You are on page 1of 788

ตอนที 1 จากพระชายาเอกสู่ พระชายารอง (1)

ระหว่างทีสะลึมสะลืออยูน่ นั มู่หรงเสวียก็รู้สึกเจ็บแปลบในอก ทุกลมหายใจเหมือนกับมีเข็มนับพันเล่มทิมแทง


เข้าทีหัวใจ เจ็บถึงขนาดทีคิวขมวดเป็ นปม เปลือกตาทีหนักอึงค่อยๆเปิ ดออก แต่ทว่าภาพตรงหน้ากลับทําให้นาง
ต้องตกตะลึง

โต๊ะหยกขาว เก้าอีไม้แดง เสาคําสี ทอง ตังหยกบุแพรต่วน ท้องพระโรงสี ทองตระการตา ด้านในวางไว้ดว้ ย


กระถางธูปลวดลายโบราณ ปะการังแดงสองต้นริ มหน้าต่างยิงมีคา่ เหนือสิ งอืนใด กอปรกับมุกราตรี กระจ่าง
ประดับบนฝาผนังอย่างวิจิตรบรรจง แต่ละเม็ดงดงามจนไม่อาจจะละสายตาออกได้

มู่หรงเสวียคิดไม่ตก การตกแต่งของทีนีทังโบราณทังหรู หราตระการตา แม้แต่ทอ้ งพระโรงของพระราชวัง


ต้องห้ามทีปั กกิงก็ยงั เทียบไม่ติด

“ฝ่ าบาท กระหม่อมขอประทานอนุ ญาต ขอทรงอนุ ญาตให้องค์หญิงยวีเยียนดํารงตําแหน่งพระชายาเอก และให้มู่


หรงเสวียดํารงตําแหน่ งพระชายารอง......”

เสี ยงเย็นชาของผูช้ ายคนหนึงลอยเข้าหู ทําลายความงามของฉากตระการตาตรงหน้า มู่หรงเสวียหันไปตามเสี ยง


นัน กลางท้องพระโรงปรากฏชายหนุ่ มในชุดขุนนางจีนสี ม่วง ผมสี ดาํ เงารวบสู งด้วยหมวกขุนนางสี ม่วง รู ปหน้า
หล่อเหลาหาใครเปรี ยบ ทว่าดวงตากลับเย็นชาแข็งกร้าว
ทันใดนันเองมู่หรงเสวียก็รู้สึกเจ็บแปลบเหมือนกับมีบางสิ งกําลังระเบิดอยูใ่ นหัว ความทรงจําแปลกปลอมไหล
ทะลักรวมเข้ากับความทรงจําเดิมทีมีอยู่ นางไม่อยากจะยอมรับ แต่กต็ อ้ งยอมรับว่าตอนนี วิญญาณของนางได้เข้า
มาอยูใ่ นร่ างของหญิงสาวแปลกหน้าผูน้ ี เสี ยแล้ว
เจ้าของร่ างเดิมชือมู่หรงเสวียบุตรสาวสายตรงของจวนเจินกัวโหวซึ งเป็ นจวนขุนนางศักดินาขันสอง ตัวนางได้
หมันหมายกับจิงอ๋ องตังแต่ยงั เล็ก สามปี ก่อนจิงอ๋ องนําทัพไปปราบศัตรู ทีชายแดน ปล่อยให้มู่หรงเสวียรอคอยอยู่
ทีเมืองหลวงอย่างโดดเดียวอ้างว้าง

ไม่ง่ายเลยในการรอว่าทีพระสวามีกลับราชสํานัก แต่นางกลับคาดไม่ถึงว่า หลังจากเสร็ จศึกแล้วเขากลับพาองค์


หญิงแคว้นม่อเป่ ยยวีเยียนกลับมาด้วย ทังยังขอตําแหน่งพระชายาเอกจากฝ่ าบาทให้ยวีเยียน ต่อหน้าขุนนางน้อย
ใหญ่ แต่ว่าทีคู่หมันอย่างนางเขากลับให้เป็ นแค่ชายารองเท่านัน เจ้าของร่ างเดิมไม่ทนั ตังตัว ด้วยความโกรธและ
ตกใจทําให้โรคเก่ากําเริ บ และตายไปอย่างน่ าเสี ยดาย

เพือฐานะพระชายาเอกของฉิ นยวีเยียน เย่อีเฉิ น(จิงอ๋ อง)ถึงกับใช้ความดีความชอบในการศึกขอฝ่ าบาท


พระราชทานสมรส แต่ม่หู รงเสวียผิดอะไร นางเพียงเคารพในคําสังของบิดามารดาทีให้หมันกับเย่อเฉิ
ี น ไม่เคย
คุยกับพระคู่หมันเลยสักครัง แต่กลับถูกเขาลดขันลงเป็ นเพียงพระชายารองทีตําต้อย เกียรติของชนชันสู งเช่นนาง
ถูกเขาทําลายอย่างไร้เยือใย

แววตาของมู่หรงเสวียกลายเป็ นอํามหิ ตอยูว่ บู หนึง นางไม่แยแสกับสายตาทีแสดงความเห็นใจ สงสาร เยาะเย้ยดู


ถูก สนุกบนความทุกข์ของนางจากหมู่ชนชันสู ง นางเพียงค่อยๆเงยหน้าขึนมองไปทางเย่อีเฉิ น “ข้ากับท่านอ๋ อง
เราสองนันหมันหมายกันอยูก่ ่อนแล้ว องค์หญิงยวีเยียนแต่งเข้ามาทีหลังข้า แต่ท่านอ๋ องให้ขา้ เป็ นรอง ไม่คดิ ว่า
เกินไปหน่ อยหรื อเพคะ?”
สายตาตกตะลึงและคาดไม่ถึงของฝูงชนมองไปยังมู่หรงเสวีย เย่อเฉิ
ี นเป็ นถึงท่านอ๋ องเทพสงครามทีมีความดี
านักยังต้องให้เกียรติเขาอยูเ่ สี ยสามส่ วน มู่หรงเสวียก็แค่ท่าน
ความชอบในการศึกมากมาย ขุนนางบุ๋นบู๊ทงราชสํ

หญิงอ่อนแอขีโรคผูห้ นึง ถึงกับกล้าติเตียนท่านอ๋ องอย่างไม่ไว้หน้า ช่างบังอาจยิงนัก

บนบัลลังก์มงั กรทอง ฮ่องเต้วยั กลางคนก็ทรงทอดพระเนตรไปยังมู่หรงเสวียเช่นกัน ภายใต้การปกปิ ดของม่าน


ปัดหยกขาวปรากฏสายตาคมและทรงอํานาจ

มู่หรงเสวียทําเป็ นมองไม่เห็นสายตาจากฝูงชน เพียงแต่จอ้ งมองเย่อีเฉิ นอย่างเย็นชา

“ยวีเยียนเป็ นองค์หญิงทีฮ่องเต้แคว้นม่อเป่ ยทรงโปรดปรานทีสุ ด ถ้าให้นางเป็ นเพียงพระชายารอง จะถือเป็ นการ


หลู่เกียรติของม่อเป่ ย ชิงเหยียนและม่อเป่ ยสองแคว้นอาจเกิดสงครามขึนอีกครัง” เย่อีเฉิ นตอบกลับอย่างเย็นชา
แม้แต่หน้าของนางเขายังไม่หันมามอง ท่าทางของเขาแสดงถึงความรําคาญและไม่แยแส

มู่หรงเสวียก็ไม่แยแสกับท่าทางของเขาเช่นกัน ตอบกลับด้วยนําเสี ยงเย็นราบเรี ยบ “แคว้นชิงเหยียนของเรามี


อํานาจยิงใหญ่ แสงยานุ ภาพทางการทหารก็เข้มแข็ง ถ้าม่อเป่ ยกล้ารุ กราน เพียงส่ งทหารไปทําลายก็สินเรื อง
ทําไมท่านอ๋ องถึงต้องเกรงกลัวด้วยเพคะ?”

“ข้ามิได้เกรงกลัวการรบ ข้าแค่ไม่อยากให้ทหารชายแดนต้องตายโดยเปล่าประโยชน์” เย่อีเฉิ นหันกายมองมู่หรง


เสวียด้วยหางตาทีเย็นชาของผูเ้ ป็ นใหญ่ “สองแคว้นเกียวดองกันสามารถแก้ปัญหาสงครามได้ ทําไมยังต้อง
เสี ยสละทหารด้วยการทําสงครามทีโหดร้ายด้วยเล่า?”

ทหารม่อเป่ ยนันโหดเ**◌้ยม ป่ าเถือน ทางนันไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆอย่างแน่ นอน ทีพวกมันยอมตกลงทําสัญญา


สงบศึกเช่นนี สองในสามต้องมาจากการสู ญเสี ยเสบียงและไพร่ พลในการทําศึกตลอดสามปี ทีผ่านมา จึงจําต้อง
ทําสัญญาสงบศึกเพือฟื นฟูเสบียงและกําลังรบ ถึงฉิ นยวีเยียนจะได้เป็ นแค่พระชายารอง พวกมันก็ทาํ ได้แค่โกรธ
แค้นเท่านัน แต่ไม่ถึงกับยกทัพกดดันชายแดนแน่นอน

เย่อีเฉิ นทําสงครามกับม่อเป่ ยมาสามปี ต้องรู้แจ้งถึงสภาพปั จจุบนั ของม่อเป่ ยเป็ นอย่างดี แต่เขากลับใช้สัญญา


สงบศึกมาเป็ นข้ออ้างในการลดขันข้า ทังทีไม่จาํ เป็ น ไม่ใช่ว่าเขาชอบฉิ นยวีเยียนจริ งๆหรอกหรื อ? นีหรื อว่าเขา
อยากแต่งนางเป็ นพระชายาเอกจริ งๆ

มู่หรงเสวียแอบยิมเยาะทีมุมปาก มองเย่อีเฉิ นด้วยดวงตาทีเย็นชา “ราชวงศ์มีองค์ชายมากมาย บัณฑิตหนุ่มชน


ชันสูงในเมืองหลวงก็มากมายเช่นกัน องค์หญิงยวีเหยียนแต่งกับใครสักคนในนี ก็ได้ ทําไมจะต้องแต่งกับท่าน
อ๋ องทีมีพนั ธะแล้วด้วยล่ะเพคะ?”

เย่อีเฉิ นหลู่เกียรติของมู่หรงเสวียโดยการลดขันให้นางเป็ นเพียงพระชายารองทีเสื อมเกียรติท่ามกลางผูค้ น


มากมายกลางท้องพระโรง ไม่เห็นว่าทีคู่หมันอย่างนางอยูใ่ นสายตา เจ้าของร่ างเดิมถูกเย่อีเฉิ นทําให้โกรธจนตาย
นางผูซ้ ึ งเป็ นถึงบุตรสาวสายตรงของตระกูลชันสู งทีดํารงมากว่าร้อยปี ไม่สามารถทนให้ใครมาหยามเกียรติเช่นนี
ได้

“ตอนสองแคว้นสงบศึก ฮ่องเต้ม่อเป่ ยขอให้ขา้ ดูแลองค์หญิงยวีเยียน ซึ งข้าก็ได้รับปากไปแล้ว” เย่อีเฉิ นตอบ


อย่างเฉยชา

ข้อตกลงเล็กน้อยเยียงนีสามารถแลกกับความสงบสุ ข 20 ปี ของชิงเหยียนและม่อเป่ ย ไม่วา่ จะคิดอย่างไรก็ถือว่า


เหมาะสมและคุม้ ค่า เพือแคว้นชิงเหยียนเย่อีเฉิ นยอมยกให้ฉินยวีเยียนเป็ นพระชายาเอก ให้ม่หู รงเสวียเป็ นเพียง
พระชายารองเสี ยไม่ได้ ถ้าหากนางยังว่ากล่าวเย่อีเฉิ นอยูเ่ ช่นนี มันจะเป็ นการเห็นแก่ตวั และเป็ นการไม่รู้จกั
กาลเทศะจนเกินไป

เขาสวนกลับมาแค่ไม่กีคําก็หลุดพ้นจากการคําว่ากล่าวของนางได้แล้ว เล่ห์เหลียมของเย่อีเฉิ นนับว่าไม่เลวนัก


ยากทีจะคาดเดาความคิดได้ ฉายาเทพสงครามนันเป็ นของจริ ง แต่นางมู่หรงเสวียก็ไม่ใช่ลกู แกะอ่อนแอทียอมให้
ใครมารังแกได้เช่นกัน “ถ้าเช่นนัน จิงอ๋ องกับองค์หญิงยวีเยียนต้องแต่งงานกันเท่านัน ไม่สามารถแก้ไขอืนใดได้
อีกใช่ไหมเพคะ?”

เมือสบเข้ากับดวงตาทีเย็นชาดังทะเลลึกของของมู่หรงเสวีย เย่อีเฉิ นรู ้สึกถึงเค้าลางว่าเหตุการณ์ทีคาดไม่ถึงกําลัง


จะเกิดขึน เขาขมวดคิวเป็ นปม ได้แต่ตอบรับอย่างเย็นชา “แน่นอน”

“ถ้าเป็ นเช่นนัน หม่อมฉันขอถอนหมันกับจิงอ๋ องเพคะ”

เพียงแค่คาํ ขอหลุดออกจากปาก เสี ยงซุบซิ บกระจายไปทัวท้องพระโรง เป็ นไปไม่ได้ มู่หรงเสวียขอถอนหมันกับ


เทพสงครามผูท้ ีมีอนาคตอันรุ่ งโรจน์และประสบความสําเร็ จในการศึกมากมาย นางคงไม่ได้ป่วยจนสมองเสื อม
หรอกนะ ถึงแม้วา่ ชายหนุ่ มในแคว้นชิงเหยียนจะมีไม่นอ้ ย แต่คนทีสมบูรณ์แบบเหมือนเย่อีเฉิ นนันหาไม่มีอีก
แล้ว ถึงจะแต่งเข้าเป็ นเอกในตระกูลอืนก็ไม่สามารถเทียบได้กบั เป็ นพระชายารองของจิงอ๋ องแน่นอน

แววตาของเย่อีเฉิ นปรากฏความแปลกใจอย่างคาดไม่ถึง ตอนทีเขาตัดสิ นใจจะทูลขอพระราชทานสมรสจากองค์


ฮ่องเต้กเ็ คยคาดการณ์ถึงปฏิกิริยาของมู่หรงเสวียไว้บา้ งแล้ว และได้เตรี ยมแผนการรองรับไว้ต่างๆนาๆ แต่กลับ
คาดไม่ถึงว่านางถึงกับขอถอนหมันเช่นนี เขาจึงตอบกลับด้วยนําเสี ยงเย็นชา “ไม่ได้”
“ทําไมไม่ได้เพคะ?” มู่หรงเสวียถามกลับเสี ยงเย็น

เย่อีเฉิ นตอบด้วยท่าทีเคร่ งขรึ มว่า “ถ้าถอนหมัน ชือเสี ยงของเจ้าจะเสี ยหาย......”

“ต่อหน้าผูค้ นมากมาย จิงอ๋ องท่านลดชันข้าเป็ นเพียงพระชายารอง ทําให้ขา้ กลายเป็ นตัวตลกของเมืองหลวง


ชือเสี ยงของข้าเสี ยหายจนไม่เหลือแล้วเพคะ” มู่หรงเสวียพูดแทรกจิงอ๋ องขึนทันควัน

“เจ้ากําลังกล่าวโทษข้า” เย่อีเฉิ นมองมู่หรงเสวีย ดวงตาแฝงไปด้วยความอันตราย

“มิกล้าเพคะ ข้าเพียงขอถอนหมันกับท่านจิงอ๋ อง ต่อจากนี ไปท่านจะแต่งกับผูใ้ ดหรื อข้าจะแต่งกับผูใ้ ดก็ไม่


เกียวข้องกันอีก” มู่หรงเสวียพูดตอบด้วยนําเสี ยงเรี ยบนิงเฉยชา
ตอนที 2 จากพระชายาเอกสู่ พระชายารอง (2)
เย่อีเฉิ นสี หน้าเรี ยบเฉย หลับตาตอบอย่างอดกลัน “เจ้าป่ วยเรื อรังมานานปี แถมร่ างกายยังอ่อนแอ ถอนหมันไป
แล้วก็คงแต่งเข้าตระกูลทีดีกว่านีไม่ได้ เจ้ากับข้ามีการหมันหมายกันมาก่อน อีกทังยังรอข้ามาตังหลายปี ข้าให้
สัญญาว่าจะดูแลเจ้าเป็ นอย่างดี แต่งเข้าวังจิงอ๋ อง เจ้าจะเป็ นพระชายารองอันดับหนึง ศักดิฐานะตํากว่าพระชายา
เอกแค่เพียงผูเ้ ดียว......”

“ถึงจะมีศกั ดิฐานะเป็ นพระชายารองก็เป็ นได้เพียงบ้านรองเพคะ ข้าบุตรสาวสายตรงจวนเจินกัวโหว แต่งได้


เลวร้ายเพียงใดก็จะมิยอมเป็ นบ้านรองให้ผใู ้ ด” มู่หรงเสวียปฏิเสธเสี ยงแข็ง แววตาซ่ อนประกายความโกรธเคือง
นางพูดชัดเจนขนาดนี เย่อีเฉิ นยังจะต้องการให้นางเป็ นพระชายารองอีกหรื อ? เขาฟังไม่เข้าใจความหมายทีข้า
ต้องการจะสื อหรื อแกล้งโง่กนั แน่ ?

เย่อีเฉิ นวีรบุรุษผูช้ าญฉลาด ผลการศึกอันโด่ดเด่น ในมือมีอาํ นาจทางทหารแถมฮ่องเต้ยงั ให้ความสําคัญอยูห่ ลาย


ส่ วน ถึงแม้จะมีหญิงสาวในเมืองหลวงมากมายทีสามารถละทิงฐานะเมียเอกยอมลงเป็ นบ้านรอง แต่แน่ นอนว่า
นางมู่หรงเสวียไม่ใช่หนึ งในนันแน่

นําเสี ยงเย็นชาทะลุสู่ ขวหั


ั วใจ เย่อีเฉิ นร่ างกายกระตุกเล็กน้อย ย่นคิวมองมู่หรงเสวีย นางแต่งกายด้วยชุดโปร่ งสี
ชมพู กระโปรงยาวคลุมถึงพืน ส่ วนเว้าส่ วนโค้งพอประมาณ ผมยาวดําขลับม้วนสู งด้วยปิ นสลักลายใบลวีเสวีย
เผยให้เห็นหน้าผากเนียน ดวงหน้าขาวซี ดเล็กน้อย แววตาเปล่งประกายดังดวงดาวยามราตรี ให้ความรู ้สึกเย็นชา
แต่แข็งกร้าว

สามปี ทีห่ างหายไป ในความทรงจํามีเพียงหญิงสาวผูอ้ ่อนแอ เด็กสาวทีแค่ตอ้ งลมก็ลม้ ป่ วย บัดนีกลายเป็ นคุณหนู


ผูส้ ง่างาม นิสัยอบอุ่นน่ ารักกลายเป็ นเย็นชา แววตาแข็งกร้าวเฉยชา นางทีเป็ นเช่นนี สู งส่ งเย็นชา เรี ยบง่ายสง่า
งาม เหมือนดังดอกเหมยแดงยามฤดูหนาว ค่อยค่อยเบ่งบานความงามของตัวเองออกมา ไม่ทนั ได้ตงตั
ั วก็ดึงดูด
ให้ผคู ้ นหลงใหล

คําขอถอนหมันของนาง คงเป็ นความต้องการของนางจริ ง ๆ ไม่ใช่เพียงมารยาเรี ยกร้องให้เขาสนใจ

ความดือดึงของนางทําให้เรื องราวดําเนินไปในทิศทางตรงกันข้ามกับทีเขาคาดการณ์ไว้ หลุดจากการควบคุมของ


เขาโดยสิ นเชิง ซึ งเขาไม่ชอบความรู ้สึกเช่นนีเอาเสี ยเลย

แววตาของเย่อีเฉิ นหม่นแสงลง ผินมองมู่หรงเสวีย “การหมันหมายของเจ้ากับข้าเป็ นการตกลงกันระหว่างผูใ้ หญ่


ทังสองฝ่ าย ยากทีจะแก้ไข”

“แต่ตามทีผูใ้ หญ่หมันหมายไว้ คือให้ขา้ แต่งเป็ นพระชายาเอกของจิงอ๋ องนะเพคะ มิใช้ให้เป็ นบ้านรองของจิง


อ๋ อง ท่านอ๋ องลดให้ขา้ เป็ นพระชายารอง ก็ถือเป็ นการขัดต่อสิ งทีผูใ้ หญ่ของทังสองฝ่ ายตกลงไว้” เย่อีเฉิ นทําลาย
การหมันหมายต่อหน้าขุนนางน้อยใหญ่ แล้วยังกล้ากล่าวหาว่านางไม่เคารพคําสังของพ่อแม่ ช่างไร้ยางอายยิงนัก
แต่งให้กบั คนพรรค์นี ไม่ตอ้ งกล่าวถึงพระชายารองหรอก ถึงให้เป็ นพระชายาเอก นางยังไม่ตอ้ งการเลย

เย่อีเฉิ นมีแววตาครุ่ นคิด “เจ้ากําลังกล่าวโทษข้า”

คนไร้จิตใจผูน้ ี เขากําลังทําให้นางเสี ยเวลา ตอนนี นางยิงต้องการตัดขาดกับเขาโดยเร็ วทีสุ ด ไม่ขอยุง่ เกียวกันอีก


“จิงอ๋ องท่านแต่งกับองค์หญิงม่อเป่ ย ก็เพือประชาชนชาวชิงเหยียน ทําไมข้าต้องกล่าวโทษท่านด้วย ข้าเป็ นคนขอ
ถอนหมัน เพียงเพืออยากทําให้ความปรารถนาของท่านอ๋ องและองค์หญิงเป็ นจริ ง หวังเพียงให้ชิงเหยียนและ
ม่อเป่ ยสองแคว้นมีแต่ความสงบสุ ข ไม่ถูกต้องหรื อเพคะ? หรื อว่าแค่องค์หญิงยวีเยียน ท่านก็รู้สึกไม่เพียงพอ ยัง
ต้องการให้ขา้ แต่งเป็ นบ้านรอง เสวยสุ ขมีครบทังเอกทังรอง”

ประโยคหลังๆมู่หรงเสวียเน้นนําเสี ยงเป็ นพิเศษ เย่อีเฉิ นสี หน้าเย็นชา แววตาเข้มขึน เรื องบ้านรองบ้านเอก เป็ น
เรื องไม่ยากสําหรับเขาทีจะเติมเต็ม แต่สาเหตุทีเขาต้องให้ม่หู รงเสวียแต่งเข้าเป็ นพระชายารองก็เพือ......

“คุณหนูม่หู รงอย่าโกรธไปเลย ทังหมดคือความผิดของข้าเอง......” นําเสี ยงนุ่มนวลอ่อนหวานของสตรี ดงั ขึนใน


ท้องพระโรง

มู่หรงเสวียเพียงมองไปก็ปรากฏสาวงามผูห้ นึงหลังโต๊ะหยกลําค่า ทรงผมเกล้าเป็ นมวยปั กด้วยปิ นแก้วลายผีเสื อ


ผมตรงลู่ลง เข้ากับชุดหญิงชันสู งของจีนโบราณดูสูงส่ งสง่างาม เอวคอดกิว ดวงหน้างามลําค่าควรเมืองทีเต็มไป
ด้วยความรู ้สึกขอโทษ “ข้ามิทราบว่าคุณหนูม่หู รงได้หมันหมายกับจิงอ๋ องมาก่อน แค่ขา้ มาถึงชิงเหยียนก็ทาํ ให้
พวกท่านต้องผิดใจกัน ข้าขออภัยจริ งๆ”

ความรักระหว่างฉิ นยวีเยียนกับเย่อเฉิ
ี นลึกซึ งเกินบรรยาย มีหรื อทีจิงอ๋ องจะมิบอกกล่าวถึงเรื องการหมันหมาย
ระหว่างนางกับเขา แถมยังมีการออกหน้าปกป้ องซึ งกันและกันอีก ชัดเจนว่านางต้องรู ้เรื องการหมันหมาย
ระหว่างข้ากับเย่อีเฉิ นแน่

ยิงไปกว่านัน ข้ากับเย่อีเฉิ นเถียงกันมาตังนาน ฉิ นยวีเยียนกลับไม่ยอมเปิ ดปากเสี ยตังแต่แรก แต่พอเย่อีเฉิ นเถียง


ไม่ออกกลับรี บออกตัวช่วยเขาแก้ต่าง
มู่หรงเสวียยิมเย็นในใจ ตอบด้วยท่าทางเฉยชา “องค์หญิงยวีเยียนกล่าวเกินไปแล้วเพคะ องค์หญิงเกียวดองกับชิง
เหยียนก็เพือความสงบสุ ขของชิงเหยียนและม่อเป่ ย ฉะนันองค์หญิงคู่ควรแล้วทีจะดํารงตําแหน่งพระชายาเอก
แห่ งวังจิงอ๋ อง ทังหมดนี ล้วนแล้วเพือปวงประชานับหมืนนับล้าน หาใช่เพือผลประโยชน์ส่วนตน หาได้มีเจตนา
ทําลายการหมันหมายของผูอ้ ืน ดังนันองค์หญิงมิจาํ เป็ นต้องขอโทษในเรื องนี หรอกเพคะ”

ฉิ นยวีเยียนมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ดวงตาส่ อแววลําบากใจ

มู่หรงเสวียทําเป็ นมองไม่เห็น พูดตอบว่า “ตัวข้านันเป็ นหญิง แถมร่ างกายยังอ่อนแอ ไม่สามารถออกแรง


ช่วยเหลือแคว้นไปได้มากกว่านี มีเพียงสิ งเดียวทีสามารถทําได้คือการถอนหมันกับจิงอ๋ อง เติมเต็มความ
ปรารถนาของจิงอ๋ องกับองค์หญิง ถือเป็ นการช่วยเหลือประชาชนของสองแคว้นในทางอ้อม การถอนหมันครังนี
ข้าทําด้วยความเต็มใจ ไม่มีผใู ้ ดบีบบังคับ องค์หญิงมิตอ้ งกล่าวโทษตัวเองหรอกเพคะ”

ฉิ นยวีเยียนยิมอ่อนตอบ “คุณหนูม่หู รงเป็ นคนมีคุณธรรมยิงใหญ่ ใจข้ารู ้สึกผิดยิงนัก ถ้าคุณหนูม่หู รงไม่ติดใจ


อะไร ข้าเต็มใจทีจะเป็ นพระชายารอง ยินดีให้คุณหนู ม่หู รงเป็ นพระชายาเอกแห่ งวังจิงอ๋ อง”

มู่หรงเสวียคิวกระตุก พวกเขาบังคับข้าไม่สาํ เร็ จ เลยประนี ประนอมให้ขา้ เป็ นพระชายาเอกแทน นี คงเป็ นเพียงแค่


ลมปาก หลังจากทีข้าเดินเข้าวังจิงอ๋ อง คนทีมีอาํ นาจเบ็ดเสร็ จไหนเลยจะมิใช่เย่อเฉิ
ี น เพียงปิ ดประตูวงั ใครจะไป
รู ้ว่านางจะถูกลดไปอยูข่ นไหน
ั พระชายารอง อนุ หรื อไม่กน็ างบําเรอ

ถ้าโหดร้ายกว่านันขึนมาหน่ อย ก็คงประทานยาบํารุ งผสมยาพิษให้นางกินจนป่ วยหนักและสิ นใจตายไปก็เป็ นได้


ข้าคงไม่โง่พอทีจะกระโดดเข้าถําหมาป่ า ทําลายตัวเองอย่างโง่งมหรอกนะ “องค์หญิงมีจิตใจดีงาม มู่หรงเสวีย
ซาบซึ งยิงนักเพคะ แต่ขา้ ก็มิอยากให้องค์หญิงต้องเสื อมเสี ยเกียรติ การถอนหมันของข้ากับจิงอ๋ อง ถือเป็ น
ทางออกทีดีทีสุ ดแล้วเพคะ”
“คุณหนูม่หู รง......”

มู่หรงเสวียโบกมือเป็ นเชิงตัดบทองค์หญิงฉิ นยวีเยียน จ้องเขม็งไปทางนาง “ระดับองค์หญิงม่อเป่ ย เป็ นไปได้


หรื อทีจะเป็ นรองให้ผอู ้ ืน? แม้ว่าองค์หญิงจะคิดว่ามิเป็ นไร แต่ฮ่องเต้แคว้นม่อเป่ ยจะยอมหรื อเพคะ? นอกจากนี
ยิงเป็ นไปไม่ได้เลยทีจิงอ๋ องจะยอมให้องค์หญิงได้รับความไม่ยตุ ิธรรม......”

“ท่านอ๋ องเป็ นคนจิตใจดี คุณหนูม่หู รงแต่งเข้ามา ต้องดูแลคุณหนูเป็ นอย่างดีแน่ ” ฉิ นยวีเยียนรี บอธิบายอย่างร้อน


รน แววตาเต็มไปด้วยความจริ งจัง

มู่หรงเสวียยิมเยาะในใจ พลางตอบเสี ยงเย็น “แต่ขา้ ก็มิอยากเข้าไปแทรกกลางระหว่างองค์หญิงกับจิงอ๋ อง


ขัดขวางการครองคู่ของท่านทังสอง ทังยังมิอยากโดนคําครหาของชาวบ้านชาวเมืองว่าไม่เจียมตน ขัดขวางการ
ครองคู่ของเทพเซี ยนทีสมบูรณ์แบบเช่นพวกท่าน ด้วยเหตุทงหมดนี
ั องค์หญิงมิตอ้ งพยายามหยุดยังการถอนหมัน
ระหว่างข้ากับจิงอ๋ องอีกแล้วเพคะ”

กล่าวจบ มู่หรงเสวียก็ยอ่ กายไปทางองค์ฮ่องเต้ ทูลเน้นพยางค์ต่อพยางค์ “หม่อมฉันขอฝ่ าบาททรงประทาน


อนุญาต โปรดให้การหมันหมายระหว่างหม่อมฉันกับจิงอ๋ องเป็ นโมฆะด้วยเถิดเพคะ”

เย็นชาและแข็งกร้าวคือความรู ้สึกในสิ งทีฝูงชนสัมผัสได้จากคําพูดของมู่หรงเสวีย แววตาของเหล่าขุนนางเต็ม


ไปด้วยความประหลาดใจ มู่หรงเสวียต้องการถอนหมันจริ งๆ หญิงสาวมากมายในเมืองหลวงของชิงเหยียนต่าง
ปราถนาในตัวท่านอ๋ องเทพสงคราม แต่นางคล้ายกับกําลังโยนสิ งของทีน่ารังเกียจสกปรกออกไปให้พน้ ตัว ผลัก
สิ งนันให้ฉินยวีเยียนอย่างไร้เยือใย เหมือนว่าไม่ตอ้ งการของน่ารังเกียจชินนี แล้ว

ฉิ นยวีเยียนร่ างกายแข็งทือ รอยยิมอับอายแข็งค้างอยูบ่ นใบหน้า

เย่อีเฉิ นดวงหน้าเรี ยบเฉย แววตาซ่ อนประกายประกายอํามหิ ต


ตอนที 3 จากพระชายาเอกสู่ พระชายารอง (3)
ฮ่องเต้มีสีหน้าครุ่ นคิด กวาดมองผ่านเย่อีเฉิ น หยุดสายตาลงทีมู่หรงเสวีย “การหมันหมายของเจ้ากับจิงอ๋ องเป็ น
การตกลงระหว่างผูใ้ หญ่ของทังสองฝ่ าย ไม่ใช่การพระราชทานสมรสจากข้า ถ้าข้ามีราชโองการยกเลิกการหมัน
มันจะเป็ นการผิดขนบธรรมเนียมประเพณี จนเกินไป พวกเจ้าควรให้ญาติผใู ้ หญ่ของทังสองฝ่ ายหารื อเรื องการ
ถอนหมันจะเป็ นหนทางทีเหมาะสมกว่า”

ชัดเจนว่าฮ่องเต้มิตอ้ งการแทรกแซงเรื องภายในบ้านของข้าราชบริ พาร

มู่หรงเสวียหรี ตาลง ข้ามีวิธีทีจะทําให้ผใู ้ หญ่ของจวนเจินกัวโฮวตกลงในการถอนหมัน แต่ผใู ้ หญ่สายตรงของจิง


อ๋ องอยูไ่ กลออกไปในเขตแดนศักดินาทีได้รับพระราชทาน ถ้าวังจิงอ๋ องจงใจปิ ดข่าวเรื องการถอนหมัน ไม่บอก
กล่าวให้ญาติผูใ้ หญ่เดินทางมาจัดการทีเมืองหลวง การถอนหมันครังนี ไม่รู้ว่าจะถูกยืดเวลาไปถึงเมือใดกัน

ฮ่องเต้ดูคล้ายจะทราบถึงความในใจของมู่หรงเสวีย ทรงตรัสเบาๆว่า “ข้าจะส่ งคนไปแจ้งเรื องการถอนหมันครัง


นีกับอดีตจิงอ๋ องให้เจ้า เรี ยกตัวเขากลับเข้าเมืองหลวงโดยเร็ วทีสุ ด”

“ขอบพระทัยเพคะฝ่ าบาท” มู่หรงเสวียค่อยเบาใจลง ฮ่องเต้ทรงเรี ยกตัวอดีตจิงอ๋ องด้วยองค์เองเช่นนี ถึงเย่อีเฉินมี


ความกล้าแค่ไหนก็คงมิกล้าทําการขัดขวางพระบัญชาจากฝ่ าบาท นางเพียงรออยูท่ ีเมืองหลวง เมืออดีตจิงอ๋ อง
เดินทางมาถึงก็จะสามารถหารื อเรื องการถอนหมันได้แล้ว

“เลิกงานเลียงได้” ฮ่องเต้ทรงกวาดตามองเหล่าขุนนางแล้วกล่าวขึน ทรงลุกขึนจากบัลลังก์มงั กร แล้วเสด็จออก


จากท้องพระโรง
“ส่ งเสด็จฝ่ าบาท” เหล่าขุนนางและเหล่าชนชันสู งน้อยใหญ่ต่างคุกเข่าลงส่ งเสด็จ

เมือฮ่องเต้เสด็จออกจากท้องพระโรงจนลับสายตา มู่หรงเสวียก็ค่อยๆลุกขึนเดินออกจากท้องพระโรงท่ามกลาง
สายตาของเหล่าชนชันสู ง ไม่แม้แต่มองหน้าของเย่อีเฉิ นเลยสักนิ ด

ี นก็ละสายตาและหลับตาลง ไม่ได้เจอกันสามปี มู่หรงเสวียมิใช่หญิงสาวคน


มองตามร่ างบางทีเดินลับไป เย่อเฉิ
เดิมทีขีโรค ขีอายและเข้าหาพูดคุยกับเขาอย่างระมัดระวังอีกต่อไปแล้ว

“ท่านอ๋ อง ท่านห้ามถอนหมันกับมู่หรงเสวียเด็ดขาดนะพ่ะย่ะค่ะ” กุนซื อประจําจิงอ๋ องสวีเทียนโย่วรี บเดินมา


ประกบด้านข้างของจิงอ๋ อง กระซิ บเตือนเบาๆ แววตาของทังคู่ฉายแววเข้าใจความนัยทีซ่อนเอาไว้ถึงสาเหตุที
แท้จริ งทีจําต้องรับมู่หรงเสวียเข้าวังอ๋ อง

“ข้ารู ้” เย่อีเฉิ นละสายตา แววตาลําลึกเหลือคณา “เจ้ากลับวัง สังบ่าวไพร่ ให้ไปส่ งของหมันหมายทีจวนเจินกัว


โฮว ภายในสามวันข้าจะรับมู่หรงเสวียเข้าเป็ นพระชายารองวังจิงอ๋ องให้ได้”

“พ่ะย่ะค่ะ” สวีเทียนโย่วพยักหน้า เดินออกจากท้องพระโรง


เย่อีเฉิ นผินมองไปทิศทางทีมู่หรงเสวียเดินจากไปอีกครัง แววตาลําลึก ข้าจิงอ๋ องผูม้ ีอาํ นาจทางทหารอยูใ่ นกํามือ
กับมู่หรงเสวียผูท้ ีขีโรค ไร้ความสามารถโดดเด่น ให้นางเป็ นพระชายารองแห่ งจิงอ๋ อง นับเป็ นการยกศักดิยก
ฐานะให้แก่นาง ส่ วนฐานะพระชายาเอกเขาได้ยกให้กบั ยวีเยียนไปแล้ว มู่หรงเสวียอย่าหวังจะได้มนั ไป

มู่หรงเสวียทีไม่รู้ความคิดในใจของเย่อเฉิ
ี น หลังออกจากพระราชวังก็เดินตามการนําทางของนางกํานัลไปทีรถ
ม้ากลับจวนเจินกัวโฮว

รถม้าใช้ไม้หอมเป็ นส่ วนประกอบ ด้านในประกอบด้วยหี บผ้า โต๊ะหยก ชุดนําชา กระดานหมาก และชันหนังสื อ


ครบครัน เหมือนดังห้องนังเล่นย่อมๆห้องหนึง เครื องเขียนบนโต๊ะล้วนแล้วแต่เป็ นของชันดี กระถางธูปถูกจุด
ด้วยกํายานกล้วยไม้มีชือ มองความหรู หราแต่คงความเรี ยบง่ายตรงหน้า มู่หรงเสวียกลับมีสีหน้าทีเคร่ งขรึ มลง

นางจําได้ดีว่า นางรับคําเชิญไปเป็ นเพือนเจ้าสาวให้หนิงชิงชิงทีฮาวาย ไม่คิดเลยว่าเมือนังเครื องไปได้แค่ครึ งทาง


ก็ประสบกับพายุฝนทีโหมกระหนํา แม้แต่กปั ตันทีมีประสบการณ์กไ็ ม่สามารถทีจะบังคับเครื องให้หลบแนวพายุ
ได้ เครื องบินรุ่ นใหม่ถูกพายุฉีกกระชากออกเป็ นชินๆ ยิงไม่ตอ้ งพูดถึงร่ างกายของนาง คงเละจนไม่เหลือแม้แต่
เศษเสี ยว

หลังจากนันก็มีแต่ความมืดมิดทีปกคลุมรอบด้าน นางคิดเพียงว่าตัวเองต้องตายอย่างไม่มีขอ้ สงสัย คิดไม่ถึงว่า


เมือพอลืมตาขึนมากลับมีชีวิตอีกครังหนึง แถมยังเกิดมาในโลกยุคโบราณ นับว่าเหนื อความคาดหมายของนางยิง
นัก......
“หื ม? นันมิใช่บ่าวชายซวงสี หรอกหรื อ?” เสี ยงกระซิ บกระซาบบางเบาของเด็กสาวดังเข้าหู มู่หรงเสวียเหล่มอง
ปรากฏเด็กหนุ่ มอายุประมาณสิ บสี สิ บห้าปี ยืนอยูห่ น้าประตูใหญ่ของอาคารหลังหนึง ดวงหน้าเศร้าสร้อย ใช่ซวง
สี แน่นอน

มู่หรงเสวียดวงตาวูบไหว สังเสี ยงเบา “หยุดรถ” เมือรอจนรถม้าหยุดสนิ ท นางก็ยนมื


ื อไปจับมือของสาวใช้หงซิ ว
เพือลงจากรถม้า ค่อยๆเดินไปทางชายหนุ่ ม

เมือรู ้สึกว่ามีคนเข้ามาใกล้ เด็กหนุ่ มค่อยๆหมุนตัว พอดีสบเข้ากับดวงหน้าของมู่หรงเสวีย ดวงตาก็พลันเบิกกว้าง


พูดตะกุกตะกัก “คุณ......คุณหนูใหญ่” ทําไมนางมาอยูท่ ีนี ได้?

มู่หรงเสวียตอบรับในลําคอเบาๆ พลางพูดถาม “คุณชายใหญ่อยูด่ า้ นในรึ ?” ซวงสี เป็ นบ่าวประจําตัวของมู่หรงเย่


พีชายฝาแฝดของนาง ถ้าซวงสี อยูท่ ีนี มู่หรงเย่ก็ตอ้ งอยูท่ ีนี แน่นอน

“แหะๆ......” เสี ยงหัวเราะไม่เป็ นธรรมชาติของซวงสี แววตาสันไหว “เอ่อ......คือ......”

เห็นท่าทางพูดไม่ออกของเขา มู่หรงเสวียก็ขมวดคิว เดินผ่านเขาเข้าไปด้านในอาคาร ในความทรงจําของร่ างเดิม


มู่หรงเย่เป็ นคนไม่เอาไหน เอาแต่เทียวเล่นจนลืมเวลา ดึกดืนไม่กลับบ้านถือเป็ นเรื องปกติธรรมดา ในหนึ งเดือน
นอนนอกบ้านอยูย่ สิี บกว่าวัน วันนีบังเอิญได้เจอ แน่ นอนว่าต้องพบหน้าพูดคุยกันเสี ยหน่อย
พอเข้ามาด้านใน ก็ปรากฏลานประลองกว้างขวาง ด้านข้างวางกรงเหล็กไว้สิบกว่ากรง ด้านในกรงมีทงสุ
ั นัขขน
ดํา ขาว และเทา ตรงกลางลานกว้างล้อมด้วยรัวสี แดงเป็ นวงกลมประมาณยีสิ บตารางเมตร มีสุนัขขนดํากับขน
เทากําลังต่อสู้กนั อย่างดุเดือด

บนตัวของพวกมันเต็มไปด้วยรอยแผล เลือดสี แดงสดสาดกระเซ็นไปทัว แต่เหมือนพวกมันจะไม่รู้สึกถึงความ


เจ็บปวด ยังคงต่อสู้กนั อย่างดุเดือด

ด้านนอกรัวปรากฏชายหนุ่ มในชุดจีนโบราณสี ดาํ จ้องเขม็งไปยังการต่อสู ้ตรงหน้า พลางส่ งเสี ยงเชียร์ อย่าง


ตืนเต้น “กัดเข้าไป กัดเข้าไป กัดเข้าไปอีก......ขุนพลดํา กัดมันให้ตาย กัดมันให้ตาย......”

“กรรจ์” สุ นัขขนดําเหมือนฟั งเข้าใจเสี ยงเชียร์ ของเขา กัดไปทีคอของสุ นัขขนเทา ดับลมหายใจของสุ นขั ขนสี เทา
ทันที

ชายหนุ่ มชุดดําหัวเราะขึนอย่างเสี ยงดังหลังจากเห็นสุ นัขขนเทากลายเป็ นเพียงซากศพ “มู่หรงเย่เจ้าแพ้อีกแล้ว ฮ่า


ฮ่า......ประลองสุ นัขมาค่อนวัน เจ้าซื อตัวหนึงก็ตายตัวหนึ ง สายตาการเลือกสิ งของของเจ้าทําให้......ไหนเลยจะมี
ใครกล้าชืนชม”

สี หน้าของมู่หรงเย่เข้มขึน กล่าวอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “ก็แค่ชนะติดต่อกันไม่กีครัง มีอะไรน่าภูมิใจนัก เดียวข้าซื อ


อีกตัวทีเก่งกว่านี ครานี อย่าหวังว่าข้าจะแพ้”

“เจ้าพูดแบบนีกีรอบแล้ว? ข้าไม่เห็นเจ้าจะชนะสักรอบ” ชายหนุ่ มชุดดํายกยิมมุมปาก นับตัวเงินจนมือเป็ นระวิง

มู่หรงเย่โกรธจัดทีถูกสวนกลับ ตอบกลับเสี ยงห้วน “ข้าเพียงประมาทไปหน่ อยถึงได้แพ้หรอก รอบนีถ้าข้าตังใจ


เลือกเสี ยหน่ อย รับรองชนะเจ้าได้แน่นอน! ซวงสี เอาเงินมา ข้าจะซื อสุ นขั ต่อสู ้มาประลองอีก”

ซวงสี จับกระเป๋ าเงิน เดินเข้ามาหาด้วยสี หน้าเคร่ งเครี ยด “คุณชาย เงินของพวกเราไม่เหลือแล้วขอรับ”


มู่หรงเย่ขมวดคิว “ข้าให้เจ้าเอาเงินมาตังห้าหกพันตําลึงมิใช่รึ? ทําไมถึงหมดเร็ วเช่นนี ?”

ซวงสี ยิมอย่างลําบากใจ “คุณชาย ท่านซื อสุ นขั ประลองสี ตัว ตัวละห้าร้อยตําลึง ไหนจะเสี ยพนันไปอีกครังละ
หนึ งพันตําลึง......”

“เอาละเอาละ ไม่ตอ้ งพูดแล้ว เจ้ารี บกลับไปเอาเงินทีจวนมาเดียวนี!” มู่หรงเย่หมดความอดทนจึงตัดบทซวงสี สวี


เทียนอันกล้าเยาะเย้ยข้า ข้าจะใช้เงินทีมีซือสุ นขั ประลองทีเก่งกว่า และจะทําให้เขาแพ้จนหมดตัวเลย คอยดูเถอะ
ว่ายังจะหยิงแบบนี ได้อยูอ่ ีกไหม
ตอนที 4 สั งสอนคุณชายจอมเสเพล (1)
“ถึงจวนเจินกัวโหวจะห่ างจากทีนี ไปไม่ไกลนัก แต่กว่าจะรอพวกเจ้าไปเอาเงินมา ป่ านนันฟ้ าคงมืดพอดี ยังจะ
ประลองสุ นัขอะไรอีก?” สวีเทียนอันพูดตอบอย่างไม่ใส่ ใจ ด้วยท่าทีเกียจคร้าน

มู่หรงเย่สีหน้าเย็นชา “เงินของข้าหมดแล้ว บ่อนพนันก็ไม่อนุ ญาตให้คา้ งเงินค่าสุ นขั ประลองกับเงินพนัน ถ้าไม่


กลับไปเอาเงิน แล้วจะให้ขา้ แข่งกับเจ้าได้อย่างไร?”

“เจ้าใช้หญิงงามด้านหลังของเจ้าเป็ นของเดิมพันก็ได้” สวีเทียนอันมองไปทางด้านหลังของมู่หรงเย่ดว้ ยเจตนามุ่ง


ร้าย

หญิงงาม? หญิงงามทีไหนกัน?

มู่หรงเย่ไม่เข้าใจคําพูดของสวีเทียนอัน เมือหันไปมองด้านหลัง ดวงหน้าของมู่หรงเสวียก็ปรากฎสู่ สายตา นาง


กําลังมองเขาด้วยlสายตาทีเฉยชา “น้องเล็ก ทําไมเจ้าถึงมาอยูท่ ีนีได้?”

น้องเล็กอย่างนันหรื อ? สวีเทียนอันชะงักไปวูบหนึง ถึงว่าเมือครู่ นีซวงสี ดูมีท่าทางเคารพนอบน้อมหญิงสาวผูน้ นั


เหลือเกิน เลยทําให้เขานึ กว่านางเป็ นบ้านเล็กบ้านน้อยของมู่หรงเย่ แต่คาดไม่ถึงว่านางกลับเป็ นน้องสาวของมู่
หรงเย่ผซู ้ ึ งเป็ นคู่หมายของจิงอ๋ องเย่อีเฉิ น

ตามข่าวลือนางควรป่ วยหนักจากโรคเรื อรัง ร่ างกายอ่อนแอไม่ใช่หรื อ? คิดไม่ถึงว่าตัวจริ งกลับเป็ นหญิงงามผู ้


หนึ ง
“ข้าบังเอิญผ่านมา เห็นเจ้าอยูท่ ีนีเลยเข้ามาดู”

นําเสี ยงเย็นชาของมู่หรงเสวียเสี ยดเข้าสู่ ขวหั


ั วใจ จิตใจของสวีเทียนอันสันระริ ก พีชายของสวีเทียนอัน นามสวี
เทียนโย่วมักคอยติดตามข้างกายจิงอ๋ องอยูบ่ ่อยๆ ทําให้เขาพอรู ้มาบ้างว่า จิงอ๋ องมิค่อยจะโปรดปรานว่าทีภรรยาผู ้
นีเท่าไรนัก ถึงขนาดวางแผนทีจะลดขันนางเป็ นเพียงพระชายารอง ถ้าข้ากลันแกล้งให้นางอับอาย คงเป็ นโอกาส
ดีไม่นอ้ ยทีจิงอ๋ องจะใช้เรื องนีเป็ นข้ออ้างในการลดขันนาง เมือถึงเวลานัน จิงอ๋ องอาจจะตบรางวัลให้เขาอย่างงาม
ก็เป็ นได้

ได้ทงหญิ
ั งงาม ได้ทงรางวั
ั ลจากจิงอ๋ อง นีเป็ นการยิงปื นนัดเดียวได้นกสองตัวชัดๆ

ดวงตาของสวีเทียนอันเปล่งประกายด้วยความชัวร้าย สายตาจับจ้องไปยังมู่หรงเสวีย นางงดงามหยดย้อยเช่นนี


ั งตัวเสี ยแล้ว “มู่หรงเย่ มิตอ้ งกล่าวรําลึก
ร่ างกายคงทังหอมทังนิ ม ชักอยากจะโอบกอดและโลมเลียนางให้ทวทั
ความสัมพันธ์ระหว่างพีน้องให้มากความนัก เจ้าแค่พูดมาคําเดียวว่าจะยอมหรื อไม่ยอมให้นางเป็ นของเดิมพัน
......”

“สวีเทียนอัน เจ้าสงบปากสงบคําหน่อย นางคือน้องสาวแท้ๆของข้า ไม่ใช่สิงของ จะให้เป็ นของเดิมพันได้


อย่างไร?” มู่หรงเย่ตดั บทเสี ยงกร้าว สี หน้าเคร่ งครึ ม

สวีเทียนอันไม่สนใจ “ไม่เห็นจะต้องสนว่าเป็ นน้องสาวหรื อไม่ ก็แค่หญิงสาวธรรมดาผูห้ นึง ใช้แทนเงินพนัน มี


อะไรน่าเสี ยหายกัน? ถ้าข้าเป็ นเจ้า ข้าจะรี บใช้นางแลกกับเงินเดิมพันสักหลายพันตําลึง เลือกสุ นัขประลองมา
หนึ งตัวและประลองจนชนะเพือกูศ้ กั ดิศรี คืน แล้วค่อยรอจนกว่าบ่าวของเจ้าจะไปเอาเงินกลับมาไถ่ตวั นางก็ไม่
เสี ยหาย......”
“ข้าไม่ใช่คนชัวร้ายเช่นเจ้า! แค่เพียงเพือการพนัน ถึงกับยอมทําลายเกียรติของน้องสาวตัวเอง” ใบหน้าของมู่หรง
เย่เต็มไปด้วยความโกรธ ระดับคุณหนูใหญ่แห่ งจวนเจินกัวโหว กลับใช้เป็ นของเดิมพันในบ่อนพนัน คํานินทา
ของผูค้ นทังเมืองหลวงคงทับถมนางจนไม่เหลือเกียรติ ไม่ว่าจะไปทีใดคงถูกหัวเราะเยาะถากถางจนไม่กล้าสู ้
หน้าใครๆได้อีก

“เลิกพูดจาเป็ นคนดีมีศีลธรรมเสี ยที เจ้ากลัวแพ้ก็วา่ มาเถอะ” สวีเทียนอันค่อยๆ ต้อนมู่หรงเย่ให้จนมุม แววตาเต็ม


ไปด้วยความทะนงตน “เจ้าคงกลัวว่าตนเองตาถัวเลือกสุ นขั ประลองไปสักร้อยตัวก็มิอาจจะเอาชนะข้าได้ พอถึง
เวลาคงจะต้องใช้นอ้ งสาวของเจ้าเป็ นของเดิมพันเข้าจริ งๆจนเสี ยหน้า......”

“สวีเทียนอัน หุ บปากของเจ้าซะ!” มู่หรงเย่ทีถูกเยาะเย้ย ในอกเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ ทําท่าจะพุ่งไปหาเรื อง


กับสวีเทียนอัน

มู่หรงเสวียยืนมือไปรังไว้พร้อมก้าวไปเบืองหน้า นางจ้องเขม็งไปยังสวีเทียนอัน “พีชายของข้าเพียงโชคไม่ดี


เล็กน้อย เจ้าไม่จาํ เป็ นต้องไปกระตุน้ ให้เขาโกรธจนรับคําท้าหรอก ถ้าเจ้าอยากจะประลองนัก ข้าจะสงเคราะห์ให้
เจ้าสมปรารถนา” ถึงมู่หรงเย่จะนิสัยเสเพลจนแก้ไม่หาย แต่เขาก็ยงั ออกตัวปกป้ องนาง นางเองก็ไม่ยอมให้ใคร
มาว่าร้ายมู่หรงเย่ได้เช่นกัน

สวีเทียนอันเบิกตากว้างอย่างประหลาดใจ “เจ้าจะประลองสุ นขั กับข้ารึ ?” มู่หรงเสวียถูกเลียงดูเหมือนนกน้อยใน


กรงทอง แม้แต่การตีไก่หรื อกัดจิงหรี ดก็ยงั ไม่เคยแม้แต่ชม แต่ตอนนี จะมาท้าประลองสุ นขั กับข้า นี ข้าคงมิได้หู
ฝาดไปใช่ไหม?
“ไม่ได้รึ?” มู่หรงเสวียพูดถามด้วยนําเสี ยงเย็นชา

“ย่อมได้สิ” สวีเทียนอันเห็นถึงแววตาทีแน่วแน่ ของงนาง มันใจว่านางคงมิได้ลอ้ เล่นแน่ แต่วา่ นางอยากจะ


ประลองสุ นัขกับเขาจริ งๆน่ ะรึ ? เขายกยิมทีมุมปาก ถ้านางไม่กลัวเลือดจนเป็ นลมไปเสี ยก่อน เขาก็ไม่ว่าอะไร
“เจ้าเพียงจ่ายห้าร้อยตําลึงเงินแล้วไปเลือกสุ นัขประลองเสี ยก่อนซิ ......แล้วจะลงเงินเดิมพันเท่าไหร่ ?”

“รอบนี มิเดิมพันเป็ นเงิน แต่จะใช้นิวมือเป็ นของเดิมพันแทน” นําเสี ยงเย็นชาของมู่หรงเสวียลอยเข้าหู สวีเทียน


อันทีกําลังเตรี ยมจะหยิบเงินชะงักไปช่วงหนึง ใช้สายตาทีแปลกประหลาดมองมาทางนาง “ความหมายของเจ้า
คือ ฝ่ ายทีแพ้จะต้องตัดนิวหนึ งนิวงันหรื อ?”

“มิผดิ ” มู่หรงเสวียพยักหน้า “เจ้ากล้าหรื อไม่กล้า?”

“ทําไมจะมิกล้า!” สวีเทียนอันพยักหน้ารับคําท้าอย่างทะนงตน พร้อมกับใช้สายตาโลมเลียไปตามเรื อนร่ างของมู่


หรงเสวียอย่างหื นกระหายและชัวร้ายโดยไม่คิดปิ ดบัง “ข้าเป็ นคนทะนุถนอมหญิงงาม ถึงแม้เจ้าจะแพ้ ข้าก็จะไม่
ตัดนิ วงามของเจ้าหรอก เพียงแต่เจ้าปรนนิบตั ิขา้ ดีๆสักคืน เดิมพันทีค้างระหว่างพวกเราก็......”

“เพียะ!” เสี ยงตบหน้าสวีเทียนอันดังขึน ตัดบทคําพูดทีหื นกระหายของเขาจนหน้าหัน ด้านข้างใบหน้าของสวี


เทียนอันปรากฏรอยแดงหนึงฝ่ ามือ เจ็บจนเกินบรรยาย

“มู่หรงเสวีย เจ้าถึงกับกล้าตบหน้าข้า!” ความโกรธของสวีเทียนอันพุ่งทะลุจุดสู งสุ ด บ้วนเลือดในปากทิง พุ่งไป


ทางมู่หรงเสวียอย่างมุ่งร้าย
ข้าจะสังสอนนาง ในความไม่เจียมตน!

มู่หรงเสวียยกยิมเย็น ยกเท้าเตะสวนไปยังสวีเทียนอัน

สวีเทียนอันไม่ทนั ได้ตงตั
ั วจึงโดนเตะเข้าทีท้องอย่างจัง กระเด็นล้มลงไปกับพืน เจ็บถึงขนาดทีคิวขมวดเป็ นปม
ในขณะเดียวกันปากก็อา้ ค้างด้วยความเจ็บปวดจนเห็นแนวฟั น เขาจ้องมองมู่หรงเสวียอย่างเกลียดชัง

“เรื องเดิมพัน ถ้าเจ้าตกลง เพียงพยักหน้าก็พอ จะพูดพล่ามให้เปลืองเวลาเพือเหตุใด” มู่หรงเสวียมองไปทางเขา


อย่างผูท้ ีเหนือกว่าพร้อมด้วยแววตาดูถูกเหยียดหยาม

สวีเทียนอันสําลักความโกรธ ตังแต่เกิดมามิเคยพบเจอผูห้ ญิงทีน่ารังเกียจเช่นนี มาก่อน ถึงกับกล้าตบหน้าเขา เตะ


เขา ทําให้เขาเสี ยหน้าขนาดนี ช่างรนหาทีตายนัก ถ้าอยากตายขนาดนันล่ะก็ เขาจะช่วยสงเคราะห์เอง

ด้วยความคิดทีชัวร้าย สวีเทียนอันค่อยๆลุกขึน เร่ งเดินไปยังหน้ากรงเหล็ก ชีไปทีสุ นัขประลอง “ข้าเอาตัวนี ตัวนี


......แล้วก็ตวั นี เอาพวกมันทังหมดมาให้ขา้ ......”

มู่หรงเย่มองไปทางมู่หรงเสวีย แววตาสับสน ในความคิดของเขา น้องสาวของตนเป็ นคุณหนูทีมีแต่ความ


อ่อนโยน เพียงแค่ได้ยนิ นางกล่าวว่าจะประลองสุ นัข เขาก็ถึงกับสะดุง้ ตกใจ แต่เมือพอหลุดจากภวังค์ ก็หา้ มไม่
ทันเสี ยแล้ว นางกับสวีเทียนอันตกลงเรื องการประลองสุ นัขกันเรี ยบร้อยแล้ว เขาไม่สามารถทีจะหยุดยังได้ ทําได้
เพียงแต่ถอนหายใจ

น้องสาวถูกกระตุน้ จนตกลงรับการเดิมพัน เป็ นความผิดของพีชายอย่างเขาเองทีดูแลนางไม่ดี ถ้านางแพ้ เขาจะ


ยอมตัดนิวแทนนางเอง นิ วมือสิ บนิ วเหล่านีทีเขาใช้มาตังสิ บสี ปี ถ้าโดนตัดไปไม่ว่านิ วไหนก็อดจะเสี ยดายมิได้

แต่เมือเห็นสวีเทียนอันซือสุ นัขประลองมารวดเดียวถึงสี ห้าตัว เขาจึงรี บตะโกนขึนด้วยความโกรธเสี ยงดัง “สวี


เทียนอันเจ้ากับน้องสาวข้าเดิมพันกันแค่เพียงรอบเดียว เลือกมาตัวเดียวก็เพียงพอแล้ว เหตุใดเจ้าจะต้องเลือกมา
มากมายหลายตัว?”

สวีเทียนอันเหล่มองเขาเพียงครู่ หนึง “ข้าพอใจ เจ้าจะทําไม?”

มู่หรงเย่สีหน้าเข้มขึน “เจ้าเลือกแต่ตวั ทีเก่งๆไปเสี ยจนหมด เหลือแต่พวกอ่อนแอไว้ให้นอ้ งสาวข้า ชัดเจนว่าเจ้า


จงใจจะให้นางแพ้......”

“ถ้าใช่แล้วเจ้าจะทําไม?” สวีเทียนอันยกยิมขึน ยอมรับอย่างหน้าไม่อาย “ถ้ามีปัญญานัก ก็เลือกพวกทีอ่อนแอ มา


สู้ให้ชนะข้าเสี ยสิ ”

“เจ้า......” มู่หรงเย่จอ้ งสวีเทียนอันด้วยความโกรธแค้น “คนชันตําไร้ยางอาย”


สวีเทียนอันสบถ ทําเป็ นไม่ได้ยนิ คําถากถางทีเขากล่าว ตอบกลับอย่างหมดความอดทน “เสี ยเวลามานานแล้ว
พวกเจ้าจะยังแข่งอยูไ่ หม? ถ้าไม่ ข้าจะได้กลับจวน”

กับแค่แผนยัวยุสกปรกเล็กน้อยเช่นนี นางเองก็ขีเกียจจะสนใจ

มู่หรงเสวียยิมเย็นเดินไปด้านหน้า ค่อยๆกวาดสายตาเหยียบเย็นผ่านทีละกรง จนหยุดอยูท่ ีกรงเหล็กอันสุ ดขอบ


สนามประลอง
ตอนที 5 สั งสอนคุณชายจอมเสเพล (2)
ในกรงเหล็กมีสุนขั ร่ างเล็กนอนอยูต่ วั หนึ ง ขนสกปรกมอมแมมยุง่ เหยิงจนดูไม่ออกว่าเป็ นสี ขาวหรื อเทา หัวเกย
อยูบ่ นเท้าหน้าหลับตานอนอยู่ ดูขนาดตัวเล็กกว่าสุ นขั ในกรงด้านข้างอยูค่ รึ งหนึง หู ทงสองข้
ั างลู่ลงแสดงออกถึง
ความไม่เอาไหน

ดวงตาของมู่หรงเสวียส่ องแวววิบวับ ชีนิวไปยังสุ นขั ตัวน้อย “ข้าเลือกตัวนี ”

หัวใจทีเต็มไปด้วยความหวังของมู่หรงเย่ดบั วูบลง เขาคิดไว้แล้ว น้องสาวของเขาเป็ นเพียงคุณหนูทีมีจิตใจงดงาม


น่ารักอ่อนหวาน แต่ว่า...... “ทีนี คือสนามประลองสัตว์ เจ้าเลือกสุ นัขทีตัวเล็กอ่อนแอจนใกล้ตายเช่นนีลง
ประลอง ข้าว่ามันต้องแพ้แน่ นอน เลือกตัวใหม่เถอะนะน้องเล็ก”

“มิจาํ เป็ นต้องเลือกใหม่ สุ นัขตัวนีดีทีเดียว” มู่หรงเสวียพูดเสี ยงเบา พร้อมกับเปิ ดกรงเหล็กออกด้วยตนเอง

สุ นขั ตัวน้อยเมือได้ยนิ เสี ยงรบกวนจึงค่อยๆลืมตาขึน มันมองไปทางรอยยิมทีอบอุ่นของมู่หรงเสวีย แววตาดํา


ขลับเปล่งประกาย มันค่อยๆชันตัวขึนเดินออกจากกรงและเดินตรงไปทีสนามด้วยร่ างกายทีอ่อนแอเองโดยไม่
ต้องออกคําสัง

มู่หรงเย่อบั จนคําพูด นีน่ ะหรื อทีเรี ยกว่าดี? แถมยังกล้าส่ งมันลงสนามประลอง ไม่ตอ้ งลงสู ้หรอกแค่ความกดดัน
จากสุ นขั ประลองตัวอืนก็สามารถทําให้มนั ตายได้แล้ว ช่างอ่อนแออะไรเยียงนี พวกหางแถวแบบนี สนาม
ประลองคงไปจับมันมาเพือเพิมจํานวนของสุ นขั ประลองให้ดูมากขึนเท่านัน คนสายตาดีคงไม่มีทางเลือกมันแน่
สวีเทียนอันพิงขอบสนาม ดูขนุ พลเหลืองของตนเดินอย่างองอาจเข้าสู่ สนามประลอง ประจัญหน้ากับสุ นขั
ประลองของฝังตรงข้ามพร้อมแสดงท่าทางเหนื อกว่า ด้วยรู ปร่ างทีใหญ่โตของมันแทบจะบังสุ นขั ประลองทีมู่
หรงเสวียเลือกจนมิด ท่าทางคล้ายกับผูใ้ หญ่กาํ ลังจะสังสอนเด็กทีอวดดี

เขาหัวเราะดูถกู ในใจ คนทัวไปถึงจะเลือกสุ นัขประลองไม่เป็ นแต่ร้อยทังร้อยก็ตอ้ งเลือกทีตัวใหญ่ไว้ก่อน


ตรงกันข้ามมู่หรงเสวียกลับเลือกตัวทีขีโรคอ่อนแอ ถือว่าโง่งมจนเกินเยียวยา อย่างมากคงทนได้ไม่นานคงถูก
ขุนพลเหลืองของเขาขยําจนตาย พอถึงเวลานัน ข้าจะขอสังสอนมู่หรงเสวียให้หลาบจํา ดูสิว่านางจะยังกล้าทํา
อวดดีกบั เขาอยูอ่ ีกไหม?

‘แก๊งๆ’ ทันทีทีเสี ยงระฆังเริ มการต่อสู ้ดงั ขึน ท่าทีของ ‘ขุนพลเหลือง’ กลับกลายเป็ นโหดร้ายดุดนั ปราดเปรี ยว
ขึนมาพริ บตา มันแหงนหน้าหอนก่อนจะพุ่งไปทางสุ นัขประลองของมู่หรงเสวียด้วยความดุร้าย

ตรงกันข้าม เจ้าตัวเล็กนันกลับยืนนิ งเฉย ดวงตาดําขลับเฝ้ ามองเจ้าขุนพลเหลืองทีค่อยๆใกล้เข้ามา ไม่มีทีท่าว่าจะ


ขยับไปไหน มิรู้ว่าแท้จริ งแล้วมันตังตัวไม่ทนั หรื อว่าถูกขู่จนตกใจกลัวไปเสี ยแล้ว ความแตกต่างทีชัดเจนเช่นนี
ไม่ตอ้ งเดาก็พอจะรู ้ว่าเจ้าตัวเล็กจะต้องพ่ายแพ้ยบั เยินขนาดไหน มู่หรงเย่ทนไม่ได้จนต้องปิ ดตาลง

‘โฮกก!’ เสี ยงคํารามกดตําดังเข้าสู่ โสตประสาท เสี ยงโหยหวนด้วยความโกรธพลันหยุดลง หัวใจของมู่หรงเย่


พลอยหดเล็กลงไปด้วย นี แค่รอบแรกเท่านัน เจ้าตัวเล็กก็โดนกัดตายเสี ยแล้ว คงไม่มีทางรอดแล้วจริ งๆ

ข้าบอกตังแต่แรกแล้วว่าอย่าซื อเจ้าตัวขีโรคนันนางก็ไม่เชือข้า ตอนนี จะทําอย่างไรเล่า? สุ นขั ประลองก็ตายไป


แล้ว น้องเล็กแพ้อย่างน่ าอนาถ นิวของข้าอีกเดียวก็คงจะถูกตัดเป็ นแน่แท้......
“เป็ นไปไม่ได้ ทําไมตัวทีตายกลับเป็ นขุนพลเหลืองของข้า!?” นําเสี ยงอันเหลือเชือของสวีเทียนอันลอยเข้าหู มู่
หรงเย่ชะงัก อะไรนะ? ขุนพลเหลืองตายแล้ว?

พลันมองไปทีสนามประลอง ปรากฏร่ างใหญ่โตของขุนพลเหลืองนอนแน่ นิงอยูบ่ นพืน ลําคอถูกกัดจนหัก เลือด


ไหลทะลักออกมาตามบาดแผลด้านนอก ดวงตามอดดับไร้ประกาย หน้าอกเรี ยบนิงหยุดหายใจ ชัดเจนว่ามัน
สิ นลมหายใจลงแล้ว

เจ้าตัวเล็กยืนอยูด่ า้ นหน้าซากศพของเจ้าขุนพลเหลือง มันยืนหลังตรงมองไปทางซากศพอย่างผูท้ ีอยูเ่ หนือกว่า


แววตาคมเย็นเหยียบแสดงถึงความสู งส่ งแห่ งราชันย์

มู่หรงเย่เบิกตากว้าง เจ้าขุนพลเหลืองตายแล้วจริ งๆ เจ้าสุ นขั ตัวผอมแห้งดูขีโรคตัวนี แค่พริ บตาเดียวก็ปราบ


ขุนพลเหลืองจนแพ้ราบคาบ ช่างน่าเหลือเชือเกินไปแล้ว

“สวีเทียนอัน เจ้าแพ้แล้ว จงจ่ายเดิมพันให้ขา้ ” มู่หรงเสวียพูดอย่างเฉยชา นําเสี ยงเรี ยบนิง

คนงานของสนามประลองผูห้ นึงนําถาดทีได้มีการเตรี ยมการไว้แต่แรกเดินไปทางสวีเทียนอัน ในถาดมีกริ ชทีไร้


ฝักวางอยู่ ด้านคมของกริ ชส่ องประกายเหยียบเย็น กระตุน้ ความกลัวในจิตใจของสวีเทียนอันได้เป็ นอย่างดี

เขาแพ้แล้วและต้องถูกตัดนิวมือ เป็ นอย่างนี ไปได้อย่างไร? ข้าลูกชายสายตรงคนสุ ดท้องแห่ งจวนเสนาบดีผอู ้ ยู่


เหนือคนทังปวง เหตุใดจะต้องยอมเป็ นคนพิกลพิการนิ วด้วนด้วย
สวีเทียนอันเร่ งเดินไปทีหน้ากรงเหล็กทีซื อมาด้วยสายตาเยือกเย็นแล้วเปิ ดกรงออก สุ นัขร่ างใหญ่ถูกปล่อย
ออกมาทีละตัวติดต่อกัน วิงตรงไปยังสนามประลอง

“กัดมันให้ตาย! กัดมันให้ตายเดียวนี !” สวีเทียนอันเพ่งมองการต่อสู ้อนั ชุลมุนและดุเดือด ร้องสังการอย่างบ้าคลัง


จนดวงตาแดงกํา ขอแค่พวกมันกัดสุ นขั ประลองของมู่หรงเสวียจนตาย เท่านีชัยชนะก็เป็ นของเขาและไม่ตอ้ งถูก
ตัดนิ วอีกต่อไป

“สวีเทียนอัน เจ้าทําบ้าอะไร! แพ้แล้วไม่ยอมรับ หน้าไม่อาย!” มู่หรงเย่ปะทุความโกรธ ขณะกําลังจะสังให้คน


ของสนามประลองจับแยกพวกมันออก แต่กลับเห็นเจ้าตัวเล็กลุกขึนมาจากพืน ร่ างกายสี เทาหวูบไหวไปมา
ท่ามกลางวงล้อมของศัตรู ได้ยนิ เพียงเสี ยงร้อง ‘โฮกกโฮกก......’ สี ครัง หลังจากนันก็ปรากฏภาพซากของเหล่า
สุ นขั ร่ างยักษ์ทีต่างนอนกันอย่างกระจัดกระจาย ทุกตัวดวงตาเบิกกว้างลําคอถูกกัดจนหัก ไร้ซึงชีวิต

ร่ างกายของเจ้าตัวเล็กปราศจากบาดแผลใดๆ ยืนหัวเชิดชูคออย่างหยิงทะนงอยูก่ ลางสนามประลอง

มู่หรงเย่เบิกตากว้าง หนึงต่อสี แถมยังชนะขาดลอย เจ้าสุ นขั ตัวนี ช่างแข็งแกร่ งเกินไปแล้ว บางทีสุนัขทีมีท่าทางดุ


ร้ายเวลาต่อสู ้กบั ศัตรู กอ็ าจจะไม่แข็งแกร่ งเสมอไป แต่สุนัขทีมีภาพลักษณ์ตวั เล็กอ่อนแอเวลาสู ้กบั ศัตรู กอ็ าจจะ
เป็ นผูช้ นะบ้างก็ได้
ดูอย่างสวีเทียนอันทีเลือกสุ นขั มาตังหลายตัวแต่กลับแพ้ให้กบั เจ้าตัวเล็กอย่างราบคาบ ไม่เหลือข้ออ้างในการ
หลีกเลียงผลการเดิมพัน ตัวข้าโดนเขาเยาะเย้ยตังมากมาย วันนี ได้ตอกหน้ากลับไปสักหนก็สะใจแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า ถูก
ตัดนิ วในสนามประลองสัตว์ ดูสิว่ายังจะมีหน้ามาอวดเก่งอีกไหม?

เขามองไปทางสวีเทียนอันทีกําลังทุกข์อย่างมีความสุ ข เห็นเขามองไปยังสนามประลองทีเต็มไปด้วยเลือดด้วยสี
หน้าตระหนกตกใจ สุ นขั ประลองทีซื อมาตายหมด ทังยังแพ้ให้กบั มู่หรงเสวีย แถมยังต้องโดนตัดนิ ว......ข้าไม่มี
ทางยอม ข้าต้องไม่กลายเป็ นคนพิการเช่นนันแน่ !

แววตาไหววูบ สวีเทียนอันหยิบกริ ชบนถาดแล้วพุ่งไปทางมู่หรงเสวีย นางบังอาจบีบบังคับให้ขา้ ต้องมีชะตา


กรรมเช่นนี ช่างไม่รู้จกั กาลเทศะ นางอยากได้นิวนักใช่ไหม? ข้าจะใช้นิวของเจ้าเป็ นของเดิมพันแทนนิวของข้า
แล้วค่อยยกมันให้เจ้าเอง

“สวีเทียนอัน เจ้าคนน่ารังเกียจ!”

มู่หรงเย่หน้าเปลียนสี ตะโกนขึนเสี ยงดัง ขณะทีกําลังจะเข้าไปแย่งกรี ชในมือ กลับเห็นมู่หรงเสวียพลิกตัวหลบ


ไปด้านข้างจนหลุดพ้นจากการโจมตีอย่างง่ายดาย และในจังหวะเดียวกันนางพลิกข้อมือแย่งกริ ชจากมือของสวี
เทียนอันเอาไว้ได้ นางไม่รอช้าง้างกริ ชขึนสู งแล้วตวัดฟันลงไปยังนิวมือซ้ายทังห้าของสวีเทียนอันจนขาด เลือด
สาดกระเซ็นไปทัว ย้อมพืนดินโดยรอบให้กลายเป็ นสี แดงสดของเลือด

สวีเทียนอันส่ งเสี ยงกรี ดร้องอย่างโหยหวน “อ๊ากกก”

“คุณชาย” บ่าวรับใช้ทีอยูไ่ ปไม่ไกลนักร้องอุทานอย่างตกใจ รี บวิงมาทางด้านหน้าของสวีเทียนอัน เร่ งฉี กเสื อ


ของตนพันรอบบาดแผล
สวีเทียนอันยืนโซเซไปมา สี หน้าขาวซี ดไร้สีเลือด มองมู่หรงเสวียด้วยแววตาโกรธแค้น “สิ งเดิมพันของพวกเรา
คือนิ วมือหนึงนิว เจ้าเป็ นใครถึงกล้าตัดนิ วมือทังห้าของข้า!” มือซ้ายของเขาคงใช้การไม่ได้อีกแล้ว ตังแต่นีไป
เขาคงกลายเป็ นคนไร้ค่าอย่างแท้จริ ง

“ตามทีตกลงกันแต่แรก เดิมพันหนึงรอบใช้นิวมือหนึงนิ ว เจ้าปล่อยสุ นัขประลองลงสนามทังหมดห้าตัวนับเป็ น


การเดิมพันทังหมดห้ารอบ ฉะนันแพ้หา้ รอบเท่ากับห้านิ วมือ” มู่หรงเสวียพูดตอบอย่างไม่ทุกข์ร้อน นํากริ ชเปื อน
เลือดโยนกลับไว้บนถาดเช่นเดิม

จริ งๆแล้วนางต้องการตัดนิวของสวีเทียนอันเพียงหนึงนิ วมือเท่านัน แต่สวีเทียนอันกลับมีความคิดอันตําทราม


ถึงกับกล้าลงมือทําร้ายนาง เช่นนันก็อย่าโทษว่านางไร้ความเมตตา
ตอนที 6 สิ นสอด
นําเสี ยงชัดถ้อยชัดคําลอยเข้าหู ในแววตาของสวีเทียนอันเต็มไปด้วยไฟโกรธจนวูบไหวไปมา กัดฟั นพูดตอบ
“ข้าตกลงเดิมพันเพียงหนึ งนิ วมือต่อหนึ งรอบ สิ งของเดิมพันของสี รอบหลังนันข้ายังไม่ได้กล่าวว่าจะใช้สิงใด
เดิมพัน ใครอนุ ญาตให้เจ้าเป็ นคนตัดสิ นมิทราบ”

หญิงตําต้อยท่าทางขีโรคอ่อนแอเช่นนางกลับมีฝีมือร้ายกาจ คงใช้ไม้แข็งกับนางไม่ได้แล้ว แต่นางก็ตอ้ งชดใช้ที


บังอาจมาตัดนิ วมือของเขา เขาจะให้นางจ่ายคืนด้วยนิวมือเช่นกัน คอยดูเถอะ!

มู่หรงเสวียปรายตามองสวีเทียนอัน “หลังจากทีตัวแรกตาย เจ้ากลับปล่อยสุ นัขประลองออกมาอีกสี ตัวโดยมิ


กล่าวอันใด ข้าถือว่าเป็ นการเดิมพันต่อจากรอบแรก ถ้าเจ้าอยากจะเปลียนของเดิมพันเหตุใดจึงมิกล่าววาจาเล่า
พอการประลองเสร็ จสิ นลงกลับมาเรี ยกร้องโวยวาย ไม่คดิ ว่ามันไร้ยางอายไปหน่ อยหรื อ?”

“นีเจ้า!” สวีเทียนอันสําลักความโกรธ ตอนนันเขาเพียงอยากฆ่าเจ้าสุ นขั อ่อนแอนัน พอมันตายเขาก็จะชนะและ


ไม่ถูกตัดนิ ว

“คิดทีจะเดิมพันเมือแพ้กต็ อ้ งยอมรับ ผูค้ นในสนามประลองมีตงมากมาย


ั ข้อตกลงการเดิมพันของเจ้ากับข้านัน
ถูกต้องตามกฏข้อตกลง และถ้าเกิดมีเรื องไปถึงศาล กับข้าทีไร้ความผิดเจ้าจะทําอะไรได้ หรื อถ้าเจ้ายังไม่พอใจ
อยากจะสังสอนข้าก็ไม่มีปัญหา แค่ให้เจ้ารู ้ไว้วา่ ข้ารออยูท่ ีจวนเจินกัวโหว น้อมต้อนรับเจ้าเสมอ” มู่หรงเสวียพูด
ตอบเย็นชา หันกายไปอุม้ เจ้าตัวเล็กเดินออกไปทางด้านนอกสนามประลอง
สุ นขั ประลองมีไว้เพือความบันเทิงของแขก เมือซื อไปก็ถือเป็ นทรัพย์สินส่ วนตัวของผูซ้ ื อ ไม่ว่าจะเป็ นหรื อตาย
หรื อกระทังการเอามันออกไปด้านนอกสนามประลองก็สามารถกระทําได้

สาวใช้หงซิ วเร่ งเดินตามมู่หรงเสวียทีเดินออกไป

มู่หรงเย่ยน่ คิว ปรายตามองร่ างเปื อนเลือดทีดวงตาเต็มไปด้วยไฟแค้นของสวีเทียนอันแล้วก็เร่ งตามมู่หรงเสวีย


ออกไปบ้าง “น้องเล็ก รอข้าด้วย”

ชันสองของสนามประลองในห้องอาหาร ทีแยกออกมาเพือความเป็ นส่ วนตัวปรากฏร่ างของผูช้ ายสองคนทีกําลัง


สนใจเหตุการณ์เมือครู่ อยูเ่ ช่นกัน

“เลือกสุ นขั ประลองมัวๆตัวหนึ ง ก็กาํ ราบจอมเสเพลแห่ งเมืองหลวงสวีเทียนอันได้เสี ยจนอยูห่ มัด คุณหนูใหญ่มู่


หรงผูน้ ี ช่างร้ายกาจยิงนัก” ชายในชุดสี นาตาลกล่
ํ าวชมเชย แววตาเต็มไปด้วยความอัศจรรย์ใจ เหล่มองชายชุด
ขาวด้านข้าง ยิมตาหยีกล่าว “คุณชายใหญ่เล่าคิดว่าเป็ นเช่นใด”

นิวมือขาวเนี ยนดังหยกของชายชุดขาวเพียงลูบไล้แก้วหยกไปมา ปิ ดเปลือกตา มิกล่าววาจาใด

ชายชุดนําตาลไม่ถือความ เพียงแต่พูดเองเออเองต่อไป “ไหนจะการควงกริ ช ไหนจะท่วงท่าตอนฟันนิวมือนัน


รวดเร็ วเหลือคณา น่าจะถูกถ่ายทอดจากเจินกัวโหวคนก่อนโดยตรง แต่ทวทั
ั งเมืองหลวงกลับเชือว่านางเป็ นเพียง
คุณหนูผอู ้ ่อนแอ น่ าขันนัก”
ชายชุดขาวมองไปยังมู่หรงเสวียทีค่อยๆเดินไกลออกไป ประกายตาดําไหววูบจนผูอ้ ืนไม่สามารถคาดเดาได้ว่า
กําลังคิดสิ งใดอยู่

สนามประลองสุ นขั ห่ างจากจวนเจินกัวโหวมิไกล มู่หรงเสวียหลังจากเดินออกไปก็ไม่ได้ขึนรถม้าแต่เลือกทีจะ


อุม้ เจ้าตัวเล็กเดินกลับจวน เพือทีจะได้ชืนชมฉากเมืองโบราณอันงดงามระหว่างทาง

มู่หรงเย่ตามติดอยูข่ า้ งกายนาง ยิมตาหยีพดู ขึนอย่างประจบเอาใจ “น้องเล็ก ทําไมเจ้าถึงรู ้ว่าเจ้าตัวเล็กมันเก่งล่ะ?”

ประลองสุ นัขมานานปี ทําไมเขาจะดูไม่ออกว่าตัวไหนเก่งไม่เก่ง? แต่เจ้าตัวเล็กนี ไม่ว่าจะดูยงั ไง ก็ดูไม่ออกว่ามี


ดีทีตรงไหน

“ก็เพราะว่ามันไม่ใช่สุนขั ธรรมดา แต่เป็ นสุ นัขสายพันธ์ฉางเอ๋ า” มู่หรงเสวียค่อยๆอธิบาย สุ นขั สายพันธ์ฉางเอ๋ า


มักมีนิสัยอดทนเข้มแข็ง พละกําลังสู งเหมาะกับการต่อสู ้ สุ นขั โดยทัวไปไม่ใช่คตู่ ่อสู ้ของมัน

สุ นขั สายพันธ์ฉางเอ๋ า มันเป็ นสุ นขั สายพันธ์อะไรกัน?

มู่หรงเย่ประลองสุ นัขก็บ่อย ชนิ ดของพวกมันก็ถือว่าเข้าใจในระดับหนึง แต่วา่ ฉางเอ๋ านีคือครังแรกทีเขาได้ยนิ


ไม่ว่านึกยังไงก็นึกไม่ออกว่าเคยมีคนพูดถึง ถึงจะไม่รู้ แต่มนั ก็ไม่ได้ทาํ ให้ความตืนเต้นทีมีต่อเจ้าตัวเล็กลด
น้อยลง “น้องเล็ก เจ้ายกเจ้าฉางเอ๋ าตัวนี ให้ขา้ ได้ไหม ข้าให้หา้ พันตําลึง ไม่ซิ เอาเป็ นสักหนึงหมืนตําลึงเป็ นไง?”
มู่หรงเสวียหันไปมองมู่หรงเย่ เขาใส่ ชุดจีนโบราณสี นาเงิ
ํ นเข้มลายไม้ไผ่ ผมดําถูกหมวกหยกรวบสู งเผยให้เห็น
หน้าผากขาวกระจ่าง ใบหน้าสง่างามแฝงความไร้เดียงสา ผิวขาวเปล่งประกาย ปากสี แดงกุหลาบ ดวงตาสี ดาํ
ขลับเงางาม เป็ นชายรู ปงามผูห้ นึง

แต่ใครเล่าจะคาดคิด? คนรู ปงามตรงหน้ากลับเป็ นจอมเสเพลชือดังแห่ งเมืองหลวง เทียวเล่นไปทัว เป็ นเพียงคน


ไร้ความสามารถผูห้ นึง “ข้าไม่ชอบเงิน”

ใช่แล้ว น้องเล็กเก็บตัวอยูใ่ นจวนมานาน เสื อผ้า อาหาร ทีอยู่ได้ถูกเตรี ยมไว้อย่างครบครัน ทังไม่ค่อยออกมานอก


จวน เห็นชัดว่ามิจาํ เป็ นต้องใช้เงินตรา ดังนันมันไม่เหมาะสมทีเขาจะใช้เงินแลกกับเจ้าฉางเอ๋ า

“งันถ้าข้าให้เป็ นเสื อผ้า เครื องประดับหายาก เจ้าจะว่าอย่างไร?” มู่หรงเย่ยมตาหยี


ิ เด็กผูห้ ญิงต้องชอบเสื อผ้า
เครื องประดับสวยๆงามๆอยูแ่ ล้ว น้องเล็กต้องยอมตกลงแน่ นอน

“เสื อผ้ากับเครื องประดับทีเจ้าหาซื อได้ ข้าก็มีเงินหาซื อเองได้” มู่หรงเสวียตอกกลับอย่างไร้เยือใย

ใช่สิ เสื อผ้าของร้านอีเซี ยงเก๋ อ หรื อร้านผ้าชือดังอืนๆ ไม่ว่าเขาไปเองหรื อให้นอ้ งเล็กไป ก็ซือของได้ไม่ต่างกัน

“งันจะต้องทําอย่างไรเจ้าถึงจะยอมมอบเจ้าฉางเอ๋ าให้กบั ข้า?” มู่หรงเย่กล่าวเสี ยงเศร้า


“สุ นขั ทีสนามประลองตังมากมาย เจ้าไปซื อเพิมเสี ยก็สินเรื อง ทําไมจะต้องอยากได้เจ้าฉางเอ๋ าของข้าด้วย” ฉาง
เอ๋ ามีนิสัยซื อสัตย์กล้าหาญ แถมสายพันธ์นียังมีจาํ นวนน้อย มู่หรงเสวียวางแผนจะให้มนั อยูเ่ ฝ้ าเรื อนของนางที
จวนเจินกัวโหว ไม่อยากให้มนั ต้องไปประลองกับสุ นัขทีดุร้ายพวกนันอีก

“เจ้าฉางเอ๋ าของเจ้าเก่งทีสุ ดแล้ว พวกสุ นขั ทีข้ามองไว้ก็ถูกมันกัดจนตายหมด” มู่หรงเย่มองไปยังเจ้าฉางเอ๋ า แวว


ตาเต็มไปด้วยความคลังไคล้ “ถ้าเจ้ายอมยกมันให้กบั ข้า ข้าจะพามันไปทวงคืนศักดิศรี ทีได้เคยพ่ายแพ้ให้กบั จอม
เสเพลพวกนันพร้อมกับเงินตําลึงทีเสี ยไป......”

มู่หรงเสวียหยุดเดินทันที ทําให้มู่หรงเย่ทีเดินตามหลังมาชนเข้ากับร่ างของนางจนเซเล็กน้อย ถามขึนอย่างไม่


เข้าใจ “น้องเล็กเจ้าหยุดเดินทําไม? เป็ นอะไรหรื อเปล่า?”

มู่หรงเสวียมิกล่าววาจา สายตาเย็นชามองไปด้านหน้า

มู่หรงเย่มองตามสายตาของนางไป เห็นบ่าวรับใช้สิบกว่าคนกําลังขนหี บของทีนับได้ประมาณหลายสิ บหี บไป


วางไว้หน้าประตูจวนเจินกัวโหว แต่ละหี บล้วนทําด้วยไม้หอม ด้านบนประกอบด้วยล็อคสี ทอง ดูมีราคา ไม่ตอ้ ง
เดาก็รู้เลยว่าของด้านในจะลําค่าเพียงไหน

ชายวัยกลางคนในชุดสี นําเงินเข้มผูห้ นึ งเดินออกจากกลุ่มบ่าวไพร่ ตรงไปยังจวนเจินกัวโหว

“พ่อบ้านหวัง” มู่หรงเย่เอ่ยเสี ยงเรี ยกอย่างแปลกใจ


ชายวัยกลางคนหยุดเดิน หันไปตามเสี ยงเรี ยกของมู่หรงเย่ พร้อมกับโค้งคารวะ “คุณชายใหญ่ คุณหนูมู่หรง”

พ่อของมู่หรงเสวียมีนามว่ามู่หรงเยว่แต่เดิมเป็ นท่านแม่ทพั ใหญ่ประจําแคว้น สิ บปี ก่อนได้รับบาดเจ็บสาหัสจาก


การกรําศึกทีชายแดนจนเสี ยชีวิต แม่ของนางพอทราบข่าวก็ลม้ ป่ วยตกตายไปตามกัน ทิงให้ฝาแฝดอย่างพวกนาง
ทีมีอายุเพียงสี ขวบปี ใช้ชีวิตในจวนเจินกัวโหวโดยไร้ซึงบิดามารดา

มู่หรงเย่ตอบรับเสี ยงเบา ชีไปทีหี บเหล่านันถามขึนด้วยความไม่เข้าใจ “พ่อบ้านหวัง เจ้ากําลังทําอะไรหรื อ?”

พอบ้านหวังยิมน้อยๆ “เรี ยนคุณชาย ข้าน้อยรับคําสังจากท่านอ๋ อง ให้มาส่ งสิ นสอดแก่คุณหนูม่หู รงขอรับ”

มู่หรงเย่ดวงตาเปล่งประกาย น้องเล็กจะแต่งงานแล้ว นี ช่างเป็ นเรื องทีน่ ายินดี แต่ว่า “น้องข้าเป็ นพระชายาเอก


แห่ งจิงอ๋ องมิใช่รึ เหตุใดเย่อีเฉิ นจึงไม่มาด้วยตนเอง? แต่ให้เจ้าทีเป็ นแค่พ่อบ้านเป็ นผูน้ าํ สิ นสอดมาให้แทน อีก
ทังถ้ายึดตามศักดิฐานะของพระชายาเอก สิ นสอดอย่างน้อยต้องมีหนึงร้อยยีสิ บหี บ แต่เจ้ากลับนํามาเพียงหกสิ บ
หี บเท่านัน นียังนับว่าเป็ นวังจิงอ๋ องอยูอ่ ีกไหม ผลการศึกของจิงอ๋ องรึ ก็มากมาย ทรัพย์สินมิสมควรจะขาดมือ”
ตอนที 7 ตีให้ หลาบจํา
จวนเจินกัวโหวถือเป็ นหนึ งในตระกูลชนชันสู ง เงินทองมิเคยขาด และมิเคยใส่ ใจว่าจะได้ค่าสิ นสอดมากน้อย
เพียงใด แต่นีจิงอ๋ องถึงกลับไม่มาส่ งมอบสิ นสอดด้วยตนเอง ทังจํานวนสิ นสอดยังน้อยจนมิสมฐานะ ชัดเจนว่า
ไม่ได้ให้ความสําคัญกับน้องเล็กเท่าใดนัก หากว่าข้ายังรับสิ นสอดโดยมิกล่าววาจา น้องเล็กคงถูกชาวบ้าน
ชาวเมืองพากันหัวเราะเยาะดูถกู เป็ นแน่

พอได้ฟังคําว่ากล่าวติเตียนจากเขา พ่อบ้านหวังปรากฏแววตาแปลกใจ “ท่านอ๋ องได้ประกาศทัวทังเมืองหลวง


แล้วว่าจะรับคุณหนูใหญ่ม่หู รงเป็ นพระชายารอง คุณชายยังมิทราบข่าวหรื อขอรับ?”

มู่หรงเย่ชะงัก เสี ยงดังขึนด้วยความโกรธและตกใจ “ประกาศเมือใดกัน?”

“ก็ในงานเลียงฉลองเมือสักครู่ ไงขอรับ เหล่าขุนนางล้วนได้ยนิ หรื อว่าคุณชายไม่ได้เข้าร่ วมงานเลียง จึงยังไม่


ทราบข่าว” พ่อบ้านพูดตอบ ดวงตาปรากฎแววล้อเลียน

มู่หรงเย่ทาํ ท่าทางอําอึงไม่เป็ นธรรมชาติ เขาไม่ได้กลับจวนหลายวันแล้ว ถึงแม้จะรู ้แล้วว่าเย่อีเฉิ นรบชนะและ


กลับมาเมืองหลวง แต่เขาก็ไม่รู้วา่ งานเลียงต้อนรับของเย่อีเฉิ นจัดขึนวันนี......

“เพือความสงบสุ ขระหว่างชิงเหยียนกับม่อเป่ ย ท่านอ๋ องจึงมีรับสังเช่นนี ทังยังทําให้คุณหนู ม่หู รงไม่ได้รับความ


ยุติธรรม ขอคุณชายโปรดอภัยด้วยขอรับ” พ่อบ้านหวังโค้งขอโทษด้วยท่าทีอ่อนน้อม

มู่หรงเย่มองพ่อบ้านหวังด้วยแววตาทีเต็มไปด้วยความสับสน สักพักจึงเอ่ยขึนว่า “คิดดูแล้ว ท่านอ๋ องของเจ้าคง


ไม่ชอบน้องสาวของข้านัก ถ้างันก็ถอนหมันเสี ยเถอะ แล้วก็หยุดการกระทําทีหมินเกียรตินีเสี ยที”
พ่อบ้านหวังชะงักไปครู่ หนึ ง แววตาตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าจอมเสเพลแห่ งเมืองหลวงผูน้ ี เพียงได้รู้ว่าน้องสาวได้
เป็ นเพียงบ้านรอง ถึงกับเอ่ยปากขอถอดหมัน......

“น้องสาวข้าเป็ นถึงบุตรสาวสายตรงแห่ งจวนเจินกัวโหว ถึงแม้จะไร้ซึงบิดามารดา ร่ างกายอ่อนแอ แต่ศกั ดิฐานะ


หาได้ตาต้
ํ อยไม่ ในเมืองหลวงยังมีชนชันสู งอีกมากทีต้องการรับนางเป็ นฮูหยินใหญ่ นางมิจาํ เป็ นต้องลดตัวไป
เป็ นรองใคร”

นําเสี ยงเน้นยําของมู่หรงเย่ลอยเข้าหู พ่อบ้านหวังยิม คนตระกูลมู่หรงล้วนดือดึงเสี ยจริ ง น่าเสี ยดายทีฝ่ ายตรงข้าม


ของพวกเขาคือจิงอ๋ อง “คุณชาย ทีท่านอ๋ องทําแบบนี ก็เพือปวงประชาที......”

มู่หรงเย่ตดั บท มองพ่อบ้านหวังอย่างเย็นชา “เย่อีเฉิ นควบคุมทหารดังเทพเซี ยน ถ้าเขาชอบน้องสาวของข้าจากใจ


จริ ง อยากแต่งนางเป็ นพระชายาเอก คงตีม่อเป่ ยจนยอมศิโรราบ จนทางนันไม่กล้ายืนข้อเสนออะไรอีก ข้ออ้าง
ทีว่าเพือความสงบของสองแคว้น จนต้องหลู่เกียรติโดยการให้นอ้ งข้าเป็ นรอง ข้ออ้างทีไร้สาระเช่นนี พวกเจ้ายัง
กล้าเอามาใช้กบั ข้า คิดว่าข้าเป็ นเด็กสามขวบรึ ไง?”

เทียวเล่นไร้ความมานานหลายปี แต่สามารถวิเคราะห์ได้ละเอียดชัดเจนเช่นนี นับว่ามู่หรงเย่เป็ นคนฉลาดทีหาจับ


ตัวได้ยากคนหนึ ง แต่จะว่าไปแล้วการแต่งงานกับมู่หรงเสวียก็เป็ นเรื องทีสําคัญต่อท่านอ๋ องมาก จะผิดพลาด
ไม่ได้

“คุณชาย ข้าน้อยเพียงรับคําสังจากท่านอ๋ องมาส่ งสิ นสอดเท่านัน คุณชายได้โปรดอย่าทําให้พวกข้าน้อยต้อง


ลําบากใจเลยขอรับ” พ่อบ้านหวังก้มหน้ากล่าว ส่ งสายตาไปทางคนงานขนหี บ
เหล่าคนงานเข้าใจความนัย เร่ งกันช่วยขนหี บสิ นสอดไปยังประตูใหญ่จวนเจินกัวโหว เร็ วจนผูค้ นตังตัวไม่ทนั

“พวกเจ้าทําอะไร?” มู่หรงเย่ได้สติเร่ งเดินไปยังด้านหน้าของเหล่าคนงานทีอีกไม่กีก้าวก็จะเข้าไปในจวนเจินกัว


โหว เขาทังโกรธทังร้อนรน คํารามขึนเสี ยงดังพลางวิงไปจนถึงประตูหลักของจวน ยกเท้าเตะไปทีหี บสิ นสอด
หี บหนึง

คนงานขนหี บไม่ทนั ได้ระวัง หี บสิ นสอดถูกเตะตกลงสู่ พืนจนแตกกระจาย ของลําค่าด้านในกระเด็นออกมาตาม


แรงกระแทก วัตถุโบราณ ห่ อผ้าไหม ทุกชินราคาล้วนมิใช้นอ้ ยดึงดูดสายตาของผูค้ น

มู่หรงเย่ไม่แม้แต่จะสนใจ จ้องไปยังคนงานผูห้ นึ ง ตะโกนขึน่า “ทีนี คือจวนเจินกัวโหว ไม่ใช่วงั จิงอ๋ อง พวกเจ้า


กลับกล้ามารุ กลํา ช่างบังอาจยิงนัก”

คนงานก้มหน้ามิกล่าววาจา เหล่สายตาขอความช่วยเหลือไปทางด้านข้าง

มู่หรงเย่มองตามสายตาของพวกเขาจนเห็นพ่อบ้านหวัง แววตาลุกโชนไปด้วยความโกรธ พ่อบ้านหวังถือเป็ น


หนึ งในมือเท้าของเย่อีเฉิ น เขาบังอาจให้คนงานบุกรุ กเข้าจวนเจินกัวโหว เท่ากับว่าเย่อีเฉิ นคงสังการไว้

“ข้านึ กว่าเย่อเฉิ
ี นจะเป็ นวีรบุรุษผูส้ ู งส่ ง ถึงพวกข้ากับเขาจะไม่ได้เป็ นทองแผ่นเดียวกันก็ยงั สามารถเป็ นมิตรทีดี
ต่อกันได้ แต่คาดไม่ถึงว่า เขากลับรังแกคนทีอ่อนแอกว่า ไม่รักษาสัญญา ทังยังใช้อาํ นาจบีบบังคับให้นอ้ งข้าแต่ง
เข้าเป็ นบ้านรอง ช่างไร้ยางอายจนข้าพูดไม่ออก”
“จวนเจินกัวโหวของข้าถึงแม้ว่าจะไม่สูงส่ งเท่าวังอ๋ อง แต่ก็จะมิอาจยอมให้ผใู ้ ดมาเหยียดหยาม พ่อบ้านหวัง เชิญ
ี นเสี ยเถอะ ตระกูลมู่หรงไม่ได้เสี ยดายในตัวเขา ถึงแม้ว่าเขาจะยอมให้นอ้ งสาวข้าเป็ นพระ
เจ้ากลับไปบอกเย่อเฉิ
ชายาเอกก็ตามที พวกข้าก็จะไม่เสี ยดาย พวกข้าขอถอนการหมันหมายครังนี ”

ก่อนแต่งงานก็หมินเกียรตินอ้ งสาวข้าขนาดนี หลังแต่งงานไปจะถูกกระทําขนาดไหนใครจะรู ้ น้องเล็กแต่งเข้า


วังจิงอ๋ องก็เหมือนอยูใ่ นดงสัตว์ร้าย จะจบชีวิตลงเมือใดก็ไม่อาจทราบได้

ฝูงชนมองไปทางเขาอย่างตกตะลึง เขาถึงขนาดกล้าว่าจิงอ๋ องอย่างรุ นแรงเช่นนี ช่างบังอาจยิงนัก

มู่หรงเย่มองอย่างไม่สนใจ เพียงแต่สังการเสี ยงดัง “พวกเจ้า โยนของสกปรกพวกนี ไปให้พน้ หู พน้ ตาข้า”

“ขอรับ” เหล่าทหารยามประจําจวนเจินกัวโหวสะดุง้ ถูกปลุกขึนจากภวังค์ พากันวิงมาด้านหน้า จับพวกคนงาน


และหี บสิ นสอดโยนออกไปด้านนอก

มู่หรงเย่มองความวุน่ วายตรงหน้า เสี ยงร้องเจ็บปวดของข้ารับใช้จวนจิงอ๋ อง ทําให้ความโกรธของเขาค่อยๆผ่อน


ลง จับมือมู่หรงเสวียเดินกลับเข้าจวน “พวกเราเข้าจวนเถอะ อย่าอยูม่ องคนพวกนี ให้เสี ยสายตาเลย”

“อืม” มู่หรงเสวียพยักหน้าพอใจ

เย่อีเฉิ นเพิกเฉยต่อความตังใจของนาง บีบบังคับให้รับสิ นสอดเพือยัดเยียดให้นางเป็ นบ้านรอง นางยิงรู ้สึกเกลียด


ชังเขามากขึนไปอีก เดิมทีคิดจะเปิ ดปากสังสอนพ่อบ้านหวัง แต่คาดไม่ถึงว่ามู่หรงเย่กลับชิงออกหน้าสังสอน
ความอวดดีของพวกเขาเสี ยก่อน เขากล่าววาจาทําให้เย่อีเฉิ นเสี ยหน้า และยังเป็ นเดือดเป็ นร้อนแทนนาง นางไม่
ต้องทําอะไรเพียงแต่รอดูผลอย่างสบายๆ

พ่อบ้านหวังหรี ตาคมมองร่ างของมู่หรงเย่กบั มู่หรงเสวียทีค่อยๆเดินกลับเข้าจวนไปอย่างช้าๆ สิ นสอนส่ งถึงแล้ว


ถึงแม้ม่หู รงเย่ไม่ยอมรับไว้ ก็ถือว่าเขาได้ทาํ ตามคําสังของท่านอ๋ องสร็ จเรี ยบร้อยแล้ว แต่ว่าเขายังมีอีกเรื องหนึงที
ต้องแจ้งให้ม่หู รงเย่ทราบ “คุณชาย อีกสามวันให้หลัง ท่านอ๋ องจะจัดขบวนมารับคุณหนูมู่หรงรับเข้าวังอ๋ องเป็ น
พระชายารอง......”

