Professional Documents
Culture Documents
Ionic Bond
Ionic Bond
* Ionic bond *
พันธะไอออนิก ( Ionic bond )
พันธะไอออนิก ( Ionic bond ) หมายถึง พันธะระหว่างอะตอมที่อยูใ่ นสภาพไอออนที่มีประจุ
ตรงกันข้ามกัน ซึ่งเกิดจากการเคลื่อนย้ายอิเล็กตรอน 11 ตัว หรื อมากกว่า จากอิเล็กตรอนวงนอกสุ ด
ของอะตอมหนึ่งไปยังอีกอะตอมหนึ่ง เพื่อให้จำนวนอิเล็กตรอนวงนอกสุ ด ครบออกเตต ซึ่งเกิดขึ้น
ระหว่างอะตอมของโลหะกับอโลหะ โดยที่โลหะเป็ นฝ่ ายจ่ายอิเล็กตรอนในระดับพลังงานชั้นนอกสุ ด
ให้กบั อโลหะ
เนื่องจากโลหะมีค่าพลังงานไอออไนเซชันต่ำ และอโลหะมีค่าพลังงานไอออไนเซชันสูง ดังนั้น
พันธะไอออนิกจึงเกิดขึ้นระหว่างโลหะกับอโลหะได้ดี กล่าวคือ อะตอมของโลหะให้เวเลนต์
อิเล็กตรอนแก่อโลหะ แล้วเกิดเป็ นไอออนบวกและไอออนลบของอโลหะ เพื่อให้เวเลนต์อิเล็กตรอน
เป็ นแปด แบบก๊าซเฉื่ อย ส่ วนอโลหะรับเวเลนต์อิเล็กตรอนมานั้นก็เพื่อปรับตัวเองให้เสถียรแบบ
ก๊าซเฉื่ อยเช่นกัน ไอออนบวกกับไอออนลบจึงดึงดูดระหว่างประจุไฟฟ้ าต่างกันเกิดเป็ นสารประกอบ
ไอออนิก( Ionic compound ) ดังนี้
การเกิดสารประกอบโซเดียมคลอไรด์ ( NaCl ) จากโซเดียม (Na) อะตอมกับคลอรี น (Cl) อะตอม
2,8,1 2, 8, 7 2, 8 2, 8, 8
รวม 5 ขั้นตอน
Na (s) + ½Cl2 (g) NaCl (s) S + ½D + I + E + U = H = -410 kJ/mol
การเกิดสารประกอบแมกนีเซียมคลอไรด์ จากแมกนีเซียมอะตอม(Mq) และคลอรี นอะตอม(Cl)
ตัวอย่างการอ่านชื่อสารประกอบไอออนิกธาตุคู่
ถ้าสารประกอบที่เกิดจากธาตุโลหะเดียวกันที่มีไอออนได้หลายชนิด รวมตัวกับ
อโลหะ ให้อ่านชื่อโลหะที่เป็ นไอออนบวกแล้วตามด้วยค่าประจุของไอออนของโลหะ
โดยวงเล็บเป็ นเลขโรมัน แล้วตามด้วยอโลหะที่เป็ นไอออนลบ โดยเปลี่ยนเสี ยงพยางค์
ท้ายเป็ น ไอด์ (ide) เช่น Fe เกิดไอออนได้ 2 ชนิดคือ Fe 2+ และ Fe 3+ และCu เกิด
ไอออนได้ 2 ชนิดคือ Cu + และ Cu 2+ สารประกอบที่เกิดขึ้นและการอ่านชื่อ ดังนี้
2. สารประกอบธาตุสามหรือมากกว่ า ถ้าสารประกอบเกิดจากไอออนบวกของโลหะ หรื อกลุ่มไอออนบวกรวมตัวกับกลุ่มไอออน
ลบ ให้อ่านชื่อไอออนบวกของโลหะหรื อชื่อกลุ่มไอออนบวก แล้วตามด้วยกลุ่มไอออนลบ เช่น
การละลายของสารประกอบไอออนิก
สารประกอบไอออนิกบางชนิดละลายน้ำได้ดีและบางชนิดไม่ละลายน้ำ การที่สารประกอบไอออนิกละลายน้ำได้เนื่องจาก
แรงดึงดูดระหว่างโมเลกุลของน้ำกับไอออนมีค่ามากกว่าแรงยึดเหนี่ยวระหว่างไอออนบวกกับไอออนลบ เช่น เมื่อนำโซเดียม
คลอไรด์มาละลายในน้ำ แรงดึงดูดระหว่างโมเลกุลของน้ำกับโซเดียมไอออน และน้ำกับคลอไรด์ไอออนมีค่าสูงกว่าแรงยึด
เหนี่ยวระหว่างไอออนทั้งสอง โซเดียมคลอไรด์จึงละลายน้ำได้ เมื่อไอออนเหล่านี้หลุดออกจากโครงสร้างเดิม แต่ละไอออนจะ
ถูก
ล้อมรอบด้วยโมเลกุลของน้ำหลายๆโมเลกุล โดยน้ำจะหันขั้วที่มีประจุตรงกันข้ามเข้าไอออนที่ลอ้ มรอบ
ในการละลายน้ำของสารประกอบไอออนิก จะมีข้นั ย่อยๆของการเปลี่ยนแปลง 2 ขั้นตอน ดังนี้
ขั้นที่ 1 ผลึกของสารประกอบไอออนิกสลายตัวออกเป็ นไอออนบวกและลบในภาวะก๊าซ ขั้นนี้ตอ้ งใช้
พลังงานเพื่อสลายผลีก พลังงานนี้ เรี ยกว่า พลังงานโครงร่ างผลึก ( latece energy ) , E1
ขั้นที่ 2 ไอออนบวกและไอออนลบในภาวะก๊าซรวมตัวกับน้ำ ขั้นนี้มีการคายพลังงาน พลังงานที่คายออกมา
เรี ยกว่า พลังงานไฮเดรชัน (Hydration energy ) , E2
พลังงานของการละลาย ( D E) มีคา่ = E1 + E2 พลังงานของการละลายพิจารณาจากพลังงานโครงร่ างผลึก
( E1 ) และพลังงานไฮเดรชัน ( E2 ) ดังนี้
ถ้าค่า D E< 0 ( E1 < E2 ) การละลายจะเป็ นแบบคายพลังงาน
ถ้าค่าD E > 0 ( E1 > E2 ) การละลายจะเป็ นแบบดูดพลังงาน
ถ้าD E = 0 ( E1 = E2 ) การละลายจะไม่คายพลังงาน
ถ้า พลังงานโครงร่ างผลึกมีคา่ มากกว่าพลังงานไฮเดรชันมากๆ ( E1 >>>> E2 ) จะไม่ละลายน้ำ
สูตรเคมีของสารประกอบไออนิก
1. นำจำนวน Valance e- มาหาประจุ โดยถ้าเป็ นโลหะ + Valence e-
แต่ถา้ เป็ นอโลหะ Valence e- ลบด้วย 8
2. นำจำนวนประจุมาคูณไขว้สลับที่กนั เช่น
การเกิดไอออนบวกคืออิเล็กตรอนวงนอกทั้งหมดหลุดออกมาจากอะตอม เช่น
การเกิดไอออนลบคือการเพิ่มอิเล็กตรอนในชั้นของอิเล็กตรอนวงนอกเช่น
เราอาจแยกออกเป็ นสองปฏิกิริยาได้เป็ น
ตัวอย่ าง จงแสดงการเกิด Na2O โดยใช้ Lewis electron dot symbol