ายบุน๊ และบู๊ ตระกูลชนชัน้ สูงนัน้ เดาว่าไม่มีทางมีสมุนไพร


เหล่านี ้ เพราะว่าสมุนไพรพวกนีไ้ ม่ใช่ยารักษาบาดแผล และไม่ใช่ยาบารุง
ร่างกาย อีกทัง้ ไม่ใช่ยาถอนพิษ ตระกูลหยวน ตระกูลมูแ่ ละวังเซียวเหยาอ๋อง
ยังไม่มีเก็บไว้ โอกาสที่ขนุ นางฝ่ ายบุน๊ และบู๊ ตระกูลชนชัน้ สูงจะมีเก็บไว้นนั้ ก็
น้อยมาก ส่วนราษฎรทั่วไป...สาหรับพวกเขาแล้ว สมุนไพรที่พวกเขาไม่ได้ใช้
การที่จะจ่ายเงินซือ้ มาเก็บไว้นนั้ ก็คงน่าแปลก...

หยวนฟางเฟย “...แล้วสถานที่ซง่ึ มีสมุนไพร มีการใช้สมุนไพรที่เจ้าว่า มัน


คือที่ใดกัน”

ประกายตาของมูห่ รงเสวี่ยสุขมุ เอ่ยขึน้ เสียงดังฟั งชัด “สถานที่ปรุงอาหาร


เครือ่ งยาจีน!”
สถานที่ปรุงอาหารเครือ่ งยาจีนหรือ!

หยวนฟางเฟยสบตากับมูห่ ลิวเฟิ ง ความไม่เข้าใจฉายชัดอยู่ในแววตา


พร้อมใจกันมองหน้ามูห่ รงเสวี่ย “เหตุใดจึงเอ่ยเช่นนี?้ ”

มูห่ รงเสวี่ยชีไ้ ปบนรายการสมุนไพรที่เขียนว่า ‘อูตง’ ก่อนเอ่ยอธิบายขึน้


เสียงขรึม “สมุนไพรกลิ่นนีห้ ลังจากแช่เฉินผีจือเป็ นเวลาสิบสองชั่วยามก็จะ
ยกระดับเป็ นยาสมุนไพรใหม่อีกหนึ่งชนิด เมื่อรวมกับสมุนไพรจาพวกโสม
โกฐเขมาขาว ปรุงเป็ นอาหารเครือ่ งยาจีน กินแล้วบารุงจงเจียวเสริมชี่ อายุ
ยืนยาว...”

หยวนฟางเฟย “...”

มูห่ ลิวเฟิ ง “...จริงหรือ?”

“จริงแน่นอน” มูห่ รงเสวี่ยพยักหน้าหนักแน่น อูตงที่แช่ในเฉินผีจือเกิดการ


เปลี่ยนแปลงเป็ นสมุนไพรตัวใหม่ เป็ นของดีชนั้ เลิศในเรือ่ งอายุยืนยาว ในยุค
ปั จจุบนั มีคนไม่นอ้ ยชื่นชอบนามาปรุงเป็ นอาหารเครือ่ งยาจีน...
หยวนฟางเฟย “...เจ้าหมายความว่า คนของกลุม่ เบญจพิษซือ้ สมุนไพร
จาพวกอูตงจากผูท้ ่ปี รุงอาหารเครือ่ งยาจีน แล้วนามาปรุงเป็ นยาที่ทาให้
ปรากฏสัญลักษณ์รูปแมงป่ องบนแขนผูค้ นหรือ...”

“ใช่แล้ว” มูห่ รงเสวี่ยพยักหน้า

“เหตุใดถึงมั่นใจเช่นนี?้ ” หยวนฟางเฟยสอบถาม

“เพราะว่านอกจากอูตงจะเป็ นสมุนไพรที่สามารถทาให้เกิดสัญลักษณ์รูป
แมงป่ องปรากฏบนท่อนแขนผูค้ นแล้ว ก็ทาได้เพียงแช่เฉินผีจือปรุงเป็ น
อาหารเครือ่ งยาจีนช่วยเรือ่ งอายุยืนยาว...” มูห่ รงเสวี่ยเอ่ยท่าทางสบายๆ

หยวนฟางเฟย “...แล้วสมุนไพรตัวอื่นๆ เล่า?” ในใบรายการที่มหู่ รงเสวี่ย


เขียนขึน้ มานัน้ มีสมุนไพรสี่รายการปลูกที่แคว้นหนานจ้าว ไม่มีในแคว้นชิง
เหยี่ยน ตอนนีน้ างพูดสถานที่ซง่ึ อาจจะมีสมุนไพรตัวนีอ้ อกมา แล้วสมุนไพร
อีกสามตัวเล่า?

“เรือ่ งนีข้ า้ เองก็ไม่แน่ใจนัก แต่ก็มคี วามเป็ นไปได้วา่ จะอยู่ท่สี ถานที่ปรุง


อาหารเครือ่ งยาจีนเช่นกัน” ตอนนีใ้ นจวนของแคว้นชิงเหยี่ยนไม่มอี ตู ง เห็น
ได้วา่ พวกเขาไม่รูว้ า่ หลังจากอูตงแช่เฉินผีจือแล้วจะมีประสิทธิภาพช่วยเรือ่ ง
อายุยืนยาว

การที่อตู งปรากฏอยู่ในเมืองหลวงแคว้นชิงเหยี่ยน นั่นก็แสดงว่ามีคนรูถ้ ึง


ประสิทธิภาพของมัน ถึงได้ซอื ้ อูตงกลับมาปรุงอาหารเครือ่ งยาจีน คนเช่นนี ้
เป็ นคนฉลาด เมื่อซือ้ อูตงก็เลยหาซือ้ สมุนไพรตัวอื่นกลับมาด้วย ทดลองดูวา่
จะปรุงอาหารเครือ่ งยาจีนอะไรได้บา้ งก็เป็ นเรือ่ งปกติ...
ตอนที่ 1944 พบเบาะแส (7)

วาจามีเหตุผล!

หยวนฟางเฟยพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ดูเหมือนว่าภารกิจด่วนของพวกเรา
คือการหาสถานที่ปรุงอาหารเครือ่ งยาจีนสินะ”

“ใช่แล้ว” ประกายตาของมูห่ รงเสวี่ยเคร่งขรึม เอ่ยกับหยวนฟางเฟย


และมูห่ ลิวเฟิ งว่า “พวกเจ้ารูห้ รือไม่วา่ ที่ใดปรุงอาหารเครือ่ งยาจีน?”

เอ่อ...เรือ่ งนีห้ รือ...

นางเองก็ไม่รูจ้ ริงๆ...

แต่วา่ “ข้าสามารถส่งคนไปสืบดูได้...”

ทันใดนัน้ มูห่ ลิวเฟิ งก็โพล่งขึน้ มาตัดบทหยวนฟางเฟยว่า “โรงเตีย๊ มหลาย


ไฉ”

“จริงหรือ?” มูห่ รงเสวี่ยกับหยวนฟางเฟยพากันมองหน้ามูห่ ลิวเฟิ ง


“จริงสิ” มูห่ ลิวเฟิ งประกายตาสุขมุ นิ่งลึก “อาหารเครือ่ งยาจีนเป็ นรายการ
อาหารใหม่ของโรงเตีย๊ มหลายไฉ เมื่อวันก่อนข้ากับสหายเพิ่งไปที่น่ นั มา สั่ง
กันมาหลายถ้วย...” เขาชะงักไปครูห่ นึ่งก่อนเอ่ยต่อไปว่า “รสชาติไม่เลวเลย
ทีเดียว ทัง้ ประสิทธิภาพของอาหารเครือ่ งยาจีนก็แตกต่างกันไป บ้างก็ช่วย
แก้อาการเมา บ้างก็ช่วยบารุงจงเจียวเสริมชี่ บ้างก็เสริมสร้างความแข็งแรง
ร่างกาย บ้างก็ช่วยเรือ่ งอายุยืนยาว...”

ยามที่กล่าวคาว่า ‘อายุยืนยาว’ สี่พยางค์นี ้ คาพูดของมูห่ ลิวเฟิ งก็แฝงนัย


ยะสาคัญ

มูห่ รงเสวี่ยประกายตาเคร่งขรึม “ดูเหมือนว่าพวกเราต้องไปเยือน


โรงเตีย๊ มหลายไฉกันสักหน่อยแล้ว”

โรงเตีย๊ มหลายไฉเพิ่งจะเปิ ดกิจการได้ไม่นาน แต่มีรายการอาหารสดใหม่


มากมายหลากหลาย รสชาติไม่เลว ดังนัน้ แม้วา่ จะยังไม่ถึงเวลาอาหารก็มี
ลูกค้าเดินกันขวักไขว่ จับจองที่น่ งั กันเต็มโรงเตีย๊ ม

หลังจากที่มหู่ รงเสวี่ย หยวนฟางเฟยและมูห่ ลิวเฟิ งมาถึงโรงเตีย๊ มหลาย


ไฉ ก็ไม่ได้เข้าไปรับประทานอาหารในโรงเตีย๊ ม แต่กลับตรงไปยังห้องครัวที่
ด้านหลังโรงเตีย๊ ม
บุรุษวัยกลางคนท่าทางคล้ายเป็ นผูด้ แู ลห้องครัวด้านหลังเมื่อเห็นมูห่ ลิว
เฟิ งแล้วก็ยิม้ ร่าเดินปรีเ่ ข้ามาหา “คุณชายมูน่ ่ีเอง ท่านมาทาอะไรที่หอ้ งครัว
ด้านหลังนีห้ รือ หรือว่ามาตามอาหารกันขอรับ? เดี๋ยวข้าน้อยรีบให้พ่อครัว
เร่งปรุงรายการอาหารที่ทา่ นสั่งให้ก่อน...”

“ไม่ตอ้ ง” มูห่ ลิวเฟิ งยกมือขึน้ โบกตัดบทบุรุษวัยกลางคน เอ่ยอย่างไม่ใคร่


สนใจนักดีว่า “พวกเราก็เพียงแค่วา่ งไม่มีอะไรทาจึงมาเดินเล่นไปเรือ่ ย...”
สายตามองห้องครัวขนาดใหญ่ เห็นคนครัวแต่ละคนกาลังวุน่ วาย เมื่อไม่พบ
สิ่งที่ตอ้ งการเห็นเขาจึงอดไม่ได้ท่จี ะขมวดคิว้ แล้วเอ่ยถามว่า “พวกเจ้าปรุง
อาหารเครือ่ งยาจีนกันที่ใดหรือ?”

“คุณชายมูจ่ ะรับอาหารเครือ่ งยาจีนหรือขอรับ”

บุรุษวัยกลางคนเข้าใจเช่นนัน้ จึงส่งยิม้ ให้และยกมือชีไ้ ปทางหนึ่ง


“อาหารเครือ่ งยาจีนปรุงอยู่ตรงนัน้ ขอรับ”

มูห่ ลิวเฟิ งมองตามทางที่เขาชีไ้ ป พบว่าทิศตะวันออกเฉียงเหนือของ


ห้องครัวนาดใหญ่นีม้ ีโถกระเบือ้ งใบโตนับสิบเรียงเป็ นระเบียบเรียบร้อย
ครึง่ หนึ่งอยู่ในเตา บนโถปิ ดฝาครอบ ใต้โถมีถ่านติดไฟทาอาหาร ไอนา้ พวย
พุง่ เป็ นชัน้ ๆ โถกระเบือ้ งอาบย้อมเป็ นสีประหลาดเคลือบชัน้ หนึ่ง”
“ในโถกระเบือ้ งตุน๋ อาหารเครือ่ งยาจีนใดหรือ?”

“โถกระเบือ้ งเหล่านีต้ นุ๋ อาหารเครือ่ งยาจีนสามรายการไม่เหมือนกัน”


บุรุษวัยกลางคนเอ่ยยิม้ ๆ แนะนารายละเอียดให้มหู่ ลิวเฟิ ง “แถวนีเ้ ป็ น
อาหารเครือ่ งยาจีนแก้เมา...แถวนีเ้ ป็ นอาหารเครือ่ งยาจีนบารุงร่างกาย...
ส่วนแถวนีอ้ ายุยืนยาว...”

มูห่ ลิวเฟิ งพยักหน้ารับ เอ่ยถามอย่างไม่รบี ร้อนว่า “พวกเจ้าใช้สมุนไพร


อะไรนามาปรุงอาหารหรือ?...”

“เรียนคุณชายมู่ เป็ นสมุนไพรชัน้ ดีเหล่านัน้ ขอรับ” บุรุษวัยกลางคนยิม้


น้อยๆ “โรงเตีย๊ มหลายไฉของเราไม่นาของคุณภาพรองมาสวมรอย
หลอกลวงลูกค้า สมุนไพร วัตถุดิบอาหารที่เราเลือกใช้ลว้ นเป็ นของชัน้ เลิศ
รับประกันได้เลยว่าหลังจากลูกค้ารับประทานเข้าไปแล้วจะช่วยบารุงจง
เจียวเสริมชี่ บารุงร่างกาย...”

“เช่นนัน้ หรือ? เช่นนัน้ พวกเจ้านาสมุนไพรทัง้ หมดที่ใช้ออกมาให้พวกเรา


ดูหน่อยได้หรือไม่” มูห่ ลิวเฟิ งแสร้งทาเป็ นเอ่ยถามเรือ่ ยเปื่ อย
แววตาของบุรุษวัยกลางคนเป็ นประกายมีอาการลังเลเล็กน้อย “เอ่อ...
เรือ่ งนี.้ ..”

“ไม่ได้หรือ?” มูห่ ลิวเฟิ งหน้านิ่ง สายตาราวธนูปลายแหลมยิงใส่บรุ ุษวัย


กลางคน

บุรุษวัยกลางคนถูกสายตาเขามองมารูส้ กึ หนาวๆ ร้อนๆ รีบร้อนเอ่ยว่า


“ย่อมไม่ใช่อยูแ่ ล้ว...เด็กๆ ไปนาสมุนไพรทัง้ หมดที่ซือ้ มาออกมา...”
ตอนที่ 1945 ค้นพบสมุนไพร

“ขอรับ!” เด็กรับใช้โรงเตีย๊ มหลายไฉไปยกตะกร้าในห้องคลังทัง้ หมดไป


วางเรียงอยู่ตรงหน้ามูห่ ลิวเฟิ ง

มูห่ ลิวเฟิ งเดินเข้าไปมองดูสมุนไพรตะกร้านีแ้ ลสมุนไพรตะกร้านัน้ ดูไปก็


เอ่ยขึน้ ว่า “สมุนไพรทัง้ หมดอยู่ท่นี ่ีหมดแล้วหรือ?”

“ขอรับ” ผูด้ แู ลวัยกลางคนพยักหน้า ห้องคลังว่างเปล่าแล้ว สมุนไพร


ทัง้ หมดที่มีในโรงเตีย๊ มหลายไฉล้วนอยู่ท่นี ่ีหมดแล้ว

“เป็ นอย่างไรบ้าง? มีหรือไม่...” มูห่ ลิวเฟิ งมองดูสมุนไพรเหล่านัน้ แล้วเอ่ย


ขึน้ ลอยๆ อย่างไม่มีป่ี ไม่มีขลุ่ย

ผูด้ แู ลวัยกลางคนไม่เข้าใจความหมายของเขา ขณะที่กาลังจะเอ่ยถาม


ออกมากลับพบว่า จู่ๆ หนึ่งในสองของโฉมสะคราญที่มากับมูห่ ลิวเฟิ งก็เดิน
เข้าไปอยู่ตรงหน้าตะกร้าสมุนไพร ยื่นมือคว้าสมุนไพรที่อยู่ในตะกร้า “อันนี ้
...อันนี.้ ..แล้วก็อนั นี.้ ..” นางคว้าสมุนไพรรวดเดียวสี่หา้ ชนิดก่อนจะหยุดมือ
จากนัน้ ก็นาถุงย่ามใบยาวๆ ออกมา นาสมุนไพรทัง้ หมดที่หยิบขึน้ มายัดลง
ไป...

ผูด้ แู ลวัยกลางคนตะลึงอ้าปากค้าง “...นี่...นี่มนั เรือ่ งอะไรกัน...”

“ฮะๆ...” มูห่ ลิวเฟิ งมองดูเหตุการณ์ท่เี กิดขึน้ แล้วหัวเราะอย่างเสียมิได้


“เอ่อ...สหายของข้าเองก็ชอบปรุงอาหารเครือ่ งยาจีน...พอเห็นสมุนไพรชัน้
เลิศที่สามารถนาไปปรุงอาหารยาจีนเลยอดใจที่จะเก็บไม่ได้...ดูเหมือนว่า
สมุนไพรในโรงเตีย๊ มหลายไฉของพวกเจ้าจะเป็ นสมุนไพรชัน้ เลิศจริงๆ นะ
...”

มูห่ ลิวเฟิ งเอ่ยชมโดยไม่ตระหนี่ หยิบเงินตาลึงออกมาก้อนหนึ่งยัดใส่มือ


ผูด้ แู ลวัยกลางคน “นี่ให้เจ้า...”

เงินตาลึงนีเ้ ป็ นเงินตาลึงถูกต้องตามกฎหมาย ถืออยู่ในมือรูส้ กึ หนักอึง้


ผูด้ แู ลวัยกลางคนได้สติขนึ ้ มาในทันที มองดูเงินตาลึงในมือราวเผือกร้อน รีบ
ร้อนส่งคืนให้ “คุณชายมู่ ข้ารับไว้ไม่ได้ขอรับ ข้ารับไว้ไม่ได้...”

มูห่ ลิวเฟิ งโบกมือปฏิเสธที่จะรับคืน “พวกเราเอาสมุนไพรของพวกเจ้ามา


ก็จ่ายเงินตาลึงให้พวกเจ้า มีอะไรไม่ได้กนั ...”
ผูด้ แู ลวัยกลางคนระล่าระลักตอบว่า “สมุนไพรเพียงเล็กน้อยเท่านัน้ ไม่
คุม้ กับเงินตาลึงมากมายเช่นนี.้ ..”

มูห่ ลิวเฟิ งไม่เห็นเป็ นเช่นนัน้ “ไม่วา่ จะคุม้ หรือไม่ พวกเราเอาสมุนไพร


พวกเจ้าไปก็ตอ้ งจ่ายเงิน...หากเจ้ารูส้ กึ ว่าข้าให้เยอะเกินไป เช่นนัน้ ส่วนที่
เกินออกมาก็ถือว่าให้เจ้าเป็ นรางวัลพิเศษก็แล้วกัน...” มูห่ ลิวเฟิ งเอ่ยอย่างใจ
กว้าง สง่าผ่าเผย

ผูด้ แู ลวัยกลางคนดวงตาเป็ นประกาย ไม่ได้ปฏิเสธอีกต่อไป ยิม้ ร่าเอ่ยขึน้


ว่า “เช่นนีก้ ็ตอ้ งขอบคุณคุณชายมูแ่ ล้ว”

“ไม่ตอ้ งเกรงใจ” มูห่ ลิวเฟิ งเอ่ยอย่างยโส เมื่อเห็นมูห่ รงเสวี่ยกาถุงย่ามสี


ขาวไว้แน่น สายตาเขาก็พลันจริงจังขึน้ มา หันหลังเดินไปหามูห่ รงเสวี่ย เดิน
ไปก็เอ่ยว่า “พวกเจ้ากาลังยุ่ง พวกเรากลับไปที่โถงด้านหน้าก่อนก็แล้วกัน”

“คุณชายมู่ แม่นางทัง้ สองเดินทางดีๆ ขอรับ...” ผูด้ แู ลวัยกลางคนน้อม


ส่งมูห่ ลิวเฟิ ง มูห่ รงเสวี่ยและหยวนฟางเฟย ใบหน้ายิม้ แย้มเบิกบานราวดอก
เบญจมาศ
จวบจนทัง้ สามคนเดินพ้นไปจากลานด้านหลังไม่เห็นเงา ผูด้ แู ลวัย
กลางคนก็ผดุ ลุกขึน้ ยืน โยนเงินตาลึงในมือเล่น รอยยิม้ บนใบหน้าเจิดจรัส
เพียงแค่นาสมุนไพรไปไม่ก่ีกา ก็ให้เงินตาลึงก้อนโตแก่เขา นี่เขาก็ได้กาไร
แล้ว...

เงาร่างสูงใหญ่ของคนผูห้ นึ่งซึง่ ไม่รูว้ า่ มาจากที่ใด เดินมาหยุดตรงหน้า


แถวตะกร้าสมุนไพร มองดูสมุนไพรแต่ละตะกร้านัน้ ดวงตาสุขมุ หรีล่ งใน
ทันใด รังสีสงั หารไร้ลกั ษณ์แผ่กระจายออกมาจากตัวเขา ทาให้อณ
ุ หภูมิ
บริเวณโดยรอบเย็นลงมาทันตา

เย็นยะเยือกเสียจนผูด้ แู ลวัยกลางคนขมวดคิว้ คว้าเงินตาลึงแล้วหัน


กลับมาอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อเห็นเงาร่างสูงใหญ่ของผูท้ ่เี ข้ามาเขาก็ตกใจ
ไปครูห่ นึ่ง “นะ...นายท่าน...” นายท่านมาตัง้ แต่เมื่อไร? เรือ่ งที่เขาทาลงไป
เมื่อครูน่ ี ้ นายท่านเห็นหรือไม่?

เงาร่างสูงใหญ่นนั้ ไม่สนใจเขา สายตาจับจ้องไปยังตะกร้าสมุนไพร เอ่ย


เสียงแข็งว่า “เมื่อครูน่ ีส้ ามคนนัน้ เอาสมุนไพรอะไรไป?
“เอา…เอาพวกนีไ้ ปขอรับ…” ผูด้ แู ลวัยกลางคนชีไ้ ปที่ตะกร้าสมุนไพรที่มู่
หรงเสวี่ยหยิบสมุนไพรไป

เงาร่างสูงใหญ่มองดูสมุนไพรเหล่านัน้ ด้วยสายตาดุดนั ประกายตาเย็น


เฉียบ...
ตอนที่ 1946 เรื่องบังเอิญ

แสงอาทิตย์สีทองสาดส่อง มูห่ ลิวเฟิ ง มูห่ รงเสวี่ยและหยวนฟางเฟยเดินอ


อกจากโรงเตีย๊ มหลายไฉ เดินทอดน่องตรงไปตามทางอย่างไม่รบี ร้อน

มูห่ รงเสวี่ยฝี เท้ากระฉับกระเฉง แต่ละก้าวที่เดินจะมีเสียงสายลมอ่อนพัด


ผ่าน

มูห่ ลิวเฟิ งฝี เท้าหนักแน่น เดินตามมูห่ รงเสวี่ยไปไม่รบี ไม่รอ้ นอะไร

หยวนฟางเฟยเดิมตามทัง้ สองคนไม่ทนั อยู่บา้ ง เอ่ยถามด้วยสายตาแห่ง


การรอคอยว่า “หาครบหมดแล้วใช่หรือไม่?”

“อืม” มูห่ รงเสวี่ยแกว่งถุงย่ามสีขาวในมือ อมยิม้ แล้วเอ่ยว่า “หาครบ


หมดแล้ว” สมุนไพรที่ท่หี าไม่ได้จากวังเซียวเหยาอ๋อง จวนตระกูลมู่ จวน
ตระกูลหยวน ร้านยาทั่วทัง้ เมืองหลวงแคว้นชิงเหยี่ยนและโรงหมอ ตอนนีห้ า
ครบหมดแล้ว
“...โรงเตีย๊ มหลายไฉแห่งนีม้ ีสมุนไพรครบครันทีเดียว!” หยวนฟางเฟยม
องดูย่ามสีขาวแล้วเอ่ยคาชมอย่างอดไม่ได้

มูห่ รงเสวี่ยอมยิม้ โรงเตีย๊ มหลายไฉ โรงเตีย๊ มที่เงินทองไหลมาเทมา เรียก


ทรัพย์จากทั่วทุกสารทิศนัน้ ย่อมมีสมุนไพรครบครัน...

“ไม่พดู ให้มากความแล้ว พวกเรารีบกลับไปปรุงยาเถอะ” รอให้ปรุงยาที่


ทาให้ปรากฏสัญลักษณ์รูปแมงป่ องบนแขนผูค้ นได้แล้วกราบทูลฮ่องเต้ก็จะ
สามารถทาลายแผนการของกลุม่ เบญจพิษและคืนความบริสทุ ธิ์ให้กบั เหล่า
ขุนนางที่ถกู ปรักปรา

หยวนฟางเฟยเอ่ยอย่างมีเหตุผล เป็ นการเป็ นงาน

“อืม” มูห่ รงเสวี่ยพยักหน้า ขณะที่เตรียมจะเพิ่มความเร็ว ก็มีเสียงตะโกน


โหวกเหวกโวยวายดังแว่วมาเป็ นระลอกว่า “เร็วหน่อย เร็วหน่อย...เดินเร็ว
หน่อย...อย่ามัวอืดอาดยืดยาด...”

มูห่ รงเสวี่ยเงยหน้าขึน้ มอง พบคนของทางการสองขบวนคุมตัวนักโทษ


แถวหนึ่งเดินมาทางนี ้ นักโทษที่เดินนาหน้าใบหน้าคมคร้าม ผิวกายสีแทน
เขาก็คือแม่ทพั หยวน บิดาของหยวนฟางเฟยนั่นเอง
“ท่านพ่อ” หยวนฟางเฟยเองก็มองเห็นแม่ทพั หยวน รอยยิม้ บนใบหน้า
เลือนหายไปในทันที ส่งเสียงร้องด้วยความตกใจก่อนจะวิ่งเข้าไป “ท่านพ่อ
นี่มนั เรือ่ งอะไรกัน? เกิดอะไรขึน้ ?” หยวนฟางเฟยกระตุกโซ่ตรวนบนข้อมือ
และพันธนาการที่คอของแม่ทพั หยวนแล้วเอ่ยถามด้วยความตระหนกตกใจ

แม่ทพั หยวนถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยังไม่ทนั ได้เอ่ยอะไร คนของทางการ


ที่คมุ ตัวมาก็เอ่ยปากขึน้ ก่อนว่า “ยังจะเป็ นเรือ่ งอะไรอีกเล่า แม่ทพั หยวน
สมคบกับคนของกลุม่ เบญจพิษน่ะสิ...”

“เป็ นไปไม่ได้...” หยวนฟางเฟยโพล่งออกมา

คนของทางการส่งสายตามองอย่างหมิ่นๆ “สัญลักษณ์รูปเบญจพิษอยู่
บนแขนทนโท่ ยังเป็ นไปไม่ได้หรือ?”

หยวนฟางเฟยพูดไม่ออก “...”

มูห่ ลิวเฟิ ง “...”

มูห่ รงเสวี่ย “...จริงหรือ?”


“ไม่เชื่อพวกเจ้าก็ดเู อาเอง!” คนของทางการจับแขนเสือ้ แม่ทพั หยวนขึน้
ออกแรงฉีกกระชาก ได้ยินเสียงดังแคว่ก แขนเสือ้ ของแม่ทพั หยวนก็ถกู ฉีก
กระชากจนขาด เผยให้เห็นสัญลักษณ์รูปแมงป่ องเสมือนจริง...

...

คนของกลุม่ เบญจพิษปรักปราไปถึงแม่ทพั หยวนแล้ว...

หยวนฟางเฟย มูห่ ลิวเฟิ ง มูห่ รงเสวี่ยมองหน้ากัน ดวงตาเป็ นประกาย


หนักแน่นที่นอ้ ยครัง้ จะมีให้เห็น

คนของทางการไม่เห็นว่าทัง้ สามสื่อสารกันทางสายตา เห็นว่าหยวนฟาง


เฟยนิ่งไปไม่สง่ เสียงสักแอะหลังจากที่ได้เห็นสัญลักษณ์รูปแมงป่ อง คิดว่า
นางจนมุมแล้วเขาก็ได้ใจ “เห็นหรือยัง? เห็นหรือยัง? เห็นหรือยัง? นี่ก็คือ
หลักฐานว่าเขาสมคบกับกลุม่ เบญจพิษอย่างไรเล่า...”

“เป็ นถึงแม่ทพั แคว้นชิงเหยี่ยน ดารงตาแหน่งแม่ทพั รับเบีย้ หวัดของ


แคว้นชิงเหยี่ยนแท้ๆ แต่กลับไปสมคบกับคนของกลุม่ เบญจพิษได้ ช่างน่า
อับอายยิ่งนัก...”
คนของทางการเอ่ยถากถางราวสายนา้ ไหลไม่หยุดนิ่ง หยวนฟางเฟยได้
ยินแล้วอารมณ์โกรธคุกรุน่ “หุบปาก เจ้ามันโง่เขลา บิดาข้าไม่ได้สมคบกับ
คนของกลุม่ เบญจพิษ...”

คนของทางการแค่นยิม้ “บิดาเจ้าไม่ได้สมคบกับคนของกลุม่ เบญจพิษ


แล้วสัญลักษณ์รูปเบญจพิษที่แขนของเขามาได้อย่างไร?”

“นี่ก็ถกู คนของกลุม่ เบญจพิษปรักปราน่ะสิ...” หยวนฟางเฟยเอ่ยด้วย


อารมณ์โมโห

“จริงหรือ?” คนของทางการเอ่ยถามอย่างไม่ใคร่ใส่ใจ

“ก็จริงน่ะสิ...” หยวนฟางเฟยเอ่ยตอบอย่างไม่สบอารมณ์
ตอนที่ 1947 หยวนฟางเฟยถูกจับ (1)

“หึๆ...” คนของทางการมองนางด้วยหางตาเต็มไปด้วยความดูแคลน
“เชื่อเจ้า...สิแปลก!”

“เจ้า...เจ้า...” หยวนฟางเฟยโมโหจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ ชักกระบี่ยาว


ออกจากฝัก ประกายแสงสีเงินของตัวกระบี่แผ่รงั สีอามหิต สร้างแรงกดดัน
ให้ผคู้ น

คนของทางการตกใจจนหน้าถอดสีไปชั่วขณะ กระเด้งตัวขยับออกไป
หนึ่งเมตรกว่า มองนางอย่างระแวดระวัง “เจ้าจะทาอะไร? จะทาอะไร? จะ
ทาร้ายคนของทางการหรือ?” คนของทางการร้องเสียงหลง

คนของทางการคนอื่นถูกเสียงร้องแตกตื่นพากันมองมาทางนี ้

เมื่อสายตาของเพื่อนร่วมงานกว่ายี่สิบสามสิบนายมองมาที่ตนเอง ความ
หวาดกลัวในใจของคนของทางการผูน้ นั้ ก็สลายหายไปอย่างรวดเร็ว รูส้ กึ มี
ความมั่นใจ เดินขึน้ หน้าไปหนึง่ ก้าวเอ่ยสั่งสอนหยวนฟางเฟยอย่างหยิ่ง
ผยอง “เจ้าเบิกตาดูให้ดี พวกเราไม่ใช่คนทั่วไปแต่เป็ นคนของทางการ คน
ของทางการซึง่ ได้รบั บัญชาจากฝ่ าบาทให้มาจับกุมคุมตัวนักโทษเหล่านี ้ คิด
ไม่ถึงว่าเจ้าจะกล้าทาร้ายพวกเรา นี่ก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือ...”

นา้ เสียงดูถกู เหยียดหยามและท่าทางการมองตัง้ แต่หวั จรดเท้า ทาเอา


หยวนฟางเฟยโมโหเข้าไปใหญ่ หรีต่ าลงเตรียมจะแทงกระบี่ มูห่ รงเสวี่ยก็รบี
รัง้ นางไว้กดเสียงต่าว่า “อย่าวูว่ าม...อย่าไปสนใจพวกเขาเลย...”

“แต่พวกเขากระทาเกินไป...” อารมณ์โมโหของหยวนฟางเฟยคุกรุน่ ท่าน


พ่อของนางยังไม่ถกู ตัดสินคดีเลย คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะลบหลูเ่ กียรติอย่าง
เหิมเกริมเพียงนี.้ ..

มูห่ รงเสวี่ยมองดูบรรดาคนของทางการที่เต็มไปด้วยท่าทียโส ขับไล่แม่


ทัพหยวนราวกับไล่หมูหมา บรรดาคนของทางการก็ทาเกินไปจริงๆนั่นล่ะ
แต่วา่ “ต่อให้เขาทาเกินกว่าเหตุแล้วอย่างไร ตอนนีเ้ จ้าก็ลงมือไม่ได้...”

“เพราะเหตุใด?” หยวนฟางเฟยเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ

มูห่ รงเสวี่ยเอ่ยเน้นเสียงขึน้ ว่า “เพราะว่าตอนนีย้ งั ไม่ใช่เวลาที่จะมาสั่ง


สอนพวกเขา...” คนของทางการปฏิบตั ิหน้าที่เกินกว่าเหตุ หากพุง่ เข้าไป
จัดการพวกเขาหนึ่งยกเพื่อระบายอารมณ์ แล้วหลังจากนัน้ เล่า? หยวนฟาง
เฟยก็จะมีโทษข้อหาทาร้ายคนของทางการ ถูกจับตัวเข้าคุกหลวง โทษสถาน
เบาคือโดนขังสิบวันถึงสิบห้าวัน ส่วนโทษสถานหนัก...อาจทาร้ายนางจน
บาดเจ็บไปทัง้ ตัวก็เป็ นได้...

ส่วนนางกับมูห่ ลิวเฟิ งที่เดินมาพร้อมกับหยวนฟางเฟย แม้วา่ จะไม่ได้รว่ ม


ทาร้ายร่างกายคนของทางการ แต่พวกนางก็เป็ นพวกเดียวกับหยวนฟาง
เฟย และอยู่ในเหตุการณ์เห็นหยวนฟางเฟยทาร้ายคนของทางการ คงเลี่ยง
ไม่พน้ ที่จะถูกพาไปสอบปากคาที่กรมอาญา...

ถูกคนของทางการจับตัว ถูกคนของทางการทุบตี ถูกคนของทางการ


สอบปากคาก็ไม่ใช่เรือ่ งใหญ่อะไร ทว่าตอนนีพ้ วกเขาไม่ได้มีเวลาว่าง ไม่ใช่
ว่าไม่มีเรือ่ งอะไรให้ทา แต่เป็ นเวลาที่ได้สมุนไพรที่จะไปปรุงสูตรปรากฏ
สัญลักษณ์รูปแมงป่ องมาแล้ว ต้องเร่งไปปรุงยา ขอเพียงนางสามารถปรุงยา
ที่ทาให้ปรากฏสัญลักษณ์รูปแมงป่ องออกมาได้แล้วนาขึน้ ทูลถวายฮ่องเต้ ก็
สามารถคืนความบริสทุ ธิ์ให้แม่ทพั หยวนและขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยนที่ถกู
ปรักปราได้

เพราะอย่างนีเ้ รือ่ งเร่งด่วนของพวกเขาในตอนนีค้ ือรีบกลับวังเซียวเหยา


อ๋อง ปรุงยานัน้ ออกมา ไม่ใช่เวลาที่จะมาสั่งสอนคนของทางการหรือถกเถียง
กับคนของทางการ เพราะถึงอย่างไรแม้วา่ บรรดาคนของทางการจะจับตัว
แม่ทพั หยวน และมีทา่ ทีปฏิบตั ิตอ่ แม่ทพั หยวนแย่แค่ไหน แต่พวกเขาก็ทาได้
เพียงจับตัวแม่ทพั หยวนและคุมตัวไปขังไว้ท่คี กุ หลวง นอกจากนัน้ แล้วพวก
เขาก็ทาอะไรไม่ได้...

นอกจากเรือ่ งที่แม่ทพั หยวนถูกขังคุกแล้ว ในระยะเวลาอันสัน้ นีก้ ็ไม่มที าง


เกิดอันตรายใดๆ...

หยวนฟางเฟย “...”

เอาเถอะ เป็ นนางที่ววู่ ามเอง

ตอนนีไ้ ม่ใช่เวลาที่จะมาคิดบัญชีกบั บรรดาคนของทางการ

หยวนฟางเฟยที่คิดได้แล้ว จิกสายตามองคนของทางการผูน้ นั้ ชั่วครู ่


จากนัน้ ก็เก็บกระบี่เข้าฝัก เงยหน้ามองแม่ทพั หยวน เอ่ยเน้นยา้ ขึน้ ว่า “ท่าน
พ่อ ท่านรอข้าก่อนนะ ข้าจะช่วยท่านออกมาให้เร็วที่สดุ ...”

ท่าทางจริงจังหนักแน่นเช่นนัน้ ทาให้แม่ทพั หยวนเห็นแล้วตะลึงไปครู ่


หนึ่งก่อนจะยิม้ ออกมา “ได้ พ่อรอเจ้ามาช่วย” นา้ เสียงสบายๆ คล้ายกับพูด
เรือ่ งตลก
ท่านพ่อไม่เชื่อคาพูดของนาง!

ไม่เป็ นไร รอให้นางนาพระบัญชาของฝ่ าบาทไปช่วยท่านพ่อออกมาได้


ท่านพ่อก็จะเชื่อเอง

ในดวงตาของหยวนฟางเฟยฉายประกายตาหนักแน่น หลังจากร่าลาแม่
ทัพหยวนอีกไม่ก่ีคาก็หนั หลังกลับมาจูงมู่หรงเสวี่ยเดินจากไปโดยเร็ว

หลังจากคนของทางการรอดพ้นจากความตายมาได้ก็ถอนหายใจเฮือก
ใหญ่ มองดูหยวนฟางเฟยที่จากไปอย่างอดทนรอไม่ไหว แววตานิ่งขรึม
ความใจกล้าผุดขึน้ มาในสมองว่า ตะโกนร้องเสียงดัง “ช้าก่อน!”

“ยังมีอะไรอีก?” หยวนฟางเฟยหันหลังกลับมา สายตาคมกริบราวธนู


แหลมคมซัดใส่คนของทางการ

คนของทางการรูส้ กึ เสียงดังสนั่น หัวสมองพร่าเบลอ สัญชาตญาณสั่งให้


ถอย แต่สายตาเหลือบไปเห็นเพื่อนร่วมงานที่จบั จ้องมาทางนี ้ เขาก็ใจกล้า
ขึน้ มา แค่นเสียงกระแอม เอ่ยกับหยวนฟางเฟยว่า “เมื่อครูน่ ีเ้ จ้าเรียกนักโทษ
หยวนผูน้ ีว้ า่ บิดา เจ้าเป็ นลูกสาวของเขาหรือ?”

“หากใช่แล้วจะทาไม?”
ตอนที่ 1948 หยวนฟางเฟยถูกจับ (2)

หยวนฟางเฟยเอ่ยตอบอย่างไม่สบอารมณ์

คนของทางการยิม้ เจ้าเล่ห ์ “นักโทษหยวนสมคบกับกลุม่ เบญจพิษ


ฮ่องเต้ทรงมีบญ
ั ชาให้คมุ ขังทัง้ ตระกูล...”

“...” หยวนฟางเฟย เหตุใดถึงเป็ นเช่นนี?้

เช่นนีส้ ิถึงเป็ นเรือ่ งปกติ!

มูห่ รงเสวี่ยเอามือลูบหน้าผากอย่างจนปั ญญา ไม่วา่ จะเป็ นที่นางเห็นกับ


ตาตนเองหรือว่าจะเป็ นสิ่งที่บรรดาองครักษ์ลบั วังเซียวเหยาอ๋องรายงานมา
ขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยนที่ปรากฏสัญลักษณ์กลุม่ เบญจพิษบนแขน ฮ่องเต้
ทรงมีพระบัญชาให้ยดึ ทรัพย์และนาตัวคุมขังทัง้ ตระกูล...

เหตุท่นี างขวางไม่ให้หยวนฟางเฟยสั่งสอนคนของทางการผูน้ นั้ นอกจาก


ไม่อยากเสียเวลา และต้องรีบกลับวังเซียวเหยาอ๋องแล้ว ยังไม่อยากให้
หยวนฟางเฟยถูกจับด้วย...
ไม่คิดว่าคนของทางการผูน้ นั้ จะมีปฏิกิรยิ าตอบสนองรวดเร็วเช่นนี ้ พวก
นางยังไปได้ไม่ไกลเท่าไรเขาก็มีปฏิกิรยิ าตอบสนองแล้ว...

มูห่ รงเสวี่ยค่อนแขวะอยู่ในใจเงยหน้าขึน้ มองหยวนฟางเฟย ก็พบว่า


หยวนฟางเฟยมองคนของทางการผูน้ นั้ อย่างตาไม่กะพริบ “เจ้าอยากจับข้า
ขังคุกหรือ”

“ถูกต้อง” คนของทางการพยักหน้าสมใจ แม่ทพั เจียงสมคบกับคนของ


กลุม่ เบญจพิษ ตามพระบัญชาของฮ่องเต้ตอ้ งจับขังคุก สตรีท่อี ยู่ตรงหน้านี ้
เป็ นบุตรสาวของเขา ตามพระบัญชาของฮ่องเต้ก็ตอ้ งถูกขังคุกด้วย

“หากข้าไม่อยากตามเจ้าไปเข้าคุกเล่า?” หยวนฟางเฟยเอ่ยเสียงแข็ง

“เช่นนัน้ พวกเราก็ตอ้ งลงมือจับเจ้าเข้าคุกเสียแล้ว” คนของทางการเอ่ย


อย่างชัดถ้อยชัดคา ชักกระบี่ออกจากฝัก คมกระบี่สะท้อนแสงสีเงินเย็นยะ
เยือกท่ามกลางแสงอาทิตย์สาดส่อง ข่มขวัญหยวนฟางเฟยกลายๆ

หยวนฟางเฟยไม่สะทกสะท้านแม้แต่นอ้ ย มองคนของทางการผูน้ นั้ นิ่งๆ


แล้วเอ่ยว่า “ในเมื่อเป็ นเช่นนีก้ ็ลองดูสิวา่ พวกเจ้าจะมีความสามารถจับข้า
เข้าคุกหรือไม่” พูดจบหยวนฟางเฟยก็ขยับตัว ร่างกายาทิง้ เงาร่างอยู่กลาง
อากาศ พริบตาเดียวก็มาอยู่ตรงหน้าคนของทางการผูน้ นั้ นางซัดฝ่ ามือใส่
หน้าอกเขาหนึ่งคราท่ามกลางสายตาตกตะลึงของเขาทาเอาเขาลอยถลาไป
ไกล กระแทกเข้ากับกาแพงที่อยู่ไม่ไกลออกไป กระเด็นกลับมาร่วงลงพืน้ ดัง
‘ตุบ’ กระอักเลือดออกมาคาโต...

บริเวณโดยรอบตกอยู่ในความสงบ นักโทษที่ถกู จับตัว ผูค้ นที่ชม


เหตุการณ์ รวมถึงบรรดาคนของทางการล้วนตะลึงมองภาพเหตุการณ์นี ้
ความตื่นตระหนกฉายชัดในดวงตา...

“ใจกล้ายิ่งนัก คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะกล้าทาร้ายคนของทางการ!” ไม่รูว้ า่ ผ่าน


ไปเนิ่นนานเพียงใด คนของทางการผูห้ นึ่งที่มีปฏิกิรยิ าขึน้ ก่อน ชีไ้ ปทาง
หยวนฟางเฟยและตวาดเสียงดัง

คนของทางการผูอ้ ่ืนก็พากันมีปฏิกิรยิ าตามมา “นางเป็ นบุตรสาวนักโทษ


ก็มีโทษเหมือนกัน จับตัวนางเลย...”

“จับตัวนาง...”

“จับตัวนาง...”

บรรดาคนของทางการตวาดเสียงดัง พากันจ้วงกระบี่แทงเข้ามา
หยวนฟางเฟยไม่ได้หลบหนีแต่อย่างใด ชักกระบี่ของตนเองออกมาตัง้ รับ
บรรดาคนของทางการทั่วทุกทิศ ต่อสูก้ บั บรรดาคนของทางการ

โช้ง เช้ง โช้ง เช้ง...

เสียงต่อสูด้ เุ ดือดดังบาดแก้วหู...

มูห่ รงเสวี่ยมองดูวงล้อมการต่อสูอ้ นั ดุเดือดแล้วถอนหายใจออกมาอย่าง


จนปั ญญา สูก้ นั จนได้สินะ...

ด้วยนิสยั ของหยวนฟางเฟยแล้ว ไหนจะการกระทาของคนของทางการผู้


นัน้ อีก นางก็ไม่ควรไปหวังว่าพวกเขาจะเลี่ยงการต่อสูน้ ีไ้ ปได้...

มูห่ รงเสวี่ยคิดอยูใ่ นใจ แตะปลายเท้าหมายจะกระโจนเข้าไปในวงต่อสู้


ไม่คิดว่ามูห่ ลิวเฟิ งที่มาอยู่ขา้ งกายนางตัง้ แต่เมื่อไรไม่รูจ้ ะยื่นมือมารัง้ นางไว้
“เจ้าจะทาอะไร?”

“ช่วยนางอย่างไรเล่า” มูห่ รงเสวี่ยถลึงตาใส่เขา ทาท่า ‘เจ้ารูอ้ ยู่แล้วยังจะ


มาถามทาไม’
มูห่ ลิวเฟิ งโบกมืออย่างไม่สนใจ “ไม่ตอ้ งหรอก” เจ้าดูวรยุทธ์ของหยวน
ฟางเฟย คนของทางการพวกนัน้ รวมกันยังไม่ใช่คตู่ ่อสูข้ องนาง นางต้องการ
ความช่วยเหลือจากพวกเขาที่ไหนกัน...

ในสนามรบ หยวนฟางเฟยมือเท้าประสานอัดบรรดาคนของทางการที่กรู
เข้ามาบินถลาออกไปคนแล้วคนเล่า...

มูห่ รงเสวี่ยมองแล้วเอ่ยเบาๆ “ฟางเฟยเอาชนะคนของทางการพวกนัน้ ได้


โดยไม่ตอ้ งการคนช่วย แต่วา่ การเคลื่อนไหวของพวกเขาเป็ นวงกว้างเพียงนี ้
ไม่ชา้ ไม่นานก็ตอ้ งชักนาองครักษ์ลาดตระเวนมาเป็ นแน่...”
ตอนที่ 1949 หยวนฟางเฟยถูกจับ (3)

มูห่ หลิวเฟิ ง “...”

เกือบลืมไปเลยว่านับจากเกิดเหตุการณ์ขนุ นางแคว้นชิงเหยี่ยนสมคบกับ
คนของกลุม่ เบญจพิษฮ่องเต้ก็ทรงเสริมกาลังเฝ้าระวังเมืองหลวง ไม่วา่ จะ
เป็ นกลางวันหรือกลางคืนก็จะมีองครักษ์ออกลาดตระเวนปฏิบตั ิหน้าที่อยู่
ในเมืองหลวง

บรรดาองครักษ์ท่อี อกลาดตระเวนมีจานวนมาก อีกทัง้ ยังระแวดระวัง


ตื่นตัวอย่างยิ่ง เพียงแค่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวที่ไม่เป็ นปกติ พวกเขา
จะต้องรีบรุดมาอย่างรวดเร็วเป็ นแน่...

หยวนฟางเฟยกับบรรดาคนของทางการต่อสูก้ นั อย่างดุเดือดเช่นนี ้ คิดว่า


อีกไม่นานบรรดาองครักษ์ลาดตระเวนคงมาถึงในไม่ชา้ ...

มองการต่อสูอ้ ีกครัง้ พบว่าหยวนฟางเฟยกาลังเป็ นต่อ ใกล้จะเอาชนะ


บรรดาคนของทางการได้อยู่แล้ว...แต่ตอนนีไ้ ม่มีเวลาให้นางสูไ้ ปเรือ่ ยๆ ต้อง
รีบสูร้ บี จบให้เร็วที่สดุ ...
ประกายตาของมูห่ หลิวเฟยเคร่งขรึม ขณะที่จะเข้าไปช่วย ไม่คิดว่าจะมี
เสียงแหวกอากาศอย่างรวดเร็วรุนแรงแฝงรังสีสงั หารสายหนึ่งซัดใส่หยวน
ฟางเฟยอย่างไร้ซง่ึ ความปรานี...

หยวนฟางเฟยประกายตาเคร่งขรึม ตวัดกระบี่ฟาดฟั น ได้ยินเสียงดัง


‘เคร้ง’ กระบี่ยาวฟั นลงบนสายลมแรง สายลมแรงสลายหายไปอย่างไร้
ร่องรอย หยวนฟางเฟยที่ถือกระบี่อยูก่ ็ถกู แรงสะเทือนเซถอยไปสี่หา้ ก้าวถึง
จะตัง้ หลักได้ มือขวาที่ถือกระบี่ได้รบั แรงสะเทือนจนสั่นไหว...

ยังไม่ทนั ได้ถอนหายใจออกมาโล่งอก ก็มีสายลมแรงซัดเข้ามาอีกหลาย


สาย...

หยวนฟางเฟยเร่งตวัดกระบี่ไปต้านรับ ไม่คิดว่าจะไม่สามารถต้าน
รับสายลมแรงหลายสายนัน้ ได้ ได้ยินเพียงเสียงดัง ‘ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ’ ดังขึน้ เป็ น
ระลอก สายลมแรงกรีดแขน กรีดขา กรีดข้อมือของนางอย่างแรง...เลือดสี
แดงฉานสาดกระเซ็น หยวนฟางเฟยส่งเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
ชะงักไปครูห่ นึ่ง กระบี่ในมือร่วงหล่นพืน้ คุกเข่ากระแทกพืน้ เสียงดังปั ก...
เหตุการณ์เกิดขึน้ ด้วยความเร็วราวสายฟ้าฟาด เมื่อมูห่ รงเสวี่ยได้สติ
เรือ่ งราวก็เกิดขึน้ แล้ว มองดูหยวนฟางเฟยที่บาดเจ็บหนักก็ส่งเสียงร้องด้วย
ความตระหนก “ฟางเฟย...”

เดินขึน้ หน้าไปหนึง่ ก้าว ขณะที่จะเข้าไปดูอาการบาดเจ็บของหยวนฟาง


เฟย มูห่ ลิวเฟิ งก็รบี รัง้ นางไว้ก่อน ส่ายหน้าให้นาง ส่งสายตามองไปข้างหน้า
สายตาเยาะเย้ยถากถางสังคมเป็ นประกายหวาดหวั่น...

มูห่ รงเสวี่ยมองตามสายตาเขาไป พบเงาร่างสูงเพรียวสายหนึ่งก้าวเข้า


มาช้าๆ ใบหน้ารูปงาม ประกายตาดุดนั เขาก็คือจิง้ อ๋องเย่อีเ้ ฉินนั่นเอง

เย่อีเ้ ฉิน เหตุใดถึงเป็ นเขาอีกแล้ว?

มูห่ รงเสวี่ยขมวดคิว้ เข้าหากัน พบว่าเย่อีเ้ ฉินเดินมาหยุดอยูต่ รงหน้า


บรรดาคนของทางการที่คมุ ตัวนักโทษ คนของทางการที่ถกู ทาร้ายจนจมูก
เขียวหน้าชา้ ทนกลัน้ ความเจ็บปวดลุกขึน้ มาขอบคุณเขา “ขอบคุณจิง้ อ๋องที่
ช่วยเหลือ...”
เย่อีเ้ ฉินมิได้เอ่ยสิ่งใด มองดูแม่ทพั หยวนที่ถกู คุมตัวไว้ก่อนจะมองไปยัง
หยวนฟางเฟยที่ได้รบั บาดเจ็บสาหัสเลือดชโลมกาย จากนัน้ ก็ออกคาสั่ง
เสียงห้วน “ยังมัวตะลึงอะไรกันอยู่ ยังไม่รบี คุมตัวนักโทษไปขังคุก!”

“ขอรับ ขอรับ ขอรับ...” บรรดาคนของทางการขานรับแข็งขัน เก็บกระบี่ท่ี


หล่นพืน้ ของตนเองขึน้ มา เดินโขยกเขยกไปทางบรรดานักโทษ เดินไปก็ไล่
ต้อนพวกเขาว่า “เรียงแถว เรียงแถว เรียงแถวให้เรียบร้อย...”

บรรดานักโทษถูกไล่ตอ้ นมาอยู่ตรงกลาง บรรดาคนของทางการแบ่งเป็ น


สองฝั่ง ขณะเตรียมจะคุมตัวนักโทษเดินต่อไป สายตาก็เหลือบไปเห็นหยวน
ฟางเฟยที่คกุ เข่าอยู่ท่พี นื ้ คนของทางการนายหนึ่งก็เดินเข้าไปออกคาสั่ง
เสียงดังว่า “ยังมัวนิ่งอยูอ่ ีก รีบลุกขึน้ มาแล้วตามพวกเราไปคุกหลวงเดี่ยวนี ้
...”

หยวนฟางเฟยพยายามขยับตัวแต่ก็ไม่อาจลุกขึน้ ยืนได้ เลือดสีแดงฉาน


ไหลออกมาจากปากแผลเจ็บปวดจนนางต้องขมวดคิว้
คนของทางการทาเป็ นมองไม่เห็น ยกเท้าเตะตัวนางหนึ่งที “ข้าพูดกับเจ้า
อยู่นะ ลุกขึน้ มาเข้าแถวสิ...”

หยวนฟางเฟยถูกเตะเซล้มลงไปกองกับพืน้ ถลึงตามองคนของทางการผู้
นัน้ ด้วยความโมโหเอ่ยว่า “เร่งอะไรนักหนา? ข้าบาดเจ็บหนักลุกไม่ไหว...”
ตอนที่ 1950 หยวนฟางเฟยถูกจับ (4)

“จริงหรือ?” คนของทางการไม่ค่อยอยากจะเชื่อคาพูดของนางนัก เมื่อครู ่


นีต้ อนที่นางลงมือต่อสูย้ งั ฮึกเหิมประดุจมังกรและเสือที่ผาดโผนอยู่เลย ผ่าน
ไปไม่นาน แม้แต่เรีย่ วแรงจะยืนยังไม่มี...

หยวนฟางเฟยเอียงหน้ามองคนของทางการ เอ่ยด้วยสายตาดุรา้ ยว่า


“หากข้าลุกขึน้ ยืนได้จริงๆ แล้วเมื่อครูจ่ ะถูกเจ้าเตะได้อย่างไร? เท้าข้างนัน้ ที่
เจ้าเตะข้าไม่ทนั ได้สมั ผัสโดนตัวข้าก็ถกู ข้าตีบิดเบีย้ วผิดรูปแล้ว...”

คนของทางการ “...”

ที่พดู มาก็มีเหตุผล!

สตรีท่อี ยู่ตรงหน้าเป็ นพวกท่าทีดรุ า้ ย ขอเพียงนางขยับตัวได้ก็จะอัดผูอ้ ่ืน


ไม่มีทางยอมขาดทุน ตอนนีน้ างล้มไปกองกับพืน้ ขยับตัวไม่ได้ เขาเตะนางก็
ไม่ได้โต้ตอบ ดูเหมือนว่านางจะได้รบั บาดเจ็บเอาการ ขยับตัวไม่ได้
ผูท้ ่ตี ่อสูก้ บั พวกเขาอย่างเป็ นต่อได้รบั บาดเจ็บจนขยับตัวไม่ได้ ช่างเป็ น
กรรมตามสนองเสียจริง...

ดวงตาคูส่ วยของคนของทางการฉายประกายยินดีบนความเดือดร้อน
ของผูอ้ ่ืนอย่างงปิ ดไม่มิด เอ่ยกับคนของทางการสองนายที่อยู่ไม่ไกลว่า
“พวกเจ้าสองคนมาคุมตัวนางไปคุกหลวง” สตรีตรงหน้าบาดเจ็บสาหัสขยับ
ไม่ได้ พวกเขาทาได้เพียง ‘ลงมือด้วยตัวเอง’ คุมตัวนางไปคุกหลวงแล้ว...

“ขอรับ” คนของทางการสองนายเดินเข้ามา ขนาบซ้ายขวาจับแขนของ


หยวนฟางเฟยไว้คนละข้าง ลากนางเดินไปข้างหน้า การกระทาป่ าเถื่อนนั่น
ทาเอาหยวนฟางเฟยได้แต่ขมวดคิว้ ขานางที่ได้รบั บาดเจ็บก็ลากไปกับพืน้
เป็ นรอยเลือดหลายสาย...

มูห่ รงเสวี่ยมองดูดว้ ยหน้านิ่วคิว้ ขมวด ขณะที่กาลังจะเข้าไป ‘สั่งสอน’ คน


ของทางการสองคนนัน้ หยวนฟางเฟยก็เหลือบตามาเห็นเข้าพอดี รีบส่ง
เสียงบอกว่า “ไม่ตอ้ งห่วงข้า...มีเรือ่ งสาคัญต้องเร่งจัดการ...”

หยวนฟางเฟยลอบมองไปที่ย่ามสีขาวในมือมูห่ รงเสวี่ย
มูห่ รงเสวี่ยได้สติขนึ ้ ในฉับพลัน แม้วา่ ฟางเฟยที่ได้รบั บาดเจ็บหนักจะถูก
จับ แต่วา่ ไม่มีอนั ตรายถึงแก่ชีวิตในระยะเวลาอันสัน้ นี ้ ดังนัน้ ภารกิจด่วนของ
นางในตอนนีไ้ ม่ใช่การบุกไปช่วยหยวนฟางเฟย แต่เป็ นการกลับวังเซียว
เหยาอ๋องเพื่อปรุงยาที่ทาให้ปรากฏสัญลักษณ์รูปแมงป่ อง จากนัน้ นาขึน้ ทูล
ถวายฮ่องเต้...

เมื่อถึงเวลานัน้ ถึงจะสามารถช่วยหยวนฟางเฟยและแม่ทพั หยวนได้...

“รอข้าก่อนนะ ข้าจะรีบช่วยพวกเจ้าออกมาโดยเร็วที่สดุ ” มูห่ รงเสวี่ยมอง


หยวนฟางเฟย รับปากโดยไร้สมุ้ เสียง

หยวนฟางเฟยพยักหน้าหงึกหงัก ราวกับกาลังบอกว่า “ตกลง”

มูห่ รงเสวี่ยมองดูหยวนฟางเฟยอีกครัง้ ก่อนจะหันหลังเตรียมจากไป ไม่


คิดว่าหัวหน้าคนของทางการผูน้ นั้ จะเอ่ยปากขึน้ มาว่า “ช้าก่อน!”

มูห่ รงเสวี่ยชะงักฝี เท้า หันหลังกลับไปมองคนของทางการผูน้ นั้ “มีอะไร


หรือ?”

หัวหน้าคนของทางการเอ่ยกับหยวนฟางเฟยว่า “พวกเจ้าเป็ นพวก


เดียวกับนางสินะ”
“ไม่ถือว่าเป็ น” มูห่ รงเสวี่ยยังพูดไม่ทนั จบ มู่หลิวเฟิ งที่อยูข่ า้ งๆ ก็โพล่งขึน้
ว่า “พวกเราแค่รูจ้ กั นางเท่านัน้ และบังเอิญพบกันเมื่อครูน่ ี ้ จึงเดินมาด้วยกัน
...พวกเราไม่ใช่พรรคพวกของนาง...”

“อย่างนัน้ หรือ?” หัวหน้าคนของทางการเอ่ยถามอย่างไม่ย่ีหระ

“ใช่สิ!” มูห่ ลิวเฟิ งพยักหน้าจริงจัง

“แต่เหตุใดข้าถึงรูส้ กึ ว่า พวกเจ้าน่าสงสัยมาก...” หัวหน้าคนของทางการ


เลิกคิว้ มองมูห่ ลิวเฟิ ง ไม่เชื่อคาพูดของเขาอย่างเห็นได้ชดั

คิว้ พาดเฉียงของมูห่ ลิวเฟิ งยกขึน้ ทันใด เหลือบสายตามองคนของ


ทางการผูน้ นั้ แล้วเอ่ยเสียงดังฟั งชัดว่า “ข้าวกินส่งเดชได้แต่วาจาจะเอ่ยส่ง
เดชไม่ได้ เจ้าบอกว่าพวกเราน่าสงสัยก็แสดงหลักฐานออกมา ไม่อย่างนัน้ ข้า
จะแจ้งความว่าเจ้าใส่รา้ ยปรักปรา...”

...

หยวนฟางเฟย “...”

มูห่ รงเสวี่ย “...”


ผูช้ มที่มงุ ดูเหตุการณ์รวมถึงบรรดาคนของทางการต่างพากันมองมูห่ ลิว
เฟิ งด้วยความตกใจราวกับคิดไม่ถึงว่าเขาจะกล่าววาจาเช่นนี ้

มูห่ ลิวเฟิ งสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน ถลึงตามองหัวหน้าคนของทางการผูน้ นั้


แล้วเอ่ยว่า “มองอะไร? ข้าเป็ นถึงคุณชายของขุนนางใหญ่ขนั้ สาม เคร่งครัด
กฎระเบียบ รักแคว้นรักชาวบ้าน อุทิศตนเองเพื่อแว่นแคว้นจนตราบสิน้ ลม
หายใจ คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะบอกว่าข้าสมคบกับคนของกลุ่มเบญจพิษ ไม่ใช่
การใส่รา้ ย ไม่ใช่การพ่นนา้ ลายใส่ผอู้ ่ืนแล้วจะเรียกว่าอะไร?”

“เจ้ากล้ามาจับข้า ข้าก็กล้าร้องเรียนเจ้า”
ตอนที่ 1951 หยวนฟางเฟยถูกจับ (5)

หยวนฟางเฟย “...”

มูห่ รงเสวี่ย “...”

ผูค้ นที่มงุ ดูเหตุการณ์ “...”

เหตุผลนีช้ ่างเฉียบขาดนัก!

ในใจพวกเขาต่างพากันยกนิว้ โป้งให้มหู่ ลิวเฟิ ง

ทว่าเจ้าหน้าที่กลับมีสีหน้าไม่สดู้ ี “เมื่อครูน่ ีข้ า้ เพียงแค่สอบถาม


ตามปกติเท่านัน้ เอง...”

“สอบถามตามปกติเขาถามกันแบบนีห้ รือ?” เปิ ดปากก็ ‘พวกเจ้าเป็ น


พวกเดียวกับคนของกลุม่ ห้าพิษ’ ‘พวกเจ้าทาตัวน่าสงสัย’ นี่ไม่ใช่การ
สอบถามตามปกติแล้ว แต่เป็ นการใช้อานาจบีบบังคับให้พวกเขารับโทษ...
เจ้าหน้าที่สีหน้าไม่สดู้ ีเข้าไปใหญ่ ทว่ากลับคิดหาเหตุผลมาโต้แย้งไม่ได้
มาขอความช่วยเหลือจากเย่อีเ้ ฉิน พบว่าเย่อีเ้ ฉินอาบอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์
สาดส่อง เรือนกายสูงเพรียวตระหง่าน ชายอาภรณ์สีมว่ งเข้มพลิว้ ไสวตาม
แรงลมโบก ยิ่งเน้นถึงความเยือกเย็นและน่าเคารพอย่างบอกไม่ถกู

เขามองมูห่ ลิวเฟิ งด้วยสีหน้าราบเรียบ แววตาก็ราบเรียบ ทว่ามูห่ ลิวเฟิ ง


กลับรูส้ กึ หนาวสันหลัง ในใจก็รูส้ กึ หนาวขึน้ มาเฉยๆ อย่างไม่มีสาเหตุ

มูห่ ลิวเฟิ งขมวดคิว้ ช้อนสายตาขึน้ มองเย่อีเ้ ฉิน กลับพบว่าเย่อีเ้ ฉินละ


สายตากลับไป เดินตรงไปเรือ่ ยๆ เดินไปก็เอ่ยขึน้ ว่า “ปฏิบตั ิหน้าที่อย่างเป็ น
ธรรม”

“ขอรับ!” เจ้าหน้าที่ตะลึงไปครูห่ นึ่ง ก้มหน้ารับคา ท่าทางหมดอาลัยตาย


อยาก

เย่อีเ้ ฉินเดินผ่านมูห่ ลิวเฟิ ง เดินผ่านมูห่ รงเสวี่ยโดยไม่หนั หน้ามามอง


เลยสักนิด กลิ่นไอความเยือกเย็นเฉพาะตัวของเขาทิง้ ไว้ตามทาง เมื่อสาย
ลมอ่อนพัดพามา กลิ่นไอความเยือกเย็นลอยมาแตะปลายจมูก คิว้ งาม
ของมูห่ รงเสวี่ยขมวดเข้าหากัน...
“เดินไป เดินไป เดินไปกันได้แล้ว...คุกหลวงกรมอาญาอยู่หา่ งจากที่น่ี
พอควร อย่ามัวอืดอาดยืดยาด...มัวอืดอาดยืดยาด ฟ้าใกล้จะมืดแล้วด้วย
...” หัวหน้าเจ้าหน้าที่ออกคาสั่งเสียงงดัง

บรรดาเจ้าหน้าที่พากันเคลื่อนไหว คุมตัวบรรดานักโทษเดินตรงไป
หยวนฟางเฟยที่รา่ งกายได้รบั บาดเจ็บสาหัสไม่สามารถเดินได้ ก็มี
เจ้าหน้าที่สองนายหิว้ ปี กลากนางเดินไปทาให้เดินช้าอยู่บา้ ง

หัวหน้าเจ้าหน้าที่เห็นเช่นนัน้ ก็สาวเท้าก้าวยาวๆ รับช่วงหยวนฟางเฟย


จับแขนของนางลากตัวนางเดินไปข้างหน้า การกระทานัน้ ช่างหยาบ
กระด้างเลือดสีแดงซึมเสือ้ ผ้าที่นางสวมใส่ เป็ นรอยเลือดที่พนื ้ หลายสาย...

มูห่ ลิวเฟิ งเห็นเช่นนัน้ ดวงตาคมก็เป็ นประกายดุดนั แผดเสียงขึน้ ว่า “ช้า


ก่อน”

หัวหน้าเจ้าหน้าที่หยุดเท้า ก่อนจะหันหลังกลับมามองมูห่ ลิวเฟิ ง


“คุณชายยังมีเรือ่ งอะไรหรือ”

“เจ้าลืมอะไรไปหรือเปล่า” มูห่ ลิวเฟิ งมองหัวหน้าเจ้าหน้าที่ เอ่ยเตือน


อ้อมๆ
“หืม...ลืมอะไรหรือ?” หัวหน้าเจ้าหน้าที่ไม่เข้าใจ

“ลืมขอโทษข้านะสิ!” มูห่ ลิวเฟิ งเอ่ยอย่างอารมณ์ไม่ดี

หัวหน้าเจ้าหน้าที่ “...”

บุรุษตรงหน้านีไ้ ม่ยอมรับว่าเป็ นพวกเดียวกับหยวนฟางเฟย พวกเขาเอง


ก็ไม่มีหลักฐานมาพิสจู น์วา่ เขาเป็ นพวกเดียวกับหยวนฟางเฟย ดังนัน้ พวก
เขาจึงต้องปฏิบตั ิหน้าที่อย่างเป็ นธรรม ไม่จบั เขา ไม่สนใจเขา...

แล้วจะไปขอโทษเขาทาไมกัน?

“เมื่อครูน่ ีเ้ จ้าใส่รา้ ยข้า ไม่ควรมาขอโทษข้าหรืออย่างไร” มูห่ ลิวเฟิ งเลิก


คิว้ มอง

หัวหน้าเจ้าหน้าที่ยิม้ แล้วเอ่ยว่า “คุณชาย เมื่อครูน่ ีข้ า้ ก็แค่เอ่ยในสิ่งที่


คาดเดาก็เท่านัน้ ...” ไม่ได้ใส่รา้ ยคุณชายเสียหน่อย...

“อย่างนัน้ หรือ” มูห่ ลิวเฟิ งเอ่ยอย่างไม่ย่ีหระ

“จริงอยู่แล้ว” หัวหน้าเจ้าหน้าที่พยักหน้ารับ
“เช่นนีห้ รือ...” มูห่ ลิวเฟิ งเอ่ยเสียงยาน ยกเท้าเตะหัวหน้าเจ้าหน้าที่อย่าง
รุนแรงและรวดเร็ว ทาเอาเจ้าหน้าที่ผนู้ นั้ ถลาออกไปสามสี่เมตรก่อนจะ
กระแทกลงพืน้ อย่างแรงดังตุบ กระอักเลือดคาโต...

“ไอหยา ขอโทษทีนะ เมื่อครูน่ ีข้ า้ ก็แค่ยกเท้าขึน้ มาเองแต่ไม่รูไ้ ปเตะโดน


เจ้าได้อย่างไร...” มูห่ ลิวเฟิ งเอ่ยด้วยความตกใจ

“เจ้า...” หัวหน้าเจ้าหน้าที่ถลึงตามองมูห่ ลิวเฟิ งอย่างไม่พอใจ โกรธจน


พูดไม่ออก

ทว่าผูค้ นที่มงุ ดูอยู่กลับมีสหี น้าเลื่อมใส “..”

เรียนรูแ้ ละเอามาประยุกต์ใช้ได้เลย...สุดยอด...สุดยอด
ตอนที่ 1952 เหตุการณ์อันตืน่ ตระหนก (1)

หัวหน้าเจ้าหน้าที่สีหน้าแดงก่า ทว่ากลับคิดหาเหตุผลมาโต้แย้งไม่ได้
หลังจากคิดสะระตะประเมินข้อได้เปรียบเสียเปรียบแล้วก็แค่นเสียงเฮอะ
ในลาคอ ไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงกับมูห่ ลิวเฟิ งอีกต่อไป ยื่นมือเรียกเจ้าหน้าที่ผู้
หนึ่งมาช่วยพยุงตัวเขาขึน้ มา ประคองเขาเดินโซเซไปทางคุกหลวงกรม
อาญา

หยวนฟางเฟยที่เหลือเพียงเจ้าหน้าที่นายเดียว เจ้าหน้าที่ผนู้ นั้ ลากนาง


ไปไม่ไหวจึงเรียกเจ้าหน้าที่อีกคนมาช่วยกัน สองคนช่วยกันลากหยวนฟาง
เฟยเดินต่อไป การกระทานัน้ ไม่ได้อ่อนโยนเท่าไร แต่เมื่อเทียบกับการ
กระทาของหัวหน้าเจ้าหน้าที่เมื่อครูน่ ีแ้ ล้วถือว่าดีกว่ามาก

มูห่ ลิวเฟิ งพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ หยวนฟางเฟยผูท้ งั้ โง่เขลาทัง้ ทึม่


ทื่อ ไม่เคยรูจ้ กั ที่จะทาให้ตวั เองมีชีวิตอยู่สบายสักหน่อยมาแต่ไหนแต่ไร ไม่
เข้าใจก็ไม่เป็ นไร เขาในฐานะผูเ้ ป็ นสหายทาได้เพียงลงมือช่วยเหลือ...
มูห่ ลิวเฟิ งคิดอย่างภูมิใจ หันหลังกลับไปมองมูห่ รงเสวี่ย ขณะเตรียมจะ
ขอรางวัลจากนางกลับพบว่านางหลุบตาลงต่าไม่รูว้ ่ากาลังคิดอะไรอยู่ เขา
อดไม่ได้ท่จี ะเลิกคิว้ เอ่ยถามว่า “คิดอะไรอยู่หรือ”

“ไม่มีอะไร” มูห่ รงเสวี่ยหลุดจากภวังค์ เงยหน้าขึน้ มองไปทางหยวนฟาง


เฟย พบว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้สร้างความลาบากใจให้หยวนฟางเฟยอีก ลาก
นางเดินไปค่อนข้างอ่อนโยนจึงเอ่ยว่า “ฟางเฟยน่าจะไม่เป็ นอะไรแล้ว พวก
เรารีบกลังวังเซียวเหยาอ๋องเถอะ”

กลับไปที่วงั เซียวเหยาอ๋องเร็ว ก็จะปรุงยาออกมาได้เร็ว และช่วยแม่ทพั


หยวน หยวนฟางเฟยรวมถึงขุนนางและครอบครัวที่ถกู คนของกลุม่ เบญจ
พิษวางแผนใส่รา้ ยปรักปราได้เร็ว...

“ตกลง” มูห่ ลิวเฟิ งสีหน้าเคร่งขรึมจริงจังทันที พยักหน้ารับ คุม้ กันมูห่ รง


เสวี่ยกลับวังเซียวเหยาอ๋อง

เวลากระชัน้ ชิด มูห่ รงเสวี่ยและมูห่ ลิวเฟิ งไม่ได้ค่อยๆ ก้าวเดิน แต่ใช้วิชา


ตัวเบาทะยานผ่านอย่างรวดเร็ว ผ่านถนนใหญ่สายแล้วสายเล่า ผ่านซอย
เล็กซอยแล้วซอยเล่า รุดหน้าไปยังวังเซียวเหยาอ๋อง
ไม่คิดว่าขณะที่กาลังเดินๆ อยู่นนั้ จะมีพลังกระบี่ดดุ นั แฝงไอสังหาร
รุนแรงสายหนึ่งซัดใส่ทงั้ สองอย่างไร้ซง่ึ ความปรานี...

ดวงตาคมของมูห่ ลิวเฟิ งหรีล่ งเล็กน้อย เดินขึน้ หน้ามาหนึ่งก้าว พัดพกที่


ซ่อนไว้ในแขนเสือ้ ลงมาอยู่ในมือตัง้ รับพลังกระบี่ดดุ นั นั่น ได้ยินเสียงดัง
‘ปั ง’ พัดพกและกระบี่ยาวปะทะกันกลางอากาศ มูห่ ลิวเฟิ งถูก
แรงสั่นสะเทือนจนถอยร่นไปสองก้าว ส่วนผูท้ ่ถี ือกระบี่ลอบโจมตีก็ได้รบั
แรงสั่นสะเทือนจะปรากฏกายออกมา เขาสวมชุดคลุมตัวยาวสีดา ทั่วทัง้
ร่างถูกคลุมด้วยความมืดมิด ดวงตาที่ซอ่ นอยู่ในผ้าโพกหน้าเป็ นประกาย
เย็นชาอามหิต

“เจ้าก็คือ...ใต้เท้าเซีย” มูห่ รงเสวี่ยจาผูท้ ่มี าได้

บุรุษในชุดคลุมไม่ได้เอ่ยวาจา ถือเป็ นการยอมรับไปโดยปริยาย

มูห่ รงเสวี่ย “...”

ใต้เท้าเซียของกลุม่ เบญจพิษเชี่ยวชาญเรือ่ งการหลบซ่อน ขอเพียงเขา


หลบซ่อนตัวก็จะไม่มีผใู้ ดพบร่องรอยของเขา ก่อนหน้านีน้ างจับตัวหัวหน้า
ของกลุม่ เบญจพิษได้สามคน เหลือเพียงหัวหน้ากลุม่ แมงป่ องเท่านัน้ ที่นาง
หาอย่างไรก็ไม่พบ...

เพื่อป้องกันเขาบุกไปปล้นชิงลานประหาร นางเตรียมการไว้ท่ลี าน
ประหารไม่นอ้ ย ไม่คิดว่าหัวหน้ากลุ่มแมงป่ องผูน้ ีจ้ ะไม่ปรากฏตัว...

พวกพ้องถูกตัดหัวประหารชีวิต เขาไม่ปรากฏตัว ตอนนีม้ าปรากฏตัวอยู่


ตรงหน้านางเพื่ออะไรกัน?

มูห่ รงเสวี่ยมองใต้เท้าเซียไม่กระพริบตา พบว่าใต้เท้าเซียเองก็มองตรง


มาที่นางเช่นกัน เอ่ยเสียงดังฟั งชัดว่า “นาถุงย่ามสีขาวในมือเจ้ามาให้ขา้ ”

มูห่ รงเสวี่ยแววตานิ่งงัน กระชับถุงย่ามสีขาวแน่น “เจ้ารูห้ รือว่าข้างในใส่


อะไรไว้?”

ใต้เท้าเซียทาเสียงขึน้ จมูก

มูห่ รงเสวี่ยประกายตานิ่งลึก “เจ้ารูไ้ ด้อย่างไรว่าข้างในใส่ของเอาไว้?”

“ไม่จาเป็ นต้องรายงาน” ใต้เท้าเซียเอ่ยเสียงดังฟั งชัด นา้ เสียงเย็นชา


มูห่ รงเสวี่ยประกายตาเยือกเย็น “เจ้าไม่บอก ข้าเองก็พอเดาได้หลาย
ส่วน!” สมุนไพรเหล่านัน้ เป็ นสมุนไพรที่ใช้ปรุงยาที่ปรากฏสัญลักษณ์รูป
แมงป่ อง ตอนที่นางไปเอาสมุนไพรนีม้ า นอกจากมูห่ ลิวเฟยกับหยวนฟาง
เฟยแล้ว ก็มีเพียงคนของห้องครัวหลังโรงเตีย๊ มหลายไฉเท่านัน้ ที่รู ้ การที่ใต้
เท้าเซียได้รบั ข้อมูลรวดเร็วเช่นนี ้ คิดว่าคงมีคนของห้องครัวหลังโรงเตีย๊ ม
หลายไฉส่งข่าวให้เขารู.้ ..
ตอนที่ 1953 เหตุการณ์อันตืน่ ตระหนก (2)

โรงเตีย๊ มหลายไฉเป็ นเพียงโรงเตีย๊ มที่เพิ่งเปิ ดกิจการได้ไม่นาน คิดไม่ถึง


ว่าจะมีคนของกลุม่ ห้าพิษแทรกซึมเข้าไปเสียแล้ว คนของกลุม่ ห้าพิษแทรก
ซึมเข้าไปได้ทกุ ที่จริงๆ

ใต้เท้าเซียได้ยินนางวิเคราะห์ก็มองนางด้วยสายตาแปลกประหลาด
“เจ้าเฉลียวฉลาดทีเดียว”

“มิสใู้ ต้เท้าเซียหรอก...”

“เลิกพูดไร้สาระแล้วส่งถุงย่ามสีขาวออกมา!” ใต้เท้าเซียตวาดตัดบทมู่
หรงเสวี่ย มองหน้านางนิ่งๆ

มูห่ รงเสวี่ยเองก็มองหน้าเขานิ่งๆ แล้วเอ่ยเน้นเสียงออกมาว่า “หากข้า


ไม่ให้เล่า?”
“เช่นนัน้ ข้าก็คงต้องลงมือเอามาเอง” ว่าแล้วใต้เท้าเซียก็ออกกระบวน
ท่าทันที ลูกบอลกลหกลูกปรากฏขึน้ ข้างหลังเขา หมุนวนอย่างรวดเร็วพุ่ง
ใส่มหู่ ลิวเฟิ งและมูห่ รงเสวี่ย

มูห่ รงเสวี่ย “...”

ลูกบอลกล เคล็ดลับความถนัดของใต้เท้าเซีย!

เปิ ดฉากมาก็กระบวนท่านีเ้ ลย ดูเหมือนว่าใต้เท้าเซียจะตัง้ ปณิธานแน่ว


แน่วา่ ต้องได้สมุนไพรไม่ก่ีชนิดที่นางหยิบมา

แต่วา่ สมุนไพรในมือนาง ใช่ว่าใต้เท้าเซียตัง้ ปณิธานแน่วแน่ว่าต้องได้


แล้วจะแย่งชิงไปได้

มูห่ รงเสวี่ยขยับข้อมือถือกระบี่ยาวหนึ่งเล่ม ฟาดฟั นลูกบอลกลลูกที่อยู่


ใกล้มือนางอย่างไม่ปรานี “เคร้ง เคร้ง เคร้ง!” แสงสีเงินตวัดไปมาสามสาย
ฟาดฟั นลงบนลูกบอลกลสามลูกนัน้ อย่างแรง ได้ยินเพียงเสียงดัง “ตุบ ตุบ
ตุบ!” สามครัง้ ลูกบอลกลสามลูกถูกฟั นเป็ นสองซีกหล่นพืน้ เสียงดัง ‘ตุบ
ตุบ ตุบ’ ...
“...นี่มนั ...เหตุใดถึงเป็ นเช่นนี?้ ” ใต้เท้าเซียมองดูลกู บอลกลที่กลายเป็ น
เศษบอลด้วยความตระหนกอย่างยิ่ง

“เพราะว่าหลังจากที่ได้ประมือกับลูกบอลกลของใต้เท้าเซีย ข้าก็ศกึ ษา
หาจุดอ่อนของลูกบอลกลโดยเฉพาะ...” ลูกบอลกลเป็ นอาวุธร้ายแรงแต่ก็มี
จุดอ่อน แม้วา่ จุดอ่อนนัน้ จะเล็กมากๆ แต่วา่ แค่เพียงค้นพบและฟั นตรงจุด
ลูกบอลกลก็กลายเป็ นเศษซาก...

ใต้เท้าเซียเงยหน้าขึน้ มองมูห่ รงเสวี่ย ในดวงตาฉายเพลิงโทสะลุกโชน


“เจ้าร้ายกาจทีเดียว...” นา้ เสียงแฝงความขบเขีย้ วเคีย้ วฟั น

มูห่ รงเสวี่ยไม่ได้ใส่ใจแม้แต่นอ้ ย ยิม้ น้อยๆ แล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณใต้


เท้าเซียที่เอ่ยชม...”

ใต้เท้าเซียสีหน้าบูดเบีย้ ว ถลึงตามองมูห่ รงเสวี่ยอย่างโกรธขึง้ โกรธจน


พูดอะไรไม่ออก

“ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ!”


“เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง!” มูห่ ลิวเฟิ งกาลังต่อสูก้ บั ลูกบอลกลเสียงดัง
ดุเดือดรุนแรง บรรดาลูกบอลกลมล้อมมูห่ ลิวเฟิ งไว้ตรงกลาง โจมตีอย่างบ้า
คลั่ง มูห่ ลิวเฟิ งรับมืออย่างมือเป็ นระวิงอยูบ่ า้ ง...

มูห่ รงเสวี่ยสะบัดข้อมือ กระบี่ยาวในมือปล่อยพลังกระบี่สามสายฟาด


ฟั นใส่ลกู บอลกลอย่างโหดเ**้้ยมรุนแรง ‘ตุบ ตุบ ตุบ!’ เสียงดังสนั่นดัง
ขึน้ มา ลูกบอลกลสามลูกถูกผ่าออกเป็ นสองซีกร่วงหล่นพืน้ ...