‘ปึ ก’ เสี ยงแผ่นไม้กระทบกับปากของพ่อบ้านหวังเสี ยงดัง ตัดบทสนทนาของเขาลง

พอบ้านหวังมีสีหน้าเขียวคลํา มองไปยังร่ างบางเบืองหน้าด้วยสายตาเหยียบเย็น พลางบ้วนฟั นขาวสองซี ทีหลุด


ปนออกมากลับเลือด

ความชุลมุนโดยรอบหยุดชะงักลง เหล่าผูค้ นมองหน้ากันไปมา เป็ นใครกันทีกล้าตบปากพ่อบ้านหวัง

ค่อยๆปรายสายไปมอง ปรากฏร่ างของมู่หรงเสวียทียืนนิงเงียบหันหลังให้เขาอยูบ่ นทางเดินหิ นห่ างไปไม่กีเมตร


นําเสี ยงเย็นชาลอยลู่ตามสายลมมาเข้าหู ของเขา “ต่อหน้าประตูจวนเจินกัวโหว ใครหน้าไหนทีกล้ามาลบหลู่ดู
หมิน พวกข้าคงยอมมิได้ ทหารยามจวนเจินกัวโหวฟั งคําสัง หากว่ายังมีใครกล้ารุ กลําเข้าจวนหรื อกล้า
โหวกเหวกโวยวายหน้าประตูจวน จงฟันทิงเสี ยไม่วา่ จะเป็ นหรื อตาย”

“ขอรับ” ทหารยามจวนเจินกัวโหวรับคําสัง ทําการขับไล่คนของวังจิงอ๋ องให้ออกไปอย่างฮึกเหิ ม เหตุการณ์หน้า


จวนกลับวุ่นวายอีกครัง

มู่หรงเย่ทาํ เป็ นมองไม่เห็น มองไปยังมู่หรงเสวียอย่างแปลกใจ “น้องเล็กเจ้าไปเรี ยนกระบวนท่าเมือครู่ กบั ผูใ้ ดกัน


เพียงใช้แรงเขวียงแผ่นไม้ออกไปก็ทาํ ให้พ่อบ้านหวังฟันล่วงสองซี ได้ เจ้าไม่รู้หรื อพ่อบ้านหวังนันเป็ นคนมีวร
ยุทธสู งผูห้ นึ ง ชือเสี ยงก็มีไม่นอ้ ย แต่ก็ยงั ไม่สามารถหลบพ้นการโจมตีจากเจ้าได้ เจ้ากลายเป็ นคนเก่งกาจเช่นนี
ตังแต่เมือใดกัน”
ตอนที 8 สั งสอนลูกพีลูกน้ อง
“ข้าไม่มีวรยุทธอะไรหรอก ก็แค่จาํ จากพวกทหารยามมา ทีดูออกก็มีเพียงไม่กีกระบวนท่าเท่านัน” มู่หรงเสวียพูด
แบบขอไปที แววตาวูบไหวไม่เป็ นธรรมชาติ

เรื องมีชีวิตใหม่ในต่างโลกทีน่ าเหลือเชือแบบนี ถ้าไม่เกิดขึนกับตัวเองนางคงไม่มีวนั เชืออย่างแน่ นอน


นับประสาอะไรกับเด็กอายุสิบสี อย่างมู่หรงเย่ ถ้านางบอกความจริ งมู่หรงเย่อาจคิดว่านางถูกปี ศาจร้ายเข้าสิ ง นาง
สู้เก็บไว้เป็ นความลับจะดีเสี ยกว่า

“เป็ นอย่างทีเจ้าบอกแน่ หรื อ?” มู่หรงเย่ยน่ คิว ชัดเจนว่าไม่เชือในคําพูดของนาง

“แน่นอน ข้าจะหลอกเจ้าทําไมกัน” เห็นมู่หรงเย่มีท่าทีจะถามต่อ มู่หรงเสวียจึงรี บพูดขึน “นี ก็เสี ยเวลามามากแล้ว


ข้าพาเจ้าฉิ งเอ๋ าไปอาบนําก่อนแล้วกัน ตอนนี มันตัวสกปรกมอมแมมไปหมด ดูท่าทางไม่สบายตัว”

มู่หรงเย่พอได้ยนิ คําว่าฉางเอ๋ าเพียงสองคํา ความสงสัยทีมีกส็ ู ญสลายหายไปกับอากาศเสี ยสิ น มองไปทีฉางเอ๋ า


ด้วยแววตาทีเปล่งประกาย “น้องเล็กเจ้าสุ ขภาพอ่อนแอ จะต้องเหนือยเองไปใย อาบนําสุ นขั งานหนักเยียงนี ให้
เป็ นหน้าทีของข้าเถอะ”

มู่หรงเสวียยิมน้อยๆ “ความหมายของข้าคือให้สาวใช้อาบ มิใช้อาบให้มนั เอง จะเหนือยทีไหนกัน?”


มู่หรงเย่ส่ายหน้าไม่เห็นด้วย “ขนของฉางเอ๋ ามันสกปรกจนดูไม่ออกว่าสี เดิมเป็ นสี อะไร บนตัวคงเต็มไปด้วยดิน
โคลน สาวใช้ในเรื อนของเจ้าล้วนแต่ผอมแห้งแรงน้อย ไม่รู้วา่ ก่อนฟ้ ามืดจะอาบเสร็ จหรื อไม่ ไหนๆแล้วก็ยกให้
ข้าเสี ยเถอะ ข้าจะให้พวกบ่าวผูช้ ายอาบให้มนั จนสะอาด เมือเสร็ จแล้วค่อยส่ งคืนเจ้า”

น้องเล็กหวงฉางเอ๋ ามาก ไม่ยอมยกให้โดยง่าย เขาขอแค่ทาํ ความรู ้จกั สนิทสนมกับเจ้าฉางเอ๋ าเล็กน้อยเสี ยก่อน


แล้วค่อยแอบพามันออกไปประลองตอนทีนางเผลอสักรอบสองรอบ เท่านี ก็คงกูช้ ือเสี ยงกูศ้ กั ดิศรี ให้ขา้ ได้
มากมายแล้ว

“ถ้าเช่นนันก็ได้” มู่หรงเสวียจําใจพยักหน้ารับ‘อย่างเสี ยมิได้’ ได้แต่ยอมส่ งเจ้าฉางเอ๋ าให้ม่หู รงเย่ดว้ ยท่าทางหวง


แหน เน้นยํากับพีชายอย่างละเอียดว่า “ขนของมันพันกันยุง่ เหยิงไปหมด เวลาอาบนําให้มนั บอกพวกบ่าวไพร่ ให้
อาบอย่างเบามือ อย่าทําให้มนั เจ็บ......”

“รู ้แล้ว รู ้แล้ว” มู่หรงเย่พยักหน้าหงึกหงัก อุม้ เจ้าฉางเอ๋ าเดินไปข้างหน้าอย่างเบามือ ต่อไปนี มันคือตัวนําโชคตัว


น้อยของเขา เค้าต้องสังให้บ่าวไพร่ ดูแลมันอย่างดีแน่ นอน

เดินออกไปไม่กีก้าว เขากลับหยุดเท้า หมุนตัวหันมองไปทางมู่หรงเสวียทีมีสายตาลังเลไม่แน่ใจ พลางถามขึน


“น้องเล็ก เจ้าโกรธข้าหรื อไม่ทีข้าประกาศให้เจ้าถอนหมันกับเย่อีเฉิ นโดยทีไม่ปรึ กษาเจ้าก่อน”

หนึ งปี มานี เขาแทบทีจะไม่ได้อยูท่ ีบ้านเลย เจอหน้ากับน้องเล็กก็นอ้ ยมากจนสามารถนับครังได้ แต่เขารู้ดีวา่ น้อง


เล็กชอบเย่อีเฉิ นมาก

“แน่นอนว่าไม่” มู่หรงเสวียยิมไม่ใส่ ใจ “เย่อีเฉิ นลดข้าเป็ นพระชายารองกลางงานเลียง ข้าขอถอนหมันตังแต่


ตอนนันแล้ว องค์ฮ่องเต้ก็มิได้คดั ค้าน แถมยังส่ งคนไปแจ้งเรื องให้อดีตจิงอ๋ องรี บกลับเมืองหลวงเพือหารื อเรื อง
ถอนหมัน......”
“จริ งรึ ?” มู่หรงเย่ดวงตาส่ องประกาย “แล้วเจ้าไม่ชอบเย่อีเฉิ นแล้วหรื อ?”

มู่หรงเสวียพูดอย่างดูแคลน “คนแบบนัน ไม่คู่ควรให้ขา้ ชอบหรอก”

“พูดได้ไม่เลว” มู่หรงเย่พยักหน้าเห็นด้วย “ในใจของเย่อีเฉิ นไม่มีเจ้า ไม่แม้แต่เห็นเจ้าอยูใ่ นสายตา เขาไม่ใช่


คู่ครองทีดีของเจ้าหรอก ดีแล้วทีเจ้าเป็ นคนขอถอนหมันตัดขาดจากเขาก่อน นีนับว่าเป็ นการตัดสิ นใจทีถูกต้อง
ทีสุ ดแล้ว”

“โฮ่งๆ” เจ้าฉางเอ๋ าน้อยเห็นทังสองพูดคุยกันจนไม่สนใจมัน จึงทนไม่ไหวเหาขึนเสี ยงดังเพือเรี ยกร้องความ


สนใจ

มู่หรงเย่มองดูมนั ด้วยใจเต็มไปด้วยความสุ ข พลางพูด “รอจนไม่ไหวแล้วละซิ ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปอาบนํา


เอง”

มองส่ งจนมู่หรงเย่เดินลับหายไป มู่หรงเสวียเดินตามทางหิ นไปข้างหน้า ได้ยนิ เสี ยงหัวเราะลอยมาแต่ไกล คิว


งามขมวดเข้าหากันพลางเดินไปยังเรื อนหลัก

พอก้าวพ้นผ่านประตู เรื อนฝังตะวันตกทีอยูใ่ นบริ เวณเรื อนหลักปรากฏร่ างของสาวใช้กลุ่มหนึ ง ในมือของพวก


นางมีกล่องไม้หอมประณี ตคนละกล่อง แต่ละกล่องว่างไว้ดว้ ย ปิ นไพลิน ต่างหู ทบั ทิม สร้อยข้อมือประดับนิล
ของสวยงามต่างๆนาๆ ทุกชินดูงดงามลําค่าไม่นอ้ ย
หญิงสาวนนางหนึงสวมด้วยชุดกระโปรงยาวสี ชมพูดูอ่อนหวานเหมือนดังผีเสื อ กําลังเดินไปมาระหว่าง
เครื องประดับลําค่าเหล่านัน ลองอันนีที ลองอันนันที รอยยิมเต็มไปด้วยความเบิกบานใจ

มู่หรงเสวียแค้นยิม เดินเข้าไปหาอย่างช้าๆ “พวกเจ้ากําลังทําอะไร?”

นําเสี ยงเย็นชาลอยเข้าหู เหล่าสาวใช้ต่างพากันหันไปย่อกายเคารพด้วยท่าทางอย่างขอไปที “คุณหนูใหญ่”

หญิงสาวชุดชมพูปรายตามองนางเพียงเล็กน้อย “พีหญิงกลับมาแล้วหรื อ? ท่านยายเห็นข้าแต่งกายเรี ยบไปหน่อย


เลยจะมอบเครื องประดับให้ขา้ เพิม ท่านเลยให้ขา้ มาเลือกทีนี เอาเอง”

ท่านยายทีนางว่ามิใช่ยา่ แท้ๆของมู่หรงเสวีย แต่ว่าเป็ นย่าเลียงผูซ้ ึ งเป็ นผูใ้ ห้กาํ เนิ ดมู่หรงเจียนและมู่หรงโหรวสอง


พีน้อง แต่อดีตเจินกัวโหวมู่หรงเยว่พ่อของนางนันเกิดจากเพ่ยฮูหยินซึ งเป็ นย่าแท้ๆของนาง

หญิงสาวในชุดชมพูมีนามว่าซ่ งชิงเหยียน นางเป็ นบุตรสาวคนโตในตระกูลสายตรงของจวนอู่อนั โหว


นอกจากนีนางยังเป็ นบุตรสาวของมู่หรงโหรวทีเป็ นอาหญิงของนาง ดังนันจึงสามารถนับได้ว่านางเป็ น
ลูกพีลูกน้องกับนาง ส่ วนศักดิฐานะของจวนอู่อนั โหวนันอยูใ่ นลําดับสองของยศขุนนางศักดินาเช่นจวนของพวก
นาง และด้วยความทีเป็ นหลานสาวแท้ๆทําให้ฮูหยินเฒ่ารักและเอ็นดูนางเป็ นพิเศษ ทุกครังทีมาจวนเจินกัวโหว
มักจะแต่งกายเรี ยบง่ายธรรมดา แต่พอกลับออกไปทัวร่ างกายมักจะเต็มไปด้วยของประดับลําค่า เป็ นเช่นนีเสมอ
มา
มู่หรงเสวียยิมเย็น ค่อยๆกล่าว “ท่านย่าประทานของขวัญแก่เจ้า เจ้าก็ควรจะไปเลือกทีห้องเก็บของของนางถึงจะ
ถูกต้อง แล้วเหตุใดเจ้าจึงมาโผล่ทีห้องเก็บสิ นเดิมของท่านแม่ขา้ เล่า?” ซ่ งชิงเหยียนทีกําลังลองต่างหู ชะงักค้างไป
ครู่ หนึง ค่อยๆขมวดคิว แต่ไหนแต่ไรนางก็มาเลือกเครื องประดับมาทีนีตลอด ไม่เห็นมู่หรงเสวียจะว่ากล่าวอะไร
แต่วนั นี กลับทวงถามนาง ไปหงุดหงิดมาจากไหนกัน “แม่เจ้าก็เป็ นป้ าของข้า มอบเครื องประดับของมีค่าให้ขา้
แค่ไม่กีชิน จะเป็ นไรไป?”

“ถ้าท่านแม่ขา้ พูดว่าให้เจ้าด้วยตัวนางเอง นันถึงจะเรี ยกว่าให้ แต่เจ้าไม่ได้รับอนุ ญาตจากท่านแม่ขา้ กลับกล้าโผล่


มาเอาเครื องประดับจากทีนี โดยพลการ นันชาวบ้านเขาเรี ยกว่าขโมย”

มู่หรงเสวียเน้นคําพูดช่วงท้ายประโยค ซ่ งชิงเหยียนทีถูกประชดประชันจะหน้าแดงกํา แต่กย็ งั ใช้สายตาเสี ยดแทง


จ้องมองมาทีนาง “แม่เจ้าก็ตายไปเป็ นสิ บปี แล้ว ข้าจะมีปัญญาทีไหนไปขออนุ ญาตเล่า มู่หรงเสวียเจ้าหยุดพูดมาก
ความได้แล้ว อย่าให้มนั มากเกินไปนัก”

มู่หรงเสวียสี หน้าเย็นชา กล่าวเสี ยงเย็น “สิ นเดิมของแม่ขา้ ถูกใครทีไหนไม่รู้มาขโมย พอข้าทวงถามก็บอกว่า


เกินไป งันระดับคุณหนูชนชันสู งเช่นเจ้า ขโมยทรัพย์สินของผูอ้ ืนนีเรี ยกว่าเกินไปหรื อไม่?”

“ข้ามิได้ขโมยสิ งใด!” ซ่ งชิงเหยียนปะทุความโกรธ “ข้ามีกุญแจและเข้ามาเลือกเครื องประดับอย่างสง่าผ่าเผยมิได้


หลบซ่ อนใครเข้ามา”

มู่หรงเสวียยกมุมปากนางกําลังรอคําพูดนี อยูพ่ อดี “ผูใ้ ดเป็ นคนดูแลกุญแจห้องเก็บของ?”


“ข้าน้อยเองเจ้าค่ะ!” สาวใช้อายุประมาณสามสิ บกว่าปี ผูห้ นึ งก้าวออกมา เส้นผมถูกหวีเป็ นระเบียบ ดวงหน้าขาว
สะอาด แววตาแข็งกร้าว แค่ดูกร็ ู ้วา่ เป็ นคนฉลาดผูห้ นึง

“พวกเจ้า ลากนางออกไปโบยหนึงร้อยไม้ แล้วขายนางออกไปนอกจวนเสี ย” มู่หรงเสวียสังการเสี ยงดัง

สาวใช้นางนันมีสีหน้าตกตะลึง ร้องขึนอย่างตกใจ “คุณหนูใหญ่ ข้าน้อยทําผิดอะไรเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียทีมีนิสัย


อ่อนโยนเรี ยบร้อย ไม่เคยอารมณ์ร้ายกับเหล่าบ่าวไพร่ มาก่อน แต่วนั นี กลับลงโทษโบยนางอย่างโหดร้ายแล้วยัง
สังให้ขายนางออกไปอีก

“ทีแม่ขา้ ให้กุญแจกับเจ้าก็เพือให้ดูแลรักษาสิ งของด้านใน แต่เจ้ากลับเปิ ดห้องเก็บของโดยพลการ ทังทียังไม่ได้


ขออนุ ญาตจากเจ้านาย เลียงเสี ยข้าวสุ กเช่นนี ขายทิงก็ถูกต้องแล้วมิใช่หรื อ”

เจ้าของร่ างเดิมนันมีจิตใจดีงามเกินไป ทําให้บ่าวไพร่ พวกนีลืมไปว่าเจ้าของห้องเก็บของทีแท้จริ งคือใคร เช่นนัน


นางก็จะไม่ถือตัว ช่วยพวกนางทวนความจําเสี ยหน่อย

ซ่งชิงเหยียนใบหน้าซี ดเผือด สาวใช้เปิ ดห้องเก็บของให้นาง จนต้องถูกสังโบยแล้วค่อยขายทิง ถึงแม้ม่หู รงเสวีย


จะทําท่าทางเหมือนกําลังสังสอนสาวใช้ แต่จริ งๆแล้วเป็ นการตบหน้านางทางอ้อม นางรู ้ดี

มู่หรงเสวียต้องการฆ่าไก่ให้ลิงดู นางโชคไม่ดีเองทีตกหลุมพรางทีถูกวางแผนไว้ บัดนียังคิดหาคําแก้ตวั ไป


หักล้างคํากล่าวหาไม่ได้ แผนการของมู่หรงเสวียช่างลําลึกจนทําให้นางรู ้สึกเกลียดชัง
สาวใช้ส่งสายตาขอความช่วยเหลือให้คนรอบข้าง แต่ก็ไม่มีใครกล้าออกหน้าช่วยเหลือนาง เนืองจากเกรงว่าเป็ น
การยัวโมโหมู่หรงเสวีย

ไม่มีใครกล้าช่วยนาง นางคงได้แต่ช่วยตัวเองแล้ว สาวใช้กลันใจพูดขึนเสี ยงดัง “รายงานคุณหนูใหญ่ ข้าน้อยทํา


ตามคําสังของฮูหยินเฒ่าจึงเปิ ดห้องเก็บของ......”
ตอนที 9 สู้ รบกับย่ าเลียง
“หุ บปาก” มู่หรงเสวียตะคอกเสี ยงดัง ยกมือตบหน้าสาวใช้ปากดี “เจ้ากระทําผิดเองแท้ๆ กลับกล้าให้ร้ายฮูหยิน
เฒ่า เจ้าไม่อยากมีชีวติ อยูแ่ ล้วรึ ?”

ซีกหน้าของสาวใช้แซ่ ชิวเต็มไปด้วยลอยฝ่ ามือแดง เจ็บแสบเป็ นอย่างมาก แวบหนึ งสายตาของนางปรากฏแวว


ขุ่นเคือง พลางกัดฟันพูด “คุณหนูใหญ่ ข้าน้อยมิได้พูดปด เป็ นคําสังของฮูหญิงเฒ่าจริ งๆ......”

“ยังกล้าเล่นลินรึ ?” มู่หรงเสวียตบสาวแซ่ ชิวไปอีกหนึ งฉาดจนล้มลงไปกับพืน และมองด้วยสายตาอย่างผูท้ ีอยูส่ ู ง


กว่า ขณะทีกําลังจะสังสอนเพิมเติม เสี ยงหนึงก็ดงั สวนขึนเสี ยก่อน “เสี ยงดังอันใดกัน? มีอะไรกัน?”

นางเพิงพูดไม่กีประโยค คนให้ทา้ ยก็มาเสี ยแล้ว บ่าวไพร่ จวนนี ช่างส่ งข่าวได้รวดเร็ วเสี ยจริ ง สาวใช้ทียืนอยูใ่ น
เรื อนฝังตะวันตกพวกนี ล้วนเป็ นคนของฮูหยินเฒ่า มีเพียงสาวใช้สองหน้าแซ่ ชิวเพียงคนเดียวทีเป็ นคนของนาง
ไม่แปลกใจว่าทําไมหญิงเฒ่าถึงมาได้รวดเร็ วถึงเพียงนี

มู่หรงเสวียเค้นยิมเย็น หันกายไปมองอย่างไม่ใส่ ใจ เป็ นฮูหยินเฒ่าแซ่ ตจู ้ ริ งๆด้วย นางค่อยๆเดินเข้ามาด้านใน ผม


หงอกขาวถูกรวบสู งเป็ นทรงปั กด้วยปิ นหยกมรกตครอบด้วยหมวกจีนลวดลายโบราณของหญิงชนชันสู งดูภูมิ
ฐานสมฐานะ

นางเม้มปากแน่ น ปรายตามองใบหน้าแดงบวมของสาวใช้แซ่ ชิว คิวค่อยๆขมวดเข้าหากัน “นี มันเรื องอะไรกัน?”


สาวใช้แซ่ ชิวมองเห็นนางเหมือนเห็นพระมาโปรด ดวงตาทอประกายด้วยความยินดี นําตาไหลลงมาเป็ นสาย
คุกเข่าโขกศีรษะลงกับพืนร้องกล่าวอย่างท่าทางน่ าสงสาร “ฮูหยินเฒ่าช่วยข้าน้อยด้วย คุณหนูใหญ่จะขายข้าออก
จากจวน”

มู่หรงเสวียเลิกคิว พูดด้วยนําเสี ยงเรี ยบนิง “สาวใช้ชิวเปิ ดห้องเก็บของโดยพละการ ทังยังให้ร้ายท่านย่า ข้าสัง


สอนก็นบั ว่าเป็ นสิ งทีถูกทีควร จะได้กนั มิให้บ่าวไพร่ อา้ งเบืองสู งกระทําการสิ งใดให้เสื อมเสี ยแก่จวนเจินกัว
โหว”

“จริ งรึ ?” ฮูหยินเฒ่ากวาดตามองใบหน้าแดงเถือกของสาวใช้ชิว มาหยุดสายตาอยูท่ ีร่ างของมู่หรงเสวีย “แต่สาว


ใช้ชิวมิได้โกหก เป็ นข้าเองทีสังนางให้เปิ ดห้องเก็บของหยิบเครื องประดับ เจ้าสังสอนผิดคนแล้ว”

เพือหลานสาวแสนรัก จึงสังให้บ่าวไพร่ เปิ ดห้องเก็บของของลูกสะใภ้ทีตายไป ฟังดูแล้วช่างไม่เข้าท่าเสี ยจริ ง ไม่


เพียงไม่ปฏิเสธ แต่ยงั ยอมรับผิดเสี ยอย่างหน้าตาเฉย ดูท่านางคงจะเกลียดหลานสาวอย่างมู่หรงเสวียจริ งๆ

ถ้าคนทียืนตรงหน้านางตอนนีเป็ นเจ้าของร่ างเดิม มาตรว่าคงถูกแซ่ ตผู ้ นู้ ีบริ ภาษจนไม่กล้าเงยหน้ามองใครเป็ น


แน่ แต่ไม่ใช่กบั นาง นางคือคุณหนูผทู ้ ีมาจากศตวรรษทียีสิ บเอ็ด เลยไม่เกรงกลัวหญิงเฒ่านางนี “มีกฎหมายข้อ
ไหนของแคว้นชิงเหยียน ทีบอกว่าแม่สามีสามารถยุง่ เกียวกับทรัพย์สินเดิมของลูกสะใภ้ทีตายไปแล้วได้ตาม
อําเภอใจกัน”

หญิงเฒ่าแซ่ ตูแ้ ววขุน่ เคือง มองมู่หรงเสวียอย่างเย็นชา “แม่เจ้าแต่งเข้าจวนเจินกัวโหว ก็ถือว่าเป็ นคนของจวน สิ น


เดิมของนางแน่ นอนว่าก็ตอ้ งนับเป็ นทรัพย์สินของจวน ข้ามีอาํ นาจดูแลทรัพย์สินไม่ว่าจะเป็ นสิ งใดก็ตามทีอยู่
ภายใต้การดูแลของจวนฝ่ ายใน ห้องเก็บของของข้าไม่มีเครื องประดับทีเข้ากับชิงเหยียน จึงให้นางมาเลือกดูทีนี ก็
เท่านัน”

“กฎหมายของชิงเหยียนบัญญัติไว้ชดั เจน ถ้าภรรยาบ้านหลักสิ นไปให้สินเดิมตกเป็ นของบุตรชายและบุตรสาว


ซึงของในห้องทังหมดเป็ นของทีท่านแม่ทิงไว้ให้ขา้ กับท่านพี มิเกียวอันใดกับคนผูอ้ ืนในตระกูลมู่หรง ตราบใด
ทีข้ากับท่านพียังมีชีวิตอยู่ ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิเอาออกไปโดยพละการ”

หลังจากทีพ่อแม่ตายไป หญิงเฒ่าแซ่ ตกู ้ ็ผลักไสให้นางไปอยูท่ ีเรื อนหิ มะโปรย ไม่เคยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ


ปล่อยให้ใช้ชีวิตตามมีตามเกิด หากพบนางโดยบังเอิญ ถ้าไม่กล่าววาจาเสี ยดสี ก็จะหาเรื องดุด่านางเป็ นประจํา
ไม่ได้เห็นว่านางเป็ นหลานสาวแต่อย่างใด ฉะนันนางก็จะมินบั นางเป็ นย่าเช่นกัน

“ดังนันการทีท่านไม่ได้รับการอนุ ญาตจากข้าหรื อท่านพี เปิ ดห้องเก็บของเอาสิ นเดิมของแม่ขา้ ออกไปโดยพละ


การ นับเป็ นกระทําความผิดตามกฎหมายของชิงเหยียน”

“งันหรื อ?” หญิงเฒ่าแซ่ ตูจ้ อ้ งเขม็งไปทางมู่หรงเสวีย แววตาดูถูกเหยียดหยาม “หลานสาวตัวน้อย ถ้าเป็ นเช่นทีเจ้า


พูด คล้ายว่าเจ้ากําลังบอกเป็ นนัยว่าจะไปฟ้ องร้องศาลและจับข้าเข้ากรงขังงันรึ ?”

“เนื องจากเครื องประดับพวกนียังอยูค่ รบไม่สูญหาย ท่านย่าก็มิจาํ เป็ นจะต้องไปขึนศาลแล้วเจ้าค่ะ แค่เพียงโบย


ั าผูน้ ีสักร้อยไม้ แล้วค่อยขายออกไป ข้าก็พอใจแล้วเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียตอบ
สาวใช้ชนตํ
พอหญิงเฒ่าแซ่ ตูไ้ ด้ยนิ ก็มีสีหน้าบึงตึง นี ข้ากําลังพูดประชดนางอยู่ มู่หรงเสวียนางไม่เข้าใจงันหรื อ? มิหนําซํายัง
กล้ายอกย้อนข้า ทังยังสังลงโทษสาวใช้ชิวอีก ช่างเป็ นหญิงโง่เง่าอ่อนต่อโลกเสี ยจริ ง

“พวกเจ้ายังยืนนิงอยูท่ าํ ไม ลากตัวสาวใช้ชิวออกไปโบยให้ครบหนึงร้อยไม้ แล้วขายออกนอกจวน” มู่หรงเสวีย


สังการ

“เจ้าค่ะ”สาวใช้สองนางก้าวออกมาด้านหน้านําผ้ายัดเข้าไปในปากของสาวใช้ชิวแล้วกระชากนางออกไปด้าน
นอกอย่างรวดเร็ วจนไม่มีใครตังตัวได้ทนั

เสี ยงโบยและเสี ยงกรี ดร้องของสาวใช้ชิวดังขึนจากด้านนอก เหล่าสาวใช้ต่างมองหน้ากันไปมา พากันปิ ดปาก


เงียบ คุณหนูใหญ่กาํ ลังอารมณ์เสี ย พวกนางยังไม่อยากโดยลูกหลง

ฮูหยินเฒ่าดวงหน้าเคร่ งครึ มน่ ากลัว จ้องเขม็งไปยังมู่หรงเสวีย ดวงตาเต็มไปด้วยความเยียบเย็น

มู่หรงเสวียแสร้งทําเป็ นมองไม่เห็น ปรายสายตามองกล่องเครื องประดับไม้แต่ละกล่อง “ปิ ดกล่องเครื องประดับ


แล้วเก็บเข้าห้องเก็บของเสี ย”

“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ!” เหล่าสาวใช้พากันตอบรับจนแทบไม่ทนั รี บนํากล่องเครื องประดับเก็บเข้าห้องเก็บของโดยเร็ ว


กลัวว่าหากชักช้าอาจโดนลงโทษจนมีสภาพเหมือนสาวใช้ชิว
มองดูห้องโถงทีว่างเปล่า ซ่ งชิงเหยียนดวงหน้าขาวซี ด มือภายในแขนเสื อกําเข้าหากันแน่ น ทังปิ นหยกมรกต ทัง
ต่างหู ทบั ทิมทีกําลังจะได้มา ล้วนแต่เป็ นของทีนางชอบ กลับโดนยึดคืนไปง่ายๆแบบนี เลวร้ายทีสุ ด!

“น้องชิงเหยียน คงมิได้มาเอาเครื องประดับทีนีเป็ นครังแรกสิ นะ”

นําเสี ยงเยียบเย็นดังเข้าหู ซ่งชิงเหยียนร่ างกายแข็งทือ มองไปยังมู่หรงเสวียอย่างระแวดระวัง “เจ้าหมายความว่า


อย่างไร?”

มู่หรงเสวียเพียงยิมน้อยๆ “เจ้าไม่ตอ้ งตกใจไป ข้ามิได้จะดุด่าเจ้า เพียงแค่อยากให้เจ้าเอาของทังหมดทีเอาไปจาก


ทีนี มาคืนเท่านัน”

ซ่งชิงเหยียนลอบถอนหายใจอย่างแผ่วเบา นางถูกมู่หรงเสวียทําให้ตกใจเข้าเสี ยแล้ว มู่หรงเสวียไม่ได้จะสังสอน


นางนันก็ดี แต่ว่าเครื องประดับเหล่านันนางต่างเลือกสรรมาเป็ นอย่างดี ทุกชินล้วนลําค่าทังสิ น นางจึงชอบเป็ น
พิเศษ มิสามารถตัดใจส่ งคืนให้กบั มู่หรงเสวียได้ กอรปกับนางใส่ พวกมันมาตังนาน พวกมันก็ควรจะตกเป็ นของ
นางตังนานแล้ว “เจ้าก็ถือเป็ นพีสาวของข้า เครื องประดับพวกนันเจ้าก็คิดเสี ยว่าเป็ นของขวัญทีมอบให้ขา้ เสี ยสิ
มาทวงคืนกับข้าแบบนี ไม่คดิ ว่าตัวเองตระหนี ถีเหนี ยวเกินไปหน่ อยรึ ?”

มู่หรงเสวียจ้องมายังนาง พูดตอบแบบไม่ตอ้ งคิดให้มากความ “น้องสาว เจ้ามาทีจวนของข้าทุกเดือน อย่างน้อยๆ


ก็เดือนละสามครัง ทุกครังก็เอาเครื องประดับกลับไปสองสามชิน สองปี มานีเจ้าหยิบเครื องประดับไปไม่ใช่นอ้ ย
แต่เป็ นหลายร้อยชิน มากขนาดทีต้องใช้หีบตังสามกําปั นในการบรรจุเสี ยทีเดียว”
ซ่งชิงเหยียนไม่ใส่ ใจ “เช่นนันเจ้าจะให้ขา้ ทําเช่นไร? สมบัติของแม่เจ้าก็ตงมากมายเครื
ั องประดับแค่ไม่กีร้อยชิน
เจ้าคงไม่ถึงกับขนาดขาดแคลนหรอก”

มู่หรงเสวียยิมเย็น เอาของคนอืนไปอย่างหน้าด้านๆ ยังมีหน้ามากล่าววาจาหัวหมอ หน้าไม่อายเสี ยจริ ง “ตอนอา


หญิงออกเรื อนก็มีสินเดิมมากมาย เครื องประดับก็คงมิขาดมือ ถ้าเช่นนันเจ้าก็คืนสมบัติของแม่ขา้ ให้กบั ข้าเสี ย
แล้วก็นาํ หี บเครื องประดับให้ขา้ สักสามกําปั นเป็ นไง ข้าจะได้ชืนชมของของอาหญิงบ้าง”

“เครื องประดับของแม่ขา้ ล้วนเป็ นของข้า ทําไมต้องให้เจ้า?” ซ่ งชิงเหยียนร้องเสี ยงแหลม ขณะกําลังจะกล่าวจบ


ถึงนึ กได้ว่าตนเองได้ติดกับของนางเข้าเสี ยแล้ว เตรี ยมจะแก้ตวั แต่ถูกมู่หรงเสวียแทรกขึน

“เครื องประดับของแม่ขา้ ก็ลว้ นเป็ นของข้า ทําไมจะต้องให้เจ้า? ก่อนฟ้ ามืดข้าต้องเห็นของทีเจ้าเอาไปทังหมด มิ


เช่นนันเราก็ไปเจอกันทีศาลก็แล้วกัน!”
ตอนที 10 ตังชือให้ ฉางเอ๋ า
“เรื องเล็กน้อยเพียงแค่นีถึงกับต้องไปฟ้ องร้องศาล เจ้าไม่กลัวชือเสี ยงของจวนเจินกัวโหวหรื อตัวเจ้าจะเสื อมเสี ย
รึ ?” ฮูหยินเฒ่ามองมู่หรงเสวียอย่างเย็นชา ว่ากล่าวเสี ยงเข้ม

ตามธรรมเนี ยมเรื องแย่ๆภายในจวนมิควรป่ าวประกาศออกไปให้คนภายนอกรับรู ้ ถ้าเป็ นคุณหนูจวนอืนมีแต่จะ


ปกปิ ดให้มิด แต่ม่หู รงเสวียกลับอยากให้เรื องแดงไปทัวเมืองหลวง ช่างไม่รู้ว่าสิ งใดควรทํามิควรทํา

“พวกท่านขโมยสิ นเดิมของแม่ขา้ ข้าถึงต้องฟ้ องศาล เรื องเสื อมเสี ยอับอายนัน มิใช่ขา้ ทีต้องกังวล แต่เป็ นพวก
ท่านต่างหากทีต้องกังวล อย่าลืมสิ ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเรานันช่างเปราะบางเพียงใด” มู่หรงเสวียพูด
อย่างเนิบนาบ สี หน้าคล้ายยิมคล้ายมิยมิ

ดวงตาสุ ขมุ ของฮูหยินเฒ่าหรี เล็กลง พ่อแม่ของมู่หรงเสวียมู่หรงเย่ต่างก็ตายตังแต่พวกนางยังเล็ก ซึ งตัวนางเองก็


มิใช่ยา่ แท้ๆ ลูกๆวัยกลางคนของนางมู่หรงเจียนกับมู่หรงโหรวก็มิใช่อาแท้ๆของพวกนาง ถ้าถูกมู่หรงเสวีย
ฟ้ องร้องว่าพวกนางแม่ลูกสามคนขโมยทรัพย์สินของทังสอง คนภายนอกจะต้องเชือนางอย่างมิตอ้ งสงสัย

“ชิงเหยียน เจ้ากลับไปทีจวนเอาของทีเจ้าเคยเอาไปส่ งคืนกลับมาให้หมด” ของในห้องเก็บของล้วนแต่เป็ นของ


ชันดี ข้าต่างเฝ้ ามองมานาน ตังใจจะนํามันมาแบ่งสรรให้กบั ลูกๆอย่างเท่าเทียมกัน แต่ว่าเรื องเช่นนีต้องทําเงียบๆ
ห้ามกระโตกกระตาก ย่อมให้คนนอกรู ้ไม่ได้โดยเด็ดขาด
“ท่านยาย!” ซ่ งชิงเหยียนมองหญิงเฒ่าแซ่ ตนู ้ าตาคลอ
ํ เครื องประดับพวกนันล้วนแล้วแต่เป็ นของชันดี ทังยังงาม
เลิศ นางเองก็ปรารถนาทีอยากจะได้มนั แม้แต่ชินเดียวก็มิอยากจะส่ งคืน ทําไมท่านยายถึงยอมรามือง่ายๆเพียงนี ?

“ทําไม เดียวนีแม้แต่คาํ พูดของยาย เจ้าก็ไม่ฟังแล้วรึ ? รี บกลับจวนไปเอาของมาคืนเดียวนี” หญิงเฒ่าแซ่ ตสู ้ ี หน้า


เคร่ งขรึ ม ทียอมเรามือเอาของมาคืนตอนนี เพียงเพราะจะรอให้ม่หู รงเสวียใจเย็นลงเท่านัน ไว้รอจนนางเผลอ ข้า
จะเอามาเป็ นของข้าให้หมด คอยดูเถอะ

เห็นดวงหน้าเคร่ งขรึ มของนาง ซ่ งชิงเหยียนก็ตวั แข็งทือ แววตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ท่านยายดุนางเพือเอา


ใจมู่หรงเสวียถึงเพียงนี ท่านยายช่างใจร้ายทีสุ ด!

“หึ !” ซ่ งชิงเหยียนเดินกระแทกเท้าออกไปด้านนอก

“ใบรายการสิ นเดิมของแม่ขา้ มีบนั ทึกอยูท่ ีทีว่าการอําเภอ พวกเครื องประดับทีหายไปล้วนมีเขียนไว้บนนัน หวัง


ว่าของทีน้องชิงเหยียนส่ งคืนมาจะเป็ นชินเดียวกัน มิใช่ของแปลกปลอมทีเอามาตบตา”

เสี ยงกล่าวเตือนอย่างเย็นชาดังเข้าหู ซ่ งชิงเหยียนหยุดฝี เท้า กัดฟั นโกรธมองไปยังมู่หรงเสวีย “พีหญิงโปรดวางใจ


เหยียนเอ๋ อร์ กเ็ ป็ นบุตรสายตรงของจวนอู่อนั โหวเช่นกัน เครื องประดับก็มีมากมาย มิได้โลภมากไปกับของ
เล็กน้อยแค่นี”

“ได้เช่นนันก็ดี” มู่หรงเสวียพูดอย่างขอไปที ท่าทางไม่เชือคําพูดของนาง


ความโกรธของซ่ งชิงเหยียนจุกอยูใ่ นอกจะปล่อยออกไปก็มิได้ ได้แต่ข่มอารมณ์จอ้ งมู่หรงเสวียตาเขม็ง เดิน
กระฟัดกระเฟี ยดออกไปทางด้านนอก ตอนแรกนางวางแผนว่าจะเอาเครื องประดับอะไรก็ได้มาคืนสักหีบสอง
หี บ คาดไม่ถึงว่าแผนของนางจะถูกมู่หรงเสวียรู ้ทนั ช่างเลวร้ายทีสุ ด!

สาวใช้นางหนึ งรี บวิงเข้ามาในเรื อนหลัก กระซิ บข้างหู ฮูหยินเฒ่า

ดวงตาของฮูหยินเฒ่าเปลียนเป็ นเคร่ งขรึ ม สายตาคมดังลูกธนูพ่งุ ตรงมาทีร่ างของมู่หรงเซวีย “เจ้าขอถอนหมัน


กับจิงอ๋ องรึ ?”

“เจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียพยักหน้า “เย่อีเฉิ นพาคนในดวงใจกลับมาด้วยเช่นนี เพือทีทังคู่จะได้ครองรักกัน จึงลดขันข้า


เป็ นเพียงพระชายารอง บุตรสายตรงของตระกูลชนชันสู งเช่นเราต้องเป็ นอนุ ให้ผอู ้ ืน อาจทําให้ถูกผูค้ นครหาได้
เพือรักษาชือเสี ยงทีสังสมมากว่าหนึงร้อยปี มิให้เสื อมเสี ย ข้าจึงขอถอนหมัน”

“การหมันหมายเป็ นเรื องทีผูใ้ หญ่เป็ นคนกําหนด เจ้าขอถอนหมันด้วยตนเองเช่นนีโดยมิยอมหารื อกับญาติผใู ้ หญ่


ให้เรี ยบร้อยเสี ยก่อน ทําไมถึงช่างไร้มารยาทเพียงนี ?” หญิงเฒ่าแซ่ ตูก้ ล่าวเสี ยงดัง

มู่หรงเสวียคล้ายยิมคล้ายมิยมิ “ผูใ้ หญ่ทีท่านย่าพูดถึง คงหมายถึงท่านสิ นะเจ้าคะ?”


หญิงเฒ่าแซ่ ตูก้ ล่าวเสี ยงเย็น “พ่อแม่ของเจ้าต่างตกตายไปแล้วทังคู่ ถึงข้าจะมิใช่ยา่ แท้ๆของเจ้า แต่กย็ งั มีศกั ดิเป็ น
ย่าเลียงซึ งก็คงเรี ยกได้ว่าเป็ นญาติผใู ้ หญ่คนหนึง มิถูกต้องรึ ?”

มู่หรงเสวียจ้องมองนาง กล่าวเพียงเนิบๆว่า “การหมันหมายของข้ากับจิงอ๋ อง เป็ นการตกลงกันระหว่างท่านพ่อ


ของข้ากับอดีตจิงอ๋ อง ไม่ได้เกียวข้องกับจวนฝ่ ายใน เพียงผูใ้ หญ่จวนฝ่ ายหน้าตกลงก็สามารถถอนหมันได้ คงมิ
ต้องถามความเห็นของท่านย่าหรอกเจ้าค่ะ”

“อาสองของเจ้าเขา......”

“ท่านอาสองอยูไ่ กลตังจิงโจว ไปกลับต้องใช้เวลาเป็ นเดือน การถอนหมันเป็ นเรื องเร่ งด่วน รอหารื อกับอาสอง
คงมิทนั การณ์ ตอนนี ท่านพีของข้ามีศกั ดิฐานะเป็ นเจินกัวโหว ข้ายึดตามคํากล่าวทีว่าพีชายมีอาํ นาจสิ ทธิขาด
เหมือนพ่อ ซึ งท่านพีก็เห็นด้วยในการทีข้าจะถอนหมันกับเย่อเฉิ
ี น ท่านย่ามิตอ้ งเป็ นกังวลในเรื องนีหรอกเจ้าค่ะ”
มู่หรงเสวียมองนางยิมๆ ดวงตาสื อความหมายลึกซึ ง

หลังจากทีมู่หรงเยว่ทาํ ศึกจนต้องตาย ใจของหญิงเฒ่าแซ่ ตูก้ เ็ ต็มไปด้วยความยินดีทีตําแหน่ งเจินกัวโหวจะตกเป็ น


ของมู่หรงเจียน คาดไม่ถึงว่าองค์ฮ่องเต้กลับมีราชโองการให้ม่หู รงเย่ทีมีอายุเพียงสี ขวบปี รับสื บทอดตําแหน่ ง
แทน ไม่พอยังส่ งมู่หรงเจียนไปรับราชการทีจิงโจว จนถึงบัดนียังมิเคยเรี ยกตัวกลับเมืองหลวงอีกเลย ทังหมดนี
ล้วนเป็ นสาเหตุทีหญิงเฒ่าแซ่ ตูช้ ิงชังสองพีน้องคู่นีจนเข้ากระดูกดํา
หญิงเฒ่าแซ่ ตูส้ ี หน้าบึงตึงจนน่ากลัว การทีมู่หรงเสวียถูกลดขันเป็ นพระชายารองถึงแม้จะทําให้ชือเสี ยงของจวน
เจินกัวโหวเสื อมเสี ย แต่นางก็ยอมเพือแลกกับการได้เห็นมู่หรงเสวียตกตํา ยิงไปกว่านันมู่หรงเสวียเป็ นลูกสาว
ของมู่หรงเยว่ ไม่มีสายเลือดของนางโดยตรง การทีมู่หรงเสวียเสื อมเสี ยย่อมไม่เกียวข้องอะไรกับนาง ทังหมดนี
ต้องโทษเจ้ามู่หรงเย่จอมเสเพลไร้สมอง ถูกมู่หรงเสวียหลอกล่อจนเห็นด้วยกับการถอนหมัน ช่างขัดใจข้ายิงนัก!

“โฮ่งๆ” สิ งมีชีวิตสี ขาวตัวหนึ งพุ่งเข้าสู่ ออ้ มกอดของมู่หรงเสวีย

มู่หรงเสวียก้มมองสุ นขั สี ขาวราวหิ มะตัวน้อยทีตะกายอยูบ่ นอกของนาง จ้องมองนางด้วยดวงตาแวววาว ท่าทาง


น่ารักน่าเอ็นดูสามารถละลายใจคนจนหมดสิ น

นีมันเจ้าฉางเอ๋ าทีกัดสุ นขั ประลองห้าตัวจนตายตัวนันนี ? มู่หรงเสวียมิอยากจะเชือสายตาของตัวเอง

“ฉางเอ๋ า เจ้าฉางเอ๋ าน้อย” มู่หรงเย่วงกระหื


ิ ดกระหอบเข้ามาด้านใน ก็เห็นเจ้าฉางเอ๋ าถูกอุม้ อยูใ่ นอกของมู่หรง
เสวียท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู พลันกล่าวอย่างน้อยใจ “ข้าให้บ่าวไพร่ อาบนํา แปรงขน ดูแลปรนนิ บตั ิเจ้าอย่างดี
ขอบคุณข้าสักคําก็ไม่มี แต่กลับรี บวิงมาทีนีเสี ยอย่างนัน ช่างอกตัญ ูยงนั
ิ ก!”

“มันยังเล็ก ยังมิคอ่ ยรู้ความ” มู่หรงเสวียค่อยๆลูบหัวเล็กๆของเจ้าฉางเอ๋ า จิตใจเบิกบาน “พวกเราตังชือให้มนั


เถอะ เอาแต่เรี ยกแต่ฉางเอ๋ าฉางเอ๋ า ฟังดูไม่ค่อยเพราะเท่าไร”

มู่หรงเย่ดวงตาเป็ นประกาย ตังชือให้สุนขั เรื องนีเขาเก่งทีสุ ดแล้ว “มันต่อสู ้เก่งขนาดนัน เรี ยกมันว่าขุนพลแห่ ง
ชัยชนะ เจ้าว่าดีหรื อไม่?”
มู่หรงเสวียสี หน้าเข้มขึน “มันเป็ นของข้าแล้ว อย่าหวังให้มนั ไปสนามประลองอีก เป็ นอันขาด เจ้าเลิกตังชือ
เกียวกับการต่อสู ้ได้แล้ว คิดชือทีธรรมดากว่านีหน่อย”

หลายปี มานีเขาอยูแ่ ต่ทีสนามประลองเพือประลองสัตว์ โดยทัวไปเวลาตังชือให้สุนขั ก็จะมีความหมายทีเกียวกับ


การต่อสู ้และชัยชนะเป็ นหลัก ชือทีดูธรรมดาเขายังไม่เคยตังมาก่อน

มู่หรงเย่ขมวดคิว มองดูหนึงคนหนึงสุ นัขทีกอดกันอย่างแนบแน่น “น้องเล็กเจ้ารักเจ้าฉางเอ๋ าขนาดนี เรี ยกว่าเป่ า


เป้ ยดีรึไม่?”

“เป่ าเป้ ย?” นางขมวดคิว “ข้าคิดว่ามันรู ้สึกแปลกๆ”

“งันเป็ นเป่ าเปาดีรึไม่?” มู่หรงเย่แนะนําเสี ยงเบา มองสี หน้ามู่หรงเสวียทีขรึ มลง “ถ้างันเป้ ยเป้ ยละ?”

“เป้ ยเป้ ย? พอฟังเข้าหู ดี งันเรี ยกมันว่าเป้ ยเป้ ยแล้วกัน” ความสามารถตังชือของมู่หรงเย่กเ็ ป็ นเช่นนี มู่หรงเสวียคิด
ชืออืนไม่ออก งันก็เรี ยกมันว่าเป้ ยเป้ ยแล้วกัน

มองดูม่หู รงเซวียกับมูหรงเย่ หญิงเฒ่าแซ่ ตูก้ ็มีสีหน้าบึงตึง การทีพวกเขาพูดคุยโดยไม่สนใจคนรอบข้างเหมือน


ดังหลงลืมไปว่ามีนางยืนเป็ นหัวหลักหัวตออยูต่ รงนี ด้วย
ริ มผีปากเม้มแน่น เตรี ยมจะว่ากล่าวสังสอน แต่ม่หู รงเสวียกลับเอ่ยปากแทรกขึนมาก่อน “น้องเหยียนคงใช้เวลา
ประมาณหนึงชัวยามถึงจะมาส่ งหี บเครื องประดับ หงซิ วเจ้าไปลงกลอนห้องเก็บของให้เรี ยบร้อยแล้วเอากุญแจ
มาให้ขา้ ”

“เจ้าค่ะ” หงซิ วยืดตัวตรงเดินไปลงกลอนทีประตูหอ้ งเก็บของ ก่อนจะส่ งคืนกุญแจแก่ม่หู รงเสวีย

มู่หรงเสวียนี นางวางแผนทีจะดูแลห้องเก็บของด้วยตนเองรึ ?

หญิงเฒ่าแซ่ ตูม้ ีประกายตาไหววูบ “ชนชันสู งโดยมากมีธรรมเนี ยมฝากกุญแจห้องเก็บของไว้กบั สาวใช้ขา้ งกาย


ระดับคุณหนูใหญ่จวนขุนนางยศโหวเช่นเจ้า กลับเก็บกุญแจไว้ทีตัวเอง มิกลัวชาวบ้านหัวเราะเยาะรึ ?”

“ข้างกายข้าไม่มีคนทีไว้ใจได้ จึงต้องเก็บรักษาเองไปก่อน เมือหาคนทีเชือใจได้ ข้าจะให้นางดูแลแทนเจ้าค่ะ มิ


กล้ารบกวนฮูหยินเฒ่าหรอกเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียสวนกลับอย่างเรี ยบนิง

หญิงเฒ่าแซ่ ตูช้ ะงัก แววตาส่ องประกายชัวร้าย ถ้ากุญแจอยูใ่ นมือของมู่หรงเสวีย นางคงมิมีโอกาสยักยอกสิ นเดิม


ของแม่นางอีกแน่ “เย่เอ๋ อร์ ช่วยพูดกับน้องสาวของเจ้าหน่ อยซิ ว่าคุณหนูทียังมิได้ออกเรื อน วันๆสนใจแต่เรื อง
เงินทองเช่นนี ไม่กลัวจะถูกผูค้ นหัวเราะเยาะรึ ?”

มู่หรงเย่ยน่ คิวกดเสี ยงตํา “ท่านย่า น้องเล็กอายุสิบสี แล้ว อีกมินานคงต้องออกเรื อนฝึ กจัดการดูแลทรัพย์สินและ


เรื องต่างๆของจวนฝ่ ายในไว้ก่อน มันก็ถูกต้องแล้วนะขอรับ”
“นี......พวกเจ้า!” หญิงเฒ่าแซ่ ตูโ้ กรธแค้นเป็ นอย่างมาก ดวงตาเย็นชากวาดมองไปทางมู่หรงเย่แล้วก็ยา้ ยไปมองที
ร่ างของมู่หรงเสวีย จากนันก็มองกลับไปทีร่ างของมู่หรงเย่ อีกครัง ท่าทางอยากพูดบางสิ งแต่กป็ ิ ดปากมิกล่าว
วาจา แสดงท่าทางไม่พอใจก่อนจะลุกขึนเดินออกไปด้านนอก ไม่แม้แต่หนั กลับมามองอีก

มองร่ างทีไกลลับออกไปของนาง มู่หรงเย่มึนงง “ข้าพูดอะไรผิดไปรึ ?”

“ไม่ผดิ หรอกเจ้าค่ะ ท่านย่าคงกําลังดีใจทีท่านพีเริ มเป็ นการเป็ นงานขึนบ้างแล้ว” มู่หรงเสวียยกยิมมุมปาก แววตา


เคร่ งขรึ ม หญิงเฒ่าแซ่ ตูค้ งจะเกลียดพวกนางสองพีทีตัดเส้นทางรํารวยของนาง แน่นอนว่าคงจับจ้องสิ นเดิมใน
ห้องเก็บของมานานและคิดทีจะยักยอกเอามาเป็ นของตัวเอง

มีแผนการอะไรก็เชิญแสดงออกมาให้หมด นางจะตอบโต้จนอยูไ่ ม่เป็ นสุ ขเลยทีเดียว คอยดูเถอะ


ตอนที 11 ไปสุ สานในวันมงคล
วังจิงอ๋ อง

สวีเทียนโย่วมองหี บสิ นสอดทีวางนิงอยูด่ า้ นหน้า คิวขมวดขึน มู่หรงเสวียถึงกลับกล้าตีกลับสิ นสอดทังหมด เป็ น


การกระทําทีไม่ไว้หน้าจิงอ๋ องยิงนัก ช่างหยิงผยองเกินไปแล้ว สายตาเย็นเยียบกวาดมองหี บสิ นสอดทีละหี บด้วย
สี หน้าแดงกลําด้วยความโกรธ พูดกล่าวอย่างไม่เข้าใจ “แค่ขนหี บสิ นสอดไปไว้ทีจวนเจินกัวโหว ทําไมพวกเจ้า
ถึงเจ็บตัวกลับมาได้?”

“เรี ยนคุณชายสวี คุณหนูใหญ่ม่หู รงมิชอบใจทีถูกท่านอ๋ องบีบบังคับให้แต่งงาน จึงสังการให้ทหารยามจวน


เจินกัวโหวไล่พวกข้าน้อย พวกข้าน้อยไม่ทนั ตังตัวเลยได้รับบาดเจ็บขอรับ” พวกบ่าวไพร่ กม้ หน้าตอบด้วยแวว
ตาเกรงกลัวความผิด

แววตาคมกริ บของสวีเทียนโย่วหรี เล็กลง “เป็ นมู่หรงเสวียสังการด้วยตัวเองรึ ?”

“ขอรับ” เหล่าบ่าวไพร่ ลว้ นพยักหน้า ชะงักไปสักครู่ ค่อยๆ กล่าวอย่างระมัดระวัง “พ่อบ้านหวังยังถูกมู่หรงเสวีย


ทําร้ายจนฟันหักไปสองซี ด้วยนะขอรับ”

“จริ งรึ ?” สวีเทียนโย่วหันมองไปยังพ่อบ้านหวังอย่างตกตะลึง เพียงเห็นเขาเม้มปากเน้น มิกล่าววาจาสี หน้ามืด


ครึ ม ดูท่าแล้วพวกบ่าวไพร่ คงมิได้พูดปด
พ่อบ้านหวังดูแลจิงอ๋ องมาตังแต่ยงั เล็ก เป็ นคนทีจิงอ๋ องเชือใจทีสุ ดผูห้ นึ ง ไม่ว่าจะเป็ นกุนซื อ ลูกน้องแม้กระทัง
เพือนฝูงของจิงอ๋ องเวลาเจอพ่อบ้านหวังยังต้องเคารพอย่างนอบน้อม มู่หรงเสวียกล้าทําร้ายจนเขาได้รับบาดเจ็บ
ช่างอวดดีและโง่เง่าเกินเยียวยายิงนัก แต่ “มู่หรงเสวียขึนชือว่าเป็ นคุณหนูผเู ้ รี ยบร้อยอ่อนโยน เหตุใดจึง
เปลียนเป็ นคนแข็งกร้าวเช่นนี ไปได้? หรื อนางอยากจะเรี ยกร้องความสนใจจากจิงอ๋ อง?”

“ข้าว่ามิใช่” เย่อีเฉิ นเดินออกมาจากห้องหนังสื อ เขาสวมชุดจีนโบราณสี ม่วง ดูมีสง่าราศี ภายใต้หมวกประจํา


ศักดิฐานะสี ม่วงทองทีส่ องสะท้อนกับดวงอาทิตย์ปรากฏแววตาทรงอํานาจ เสริ มให้เขาดูหล่อเหลาสู งส่ งยิงขึน
“ถ้านางต้องการเรี ยกร้องความสนใจอย่างทีเจ้าว่า นางคงต่อต้านท้าทายเพียงข้า มิจาํ เป็ นจะต้องตัดนิวมือทังห้า
ของน้องชายเจ้าอีก”

“ว่าไรอย่างไรนะ มู่หรงเสวียตัดนิวมือสวีเทียนอัน“ สวีเทียนโย่วตกตะลึง สี หน้าเคร่ งขรึ มจนน่ากลัว “มันเกิดขึน


ตอนไหนหรื อพ่ะย่ะค่ะ”

“หลังจากทีเลิกประชุมได้ไม่นาน มู่หรงเสวียท้าเดิมพันกับน้องเจ้าหนึงตา แต่นอ้ งของเจ้าพ่ายแพ้” เย่อีเฉิ นกล่าว


เสี ยงเรี ยบ

พอสวีเทียนโย่วได้ยนิ ถึงกับกัดฟันโกรธ ในสนามประลองสัตว์ ของเดิมพันจะเป็ นแก้วแหวนเงินทอง ผ้าไหม


หรื อของโบราณอะไรก็ได้ แต่มู่หรงเสวียกลับใช้นิวมือเดิมพัน แถมยังกล้าตัดนิ วของเทียนอันจนกลายเป็ นคน
พิการ นี มันจะเกินไปแล้ว “ท่านอ๋ อง มู่หรงเสวียนางต้องแกล้งทําเป็ นคนมีนิสัยเรี ยบร้อยอ่อนหวาน แต่ตวั ตนที
แท้จริ งของนางคงเป็ นคนโหดเหี ยมอํามหิ ต คนแบบนี เราไม่ควรทีจะทําดีดว้ ยนะพ่ะย่ะค่ะ”

“ข้าทราบแล้ว ข้าไม่เคยคิดจะแต่งตังนางให้เป็ นชายาเอก” แววตาของเย่อีเฉิ นเต็มไปด้วยความเยือกเย็น


สวีเทียนโย่วพอได้ยนิ เช่นนัน ความขุ่นมัวภายในจิตใจจึงค่อยๆ เลือนหายไป คนทีท่านอ๋ องชอบคือองค์หญิงยวี
เยียน เค้าคงจะกังวลมากไป “ถ้าเช่นนัน พิธีแต่งงานในอีกสามวันข้างควรจะทําอย่างไรดีพ่ะย่ะค่ะ?”

“มิตอ้ งจัดใหญ่โต แต่ตอ้ งประกาศให้ผคู ้ นทราบโดยทัวกัน เตรี ยมเชิญเหล่าขุนนางและเหล่าตระกูลชนชันสู งเข้า


ร่ วมงานด้วย แล้วก็เตรี ยมเกียวสี ชมพู รับตัวมู่หรงเสวียเข้าวังอ๋ อง......” เย่อีเฉิ นสังการอย่างครบครันมิมีสิงใดตก
หล่น

สวีเทียนอันได้ฟังดวงตายิงเปล่งประกาย ตามธรรมเนียมการรับพระชายารองต้องให้คนงานสี คนแบกเกียวบุปผา


เข้าวังอ๋ อง แต่ท่านอ๋ องกลับให้เอาเกียวสี ชมพูไปรับนาง ชัดเจนว่าเป็ นการดูหมินเหยียดยามนาง ขอเพียงนางนัง
มันเข้าวัง ชีวิตนี ก็คงได้กลายเป็ นอนุ จริ งๆ นางคงเป็ นได้เพียงอนุเล็กๆ อันตําต้อยผูห้ นึงในวังจิงอ๋ อง แม้แต่ยศ
พระชายาก็ไม่มีสิทธิได้รับ

มู่หรงเสวียดือรันหยิงยโสเอง มิยอมเป็ นพระชายารอง ท่านอ๋ องเลยสังสอนนางโดยการให้เป็ นเพียงอนุ ชนตํ


ั า
โยนนางลงหลุม ทําให้นางเสื อมเสี ยเกียรติต่อหน้าขุนนางน้อยใหญ่ ถูกผูค้ นว่ากล่าวประณาม ดูสิวา่ นางยังจะ
อวดดีอยูอ่ ีกไหม !

มู่หรงเสวียมิประมาณกําลังตน ท้าทายอํานาจของจิงอ๋ องหลายต่อหลายครัง นี ก็เป็ นสิ งทีนางสมควรได้รับแล้ว


เขารู ้สึกทนไม่ไหวทีจะได้รอดูนางตกตําจนจมอยูใ่ นโคลนตมเสี ยแล้ว ช่างน่ าอนาถเสี ยจริ ง
แสงแดดกระทบเปลือกตา หอมกลินมวลบุปผา เหล่านกร้องขับขาน ปลุกนางให้ตืนจากการหลับไหล

มู่หรงเสวียลุกขึนไปอาบนํา เมือเสร็ จจากมือเช้า นางค่อยๆ เดินออกจากเรื อนหิ มะโปรยไป

สามวันมานี นางมัวแต่วุ่นอยู่กบั การจัดการห้องเก็บสิ นเดิมของท่านแม่ เพิงจะตรวจสอบเสร็ จสิ นเมือยามซวี*


ของเมือคืน รวมกับของทีซ่ งชิงเหยียนคืนมาล้วนอยูค่ รบถ้วนไม่มีตกหล่นแม้แต่ชินเดียว ในทีสุ ดนางก็จะได้
ออกไปเดินเล่นพักผ่อนด้านนอกเสี ยที

แต่พอเปิ ดประตูเรื อนกลับเห็ นมู่หรงเย่เดินวนไปมา ดวงหน้าหล่อเหลาแสดงความกระวนกระวาย “ท่านพี เกิด


เรื องอะไรรึ ?”

มู่หรงเย่หยุดเท้ามองมายังนางด้วยสายตาไม่เข้าใจและนําเสี ยงร้อนรน “วันนี เย่อีเฉิ นจะมารับเจ้าเข้าวังอ๋ อง ทําไม


เจ้าถึงดูไม่ร้อนใจเลยสักนิดเดียว?”

“ข้าก็มิได้จะแต่งเข้าวังอ๋ องเสี ยหน่ อย มีเหตุใดให้ร้อนใจกัน นอกจากเขาจะกล้าใช้กาํ ลังบีบบังคับฉุ ดข้าเข้าวัง


อ๋ อง” มู่หรงเสวียมิใส่ ใจ เดินผ่านมู่หรงเย่ไปด้านหน้า

มู่หรงเย่เร่ งเดินตามมาด้านหลังของนาง แววตาเต็มไปด้วยความลําบากใจ “เย่อีเฉิ นเก่งทางด้านการศึก ทังยังมี


อํานาจทางทหารอยูใ่ นมือ ขนาดเหล่าองค์ชายยังถอยให้เขาสามส่ วน เรื องใช้กาํ ลังบีบบังคับให้เจ้าแต่งเข้าเป็ น
พระชายารองก็ไม่แน่ วา่ เขาจะมิกล้า”
มู่หรงเสวียสบถ “ถึงแม้เขากล้าบังคับใช้กาํ ลังกับข้าก็เถอะ ถ้าข้าไม่ยอมเสี ยอย่าง มีหรื อว่าเขาจะทําสําเร็ จ ถ้าเรา
มิได้อยูท่ ีจวนเจินกัวโหวเสี ยอย่าง ถึงเขาจะนําเกียวบุบผามารับก็คงต้องกลับไปมือเปล่า”

มู่หรงเย่นิงค้าง ปรายตามองมู่หรงเสวียอย่างละเอียด เห็นเพียงนางแต่งกายด้วยชุดขาวเรี ยบง่าย ผมถูกรวบสูงขึน


ด้วยปิ นหยกขาว เพียงสายลมเบาๆ พัดผ่าน ชุดสี ขาวโปร่ งก็ปลิวไสวไปมา คล้ายดังเทพเซี ยนทีกําลังล่องลอยอยู่
ท่ามกลางสายลม “น้องเล็กเหตุใดเจ้าจึงแต่งกายเช่นนีหรื อ?”

มู่หรงเสวียยิมน้อยๆ “ข้าจะไปไหว้ท่านพ่อท่านแม่ทีหลุมศพบรรพชนเสี ยหน่อย ถึงต้องใส่ เสื อผ้าสี เรี ยบๆ


เช่นนี ”

“อ้อ” มู่หรงเย่ค่อยพบว่าในมือของหงซิ วกับอันเซี ยงมีตะกร้าอยูค่ นละใบ ด้านในประกอบด้วยเครื องเซ่ นไหว้กบั


ธูปเทียน

“ท่านพีจะไปด้วยกันไหม?” มู่หรงเสวียถามเสี ยงเบา

“ไปสิ ไปสิ ” มู่หรงอีรับพยักหน้าแรงๆ เย่อีเฉิ นเป็ นคนร้ายกาจผูห้ นึ ง ถึงกับส่ งเทียบเชิญเป็ นวงกว้างแก่เหล่าขุน


นางและตระกูลชนชันสู ง ถ้าเกิดไม่เจอตัวน้องเล็กทีจวนเจินกัวโหว เขาคงไม่ยอมเลิกราง่ายๆ แน่

ข้าอายุยงั น้อย พละกําลังก็อ่อนแอ จะให้ต่อต้านพลังอํานาจของเย่อีเฉิ นตอนนี ก็คงมิไหว แต่ว่าก่อนฟ้ ามืดเขาจะ


คอยอยูป่ กป้ องเคียงข้างน้องสาวไม่ไปไหน
สุ สานบรรพชนตังอยูบ่ ริ เวณเขตชานเมืองห่ างไกลจากถนนหลวงไปไม่ไกลนัก มู่หรงเสวียกับมู่หรงเย่ลงจากรถ
ม้าด้านข้างถนนหลวงแล้วจึงเดินเท้าต่อไปยังสุ สานบรรพชน

จุดไฟธูปเทียนเสร็ จก็นาํ ไปปั กไว้หน้าหลุมศพของท่านพ่อท่านแม่ มู่หรงเสวียเริ มเผากระดาษเงิน เกิดมาครองคู่


และตายเพือกัน สามีภรรยาคู่นีรักกันด้วยใจจริ ง ขอให้พวกท่านทังคู่เมือเกิดในชาติภพหน้าก็พบเจอแต่สิงดีดี ใช้
ชีวิตอย่างสงบสุ ขไปตลอดชาติ

มู่หรงเย่นาํ ตะกร้าอีกใบหนึงแยกไปทีหลุมศพของเจินกัวโหวเฒ่า จุดธูป มอบของเซ่ นไหว้ แต่ก่อนนัน เขาจะมา


เซ่ นไหว้แต่ช่วงเทศกาล แต่นีเป็ นครังแรกทีมาเผากระดาษเงิน......

‘เคร้ง’ ‘เคร้ง’ ‘เคร้ง’ ‘เคร้ง’เสี ยงต่อสู ้ลอยเข้าหู ทําให้ม่หู รงเย่หลุดจากภวังค์ เขาขมวดคิวไม่เข้าใจมองไปยังทีมา


ของเสี ยง “เกิดอะไรขึน?”

เพือทีจะปกป้ องน้องสาว เขาพาทหารยามมาด้วยยีสิ บกว่าคน พอลงจากรถม้าก็สังการให้พวกเขาเฝ้ ายามอยู่


โดยรอบ เมือครู่ ยงั เงียบเชียบอยูเ่ ลย ทําไม่อยูๆ่ ถึงมีเสี ยงต่อสู ้ขึนมาได้ ใกล้เมืองหลวงเช่นนี มักมีทหารคอย
ลาดตระเวนอยูต่ ลอดเวลา แถมยังไม่เคยได้ยนิ มาก่อนเลยว่าจะมีกลุ่มโจรอยูแ่ ถวนี

“มิตอ้ งกังวล” เสี ยงเย็นชาดังขึน ชายหนุ่ มผูห้ นึงเดินออกมาจากป่ า เขาใส่ ชุดเจ้าบ่าวสี แดง ร่ างกายองอาจเข้มแข็ง
ดวงหน้าเย็นชาดังนําแข็ง แววตาคมดูลึกลํา นันเขา จิงอ๋ องเย่อีเฉิ น

*ยามซวี : ช่วงเวลาประมาณหนึงทุ่มถึงสามทุ่ม
ตอนที 12 จิงอ๋ องฉุดเจ้ าสาว
มู่หรงเสวียย่นคิว ถึงว่าอยูๆ่ ก็มีศตั รู โดยทีทหารยามของจวนไม่รู้สึกตัวแม้แต่นอ้ ย ทีแท้กเ็ ป็ นคนของเย่อีเฉินนีเอง

คนพวกนีติดตามเย่อีเฉิ นไปทําการสู ้รบนองเลือดมานับครังมิถว้ น ก้าวข้ามกองซากศพมามากมาย ฝี มือในการ


ต่อสู ้ลว้ นแล้วมิธรรมดา แต่ละกระบวนท่าเต็มไปด้วยความอํามหิ ต ไม่แปลกเลยทีจะกดดันเหล่าทหารยามของ
จวนทีมิเคยออกจากเมืองหลวงไปไหนจนอยูห่ มัด พวกเขาทําได้เพียงต่อสู ้จนสุ ดกําลังอย่างไม่มีทางเลือกเท่า
นันเอง

ด้านหน้าปรากฏร่ างนําเงินเข้มร่ างหนึง เป็ นมู่หรงเย่ทีเข้ามายืนขว้างทีด้านหน้าของนาง ร่ างกายทีผอมแห้งแรง


น้อยนันกําลังปกป้ องนาง แววตาสี ดาํ มองเย่อีเฉิ นอย่างระวังภัย “เจ้ามาทําอะไรทีนี ?”

“ข้ามารับตัวชายารองของข้า” เย่อีเฉิ นตอบด้วยนําเสี ยงเย็นชา สายตาคมกริ บทะลุผา่ นมู่หรงเย่ไปยังมู่หรงเสวียที


อยูด่ า้ นหลัง

ั แรกแล้วว่านางจะไม่ยอมขึนเกียวเจ้าสาวแต่โดยดี จึงเตรี ยมแผนรองรับไว้มากมาย ไม่ว่านางจะทําให้


เขารู ้ตงแต่
เรื องราวยุง่ ยากเพียงใด เขาก็มนใจว่
ั าจะสามารถพานางกลับวังจิงอ๋ องได้โดยง่ายเหมือนดังพลิกฝ่ ามือ

ถึงอย่างไรก็ตาม เขาก็คิดไม่ถึงว่านางจะกล้าใส่ ชุดสี ขาวมาไหว้หลุมศพทีสุ สานบรรพชนในวันมงคลเช่นนี !

นางมิเต็มใจในฐานะพระชายารอง ถึงขนาดตังใจทําเรื องอัปมงคลในวันแต่งงานของเราเช่นนี เชียวหรื อ?


มู่หรงเย่ไม่เข้าใจความคิดในใจของเย่อีเฉิ น จ้องเขม็งไปทีเขาพลางพูดเน้นทีละคํา “น้องสาวข้าจะไม่เป็ นอนุ ให้
ผูใ้ ด ถ้าเจ้าอยากจะตบแต่งกับนางจริ งๆ ก็เอาเกียวแปดคนหามมารับนางในฐานะพระชายาเอกเข้าวังอ๋ อง ถ้า
กระทําตามทีข้ากล่าวมิได้ ก็จงถอนหมันเสี ย!”

เย่อีเฉิ นเหล่มองไปทีเขา “การหมันหมายระหว่างข้ากับมู่หรงเสวีย มิใช่ธุระกงการอะไรของเจ้า!”

สายตาดูถูกและนําเสี ยงเฉยชาดังกับไม่เห็นมู่หรงเย่อยู่ในสายตา

สี หน้าของมู่หรงเย่แดงกํา พูดตอบด้วยความโกรธ “ข้าเป็ นพีชายของนาง พีชายแท้ๆทีเป็ นพีน้องท้องแม่เดียวกัน


เรื องของนางก็ถือเป็ นเรื องของข้า ทําไมข้าจะไม่สิทธิ?”

เย่อีเฉิ นยกมุมปากท่าทางดูถูกเหยียดหยาม พูดกับคนโง่งมเช่นนี ไปก็เปลืองนําลายเสี ยเปล่า

ก้าวขาเล็กน้อยจนขยับมาประชิดตัวของมู่หรงเย่ “หลีกไป!”

เย่อีเฉิ นผูอ้ ยูใ่ นสนามรบมานาน ทําให้รอบตัวของเขามีกลินอายของความน่าหวาดกลัวอยูไ่ ม่นอ้ ย แต่ดว้ ยความที


เขาก็ยงั มีความเป็ นนักปราชญ์อยูใ่ นตัว นักปราชญ์ผรู ้ อบรู ้สง่างามเมือผสมผสานเข้ากับความเป็ นนักรบทีน่ าหวัน
เกรง จึงไม่ได้ทาํ ให้เขาดูน่ากลัวเสี ยขนาดนัน
แต่วนั นี มู่หรงเย่ไม่เจียมตนกล้าท้าทายเขาจนน่าโมโห เขาจึงไม่แม้แต่จะระงับความโมโห ไม่มีแม้แต่ความเห็น
ใจจนต้องข่มขู่ออกไป แม้แต่ทหารผูท้ ีอยูใ่ ต้บงั คับบัญชา ยังเหลือบตาลอกแลกด้วยความหวาดหวัน ไม่ตอ้ งพูด
ถึงมู่หรงเย่เลย

กลินอายโหดเหี ยมและความกดดันทําให้ลมหายใจของเขาติดขัด ขาทังสองข้างสันด้วยความหวาดกลัว ร่ างกาย


แข็งทือ แต่กย็ งั ฝื นต้านอย่างไม่ยอมแพ้ กัดฟั นพูดทีละคํา “ไม่หลบ! ถ้าเจ้าจะฉุ ดน้องสาวข้า ก็ตอ้ งข้ามศพข้าไป
เสี ยก่อน!”

เย่อีเฉิ นพอได้ฟังคํา ดวงตาส่ อแววดูถูก อยากตายงันหรื อ? ถ้าอย่างนันข้าจะทําให้เจ้าได้ตายสมปรารถนา!

เห็นเย่อีเฉิ นกํามือแน่ น ดวงตาของมู่หรงเสวียไหววูบ ยืนมือดึงตัวมู่หรงเย่มาไว้ดา้ นหลัง มองไปทางเขาอย่างเย็น


ชา “จิงอ๋ องกับองค์หญิงยวีเยียนรักใคร่ ปรองดองกัน ข้าถอนหมันหลีกทางให้พวกท่าน เหตุใดยังต้องบีบบังคับ
ให้ขา้ เป็ นพระชายารองอีกเล่าเพคะ?”

“เจ้าเป็ นลูกสาวของท่านอาเยว่ ทังยังสุ ขภาพอ่อนแอ ตัวข้านันเคารพในตัวท่านอาเยว่ จึงอยากให้เจ้าเข้าวังอ๋ อง


จะได้ดูแลเจ้าได้โดยง่าย!” เย่อีเฉิ นพูดอย่างราบเรี ยบแฝงด้วยแววจริ งจัง มิได้แสดงท่าทางเสแสร้ง

มู่หรงเสวียในใจยิมเย็น แววตาเยาะเย้ย “ถ้าการดูแลทีท่านว่าหมายถึงการให้ขา้ แต่งเป็ นอนุ ใช้ชีวิตภายใต้ความ


รังเกียจของภรรยาเอกของท่าน รวมถึงการโดนดูถูกเหยียดหยามจากบ่าวไพร่ ถ้าเช่นนันก็มิเป็ นไรเพคะ”

“ข้ายอมไม่แต่งชัวชีวิต แก่ตายในจวนเจินกัวโหวยังจะดีเสี ยกว่า เวลานันอย่างน้อยเวลาข้าตายก็ยงั เป็ นคุณหนู


ใหญ่ผสู ้ ู งศักดิและถูกส่ งเข้าสุ สานบรรพชนของตระกูลมู่หรง แต่ถา้ หากเข้าวังจิงอ๋ อง ตอนมีลมหายใจเป็ นอนุ ชนั
ตําทีถูกผูค้ นเหยียดหยาม พอตายไปก็ไม่มีแม้แต่สิทธิทีจะถูกฝังในสุ สานบรรพชน”

อยูด่ ีๆก็ลดศักดิฐานะของนาง เหยียบยํานาง แถมยังกล่าวคําอ้างทีสวยหรู ช่างหน้าด้านหน้าทนจนเกินไปแล้ว


แน่นอนว่าพวกขุนนางและชาวบ้านในเมืองหลวงจะไม่หัวเราะเยาะและไม่วพิ ากษ์วิจารณ์เย่อีเฉิ น เพราะเขาคือ
ท่านอ๋ องเทพสงครามทีไม่เคยแพ้ใคร ในมือมีทหาร ทังยังได้รับความไว้ใจจากฮ่องเต้ วิพากษ์วิจารณ์เขาก็เป็ นแค่
การรนหาทีตาย

เขาปรายตามองนางด้วยสี หน้าโกรธขึง เย่อีเฉิ นแววตาวูบไหวเหมือนคิดสิ งใดออก กล่าวอย่างหมดความอดทน


ว่า “ยวีเยียนนิสัยอ่อนหวานดีงาม จิตใจบริ สุทธิ ในฐานะพระชายาเอกนางจะต้องดูแลเจ้าอย่างดี มิกลันแกล้งเจ้า
แน่นอนว่าไม่ยอมให้พวกบ่าวไพร่ ดูถูกเจ้า เจ้าจะได้รับการปฏิบตั ิเป็ นรองเพียงพระชายาเอกเท่านัน ร้อยปี
หลังจากนี ข้ารับรองว่าจะนําร่ างเจ้าเข้าสุ สานบรรพชน......”

“จริ งหรื อเพคะ?” มู่หรงเสวียยกยิมมุมปาก สี หน้าคล้ายยิมมิยมิ

ฉิ นยวีเยียนเป็ นองค์หญิงม่อเป่ ย อยูใ่ นวังหลวงทีแปดเปื อนมาตังหลายปี เรื องราวสกปรกทังหลายในวังหลัง ถึง


ไม่เคยยุง่ เกียว อย่างน้อยก็ตอ้ งเคยผ่านตามาบ้าง จิตใจความคิดแน่นอนว่าต้องลําลึกจนไม่อาจคาดเดา ยังจะบอก
ว่านางอ่อนโยนจิตใจบริ สุทธิ คิดว่านางตาบอดดูมิออกรึ ไง?

คําหวานของเย่อีเฉิ นถ้าเป็ นคนอืนคงต้องใจอ่อนเป็ นแน่ แต่เสี ยดายนางผูม้ าจากอนาคตเคยดูละครหลังข่าวมา


มากมาย กับแค่คาํ หวานแบบนีทําอะไรนางมิได้หรอก

“แน่นอน ยวีเยียนเป็ นห่ วงเจ้ามาก ตอนข้าออกจากวังอ๋ อง นางยังฝากฝังให้ขา้ รับเจ้ากลับวังไปอยูเ่ ป็ นเพือนอยู่


เลย” เย่อีเฉิ นกล่าวชืนชมอย่างยอมรับนับถือ

มู่หรงเสวียแอบขําในใจ นางเข้าใจดี ผูห้ ญิงนันไม่วา่ ใครก็ยอ่ มไม่อยากให้คนรักไปมีคนอืน อยากให้คนรักรัก


เดียวใจเดียว ไม่แบ่งสายตาให้หญิงใด
ี นจะมีอนุ อีกกีคนนางก็คงไม่ว่า แต่ในใจของนางก็
ฉิ นยวีเยียนเป็ นหญิงทีมีศกั ดิสู งส่ งทะนงตนผูห้ นึง ถึงแม้เย่อเฉิ
ย่อมต้องการให้ใจของเย่อีเฉิ นมีนางเพียงผูเ้ ดียว มีแต่นางทีอยูใ่ นสายตาของเขา

เย่อีเฉิ นรับปากว่าจะให้ขา้ เป็ นพระชายารองทีมีฐานะเป็ นรองเพียงนาง แถมยังให้ขา้ แต่งเข้าวังจิงอ๋ องก่อนนาง


นางคงเต็มใจให้ขา้ แต่งกับเขาอยูอ่ ีกหรอก ข้าไม่มีทางเชือเด็ดขาด

“ท่านอ๋ องอาจมิรู้ ชายหญิงครองคู่ก็คือหนึ งชายหนึ งหญิง รักใคร่ จนมิอาจมีใครมาแทรกกลางได้ การทีองค์


หญิงยวีเยียนสนับสนุนให้ท่านแต่งอนุ น่าจะมีพียงสองเหตุผล หนึ งคือนางกําลังหึ งหวงเลยถือโอกาสทดสอบ
ท่าน สองคือนางเกลียดท่านมาก จนมิสนใจว่าท่านจะแต่งใครเป็ นพระชายารอง”

“เหลวไหล!” เสี ยงของเย่อีเฉิ นเคร่ งขรึ มจนน่ ากลัว มองมาทีนาง “มู่หรงเสวีย เอาเรื องของตัวเองให้รอดก่อนเถอะ
อย่ามาท้าทายข้าด้วยการยุแหย่ให้ขา้ กับยวีเยียนผิดใจกัน!”

มู่หรงเสวียกล่าวอย่างเหยียดหยาม “ข้ามิได้อยากท้าทายท่าน ถ้าอยากรู้วา่ ทีข้าพูดจริ งหรื อไม่ เชิญท่านกลับวัง


อ๋ องไปทดสอบกับฉิ นวีเยียนดู!”

“ข้ากลับแน่ แต่เจ้าต้องกลับไปพร้อมกับข้า!” เย่อีเฉิ นมองมู่หรงเสวียด้วยดวงตาดํามืดไม่ฉายแววใด

“เย่อีเฉิ น ท่านพ่อและท่านแม่ของข้ารวมถึงเหล่าบรรพชนของข้าล้วนอยูท่ ีนี วันนี ข้าขอพูดต่อหน้าเหล่าบรรพชน


ว่า ข้ามู่หรงเสวียแห่ งจวนเจินกัวโหวสามารถดูแลตัวเองได้ ไม่ตอ้ งการให้ชนชันสู งจอมปลอมเช่นท่านมายุง่
วุ่นวาย!”

นําเสี ยงเย็นชาเสี ยดแทงเข้าสู่ ขวหั


ั วใจ ดวงหน้างามของเย่อีเฉิ นกลายเป็ นดุดนั แววตาส่ องประกายอํามหิ ต นาง
บังอาจหาว่าเขาเป็ นชนชันสู งจอมปลอม ช่างกล้านัก!

เขาขยับกาย คล้ายลมสายหนึ งมาหยุดอยูห่ น้ามู่หรงเสวีย ยืนมือออกไปเพือจะจับนาง......


ตอนที 13 มู่หรงเสวียปะทะจิงอ๋ อง
คิดจะจับตัวนางงันรึ ? ฝันไปเถอะ!

มู่หรงเสวียยกยิมเย็น ขยับเท้าเพียงเล็กน้อย เบียงตัวไปด้านหลังสองก้าวทําให้เย่อีเฉิ นสัมผัสได้เพียงปลายเส้นผม


ของนาง นางสามารถหลุดพ้นจากเงือมมือของเขาอย่างคาดไม่ถึง

เย่อีเฉิ นมองยังมือทีว่างเปล่าของตัวเอง สี หน้าไม่เข้าใจนัก หลังจากทีเขาเป็ นวรยุธ ไม่ว่าผูน้ ันจะเป็ นหรื อตาย ถ้า
หากเขาอยากจะได้ตวั แล้วย่อมไม่มีทางพลาดไปจากเงือมมือของเขาได้ แต่ม่หู รงเสวียกลับรอดมือเขาไปได้ นี มัน
เกิดอะไรขึน?

“ท่านอ๋ อง จะเลยเวลาฤกษ์ยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เสี ยงกล่าวเตือนลอยมาจากด้านหลัง แววตาไม่เข้าใจเมือครู่ ของเย่อี


ฉิ นกลายเป็ นราบเรี ยบ สี หนากลับกลายเป็ นเย็นชาเช่นเดิม ตอบกลับอย่างเสี ยงเย็นว่า “ข้ารู ้แล้ว”

เงยหน้ามองมู่หรงเสวีย ดวงตาเคร่ งขรึ ม “มู่หรงเสวีย รี บตามข้ากลับวังจิงอ๋ อง เรื องทีเจ้ากระทําเมือครู่ ข้าจะทํา


เป็ นพวกมันมิเคยเกิดขึน!”

เมือสิ นเสี ยงก็ปรากฏร่ างคนงานสองคนทีเดินแบกเกียวเข้ามา ภายใต้แสงแดดทีสาดส่ องนันเห็นตัวเกียวทีมีสี


ชมพูซีด ให้ความรู ้สึกร้อนอบอ้าว แถมด้านในยังดูมืดทึบ หาความสวยงามมิได้เลย!

แววตาของมู่หรงเสวียเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน เกียวสี ชมพูใช้สาํ หรับแต่งอนุ!

สามวันก่อนหน้านางโยนสิ นสอดของเย่อีเฉิ นทิง สามวันให้หลัง เขาแก้แค้นกลับด้วยการไม่มีแม้แต่ขบวน


เจ้าบ่าว แถมยังใช้เกียวสี ชมพูมารับนางเข้าวังจิงอ๋ องโดยไร้สินสอดอีก ไม่รู้ว่าอยากจะให้นางอยูฐ่ านะใดกันแน่ อี
ั าทีมีฐานะมิต่างจากบ่าวไพร่ นับเป็ นการลบหลู่และเหยียบยํา
เหนียงอนุ ผไู ้ ร้ศกั ดิพระชายา หรื อว่า ซื อเชียอนุ ชนตํ
ให้นางตกตําจนถึงทีสุ ด!

ไม่แปลกทีเป็ นถึงเทพสงคราม จึงไม่เคยลืมทีจะตอบโต้แก้แค้นผูอ้ ืนเมือได้โอกาส

ข้ามีศกั ดิฐานะเป็ นคุณหนูแห่ งจวนเจินกัวโหว นังเกียวอนุ ชนตํ


ั าต่อหน้าขุนนางน้อยใหญ่และเหล่าตระกูลชน
ชันสูง เข้าวังอ๋ องทางประตูรองหรื อแย่ไปกว่านันอาจเป็ นประตูหลัง แน่ นอนว่านางคงจะได้รับการดูถูกเหยียด
หยามหัวเราะเยาะจนกลายเป็ นเรื องตลกขบขันระหว่างเวลาดืมชายามว่างของพวกชนชันสู ง ถูกวิพากษ์วิจารณ์
จนไม่มีหน้าแม้แต่ไปมองใคร

ทังหมดนี คือการดูแลในความหมายของเย่อีเฉิ นงันหรื อ? คงเห็นว่านางป่ วยไม่หนักพอ ตายไม่เร็ วพอ จึงคิดทีจะ


ส่ งนางไปปรโลกเร็ วขึนงันสิ !

มู่หรงเสวียยิมเยาะแล้วตอบว่า “ถ้าข้าบอกว่าไม่ละเพคะ?”

สายตาของเย่อีเฉิ นจับจ้องทีมู่หรงเสวียอยูต่ งแต่


ั แรก จึงทันเห็นแววตาของนางทีฉายแวววูบไหวอยูค่ รู่ หนึงเมือ
นางได้เห็นเกียวสี ชมพู แต่ไม่ทนั ไรก็กลับเปลียนเป็ นเรี ยบเฉยและปฏิเสธข้อเสนออย่างไม่ไว้หน้าเขาแม้แต่น้อย
เขาจึงประกาศกร้าวอย่างหมดความอดทนว่า “เช่นนันก็อย่าได้โทษว่าข้ามิเกรงใจ!”

มู่หรงเสวียสบถคํา “ท่านอ๋ องเคยเกรงใจกับข้าเมือใดกันเพคะ?” หลังจากทีเย่อีเฉิ นกลับเมืองหลวง ถ้าไม่หลู่


เกียรตินางก็เหยียบยํานาง ไม่เคยแม้แต่ให้เกียรตินางเพียงสักนิด เรื องเกรงใจคงไม่ตอ้ งพูดถึง

“มู่หรงเสวีย” เย่อีเฉิ นสี หน้าขุ่นมัวขึน กัดฟันพูดด้วยเสี ยงเย็น เขาอดทนเพือทีจะอธิบายให้นางฟั งมาตังมากตัง


มาย แต่นางกลับไม่ยนิ ดีทีจะรับฟัง แม้แต่จะเปลียนใจสักนิดก็ยงั ไม่มี กลับกล้าตอบปฏิเสธเขาอย่างไม่ไว้หน้า
ช่างไม่เจียมตนนัก!
พูดดีๆด้วยมิยอม ถ้าอย่างนันคงต้องใช้กาํ ลัง ข้าจะไม่เกรงใจนางอีกแล้ว

แววตาของเย่อีเฉิ นส่ องประกายอํามหิ ต เขากางมือออกหลอมรวมพลังปราณสู่ ฝ่ามือ จิตสังหารแผ่ขยายเป็ นวง


กว้าง ทําให้ผคู ้ นต่างอกสันขวัญแขวน ในใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

ดวงตาของมู่หรงเสวียหรี เล็กลง เจ้าของร่ างเดิมเป็ นแค่คนร่ างกายอ่อนแอบอบบาง กําลังภายในแม้เพียงนิดก็ไม่มี


มีติดตัว ถึงแม้นางจะมีวิชาป้ องกันตัวขันพืนฐาน แต่ก็ไม่มีวิชากําลังภายในติดตัว จึงไม่มีทางทีจะสามารถสู้ตวั
ต่อตัวกับเย่อเฉิ
ี นได้เลย!

สายลมวูบหนึงปะทะเข้ากับใบหน้า เย่อีเฉิ นเริ มลงมือกับนางก่อน สายตาของนางมีแววเย็นชา เตรี ยมตัวทีจะ


หลบหลีกการเข้าโจมตีของเย่อีเฉิ น แต่ม่หู รงเย่กลับลงมือชกเข้าทีใบหน้าของเย่อีเฉิ นเข้าเสี ยก่อน แล้วจับของมือ
ขวาของเขาพลิกไขว้หลัง “น้องเล็ก หนี เร็ ว!”

เย่อีเฉิ นทีถูกจับตัวไว้มีสีหน้าดุดนั อย่างน่ากลัว เขาเพียงพลิกฝ่ ามือหนึงครังก็สามารถโจมตีเข้าทีกลางอกของมู่


หรงเย่ได้แล้ว

มู่หรงเย่ทีไม่ทนั ได้ตงตั
ั วโดนฝ่ ามือฟาดลงไปนอนกับพืน แต่กย็ งั มีสติพอทีจะรี บคว้ามือไปฉุ ดขาของเย่อีเฉิ นไว้
แน่น

มู่หรงเสวียมองไปทีดวงหน้าซี ดขาวของเขา แววตานางเต็มไปด้วยความสับสน “ท่านพี” ถึงแม้ม่หู รงเย่จะเป็ น


จอมเสพลไม่ได้เรื อง แต่เมือเป็ นเรื องของน้องสาวแล้ว เขากลับรักและปกป้ องอย่างจริ งใจ
“ข้าไม่เป็ นไร!” มู่หรงเย่มองไปทางมู่หรงเสวีย พยายามฝื นยิมให้นาง “ข้าคือเจินกัวโหว เย่อีเฉิ นไม่กล้าฆ่าข้า
หรอก เจ้ารี บหนี ไปเถอะ หาทีปลอดภัยหลบซ่ อนตัว ถ้าสามารถหลบพ้นวันนี ได้กไ็ ม่มีปัญหาแล้ว”

หลังจากเย่อีเฉิ นชนะศึกกลับมา เขาก็เป็ นทีจับจ้องของคนในเมืองหลวงอยูแ่ ล้ว อีกทังยังจะป่ าวประกาศไปทัวว่า


จะรับนางเป็ นพระชายารองเช่นนีอีก คงไม่มีผใู ้ ดทีจะไม่รู้จกั เขาเป็ นแน่ ในเมืองคงมีคนจํานวนไม่นอ้ ยทีรู ้ว่าเขา
เดินทางมารับตัวนางทีสุ สานตระกูลมู่หรงแห่ งนี !

ถ้าหากว่าเขากล้าสังหารมู่หรงเย่ วันนีตําแหน่ งจิงอ๋ องของเขาคงต้องถึงคราวสิ นสุ ด

“ท่านพี รักษาตัวด้วย!” มู่หรงเสวียเน้นยํา พลางหันหลังหนีไปอย่างรวดเร็ ว เย่อเฉิ


ี นมาทีสุ สานบรรพชนก็เพราะ
นาง ถ้านางไปจากทีนี เขาจะต้องตามนางไป เพียงเท่านีมู่หรงเย่กจ็ ะปลอดภัย!

เมือเห็นมู่หรงเสวียยิงวิงยิงไกลออกไป แต่ขาของเย่อเฉิ
ี นเหมือนติดอยูใ่ นหิ น ไม่สามารถจะขยับไปไหนได้
ดวงตาจึงเปลียนเป็ นเย็นชา เตะเข้าไปทีมู่หรงเย่อย่างไม่คิดจะออมแรง “หลบไป!”

ความเจ็บปวดทะลุเข้าสู่ กลางอกจนทนไม่ไหว มู่หรงเย่ร้องขึนอย่างเจ็บปวด ผ่อนแรงทีมือล้มลงไปนอนร้องโอด


ครวญอยูท่ ีพืน ใบหน้างามซี ดขาว เจ็บจนเหงือไหลท่วมไปทังตัว

เย่อีเฉิ นไม่แม้แต่แยแส เร่ งเท้าตามมู่หรงเสวียไปทันที

หงซิ วกับอันเซี ยงเพียงสบตากันก็รีบวิงไปขวางไว้


เย่อีเฉิ นสี หน้าไร้อารมณ์ ขยับนิวมือเพียงน้อย รวบรวมพลังปราณแล้วปล่อยออกไปทีหงซิ วกับอันเซี ยงอย่างไร้
ความปราณี พวกนางไร้ซึงวรยุธถูกลมปราณปะทะจนร่ างกายกระเด็นไปกระแทกกับต้นไม้ทีไกลออกไปจนกอง
ลงไปนอนอยูก่ บั พืน ไม่มีแรงลุกขึนมาอีก

เย่อีเฉิ นไม่มองพวกนางสักนิ ด เร่ งตามไปทางทีมู่หรงเสวียหายไป

มู่หรงเสวียหนี ออกจากสุ สาน วิงไปในป่ าอย่างไร้จุดหมาย ทันใดนันปรากฏหน้าผาสู งชันตรงหน้า ยากทีจะปี น


ป่ าย ด้านล่างไกลลงไปประมาณสิ บเมตรเป็ นแม่นาที
ํ มีกระแสนําเชียวกราก คาดเดาความลึกมิได้ หน้าผาฝังตรง
ข้ามห่างไปสิ บกว่าเมตรไม่สามารถกระโดดข้ามไปได้เลย!

มู่หรงเสวียกระพริ บตาเตรี ยมจะหันหลังกลับไปทางเดิม แต่เห็นเย่อีเฉิ นเดินออกมาจากพุ่มไม้เสี ยก่อน หมวก


ประดับยศอ๋ องสี ม่วงชุดเจ้าบ่าวสี แดงยังคงเรี ยบร้อยแต่เต็มไปด้วยใบหญ้า เขาดูมีท่าทางสบายๆไม่แม้แต่เหนือย
หอบ ดวงตาส่ องประกายยินดีเหมือนผูล้ ่าทีเจอเหยือ “ทําไมเจ้าถึงไม่หนีต่อเล่า?”

“ไม่มีทางให้หนีแล้วเพคะ!” มู่หรงเสวียตอบอย่างเสี ยอารมณ์ เจ้าของร่ างเดิมเป็ นคนร่ างกายอ่อนแอ เวลาทีมา


เซ่ นไหว้บรรพชนก็มกั จะอยูแ่ ต่ในสุ สาน ไม่เคยออกมาสํารวจด้านนอก ไม่รู้เส้นทาง ด้วยเหตุนีนางทีเร่ งรี บหนี
ออกมาถึงได้เจอเข้ากับทางตัน

“เบืองหน้าเป็ นหน้าผา เบืองหลังเป็ นผูล้ า่ เจ้าจะเลือกด้านไหนดีละ?” เย่อีเฉิ นพูดถามเสี ยงตํา เดินเข้าหามู่หรง


เสวียทีละก้าว
ิ อยากเป็ นอนุ!” มู่หรงเสวียยิมน้อยๆ
“ไม่เลือกทางไหนทังนันเพคะ เพราะว่าข้ามิอยากกระโดดหน้าผา และก็ยงมิ
เหมือนดังบุบผากําลังเบ่งบาน

ี น ทําให้เขารู ้สึกถึงลางสังหรณ์ทีไม่ดี แต่ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าไม่ดี


ร้อยยิมสว่างสดใสมองไปทีดวงตาของเย่อเฉิ
อย่างไร

ตอนที 14 แรกพบคุณชายโอวหยาง

ทันใดนันด้านหน้าปรากฏแสงสี ขาววูบหนึง ประกายกระบีคมกริ บพร้อมจิตสังหารทีรุ นแรงพุ่งเข้ามาทีศีรษะ


ของเขาอย่างไม่ยงมื
ั อ

เย่อีเฉิ นหรี ตาลง เร่ งความเร็ วหลบหลีกท่าสังหาร เงยหน้าขึนมองสบเข้ากับรอยยิมเย็นของมู่หรงเสวีย ในมือของ


นางถือกระบียาวเล่มหนึ ง กระบวนท่าพลิวไหวดูอนั ตรายพุ่งเข้าหาเขาอีกครัง สายรัดเอวของนางลอยไปตามลม
เหมือนดังผีเสื อทีกําลังร่ ายรํา

แท้จริ งแล้วนางเป็ นวรยุธ!

เย่อีเฉิ นมีแววตาประหลาดใจอยูว่ ูบหนึ ง มุมปากยกยิมเย้ยหยัน ข่าวลือต่าง ๆนาๆทีได้ยนิ ได้ฟังมาล้วนแต่เป็ นข่าว


ลือทีไม่มีมูลสิ นะ เขาถึงขนาดเผลอเชือไปเสี ยหลายส่ วน น่าขันนักทีผูค้ นพากันพูดว่านางนันมีนิสัยเรี ยบร้อย
อ่อนโยน ทังหมดล้วนเป็ นข่าวลือทีพวกเขานันคิดไปเอง นิ สัยของนางตอนนี คือตัวตนทีแท้จริ งของนาง ทีแอบ
ซ่อนอยูใ่ นจวนมาโดยตลอดก็เพือมิอยากให้คนภายนอกได้รับรู ้

เขารู ้สึกแปลกในใจ แต่กแ็ ค่เพียงชัวครู่ เท่านัน เพราะเมือรู ้สึกตัวเขาก็รีบกดความรู ้สึกนี เอาไว้โดยเร็ ว


เขามองไปทีมู่หรงเสวียด้วยแววตาลึกลํา ปะทะคารมกับนางมาตังหลายหน สายตาทีแหลมคมของเขา ยังมองไม่
ออกว่านางแอบสอนกระบีไว้ทีตัว กลการตบตาของนางช่างสู งลําจนน่ าประหลาดใจ

ผูห้ ญิงนิ ยมนําเครื องประดับเก็บไว้ในสายรัดเอวเป็ นเรื องธรรมดา ถึงแม้ว่าจะมีคนพบความผิดปกติทีสายรัดเอว


ของพวกนาง ก็คงนึ กว่าเป็ นเครื องประดับทีไม่เหมือนผูใ้ ดเท่านัน ไม่มีใครคาดคิดว่าคนอ่อนแอเช่นนางจะพก
อาวุธทีใช้สังหารผูค้ นไว้กบั ตัวเช่นนี !

“เจ้าจะสังหารข้าหรื อ!?” เย่อีเฉิ นใช้ฝ่ามือปั ดกระบีของมู่หรงเสวีย มองไปทีนางอย่างเยียบเย็น

“ทังหมดนี ก็เพราะท่านทําตัวเอง ใครให้ท่านเล่นไม่ซือเช่นนี เล่า!” มู่หรงเสวียตอบเสี ยงเย็น กระบีในมือแทงไป


ยังเย่อีเฉิ น

เย่อีเฉิ นปัดป้ องกระบีออกไปอย่างง่ายดาย สายตาฉายแววอ่านยาก เขารู ้จกั เส้นทางในละแวกนีเป็ นอย่างดี ทีมู่


ั ใช่เพียงเพราะนางไม่ชาํ นาญเส้นทางแถวนี แต่ส่วนหนึ งเป็ นเพราะเขา
หรงเสวียวิงมาเจอกับหน้าผา สาเหตุนนไม่
เองทีบีบบังคับนางให้วิงมาเส้นทางนี เขาคิดว่าทีนางต่อต้านท้าทายเขา เป็ นเพราะศักดิฐานะและเกียรติยศของ
บุตรี จวนขุนนาง แค่เพียงทําให้นางหมดหนทางต่อต้าน ในทีสุ ดนางก็ตอ้ งยอมให้ความร่ วมมือ กลับไปเป็ นพระ
ชายารองแห่ งวังจิงอ๋ องอย่างไม่มีทางเลือก

แน่นอนว่าไม่มีใครไม่กลัวตาย ในเมือความตายรออยูต่ รงหน้า เพียงแค่ยอมเป็ นพระชายารองแห่งวังจิงอ๋ องทีมี


เกียรติยศมีผคู ้ นนับหน้าถือตา อยูอ่ ย่างสุ ขสบายไปตลอดชีวิต เท่านีก็นบั ว่าดีถมเถไป
แต่ม่หู รงเสวียทีเบืองหน้าปรากฏหน้าผาขวางทางไว้กลับไม่ยอมแม้แต่ขอร้องอ้อนวอน หรื อให้ความร่ วมมือ
ตามทีเขาคาดไว้ แต่กลับกันนางถึงกับชักกระบีขึนสู ้ เสี ยดแทงมาทางเขาอย่างไม่ลงั เล......

นางยอมกลายเป็ นฆาตกร แต่ไม่ยอมเป็ นพระชายารองของเขา......

“ฉึ กฉึ กฉึ ก!” ประกายเยือกเย็นสามสายพุ่งผ่าน ชุดเจ้าบ่าวของเย่อีเฉิ นก็ปรากฏรอยขาดสามสาย เศษผ้าผ้าสี แดง


ถูกตัดขาดจนปลิวลงสู่ พืน

เย่อีเฉิ นมองเศษผ้าสี แดงบนพืน ดวงหน้าเคร่ งขรึ มจนน่ากลัว หลังจากทีเรี ยนวรยุธมา มีไม่กีคนทีสามารถเข้าใกล้


ตัวเขาได้ ไม่ตอ้ งพูดถึงการจะทําให้เค้าได้รับบาดเจ็บ เมือครู่ เขาใช้กาํ ลังเพียงห้าส่ วน ทังยังใช้สมาธิคบคิดเรื อง
อืนอยู่ ถึงกับเป็ นการเปิ ดช่องว่างให้มู่หรงเสวียเข้าประชิดตัวจนฟั นเสื อผ้าของเขาจนขาดวิน

ช่างเป็ นผูห้ ญิงทีไม่รู้จกั สู งตําเสี ยแล้ว กล้าโจมตีขณะทีเขาเผลอ ช่างไม่เจียมตนจนเกินไปแล้ว เขาคงต้องสังสอน


นางให้หนักเสี ยหน่ อย ให้นางได้รู้วา่ ชีวิตเล็กๆของนางก็เหมือนลูกไก่ในกํามือของเขาเท่านัน! เขาให้นางรอด
นางก็รอด แต่ถา้ เขาให้นางตายนางก็ตอ้ งตาย!

ฝ่ ามือทีกําอยูค่ ่อยๆกางออก พลังปราณควบรวมกันจนกลายเป็ นมีดบินลมปราณพุ่งตรงไปยังมู่หรงเสวีย

จิตสังหารทีเต็มไปด้วยการทําลายล้างพุ่งตรงเข้ามา แววตาของมู่หรงเสวียทอแววเคร่ งขรึ มทีไม่ค่อยปรากฏเท่าไร


นัก นี มันพลังปราณงันรึ ? แรงสังหารมิธรรมดาเลย แต่ว่าการจะฆ่านาง มันมิง่ายขนาดนันหรอก!

มู่หรงเสวียจับกระบีแน่ น รับมือกับประกายสี เงินของมีดลมปราณไปมา ได้ยนิ เพียงเสี ยง ‘เคร้ง เคร้ง เคร้ง’ มีด


ลมปราณก็ถูกทําลายจนหมดสิ น แม้แต่ปราณมีดทีเล็กทีสุ ดก็ยงั ถูกปั ดทิงอย่างนับไม่ถว้ น

เขามองมู่หรงเสวียทีไร้แม้แต่รอยบาดแผล พลางค่อยๆหรี ตาลง นางไม่มีพลังปราณช่วย เพียงแต่ใช้กระบวนท่า


กระบีก็สามารถทําลายพลังปราณของเขาลงได้ ดูเป็ นกระบวนท่าดาบทีไร้ทีติยงนั
ิ ก นีเป็ นวิชาดาบทีสื บทอดกัน
มาของตระกูลมู่หรงรึ ? ช่างร้ายกาจไม่ผดิ ไปตามทีลือกัน ไม่ง่ายนักทีมู่หรงเสวียจะยอมแสดงกระบวนท่าของ
ตระกูลมู่หรงออกมาเช่นนี ถ้าอย่างนันเขาก็จะไม่ออมมืออีกต่อไป ขอชืนชมกระบวนท่ากระบีนี เสี ยหน่อยว่าจะ
ยอดเยียมถึงเพียงไหนกัน!
มือภายใต้ชุดเจ้าบ่าวกําลังกําคลายออก พลังหยางทีเข้มข้น สายลมรุ นแรงทําให้ชุดเจ้าบ่าวปลิวไสว ใช้กระบวน
ท่าทีแม่นยําและรวดเร็ว โจมตีไปยังร่ างของมู่หรงเสวียทัวทุกด้าน มู่หรงเสวียขมวดคิวเล็กน้อย สาเหตุทีนางแทง
กระบีไปทีเย่อีเฉิ น นางมิได้ตอ้ งการทีจะฆ่าเขา เพียงแค่อยากทําให้เขาบาดเจ็บและเหนื อยอ่อนจนไม่มีแรงมายุง่
วุ่นวายกับนางอีก

แน่นอนทีผูค้ นต่างรู ้ทวกั


ั นว่าการทีเย่อีเฉิ นมาทีสุ สานบรรพชนแห่ งนี ก็เพือมารับตัวนางแต่งเข้าวังเป็ นชายา แต่
นางมิได้อยากเป็ นพระชายารองแห่ งจิงอ๋ อง และถ้าเย่อีเฉิ นตายไป ฆาตกรก็ยอ่ มต้องเป็ นนางอย่างแน่ นอน นาง
ไม่กลัวตาย แต่นางก็มิอยากให้ตระกูลมู่หรงต้องถูกประหารเก้าชัวโคตรเพียงเพราะนาง

ยิงไปกว่านัน ตังแต่นางมาถึงทีแคว้นชิงเหยียน นางก็ตอ้ งมาอยูใ่ นร่ างกายทีอ่อนแอเช่นนี แม้แต่ฝีมือของนางใน


ชาติทีแล้วเพียงครึ งก็ไม่สามารถใช้ได้ และโชคไม่ดีทีเย่อีเฉิ นกลับเป็ นผูท้ ีมีวรยุธสูง พลังปราณหนาแน่น ถึงนาง
อยากทีจะฆ่าเขาเพียงใด แต่พละกําลังของนางตอนนี นันไม่เพียงพอ

กระบวนท่าเมือครู่ ของนาง แม้จะฟั นชุดเจ้าบ่าวของเย่อีเฉิ นจนขาด แต่กไ็ ม่ได้ทาํ ให้เขาได้รับบาดเจ็บ กลับกลาย


ทําให้เขาโกรธมากยิงขึนไปอีก เขารวบรวมพลังปราณมากมายเช่นนี คงเตรี ยมทีจะฆ่านางให้ตายแน่ นอนเสี ย
แล้ว!

ตอนนีนางก็เป็ นเพียงผูห้ ญิงอ่อนแอผูห้ นึง ถึงจะไม่มีพละกําลังมากมาย ถึงแม้เย่อีเฉิ นต้องการจะฆ่านาง แต่มนั ก็


ไม่ได้ง่ายถึงเพียงนัน!

มู่หรงเสวียยกยิมทีมุมปากเล็กน้อย กระโดดถอยออกไปสองเมตร ร่ ายรํากระบีต้านรับมีดปราณไปมาอย่าง


รวดเร็ ว
ี น สามารถมองเห็นได้ชดั เจนว่ามู่หรงเสวียยืนอยูก่ ลางรัศมีการโจมตีของเขา ประกายกระบี
ในมุมมองของเย่อเฉิ
สี เงินวูบไหวไปมารอบกายของนาง ปกป้ องนางไว้อย่างแน่ นหนาจนการโจมตีมิอาจทะลุฝ่าเข้าไปได้ สามารถ
ปัดป้ องพลังปราณของเขาจนพวกมันเบียงออกไปทีก้อนหิ นด้านข้าง

ได้ยนิ เพียงเสี ยง “ปั ง ปั ง ปั ง!” ดังขึน ก่อนทีก้อนหิ นจะแตกกระจุยจนฝุ่ นควันฟุ้ งไปทัว มู่หรงเสวียสําลักไอไม่
หยุด เร่ งถอยไปด้านหลัง ออกจากรัศมีฝนุ่ ควันนัน

ี นพุ่งตัวหลบออกไปประมาณสามสี เมตร
ลมสายหนึงพัดผ่าน พัดพาเอาฝุ่ นควันจางหายไป เย่อเฉิ

มู่หรงเสวียถือกระบีอย่างระแวดระวังตัว แต่กลับเห็นเขามองไปอีกด้าน “คุณชายโอวหยาง” เสี ยงตําไร้อารมณ์


จนคาดไม่ออกว่ากําลังคิดสิ งใดอยู่

มู่หรงเสวียชะงัก มองไปตามสายตาของเขา ห่ างไปไม่ไกลปรากฏศาลาแปดเหลียมทีด้านหลังของก้อนหิ นทีถูก


ทําลายเมือครู่ นนั ด้านในประดับไว้ดว้ ยเก้าอีและโต๊ะหิ น ด้านหน้าโต๊ะหิ นมีชายผูห้ นึง ในมือถือหมากสี ขาวอยู่
ในมือ ดวงหน้าเคร่ งขรึ มมองกระดานหมากบนโต๊ะหิ น

ชายหนุ่ มสวมชุดจีนโบราณสี ขาวราวกับหิ มะ เนื อผ้าเรี ยบจนไร้ทีติ กําลังใช้แขนเสื อสี ขาวปั ดเศษฝุ่ นบนโต๊ะหิ น
ผมดําถูกหมวกหยกขาวรวบสู งขึนแล้วปล่อยยาวลงด้านหลัง

ขนตาสี ดาํ ได้รูป ใบหน้างดงามดังภาพวาดในความฝัน กลินอายดุดนั แต่โดดเดียวในคราวเดียวกัน กลับสามารถ


ทําให้ผคู ้ นรู ้สึกเคารพยําเกรง
ดวงตาของมู่หรงเสวียส่ องประกายตืนตระหนกปนระหลาดใจ ในชาติทีแล้วนางได้พบเจอกับผูช้ ายทีหล่อเหลา
มามากมาย แต่หลังจากทีได้มาเกิดใหม่ทีนี ก็เจอทังความหล่อเหลาของมู่หรงเย่และเย่อีเฉิ น ทําให้มีแรงต้านทาน
กับผูช้ ายทีหล่อเหลาพอสมควร แต่ว่ารู ปลักษณ์ของผูช้ ายตรงหน้านี ดูงามสง่าจนนางมิอาจละสายตาได้เลย

นันมันบุตรชายของเซี ยวเหยาอ๋ อง คุณชายโอวหยาง ลือกันว่า เมือเขาอายุได้แปดขวบปี ก็ออกจากวังอ๋ อง กราบ


คนลึกลับผูห้ นึ งเป็ นอาจารย์ มีผลงานมากมายและมีชือเสี ยงโด่งดังไปทัว เพียงแค่เป่ าขลุ่ยก็สามารถทําให้ผคู ้ น
หลงไหล แม่ทพั ของชิงเหยียนทีได้รับการชีแนะจากเขา ทําให้การรบทัพจับศึกไม่เคยทีจะไม่ชนะ คนทัวไปต่าง
มองเขาว่าเป็ นดังเทพเซี ยนผูห้ นึ ง

สิ บปี มานี มีข่าวลือมากมายว่าเขาปรากฏตัวตามแคว้นต่าง ๆ น้อยนักทีจะกลับมาบ้านเกิดทีชิงเหยียน แต่ทาํ ไมเขา


ถึงได้กลับมาทีเมืองหลวงอย่างกะทันหันเช่นนี
ตอนที 14 แรกพบคุณชายโอวหยาง
ทันใดนันด้านหน้าปรากฏแสงสี ขาววูบหนึง ประกายกระบีคมกริ บพร้อมจิตสังหารทีรุ นแรงพุ่งเข้ามาทีศีรษะ
ของเขาอย่างไม่ยงมื
ั อ

เย่อีเฉิ นหรี ตาลง เร่ งความเร็ วหลบหลีกท่าสังหาร เงยหน้าขึนมองสบเข้ากับรอยยิมเย็นของมู่หรงเสวีย ในมือของ


นางถือกระบียาวเล่มหนึ ง กระบวนท่าพลิวไหวดูอนั ตรายพุ่งเข้าหาเขาอีกครัง สายรัดเอวของนางลอยไปตามลม
เหมือนดังผีเสื อทีกําลังร่ ายรํา

แท้จริ งแล้วนางเป็ นวรยุธ!

เย่อีเฉิ นมีแววตาประหลาดใจอยูว่ บู หนึ ง มุมปากยกยิมเย้ยหยัน ข่าวลือต่าง ๆนาๆทีได้ยนิ ได้ฟังมาล้วนแต่เป็ นข่าว


ลือทีไม่มีมูลสิ นะ เขาถึงขนาดเผลอเชือไปเสี ยหลายส่ วน น่าขันนักทีผูค้ นพากันพูดว่านางนันมีนิสัยเรี ยบร้อย
อ่อนโยน ทังหมดล้วนเป็ นข่าวลือทีพวกเขานันคิดไปเอง นิ สัยของนางตอนนี คือตัวตนทีแท้จริ งของนาง ทีแอบ
ซ่อนอยูใ่ นจวนมาโดยตลอดก็เพือมิอยากให้คนภายนอกได้รับรู ้

เขารู ้สึกแปลกในใจ แต่กแ็ ค่เพียงชัวครู่ เท่านัน เพราะเมือรู ้สึกตัวเขาก็รีบกดความรู ้สึกนี เอาไว้โดยเร็ ว

เขามองไปทีมู่หรงเสวียด้วยแววตาลึกลํา ปะทะคารมกับนางมาตังหลายหน สายตาทีแหลมคมของเขา ยังมองไม่


ออกว่านางแอบสอนกระบีไว้ทีตัว กลการตบตาของนางช่างสู งลําจนน่ าประหลาดใจ
ผูห้ ญิงนิ ยมนําเครื องประดับเก็บไว้ในสายรัดเอวเป็ นเรื องธรรมดา ถึงแม้ว่าจะมีคนพบความผิดปกติทีสายรัดเอว
ของพวกนาง ก็คงนึ กว่าเป็ นเครื องประดับทีไม่เหมือนผูใ้ ดเท่านัน ไม่มีใครคาดคิดว่าคนอ่อนแอเช่นนางจะพก
อาวุธทีใช้สังหารผูค้ นไว้กบั ตัวเช่นนี !

“เจ้าจะสังหารข้าหรื อ!?” เย่อีเฉิ นใช้ฝ่ามือปั ดกระบีของมู่หรงเสวีย มองไปทีนางอย่างเยียบเย็น

“ทังหมดนี ก็เพราะท่านทําตัวเอง ใครให้ท่านเล่นไม่ซือเช่นนี เล่า!” มู่หรงเสวียตอบเสี ยงเย็น กระบีในมือแทงไป


ยังเย่อีเฉิ น

เย่อีเฉิ นปัดป้ องกระบีออกไปอย่างง่ายดาย สายตาฉายแววอ่านยาก เขารู ้จกั เส้นทางในละแวกนีเป็ นอย่างดี ทีมู่


ั ใช่เพียงเพราะนางไม่ชาํ นาญเส้นทางแถวนี แต่ส่วนหนึ งเป็ นเพราะเขา
หรงเสวียวิงมาเจอกับหน้าผา สาเหตุนนไม่
เองทีบีบบังคับนางให้วิงมาเส้นทางนี เขาคิดว่าทีนางต่อต้านท้าทายเขา เป็ นเพราะศักดิฐานะและเกียรติยศของ
บุตรี จวนขุนนาง แค่เพียงทําให้นางหมดหนทางต่อต้าน ในทีสุ ดนางก็ตอ้ งยอมให้ความร่ วมมือ กลับไปเป็ นพระ
ชายารองแห่ งวังจิงอ๋ องอย่างไม่มีทางเลือก

แน่นอนว่าไม่มีใครไม่กลัวตาย ในเมือความตายรออยูต่ รงหน้า เพียงแค่ยอมเป็ นพระชายารองแห่ งวังจิงอ๋ องทีมี


เกียรติยศมีผคู ้ นนับหน้าถือตา อยูอ่ ย่างสุ ขสบายไปตลอดชีวิต เท่านีก็นบั ว่าดีถมเถไป

แต่ม่หู รงเสวียทีเบืองหน้าปรากฏหน้าผาขวางทางไว้กลับไม่ยอมแม้แต่ขอร้องอ้อนวอน หรื อให้ความร่ วมมือ


ตามทีเขาคาดไว้ แต่กลับกันนางถึงกับชักกระบีขึนสู ้ เสี ยดแทงมาทางเขาอย่างไม่ลงั เล......
นางยอมกลายเป็ นฆาตกร แต่ไม่ยอมเป็ นพระชายารองของเขา......

“ฉึกฉึ กฉึ ก!” ประกายเยือกเย็นสามสายพุ่งผ่าน ชุดเจ้าบ่าวของเย่อีเฉิ นก็ปรากฏรอยขาดสามสาย เศษผ้าผ้าสี แดง


ถูกตัดขาดจนปลิวลงสู่ พืน

เย่อีเฉิ นมองเศษผ้าสี แดงบนพืน ดวงหน้าเคร่ งขรึ มจนน่ากลัว หลังจากทีเรี ยนวรยุธมา มีไม่กีคนทีสามารถเข้าใกล้


ตัวเขาได้ ไม่ตอ้ งพูดถึงการจะทําให้เค้าได้รับบาดเจ็บ เมือครู่ เขาใช้กาํ ลังเพียงห้าส่ วน ทังยังใช้สมาธิคบคิดเรื อง
อืนอยู่ ถึงกับเป็ นการเปิ ดช่องว่างให้มู่หรงเสวียเข้าประชิดตัวจนฟั นเสื อผ้าของเขาจนขาดวิน

ช่างเป็ นผูห้ ญิงทีไม่รู้จกั สู งตําเสี ยแล้ว กล้าโจมตีขณะทีเขาเผลอ ช่างไม่เจียมตนจนเกินไปแล้ว เขาคงต้องสังสอน


นางให้หนักเสี ยหน่ อย ให้นางได้รู้วา่ ชีวิตเล็กๆของนางก็เหมือนลูกไก่ในกํามือของเขาเท่านัน! เขาให้นางรอด
นางก็รอด แต่ถา้ เขาให้นางตายนางก็ตอ้ งตาย!

ฝ่ ามือทีกําอยูค่ ่อยๆกางออก พลังปราณควบรวมกันจนกลายเป็ นมีดบินลมปราณพุ่งตรงไปยังมู่หรงเสวีย

จิตสังหารทีเต็มไปด้วยการทําลายล้างพุ่งตรงเข้ามา แววตาของมู่หรงเสวียทอแววเคร่ งขรึ มทีไม่ค่อยปรากฏเท่าไร


นัก นี มันพลังปราณงันรึ ? แรงสังหารมิธรรมดาเลย แต่ว่าการจะฆ่านาง มันมิง่ายขนาดนันหรอก!

มู่หรงเสวียจับกระบีแน่ น รับมือกับประกายสี เงินของมีดลมปราณไปมา ได้ยนิ เพียงเสี ยง ‘เคร้ง เคร้ง เคร้ง’ มีด


ลมปราณก็ถูกทําลายจนหมดสิ น แม้แต่ปราณมีดทีเล็กทีสุ ดก็ยงั ถูกปั ดทิงอย่างนับไม่ถว้ น
เขามองมู่หรงเสวียทีไร้แม้แต่รอยบาดแผล พลางค่อยๆหรี ตาลง นางไม่มีพลังปราณช่วย เพียงแต่ใช้กระบวนท่า
กระบีก็สามารถทําลายพลังปราณของเขาลงได้ ดูเป็ นกระบวนท่าดาบทีไร้ทีติยงนั
ิ ก นีเป็ นวิชาดาบทีสื บทอดกัน
มาของตระกูลมู่หรงรึ ? ช่างร้ายกาจไม่ผดิ ไปตามทีลือกัน ไม่ง่ายนักทีมู่หรงเสวียจะยอมแสดงกระบวนท่าของ
ตระกูลมู่หรงออกมาเช่นนี ถ้าอย่างนันเขาก็จะไม่ออมมืออีกต่อไป ขอชืนชมกระบวนท่ากระบีนี เสี ยหน่อยว่าจะ
ยอดเยียมถึงเพียงไหนกัน!

มือภายใต้ชุดเจ้าบ่าวกําลังกําคลายออก พลังหยางทีเข้มข้น สายลมรุ นแรงทําให้ชุดเจ้าบ่าวปลิวไสว ใช้กระบวน


ท่าทีแม่นยําและรวดเร็ว โจมตีไปยังร่ างของมู่หรงเสวียทัวทุกด้าน มู่หรงเสวียขมวดคิวเล็กน้อย สาเหตุทีนางแทง
กระบีไปทีเย่อีเฉิ น นางมิได้ตอ้ งการทีจะฆ่าเขา เพียงแค่อยากทําให้เขาบาดเจ็บและเหนื อยอ่อนจนไม่มีแรงมายุง่
วุ่นวายกับนางอีก

แน่นอนทีผูค้ นต่างรู ้ทวกั


ั นว่าการทีเย่อีเฉิ นมาทีสุ สานบรรพชนแห่ งนี ก็เพือมารับตัวนางแต่งเข้าวังเป็ นชายา แต่
นางมิได้อยากเป็ นพระชายารองแห่ งจิงอ๋ อง และถ้าเย่อีเฉิ นตายไป ฆาตกรก็ยอ่ มต้องเป็ นนางอย่างแน่ นอน นาง
ไม่กลัวตาย แต่นางก็มิอยากให้ตระกูลมู่หรงต้องถูกประหารเก้าชัวโคตรเพียงเพราะนาง

ยิงไปกว่านัน ตังแต่นางมาถึงทีแคว้นชิงเหยียน นางก็ตอ้ งมาอยูใ่ นร่ างกายทีอ่อนแอเช่นนี แม้แต่ฝีมือของนางใน


ชาติทีแล้วเพียงครึ งก็ไม่สามารถใช้ได้ และโชคไม่ดีทีเย่อีเฉิ นกลับเป็ นผูท้ ีมีวรยุธสูง พลังปราณหนาแน่น ถึงนาง
อยากทีจะฆ่าเขาเพียงใด แต่พละกําลังของนางตอนนี นันไม่เพียงพอ
กระบวนท่าเมือครู่ ของนาง แม้จะฟั นชุดเจ้าบ่าวของเย่อีเฉิ นจนขาด แต่กไ็ ม่ได้ทาํ ให้เขาได้รับบาดเจ็บ กลับกลาย
ทําให้เขาโกรธมากยิงขึนไปอีก เขารวบรวมพลังปราณมากมายเช่นนี คงเตรี ยมทีจะฆ่านางให้ตายแน่ นอนเสี ย
แล้ว!

ตอนนีนางก็เป็ นเพียงผูห้ ญิงอ่อนแอผูห้ นึง ถึงจะไม่มีพละกําลังมากมาย ถึงแม้เย่อีเฉิ นต้องการจะฆ่านาง แต่มนั ก็


ไม่ได้ง่ายถึงเพียงนัน!

มู่หรงเสวียยกยิมทีมุมปากเล็กน้อย กระโดดถอยออกไปสองเมตร ร่ ายรํากระบีต้านรับมีดปราณไปมาอย่าง


รวดเร็ ว

ี น สามารถมองเห็นได้ชดั เจนว่ามู่หรงเสวียยืนอยูก่ ลางรัศมีการโจมตีของเขา ประกายกระบี


ในมุมมองของเย่อเฉิ
สี เงินวูบไหวไปมารอบกายของนาง ปกป้ องนางไว้อย่างแน่ นหนาจนการโจมตีมิอาจทะลุฝ่าเข้าไปได้ สามารถ
ปัดป้ องพลังปราณของเขาจนพวกมันเบียงออกไปทีก้อนหิ นด้านข้าง

ได้ยนิ เพียงเสี ยง “ปั ง ปั ง ปั ง!” ดังขึน ก่อนทีก้อนหิ นจะแตกกระจุยจนฝุ่ นควันฟุ้ งไปทัว มู่หรงเสวียสําลักไอไม่
หยุด เร่ งถอยไปด้านหลัง ออกจากรัศมีฝนุ่ ควันนัน

ี นพุ่งตัวหลบออกไปประมาณสามสี เมตร
ลมสายหนึงพัดผ่าน พัดพาเอาฝุ่ นควันจางหายไป เย่อเฉิ

มู่หรงเสวียถือกระบีอย่างระแวดระวังตัว แต่กลับเห็นเขามองไปอีกด้าน “คุณชายโอวหยาง” เสี ยงตําไร้อารมณ์


จนคาดไม่ออกว่ากําลังคิดสิ งใดอยู่
มู่หรงเสวียชะงัก มองไปตามสายตาของเขา ห่ างไปไม่ไกลปรากฏศาลาแปดเหลียมทีด้านหลังของก้อนหิ นทีถูก
ทําลายเมือครู่ นนั ด้านในประดับไว้ดว้ ยเก้าอีและโต๊ะหิ น ด้านหน้าโต๊ะหิ นมีชายผูห้ นึง ในมือถือหมากสี ขาวอยู่
ในมือ ดวงหน้าเคร่ งขรึ มมองกระดานหมากบนโต๊ะหิ น

ชายหนุ่ มสวมชุดจีนโบราณสี ขาวราวกับหิ มะ เนื อผ้าเรี ยบจนไร้ทีติ กําลังใช้แขนเสื อสี ขาวปั ดเศษฝุ่ นบนโต๊ะหิ น
ผมดําถูกหมวกหยกขาวรวบสู งขึนแล้วปล่อยยาวลงด้านหลัง

ขนตาสี ดาํ ได้รูป ใบหน้างดงามดังภาพวาดในความฝัน กลินอายดุดนั แต่โดดเดียวในคราวเดียวกัน กลับสามารถ


ทําให้ผคู ้ นรู ้สึกเคารพยําเกรง

ดวงตาของมู่หรงเสวียส่ องประกายตืนตระหนกปนระหลาดใจ ในชาติทีแล้วนางได้พบเจอกับผูช้ ายทีหล่อเหลา


มามากมาย แต่หลังจากทีได้มาเกิดใหม่ทีนี ก็เจอทังความหล่อเหลาของมู่หรงเย่และเย่อีเฉิ น ทําให้มีแรงต้านทาน
กับผูช้ ายทีหล่อเหลาพอสมควร แต่ว่ารู ปลักษณ์ของผูช้ ายตรงหน้านี ดูงามสง่าจนนางมิอาจละสายตาได้เลย

นันมันบุตรชายของเซี ยวเหยาอ๋ อง คุณชายโอวหยาง ลือกันว่า เมือเขาอายุได้แปดขวบปี ก็ออกจากวังอ๋ อง กราบ


คนลึกลับผูห้ นึ งเป็ นอาจารย์ มีผลงานมากมายและมีชือเสี ยงโด่งดังไปทัว เพียงแค่เป่ าขลุ่ยก็สามารถทําให้ผคู ้ น
หลงไหล แม่ทพั ของชิงเหยียนทีได้รับการชีแนะจากเขา ทําให้การรบทัพจับศึกไม่เคยทีจะไม่ชนะ คนทัวไปต่าง
มองเขาว่าเป็ นดังเทพเซี ยนผูห้ นึ ง

สิ บปี มานี มีข่าวลือมากมายว่าเขาปรากฏตัวตามแคว้นต่าง ๆ น้อยนักทีจะกลับมาบ้านเกิดทีชิงเหยียน แต่ทาํ ไมเขา


ถึงได้กลับมาทีเมืองหลวงอย่างกะทันหันเช่นนี
ตอนที 15 ถูกล่วงเกินโดยคุณชายแปลกหน้ า
มู่หรงเสวียมองไปทีคุณชายโอวหยาง เห็นเขาดีดหมากสี ขาวในมือเบาๆ ทําให้เม็ดหมากพุ่งตรงเข้าใส่ เย่อเฉิ
ี น
อย่างไม่ไว้หน้า ริ มฝี ปากบางกล่าวอย่างเย็นชา “ไสหัวไป!”

เย่อีเฉิ นมีแววตาเยียบเย็น เกร็ งพลังปราณทีปลายนิวพุ่งสวนออกไปปะทะกับหมากขาว ได้ยนิ เพียงเสี ยงดัง ‘ปั ง’


เม็ดหมากก็แตกกระจายกลางอากาศพร้อมกับพลังปราณเองก็สลายหายไปพร้อมกัน

เขามองคุณชายโอวหยางทีทําท่าทางสบายๆ ดวงหน้าค่อยเย็นชาลง “ข้ามิได้ตงใจจะทํ


ั าลายการเดินหมากของเจ้า
อย่าได้ล่วงเกินผูอ้ ืนจนเกินไป......”

เดินหมาก? เดินหมากอะไร?

มู่หรงเสวียมองไปยังกระดานหมากบนโต๊ะด้วยความสงสัย ด้านบนกระดานหมากเต็มไปด้วยเศษหิ นและฝุ่นผง


กระจัดกระจายเต็มไปหมด ทําให้หมากทีเดินไว้ดูยงุ่ เหยิง ทังยังมีตวั หมากสิ บกว่าเม็ดทีถูกเศษหิ นกระเด็นใส่ จน
ล่วงลงสู่ พนื ขวาบ้าง ซ้ายบ้าง มองเห็นได้อย่างชัดเจน......

นางกระแอมไอเล็กน้อย แววตาวูบไหวอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ พลังปราณของเย่อเฉิ


ี นกระแทกกับก้อนหิ นใหญ่
จนแตกกระจายเป็ นผุยผง เศษหิ นทีแตกออกกระเด็นตกไปทีกระดานหมากเป็ นเหตุให้ทาํ ลายการเดินหมากของ
คุณชายโอวหยาง คุณชายโอวหยางจะคิดบัญชีกบั เขาก็ถือว่าสมควรแล้ว!
มีตวั หมากขาวดําบนกระดานหมากวางอยูม่ ินอ้ ย เห็นได้ชดั ว่าคุณชายโอวหยางคงเดินหมากอยูท่ ีนี มาสักพักหนึ ง
นางทีมาถึงหน้าผานี ตังนานกลับไม่รู้สึกตัวว่ามีคนอืนอยูแ่ ถวนี เป็ นเพราะสัญชาตญาณของนางทีไม่ดีเองหรื อ
เป็ นเพราะคุณชายโอวหยางแข็งแกร่ งเกินไป

คุณชายโอวหยางลุกยืนขึน ชุดยาวสี ขาวพลิวไหวลู่ลงเหมือนสายนํา ร่ างกายกํายําสมส่ วนไร้ทีติ ดวงตาสี หมึกดัง


หุ บเหวลึก ทําให้ผคู ้ นลุ่มหลง ทังยังให้ความรู ้สึกลึกลับน่าค้นหา ภายใต้แสงแดดสี ทองทีสาดส่ องเข้ามายิงเสริ ม
ให้เขาดูเปร่ งประกายจนผูค้ นมิอาจจะละสายตาไปได้

“จิงอ๋ องเจ้าทําลายการเดินหมากของข้า ถ้าอย่างนันเรามาแข่งกันสักตาหน่อยเป็ นอย่างไร?” นําเสี ยงไพเราะดัง


เสี ยงพิณเปล่งออกมาเบาๆ น่ าฟังจับใจ

เย่อีเฉิ นชะงักไปครู่ หนึง แววตาเข้าใจความหมายของอีกฝ่ าย ยกมุมปากคล้ายยิมคล้ายมิยมิ “หากว่าคุณชายโอวห


ยางอยากจะประลอง ข้าก็คงมิอาจปฏิเสธได้” ฝ่ ามือภายใต้แขนเสื อค่อยๆขยับ เศษหิ นบนพืนลอยสู งขึนพุ่งตรง
ไปยังคุณชายโอวหยางราวกับลูกธนู

คุณชายโอวหยางยืดตัวตรง มองไปทีเศษหิ นทีกําลังพุ่งเข้ามาอย่างเรี ยบเฉย แขนเสื อสี ขาวหิ มะพลิวไหวเล็กน้อย


หมากสี ขาวบนกระดานพุ่งลอยออกไปปะทะกับเศษหิ นกลางอากาศอย่างรุ นแรง ได้ยนิ เพียงเสี ยง ‘ปั ง ปั ง ปั ง’
ไม่กีครัง ทังเศษหิ นและตัวหมากก็แตกกระจายเป็ นผุยผงคละคลุง้ ไปทัว......

มู่หรงเสวียดวงตาเบิกกว้าง นี คือการเดินหมากทีทังสองคนหมายถึงอย่างนันหรื อ? ช่างเป็ นการเดินหมากทีแปลก


ประหลาดยิงนัก
นางเงยหน้าขึนมองกลางอากาศ เห็นเพียงหมากขาวดํากับเศษหิ นพุ่งปะทะกันไปมาจนแตกกระจายออกเป็ น
ผุยผง ตัวหมากพุ่งไปมาอย่างรวดเร็ ว ทังทีชุดก่อนหน้าเพิงจะพุ่งออกไปไม่ทนั ไรหมากชุดใหม่กต็ ามออกมาติดๆ
แต่ละเม็ดรวดเร็ วจนมองตามไม่ทนั ส่ วนเศษหิ นก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ วเช่นกัน แต่พละกําลังก็ยงั น้อยกว่าตัว
หมากสองถึงสามส่ วนพุ่งปะทะกันไปมาครังแล้วครังเล่า เศษหิ นและตัวหมากถูกทําลายไปอย่างมากมาย ฝุ่ นผง
ฟุ้ งกระจายไปทัว เย่อีเฉิ นค่อยๆพบว่า จุดปะทะของทังสองเริ มถอยร่ นเรื อยๆมาทางฝังเขา

ดวงตาคมกริ บของเขาหรี ลง คุณชายโอวหยางได้เปรี ยบในเรื องความหนาแน่นของพลังปราณ กําลังวางแผนทีจะ


ผลักดันให้จุดปะทะของเศษหิ นและตัวหมากมาทางเขา ให้เขาถูกแรงปะทะโจมตีจนได้รับบาดเจ็บ แต่อย่าหวังว่า
มันจะเป็ นเช่นนันเลย!

ดวงตาคุณชายโอวหยางปรากฏแววเยือกเย็น ฝ่ ามือภายใต้ชายเสื อเดียวกําเดียวคลายทันใดนันหมากขาวดํานับไม่


ถ้วนก็ปรากฏตรงด้านหน้าของเขา พุ่งตรงไปยังเศษหิ นทีกําลังโจมตีเข้ามา

“ปั ง ปั ง ปั ง!” เม็ดหมากกับเศษหิ นปะทะเข้าด้วยกัน ม่านควันฝุ่ นผงฟุ้ งกระจายบดบังการมองเห็น

เย่อีเฉิ นทีเตรี ยมจะควบคุมหิ นชุดใหม่ กลับเห็นเม็ดหมากหลายสิ บเม็ดพุ่งตรงออกมาจากม่านควันมาทางเขา

เศษหิ นของเขาล้วนแตกละเอียดหมดแล้ว แต่เม็ดหมากของคุณชายโอวหยางยังคงสมบูรณ์ ช่างคาดไม่ถึงยิงนัก


เย่อีเฉิ นปรากฏแววตาเยียบเย็น ทําลายเม็ดหมากลงในพริ บตาเดียว แต่อยูๆ่ ก็รู้สึกเจ็บขึนมาทีบริ เวณหัวเข่า จน
ต้องถอยหลังไปก้าวหนึง ก้มหน้ามองลงไปเห็นหมากสี ดาํ เม็ดหนึงตกอยูบ่ นพืนด้านหน้าของเขา นี คงเป็ นสิ งที
โจมตีหวั เข่าของเขาเมือครู่ เป็ นแน่

คุณชายโอวหยางถึงกับกล้าโจมตีเขา มันจะมากเกินไปแล้ว!

เย่อีเฉิ นมีแววตาเยือกเย็นคลายฝ่ ามือออก ขณะทีเกร็ งพลังปราณเตรี ยมจะโจมตีกลับ กลับปรากฏหมากสี ดาํ พุ่ง


ทะลุออกมาจากฝุ่ นควัน พริ บตาเดียวก็มาถึงตรงหน้าเขา เขาตังตัวหลบการโจมตีไม่ทนั จําต้องถอยหลบออกมา
หลายก้าว แต่อยูๆ่ ด้านล่างเท้ากลับไร้ซึงพืนดิน ร่ างสู งใหญ่ในชุดเจ้าบ่าวสี แดงล่วงลงไปด้านล่างของหน้าผา
คล้ายดังว่าวทีไร้สาย “ตูมม” เสี ยงบางสิ งตกนําดังขึน

มู่หรงเสวียเร่ งไปทีริ มผา ก้มมองลงไปเห็นเพียงกระแสนําเชียวกราก ท่านอ๋ องเทพสงครามผูม้ ีชือ ถูกโจมตีจนตก


หน้าผาง่ายดายเช่นนีเลยหรื อ! เป็ นตายอย่างไรยังไม่ทราบแน่ ชดั นี มันจะเหลือเชือเกินไปแล้ว......

หางตาเห็นชายเสื อสี ขาว เป็ นคุณชายโอวหยางทีกําลังเดินเข้ามา ชุดสี ขาวราวหิ มะพลิวไหวดังผีเสื อ เสริ มเน้น
ความสู งส่ งและสง่างามจนสู งลํา

หมากกระดานนี คุณชายโอวหยางชนะอย่างง่ายดายดังพลิกฝ่ ามือ วิชาควบคุมหมากช่างลึกลําพาให้ผคู ้ นยําเกรง!

มู่หรงเสวียแววตาวูบไหวไม่เป็ นธรรมชาติ นางเองก็มีส่วนทําลายการเดินหมากของคุณชายโอวหยาง ถ้าคุณชาย


โอวหยางสังสอนเย่อีเฉิ นจนเละขนาดนัน เป็ นอันชัดเจนว่านางคงยากทีจะรอด นางไม่มีพลังปราณ แม้แต่เศษหิ น
ก็ควบคุบไม่ไหว ไม่สามารถทีจะบังคับเศษหิ นปะทะกับคุณชายโอวหยางได้แบบเย่อีเฉิ น นางยังไม่อยากตกอยู่
ในสถานการณ์อนั น่าอนาถอย่างเย่อีเฉิ น คงต้องใช้แผนทีสามสิ บหก นันคือหนี!!

มู่หรงเสวียปรายตามองคุณชายโอวหยาง เห็นเขายืนอยูร่ ิ มหน้าผา มองกระแสนําด้านล่างอย่างผูท้ ีอยูเ่ หนื อกว่า มี


สี หน้าและแววตาครุ่ นคิด มิรู้วา่ กําลังคิดถึงสิ งใดอยู่ ไม่ได้สนใจนางเลยแม้แต่นอ้ ย นางแอบถอนหายใจ ค่อยๆ
หันกายอย่างไร้สุ่มเสี ยง เร่ งเดินออกไปข้างหน้า

“หยุดอยูต่ รงนัน!” ทันใดนันเสี ยงไพเราะของชายหนุ่ มดังเข้าหู ร่ างกายของมู่หรงเสวียชะงักเท้าสักครู่ แล้วกลับ


เร่ งเท้าขึนเดินไปด้านหน้าโดยไม่หนั หลังกลับไปมองอย่างร้อนรน คุณชายโอวหยางจะต้องรู ้ว่านางก็เป็ นหนึ งใน
สาเหตุทีทําลายการเดินหมากของเขา เขาเรี ยกนางเช่นนี จะต้องอยากสังสอนนางเป็ นแน่ และนางก็ไม่ได้โง่
พอทีจะหยุดรอให้เขามาจับนางโยนลงเหว

ด้านหลังปรากฏสายลมวูบหนึง เพียงพริ บตาเดียวแขนของมู่หรงเสวียก็ถูกฉุ ดรังเอาไว้ และออกแรงดึงไป


ด้านหลัง

มู่หรงเสวียไม่ทนั ตังตัวจนเสี ยหลักกระแทกเข้าทีอกของชายหนุ่ มอย่างจัง ใบหน้าน้อยสัมผัสกับเสื อนอกทีทักทอ


ด้วยเส้นไหมนุ่ มลืนผิว

จมูกได้กลินหอมของไม้ไผ่ เหมือนกลินไผ่หลังฝนตกทีมีกลิมไอนําผสมอยูจ่ างๆ ทําให้ผสู ้ ู ดดมรู้สึกสบายตัว ลม


หายใจอบอุ่นของชายหนุ่มปะทะเข้ากับศีรษะของนาง มู่หรงเสวียทังโกรธทังตกใจ นางเป็ นถึงคุณหนูผสู ้ ู งส่ ง แต่
ไหนแต่ไรมามีแต่รังแกผูค้ น แต่ตอนนี กลับถูกคนอืนล่วงเกินเสี ยแล้ว

ร่ างกายนุ่มนิ มสัมผัสแนบแน่ นกับอกแกร่ ง กลินหอมของดอกบัวทีมีเอกลักษณ์ลอยเข้าจมูก ร่ างกายสมส่ วนของ


คุณชายโอวหยางแข็งทือไปวูบหนึ ง หัวใจเต้นแรงขึนหลายเท่า แววตาสี ดาํ ไหววูบไปด้วยความรู้สึกแปลก
ประหลาด

ก้มหน้ามองคนทีอยูใ่ นอ้อมอก เห็นใบหน้างามแดงระเรื อ แต่แววตาส่ องประกายความโกรธเตรี ยมทีจะยืนมือ


มาตีเขา......
ตอนที 16 ขายหน้ า
คุณชายโอวหยางแววตาเคร่ งขรึ ม ยืนมือไปจับข้อมือของนางไว้ “เจ้าไม่มีพลังปราณ สู ้ขา้ ไม่ได้หรอก”

ข้อมือขาวนวล ถึงแม้ผวิ กายจะถูกปกปิ ดไว้ดว้ ยเสื อผ้าหลายชัน แต่เขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงความบอบบางอ่อน


นุ่มจนรู ้สึกไม่อยากทีจะปล่อยมือ

คุณชายโอวหยางเป็ นผูท้ ีมีวรยุธสู ง พลังปราณหนาแน่ น แต่กลับกันนางเจ็บไข้มานานปี ร่ างกายอ่อนแอ สู ้


อย่างไรก็คงไม่ชนะเขาแน่ ถ้าหากว่าต้องสู ้กนั จริ ง นางก็ไม่ได้ตอ้ งการทีจะชนะ แต่นางเพียงต้องการทีจะหาทาง
หนี ต่างหาก

มู่หรงเสวียยกยิม แขนเรี ยวยืนออกไปด้วยท่าทางทีแปลกประหลาดจนสามารถหลุดพ้นจากอ้อมกอดของคุณชาย


โอวหยางได้ พร้อมกับเตะไปทีเศษหิ นให้พ่งุ ไปทีเขา

นางเร่ งหันกายมุ่งตรงไปข้างหน้าโดยไม่หันกลับไปมองทางด้านหลังอีก วรยุธของคุณชายโอวหยางนันสู ง


เกินไป ด้วยกําลังของนางในตอนนี ยังไม่สามารถทีจะต่อกรกับเขาได้ แต่เรื องหนีนันนางมันใจว่านางทําสําเร็ จ
แน่

คุณชายโอวหยางพลิกตัวหลบเศษหิ นไปด้านข้าง ปรายตามองตามทางทีนางวิงหายลับเข้าป่ าไป ร่ างบางค่อยๆวิง


ไกลออกไป เขายังคงอยูท่ ีเดิมมิได้วิงตาม เพียงแค่ยกมือขึน เสื อสี ขาวหิ มะทีปั กด้วยด้ายเงินก็ปลิวไสวไปมา ยิง
ทําให้เขาดูงามสง่าสู งส่ งหาใดเปรี ยบ
นางรู ้ว่าวรยุธสู ้เขาไม่ได้ ถ้าขืนยังยืดเยือต่อไปจะเป็ นผลเสี ยต่อนางเอง นางจึงใช้แผนหลอกล่อ เมือเขาสนใจกับ
การโจมตีหลอกล่อของนาง นางจึงรี บใช้จงั หวะนันหนี ไปอีกทาง เป็ นการกระทําทีชาญฉลาดและเป็ นการ
ตอบสนองทีรวดเร็ วยิงนัก

ดวงหน้าของคุณชายโอวหยางปรากฏรอยยิมจางๆทีหาได้ยาก ทีพืนด้านหน้าปรากฏแสงสะท้อน เขาจ้องมองไป


ทีมันแล้วหยิบขึนมาดู เป็ นปิ นหยกขาวใสด้านบนสลักลวดลายกุหลาบหรู หราดูลาค่
ํ า ทังยังมีกลินดอกบัวจางๆ
ติดอยู่

คุณชายโอวหยางแววตาวูบไหว ยกยิมขึน มู่หรงเสวีย อีกไม่นานพวกเราจะได้เจอกันอีก

หลังจากทีมู่หรงเสวียเร่ งหนีออกจากบริ เวณหน้าผาอย่างสุ ดกําลัง หน้าผากก็ชืนไปด้วยเม็ดเหงือ สักพักจึงหยุด


มองไปยังด้านหลัง รอบด้านเงียบสงัด นอกจากนางแล้วก็ไม่มีใครอีก นางจึงถอนหายใจยาว คุณชายโอวหยาง
ไม่ได้ตามมา ถือว่าเป็ นโชคดีในโชคร้าย

ร่ างกายค่อยๆผ่อนคลาย แขนซ้ายของนางค่อยๆรู ้สึกเจ็บขึนมา เมือถกแขนเสื อขึนดูกพ็ บว่าบริ เวณทีคุณชาย


โอวหยางจับนางปรากฏรอยนิวมือห้านิว ใบหน้าสวยของนางดุดนั กัดฟั ดโกรธ คุณชายโอวหยาง!

“น้องเล็ก” นําเสี ยงตะโกนเรี ยกอย่างยินดี มู่หรงเสวียปิ ดแขนเสื อลง มองไปยังทางทีเป็ นต้นเสี ยง ปรากฏร่ าง
ของมู่หรงเย่ทีกําลังวิงเข้ามาอย่างเร่ งรี บ กวาดสายตาตรวจดูร่างกายของนาง สายตาเต็มไปด้วยความห่ วงใย “เจ้า
เป็ นอย่างไรบ้าง?”
“ข้าไม่เป็ นไร” มู่หรงเสวียพูดตอบด้วยรอยยิมบาง ๆ

มู่หรงเย่ทีได้ยนิ เช่นนันก็ขมวดคิวขึน น้องเล็กยืนกรานทีจะไม่เป็ นพระชายารอง ต่อต้านความต้องการของเย่อี


เฉิ น หลังจากทีเขาไล่ตามน้องเล็กไป แน่ นอนว่าเขาต้องจัดการกับน้องเล็กอย่างโหดร้าย ทําไมน้องเล็กถึงรอดมา
ได้......

“เย่อีเฉิ น......เอ่อ......เย่อีเฉิ นล่ะ?” มู่หรงเย่กวาดตามองรอบตัวไปมา ไม่เห็นแม้แต่เงาร่ างของเย่อเฉิ


ี น เลยอดถาม
ขึนไม่ได้

น้องเล็กหนี ออกไปก่อนสิ บกว่าเมตรได้ แต่นางไม่รู้จกั วิชาตัวเบา เย่อีเฉิ นจะต้องตามนางทันในทีสุ ด ทําไมเขาถึง


ไม่อยูแ่ ถวนีกับนาง

“ตกเหวไปแล้ว” มู่หรงสวียพูดเหมือนเรื องปกติทวไป


“เอ๋ !!” มู่หรงเย่เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง เย่อเฉิ


ี นทีมีวรยุธสู งส่ ง ทําไมถึงตกลงไปในเหวได้?

“เจ้าผลักท่านอ๋ องตกหน้าผา!” ผูช้ ายชุดดําผูห้ นึงปรากฏกายพร้อมนําเสี ยงทีเยือกเย็น แววตาปรากฏความอํามหิ ต


เหมือนอยากจะให้นางตกตายอยูใ่ นทีแห่ งนี
ทหารจวนจิงอ๋ องสิ บกว่าคนด้านหลังแหวกออกเป็ นสองฝัง ปล่อยรังสี อาฆาตจนดูน่ากลัว

มู่หรงเสวียปรายตามองผูช้ ายตรงหน้าอย่างเฉยชา ในความทรงจําของร่ างเดิมคนคนนีมักจะติดตามจิงอ๋ องทุกครัง


ทีเจอกับนาง “เจ้าชือสวีเทียนโย่วสิ นะ คุณชายใหญ่สวี ขอให้ท่านเบิกตามองให้ชดั เจน ข้าเป็ นเพียงผูห้ ญิงทีบอบ
บางร่ างน้อยคนหนึง ถึงขนาดจะสามารถผลักจิงอ๋ องผูเ้ ป็ นเทพสงครามของเจ้าตกเหวได้เชียวหรื อ?”

สวีเทียนโย่วหรี ตาลง เพ่งมองมู่หรงเสวียอย่างพิจารณา เห็นเพียงร่ างกายบอบบางทีแค่ตอ้ งลมก็สามารถล้มป่ วย


ได้ ดูไม่ออกว่าเคยมีการฝึ กวรยุธมาก่อน ดวงหน้าซี ดขาวซึ งต้องเกิดจากการป่ วยเรื อรังมานานจนมิได้ออกไป
ไหนถึงจะขาวซี ดได้เพียงนี

คนทีอ่อนแอเช่นนี ถ้าคิดร้ายต่อจิงอ๋ อง คงโดนสังหารไปตังแต่แรกไม่อาจมายืนอยูต่ รงนีโดยไร้ซึงบาดแผลได้


“ถ้าเช่นนันทําไมท่านอ๋ องถึงตกเหวได้?”

“เดินไม่ระวังก้าวเท้าพลาดจนตกลงไปเอง” มู่หรงเสวียตอบอย่างเฉยชา สี หน้าเยาะเย้ยในความโชคร้ายของจิง


อ๋ อง ถึงแม้ว่าคุณชายโอวหยางจะเป็ นคนใช้เม็ดหมากโจมตีเย่อีเฉิ น แต่ทีเย่อีเฉิ นก้าวพลาดก็เพราะว่าหลบการ
โจมตีจากหมากเม็ดนัน จนไม่ทนั ระวังจึงตกเหวไปเอง นางมิได้โกหกแต่อย่างใด

“มันเป็ นไปไม่ได้” สวีเทียนโย่วแย้งขึนเสี ยงดัง แววตาทีใกล้จะปะทุความโกรธมองมาทีนาง “ท่านอ๋ องมีวรยุธ


สูงส่ ง ทําไมจะก้าวพลาด......”
มู่หรงเสวียสบถเสี ยงเบา “ท่านอ๋ องของเจ้าก็แค่ถูกมนุษย์ปุถุชนถูกยกย่องว่าเป็ นเทพสงครามเท่านัน มิใช้เทพจริ ง
ๆเสี ยหน่ อย ถ้าตัดคํายกย่องเหล่านันออกไป เขาก็เป็ นแค่มนุษย์ธรรมดาผูห้ นึง มีเลือดมีเนือ คนอืนก้าวเท้าพลาด
ได้ ทําไมเขาจะพลาดบ้างไม่ได้?”

สวีเทียนโย่วชะงักถ้าตัดวรยุธความปราดเปรื องศักดิฐานะออกไป จิงอ๋ องก็ไม่ต่างไปจากคนธรรมดา “แต่ว่า......”

มู่หรงเสวียโบกมือตัดจบคําพูดของเขา มองด้วยท่าทีเฉยชา “คุณชายสวีเทียนโย่วมีเวลามาถกเถียงถึงสาเหตุทีจิง


อ๋ องตกเหวกับข้า ข้าว่าท่านพาคนไปค้นหาทีก้นเหวจะไม่ดีกว่าหรื อ? ถ้าเกิดโชคดี ไม่แน่อาจจะพบศพของเย่อี
เฉิ นก็ได้แต่ถา้ ไม่ละก็......เฮ้อ......”

สี หน้าของสวีเทียนโย่วดุดนั มองไปทีนางด้วยสายตาเยือกเย็น “นีเจ้าอยากให้จิงอ๋ องตายมากเลยงันรึ ?”

“ความเป็ นตายของเย่อเฉิ
ี นข้าไม่สนใจ ข้าเพียงเห็นว่าเหวนันลึกมาก ทังยังมีกระแสนําทีรุ นแรง ดูแล้วน่ าจะมี
โอกาสรอดยาก ก็แค่บอกพวกเจ้าไว้เท่านัน ให้พวกเจ้าได้มีเวลาเตรี ยมใจ พอตอนเจอศพจะได้มิโศกเศร้าเสี ยใจ
ไป” มู่หรงเสวียพูดขึนด้วยนําเสี ยงเฉยชา

ฟังแล้วรู ้สึกเหมือนเป็ นห่ วงเป็ นใย แต่ทีสวีเทียนโย่วได้ยนิ รู ้สึกเหมือนนางกําลังสาปแช่งจิงอ๋ องเสี ยมากกว่า สี


หน้าของเขาเปลียนเป็ นมืดครึ มจนน่ากลัว จ้องเขม็งไปยังมู่หรงเสวีย พูดเน้นทีละคําว่า “ไม่กล้ารบกวนให้คุณหนู
เป็ นห่ วงหรอกขอรับ สวรรค์จะต้องคุม้ ครองท่านอ๋ องแน่ นอน” มู่หรงเสวียไม่คิดว่าเป็ นเช่นนัน “เป็ นตายอยูท่ ี
ชะตากรรม ความมังคังอยูท่ ีฟ้ า เจ้าและข้ามิใช้จา้ วนรก ความเป็ นตายของเย่อเฉิ
ี นมิอาจจะตัดสิ นได้”
“เจ้า!” สวีเทียนโย่วขึนเสี ยงแข็ง เขามองออกว่ามู่หรงเสวียอยากให้ท่านอ๋ องตกตายอยูท่ ีก้นเหว แต่ละคําล้วน
แล้วแต่สาปแช่งจิงอ๋ องทังสิ น ถ้ายังอยูพ่ ดู กับนางต่อไปเขาคงโกรธจนตาย

“ขอลา!” สวีเทียนโย่วสะบัดแขนเสื อ เดินไปทีหน้าผาโดยทีหน้าก็ไม่หนั มามอง ทหารวังจิงอ๋ องเร่ งรี บตามไป

“ไม่ส่งนะ” มู่หรงเสวียตอบกลับอย่างเฉยชา

มองจนสวีเทียนโย่วลับหายไป มู่หรงเย่มองมู่หรงเสวีย ดวงตาสี ดาํ เต็มไปด้วยความสงสัย “น้องเล็ก เย่อีเฉิ นมิได้


ถูกเจ้าผลักตกเหวจริ งๆรึ ?”

“จริ ง” มู่หรงเสวียยืนกรานปฏิเสธ เรื องทีนางเป็ นคนทํานางกล้ายอมรับ แต่ถา้ นางไม่ได้ทาํ ก็ไม่มีทางทีจะโบ้ย


ความผิดใส่ หัวนาง

หัวใจทีเต้นแรงของมู่หรงเย่ผอ่ นแรงลง คิวขมวดเข้าหากัน “ถ้าหากเย่อีเฉิ นตายไป......”

“ตายแล้วก็ตายไป มีอะไรให้ตอ้ งกังวลใจ” มู่หรงเสวียไม่ใส่ ใจ ถ้าเย่อีเฉิ นไม่ตามนางมาทีหน้าผา ไม่ได้ใช้วรยุธที


สูงส่ งและพลังปราณทีเข้มแข็งมาบีบบังคับนาง รวมทังกระตุน้ อารมณ์โกรธของคุณชายโอวหยาง จนถูกโจมตี
ตกลงสู่ เหว และถ้าเกิดเขาตายจริ งๆก็เป็ นเขาทีหาเรื องเองจนกรรมตามสนอง

มู่หรงเย่ถอนหายใจแรง “เจ้ากับเย่อีเฉิ นหมันหมายกัน ถ้าเย่อเฉิ


ี นตาย ผูค้ นจะพูดได้ว่าเจ้าเป็ นตัวกาลกิณี”
มู่หรงเสวียเลิกคิว “ข้าได้ขอถอนหมันกับเย่อีเฉิ นไปแล้ว พระชายาเอกของเขาตอนนี คือองค์หญิงม่อเป่ ยฉิ นยวี
เยียน ถ้าเย่อเฉิ
ี นตายจริ งๆ สมควรเป็ นฉิ นวีเยียนทีเป็ นตัวกาลกิณี มิใช่ขา้ ”

มู่หรงเย่ส่ายหน้า แววตาหมดหนทาง “การหมันหมายระหว่างเจ้ากับเย่อีเฉิ นยังไม่ได้ยกเลิกอย่างเป็ นทางการ การ


แต่งงานระหว่างฉิ นยวีเยียนกับเขาก็ยงั มิได้ป่าวประกาศอย่างเป็ นทางการเช่นกัน ถ้าเย่อเฉิ
ี นตายไป เป็ นเจ้า
ต่างหากทีเป็ นตัวกาลกิณี”

“เย่อีเฉิ นก็ตกเหวลงไปแล้ว ความเป็ นตายของเขา ไม่ได้เกียวข้องกับพวกเรา นีก็สายมากแล้ว พวกเรากลับจวน


เถอะเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียพูดยิมๆ ดวงตาเปล่งประกายเคร่ งขรึ ม จะกาลกิณีหรื อไม่นางไม่สนใจ ตอนนีทีควรทําคือ
นางต้องกลับเมืองหลวงไปอย่างยิงใหญ่ ไม่ว่าเย่อีเฉิ นจะเป็ นหรื อตายนางก็ถือว่าได้ส่งของขวัญชินใหญ่ทีคาดไม่
ถึงให้เขาได้อย่างน่ าจดจําแล้ว
ตอนที 17 จิงอ๋ องวางแผนร้ าย
ดวงอาทิตย์ค่อยๆลับขอบฟ้ า แสงอัสดงสี แดงสาดส่ องพร่ างพราย แสงสี ทองบนผืนนําค่อยๆจางหาย

ต้นหญ้าเขียวชอุ่มริ มตลิงเป็ นหย่อมๆ ดูงดงามประกอบกับสี แดงทีประดับประดาอยูบ่ นพืนให้ความรู ้สึกเหมือน


ดังดวงเนตรแห่ งมังกร ส่ งเสริ มให้หญ้าเขียวรอบด้านดูงดงามมีชีวิตชีวา

ทว่าสี แดงเหล่านันหาใช่ดอกไม้ไม่ แต่กลับเป็ นชุดเจ้าบ่าวสี แดง เจ้าของทีใส่ มนั นอนหงายอยูใ่ นโพรงหญ้า ร่ าง


สูงสมส่ วนแค่มองก็รู้ทนั ทีวา่ เป็ นชายหนุ่ มผูห้ นึ ง เพียงแต่เส้นผมสี ดาํ ของเขาล้วนปกปิ ดใบหน้าจนดูยงุ่ เหยิง มิ
สามารถมองออกว่าหน้าตาเป็ นเช่นใด

ทันใดนัน ขนตาของเขาค่อยๆขยับสันไหว ลืมตาขึนอย่างช้าๆ มองไปยังบริ เวณโดยรอบ แววตาสะลึมสะลือ


ค่อยๆฉายแววคมเข้มขึน เขาชันตัวลุกขึนจนเส้นผมลู่ตกไปด้านหลัง เผยดวงหน้าหล่อเหลาหาใดเปรี ยบ เขา
คือจิงอ๋ องเย่อีเฉิ น!

รอบด้านสงัดเงียบ ไม่เห็นแม้แต่วีแววของผูค้ น เสื อเจ้าบ่าวทีเปี ยกชืนลู่ติดไปกับร่ างกายดูไม่สบายตัวนัก เย่อีเฉิ น


ดีดนิ ว หมอกจางๆหมุนวนรอบกาย เพียงพริ บตาเดียวหมอกควันก็ค่อยๆจางหายไปอย่างไร้ร่องรอย เสื อเจ้าบ่าว
บนกายทีเคยเปี ยกชืนกลับแห้งสนิ ททันที ไม่มีแม้แต่ความไม่สบายตัวหลงเหลืออยูอ่ ีก

เย่อีเฉิ นค่อยๆลุกยืนขึนโคจรลมปราณไปมาอย่างรวดเร็ ว พลังปราณลืนไหลไม่ติดขัด ถอนหายใจเพียงแผ่วเบา


เขาว่ายนําไม่เป็ น ตกไปในกระแสนําเชียวกรากได้ไม่นานก็กระแทกกับหินใต้นาจนสลบไป
ํ โดนกระแสนําพัด
มาไกลเกินกว่าพันเมตรโดยไม่รู้สึกตัว มีรอยถลอกฟกชําเพียงเล็กน้อย ถือว่าโชคดียงนั
ิ ก!
พอนึ กถึงคนทีทําร้ายเขาจนตกเหวเกือบเอาชีวิตไม่รอด แววตาของเย่อเฉิ
ี นก็กลายเป็ นอํามหิ ตทันที คุณชายโอวห
ยาง!

“ท่านอ๋ อง!” เสี ยงร้องเรี ยกด้วยความยินดีดงั ขึน เย่อีเฉิ นมองไปเห็นสวีเทียนโย่วเร่ งรี บวิงเข้ามา กวาดตามองไป
ทัวร่ างกายของเขา แววตาปรากฏความยินดีอย่างปกปิ ดไม่มิด “ท่านไม่เป็ นอะไรใช่ไหม?”

“ข้าไม่เป็ นไร” เย่อีเฉิ นส่ ายหน้า เหล่มองทหารยามวังจิงอ๋ อง พูดขึนอย่างเฉยชา “ได้ตวั มู่หรงเสวียแล้วใช่ไหม?”

สวีเทียนโย่วร่ างกายแข็งทือ รอยยิมบนหน้าชะงักค้าง

เย่อีเฉิ นหรี ตาพูดด้วยนําเสี ยงเย็นชา “ทําไม? เจ้าไม่ได้จบั ตัวนางขึนเกียวสี ชมพู ส่ งเข้าวังจิงอ๋ องรึ ?”

สวีเทียนโย่วแววตาลุกลิกไม่เป็ นธรรมชาติ “ท่านอ๋ องตกหน้าผา เป็ นตายไม่ทราบได้ ข้ากังวลว่าท่านจะเป็ น


อันตราย ก็เลย......”

“เช่นนันเจ้าจึงพาพวกทหารยามมาตามค้นหาข้า ปล่อยให้ม่หู รงเสวียกลับจวนเจินกัวโหวได้อย่างง่ายดายงัน


หรื อ” เย่อีเฉิ นตอบรับคําพูดของสวีเทียนโย่วด้วยแววตาแห่ งความโกรธ เทียนโย่วติดตามเขามาหลายปี จัดการ
เรื องต่างๆได้ตรงกับความต้องการของเขายิงนัก ทําไมครังนีถึงประมาทจนทําให้เรื องสําคัญเช่นนีหลุดลอยไปได้
“ท่านอ๋ องโปรดอภัย เป็ นข้าน้อยทีไม่ตรึ กตรองให้รอบคอบ ข้าจะรี บสังการให้พวกทหารเร่ งไปทีจวนเจินกัวโหว
รับตัวมู่หรงเสวียขึนเกียวเข้าประตูรองวังอ๋ องให้จงได้”

ในใจของสวีเทียนโย่ว จิงอ๋ องเป็ นดังเทพสงคราม ในโลกมนุษย์นีไม่มีใครทีจะเก่งกาจเทียบเทียมเขาได้ ยิงไป


กว่านันเขายังมันใจอีกว่าไม่มีใครทีจะสามารถทําร้ายให้จิงอ๋ องให้รับบาดเจ็บ คราทีได้ยนิ ว่าจิงอ๋ องตกเหวนัน เขา
เกิดเป็ นกังวลจนเกินไปรี บร้อนตามหาตัวจิงอ๋ อง ละเลยจุดประสงค์ทีแท้จริ งของจิงอ๋ องไปเสี ยหมด

โชคยังดีทีการแต่งอนุพิธีรีตองไม่ค่อยยุง่ ยากวุน่ วาย ไม่ตอ้ งดูเวลาฤกษ์ยาม แค่เพียงนําตัวมู่หรงเสวียขึนเกียวส่ ง


เข้าวังจิงอ๋ องได้ภายในคืนนี ก็นับเป็ นอันครบถ้วนสมบูรณ์ตามพิธีการการแต่งอนุ

เย่อีเฉิ นค่อยๆตอบรับอย่างเฉยชา “ไม่ว่าจะทําอะไรก็ตามจะต้องยึดจุดประสงค์หลักไว้ให้มนั ไม่ว่าจะเกิดเหตุ


สุ ดวิสัยใดๆก็ตาม ควรชังนําหนักให้ดีว่าควรให้ความสําคัญกับจุดประสงค์หลักมากน้อยเพียงใด จึงจะไม่ทาํ ให้
เสี ยเรื องใหญ่”

“พ่ะย่ะค่ะ!” สวีเทียนโย่วแววตาเต็มไปด้วยความแน่วแน่ พยักหน้าคิดตาม ขณะทีเตรี ยมจะเร่ งกลับเมืองหลวง


เสี ยงยินดีสายหนึงก็ดงั ขึน “จิงอ๋ อง!”

สวีเทียนโย่วมองตามไปเห็นชายวัยกลางคนในชุดขุดนางผูห้ นึงกําลังขีม้าสี ดาํ พุ่งตรงมาทางนี ด้านหลังของเขา


ตามมาด้วยทหารในชุดเกราะถือดาบยาวร้อยกว่าคน

นันมัน......ผูบ้ ญั ชาการแห่ งกองทหารดูแลเมืองอู่เฉิ งปิ งหม่าซื อนี ทําไมเขาถึงมาอยูท่ ีนี ได้?


ั มาหยุดอยูต่ รงหน้า พลิกกายลงจากหลังม้า คุกเข่าหันไปทางจิงอ๋ อง
ขณะทีกําลังสงสัย ชายวัยกลางผูน้ นก็
“ข้าน้อยหยางไท่ คาราวะจิงอ๋ อง!”

“ลุกขึนเถิด” เย่อีเฉิ นมองดูหยางไท่ นําเสี ยงเฉยชา “ใต้เท้าหยางแต่ไหนแต่ไรมาท่านก็อยูด่ ูแลแต่ในเมืองหลวง


เหตุใดอยูๆ่ จึงพาทหารมาทีนี ?”

หยางไท่ลุกขึน พูดตอบด้วยนําเสี ยงน้อบน้อม “เรี ยนจิงอ๋ อง ข้าน้อยได้รับการไหว้วานจากใต้เท้าหลินแห่ งจวน


ซุนเทียนให้พาคนมาช่วยค้นหาจิงอ๋ องพะยะค่ะ”

แววตาของเย่อีเฉิ นไหววูบ มีลางสังหรณ์ไม่ดีเกิดขึน “เกิดอะไรขึน?”

“ยามเจิงอู่ คุณหนู ม่หู รงเสวียแห่ งจวนเจินกัวโหวกลับถึงเมืองหลวงภายใต้การดูแลของเหล่าทหารยามก็เร่ งตรง


ไปทีจวนซุ นเทียน กล่าวว่า......”

หยางไท่เหล่ตามองไปทีเย่อีเฉิ น เห็นเขาดวงหน้าขาวซี ด สมควรได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ชุดเจ้าบ่าวสี แดงมีรอยฉี ก


ขาดหลายแห่ ง แขนเสื อขาดไปครึ งหนึ ง เม้มปากแน่ น ถึงแม้มู่หรงเสวียจะเน้นยําว่าทหารยามจวนเจินกัวโหวไม่
ทันระวังจึงได้รับบาดเจ็บ แต่ทหารยีสิ บกว่าคนหน้าตาปูดบวมเขียวชําเหมือนกันหมด คนโง่ทีไหนก็ไม่มีทางเชือ
บวกกับได้เห็นบาดแผลของจิงอ๋ อง ก็คาดการณ์ได้โดยง่ายว่าเกิดอะไรขึน สองฝ่ ายเกิดการปะทะและต่อสู ้กนั
ส่ วนสาเหตุกเ็ ดาได้ไม่ยาก
เรื องราวภายในของวังจิงอ๋ องกับจวนเจินกัวโหว คนนอกเช่นพวกเขาไม่มีสิทธิเข้าไปยุง่ วุ่นวาย ว่ากันตามตรงคือ
ไม่กล้าเข้าไปยุง่ เกียวด้วย ทําหน้าทีของตัวเองให้ดีก็พอ “คุณหนูใหญ่ม่หู รงกล่าวว่า จิงอ๋ องไม่ทนั ระวังก้าวเท้า
พลาดจนตกเหว จึงขอร้องให้จวนซุนเทียนนําคนออกมาช่วยค้นหา คนของจวนซุ นเทียนไม่เพียงพอ ใต้เท้าหลิน
จึงมาไหว้วานข้าน้อย......”

ทหารอู่เฉิ งปิ งหม่าซือมีหน้าทีควบคุมดูแลความสงบเรี ยบร้อยและอัคคีภยั ภายในเมืองหลวง จึงมีไพร่ พลมาก


ทีสุ ด ขอให้พวกเขาช่วยค้นหาคนตกนําจึงเหมาะสมทีสุ ดแล้ว

เย่อีเฉิ นสี หน้าดุดนั จนหน้ากลัว แววตาปรากฏประกายอํามหิ ต คนในเมืองหลวงล้วนทราบว่าเขาพาทหารมาที


สุ สานตระกูลมู่หรง บาดแผลของทหารยามจวนเจินกัวโหว ใช้นิวเท้าคิดยังรู ้เลยว่าบาดแผลพวกนันเกิดจากการ
ปะทะกับคนของวังจิงอ๋ อง

มู่หรงเสวียพาพวกเขาทีได้รับบาดเจ็บตระเวนไปทัวเมืองหลวง แม้จะไม่ป่าวประกาศเรื องจริ ง แต่เหล่าขุนนาง


เหล่านันรวมถึงผูค้ นจะต้องเดาออกว่าเขาใช้กาํ ลังบีบบังคับให้ม่หู รงเสวียแต่งเป็ นพระชายารองไม่สาํ เร็ จ ทังเสี ย
ท่าตกเหวเสี ยเอง

จิงอ๋ องเทพสงครามทีผูค้ นต่างเคารพยําเกรงและหวาดกลัว ตอนนีกลายเป็ นเรื องตลกยามว่างในเวลาดืมชาของ


พวกเขาเสี ยแล้ว

มู่หรงเสวีย ดี ดีมาก!
ทันใดนันรอบกายของเย่อเฉิ
ี นเต็มไปด้วยไอสังหาร แววตาส่ องประกายเยือกเย็นคมกริ บจนทําให้สวีเทียนโย่วไม่
สงสัยเลยว่าถ้ามู่หรงเสวียยังอยูท่ ีนีนางจะต้องถูกเย่อีเฉิ นฉี กกระชากเป็ นชินๆอย่างแน่นอน “ท่านอ๋ องมิตอ้ งเป็ น
กังวล พวกขุนนางและชาวบ้านในเมืองหลวงไม่มีทางกล้าลบหลู่วิพากษ์วิจารณ์วงั จิงอ๋ อง!”

พวกเขาก็แค่ไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์อย่างโจ่งแจ้งแต่ลบั หลังคงกําลังหัวเราะเยาะวังจิงอ๋ องเป็ นแน่!

ดวงตาของเย่อีเฉิ นปรากฏแสงแห่ งความเยียบเย็นสันไหวไปมา ฝ่ ามือภายใต้แขนเสื อค่อยๆบีบแน่ นเข้าหากัน ก็


แค่คนทีใกล้ตายคนหนึง กลับกล้าทําลายชือเสี ยงทีเขาสะสมมานานปี ช่างบังอาจจนเกินไปแล้ว นางส่ งของขวัญ
ชินใหญ่เช่นนี ให้เขา แน่ นอนว่าเขาจะต้องตอบแทนนางอย่างสาสมเช่นกัน ให้นางได้ลองลิมรสความตายทังเป็ น
ตอนที 18 แผนสกปรก
หมู่มวลเมฆบนท้องฟ้ าค่อยๆเปิ ดออก หมอกยามเช้าค่อยๆจางหาย แสงแดดสี ทองสาดส่ องทะลุเมฆสาดไปทัว
ผืนดิน

มู่หรงเสวียอยูใ่ นชุดกระโปรงยาวสี นาเงิ


ํ นเข้มกําลังนังดืมชาใต้ตน้ ฉยงฮวา ภายใต้ดอกฉยงฮวาสี ชมพูทีร่ วงโรย
ยิงทําให้ความสวยของหญิงสาวโดดเด่นขึน เหมือนดังมิใช่มนุษย์ปุถุชนธรรมดาทัวไป

“คุณหนูใหญ่ จิงอ๋ องกลับถึงเมืองหลวงแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้หงซิ วเร่ งเดินเข้ามา นําเสี ยงเป็ นกังวล

มู่หรงเสวียแววตาวูบไหว ทวงท่าการดืมพลันหยุดชะงัก “กลับมาเมือไร?”

“ยามซวีเมือคืนเจ้าค่ะ (หนึ งทุ่มถึงสามทุ่ม)” หงซิ วแววตาวูบไหว “ทหารประจําประตูเมืองบอกว่า เขาขีม้ากลับ


เมืองหลวงมาเพียงคนเดียว สี หน้าเรี ยบเฉย ดูเหมือนไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร”

ดวงตางามของมู่หรงเสวียหรี เล็กลง ตกจากหน้าผาสู งขนาดนัน ทังยังถูกกระแสนําทีเชียวกรากพัดไปพันกว่า


เมตร ถ้าเป็ นคนธรรมดาถึงไม่ตายอย่างน้อยก็ตอ้ งบาดเจ็บสาหัส เย่อีเฉิ นแม้แต่บาดแผลเล็กน้อยก็ไม่มี นับว่ามี
โชคทีไม่ธรรมดายิงนัก ตรงกับคําพูดทีว่า คนดีมกั มีชีวิตทีแสนสัน คนชัวมักเสวยสุ ขไปตราบนานเท่านาน

“คุณหนูใหญ่ จิงอ๋ องมีฐานะสู งส่ งอีกทังยังคุมกําลังทหารไว้ในมือ ท่านวางแผนจนทําให้เขาต้องอับอายขายหน้า


ต่อเหล่าขุนนางและชาวเมืองหลวง เขาน่าจะไม่หยุดอยูเ่ พียงเท่านี” หงซิ วมีแววตากังวลห่ วงใย
“ข้ารู ้” มู่หรงเสวียพยักหน้าแววตาเฉยชา คําพูดของนางเมือวานทีพูดอย่างคลุมเครื อ ชาวเมืองหลวงสมควรเดา
ออกว่าเป็ นจิงอ๋ องทีใช้กาํ ลังบีบบังคับนางให้เป็ นพระชายารอง ถึงขันเกิดการปะทะกับจวนเจินกัวโหวจนเขาตก
เหวโดยไม่ได้ตงใจ

เย่อีเฉิ นมีนิสัยหยิงทะนงตน ไม่มีทางยอมรับว่าเป็ นเพราะคุณชายโอวหยางทีทําให้ตนตกเหว เขาฉุ ดนางไม่สาํ เร็ จ


ทังยังพลาดท่าตกเหว ข่าวลือคงดังเข้าหู เขาไม่หยุดหย่อน เพียงนึ กถึงนาง เย่อีฉิ นก็จะรู ้สึกถึงความอัปยศทีเขา
ได้รับ ในใจคงจะเกลียดชังนางเป็ นอย่างมาก แต่เพือชือเสี ยงของวังจิงอ๋ อง เขาคงไม่กล้าใช้กาํ ลังบีบบังคับนาง
อย่างโจ่งแจ้งอีกแล้ว

และสิ งทีนางต้องการก็คือสิ งนี เพราะว่าทหารของจวนเจินกัวโหวเป็ นแค่ทหารยามธรรมดา แต่ทหารของวังอ๋ อง


นันเป็ นผูท้ ีผ่านศึกสงครามและการนองเลือดมามากมาย เมือนําสองฝ่ ายมาเปรี ยบกันฝังนางจึงไม่มีโอกาสทีจะ
ชนะเลย นางร่ างกายอ่อนแอ ถึงจะมีฝีมือติดตัวมาจากชาติทีแล้วอยูบ่ า้ งก็ตาม แต่กย็ งั มิอาจเปรี ยบได้กบั เย่อีเฉิ นที
มีพลังปราณและวรยุธทีสู งส่ งได้!

ถ้าวังจิงอ๋ องใช้กาํ ลังลงมือกับจวนเจินกัวโหวอย่างไม่ไว้หน้าและเปิ ดเผยแล้วละก็ จวนเจินกัวโหวไม่มีทางทีจะ


ต่อกรได้อย่างแน่ นอน แต่ดว้ ยเหตุผลเมือครู่ ทาํ ให้จิงอ๋ องเกิดอาการลังเล ก็ไม่กล้าทีจะโจมตีจวนเจินกัวโหวอย่าง
โจ่งแจ้งอีกต่อไป แต่จะเปลียนเป็ นกระทําการในทีลับแทน และถ้าพูดถึงเรื องแผนสกปรกลับหลังพวกนี นางไม่
มีทางทีจะแพ้ให้กบั เย่อีเฉิ นแน่นอน
มองไปทีดวงตาฉายแววมันใจของคุณหนู หงซิ วถอนหายใจ ความหวาดระแวงมิได้ลดน้อยลงเลยสักนิ ด “คุณหนู
ใหญ่ ถูกโจมตีในทีแจ้งหลบง่าย แต่ในทีลับนันยากจะป้ องกันนะเจ้าคะ พวกเราต้องเพิมความระมัดระวังถึงจะ
ถูก”

“ข้ารู ้” มู่หรงเสวียพยักหน้า ยกยิมจางๆทีมุมปาก รอบนี เย่อีเฉิ นรอดกลับมาได้อย่างปลอดภัย เป็ นเพราะคุณชาย


โอวหยางบีบจนเขาพลาดพลังตกเหวไป เขาจึงไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย ถ้าว่ากันตามวรยุธของเขาโอกาสทีจะ
รอดจากกระแสเชียวกรากนันก็มีสูงมาก!

ถ้าเขากล้าคิดร้ายต่อนางลับหลัง คอยดูเถอะนางจะตัดเส้นเลือดใหญ่ของเขาเสี ย ไม่ให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่


จะให้เสี ยเลือดมากจนตายไปเอง

“น้องเล็ก......น้องเล็ก......” เสี ยงเรี ยกร้องอย่างร้อนรนตามมาด้วยมู่หรงเย่ทีวิงมาอย่างเหนือยหอบ ชายเสื อพลิว


ไหวไปมา ปากคล้ายมีเรื องจะพูดแต่ก็มิกล้ากล่าววาจา

มู่หรงเสวียปรายมองเขาอย่างเรี ยบเฉย “มีอะไรหรื อ?”

“น้องเล็กเจ้าให้ขา้ ยืมเป้ ยเป้ ยสักหนึ งวันเถอะ!” มู่หรงเย่เอ่ยขอด้วยรอยยิมกว้าง ใบหน้างามฉายแวว


ประจบประแจง
ใบหน้างามของมู่หรงเสวียเปลียนเป็ นเรี ยบเฉย เป้ ยเป้ ยมีสายพันธ์ฉางเอ๋ าเก่งในด้านการต่อสู ้ ทีมู่หรงเย่มาขอยืม
จึงไม่ตอ้ งคาดเดาถึงเหตุผลเลยว่าเพือสิ งใด “เป้ ยเป้ ยเป็ นสัตว์เลียงของข้า ข้าไม่มีทางให้มนั ไปสนามประลอง
สัตว์อีกเป็ นอันขาด ท่านพีเลิกหวังในเรื องนี เสี ยเถอะ”

พอมู่หรงเย่ได้ยนิ ก็มิได้โกรธ และก็มิได้โศกเศร้า ยังคงยิมประจบประแจงอยูเ่ ช่นเดิม “งันเจ้าให้เงินข้าสักหนึ ง


หมืนตําลึง ข้าจะเอาไปซื อตัวใหม่”

มู่หรงเสวียนย่นคิว “ปกติท่านเบิกเงินจากทีไหน? ทําไมไม่ไปเบิกเอาจากทีนัน?” ในความทรงจําของร่ างเดิม ไม่


ว่ามู่หรงเย่จะแพ้ยงั ไง ก็ไม่เคยมาขอเงินกับนาง

“ปกติขา้ จะเบิกเอากับท่านลุงฮุย แต่ขา้ ไปมาเมือครู่ เขากลับบอกว่าตามทีท่านพ่อได้ฝากฝังไว้ ข้าได้เบิกไปเกิน


จํานวนของเดือนนี แล้ว เดือนหน้าถึงจะเบิกใหม่ได้ แต่ขา้ อยากไปประลองสุ นัขอีก ก็เลยมาขอเจ้าแทน” มู่หรงเย่
พูดเหมือนเป็ นเรื องปกติธรรมดาทัวไป

มู่หรงเสวียพอได้ฟังดังนันก็หรี ตาลง ท่านลุงฮุยมีชือว่าเก๋ อฮุย เคยเป็ นลูกน้องทีมีความสารถของมู่หรงเยว่คน


หนึ ง ขณะทําการศึกได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่สามารถเข้าสนามรบได้อีก เลยกลายเป็ นพ่อบ้านคนหนึ งของจวน
เจินกัวโหว จัดการดูแลเรื อนฝ่ ายหน้า

หลังจากทีมู่หรงเยว่สองสามีภรรยาตายไป เขาก็รับหน้าทีดูแลเรื อนฝ่ ายหน้าทังหมด ทังยังดูแลมู่หรงเย่กบั มู่หรง


เสวียตังแต่ยงั เล็ก พูดได้ว่าทีอํานาจสิ ทธิขาดของเรื อนฝ่ ายหน้าไม่ได้ตกอยูภ่ ายใต้หญิงเฒ่าแซ่ ตูก้ เ็ ป็ นเพราะท่าน
ลุงฮุยผูน้ ี ถึงทําให้หญิงเฒ่าแซ่ ตมู ้ ิกล้ามายุง่ เกียวกับพวกนางมากนัก ทําให้พวกนางเติบโตอย่างสงบสุ ขและ
ปลอดภัยมาจนถึงทุกวันนี
เก๋ อฮุยถือเป็ นลูกน้องคนสําคัญของมู่หรงเยว่ เป็ นผูม้ ีบุญคุณทียิงใหญ่กบั พวกนางสองพีน้อง แต่ม่หู รงเย่เป็ น
เจ้านายและเขาทีเป็ นเพียงข้ารับใช้ การทีมู่หรงเย่ผลาญเงินไปกับการประลองสุ นขั มากมายนัน เก๋ อฮุยจึงไม่กล้า
ว่ากล่าวตักเตือนมากนัก เพียงแต่จาํ กัดขอบเขตเงินทีเขาจะใช้ ควบคุมรายรับให้มากกว่ารายจ่าย เพือไม่ให้เจินกัว
โหวทียิงใหญ่นีต้องพังครื นลงบนมือของมู่หรงเย่.......

“ท่านพีก็รู้วา่ เงินทีข้าได้ในแต่ละเดือนน้อยนิ ดเพียงใด สิ บปี รวมกันก็ไม่ถึงหนึ งหมืนตําลึง......” เก๋ อฮุยไม่อยาก


ให้ม่หู รงเย่ไปประลองสุ นขั มู่หรงเสวียเองก็ไม่อยากให้เขาเป็ นไอ้ขแพ้
ี ในมือนางมีเงินอยูไ่ ม่น้อย ถ้ามู่หรงเย่เอา
ไปใช้ในทางทีถูกทีควร นางจะไม่ลงั เลเลยทีจะให้เขา แต่เขาจะนํามันไปใช้ในการประลองสุ นขั ......หึ หึ สู ้นาง
เก็บไว้เองยังดีเสี ยกว่า

แต่ม่หู รงเย่ไม่คิดเช่นนัน ยิมตาหยีกล่าว “น้องเล็กเจ้าไม่ได้เก็บกุญแจห้องเก็บสิ นเดิมของท่านแม่หรอกหรื อ......”

มู่หรงเสวียค่อยๆเงยหน้ามองไปทีเขาด้วยแววตาเยือกเย็น “เจ้าจะเอาสิ นเดิมของท่านแม่ไปขายเป็ นเงินตําลึง แล้ว


เอาเงินทีได้ไปประลองสุ นขั อย่างงันรึ ? เจ้าไม่กลัวท่านแม่ทีอยูบ่ นสวรรค์นอนตายตาไม่หลับหรื ออย่างไร”

เสี ยงตําหนิ ดงั เข้าหู สี หน้าของมู่หรงเย่กลายเป็ นแดงกํา รี บโบกมือไปมาพลางรี บเร่ งอธิ บาย “มิใช่......มิใช่......ใน
สิ นเดิมของท่านแม่มีเงินตําลึงอยู่ ข้าต้องการแค่เพียงเงินตําลึง มิได้ตอ้ งการแตะต้องสิ งของด้านใน”

การเคารพคนตายเขาเข้าใจดี และยิงรู ้ว่าของทีผูใ้ หญ่ทิงไว้ให้ไม่สามารถทิงหรื อขายได้ ไม่สามารถแตะต้องได้ถา้


ไร้ซึงเหตุผล ไม่ว่าเขาจะขีแพ้เพียงไรก็ไม่เคยคิดจะเอาสิ นเดิมของท่านแม่ไปขายเพือแลกเงิน
“ทําไมเจ้าถึงรู ้ว่าสิ นเดิมของท่านแม่มีเงินตําลึงอยู?่ ” มู่หรงเสวียขมวดคิวมองไปทางมู่หรงเย่ ทีแคว้นชิงเหยียน
เวลาคุณหนูทงหลายออกเรื
ั อน บนรายการสิ นเดิมจะเขียนจํานวนสิ งของไว้อย่างชัดเจน แต่หลังจากทีแต่งเข้าแล้ว
น้อยมากทีจะทําบัญชีการใช้จ่ายเงินตําลึงเข้าไปด้วย เพราะเงินเป็ นของทีใช้ออกไปง่ายดายเมือไรก็ได้

บนรายการสิ นเดิมของท่านแม่ก็มีเงินตําลึงอยูเ่ ช่นกัน แต่ตอนทีนางตรวจสอบกลับเหลือน้อยเต็มที นางไม่ได้ถาม


ไถเอาเรื อง ก็เพราะท่านแม่ตายไปสิ บกว่าปี แล้ว ถึงนางจะไปทวงถามเรื องเงิน หญิงเฒ่าแซ่ ตกู ้ ค็ งจะมีขอ้ อ้างใน
การปฏิเสธมากมาย

เห็นสี นางของนางค่อยๆผ่อนคลายลง มู่หรงเย่จึงถอนหายใจโล่งอก น้องเล็กเลิกเข้าใจผิดเขาแล้ว ค่อยยังชัว


หน่ อย

เมือสบเข้ากับแววตาสงสัยของนาง มุมปากก็ยกขึนยิมจางๆ ดวงตาสี ดาํ วูบไหวอย่างได้ใจ “ตอนทีข้าแยกจาก


ท่านลุงฮุย แอบได้ยนิ เซี ยงเฉี ยวกับสาวใช้ผหู ้ นึงปรึ กษากันเรื องสิ นเดิม ถึงได้รู้วา่ สิ นเดินของพวกผูห้ ญิงมีเงิน
ตําลึงอยูใ่ นนันด้วย”

มุ่หรงเสวียยิมน้อยๆ เซี ยงเฉี ยวเป็ นสาวใช้ขนสองข้


ั างกายหญิงเฒ่าแซ่ ตู ้ ได้รับการไว้วางใจเป็ นอย่างมาก มู่หรงเย่
ไม่มีเงินใช้ นางถึงได้พูดเรื องเงินตําลึงในสิ นเดิมขึนมา นี ไม่ใช่ความบังเอิญ แต่เป็ นแผนร้ายของหญิงเฒ่าผูน้ นั

นางเก็บกุญแจห้องสิ นเดิมไว้กบั ตัว หญิงเฒ่าแซ่ ตูจ้ ึงไม่สามารถแอบยักยอกสิ นเดิมของท่านแม่ได้อีก เลยใช้


จุดอ่อนของมู่หรงเย่ทีชอบการประลองสุ นขั ชักนําให้เขาเอาสิ นเดิมออกไปขายแลกเงินตําลึง พวกนางคิดจะกด
ราคาแล้วซื อไปไว้เอง ช่างเป็ นแผนการทีดีเสี ยจริ ง!

หญิงเฒ่าแซ่ ตูค้ ิดกระทําการเช่นนี ดูท่าคงไม่เข็ดหลาบจากคราวทีแล้ว งันนางคงต้องมอบความทรงจําทีเจ็บปวด


ให้หญิงเฒ่านางนี เสี ยหน่อย ให้นางได้รู้วา่ คนไม่รู้จกั พอจะต้องเจอกับอะไร
ตอนที 19 ยืมเงิน
มู่หรงเสวียลุกขึนยืนเดินออกไปด้านนอก ชุดกระโปรงยาวลากไปกับพืนทิงรอยยาวไว้เป็ นทาง

“น้องเล็ก เจ้าจะไปทีใด?” มู่หรงเย่มองมู่หรงเสวียทีค่อยๆเดินไกลออกไป แววตาไม่เข้าใจ

“ไปพบท่านย่าทีเรื อนหยกเสี ยหน่ อยเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียพูดตอบโดยไม่ได้หยุดฝี เท้า

ความสัมพันธ์ระหว่างท่านย่ากับน้องเล็กไม่ดีเท่าไรนัก ทําไม่อยูๆ่ นางถึงคิดอยากไปเรื อนหยกได้?

ในหัวของมู่หรงเย่เต็มไปด้วยความสับสน “น้องเล็ก ให้ขา้ ไปเป็ นเพือนเถอะ”

“มิจาํ เป็ น ท่านพีรอข้าอยูท่ ีนีเถอะ” มู่หรงเสวียไปเรื อนหยกเพือทีจะจัดการกับหญิงเฒ่าแซ่ตู ้ ถ้ามู่หรงเย่ไปด้วยจะ


เป็ นการไม่สะดวกต่อแผนการของนาง

มู่หรงเย่ขมวดคิวทีถูกปฏิเสธข้อเสนอ หยุดเท้าเดินอย่างไม่ค่อยเต็มใจกล่าว “ตกลง” จับใจความจากนําเสี ยงของ


นางเหมือนมีเรื องส่ วนตัวทีจะคุยกับท่านย่าเป็ นการส่ วนตัว คงไม่สะดวกหากเขาจะตามไปด้วย เช่นนันเขาก็จะ
ไม่ตามไปก็ได้ แต่คงต้องสังการให้คนคอยดูอยูร่ อบนอก ถ้าหากพวกนางเกิดปะทะกันขึนมา ตอนนันเขาค่อย
ตามไปก็ยงั ไม่สาย
เรื อนหยกเป็ นเรื อนทีพักของหญิงเฒ่าแซ่ ตู ้ ด้านในเรื อนเต็มไปด้วยสาวใช้มากมาย เมือมองเห็นมู่หรงเสวียที
ค่อยๆเดินใกล้เข้ามา สาวใช้นางหนึ งจึงรี บวิงเข้าเรื อนเพือรายงานนายหญิงของจวนทันที

เมือมู่หรงเสวียเข้ามาภายในเรื อนหยก เหล่าสาวใช้ลว้ นทําหน้าทีปั ดกวาดเช็ดถูตามหน้าทีของตน สาวใช้ขนสอง



ผูห้ นึงเดินเข้ามาพร้อมกับโค้งกายทําความเคารพนางพลางพูดกล่าวด้วยรอยยิม “ฮูหยินเฒ่าอยูด่ า้ นใน เชิญคุณหนู
ใหญ่เจ้าค่ะ”

มู่หรงเสวียตอบรับอย่างเรี ยบเฉย เดินผ่านร่ างสาวใช้อย่างเชืองช้าเข้าไปยังด้านใน เห็นหญิงเฒ่าแซ่ ตนู ้ อนเอน


หลังอยูบ่ นตัง ทีนังด้านหลังพิงไว้ดว้ ยหมอนอิงหลัง กําลังทานเต้าฮวยด้วยกิริยาท่าทางสง่างาม อัญมณี บนศีรษะ
ของนางส่ องสะท้อนกับแสงส่ องประกายระยิบระยับ

หญิงเฒ่าแซ่ ตูม้ องไปทีมู่หรงเสวียเลิกคิวมอง พลางพูดด้วยนําเสี ยงราบเรี ยบ “มีเรื องอะไร?”

มู่หรงเสวียเพียงยิมบางๆ พูดขึนอย่างเชืองช้า “ก็มิใช่เรื องใหญ่อะไรเจ้าค่ะ ท่านพีอยากไปประลองสุ นัขแต่ไม่มี


เงิน ข้าเลยอยากมาขอหยิบยืมจากท่านย่าหน่อยเจ้าค่ะ”

หญิงเฒ่าแซ่ ตูท้ ีกําลังกินเต้าฮวยหยุดชะงัก เงินทีอยูใ่ นสิ นเดิมของแซ่ เฉิ น (แม่ของมู่หรงเสวีย)โดนนางฉกฉวยเอา


ไปใช้จนหมดแล้ว นางถึงสังให้เซี ยงเฉี ยวชักนําให้ม่หู รงเย่รู้เรื องเงินในสิ นเดิม เพือทีมู่หรงเย่จะได้ไปขอเงินกับมู่
หรงเสวีย พอมู่หรงเสวียหาเงินมาให้เขาไม่ได้กต็ อ้ งเอาสิ นเดิมของแซ่ เฉิ นออกมาขาย แต่ทาํ ไมนางถึงวิงมายืม
เงินกับนางได้?
ระดับคุณหนูจวนขุนนางขันโหว ยืมเงินจากผูอ้ ืน ไม่กลัวชาวบ้านหัวเราะเยาะหรื ออย่างไร?

แต่ว่ามาอย่างนีก็ดี นางจะได้มีวิธีฉกฉวยเอาสิ นเดิมของแซ่ เฉิ นได้อย่างเปิ ดเผย “ต้องการเท่าไร?”

“หนึ งแสนตําลึงเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียพูดเบาๆ แกล้งทําเป็ นคิดหาหนทางไม่ออก “ท่านพีแต่ไหนแต่ไรก็ใช้จ่ายเงิน


เป็ นจํานวนมาก เงินจํานวนหนึงแสนตําลึงนี อย่างมากก็มีให้เขาใช้ได้แค่สิบวัน......”

แซ่ ตูป้ รากฏแววตาเยียบเย็น มู่หรงเย่ขแพ้


ี แค่ไหน ตัวนางนันรู ้ดีกว่าใคร เขายิงเสเพลยิงไร้ความสามารถมาก
เพียงไรมันก็เป็ นผลดีต่อนางมากยิงขึนและยิงทําให้นางสุ ขใจ และเหตุทีนางยอมในครังนีก็เพราะนางไม่ได้เป็ นผู ้
เสี ยประโยชน์

“แสนตําลึงเงินเป็ นเงินจํานวนมิใช่น้อย ถ้าแลกเป็ นเงินสดต้องใช้ห้องเก็บของหลายห้องถึงจะเก็บได้หมด


ระหว่างเราไม่มีความเกียวข้องทางสายเลือด ถ้าข้าให้เจ้ายืมเงินเช่นนี คงมิค่อยดีเท่าไร”

มู่หรงเสวียยิมจางๆ “ข้าจะทําหนังสื อสัญญาให้ท่าน รอจนท่านพีชนะข้าจะรี บคืนเงินทังหมดพร้อมทังดอกเบีย”

แซ่ ตูข้ มวดคิวมองนางสบถ “เดิมพันสิ บครังแพ้เก้าครัง ถ้ามู่หรงเย่ไม่สามารถชนะจนหาเงินแสนตําลึงมาคืนได้


สุ ดท้ายพวกเจ้าก็คงจะไม่มีเงินมาคืนข้าอยูด่ ีใช่หรื อไม่?”

มู่หรงเสวียกระพริ บตา “เช่นนันท่านย่าคิดว่าเห็นควรจะทําเช่นไรเจ้าคะ?”


หญิงเฒ่าแซ่ ตูค้ ิดแล้วคิดอีก แกล้งทําเป็ นพูดอย่างไม่ใส่ ใจ “เช่นนันเจ้าก็เอาสิ นเดิมของแม่เจ้ามาเป็ นของมัดจํา
เสี ยก่อน รอจนพวกเจ้าชนะจนหาเงินแสนตําลึงมาคืนได้ ค่อยมาเอาสิ นเดิมนี กลับคืนไป”

มู่หรงเสวียยิม ยิมอย่างเยือกเย็น หญิงเฒ่าแซ่ ตจู ้ อ้ งสิ นเดิมของท่านแม่เอาไว้จริ งๆ สิ นเดิมพวกนันแต่ละหี บล้วนมี


ค่าไม่ตากว่
ํ าสองสามแสนตําลึง แต่หญิงเฒ่าแซ่ ตกู ้ ลับจะเอาเงินแค่แสนตําลึงมาแลก ช่างไม่รู้จกั เจียมตน ไม่รู้ฟ้า
สูงแผ่นดินตํา!

“ข้าจําได้วา่ สิ นเดิมของท่านแม่มีร้านค้าหลายร้านรวมอยูด่ ว้ ย ซึ งตอนนีท่านย่าเป็ นผูด้ ูแลอยูใ่ ช่หรื อไม่เจ้าคะ?”

แซ่ ตูช้ ะงัก จากเงินกลายเป็ นสิ นเดิมไม่ทนั ไรกลับกลายเป็ นร้านค้าทีอยูใ่ นสิ นเดิม การเปลียนเรื องของมู่หรงเสวีย
ช่างรวดเร็ วยิงนัก

ตอนนันสิ นเดิมของแซ่ เฉิ นมีร้านค้าหลายร้านอยูจ่ ริ ง ชือร้านทีตังล้วนเขียนไว้บนใบรายการสิ นเดิมทังหมดอย่าง


ชัดเจน นางไม่สามารถปฏิเสธได้จึงได้แต่ตอบรับอย่างไม่สนใจ “ใช่ แล้วอย่างไร?”