“มูห่ รงเสวี่ย วรยุทธ์ของเจ้าก็พฒ


ั นารุดหน้านี่นา” มูห่ ลิวเฟิ งที่หลุดพ้น
จากความยุ่งยากถอนหายใจยาวออกมาด้วยความโล่งอก มองดูรอบๆ เห็น
ว่าไม่มีอนั ตรายใดแล้วก็สะบัดพัดในมือเดินมาหามูห่ รงเสวี่ยพลางเอ่ยคา
ชม

มูห่ รงเสวี่ยไม่ได้สนใจอะไรเขา กระชับกระบี่ยาวในมือเอ่ยกับใต้เท้าเซีย


นิ่งๆ ว่า “ใต้เท้าเซีย ตอนนีเ้ จ้าจะหลีกทางไปเอง หรือจะให้พวกเราลงมือ?”
นับวันขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยนที่ถกู จับก็เพิ่มมากขึน้ เรือ่ ยๆ ภายในเมือง
หลวงก็วนุ่ วายมากขึน้ เรือ่ ยๆ ภารกิจด่วนของนางในตอนนีค้ ือกลับวังเซียว
เหยาอ๋องปรุงยาที่ทาให้ปรากฏสัญลักษณ์รูปแมงป่ อง คืนความบริสทุ ธิ์ให้
ขุนนางเหล่านัน้ ทาให้เมืองหลวงหวนสูค่ วามปกติสขุ ...
เรือ่ งของใต้เท้าเซียผูน้ ีค้ ่อยว่ากันทีหลัง...

ใต้เท้าเซียมองหน้ามูห่ รงเสวี่ยเอ่ยเสียงดังฟั งชัดว่า “ข้าไม่หลีก” ขณะที่


นางขมวดคิว้ นัน้ เขาก็เอ่ยเสียงเย็นชาขึน้ มาว่า “ต่อจากนีไ้ ป ผูท้ ่โี ชคร้าย
ไม่ใช่ขา้ ...”

พูดยังไม่ทนั จบ มูห่ รงเสวี่ยก็รูส้ กึ ถึงแสงสีเงินที่แฝงรังสีสงั หารและพลัง


กระบี่รุนแรงสายหนึ่งซัดใส่นางอย่างไม่ปรานี...

แววตาของมูห่ รงเสวี่ยนิ่งงัน ตวัดกระบี่ตา้ นรังสีสงั หารรุนแรงนั่น...


ตอนที่ 1954 เหตุการณ์อันตืน่ ตระหนก (3)

เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง!

มูห่ รงเสวี่ยและใต้เท้าเซียต่อสูก้ นั อย่างดุเดือด

กระบี่ยาวของใต้เท้าเซียกวัดแกว่งกระบวนท่าโหดเ**้้ยม ส่วนกระบี่
ยาวของมูห่ รงเสวี่ยราวสายรุง้ ไม่ปรานี แสงสีเงินตัดผ่านกันกลางอากาศ
หลายสาย ผูค้ นพากันมองดูดว้ ยตาพร่ามัว

ทว่ามูห่ ลิวเฟิ งเห็นแล้วกลับขมวดคิว้ แน่น มองดูดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าที่


ค่อยๆ เคลื่อนไปทางทิศตะวันตก แววตาของเขาก็เป็ นประกายเคร่งขรึมที่
พบเห็นได้นอ้ ยครัง้ หลังจากครุน่ คิดดูแล้ว เขาก็ทะยานเข้าร่วมวงต่อสู้
สะบัดพัดใส่ใต้เท้าเซีย...

วรยุทธ์ของมูห่ รงเสวี่ยและใต้เท้าเซียสูสีกนั ยากที่จะตัดสินแพ้ชนะได้ใน


เวลาอันสัน้ หากพวกเขาสูก้ นั ต่อไปเช่นนี ้ เกรงว่าสูก้ นั จนฟ้ามือก็ตดั สินแพ้
ชนะไม่ได้
ขุนนางมากมายในราชสานักแคว้นชิงเหยี่ยนถูกจับกุม บรรดาองครักษ์
ตรวจสอบในเมืองหลวงอย่างอุกอาจ จะมีขนุ นางใหม่ๆ ถูกจับทุกเวลา เกิด
คลื่นใต้นา้ ซัดสาดเมืองหลวงแคว้นชิงเหยี่ยน ไม่มีเวลาให้พวกเขามาสูก้ นั
ไปสูก้ นั มาอย่างนีแ้ ล้ว พวกเขาจาเป็ นต้องรีบจัดการใต้เท้าเซียผูน้ ใี ้ ห้ได้
โดยเร็วและรีบกลับวังเซียวเหยาอ๋องไปปรุงยาที่ทาให้ปรากฏสัญลักษณ์รูป
แมงป่ อง...

มูห่ ลิวเฟิ งวรยุทธ์ค่อนข้างสูงส่ง เขาไม่เคยร่วมมือกับมูห่ รงเสวี่ยและไม่


จาเป็ นต้องผสมผสานกัน สองคนสูก้ บั ใต้เท้าเซียคนเดียว ทาให้ใต้เท้าเซีย
ทาได้เพียงรับมือแต่ไม่มีแรงโต้ตอบ ถอยร่นไปเรือ่ ยตกเป็ นเบีย้ ล่าง...

“ฉัวะ!” แสงสีเงินเป็ นประกายทาให้เสือ้ คลุมสีดาบนร่างใต้เท้าเซียถูก


ฟั นขาดส่วนหนึ่ง

“ตึง!” เงาสายหนึง่ จู่โจมข้ามากระแทกกลางอกใต้เท้าเซียอย่างจัง ทาให้


ใต้เท้าเซียบินถลาออกไปก่อนจะกระแทกพืน้ อย่างแรง เลือดไหลซึมบริเวณ
มุมปาก...

“หึ ข้าประเมินพวกเจ้าต่าไปจริงๆ” ใต้เท้าเซียยกมือขึน้ ปาดเลือดตรงมุม


ปาก แววตานิ่งขรึม เดิมทีคิดว่ามูห่ รงเสวี่ยคนเดียวเท่านัน้ เขารับมือคน
เดียวก็ไหว ไม่คิดว่าวรยุทธ์ของมูห่ รงเสวี่ยจะพัฒนาไปไกล และยังมีผชู้ ่วย
ฝี มือร้ายกาจข้างกาย เขาไม่ใช่คตู่ ่อสูข้ องพวกเขา เขาคานวณพลาดไปเสีย
แล้ว...

แต่วา่ ไม่เป็ นไร เขายังมีไม้ตาย

ใต้เท้าเซียกระตุกยิม้ เจ้าเล่หม์ มุ ปาก ดีดนิว้ เบาๆ ควันสีดาสายหนึ่งลอย


จากมือของเข้าพุง่ ขึน้ ไปบนท้องฟ้า...

‘ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ!’ บริเวณโดยรอบที่วา่ งเปล่าปรากฏคนชุดดาไม่ทราบ


จานวนกรูกนั ออกมาในพริบตา ล้อมมูห่ รงเสวี่ยกับมูห่ ลิวเฟิ งไว้แน่นหนา
สะบัดกระบี่แทงใส่พวกเขา...

มูห่ รงเสวี่ยกับมูห่ ลิวเฟิ งสีหน้าจริงจัง มองดูคนชุดดากระโจนเข้ามา


อย่างมืดฟ้ามัวดิน ทัง้ สองสบตากัน สะบัดกระบี่ (สะบัดพัด) รับมือคนชุด
ดาอย่างรูใ้ จกัน...

“ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ...ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ...” แสงสีเงินตวัดกวัดไกวเป็ นทรงโค้ง


กลางอากาศกวาดใส่คนชุดดาล้มตายเป็ นจานวนมาก...
“ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ...” กาลังภายในไร้ลกั ษณ์หลายสายปล่อยจากพัดตรง
เข้าฟั นคนชุดดาตายเป็ นพรวน...

คนชุดดาล้มลงไปด้วยความเร็วที่เห็นได้ดว้ ยตาเปล่า ล้มกองบนพืน้


ระเนระนาด เป็ นภาพที่ย่ิงใหญ่มาก...

ใต้เท้าเซียที่ลกุ ขึน้ มาช้าๆ ยืนอยู่กบั ที่มองคนชุดดาที่พากันกระโจนเข้า


มามูห่ รงเสวี่ยกับมูห่ ลิวเฟิ งราวสายนา้ ไหลทะลัก ทว่ายังไม่ทนั สัมผัสถูก
ชายเสือ้ ของพวกเขาก็ถกู พวกเขาสังหารตายไปเป็ นจานวนมาก...

ใต้เท้าเซียสีหน้าถมึงทึง คิดไม่ถึงว่าพวกเขาทัง้ สองจะร้ายกาจถึงเพียงนี ้


ช่างน่ารังเกียจที่สดุ

คนชุดดาถูกสังหารเหลือน้อยลงไปเรือ่ ยๆ ศพของคนชุดดากองอยูบ่ น
พืน้ เลือดสีแดงฉานไหลทะลักออกมาจากบาดแผลผ่านรอยแยกของแผ่น
หินไหลรินลงสูท่ ่ตี ่า...

กลิ่นคาวเลือดคละคลุง้ ไปในอากาศ...
สีหน้าของใต้เท้าเซียไม่สดู้ ีเข้าไปใหญ่ ถลึงตามองมูห่ รงเสวี่ย กลับ
พบว่ามูห่ รงเสวี่ยที่อยู่ในวงต่อสูส้ มั ผัสการจับจ้องของเขาได้อย่างรวดเร็ว
หันกลับมาส่งยิม้ ให้เขาอย่างอ่อนโยนจากนัน้ ก็ตวัดกระบี่แทงเข้ามา...
ตอนที่ 1955 เหตุการณ์อันตืน่ ตระหนก (4)

ใต้เท้าเซียรีบยกกระบี่ขนึ ้ ต้านรับ ทัง้ สองสูก้ นั อีกครัง้ ...

กระบี่ในมือมูห่ รงเสวี่ยตวัดอย่างรวดเร็ว รุนแรง แม่นยา ทาให้ใต้เท้าเซีย


ได้รบั บาดเจ็บ ความเร็วในการตวัดกระบี่และเรีย่ วแรงของใต้เท้าเซียตกไป
บ้าง ค่อยๆ เป็ นฝ่ ายเพลี่ยงพลา้ มูห่ รงเสวี่ยสบโอกาสตวัดกระบี่อีกหลายที
กรีดเนือ้ ตัวใต้เท้าเซียหลายแผล เลือดสีแดงไหลซึมออกมา...

ใต้เท้าเซียสีหน้าถมึงทึง เพิ่มความเร็วและแรงในการตวัดกระบี่

มุมปากมูห่ รงเสวี่ยกระตุกยิม้ เยือกเย็น นางเองก็เพิ่มความเร็วและแรง


ตวัดกระบี่ เกิดประกายแสงสีเงินหลายสาย สร้างรอยแผลไว้บนตัวใต้
เท้าเซียอีกหลายต่อหลายแผล...

ใต้เท้าเซียถูกทาร้ายจนถอยร่นไปเรือ่ ยๆ สีหน้าก็ย่ิงพาลไม่สดู้ ี

รอยยิม้ เยือกเย็นของมูห่ รงเสวี่ยกดลึกขึน้ กระบี่ยาวในมือร่ายราเปล่ง


ประกายแสงสีเงิน ขณะที่เตรียมจะจัดการใต้เท้าเซียให้จบสิน้ โดยเร็วก็ได้
ยินเสียงฝี เท้ากระชัน้ ตามมาด้วยเสียงร้องตะโดนด้วยความตกใจแว่วมา
“เร็วเข้า เร็วเข้า...วิ่งเร็วๆ...ข้างหน้าเกิดเรือ่ งแล้ว...”

นี่มนั เสียงของทหารลาดตระเวน...

มูห่ รงเสวี่ยเงยหน้าขึน้ ไปมองต้นทางของเสียง เป็ นทหารลาดตระเวน


กลุม่ หนึ่งมุง่ มาทางพวกเขาจริงๆ ด้วย...

...

ทหารลาดตระเวนกลุม่ นีม้ าเร็วจริงๆ...

ขณะที่ถอนหายใจ บรรดาทหารลาดตระเวนก็มาอยู่ตรงหน้าแล้ว พวก


เขามองดูศพคนชุดดาเกลื่อนพืน้ แล้วมองมาที่มหู่ รงเสวี่ย ใต้เท้าเซีย มูห่ ลิว
เฟิ งและพวกคนชุดดาที่หยุดต่อสูล้ งแล้ว หัวหน้านายทหารเดินขึน้ หน้ามา
เอ่ยเสียงดังว่า “จับตัวพวกเขาทัง้ หมด”

“ขอรับ” บรรดาทหารลาดตระเวนรับคาสั่ง ล้อมมูห่ รงเสวี่ย ใต้เท้าเซีย มู่


หลิวเฟิ งและพวกคนชุดดาเอาไว้
มูห่ ลิวเฟิ ง “...”

มูห่ รงเสวี่ย “...พวกเจ้าเข้าใจอะไรผิดไปหรือไม่ คนชุดดาพวกนีเ้ ป็ น


คนร้ายที่มาสังหารพวกเรา พวกเจ้าจับตัวคนชุดดาไว้ก็พอ จะจับตัวพวก
เราไว้ทาไม?”

บรรดาทหารลาดตระเวนมองนางนิ่งๆ “การทางานของทหาร
ลาดตระเวนอย่างพวกเรา ถึงคราวให้เจ้ามาสั่งการหรือ!”

มูห่ รงเสวี่ยแค่นเสียงเยาะขึน้ “ข้าเองก็ไม่ได้อยากไปก้าวก่ายการทางาน


ของทหารลาดตระเวนอย่างพวกเจ้า ข้าก็แค่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดพวกเจ้าต้อง
ทาเช่นนี?้ ” หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องพาลูกน้องมาแย่งชิงของของนางโดยไม่
เสียดายอะไร และยังจะสังหารนาง นางเป็ นผูเ้ ดือดร้อน การที่ทหาร
ลาดตระเวนเข้ามาพบเหตุการณ์เช่นนีก้ ็ควรจับตัวหัวหน้ากลุม่ แมงป่ อง
และลูกน้องถึงจะถูก จะจับตัวนางกับมูห่ ลิวเฟิ งทาไมกัน?

“การทางานของทหารลาดตระเวน ย่อมต้องมีเหตุผลของเราเอง”
หัวหน้านายทหารลาดตระเวนเอ่ยเสียงแข็ง
“อย่างนัน้ หรือ?” มูห่ รงเสวี่ยยิม้ เย็น “เหตุผลของพวกเจ้าคือไม่แยกแยะ
ว่าอะไรถูกอะไรผิด แค่เป็ นผูท้ ่อี ยู่ในเหตุการณ์ก็จบั ตัว ไม่สนว่าเขาจะเป็ น
เจ้าทุกข์...” ทหารลาดตระเวนไม่แยกแยะถูกผิดเช่นนีต้ งั้ แต่เมื่อไรกัน...

นางจาได้วา่ ทหารลาดตระเวนก่อนหน้านีย้ ตุ ิธรรมมากนี่นา...

เจ้าว่าทหารลาดตระเวนจะแยกไม่ออกหรือว่าระหว่างนางกับมูห่ ลิวเฟิ ง
และใต้เท้าเซียกับคนชุดดา ใครดีใครร้าย ถึงได้ออกคาสั่งให้จบั ทัง้ หมด...

หึ นางกับมูห่ ลิวเฟิ งสวมชุดปกติ แต่ใต้เท้าเซียกับคนชุดดาล้วนสวมใส่สี


ดาพรางตัว คนมีตาก็ดอู อกว่าใต้เท้าเซียและคนชุดดาผิดปกติ...

ทัง้ ที่รูว้ า่ นางกับมูห่ ลิวเฟิ งคือเจ้าทุกข์ก็ยงั จะจับตัวพวกนางเข้าคุกอีก


ทหารลาดตระเวนสมองมีปัญหา หรือว่า...

ประกายบางอย่างปรากฏขึน้ ในห้วงความคิดของมูห่ รงเสวี่ย นางมอง


หัวหน้านายทหารลาดตระเวนนิ่งๆ เอ่ยเสียงดังฟั งชัดว่า “หัวหน้าของพวก
เจ้าคือใครกัน?”
“ไม่บอก” ทหารลาดตระเวนเอ่ยเสียงแข็ง ท่าทางปฏิบตั ิหน้าที่อย่างเอา
จริงเอาจังนั่น มูห่ รงเสวี่ยเห็นแล้วก็หวั เราะ “ไม่ใช่วา่ เจ้าไม่บอก แต่วา่ เจ้าก็
ไม่รูต้ ่างหาก”
ตอนที่ 1956 เหตุการณ์อันตืน่ ตระหนก (5)

รูมา่ นตาของทหารลาดตระเวนหดตัวอย่างรวดเร็วก่อนจะกลับสูส่ ภาวะ


ปกติในเวลาต่อมา เขามองหน้ามูห่ รงเสวี่ยนิ่งๆ แล้วเอ่ยขึน้ ว่า “พูดจา
เหลวไหล!”

“แท้จริงแล้วข้าพูดจาเหลวไหลหรือพูดความจริง เจ้าย่อมรูด้ ีแก่ใจ” มู่


หรงเสวี่ยเองก็มองหน้าหัวหน้านายทหารลาดตระเวนนิ่งๆ เช่นกัน “ข้าควร
เรียกเจ้าว่าอย่างไร กลุม่ แมงป่ อง กลุม่ อสรพิษ กลุม่ ตะขาบหรือว่าอะไรดี
ละ...”

มิน่าเล่าหลังจากที่ใต้เท้าเซียและคนชุดดาเห็นทหารลาดตระเวนเหล่านี ้
แล้ว ถึงยังยืนนิ่งไม่มีทีทา่ ว่าจะหลบหนีเลยสักนิด ที่แท้ทหารลาดตระเวน
เหล่านีก้ ็เป็ นพวกเดียวกับพวกเขานี่เอง...

เมื่อตัวตนที่เก็บซ่อนไว้ถกู เปิ ดโปง แม้อยากจะปฏิเสธก็ไม่อาจปฏิเสธได้


หัวหน้านายทหารลาดตระเวนก็ไม่ได้พดู อะไรอีก ลอบมองเสีย้ วหน้าของใต้
เท้าเซียอย่างส่งสายตาถามความเห็นจากเขา
ใต้เท้าเซียมองหน้ามูห่ รงเสวี่ยอย่างคิดไม่ถึงอยู่บา้ ง “เจ้าก็ฉลาด
ทีเดียว”

“คงสูใ้ ต้เท้าเซียไม่ได้หรอก” ทั่วทัง้ เมืองหลวงแคว้นชิงเหยี่ยนกาลังตาม


จับตัวคนของกลุม่ เบญจพิษ ใต้เท้าเซียในฐานะหัวหน้ากลุม่ ที่หลงเหลืออยู่
เพียงหนึ่งเดียวของกลุม่ เบญจพิษ ไม่เพียงไม่ให้คนของกลุม่ เบญจพิษหลบ
ซ่อนตัว แต่ยงั ให้พวกเขาปะปนอยู่ในทหารลาดตระเวนของแคว้นชิงเห
ยี่ยนตระเวนจับตัวคนของกลุม่ เบญจพิษอย่างโจ่งแจ้ง เขาก็ช่าง
ปราดเปรือ่ งยิ่งนัก...

“แต่น่าเสียดาย คนฉลาดมักอายุสนั้ ” ใต้เท้าเซียมองมูห่ รงเสวี่ยแล้วเอ่ย


เน้นนา้ เสียง

“อย่างนัน้ หรือ?” มูห่ รงเสวี่ยแววตานิ่งขรึม “เช่นนัน้ ก็ตอ้ งดูเถิดว่าใต้


เท้าเซียมีความสามารถเอาชีวิตของพวกเราหรือไม่...”

พูดยังไม่ทนั ขาดคา ใต้เท้าเซียก็สะบัดมือ เพียงพริบตาเดียวทหาร


ลาดตระเวนนับสิบนายก็ถือกระบี่ยาวกรูเข้าใส่มหู่ รงเสวี่ยกับมูห่ ลิวเฟิ ง...
มูห่ รงเสวี่ยตวัดกระบี่เกิดประกายแสงสีเงิน ทหารลาดตระเวนที่อยู่หน้า
สุดถูกฟั นลงไปกองกับพืน้ ...

มูห่ ลิวเฟิ งเองก็สะบัดพัด ฟั นทหารลาดตระเวนแถวแล้วแถวเล่า...

ขณะที่ทาการสังหารอยู่นนั้ ก็มีฝีเท้ากระชัน้ ดังขึน้ ตามมาด้วยเสียงร้อง


ตะโกนดังแว่วมา “เร็วเข้า เร็วเข้า...ข้างหน้านัน้ มีคนร้าย...”

มูห่ รงเสวี่ยเงยหน้าขึน้ ก่อนจะพบว่าบนถนนทุกสายทัง้ เหนือใต้ออกตก


ล้วนมีบรรดาทหารลาดตระเวนมุง่ หน้ามาทางนี.้ ..

คิดไม่ถึงว่าการเคลื่อนไหวนีจ้ ะดึงดูดทหารลาดตระเวนมากมายเพียงนี ้
“ทหารลาดตระเวนนัน้ เป็ นคนของกลุม่ เบญจพิษหรือทหารลาดตระเวนของ
แคว้นชิงเหยี่ยนหรือ?”

“แตกต่างกันหรือไม่” มูห่ ลิวเฟิ งเอ่ยถามอย่างไม่ใส่ใจ

“ย่อมแตกต่างกันอยู่แล้ว หากเป็ นทหารลาดตระเวนของแคว้นชิงเห


ยี่ยนก็จะยื่นมือเข้าช่วยพวกเรา...” มูห่ รงเสวี่ยเอ่ยเสียงไม่ดงั นัก พลางตวัด
กระบี่สงั หารทหารลาดตระเวนที่เป็ นคนของกลุม่ เบญจพิษ
มูห่ ลิวเฟิ งมองนางด้วยสายตาซับซ้อน “ข้ารูส้ กึ ว่าไม่วา่ จะเป็ นทหาร
ลาดตระเวนจริงหรือไม่ก็ไม่มีทางช่วยพวกเรา...”

“เหตุใดเจ้าจึงกล่าวเช่นนี.้ ..”

มูห่ รงเสวี่ยยังไม่ทนั ได้เอ่ยถามถึงสิ่งที่สงสัยอยู่ในใจ ก็ได้ยินเสียงของ


ทหารลาดตระเวนที่เป็ นคนของกลุม่ เบญจพิษซึง่ ถูกนางฟั นจนได้รบั
บาดเจ็บกองอยู่บนพืน้ ตะโกนบอกกับทหารลาดตระเวนแคว้นชิงเหยี่ยนที่
รุดหน้าเข้ามาว่า “พวกเขาเป็ นคนของกลุม่ เบญจพิษ ถูกพวกเราล่วงรูฐ้ านะ
เข้าจึงคิดสังหารพวกเราปิ ดปาก...รีบจับตัวพวกเขาไว้เร็วเข้า...”

...

หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องของพวกเจ้า รวมทัง้ คนชุดดายังอยู่ท่นี ่อี ยู่เลย พวก


เจ้าคิดจะโยนความผิดให้ผอู้ ่ืนส่งเดชหรือ?

ทหารลาดตระเวนที่มีตามองไม่มีวนั เชื่อพวก...เจ้าหรอก...

มูห่ รงเสวี่ยเงยหน้ามองไปทางใต้เท้าเซีย พบว่าใต้เท้าเซียเผยรอยยิม้


เจ้าเล่หใ์ ห้นางครัง้ หนึ่งก่อนจะเคลื่อนไหวหายไปไม่เห็นเงา...
มูห่ รงเสวี่ยกวาดตามองไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว พบว่าบริเวณโดยรอบ
นอกจากบ้านเรือนกับต้นไม้แล้ว ไม่เห็นร่องรอยของใต้เท้าเซีย...

“...ใต้เท้าเซีย...หนีไปแล้ว...”

“ถูกต้อง” มูห่ ลิวเฟิ งถอนหายใจเฮือกใหญ่ รับคาพูดของมูห่ รงเสวี่ย ใต้


เท้าเซียหนีไปแล้ว คนชุดดาที่ใต้เท้าเซียพามาก็ตายหมดแล้ว...

มูห่ รงเสวี่ยและมูห่ ลิวเฟิ งที่กาลังยืนต่อสูก้ บั บรรดาทหารลาดตระเวน


ท่ามกลางศพของคนชุดดานี ้ สายตาคนนอกมองมาเหมือนว่าพวกเขาเป็ น
หัวหน้าของบรรดาคนชุดดาเหล่านี.้ ..
ตอนที่ 1957 เหตุการณ์อันตืน่ ตระหนก (6)

มูห่ รงเสวี่ย “...ข้าอธิบายไปตอนนี ้ พวกเขาจะฟั งหรือไม่?”

“เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ?” มูห่ ลิวเฟิ งปรายตามองนางแวบหนึ่ง

มูห่ รงเสวี่ย “...”

เหมือนว่าจะ...ไม่มีทาง!

ไม่ตา่ งจากที่คาดการณ์ไว้สกั เท่าไร บรรดาทหารลาดตระเวนแคว้นชิงเห


ยี่ยนที่ว่งิ เข้ามาระยะใกล้ มองดูศพคนชุดดาเกลื่อนพืน้ รวมถึงมูห่ รงเสวี่ย
และมูห่ ลิวเฟิ งที่ยืนอยู่ทา่ มกลางศพของคนชุดดาและกาลังต่อสูก้ บั ทหาร
ลาดตระเวนที่เป็ นคนของกลุม่ เบญจพิษ ก็เอ่ยสั่งการขึน้ เด็ดขาดว่า “จับตัว
พวกเขาทัง้ สองคนไว้...”

“ขอรับ!” บรรดาทหารลาดตระเวนแคว้นชิงเหยี่ยนรับคาสั่ง กรูเข้าใส่มู่


หรงเสวี่ยและมูห่ ลิวเฟิ งราวสายนา้ หลาก...
มูห่ รงเสวี่ยขมวดคิว้ มองดูบรรดาทหารลาดตระเวนที่เข้ามาใกล้ขนึ ้
เรือ่ ยๆ นางต้องจัดการบรรดาทหารลาดตระเวนเหล่านีใ้ ห้บาดเจ็บหรือซัด
หมอบกันเล่า...

“...ไม่ทาร้ายและไม่ซดั หมอบด้วย พวกเราไปกันเถอะ” มูห่ ลิวเฟิ ง


ทะยานตัวมาอยู่ขา้ งกายมูห่ รงเสวี่ย ก่อนจะคว้าแขนนางกระโจนขึน้ กลาง
อากาศเหินไปไกล...

“เหตุใดต้องหนีดว้ ย?” มูห่ รงเสวี่มองหน้าเขาด้วยความสงสัย แม้วา่


บรรดาทหารลาดตระเวนเหล่านีจ้ ะมีจานวนมาก แต่พวกเขาก็สามารถ
จัดการเอาชนะได้...

“เพราะว่าตอนนีเ้ รามีเวลากระชัน้ มาก!” ประกายตาของมูห่ ลิวเฟิ งสุขมุ


พวกเขาสูไ้ ด้อยูแ่ ล้ว เพียงแต่ทหารลาดตระเวนมีจานวนมาก ไม่วา่ จะทาให้
พวกเขาบาดเจ็บหรือซัดหมอบพวกเขาก็จาเป็ นต้องใช้เวลาไม่นอ้ ย แต่
ตอนนีพ้ วกเขาขาดแคลนเวลา พวกเขาต้องไขว่คว้าเวลาทุกวินาทีเร่งกลับ
วังเซียวเหยาอ๋อง ปรุงยาที่ทาให้ปรากฏสัญลักษณ์รูปแมงป่ อง ไม่ใช่มวั
เสียเวลาสูก้ บั ทหารลาดตระเวน...

มูห่ รงเสวี่ย “...”


มันก็จริง!

ขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยนที่ถกู ปรักปรามีมากเหลือเกิน ภารกิจเร่งด่วนของ


พวกเขาในตอนนีค้ ือปรุงยาที่ทาให้ปรากฏสัญลักษณ์รูปแมงป่ อง และคืน
ความบริสทุ ธิ์ให้กบั บรรดาขุนนางที่ถกู ปรักปรา...

ส่วนเรือ่ งอื่นนัน้ ถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยงก่อน...

“เร็วเข้า เร็วเข้า...จับตัวพวกเขาไว้...” ด้านหลัง มีทหารลาดตระเวน


แคว้นชิงเหยี่ยนไล่ตามมา มูห่ รงเสวี่ยแสร้งทาเป็ นไม่ได้ยิน เหินทะยานไป
ข้างหน้าอย่างเร็วที่สดุ ...

เหินทะยานมาได้สกั ระยะหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงความเงียบสงบข้างหู มูห่ รง


เสวี่ยหันหลังกลับมามองพบว่าข้างหลังว่างเปล่า ไม่พบเงาของบรรดา
ทหารลาดตระเวน...

มูห่ รงเสวี่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในที่สดุ ก็สลัดพวกเขาพ้นเสียที


...
ก้มหน้ามองดูถนนที่คนุ้ ตาด้านล่าง ตรงไปอีกเพียงสองช่วงถนนก็คือวัง
เซียวเหยาอ๋อง นางใกล้จะได้กลับถึงวังเซียวเหยาอ๋องไปปรุงยาที่ทาให้
ปรากฏสัญลักษณ์รูปแมงป่ องแล้ว...

ขณะที่คิดอยู่ในใจนัน้ ก็มีเสียงติดจะราคาญสายหนึ่งแว่วมา “เดินเร็ว


เข้า...เดินเร็วเข้า...”

นา้ เสียงที่คนุ้ เคย สาเนียงที่คนุ้ เคย มูห่ รงเสวี่ยได้ยินแล้วก็ได้แต่ขมวดคิว้


หันมองไปทางต้นเสียงก็พบองครักษ์กองหนึ่งคุมตัวขุนนางแคว้นชิงเหยี่ย
นกลุม่ หนึ่งเดินตรงมา...

มูห่ รงเสวี่ย “...”

นี่นางพบเป็ นกลุม่ ที่เท่าไรแล้ว...

คนกลุม่ เบญจพิษน่าชัง ปรักปราขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยนไม่นอ้ ยทีเดียว


...

“ท่านพ่อ!” นา้ เสียงตระหนกตกใจแฝงอาการไม่อยากจะเชื่อดังมาจาก


บุรุษข้างกายนาง มูห่ รงเสวี่ยหันมามอง พบว่ามูห่ ลิวเฟิ งมองตรงไป
ข้างหน้าด้วยท่าทางตกใจ
นางมองตามสายตาของเขาไปก็เห็นภาพขุนนางวัยกลางคนอายุราวสี่
สิบปี ผหู้ นึ่งถูกคุมตัวอยู่ในขบวน ขุนนางผูน้ นั้ ใบหน้าเคร่งคร้าม แววตาฉาย
ชัดถึงความกราดเกรีย้ ว “นั่นบิดาของเจ้า!”

“อืม!” มูห่ ลิวเฟิ งพยักหน้าจริงจัง ในดวงตาดอกท้อหลากหลายอารมณ์


เป็ นประกายอามหิตไหววูบ “ท่านพ่อของข้าเองก็ถกู ปรับปราเสียแล้ว...”

มูห่ รงเสวี่ยครุน่ คิด “ข้าจาได้วา่ ตอนนีบ้ ิดาของเจ้าดารงตาแหน่งขุนนาง


ขัน้ สาม...”

“ใช่” มูห่ ลิวเฟิ งพยักหน้า เริม่ จากการเป็ นขุนนางขัน้ เจ็ดแปด ขยับมา


เป็ นขุนนางขัน้ ห้าหก และเลื่อนขัน้ มาเรือ่ ยๆ จนเป็ นขุนนางขัน้ สามของ
แคว้นชิงเหยี่ยน ความใจกล้าของคนกลุม่ เบญจพิษนับวันก็ย่ิงหนักข้อขึน้
เรือ่ ยๆ...

“ความกระหายของพวกเขานับวันก็ย่ิงมากขึน้ เรือ่ ยๆ...” จากขุนนางขัน้


แปด ขุนนางขัน้ เจ็ด ขุนนางขัน้ หก ขุนนางขัน้ ห้า ขุนนางขัน้ สี่ ขุนนางขัน้ สาม
คนของกลุม่ เบญจพิษปรักปราเป็ นลาดับขัน้ โดยแท้...
ตอนที่ 1958 ยึดแคว้น (1)

“หลังจากนีพ้ วกเขาจะปรักปราไปถึงขุนนางขัน้ สองและขุนนางขัน้ หนึง่


ของแคว้นชิงเหยี่ยนเราหรือไม่?” มูห่ รงเสวี่ยเอ่ยคาดการณ์

“ไม่ตอ้ งหลังจากนีห้ รอก ตอนนีพ้ วกเขาก็ถกู ปรักปราเป็ นที่เรียบร้อย


แล้ว!” ท่ามกลางสายตางุนงงของมูห่ รงเสวี่ย มูห่ ลิวเฟิ งก็เชิดปลายคางขึน้
แล้วเอ่ยว่า “ผูท้ ่ยี ืนอยู่ดา้ นหลังท่านพ่อของข้าก็คอื คุณชายใหญ่จวนตระกูล
เซี่ย...”

“จวนตระกูลเซี่ย? จวนมหาเสนาบดีเซี่ยหรือ” มูห่ รงเสวี่ยเอ่ยถามด้วย


ความตกใจ

“อืม” มูห่ ลิวเฟิ งพยักหน้าจริงจัง

“...” มูห่ รงเสวี่ยเงยหน้ามองไปยังผูท้ ่มี หู่ ลิวเฟิ งเอ่ยถึง พบว่าคนผูน้ นั้


อายุราวยี่สิบกว่าปี ใบหน้าหล่อเหลา บุคลิกท่าทางสง่าผ่าเผย มีความ
ละม้ายคล้ายคลึงกับมหาเสนาบดีเซี่ยที่นางเคยพบถึงห้าหกส่วน...
เป็ นบุตรชายของมหาเสนาบดีเซี่ยจริงด้วย!

บุตรชายของเสนาบดีเซี่ยถูกจับในฐานะคนของกลุม่ เบญจพิษ ตัว


เสนาบดีเซี่ยเองคงยากที่จะรอดพ้นจากการถูกปรักปราเป็ นแน่...

ขุนนางขัน้ เจ็ดขัน้ แปดจนกระทั่งขุนนางขัน้ หนึ่งล้วนถูกคนของกลุม่


เบญจพิษปรักปรา...

แคว้นชิงเหยี่ยนสังหารหัวหน้าของกลุม่ เบญจพิษสามคน คนของกลุม่


เบญจพิษก็เหิมเกริมทาการปรักปราขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยน คิดจะยืมดาบ
สังหารบรรดาขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยน เก็บเอาเรือ่ งเล็กน้อยมาแก้แค้น...

“เดินเร็วหน่อย...เดินให้มนั เร็วๆ หน่อย...” เสียงเร่งอย่างติดจะราคาญ


ขององครักษ์ลอยแว่วเข้าหู มูห่ รงเสวี่ยเงยหน้าขึน้ เห็นมูห่ ลิวเฟิ งมองดู
ขบวนที่คมุ ตัวนักโทษด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวลและความโกรธ
เคือง “เจ้าอยากจะช่วยบิดาของเจ้าใช่หรือไม่?” รูจ้ กั กับมูห่ ลิวเฟิ งมาตัง้
นาน นางเพิ่งเคยเห็นเขามีอาการเช่นนี.้ ..

“ใช่ ข้าอยากช่วยท่านพ่อของข้า...” มูห่ ลิวเฟิ งเอ่ยตามสัตย์จริง ไม่รอ


ให้มหู่ รงเสวี่ยเอ่ยอะไร เขาก็เอ่ยขึน้ อีกว่า “แต่วา่ ข้าไม่อาจลงมือได้...”
“กังวลว่าการเคลื่อนไหวนีจ้ ะไปสร้างความแตกตื่นให้กบั ทหาร
ลาดตระเวนหรือ?” มูห่ รงเสวี่ยเอ่ย

“ไม่ใช่” มูห่ ลิวเฟิ งส่ายหน้า “เพราะทหารลาดตระเวนมีจานวนมาก


เกินไป พวกเราสูไ้ ม่ไหว...”

นา้ เสียงหนักแน่น แววตาจริงจังนัน้ ทาให้มหู่ รงเสวี่ยขมวดคิว้ มองตาม


สายตาเขาไปก็พบว่าบนถนนทุกสายทั่วสารทิศมีทหารลาดตระเวน
มากมาย แต่ละกองก็จะมีทหารลาดตระเวนประมาณยี่สิบสามสิบนาย แต่
ละกองห่างกันไม่ถึงร้อยเมตร มองไปก็จะพบว่าบนเส้นทางการสัญจรล้วน
คลาคล่าไปด้วยทหารลาดตระเวน...

มูห่ รงเสวี่ย “...”

เหตุใดถึงมีทหารลาดตระเวนมากมายเพียงนี.้ ..

มูห่ ลิวเฟิ งตกอยู่ในภวังค์ช่ วั ครูเ่ อ่ยคาดคะเนว่า “คาดว่า...น่าจะ...มา


จากเราสองคน...”

มูห่ รงเสวี่ย “...เจ้าหมายความว่า ทหารลาดตระเวนพวกนีม้ าตามจับ


พวกเราอย่างนัน้ หรือ?”
“อืม” ตามจับเขากับมูห่ รงเสวี่ย รวมทัง้ ช่วยให้บรรดาองครักษ์คมุ ตัว
บรรดาขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยนที่ถกู ปรักปราไปขังในคุกหลวง ป้องกันไม่ให้
แผนการถูกทาลายเสียหาย...

...

คนของกลุม่ เบญจพิษช่างเจ้าเล่หย์ ่ิงนัก...

มูห่ รงเสวี่ยคิดอย่างแค้นเคือง แตะปลายเท้าเบาๆ เรือนร่างอรชรก็พงุ่ ตัว


ไปข้างหน้าราวกับสายลม...

“เจ้าจะไปที่ใด?” มูห่ ลิวเฟิ งเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“กลับวังเซียวเหยาอ๋อง” มูห่ รงเสวี่ยเอ่ยตอบโดยไม่หยุดฝี เท้าและไม่หนั


หลังกลับมา คนของกลุม่ เบญจพิษกล้ากาแหงให้เมืองหลวงเช่นนี ้ คงเพราะ
พวกเขามียาที่ทาให้ปรากฏสัญลักษณ์รูปแมงป่ อง และใช้ความแคลงใจ
ของฮ่องเต้คว้าโอกาสควบคุมก่อน รอให้นางกลับวังเซียวเหยาอ๋องปรุงยา
สาเร็จก่อนเถอะ ดูสิวา่ นางจะจัดการกับคนของกลุม่ เบญจพิษพวกนี ้
อย่างไร...
“รอข้าด้วย...ข้าจะไปกับเจ้าด้วย...” มูห่ ลิวเฟิ งมองดูบิดาที่ถกู คุมตัวอยู่
ในขบวนนัน้ ครูห่ นึ่ง จากนัน้ ก็เงยหน้าขึน้ ตามมูห่ รงเสวี่ยไปติดๆ...

เวลาค่อนข้างกระชัน้ มูห่ รงเสวี่ยใช้ความเร็วที่สดุ เหินทะยานกลับมา


เพียงไม่นานก็มาถึงถนนสายหลักซึง่ เป็ นที่ตงั้ ของวังเซียวเหยาอ๋อง มองดู
วังเซียวเหยาอ๋องที่สงู ตระหง่านโดดเด่นยิ่งใหญ่โอฬารอยู่ไกลๆแล้ว นางก็
ถอนหายใจอย่างโล่งอก ใกล้จะถึงวังเซียวเหยาอ๋องแล้วดีเหลือเกิน...

ขณะที่ยกเท้าขึน้ หมายจะเหินทะยานไปยังวังเซียวเหยาอ๋อง หางตาก็


เหลือบไปเห็นประตูหลังของวังเซียวเหยาอ๋อง การเหินทะยานของนางก็
หยุดชะงักในทันที...
ตอนที่ 1959 ยึดแคว้น (2)

ตอนที่มหู่ ลิวเฟิ งเหินทะยานมาถึงก็เห็นมูห่ รงเสวี่ยลอยคว้างอยู่กลาง


อากาศ มองดูวงั เซียวเหยาอ๋องอยู่ไกลๆ ดวงตากระจ่างใสคูง่ ามหรีล่ ง
เล็กน้อย...

มูห่ ลิวเฟิ งไม่รูส้ าเหตุท่มี าที่ไป “คิดอะไรอยู่หรือ? รีบกลับวังเซียวเหยา


อ๋องเถอะ...” ว่าแล้ว มูห่ ลิวเฟิ งก็เตรียมจะทะยานไปวังเซียวเหยาอ๋อง แต่ไม่
คิดว่ามูห่ รงเสวี่ยกลับจะยื่นมือมารัง้ เขาเอาไว้...

“เป็ นอะไรไป?” มูห่ ลิวเฟิ งมองหน้านางด้วยความไม่เข้าใจ

มูห่ รงเสวี่ยแววตาสุขมุ “วังเซียวเหยาอ๋อง...ดูแปลกไป...”

มูห่ ลิวเฟิ ง “...หมายความว่าอย่างไร...”

มูห่ รงเสวี่ยชีไ้ ปยังประตูหลังของวังเซียวเหยาอ๋อง “เจ้าดูเอาเองเถอะ!”

มูห่ ลิวเฟิ งเอียงหน้ากลับมาด้วยความงุนงง เมื่อมองตามสายตาของ


นางไปก็พบว่าตรงมุมอับไม่ไกลออกไปจากประตูหลังของวังเซียวเหยาอ๋อง
นัน้ มีบรุ ุษอายุราวสี่สิบกว่าปี สวมชุดผ้าหยาบเช่นชาวบ้านทั่วไปผูห้ นึ่ง ยิม้
เจ้าเล่หย์ ืนจับจ้องวังเซียวเหยาอ๋องโดยไม่กะพริบตา...

“นั่นมัน...คนของกลุม่ เบญจพิษ!” ความตื่นตระหนกฉายชัดในแววตามู่


หลิวเฟิ ง

มูห่ รงเสวี่ยพยักหน้า “มีความเป็ นไปได้สงู !” คนของกลุม่ เบญจพิษก็เจ้า


คิดเจ้าแค้น แคว้นชิงเหยี่ยนสังหารหัวหน้าของพวกเขา พวกเขาจึงเหิมเกริม
ปรักปราขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยน คิดยืมดาบสังหารขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยน
เป็ นการแก้แค้น...

แม้วา่ ขุนนางเล่านัน้ จะไม่ได้มีบญ


ั ชีความแค้นใดๆ กับพวกเขา แต่พวก
เขาก็ยงั คงกระทาการปรักปราอย่างเหิมเกริม ยืมดาบสังหารเพื่อเป็ นการ
แก้แค้นแคว้นชิงเหยี่ยน ยิ่งไม่ตอ้ งเอ่ยถึงนางผูเ้ ป็ นตัวการที่ทาให้หวั หน้า
ของพวกเขาต้องถูกจับและถูกสังหารเลย...

พวกเขาแทบอยากจะฉีกนางออกเป็ นชิน้ ๆ จัดการนางเสียถึงจะพอใจ


กระมัง...
แววตาของมูห่ ลิวเฟยฉายแววเคร่งขรึม “เจ้าหมายความว่า เป้าหมาย
ต่อไปที่พวกเขาจะปรักปราก็คือเจ้าอย่างนัน้ หรือ!”

“ใช่” มูห่ รงเสวี่ยพยักหน้าลง ดูจากคนของกลุม่ เบญจพิษที่จบั ตาดูวงั


เซียวเหยาอ๋อง วางแผนจะหาช่องว่างแทรกซึมเข้าไปข้างในแล้ว เป้าหมาย
ที่คนของกลุม่ เบญจพิษจะปรักปราเป็ นรายต่อไปคงเป็ นนางไม่ผิดแน่

“...คนของกลุม่ เบญจพิษนี่ก็โง่เขลาใช่หรือไม่?” คิดไม่ถึงว่าจะใช้พิษไป


ปรักปรามูห่ รงเสวี่ย

มูห่ ลิวเฟิ งที่เคยเห็นวิธีการปรุงยาพิษ ถอนพิษของมูห่ รงเสวี่ยแล้วก็ได้


แต่มองคนของกลุม่ เบญจพิษผูน้ นั้ ด้วยความสงสาร พลันเห็นว่าไม่รูค้ นของ
กลุม่ เบญจพิษผูน้ นั้ เห็นอะไรเข้าถึงได้มีแววตาเป็ นประกาย และเดิน
ออกมาจากมุมอับ วิ่งไปทางประตูหลังวังเซียวเหยาอ๋อง วิ่งไปก็สง่ เสียง
ถามว่า “เป็ นอย่างไรบ้าง..เป็ นอย่างไรบ้าง”

บุรุษหนุ่มผูส้ วมเสือ้ ผ้าเนือ้ หยาบเช่นเดียวกันปรากฏตัวอยู่นอกประตู


หลังวังเซียวเหยาอ๋อง เดินไปหาบุรุษวัยกลางคนผูน้ นั้ เดินไปพลางเอ่ยด้วย
ความทะนงตนว่า “ข้าลงมือทาอะไร ท่านวางใจได้...”
บุรุษวัยกลางคนเต็มไปด้วยความยินดีฉายชัดในแววตา “เช่นนัน้ ก็ดีมาก
เลย...”

คาพูดสัน้ ๆ สื่อความนัยนัน้ มูห่ ลิวเฟิ งไม่ได้ฟังจนงง แต่เข้าใจ


ความหมายของพวกเขา “พวกเขา...ปรักปราเจ้าเรียบร้อยแล้วหรือ...”

มูห่ รงเสวี่ยพยักหน้า “ประมาณนัน้ ...” หากจะพูดให้ชดั เจนก็คือสองคน


นีน้ ่าจะวางยาที่ทาให้ปรากฏสัญลักษณ์รูปแมงป่ องในนา้ ที่นางใช้อาบ
ชาระล้างร่างกาย หรือไม่ก็ใส่ในอาหารหรือเครือ่ งดื่มที่นางดื่มกิน...

รอให้นางกลับไปอาบนา้ กินอาหารดื่มนา้ ที่มียาพิษอยู่เสียก่อน ก็จะ


ปรากฏสัญลักษณ์รูปแมงป่ องขึน้ มาบริเวณท่อนแขน แล้วแผนการปรักปรา
ของพวกเขาก็จะสาเร็จลุลว่ ง...

แต่วา่ ตอนนีม้ หู่ รงเสวี่ยอยู่นอกวังเซียวเหยาอ๋อง มองเห็นแผนการของ


คนของกลุม่ เบญจพิษสองคนนัน้ เต็มสองตา นางไม่มีทางที่จะอาบนา้ ที่
ผสมยาพิษ ไม่มีทางกินหรือดื่มอาหารและนา้ แกงที่ผสมยาพิษเด็ดขาด...

คนกลุม่ เบญจพิษที่น่าสงสาร!
มูห่ ลิวเฟิ งปรายตามองคนของกลุม่ เบญจพิษสองคนนัน้ ที่วางยาสาเร็จ
และเต็มไปด้วยอาการลิงโลดยินดี แววตาก็ฉายชัดถึงความสงสาร

ชายเสือ้ สีฟา้ นา้ ทะเลสะบัด มูห่ รงเสวี่ยกระโจนเข้าหาชายชุดดาสองคน


นัน้ “เจ้า...เจ้าจะทาอะไร?”

“หนามยอกเอาหนามบ่ง!” มูห่ รงเสวี่ยเอ่ยเสียงไม่ดงั นัก เหินทะยานไป


อยู่ดา้ นบนของคนเบญจพิษของคนนัน้ ฝ่ ามือเรียวกาฝุ่ นผงสีขาวโปรยใส่
คนของกลุม่ เบญจพิษสองคนนัน้ ...
ตอนที่ 1960 ยึดแคว้น (3)

ละอองโปรยลงบนตัวคนของกลุม่ เบญจพิษ พวกเขาขยับไหล่อย่างไม่


สบายตัวเบาๆ พริบตาเดียวสีหน้าของพวกเขาก็พลันเปลี่ยนสี “โอ๊ย โอ๊ย
โอ๊ย...” เสียงร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดดังก้องไปทั่วบริเวณ...

ทหารลาดตระเวนที่เดินอยู่บนเส้นทางใกล้เคียงรวมถึงที่ยืนอยู่ท่วั
สารทิศพากันแตกตื่น ต่างพากันกรูมาทางนี ้ “เร็วเข้า เร็วเข้า...มีการ
เคลื่อนไหว...”

มูห่ ลิวเฟิ งเองก็ถกู สถานการณ์ท่เี กิดขึน้ โดยไม่คาดคิดนีพ้ าให้ตระหนก


จนตาโตอ้าปากค้างอยู่เป็ นนาน เมื่อเขาได้สติกลับมาก็สง่ สายตามองไปยัง
คนของกลุม่ เบญจพิษสองคนนัน้ ที่คลุม้ คลั่งฉีกกระชากเสือ้ ผ้าตนเอง พลาง
ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะเบนหน้ามอง “...เจ้าโปรยอะไร
หรือ?”
“ก็ไม่มีอะไร แค่สมุนไพรชนิดหนึ่งที่ทาให้พวกเขาเผยธาตุแท้ออกมา!” มู่
หรงเสวี่ยเอ่ยอย่างไม่ใคร่ใส่ใจเท่าไรนัก แอบอยู่บนต้นไม้ใหญ่เขียวชอุม่ ต้น
หนึ่ง

เผยธาตุแท้? เผยธาตุแท้อะไรกัน?

มูห่ ลิวเฟิ งยังไม่ทนั ได้มีปฏิกิรยิ าตอบสนอง ก็มฝี ี เท้ากระชัน้ ดังขึน้ เป็ น


ระลอก ทหารลาดตระเวนกลุม่ แล้วกลุม่ เล่ารีบรุดมายังที่เกิดเหตุ...

ณ ที่เกิดเหตุ คนของกลุม่ เบญจพิษสองคนนัน้ กลิง้ ไปกลิง้ มาอยู่บนพืน้


สีหน้าฉายชัดถึงความเจ็บปวด ส่งเสียงร้องครวญคราง เสือ้ ผ้าบริเวณ
หน้าอกถูกพวกเขากระชากจนขาดวิ่น เผยให้เห็นแผ่นอกและสัญลักษณ์รูป
อสรพิษสีดาบนแผ่นอกนั่น...

อีกอย่างอสรพิษสีดานัน้ ก็ดคู ล้ายกับมีชีวิต ความบวมที่เห็นด้วยสายตา


มองดูไกลๆ แล้วเหมือนมีงตู วั หนึ่งกาลังรัดอยู่บริเวณแผ่นอกของพวกเขา...

บรรดาทหารลาดตระเวนมองดูสญ
ั ลักษณ์รูปอสรพิษสีดาแล้ว สายตาก็
ฉายแววตื่นตระหนก “...นี่มนั เรือ่ งอะไรกัน?”

“...ถูกใครลอบทาร้ายกระมัง...”
ใช่ ถูกแล้ว คนของกลุม่ เบญจพิษสองคนนีก้ ็ถกู นางลอบทาร้ายเอง

นางเคยเห็นสัญลักษณ์รูปเบญจพิษบนร่างกายของคนกลุม่ เบญจพิษ
มาหลายครัง้ หลังจากศึกษาดูอย่างละเอียดก็พบว่าสัญลักษณ์ท่อี ยู่บน
ร่างกายของพวกเขาใช้สมุนไพรพิเศษชนิดหนึ่งสักลงไป หลังจากสักลงไป
แล้วสัญลักษณ์นนั้ ก็ไม่มีทางหายไป ฤทธิ์ของสมุนไพรนัน้ ย่อมต้อง
หลงเหลืออยู่ในร่างกายของพวกเขาอย่างแน่นอน...

ดังนัน้ ละอองยาที่นางปรุงขึน้ มาเมื่อครูน่ ี ้ เมื่อได้สมั ผัสกับสมุนไพรของ


สัญลักษณ์รูปเบญจพิษที่อยูบ่ นตัวของคนกลุม่ เบญจพิษแล้วก็จะทาให้
สัญลักษณ์รูปเบญจพิษนัน้ บวมนูนขึน้ มา เมื่อถึงเวลานัน้ ตัวตนที่แท้จริง
ของคนกลุม่ เบญจพิษก็ยากที่จะปิ ดบังต่อไปได้อีก...

“...ใครลงมือกันนะ...คิดไม่ถึงว่าจะลอบทาร้ายพวกเขาสองคนจนมี
สภาพเช่นนี.้ ..”

“...ไม่รูเ้ หมือนกัน...แต่ดจู ากสภาพของพวกเขาแล้ว น่าจะถูกทาร้ายมา


ไม่นาน คนผูน้ นั้ น่าจะยังอยู่แถวๆ นี.้ ..”
“อย่างนัน้ หรือ?” บรรดาทหารลาดตระเวนได้ยินเช่นนัน้ ก็พากันชัก
กระบี่ออกจากฝัก เอาหลังชนกันคุม้ กันคนกลุม่ เบญจพิษสองคนนัน้ ไว้ตรง
กลาง ระแวดระวังบริเวณรอบๆ...

มูห่ รงเสวี่ย “...”

สองคนนัน้ เป็ นคนของกลุม่ เบญจพิษพวกเจ้าที่เป็ นทหารลาดตระเวนไม่


เพียงไม่จบั ตัวพวกเขาไว้ยงั ปกป้องพวกเขาอีก...

พวกเจ้าไม่ใช่ทหารลาดตระเวนแคว้นชิงเหยี่ยนที่มาจับตัวคนของกลุม่
เบญจพิษแต่เป็ นพวกเดียวกับคนของกลุม่ เบญจพิษสินะ...

“เป็ นเรือ่ งที่เห็นได้ชดั เจนเลยนี่นา” มูห่ ลิวเฟิ งแบมือออก ท่าทางไม่


ยี่หระ

มูห่ รงเสวี่ย “...”

ที่นางวางยาคนของกลุม่ เบญจพิษสองคนนัน้ นอกจากต้องการสั่งสอน


คนของกลุม่ เบญจพิษสองคนนัน้ แล้วยังต้องการล่อให้ทหารลาดตระเวน
แคว้นชิงเหยี่ยนมาจับตัวสองคนนีไ้ ป เพื่อนางจะได้กลับวังเซียวเหยาอ๋อง
ได้สะดวก...
ไม่คิดเลยว่าทหารลาดตระเวนที่มาถึงจะเป็ นพวกเดียวกับคนของกลุม่
เบญจพิษสองคนนี.้ ..

ดวงตากระจ่างใสของมูห่ รงเสวี่ยหรีล่ งเล็กน้อยมองดูทหารลาดตระเวน


ที่ยืนอยูบ่ ริเวณประตูหลังของวังเซียวเหยาอ๋อง คิดไม่ถึงว่าในทหาร
ลาดตระเวนแคว้นชิงเหยี่ยนจะมีคนของกลุม่ เบญจพิษปะปนอยู่มากมาย
เพียงนี.้ ..

ไม่สิ พูดให้ชดั เจนคือละแวกวังเซียวเหยาอ๋องนัน้ มีคนของกลุม่ เบญจ


พิษที่ปลอมเป็ นทหารลาดตระเวนเต็มไปหมด...

นางคิดว่านางรูแ้ ล้วว่าบรรดาขุนนางใหญ่ของแคว้นชิงเหยี่ยนถูกคน
ของกลุม่ เบญจพิษใส่รา้ ยได้อย่างไร...
ตอนที่ 1961 ยึดแคว้น (4)

เริม่ จากแฝงตัวเข้าไปในจวนขุนนาง วางยาเหล่าขุนนางจนมั่นใจว่าขุน


นางเหล่านัน้ ได้รบั พิษเป็ นที่เรียบร้อย จากนัน้ ก็หาเหตุผลบุกเข้าไปจับตัว
คน...

คนของกลุม่ เบญจพิษนีช้ ่างเลวทรามต่าช้ายิ่งนัก!

“ดังนัน้ ...”

“ดังนัน้ ข้าจาเป็ นต้องใช้วิธีการและร่างกายของคนพวกนัน้ ขยาย


ขอบเขตเสียหน่อย...” ว่าแล้ว มูห่ รงเสวี่ยก็หยิบละอองผงสีขาวในถุงยาใบ
เล็ก โปรยไปยังบรรดาทหารลาดตระเวนที่อยูบ่ นพืน้ ...

ละอองผงสีขาวลอยฟุง้ ลงบนตัวของบรรดาทหารลาดตระเวน ทาให้


บรรดาทหารลาดตระเวนลงไปกองกับพืน้ ส่งเสียงร้องระงม “โอ๊ย...โอ๊ย...
โอ๊ย...” ชุดเครือ่ งแบบทหารลาดตระเวนถูกพวกเขาฉีกกระชากออก เผยให้
เห็นแผ่นอกด้านในรวมทัง้ สัญลักษณ์รูปเบญจพิษ เช่นแมงป่ อง ตะขาบ...
มูห่ ลิวเฟิ งกระตุกมุมปากมองภาพฉากที่อเนจอนาถนี ้ “เจ้าโปรยยา
มากมายเช่นนีก้ ็ไม่กลัวว่าจะทาร้ายผิดคนหรือ...” ในกลุม่ ทหาร
ลาดตระเวน นอกจากคนของกลุม่ เบญจพิษแล้วก็น่าจะมีทหาร
ลาดตระเวนของแคว้นชิงเหยี่ยนรวมอยู่ดว้ ย...

แต่มหู่ รงเสวี่ยไม่เห็นว่าเป็ นเช่นนัน้ “วางใจเถอะ ยาที่ขา้ โปรยออกไปมี


ผลกับคนของกลุม่ เบญจพิษที่มีสญ
ั ลักษณ์รูปเบญจพิษบนร่างกายเท่านัน้
...” ทหารลาดตระเวนแคว้นชิงเหยี่ยนที่ไม่มีสญ
ั ลักษณ์รูปเบญจพิษบน
ร่างกาย และไม่มพี ิษอ่อนๆ ในร่างกาย ละอองผงนัน้ ก็ทาอะไรพวกเขาไม่ได้
...

เช่นนัน้ ก็ดี!

มูห่ ลิวเฟิ งวางใจ ก้มหน้ามองลงไปเบือ้ งล่าง พบว่าทหารลาดตระเวนที่


เป็ นคนของกลุม่ เบญจพิษนอนกองระเนระนาดอยู่บนพืน้ กลิง้ ตัวไปมาและ
ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด สัญลักษณ์รูปแมงป่ อง อสรพิษและตะขาบ
บริเวณแผ่นอกนูนขึน้ มาอย่างเห็นได้ชดั มองดูไกลๆ แล้วน่ากลัวยิ่งนัก
เห็นได้ชดั ว่าคนของกลุม่ เบญจพิษกลุม่ นีม้ าที่แคว้นชิงเหยี่ยนเพื่อจับ
ตัวมูห่ รงเสวี่ย ทว่ากลับถูกมูห่ รงเสวี่ยจัดการจนตกอยู่ในสภาพเช่นนี ้ ช่าง
น่าสงสารเสียจริง...

ดังนัน้ ถึงได้บอกว่าบนโลกใบนีย้ อมล่วงเกินคนถ่อยดีกว่าล่วงเกินสตรี


โดยเฉพาะสตรีท่มี ีความรูเ้ รือ่ งพิษ...

มูห่ ลิวเฟิ งส่ายหน้าพลางทอดถอนใจ ทันใดนัน้ ก็มีเสียงร้องตะโกนด้วย


ความตกใจว่า “พวกเขาอยู่ตรงนัน้ อยู่ตรงนัน้ ...”

มูห่ ลิวเฟิ งหันกลับไปมอง พบว่าทหารลาดตระเวนกลุม่ หนึ่งจับจ้องและ


กระโจนเข้ามาหาเขา หัวหน้าทหารลาดตระเวนพวกนัน้ ช่างดูคนุ้ หน้า...

นั่นไม่ใช่ทหารลาดตระเวนที่ถกู คนของกลุม่ เบญจพิษปั่ นให้ตามจับเขา


กับมูห่ รงเสวี่ยหรอกหรือ? เขากับมูห่ รงเสวี่ยสลัดพวกเขาทิง้ ไปแล้วแท้ๆ
เหตุใดพวกเขายังตามมาทันอีก...

มูห่ ลิวเฟิ งขมวดคิว้ อย่างเหนื่อยใจ สายตาเหลือบไปเห็นมูห่ รงเสวี่ยขยับ


ตัว เพียงพริบตาเดียวก็มาอยู่ตรงหน้าเขา คว้าเสือ้ ของเขาแล้วพาเหิน
ทะยานจากไปอย่างรวดเร็ว “...พวกเราไม่กลับวังเซียวเหยาอ๋องแล้วหรือ?”
“ไม่กลับแล้ว” มูห่ รงเสวี่ยส่ายหน้า ดวงตาดาขลับเป็ นประกายจริงจังที่
พบเห็นได้นอ้ ยครัง้ “กลับไปไม่ได้แล้ว...”

ทหารลาดตระเวนที่ตามจับนางกับมูห่ ลิวเฟิ งไล่ตามมาแล้ว หากนาง


เข้าไปในวังเซียวเหยาอ๋อง บรรดาทหารลาดตระเวนกลุม่ นัน้ จะต้องบุกเข้า
ไปในวังเซียวเหยาอ๋องแน่นอน แม้วา่ เหล่าองครักษ์วงั เซียวเหยาอ๋องจะ
สามารถต้านทานการโจมตีของทหารลาดตระเวนได้ แต่วา่ เมื่อบรรดาทหาร
ลาดตระเวนเริม่ บุกจวน นั่นก็แสดงว่าวังเซียวเหยาอ๋องเองก็เป็ นคนของ
กลุม่ เบญจพิษ เมื่อถึงเวลานัน้ ก็จะมีทหารลาดตระเวนล้อมวงโจมตีเข้ามา
ไม่ขาดสาย...

นางไม่ม่นั ใจว่าเหล่าองครักษ์วงั เซียวเหยาอ๋องจะรับมือกับบรรดาทหาร


แคว้นชิงเหยี่ยนนับหมื่นนับแสนได้หรือไม่

ดังนัน้ นางจึงไม่อาจกลับไปที่วงั เซียวเหยาอ๋อง...

มูห่ ลิวเฟิ ง “...แล้วยาที่ทาให้ปรากฏสัญลักษณ์รูปแมงป่ องเล่าจะทาเช่น


ไร?”
“มองหาสถานที่ปรุงขึน้ มา” มูห่ รงเสวี่ยประหายตาสุขมุ นางหาสมุนไพร
หายากสาหรับปรุงยาได้แล้ว หาสมุนไพรทั่วไปอีกสักหน่อย ก็ปรุงยาที่ทา
ให้ปรากฏสัญลักษณ์รูปแมงป่ องขึน้ มาได้แล้ว...

มูห่ ลิวเฟิ งมองดูบรรดาทหารลาดตระเวนเบือ้ งล่างที่ไล่ตามมาอย่างไม่


ลดละ ก็ได้แต่พยักหน้าจายอม ก็คงต้องเป็ นเช่นนี ้
ตอนที่ 1962 ยึดแคว้น (5)

มูห่ รงเสวี่ยและมูห่ ลิวเฟิ งเหินทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็ว หลังจาก


ทะยานผ่านถนนหลายต่อหลายสายในที่สดุ ข้างหูก็ได้ยินเสียงความเงียบ

ทัง้ สองคนหยุดฝี เท้าลง กลับไปมองความว่างเปล่าด้านหลังก่อนจะถอน


หายใจด้วยความโล่งอก ในที่สดุ ก็สลัดทหารลาดตระเวนได้เสียที ไม่ง่าย
เลยจริงๆ...

ตอนนีพ้ วกเขาอยูไ่ หนกันแล้วนะ...

มูห่ ลิวเฟิ งกวาดสายตามองไปรอบๆ พบว่าบริเวณรอบๆ เต็มไปด้วย


บ้านเรือนน้อยใหญ่ตงั้ เรียงรายอยูท่ ่วั ไป เรียงรายกันเป็ นแถวๆ อย่างเป็ น
ระเบียบ ทว่าถนนระหว่างบ้านเรือนแต่ละหลังกลับว่างเปล่า เงียบสงบไม่
พบเงาใครสักคน...

...

สถานที่แห่งนีค้ อ่ นข้างห่างไกลผูค้ นเสียจริง...


มูห่ ลิวเฟิ งค่อนแขวะอยู่ในใจ สายตาเห็นมูห่ รงเสวี่ยมองไปรอบๆ ก่อน
จะลงไปยังบ้านเรือนหลังหนึ่งที่อยูด่ า้ นล่าง...

“มูห่ รงเสวี่ย เจ้าทาอะไรน่ะ?” มูห่ ลิวเฟิ งเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ

“ปรุงยา” มูห่ รงเสวี่ยไม่หยุดฝี เท้า เอ่ยตอบโดยไม่แม้แต่หนั หลังกลับมา

“ในเรือนหลังนีม้ ียาสมุนไพรหรือ?” มูห่ ลิวเฟิ งเอ่ยถาม

“ถูกต้อง” มูห่ รงเสวี่ยพยักหน้า “เรือนหลังนีม้ ียาสมุนไพรไม่นอ้ ย...”

“เจ้ารูไ้ ด้อย่างไรกัน?” มูห่ ลิวเฟิ งเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“ได้กลิ่นน่ะสิ” มูห่ รงเสวี่ยเอ่ยตอบอย่างไม่ใคร่ใส่ใจเท่าไรนัก เมื่อเห็น


สายตาที่มองมาด้วยความไม่เข้าใจของมูห่ ลิวเฟิ งก็เอ่ยอธิบายอย่าง
ละเอียดว่า “บนเรือนหลังนีม้ ีกลิ่นยาสมุนไพร...” แม้วา่ กลิ่นยาสมุนไพรจะ
จางมาก แต่วา่ กลิ่นยาสมุนไพรนั่นก็ลอยไปในอากาศหลายเมตร เพียง
พอที่จะบอกให้รูว้ า่ เรือนหลังนีม้ ีสมุนไพรมากมาย เหมือนกับในร้านยาที่มี
สมุนไพรมากมาย แม้หา่ งออกไปหลายเมตรก็ยงั ได้กลิ่นยาสมุนไพรด้านใน
อยู.่ ..
...

บนเรือนหลังนีม้ ีกลิ่นยาสมุนไพรหรือ เหตุใดเขาถึงไม่ได้กลิ่นกันนะ?

จนกระทั่งในตอนนี ้ เขาใกล้จะลงไปถึงในเรือนแล้วก็ยงั ไม่ได้กลิ่นอะไร


สักนิด...

มูห่ ลิวเฟิ งพยายามสูดดมกลิ่น ทว่ายังคงไม่ได้กลิ่นยาสมุนไพรเช่นเคย


ทาได้เพียงปล่อยวาง เขาไม่ใช่เรียนการแพทย์หรือการใช้พิษ ประสาท
สัมผัสเรือ่ งการดมกลิ่นย่อมไม่อาจเทียบกับผูท้ ่เี รียนการแพทย์หรือการใช้
พิษได้...

มูห่ รงเสวี่ยโรยตัวมาอยู่ขา้ งในเรือน พบว่าภายในเรือนแห่งนีว้ า่ งเปล่า


ไม่พบเงาของผูใ้ ดสักคน เบือ้ งหน้านางคือห้องเก็บของขนาดใหญ่ ประตู
ห้องเก็บของเปิ ดแง้มออกเล็กน้อย แว่วเสียงลากของอยู่ดา้ นในออกมา...

มูห่ รงเสวี่ยประกายตาเคร่งขรึม เดินก้าวไปข้างหน้าเบาๆ ยาสมุนไพรอยู่


ในห้องเก็บของแห่งนี ้ มีคนอยู่ในห้องเก็บของก็ดีเหมือนกัน นางจะได้ติดต่อ
กับคนข้างในห้องเก็บของขอซือ้ สมุนไพรที่นางต้องการ และขอยืมใช้
อุปกรณ์ในเรือนสาหรับปรุงยา...
เมื่อมาถึงด้านหน้าของห้องเก็บของ ขณะที่มหู่ รงเสวี่ยกาลังจะเคาะ
ประตูนนั้ เอง ก็มีเสียงคนเล็ดลอดออกมาว่า “เป็ นอย่างไรบ้าง?”

“วางใจเถอะ แผนการดาเนินไปอย่างราบรืน่ ...ขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยน


ติดกับไปเกินครึง่ ...รอให้พวกเราปรุงยาชุดนีข้ นึ ้ มาและโรยไปในนา้ ชาของ
ขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยนที่เหลือ ขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยนก็จะถูกกาจัดจนสูญ
สิน้ ...เมื่อถึงตอนนัน้ แคว้นชิงเหยี่ยนก็จะเป็ นใต้หล้าของพวกเรา...”

“ฮ่าๆๆ...ดีๆๆ...ฮ่องเต้ผแู้ สนโง่เขลาเบาปั ญญาของแคว้นชิงเหยี่ยน กลัว


ก็แต่จะฝันก็ยงั คิดไม่ถึงว่าพวกเราจะอาศัยเขาจัดการสังหารขุนนางแคว้น
ชิงเหยี่ยน...”

“ข้าเห็นด้วย...เขายังหลงนึกว่าตนเองปราดเปรือ่ งจับตัวผูท้ ่สี มคบคิด


กับศัตรูก่อการกบฏไว้ได้ทงั้ หมดเสียอีก ช่างไม่รูเ้ ลยว่าความปราดเปรือ่ ง
ของเขานัน้ ไม่ได้เป็ นการช่วยแคว้น แต่เป็ นการส่งศพแคว้นของตนเอง...”
จุ๊ๆ โง่เขลาเบาปั ญญาโดยแท้

“แคว้นชิงเหยี่ยนยังมีคนเฉลียวฉลาดอยู่ ช่วงนีก้ ็อย่าได้ประมาทโดย


เด็ดขาด...”
“ใต้เท้าโปรดวางใจ ข้าน้อยจาใส่ใจแล้วขอรับ...”

“อืม...รอให้ขนุ นางทัง้ ฝ่ ายบุน๋ และบูข๊ องแคว้นชิงเหยี่ยนถูกจับหมด


เมื่อไร ก็วางเพลิงเผาคุกหลวงกรมอาญาเสีย...”

“ขอรับ...”

“หึหึ แคว้นชิงเหยี่ยนที่ขนุ นางฝ่ ายบุน๋ และบู๊ตายเรียบ ก็ไม่ใช่แคว้นชิงเห


ยี่ยนที่รุง่ เรืองอีกต่อไป ฮ่องเต้ท่ปี ระทับอยู่บนบัลลังก์มงั กรจะกลายเป็ น
จักรพรรดิผโู้ ดดเดี่ยวเดียวดาย ไม่มีอะไรน่าเกรงกลัว ลงมือนิดหน่อยก็บีบ
เขาตายได้แล้ว...เมื่อถึงตอนนัน้ แคว้นชิงเหยี่ยนเปลี่ยนผูป้ กครอง กลุม่
เบญจพิษผงาด...”
ตอนที่ 1963 นับถอยหลังตอนอวสาน (1)

“ถูกต้อง...ฮ่องเต้แคว้นชิงเหยี่ยนเป็ นฮ่องเต้ท่ดี ีไม่ได้ เราก็ขนึ ้ มาเป็ น


แทนเขาเสียเลย...ฮ่า ฮ่า ฮ่า...”

เสียงหัวเราะแผลงฤทธิ์เดชในห้องเก็บของนัน้ มูห่ รงเสวี่ยได้ยินแล้วแวว


ตานิ่งขรึม ถีบกระตูหอ้ งเก็บของเสียงดัง ‘ปั ง’ ก่อนจะก้าวเดินเข้าไปข้างใน

เสียงหัวเราะแผลงฤทธิ์เดชภายในห้องหยุดชะงักลงในทันที ผูท้ ่สี ง่ เสียง


หัวเราะพร้อมใจกันหันมามองผูท้ ่เี ดินเข้ามาใหม่ พบว่าผูท้ ่เี ดินเข้ามารูปร่าง
อรชรอ้อนแอ้น แววตาสุขมุ เย็นชาราวนา้ แข็งหมื่นปี ใบหน้างดงามและ
คุน้ เคยนั่นยิ่งทาให้พวกเขามีดวงตาหดเกร็ง ส่งเสียงร้องด้วยความตกใจว่า
“เจ้ามาอยู่ท่นี ่ีได้อย่างไร?”

มูห่ รงเสวี่ยเองก็ไม่ได้สนใจพวกเขา เพียงแค่มองพวกเขาด้วยความเย็น


ชา พบว่าห้องเก็บของแห่งนีม้ ขี นาดใหญ่ มีกล่องมากมายเรียงรายเต็มไป
หมด บุรุษในชุดคลุมตัวยาวสีดาสองนายยืนหันหน้าเข้าหากันอยู่ทา่ มกลาง
กล่องมากมาย มองมาที่นางด้วยสายตาตกตะลึง
“พวกเจ้าล้วนเป็ นคนของกลุม่ เบญจพิษ...” มูห่ รงเสวี่ยเอ่ยเสียงเย็นยะ
เยือก

บุรุษในชุดคลุมทัง้ สองไม่รูว้ า่ มูห่ รงเสวี่ยเอ่ยถามเรือ่ งนีไ้ ปเพื่ออะไร จึงได้


แต่มองหน้ากันไม่เอ่ยอะไร

มูห่ รงเสวี่ยเองก็ไม่ได้ตอบถามคาถามนี ้ เอ่ยต่อไปว่า “พวกเจ้าคิดจะยึด


แคว้นหรือ” ยึดแคว้นชิงเหยี่ยน

บุรุษทัง้ สองมองหน้ากันอีกครัง้ ส่วนลึกนัยน์ตาเป็ นประกายชัดเจนไหว


วูบ พร้อมใจกันหันมามองมูห่ รงเสวี่ย “ถ้าใช่แล้วอย่างไร?” การที่นางถาม
ออกมาเช่นนีก้ ็แสดงว่านางได้ยินสิ่งที่พวกเขาคุยกันเมื่อครูน่ ีแ้ ล้ว ในเมื่อ
นางได้ยินแล้ว พวกเขาก็ไม่มีอะไรที่จะต้องปิ ดบังอีก

มูห่ รงเสวี่ยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา มองสองคนนัน้ นิ่งๆ อยู่เป็ นนานก่อน


จะเอ่ยขึน้ ว่า “คิดไม่ถึงว่าพวกเจ้าจะมีจิตใจมักใหญ่ใฝ่ สงู เพียงนี”้

แคว้นชิงเหยี่ยนต้องการกาจัดคนของกลุม่ เบญจพิษ สังหารหัวหน้ากลุม่


ของคนกลุม่ เบญจพิษไปสามท่าน เมื่อได้รูว้ า่ คนของกลุม่ เบญจพิษวาง
ปรักปราขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยนจานวนมาก นางยังคิดว่าคนของกลุม่
เบญจพิษกาลังแก้แค้นแคว้นชิงเหยี่ยน คิดไม่ถึงเลยว่าคนของกลุม่ เบญจ
พิษจะไม่ได้แก้แค้นเพียงอย่างเดียว แต่ตอ้ งการสังหารขุนนางแคว้นชิงเห
ยี่ยนทัง้ หมด เพื่อยึดแคว้นชิงเหยี่ยน...

ใช่แล้ว กลุม่ เบญจพิษเป็ นการรวมตัวกันของพวกกากเดนตาหนักมืด


แคว้นหนานจ้าว ตอนอยู่ท่แี คว้นหนานจ้าวพวกเขาก็จอ้ งตะครุบอานาจ
จักรพรรดิแคว้นหนานจ้าว ทว่าฮ่องเต้แคว้นหนานจ้าวผูค้ มุ อานาจเป็ นผู้
เก่งกาจ อีกทัง้ การสอดมือเข้ามาของศัตรูคอู่ าฆาตอย่างตาหนักเทพ ทาให้
จิตใจมักใหญ่ใฝ่ สงู ของตาหนักมืดละเอียดเป็ นผุยผง และถูกล้มล้าง พวก
เขาไม่อาจก่อคลื่นลมใดๆ ในแคว้นหนานจ้าวได้อีก...

ดังนัน้ พวกเขาจึงมาที่แคว้นชิงเหยี่ยน เตรียมกาจัดขุนนางของแคว้นชิง


เหยี่ยน สังหารฮ่องเต้แคว้นชิงเหยี่ยนและชิงอานาจจักรพรรดิ...

“พวกเจ้าดีดลูกคิดเอาไว้ดีแท้” มูห่ รงเสวี่ยมองบุรุษสองคนนัน้ ด้วย


สายตาประชดประชัน

สีหน้าของบุรุษสองคนนัน้ เคร่งขรึมขึน้ มาทันที มองมูห่ รงเสวี่ยนิ่งๆ แล้ว


เอ่ยว่า “มูห่ รงเสวี่ย เจ้าก็ย่งุ เรือ่ งที่ไม่สมควรยุ่งให้นอ้ ยๆ หน่อยเถิด”
“ข้าเป็ นคนแคว้นชิงเหยี่ยน แคว้นชิงเหยี่ยนเป็ นบ้านเมืองของข้า การที่
ข้าปกป้องบ้านเมืองของตนเองเหตุใดถึงเรียกว่าเป็ นการยุ่งเรือ่ งที่ไม่ควรยุ่ง
กันเล่า” มูห่ รงเสวี่ยเอ่ยเสียงแข็ง มองบุรุษในชุดคลุมที่อยู่ขวามือข้างหน้า
“ใต้เท้าเซีย...”

เมื่อตัวตนถูกเปิ ดเผย แววตาบุรุษในชุดคลุมก็ฉายแววตกใจ “คิดไม่ถึง


ว่าเจ้าจะจาข้าได้...” เขาเปลี่ยนเสือ้ คลุมตัวใหม่แล้วแท้ๆ รูปแบบเสือ้ คลุม
ตัวนีไ้ ม่เหมือนกับตัวก่อนเลยแม้แต่นิดเดียว...

“ข้าประมือกับใต้เท้าเซียมาตัง้ หลายครัง้ ...ค่อนข้างจะคุน้ เคยกับใต้


เท้าเซียอยู่บา้ ง...” ไม่ตอ้ งพูดถึงว่าแค่เปลี่ยนเสือ้ คลุม ต่อให้เขาเปลี่ยนโฉม
หน้านางก็จาเขาได้อยู่ดี...

มูห่ รงเสวี่ยเอ่ยเสียงแข็งมองดูคนที่อยู่ตรงหน้าใต้เท้าเซียแล้วเอ่ยว่า
“คนผูน้ ีก้ ็คงเป็ นหัวหน้าใหญ่เทพเจ้ามังกรเห็นหัวไม่เห็นหางมาตลอดสินะ”
เมื่อครูน่ ีต้ อนที่นางยืนอยู่ดา้ นนอก ได้ยินบทสนทนาที่ใต้เท้าเซียเอ่ยกับ
บุรุษผูน้ ี ้ นา้ เสียงของใต้เท้าเซียแผ่วเบา มีความถ่อมตนและให้เกียรติ
นอกจากหัวหน้าใหญ่กลุม่ เบญจพิษแล้ว นางก็ยงั คิดไม่ออกว่าจะยังมีใคร
ที่หวั หน้ากลุม่ แมงป่ องผูแ้ สนเย่อหยิ่งทะนงจะปฏิบตั ิดว้ ยเช่นนี.้ ..
ตอนที่ 1964 นับถอยหลังตอนอวสาน (2)

บุรุษในชุดคลุมไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เพียงแต่มองหน้านางนิ่งๆ

มูห่ รงเสวี่ยเองก็ไม่ได้ใส่ใจ เอ่ยต่อไปว่า “วางยาขุนนางฝ่ ายบุน๋ และบู๊


ตบตาว่าพวกเขาเป็ นคนของกลุม่ เบญจพิษ จากนัน้ ก็ทาให้ฝ่าบาททรงมี
บัญชาจับกุมพวกเขา จนสุดท้ายฝ่ าบาททรงกลายเป็ นจักรพรรดิผโู้ ดดเดี่ยว
ข้างกายไม่มีใครที่วางใจได้ จากนัน้ พวกเจ้าก็อาศัยโอกาสนีแ้ ทรกซึมเข้าไป
ช่วงชิงอานาจการปกครอง เปลี่ยนธงแคว้นชิงเหยี่ยน...วิธีการช่วงชิง
อานาจที่งดงาม ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพเช่นนี ้ หัวหน้าใหญ่ก็ช่างชาญ
ฉลาด...”

ความคิดเช่นนี ้ กลอุบายเช่นนี ้ ดาเนินการไปอย่างลับๆ ไม่มีผใู้ ดคาดเดา


ได้

ก่อนหน้าที่จะได้ยินบทสนทนาระหว่างหัวหน้ากลุม่ แมงป่ องและหัวหน้า


ใหญ่กลุม่ เบญจพิษ นางเองก็ไม่ได้คาดคิดมาก่อน...
หัวหน้าใหญ่ของกลุม่ เบญจพิษ สมกับที่เป็ นหัวหน้าใหญ่ของกลุม่
เบญจพิษจริงๆ! จิตใจต้องยิ่งใหญ่เกินผูใ้ ดเทียบ!

บุรุษในชุดคลุมยังคงไม่เอ่ยวาจาเช่นเคย มองหน้านางนิ่งๆ ดวงตา


ภายใต้ผา้ โพกเป็ นประกายเยือกเย็นอามหิต มูห่ รงเสวี่ยเห็นแล้วรูส้ กึ
คุน้ เคยอยู่บา้ งโดยไม่ทราบสาเหตุ “หัวหน้าใหญ่ผนู้ ี ้ พวกเราเคยพบกันที่ใด
มาก่อนหรือไม่”

บุรุษในชุดคลุมได้ยินแล้ว ดวงตาคมปลาบก็หรีล่ งทันทีก่อนจะขยับตัว


พริบตาเดียวก็มาอยู่ตรงหน้ามูห่ รงเสวี่ย สะบัดฝ่ ามือใส่มหู่ รงเสวี่ย...

มูห่ รงเสวี่ยไม่มีอาการแตกตื่นลนลาน ยกฝ่ ามือขึน้ ตัง้ รับ ได้ยินเพียง


เสียงดัง ‘ปั ง’ ฝ่ ามือทัง้ สองปะทะกัน มูห่ รงเสวี่ยและบุรุษในเสือ้ คลุมต่าง
ถลาถอยหลังไปสอสามก้าวถึงจะยืนตัง้ หลักได้!

กาลังภายในลา้ ลึก!

มูห่ รงเสวี่ยและบุรุษในชุดคลุมต่างก็มีความคิดเช่นนีแ้ วบเข้ามาใน


ความคิด นาทีตอ่ มาทัง้ สองฝ่ ายต่างก็ชกั กระบี่ออกมาจากฝักต่อสูก้ นั ...
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึน้ อย่างกะทันหัน ทาให้หวั หน้ากลุม่ แมงป่ อง
ตกใจ พริบตาเดียวก็ได้สติกระโจนเข้าไปในวงต่อสู้ สะบัดมือซัดใส่มหู่ รง
เสวี่ย ไม่คิดว่าจังหวะที่ฝ่ามืออยู่หา่ งจากมูห่ รงเสวี่ยไม่ถึงสองเมตร จะมีพดั
ยื่นเข้ามาขวางการโจมตีของเขา เมื่อเงยหน้าขึน้ หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องก็
เผชิญหน้ากับดวงตาระยิบระยับของมูห่ ลิวเฟิ ง “ใต้เท้าเซีย คูต่ ่อสูข้ องเจ้า
คือข้า”

“รนหาที่ตาย!” หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องแผดเสียงตะคอก หันมาซัดฝ่ ามือ


ใส่มหู่ ลิวเฟิ ง มูห่ ลิวเฟิ งเองก็สะบัดพัดตัง้ รับอย่างไม่รบี ไม่ชา้ ...