“ร้านรวงพวกนันล้วนอยูใ่ นทําเลทอง กําไรภายในสิ บปี นี ก็คงไม่นอ้ ยไปกว่าหลายแสนตําลึง......” ต่อจากนันมู่


หรงเสวียก็ไม่ได้พดู ต่อเพียงยิมคล้ายไม่ยมมองไปทางหญิ
ิ งเฒ่าแซ่ ตู ้ สิ บปี มานี เจ้าของร่ างเดิมไม่เคยได้เห็นกําไร
ทีได้จากการค้าขายแม้แต่ร้านเดียว ทังหมดถูกหญิงเฒ่าแซ่ ตฉู ้ กฉวยเอาไปเสี ยหมด
“กิจการของร้านรวงทังหกไม่นบั ว่าดีอะไรนัก มีลูกค้าประจําไม่ค่อยมาก กําไรของแต่ละร้านมากทีสุ ดก็แค่หนึ ง
พันสองพันตําลึง พอถูไถเอามาช่วยเหลือค่าใช้จ่ายของจวน......” หญิงเฒ่าแซ่ ตโู ้ กหกหน้าตาย

“อย่างนันหรื อเจ้าคะ?” มู่หรงเสวียมองไปทีแซ่ ตพู้ ูดอย่างเฉยชา “งันท่านย่าโปรดมอบบัญชีของร้านให้ขา้ ลองดู


หน่ อยสิ เจ้าคะ”

“ตอนนี ไม่ใช่ตน้ เดือน และก็มิใช่ปลายเดือน ตัวสมุดบัญชีลว้ นอยูท่ ีผูด้ ูแลร้าน ข้ามีเสี ยทีไหน” หญิงเฒ่าแซ่ ตูพ้ ดู
อย่างราบเรี ยบเป็ นปกติยกยิมเยาะเย้ย แต่ไหนแต่ไรมานางก็ไม่ชอบหลานสาวนอกไส้ผนู ้ ีอยูแ่ ล้ว ทุกครังทีเห็น
นางตกทีนังลําบาก ตัวนางเองก็จะมีความสุ ขมากเป็ นพิเศษ

“เด็กๆ ไปนําตัวผูด้ ูแลร้านของแม่ขา้ มา แล้วบอกให้พวกเขานําสมุดบัญชียอ้ นหลังสิ บปี มาด้วย” มู่หรงเสวียสัง


การเสี ยงเย็น แซ่ ตูพ้ ดู ว่ากําไรน้อยใช่ไหม เช่นนันนางก็จะเค้นเอาความจริ งจากพวกผูด้ ูแลร้านทังหกต่อหน้าแซ่ ตู ้
เอง คอยดูสิว่ากําไรจากร้านค้าพวกนันจะน้อยจริ งรึ ไม่ หรื อว่ามีคนแอบฉ้อโกงลับหลัง

พริ บตาสี หน้าของหญิงเฒ่าแซ่ ตูก้ ลายเป็ นดุดนั หญิงน่ ารังเกียจ ช่างท้าทายและสงสัยต่อการกระทําและคําพูดของ


นาง ไม่รู้จกั กาลเทศะ ทีนางสังให้พวกผูด้ ูแลเอาสมุดบัญชีมาด้วย คงสงสัยว่าบัญชีไม่ถูกต้อง อยากจะลอง
ตรวจสอบ งันนางจะคอยดูว่าหากนางไม่พดู คุณหนูผไู ้ ม่เคยก้าวออกจากจวนผูน้ ี จะตรวจพบสิ งใด

ครึ งชัวยามผ่านไป เหล่าผูด้ ูแลค่อยๆพากันมารอคอยอยูด่ า้ นนอกเรื อนหยก

มู่หรงเสวียค่อยๆแหวกม่านเดินออกมา “ทุกท่านรอนานแล้ว!”
เหล่าเสมียนเงยหน้าขึนเห็นหญิงสาววัยรุ่ นผูห้ นึงเดินออกมา ดวงหน้าสว่างสดใส เรื อนผมสี ดาํ รู ปลักษณ์สวยลํา
จนผูค้ นตกตะลึงและตราตรึ งใจ นางยิมน้อยๆดวงตาลําลึกซ่ อนไว้ดว้ ยความแข็งกร้าว ทําให้ผคู ้ นทีพบเจอล้วนพา
กันหยุดหายใจ

เหล่าผูด้ ูแลรี บตืนจากภวังค์ เร่ งโค้งกายอย่างเคารพนอบน้อม “คาราวะคุณหนูใหญ่!”

มู่หรงเสวียยิมน้อยๆ “ทุกท่านไม่ตอ้ งมากพิธี เชิญนังดืมชาสักครู่ ข้าขอดูบญ


ั ชีพวกนีสักครู่ หนึ ง มีตรงไหนไม่
เข้าใจจะได้ถามพวกท่านได้”

ผูด้ ูแลไว้หนวดผูห้ นึงก้าวออกมา ยิมตาหยี “คุณหนูใหญ่กล่าวเกินไปแล้ว คุณหนูใหญ่มีตรงไหนไม่เข้าใจขอให้


รี บถาม ข้าน้อยจะรี บชีแจงให้กระจ่าง”

“ใช่แล้ว คุณหนูใหญ่ขอแค่เพียงสังการ! เพียงแค่สังการ!” เหล่าผูด้ ูแลทีเหลือล้วนรี บตอบรับคําพูด

มู่หรงเสวียยิมน้อยๆ ค่อยๆนังลงด้านหน้าของโต๊ะกลม หยิบหนังสื อด้านบนสุ ดขึนมาดูอย่างละเอียด

เหล่าเสมียนนังรอด้านหน้าโต๊ะยาวออกไปไม่ไกล จิบชาอย่างละเมียดละไม ห้องโถงด้านนอกกลายเป็ นเงียบ


สงบ

ดวงอาทิตย์ค่อยๆลอยสู งขึน มู่หรงเสวียยังคงไม่ขยับไปไหน เปิ ดอ่านสมุดบัญชี ยิงดูยงขมวดคิ


ิ ว

เหล่าเสมียนล้วนเกิดอาการเบือหน่าย มือเท้าค้างคล้ายหลับคล้ายมิหลับ

ทันใดนันเองเสี ยง “เพียะ” ดังเข้าหู ทุกคน เหล่าเสมียนทีเคลิมจะหลับล้วนสะดุง้ ตืนขึน เงยหน้ามองไปอย่างตกใจ


ก็เห็นมู่หรงเสวียปิ ดสมุดบัญชีลง มองมาทางพวกเขาด้วยความโมโห......
ตอนที 20 ยัวโมโหย่ าเลียง
“พวกเจ้าเป็ นผูด้ ูแลร้านประสาอะไร?”

เสี ยงต่อว่าเย็นชาพุ่งเข้าหูหนาวไปถึงขัวหัวใจ เหล่าผูด้ ูแลต่างตัวแข็งค้าง แววตาตืนตระหนก “คุณหนูใหญ่ หรื อ


ว่ามีสมุดบัญชีมีตรงไหนไม่ถูกต้องหรื อขอรับ?”

ฮูหยินเฒ่ามักจะตรวจสอบสมุดบัญชีทุกเดือน ถ้ามีตรงไหนไม่ถูกต้องก็จะรี บต่อว่าพวกเขาเสี ยยกใหญ่ ถ้าเป็ น


เรื องหนักหนาสาหัสก็ถึงขันฟ้ องศาล ดังนันหลายปี มานี พวกเขาจึงไม่กล้าทําอะไรกับสมุดบัญชีแม้เพียงนิด

“ตัวเลขไม่มีอะไรผิด แต่วา่ ลูกค้าทีค้างชําระเยอะเกินไป อีกทังยังนานเกินไป” มู่หรงเสวียยืนสมุดบัญชีให้เหล่า


ผูด้ ูแลดู

“ค้าขายทํากิจการ อนุ ญาตให้ลกู ค้าค้างเงินได้แต่กต็ อ้ งมีความพอควร สามเดือน ห้าเดือนยังพอว่า หนึงปี สองปี ยัง
พอรับได้ แต่พวกเจ้าดูบญั ชีในมือของพวกเจ้า ระยะเวลาสิ บปี จนถึงตอนนี ยังไม่ยอมคืน ลูกค้าชันแย่ทีไม่ยอมจ่าย
แม้แต่สตางค์เดียวเช่นนี มิใช่อยากให้ร้านค้าปิ ดกิจการหรอกรึ ”

มีลกู ค้าชันแย่แบบนี ทําไมพวกเขาจําไม่ได้!?


เหล่าเสมียนก้มมองบัญชีอย่างสงสัย พอมองไปทีรายชือผูค้ า้ งชําระ เหล่าเสมียนแต่ละคนเริ มมีสีหน้าลําบากใจ
“คุณหนูใหญ่ ไม่ใช่พวกข้าน้อยยอมให้พวกเขาค้างชําระ แต่ว่าพวกทีมาเอาของทีร้านล้วนเป็ นคนจากจวนอู่อนั
โหว......”

“จวนอู่อนั โหวแล้วอย่างไร? ถ้าเกิดฮูหยินจวนอู่อนั โหวมาด้วยตัวเองก็นบั ว่าเป็ นลูกค้า พวกเจ้าต้อนรับให้ดีก็


เพียงพอ ใครอนุญาตให้พวกเจ้าทําเพียงแค่จดลงบัญชีแต่ไม่เก็บเงิน?” มู่หลงพูดตัดบทคําแก้ตวั ของเหล่าเสมียน
อย่างเย็นชา

พวกเสมียนต่างมองหน้ากันเลิกลัก ก้มหน้าลงตอบเสี ยงติดๆขัดๆ “เป็ น......เป็ นฮูหยินเฒ่าทีอนุ ญาต......”

มู่หรงเสวียยกยิมเยาะ นางคาดไว้แล้วเชียวว่าต้องเป็ นเช่นนี

เมือเอาเงินค้างสิ บปี มารวมกัน เป็ นจํานวนเงินมิน้อย นางยังไม่ได้เปิ ดดูทงหมด


ั ดูแค่บญ
ั ชีเงินค้างเมือห้าปี ทีแล้ว
เพียงไม่กีเล่มเท่านัน แล้วยังเปิ ดดูบางส่ วนของเมือสองเดือนทีแล้ว พบว่าจากสิ บปี ก่อนจนถึงตอนนี ในทุกๆ
ฤดูกาลจวนอู่อนั โหวจะมาสังตัดเสื อผ้ามากมายทีร้านผ้าไหมไม่ว่าจะเป็ นเสื อคุณภาพสู ง กลางหรื อตํา ทุกชนิ ดจะ
สังตัดทีหนึ งสิ บถึงยีสิ บชุด ไม่ว่าจะเป็ นเสื อผ้าคุณภาพดีของฮูหยินจวนอู่อนั โหว หรื อเสื อผ้าคุณภาพธรรมดาของ
สาวใช้ขนสามหรื
ั อเหล่าสาวใช้ทวไป!

สังตัดเสื อเช่นนี มาเป็ นสิ บปี พวกเขาเพียงจดลงบัญชี ไม่เคยจ่ายเงินสักแดงเดียว


ยังมีร้านเครื องประดับทีพวกเขาไปใช้บริ การ เครื องประดับทีเหมาะกับหญิงสู งอายุ หญิงสาววัยกลางคนและ
พวกคุณหนู พวกนางล้วนมาเอาไปครังละหลายๆชุดในทุกฤดูกาล

ทุกๆสองถึงสามเดือน คนของจวนอู่อนั โหวจะไปหยิบเอาของโบราณ ภาพวาด เช่นกันว่ามิเคยจ่ายเงินเลย......

ถึงว่าทําไมหญิงเฒ่าแซ่ ตูถ้ ึงได้กล้าพูดว่าไม่เคยโกงเอาเงินในร้านของท่านแม่ไป เพราะว่าเงินจากร้านพวกนัน


ล้วนถูกเก็บไว้กบั จวนอู่อนั โหวจนไม่เหลือ ถึงนางจะขอก็ไปเอาไม่ได้

“ท่านย่าช่วยข้าดูแลร้านเช่นนี เองหรื อ?” มู่หรงเสวียแหวกม่านเดินเข้าไปในเรื อน มองไปยังหญิงเฒ่าแซ่ ตคู้ ล้าย


ยิมคล้ายไม่ยมิ

หญิงเฒ่าแซ่ ตูป้ รายตามองนางครู่ หนึง ไม่คิดแยแส “ท่านอาของเจ้าพวกนางสังตัดเสื อ ซื อเครื องประดับก็เพือ


ต้องการช่วยเหลือกิจการการค้าของเจ้า......”

“อยากได้ของก็ตอ้ งใช้เงินซื อ เช่นนี ถึงจะเรี ยกว่าช่วยเหลือ แต่เอาของไปแล้วไม่จ่ายเงิน เรี ยกว่าหน้าด้านหน้า


ทน” มู่หรงเสวียตัดบทอย่างไม่ไว้หน้า เน้นทีละคํา “ระดับจวนอู่อนั โหว มิใช่ขอทานทัวไปตามท้องถนน กลับ
ทําตัวเหมือนอันธพาล ทําเรื องหน้าไม่อายเช่นนี หน้าด้านจนไร้ยางอาย จนข้าต้องรู ้สึกอับอายแทนพวกเขา”

“ลูกโหรวเป็ นอาแท้ๆของเจ้า ทําไมเจ้ากล้าต่อว่านางเช่นนี ?” แซ่ ตูพ้ ดู ขึนเสี ยงดัง แววตาเยือกเย็น


มู่หรงโหรวเป็ นฮูหยินจวนอู่อนั โหว มีอาํ นาจจัดการดูแลเรื อนฝ่ ายในของจวนอู่อนั โหวทังหมด ไม่ว่าจะเป็ นการ
ตัดเสื อผ้า การซือเครื องประดับ มู่หรงเสวียต่อว่าจวนอู่อนั โหวว่าหน้าด้านหน้าไม่อาย ถือเป็ นการลบหลู่นางยิง
นัก

มู่หรงเสวียตอบกลับอย่างดูถูก “ท่านแม่ของข้าก็เป็ นพีสะใภ้ของนาง นางกลับหน้าด้านหน้าทนไปหยิบเอา


สิ งของของพีสะใภ้โดยไม่จ่ายเงิน ข้าจะว่านางสักหน่ อยก็ไม่ได้หรื อ?”

“เจ้า......”

มู่หรงเสวียโบกมือตัดบทคําพูดของแซ่ ตู ้ มองไปทีนางอย่างเรี ยบเฉย “ไม่ตอ้ งกล่าวสิ งใดกับข้าอีก นางเป็ นอา


หญิงของข้า ข้าหลานสาวถือว่าพวกเสื อและเครื องประดับเป็ นของขวัญทีส่ งมอบให้นางเสี ยแล้วกัน ส่ วนข้าที
เป็ นหลานของนางทังยังกําพร้าพ่อแม่ ทําไมนางถึงไม่รักข้าตัดเสื อผ้าซื อเครื องประดับให้ขา้ สักหลายๆชุดบ้าง”

“เจ้า......” หญิงเฒ่าแซ่ ตูช้ ีนิ วไปทีมู่หรงเสวีย โกรธจนพูดไม่ออก นางเด็กไร้คนสังสอน แต่ไหนแต่ไหร่ ไม่ชอบมี


ปากมีเสี ยง ไหนเลยถึงกลายเป็ นคนปากร้ายเจ้าเลห์เช่นนี ได้

มู่หรงเสวียมองไปทางนางอย่างเหยียดหยาม “ร้านค้าของท่านแม่ ท่านแม่ให้ท่านเป็ นคนดูแล แต่ท่านกลับ ‘ดูแล’


เสี ยจนเละเทะเช่นนี ถ้ายังคงให้ท่านดูแลต่อไป ร้านค้าทังหมดคงต้องปิ ดกิจการ รบกวนท่านย่ามอบใบสัญญา
ของร้านให้ขา้ เถอะ ข้าจะดูแลด้วยตนเอง ไม่วา่ ร้านจะไปได้สวยหรื อไม่มนั ก็จะไม่เกียวข้องกับท่านย่าอีก!”
หญิงเฒ่าแซ่ ตูส้ ี หน้าเคร่ งขรึ ม หลังจากแซ่ เฉิ นตายไป นางก็ได้จบั จ้องร้านค้าทังหกนีไว้นานแล้ว แต่เก๋ อฮุยก็รู้ว่ามี
ร้านค้าทังหกนี อยู่ รอจนมู่หรงเย่และมู่หรงเสว่โตขึน เก๋ อฮุยต้องคืนร้านทังหมดนี ให้พวกนางเป็ นแน่ ดังนันนาง
จึงไม่สามารถทีจะฉกฉวยร้านค้าพวกนีไว้ได้อย่างเปิ ดเผย ทําได้เพียงค่อยๆดําเนินการทีละเล็กทีละน้อยไม่ให้
ผูค้ นรับรู ้

เก๋ อฮุยเป็ นคนฉลาด ถ้าหากทําสมุดบัญชีปลอมสักวันจะต้องถูกตรวจเจออย่างไม่ตอ้ งสงสัย ดังนันนางจึงคิดแผน


เช่นนี ออกมา ค่อยๆฉกฉวยเอาของทีร้านโดยไม่ให้พวกเขารู ้ตวั เมือพอรู ้ตวั อีกทีของทังหมดก็ตกเป็ นของนาง
แล้ว

ระยะเวลาสิ บปี มานี นางเอาของจากร้านพวกนี มาได้เกินครึ งแล้ว อีกไม่กีปี ร้านรวงพวกนี ก็จะตกเป็ นของพวก
นาง แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกมู่หรงเสวียค้นพบเบาะแสเสี ยก่อน

ถ้านางเอาร้านทังหกให้ม่หู รงเสวียดูแล พวกนางก็จะไม่สามารถฉกฉวยเอาสิ งของในร้านได้อีก ในร้านยังมีของมี


ค่าอีกไม่นอ้ ยทีนางต้องปล่อยให้หลุดมือไป นางอดทีจะเสี ยดายไม่ได้!

มองแววตาทีวูบไหวไปมาของหญิงเฒ่าแซ่ ตู้ มู่หรงเสวียก็รู้ดีว่านางกําลังคิดสิ งใดอยู่ ริ มฝี ปากจึงฉายแววยิมเยาะ


ขึน “ท่านย่า ท่านรักเอ็นดูในตัวลูกสาว อยากให้สิงใดแก่นาง ข้าก็ไม่มีสิทธิพูด และก็ไม่มีความคิดทีจะสนใจ แต่
ว่าท่านไม่ควรเอาร้านรวงของท่านแม่ไปใช้เป็ นเครื องมือเช่นนี เพราะว่าร้านรวงพวกนันเป็ นสิ งทีท่านแม่เหลือ
ไว้ให้ขา้ กับท่านพี มันไม่เกียวข้องกับท่านโดยสิ นเชิง ถ้าท่านยังดือดึงจะเก็บเอาไว้เอง ข้าคงอดไม่ได้ทีจะเล่าให้
คนนันคนนีฟังว่า สิ บปี มานี ร้านรวงพวกนันพัฒนาไปไหนทางไหนบาง......”

หญิงเฒ่าแซ่ ตูป้ รายตามองมู่หรงเสวีย แววตาเยือกเย็น คนชันตํา ถึงกับกล้าข่มขู่นาง! ดี ดีมาก!


“ก็แค่ร้านค้าหกร้าน พวกมันไม่เคยอยูใ่ นสายตาข้าแม้แต่น้อย ถ้าเจ้าอยากได้ ก็เอาไปเสี ยสิ!” แซ่ ตูห้ ยิบกล่องไม้
หอมกล่องหนึงเปิ ดออก หยิบเอาใบสัญญาด้านในโยนไปทางมู่หรงเสวีย “รี บไสหัวออกไปจากเรื อนหยก ทีนีไม่
ต้อนรับเจ้า!”

มู่หรงเสวียรับเอาใบสัญญามา มองดูอย่างละเอียดจนแน่ ใจว่าไม่มีสิงใดผิดผลาด พยักหน้าอย่างพอใจ “ไม่


รบกวนท่านย่าแล้ว ข้าเองก็รังเกียจเรื อนหยกจนหาใดเปรี ยบ สัญญาก็ได้แล้ว ระหว่างพวกเราคงไม่มีอะไรให้
ต้องเกียวข้องอีก แม้ท่านจะขอร้องข้า ข้าก็คงจะไม่มาเหยียบทีนีอีก!”

“เจ้า......” แซ่ ตูค้ วามโกรธขึนหน้า หยิบเอาถ้วยชาขว้างออกไป “ไสหัวไปให้พน้ !”

มู่หรงเสวียเพียงสบถเบาๆหยิบเอาม่านเหวียงไปด้านหน้า ได้ยนิ เพียงเสี ยง ‘เพล้ง’ ดังขึน ถ้วยชากระทบกับม่าน


จนแตก นําชาสาดกระเซ็นไปทัว ถ้วยชาแตกละเอียด......

เหล่าผูด้ ูแลทังหกยืนอยูอ่ ีกมุมหนึง ก้มหน้าก้มตา ทําเป็ นไม่เห็นการปะทะคารมระหว่างมู่หรงเสวียกับหญิงเฒ่า


แซ่ ตู ้ เรื องภายในของจวนเจินกัวโหวเหล่าผูด้ ูแลเช่นพวกเขาไม่มีสิทธิยุง่ เกียว และก็ไม่กล้ายุง่ เกียวด้วย เพียงเอา
ตัวเองให้รอดก็พอ

หญิงเฒ่าแซ่ ตูว้ างแผนยักยอกร้านค้าในสิ นเดิมของท่านแม่ นางจึงมาทวงเอาใบสัญญาของร้านค้าทังหกคืน ไม่


เพียงทําให้หญิงเฒ่าแซ่ ตูก้ บั มู่หรงโหรวฉกฉวยสิ งของในร้านไม่สาํ เร็ จ แม้แต่ใบสัญญาก็ยงั ถูกเอาไปจนไม่เหลือ
โอกาสให้ฉกฉวยได้อีก เห็นใบหน้าโกรธแค้นของหญิงเฒ่าแซ่ ตเู ้ ช่นนี จิตใจนางเป็ นสุ ขยิงนัก!

มู่หรงเสวียยกยิมเย็นชา ค่อยๆเดินไปทีเหล่าผูด้ ูแลทังหก พูดสังการอย่างชัดเจนด้วยความภาคภูมิใจ

“นอกจากเงินทีค้างมาสิ บปี ของจวนอู่อนั โหว ต่อจากนี ห้ามพวกเขาค้างชําระอีก พวกเจ้าทังหกรี บกลับไปทีร้าน


ส่ งคนไปทวงเงินทีจวนอู่อนั โหว!”
ตอนที 21 สังสอนจวนอู่อนั โหว (1)
หญิงเฒ่าแซ่ ตูก้ บั มู่หรงโหรวสองแม่ลูกนังอยูบ่ นกองเงินกองทอง ยังจะมีจิตใจโลภมากมาแย่งชิงทรัพย์สินของ
พวกนางสองพีน้อง ช่างเป็ นคนมักได้จนไม่มีทีสิ นสุ ด ความสัมพันธ์ฉันท์ญาติระหว่างพวกนางทีมีอยูน่ อ้ ยนิ ดนัน
ถูกพวกนางแม่ลูกทําลายสิ นจนไม่เหลือชินดี สิ นเดิมของแม่นางจะให้ใครก็ได้ แต่สาํ หรับคนของอู่อนั โหวนาง
ไม่มีทางยอมให้แน่

“คือ......” เหล่าเสมียนสบตากัน สี หน้าลําบากใจ “เรี ยนคุณหนูใหญ่ ทุกเดือนพวกข้าน้อยก็ได้สังให้คนไปทวงเงิน


มาโดยตลอด แต่พวกเขาก็ตอบอยูแ่ ค่ว่า เดือนหน้าค่อยคืน......”

“พอเดือนหน้าไปทวงถามก็ได้คาํ ตอบเดิม เงินทีค้างสิ บปี มานีล้วนถูกบ่ายเบียงเช่นนี มาโดยตลอด......”

“พวกข้าน้อยก็ลาํ บากใจ เคยมาขอคําปรึ กษาจากฮูหยินเฒ่า แต่ฮูหยินเฒ่าบอกว่าเป็ นคนกันเอง บนบัญชีจดไว้


ชัดเจนก็เพียงพอแล้ว เงินค่อยๆคืนก็ได้......”

พอได้ฟังคําพูดของเหล่าเสมียน มู่หรงเสวียก็ยกยิมเย็นชาทีมุมปาก หญิงเฒ่าแซ่ ตกู ้ บั มู่หรงโหรวคงเตรี ยม


แผนการยักยอกร้านค้าของท่านแม่เอาไว้อย่างไม่ตอ้ งสงสัย โลภมากและทะเยอทะยานจนคิดแผนชัวได้เช่นนี
พวกนางสองแม่ลูกช่างมีจิตใจทีเลวทรามน่ ารังเกียจยิงนัก

ตอนนีนางรับเอาร้านค้าพวกนีมาดูแล แผนการของพวกนางแม่ลูกก็สมควรจะจบลงเพียงเท่านี “ข้าได้คิดแผนไว้


แล้ว เพียงแค่พวกเจ้าทําตามทีข้าบอก ข้ารับรองว่าคนของจวนอู่อนั โหวจะเอาเงินมาคืนอย่างง่ายดาย”
“จริ งหรื อขอรับ?” เหล่าผูด้ ูแลมีแววตาเปล่งประกาย “แผนการอะไรหรื อขอรับ?”

ถนนในเมืองทีคึกคักจอแจ ผูค้ นเดินขวักไขว่ไปมา ลมต้นฤดูใบไม่ผลิพดั โชยมาเต็มไปด้วยกลินหอมของดอกไม้


นานาพันธุ์ ส่ งผลให้จิตใจของผูค้ นสงบสดชืน แสงแดดอ่อนๆสาดส่ องไปทัว ให้ความรู ้สึกอบอุ่น

รถม้าหรู หราสวยงามคันหนึงค่อยๆเยืองย่างมาหยุดอยูด่ า้ นหน้าจวนอู่อนั โหว ผ้าม่านถูกแหวกออก หญิงสาวใน


ชุดสี ชมพูผหู้ นึงก้าวเดินออกมา ดวงหน้าสวยเหมือนลูกท้อ เส้นผมเงางาม ดวงตากระจ่างใสเหมือนสายนํา นาง
คือซ่ งชิงเหยียนบุตรสาวสายตรงแห่ งจวนอู่อนั โหว

นางค่อยๆก้าวลงจากรถม้า ซ่ งชิงเหยียนถูกรับโดยสาวใช้ ค่อยๆเดินเข้าไปในจวน ปรายตามองไปทีกล่องไม้ใน


มือของสาวใช้ พร้อมยกยิมสดใส เครื องประดับแบบใหม่ทีตึกมุกหยกเพิงทําออกมา มันเหมาะกับนางมาก นาง
จึงอดไม่ได้ทีจะเอามันกลับมาด้วย

ร้านค้าของท่านป้ าใหญ่ (แซ่ เฉิ น) ก็ดีเช่นนี นางชอบอะไรหยิบอะไร เพียงแค่จดลงสมุดบัญชีกพ็ อ มิจาํ เป็ นต้อง
จ่ายเงิน

“คุณหนูใหญ่!” เหล่าทหารยามทําความเคารพนางอย่างนอบน้อม
ซ่งชิงเหยียนส่ งเสี ยงตอบรับผ่านๆ เยืองย่างเข้าประตูใหญ่ เตรี ยมทีจะก้าวไปข้างหน้า ด้านหลังกลับมีเสี ยงของ
ชายผูห้ นึ งดังขึน “ข้าน้อยเป็ นเสมียนของตึกมุกหยก ได้รับคําสังจากผูด้ ูแลร้านมาเก็บเงินทีค้างไว้จากจวนอู่อนั
โหว รบกวนพีชายช่วยแจ้งคนในจวนให้หน่ อย”

คิวสวยของซ่ งชิงเหยียนค่อยๆขมวดเข้าหากัน หมุนตัวหันไปทางเสมียนผูน้ นั เห็นเขาใส่ ผา้ หยาบสี เทา ร่ างกาย


สูงพอประมาณ หน้าตาธรรมดา เป็ นพวกทีถ้าอยูท่ ่ามกลางผูค้ นก็จะถูกมองผ่านเลยไป

“ตึกมุกหยกไม่ใช่ว่าจะเรี ยกเก็บเงินกับลูกค้าเป็ นเดือนๆไปหรื อ? วันนีไม่ใช่ตน้ เดือน และก็ไม่ใช่ปลายเดือน เจ้า


มาเรี ยกเก็บอะไรตอนนี ?” นางเพิงจะไปเอาเครื องประดับจากตึกมุกหยกมา เสมียนของร้านก็ตามมาเรี ยกเก็บเงิน
กับจวนอู่อนั โหว ตามมาทวงเงินกับนางหรื อ? ช่างน่ าเกลียดเสี ยจริ ง

เสมียนหันมองไปทีซ่ งชิงเหยียนจําได้ว่านางคือลูกค้าประจําของร้านคุณหนูใหญ่แห่ งจวนอู่อนั โหว ยิมตาหยี


ตอบ “เรี ยนคุณหนูซ่ง ข้าน้อยมิได้มาทวงเงินของเดือนทีแล้ว แต่เป็ นเงินทีแต่ก่อนค้างไว้ทีสมควรจะคืนทังหมด
ตังแต่เดือนทีแล้ว......”

“พอแล้ว พอแล้ว” ซ่ งชิงเหยียนตัดบทอย่างรําคาญใจ “ตอนนีในจวนยุง่ นิดหน่อย ไม่มีเวลาจัดการเงินค้าง


ทังหมด ปลายเดือนเจ้าค่อยมาใหม่แล้วกัน รวมบัญชีทีมีทงหมดมาให้
ั เรี ยบร้อยแล้วตอนนันพวกข้าค่อยคืน”

เสมียนยกยิม แววตาเยาะเย้ยดูถูก ก็ยงั คงพูดข้ออ้างซําๆซากๆ ข้าฟั งจนระคายหู ไปหมดแล้ว โชคดีทีตอนนีตึกมุก


หยกมีคุณหนู ม่หู รงเป็ นผูด้ ูแล เขาก็ไม่จาํ เป็ นต้องไว้หน้าคุณหนูนิสัยเสี ยผูน้ ีแล้ว
“คุณหนูซ่ง ข้าน้อยทราบว่ามาเวลานีนันไม่เหมาะ แต่ว่าผูด้ ูแลร้านบอกว่า ถ้าข้าน้อยยังไม่สามารถทวงเงินได้ จะ
ไล่ขา้ น้อยออก ข้าน้อยยังมีคนทีบ้านต้องดูแล ยังไม่อยากเสี ยงานนี ไป คุณหนูซ่งโปรดเห็นใจข้าน้อย คืนเงินที
ค้างด้วยเถอะขอรับ”

เสมียนพูดไปนําตาไหลไปท่าทางน่าสงสาร คนทีเดินผ่านไปมาเริ มให้ความสนใจ ชีนิ ววิพากษ์วจิ ารณ์ “นีเกิด


อะไรขึนหรื อ?......"

“ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน เหมือนมาทวงเงินกับจวนอู่อนั โหว......”

“เพียงคืนเงินให้เขาไปก็จบแล้ว ทําไมต้องต่อว่าอย่างรุ นแรงจนน่ าสงสารขนาดนีด้วย......”

“ใครให้นางมีพ่อเป็ นอู่อนั โหว ฐานะสู งส่ งล่ะ แค่ต่อว่าเสมียนผูห้ นึ ง ใครกันจะกล้าติเตียน......”

คําวิพากษ์วจิ ารณ์ต่าง ๆนาๆลอยเข้าหู ซ่ งชิงเหยียนโกรธจนหน้าตาแดงกํา จ้องไปทางผูค้ นอย่างรังเกียจ แก้ต่าง


ด้วยอารมณ์โมโห “ข้ายังไม่ได้ต่อว่าเขา!”

แต่ทุกคนกลับไม่คิดว่าเป็ นเช่นนัน นางเป็ นเจ้านายเพียงคนเดียวทีอยูต่ รงนี ถ้าไม่ใช่นางรังแก แล้วใครเล่าเป็ นคน


รังแก?
ซ่งชิงเหยียนกลันอารมณ์โกรธเดินไปด้านหน้าของเสมียน ดึงเสื อของเขาแล้ว ผลักออกไปทางฝูงชน “เจ้าบอก
พวกเขาไปสิ ว่าข้าไม่ได้ต่อว่าเจ้า”

เสมียนไม่ทนั ตังตัวล้มลงไปกับพืน ความเจ็บแล่นปลาบขึนมาจนเขาต้องกลันใจ มองไปทางซ่ งชิงเหยียน พลาง


พูดเน้นทีละคํา “ทีข้าน้อยมาวันนี เพียงแค่อยากจะทวงเงินทีพวกท่านค้างตึกมุกหยกเอาไว้ เหตุใดคุณหนูจะต้อง
ทําให้ขา้ น้อยลําบากใจครังแล้วครังเล่าด้วยขอรับ”

ซ่งชิงเหยียนร้อนรนใจ แววตาวูบไหวไปมาอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ พูดกล่าวขึนอย่างไม่เกรงใจว่า “ข้าไปทําให้


เจ้าลําบากใจเมือใดกัน ข้าก็ได้พูดไปแล้วว่าปลายเดือนเจ้าค่อยมาใหม่”

เสมียนพอได้ฟังจึงพูดด้วยความโกรธทีอัดอันไว้ในใจมานาน “ทุกครังทีข้าน้อยมาทวงเงินทีจวนอู่อนั โหว คน


ของจวนก็พดู เช่นนี ข้าไม่กล้าเชือคําพูดของคุณหนูอีกแล้ว ตอนนีเพราะจวนอู่อนั โหวค้างเงินตึกมมุกหยกมาเป็ น
สิ บปี ทําให้กิจการเริ มมีเงินหมุนเวียนไม่เพียงพอ ต้องการเงินไปช่วยเหลือวิกฤตนีอย่างเร่ งด่วน......”

“จวนอู่อนั โหวค้างเงินสิ บปี ไม่คืน นี มันจริ งหรื อเท็จกัน?” ชาวบ้านผูห้ นึงพูดขึนอย่างไม่อยากจะเชือ

“จริ งแท้แน่นอน ถ้าน้องชายไม่เชือ ข้าน้อยจะชีแจงให้ท่านฟั ง”

เสมียนรี บนําใบรายการทีเตรี ยมไว้ตงแรกเอาออกมา


ั อ่านเสี ยงดัง “วันทีXเดือนXปี XX ฮูหยินจวนอู่อนั โหวซื อผ้า
คลุมศีรษะหนึงผืน ผ้าคลุมศีรษะประดับอัญมณี หนึงผืน ดอกไม้ไข่มุกหนึงคู่ ราคาสองหมืนตําลึง วันทีXเดือนX
ปี XXฮูหยินจวนอูอนั โหวซื อ......”

“เป็ นวันทีเมือสิ บปี ทีแล้วจริ งๆ......ใบรายการไม่ได้เป็ นของปลอมรึ ?......”

“ใครจะกล้าปลอมของพวกนี มาใส่ ร้ายจวนอู่อนั โหว นอกจากอยากจะหาเรื องตาย......”

“ก็จริ ง ตึกมุกหยกก็ชือเสี ยงไม่เลว เสมียนก็เป็ นคนซื อสัตย์จริ งใจ ไม่มีทางปลอมของพวกนีมาใส่ ร้ายผูค้ น......”

“ระดับจวนอู่อนั โหว เอาของไปแล้วไม่จ่ายเงิน พอมีคนมาทวงเงินทีค้างไว้สิบปี พวกเขายังกล่าวข้ออ้างนู่นนีเพือ


พลัดวันประกันพรุ่ งอีก ช่างเป็ น......เฮ้อ.....”
ตอนที 22 สังสอนมู่หรงโหรว (2)
“จวนอู่อนั โหวก็ดูใหญ่โต ไม่มีทางทีจะเงินไม่พอ......”

“ใครจะไปรู ้ อาจจะไม่มีเงินจริ ง ๆก็ได้ หรื ออาจมีเงินแต่ไม่อยากจ่าย เตรี ยมทีจะหนีหนี ......”

“นิสัยคนของจวนอู่อนั โหวช่างแย่เกินไปแล้ว......”

“ใครว่าไม่ใช่เล่า......”

เสี ยงวิพากษ์วจิ ารณ์จากผูค้ นมากหน้าหลายตาลอยเข้าหู ดวงหน้าเล็กของซ่ งชิงเหยียนขึนสี แดงกํา นางเอาของ


จากตึกมุกหยกแล้วอย่างไร? ทีนันเป็ นร้านรวงของท่านป้ าใหญ่ของข้า นางเอามามากแค่ไหนก็ไม่ได้ทาํ ให้คน
ตรงหน้าพวกนีเสี ยผลประโยชน์เสี ยหน่ อย พวกเขาจะมาขุ่นเคืองทําไมกัน?

แววตาโกรธขึง เตรี ยมทีจะต่อว่าคนพวกนี แต่เสี ยงผูช้ ายวัยกลางคนสายหนึงกลับดังแทรกขึนมาเสี ยก่อน


“ข้าน้อยมาจากเรื อนผ้าไหมจินซิ ว สิ บปี มานี จวนอู่อนั โหวซื อของทีร้านของข้าน้อยไม่เคยจ่ายเงินเลยสักแดง
เดียว เมือต้นเดือนตอนทีข้ามาทวงเงิน พวกเขาก็บ่ายเบียง วันนีได้พบกับตึกมุกหยกทีประสบชะตาเดียวกันเช่นนี
เฮ้อ......งันข้าจะขออ่านใบรายการติดค้างให้พวกท่านได้ฟัง......”

“วันทีXเดือนXปี XX ฮูหยินจวนอู่อนั โหวซื อผ้าไหมสู่ สองพับ ผ้าไหมหวินสองผับ ผ้าไหมซูซิวสองผับ ราคา


หนึ งหมืนตําลึง วันทีXเดือนXปี XX ฮูหยินจวนอู่อนั โหวซื อ......”
“ยังมีร้านของข้า ร้านขายของโบราณของข้า สิ บปี มานีจวนอู่อนั โหวก็มาเอาของจากร้านข้าไปไม่นอ้ ย และ
เช่นกันคือไม่เคยจ่ายเงินแม้แต่แดงเดียว พอมาทวงถามพวกเขาก็มกั จะบ่ายเบียง ข้าก็นาํ ใบรายการมาด้วยเช่นกัน
จะขออ่านให้พวกท่านได้ฟัง......”

ร้านค้าทังหกร้าน เสมียนทังหกยืนเรี ยงหน้ากระดานอยูด่ า้ นหน้าจวนอู่อนั โหว ถือใบรายการอันยาวเยียดอ่าน


เสี ยงดัง จํานวนเงินตําลึงทีติดค้างอยูม่ ากจนฝูงชนฮือฮาไปมา

“จวนอู่อนั โหวใช้จ่ายเงินเป็ นว่าเล่น ทุกครังล้วนซื อของทีมีมูลค่าไม่นอ้ ยไปกว่าหมืนตําลึง......”

“แค่จดลงบัญชีไม่ตอ้ งจ่ายเงิน เสื อผ้า เครื องประดับ ของโบราณ ถ้าเป็ นข้าข้าก็เต็มใจจะซื อเยอะๆเช่นกัน......”

“ไม่มีเงินก็ไม่ตอ้ งซื อ เอาของของคนอืนแล้วไม่จ่ายเงิน นี นับว่าใช้ได้หรื อ?......จวนอู่อนั โหวช่าง......เหมือนกับ


ขอทานและคนชันตําบนท้องถนน......”

“ถ้ามีคนติดเงินข้ามากขนาดนี ไม่ยอมคืนหน้าด้านหน้าทน แล้วยังจะมาเอาของของข้าไปเรื อย ๆอีก เป็ นข้า ข้าจะ


ฟ้ องศาลตังแต่ตอนไม่จ่ายเงินแล้ว......”
คําวิจารณ์อย่างเยาะเย้ยดูถูกดังขึนรอบทิศทําเอาซ่ งชิงเหยียนไม่กล้าทีจะเงยหน้า ดวงหน้าแดงกํา เร่ งสังการ
“เหมยเอ๋ อร์ เหมยเอ๋ อร์ รี บไปบอกท่านแม่ของข้า......” เรื องราวกลายเป็ นใหญ่โต นางเพียงคนเดียวคงรับมือไม่
ไหวแน่

“เจ้าค่ะ!” สาวใช้เหมยเอ๋ อร์ เตรี ยมหันกายเข้าไปในจวน พอดีเห็นเข้ากับมู่หรงโหรวพร้อมกับเหล่าสาวใช้ทีกําลัง


เดินเข้ามา

ทรงผมของนางม้วนสู งขึน เผยให้เห็นดวงหน้าทีได้รับการดูแลเป็ นอย่างดีเปล่งประกายงดงาม เสริ มให้นางดู


สูงส่ งสง่างาม ปากแดงของนางเม้มเข้าหากัน สายตาเย็นมองไปเสมียนทังหก คิวสวยย่นเข้าหากัน “เกิดอะไร
ขึน?”

เสมียนทังหกสบตากัน เสมียนของตึกมุกหยกก้าวออกมา คาราวะไปทางมู่หรงโหรว “ซ่ งฮูหยิน พวกข้าน้อยมาท


วงเงินขอรับ!”

“จะเอาเงินก็ไปหาพ่อบ้านของจวนโหวสิ จะมาโวยวายอยูท่ ีนีทําไม?” มู่หรงโหรวต่อว่าเสี ยงดัง ยืนอยูด่ า้ นหน้า


จวนอู่อนั โหว อ่านใบรายการทีค้างชําระ ชาวเมืองล้วนรู้กนั หมดว่าจวนอู่อนั โหวชอบหยิบเอาสิ งของแต่ไม่
จ่ายเงิน แถมยังค้างจ่ายมาเป็ นสิ บปี ชือเสี ยงของจวนตอนนีถูกทําลายจนป่ นปี ไปหมดแล้ว

“ซ่งฮูหยิน พวกข้าน้อยก็เคยขอพบพ่อบ้านจวนโหว แต่วา่ พ่อบ้านก็บ่ายเบียงไม่ยอมคืนเงินให้ พวกข้าน้อยหา


ทางออกไม่ได้ ถึงต้องทําเช่นนี” เสมียนตึกมุกหยกอธิบายด้วยหน้าตาลําบากใจ
“ใช่ขอรับ ฮูหยินซ่ ง ร้านของพวกข้าน้อย เพราะว่าไม่ได้เงินก้อนนี คืน จึงหมุนเงินไม่ทนั ดูแล้วคงไม่สามารถทํา
กิจการต่อไปได้อีก ขอร้องท่านนําเงินก้อนนี คืนให้พวกข้าน้อยด้วยเถอะนะขอรับ” เสมียนร้านผ้าไหมจินซิ วก
ล่าวต่อ ขอร้องเสี ยงดัง

“ใช่ขอรับ ซ่ งฮูหยินท่านช่วยพวกเราด้วยเถอะขอรับ พวกข้าน้อยยังมีคนทีบ้านทังแก่ทงเด็


ั กให้ตอ้ งดูแล ถ้าร้านค้า
ปิ ดกิจการไป พวกข้าน้อยคงไม่มีปัญญาดูแลครอบครัวแล้วขอรับ......”

เสมียนทังหกอยูห่ น้าประตู นําเสี ยงสะอึกสะอืนขอร้องด้วยท่าทางทีน่าสงสาร ดูแล้วน่าอนาถยิงนัก!

ฝูงชนทีมุงดูต่างส่ ายหน้าถอนใจ “ไม่ใช่ว่าเจ้าหนีเป็ นต้องเป็ นใหญ่ ลูกหนี ต้องเป็ นรองหรอกหรื อ? ทําไมพอมา


อยูต่ รงนีกลับสลับทีกัน ลูกหนี เป็ นใหญ่ เจ้าหนี เป็ นรอง”

“ใครใช้ให้คนทีติดเงินพวกเขาเป็ นคนของจวนอู่อนั โหวกันล่ะ คนธรรมดาทีไหนจะไปสู ้ชนะขุนนาง......”

“ได้ยนิ มาว่าใต้เท้าหลินแห่ งจวนซุนเทียนเป็ นขุนนางตงฉิ น ถ้ารู ้ไปถึงหู เขา สมควรจะได้รับความยุติธรรม......”

“ยศขุนนางของใต้เท้าหลินไม่สูงเท่าอู่อนั โหว หากว่าขึนศาล ผลลัพธ์กย็ งั ยากทีจะคาดเดา......”

“ก็จริ ง ยิงยศสู งยิงกดหัวผูอ้ ืน ถ้าอู่อนั โหวกดดันใต้เท้าหลินให้ตดั สิ น......เฮ้อ......”

เสี ยงนิ นทาว่ากล่าวประดังเข้ามา สี หน้าของมู่หรงโหรวเฉยชาจนน่ากลัว สายตาเหยียบเย็นมองไปทีร่ างของ


เสมียนทังหก อดกลันความโกรธ พยายามยกยิม “เรื องคืนเงินล้วนเป็ นพ่อบ้านทีเป็ นผูจ้ ดั การ ตัวข้ามิได้รู้เรื อง
ด้วย......”
เรื องราวลุกลามใหญ่โต ชือเสี ยงของจวนอู่อนั โหวถูกทําให้เสื อมเสี ยไปแล้ว ถ้าแม่สามีกบั สามีรู้เรื องนี เข้าคง
จะต้องโมโหมาก นางคงต้องดึงตัวเองออกจากเรื องนีเสี ยก่อน ไม่ว่าอย่างไรก็ตามห้ามให้ความผิดนี ตกอยูท่ ีตัว
นาง

ฝูงชนไม่คิดว่าเป็ นเช่นนัน มู่หรงโหรวมีอาํ นาจจัดการดูแลเรื อนฝ่ ายใน ทุกๆเดือนจะต้องตรวจสอบการเบิกจ่าย


ต่างๆ นางไปเอาเครื องประดับเสื อผ้าจากร้านค้าของคนอืนมามากมาย แต่พ่อบ้านกลับไม่ยอมนําเงินทีมีไปจ่าย
หนี นางจะดูไม่ออกเชียวหรื อ?

ถ้าหากหลุดลอดสายตาไป ครังแรกไม่รู้ ยังพอว่า สองครังไม่รู้ยงั พอให้อภัย แต่นีสิ บกว่าปี ต้องตรวจมาแล้วกว่า


120 ครัง จนถึงบัดนียังไม่รู้...ฮะฮะ...คนตาบอดยังไม่โง่เท่านางเลย......

เสมียนร้านของโบราณก้าวออกมาด้านหน้า พูดเสี ยงเบา “ซ่งฮูหยิน จวนโหวบ่ายเบียงการคืนเงิน พวกข้าน้อย


ล้วนไม่ถือสาหาความ ตอนนี พวกข้าน้อยอยากได้เพียงเงินตําลึง ขอฮูหยินซ่ งได้โปรดทําตามทีข้าน้อยขอร้องด้วย
เถิดขอรับ!”

ความผิดในการทําลายชือเสี ยงของจวนอู่อนั โหว ใครอยากรับก็รับไป ไม่เกียวกับพวกเขา จุดประสงค์หลักทีพวก


เขามากันวันนี ก็คือ มาเอาเงิน!

มู่หรงโหรวแววตาเย็นชาชัวครู่ แล้วกลับเป็ นปกติ ยิมตอบ “ทังหกท่านไม่ตอ้ งเป็ นกังวล จวนอู่อนั โหวเราแต่


ไหนแต่ไรมาก็ให้ความสําคัญกับชือเสี ยง เงินทีค้างเอาไว้ทางเราจะคืนให้พวกท่านทังหมดไม่ขาดแม้แต่แดง
เดียว” ฝูงชนล้วนไม่พอใจถ้านางกล้าปฏิเสธ คงทําให้นางถูกคําวิพากษ์วิจารณ์ทบั ถมจนตาย

ทันใดนันเสมียนทังหกยกยิมอย่างยินดี ดวงตาส่ องประกายไปทีมู่หรงโหรว “ได้เช่นนันก็ดียงขอรั


ิ บ ไม่ทราบว่าฮู
หยินซ่ งจะให้เป็ นตัวเงินหรื อเป็ นเงินตําลึงขอรับ?”

ั นไม่มาก เงินตําลึงถือว่ามีบา้ ง แต่วา่ เงินค้างสิ บปี มานี ก็ไม่นอ้ ย ร่ างกายบอบบางเช่นพวกเจ้า กลัว


“ในจวนมีตวเงิ
ว่าจะเอาไปได้ไม่ได้เท่าไหร่ ......” มู่หรงโหรวยิมน้อยๆ ปรากฏแววตาเย็นเยียบ นางเพียงตกลงทีจะคืนเงินก่อน
พอฝูงชนค่อยๆแยกย้ายกันไป นางค่อยต่อว่าพวกเสมียนชันตําไม่รู้จกั กาลเทศะพวกนี......
ตอนที 23 คืนหนี
“ขอบคุณฮูหยินทีมีนาใจแต่
ํ พวกข้าน้อยได้เตรี ยมการไว้เรี ยบร้อยแล้วขอรับ” เสมียนตึกมุกหยกยิมตาหยีชีนิวไป
ทางด้านหนึงของมุมถนน ปรากฏรถม้าเกือบสิ บคันกําลังมุ่งตรงเข้ามา แต่ละคันรถมีผคู ้ ุม้ กันถือดาบขนาบข้างอยู่
สามถึงสี นาย

“เหล่าผูด้ ูแลร้านต่างก็รู้ดีว่ายอดค้างชําระเป็ นเงินจํานวนมินอ้ ย เพือกันเหตุทีไม่คาดคิด พวกข้าน้อยจึงได้ติดต่อ


กับร้านเงินเอาไว้ก่อนแล้ว และได้จา้ งให้พวกเขามานําจํานวนเงินทีได้ไปเก็บไว้ทีโกดังเก็บเงินของร้านขอรับ”

มู่หรงโหรวดวงหน้าเขียวคลํา มือภายใต้แขนเสื อกําแน่ นเข้าหากัน พวกเขาล้วนคาดการณ์ไว้แล้วว่านางจะพูด


เช่นไร ดังนันจึงวางแผนออกอุบายรอนางกระโดดเข้าไป ช่างเลวร้ายทีสุ ด!

“ซ่งฮูหยิน ถ้าเช่นนันพวกเราเริ มดําเนินการได้หรื อยังขอรับ?” เสมียนของตึกมุกหยกถามเสี ยงเบา สี หน้ามี


รอยยิมยินดีอย่างปิ ดไม่มิด มู่หรงโหรวทีเห็นเช่นนันไฟโกรธในใจพลันพุ่งสู งขึน เกลียดจนอยากจะฉี กสี หน้าได้
ใจและท้าทายของเขาออกเป็ นชินๆ

เพราะกําลังถูกฝูงชนจับจ้องอยู่ มู่หรงโหรวจึงยังไม่สามารถระเบิดอารมณ์ตอนนี ได้ ทําได้แค่เพียงอดกลันความ


โกรธ “ได้อย่างแน่ นอน หลันเอ๋ อร์ พาพวกเขาไปเอาเงินทีห้องเก็บของ!” ภายใต้นาเสี
ํ ยงเรี ยบทีดังขึนได้ยนิ เสี ยง
กัดฟั นปนอยูเ่ ล็กน้อย

“เจ้าค่ะ!” สาวใช้หลันเอ๋ อร์ ยอ่ กาย หันหน้าไปทางเสมียนทังหกพลางพูดว่า “ทุกท่านโปรดตามข้ามา!”


“รบกวนแล้ว” เสมียนทังหกโค้งกายคารวะ เชิญคนของร้านเงินตามเข้าไป พวกเขาพากันเดินเข้าไปในจวนอู่อนั
โหวอย่างอกผายไหล่ผงึ

เมือเห็นทาทางของพวกเขา ซ่ งชิงเหยียนกระแทกเท้าด้วยความโมโหและเกลียดชัง เร่ งเดินไปทางมู่หรงโหรว


“ท่านแม่จะยอมคืนเงินทังหมดให้พวกเขาจริ ง ๆหรื อ? จวนของพวกเราไม่ได้มีเงินมากขนาดนันนะเจ้าคะ!”

ไม่กีปี มานี นางกับมู่หรงโหรวมักจะเข้าออกตึกมุกหยกกับร้านผ้าไหมบ่อย ๆ ทุกครังทีไปก็จะหยิบเอาสิ งของ


กลับมามากมาย ถ้าคิดเป็ นเงินตําลึงก็คงเป็ นจํานวนทีมินอ้ ยเลย ถ้านําราคาสิ งของภายในสิ บปี มารวมกัน คงรวม
เป็ นเงินจํานวนมหาศาลแน่นอน

“ข้ารู ้!” ดวงตาของมู่หรงโหรวปรากฏแววตาคมกริ บ “แต่ถา้ เรื องทีจวนอู่อนั โหวค้างเงินสิ บปี แพร่ กระจาย
ออกไป และถ้าวันนีพวกเรายังไม่เอาเงินออกมาคืน ก็คงจะถูกประณามว่าเป็ นพวกหนี หนีและถูกชาวเมืองหลวง
หัวเราะเยาะถากถาง ยิงไปกว่านันคงถูกพวกชนชันสู งดูถูกเหยียดหยาม ไม่ว่าจะไปทีใดล้วนถูกผูค้ น
วิพากษ์วิจารณ์จนไม่มีหน้าไปมองใคร อย่างนี จะมีหน้าอยูใ่ นเมืองหลวงอีกหรื อ?”

“ร้ายแรงขนาดนันเลยหรื อเจ้าคะ?” ซ่ งชิงเหยียนขมวดคิว ใบหน้างามยูล่ ง “ท่านยายก็เกินไป อยากได้เงินแค่บอก


ก็ได้ ทําไมต้องให้พวกเสมียนมาทวงเงินทีจวนอู่อนั โหวของพวกเราให้ขายหน้าด้วย ชือเสี ยงของนางก็ใช่ว่าจะ
ไม่เสี ยหายไปด้วย......”
“เจ้ายังคิดว่าตึกมุกหยกร้านของโบราณพวกนันยังอยูใ่ นมือของท่านยายของเจ้าอยูอ่ ีกหรื อ?” มู่หรงโหรวมองไป
ทีนาง พลางยิมเยือกเย็น

ซ่งชิงเหยียนชะงักไปชัวครู่ “ความหมายของท่านแม่คือ ตึกมุกหยก ร้านของโบราณ ร้านผ้าไหมจินซิ วล้วน


เปลียนมือแล้ว......หรื อว่าจะเป็ นนางชันตํามู่หรงเสวียคนนันทีเป็ นคนทํา ครังก่อนนางก็วางแผนทวง
เครื องประดับทีข้าหยิบมาจากสิ นเดิมของท่านป้ าใหญ่ ครังนี กลับเลวร้ายยิงกว่า ถึงกับวางแผนร้ายต่อจวนอู่อนั
โหว......”

“อย่ามัวแต่พดู ให้มากความ!” มู่หรงโหรวโบกมือตัดบท หยิบกุญแจพวงหนึงออกจากแขนเสื อส่ งให้นาง “เจ้ารี บ


ไปทีห้องเก็บของหยิบเอาชุดเครื องประดับนกกระเต็น ชุดมุกแดนใต้ ชุดหยกแดง......เอาไปทีร้านตัวเป่ าแลกเป็ น
เงินตําลึง......”

พอซ่งชิงเหยียนได้ยนิ ชือของเครื องประดับ ดวงตาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ “ท่านแม่ นันมันล้วนเป็ นสิ นเดิม


ของท่าน เป็ นชุดเครื องประดับทีท่านชอบทีสุ ด!” ทังยังสัญญาว่าตอนนางออกเรื อนจะมอบให้เป็ นสิ นเดิมของ
นาง เหตุใดถึงจะขายทิง?

“สิ บปี มานี ของทีพวกเราเอามาจากร้านค้าทังหก อย่างน้อยทีสุ ดราคาก็ควรอยูท่ ีเกือบหนึ งล้านตําลึง เงินตําลึงกับ


ตัวเงินในจวนของพวกเรารวมกันไม่ได้มีมากขนาดนัน จําเป็ นจะต้องเอาสิ นเดิมบางส่ วนออกไปขายแลกเงิน
......”

มู่หรงโหรวพูดเสี ยงเบา ดวงตาปรากฏแววอํามหิ ต ตบไหล่ของซ่ งชิงเหยียนเบาๆ “เจ้าวางใจเถอะ ขอแค่ผา่ นพ้น


ช่วงลําบากนี ไปได้ แม่จะซื อพวกมันกลับคืนมาแล้วยกให้เป็ นสิ นเดิมของเจ้าแน่ !”
“เจ้าค่ะ!” ซ่งชิงเหยียนพยักหน้า ถือกุญแจไปทีห้องเก็บของอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก

มู่หรงโหรวมองไปทีคนงานร้านเงินทีเดินไปมา ผ้าเช็ดหน้าในมือถูกบิดเป็ นเกลียว ดวงตางามหรี เล็กลง ซ่ งชิงเห


ยียนถูกบีบบังคับให้คืนเครื องประดับของแซ่ เฉิ น นางเพียงนึกว่าเป็ นการทะเลาะกันระหว่างเด็กๆ เลยมิได้ใส่ ใจ

คิดไม่ถึงว่า มู่หรงเสวียถึงกับกล้าทวงใบสัญญาร้านค้าจากมือท่านแม่จนเอาคืนไปได้ แถมยังวางแผนร้ายตอนที


นางไม่ทนั ระวังตัว ทวงเอาของทีนางเอามาจากร้านค้าทังหกคืนไปได้พร้อมกับทําลายชือเสี ยงของนางและทําให้
นางอับอายต่อหน้าผูค้ นเช่นนี ช่างเป็ นแผนการทีแยบยลร้ายกาจยิงนัก

หลานสาวทีอ่อนแอของนางผูน้ ี จะต้องเป็ นคนไม่ธรรมดาแน่ ดูท่านางจะต้องหาเวลากลับไปดูทีจวนเจินกัวโหว


เสี ยแล้ว ไปพบหน้าหลานสาวทีไม่เคยมองหน้าอย่างเต็มตาเสี ยหน่อย!

แสงแดดส่ องกระทบผิวนํา ส่ องประกายสี ทองจางๆ ลมโชยไปมาอย่างบางเบา พัดพาให้ดอกไม้ลู่ไปตามลม

มู่หรงเสวียในชุดผ้าโปร่ งสี ชมพูนงอยู


ั ด่ า้ นหน้าโต๊ะกลมภายใต้ตน้ ฉยงฮวา ดูสูงส่ งสง่างาม กําลังลิมรสชาพร้อม
นับตัวเงินอย่างไม่รีบร้อน

ผูด้ ูแลร้านทังหกยืนอยูด่ า้ นข้างออกไปไม่ไกลนัก มองไปทีตัวเงินจํานวนมากมายตรงหน้า พวกเขาไม่ได้อิจฉา


ริ ษยา แต่แววตาเต็มไปด้วยความเคารพนับถือ พวกเขาใช้แผนการต่าง ๆนาๆมากว่าสิ บปี ล้วนไม่สามารถทําให้
จวนอู่อนั โหวคายเงินออกมาได้แม้แต่แดงเดียว แต่แค่ใช้แผนทีมู่หรงเสวียคิดขึนมา จวนอู่อนั โหวถึงกับร้อนรน
จนต้องเอาเงินออกมาคืน ช่างเก่งกาจเกินไปแล้ว

ตอนทีพวกเขากําลังยืนอยูท่ ีมุมถนน พอเห็นรถขนเงินถูกลากเข้าไปทีร้านเงินทีละคันสองคัน ล้วนตืนตระหนก


ไปตามๆกัน จวนอู่อนั โหวมีเงินมากมายขนาดนี กลับบ่ายเบียงไม่ยอมคืนเงิน ถือว่าแย่มาก ตอนทีพวกเขาจากมา
ได้ยนิ เสี ยงผูค้ นวิพากษ์วิจารณ์ว่าจวนอู่อนั โหวประพฤติตวั ไม่ดีอย่างโน้นอย่างนี

“เงินทีค้างชําระล้วนได้คนื จนครบถ้วน ลําบากทุกท่านแล้ว เงินพวกนี ถือเป็ นสิ นนําใจให้พวกท่าน ผูด้ ูแลร้าน


เสมียน คนงานให้ทุกคนเอาไปแบ่งกัน” มู่หรงเสวียตรวจสอบจํานวนอย่างละเอียด แน่ใจว่าไม่มีจุดผิดพลาด
หยิบเอาตัวเงินหกใบวางไว้บนโต๊ะ

ผูด้ ูแลร้านทังหกก้าวออกมารับตัวเงิน เพียงแค่เห็นจํานวนเลขด้านบน ใบหน้าของแต่ละคนก็ปรากฏรอยยิมยินดี


“ขอบพระคุณคุณหนูขอรับ!” ดูแลจัดการร้านมาก็หลายปี นี เป็ นครังแรกของพวกเขาทีได้เห็นเงินรางวัลมาก
ขนาดนี คุณหนู ใหญ่ช่างใจกว้างยิงนัก

“ถ้ากําไรปี นี ของร้านสามารถมากกว่าปี ทีแล้วได้หนึ งส่ วน(ประมาณ10เปอร์ เซ็นต์) ปลายปี ข้าจะมอบสิ นนําใจให้


เช่นนี อีก” มู่หรงเสวียยิมน้อยๆเหมือนดังดอกไม้นานาพันธ์ทีกําลังเบ่งบาน

เมือได้ฟังคํา ดวงตาของเหล่าผูด้ ูแลส่ องประกายวูบไหว คุณหนูช่างมีนาใจกว้


ํ างขวางยิงนัก สิ นนําใจทีมังคังที
นางพูดถึง คงเป็ นเงินจํานวนมิน้อย
“ขอบพระคุณคุณหนูมากขอรับ พวกข้าน้อยจะดูแลร้านด้วยแรงกายและแรงใจ จะไม่ทาํ ให้คุณหนู ผดิ หวังขอรับ”
เหล่าผูด้ ูแลกล่าวอย่างหนักแน่น ออกจากเรื อนหิ มะโปรยอย่างซาบซึ งในบุญคุณ

มู่หรงเย่รีบร้อนเดินเข้ามา มองไปทีปึ กเงินหนาๆ พลันแววตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “น้องเล็ก เจ้าคิด


วิธีการเช่นนี ออกได้อย่างไร?”

เรื องทีพวกผูด้ ูแลร้านหนักใจ ไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไรก็หาหนทางไม่ออก แต่น้องเล็กกลับแก้ปัญหาได้อย่าง


ง่ายดาย ช่างร้ายกาจเกินไปแล้ว!

มู่หรงเสวียค่อยๆจิบชา แววตาวูบไหวไปมา “จวนอู่อนั โหวเป็ นตระกูลชนชันสู ง ให้ความสําคัญกับชือเสี ยงเหนือ


สิ งอืนใด และคงไม่ชอบทีจะมีจุดด่างพร้อยแม้เพียงเล็กน้อย ข้าให้พวกเสมียนยืนอ่านใบรายการทีค้างชําระ
ด้านหน้าของจวน ซึงถือเป็ นเรื องน่ าอับอายของจวนอู่อนั โหว ถ้าคนของจวนอู่อนั โหวไม่อยากให้เรื องน่ าอับอาย
แพร่ กระจายออกไป ก็จาํ เป็ นต้องคืนเงินอย่างไม่มีทางเลือกอืน”

“เป็ นเช่นนีนีเอง” มู่หรงเย่พยักหน้าคล้ายเข้าใจ มองไปทีปึ กเงินด้วยดวงตาทีเปล่งประกาย “น้องเล็ก ตอนนี เจ้าก็


มีเงินแล้ว มอบให้ขา้ ไปใช้จ่ายสักหมืนตําลึงได้หรื อไม่ ?”
ตอนที 24 พิษกําเริบ
“ท่านจะเอาเงินไปประลองสุ นขั รึ ?” มู่หรงเสวียปรายตามองเขา สี หน้าเรี ยบเฉย

“ใช่แล้ว!” มู่หรงเย่พยักหน้า ตอบรับอย่างไม่ลงั เล ช่วงนี ในมือเขาไม่มีเงินเลยสักแดงเดียว วันวันอุดอูอ้ ยูแ่ ต่ใน


จวน เบือจนจะตายแล้ว

มู่หรงเสวียจ้องไปทีเขา พูดขึนอย่างช้า ๆ “ท่านจะเอาเงินก็ใช่ว่าจะไม่ได้ แต่บนโลกใบนีไม่มีอะไรทีได้มาเปล่า ๆ


พวกเราต้องแลกเปลียนกัน!”

คนไม่รู้จกั พอเช่นเขา รู ้จกั เพียงแต่การประลองสุ นขั ถึงนางจะมีเงินมากแค่ไหน แต่นางก็ไม่อยากทีจะใช้จ่าย


ออกไปอย่างฟุ่ มเฟื อยนัก

“แลกเปลียนกับอะไร?” มู่หรงเย่ยมตาหยี
ิ กล่าวถาม ถ้าเงือนไขไม่ยากลําบากอะไรเขายอมตกลงทังสิ น

มู่หรงเสวียหยิบหนังสื อขึนมาเล่มหนึ ง แล้วโยนไปทางเขา “ท่านท่องหนังสื อเล่มนี ได้ทงหมดเมื


ั อไหร่ ข้าจะให้
หนึ งหมืนตําลึง” หนังสื อเล่มนี นางเพียงเอามาอ่านแก้เบือเวลาไม่มีอะไรทํา เพิงจะเปิ ดอ่านไปได้สองหน้า ตอนนี
ก็ตอ้ งตกไปอยูท่ ีมู่หรงเย่แล้ว

มู่หรงเย่กม้ ลงไปมองหนังสื อทีคว้ามาได้ เห็นคําว่าหลุนหวี* (หลุนหวี เป็ นคัมภีร์จริ ยวัตรของขงจือ) บนปกสอง


คําก็เปิ ดผ่านเข้าไปด้านใน ปรากฏตัวอักษรเยอะแยะมากมายจนตาลาย ใบหน้าทีเต็มไปด้วยความมันใจ ภายใน
พริ บตากลับกลายเป็ นความลําบากใจขึนมาทันควัน “น้องเล็ก ในสายตาของข้าตัวอักษรด้านบนก็เหมือนกับ
แมลงวันทีเรี ยงกันเป็ นแถว พวกมันไม่รู้จกั ข้า ข้าก็ไม่รู้จกั พวกมัน เจ้าอย่าทําให้ขา้ ลําบากท่องพวกมันเลย”

ดวงหน้าสดใสของมู่หรงเสวียเย็นชาขึนมาทันที เขาเอาตัวอักษรไปเปรี ยบเทียบกับแมลงวันเนียนะ? มู่หรงเย่


เกลียดการอ่านหนังสื อถึงขันนี เชียวหรื อ?

“ถ้าอย่างนันไปหาท่านลุงฮุย ให้เขาสอนท่านสักสิ บกระบวนท่า รอให้ฝึกจนคล่อง ค่อยมาเอาเงินหมืนตําลึงกับ


ข้า”

มู่หรงเย่ไม่ชอบเรี ยนหนังสื อ ถึงนางไปบีบบังคับเขาก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าเช่นนันให้เขาเรี ยนวรยุทธก็ดี วรยุทธ


ของท่านลุงฮุยก็ไม่เลวนัก ให้สอนมู่หรงเย่ก็คงไม่มีปัญหา

มู่หรงเย่เมือได้ยนิ คําพูดของนาง คิวก็ค่อยๆขมวดเข้าหากัน พูดขึนอย่างลําบากใจ “ท่านลุงฮุยสอนวรยุทธ ก็มวั แต่


ให้ฝึกท่าพืนฐานตุน้ หม่าปู้ ตุน้ หม่าปู้ แล้วก็ตุน้ หม่าปู้ (ตุน้ หม่าปู้ : เป็ นท่าฝึ กขันพืนฐาน คล้ายๆกับการสควอต)
ข้าเรี ยนวรยุธมากับเขาสิ บปี เขาถึงสอนวิชาข้าแค่หนึงชุดวิชา 49 กระบวนท่า ถ้าให้ขา้ ไปเรี ยนกับเขาอีกสิ บ
กระบวนท่า น้อยทีสุ ดก็ตอ้ งใช้เวลาสองปี ข้าจะต้องเบือจนตายแน่นอน......”

ใบหน้างามของมู่หรงเสวียเรี ยบเฉยมืดครึ มจนแทบจะกลันออกมาเป็ นหมึกได้ ท่าพืนฐานตุน้ หม่าปู้ เป็ นสิ งที


ผูเ้ รี ยนวรยุทธทุกคนจะต้องเรี ยน ทีท่านลุงฮุยสังให้เขาทําท่าตุน้ หม่าปู้ บ่อยๆ ก็เพือให้เขามีพนฐานที
ื ดี แต่เขากลับ
คิดว่าท่านลุงหวงวิชาสอนแค่เพียงกระบวนท่าเดียว จะโง่งมจนเกินไปแล้ว!
ท่านลุงฮุยใช้เวลาสอน 49 กระบวนท่าเป็ นเวลาสิ บปี ไม่ใช่ว่าท่านลุงฮุยไม่อยากสอน แต่เป็ นเพราะมู่หรงเย่ทีขี
เกียจ เมือพืนฐานไม่แน่ นพอ ท่านลุงฮุยจึงเป็ นกังวลว่าถ้าสอนกระบวนท่าให้มากจนเกินไป จะทําให้ร่างกายของ
เขาได้รับบาดเจ็บ......

อ่านตําราก็ปวดหัว เรี ยนวรยุทธก็เหนื อยยาก ไม่เหมือนกับการประลองสุ นัขทีหาความสุ ขได้อย่างง่ายดาย เจ้าคน


ขีเกียจ ช่างใฝ่ หาความสุ ขในชีวติ ได้ดียงนั
ิ ก มัวแต่ใช่ชีวิตสบายไปวันๆ

แต่ว่าเงินก้อนนี ของนาง ต้องเอาความเหนื อยยากทังกายและใจไปแลกมันมา อย่าคิดหวังว่าจะมาขอไปง่ายๆ

มู่หรงเสวียเงยหน้ามองมู่หรงเย่ เตรี ยมทีจะต่อว่าเขา แต่อยูๆ่ กลับเจ็บแปลบขึนมาในอก ใบหน้างามซี ดขาวไร้สี


เลือด เหงือเม็ดโตผุดขึนเต็มใบหน้า......

“น้องเล็กเจ้าเป็ นอะไรไป?” มู่หรงเย่เห็นท่าทางของนางทีผิดปกติ ก็กา้ วเท้ามาพยุงแขนของนาง ลองเอานิ วมือ


สัมผัสบนข้อมือ ก็รู้สึกได้เพียงแต่ความเย็นเยือกไร้ซึงความอบอุ่น สี หน้าตืนตระหนกตกใจ “นีเจ้า......พิษเยือก
แข็งกําเริ บหรื อ? หงซิ ว อันเซี ยงรี บไปเอายามา!”

“เจ้าค่ะ! เจ้าค่ะ!” หงซิ วและอันเซี ยงทีคุน้ ชินกับเหตุการณ์เช่นนี ตอบรับพร้อมกับเร่ งกลับไปทีเรื อน ดวงหน้าไร้


ซึงแววตาตืนตระหนก
มู่หรงเย่หยิบผ้าเช็ดหน้าจากฝ่ ามือมู่หรงเสวีย ซับเหงือให้นางอย่างเบามือ กล่าวปลอบโยนอย่างนุ่ มนวล “น้อง
เล็ก ไม่ตอ้ งกลัวนะ พอกินยาก็ไม่เป็ นไรแล้ว”

มู่หรงเสวียพยักหน้าตอบรับอย่างยากลําบาก ในความทรงจําของเจ้าของร่ างเดิม นางประสบกับการทีพิษกําเริ บ


มาหลายครังหลายหน ทุกครังล้วนเจ็บปวดจนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่ แต่แค่เพียงทานยาความเจ็บปวดทังหมดก็
จะหายไป......

“ว้าย......”

“ว้าย......”

เสี ยงร้องสองเสี ยงดังขึนติดต่อกัน มู่หรงเย่มองไปยังทีมาของเสี ยง เห็นชายชุดดําผูห้ นึ ง โพกหน้าด้วยผ้าสี ดาํ พุ่ง


ออกมาจากเรื อนของมู่หรงเสวีย ในอกกอดกล่องไม้ใบใหญ่ไว้กล่องหนึง

อันเซี ยงล้มอยูด่ า้ นหน้าประตูเรื อน ดวงหน้าซี ดขาว ใช้แรงทีเหลือตะโกนขึน “คุณชายใหญ่......เขาขโมยยาของ


คุณหนูใหญ่ไป......”

มู่หรงเย่หรี ตาลง ร่ างผอมบางวิงมาดักหน้าชายชุดดํา ใช้ฝ่ามือโจมตีไปทีเขา “เอายาคืนมา!”

ชายชุดดําไม่สนใจ เบียงกายหลบการโจมตีของมู่หรงเย่ ทําให้ทงสองต่


ั อสู ้ปะทะกันขึนมา
ํ นสองสายพุ่งปะทะเข้าหากัน เดียวซ้ายทีเดียวขวาที แรงปะทะส่ งผล
ถ้ามองจากภายนอกจะเห็นเงาร่ างสี ดาํ สี นาเงิ
ให้ลมรอบด้านพัดหอบเอาเศษใบไม้ปลิวว่อนไปทัว

ชายชุดดําเป็ นชายวัยกลางคน วรยุทธไม่เลวนัก กระบวนท่าทีใช้ออกล้วนเร็ ว แรง และแม่นยํา แต่ละกระบวนท่า


ล้วนคมกริ บไร้เยือใย เห็นได้ชดั ว่าผ่านการต่อสู ้มาอย่างโชกโชน กระบวนท่าและท่าทางร่ วมกันเป็ นหนึง

แต่ม่หู รงเย่อายุยงั น้อย กระบวนท่าอ่อนแอเดาทางได้ง่าย ชัดเจนว่าฝึ กมาน้อย ได้ประมือกับศัตรู เพียงไม่มาก ขาด


ความคล่องตัวและพลิกแพลง เขาจึงค่อยๆเริ มตกเป็ นรอง กระบวนท่าดูสะเปะสะปะ พละกําลังทีเอาออกมาใช้ก็
ดูนอ้ ยกว่าทีควรจะเป็ นอยูค่ รึ งหนึง

เสี ยงวิงอย่างเร่ งรี บดังขึน เป็ นทหารยามจวนโหวทีรุ ดมาถึง ชายชุดดําไม่อยากให้ยดื เยือ จึงใช้มือโจมตีไปที
หน้าอกของมู่หรงเย่ หวังทีจะทําให้เขาบาดเจ็บสาหัสและอาศัยจังหวะทีเขาบาดเจ็บนันหลบหนี ไป

ดวงตาของมู่หรงเสวียปรากฏแววเยือกเย็น อดกลันความเจ็บปวดทีมี ดึงกระบีออกจากสายรัดเอวพุ่งไปทาง


ด้านข้างของชายชุดดํา ปั ดป้ องการโจมตีของเขา ฟาดกระบีออกไปอย่างต่อเนืองจนไหล่ซา้ ยของเขาปรากฏรอย
บาดแผลจากกระบีหลายแผล

“เร็ วเข้า คนร้ายอยูท่ ีนัน อย่าให้มนั หนี ไปได้!” ทหารยามวิงเข้ามาด้านในล้อมเรื อนเอาไว้ มู่หรงเสวียและมู่หรงเย่
ล้อมหน้าล้อมหลังกักชายชุดดําเอาไว้ตรงกลาง เขาได้รับบาดเจ็บเข้าแล้ว ยากทีจะหนี ไปได้
ชายชุดดําแววตาเยือกเย็น ใช้ฝ่ามือตีไปทีกล่องไม้ ได้ยนิ เสี ยง ‘ปั ง’ ดังขึน เพียงพริ บตาเดียว กล่องไม้หรู หราก็
แตกกระจาย ขวดยาและตัวยาด้านในแตกกระจายออกเป็ นผุยผงตกลงสู่ พนื ปนเข้ากับสี เขียวเหลืองบนพืนจน
แยกแทบไม่ออก......

“บัวอัคคี บัวอัคคีของน้องเล็ก......” มู่หรงเย่รีบโกยเอาเศษผงทีเต็มไปด้วยเศษดิน เศษไม้ เศษขวดยา แต่ตวั ยานัน


น้อยจนหาไม่เจอ ดวงตาสี ดาํ ของเขาเปลียนเป็ นแดงกํา ทังเตะทังต่อยไปทีชายชุดดําอย่างไม่หยุดยังไร้ซึงความ
ปราณี “เจ้าเอาบัวอัคคีของพวกเราคืนมา......น้องสาวของข้าต้องการมัน......”

ชายชุดดําก้มหน้าลง สี หน้าเรี ยบเฉย ไม่กล่าววาจาใด

กล้ามเนื อของมู่หรงเสวียเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ลําคอแห้งผาก กลันไม่ไหวจนไออกมาเสี ยหลายครัง กล่าว


เสี ยงแห้งไร้เรี ยวแรง “ท่านพีหยุดเถอะ มันเป็ นมือสังหาร อย่างไรก็ไม่ยอมพูด!”

“มือสังหาร?” มู่หรงเย่ชะงักค้าง ดวงตาสี ดาํ เงาหรี ลง กระชากคอเสื อของชายชุดดํา พูดเสี ยงดังอย่างโหดเหี ยม


“เป็ นเย่อีเฉิ นทีให้เจ้ามาขโมยบัวอัคคีใช่หรื อไม่? เจ้าไม่ตอ้ งปากแข็ง นอกจากวังจิงอ๋ องกับจวนเจินกัวโหวแล้ว
ไม่มีใครรู ้ว่าน้องสาวข้าติดพิษเยือกแข็ง และจําเป็ นต้องใช้บวั อัคคีเวลาพิษกําเริ บ!”
ตอนที 25 สาดเลือดหน้ าวังจิงอ๋ อง
มู่หรงเสวียมิได้ร่างกายอ่อนแอตังแต่กาํ เนิ ด แต่นางถูกพิษเยือกแข็งตอนอายุได้สีขวบ พิษเยือกแข็งเป็ นพิษที
อํามหิตนัก เวลาทีอาการกําเริ บจะทําให้รู้สึกเจ็บปวดเหมือนจะตายทังเป็ น หมอเทวดาทัวแคว้นชิงเหยียนไม่วา่ จะ
ใช้วิธีการใดก็ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ทําได้เพียงใช้บวั อัคคีมากดฤทธิของพิษเอาไว้เป็ นการชัวคราว
เท่านัน

หลังจากทีมู่หรงเสวียถูกวางยาพิษ มู่หรงเยว่กร็ ี บปิ ดข่าวทุกหนทาง ความลับนี มีเพียงแต่มู่หรงเยว่สองสามีภรรยา


มู่หรงเย่พีน้องฝาแฝด และอดีตจิงอ๋ องกับเย่อีเฉิ นเท่านันทีรู ้......

ชายชุดดํานิงเงียบอยูเ่ ช่นเดิม มิกล่าวว่าจาใด

ดวงตาของมู่หรงเย่ปรากฏแววอํามหิ ต เขากระชากคอเสื อของชายชุดดําเหวียงลงไปทีพืน เตะลงไปทีอกของเขา


สุ ดกําลัง แล้วหันหลังกลับก้าวเดินออกไปด้านนอก

“ท่านพี ท่านจะไปไหน ? ” มู่หรงเสวียถามด้วยเสี ยงเบาเจือความแหบแห้ง

“ไปวังจิงอ๋ อง หาเย่อีเฉิ น !” มู่หรงเย่ไม่หยุดเดิน เขาเดินออกไปด้วยความโมโหสุ ดจะทน

มู่หรงเสวียขมวดคิว “ท่านจะไปหาเขาทําไม ? ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่ยอมรับว่าเป็ นคนทําหรอก”


“ถึงเขาจะไม่ยอมรับ แต่ขา้ ก็ตอ้ งไปพบเขาทีวังจิงอ๋ อง ไม่มีทางยอมให้เขามารังแกเราโดยง่าย !” มู่หรงเย่กดั ฟั น
พูด รี บเร่ งก้าวเท้าออกนอกเรื อนหิ มะโปรย

กล้ามเนื อทัวร่ างของมู่หรงเสวียเจ็บเหมือนถูกเข็มทิมแทง ร่ างกายเต็มไปด้วยหยาดเหงือ ร่ างบางโซเซคล้ายจะล้ม


แหล่มิลม้ แหล่

สาวใช้อนเซี
ั ยงเร่ งก้าวมาด้านหน้าเพือพยุงแขนของนางไว้อย่างระมัดระวัง “คุณหนู ให้ขา้ น้อยพาท่านไป
พักผ่อนเถอะนะเจ้าคะ”

“มิจาํ เป็ น ! เจ้าพาคนชุดดําตามข้าไปทีวังจิงอ๋ อง” มู่หรงเสวียปรากฏแววตาเย็นชา วังจิงอ๋ องเป็ นทีมันของเย่อีเฉิ น


ความสัมพันธ์ระหว่างเย่อีเฉิ นกับนางช่างเลวร้ายนัก นางไม่วางใจให้มู่หรงเย่ไปทีนันเพียงลําพังแน่

ยิงไปกว่านัน หลังจากทีแยกกันทีหน้าผา นางก็เอาแต่ยงุ่ อยูก่ บั การจัดการหญิงเฒ่าแซ่ ตกู ้ บั มู่หรงโหรว ไม่ได้


ั ยที อดีตว่าทีสามีทีมีอาํ นาจทางทหารอยู่
ระมัดระวังเย่อีเฉิ นแม้แต่น้อย ถึงเวลาแล้วทีจะไปเยียมคนสู งส่ งผูน้ นเสี
ในมือ

วังจิงอ๋ อง

เย่อีเฉิ นในชุดสี ม่วง ยืนอยูด่ า้ นในของศาลาแปดเหลียม ด้านในของศาลามีขาตังวาดภาพวางอยู่ เขากําลังใช้พ่กู นั


หางหมาป่ าโบกสะบัดไปมา ทําให้ดอกชบาสวยงามดอกหนึงถูกแต่งแต้มอยูบ่ นกระดาษขาวค่อย ๆ ลอยเด่นชัด
ขึนมา
เมือคิดถึงผูท้ ีชอบดอกชบาผูน้ นั มุมปากของเขาก็ค่อย ๆ ยกยิมหล่อเหลาขึนมาอย่างไม่รู้ตวั ตอนทีภาพนีเสร็ จ
เรี ยบร้อยแล้ว เขาจะนํามันไปมอบให้กบั นาง นางจะต้องชอบอย่างแน่ นอน......

“คุณชาย ทีนี คือวังจิงอ๋ อง ท่านไม่สามารถลุกลํา......”

“ไสหัวไปออกไป ! ข้าจะพบเย่อีเฉิ น......”

“ขอประทานอภัยขอรับคุณชาย ถ้าท่านอ๋ องไม่มีคาํ สัง ไม่ว่าใครก็ตามก็ไม่สามารถเข้าวังอ๋ องได้ตามใจชอบ......”

“ข้ามีเรื องเร่ งด่วนทีต้องพบเขา ถ้าชักช้า พวกเจ้าจะรับผิดชอบไหวไหม......นี ! พวกเจ้าทําอะไร ? หยุดลากข้า


เดียวนีนะ......เย่อีเฉิ น เจ้าออกมาเดียวนี ไสหัวออกมา......”

เสี ยงวุ่นวายด้านนอกลอยเข้าหู เย่อเฉิ


ี นย่นคิวอย่างไม่ชอบใจนัก เงยหน้าหันไปมองด้านหน้า เห็นมู่หรงเย่
พยายามทีจะบุกเข้ามาในวังด้วยอารมณ์โกรธขึง แต่ถูกทหารยามสามสี นายของวังลากออกไปด้านนอกเสี ยก่อน
......

มาถึงเร็ วเช่นนี เลยหรื อ ? ช่างรวดเร็ วยิงนัก !


เย่อีเฉิ นยกยิมทีมุมปากด้วยอารมณ์ทียากจะคาดเดา ยกมือขึนโบกน้อย ๆ เหล่าทหารยามจึงหยุดการฉุดกระชาก
และปล่อยตัวมู่หรงเย่ พร้อมกับค่อย ๆ ถอยกายออกไปด้านข้าง

มู่หรงเย่ดวงหน้าบึงตึง เดินเข้ามาด้านในศาลา ยืนมือไปทีเย่อีเฉิ น และกล่าวขึนอย่างไม่ไว้หน้า “เย่อีเฉิ น เอาบัว


อัคคีมา !”

บัวอัคคีมกั พบทีภูเขาเมฆอัคคีซึงอยูใ่ นเขตแดนหวินหนาน และเขตแดนหวินหนานนี ก็เป็ นเขตทีดินศักดินา


ของจิงอ๋ อง หลังจากทีเก็บเกียวบัวอัคคีได้ส่วนใหญ่พวกเขาจะเอามาเก็บไว้ทีวังจิงอ๋ อง มีเพียงส่ วนน้อยเท่านันที
เอาออกไปขายด้านนอก

บัวอัคคีจะผลิดอกทุก ๆ ห้าปี ในห้าปี นี มีโอกาสเพียงหนึ งครังเท่านัน แถมจํานวนยังนับว่าน้อยมาก บัวอัคคีทีมู่


หรงเสวียใช้ในเวลาทีผ่านมาล้วนเป็ นมู่หรงเยว่กบั เก๋ อฮุยทยอยซื อสะสมมาจากร้านยาใหญ่ ๆ ในเมืองหลวง ซึ ง
ทังหมดนันก็ถูกชายชุดดําทําลายเสี ยจนสิ น ในระยะเวลาเพียงเท่านีมู่หรงเย่จึงไม่สามารถทีจะหาบัวอัคคีมาให้มู่
หรงเสวียได้ มีเพียงวิธีเดียวก็คือมาขอทีวังจิงอ๋ อง

เย่อีเฉิ นสี หน้าเรี ยบเฉย ยังคงวาดภาพตรงหน้าต่อด้วยท่วงท่าสู งส่ ง ใบหน้าหล่อเหลาอ่อนวัยจนผูค้ นไม่สามารถที


จะละสายตาได้ “บัวอัคคีของวังจิงอ๋ อง ทําไมข้าถึงจะต้องให้เจ้าด้วย ?”

“ก็เป็ นเจ้าไม่ใช่หรื อไงทีส่ งคนไปทําลายบัวอัคคีของน้องข้า !” มู่หรงเย่จอ้ งไปทีเย่อเฉิ


ี นอย่างเกลียดชัง “ถ้าเกิด
บัวอัคคีพวกนันยังอยูด่ ี น้องข้าปลอดภัย ข้าก็มิอยากทีจะมาเยียบวังจิงอ๋ องนักหรอก !”
“ทีบัวอัคคีของมู่หรงเสวียถูกทําลาย นันก็เป็ นเพราะคนของเจินกัวโหวไม่มีความสามารถเอง ไม่ยอมดูแลให้ดี
เหตุใดถึงเกียวกับข้าเล่า ?” เย่อีเฉิ นพูดขึนอย่างเรี ยบเฉย

มู่หรงเย่กดั ฟันโกรธ “เจ้า......ข้าขีเกียจต่อปากต่อคํากับเจ้าแล้ว เจ้าจะให้บวั อัคคีหรื อไม่ !?”

“มู่หรงเสวียขอถอนหมันกับข้าแล้ว ตอนนีวังจิงอ๋ องกับจวนเจินกัวโหวไม่มีอะไรทีเกียวข้องกันอีก ข้าจะให้บวั


อัคคีกบั เจ้าไปเพือสิ งใดกัน ?” เย่อีเฉิ นพูดด้วยนําเสี ยงราบเรี ยบอย่างไม่ใส่ ใจนัก

“จะว่าไปแล้ว เป็ นเจ้าทีอยากแต่งน้องสาวข้าเป็ นอนุ แต่นอ้ งสาวข้าไม่ยอม เจ้าถึงกับใช้แผนชันตําน่ารังเกียจ


เช่นนี มาบีบบังคับนาง ไม่คิดว่าตัวเองหน้าด้านไปหน่อยรึ ? พิษเยือกแข็งของน้องข้ากําลังกําเริ บ ถ้าก่อนคืนนี
นางไม่ได้ใช้บวั อัคคีเพือบรรเทาอาการเจ็บปวด นางอาจจะเจ็บปวดจนทนมิได้” มู่หรงเย่จอ้ งมองไปทีเขา ดวงตา
เต็มไปด้วยไฟโกรธ

เมือครู่ คาํ พูดของเย่อเฉิ


ี นยังไม่ได้จบเพียงแค่นนั เขาพูดต่ออย่างราบเรี ยบว่า “ตอนนี มู่หรงเสวียเป็ นเพียงอดีต
คู่หมันของข้า ความเป็ นความตายของนางเกียวข้องอะไรกับข้าด้วย ?”

“เจ้า !” มู่หรงเย่ปะทุความโกรธใบหน้าหล่อเหลาขึนสี แดงกํา เขารู ้ว่าไม่ว่าเขาจะพูดอธิบายเช่นไร เย่อีเฉิ นก็ไม่มี


ทางทีจะมอบบัวอัคคีให้เขาแน่ เขาพูดต่อไปก็ไร้ประโยชน์

“ของของวังจิงอ๋ องไม่ได้มีไว้มอบให้ใคร เช่นนันพวกเรามาตกลงซื อขายกัน ท่านอ๋ องเสนอราคามาเถอะ ไม่วา่


แพงแค่ไหน ข้าก็จะซื อ”
“วังจิงอ๋ องมิได้ขาดเงินทอง ไม่วา่ เจ้าจะจ่ายเท่าใด ข้าก็ไม่คิดทีจะขายบัวอัคคี มีเพียงวิธีเดียวเท่านัน ให้นอ้ งเจ้า
แต่งเป็ นพระชายารองแห่ งวังจิงอ๋ องเสี ยสิ !”

เย่อีเฉิ นเน้นเสี ยงทีประโยคสุ ดท้ายเป็ นพิเศษ มู่หรงเย่พอได้ยนิ เช่นนัน สี หน้าก็ดาํ คลําขึนทันที ดวงตาเต็มไปด้วย
ไฟแค้นจนแทบจะสามารถพ่นไฟออกมาได้

เย่อีเฉิ นไม่สนใจ ทําเพียงแหงนหน้ามองท้องฟ้ า กล่าวเตือนอย่างหวังดี “พวกเจ้ายังพอมีเวลาให้ไตร่ ตรองสองชัว


ยาม !”

“มิตอ้ งไตร่ ตรองให้มากความ ตอนนี ข้าก็สามารถให้คาํ ตอบกับจิงอ๋ องได้ทนั ที !” ร่ างของมู่หรงเสวียทีอันเซี ย


งคอยช่วยพยุงอยูค่ ่อย ๆ ก้าวเข้ามา นําเสี ยงแหบแห้ง ใบหน้าสวยขาวซี ดจนไร้สีเลือด ร่ างกายบอบบางอ่อนแอที
แค่เพียงลมพัดแผ่วเบาก็สามารถหกล้มได้ แต่ดวงตาสี ดาํ เงากลับเต็มไปด้วยความดือดึงและแข็งกร้าว ค่อย ๆ พูด
เน้นทีละคําว่า “ข้าขอยอมตาย ดีกว่าแต่งเป็ นอนุ เข้าวังจิงอ๋ อง”

มือของเย่อีเฉิ นทีกําลังวาดภาพหยุดชะงักลงทันที สี หน้าดุดนั จนน่ากลัว ดวงตาปรากฏแววอํามหิ ตอยูภ่ ายใน

มู่หรงเสวียไม่สนใจ ลากมือสังหารชุดดําทีอยูด่ า้ นหลังออกมา ผลักเขาไปด้านหน้าของเย่อีเฉิ น พูดด้วยรอยยิมว่า


“ชายผูน้ ีเป็ นคนทําลายบัวอัคคีของข้า จิตใจของเขาช่างโหดเหี ยมจนไม่อาจคาดเดา ทําร้ายข้า ต้องการให้ขา้ ตก
ตาย ข้าสื บหาเบืองหลังของเขาไม่พบ เช่นนันข้าก็จะให้เขาตายตกไปพร้อมกันกับข้า !”

พูดจบ มู่หรงเสวียก็พลิกฝ่ ามือ ใช้ปลายแหลมของปิ นปั กผมปาดเข้าทีคอของมือสังหารลากเป็ นทางยาว เลือดสี


แดงสดสาดกระเซ็นเป็ นสายไปทัว......

ั างกายแข็งทืออยูเ่ พียงครู่ เดียว พลันเสี ยง ‘ตุบ’ ก็ดงั ขึนพร้อมกับร่ างไร้ลมหายใจทีลงไปนอนกองอยูท่ ี


ชายผูน้ นร่
พืน กลินเลือดคละคลุง้ ไปทัว ทําให้ผคู ้ นต่างขนลุกชัน ในใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว......
ตอนที 26 ท้ าทาย
เย่อีเฉิ นดวงหน้าเขียวคลํา มู่หรงเสวียรู ้ตงแต่
ั แรกว่าเขาเป็ นคนส่ งมือสังหารชุดดําไป นางสื บเค้นความจริ งจากมือ
สังหารไม่ได้ จึงพาตัวมือสังหารมาฆ่าทิงต่อหน้าของเขา เพือท้าทายเขา

นําทหารยกทัพจับศึกมานานปี นีเป็ นครังแรกทีเขาพบกับคนทีกล้าท้าทายเขาถึงเพียงนี ช่างบังอาจเกินไปแล้ว !


ชัวร้ายจนถึงทีสุ ด !

“ท่านพี พวกเรากลับกันเถอะ” มู่หรงเสวียในมือถือผ้าเช็ดหน้าเช็ดเลือดทีติดอยูบ่ นปิ นปักผม ค่อย ๆ หมุนกาย

“แต่ว่า......”

“จิงอ๋ องไม่ค่อยมีเวลา ทุก ๆ วันเขาต้องจัดการธุระมากมาย พวกเราอย่าไปรบกวนเลย กลับเถอะ !” มู่หรงเสวีย


กล่าวยิม ๆ ตัดบทคําพูดของมู่หรงเย่ นางจับข้อมือของเขาและลากเขาออกไปด้านนอก

มองไปทีร่ างบางทีแสดงท่าทางไม่สนใจเขา สี หน้าของเย่อีเฉิ นจึงเคร่ งขรึ มจนน่ากลัว สะบัดแขนเสื อออกไปหนึ ง


ที ทีฝนหมึก พู่กนั ขนหมาป่ า ขาตังภาพล้วนแตกกระจายลงไปทีพืน กระดาษสี ขาวถูกย้อมไปด้วยเลือดบนพืน
ดอกชบาด้านบนถูกย้อมเป็ นสี แดง
เย่อีเฉิ นไม่แม้แต่ทีจะหันไปสนใจ เขาจ้องเขม็งไปยังทิศทางทีมู่หรงเสวียเดินจากไป ในอกปรากฏความรู ้สึก
แปลกประหลาด อยากจะระเบิดอารมณ์ แต่นางก็จากไปเร็ วเหลือเกิน ไม่มีท่าทีจะสนใจว่าพิษเยือกแข็งกําลัง
กําเริ บเลย หรื อนางจะไม่กลัวแม้สักนิ ดว่าตัวเองจะต้องทรมานจนตาย......

สวีเทียนโย่วก้าวมาด้านหน้า มองไปทีร่ างกายทีถึงจะเดินเซเล็กน้อยแต่หลังยังตังตรง ก้าวเท้าสับสนแต่กเ็ ป็ น


จังหวะ แววตาซับซ้อน “ท่านอ๋ อง พวกเราบีบบังคับจนเกินไปหรื อหรื อเปล่าขอรับ ?”

เย่อีเฉิ นแววตาไหววูบ “หมายความว่าเช่นไร ?”

“มู่หรงเย่และมู่หรงเสวียมีอายุเพียงแค่สิบสี ขวบปี ทังยังคงเป็ นเด็ก กําพร้าพ่อแม่ แถมถูกย่าเลียงกับอาหญิง


วางแผนต่าง ๆ นา ๆ ฉกฉวยเอาทรัพย์สินไป ไม่มีใครปกป้ องดูแล พวกเขาจึงกลายเป็ นคนขีระแวงไม่ไว้ใจ
ใคร ยิงพวกเราใช้วิธีการแบบนี ไปบีบคันพวกเขา ยิงจะทําให้พวกเขาต่อต้าน”

สวีเทียนโยว่ไม่เคยถูกพิษเยือกแข็ง แต่กเ็ คยได้ยนิ มาบ้างว่า มันถือเป็ นพิษทีประหลาดชนิ ดหนึง ไม่มียารักษา ทํา


ั ่ เท่านัน ทุกครังทีพิษกําเริ บ จะทําให้คนผูน้ นเจ็
ได้เพียงใช้บวั อัคคียบั ยังอาการพิษกําเริ บไว้ชวครู ั บปวดทรมานจน
เจียนตาย

มู่หรงเสวียทีกําลังมีอาการพิษกําเริ บ แต่ยาช่วยชีวิตกลับถูกทําลายจนสิ น แทนทีนางจะได้นอนพักอาการเจ็บปวด


อยูบ่ นเตียง แต่นางกลับอดกลันความเจ็บปวดมาพบเย่อเฉิ
ี น หยอกล้อแล้วฆ่าคน ทําลายแผนการร้ายของเขา
ความดือรันและแข็งกร้าวของนางนันช่างหาใครเปรี ยบ
นางทีเป็ นเช่นนี หยิงทะนง แข็งกร้าว ไม่ยอมให้ใครมากระทําและรังแกอยูฝ่ ่ ายเดียว ถ้าใครคิดร้ายต่อนาง นางจะ
เอาคืนอย่างโหดร้ายยิงกว่า

ํ าสู ้ ทําให้พวกเขารู ้วา่ ท่านอ๋ องมิได้คิดร้ายต่อพวกเขา......”


“พวกเราลองใช้การประนีประนอม ใช้นาใจเข้

เย่อีเฉิ นมีแววตาลําลึก ทีเขาอยากแต่งมู่หรงเสวียเป็ นชายาเพราะมีจุดประสงค์ แต่จุดประสงค์ของเขามิใช้การเอา


ชีวิตของพวกเขาทังสอง

ตอนนี มู่หรงเย่ยงั เด็กนัก ทังยังมีชือเป็ นจอมเสเพลแห่ งเมืองหลวง บุ๋นไม่ได้บู๊ก็ไม่ดี ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คู่ปรับของแซ่ ตู้


เพียงไม่เกินห้าปี ตําแหน่งเจินกัวโหวจะต้องเปลียนเจ้าของแน่ ความเป็ นตายของมู่หรงเย่ไม่อาจรับรองได้

ถ้ามู่หรงเสวียแต่งเป็ นชายารองของเขา มู่หรงเย่กจ็ ะถือว่าเป็ นน้องเขยของเขา พอถึงตอนนันเขาจะสามารถออก


หน้าปกป้ องมู่หรงเย่และจะสามารถรับประกันว่าเขาจะได้เป็ นขุนนางยศโหวจนตาย มีชีวติ ทีมังคังรํารวย มู่หรง
เสวียก็จะมีบวั อัคคีไว้ใช้สอยอย่างไม่มีวนั หมด ลดความเจ็บปวดจากการทีพิษกําเริ บและมีชีวติ ทียืนยาว

เรื องทีน่ายินดีเช่นนี พวกเขาทังสองมีแต่ได้และได้ ไม่ดีหรื ออย่างไร ? ทําไมมู่หรงเสวียถึงคิดไม่ได้กนั ? ยังจะมา


ทําท่าไม่พอใจกับตําแหน่ งพระชายารอง ศักดิฐานะมันสําคัญขนาดนันเชียวหรื อ ? สําคัญขนาดว่าแม้แต่ความตาย
ก็ไม่กลัวเลยหรื อ ?

“ท่านอ๋ อง มู่หรงเย่ มู่หรงเสวียสองพีน้องน่ าจะยังไปได้ไม่ไกล ข้าเรี ยกพวกเขากลับมาเพืออธิบายให้พวกเขา


เข้าใจดีรึไม่ขอรับ ?” ทีเสวียเทียนโย่วพูดว่าอธิบาย เขาไม่ได้หมายความว่าจะบอกความจริ งกับมู่หรงเย่และมู่หรง
เสวีย เพียงแค่ให้พวกชังนําหนักว่าทางเลือกไหนทีสมควรและทางไหนทีไม่สมควร เพียงแค่อธิบายให้พวกเขา
เข้าใจว่าเมือแต่งเข้าวังจิงอ๋ อง พวกเขาจะได้ผลประโยชน์อะไรบ้าง

“ไม่ตอ้ ง !” เย่อีเฉิ นส่ ายหน้าปฏิเสธ แววตาคมกริ บ “ทีมู่หรงเสวียต้องการก็คือตําแหน่ งพระชายาเอก ซึ งข้าได้ยก


มันให้กบั ยวีเยียนไปแล้ว เรี ยกมู่หรงเสวียกลับมามีแต่จะทําให้เกิดการปะทะคารมกันเสี ยเปล่า ๆ......”

“แต่ถา้ มู่หรงเสวียมิได้บวั อัคคีก่อนเวลาทีกําหนด นางจะถูกพิษกําเริ บจนตาย นางตายไปไม่น่าเสี ยดาย แต่จะทํา


ให้แผนการใหญ่ของท่านอ๋ องเสี ยเรื องเนี ยสิ ขอรับ ข้าน้อยว่าคงไม่ดีกระมัง” สวีเทียนโย่วกล่าวเสี ยงเบา ดวงตา
วูบไหวไปมา

“ไม่ว่าใครก็กลัวตายด้วยกันทังนัน มู่หรงเสวียถึงจะดือรันเพียงไร ก็คงไม่กล้าทีจะเผชิญหน้ากับความตายหรอก


พอถึงเวลา นางจะต้องกลับมา” ดวงตาของเย่อีเฉิ นปรากฏความมืดมิด พอถึงเวลานัน นางก็ไม่ได้อยูใ่ นฐานะทีจะ
สามารถต่อรองอะไรกับเขาได้อีก ทังหมดจะเป็ นเขาเองทีเป็ นผูก้ าํ หนด

ดวงอาทิตย์คล้อยตํา มู่หรงเย่จูงมู่หรงเสวียออกจากวังจิงอ๋ อง หันไปมองป้ ายหน้าวังทีมีคาํ สามพยางค์ว่า ‘วังจิง


อ๋ อง’ มู่หรงเย่พูดกล่าวอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก “น้องเล็ก พวกเราจะไปทังแบบนี จริ ง ๆ น่ ะหรื อ ?”

มู่หรงเสวียตอบรับด้วยเสี ยงราบเรี ยบ “เย่อีเฉิ นใจดําไม่ยอมให้บวั อัคคีกบั พวกเรา พวกเราอยูไ่ ปก็ไม่มีประโยชน์”


“แต่พิษเยือกแข็งในร่ างเจ้ากําลังกําเริ บ ถ้าไม่ได้บวั อัคคีมาช่วย พอถึงเวลา......ข้าไม่อยากจะจินตนาการเลยว่า
......” มู่หรงเย่พดู เสี ยงเบา แววตาเรี ยบเฉย ทัวทังเมืองหลวง มีเพียงวังจิงอ๋ องเท่านันทีมีบวั อัคคี เป็ นข้าเองทีไม่มี
ความสามารถ ไม่สามารถเอาบัวอัคคีจากจิงอ๋ องกลับมาได้สักเม็ด......

“มิตอ้ งกังวลไป มันจะต้องมีวิธีอืน !” มู่หรงเสวียเอ่ยขึนอย่างปลอบใจ ตบเบา ๆ ไปทีไหล่ของมู่หรงเย่

“พูดได้เช่นนีก็ไม่เลว แต่ว่าตอนนีเหลือเวลาแค่หนึงชัวยามครึ งเท่านัน !” มู่หรงเย่ดวงตาหม่นแสง ร้านยาใหญ่ ๆ


ในเมืองหลวงล้วนเคยถูกจวนเจินกัวโหวตรวจสอบมาหมดแล้ว ไม่ว่าเขาจะเก่งกาจแค่ไหนก็ไม่มีทางหาบัวอัคคี
เจอได้ภายในหนึงชัวยามครึ งแน่

มู่หรงเสวียค่อย ๆ หรี ตาลง พูดอย่างเนิ บ ๆ ว่า “ดอกบัวอัคคีถือว่าลดความเจ็บปวดจากพิษได้ดีทีสุ ดก็จริ ง แต่ว่า


นอกจากบัวอัคคีแล้วน่าจะมีวิธีอืนทีสามารถลดพิษทีจะกําเริ บได้อีก เช่นฝังเข็มหรื อยานํา”

มู่หรงเย่ไม่คิดเช่นนัน “วิธีพวกนันเหล่าหมอทัวทังแคว้นชิงเหยียนต่างเคยลองมาหมดแล้ว แต่กย็ งั ไม่ได้ผลอยูด่ ี


ถ้ายังอยากทีจะมีชีวิตรอด จําต้องกินบัวอัคคี......”

มู่หรงเสวียขมวดคิว นางเคยอ่านเจอในหนังสื อการแพทย์ในชาติทีแล้ว การฝังเข็มสามารถแก้พิษได้ร้อยพิษ พิษ


เยือกแข็งก็นับว่าเป็ นพิษชนิ ดหนึง จะรักษาไม่ได้จริ งหรื อ ?

“น้องเล็ก เจ้ากําลังคิดอะไรอยู่ ?” มู่หรงเย่เห็นนางขมวดคิวไม่กล่าววาจาใด ในใจก็เต็มไปด้วยความกังวล


“ไม่มีอะไร !” มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ “ท่านพี ทีเมืองหลวงมีนาพุ
ํ ร้อนรึ ไม่เจ้าคะ ?”

“นําพุร้อน ? แน่นอนว่ามี ว่าแต่เจ้าถามเรื องนีไปทําไมหรื อ ?” มู่หรงเย่มองนางอย่างไม่เข้าใจ

มู่หรงเสวียเผยยิมน้อย ๆ ท่าทางลึกลับ “ข้ามีวิธีแล้ว !”

ความมืดค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาปกคลุม ภายในวังจิงอ๋ องเริ มค่อย ๆ สว่างขึนด้วยแสงของโคมไฟ ศพด้านในศาลา


แปดเหลียมถูกเก็บกวาดอย่างเรี ยบร้อย ด้านหนึ งวางไว้ดว้ ยกระถางธูปสี ทองโชยกลินหอมอ่อน ๆ ดับกลินคาว
เลือดทีมีอยูใ่ ห้ค่อยจางลงจนหมดไป บนโต๊ะหยกขาวมีนาฬิกาทรายอันหนึ งตังวางไว้อยู่ ทรายด้านในค่อย ๆ
ไหลลงไปเรื อย ๆ

เย่อีเฉิ นนังอยูด่ า้ นหน้าของโต๊ะหยก พลิกหน้าหนังสื อไปมา สายตาคล้ายตังใจคล้ายมิตงใจ


ั มองไปทางประตู
ใหญ่แห่งวังจิงอ๋ อง ประตูสีแดงยังคงเปิ ดออกอ้า นอกจากร่ างของทหารยามแล้ว ยังไม่มีเงาร่ างของผูใ้ ดปรากฏ
เลย

เย่อีเฉิ นปิ ดหนังสื อลงอย่างรําคาญใจ มองไปทีนาฬิกาทราย ใบหน้าหล่อเหลาพลันเคร่ งขรึ มขึน ใกล้จะถึงเวลา


แล้ว แต่ยงั ไม่เห็นวีแววของมู่หรงเสวียเลยสักนิ ด นางไม่กลัวตายจริ ง ๆ น่ ะหรื อ ?

ทรายในนาฬิกาทรายไหลลงไปอย่างช้า ๆ เสี ยงเบาจนแทบไม่ได้ยนิ เม็ดทรายเนี ยนละเอียดค่อย ๆไหลรวมกัน


เป็ นกอง ใกล้หมดเวลาเข้าไปทุกทีแล้ว อยู่ ๆ เย่อีเฉิ นก็ลุกขึนคว้าเอาขวดยาบัวอัคคีเดินออกไปด้านนอก

สวีเทียนโยว่แววตาตกตะลึง “ท่านอ๋ อง ท่านจะไปทีใดหรื อ ? ”


ตอนที 27 พบคุณชายโอวหยางอีกครัง
“ไปหามู่หรงเสวียทีจวนเจินกัวโหว !” เย่อีเฉิ นพูดตอบขณะกําลังก้าวเดินออกไป “แผนการใหญ่ของข้าจําต้อง
ได้รับความช่วยเหลือจากมู่หรงเสวีย นางยังตายตอนนีไม่ได้เป็ นอันขาด !”

เสี ยงเย็นลอยเข้าหู สวีเทียนโย่วถอนหายใจอย่างโล่งอก ถ้ามู่หรงเสวียยังมีชีวิตอยู่ อีกไม่นานแผนของท่านอ๋ องก็


จะสําเร็ จ แต่ถา้ มู่หรงเสวียเกิดตายขึนมา พวกเขาจะต้องปรับเปลียนแผนอีกมากมาย ในทีสุ ดท่านอ๋ องก็คิดได้เสี ย
ทีว่าตอนนีจุดประสงค์หลักยังมิสาํ เร็ จ จึงตัดสิ นใจมอบทางรอดให้กบั มู่หรงเสวีย ช่างเป็ นเรื องทีประเสริ ฐยิงนัก
“ท่านอ๋ อง ท่านส่ งคนเอาบัวอัคคีไปให้กเ็ พียงพอแล้ว มิจาํ ต้องไปด้วยตนเองหรอกพ่ะย่ะค่ะ”

เย่อีเฉิ นหยุดเท้าแววตาวูบไหวไม่เป็ นธรรมชาติ พอคิดว่ามู่หรงเสวียจะถูกพิษกําเริ บจนตายจิตใจของเขาก็รู้สึก


หงุดหงิดขึนมาอย่างแปลกประหลาด เลยคว้าเอาบัวอัคคีเตรี ยมทีจะนําไปให้นางโดยมิได้คิดสิ งอืนใด “ข้ามีเรื อง
ทีจะต้องบอกกล่าวกับมู่หรงเสวีย ไปจวนเจินกัวโหวด้วยตัวตนเองจะดีกว่า !”

สวีเทียนโย่วพยักหน้าเข้าใจ ท่านอ๋ องเป็ นเจ้านายของวังจิงอ๋ อง เขานําบัวอัคคีไปมอบให้มู่หรงเสวียด้วยตัวเอง


แล้วทําการตกลงเงือนไขกับนาง ดูจะดีกว่าทีจะส่ งคนรับใช้ไปแทน แต่ว่า “ท่านอ๋ อง แต่วา่ ตอนนี มู่หรงเสวีย
ไม่ได้อยูท่ ีจวนเจินกัวโหวนะพ่ะย่ะค่ะ”

แววตาของเย่อีเฉิ นไหววูบ “ถ้าเช่นนันนางอยูท่ ีใด ?” ไม่ใช่ว่าไปโรงหมอ คิดจะหาหมอให้ช่วยขับพิษเยือกแข็ง


หรอกนะ ติดพิษมาสิ บปี นางคงไม่โง่งมจนถึงไม่รู้ว่ามีแค่บวั อัคคีเท่านันทีจะหยุดอาการพิษกําเริ บได้

“บ่อนําพุร้อนพ่ะย่ะค่ะ !” สวีเทียนโย่วเรี ยนตอบสถานทีตามคําพูดทีได้รับมาจากสายสื บทุกคําทุกพยางค์


ดวงตาของเย่อีเฉิ นหรี เล็กลง บ่อนําพุร้อน ! นางไปทําอะไรทีนันกัน ?

นําในตอนกลางคืนทีหนาวเหน็บ มู่หรงเย่ยนื อยูบ่ ริ เวณริ มบ่อนําพุร้อน ในมือถือโคมทีเพิงซื อมาใหม่ อีกมือหนึ ง


พยุงมู่หรงเสวีย สายตามองไปทีบ่อนําพุร้อนเบืองหน้าทีเต็มไปด้วยไอร้อน ในใจเต็มไปด้วยความสับสน “น้อง
เล็กพวกเรามาทีนี ทําไมกัน ?”

“มาขับพิษ” มู่หรงเสวียแววตาเคร่ งขรึ ม พูดเน้นทีละคํา

“นําร้อนช่วยขับพิษได้หรื อ ?” มู่หรงเย่เบิกตากว้างด้วยความแปลกใจ

มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ ในชาติทีแล้วมีการค้นพบว่านําพุร้อนสามารถรักษาโรคและบรรเทาอาการเจ็บปวด รวมถึง


ชําระล้างสิ งสกปรกได้ และยังทําให้ผวิ อ่อนนุ่ มขาวสวย “พิษเยือกแข็งเป็ นพิษประหลาด อาศัยแค่นาพุ
ํ ร้อนอย่าง
เดียวไม่มีทางขับพิษออกได้ ต้องฝังเข็มเพิมอีกทางเป็ นการสอดประสาน”

“จริ งหรื อ ?” มู่หรงเย่ยงั คงเชือครึ งไม่เชือครึ ง

“แน่นอนว่าจริ ง ข้าเคยพูดปดกับท่านเมือไหร่ กนั ?” มู่หรงเสวียพูดตอบเสี ยงเบา แววตาหนักแน่น

มู่หรงเย่เลิกคิว น้องเล็กไม่เคยปดเขา “แต่ว่าทีนี ไม่มีหมอ แถมยังไม่มีเข็มเงิน......”


“ไม่เป็ นปั ญหา ข้าเคยดูรูปภาพจุดสําคัญต่าง ๆ บนร่ างกายมนุษย์จนรู ้แน่ ชดั ว่าแต่ละจุดอยูต่ รงไหน ส่ วนเข็มเงิน
......” มู่หรงเสวียดึงเครื องประดับบนศีรษะ ดีดเล็กน้อย ก้านของเครื องประดับดีดตรงออกกลายเป็ นก้านเงินยาว
คล้ายเข็มเงิน “ใช้สิงนีแทนก็ได้แล้ว”

“ใช้สิงนีแทนได้จริ งหรื อ ?” มู่หรงเย่มองไปทีก้านเงินเหล่านันอย่างละเอียด ยังคงมิค่อยวางใจนัก

“ข้าไม่มีทางเอาชีวิตตัวเองมาล้อเล่นหรอกน่า ท่านวางใจเถอะ” มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ ตบมือไปทีไหล่ของมู่หรง


เย่เบา ๆ แล้วค่อยไหว้วาน “ท่านช่วยข้าเฝ้ ารอบ ๆ บริ เวณนี ห้ามให้ผใู ้ ดเข้ามารบกวนข้า”

มองไปยังแววตาทีฉายแววมันอกมันใจของนาง มู่หรงเย่กก็ ลืนคําพูดทีจะกล่าวแย้งกลับลงไปเสี ยสิ น แล้วรี บ


เปลียนเรื อง “เช่นนันข้าจะไปทีด้านนอกของป่ า รับรองว่าจะไม่มีใครเข้าใกล้ทีนี ได้เด็ดขาด เจ้ามีอะไรก็เรี ยกข้า
เสี ยงดัง ๆ ก็แล้วกัน !”

“ตกลง !” มู่หรงเสวียพยักหน้า มองส่ งมู่หรงเย่ทีถือโคมไฟออกจากป่ าไป นางค่อย ๆ แกะสายรัดเอวถอดชุดส่ วน


นอกออก เหลือแต่ชุดด้านในก้าวลงไปในบ่อนําพุร้อน

ตอนนีร่ างของนางถูกล้อมรอบไปด้วยนําพุร้อน ไอความร้อนไหลเข้ามาในร่ างกายอย่างต่อเนือง ความเจ็บปวด


และไอเย็นในร่ างกายค่อย ๆ บรรเทาลง
มู่หรงเสวียถอนหายใจอย่างโล่งอก นําร้อนสามารถบรรเทาความเจ็บปวดของพิษเยือกแข็งได้จริ ง แต่ว่าพิษเยือก
แข็งเป็ นพิษทีร้ายแรง นําพุร้อนตอนนี ก็ทาํ ได้แค่ยบั ยังพิษเอาไว้เท่านัน ไม่สามารถขับพิษได้

มือเล็กขาวซี ดค่อย ๆ หยิบก้านเงินมาด้านหน้า ภายใต้แสงจันทร์ปลายเข็มแหลมคมส่ องประกายแวววับ พิษต่าง


ชนิ ดกัน จุดฝังเข็มก็จะไม่เหมือนกัน การฝังเข็มของเหล่าแพทย์ทวชิ
ั งเหยียนไม่สามารถแก้พิษได้ อาจเป็ นไปได้
ว่าฝังเข็มไม่ถูกจุด นางต้องลองเปลียนจุดในการฝังเข็ม ถึงแม้ว่าจะแก้พิษได้ไม่หมด แต่อย่างน้อยก็น่าจะสามารถ
รักษาชีวิตเอาไว้ได้......

เสี ยงนํากระเพือมบางเบาสายหนึ งดังเข้าหู แววตาของมู่หรงวูบไหว หันหน้ามองไป “นันใคร !”

“ข้าเอง !” เสี ยงทุม้ ของชายหนุ่ มดังขึน ได้ยนิ แล้วไพเราะน่าฟังรู ้สึกคุน้ หู

มู่หรงเสวียเพ่งมองไป ก็พบเข้ากับชายหนุ่ มผูห้ นึ งกําลังค่อย ๆ แหวกนําเดินเข้ามา ชุดส่ วนในสี ขาวของเขาเปี ยก


ลู่แนบไปกับร่ างกายกํายํา รู ปร่ างสมชายชาตรี เส้นผมสี ดาํ ถูกรวบมัดไว้ดา้ นหลัง คิวดกสวยได้รูป ดวงหน้า
งดงามหล่อเหลาราวกับงานเขียนชันเลิศ เขาก็คือบุตรชายในเซี ยวเหยาอ๋ อง คุณชายโอวหยางนันเอง

“ทําไมท่านถึงมาอยูท่ ีนี ได้ ?” มู่หรงเสวียเบิกตากว้างด้วยความตกใจ รี บถดร่ างลงไปในนําจนถึงแค่ระดับลําคอ


ผิวนําถูกบดบังด้วยไอร้อน เขาอยูห่ ่ างจากนางตังสามเมตรคงไม่สามารถมองเห็นร่ างกายของนางได้

“ทีนี เป็ นทีดินของวังเซี ยวเหยาอ๋ อง ข้ามาแช่นาร้


ํ อนในทีของตัวเอง มีอะไรตรงไหนทีน่าแปลกหรื อ ?”คุณชาย
โอวหยางพูดด้วยนําเสี ยงเรี ยบง่าย แววตาสี ดาํ ขลับส่ องประกายอารมณ์ดี
มู่หรงเสวียใบหน้าเคร่ งขรึ ม ทําไมมู่หรงเย่ถึงไม่บอกนางสักคํา ? ถ้ารู ้แต่แรกว่าทีนีเป็ นทีของเซี ยวเหยาอ๋ อง นาง
คงไตร่ ตรองเสี ยก่อนทีจะมา......

ํ ร้อนทีนี มู่หรงเย่ขออนุญาติจากพ่อบ้านของวังเซี ยวเหยาอ๋ องไว้แล้ว ถึงแม้จะเจอกับ


ก่อนทีนางจะมาแช่นาพุ
คุณชายโอวหยาง นางก็ไม่ได้ผดิ เพราะได้รับการอนุ ญาตแล้ว “ทีนี ก็มีบ่อนําพุร้อนตังมากมาย คุณชายจะเลือกแช่
บ่อไหนก็ได้ ทําไมจะต้องมาแช่บ่อเดียวกับข้าด้วย ?”

มองไปทีดวงตาทีเต็มไปด้วยความโกรธของนาง คุณชายโอวหยางยกยิมมุมปากทียากจะได้พบเจอ พูดขึนเสี ยง


ราบเรี ยบ “ข้าแช่อยูต่ รงนี มาแล้วหนึงเค่อ* (เค่อ : คําบอกระยะเวลาของจีน หนึงเค่อจะเท่ากับประมาณ 15 นาที)
แต่เป็ นเจ้าต่างหากเล่าทีเพิงมา......”

มู่หรงเสวียชะงักไป พูดไปพูดมากลายเป็ นนางทีเป็ นคนผิดไปเสี ยแล้ว “แล้วทําไมท่านไม่บอกกล่าวเล่า ? ถ้าข้ารู ้


ว่าทีนี มีคน ข้าจะได้ไปทีอืน ไม่กล้ารบกวนคุณชายเช่นนี......” ยังดีทีนางไม่ชอบเปลือยกายตอนแช่นาพุ
ํ ร้อน
ไม่อย่างนันนางคงถูกเขาเอารัดเอาเปรี ยบเป็ นแน่

คุณชายโอวหยางเลิกคิว พูดด้วยนําเสี ยงเรี ยบเฉย “เมือครู่ ขา้ เผลอหลับไป พอได้ยนิ เสี ยงนําไหว ถึงค่อยตืน
ขึนมา”
“ท่าน !” มู่หรงเสวียโกรธจนถึงทีสุ ด นางกับมู่หรงเย่ส่งเสี ยงพูดคุยกันทีริ มบ่อนําพุมาตังนาน เขาไม่ตืน แต่เพียง
เสี ยงแหวกนําทีบางเบากลับทําให้เขาตืนเสี ยได้ หลอกใครทีไหนก็ไม่มีทางเชือ เขาต้องตืนอยูแ่ ต่แรกและมอง
นางก้าวลงบ่อนําพุร้อนแน่ คงตังใจจะยัวให้นางโมโห

นางจ้องคุณชายโอวหยางอย่างไม่พอใจ พอดีกบั ทีเขามองมาทางนาง ดวงตาสี ดาํ ของเขาช่างลําลึกจนมองไม่เห็น


จุดสิ นสุ ด

มู่หรงเสวียตัวแข็งทือ ไม่ใช่ว่าคุณชายโอวหยางยังคงแค้นทีนางไปทําลายการเดินหมากของเขาหรอกนะ ? สิ งที


เขากระทําต่อศัตรู ช่างน่ากลัวยิงนัก เช่นนันนางคงต้องใช้แผนทีสามสิ บหกหนี เป็ นมาตรการตอบรับ อย่าไป
โวยวายเรื องเล็กน้อยเช่นนี จะเป็ นการดีทีสุ ด !

มู่หรงเสวียแววตาวูบไหว หยิบชุดส่ วนนอกทีวางอยูร่ ิ มบ่อนําพุขึนใส่ จนเรี ยบร้อยแล้วก้าวขึนจากบ่อ เตรี ยมทีจะ


เดินออกไป พลันด้านหลังปรากฏแรงดึงสายหนึง นางทีไม่ทนั ตังตัว ถูกลากถอยหลังไปหลายก้าว เสี ยง ‘ตูม’ ดัง
ขึนพร้อมกับนางทีตกกลับลงไปในบ่อนําพุร้อน นําสาดกระเซ็นไปทัว......

“คุณชายโอวหยาง !” มู่หรงเสวียเงยหน้าขึนจากนํา เส้นผมและเสื อผ้าเปี ยกลู่ไปกับเรื อนรางจนเผยสัดส่ วนน่าดู


พอดีสบเข้ากับแววตาทีลําลึก......
ตอนที 28 การพบกันระหว่ างศัตรู แห่ งความรัก
ดวงตาสี ดาํ เข้มคมกริ บราวกับเหยียว ให้ความรู ้สึกเย็นชา และยังให้ความรู ้สึกลึกลับดังเช่นทะเลสาบอันเงียบสงบ
ทีสามารถกลืนกินทุกสิ งทุกอย่างได้ ทําให้ผคู ้ นรู ้สึกลุ่มหลงยากจะถอนตัว......

เจ้าของแววตานันแลดูปราดเปรื อง สู งส่ ง แต่ก็ให้ความรู ้สึกอันตรายในคราเดียวกัน ทางทีดีคือนางควรอยูไ่ กลเขา


ให้ได้มากทีสุ ด นี คือความคิดทีนางมีต่อคุณชายโอวหยางในช่วงหน้าสิ วหน้าขวานเช่นนี แต่ยงั ไม่ทนั ทีจะได้ขยับ
ตัวไปไหน คุณชายโอวหยางก็ยนแขนยาวทั
ื งสองข้างออกมากักขังนางเอาไว้ระหว่างตัวเขากับริ มบ่อนําพุร้อน
พลางก้มหน้ามองนาง แววตาสี ดาํ เข้มวูบไหวไปมา “เจ้ายังจะคิดหนี อีกหรื อ ?”

ลมหายใจอุ่นถูกพ่นรดใบหน้านาง กลินหอมของไม้ไผ่หอมโชยบางเบาไปทัวทิศ มู่หรงเสวียดวงตาวูบไหวอย่าง


ไม่เป็ นธรรมชาติ คุณชายโอวหยางมีวรยุทธ์ทีสู งกว่านาง ทังยังขังนางไว้ในอ้อมแขนแกร่ งของเขา นางคงมิ
สามารถทีจะหนีออกไปไหนได้ เขากับนางทังคูต่ ่างก็อยูท่ ีเมืองหลวง มีโอกาสสู งนักทีจะบังเอิญได้พบกันอีก
ความแค้นเล็ก ๆ ระหว่างพวกนางจะยืดเยือต่อไปก็ดูจะไม่ดีนกั เช่นนันก็ควรปรับความเข้าใจกันเสี ยวันนีให้
ชัดเจนจะเป็ นการดีเสี ยกว่า

เงยหน้ามองไปทางคุณชายโอวหยาง มู่หรงเสวียพูดเน้นขึนทีละคํา “คุณชายโอวหยาง ข้าก็แค่ทาํ ลายการเดิน


หมากของท่านเพียงแค่หนึ งตา เพียงเพราะเรื องนีท่านก็โกรธเกลียดข้าจนมาถึงบัดนี เลยหรื อ ?”

แล้วยังคราวนันทีเขากําข้อมือของนางจนเขียวเป็ นรอยนิ วมืออีก นางต้องทายาไปตังหลายรอบจนกว่าจะหายดี


จนถึงตอนนี ก็ยงั เป็ นรอยจาง ๆ อยูเ่ ลย นางยังไม่เคยแม้แต่จะโกรธเกลียดเขาเลยสักนิ ด “ลูกผูช้ ายอกสามศอก
ทําไมถึงใจแคบเพียงนี ?”
คุณชายโอวหยางทีเมือผ่านมาเห็นมู่หรงเสวีย นางก็มกั จะมีท่าทางเย็นชาเรี ยบเฉย ราวกับไม่ว่าอะไรจะเกิดขึนก็
ไม่เก็บมาใส่ ใจ ยากทีเดียวทีจะเห็นนางมีอารมณ์โกรธเช่นนี อยู่ ๆ เขาก็รู้สึกอารมณ์ดีขึนมา มุมปากยกยิมขึนจน
เปล่งประกายหล่อเหลา “ข้าก็ใจแคบแบบนีแหละ !”

“ท่าน !” มู่หรงเสวียโมโห จ้องเขม็งไปทีเขา เจ้าคนใจแคบ เจ้าคนเพียน

“การเดินหมากของท่านก็ถูกทําลายไปแล้ว ท่านจะมาโมโห จะมาต่อว่าข้าไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก” ตอนนันที


นางเห็นกระดานหมากก็ถกู ทําลายไป ถ้าคุณชายโอวหยางทําดีกบั นางสักหน่อย นางก็จะพยายามนึกว่าตอนนัน
หมากแต่ละตัววางไว้ทีใดบ้าง พยายามทําให้มนั เหมือนเดิม แต่การกระทําของเขานัน......เหอะ ! นางเลยขีเกียจจะ
สนใจ ปล่อยให้เขาคิดหาทางไปเองเถอะ

“นันเป็ นการเดินหมากเจินหลง ถือว่าเป็ นวิธีการเดินหมากทีลําลึกมาก เจ้าทําลายมันก็เหมือนทําลายความ


พยายามทีข้าลงแรงลงกายไป ถ้าพูดกันตามเหตุผลแล้ว ข้าจะต้องสังสอนเจ้าด้วยโทษสถานหนัก ทว่าเจ้าร่ างกาย
อ่อนแอทังยังเป็ นหญิง ข้าจึงผ่อนปรนให้เจ้า ไม่ทาํ โทษเจ้า แต่เจ้าต้องตอบตกลงข้าก่อนหนึ งเรื อง ข้อบาดหมาง
ระหว่างพวกเราจึงจะถือว่าเสมอกันไป !” คุณชายโอวหยางพูดด้วยท่าทีสบายๆ ดวงตาอ่านไม่ออกว่ากําลังคิดสิ ง
ใดอยู่

“ข้อตกลงอะไร ?” มู่หรงเสวียสายตาฉายแววสงสัย คุณชายโอวหยางมีฐานะเป็ นผูส้ ื บทอดตําแหน่ งเซี ยวเหยา


อ๋ อง นังอยูบ่ นกองเงินกองทองและความสู งส่ ง ลูกน้องทีมีความสามารถในมือก็มีมากมาย ความรํารวยทีผูค้ น
คาดหวังและอยากได้รวมถึงความสัมพันธ์เส้นสาย ทังหมดนีเขาล้วนไม่ขาด และด้วยเหตุนีข้อเสนอของเขา
จะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
ภายใต้แสงจันทรา ใบหน้าของมู่หรงเสวียถูกไอร้อนจากบ่อนําพุร้อนอังจนกลายเป็ นสี แดงกุหลาบ ขนตายาวปก
คลุมไปด้วยหยดนําใส ดวงตาสี ดาํ ขลับ ผิวขาวเนี ยนเรี ยบผุดผ่อง ชุดส่ วนในใต้นาเดี
ํ ยวผลุบเดียวโผล่ คอเรี ยว
ระหงเผยออกสู่ ผิวนํา ช่างเป็ นความงามทีดึงดูดผูค้ นยิงนัก ริ มผีปากแดงเม้มเข้าหากัน ยัวยวนให้ผคู้ นอยากทีจะ
เข้าไปลิมลอง......

แววตาของคุณชายโอวหยางดูลาลึ
ํ กวูบไหวไปมา เขาค่อยๆก้มหน้าลงสัมผัสกับปากสี ชมพูระเรื อของนางอย่าง
แผ่วเบา......

ความรู ้สึกอบอุ่นทีบริ เวณริ มฝี ปากแล่นขึนมา มู่หรงเสวียรู ้สึกเหมือนได้ยนิ เสี ยง ‘ตึง’ ดังขึนในใจ ความคิดในหัว
กลายเป็ นสี ขาวโพลน ผ่านไปชัวครู่ ถึงจะหลุดจากภวังค์ มองไปทีดวงหน้าหล่อเหลาทีใกล้ชิดเข้ามา แววตาของ
นางกลายเป็ นเย็นเยียบ ผลักเขาออกไปสุ ดแรง กล่าวอย่างโกรธขึงว่า “คุณชายโอวหยาง ท่านทําอะไร ?”

ั แรก แต่ก็ยงั ถูกนางผลักจนเซถอยออกไปตังสองก้าวถึงจะกลับมา


คุณชายโอวหยางทีเตรี ยมรับผลทีทําไว้ตงแต่
ยืนตัวตรงได้ ริ มผีปากเหลือไว้ซึงกลินหอมทีมีเฉพาะตัวนาง หอมหวานจนทําให้ผคู ้ นติดใจ ยินดีกบั ดวงตาโกรธ
ขึงของนาง มุมปากของเขายกยิมขึน “นีเป็ นข้อตกลงทีข้าพูดถึงอย่างไรเล่า !”

“แต่ขา้ ยังมิได้ตอบตกลง ทําไมท่านกลับ......กลับ......” มู่หรงเสวียโมโหโวยวาย ใครกันทีพูดว่าบุตรชายแห่ ง


เซี ยวเหยาอ๋ องสูงส่ งสง่างาม นิสัยดีงาม ? เชิญไสหัวออกมา นางรับรองว่าจะไม่ตีให้ถึงตาย !

“แต่เจ้าก็ไม่ได้บอกว่าไม่ตกลง !” คุณชายโอวหยางพูดขึนเรี ยบเฉย


“ข้า......” มู่หรงเสวียชะงัก เมือครู่ เขาก็ไม่ได้พูดว่าข้อตกลงอะไร จะให้นางจะปฏิเสธได้อย่างไรเล่า ?

นางกัดฟั นโกรธเตรี ยมจะเถียงกลับ แต่ทนั ใดนันความเจ็บปวดก็เริ มปะทุขนึ เจ็บไปทัวทังร่ าง ความเจ็บปวดและ


ไอความเย็นไหลไปทัวทุกจุดชีพจร แค่เพียงพริ บตาก็แพร่ กระจายไปทัวทังร่ าง

ดวงหน้าของนางพลันกลายเป็ นสี ขาวซี ด เม็ดเหงือไหลเต็มหน้าผาก คิวขมวดเข้าหากันแน่ น

แววตาของคุณชายโอวหยางชะงัก “เจ้าเป็ นอะไรไป ?”

“ข้า......พิษกําเริ บ” มู่หรงเสวียตอบกลับอย่างยากลําบาก ไม่มีใจทีจะไปสนใจคุณชายโอวหยางอีก พลิกกายจะ


ขึนไปจากบ่อนําพุร้อน ทว่าบนฝังกลับว่างเปล่าไม่พบก้านเงินทีเคยวางเอาไว้

คงจะเป็ นตอนทีนางตกนําเลยกระเด็นหายไป นําในบ่อนําพุร้อนไหลไปมา ไม่รู้ว่าก้านเงินเหล่านันจะไหลไปอยู่


ทีไหนแล้ว ตอนนี นางไม่สามารถใช้กา้ นเงินขับพิษได้อีกแล้ว !

มู่หรงเสวียจับปิ นปั กผมทียังอยูบ่ นพืน แววตาอ่านไม่ออก เตรี ยมใช้มนั ปาดเข้าทีข้อมือซ้ายของตนเอง

“เจ้าจะทําอะไร ?” คุณชายโอวหยางเร่ งฝี เท้าเดินเข้ามา ยึดเอามือขวาของนางไว้ เพือให้นางหยุดความคิดทีจะทํา


ร้ายตัวเอง
“ถ่ายเลือดขับพิษ !” มู่หรงเสวียพูดเน้นทีละคํา เสี ยงแหบแห้ง หลังจากทีถูกพิษ พิษก็จะไหลเวียนอยูใ่ นกระแส
เลือด การถ่ายเลือด ก็เท่ากับการถอนพิษ ทว่าพิษเยือกแข็งนันอํามหิ ตนัก อย่างน้อยทีสุ ดนางก็ตอ้ งถ่ายเลือดออก
ไปครึ งหนึงเสี ยก่อน ถึงจะปลอดภัยจนผ่านพ้นคืนนีไปได้

คุณชายโอวหยางย่นคิว “ร่ างกายของเจ้าอ่อนแอ ถ้าเกิดเสี ยเลือดมากอาจจะมีอนั ตรายถึงชีวิตได้......”

มู่หรงเสวียยิม ทีเขาพูดมาทังหมดนันนางรู ้ดี แต่ว่า “พิษเยือกแข็งในร่ างกายของข้ากําลังไหลเวียนไปทัว ไม่วา่


เมือใดก็อาจทําให้เส้นเลือดแตกได้ตลอดเวลา ถ้าข้าไม่ถ่ายเลือดคงต้องตายในไม่ชา้ ”

“วางใจเถอะ ข้าไม่มีทางให้เจ้าตายแน่ ” แววตาสี ดาํ ของคุณชายโอวหยางกลายเป็ นเย็นเยียบ แขนยาวของเขาค่อย


ๆ โอบเอวของนางอย่างแผ่วเบา รวบนางเข้าสู่ ออ้ มอก

ร่ างกายนุ่มนิ มบอบบางของมู่หรงเสวียแนบชิดไปกับอกแกร่ งของคุณชายโอวหยาง ทังสองเพียงถูกขันกลางด้วย


เสื อผ้าเนื อบาง นางสัมผัสได้ชดั เจนถึงร่ างกายทีแข็งแกร่ งของเขา ตัวนางเต็มไปด้วยความตกใจและเริ มทีจะดิน
โวยวาย “คุณชายโอวหยางท่านทําอะไร ?”

“ช่วยเจ้าขับพิษเยือกแข็ง !” คุณชายโอวหยางพูดกล่าวอย่างเรี ยบเฉย มือซ้ายยึดเอาข้อมือทังสองข้างของนางไว้


หยุดการดินรนของนาง มือขวาของเขาเลือนจากเอวไปทีแผ่นหลังบาง
ทันใดนันร่ างของมู่หรงเสวียพลันแข็งทือ เสื อนอกตกไปในบ่อนําพุร้อน ตอนนี นางเหลือเพียงชุดส่ วนในทีมี
เพียงสายรัดสองเส้นคือทีเอวและคอ ส่ วนแผ่นหลังนันเปลือยเปล่า รวมถึงฝ่ ามือของคุณชายโอวหยางทีเลือนไป
หยุดอยูท่ ีสายรัดตรงคอของนาง เพียงแค่ดึงเบา ๆ ชุดส่ วนในของนางก็จะหลุดออกไปโดยง่าย......

“ท่านมิใช่หมอ จะช่วยข้าขับพิษได้อย่างไร ?” เจอกับเรื องเมือครู่ มา มู่หรงเสวียไม่กล้าทีจะไว้ใจนิสัยของคุณชาย


โอวหยางอีกต่อไป ใช้แรงดินไปมาเพือทีจะหลุดออกจากการเกาะกุมของเขา

“มิตอ้ งกังวล ข้าพูดว่าได้กย็ อ่ มได้ !” มือของคุณชายโอวหยางยึดเอวบอบบางของนางเอาไว้แน่น ฝ่ ามือทีหยุดอยู่


ด้านหลังของนางค่อย ๆ ปล่อยพลังปราณออกมา

ช่วงเวลานัน มู่หรงเสวียรู ้สึกว่าด้านหลังกําลังมีสิงแปลกปลอมสายหนึ งไหลเข้ามาสู่ ร่าง เพียงพริ บตาก็ไหลไปทัว


ร่ างกายกดดันความเจ็บปวดและความหนาวเย็นตามจุดชีพจรต่าง ๆ เอาไว้อย่างรวดเร็ ว

มู่หรงเสวียชะงัก หยุดดินรน ชัวครู่ กร็ ู้สึกถึงไอร้อนจากนําพุร้อนโดยรอบกายค่อย ๆ ไหลเข้ามาทางผิวหนัง


หลอมรวมเข้ากับพลังปราณทีเข้ามาจากทางแผ่นหลัง พวกมันบรรเทาอาการเจ็บปวดและความหนาวเย็นให้
หายไปอย่างรวดเร็ ว พิษเยือกแข็งค่อย ๆ สลายหายไปทีละนิดทีละนิ ด ถูกพลังปราณและไอความร้อนของนําพุ
กลืนกินขับไล่จนมิหลงเหลือ

ความอบอุ่นของนําพุร้อนไหลเวียนไปทัวจุดชีพจร พลังปราณทีมาจากแผ่นหลังก็ค่อย ๆ แปรเปลียนเป็ นความ


อบอุ่น นางรู้สึกสบายตัวจนพูดมิออก

หัวใจทีเต้นแรงของมู่หรงเสวียค่อย ๆ ผ่อนคลายลง ความเหนื อยอ่อนค่อย ๆ เข้ามาแทนที นางปิ ดตาลงอย่างช้า ๆ


กลินหอมของไม้ไผ่จาง ๆ ลอยเข้าจมูก ทําให้รู้สึกสงบใจ......

เมือคนในอ้อมกอดนิ งไป คุณชายโอวหยางก็กม้ ลงไปมอง เห็นเพียงมู่หรงเสวียทีหลับตาพริ มอยูใ่ นอ้อมอกของ


เขา แพขนตายาวเรี ยงสวยคล้ายพัด จมูกขยับหายใจแผ่วเบา ท่าทางสุ ขสบายจนทําให้ผคู ้ นใจสัน......

คุณชายโอวหยางอดไม่ไหวค่อยๆยืนมือออกไป นิวมือสัมผัสไปทีดวงหน้าของนาง จู่ๆเสี ยงทีเต็มไปด้วยความ


โกรธสายหนึ งดังขึน ดังจนสามารถทําให้กอ้ นเมฆปลิวกระจายหายไป“พวกเจ้ากําลังทําอะไร ?”
ตอนที 29 การเผชิญหน้ าระหว่ างศัตรู แห่ งความรัก
เงาของร่ างสี ม่วงสายหนึ งค่อย ๆ ลอยลงมาจากท้องฟ้ ายามราตรี ดว้ ยความองอาจสง่างาม ใบหน้าของเขาหล่อ
เหลายากทีจะหาใดเปรี ยบ คนผูน้ ันคือจิงอ๋ องเย่อีเฉิ น สายตาคมกริ บมองไปยังมู่หรงเสวียและคุณชายโอวหยางที
อยูภ่ ายในบ่อนําพุร้อน แววตาเต็มไปด้วยไฟโกรธ โกรธถึงขนาดทีสามารถแผดเผาให้พวกเขาไหม้เป็ นจุลได้

ดวงตาของคุณชายโอวหยางส่ องประกายดุดนั หยิบกระโปรงยาวทีเปี ยกอยูใ่ นนําขึนมาห่มคลุมเรื อนร่ างที


ล่อแหลมของมู่หรงเสวีย กล่าวไล่แขกอย่างไม่เกรงใจ “จิงอ๋ อง ทีนี ไม่ตอ้ นรับเจ้า ขอให้เจ้าจากไปเดียวนี !”

“มิรบกวนให้คุณชายโอวหยางต้องกังวลใจ ข้าหาคนทีต้องการพบแล้ว คงจะอยูท่ ีนี อีกไม่นานนัก” เย่อีเฉิ นทีเคย


พบกับความเจ้าแผนการและวรยุทธ์ทีสู งส่ งของคุณชายโอวหยางมาแล้ว บวกกับทีนี ก็เป็ นเขตของวังเซี ยวเหยา
อ๋ อง ดังนันตอนนี ถ้าเขามีการกระทบกระทังกับคุณชายโอวหยางคงไม่เหมาะนัก และตัวเขาเองก็ขีเกียจทีจะมี
ปัญหากับคุณชายโอวหยางด้วย เขาเพียงต้องการตัวคนทีตนเองกําลังหาอยูเ่ ท่านัน “มู่หรงเสวีย เจ้ามานี !”

เขากลัวว่านางจะเจ็บปวดจากอาการพิษกําเริ บจนตาย ตลอดทังคืนเขาจึงออกตามหาตัวนางไปทัวเพือทีจะมอบ


บัวอัคคีให้ แต่นางกลับมาแช่นาพุ
ํ ร้อนกับคุณชายโอวหยางเช่นนี สองชายหญิงร่ างกายแนบชิดกัน ช่างเป็ น
กระทําทีน่าละอายยิงนัก

เสี ยงสังการแข็งกร้าวลอยเข้ากระทบกับโสตประสาท มู่หรงเสวียคิวขมวดเข้าหากัน เตรี ยมทีจะตอบโต้เขาสัก


ประโยคสองประโยค แต่คาดไม่ถึงว่าร่ างกายของนางตอนนีกลับอ่อนแอไร้เรี ยวแรง ไม่ว่านางจะพยายาม
อย่างไร เปลือกตาก็หนักจนไม่สามารถเปิ ดขึนได้ ได้แต่นึกเสี ยดายในใจ เลิกทีจะตอบโต้วาจาของเขา
นางทีอิงแอบอยูก่ บั อกของคุณชายโอวหยางไม่แม้แต่ทีจะขยับเขยือน รวมทังเปลือกตาก็ยงั ไม่ยอมเปิ ดออก มอง
จากในมุมมองของเย่อเฉิ
ี นดูเหมือนนางกําลังเมินเฉยใส่ เขา ทันใดนันแววตาของเขาก็เต็มไปด้วยไฟโกรธวูบไหว
ไปมา “มู่หรงเสวีย !”

“ไม่ตอ้ งเรี ยกแล้ว พิษเยือกแข็งของนางกําลังกําเริ บ ไม่ว่างทีจะมาสนใจเจ้า !” คุณชายโอวหยางพูดตอบขึนอย่าง


เย็นชา

เย่อีเฉิ นชะงัก เขาหานางเจอในเวลาทีทันท่วงที ขวดกระเบืองสี ในมือส่ องประกายสี ขาวภายใต้แสงจันทรา ในนี


บรรจุไว้ดว้ ยบัวอัคคีทีจะสามารถช่วยชีวิตมู่หรงเสวียได้ เขายังไม่ตอ้ งการให้นางตายตอนนี แน่ นอนว่าเขาจะต้อง
มอบบัวอัคคีให้นางแน่ แต่ว่าก่อนทีจะมอบบัวอัคคีให้นาง เขาจะต้องทําให้นางได้รู้ว่าในโลกใบนี มีแต่เขาเท่านัน
ทีช่วยนางได้ ถ้านางยังอยากทีจะมีชีวิตอยู่ นางก็จะต้องพึงพาแค่เขาเท่านัน

เขาหันหน้าไปมองมู่หรงเสวีย พอดีกบั ทีคุณชายโอวหยางกําลังมองไปทีนาง ใบหน้าสี เลือดฝาดทีเพิงกลับมาเป็ น


ปกติของนางพลันกลับไปขาวซี ดอีกครัง เม็ดเหงือค่อย ๆ ผุดไหลออกจากบริ เวณหน้าผาก ร่ างกายบอบบางค่อย
ๆ กระตุกขึนอีกครัง

สายตาของคุณชายโอวหยางเต็มไปด้วยความสงสัย หรื อว่านาง......จะพิษกําเริ บอีกครัง ? ดูท่าว่าพลังปราณบวก


กับไอร้อนทีผนวกรวมกันทําได้แค่ยบั ยังพิษในร่ างกายของนางเพียงชัวครู่ ถ้าอยากรอดพ้นคืนนี ไปคงจําต้องกิน
บัวอัคคีเท่านัน
คุณชายโอวหยางสะบัดฝ่ ามือ เพียงพริ บตาชุดขาวริ มฝังก็ลอยเข้ามาทีมือของเขา เขานําชุดนันมาห่ มคลุมร่ าง
ของมู่หรงเสวียทับลงไปอีกชัน อุม้ นางลอยขึนแล้วกระโดดไปบนฝัง ดีดนิวเพียงหนึงครัง ทันใดนันรอบกายของ
พวกเขาก็เต็มไปด้วยหมอกควันสี ขาว รอจนหมอกควันสลายหายไป ร่ างกายของพวกเขาทังสองก็แห้งสนิททันที

เขายืนมือขาวราวกับหยกเข้าไปในแขนเสื อ แล้วหยิบเอาขวดกระเบืองสี เขียวออกมา เปิ ดฝาออก เทเอาเม็ดยา


ออกมาหนึงเม็ด ป้ อนให้กบั มู่หรงเสวีย

ระหว่างทีมู่หรงเสวียกําลังเจ็บปวดไปทัวทังร่ าง นางก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างทีเต็มไปด้วยรสฝาดและขมถูกใส่ เข้ามา


ในปาก ขมจนแทบอยากจะคายออกมา

คุณชายโอวหยางปิ ดปากนางแน่ น พูดนําเสี ยงทีอ่อนโยนว่า “ห้ามคาย กลืนลงไปแล้วเจ้าจะปลอดภัย”

“คุณชายโอวหยาง ท่านให้นางกินอะไร ?” เย่อีเฉิ นดวงหน้าเหยียบเย็น พูดถามขึนด้วยเสี ยงอันดัง ระหว่างทีพิษ


กําเริ บ ถ้าหากกินยาชนิ ดอืนมัวซัว นางอาจจะเป็ นอันตรายถึงชีวิตได้

“บัวอัคคี” คุณชายโอวยางพูดขึนอย่างราบเรี ยบ

แววตาของเย่อีเฉิ นหรี เล็กลง “ทําไมท่านถึงมีบวั อัคคีได้ ?” บัวอัคคีจะพบได้แค่ทีหุ บเขาเมฆอัคคีเท่านัน หลังจาก


ทีเก็บเกียวแล้วก็จะเก็บเข้าวังจิงอ๋ อง มีเพียงส่ วนน้อยทีจะหลุดออกมาภายนอก ซึ งทังหมดก็ถูกจวนเจินกัวโหว
ซือไปจนหมดแล้ว......
“เจ้ามีได้ ทําไมข้าจะมีไม่ได้ ?” คุณชายโอวหยางปรายตามองเขา มองท่าทางทีเหนือกว่านันแล้วสี หน้าของเย่อี
เฉิ นก็เริ มทีจะไม่พอใจ “ก็แค่บวั อัคคีเม็ดเดียวเท่านัน มีอะไรให้น่าภูมิใจกัน ?”

“บัวอัคคีแค่เม็ดเดียวของข้า สามารถช่วยชีวิตของมู่หรงเสวียได้ แต่ท่านจิงอ๋ องทีมีบวั อัคคีมากมาย กลับไม่


สามารถช่วยคนได้......” นําเสี ยงไพเราะของคุณชายโอวหยางเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม

เสี ยงลมหายใจสมําเสมอของมู่หรงเสวียทําให้เขาหมดอารมณ์ทีจะโต้เถียงกับเย่อีเฉิ นต่อ “พิษเยือกแข็งของเสวีย


เอ๋ อร์ได้ถูกยับยังแล้ว ข้าจะพานางไปพักผ่อนเสี ยหน่ อย ขอลา !”

เย่อีเฉิ นสี หน้าซี ดเผือด เสวียเอ๋ อร์ งนหรื


ั อ ? เรี ยกขานกันสนิทสนมเสี ยจริ ง !

สายตาเห็นคุณชายโอวหยางทีกําลังอุม้ มู่หรงเสวียขึน หมุ่นตัวเตรี ยมทีจะจากไป ดวงตาของเย่อเฉิ


ี นเย็นเยียบ นิว
มือภายใต้แขนเสื อค่อย ๆ ยืดออก พลังปราณทีแข็งแกร่ งสายหนึ งพุ่งโจมตีไปยังคุณชายโอวหยางรอบทิศทาง

“ท่านน่ะไปได้ แต่ตอ้ งปล่อยมู่หรงเสวียไว้ทีนี !”

เสี ยงสังการทีดุดนั และเย็นชาลอยเข้าหู คุณชายโอวหยางยกยิมดูถกู ค่อย ๆ ดีดนิ ว พลันพลังปราณนับไม่ถว้ น


ตอบรับการโจมตีทีมาจากรอบทิศทาง ได้ยนิ เพียงเสี ยง ‘ปั ง ปั ง ปั ง’ ดังขึน พลังปราณหนาแน่นพลันระเบิดกลาง
อากาศ ส่ งผลให้ฝนควั
ุ่ นฟุ้ งกระจายไปทัว......
หลังจากฝุ่ นควันสลายหายไป โดยรอบกลับเต็มไปด้วยความว่างเปล่า ไม่พบร่ องรอยของคุณชายโอวหยางกับมู่
หรงเสวียอีก ริ มบ่อนําพุเหลือเย่อีเฉิ นแต่เพียงผูเ้ ดียว

เมือมองไปยังทิศทีทังสองจากไป ดวงหน้าของเย่อีเฉิ นก็ดุดนั จนน่ากลัว ฝ่ ามือภายใต้แขนเสื อค่อย ๆ กําแน่ น ได้


ยินเพียงเสี ยง ‘เพล้ง’ ดังขึน ขวดกระเบืองภายในมือก็แตกละเอียด เศษผงของกระเบืองและเศษผงของตัวยาผสม
ปนเปเข้ากับเลือดสี แดงสดจากนิวมือของเขาหยดลงสู่ พนื แต่เขากลับไม่รู้สึกเจ็บปวดใด ๆ ทําเพียงเพ่งมองไป
เบืองหน้าอย่างเย็นชา แววตาส่ องประกายอํามหิ ต คุณชายโอวหยาง ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าเอาไว้แน่ !

ท้องฟ้ ายามคําคืนทีมืดมิด คุณชายโอวหยางอุม้ มู่หรงเสวียกระโดดผ่านบ้านเรื อนหลังแล้วหลังเล่า ถนนสายแล้ว


สายเล่า จนค่อย ๆ ลอยเข้าวังเซี ยวเหยาอ๋ อง ชุดสี ขาวหิ มะโบกสะบัดไปมา ถึงแม้ว่าจะเป็ นเพียงชุดส่ วนในแต่เขา
ก็ยงั คงดูสูงส่ งและสง่างาม

สวินเฟิ งทีเฝ้ าอยูใ่ นเรื อนรี บเร่ งเท้าเดินเข้ามา นําเสี ยงเคารพนอบน้อม “คุณชาย”

เมือสายตามองเห็นคนทีอยูใ่ นอ้อมอกของคุณชายโอวหยาง ตัวของเขาก็แข็งชะงักไปครู่ หนึ ง คนผูน้ นถู


ั กคลุมไว้
ด้วยชุดนอกของคุณชายโอวหยาง ใบหน้าซบเข้ากับแผ่นอกของเขา มองไม่ออกว่าหน้าตาเป็ นเช่นไร แต่เส้นผม
ของนางเรี ยบสวยเงางาม รู ปร่ างบอบาง อ่อนแอน่าทะนุถนอม ดูสมส่ วน แน่นอนว่าต้องเป็ นหญิงสาว

แต่ไหนแต่ไรมาคุณชายก็ไม่เคยมีเรื องชูส้ าวเลย ? ทําไมวันนีถึงได้พาหญิงสาวกลับมาด้วย ?


คุณชายโอวหยางตอบรับเพียง ‘อืม’ อย่างเรี ยบเฉย ก้มหน้ามองหญิงสาวทีหลับใหลในอ้อมอก ใบหน้าก็ปรากฏ
รอยยิมหล่อเหลาอย่างเปล่งประกาย เมินเฉยสวินเฟิ งทีกําลังทําท่าทางไม่เข้าใจ อุม้ มู่หรงเสวียเดินหายเข้าไปใน
ห้อง ดีดนิ วปิ ดประตู บดบังสายตาทีมองมาของสวินเฟิ ง

เมือก้าวเข้ามาด้านในแล้ว คุณชายโอวหยางค่อย ๆ วางตัวมู่หรงเสวียลงบนเตียงทีดูหรู หราอย่างบางเบา ดึงเอาชุด


ก่อนหน้าทีคลุมตัวของนางออก แล้วห่ มผ้าห่ มให้นางอย่างทะนุ ถนอม

มู่หรงเสวียทีกําลังหลับตาพริ ม ขนตายาวคล้ายปี กของผีเสื อ ริ มผีปากสี ชมพูปิดสนิ ทเข้าหากัน นอนหลับอย่างสุ ข


สบายจนทําให้อดใจไม่ไหวทีจะกลันแกล้ง หยกสี ขาวดังนํานมล่วงหล่นออกมาจากชุดของนาง ตกลงสู่ หมอน
บนตัวหยกถูกผูกไว้กบั ด้ายแดงทีคล้องอยูก่ บั คอของนาง

คุณชายโอวหยางทีนังอยูข่ า้ งเตียง หยิบเอาตัวหยกขึนมา เห็นว่าตัวหยกถูกสลักเอาไว้ดว้ ยความประณี ตงดงาม ผิว


เนี ยนลืนละเอียดอ่อน เงางามวาววับ พออยูใ่ นมือจะให้ความรู ้สึกอบอุ่น แต่ถา้ ถือนานเกินไปเลือดภายในร่ างกาย
ก็จะอุ่นขึน เป็ นหยกร้อนชันดีกอ้ นหนึง มีค่าเปรี ยบได้กบั เมืองทังเมือง

นางพกหยกก้อนนีติดตัวอยูต่ ลอดเวลา !

แววตาของคุณชายโอวเปล่งประกายอย่างยินดี แต่ก็ค่อย ๆ เปลียนเป็ นเรี ยบเฉย ใส่ หยกก้อนนันกลับเข้าไปข้าง


ในเสื อขของมู่หรงเสวียอย่างระมัดระวัง ลูบไล้ไปตามผิวเนียนของนาง นิวมือขาวราวหยกหยอกเย้าใบหน้าเรี ยว
เล็ก ถอนหายใจแผ่วเบา “เจ้าจําข้าไม่ได้แล้วจริ ง ๆ น่ะหรื อ ?” แต่เขากลับจํานางได้ขึนใจ จดจํานางได้มิเคยลืม
ตอนที 30 ร่ วมเตียง
ลมหนาวยามคําคืนพัดโชยมาแผ่วเบา ร่ างบางค่อยๆ ขดตัวเข้าหากัน ริ มผีปากซี ดผาด มู่หรงเสวียทีอยูภ่ ายใต้ผา้
ห่ มผืนบางตัวสันเล็กน้อย

สายตาของคุณชายโอวหยางมีแววชังใจอยูช่ วครู
ั ่ จากนันเขาจึงค่อย ๆ ถอดรองเท้าออกแล้วเลิกผ้าห่ มขึนสอดตัว
เข้าไปนอนข้าง ๆ ร่ างของมู่หรงเสวีย ยืนมือออกไปเพือรังเอาร่ างของนางเข้ามาในอ้อมกอด ฝ่ ามือขาวราวหยก
วางไว้ทีแผ่นหลังของนาง ค่อย ๆ ส่ งพลังปราณเข้าไป

พลังจากภายนอกไหลเข้าสู่ ภายใน ค่อย ๆ กลายเปลียนเป็ นความอบอุ่นไหลวนไปมาในจุดชีพจร ขับไอเย็นที


ยังคงค้างคาอยูใ่ ห้ค่อย ๆ ออกไป ริ มฝี ปากของมู่หรงเสวียค่อย ๆกลับกลายเป็ นปกติ ใบหน้าขาวซี ดค่อย ๆ
ปรากฏรอยเลือดฝาด

เมือมองไปยังหญิงสาวทีหลับสบายอยูใ่ นอ้อมอกของเขา คุณชายโอวหยางก็ยกยิมขึนอย่างมีความสุ ข เขาดีดนิ ว


เบา ๆ ปล่อยให้ลมสายหนึ งพุ่งออกไป ดับแสงไฟทัวทังห้อง กระชับกอดคนในอ้อมอก และผล็อยหลับไปทัง
รอยยิม

แสงจันทร์ สีเงินทะลุผา่ นเข้ามาทางหน้าต่าง สาดแสงไปทีเตียงอันหรู หราหลังใหญ่ดา้ นใน ยิงทําให้รู้สึกถึงความ


อบอุ่นและหอมหวานของทังคู่ทีกําลังกอดกันและกัน
ในระหว่างทีสะลึมสะลือ มู่หรงเสวียได้ยนิ เสี ยงหายใจดังขึนอย่างสมําเสมอ นางรู ้สึกว่ามีแขนอบอุ่นสองข้าง
กําลังพาดอยูท่ ีบริ เวณเอวของนาง กลินหอมของไม้ไผ่บางเบาลอยเข้าจมูก มู่หรงเสวียร่ างกายพลันแข็งทือ ลืมตา
ตืนขึนทันใด

ภาพทีปรากฏตรงหน้ากลับเป็ นแผ่นอกขาวของคนผูห้ นึง เสี ยงเต้นของหัวใจเป็ นจังหวะดังเข้าหู ลมหายใจอุ่น


พ่นรดเส้นผมของนาง นางตกตะลึงเร่ งผลักคุณชายโอวหยางออกแล้วยันกายลุกขึน

ผ้าห่ มผืนบางค่อย ๆ ไหลหลุดลงจากตัว เผยให้เห็นเรื อนร่ างของนางทีสวมใส่ เพียงเอียมชุดตัวใน นางทังตกใจ


ทังร้อนรนรี บหยิบเอาผ้าห่ มขึนมาปกปิ ดร่ างกาย พลางเร่ งสํารวจตัวเองอย่างละเอียด ร่ างกายของนางยังปกติดี ไม่
มีอาการปวดทีเอว หลังไม่เจ็บ ผิวขาวผ่องใสเรี ยบเนียนไม่มีร่องรอยอืนใด เห็นดังนันนางถึงค่อย ๆ โล่งใจ

คุณชายโอวหยางมองสี หน้าทีเปลียนไปเปลียนมาของนาง พลันมุมปากก็ยกยิมขํา เขาลุกขึนนังช้า ๆ แววตา


คมชัดและแจ่มใสไม่มีร่องรอยของคนทีเพิงถูกปลุกให้ตืน “เจ้าตืนแล้วหรื อ ?”

“ทีนี คือทีใด ?” มู่หรงเสวียยึดผ้าห่ มพลางขยับกายถอยออกมา พยายามเว้นระยะห่ างกับเขา จ้องเขม็งไปโดยรอบ


ชุดโต๊ะเก้าอีไม้หอม เครื องประดับของตกแต่ง วัตถุโบราณ เรี ยบง่ายแต่ก็ดูสูงค่า นีไม่ใช่เรื อนของนางทีจวน
เจินกัวโหวนี

“วังเซียวเหยาอ๋ อง......ห้องของข้าเอง” เสี ยงเรี ยบ ๆ ของคุณชายโอวหยางดังขึน “หลังจากทีกินบัวอัคคีเข้าไปเจ้าก็


สลบไม่ได้สติ ถ้าข้าส่ งเจ้ากลับจวนเจินกัวโหวไปในสภาพเช่นนันจะทําให้ชือเสี ยงของเจ้าเสี ยหาย จะปล่อยเจ้า
ทิงไว้ในห้องเพียงลําพังข้าก็มิค่อยวางใจนัก ข้าจึงพาเจ้ามาพักผ่อนทีนีแทน”
พิษเยือกแข็งเป็ นพลังสายหยิน บัวอัคคีเป็ นพลังสายหยาง เมือทังสองรวมเข้าด้วยกันก็จะมีปฏิกิริยาทีรุ นแรง ทุก
ครังทีเจ้าของร่ างเดิมใช้บวั อัคคี นางจะสลบไปเป็ นประจํา หลังจากทีมู่หรงเสวียกินยาเข้าไป ก็เตรี ยมทีจะส่ งเสี ยง
ให้ม่หู รงเย่ได้ยนิ และเร่ งเข้ามาพานางกลับจวนเจินกัวโหว แต่วา่ ร่ างนี กลับอ่อนแอเกินไป นางยือเอาไว้ได้แค่ไม่กี
นาทีกส็ ลบไม่ได้สติ

คุณชายโอวหยางเมือเห็นนางสลบไป จึงพานางกลับมาพักทีวังเซี ยวเหยาอ๋ อง ก็ถือว่าไม่ผดิ นัก แต่วา่ “ในห้องนี มี


เตียงหนึงหลัง ตังอีกหนึงตัว พวกเราสามารถนอนได้คนละตัว ทําไมท่านต้องมานอนเตียงเดียวกันกับข้าด้วยเล่า
?”

เกินเป็ นคนมาสองชาติ นีเป็ นครังแรกของนางทีได้นอนร่ วมเตียงเดียวกับผูช้ าย เลยรู ้สึกทําตัวไม่ค่อยถูก

คุณชายโอวหยางปรายตามองนาง พูดตอบช้า ๆ “เมือคืนนีขนาดเจ้าห่ มผ้าแล้วยังหนาวจนตัวสัน ข้ากลัวว่าเจ้าจะ


หนาวจนไม่สบายถึงมานอนทีเตียงแล้วใช้พลังปราณขับไอเย็นให้เจ้า......”

มู่หรงเสวียหายใจติดขัด ในความทรงจําของเจ้าของร่ างเดิม ไม่ว่าจะเป็ นฤดูไหน ๆ ทุกครังทีตืนจากอาการพิษ


กําเริ บก็จะพบผ้าห่ มหนาทับอยูห่ ลายชัน อย่างทีเห็นหลังจากอาการพิษกําเริ บทุกครังนางจะมีอาการหนาวสัน
จะต้องใช้ผา้ ห่ มช่วยคลายหนาว แต่คุณชายโอวหยางกลับเอาผ้าห่ มผืนบางแค่ผนื เดียวมาห่ มให้นาง มันก็แน่อยู่
แล้วทีนางจะต้องหนาวจนตัวสัน
แน่นอนว่าคุณชายโอวหยางไม่ได้เป็ นสาวใช้ทีดูแลนาง คงไม่รู้วา่ หลังจากทีนางหลับไปแล้วจะหนาวสัน จึง
ไม่ได้ห่มผ้าหนา ๆ ให้นาง เช่นนันก็คงไม่อาจโทษอะไรเขาได้......

มองไปทีใบหน้างํางอของนาง คุณชายโอวหยางก็ยกยิมอย่างเอ็นดู “เจ้ากับข้านอนเตียงเดียวกัน ทําให้เจ้าเสื อม


เสี ยเกียรติ ข้าจะรับผิดชอบเอง !”

รับ......รับผิดชอบ ? นางกับเขาแค่นอนบนเตียงเดียวกันเพียงคืนเดียว อีกทังยังไม่มีเรื องอย่างว่าเกิดขึน แล้วจะ


รับผิดชอบอะไร ?

มู่หรงเสวียยิมอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ “เรื องเล็กน้อยแค่นีไม่ตอ้ งรับผิดชอบหรอกเจ้าค่ะ”

เพียงพริ บตาเดียวรอยยิมของคุณชายโอวหยางก็กลับมาเป็ นเรี ยบเฉย จ้องมองไปทีนาง “ไม่ตอ้ งการให้ขา้


รับผิดชอบจริ ง ๆ หรื อ ?” ในนําเสี ยงบอกไม่ชดั ว่าผูพ้ ดู กําลังมีอารมณ์เช่นไร

มู่หรงเสวียพยักหน้าเร็ ว ๆ ตอบรับ “แน่นอนว่าจริ งเจ้าค่ะ !” คุณชายโอวหยางช่วยชีวิตนางไว้ นางรู ้สึกซาบซึ งใจ


ก็จริ ง แต่กไ็ ม่ได้คิดเลยเถิดไปถึงขันนัน

ดวงตาของคุณชายโอวหยางกลายเป็ นมืดครึ ม เลิกผ้าห่ มแล้วก้าวเท้าลงจากเตียง เดินไปทีตูเ้ สื อผ้า ระหว่างทีเดินก็


ค่อย ๆ ปลดกระดุมออกทีละเม็ด
“คุณชายโอวหยาง ท่านจะทําอะไร ! ?” มู่หรงเสวียร้องเรี ยกอย่างตกใจ

“เปลียนเสื อผ้า” คุณชายโอวหยางตอบอย่างไม่สนใจ

มู่หรงเสวียขมวดคิวกล่าว “ท่านจะไม่เอาเสื อผ้าไปเปลียนหลังฉากกันหน่อยหรื อ ?”

คุณชายโอวหยางมองมาทีนาง พูดเน้นทีละคําว่า “ทีนี คือห้องของข้า !” เขาเปลียนเสื อผ้าทีนีก็ไม่เห็นว่าจะมีสิงใด


ผิด

มู่หรงเสวียเบ้ปาก นางรู ้ว่าทีนี คือห้องของเขา แต่ไม่ใช่ว่านางกําลังนังอยูบ่ นเตียงของเขารึ ไง ? นางเป็ นผูห้ ญิง เขา
ไม่รู้ว่าควรทีจะหลบฉากออกไปเปลียนทีอืนหรื อ ?

เมือเห็นคุณชายโอวหยางปลดกระดุมออกจนหมด ถอดเอาชุดส่ วนในออก เผยให้เห็นเรื อนร่ างกํายําสมบูรณ์แบบ


จนหาทีติมิได้ มู่หรงเสวียก็รีบหันกายหลบเข้ากําแพง เขาอาจจะคุน้ ชินกับการเปลียนเสื อผ้าต่อหน้าหญิงสาว แต่
นางไม่คุน้ กับการทีต้องมาเห็นผูช้ ายเปลืองผ้าต่อหน้าเช่นนี ถ้าเขาไม่หลบ นางหลบเอง !

เสี ยงเสี ยดสี ของเสื อผ้าดังขึนด้านหลัง มู่หรงเสวียทีได้ยนิ ยิงจ้องเขม็งไปทีกําแพงอย่างไม่ละสายตา

ทันใดนันก็มีมือข้างหนึงตบเข้าทีไหล่ของนาง นางหันกลับไปมอง ปรากฏร่ างของคุณชายโอวหยางทีอยูใ่ นชุดสี


ขาวราวหิ มะเรี ยบร้อยแล้ว ตัวผ้าปั กด้วยลวดลายดอกไม่สีดาํ แลดูน่าเกรงขาม แขนเสื อปักด้วยลวดลายทะเลเมฆดู
สูงส่ งและสง่างาม ในมือของเขาถือชุดของหญิงสาวสี เขียวอ่อนอยูช่ ุดหนึง เขายืนมาตรงหน้าของมู่หรงเสวีย “ให้
เจ้า”

ํ นของมู่หรงเสวียตกลงไปในบ่อนําพุร้อนจนเปี ยก ถึงแม้ว่าจะถูกพลังปราณทําให้แห้งแล้ว แต่กย็ บั เยิน


ชุดสี นาเงิ
เสี ยจนไม่สามารถใส่ ได้อยูด่ ี จึงวางพาดอยูท่ ีปลายเตียง ชุดกระโปรงยาวทีเขามอบให้จึงถือว่าเป็ นของทีนาง
ต้องการอย่างมากในตอนนี แต่ว่า “ทําไมท่านถึงมีชุดของหญิงสาวอยูท่ ีนี ได้ ?”

เมือได้ฟังคําถามทีไม่เข้าใจของนาง สี หน้าของคุณชายโอวหยางกลับกลายเป็ นเย็นชา ยัดเสื อผ้าเข้าใส่ ในมือของ


นาง พลางพูดเน้นทีละคํา “นีเป็ นชุดทีเพิงสังตัดมาใหม่จากร้านผ้าหอม”

เมือมือบางสัมผัสเข้ากับชุดก็รู้สึกเย็นสบาย เรี ยบเนียนอ่อนนุ่ ม ถือว่าเป็ นของคุณภาพดี มู่หรงเสวียเบ้ปาก ชุด


ใหม่กช็ ุดใหม่ จะโมโหไปทําไมกัน ?

กลินหอมของไม้ไผ่อบอวลไปรอบกาย ไม่จางหายไปเสี ยที มู่หรงเสวียเงยหน้ามองคุณชายโอวหยาง “คุณชาย


โอวหยาง ข้าจะเปลียนเสื อผ้า !”

“ข้ารู ้แล้ว !” คุณชายโอวหยางพยักหน้า

เขารู ้แล้วแต่ทาํ ไมยังไม่ออกไปอีก หญิงชายล้วนต่างกัน นางไม่ได้อยากจะเปลียนเสื อผ้าต่อหน้าคุณชายโอวหยาง


เสี ยหน่อย

“เจ้ามิตอ้ งเป็ นกังวล ข้ามิได้นิยมชมชอบหญิงสาวทียังมิได้เติบโตเต็มทีเช่นเจ้า”

นําเสี ยงไพเราะลอยเข้าหู มู่หรงเสวียสี หน้าดําคลํา หยิบหมอนข้างกายปาไปทีคุณชายโอวหยาง “ข้ายังไม่โต


ตรงไหน ?”
ตอนที 31 ร่ วมโต๊ ะ
คุณชายโอวหยางคว้าเอาหมอนทีปามาวางไว้ขา้ งกาย ปรายตามองไปทีส่ วนนันของนาง แล้วหันหลังกลับเดิน
ออกจากห้องไป ช่างเป็ นการกระทําทีชัดเจนยิงกว่าคําพูดใดๆ เสี ยอีก

มู่หรงเสวียมองตามสายตาของเขามาหยุดลงทีหน้าอกของตัวเอง แววตาวูบไหวไม่เป็ นธรรมชาติ ก็แค่ยงั ไม่ค่อย


เติบโตเท่าไหร่ ตอนนี นางเพิงจะอายุสิบสี เองนะ ถือว่าอายุยงั น้อย วันหน้ายังมีเวลาให้พฒั นาอีกเยอะ

ไม่เหมือนชาติทีแล้วของนาง ตอนนันอายุแค่สิบเจ็ดสิ บแปด ใคร ๆ ก็ต่างพากันอิจฉานางแล้ว

นางเลิกผ้าห่ มออกก้าวขาลงจากเตียง เดินไปอาบนําทีหลังฉากกัน สวมชุดส่ วนใน ชุดส่ วนนอกจนเรี ยบร้อย


จากนันนางจึงค่อย ๆ ก้าวออกไป

ตรงกึงกลางของห้องด้านนอกมีโต๊ะไม้หอมตังอยู่ บนโต๊ะเต็มไปด้วยกับข้าว ขนมหวาน ปอเปี ยะ โจ๊กอาหารต่าง


ๆ นา ๆ กลินหอมอบอวลไปทัว ทําให้ผูค้ นต่างนําลายไหล

คุณชายโอวหยางกําลังยืนล้างมืออยูท่ ีอ่างนําด้านข้าง ถูมือชะล้างสิ งสกปรกในนําทีอุ่นกําลังดี เห็นมู่หรงเสวียเดิน


ออกมาพอดี เขาจึงหยิบผ้าขึนมาเช็ดหยดนําบนมือจนเสี ยสะอาด พูดด้วยนําเสี ยงราบเรี ยบ “นีก็สายมากแล้ว กิน
ข้าวกันเถอะ”
มู่หรงเสวียย่นคิว ก่อนหน้านีเพิงจะนอนเตียงเดียวกันมา ตอนนี ยังจะให้กินข้าวร่ วมโต๊ะเดียวกันอีกหรื อ ? นีจะ
เหมือนกับคู่สามีภรรยามากเกินไปแล้ว......แต่เดียวก่อน ทําไมนางถึงมีความคิดเช่นนี นะ “ขอบคุณในความหวังดี
ของคุณชายเจ้าค่ะ ตอนนี ข้ายังมิหิว สักพักค่อยกลับไปจัดสํารับทีจวนเจินกัวโหวก็ไม่สาย......”

แขนยาวยืนออกมายึดไหล่ของนางเอาไว้ ดันนางไปด้านหน้าโต๊ะไม้หอม “เมือวานเจ้าพิษกําเริ บครังแล้วครังเล่า


ตังเจ็ดแปดชัวยามทีไม่ได้มีอะไรตกถึงท้อง ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่หิวแต่กค็ วรทีจะทานอะไรเสี ยหน่ อย ไม่งนร่
ั างกาย
จะยิงอ่อนแอ”

มู่หรงเสวียหรี ตาลงเตรี ยมทีจะขัดขืน แต่กลับไม่คาดคิดว่าเรี ยวแรงของคุณชายโอวกลับแข็งแรงยิงนัก เพียงแค่


ยึดเอาไว้เบา ๆ นางกลับไม่สามารถขยับไปไหนได้ ดังนันเทคนิ คกระบวนท่าต่าง ๆ ของนางจึงถูกหยุดยังเอาไว้
ไม่สามารถใช้ออกไปได้

มู่หรงเสวียได้แต่กดั ฟันเจ็บใจในความแตกต่างของพละกําลัง นางเลิกทีจะดินรนต่อไปอย่างเปล่าประโยชน์ เงย


หน้าเบิกตามองคุณชายโอวหยาง

คุณชายโอวหยางแสร้งทําเป็ นมองไม่เห็น เห็นนางสงบลงแล้วจึงค่อย ๆ ปล่อยมือออก นังลงทีเก้าอีด้านข้างของ


นางอย่างสง่างาม เขาตักข้าวต้มกับกับข้าวอีกหลายอย่างรวมถึงขนมเค้กดอกเหมยวางลงตรงหน้านาง

มู่หรงเสวียมองไปยังเค้กดอกเหมยทีหน้าตาน่าทานพวกนัน แววตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “ทําไมท่านถึงรู ้


ว่าข้าชอบเค้กดอกเหมยล่ะ ?”
“เจ้าลองเดาสิ ?” แววตาสี ดาํ ของคุณชายโอวหยางส่ องประกายหยอกล้อ แต่มนั กลับสว่างสดใสดึงดูดผูค้ น

มู่หรงเสวียเบิกตาใส่ เขา ไม่พูดก็ไม่ตอ้ งพูด นางก็ไม่ได้อยากรู ้เสี ยขนาดนัน คิดพลางตักเอาเค้กดอกเหมยขึนมา


ทาน รสหอมหวานอ่อนละมุนกระจายไปทัวทังโพรงปาก

เจ้าของร่ างเดิมหลังจากทีพิษกําเริ บแล้ว ก็ไม่รู้สึกหิ วอะไรเช่นกัน แต่มกั จะทานโจ๊กบํารุ งร่ างกายหลังจากนัน


เสมอ ซึ งนางก็ควรหาอะไรมาทานรองท้องเสี ยหน่ อย เพือบํารุ งกําลัง เค้กดอกเหมยเป็ นของโปรดของนาง นางก็
เลยกินได้เสี ยหลายชิน

ยิงไปกว่านันคุณชายโอวหยางก็กาํ ลังมองนางอยู่ ถ้านางไม่ยอมกินอะไรเลย เขาคงไม่ยอมปล่อยนางให้จากไป


แน่ ๆ

มู่หรงเสวียใช้เวลาอันรวดเร็ วในการกินเค้กดอกเหมยจนหมด เสร็ จแล้วนางจึงลุกขึนยืน “คุณชายโอวหยาง ข้าอิม


แล้ว ส่ วนท่านเชิญทานต่อตามสบายเถอะ”

แววตาของคุณชายโอวหยางเปลียนเป็ นเคร่ งขรึ มทันที เขาวางตะเกียบลง หยิบเอาผ้าในอ่างนํามาเช็ดมือ แค่การ


กระทําธรรมดาทัวไป แต่พอเป็ นเขาทีเป็ นคนทํามันกลับดูสูงส่ งจนมิอาจทีจะละสายตาได้

“ข้าจะไปส่ งเจ้าทีจวนเจินกัวโหว” นําเสี ยงทุม้ ลอยเข้าหู มู่หรงเสวียรี บส่ ายหน้าปฏิเสธทันที “ข้าขอบคุณในความ


มีนาใจของท่
ํ าน จวนเจินกัวโหวอยูม่ ิไกลจากวังเซี ยวเหยาอ๋ องนัก คงไม่รบกวนคุณชายหรอกเจ้าค่ะ คุณชายควร
จะไปคาราวะเซี ยวเหยาอ๋ องกับพระชายาเอกจะดีกว่า”
ความกตัญ ูรู้คุณต้องมาก่อน คุณชายโอวหยางห่ างหายจากบ้านไปเป็ นสิ บปี เพิงจะกลับมาทีวังได้ไม่เท่าไหร่
ควรจะไปทักทายเซี ยวเหยาอ๋ องกับพระชายาเอกทุกวัน นางใช้เหตุผลนีเพือกันเขาออกไป ดูจะเหมาะสมทีสุ ด
แล้ว

“พวกเขามิได้อยูท่ ีเมืองหลวง กําลังไปท่องเทียวพักผ่อนหย่อนใจ” นําเสี ยงของคุณชายโอวหยางราบเรี ยบ


เหมือนกําลังพูดเรื องปกติธรรมดาเรื องหนึงเท่านัน “ทิวทัศน์ของเจียงหนานทีเต็มไปด้วยลูกท้อสี แดงบวกกับ
ทิวทัศน์ของใบไม้เขียวขจี ทังด้านนอกของเขตแดนยังติดกับทะเลทราย พวกท่านอยากลองไปชืนชมด้วยตาของ
ตนเองสักครังหนึง”

ทังสองทิงวังเซี ยวเหยาอ๋ องอันยิงใหญ่ไว้แล้วท่องเทียวไปทัวทิศ เซี ยวเหยาอ๋ องกับพระชายาเอกช่างเป็ นบุคคล


ชันสูงทีน่าชืนชมยิงนัก

ไม่แปลกใจเลยทีพอเมือคุณชายโอวหยางอายุได้แปดขวบก็ออกไปฝึ กฝนท่องเทียวนอกวังอ๋ อง ทีแท้กเ็ ป็ นลูกไม้


หล่นไม่ไกลต้นนีเอง

“เวลายังเช้านัก ข้าอยากจะเดินชมเมืองเสี ยหน่อย มิอยากนังรถม้า ไม่รบกวนคุณชายแล้ว ขอลาเจ้าค่ะ !” มู่หรง


เสวียพูดด้วยรอยยิม ไม่รอเสี ยงตอบรับจากคุณชายโอวหยาง ก็หมุนกายเดินออกไปด้านนอกทันที

พอออกมาจากเรื อน นางเดินไปตามทางเดินหิ นสี ดาํ ออกจากวังเซี ยวเหยาอ๋ อง พอออกมาได้แล้วนางก็เดินวกไป


วนมาตามท้องถนนเสี ยหลายรอบถึงจะหยุดเท้าลง หันมองไปด้านหลังทีว่างเปล่า นางถึงค่อยคลายใจ ฝี เท้าของ
นางเร็วขนาดนีอีกทังยังเดินวนไปมาหลายรอบ ถึงคุณชายโอวหยางจะเก่งวิชาตัวเบาแค่ไหน ก็คงมิสามารถตาม
นางได้ทนั นิสัยของคุณชายโอวหยางก็ไม่เลวนัก แต่ตวั เขาทําให้นางรู ้สึกถึงอันตราย นางจึงไม่อยากทีจะใกล้ชิด
กับเขามากเกินไป

มู่หรงเสวียค่อย ๆ เดินไปตามถนนในเมืองหลวง มองผูค้ นทีเดินขวักไขว่ไปมา พ่อค้าแม่คา้ มากหน้าหลายตา


เสี ยงร้องเรี ยกค้าขายดังขึนอย่างไม่ขาดสาย นางจึงค่อย ๆ ยกยิมสวยขึน

เจ้าของร่ างเดิมอยูแ่ ต่ในเรื อนหิ มะโปรยมาเป็ นเวลานาน ไม่ค่อยได้ออกกําลังกาย ร่ างกายอ่อนแอทีแค่ลมพัดผ่าน


ก็เหมือนจะสามารถล้มได้ ทุกครังทีพิษเยือกแข็งกําเริ บ มักจะเจ็บปวดเหมือนจะตายทังเป็ น นางคงจะต้องฝึ กเดิน
บ่อย ๆ ฝึ กฝนให้ร่างกายแข็งแรง พอพิษเยือกแข็งกําเริ บอีกครัง นางก็จะไม่ทรมานมากเท่านันอีก

ลมค่อย ๆ พัดมาอย่างบางเบา พัดเอาเส้นผมของมู่หรงเสวียพลิวไสว ใบหน้างามภายใต้แสงอาทิตย์ยงเสริ


ิ มให้
งดงามน่าดู จนผูค้ นจํานวนไม่นอ้ ยในบริ เวณนันต่างต้องหยุดมองทีนาง แล้วอดไม่ได้ทีจะถอนหายใจน้อย ๆ คิว
งามสวย ผิวขาวดุจหิ มะ ดวงตาสดใสเปล่งประกายเหมือนสายนํา แต่ท่วงท่ากลับเย็นชา เป็ นหญิงงามทีหาตัวได้
ยาก ไม่รู้ว่าเป็ นคุณหนูบา้ นใดกัน ?

มู่หรงเสวียไม่สนใจสายตาของผูค้ นรอบข้าง เดินไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ สายตาเย็นชากวาดมองไปทีผูค้ นทีผ่าน


ไปมาและเหล่าร้านรวงต่าง ๆ

“น้องหญิง” ทันใดนันเองนําเสี ยงยินดีสายหนึงก็ลอยเข้าหู ปรากฏร่ างชายหนุ่ มในชุดสี ขาวนวลผูห้ นึ ง พุ่งมาที


ด้านหน้าของมู่หรงเสวีย ขวางทางนางเอาไว้ แววตาน่ารังเกียจมองมาทีใบหน้าของนาง “น้องเสวียเอ๋ อร์ ไม่ได้
พบหน้ากันตังนาน เป็ นอย่างไรบ้างเล่า ?”
นางมองไปทีท่าทางเหลาะแหละของเขา ย่นคิวขมวดเข้าหากัน “เจ้าเป็ นใคร ?” เขารู ้จกั ชือของนาง แถมยังเรี ยก
นางว่าน้องหญิงอีก แต่ในความทรงจําของเจ้าของร่ างเดิมกลับไม่มีคนคนนี อยูเ่ ลย

ชายหนุ่ มยิม ๆ เชิดใบหน้าขึน แนะนําตัวอย่างองอาจว่า “ข้าน้อยตูเ้ ฉิ งเจียง น้องเสวียเอ๋ อร์ คงพอได้ยนิ ชือของข้า
มาบ้าง !”

ตูเ้ ฉิงเจียง ! นี ไม่ใช่หลานคนโตของตระกูลตูบ้ า้ นเดิมของหญิงเฒ่าแซ่ ตูห้ รอกหรื อ ! ?

ทุกครังทีฉลองเทศกาลปี ใหม่เขามักจะตามพ่อแม่มาเป็ นแขกทีจวนเจินกัวโหวอยูเ่ ป็ นประจํา ร่ างกายของเจ้าของ


ร่ างเดิมไม่ค่อยแข็งแรงนัก อีกทังยังไม่เป็ นทีชืนชอบของหญิงเฒ่าแซ่ ตู้ จึงไม่เคยถูกเรี ยกไปร่ วมงานทีเรื อนหยก
เลย ดังนันนางจึงไม่เคยพบตูเ้ ฉิ งเจียงมาก่อน คาดไม่ถึงว่าพอได้พบแล้ว ช่างเป็ นคนทีดูน่ารังเกียจมิน่าคบหายิง
นัก

หญิงเฒ่าแซ่ ตูไ้ ม่อยากให้นางพบกับคนในตระกูลของตน นางเองก็ไม่อยากสนใจคนในตระกูลของพวกเขา


เช่นกัน

มู่หรงเสวียสบถเบา ๆ เดินผ่านเขาไปด้านหน้าอย่างไม่ใคร่ จะสนใจ ชุดสี เขียวพลิวไสว กลินหอมอ่อน ๆ ของ


หญิงสาวก็พดั ลอยตามลมไปด้วย

ตูเ้ ฉิงเจียงสู ดดมเข้าไปเพียงนิ ด แต่กลินหอมหวนกลับฟุ้ งเข้าไปถึงขัวหัวใจ แววตาส่ องประกานหื นกระหาย


เห็นมู่หรงเสวียเดินผ่านเขาไป จึงเร่ งฝี เท้าตามไปขวางด้านหน้าของนางไว้ กวาดสายตามองไปทัวเรื อนร่ างได้รูป
ของนาง แววตาของเขาไหววูบ “น้องเสวียเอ๋ อร์ อย่าเพิงรี บไปสิ พวกเราสองพีน้องนาน ๆ ทีจะได้พบกัน อยู่
พูดคุยกันเสี ยก่อนสิ !”
ตอนที 32 สังสอนลูกพีลูกน้ องชาย
“เจ้ากับข้ามิได้สนิทชิดเชือกัน ไม่มีอะไรให้ตอ้ งพูดคุย !” มู่หรงเสวียพูดด้วยนําเสี ยงเย็นชา ดวงหน้างามไร้ซึง
เครื องสําอางดูเรี ยบเนียน สายตาเย็นชาจ้องมองมาทีเขาอย่างรู้ทนั จนคนทีถูกจ้องมองคันไปทัวทังตัว แต่สายตาที
น่ารังเกียจจากเขาก็กวาดมองมาทีร่ างนางอย่างไม่เกรงใจเช่นกัน

“พวกเราต่างเป็ นลูกพีลูกน้องกัน เหตุใดถึงพูดว่าไม่สนิทเล่า ? ถึงแม้วา่ แต่ก่อนเจ้าจะไม่รู้จกั ข้า แต่ตอนนี ก็ได้


รู ้จกั แล้วอย่างไร......”

“หลีกไป !” มู่หรงเสวียตัดบทขึนเสี ยงดัง สายตามองไปทีเขาอย่างเย็นชา ตระกูลตูถ้ า้ ไม่ใช่คนโลภมาก ก็เป็ นคน


หื นกระหาย นางขีเกียจจะเปลืองนําลายกับพวกเขาแล้ว

ผูค้ นทีผ่านไปผ่านมาต่างพากันหัวเราะเยาะซุ บซิ บดูถูกตูเ้ ฉิ งเจียงจนเขาอับอายหน้าแดงกํา เขาจึงจ้องมองไปยังมู่


หรงเสวียด้วยแววตาชัวร้าย “มู่หรงเสวีย ข้าเห็นจิงอ๋ องลดชันเจ้าลงเป็ นเพียงอนุ กลัวเจ้าจะเสี ยใจถึงได้มาช่วย
ปลอบใจเจ้าหรอก เจ้าอย่ามาหักหน้ากันเช่นนี......”

ตอนเขาไปเป็ นแขกทีจวนเจินกัวโหว เคยบังเอิญได้เห็นมู่หรงเสวียเพียงแวบเดียว แต่ดวงหน้าทีงดงามของนาง


และรู ปร่ างบางได้สัดส่ วนนันล้วนตราตรึ งใจจนเขานอนไม่หลับไปสามวัน แต่ดว้ ยนางเป็ นถึงคู่หมันของจิงอ๋ อง
ทําให้เขาไม่กล้าทีจะแตะต้องนาง
แต่คาดไม่ถึงว่าพอจิงอ๋ องกลับราชสํานัก กลับลดชันนางลงเหลือเพียงตําแหน่งพระชายารองอย่างไร้เยือใย
ชัดเจนว่ามิได้ชอบพอในตัวนางนัก ถึงแม้ว่าตอนนี จะยังได้ชือว่าเป็ นว่าทีพระชายารองของจิงอ๋ อง แต่ถา้ เขาเกียว
นางเพียงเล็กน้อย จิงอ๋ องคงมิสนใจ......

การเดินเล่นครังแรกของนางกลับเจอคนไร้ยางอายเช่นนี อารมณ์ทีกําลังดี ๆ ของนางกลับถูกเขาทําลายลงจนเสี ย


สิ น แถมยังมีขอ้ อ้างไร้สาระนันอีก ฟังดูกร็ ู ้ว่าคนพูดมีเจตนาทีไม่ดีแน่

มู่หรงเสวียแววตาส่ องประกาย จ้องมองไปทางตูเ้ ฉิ งเจียงด้วยแววตาคมกริ บ “หุ บปาก !”

ร่ างกายของตูเ้ ฉิ งเจียงชะงักค้าง ขนลุกหนาวชันไปทัวทังร่ าง สายตาเช่นนี ช่างคมกริ บจนน่ากลัว

“คุณชายขอรับ !” บ่าวรับใช้คนสนิ ทกระตุกแขนของเขา มองไปทีมู่หรงเสวียด้วยแววตาเต็มไปด้วยความ


หวาดกลัว แววตาของคุณหนูจวนเจินกัวโหวผูน้ นช่
ั างน่ากลัวอะไรเช่นนี ?

เช่นนันตูเ้ ฉิ งเจียงถึงสามารถดึงสติกลับมาได้ จากความอับอายแปรเปลียนเป็ นเกรี ยวกราด เขาผูเ้ ป็ นหลานชาย


สายตรงของจวนเสนาบดีกลับถูกแววตาของหญิงสาวอ่อนแอผูห้ นึงทําให้ตกใจกลัว น่าอับอายยิงนัก “มู่หรง
เสวีย ทีข้าเกียวเจ้าก็เพราะถูกใจในตัวเจ้า เลิกวางท่าคุณหนูจวนโหวเสี ยที......”

ตูเ้ ฉิงเจียงต่อว่าอย่างร้ายกาจ ยืนมือออกไปหมายจะจับเข้าทีตัวของมู่หรงเสวีย


แววตาของมู่หรงเสวียฉายแววเยือกเย็น หลบมือสกปรกของเขา ยกเท้าถีบไปทีส่ วนล่างของเขาอย่างแรง

ตูเ้ ฉิงเจียงทีไม่ทนั ได้ตงตั


ั ว ถูกถีบเข้าทีจุดสําคัญจนล้มกระเด็นออกไปสองสามเมตร ร่ างกระแทกลงกับพืน เสี ยง
ร้องโหยหวนดังขึน “อ้าก......เจ็บ......เจ็บจะตายอยูแ่ ล้ว......”

มู่หรงเสวียชักเท้ากลับ มองไปทางตูเ้ ฉิ งเจียงทีกําลังเจ็บปวดอย่างผูท้ ีอยูเ่ หนื อกว่า แววตาปรากฏความเย็นชาด้วย


ท่าทางถือตน

“คุณชาย !” คนรับใช้ของตูเ้ ฉิ งเจียงเร่ งวิงไปพยุงร่ างเขาขึนมา

ตูเ้ ฉิงเจียงพิงร่ างไปทีคนรับใช้ มือกุมอยูท่ ีจุดนันด้วยดวงหน้าขาวซี ด ปากสันระริ ก เบิกตากว้างมองมาทีมู่หรง


เสวีย “มู่หรงเสวีย เจ้าคอยดูเถอะ ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าเอาไว้แน่ !”

“ไสหัวไป !” มู่หรงเสวียเตะหิ นก้อนหนึ งไปทางตูเ้ ฉิ งเจียง ทันใดนันหัวของเขาก็ปูดบวมขึนมาลูกหนึ งคล้ายดัง


ลูกซาลาเปา เจ็บจนนําตาไหลออกมาเป็ นสาย ไม่กล้ากล่าววาจาใดอีก ทําได้แต่เพียงจ้องไปทางมู่หรงเสวียด้วย
แววตาเคียดแค้น สังให้ขา้ รับใช้อุม้ ไปทีโรงหมอใกล้ ๆ

คนขวางหู ขวางตาก็ไปแล้ว เงียบหู ไปได้เสี ยที


มู่หรงเสวียยกยิมขึน หมุนตัวเดินจากไป แต่คาดไม่ถึงว่าตอนทีหันกลับไปนันเองกลับชนเข้ากับคนด้านหลัง เจ็บ
จมูกจนแทบกลันนําตาไว้ไม่ไหว

นางเร่ งก้าวเท้าถอยออกมา มองไปทีใบหน้างดงามหล่อเหลาตรงหน้า คิวขมวดเข้าหากัน “ท่านมาตังแต่เมือไหร่


กัน ?”

“เมือครู่ นี” คุณชายโอวหยางมองดูท่าทางอึดอัดใจของนาง แววตาส่ องประกายอย่างอารมณ์ดี หยิบเอาผ้าเช็ดหน้า


เช็ดนําตาออกจากดวงหน้าเล็กนัน ตอนทีมู่หรงเสวียพบกับตูเ้ ฉิ งเจียง เขาก็มาถึงแล้ว เห็นตูเ้ ฉิ งเจียงไม่ใช่คปู่ รับ
ของนาง ทังยังถูกนางสังสอนจนอับอาย เขาเลยมิได้ออกหน้า

สัมผัสทีบางเบากระทบเข้ากับใบหน้า ทําให้ม่หู รงเสวียได้สติขนมา


ึ มองใบหน้าของคุณชายโอวหยางทียืนเข้ามา
ใกล้ ๆ แววตาวูบไหวไปมา คว้าเอาผ้าเช็ดหน้าในมือของเขามา “รบกวนคุณชายแล้ว......ข้าทําเองดีกว่า......
คุณชายตามข้ามาหรื อ ?”
เมือผ้าเช็ดหน้าในมือถูกแย่งไป คุณชายโอวหยางทีแววตาเคร่ งครึ มจึงวางมือลงอย่างเป็ นธรรมชาติ ส่ ายหน้าเบา
ๆ “ไม่ใช่หรอก ข้ามีธุระต้องทํา เพียงแค่ผา่ นมาทางนี พอดี”

มือของมู่หรงเสวียทีกําลังเช็ดนําตาพลันหยุดชะงัก แววตาวูบไหว “คุณชายจะไปทําธุ ระทีไหนหรื อ ?”

“ถนนจูเชวีย” คุณชายโอวหยางตอบด้วยนําเสี ยงราบเรี ยบ

จวนเจินกัวโหวอยูท่ ีถนนฉางซิ ง ห่ างกับถนนจูเชวียแค่เพียงช่วงเดียว......

“นีก็จะยามอู่แล้ว ข้ากําลังจะไปกินข้าวทีโรงเตียมแล้วจึงค่อยกลับจวน คุณชายคงมีธุระเร่ งด่วน รี บไปทีถนนจู


เชวียก่อนเถอะเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียพูดยิม ๆ ก้าวเท้าไปทางโรงเตียมเยว่หยาง ไม่วา่ เขาจะไปธุระจริ งหรื อไม่ ก็ไม่
สามารถเดินทางไปพร้อมกันกับนางได้แล้ว

คุณชายโอวหยางมองไปทีร่ างบางของนางทีค่อย ๆ เดินจากไป แววตาส่ องประกายบางสิ งทียากจะคาดเดา นีนาง


หลบเขาเหมือนกับเจองูพิษอย่างไรอย่างนัน
ทีนังในห้องโถงใหญ่ดา้ นล่างของโรงเตียมเยว่หยางล้วนเต็มหมดแล้ว เสี ยวเอ้อวิงวุน่ บริ การยกอาหารไปมา กลิน
หอมของอาหารลอยฟุ้ งอบอวลไปทัว ทําให้ผคู ้ นต่างก็นาลายไหล
ํ เสมียนทียืนอยูด่ า้ นหลังโต๊ะคิดเงินกําลังดีด
ลูกคิดไปมา ในสมุดบัญชีเขียนรายรับไว้ยาวเหยียด เมือมองแล้วทําให้เขาเผยอยิมออกมาอย่างดีใจ

“เสมียน ยังมีหอ้ งว่างเหลือบ้างไหม ?” มู่หรงเสวียยืนอยูด่ า้ นหน้าของโต๊ะ ถามเสี ยงบางเบา ในห้องโถงทีนังล้วน


เต็มหมดแล้ว ถ้านางจะกินข้าวก็คงต้องใช้ห้องส่ วนตัวเท่านัน

“ขออภัยขอรับคุณหนู ห้องส่ วนตัวล้วนเต็มหมดแล้ว” เสมียนตอบนางด้วยรอยยิมตาหยีท่าทางมีมารยาท

มู่หรงเสวียเลิกคิว ห้องโถงใหญ่ไม่มีทีนัง ห้องส่ วนตัวก็เต็มแล้ว เวลานี นางคงไม่ได้ทานข้าวเทียงแน่

“เสวียเอ๋ อร์ ” มองไปตามเสี ยงเรี ยกทุม้ นุ่ ม คุณชายโอวหยางค่อย ๆ เดินเข้ามาทีโถงใหญ่ ชุดสี ขาวราวหิ มะพลิว
ไหวเหมือนผีเสื อ ด้านบนปั กด้วยลวดลายดอกไม้สีดาํ เสริ มความองอาจและสง่างาม

เสี ยงวุ่นวายในห้องโถงล้วนเงียบสงบลง แววตาของผูค้ นเต็มไปด้วยความตืนตะลึงและตราตรึ งใจ

“นันคุณชายบ้านไหนกัน ช่างรู ปงามมิธรรมดา......”


“เหมือนจะเป็ น บุตรชายของเซี ยวเหยาอ๋ อง คุณชายโอวหยางทีได้ข่าวว่าเพิงจะกลับมาทีเมืองหลวง......”

“เขานะหรื อคือคุณชายโอวหยาง ? ช่างมิผดิ กับทีลือกันนัก......”

เสี ยงตืนตะลึงแปลกใจต่าง ๆ นา ๆ ลอยเข้าหู แต่คุณชายโอวหยางแสร้งทําเป็ นไม่ได้ยนิ ค่อย ๆ เดินไปทางมู่หรง


เสวีย

มองไปทีเขาทีเดินใกล้เข้ามา มู่หรงเสวียเลิกคิว “ท่านไม่ได้จะไปทําธุระทีถนนจูเชวียหรอกหรื อ ?”

ั ธุระ ตอนนี ไม่อยู่ ข้าได้จองห้องไว้ทีชันสองแล้ว กะว่าจะรอเขาอยูท่ ีนี ถ้าเจ้ารี บอยากทีจะทานข้าว


“คนผูน้ นมี
ขึนมาด้วยกันกับข้าก็ได้” คุณชายโอวหยางมองมาทีนาง พูดด้วยนําเสี ยงราบเรี ยบ

มู่หรงเสวียย่นคิว แขกในโถงใหญ่ต่างก็เต็มไปหมด ห้องส่ วนตัวก็ไม่รู้จะว่างตอนไหน ถ้านางเลือกทีจะรอ ไม่รู้


ว่าจะต้องรอไปอีกนานเท่าไหร่ ?

คุณชายโอวหยางก็ได้จองห้องไว้แต่แรกแล้ว เห็นได้ชดั ว่าเขาคงมีธุระจริ ง ๆ มิได้ตามนางมาอย่างทีนางคิดไว้


เช่นนันนางก็จะไม่เกรงใจทีจะรับสํารับห้องเดียวกับเขา “ขอบคุณคุณชายมากเจ้าค่ะ !”
ตอนที 33 การเผชิญหน้ าทีโรงเตียม
คุณชายโอวหยางตอบรับเพียงเบาๆ พร้อมแววตาทียิมน้อย ๆ

“เชิญท่านทังสองด้านนี ขอรับ” เสี ยวเอ้อก้าวเท้าออกมายิมตาหยีเดินนําทางมู่หรงเสวียกับคุณชายโอวหยาง

ชันสองห้องหลันเซี ยง หญิงสาวนางหนึงในชุดโปร่ งสี ม่วง รู ปร่ างสมส่ วนราวต้นหลิว ใบหน้างามโฉมสะคราญ


ค่าควรเมือง นางคือองค์หญิงม่อเป่ ยฉิ นยวีเยียน เมือได้ยนิ เสี ยงชืนชมต่าง ๆ นา ๆ จากด้านล่างดังเข้าหู นางจึงวาง
ตะเกียบลงมองผ่านประตูหอ้ งทีเปิ ดแง้มอยู่ เห็นคุณชายโอวหยางทีกําลังก้าวเดินขึนมาบนบันไดไม้

เขาอยูใ่ นชุดสี ขาวหิ มะ ดูองอาจสง่างาม คิวงามสี ดาํ ได้รูป แววตาสี ดาํ เงาให้ความรู ้สึกลึกลับน่ าค้นหา รู ปงาม
หล่อเหลาจนทําให้ผคู ้ นมิอาจละสายตาได้

เป็ นเขาจริ ง ๆ บุตรชายแห่ งเซี ยวเหยาอ๋ อง

ตอนทีนางยังอยูท่ ีแคว้นม่อเป่ ย นางเคยพบกับคุณชายโอวหยางทีกําลังท่องเทียวอยูห่ ลายครัง ความรู ้และวรยุทธ์


รวมถึงวิชาเดินหมาก แต่งกวี วาดภาพ และการดนตรี ลว้ นชันยอด แถมยังไม่มีนิสัยชูส้ าว ไม่ว่าหญิงสาวผูน้ นจะ

สวยงามหรื อสู งส่ งเพียงใดเมืออยูต่ รงหน้าเขา เขาก็ยงั คงมีสีหน้าทีเย็นชาและเมินเฉยเช่นเดิมมิเปลียนแปลง
ท่าทางปฏิเสธผูค้ นเช่นนันทําเอาหญิงสาวชาวม่อเป่ ยต่างใจสลายมานักต่อนัก
แต่เมือครู่ นางกลับได้ยนิ คุณชายโอวหยางเชือเชิญหญิงสาวคนหนึงให้ไปใช้สาํ รับห้องเดียวกันกับเขา ช่างเหนื อ
ความคาดหมายเหลือเกิน ไม่รู้วา่ หญิงสาวผูน้ นเป็
ั นใครมาจากไหน ถึงได้รับความสนใจจากเขาเช่นนี

นางสอดส่ องสายตาด้วยความอยากรู ้ผา่ นคุณชายโอวหยางไป มองเห็นหญิงสาวทีเดินอยูข่ า้ งกายของเขา ดวง


หน้าของนางเรี ยวเล็กเหมือนดังลูกท้อ แววตาทอประกายสดใสเหมือนดังสายนํา เรื อนผมสี ดาํ เงางาม บนชุดสวย
ปักด้วยลวดลายของดอกเหมย พลิวไสวไปมาตามการเยืองย่าง ผิวพรรณทีเผยออกมามีสีขาวดังหิ มะ ให้
ความรู ้สึกถึงความบริ สุทธิสู งค่า

มู่หรงเสวีย ! เหตุใดถึงเป็ นนางได้ ?

นางเป็ นแค่ผทู ้ ีอีเฉิ นรังเกียจ เป็ นแค่เม็ดหมากทีถูกทิงขว้าง ทําไมถึงได้รับความสนใจจากคุณชายโอวหยางผูท้ ีมิ


เคยสนใจในตัวหญิงสาวใด ?

ฉิ นยวีเยียนหรี ตาลง หรื อว่านางจะใช้มารยายัวยวนเขา ?