พริบตานัน้ ฝ่ ามือลมอือ้ อึง เงาพัดตวัดกวัดไกว กระบี่ยาวสะบัด แสง


กระบี่ลอ่ งลอยไปในอากาศ ภายในห้องเก็บของเต็มไปด้วยเสียงต่อสู้
กาแพงแกร่งถูกฟั นเป็ นรอยลึก ลังไม้ท่อี ดั แน่นด้วยสมุนไพรถูกฟั นยับ เศษ
ซากสมุนไพรเกลื่อนพืน้ ...

มูห่ รงเสวี่ยและบุรุษในชุดคลุมฝี มือสูสีกนั ทัง้ สองสูก้ นั อย่างมืดฟ้ามัว


ดินสุรยิ นั จันทราอับแสง

ฝั่งมูห่ ลิวเฟิ งกับใต้เท้าเซียเองก็กาลังไล่เลี่ยกัน ทัง้ สองต่อสูก้ นั ไปมา ไม่


อาจตัดสินแพ้ชนะได้ในเวลาอันสัน้ ทันใดนัน้ ใต้เท้าเซียก็รูส้ กึ เจ็บแปลบ
บริเวณหน้าอกเป็ นระลอก เขาชะงักไปครูห่ นึ่ง มูห่ ลิวเฟิ งสบโอกาสสะบัด
พัดซัดใส่หน้าอกใต้เท้าเซีย ทาเอาเขาถลาออกไปสี่หา้ เมตรกระแทกกาแพง
อย่างแรง ก่อนจะส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ดวงตาฉายชัดถึงความ
เจ็บปวด...

เอ๋...

ราวกับว่าเขาจะลงมือหนักไปหน่อย!

“บาดเจ็บสาหัสแล้ว ไม่มีปัญหาใช่หรือไม่” มูห่ ลิวเฟิ งเอ่ยถามมูห่ รง


เสวี่ย สองคนตรงหน้าที่เป็ นตัวการที่คิดจะยึดแคว้นชิงเหยี่ยน ดูจาก
ความหมายของมูห่ รงเสวี่ยแล้วต้องการที่จะจับตัวพวกเขาเข้าวังหลวง
กราบทูลแผนการของพวกเขาให้ฮ่องเต้ทรงทราบ เขาทาร้ายคนจนบาดเจ็บ
เช่นนีจ้ ะเป็ นอะไรหรือไม่?
“ไม่มีปัญหา” มูห่ รงเสวี่ยเอ่ยตอบโดยไม่หนั กลับมามอง สะบัดกระบี่
ยาวในมือต่อสูก้ บั บุรุษในชุดคลุมอย่างดุเดือด “เจ้าจะสังหารเขาทิง้ เสียก็ไม่
มีปัญหา” นางล่วงรูแ้ ผนการของพวกเขาแล้ว การจับตัวพวกเขาเข้าวัง
หลวงก็แค่แสดงหลักฐานให้ฮ่องเต้ทอดพระเนตร ให้ฮ่องเต้ทรงทราบ
แผนการของพวกเขา จะเป็ นคนตายหรือคนเป็ นก็ไม่มีปัญหา แค่จบั ตัวคน
ของกลุม่ เบญจพิษสองคนนีไ้ ด้ก็พอ...
ตอนที่ 1965 นับถอยหลังตอนอวสาน (3)

“เมื่อเป็ นเช่นนี ้ ข้าเองก็ไม่เกรงใจแล้วนะ” มูห่ ลิวเฟิ งดวงตาเป็ นประกาย


สะบัดพัดซัดใส่ใต้เท้าเซีย กระบวนท่ารุนแรงโดยไม่ไว้ไมตรี ใต้เท้าเซียทุม่ เท
สุดแรงแต่ก็ยงั คงพ่ายแพ้เช่นเดิม สีหน้าของเขาค่อยๆ เคร่งขรึมลง น่าชิงชัง
นัก มูห่ ลิวเฟิ งวรยุทธ์ไม่อ่อนด้อย ก่อนหน้านีเ้ ขาเองก็ได้รบั บาดเจ็บ ไม่ใช่คู่
ต่อสูข้ องมูห่ ลิวเฟิ งในยามนีเ้ ลยสักนิด...

เหลือบตามองการต่อสูอ้ ีกด้านหนึ่ง พบว่าบุรุษในชุดคลุมกับมูห่ รงเสวี่ย


ยังต่อสูก้ นั อย่างสูสี วรยุทธ์ของทัง้ สองไม่ตา่ งกันสักเท่าไร บุรุษในเสือ้ คลุม
มุง่ มั่นที่จะจัดการกับมูห่ รงเสวี่ยไม่สามารถแบ่งจิตใจมามาช่วยเขาได้...

และเขา...ก็เริม่ จะรับมือมูห่ ลิวเฟิ งไม่ไหวอยู่บา้ ง...

‘ฟิ ้ ว!’ เสียงลมรุนแรงพัดเข้ามา มูห่ ลิวเฟิ งสะบัดพัดซัดใส่หน้าอกเขาอีก


ครัง้ ...

หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องรีบสะบัดมือตัง้ รับ ได้ยินเพียงเสียงดัง ‘ปั ง!’ ฝ่ ามือ


ปะทะกับพัด ฝ่ ามือเลือนหายอย่างไร้รอ่ งรอย พัดถูกปั ดเบี่ยงไปซัดลงบน
ไหล่ของเขาอย่างแรง ทาเอาหัวหน้ากลุม่ แมงป่ องถลาออกไปไกลสามสี่
เมตร...หัวไหล่รูส้ กึ เจ็บแปลบ บริเวณหน้าอกเองก็รูส้ กึ ปวดแสบปวดร้อน...

หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องเอามือกุมหน้าอก ผมดาขลับปอยหนึ่งหลุดออกมา


จากผ้าโพกละบริเวณหน้าอก ไม่ตอ้ งส่งกระจกหัวหน้ากลุม่ แมงป่ องก็รูว้ า่
เวลานีต้ นเองมีสภาพน่าสังเวชเพียงใด...

“ฟิ ้ ว!” สายลมสายหนึ่งจู่โจมเข้ามา สายลมที่ทงั้ เร็วและแรงนั่นทาให้


หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องรูว้ า่ พัดนีร้ า้ ยแรงกว่าพัดเมื่อครูน่ ี.้ ..

ส่วนลึกนัยน์ตาหัวหน้ากลุม่ แมงป่ องเป็ นประกายแน่วแน่ไหววูบ จากนัน้


เขาก็กระโจนออกไปทางประตูหอ้ งเก็บของ กระโจนออกไปพลางร้องบอก
ว่า “ใต้เท้า พวกเรารีบไปกันเถอะ!”

มูห่ ลิวเฟิ งที่เห็นว่าสะบัดพัดพลาดไปก็โกรธเคือง ไล่ตามไปอย่างไม่สบ


อารมณ์ “อย่าหนีนะ...”

บุรุษในชุดคลุมที่กาลังต่อสูอ้ ยู่ถกู เหตุการณ์ท่เี กิดขึน้ อย่างกะทันหันนี ้


ทาให้ชะงักไป ตามมาด้วยปฏิกิรยิ าตอบสนองรีบสะบัดกระบี่ไล่ตอ้ นมูห่ รง
เสวี่ย จากนัน้ เขาก็ขยับตัวทะยานออกไปด้านนอกห้องเก็บของ...
“คิดหนีหรือ...ไม่งา่ ยเพียงนัน้ หรอก...” มูห่ รงเสวี่ยแค่นเสียง กระชับ
กระบี่ไล่ตามออกมา...

ใต้เท้าเซียที่ได้รบั บาดเจ็บสาหัส เหินทะยานออกไปไม่เร็วมากนัก มูห่ ลิว


เฟิ งก็ไล่ตามมาทันอย่างรวดเร็ว ทัง้ สองต่อสูก้ นั อย่างดุเดือด...ไม่นาน ใต้
เท้าเซียก็สลัดมูห่ ลิวเฟิ งพ้น เหินทะยานต่อไป...มูห่ ลิวเฟิ งไล่ตามมา เมื่อไล่
ตามมาทันก็ต่อสูก้ นั อีกครัง้ ...

ทางฝั่งมูห่ รงเสวี่ยกับบุรุษในชุดคลุมเองก็เช่นกัน เจ้าหนีขา้ ตาม เมื่อ


ตามทันก็ลงมือสูก้ นั ...จากนัน้ ก็วนอยู่เช่นนีส้ กู้ นั อย่างรุนแรง...

ทิง้ ร่องรอยการต่อสูข้ องพวกเขาทัง้ สี่คนบนกาแพงสูง บนหลังคา บน


ถนนและกลางอากาศ ไล่กนั ไปสูก้ นั มากว่าครึง่ เมืองโดยไม่รูต้ วั ...

“ไอหยา ไอหยา พวกท่านสี่คนเป็ นอะไรกัน? มีอะไรก็ค่อยพูดค่อยจากัน


ค่อยๆ พูดจากัน...อย่าสูก้ นั เลย...อยู่รว่ มกันอย่างสันตินามาซึง่ ความร่ารวย
อยู่รว่ มกันอย่างสันตินามาซึง่ ความร่ารวย...” เสียงร้องเตือนแตกตื่นแฝง
ความร้อนรนดังขึน้ มา มูห่ รงเสวี่ยก้มหน้าลงมองเห็นจินหลายไฉรูปร่างอ้วน
ท้วมในชุดสีเหลืองทอง สวมกวานจินหยวนเป่ าบนศีรษะอยู่ในลานด้านล่าง
มองพวกเขานา้ ตาคลอ...
...

นี่พวกเขาสูก้ นั จนมาถึงด้านบนของโรงเตีย๊ มหลายไฉเลยหรือนี่

มูห่ รงเสวี่ยกวาดตามองด้านล่าง กาแพงสีทองอร่าม การตกแต่งสี


เหลืองทอง นางเห็นแล้วถอนหายใจอย่างจนใจ สูก้ นั จนมาถึงด้านบนของ
โรงเตีย๊ มหลายไฉจริงด้วย...

สายตามองจินหลายไฉ พบว่าจินหลายไฉมองมูห่ ลิวเฟิ งกับหัวหน้ากลุม่


แมงป่ องที่กาลังต่อสูก้ นั ตาเขม็ง “ทัง้ สองท่าน ทัง้ สองท่าน...ไปทางซ้าย
หน่อย...สูก้ นั ไปทางขวา...ไอหยา...ไปข้างหน้าหน่อย...ระวังโรงเตีย๊ มของ
ข้าหน่อย...ระวัง กาแพงของข้า...”

“ปั ง!” เสียงดังสนั่น เศษหินและฝุ่ นละอองพวยพุง่ ขึน้ เต็มท้องฟ้า จินห


ลายไฉส่งเสียงร้องด้วยความปวดใจ “ไอหยา กาแพงโรงเตีย๊ มของข้า...”
ตอนที่ 1966 นับถอยหลังตอนอวสาน (4)

มูห่ รงเสวี่ยก้มหน้าลงมอง พบว่ากาแพงของโรงเตีย๊ มหลายไฉถล่มลงมา


ครืนใหญ่...

จินหลายไฉยืนอยูใ่ นสวนด้านหลังโรงเตีย๊ มหลายไฉ มองดูกาแพงที่พงั


ถล่มลงมาด้วยความปวดใจ “กาแพงโรงเตีย๊ มของข้า กาแพงโรงเตีย๊ มของ
ข้า...”

“พวกท่านจะสูก้ นั โดยมองหน่อยไม่ได้หรืออย่างไร...” จินหลายไฉ


ถลึงตามองมูห่ ลิวเฟิ งกับใต้เท้าเซียที่เป็ นต้นเหตุของทุกอย่าง...

ไม่คิดว่ามูห่ ลิวเฟิ งกับหัวหน้ากลุม่ แมงป่ องจะไม่สนใจเขาเลยสักนิด


ยังคงต่อสูก้ นั ท่ามกลางอากาศยากที่จะแยกกันเช่นเดิม

จินหลายไฉโกรธขึน้ มาทันที ชีน้ ิว้ ไปที่มหู่ ลิวเฟิ งและหัวหน้ากลุม่ แมง


ป่ อง เอ่ยด้วยความไม่สบอารมณ์วา่ “พวกท่านทัง้ สอง...ข้ากาลังพูดถึงพวก
ท่านอยู่นะ สูอ้ ะไรกัน พวกท่านทากาแพงโรงเตีย๊ มของข้าพัง พวกท่านเห็น
หรือไม่...”
“อย่าเรียกเลย เดี๋ยวข้าชดใช้กาแพงโรงเตีย๊ มของเจ้าให้” เสียงเรียกของ
จินหลายไฉราวกับระฆังกังวาน ได้ยินแล้วแสบแก้วหู มูห่ ลิวเฟิ งคลึงใบหู
เบาๆ เอ่ยตัดบทเขา

ดวงตาของจินหลายไฉเป็ นประกาย “จริงหรือ?”

“จริงแท้แน่นอน” มูห่ ลิวเฟิ งเม้มริมฝี ปาก เอ่ยเน้นเสียงชัดเจนว่า “ชดใช้


สองเท่า”

“จริงหรือ?” ดวงตาของจินหลายไฉเป็ นประกายขึน้ มาในทันที ประสาน


มือคานับมูห่ ลิวเฟิ งด้วยความยินดี “ขอบคุณคุณชาย ขอบคุณคุณชาย...”

“ปั ง!” พัดของมูห่ ลิวเฟิ งซัดชายคาโรงเตีย๊ มหลายไฉมุมหนึ่งเสียหาย...

จินหลายไฉชะงัก มองมูห่ ลิวเฟิ งท่าทางน่าสงสาร “คุณชาย...”

“ชดใช้สองเท่า” มูห่ ลิวเฟิ งพูดออกมาโดยไม่มีเสียง

ดวงตาของจินหลายไฉเป็ นประกายขึน้ มาทันที ยิม้ ร่าแล้วเอ่ยออกมาว่า


“ขอบคุณคุณชาย...”
“ปั ง!” ฝ่ ามือของหัวหน้ากลุม่ แมงป่ องซัดไปยังโรงเตีย๊ มหลายไฉ เกิด
เป็ นรูขนาดใหญ่

ครัง้ นีจ้ ินหลายไฉไม่มีทา่ ทางเป็ นกังวลเลยสักนิด กลับหัวเราะชอบใจ


โบกมือไหวๆ เอ่ยอย่างใจกว้าง “โรงเตีย๊ มของข้า พวกท่านก็สกู้ นั ตามสบาย
เลย ทุบกันตามใจชอบ...” ทาพังแล้วมีเงินชดใช้สองเท่า เขาก็ไม่กงั วล ไม่
เป็ นกังวล...

จินหลายไฉเอามือไพล่หลัง เชิดใบหน้าขึน้ ยืนแอ่นพุงมองการต่อสูบ้ น


อากาศยิม้ ๆ...

มูห่ รงเสวี่ย “...”

เหตุใดเหตุการณ์ลกั ษณะนีถ้ ึงได้ดแู ปลกๆ...

ฟิ้ ว! แสงสีเงินเป็ นประกายอยู่ตรงหน้า เป็ นบุรุษในเสือ้ สูดแทงกระบี่เข้า


มา มูห่ รงเสวี่ยขมวดคิว้ สวนกระบี่แทงกลับไป...

เคร้ง เคร้ง กระบี่สองเล่มปะทะกัน เกิดเป็ นแสงสีเงินเจิดจ้า...


ทว่ามูห่ รงเสวี่ยกลับขมวดคิว้ น้อยๆ นางกับบุรุษในชุดคลุมสูก้ นั มาตัง้
นานก็ยงั ไม่อาจตัดสินแพ้ชนะได้เช่นเคย ดูเหมือนว่าวรยุทธ์ของนางกับ
บุรุษในชุดคลุมจะไม่ตา่ งชัน้ กันสักเท่าไร ต่อให้สกู้ นั ต่อไปเช่นนีก้ ็ไม่อาจ
ตัดสินผลแพ้ชนะได้ในระยะเวลาอันสัน้ ...

แต่วา่ นางมีเวลาจากัด ไม่อาจที่จะล่าช้าได้อีก จาเป็ นต้องรีบจบการ


ต่อสูน้ ีโ้ ดยเร็วที่สดุ

มูห่ รงเสวี่ยก้มหน้ามองจินหลายไฉที่อยู่บนพืน้ เอ่ยกับเขาว่า “เถ้าแก่จิน


นอกจากเงินชดเชยค่าโรงเตีย๊ มแล้ว เจ้ายังต้องการเงินรางวัลหรือไม่?”

“เงินรางวัลหรือ? เงินรางวัลอะไรกัน” จินหลายไฉเอ่ยถามด้วยความไม่


เข้าใจ

“ย่อมต้องเป็ นเงินรางวัลตามจับตัวคนร้าย” มูห่ รงเสวี่ยสะบัดกระบี่ชีไ้ ป


ทางบุรุษในชุดคลุมกับหัวหน้ากลุม่ แมงป่ อง

จินหลายไฉมองดูบรุ ุษในเสือ้ คลุมที่กาลังต่อสูอ้ ย่างดุเดือด จากนัน้ ก็


มองไปที่หวั หน้ากลุม่ แมงป่ องที่กาลังต่อสูอ้ ย่างดุเดือดเช่นกัน เอ่ยด้วย
ความตกใจว่า “คู่ต่อสูฝ้ ี มือร้ายกาจเช่นนี ้ ข้าผูน้ อ้ ยสูไ้ ม่ไหว...”
“ไม่ได้ให้เจ้าเป็ นผูล้ งมือหลัก พวกเจ้าเพียงแค่คอยช่วยเหลืออยูข่ า้ งๆ ก็
พอ” วรยุทธ์ของมูห่ รงเสวี่ยกับบุรุษในชุดคลุมสูสีกนั ขอแค่มีคนก่อกวน
บุรุษในชุดคลุมอยู่ขา้ งๆ นางก็สามารถหาโอกาสเอาชนะได้...

“จริงหรือ?” จินหลายไฉเอ่ยถามอย่างไม่ม่นั ใจเท่าไรนัก

“จริงแท้แน่นอน” มูห่ รงเสวี่ยพยักหน้าจริงจัง

เช่นนีห้ รือ...

จินหลายไฉครุน่ คิดชั่วครู ่ เอ่ยถามด้วยความรอบคอบ “แล้ว...จะให้เงิน


รางวัลเท่าไรหรือ?”
ตอนที่ 1967 นับถอยหลังตอนอวสาน (5)

มูห่ รงเสวี่ยคิดๆ ดูแล้วเอ่ยว่า “หนึ่งคน หนึ่งพันตาลึง!”

จินหลายไฉดวงตาเป็ นประกาย “เงินรางวัลนี ้ ฟั งดูไม่เลวเลยทีเดียว”

“ในเมื่อรูส้ กึ ว่าไม่เลว ก็มาช่วยกันสิ” มูห่ รงเสวี่ยยิม้ ชักชวน

“ได้ ข้าน้อยจะช่วยเดี๋ยวนีล้ ะ่ !” จินหลายไฉเอ่ยด้วยแววตาเป็ นประกาย


สะบัดชายเสือ้ แตะปลายเท้าเบาๆ พาร่างอ้วนท้วมราวเกาทัณฑ์ยิงตรงเข้า
ใส่มหู่ รงเสวี่ยและบุรุษในชุดดา...

การชนกระแทกครัง้ นีท้ งั้ เร็วและแม่นยา ตอนที่มหู่ รงเสวี่ยสังเกตเห็นนัน้


จินหลายไฉก็เข้ามาใกล้เสียแล้ว นางเบี่ยงกายหลบอย่างรวดเร็ว ร่างกลม
กลิง้ ของจินหลายไฉก็เฉี่ยวชายเสือ้ ของนางพุง่ มาอยูร่ ะหว่างนางกับบุรุษใน
ชุดคลุม ทาเอาชายเสือ้ ของนางถูกลมพัดขาดไปเป็ นวงกว้าง...

...

พลังจู่โจมขัน้ รวบรวมคมมีด!
จินหลายไฉเถ้าแก่จินเป็ นยอดฝี มอื ที่ไม่เปิ ดเผยตัวโดยแท้! มีไม่ก่ีคนใน
เมืองหลวงแคว้นชิงเหยี่ยนที่จะบรรลุถึงขัน้ นี ้ คิดไม่ถึงว่าเขาจะบรรลุ
ขอบเขตนีไ้ ด้

หากเมื่อครูน่ ีไ้ ม่ใช่เพราะนางไหวตัวได้เร็ว ตอนนีน้ างคงถูกเขาชน


กระแทกจนบาดเจ็บสาหัสไปแล้ว...

มูห่ รงเสวี่ยมองจินหลายไฉอย่างระมัดระวัง พบว่าจินหลายไฉพุง่ ไปสุด


ทาง สองเท้าแตะเบาๆ เหยียบอยูบ่ นกาแพงโรงเตีย๊ มหลายไฉ หันกลับมา
พุง่ ใส่นางพลางเอ่ยขอโทษขอโพยว่า “ขออภัยขอรับ ขออภัยขอรับ...เมื่อครู ่
นีข้ า้ น้อยพุง่ ตัวเร็วไปหน่อย...ไม่ได้ควบคุมทิศทางให้ดี...ครัง้ นีจ้ ะพยายาม
ควบคุม...”

พูดยังไม่ทนั จบคา มูห่ ลิวเฟิ งที่กาลังต่อสูอ้ ยู่กบั หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องก็


ปรากฏจินหลายไฉพุง่ ตรงเข้ามา จินหลายไฉพุง่ ตรงกับกระแทกพวกเขาทัง้
สอง...

มูห่ รงเสวี่ยแววตาเคร่งขรึม เอ่ยส่งเสียงเตือนอย่างร้อนรน “ระวัง...”


พูดยังไม่ทนั จบคาก็ได้ยินเสียงดัง ‘ปั ง!’ จินหลายไฉชนกระแทกตัวมูห่ ลิว
เฟิ งกับหัวหน้ากลุม่ แมงป่ องจนทัง้ คูถ่ ลาออกไป...

มูห่ รงเสวี่ยขยับตัว พริบตาเดียวก็กระโจนขึน้ บนอากาศรับตัวมูห่ ลิวเฟิ ง


เอาไว้ พาเขาลงไปข้างล่างด้วยความระมัดระวัง

จังหวะที่ลงไปบนพืน้ นัน้ มูห่ ลิวเฟิ งก็ไอขึน้ มารุนแรง “แค่ก แค่ก แค่ก...”

“เจ้าเป็ นอย่างไรบ้าง?” มูห่ รงเสวี่ยเอ่ยถามด้วยความห่วงใย

“ไม่เป็ นอะไรมาก...” มูห่ ลิวเฟิ งเอ่ยเบาๆ ไอออกมาอีกครัง้ ริมฝี ปาดซีด


ขาว

นี่ไม่ใช่ไม่เป็ นอะไรมาก แต่เป็ นได้รบั บาดเจ็บสาหัสแล้ว

มูห่ รงเสวี่ยหยิบยาออกมาหนึ่งเม็ดยัดใส่ปากมูห่ ลิวเฟิ ง จากนัน้ ก็มอง


จินหลายไฉด้วยความโมโห “เถ้าแก่จิน เจ้าอย่าชนส่งเดชได้หรือไม่...” ต่อ
ให้เขาอยากช่วยพวกนางจับตัวคนร้าย ก็ควรมองคนที่ตอ้ งการจะชนให้ดี
เสียก่อน...
“ขออภัย ขออภัย...ข้าน้อยเองก็ไม่ได้ตอ้ งการให้เป็ นเช่นนี.้ ..แค่ไม่ทนั
ระวัง...” จินหลายไฉลอยตัวอยู่กลางอากาศ แสดงสีหน้ารูส้ กึ ผิด ตามมา
ด้วยความยินดีโดยไม่มีสาเหตุบนใบหน้าอ้วนกลมนั่น

มูห่ รงเสวี่ยเห็นแล้วก็ลบู หน้าผากอย่างจนใจ “เอาล่ะๆ...” เป็ นนางที่


เรียกเขามาเอง ความวุน่ วายที่เกิดขึน้ ก็ไม่อาจโทษเขาทัง้ หมด แต่วา่ “เจ้าก็
ยืนดูอยูข่ า้ งๆ ก็แล้วกัน ไม่ตอ้ งช่วยแล้ว...”

ผูท้ ่เี รียกให้มาช่วย กลับช่วยให้ย่งุ วุ่นวายกว่าเดิม จับคนทาผิดไม่ได้แล้ว


ยังทาร้ายมูห่ ลิวเฟิ งบาดเจ็บสาหัส ต่อจากนีไ้ ม่อาจให้เขาช่วยเหลือ
เด็ดขาด

“ไม่ได้!” จินหลายไฉได้ยินเช่นนัน้ ก็ปฏิเสธการเตรียมการของมูห่ รงเสวี่ย


เสียงขรึม “ข้าน้อยเป็ นคนเสมอต้นเสมอปลาย พูดแล้วว่าจะช่วยพวกท่าน
จับคนร้ายและรับเงินรางวัล ไม่มีทางล้มเลิกกลางคันโดยเด็ดขาด...ต่อจาก
นีพ้ วกท่านรอดูขา้ เถอะ...”

ว่าแล้วจินหลายไฉก็ขยับตัวพาร่างอ้วนท้วมพุง่ ตัวเข้าใส่บรุ ุษในชุดคลุม


และหัวหน้ากลุม่ แมงป่ องราวเกาทัณฑ์...
“ฟิ ้ ว” จินหลายไฉเฉี่ยวผ่านบุรุษในชุดคลุมและหัวหน้ากลุม่ แมงป่ อง ทา
เอาทัง้ สองเซตุปัดตุเป๋ ...

...

กระแทกเอียงอีกแล้ว ไม่ได้ชนกระแทกบุรุษในชุดคลุมกับหัวหน้ากลุม่
แมงป่ องจังๆ!

มูห่ รงเสวี่ยส่ายหน้าอย่างระอาใจ เงยหน้าขึน้ มองจินหลายไฉ กลับ


พบว่าหลังจากจินหลายไฉชนกระแทกบุรุษในชุดคลุมและหัวหน้ากลุม่ แมง
ป่ องแล้วไม่ยอมหยุด แต่พงุ่ กระแทกนางและมู่หลิวเฟิ ง...
ตอนที่ 1968 นับถอยหลังตอนอวสาน (6)

มูห่ รงเสวี่ยประกายตาเคร่งขรึม รีบคว้าตัวมูห่ ลิวเฟิ งเบี่ยงหลบ เดิมคิด


ว่าจินหลายไฉแค่แฉลบผ่านพวกเขาไป ไม่คิดว่าจังหวะที่พวกเขาเบี่ยงกาย
หลบ จินหลายไฉเองก็เปลี่ยนทิศทาง พาร่างอ้วนท้วมพุง่ ใส่พวกเขาอีกครัง้
มูห่ รงเสวี่ยคิดจะดึงตัวมูห่ ลิวเฟิ งหลบก็ไม่ทนั เสียแล้ว ทาได้เพียงยกมือขึน้
ตัง้ รับ...

ปัง! กาลังภายในของมูห่ รงเสวี่ยปะทะกับจินหลายไฉ การปะทะกันของ


พละกาลังที่ซดั ออกมา มูห่ รงเสวี่ยยืนนิ่งอยูก่ บั ที่ไม่ไหวติง ร่างอ้วนท้วมของ
จินหลายไฉเองก็หยุดเคลื่อนไหว ยืนเผชิญหน้ากับมูห่ รงเสวี่ย แววตาชาญ
ฉลาดเป็ นประกายเจ้าเล่หแ์ ละสบายอารมณ์ท่แี ทบไม่สงั เกต...

สายตาเจ้าเล่หแ์ ละสบายอารมณ์เป็ นประกายก่อนจะหายไป แต่ก็ไม่


อาจรอดพ้นสายตาคมกริบของมูห่ รงเสวี่ยไปได้ ดวงตาคูง่ ามหรีล่ งเล็กน้อย
“จินหลายไฉ เจ้าไม่ได้มาช่วยพวกเรา...”
พูดยังไม่ทนั จบคา จินหลายไฉก็แสยะยิม้ ยกสองมืออวบอ้วนขึน้ มาซัด
ใส่มหู่ รงเสวี่ยทันที...

มูห่ รงเสวี่ยสีหน้าสุขมุ ตวัดกระบี่ขนึ ้ มาตัง้ รับ...

‘เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง!’ ทัง้ สองเข้าสูก้ นั ...

เสียงการต่อสูร้ ุนแรงดุเดือด บุรุษในชุดคลุมที่ยืนมองอยู่กลางอากาศ


เห็นแล้วนัยน์ตาเป็ นประกายขบขัน ยกสองมือขึน้ กอดอก ยืนชมด้วยความ
สนุกสนาน ดูไปพลางวิจารณ์ไป “จินหลายไฉ ไม่เจอกันนานดูเหมือนว่าวร
ยุทธ์ของเจ้าจะถดถอยลงนะ...”

“เป็ นไปไม่ได้...ข้าหาเวลาฝึ กยุทธ์เป็ นประจาทุกวัน จะถดถอยลงได้


อย่างไร...” จินหลายไฉเอ่ยเสียงลอดไรฟั น

“อย่างนัน้ หรือ? แต่ขา้ ดูอย่างไรก็รูส้ กึ ว่าเจ้าเทียบเมื่อก่อนไม่ได้กนั เล่า


...”

นา้ เสียงยั่วเย้า ท่าทางสนิทสนมคุน้ เคยนั่น มูห่ รงเสวี่ยเห็นแล้วก็เข้าใจ


ขึน้ มาทันที ที่แท้จินหลายไฉก็เป็ นคนของกลุม่ เบญจพิษ!
มิน่าเล่าจินหลายไฉถึงชนกระแทกคนของกลุม่ เบญจพิษไม่ได้สกั ที ที่แท้
จินหลายไฉก็เป็ นพวกเดียวกับพวกเขา...

มูห่ รงเสวี่ยคิดอย่างขัดเคือง กระบี่ยาวในมือตวัดพลังกระบี่รุนแรงหลาย


สาย แทงใส่หน้าอกจินหลายไฉอย่างรวดเร็วและรุนแรง

จินหลายไฉสะบัดสองมือ พลังฝ่ ามือซัดพลังกระบี่ทาให้พลังกระบี่ลดไป


กว่าครึง่ พลังกระบี่สว่ นที่เหลืออีกเพียงน้อยนิดก็ผ่านการต้านทานของเขา
ซัดตรงเข้าใส่หน้าอกของเขา ทาเอาเสือ้ ด้านนอกถูกกรีดขาด เผยให้เห็น
เสือ้ ตัวในสีขาว ช่วงกลางของเสือ้ เผยให้เห็นสัญลักษณ์รูปคางคกสีดาขลิบ
ทองเสมือนจริงตัวหนึ่ง...

มูห่ รงเสวี่ยเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “คางคก...เจ้าคือหัวหน้ากลุม่


คางคกของกลุม่ เบญจพิษ!” ในกลุม่ เบญจพิษ ผูท้ ่สี ามารถปั กสัญลักษณ์รูป
เบญจพิษบนชุดได้มีเพียงหัวหน้ากลุม่ แต่ละกลุม่ ของกลุม่ เบญจพิษเท่านัน้
หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องปั กลายแมงป่ อง หัวหน้ากลุม่ อสรพิษดาปั กลาย
อสรพิษดา...หัวหน้ากลุม่ คางคกปั กลายคางคก...
จินหลายไฉมองดูลายคางคกที่เสือ้ ตัวในของตนเองก่อนจะพยักหน้า
“ใช่ ข้าก็คือหัวหน้ากลุม่ คางคก” สัญลักษณ์ถกู เห็นเข้าแล้ว เขาเองก็คร้านที่
จะปิ ดบังอีกต่อไป

“แล้วหัวหน้ากลุม่ คางคกที่พวกเราจับตัว...”

“เป็ นตัวปลอม” มูห่ รงเสวี่ยยังเอ่ยไม่ทนั จบ จินหลายไฉก็เอ่ยแทรก


ขึน้ มา “นั่นเป็ นโล่ท่เี ราสร้างขึน้ มา!” เป้าหมายคือให้คนของแคว้นชิงเหยี่ยน
พุง่ ความสนใจไปที่ตวั ปลอมผูน้ นั้ เพื่อให้หวั หน้ากลุม่ คางคกตัวจริงลอบ
ดาเนินการตามแผนของพวกเขา...

เมื่อถึงตอนนีแ้ ผนการของพวกเขากลุม่ เบญจพิษยังไม่สาเร็จลุลว่ ง พวก


เขาเองก็ไม่คิดจะเปิ ดเผยตัวตน กระนัน้ มูห่ รงเสวี่ยล่วงรูต้ วั ตนของพวกเขา
แล้ว ต่อให้อยากปิ ดบังก็ปิดบังไม่ได้ เช่นนัน้ ก็ไม่ตอ้ งปิ ดบังอีกต่อไปแล้ว...

มูห่ รงเสวี่ยได้ยินเช่นนัน้ ก็จอ้ งตาเขม็ง “แล้วหัวหน้ากลุม่ ตะขาบกับ


หัวหน้ากลุม่ ตุ๊กแกเล่า...”

“พวกเขาเป็ นตัวจริง...” จินหลายไฉลอบถอนหายใจ ไม่วา่ จะเป็ น


หัวหน้ากลุม่ ตะขาบหรือว่าหัวหน้ากลุม่ แมงป่ องล้วนมีตวั ตนฉากหน้า
สามารถเข้านอกออกในแคว้นชิงเหยี่ยนได้อย่างเปิ ดเผยโดยไม่ถกู ผูใ้ ด
สงสัย ดังนัน้ พวกเขาไม่จาเป็ นต้องมีโล่ หัวหน้ากลุม่ ตะขาบและหัวหน้า
กลุม่ ตุ๊กแกที่มหู่ รงเสวี่ยจับตัวได้เป็ นหัวหน้ากลุม่ ตะขาบและหัวหน้ากลุม่
จิง้ จกของกลุม่ เบญจพิษตัวจริง...

“เช่นนัน้ ก็ด”ี มูห่ รงเสวี่ยผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก เมื่อครูต่ อนที่เห็นว่า


หัวหน้ากลุม่ คางคกเป็ นตัวปลอม นางยังคิดไปว่าหัวหน้ากลุม่ ทัง้ สามของ
กลุม่ เบญจพิษที่นางจับตัวมาได้ลว้ นเป็ นตัวปลอม ไม่คิดว่าจะมีเพียง
หัวหน้ากลุม่ คางคกผูเ้ ดียวเท่านัน้ ที่เป็ นตัวปลอม ยังโชคดีอยู่...
ตอนที่ 1969 นับถอยหลังตอนอวสาน (7)

บุรุษในชุดดาเห็นสีหน้าดีใจของมูห่ รงเสวี่ยแล้วนัยน์ตาเป็ นประกายเย้ย


หยัน “มูห่ รงเสวี่ย ตอนนีไ้ ม่ใช่เวลาที่เจ้าจะมาใส่ใจเรือ่ งพวกนี.้ ..”

ระหว่างที่พดู บุรุษในชุดดา หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องและจินหลายไฉก็ค่อยๆ


ล้อมมูห่ รงเสวี่ยเข้ามา นัยน์ตาฉายรังสีฆ่าฟั น

มูห่ รงเสวี่ยประกายตาเคร่งขรึม “พวกเจ้าคิดจะสังหารข้า”

บุรุษในชุดคลุม หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องและจินหลายไฉมิได้เปล่งวาจา


ออกมา ถือเป็ นการยอมรับกลายๆ นาทีตอ่ มาพวกเขาก็พร้อมใจกันสะบัด
ฝ่ ามือซัดเข้าใส่มหู่ รงเสวี่ยอย่างไร้ซง่ึ ความปรานี ไม่วา่ ก่อนหน้านีท้ ่นี าง
ตามสังหารพวกเขา หรือว่าตอนนีท้ ่ลี ว่ งรูต้ วั ตนที่แท้จริงของจินหลายไฉก็
ตาม ล้วนไม่อาจปล่อยให้มหู่ รงเสวี่ยมีชีวิตอยู่ในโลกใบนีไ้ ด้อีกต่อไป...

“คิดจะสังหารข้าก็ไม่ได้ง่ายดายเพียงนัน้ ” มูห่ รงเสวี่ยแค่นเสียงเย็นชา


กระบี่ยาวในมือออกกระบวนท่าเต็มกาลัง แฝงประกายเยือกเย็นอามหิต
รับมือกับบุรุษในชุดคลุม หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องและจินหลายไฉ...
‘เคร้ง เคร้ง เคร้ง!’ ทัง้ สี่คนเข้าหา้ หั่นกันเสียงต่อสูด้ งั รุนแรง...

มูห่ ลิวเฟิ งที่ได้รบั บาดเจ็บ ปรับลมปราณก็ขมวดคิว้ มองฉากต่อสูแ้ บบ


สามรุมหนึ่ง จากนัน้ เขาก็หยุดการปรับลมปราณ ลุกขึน้ ยืนและทะยานไป
อยู่ดา้ นหลังมูห่ รงเสวี่ย สะบัดพัดรับมือกับหัวหน้ากลุม่ แมงป่ องและจินห
ลายไฉที่โจมตีเข้ามา...

เสียงการต่อสูด้ า้ นหลังทาให้มหู่ รงเสวี่ยต้องหันมามอง เมื่อเห็นสีหน้า


ซีดขาวของมูห่ ลิวเฟิ งแล้ว นางก็อดที่จะเอ่ยถามด้วยความกังวลใจไม่ได้วา่
“เจ้ารับมือไหวหรือไม่?”

“วางใจได้ ข้ารับมือพวกเขาสองคนได้ไม่มีปัญหาเลยสักนิด” มูห่ ลิวเฟิ ง


เอ่ยเบาๆ พัดในมือสะบัดพริว้ ไหวโจมตีใส่หวั หน้ากลุม่ แมงป่ องและจินห
ลายไฉ...

เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง!

การต่อสูข้ องทัง้ ห้าคนดุเดือนรุนแรงจนแก้วหูส่นั สะเทือน...

คนทัง้ ห้าที่กาลังต่อสูก้ นั อย่างเอาเป็ นเอาตายไม่ทนั ได้สงั เกตว่าในจวน


หลังหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลออกไป มีภรรยาเอกและอนุกาลังทะเลาะกันอยู่
ซ่งหรุย่ เอ๋อร์ผเู้ ป็ นอนุในชุดสีแดงงานปั กซูโจว บนศีรษะสวมอัญมณี
ประดับเรือนผมหรูหรา เสือ้ ผ้าเครือ่ งประดับครบครันยืนอยู่ตรงประตูหอ้ ง
เรือนหลัก สั่งการสาวใช้และบรรดาแม่นมให้โยนเสือ้ ผ้า เครือ่ งประดับข้าว
ของของเจียงซินผูเ้ ป็ นภรรยาเอกออกไปด้านนอกด้วยความหยิ่งผยอง “เร็ว
เข้าๆ...โยนออกไป โยนออกไปให้หมด...ไม่ตอ้ งเหลือทิง้ ไว้แม้แต่ชิน้ เดียว
...”

เจียงซินผูเ้ ป็ นภรรยาเอกยืนอยู่ในโถง มองดูเสือ้ ผ้า เครือ่ งประดับและ


ข้าวของที่ถกู โยนออกมาราวของเก่าด้วยสีหน้าถมึงทึง เอ่ยอย่างข่มอารมณ์
โกรธอย่างยิ่งยวดว่า “ซ่งหรุย่ เอ๋อร์ เจ้าอย่าได้ทาเกินไปนัก...”

“ข้าทาเกินไปหรือ!” ซ่งหรุย่ เอ๋อร์หนั หลับมามองเจียงซินตัง้ แต่ศีรษะจรด


ปรายเท้า ท่าทางยโสโอหังอย่างยิ่ง “ข้าจะทาอย่างนี ้ แล้วจะทาไม? ข้าเป็ น
ถึงฮูหยินน้อยจวนตระกูลถัง...”

“เจ้ามิใช่ฮหู ยินของถังเหย่ เจ้าเป็ นเพียงอนุท่เี ขาแต่งเข้ามาก็เท่านัน้ ...”


เจียงซินเอ่ยตัดบทซ่งหรุย่ เอ๋อร์อย่างไม่เกรงใจ

ซ่งหรุย่ เอ๋อร์หน้าม้านไป ในใจลอบเข่นเขีย้ วเคีย้ วฟั นเอ่ยว่า “หุบปาก!


ไม่มีเจ้าสักคน ข้าก็เป็ นฮูหยินเอกของถังเหย่...”
“เจ้าเองก็พดู ว่าตอนที่ไม่มีขา้ ...” ขอเพียงนางยังมีชีวิตอยู่ ซ่งหรุย่ เอ๋อร์ก็
เป็ นเพียงฮูหยินรองของถังเหย่ เป็ นอนุของถังเหย่...

“เงียบนะ! อีกไม่นานถังเหย่ก็จะหย่าเจ้าแล้ว...” เดี๋ยวเจียงซินก็ไม่ใช่ฮู


หยินของถังเหย่แล้ว นางย่อมต้องได้เลื่อนจากฮูหยินรองขึน้ เป็ นฮูหยินเอก

“อย่างนัน้ หรือ?” เจียงซินมองซ่งหรุย่ เอ๋อร์ดว้ ยสางตา

ซ่งหรุย่ เอ๋อร์เชิดหน้าขึน้ เอ่ยด้วยท่าทางอวดดี “แน่นอนอยู่แล้ว” ตระกูล


ถังเป็ นตระกูลผูร้ ากมากดีของแคว้นชิงเหยี่ยน พี่เหย่ในฐานะหลายชาย
สายหลักของตระกูลจะไปมีบตุ รสาวขุนนางที่สมคบคิดกับกลุม่ เบญจพิษ
เป็ นฮูหยินเอกได้อย่างไร การหย่าร้างกับเจียงซินเป็ นเรือ่ งของเวลาช้าเร็ว
เท่านัน้ ...

“เงียบนะ ท่านพ่อข้าไม่ได้สมคบคิดกับกลุม่ เบญจพิษ” เจียงซินตวาดตัด


บทคาพูดของซ่งหรุย่ เอ๋อร์ มองนางสายตาเย็นชา

ซ่งหรุย่ เอ๋อร์ก็ไม่ได้ใส่ใจ ทาท่าประหลาดแล้วเอ่ยว่า “สัญลักษณ์ท่มี ี


เฉพาะกลุม่ เบญจพิษปรากฏอยุ่บนแขนของบิดาเจ้า ยังบอกว่าไม่ได้สมคบ
คิดกับกลุม่ เบญจพิษงัน้ หรือ...” จะโกหกตาใสก็ไม่ได้พดู เช่นนี.้ ..
ตอนที่ 1970 นับถอยหลังตอนอวสาน (8)

สายตาที่ซง่ หรุย่ เอ๋อร์ใช้มองเจียงซินเต็มไปด้วยความดูถกู เหยียดหยาม

เจียงซินสีหน้าเคร่งขรึม เอ่ยเสียงดังฟั งชัดว่า “บิดาข้าถูกกปรักปรา...”

“เหอะ...” ซ่งหรุย่ เอ๋อร์แสยะยิม้ อย่างไม่แยแส “พอเกิดเรือ่ งก็มาอ้างว่า


ถูกปรักปรา จุ๊ๆๆ...”

“ข้าพูดเรือ่ งจริง...” เจียงซินเอ่ยเสียงลอดไรฟั น นางเข้าใจท่านพ่อของ


นาง ท่านพ่อเป็ นแม่ทพั แคว้นชิงเหยี่ยน ทุม่ เทและรับผิดชอบเป็ นอย่างยิ่ง
ไม่มีทางที่จะหักหลังแคว้นชิงเหยี่ยนไปสมคมคิดกับกลุม่ เบญจพิษแคว้น
หนานจ้าวแน่นอน....

“อย่างนัน้ หรือ?” ซ่งหรุย่ เอ๋อร์เอ่ยถามอย่างไม่ใคร่สนใจไยดีเท่าไร

“จริงอยู่แล้ว” เจียงซินเอ่ยเน้นเสียงชัดเจน แววตาแน่วแน่


ซ่งหรุย่ เอ๋อรืได้ยินนางเอ่ยเช่นนีก้ ็หวั เราะเสียดสีนาง “ใช่หรือไม่แล้วมัน
เกี่ยวอะไรกับข้า?” บิดาของเจียงซินไม่ใช่บิดานางเสียหน่อย บิดาของเจียง
ซินจะถูกปรักปราหรือไม่ แล้วเกี่ยวอะไรกับนาง? นางคร้านที่จะไปยุ่งเกี่ยว

“เจ้าเก็บเอาคาชีแ้ จงเหล่านีไ้ ปเอ่ยบอกกับกรมอาญาเถอะ...” นางเองก็


คร้านที่จะฟั ง และไม่ได้อยากฟั ง ตอนนีน้ างสนใจเพียงเรือ่ งเดียว...

ซ่งหรุย่ เอ๋อร์เอียงกายไปมองเรือนนัน้ พบว่าสาวใช้และแม่นมที่อยูใ่ น


ห้องพากันมองนางตาค้าง นางอดไม่ได้ท่จี ะเอ่ยด้วยความไม่สบอารมณ์
“มัวเหม่ออะไรกัน ยังไม่รบี เก็บข้าวของในห้องนีโ้ ยนออกไปอีก...” ข้าวของ
ของบุตรสาวนักโทษเห็นแล้วก็โชคร้าย โยนทิง้ ไปเสียให้หมดอย่าได้เก็บ
เอาไว้...

“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ...” สาวใช้และบรรดาแม่นมรับคาสั่ง รีบหยิบจับของชิน้


น้อยใหญ่ภายในห้องโยนออกไปข้างนอก...

“เพล้ง เพล้ง เพล้ง!” อุปกรณ์ชงชา เครือ่ งกระเบือ้ งวิจิตรงดงามถูกโยน


ออกมากระแทกเท้าของเจียงซิน แตกละเอียด...
สีหน้าของเจียงซินหมองคลา้ “ซ่งหรุย่ เอ๋อร์ เจ้าอย่าได้คืบจะเอาศอก
จวนตระกูลถังในยามนีย้ งั ไม่ถึงตาเจ้าออกหน้า...”

“อ๋อ!” ซ่งหรุย่ เอ๋อร์ได้ยินเช่นนัน้ ก็มองเจียงซินคล้ายจะยิม้ ก็ไม่ยมิ ้


“ตอนนีจ้ วนตระกูลถังยังไม่ถึงคราวที่ขา้ ตัดสินใจ แต่ก็ไม่ใช่คราวที่เจ้า
ตัดสินใจเช่นกัน...”

เจียงซินสีหน้าเคร่งขรึม หลังจากมีข่าวแพร่ออกมาว่าบิดาของนาง
สมคบคิดกับคนของกลุม่ เบญจพิษ นางก็หมดอานาจในการดูแลจวน
ตระกูลถัง ตอนนีน้ างไม่มีอานาจตัดสินใจอะไรในจวนตระกูลถังแล้ว แต่วา่
“ต่อให้ขา้ ไม่มีอานาจตัดสินใจอะไรในตระกูลถัง แต่ขา้ ก็เป็ นฮูหยินเอกที่
ถังเยี่ยแต่งเข้ามาอยู่ดี...”

“ฮ่าๆๆ...” ราวกับว่าซ่งหรุย่ เอ๋อร์ได้ฟังเรือ่ งขบขันเสียเต็มประดา จึงส่ง


เสียงหัวเราะออกมาอย่างเย้ยยัน

เจียงซินเอ่ยถามด้วยความไม่พอใจ “เจ้าหัวเราะอะไร?”

“ข้าหัวเราะที่เจ้าไร้เดียงสาอย่างไรเล่า” แววตาของซ่งหรุย่ เอ๋อร์เต็มไป


ด้วยความดูแคลน “ยังเป็ นฮูหยินเอกที่ตบแต่งเข้ามาของตระกูลถังอย่าง
นัน้ หรือ เจ้าลองดูสิ ดูสิวา่ ...สาวใช้และบรรดาแม่นมตระกูลถังมีใครเห็นเจ้า
เป็ นฮูหยินเอกของเยี่ยเกอเกอบ้าง...”

เจียงซินสีหน้าหม่นหมองไม่สดู้ ี สาวใช้และบรรดาแม่นมที่อยู่ตรงหน้านี ้
เชื่อฟั งคาสั่งของซ่งหรุย่ เอ๋อร์ ดูจากการที่ไล่นางออกจากห้องและโยนของ
นางทิง้ ก็เห็นได้ชดั ว่าไม่เห็นนางเป็ นเจ้านายของจวนตระกูลถังอีกต่อไป
แล้ว แต่วา่ “แล้วพวกท่านพ่อท่านแม่เล่า...”

“เจ้ารูห้ รือไม่วา่ เหตุใดข้าถึงมาที่เรือนหลัก?” ซ่งหรุย่ เอ๋อร์โพล่งแทรก


ขึน้ มาตัดบทเจียงซิน ไม่รอให้เจียงซินได้เอ่ยตอบ ซ่งหรุย่ เอ๋อร์ก็เฉลย
คาตอบออกมาว่า “เพราะได้รบั อนุญาตจากท่านพ่อท่านแม่แล้วอย่างไร
เล่า!”

“เป็ นไปไม่ได้...” เจียงซินปฏิเสธเสียงแข็ง

“เหตุใดถึงเป็ นไปไม่ได้?” ซ่งหรุย่ เอ๋อร์เหลือบตามองเจียงซิน “เจ้าคิดว่า


คนตระกูลถังจะชอบให้บตุ รสาวของนักโทษเป็ นฮูหยินเอกหรือ?”

เจียงซินสีหน้าซีดขาว มองซ่งหรุย่ เอ๋อร์น่ิงๆ ไม่เอ่ยว่าอะไรออกมา


ซ่งหรุย่ เอ๋อร์เองก็ไม่ใส่ใจ เอ่ยยั่วยุตอ่ ไปว่า “สาวใช้กบั แม่นมล้วนเป็ นคน
ของตระกูลถัง อาศัยข้าที่เป็ นเพียงฮูหยินรอง ไหนเลยจะสยบพวกนางได้ ที่
พวกเขาฟั งคาสั่งข้า ขับไล่เจ้า โยนข้าวของเจ้า ย่อมเป็ นเพราะได้รบั การ
บอกใบ้จากเจ้านายตัวจริงของพวกนาง...”

“เจ้าลองมองดูเวลาสิ พวกเราเสียงดังมานานเพียงใดแล้ว? การ


เคลื่อนไหวโหวกเหวกเช่นนี ้ ท่านพ่อท่านแม่ในฐานะประมุขจวนตระกูลถัง
ไม่มาดูดว้ ยตนเอง และไม่ได้สง่ ใครมาดูสกั คน ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าไม่
อยากยุง่ เรือ่ งนี.้ ..”

เจ้าว่าท่านพ่อท่านแม่ไม่ได้ยนิ การเคลือ่ นไหวของทีน่ งี่ นั้ หรือ หึๆ พวก


ท่านอาศัยอยู่ในเรือนทีไ่ ม่ไกลจากทีน่ ี่ การเคลือ่ นไหวเสียงดังขนาดนี ้ พวก
ท่านจะไม่ได้ยนิ เชียวหรือ? ก็แค่แสร้งไม่ได้ยนิ เท่านัน้ เอง...

ซ่งหรุย่ เอ๋อร์มองหน้าเจียงซินอย่างสาแก่ใจ เห็นว่าเจียงซินสีหน้าถมึงทึง


แลน่ากลัว พริบตาเดียวนางก็เงยหน้าขึน้ ส่งเสียงร้องตะโกน “ถังเยี่ย ถังเยี่ย
...เจ้าอยู่ท่ไี หน? ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี.้ ..”

บริเวณรอบๆ เงียบสนิท มีเพียงความเงียบเป็ นคาตอบ นอกจากความ


เงียบแล้วก็คือความเงียบ
สีหน้าของเจียงซินยิ่งถมึงทึงเข้าไปใหญ่ แผดเสียงออกมาอย่างเกรีย้ ว
กราด “ถังเยี่ย เจ้าไสหัวออกมาเดี๋ยวนีน้ ะ...”

บริเวณโดยรอบยังคงเงียบสนิท ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ สักนิด

ซ่งหรุย่ เอ๋อร์เห็นเจียงซินทาท่าจะร้องตะโกนขึน้ มาอีกครัง้ ก็เอ่ยตัดบท


นางด้วยความราคาญใจ “พอได้แล้ว พอได้แล้ว เลิกเรียกได้แล้ว...พี่เยี่ยก็
ไม่สนใจเจ้าหรอก...”

“เพราะเหตุใดกัน?” สายตาคมปลาบราวธนูปลายแหลมเจียงซินยิงตรง
ไปที่ซง่ หรุย่ เอ๋อร์...
ตอนที่ 1971 นับถอยหลังตอนอวสาน (9)

ซ่งหรุย่ เอ๋อร์ไม่สนใจแสร้งว่าไม่ได้ยิน เอ่ยขึน้ จังหวะเนิบนาบว่า “เพราะ


ตอนนีพ้ ่เี ยี่ยกาลังเขียนหนังสือหย่าอยู่ในห้องหนังสือน่ะสิ...” ไม่ได้อยู่ท่นี ่ี
เสียหน่อย ต่อให้เจียงซินร้องตะโกนจนเสียงแหบแห้ง เขาก็ไม่มีทางได้ยิน
ย่อมไม่ออกมาสนใจเรือ่ งของเจียงซิน...

แต่วา่ พี่เยี่ยไปห้องหนังสือระยะหนึง่ แล้ว น่าจะเขียนหนังสือหย่าใกล้


เสร็จแล้วกระมัง...

ซ่งหรุย่ เอ๋อร์ชอ้ นสายตามองไปยังประตูหอ้ งโถง พบบุรุษสวมชุดจิน้


ผาวเดินเข้ามาช้าๆ ใบหน้าหล่อเหลา บุคลิกสง่าผ่าเผย ซ่งหรุย่ เอ๋อร์เห็น
แล้วดวงตาพลันเป็ นประกายขึน้ มาทันที เดินเข้าไปหาด้วยความยินดี
ปรีดา “พี่เยี่ย...”

“หรุย่ เอ๋อร์” ถังเหย่เห็นซ่งหรุย่ เอ๋อร์ ก็อารมณ์ดียกยิม้ มุมปาก


ซ่งหรุย่ เอ๋อร์เองก็อารมณ์ดีเช่นกัน นางวิ่งมาอยูต่ รงหน้าเขาเอ่ยถาม
ตรงไปตรงมาว่า “ของเล่าเจ้าคะ?”

“อยู่น่ี!” ถังเหย่ยกมือชูกระดาษขาวแผ่นหนึ่งที่พบั ไว้ขนึ ้ มา

ซ่งหรุย่ เอ๋อร์ย่ืนมือคว้ามาได้ก็โยนให้เจียงซินโดยไม่อา่ นให้เสียเวลา


“หนังสือหย่าของเจ้า”

เจียงซินรับกระดาษมาก็เปิ ดอ่าน พบว่าด้านบนของกระดาษเขียนคา


ว่า ‘หนังสือหย่า’ ตัวใหญ่

นี่ก็เป็ นหนังสือหย่าจริงๆ ด้วย!

เจียงซินหัวเราะเสียงหยัน

รอยยิม้ นั่นทาให้ถงั เหย่รูส้ กึ ละอายแก่ใจและเกรงใจขึน้ ในอก “อาเซียง


อย่าโทษพวกเราเลยนะ...พวกเราเองก็ทาเพื่อจวนตระกูลถัง...”

“ข้าเข้าใจ ข้าไม่โทษพวกเจ้า” เจียงซินไม่ได้อ่านรายละเอียดในหนังสือ


หย่า สองมือประสานเก็บหนังสือหย่าขึน้ มาพลางเอ่ยว่า “ตอนแรก ตระกูล
ถังของพวกเจ้าเห็นตระกูลข้าเข้าตา จึงวางแผนแต่งข้าเข้ามา ตอนนี ้
ตระกูลถังของพวกเจ้ารังเกียจที่ครอบครัวข้ากระทาความผิดจึงเขียน
หนังสือหย่าให้ขา้ ...นิสยั เลวทรามต่าช้าของพวกตระกูลถัง เลือดเย็นไร้
สานึกเป็ นพฤติกรรมเคยชินของคนตระกูลถังอยู่แล้ว ตอนนีพ้ วกเจ้าก็แค่
ทาตามลักษณะนิสยั ของตนเองก็เท่านัน้ เอง ข้าจะไปถือโทษพวกเจ้าได้
อย่างไร...”

ซ่งหรุย่ เอ๋อร์ได้ฟังวาจาที่แฝงความกระทบกระทั่งแล้วก็มีอารมณ์โกรธ
ขึน้ มาทันที “หุบปาก!”

ซ่งหรุย่ เอ๋อร์มองนางด้วยหางตา “เหตุใดเล่า ถูกข้าพูดแทงใจดา ก็รูส้ กึ


โกรธขึน้ มารึ?”

“เจ้า...”

“หรุย่ เอ๋อร์!” ถังเหย่ตบหลังมือซ่งหรุย่ เอ๋อร์เบาๆ สื่อความนัยให้นางใจ


เย็นอย่าวูว่ าม จากนัน้ เขาก็เงยหน้าขึน้ มามองเจียงซินด้วยสายตาที่เต็มไป
ด้วยความจริงใจ “อาเซียง ไม่วา่ เจ้าจะเชื่อหรือไม่ แต่พวกเราก็ไม่ได้
ปรารถนาที่จะเขียนหนังสือหย่าให้เจ้า แต่เป็ นเพราะบิดาของเจ้ากระทา
ความผิด...อีกทัง้ ยังมิใช่เรือ่ งเล็กๆ...พวกเราถึงต้องตัดขาดความสัมพันธ์
กับเจ้า...”

“ข้าเข้าใจดี ทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าทาก็เพื่อตระกูลถัง” คนของตระกูลถังมี


ใจภักดีตอ่ ตระกูลถัง ขอเพียงเป็ นเรือ่ งที่เป็ นผลดีตอ่ ตระกูล ต่อให้วิธีการ
เลวทรามต่าช้าเพียงใดพวกเขาก็พร้อมที่จะทา แต่หากเป็ นคนหรือเรือ่ งที่
เป็ นผลร้ายต่อตระกูลถังแล้วละก็ พวกเขาก็สามารถกาจัดทิง้ โดยไม่ลงั เล
สักนิด แม้วา่ คนผูน้ นั้ จะเป็ นฮูหยินเอกของพวกเขาก็ตาม และต่อให้ฮหู ยิ
นเอกเคยนามาซึง่ ความสะดวกและผลประโยชน์แก่พวกเขามากมาย
เพียงใด แต่ถา้ ขัดขวางตระกูลถังแม้แต่นิดเดียว พวกเขาก็พร้อมที่จะสลัด
ทิง้ โดยไม่ลงั เล...

เจียงซินเอ่ยออกมาจนถังเยี่ยสะอึก คิดจะปฏิเสธแต่ก็จนใจไม่รูว้ า่ จะ
ปฏิเสธที่ตรงไหน ระหว่างที่ขมวดคิว้ คิดหาเหตุผลที่เหมาะสมนัน้ เจียงซิน
ก็หนั ไปสั่งการสาวใช้คนสนิทและแม่นมที่นางพามาจากตระกูลเจียงว่า
“ไปเก็บสินเดิมให้เรียบร้อยเถอะ...” เก็บเสร็จแล้วก็จะได้กลับจวนตระกูล
เจียงทันที จวนตระกูลถังไม่ตอ้ งการให้นางอยู่ นางก็ไม่อยากอยู่ท่นี ่ี
เหมือนกัน
“ช้าก่อน!” บรรดาสาวใช้และแม่นมยังไม่ทนั ตอบรับ ซ่งหรุย่ เอ๋อร์ก็ชิง
เอ่ยว่า “เจียงซิน เจ้าไม่ใช่ลาจาก แต่ถกู หย่าร้าง ผูท้ ่ถี กู หย่าไม่มีคณ
ุ สมบัติ
นาสินเดิมกลับไป...”

“อย่างนัน้ หรือ?” เจียงซินเอ่ยถามอย่างไม่ใคร่ไยดี

“แน่นอนอยูแ่ ล้ว” ซ่งหรุย่ เอ๋อร์เชิดหน้าขึน้ เอ่ยอย่างมั่นใจในกฎหมาย


แคว้นชิงเหยี่ยนมีเขียนเอาไว้อยู่

เจียงซินไม่สนใจนาง มองตรงไปที่ถงั เยี่ยไม่กะพริบตา “เจ้าก็คิดเช่นนี ้


หรือ?”

ถังเยี่ยหน้าตาเลิ่กลั่ก “เอ่อ...คือว่า...เรือ่ งนี.้ ..”

ตอนที่ 1972 นับถอยหลังตอนอวสาน (10)

ถังเยี่ยอา้ อึง้ อยู่เป็ นนาน ก็ไม่ได้เอ่ยประโยคถัดไปเสียที


เจียงซินแค่นยิม้ ด้วยความสมเพช หันกลับมาเตรียมจะเดินไปนับสิน
เดิมเจ้าสาวที่หอ้ งคลังกับสาวใช้และแม่นมที่พามาจากตระกูลเดิม

ไม่คิดว่าซ่งหรุย่ เอ๋อร์จะแผดเสียงร้องขึน้ ว่า “หยุดเดี๋ยวนีน้ ะ!”

เจียงซินทาราวกับว่าไม่ได้ยินสิ่งที่นางพูด ให้สาวใช้และแม่นมประคอง
เดินต่อไปเรือ่ ยๆ

ซ่งหรุย่ เอ๋อร์ทงั้ โกรธทัง้ ร้อนใจ สินเดิมเจ้าสาวของเจียงซินมีทงั้ ผ้าแพร


เครือ่ งประดับ ข้าวของสูงค่าที่นางหมายตาไว้ จะปล่อยให้เจียงซินนากลับ
ไปได้อย่างไร กวาดตามองไปรอบๆ ด้วยความกระวนกระวายใจ เมื่อหัน
ไปเห็นสาวใช้และแม่นมจงนตระกูลถังก็มีประกายตาแวววาวขึน้ มาทันที
ออกคาสั่งเสียงดังว่า “พวกเจ้ามัวยืนตะลึงอะไรกันอยู.่ ..ยังไม่รบี ไปขวาง
พวกนางไว้อีก...”

“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ...” บรรดาสาวใช้และแม่นมจวนตระกูลถังรับคาสั่ง ปรี่


เข้ามาขวางทางเดินพวกเจียงซินและล้อมพวกนางเอาไว้

เจียงซินถูกบีบบังคับจึงหยุดชะงักฝี เท้าครูห่ นึ่ง มองซ่งหรุย่ เอ๋อร์สายตา


เย็นชา “เหตุใดเล่า คิดจะแย่งสินเดิมเจ้าสาวข้าหรือ?”
“ไม่ใช่” ซ่งหรุย่ เอ๋อร์สา่ ยหน้า เอ่ยโดยสีหน้าไม่แปรเปลี่ยนว่า “พวกเรา
เพียงแค่ปฏิบตั ิตามกฎของแคว้นชิงเหยี่ยน...” กฎของแคว้นชิงเหยี่ยน
กาหนดเอาไว้ชดั เจนว่าสตรีท่ถี กู สามีหย่าต้องสละสินเดิมเจ้าสาว...

เจียงซินแค่นยิม้ หยัน “เลิกหาข้อแก้ตวั เสียที พวกเจ้าคิดจะแย่งสินเดิม


เจ้าสาวของข้าต่างหาก” กฎแคว้นชิงเหยี่ยนที่ระบุวา่ สตรีท่ถี กู สามีหย่า
ต้องสละสินเดิมเจ้าสาว หมายถึงสตรีผเู้ ป็ นภรรยาที่กระทาความผิดตาม
กฎเจ็ดข้อ บทลงโทษตามกฎของแคว้นชิงเหยี่ยนถึงยอมให้บรุ ุษผูเ้ ป็ นสามี
หย่าภรรยาและสละสินเดิมเจ้าสาว แต่นางไม่ได้กระทาความผิดใดๆ
เพียงแค่ตระกูลเดิมเกิดเรือ่ ง ฝั่งสามีกลัวว่าจะพลอยติดร่างแหจึงหย่านาง
...

เอ่ยกันตามตรงแล้วนางเป็ นผูไ้ ด้รบั ความเสียหายคนหนึ่ง กฎแคว้นชิง


เหยี่ยนข้อที่สตรีถกู สามีหย่าและต้องสละสินเดิมเจ้าสาวนี ้ ไม่เกี่ยวอะไร
กับนาง...

“เจ้าบอกว่าไม่เกี่ยวกับเจ้าก็หมายความว่าไม่เกี่ยวกับเจ้าหรือ?” ซ่ง
หรุย่ เอ๋อร์ไม่เห็นด้วยกับคาพูดของนาง “หลายเดือนที่เจ้าแต่งเข้ามาใน
จวนตระกูลถัง เจ้ากระทาความผิดไปไม่รูต้ งั้ เท่าไร เพียงแต่พ่เี ยี่ยเห็นแก่
ความเป็ นสามีภรรยาเลยไม่ได้เขียนก็เท่านัน้ เอง...”

“อย่างนัน้ หรือ” เจียงซินเอ่ยถามเสียงแข็ง มองหน้าถังเยี่ยก็พบว่าเขา


ก้มหน้าก้มตาลงไม่พดู ไม่จา ไม่รูว้ ่าคิดอะไรอยู่

ในสายตาของซ่งหรุย่ เอ๋อร์นนั้ การกระทาของเขาถือเป็ นการยอมรับสิ่ง


ที่นางเอ่ยมาเมื่อครูน่ ี ้ ซ่งหรุย่ เอ๋อร์ก็ย่ิงได้ใจ เอ่ยกับเจียงซินอย่างลาพองใจ
ว่า “แน่นอนอยู่แล้ว เจียงซินเมื่อเจ้ารูเ้ ช่นนีแ้ ล้วก็รบี พาสาวใช้และแม่นม
จากตระกูลเดิมออกจากจวนตระกูลถังไปโดยเร็ว ความผิดที่ผ่านมาของ
เจ้าพวกเราจะถือว่าเรือ่ งที่แล้วก็แล้วกันไป...”

“อ่อ” เจียงซินเลิกคิว้ มองซ่งหรุย่ เอ๋อร์ “แล้วหากข้าไม่อยากออกจาก


จวนตระกูลถังไปเช่นนีเ้ ล่า”

“เช่นนัน้ กอย่าโทษว่าพวกเราไม่เกรงใจก็แล้วกัน” ซ่งหรุย่ เอ๋อร์เอ่ย


เสียงเ**้้ยม ส่งสัญญาณมือ

บรรดาสาวใช้และแม่นมจวนตระกูลถังสาวเท้าบีบเข้าไปใกล้พวกเจียง
ซิน กามือทัง้ สองข้างอยู่ในท่าเตรียมพร้อม...
ส่วนถังเยี่ยนัน้ ราวกับว่าไม่เห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้า ยังคงก้มหน้า
มองต่าไม่เอ่ยอะไรออกมาเช่นเคย...

เจียงซินหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน “เพื่อแย่งสินเดิมเจ้าสาวของข้า
แล้ว พวกเจ้าทาได้ทกุ วิถีทางไม่ได้ดว้ ยเล่หก์ ็เอาด้วยกล...”

นางรูม้ าโดยตลอดว่าคนของจวนตระกูลถังต่าช้าไร้ยางอาย แต่นางไม่


เคยนึกเลยว่าพวกเขาจะเลวทรามต่าช้าได้ถึงเพียงนี ้ หย่านาง ตัดขาด
ความสัมพันธ์กบั นาง คิดไม่ถึงว่ายังต้องการขโมยสินเดิมเจ้าสาวของข้า
อีกด้วย...

ใช้ชีวิตมาเป็ นสิบปี นางก็พบเห็นคนเลวทรามต่าช้ามาไม่นอ้ ย แต่คนที่


เลวทรามต่าช้าถึงขัน้ นี ้ นางเพิ่งเคยเจอเป็ นครัง้ แรก...

เจียงซินมองถังเยี่ยและซ่งหรุย่ เอ๋อร์ดว้ ยสายตาเหยียดหยาม ก่อนจะ


หันไปผลักสาวใช้และแม่นมของจวนตระกูลถังที่ขวางนางอยู่ เดินออกไป
ข้างนอกโดยไม่หนั หลังกลับมา...

ซ่งหรุย่ เอ๋อร์ตกตะลึงกับการกระทาของนาง หลังจากได้เห็นก็เกรีย้ ว


กราด “เจียงซิน เจ้าจะทาอะไรน่ะ? เจ้าหยุดเดี๋ยวนีน้ ะ ข้าบอกให้หยุด...”
เจียงซินทาเหมือนว่าไม่ได้ยินเสียงนาง ยังคงเดินตรงไปข้างหน้าโดยไม่
หยุดเท้าและไม่หนั หลังกลับมามอง

ความโกรธในอกซ่งหรุย่ เอ๋อร์คกุ รุน่ แผดเสียงสั่งบรรดาสาวใช้และแม่


นมจวนตระกูลถังว่า “ขวางพวกนางเอาไว้...”

“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ...” บรรดาสาวใช้และแม่นมจวนตระกูลถังราวตื่นจาก


ฝัน มือไม้เป็ นประวิงพุง่ เข้าหาเจียงซิน รวมทัง้ สาวใช้และแม่นมจาก
ตระกูลเดิมของนาง...
ตอนที่ 1973 นับถอยหลังตอนอวสาน (11)

ทางเดินข้างหน้าถูกขวางอีกครัง้ เจียงซินถูกขวางทางจนต้องหยุดฝี เท้า


ลง กวาดสายตามองบรรดาสาวใช้และแม่นมของจวนตระกูลถังที่อยูแ่ ค่
เพียงเอือ้ มมือด้วยสายตาเย็นชา “หลีกไป!”

บรรดาสาวใช้และแม่นมของจวนตระกูลถังมองหน้าสบตากัน ถาม
อย่างเย้ยเยาะว่า “ฮูหยินน้อย...คุณหนูเจียง นี่เป็ นคาสั่งของนายท่าน
โปรดอย่าทาให้พวกเราลาบากใจเลยเจ้าค่ะ...”

แววตาของเจียงซินแปรเปลี่ยนเป็ นเย็นชาไร้ท่เี ปรียบขึน้ มาทันที ส่วน


ลึกนัยน์ตาเป็ นประกายเยือกเย็นดุดนั บรรดาสาวใช้และแม่นมจวน
ตระกูลถังเห็นแล้วรูส้ กึ หนาวยะเยือกจนตัวสั่นระริก ในใจรูส้ ึกกระวน
กระวาย ขณะคิดอยากจะพูดอะไรขึน้ ต่อ เจียงซินก็ชิงเอ่ยขึน้ ก่อนว่า “เอา
เถิด ข้าไม่ทาให้พวกเจ้าลาบากใจหรอก...”
พูดจบ เจียงซินก็ย่ืนมือไปโน้มกิ่งไม้จากต้นไม้ใหญ่ท่อี ยู่ใกล้มอื ออก
แรงหักกิ่งไม้ จากนัน้ ก็ปัดกิ่งไม้น่นั หวดลงไปบรรดาสาวใช้และแม่นใของ
จวนตระกูลถังที่ขวางทางนางอยู่...

“เพีย๊ ะ เพีย๊ ะ” กิ่งไม้หวดลงบนใบหน้าของบรรดาสาวใช้และแม่นมของ


จวนตระกูลถัง สลัดพวกนางไปอยู่ฝ่ ังหนึ่ง บรรดาสาวใช้และแม่นมจวน
ตระกูลถังส่งเสียงร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดดังทั่วบริเวณ “โอ๊ย...”

เหตุการณ์ท่เี กิดขึน้ อย่างกะทันหันนีท้ าเอาบรรดาสาวใช้และแม่นม


ต่างพากันตกตะลึงอยู่เป็ นนานกว่าจะได้สติกลับมา เงยหน้าขึน้ มองเจียง
ซิน พบว่านางถือกิ่งไม้อยู่ในมือ ยืนอยู่เงียบๆ ดวงตาคูง่ ามมองพวกนาง
นิ่งๆ “ยังมีใครกล้าขวางข้าอีกหรือไม่?”

บรรดาสาวใช้และแม่นมจวนตระกูลถังมองหน้ากันอีกครัง้ ขาดความ
มั่นใจ พาหันถอยร่นไปข้างหลังโดยไม่รูต้ วั

ซ่งหรุย่ เอ๋อร์เห็นเป็ นเช่นนัน้ ก็ไม่สบอารมณ์ “อย่าถอยนะ อย่าถอยนะ...


ใครถอย ข้าจะขายตัวคนผูน้ นั้ ออกไป...”
บรรดาสาวใช้และแม่นมของจวนตระกูลถังมองหน้ากันด้วยท่าทางน่า
สงสาร ทนฝื นปรีเ่ ข้าหาเจียงซิน...

เจียงซินไม่มีอาการแตกตื่นใดๆ กวัดแกว่งสะบัดกิ่งไม้ในมือ “เพีย๊ ะๆๆ


...เพีย๊ ะๆๆ...” หวดใส่บรรดาสาวใช้และแม่นมของจวนตระกูลถังกระเด็น
...

บรรดาสาวใช้และแม่นมตระดูลเดิมของเจียงซินเห็นเช่นนีก้ ็มองหน้า
สบตากันแววตาเป็ นประกายทาตามเจียงซินทุกกระเบียดนิว้ รุดไปหักกิ่ง
ไม้หวดใส่บรรดาสาวใช้และแม่นมของจวนตระกูลถังอย่างแรง...

“โอ๊ยๆๆ...” เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังระงม บรรดาสาวใช้และแม่


นมของจวนตระกูลถังพากันกุมศีรษะวิ่งหนีอตุ ลุด...

ทัง้ ลานตกอยู่ในความวุน่ วาย...

ซ่งหรุย่ เอ๋อร์ท่ยี ืนอยู่ไม่ไกล มองดูเจียงซินและคนของนางหวดกิ่งไม้


ใบรรดาสาวใช้และแม่นมของจวนตระกูลถังที่มีจานวนมากกว่าเป็ น
เท่าตัวจนต้องส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด สภาพน่าเวทนา เพลิงโกรธ
ในใจก็ปะทุขนึ ้ เป็ นระลอก คนมากมายเพียงนีก้ ลับยังสูพ้ วกเจียงซินแค่
หยิบมือไม่ได้ ช่างไร้ประโยชน์จริงๆ...

“พวกนางใช้ก่ิงไม้หวดใส่พวกเจ้า แล้วพวกเจ้าไม่รูจ้ กั ใช่ก่ิงไม้มาหวด


พวกนางหรืออย่างไร?” ซ่งหรุย่ เอ๋อร์แผดเสียงตวาดอย่างโกรธๆ

ใช่ๆ หักกิ่งไม้ หักกิ่งไม้...

บรรดาสาวใช้และแม่นมของจวนตระกูลถังราวตื่นจากหลับฝัน พากัน
ไปยังต้นไม้ใหญ่ในลานนั่น ไม่คิดว่าพวกนางยังไปไม่ถึงต้นไม้ใหญ่ บรรดา
สาวใช้และแม่นมของจวนตระกูลถังก็ว่งิ เข้ามาสะบัดกิ่งไม้หวดพวกนาง
จนต้องล่าถอยกลับมา...

พวกไร้ประโยชน์ พวกไร้ประโยชน์...ช่างไร้ประโยชน์เสียจริง...

ซ่งหรุย่ เอ๋อร์โมโหอย่างยิ่ง สารวมอาการไม่ไหวก้าวเท้าเร็วๆ เดินไปยัง


ต้นไม้ใหญ่ ออกแรงหักกิ่งไม้ลงมาอันหนึ่ง แกว่งมือหวดใส่สาวใช้ของเจียง
ซินที่ยืนอยู่ไม่ไกล ไม่คิดว่าจะมีก่ิงไม้อนั หนึ่งเข้ามาขวางนางเอาไว้ นาง
เงยหน้าขึน้ มองพบสีหน้าเย็นชาของเจียงซิน “ซ่งหรุย่ เอ๋อร์ คูต่ ่อสูข้ องเจ้า
คือข้า...”
ระหว่างที่พดู เจียงซินก็สะบัดกิ่งไม้ในมือหวดใส่หน้าซ่งหรุย่ เอ๋อร์ จนซ่ง
หรุย่ เอ๋อร์หน้าหันไป ซีกหน้าข้างหนึ่งของนางบวมขึน้ มา...

“โอ๊ย...ใบหน้าของข้า...ใบหน้าของข้า...” ซ่งหรุย่ เอ๋อร์สง่ เสียงกรีดร้อง


ใบหน้าซีกนัน้ ปวดแสบเป็ นริว้ ๆ นางอยากจะจับก็ไม่กล้า ไม่ตอ้ งส่อง
กระจกนางก็รูว้ า่ ตนเองได้รบั บาดเจ็บไม่นอ้ ย ดวงตาของนางแดงก่าขึน้ มา
ทันที สะบัดกิ่งไม้ใส่เจียงซินด้วยความเกรีย้ วกราด “เจียงซิน ข้าจะฆ่าเจ้า
...”
ตอนที่ 1974 นับถอยหลังตอนอวสาน (12)

เจียงซินไม่มีทา่ ทีกระวนกระวายเลยแม้แต่นอ้ ย ตวัดกิ่งไม้รบั มือซ่งหรุย่


เอ๋อร์ ได้ยินเสียงดัง “เพีย๊ ะ!” กิ่งไม้ในมือนางหวดลงบนใบหน้าอีกซีกหนึ่ง
ของซ่งหรุย่ เอ๋อร์ ทาเอาใบหน้าซีกนัน้ เป็ นรอยเลือดทางยาว...

“โอ๊ย โอ๊ย โอ๊ย...” ใบหน้าอีกซีกหนึ่งได้รบั บาดเจ็บ ดวงตาของซ่งหรุย่


เอ๋อร์แปรเปลี่ยนเป็ นแดงก่า ตวัดกิ่งไม้ใส่เจียงซินอย่างไม่คิดชีวิต...

มุมปากเจียงซินยกยิม้ หยัน ตวัดกิ่งไม้ในมือไม่หยุด ขณะที่ปัดกิ่งไม้


ของซ่งหรุย่ เอ๋อร์ได้แล้วก็หวดลงบนร่างกายนางราวกับลูกข่าง “เพีย๊ ะ
เพีย๊ ะ เพีย๊ ะ...เพีย๊ ะ เพีย๊ ะ เพีย๊ ะ...” กิ่งไม้หวดลงบนท่อนแขน เรียวขา ไหล่
หน้าอก หน้าท้อง หวดจนนางมีบาดแผลทั่วร่าง...

การกระทาของซ่งหรุย่ เอ๋อร์ชา้ ลงเรือ่ ยๆ เสียงร้องก็นา่ เวทนาขึน้ ทุกที...


คล้ายกับว่าเจียงซินไม่ได้ยิน หวดหนักมือขึน้ เรือ่ ยๆ หนักขึน้ เรือ่ ยๆ ซ่ง
หรุย่ เอ๋อร์ถกู หวดจนทนไม่ไหว ส่งเสียงร้องโอดครวญ “ช่วยด้วย...ช่วยข้า
ด้วย...”

ถังเยี่ยที่ยืนอยู่หา่ งออกไปไม่ไกลถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะ


กระโจนเข้ามาคว้ากิ่งไม้ในมือเจียงซินเอาไว้ เอ่ยกับนางว่า “เจียงซิน นาง
ถูกเจ้าทาร้ายจนเจ็บหนักแล้ว เจ้าก็หยุดมือเถอะนะ...”

เจียงซินยิม้ เย็น กระตุกกิ่งไม้กลับมา ตวัดกิ่งไม้หวดใส่ถงั เยี่ย...

เสียงกิ่งไม้หวดลงมาพาให้ถงั เยี่ยประกายตานิ่งขรึม พาซ่งหรุย่ เอ๋อร์


ก้าวถอยหลังหลบวิถีก่ิงไม้ท่หี วดลงมา ขมวดคิว้ เอ่ยกับเจียงซินว่า “เจียง
ซิน เจ้าอย่าได้ทาเกินไปนัก...”

สิ่งที่ตอบถังเยี่ยมีเพียงเสียงหวดกิ่งไม้...

ถังเยี่ยสีหน้าบึง้ ตึง เบี่ยงกายหลบกิ่งไม้ท่หี วดลงมา เขามีทา่ ทางจริงจัง


ขึน้ มาทันที ไม่ฟังคาของเขาแล้วยังจะทาร้ายเขาอีก ช่างรนหาที่ตายจริงๆ
...
“ขวับ!” กิ่งไม้หวดลงมาอีกครัง้ ถังเยี่ยยิม้ เย็น ยื่นมาฉวยกิ่งไม้สภาพ
ยับเยินในมือซ่งหรุย่ เอ๋อร์มารับมือ...

“เพีย๊ ะ เพีย๊ ะ เพีย๊ ะ...เพีย๊ ะ เพีย๊ ะ เพีย๊ ะ...” ถังเยี่ยกับเจียงซินต่อสูก้ นั


เสียงดังสนั่น...

ท่ามกลางอากาศนัน้ การต่อสูร้ ะหว่างมูห่ รงเสวี่ย มูห่ ลิวเฟิ ง บุรุษในชุด


คลุม หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องและจินหลายไฉเองก็ดาเนินมาถึงจุดสาคัญ วิถี
ร่างของมูห่ รงเสวี่ยรวดเร็วดุจสายลม กระบี่ยาวในมือก็รา่ ยราไม่เว้นว่าง
ทุกการออกกระบี่ลว้ นมุง่ เน้นใส่จดุ อ่อนหรือจุดตายของศัตรู...

พัดของมูห่ ลิวเฟิ งเดี๋ยวกางออกเดี๋ยวพับเก็บ เดี๋ยวรุกเดี๋ยวถอยทัง้


รวดเร็วและประหลาด ทาเอาศัตรูตรงหน้ายากจะป้องกันหรือหลบหลีกได้
...