ไม่ผดิ แน่ ทําไมคุณหนูแห่ งจวนเจินกัวโหวจะยอมเป็ นอนุ ให้ผอู ้ ืน อีเฉิ นเป็ นท่านอ๋ องเทพสงคราม ทัวทังชิงเห
ยียนจะหาชายหนุ่ มทีดีเท่าเขาไม่มีอีกแล้ว มู่หรงเสวียทีเคยมีว่าทีสามีทีดีเช่นนี แน่ นอนว่าต้องไม่มีทางหันไปมอง
พวกคนธรรมดาทัวไปแน่ ดังนัน นางถึงเลือกทีจะเกาะติดคุณชายโอวหยางทีดีพอ ๆ กับเย่อีเฉิ น นางช่างเป็ น
หญิงสาวทีฉลาดเสี ยจริ ง
แต่ว่า นางกับอีเฉิ นมีผลประโยชน์คาบเกียวกันอยู่ อีเฉิ นไม่มีทางยอมปล่อยนางให้แต่งกับคุณชายโอวหยาง
รวมถึงวังเซี ยวเหยาอ๋ องก็ยงไม่
ิ มีทางยอมรับหญิงสาวทีผ่านการถอนหมันมาเป็ นภรรยาเอกของคุณชายโอวหยาง
แน่ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามนางก็ตอ้ งกลายเป็ นอนุ ของอีเฉิ นวันยังคํา

เป็ นอนุก็ตอ้ งหัดเจียมเนื อเจียมตัวเสี ยสิ แต่นางถึงกลับกล้ามากระทําการลับหลังว่าทีสามีเช่นนี ได้อย่างไร !

อีเฉิ นมิได้อยูท่ ีโรงเตียมเยว่หยาง แต่นางทีเป็ นว่าทีพระชายาเอกแห่ งวังจิงอ๋ องอยูท่ ีนี แล้ว นางคงต้องสังสอนมู่
หรงเสวียแทนอีเฉิ นเสี ยบ้าง ให้นางได้รู้วา่ ฐานะของตนเองนันควรต้องกระทําตัวเช่นไร !

ห้องส่ วนตัวทีคุณชายโอวหยางได้จองเอาไว้คือห้องดอกเหมย ดูสูงส่ งสมฐานะ พืนห้องปูดว้ ยหิ นสี ดาํ เงาวับเป็ น


ประกายจนเห็นเงาของผูค้ น โต๊ะและเก้าอีล้วนทําจากไม้แดง ลวดลายประณี ตงดงามจนผูค้ นต่างต้องตกตะลึง

มู่หรงเสวียนังลงด้านหน้าของโต๊ะกลม หยิบเอาเรายการอาหารทีวางอยูบ่ นโต๊ะขึนมาดู สังกับข้าวธรรมดาสอง


สามอย่าง หางตาก็เหลือบเห็นชายเสื อสี ขาวสายหนึง นางพูดกล่าวขึนช้า ๆ ว่า “คุณชายก็ยงั มิได้ทานอะไรทีวัง
อ๋ อง สังอาหารเพิมเติมดีหรื อไม่เจ้าคะ ?”

“ข้าไม่หิว ไม่ตอ้ งสังอาหารเพิมแล้ว เอาเหล้าดอกฉยงฮวามาหนึ งกาก็พอ” คุณชายโอวหยางพูดด้วยนําเสี ยง


ราบเรี ยบ

“ขอรับ ท่านทังสองโปรดรอสักครู่ ไม่นานอาหารทีสังจะมาถึงขอรับ” เสี ยวเอ้อพูดพลางยิมตาหยี ค่อย ๆ ก้าวเท้า


บางเบาออกจากห้องไป
“คุณชายมิได้จะไปทําธุระทีถนนจูเชวียหรอกหรื อ ? เหตุใดถึงดืมเหล้า ? ถ้าเกิดท่านเมาขึนมาแล้วทําให้เสี ยเรื อง
ใหญ่ เช่นนันจะมิแย่หรื อเจ้าคะ ?” มู่หรงเสวียพูดเนิ บ ๆ หยิบเอาแก้วชาทีควําอยูบ่ นโต๊ะ ริ นชาให้ทงตั
ั วเองและ
คุณชายโอวหยาง

นีนางกําลังเป็ นห่ วงเขาใช่ไหม ?

คุณชายโอวหยางยกยิมหล่อเหลา “เหล้าดอกฉยงฮวาทํามาจากดอกฉยงฮวา ถึงแม้จะได้ชือว่าเหล้า แต่มนั มิได้มี


รสเช่นสุ รา เพียงแต่มีรสชาติกลมกล่อม ทังยังมีกลินหอมให้ความรู้สึกสดชืน ไม่ทาํ ให้เมาโดยง่าย เหล่าบัณฑิต
และคุณหนูในเมืองหลวงต่างก็นิยมเอาขึนโต๊ะ”

“จริ งหรื อเจ้าคะ ?” มู่หรงเสวียดวงตาเป็ นประกาย นางมิชอบรสชาติแสบร้อนและกลินฉุ นของเหล้านัก ในชาติที


แล้วก็มกั จะดืมแต่ไวน์กบั แชมเปญ แต่หลังจากมาอยูท่ ีชิงเหยียน นางพบเห็นเหล้าขาวมากมายแต่ละชนิดล้วนมี
กลินฉุ นทีรุ นแรง ความอยากทีจะดืมเหล้าของนางจึงมอดดับไป คาดไม่ถึงว่าคุณชายโอวหยางจะมาบอกนางว่า
ในชิงเหยียนก็ยงั มีเหล้าทีรสชาติไม่แสบร้อนเช่นนี

เขามองไปทีดวงตาทีเป็ นประกายของนาง คุณชายโอวหยางก็พลันยกยิมน้อย ๆ “ถ้าเหล้าฉยงฮวาขึนโต๊ะแล้วเจ้า


ลองชิมดูสิ”

“ขอบคุณเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียยิมสดใส ถ้าหากเหล้าฉยงฮวาไม่มีกลินฉุ นทีรุ นแรงจริ ง ๆ ก็คงจะดี ทีนีนางก็


สามารถจะดืมได้เหมือนชาติทีแล้วทีมักจะดืมไวน์หนึงแก้วทุกวันก่อนนอน......
“คุณชายโอวหยาง คุณหนูมู่หรงเสวีย” เสี ยงอ่อนหวานลอยเข้าหู เรี ยกมู่หรงเสวียให้หลุดจากภวังค์ เงยหน้ามอง
ไปก็เห็นฉินยวีเยียนทีมีสาวใช้พยุง ค่อย ๆ เดินนวยนาดเข้ามา ดวงหน้างดงามดังเช่นบุปผา ชายกระโปรงลู่ลงไป
กับพืนลากเป็ นทางยาว

ทําไมถึงเจอนางได้ ? หนี เสื อปะจระเข้เสี ยจริ ง !

มู่หรงเสวียเลิกคิว พูดด้วยนําเสี ยงราบเรี ยบ “องค์หญิงฉิ นก็มาใช้สาํ รับทีโรงเตียมเยว่หยางเช่นกันหรื อเจ้าคะ ?”

“จะว่าเช่นนันก็ไม่ผิดนัก” ฉิ นยวีเยียนยิมน้อย ๆ “ข้าได้ยนิ มาว่าหญิงสาวทีแคว้นชิงเหยียนฉลาดมาก


ความสามารถ ข้าจึงมาทีโรงเตียมเยว่หยางเพือทีจะทดสอบศาสตร์ แห่ งพิณกับพวกนาง หาจุดด้อยในการดีดพิณ
ของข้า......”

โรงเตียมเยว่หยางเป็ นร้านอาหารก็จริ ง แต่ก็ยงั เป็ นสถานทีแห่ งปราชญ์ บัณฑิตทีเป็ นคุณหนูผมู ้ ากความรู ้ในเมือง
หลวงมักจะมารวมตัวกันทีนี บ่อยครัง เจ้าดีดพิณ ข้าเป่ าขลุ่ย เจ้าเขียนกลอน ข้าแต่งกวี การประลองและการ
แข่งขันมักเกิดขึนทีนี เป็ นประจํา ดังนัน เหล่าผูม้ ากความสามารถเหล่านันมักจะมาทีโรงเตียมเยว่หยางเพือทีจะ
เสาะหาผูค้ นทีจะมาประลองแข่งขันความสามารถของพวกเขา

“ข้าล้วนได้ประลองกับคุณหนูในเมืองหลวงมาแล้วหลายผูห้ ลายคนนัก ทักษะพัฒนาขึนเป็ นอย่างมาก คุณหนูมู่


หรงเสวียเป็ นถึงคุณหนูแห่งจวนเจินกัวโหว แน่ นอนว่าจะต้องเข้าใจศาสตร์ แห่ งการดีดพิณเป็ นอย่างดีแน่ ไม่
ทราบว่าพอจะชีแนะข้าสักหน่ อยได้รึไม่ ?” ฉิ นวีเยียนเผยยิมสดใส สายตาจับจ้องไปทีมู่หรงเสวียอย่างไม่วางตา
ฉิ นยวีเยียนเป็ นถึงองค์หญิงแห่ งแคว้นม่อเป่ ย ทังยังเป็ นหญิงสาวในดวงใจของจิงอ๋ องเย่อีเฉิ น ชาวบ้านในเมือง
หลวงต่างก็พากันลือถึงความฉลาดปราดเปรื องและความงดงามของนางไปทัว เสี ยงดีดพิณของนางราวดังเสี ยง
สวรรค์ แม้แต่เทพเซี ยนบนหุ บเขาเทียนซานยังต้องลงมากราบไหว้ เช่นนี ยังต้องให้นางชีแนะอะไรอีกหรื อ ?

“ขออภัยองค์หญิงฉิ น ข้าไม่เข้าใจในศาสตร์แห่ งพิณนัก ไม่สามารถทีจะชีแนะท่านได้หรอก” มู่หรงเสวียปฏิเสธ


อย่างไม่เกรงใจ

ฉิ นยวีเยียนก็มิได้โวยวายอะไร เพียงยิมตอบ “คุณหนูมู่หรงเสวียล้อข้าเล่นแล้ว ฮูหยินจวนเจินกัวโหวเคยเป็ นถึง


ปราชญ์หญิงอันดับหนึงแห่ งเมืองหลวง ฝี มือพิณหมากตําราภาพวาดล้วนหาใครเปรี ยบ เจ้าเป็ นลูกของนาง
เป็ นไปมิได้ทีจะไม่เข้าใจศาสตร์แห่ งพิณ......”

มู่หรงเสวียยิมเย็น แม่ของนางตายตอนนางอายุสีขวบ จะสอนศาสตร์เหล่านันให้กบั นางได้อย่างไรกันเล่า ?


หลังจากสี ขวบนางก็ติดพิษเยือกแข็ง อาการกําเริ บอยูบ่ ่อยครัง การใช้ชีวิตตอนสิ บขวบของนางพูดได้เลยว่าล้วน
แต่นอนโทรมอยูบ่ นเตียง จะไปเรี ยนพิณหมากตําราภาพวาดได้อย่างไรกัน ?

เย่อีเฉิ นรู ้ว่ามู่หรงเสวียถูกพิษเยือกแข็ง เขาต้องรู ้ว่านางไม่มีทางทีจะได้เรี ยนศาสตร์ เหล่านีแน่ ฉิ นยวีเยียนเป็ นคน


ทีอยูใ่ นดวงใจของเขา เรื องราวเกียวกับมู่หรงเสวียนางก็ตอ้ งรู ้ไม่มากก็นอ้ ย นางอยากให้ขา้ ชีแนะการดีดพิณต่อ
หน้าฝูงชนเช่นนี เห็นได้ชดั ว่าต้องการท้าทายนาง อยากให้นางได้รับความอับอาย......

นางเพียงแค่มาใช้สาํ รับทีโรงเตียมเยว่หยาง ยังมิได้ไปยุง่ วุ่นวายอะไรกับฉิ นยวีเยียนแม้แต่น้อย และก็มิได้ไปยัวยุ


นางอะไรนางเลย เหตุใดฉิ นยวีเยียนจึงต้องมาวุ่นวายกับนางด้วยเล่า ?
ตอนที 34 ประลอง
16 18 20 22

$(function () {

var wWidth = $(window).width();

if (wWidth >= 767) { return; }

$("#story-detail").find("*").css("font-family", "").css("font-size", "");

var size = $("#select_size");

var font = $("#select_font");

var update = function () {

$("#story-detail").css("font-family", font.val()).css("font-size", size.val() + "px");

$.cookie("reader_size", size.val(), { path: "/", expire: 365 });

$.cookie("reader_font", font.val(), { path: "/", expire: 365 });


};

if ($.cookie("reader_size")) {

size.val($.cookie("reader_size"));

if ($.cookie("reader_font")) {

font.val($.cookie("reader_font"));

size.change(update);

font.change(update);

update();

});

หญิงงามทังสองทีหนึงยืนหนึงนังต่างก็เป็ นทีสนใจของผูค้ นโดยรอบ ผูค้ นในโรงเตียมต่างพากันตืนเต้นกัน


ขึนมา ค่อยๆรวมกลุ่มกันวิพากษ์วิจารณ์กนั อย่างเซ็งแซ่ **“**ผูห้ ญิงทียืนอยูค่ ือองค์หญิงแห่ งแคว้นม่อเป่ ยฉิ นยวี
เยียน งามลําค่าควรเมือง สู งส่ งมิใช่ธรรมดา คนทีนังอยูเ่ ป็ นใครกัน? หน้าตาช่างงดงามหาใดเปรี ยบนัก......”
“เจ้ามิเคยได้ยนิ รึ ไงว่านางเป็ นบุตรสาวของฮูหยินแห่ งจวนเจินกัวโหว เมือครู่ องค์หญิงยังเรี ยกนางว่าคุณหนูมู่
หรงเสวียอยูเ่ ลย นางก็คืนคนทีถูกลดชันเป็ นพระชายารองไง......”

“มู่หรงเสวียน่ ะรึ ? หน้าตาถึงจะขาวซี ดไปนิด ร่ างกายดูบอบบางไปหน่ อย แต่วา่ กลับดูบริ สุทธิผ่องใส ดูแล้ว


งดงามกว่าองค์หญิงฉิ นอยูถ่ ึงสามส่ วน......”

มู่หรงเสวียน่ ะหรื องดงามกว่านาง? แววตาของฉิ นยวีเยียนเย็นชาขึนมา แต่กเ็ ลือนหายไปในพริ บตา

“ฮูหยินมู่หรงมีศาสตร์ แห่ งการดีดพิณทีสู งส่ ง ฝี มือไม่เป็ นสองรองใคร คุณหนู ม่หู รงต้องได้รับการถ่ายทอดจาง


นางมาอย่างแน่ นอน ถ้าคุณหนูยงั คงปฏิเสธข้าอยูเ่ ช่นนี ก็หมายความว่ากําลังดูถูกทักษะพิณของข้าว่าไม่มีค่า
พอทีจะประลองกับคุณหนูมู่หรงใช่มยเจ้
ั าคะ?” เสี ยงนุ่ มแฝงไว้ดว้ ยความอ่อนโยนอยูส่ ามส่ วน เสี ยใจสามส่ วน
บีบคันสามส่ วน

ดวงตาสี ดาํ ของคุณชายโอวหยางเปล่งประกายดุดนั มองไปยังฉิ นยวีเยียนอย่างเย็นชา เตรี ยมจะเปิ ดปากพูด แต่มู่


หรงเสวียกลับโบกมือขัดเขาไว้ มองไปทางฉิ นยวีเยียนยิมๆ

เพือบีบบังคับให้นางประลองด้วย นางถึงกับยกเอามารดาของเจ้าร่ างเดิมขึนมาอ้าง ถ้านางยังไม่ตกลง เห็นทีว่า


นางคงลากเอาบรรพชนทังโคตรของนางออกมาอ้างด้วยแน่

คนก็ได้จากไปแล้ว นางทีเป็ นคนรุ่ นหลังก็คงไม่อาจให้ใครมาลบหลู่ดูหมินได้ มิเช่นนันคงทําให้พวกเขานอน


ตายตาไม่หลับ ก็แค่การดีดพิณ นางจะยอมเล่นด้วยก็ได้
แม้เจ้าของร่ างเดิมไม่เคยเรี ยนศาสตร์ แห่ งพิณมาเลยแม้แต่นอ้ ยก็ตาม แต่นางคุณหนู ผสู้ ู งส่ งจากศตวรรษที 21 น่ ะ
เคยเรี ยนมา

“แต่ว่าประลองธรรมดา ๆคงจะไม่สนุ กนัก พวกเราวางเดิมพันกันดีรึไม่เจ้าคะ?”

ฉิ นยวีเยียนเผยยิมน้อยๆ นีหมายความว่านางตกลงทีจะประลองแล้วใช่ไหม “เดิมพันอะไร?”

จุดประสงค์ของนางคือแค่ตอ้ งการให้ม่หู รงเสวียตอบรับการประลอง มู่หรงเสวียจะเรี ยกร้องอะไรก็ปล่อยนางไป


ยิงนางเรี ยกร้องมากเท่าไร พอถึงเวลาทีนางพ่ายแพ้ นางก็จะอับอายมากเท่านัน

“เอาเป็ นพิณทีองค์หญิงยวีเยียนใช้แล้วกันเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียปรายตามองไปทางห้องหลันเซี ยง แล้วกล่าวขึนช้าๆ


“เหมือนจะเป็ นพิณเจียวเหว่ย ถ้าข้าชนะ พิณเจียวเหว่ยจะตกเป็ นของข้า......”

ชนะข้าหรื อ? ช่างอวดดียงนั
ิ ก

ตอนนางอยูท่ ีม่อเป่ ยก็เคยพบเจอมือพิณฝี มือดีมาหลายคน แต่ยงั ไม่เคยมีใครเอาชนะนางได้มาก่อน

่หรงเสวีย “ถ้าเจ้าเป็ นคนแพ้ละ?”


ฉิ นยวีเยียนใบหน้าคล้ายยิมคล้ายไม่ยมมองไปทางมู

“ข้าก็จะเดิมพันด้วยพิณทีมีราคาพอๆกับพิณเจียวเหว่ยขององค์หญิง” มู่หรงเสวียแววตาสุ ขมุ พูดเน้นทีละคํา

“พูดแล้วไม่คืนคํา!” แววตาของฉิ นยวีเยียนวูบไหว นางไม่สนว่ามู่หรงเสวียจะเดิมพันด้วยอะไร แค่ม่หู รงเสวีย


พ่ายแพ้ แล้วจดจําฝังใจว่าแพ้ให้กบั ใคร นางก็ยนิ ดีแล้ว

“ตกลง!” มู่หรงเสวียตอบรับอย่างหนักแน่น ปรายตามองออกไปด้านนอก “เสี ยวเอ้อ ไปเอาพิณมาให้ขา้ !”

มองตามฉิ นยวีเยียนเดินกลับไปทีห้องหลันเซี ยงแล้วนังลงไปทีด้านหลังของพิณเจียวเหว่ย พอดีกบั ทีเสี ยวเอ้อยก


พิณคันหนึงเดินเข้ามาในห้องดอกเหมย วางไว้ดา้ นหน้าของมู่หรงเสวีย โรงเตียมเยว่หยางทีใหญ่โตพลัน
ครึ กครื นขึนมาทันใด
ฉิ นยวีเยียน องค์หญิงแห่ งแคว้นม่อเป่ ย หญิงสาวในดวงใจของจิงอ๋ องเย่อีเฉิ น ว่าทีพระชายาเอกแห่ งจิงอ๋ อง

มู่หรงเสวีย คุณหนูแห่ งจวนเจินกัวโหว ว่าทีภรรยาตัวจริ งของจิงอ๋ องเย่อีเฉิ น และเพราะว่ากําลังจะถูกลดขันเป็ น


เพียงพระชายารอง นางจึงซ้อนแผนตอนทีท่านอ๋ องจะรับนางเข้าวัง จนแผนการของจิงอ๋ องผิดพลาดและตัวเขา
เองยังพลาดท่าผลัดตกเหวไปเสี ยเอง เห็นผูค้ นลือว่านางไม่เต็มใจเป็ นอนุ ไม่ยอมรับทีเย่อีเฉิ นจะให้นางเป็ นอนุ

ว่าทีพระชายาเอกแห่ งวังจิงอ๋ องกับว่าทีพระชายาตัวจริ งกําลังเผชิญหน้ากันทีโรงเตียมเยว่หยาง พวกนางกําลังจะ


ประลองศาสตร์แห่ งพิณ ไม่ว่าจะเป็ นเพราะความหึ งหวงก็ดี หรื อเพือแสดงศาสตร์ ศิลป์ ก็ดี การเผชิญหน้าของ
พวกนางครังนี จะต้องตืนตาน่ าดูชมแน่ นอน!

เป็ นโอกาสทีหาได้ยากในชีวิตทีจะได้ชมการประลองของหญิงงามทังสองเช่นนี คนทีผ่านไปผ่านมาต่างมิยอม


พลาดทีจะได้ชม

แขกในห้องโถงใหญ่ดา้ นล่างล้วนวางตะเกียบลง ชะเง้อคอมองห้องดอกเหมย ห้องหลันเซี ยงด้วยแววตาทีเปล่ง


ประกาย แขกในห้องส่ วนอืน ๆล้วนเปิ ดประตูสอดส่ องสายตาไปมาระหว่างห้องดอกเหมยกับห้องหลันเซี ยง
แววตาส่ องประกายตืนเต้นยินดี

ฉิ นยวีเยียนค่อยๆ ลองดีดพิณเจียวเหว่ยเบาๆ มองไปทางมู่หรงเสวียทียิมน้อยๆ “ถือเป็ นการให้เกียรติเจ้าบ้าน


คุณหนูม่หู รงเสวียเชิญเริ มก่อนเถอะ”
“มิจาํ เป็ น” มู่หรงเสวียส่ ายหน้าแววตาวูบไหว “พวกเราดีดพร้อมกันจะดีกว่า”

ฉิ นยวีเยียนชะงัก การประลองเพลงพิณปกติแล้วจะเล่นเพลงทีละคน และให้ฝงู ชนตัดสิ นทีเสี ยงของเพลงพิณ


แต่ม่หู รงเสวียกลับต้องการจะดีดพิณไปพร้อมกับนาง คาดว่านางคงจะไม่รู้ว่าเสี ยงพิณทีด้อยกว่าจะถูกกลบด้วย
เพลงพิณทีเสี ยงสู งและไพเราะกว่า นอกจากนีเพลงทีด้อยกว่าก็จะถูกเสี ยงพิณทีเสี ยงสู งและไพเราะตีกลับจน
กลายเป็ นเสี ยงทีไม่น่าฟัง

นางมาไม้นีจะไม่เป็ นการรนหาทีตายหรอกหรื อ? เช่นนันนางก็จะเติมเต็มความปรารถนาของนางเอง “เช่นนันก็


ดีดพร้อมกันก็แล้วกัน เชิญคุณหนูมู่หรง!”

“เชิญองค์หญิงฉิ น!” มู่หรงเสวียยิมประจบประแจง ฝ่ ามือสี ขาวนวลตาวางลงไปบนสายพิณ

“เสวียเอ๋ อร์ !” คุณชายโอวหยางมองไปทางมู่หรงเสวีย แววตาเป็ นกังวล เขาเคยได้ยนิ คําลําลือถึงฝี มือการดีดพิณ


ของฉิ นยวีเยียน เพลงพิณทีนางเล่นนันไพเราะดังเสี ยงสวรรค์จริ งๆ

“มิตอ้ งกังวล ข้าไม่มีทางแพ้หรอก” มู่หรงเสวียพูดยิมๆ ดวงตาสดใสเป็ นประกาย ท่าทางเต็มไปด้วยความมันใจ


ดูท่าทางของนางแล้วคุณชายโอวหยางก็ยกยิมขึน นางแพ้ก็มิเป็ นไร มีเขาอยูท่ งคน
ั เขาจะไม่มีทางยอมให้ใครมา
หลู่เกียรตินางแน่

“ตึง !” ฉิ นยวีเยียนรู ้สึกขัดตาทีคุณชายโอวหยางคอยส่ งสายตาเป็ นห่ วงเป็ นใยให้มู่หรงเสวีย นิวขาวราวหยกดีด


ไปทีสายพิณอย่างรวดเร็ ว เสี ยงไพเราะเงียบสงบดังขึน คล้ายดังเสี ยงเพลงแห่ งสรวงสวรรค์ ไพเราะจนหัวใจของ
ผูค้ นพลอยสันไหว แววตาของฝูงชนเต็มไปด้วยความตกตะลึงใจ เสี ยงไพเราะเช่นนี คงหาฟั งได้แต่บนสวรรค์
เท่านัน โลกมนุ ษย์เราคงเป็ นเรื องเพ้อฝันทีจะได้ฟังเพลงพิณทีไพเราะเช่นนี ฝี มือการดีดพิณขององค์หญิงฉิ นนี
ช่างปราดเปรื องสู งส่ งยิงนัก

“ตึง !” มู่หรงเสวียก็ขยับมือแล้วเช่นกัน เสี ยงพิณดังกังวานไปทัวบริ เวณ กระทบหู ตราตรึ งใจ ฝูงคนพากันพยัก


หน้า เสี ยงพิณของมู่หรงเสวียก็นบั ว่าใช้ได้ ถึงแม้จะเปรี ยบไม่ได้กบั ฉิ นยวีเยียน แต่นางกลับดีดเอาอารมณ์ของ
เนื อเพลงออกมาได้จบั ใจนัก......

เมือเห็นสายตาชืนชมของผูค้ นมาหยุดอยูท่ ีร่ างของมู่หรงเสวีย แววตาสวยของฉิ นยวีเยียนพลันหรี ลง ทันใดนัน


เพลงพิณกลับถูกเปลียน เนือเพลงจากทีให้ความรู ้สึกบริ สุทธิสู งส่ งกลายเป็ นให้ความรู ้สึกลําลึกเศร้าโศก
เสี ยงเพลงเศร้าโศกก้องกังวานไปทัวโรงเตียมเยว่หยาง เหล่าแขกชายสี หน้าเรี ยบเฉยยกเหล้าดืมแก้วแล้วแก้วเล่า
แขกหญิงใบหน้าเต็มไปด้วยหยาดนําตา ยกผ้าเช็ดหน้าเช็ดนําตาทีไหลไม่หยุด......

ฉิ นยวีเยียนกวาดตามองสี หน้าของเหล่าฝูงชน มุมปากยกยิมงดงาม ใช้เสี ยงพิณนําพาความรู ้สึกของผูค้ น ทําให้


ผูค้ นรู้สึกถึงความโศกเศร้าของเพลงพิณ ถือว่าเป็ นทักษะการดีดพิณชันสู ง นางมิตอ้ งพยามยามก็ทาํ ได้ ทักษะ
ชันสูงแบบนีถ้าเป็ นมู่หรงเสวียกลัวว่าจะต้องใช้เวลาเป็ นสิ บปี ถึงจะทําได้เช่นนาง......

เมือรู ้สึกถึงการท้าทายของฉิ นยวีเยียน มู่หรงเสวียก็ยกยิมมุมปาก ดวงตางามวูบไหวไปมา นิ วมือทีกําลังดีดพิณ


กลายเป็ นรัวเร็ ว พริ บตานันลมก็คอ่ ยๆพัดแรงขึน เนื อเพลงกลายเป็ นตืนเต้นยินดี ดังกังวานไปทัว แรงกดดันทะลุ
ขึนฟ้ า คล้ายดังแม่นาหวงเหอกํ
ํ าลังคําราม คล้ายดังเสี ยงวิงของฝูงม้า คล้ายดังกองทัพกําลังประหัตประหารเข่น
ฆ่ากัน เสี ยงพิณโทนสู งกลบเสี ยงพิณของฉิ นยวีเยียนจนเงียบหายไป ทัวทังโรงเตียมเยว่หยางล้วนกังวานไปด้วย
เสี ยงเพลงของมู่หรงเสวีย......
ดวงหน้าสวยของฉิ นยวีเหยียนพลันซี ดขาว จ้องเขม็งไปทางมู่หรงเสวีย นางคงวางแผนนีไว้ตงแต่
ั ตน้ ทักษะการ
ดีดพิณของนางไม่เท่าตัวข้า นางจึงเล่นเพลงเสี ยงสู งกลบและกดดันเสี ยงเพลงของนางจนจมหายไป ถึงแม้ว่านาง
จะดีดเพลงไพเราะเพียงใด คนอืนก็ไม่ได้ยนิ เป็ นนางทีแพ้แล้ว ช่างเลวร้ายยิงนัก......

มู่หรงเสวียตอบรับสายตาของนาง มุมปากยกยิมน้อย ๆ คล้ายกําลังพูดว่า “ถ้าเจ้าเก่งจริ งก็ดีดเพลงทีเสี ยงสู งกว่านี


สิ กลบเสี ยงพิณของข้าให้ได้”

ฉิ นยวีเยียนดวงหน้าเรี ยบเฉยไม่พอใจ นางพบเจอกับเพลงพิณเสี ยงสู งมาก็มากมาย แต่ทีสู งเหมือนกับมู่หรงเสวีย


ตอนนีทีขนาดสามารถกลบเพลงพิณของผูอ้ ืนได้ นางเพิงได้ยนิ เป็ นครังแรก......

นางไม่สามารถทีจะกลบเสี ยงพิณของมู่หรงเสวียได้ แต่ไม่ใช่ว่านางจะไม่มีวีธีทีจะกดเสี ยงพิณของอีกฝ่ ายได้

ฉิ นยวีเยียนยกยิมน้อย ๆ ทันใดนันนางก็ยกนิวมือดีดไปทีสายพิณอีกครัง เสี ยงพิณไพเราะแฝงไว้ดว้ ยจิตรสังหาร


ส่ งไปทีมู่หรงเสวีย......
ตอนที 35 ใครแพ้ ใครชนะ
** **

นีมัน......เสี ยงสังหาร !

ดวงตาของคุณชายโอวหยางปรากฏแววเย็นเยียบ กําถ้วยชาในมือแน่ น แค่เพียงพริ บตานําชาภายในถ้วยชาก็


กลายเป็ นลูกศรนําแข็ง ลอยขึนมาเหนื อปากถ้วย เตรี ยมจะใช้ออกไปเพือช่วยเหลือมู่หรงเสวียได้ตลอดเวลา

ดวงตาของมู่หรงเสวียเปล่งประกาย อุม้ ตัวพิณโยกหลบเสี ยงพิณสังหารทีแฉลบผ่านชายเสื อของนางไป ‘ปั ง’


เสี ยงกระทบกับกําแพงของห้องดังขึนจนแตกกระจาย......

ผนังห้องปรากฏลอยลึกโค้งเป็ นทางยาวสายหนึง เผยให้เห็นอิฐสี นาตาลเทาด้


ํ านใน เป็ นความลึกทีน่ าตกใจยิงนัก
......

เห็นมู่หรงเสวียปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน แววตาของคุณโอวหยางก็เปล่งประกายวาววับอย่างยินดี พลางคลายมือ


ลง ลูกศรนําแข็งก็กลับคืนเป็ นนําชากลินหอมกรุ่ นในถ้วยดังเดิม !
ใช้พิณเป็ นอาวุธ ใช้เสี ยงเพลงสังหารผูค้ น คงกล่าวได้ว่าการบรรเลงพิณของฉิ นยวีเยียนนันเป็ นเลิศไม่เป็ นสอง
รองใคร ถ้าเกิดกระบวนท่าเมือครู่ โจมตีมาทีข้อมือของนาง บาดแผลคงจะลึกถึงกระดูก เลือดคงจะไหลไม่หยุด
จนไม่สามารถดีดพิณต่อไปได้

เมือเสี ยงพิณของนางไม่สามารถกลบเสี ยงพิณของข้าจนชนะได้ นางก็เลยใช้กระบวนท่าสังหาร ใช้วิธีการทีน่ า


รังเกียจเช่นนี โจมตีนาง งันข้าก็จะมิเกรงใจนางแล้วเช่นกัน......

มู่หรงเสวียยกยิมเย็น ยืนมือดีดไปทีสายพิณเพียงเบา ๆ ทันใดนันเสี ยงพิณไพเราะก็ดงั ก้องกังวานไปทัวทังห้อง


โถง สายพิณเส้นหนึงพุ่งออกไปตามจังหวะเพลงตอบรับเข้ากับเสี ยงสังหารทีฉิ นยวีเยียนปล่อยออกมา

“ตูม !” สายพิณปะทะกับเสี ยงสังหารจนเกิดเสี ยงดังก้องกังวาน เสี ยงสังหารแตกกระจายหายไปอย่างไร้ร่องรอย


สายพิณแหวกอากาศพุ่งกลับไปทีห้องดอกเหมย

ฉิ นยวีเยียนแววตาหดเล็กลง เพ่งมองไปด้านหน้า เห็นอีกปลายด้านของสายพิณเส้นนันยังผูกติดอยูก่ บั ตัวพิณ เมือ


สายพิณทําลายเสี ยงสังหารของนางแน่ นอนว่ามันต้องดีดกลับไปทีตัวพิณแน่

นางรู ้ว่าสายพิณมีความยืดหยุน่ แต่ไม่ว่าจะเก่งกาจแค่ไหนก็น่าจะยืดออกมาได้ไม่เกินครึ งเมตร ห้องดอกเหมยกับ


ห้องเซี ยงหลันห่ างกันอยูป่ ระมาณแปดเก้าเมตร จุดปะทะของสายพิณและเสี ยงสังหารอยูก่ ึงกลางของทังสองห้อง
พอดี เมือครู่ อย่างมากก็ถูกดีดออกมาไกลแค่เพียงสี ห้าเมตรเท่านัน มู่หรงเสวียนางช่างไม่ธรรมดานัก

นานมากแล้วทีไม่ได้เจอคูป่ รับฝี มือร้ายกาจเช่นนี ทําให้นางรู ้สึกตืนเต้นยิงนัก !


มุมปากของฉิ นยวีเยียนยกขึน คล้ายยิมคล้ายมิยมิ นิ วมือขาวราวหยกวูบไหวไปมาบนสายพิณ เสี ยงสังหารสาย
แล้วสายเล่าพุ่งออกไปตามจังหวะเพลง พุ่งโจมตีไปทางมู่หรงเสวียอย่างไม่เกรงใจ

มู่หรงเสวียย่นคิว นิวมือขาวดีดไปบนสายพิณอย่างรวดเร็ ว เสี ยงเพลงพิณทีเร้าใจตืนเต้นหลังไหลออกมา สายพิณ


แต่ละเส้นค่อย ๆ ถูกดีดพุ่งออกไปทางฉิ นยวีเยียน

‘ตูม ตูม ตูม !’ เสี ยงปะทะหลายสายระหว่างสายพิณกับเสี ยงสังหารดังขึน จิตสังหารแหลมคมหลายสายกระจาย


ออกกลางอากาศ พุ่งผ่านผนัง ราวบันได ประตูไม้ เพียงพริ บตา เศษฝุ่ นผงต่าง ๆ นา ๆ ก็ฟงกระจายไปทั
ุ้ ว
บางส่ วนพุ่งตกกระเด็นไปทีห้องโถงใหญ่

บรรดาแขกในห้องโถงใหญ่ต่างพากันลุกออกจากทีนัง แต่กม็ ิได้ออกจากโรงเตียมเยว่หยางแต่อย่างใด เพียงแต่


พากันไปยืนอยูท่ ีริ มกําแพงชะเง้อคอมองการประลองต่อไป

เสี ยงพิณไพเราะดังก้องกังวานไปทัว ตรงหน้ามีการปะทะกันระหว่างสายพิณกับเสี ยงสังหาร นอกจากการ


ประลองพิณแล้วยังเป็ นการประลองวรยุทธ์อีกด้วย น่าตืนตาตืนใจเป็ นทีสุ ด โดยทัวไปยากทีจะได้พบเจอการ
ประลองเช่นนี ทําให้ผคู ้ นได้เปิ ดหูเปิ ดตา ถึงแม้วา่ จะมีมีดกระเด็นออกมาพวกเขาก็มิอยากพลาดทีจะได้ดูชม

ฉิ นยวีเยียนค่อย ๆ ดีดสายพิณบางเบา เนือเพลงไพเราะค่อย ๆ ดังขึน ให้คนทีได้ฟังรู ้สึกหลงใหลเมามาย โดยไม่


ทันตังตัวในใจก็กลับรู ้สึกโศกเศร้าเสี ยใจไปตามเสี ยงเพลง
เสี ยงสังหารพุ่งออกตามจังหวะของเพลงพิณ ล่องลอยไปมา เสี ยงสังหารก่อนหน้าเพิงพุ่งออกไปไม่ทนั ไรก็
ตามมาด้วยเสี ยงสังหารชุดถัดมา ทีละสายทีละสายจนผูค้ นมองตามไม่ทนั ......

มือขาวนวลของมู่หรงเสวียวูบไหวไปมาบนสายพิณ เสี ยงเพลงกลายเป็ นเสี ยงสู งขึนมาอีกครัง ความเร่ าร้อนแฝง


ไว้ดว้ ยความแข็งแกร่ งของกลินอายวีระบุรุษ......

สายพิณพุ่งออกตามจังหวะของเสี ยงเพลง เส้นแสงรวดเร็ ววูบไหวไปมา ทําให้ผคู ้ นมองมิออกว่ามีสายพิณ


ทังหมดกีสายกันแน่ สายพิณคล้ายร่ ายรําไปมาระหว่างเสี ยงสังหาร ขณะเดียวกันก็ทาํ ลายเสี ยงสังหารทังหมดจน
สลายหายไป ค่อย ๆ บีบจุดปะทะไปทางฉิ นยวีเยียน......

เมือเนือเพลงใกล้จะถึงท่อนสุ ดท้าย เพลงพิณของมู่หรงเสวียยิงเล่นก็ยงเสี


ิ ยงสู งมากขึน สายพิณทีใช้ออกไปก็ยงิ
รวดเร็ วและบีบคัน นางไม่ยอมอ่อนข้อแม้แต่นิด ฉิ นยวีเยียนแววตาวูบไหว เสี ยงพิณไพเราะค่อย ๆ เร่ งขึนสู ง
กลินไอจิตสังหารคละคลุง้ ไปรอบตัวนาง แสงสี ขาวสายหนึ งพุ่งตรงไปทีมู่หรงเสวีย......

นีฉิ นวีเยียนกําลังจะใช้กระบวนท่าสังหารกับนางหรื อ ! ช่างน่ าไม่อายนัก !

แสงสี ขาวสายนีเป็ นเข็มเงิน หรื อว่ามีดสันกันแน่ ?

ไม่เป็ นไร ไม่เป็ นไร ฉิ นยวีเยียนอยากชนะนางมากขนาดนันเลยหรื อ ? นางคงไม่มีทางยอมให้เป็ นเช่นนัน


โดยง่ายแน่ !
มู่หรงเสวียปรากฏแววตาวูบไหว มือสวยดีดไปทีสายพิณ พริ บตานันสายพิณเส้นหนึ งก็พุ่งออกไป ปะทะเข้ากับ
ลําแสงสี ขาวสายนัน ลําแสงสี ขาวสายนันถูกปะทะพุ่งกลับไปอย่างรวดเร็ วดังสายฟ้ าแลบ พุ่งผ่านเลยพิณเจียว
เหว่ยไป ได้ยนิ เสี ยง ‘ตึง ตึง ตึง !’ ดังขึน สายพิณสี ขาวลําค่าขาดออกจากตัวพิณ

‘ตึง !’ เพียงพริ บตาสายพิณทีลอยอยูก่ ลางอากาศก็พ่งุ กลับไปอยูท่ ีตําแหน่งเดิมของมัน ท่อนเพลงทีจบลงอย่าง


สมบูรณ์ดงั กังวานไปทัวบริ เวณ ทําให้ผคู ้ นหลุดจากภวังค์ เพลงพิณของมู่หรงเสวียได้จบลงแล้ว

เมือมองไปทีห้องหลันเซี ยง ก็เห็นฉิ นยวีเยียนนังนิงอยูต่ รงนัน มือหยกบอบบางนิงค้างอยูก่ ลางอากาศ แข็งค้าง


มองไปยังตัวพิณเจียวเหว่ย สายพิณของพิณเจียวเหว่ยล้วนขาดออกจากกัน พันกันยุง่ เหยิงไปมาบนตัวพิณ เพลง
พิณท่อนจบอีกหลายโน้ตก็ยงั มิได้เล่นออกไป เพลงของนางยังเล่นไม่จบ และไม่สามารถทีจะเล่นจบได้แล้ว......

โรงเตียมเยว่หยางพลันเงียบสงัด เหล่าแขกเหรื อต่างมองกันไปมา แววตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง นีคือการ


เผชิญหน้าระหว่างว่าทีพระชายาเอกและว่าทีพระชายาตัวจริ งของจิงอ๋ อง ช่างตืนเต้นน่ าดูชมยิงนัก เป็ นอะไรที
พวกเขาคาดไม่ถึงเลย !

“เยียมมาก !” เสี ยงร้องชืนชมสายหนึ งดังออกมาจากฝูงชน เหล่าแขกเหรื อต่างถูกปลุกขึนจากภวังค์ ร้องชืนชม


ตืนเต้นด้วยความยินดี ทังโรงเตียมเยว่หยางกลายเป็ นครึ กครื นขึนมาทันที......

เหล่าแขกเหรื อต่างจับกลุ่มพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์กนั “การประลองพิณครังนี สรุ ปว่าใครแพ้ใครชนะงันหรื อ ?”


“ยังจะต้องถามอีกรึ ? แน่นอนว่าเป็ นองค์หญิงยวีเยียนทีพ่ายแพ้ และคุณหนูมู่หรงเสวียเป็ นผูช้ นะน่ ะสิ ......”

“ใช่แล้ว ถึงแม้วา่ เสี ยงพิณขององค์หญิงฉิ นจะไพเราะดังเสี ยงสวรรค์เพียงใด แต่เสี ยงนันก็ถูกเสี ยงพิณของ


คุณหนูม่หู รงกลบลงไปจนมิด เพลงท่อนสุ ดท้ายก็ไม่สามารถเล่นจนจบได้ นางต้องแพ้อย่างแน่นอนแล้ว......”

มู่หรงเสวียมองยิม ๆ ไปยังฉิ นยวีเยียน “องค์หญิงฉิ นมีความเห็นเช่นไรกับผลการประลองทีออกมาหรื อไม่เจ้าคะ


?”

แขกเหรื อในโรงเตียมเยว่หยางส่ วนมากล้วนไม่เข้าใจในศาสตร์ แห่ งพิณ แต่ว่าก็มีไม่น้อยทีเป็ นปราชญ์ผมู้ าก


ความรู ้ทีเข้าใจในศาสตร์แห่ งพิณ แพ้ชนะล้วนเป็ นพวกเขาทีตัดสิ นออกมา นางจะไปมีความเห็นได้อย่างไรกัน ?

“ไม่มี !” ฉิ นยวีเยียนกัดฟันตอบ ปรากฏนําเสี ยงทีไม่น่าฟังนักแฝงอยูใ่ นนําเสี ยงทีอ่อนหวานนัน

“ถ้าเป็ นเช่นนัน พิณเจียวเหว่ยตัวนันก็ตกเป็ นของข้าแล้ว !” มู่หรงเสวียขอบคุณเหล่าผูค้ นทีตัดสิ นผลการประลอง


ในขณะทีผูค้ นทัวไปต่างให้ความสนใจ นางก็ค่อย ๆ เยืองย่างออกจากห้องดอกเหมย ก้าวเท้ามาหยุดอยูต่ รงหน้า
ฉิ นยวีเยียน อุม้ พิณเจียวเหวยขึนมาอย่างสง่าผ่าเผย พูดยิม ๆ ว่า “องค์หญิงฉิ น ทรงออมมือเกินไปแล้ว !”

มองดูรอยยิมยินดีของนาง ดวงหน้าของฉิ นยวีเยียนก็ขนสี


ึ เขียวคลํา ฝ่ ามือภายใต้แขนเสื อค่อย ๆ กําแน่นเข้าหากัน
นางเป็ นถึงเซี ยนพิณเสี ยงสวรรค์แห่ งม่อเป่ ย แต่กลับมาพ่ายแพ้ในการดีดพิณครังนี ทังยังแพ้ให้กบั มู่หรงเสวียทีมี
เพียงฝี มือธรรมดาทัวไปในการดีดพิณ ช่างน่าอับอายยิงนัก......

“องค์หญิงฉิ นทรงเสี ยดายพิณเจียวเหว่ยหรื อเจ้าคะ ?” มู่หรงเสวียมองไปทีดวงตาของนางทีวูบไหวไปมา แววตา


ของมู่หรงเสวียเต็มไปด้วยความเย็นชาและเยาะเย้ย มองในมุมมองของฉิ นยวีเยียนแล้วแววตานันกําลังแสดงถึง
ความถือตนและท้าทาย ในใจของนางตอนนีเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและเกลียดชัง

พิณเจียวเหว่ยเป็ นพิณของนาง แน่ นอนอยูแ่ ล้วว่านางย่อมจะต้องเสี ยดายทีจะต้องส่ งให้คนอืนไปเปล่าๆ แต่มู่หรง


เสวียกลับชนะนางท่ามกลางสายตาของผูค้ นมากมายเช่นนี ถ้านางบอกว่าเสี ยดาย มันจะกลายเป็ นการผิดวาจา
ชาวเมืองหลวงของชิงเหยียนก็คงจะดูถูกและหัวเราะเยาะนางทีไม่ทาํ ตามสัญญาเป็ นแน่......
ตอนที 36 หึงหวง

“จะเป็ นเช่นนันได้อย่างไร ? ข้าได้กล่าวตกลงไปแล้ว เจ้าชนะการประลอง พิณเจียวเหว่ยก็ตอ้ งตกเป็ นของเจ้า”


ฉิ นยวีเยียนพูดเสี ยงเรี ยบ ท่าทางถือตน ก็แค่พิณเจียวเหว่ยตัวเดียว ถือว่าไม่เท่าไหร่

“ขอบพระทัยองค์หญิงฉิ น” มู่หรงเสวียยิมเปล่งประกาย มือบางขาวนวลรวบเอาสายพิณแต่ละเส้นขึน เลิกคิวเข้า


หากัน พูดอย่างเสี ยดายว่า “สายพิณล้วนขาดหมดแล้ว ข้านํากลับไปก็คงไม่สามารถเล่นมันได้อีก......”

“เจ้าก็ซือสายพิณเส้นใหม่ไปประกอบกับพิณเจียวเหว่ยเสี ยสิ แค่นีก็สามารถใช้มนั บรรเลงเพลงได้อีกครังแล้ว”


คุณชายโอวหยางพูดขึนบางเบา ค่อย ๆ ก้าวเดินเข้ามา

มู่หรงเสวียเลิกคิวเบา ๆ “พิณเจียวเหว่ยเป็ นพิณโบราณทีมีชือ สายพิณธรรมดา ๆ ล้วนไม่คู่ควรกับมัน ถ้าหากว่า


นําเอาไปประกอบเข้าด้วยกันเสี ยงเพลงทีบรรเลงออกมาก็คงไม่น่าฟั ง......”

มองไปทีใบหน้าเศร้าสร้อยของนาง แววตาของคุณชายโยวเจือรอยยิม พูดอย่างราบเรี ยบ “ข้ารู ้จกั กับอาจารย์ผู้


ประดิษฐ์สายพิณมีชือท่านหนึ ง จะช่วยถามเขาแทนเจ้าก็ได้ว่ามีสายพิณทีเหมาะสมกับพิณเจียวเหว่ยรึ ไม่ ?”
“ขอบพระคุณคุณชายโอวหยางเจ้าค่ะ” แววตาของมู่หรงเสวียเปล่งประกายสดใส พิณเจียวเหว่ยเป็ นพิณโบราณ
หายาก และเป็ นของทีนางชนะได้มา มันพังลงเช่นนี ก็น่าเสี ยดายนัก หาสายพิณทีเหมาะสมกับมันได้แล้วนํามัน
ออกมาเล่นบรรเลงเพลงเยาะเย้ยฉิ นยวีเยียนก็นบั ว่าเป็ นเรื องทีไม่เลว

มองไปทีใบหน้างดงามของนาง คุณชายโอวหยางก็ยกยิมหล่อเหลาขึน แววตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและ


เอ็นดู ฉิ นยวีเยียนใบหน้าเปลียนสี ไปมาทีเห็นแววตาของเขาทีจ้องมองไปยังมู่หรงเสวีย

คุณชายโอวหยางเป็ นคนทีไม่ค่อยยิมคนหนึง ตอนทีอยูม่ ่อเป่ ย เสด็จพ่อของนางเคยเรี ยกตัวเขาเข้าพบ เขาเพียงมี


ท่าทางเรี ยบเฉยเย็นชา เหตุใดกับมู่หรงเสวียเขากลับดูมีท่าทางใกล้ชิดสนิ ทสนม แถมยังมอบรอยยิมให้แก่นาง
เช่นนี

มู่หรงเสวียเป็ นผูห้ ญิงทีอีเฉิ นทิงขว้าง เป็ นว่าทีอนุ ชนตํ


ั าของวังจิงอ๋ อง คุณชายโอวหยางทีพบกับนาง น่าจะควร
รังเกียจและปฏิเสธนางสิ ?......

“องค์หญิงดูสีหน้าไม่ค่อยดีนัก เป็ นอะไรหรื อเปล่าเจ้าคะ ?” เสี ยงเรี ยบเฉยลอยเข้าหู ปลุกฉิ นยวีเยียนให้หลุดออก


จากความคิด

ฉิ นยวีเยียนขมวดคิว ตอบกลับอย่างอดกลัน “มิเป็ นไร อาจจะเหนื อยไปหน่อยเท่านัน”


แววตาไม่พอใจหายไปอย่างรวดเร็ ว แต่ก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของมู่หรงเสวียไปได้ นางยิมมุมปากเล็กน้อย “เมือ
ครู่ ทีองค์หญิงฉิ นบรรเลงเพลงพิณ คงใช้สมาธิ ไปไม่น้อย จําต้องเหนือยมากเป็ นแน่ เสี ยวเอ้อ อาหารทีข้าสังได้
แล้วรึ ยงั ? เจ้ายกมาให้องค์หญิงฉิ นแทนแล้วกัน ให้นางได้บาํ รุ งพละกําลังทีใช้ไปเสี ยหน่ อย”

มู่หรงเสวียนางกําลังเยาะเย้ยข้า หาว่าข้าใช้กาํ ลังทังหมดบรรเลงเพลงพิณแล้วก็ยงั มิอาจจะเอาชนะนางได้งนหรื


ั อ
?

แววตาเยือกเย็นของฉิ นยวีเยียนเปรี ยบดังลูกธนูคมกริ บพุ่งไปทางมู่หรงเสวีย

มู่หรงเสวียทําเป็ นมองไม่เห็น ค่อย ๆ เยืองย่างไปทีราวกันของชันสอง มองไปทางด้านล่างทีห้องโถงใหญ่


“เสมียน พวกเจ้าคํานวณค่าเสี ยหายทังหมดไม่ว่าจะเป็ นผนัง ราวบันได ประตูไม้ รวมเป็ นเงินได้เท่าไรไปเบิกเอา
ทีจวนเจินกัวโหว” นางไม่ค่อยชินทีจะพกเงินจํานวนมาก ๆ ก็คงต้องให้พวกเขาไปเบิกเอาทีจวนเท่านัน

“ขอบพระคุณคุณหนูมากขอรับ” แววตาของเสมียนเปล่งประกาย การปะทะกันระหว่างเสี ยงสังหารกับสายพิณ


นันรุ นแรงมาก ของทีถูกทําลายก็มิใช่ราคาน้อย ๆ เลย แต่ว่าฉิ นยวีเยียนเป็ นองค์หญิงม่อเป่ ย ฐานะสู งส่ ง มู่หรง
เสวียเป็ นคุณหนูแห่ งจวนเจินกัวโหว ฐานะก็สูงส่ งเช่นกัน เขาจะล่วงเกินมิได้ จึงไม่กล้ากล่าวเรี ยกร้องค่าเสี ยหาย
กับพวกนางโดยตรง

ถ้าเป็ นเช่นนันจริ ง กิจการของโรงเตียมเยว่หยางก็คงขาดทุนย่อยยับ ตอนทีเขากําลังกังวลนันกลับคาดไม่ถึงว่ามู่


หรงเสวียจะออกตัวขอรับผิดชอบค่าเสี ยหายด้วยตัวเอง ทําให้เขาหลุดพ้นจากความยากลําบากนี
“ท่านเสมียนมิตอ้ งเกรงใจ ข้าเป็ นคนทีทําให้ของเหล่านีเสี ยหาย การชดใช้คา่ เสี ยหายก็เป็ นเรื องทีสมควรแล้ว” มู่
หรงเสวียยิมน้อย ๆ อุม้ พิณเจียวเหว่ยเดินลงจากบันไดไป

ผูค้ นล้วนแหวกทางให้กบั นาง มองไปทีนางด้วยแววตาชืนชม วางตัวสู งส่ งอีกทังยังมารยาทงาม รู ้จกั กาลเทศะ


ไม่ผดิ ทีเป็ นคุณหนูแห่ งจวนเจินกัวโหว ตรงกันข้ามกับคนในห้องหลันเซี ยง ตัวเป็ นคนทําลายสิ งของก่อนแท้ ๆ
แล้วยังจะเมินเฉย......

ฉิ นยวีเยียนสี หน้าเรี ยบเฉย แววตาส่ องประกายอํามหิ ต ตอนเสี ยงสังหารสายแรกของนางได้ทาํ ลายกําแพงจนเป็ น


รอยยาวนางก็คดิ จะมอบเงินชดใช้ให้กบั เสมียนไว้แล้ว เพือต้องการแสดงความมีนาใจและความสู
ํ งส่ งของตน

คาดไม่ถึงว่า มู่หรงเสวียกลับชนะนางจนทําให้ความคิดของนางยุง่ เหยิง จึงลืมเรื องนี ไปเสี ยสนิ ท เลยถูกมู่หรง


เสวียเสนอตัวแซงหน้าออกไป “สิ งของในโรงเตียมเยว่หยางทีถูกทําลาย เป็ นข้าทีทําพังเยอะทีสุ ด ให้ขา้ เป็ นคน
ชดใช้ดูจะเหมาะสมกว่า”

มู่หรงเสวียหยุดเท้า เงยหน้ามองไปทีห้องหลันเซี ยง ยิมตาหยี “องค์หญิงฉิ นก็ได้แพ้จนต้องมอบพิณเจียวเหว่ยตัว


นีให้ขา้ ไปแล้ว ดูจะไม่เหมาะสมนักทีจะให้ท่านเป็ นคนชดใช้ค่าเสี ยหายอีก เรื องการจ่ายค่าเสี ยหาย ให้ขา้ เป็ นคน
รับผิดชอบเถอะเจ้าค่ะ เงินแค่ไม่กีพันตําลึงจวนเจินกัวโหวถือว่ายังจ่ายไหว”

รอยยิมหยิงยโสบนใบหน้าของฉิ นยวีเยียนแข็งค้าง มองไปทีมู่หรงเสวียด้วยแววตาเกรี ยวกราดถึงขนาดทีสามารถ


พ่นไฟออกมาได้ สุ ดท้ายนางก็ยงั หาโอกาสเยาะเย้ยข้า ชัวร้ายทีสุ ด !
มู่หรงเสวียมิได้สนใจท่าทางของนาง พูดอย่างช้า ๆ ว่า “องค์หญิงฉิ น ข้ายังมีธุระ คงต้องขอตัวก่อนนะเจ้าคะ หวัง
ว่าครังหน้าคงได้พบกันอีก”

หันไปกล่าวลากับฉิ นยวีเยียนแบบขอไปที มู่หรงเสวียค่อย ๆ ก้าวออกจากโรงเตียมเยว่หยาง ใบหน้างามภายใต้


แสงอาทิตย์ทีสาดส่ อง มองไม่เห็นถึงความเรี ยบร้อยเมือครู่ นางยกยิมเย็นทีมุมปาก

แผนการของฉิ นยวีเยียนไม่สามารถทําอะไรนางได้ กลับกลายเป็ นทําร้ายตัวของนางเอง ทังยังแพ้จนต้องมอบพิณ


เจียวเหว่ยให้แก่นางอีก ในใจของนางเต็มไปด้วยความสะใจ ตัวนางทีได้เยาะเย้ยฉิ นยวีเยียนอีกครา ถือเป็ นการได้
ระบายอารมณ์ทีอัดอันข้างใน......

“พิณเจียวเหว่ยหนักมากหรื อไม่ ?” เสี ยงทุม้ นุ่ มดังขึน คุณชายโอวหยางค่อย ๆ เดินเข้ามา

มู่หรงเสวียหลุดจากภวังค์ พยักหน้าเบา ๆ “ใช่หนักมาก” นางแบกมันแค่ไม่กีนาที แขนก็รู้สึกปวดไปหมดเสี ย


แล้ว

“ข้าช่วยเจ้าถือดีรึไม่ ?” คุณชายโอวหยางพูดอย่างเรี ยบเฉย

“รบกวนคุณชายโอวหยางแล้วเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียกระพริ บตา ส่ งพิณเจียวเหว่ยให้คุณชายโอวหยาง ทีนี ยัง


ห่ างไกลจากจวนเจินกัวโหวอยูไ่ ม่นอ้ ย รอจนนางอุม้ พิณเจียวเหว่ยกลับถึงจวน แขนทังสองข้างคงปวดจนยก
แทบไม่ขึนแน่ คุณชายโอวหยางมีวรยุทธ์สูง แบกพิณเจียวเหว่ยแค่นีก็คงไม่ลาํ บากเท่านางนัก
คุณชายโอวหยางทีรับพิณเจียวเหว่ยมาแล้ว ก็ส่งต่อไปด้านหลังทีว่างเปล่า

ในขณะทีมู่หรงเสวียกําลังสงสัย ทันใดนันนางก็เห็นชายในชุดเกราะอ่อนสี ขาวเหลืองปรากฏออกมาจากความ


ว่างเปล่า รับเอาพิณเจียวเหว่ยไปไว้ในมือด้วยท่าทางสบาย ๆ

มู่หรงเสวียเพ่งมองไปทีชายผูน้ นั เห็นชายผูน้ นรั


ั บเอาตัวพิณแล้วค่อย ๆเงยหน้าขึนมา แววตาคมกริ บ ดวงหน้า
หล่อเหลา ให้ความรู ้สึกหยิงทะนงเล็กน้อย

นีมิใช้องครักษ์เงาในตํานานหรอกหรื อ ? ช่างเหมือนกับภูตผี กลางวันท้องฟ้ าสว่างจ้า ไปหลบซ่ อนตัวอยูท่ ีใดกัน


?

ชายแขนเสื อสี ขาวสายหนึงเคลือนทีมาด้านหน้า บดบังสายตาของนาง เงยขึนไปมอง เป็ นแววตาลึกลําของ


คุณชายโอยหยาง เงาในดวงตาสะท้อนใบหน้าของนาง “เจ้ากําลังมองอะไร ?”

มู่หรงเสวียแววตาวูบไหวไม่เป็ นธรรมชาติ “ไม่มีอะไร เขาเป็ นองครักษ์เงาของท่านหรื อเจ้าคะ ?”

คุณชายโอวหยางตอบรับเสี ยงอืมอย่างราบเรี ยบ แววตาส่ องประกายมืดครึ ม จับข้อมือของนาง ลากเดินไป


ข้างหน้า หลังจากทีสวินเฟิ งปรากฏตัว สายตาของนางก็จบั จ้องอยูแ่ ต่ทีสวินเฟิ ง มองเขาสักนิ ดก็ไม่มี หรื อว่าสวิน
เฟิ งจะดูดีกว่าข้า ?
ความสนใจของมู่หรงเสวียตอนนี จดจ่ออยูท่ ีองครักษ์เงา มิได้สนใจสี หน้าของเขาเลยแม้แต่น้อย ถามออกไปด้วย
ความตืนเต้น “คุณชาย องครักษ์ของท่านชืออะไรหรื อเจ้าคะ ?”

“......”

“เขาอยูข่ า้ งกายท่านมานานเท่าไรแล้ว......?”

“......”

ทําไมนางจะต้องถามเกียวกับสวินเฟิ งมากมายขนาดนี สวินเฟิ งน่าสนใจมากกว่าเขาอย่างนันหรื อ ?

คุณชายโอวหยางย่นคิว หันกายมองไปทางสวินเฟิ ง

แรงกดดันไร้รูปร่ างลอยออกมา ร่ างกายของสวินเฟิ งแข็งทือ ในใจร้องเรี ยก ‘คุณชาย ไม่เกียวกับข้านะขอรับ’

คุณชายโอวหยางมองไปทีมู่หรงเสวีย เห็นนางเตรี ยมจะถามคําถามเกียวกับสวินเฟิ งอีก ใบหน้าหล่อเหลาก็พลัน


เข้มขึน พูดด้วยนําเสี ยงเย็นชาว่า “ถึงจวนเจินกัวโหวแล้ว”
ตอนที 37 แอบพลอดรัก
มู่หรงเสวียหยุดฝี เท้าลง แหงนหน้ามองไปเห็นหมู่อาคารเรี ยงรายใหญ่โตตระการตาอยูต่ รงหน้า ด้านบนประตู
หลักมีป้ายไม้สลักเป็ นตัวอักษรสี ทองสี ตัวว่า ‘จวนเจินกัวโหว’ สะท้อนกับแสงแดดเปล่งประกายวูบไหว

นางถึงบ้านแล้วจริ ง ๆ

“ขอบพระคุณคุณชายทีมาส่ งเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ รอยยิมงดงามดังมวลบุปผากําลังผลิบาน ยืนมือขาว


นวลไปทีด้านหน้าของสวินเฟิ ง เตรี ยมจะรับเอาพิณเจียวเหว่ยมาถือไว้ในมือ

แววตาของสวินเฟิ งเคร่ งขรึ ม เขาเพียงขยับกายเล็กน้อยก็หายตัวมาปรากฏอยูด่ า้ นหน้าของประตูจวนเจินกัวโหว


นําเอาพิณเจียวเหว่ยยัดใส่ มือของทหารยาม เพียงพริ บตาเดียวก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

มู่หรงเสวียกระพริ บตาปริ บ ๆ นางรู ้สึกได้อย่างชัดเจนว่าบริ เวณไม่ไกลนักมีคนสองสามคนกําลังเคลือนไหว แต่


ไม่สามารถทีจะจับทิศทางของพวกเขาได้ ดวงตาฉายแววแปลกใจ องครักษ์เงาช่างร้ายกาจไม่ผิดไปจากทีลือกัน
นัก ปรากฏตัวเพียงพริ บตาแล้วก็หายไปอย่างรวดเร็ ว ช่างคล้ายกับภูตผีทีไปมาอย่างไร้ร่องรอยโดยทีผูค้ นไม่
รู ้สึกตัว

มองไปทีดวงตาเปล่งประกายของนาง แววตาของคุณชายโอวหยางก็เปลียนเป็ นเคร่ งขรึ ม คนก็หายตัวไปแล้ว


นางยังจะมองไปยังทิศทีสวินเฟิ งจากไปอีก นีนางสนใจสวินเฟิ งขนาดนันเลยหรื อ ?
“นีเป็ นเหล้าฉยงฮวา เจ้าลองเอากลับไปดืมทีเรื อนสิ ” คุณชายโอวหยางจับมือของมู่หรงเสวีย แล้วหยิบเอาไห
เหล้าวางเข้าไปทีมือของนาง มือของเขาหนักยิงนักเหมือนกับไม่เข้าใจว่าต้องทะนุ ถนอมของเช่นไร

เมือรู ้สึกได้ถึงความเจ็บแปลบทีมือ มู่หรงเสวียก็พลันหลุดจากภวังค์ มองไปทีไหเหล้าทีถูกปิ ดผนึ กอย่างดี แล้ว


ชะงักเล็กน้อย

ก่อนหน้านี นางประลองพิณกับฉิ นยวีเยียน หลังจากนันก็ได้เจอกับองครักษ์เงาทีลึกลับ จนลืมความอยากทีจะ


ลองดืมเหล้าฉยงฮวาไปเสี ยสิ น คิดไม่ถึงว่าคุณชายโอวหยางยังคงจําได้ “ขอบคุณคุณชายมาก......คุณชาย ข้างกาย
ท่านมีองครักษ์เงาแบบนีเยอะหรื อเปล่า ?”

นางยังจะกล่าวถึงสวินเฟิ งอีกหรื อ ?

คุณชายโอวหยางขมวดคิวเข้าหากัน ตอบเพียงคําว่า “อืม” อย่างรู ้สึกหงุดหงิดใจ “ข้ามอบสวินเฟิ งให้เจ้าเลยดีรึไม่


?” เสี ยงทุม้ กัดฟันพูด

มู่หรงเสวียส่ ายหน้า “ไม่ดีกว่าเจ้าค่ะ รอบกายข้าไม่มีเรื องจําเป็ นอะไรทีจะต้องใช้องครักษ์เงาทีร้ายกาจเช่นนัน


ข้าเพียงแค่รู้สึกสนใจการไปมาไร้ร่องรอยของพวกเขาเท่านัน”

ทีแท้คุณหนูม่หู รงมิได้สนใจในตัวเขา แต่มีความสนใจในองครักษ์เงาต่างหาก !


ผูท้ ีติดตามอยูใ่ นเงามืดอย่างสวินเฟิ งถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก โชคดียงนั
ิ กทีนางพูดออกมาอย่างชัดเจน
ไม่เช่นนันถ้ากลับวังไปเขาคงไม่ตายดีแน่

แววตามืดครึ มของคุณชายโอวหยางสลายหายไปทันใด ดวงตากลับคืนสู่ ความสุ ขมุ เยือกเย็นดังเดิม กล่าวเพียง


บางเบา “การซ่ อนตัวขององครักษ์เงาถือเป็ นทักษะทีพิเศษยิงนัก ถ้าเจ้าสนใจอยากจะดูชม ก็ไปดูทีวังเซี ยวเหยา
อ๋ องได้ทุกเมือ”

“ขอบคุณคุณชายมากเจ้าค่ะ !” มู่หรงเสวียยิมสดใส วรยุทธ์ในยุคโบราณล้วนซับซ้อนและลึกซึ ง ได้มองดูบ่อย ๆ


ก็มิเลวนัก......

กลินหอมไผ่ทีลอยกระทบเข้ากับจมูก ทําให้นางหวนนึ กถึงอาการป่ วยของตัวเอง “คุณชาย ท่านยังเหลือบัวอัคคี


อีกกีเม็ด ? ถ้าหากท่านไม่วา่ อะไรจะขายให้ขา้ ทังหมดได้รึไม่ !”

ร่ างกายของนางถูกพิษเยือกแข็ง จําเป็ นต้องใช้บวั อัคคีเพือรักษาชีวิต นางมิได้คาดหวังในบัวอัคคีทีเย่อเฉิ


ี นมี ส่ วน
บัวอัคคีทีปรากฏอยูภ่ ายนอกอืน ๆ ก็ถูกจวนเจินกัวโหวกว้านซื อมาหมดแล้ว ซึ งทังหมดล้วนถูกทําลายลงด้วย
ฝี มือของคนของเย่อีเฉิ นไปหมดแล้วเช่นกัน จนถึงบัดนี คงเหลือเพียงบัวอัคคีของคุณชายโอวหยางเท่านัน

มองแววตาทีเต็มไปด้วยความคาดหวังของนาง ดวงตาของคุณชายโอวฉายแววอย่างเห็นใจ หยิบเอาขวดยาสี ขาว


ในแขนเสื อ ส่ งไปให้นาง “แต่เดิมข้ามีบวั อัคคีสามเม็ด เมือคืนเจ้าใช้ไปแล้วหนึ งเม็ด ตอนนี เหลือสองเม็ด สอง
เม็ดนี ข้ามอบให้เจ้า”
“ขอบคุณคุณชายมากเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียรับเอาขวดยามา หลังจากทีมือขาวสัมผัสกับขวดยา นางค่อย ๆ ขมวดคิว
เข้าหากันเล็กน้อย เหลือเพียงแค่สองเม็ด พิษเยือกแข็งของนางนันมักจะกําเริ บไม่เป็ นเวลา ทุกครังทีกําเริ บจะต้อง
ใช้บวั อัคคี สองเม็ดนี ไม่มีทางพอแน่

“คุณชาย ท่านรู ้จกั ต้นตีหยางรึ ไม่เจ้าคะ ?”

“ต้นตีหยาง ?” ดวงตาของคุณชายโอวหยางมีแววตาประหลาดใจ แต่เพียงแค่พริ บตาเดียวก็ค่อยกลับกลายเป็ น


ปกติ กล่าวตอบเสี ยงราบเรี ยบ “เคยได้ยมิ มาบ้าง ทําไมเจ้าจึงถามถึงมันหรื อ ?”

แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหว “พิษเยือกแข็งเป็ นพิษทีมีพลังสายหยินแกร่ งกล้ามาก จึงต้องใช้บวั อัคคีทีมี


สรรพคุณของพลังหยางแกร่ งกล้ามาช่วยยับยัง แต่ว่าต้นตีหยางก็เป็ นตัวยาสายหยางเช่นเดียวกัน สรรพคุณ
ค่อนข้างใกล้เคียงกับบัวอัคคี ข้าจึงกําลังคิดว่าจะใช้มนั แทนบัวอัคคีได้รึไม่......”

คุณชายโอวหยางขมวดคิว “สรรพคุณต้นตีหยางก็แค่เป็ นตัวยาสายหยางธรรมดา แต่ไม่แกร่ งกล้ามากนัก ถ้าเป็ น


พิษสายหยินธรรมดามันคงพอจะขับพิษได้ แต่เมือเจอกับหยินสุ ดขัวอย่างพิษเยือกแข็ง สรรพคุณของมันยังคง
ต่างจากบัวอัคคีสองถึงสามขัน......”

“ท่านรู ้จกั ต้นตีหยางดีเช่นนันเลยหรื อ !” มู่หรงเสวียมองไปทางคุณชายโอวหยาง ดวงหน้าคล้ายยิมคล้ายมิยมิ

คุณชายโอวหยางกระแอมไอเบา ๆ หนึงครัง “ข้าอ่านเจอโดยบังเอิญน่ ะ......ว่าแต่ว่าทําไมเจ้าถึงรู ้จกั ต้นตีหยางได้


?”
"ข้าก็อ่านเจอในหนังสื อเหมือนกัน” แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหวไม่เป็ นธรรมชาติ แต่นางอ่านเจอในวารสาร
การแพทย์ยคุ ปั จจุบนั คาดไม่ถึงว่าในยุคโบราณทีไม่ปรากฏในประวัติศาสตร์ กม็ ียาชนิ ดนี เช่นเดียวกัน

“สรรพคุณของต้นตีหยางด้อยกว่าบัวอัคคีอยูห่ ลายส่ วนนัก ตอนทีพิษกําเริ บ ถึงแม้เจ้าจะใช้มนั แต่ความทรมานที


ได้รับก็ยงั คงมากอยูด่ ี” คุณชายโอวหยางกล่าวเสี ยงตํา แววตาเต็มไปด้วยความเคร่ งขรึ ม

พิษกําเริ บก็ทรมานมากพออยูแ่ ล้ว ผูห้ ญิงทนความเจ็บปวดขนาดนันได้ก็ถึงขีดจํากัดแล้ว ถ้าให้เพิมความเจ็บปวด


เข้าไปอีก คงไม่ต่างอะไรกับตายทังเป็ น

มู่หรงเสวียไม่แยแส “ไม่เป็ นไรเจ้าค่ะ แค่ตน้ ตีหยางสามารถสกัดพิษเยือกแข็งไว้ได้และสามารถรักษาชีวิตของข้า


เอาไว้ได้ก็พอแล้ว” ตอนพิษกําเริ บก็แค่เจ็บปวดเท่านัน ดีกว่าจะต้องทิงชีวิต

แววตาของคุณชายโอวหยางเป็ นกังวล “วังจิงอ๋ องมีบวั อัคคีมากมาย ถ้าเจ้าไปหาเย่อีเฉิ น......”

“ถึงตายข้าก็ไม่ไปหาเขา !” มู่หรงเสวียขึนเสี ยงตัดบท แววตาเต็มไปด้วยความเย็นชาและความรังเกียจ

คุณชายโอวหยางค่อย ๆ ยกยิมขึนทีมุมปาก ดวงตาสี ดาํ ทอประกายอย่างยินดี ดูสง่างามดึงดูดผูค้ น “ข้าจะดูเรื อง


ต้นตีหยางให้เจ้าแล้วกัน ถ้ามีขา่ วคราวอะไร จะรี บบอกเจ้าทันที”
“ขอบคุณคุณชายมากเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ ต้นตีหยางไม่ได้ขนที
ึ หวินหนาน ถึงเย่อีเฉิ นจะมีอาํ นาจมากแค่
ไหนก็ไม่มีทางผูกขาดมันเอาไว้ได้......

“มู่หรงเสวีย เจ้ายังมีหน้ากลับมาอีกหรื อ ?” เสี ยงแหลมสู งของหญิงสาวดังขึนมาจากด้านหลัง มู่หรงเสวียหันกาย


กลับไปมอง เห็นซ่ งชิงเหยียนกําลังยืนเอามือไขว้หลัง ก้าวเดินด้วยท่าทางหยิงยโสมุ่งตรงมาทีนาง ปิ นปั กผมลาย
ผีเสื อสี ทองสันไหวตามการก้าวเท้า

“ทีนี เป็ นบ้านของข้า ทําไมข้าถึงจะไม่กล้ากลับมา ? แต่เจ้าต่างหากมีจวนอู่อนั โหวให้อยูด่ ี ๆ กลับไม่อยู่ มา


วุ่นวายทีจวนเจินกัวโหวของข้าทําไม ? จะมาขอเครื องประดับอีกหรื อ ? เสี ยใจด้วยนะสิ นเดิมของแม่ขา้ ตอนนี
ล้วนเป็ นข้าทีดูแล เจ้าอย่าได้หวังอีกเลย”

ซ่งชิงเหยียนทีถูกกล่าววาจาบริ ภาษ ดวงหน้าพลันขึนสี แดงกํา จ้องเขม็งไปทีมู่หรงเสวีย “ใครอยากได้สินเดิม


ของแม่เจ้ากัน ? ทีนี เป็ นบ้านของท่านยายข้า ข้าก็แค่มาเยียมท่านยายของข้าเท่านัน และก็โชคดีทีข้าได้มาทีจวน
ั าคงมิรู้ว่าเจ้าไปก่อเรื องอะไรไว้บา้ ง ท่านพีตูเ้ ฉิ งเจียงเป็ นหลานชายของจวนตระกูลตู ้ ได้รับ
เจินกัวโหว ไม่งนข้
การดูแลเอาใจใส่ จากจวนตระกูลตูเ้ ป็ นอย่างดี แต่เจ้ากลับกล้าทําร้ายเขาจนได้รับบาดเจ็บ เตรี ยมตัวรอรับโทษ
หนักเสี ยเถอะ !”

“พูดจบแล้วหรื อยัง ? ถ้าพูดจบแล้วก็เชิญไสหัวไปได้แล้ว !” มู่หรงเสวียพูดเรี ยบเฉย ชัดเจนว่าไม่ได้เห็นนางอยู่


ในสายตาเลยแม้แต่น้อย

“เจ้า !” ซ่ งชิงเหยียนอารมณ์พุ่งสู ง แววตาเต็มไปด้วยความเกรี ยวกราดจนกันอารมณ์ไว้ไม่อยู่ พูดโพล่งขึนเสี ยงดัง


“ท่านพีเฉิ งเจียงกลับไปทีจวนตังนานแล้ว ทําไมเจ้าเพิงจะกลับมาเอาป่ านนี ? ไม่ใช่ว่ามัวแต่แอบไปพลอดรักกับ
ผูช้ ายอยูห่ รอกนะ?......”

หางตาเหลือบเห็นปลายแขนเสื อสี ขาว ซ่ งชิงเหยียนจึงเงยหน้าขึนทังทีสี หน้ายังคงเกรี ยวกราด พริ บตานันดวงตา


ของนางกลับเบิกกว้างขึน......
ตอนที 38 สังสอนลูกพีลูกน้ องหญิง
ภายใต้แสงอาทิตย์ทีสาดส่ อง ชายหนุ่ มร่ างกายสู งโปร่ ง ให้ความรู ้สึกสู งส่ งสง่างาม ชุดสี ขาวราวหิ มะยาวเรี ยบ
ตรง คิวงามได้รูป แววตาลําลึก ดวงหน้าหล่อเหลางามสง่าดังภาพเขียนจนมิอาจทีจะละสายตาได้

เขาคือ......คุณชายโอวหยาง !

นางเคยเห็นเขาเมือตอนทีผ่านทางวังเซี ยวเหยาอ๋ องอยูไ่ กล ๆ เป็ นชายหนุ่ มตรงหน้านี ไม่ผดิ แน่

“คาราวะคุณชายโอวหยางเจ้าค่ะ” ซ่ งชิงเหยียนรี บยอบกายทําความเคารพ หัวใจดวงน้อย ๆ เต้นดังขึนอย่างไม่


เป็ นจังหวะ ดวงหน้าแฝงไว้ดว้ ยความเขินอายจนขึนสี แดงไปเสี ยทังหน้า การได้พบคุณชายโอยหยางทีนี ช่างเป็ น
พรหมลิขิตที......

คุณชายโอวไม่ปรายตามองนางแม้แต่นอ้ ย มองตรงไปทางมู่หรงเสวีย “นางเป็ นใครหรื อ ?”

มู่หรงเสวียลูบคางเบา ๆ สี หน้าเรี ยบเฉย “ข้าก็ไม่รู้จกั เช่นกัน”

“นีเจ้า !” ซ่ งชิงเหยียนยืดหลังตรง มองไปทางมู่หรงเสวียด้วยแววตาเกรี ยวกราด “ข้าเป็ นคุณหนูแห่ งจวนอู่อนั


โหว เติบโตมาพร้อมกับเจ้า น้องชิงเหยียนลูกพีลูกน้องของเจ้าไง เจ้ายังจะกล้าบอกว่าไม่รู้จกั กับข้าอีกอย่างนันรึ !
?”
“คุณหนูจวนโหวควรจะเรี ยบร้อยอ่อนหวาน และมีคุณธรรมอันสู งส่ ง จะไปเหมือนกับเจ้าทีดือด้านขีโวยวายได้
อย่างไรกัน ?” มู่หรงเสวียเยาะเย้ยนาง ดวงตาฉายแววดูถูกเล็กน้อย

“เจ้า !” ซ่ งชิงเหยียนถลึงตาใส่ ม่หู รงเสวีย โกรธจนพูดไม่ออก

สวินเฟิ งปรากฏตัวขึนด้านหลังของคุณชายโอวหยาง กระซิ บเตือนเสี ยงเบา “คุณชาย จะยามเว่ย (ประมาณบ่าย


โมงถึงบ่ายสามโมง) แล้วขอรับ”

คุณชายโอวหยางตอบรับเบา ๆ มองไปทางมู่หรงเสวียด้วยสายตาอ่อนโยน “เสวียเอ๋ อร์ ข้าต้องไปทําธุระก่อน


แล้ว”

มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ “เชิญคุณชายตามสบายเจ้าค่ะ”

คุณชายโอวหยางหันหลังกลับ ค่อย ๆ เดินไปตามทางเดิน ห่ างไกลออกไปจนลับสายตา

ซ่งชิงเหยียนยืนนิงค้าง ยังคงไม่สามารถทีจะดึงสติกลับมาได้ คุณชายโอวหยางกลับไปทังทียังมิได้หันมามองนาง


เลยสักครังเดียว แม้แต่คาํ พูดสักคําก็ยงั ไม่มี......
“ทหารหลี ช่วยข้าเอาพิณเจียวเหว่ยไปเก็บทีเรื อนหิ มะโปรยที” เสี ยงราบเรี ยบของมู่หรงเสวียกระทบเข้าหู ซ่ งชิง
เหยียนถึงได้หลุดจากภวังค์ แววตากลายเป็ นเกรี ยวกราด “มู่หรงเสวีย เจ้ามีคู่หมันคู่หมายอยูแ่ ล้ว โปรดระวังฐานะ
ของตน......”

คุณชายโอวหยางเรี ยกมู่หรงเสวียว่าเสวียเอ๋ อร์ นางได้ฟังชัดเจนเต็มสองรู หูไม่ผิดแน่ คุณชายเป็ นคนทีมีฐานะ


สูงส่ ง ไม่ควรทีจะมายุง่ เกียวกับคนทีหมันหมายแล้วเช่นนี มู่หรงเสวียจะต้องใช้มารยาไปยัวยวนเขาอย่างแน่ ......

“เรื องของข้า มันไม่ใช่หน้าทีของเจ้าทีจะต้องมายุง่ วุ่นวาย ดูแลตัวเองให้ดีเสี ยก่อนเถอะ” มู่หรงเสวียต่อว่าอย่าง


เย็นชา จนซ่ งชิงเหยียนทีได้ยนิ ยิงรู้สึกโมโห “ถ้าคนทีเจ้าไปยุง่ เกียวมิใช่คุณชายโอวหยาง ข้าก็คร้านทีจะสนใจ !”

“อ้อ เจ้าชอบคุณชายโอวหยางอย่างนันหรื อ ? แต่น่าเสี ยดายนะ ทีเขาไม่ได้ชอบเจ้า......” มู่หรงเสวียเลิกคิว คล้าย


ยิมคล้ายมิยมิ นางไม่รู้หรอกว่าคุณชายโอวหยางชอบผูห้ ญิงแบบไหน แต่นางมันใจว่าคงไม่ใช่คนขีโวยวายแบบ
ซ่งชิงเหยียนแน่นอน ทังโง่งมทังเอาแต่ใจ......

ซ่งชิงเหยียนเมือถูกแทงใจดํา ดวงหน้าก็ขึนสี แดงกํา ถลึงตามองไปทีมู่หรงเสวีย พูดเน้นทีละคํา“คุณชายโอวห


ยางก็ไม่ได้ชมชอบเจ้า หยุดทําตัวเป็ นหญิงใจง่าย......”

มู่หรงเสวียยิมเยาะ “ข้ารู ้ในฐานะตนเองดี ไม่เหมือนใครบางคนทีชอบฝันกลางวัน ชีมือชีไม้ยงุ่ วุ่นวายกับสิ งของ


ทีไม่ใช่ของของตน !”
“มู่หรงเสวีย เจ้ากล้าดูถูกข้า !” สี หน้าของซ่ งชิงเหยียนฉายแววเคียดแค้น ดวงตาเต็มไปด้วยไฟแห่ งความเกรี ยว
กราดจนแทบจะสามารถเผาหญิงตรงหน้าให้แหลกเป็ นจุลได้

“ข้าก็มิได้พดู ชือพูดแซ่ ทําไมเจ้าต้องร้อนตัวด้วยล่ะ ?” มู่หรงเสวียพูดขึนเนิ บ ๆ หมุนกายเดินไปทางเรื อนของตน


แววตาดูถูกและถือตนนันเหมือนไม่ได้เห็นซ่ งชิงเหยียนอยูใ่ นสายตาเลย

ซ่งชิงเหยียนแววตาแค้นเคืองจนดูน่ากลัว วิงไปยังด้านหน้าของมู่หรงเสวีย ออกแรงผลักไปทีนางอย่างจงใจ

มู่หรงเสวียแววตาเปล่งกระกายชัววูบหนึ ง นางหลีกกายไปด้านข้าง มือของซ่ งชิงเหยียนทีคว้าได้แต่อากาศว่าง


เปล่า บวกกับทีใช้แรงผลักเยอะจนเกินไปจึงทําให้นางเสี ยหลักจนลืนล้มตกบันไดลงไปด้านล่างเสี ยเอง

“โอ๊ย !” เสี ยงกรี ดร้องดังขึนอย่างเจ็บปวด ทําเอาเหล่าทหารยามล้วนแต่สะดุง้ ตกใจ พากันหันมามอง ก็เห็นซ่ งชิง


เหยียนทีล้มลงไปอยูก่ บั พืนแข็งด้านล่าง เสื อผ้ายับยูย่ ี ผมเผ้ายุง่ เหยิง ทีบริ เวณแขนปรากฏรอยเขียวม่วงฟกชํา
อย่างละดวง น่ าเวทนายิงนัก

ซ่งชิงเหยียนเจ็บปวดไปทัวทังร่ าง นางใช้แรงทังหมดทีมีก็ยงั ไม่สามารถลุกขึนมาได้ ได้แต่นงอยู


ั อ่ ย่างนัน จ้องไป
ยังมู่หรงเสวียอย่างโกรธเกลียด “มู่หรงเสวีย เจ้ากล้าผลักข้า......”

มู่หรงเสวียโบกมือตัดบทนาง มองไปทางนางอย่างผูอ้ ยูเ่ หนื อกว่า “คุณหนูซ่ง คําพูดไม่ควรพูดออกมาโดยไม่


ไตร่ ตรอง เป็ นเจ้าทีไม่ระวังจนพลัดตกบันไดไปเอง ไม่มีอนั ใดเกียวกับข้า เหล่าทหารยามล้วนเห็นชัดเจน เจ้าอย่า
หวังว่าจะโยนความผิดให้ขา้ ......”
ซ่งชิงเหยียนแววตาหลุกหลิกไม่เป็ นธรรมชาติ กล่าวท้าทายขึนเสี ยงแหลม “ทหารยามล้วนเป็ นคนของจวน
เจินกัวโหว เจ้าสังให้ไม่พูด ไหนเลยพวกเขาจะกล้าพูด.....”

นอกจากจะกลันแกล้งมู่หรงเสวียไม่สาํ เร็ จแล้ว นางยังกลายเป็ นคนทีอับอายเสี ยเอง นางไม่มีทางทีจะยอมรับว่า


ลืนล้มเองแน่ นางจะต้องโยนความผิดใส่ ตวั มู่หรงเสวียให้ได้ ให้นางถูกลงโทษหนัก ๆ เป็ นการแก้แค้น

“ก็จริ ง” มู่หรงเสวียพยักหน้าคิดตาม “เจ้ากับข้าก็ไม่ถูกกันมาแต่ไหนแต่ไร ชาวบ้านในเมืองหลวงก็รู้กนั ทัวว่า


พวกเรานันไม่ถูกกัน เพียงแค่เจ้าตะโกนดัง ๆ ว่าข้าผลักเจ้า ถึงคนทีฉลาดหน่อยจะรู ้ว่าข้าบริ สุทธิ แต่คนอืน
อาจจะไม่คิดเช่นนันก็ได้ ทหารจาง ไปเอาตัวขึนคุณหนูซ่งขึนมา......”

“ขอรับ !” ในหัวของทหารจางเต็มไปด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่ามู่หรงเสวียต้องการทีจะทําอะไร แต่ก็ยงั เดินกํา


มือไปทางซ่ งชิงเหยียน

ทหารจางร่ างกายสู งใหญ่ แค่เขาเข้าใกล้เพียงนิ ด แรงกดดันอันรุ นแรงก็กดทับร่ างนางเสี ยแล้ว ซ่ งชิงเหยียน


ร่ างกายแข็งทือ รี บกล่าวขึนอย่างร้อนรน “มู่หรงเสวีย เจ้าจะทําอะไร ?”

“ก็เจ้ากล่าวหาว่าข้าผลักเจ้า ข้าก็จะผลักเจ้าจริ ง ๆ นี อย่างไร เอาความผิดมาไว้ทีตัวเสี ยเลย จะได้ไม่ตอ้ งโดนเจ้าใส่


ร้ายเสี ยเปล่า ๆ ว่าแต่บนั ไดหิ นสามสี ขันพวกนี จะนับว่าไม่สูงก็ไม่สูง จะนับว่าเตียก็ไม่เตีย ข้าเองก็กะแรงไม่ค่อย
ถูกนัก ถ้าเกิดพลาดพลังผลักเจ้าจนล้มแล้วเจ้าพิการขึนมา อย่างไรก็ตอ้ งขออภัยด้วย” มู่หรงเสวียยิมสดใส พูด
เหมือนกับเป็ นเรื องปกติธรรมดา
ซ่งชิงเหยียนได้ฟังถึงกับกลันหายใจไปชัวครู่ กลืนนําลายไปเสี ยอึกใหญ่ มู่หรงเสวียจะอํามหิ ตและร้ายกาจ
เกินไปแล้ว ตัวนางเองแค่จะใส่ ร้ายนางเพียงเล็กน้อยเท่านัน แต่นางถึงกลับจะผลักข้าจนพิการจริ ง ๆ ......

เมือมองเห็นทหารยามแซ่ จางทีค่อย ๆ เดินมาตรงหน้าของนาง นางจึงรี บร้องขึนอย่างร้อนรน “เป็ นข้าทีตกบันได


เอง ไม่เกียวกับพีเสวียเอ๋ อร์เลยสักนิ ดเดียว !”

ช่วงนี มู่หรงเสวียอยู่ ๆ ก็กลายเป็ นคนโหดเหี ยมขึนมา ทีนางพูดว่าจะผลักนางล้มจนกลายเป็ นคนพิการ นางก็คง


จะทําจริ ง ๆ พอถึงตอนนันนางค่อยมาเรี ยกร้องก็คงจะสายไปแล้ว

มู่หรงเสวียเลิกคิวเบา ๆ แล้วกล่าวเยาะเย้ย “ทําไม่นอ้ งซ่ งเอ๋ อร์ถึงกลับคําพูดเสี ยล่ะ ? ไม่ใช่ว่าล้มจนสมองเลอะ


เลือนไปแล้วหรื อ ?”

“มิใช่ มิใช่ !” ซ่ งชิงเหยียนส่ ายหน้ากระวนกระวาย ร้องเสี ยงดังอย่างร้อนรน “ตอนนี ชิงเหยียนรู ้สึกปกติดี ชิงเห
ยียนแค่ไม่ระวังจนลงตกบันไดเอง ไม่เกียวกับผูใ้ ดเลย”

“เป็ นเช่นนันเองหรื อ ? ถ้าเช่นนันทหารจางท่านกลับมาประจําทีเถอะ ไม่ตอ้ งไปสนใจน้องชิงเหยียน” มู่หรงเสวีย


พยักหน้าอย่างเต็มใจ ค่อย ๆ หันกายเดินกลับเข้าไปในจวนเจินกัวโหว ซ่ งชิงเหยียนก็แค่ปลาซิ วปลาสร้อย นางขี
เกียจจะไปเปลืองนําลายกับนางมากนัก นางจะต้องเหลือแรงเอาไว้ต่อกรกับนางจิงจอกเฒ่าในจวนเจินกัวโหวต่อ

มองร่ างของนางทีค่อยไกลออกไป แววตาของซ่ งชิงเหยียนก็เต็มไปด้วยไฟแค้นจนมาตรว่าสามารถเห็นเป็ น


ตัวอักษรสามตัวได้ มู่**-หรง-เสวีย !**
ตอนที 39 กระอักเลือด
แสงอาทิตย์เปล่งประกายลอดผ่านแมกไม้ส่องกระทบเข้ากับทางเดินหิ นสี ดาํ ทําให้เกิดเส้นแสงหลายสายดู
อบอุ่น มู่หรงเสวียทีค่อย ๆ ก้าวเท้าภายใต้เส้นแสง ในมือถือไหเหล้าฉยงฮวา นางเดินไปตามทางอย่างไม่รีบร้อน
นัก

“มู่หรงเสวีย !” เสี ยงเกรี ยวกราดทีคุน้ เคยดังขึน มู่หรงเสวียหันมองไปก็เห็นหญิงแซ่ตูก้ บั ชายวัยกลางคนอายุ


ประมาณสามสิ บกว่า ๆ เดินมาทางนางอย่างเกรี ยวกราด ด้านหลังของทังสองตามมาด้วยขบวนสาวใช้จาํ นวนสิ บ
กว่าคนได้

ชายวัยกลางคนนันนางรู ้จกั เขาคือตูอ้ ี เป็ นหลานชายของหญิงเฒ่าแซ่ ตูพ้ ่อของตูเ้ ฉิ งเจียง ตอนนี ดํารงตําแหน่ งเป็ น
ขุนนางกรมพิธีการไท่ฉางซื อ ขุนนางระดับสี ขันหนึง

มู่หรงเสวียยกยิมเย็น มากันได้เร็ วดีนี คาดว่าพอนางก้าวเท้าเข้าจวนโหว หญิงแซ่ ตกู ้ ็คงทราบการมาถึงของนาง


ทันที แถมยังยกโขยงเหล่าคนรับใช้มาเพือหวังทีจะกดดันนางเสี ยด้วย “ท่านย่า ขุนนางตู ้ พากันมาใหญ่โต
เอิกเกริ กเยียงนี มิทราบว่าจะมาไต่สวนหรื อตัดสิ นโทษกันเจ้าคะ ?”

“มู่หรงเสวีย เจ้ามิตอ้ งมาโยกโย้ เจ้าทําร้ายตูเ้ ฉิ งเจียงจนบาดเจ็บสาหัส เกิดเรื องเช่นนีจริ งรึ ไม่ ?”หญิงเฒ่าแซ่ ตู้
กล่าวถามขึนเสี ยงดัง
มู่หรงเสวียเลิกคิวเล็กน้อย มาถึงก็เริ มไต่สวนกันเลยหรื อ ? พูดจาทักทายเป็ นพิธีสักนิดก็ไม่มี ดูเหมือนว่าจะพา
กันรอนางจนทนแทบไม่ไหวแล้ว เช่นนันนางก็คงต้องให้ความร่ วมมือเสี ยหน่อย “เป็ นเขาทีมาล่วงเกินข้าก่อน
ข้าถึงลงมือสังสอนเขา......”

“ไร้สาระ ! ตูเ้ ฉิ งเจียงเป็ นพีชายของเจ้า มีเหตุผลใดทีเขาจะต้องล่วงเกินเจ้า ?” แซ่ ตูก้ ล่าวเสี ยงดังตัดบทมู่หรงเสวีย


นางไม่มีทางเชือคําแก้ตวั ของนางแน่

“ตูเ้ ฉิงเจียงเป็ นท่านทีเลียงดูมา ความเจ้าชูเ้ สเพลของเขา ท่านเองก็คงจะทราบดี เห็นหญิงงามเข้าหน่ อยเป็ นมิได้


จะต้องเข้าไปเกียวพาราสี นี ไม่ใช่เรื องทีเขากระทําเป็ นประจําหรอกหรื อเจ้าคะ ?” มู่หรงเสวียคล้ายยิมคล้ายมิยมิ
มองไปทางนางด้วยแววตาเยาะเย้ย

หญิงแซ่ ตูช้ ะงัก มองดูม่หู รงเสวียอย่างพินิจพิเคราะห์ เส้นผมของนางเรี ยบตรง ดวงหน้างดงามโดดเด่น เพียงแค่


ใบหน้างดงามนันก็คงไม่ตอ้ งกล่าวแล้วว่าตูเ้ ฉิ งเจียงเช้าชูห้ รื อไม่เจ้าชู้ “ถ้าหากตูเ้ ฉิ งเจียงล่วงเกินเจ้าจริ ง เจ้าแค่ต่อ
ว่าเขาเพียงเล็กน้อยก็น่าจะเพียงพอแล้ว เหตุใดจะต้องลงมือรุ นแรงด้วย ? เจ้ารู ้รึไม่ว่าตูเ้ ฉิ งเชียงถูกเจ้าเตะจน
เกือบจะใช้การไม่ได้แล้ว ?......”

“วางใจได้เจ้าค่ะ ไม่ว่าตูเ้ ฉิ งเจียงจะล่วงเกินหม่อมฉันมากน้อยเพียงใดก็ถือว่าเป็ นญาติพีน้องกัน ข้าไม่มีทางลงมือ


กับเขาอย่างรุ นแรงจนถึงขันพิการหรอกเจ้าค่ะ เพียงแค่ตอ้ งการให้เขาจดจําเรื องนีไปนาน ๆ จะได้ไม่กล้ามา
ล่วงเกินข้าอีก”

ตูเ้ ฉิงเจียงเป็ นหลานชายสายตรงของตระกูลตู ้ ถ้าหากทําให้เขาพิการขึนมา แน่นอนว่าตระกูลตูจ้ ะไม่มีทางลามือ


ไปโดยง่ายแน่ ๆ นางมิได้กลัวแผนการของตระกูลตู ้ แต่ตอนนี อํานาจของนางยังมีไม่มากพอ อีกทังยังกําพร้าพ่อ
แม่ หญิงเฒ่าแซ่ ตเู ้ องก็กาํ ลังหาโอกาสจับผิดนาง คงเตรี ยมทีจะจัดการนางจนถึงตายแน่ แน่ นอนว่านางไม่มีทาง
ยอม

มองท่าทางไม่ทุกข์ไม่ร้อนของมู่หรงเสวีย สี หน้าของตูอ้ ีก็ฉายแววดุดนั สบถขึนด้วยความไม่พอใจ “เจ้าทําร้าย


คนจนบาดเจ็บสาหัส นอกจากจะยังไม่สาํ นึ กแล้วยอมรับผิด เจ้ายังจะมีหน้าโต้เถียงอ้างเหตุผลต่าง ๆ นา ๆ ช่างไร้
การอบรมสังสอน......”

“หุ บปาก ! ถึงข้าจะไร้การอบรมสังสอน แต่ก็มิใช้หน้าทีของท่านทีจะมาวุ่นวาย” มู่หรงเสวียกล่าวตัดบทมองไป


ทางเขาอย่างเย็นชา “กลับกันท่านขุนนางตู ้ เคยได้ยนิ คําว่า ‘พ่อแม่รักแกฉัน’ รึ ไม่เจ้าคะ ? ตูเ้ ฉิ งเจียงตกอยูใ่ น
สภาพเช่นนี ล้วนเกิดมาจากท่านทังสิ น ท่านควรจะดีใจทีคนทีสังสอนเขาเป็ นข้า มิใช้เหล่าบรรดาองค์หญิง มิ
เช่นนันตอนนีเขาคงกลายเป็ นขันทีไปแล้ว หรื อไม่บางทีกอ็ าจจะถูกขังจนตายอยูใ่ นคุกของกรมยุติธรรมไปแล้ว
......”

ตูอ้ ีสําลักความโมโห “เจ้า......”

“เป็ นท่านเองทีไร้ความสามารถ สังสอนลูกตัวเองไม่ดี ข้าสังสอนแทนท่าน ให้เขาได้รับบทเรี ยน และเลิกก่อ


ความวุ่นวาย ท่านไม่ขอบคุณข้าก็ไม่ว่าอะไร แต่ท่านกลับกล้ามาดูถูกข้า......” มู่หรงเสวียมิได้พดู ต่อให้มากความ
กวาดสายตามองตูอ้ ี แล้วหันหน้าหนี ไปทางอืน ท่าทางชัดเจนยิงกว่าคําพูด

“ดี !” ตูอ้ ีแทนทีจะเกรี ยวกราดกลับยิม แต่แววตาของเขายังเต็มไปด้วยไฟโกรธ “วาจาของเจ้าช่างร้ายกาจยิงนัก


พลิกลินลืนไหล ความสามารถกลับขาวเป็ นดํา ในแผ่นดินนีคงไม่เป็ นสองรองใคร......”
“ข้าก็แค่กล่าวความจริ งเพียงเท่านัน ตรงไหนทีข้ากลับขาวเป็ นดําหรื อเจ้าคะ ?” มู่หรงเสวียมองไปทีเขาอย่างเยาะ
เย้ย แววตาดูถูก “ขุนนางตูท้ าํ ใจรับฟังความจริ งไม่ได้ก็มิแปลก เป็ นสัจธรรมทีคําว่ากล่าวติเตียน ผูค้ นล้วนไม่
อยากจะรับฟัง โลกก็เป็ นเช่นนี ผูค้ นมักจะไม่ยอมเปิ ดใจให้กว้างยอมรับความจริ ง คนฉลาดปราดเปรื องทีเข้าใจ
ในเหตุผลก็กลับมีนอ้ ยนิ ดนัก ส่ วนคนหมู่มากก็ลว้ นจิตใจคับแคบไม่ยอมรับฟังเหตุผลและความจริ ง”

ตูอ้ ีสี หน้าเขียวคลํา นางกําลังหลอกด่าเขาว่าจิตใจคับแคบ “มู่หรงเสวีย ! ข้ามีศกั ดิเป็ นอาของเจ้า เป็ นญาติผใู ้ หญ่
ของเจ้า ใครอบรมสังสอนให้เจ้าพูดจากับผูใ้ หญ่เช่นนี ? ไม่รู้จกั มารยาทเคารพผูห้ ลักผูใ้ หญ่” นางมาถึงก็ต่อว่ากด
เขาเอาไว้ ทังยังมาเยาะเย้ยเขา ช่างน่าโมโหยิงนัก ทีคนโบราณกล่าวไว้ว่าเลียงลูกสาวนันยากพอ ๆ กับเลียงบ่าว
ไพร่ เห็นท่าจะจริ งยิงนัก

“เคารพผูห้ ลักผูใ้ หญ่ ?” มู่หรงเสวียเลิกคิวมองไปทีตูอ้ ี แววตาเยาะเย้ย “ขุนนางตู้ การเคารพหมายถึงทังสองฝ่ าย


เคารพซึ งกันและกัน เด็กเช่นข้าท่านยังไม่ให้เกียรติเลย ท่านยังคิดจะให้ขา้ เคารพท่านอีกหรื อ ? ช่างเป็ นความคิด
ทีเห็นแก่ได้ยงนั
ิ ก”

“เจ้า......” ตูอ้ ีจ้องเขม็งไปทางมู่หรงเสวีย เกิดอาการสําลักในคอ ทนไม่ไหวกระอักเลือดออกมา

“อาอี เจ้าเป็ นอะไรไป ? เด็ก ๆ เด็ก ๆ......” แซ่ ตูร้ ้องเรี ยกด้วยความตกใจ เหล่าสาวใช้เร่ งมาล้อมรอบพวกเขาไว้
คนเช็ดเลือดก็เช็ดเลือดไป คนพยุงก็พยุงไป โดยรอบเกิดเป็ นความวุน่ วายขึนมา
มู่หรงเสวียเพียงมองดูอยูร่ อบนอก มองไปทางดวงหน้าซี ดขาวของตูอ้ ี เลิกคิวบางเบา แค่คาํ พูดเพียงไม่กีคํา กลับ
ทําให้เขากระอักเลือดได้ ช่างไม่ได้ความเสี ยจริ ง ไม่เข้าใจเลยจริ ง ๆ ว่าคนเช่นนี กลายเป็ นไท่ฉางซื อขุนระดับสี
ขันหนึ งได้อย่างไรกัน

“ท่านย่า ขุนนางตู ้ พวกท่านเชิญทําธุ ระต่อตามสบาย ข้าขอตัวกลับเรื อนหิ มะโปรยก่อนนะเจ้าคะ” มู่หรงเสวีย


โยนคําพูดทิงไว้เล็กน้อย พลางค่อย ๆ หันกายจากไปทางเรื อนหิ มะโปรยด้วยรอยยิมอย่างไม่เร่ งรี บ ตูอ้ ีกระอัก
เลือด หญิงแซ่ ตูว้ ุ่นวายดูแลเขา ปลอบโยนเขา แน่นอนว่าคงไม่กะจิตกะใจจะมาต่อว่านางอีก ในทีสุ ดหู ของนางก็
จะได้เงียบสงบเสี ยที

เดินเลียวมาเพียงเล็กน้อย เรื อนหิ มะโปรยก็ปรากฏสู่ สายตา มู่หรงเสวียเรี ยกสังการ “หงซิ ว ออกมาช่วยขาขนพิณ


เจียวเหว่ย อันเซี ยงไปห้องครัวเอาสํารับชุดเล็กมาหนึงชุด......”