วงล้อมของบุรุษในชุดคลุม หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องและจินหลายไฉ ไม่


เพียงแต่ทาอะไรพวกเขาไม่ได้ กลับกันยังมีแนวโน้มเป็ นฝ่ ายถูกพวกเขาทา
ร้าย...
โดยเฉพาะมูห่ รงเสวี่ยที่หาโอกาสโจมตีหวั หน้ากลุม่ แมงป่ องได้ ก็สกู้ บั
หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องจนเขาต้องถอยร่นไปเรือ่ ยๆ และยังบีบให้เขาถอยไป
ทางบุรุษในชุดคลุมกับจินหลายไฉ เมื่อเขาถอยไปอยู่ขา้ งบุรุษในชุดคลุม
กับจินหลายไฉแล้ว นางก็ออกกระบวนท่าซัดหัวหน้ากลุม่ แมงป่ อง ตอนที่
สูก้ บั หัวหน้ากุลม่ แมงป่ องก็พวั พันบุรุษในชุดคลุมกับจินหลายไฉด้วย...

บุรุษในชุดคลุมกับจินหลายไฉมองแผนการของมูห่ รงเสวี่ยออก คิดจะ


ผลักหัวหน้ากลุม่ แมงป่ องออกจากวงต่อสู้ แต่ทกุ ครัง้ ที่พวกเขาลงมือผลัก
คนออกไปนัน้ มูห่ รงเสวี่ยก็หาโอกาสโจมตีหวั หน้ากลุม่ แมงป่ องและพัวพัน
พวกเขา...

หลายครัง้ ต่อมา ไม่ตอ้ งพูดถึงว่าไม่มีใครผลักหัวหน้ากลุม่ แมงป่ อง ยัง


พัวพันบุรุษในชุดคลุมกับจินหลายไฉ ทาให้พวกเขาได้รบั บาดเจ็บสาหัส
โดนลูกหลงไปด้วยได้รบั บาดเจ็บ...

สีหน้าของบุรุษในชุดคลุมเคร่งขรึม หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องได้รบั บาดเจ็บ


สาหัส ถือเป็ นจุดอ่อนในการต่อสูข้ องพวกเขา และจุดอ่อนที่วา่ นีเ้ ป็ นคน
ของฝั่งเขาเอง ส่วนศัตรูของพวกเขาคือมูห่ รงเสวี่ยผูซ้ ง่ึ หาจุดอ่อนและ
นามาใช้ประโยชน์ ทาให้กาลังต่อสูข้ องพวกเขาที่ดเู หมือนสูงกว่ามูห่ รง
เสวี่ยตกอยู่ในการควบคุมของนาง...

หากเป็ นเช่นนีต้ อ่ ไป มีโอกาสเป็ นไปได้วา่ พวกเขาจะพ่ายแพ้แก่มหู่ รง


เสวี่ย...
ตอนที่ 1975 นับถอยหลังตอนอวสาน (13)

พวกเขายังมีเรือ่ งที่ตอ้ งไปจัดการอีก จะพ่ายแพ้ต่อมูห่ รงเสวี่ยม่ได้


เด็ดขาด!

นัยน์ตาเคร่งขรึมของบุรุษในชุดคลุมเป็ นประกายวาววับ มองมูห่ รง


เสวี่ยสายตาเย็นชา กลับพบว่ามูห่ รงเสวี่ยเตะหัวหน้ากลุม่ แมงป่ องพุง่ มา
ทางเขาอย่างแรง...

เขาขมวดคิว้ คิดจะเบี่ยงกายหลบ ทว่ามูห่ ลิวเฟิ งที่ไม่รูม้ าจากที่ใดกาง


พัดใส่หวั หน้ากลุม่ แมงป่ อง ทาให้หวั หน้ากลุม่ แมงป่ องเบนทิศทางทางพุง่
ตรงใส่เขา เขาอยากจะหลบก็ไม่ทนั เสียแล้ว หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องกระแทก
เขาอย่างแรง จนเขาถลาไปข้างหลังหลายก้าว เจ็บปวดบริเวณหน้าอก
ขึน้ มาเป็ นระลอก...

น่ารังเกียจยิ่งนัก มาไม้นีอ้ ีกแล้ว!


บุรุษในชุดคลุมสีหน้าบึง้ ตึงแลดูน่ากลัว มองศัตรูดว้ ยความแค้นเคือง
กลับพบว่าผูเ้ ป็ นศัตรูตวัดกระบี่เข้ามา บุรุษในชุดคลุมตวัดฝ่ ามือรับ...

จินหลายไฉเองก็กาลังต่อสูก้ บั มูห่ ลิวเฟิ งศัตรูอีกคนหนึ่งของพวกเราอยู่


...

เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง! เสียงการต่อสูด้ งั สนั่นสะเทือนแก้วหู...

ฝ่ ายมูห่ รงเสวี่ยเองก็กาลังต่อสูก้ บั บุรุษในชุดคลุมที่สไู้ ปพลาง ‘ดูแล’


หัวหน้ากุลม่ แมงป่ องไปด้วย ฝ่ ายมูห่ ลิวเฟิ งเองก็กาลังต่อสูก้ ับจินหลายไฉ
ที่สไู้ ปพลาง ‘ดูแล’ หัวหน้ากุลม่ แมงป่ องไปด้วย ใช้หวั หน้ากลุม่ แมงป่ องมา
เป็ นภาระพัวพันบุรุษในชุดคลุมกับจินหลายไฉ...

บุรุษในชุดคลุมกับจินหลายไฉสูก้ บั มูห่ รงเสวี่ยและมูห่ ลิวเฟิ งไม่เป็ นต่อ


เลยสักนิด ซา้ ยังถูกทาร้ายจนต้องถอยร่น...

สีหน้าของบุรุษในชุดคลุมบึง้ ตึงอีกครัง้ มูห่ รงเสวี่ยส่งสัญญาณเป็ นอัน


รับรูก้ นั กับมูห่ ลิวเฟิ ง จะใช้หวั หน้ากลุม่ แมงป่ องเป็ นจุดอ่อนอีกครัง้ หนึง่
อย่าพูดถึงเรือ่ งเอาชนะพวกนางเลย แค่คิดจะสลัดพวกเขาพ้นไปยังเป็ น
เรือ่ งยากแล้ว...
แล้วจะทาเช่นไรดี?

พวกเขายังมีเรือ่ งสาคัญที่ตอ้ งไปจัดการอีก...

บุรุษในชุดคลุมขมวดคิว้ แน่น กวาดสายตามองไปรอบๆ ด้วยความร้อน


ใจ พลันเหลือบไปเห็นความวุน่ วายในจวนตระกูลถังเข้าโดยบังเอิญ
ดวงตาเขาก็เป็ นประกายขึน้ มาทันที เอ่ยสั่งการเสียงสูง “ถังเยี่ย เลิก
ทะเลาะกันได้แล้ว รีบไปที่คกุ หลวงกรมอาญาแล้วสังหารขุนนางฝ่ ายบุน๋ บู๊
ที่ถกู คุมตัวอยู่ในนัน้ เสีย...”

...

คาพูดของเขาหมายความว่าอย่างไร?

ผูค้ นในจวนตระกูลถังพากันชะงักการเคลื่อนไหว มองถังเยี่ยด้วยความ


ตกใจ

มูห่ รงเสวี่ยและมูห่ ลิวเฟิ งเองก็ถกู คาพูดประโยคนีท้ าให้ชะงักไปครูห่ นึ่ง


แต่ก็ไม่ได้หยุดการต่อสู้ แค่แบ่งความสนใจส่วนหนึ่งไปอยู่ท่ถี งั เยี่ย...
เห็นว่าถังเยี่ยที่ตกเป็ นเป้าสายตาของทุกคนเงยหน้ามองบุรุษในชุด
คลุมกลางอากาศ แววตาตะลึงราวกับไม่มีปฏิกิรยิ าตอบสนองใดๆ

แววตาของบุรุษในชุดคลุมเป็ นประกายความราคาญใจขึน้ มาวูบหนึ่ง


เอ่ยว่า “มัวตะลึงอะไรอยู่?! ยังไม่รบี ไปที่คกุ หลวงกรมอาญาอีก...”

เสียงตาหนิอย่างไม่เกรงใจนัน้ ทาให้ถงั เยี่ยได้สติ สายตาเป็ นประกาย


ไหววูบ ลอบมองเจียงซิน ซ่งหรุย่ เอ๋อร์ รวมถึงบรรดาสาวใช้และแม่นมของ
จวนตระกูลถัง พบว่าพวกนางเองก็มองมาที่เขาด้วยความตกตะลึง เห็นได้
ชัดว่าได้ยินสิ่งที่บรุ ุษในชุดคลุมเอ่ยชัดเจน...

มุมปากถังเยี่ยยกยิม้ หดหู่ ตัวตนของเขาถูกเปิ ดโปงแล้ว ช่างไม่ถกู เวลา


เอาเสียเลย...

“ถังเยี่ย เจ้ายังมัวยืดยาดอะไรอยูอ่ ีก?” ถังเยี่ยไม่พดู จาไม่ขยับอยูเ่ ป็ น


นาน บุรุษในชุดคลุมเห็นแล้วไม่สบอารมณ์ จึงตวาดถามเสียงดัง

ถังเยี่ยได้สติเอ่ยอย่างนอบน้อม “ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี”้ ตัวตนของเขา


ถูกเปิ ดโปงแล้ว คนทัง้ ลานกว้างล้วนรับรู ้ เขาไม่มีอะไรต้องปิ ดบังอีกต่อไป
...
ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของผูค้ นในจวนตระกูลถัง ถังเยี่ยหันหลัง
เดินออกไปทางนอกจวน ไม่คิดเลยว่าเขาเพิ่งจะเดินไปได้สองก้าว ก็มีเงา
ร่างอรชรพรวดมาขวางทางเขาไว้ เอ่ยกับเขาเสียงแข็งว่า “ถังเยี่ย เจ้าเป็ น
คนของกลุม่ เบญจพิษจริงหรือ?” กลุม่ เบญจพิษตามหมายจับของแคว้น
ชิงเหยี่ยน...

ถังเยี่ยสบสายตาเจียงซินที่มองมาแล้วพยักหน้าน้อยๆ “จริง” ตัวตน


ของเขาถูกเปิ ดโปง ไม่มีอะไรให้ไม่ยอมรับ

“แล้วที่ทา่ นพ่อข้าถูกปรักปรา เป็ นผลงานของพวกเจ้าใช่หรือไม่?” เจียง


ซินเอ่ยถามเสียงกร้าว มองเขาตาไม่กะพริบ ไม่ละสายตาจากทุกๆ ท่าที
ของเขา

เอ่อ...

จะพูดเช่นไรดีเล่า?

บิดาของเจียงซินถูกปรักปรา คนของกลุม่ เบญจพิษเป็ นผูล้ งมือ แต่เขา


ไม่ได้สอดมือเข้าไปยุ่ง...
ถังเยี่ยขมวดคิว้ หน้างอ

เจียงซินรูว้ า่ เขาคิดอะไรอยู่ จึงเอ่ยเสียงแข็งว่า “ท่านพ่อของข้าถูกคน


ของกลุม่ เบญจพิษปรักปราก็พอแล้ว เจ้ามีส่วนร่วมหรือไม่ก็ไม่สาคัญ”

ระหว่างที่พดู นัน้ เจียงซินก็สะบัดข้อมือ ดาบเล่มสัน้ เล่มหนึ่งปรากฏอยู่


ในมือของนาง นางจับดาบแทงใส่ถงั เยี่ยอย่างไม่ปรานี...

ถังเยี่ยเป็ นคนของกลุม่ เบญจพิษ เป็ นพวกเดียวกับคนที่ปรักปราท่าน


พ่อของนาง นางย่อมปล่อยไปไม่ได้...

ประจวบเหมาะกับซ่งหรุย่ เอ๋อร์ท่ยี ืนตะลึงอยู่ได้สติขนึ ้ มา พบว่าเจียงซิ


นแทงดาบสัน้ ใส่ถงั เยี่ย ดวงตาคูง่ ามก็วาวโรจน์ดว้ ยความโกรธ “ใครก็ได้
รีบไปช่วยพี่เยี่ยเร็วเข้า!...”

“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ...” บรรดาสาวใช้และแม่นมของจวนตระกูลถังที่อยู่ใน


ภวังค์ได้สติขนึ ้ มา พากันกรูเข้าไปช่วยเหลือ...
บรรดาสาวใช้และแม่นมตระกูลเดิมของเจียงซินสบตากัน กระชับกิ่งไม้
ในมือพากันเข้าไปช่วยเจียงซิน

จวนตระกูลถังพลันโกลาหลขึน้ มาอีกครัง้ ...


ตอนที่ 1976 นับถอยหลังตอนอวสาน (14)

ถังเยี่ยยืนอยู่ตรงกลางวงต่อสู้ ถูกบ่าวรับใช้ตระกูลเจียงและบรรดาบ่าว
รับใช้ตระกูลถังล้อมรอบเอาไว้แน่นหนา ปลีกตัวไปไหนไม่ได้ ยิ่งไม่ตอ้ งไป
พูดถึงการให้ไปทาเรือ่ งอื่นเลย บุรุษในชุดคลุมเห็นแล้วสีหน้าเคร่งขรึม ช่าง
เป็ นคนที่ไร้ประโยชน์เสียจริง!

หางตาเหลือบไปเห็นว่ามูห่ รงเสวี่ยกับมูห่ ลิวเฟิ งเองก็กาลังให้ความ


สนใจกับถังเยี่ย บุรุษในชุดคลุมก็ฉวยจังหวะที่มหู่ รงเสวี่ยกับมูห่ ลิวเฟิ งไม่
ทันสังเกตลอบปลีกตัวออกจากวงต่อสูอ้ ย่างเงียบๆ คว้าหัวหน้ากลุม่ แมง
ป่ องและจินหลายไฉเหินทะยานไปทางคุกหลวงกรมอาญา ถังเยี่ยไป
สังหารขุนนางฝ่ ายบุน๋ บู๊ท่คี กุ หลวงกรมอาญาไม่ได้ พวกเขาก็ตอ้ งไปกันเอง
...

มูห่ รงเสวี่ยและมูห่ ลิวเฟิ งขมวดคิว้ ทะยานตัวไล่ตามไปติดๆ...

หลังจากผ่านไปสักครูห่ นึ่ง ทัง้ สองก็ไล่ตามบุรุษในชุดคลุม หัวหน้ากลุม่


แมงป่ องและจินหลายไฉได้ทนั ทัง้ สองฝ่ ายสูร้ บตบมือกันอีกครัง้ ...
คนทัง้ ห้าเหินทะยานไปพลางสูร้ บตบมือกันไป จนมาถึงถนนสายที่เป็ น
ที่ตงั้ ของคุกหลวงกรมอาญาโดยไม่รูต้ วั มองไปไกลๆ เห็นกลุม่ ควันพวยพุง่
ออกจากคุกหลวงกรมอาญาลอยขึน้ ฟ้า...

บุรุษในชุดคลุมรูส้ กึ แปลกใจขึน้ มาทันทีก่อนจะเข้าใจในบัดดล เริม่ เผา


คุกหลวงกรมอาญาแล้วสินะ ดูเหมือนว่านอกจากถังเยี่ยแล้วจะมีคนกลุม่
ห้าพิษคนอื่นได้ยินคาสั่งของเขาแล้วรุดหน้ามาจัดการ...

ทว่ามูห่ รงเสวี่ยเห็นแล้วกลับมีสีหน้าเปลี่ยนไป แย่แล้วเกิดเรือ่ งขึน้ ที่คุ


หลวงกรมอาญาเสียแล้ว “มูห่ ลิวเฟิ ง รีบไปช่วยคนในคุกหลวงเร็วเข้า”

มูห่ ลิวเฟิ งมองดูคกุ หลวงที่ควันท่วมพวยพุง่ ขึน้ ท้องฟ้า แล้วหันไปมอง


บุรุษในชุดคลุม หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องและจินหลายไฉที่สรู้ บตบมือกับพวก
เขาก่อนจะคว้าแขนมูห่ รงเสวี่ยลากนางกระโจนไปยังคุกหลวงกรมอาญา
ด้วยกัน “พวกเราไปด้วยกัน” เขาไม่วางใจที่จะทิง้ มูห่ รงเสวี่ยให้รบั มือกับ
สามคนนัน้ เพียงลาพัง
“คิดจะหนีหรือ ไม่ง่ายดายเช่นนัน้ หรอก” บุรุษในชุดคลุม หัวหน้ากลุม่
แมงป่ องและจินหลายไฉเหินทะยานไล่ตามมา ขวางทางมูห่ รงเสวี่ยและมู่
หลิวเฟิ งเอาไว้

มูห่ รงเสวี่ย “...”

ก่อนหน้านีน้ างเป็ นฝ่ ายขวางทางบุรุษในชุดคลุม หัวหน้ากลุม่ แมงป่ อง


และจินหลายไฉ ตอนนีเ้ ปลี่ยนเป็ นพวกเขาสามคนขวางทางนางไว้ ฮวงจุย้
ช่างผันผวนช่างเสียจริง...

แต่วา่ คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะกล้าขวางนาง ช่าง...รนหาที่ตายจริงๆ


เลย

มูห่ รงเสวี่ยสะบัดข้อมือ ปรากฏกระบี่ยาวเล่มหนึ่งในมือ นางออกกระบี่


แฝงไอสังหารแทงใส่บรุ ุษในชุดคลุม หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องและจินหลายไฉ
อย่างไม่ปรานี...

บุรุษในชุดคลุม หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องและจินหลายไฉถอยหลังอย่าง


รวดเร็ว ไม่คิดว่าพลังกระบี่จะมีจดุ สีดาสามลูกโจมตีใส่พวกเขา จุดสีดานั่น
เล็กมาก ตอนที่ทงั้ สามรูส้ กึ ตัวก็หลบไม่ทนั เสียแล้ว ทาได้เพียงตวัดฝ่ ามือ
ตัง้ รับ ได้ยินเสียงดัง “ตูม ตูม ตูม!” จุดสีดานั่นระเบิดตรงหน้าทัง้ สามคน
ทัง้ สามส่งเสียงร้องด้วยความทรมานดังก้องทั่วบริเวณ “โอ๊ย...”

ท่ามกลางกลุม่ ควันลอยละล่อง มูห่ ลิวเฟิ งเห็นว่ามือของบุรุษในชุด


คลุม หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องและจินหลายไฉถูกแรงระเบิดเลือดสาดกระเซ็น
สภาพมือเละแทบดูไม่ได้ พวกเขากุมมือที่ได้รบั บาดเจ็บถลึงตาจ้องมูห่ รง
เสวี่ยด้วยความเคียดแค้น หันหลังวิ่งขึน้ มุง่ หน้าจากไป...

คิดหนีหรือ ไมง่ายเพียงนัน้ !

มูห่ รงเสวี่ยแค่นเสียงหยัน สะบัดไล่กลุม่ ควันก่อนจะไล่ตามสามคนนัน้


ไป...

มูห่ ลิวเฟิ งตะลึงไปครูห่ นึ่ง ก่อนจะไล่ตามไป

หยดเลือดที่พนื ้ เป็ นหย่อมๆ หยดลงบนสิ่งปลูกสร้างที่คนุ้ เคยแห่งหนึง่


...

คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะมาถึงคุกหลวงกรมอาญาเสียได้...
มุมปากมูห่ ลิวเฟิ งกระตุก ปรายตามองกองเลือดที่ยงั คงสดใหม่ตาม
ทางแล้วอดไม่ได้ท่จี ะเอ่ยว่า “พวกเขาได้รบั บาดเจ็บสาหัส...”

“ใช่แล้ว” มูห่ รงเสวี่ยพยักหน้า บุรุษในชุดคลุม หัวหน้ากลุม่ แมงป่ อง


และจินหลายไฉได้รบั บาดเจ็บสาหัสจริงๆ นั่นล่ะ ไม่อย่างนัน้ ไม่มีทางที่จะ
มีเลือดมากมายเช่นนี.้ ..

“เมื่อครูน่ ี.้ ..เจ้าโยนสิ่งใดไปหรือ” มูห่ ลิวเฟิ งครุน่ คิดอยู่ช่ วั ครู ่ ก่อนจะ


เอ่ยถามอย่างอดรนทนไม่ไหว ความจริงก็คือคิดไม่ถึงว่าสิ่งของเล็กๆ นั่น
จะทาให้บรุ ุษในชุดคลุม หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องและจินหลายไฉบาดเจ็บ
หนักเช่นนัน้ ได้ เขาแปลกใจเสียจริง...

“ลูกระเบิดมือจิ๋ว” มูห่ รงเสวี่ยเอ่ยเบาๆ แววตาสุขมุ ลูกระเบิดมือจิ๋วเป็ น


สิ่งที่นางคิดค้นขึน้ มาไม่ก่ีวนั ก่อน มีขนาดเล้กพกพาสะดวก แต่พลัง
ทาลายล้างใกล้เคียงกับลูกระเบิดขนาดใหญ่ก่อนหน้านี ้ เพียงแต่วา่ ลูก
ระเบิดขนาดจิ๋วยังอยู่ระหว่างการพัฒนา ประสิทธิภาพยังไม่เสถียร ดังนัน้
ตอนที่ต่อสูก้ บั พวกเขาสามคนนางจึงไม่ได้นาออกมาใช้ ไม่คิดว่าบุรุษใน
ชุดคลุม หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องและจินหลายไฉจะขวางทางนาง นางเกิด
อารมณ์โมโหจึงโยนลูกระเบิดมือจิ๋วออกไป ให้พวกเขาเป็ นผูท้ ดลองสินค้า
ลูกระเบิดขนาดจิ๋วชุดแรก...

มูห่ ลิวเฟิ ง “...”

บุรุษในชุดคลุมผูโ้ ชคร้าย หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องผูโ้ ชคร้ายและจินห


ลายไฉผูโ้ ชคร้าย...
ตอนที่ 1977 นับถอยหลังตอนอวสาน (15)

คุกหลวงกรมอาญากลุม่ ควันโขมง ผูค้ มุ แต่ละคนถือถังนา้ วิ่งดับไฟกัน


จ้าละหวั่น...

นักโทษในชุดต้องขัง สวมกุญแจมือและตรวนข้อเท้าถูกช่วยออกมา
จัดการให้อยู่ในสถานที่ปลอดภัยคนแล้วคนเล่า

มูห่ รงเสวี่ยกวาดสายตามองสถานที่ปลอดภัยสองรอบ ไม่พบคนที่รูจ้ กั


คุน้ เคยก็อดไม่ได้ท่จี ะเอ่ยถามว่า “นักโทษที่ช่วยออกมาได้อยู่ท่นี ่ีหมดเลย
หรือไม่?”

“ใช่” หัวหน้าผูค้ มุ นายหนึ่งพยักหน้า นักโทษที่ช่วยออกมาได้จดั ให้อยู่


ตรงนีท้ งั้ หมด นักโทษที่ไม่ได้อยู่ตรงนีล้ ว้ นยังอยู่ในคุกหลวง

มูห่ รงเสวี่ยใจหนักอึง้ มองดูคกุ หลวงที่เต็มไปด้วยกลุม่ ควันโขมง เปลว


เพลิงพวยพุง่ ด้วยสายตาจริงจัง ก่อนจะวิ่งเข้าไป...
“เจ้าเข้าไปไม่ได้นะ เจ้าเข้าไปไม่ได้...” มีเสียงตะโกนเตือนของผูค้ มุ แว่ว
ตามหลังมา มูห่ รงเสวี่ยแสร้งทาเป็ นไม่ได้ยิน มุง่ หน้าตรงเข้าไปยังคุก
หลวง

ภายในคุกหลวงกลุม่ ควันตลบ เมื่อมุห่ รงเสวี่ยเข้าไปก็สาลักไอค่อก


แค่ก นางหยิบผ้าไหมผืนหนึ่งปิ ดปากและจมูกของตนเองไว้ ก่อนจะวิ่งเข้า
ไปด้านในคุกหลวง วิ่งไปพลางส่งเสียงร้องเรียก “ฟางเฟย ฟางเฟย...”

ทว่าไม่มีเสียงตอบรับใดๆ กลับมา

ผูค้ มุ คนแล้วคนเล่าบ้างก็ถือถังนา้ บ้างก็ประคองนักโทษวิ่งผ่านข้างตัว


นางไป...

มูห่ รงเสวี่ยไม่ย่อท้อ นางวิ่งตรงไปเรือ่ ยๆ วิ่งไปพลางส่งเสียงร้องเรียก


“ฟางเฟย ฟางเฟย...”

ยังคงไม่มีเสียงตอบรับใดๆ กลับมาเช่นเคย...

มูห่ รงเสวี่ยวิ่งต่อไปเรือ่ ยๆ...


กลุม่ ควันในคุกหลวงอบอวล โอกาสที่จะหาพบน้อยมาก มูห่ รงเสวี่ยวิ่ง
คลาทางไปข้างหน้า วิ่งไปก็ไม่หยุดส่งเสียงร้องเรียก...

ยังคงไม่มีเสียงตอบรับของหยวนฟางเฟยเช่นเคย แต่มีเสียงอ่อนระโหย
ร้องขอความช่วยเหลือดังขึน้ ท่ามกลางกลุม่ ควันว่า “ชะ...ช่วย...ช่วยด้วย
...”

มูห่ รงเสวี่ยชะงักเท้า หันมามองจุดกาเนิดเสียงที่แว่วมา พบว่าในห้อง


ขังที่อยู่ไม่ไกลออกไปมีนกั โทษถูกขังอยู่สามคน เป็ นสตรีวยั กลางคนผูห้ นึง่
กับเด็กน้อยอายุราวสิบปี ทัง้ สามหมอบอยูมมุ ห้องกอดกันแน่น เนือ้ ตัว
มอมแมมทว่าดวงตาเป็ นประกายสุกสกาว ท่าทางสุภาพ แค่มองดูก็รูไ้ ด้
ทันทีว่าได้รบั การเลีย้ งดูส่งั สอนมาเป็ นอย่างดี...

...

พวกเขาน่าจะเป็ นครอบครัวขุนนางที่ถกู ปรักปรา...

มูห่ รงเสวี่ยยกมือขึน้ ตวัดกระบี่ฟันโซ่ประตูหอ้ งขังที่พวกเขาอยู่ “รีบ


ไป!” สตรีวยั กลางคนตะลึงไปชั่วขณะ นัยน์ตาเป็ นประกายยินดี “ขอบคุณ
เจ้าค่ะ” นางโซซัดโซเซไปที่ประตูหอ้ งขัง เปิ ดประตูออกกว้าง รวบตัวเด็ก
น้อยทัง้ สองโซซัดโซเซไปยังด้านนอกคุกหลวง...

ข้างๆ ห้องคุมขังนีร้ วมไปถึงห้องถัดๆ ไปล้วนใช้คมุ ขังเด็กและคนชราที่


สภาพมอมแมม ทว่ากลับสวมอาภรณ์หรูหรา ท่วงท่าไม่ปกติ เห็นได้ชดั ว่า
พวกเขาเองก็เป็ นครอบครัวของขุนนาง

มูห่ รงเสวี่ยตวัดกระบี่ยาวฟั นโซ่ลา่ มประตูหอ้ งขังดัง ‘เคร้ง เคร้ง เคร้ง!’


“รีบไป...รีบไปเร็วเข้า...รีบไป...”

“ขอบคุณ...” ครอบครัวเหล่าขุนนางพากันเอ่ยขอบคุณ วิ่งออกไปจาก


ห้องขัง วิ่งออกไปข้างนอก...

มูห่ รงเสวี่ยวิ่งเข้าไปส่วนลึกของคุกหลวง วิ่งไปพลางฟั นโซ่ลา่ มประตู


ห้องขัง...

หลายครอบครัวถูกปล่อยออกมา วิ่งปรีอ่ อกไปนอกคุกหลวงด้วย


สายตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึง้ ยินดี...
มูห่ รงเสวี่กลับไม่ได้ยินดีเท่าไรนัก คิว้ เรียวน่ามองขมวดเข้าหากัน ห้อง
ขังเหล่านีไ้ ม่มีฟางเฟย แล้วฟางเฟยถูกขังไว้ท่ใี ดกันนะ...

“ช่วยด้วย...ช่วยด้วย...” เสียงอ่อนแรงทว่าคุน้ หูรอ้ งขอความช่วยเหลือ


ดังแว่วมาไกลๆ มูห่ รงเสวี่ยดวงตาเป็ นประกาย นี่เป็ นเสียงของหยวนฟาง
เฟย...

ก้าวเท้าเร็วๆ วิ่งไปยังห้องขังที่เกิดเสียงดังขึน้ เพ่งสายตามองไปข้างใน


พบว่าท่ามกลางสายตาพร่ามัวนัน้ เห็นเงาร่างอวบอ้วนของคนผูห้ นึง่
หมอบอยู่บนกองหญ้าแห้ง กุมปากไอค่อกแค่ก “แค่ก แค่ก แค่ก...ชะ...
ช่วยด้วย...แค่ก แค่ก แค่ก...”

ฟางเฟย เป็ นฟางเฟยจริงๆ ด้วย!

มูห่ รงเสวี่ยเกิดความรูส้ กึ ยินดี ตวัดกระบี่ฟันโซ่ลา่ มประตูหอ้ งขัง วิ่งเข้า


ไป “ฟางเฟย...”

หยวนฟางเฟยเงยหน้าขึน้ มาเห็นเป็ นมูห่ รงเสวี่ยก็แปลกใจยิ่งนัก “มู่


หรงเสวี่ย เจ้ามาได้อย่างไร...แค่ก แค่ก...”
“มาช่วยเจ้าอย่างไรเล่า” มูห่ รงเสวี่ยเอ่ยเสียงแผ่วเบา ตวัดกระบี่ฟัน
กุญแจมือและตรวนข้อเท้า จากนัน้ ก็ย่ืนมือเข้าไปดึงแขนหยวนฟางเฟย
พยุงตัวนางขึน้ มา ไม่คิดว่าหยวนฟางเฟยเห็นหน้านางก็สีหน้าเปลี่ยน
ฉับพลัน “ระวัง...”
ตอนที่ 1978 นับถอยหลังตอนอวสาน (16)

มูห่ รงเสวี่ยหรีต่ าลงเล็กน้อย สะบัดกระบี่ในมือกลับไป ‘เคร้ง’ คมกระบี่


กรีดปาดคอผูท้ ่ยี ืนอยู่ดา้ นหลัง เป็ นแผลลึกขนาดใหญ่ เลือดสดๆ สาด
กระเซ็น...

คนผูน้ นั้ ยืนค้างอยู่ในท่าเดิม ล้มลงพืน้ เสียงดังตึง...

หยวนฟางเฟยถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

มูห่ รงเสวี่ยมองผูต้ ายด้วยสายตาเรียบเฉย พบว่าผูต้ ายสวมเครือ่ งแบบ


ผูค้ มุ คุกหลวงกรมอาญา สวมหมวกผูค้ มุ คุกหลวงกรมอาญา ทัง้ ยังพก
กระบี่คกู่ ายที่มีเฉพาะผูค้ มุ คุกหลวงกรมอาญา ตามแบบฉบับผูค้ มุ คุก
หลวงกรมอาญา เพียงแต่บนข้อมือของเขาสักสัญลักษณ์รูปแมงป่ องสีดา
ตัว...

เป็ นคนของกลุม่ เบญจพิษจริงๆ ด้วย!

คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะปะปนเข้ามาอยู่ในคุกหลวงกรมอาญา!
ดูเหมือนว่าการวางเพลิงคุกหลวงกรมอาญาครัง้ นีจ้ ะเป็ นฝี มอื ของพวก
เขา...

“ตูม!” สะเก็ดไฟปะทุขนึ ้ มา คุกคามมูห่ รงเสวี่ยและหยวนฟางเฟย...

ทัง้ สองสายตาสุขมุ รีบวิ่งออกจากห้องขัง...

บริเวณทางเดินควันอบอวล หยวนฟางเฟยสาลักจนไอค่อกแค่ก
ติดต่อกัน “แค่กๆๆ...ควันของเพลิงไหม้ครัง้ นีห้ นามาก...คงไม่ใช่ว่าข้าไม่
ตายเพราะถูกไฟไหม้ แต่สาลักควันตายหรอกนะ...แค่กๆๆ...”

“ใช้ผา้ แพรนี่ปิดปากปิ ดจมูกเอาไว้จะได้ไม่สาลักควัน” มูห่ รงเสวี่ยหยิบ


ผ้าแพรผืนหนึ่งแปะลงบนใบหน้าหยวนฟางเฟย หยวนฟางเฟยรับผ้าแพร
นัน้ มาปิ ดปากปิ ดจมูกตัวเองไว้ ดีขนึ ้ มากเลย...

“ชะ...ช่วย...ช่วยด้วย” ท่ามกลางกลุม่ ควัน มีเสียงอ่อนระโหยและร้อน


รนร้องขอความช่วยเหลือดังขึน้ มา ดวงตาของหยวนฟางเฟยฉายแวว
จริงจัง “นอกจากข้าแล้ว แถวนีย้ งั มีขนุ นางและครอบครัวขุนนางที่ถกู
ปรักปราเช่นข้าและท่านพ่อของข้าถูกคุมขังไว้ พวกเราไปช่วยพวกเขากัน
เถอะ...”
“ตกลง” มูห่ รงเสวี่ยพยักหน้า เดินขนาบหยวนฟางเฟยเดินลึกเข้าไปใน
คุกหลวง เดินเข้าไปพลางตวัดกระบี่ฟันโซ่ลา่ มประตูหอ้ งขังห้องแล้วห้อง
เล่า...

หยวนฟางเฟยอารมณ์ดี ฟั นกระบี่ดว้ ยความยินดีปรีดา เมื่อพบคนรูจ้ กั


ก็ไม่ลืมที่จะเอ่ยเร่งว่า “ใต้เท้าหวัง รีบออกมาเร็วเข้า...”

“หลี่ฟเู หริน คุณหนูหลี่ เร็วเข้า เร็วหน่อย...”

“คุณชายจาง เร็วเข้าหน่อย ไฟใกล้จะลามมาถึงที่น่ีแล้ว...”

ขุนนางและครอบครัวขุนนางตระกูลแล้วตระกูลเล่าถูกปล่อยออกมา
เอ่ยขอบคุณด้วยความซาบซึง้ ใจ และวิ่งออกไปด้านนอกคุกหลวงด้วย
ความยินดี...

แต่วา่ ในบรรดาขุนนางที่ได้รบั ความช่วยเหลือ ก็ยงั ไม่เห็นแม่ทพั หยวน


หยวนฟางเฟยอดไม่ได้ท่จี ะถามขุนนางที่เพิ่งจะได้รบั ความช่วยเหลือว่า
“ใต้เท้าเจียง เห็นท่านพ่อของข้าหรือไม่...” หลังจากถูกคุมตัวเข้ามาในคุก
หลวงกรมอาญา นางก็ถกู แยกกับบิดา นางเห็นแค่เพียงว่าบิดาถูกคุมตัว
เข้ามาในส่วนลึกของคุกหลวงกรมอาญา แต่ไม่รูว้ า่ บิดาของนางถูกคุมขัง
ไว้ท่หี อ้ งใด...

ใต้เท้าเจียงได้ยินแล้วก็ชีเ้ ข้าไปข้างใน “ท่านพ่อของเจ้ายังอยู่ขา้ งใน


นัน้ ”

“...ขอบคุณใต้เท้าเจียง” หยวนฟางเฟยเอ่ยเสียงเบาๆ เดินลึกเข้าไปใน


คุกหลวง...

เวลานี ้ คุกหลวงบริเวณที่คมุ ขังแม่ทพั หยวนเต็มไปด้วยควันหนาตลบ


อบอวล แม่ทพั หยวนยืนอยู่หลังลูกกรง ใช้ชายเสือ้ ปิ ดปากปิ ดจมูกตนเอง
เอาไว้ มองไปทางประตูหอ้ งขัง ส่งเสียงร้องตะโกนอย่างร้อนใจ “แค่กๆๆ...
คนเล่า? มีใครอยู่หรือไม่...”

มีเพียงความเงียบ ไม่มีปฏิกิรยิ าตอบสนองใดๆ...

แม่ทพั หยวนไม่ย่อท้อ ส่งเสียงร้องตะโกนต่อไปว่า “ใครก็ได้...ช่วยด้วย


...”
“เลิกตะโกนได้แล้ว เกรงว่าบริเวณนีจ้ ะไม่มีใครอยู่...” ขุนนางวัย
กลางคนที่อยูข่ า้ งห้องขังแม่ทพั หยวน เห็นเขาตะโกนจนลาคอแหบแห้งก็
เอ่ยปากเตือนอย่างทนไม่ไหว

“แค่กๆๆ...จะไม่มใี ครได้อย่างไรกัน...” แม่ทพั หยวนไอหนักขึน้ “พวก


เรายังถูกขังอยู่ท่นี ่.ี ..พวกเขาจะไม่มาช่วยหรืออย่างไร...”

ขุนนางวัยกลางคนมองดูคกุ หลวงที่กลุม่ ควันหนาตลบอบอวล เปลว


เพลิงปะทุเป็ นระลอกๆ เอ่ยเสียงแผ่วเบาว่า “น่าจะเป็ นเพราะควันหนา
เกินไป เปลวเพลิงแรงเกินไป พวกเขาเลยเข้ามาไม่ได้...”
ตอนที่ 1979 นับถอยหลังตอนอวสาน (17)

“...แค่กๆ...แล้วจะทาเช่นไรดีเล่า?” แม่ทพั หยวนขมวดคิว้ ยุ่ง เปลวไฟ


โหมแรงขึน้ เรือ่ ย ควันก็หนาตลบอบอวลเรือ่ ยๆ หากไม่มีผใู้ ดมาช่วยพวก
เขา ต่อให้พวกเขาไม่ถกู เพลิงเผาตายอยู่ท่นี ่ี ก็คงสาลักควันตายอยู่ดี...

รบทัพจับศึกในสนามรบเป็ นยี่สบิ ปี ประสบการณ์สรู้ บมากมาย พวก


เขาล้วนไม่เพลี่ยงพลา้ ถูกศัตรูสงั หาร หากถูกเปลวเพลิงตรงหน้าเผาตาย
หรือถูกควันเต็มห้องทาให้สาลักตาย ก็ออกจะรังแกกันเกินไปแล้ว

แม่ทพั หยวนคิดอยู่ในใจ แววตาสุขมุ คว้าโซ่ลา่ มประตูหอ้ งขังกระแทก


หลายที ไม่มีใครมาช่วยพวกเขาก็ไม่เป็ นไร พวกเขาต้องช่วยตนเอง

“เพีย๊ ะ!” ฝ่ ามือซัดลงไปบนโซ่เหล็ก ทว่าโซ่เหล็กไม่มีการขยับเลยสักนิด


...

โซ่เหล็กนีค้ ่อนข้างแข็งแรงทนทานนัก
แม่ทพั หยวนหรีต่ าลง ใช้กาลังภายในสุดกาลังซัดโซ่เหล็กอีกครัง้
“เพีย๊ ะๆๆ...”

โซ่เหล็กยังคงนิ่งไม่ไหวติง

คิว้ ของแม่ทพั หยวนขมวดเข้าหากัน ซัดกาลังใส่โซ่เหล็กอย่างไม่


อยากจะเชื่อ แรงซัดแรงขึน้ กว่าเดิมเรือ่ ยๆ ขุนนางวัยกลางคนที่อยูห่ อ้ ง
ข้างๆ ได้ยินแล้วก็เอ่ยปากเบาๆ ว่า “อย่าเปลืองกาลังโดยใช่เหตุเลย โซ่
เหล็กนีค้ ือโซ่เหล็กกล้า...” โซ่เหล็กกล้าเป็ นกุญแจคล้องที่หลอมขึน้ มาด้วย
กระบวนการพิเศษ ป้องกันผูท้ ่มี ีวรยุทธ์สงู ส่ง กาลังภายในแกร่งกล้าเช่น
พวกเขา ต่อให้พวกเขาตีอย่างไรก็ทาลายมันไม่ได้...

...

คุกหลวงกรมอาญานีช้ ่างรอบคอบและน่าชิงชังเสียจริง...

แม่ทพั หยวนคิดอย่างโกรธๆ ขณะที่จะเอ่ยแขวะคนของกรมอาญา ก็ได้


ยินเสียงแว่วมาไกลๆ “พวกเจ้าทาอะไรนะ...”
“เสียงอะไร?” แววตาของแม่ทพั หยวนติดจะเคร่งขรึม รวบรวมสมาธิ
ตัง้ ใจฟั ง ได้ยินเพียงเสียงต่อสูก้ นั อย่างดุเดือดรุนแรงแว่วขึน้ มาท่ามกลาง
ควันตลบอบอวล “...เคร้ง เคร้ง...เคร้ง เคร้ง...”

เสียงร้องโอดครวญดังตามมา “...โอ๊ย...โอ๊ย...”

“นี่มนั ...เสียงใต้เท้าโจว...” ดวงตาคมของแม่ทพั หยวนหรีล่ งเล็กน้อย


ส่งเสียงร้องทักไปยังต้นทางของเสียง “ใต้เท้าโจว...ใต้เท้าโจว...”

เสียงที่ตอบแม่ทพั หยวนกลับมาเป็ นเสียงต่อสูท้ ่ใี กล้เข้ามาเรือ่ ยๆ เสียง


ฝี เท้าที่กระชัน้ เข้ามาเรือ่ ยรวมถึงเสียงร้องโอดครวญที่ดงั ระงม...

“แย่แล้ว เกิดเรือ่ งขึน้ แล้ว” แม่ทพั หยวนขมวดคิว้ ยุ่ง จับโซ่เหล็กบน


ประตูหอ้ งขังกระแทกอย่างแรง

สีหน้าไม่ย่ีหระของขุนนางวัยกลางคนที่อยู่หอ้ งติดกับแม่ทพั หยวน แปร


เปี่ ยนเป็ นสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง สอดส่องสายตามองไปยังทิศทางของ
เสียง พบว่าท่ามกลางควันตลบอบอวลนี ้ ไม่คิดว่าจะมีคนพรวดเข้ามา
เมื่อพวกเขาวิ่งเข้ามาใกล้ ขุนนางวัยกลางคนเห็นแล้วว่ามากันหลายคน
พวกเขาสวมชุดคลุมสีดา ทั่วร่างถูกปกคลุมอยู่ใต้ความมืดมิด เผยให้เห็น
แววตาเพียงคูเ่ ดียว ในมือของพวกเขากระชับกระบี่ยาว กระบี่ยาวของบาง
คนมีรอยเลือดสดๆ อาบไล้อยู่ จากนัน้ พวกเขาก็ตวัดฝ่ ามือกระบี่ยาวในมือ
พุง่ แทงเข้ามาที่เขาและแม่ทพั หยวน...

ขุนนางวัยกลางคนและแม่ทพั หยวนถอยร่นไปก้าวหนึ่ง หลบกระบี่ยาว


ของพวกเขา พร้อมกับมองพวกเขาด้วยสายตาระแวดระวัง “พวกเจ้าเป็ น
ใครกัน?”

“เป็ นผูท้ ่มี าส่งเจ้าไปเยือนปรโลกน่ะสิ” บรรดาบุรุษในชุดคลุมเอ่ยเสียง


แข็ง ตวัดกระบี่แทงใส่ขนุ นางวัยกลางคนและแม่ทพั หยวน

ขุนนางวัยกลางคนและแม่ทพั หยวนถอยหลังไป หลบการโจมตีของ


บุรุษในชุดคลุม ขณะเดียวกันก็ขยับตัวรักษาระยะห่าง ทาให้กระบี่ยาว
ของพวกเขาแทงไม่ถึงตัว...

ไม่คิดว่าบรรดาบุรุษในชุดดาจะขยับตัว เงาร่างสูงใหญ่หายไปจากห้อง
ขัง ยังไม่ทนั ที่ขนุ นางวัยกลางคนและแม่ทพั หยวนจะตกใจ บรรดาบุรุษใน
ชุดคลุมที่หายไปก็มาปรากฏตัวอยูต่ รงหน้าพวกเขา ตวัดกระบี่ใส่พวกเขา
อีกครัง้ ...
ตอนที่ 1980 นับถอยหลังตอนอวสาน (18)

แม่ทพั หยวน ห้องขังตรงข้ามแม่ทพั หยวน รวมถึงในห้องขังตรงข้ามขุน


นางวัยกลางคน ล้วนมีบรุ ุษในชุดคลุมบุกเข้าไปต่อสูก้ บั ขุนนางที่ถกู ขังอยู่
ในนัน้

‘เคร้ง เคร้ง...เคร้ง เคร้ง...’ เสียงต่อสูอ้ นั ดุเดือดดังสนั่นจนแสบแก้วหู...

“โอ๊ย โอ๊ย โอ๊ย...” ตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวนเจ็บปวดดังมาเป็ น


ระลอก...

เมื่อมูห่ รงเสวี่ยกับหยวนฟางเฟยเดินทางมาถึงที่น่ี แม่ทพั หยวนและ


บรรดาขุนนางกาลังต่อสูก้ บั พวกบุรุษในชุดคลุมอย่างระอุ แม้วา่ บรรดาขุน
นางแคว้นชิงเหยี่ยนจะไร้ซง่ึ อาวุธ แต่มีวรยุทธ์สงู ส่ง เปี่ ยมด้วย
ประสบการณ์ ลงมือรวดเร็ว ดุดนั และแม่นยา ทุกครัง้ ที่ออกกระบวนท่า
สามารถล้มบุรุษในชุดคลุมได้คนหนึ่ง ทาให้มีรา่ งไร้วิญญาณของบุรุษใน
ชุดคลุมกองระเนระนาดในห้องขังของพวกเขาหลายศพ...
ส่วนบุรุษในชุดคลุมรับรูถ้ ึงความเก่งกาจของบรรดาขุนนางแคว้นชิงเห
ยี่ยน พวกเขาเจ็ดแปดคนร่วมมือกันรุมล้อมขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยนหนึง่ คน
ฟั นบรรดาขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยนหลายแผล เลือดสีแดงฉานไหลทะลัก
ออกมาจากบาดแผลอาบย้อมเสือ้ ผ้า...

“ท่านพ่อ!” แม่ทพั หยวนที่ไม่รูว้ า่ โดนแทงไปกี่กระบี่ แผ่นหลังอาบย้อม


ด้วยเลือดสีแดงฉานจนหยวนฟางเฟยส่งเสียงร้องด้วยความตื่นตระหนก
กระโจนพุง่ ตัวไปอยู่ตรงหน้าห้องขัง สะบัดกระบี่ตดั โซ่ตรวนที่คล้องประตู
ออก ก่อนจะเข้าไปสังหารบุรุษในชุดคลุม...

มูห่ รงเสวี่ยเองก็ปราดเข้าไป หลังจากสะบัดกระบี่ตดั โซ่ตรวนที่คล้อง


ประตูหอ้ งขังแล้วก็สะบัดกระบี่ฟาดฟั นบุรุษในชุดคลุม...

‘เคร้ง เคร้ง...เคร้ง เคร้ง...’ เสียงการต่อสูด้ งั กึกก้องไปทั่วบริเวณ

...

เมื่อมีมหู่ รงเสวี่ยและหยวนฟางเฟยเข้ามาร่วมวง ฝั่งของขุนนางแคว้น


ชิงเหยี่ยนก็ราวพยัคฆ์ติดปี ก บุรุษในชุดคลุมตกเป็ นฝ่ ายเสียเปรียบ ถูก
บรรดาขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยนสังหารไปทีละคน ทีละคน...
“ฉัวะ!” บุรุษในชุดคลุมคนสุดท้ายถูกมูห่ รงเสวี่ยสังหาร ภายในห้องขัง
ตกอยู่ในความเงียบ ผูค้ นพากันเงยหน้าขึน้ มองก็พบว่าภายในห้องขังเต็ม
ไปด้วยร่างไร้วิญญาณกองระเนระนาด มีทงั้ ขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยนและ
บุรุษในชุดคลุม เลือดสีแดงฉานไหลทะลักออกมาจากบาดแผลบนตัวของ
พวกเขานองเต็มพืน้ ไหลรวมกันเป็ นสายลงพืน้ และไหลลงแอ่งอย่างช้าๆ
...

ภายในห้องขังอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือด...

ขุนนางวัยกลางคนมองดูรา่ งไร้วิญญาณเกลื่อนพืน้ แล้วเอ่ยด้วยสีหน้า


เคร่งเครียดว่า “นี่มนั เรือ่ งอะไรกัน?” เหตุใดถึงปรากฏคนในชุดคลุมบุกเข้า
มาสังหารพวกเขามากมายเช่นนี.้ ..

“ยังจะเป็ นเรือ่ งอะไรได้อีกเล่า? คนของกลุม่ เบญจพิษคิดจะกาจัดพวก


ท่านน่ะสิ” มูห่ รงเสวี่ยเอ่ยเสียงขรึม เล่าแผนการที่นางได้ยินมาจากบุรุษใน
ชุดคลุมและจินหลายไฉหนึ่งรอบ!

บรรดาขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “จริงหรือ?”
“จริงแท้แน่นอน!” มูห่ รงเสวี่ยพยักหน้าหงึกหงัก คนของกลุม่ เบญจพิษ
ไม่อาจช่วงชิงอานาจของแคว้นหนานจ้าว จึงวิ่งมาที่แคว้นชิงเหยี่ยนช่วง
ชิงอานาจของแคว้นชิงเหยี่ยน ปรุงยาที่ทาให้ปรากฏสัญลักษณ์รูปแมง
ป่ อง ปรักปราขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยนจานวนมากถือเป็ นแผนการขัน้ ที่หนึ่ง
ของพวกเขา...

สังหารหมูข่ นุ นางแคว้นชิงเหยี่ยนทาให้แคว้นชิงเหยี่ยนระส่าระสาย
เป็ นแผนการขัน้ ที่สองของพวกเขา...

“น่าชิงชังยิ่งนัก” ขุนนางวัยกลางคนทุบหมัดลงบนลูกกรงห้องขัง ทา
เอาลูกกรงบิดเบีย้ ว ความเคียดแค้นฉายชัดบนใบหน้าของเขา เอ่ยเน้น
นา้ เสียงว่า “กลุม่ เบญจพิษแคว้นหนานจ้าวช่างวางหมากดีย่ิงนัก...”

“พวกคนต่าช้าสารเลวไร้ยางอาย...”

“ปล่อยพวกเขาไว้ไม่ได้เด็ดขาด...”

“พวกเรารีบเข้าวังไปเข้าเฝ้าฝ่ าบาทกันเถอะ...”

“กราบทูลเรือ่ งจริงให้ฮ่องเต้ทรงทราบ...”
บรรดาขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยนแย่งกันพูดจนฟั งไม่ได้ศพั ท์ มองขุนนาง
วัยกลางคนอย่างมีนยั ยะ

ขุนนางวัยกลางคนสายตาสุขมุ “ควรต้องเข้าวังกราบทูลฮ่องเต้จริงๆ
...”

“เช่นนัน้ ก็ไปกันเถอะ...เข้าวัง เข้าวัง...” บรรดาขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยน


ห้อมล้อมขุนนางวัยกลางคนสาวเท้าเดินออกไปข้างนอก

แม่ทพั หยวนเองก็ยกเท้าขึน้ หมายจะก้าวออกไปเช่นกัน ทว่าสะเทือน


แผลจนเขาต้องส่งเสียงครางด้วยความเจ็บปวด...

“ท่านพ่อ ท่านเป็ นอย่างไรบ้าง?” หยวนฟางเฟยรีบเดินเข้ามา พยุงเขา


เอาไว้พลางกวาดสายตามองด้วยความห่วงใย
ตอนที่ 1981 นับถอยหลังตอนอวสาน (19)

พบว่าแม่ทพั หยวนถูกแทงตามเนือ้ ตัวหลายแผล โดยเฉพาะบริเวณแผ่น


หลังที่ถกู ฟั นเป็ นแนวตรงหนึ่งแผล แนวขวางหนึ่งแผล บาดแผลลึกเอาการ
เลือดสีแดงฉานที่ไหลทะลักจากบาดแผลอาบย้อมด้านหลังเป็ นสีแดง

“ข้าไม่เป็ นไร” แม่ทพั หยวนเอ่ยอย่างไม่ใคร่ใส่ใจเท่าไรนัก

“ท่านบาดเจ็บถึงเพียงนีแ้ ล้วยังจะบอกว่าไม่เป็ นอะไรอีกหรือ...” มองดู


แผ่นหลังชุ่มเลือดของมาทัพหยวนแล้ว หยวนฟางเฟยก็ทงั้ โกรธทัง้ โมโห
หยิบยารักษาแผลที่ตนแอบซ่อนไว้ออกมาหมายจะทาลงบนบาดแผลมา
ทัพหยวน

แม่ทพั หยวนยกมือขึน้ ห้ามนางเอาไว้ก่อน ยังคงเอ่ยอย่างไม่ใคร่ใส่ใจว่า


“เพียงแค่ดเู หมือนสาหัสเท่านัน้ แท้จริงแล้วไม่ได้รบั บาดเจ็บหนักเท่าไร...
นึกถึงตอนที่ขา้ ต่อสูอ้ ยู่ในสนามรบ เลือดไหลอาบเครือ่ งแบบและย้อมชุด
เกราะก็ไม่เห็นเป็ นอะไร...สาหรับข้าแล้วบาดแผลตอนนีเ้ ป็ นเพียงบาดแผล
เล็กๆ เท่านัน้ เอง...”
“จริงหรือ” หยวนฟางเฟยมองหน้าแม่ทพั หยวน เห็นได้ชดั ว่าไม่เชื่อ
คาพูดของเขา

“เป็ นเรือ่ งจริงอยูแ่ ล้ว หากเจ้าไม่เชื่อ...” แม่ทพั หยวนกวาดสายตามอง


ไปรอบๆ ชีม้ อื ไปทางซ้ายมือด้านหน้าแล้วเอ่ยว่า “เจ้าลองดูใต้เท้าผูน้ นั้ ...”

หยวนฟางเฟยมองตามที่เขาชีน้ ิว้ ไป พบเงาร่างกายาสายหนึ่ง สวมชุด


เกราะแขนกุดสีขาว ชุดเกราะนัน้ ถูกฟั นขาดเป็ นริว้ ๆ จวนจะเหมือนชุด
ขอทานแต่ไม่วา่ จะใส่บนตัวขอทานหรือบนตัวเขาล้วนอาบย้อมด้วยเลือดสี
แดงฉาน แต่เขายังคงทาตัวเหมือนคนไม่เป็ นอะไร เดินต่อไปอย่างองอาจ
น่าเกรงขาม...

“เป็ นอย่างไรบ้าง? อาการบาดเจ็บของเขาหนักกว่าข้าเยอะเลยใช่


หรือไม่?” แม่ทพั หยวนโพล่งขึน้ มาท่ามกลางสายตาตกตะลึงของหยวนฟาง
เฟย

หยวนฟางเฟยมองดูบาดแผลบนตัวแม่ทพั หยวนก่อนจะสลับมอง
บาดแผลบนตัวเงาร่างกายานัน้ พยักหน้าตามสัญชาตญาณ คนผูน้ นั้
บาดเจ็บสาหัสกว่าบิดาของนางจริงๆ...
“เขาบาดเจ็บถึงเพียงนัน้ ยังไม่เป็ นอะไร แล้วข้าจะเป็ นอะไรได้อย่างไร
กันเล่า...” แม่ทพั หยวนเอ่ยอย่างภูมิใจ พลิกมือกลับเป็ นฝ่ ายคว้าแขนหยวน
ฟางเฟยเดินออกไปข้างนอก “ไปเถอะๆ พวกเขาเข้าวังหลวงไปเข้าเฝ้า
ฮ่องเต้กนั เถอะ ภารกิจนีเ้ ร่งด่วนนัก สาคัญใหญ่หลวง...”

มูห่ รงเสวี่ยเดินรัง้ ท้าย มองดูแผ่นหลังที่ชมุ ด้วยเลือดสีแดงฉานสลับกับ


มองไปยังแผ่นหลังที่มีเลือดซึมของใต้เท้าผูน้ นั้ ก็รูส้ กึ เลื่อมใสอยู่ในใจ
ความสามารถทนในการทนพิษบาดแผลของพวกเขาไม่ได้แกร่งที่สดุ มีแต่
แกร่งกว่า...

สายลมที่พดั โบกมาจากด้านหลังแผ่วเบาจนแทบไม่รูส้ กึ แต่มหู่ รงเสวี่ย


ยังคงมีประสาทสัมผัสว่องไวเช่นเคย นางหรีต่ าลงก่อนจะหมุนตัวอย่าง
ฉับพลัน พบบุรุษผูห้ นึ่งสวมเครือ่ งแบบผูค้ มุ เต็มยศยืนอยู่ดา้ นหลังนาง ห่าง
ออกไปไม่เท่าไร ในมือถือกระบอกสีดาอันหนึ่งเล็งตรงมาที่นาง วินาทีต่อมา
กระบอกนัน้ ก็พ่นสะเก็ดไฟออกมาสายหนึ่งใส่นางอย่างไม่ปรานี...

มูห่ รงเสวี่ยจ้องตาเขม็ง เรือนร่างอรชรพลิกตัวหลบอย่างรวดเร็ว สะเก็ด


ไฟพ่นผ่านข้างแก้มบนของนางไปโดดลูกกรงด้านหลังของนางดังพรึบติด
ไปขึน้ มา...
มูห่ รงเสวี่ยแววตานิ่งขรึม มองผูค้ มุ ตาเขม็ง ผูค้ มุ คนนัน้ เมื่อพบว่ายิง
พลาดเป้าก็กอดกระบอกสีดาอันนัน้ เล็งใส่นางอีกครัง้

มูห่ รงเสวี่ยสายตาเย็นชา สะบัดกระบี่ยาว พลังกระบี่คมกริบปาดคอผู้


คุมอย่างดุดนั ละอองเลือดสาดกระเซ็น...

ผูค้ มุ ยังคงอยู่ในท่าเตรียมยิงเหมือนเดิม ค้างอยู่ครูห่ นึ่งก่อนจะล้มลงไป


กองกับพืน้ เสียงดังตึง กระบอกในมือเขาก็หล่นพืน้ เช่นกัน...

มูห่ รงเสวี่ยยังไม่ทนั ได้โล่งอก ก็ได้ยินเสียงดัง ‘พรึบ พรึบ พรึบ’ ตามมา


เป็ นระลอก มีผคู้ มุ ในชุดเครือ่ งแบบเต็มยศประดังเข้ามาจากทั่วทุกทิศทาง
ในมือของพวกเขาถือกระบอกอันหนึ่ง ปากกระบอกเล็งไปที่ขนุ นาง
ฝ่ ายบุน๋ บู๊ท่ีอยู่ตรงทางเดิน...

บรรดาขุนนางฝ่ ายบุน๋ บู๊ยงั ไม่ทนั รูต้ วั ว่าเกิดอะไรขึน้ กระบอกนัน้ ก็พ่น


สะเก็ดไฟออกมาหลายสาย ‘ฟุบ ฟุบ ฟุบ’…

สะเก็ดไฟไปตกบนตัวขุนนางฝ่ ายบุน๋ บู๊เกิดติดไฟขึน้ มา พากันส่งเสียง


ร้องโหยหวนเจ็บปวดทรมาน “โอ๊ย โอ๊ย โอ๊ย...”
ตอนที่ 1982 นับถอยหลังตอนอวสาน (20)

บรรดาขุนนางที่เคราะห์ดีไม่ถกู สะเก็ดไฟพ่นใส่ตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อน


จะได้สติกลับมาอย่างรวดเร็วถอดเสือ้ ตัวนอกของตนเอง ออกแรงตบดับไฟ
ที่ติดบนตัวของบรรดาขุนนางคนอื่น ขุนนางที่มีวรยุทธ์สงู ส่งก็ทะยานไป
ข้างหน้า กระโจนเข้าใส่บรรดาผูค้ มุ ที่ถือกระบอก...

ท่าร่างของบรรดาขุนนางรวดเร็วยิ่งนัก ยังไม่ทนั ที่ผคู้ มุ จะมีปฏิกิรยิ า


โต้ตอบ บรรดาขุนนางก็เข้าถึงตัวเขา จับเขาหักคอเสียแล้ว...

ผูค้ มุ ที่มีปฏิกิรยิ าโต้ตอบได้เร็วก็เลี่ยงการโจมตีของบรรดาขุนนาง ถอย


ไปอยู่ในจุดที่ปลอดภัย พ่นสะเก็ดไฟจากกระบอกเผาขุนนางต่อไป...

คุกหลวงตกอยู่ในความวุน่ วายโกลาหลอีกครัง้ ...

สายตามูห่ รงเสวี่ยเย็นชาราวนา้ แข็ง เรือนร่างอรชรหลบสะเก็ดไฟที่พ่น


เข้ามาอย่างปราดเปรียวคล่องแคล่วราวกระต่าย สังหารผูค้ มุ คนแล้วคนเล่า
...
หยวนฟางเฟยที่ตามหลังมูห่ รงเสวี่ยติดๆ ก็หลบสะเก็ดไฟพลางสังหารผู้
คุมไปด้วย แต่สะเก็ดไฟที่พ่นมาอย่างมืดฟ้ามัวดินนัน้ ทาให้นางทัง้ โกรธทัง้
โมโห หลบไปเอ่ยไปว่า “นั่นมันของพิลกึ อะไรกัน?”

มูห่ รงเสวี่ยเบี่ยงกายหลบสะเก็ดไฟแล้วก็มองดูกระบอกที่พ่นสะเก็ดไฟ
ออกมา ก่อนเอ่ยเสียงขรึม “น่าจะเป็ น...กระบอกพ่นไฟกล...”

“มันคืออะไร?” หยวนฟางเฟยยังคงไม่ค่อยเข้าใจเช่นเดิม

“ก็คือกระบอกพ่นไฟที่ใช้ทกั ษะกลไกสร้างขึน้ มา” เมื่อครูน่ ีน้ างพิจารณา


ดูแล้ว ส่วนล่างของตัวกระบอกมีลกั ษณะคล้ายกลไกของประแจ เมื่อผูค้ มุ
ดึงกลไกประแจก็จะมีสะเก็ดไฟพ่นออกมาจากกระบอกนัน้ เหมือนกับ
ตะเกียงพ่นเปลวไฟในยุคปั จจุบนั แต่ต่างกันที่ตะเกียงพ่นเปลวไฟผลิตจาก
เครือ่ งจักรกล ยุคโบราณไม่มีเครื่องจักรกล การที่กระบอกนัน้ ผลิตออกมา
ได้อย่างประณีต และใช้งานจริงได้เช่นนัน้ น่าจะเป็ นทักษะกลไก...

“...” หยวนฟางเฟยเองเคยเห็นทักษะกลไกของอสรพิษกลที่จ่โู จมเข้ามา


อย่างมืดฟ้ามัวดิน ภาพที่ทาลายคฤหาสน์ฤดูรอ้ นกลางป่ าของแคว้นชิงเห
ยี่ยนจนราบทัง้ ยังฝังลึกในความทรงจา ก็มอี าการหวาดผวา ทว่า “ข้าเข้าใจ
ตลอดมาว่าทักษะกลไกเป็ นทักษะเฉพาะของแคว้นหนานเจียง คิดไม่ถึง
เลยว่าแคว้นหนาวจ้าวก็มีเหมือนกัน...” เหลือบมองกระบอกที่ประณีตแล้ว
ก็เสริมขึน้ ว่า “และเลิศลา้ ถึงเพียงนี.้ ..” กระบอกที่สร้างอย่างมีทกั ษะกลไก
ไม่วา่ จะเป็ นการทางาน รูปทรงหรือพลังทาลายล้าง สามารถเทียบได้กบั
อสรพิษกลที่แคว้นหนานเจียงสร้างขึน้ มา...

“กลุม่ เบญจพิษแคว้นหนานจ้าวรับผูม้ ีความสามารถไว้ไม่นอ้ ย...” ก่อน


หน้านีม้ ีหวั หน้ากลุม่ แมงป่ องของกลุม่ อสรพิษ แล้วก็ผทู้ ่สี ร้างกระบอกพ่น
ไฟกลเหล่านี.้ ..

หยวนฟางเฟยชื่นชมไม่ขาดปาก ขณะที่จะถอนหายใจ มูห่ รงเสวี่ยก็ตดั


บทนางเสียงขรึม “ไม่ตอ้ งพูดอะไรมาก อาการบาดเจ็บของบรรดาขุนนาง
สาหัสเอาการ พวกเรารีบจัดการกับคนพวกนีเ้ ถอะ...”

“ตกลง” หยวนฟางเฟยมองดูบรรดาขุนนางที่ถกู ไฟเผาเจียนตาย ก็


สานึกได้ถึงความรุนแรงของเรือ่ งราว เงียบปากลงทันทีและกระโจนใส่ผคู้ มุ

“ฉับ ฉับ ฉับ... ฉับ ฉับ ฉับ...” ทุกที่ท่มี หู่ รงเสวี่ยและหยวนฟางเฟยสะบัด


กระบี่ผ่าน จะมีผคู้ มุ คนแล้วคนเล่าลงไปกองกับพืน้ แต่พริบตาเดียวก็มีผู้
คุมกรูกนั เข้ามา กอดกระบอกพ่นสะเก็ดไฟใส่พวกนาง...
มูห่ รงเสวี่ยประกายตาเคร่งขรึม หลังจากสังหารผูค้ มุ ได้แล้วก็ชิง
กระบอกพ่นไฟกลในมือของเขาเหนี่ยวประแจกลพ่นสะเก็ดไฟใส่ผคู้ มุ ที่กรู
เข้ามา...

หยวนฟางเฟยเองก็คว้ากระบอกพ่นไฟกลพ่นสะเก็ดไฟใส่บรรดาผูค้ มุ
ตาม...

ผูค้ มุ ที่กรูกนั เข้ามาใหม่ก็ไม่ยอมแพ้ กอดกระบอกพ่นไฟกลสูก้ ับพวก


นาง...

ลูกไฟหลายสายร่อนไปทั่วคุกหลวง ทาให้คกุ หลวงตกอยู่ทา่ มกลาง


ทะเลเพลิง...

“พรึบ พรึบ พรึบ...พรึบ พรึบ พรึบ...” ผูค้ มุ คนแล้วคนเล่าปรากฏตัวขึน้


กลางอากาศล้อมมูห่ รงเสวี่ยและหยวนฟางเฟยรวมถึงบรรดาขุนนาง
ฝ่ ายบุน๋ และบู๊ไว้ตรงกลาง กอดกระบอกพ่นไฟกลพ่นสะเก็ดไฟใส่พวกเขา
...

บรรดาขุนนางฝ่ ายบุน๋ และบู๊ท่ยี งั ประคองตัวยืนได้อยู่ก็หนั หลังชนกัน


เป็ นวง ในเวลานีบ้ นตัวพวกเขานอกจากจะมีแผลจากดาบและกระบี่แล้ว
ยังมีแผลจากการถูกไฟเผา แต่พวกเขาก็ไม่ทอ้ ไม่ยอมแพ้ พลังกายแกร่งขึน้
เรือ่ ยๆ ขุนนางบางส่วนกอดกระบอกพ่นไฟกลเอาอย่างมูห่ รงเสวี่ยและ
หยวนฟางเฟยพ่นสะเก็ดไฟใส่บรรดาผูค้ มุ และยังมีขนุ นางอีกส่วนหนึ่งที่ยงั
ตระเวนสังหารผูค้ มุ คนแล้วคนเล่าเช่นเดิม...

ตอนที่ 1983 นับถอยหลังตอนอวสาน (21)

พริบตาเดียวภายในคุกหลวงก็มีลกู ไฟสวนกันไปมา เสียงร้องโหยหนวน


เจ็บปวดดังเป็ นระลอก ประกายแสงสีเงินวิบวับ เลือดแดงสดสาดกระเซ็น
ตกอยู่ในความโกลาหล...

มูห่ รงเสวี่ยพลบหลีกสะเก็ดไฟแต่ละสายอย่างว่องไว เหนี่ยวประแจ


กระบอกพ่นไฟกลเผาสังหารผูค้ มุ ที่เป็ นคนของกลุม่ เบญจพิษคนแล้วคน
เล่า...

แต่ราวกับว่าสังหารผูค้ มุ ที่เป็ นคนของกลุม่ เบญจพิษอย่างไรก็ไม่หมด


สังหารไปกลุม่ หนึง่ ก็มากลุม่ หนึ่ง สังหารไปกลุม่ หนึ่งก็มาอีกกลุม่ หนึ่ง กรูกนั
เข้ามาไม่ขาดสาย กอดกระบอกพ่นไฟกลพ่นสะเก็ดไฟใส่บรรดาขุนนาง
แคว้นชิงเหยี่ยนอย่างไร้ปรานี...

สีหน้าของบรรดาขุนนางฝ่ ายบุน๋ และบู๊พากันเคร่งเครียด คนของกลุม่


เบญจพิษนีส้ งั หารอย่างไรก็ไม่หมด อีกอย่างการรวมตัวของพวกเขารวดเร็ว
เสียยิ่งกว่าส่วนที่ตายไป...

ตอนนีพ้ วกเขาถูกคนของกลุม่ เบญจพิษล้อมเอาไว้อย่างแน่นหนา หาก


ปล่อยให้คนของกลุม่ เบญจพิษรวมตัวกันเช่นนีต้ ่อไป คนของกลุม่ เบญจพิษ
ก็จะรวมตัวกันเยอะขึน้ เรือ่ ยๆ เมื่อถึงตอนนัน้ ต่อให้พวกเขาไม่ถกู สะเก็ดไฟ
ที่พ่นออกมาจากกระบอกพ่นไฟกลของกลุม่ เบญจพิษเผาตาย ก็ถกู การ
ต่อสูย้ ืดเยือ้ เหนื่อยตาย...

พวกเขาไม่อยากตายโดยที่ยงั ถูกปรักปราเช่นนัน้ ...

เมื่อคิดมาถึงจุดนี ้ ขุนนางวัยกลางคนที่เป็ นหัวหน้าก็กวาดตามองไป


รอบๆ เมื่อเห็นมูห่ รงเสวี่ยกับหยวนฟางเฟยก็เอ่ยขึน้ ด้วยแววตาจริงจัง
“พวกเจ้าสองคนรีบออกไปตามคนมา...” ในบรรดาพวกเขาแล้ว ผูท้ ่อี ายุ
น้อยที่สดุ บาดเจ็บน้อยที่สดุ ก็คือมูห่ รงเสวี่ยและหยวนฟางเฟย ให้พวกนาง
ออกไปตามคนมาช่วยนัน้ เหมาะสมที่สดุ แล้ว...
ตามคนหรือ? ตามใครกัน?

หยวนฟางเฟยตามไม่ทนั ชั่วขณะ

“เรียกคนของกรมอาญาเข้ามาช่วย” ขุนนางวัยกลางคนที่เป็ นหัวหน้า


อธิบายเสียงดัง

“อ่อๆๆ!” หยวนฟางเฟยเข้าใจในบัดดล หันปลายกระบอกพ่นไฟกลเล็ง


ใส่บรรดาผูค้ มุ ที่อยู่บริเวณทางเดิน เหนี่ยวประแจพ่นสะเก็ดไฟใส่พวกเขา
บรรดาผูค้ มุ ที่ขวางทางเดินถูกเผาจนต้องแหวกทาง หยวนฟางเฟยสบ
โอกาสทะยานออกไปข้างนอก...

“...”

บางครัง้ หยวนฟางเฟยก็ชาญฉลาด

มูห่ รงเสวี่ยรูส้ กึ ชื่นชมอยู่ในใจ กอดกระบอกพ่นไฟกลพ่นสะเก็ดไฟใส่


ศัตรูต่อไป

ขุนนางวัยกลางคนที่เป็ นหัวหน้าหันมามองนางแล้วเอ่ยว่า “ไม่ได้ให้เจ้า


ออกไปตามคนมาช่วยหรืออย่างไร? เหตุใดถึงยังไม่ไปอีก?”
“ฟางเฟยไปแล้วไม่ใช่หรือ?” ออกไปตามคนมาช่วยแค่นนั้ เอง ไปคน
เดียวก็พอ...

ขุนนางวัยกลางคนที่เป็ นหัวหน้ามองตามหลังหยวนฟางเฟยไปก่อนจะ
เอ่ยอย่างมีนยั แฝง “ข้าเกรงว่าหยวนฟางเฟยผูเ้ ดียวจะออกนอกประตูคกุ
หลวงไปไม่ได้”

มูห่ รงเสวี่ย “...ไม่ถึงขัน้ นัน้ กระมัง?” บริเวณที่พวกเขาอยู่ไม่หา่ งจาก


ทางออกคุกหลวงสักเท่าไร วรยุทธ์ของหยวนฟางเฟยไม่ธรรมดา ไหนจะ
กระบอกพ่นไฟกลในมือนั่นอีก บรรดาผูค้ มุ ที่เป็ นคนของกลุม่ เบญจพิษทา
อะไรนางไม่ได้หรอก...

ยังเอ่ยไม่ทนั จบ มูห่ รงเสวี่ยก็เห็นเงาร่างของคนชุดดาปรากฏตัวขึน้ ข้าง


กายหยวนฟางเฟยและซัดนางหนึ่งฝ่ ามือ...

หยวนฟางเฟยไม่ทนั ได้ปอ้ งกันตัว เมื่อถูกคนผูน้ นั้ ซัดเข้าหนึ่งฝ่ ามือทา


ให้รา่ งกายาของนางถลาไปไกลสามสี่เมตร กระแทกลูกกรงห้องขังอย่าง
แรง...

...
ผูค้ มุ ที่เป็ นคนของกลุม่ เบญจพิษทั่วไปไม่มีทางทาอะไรหยวนฟางเฟย
ได้แน่นอน กลับกันหากเปลี่ยนเป็ นหัวหน้าของกลุม่ เบญจพิษลงมือเอง
ฝ่ ายที่เคราะห์รา้ ยก็กลายเป็ นหยวนฟางเฟย...

มูห่ รงเสวี่ยถอนหายใจ สายตาเห็นเงาร่างชุดดานั่นแสยะยิม้ ก่อนจะซัด


ฝ่ ามือใส่หยวนฟางเฟยอีกครัง้ ...

แววตาของนางดุดนั แตะปลายเท่าพาเรือนร่างอรชรทะยานไปราวปุย
เมฆ พริบตาเดียวก็ไปอยู่ตรงหน้าเงาร่างคนชุดดา เหนี่ยวประแจกระบอก
พ่นไฟกลพ่นสะเก็ดไฟใส่เงาร่างคนชุดดาอย่างไม่ปรานี...

แววตาเงาร่างคนชุดดานิ่งขรึม พลิกกายหลบสะเก็ดไฟนั่น มองมูห่ รง


เสวี่ยอย่างโกรธแค้น พบว่ามูห่ รงเสวี่ยเองก็กาลังมองมาที่เขาเช่นกัน นาง
เอ่ยขึน้ ว่า “หัวหน้ากลุม่ แมงป่ อง พบกันอีกแล้ว”

ตอนที่ 1984 นับถอยหลังตอนอวสาน (22)


นางก็วา่ อยู่วา่ เมื่อครูน่ ีน้ างเห็นหัวหน้ากลุม่ แมงป่ องวิ่งเข้ามาในคุก
หลวงกรมอาญาแท้ๆ เหตุใดถึงไม่เห็นเงาของเขาในคุกหลวงกรมอาญาเสีย
ได้ ที่แท้เขาก็แอบซ่อนตัวนี่เอง...

ทักษะการแอบซ่อนตัวของหัวหน้ากลุม่ แมงป่ องสูงส่งทีเดียว นางได้รบั


การชีแ้ นะมาหลายครัง้ จนทุกวันนีก้ ็เลื่อมใสอย่างหมดใจ...

เดี๋ยวก่อนนะ หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องไม่ได้ว่งิ เข้ามาในคุกหลวงกรมอาญา


เพียงคนเดียว แต่เข้ามาพร้อมหัวหน้าใหญ่กลุม่ เบญจพิษและจินหลายไฉ
ตอนนีห้ วั หน้ากลุม่ แมงป่ องปรากฏตัวอยู่ตรงหน้านาง แล้วหัวหน้าใหญ่
กลุม่ เบญจพิษกับจินหลายไฉเล่า...

มูห่ รงเสวี่ยเงยหน้าขึน้ มองหัวหน้ากลุม่ แมงป่ องทันที พบว่าหัวหน้ากลุม่


แมงป่ องเองก็กาลังมองหน้านางตาไม่กะพริบ ดวงตาภายใต้ผา้ คลุมสีดา
เป็ นประกายตื่นเต้นและฉายแววประหลาด...

สายตาของมูห่ รงเสวี่ยพลันชะงัก สะบัดกระบี่ไปข้างหลังได้ยินเสียงดัง


‘ตุบ’ กระบี่ยาวฟั นลงบนสนับข้อมือสีทองข้างหนึง่ ผูเ้ ป็ นเจ้าของสนับข้อมือ
สีทองนีส้ วมเครือ่ งแต่งกายสีทอง บนศีรษะประดับกวานสีทอง ลาตัวอวบ
หนาพุงยื่นยืนอยูข่ า้ งหลังนาง แขนข้างที่สวมสนับมือยื่นออกมาราวกับจะ
บีบคอนาง...

มูห่ รงเสวี่ย “...”

นางรูอ้ ยู่แล้วว่าการปรากฏตัวของหัวหน้ากลุม่ แมงป่ องไม่ใช่การพา


ตัวเองเข้ามาติดบ่วงเป็ นแน่ ดูจากตอนนีเ้ ขาใช้ตวั เองเป็ นเหยื่อล่อเพื่อ
สังหารนาง...

ทันใดนัน้ ก็มีสายลมเบาๆ พัดมาจากด้านบนศีรษะ มูห่ รงเสวี่ยหลบไป


อยู่ขา้ งๆ โดยไม่ตอ้ งคิด พบว่ามีคนชุดดาผูห้ นึ่งโรยตัวมาจากด้านบนในมือ
ถือกระบี่ยาวผ่าลงมาตรงตาแหน่งที่นางยืนอยูเ่ มื่อครูน่ ี ้ พืน้ ที่แข็งแรงถูกผ่า
ออกเป็ นทางยาวเส้นหนึ่ง...

...

หากว่ากระบี่นีผ้ ่าลงบนร่างนาง นางคงต้องถูกผ่าออกป็ นสองซีกอย่าง


แน่นอน...

มูห่ รงเสวี่ยมองผูท้ ่ีมาใหม่ดว้ ยสายตาเย็นชา พบว่าผูท้ ่มี าใหม่รูปร่างสูง


ใหญ่ สวมชุดคลุมสีดา แววตาแข็งกร้าว คนผูน้ นั้ ก็คือหัวหน้าใหญ่กลุม่
เบญจพิษที่บกุ เข้ามาในคุกหลวงกรมอาญาพร้อมหัวหน้ากลุม่ แมงป่ อง
และจินหลายไฉนั่นเอง...

“พวกเจ้าสามคนร่วมมือกันล้อมสังหารข้าหรือ?” มูห่ รงเสวี่ยมองหน้าทัง้


สามคน เอ่ยถามเสียงแข็ง

หัวหน้าใหญ่กลุม่ เบญจพิษ หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องและจินหลายไฉนิ่ง


เงียบเป็ นการยอมรับ

“เช่นนัน้ ข้าก็ตอ้ ง...รูส้ กึ เป็ นเกียรติอย่างยิ่ง” มูห่ รงเสวี่ยมองดูพวกเขา


ก่อนจะยิม้ น้อยๆ จวบจนถึงตอนนีย้ งั ไม่มีผใู้ ดที่สามารถทาให้หวั หน้ากลุม่
เบญจพิษสามคนออกตัวรุมสังหารได้เลย โดยเฉพาะหนึ่งในสามคนนัน้ เป็ น
หัวหน้าใหญ่ของกลุม่ เบญจพิษ คิดไม่ถึงว่านางจะสามารถทาได้ นางรูส้ กึ
เป็ นเกียรติอย่างยิ่ง...

หัวหน้าใหญ่กลุม่ เบญจพิษ หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องและจินหลายไฉได้ยิน


เช่นนัน้ ก็มองสบตากัน นัยน์ตาเป็ นประกายเฉยเมย “ในเมื่อเจ้ารูส้ กึ ว่าการ
ถูกพวกเรารุมสังหารเป็ นเกียรติ เช่นนัน้ พวกเราจะให้เจ้ารูส้ กึ เป็ นเกียรติถึง
ที่สดุ ” พูดจบ หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องก็เนือ้ ตัวสั่น วงแหวนสีดาขนาดใหญ่
หลายวงลอยออกมาจากด้านหลังหัวหน้ากลุม่ แมงป่ อง พริบตาต่อมาวง
แหวนก็ส่นั ไหวปรากฏคมกระบี่เงินรายล้อม พริบตาต่อมาวงแหวนที่มีคม
กระบี่เงินรายล้อมก็กรูใส่มหู่ รงเสวี่ยอย่างไร้ปรานี...

หยวนฟางเฟยที่อยู่อีกด้านเห็นสถานการณ์เช่นนี ้ ก็ตกใจหน้าถอดสี “นี่


มันของบ้าอะไรกัน?”

มูห่ รงเสวี่ยมองดูวงแหวนคมกระบี่เงิน สายตานิ่งขรึม “อุปกรณ์สงั หารที่


สร้างจากทักษะกลไล” อุปกรณ์สงั หารนีน้ างเห็นครัง้ แรก ชื่อเรียกของ
อุปกรณ์นีน้ างก็ไม่รู ้ แต่นางรูว้ า่ อุปกรณ์สงั หารนีต้ อ้ งเป็ นที่นิยมอย่าง
แน่นอน

มองดูวงแหวนที่ประณีตละเอียดอ่อน มองคมกระบี่ยาวบนวงแหวน
มองปลายแหลมของคมกระบี่ยาว ฟั นเลื่อยที่แหลมคมรวมทัง้ จุดศูนย์กลาง
ของคมกระบี่ยาวเลยไปถึงรอยเว้าเด่นชัด ออกแบบมาเพื่อสังหารคน หาก
ไม่ระวังถูกคมกระบี่ยาวบนวงแหวนแทงเข้าไป ต่อให้ไม่ได้บาดเจ็บสาหัส
จนตาย ก็ถกู ปล่อยให้เลือดไหลหมดตัวจนตาย...

หยวนฟางเฟย “...”

ร้ายกาจเพียงนีเ้ ชียวหรือ!
“ถูกต้อง” มูห่ รงเสวี่ยพยักหน้า สะบัดกระบี่รบั มือวงแหวนคมกระบี่เงิน
นั่น...

ตอนที่ 1985 นับถอยหลังตอนอวสาน (23)

“เคร้ง เคร้ง เคร้ง...เคร้ง เคร้ง เคร้ง...” กระบี่ยาวกระทบวงแหวนคม


กระบี่ ทาให้วงแหวนแต่ละอันกระเจิงไป...จากนัน้ วงแหวนก็ไปหมุนอยู่
ไกลๆ แล้วก็รอ่ นกลับมาโจมตีใส่มหู่ รงเสวี่ย...

วงแหวนคมกระบี่นีย้ ากจะรับมือโดยแท้...

มูห่ รงเสวี่ยขมวดคิว้ สังเกตวงแหวนคมกระบี่อย่างพิจารณา พบว่าวง


แหวนคมกระบี่ไม่รูว้ า่ สร้างมาจากวัสดุใด นางใช้กระบี่ฟาดฟั นอย่างไรถึง
ไม่เสียหาย...

“ฟิ ้ ว ฟิ ้ ว ฟิ ้ ว...ฟิ ้ ว ฟิ ้ ว ฟิ ้ ว...” วงแหวนคมกระบี่จานวนมากกรูกนั ออกมา


จากด้านหลังของหัวหน้ากลุม่ แมงป่ อง พุง่ เข้าใส่นางอย่างมืดฟ้ามัวดิน...
กระบี่ยาวในมือมูห่ รงเสวี่ยตวัดกวัดไกวรวดเร็วราวสายฟ้า แต่ทว่าไม่
อาจขวางการเพิ่มและการเข้าใกล้ของวงแหวนคมกระบี่ได้เช่นเคย...

มองดูวงแหวนคมกระบี่ท่ลี อ้ มมู่หรงเสวี่ยไว้อย่างแน่นหนา แผดเสียง


ก้องรอบกายนางหมายจะแทงจุดตาย นัยน์ตาหัวหน้าใหญ่กลุม่ เบญจพิษ
หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องและจินหลายไฉเป็ นประกายยิม้ ดุดนั ตัง้ ตนเป็ นศัตรู
กับพวกเขาช่างไม่รูจ้ กั ที่ตายเสียเลย...

ส่วนมูห่ รงเสวี่ยมองวงแหวนคมกระบี่ท่เี ข้ามาใกล้เรือ่ ยๆ นัยน์ตาคูง่ าม


เป็ นประกายเคร่งขรึม คิดจะสังหารนาง ไม่ง่ายเพียงนัน้ หรอก!

มูห่ รงเสวี่ยพลิกฝ่ ามือ กระบี่ยาวในมือเต็มกาลังแฝงไอสังหารฟั นลงบน


วงแหวนคมกระบี่ท่อี ยู่ใกล้มอื ทาให้วงแหวนหลายต่อหลายวงกระเจิง
ออกไป ลอยละลิ่วตรงใส่หวั หน้าใหญ่กลุม่ เบญจพิษ หัวหน้ากลุม่ แมงป่ อง
และจินหลายไฉ...

คนทัง้ สามที่รอดูมหู่ รงเสวี่ยถูกสังหารพากันตกตะลึง ออกหมัดสะบัดฝ่ า


มือสลัดผ้าคลุมปั ดวงแหวนที่ลอยเข้ามา นัยน์ตาเป็ นประกายเคร่งเครียด
คิดไม่ถึงว่ามูห่ รงเสวี่ยจะย้อนรอยใช้วงแหวนเหล่านีม้ าจัดการพวกเขา...
นางช่างฉลาดยิ่งนัก!
แต่วา่ วงแหวนเหล่านีเ้ ป็ นของพวกเขา วงแหวนจะสังหารใคร อยู่ท่กี าร
ตัดสินใจของพวกเขา

แววตาหัวหน้ากลุม่ แมงป่ องเย็นชา วงแหวนจานวนมากกรูกนั ออกมา


ราวผึง้ แตกรัง พุง่ ใส่มหู่ รงเสวี่ยไร้ซง่ึ ความปรานี

กระบี่ยาวของมูห่ รงเสวี่ยกวัดไกวขณะที่จะฟั นวงแหวน ไม่คิดว่าคม


กระบี่บางบนวงแหวนจะหดเข้าไป จากนัน้ ยื่นออกมาจากด้านในวงแหวน
หมุนเวียนอย่างรวดเร็วพุง่ ใส่หมวกคลุมศีรษะมูห่ รงเสวี่ย...

มูห่ รงเสวี่ยรีบตวัดกระบี่ ฟั นวงแหวนอันแล้วอันเล่ากระเจิงไป ส่วนวง


แหวนที่อยูห่ า่ งจากนางก็ตรงดิ่งเลยผ่านนางไปครอบบนศีรษะของขุนนาง
ที่อยู่ไม่ไกลจากนางเท่าไร ได้ยินเสียงดัง ‘ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ’ ศีรษะของขุนนาง
เหล่านัน้ ถูกฟั นลงมาอย่างเป็ นระเบียบ...

บรรดาขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยนตกตะลึงหน้าซีดเผือด มองดูวงแหวน
สังหารนัน้ เนิ่นนานเปล่งวาจาไม่ออก
มูห่ รงเสวี่ยเองก็มสี ีหน้าเคร่งขรึม มองดูคมด้านในวงแหวนแววตานิ่งงัน
กิโยติน ประสิทธิภาพคมกระบี่วงในของวงแหวนช่างเหมือนกับกิโยตินใน
ยุคปั จจุบนั ที่นางเคยเห็นไม่มีผิดเพีย้ น

เรียกได้วา่ คมกระบี่วงในของวงแหวนนีก้ ็คือกิโยตินที่ไม่มีปอกคลุม


นั่นเอง

ในยุคของนาง กิโยตินเป็ นอาวุธที่ใช้ในละครโทรทัศน์หรือภาพยนตร์ ไม่


คิดเลยว่าในยุคนี ้ พวกหัวหน้ากลุม่ แมงป่ องจะสร้างขึน้ มาใช้งานจริงๆ

มูห่ รงเสวี่ยมองทัง้ สามคนด้วยสายตาเย็นชา พบว่าทัง้ สามก็กาลังมอง


มาที่นางรวมถึงบรรดาขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยนที่อยู่ดา้ นหลังนางด้วย
สายตาดุดนั เช่นกัน “พวกเจ้า ตายไปพร้อมกันเสียเถอะ!”

พูดจบหัวหน้ากลุม่ แมงป่ องก็ขยับตัว วงแหวนจานวนมากพุง่ ไปครอบมู่


หรงเสวี่ยและบรรดาขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยน...

วงแหวนขนาดใหญ่มาก ครอบได้กระทั่งศีรษะของจินหลายไฉที่ประดับ
กวานสีทอง...
บรรดาขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยนได้สติ พากันคว้ามีด คว้ากระบี่จากร่างไร้
วิญญาณขึน้ มาสูก้ บั วงแหวน...

ภายในคุกหลวงตกอยู่ในความวุน่ วายโกลาหล...

มูห่ รงเสวี่ยสะบัดกระบี่ปัดวงแหวนวงแล้ววงเล่า หยวนฟางเฟยเองก็ลกุ


ขึน้ มาภายใต้การคุม้ ครองของนาง ร่วมสูเ้ คียงบ่าเคียงไหล่ไปกับนาง สูไ้ ป
เอ่ยไปว่า “ลูกไม้ของกลุม่ เบญจพิษมากมายเสียจริง...แล้วไอ้ของบ้านีจ้ ะ
จัดการอย่างไร?”

ตอนที่ 1986 นับถอยหลังตอนอวสาน (24)

ของบ้านี่แข็งแกร่งเหลือทน นางฟาดฟั นมันไปไม่รูก้ ่ีกระบี่ ฟั นจนกระบี่


ของนางเป็ นรอยบิ่นแล้ว มันก็ยงั ปกติดีอยู่ไม่ได้รบั ความเสียหายใดๆ...
มูห่ รงเสวี่ยปรายตามองวงแหวนที่บินร่อนแวบหนึ่งก่อนจะเอ่ยเสียง
เรียบๆ ‘สิ่งนีไ้ ม่มวี ิธีส’ู้ วงแหวนไม่เกรงกลัวมีดดาบ ไม่เกรงกลัวเปลวไฟ
พวกนางทุม่ เทเต็มกาลังก็ตีไม่แตก ฟั นไม่พงั ...

แต่วา่ “อยากจะกาจัดของพวกนีก้ ็ไม่ใช่เรือ่ งยาก...”

“หมายความว่าอย่างไร?” แววตาของหยวนฟางเฟยฉายชัดถึงความไม่
เข้าใจ

มูห่ รงเสวี่ยประกายตาสุขมุ “หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องเป็ นผูค้ วบคุมวงแหวน


พวกนี ้ ขอเพียงสังหารหัวหน้ากลุม่ แมงป่ องทิง้ เสีย วงแหวนเหล่านีก้ ็ไม่มี
ประโยชน์ใดๆ...”

“นั่นสินะ” หยวนฟางเฟยแววตาเป็ นประกาย วงแหวนเป็ นเพียงอาวุธ


หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องที่เป็ นคนควบคุมการทางานของอาวุธชิน้ นีใ้ ห้มา
สังหารคนต่างหากที่เป็ นศัตรูตวั ฉกาจของพวกนาง ขอเพียงพวกนางสังหาร
หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องได้ วงแหวนนั่นก็จะไม่โจมตีพวกนางดังเช่นตอนนี.้ ..

“ข้าจะไปสังหารหัวหน้ากลุม่ แมงป่ องเอง” หยวนฟางเฟยเอ่ยด้วยความ


ตื่นเต้น พุง่ ใส่หวั หน้ากลุม่ แมงป่ องอย่างฮึกเหิม...
ตอนที่มหู่ รงเสวี่ยมีปฏิกิรยิ ากลับมา หยวนฟางเฟยก็พงุ่ มาตรงหน้า
หัวหน้ากลุม่ แมงป่ อง สะบัดกระบี่จว้ งแทงใส่เขา...

ไม่คิดว่ายังไม่ทนั ที่กระบี่ของนางจะสัมผัสโดนตัวหัวหน้ากลุม่ แมงป่ อง


จู่ๆ ก็มีฝ่ามือหนึ่งซัดใส่หยวนฟางเฟยอย่างแรง ทาเอานางถลาออกไปไกล
สี่หา้ เมตร กระแทกลงพืน้ อย่างแรงเสียงดังตุบ กระอักเลือดออกมาคาโต...

มูห่ รงเสวี่ย “...”

เวลาที่เจ้าพุง่ ไปข้างหน้า ไม่รูจ้ กั ดูผอู้ ่ืนเลยหรืออย่างไร?

หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องไม่ได้ยืนอยู่ตรงนัน้ เพียงลาพัง ข้างกายเขายังมี


หัวหน้าใหญ่กลุม่ เบญจพิษและจินหลายไฉยืนปั กหลั่นอยู่ตรงนัน้ ด้วย...

ไม่วา่ จะเป็ นหัวหน้าใหญ่กลุม่ เบญจพิษหรือจินหลายไฉ ต่างก็มีฝีมือ


เก่งกาจกว่าหยวนฟางเฟย...

มูห่ รงเสวี่ยมองหน้าหยวนฟางเฟยอย่างจนปั ญญา พบว่าจินหลายไฉ


ทะยานพาร่างอ้วนท้วมของตนเองไปหยุดอยู่ตรงหน้าหยวนฟางเฟย เตรียม
ซัดนางอีกหนึ่งฝ่ ามือ ระยะห่างเจ็ดแปดเมตรมูห่ รงเสวี่ยยังสัมผัสได้ถึงไอ
สังหารดุดนั ที่แผ่ออกมาจากฝ่ ามือนั่น...
มูห่ รงเสวี่ยแตะปลายเท้าเบาๆ พาร่างอรชรไปอยู่ตรงหน้าจินหลายไฉใน
ชั่วพริบตา สะบัดกระบี่ขวางฝ่ ามือหมายปลิดชีพของจินหลายไฉ เปิ ดฉาก
ต่อสูก้ บั เขา...

หยวนฟางเฟยที่ได้รบั การช่วยเหลือ ส่งเสียงไอออกมาอย่างรุนแรง ไอไป


ก็พยายามยันตัวเองขึน้ มาช้าๆ ใช้หลังพิงลูกกรงห้องขัง หายใจถี่ๆ ปรับ
เลือดลมถี่รวั ภายในอกให้กลับเป็ นปกติ คนกลุม่ เบญจพิษน่าชัง ลงมือ
โหดเ**้้ยม แต่ละกระบวนท่าหมายเอาชีวิตนาง นางไม่ใช่คนที่ใครจะมา
รังแกกันได้ง่ายๆ...

แววตาของหยวนฟางเฟยเย็นยะเยือก หยิบยาลูกกลอนในแขนเสือ้ อก
มายัดใส่ปากหนึ่งเม็ด ชั่วอึดใจต่อมาสีหน้าของนางก็กลับเป็ นปกติอย่าง
รวดเร็วอย่างสังเกตได้ชดั จากนัน้ นางก็ลกุ ขึน้ ยืนสะบัดกระบี่จว้ งแทงใส่
หัวหน้ากลุม่ แมงป่ อง...

ราวกับว่าหัวหน้ากลุม่ แมงป่ องมองไม่เห็นนาง เขายังคงควบคุมวง


แหวนต่อไป ขณะที่กระบี่ยาวของนางจวนเจียนจะถึงตัวหัวหน้ากลุม่ แมง
ป่ อง หัวหน้าใหญ่กลุ่มเบญจพิษก็สะบัดฝ่ ามือลงมา...
หยวนฟางเฟยแสยะยิม้ หลบฝ่ ามือของหัวหน้าใหญ่กลุม่ เบญจพิษได้
อย่างคล่องแคล่ว สะบัดกระบี่จว้ งแทงใส่หวั หน้าใหญ่กลุม่ เบญจพิษ เรือ่ ง
โง่เขลานีน้ างไม่มีทางทาเป็ นครัง้ ที่สอง...

หัวหน้าใหญ่กลุม่ เบญจพิษเห็นสถานการณ์เช่นนี ้ แววตาเยือกเย็น


ภายใต้ผา้ คลุมไม่มีปฏิกิรยิ าใดๆ สะบัดฝ่ ามือรับมือกับหยวนฟางเฟย...

ภายในคุกหลวงตกอยู่ในความวุน่ วายโกลาหลอีกครัง้ เสียงการต่อสู้


ดุเดือดรุนแรงดังสนั่นแสบแก้วหู

ขณะที่กาลังต่อสูก้ นั อยู่นนั้ ทันใดนัน้ ก็มีเสียงฝี เท้ากระชัน้ เข้ามา เสียง


ร้องเรียกด้วยความร้อนรนใจแว่วเข้ามาไกลๆ “แฮ่กๆ...มูห่ รงเสวี่ย หยวน
ฟางเฟย...แฮ่กๆๆ...”

นี่มนั ...เสียงของมูห่ ลิวเฟิ ง!

มูห่ รงเสวี่ยและหยวนฟางเฟยได้ยินเช่นนัน้ ก็พากันมองไปยังต้นทาง


ของเสียงที่ลอยแว่วมา...

ตอนที่ 1987 นับถอยหลังตอนอวสาน (25)


พบเงาร่างเลือนรางของคนกลุม่ หนึง่ วิ่งเข้ามาท่ามกลางกลุม่ ควัน
หนาแน่น จวบจนพวกเขาวิ่งเข้ามาใกล้ๆ มูห่ รงเสวี่ยถึงเห็นได้ชดั เต็มสอง
ตาว่าผูท้ ่เี ข้ามาคือบรรดาผูค้ มุ ของคุกหลวงกรมอาญา ผูท้ ่เี ดินนาเข้ามา
คือมูห่ ลิวเฟิ งผูม้ ีใบหน้าหล่อเหลา ร่างกายกายาบึกบึน

เมื่อออกมาจากกลุม่ ควันได้แล้ว มูห่ ลิวเฟิ งก็มองเห็นสภาพโกลาหลของ


สมรภูมิ ใบหน้าร้อนรนของเขาก็เคร่งขรึมลงมา ออกคาสั่งเสียงดุดนั
“จัดการคนกลุม่ เบญจพิษซะ...”

“ขอรับ” บรรดาผูค้ มุ รับคาสั่ง พากันชักกระบี่พงุ่ เข้าไป

มูห่ ลิวเฟิ งขยับตัว กระโจนตัวไปอยูต่ รงหน้าหัวหน้ากลุม่ แมงป่ อง สะบัด


พัดใส่เขา...

หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องที่ไม่คิดว่าเขาจะเข้ามาสร้างความวุน่ วายก็รบี ถอย


เท้ากลับไป หลบหลีกกระบวนท่าของเขา จากนัน้ ก็ควบคุมวงแหวนขนาด
ใหญ่ทมุ่ ใส่เขา...

ภายในคุกหลวงเกิดเสียงต่อสูด้ เุ ดือดรุนแรงดังขึน้ มาอีกครัง้ ...


มูห่ ลิวเฟิ งที่เป็ นห่วงมูห่ รงเสวี่ยและหยวนฟางเฟย สูก้ บั วงแหวนที่
หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องควบคุมพลางเอ่ยถามพวกนางทัง้ สองด้วยความ
ห่วงใยว่า “มูห่ รงเสวี่ย หยวนฟางเฟย พวกเจ้าไม่เป็ นอะไรใช่หรือไม่?”

“ไม่เป็ นไร” มูห่ รงเสวี่ยเอ่ยเสียงเบาๆ ไม่หยุดตวัดกระบี่ในมือ

“ไม่เป็ นไร” หยวนฟางเฟยเองก็สไู้ ปพลางเอ่ยตอบมูห่ ลิวเฟิ ง

“ไม่เป็ นอะไรก็ด”ี มูห่ ลิวเฟิ งลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ยังไม่


ทันที่จะพูดอะไรออกมา หยวนฟางเฟยก็ชิงเอ่ยขึน้ มาก่อนว่า “มูห่ ลิวเฟิ ง
เหตุใดเจ้าถึงเพิ่งมา?” มูห่ ลิวเฟิ งมาพร้อมกันกับมูห่ รงเสวี่ย มูห่ รงเสวี่ยเข้า
มาตัง้ นานแล้ว คิดไม่ถึงว่ามูห่ ลิวเฟิ งเพิ่งจะมา...

“ข้าไปตามพวกเขา” มูห่ ลิวเฟิ งชีไ้ ปยังบรรดาผูค้ มุ ที่อยู่ไม่ไกล เขารูว้ า่ มี


การเปลี่ยนแปลงเกิดขึน้ ในคุกหลวงกรมอาญา เป็ นกังวลว่าตัวเขาและมู่
หรงเสวี่ยจะต้านทานไม่อยู่ ดังนัน้ จึงไปตามผูค้ มุ เหล่านีม้ าช่วย...

เป็ นเช่นนีน้ ่เี อง!

มูห่ ลิวเฟิ งชาญฉลาดโดยแท้


หยวนฟางเฟยคิดอยู่ในใจ ขณะที่จะเอ่ยชมมูห่ ลิวเฟิ ง หางตาก็เหลือบ
ไปเห็นสถานการณต่อสูร้ ะหว่างมูห่ ลิวเฟิ งกับหัวหน้ากลุม่ แมงป่ อง นัยน์ตา
ก็จริงจังขึน้ มาทันที “มูห่ ลิวเฟิ ง ระวัง!”

เสียงหวีดร้องแฝงความหวาดกลัวสุดขีด

มูห่ ลิวเฟิ งประกายตาชะงักงัน เงยหน้าขึน้ ไปมองก็พบวงแหวนขนาด


ใหญ่วงหนึ่งที่ไม่รูว้ า่ ลอยมาจากด้านหลังหัวหน้ากลุม่ แมงป่ องตัง้ แต่เมื่อไร
ตรงเข้ามาจะครอบศีรษะเขา...

นัยน์ตาสีดาขลับของมูห่ ลิวเฟิ งเป็ นประกายวาววับคมกริบ สะบัดพัดสู้


กับวงแหวน ไม่คิดว่าวงแหวนนัน้ จะเบนไปตามทางสายพลังของพัด
เล็กน้อย ตามสายพลังไปบนพัด คมกระบี่ดา้ นในแสดงศักยภาพตัดพัดขาด
...

...

นี่มนั ...นี่มนั เรือ่ งอะไรกัน?

พัดในมือที่สนั้ ลงหนึ่งช่วงรวมถึงรอยขาดเป็ นระเบียบบนพัด เห็นแล้วมู่


หลิวเฟิ งตกตะลึงตาโตอ้าปากค้าง...
หยวนฟางเฟยปรายตามองเขาแวบหนึ่ง เอ่ยสบประมาทขึน้ ว่า “ยังจะ
เป็ นเรือ่ งอะไรได้อีกเล่า พัดของเจ้าถูกฟั นขาดแล้วน่ะสิ...”

มูห่ ลิวเฟิ ง “...”

พัดของเขาทาจากเหล็กนิล มีดดาบคุณภาพดีลว้ นฟั นไม่เข้า คิดไม่ถึงว่า


วงแหวนนีจ้ ะตัดขาดเสียได้...

มูห่ ลิวเฟิ งมองดูวงแหวนนัน้ ด้วยสายตาเคร่งขรึม พบว่าวงแหวนแผ่รงั สี


สังหารอามหิตวงหนึ่งพุง่ ใส่เขา มูห่ ลิวเฟิ งเบี่ยงกายหลบวงแหวนนัน้ หลบ
ไปพลางเอ่ยขึน้ ว่า “นี่มนั สิ่งของบ้าอะไรกัน?”

หยวนฟางเฟยปรายตามองเขาอย่างสบประมาท “นี่ไม่ใช่ของบ้าอะไร
หรอก แต่เป็ นอาวุธสังหาร” ของสิ่งนัน้ ครอบด้านบนสิ่งใดก็จะตัดของสิ่งนัน้
มูห่ ลิวเฟิ งถูกมันหมายหัวเอาไว้ ทว่ากลับมีเพียงพัดเท่านัน้ ที่ถกู ตัดขาด ถือ
เป็ นโชคดีมากแล้ว...

มูห่ ลิวเฟิ ง “...พูดเช่นนี ้ ข้าควรต้องรูส้ กึ เป็ นเกียรติใช่หรือไม่”


“ถูกต้อง” หยวนฟางเฟยที่กาลังสูก้ บั ศัตรูอยู่พยักหน้าเห็นพ้อง ผูท้ ่ถี กู
หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องหมายหัวเอาชีวิต กลับถูกทาลายแค่อาวุธ มูห่ ลิวเฟิ ง
ควรจะรูส้ กึ ยินดี...

มูห่ ลิวเฟิ ง “...”

เขารูส้ กึ ไม่คอ่ ยเห็นด้วยคาพูดของหยวนฟางเฟยสักเท่าไรนัก แต่เรือ่ ง


ที่วา่ อาวุธที่หวั หน้ากลุม่ แมงป่ องควบคุมนัน้ ร้ายกาจ หมายจัดการเขาถึง
ตายเป็ นเรือ่ งจริง!

เขาไม่อยากตาย เช่นนัน้ ก็ให้หวั หน้ากลุม่ แมงป่ องตายไปก็แล้วกัน

ตอนที่ 1988 นับถอยหลังตอนอวสาน (26)

มูห่ ลิวเฟิ งเงยหน้าขึน้ พบว่ามีวงแหวนตรงเข้ามาจะครอบเขาอีกครัง้


อย่างไร้ปรานี แววตาเขาเคร่งขรึม ยื่นมือออกไป กระบี่ยาวเล่มหนึ่งที่ตกอยู่
บนพืน้ ไม่ไกลออกไปลอยขึน้ มา ลอยละลิ่วเข้าสูม้ ือของเขา เขาสะบัดข้อมือ
รวดเร็ว กระบี่ยาวในมือพุง่ ใส่วงแหวนนั่น...

“ปั ง!” กระบี่ยาวกระทบกับวงแหวน เกิดเป็ นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

เสียงดังสะเทือนแก้วหูผคู้ น ทุกคนขมวดคิว้ มองไปยังทิศทางที่เสียงลอย


แว่วมา พบว่าต้นเหตุอย่างมูห่ ลิวเฟิ งกับหัวหน้ากลุม่ แมงป่ องเข้าต่อสูก้ นั
อีกแล้ว...

กาลังภายในของมูห่ ลิวเฟิ งลึกลา้ กระบี่ยาวในมือสะบัดอย่างรวดเร็ว


รุนแรงและแม่นยา พลังกระบี่กวัดไกวอย่างต่อเนื่อง ไล่ตอ้ นหัวหน้ากลุม่
แมงป่ อง

หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องควบคุมวงแหวนประชิดโจมตีทงั้ ที่ลบั ที่แจ้ง แสร้ง


ว่าถอยแต่โจมตีในที่ลบั แต่ละกระบวนท่าร้ายกาจ แต่ละกระบวนท่ามุง่
หมายเอาชีวิต...

กระบี่ยาวและวงแหวนปะทะกันครัง้ แล้วครัง้ เล่า สายลมที่แผ่รศั มี


ออกมาอย่างรุนแรงทาให้ลกู กรงห้องขังละแวกนัน้ หักซี่แล้วซี่เล่า...
สภาพเนือ้ ตัวของมูห่ ลิวเฟิ งและวงแหวนลายเป็ นเงา ระยะเวลาชั่วอึดใจ
เดียวก็ผ่านไปกว่าร้อยกระบวนท่า

ประกายกระบี่วิบวับ ซัดฟ้าซัดปฐพี แสงสีเงินเป็ นกระกายวิบวับ รังสี


สังหารรุนแรงทาให้ผคู้ นใจอกสั่นขวัญแขวน

มูห่ ลิวเฟิ งกับหัวหน้ากลุม่ แมงป่ องสูก้ นั ตัง้ แต่พนื ้ จนถึงกลางอากาศ จาก


กลางอากาศไปจนถึงห้องขังสภาพเสียหาย...

การปะทะอย่างรุนแรง สะเทือนจนคุกหลวงสั่นไหว คลื่นที่เหลือจากการ


ปะมือม้วนเข้าไปยังห้องขังในบริเวณนัน้ ซัดห้องขังสภาพเละเทะไม่เป็ น
ระเบียบ...

หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องในฐานะผูป้ ะมือถูกแรงสะเทือนทัง้ หมดนี ้ เอ่ยกับมู่


หลิวเฟิ งว่า “เจ้ามีวิชากระบี่สงู ส่งเช่นนีไ้ ด้อย่างไร?” เท่าที่เขารูม้ หู่ ลิวเฟิ ง
ชานาญการใช้พดั ที่สดุ

มูห่ ลิวเฟิ งได้ยินเช่นนัน้ ก็ขมวดคิว้ แล้วเอ่ยว่า “ข้าชานาญการใช้พดั ที่สดุ


จริงๆ นั่นล่ะ แต่วา่ ...พัดอันนัน้ ของข้าสามารถเปลี่ยนเป็ นกระบี่ได้...” เขา
เป็ นคุณชายที่ดารงตาแหน่งขุนนางขัน้ สาม กิรยิ าสง่าผ่าเผย รูปหล่องดงาม
เป็ นสุภาพบุรุษ จะพกกระบี่ติดกายอยู่ตลอดเวลาให้ขายหน้าได้อย่างไร แต่
การไม่พกกระบี่ก็เกรงว่าจะมีใครมาทาร้ายเขา ดังนัน้ เขาจึงให้คนทาพัดที่
ไม่เหมือนของผูใ้ ด พัดเล่มนัน้ สามารถใช้เป็ นพัด ใช้เป็ นอาวุธ และสามารถ
ใช้เป็ นกระบี่ได้...

ยามปกติไม่มีอะไรก็ใช้เป็ นพัดเดินโฉบไปทั่ว ท่วงท่าสง่างาม เมื่อมีคน


ต้องการทาร้ายเขา เขาก็ใช้พดั เล่มนัน้ เป็ นอาวุธสั่งสอนคนเหล่านัน้ เมื่อมี
คนต้องการชีวิตเขาเข้ามา เกินที่จะใช้พดั สั่งสอนได้ เขาก็เปลี่ยนจากพัด
เป็ นกระบี่ไปจัดการกับศัตรู...

จวบจนกระทั่งตอนนี ้ เขายังไม่เคยเจอช่วงเวลาสาคัญถึงชีวิต ดังนัน้ พัด


ของเขายังคงอยู่ในรูปพัดตลอดมา ไม่เคยเปลี่ยนเป็ นกระบี่มาก่อน...

“...” หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องตกใจจนพูดอะไรไม่ออก

“พวกเจ้าไม่รูเ้ รือ่ งนีเ้ ลยสักนิดหรือ?” มูห่ ลิวเฟิ งมองดูหวั หน้ากลุม่ แมง


ป่ องด้วยความประหลาดใจอยู่บา้ ง เอ่ยเย้าแหย่วา่ “ดูเหมือนว่าพวกเจ้ายัง
สืบเรือ่ งของข้าไม่ถึงที่สดุ นะ...”
“...” หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องสีหน้าถมึงทึง สะบัดฝ่ ามือ บรรดาวงแหวน
เพิ่มพลังการโจมตีขนึ ้ มาทันใด โจมตีใส่มหู่ ลิวเฟิ งอย่างเ**้้ยมโหด...

มูห่ ลิวเฟิ งทาราวกับว่ามองไม่เห็น รับมือกับวงแหวนไปพลางเอ่ยกับ


หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องว่า “ข้าบอกเจ้าในส่วนที่เจ้าไม่ได้ตรวจสอบแล้ว ถือ
เป็ นการเติมเต็มช่องโหว่อดุ รอยรั่วของพวกเจ้า ถึงพวกเจ้าตายไปก็ตายตา
หลับ”

หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องได้ยินเช่นนัน้ ก็บงั เกิดลางสังหรณ์ไม่ดี มองมูห่ ลิว


เฟิ งตาเขียว พบว่าหลังจากที่มหู่ ลิวเฟิ งจัดการกับวงแหวนที่อยู่ใกล้มือไป
แล้ว มือขวากระชับกระบี่ นิว้ มือข้างซ้ายลูบตัวกระบี่เบาๆ กาลังภายในลา้
เลิศค่อยๆ ไหลเข้าไปในกระบี่ พริบตาเดียว มูห่ ลิวเฟิ งก็ขยับตัว กระบี่ยาว
ในมือแฝงพละกาลังรุนแรงพุง่ ไปข้างหน้า ตัดผ่านทุกสิ่งกีดขวางแทงใส่
หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องอย่างไม่ปรานี...

หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของกระบี่เป็ นอย่างดี ใน


ใจบังเกิดความตื่นกลัวขึน้ มา คิดจะหลบหนีตามสัญชาตญาณ...

แต่น่าเสียดายที่หลบไม่พน้ ...
กระบี่ยาวกรีดผ่านอากาศ ตรงดิ่งเข้าใส่ลาคอของหัวหน้ากลุม่ แมงป่ อง
...

“ฉึก!” กระบี่แทงทะลุลาคอทว่าไม่หยุดอยู่เท่านัน้ ยังนาร่างของหัวหน้า


กลุม่ แมงป่ องถอยร่นไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว ชนกระแทกลูกกรงห้องขังที่
อยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์อย่างแรง ตอกเข้าไปในกาแพงแข็งแกร่งของห้องขัง
...
ตอนที่ 1989 นับถอยหลังตอนอวสาน (27)

วงแหวนเต็มทั่วท้องฟ้าชะงักไปชั่วครู ่ จากนัน้ ก็รว่ งหล่นพืน้ เกรียวกราว


...

บริเวณโดยรอบตกอยู่ในความเงียบสงบ

ผูค้ นในที่นนั้ มองภาพเหตุการณ์นีด้ ว้ ยอาการตกตะลึง

โดยเฉพาะกลุม่ เบญจพิษ เต็มไปด้วยความตระหนกตกใจ!

หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องไม่ได้อ่อนหัด ยิ่งไปกว่านัน้ เขาเป็ นถึงหัวหน้ากลุม่


แมงป่ องของกลุม่ เบญจพิษ กาลังสาคัญหนึ่งในห้าส่วนของกลุม่ เบญจพิษ
วรยุทธ์สงู ส่ง ทักษะการเร้นกายสูงส่ง ยิ่งเรือ่ งทักษะกลไกก็เป็ นเลิศในหมู่
ไม่ก่ีคน อย่าว่าแต่หวั หน้าคนอื่นๆ ในกลุม่ เบญจพิษเลย ในโลกหล้านีก้ ็มี
เพียงไม่ก่ีคนที่สามารถเอาชนะเขาได้...

แต่ไม่คิดไม่ฝันว่าตอนนีเ้ ขาถูกสังหารเสียแล้ว ถูกผูซ้ ง่ึ พวกเขาไม่คิดว่า


จะสังหารคนของพวกเขาได้ลงมือสังหาร...
แม้วา่ ก่อนหน้านีห้ วั หน้ากลุม่ แมงป่ องจะได้รบั บาดเจ็บสาหัส แต่วา่
อาการบาดเจ็บของเขาไม่ได้เป็ นอุปสรรคในการควบคุมวงแหวนกลสัก
เท่าไร...

คนของกลุม่ เบญจพิษพากันมองมูห่ ลิวเฟิ ง แววตาเป็ นประกาย


หวาดหวั่น โกรธเคืองและริษยา...

ส่วนมูห่ ลิวเฟิ งคล้ายกับไม่รูส้ กึ อะไร ชักกระบี่ยาวกลับมา ไม่สนใจมอง


ร่างไร้วิญญาณที่ตรึงไว้กบั กาแพงและลาคอที่ถกู กระบี่ยาวแทงทะลุของ
หัวหน้ากลุม่ แมงป่ อง เขาหันหลังกลับมามองผ่านจินหลายไฉไปอยูท่ ่มี หู่ รง
เสวี่ย แล้วเอ่ยเสียงราบเรียบว่า “ต้องการความช่วยเหลือหรือไม่?”

มูห่ รงเสวี่ยได้สติ ส่ายหน้าเบาๆ “ไม่ตอ้ งการ”

วรยุทธ์ของจินหลายไฉไม่ธรรมดา แต่วรยุทธ์ของนางเองก็ไม่ได้อ่อน
ด้อยเช่นกัน สามารถกดดันจินหลายไฉได้อยู่แล้ว ไม่เห็นต้องขอความ
ช่วยเหลือจากใคร

ที่นางต่อสูก้ บั จินหลายไฉเนิ่นนานเช่นนีก้ ็ไม่อาจตัดสินแพ้ชนะได้ เป็ น


เพราะว่าขณะที่นางสูร้ บกับจินหลายไฉก็แบ่งสมาธิสว่ นหนึ่งไปที่หยวนฟาง
เฟย อย่างไรเสียหยวนฟางเฟยก็ได้รบั บาดเจ็บสาหัส วรยุทธ์ของนางก็ไม่
อาจสูห้ วั หน้าใหญ่กลุม่ เบญจพิษ ปะทะกับหัวหน้าใหญ่กลุม่ เบญจพิษ
ในตอนนีย้ ่อมตกเป็ นฝ่ ายรอง นางลอบมองหยวนฟางเฟยอยูเ่ งียบๆ
ป้องกันหยวนฟางเฟยไม่ทนั ระวังถูกหัวหน้าใหญ่กลุม่ เบญจพิษสังหาร...

“หากเจ้าอยากช่วย ก็ไปช่วยฟางเฟยเถอะ” มูห่ ลิวเฟิ งเป็ นยอดฝี มือใน


กระบี่ มีเขาไปช่วยหยวนฟางเฟย หยวนฟางเฟยก็ไม่มีทางมีอนั ตรายถึง
ชีวิต เช่นนัน้ นางจะได้วางใจไปจัดการรับมือกับจินหลายไฉ...

“ตกลง” มูห่ ลิวเฟิ งพยักหน้า ยื่นมือออกไปก็มีกระบี่อีกหนึ่งเล่มลอยเข้า


มาอยู่ในมือของเขา เขาสะบัดฝ่ ามือทีหนึ่งพลังกระบี่ก็ซดั ออกมาตรงเข้าใส่
หัวหน้าใหญ่กลุม่ เบญจพิษอย่างไร้ซง่ึ ความปรานี...

มูห่ รงเสวี่ยเองก็ยกกระบี่ยาวแฝงพลังกระบี่รุนแรงพุง่ ใส่จินหลายไฉ


อย่างไม่ปรานี...

มูห่ ลิวเฟิ งกาจัดศัตรูคตู่ ่อสูข้ องตนเองได้แล้ว ต่อมาก็ถึงคราวที่นางจะ


กัดจัดศัตรูค่ตู ่อสูข้ องตนเองแล้ว
จินหลายไฉบังเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่างขึน้ ในใจ ทว่าไม่อาจ
หลบหนีได้ ทาได้เพียงตัง้ ท่ารับมือด้วยสีหน้าเคร่งขรึม...

พลังกระบี่ของมูห่ รงเสวี่ยรุนแรง ไขว้สลับกันสายแล้วสายเล่า...

ฝ่ ามือราวอาวุธของจินหลายไฉรับมือกับพลังกระบี่ถกู กรีดเข้าหลาย
สายเลือดอาบย้อมไปทั่ว...

สีหน้าของจินหลายไฉเคร่งเครียดขึน้ เลิกใช้ฝ่ามือและเปลี่ยนมาใช้ทา่
ร่างปราดเปรียว ขยับตัวเคลื่อนไหวไปมาราววานรปราดเปรียวต่อหน้ามู่
หรงเสวี่ย หาช่องโหว่โจมตีนาง

มูห่ รงเสวี่ยสีหน้าเย็นชา กระบี่ยาวในมือกวัดไกวไปมา ทุกที่ท่กี ระบี่ยาว


ตวัดผ่านนามาซึง่ สายเลือดเป็ นสาย...

หลังจากจินหลายไฉหยุดการเคลื่อนไหว ทัง้ เนือ้ ทัง้ ตัวก็มีรอยแผลเต็ม


ไปทั่ว ปากแผลมีรอยเลือดไหลซึมอาบย้อมอาภรณ์...

“มูห่ รงเสวี่ย” จินหลายไฉสีหน้าบึง้ ตึง คารามเสียงทุม้ ต่า สะบัดฝ่ ามือ


ใส่มหู่ รงเสวี่ย...
มูห่ รงเสวี่ยเบี่ยงกายหลบการโจมตีของจินหลายไฉ มองหน้านางเอ่ย
เสียงราบเรียบว่า “จินหลายไฉ เจ้าไปหาหัวหน้ากลุม่ แมงป่ องเถอะ”

พูดจบ มูห่ รงเสวี่ยก็สะบัดข้อมือ ออกกระบี่ยาวในมือแฝงเงากระบี่สีเงิน


จ้วงแทงเข้าบริเวณลาคอของจินหลายไฉเต็มแรง...
ตอนที่ 1990 นับถอยหลังตอนอวสาน (28)

เลือดสีแดงสดพุง่ กระจาย สาดกระเซ็นเลอะลูกกรงห้องขัง...

ร่างอ้วนท้วมของจินหลายไฉแข็งค้างไปครูห่ นึ่งก่อนจะล้มกองไปบนพืน้
เสียงดังตุบ ดวงตาเบิกโพล่ง นัยน์ตาฉายชัดถึงความตื่นตระหนกและไม่
อยากที่จะเชื่อ...

“จินหลายไฉ!” หัวหน้าใหญ่กลุม่ เบญจพิษร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ


แววตาคมปลาบราวลูกธนูแหลมคมยิงใส่มหู่ รงเสวี่ย ส่วนลึกนัยน์ตาเป็ น
ประกายเพลิงโกรธลุกโชนราวกับต้องการสับเนือ้ นางทัง้ เป็ น

มูห่ รงเสวี่ยไม่หลบไม่หลีก ประสานสายตากับหัวหน้าใหญ่กลุม่ เบญจ


พิษ หันเหวิถีกระบี่ พลังกระบี่แฝงรังสีสงั หารจ้วงแทงใส่หวั หน้าใหญ่กลุม่
เบญจพิษ หัวหน้ากลุม่ แมงป่ องและจินหลายไฉตายแล้ว ต่อไปก็ถึงคราว
ของหัวหน้าใหญ่กลุม่ เบญจพิษผูน้ แี ้ ล้ว...
หัวหน้าใหญ่กลุม่ เบญจพิษมองดูมหู่ รงเสวี่ยที่ขยับเข้ามาใกล้ ดวงตา
คมเป็ นประกายชิงชัง สองมือสั่นไหว ไม่สนมูห่ ลิวเฟิ งและหยวนฟางเฟยที่อ
ยู่ใกล้แค่เพียงเอือ้ มมือ ประจัญกับมูห่ รงเสวี่ยอย่างโหดเ**้้ยมรุนแรง...

“ตุบ ตุบ ตุบ!” กระบี่ยาวและฝ่ ามือปะทะกัน แผ่เสียงดังรุนแรงสะเทือน


บาดหูผคู้ น

มูห่ รงเสวี่ยขมวดคิว้ ตัง้ สมาธิมองดูฝ่ามือของหัวหน้าใหญ่กลุม่ เบญจ


พิษ พบว่ามือของเขากลายเป็ นสีดา เป็ นประกายสะท้อนอยู่ทา่ มกลางแสง
ส่องกระทบ แลดูประหลาดอย่างบอกไม่ถกู ...

...

ที่แท้มือของเขาก็เปลี่ยนสภาพไปแล้วนี่เอง มิน่าเล่าหัวหน้าใหญ่กลุม่
เบญจพิษถึงรับกระบี่ของนางได้ “เจ้าใช้พิษ!” ใช้พิษเปลี่ยนสภาพสองมือ
ของตนเอง ทาให้สองมือแข็งแกร่งไร้เทียมทาน แกร่งเสียยิ่งกว่าอาวุธ คน
กลุม่ เบญจพิษนีช้ า่ งมีลกู ไม้เสียเหลือเกิน

ถึงกระนัน้ ก็ไม่เป็ นอะไร เขามีลกู ไม้มากมายเพียงใด นางก็ยงั คง


สามารถสังหารเขาได้อยู่ดี
มูห่ รงเสวี่ยสะบัดข้อมือ กระบี่ยาวในมือกวัดไกวพลังกะบี่มือช้าๆ สะบัด
ใส่หวั หน้าใหญ่กลุม่ เบญจพิษอย่างรุนแรง

“ใครสังหารใครยังไม่แน่” หัวหน้าใหญ่กลุม่ เบญจพิษเอ่ยเสียงลอดไรฟั น


สะบัดฝ่ ามือตัง้ รับ

ทัง้ สองเข้าสูก้ นั อย่างรุนแรง

“ฉัวะ!” กระบี่ยาวเล่มหนึ่งปรากฏขึน้ กลางอากาศ แทงใส่หวั หน้าใหญ่


กลุม่ เบญจพิษ เป็ นมูห่ ลิวเฟิ งเข้าร่วมวงต่อสูน้ ่ นั เอง

“ฉัวะ!” กระบี่ยาวอีกเล่มหนึง่ แทงเข้ามา เป็ นหยวนฟางเฟยที่ตามมาเข้า


ร่วมวงต่อสูน้ ่ นั เอง

มูห่ รงเสวี่ย มูห่ ลิวเฟิ งและหยวนฟางเฟยประสานมือกันสามคน พลัง


กระบี่สามสายล้อมเป็ นวง ล้อมหัวหน้าใหญ่กลุม่ เบญจพิษปิ ดผนึกไว้อย่าง
แน่นหนา เจ้าแทงศีรษะ ข้าแทงเท้า เจ้าแทงแผ่นอก ข้าแทงเอว เจ้าแทงแขน
ข้าแทงขา...
หัวหน้าใหญ่กลุม่ เบญจพิษสะบัดมือเปล่าเป็ นเงาราวอาวุธ รับมือกับ
การโจมตีทงั้ หมดอย่างคล่องแคล่ว แต่ก็ยงั ไม่อาจต้านทานการประสานมือ
กันของมูห่ รงเสวี่ย มูห่ ลิวเฟิ งและหยวนฟางเฟย...

กระบี่ยาวของหยวนฟางเฟยผ่านการสกัดกัน้ ของหัวหน้าใหญ่กลุม่
เบญจพิษ แทงใส่ผา้ คลุมศีรษะของเขา ได้ยินเสียงดัง ‘สวบ’ ผ้าครอบหมวก
ถูกกรีดขาด เผยให้เห็นโฉมหน้าของหัวหน้าใหญ่กลุม่ เบญจพิษที่ซอ่ นอยู่
ภายใต้ผา้ โพกนั่น...

“เจ้าเองหรือ!” มูห่ รงเสวี่ยกับมูห่ ลิวเฟิ งพากันชะงักกิรยิ าไปชั่วขณะ


มองดูใบหน้านัน้ พลางส่งเสียงร้องด้วยความตื่นตระหนก

หยวนฟางเฟยถูกปฏิกิรยิ าของคนทัง้ คู่ทาให้ชะงักไปเช่นกัน “...พวกเจ้า


รูจ้ กั เขาหรือ?”

ไม่ใช่แค่รูจ้ กั มูห่ รงเสวี่ยยังเคยประมือกับคนตรงหน้าด้วย และไม่ใช่แค่


เพียงครัง้ สองครัง้ เพราะว่าคนตรงหน้านีม้ ิใช่คนอื่นไกล เขาก็คือพ่อบ้าน
หวังของจวนจิง้ อ๋องนั่นเอง
มูห่ รงเสวี่ยมองพ่อบ้านหวังตาเขียวปั ด พบว่าพ่อบ้านหวังพยายามดึงรัง้
ผ้าครอบหมวก สีหน้าเคร่งขรึม ถลึงตามองมูห่ รงเสวี่ยและมูห่ ลิวเฟิ งแวบ
หนึ่ง แตะปลายเท้าพาร่างปราดเปรียวทะยานข้ามหยวนฟางเฟย ทิง้ เงาไว้
กลางอากาศกระโจนไปนอกคุก...

“ตาม!” มูห่ รงเสวี่ยและมูห่ ลิวเฟิ งไล่ตามไป

หยวนฟางเฟยเองก็ทะยานตัวหมายจะตามไป สายตาเห็นผูค้ มุ กรม


อาญาและบรรดาขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยนร่างกายบาดเจ็บที่กาลังต่อสู้
กับบรรคนของกลุม่ เบญจพิษอย่างดุเดือด ก็เกิดอาการลังเล...

“มัวเหม่อลอยอะไรกัน ยังไม่รบี ตามไปอีก...”


ตอนที่ 1991 นับถอยหลังตอนอวสาน (29)

“แต่วา่ ท่านกับ...” หยวนฟางเฟยมองขุนนางวัยกลางคน ขุนนางแคว้น


ชิงเหยี่ยนและบรรดาผูค้ มุ กรมอาญาที่กาลังต่อสูก้ บั ศัตรูอย่างดุเดือดด้วย
ความเป็ นกังวล

ขุนนางวัยกลางคนไม่เก็บเอามาใส่ใจ “วางใจเถิด ก็แค่ลกู สมุนปลาย


แถวเท่านัน้ !” ไม่อาจสังหารขุนนางที่คร่าหวอดอยู่ในสนามรบมากมาย
เช่นพวเขาได้หรอก “รีบไล่ตามหัวหน้าใหญ่กลุม่ เบญจพิษไปเร็ว...” คิดไม่
ถึงว่าตัวตนของหัวหน้าใหญ่กลุม่ เบญจพิษจะเป็ นพ่อบ้านหวังวังจิง้ อ๋อง ทา
ให้เขาเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีอย่างมาก...

“ได้!” สีหน้าจริงจังของขุนนางวัยกลางคนที่พบเห็นได้นอ้ ยครัง้ ทาให้


หยวนฟางเฟยพยักหน้า ทะยานตัวไล่ตามทิศทางที่พ่อบ้านหวังหลบหนีไป
...

หัวหน้าใหญ่กลุม่ เบญจพิษออกไปตามทาง หนีออกจากคุกหลวงมาได้


ก็ทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
มูห่ รงเสวี่ยและมูห่ ลิวเฟิ งก็ตามหลังเขาไปติดๆ...

ทัง้ สามคนไล่ตามกันไปผ่านถนนหลักสายแล้วสายเล่า ผ่านตรอกซอก


ซอยสายแล้วสายเล่า ไม่ได้สงั เกตเลยแม้แต่นอ้ ยว่าด้านล่างซ้ายของพวก
เขาปรากฏคฤหาสน์หลังหนึ่งแสนคุน้ เคย ผูค้ นที่คนุ้ เคยในคฤหาสน์หลังนัน้
ยังคงสูร้ บตบมือกันอย่างบ้าคลั่ง

แต่วา่ ต่อสูก้ นั มาจนถึงช่วงท้าย บ่าวรับใช้ตระกูลเจียงฝ่ ายเจียงซินรวม


ถึงบ่าวรับใช้ตระกูลถังฝ่ ายถังเยี่ยต่างเข้าร่วมการต่อสู้ ลานเล็กๆ ขนาดไม่
ใหญ่ของจวนตระกูลถังมีบา่ วรับใช้กองระเนระนาดเต็มไปทั่ว มองไม่ออก
ว่าเป็ นบ่าวรับใช้ตระกูลเจียงหรือบ่าวรับใช้ตระกูลถัง พวกเขาล้วนได้รบั
บาดเจ็บสะบักสะบอม กองกันอยูท่ ่พี นื ้ ไม่ไหวติงไม่รูว้ า่ ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
...

ผูท้ ่ยี งั ยืนอยู่มีเพียงเจียงซิน ถังเยี่ยและซ่งหรุย่ เอ๋อร์สามคน เจียงซินกับ


ถังเยี่ยที่มีบาดแผลทั่วร่างทว่ายังคงสูร้ บตบมือกันอย่างดุเดือดไม่มีทีท่าว่า
จะหยุดมือแต่อย่างใด...

เลือดสีแดงฉานไหลทะลักออกมาจากบาดแผลไหลอาบย้อมเสือ้ ผ้าเป็ น
สีแดง ตามการเคลื่อนไหวของพวกเขา...
กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นค่อยๆ อบอวลอยู่ในอากาศ!

ถังเยี่ยขมวดคิว้ อย่างไม่สบอารมณ์ เตรียมจะถอยหลังก้าวหนึ่ง รักษา


ระยะห่างกับเจียงซิน ไม่คิดว่าเจียงซินจะจับปฏิกิรยิ าการเคลื่อนไหวของ
พวกเขาได้ กระบี่ยาวในมือกวัดไกวอย่างรวดเร็ว พัวพันเขาไว้จนเขาไม่อาจ
เคลื่อนไหวใดๆ...

เป็ นเช่นนีอ้ ีกแล้ว เขากับเจียงซินสูก้ นั มาเป็ นครึง่ ชั่วยามแล้ว เมื่อคิดว่า


จะถอยสักก้าว หยุดการต่อสู้ เจียงซินก็จะเข้ามาวอแวเหมือนเช่นตอนนี ้ ทา
ให้เขาไม่อาจหยุดต่อสูไ้ ด้ “เจียงซิน เจ้าตัง้ ใจแน่วแน่วา่ จะสังหารข้าหรือ!”

“ถูกต้อง!” เจียงซินมองสบสายตากราดเกรีย้ วของถังเยี่ย นางยอมรับ


อย่างไม่ลงั เล “ข้าต้องการสังหารเจ้า” เจ้าลอบติดต่อกลุม่ เบญจพิษ ทรยศ
แคว้นชิงเหยี่ยน สมควรตาย!

ถังเยี่ยได้ยินเช่นนัน้ ก็มีสีหน้าเคร่งขรึมลงมาทันที ที่เขาทรยศแคว้นชิงเห


ยี่ยนก็ทาเพื่อตระกูล คิดไม่ถึงว่าผูโ้ ง่เขลาไม่รูจ้ กั ผิดชอบชั่วดีเช่นเจียงซิ
นจะกล้ามาสั่งสอนเขา ช่างไม่รูจ้ กั ที่ตายเสียจริง ในเมื่อตัวนางรนหาที่ตาย
เช่นนัน้ เขาก็จะให้นางได้สมปรารถนา
ถังเยี่ยแสดงสีหน้าท่าทางออกมาโดยไม่เป็ นที่สงั เกต ซ่งหรุย่ เอ๋อร์ท่ยี ืนดู
สถานการณ์อยู่ไม่ไกลเข้าใจความนัยที่สง่ มา หยิบคันธนูท่เี ตรียมไว้ตงั้ นาน
แล้วขึน้ สายง้างคันธนูเล็งใส่เจียงซิน...

“ฟิ ้ ว!” ลูกธนูสีดาออกจากสายแฝงกาลังแทรกผ่านสายลมพุง่ ตรงใส่


เจียงซิน...

ถังเยี่ยแสยะยิม้ มุมปาก สายตาจับจ้องลูกธนูท่เี ข้าไปใกล้มหู่ รงเสวี่ย


เรือ่ ยๆ ขณะมองดูลกู ธนูจะปั กเข้ากลางหลังเจียงซินนัน้ ไม่คิดว่าเจียงซินจะ
สะบัดกระบี่มาด้านหลังอย่างกะทันหัน พุง่ ใส่ลกู ธนูท่ยี ิงตรงเข้ามา ทาให้
ลูกธนูหกั เหวิถียอ้ นศรกลับไป...

“ฟิ ้ ว!” ลูกธนูแหวกอากาศ ตรงเข้าปั กหน้าอกซ่งหรุย่ เอ๋อร์ ทะลุไป


ด้านหลังซ่งหรุย่ เอ๋อร์...

รอยยิม้ สาสมใจบนใบหน้าซ่งหรุย่ เอ๋อร์ยงั ไม่ทนั จางหายไป ก็แปร


เปลี่ยนเป็ นความเจ็บปวด นางค่อยๆ ก้มหน้าลงมองหน้าอกตนเองที่มธี นูสี
ดาปลายขนนกปั กอยู่ นางเงยหน้าขึน้ ช้าๆ มองถังเยี่ยคล้ายกับว่าอยากจะ
พูดอะไรออกมา ทว่ากลับพูดอะไรไม่ออก เลือดไหลออกมาตรงมุมปาก
นางล้มลงไปกองกับพืน้ เสียงดังตุบ ดวงตาเบิกโพล่ง นัยน์ตาเป็ นประกาย
ตระหนกและยากจะเชื่อ...
ตอนที่ 1992 นับถอยหลังตอนอวสาน (30)

ถังเยี่ยมองดูรา่ งซ่งหรุย่ เอ๋อร์นอนตายตาไม่หลับด้วยแววตาตื่นตระหนก


นี่หรุย่ เอ๋อร์ตายแล้วหรือ...ตายภายใต้ลกู ธนูท่พี วกเขาเตรียมยิงสังหารเจียง
ซิน...

ผูท้ ่ที าให้นางต้องตายคือเจียงซิน...

“ฟิ ้ ว!” ประกายแสงสีเงินทาให้ถงั เยี่ยได้สติ พบว่าเจียงซินตวัดกระบี่ยาว


จ้วงแทงใส่เขา ดวงตาดาขลับคูง่ ามเป็ นประกายสุขมุ เยือกเย็นสลักใจ...

เปลือกตาถังเยี่ยกระตุกรัว ในใจบังเกิดลางสังหรณ์ดีบางอย่าง รีบตวัด


กระบี่ไปตัง้ รับ ไม่คิดว่ากระบี่ยาวของเจียงซินจะหลุดผ่านการสกัดดัน้ ของ
เขาได้อย่างง่ายดาย แทงใส่หน้าอกเขาทะลุไปข้างหลัง...

ถังเยี่ยชะงักไปชั่วอึดใจ แข็งค้างอยูใ่ นท่าตวัดกระบี่อยู่ช่ วั อึดใจ ก่อนจะ


ล้มลงไปกองกับพืน้ เสียงดังตุบ เลือดสีแดงฉานไหลทะลักออกมาจากปาก
แผล อาบย้อมเสือ้ ผ้าของเขาด้วยความเร็วที่เห็นได้ดว้ ยสายตา ขณะที่
วิญญาณใกล้จะหลุดลอยจากร่าง เขาก็พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะเบิกตา
โพล่ง ถลึงตาใส่เจียงซิน ทว่าเจียงซินยืนอยู่ตรงหน้าเขากวาดสายตาไล่มอง
เขาตัง้ แต่ศีรษะจรดปลายเท้า เผยอริมฝี ปากโพล่งออกมาเสียงชัดถ้อยชัด
คา “ดีใจหรือไม่? ข้าส่งเจ้ากับซ่งหรุย่ เอ๋อร์ไปเยือนยมโลกด้วยกัน!”

ยามมีชีวิตอยู่ ถังเยี่ยกับซ่งหรุย่ เอ๋อร์รกั ใคร่กนั ยามสิน้ ลมหายใจ นาง


ย่อมส่งพวกเขาไปเคียงคูก่ นั ให้พวกเขามีเพื่อนร่วมทางเดินไปเยือน
ยมโลก

“ไม่ตอ้ งขอบคุณข้ามากนักหรอก เพราะข้าเพียงแค่ทาในสิ่งที่ตอ้ งการ


ทาอยู่ทกุ เมื่อเชื่อวันตลอดเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา...”

“เจ้า...” ถังเยี่ยยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่ กระอักเลือดออกมา ศีรษะเอนเอียง


จากนัน้ ก็แน่น่งิ ไร้ซง่ึ ลมหายใจ...

เจียงซินมองดูรา่ งไร้วิญญาณของถังเยี่ยที่เบิกโพล่งด้วยความเกรีย้ ว
กราด ก่อนจะมองร่างไร้วิญญาณของซ่งหรุย่ เอ๋อร์ท่นี อนตายตาไม่หลับ
แล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ในที่สดุ สุนขั สองตัวที่ทาลายชีวิตของนางทัง้
ชีวิตเพื่อผลประโยชน์ของตนเองก็ตายลงเสียที...
นางเงยหน้าขึน้ มองดูทอ้ งนภาสีฟ้าโปร่ง ดวงตาดาขลับก็ฉายแววสบาย
ใจอย่างอิสระ...

“คะ...คุณหนู...” เสียงอ่อนระโหยร้องรียก เป็ นแม่นมที่เจียงซินพามา


จากตระกูลเจียงนัน้ เอง นางปี นขึน้ มาจากกองร่างไร้วิญญาณ ใบหน้าของ
นางถูกทาร้ายจนเขียวชา้ บวมเป่ งจนแทบจะมองใบหน้าเดิมไม่ออก
บาดแผลทั่วร่าง แต่ก็เป็ นเพียงบาดแผลภายนอกเท่านัน้ ไม่มีอนั ตรายถึง
ชีวิต...

ร่างไร้วิญญาณของถังเยี่ยและซ่งหรุย่ เอ๋อร์ท่นี อนตายตาไม่หลับสะท้อน


อยู่บนพืน้ ชัดเจน เมื่อแม่นมมองเห็นเข้าก็ขมวดคิว้ ขึน้ มาทันที “คุณหนู...นี่
มัน...”

“กลัวอะไรกัน? มีความผิดอะไรข้ารับผิดชอบเอง!” เจียงซินเอ่ยตัดบท


แม่นมเสียงดังฟั งชัด เยือกเย็นและน่าเกรงขาม

“คุณหนูอย่าได้บนั ดาลโทสะ...ข้าน้อยมิได้หมายความเช่นนัน้ ...” แม่นม


เอ่ยเสียงแผ่วเบา “ข้าน้อยก็แค่เป็ นห่วง คนตระกูลถังไม่รามือง่ายๆ เป็ นแน่
...”
เจียงซินยิม้ หยัน “คนตระกูลถังได้ช่ือว่าสมคบศัตรูขายชาติ ลาพังตัวเอง
ยังเอาตัวไม่รอดเลย จะมีเวลาว่างที่ไหนมาคิดบัญชีกบั พวกเรา...”

พูดยังไม่ทนั ขาดคา ก็มีเสียงฝี เท้าสองสายปรีเ่ ข้ามา ตามมาด้วยเสียง


ร้องเรียกด้วยความร้อนใจ “อาเยี่ย...”

“เยี่ยเอ๋อร์...”

...

นี่เป็ น...เสียงบิดามารดาของถังเยี่ย!

เฮอะ นี่พวกเขารับรูว้ า่ สถานการณ์ไม่คอ่ ยดี จึงจะมาช่วยบุตรชายหรือ?

น่าเสียดาย บุตรชายของพวกเขารอความช่วยเหลือของพวกเขาไม่ไหว
เสียแล้ว

ตอนแรกที่ถงั เยี่ยวางแผนสูข่ อนาง นางไม่รูว้ า่ พวกเขาทราบเรือ่ งหรือไม่


แต่วา่ เมื่อพวกเขาเห็นว่าตระกูลเดิมของนางสูญเสียอานาจ ก็ปล่อยให้ซง่
หรุย่ เอ๋อร์ขบั ไล่นางออกไป เมื่อนางรูว้ า่ ถังเยี่ยทรยศบ้านเมือง ก็ปล่อยให้
ถังเยี่ยกับซ่งหรุย่ เอ๋อร์สงั หารนาง พ่อแม่สามีคนู่ ีป้ ฏิบตั ิตอ่ นาง ‘ดี’ ยิ่งนัก
พ่อแม่สามีท่ี ‘ดี’ เช่นนี ้ มารับสารภาพผิด นางย่อมต้องให้ ‘ผลตอบแทน
ที่ด’ี ให้พวกเขาเสียหน่อย!
ตอนที่ 1993 ตอนจบ (1)

เจียงซินหมุนกายกลับไป พบว่าบิดามารดาของถังเยี่ยเร่งฝี เท้าเดินเคียง


กันมา...

เมื่อเดินเข้ามาในลาน ทัง้ สองก็มองเห็นศพกองเต็มพืน้ ในใจพลันตก


ตะลึง ทัง้ สองกวาดสายตามองไปโดยรอบด้วยความร้อนใจ และเห็นร่างไร้
วิญญาณของถังเยี่ย...

“เหย่เอ๋อร์...” ถังฮูหยินตกตะลึง รีบรุดไปข้างหน้า ตรวจดูอาการของ


ถังเยี่ยด้วยความหวังสุดท้ายอันริบหรี่ ทว่ากลับพบว่าถังเยี่ยไม่มีลมหายใจ
แล้ว...

“เยี่ยเอ๋อร์!” ถังฮูหยินกอดร่างถังเยี่ยไว้ ร่าไห้ปริม่ จะขาดใจ

นายท่านถังเดินตรงเข้ามา มองเจียงซินด้วยแววตาคมกริบราวลูกธนู
ปลายแหลม “เจ้าเป็ นผูส้ งั หารอาเยี่ยหรือ?”
“ใช่!” เจียงซินยอมรับโดยไม่ลงั เลสักนิด

นายท่านถังสีหน้าตึงเครียด แผดเสียงสบถดังก้อง “เจ้าสังหารบุตรชาย


ของข้า ข้าจะให้เจ้าชดใช้ดว้ ยชีวิต!” คว้ากระบี่ยาวขึน้ มาเล่มหนึ่ง จ้วงแทง
ใส่เจียงซินด้วยความโหดเ**้้ยม

เจียงซินแค่นเสียงเยาะ เบี่ยงกายหลบกระบี่ยาวที่นายท่านถังแทงเข้ามา
อย่างไม่อนาทรร้อนใจ จากนัน้ นางก็สะบัดมือ กระบี่ยาวในมือของนางแทง
เข้าใส่ช่วงอกของนายท่านถังอย่างไม่ปรานี คาวเลือดแดงฉานกกระเซ็น...

นายท่านถังค้างอยู่ในท่าตวัดกระบี่ครูห่ นึ่ง ก่อนจะล้มกองกับพืน้ ดังตึง


ดวงตาเบิกโพล่งด้วยความกราดเกรีย้ ว ลมหายใจที่ออกมากกว่าลมหายใจ
ที่สดู เข้าไป...

“ท่านพี่!” ถังฮูหยินร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ หันกลับไปมองเจียงซิน


เพลิงโกรธในนัยน์ตาลุกโชน วางร่างของถังเยี่ยลงก่อนจะพุง่ ตัวใส่เจียงซินอ
ย่างบ้าคลั่ง “นางสารเลว ข้าขอสูต้ ายกับเจ้า!”
เจียงซินกระตุกยิม้ มุมปาก ยกยิม้ สมเพชครูห่ นึ่ง จังหวะที่ถงั ฮูหยินพรวด
มาอยู่ตรงหน้านาง นางก็ยกเท้าขึน้ เตะเข้าที่ช่วงอกของถังฮูหยิน ทาให้ถงั ฮู
หยินกระเด็นไกลออกไปสี่หา้ เมตร ก่อนจะหล่นกระแทกพืน้ อย่างแรง ส่ง
เสียงไอค่อกแค่กกระอักเลือดออกมาคาโต...

แต่ไหนแต่ไรมาพ่อแม่สามีของนางเป็ นคนเฉลียวฉลาดมุง่ หา
ผลประโยชน์หลีกเลี่ยงอันตราย พวกเขาเห็นว่าตระกูลเดิมของนางเกิดเรือ่ ง
คิดที่จะหย่านาง ไล่นางออกจากตระกูล นางเหยียดหยามพฤติกรรมของ
พวกเขาแต่ก็ไม่ได้เกลียดชัง และก็ไม่เคยคิดกาจัดพวกเขาให้สนิ ้ ซาก แต่ช่วย
ไม่ได้ท่ีพวกเขาเอาตัวเข้ามาหาเรือ่ งตายเอง

พ่อสามีโดนนางแทงไปหนึ่งกระบี่ แม่สามีโดนนางเตะไปหนึ่งทีลว้ น
บาดเจ็บอาการสาหัส เกรงว่าจะอยู่ได้อีกไม่นาน...

บนเส้นทางเดินไปเยือนยมโลก ร่วมเดินทางไปเป็ นเพื่อนถังเยี่ยและซ่ง


หรุย่ เอ๋อร์

ครอบครัวเดียวกันอย่างไรก็เป็ นครอบครัวเดียวกัน แม้แต่การเดินทางไป


เยือนปรโลกก็ยงั มีความเป็ นระเบียบ...
“ฟิ ้ ว ฟิ ้ ว ฟิ ้ ว!” เสียงดังแหวกผ่านอากาศสามสายทาให้เจียงซินต้องเงย
หน้าขึน้ มอง พบว่าเป็ นบุรุษในชุดคลุม และมีอีกหนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีบนิ ผ่าน
ไปในอากาศ...

นั่นคือ...หัวหน้าใหญ่กลุม่ เบญจพิษ ซื่อจื่อเฟยวังเซียวเหยาอ๋องและ


คุณชายมูต่ ระกูลมู่

เมื่อครึง่ ชั่วยามก่อนพวกเขาสูก้ นั ตัง้ แต่ตรงนีไ้ ปถึงคุกหลวงกรมอาญา


ตอนนีพ้ วกเขาสูก้ นั ตัง้ แต่คกุ หลวงกรมอาญาย้อนมา...

...

เจียงซินมองบุรุษในชุดคลุม มูห่ รงเสวี่ยและมูห่ ลิวเฟิ งบนอากาศที่ค่อยๆ


ไกลจากไปด้วยสายตายุ่งเหยิง...ช้าก่อน ทิศทางที่พวกเขามุง่ หน้าไปนัน้ มัน
..

ประกายตาของเจียงซินสุขมุ บังเกิดลางสังหรณ์แปลกๆ ขึน้ ภายในใจ


กวาดสายตามองนายท่านถัง ถังฮูหยินที่หายใจพะงาบใกล้สนิ ้ ใจ ก่อนจะ
หยุดสายตาลงที่แม่นมที่ตามนางมาจากตระกูลเดิม “ที่น่ีมอบให้พวกเจ้า
จัดการต่อ...”

ไม่รอเสียงตอบรับจากแม่นม นางแตะปลายเท้าพาร่างทะยานขึน้ กลาง


อากาศไปตามทิศทางที่บรุ ุษในชุดคลุม มูห่ รงเสวี่ยและมูห่ ลิวเฟิ งลับสายตา
ไป...

ขณะเดียวกันนัน้ บุรุษในชุดคลุม มูห่ รงเสวี่ย มูห่ ลิวเฟิ งยังคงไล่ตามกัน


ไปไม่หยุดพัก บุรุษในชุดคลุมหนีอย่างรวดเร็ว มูห่ รงเสวี่ยและมูห่ ลิวเฟิ งก็ไล่
ตามไปอย่างรวดเร็ว แต่วา่ วิชาตัวเบาของบุรุษในชุดคลุมอ่อนขัน้ กว่ามูห่ รง
เสวี่ยและมูห่ ลิวเฟิ งอย่างเห็นได้ชดั ระยะห่างของทัง้ สามลดระยะลงเรือ่ ยๆ
ใกล้กนั เรือ่ ยๆ ขณะที่ดเู หมือนว่ามูห่ รงเสวี่ยและมูห่ ลิวเฟิ งจะไล่ตามบุรุษใน
ชุดคลุมทันนัน้ ไม่คิดว่าบุรุษในชุดคลุมจะเปลี่ยนทิศทาง ลงไปยังสิ่งปลูก
สร้างแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลออกไป...
ตอนที่ 1994 ตอนจบ (2)

สถานที่อนั วิจิตรตระการตา โอ่อ่าหรูหรา ทอดยาวเชื่อมต่อกันไปนัน้ มู่


หรงเสวี่ยและมูห่ ลิวเฟิ งเห็นแล้วต่างพากันชะงักงัน นั่นมัน...วังหลวง

หลังจากฐานะของพ่อบ้านวังจิง้ อ๋องถูกเปิ ดเผย ก็ไม่ได้ว่งิ กลับไปที่วงั จิง้


อ๋อง แล้วก็ไม่ได้ว่งิ ไปที่ซอ่ นตัวของกลุม่ เบญจพิษ แต่กลับมาที่วงั หลวง

มูห่ รงเสวี่ยมองประสานสายตากับมูห่ ลิวเฟิ ง นัยน์ตาเป็ นประกายฉาย


ความประหลาดใจ

หลังจากหัวหน้าใหญ่กลุม่ เบญจพิษเข้ามาในวังหลวงแล้ว ก็ ‘ฟุบ’ มุดเข้า


ไปในพงหญ้าเขียงชอุ่ม มูห่ รงเสวี่ยและมูห่ ลิวเฟิ งเองก็ตามเขามา เมื่อไล่
ตามมาจนถึงพงหญ้าแล้ว กลับพบแค่ตน้ หญ้าสูงไหวตามแรงลม ไม่เห็นเงา
ของหัวหน้าใหญ่กลุม่ เบญจพิษ...

มูห่ รงเสวี่ยและมูห่ ลิวเฟิ งสบตากันครูห่ นึ่ง ก่อนจะเดินไปข้างหน้าด้วย


ความระมัดระวัง ตามหาอย่างละเอียด...
สายลมอ่อนพัดโบก ต้นหญ้าเขียวสูงปลิวไสวตามแรงลม มูห่ ลิวเฟิ ง
สังเกตุได้วา่ “เหตุใดถึงได้เงียบสงัดถึงเพียงนี”้

มูห่ รงเสวี่ยปรายตามองหน้าเขาชั่วขณะ “เจ้าเองก็สมั ผัสได้วา่ มีอะไร


ผิดปกติใช่หรือไม่”

“อืม” มูห่ ลิวเฟิ งพยักหน้าลง กวาดสายตามองไปโดยรอบไม่พบผูใ้ ดสัก


คน ทาให้เขามีแววตาเคร่งเครียดจริงจังขึน้ มาทันที สถานที่ท่พี วกเขาอยู่กนั
ตอนนีค้ ือวังหลวง เวรยามแน่นหนา การเฝ้าระวังเข้มงวดกวดขัน ยามที่พวก
เขากับหัวหน้าใหญ่กลุม่ เบญจพิษทิง้ ตัวลงมาจากกลางอากาศ ทหารรักษา
พระองค์สว่ นวังหลวงน่าจะเห็นได้อย่างชัดเจน ควรจะนากองกาลังทหารม้า
กลุม่ ใหญ่ปรีเ่ ข้ามาจับกุมตัวพวกเขาถึงจะถูก

ไม่เป็ นเหมือนเช่นในตอนนี ้ ปล่อยให้พวกเขาตามหาตัวคนอยู่เป็ นนาน


สองนานก็ยงั ไม่มีทหารรักษาพระองค์โผล่หน้ามาสักนาย...

มูห่ รงเสวี่ยครุน่ คิดแล้วพึมพาขึน้ ว่า “เมื่อครูน่ ีต้ อนที่ขา้ อยู่ในคุกหลวง


คล้ายกับว่าเห็นผูบ้ ญ
ั ชาการทหารรักษาพระองค์นะ...”
มูห่ ลิวเฟิ ง “...จริงหรือ?”

มูห่ รงเสวี่ยคิดทบทวนดีแล้วก็เอ่ยว่า “จริงสิ” แม้วา่ ตอนอยู่ในคุกหลวง


เปลวเพลิงจะพวยพุง่ ขึน้ สูท่ อ้ งฟ้า กลุม่ ควันตลบอบอวล ทัศนวิสยั ต่ามากก็
ตามที แต่นางเป็ นคนฟั นประตูหอ้ งขังที่คมุ ขังผูบ้ ญ
ั ชาการทหารรักษา
พระองค์ ในตอนนัน้ ผูบ้ ญ
ั ชาการทหารรักษาพระองค์ยืนอยู่หลังลูกกรงอยู่ใน
ระยะใกล้กบั นางพอควร นางไม่มีทางที่จะดูผิดอย่างแน่นอน...

มูห่ ลิวเฟิ ง “...”

แม้แต่ผบู้ ญ
ั ชาการทหารรักษาพระองค์ยงั ถูกใส่ความ นี่เขาควรจะพูดว่า
คนของกลุม่ เบญจพิษขวัญกล้าเทียมฟ้า หรือควรจะพูดว่าคนของกลุม่
เบญจพิษช่างร้ายกาจกันเล่า...

กองทหารรักษาพระองค์ท่ไี ร้ซง่ึ ผูบ้ ญ


ั ชาการก็กลายเป็ นกองกาลังที่
กระจัดกระจาย ดังนัน้ แม้แต่พวกเขาเข้ามาในวังหลวงทางอากาศก็ไม่มีใคร
มองเห็น...
“กองทหารรักษาพระองค์ ไม่แน่ว่าจะกระจัดกระจาย” มูห่ รงเสวี่ยเอ่ยขัด
คาพูดของมูห่ ลิวเฟิ งเสียงแผ่ว หากกองทหารรักษาพระองค์เพียงแค่กระจัด
กระจาย แต่ยงั คงรักษาการณ์อยูใ่ นวังหลวง ตอนนีพ้ วกเขาตกลงมากอง
ทหารรักษาพระองค์ย่อมต้องมองเห็น เพราะว่าต่อให้ตาแหน่งที่พวกเขาอยู่
ในตอนนีจ้ ะปลีกวิเวก แต่ก็ไม่ใช่มมุ อับ กองทหารรักษาพระงค์ท่รี กั ษาการณ์
ในละแวกใกล้เคียงย่อมรับรูไ้ ด้ถึงกระแสเสียงทรงพลังตอนที่พวกเขาทิง้ ตัว
ลงมา กองทหารรักษาพระองค์ตอ้ งมองเห็นอย่างแน่นอน และปราดเข้ามา
คุมตัวพวกเขาไว้เสียตัง้ นานแล้ว ไม่เป็ นเช่นในตอนนี ้ พวกเขาเข้ามาตัง้ นาน
แล้วยังคงไม่มีทหารรักษาพระองค์ปรีเ่ ข้ามาสักคน...

มูห่ ลิวเฟิ งประกายตาสุขมุ “เจ้าหมายความว่า...”

“ในละแวกนีไ้ ม่มีกองทหารรักษาพระองค์แล้ว...” มูห่ รงเสวี่ยเอ่ยยา้ แวว


ตาสุกสกาวฉายประกายความขึงขังจริงจัง

“เรือ่ งนี.้ ..มันจะเป็ นไปได้อย่างไร” มูห่ ลิวเฟิ งตื่นตระหนกสุดขีด ทหาร


รักษาพระองค์รกั ษากฎระเบียบอย่างเคร่งครัด เหตุใดถึงละหน้าที่ในเวลา
ปฏิบตั ิงานได้เล่า...
มูห่ รงเสวี่ยไม่สนใจความตื่นตระหนกของเขา แววตาสุขมุ เอ่ยถามขึน้ ว่า
“ตอนนีฝ้ ่ าบาททรงประทับอยู่ท่ใี ด?”

มูห่ ลิวเฟิ งเงยหน้ามองท้องฟ้า “เวลานี ้ น่าจะทรงประทับอยู่ในห้องทรง


อักษร!”

พูดยังไม่ทนั จบประโยค เรือนร่างอรชรก็หายไปจากสายตาเขามุง่ หน้าไป


ไกลๆ แว่วเสียงเย็นชาทว่าหนักแน่นของมูห่ รงเสวี่ยแว่วมาตามลมว่า “พวก
เรารีบไปที่หอ้ งทรงอักษรเถอะ...”
ตอนที่ 1995 ตอนจบ (3)

ณ ห้องทรงอักษร!

ฮ่องเต้ทรงประทับอยูบ่ นเก้าอีม้ งั กร อ่านรายงานที่องครักษ์ถวายขึน้ มา


ฉบับแล้วฉบับเล่า สีพระพักตร์เคร่งขรึมแลน่ากลัว คิดไม่ถึงว่ารองเสนาบดี
ฝ่ ายคลังหลวง เสนาบดีฝ่ายพิธีการ มหาบัณฑิตสานักเลขาธิการ แม่ทพั
หยวน แม่ทพั เจียง...ล้วนเป็ นกบฎต่อแคว้นชิงเหยี่ยน...

พระองค์ทรงเห็นพวกเขาเป็ นเสาหลักของแคว้นตลอดมา มอบความไว้


เนือ้ เชื่อใจ เห็นความสาคัญของพวกเขา...คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะลอบ
ติดต่อกลุม่ เบญจพิษ ทรยศแคว้นชิงเหยี่ยน...

ฮ่องเต้ย่ิงคิดก็ย่งิ ทรงกริว้ ปั ดกระดาษ ที่ฝนหมึก ภาชนะล้างพูก่ นั ที่วาง


เรียงบนโต๊ะตกพืน้ ...
เสียงของร่วงหล่น ทาเอาบรรดานางกานัลและขันทีท่ยี ืนรับใช้พากัน
สะดุง้ ต่างก็กม้ หน้าลงทาตัวเงียบเชียบ พยายามลดความมีตวั ตนของ
ตนเองลง...

“ฝ่ า...ฝ่ าบาท...” เสียงรายงานแผ่วเบา รีๆ รอๆ อย่างระมัดระวังนอก


ห้องทรงอักษรดังขึน้ มา ฮ่องเต้ตวาดขัดขึน้ ว่า “มีเรือ่ งอะไร?”

“ทูลฝ่ าบาท กระหม่อมมีเรือ่ งขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ” เสียงกังวานสุขมุ ของ


บุรุษผูห้ นึ่งดังขึน้ ตามมาด้วยร่างสูงเพรียวเดินจากประตูเข้ามา เงาร่างนัน้
สวมชุดตัวยาวสีมว่ งคราม ร่างกายกายา ใบหน้าหล่อเหลา เขาผูน้ นั้ ก็
คือจิง้ อ๋องเย่อเี ้ ฉินนั่นเอง

ฮ่องเต้เห็นเย่อเี ้ ฉินก็มีสีพระพักตร์เคร่งขรึม “จิง้ อ๋อง นี่คือห้องทรงอักษร


ของเรา ไม่คิดว่าเจ้าไม่รอให้อนุญาตก็ถือวิสาสะเดินเข้ามา...”

“พระอาญามิพน้ เกล้า กระหม่อมมีเรือ่ งเร่งด่วน มิอาจรอให้กงกงทูล


รายงานได้...” เย่อีเ้ ฉินเอ่ยวาจารับผิด ทว่าในนา้ เสียงไร้ซง่ึ ความรูส้ กึ ผิด
แต่อย่างใด
พระพักตร์ของฝ่ าบาทยิ่งฉายความขุ่นเคืองเข้าไปใหญ่ ทรงตะคอก
ด้วยพระสุรเสียงดังลั่นว่า “เรือ่ งอะไรรีบร้อนถึงเพียงนี!้ ถึงขนาดที่เจ้าใน
ฐานะจิง้ อ๋องไม่อาจรอเวลาแจ้งเข้าเฝ้าได้?”

“ย่อมต้องเป็ นเรือ่ งนีอ้ ย่างไรเล่า” เย่อเี ้ ฉินหยิบม้วนผ้าไหมสีเหลือง


อร่ามวางลงตรงเบือ้ งหน้าฮ่องเต้ ด้านบนของผ้าไหมเขียนอักษรไว้เด่น
หราว่า ‘พระบรมราชโองการสละบัลลังก์’!

“พระบรมราชโองการสละบังลังก์หรือ! เจ้าคิดจะให้ขา้ สละบังลลังก์ให้


เจ้าอย่างนัน้ หรือ?” พระเนตรคมของฮ่องเต้หรีล่ งทันที

“พ่ะย่ะค่ะ” เย่อีเ้ ฉินยอมรับโดยไม่ลงั เล

“บังอาจ!” ฮ่องเต้ตบพระหัตถ์ลงบนโต๊ะก่อนจะทรงลุกยืนขึน้ พระองค์


เป็ นถึงฮ่องเต้แคว้นชิงเหยี่ยน ปกครองความผาสุขของแคว้นชิงเหยี่ยน ไม่
คิดไม่ฝันเลยว่าเย่อีเ้ ฉินผูเ้ ป็ นหวางเย๋จะกล้าบีบให้พระองค์ลงลายพระ
หัตถ์ในพระบรมราชโองการสละบัลลังก์

“ทหาร ทหาร...” ฮ่องเต้ทรงร้องตะโกนอย่างทรงกริว้

ทหารรักษาพระองค์นบั สิบนายกรูกนั เข้ามาจากด้านนอก


“จัดการจิง้ อ๋องเสีย!” ฮ่องเต้ทรงสั่งการเสียงแข็ง

“พ่ะย่ะค่ะ!” บรรดาทหารรักษาพระองค์รบั คาสั่ง คว้ากระบี่ประจากาย


กรูกนั ตีเป็ นวงล้อมชีป้ ลายกระบี่ไปที่...ฮ่องเต้!

เหตุการณ์พลิกผันที่เกิดขึน้ อย่างไม่ทนั ตัง้ ตัว ทาให้ฮ่องเต้ทรงตื่น


ตระหนกเป็ นอย่างยิ่ง นี่...นั่มนั เรือ่ งอะไรกัน?