ตังแต่ช่วงสายจนถึงตอนนี นางมัวแต่วุ่นวายอยูก่ บั เรื องไม่เป็ นเรื อง ยังไม่ได้กินอะไรแม้แต่นอ้ ย เหล้าฉยงฮวาสัก


แก้วกับกับข้าวสักเล็กน้อยก็คงไม่เลวนัก

“น้องเล็ก......น้องเล็ก......” เสี ยงเรี ยกร้องตืนเต้นยินดีลอยเข้าหู มู่หรงเย่เร่ งเดินออกมาจากมุมหนึงของเรื อนหิ มะ


โปรย เสื อผ้าของเขายับยูย่ ไปเสี
ี ยหมด รัดเกล้าเอียงกระเท่เร่ ดวงตาแดงเล็กน้อย ขอบตาดําคลํา

มองเห็นมู่หรงเสวีย ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายเร่ งวิงไปด้านหน้าของนาง เขากวาดตามองอย่างละเอียดถีถ้วน


จนแน่ ใจว่านางไม่เป็ นอะไรจึงค่อย ๆ ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ความดีใจฉายชัดเจนบนใบหน้า “เจ้า
ปลอดภัย ช่างดียงนั
ิ ก !”
มู่หรงเสวียยิมอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ นางกินบัวอัคคีเข้าไปก็สลบไม่ได้สติ ไม่ทนั ได้บอกกล่าวมู่หรงเย่ “ท่าน
ไม่ได้นอนทังคืนเลยหรื อ ?”

“ก็เจ้าหายไป ข้าจะหลับลงได้อย่างไร ?......” มู่หรงเย่โบกมือไปมา ทันใดนันก็คิดอะไรได้ขึนมา พูดกระซิ บเสี ยง


ตํา “น้องเล็กเมือคืนเจ้าได้กินบัวอัคคีหรื อไม่ ?”

มู่หรงเสวียพยักหน้า “กินแล้ว” ถ้าหากไม่ได้บวั อัคคี นางก็คงตายไปนานแล้ว

“แล้วทําไมเจ้าถึงกลับมาเร็ วเช่นนีละ ?” มู่หรงเย่แววตาเต็มไปด้วยความแปลกใจ “แต่ก่อนตอนทีเจ้าพิษกําเริ บ


หลังจากทีกินบัวอัคคีไป อย่างน้อยก็ตอ้ งสลบไปกว่าสิ บสองชัวยาม......”

มู่หรงเสวียชะงัก เจ้าของร่ างเดิมทุกครังทีพิษกําเริ บ ล้วนถูกทําให้ทรมานเหมือนตายทังเป็ น หลังจากทีได้สติแล้ว


ก็มิได้สนใจเวลานัก แต่เมือลองนึ กดูดี ๆ ทุกครังทีนางสลบไปล้วนเป็ นเวลาประมาณสิ บกว่าชัวยาม

แต่คราวนี นางใช้บวั อัคคีเมือตอนยามจือ (ประมาณห้าทุ่มถึงตีหนึ ง) แต่กลับตืนช่วงสายยามเฉิ น (ประมาณเจ็ด


โมงเช้าถึงเก้าโมงเช้า) ครังนี นางสลบไปแค่สีชัวยาม นี มันเกิดอะไรขึน ?

หางตาพลันเหลือบไปเห็นชายเสื อสี ม่วง มู่หรงเสวียพลันหลุดจากภวังค์ เงยหน้าไปเห็นใบหน้าหล่อเหลาที


คุน้ เคย แววตาตืนตระหนก “เย่อีเฉิ น ทําไมท่านมาอยูท่ ีนี ได้ ?”
ตอนที 40 หาคู่

เย่อีเฉิ นมิกล่าววาจาใด เพียงแต่ยนื นิงอยูห่ น้าประตู มองมาทางมู่หรงเสวียด้วยสายตาเย็นชา มองดูใบหน้าที


งดงามและอ่อนเยาว์ของนาง ริ มฝี แดงแต่ไม่เข้มมาก ลําคอเรี ยวขาวนวล แต่กลับให้ความรู ้สึกไร้ซึงความ
อ่อนหวานทีสตรี ควรมี ในมือขาวหยกถือไหเหล้าใบเล็กใบหนึ ง แขนเสื อสี เขียวอ่อนลู่ลง เผยให้เห็นแขนขาวราว
หยกด้านในปรากฏจุดพรหมจรรย์สีดาํ เล็ก ๆ สะดุดตาจุดหนึง

นางยังคงบริ สุทธิ ไม่ได้มีอะไรเกินเลยกับคุณชายโอวหยาง !

เย่อีเฉิ นถอนหายใจอย่างโล่งอก สี หน้าค่อย ๆ ฉายแววอ่อนโยน พูดด้วยนําราบเรี ยบ “เจ้าเป็ นว่าทีชายาของข้า รู ้


ฐานะของตนเองเช่นนี ก็ดีแล้ว ไม่ควรไปยุง่ วุ่นวายกับชายอืน......”

“จิงอ๋ อง ข้าได้ขอถอนหมันไปแล้ว คนทังเมืองหลวงต่างก็รู้กนั ทัว ตอนนีว่าทีภรรยาของท่านคือองค์หญิงม่อเป่ ย


ฉิ นยวีเยียนต่างหาก อย่าเอาตําแหน่งทีน่ารังเกียจเช่นนันมาโยนไว้ให้กบั ข้า......” มู่หรงเสวียพูดตัดบทเขา แววตา
เต็มไปด้วยความรังเกียจ

ดวงหน้าหล่อเหลาของเย่อีเฉิ นกลายเป็ นเคร่ งขรึ ม จ้องมองไปทีมู่หรงเสวีย พูดเน้นทีละคํา “พวกเรายังมิได้ถอน


หมัน......”
มู่หรงเสวียไม่สนใจ “ก็ขาดเพียงแต่เรื องพิธีการเท่านัน ท่านก็เร่ งอดีตจิงอ๋ องให้เขามาเมืองหลวงเร็ ว ๆเสี ยสิ ......”

“เจ้าอยากจะตัดขาดกับข้าจนรอไม่ไหวขนาดนันเลยหรื อ ?” เย่อีเฉิ นพูดเสี ยงตํา แววตาส่ องประกายดํามืด

“ถ้าข้าไม่ตดั ขาดกับท่าน เช่นนันท่านจะให้ขา้ ไปเป็ นอะไรดีล่ะ ? พระชายารอง ? อีเหนี ยง(อนุ ภรรยา)? อนุ ชนตํ
ั า
ทีไร้ยศ ? หรื อซื อเชียนางบําเรออุ่นเตียงของท่านหรื อ ?” มู่หรงเสวียเลิกคิวมองไปทีเขา ดวงตาเต็มไปด้วยความ
เยาะเย้ย “ระดับข้าคุณหนู แห่ งจวนเจินกัวโหว ไม่มีทางลดเกียรติทิงฐานะชายาเอกไปเป็ นอนุหรอกเจ้าค่ะ !”

“ไม่มีทางทีใครจะแต่งเจ้าเป็ นชายาเอก!” เย่อีเฉิ นมองไปทีนางอย่างเฉยชา เหล่าตระกูลชันสู งล้วนทราบโดยทัว


กันว่านางเป็ นคนทีเขาเลือกให้เป็ นพระชายารอง ใครแต่งนางเป็ นชายาเอกก็ถือว่าเป็ นการท้าทายอํานาจของเย่อี
เฉิ น มองไปทัวทังแคว้นชิงเหยียน มีเพียงไม่กีคนทีจะกล้าเป็ นศัตรู กบั เขา......

“ข้ายินดีทีจะไม่แต่งชัวชีวติ ดีกว่าไปเป็ นอนุ ให้ท่าน”

นําเสี ยงดือรันเย็นชาลอบเข้าหู มุมปากของเย่อีเฉิ นยกยิมขํา ดูท่าว่านางจะชอบพูดประโยคนีเสี ยจริ ง สุ ดท้ายก็คง


ทําได้แค่เพียงกล่าววาจาเท่านัน เพราะว่าเขาจะไม่เหลือทางเลือกอะไรไว้ให้นางอีก มีเพียงทางเลือกเดียวก็คือต้อง
เป็ นพระชายารองของเขาเท่านัน !

ขณะทีมองไปทีมู่หรงเสวีย สิ งของทีคุน้ เคยสิ งหนึงก็กระทบเข้ากับสายตา ดวงตาของเขาแฝงไว้ดว้ ยความสงสัย


เหตุใดมันถึงมาอยูท่ ีนี ได้ ?
มู่หรงเสวียมองตามสายตาของเขาไป เห็นเขามองไปทีพิณเจียวเหว่ยทีทหารยามอุม้ เอาไว้ ก็ยมตอบน้
ิ อย ๆ “ไม่
ต้องสงสัยหรอก มันคือพิณเจียวเหว่ยทีเป็ นของคนรักของท่าน พวกเราประลองพิณกันแล้วนางแพ้ให้กบั ข้า ต้อง
ขอบคุณมือสองข้างนีจริ ง ๆ ทีทําให้ขา้ ได้มนั มา......”

อะไรนะ ? เสี ยงพิณของฉิ นยวีเยียนแพ้ให้กบั มู่หรงเสวียอย่างนันหรื อ ?

แววตาของเย่อีเฉิ นเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชือ แต่เพียงครู่ เดียวก็กลับเป็ นปกติ “เจ้าชอบมันก็ดีแล้ว” เขาพูด


อย่างเรี ยบเฉย เย่อีเฉิ นก็เดินผ่านเลยทุกคนไป ค่อย ๆ ก้าวออกไปนอกเรื อน

มู่หรงเสวียมองไปทีเงาร่ างของเขาทีค่อย ๆ ไกลห่ างออกไป นางกระพริ บตาถี ๆ อย่างคาดไม่ถึง ไปง่าย ๆ แบบ


นีน่ ะหรื อ ? ไม่มีแม้แต่คาํ ต่อว่ากล่าวนางสักนิด โมโหแทนคนรักของตัวเองก็ไม่มี ? นางคือผูท้ ีชนะคนรักของเขา
ท่ามกลางสายตาของผูค้ น อีกทังยังทําให้ฉินยวีเยียนอับอายอยูไ่ ม่นอ้ ยเชียวนะ......

“น้องเล็ก เมือคืนเจ้าหายไปไหนมาหรื อ ?” คําถามทีเต็มไปด้วยความห่ วงใยกระทบเข้าหู ทันใดนันมู่หรงเสวียก็


หลุดจากภวังค์ แววตาวูบไหวไม่เป็ นธรรมชาติ “ข้าไปพักผ่อนทีเรื อนพักตากอากาศมาหนึงคืน......”

นางไปทีวังเซี ยวเหยาอ๋ องและยังนอนเตียงเดียวกับคุณชายโอวหยาง เรื องนี ดูแล้วไม่พูดออกไปเสี ยจะดีกว่า มัน


จะทําให้เขาคิดมากไปเสี ยเปล่า
“เป็ นเช่นนีเอง” มู่หรงเย่พยักหน้า เมือคืนเขาได้ยนิ เสี ยงต่อสู ้ดา้ นนอกป่ า จึงเร่ งวิงกลับไปดู คาดไม่ถึงว่าพอไปถึง
ทีบ่อนําพุร้อนกลับเหลือแต่ความว่างเปล่า ไม่เหลือร่ องรอยใด ๆ ของมู่หรงเสวียอยูเ่ ลย พอเขาเตรี ยมทีนําคนไป
ค้นหา กลับมีกระดาษแผ่นหนึงลอยลงมาจากท้องฟ้ า ด้านบนเขียนว่า ‘มู่หรงเสวียปลอดภัย เชิญกลับไปรอทีจวน
มิตอ้ งเป็ นกังวล’

เขายังไม่วางใจ แต่ก็ไม่รู้วา่ ควรจะไปตามหาทีไหน ได้แต่รอทีเรื อนหิ มะโปรยทังคืน “เจ้าใช้บวั อัคคีไปแล้ว ใคร


มอบให้เจ้าหรื อ ?”

“ตอนทีพิษเยือกแข็งกําเริ บ ข้ารู ้สึกสะลึมสะลือไม่ค่อยมีสติเท่าไหร่ นกั จึงไม่ทนั ได้เห็นหน้าตาของเขา” มู่หรง


เสวียโกหกผ่าน ๆ ไม่ใช่ว่านางไม่อยากพูดถึงคุณชายโอวหยาง เพียงแต่ว่าถ้าพูดถึงคุณชายโอวหยาง เรื องทีนาง
ค้างคืนทีวังเซี ยวเหยาอ๋ องก็ตอ้ งถูกเปิ ดเผยเป็ นแน่ ......

“ช่างน่ าเสี ยดายยิงนัก” มู่หรงเย่ถอนหายใจเบา ๆ เขาจะขอซื อบัวอัคคีจากคนผูน้ นเสี


ั ยหน่อย

“พิษเยือกแข็งของข้ากว่าจะกําเริ บอีกครังก็คงอีกสักพัก บัวอัคคีนนค่


ั อย ๆ หาก็ได้ สิ งทีสําคัญตอนนี ก็คือต้อง
เตรี ยมตัวต่อกรกับเย่อีเฉิ น” แววตาของมู่หรงเสวียเย็นเยียบ อยู่ ๆ ก็ปรากฏตัวทีเรื อนหิ มะโปรย พูดเรื องไม่เป็ น
เรื องแล้วก็จากไปโดยง่าย มันน่าแปลกเกินไป แต่ว่าได้ฟังนําเสี ยงทีมันอกมันใจของเขาแล้ว คล้ายกับว่าเขากําลัง
วางแผนการลับหลังอะไรอยู่ นางจะต้องเพิมความระมัดระวังตัวเสี ยแล้ว

“แน่นอน” มู่หรงเย่พยักหน้าโดยไม่คดิ อะไร พวกเขาก็ถอนหมันกันไปแล้ว แต่เย่อเฉิ


ี นก็ยงั มิยอมเลิกลา ช่างน่ า
รังเกียจยิงนัก เขาคงจะต้องคิดแผนการระยะยาวทีจะทําให้เย่อีเฉิ นล้มเลิกความคิดทีจะมายุง่ วุ่นวายกับน้องเล็กอีก
อากาศค่อย ๆ ร้อนขึน ในสวนดอกไม้ของจวนเจินกัวโหว ให้ความรู ้สึกร่ มรื นงดงาม ในแปลงดอกไม้เต็มไปด้วย
ไม้ดอกนานาพันธุ์ มองไกล ๆ คล้ายผืนทะเลดอกไม้ทีเต็มไปด้วยสี สัน

มู่หรงเสวียทียากทีจะได้พบเจอกับความสงบเช่นนี นางนําเอากาเหล้าฉยงฮวาออกมานังลงหน้าโต๊ะหิ นในสวน


ดอกไม้ ค่อย ๆ จิบทีละนิด แสงแดดเปล่งประกายส่ องไปกระทบทีร่ างของนาง เป็ นความรื นรมย์ทีน่ าสบายใจยิง
นัก จนมิอาจกล่าวออกมาเป็ นวาจาได้

“น้องเล็ก” เสี ยงเรี ยกอ่อนโยนตามมาด้วยมู่หรงเย่ทีเร่ งเดินมาด้านหน้าของนาง เขาค่อย ๆ หลีกกายแนะนําคน


ด้านข้าง “ท่านนีคือคุณชายกูเ้ ห่ ายวีบุตรชายใต้เท้ากูแ้ ห่ งสํานักราชครู ......คุณชายกู้ นีน้องสาวข้ามู่หรงเสวีย......”

มู่หรงเสวียปรายตามองกูเ้ ห่ ายวี เขาอยูใ่ นชุดสี นําเงินเข้ม ร่ างกายสู งโปร่ ง รู ปลักษณ์หล่อเหลา แววตาเปล่ง


ประกายบริ สุทธิ เต็มไปด้วยกลินไอของนักปราชญ์ผมู้ ีความรู ้ ทักทายนางด้วยความมีมารยาท “คุณหนูมู่หรง”

“คุณชายกู”้ มู่หรงพยักหน้าตอบรับตามมารยาท มองไปทีรอยยิมลึกซึ งของเขา เลิกคิวเล็กน้อย“คุณชายกูโ้ ปรดรอ


สักครู่ นะเจ้าคะ”

มู่หรงเสวียพูดราบเรี ยบ ค่อย ๆ ยืดกายยืนขึนจับข้อมือของมู่หรงเย่ ลากเขาไปอีกด้านกล่าวพูดด้วยเสี ยงตําว่า


“ท่านพี นี มันหมายความว่าอย่างไร ?”
“ยังจะหมายความว่าอย่างไรได้อีก แน่ นอนว่าข้าจะหาคู่ให้เจ้าน่ะสิ ” มู่หรงเย่พดู อย่างได้ใจ เผยรอยยิมสดใส
ออกมา

“หาคู่ ?” ใบหน้างามของมู่หรงเสวียพลันนิงลง พูดเน้นทีละคํา “การหมันหมายของข้ากับเย่อีเฉิ นยังไม่ได้ยกเลิก


อย่างเป็ นทางการ ท่านก็จะหาคู่ให้ขา้ เสี ยแล้ว !”

“เย่อีเฉิ นมัวแต่มาวุ่นวายกับเจ้ามิใช่หรื อ ? ถ้าเจ้าหาชายหนุ่ มทีเต็มใจแต่งเจ้าเป็ นภรรยาเอกได้ เขาก็จะมายุง่


วุ่นวายกับเจ้าไม่ได้อีกแล้ว” มู่หรงเย่พดู อย่างเป็ นเหตุเป็ นผล

มู่หรงเสวียส่ ายหน้า “ท่านคิดง่ายเกินไปแล้ว ทีเย่อีเฉิ นมายุง่ วุ่นวายกับข้าไม่เลิก จะต้องมีจุดประสงค์ทีไม่


ธรรมดาแน่ ไม่ใช่วา่ แค่เพราะมีชายอืนเข้ามาแทรกแซงแล้วเขาจะยอมรามือ”

“ข้าจะบอกอะไรเจ้าอย่าง กูเ้ ห่ ายวีผูน้ ีเป็ นบุตรชายสายตรงคนทีสองของราชครู กู้ เพียงอายุสามขวบปี รู ้หนังสื อ


อายุห้าขวบปี รู ้กวี อายุ 17 ปี ก็สอบบัณฑิตได้อนั ดับสาม ฉายาว่าถันฮวา เป็ นทีนับหน้าถือตาและยังมีรูปลักษณ์ที
หล่อเหลางดงาม มากด้วยมารยาท หญิงสาวอายุเช่นเจ้ามากมายล้วนแต่ชืนชอบเขา ข้าดูแล้วเขาถือว่าเหมาะสม
กับเจ้าน้องเล็ก......”
ตอนที 41 ถูกคุณชายจับได้
เห็นท่าทางพูดจาลืนไหลของเขาแล้ว นางก็รู้สึกอับจนคําพูดยิงนัก มู่หรงเย่อายุห่างกับเจ้าของร่ างเดิมแค่สิบห้า
นาที ตอนนี ก็มีอายุเพียง 14 ปี เท่านัน แต่กลับทําตัวเป็ นพ่อสื อหาคู่ให้นางเสี ยแล้ว ลําบากเขาแล้วจริ ง ๆ

เมือเงยหน้ามองไปทีมู่หรงเย่ ก็เผอิญเผลอไปสบเข้ากับดวงตาเป็ นประกายของเขา พลางกล่าวอย่างช้า ๆ “พูดจบ


แล้วหรื อ ? งันก็เชิญท่านไปได้แล้ว พาคุณชายกูเ้ ห่ ายวีไปด้วยล่ะ......”

“ไม่นะน้องเล็ก” มู่หรงเย่ชะงัก เร่ งกล่าว “ข้าทังลงทุนลงแรงไปตังมากมาย กว่าจะเลือกเฟ้ นน้องเขยทีถูกใจได้


......”

“แต่ขา้ ไม่ได้ชอบเขา” มู่หรงเสวียส่ ายหน้า ดวงตาฉายแววแน่ วแน่

“ถึงจะไม่ชอบ แต่อย่างไรเขาก็มาทีจวนโหวแล้ว อย่างน้อยเจ้าก็ควรพูดกับเขาเสี ยสักสองสามประโยค” มู่หรงเย่


พยายามอธิบายอย่างยิม ๆ

มู่หรงเสวียมองไปทีพีชาย และพูดเน้นทีละคํา “ข้าไม่มีอะไรจะพูดกับเขา”

“เจ้าก็ถามสารทุกข์สุขดิบ พ่อแม่ทีบ้านสุ ขภาพเป็ นอย่างไร ? หรื อว่าทีสํานักบัณฑิตยุง่ หรื อไม่ ? พวกคําถาม


ประมาณนี......ข้ากว่าจะนัดเขามาได้ช่างยากลําบากยิงนัก เจ้าทักเขาสักคําก็ไม่มี กลับไล่แขกเสี ยแล้ว มันดูไม่
ค่อยมีมารยาทเท่าไร......”
มู่หรงเย่ดนั ให้มู่หรงเสวียเดินไปด้านหน้าของกูเ้ ห่ ายวี ยิมตาหยีพูดกล่าวขึนว่า “น้องเล็ก คุณชายกู้ เชิญพวกท่าน
คุยกันไปก่อน ข้าจะไปดูทีห้องครัวสักครู่ มิรู้ว่าชายามบ่ายกับของว่างจะเรี ยบร้อยแล้วรึ ยงั ?”

เมือกล่าวจบ เขาก็ไม่รอให้สองคนทีเหลือตอบรับ รี บหมุนกายเดินจากไปอย่างรวดเร็ ว

มู่หรงเสวียระอาใจ มองไปทางกูเ้ ห่ ายวี “ท่านพีของข้าเกเรไปหน่ อย ลําบากคุณชายกูแ้ ล้ว ข้าไปส่ งคุณชายกูก้ ลับ


ดีกว่าเจ้าค่ะ”

กูเ้ ห่ ายวีดวงตาฉายแววประหลาดใจ แต่ไม่ทนั ไรก็กลับเป็ นปกติ เพียงยิมน้อย ๆ แล้วว่า “รบกวนคุณหนูมู่หรง


แล้ว”

มู่หรงเย่แอบอยูด่ า้ นหลังก้อนหิ น มองดูมู่หรงเสวียกับกูเ้ ห่ ายวีเดินเคียงคู่กนั ออกไป จิตใจเศร้าสร้อย เขาต้องการ


ให้ม่หู รงเสวียกับกูเ้ ห่ ายวีพูดคุยกัน ทําความรู ้จกั ซึ งกันและกัน มิใช่ให้นางแค่เปิ ดปากก็ส่งคนกลับนอกจวนเสี ย
อย่างนี ......

ในใจของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวัง ทีถูกน้องสาวปฏิเสธความหวังดีอย่างไร้เยือใย......

แต่ว่า อย่างน้อยพวกเขาสองคนก็เดินไปด้วยกัน คงไม่พากันเงียบตลอดทางหรอกน่ า น่ าจะมีการพูดคุยกันบ้าง


เท่านีก็ถือว่าทังสองคนได้ทาํ ความรู ้จกั กันแล้ว
แสงแดดสี ทองสาดส่ องกระทบกับพืนหิ นสี ดาํ มู่หรงเสวียมิกล่าววาจาใด ค่อย ๆ ก้าวเดินไปด้านหน้า ท่าทางทีมี
มารยาทนันแฝงไว้ดว้ ยความเฉยชาและความเหิ นห่ าง

กูเ้ ห่ ายวีแววตาเคร่ งขรึ ม ค่อย ๆ เปิ ดปากเอ่ยวาจา “อันทีจริ งแล้ว ทีข้ามาจวนโหววันนี นอกจากการเชือเชิญที
จริ งใจของคุณชายแล้ว ส่ วนหนึงก็เป็ นความตังใจของข้าเอง ตัวข้านันชืนชมในตัวคุณหนู ม่หู รง จึงอยากมาทีจวน
โหวเพือพบหน้าคุณหนูสักครัง”

“ชืนชมข้า ?” มู่หรงเสวียมองไปทีกูเ้ ห่ ายวีด้วยความแปลกใจ “พวกเราเคยพบหน้ากันมาก่อนอย่างนันหรื อเจ้าคะ


?” ในความทรงจําของร่ างเดิมไม่ปรากฏว่าเคยรู ้จกั กับกูเ้ ห่ ายวีเลยแม้แต่นอ้ ย หลังจากทีนางสลับร่ างมาอยูท่ ีชิงเห
ยียน คนทีนางรู ้จกั นันนับได้แค่เพียงไม่กีคนเท่านัน

“แน่นอนว่าเคยพบกันมาก่อน ทีงานเลียงต้อนรับขององค์ชายจิงอ๋ องทีวังหลวง ตอนนันทีคุณหนู ม่หู รงขอถอน


หมันต่างก็ทาํ ให้ผูค้ นโดยรอบล้วนตกตะลึงกันไปเสี ยหมด” จนบัดนี กูเ้ ห่ ายวียังจําได้ดีวา่ นางทีเคยบอบบาง
อ่อนแอกลับเปล่งประกายเจิดจ้า จนแม้แต่ดวงอาทิตย์ยงั ต้องอับแสง

แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหวไม่เป็ นธรรมชาติ ตอนนันนางมัวแต่ว่นุ อยูก่ บั การต่อกรกับเย่อีเฉินและฉิ นยวีเยียน


จนไม่ได้ทนั สังเกตผูค้ นรอบ ๆ งานเลียง “คุณชายกูไ้ ม่คิดว่ากระทําของข้านันมันแข็งกร้าวจนเกินไปหรื อเจ้าคะ
?”
ท่ามกลางการจับจ้องของผูค้ น แต่นางกลับกล้ากล่าววาจาถอนหมันกับท่านอ๋ องเทพสงครามเช่นนัน เหล่าขุนนาง
บุ๋นบู๊และตระกูลชันสู งทังหลายต่างก็คาดไม่ถึงยิงนัก

“จะเป็ นเช่นนันได้อย่างไร ? มันก็เป็ นจริ งดังทีท่านกล่าว ท่านเป็ นคุณหนูแห่ งจวนเจินกัวโหว เหตุใดจะต้องยอม


ลดตัวไปเป็ นอนุ ให้กบั ใครด้วย จิงอ๋ องมองไม่เห็นถึงความดีของคุณหนู ม่หู รง ถือว่าเขาเองทีตาไม่ดี......” กูเ้ หาวี
มองไปทีมู่หรงเสวีย แววตาเปล่งประกายอ่อนโยน

“คุณชายกูก้ ล่าวเกินไปแล้ว” มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ ดวงหน้างามจนกูเ้ ห่ ายวีหน้าเปลียนสี เผลอโพล่งออกไป


“คุณหนูม่หู รง จริ ง ๆ แล้วข้า......”

ทันใดนัน อยู่ ๆ องครักษ์เงาชุดดําสามนายก็ปรากฏกายตัวออกมา พุ่งตรงไปทีเขาอย่างมุ่งร้าย ตัดบทคําพูดของ


เขาเสี ยสิ น

กูเ้ ห่ ายวีทีไม่ทนั ได้ตงตั


ั ว ทังยังเป็ นบัณฑิตผูอ้ ่อนแอ จึงถูกพวกเขาผลักจนล้มลงโดยง่าย ทําได้เพียงโดนทุบตีอยู่
ฝ่ ายเดียว ไม่มีโอกาสได้สวนกลับแม้แต่นอ้ ย

มู่หรงเสวียมองไปยังเหตุการณ์ทีเกินขึนอย่างรวดเร็ วตรงหน้า นางชะงักไปชัวครู่ ถึงจะเรี ยกสติกลับคืนมาได้


แล้วพูดด้วยเสี ยงอันดัง “หยุดนะ หยุดเดียวนี !”

องครักษ์ชุดดําทําเป็ นไม่ได้ยนิ ยังคงทุบตีกเู้ ห่ ายวีต่อไป


มู่หรงเสวียแววตาเย็นเยียบ กระโดดเตะไปหนึ งทีจนองครักษ์เงาผูห้ นึงกระเด็นออกไป แล้วใช้ฝ่ามือโจมตีไปที
อีกสองคนทีเหลือ และก้าวออกไปขวางด้านหน้าของคุณชายกูเ้ ห่ ายวี มองไปทางองครักษ์เงาทังสามอย่างเยือก
เย็น “พวกเจ้าเป็ นองครักษ์เงาของจวนใดกัน ? ถึงกล้าบังอาจมารังแกผูอ้ ืนหน้าจวนเจินกัวโหวเช่นนี ”

ชายชุดดําทีอยูด่ า้ นหน้าสุ ดก้าวออกมาด้านหน้า ตอบรับเสี ยงเย็นเฉี ยบ “เรี ยนคุณหนู มู่หรง พวกข้าน้อยรับใช้


วังจิงอ๋ อง ท่านอ๋ องมีคาํ สังว่า หากชายต่างแซ่ คนใดเข้าใกล้คุณหนูมู่หรงให้ทุบตีเสี ย เป็ นตายไม่สน !”

ดวงหน้าของมู่หรงเสวียฉายแววไม่พอใจ เย่อีเฉิ นถึงกับกล้าให้องครักษ์เงาเฝ้ าเอาไว้รอบจวนเจินกัวโหว แถมยัง


กล้าออกมาทําร้ายคนอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี ช่างบ้าอํานาจอย่างรังเกียจยิงนัก นีสิ นะทีเขาพูดว่า ‘ไม่มีใครทีจะกล้ารับ
นางเป็ นชายาเอก’ เขาใช้แผนการโหดร้ายเช่นนี ขับไล่ผชู ้ ายทุกคนทีเข้าใกล้นาง แน่นอนว่าเพียงเท่านีก็จะไม่มี
ใครกล้ามาสู่ ขอนางแล้ว ช่างเป็ นคนทีชัวร้ายยิงนัก !

“ไสหัวไปให้พน้ ! อย่าให้ขา้ เห็นหน้าพวกเจ้าอีก !”

องครักษ์เงาต่างมองกันไปมา เหล่ตามองกูเ้ ห่ ายวี จากนันก็พากันหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

มู่หรงเสวียหันกายไปมองกูเ้ ห่ ายวี เห็นเขาถูกตีจนดวงหน้าปูดบวม ผมเผ้ากระเซอะกระเซิ ง ชุดสี นาเงิ


ํ นทีงามสง่า
ล้วนยับเยิน เผยให้เห็นผิวหนังเขียวชํา สภาพน่าอนาถยิงนัก
เขาค่อย ๆ ใช้แขนดันกําแพงพยุงตัวขึนมา มองไปทางมู่หรงเสวียแล้วยิมน้อย ๆ “คุณหนูมู่หรงมิตอ้ งเป็ นกังวล
ข้าไม่เป็ นไร......” รอยยิมกลับทําให้แผลเจ็บหนักกว่าเก่า เจ็บจนต้องกลันหายใจ

“เดียวข้าให้ทหารยามไปส่ งท่านทีสํานักบัณฑิต คราวหลังท่านก็ไม่ควรมาทีจวนเจินกัวโหวอีก !” มู่หรงเสวีย


กล่าวด้วยท่าทีห่างเหิ น หมุนตัวกลับเข้าจวนเจินกัวโหว

กูเ้ ห่ ายวีสี หน้านิงค้าง สายตามองตามมู่หรงเสวีย “คุณหนูมู่หรง”

มู่หรงเสวียมิกล่าววาจาใด แม้แต่หันกลับไปมองก็ไม่มี ก้าวเท้าเดินตรงเข้าจวนเจินกัวโหวไป นางปฏิเสธ


ความสัมพันธ์กบั กูเ้ ห่ ายวี มิใช่วา่ นางกลัวเย่อีเฉิ น แต่นางไม่ชอบกูเ้ ห่ ายวี ความแค้นระหว่างนางกับเย่อีเฉิ น เป็ น
เรื องระหว่างนางกับเย่อเฉิ
ี น มิจาํ เป็ นต้องลากคนอืนเข้ามาข้องเกียวด้วย

ด้านนอกจวนปรากฏเสี ยงเดินไปมาสองสามสาย เป็ นทหารยามจวนเจินกัวโหวทีพากูเ้ ห่ ายวีไปส่ ง ถึงจะเดิน


ออกไปไกลแล้ว แต่ม่หู รงเสวียก็ยงั รู ้สึกถึงสายตาของกูเ้ ห่ ายวีทีมองมาทีนาง นางจึงถอนหายใจออกมาเบา ๆ

มู่หรงเย่เดินออกมาจากด้านหลังต้นไม้ใหญ่ จ้องเขม็งไปทีประตูทางเข้าจวน เขาแอบตามพวกนางมาเงียบ ๆ


อยากจะแอบดูว่ามู่หรงเสวียกับกูเ้ ห่ ายวีได้พดู คุยกันบ้างรึ ไม่ แต่คาดไม่ถึงว่าคนของจิงอ๋ องจะกล้ารังแกผูค้ นอย่าง
โจ่งแจ้งเช่นนี “เย่อีเฉิ นจะทําเกินไปแล้ว”
“เย่อีเฉิ นคือจิงอ๋ อง ในมือมีทหาร อํานาจเหลือล้น ในเมืองหลวงมีไม่กีคนทีสามารถเป็ นคู่ปรับของเขาได้ คราว
หลังท่านพีก็ไม่ตอ้ งไปหาคู่อะไรให้ขา้ อีกแล้ว จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนีอีก” มู่หรงเสวียปรายตามองเขา เอ่ย
ด้วยนําเสี ยงราบเรี ยบ

“ข้าไม่เชือว่าเย่อีเฉิ นจะมีอาํ นาจจนจะทําอะไรก็ได้ในเมืองหลวง !” มู่หรงเย่ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธ เย่อี


เฉิ นวรยุทธ์สูงส่ ง ใช้กาํ ลังข่มเหงผูอ้ ืน เพียงแค่หาคนทีร้ายกาจกว่าเขามาเป็ นน้องเขย เขาก็จะไม่มีทางมาเบ่ง
อํานาจได้อีก

ผูท้ ีมีอาํ นาจมากทีสุ ดในแคว้นชิงเหยียนก็คือฮ่องเต้ แต่ว่าฮ่องเต้อายุมากเกินไป ไม่เหมาะกับน้องเล็ก ส่ วนเหล่า


องค์ชายเขาก็ไม่เคยได้ยนิ ว่ามีใครทีจะเก่งกาจไปกว่าเย่อีเฉิ น......

มู่หรงเสวียทีไม่รู้ความคิดของมู่หรงเย่ นางเดินผ่านเขากลับไปทีเรื อนหิ มะโปรย แต่พอดันประตูเข้าไปก็พอดีกบั


ร่ างสู งโปร่ งร่ างหนึงทีหมุนกายมา ชุดสี ขาวสะอาดตา ดูสูงส่ งงามสง่า ดวงหน้าหล่อเหลาดังภาพวาด นางถึงกับ
ชะงักไปครู่ หนึง “คุณชายโอวหยาง !”

“เจ้ามีคนมาดูตวั นี หมายความว่าอยากจะแต่งให้ผอู ้ ืนแล้วหรื อ ?” คุณชายโอวหยางเดินเข้ามาหานาง ดวงตาสี ดาํ


เปล่งประกายลําลึก ยกมุมปากขึนอย่างเย็นชา รู ้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล
ตอนที 42 โมโหหึง
มู่หรงเสวียกระพริ บตาปริ บ ๆ ภายในใจเริ มปรากฏเค้าลางทีไม่ดีขึนมา เร่ งสายหน้าอย่างร้อนรน “มิใช่เจ้าค่ะ”

“ถ้าเช่นนันเจ้าจะไปดูตวั ทําไม ?” คุณชายโอวหยางพูดขึนคล้ายยิมคล้ายไม่ยมิ ยังคงเดินเข้าหามานาง แต่ละก้าว


ๆ ล้วนได้ยนิ ถึงเสี ยงสันสะเทือนของพืนด้านล่าง หัวใจของมู่หรงเสวียเต้นแรง นางอดไม่ได้ทีจะก้าวถอยหลังไป
เรื อย ๆ “เป็ นพีชายข้าทีวุ่นวายไปเอง......”

นางก้าวถอยหลังจนขาเกิดพันกันสะดุดล้มลงไปกับพืน

คุณชายโอวหยางรี บขยับกายอย่างทันที เพียงพริ บตาก็มาปรากฏร่ างทีด้านหน้าของนาง ประคองเอวของนางไว้


พลางพยุงนางขึนแล้วดึงเข้าไปกอด นําเสี ยงทุม้ แฝงไปด้วยความอํามหิ ตดังขึน “แต่ขา้ เห็ นเจ้ากับกูเ้ ห่ ายวีก็ดู
พูดคุยเข้ากันได้ดีนี”

กลินหอมของไม้ไผ่ลอยอบอวลไปรอบกาย ลมหายใจอุ่นร้อนพ่นรดใบหน้าของนาง แววตาของมู่หรงเสวียวูบ


ไหวอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ อยากจะผลักคุณชายโอวหยางออกไป

แต่ไม่คาดว่าวรยุทธ์ของเขานันช่างลําลึกยิงนัก แม้ว่าฝี มือของนางก็นบั ว่าไม่เลวนัก แต่กลับถูกเขาดึงตัวเข้าไป


กอดอย่างง่ายดายและไม่สามารถทีจะขยับตัวไปไหนได้เลย การเคลือนไหวล้วนถูกเขาควบคุมเอาไว้ทงหมด
ั มือ
เท้าล้วนไม่สามารถขยับเขยือนได้ เพียงถูกเขากักขังไว้ในอ้อมอกแกร่ ง นางได้แต่ขมวดคิวมุ่นจ้องมองไปทีเขา
“ผูม้ าเยือนล้วนเป็ นแขก ข้าผูเ้ ป็ นเจ้าบ้านจําเป็ นต้องต้อนรับแขกอย่างดี ถ้าหากข้าปล่อยแขกทิงไว้ไม่ถามไถ่ใด ๆ
ผูอ้ ืนอาจต่อว่าได้ว่าจวนเจินกัวโหวรับแขกไม่ดี”

คุณชาวโอวหยางพยักหน้าอย่างเห็นด้วย เหตุผลนี ยังพอทีจะฟังขึนอยูห่ รอก แต่ว่า “องครักษ์เงาของวังจิงอ๋ องทุบ


ตีกเู้ ห่ ายวี เจ้ากลับไปขวางหน้าเขา ทําไมเจ้าต้องทําเช่นนัน ?”

ทัง ๆ ตอนทีเขากับเย่อเฉิ
ี น ‘เดินหมาก’ กัน นางไม่เห็นจะมากางแขนปกป้ องเขาเช่นนี เลย !

มู่หรงเสวียอับจนคําพูด เขายิงถามคําถามมากเท่าไหร่ คาํ ถามนันยิงคมขึนเท่านัน แต่ละคําถามของเขาล้วนแต่ตรง


จุดตรงประเด็น “กูเ้ ห่ ายวีมาเป็ นแขกของจวนเจินกัวโหว แต่กลับถูกทุบตีอยูด่ า้ นหน้าของจวน ข้าจะนิงเฉยอยูไ่ ด้
อย่างไร ? ถ้าหากเป็ นขอทานถูกทุบตีอยูด่ า้ นหน้าจวน ทหารยามของจวนยังต้องเข้าไปไถ่ถามเสี ยหย่อยเลย”

“เพียงแค่นีจริ ง ๆ หรื อ ?” คุณชายโอวหยางหรี ตามองไปทีนาง คล้ายกับว่ายังไม่ค่อยเชือเท่าไหร่ นัก

“แน่นอนว่าจริ ง ข้าจะโกหกท่านเพืออะไรกัน ?” มู่หรงเสวียพยักหน้าหนักแน่ น แววตาเต็มไปด้วยความซื อตรง


ขาดก็เพียงแต่การสาบานเท่านัน

สี หน้าของคุณชายโอวหยางพลันค่อย ๆ อ่อนลง พูดตอบอย่างไม่สนใจนัก “คราวหลังถ้ามีเรื องอะไรให้มาหาข้า


ไม่ว่าจะเรื องอะไรก็ตามแต่ ข้าล้วนเต็มใจทีจะช่วยเหลือเจ้า......”
“ถ้าข้าจะแต่งงาน ก็ตอ้ งไปหาท่านด้วยหรื อ ?” มู่หรงเสวียยกมุมปากขึน คล้ายกับจะยิมก็ไม่ยมิ ดูออกว่ากําลัง
ล้อเลียนเขาอย่างแน่ แท้

“ใช่” คุณชายโอวหยางพยักหน้า ดวงตาดําเปล่งประกายอย่างลําลึก

“......”

ทีแท้คุณชายโอวหยางผูส้ ู งส่ งก็พดู จาตลกร้ายอย่างนี ก็เป็ นด้วย ? แต่ประโยคหยอกล้อเช่นนี นางไม่เห็นจะตลก


ด้วยเลยสักนิด

เมือเงยหน้าขึน ก็สบเข้าพอดีกบั ดวงตาสี ดาํ ลําลึกของเขา มู่หรงเสวียเพียงกระแอมเล็กน้อย “ทําไมอยู่ ๆ คุณชาย


ถึงมาทีเรื อนหิ มะโปรยล่ะเจ้าคะ ?”

“โรงประมูลยวีเป่ าจะมีการจัดงานประมูลสิ นค้าขึน และในครังนี หนึ งในนันก็มีตน้ ตีหยางด้วย” คุณชายโอวหยาง


พูดขึนด้วยนําเสี ยงเรี ยบเฉย เว้นจังหวะเพียงชัวครู่ แล้วกล่าวต่อว่า “การประมูลจะจัดขึนตอนช่วงปลายของยาม
เฉิ น (ประมาณเจ็ดโมงเช้าถึงเก้าโมง)”
มู่หรงเสวียชะงักเล็กน้อย “ทําไมท่านถึงไม่รีบพูดให้เร็ วกว่านี ?” ตอนนี ก็เป็ นเวลากลางยามซือ(ประมาณเก้าโมง
เช้าถึงสิ บเอ็ดโมงเช้า)เข้าไปแล้ว การประมูลเริ มไปแล้วกว่าครึ งชัวยาม ไม่รู้ว่าต้นตีหยางตอนนีจะถูกประมูล
ออกไปแล้วรึ ยงั ?......

“ตอนทีข้ามาถึง เจ้ากําลังดูตวั กับกูเ้ ห่ ายวีอยู่ หรื อว่าเจ้าหวังให้ขา้ เดินเข้าไปลากตัวเจ้าออกมาทังอย่างนัน แล้วไป


ทีงานประมูลเสี ยเลย ?” คุณชายโอวหยางเลิกคิว ท่าทางเหมือนกับกําลังมองคนโง่เง่าคนหนึงอยู่

มู่หรงเสวียไร้ซึงคําพูด “......” พูดไปพูดมา ก็กลายเป็ นนางทีเป็ นคนผิดอีกแล้ว

“ถ้าเช่นนัน......พวกเรารี บไปทีงานประมูลกันเถอะ” มู่หรงเสวียแกะมือทีเกาะเอวนางออก หมุนกายก้าวไป


ด้านหน้า หวังว่าต้นตีหยางยังคงจะยังไม่ถูกประมูลออกไปเสี ยก่อน

แต่ขอ้ มือของนางกลับถูกรังเอาไว้ เสี ยงทุม้ ของคุณชายโอวหยางลอยตามหลังมา “เจ้าจะไปทีงานประมูลใน


สภาพอย่างนี หรื อ ?”

“มีอะไรทีไม่เหมาะสมอย่างนันหรื อ ?” สายตาของมู่หรงเสวียฉายแววไม่เข้าใจ มองสํารวจตัวเองไปมา

คุณชายโอวหยางปรายสายตามองนางเล็กน้อย แล้วลากนางไปทีตูเ้ สื อผ้า เปิ ดตูเ้ สื อผ้าออกดูแล้วหยิบเอาชุดสี


ชมพูส่งให้นาง “เปลียนชุดเสี ยก่อนแล้วค่อยไป”
มู่หรงเสวียก้มลงไปมอง ก็เห็นกระโปรงของตัวเองล้วนเปื อนไปด้วยฝุ่ น ดูสกปรกไปหมด ไม่เหมาะสมทีจะใส่
ออกไปข้างนอกจริ ง ๆ......

มือขาวราวหยกยืนมาทีบริ เวณเอวของนาง ดึงเอาสายรัดเอวของนางออก มู่หรงเสวียรู ้สึกตืนตระหนกขึนมาทันที


ยืนมือออกไปปั ดมือของเขา พลางมองไปทีเขาอย่างท่าทีระแวดระวัง “ท่านจะทําอะไรน่ะ ?”

“ข้าจะช่วยเจ้าเปลียนเสื อผ้าอย่างไร !” นําเสี ยงของคุณชายโอวหยางราบเรี ยบ แววตาเปล่งประกาย ไม่มีท่าทีจะ


ละอายแต่อย่างใด เหมือนกับการเปลียนเสื อผ้าให้นางนันเป็ นเรื องทีปกติสามัญทัวไปเท่านัน นางรู ้สึกสงสัยใน
ตรรกะความคิดของเขาเสี ยจริ ง ๆ

“ข้าทําเองจะดีกว่า” มู่หรงเสวียเร่ งจับมือทียืนมาของคุณชายโอวหยาง นางเป็ นคนสองชาติสองภพ ล้วนแต่


เปลียนเสื อผ้าเอง ไม่เคยคิดทีจะให้ใครมาทําให้

“ก็เจ้าชักช้า ถ้ารอจนเจ้าเปลียนเสื อผ้าเสร็ จ การประมูลก็คงจบไปเสี ยแล้ว” คุณชายโอวหยางพูดขึนอย่างเรี ยบเฉย


เพียงพริ บตาเดียวมือของเขาก็ปลดผ้าทีรัดตัวนางออก ขยับนิวมือเพียงเล็กน้อย ก็พอดีกบั ทีกระดุมเม็ดแรกของ
กระโปรงหลุดออก......

แววตาของมู่หรงเสวียเต็มไปด้วยความโกรธ ถลึงตาจ้องมองไปทีคุณชายโอวหยาง “คุณชายโอวหยาง ท่านไม่รู้


หรื ออย่างไรว่าชายหญิงนันแตกต่าง ?” เขาเป็ นชาย นางเป็ นหญิง ถึงแม้ว่ากําลังจะเร่ งรี บเพียงใดก็ไม่ควรทีจะมา
เปลียนเสื อผ้าให้นางเช่นนี
“แน่นอนว่าข้ารู้ !” คุณชายโอวหยางพูดเสี ยงทุม้ เขารําเรี ยนมาตังแต่ยงั เล็ก เรื องความแตกต่างระหว่างชายหญิง
เขาล้วนจําขึนใจได้เป็ นอย่างดี แต่ว่าเมือมาอยูต่ รงหน้าใครบางคนแล้ว เขากลับคิดว่าไม่เห็นจําเป็ นจะต้องไป
สนใจคําสอนนี เท่าไหร่ นกั

เขายกยิมบางเบา นิ วมือขาวหยกขยับอีกครัง กระดุมเม็ดงามลําค่าอีกเม็ดถูกปลดออก

มือของเขาขยับอย่างรวดเร็ วดังสายลม มู่หรงเสวียไม่มีทางทีจะตังตัวได้ทนั แววตากระเพือมไปด้วยไฟโกรธจน


แทบจะสามารถพ่นออกมาเป็ นไฟได้ นางกัดฟันพูด “คุณชายโอวหยาง ชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดกัน !”

เขามิใช่บุตรชายของเซี ยวเหยาอ๋ องชนชันสู งผูม้ ากความสามารถแห่ งแคว้นชิงเหยียนหรอกหรื อ ? เขาน่าจะเป็ นผู ้


มีการศึกษา ปราชญ์เปรื องจนมิสามารถจะหาใครมาเปรี ยบได้ ทําไมหลักการง่าย ๆ เช่นนี เขากลับไม่รู้เล่า !

“พวกเรากําลังรี บจะไปงานประมูล เพือประมูลต้นตีหยาง เรื องเล็กน้อยแค่นีไม่สาํ คัญเท่ากับชีวติ ของเจ้าหรอก


อันไหนข้ามได้ก็ขา้ มไปเสี ยเถอะ !”

คุณชายโอวหยางจ้องมองมาทีนางเพียงแวบหนึง มือขาวหยกขยับอีกครัง กระดุมเม็ดสุ ดท้ายทีเหลือบนกระโปรง


ถูกแกะออก เผยให้เห็นผิวขาวเรี ยบเนี ยนรวมถึงเอียมสี แดงกับกางเกงสี ขาวหิ มะด้านใน ร่ างกายบอบบางช่าง
ดึงดูดสายตาผูค้ นยิงนัก

มู่หรงเสวียกัดฟันโกรธ ถลึงตามองไปทีเขา แววตาเต็มไปด้วยความเกรี ยวกราด


แววตาของคุณชายโอวหยางใสราวกับสายนํา ไม่พบแม้แต่ความผิดปกติอะไรในแววตา เขาเพียงหยิบเอาชุดยาว
สี ชมพูสวมลงบนร่ างของนางอย่างระมัดระวังแต่รวดเร็ ว ค่อย ๆ ติดกระดุมและผูกสายรัดให้นางอย่างเบามือ เมือ
มองดูแล้วไม่พบว่ามีตรงไหนทีไม่เรี ยบร้อย แววตาของคุณชายโอวหยางก็กลายเป็ นเคร่ งขรึ มจูงนางออกไปยัง
ด้านนอก “เรี ยบร้อยแล้ว พวกเรารี บไปงานประมูลกันเถอะ”

คุณชายโอวหยาง ! เมือมู่หรงเสวียทีเป็ นอิสระแล้ว แววตาของนางก็พลันเยือกเย็น ยืนมือตบเข้าไปทีใบหน้าของ


เขา แม้วา่ ผ้าเอียมกับกางเกงส่ วนในของนางจะยังคงใส่ ดีอยู่ และเขาก็ไม่ได้มองเห็นผิวพรรณอะไรของนางมาก
นัก แต่อย่างไรนางก็เปลียนเสื อผ้าเองได้ ใครให้เขาใช้กาํ ลังบีบบังคับมาช่วยนางเช่นนี !

คุณชายโอวหยางเพียงแต่พลิกกายเบา ๆ หลบการโจมตีของนาง แขนยาวเอือมไปกอดเอวของนางไว้แล้วเดิน


ออกจากห้องไป “นีก็สายมากแล้ว พวกเรารี บไปกันเถอะ !”

แสงแดดอบอุ่นส่ องกระทบร่ างกาย มู่หรงเสวียไม่ทนั ได้ตอบสนองใด ๆ ร่ างกายก็พลันเบาลง ถูกคุณชายโอวห


ยางอุม้ ขึนแล้วกระโดดลอยขึนไป......
ตอนที 43 ความวุ่นวายในงานประมูล

รู ้สึกราวกับว่ากลินหอมของไม้ไผ่ลอยอบอวลอยูร่ อบ ๆ เสี ยงพัดของสายลมลอยเข้ามากระทบกับใบหน้า


ทิวทัศน์รอบด้านผ่านตาไปอย่างรวดเร็ วดังภาพมายา ความโกรธขึงบนใบหน้าของมู่หรงเสวียเพียงพริ บตาเดียว
กลับมลายหายไปเสี ยสิ น ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตืนเต้น นีหรื อคือวิชาตัวเบาของยุคโบราณ ? ช่างน่ า
มหัศจรรย์ยงนั
ิ ก ถ้ามีเวลาเมือไหร่ นางจะต้องเรี ยนมันให้ได้

ระหว่างทีความคิดกําลังลืนไหล มู่หรงเสวียก็มองเห็นสิ งก่อสร้างทีหรู หราโออ่าปรากฏอยูด่ า้ นหน้า ประตูสีขาว


เหมือนดังข้าวดูสะดุดตาภายใต้แสงอาทิตย์ทีสาดส่ อง ไม่รู้วา่ ทํามาจากวัสดุใด ด้านบนประตูสลักด้วยตัวอักษรที
งดงามว่า ‘โรงประมูลยวีเป่ า’ ให้ความรู ้สึกทียิงใหญ่และสู งส่ ง

คุณชายโอวหยางทีอยูด่ า้ นข้างกอดเอวของนางไว้แน่ น ลอยตัวด้วยความสง่างาม ดูเหมือนไม่มีความคิดทีจะหยุด


ความเร็ วลงแม้แต่นอ้ ย มู่หรงเสวียอดเตือนเขาเบา ๆ ไม่ได้ “คุณชาย ถึงโรงประมูลยวีเป่ าแล้ว พวกเราลงไป
ข้างล่างกันเถอะ”

คุณชายโอวหยางปรายตามองโรงประมูลยวีเป่ าอยูค่ รู่ หนึง พูดขึนอย่างบางเบาว่า “การประมูลของโรงประมูลยวี


เป่ ารอบนี มีสิงของเข้าประมูลมากมาย ทีนังด้านในคงจะเต็มหมดแล้ว พวกเราคงไม่ไปนังเบียดทีโถงใหญ่ ไป
ห้องส่ วนตัวเลยจะดีกว่า”
มู่หรงเสวียเงยหน้ามองไปเห็ นด้านบนของกําแพงโรงประมูลซึ งมีหน้าต่างสวยงามเรี ยงรายกันเป็ นระเบียบ ทุก ๆ
บานล้วนมีรูปลักษณ์ไม่ต่างกัน จึงเลิกคิวขึนอย่างสงสัย “ท่านรู ้หรื อว่าห้องทีท่านจองไว้คือห้องไหน ?”

“แน่นอนว่ารู ้” คุณชายโอวหยางยกยิมน้อย ๆ ค่อย ๆ สะบัดแขนเสื อกลางอากาศจนกลายเป็ นเส้นแสงสวยงาม


ทันใดนันพวกเขาทังสองก็รู้สึกว่าตัวเบาราวหิ มะทีลอยเข้าไปทีห้องส่ วนตัวห้องหนึ ง

ในขณะทีพวกเขาทังสองเยืองย่างเข้ามาในห้อง ห้องทีว่างเปล่าก็ปรากฏร่ างของคนทีคุน้ เคยผูห้ นึง แววตาคมกริ บ


สี หน้าเรี ยบเฉย เป็ นองครักษ์เงาสวินเฟิ งทีปรากฏกายขึนมาอย่างฉับพลัน

เมือมองเห็นคุณชายโอวหยางและมู่หรงเสวีย สวินเฟิ งก็เร่ งเดินเข้าไปคาราวะ “คุณชาย คุณหนูม่หู รง”

มู่หรงเสวียตอบรับเพียงเบา ๆ แกะเอามือทีเกาะเอวของนางอยูอ่ อก เร่ งเดินเข้าไปทีห้องส่ วนตัวของโรงประมูล


มองทะลุออกไปยังด้านนอก ตรงกลางเป็ นเวทียกสู งทรงกลม มีหญิงสาวอ่อนวัยดวงหน้างามหยดย้อยผูห้ นึงยืน
อยู่ นางกําลังผายมือไปทางเห็ดหลินจือสี ดาํ ต้นหนึง กล่าวแนะนําด้วยเสี ยงอ่อนหวานว่า “นีเป็ นเห็ดหลินจืออัคคี
พันปี สามารถรักษาได้ร้อยโรค ร้อยพิษ ราคาเริ มต้นทีหนึ งหมืนตําลึง......”

“สองหมืนตําลึง......”

“สามหมืนตําลึง......”
“สี หมืนตําลึง......”

เสี ยงประกาศราคาดังขึนแข่งขันกันอย่างเซ็งแซ่ มู่หรงเสวียมองไปทีเห็ดหลินจืออัคคีตน้ นัน เห็ดหลินจืออัคคีถือ


ว่าเป็ นเห็ดหลินจือชันดี ยิงเห็ดหลินจืออัคคีพนั ปี ยิงยากนักทีจะได้พบ สรรพคุณทางยาถือว่าดีมาก ไม่วา่ จะ
บาดเจ็บหนักแค่ไหน ถ้ายังมีลมหายใจอยูแ่ ล้วได้กินมันเข้าไป บาดแผลจะถูกรักษาให้หายได้โดยไว ของทีนํา
ออกมาประมูลทีโรงประมูลยวีเป่ านันล้วนไม่ธรรมดา......

คุณชายโอวหยางยืนอยูบ่ ริ เวณริ มหน้าต่าง สายตามองไปทีอ้อมอกว่างเปล่า แววตาปรากฏความเศร้าอยูว่ บู หนึง


กลินกายของหญิงสาวทียังคงหลงเหลือกระทบเข้ากับจมูก มือของเขายังรู ้สึกถึงสัมผัสจากเอวบางเมือครู่ อยูอ่ ย่าง
บางเบา ช่างนุ่ มนิ มยิงนัก แววตาของเขาวูบไหว เขาค่อย ๆ เดินไปทีด้านข้างของโต๊ะ ริ นชาใส่ ถว้ ยแล้วส่ งให้กบั มู่
หรงเสวีย “ดืมชาเสี ยก่อนสิ ”

“ขอบคุณเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียรับถ้วยชามาจิบเบา ๆ รสของชาหอมหวานไปทัวทังปาก นางพยักหน้าอย่างถูกใจ


แววตายังคงจับจ้องไปทีเวทีดา้ นล่าง แล้วพึมพําขึนเบา ๆ “มิรู้ว่าต้นตีหยางจะถูกประมูลไปแล้วหรื อยัง ?”

“ข้าน้อยรออยูท่ ีนีมาตลอด ยังมิได้มีการประมูลต้นตีหยางขอรับ” สวินเฟิ งค่อย ๆ พูดจาอย่างระมัดระวัง เมือเห็น


สี หน้าของคุณชายโอวหยางยังคงเรี ยบเฉย ก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ

“เช่นนันก็ดีน่ะสิ ” มู่หรงเสวียหายใจอย่างโล่งอก จิบชาต่อช้า ๆ เสี ยงหัวเราะอ่อนหวานของหญิงสาวลอยกระทบ


เข้าหู “เห็ดหลินจืออัคคีตกเป็ นของคุณชายวัง หลิงหลงขอแสดงความยินดีกบั คุณชายวังด้วยเจ้าค่ะ ต่อเป็ นการ
ประมูลต้นตีหยางจํานวนหนึ งกล่อง......ราคาประมูลเริ มต้นทีห้าพันตําลึงเจ้าค่ะ......”
มู่หรงเสวียแววตาเปล่งประกาย ก้มหน้ามองไปทีเวทีสูง เห็นด้านบนเวทีมีกล่องทีด้านในมีสมุนไพรเหมือนกับ
ต้นตีหยางทีนางเคยอ่านเจอในหนังสื อไม่มีผดิ วางอยู่

“หนึ งหมืนตําลึง......”

“หนึ งหมืนห้าพันตําลึง......”

“สองหมืนตําลึง......”

“ห้าหมืนตําลึง” เสี ยงเย็นชาของหญิงสาวดังขึน ทัวทังโรงประมูลพลันเงียบสงัด คนทีกําลังประกาศราคาแข่งขัน


กันล้วนขมวดคิวอย่างครุ่ นคิด ส่ ายหน้าเบา ๆ ต้นตีหยางเป็ นสมุนไพรสายหยาง ทําได้แค่เพียงแก้พิษสายหยิน
เท่านัน ไม่เหมือนกับเห็ดหลินจือหรื อโสมทีไม่ว่าใครต่างก็ใช้ได้

ทีพวกเขาร่ วมแข่งราคา เป็ นเพราะมีความคิดเพียงแค่จะซื อเอามันมาในราคาทีเหมาะสมเท่านัน แต่ราคาทีมู่หรง


เสวียประกาศออกมา กลับสู งเกินมูลค่าจริ งของต้นตีหยางไปมาก พวกเขาไม่อยากทีจะเสี ยเงินตําลึงไปกับมัน
มากขนาดนัน จึงไม่คิดทีจะประกาศราคาแข่งขันต่อ

“ห้าหมืนตําลึงครังทีหนึง ห้าหมืนตําลึงครังทีสอง ห้าหมืนตําลึงครังทีสาม ไม่มีคนประกาศราคาต่อ ต้นตีหยา


งตกเป็ นของคุณหนูท่านนีแล้วเจ้าค่ะ” สุ่ ยหลิงหลงยิมน้อย ๆ เคาะค้อนตกลงการประมูล
“ปั ง” ขณะทีเสี ยงเคาะดังขึน นําเสี ยงไพเราะสายหนึ งก็ลอยออกมา “เดียวก่อน”

หญิงสาวผูห้ นึงเดินเข้ามาในโถงการประมูล นางอยู่ในชุดสี เหลืองอ่อน เส้นผมตรงสี ดาํ เงางามถูกรวบขึนเป็ น


มวย ริ มผีปากคล้ายดอกอิงฮวา ดวงตาสี ดาํ สดใส ใบหน้าแต่งแต้มไปด้วยเครื องประทินโฉมดูงดงามดังเทพเซี ยน

“เอ๋ นี มิใช่คุณหนูซูหนานเซี ยงหรอกหรื อ ?”

“ทําไมจะมิใช่นางเล่า หลานสาวของราชครู หญิงงามอันดับหนึงแห่ งเมืองหลวง แค่ใบหน้างดงามนันก็ไม่


สามารถหาใครมาเปรี ยบแล้ว ทําไมนางถึงมาทีนี ......”

“ยังจะมาทําอะไรได้อีกเล่า ? แน่นอนว่าต้องมาร่ วมงานประมูลน่ะสิ ไม่รู้ว่านางคิดจะประมูลอะไร......”

ผูค้ นต่างกระซิ บพูดคุยกันเสี ยงเบา แล้วพากันมองไปทีซูหนานเซี ยง

ซูหนานเซี ยงทําเหมือนเสี ยงชืนชมพวกนีเป็ นเรื องปกติ นางค่อย ๆ ก้าวเท้าไปด้านหน้าเวที เงยหน้ามองไปบน


เวทีอย่างช้า ๆ “คุณหนูหลิงหลง ข้าขอเสนอราคาหนึงแสนตําลึง ขอซื อต้นตีหยางกล่องนี !”

สุ่ ยหลิงหลงชะงักค้าง ปฏิเสธอย่างมีมารยาทว่า “ขออภัยคุณหนูซูเจ้าค่ะ ต้นนีหยางนี มีคนประมูลไปแล้ว”


ั งมิได้จ่ายเงิน การซื อขายครังนี ถือว่ายังไม่สมบูรณ์ !” ซูหนานเซี ยงแววตาวูบไหว
“คุณหนูผนู ้ นยั

“หลังจากทีเสี ยงค้อนประมูลดังขึน ถือว่าการประมูลจบลงแล้ว ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้จ่ายเงินตําลึง ต้นตีหยางนี ก็ตก


เป็ นของคุณหนูท่านนันแล้ว ถ้าคุณหนูซูอยากได้ตน้ ตีหยาง สามารถไปต่อรองกับคุณหนูท่านนันได้เจ้าค่ะ” สุ่ นห
ลิงหลงอธิบายด้วยรอยยิม ทีโรงประมูลยวีเป่ ามีชือเสี ยงในเมืองหลวงได้กเ็ พราะว่ามีความยุติธรรม และกฎกติกา
ทีเข้มงวด นางมีหน้าทีเป็ นผูด้ าํ เนิ นการประมูล จะต้องรักษากฎการประมูลไว้ ไม่สามารถทีจะละเมิดกฎทีตังไว้
ได้

“ทีแท้กเ็ ป็ นเช่นนีเอง รบกวนคุณหนูหลิงหลงแล้ว” ซูหนานเซี ยงพูดบางเบา หมุนกายมองไปทีมู่หรงเสวีย นาง


ชะงักไปครู่ หนึง นันมัน......ห้องทีจองไว้เป็ นพิเศษของวังเซี ยวเหยาอ๋ อง ทําไมนางถึงไปอยูท่ ีนันได้ ?

ม่านลูกปั ดทีลู่ลง บดบังรู ปลักษณ์ของมู่หรงเสวียเอาไว้ เผยให้เห็นเพียงร่ างบางราง ๆ หลังม่าน ซูหนานเซี ยงค่อย


ๆ ขมวดคิวในใจ “คุณหนู ท่านแม่ของข้าร่ างกายอ่อนแอ จําเป็ นต้องรี บใช้ตน้ ตีหยางขับไอเย็น ไม่ทราบว่า
คุณหนูพอจะมอบต้นตีหยางให้ขา้ ได้รึไม่ ?”

“การขับไอเย็น สามารถใช้สมุนไพรตัวอืนได้ ไม่จาํ เป็ นว่าจะต้องใช้ตน้ ตีหยางนี” มู่หรงเสวียมีความรู ้ทางแพทย์


เล็กน้อย สมุนไพรทีขับไอเย็นในร่ างกาย ถึงจะมีไม่มากนัก แต่ก็มีสิบกว่าชนิ ด สรรพคุณของมันก็ไม่ต่างกันมาก
สามารถใช้แทนกันได้
“ไอเย็นในร่ างกายของท่านแม่ค่อนข้างหนัก ใช้ตน้ ตีหยางถึงจะได้ผลลัพธ์ทีดีทีสุ ด” ซูหนานเซี ยงอธิบายด้วย
รอยยิม

“ต้องขออภัยคุณหนูซูแล้ว ตัวข้านันเป็ นโรคเรื อรัง สรรพคุณของยาตัวอืนไม่มีผลกับข้า สามารถใช้ได้เพียงแค่


ต้นตีหยางเท่านัน” ถ้าหากอาการของมารดาของคุณหนูซูสาหัสจริ ง ๆ และขาดต้นตีหยางไม่ได้เลยละก็ มู่หรง
เสวียก็คงจะมอบต้นตีหยางให้ไปแล้ว แต่มารดาของนางไม่ได้เจ็บหนักถึงขนาดนัน ยาตัวอืนก็สามารถทีจะช่วย
มารดาของนางได้

แต่บวั อัคคีของนางถูกทําลายไปแล้ว จําเป็ นต้องใช้ตน้ ตีหยางจริ ง ๆ จํานวนของต้นตีหยางก็มีไม่มากนัก เมือขาด


ไปหนึงต้น ก็ไม่รู้ว่าเมือใดจะหาได้อีกต้น ในมือของนางมีบวั อัคคีเพียงแค่สองเม็ด คงไม่สามารถจะยืดเวลา
ออกไปได้นานมากนัก

เมือได้ฟังคําตอบทีหนักแน่ น แววตาของซูหนานเซี ยงก็ค่อย ๆ เข้มขึน เปล่งประกายดุดนั “คุณหนูจะไม่ยอมมอบ


ต้นตีหยางให้ขา้ จริ ง ๆ น่ ะหรื อ ?”

“มิใช่ขา้ มิเต็มใจ แต่ขา้ มิสามารถจะมอบมันให้กบั ท่านได้จริ ง ๆ ขอคุณหนูซูโปรดอภัยด้วย” มู่หรงเสวียแววตา


เฉยชา พูดเน้นทีละคํา

ผูค้ นต่างมองหน้ากันไปมา หันหน้าส่ งสายตาให้กนั อีกคนจะซื อ แต่อีกคนก็ยนื กรานทีจะไม่ขาย ถ้าเช่นนันควร


จะทําอย่างไรดี ?

โรงประมูลยวีเป่ าทียิงใหญ่พลันเงียบสงบ แม้แต่เสี ยงเข็มตกกระทบกับพืนก็ยงั ได้ยนิ คิวสวยของซูหนานเซี ย


งค่อย ๆ ขมวดเข้าหากัน นางเงยหน้ามองไปทางมู่หรงเสวียอย่างช้า ๆ สายตามองผ่านเลยนางไป มองไปด้านใน
ของห้อง “คุณชายโอวหยาง คุณหนูท่านนี ควรทีจะขายต้นตีหยางหรื อไม่เจ้าคะ ?”

เมือประโยคนีหลุดออกมา ผูค้ นก็ต่างพากันฮือฮา คุณชายโอวหยางก็มางานประมูลครังนีด้วยหรื อ ?

มู่หรงเสวียก็ชะงักไปชัวครู่ ซูหนานเซี ยงรู ้จกั คุณชายโอวหยางหรื อ......


ตอนที 44 การตัดสินใจของคุณชาย
มู่หรงเสวียหันหน้าไปมองคุณชายโอวหยาง เห็นเพียงสายตาของเขาเข้มขึน วางถ้วยกระเบืองสี ขาวลง แล้วเดิน
เข้ามาหา ริ มผีปากบางเม้มสนิ ท ดวงหน้าหล่อเหลาดังภาพวาดดูคร่ งขรึ มเย็นชาดังดวงจันทร์ จากบนท้องฟ้ า เขา
ค่อย ๆ ก้าวเท้าไปด้านหน้าอย่างสง่างาม แขนเสื อยาวพลิวไหวไปตามสายลม ท่วงท่าดูงดงามราวกับเทพเซี ยน
ยากทีจะหาใดเปรี ยบ

ผูค้ นต่างชะเง้อมองมาทางเขา แววตาเต็มไปด้วยความตืนเต้นและตกตะลึง ท่านนี คือบุตรชายแห่ งเซี ยวเหยาอ๋ อง


สูงส่ งสง่างาม รู ปลักษณ์หล่อเหลาหาใครเปรี ยบ ดูดีกว่าทีลือกันอยูส่ ามถึงสี ส่ วน......

มาประมูลทีโรงประมูลยวีเป่ า กลับนึ กไม่ถึงว่าจะได้พบกับคุณชายผูโ้ ด่งดังแต่ยากจะพบตัวผูน้ ี ถือเป็ นผลพลอย


ได้ทีไม่เลวเลย......

ซูหนานเซี ยงทีอยูต่ รงกลางของห้องโถงใหญ่ มองไปทีใบหน้าหล่อเหลาเบืองหน้า ต่อไปนีนางคงไม่สามารถ


มองหน้าชายหนุ่ มคนไหนได้อีกแล้ว แววตาค่อย ๆ เปล่งประกายอย่างอ่อนโยน ตอนทีเขาจากเมืองหลวงไป นาง
อยูท่ ีบ้านของท่านยาย ไม่สามารถบอกลากับเขาได้ ก่อนเขาจะกลับมาเมืองหลวงไม่กีวัน นางก็บงั เอิญไปเยียม
ท่านยายอีก ไม่สามารถเจอหน้าเขาเป็ นคนแรกได้ ถ้ามาลองนับดูแล้ว พวกนางไม่ได้เจอกันนานนับสิ บปี ได้

เขาดูสูงขึน หล่อเหลาขึนกว่าเมือก่อนมากนัก นางก็เติบโตขึน ไม่ได้คิดถึงเขาตลอดเวลาอีกต่อไป

“คุณชายโอวหยาง ไม่ได้เจอกันนานนะเจ้าคะ” เสี ยงอ่อนหวานของซูหนานเซี ยงบางเบาเหมือนสายลม


“คุณหนูซู” คุณชายโอวหยางพยักหน้า นําเสี ยงทุม้ ราบเรี ยบเช่นปกติ

ขอบตาของซูหนานเซี ยงทีชืนขึนเพียงเล็กน้อยกลับกลายเป็ นปกติ เหลือเพียงแววตาของหญิงสาวทีได้เห็นคนใน


ดวงใจ ฝ่ ามือภายในแขนเสื อกําผ้าเช็ดหน้าแน่น ตืนเต้นเล็กน้อย แต่กย็ งั มีท่าทางถือตัวสงวนท่าทีอยู่ “ข้าเพิงจะ
กลับมาถึงเมืองหลวงวันนี กะว่าพรุ่ งนีจะไปคาราวะทักทายเซี ยวเหยาอ๋ องกับพระชายาเอกและคุณชาย คาดไม่ถึง
ว่าจะได้พบกันทีนีเสี ยก่อน”

“ท่านพ่อกับท่านแม่ของข้าตอนนี ไม่อยูท่ ีเมืองหลวง” คุณชายโอวหยางกล่าวเรี ยบเฉย

“ไม่อยูห่ รื อเจ้าคะ ? ตอนอยูท่ ีเฉวียนโจวข้าได้ผงไข่มุกชันดีมาพอดี คิดว่าจะมอบให้พระชายาเอกเสี ยหน่อย......”


ซูหนานเซี ยงพูดขึนด้วยนําเสี ยงทีบางเบา รอยยิมงดงามเปล่งประกายดึงดูดสายตาผูค้ น

คุณชายโอวหยางดวงหน้าเคร่ งขรึ ม มิได้กล่าววาจาใด

“คุณชาย ท่านกับซูหนานเซี ยงเป็ นอะไรกันหรื อ ?” มู่หรงเสวียพูดกดเสี ยงตํา ถามขึนด้วยความสงสัย ถึงขนาด


กับไปเยียมเยียนพ่อแม่ทีวังเช่นนี ความสัมพันธ์ของทังสองคงไม่ธรรมดานัก

“ท่านปู่ ของซูหนานเซี ยงเป็ นราชครู ผูเ้ ป็ นนักปราชญ์ลทั ธิ ขงจือทีมีชือในเมืองหลวง ตอนข้าอายุห้าขวบได้กราบ


ท่านเป็ นอาจารย์รับการอบรมสังสอนจากท่านอยูห่ ลายปี ” คุณชายโอวหยางพูดขึนด้วยนําเสี ยงราบเรี ยบ
มู่หรงเสวียพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ทีแท้กเ็ ป็ นเพือนวัยเด็กทีเติบโตมาด้วยกันนีเอง” ถึงว่าซูหนานเซี ยงเมือเห็นเขาก็
ถึงกับนําตาคลอ ท่าทางน่ าสงสารเหมือนได้เจอคนรักทีพลัดพลากจากกันไปนานแสนนาน ทีแท้กเ็ ป็ นสาย
สัมพันธ์ทีพิเศษเช่นนีนี เอง

คุณชายโอวหยางขมวดคิวเล็กน้อย กล่าวเสี ยงเบา “ข้าเพียงแค่ไปเรี ยนกับท่านราชครู ทีจวนฝ่ ายหน้าเท่านัน ไม่


เคยก้าวเข้าไปในจวนฝ่ ายในของนางแม้แต่นอ้ ย ในหนึงปี เจอนางโดยบังเอิญเพียงหนึงถึงสองครัง มิได้สนิทกัน
มากเท่าไหร่ ......”

“แต่พวกท่านก็นบั ว่ารู ้จกั กันมาตังแต่เด็ก เติบโตมาพร้อมกัน จะบอกว่าเป็ นเพือนวัยเด็กก็ไม่เห็นจะแปลก


ตรงไหนนีเจ้าคะ” มู่หรงเสวียกระพริ บตาปริ บ ๆ แววตาไร้เดียงสา มองท่าทางคล้ายยิมคล้ายมิยมของนางแล้
ิ ว
คุณชายโอวหยางก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ทําไมนางถึงจําไม่ได้ ? เรื องวัยเด็กระหว่างเขากับนาง......

ั นใครกัน ? ทําไมถึงสามารถยืนอยูข่ า้ งกายคุณชายโอวหยาง


แววตาของซูหนานเซี ยงวูบไหว หญิงสาวผูน้ นเป็
กระซิ บกระซาบกับเขาอย่างหน้าไม่อายเช่นนี ?

แต่ไหนแต่ไรมาคุณชายเป็ นคนทีถือตนและฐานะสู งส่ ง ไม่เคยสนใจหญิงสาวอายุใกล้เคียงกัน มีเพียงเวลาทีเขา


คุยกับนางเท่านัน ทีจะตอบคําถามกลับมาอย่างง่าย ๆ ความพิเศษเช่นนี มีให้เพียงนางซูหนานเซี ยงเพียงผูเ้ ดียว
นางไม่มีทางยอมทีจะแบ่งปั นมันให้กบั ผูใ้ ด
ในใจของนางคิดเช่นนัน แต่ใบหน้าของซูหนานเซี ยงกลับเต็มไปด้วยรอยยิมอ่อนโยน “คุณชายโอวหยาง จริ ง ๆ
แล้วข้ามิอยากจะปิ ดบัง ท่านแม่ของข้าร่ างกายอ่อนแอนัก ล้วนเจ็บปวดทรมานตลอดสี ฤดู แต่ไม่เคยปริ ปากบ่น
สักคํา ถ้าได้ตน้ ตีหยางไปทํายารักษา ก็จะสามารถขับไอเย็นออกมาได้ คงฟื นฟูกลับเป็ นปกติโดยเร็ ว”

นางถึงกับรอไม่ไหวทีจะให้คุณชายโอวหยางตอบตกลงขายต้นตีหยางให้แก่นาง

ฝูงชนต่างล้วนหยุดหายใจ มองไปทางคุณชายโอวหยางตาไม่กระพริ บ ในใจพากันคาดเดากันไปมา ระหว่าง


หลานสาวของราชครู ซูกบั คุณหนูลึกลับผูน้ นั ใครทีจะได้รับความสนใจจากคุณชายโอวหยางมากกว่ากัน ?

คุณชายโอวหยางกวาดสายตามองห้องโถงการประมูลทีโออ่าตรงหน้า หยุดสายตาลงทีร่ างของมู่หรงเสวีย พูด


ด้วยนําเสี ยงอ่อนโยนว่า “ฮูหยินซูเป็ นผูใ้ หญ่ อายุกม็ ากแล้ว ไม่ควรได้รับความเจ็บปวดทรมานนานเกินไป เจ้า
อายุยงั น้อยก็มอบต้นตีหยางให้คุณหนูซูไปเสี ยเถอะนะ”

ซูหนานเซี ยงทีได้ยนิ เช่นนัน ก็ค่อย ๆ โล่งอก ใบหน้าเผยรอยยิมยินดี มองไปทางคุณชายโอวหยางอย่างซาบซึ งใจ


นางรู ้ ในใจของเขานางไม่มีทางเหมือนผูอ้ ืนแน่ ใจของเขาไม่มีทางเปลียนไปได้เพียงเพราะว่าการปรากฏตัวของ
ใครบางคน......

ฝูงชนลอบถอนหายใจเบา ๆ คิดไว้แต่แรกแล้วว่าจะต้องเป็ นเช่นนี คุณชายโอวหยางเป็ นลูกศิษย์ของราชครู ซู ซู


หนานเซี ยงทีเป็ นหลานของราชครู ซู ความสัมพันธ์ของทังสองคงใกล้ชิดกันมาก กลับกันคุณหนูผลู ้ ึกลับผูน้ นั ดู
เหมือนว่าเพิงจะรู ้จกั กับคุณชายโอวหยางได้ไม่นานนัก ความสัมพันธ์ไม่น่าจะลึกซึ งเท่ากับเขากับซูหนานเซี ยง
......
สี หน้าของมู่หรงเสวียเย็นชาลง ถลึงตามองคุณชายโอวหยางอย่างดุร้าย ใครเป็ นคนบอกเขาว่าเวลาป่ วยไข้ให้ดูที
อายุ อายุของมารดาของซูหนานเซี ยงมากกว่า ร่ างกายหนาวเย็นจากไอเย็นถือว่าเป็ นโรคทีหนักหนา แต่นางอายุ
ยังน้อยถูกพิษเยือกแข็งไม่ได้เป็ นเรื องสาหัสอะไร นี มันตรรกะบ้าบออะไรกัน ?

ถึงแม้วา่ ซูหนานเซี ยงจะเป็ นเพือนวัยเด็กของเขา เขาก็ไม่เห็นจําเป็ นทีจะต้องลําเอียงถึงขนาดนี

“คุณชายโอวหยาง ไอเย็นในร่ างของฮูหยินซูขาดต้นตีหยางยังมีทางรอด แต่ถา้ พิษเยือกแข็งของข้ากําเริ บแล้วไม่มี


ต้นตีหยาง ก็มีแต่ตอ้ งตายเท่านัน”

แววตาของคุณชายโอวหยางลําลึก “ในกล่องมีตน้ ตีหยางเพียงแค่ตน้ เดียว ถึงแม้ว่าจะมอบให้เจ้าไป แต่กท็ าํ ได้แค่


ยับยังความเจ็บปวดจากอาการพิษกําเริ บได้เพียงครังเดียวเท่านัน......”

“เช่นนันก็ยงั ดีกว่าไม่มีตน้ ตีหยางแล้วเจ็บปวดทรมานจนตายเป็ นไหน ๆ” นําเสี ยงเฉี ยบเย็นของมู่หรงเสวียตัดบท


คําพูดของเขา แววตาเต็มไปด้วยไฟแห่ งความเกรี ยวกราดจนแทบจะสามารถเผาเขาให้เป็ นจุลได้

คุณชายโอวหยางแอบยิมบางเบา ตอนนีนางเดือดสุ ด ๆ ไปแล้ว ไม่ควรจะยัวโมโหนางไปมากกว่านี“องครักษ์เงา


เพิงมารายงานเมือครู่ นี มีทีแห่ งหนึงพบต้นตีหยางเป็ นจํานวนมาก เจ้าสามารถไปเก็บเกียวเองได้ อยากได้มาก
เท่าไหร่ กจ็ ะได้มากเท่านัน......”
ดวงตาของมู่หรงเสวียพลันเปล่งประกาย “จริ งหรื อ ?”

คุณชายโอวหยางพยักหน้าเบา ๆ แววตาเต็มไปด้วยความหนักแน่ น “ข้าเคยหลอกเจ้าเมือไหร่ กนั ?”

ในใจของมู่หรงเสวียคลายกังวลลง เขามอบต้นตีหยางให้กบั เพือนวัยเด็กของเขาไป และเขาไม่รู้จะไถ่โทษกับ


นางยังไง เลยเอาจุดทีพบดงของต้นตีหยางมาปลอบประโลมนางสิ นะ

แต่ว่า เมือเปรี ยบเทียบกับต้นตีหยางแค่ตน้ เดียวแล้ว ไม่ว่าอย่างไรนางก็ตอ้ งเลือกดงของต้นตีหยางอยูแ่ ล้ว เท่านี


ชีวิตของนางก็มีหลักประกัน นางมิจาํ เป็ นจะต้องไปแย่งชิงกับใครอีก “เช่นนันต้นตีหยางต้นนี ข้าก็ขอมอบให้
คุณหนูซูแล้ว”

เมือเห็นท่าทางใจกว้างของนางเช่นนัน แววตาของคุณชายโอวหยางก็ปรากฏความยินดีปนอยูน่ อ้ ย ๆ แววตานัน


ทําให้ผคู ้ นล้วนหลงใหล

รอยยิมของซูหนานเซี ยงพลันแข็งทือในพริ บตา ต้นตีหยางเป็ นตัวยาธาตุหยาง จํานวนมีไม่มากนัก ราคานับว่า


สูงส่ ง แต่ละต้นล้วนราคาหลายหมืนตําลึง

คุณชายโอวหยางให้ตนจ่ายเงินแสนตําลึงเพือต้นตีหยางเพียงต้นเดียว แต่กลับมอบแหล่งของดงต้นตีหยางให้
หญิงสาวผูน้ ันเสี ยเปล่า ๆ โดยทีนางมิตอ้ งลงมือลงแรงอะไรเลย เพียงเพือให้นางบรรเทาความเจ็บปวดจากอาการ
พิษกําเริ บเท่านัน คนมาทีหลังกลับดียงกว่
ิ า และดูเหมือนเขาจะใส่ ใจนางมาก......

นางกับคุณชายโอวหยางรู ้จกั กันมาสิ บสามปี พบหน้ากันสามปี แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยใส่ ใจอะไรนาง ทังยัง


ไม่เคยพูดจาเอาอกเอาใจอะไรนางเช่นกัน......
ตอนที 45 ผลลัพธ์ ทได้

สิ งเดียวทีไม่เหมือนกับคนอืนก็คือ เวลาทีนางพูดคุยด้วยหรื อถามคําถาม คุณชายโอวหยางจะตอบนางกลับอย่าง
ตังใจ ถึงแม้นาเสี
ํ ยงสุ ภาพของเขาจะดูราบเรี ยบและห่ างเหิ น แต่นางก็ยงั คิดว่าในใจของเขานางนันไม่เหมือนกับ
ผูใ้ ด

แต่สิงทีนางเห็นวันนี คุณชายโอวหยางกลับหันไปสบตากับหญิงสาวผูห้ นึง เขาพูดคุยหยอกล้อกับหญิงสาวผูน้ นั


ด้วยใบหน้าทีเต็มไปด้วยรอยยิม นันเป็ นการกระทําทีใกล้ชิดสนิ ทสนมทีแม้แต่นางก็ยงั ไม่เคยได้รับ

สี หน้าของซูหนานเซี ยงเต็มไปด้วยความหึ งหวงและเจ็บปวด แววตาเปล่งประกายคมกริ บ “ขอบคุณคุณหนูทีตัด


ใจยอมขายให้ขา้ ไม่ทราบว่าคุณหนูมีนามว่าอะไรหรื อ ? วันหน้าถ้ามีโอกาสหนานเซี ยงจะได้หาโอกาสตอบ
แทน”

ซูหนานเซี ยงใช้เงินจํานวนหนึงแสนตําลึงเพือซื อต้นตีหยางหนึงต้น ส่ วนนางนันเงินแม้แต่แดงเดียวก็ไม่ตอ้ งเสี ย


แต่กลับได้ทีอยูข่ องต้นตีหยางทังดง แน่นอนว่าในใจของซูหนานเซี ยงต้องเจ็บแค้นในตัวนางแน่ ไหนเลยจะ
อยากมาตอบแทนนาง คงอยากจะรู ้ว่านางเป็ นใครเสี ยมากกว่า ซึ งนางก็ไม่ได้มีเหตุผลอะไรทีต้องปิ ดบัง คงต้อง
ให้ซูหนานเซี ยงได้สมปรารถนาเสี ยหน่อย

มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ แหวกม่านลูกปั ดออก เผยใบหน้างดงามปรากฏสู่ สายตาของฝูงชน

แววตาของซูหนานเซี ยงวูบไหว “ท่านคือ......มู่หรงเสวีย !”


ตอนทีนางเข้าร่ วมงานเลียงทีวังหลวง เคยเห็นนางอยูไ่ กล ๆ มิได้กล่าววาจาและมิได้สานสัมพันธ์ซึงกันและกัน
ไม่คาดว่าผ่านไปเพียงไม่กีวัน นางกลับกลายเป็ นศัตรู หัวใจของตนเสี ยแล้ว

มู่หรงเสวียพยักหน้ายิมน้อย ๆ “คุณหนูซูใช้เงินหนึ งแสนตําลึงซื อต้นตีหยางให้ซูฮูหยิน ช่างกตัญ ูยงนั


ิ ก”

ใบหน้างามของซูหนานเซี ยงค่อย ๆแข็งค้าง ราคาของต้นตีหยางทีมู่หรงเสวียประมูลมาคือห้าหมืนตําลึง แต่กลับ


ให้นางจ่ายหนึ งแสนตําลึง จะเอาเปรี ยบกันเกินไปแล้ว !

แต่อย่างน้อยตอนนี นางก็รู้แล้วว่าคู่แข่งของตัวเองเป็ นใคร ถึงตอนนี จะตกเป็ นรองไปบ้างก็ไม่เป็ นไร จะต้องมีสัก


วันทีนางจะหาโอกาสเขียมู่หรงเสวียออกไป “คุณหนูมู่หรงกล่าวชมกันเกินไปแล้ว”

มองท่าทางนิงเงียบของนาง มู่หรงเสวียก็ยกยิมมุมปาก เสี ยเงินเปล่า ๆ ไปตังห้าหมืนตําลึงเช่นนี นางกลับไม่มี


ท่าทีโวยวาย ดูแล้วคงจะเป็ นหญิงสาวทีร้ายกาจผูห้ นึง ดูท่าทางของนางตอนนี คงยังมิอยากหาเรื องนาง ตัวนางเอง
ก็ขเกี
ี ยจจะไปสนใจเช่นกัน

มู่หรงเสวียหันไปมองคุณชายโอวหยางทีอยูด่ า้ นข้าง กล่าวขึนช้า ๆ “คุณชายโอวหยาง พวกเราไปกันเถอะ”

มู่หรงเสวียมาทีโรงประมูลยวีเป่ าก็เพราะต้นตีหยาง ต้นตีหยางถูกนางประมูลและขายต่อไปแล้ว นางก็ไม่มีความ


จําเป็ นอะไรทีจะต้องอยูท่ ีนี อีกแล้ว
“ตกลง” คุณชายโอวหยางพยักหน้า แววตาปนไปด้วยความยินดีเล็กน้อย ค่อย ๆ เดินออกไปด้านนอก

แววตาของแขกเหรื อในห้องโถงใหญ่ต่างพากันมองไปทีคุณชายโอวหยาง ทุกสายตาล้วนเต็มไปด้วยความเคารพ


นับถือ

แววตาของซูหนานเซี ยงก็มองไปทีคุณชายโอวหยางเช่นกัน เห็นเขาค่อย ๆ เดินลงบันไดมาทีละก้าว ผ่านผูค้ น


มากมาย แล้วค่อย ๆ ก้าวเดินออกไปด้านนอก มองมาทางนางสักนิดก็ไม่มี นางรู้สึกเหมือนร่ างกายแข็งทือ ในหัว
เต็มไปด้วยความว่างเปล่า ดูเหมือนว่าคุณชายโอวหยางจะลืมนางไปเสี ยสนิท ทําไมถึงเป็ นเช่นนี ได้?......

เมือมองเห็นคุณชายโอหยางทีกําลังจะเดินออกจากโรงประมูลยวีเป่ า ซูหนานเซี ยงก็แอบกัดฟัน ร้องเรี ยกอย่าง


ร้อนรน “คุณชายโอวหยาง รอสักครู่ เจ้าค่ะ !”

“มีอะไรหรื อ ?” คุณชายโอวหยางหยุดฝี เท้าลง แต่ไม่ได้หันกลับมา เสี ยงทุม้ ฟังดูแล้วช่างให้ความรู ้สึกทีเฉยชา


และห่ างเหิ นยิงนัก

“ข้า......” ซูหนานเซี ยงมองไปทีมู่หรงเสวีย แต่มิกล่าววาจาใด

มู่หรงเสวียกระพริ บตา และหันไปกล่าวกับคุณชายโอวหยาง “พวกท่านน่ าจะมีเรื องทีต้องพูดคุยกัน ถ้าเช่นนันข้า


ไปรอด้านนอกก่อนก็แล้วกัน” คุณชายโอวหยางกับซูหนานเซี ยงเป็ นเพือนวัยเด็กทังยังมีความสัมพันธ์ทีลึกซึ งต่อ
กัน ไม่ได้พบหน้ากันนานหลายปี แน่ นอนว่าต้องมีเรื องทีอยากจะพูดคุยกันมากมาย ตัวนางก็คงไม่อยูเ่ ป็ นก้าง
ขวางคอพวกเขาแล้ว

คุณชายโอวหยางมองดูม่หู รงเสวียทีค่อย ๆ เดินออกไปจากโรงประมูลยวีเป่ า เห็นนางหยุดรออยูด่ า้ นนอก ท่าทาง


หันซ้ายหันขวาเหมือนกับว่ารู ้สึกหงุดหงิดทีจะรอ

มุมปากของเขาก็โค้งขึน แววตาปนความยินดีเล็กน้อย มองดูแล้วให้ความรู ้สึกสง่างามดึงดูดสายตาผูค้ น

ฝ่ ามือภายใต้แขนเสื อของซูหนานเซี ยงกําเข้าหากันแน่น นางเดินมาข้างหน้า กล่าวเตือนเสี ยงเข้ม“คุณชาย มู่หรง


เสวียเป็ นว่าทีภรรยาของจิงอ๋ องนะเจ้าคะ !”

ประกายตายินดีของคุณชายโอวหยางพลันมลายหายไปเสี ยสิ น คิวย่นเข้าหากัน พูดด้วยเสี ยงเย็น“เช่นนันแล้ว


อย่างไร ? อีกไม่นานพวกเขาก็จะถอนหมันกันแล้ว !”

“แต่นางมีการหมันหมายกับจิงอ๋ องแล้ว ถึงแม้ภายหลังจะถอนหมัน แต่นางก็ไม่สามารถลบล้างเรื องทีนางเคย


เป็ นว่าทีภรรยาของจิงอ๋ องได้เจ้าค่ะ ระดับศักดิฐานะของวังเซี ยวเหยาอ๋ อง ไม่มีทางทีจะยอมรับหญิงสาวทีถูกจิง
อ๋ องทิงขว้าง......”

แววตาของคุณชายโอวหยางทีจ้องมองไปทีซูหนานเซี ยงเปลียนเป็ นเย็นเฉี ยบแหลมคมราวดังลูกธนู “คุณหนูซู


เจ้าดูจะวุ่นวายมากเกินไปแล้ว !”
แรงกดดันไร้เสี ยงไร้รูปแผ่ขยายออกมา แรงกดดันทีรุ นแรงทําเอาใบหน้าของซูหนานเซียงถึงกับซี ดขาว อยูๆ่ ทัว
ทังร่ างก็สันไหวจนไม่สามารถทีจะควบคุมได้ “ข้า......ข้า......”

“คุณหนูซู ทําตนเองให้ดีเสี ยก่อน อะไรทีไม่ใช่เรื องของท่าน ก็อย่าได้วนุ่ วาย !” คุณชายโอวหยางพูดขึนด้วย


นําเสี ยงเย็นชา หมุนกายเดินออกไปด้านนอกโดยทีไม่หันกลับมามองเพียงสักนิ ด

ตอนทีซูหนานเซี ยงได้สตินัน ร่ างทีสง่างามของเขาก็กา้ วไปอยูด่ า้ นหน้าของมู่หรงเสวียเสี ยแล้ว เห็นเขากําลังก้ม


หน้าพูดคุยอะไรบางอย่างกับนาง

พริ บตาเดียวขอบตาของนางก็ชืนไปด้วยหยาดนําตา ฟั นขบกัดทีริ มฝี ปากของตนเองแน่ นจนเลือดไหลออกมาซิ บ


ๆ ทีนางพูดทังหมดนันก็เพราะหวังดีต่อคุณชายโอวหยาง แต่ทาํ ไมเขาถึงกลับไม่รับแม้แต่นาใจของนาง?

คุณชายโอวหยางทีเดินออกมานอกโรงประมูลยวีเป่ า หันไปกล่าวกับมู่หรงเสวียว่า “เจ้ากําลังทําอะไรหรื อ ?”

มู่หรงเสวียหมุนกายหันมามองเขาอยากแปลกใจ “ทําไมท่านถึงออกมาเร็ วเช่นนี ล่ะ ?”

มู่หรงเสวียกระพริ บตา “ข้าคิดว่าพวกท่านจะคุยกันนานกว่านีเสี ยอีก ข้ากําลังมองหาพ่อค้าขายร่ มอยูเ่ ชียว ซื อร่ ม


กระดาษเคลือบนํามันซักคัน กะจะเอามันมาบังแสงแดดระหว่างรอทีพวกท่านพูดคุยกัน”
คุณชายโอวหยางชะงักไปเพียงครู่ หนึ ง แอบถอนหายใจบางเบา ทีแท้ทีนางหันซ้ายหันขวาไปมา ไม่ได้เป็ นการ
เร่ งหรื อหงุดหงิดใส่ เขา แต่ว่ากําลังหาพ่อค้าขายร่ มอยูน่ ีเอง

“แดดแรงมากเลยหรื อ ?” พระอาทิตย์ตอนกลางวันของเดือนสาม เรี ยกได้ว่าค่อนข้างทีจะอบอุ่นจนห่ างไกลกับ


คําว่าแดดแรงมากอยูท่ ีเดียว

มู่หรงเสวียพยักหน้า “สําหรับข้าแล้ว ถือว่าแรงไปนิดเจ้าค่ะ” คนทีถูกพิษเยือกแข็ง ร่ างกายจะอ่อนแอเป็ นพิเศษ


ถ้าอากาศหนาวเกินไป ร่ างกายจะหนาวสัน แต่ถา้ แสงอาทิตย์แรงจนเกินไป ก็จะเป็ นลมแดดได้

สวินเฟิ งก้าวเข้ามา ยืนร่ มกระดาษเคลือบนํามันหนึงคันมาให้นาง

คุณชายโอวหยางค่อย ๆ กางร่ ม ยืนไปด้านบนของมู่หรงเสวีย บดบังแสงแดดให้เธอ “อย่างนี ดีขนรึ


ึ ไม่ ?”

าค่ะ” มู่หรงเสวียประกายตาแฝงไปด้วยความยินดี ค่อย ๆ ก้าวออกไปด้านหน้า พูดเสี ยงตําว่า


“ดีขนมากเลยเจ้

“คุณชาย ดงต้นตีหยางทีท่านพูดอยูท่ ีไหนหรื อเจ้าคะ ?”

นางอยากจะถามตังแต่ตอนทีอยูท่ ีโรงประมูลยวีเป่ าแล้ว แต่ว่าทีนันคนเยอะเกินไป นางทําได้เพียงอดกลันความ


อยากรู ้เอาไว้ ถึงอย่างไรต้นตีหยางก็เป็ นสมุนไพรสายหยางชันเลิศ มูลค่าไม่นอ้ ย ถ้าถูกคนไม่ดีรู้ทีอยูข่ องมันเข้า
แล้วแอบไปขโมยต้นตีหยางก่อนทีนางจะไป เช่นนันนางก็คงลําบาก......
“อยูท่ ีภูเขาลูกหนึง ระยะทางค่อนข้างไกลจากเมืองหลวง......” คุณชายโอวหยางพูดเสี ยงราบเรี ยบ หางตาปรากฏ
เงาร่ างของผูค้ นร่ างหนึง เขาหันไปมองอย่างสงสัย

มู่หรงเสวียทีจ้องมองเขารอคอยคําตอบ เห็นเขาหันไปมองด้านข้าง ก็ปรายตามองตามไปบ้าง เห็นซวงสี กําลังวิง


มาบนถนนอย่างร้อนรน หน้าผากเต็มไปด้วยเม็ดเหงือ คล้ายกับมีเรื องเร่ งด่วน คิวของนางขมวดขึน ถามเสี ยงดัง
“ซวงสี เจ้าจะกระวนกระวายไปทําไม ?”

นําเสี ยงสอบถามทีใสกังวาลดังกระทบเข้าหู ซวงสี หยุดเท้า หันไปมองมู่หรงเสวีย ค่อย ๆ ยิมแหย ๆ เดินมาทีเขา


“คุณหนู”

มู่หรงเสวียปรายตามองไปทีถุงเงินทีลีบแบนของเขา ถอนหายใจเบา ๆ “ไม่ใช่ว่าท่านพีข้าก่อเรื องอะไรขึนอีก


หรื อ ?”

“มิใช่ มิใช่ขอรับ” ซวงสี เร่ งส่ ายหน้า “เป็ นจวนอู่อนั โหวทีส่ งเทียบเชิญมาเชิญฮูหยินเฒ่า คุณชายกับคุณหนูไป
งานเลียงทีอู่อนั โหวขอรับ”

แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหว “งานเลียงอะไร ?”