“พวกเจ้า...แปรพักตร์กนั หมดเลยหรือ...” ฮ่องเต้เอ่ยเสียงแหบพร่า


ทอดพระเนตรมองทหารรักษาพระองค์ท่ถี ือกระบี่ลอ้ มพระองค์เอาไว้

“ไม่ใช่ พวกเขาไม่เคยแปรพักตร์มาก่อน เพราะว่านายเหนือหัวของ


พวกเขาตัง้ แต่เริม่ ต้นจนจบก็คือข้า!” เย่อเี ้ ฉินมองฮ่องเต้ เอ่ยเสียงดังฟั งชัด
แววตาคมกริบ

ฮ่องเต้ทรงได้ฟังเช่นนัน้ พระพักตร์ก็โกรธขึน้ จนน่ากลัว ทหารรักษา


พระองค์มีหน้าที่คมุ้ กันฮ่องเต้ คุม้ กันวังหลวง เพื่อให้ม่นั ใจในความ
จงรักภักดีของพวกเขา ทหารรักษาพระองค์ทกุ นายผ่านการคัดเลือกและ
ปลูกฝังจากจักรพรรดิแต่ละยุคสมัย ฟั งคาสั่งโยกย้ายจากฮ่องเต้เพียงผู้
เดียว ไม่คิดเลยว่าเย่อีเ้ ฉินจะส่งคนแฝงเข้ามาในกองทหารรักษาพระองค์
ที่คมุ้ กันแน่นหนาเช่นนีไ้ ด้ “เย่อีเ้ ฉิน เจ้าฉลาดนัก!” ฮ่องเต้ทอดพระเนตร
มองเย่อีเ้ ฉิน ตรัสด้วยสุรเสียงดังกังวานแฝงความเข่นเขีย้ วเคีย้ วฟั น

“ฝ่ าบาททรงชื่นชมเกินไปแล้ว อย่างไรเสียกระหม่อมก็ตอ้ งขอให้ฝ่า


บาททรงลงลายพระหัตถ์และประทับตราลัญจกรลงในพระบรมราช
โองการสละบัลลังก์พ่ะย่ะค่ะ” เย่อเี ้ ฉินเอ่ยอย่างไม่ย่หี ระ ดันพระบรมราช
โองการนั่นไปตรงหน้าฮ่องเต้

อักษรคาว่าพระบรมราชโองการสละบัลลังก์ ‘เด่นหรา’ บนแผ่นผ้าไหม


นั่นเข้าสูส่ ายพระเนตร ทิ่มแทงพระทัยฮ่องเต้ย่ิงนัก “เราไม่ลงนาม!” ฮ่องเต้
ทรงกริว้ หนัก ปั ดมือกวาดพระบรมราชโองการตกพืน้ ...
ตอนที่ 1996 ตอนจบ (4)

เย่อีเ้ ฉินไม่โกรธและไม่ได้โมโห เขาสาวเท้าก้าวเข้าไปช้าๆ หยิบพระ


บรมราชโองการขึน้ มาพลางเอ่ยขึน้ ว่า “ขุนนางทัง้ ราชสานักล้วนอิดหนา
ระอาใจต่อฝ่ าบาท ไม่ประสงค์ท่จี ะถวายงานรับใช้ใต้เบือ้ งพระบาท ฝ่ า
บาททรงดารงตาแหน่งต่อไปจะมีประโยชน์อนั ใดกัน...”

“หุบปาก...” ฮ่องเต้ถกู ประโยคนัน้ ทิ่มแทงใจก็ทรงมีพระพักตร์บงึ ้ ตึง


เอ่ยเสียงลอดไรฟั นอย่างข่มกลัน้ ว่า “พวกทรยศหักหลังเรา เป็ นพวกเขาที่
ไม่ซ่อื สัตย์จงรักภักดี หาใช่ความผิดของเราไม่...”

“เช่นนัน้ หรือ?” ดวงตาคมกริบของเย่อีเ้ ฉินเป็ นประกายดูหมิ่น ขุนนาง


คนหนึ่งหักหลังแคว้นชิงเหยี่ยนยังพอจะเรียกได้วา่ เขาไม่มีความจงรักภักดี
มากพอ ขุนนางสองคนหักหลังแคว้นชิงเหยี่ยนก็ยงั พอจะเรียกได้วา่ ไม่มี
ความจงรักภักดีมากพอ แต่การที่ขนุ นางบุน๋ บูก๊ ว่าครึง่ ราชสานักทรยศหัก
หลังแคว้นชิงเหยี่ยน ก็ไม่อาจโทษว่าขุนนางไม่ซ่อื สัตย์จงรักภักดี แต่ควร
ต้องมองปั ญหาที่ตวั ฮ่องเต้...
“หึ ปั ญหาที่ตวั เราอย่างนัน้ หรือ? เรามีปัญหาอะไร” พระองค์ทรงเป็ น
ฮ่องเต้แคว้นชิงเหยี่ยน ปกครองแคว้นชิงเหยี่ยนมาเป็ นเวลายี่สิบปี ไม่อาจ
เรียกได้วา่ อุทิศทัง้ ตัวแต่ก็ทมุ่ เทสุดกาลังความสามารถ แคว้นชิงเหยี่ย
นภายใต้การปกครองของพระองค์เจริญเฟื่ องฟู กองกาลังแข็งแกร่งขึน้
เรือ่ ยๆ ราษฎรไม่ตอ้ งกังวลเรือ่ งปากท้อง ดารงชีวิตด้วยความผาสุข!

แคว้นชิงเหยี่ยนที่ค่อยๆ พัฒนาก้าวหน้าจนเจริญรุง่ เรืองเช่นนี ้ เป็ นผล


พวงจากการที่พระองค์ทรงวิรยิ ะอุสาหะเป็ นเวลายี่สบิ ปี พระองค์สมควรที่
จะถูกบรรดาขุนนางฝ่ ายบุน๋ และบู๊เบื่อหน่าย ทรยศหักหลังอย่างนัน้ หรือ?

ขุนนางฝ่ ายบุน๋ และบู๊ท่เี บื่อหน่ายและทรยศหักหลังพระองค์ ตาบอด


แล้วหรืออย่างไรกัน!

กระแสรับสั่งฉะฉานของฮ่องเต้นนั้ ทาให้เย่อีเ้ ฉินพูดไม่ออก “...”

ผ่านไปอึดใจหนึ่งกว่าเขาจะเอ่ยขึน้ ว่า “พระองค์ทรงมั่นพระทัยใน


ตนเองยิ่งนัก”

“เรามิได้ม่นั ใจ เพียงแค่เล่าเรือ่ งราวตามความเป็ นจริง” ครองราชย์มา


หลายปี พระองค์ไม่เคยเก็บภาษีท่นี าทาเร้น และไม่เคยข่มเหงราษฎร สิ่งที่
พระองค์ทามีมากมาย เช่นก่อสร้างชลประทาน ลดหย่อนภาษี ทาเพื่อ
ประโยชน์ของประชาชน...พระองค์ทรงเป็ นทรราชที่ไม่ได้รบั การนับสนุน
คา้ จุนของราษฎร ทาให้ขนุ นางในราชสานักต้องการทรยศหักหลังเช่นนัน้
หรือ?

กลุม่ เบญจพิษแคว้นหนานจ้าว กากเดนของตาหนักมืดที่ขนุ นางในราช


สานักไปเข้าพวกด้วย เป็ นกลุม่ อันธพาล ก่อกรรมทาชั่ว ฮ่องเต้แคว้นหนาน
จ้าวทนไม่ไหวกวาดล้างสานักงานใหญ่ พวกเขาจึงได้ระหกระเหเร่รอ่ น...
ราวกับหมาไร้ญาติมาที่แคว้นชิงเหยี่ยน...

ขุนนางราชสานักแคว้นชิงเหยี่ยนต้องดวงตามืดบอดเช่นไร ถึงได้ผละ
จากฮ่องเต้แคว้นชิงเหยี่ยนเช่นพระองค์ไปหาสุนขั ไร้ญาติเช่นกลุม่ เบญจ
พิษแคว้นหนานจ้าว...ช้าก่อน...

ทันใดนัน้ ฮ่องเต้ก็ทรงฉุกคิดขึน้ มาได้ถึงความเป็ นไปได้ขอ้ หนึ่ง


พระองค์ทรงเงยพระพักตร์ขนึ ้ มองหน้าเย่อีเ้ ฉินไม่ละสายตา “เย่อีเ้ ฉิน เจ้า
พูดความจริงมาว่าขุนนางในราชสานักทรยศหักหลังเราจริงๆ หรือว่าถูก
ใครบางคนใส่รา้ ยกันแน่”
การที่แขนของขุนนางในราชสานักปรากฏสัญลักษณ์รูปเบญจพิษ นั่น
ก็แสดงว่าพวกเขาเป็ นคนของกลุม่ เบญจพิษ หรือไม่ก็สมคบกับคนของ
กลุม่ เบญจพิษ!

ที่แขนของขุนนางในราชสานักจานวนมากปรากฏสัญลักษณ์รูปเบญจ
พิษ พระองค์ก็ทรงคิดว่าพวกเขาสมคบกับกลุม่ เบญจพิษ แต่วา่ ตอนนีม้ า
ลองตรองดูแล้ว กลุม่ เบญจพิษแคว้นหนานจ้าวเป็ นเพียงสุนขั ไร้ญาติ การ
ที่พวกเขาจะสมคบกับเหล่าขุนนางในราชสานักแคว้นชิงเหยี่ยนได้ก็ควร
จะต้องเป็ นการร่วมมือที่เอือ้ ผลประโยชน์ซง่ึ กันและกัน แต่เวลาล่วงเลยมา
จนตอนนี ้ เหล่าขุนนางที่สมคบกับกลุม่ เบญจพิษถูกจับกุมตามพระบัญชา
ของพระองค์ไม่นอ้ ย ส่วนกลุม่ เบญจพิษที่เป็ นพรรคพวกกลับไม่มีการ
เคลื่อนไหวใดๆ เห็นได้ชดั ว่ามีบางอย่างผิดปกติ...

ย้อนกลับมาดูเหตุการณ์ท่ขี นุ นางถูกจับกุมสะเทือนเลื่อนลั่นนี ้ ไม่วา่ จะ


เป็ นพระองค์ท่เี ป็ นฮ่องเต้แคว้นชิงเหยี่ยน หรือว่าเหล่าขุนนางที่ถกู คุมตัว
ล้วนเคราะห์รา้ ย ส่วนผูท้ ่ไี ม่ได้รบั ผลกระทบและได้รบั ผลประโยชน์จาก
เหตุการณ์นีเ้ ห็นจะมีเพียงเย่อีเ้ ฉินผูเ้ ดียว...
ท่ามกลางสายพระเนตรหนักแน่นของฮ่องเต้ เย่อเี ้ ฉินยกยิม้ หยันมุม
ปาก เอ่ยเฉลยว่า “ขุนนางในราชสานักถูกใครบางคนใส่รา้ ย...” เขาเว้น
จังหวะไปครูห่ นึ่งก่อนเอ่ยว่า “ถูกกระหม่อมใส่รา้ ยเองอย่างไรเล่า...”

“ท่านอ๋อง!” องครักษ์นายหนึ่งที่ยืนอยู่ดา้ นหลังเย่อีเ้ ฉินส่งเสียงร้อง


เตือนด้วยความร้อนใจ

“ไม่ตอ้ งกังวล” เย่อีเ้ ฉินไม่ใส่ใจแม้แต่นอ้ ย เรือ่ งราวมาถึงขึน้ นีแ้ ล้ว เรื่อง


ที่เขาใส่รา้ ยขุนนางในราชสานักก็ไม่จาเป็ นต้องปิ ดบังอีกต่อไป
ตอนที่ 1997 ตอนจบ (5)

“ขุนนางเหล่านัน้ แต่ละคนล้วนโง่เขลาเบาปั ญญา...” เขาส่งคนไปเอา


พวกเขามาเป็ นพวกทัง้ แบบโจ่งแจ้งและแบบลับๆ พวกเขาล้วนไม่หือไม่อือ
ดังนัน้ เขาจึงวางแผนใส่รา้ ยพวกเขา ส่งพวกเขาเข้าคุกหลวง เพราะถึง
อย่างไรขุนนางที่ไม่เป็ นประโยชน์ตอ่ เขา เก็บเอาไว้ก็ไม่มีประโยชน์อนั ใด
ขจัดทิง้ เสียเขาจะได้ทางานได้สะดวก...

“ภายนอกเจ้าดูเป็ นคนดี แต่ภายในคิดไม่ดี!” ฮ่องเต้ทอดพระเนตร


มองเย่อีเ้ ฉิน เอ่ยตรัสเสียงลอดไรฟั น

เย่อีเ้ ฉินไม่เห็นด้วย เอ่ยเสียงเนิบนาบขึน้ ว่า “ที่กลอุบายชั่วช้าของ


กระหม่อมสาเร็จลุลว่ งได้ ต้องขอบพระทัยฝ่ าบาท...” หากไม่ใช่เพราะ
ฮ่องเต้ทรงคลางแคลงใจในตัวพวกเขา มีกระแสรับสั่งให้ตรวจสอบพวกเขา
ด้วยความโกรธ มีหรือที่กลอุบายของเขาจะสาเร็จลุลว่ งเช่นนีไ้ ด้...

“เรา..เราก็แค่...แค่สงสัยเท่านัน้ ...” ขุนนางในราชสานักมีนบั พันคน ใน


หนึ่งพันคนนีต้ ่างก็มีความคิดต่างกันไป จิตใจที่ซ่อื สัตย์จงรักภักดีก็มี จิตใจ
รวนเรก็มี ต่อให้ตอนนีแ้ คว้นชิงเหยี่ยนมีกาลังที่แข็งแกร่ง ผูท้ ่ที รยศชาติ
สมคบศัตรูก็มีไม่ขาดสาย อีกอย่างบรรดาองครักษ์ก็พบหลักฐานอยู่บน
แขนของพวกเขา พระองค์ในฐานะฮ่องเต้แคว้นชิงเหยี่ยนจะไม่ทรงกริว้ ไม่
สงสัยได้หรือ...

โดยเฉพาะเมื่ออิทธิพลนัน้ เป็ นกลุม่ เบญจพิษตาหนักมืดแคว้นหนาน


จ้าวที่ผคู้ นหวาดกลัวนักหนา...เดี๋ยวนะ “เจ้าใช้สญ
ั ลักษณ์รูปเบญจพิษ
แคว้นหนานจ้าวใส่รา้ ยขุนนางในราชสานักอย่างนัน้ หรือ เจ้าเป็ นคนของ
กลุม่ เบญจพิษหรือว่าสมคบกับกลุม่ เบญจพิษ?” ฮ่องเต้ทอดพระเนตร
มองเย่อีเ้ ฉินไม่กะพริบตา

เย่อีเ้ ฉินส่ายหน้าท่าทางเฉยเมย “ล้วนไม่ใช่ทงั้ สิน้ ความสัมพันธ์ระหว่าง


ข้ากับกลุม่ เบญจพิษแคว้นหนานจ้าวในตอนนีก้ ็คือ พวกเขาเป็ นลูกน้องข้า
...”

“กลุม่ เบญจพิษแคว้นหนานจ้าวสวามิภกั ดิต์ อ่ เจ้าหรือ!” ฮ่องเต้ทรงตก


พระทัย
“ใช่” เย่อีเ้ ฉินพยักหน้า กลุม่ เบญจพิษแคว้นหนานจ้าวถูกฮ่องเต้คว้นห
นานจ้าวขับไล่ออกจากแคว้น พวกเขาที่ถกู ประกาศจับราวสุนขั ไร้ญาติจน
ตรอกพบกับเขา เข้าเป็ นลูกน้องของเขากลายเป็ นกาลังของเขา...

เย่อีเ้ ฉินเอ่ยอย่างไม่ย่ีหระ ทว่าฮ่องเต้กลับทรงฟั งด้วยความเคร่งขรึม


ตรัสกับเย่อีเ้ ฉินว่า “เจ้าช่างร้ายกาจนัก!” กลุม่ เบญจพิษแคว้นหนานจ้าว
เคยเป็ นกาลังคะคานกับตาหนักเทพแคว้นหนานจ้าว อิทธิพลเช่นนีต้ ่อให้
ถูกสังหารจนเหลือเพียงกองทหารน้อยนิดก็ไม่อาจดูเบา พวกเขาไม่อาจหา
ที่พง่ึ ส่งเดช ความหยิ่งทระนงและศักดิศ์ รีในตัวของพวกเขาก็ไม่อนุญาตให้
พวกเขาหาที่พง่ึ ทว่าพวกเขากลับพึง่ พาเย่อีเ้ ฉิน ยอมเป็ นลูกน้องของเขา
เห็นได้วา่ ความสามารถของเย่อเี ้ ฉินไม่ใช่ธรรมดา...

“ฝ่ าบาททรงตรัสชมเกินไปแล้ว!” เย่อีเ้ ฉินเอ่ยเสียงเรียบ

ทันใดนัน้ ฮ่องเต้ก็ทรงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “เจ้าคิดจะแย่งชิงบังลังก์


ตัง้ แต่เมื่อไร?”

เย่อีเ้ ฉินเลิกคิว้ เอ่ยว่า “ฝ่ าบาทประสงค์จะฟั งความจริงหรือ?”

ฮ่องเต้มิได้ทรงตรัสสิ่งใดถือเป็ นการยอมรับไปโดยปริยาย
เย่อีเ้ ฉินหัวเราะ มองดูทอ้ งฟ้าด้านนอกหน้าต่างเอ่ยเสียงหนักแน่นว่า
“คิดตัง้ นานมาแล้ว...”

ฮ่องเต้ “...”

“ฝ่ าบาทแซ่เย่ กระหม่อมเองก็แซ่เย่ ฝ่ าบาททรงเป็ นฮ่องเต้แคว้นชิงเห


ยี่ยนได้ กระหม่อมก็ตอ้ งเป็ นได้เช่นกัน...”

“...” ฮ่องเต้ทรงไม่คาดคิดว่าจะได้ยินวาจาตรงไปตรงมาเช่นนี ้ ทรงชะงัก


ไปครูห่ นึ่งกว่าจะทรงได้สติ ตรัสกับเย่อีเ้ ฉินพระสุรเสียงเย็นชาว่า “นี่ไม่ใช่
เหตุผลที่เจ้าคิดการแย่งชิงบัลลังก์...ตาแหน่งฮ่องเต้สืบทอดกันมาตัง้ แต่
สมัยบรรพชน ผูม้ คี ณ
ุ ธรรมพึงเป็ น...”

“ผิดแล้ว ตาแหน่งฮ่องเต้ตอ้ งคว้ามาด้วยตนเอง ผูม้ ีความสามารถพึง


เป็ น” เย่อีเ้ ฉินเอ่ยขัดวาจาของฮ่องเต้อย่างไม่เกรงพระทัย มองฮ่องเต้ไม่ละ
สายตา ตอนนีฮ้ ่องเต้เป็ นฮ่องเต้ท่เี ฉลียวฉลาดที่สดุ โดดเด่นที่สดุ ในสมัยนัน้
ดังนัน้ ฮ่องเต้พระองค์ก่อนจึงทรงแต่งตัง้ พระองค์เป็ นฮ่องเต้...

แต่ตอนนี ้ ฮ่องเต้พระองค์นีเ้ ลอะเลือน มิได้ทรงมีความเฉียบแหลมต่อ


แคว้น ต่อราษฎรเช่นนัน้ อีกแล้ว ตาแหน่งฮ่องเต้ถึงคราวต้องเปลี่ยนคนแล้ว
...
ตอนที่ 1998 ตอนจบ (6)

“เจ้า...” ฮ่องเต้ทอดพระเนตรมองเย่อีเ้ ฉิน ตกพระทัยจนตรัสอะไรไม่ออก


...

เย่อีเ้ ฉินไม่สนใจว่าฮ่องเต้จะตกพระทัย เขานาพระบรมราชโองการยื่น


ไปตรงหน้าฮ่องเต้อีกครัง้ เอ่ยด้วยเสียงเรียบนิ่งว่า “เอาล่ะ ทรงเลิกตรัสอะไร
ไร้สาระเสียที เชิญฝ่ าบาทลงนามและประทับตราลัญจกรตรงนีพ้ ่ะย่ะค่ะ”

พระบรมราชโองการสละบัลลังก์ท่เี ขียนไว้ชดั เจนบนพระบรมราช


โองการนัน้ ทิ่มแทงสายพระเนตรของฮ่องเต้ย่ิงนัก ความกริว้ ที่เพิ่งคลายลง
เมื่อครูน่ ีป้ ะทุขนึ ้ มาใหม่ พระพักตร์บงึ ้ ตึงทรงตวาดด้วยความพิโรธ “เราไม่
ลงนาม!”

“ไม่เป็ นไรพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมลงนามแทนพระองค์เอง!” เย่อีเ้ ฉินไม่


เร่งรัดและไม่โมโห รับพูก่ นั ขนจิง้ จอกที่องครักษ์ย่ืนมาให้ตวัด ‘ฟุบ ฟุบ ฟุบ’
เขียนพระนามของฮ่องเต้ลงไปบนพระบรมราชโองการนั่น จากนัน้ ก็เอ่ย
ถามท่ามกลางสายพระเนตรตกพระทัยและพิโรธของฮ่องเต้วา่ “ตรา
ลัญจกรเล่า?”
“ไม่มี” ฮ่องเต้สะบัดพระพักตร์ไปอีกทางหนึ่ง แสดงท่าทีไม่ยอมให้ความ
ร่วมมือ

เย่อีเ้ ฉินยังคงไม่โกรธและไม่โมโห เอ่ยกับพระองค์วา่ “หากพระองค์ไม่


ทรงมอบตราลัญจกรออกมากระหม่อมก็จะไม่เกรงใจแล้ว”

“อย่างนัน้ หรือ!” ฮ่องเต้หนั พระพักตร์กลับมา ปรายพระเนตรมองเย่อี ้


เฉิน “เจ้าคิดจะไม่เกรงใจด้วยวิธีใดกัน?” พระสุรเสียงเย็นชาแฝงความเย้ย
หยันอย่างไม่ปิดบัง

เย่อีเ้ ฉินไม่ใส่ใจเลยสักนิด เอ่ยเสียงเรียบว่า “ง่ายมาก!” สะบัดมือครา


หนึ่ง กระบี่ยาวในมือขององครักษ์นายหนึ่งพุง่ เข้ามาฟาดลงบนโต๊ะหนังสือ
เบือ้ งหน้าฮ่องเต้ คมกระบี่ท่เี ผยอยู่ดา้ นนอกสั่นไหวไปมา แสงสีเงินวิบวับ
ทาเอาใจสั่นขวัญหาย

ฮ่องเต้หรีพ่ ระเนตรลงในฉับพลัน “เจ้า...เจ้าจะสังหารเราหรือ!”

“ไม่!” เย่อีเ้ ฉินส่ายหน้า เอ่ยเสียงขรึม “กระหม่อมไม่สงั หารฝ่ าบาทหรอก


เพียงแค่ตดั นิว้ ท่านนิว้ หนึ่งเท่านัน้ เอง”

...
ตัดนิว้ พระองค์ไปนิว้ หนึ่ง ไม่สสู้ งั หารพระองค์เสียเลย!

พระองค์เป็ นถึงฮ่องเต้แคว้นชิงเหยี่ยน ถ้าต้องการเป็ นคนพิการนิว้ ขาด


อยู่มิสตู้ าย

เย่อีเ้ ฉินเชื่อว่าพระองค์ไม่กล้าเสี่ยงเป็ นคนพิการ ถึงใช้วิธีนีม้ าบังคับให้


พระองค์ยอมมอบตราลัญจกร!

ฮ่องเต้ทอดพระเนตรมองเย่อเี ้ ฉินตาเขม็ง พบว่าเย่อีเ้ ฉินมีท่าทีน่ิงๆ


“พระองค์จะทรงดาริอย่างไรก็แล้วแต่ กระหม่อมต้องการแค่ตราลัญจกร!”

...

พระพักตร์ฮ่องเต้บงึ ้ ตึงแลน่ากลัว พระเนตรคมกริบปฉายแววรวนแปร


หลังจากคานวนส่วนได้สว่ นเสียโดยละเอียดถี่ถว้ นแล้ว พระองค์ก็ทรง
ตัดสินพระทัยแย้มพระโอษฐ์ตรัสขึน้ ว่า “เราไม่มีตราลัญจกร”

“เช่นนัน้ ก็อย่าทรงโทษที่กระหม่อมไม่เกรงพระทัย” สีหน้าเย่อีเ้ ฉินขุ่นมัว


ในทันที กระบี่ท่ฟี าดบนโต๊ะก็เหินทะยานขึน้ มาในทันใด ตรงเข้าฟั นนิว้ มือ
ของฮ่องเต้อย่างรวดเร็ว...
ขณะที่กระบี่เกือบจะฟั นนิว้ ของฮ่องเต้นนั้ ชั่วพริบตาสายฟ้าฟาดก็มี
กระบี่ยาวเล่มหนึง่ เข้ามาสกัดกระบี่เล่มนัน้ กระเด็นออกไป...

เงาร่างสองสายปรากฎตัวอยู่หอ้ งทรงอักษร ลงมือกับกองทหารรักษา


พระองค์ท่คี มุ ตัวฮ่องเต้อยู่จนกระเจิงไป อารักขาฮ่องเต้ไว้ดา้ นหลัง...

ผูท้ ่เี ข้ามาเป็ นหนึง่ ชายหนึ่งหญิง ใบหน้าคุน้ เคยนัน้ เห็นแล้วเย่อีเ้ ฉินสี


หน้าเคร่งเครียด เอ่ยเสียงลอดไรฟั น “มูห่ รงเสวี่ย มูห่ ลิวเฟิ ง พวกเจ้าสองคน
นี่ช่างตามเป็ นเงาขจัดไม่หมดเสียจริง”

“ตอนนีเ้ จ้ารูส้ กึ เสียใจแล้วใช่หรือไม่ ที่ไม่ได้สงั หารพวกเราทิง้ เสียตัง้ แต่


ครัง้ ที่แล้วที่พบพวกเรา?” มูห่ ลิวเฟิ งมองเย่อีเ้ ฉินแววตาเป็ นประกายหยอก
ล้อ “น่าเสียดาย มาเสียดายตอนนีก้ ็สายไปเสียแล้ว...”

เย่อีเ้ ฉินมิได้เอ่ยสิ่งใด มองมูห่ ลิวเฟิ งและมูห่ รงเสวี่ยด้วยสายตาเยือก


เย็นราวธารนา้ แข็งพันปี

มูห่ ลิวเฟิ งถูกมองด้วยสายตาเช่นนีก้ ็รูส้ กึ ไม่คอ่ ยสบายตัว ขมวดคิว้ เอ่ย


ถามว่า “เย่อีเ้ ฉิน เจ้าเป็ นถึงท่านอ๋องแคว้นชิงเหยี่ยน เหตุใดถึงวางแผนแย่ง
ชิงบัลลังก์กนั เล่า?” ผูบ้ งการที่อยูเ่ บือ้ งหลังการใส่รา้ ยขุนนางในราชสานัก
ก่อความวุน่ วายในเมืองหลวง มูห่ ลิวเฟิ งคาดเดาไว้หลายคนแต่ไม่นกึ ไม่ฝัน
ว่าคนผูน้ นั้ จะเป็ นเย่อีเ้ ฉิน

เย่อีเ้ ฉินเป็ นท่านอ๋องแล้ว ในแคว้นชิงเหยี่ยนอยูเ่ หนือคนหมื่นแสน อาจ


ไม่ได้อยู่ใต้คนผูเ้ ดียว แต่ก็ถือว่าตาแหน่งสูงไม่นอ้ ย เหตุใดเขายังปราถนา
แย่งชิงบัลลังก์...
ตอนที่ 1999 ตอนจบ (7)

“เพราะข้าปรารถนา!” เย่อีเ้ ฉินเอ่ยอย่างไม่อนาทรร้อนใจ

ทว่ามูห่ ลิวเฟิ งได้ยินแล้วถึงกับอึง้ พูดไม่ออก “...”

ปราถนาที่จะแย่งชิงบัลลังก์ก็วางกลอุบายแย่งชิงบัลลังก์เช่นนัน้ หรือ!

เหตุผลที่กล่าวออกมานี ้ เขาไม่มีส่งิ ใดจะพูดอีก

เย่อีเ้ ฉินมองมูห่ รงเสวี่ย ก่อนจะมองมูห่ ลิวเฟิ ง “พวกเจ้าสองคนยืนอยู่


ข้างฝ่ าบาทหรือ?”

มูห่ ลิวเฟิ งแบมือ “ก็เห็นอยู่แล้วนี่”

เย่อีเ้ ฉินไม่สนใจเขา แววตานิ่งขรึมมองผ่านเขาไปอยู่ท่มี หู่ รงเสวี่ย “เจ้า


เองก็ดว้ ยหรือ?”
“แน่นอน” มูห่ รงเสวี่ยพยักหน้า ที่นางมาห้องทรงอักษรก็เพื่อมาช่วย
ฝ่ าบาท นางย่อมยืนอยูฝ่ ่ ังฝ่ าบาท

เย่อีเ้ ฉินมองหน้านางนิ่งๆ ดวงตาดาขลับหม่นแสง ผ่านไปชั่วอึดใจหนึ่งก็


ปล่อยวาง “ก็ดีเหมือนกัน โอวหยางเส้าฉินฝักใฝ่ ตอ่ ฝ่ าบาท เจ้าเองก็ฝักใฝ่
ต่อฝ่ าบาท ข้าสังหารโอวหยางเส้าเฉินต่อด้วยสังหารเจ้า ส่งพวกเจ้าสองคน
ไปยมโลกพร้อมกัน เดินทางไปนา้ พุเหลืองจะได้ไม่โดดเดี่ยว...” นา้ เสียง
แฝงความขบเขีย้ วเคีย้ วฟั น

มูห่ รงเสวี่ยได้ยินแล้วก็ตาเขม็ง “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

“ก็ไม่ได้หมายความว่าอย่างไร...” เย่อีเ้ ฉินรูว้ า่ ตัวเองพูดมากเกินไปแล้ว


ก็เอ่ยอย่างขอไปที

ทว่ามูห่ รงเสวี่ยกลับไม่เชื่อวาจาขอไปทีของเขา ในใจบังเกิดความคิด


หนึ่งแวบขึน้ มาว่าเกิดเรือ่ งกับเส้าเฉิน!

สีหน้าของมูห่ ลิวเฟิ งเองก็เคร่งเครียดขึน้ มา เอ่ยกับมูห่ รงเสวี่ยว่า


“เส้าเฉินไปไหนหรือ?”
“ข้าไม่รู”้ มูห่ รงเสวี่ยส่ายหน้า เส้าเฉินออกจากจวนตัง้ แต่เช้าตรูฟ่ ้ายังไม่
สาง แล้วก็ไม่ได้กาชับสิ่งใดไว้ นางก็ไม่รูว้ า่ เขาไปไหน...

“เส้าเฉินอยู่ท่ใี ด?” มูห่ รงเสวี่ยมองเย่อีเ้ ฉินตาเขียว ดวงตาดาขลับฉาย


ประกายเย็นชาราวกับมองทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง

เย่อีเ้ ฉินไม่ชอบสายตาประเภทนีข้ องนางเอาเสียเลย และก็คร้านที่จะหา


เหตุผลปล่อยให้มนั ผ่านไป ขมวดคิว้ เอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “เขาอยู่ใน
สถานที่ท่ขี า้ ตระเตรียมไว้ให้เป็ นพิเศษ สถานที่ซง่ึ เขาจะสังเวยชีวิต...”

เรือ่ งราวของขุนนางในราชสานักใหญ่โตเพียงนัน้ คนเฉลียวฉลาดย่อม


สังเกตได้ถึงความผิดปกติ โอวหยางเส้าเฉินเองก็ย่อมสังเกตได้เช่นกัน
ดังนัน้ การแสดงออกของเขายอมไม่กระโตกกระตาก แต่จะลอบสืบเรือ่ งราว
อย่างลับๆ หาตัวผูบ้ งการเบือ้ งหลัง ใครก็รูว้ า่ ผูบ้ งการเบือ้ งหลังวางแผนทัง้
ในที่ลบั และที่แจ้ง รอให้โอวหยางเส้าเฉินติดเบ็ด...

“เย่อีเ้ ฉิน!” มูห่ รงเสวี่ยโมโหขึน้ มาทันที แผดเสียงตวาด ต้องการจะแทง


กระบี่ใส่เย่อีเ้ ฉิน
มูห่ ลิวเฟิ งรีบรัง้ นางเอาไว้ “เจ้าใจเย็นลงหน่อย โอวหยางเส้าเฉินเฉลียว
ฉลาดปานนัน้ มิใช่จะหลงกลโดยง่าย...เจ้าอย่าไปฟั งที่เขาพูดเหลวไหลเลย
...”

นางเองก็หวังว่าเย่อีเ้ ฉินจะพูดเหลวไหล แต่วา่ มองดูทา่ ทางมีแผนการใน


ใจของเย่อีเ้ ฉินแล้ว ก็มีความเป็ นไปได้สงู มากว่าจะเกิดเรือ่ งกับเส้าเฉิน “เส้า
เฉินอยู่ท่ใี ด อยูท่ ่ใี ด?” มูห่ รงเสวี่ยเอ่ยถามด้วยความเดือดพล่าน

“อย่าได้รบี ร้อนไป เจ้าจะได้พบเขาเร็วๆ นี”้ เดี๋ยวเขาก็จะส่งนางไป


ยมโลก ให้นางได้ไปอยู่กบั โอวหยางเส้าเฉิน

พูดจบ ทหารรักษาพระองค์กระชับกระบี่แทงใส่มหู่ รงเสวี่ยและมูห่ ลิว


เฟิ งอย่างรวดเร็ว...

ชั่วพริบตาเดียว ภายในห้องทรงอักษรก็เกิดเสียงต่อสูอ้ นั ดุเดือด...

เหล่าทหารรักษาพระองค์มีจานวนมาก ล้อมมูห่ รงเสวี่ยและมูห่ ลิวเฟิ ง


เอาไว้...
เมื่อไม่มีอปุ สรรค เย่อีเ้ ฉินก็กา้ วเข้าไปหาฮ่องเต้ทีละก้าวอย่างช้าๆ แต่ละ
ก้าวที่เดินมีเสียงฝี เท้ากระทบพืน้ ราวกับฝี เท้าของเทพเจ้าแห่งความตาย
ค่อยๆ ย่างกรายเข้ามา

เปลือกพระเนตรของฮ่องเต้กระตุกถี่รวั ในใจบังเกิดลางสังหรณ์ไม่ดี
ก้าวถอยหลังอย่างไม่รูต้ วั ตรัสกับเย่อีเ้ ฉินว่า “เจ้า...เจ้าไม่ตอ้ งการตรา
ลัญจกรแล้วหรือ?”

“ตราลัญจกรหรือ? ย่อมต้องการอยูแ่ ล้ว แต่วา่ มิใช่วา่ ท่านมิยอมมอบมัน


ออกมาหรอกหรือ?” ฮ่องเต้ไม่ยอมมอบตราลัญจกรออกมา เขาทาได้เพียง
สังหารฮ่องเต้เสีย แล้วค่อยๆ หาตราลัญจกร

ในช่วงไม่ก่ีวนั มานี ้ วันหนึ่งมีสิบสองชั่วยาม ฮ่องเต้ทรงจัดการฎีกาอยู่ใน


ห้องทรงอักษรเป็ นสิบชั่วยาม ดูจากกองฎีกาที่วางเรียงอยู่ดา้ นนอกห้องทรง
อักษรแล้วตราลัญจกรของฮ่องเต้น่าจะอยู่ในห้องทรงอักษรแน่ ในเมื่อเขา
ไม่ยอมมอบมันออกมา เขาก็ตอ้ งสังหารฮ่องเต้ทงิ ้ เสียก่อนจะลงมือพลิก
ห้องทรงอักษรค้นหา เขาไม่เชื่อว่าจะหาตราลัญจกรไม่พบ
ตอนที่ 2000 ตอนจบ (8)

ฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตรมองดูเย่อเี ้ ฉินที่เดินเข้ามาใกล้จนจะถึงเบือ้ ง
หน้าพระองค์ดว้ ยสายพระเนตรหวาดหวั่น หันพระวรกายไปถอนกระบี่ท่ี
แขวนอยู่ตรงกาแพงออกมาแทงใส่เย่อีเ้ ฉิน...

...

เกือบลืมไปเลยว่าพระองค์ก็เคยฝึ กวรยุทธ์เช่นกัน วรยุทธ์ก็ถือว่าไม่เลว


แต่น่าเสียดายที่คตู่ ่อสูข้ องพระองค์ในครัง้ นีเ้ ป็ น ‘เขา’…

เย่อีเ้ ฉินกระตุกมุมปากยิม้ หยัน ขยับปลายนิว้ เบาๆ กาลังภายในไร้


ลักษณ์หลายสายก็แผ่ออกมาจากปลายนิว้ ของเขาพุง่ ใส่กระบี่ยาวของ
ฮ่องเต้อย่างไม่เกรงใจ...

“เคร้ง เคร้ง เคร้ง...” กาลังภายในไร้ลกั ษณ์ยิงใส่กระบี่ยาว ทาให้ฮ่องเต้


ที่ถือกระบี่อยู่ถึงกับถอยหลังไปหลายก้าว ‘ตึง ตึง ตึง’ ถอยหลังไปจน
กระแทกกาแพงไร้ทางถอยแล้วถึงได้หยุด...
ในพระเนตรฮ่องเต้เป็ นประกายจริงจัง เงยพระพักตร์ดว้ ยความ
ระมัดระวัง แต่กลับพบว่ากาลังภายในไร้ลกั ษณ์หลายสายที่เย่อีเ้ ฉินปล่อย
ออกมาทางปลายนิว้ ยิงตรงเข้าใส่พระองค์...

ฮ่องเต้ทรงยกกระบี่ขนึ ้ ตัง้ รับ...

“เคร้ง เคร้ง เคร้ง...เคร้ง เคร้ง เคร้ง...” กาลังภายในไร้ลกั ษณ์สายแล้ว


สายเล่าพุง่ เข้าใส่อย่างต่อเนื่อง...

ฮ่องเต้ตวัดกระบี่ตงั้ รับอย่างรวดเร็ว...

พลังของกาลังภายในหลายสายรุนแรงมาก ฮ่องเต้ถกู แรงสะเทือนจนสู้


ไปถอยร่นไป...

ถอยเข้าไปใกล้วงล้อมของมูห่ รงเสวี่ย มูห่ ลิวเฟิ งและทหารรักษา


พระองค์โดยไม่รูต้ วั ทหารรักษาพระองค์นายหนึ่งเห็นเช่นนัน้ ก็ตวัดกระบี่
แทงใส่ฮอ่ งเต้...

ฮ่องเต้ไม่ทนั ได้ปอ้ งกันพระองค์เอง ถูกทหารรักษาพระองค์แทงเข้าที่


แขน...
สายพระเนตรฮ่องเต้หวาดหวั่น พลิกมือส่งกระบี่แทงเข้าที่คอของทหาร
รักษาพระองค์นายนัน้ สังหารทิง้ เสีย...

ฮ่องเต้ทรงก้มพระพักตร์มองแขนของพระองค์ พบว่าที่แขนของพระองค์
ถูกกรีดเป็ นรอยแผลขนาดใหญ่ เลือดสีแดงฉานไหลซึมออกมาอาบย้อม
บริเวณช่วงแขนของฉลองพระองค์...

“ฝ่ าบาท!” มูห่ ลิวเฟิ ง มูห่ รงเสวี่ยเห็นเช่นนัน้ ก็สลัดทหารรักษาพระองค์


ทะยานเข้ามาฮ่องเต้...

“เราไม่เป็ นอะไร!” ฮ่องเต้ทรงไม่สนพระทัยแผลที่แขนพระองค์ ตวัด


กระบี่รบั มือกับเหล่าทหารรักษาพระองค์ท่ที ะยานตามมา สูไ้ ปพลางตรัสว่า
“รับมืออย่างระวังด้วย!”

“ทราบแล้ว” มูห่ ลิวเฟิ งและมูห่ รงเสวี่ยพยักหน้า ตวัดกระบี่สกู้ บั เหล่า


ทหารรักษาพระองค์อีกครัง้ ...

พริบตาเดียว เสียงการต่อสูร้ ุนแรงดุเดือดก็ดงั กึงก้องไปทั่วบริเวณ...


เย่อีเ้ ฉินที่ยืนอยู่นอกวงต่อสูม้ องดูมหู่ ลิวเฟิ ง มูห่ รงเสวี่ยและฮ่องเต้ท่ยี ืน
อยู่กลางวงล้อม ต่อสูก้ บั เหล่าทหารรักษาพระองค์อย่างดุเดือด ส่วนลึก
นัยน์ตาฉายแววหม่นแสง พวกเขาทัง้ คูจ่ งรักภักดีตอ่ ฮ่องเต้เสียจริง ยอม
เป็ นศัตรูกบั ทหารรักษาพระองค์มากมายเพียงนัน้ เพื่อฮ่องเต้ เห็นได้วา่ ไม่
สนใจชีวิตตนเองเสียเลย...

ในเมื่อพวกเขาต้องการเสียสละเพื่อฮ่องเต้ เช่นนัน้ เขาก็จะสงเคราะห์


พวกเขาเอง!

เย่อีเ้ ฉินสายตาเย็นชา พลังฝ่ ามือแข็งแกร่งแฝงท่าทางกวาดล้างทุกสิ่ง


อย่างซัดใส่มหู่ ลิวเฟิ ง มูห่ รงเสวี่ยและฮ่องเต้โดยไม่ปรานี...

ฝ่ ามือนีท้ งั้ รวดเร็วและรุนแรง เมื่อมูห่ ลิวเฟิ ง มูห่ รงเสวี่ยและฮ่องเต้สมั ผัส


ได้ คิดจะหลบก็ไม่ทนั เสียแล้ว ขณะที่มองดูฝ่ามือทรงพลังนัน้ จะซัดถึงพวก
เขาทัง้ สาม ชั่วพริบตานัน้ เองก็มเี งาสีขาวโฉบเข้ามา ได้ยินเพียงเสียงดัง
‘ตุบ’ สองฝ่ ามือปะทะกัน พลังฝ่ ามือแข็งแกร่งส่วนที่เหลือแฝงพลังลม ขีด
ข้างแก้มจนรูส้ กึ เจ็บ...
หลังจากพลังลมสลาหายไป มูห่ รงเสวี่ยก็เห็นว่าเงาสีขาวนัน้ ยืนอยู่ขา้ ง
นาง ร่างเพรียวสูงกายาในอาภรณ์สขี าว ใบหน้าหล่อเหลาสมชายชาตรี เขา
เป็ นคนที่นางเป็ นห่วงสุดหัวใจเมื่อครูน่ ีน้ ่ นั เอง

“โอวหยางเส้าเฉิน!” เย่อีเ้ ฉินมองผูท้ ่มี าเยือนด้วยความตื่นตระหนก “คิด


ไม่ถึงว่าเจ้าจะรอดออกมา!”

โอวหยางเส้าเฉินมองดูเย่อีเ้ ฉิน สายตาสูงส่งและเยือกเย็น “จิง้ อ๋องยังมี


ชีวิตอยู่และวิ่งมาที่หอ้ งทรงอักษรได้ ข้าย่อมมีชีวิตออกมาจากพระราช
อุทยาน!”

พระราชอุทยานเป็ นสถานที่ท่เี ย่อีเ้ ฉินวางแผนว่าจะเป็ นที่ซมุ่ ล่อโอวห


ยางเส้าเฉินไป เป็ นสถานที่ซง่ึ ให้โอวหยางเส้าเฉินเอาชีวิตไปทิง้ ไว้
ตอนที่ 2001 ตอนจบ (9)

คิดไม่ถึงเลยว่าโอวหยางเส้าเฉินจะมีชีวิตรอดออกมาได้

“เจ้าช่างดวงแข็งยิ่งนัก” เย่อีเ้ ฉินเอ่ยกับโอวหยางเส้าเฉิน นา้ เสียงแฝง


ความเข่นเขีย้ วเคีย้ วฟั น

นับแต่เริม่ เรือ่ งวางแผนใส่รา้ ยขุนนางราชสานักทัง้ บุน๋ บู๊ เขาก็ไม่คิดว่าจะ


ปิ ดบังได้ทกุ คน เพราะถึงอย่างไรเมืองหลวงแคว้นชิงเหยี่ยนก็มีคนเฉลียว
ฉลาดอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโอวหยางเส้าเฉินแห่งวังเซียวเหยาอ๋อง ผูซ้ ง่ึ มี
ฐานะ ตาแหน่ง ชื่อเสียงหรือแม้แต่วรยุทธ์และสติปัญญาที่สสู ีเทียบเคียงกัน
กับเขา

กลอุบายของเขาปิ ดบังผูใ้ ดก็ได้ แต่ปิดบังโอวหยางเส้าเฉินไม่ได้อย่าง


แน่นอน เมื่อโอวหยางเส้าเฉินสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของเรือ่ งนี ้ เขาย่อม
ต้องทาการตรวจสอบเป็ นแน่ ดังนัน้ เขาจึงซ้อนกล ตัง้ ใจเผยเบาะแสปลอม
แก่โอวหยางเส้าเฉิน ล่อหลอกให้โอวหยางเส้าเฉินไปที่พระราชอุทยาน
ในพระราชอุทยานมียาพิษ ของมีพิษที่กลุม่ เบญจพิษคิดค้นเป็ นพิเศษ มี
กับดักกลที่นกั กลไกชานาญตระเตรียมไว้เป็ นพิเศษ ยิ่งไปกว่านัน้ ยังมีทหาร
ยอดฝี มือ เตรียมพร้อมโจมตีระยะไกล โจมตีระยะประชิด โจมตีดว้ ยพิษ
โจมตีดว้ ยกับดักห้อมล้อมเอาไว้อย่างแน่นหนาไม่มีช่องโหว่ใดๆ ต่อให้โอวห
ยางเส้าเฉินมีความสามารถเพียงใดก็ยากที่จะหนีพน้ ความตายไปได้...

แต่ไม่คาดคิดว่าโอวหยางเส้าเฉินเข้าไปแล้วจะเอาชีวิตรอดมาได้ ช่าง
ดวงแข็งเสียจริง...

“ข้าดวงแข็งอยูแ่ ล้ว...” โอวหยางเส้าเฉินเอ่ยต่อประโยคของเย่อีเ้ ฉิน เอ่ย


เน้นเสียงชัดถ้อยชัดคาว่า “ส่วนพวกที่เจ้าเตรียมไว้ในพระราชอุทยานดวง
ตกหน่อยนะ...”

...

วินาที่ท่โี อวหยางเส้าเฉินปรากฏตัวอยู่ท่นี ่ี เขาก็รูแ้ ล้วว่าพวกที่อยู่ในพระ


ราชอุทยานประสบเคราะห์รา้ ยมากกว่าโชคดี
ตายแล้วก็ตายไป ตายในมือของศัตรูอนั ดับหนึ่งของเขาอย่างโอวหยาง
เส้าเฉิน ก็ถือว่าพวกเขาตายอย่างคุม้ ค่าแล้ว เขาไม่สามารถชุบชีวิตพวกเขา
ขึน้ มาได้ แต่วา่ เขาสามารถแก้แค้นแทนพวกเขาได้

ดวงตาของเย่อีเ้ ฉินเคร่งขรึม รวบรวมกาลังภายในลึกลา้ ไว้ท่ฝี ่ ามือ เกิด


เป็ นนา้ วนขนาดมหึมา ก่อกวนอากาศและซัดใส่โอวหยางเส้าเฉินอย่างไม่
ปรานี...

แววตาสุขมุ ของโอวหยางเส้าเฉินเยือกเย็นขึน้ มาทันที กาลังภายในไม่มี


ที่สนิ ้ สุดปะทุขนึ ้ มาจากกลางฝ่ ามือพุง่ ตรงใส่พลังฝ่ ามือของเย่อีเ้ ฉิน...

จังหวะนัน้ เอง กาลังภายในสองสายก็ปะทะกันเสียงดัง “ปั ง!” ราวกับ


ระเบิดกัมปนาท สะเทือนห้องทรงอักษรทัง้ หลัง...

มูห่ รงเสวี่ย มูห่ ลิวเฟิ ง ฮ่องเต้ รวมถึงทหารรักษาพระองค์ท่ยี ืนอยู่ในห้อง


ทรงอักษรพากันสั่นไหว เมื่อยืนทรงตัวดีแล้ว ตัง้ สติมองไปก็พบว่าโอวหยาง
เส้าเฉินและเย่อีเ้ ฉินเข้าสูก้ นั แล้ว ทัง้ คูเ่ คลื่อนไหวรวดเร็วพวกเขามองไม่ทนั
ว่าทัง้ คูส่ กู้ นั อย่างไร เห็นแค่เพียงเงาร่างสีขาวและสีมว่ งเข้มตัดไขว้กนั กลาง
อากาศ นามาซึง่ แรงลมเป็ นระลอก...
“ปั ง ปั ง ปั ง...ปั ง ปั ง ปั ง...” กาลังภายในปะทะกาลังภายใน แรงลมปะทะ
แรงลม ระเบิดอากาศบริเวณโดยรอบ สะเทือนจนห้องทรงอักษรสั่นไหว
รุนแรง...

“...” เหตุใดพวกเขาทัง้ สองถึงเก่งกาจเช่นนี?้

มูห่ ลิวเฟิ งมองดูการต่อสูด้ เุ ดือดรุนแรงกลางอากาศ เห็นเพียงเงาร่าง


เลือนรางของโอวหยางเส้าเฉินและเย่อีเ้ ฉินก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออก เขารูม้ า
ตลอดว่าโอวหยางเส้าเฉินและเย่อเี ้ ฉินเป็ นผูท้ ่มี ีวรยุทธ์สงู แต่เขาไม่เคยคิด
มาก่อนเลยว่าวรยุทธ์ของพวกเขาจะสูงส่งถึงเพียงนี ้ เขามองไม่ออกเลยว่า
พวกเขาต่อสูก้ นั อย่างไร เห็นเป็ นเพียงเงาลางๆ...

ฮ่องเต้เองก็ทรงทอดพระเนตรมองการต่อสูข้ องโอวหยางเส้าเฉินและเย่
อีเ้ ฉินด้วยความตกพระทัย พระองค์ทรงพบเห็นยอดฝี มือวรยุทธ์สงู มาไม่
น้อย แต่สงู ถึงขัน้ โอวหยาวเส้าเฉินและเย่อเี ้ ฉินเช่นนี ้ พระองค์เพิ่งเคยพบ
เป็ นครัง้ แรก...

และก็เพิ่งทรงทราบว่าวรยุทธ์ของคนเราสามารถสูงได้ถึงเพียงนี.้ ..
เมื่อครูน่ ีต้ อนที่เย่อีเ้ ฉินเข้ามาใกล้ ไม่ได้สงั หารพระองค์ถือว่ายัง้ ไมตรี
แล้ว...

“ปั ง ปั ง ปั ง...ปั ง ปั ง ปั ง...” เสียงการปะทะรุนแรงครัง้ แล้วครัง้ เล่า ภายใน


ห้องทรงอักษรเริม่ มีเศษไม้ เศษดินร่วงหล่น ผูค้ นที่อยู่ในห้องทรงอักษรถูก
การต่อสูข้ องทัง้ คูพ่ าให้ส่นั ไหวทรงตัวไม่อยู่...
ตอนที่ 2002 ตอนจบ (10)

“ฟิ ้ ว ฟิ ้ ว ฟิ ้ ว...ฟิ ้ ว ฟิ ้ ว ฟิ ้ ว...” สายลมแรงสายแล้วสายเล่าปลิวว่อนไปมา


ภายในห้องทรงอักษร ผูค้ นพากันหลบหลีกตาลีตาเหลือก...

“ปั ง ปั ง ปั ง...ปั ง ปั ง ปั ง...” ทัง้ สองต่อสูก้ นั ปล่อยกาลังภายในแข็งแกร่ง


ทาลายตารา ทาลายชัน้ วาง ทาลายชุดโต๊ะเก้าอี ้ ทาลายกาแพง...สุดท้าย
เกิดเสียงดังปั งทาลายหลังคาทลายลงมา...

โอวหยางเส้าเฉินและเย่อีเ้ ฉินต่อสูก้ นั จนทะลุเพดานหลังคาห้องทรง


อักษรออกไป ทะยานตัวขึน้ ไปกลางอากาศและต่อสูก้ นั อย่างต่อเนื่อง...

เศษไม้ เศษสะเก็ดจากหลังคาเพดานที่พงั ทลายลงมาร่วงเกรียวกราวลง


ไปด้านล่างราวกับจะทับถมผูค้ นที่อยู่ดา้ นล่าง มูห่ รงเสวี่ย มูห่ ลิวเฟิ ง และ
พวกทหารรักษาพระองค์ท่อี ยู่ในห้องทรงอักษรรีบวิ่งออกมาหน้าตาตื่น...

มูห่ ลิวเฟิ งวิ่งไปก็อิจฉาอยู่ในใจ พลังต่อสูร้ ุนแรงของโอวหยางเส้าเฉิน


และเย่อีเ้ ฉิน ไม่ตอ้ งยิ่งใหญ่อลังการเพียงนีไ้ ด้หรือไม่ ทาเอาห้องทรงอักษร
ที่แสนแข็งแกร่งบทจะพังทลายก็พงั ทลาย หลังคาแสนสวยงามบทจะถล่มก็
ถล่มลงมา...

“ชิง้ !” ไอสังหารสายหนึ่งเป็ นประกายอยู่ตรงหางตา มูห่ ลิวเฟิ งยกกระบี่


ขึน้ ตัง้ รับตามสัญชาตญาณ ได้ยินเพียงเสียงกระบี่สองเล่มปะทะกันดัง ‘ตึง’
เขาขัดขวางการโจมตีของศัตรูได้สาเร็จ เมื่อเพ่งมองไปก็พบทหารรักษา
พระองค์นายหนึ่งถือกระบี่ชีม้ าทางเขา...

“เจ้าทาอะไรน่ะ?” มูห่ ลิวเฟิ งเอ่ยถามตามสัญชาตญาณ

“อย่าได้เอ่ยวาจาไร้สาระ ข้าก็ย่อมสังหารศัตรูน่ะสิ” ทหารรักษาพระองค์


เอ่ยตอบเสียงแข็ง แทงกระบี่ใส่เขาอีกครัง้ ...

มูห่ ลิวเฟิ ง “...”

เอ่อ เกือบลืมไปเสียสนิทว่าตอนนีพ้ วกเขากาลังเผชิญหน้ากับศัตรู...


และศัตรูของพวกเขาก็คือเหล่าทหารรักษาพระองค์พวกนี.้ ..ทหารรักษา
พระองค์ตอ้ งการที่จะสังหารเขา เขาก็ตอ้ งตอบโต้กลับเป็ นเรือ่ งธรรมดา...
มูห่ ลิวเฟิ งตวัดกระบี่ยาวประจันหน้ากับกระบวนท่าสังหารของทหาร
รักษาพระองค์...

มูห่ รงเสวี่ยและฮ่องเต้เองก็ถกู ลอบโจมตีเช่นกัน พากันตวัดกระบี่สงั หาร


ศัตรู...

ทางด้านกลางอากาศนัน้ โอวหยางเส้าเฉินและเย่อีเ้ ฉินที่กาลังต่อสูก้ นั


อย่างดุเดือดก็สงั เกตเห็นการต่อสูบ้ นพืน้ ดิน เย่อีเ้ ฉินปรายตามองมูห่ รง
เสวี่ยที่ตกอยู่ในวงล้อมของทหารรักษาพระองค์แวบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยกับ
โอวหยางเส้าเฉินว่า “เจ้าไม่หว่ งนางหรือ?”

โอวหยางเส้าเฉินมองมูห่ รงเสวี่ยที่ตวัดกวัดไกวกระบี่ จากนัน้ ก็มองไป


ยังทหารรักษาพระองค์ท่ยี ืนล้อมนางไว้แล้วเอ่ยว่า “ก็แค่ทหารรักษา
พระองค์ หาใช่คตู่ ่อสูข้ องนางไม่...”

“วาจาไม่ควรเอ่ยด้วยความมั่นใจเช่นนี ้ ทุกสิ่งอย่างล้วนมีความไม่
แน่นอน...” เย่อเี ้ ฉินแค่นเสียงเย้ยหยัน

“มีขา้ อยู่ ไม่มีทางเกิดความไม่แน่นอน!” นา้ เสียงสุขมุ ของโอวหยางเส้า


เฉินแฝงความเฉยชาเป็ นอย่างยิ่ง
“อ่อ เจ้ามั่นใจหรือ?” สูก้ บั เขาอยู่ จะยังสามารถแบ่งสมาธิไปดูแลมูห่ รง
เสวี่ยได้หรือ?

เย่อีเ้ ฉินปรายตามองโอวหยางเส้าเฉินแวบหนึง่ ท่าทางไม่เชื่อคาพูดของ


เขาอย่างเห็นได้ชดั

โอวหยางเส้าเฉินเอ่ยเสียงทุม้ ต่า “ไม่เชื่อเจ้าก็ลองดู!”

“ลองก็ลองสิ!” เย่อีเ้ ฉินเอ่ยเสียงขึงขัง สะบัดฝ่ ามืออย่างรวดเร็ว พลังฝ่ า


มือที่แฝงพลังทาลายล้างทุกอย่างซัดใส่มหู่ รงเสวี่ย

โอวหยางเส้าเฉินสะบัดฝ่ ามือ กาลังภายในแกร่งกล้าซัดใส่พลังฝ่ ามือ


นั่นจนสลายหายไป...

เย่อีเ้ ฉินมองดูพลังฝ่ ามือที่สลายหายไป ไม่รูส้ กึ โกรธและไม่โมโห กระตุก


มุมปากยกยิม้ เจ้าเล่ห.์ ..

“ฟิ ้ ว ฟิ ้ ว ฟิ ้ ว!” ทันใดนัน้ ก็มีคนชุดดาจานวนหนึ่งโพกผ้าโพกหน้าสีดา


สวมชุดเกราะสีดาถือดาบและกระบี่ยาวปรากฏกายขึน้ ตวัดกระบี่และดาบ
จ้วงแทงใส่มหู่ รงเสวี่ย...
เดิมทีเขาคิดว่าการที่โอวหยางเส้าเฉินไปที่พระราชอุทยานนัน้ อย่างไร
เสียเขาก็ตอ้ งได้รบั บาดเจ็บอยู่บา้ ง ใช้กาลังภายในไปไม่นอ้ ย ดังนัน้ เขาจึง
ชิงลงมือกับโอวหยางเสียก่อน เตรียมจัดการกับโอวหยางเส้าเฉิน เพื่อให้
แผนการบุกวังหลวงชิงบัลลังก์ของเขาดาเนินการได้โดยเร็ว

ไม่คิดเลยว่าเขากับโอวหยางเส้าเฉินสูก้ นั มาเนิ่นนานเพียงนีแ้ ล้ว


โอวหยางเส้าเฉินจะไม่มีทีทา่ ว่าได้รบั บาดเจ็บหรือกาลังภายในถดถอยเลย
สักนิด...
ตอนที่ 2003 ตอนจบ (11)

ตอนนีพ้ วกเขาทัง้ สองวรยุทธ์สสู ีไล่เลี่ยกัน หากสูก้ นั เช่นนีต้ ่อไป ต่อให้สู้


กันจนฟ้ามืดก็ไม่อาจตัดสินแพ้ชนะได้...

ตัวเขายังมีธรุ ะที่ตอ้ งไปจัดการ ไม่มีเวลามากพอที่จะให้มามัวเสียเวลา


อยู่ ต้องรีบจัดการโอวหยางเส้าเฉินโดยเร็วที่สดุ ...

ส่วนมูห่ รงเสวี่ยก็คือหนทางที่ดีท่สี ดุ ในการกาจัดโอวหยางเส้าเฉิน...

เย่อีเ้ ฉินเหลือบตามองเหตุการณ์ต่อสูด้ า้ นล่าง พบว่ามูห่ รงเสวี่ย มูห่ ลิว


เฟิ ง ฮ่องเต้กาลังรับมืออยู่กบั เหล่าคนสวมชุดดาอย่างดุเดือด เหล่าคนชุด
ดาลงมือรวดเร็ว กระบี่ยาวและดาบยาวในมือจ้วงใส่มหู่ รงเสวี่ย มูห่ ลิวเฟิ ง
และฮ่องเต้อย่างดุดนั ...

มูห่ รงเสวี่ย มูห่ ลิวเฟิ งและฮ่องเต้โจมตีคืนอย่างไม่เกรงใจ กระบี่ปะทะ


กันเกิดเป็ นแสงสีเงินวิบวับ...
โดยเฉพาะมูห่ ลิวเฟิ งตวัดกระบี่แกว่งไกวอย่างบ้าระห่า จ้วงแทงคนชุด
ดาที่อยู่ใกล้มือคนแล้วคนเล่า แต่ไม่คิดเลยว่าหลังจากที่เขาแทงกระบี่ไป
แล้ว จะเกิดเสียงดังปั งก่อนที่คนชุดดาจะหายไปอย่างไร้รอ่ งรอย...

...

นี่มนั เรือ่ งอะไรกัน?

มูห่ ลิวเฟิ งเงยหน้าขึน้ มองด้วยความไม่เข้าใจ แต่ก็พบว่าคนชุดดาที่


กาลังต่อสูก้ บั มูห่ รงเสวี่ยและฮ่องเต้ เมื่อถูกทัง้ สองแทงกระบี่ใส่ก็เกิดเสียง
ดังปั งก่อนจะหายตัวไปเช่นกัน...

“...นี่มนั เรือ่ งอะไรกัน?” มูห่ ลิวเฟิ งโพล่งสิ่งที่คิดอยู่ในใจขึน้ มา

หลังจากมูห่ รงเสวี่ยตะลึงไปชั่วขณะก็กลับเป็ นปกติ เอ่ยเสียงเรียบว่า “ก็


ไม่มีอะไร...เพียงแค่ พวกเขาไม่ใช่คนจงหยวน...” มูห่ รงเสวี่ยเฉลยขึน้
ท่ามกลางสายตาสงสัยของมูห่ ลิวเฟิ งว่า “พวกเขาเป็ นชาวเกาะ...นินจาฝู
ซัง!”

“จริงหรือ?” มูห่ ลิวเฟิ งตระหนกเป็ นอย่างยิ่ง

“จริงแท้แน่นอน!” มูห่ รงเสวี่ยพยักหน้า นางเคยพบเห็นนินจาฝูซงั มา


ก่อนในภพที่แล้ว เมื่อมาอยู่ท่แี คว้นชิงเหยี่ยนก็เคยพบมาบ้าง และยังเคย
ประมือกันด้วย ไม่วา่ จะเป็ นการใช้ดาบ การใช้กระบี่หรือว่าท่าร่างของคน
ชุดดาที่อยู่ตรงหน้านีล้ ว้ นเหมือนกันกับนินจาฝูซงั ทุกประการ ดังนัน้ พวก
เขาต้องเป็ นนินจาฝูซงั อย่างไม่ตอ้ งสงสัย

มิน่าเล่าเย่อเี ้ ฉินใส่รา้ ยขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยนเป็ นจานวนมากและเนิ่น


นานถึงเพียงนีถ้ งึ ไม่ถกู ผูใ้ ดพบเห็น นั่นก็เป็ นเพราะว่าเขาใช้นินจาฝูซงั นี่เอง
...

นินจาฝูซงั สันทัดวิชานินจาที่สดุ และจุดเด่นของวิชานินจาคือการหลบ


ซ่อน...

“ฉัวะ!” กระบี่ยาวเล่มหนึ่งปรากฏขึน้ อย่างกะทันหัน แทงใส่มหู่ ลิวเฟิ ง


อย่างโหดเ**้้ยม มูห่ ลิวเฟิ งหลบไม่ทนั ถูกแทงเข้าที่แขน เลือดสีแดงฉาน
ไหลทะลักออกมา...

มูห่ ลิวเฟิ งสีหน้าเคร่งเครียด มองมือกระบี่ตาเขม็ง แต่นินจามือกระบี่ก็


หายตัวไปไร้รอ่ งรอย...

ช่างเป็ นนินจาที่เจ้าเล่หน์ ่าชิงชังเสียจริง...

“ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ...ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ...” นินจาที่ซอ่ นตัวอยู่ทยอยปรากฏตัว


ลอบโจมตีมหู่ ลิวเฟิ ง มูห่ รงเสวี่ยและฮ่องเต้
มูห่ ลิวเฟิ ง มูห่ รงเสวี่ยและฮ่องเต้มปี ฏิกิรยิ าตอบสนอง เมื่อตวัดกระบี่
ตอบโต้กลับพวกเขาก็หายตัวไปอีกครัง้ ...

...

นินจาที่น่าชัง...

ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก...

“ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ...ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ...” กระบี่ยาว ดาบยาวจานวนมาก


ปรากฏขึน้ โดยกะทันหัน จ้วงแทงใส่มหู่ รงเสวี่ยอย่างโหดเหีย้ ม...

มูห่ รงเสวี่ยตวัดกระบี่ตงั้ รับ “...เคร้ง เคร้ง เคร้ง...เคร้ง เคร้ง เคร้ง...”


หลังจากสูก้ นั อย่างดุเดือดแล้ว มูห่ รงเสวี่ยก็ได้แผลที่แขนมาสองรอย ส่วน
คนชุดดาไม่รูไ้ ด้รอยแผลบนร่างไปกี่รอย จากนัน้ ก็หายไปอย่างไร้รอ่ งรอย...

หวนนึกถึงรังสีสงั หารรุนแรงเมื่อครูน่ ีแ้ ล้ว ดวงตาเย็นชาของมูห่ รงเสวี่ยก็


หรีล่ งทันที เหล่านินจาต้องการสังหารพวกนางอย่างอดใจรอไม่ไหว...
“แล้วตอนนีจ้ ะหาตัวนินจาพวกนีไ้ ด้อย่างไร?” มูห่ ลิวเฟิ งมองดูแผลของ
ตนเอง สายตานิ่งลึก ศัตรูอยู่ในที่ลบั พวกเขาอยู่ในที่แจ้ง พวกเขาตกเป็ น
เป้า สถานการณ์เช่นนีพ้ วกเราเป็ นฝ่ ายเสียเปรียบ หากสูก้ นั ต่อไป ต่อให้เขา
ไม่ถกู พวกเขาสังหารตายก็ตอ้ งถูกพวกเขาทาร้ายจนบาดเจ็บหนัก เสีย
เลือดจนตาย...
ตอนที่ 2004 ตอนจบ (12)

เขาไม่อยากตายอนาถเช่นนัน้ ดังนัน้ ต้องหานินจาเหล่านีใ้ ห้พบ...

หานินจาที่หลบซ่อนตัวอยู่น่ะหรือ...ก็ไม่ใช่เรือ่ งยากอะไร...

หลังจากที่มหู่ รงเสวี่ยตวัดกระบี่บบี นินจาหลายคนที่อยู่ใกล้ตวั นางถอย


ร่นไป คว้าถุงผ้าใบเล็กของตนเองด้วยความเร็ว จากนัน้ ฉวยยาที่อยู่ในถุง
ผ้าโปรยไปทั่วทุกทิศทุกทาง...

การที่นินจาหายตัวไปไม่ได้หมายความว่าพวกเขาหายตัวไปจริงๆ แต่
ซ่อนตัวอยู่ในที่ท่พี วกเขามองไม่เห็น การจะหาตัวพวกนินจานัน้ ก็สามารถ
หาได้

หากเป็ นยุคปั จจุบนั จะใช้เครือ่ งเซ็นเซอร์ตรวจจับพลังงานความร้อน


เพราะว่าเครือ่ งนีส้ ามารถตรวจจับทุกอย่างที่มีพลังงานความร้อน นินจาที่
หลบซ่อนตัวก็มีอณ ุ หภูมิรา่ งกาย ใช้เครื่องเซ็นเซอร์ตรวจจับพลังงานความ
ร้อนบริเวณโดยรอบก็จะตรวจจับพวกนินจาได้

แต่ในยุคโบราณไม่มีเครือ่ งเซ็นเซอร์ตรวจจับพลังงานความร้อน เช่นนัน้


ทาได้เพียงใช้วิธีของนางแล้ว
ละอองยาฟุง้ กระจายเต็มท้องฟ้าและโปรยปรายลงมาช้าๆ มูห่ ลิวเฟิ งทา
หน้าไม่เข้าใจ “นี่ทาอะไรหรือ”

“อีกไม่นานเจ้าก็จะรูเ้ อง” มูห่ รงเสวี่ยยิม้ อย่างมีเลศนัย ตวัดกระบี่ตงั้ รับ


กระบี่สองเล่มที่พงุ่ เข้ามา...

เจ้าของกระบี่ยาวเป็ นนินจาสองคน วรยุทธ์ของทัง้ คูส่ มู้ หู่ รงเสวี่ยไม่ได้ สู้


กันนับสิบกระบวนท่า เมื่อเห็นว่าตนเองจะพลาดท่าถูกมูห่ รงเสวี่ยแทงก็
หายตัวอย่างไร้รอ่ งรอย...

เมื่อพลาดเป้า มูง่ หรงเสวี่ยก็ไม่ได้แตกตื่น สาวเท้าก้าวยาวๆ สองก้าว


ก่อนจะยืนนิ่ง จากนัน้ ก็ตวัดกระบี่แทงลงไปบนพืน้ ดินใต้ฝ่าเท้า...

“ฉึก!” กระบี่ยาวแทงลงพืน้ เลือดสีแดงสดสายหนึ่งพุง่ กระฉูด...

ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของมูห่ ลิวเฟิ ง มูห่ รงเสวี่ยถอนกระบี่ยาวออก


บนกระบี่มีรา่ งคนผูห้ นึ่ง คนผูน้ นั้ สวมชุดดาในมือถือกระบี่ยาว เขาก็คอื หนึ่ง
ในสองนินจาที่โจมตีมหู่ รงเสวี่ยเมื่อครูน่ ีน้ ่ นั เอง...

มูห่ รงเสวี่ยยกเท้าถีบนินจาบนกระบี่ออกไป สะบัดข้อมืออีกครัง้ หนึ่ง


กระบี่ยาวก็พงุ่ ผ่านข้างลาตัวนางไปปั กบนต้นไม้ใหญ่ตน้ หนึ่ง...
“ฉึก!” กระบี่ยาวแทงลงบนลาต้น เลือดสีแดงสดสายหนึ่งพุง่ กระฉูด
ออกมา...เมื่อชักกระบี่ยาวออก ก็ปรากฏนินจาอีกคนหนึ่งที่โจมตีมหู่ รง
เสวี่ย...

กระบี่ยาวไม่เอนเอียงปั กลงบนจุดตายของนินจาพอดิบพอดี นินจาผูน้ นั้


สิน้ ลมหายใจในบัดดล มูห่ ลิวเฟิ งมองด้วยสายตาตะลึง เมื่อหายตะลึงแล้ว
เขาก็หนั ไปมองมูห่ รงเสวี่ยด้วยสายตาเลื่อมใส “เจ้าหาพวกเขาเจอได้
อย่างไร”

“เรือ่ งนีง้ ่ายมาก ดูสีของยาน่ะสิ” ยาที่มหู่ รงเสวี่ยโปรยออกไปเป็ นสีขาว


เมื่อเจอความร้อนจะเปลี่ยนสี อีกทัง้ พืน้ ที่ท่โี รยยาเป็ นบริเวณกว้าง โรยทั่ว
บริเวณทัง้ บนพืน้ ภายในห้องทรงอักษร บนต้นไม้และที่อ่ืนๆพวกนินจาเป็ น
คน ต่อให้ซอ่ นตัวอย่างไรก็มีพลังงานความร้อน ดังนัน้ ไม่วา่ พวกเขาจะซ่อน
ตัวในดินหรือบนต้นไม้ก็สามารถตรวจสอบได้...ดูวา่ ยาตรงจุดไหนเปลี่ยนสี
ก็พิสจู น์วา่ นินจาซ่อนตัวอยู่ท่ใี ด...

“นี่เป็ นวิธีการที่ด”ี มูห่ ลิวเฟิ งได้ยินเช่นนัน้ ก็ตาวาวขึน้ มาทันที “ข้าลอง


หาพวกเขาดูบา้ ง...”

ระหว่างที่พดู นัน้ มูห่ ลิวเฟิ งก็แทงกระบี่ใส่นินจาคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ตวั


ขณะที่นินจาหายตัวไปตามสัญชาตญาณ เขาก็รบี กวาดตามองไปรอบๆ
พบว่าบนพืน้ ที่หา่ งออกไปสองเมตรกว่านัน้ สีของยาเปลี่ยนไป...
มูห่ ลิวเฟิ งพุง่ ตัวไปข้างหน้าตวัดกระบี่แทงไปบนพืน้ ที่เปลี่ยนสี ได้ยิน
เสียงดัง ‘ฉึก!’ กระบี่แทงไปบนร่างกายมนุษย์เลือดสีแดงฉานพุง่ กระฉูด...

เมื่อชักกระบี่ออก นินจาที่ถกู แทงก็ปรากฏตัวขึน้ ร่างกายนินจาอ่อนยวบ


ดวงตาปิ ดสนิท เห็นได้ชดั ว่าสิน้ ชีพแล้ว...

มูห่ ลิวเฟิ งพยักหน้าลงด้วยความพึงพอใจ สลัดร่างไร้วิญญาณของ


นินจาออกไปจากกระบี่ ก่อนจะตวัดกระบี่จดั การกับนินจาอีกคนหนึ่ง...

ฮ่องเต้สายพระเนตรเคร่งขรึม เมื่อกระบี่ยาวของพวกนินจาแทงเข้ามา
พระองค์ก็ทรงจัดการกับพวกนินจาตามทุกกระเบียดนิว้ ...
ตอนที่ 2005 ตอนจบ (13)

“ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ...”

“ฉึก ฉึก ฉึก...”

นินจาคนแล้วคนเล่าถูกพบและสังหารในทันที จานวนนินจาลดลงเรือ่ ยๆ
ลดลงเรือ่ ยๆ...

สีหน้าของเย่อีเ้ ฉินเคร่งเครียด มองดูมหู่ รงเสวี่ย มูห่ ลิวเฟิ งและฮ่องเต้ดว้ ย


สายตาที่ฉายถึงเพลิงโกรธ พวกเขาฉลาดนัก...

“ฟิ ้ ว!” กระบวนท่าสังหารจู่โจมเข้ามาอีกครัง้ เย่อเี ้ ฉินหลุดจากภวังค์ยก


ฝ่ ามือขึน้ รับทันที ได้ยินเสียงฝ่ ามือทัง้ สองปะทะกันดังปั ง ทัง้ เย่อเี ้ ฉินและ
โอวหยางเส้าเฉินล้วนถูกแรงกระแทกของพลังฝ่ ามือถลาออกไป...คนหนึ่งไป
อยู่บนหลังคาด้านตะวันออก คนหนึ่งไปอยูบ่ นหลังคาด้านทิศตะวันตก ยืน
จ้องกันอยู่ไกลๆ
สายลมพัดโบก ชายเสือ้ ของคนทัง้ คูป่ ลิวสะบัด ยิ่งเสริมให้พวกเขาดูทรง
พลังน่าเกรงขามยิ่งขึน้

ส่วนสถานการณ์บนพืน้ นัน้ มูห่ รงเสวี่ย มูห่ ลิวเฟิ งและฮ่องเต้ยงั คงต่อสู้


กับพวกนินจาอยู่ โอวหยางเส้าเฉินปรายตามองอยู่ครูห่ นึ่งก่อนเอ่ยเสียงขรึม
ว่า “เย่อีเ้ ฉิน คนของเจ้าตายไปไม่นอ้ ยแล้ว ยอมให้จบั แต่โดยดีเถิด...” เห็น
แก่คณ
ุ งามความดีท่เี จ้าทุม่ เทเพื่อแคว้นชิงเหยี่ยนตลอดมา ฝ่ าบาททรงพระ
กรุณาต่อเจ้าอย่างแน่นอน...

“เหอะ!”

เย่อีเ้ ฉินกระตุกยิม้ หยัน ทรงพระกรุณาต่อเขาอย่างนัน้ หรือ? เขาร้องขอ


พระกรุณาของฮ่องเต้หรือ? เขาต้องการพระกรุณาของฮ่องเต้หรือ?

เขาเย่อีเ้ ฉินผูน้ ีจ้ ะเป็ นจักรพรรดิคนต่อไปของแคว้นชิงเหยี่ยน เขายัง


ต้องการให้จกั รพรรดิองค์ก่อนทรงพระกรุณาต่อเขาอย่างนัน้ หรือ!

เย่อีเ้ ฉินเต็มเปี่ ยมด้วยพลังท่วมท้น แววตาดุดนั


โอวหยางเส้าเฉินเห็นแล้วขมวดคิว้ เอ่ยขึน้ ว่า “อย่างนัน้ หรือ? เจ้ามีสิทธิ์
อะไรมาเป็ นจักรพรรดิองค์ต่อไปของแคว้นชิงเหยี่ยน?” เขาปรายตามองพวก
นินจาที่บาดเจ็บล้มตายไปกว่าครึง่ “พวกทหารที่เหลือรอดเหล่านีน้ ่ะหรือ”

“ไม่ใช่อยู่แล้ว” นินจาฝูซงั เป็ นเพียงลูกสมุนส่วนหนึ่งของพวกเขาก็เท่านัน้


ต่อให้พวกเขาตายไปจนหมดก็ไม่เป็ นอะไร เขายังมีลกู สมุนอื่นๆ อีก อาทิเช่น
ทหารรักษาพระองค์!

ทหารรักษาพระองค์ท่กี รูเข้าไปในห้องทรงอักษรเมื่อครูน่ ี ้ ทาหน้าที่เฝ้าอยู่


ด้านนอกห้องทรงอักษร ทหารรักษาพระองค์อ่ืนๆ ที่เขาวางตัวแฝงเข้าไป
ล้วนรอรับคาสั่งอยู่ในจุดที่เขาวางกาลังไว้!

เย่อีเ้ ฉินขยับปลายนิว้ เบาๆ สัญญาณสีมว่ งเข้มพุง่ ขึน้ ฟ้าราวดอกไม้ไฟ


พร่างพราวเต็มท้องฟ้า

“ตึก ตึก ตึก!” เสียงฝี เท้าเป็ นจังหวะและรีบเร่งดังขึน้ ทหารรักษาพระองค์


ในชุดเกราะพร้อมกระบี่คกู่ ายพากันกรูเข้ามา แววตาเยือกเย็นสีหน้าเคร่ง
ขรึมดุดนั ...
“โอวหยางเส้าเฉิน เจ้าดูเสียให้เต็มตาว่าทหารรักษาพระองค์เหล่านี ้
สังหารจักรพรรดิองค์ก่อนอย่างไร...” เย่อีเ้ ฉินเอ่ยเสียงขรึม สายตามองภาพ
เหตุการณ์ต่อสูด้ า้ นล่าง พบว่าพวกทหารรักษาพระองค์ว่งิ เข้าไปในสนามรบ
พรวดเข้าไปกลางวงตวัดกระบี่จว้ งแทงใส่มหู่ รงเสวี่ย มูห่ ลิวเฟิ งและฮ่องเต้ผู้
เป็ นศัตรูของพวกเขา...

จังหวะที่กระบี่ยาวของพวกเขาใกล้จะแทงถึงตัวมูห่ รงเสวี่ย มูห่ ลิวเฟิ ง


และฮ่องเต้ ทันใดนัน้ ทหารรักษาพระองค์ท่อี ยู่ดา้ นหลังพวกเขาก็ตวัดกระบี่
แทงสวนออกไป...

“ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ...ฉึก ฉึก ฉึก...เคร้ง เคร้ง เคร้ง...” ทหารรักษาพระองค์กบั


ทหารรักษาพระองค์สกู้ นั เอง...

สนามรบตกอยู่ในความโกลาหลทันใด...

เย่อีเ้ ฉินที่มีทา่ ทีมอี านาจอยู่ในมือชะงักค้างไปทันที ใบหน้าหล่อเหลา


เปลี่ยนไปเคร่งเครียด นี่มนั เรือ่ งอะไรกัน?
“ไม่ใช่วา่ ทหารรักษาพระองค์จะเป็ นคนของเจ้าเสียทัง้ หมด” โอวหยาง
เส้าเฉินเอ่ยขึน้ เสียงเนิบนาบ

ดวงตาคมปลาบราวปลายธนูแหลมของเย่อเี ้ ฉินตวัดมองโอวหยางเส้า
เฉิน “เจ้าเองก็แฝงคนไว้ในทหารรักษาพระองค์ดว้ ยหรือ?”

“ไม่ใช่หรอก!” โอวหยางเส้าเฉินส่ายหน้า “เพียงแต่ทหารรักษาพระองค์


เหล่านีไ้ ม่ได้ไปเข้าพวกเจ้าเท่านัน้ เอง...”

ทหารรักษาพระองค์เป็ นทหารองครักษ์ท่ขี นึ ้ ตรงฮ่องเต้ ทางานให้ฮ่องเต้


สามารถอยู่ขา้ งพระวรกายฮ่องเต้แต่ใจอยู่ฝ่ายเย่อีเ้ ฉิน ตอนนีล้ กู สมุนของเย่
อีเ้ ฉินก็ย่อมสามารถตัวอยู่ฝ่ายเย่อีเ้ ฉิน แต่ใจอยู่ฝ่ายฮ่องเต้ได้เช่นกัน...
ตอนที่ 2006 ตอนจบ (14)

เย่อีเ้ ฉินสีหน้าเคร่งขรึม มองโอวหยางเส้าเฉินด้วยสายตาเย็นชา ต่อให้


เป็ นเช่นนี ้ การขบถของทหารรักษาพระองค์ย่อมมีสว่ นเกี่ยวข้องกับโอวหยาง
เส้าเฉินอย่างแน่นอน...

โอวหยางเส้าเฉินจ้องตอบเขาโดยไม่หลบสายตา เอ่ยกับเขาเสียงแน่น
หนักว่า “เย่อีเ้ ฉิน ยอมให้จบั เสียตัง้ แต่ตอนนีย้ งั ทันนะ!”

“หึ เจ้าคิดว่ามันเป็ นไปได้หรือ?” เย่อีเ้ ฉินหัวเราะเย้ยหยัน นับแต่ท่เี ขาเริม่


วางแผนชิงบัลลังก์ก็ไม่เคยคิดว่าจะยอมมอบตัวให้จบั กลอุบายของเขาหาก
ไม่สาเร็จก็ตาย...

“อย่างนัน้ หรือ?” โอวหยางเส้าเฉินเอ่ยเสียงนิ่งๆ ก้มหน้ามองสถานการณ์


ต่อสูด้ า้ นล่าง พบว่ามูห่ ลิวเฟิ ง มูห่ รงเสวี่ยและทหารรักษาพระองค์กาลังสูก้ นั
พัวพัน ส่วนนินจาก่อนหน้านีล้ ว้ นถูกกาจัดไปจนหมดแล้ว กองกาลังที่มหู่ ลิว
เฟิ งและมูห่ รงเสวี่ยรับมืออยู่ตอนนีเ้ หลือเพียงทหารรักษาพระองค์เท่านัน้
ทหารรักษาพระองค์ในชุดเกราะฝ่ ายเย่อีเ้ ฉินออกกระบวนท่ารุนแรงเฉียบ
ขาด แต่ก็มิอาจทานทนต่อการร่วมมือกันต่อสูข้ องยอดฝี มอื เช่นมูห่ ลิวเฟิ ง
และมูห่ รงเสวี่ย และพวกพ้องที่องอาจไม่ธรรมดาจนพ่ายแพ้ถอยร่นออกไป
บาดเจ็บล้มตายไปกว่าครึง่ เลือดแดงฉานนองเต็มพืน้ กลิ่นคาวเลือดลอย
ตลบอบอวลคละคลุง้ ไปในอากาศ...

“ทหารรักษาพระองค์ของเจ้าใกล้จะพ่ายแพ้แล้ว” โอวหยางเส้าเฉินเอ่ย
เตือนอย่างไม่เดือดร้อนใจ

นา้ เสียงนิ่งๆ นัน้ กลับบาดหูเย่อีเ้ ฉินยิ่งนัก เขามีสีหน้าเคร่งขรึม เอ่ยเสียง


ขรึมว่า “แล้วอย่างไร?” ลูกน้องของเขามิได้มีแค่ทหารรักษาพระองค์พวกนี ้
เสียหน่อย...

ยังพูดไม่ทนั จบ ทันใดนัน้ ที่พนื ้ ด้านล่างก็ปรากฎไม้ปลายแหลมจานวน


มาก ทิ่มแทงผูค้ นอย่างโหดเ**้้ยม...

“โอ๊ย โอ๊ย โอ๊ย...” ทหารรักษาพระองค์ฝ่ายเชือ้ พระวงศ์ไม่ทนั ได้ระวังตัว


ทหารรักษาพระองค์นบั สิบถูกไม้แหลมทิ่มทะลุเท้า ส่งเสียงร้องด้วยความ
เจ็บปวดดังระงมก้องฟ้า “โอ๊ย โอ๊ย โอ๊ย...”
เมื่อมูห่ ลิวเฟิ งสัมผัสได้ถึงความผิดปกติก็หลบอย่างรวดเร็ว พ้นวิถีไม้
แหลมได้ทนั ท่วงที หลังจากที่ยืนอยู่ในจุดที่ปลอดภัยแล้วก็มองดูไม้แหลม
เหล่านัน้ พบว่าไม้แหลมเหล่านัน้ แทงทะลุเท้าของทหารรักษาพระองค์ เลือด
แดงฉานทะลัก ส่วนไม้แหลมที่ไม่ได้แทงโดนผูค้ นก็หดกลับเข้าไปใต้ดิน
วินาทีต่อมามันก็แทงจากใต้ฝ่าเท้าทหารรักษาพระองค์นายหนึ่งทะลุขนึ ้ มา
ทหารรักษาพระองค์สง่ เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด “โอ๊ย...”

“นี่มนั ...นี่มนั ของบ้าอะไร?” มูห่ ลิวเฟิ งมองไม้แหลมประหลาดนัน้ หน้าตา


ตื่น

มูห่ รงเสวี่ยมองดูไม้แหลมที่ผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ในดินไล่แทงคน เอ่ยอย่าง


พิจารณาว่า “กลไก...ทะลวงปฐพี!” ไม้แหลมเหล่านัน้ ด้านล่างกลมส่วน
ปลายแหลม ดูเหมือนไม้แหลมธรรมดาทั่วไป แต่การที่ไม้แหลมเหล่านี ้
สามารถยืดหดไปในดินได้อย่างอิสระ และยังสามารถไล่แทงคนได้อีก ไม่มี
ทางเป็ นไม้แหลมธรรมดาแน่นอน พวกมันน่าจะเป็ นกลไกไม้ทะลวงที่ชาว
หนานเจียงคิดค้นขึน้ มา...
มูห่ ลิวเฟิ ง “...”

อุปกรณ์ท่นี กั กลชาวหนานเจียงคิดค้นขึน้ มานัน้ ช่างมากมายเสียจริง

“โอ๊ย โอ๊ย โอ๊ย...” เสียงรร้องครางด้วยความเจ็บปวดของทหารรักษา


พระองค์ท่ถี กู ไม้แหลมแทงทะลุเท้าดังขึน้ เป็ นระลอก เลือดสีแดงที่ไหล
ออกมาพาให้ทกุ คนหวาดหวั่น

มูห่ รงเสวี่ยมองไม้แหลมที่แทงผูค้ นนิ่งๆ พบว่าไม้แหลมนั่นแทงเท้าคน


เสร็จก็ผลุบกลับไปตามเดิม เหลือไว้เพียงรูแผลที่เท้าของทหารรักษา
พระองค์ และเสียงร้องครางด้วยความเจ็บปวดของพวกเขา “โอ๊ย...”

มูห่ ลิวเฟิ ง “...เหตุใดกลไกไม้ทะลวงพวกนีเ้ หมือนมีชีวติ จิตใจอย่างนัน้ กัน


เล่า?”
มูห่ รงเสวี่ยแววตานิ่งลึก “พวกมันไม่ได้มีชีวิตจิตใจ แค่มีใครควบคุมพวก
มันอยูเท่านัน้ เอง...” อุปกรณ์ท่นี กั กลชาวหนานเจียงคิดค้นขึน้ มาเหมือน
เครือ่ งจักรกลในยุคปั จจุบนั เป็ นแค่ส่งิ ที่ตอ้ งการให้คนมาควบคุมดูแล ถึงมี
บทบาทขึน้ มาได้

การที่พวกกลไกไม้ทะลวงจะผลุบๆ โผล่ๆ แทงเท้าคนได้ ต้องมีคนควบคุม


อยู่แน่นอน
ตอนที่ 2007 ตอนจบ (15)

“แล้วจะรับมือกับของสิ่งนีไ้ ด้อย่างไร?” กลไกทะลวงปฐพีเป็ นอาวุธ


ของเย่อีเ้ ฉิน จาเป็ นต้องจัดการพวกมันให้อยู่หมัด...

“ง่ายมาก ทาลายพวกมันทิง้ ก็สนิ ้ เรือ่ ง...” มูห่ รงเสวี่ยเอ่ยอย่างไม่


เดือดร้อน นางสะบัดมือพลังกระบี่รุนแรงสายหนึ่งซัดไปยังพวกไม้แหลม
...

ได้ยินเสียงดัง ‘ปั ง ปั ง ปั ง’ ดังขึน้ เป็ นระลอก บนพืน้ ดินถูกซัดเป็ นโพรง


ไม้แหลมที่อยู่ในโพรงถูกซัดจนพังเสียหายไม่อาจยืดหดทิ่มแทงผูใ้ ดได้อีก
...

วิธีนีไ้ ม่เลวทีเดียว!

มูห่ ลิวเฟิ งพยักหน้าชื่นชม ออกกระบี่ไปกาจัดไม้แหลม...

“ปั ง ปั ง ปั ง...ปั ง ปั ง ปั ง...” พลังกระบี่รุนแรงสายแล้วสายเล่าตวัดไปมา


พืน้ ดินที่ราบเรียบถูกซัดเละเทะเสียหาย ไม้แหลมที่อยู่ใต้ดินถูกระเบิด
เกลื่อนกลาด ไม่สามารถใช้งานได้อีก...
โอวหยางเส้าเฉินมองดูเย่อีเ้ ฉิน ประกายแววตานัน้ ราวกับกาลังบอกว่า
“กลไกทะลวงปฐพีของเจ้าหมดสิน้ แล้ว...”

เย่อีเ้ ฉินแววตานิ่งลึก “ไม่เป็ นไร ข้ายังมีส่งิ อื่นอีก...” กลไกทะลวงปฐพีก็


แค่หนึ่งในเครือ่ งมือฆ่าเวลาของเขาเท่านัน้ เอง เขาเองก็ไม่ได้คาดหวังว่า
มันจะแสดงบทบาทอะไรมากมาย พังแล้วก็พงั ไปเถอะ ท่าไม้ตายที่แท้จริง
ของเขาอยู่หลังจากนีต้ ่างหาก...

“ฮือ..” แว่วเสียงขลุย่ ทานองประหลาดดังขึน้ ก่อนที่แมงป่ อง ตุ๊กแก


คางคก งูพิษและตะขาบมากมายมหาศาลจะปี นป่ ายคืบคลานเข้ามาตาม
กาแพง บนต้นไม้ใหญ่ ตามเศษซากกระเบือ้ งรวมไปถึงบนพืน้ ล้อมพวก
มูห่ รงเสวี่ยและมูห่ ลิวเฟิ งเอาไว้ มองพวกเขาตาเขม็ง ภายในดวงตาแต่ละ
คูฉ่ ายประกายอันตราย...

มูห่ รงเสวี่ยตาโตด้วยความตกใจ “เป็ นไปได้อย่างไรกัน?” หัวหน้าใน


กลุม่ อสรพิษไม่วา่ จะเป็ นหัวหน้ากลุม่ แมงป่ อง หัวหน้ากลุม่ คางคก หัวหน้า
กลุม่ งูพิษและหัวหน้ากลุม่ ตะขาบล้วนตายไปหมดแล้ว แล้วผูใ้ ดเป็ นคน
เรียกสัตว์พิษพวกนีอ้ อกมา...

“เป็ นข้าที่เรียกมาเอง” เสียงเย็นชาของบุรุษผูห้ นึ่งดังขึน้ ตามมาด้วย


ชายวัยกลางคนก้าวออกมา ใบหน้าธรรมดา แววตาเยือกเย็น เขาก็คือ
พ่อบ้านหวังจวนจิง้ อ๋องที่พวกเขาสะกดรอยตามมานั่นเอง
มูห่ รงเสวี่ยมองหน้าพ่อบ้านหวังนิ่งๆ “...เจ้าเป็ นคนของกลุม่ เบญจพิษ
จริงหรือ?” นางเข้าใจมาโดยตลอดว่าเพื่อสะดวกในการที่เย่อเี ้ ฉินควบคุม
กลุม่ เบญจพิษ จึงสวมชื่อพ่อบ้านหวังไว้ในกลุม่ เบญจพิษ...

“...ระหว่างนัน้ ข้าก็เป็ นเพียงหัวหน้าใหญ่ในนามจริงๆ นั่นแหละ...” แต่


เมื่อสวมชื่อหัวหน้าใหญ่ไปแล้ว เขาก็เรียนรูศ้ าตร์ท่หี วั หน้าใหญ่กลุม่ เบญจ
พิษควรเป็ นทัง้ หมด ตัวเขาในตอนนีไ้ ม่ใช่แค่สวมชื่อหัวหน้าใหญ่กลุม่
เบญจพิษเท่านัน้ แต่เป็ นหัวหน้าใหญ่กลุม่ เบญจพิษมีช่ือเสียงสมจริงดัง
คาเล่าลือจริงๆ...

มูห่ รงเสวี่ยได้ยินเช่นนัน้ ก็ย่ิงแปลกใจไปใหญ่ “...” คิดไม่ถึงว่าศาตร์การ


ใช้พิษของกลุม่ เบญจพิษจะถ่ายทอดให้กบั คนนอก...

นางเข้าใจมาตลอดว่าตาหนักมืดแคว้นหนานจ้าวที่ให้ความสาคัญกับ
กฏระเบียบยิ่งชีพ ถ่ายทอดศาตร์การใช้พิษเฉพาะคนในเท่านัน้ ไม่มีทาง
ถ่ายทอดให้คนนอกอย่างแน่นอน..

“หึ...” ศาสตร์การใช้พิษของกลุม่ เบญจพิษแคว้นหนานจ้าวไม่ถ่ายทอด


ให้คนนอกจริงๆ นั่นแหละ แต่วา่ ก็ตอ้ งดูดว้ ยว่าเป็ นใคร หากเป็ นคนอื่นมา
สวมชื่อ กลุม่ เบญจพิษก็คงไม่ถ่ายทอดศาสตร์การใช้พิษของกลุม่ เบญจ
พิษให้ แต่กบั เขาที่สวมชื่ออยู่ในกลุม่ เบญจพิษไม่เหมือนกัน เพราะว่าเขา
เป็ นคนของวังจิง้ อ๋อง...
...

อืม กลุม่ เบญจพิษพึง่ พาอาศัยวังจิง้ อ๋อง เพื่อแสดงถึงความจริงใจของ


พวกเขา พวกเขาย่อมต้องถ่ายทอดศาสตร์การใช้พิษของกลุม่ เบญจพิษ
ให้กบั พ่อบ้านหวังที่เย่อเี ้ ฉินส่งไป...

แต่วา่ ตาหนักพิภพแคว้นหนานจ้าวถูกกวาดล้างไปไม่ก่ีเดือน และเวลา


ที่กลุม่ เบญจพิษแคว้นหนานจ้าวมาที่แคว้นชิงเหยี่ยนก็ย่ิงสัน้ คิดไม่ถึงว่า
ภายในระยะเวลาช่วงสัน้ ๆ เพียงแค่นี ้ พ่อบ้านหวังแห่งวังจิง้ อ๋องจะเรียนรู ้
ศาสตร์การใช้พิษของกลุม่ เบญจพิษได้ เก่งกาจทีเดียว...

มูห่ รงเสวี่ยเงยหน้าขึน้ มองพ่อบ้านหวัง ขณะต้องการจะพูดอะไร


บางอย่างนัน้ พ่อบ้านหวังก็ชิงเอ่ยขึน้ มาก่อนว่า “อย่ามัวแต่เอ่ยวาจาไร้
สาระ มูห่ รงเสวี่ยตายเสียเถอะ”
ตอนที่ 2008 ตอนจบ (16)

ว่าแล้ว พ่อบ้านหวังก็ยกขลุย่ ขึน้ เป่ า เสียงขลุย่ แหลมคมทานอง


ประหลาดดังขึน้ แมงป่ อง งูพิษ ตะขาบ คางคกและจิง้ จกที่อยูบ่ ริเวณทั่ว
ทุกทิศทางคล้ายกับฟั งคาสั่ง พุง่ เข้าใส่พวกมู่หรงเสวี่ยและมูห่ ลิวเฟิ งโดย
พร้อมเพรียงกัน...

ห้าอสรพิษคลานกันยัว้ เยีย๊ ะดั่งทะเลสีดาสนิท เห็นแล้วพาให้ผคู้ น


ใจเต้นระทึก หนังตากระตุก “สัตว์พิษมากมายเช่นนี!้ พวกเราคงตาย
เพราะพิษของพวกมัน...” มูห่ ลิวเฟิ งมองดูบรรดาสัตว์พิษที่คืบคลานเข้า
มาใกล้ รูส้ กึ ได้อยูล่ กึ ๆ

“...ข้าคิดว่าเมื่อเทียบกับการตายเพราะพิษของพวกมันแล้ว พวกเรา
น่าจะถูกพวกมันกัดตายเสียก่อน...” มูห่ รงเสวี่ยเอ่ยประโยคถัดจากเขา
นา้ เสียงเย้าแหย่ สัตว์พิษของกลุม่ เบญจพิษมีจานวนมหาศาล สัตว์พิษตัว
หนึ่งกัดพวกเขาแค่ทีเดียวพวกเขาก็ตายแล้ว เมื่อถึงตอนนัน้ เกรงว่าพิษ
ของสัตว์พิษที่เข้าไปในร่างกายของพวกเขาจะยังไม่ทนั ได้ออกอาการด้วย
ซา้ ...
“...” ฮ่องเต้ท่ที รงเงียบตัง้ แต่อยู่ในสถานการณ์ต่อสู้ ได้ยินบทสนทนา
ของทัง้ คูก่ ็ทรงตรัสด้วยความอ่อนพระทัยว่า “อย่าได้มองในแง่รา้ ยเพียง
นัน้ ...”

“เผชิญหน้ากับสัตว์พิษมากมายเช่นนี ้ ต่อให้พวกกระหม่อมอยากจะ
มองในแง่ดีก็ทาไม่ได้...” มูห่ ลิวเฟิ งแบมือทัง้ สองข้าง สายตาฉายแววท้อ
ใจ

“...” ฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตรมองดูบรรดาสัตว์พิษแล้ว ตรัสขึน้ ว่า


“แม้วา่ สัตว์พิษเหล่านีจ้ ะมีพิษ กัดคนแล้วเป็ นอันตราย แต่ขอเพียงไม่ให้
พวกมันเข้าใกล้ก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร...”

“เหตุผลนีพ้ วกกระหม่อมทราบดี แต่วา่ สัตว์พิษมากมายเช่นนี ้ จะสกัด


ทัง้ หมดนัน้ ไม่ใช่เรือ่ งที่สามารถกระทาได้โดยง่าย...” มูห่ ลิวเฟิ งขมวดคิว้
อย่างทดท้อ

“เช่นนัน้ ก็ทาให้ความเป็ นไปไม่ได้กลายเป็ นความเป็ นไปได้...” ฮ่องเต้


ทรงตรัสเสียงหนักแน่น เอือ้ มพระหัตถ์หยิบกระบี่ท่รี ว่ งหล่นแทงใส่แมง
ป่ องที่ปีนมาอยู่ตรงหน้าเขา
มูห่ รงเสวี่ย “...”

มูห่ ลิวเฟิ ง “...”

ฮ่องเต้ทรงกระตือรือร้นสังหารสัตว์พิษทัง้ ห้าที่คืบคลานมาอยู่ตงหน้า
...

มูห่ ลิวเฟิ งและมูห่ รงเสวี่ยเองก็พากันออกกระบี่ฟาดฟั นสัตว์พิษเช่นงู


พิษ คางคกที่คืบคลานมาอยู่ตรงหน้าพวกเขา...

“ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ...ฉัวะ ฉัวะ ฉวะ...” ในสนามรบคละคลุง้ ไปด้วยคาว


เลือดทันที...

“ฮือ ฮือ ฮือ...” พ่อบ้านหวังยังคงเป่ าขลุย่ ท่วงทานองประหลาดต่อไป


เรือ่ ยๆ สัตว์พิษทัง้ ห้าก็คืบคลานเข้ามาไม่หยุด คล้ายกับว่าไม่มีวนั หมดวัน
สิน้ ...

สัตว์พิษทัง้ ห้าที่กรูเข้าหาพวกมูห่ รงเสวี่ย มูห่ ลิวเฟิ งมีจานวนมากขึน้


เรือ่ ยๆ มากขึน้ เรือ่ ยๆ...

พวกเขาสังหารไปจานวนหนึ่งแล้วก็มีมาอีกจานวนหนึ่ง สังหารจน
เมื่อยมือไปหมดแล้ว ศพของสัตว์พิษทัง้ ห้ากองพะเนินเป็ นภูเขาแล้ว ก็ยงั
ไม่มีทา่ ทีวา่ จะหยุดพักเช่นเคย...
...

สมกับที่เป็ นกลุม่ เบญจพิษ คิดไม่ถึงว่าจะเรียกสัตว์พิษได้มากมาย


เช่นนี.้ ..

มูห่ ลิวเฟิ งบ่นอุบอยู่ในใจ ไม่ทนั มองว่ามีแมงป่ องพิษตัวหนึ่งอยู่ในมุม


มืดพุง่ ตรงใส่เขา ขณะที่มนั ใกล้จะถึงไหล่ของเขานัน้ ก็มีลกู ไฟสีแดงหย่อม
หนึ่งผ่านไหล่ของเขาไปเผาแมงป่ องตัวนัน้ ดัง “พรึบ่ !”...

มูห่ ลิวเฟิ งหันหลังกลับมา เห็นสตรีนางหนึ่งวิ่งกอดกระบอกพ่นไฟกล


เข้ามา รูปร่างบึกบึน หน้าตามอมแมม นางก็คือหยวนฟางเฟยนั่นเอง

หยวนฟางเฟยไม่สนใจมองใบหน้าดาทะมึนของมูห่ ลิวเฟิ ง เมื่อเห็น


มูห่ รงเสวี่ยก็เอ่ยด้วยความร้อนใจ “ข้ามาช้าไปหรือไม่”

“ไม่เลย!” มูห่ รงเสวี่ยส่ายหน้า มองดูกระบอกพ่นไฟกลในอ้มแขนของ


หยวนฟางเฟยแล้วกระตุกยิม้ มุมปาก หยวนฟางเฟยไม่เพียงแต่มาได้ตรง
จังหวะ ยังเอาอาวุธสังหารที่ใช้ประโยชน์ได้มาด้วย “ใช้กระบอกพ่นไฟกล
กราดยิงสัตว์พิษทัง้ ห้าเลย!”
“ทราบแล้ว” หยวนฟางเฟยกอดกระบอกพ่นไฟกลเล็งไปยังพวกสัตว์
พิษทัง้ ห้า เหนี่ยวไก “พรึบ่ พรึบ่ พรึบ่ ...พรึบ่ พรึบ่ พรึบ่ ...” ลูกไฟหลายสาย
พ่นออกมา ทาเอาบรรดาสัตว์พิษทัง้ ห้าที่คืบคลานกันเข้ามามอดไหม้
เปลวเพลิงลุกไหม้สนามรบขนาดใหญ่ในพริบตา...
ตอนที่ 2009 ตอนจบ (17)

กลิ่นเนือ้ ปะปนกับกลิ่นไหม้เกรียมคละคลุง้ อบอวลไปในอากาศ พ่อบ้าน


หวังสีหน้าถมึงทึง สะบัดข้อมือหนึง่ ที ขลุย่ ในมือหอบสายลมแรงสายหนึ่ง
ซัดใส่หยวนฟางเฟยอย่างแรง คิดไม่ถึงเลยว่าจะเผาสัตว์พิษของเขาเสียได้
ช่างน่าชังยิ่งนัก...

ขณะที่ขลุย่ เลานัน้ ใกล้จะโดนตัวหยวนฟางเฟย ก็มีกระบี่ยาวเล่มหนึ่ง


เข้ามาสกัดขลุย่ เอาไว้ได้ ใบหน้ามีเสน่หช์ วนลุม่ หลงของมูห่ ลิวเฟิ งปรากฏ
ตรงหน้าพ่อบ้านหวัง รูปโฉมหล่อเหลาระบายรอยยิม้ ยั่วโมโห “เหตุใด
พ่อบ้านหวังต้องโมโหเช่นนีด้ ว้ ยเล่า บรรดาสัตว์พิษทัง้ ห้าเผาสุกแล้วมอบ
ให้ทา่ นไว้ทานเป็ นอาหารว่างอย่างไรเล่า...”

“สารเลว!” พ่อบ้านหวังโกรธมาก ตวัดขลุย่ ใส่มหู่ ลิวเฟิ ง “ใครให้สตั ว์พิษ


ทัง้ ห้าเป็ นอาหารว่าง...”
“เอ่อ...ท่านไม่ตอ้ งการรับบรรดาสัตว์พิษทัง้ ห้านีเ้ ป็ นอาหารว่างหรือ?”
มูห่ ลิวเฟิ งออกกระบี่ตา้ นกระบวนท่าสังหารของพ่อบ้านหวัง พลางมองหน้า
เขาด้วยความ ‘ตกใจ’ “แมงป่ องเอย ตะขาบเอย คางคกเอย...ที่เผาสุก
เหล่านีล้ ว้ นเป็ นสมุนไพรบารุงชัน้ เลิศ...” คิดไม่ถึงว่าพ่อบ้านหวังจะไม่กิน
ช่างน่าเสียดาย...

มูห่ ลิวเฟิ งส่ายหน้าพลางทอดถอนใจ แสดงอาการเสียดายออกมา

พ่อบ้านหวังถูกยั่วยุเช่นนัน้ ก็ทวีความโกรธขึน้ มา ขลุย่ ในมือแฝงพลังราว


ฟ้าคารามซัดใส่ม่หู ลิวเฟิ งรวดเร็วดุดนั “เจ้าไปบารุงตัวเองเถอะ...”

“เอ่อ...ไม่บารุงก็ไม่บารุงสิ ไม่เห็นต้องโมโหถึงเพียงนีเ้ ลย...” มูห่ ลิวเฟิ ง


เอยอย่างไม่เดือดร้อน ออกกระบี่รบั กระบวนท่าสังหารของพ่อบ้านหวัง...

ทัง้ สองสูก้ นั อย่างเอาเป็ นเอาตาย...

มูห่ รงเสวี่ยและฮ่องเต้เองก็เริม่ ลงมือจัดการกับทหารรักษาพระองค์


ฝ่ ายเย่อีเ้ ฉินที่หลงเหลืออยู.่ ..
ขณะนัน้ เอง สถานการณ์การต่อสูก้ ็ดาเนินต่อไป รังสีสงั หารฟาดฟั น เงา
คนปะปนกัน ตกอยู่ในความโกลาหล...

ด้านบนหลังคานัน้ โอวหยางเส้าเฉินที่มองดูสถานการณ์ต่อสูเ้ บือ้ งล่างก็


หันไปมองเย่อีเ้ ฉินนิ่งๆ ราวกับจะบอกว่า “คนของเจ้า สัตว์พิษของเจ้าล้วน
เป็ นฝ่ ายเพลี่ยงพลา้ เสียแล้ว...”

เย่อีเ้ ฉินสีหน้าเคร่งเครียด คิดไม่ถึงเลยว่าทหารรักษาพระองค์และสัตว์


พิษทัง้ ห้ามากมายเพียงนัน้ จะถูกจัดการในเวลาสัน้ ๆ เช่นนี ้ ช่างไร้
ประโยชน์เสียจริง!

แต่วา่ “ทหารรักษาพระองค์กบั สัตว์พิษของกลุม่ เบญจพิษตายหมดแล้ว


ก็ไม่เป็ นไร!” แม้วา่ ทหารรักษาพระองค์และสัตว์พิษทัง้ ห้าจะใช้งานได้ดี แต่
ว่าเขาก็ไม่ได้ทมุ่ หมากไว้ท่ที หารรักษาพระองค์และสัตว์พิษไว้มาจนเกินไป
หมากที่แท้จริงของเขามันคือหลังจากนีต้ ่างหาก

ยังพูดไม่ทนั จบ ก็มีเสียงฆ่าฟั น รวมทัง้ เสียงอาวุธปะทะกันดังกระหึม่ มา


จากด้านนอก โอวหยางเส้าเฉินได้ยินแล้วแววตานิ่งขรึมไปทันที “เจ้า
โยกย้ายกองกาลังทหารในมือมาอย่างนัน้ หรือ...”
“ถูกต้อง” เย่อเี ้ ฉินยอมรับอย่างไม่ลงั เลใจ กองกาลังทหารในมือของเขา
มีสองแสนนาย เป็ นหมากตัวสาคัญของเขาของเขาในตอนนี ้ และก็เป็ นฐาน
อิทธิพลในการขึน้ ครองบัลลังก์ของเขาด้วย ตอนที่เขาตัดสินใจเข้าวังหลวง
ชิงบัลลังก์ก็ได้ทาการโยกย้ายกองกาลังทหารเข้าวังหลวง...

โอวหยางเส้าเฉินได้ยินเช่นนัน้ ก็มองเย่อีเ้ ฉินตาไม่กะพริบ นิ่งเงียบไปครู ่


หนึ่งกว่าจะเอ่ยขึน้ ว่า “เจ้าฉลาดนัก...”

“ขอบคุณที่กล่าวชม” เย่อเี ้ ฉินแววตาแน่วแน่ การชิงบัลลังก์เป็ นเรือ่ งคอ


ขาดบาดตาย ย่อมต้องเตรียมการให้พรั่งพร้อม วางหมากที่เก่งกาจที่สดุ ตก
ตะลึงที่สดุ ต่อให้คนของเขาแทรกซึมเข้าไปอยู่ในกลุม่ ทหารรักษาพระองค์
แทรกซึมเข้าไปอยู่ในกลุม่ ทหารลาดตระเวนวังหลวงแล้วก็ตาม เขาก็ยงั ต้อง
โยกย้ายกองกาลังทหารมาอยู่ดี...
เย่อีเ้ ฉินเงยหน้ามองโอวหยางเส้าเฉินแววตานิ่งลึก “เจ้าเองก็ฉลาด พา
คนมาวังหลวงไม่นอ้ ยทีเดียว...” ฟั งเสียงการต่อสูด้ า้ นนอกก็รูแ้ ล้วว่ามีคน
ไม่นอ้ ยกาลังลงมือสูก้ นั สูก้ นั อย่างรุนแรงและดุเดือด ผูท้ ่สี ามารถสูก้ บั กอง
กาลังทหารของเขาเช่นนีไ้ ด้มีเพียงคนของวังเซียวเหยาอ๋องเท่านัน้ ...

“เท่าที่ขา้ รูม้ าองครักษ์และองครักษ์ลบั รวมกันก็ไม่ได้มีจานวนมากอะไร


...” ไม่ได้แม้แต่เศษเสีย้ วของกองกาลังทหารสองแสนนายของเขาเลยสัก
นิด สุดท้ายแล้วสูก้ นั ไปใครเป็ นฝ่ ายชนะ ใครเป็ นฝ่ ายแพ้แทบไม่จาเป็ นต้อง
คาดเดา...
ตอนที่ 2010 ตอนจบ (18)

“เช่นนัน้ หรือ?” โอวหยางเส้าเฉินมองดูทา่ ทางมั่นอกมั่นใจของเย่อีเ้ ฉิน


ด้วยแววตาเฉยเมย “วาจานีอ้ ย่าได้กล่าวเร็วไปนัก...” สุดท้ายแล้วฝ่ ายที่
ชนะอาจไม่ใช่คนของเย่อีเ้ ฉินก็เป็ นได้...

อาศัยกองกาลังทหารสองแสนนายของเขาก็เพียงพอที่จะกวาดล้างทัง้
เมืองหลวงแล้ว ต่อให้คนของโอวหยางเส้าเฉินวรยุทธ์สงู กว่านีก้ ็ไม่อาจต้าน
กองกาลังทหารสองแสนนายไปได้ สุดท้ายแล้วฝ่ ายได้รบั ชัยชนะจะไม่ตก
เป็ นฝ่ ายของเขาได้อย่างไร?

แววตาของเย่อีเ้ ฉินเป็ นประกายเย้ยหยัน มองไปทางเข้าประตูน่งิ ๆ


พบว่าตรงนัน้ มีบรุ ุษผูห้ นึ่งโผล่เข้ามา บุรุษผูน้ นั้ สวมชุดเกราะ ในมือถือ
กระบี่ ใบหน้าคมคร้าม สง่าผ่าเผย เขาก็คือนายทหารใต้อานัติของเย่อีเ้ ฉิน
นั่นเอง
คนของเขาบุกสังหารเข้ามาแล้ว

เย่อีเ้ ฉินกระตุกยิม้ มุมปาก เพียงพริบตาเดียวก็มีบรุ ุษสวมชุดเกราะอีก


นายหนึ่งโผล่เข้ามา ตามมาด้วยบุรุษในชุดเกราะแบบเดียวกันอีกสามสี่
นาย เพียงแต่สชี ดุ เกราะของพวกเขาไม่เหมือนกับสองคนแรกที่โผล่เข้ามา
หลังจากบุกเข้ามาแล้วก็ลงมือสูก้ บั สองคนที่เข้ามาก่อน...

แววตาของเย่อีเ้ ฉินนิ่งงันไป นั่นมัน...ชุดเกราะของกองกาลังค่ายทหาร


รักษาการณ์ฝ่ ังตะวันตก...กองกาลังทหารของค่ายทหารรักษาการณ์
ตะวันตกมาที่เมืองหลวง...

“ใช่ พวกเขาโยกย้ายกองกาลังทหารของค่ายทหารรักษาการณ์
ตะวันตก” เสียงกังวานดังขึน้ ตามมาด้วยบุรุษหนุ่มผูห้ นึ่งก้าวเข้ามา ใบหน้า
หล่อเหลา บุคลิกสุภาพอ่อนโยน เขาก็คือองค์ชายสี่เย่เทียนฉีน่ นั เอง

ด้านหลังเย่เทียนฉีมีองครักษ์และบุรุษในชุดเกราะอีกหลายนาย หนึ่งใน
นัน้ มีบรุ ุษหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ดวงตาดาขลับผูห้ นึ่ง เขาก็คอื มูห่ รงเย่ เมื่อ
เห็นมูห่ รงเสวี่ยที่กาลังต่อสูอ้ ย่างดุเดือด เขาก็รบี วิ่งเข้าไป “น้องสาว ข้ามา
ช่วยเจ้าแล้ว!”
บุรุษในชุดเกราะเหล่านัน้ ก็ว่งิ ตามเข้าไป พลางตะโกนร้องบอกว่า
“อารักขาฝ่ าบาท...”

เย่อีเ้ ฉินไม่สนใจพวกเขา สายตาจับจ้องไปที่เย่เทียนฉี รวมทัง้ บรรดา


องครักษด้านหลังเขาไม่วางตา องครักษ์ท่วี า่ แท้จริงแล้วเป็ นนายทหารสวม
ชุดเกราะ ชุดเกราะที่เหล่านายทหารสวมใส่เป็ นเครือ่ งหมายยืนยันว่าพวก
เขาเป็ นนายทหารของค่ายทหารรักษาการณ์ตะวันตกจริงๆ

แววตาของเย่อีเ้ ฉินนิ่งลึก มิใช่วา่ เย่เทียนฉีไปสืบคดีความที่เขาสร้าง


สถานการณ์ใส่รา้ ยป้ายสีเหล่าขุนนางราชสานักหรอกหรือ? เหตุใดถึงได้ไป
ที่ค่ายทหารรักษาการณ์ตะวันตก? มิหนาซา้ ยังโยกย้ายกองกาลังทหารที่
รักษาการณ์อยู่ตรงนัน้ มาอีก...

“นั่นก็ย่อมเป็ นเพราะมีคนส่งข่าวน่ะสิ” เย่เทียนฉีเอ่ยเสียงราบเรียบ

เย่อีเ้ ฉินกวาดสายตามองคนที่อยู่ในที่นีท้ ีละคน ก่อนจะหยุดที่มหู่ รงเย่


“ผูท้ ่สี ง่ ข่าวให้เจ้าคือมูห่ รงเย่สินะ”
เย่เทียนฉีไม่ได้ตอบรับ ถือเป็ นการยอมรับโดยปริยาย

...

มูห่ รงเย่ไม่มีทางล่วงรูว้ า่ เขาคิดจะชิงบัลลังก์ การที่เขาไปส่งข่าวให้เย่


เทียนฉีไปโยกย้ายกองกาลังทหารที่ค่ายทหารรักษาการณ์ตะวันตก ย่อม
เป็ นเพราะได้รบั คาสั่งของผูใ้ ดเป็ นแน่ และผูท้ ่อี อกคาสั่งก็คือ...

เย่อีเ้ ฉินเงยหน้ามองโอวหยางเส้าเฉิน นอกจากโอวหยางเส้าเฉินแล้ว


เขาก็ไม่นกึ ว่าเป็ นใครอื่น...

“เจ้าล่วงรูแ้ ต่แรกว่าข้าจะชิงบัลลังก์หรือ?”

“เปล่า!” โอวหยางเส้าเฉินส่ายหน้า “ข้าเพิ่งรูว้ นั นี.้ ..”

ช่วงนีส้ ถานการณ์ในเมืองหลวงพายุลมโหมเมฆกระหน่า วุน่ วาย


โกลาหล เขาก็เดาได้วา่ ต้องเกิดเรือ่ งขึน้ อย่างแน่นอน เพียงแต่เดาไม่ออกว่า
เป็ นเรือ่ งอะไรกันแน่ จนกระทั่งเช้าวันนีเ้ ขาเพิ่งมั่นใจว่าเรือ่ งที่จะเกิดคือ
เรือ่ งที่เย่อีเ้ ฉินคิดจะชิงบัลลังก์...
เย่อีเ้ ฉินแววตานิ่งลึก โอวหยางเส้าเฉินเป็ นขวากหนามขวางทางหนทาง
การชิงบัลลังก์ของเขา เขาเตรียมการป้องกันโอวหยางเส้าเฉินมาโดยตลอด
เพื่อป้องกันไม่ให้โอวหยางเส้าเฉินมองแผนการใหญ่ของเขาออก การขยับ
ตัวแต่ละก้าวล้วนต้องกระทาการลับๆ ด้วยความระมัดระวัง ไม่คิดเลยว่า
สุดท้ายแล้วก็ยงั ถูกโอวหยางเส้าเฉินระแคะระคายเข้าจนได้...

ไหนจะเย่เทียนฉีอีก เขาพยายามสร้างสถานการณ์ให้เย่เทียนฉี
เย่เทียนฉีเพิ่งจะก้าวเข้าไปได้เท้าเดียวก็ถกู โอวหยางเส้าเฉินลากออกมา...
ตอนที่ 2011 ตอนจบ (19)

โอวหยางเส้าเฉินชอบทาลายเรือ่ งราวดีๆ ของเขาอยูเ่ รือ่ ย...

“โอ๊ย...” เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของทหารรักษาพระองค์ฝ่าย
เย่อีเ้ ฉินคนสุดท้ายที่ถกู สังหารดังลั่น เมื่อฝ่ ายฮ่องเต้ มูห่ รงเย่ มูห่ รงเสวี่ย
จบการต่อสูแ้ ล้วก็พากันก้าวเข้ามาหาเย่อีเ้ ฉิน

โดยเฉพาะฮ่องเต้ท่ที ่ที รงพระราชดาเนินอยู่หน้าสุด ยามนีพ้ ระเกศาของ


พระองค์ไม่เป็ นระเบียบเล็กน้อย ฉลองมังกรสีเหลืองทองเลอะคราบเลือด
ไม่นอ้ ย ดูสะบักสะบอมอยู่บา้ งทว่าไม่อาจทาลายความน่าเกรงขามลงได้
พระองค์ทรงทอดพระเนตรมองเย่อเี ้ ฉินด้ยความเย็นชาดุดนั “เย่อีเ้ ฉิน ยอม
ให้จบั แต่โดยดีเถอะ!”

ดวงตาคมกริบของเย่อเี ้ ฉินฉายแววเย้ยหยันวูบหนึ่ง คนของค่ายทหาร


รักษาการณ์ตะวันตกกับกองกาลังทหารของเขายังต่อสูก้ นั อยู่ ใครจะเป็ น
ฝ่ ายแพ้ชนะยังไม่ทราบแน่ชดั ...คิดไม่ถึงว่าฝ่ าบาทจะให้เขายอมมอบตัว
ช่างไม่ประเมินความสามารถตนเองเอาเสียเลย...
“โอ๊ย...” เสียงร้องของหัวหน้านายกองฝ่ ายเย่อีเ้ ฉินที่โผล่เข้ามาเมื่อครูน่ ี ้
ดังขึน้ เขาถูกแทงเข้าตรงหัวใจล้มลงไปกองกับพืน้ ...

เย่อีเ้ ฉินสีหน้าเคร่งเครียด มองดูหวั หน้านายกองที่ตายไป รวมถึงผู้


บัญชาการค่ายทหารรักษาการณ์ตะวันตกทัง้ สามนายที่ลอ้ มเขาไว้ดว้ ย
ดวงตาอามหิต

บัญชาการค่ายทหารรักษาการณ์ตะวันตกทัง้ สามนายไม่รูต้ อ้ งทา


อย่างไร ถูกสายตาที่จอ้ งมองมาจนเหงื่อออกเต็มหลัง...

“เย่อีเ้ ฉิน ผูบ้ ญ


ั ชาการกาลังเสริมของเจ้าตายไปหนึ่งนายแล้ว...”

“แล้วอย่างไร?” เย่อีเ้ ฉินเอ่ยขัดฮ่องเต้ เขาไม่ได้มีผบู้ ญ


ั ชาการกาลังเสริม
เพียงแค่คนเดียวเสียหน่อย...

“ตายไปคนหนึ่งแล้ว ก็สามารถตายได้อีกเป็ นคนที่สอง คนที่สาม...”


ฮ่องเต้ฉายพระเนตรนิ่งขรึม

เย่อีเ้ ฉินแค่นหัวเราะ “อาศัยแค่กองกาลังทหารจากค่ายทหาร


รักษาการณ์ตะวันตก สามารถสังหารผูบ้ ญ
ั ชาการกาลังเสริมของข้าได้
หรือ?” เหล่าทหารนายกองค่ายทหารรักษาการณ์ตะวันตกนะหรือไม่อาจสู้
ทหารนายกองใต้อาณัติเขาได้หรอก และจานวนของทหารนายกองค่าย
ทหารรักษาการณ์ตะวันตกก็ไม่มากเท่าทหารนายกองใต้อาณัติของเขา ที่
ทหารนายกองของเขาถูกสังหารนั่นก็เป็ นเพราะว่าทหารนายกองค่ายทหาร
รักษาการณ์ตะวันตกเข้ามาทีเดียวหลายนาย หากสูก้ นั ตัวต่อตัวแล้วละก็ผู้
ที่ตอ้ งสังเวยชีวิตย่อมเป็ นคนของทหารนายกองค่ายทหารรักษาการณ์
ตะวันตกอย่างแน่นอน

และการเอาชนะได้เพราะจานวนคนที่มากกว่าเกรงว่าจะสามารถทาได้
แค่ครัง้ นีค้ รัง้ เดียว เพราะถึงอย่างไรคนของค่ายทหารรักษาการณ์ตะวันตก
ก็ไม่ได้มีจานวนมากเท่ากับกองกาลังทหารของเขา...

ฮ่องเต้ทรงสะอึก ทอดพระเนตรมองเย่อีเ้ ฉินนิ่งๆ ไม่ได้ทรงตรัสสิ่งใด


ขึน้ มาอีก

เย่เทียนฉีกา้ วเข้ามาเอ่ยขึน้ ว่า “หากแค่กองกาลังจากค่ายทหาร


รักษาการณ์ตะวันตกคงมีจานวนและเก่งกาจสูค้ นของเจ้าไม่ได้ แต่วา่ ครัง้ นี ้
พวกข้าไม่ได้เรียกกองกาลังค่ายทหารรักษาการณ์ตะวันตกมาเท่านัน้ ...

เย่อีเ้ ฉินแววตานิ่งงัน เพ่งมองไปก็พบว่าท่ามกลางนายทหารของเขา


และนายทหารค่ายทหารรักษาการณ์ตะวันตก ยังมีทหารชุดเกราะอีกกลุม่
หนึ่งปะปนอยุ่ดว้ ย ชุดเกราะของนายทหารเหล่านัน้ คล้ายคลึงกับชุดเกราะ
ของค่ายทหารรักษาการณ์ตะวันตก เพียงแค่สญ
ั ลักษณ์บริเวณหน้าอกเป็ น
อักษรคาว่าใต้...

นั่นมัน...นายทหารค่ายทหารรักษาการณ์ทางใต้!

“พวกเจ้าโยกย้ายคนของค่ายทหารรักษาการณ์ทางใต้มาหรือ...”

“ถูกต้อง” เย่เทียนฉีพยักหน้า ทหารกล้าค่ายทหารรักษาการณ์ตะวันตก


มีเพียงแสนนาย ไม่อาจต่อกรกับทหารกล้าของเย่อีเ้ ฉินได้ ดังนัน้ เขาจึง
โยกย้ายทหารกล้าค่ายทหารรักษาการณ์ทางใต้มาด้วย ค่ายทหาร
รักษาการณ์ทางใต้มีทหารกล้าหนึ่งแสนห้าหมื่นนาย รวมกันแล้วพวกเขามี
ทหารกล้าทัง้ หมดจานวนสองแสนห้าหมื่นนาย จานวนคนเป็ นต่อเย่อีเ้ ฉิน
หากปะทะกันกับทหารกล้าสองแสนนายของเย่อีเ้ ฉิน โอกาสในการเอาชนะ
มีมากกว่าแพ้...

สีหน้าของเย่อีเ้ ฉินบึง้ ตึง สายตาที่มองเย่เทียนฉีทงั้ เยือกเย็นและปี่ ยมไป


ด้วยความสนใจ “ทหารกล้าสองแสนห้าหมื่นนาย เจ้าพูดว่าจะโยกย้ายก็
โยกย้ายมา มีความสามารถไม่นอ้ ยทีเดียว...” ต่อให้เป็ นฮ่องเต้ประสงค์จะ
โยกย้ายทหารกล้าทัง้ หมดของค่ายทหารรักษาการณ์ตะวันตกและค่าย
ทหารรักษาการณ์ทางใต้ ก็ไม่ใช่วา่ จะกระทาได้รวดเร็วปานนัน้ ...

ฮ่องเต้ได้ฟังเช่นนัน้ ก็มิได้ทรงตรัสสิ่งใด เพียงแต่ทรงมรพระพักตร์เยือก


เย็น

เย่เทียนฉีแววตาเฉยเมย “เจ้าไม่จาเป็ นต้องยุยง ที่ขา้ สามารถโยกย้าย


ทหารกล้าเหล่านีม้ าได้ก็เพราะข้าถือตราอาญาสิทธิ์...”
ตอนที่ 2012 ตอนจบ (20)

“ตราอาญาสิทธิ์หรือ?” เย่อีเ้ ฉินแววตาสุขมุ “มิใช่วา่ ตราอาญาสิทธิ์อยู่


ในมือแม่ทพั แต่ละคนหรือ?” ตราอาญาสิทธิ์ของแคว้นชิงเหยี่ยนส่วนมาก
จะเป็ นตราอาญาสิทธิ์ขนาดเล็กสามารสั่งเคลื่อนกาลังพลได้สองหมื่นนาย
อีกอย่างบรรดาแม่ทพั ที่ถือครองตราอาญาสิทธ์แบ่งเป็ นสังกัดต่างๆ คาน
อานาจกัน ดังนัน้ ฮ่องเต้จงึ วางพระทัยให้พวกเขาถือครองตราอาญาสิทธิ์

“ถูกต้อง” ตราอาญาสิทธิ์อยู่ในมือของบรรดาแม่ทพั ที่คมุ กองกาลัง แต่


ว่าบรรดาแม่ทพั ทัง้ หลายล้วนถูกเย่อีเ้ ฉินใส่ความจนถูกขังในคุกหลวง ตรา
อาญาสิทธิ์ของพวกเขาจึงเป็ นสิ่งของไร้เจ้าของที่ถกู เขาหาพบ...

“...ยามที่ฝ่าบาททรงมีบญ
ั ชาให้จบั กุมพวกเขา มิได้รบิ คืนตราอาญา
สิทธิ์ของพวกเขาอย่างนัน้ หรือ?” เย่อีเ้ ฉินมองฮ่องเต้ดว้ ยความคาดไม่ถึง

ฮ่องเต้ “...”
เมื่อพระองค์ทรงได้ยินว่าขุนนางราชสานักทัง้ บุน๋ บู๊ลอบติดต่อกับกลุม่
เบญจพิษ พระองค์ก็ทรงกริว้ มัวแต่สนใจให้กรมอาญาจับกุมตัวพวกเขา
ลืมริบคืนตราอาญาสิทธิ์ไปเสียสนิท...

ยามที่ถกู จับกุมตัว บรรดาแม่ทพั ทัง้ หลายต่างก็ยอมให้จบั กุมตัวแต่โดย


ดี ไม่ได้ขดั ขืน พระองค์ก็เลยไม่ได้ฉกุ นึกถึงเรือ่ งตราอาญาสิทธิ์นีเ้ ลย...

มูห่ รงเสวี่ย “...”

มูห่ รงเย่ “...”

หยวนฟางเฟย “...”

มูห่ ลิวเฟิ ง “...”

ผูค้ น “...”

นี่มนั ช่าง...เหลือเชื่อจริงๆ เรือ่ งชวนขบขันเช่นนีเ้ กรงว่าแม้แต่ในบท


ละครยังไม่กล้าเขียนลงไป...

จับกุมตัวเหล้าแม่ทพั นายกอง ทว่ากลับลืมริบคืนตราอาญาสิทธิ์ของ


พวกเขา ฮ่องเต้พระองค์นีช้ ่างเลอะเลือนจริงๆ!
เย่อีเ้ ฉินสีหน้าบึง้ ตึง

เย่เทียนฉีเห็นสถานการณ์เช่นนี ้ แววตาเป็ นประกายเอ่ยยั่วยุอย่างไม่


เกรงใจว่า “จะว่าไปการที่ขา้ สามารถหาตราอาญาสิทธิ์ได้เร็วเช่นนี ้
ต้องขอบคุณจิง้ หวางเหยี่ย” ขณะที่เย่อีเ้ ฉินมองมาด้วยสายตาไม่เข้าใจ
เย่เทียนฉีก็เอ่ยต่อไปว่า “หากไม่ใช่เพราะยามที่จบั กุมตัวบรรดาแม่ทพั คน
ของจิง้ หวางเหยี่ยจับกุมครอบครัวเขาไปด้วย อีกทัง้ รือ้ ค้นจวนของพวกเขา
จนเละเทะ ข้าเองก็คงไม่อาจหาตราอาญาสิทธิ์ได้รวดเร็วเช่นนี.้ ..”

ตราอาญาสิทธิ์เกี่ยวพันกับกองทัพ ความมั่นคงของแคว้น เป็ นของ


สาคัญยิ่งยวด ตราอาญาสิทธิ์ของบรรดาแม่ทพั ล้วนเก็บไว้อย่างมิดชิด ถ้า
เป็ นสถานการณ์ปกติต่อให้ตงั้ ใจค้นหาก็ตอ้ งใช้เวลากว่าครึง่ ค่อนวันถึงจะ
หาพบ และคนของเย่เทียนฉีก็คน้ หาแต่ละจวนแล้ว ค้นจวนเละเทะไปหมด
ช่วยเขากาจัดพืน้ ที่ไปได้หลายจุด เขาก็แค่ไปหาในจุดที่ยงั ไม่ถกู กาจัด ไม่
นานก็หาตราอาญาสิทธิ์เจอ...

ใช้เวลาหาตราอาญาสิทธิ์เจออยางรวดเร็ว เขาถึงได้สามารถเคลื่อน
กาลังพลของค่ายทหารรักษาการณ์ตะวันตกและค่ายทหารรักษาการณ์
ทางใต้ได้ในเวลาอันสัน้ เช่นนี.้ ..
...

“นี่เรียกว่าอะไร? นี่เรียกว่าสวรรค์เป็ นใจ...”

“ใช่แล้ว...ถ้าไม่ใช่เพราะคนของจิง้ หวางเหยี่ยค้นจวนบรรดาแม่ทพั จน
เละเทะ กาจัดพืน้ ที่เก็บตราอาญาสิทธิ์ตงั้ มาก คาดว่าตอนนีฉ้ ีหวางเหยี่ยคง
ยังค้นหาตราอาญาสิทธิ์ในจวนใดจวนหนึ่งอยูเ่ ป็ นแน่...”

“ใช่แล้ว...กองกาลังค่ายทหารรักษาการณ์ตะวันตกและทางใต้ก็คงไม่
ได้มาที่น่ี และวังหลวงในตอนนีก้ ็คงสยบแทบเท้าจิง้ หวางเหยี่ย...จิง้ หวาง
เหยี่ยคงชิงบัลลังก์ได้โดยง่าย...ไม่ใช่ถกู ล้อมเหมือนตอนนี.้ ..”

“นั่นสิ...สวรรค์เป็ นใจ ทุกอย่างล้วนเพราะสวรรค์เป็ นใจ...”

บุรุษในชุดเกราะหลายนายกระซิบกระซาบกัน

“หุบปาก” เย่อเี ้ ฉินตลาดเสียงดังลั่น สวรรค์เป็ นใจอย่างนัน้ หรือ? เขาไม่


เชื่อสวรรค์เป็ นใจอะไรนี่หรอก...
“โอ๊ย...” เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของผูบ้ ญ
ั ชาการกองกาลังของเย่อี ้
เฉินดังขึน้ เพราะถูกผูบ้ ญ
ั ชาการค่างทหารรักษาการณ์ตะวันตกแทงเข้า
บริเวณแขน เหลือสีแดงไหลอาบแขนเสือ้ ...

เย่เทียนฉีเห็นแล้วเอ่ยกับเย่อีเ้ ฉินว่า “เย่อีฉ้ ิน ยอมให้จบั เสียแต่โดยดี


เถอะ...”

“เงียบนะ!” เย่อีเ้ ฉินตวาดตัดบทเขาเสียงดังลั่น ยอมให้จบั แต่โดยดีอย่าง


นัน้ หรือ? เขาจาเป็ นตองยอมให้จบั แต่โดยดีหรืออย่างไร? กาลังพลของเขา
ยังเข่นฆ่าเพื่อเขา ระหว่างเขากับฮ่องเต้ยงั ไม่อาจตัดสินได้วา่ ใครเป็ นฝ่ าย
แพ้ชนะ ผูท้ ่ชี นะในศึกชิงอานาจศึกชิงบังลังก์ครัง้ นีจ้ ะเป็ นใครยังไม่อาจรูไ้ ด้
แล้วจะให้เขายอมให้จบั ได้อย่างไร?
ตอนที่ 2013 ตอนจบ (21)

“โอ๊ย...” เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึน้ มาอีกครัง้ ครัง้ นีเ้ ป็ น


ผูบ้ ญ
ั ชาการกองกาลังฝ่ ายเย่อีเ้ ฉินถูกผูบ้ ญ
ั ชาการค่ายทหารรักษาการณ์
ตะวันตกแทงที่หวั ไหล่...

เย่อีเ้ ฉินสีหน้าเคร่งเครียด ตะโกนสั่งการเสียงดัง “ทหาร ทหาร...”

สิ่งที่ตอบกลับมามีเพียงเสียงการต่อสูอ้ นั ดุเดือด...

สีหน้าเย่อเี ้ ฉินเคร่งเครียด เอ่ยในใจว่า ทหารเล่า? เหตุใดไม่มีใครเข้ามา


สักคน...

“คนของเจ้าถูกทหารค่ายรักษาการณ์ตะวันตกและทางใต้รุมล้อม
เอาไว้ พวกเขาคงไม่วา่ งเข้ามา...” และก็คงจะเข้ามาไม่ได้ดว้ ย...

เย่เทียนฉีเอ่ยเสียงเนิบนาบ ไขข้อข้องใจให้เย่อีเ้ ฉิน...

เป็ นไปได้อย่างไรกัน?

สายตาของเย่อเี ้ ฉินฉายชัดถึงความไม่อยากเชื่อ
“ไม่เชื่อ เจ้าก็ลองมองด้วยตาตัวเองสิ...” เย่เทียนฉียงั พูดไม่ทนั จบ เย่อี ้
เฉินก็กระโจนขึน้ ไปบนอากาศหลายเมตร มองไปด้านนอกก่อนจะพบว่า
กองกาลังของเขาถูกทหารค่ายรักษาการณ์ตะวันตกและทางใต้ลอ้ มเอาไว้
และไม่เพียงแต่ลอ้ มสังหารเท่านัน้ ยังสกัดไม่ให้พวกเขาบุกเข้ามาด้านใน
ด้วย...

ความว้าวุน่ ในใจเย่อีเ้ ฉินคลายลงทันที หันกลับไปมองเย่เทียนฉีอย่าง


กระหยิ่มยิม้ ย่อง “การล้อมโจมตีเช่นนีไ้ ม่นบั ว่าน่ากลัวอะไร ข้าจัดการได้
อย่างง่ายดาย...” ขณะที่พดู ก็มีคนชุดดานับร้อยกรูเข้ามาทุกทิศทุกทาง ใน
มือของพวกเขากอดกระบอกกลเล็งบรรดากาลังพลที่กาลังต่อสูอ้ ย่าง
ดุเดือด...

เมื่อเหนี่ยวไก ก็มลี ะอองควันสีเทาจานวนหนึ่งพ่นออกมาจากกระบอก


กลนัน้ ...

ละอองควันลอยขึน้ ไปในอากาศกระจายตัวเป็ นวงกว้างอย่างรวดเร็ว


พริบตาเดียวก็ปกคลุมไปสนามรบ กองกาลังฝ่ ายเย่อีเ้ ฉินไม่ได้รบั
ผลกระทบใดๆ ยังคงกระชับกระบี่สตู้ ่อไป ส่วนกองกาลังฝ่ ายค่ายทหาร
รักษาการณ์ตะวันตกและทางใต้นนั้ ...คิดไม่ถึงว่าจะไม่ได้รบั ผลกระทบ
ใดๆ เช่นกัน ยังคงกระชับกระบี่ฟาดฟั นกับกองกาลังของเย่อีเ้ ฉินท่ามกลาง
ละอองควัน...
ใบหน้ากระหยิ่มยิม้ ย่องของเย่อีเ้ ฉินชะงักค้างไปชั่วขณะ เหตุใดถึงเป็ น
เช่นนีไ้ ปได้? เหตุใดพิษร้ายแรงที่กลุม่ เบญจพิษสร้างขึน้ ใช้กบั พวกกอง
กาลังค่ายทหารรักษาการณ์ตะวันตกและทางใต้ไม่ได้ผล...

“นั่นก็เป็ นเพราะว่าพวกข้าเตรียมมาตรการป้องกันเอาไว้แล้วนะสิ!”
เย่เทียนฉีไขข้อข้องใจให้เย่อีเ้ ฉินอีกครัง้ ช่วงนีม้ ีเหตุการณ์เกิดขึน้ ในเมือง
หลวงบ่อยครัง้ หัวหน้ากลุม่ เบญจพิษถูกจับอย่างต่อเนื่อง ขุนนางราช
สานักทัง้ บุน๋ บูถ๊ กู ใส่รา้ ยว่าสมคบคิดกับกลุม่ เบญจพิษ พวกเขาก็พอจะเดา
ได้วา่ เรือ่ งทัง้ หมดที่เกิดขึน้ มีสว่ นเกี่ยวข้องกับกลุม่ เบญจพิษอย่างแน่นอน
ดังนัน้ ก่อนที่จะเข้าวังหลวง พวกเขาก็ให้คนปรุงยาถอนพิษที่ดีท่สี ดุ และให้
กองกาลังค่ายทหารรักษาการณ์ตะวันตกและทางใต้ด่มื กันไปคนละชาม
ก่อนที่ฤทธิ์ของยาถอนพิษจะหมดไป พิษของกลุม่ เบญจพิษจึงไม่มีผล
อะไรกับพวกเขา...

“ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ...ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ...” กองกาลังของค่ายทหารรักษาการณ์


ตะวันตกและทางใต้ท่อี ยู่รอบนอกได้สติ ก็หนั มาออกกระบี่สกู้ บั คนชุดดาที่
พ่นพิษทันที...

เย่อีเ้ ฉินเห็นแล้วสีหน้าบึง้ ตึง เอ่ยเสียงลอดไรฟั น “...พวกเจ้าฉลาด


นัก!”
“จิง้ อ๋องชมเกินไปแล้ว” เย่เทียนฉีรบั คาชมของเย่อเี ้ ฉินด้วยความนอบ
น้อม

เย่อีเ้ ฉิน “...อย่าเพิ่งด่วนดีใจเร็วเกินไปนัก...” พิษของกลุม่ เบญจพิษไม่


มีผลแล้วอย่างไร? เขายังมีผทู้ ่เี ชี่ยวชาญพิษของกลุม่ เบญจพิษอยู่ทงั้ คน...

เย่อีเ้ ฉินหันกลับไปมองพ่อบ้านหวัง พบว่าพ่อบ้านหวังกาลังสูอ้ ยู่กบั


มูห่ ลิวเฟิ ง ข้างเท้าของทัง้ คูเ่ ป็ นกองศพของบรรดาสัตว์พิษกลุม่ เบญจพิษที่
กองพะเนิน มูห่ ลิวเฟิ งสูไ้ ปพลางเอ่ยวาจายั่วยุไปพลาง “พ่อบ้านหวัง สูก้ นั
มาตัง้ นานแล้ว ท่านเองก็คงเหนื่อยแล้ว พวกเราพักสักหน่อยไหม...”

พ่อบ้านหวังมิได้เอ่ยวาจา สีหน้าเคร่งขรึม ออกกระบวนท่ารวดเร็วดุดนั


ขึน้ เรือ่ ยๆ

มูห่ ลิวเฟิ งถอนหายใจอย่างปลงๆ “พ่อบ้านหวัง ท่านดูเอาเถอะคนอื่นที่


เริม่ ลงมือสูก้ นั พร้อมพวกเราล้วนไปพักกันแล้ว พวกเราก็พกั เสียหน่อย
เถอะนะ หายเหนื่อยแล้วค่อยมาสูก้ นั ต่อ...”
ตอนที่ 2014 ตอนจบ (22)

พ่อบ้านหวังยังคงไม่สนใจเขาเช่นเคย ทว่ากลับออกกระบวนท่ารุนแรง
เฉียบขาดขึน้ เรือ่ ยๆ

“เอ่อ...นี่ทา่ นไม่คิดจะพักเลยหรือ?”

“เหตุใดต้องทุม่ เทถวายชีวิตเช่นนี.้ ..”

“ทุม่ เทเอาชนะไปเจ้าก็ไม่ได้ขนึ ้ เป็ นจักรพรรดิ...”

“เป็ นธุระให้เย่อีเ้ ฉินก่อการกบฎก็ทาแบบพอเป็ นพิธีก็พอ...ไม่เห็นต้อง


ทุม่ เทถวายชีวิตเช่นนีเ้ ลย จริงๆ นะ...”

“เจ้าดูตวั เจ้าสิ ยังหนุ่มไฟแรง วรยุทธ์สงู ส่ง มีเวลาให้ไปเสวยสุขอีกนาน


มีช่วงเวลาดีๆ มากมายให้ทา่ นได้เสพ สูต้ ายเพื่อเย่อีเ้ ฉินอยู่ตรงนีม้ นั ไม่
คุม้ ค่าหรอก...”

“ฉึก!” เงาขลุย่ สายหนึ่งฟาดมาอย่างแรง ตัดบทมูห่ ลิวเฟิ งที่เอือ้ นเอ่ยไม่


หยุด ฟาดใส่มหู่ ลิวเฟิ งอย่างไร้ปรานี
มูห่ ลิวเฟิ งบี่ยงกายหลบอย่างรวดเร็ว ขลุย่ เลานัน้ เกี่ยวปอยผมเขาขาด
ไปกาหนึ่ง...

ใบหน้าขีเ้ ล่นของมูห่ ลิวเฟิ งจางหายไปหลายส่วนแทนที่ดว้ ยความ


จริงจัง ดูเหมือนว่าพ่อบ้านหวังจะตัง้ มั่นแน่วแน่วา่ ขอสูต้ ายเพื่อเย่อีเ้ ฉินอยู่
ตรงนี ้ เช่นนัน้ ก็ดีเขาจะช่วยสงเคราะห์ให้

มูห่ ลิวเฟิ งสะบัดข้อมือ กระบี่ยาวในมือก่อเกิดพลังกระบี่รุนแรงราว


พายุซดั ใส่พ่อบ้านหวัง...

พ่อบ้านหวังตวัดขลุย่ รับพลังกระบี่นนั้ ไม่คิดว่าพลังกระบี่จะทะลุการ


สกัดของเขา จู่โจมใส่เขาอย่างโหดเ**้้ยม ‘ฉึก ฉึก ฉึก’ พลังกระบี่ฟันแขน
ขา...ฝากรอยแผลไว้บนเนือ้ ตัวเขาเป็ นรอยขนาดใหญ่ ฟั นจนเขามีสภาพ
เป็ นมนุษย์อาบเลือด...

พ่อบ้านหวังยังไม่ทนั ได้เกรีย้ วกราด ก็มีพลังกระบี่จโู่ จมเข้ามาอีกสาย


แทงตรงเข้าไปบริเวณหน้าอก แทงทะลุหวั ใจของเขา...

เลือดสีสดไหลทะลัก พ่อบ้านหวังยังคงค้างอยู่ในท่าตวัดขลุย่ ก่อนจะ


ลงไปกองกับพืน้ ดับตุบ ดวงตาเบิกโพล่งฉายชัดถึงความตระหนกและไม่
อยากจะเชื่อ...
มูห่ ลิวเฟิ งเก็บกระบี่อย่างใจเย็น ตอนนีเ้ ขาสามารถไปพักได้แล้ว

...

ผูค้ นพากันมองไปที่เย่อีเ้ ฉิน ราวกับบอกเป็ นเสียงเดียวกันว่า “จิง้ หวาง


เหยี่ย ลูกน้องผูเ้ ชี่ยวชาญการใช้พิษทัง้ ห้าชนิดของท่านตายแล้ว...”

เย่อีเ้ ฉินสีหน้าเคร่งเครียด พ่อบ้านหวังตายแล้วก็ไม่เป็ นไรเขายังมีกอง


กาลังทหารอยู่ กองกาลังทหารสองแสนนายพอที่จะสังหารผูค้ นเหล่านีใ้ ห้
เขาขึน้ เป็ นจักรพรรดิ

เจ้าบอกว่าคนของค่ายทหารรักษาการณ์ตะวันตกและทางใต้รวมกัน
แล้วมีสองแสนห้าหมื่นนาย เมื่อเทียบกับกองกาลังของเขาที่มีเพียงสอง
แสนนายแล้วถือว่าเป็ นต่อ

เฮอะ คนของค่ายทหารรักษาการณ์ตะวันตกและทางใต้มกั อาศัยอยู่ใน


เมืองหลวง ไม่คอ่ ยได้ออกไปสูร้ บ ส่วนกองกาลังของเขาเป็ นนายทหารที่
คร่าหวอดในสนามรบ เอาตัวรอดมาจากกองศพทะเลเลือด กาลังสูร้ บ
ระหว่างพวกเขาคนละเรือ่ งเทียบกันไม่ได้เลย

อีกอย่างเขาสร้างผลงานจากการสูร้ บนาทัพจับศึก พวกที่อยู่ตรงนีไ้ ม่มี


ผูใ้ ดสูเ้ ขาได้สกั คน กองกาลังสองแสนนายภายใต้การสั่งการของเขา
เอาชนะกองกาลังสองแสนนายของค่ายทหารรักษาการณ์ตะวันตกและ
ทางใต้ได้อย่างแน่นอน

แววตาเย่อีเ้ ฉินสงบนิ่งขณะที่กาลังจะสั่งการกองกาลังใต้อานัติตนเอง
ก็พบว่าฝ่ ายค่ายทหารรักษาการณ์ตะวันตกและทางใต้สกู้ นั รุนแรงขึน้
ส่วนกองกาลังของเขาล้มลงไปเป็ นกอง...

นี่มนั เรือ่ งอะไรกัน?

“ก็ไม่มีอะไรหรอก เพียงแค่สดู เอาละอองยาเข้าไปเท่านัน้ เอง...”


เย่เทียนฉีไขข้อข้องใจให้เขาอีกครัง้

“ละอองยา? ละอองยาใดกัน” แววตาเย่อีเ้ ฉินสุขมุ นิ่งลึก

“ก็ละอองยาแบบเดียวกับที่เหล่ากองกาลังของท่านพ่นใส่กองกาลัง
ของค่ายทหารรักษาการณ์ตะวันตกและทางใต้อย่างไรเล่า...” เย่เทียนฉี
เอ่ยนิ่งๆ

เย่อีเ้ ฉินพินิศมองแล้วก็พบว่ามีคนของค่างทหารรักษาการณ์ทางใต้นบั
สิบนายซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด เบือ้ งหน้าของพวกเขามีกระถางธูปขนาด
ใหญ่ กลุม่ ควันจากกระถางธูปลอยไปตามการพัดของพวกเขาไปทาง
สนามรบ ลอยไปปกคลุมรอบๆ กองกาลังของเขา...
ตอนที่ 2015 ตอนจบ (23)

เมื่อบรรดากองกาลังทหารสูดควันเข้าไปก็สญ
ู เสียกาลังรบทันที พากัน
ล้มลงไปกองกับพืน้ ...

เย่อีเ้ ฉินเห็นแล้วก็มีสีหน้าเคร่งเครียด เอ่ยเสียงลอดไรฟั นว่า “พวกเจ้า


ฉลาดยิ่งนัก...”

“จิง้ อ๋องกล่าวชมเกินไปแล้ว” เย่เทียนฉียิม้ รับคาชมของเย่อีเ้ ฉิน ก่อนจบ


ท้ายยังมิวายเหน็บแนมว่า “ความจริงแล้ว พวกข้าก็เรียนรูม้ าจากจิง้ อ๋อง...”
คนกลุม่ เบญจพิษลูกน้องของจิง้ อ๋องเย่อเี ้ ฉินวางยาใส่รา้ ยผูค้ นทั่วเมือง
หลวง พวกเขาต้องการจากัดพืน้ ที่จงึ คิดใช้พิษต้านพิษ เจตนาเพื่อใช้พิษไป
รับมือกับคนของกลุม่ เบญจพิษ ลดความเสียหายลง ไม่คิดเลยว่าจะ
ประจวบเหมาะกับการที่เย่อีเ้ ฉินนากาลังบุกชิงบัลลังก์เข้าพอดี ก็เลยนาพิษ
นัน้ มาใช้กบั กองกาลังสองแสนนายนัน้ ...

ควันสีขาวทาลายสนามรบ กลุม่ ควันพัดพาไปที่ใดกองกาลังของเย่อีเ้ ฉิน


ก็พากันล้มกองเป็ นแถบ...
เพียงไม่นาน กองกาลังของเขาก็ลม้ ไปกว่าครึง่ ส่วนที่ยงั ไม่ลม้ อีกเพียง
ส่วนน้อยนั่นก็ได้รบั กลุม่ ควันกัดกร่อนไปไม่นอ้ ย แม้นเย่อีเ้ ฉินต้องการให้
พวกเขาไปสูก้ บั กองกาลังของค่ายทหารรักษาการณ์ตะวันตกและทางใต้ให้
แตกพ่ายก็เป็ นไปไม่ได้แล้ว...

ดวงตาคมกริบของเย่อเี ้ ฉินเป็ นประกายเย็นชา กองกาลังทหารใช้การ


ไม่ได้แล้วก็ไม่เป็ นไร เขายังมีไพ่ตายสุดท้ายอยู.่ ..

เย่อีเ้ ฉินขยับตัว เกิดเป็ นเงาร่างเพรียวสูงกลางอากาศหลายสาย พุง่ ตัว


ใส่ฮ่องเต้...

“อารักขาฝ่ าบาท!” ตามมาด้วยเสียงร้องตะโกนจ้าละหวั่น บรรดาบุรุษ


ในชุดเกราะด้านหลังฮ่องเต้พากันกรูมาอยู่ดา้ นหน้า ถวายการอารักขา
ฮ่องเต้แน่นหนา ไม่คิดว่าจังหวะที่เย่อเี ้ ฉินพุง่ ตัวมาอยู่ตรงหน้าพวกเขานัน้
จู่ๆ ก็เปลี่ยนทิศทางพุง่ ไปทางมูห่ รงเสวี่ย...

แววตาของมูห่ รงเสวี่ยฉายแววหวาดหวั่น ออกกระบี่แทงสวนไป...

เย่อีเ้ ฉินหลบกระบี่ยาวของนางได้อย่างชานาญ หมายจะคว้าหัวไหล่


นางไว้...
ขณะที่เขาจะคว้าหัวไหล่ของนางได้นนั้ ก็มีมอื เรียวราวหยกยื่นมาปั ดมือ
ของเย่อีเ้ ฉินออก

“เย่อีเ้ ฉิน เจ้ายังคงต่าช้าไร้ยางอายเช่นเดิมไม่เคยเปลี่ยน...” นา้ เสียง


กังวานทว่าแฝงความโกรธและเยือกเย็นอย่างงบอกไม่ถกู

เย่อีเ้ ฉินไม่ใส่ใจ ถอยหลังไปหลายก้าวก่อนจะทิง้ ตัวยืนบนพืน้ เงยหน้า


ขึน้ เอ่ยกับโอวหยางเส้าเฉินว่า “ต่าช้าแล้วอย่างไร? ไร้ยางอายแล้วอย่างไร?
กลยุทธ์ท่สี ามารถบรรลุเป้าหมายได้ถือเป็ นกลยุทธ์ท่ดี ี...”

“เจ้าคิดว่าตอนนีต้ วั เองยังสามารถบรรลุเป้าหมายได้อยู่หรือ?” โอว


หยางเส้าเฉินเอ่ยกับเย่อีเ้ ฉินเสียงเย็นชา

“ได้หรือไม่ ไม่ได้ขนึ ้ อยู่กบั เจ้า” เย่อีเ้ ฉินเอ่ยเสียงแข็ง

“เช่นนัน้ ขึน้ อยู่ท่ใี คร?” แววตาโอวหยางเส้าเฉินทวีความดุดนั

“ย่อมขึน้ อยูก่ บั พิษของข้าอย่างไรเล่า!” เย่อเี ้ ฉินเอ่ยเสียงแข็งเน้นหนัก

มูห่ รงเสวี่ยได้ยินแล้วใจกระตุก รีบคว้ามือของโอวหยางเส้าเฉินขึน้ มาดู


พบว่ามือของเขาที่เคยขาวสะอาดบัดนีก้ ลายเป็ นสีมว่ งคลา้ “เจ้าได้รบั พิษ
...”
“คงเป็ นฝ่ ามือเมื่อครูน่ ี.้ ..” โอวหยางเส้าเฉินแววตาเคร่งขรึม แววตาคม
กริบละสายตาจากฝ่ ามือของตนมองไปที่เย่อีเ้ ฉิน “ที่มือของเจ้ามีพิษหรือ!”

“ใช่แล้ว” เย่อีเ้ ฉินยอมรับอย่างไม่ลงั เล มือของเขามีพิษ โอวหยางเส้า


เฉินปั ดมือของเขาออกก็ยอ่ มต้องได้รบั พิษนัน้ ไปด้วย “พิษนัน้ ไม่ใช่พิษ
ทั่วไปหรอก...” ได้รบั ไปเพียงนิดเดียวก็สามารถคร่าชีวิตได้แล้ว...

ผูค้ นพากันเงยหน้ามองโอวหยางเส้าเฉินก็พบว่าสีมว่ งคลา้ บนฝ่ ามือเขา


ค่อยๆ กระจายไปตามท่อนแขนของเขาช้าๆ...

สีมว่ งคลา้ กระจายไปส่วนใด กล้ามเนือ้ ส่วนนัน้ ก็ดา้ นชา...

เพียงพริบตาเดียวแขนข้างนัน้ ของโอวหยางเส้าเฉินก็ไร้ความรูส้ กึ ใดๆ...

มูห่ รงเสวี่ยหยิบเข็มเงินออกมาด้วยความรวดเร็ว ปั กเข็มเงินที่แขนของ


โอวหยางเส้าเฉินด้วยความร้อนรน...
ตอนที่ 2016 ตอนจบ (24)

สีมว่ งเข้มบนท่อนแขนหยุดการแพร่กระจายลงช้าๆ ผูค้ นยังไม่ทนั ได้


ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก็พบว่าเย่อีเ้ ฉินไปปรากฏตัวอยู่ดา้ นหลังมู่
หรงเสวี่ยราวกับภูตผี กระชากไหล่ดงึ ตัวนางออกไป...

ทุกอย่างเกิดขึน้ ในชั่วพริบตา เร็วเสียจนไม่มีผใู้ ดตัง้ ตัวได้ทนั

โอวหยางเส้าเฉินที่พบเรือ่ งนีเ้ ข้า เพียงแต่มือเขาได้รบั พิษจึงเคลื่อนไหว


ช้าไปบ้าง ทาให้แผนการของเย่อีเ้ ฉินลุลว่ งไปได้

“เย่อีเ้ ฉิน เจ้าจะทาอะไร?” โอวหยางเส้าเฉินมองเย่อีเ้ ฉินตาเขียว

มือข้างที่มีพิษของเย่อเี ้ ฉินวางอยู่บนไหล่ของมูห่ รงเสวี่ยอย่างใจเย็น


“ไม่ได้ทาอะไร แค่อยากแลกเปลี่ยนกับเจ้า!”

เย่อีเ้ ฉินเอ่ยด้วยท่าทีสบายๆ ทว่าโอวหยางเส้าเฉินได้ยินแล้วกลับมีแวว


ตาจริงจัง “แลกเปลี่ยนอะไร?”

เย่อีเ้ ฉินขยับริมฝี ปากเอ่ยช้าๆ ว่า “หากเจ้าสังหารฝ่ าบาท ข้าก็จะคืนมู่


หรงเสวี่ยให้...”
“ไม่มีทาง!” โอวหยางเส้าเฉินยังไม่ทนั ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา บุรุษชนชัน้ สูง
ในชุดเกราะนายหนึ่งก็โพล่งขึน้ อย่างโกรธๆ มูห่ รงเสวี่ยก็แค่บตุ รหลานจวน
อ๋อง ไหนเลยจะสลักสาคัญเท่ากับฝ่ าบาทได้...

“หุบปาก!” เย่อีเ้ ฉินสะบัดฝ่ ามือหนึง่ ครัง้ ซัดหน้าอกบุรุษผูน้ นั้ ทาเอาเขา


กระเด็นออกไปไกลสี่หา้ เมตรจนกระแทกกับต้นไม้ใหญ่ ก่อนจะกระเด็น
กลับมาหล่นกระแทกพืน้ และหมดสติไป...

เย่อีเ้ ฉินไม่ได้สนใจมองบุรุษผูน้ นั้ สักนิด เขามองสบตาโอวหยางเส้าเฉิน


“ฆ่าหนึ่งรอดหนึ่ง ใช้ชีวิตแลกชีวิต การแลกเปลี่ยนนีค้ มุ้ ค่า!”

พระพักตร์ของฮ่องเต้ดเู คร่งเครียด มองโอวหยางเส้าเฉินนิ่งๆ นัยน์พระ


เนตรคมฉายแววหวาดหวั่น

สายตาของผูค้ นก็จอ้ งมองไปที่โอวหยางเส้าเฉิน

มือซ้ายภายใต้แขนเสือ้ โอวหยางเส้าเฉินขยับน้อยๆ ลอบเรียกคืนกาลัง


ภายในที่เตรียมซัดบุรุษชนชัน้ สูงในชุดเกราะ จ้องเย่อีเ้ ฉินด้วยสายตาเย็น
ชาเอ่ยกับเขาว่า “เจ้าคิดว่านี่เป็ นการซือ้ ขายที่คมุ้ ค่าหรือ?”

“แล้วไม่ใช่หรืออย่างไร?” เย่อีเ้ ฉินถามย้อนกลับ


“ย่อมไม่ใช่อยูแ่ ล้ว” จักพรรดิองค์ปัจจุบนั เป็ นกษัตริยแ์ ห่งแคว้นชิงเห
ยี่ยน หากเขาปลงพระชนม์ฮ่องเต้ต่อหน้าสาธารณชน ไม่วา่ จะเป็ นเย่เทียน
ฉี บรรดาชนชัน้ สูง หรือว่ากองกาลังของค่ายทหารรักษาการณ์ตะวันตก
และทางใต้ย่อมหันกระบี่ชีใ้ ส่เขาทันที เมื่อถึงตอนนัน้ เขาก็จะตกเป็ นเป้า
โจมตีและพวกเขาก็จะสูก้ นั เอง...

สูก้ นั จนถึงที่สดุ แล้ว ไม่วา่ ฝ่ ายไหนเป็ นฝ่ ายชนะอีกฝ่ ายก็ย่อมได้รบั


บาดเจ็บเอาการ เมื่อถึงตอนนัน้ เย่อเี ้ ฉินที่ชมเรือ่ งสนุกสะสมความแข็งแกร่ง
ก็จะเป็ นฝ่ ายได้ประโยชน์...

“เรือ่ งราวประเภทนกปากซ่อมกับหอยกาบทะเลาะกัน คนตกปลาย่อม


ได้ประโยชน์ เจ้าไม่ตอ้ งมาแสดงต่อหน้าข้าหรอก...” เขาก็ไม่มีวนั หลงกล...

ท่าทีดหู มิ่นของโอวหยางเส้าเฉินเห็นแล้วเย่อีเ้ ฉินนิ่งไป “...”

เมื่อแผนการถูกมองออก อุบายของเขาถูกโอวหยางเส้าเฉินก็เปิ ดโปงจน


หมด...

ไม่เป็ นไร ไม่เป็ นไรเลย...เพราะว่าตอนนีโ้ อวหยางเส้าเฉินไม่ใช่โอวหยาง


เส้าเฉินที่สมบูรณ์ไม่มีท่ตี ิไม่มีหว่ งให้โจมตีอีกต่อไป ตอนนีโ้ อวหยางเส้าเฉิน
มีจดุ อ่อน และจุดอ่อนที่วา่ ก็อยู่ในกามือของเขา...
“เจ้าอยากช่วยมูห่ รงเสวี่ยหรือไม่?” เย่อีเ้ ฉินวางมือข้างที่มีพิษตบลงบ่า
ของมูห่ รงเสวี่ยเบาๆ มองโอวหยางเส้าเฉินราวกับจะยิม้ ก็ไม่เชิงยิม้

โอวหยางเส้าเฉินมีสีหน้าเคร่งเครียดขึน้ มาในทันที มองมือของเย่อีเ้ ฉินที่


วางบนบ่าของมูห่ รงเสวี่ยตาเขม็ง ดวงตาสีดาขลับฉายแววหวาดหวั่น...

โอวหยางเส้าเฉินนิ่งไปนานจนเย่อีเ้ ฉินขมวดคิว้ “ทาไมเล่า หรือเจ้าไม่


อยากช่วยมูห่ รงเสวี่ย?”

“ไม่ใช่เช่นนัน้ !” โอวหยางเส้าเฉินเอ่ยเสียงแข็ง

“ในเมื่อไม่ใช่ ก็ไปสังหารฮ่องเต้เสียสิ!” มองแผนการเขาออกแล้ว


อย่างไร? รูแ้ ผนการที่เขาวางไว้แล้วอย่างไร? รูว้ า่ เขาทาตัวเป็ นคนตกปลาที่
ได้ประโยชน์แล้วย่างไร? ขอแค่โอวหยางเส้าเฉินต้องการช่วยมูห่ รงเสวี่ยก็
ต้องทาตามที่เขาบอก ตกไปในกับดักที่เขาวางไว้แต่โดยดี
บรรดาบุรุษชนชัน้ สูงรวมทัง้ กองกาลังที่เย่เทียนฉีนามาขยับเข้าไปจับ
กลุม่ อยูข่ า้ งพระวรกายฮ่องเต้ ถวายการอารักขาอย่างแน่นหนา มองโอว
หยางเฉินอย่างระแวดระวัง กลับพบว่าโอวหยางเส้าเฉินไม่ได้เอ่ยอะไร
ออกมา และไม่เคลื่อนไหวแต่อย่างใด เพียงแค่จอ้ งหน้าเย่อีเ้ ฉินนิ่งๆ ตาไม่
กะพริบ

เย่อีเ้ ฉินกระตุกมุมปากยกยิม้ โค้งด้วยความเหยียดหยาม “ดูเหมือนว่า


เจ้าจะไม่อยากช่วยมูห่ รงเสวี่ยสินะ...” เช่นนัน้ ก็อย่าหาว่าเขาไม่เกรงใจก็
แล้วกัน...

เย่อีเ้ ฉินยื่นมือไปอย่างรวดเร็วหมายจะบีบคอมูห่ รงเสวี่ย...


ตอนที่ 2017 ตอนจบ (25)

ขณะที่ฝ่ามือของเย่อีเ้ ฉินใกล้จะบีบเข้าที่ลาคอมูห่ รงเสวี่ยได้นนั้


เพียงชั่วพริบตาเดียวก็มีมือข้างหนึ่งยื่นมาขวางการโจมตีของเย่อีเ้ ฉิน
ไว้ มือนัน้ เรียวยาวสีขาวสะอาดราวกับหยก ทว่าจังหวะที่สมั ผัสฝ่ ามือ
ของเย่อีเ้ ฉิน มือข้างนัน้ ก็เปลี่ยนเป็ นสีมว่ งคลา้ สีมว่ งคลา้ นัน้
แพร่กระจายไล่จากฝ่ ามือไปตามข้อมืออย่างรวดเร็ว สามารถมองเห็น
ได้ดว้ ยตาเปล่า...

สายตาของมูห่ รงเสวี่ยฉายแววหวาดหวั่น ยกมือขึน้ ปั ดมือเย่อีเ้ ฉิน


ที่โอวหยางเส้าเฉินสัมผัส จังหวะที่ปัดมือออกไปนัน้ นางก็ดงึ ตัวโอวห
ยางเส้าเฉินถอยหลังมาอย่างรวดเร็ว...

มูห่ รงเย่นากาลังพลกองหนึ่งวิ่งเข้ามาสกัดเย่อีเ้ ฉินเอาไว้...

ส่วนมูห่ รงเสวี่ยก็รบี นาเข็มเงินออกมาปั กลงไปบนแขนข้างซ้าย


ของโอวหยางเส้าเฉินทันที...
เย่อีเ้ ฉินไม่ได้ถือโอกาสนีไ้ ล่ตาม เขาเพียงแค่ยืนอยูก่ บั ที่ มองดูมือ
ทัง้ สองข้างของโอวหยางเส้าเฉินที่เปลี่ยนเป็ นสีมว่ งคลา้ “โอวหยาง
เส้าเฉิน มือทัง้ สองข้างของเจ้าใช้การไม่ได้เสียแล้ว...” นา้ เสียงนัน้ แฝง
ความยินดีบนความทุกข์ของผูอ้ ่ืน เผยให้รูว้ า่ แผนการสาเร็จลุลว่ ง...

โอวหยางเส้าเฉินยังไม่ทนั ได้เอ่ยสิ่งใด มูห่ รงเสวี่ยก็ชิงเอ่ยขึน้ ก่อน


ว่า “มือของเส้าเฉินไม่ได้พิการ เพียงแค่ขยับไม่ได้ช่ วั คราวเท่านัน้ เอง
...”

“แล้วต่างอะไรกับใช้การไม่ได้หรือ...” โอวหยางเส้าเฉินวรยุทธ์
แข็งแกร่ง แต่การที่เขาขยับมือไม่ได้ทงั้ สองข้างนัน้ อย่างน้อยวรยุทธ์ก็
ลดขัน้ ไปกว่าครึง่ โอวหยางเส้าเฉินที่เป็ นเช่นนีก้ ็ไม่ใช่คตู่ ่อสูข้ องเขาอีก
ต่อไป...

เมื่อไม่มีโอวหยางเส้าเฉินผูเ้ ป็ นคูต่ ่อสูต้ วั ฉกาจแล้ว คนที่เหลือก็ไม่


นับว่าเป็ นอะไรได้...

เขาก็สามารถสังหารพวกเขาได้อย่างง่ายดาย...
ขอแค่กาจัดพวกที่อยู่ตรงหน้านีใ้ ห้สนิ ้ ซาก เขาก็สามารถขึน้ เป็ น
จักรพรรดิท่อี ยู่สงู เหนือผูใ้ ดได้สาเร็จแล้ว!

แววตาของเย่อีเ้ ฉินเป็ นประกายแน่วแน่ เขากามือเข้าหากันเกิด


เป็ นพายุขนึ ้ กลางฝ่ ามือ พายุรวมตัวกันขนาดใหญ่ขนึ ้ เรือ่ ยๆ รุนแรงขึน้
เรือ่ ยๆ แฝงพลังทาลายล้างโหมกระหน่าใส่ผคู้ น...

อานุภาพของลมพายุช่างน่ากลัว ไม่มีทางที่ผคู้ นจะสามารถ


ต้านทานได้ ท่ามกลางสายตาหวาดวิตกของผูค้ นนัน้ ลมพายุก็
แยกตัวออกจากมือเย่อีเ้ ฉิน จากนัน้ ก็...จางหายไปอย่างไร้รอ่ งรอย...

คนอื่นๆ “...”

แววตาของเย่อีเ้ ฉินฉายความงงงวย ยกมือมาอยู่ตรงหน้า พบว่า


ฝ่ ามือของเขาไม่ใช่สีผิวโดยปกติอีกต่อไป แต่เปลี่ยนเป็ นสีฟ้าหม่น
บริเวณสีฟ้าปรากฏลายโค้งสีขาวหลายเส้นเป็ นระยะ ดูมืดมนและ
ประหลาดอย่างบอกไม่ถกู ...

เมื่อลายเส้นสีขาวกะพริบครัง้ หนึ่ง ฝ่ ามือของเขาก็พลันเจ็บปวด


รุนแรง...
นี่มนั เรือ่ งอะไรกัน? เหตุใดมือของเขาถึงมีสภาพเช่นนีไ้ ด้?

“นั่นก็เป็ นเพราะว่า เจ้าถูกพิษน่ะสิ...” มูห่ รงเสวี่ยเอ่ยไขข้อข้องใจ


ให้เย่อีเ้ ฉินอย่างไม่ใส่ใจเท่าไรนัก

เย่อีเ้ ฉินนึกถึงฝ่ ามือที่มหู่ รงเสวี่ยปั ดมือเขากับโอวหยางเส้าเฉิน


แววตาดุดนั ก็จอ้ งมองมูห่ รงเสวี่ย “เจ้าวางยาพิษหรือ...”

“ใช่แล้ว” มูห่ รงเสวี่ยยอมรับโดยไม่ลงั เล เย่อเี ้ ฉินวางยาพิษเส้าเฉิน


ได้ นางเองก็วางยาพิษเย่อีเ้ ฉินได้เช่นเดียวกัน “นี่เรียกว่าหนามยอก
เอาหนามบ่ง...”

“หึ...เจ้าคิดว่าทาเช่นนีแ้ ล้วจะสังหารข้าได้อย่างนัน้ หรือ?” เย่อีเ้ ฉิน


แค่นหัวเราะ ทันใดนัน้ ฝ่ ามือสีฟา้ หม่นก็ปรากฏรอยแผลขึน้ รอยหนึ่ง
เลือดสีดาไหลออกมาตามปากแผล หยดลงพืน้ เป็ นหย่อมๆ...

หลังจากที่เลือดสีดาไหลออกมาแล้ว ทุกคนก็เห็นว่ามือของเย่อี ้
เฉินค่อยๆ ฟื ้ นฟูกลับเป็ นปกติอย่างรวดเร็ว...

มูห่ รงเสวี่ย “...”


นางไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะใช้พิษนัน้ สังหารเย่อเี ้ ฉิน เพราะว่าเย่อี ้
เฉินรูเ้ รือ่ งพิษเป็ นอย่างดี และนางก็วางยาพิษแบบฉุกละหุก พิษนัน้
ไม่ได้รา้ ยแรงขัน้ สูง ต่อให้เย่อีเ้ ฉินถอนพิษไม่ได้ ก็สามารถเอาตัวรอด
รักษาชีวิตไว้ได้...

ที่นางวางยาพิษเย่อีเ้ ฉินก็เพื่อที่จะแก้แค้นให้เส้าเฉิน อีกอย่างก็


เพื่อยือ้ เวลาให้นางถอนพิษให้โอวหยางเส้าเฉิน...
ตอนที่ 2018 ตอนจบ (26)

บัดนีเ้ ป้าหมายทัง้ สองข้อของนางบรรลุความสาเร็จแล้ว!

มูห่ รงเสวี่ยยิม้ น้อยๆ ขยับนิว้ ทัง้ สองที่อยู่บนท่อนแขนทัง้ สองข้าง


ของโอวหยางเส้าเฉินเบาๆ ทันใดนัน้ เข็มเงินที่ปักอยูบ่ นแขนของเขาก็
หลุดออกมา มูห่ รงเสวี่ยยื่นมือไปคว้าเอาไว้ เก็บเข็มเงินเข้าถุงไว้
ดังเดิม

แขนเสือ้ ปั กลายเมฆอันประณีตของโอวหยางเส้าเฉินตกลงช้าๆ
คลุมแขนที่กลับมาเป็ นปกติแล้วเอาไว้

กองกาลังทหารที่คมุ้ กันเขาอยู่ขา้ งหน้าแหวกเป็ นทางให้โอวหยาง


เส้าเฉินให้โอวหยางเส้าเฉินเดินออกมา โอวหยางเส้าเฉินมองหน้าเย่อี ้
เฉิน นัยน์ตาส่วนลึกเป็ นประกายขุน่ มัวราวกับบอกว่า “จะประลองกัน
ต่อหรือไม่? ข้าพร้อมสนองให้!”

เย่อีเ้ ฉินสีหน้าบึง้ ตึง เหตุใดมูห่ รงเสวี่ยถอนพิษได้รวดเร็วเช่นนี?้


โอวหยางเส้าเฉินได้รบั การถอนพิษแล้ว วรยุทธ์ของเขาก็กลับมา
เป็ นปกติแล้ว มีเวลาประมือกับเขา ส่วนตัวเขานัน้ ...

เย่อีเ้ ฉินกวาดสายตามองไปรอบๆ พบว่าภายในลานกว้างนีล้ ว้ น


เต็มไปด้วยคนของฮ่องเต้ ไม่วา่ จะเป็ นกองกาลังค่ายทหาร
รักษาการณ์ตะวันตกและกองกาลังค่ายทหารรักษาการณ์ทางใต้
บุรุษชนชัน้ สูงในชุดเกราะป้องกัน เย่เทียนฉี มูห่ ลิวเฟิ ง... ผูบ้ ญ
ั ชาการ
กองกาลังที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียวของเขาถูกผูบ้ ญ
ั ชาการค่ายทหาร
รักษาการณ์ทางใต้สงั หารเสียแล้ว ตอนนีฝ้ ่ ังเขาเหลือแค่ตวั เขาเพียง
คนเดียวเท่านัน้ ...

หากโอวหยางเส้าเฉินไม่อยู่ตรงนี ้ เขาก็ยงั พอที่จะประลองกับฝ่ าย


ฮ่องเต้ สังหารพวกเขาได้อย่างง่ายดาย แต่ตอนนีโ้ อวหยางเส้าเฉินอยู่
ที่น่ี วรยุทธ์แข็งแกร่ง กาลังภายในลา้ ลึกเช่นนี ้ หากเขาประมือกับโอวห
ยางเส้าเฉินต่อไป ยังไม่ตอ้ งพูดถึงว่าไม่สามารถตัดสินแพ้ชนะได้ใน
ระยะเวลาอันสัน้ ยังมีความเป็ นไปได้สงู ว่าเข้าจะถูกกองกาลังและคน
อื่นๆ ล้อมโจมตีดว้ ย...

เขาไม่ได้เบาปั ญญาถึงขนาดถูกพวกเขาล้อมโจมตี...
เย่อีเ้ ฉินดีดปลายนิว้ เบาๆ ปรากฏกลุม่ ควันสีดาพุง่ ใส่ผคู้ นที่อยู่ตรง
นัน้ ...

หลังจากที่ผคู้ นเหล่านัน้ ปั ดไล่ควันไปได้แล้วก็เห็นเงาของเย่อีเ้ ฉิน


ทะยานไปไกลแล้ว...

“ตามไป อย่าปล่อยให้เย่อีเ้ ฉินหนีไปได้” ฮ่องเต้ทรงมีรบั สั่งด้วย


ความกริว้

กองกาลังทหารค่ายทหารรักษาการณ์ตะวันตกและทางใต้นอ้ มรับ
คาสั่ง ไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว...

มูห่ รงเสวี่ยและโอวหยางเส้าเฉินมองสบตากันก่อนจะไล่ตามไป ผู้


ที่สามารถทาให้กลุม่ เบญจพิษแคว้นหนานจ้าวที่ทระนงไม่ยอมก้มหัว
ให้ผใู้ ดยอมทางานให้ ทาให้นกั กลแคว้นหนานเจียงที่เร้นกายซ่อนตัว
ไม่เผยตัวตนทางานให้ ทาให้นินจาฝูซงั ที่ผีเข้าผีออกยอมร่วมมือด้วย
ได้อย่างเย่อเี ้ ฉิน เขาก็เป็ นอัจฉริยะที่หาตัวยากคนหนึ่ง ไม่วา่ จะตกอับ
เพียงใด ขอแค่เขามีเวลาก็สามารถสร้างกองกาลังผงาดขึน้ มาใหม่ได้
อีกครัง้ ...
และนั่นไม่ใช่ส่งิ ที่พวกเขาต้องการจะได้เห็น...

เพราะอย่างนัน้ ตอนนีพ้ วกเขาก็ไม่อาจปล่อยเสือเข้าป่ า ไม่อาจ


ปล่อยเย่อีเ้ ฉินให้หนีรอดไปได้...

“น้องสาว น้องเขย...รอข้าด้วย ข้าไปด้วย...” เมื่อมูห่ รงเย่ได้สติ


ขึน้ มา ก็สง่ เสียงร้องก่อนไล่ตามไป

“ข้าด้วย ข้าเองก็ดว้ ย...” หยวนฟางเฟยเองก็สง่ เสียงร้องเรียก ก่อน


จะไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว

มูห่ ลิวเฟิ งมิได้เอ่ยอะไรสักคา ขยับตัวไล่ตามไป...

แววตาของเย่เทียนฉีน่ิงขรึม ถวายการคานับฮ่องเต้ “เสด็จพ่อ


กระหม่อมจะไล่ตามไปด้วย...กระหม่อมอยากจับตัวเย่อีเ้ ฉินขุนนางที่
ชั่วช้าคิดคดทรยศด้วยตัวเอง!”

“อืม!” ฮ่องเต้ทรงดาริอยู่ช่ วั ครู ่ พยักหน้าเบาๆ “ไปเถอะ!”

“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ!” เย่เทียนฉีหนั หลังมุง่ ไปทางที่ทกุ


คนไล่ตามไป
ฮ่องเต้มองตามหลังเย่เทียนฉีท่จี ากไปไกล พระเนตรคมเป็ น
ประกายบางอย่างที่คนอื่นมองไม่ออก

เย่อีเ้ ฉินนากองกาลังของตัวเองบุกวังหลวง เย่เทียนฉีเองก็เคลื่อน


กาลังพลจากค่ายทหารรักษาการณ์ตะวันตกและทางใต้มาช่วยฮ่องเต้
กาลังพลสองแสนนนายกระจายตัวเต็มวังหลวง มองลงไปจาก
ด้านบนจะพบว่าภายในวังหลวงคนมืดฟ้ามัวดินแน่นขนัดไปหมด
เต็มไปด้วยบรรดากองกาลังที่กาลังสูร้ บกัน...
ตอนที่ 2019 ตอนจบ (27)

ควันยาที่กองกาลังค่ายทหารรักษาการณ์ตะวันตกและทางใต้ลอบ
จุดขึน้ มากระจายไปทั่ววังหลวงอย่างรวดเร็ว กองกาลังฝ่ ายเย่อีเ้ ฉิน
จานวนมากล้มลงไปกองกับพืน้ ...

สีหน้าของเย่อีเ้ ฉินบึง้ ตึงจนแลดูน่ากลัว ทะยานตัวไปบนอากาศ


พลางสั่งการลงมาว่า “ถอย!”

กองกาลังของเขาบาดเจ็บล้มตายไปกว่าครึง่ ส่วนที่เหลืออยู่นนั้ ก็
ได้รบั บาดเจ็บไม่นอ้ ย กาลังสูร้ บเสียหายอย่างหนัก ไหนจะโดนโจมตี
ด้วยควันยาของเย่เทียนฉี...ตอนนีพ้ วกเขาก็ไม่เหมาะที่จะปะทะกับ
กองกาลังของค่ายทหารรักษาการณ์ตะวันกตกและทางใต้ ในสามสิบ
หกกลยุทธ์การหนีคือสุดยอดกลยุทธ์...

“ขอรับ!” บรรดากองกาลังทหารรับคาสั่ง สูไ้ ปพลางค่อยๆ ถอย


ออกไปทางประตูวงั หลวง ขณะที่ใกล้จะถอยไปถึงประตูวงั หลวงนัน้ ก็
มีคนกลุม่ หนึ่งพาหันกรูเข้ามาจากด้านนอก คนกลุม่ นัน้ มีทงั้ คนตัวสูง
คนตัวเตีย้ มีทงั้ คนผอมคนอ้วน มีคนหนุ่มมีคนชรา แต่ส่ิงที่พวกเขามี
เหมือนกันนั่นก็คือสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าเลอะควันดา เสือ้ ผ้า
หลุด่ รุย่ ไม่เรียบร้อย เต็มไปด้วยคราบเลือดเต็มตัว พวกเขาก็คือเหล่า
ขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยนที่สกู้ บั คนกลุม่ เบญจพิษอยู่ท่คี กุ หลวงกรม
อาญาเมื่อครูน่ ีน้ ่นั เอง

เมื่อเหล่าขุนนางมาถึงงประตูวงั หลวง เห็นกองกาลังที่กาลังสูร้ บ


อย่างดุเดือดทัง้ ด้านนอกด้านในประตูวงั แล้ว เพียงไม่นานก็รูต้ วั ศัตรู
“พวกนีค้ ือ...กบฏ...” เหล่าขุนนางมองกองกาลังทหารของเย่อเี ้ ฉิน
เพลิงโกรธปะทุขนึ ้ ในดวงตาที่ยงั ไม่สงบนิ่งดี ยกอาวุธในมือพุง่ เข้าไป
ด้วยอารมณ์พงุ่ พล่าน “ฆ่า!”

กองกาลังทหารของเย่อีเ้ ฉินรับมือกับศัตรูท่เี ข้ามาไม่ขาดสายทัง้


หน้าหลัง เพียงไม่นานก็ถกู กลืนอยู่ในทะเลรบของกองกาลังค่ายทหาร
รักษาการณ์ตะวักตกและทางใต้รวมถึงเหล่าขุนนาง...

...

เย่อีเ้ ฉินข่มตาลงก่อนจะลืมตาขึน้ อีกครัง้ พบว่าในสนามรบที่แน่น


ขนัดตานัน้ มีเพียงกองกาลังค่ายทหารรักษาการณ์ตะวักตกและทาง
ใต้และเหล่าขุนนางแคว้นชิงเหยี่ยนเท่านัน้ ไม่เห็นกองกาลังฝ่ ายเขา
เลยสักคนเดียว มีเพียงอาวุธที่กองกาลังฝ่ ายเขาโผล่ออกมาให้เห็น
ระหว่างช่องว่างเป็ นครัง้ คราว...

สีหน้าของเย่อีเ้ ฉินเคร่งเครียดในทันใด กามือที่อยู่ในแขนเสือ้ แน่น


จนเส้นเลือดปูดนูนขึน้ มา เล็บจิกเข้าไปในเนือ้ จนเลือดออกเขาก็ไม่
รูส้ กึ อะไร...

กองกาลังทหารของเขาที่ติดตามเขาออกรบพิชิตศัตรูทกุ หนแห่ง
ปกปั กษ์รกั ษาแผ่นดินไว้ ถูกกองกาลังทหารรักษาการณ์ตะวันตกและ
ทางใต้สงั หารจนสิน้ ...

ช่าง...น่าแค้นใจนัก!

“ฟิ ้ ว!” เสียงลมแรงสายหนึ่งโจมตีเข้ามา เย่อีเ้ ฉินได้สติหลุดจาก


ภวังค์ทนั ที ยื่นมือมาหนีบสายลมไว้ในมือ แต่กลับพบว่าสายลมสาย
นัน้ ไม่ใช่ส่งิ อื่นใดแต่เป็ นธนูขนนกสีดาดอกหนึ่ง ลูกธนูปลายแหลม
ภายใต้แสงอาทิตย์แผ่รงั สีสงั หาร...

มีคนยิงธนูใส่เขา!
แววตาของเย่อีเ้ ฉินชะงักงัน มองตามทิศทางของลูกธนูแล้วก็
พบว่าในมุมหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล มีหญิงสาวนางหนึ่งถือกาลังง้างสายอยู่
ในท่าเตรียมยิงธนู...

คิดไม่ถึงว่าคนที่ยิงธนูใส่เขาจะเป็ นหญิงสาวผูห้ นึ่ง

เย่อีเ้ ฉินขมวดคิว้ ด้วยความแปลกใจ พินิจพิศมองหญิงสาวนางนัน้


ดูดีๆ ก็พบว่าเป็ นหญิงสาวที่รูปร่างอรชร ใบหน้างามเฉิดฉัน สวมชุด
เรียบๆดูสง่างาม แต่วา่ ...เขาไม่มีความทรงจาเกี่ยวกับคนผูน้ ี.้ ..เขาไม่
เคยพบ...และก็ไม่รูจ้ กั ด้วย...

เมื่อหญิงสาวผูน้ นั้ ยิงพลาด ก็เตรียมขึน้ สายเล็งธนูใส่เย่อเี ้ ฉินอีก


ครัง้ ...

เย่อีเ้ ฉินกระตุกยิม้ มุมปาก คิดจะยิงธนูใส่เขาหรือ! ช่างไม่รูจ้ กั


ประมาณตนเองเอาเสียเลย!
เย่อีเ้ ฉินโยนลูกธนูในมืออย่างแรง ลูกธนูพงุ่ ออกจากมือเขาราว
ปล่อยสายธนู แฝงรังสีสงั หารรุนแรง ตรงเข้าใส่หญิงสาวผูน้ นั้ อย่าง
ฉับพลัน รวดเร็วราวสายฟ้าฟาด...

หญิงสาวผูน้ นั้ ตกใจรีบหาทางหลบ ทว่าก็ไม่อาจหลบธนูดอกนัน้


ไปได้ ลูกธนูสีดาปั กทะลุไหล่ของนาง กาลังส่งที่เหลือทาให้นางถลา
ออกไปสามสี่กา้ ว กระแทกกาแพงที่อยู่ไม่ไกลออกไป...
ตอนที่ 2020 ตอนจบ (28)

เลือดสีแดงก่าซึมออกมาอาบย้อมเสือ้ เป็ นสีแดง...

นางก็คือ...เจียงซิน!

นางมาอยู่ท่นี ่ีได้อย่างไรกัน? มิหนาซา้ ยังยิงธนูใส่เย่อเี ้ ฉินอีก?

มูห่ รงเสวี่ยที่ไล่ตามมาติดๆ ได้แต่สงสัย แต่ก็พบว่าในชั่ว


พริบตาเดียวบนพืน้ ที่วา่ งเปล่าก็มีกองกาลังสวมชุดเกราะไม่ทราบ
จานวนกรูเข้ามาง้างธนูเล็งตรงไปที่เย่อีเ้ ฉิน...

มูห่ รงเสวี่ย “...”

ที่แท้เส้าเฉินกับเย่เทียนฉีก็วางแผนดักซุม่ นี่เอง และเจียงซินก็เป็ น


หนึ่งในกลุม่ ดักซุม่ นัน้ ...

“ฟิ ้ ว ฟิ ้ ว ฟิ ้ ว!” ลูกธนูสีดายิงใส่เย่อีเฉินราวห่าฝน...


แววตาของเย่อีเ้ ฉินฉายประกายเย็นชา ฝ่ ามือหนาสะบัดขึน้ หนึ่งที
กาลังภายในแข็งแกร่งปั ดบรรดาลูกธนูท่ยี ิงเข้ามาเปลี่ยนเส้นทาง
ย้อนวิถีกลับไปยังต้นทาง...

“ฟิ ้ ว ฟิ ้ ว ฟิ ้ ว...”

“ตุบ ตุบ ตุบ...”

บรรดาลูกธนูยิงใส่เหล่ากองกาลังทหาร ทาให้พวกเขาล้มลงไป
กองกับพืน้ ...

เย่อีเ้ ฉินไม่แม้แต่จะมองพวกเขา ทะยานตัวไปข้างหน้า...

ไม่คิดเลยว่าเขาเพิ่งเหาะทะยานตัวมาได้เพียงไม่ก่ีเมตร ก็มีกอง
กาลังสวมชุดเกราะอีกกลุม่ หนึ่งกรูกนั เข้ามา ในมือถืออาวุธชนิด
เดียวกันเล็งตรงมาที่เขา “ฟิ ้ ว ฟิ ้ ว ฟิ ้ ว...” ง้างสายยิงลูกดินปื นลูกแล้ว
ลูกเล่าใส่เย่อีเ้ ฉินอย่างโหดเ**้้ยม...

ลูกดินปื นมีลกั ษณะกลมๆ ดาๆ กลิ่นดินปื นกระจายออกมาจางๆ


ภายนอกดูเหมือนแข็งแกร่ง ที่จริงแล้วเปราะบางมาก แค่สมั ผัสกับ
กาลังภายในหรืออาวุธเบาๆ ก็จะระเบิด
สีหน้าของเย่อีเ้ ฉินเคร่งเครียด ไม่ได้ฝืนใช้กาลังภายในรับหรือลูก
ดินปื นออก เพียงแค่เคลื่อนไหวพาเรือนร่างสูงเพรียวหลบหลีกลูกดิน
ปื นบนอากาศอย่างคล่องแคล่ว...

“ปั ง ปั ง ปั ง...” บรรดาลูกดินปื นปะทะกันรอบตัวเย่อีเ้ ฉิน ทัง้


ด้านหน้า ด้านหลัง ด้านซ้ายและขวาก่อนจะระเบิดตูม ส่วนที่ตกไป
บนพืน้ ใต้รา่ งเย่อีเ้ ฉินก็ระเบิดตูม...

กลุม่ ควันพวยพุง่ ทาเอากองกาลังทหารที่ยิงดินปื นพากันสาลักไอ


...

เย่อีเ้ ฉินทะยานตัวผ่านกลุม่ ควันตลบอบอวลนั่น พุง่ ตรงไป


ข้างหน้า...

หยวนฟางเฟยที่เพิ่งตามมาทันถึงกับพูดอะไรไม่ออก “...”

เย่อีเ้ ฉินร้ายกาจยิ่งนัก กองกาลังทหารที่ดกั ซุม่ อยูน่ นั้ ไม่ใช่คตู่ ่อสู้


ของเขา...

แต่ก็ไม่เป็ นไร...ถึงกองกาลังทหารไม่พร้อมแต่ก็ยงั มีนางอยู่ ในมือ


ของนางมีอาวุธสังหาร...
หยวนฟางเฟยยิม้ อย่างหมายมั่น คว้ากระบอกพ่นไฟกลออกมา
เหนี่ยวไกเล็งตรงไปที่เย่อีเ้ ฉิน ได้ยินเสียงดัง ‘คลิก’ ก่อนที่กระบอกพ่น
ไฟกลจะพ่นลูกไฟลายาวออกมา พาดผ่านอากาศพุง่ ตรงใส่เย่อีเ้ ฉิน...

ขณะที่ลกู ไฟใกล้จะโดนตัวเย่อีเ้ ฉินนัน้ เย่อีเ้ ฉินที่ทะยานอยูก่ ลาง


อากาศก็เบี่ยงกายหลบลูกไฟไปได้...

“...”

มันก็แค่บงั เอิญเท่านัน้ ล่ะ! นางไม่เชื่อหรอกว่านางจะยิงไม่โดนเย่อี ้


เฉิน!

หยวนฟางเฟยกัดฟั นกรอด เหนี่ยวกระบอกพ่นไฟกลอีกครัง้ เล็ง


ตรงไปที่เย่อีเ้ ฉิน “ตูม ตูม ตูม...”

ร่างเพรียวสูงของเย่อีเ้ ฉินขยับตัวเล็กน้อยหลบวิถีลกู ไฟ...

...

น่าแค้นใจนัก น่าแค้นใจนัก...
หยวนฟางเฟยโมโห เหินมาหลายก้าว เหนี่ยวไกกระบอกพ่นไฟกล
อย่างต่อเนื่อง ได้เสียงเสียงดัง ‘ตูม ตูม ตูม’ ดังติดต่อกัน ลูกไฟลายาว
หลายสาวพ่นออกมาจากปลายกระบอกพ่นไฟกล ยิงเข้าใส่เย่อเี ้ ฉิน
อย่างโหดเ**้้ยม...

เย่อีเ้ ฉินเคลื่อนกายพลิว้ ไหวกลางอากาศอย่างสง่างาม ลูกไฟผ่าน


ตัวเขาไปทางซ้าย ทางขวา ข้างบน ข้างล่าง ไม่อาจทาอันตรายอะไร
เขาได้เลยแม้แต่นอ้ ย...

...

เย่อีเ้ ฉินเจ้าคนบัดซบ นางโมโหขึน้ มาแล้วนะ!

หยวนฟางเฟยโมโห แกว่งมือนากระบอกพ่นไฟกลในมือเตรียมทุม่
ใส่เย่อีเ้ ฉิน...

เดิมทีคิดว่าเย่อีเ้ ฉินจะหลบกระบอกพ่นไฟกล ไม่คิดเลยว่าจังหวะ


ที่กระบอกพ่นไฟกลใกล้จะโดนตัวเขานัน้ เย่อีเ้ ฉินจะหันหลังกลับมา
สะบัดมือไปที่ไกยิงของกระบอกพ่นไฟกล ได้ยินเสียงดังคลิก กระบอก
พ่นไฟกลก็พ่นลูกไฟลายาวออกมาตรงไปทางหยวนฟางเฟย...
ตอนที่ 2021 ตอนจบ (29)

แววตาของหยวนฟางเฟยหวาดหวั่น รีบเบี่ยงกายหลบหลีก ทว่าก็


ไม่อาจหลบวิถีลกู ไฟได้พน้ ลูกไฟพ่นไปติดบริเวณชายเสือ้ ของนาง
ก่อนที่จะลุกลามเผาไหม้อย่างรวดเร็ว...

หยวนฟางเฟยตกใจจนหน้าซีดเผือด ลนลานปั ดเปลวไฟบน


ชายเสือ้ ตัวเอง ไม่คิดว่าไม่เพียงเปลวไฟนัน้ จะไม่มอดดับ อีกทัง้ ยัง
โหมลุกลามเร็วขึน้ ตามแรงปั ดของนาง ขณะที่เห็นว่าไฟนัน้ ลามไป
จวนจะถึงช่วงเอวของนางแล้ว จูๆ่ ก็มีพลังกระบี่สีเงินสายหนึ่งตัด
ชายเสือ้ ส่วนที่ติดไฟนัน้ ออก...

หยวนฟางเฟยเงยหน้าขึน้ มองก็พบว่ามูห่ ลิวเฟิ งกาลังเก็บกระบี่


เข้าฝักอย่างสง่างาม โดยไม่แม้แต่จะหันมามองนางเลยสักนิด เขามุง่
ตรงไปไล่ตามเย่อีเ้ ฉิน ท่าทางดูหยิ่งยโส หางตาดูหมิ่นนั่นราวกับเอ่ย
เป็ นนัยว่า ‘แค่ชายเสือ้ ติดไฟยังจัดการไม่ได้ ช่างไร้ประโยชน์เสียจริง
...’
หยวนฟางเฟยโกรธขึน้ มาในทันที นางจัดการชายเสือ้ ที่ติดไฟไม่ได้
ที่ไหนกันเล่า? ก็แค่เหตุการณ์มนั จวนตัวจนนางไม่ทนั ได้มีปฏิกิรยิ า
ตอบสนองต่างหาก คิดไม่ถึงเลยว่ามูห่ ลิวเฟิ งจะกล้าว่านางไร้
ประโยชน์...

หยวนฟางเฟยแตะปลายเท้าเบาๆ ทีหนึ่งพาร่างบึกบึนไล่ตามเย่อี ้
เฉินไปอย่างรวดเร็วราวกับกระสุนปื นใหญ่ นางจะไปทาให้เย่อเี ้ ฉิน
เห็นว่านางไม่ได้ไร้ประโยชน์!

บนภาคพืน้ นัน้ กองกาลังทหารและองครักษ์ก็ใช้อาวุธต่างๆ


จัดการกับเย่อีเ้ ฉิน อาทิโซ่ยาว ตาข่ายและอาวุธลับ แต่ทา่ ร่างของเย่อี ้
เฉินรวดเร็วยิ่งนัก เขาสามารถรอดพ้นจากการโจมตีของอาวุธต่างๆ
ได้ ฝ่ าเท้าก็ไม่หยุดที่จะทะยานไปข้างหน้า ออกจากเมืองหลวงจน
มาถึงบริเวณพืน้ ที่รกร้าง...จนถึงหน้าผ้าสูงชันแห่งหนึง่ โดยไม่รูต้ วั ...

หน้าผาสูงชันจนมองไม่เห็นก้นเหวลึก เย่อีเ้ ฉินถูกบีบให้ตอ้ งทิง้ ตัว


ลงด้านหน้าหน้าผาสูงชัน ส่วนโอวหยางเส้าเฉิน มูห่ รงเสวี่ย มูห่ ลิวเฟิ ง
และคนอื่นๆ ที่ไล่ตามหลังมาก็พากันทิง้ ตัวลงมาเช่นกัน
มูห่ ลิวเฟิ งก้าวขึน้ หน้ามาเอ่ยกับเย่อีเ้ ฉินว่า “เย่อเี ้ ฉิน เจ้าหมด
หนทางไปต่อแล้ว ยอมให้จบั แต่โดยดีเถิด เห็นแก่ความดีความชอบที่
เจ้าทาเพื่อแคว้นชิงเหยี่ยนที่ผ่านมา ฝ่ าบาทย่อมทรงเมตตาต่อเจ้า...”

“วาจาเหลวไหลที่เอาไว้หลอกลวงผูอ้ ่ืน พวกเจ้าก็อย่าได้ยกเอามา


หลอกข้าเลย...” เย่อีเ้ ฉินตัดบทมูห่ ลิวเฟิ งห้วนๆ นา้ เสียงฉายชัดถึง
ความดูหมิ่น เขาเคยคิดสังหารฮ่องเต้ชิงบัลลังก์มงั กร ตอนนีฮ้ ่องเต้จะ
ทรงเมตตาต่อเขาเช่นนัน้ หรือ? ความจริงแล้วก็คงอยากที่จะกาจัดเขา
เสียให้พน้ ๆ จนแทบทนไม่ไหว...

ผลพวงจากเรือ่ งจริงถูกเผยออกมา กองกาลังแพ้พา่ ย มูห่ ลิวเฟิ ง


เองก็คร้านที่จะปั้นแต่งคาพูดอีกต่อไป เอ่ยอย่างตรงไปตรงมาว่า “การ
ที่เรือ่ งราวดาเนินมาถึงจุดจุดนี ้ ล้วนเป็ นสิ่งที่จิง้ อ๋องหาเรือ่ งเอง...”
หากเย่อเี ้ ฉินไม่ปรารถนาชิงบัลลังก์ ตอนนีเ้ ขาก็คงเป็ นจิง้ อ๋องมี
ยศถาบรรดาศักดิอ์ ยู่เหนือผูอ้ ่ืนในแคว้นชิงเหยี่ยน...

หึ จุดจบเช่นนี ้ เป็ นเขาที่รนหาที่เองอย่างนัน้ หรือ?

เป็ นเขาที่รนหาที่เองจริงๆ นั่นล่ะ!


เป็ นเพราะเขาต้องการเป็ นฮ่องเต้ ถึงได้นากองกาลังมาชิงบัลลังก์
มังกร!

เมื่อชิงบัลลังก์ไม่สาเร็จ เข้าตาจนไร้ซง่ึ ทางออกก็เป็ นจุดจบของผู้


แพ้ และก็เป็ นจุดจบของเขาด้วย

เขาไม่มีอะไรที่ตอ้ งโอดครวญและก็ไม่ได้นกึ เสียใจภายหลัง แต่วา่


...จุดจบของเขาในตอนนีไ้ ม่ได้แปลว่าจะเป็ นจุดจบสุดท้ายของเขา...

นัยน์ตาเย่อีเ้ ฉินฉายประกายอามหิต ก่อนจะจางหายไปอย่างไร้


ร่องรอย เขาหันหลังมามองโอวหยางเส้าเฉิน “โอวหยางเส้าเฉิน มาสู้
กันสักตัง้ เป็ นอย่างไร?”

มูห่ รงเสวี่ย “...”

มูห่ ลิวเฟิ ง “...”

เหตุใดเย่อีเ้ ฉินถึงได้รอ้ งขอเช่นนี?้

มูห่ รงเสวี่ยและมูห่ ลิวเฟิ งมองเย่อีเ้ ฉินด้วยสายตาระแวดระวัง กลับ


พบว่าเย่อีเ้ ฉินมองโอวหยางเส้าเฉินไม่กะพริบตา
โอวหยางเส้าเฉินเอ่ยด้วยท่าทีเฉยเมยว่า “เจ้าแน่ใจหรือ?”

“แน่ใจ!” เย่อเี ้ ฉินพยักหน้ายืนยัน นับตัง้ แต่เล็กจนโต ไม่วา่ จะเป็ น


ความสามารถด้านงานเขียนอักษร หรือว่ายุทธวิธีการทางทหาร เขา
กับโอวหยางเส้าเฉินก็มีฝีมือสูสีไล่เลี่ยกัน ประลองกันตัง้ หลายครัง้ ก็
ไม่อาจตัดสินแพ้ชนะ...ถึงแม้วา่ จะมีอยู่เรือ่ งหนึ่งที่พวกเขาเคยตัดสิน
แพ้ชนะ แต่น่ นั ก็เป็ นเพราะว่าเขาไม่รูใ้ จตัวเอง ถึงได้ชะล่าใจ...
ตอนที่ 2022 - 1 ตอนจบ (อวสาน)

เรือ่ งราวดาเนินมาถึงจุดนีแ้ ล้ว การชิงบัลลังก์มงั กรของเขา


ล้มเหลว มีทหารไล่ตามหลังมา เวลาที่เป็ นของเขาเหลือไม่มากนัก
เขาอยากใช้เวลาช่วงสุดท้ายนีส้ กู้ บั โอวหยางเส้าเฉินดูสกั ตัง้ ให้สบาย
ใจ ตัดสินว่าใครเป็ นฝ่ ายแพ้ชนะ!

แววตาตัง้ ใจของเย่อีเ้ ฉิน โอวหยางเส้าเฉินเห็นแล้วแววตานิ่งขรึม


พยักหน้าตอบรับ “ตกลง!”

“เส้าเฉิน!” มูห่ รงเสวี่ยยื่นมือมาจับโอวหยางเส้าเฉินเอาไว้ เย่อเี ้ ฉิน


เจ้าเล่หเ์ พทุบายไม่ใช่ผทู้ ่ยี อมรับชะตากรรมง่ายๆ นางไม่คิดว่าการที่
เขาเสนอขอให้สกู้ นั สักตัง้ ในช่วงเวลาที่เขาจนตรอกไร้หนทางออก
เช่นนี ้ เป็ นเพราะต้องการสูก้ บั เส้าเฉินจริงๆ...

“วางใจเถอะ ข้ารูส้ ถานการณ์!” โอวหยางเส้าเฉินตบหลังมือมูห่ รง


เสวี่ยเบาๆเป็ นการปลอบโยน ท่ามกลางสายตาเป็ นกังวลของนาง เขา
ก้าวเข้าไปหาเย่อีเ้ ฉินช้าๆพลางเอ่ยขึน้ ว่า “เจ้าจะสูอ้ ย่างไร?”
“ก็สกู้ นั อย่างนีแ้ หละ” ไม่ใช้อาวุธ ไม่ใช้อาวุธลับ ไม่ใช้พิษ ใช้
เพียงวรยุทธ์และกาลังภายในของพวกเขา

“ตกลง!” ทันทีท่พี ดู จบ ทัง้ โอวหยางเส้าเฉินและเย่อีเ้ ฉินก็ขยับตัว


แทบจะพร้อมๆ กัน กาลังภายในไร้ลกั ษณ์สองสายออกมาจากฝ่ ามือ
ของพวกเขาทัง้ สอง ได้ยินเสียงปะทะกันกลางอากาศดัง ‘ตูม’ สะเทือน
จนพืน้ สั่นไหว...

เงาร่างของทัง้ คูก่ ลายเป็ นเงาเลือนรางหลายสายปะทะกันกลาง


อากาศ ชะล้างลมเมฆล่องฟ้า...

“ตึง ตึง ตึง...ตึง ตึง ตึง...” ความเร็วในการประมือกันของคนทัง้ คู่


เร็วจนเหลือเชื่อ เพียงพริบตาเดียวก็ผ่านไปเป็ นร้อยกระบวนท่า กาลัง
ภายในไร้ลกั ษณ์หลายสายกระทบพืน้ ด้านล่าง เกิดเป็ นโพรงขนาด
ใหญ่ ฝุ่ นละอองคละคลุง้ ตลบอบอวล...

จุดที่มหู่ รงเสวี่ยยืนนัน้ มองไม่ชดั ว่าพวกเขาออกกระบวนท่า


อย่างไร เห็นแค่เพียงกระบวนท่าของพวกเขาแลดูสงู ศักดิส์ ง่างาม
ทว่าแฝงรังสีสงั หารอย่างไม่ปิดบัง...
ตอนนีท้ งั้ โอวหยางเส้าเฉินและเย่อเี ้ ฉินไม่ได้ศกึ ษาแลกเปลี่ยนกัน
แบบทั่วไป แต่เป็ นการต่อสูห้ มายเอาชีวิต พลาดแค่กระบวนท่าเดียวก็
ถูกฆ่าตายได้...

มูห่ ลิวเฟิ งที่กาลังดูการต่อสูโ้ ดยไม่กระพริบตานัน้ ดูไปก็รูส้ กึ


ประหลาดใจ วรยุทธ์ของโอวหยางเส้าเฉินและเย่อีเ้ ฉินลึกลา้ จนไม่
อาจคาดเดา ทั่วทัง้ เมืองหลวงไม่มีผใู้ ดเก่งกาจเท่าทัง้ คูอ่ ีกแล้ว...

ขนาดผูท้ ่มี ีวรยุทธ์ขนั้ สูงเช่นเขา บางครัง้ ยังดูไม่รูเ้ ลยว่าพวกเขา


ออกกระบวนท่ากันอย่างไร...

การต่อกรของยอดฝี มือเช่นนี ้ ทาให้ผคู้ นได้ชมสมใจอยาก...

แต่วา่ วรยุทธ์ของโอวหยางเส้าเฉินและเย่อีเ้ ฉินสูสีกนั หากสูก้ นั


เช่นนีต้ ่อไปรือ่ ยๆ เกรงว่าสูก้ นั สามวันสามคืนก็ไม่อาจตัดสินแพ้ชนะ
ได้...

เขาไม่จาเป็ นต้องกังวลแล้วว่ากองหนุนกับเรือ่ งแพ้ชนะระหว่าง


โอวหยางเส้าเฉินและเย่อีเ้ ฉินอะไรจะมาก่อนกัน...
มูห่ ลิวเฟิ งบ่นอุบกับตนเองในใจ สายตาเหลือบไปเห็นมูห่ รงเสวี่ย
พบว่านางมองโอวหยางเส้าเฉินและเย่อเี ้ ฉินที่ต่อสูก้ นั อยู่ดว้ ยแววตา
เคร่งเครียดไม่กะพริบตา เขาก็ขมวดคิว้ “เป็ นอะไรไป? เป็ นห่วงเส้า
เฉินหรือ”

“ไม่ใช่” มูห่ รงเสวี่ยส่ายหน้า “ข้าแค่รูส้ กึ ว่ามันแปลกๆ...”

“แปลกตรงไหนหรือ” มูห่ ลิวเฟิ งไม่เข้าใจ

“วิถีการต่อสูข้ องเส้าเฉินกับเย่อีเ้ ฉินออกจะแปลกๆ...” มูห่ รงเสวี่ย


กล่าว

มูห่ ลิวเฟิ ง “...วิธีการแปลกอย่างไร?”

มูห่ รงเสวี่ยแววตานิ่งลึก ปกติเวลาที่คนเราต่อสูก้ บั ผูอ้ ่ืน การต่อสู้


แบบไหนที่ตนเองเป็ นต่อก็จะสูแ้ บบนัน้ โดยมากวิถีการต่อสูก้ ็จะ
สะเปะสะปะ ทว่าวิถีการต่อสูข้ องเส้าเฉินและเย่อีเ้ ฉินกลับชัดเจน
อย่างยิ่ง “วิถีการต่อสูข้ องพวกเขาเป็ นแนวตรงตรง!” เส้นนอน เส้นตัง้
เส้นเอียง เส้นตัด วิถีการต่อสูเ่ หล่านีไ้ ม่ใช่เกิดขึน้ เองตามธรรมชาติ แต่
เป็ นเย่อีเ้ ฉินจงใจสร้างขึน้ มา เพราะว่านางเห็นชัดเจนว่าเพื่อรักษาวิถี
การต่อสูล้ กั ษณะนี ้ เย่อีเ้ ฉินจงใจประชิดตัวเส้าเฉินหลายรอบ...

“...จริงหรือ?” มูห่ ลิวเฟิ งไม่คอ่ ยอยากจะเชื่อ

“ไม่เชื่อเจ้าก็ลองดูเอาเองสิ” มูห่ รงเสวี่ยเอ่ย

มูห่ ลิวเฟิ งเยหน้าขึน้ มองอย่างไม่รูว้ า่ จะเชื่อดีไม่เชื่อดี พบว่าโอวห


ยางเส้าเฉินและเย่อีเ้ ฉินที่สกู้ นั กลางอากาศผลัดกันรุกผลัดกันรับ สูก้ นั
เป็ นแนวตรงเส้นนอน เส้นตัง้ หรือเส้นเฉียง...

มูห่ ลิวเฟิ ง “...”

สูก้ นั เป็ นแนวตรงจริงด้วย...

หากมูห่ รงเสวี่ยไม่เอ่ยขึน้ มา เขาคงไม่ทนั สังเกตุ...

มูห่ ลิวเฟิ งมองมุห่ รงเสวี่ยด้วยสายตาชื่นชม กลับพบว่ามูห่ รงเสวี่ย


จ้องมองการต่อโอวหยางเส้าเฉินและเย่อีเ้ ฉินที่สกู้ นั กลางอากาศ หรี่
ตาลงท่าทางจริงจัง “เย่อีเ้ ฉินไม่ได้ตอ่ สูก้ บั เส้าเฉินอย่างบริสทุ ธิ์ไม่มี
เล่หเ์ หลี่ยม แต่เหมือนกับว่าเขากาลัง...วางค่ายกล...”
“วางค่ายกล...” มูห่ ลิวเฟิ งไม่ทนั ได้ประหลาดใจ เย่อีเ้ ฉินก็สง่ เสียง
ขึน้ มาว่า “เหอะ ถูกเจ้ามองออกเข้าจนได้...ใช่แล้ว ข้ากาลังวางค่าย
กลอยู่จริงๆ ค่ายกลแหฟ้าตาข่ายดิน...”

จังหวะที่พดู จบก็ปรากฏลาแสงสีมว่ งเข้มสายหนึ่งพุง่ เข้าโจมตีมู่


หรงเสวี่ย...

มูห่ รงเสวี่ยรีบเบี่ยงกายหลบอย่างรวดเร็ว ลาแสงสีมว่ งเข้มเฉี่ยว


แขนเสือ้ นางไป ทาให้แขนเสือ้ ของนางเป็ นรู...

มูห่ รงเสวี่ยมองดูรูแหว่งคมกริบ ยังไม่ทนั ได้ประหลาดใจก็มีลาแสง


สีมว่ งเข้มหลายสายซัดเข้ามาใส่...

มูห่ รงเสวี่ยเบี่ยงกายหลบอย่างรวดเร็ว ลาแสงสายแล้วสายเล่าซัด


เข้ามาใส่นางทัง้ ซ้ายและขวา ซัดไปบนพืน้ ก็เกิดเป็ นหลุมขนาดเล็ก
พริบตาเดียวนัน้ เองดินเหลืองและเศษหินก็ปลิวว่อนไปทั่ว...

“โอ๊ย...” เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึน้ มูห่ ลิวเฟิ งที่ยืนอยู่ไม่


ไกลถูกลาแสงกรีดผ่านแขนขวาเป็ นทางยาวหลายแผล เลือดสีแดง
ไหลออกมา...
“เจ้าเป็ นอย่างไรบ้าง?” มูห่ รงเสวี่ยเอ่ยถามด้วยความห่วงใย

“ยังไหว!” เพียงถูกกรีดเป็ นแผลเท่านัน้ เอง ไม่เป็ นอะไรมาก

“เช่นนัน้ ก็ดี!” มูห่ รงเสวี่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทว่ากลับ


พบบว่ามีลาแสงสีมว่ งเข้าหลายสายพุง่ เข้ามาใส่นาง...

ลาแสงสีมว่ งเข้มราวห่าฝนทาให้ม่หู รงเสวี่ยไม่สามารถหลบได้พน้


ทัง้ หมด ขณะที่ลาแสงสีมว่ งใกล้จะถึงตัวนางนัน้ มูห่ รงเสวี่ยก็รบี คว้า
กระบี่ขนึ ้ ตัง้ รับ ได้ยินเสียงดัง ‘ตึง ตึง ตึง’ ดังขึน้ เป็ นระลอก ขุมพลัง
รุนแรงจนนางถอยเซออกไปหลายก้าว...

มูห่ ลิวเฟิ งที่อยู่ในเหตุการณ์ เมื่อลาแสงสีมว่ งเข้มพุง่ ตรงเข้ามาก็


ยกกระบี่ขนึ ้ ตัง้ รับเช่นเดียวกัน แต่ไม่คิดเลยว่าลาแสงสีมว่ งเข้ม
กระทบบนคมกระบี่แล้ว จะทาให้กระบี่กระจายเป็ นชิน้ ๆ...

“...เหตุใดถึงเป็ นเช่นนี?้ ” มูห่ ลิวเฟิ งมองเศษด้ามกระบี่ในมือด้วย


ความงุงงัน

มูห่ รงเสวี่ยมองดูกระบี่ในมือตัวเอง “น่าจะเป็ นเพราะว่า...วัสดุของ


กระบี่ไม่เหมือนกัน...” กระบี่ของนางเป็ นกระบี่โบราณที่นกั ตีกระบี่ใช้
วัสดุท่ดี ีท่สี ดุ ตีขนึ ้ มาเมื่อสองพันปี ก่อน ส่วนกระบี่ในมือมูห่ ลิวเฟิ งเป็ น
กระบี่ท่วั ไปที่ใช้ในกลุม่ ทหารนักรบ ใช้วสั ดุธรรมดาทั่วไป เมื่อถูก
ลาแสงสีมว่ งเข้มซัดเข้าไปจึงหักเสียง่ายๆ...

ลาแสงสีมว่ งเข้มทรงพลังยิ่งนัก แม้เป็ นกระบี่โบราณของนางรับ


ลาแสงสีมว่ งเข้มเข้าไปก็ใช่วา่ จะไม่ได้รบั ความเสียหาย บนคมกระบี่
ของนางนัน้ ส่วนที่ถกู ลาแสงสีมว่ งซัดเข้ามาล้วนมีรอ่ งรอยการผุกร่อน
เป็ นชัน้ ๆ สามารถมองเห็นได้ดว้ ยตาเปล่า...

‘ฟิ ้ ว ฟิ ้ ว ฟิ ้ ว!’ ลาแสงสีมว่ งหลายสายพุง่ เข้ามา บีบให้มหุ่ ลิวเฟิ ง


กระโจนขึน้ ลง เบี่ยงซ้ายหลบขวา เขาขมวคคิว้ ยุ่ง หลบไปเอ่ยไปว่า “นี่
มันของบ้าอะไรกัน?”

“สีมว่ งเข้ม...รังสีเหนือม่วง…” มูห่ รงเสวี่ยคิดๆ ดูแล้วก็โพล่งชื่อที่


ค่อนข้างใกล้เคียงออกมา นางไม่เคยเห็นลาแสงสีมว่ งแบบนีม้ าก่อน
แต่พลังสังหารของลาแสงสีมว่ งนีค้ ล้ายกับรังสีใต้แดงในยุคปั จจุบนั
ตายทันทีท่สี มั ผัส เรียกมันว่ารังสีเหนือม่วงน่าจะไม่ผิดนัก...

“น้องสาว!”
”มูห่ ลิวเฟิ ง!”

เสียงร้องเรียกทัง้ สองดังขึน้ มาแทบจะพร้อมกัน เป็ นเสียงของมูห่ รง


เย่และหยวนฟางเฟยที่มาถึงนั่นเอง ทันทีท่มี าถึงก็เห็นลาแสงสีม่วง
เต็มท้องฟ้าไล่สงั หารมูห่ รงเสวี่ยและมูห่ ลิวเฟิ ง สถานการณ์ประหลาด
นีท้ าเอามูห่ รงเย่และหยวนฟางเฟยตกตะลึงตาโตอ้าปากค้าง ลืมไป
ว่าต้องมีปฏิกิรยิ าตอบสนองอย่างไร...

มูห่ รงเสวี่ยแววตาเคร่งขรึม รีบส่งเสียงเตือน “ถอยออกไป...”

นางยังพูดไม่ทนั จบ ลาแสงสีมว่ งที่กระจายอยู่เต็มท้องฟ้าก็พงุ่ เข้า


ใส่มหู่ รงเย่และหยวนฟางเฟย...

มูห่ รงเสวี่ย “...”

เตือนช้าไปแล้ว...

ลาแสงสีมว่ งพุง่ ใส่มหู่ รงเย่และหยวนฟางเฟยเป็ นเส้นนอน เส้นตัง้


และเส้นเฉียง ไล่สงั หารจนพวกเขากระโดดขึน้ ลง หลบซ้ายหลีกขวา
ขยับเข้ามาใกล้มหู่ รงเสวี่ยและมูห่ ลิวเฟิ งโดยไม่รูต้ วั
“นี่มนั เรือ่ งอะไรกัน?” มูห่ รงเย่เอ่ยถามด้วยความวิตกกังวล

“ยังจะเป็ นเรือ่ งอะไรได้อีก? พวกเจ้าเข้ามาติดอยู่ในค่ายกลแล้ว...”


มูห่ รงเสวี่ยเอ่ยอย่างจนปั ญญา

มูห่ รงเย่ “...แล้วจะทาอย่างไร?”

“จะทาอะไรได้ละ่ ? หาใจกลางค่ายกลน่ะสิ!” ขอแค่เป็ นค่ายกลก็


ย่อมมีใจกลางค่ายกล เมื่อหาใจกลางค่ายกลพบก็สามารถทาลาย
ค่ายกลได้ ทาลายค่ายกลได้แล้ว พวกเขาก็จะไม่ถกู ลาแสงสีมว่ งไล่
สังหารอีก...

มูห่ รงเย่แววตาเป็ นประกาย รีบเอ่ยถามขึน้ ว่า “ใจกลางค่ายกลอยู่


ที่ใด?”

“ไม่รูเ้ หมือนกัน!” มูห่ รงเสวี่ยส่ายหน้า “ดังนัน้ ถึงต้องหาอย่างไร


เล่า?”

มูห่ รงเย่ “...หาอย่างไร?”


มูห่ รงเสวี่ยกวาดตามองไปรอบๆ พบว่าลาแสงสีมว่ งเข้มสาดส่อง
เต็มท้องฟ้า ดูทีแรกสะเปะสะปะไร้ระเบียบ แต่เมื่อมองวิถีลาแสงดูดีๆ
ก็พบว่าลาแสงส่วนมากปล่อยออกมาจากจุดเดียวกัน “ลองดูตรงจุด
ปล่อยลาแสงนั่นดู...”

“ได้เลย” มูห่ รงเย่พยักหน้า สะบัดข้อมือทีหนึง่ กระบี่ยาวในมือก็พงุ่


เข้าใส่จดุ จุดหนึ่งที่ปล่อยลาแสงสีมว่ งเข้มออกมา...

มูห่ รงเสวี่ย มูห่ ลิวเฟิ งและหยวนฟางเฟยก็ทยอยหาจุดปล่อย


ลาแสงสีมว่ งเข้ม ปล่อยกาลังภายในและกระบี่ยาวใส่มนั ใช้เวลาว่าง
ให้เกิดประโยชน์...

ไม่คิดเลยว่าหลังจากกาลังภายในและกระบี่ยาวปล่อยออกไปตรง
จุดนัน้ แล้ว ก็กระเด็นกลับมาทันที จากนัน้ ลาแสงสีม่วงเข้มก็ย่ิง
หนาแน่นขึน้ ไล่สงั หารผูค้ นจนต้องหลบกันจ้าละหวั่น สภาพย่าแย่เต็ม
ที ดูเหมือนว่าจุดพวกนัน้ จะไม่ใช่ใจกลางค่ายกล...

“หึ พวกนัน้ ไม่ใช่ใจกลางค่ายกล!” นา้ เสียงเยาะเย้ยของเย่อีเ้ ฉินดัง


ขึน้ ช้าๆ “พวกมันไม่เพียงไม่ใช่ใจกลางค่ายกล ยังเป็ นจุดสาคัญในการ
เลื่อนระดับขัน้ ของค่ายกล...”
ตอนที่ 2022 - 2 ตอนจบ (อวสาน)

อะไรนะ? ค่ายกลนีส้ ามารถเลื่อนระดับขัน้ ได้ดว้ ยหรือ?

ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของผูค้ น ก็มีลาแสงสีมว่ งเข้มหลายสาย


ปล่อยออกมา จากนัน้ ลาแสงสีมว่ งเข้มก็ไม่ได้หายไปเหมือนก่อนหน้า
นี ้ แต่มีลกั ษณะเป็ นเส้นๆ ปรากฎอยู่ตรงนัน้ ...

“ฟิ ้ ว ฟิ ้ ว ฟิ ้ ว...ฟิ ้ ว ฟิ ้ ว ฟิ ้ ว...” ลาแสงสีมว่ งเข้มหลายสายตัดกัน กาง


ตาข่ายล้อมมูห่ รงเสวี่ย มู่หรงเย่ มูห่ ลิวเฟิ งและหยวนฟางเฟยไว้ตรง
กลาง ลาแสงสีมว่ งเป็ นประกายระยิบระยับดูลกึ ลับอย่างบอกไม่ถกู
...

มูห่ รงเย่ลองตวัดกระบี่ฟันลงไปบนลาแสงสีมว่ งที่อยูใ่ กล้ตวั เขา


ที่สดุ ได้ยินเสียงดัง ‘เคร้ง’ กระบี่ของเขาหักออกเป็ นสองท่อน ส่วน
ลาแสงสีมว่ งเข้มกลับไม่เป็ นอะไรเลย...

มูห่ รงเย่องึ ้ ไป “...” ลาแสงสีมว่ งเข้มเหล่านีแ้ ปลกเสียจริง...


“ของที่หมายเอาชีวิตผูอ้ ่ืนย่อมแปลกเป็ นธรรมดา” ขณะที่พดู นัน้
เย่อีเ้ ฉินก็ปะทะกับโอวหยางเส้าเฉินหนึ่งฝ่ ามือ เขาอาศัยโอกาสนีถ้ อย
หลังออกมา จากนัน้ ก็ลอยตัวมาอยู่เหนือค่ายกลลาแสงสีมว่ งเข้ม
กวาดสายตามองพวกเขาแล้วเอ่ยว่า “ค่ายกลนี ้ ข้าเตรียมไว้ให้พวก
เจ้าเป็ นพิเศษ ชอบหรือไม่?”

...

หากผูอ้ ่ืนเตรียมที่กลบฝังให้เจ้า เจ้าจะชอบหรือไม่เล่า?

ผูค้ นพากันถลึงตามองเย่อีเ้ ฉินด้วยความเคียดแค้นโดยไม่เอ่ยสิ่ง


ใด

คล้ายกับว่าเย่อีเ้ ฉินเองก็ไม่ได้ตอ้ งการคาตอบของพวกเขา เมื่อ


ถามประโยคนีจ้ บ เขาก็เงยหน้าขึน้ มองตรงไปข้างหน้าแล้วเอ่ยว่า
“สหายที่อยู่ไกลออกไปตรงนัน้ ไม่เตรียมปรากฏตัวหรือ?”

ขณะที่พดู ก็มีลาแสงสีมว่ งเข้มปล่อยออกไปหลายสาย...


ตอนนีเ้ องที่ผคู้ นเพิ่งจะสังเกตเห็นเย่เทียนฉีท่พี ากองกาลังทหาร
จานวนมากมาตัง้ แต่เมื่อไรไม่ทราบได้ แต่ตอนนีท้ งั้ หมดก็ถกู คลุมเข้า
ไปในค่ายกลลาแสงสีมว่ ง...

“ล้วนเป็ นสหายเก่าทัง้ นัน้ ในเมื่อมาแล้วก็ไม่ตอ้ งไปไหนแล้ว...” เย่


อีเ้ ฉินกล่าว แววตาเป็ นประกายอามหิต “ตายอยู่ท่นี ่ีกนั ให้หมดนั่น
ละ!”

พูดจบ ลาแสงสีมว่ งที่หยุดนิ่งก็เคลื่อนไหว เริงระบาอย่างบ้าคลั่ง


ก่อนกวาดใส่ผคู้ นอย่างไม่ปรานี...

“ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ...ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ...” บริเวณที่ลาแสงสีม่วงพาดผ่าน


สรรพสิ่งล้วนถูกตัดขาด พวกที่หลบช้าไปอยู่บา้ งถูกลาแสงสีมว่ งกวาด
ถึง ก็ถกู ตัดแขน ตัดขา ตัดไปทัง้ ตัว...

“โอ๊ย โอ๊ย โอ๊ย...” เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังขึน้ ไม่


ขาดสาย กองกาลังทหารหลายต่อหลายนายถูกตัดแยกส่วน เศษเนือ้
กระจัดกระจายเต็มพืน้ กลิ่นคาวเลือดตลบอบอวลไปทั่ว...
ลาแสงสีมว่ งปล่อยออกมาเป็ นระลอกๆ ไม่มีทีทา่ ว่าจะหยุดพัก
รับมือระลอกนีเ้ สร็จก็มีอีกระลอกตามมา...

พลังกวาดล้างปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง ทาให้ผคู้ นเปลืองแรง


เคลื่อนไหวช้าลงโดยไม่รูต้ วั มูห่ รงเย่และมูห่ ลิวเฟิ งถูกลาแสงสีมว่ ง
กรีดที่แขนเป็ นทางยาว เลือดสีแดงฉานไหลออกมา...

หยวนฟางเฟยก็ถกู ลาแสงสีมว่ งกรีดที่ขาเล็กทัง้ สองข้าง กรีดเป็ น


ทางยาวพอๆ กัน สมดุลยิ่งนัก...

ส่วนเย่เทียนฉีดีหน่อยไม่ได้รบั บาดเจ็บ

มูห่ รงเสวี่ยเองก็ไม่ได้รบั บาดเจ็บ แต่วา่ กระบี่ของนางเต็มไปด้วย


รอยบิ่น รอยติดๆ กัน ตัดกันแน่นไปหมด เห็นแล้วพาให้รูส้ กึ กลัว...

“ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ...” ลาแสงสีมว่ งหลายสายปล่อยออกมาโจมตี ทัง้


เร็วทัง้ แรง มูห่ รงเสวี่ยหลบไม่พน้ ยกกระบี่ขนึ ้ ตัง้ รับ ไม่คิดว่าจังหวะที่
กระบี่ปะทะกับลาแสง กระบี่จะแตกร้าว ลาแสงสีมว่ งลอดผ่านรอย
แยกพุง่ ใส่มหู่ รงเสวี่ย...
ขณะที่ลาแสงนัน้ ใกล้จะกวาดผ่านช่วงอกนาง ตัดนางออกเป็ นสอง
ท่อนนัน้ ก็มีเงาสีขาวสาวหนึ่งมาปรากฏตัวอยู่ขา้ งกายมูห่ รงเสวี่ย รวบ
เอวนางดึงตัวนางหลบไปอีกด้านหนึ่ง...

ลาแสงสีมว่ งเข้มเฉี่ยวผ่านชายเสือ้ ของทัง้ คู่ แต่ไม่ได้ทาให้ทงั้ สอง


บาดเจ็บเลยแม้แต่นิด...

เย่อีเ้ ฉินที่อยู่กลางอากาศเห็นเหตุการณ์ท่เี กิดขึน้ กับตาตัวเอง ก็


มองบุรุษชุดขาวด้วยสายตาตกตะลึง คิดไม่ถึงเลยว่าโอวหยางเส้าเฉิน
จะพาตัวเองเข้าไปอยู่ในค่ายกล...

เมื่อมองดูมหู่ รงเสวี่ยที่โอวหยางเส้าเฉินปกป้องอยู่ในอ้อมแขนแล้ว
เขาก็เข้าใจขึน้ มาในบัดดล มีผลลัพธ์เช่นนีก้ ็ไม่แปลก ใครใช้ให้มหู่ รง
เสวี่ยเป็ นจุดอ่อนของโอวหยางเส้าเฉินกันเล่า เมื่อมูห่ รงเสวี่ยตกอยู่ใน
อันตรายเขาย่อมต้องไปช่วยโดยไม่สนใจสิ่งใดเป็ นเรือ่ งปกติ...

โอวหยางเส้าเฉินวรยุทธ์ลา้ เลิศ เขาไม่ม่นั ใจว่าตนเองจะสามารถ


โจมตีโอวหยางเส้าเฉินเข้าไปในค่ายกลได้หรือไม่ จึงไม่ได้บมุ่ บ่ามลง
มือกับโอวหยางเส้าเฉิน คิดว่ารอให้เขาสังหารทุกคนในค่ายกลให้
เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยปั กหลักจัดการกับโอวหยางเส้าเฉิน ไม่คิดเลย
ว่าโอวหยางเส้าเฉินจะเป็ นฝ่ ายเข้าไปในค่ายกลของเขาเอง...

แบบนีก้ ็ดีเหมือนกัน ประหยัดเวลาและประหยัดวิธีการของเขา

โอวหยางเส้าเฉินเข้าไปในค่ายกลหาเรือ่ งตาย เช่นนัน้ เขาก็จะ


สงเคราะห์ให้เขาสมปรารถนา!

เย่อีเ้ ฉินสะบัดข้อมือ ลาแสงสีมว่ งแฝงรังสีสงั หารจานวนมากกวาด


ใส่โอวหยางเส้าเฉินโดยไม่ปรานี...

โอวหยางเส้าเฉินยืนนิ่งอยู่กบั ที่ไม่ขยับ จนมูห่ รงเสวี่ยอดที่จะมอง


เขาด้วยความกังวลไม่ได้ “เส้าเฉิน!”

“ไม่ตอ้ งกังวล” โอวหยางเส้าเฉินไม่ย่ีหระ จังหวะที่ลาแสงสีมว่ งเข้ม


กวาดมาถึงตัวเขา เขาก็ยกมือขึน้ พืน้ ที่ราบเรียบก็พลันปรากฏกาแพง
ไร้ลกั ษณ์ขวางลาแสงสีมว่ งเข้มไว้...

...
สมกับเป็ นโอวหยางเส้าเฉิน คิดไม่ถึงว่าจะสามารถต้านทาน
ลาแสงสีมว่ งของเขาได้ แต่วา่ ก็คงทาได้เพียงเท่านีน้ ่ นั แหละ...

แววตาของเย่อีเ้ ฉินเย็นชา ลาแสงสีมว่ งเข้มจานวนมากเชื่อมต่อ


กันเป็ นแผ่นกวาดใส่โวหยางเส้าเฉิน...

โอวหยางเส้าเฉินสงบนิ่งไม่มีอาการแตกตื่น สะบัดมือเบาๆ เกิด


เป็ นสายลมพัดแรงหลายสายที่พนื ้ พุง่ ใส่ลาแสงสีมว่ งนัน้ ...

“ปั ง ปั ง ปั ง...” สายลมแรงปะทะลาแสงสีมว่ งเข้ม ฝุ่ นละออง


คละคลุง้ ไปทั่วฟ้า บดบังลาแสงที่อยู่เต็มท้องฟ้า...

การต่อสูอ้ นั ดุเดือดสะเทือนจนผูค้ นพากันหยุดการกระทา มองดู


คนทัง้ คูต่ ่อสูก้ นั พบว่าเย่อเี ้ ฉินโยกย้ายลาแสงที่กระจายอยู่เต็ม
ท้องฟ้าทุม่ ใส่โอวหยางเส้าเฉิน สว่นโอวหยางเส้าเฉินก็โยกย้ายสาย
ลมแรงบนพืน้ กาจักลาแสงสีมว่ งนั่น...

“ปั ง ปั ง ปั ง...” สายลมแรงและลาแสงต่างก็ทรงพลังเหลือประมาณ


ทุกครัง้ ที่ปะทะกันราวกับอัสนีสนั นิบาตสั่นสะเทือนทัง้ พืน้ ดิน ไม่
สามารถบรรยายกลิ่นไอความน่ากลัว บริเวณที่สะเทือนปรากฏเป็ น
หลุมขนาดใหญ่...

การต่อสูก้ ยั ดุเดือนรุนแรงนีพ้ าให้ผคู้ นหวาดผวา ฝุ่ นละอองจาก


สายลมแรงบนพืน้ กับลาแสงสีมว่ งเข้มทาให้ผคู้ นลืมตาไม่ขนึ ้ ...

แรงสั่นสะเทือนรุนแรงทาให้ผคู้ นตัง้ หลักไม่อยู่พากันล้ม


ระเนระนาด ทว่ายังคงจับตามองการต่อสูข้ องคนทัง้ คูโ่ ดยไม่ละ
สายตา พบว่าทัง้ สายลมและลาแสงซัดให้กนั ทั่วบริเวณ บริเวณหน้า
ผาก็ถกู พวกมันถล่ม กลิ่นไอทรงพลังปล่อยกระจายทั่วทุกทิศทางทา
ให้ตน้ ไม้ใบหญ้าบริเวณโดยรอบราบเป็ นหน้ากลอง...

แววตาเย่อีเ้ ฉินเย็นชา ฝี มือที่พอฟั ดพอเหวี่ยงทาเอาเขาถึงกับ


ขมวดคิว้ รวมลาแสงสีมว่ งทัง้ หมดที่มีแผ่คลุมใส่โอวหยางเส้าเฉิน...

โอวหยางเส้าเฉินก็ไม่ยอมอ่อนข้อแต่อย่างใด โยกย้ายสายลมแรง
จากพืน้ ใส่ลาแสงสีมว่ ง...

“ปั ง!” สายลมแรงจากพืน้ ปะทะลาแสงสีมว่ งระเบิดออกมา สาย


พลังรุนแรงแผ่คลุมโดยรอบทาลายล้างหน้าผาไปกว่าครึง่ ...
หลังจากลมฝุ่ นละอองสงบลง โอวหยางเส้าเฉินก็ยืนนิ่งๆ ไม่ไหวติง
ส่วนเย่อเี ้ ฉินที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศก็ชะงักไปชั่วขณะ กระอัก
ออกมาก่อนจะร่วงลงพืน้ ในท่าคุกเข่าข้างหนึ่ง มือกุมหน้าอก มุมปาก
ที่เลือดไหลออกมา ลาแสงสีมว่ งเข้มในท้องฟ้าค่อยๆ หายไปช้าๆ...

“ทาไม...เป็ นไปได้อย่างไร...” เย่อีเ้ ฉินมองโอวหยางเส้าเฉินด้วย


ความตกใจ โอวหยางเส้าเฉินทาลายค่ายกลลาแสงสีมว่ งของเขาได้
อย่างไรกัน...

“ก็แค่ค่ายกลลาแสงสีมว่ ง ทาลายแล้วมีอะไรน่าแปลกใจกัน?”
โอวหยางเส้าเฉินย้อนถามเย่อเี ้ ฉินกลับ ค่ายกลลาแสงสีมว่ งก็เป็ น
ค่ายกล เป็ นค่ายกลก็ยอ่ มสามารถทาลายค่ายกลได้ ไม่ใช่หรือ
อย่างไร?

...

เป็ นค่ายกลก็สามารถทาลายได้อย่างนัน้ หรือ?

โอวหยางเส้าเฉินที่แสนร้ายกาจ เขาประเมินโอวหยางเส้าเฉินต่า
ไปจริงๆ!
“เจ้าหาใจกลางค่ายกลลาแสงสีมว่ งของข้าเจอได้อย่างไร?” โอวห
ยางเส้าเฉินสามารถทาลายค่ายกลลาแสงสีมว่ งของเขาได้ เพราะการ
โจมตีของโอวหยางเส้าเฉินเมื่อครูน่ ีก้ าจัดใจกลางค่ายกลลาแสงสีมว่ ง
ที่เขาซ่อนไว้...

“ตัง้ ใจหาดูดีๆ ก็เจอแล้ว” โอวหยางเส้าเฉินเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ

เย่อีเ้ ฉิน “...เจ้าเริม่ ตรวจสอบดูตงั้ แต่เมื่อไรกัน?”

“ตอนที่เจ้าสูก้ บั ข้าอย่างไรเล่า” โอวหยางเส้าเฉินเอ่ยเรียบๆ เอ่ย


ขึน้ มาท่ามกลางสายตาตกใจของเย่อีเ้ ฉินว่า “เจ้ายังสามารถสูก้ บั ข้า
ไปวางค่ายกลไปได้เลย ข้าเองก็สามารถสูก้ บั เจ้าไปพลางค้นหาใจ
กลางค่ายกลที่เจ้าวางไว้ได้เช่นกัน...”

ผูค้ นในที่นนั้ “...”

สมกับที่เป็ นโอวหยางเส้าเฉินจริงๆ!

เย่อีเ้ ฉินถึงกับอึง้ พูดไม่ออก “...”

เขาประเมินโอวหยางเส้าเฉินต่าไปจริงๆ ด้วย
เขาคิดว่าเขาวางค่ายกลอย่างลึกลับ แม้แต่ผเู้ ฉลียวฉลาดเช่นมู่
หรงเสวี่ยก็รูต้ วั ต่อเมื่อเขาวางค่ายกลเสร็จเรียบร้อยแล้ว คิดไม่ถึงว่า
โอวหยางเส้าเฉินจะรูต้ วั ตัง้ แต่เขาเริม่ กางค่ายกลแล้ว...

“เย่อีเ้ ฉินยอมให้จบั แต่โดยดีเถอะ!” ค่ายกลลาแสงสีมว่ งสลายไป


อย่างไร้รอ่ งรอย ทุกคนปลอดภัยไร้อนั ตรายอีกครัง้ เย่เทียนฉีเดินนา
กองกาลังทหารเดินเข้ามาล้อมเย่อเี ้ ฉินไว้ตรงกลาง กองกาลังทหารชี ้
กระบี่ใส่เย่อีเ้ ฉิน

เย่อีเ้ ฉินผุดลุกขึน้ ยืน ยกมือเช็ดเลือดมุมปากตนเองลวกๆ สายลม


อ่อนพัดมาพาให้ชายเสือ้ สีม่วงเข้มของเขาสะบัดไปยังหน้าผาเวิง้ ว้าง
ด้านหลัง...

ยอมให้จบั ตัวหรือ?

หึ แต่ไหนแต่ไรมาในชีวิตของเขาไม่เคยมีคานีม้ าก่อน ชนะเป็ นเจ้า


แพ้เป็ นโจรหลักการข้อนีเ้ ขารูแ้ ละยอมรับ แต่วา่ “บนโลกใบนีม้ ีเพียง
เทพสงครามที่ตายในสงคราม ไม่มีเทพสงครามที่พ่ายแพ้ใน
สงคราม!”
แววตาคมกริบของเย่อเี ้ ฉินเป็ นประกายเย่อหยิ่ง พุง่ ตัวไปด้านหลัง
ดิ่งลงเหว...

เย่เทียนฉีดวงตาชะงักงัน รีบยื่นมือไปคว้าทว่าก็คว้าได้เพียงความ
ว่างเปล่า...

มูห่ รงเสวี่ย มูห่ ลิวเฟิ งและคนอื่นๆ ก็ถกู ภาพเหตุการณ์ปบุ ปั บตะลึง


งัน ก่อนจะวิ่งเข้ามามองดูเงาร่างเย่อีเ้ ฉินที่ตกลงไปเบือ้ งล่างอย่าง
รวดเร็ว...

เย่อีเ้ ฉินที่รว่ งลงไปปิ ดตาลงครึง่ หนึ่ง ร่างกายและจิตใจสงบนิ่ง


อย่างที่ไม่เคยเป็ นมาก่อน ภาพเหตุการณ์ตงั้ แต่เด็กจนโตแวบเข้ามา
ในห้วงความคิดทีละภาพ...

เขาเริม่ คิดชิงบัลลังก์มงั กรตัง้ แต่เมื่อไรกันนะ?

เหมือนว่าตัวเขาเองก็จาไม่ได้แล้ว จาได้แค่เพียงว่าบิดาที่เขา
พึง่ พาตายจากไป ส่วนมารดาของเขานัน้ ...ไม่ตอ้ งไปเอ่ยถึงก็ได้ คนที่
เขาชอบแต่งให้ผอู้ ่ืน เขาเหลือเพียงตัวคนเดียว...รวมถึงอานาจในมือ
...
สิ่งเดียวที่เขามีและพัฒนาได้มีเพียงอานาจ ดังนัน้ เขาจึงบ่มเพาะ
กองกาลังทหารเพื่อชิงบัลลังก์ ต้องการพัฒนาให้ส่งิ เดียวยิ่งใหญ่นี ้
เกรียงไกร จนคนที่เขาแอบชอบและคนที่เขาชิงชังทาได้เพียงเงยหน้า
มอง...

เขาเองก็เคยคิดว่าชิงบัลลังก์ลม้ เหลว แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะชิงบัล


ลังล้มเหลวจริงๆ...

ถามว่าเสียใจหรือไม่?

ความจริงก็ไม่เรียกว่าเสียใจหรอก เพราะถึงอย่างไรนั่นก็เป็ นเรือ่ ง


เดียวที่เขาทาได้...

ใบหน้างดงามของมูห่ รงเสวี่ยปรากฏตรงหน้าผา เย่อีเ้ ฉินเห็นแล้ว


มุกปากยกโค้ง หากทีแรกเขาเชื่อฟั งบิดา ไม่ได้รงั เกียจนาง ทอดทิง้
นาง ชิงชังนาง เรือ่ งราวก็คงไม่ลงเอยเช่นนี.้ ..

...
บนหน้าผาพากันมองร่างของเย่อีเ้ ฉินที่ด่งิ ลงไปจนกลายเป็ นจุด
เล็กๆ มูห่ ลิวเฟิ งถอนหายใจออกมาหนักๆ “เย่อีเ้ ฉิน...ช่างน่าเสียดาย
...”

ท่านอ๋องของแคว้นชิงเหยี่ยน ด้านการทหารเป็ นเลิศ หากว่าเขาไม่


นากองกาลังชิงบัลลังก์ ย่อมต้องสรร้างชื่อในหน้าประวัติศาสตร์อย่าง
แน่นอน...

“ตอนนีเ้ ขานากองกาลังชิงบัลลังก์แล้ว เกรงว่าจะทิง้ ชื่อเสียงฉาว


โฉ่เป็ นหมื่นปี ...” หยวนฟางเฟยเอ่ยรับคาพูดของมูห่ ลิวเฟิ ง

มูห่ ลิวเฟิ งมองหน้านางด้วยความแปลกใจ “เจ้าเข้าใจคาว่า


ชื่อเสียงฉาวโฉ่เป็ นหมื่นปี ดว้ ยหรือ...”

“ไร้สาระน่า ข้าไม่ใช่คนไม่รูห้ นังสือ จะไม่เข้าใจศัพท์คาว่าชื่อเสียง


ฉาวโฉ่เป็ นหมื่นปี ได้อย่างไร...” หยวนฟางเฟยปรายตามองมูห่ ลิวเฟิ ง

ขณะที่มหู่ ลิวเฟิ งเตรียมจะแย้ง เย่เทียนฉีก็ชิงเอ่ยขึน้ มาก่อนว่า


“เอาล่ะๆ...ไม่ตอ้ งทะเลาะกันแล้ว กลับเมืองหลวงกันเถอะ ในเมือง
หลวงยังมีเรือ่ งอีกมากมายให้พวกเรากลับไปจัดการ...”
“นั่นสินะ!” ตอนนีเ้ มืองหลวงวุน่ วาย ยังมีเรือ่ งราวอีกมากมายที่รอ
ให้พวกเขากลับไปช่วยเหลือ...

“ไปๆๆ...กลับเมืองหลวง กลับเมืองหลวง...” หยวนฟางเฟยเอ่ย


แล้วก็หนั หลังเดินไปทางเมืองหลวง

มูห่ ลิวเฟิ ง เย่เทียนฉีและมูห่ รงเย่ก็เดินตามไฟช้าๆ

ทว่ามูห่ รงเสวี่ยกลับยืนอยู่ตรงหน้าผาไม่ขยับ มองดูกน้ เหวลึกด้วย


สายตาเคร่งขรึม

“คิดอะไรอยู่หรือ?” โอวหยางเส้าเฉินยืนอยู่ขา้ งกายนางเอ่ยถาม


ขึน้ เบาๆ

มูห่ รงเสวี่ยส่ายหน้า “ไม่มีอะไร เพียงแค่ใจหายอยู่บา้ ง”

“ไม่ตอ้ งคิดมาก ทุกอย่างผ่านไปแล้ว” โอวหยางเส้าเฉินเอ่ยเสียง


อ่อนโยน

“ข้าเข้าใจ” มูห่ รงเสี่ยพยักหน้า แว่วเสียงหยวนฟางเฟยร้องเรียกอยู่


ด้านหลัง “โอวหยางเส้าเฉิน มูห่ รงเสวี่ย กลับเมืองหลวงแล้ว!”
“มาแล้ว!” มูห่ รงเสวี่ยตอบนางหนึง่ ประโยค ยื่นมือไปคล้องแขน
โอวหยางเส้าเฉิน “พวกเราไปกันเถอะ!”

“อืม!” โอวหยางเส้าเฉินพยักหน้า เดินเคียงคูไ่ ปกับมูห่ รงเสวี่ย

ท่ามกลางแสงอาทิตย์อสั ดง เงาของคนทัง้ คูท่ อดยาวเคียงกันไป...

ด้านหลัง ท้องฟ้าสีแดงเป้นเวลาอาทิตย์ลบั ขอบฟ้า ต้นเฟิ งสีแดง


เต็มภูเขา...

You might also like