“อีกสามวัน จะเป็ นวันครบรอบอายุ 55 ปี ของฮูหยินเฒ่าแห่ งจวนอู่อนั โหวขอรับ”


ตอนที 46 มู่หรงโหรววางแผนร้ าย
­คนเราต้องรู ้จกั กตัญ ูและเคารพผูใ้ หญ่ ชาวแคว้นชิงเหยียนต่างก็ให้ความสําคัญกับวันครบรอบของญาติผใู้ หญ่
วันครบรอบอายุหา้ สิ บห้าปี ก็ถือเป็ นตัวเลขมงคล การจัดงานเลียงถือเป็ นโอกาสอันดีในการสานสัมพันธ์กบั ชน
ชันสูงและเหล่าขุนนาง แน่ นอนว่าจวนอู่อนั โหวจะต้องจัดงานอย่างยิงใหญ่

“เจ้าจะไปร่ วมงานเลียงหรื อไม่ ?” คุณชายสอบถามเสี ยงเบา

“ไม่ไปเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียส่ ายหน้าอย่างไม่ลงั เล

นางเป็ นคนบีบให้ม่หู รงโหรวคืนเงินเกือบแสนตําลึงภายในครังเดียว ในใจของมู่หรงโหรวคงต้องเจ็บแค้นนาง


เป็ นอย่างแน่ เทียบเชิญครังนี จะต้องมีอะไรมิชอบมาพากล เพือทีอยากจะแก้แค้นนาง ไม่แน่ วา่ มู่หรงโหรวอาจจะ
วางแผนร้ายอะไรเอาไว้งานเลียง และกําลังรอให้นางตกหลุมพลาง

นางไม่กลัวแผนรายของมู่หรงโหรว แต่เพียงแค่รู้สึกขีเกียจทีจะเปลืองเวลาและเปลืองสมองไปวุน่ วายกับพวก


นางก็เท่านัน “คุณชาย พวกเรามาคุยกันเรื องต้นตีหยางต่อกันดีกว่าเจ้าค่ะ”

ในมือของนางเหลือบัวอัคคีเพียงแค่สองเม็ด รอทีจะเอาต้นตีหยางมาทํายาแก้พิษจนแทบไม่ไหวแล้ว
มองไปทีดวงตาใสทีแฝงแววเร่ งรี บของนางแล้ว คุณชายโอวหยางก็มีแววตายินดีเล็กน้อย พูดขึนด้วยนําเสี ยง
ราบเรี ยบ “ต้นตีหยางเป็ นตัวยาธาตุหยาง มักจะพบได้บนยอดเขาสู ง และส่ วนใหญ่ยอดเขาทีจะพบพวกมันได้นัน
มักจะปี นขึนไปค่อนข้างยาก......”

ภายใต้แสงอาทิตย์สีทอง คุณชายโอวหยางและมู่หรงเสวียเดินเคียงคู่กนั ไป ทังสองเดินไปคุยไป ชุดสี ขาวหิ มะกับ


ชุดกระโปรงสี ชมพูดูแล้วช่างเหมาะสมกันยิงนัก ซวงสี ทีมองดูอยูด่ วงตาพลันเบิกกว้าง นันมัน......คุณชายโอวห
ยาง

ดูสูงส่ งสง่างาม รู ปลักษณ์หล่อเหลาหายากทีจะหาใครเปรี ยบ ความงดงามบนโลกล้วนรวมอยูท่ ีตัวเขา ทุก ๆ การ


เคลือนไหวล้วนสง่างามจนผูค้ นมิอาจละสายตาได้ ไม่ว่าจะเดินไปทีใด ทีนันล้วนงดงามดังภาพวาด บุตรชายแห่ ง
เซี ยวเหยาอ๋ องล้วนไม่ผดิ ไปจากข่าวลือเลย

แต่ว่า จากข่าวลือทีได้ยนิ มาเขาไม่ชอบเข้าใกล้หญิงสาวใดไม่ใช่หรื อ? เหตุใดเขาถึงได้มาเดินใกล้ชิดกับคุณหนู


ได้?

จวนอู่อนั โหว

มู่หรงโหรวทีถูกประคองโดยเหล่าบรรดาสาวใช้ แหวกม่านเดินเข้าไปในห้องด้านในของเรื อนอันโซ่ ว แล้วค่อย


ๆ ย่อกาย “ลูกสะใภ้คาราวะท่านแม่เจ้าค่ะ”
ซ่งเหล่าฮูหยิน (ฮูหยินเฒ่าแห่ งตระกูลซ่ ง) นังอยูบ่ นตังด้านหน้าของหน้าต่าง สวมชุดสี นาเงิ
ํ นเข้มปั กด้วยลวดลาย
มงคลสวยงาม ด้านบนศีรษะประดับไว้ดว้ ยเครื องประดับหยกสี นาเงิ
ํ นเข้ม ในมือถือสร้อยประคําทีกําลังขยับไป
มาอย่างช้า ๆ มองเห็นมู่หรงโหรวทีเดินเข้ามา นางเลิกเปลือกตาแล้วกล่าวขึน “ลุกขึนเถอะ เรื องงานเลียงวัน
ครบรอบจัดการไปถึงไหนแล้ว?”

“สะใภ้จะมารายงานเรื องนี พอดีเลยเจ้าค่ะ ส่ วนนีเป็ นกําหนดการทังหมดของงานเลียงและสํารับอาหารทีจะเอา


ขึนโต๊ะ ท่านแม่โปรดตรวจสอบดูเจ้าค่ะ” มู่หรงโหรวยืดกายยืนขึนยิมน้อย ๆ ยืนสมุดบันทึกสองเล่มไปให้ฮูหยิน
เฒ่าแซ่ ซ่งอย่างอ่อนน้อม

ซ่งเหล่าฮูหยินเปิ ดดูดา้ นใน ตรวจสอบอย่างละเอียด ตัวเพลงและการขับกลอนทีจะใช้ รวมถึงการแสดงอืนๆล้วน


เป็ นการแสดงทีชนชันสู งต่างก็ชืนชอบทีจะขาดไม่ได้ ส่ วนสํารับอาหารก็มีฝอเทียวเฉี ยง (พระกระโดดกําแพง)
จุ่ยไผกู่ (ซี โครงราดนําแดง) โหยวเป้ าซวงชุ่ย (ผัดไส้หมู) ล้วนแต่เป็ นอาหารชันดีรสชาติเลิศกว่าสํารับอาหารของ
งานเลียงปี ทีผ่าน ๆ มา

ใบหน้าของนางอ่อนลงเล็กน้อย “ถ้าเช่นนันก็เอาตามนี รบกวนเจ้าดูแลให้ละเอียดหน่ อย อย่าให้มีเรื องผิดพลาด


ได้”

“เจ้าค่ะ” มู่หรงโหรวตอบรับเสี ยงอ่อนน้อมด้วยท่าทางของลูกสะใภ้ผกู ้ ตัญ ู

ซ่งเหล่าฮูหยินปิ ดสมุดลง พูดขึนด้วยนําเสี ยงทีหงุดหงิดเล็กน้อย “แต่ขอให้เจ้าทําได้จริ งอย่างทีพูด อย่าให้


เหมือนกับเรื องของร้านรวงทังหกทีน่ าขายหน้านัน นอกจากจะน่าอับอายแล้ว ยังจะทําให้ชือเสี ยงของจวนอู่โหว
เสื อมเสี ย”
ถึงจะโลภมากก็ไม่เป็ นไร ขอเพียงเจ้ามีวิธีการทีดีพอและสามารถทําได้อย่างเงียบ ๆ ไม่ให้ผคู ้ นล่วงรู ้ ถ้าได้
เช่นนันอยากได้เท่าไรก็เอาไป แต่สิงทีมู่หรงโหรวทําไม่ได้เป็ นเช่นนัน กลับเหลือหลักฐานไว้ให้ผคู ้ นจับได้
มากมาย ทังยังทําเอาวุ่นวายเสี ยจนโด่งดังไปทัวทังเมืองหลวง

ชนชันสู งในเมืองหลวง ยังจะมีบา้ นไหนอีกบ้างทีไม่รู้ว่ามู่หรงโหรวเป็ นคนละโมบโลภมาก ฉกฉวยเอาทรัพย์สิน


ของพีสะใภ้ อาศัยตอนทีเด็กยังเล็ก ฉกฉวยเอาทรัพย์สินไปอย่างไม่ลืมหู ลืมตา คิดจะยึดครองไว้เป็ นของตนเสี ย
ทังหมด

คนทีนิ สัยเลวร้ายเช่นนี เป็ นถึงฮูหยินแห่ งจวนอู่อนั โหว เป็ นสะใภ้ใหญ่ของนาง หน้าตาของจวนอู่อนั โหวถูกพวก
นางแม่ลูกทําลายจนย่อยยับไปเสี ยสิ น

เพียงพริ บตาเดียวดวงหน้าเรี ยวของมู่หรงโหรวก็กลายเป็ นซี ดขาว มือภายใต้แขนเสื อกําแน่นเข้าหากัน เรื อง


ร้านค้าทังหกของแซ่ เฉิ น ฮูหยินเฒ่าก็รู้เรื องตังแต่แรก ของทีนางเอามาจากร้านค้าพวกนัน ส่ วนหนึงนางก็เอาไป
มอบให้ฮูหยินเฒ่า ตอนทีเอาของมามอบให้ฮูหยินเฒ่านางก็รับไว้ดว้ ยความยินดี ชืนชมนางว่ากตัญ ูต่าง ๆ นา ๆ
แต่พอเรื องนี ถูกเปิ ดโปงฮูหยินเฒ่ากลับเอาความผิดทังหมดโยนใส่ หัวนาง ทําราวกับว่าตนเองเป็ นผูท้ ีบริ สุทธิไม่
มีส่วนข้องเกียวกับเรื องนี ช่างเป็ นจิงจอกเฒ่าทีเจ้าเล่ห์ยงนั
ิ ก

วนถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ เป็ นสะใภ้ทีไม่ดีเอง” มู่หรงโหรวกัดฟั นตอบรับด้วยนําเสี ยงอ่อน


“สิ งทีท่านแม่สงสอนล้

น้อม ท่าทางเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อยเสี ยใจ
ซ่งเหล่าฮูหยินรู ้สึกว่านางช่างขัดหู ขดั ตา จึงกล่าวขึนอย่างไม่สบอารมณ์นกั “อย่ามัวเสี ยเวลาอยูท่ ีนี นักเลย เจ้ามี
ธุระอะไรก็ไปทําต่อเสี ยเถอะ เรื องงานเลียง เจ้าก็ระวังเสี ยหน่อย อย่าให้เกิดข้อผิดพลาดได้อีก”

ตังแต่ชาวบ้านยันเหล่าขุนนางล้วนไม่มีใครทีไม่รู้เรื องร้านรวงทังหกทีเกิดขึน จวนอู่อนั โหวกลายเป็ นเรื องตลก


ในวงนําชาของผูค้ น สาวใช้ในจวนทีไปจับจ่ายซื อของต่างก็ลว้ นถูกผูค้ นชีมือชีไม้วพิ ากษ์วจิ ารณ์

งานเลียงทีเชือเชิญพวกชนชันสู งครังนี ก็เพราะต้องการแก้ไขความเข้าใจผิด เพือกูค้ ืนชือเสี ยงอันดีงามของจวนอู่


อันโหว ถึงแม้ว่าเรื องนี จะผิดทีมู่หรงโหรวผูเ้ ดียว คนอืนในจวนอู่อนั โหวมิได้รู้เรื องด้วย แต่ใครจะไปหน้าด้านไร้
ยางอายเช่นลูกสะใภ้ผนู ้ ี

“เจ้าค่ะ” มู่หรงโหรวค่อย ๆ ยอบกาย เดินออกไปด้านนอกด้วยท่าทางเรี ยบร้อย เครื องประดับสี ทองบนศีรษะสัน


ไหวตามจังหวะการก้าวเดินของนาง ซ่ งเหล่าฮูหยินมองนางพลางถอนหายใจ ตอนแรกนันมีหญิงสาวดีงามมาก
ความสามารถในเมืองหลวงให้เลือกตังมาก ทําไมนางถึงตาไม่ดี ให้ลูกชายไปแต่งกับหญิงโง่งมเช่นนี กันนะ

ถ้ามู่หรงโหรวไม่ใช่ลกู สาวแท้ ๆ ของแซ่ ตู ้ รวมถึงนางเองก็มีความสัมพันธ์อนั ดีกบั แซ่ ตอู ้ ยู่ ป่ านนี นางคงให้ลูก
ชายหย่ากับมู่หรงโหรวไปเสี ยแล้ว ไหนเลยจะยอมให้นางได้อยูท่ ีจวนอู่อนั โหวเป็ นฮูหยินใหญ่อย่างสุ ขสบาย
เช่นนี

งานเลียงในครังนีก็เช่นกัน ถ้ามิใช่ว่าสะใภ้สองไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน และไม่เกรงว่านางจะทําเสี ยเรื อง


ตนเองจะไม่มีทางยอมให้ม่หู รงโหรวจัดการดูแลงานเลียงแน่ ตอนนีชือเสี ยงของมู่หรงโหรวก็ฉาวโฉ่ ไปทัว งาน
เลียงวันนันก็มิตอ้ งให้นางเข้าร่ วมแล้วกัน หลีกเลียงทีจะให้ออกมาปรากฏตัวให้อบั อายผูค้ น แค่ให้นางควบคุม
จัดการดูแลเรื องทัว ๆ ไปอยูท่ ีห้องครัวก็คงจะเพียงพอแล้ว
นางเองจะได้อาศัยโอกาสนี ฝึ กปรื อสะใภ้ของลูกสอง ค่อย ๆ ให้นางขึนแทนทีมู่หรงโหรว

มู่หรงโหรวเดินออกจากเรื อนอันโซ่ ว ดวงหน้านอบน้อมกลายเป็ นเคร่ งขรึ มอย่างน่ ากลัว ผ้าเช็ดหน้าในมือยับยูย่ ี


ตอนทีได้ประโยชน์ ก็แบ่งปั นร่ วมกัน แต่พอเกิดเรื องกลับให้นางรับผิดเพียงผูเ้ ดียว แม่สามีผนู ้ ีจะรังแกกันมาก
เกินไปแล้ว

ด้านหน้าปรากฏหญิงสาวผูห้ นึ งทีกําลังเดินเข้ามา มู่หรงโหรวพูดเสี ยงเย็น “จัดการเรี ยบร้อยรึ ยงั ?”

สาวใช้ในชุดสี ชมพูผนู้ นค่


ั อย ๆ ย่อกาย พูดด้วยนํายินดี “เรี ยนฮูหยิน การเตรี ยมการทังหมดล้วนเรี ยบร้อยแล้วเจ้า
ค่ะ รอเพียงแค่ให้ถึงเวลางานเลียงเท่านัน”

“เช่นนันก็ดีแล้ว” มู่หรงโหรวพยักหน้า สี หน้าพลันอ่อนลง แต่ดวงตายังคงเต็มไปด้วยประกายเยือกเย็น บัญชี


แค้นระหว่างนางกับซ่ งเหล่าฮูหยินไว้ค่อย ๆ จัดการได้ แต่เรื องทีมู่หรงเสวียให้เสมียนมาประกาศรายการค้าง
ชําระทีหน้าจวนอู่อนั โหว จนทําให้ชือเสี ยงของนางต้องเสี ยหายฉาวโฉ่ ไปทัว นางล้วนจดจําได้ขึนใจ

คนชันตํา จิตใจโหดร้าย ละโมบโลภมาก คําอัปมงคลเหล่านี ติดตัวนางมาตลอด ไม่ว่าจะไปทีใด ล้วนถูกคนชีนิ ว


วิพากษ์วิจารณ์จนไม่มีหน้าไปมองใคร
มู่หรงเสวียทําให้นางอับอายจนถึงเพียงนี นางจะมอบบทเรี ยนอันเจ็บแสบกลับไปให้มู่หรงเสวีย ให้พวกมันสอง
พีน้องถูกผูค้ นประณามและหยามเหยียดมากกว่านางหลายร้อยพันเท่า

สามวันผ่านไป ถึงวันจัดงานเลียงครบรอบของฮูหยินเฒ่าแห่ งจวนอู่อนั โหว หญิงเฒ่าแซ่ ตกู ้ บั มู่หรงเย่นงรถม้


ั าไป
ทีจวนอู่อนั โหวตังแต่เช้า

มู่หรงเสวียใช้เหตุผลทีร่ างกายไม่คอ่ ยสบายเป็ นข้ออ้าง เพือทีจะได้อยูจ่ ดั เตรี ยมสิ งของทีเรื อนหิ มะโปรย

ภูเขาหวีซานเป็ นภูเขาทีปรากฏต้นตีหยาง ตังห่ างจากเมืองหลวงไปร้อยลี ถ้านังรถม้าต้องใช้ระยะเวลายาวนานถึง


หนึ งวันกว่า บวกเข้ากับระยะเวลาทีใช้ในการขึนเขา เก็บเกียวต้นตีหยางและการลงเขา คงจะเป็ นเวลาทีไม่นอ้ ย
นางจะต้องเตรี ยมตัวให้พร้อม......

“คุณหนู แย่แล้วขอรับ คุณชายเกิดเรื องแล้ว !”


ตอนที 47 แผนการร้ ายปรากฏ
นําเสี ยงทีเต็มไปด้วยความเร่ งรี บดังเข้าหู มู่หรงเสวียทีกําลังเช็คจํานวนสิ งของอยูห่ ยุดชะงัก ปรากฏรอยยิมทีมุม
ปาก นางรู้ตงแต่
ั แรกแล้วว่างานเลียงครังนีจะต้องมีอะไรมิชอบมาพากล

มู่หรงเย่เป็ นพีน้องท้องเดียวกันกับนาง การไปร่ วมงานทีจวนอู่อนั โหวครังนี แน่ นอนว่าต้องไม่ราบรื นแน่ แต่คาด


ไม่ถึงว่าจะเกิดเรื องขึนรวดเร็ วเช่นนี มู่หรงเย่ไปได้ไม่ถึงหนึงชัวยามก็เกิดเรื องเสี ยแล้ว มู่หรงโหรวคงอดกลัน
ความแค้นไว้แทบไม่ไหว

เรื องทีนางร่ างกายอ่อนแอเป็ นโรค ผูค้ นต่างก็รับรู ้ดี นางจึงสามารถใช้เป็ นข้ออ้างไม่ไปร่ วมงานเลียงทีจวนอู่อนั
โหวได้ แต่ว่ามู่หรงเย่ทีมีตาํ แหน่งเป็ นเจินกัวโหวคนปั จจุบนั อีกทังยังเป็ นหลานชายบ้านฝังพ่อของมู่หรงโหรว
จึงไม่สามารถทีจะปฏิเสธได้ และยังไม่มีทางหลีกเลียงแผนการร้ายของมู่หรงโหรวได้ ดูท่านางคงต้องไปจัดการ
เองเสี ยแล้ว

มู่หรงเสวียหันกายไปมองผูท้ ีมาแจ้งข่าว “เรื องราวเป็ นอย่างไร? ค่อย ๆ พูดเถอะ”

ผูท้ ีมาเป็ นบ่าวชายทีติดตามมู่หรงเย่ไปทีจวนอู่อนั โหวชือว่าเฝิ งเถา น่าจะอายุได้สิบห้าสิ บหกปี รี บร้อนวิงมาแจ้ง


ข่าว ท่าทางเขาเหนือยหอบหายใจติดขัด “เรี ยน.....เรี ยนคุณหนู......เป็ นคุณชายทีพนันกับคุณชายสองของตระกูล
ซ่ง......แล้วแพ้พนัน......”

คุณชายสองแห่ งตระกูลซ่ งทีเขากล่าวถึง เป็ นบุตรชายสายตรงคนทีสองของน้องชายของอู่อนั โหว อายุยงั น้อย อีก


ทังยังเกเรไม่เรี ยนหนังสื อ ถือเป็ นจอมเสเพลทีมีชือในเมืองหลวงอีกผูห้ นึง
มู่หรงเย่อายุยงั น้อย ไม่เก่งการพนัน เดิมพันสิ บครังแพ้เก้าครัง เรื องทีเขาแพ้เดิมพันจนเสี ยเงินตําลึง มู่หรงเสวีย
ถือว่าเป็ นเรื องทีปกติธรรมดายิงนัก “เขาเสี ยเดิมพันไปเท่าไร ? ”

“หนึ งแสนตําลึงขอรับ”

“ทําไมถึงเสี ยเยอะขนาดนันได้” มู่หรงเสวียเบิกตากว้างอย่างตกใจ แต่ก่อนมู่หรงเย่เสี ยเดิมพันไปกับการประลอง


สุ นขั ก็มิใช่นอ้ ย แต่อย่างมากก็เสี ยเดิมพันเพียงแค่ไม่กีพันตําลึงหรื อไม่กีหมืนตําลึง

เฝิ งเถาหัวเราะแหะแหะกล่าวขึนอย่างลําบากใจ “เงินทีใช้เดิมพันของพวกเขานันเยอะมากขอรับ เดิมพันหนึงรอบ


ใช้เงินห้าหกพันตําลึง ข้าน้อยรู ้สึกว่าคุณชายเสี ยพนันเยอะเกินไปแล้วจึงตักเตือน แต่วา่ คุณชายมิยอมฟั ง ยังคงจะ
เดิมพันกับคุณชายสองแซ่ ซ่งต่อ ซวงสี เลยให้ขา้ น้อยมาแจ้งคุณหนู......”

มู่หรงเย่เป็ นคนไม่เอาไหน พอเห็นการพนันก็จะไม่สนใจสิ งรอบข้าง จดจ่อไปกับมัน ถ้าหากเขายังมีสติสักนิด


ไม่ว่ามู่หรงโหรวจะคิดแผนร้ายอะไร อย่างน้อยเขาก็ยงั จะควบคุมตัวเองไม่ให้เสี ยเดิมพันมากขนาดนันได้

เขารู ้หรื อไม่ว่าเงินหนึงแสนตําลึง ถ้าเอาไปให้พวกชาวบ้านและผูค้ นทัวไปสองชาติพวกเขาก็ใช้ไม่มีทางหมด


เขารู ้หรื อไม่ว่าสภาพการเงินของจวนเจินกัวโหวตอนนี กว่าจะหาเงินให้ได้หนึงแสนตําลึงนันต้องใช้เวลานานถึง
ครึ งปี
แต่แค่พริ บตาเดียวกลับเสี ยเดิมพันไปตังหนึงแสนตําลึง ท่าทางเขาจะใจกว้างยิงนัก ถ้ามู่หรงเยว่สองสามีภรรยา
ในปรโลกได้รู้เข้า คงจะโมโหจนเนือเต้นอย่างไม่ตอ้ งคาดเดา

แววตาขอบมู่หรงเสวียเต็มไปด้วยความโกรธ “ตอนนี มู่หรงเย่อยูท่ ีใด? พาข้าไปพบเขา”

“ขอรับ !” เฝิ งเถาตอบรับอย่างหนักแน่น สี หน้าลําบากใจกลับกลายเป็ นยิมยินดี “คุณหนูโปรดรอสักครู่ ข้าน้อย


จะไปสังการให้คนเตรี ยมรถม้า......”

“ยังจะเตรี ยมรถอะไรอีก นําทางข้าออกจากจวนเดียวนีเลย เดินทางใกล้แค่นีคงไปถึงจวนอู่อนั โหวได้ทนั การณ์”


มู่หรงเสวียแววตาเย็นชา มู่หรงเย่เป็ นคนชอบการพนัน ลงเดิมพันมือเติบเช่นนี ช่วงเวลาทีเฝิ งเถามาตามนาง เขา
จะต้องเดิมพันไปอีกหลายตาแน่ เสี ยเงินเดิมพันไปมากเท่าไรก็ไม่รู้ ถ้าขืนนางยังชักช้าเงินล้านตําลึงทีเพิงทวงคืน
มาได้ ดูท่าคงต้องเอาไปใช้หนีให้เขาแทน

มู่หรงโหรวรู ้ว่าเขาติดการพนัน ถึงได้เลือกใช้วิธีการนี ในการจัดการเขา นางช่างเจ้าเล่ห์ยงนั


ิ ก

“ขอรับ!” เฝิ งเถาตอบรับ ตามมู่หรงเสวียออกจากจวน นําทางนางไปตามตรอกซอกซอย เดียวเลียวซ้ายเดียวเลียว


ขวา ไม่รู้ว่าเลียวไปมากีรอบ กว่าจะมาถึงจวนทีอยูต่ รงหน้านี ได้

ด้านบนของประตูหลักมี ‘จวนอู่อนั โหว’ ตัวอักษรตัวใหญ่สีทองสี ตัวดูเปล่งประกายภายใต้แสงแดดทีสาดส่ อง


ภายใต้ป้ายชือของจวนมีทงขุ
ั นนางบุนบู๋ รวมถึงฮูหยินและคุณหนูชนชันสู งเข้า ๆ ออก ๆ อย่างไม่ขาดสาย พูดคุย
ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบด้วยใบหน้าทีสุ ภาพยิมแย้มกันไปมา
ของขวัญลําค่าถูกวางเรี ยงกันดังภูเขาย่อมๆลูกหนึง พ่อบ้านสังการสาวใช้บ่าวไพรให้ขนไปเก็บด้วยรอยยิมยินดี

มู่หรงเสวียยกยิมมุมปาก แววตาเยียบเย็นดังนําแข็ง มู่หรงโหรว ข้ามาทําลายแผนการร้ายของเจ้าแล้ว เตรี ยมใจที


จะพ่ายแพ้เอาไว้แล้วหรื อยัง?

สวนดอกไม้ของจวนอู่อนั โหว ซ่ งเหล่าฮูหยินอยูใ่ นชุดสี เขียวเข้มปั กด้วยลวดลายมงคล บนศีรษะประดับด้วยสาย


รัดศีรษะประดับทับทิม ท่าทางมีความสุ ขอารมณ์ดี นังอยูท่ ่ามกลางเหล่าฮูหยินเฒ่าจากตระกูลชันสูงทังหลาย คุย
ไปพลางหัวเราะไปพลาง

“ซ่งเหล่าฮูหยิน นี เป็ นวันครบรอบของท่าน ทําไมสะใภ้ใหญ่ของท่านถึงไม่ออกมาต้อนรับแขกเหรื อล่ะ”เรื อง


ร้านรวงทังหกต่างโด่งดังไปทัวทังเมือง มู่หรงโหรวทําเอาชือเสี ยงของจวนอู่อนั โหวทังจวนฉาวโฉ่ ไปทัว หลิน
เหล่าฮูหยินมาเป็ นแขกทีจวนอู่อนั โหว ด้วยว่ามีไมตรี ทีดีกบั ซ่ งเหล่าฮูหยินมินอ้ ยจึงอยากจะพบตัวต้นเหตุของ
เรื องราวทังหมดเสี ยหน่ อย

สายตาของเหล่าฮูหยินและคุณหนูชนชันสู งล้วนมองไปทีร่ างกายของซ่ งเหล่าฮูหยิน เรื องราวของมู่หรงโหรวโด่ง


ดังจนลือไปเป็ นหลายเรื องหลายราว ตามตรอกซอกถนนต่างก็ลือกันให้ทวั พวกนางล้วนเป็ นคนของจวนฝ่ ายใน
ล้วนคาดเดาออกแต่แรกแล้วว่าเรื องราวทีแท้จริ งจะเป็ นประมาณไหน แต่ถา้ ให้นางพูดความจริ งให้ฟังด้วยตัวเอง
เรื องราวคงจะต้องละเอียดยิงกว่าสิ งทีพวกนางคาดเดาแน่ ดูน่าสนุกไม่นอ้ ย

“ตอนนี ข้าได้ลงโทษให้นางไปเก็บตัวสวดมนต์ทีหอพระ” ซ่งเหล่าฮูหยินเอ่ยพูดราบเรี ยบ


“เพืออะไรกัน ?” หลินเหล่าฮูหยินถามขึน ทังทีพอจะเดาได้ว่าเพราะอะไร

“ก็เพราะว่าสะใภ้ใหญ่ของข้าทําความผิดทีไม่น่าให้อภัย” ซ่ งเหล่าฮูหยินถอนหายใจหนัก ๆ “ดูเผิน ๆ นางดูเป็ น


คนปราดเปรื องเรี ยบร้อย ข้าจึงเชือใจในตัวนางปล่อยให้นางควบคุมดูแลจวนเจินกัวโหว แต่คาดไม่ถึงว่านางกลับ
ใจดําวางแผนร้ายต่อเหล่าลูกกําพร้าของพีชายคนโตของนางเอง เฮ้อ ! ช่างเป็ นความโชคร้ายของตระกูล......”

ผูค้ นต่างมองหน้ากันไปมา เรื องทีฉกฉวยเอาสิ งของในร้านรวงของคนอืน เป็ นเรื องทีมู่หรงโหรวกระทําแต่เพียง


ผูเ้ ดียว คนอืน ๆ ในจวนอู่อนั โหวล้วนไม่รู้เรื องด้วย ถ้ามิใช่ว่าเรื องแดงขึนมาเสี ยก่อน พวกเขาก็ยงั คงถูกปิ ดบัง
ความจริ งต่อไป......

มู่หรงโหรวเป็ นฮูหยินแห่ งจวนอู่อนั โหว นางทําผิดแค่เพียงคนเดียว กลับทําให้ชือเสี ยงของจวนอู่อนั โหวทังจวน


เสื อมเสี ยไปด้วย ช่างน่าเห็นใจยิงนัก......

เมือมองไปทีสายตาเห็นใจของคนอืน ๆ แววตาของซ่ งเหล่าฮูหยินส่ องประกายยินดีนอ้ ย ๆ เรื องทีมู่หรงโหรว


ยักยอกเอาทรัพย์สินพีสะใภ้ของตัวเอง คนทังเมืองหลวงล้วนรู ้กนั หมด ถ้าเกิดนางปฏิเสธก็จะเป็ นการหลอกลวง
ปิ ดบังความจริ ง อาจจะถูกผูค้ นเยาะเย้ยดูถูกจนอับอายได้ ดังนันนางจึงยืดอกยอมรับความจริ งด้วยท่าทีสง่า แล้ว
จึงค่อย ๆ เบียงเบนให้ผคู ้ นคล้อยตามไปในสิ งทีนางต้องการให้คิด

การชักนําของนางถือว่าประสบความสําเร็ จ ในทีสุ ดจวนอู่อนั โหวก็ถูกกันออกมาจากเรื องฉาวโฉ่ นีได้เสี ยที


“พวกเรายากทีจะมีโอกาสได้พดู คุยกันเช่นนี ดังนันอย่าไปพูดถึงเรื องเลวร้ายเช่นนันเลย ฮุ่ยฮุ่ย เจ้าไปดูทีห้องครัว
ทีเสี ยว่าขนมวุน้ เสร็ จหรื อยัง ถ้าเสร็ จแล้วก็ยกมาให้ทุกคนได้ลองชิมเสี ยหน่อยเถอะ”

ฮุ่ยฮุ่ยเป็ นสะใภ้สองของซ่ งเหล่าฮูหยินนามว่า อู๋ฮุ่ยฮุ่ย เป็ นลูกสาวของหลีปู้ ซื อ รองขุนนางกรมพิธีการ เป็ นคน


อัธยาศัยดี เมือไม่มีม่หู รงโหรวค่อยข่มไว้ นางก็ทาํ หน้าทีเป็ นเจ้าบ้านทีดีคอยต้อนรับแขกไม่วา่ จะเป็ นบรรดาฮู
หยินหรื อคุณหนูทงหลาย
ั ชวนพูดคุยกับคนนี ทีคนนูน้ ที พอได้ยนิ เสี ยงไหว้วานของฮูหยินเฒ่า ก็ค่อย ๆ ย่อกายลง
ด้วยรอยยิม เร่ งเดินไปตามงานทีห้องครัว

มองไปยังแผ่นหลังทีเดินจากไปอย่างรวดเร็ วของนาง หลินเหล่าฮูหยินก็กล่าวชืนชม “สะใภ้สองของท่านก็ดู


ฉลาดไม่เลว งานครบรอบครังนี เป็ นนางทีจัดการดูแลหรอกหรื อ ?”

“ใช่แล้ว นางจัดการดูแลงานเลียงครังแรกเช่นนี เรื องทีต้องดูแลก็มีให้ปวดหัวมากมาย ลําบากนางแล้ว......”

มู่หรงโหรวทียืนแอบอยูด่ า้ นหลังหิ นประดับในสวน พอได้ยนิ คําตอบทีแฝงไปด้วยความภูมิใจของซ่ งเหล่าฮูหยิน


ก็กดั ฟันอดกลัน งานครบรอบครังนีเป็ นนางทีลงแรงดูแลจัดการ แม่สามีผนู ้ ี คงอยากจะส่ งเสริ มอู๋ฮุ่ยฮุ่ย จึงยก
ความดีความชอบให้แก่นางไปเสี ยหมด

แต่เรื องร้านรวงทังหก นางกลับพูดโยนความผิดให้ตนอย่างไม่ไว้หน้า ของทีนางเอามาจากร้านรวงทังหกก็ลว้ น


ใช้ไปกับจวนอู่อนั โหวทังนัน คนในจวนอู่อนั โหวทุกคนก็ได้ประโยชน์ไปมิใช่นอ้ ย.....

สาวใช้ในชุดสี ชมพูเดินเข้ามารายงานด้วยความยินดี “ฮูหยิน คุณหนูจวนเจินกัวโหวมาถึงแล้วเจ้าค่ะ”


ตอนที 48 ดําเนินแผนร้ าย
มู่หรงเสวีย ? ไม่ใช่ว่านางป่ วยจนไม่สามารถมาได้หรอกหรื อ ? ทําไมอยู่ ๆ ถึงมาได้ ?

มู่หรงโหรวหรี ตาลงหันไปมองมู่หรงเสวียทีค่อย ๆ เดินเข้ามาตามทางเดิน กระโปรงยาวลากพืนจนเป็ นทางยาว


ดวงหน้าเรี ยวเล็กดึงดูดผูค้ น มุมปากแต้มไว้ดว้ ยรอยยิมน้อย ๆ แววตาดําเปล่งประกายเย็นเยียบ

มู่หรงเสวียมาได้กด็ ี แผนการของนางจะได้ดาํ เนินการไปได้อย่างสะดวกมากยิงขึน

มู่หรงโหรวปรายตามองไปทีซ่ งเหล่าฮูหยิน แม่สามีเฒ่าผูน้ ี กล่าวให้ร้ายนางต่อหน้าผูค้ น ตัวนางเองก็ไม่


จําเป็ นต้องไว้หน้านางอีก

มุมปากยกยิมเย็นชา เดินไปทีด้านหน้าของมู่หรงเสวีย “เสวียเอ๋ อร์ เจ้าไม่สบายมิใช่หรื อ ? ทําไมยังฝื นมางานเลียง


อีก ?”

มู่หรงเสวียมองไปทีนางด้วยรอยยิม ขีเกียจจะไปต่อปากต่อคํากับนาง จึงเพียงแค่ตอบด้วยนําเสี ยงราบเรี ยบ “ข้า


มาหาท่านพีของข้า”

มู่หรงโหรวไม่สนใจท่าทีของนางนัก เพียงยิมตาหยีกล่าว “เย่เอ๋ อร์ อยูจ่ วนฝ่ ายหน้า......”


“เขามิได้อยูจ่ วนฝ่ ายหน้า บ่าวรับใช้ของเขาบอกว่าอยูท่ ีเรื อนรับแขกต่างหากล่ะเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียตัดบทคําพูด
ของนางอย่างเย็นชา กล่าวแย้งโดยไม่เกรงใจ

เหล่าคุณหนูและฮูหยินต่างก็คิดว่ากริ ยาเช่นนี ของนางไม่ได้เสี ยมารยาทแต่อย่างใด เพราะว่าผูท้ ียืนอยูด่ า้ นหน้า


เป็ นคนทีวางแผนยักยอกเอาทรัพย์สินของตัวเองไป ไม่วา่ ใครทีเจอคนแบบนี ก็คงไม่สามารถพูดคุยด้วยนําเสี ยง
ปกติได้ ถ้าทําตัวสุ ภาพกับนางคงจะถูกหาว่าอ่อนต่อโลกหรื อไม่กโ็ ง่งมเสี ยเปล่า

ใบหน้ายิมแย้มของมู่หรงโหรวแข็งค้าง เจ้าเด็กบ้า ! กล้าหักหน้านางอย่างโจ่งแจ้งต่อหน้าผูค้ นเช่นนีเชียวหรื อ ?


ช่างไม่รู้จกั กาลเทศะยิงนัก รอให้แผนของนางสําเร็ จก่อนเถอะ ดูสิว่ามันยังจะทําตัวอวดดีได้อยูอ่ ีกไหม “ตอนนี
ยังไม่ถึงเวลาอาหารกลางวัน เย่เอ๋ อร์ น่าจะยังมิได้ดืมเหล้า ทําไมถึงไปพักอยูท่ ีเรื อนรับรองได้”

“ข้าไม่ได้อยูข่ า้ งกายเขา จะรู ้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึน เพราะเหตุนีข้าถึงได้ตามมาดูเขาทีนีไง ?” มู่หรงเสวียพูด


ด้วยนําเสี ยงเย็นชาแล้วเดินผ่านมู่หรงโหรวไป เร่ งเดินไปตามการนําทางของเฝิ งเถาไปยังเรื อนรับรอง

นังเด็กบ้า ! ในสายตาคงมองไม่เห็นนางอยูเ่ ลยสิ นะ ช่างอวดดีไร้การอบรมสังสอน ถ้านางมิได้ตอ้ งการยืมมือของ


เด็กคนนีเพือทําให้แผนการของนางสําเร็ จ นางคงจะไม่ไว้หน้ามันตังแต่ทีมันอวดดีแล้ว มู่หรงโหรวแค้นใจ แต่ก็
เก็บกลันความโกรธเอาไว้แล้วเดินตามนางไป “ข้าไปส่ งเจ้าทีเรื อนรับรองจะดีกว่า” รอแผนการของนางสําเร็ จ
เสี ยก่อนเถอะ มู่หรงเสวียจะต้องร้องไห้เสี ยใจทีกล้ามาต่อกรกับนางเป็ นแน่ นางจะไม่หลงเหลือท่าทางอวดดีอีก
ต่อไป

ตัวต้นเหตุและผูเ้ คราะห์ร้ายของเหตุการณ์ร้านรวงทังหกต่างกําลังไปทีเรี อนรับรองด้วยกัน เหล่าคุณหนู ต่าง


สบตากันไปมา รู ้สึกว่าเดียวสักครู่ คงจะมีอะไรสนุ ก ๆ ให้ดูชมอย่างแน่ นอน จึงค่อย ๆ พากันตามไป
เหล่าฮูหยินเฒ่ามองไปทีเจ้าของงานอย่างซ่ งเหล่าฮูหยินด้วยแววตาสงสัย นางมิใช่ลงโทษให้ม่หู รงโหรวไปเก็บ
ตัวสวดมนต์ทีหอพระหรอกหรื อ ? ทําไมนางถึงมาปรากฏตัวทีนี ได้ ?

ใบหน้าของซ่ งเหล่าฮูหยินเดียวแดงเดียวคลํา ในพริ บตาเดียวเปลียนสี ไปนับครังไม่ถว้ น นางสังให้มู่หรงโหรว


คอยเฝ้ าดูแลอยูท่ ีห้องครัวแล้วแท้ ๆ ให้นางจัดการเรื องเล็ก ๆ น้อย ๆ ไป ไม่อนุ ญาตให้ออกมารับแขก แต่นาง
กลับกล้าขัดคําสังของตน ตอนนีนางอับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ทีไหนแล้ว ช่างเป็ นคนชันตําทีน่ารังเกียจยิง
นัก

“มู่หรงเย่เป็ นทายาทชายเพียงคนเดียวของเยว่โหวเย่ (ชือเรี ยกยศขุนนางของบิดาของมูหรงเย่) ขออย่าให้เกิดเรื อง


น่าอับอายอะไรขึนเลย” หลินเหล่าฮูหยินเปิ ดปาก พูดขึนเพือช่วยซ่ งเหล่าฮูหยินทําลายบรรยากาศทีเริ มจะอึดอัด

ซ่งเหล่าฮูหยินมองไปนางอย่างขอบคุณ “ทีท่านพูดก็ถือว่ามีเหตุผล ถ้าเช่นนันพวกเราตามไปดูกนั เถอะ”

“ดี” บรรดาฮูหยินเฒ่าต่างพยักหน้าเห็นด้วย ค่อย ๆ พากันเดินไปทางเรื อนรับรอง โดยมีเหล่าสาวใช้เป็ นผู ้


ประคอง

มู่หรงเสวียเร่ งเดินไปตามทางเดินหิ นสี ดาํ ไกลออกไปก็เห็นซวงสี กําลังเอามือกุมท้องพิงกําแพงของเรื อนเล็ก


หลังหนึ ง ไม่รู้ว่ากําลังคิดอะไรอยู่ แต่เมือเดินเข้าไปใกล้ ๆ ก็เห็นเขามีสีหน้าซี ดขาว แววตาอิดโรย ท่าทางไร้เรี ยว
แรง “นีเจ้าเป็ นอะไร ?”
ซวงสี ก้าวเข้ามาด้วยรอยยิมน่ าอับอาย “เรี ยนคุณหนู ข้าน้อยท้องเสี ยขอรับ ท้องเสี ยมาหนึงชัวยามแล้ว”

คิวของมู่หรงเสวียเลิกขึน “ตอนยามเจ่าเจ้าออกมาจากจวน ยังไม่เป็ นไรเลยมิใช่หรื อ ? ทําไมกลับท้องเสี ยเสี ยแล้ว


ละ ? หรื อว่ากินอะไรทีสกปรกเข้าไป ?”

ซวงสี เร่ งรี บส่ ายหน้า “หลังจากทีข้าน้อยมาทีจวนอู่อนั โหว ก็ยงั ไม่ได้กินอะไรเลยขอรับ เพียงแต่ดืมชาไป
เล็กน้อยเท่านัน......”

เช่นนันก็น่าจะมีคนใส่ อะไรเข้าไปในชานันแน่ ซวงสี ค่อนข้างเป็ นผูท้ ีทันคน มู่หรงโหรวคงวางแผนทีจะกันเขา


ออกไป เพือทีจะได้จดั การมู่หรงเย่ได้อย่างสะดวก ช่างเป็ นแผนการทีฉลาดยิงนัก

มู่หรงเสวียยิมเยาะ “คราวหลังเจ้าก็ควรจําให้ดี ในจวนของคนบางจําพวก อย่าได้ดืมชาเสี ยมัวซัว ครังนีเจ้าแค่


ท้องเสี ย แต่ครังหน้าเจ้าอาจจะท้องร่ วงก็ได้......”

“ขอรับ” ซวงสี พยักหน้าตอบรับ ตกใจจนใบหน้าซี ดขาว

ดวงหน้าของมู่หรงโหรวปรากฏแววไม่พอใจ กําผ้าเช็ดหน้าภายใต้แขนเสื อแน่ น มู่หรงเสวียกําลังต่อว่าว่าจวนอู่


อันโหวของนางว่าสกปรกและเป็ นแหล่งของเชือโรค ช่างเป็ นคนชันตําทีน่ ารังเกียจยิงนัก
มู่หรงเสวียแสร้งทําเป็ นไม่เห็นสี หน้าเขียวคลําของนาง เดินเข้าไปในตัวเรื อน เห็นประตูของห้องหลักเปิ ดอยู่ ทํา
ให้สามารถมองเห็นด้านในได้อย่างชัดเจนว่าตรงกลางของห้องมีโต๊ะพนันตัวยาววางอยู่ ซ่ งชิงเหยียน(คุณชาย
สองแห่ งตระกูลซ่ ง) ยืนอยูด่ า้ นหลังของโต๊ะยาว เขย่าลูกเต๋ าไปมาอย่างได้ใจ

มู่หรงเย่ยนื อยูต่ รงข้ามกับเขา รอบข้างเต็มไปด้วยกลุ่มคนทีโหวกเหวกโวยวายไปมา จ้องเขม็งไปทีลูกเต๋ าในถ้วย


พลางตะโกนเชียร์ อย่างครึ กโครม “.....ตํา ตํา ตํา......ตํา ตํา ตํา......”

ซ่งชิงเหยียนใช้แรงกดถ้วยลูกเต๋ าเอาไว้กบั โต๊ะ เมือเปิ ดฝาออก ก็ร้องตะโกนขึนเสี ยงดัง “ห้า ห้า หก......สู ง......มู่
หรงเย่ เจ้าแพ้แล้ว......”

ทุกครังทีนางเจอมู่หรงเย่เล่นการพนัน เขาล้วนพ่ายแพ้ ช่างไม่ได้เรื องเอาเสี ยเลย !

มู่หรงเสวียขมวดคิวเข้าหากัน ตะโกนเสี ยงดังว่า “มู่หรงเย่!”

เสี ยงใสแฝงด้วยความเกรี ยวกราดลอยเข้าไปในห้อง กระทบเข้ากับหู ของมู่หรงเย่ เขาหันมามองทีนาง ด้วยแววตา


ทีหดหู่ แต่พริ บตาเดียวกลายเป็ นตืนตกใจ “น้องเล็ก เจ้ามาทีนีได้อย่างไร ?”

“ข้าก็มาดูว่าเจ้าเสี ยพนันไปกีตําลึงแล้วน่ะสิ !” มู่หรงเสวียพูดด้วยความไม่พอใจ ค่อย ๆ เดินเข้าไปในห้อง

นางก็กงั วลว่าจะเกิดเรื องไม่ดีกบั มู่หรงเย่ แต่ทีแท้เขากลับกําลังเล่นพนัน !


บรรดาฮูหยินและคุณหนูพากันถอนหายใจอย่างโล่งอก ยืนหยุดอยูด่ า้ นนอก ไม่ได้ตามเข้ามา

เหล่าจอมเสเพลเมือเห็นว่าด้านนอกมีคนมากมาย แต่ละคนก็ลว้ นจะพอคาดเดาได้ แต่ก็ไม่ได้พดู อะไรออกมา ทัง


ห้องก็พลันเงียบเสี ยงลง

มู่หรงเย่มองไปทีโต๊ะด้านหน้าทีว่างเปล่าของตน ยิมอย่างเขินอาย “เสี ยไปไม่เท่าไร ไม่มาก......”

“ไม่มากจริ ง ๆ นันแหละ ก็แค่หา้ แสนตําลึงเท่านัน.......” ซ่งชิงเหยียนนับตัวเบียพนันแล้วพูดขึนอย่างช้า ๆ

เงินตําลึงทีมู่หรงเย่เตรี ยมมาล้วนใช้เสี ยจนหมดเกลียง พวกเขาก็เลยตกลงกัน ถ้าชนะหนึ งตา ให้มอบเหรี ยญพนัน


หนึ งเหรี ยญ

ต่อหน้าบรรดาฮูหยินและเหล่าคุณหนูมากมาย พวกเขาคงไม่สามารถเล่นพนันกันต่อไปได้อีก จึงจัดการนับ


คํานวนเงินเดิมพันทีต้องจ่าย

“อะไรนะ ? ห้าแสนตําลึง ?” มู่หรงเย่ดวงตาเบิกกว้าง “ทําไมถึงได้มากขนาดนี ?”


เหล่าฮูหยินและคุณหนูทีได้ยนิ ต่างก็พากันตกตะลึง แค่เพียงช่วงสาย เขากลับเสี ยเงินพนันไปห้าแสนตําลึง
คุณชายแห่ งจวนเจินกัวโหวผูน้ ีช่างไม่ได้ความยิงนัก ถึงมีกองเงินกองทองมากมายเท่าไหร่ ก็คงไม่พอ ถ้าเขายัง
แพ้ขนาดนี

“เจ้าแพ้ไปกีรอบ เจ้าคงไม่ได้ลืมหรอกนะ ?” ซ่ งชิงเหยียนขมวดคิวมองไปทางมู่หรงเย่ “หนึ งตาห้าพันตําลึง เอา


หลาย ๆ รอบมารวมกัน......”

“ตอนแรกเจ้าบอกว่ารอบละห้าสิ บตําลึงไม่ใช่หรื อ ? ทําไมถึงเปลียนเป็ นห้าพันตําลึงได้ ?” มู่หรงเย่พูดแย้งเสี ยง


ดังตัดบทคําพูดของเขา มองไปทางเขาอย่างเย็นชา

“ห้าสิ บตําลึงอะไรกัน ? มู่หรงเย่เจ้าเบิกตามองให้ชดั เจน บนกระดาษสี ขาวหมึกดําพวกนีเขียนเอาไว้อย่างชัดเจน


ว่า หนึ งตาห้าพันตําลึง......” ซ่ งชิงเหยียนแกว่งกระดาษสะบัดไปมาตรงหน้าของมู่หรงเย่ ด้านบนเขียนเอาไว้ว่า
เงินตําลึงไม่พอ จึงทําสัญญาไว้เป็ นหลักฐานว่า แพ้หนึงตาจ่ายห้าพันตําลึง หลังเสร็ จสิ นการพนันค่อยชําระเงิน
ลงชือมู่หรงเย่ซ่งชิงเหยียน

“เจ้าขีโกง ตอนนันเขียนห้าสิ บตําลึงอยูเ่ ห็น ๆ ......” มู่หรงเย่เกรี ยวกราด ชีนิวไปทีเหล่าคุณชายนักพนันรอบ ๆ


“ไม่เชือเจ้าถามพวกเขาก็ได้ พวกเราตกลงกันว่าห้าสิ บตําลึงต่อหนึ งตา พวกเขาก็ได้ยนิ อย่างชัดเจน......”
ตอนที 49 สังสอนซ่ งชิงเหยียน
“จริ งหรื อ ?” ซ่ งชิงเหยียนเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ หยุดเท้าลงตรงหน้าชายร่ างท้วมผูห้ นึ ง เชิดหน้ากล่าวขึนด้วยความ
หยิงยโส “เจ้าได้ยนิ ข้าพูดหรื อว่าเดิมพันตาละห้าสิ บตําลึง ?”

ชายร่ างท้วมผูน้ นเร่


ั งส่ ายหน้าตอบ “ไม่เคยได้ยนิ ”

ซ่งชิงเหยียนหันกายไปมองชายร่ างผอมผูห้ นึง “เจ้าก็ได้ยนิ หรื อ ?”

“ไม่ ไม่ ไม่เคยได้ยนิ เลยสักนิ ด !” คุณชายร่ างผอมรี บส่ ายหน้า โบกไม้โบกมือปฏิเสธเสี ยยกใหญ่

“เจ้า......พวกเจ้า......” มู่หรงเย่มองไปทีใบหน้าของคนทีคุน้ เคยพวกนัน แววตาตกตะลึงจนพูดไม่ออก ซ่ งชิงเห


ยียนเป็ นเพือนของพวกเขา ตัวเขาเองก็เป็ นเพือนของพวกเขา แต่ในเวลาทีสําคัญเช่นนี พวกเขากลับเข้าข้างซ่ งชิง
เหยียน ไม่กล้าทีจะพูดช่วยเหลือเขาฃ

มู่หรงเสวียยิมเย็น พวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ยอมเป็ นพยานให้ม่หู รงเย่ แต่พวกเขาคงถูกซ่งชิงเหยียนเอาเงินปิ ดปากไป


แล้ว หรื อว่าบางทีอาจจะถูกซ่ งชิงเหยียนกุมความลับอะไรบางอย่างเอาไว้ จึงมิกล้าออกหน้าช่วยเหลือเขา

หรื อว่าบางที มู่หรงเย่อาจตกอยูใ่ นแผนร้ายทีพวกเขารวมหัวกันตังแต่แรก


“มู่หรงเย่ เจ้าก็ได้ยนิ ทีพวกเขากล่าวแล้ว ยังจะเล่นลินอะไรอีกไหม ?” ซ่ งชิงเหยียนเลิกคิวมองไปทีมู่หรงเย่ ด้วย
ท่าทีได้ใจ

มู่หรงเย่ถลึงตาใส่ เขา ฝ่ ามือภายใต้แขนเสื อกําเข้าหาแน่ น ดวงตาค่อย ๆ แดงกํา เขาไม่ได้เล่นลิน ทีเขาพูดล้วน


เป็ นความจริ งทังหมด

“ไม่เถียงแล้วหรื อ ? ถ้าเช่นนันเจ้าก็จ่ายเงินมาเสี ยสิ !” ซ่ งชิงเหยียนเห็นเขาถลึงตามองไม่กล่าววาจาใด ในใจของ


เขาคงคิดว่าพูดอะไรไปก็คงไม่มีประโยชน์ จึงส่ ายหนังสื อสัญญาไปมาให้ผคู ้ นได้ดู “นีเป็ นสัญญาทีพวกเราตกลง
กันเอาไว้ ทุกท่านโปรดดูให้เต็มตา จํานวนเงินทีมู่หรงเย่ติดไว้ถึงจะเยอะไปหน่ อย แต่ทว่าว่าหลักฐานและพยาน
ล้วนครบถ้วน พวกท่านอย่าได้กล่าวหาว่าข้ารังแกพวกเขาสองพีน้องเชียว......”

มู่หรงโหรวทียืนอยูท่ ีประตู มองไปทีใบหน้าของมู่หรงเย่ทีเต็มไปด้วยความโกรธ ท่าทางอับจนหนทางจนพูดไม่


ออก ในใจก็เต็มไปด้วยความยินดี ภายในหนึงชัวยามมู่หรงเย่แพ้เดิมพันไปถึงห้าแสนตําลึง ช่างเป็ นคนทีไม่ได้
เรื องเอาเสี ยเลย ต่อไปนี ชนชันสู งและเหล่าขุนนางคงจะพากันเหยียดหยามเขา รังเกียจเขา ชือเสี ยงของเขาจะค่อย
ๆ ถูกทําลายลงอย่างย่อยยับ

เปรี ยบเทียบกับเรื องทีนางไปยักยอกเอาเงินของพวกเขาหนึงล้านตําลึงแล้ว มันกลับกลายเป็ นเรื องเล็กน้อยไปเลย


เพราะถึงแม้ว่านางจะมิได้เอาทรัพย์สินพวกนันไป ถึงอย่างไรพวกมันก็จะถูกมู่หรงเย่ใช้ไปจนหมดภายในสองชัว
ยามอยูด่ ี......

พวกเขาก็จะคิดว่านางมิได้ฉกฉวยทรัพย์สินของจวนเจินกัวโหวไปจนหมด แต่เป็ นมู่หรงเย่ทีเอาไปเล่นพนันจน


หมดแทน
ต่อจากนี ไปคําวิจารณ์ต่าง ๆ นา ๆ เกียวกับตัวนางก็จะน้อยลง แต่เรื องทีมู่หรงเย่เล่นพนันมือเติบจะแพร่ สะพัดไป
ทัวเมืองหลวงแทน......

เมือมองไปทีแววตาพอใจของนาง มู่หรงเสวียก็ยมเย็
ิ นทีมุมปาก นี คงเป็ นจุดประสงค์ทีแท้จริ งของมู่หรงโหรว
สิ นะ ป้ ายสี ทาํ ให้ม่หู รงเย่ดูเป็ นคนมือเติบ จอมเสเพล ไร้ความสามารถจนเกินเยียวยา เพียงเท่านีผูอ้ ืนก็จะค่อย ๆ
เลิกให้ความสนใจเรื องทีนางยักยอกทรัพย์สินมาตลอดระยะเวลาสิ บปี

เพราะว่าไม่ว่าจะเรื องอะไรก็ตามล้วนต้องมีการเปรี ยบเทียบ ถ้าหากนําคนทีไม่ดีไร้ยางอายผูห้ นึงไปเปรี ยบเทียบ


กับคนทีเต็มไปด้วยความดีงามผูห้ นึง แน่ นอนว่าผูค้ นย่อมทีจะต้องรังเกียจบุคคลแรก แต่วา่ ถ้าเอาไปเปรี ยบเทียบ
กับคนทีเลวร้ายยิงกว่า คนทีเลวร้ายน้อยกว่าก็จะดูดีขึนมาในสายตาของผูค้ น

ป้ ายสี ม่หู รงเย่เพือล้างอายให้กบั ตัวเอง แผนการน่ารังเกียจชัวช้าเช่นนี คงมีแต่มู่หรงโหรวเท่านันทีคิดขึนมาได้ แต่


ว่าตัวนางเองคงไม่มีทางยอมให้ม่หู รงโหรวได้สมหวังแน่ “เงินห้าสิ บตําลึงแก้เป็ นห้าพันตําลึงนันช่างง่ายดายนัก
เพียงแค่เติมขีดบนตัวอักษรก็ได้แล้ว”

(ในภาษาจีน ตัวอักษรคําว่าสิ บ(十) และพัน (千)นันแตกต่างกันเพียงจุดเดียว คือเพียงแค่เติมขีด


ด้านบนเท่านัน)
ซ่งชิงเหยียนแววตาวูบไหว ขมวดคิวมองไปทางมู่หรงเสวีย “คนระดับคุณชายสองแห่ งจวนอู่อนั โหวเช่นข้า ย่อม
ไม่มีทางทําเรื องไร้ยางอายเช่นนัน......”

“เรื องเช่นนีพูดยากนัก” มู่หรงเสวียกล่าวนําเสี ยงดูถูก “ก่อนหน้านัน ฮูหยินทีอ่อนหวานผูห้ นึงของจวนอู่อนั โหว


ก็เกือบจะยักยอกเอาทรัพย์สินของแม่ขา้ ไปเสี ยหมด นิ สัยของท่านคุณชายสองแห่ งจวนอู่อนั โหว......ข้าเองก็คง
ไม่กล้าทีจะเชือถือ......”

สี หน้าของมู่หรงโหรวซี ดขาว ฝ่ ามือภายใต้แขนเสื อกําแน่ นเข้าหากัน นางลงแรงไปตังมากมายเพือจะทําให้ผคู ้ น


หันไปสนใจเรื องของมู่หรงเย่ แต่เมือมู่หรงเสวียพูดสัน ๆ แค่คาํ เดียว ก็ทาํ ให้แววตารังเกียจดูถูกเหยียดหยามพวก
นันวกกลับมาทีตัวนางอีก ช่างชัวร้ายยิงนัก

“ข้าคือข้า นางคือนาง นางกับข้าไม่มีอะไรทีเกียวข้องกัน เจ้าเลิกเอาข้าไปเปรี ยบเทียบกับนางได้แล้ว” ซ่ งชิงเห


ยียนกวาดสายตาผ่านมู่หรงโหรว หยุดสายตาลงทีมู่หรงเสวียแล้วถลึงตาใส่ ยืนเอากระดาษสัญญาไปทีด้านหน้า
ของนาง

“เจ้าดู ดูเสี ยให้เต็มตา นีเป็ นจํานวนเงินทีพีชายของเจ้าติดค้างข้า แค่เจ้าคืนเงินมาก็พอ จะมัวแต่เล่นลินไปเพือ


อะไร ? หรื อว่าจะไม่จ่าย เตรี ยมทีจะหนีหนี งันหรื อ ? นิสัยของพวกเจ้าช่างแย่เสี ยจนน่ ารังเกียจยิงนัก......”

“ซ่งชิงเหยียน !” มู่หรงเย่ตะโกนขึนเสี ยงดัง ขยับร่ างกายเตรี ยมทีจะพุ่งไปจัดการกับซ่ งชิงเหยียน


มู่หรงเสวียยืนแขนไปรังเขาไว้ มองไปทีซ่ งชิงเหยียนด้วยแววตาเยือกเย็น “คุณชายสองชนะเดิมพันห้าแสนตําลึง
ภายในหนึงชัวยาม ฝี มือในการเล่นพนันของท่านช่างเป็ นเลิศนัก”

“กล่าวชมเกินไปแล้ว !” ซ่ งชิงเหยียนเชิดหน้าภูมิใจ

“พวกท่านเดิมพันกันมาตังหลายตา ทุกตาล้วนแต่เป็ นท่านทีเป็ นเจ้ามือ” มู่หรงเสวียเลิกคิวมองไปทีเขา

“ไม่ผดิ ” ซ่ งชิงเหยียนยังคงพยักหน้าอย่างภูมิใจ

มู่หรงเสวียค่อย ๆ ก้าวไปด้านหน้า ชีไปทีถ้วยลูกเต๋ า “ลูกเต๋ าทีท่านใช้คอื พวกนีหรื อ ?”

“ใช่” ซ่ งชิงเหยียนพยักหน้าอีกครัง

“ถึงกับใช้ลูกเต๋ าทีซ่ อนกลโกงเอาไว้เช่นนี คุณชายสอง นี ท่านกล้าเล่นขีโกงอย่างซึง ๆ หน้าเช่นนี เลยหรื อ !” มู่


หรงเสวียหยิบเอาลูกเต๋ าขึนมาสามลูก แล้วใช้แรงกดเข้าหากัน พริ บตาเดียวลูกเต๋ าก็แตกออกจากกันเป็ นสองซี ก

“คุณชายสองใช้กลโกงทีไร้ยางอายเช่นนี โกงพีชายข้า อีกทังยังทําตัวเป็ นคนดีมาสังสอนเขา ดูถูกเขา นิ สัยเช่น


ท่านต่างหากถึงจะเรี ยกว่าน่ ารังเกียจอย่างแท้จริ ง !”
สายตาของผูค้ นเบิกกว้าง มองไปทีลูกเต๋ าในมือของนางทีแตกออก ตกตะลึงจนพูดไม่ออก

“ซ่งชิงเหยียน นีเจ้าโกงข้าเห็น ๆ เลยนี !” มู่หรงเย่ได้สติเป็ นคนแรก ตะโกนขึนด้วยความโกรธพุ่งไปด้านหน้า


แล้วกําหมัดชกไปทีซ่ งชิงเหยียน

ความเจ็บปวดทีแล่นแปลบขึนมาทําให้ซ่งชิงเหยียนได้สติทนั ที จึงสวนหมัดกลับไป ทังสองคนต่างต่อยตีกนั ไป


มา จนทําให้สถานการณ์วุ่นวาย

คนทีอยูบ่ ริ เวณรอบ ๆ นันไม่มีใครสักคนทีคิดจะเข้าไปห้าม ได้แต่จบั กลุ่มกันวิพากษ์วจิ ารณ์อย่างสนุกปาก

“เป็ นซ่ งชิงเหยียนทีโกงคุณชายมู่หรงจริ ง ๆ......”

“ใช่แล้ว ถึงคุณชายจะชอบเล่นการพนัน แต่กร็ ู ้ดีถึงความเหมาะสม ถ้าเดิมพันกันห้าสิ บตําลึงต่อหนึงตา ถึงแม้ว่า


จะเดิมพันไปร้อยรอบ เงินเดิมพันทีเสี ยไปก็ยงั พอรับได้ แต่ซ่งชิงเหยียนกลับแอบแก้สัญญาเป็ นรอบละห้าพัน
ตําลึง ชัดเจนว่าตังใจทีจะโกงเอาเงินตําลึงของผูอ้ ืน......”

“ใช่ ก่อนหน้านี มีคนบางคนยักยอกเอาทรัพย์สินของพีสะใภ้ ต่อมาก็เป็ นเขาทีโกงเอาเงินของผูอ้ ืน คนของจวนอู่


อันโหวนี ช่างแย่จริ ง ๆ คอยแต่จะรังแกสองพีน้องนี......”

“อยูก่ บั คนดียอ่ มได้ดี อยูก่ บั คนชัวย่อมชัวตาม สํานวนนี ล้วนกล่าวไว้มิผิด......”


มู่หรงโหรวสี หน้าเคียดแค้นจนน่ากลัว มู่หรงเสวีย เป็ นเจ้าอีกแล้วทีทําลายแผนการของข้า......

มู่หรงเย่มีร่างกายสู งใหญ่ อีกทังยังฝึ กวรยุทธ์มาสิ บปี หมัดทังสองล้วนหนักแน่ น มัดออกไปรัวเร็ วดังสายฝน ต่อย


ไปทีซ่ งชิงเหยียนอย่างไม่ไว้หน้า

ซ่งชิงเหยียนอายุนอ้ ยกว่าเขาหนึ งปี ร่ างการยังอ่อนแอ ทังยังรู ้ท่าหมัดท่าเท้าแค่ไม่กีท่าเท่านัน ผ่านไปเพียงสิ บ


กระบวนท่าก็เป็ นแต่ฝ่ายรับ ไม่มีโอกาสได้โจมตีสวนกลับเลยแม้แต่นอ้ ย ทังใบหน้า ร่ างกายล้วนได้รับบาดเจ็บ
เขาเจ็บปวดจนกลันนําตาออกมา สองมือกุมไปทีศีรษะร้องเรี ยกโหยหวน “ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย......”

ฝูงชนล้วนได้ยนิ แต่ไม่มีใครใคร่ ทีจะสนใจ เด็ก ๆ ทะเลาะกันล้วนเป็ นเรื องปกติ ต่อยตีกนั ล้วนเป็ นการฝึ กฝน
ร่ างกาย โดยเฉพาะคนขีแพ้เช่นซ่ งชิงเหยียน อายุยงั น้อยเช่นนีกลับวางแผนคดโกงผูค้ น สมควรแล้วทีจะได้รับ
การสังสอน จะได้จดจําไปนาน ๆ......

เมือซ่ งชิงเหยียนเห็นว่าไม่มีใครทีจะสนใจเขา เห็นแววตาของมู่หรงเย่ยงั คงมีสีแดงกํา ดูท่าว่าถ้าไม่ตีเขาจนสลบ


คงไม่ยอมรามือแน่ ในใจก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ร้องไห้ออกมาอย่างน่าอนาถ

“เป็ นมู่หรงโหรวทีวางแผนให้ขา้ ทําเช่นนี นางสอนให้ขา้ ซื อตัวพวกคุณชายจอมเสเพลทังหลาย รวมถึงใช้กลโกง


บนลูกเต๋ า ทังยังพูดกับข้าอีกว่าเงินทีได้จะแบ่งกันคนละครึ ง พวกเราเป็ นพวกเดียวกัน เจ้าจะตีแต่ขา้ คนเดียวไม่ได้
......”
ตอนที 50 แตกคอ
สายตาของฝูงชนล้วนตกไปอยูท่ ีร่ างของมู่หรงโหรว ทังสายตาทีคาดไม่ถึง ตืนตระหนก ดูถูก และเยาะเย้ย ตอน
แรกพวกเขานึ กว่าเพราะซ่ งชิงเหยียนเห็นพวกนางมีเงินล้านตําลึงแล้วในใจเกิดความอิจฉาขึนมา โลภมากอยากที
จะเอาเงินนันมาเป็ นของตน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเขาเป็ นเพียงแค่หมากของมู่หรงโหรวเท่านัน เป็ นนางเองทีวาง
แผนการเอาไว้ทงหมด

เรื องร้านรวงทังหกทําให้มู่หรงโหรวกลายเป็ นตัวตลกของทังเมืองหลวง ชือเสี ยงล้วนเสื อมเสี ย ดังนัน นางจึงไม่


สามารถเอาทรัพย์สินจากจวนเจินกัวโหวมาอย่างโจ่งแจ้งได้อีก จําเป็ นต้องแอบบงการอยูเ่ บืองหลังไม่ให้ใครรู ้
ด้วยการรวมหัวกับซ่ งชิงเหยียนให้เขาออกหน้าหลอกเอาเงินของผูอ้ ืนมา ถึงแม้เรื องการพนันครังนีจะแดงขึนมา
แต่ผคู ้ นก็ไม่มีทางต่อว่าซ่ งชิงเหยียน และถึงจะต่อว่าก็ไม่มีทางสาวไปถึงตัวนางได้ ช่างเป็ นแผนการทีร้ายกาจยิง
นัก

ดวงหน้ามู่หรงโหรวดุดนั จนน่ากลัว ซ่ งชิงเหยียนอายุแค่สิบสามปี เป็ นแค่เด็กเสเพลทีไม่ได้เรื องได้ความ ถึง


ความจริ งจะถูกเปิ ดเผย แต่ก็แค่ยอมรับผิดไปตามเรื องราวก็พอ เพราะพอเรื องราวผ่านพ้นไป เขาก็ไม่มีทางทีจะ
ถูกลงโทษอะไรรุ นแรงนัก แต่เขากลับทําเสี ยเรื องเสี ยนี สาวถึงนาง แล้วยังบอกแผนการทังหมดของพวกเขาให้
ผูค้ นได้รับรู ้ ทีนีนางกับเขาก็คงได้ฉาวโฉ่ กนั ไปทัว ช่างโง่งมอะไรเช่นนี......

“ซ่งชิงเหยียน เจ้าอย่ามาใส่ ร้ายข้านะ” มู่หรงโหรวถลึงตามองซ่ งชิงเหยียน ส่ งสายตาไปให้เพือให้เขารู ้ถึงสิ งที


นางต้องการจะบอก
แต่ช่างน่าเสี ยดายนัก เพือนร่ วมแผนการทีโง่งมของนางนันกลับมองความหมายในสายตาทีนางส่ งมาให้ไม่ออก
กลับกันพอถูกนางต่อว่าเช่นนี กลับคิดว่านางจะกันตัวเองออกจากเรื องทังหมด และโยนความผิดให้กบั เขา ทําให้
เขารู ้สึกโกรธขึนมา ชีนิวต่อว่านางอย่างเสี ยงดัง

“ข้าน่ ะหรื อใส่ ร้ายท่าน ? มู่หรงโหรว เมือสองปี ก่อนท่านให้เงินข้าหนึงพันตําลึง ให้ขา้ พามู่หรงเย่ไปประลอง


สุ นขั ตีไก่ ตีจิงหรี ด เมือหนึ งปี ก่อนท่านให้ขา้ สองพันตําลึงให้พามู่หรงเย่ไปบ่อนพนัน และเมือครึ งเดือนทีแล้ว
ท่านสัญญาว่าจะให้ขา้ ห้าพันตําลึง ถ้าข้าสามารถพามู่หรงเย่เข้าหอโคมเขียวได้ เรื องพวกนี บ่าวไพร่ ขา้ งกายข้า
ล้วนรู ้ดี หรื อเจ้าจะให้ขา้ เรี ยกพวกเขาออกมาเป็ นพยาน”

กลุ่มคนทีได้ยนิ เช่นนันต่างก็ฮือฮากันขึนมา มู่หรงเย่เริ มเกเรตอนสองปี ก่อน เริ มแรกก็แค่พนันเล็ก ๆ น้อย ๆ


อย่างตีจิงหรี ด พอนานเข้าจึงเริ มเข้าบ่อนพนัน ค่อย ๆ สนิ ทชิดเชือกับพวกคุณชายจอมเสเพลไม่ได้ความพวกนัน
แต่ว่า “เร็ ว ๆ นี ไม่เห็นเคยได้ยนิ ว่าคุณชายมู่หรงเข้าหอโคมเขียวนี ?”

“เพราะว่าเกิดเรื องกับร้านรวงทังหกก่อน มู่หรงโหรวจึงเอาเงินในจวนไปใช้หนี ก้อนนัน นางไม่มีเงินให้ขา้ เรื อง


พามู่หรงเย่ไปหอโคมเขียวจึงต้องเลือนออกไปก่อน ไม่เช่นนันป่ านนี มู่หรงเย่คงนอนอยูบ่ นเตียงคณิ กานางใดสัก
คนแล้ว......” ซ่ งชิงเหยียนพูดขึนอย่างได้ใจ

ฝูงชนทีนิงฟังกลับส่ งเสี ยงอืออึงขึนมา นางใส่ เสื อผ้าของคนอืน ใส่ เครื องประดับของคนอืน แล้วยังจะจงใจนําพา
ให้ลูกของคนอืนเสี ยคนอีกหรื อ จิตใจของมู่หรงโหรวช่างดํามืดและอํามหิ ตยิงนัก ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ของ
พวกเขาจะห่ างกันหนึงชัน แต่พวกเขาก็ยงั ใช้แซ่ ม่หู รงร่ วมกัน เป็ นการประหัตประหารญาติพีน้องกันเองโดยแท้
มู่หรงเย่หยุดมือทีทุบตีลงทันที เมือได้ยนิ คําวิพากษ์วิจารณ์ทีหลังไหลเข้ามาไม่หยุด เขาล้มลงไปนังกับพืน แวว
ตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง ตกอยูใ่ นภวังค์......

มู่หรงเสวียยกยิมเย็นชา ตอนแรกนางนึ กว่ามู่หรงเย่เสี ยพ่อแม่ไปตังแต่เล็ก ไม่มีคนอบรมสังสอน เลยไม่ชอบ


ศึกษาหาความรู ้ เขาจึงค่อย ๆ กลายเป็ นคุณชายจอมเสเพลไม่ได้ความ แต่คาดไม่ถึงว่าเขากลับถูกคนชักจูงจนค่อย
ๆ เสี ยคน......

มู่หรงโหรวช่างร้ายกาจยิงนัก

“ใต้เท้าหลินแห่ งศาลซุ่นเทียนก็มาร่ วมงานเลียงครบรอบนี ด้วยมิใช่หรื อ ? ข้าไม่รู้วา่ การชักนําเด็กดีคนหนึงให้


เสี ยคนได้ จะเป็ นการกระทําผิดตามกฎหมายของชิงเหยียนหรื อไม่ ? แต่ว่าเรื องทีมู่หรงโหรวกับซ่ งชิงเหยียน
ร่ วมมือกันโกงเงินของพีชายข้าห้าแสนตําลึงนัน เรื องนี นับได้ว่าเป็ นการกระทําผิดตามกฏหมายของชิงเหยียนอ
ย่างแน่ นอน”

มู่หรงเสวียกําลังทีจะฟ้ องร้องนาง ส่ งนางเข้าคุก ระดับอู่อนั โหวฮูหยิน (ยศภรรยาเอกของอู่อนั โหว)เช่นนาง จะ


ยอมติดคุกได้เช่นไร ?
มู่หรงโหรวสี หน้าซี ดเผือด กํามือแน่ น พูดเน้นทีละคําว่า “ข้ามิได้ร่วมมือกับซ่ งชิงเหยียน เขาต้องการจะหนี
ความผิด จึงใส่ ร้ายข้า......”

“พีสะใภ้ใหญ่ ท่านโปรดพูดความจริ งด้วยเจ้าค่ะ !” อู๋ฮุ่ยฮุ่ยตัดบทคําพูดของนาง เร่ งก้าวมาด้านหน้า มองไปที


ใบหน้าฟกชําของซ่ งชิงเหยียน แววตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ถลึงตามองมู่หรงโหรวด้วยความเกลียดชังแล้ว
พูดเสี ยงเย็น “ชิงเหยียนเป็ นถึงคุณชายสองแห่ งจวนอู่อนั โหว อาหารทีกิน เสื อผ้าทีใส่ ของทีใช้ เรื อนทีอยูล่ ว้ นมิ
ขาดตกบกพร่ องแต่ประการใด เขาจะไปหลอกเอาเงินมากมายเช่นนันมาทําไมกัน ?”

“แต่ว่าเป็ นท่านพีสะใภ้ใหญ่ทีไปฉกฉวยเอาสิ งของจากร้านค้าของพีสะใภ้ของตัวเองโดยไม่จ่ายเงินจนถูกคน


มาตามทวงเงินถึงประตูจวน คนทังเมืองล้วนทราบดีว่าท่านอยากได้ทรัพย์สินของหลานทีกําพร้าพ่อแม่ของ
ตัวเองมากขนาดไหน พอเอามาอย่างโจ่งแจ้งไม่ได้ ก็เลยวางแผนใช้วธิ ี โกงเพือเอามา เรื องทีน่าอับอายเช่นนี
ทําไมท่านยังกล้าทํามันออกมาได้......”

มู่หรงโหรวเป็ นถึงฮูหยินแห่ งอู่อนั โหว แต่ตวั นางนันไม่มีฐานะอะไร เป็ นแค่สะใภ้สองธรรมดา ๆ คนหนึง ถ้า
เป็ นแต่ก่อน นางคงไม่มีทางกล้าทีจะพูดจาเช่นนี ใส่ มู่หรงโหรวแน่ แต่มู่หรงโหรวกลับทําตัวหน้าไม่อาย เมือใช้
ชิงเหยียนเป็ นเครื องมือใส่ ร้ายคนไม่สาํ เร็ จ เลยคิดจะโยนความผิดทังหมดให้กบั เขา แล้วกันตัวเองออกจากเรื อง
ทังหมด บนโลกนี จะมีอะไรทีง่ายดายเช่นนันกัน ?

มู่หรงโหรวสี หน้ามืดครึ ม พูดเน้นทีละคําว่า “อู๋ฮุ่ยฮุ่ย เรื องร้านรวงทังหก เป็ นข้าทีจัดการไม่ดีเอง จึงทําให้เงิน


ตําลึงรัวไหล ไม่ได้มีเจตนาทีจะติดค้างมาตลอดสิ บปี นี แต่เรื องทีชิงเหยียนโกงเอาเงินมู่หรงเย่มา ทุกคนทีนีก็เห็น
อยูก่ บั ตา ทําไมถึงต้องมาใส่ ร้ายข้าด้วย”
อู๋ฮุ่ยฮุ่ยสบถอย่างดูถูก “ถ้าเช่นนันทําไม่เขาไม่ใส่ ร้ายคนอืน แต่กลับมาใส่ ร้ายท่านล่ะ ?”

“นันก็เพราะว่าข้ากับสองพีน้องมู่หรงมีความขัดแย้งต่อกัน ถ้าเขาใส่ ร้ายข้า คนอืนก็จะเชือถือได้ง่าย” มู่หรงโหรว


พูดด้วยนําเสี ยงเย็นชา

อู๋ฮุ่ยฮุ่ยชะงักไปครู่ หนึ ง มู่หรงโหรวยังคงเป็ นคนเขียวลากดินเช่นเดิม พูดแต่ละคําล้วนแก้ต่างให้กบั ตัวเองอย่าง


ตรงจุด แต่นางรู ้ว่าเรื องราวทังหมดต้องเป็ นมู่หรงโหรวทีวางแผนไว้แน่ “ตอนทีท่านสังการชิงเหยียน บ่าวรับใช้
ของเขาก็รู้......”

“บ่าวรับใช้ของซ่ งชิงเหยียนล้วนฟั งคําสังของเขา แน่ นอนว่าต้องเข้าข้างเขา นับว่าเชือถือไม่ได้......”

มู่หรงโหรวกับอู๋ฮุ่ยฮุ่ยโต้เถียงกันไปมา มู่หรงเสวียได้ยนิ แต่กลับไม่สนใจ ค่อย ๆ เดินไปด้านหน้าของผูช้ ายคน


หนึ ง “ใต้เท้าหลิน”

ร่ างของใต้เท้าหลินแห่ งศาลซุ่ นเทียนชะงักไปครู่ หนึง ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ขนาดเขายืนหลบอย่างมิดชิด


เช่นนี แต่ยงั กลับถูกพบเสี ยได้ เฮ้อ เรื องใส่ ร้ายป้ ายสี ของเหล่าชนชันสู งเช่นนี ช่างทําให้เขาลําบากใจยิงนัก แต่ไม่
ว่าจะลําบากใจแค่ไหน อย่างไรก็ยงั ถือได้วา่ เป็ นคดีความ เมือมันปรากฏอยูต่ รงหน้าของเขา ไม่ว่าอย่างไรหน้าที
ของเขาก็คอื ต้องไต่สวน
ใต้เท้าหลินเงยหน้ามองมู่หรงเสวีย พูดด้วยรอยยิมน้อย ๆ “คุณหนูมู่หรง ถึงแม้อู่อนั โหวฮูหยินกับคุณชายสองจะ
วางแผนโกงเงินห้าแสนตําลึงของคุณชาย แต่ก็ถือว่ายังมิได้เอาเงินตําลึงไป จึงตัดสิ นความได้ว่าพวกเขายังมิได้
สร้างความเสี ยหายใด ๆ ให้กบั จวนเจินกัวโหว ดังนัน ถึงแม้ขา้ จะลงโทษพวกเขา โทษทีพวกเขาจะได้รับก็จะไม่
หนักหนาสาหัสอะไร......”

คดีทีคล้ายกับคดีนีเขาล้วนเคยตัดสิ นความมาแล้วมากมาย โทษอย่างหนักทีสุ ดก็แค่เอาตัวเข้ากรงขังหนึงถึงสาม


เดือน ซึ งถือเป็ นการลงโทษเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านัน

มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ “มิเป็ นไรเจ้าค่ะ ใต้เท้าหลินไต่สวนไปตามความจริ งก็พอ ลงโทษนานเท่าไหนก็เท่านัน”

ใต้เท้าหลินถอนหายใจเบา ๆ คุณหนูผนู ้ ี คงเกลียดมู่หรงโหรวเข้าไส้ ถึงขนาดจะส่ งมู่หรงโหรวเข้าคุกเข้าตาราง


ให้นางถอนคํากล่าวหาก็คงไม่มีทางแน่ แต่ว่าอู่อนั โหวฮูหยินก็ช่างไร้ยางอายจนเกินไป เด็กก็อยูข่ องเขาอย่างดี ๆ
กลับไปนําพาให้เสี ยผูเ้ สี ยคน มู่หรงเสวียจะโกรธเช่นนีก็ไม่ผดิ นัก

“เด็กเด็ก นําตัวอู่อนั โหวฮูหยินกับคุณชายสองกลับศาล เตรี ยมเปิ ดการไต่สวน”

พอคําพูดหลุดออกจากปาก เสี ยงวุ่นวายโดยรอบกลายเป็ นเงียบสงบทันที มู่หรงโหรวทําร้ายมู่หรงเย่ไว้ไม่นอ้ ย


เลย นางจะได้รับผลเช่นนี ก็เป็ นเรื องทีสมควรแล้ว

แววตาของอู๋ฮุ่ยฮุ่ยไหววูบ มิกล่าววาจาใด ทีใต้เท้าหลินตัดสิ นให้จบั มู่หรงโหรว น่าจะเป็ นเพราะเชือว่าชิงเหยียน


ไม่ได้เป็ นคนทีวางแผนการทังหมด เขาอายุเพียงแค่สิบสามปี อีกทังยังไม่ได้โกงจนเอาเงินตําลึงไปได้ อย่างมากก็
คงไต่สวนไม่กีคํา ก็ปล่อยตัวกลับมา ตัวนางจึงมิค่อยกังวลเท่าไหร่ นัก แต่คนทีโชคร้ายจริ ง ๆ เห็นทีคงจะเป็ นมู่
หรงโหรวเสี ยมากกว่า

เมือสายตาเห็นคนของศาลซุ่ นเทียนก้าวเข้ามา เตรี ยมทีจะจับตัวนาง เสี ยงกรี ดร้องแหลมสู งสายหนึงก็พลันดังขึน


“มู่หรงเสวีย โหรวเอ๋ อร์เป็ นอาแท้ ๆ ของเจ้านะ ทําไมเจ้าถึงได้ใจจืดใจดําส่ งนางเข้าคุกเข้าตารางได้ !”
ตอนที 51 จุดจบของแผนร้ าย

มู่หรงเสวียมองไปตามทีมาของเสี ยง เห็นหญิงเฒ่าแซ่ ตูเ้ ดินมาโดยมีสาวใช้เป็ นคนคอยช่วยพยุง สี หน้าเกรี ยว


กราด ร่ างกายของนางไม่ค่อยแข็งแรงนักจึงออกไปพักทีเรื อนรับรอง แต่พกั ได้แค่เพียงครู่ เดียว เห็นแขกเหรื อพา
กันเดินมาทางนี จึงตามมาดู มิคาดว่าเป็ นมู่หรงเสวียทีกําลังฟ้ องร้องโหรวเอ๋ อ

เพือตอบรับกับสายตาเกรี ยวกราดของนาง มู่หรงเสวียก็พดู ขึนอย่างไม่ไว้หน้าว่า “ตอนทีนางยักยอกเอาสิ นค้าใน


ร้านค้าของแม่ขา้ ทําไมถึงไม่คดิ ว่านางเป็ นอาแท้ ๆ ของข้า ตอนทีนางใช้ซ่งชิงเหยียนชักจูงให้พีข้าเสี ยคน ทําไม
ถึงไม่คดิ ว่านางเป็ นอาแท้ ๆ ของข้า ตอนทีนางกับซ่ งชิงเหยียนรวมหัวกันโกงเอาเงินของพีข้า ทําไมถึงไม่คิดว่า
นางเป็ นอาแท้ ๆ ของข้า แต่ตอนนี พอเรื องชัวร้ายทีนางกระทํามาทังหมดถูกเปิ ดเผยจนต้องเข้าคุก ถึงค่อยมาคิดว่า
นางเป็ นอาแท้ ๆ ของข้า มันก็สายไปแล้วเจ้าค่ะ”

“เจ้า !” หญิงเฒ่าแซ่ ตูพ้ ดู ไม่ออก โหรวเอ๋ อวางแผนร้ายต่าง ๆ นา ๆ ต่อมู่หรงเย่ เป็ นนางทีผิดแน่นอน แต่นางเป็ น
อู่อนั โหวฮูหยิน ถ้าเกิดต้องเข้าคุกไป ชือเสี ยงทังหมดคงถูกทําลายสิ นจนไม่มีเหลือ “ข้าเป็ นย่าของพวกเจ้า มีสิทธิ
จัดการดูแลเรื องของพวกเจ้าทังหมด ดังนันข้าก็มีอาํ นาจขอยกเลิกการฟ้ องร้องในครังนี ......”

การติดคุกของมู่หรงโหรว แค่คาํ พูดยกเลิกการฟ้ องร้องแค่คาํ เดียวก็สามารถยกเลิกได้ ในเมือมู่หรงเสวียไม่ยอม


ตัวนางทีมีศกั ดิเป็ นผูใ้ หญ่กล่าวยกเลิกความผิดแทนนางเองก็สินเรื อง
มู่หรงเสวียยิมเยาะ เลิกคิวมองมาทางนาง “ท่านย่า ท่านคงยังไม่เข้าใจ มู่หรงโหรววางแผนโกงเงินพีชายข้า ไม่ใช่
ท่าน ท่านไม่มีสิทธิและอํานาจใด ๆ มาวุ่นวาย......”

หญิงเฒ่าแซ่ ตูส้ บถ “ข้าเป็ นฮูหยินเฒ่าแห่ งจวนเจินกัวโหว มีอาํ นาจจัดการดูแลจวนฝ่ ายในทังหมด พีชายของเจ้า


แพ้เดิมพันจนเสี ยเงินตําลึง ก็ตอ้ งเอาเงินจากจวนฝ่ ายในของข้าไปจ่ายหนี ทําไมข้าจะไม่มีสิทธิ จัดการเรื องนี ?”

“ตังแต่เล็กจนโต ค่าใช้จ่ายทังหมดของพีชายข้าล้วนเบิกกับท่านลุงฮุย พวกเราเคยไปเอาเงินตําลึงของท่านมาใช้ที


ไหนกัน ?” มู่หรงเสวียมองไปทางนางคล้ายยิมคล้ายไม่ยมิ แววตาเยาะเย้ย ต่อหน้าคนตังมากมาย ยังจะมาพูดจา
เฉไฉอ้างนู่นอ้างนี ได้อีก ช่างพูดจาขีโม้โอ้อวดเสี ยจริ ง

ใบหน้าชราของหญิงเฒ่าแซ่ ตกู ้ ลายเป็ นสี แดงกํา ถลึงตามองไปทีมู่หรงเสวีย กัดฟันสบถในใจ นังหญิงชัว !

ผูค้ นทีมองดูอยูน่ นแสร้


ั งทําเป็ นไม่เห็นย่าหลานทะเลาะกัน หญิงเฒ่าแซ่ ตูม้ ีลูก ๆ เป็ นของตัวเอง ไม่มีทางทีจะใส่
ใจดูแลมู่หรงเสวียกับมู่หรงเย่เหมือนลูกเหมือนหลานของตัวเองอย่างแน่ นอน เรื องราวอันซับซ้อนของจวนฝ่ าย
ในเช่นนีพวกนางทีเป็ นผูช้ มล้วนรู ้แจ้งเป็ นอย่างดี

“มู่หรงโหรวจงใจวางแผนร้ายต่อพีชายข้า การเข้าคุกครังนี นางไม่มีทางหลุดพ้นได้” มู่หรงเสวียกล่าวอย่าง


เด็ดขาด มองไปทางคนของศาลไต่สวน “พีชายเจ้าหน้าทีทังสอง ไม่ตอ้ งสนใจ นําตัวคนไปเถอะเจ้าค่ะ”

เจ้าหน้าทีของศาลทีกําลังลังเลหลุดจากภวังค์เร่ งเดินไปจับกุมตัวมู่หรงโหรวกับซ่ งชิงเหยียนออกไปด้านนอก


ซ่งชิงเหยียนสี หน้าปกติไม่มีแววเกรงกลัวแต่อย่างใด เดินอย่างองอาจไปด้านหน้าเหมือนมิได้กาํ ลังจะไปเข้าคุก
แต่ว่าทําตัวราวกับว่าถูกเชิญให้ไปเป็ นแขก

กลับกันมู่หรงโหรวแววตาโกรธแค้นไม่ยอมรับ แต่ว่าพยานและผูร้ ้องทุกข์ลว้ นมีอยูค่ รบครัน นางจึงไม่สามารถ


ดินรนอะไรได้อีก

เมือเห็นสองคนกําลังจะถูกกุมตัวออกไปด้านนอก เสี ยงสายหนึงก็ดงั ขึน “ช้าก่อน”

ผูค้ นพากันมองตามเสี ยงไป เห็นซ่ งเหล่าฮูหยินก้าวออกมาโดยมีเหล่าสาวใช้เป็ นคนช่วยพยุง ดวงหน้าของนางมืด


ครึ ม กล่าวเสี ยงเย็นชา “เทียนเวิน เจ้าไปเขียนใบหย่า หย่ากับมู่หรงโหรวเสี ย พวกเราตระกูลซ่ ง ไม่กล้ารับ
ลูกสะใภ้ชวร้
ั ายเช่นนี ไว้อีกต่อไป”

มู่หรงโหรวรู ้สึกเหมือนมีอะไรบ้างสิ งระเบิดขึนในร่ างกาย ในหัวพลันว่างเปล่า แม่สะใภ้จะให้เทียนเวินหย่ากับ


นาง มันจะเป็ นเช่นนีไม่ได้ ?

หญิงเฒ่าแซ่ ตูห้ ลุดจากภวังค์เป็ นคนแรก เงยหน้ามองไปทีซ่ งเหล่าฮูหยิน ถามขึนด้วยเสี ยงเย็นชา“โหรวเอ๋ อร์ แต่ง
เข้าตระกูลซ่ งมาตังสิ บปี ล้วนลงแรงลงกายดูแลทําหน้าทีของตนไปไม่มากก็น้อย เจ้าใช้เหตุผลอะไรให้เทียนเวิน
หย่าขาดกับนาง !”
“ก็การกระทําทีชัวร้ายของนางอย่างไรเล่า ทีไม่บริ สุทธิ” ซ่งเหล่าฮูหยินนําเสี ยงเด็ดขาด แววตาเต็มไปด้วยความ
เย็นชา “มีฐานะเป็ นสะใภ้ใหญ่แห่ งตระกูลซ่ ง จะต้องเป็ นคนทีอ่อนโยนมีเมตตา มีหลักคุณธรรมและปราดเปรื อง
รักใคร่ ในพีน้องลูกหลาน แต่ดูนางสิ นางทําอะไรเอาไว้บา้ ง นําพาให้ลูกหลานตระกูลซ่ งเสี ยคน ทังยังคิดร้ายต่อ
หลานทีบ้านเดิมของตนเอง พอเรื องราวเกิดแดงขึนมากลับโยนความผิดให้ชิงเหยียน สะใภ้จิตใจดําอํามหิ ตและ
ไร้ยางอายเช่นนี พวกเราตระกูลซ่ งรับไว้ไม่ไหว และก็ไม่กล้ารับไว้ กลัวจะทําให้ตระกูลไม่สงบมีแต่เรื องราว
วุ่นวาย”

เมือครู่ นางเพิงจะแจกแจงต่อหน้าผูค้ นว่าคนของจวนอู่อนั โหวนันล้วนยึดมันในหลักคุณธรรม ไม่มีใครรู ้เรื องทีมู่


หรงโหรวกระทําเลยแม้แต่นอ้ ย แต่พอแจกแจงไปไม่ทนั ขาดคํามู่หรงโหรวกลับก่อเรื องขึนอีก บงการให้ชิงเห
ยียนไปฉ้อโกงเอาเงินตําลึงของมู่หรงเย่ ถือว่าเป็ นการตบหน้านางต่อหน้าธารกํานัลอย่างชัดเจน นางจะเอาจิตใจ
ทีไหนไปอดทนอดกลันต่อคนเห็นแก่ตวั และนําพาเอาความอัปมงคลมาสู่ ตระกูลเช่นนี ได้อีก

หญิงเฒ่าแซ่ ตูส้ ู ดหายใจเข้าลึก ในอกเต็มไปด้วยไฟโกรธ แต่กลับไร้วาจาทีจะโต้เถียง

มู่หรงโหรวหลุดจากภวังค์ จ้องมองไปยังซ่ งเหล่าฮูหยิน “ท่านแม่ บรรพชนสกุลซ่ งตราเอาไว้วา่ ถ้ากระทํา


ความผิดตามกฎเจ็ดประการ ถึงจะสามารถเขียนหนังสื อหย่าร้างต่อกันได้ ตังแต่ลูกสะใภ้แต่งเข้าสกุลซ่ งมา ยังมิ
เคยกระทําผิดต่อกฎทีตังไว้แม้แต่นอ้ ย ทังยังมิเคยทําเรื องอะไรทีอภัยมิได้ต่อตระกูลซ่ งสักครังเดียว”

แววตาของซ่ งเหล่าฮูหยินวูบไหวไม่เป็ นธรรมชาติ หลังจากทีมู่หรงโหรวแต่งให้เทียนเวิน ล้วนขยันขันแข็งมา


โดยตลอด จัดการดูแลจวนอู่อนั โหวเป็ นอย่างดี ถือว่าเป็ นคนทีผ่านเกณฑ์ผหู ้ นึ ง ดังนันนางจึงวางใจมอบอํานาจ
การจัดการดูแลจวนให้กบั นาง
แต่ใครให้นางโลภมาก ทําเรื องเลวร้ายจนถูกคนอืนจับได้ ชือเสี ยงฉาวโฉ่ ตระกูลซ่ งต้องการอู่อนั โหวฮูหยินที
เต็มไปด้วยความดีงาม มิใช้คนทีเต็มไปด้วยชือเสี ยงฉาวโฉ่ สะใภ้ใหญ่ทีถูกผูค้ นดูถูกเหยียดหยาม

ซ่งเหล่าฮูหยินก้มหน้ามองมู่หรงโหรว พบว่ามู่หรงโหรวกําลังมองมาทีนางด้วยแววตาทีเปล่งประกายดํามืด จน
นางต้องหรี ตาลง นี มู่หรงโหรวกําลังคิดจะทําอะไร ?

ขณะทีนางกําลังสงสัย อู่อนั โหวซ่ งเทียนเวินก้าวออกมา กล่าว “ท่านแม่ คดีความชักช้ามิได้ ปล่อยให้ใต้เท้าหลิน


พาโหรวเอ๋ อร์กบั ชิงเหยียนไปไต่สวนทีศาลซุ่ นเทียนก่อนเถอะ......”

ในขณะทีคนอืนไม่ทนั สังเกต เขากดเสี ยงตํา “ท่านแม่ โหรวเอ๋ อร์ทาํ ความผิดจนโดนจับได้ ถ้าพวกเราเขียน


หนังสื อหย่าให้นางตอนนี จะมิใช่การผลักคนตกเหวหรื อ ? ขุนนางบุ๋นบู๊จะมองจวนอู่อนั โหวของพวกเราอย่างไร
?”

ซ่งเหล่าฮูหยินหลับตาลง อู่อนั โหวไม่ควรถูกผูค้ นตราหน้าว่าทอดทิงผูค้ น

ของทีมู่หรวโหรวยักยอกมาจากแซ่ เฉิ น คนในจวนอู่อนั โหวก็ได้ไปไม่นอ้ ย ดูท่าทางของมู่หรงโหรวแล้วถ้าเทียน


เวินเขียนหนังสื อหย่าให้นาง นางก็คงจะประกาศเรื องนี ออกไปแน่ นางไม่มีทางยอมให้นางทําเช่นนัน “เช่นนัน
เรื องหนังสื อหย่าพักเอาไว้เสี ยก่อน รอนางกลับจวนอู่อนั โหวแล้วค่อยว่ากัน”

“ขอบพระคุณท่านแม่เจ้าค่ะ” หัวใจทีเต้นแรงของมู่หรงโหรวค่อย ๆ เบาลง ถอนหายใจอย่างโล่งอก เดินออกจาก


จวนภายใต้การกุมตัวของเจ้าหน้าที
มองไปยังแผ่นหลังของนางทีค่อย ๆ เดินไกลออกไป มู่หรงเสวียยิมเยาะ ถึงแม้วา่ นางจะไม่ถูกฟ้ องหย่า แต่
ชือเสี ยงกลับถูกทําลายสิ นจนไม่มีเหลือ เมือนางกลับจวนตอนหมดโทษ ซ่ งเหล่าฮูหยินไม่มีทางมอบอํานาจการ
ดูแลจวนทังหมดให้นางแน่ สาวใช้ในจวนอู่อนั โหวก็จะไม่เกรงกลัวนาง ทังยังจะนินทาเยาะเย้ยนางลับหลัง ถึง
นางจะอยูใ่ นตําแหน่งอู่อนั โหวฮูหยินต่อไป วันทีเหลืออยูข่ องนาง คงอยูอ่ ย่างไม่เป็ นสุ ข

เงาสู งใหญ่สายหนึงทาบทับบนตัวนาง มู่หรงเสวียหลุดจากภวังค์ เห็นอู่อนั โหวซ่ งเทียนเวินยืนอยูด่ า้ นหน้านาง


ยิมอย่างละอายใจ “เย่เอ๋ อร์ เสวียเอ๋ อร์ ข้าขอโทษจริ ง ๆ ท่านอาของเจ้า......เฮ้อ......คราวหลังมีเรื องลําบากใจอะไร
ให้มาหาอาเขย ถ้าเป็ นเรื องทีอาเขยทําได้ อาเขยจะช่วยเหลือพวกเจ้าอย่างเต็มที”

มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ ซ่ งเทียนเหวินเป็ นสามีของมู่หรงโหรว เรื องทีมู่หรงโหรวทํามีหรื อทีเขาจะไม่รู้ หลอกใครก็


ไม่มีทางเชือ

“เรื องช่วยเหลือมิจาํ เป็ น ขอเพียงแค่คนของจวนอู่อนั โหวของพวกท่านไม่มายุง่ วุ่นวายกับทรัพย์สินของบ้านข้า


อีก ไม่คิดร้ายต่อพวกเราสองพีน้องอีก พวกเราก็ขอขอบคุณเป็ นอย่างยิงแล้วเจ้าค่ะ”

รอยยิมของซ่ งเทียนเวินแข็งค้างบนใบหน้า ยิมแห้ง ๆ อย่างไม่เป็ นธรรมชาติ “วันนีมีแขกเหรื อมาร่ วมงาน


มากมาย ข้าขอตัวไปดูแลก่อน พวกเจ้าตามสบายเถอะ”

ตัวต้นเรื องและผูร้ ่ วมขบวนการถูกจับกุมไปแล้ว เรื องราววุน่ วายทังหมดยุติลง เหล่าแขกเหรื อต่างแยกย้ายกัน


ออกไปทีละกลุ่มสองกลุ่ม จนเหลือเพียงมู่หรงเสวียกับมู่หรงเย่

“ผูค้ นก็ไปกันหมดแล้ว ท่านพีพวกเรากลับจวนกันเถอะ” มู่หรงเสวียกล่าวช้า ๆ แต่ไม่ได้รับการตอบรับใด เมือ


หันหน้าไปมองเห็นมู่หรงเย่ เขายังคงนังซึ มอยูเ่ ช่นเดิมไม่ขยับเขยือนไปไหน ก้มหน้าลงไม่รู้คิดสิ งใดอยู่

......
ตอนที 52 ชายหญิงห้ ามใกล้ ชิด
“ท่านพี ท่านเป็ นอะไรหรื อ ?” มู่หรงเสวียเดินไปด้านหน้า มองไปยังมู่หรงเย่อย่างไม่เข้าใจ

มู่หรงเย่ค่อย ๆ เงยหน้าขึนมาทีละน้อย ดวงตาของเขาแดงกําคลอไปด้วยนําตา เขาขยับดึงเอาตัวของมู่หรงเสวีย


เข้าไปกอด พูดจาสะอึกสะอืนติด ๆ ขัด ๆ ไม่เป็ นประโยค “น้องเล็ก......ข้าคิดว่า......พวกเขาล้วนจริ งใจกับข้า
......”

แต่ในความเป็ นจริ งลูกพีลูกน้องทีใกล้ชิดสนิทสนมกับตัวเขามากทีสุ ด กลับรับประโยชน์จากคนอืนเพือวางแผน


ให้เขาเสี ยคน ท่านอาหญิงทีคอยดูแลเอาใจใส่ เขากลับลงทุนลงแรงวางแผนร้าย จงใจทําลายเขา สองปี มานีเขา
กลับเดินไปตามแผนการของคนอืนเสี ยทังหมด......

นําตาอุ่นค่อย ๆ ไหลออกมา หยดลงทีลําคอของมู่หรงเสวีย มู่หรงเสวียชะงัก ค่อย ๆ ยกมือขึนไปลูบทีหลังของ


เขาเบา ๆ นางไม่ชอบให้ผชู ้ ายเข้าใกล้ แต่ม่หู รงเย่ตอนนี กลับให้ความรู ้สึกเหมือนสัตว์ตวั น้อย ๆ ทีกําลังถูกทําร้าย
กําลังร้องเรี ยกอย่างเศร้าเสี ยใจ นางจึงใจไม่แข็งพอทีจะผลักไสเขาออกไป

ถึงมู่หรงเย่จะเป็ นเจินกัวโหว แต่กย็ งั เป็ นแค่เด็กทีมีอายุเพียงสิ บสี ปี กําพร้าพ่อแม่ตงแต่


ั เล็ก เขาคาดหวังใน
มิตรภาพและความใกล้ชิดมาก จึงเชือใจมู่หรงโหรวและซ่ งชิงเหยียน และถูกหลอกเอาได้โดยง่าย

“มิตอ้ งไปเสี ยใจ ท่านแค่พลาดพลัง ดูคนไม่ออกก็เท่านันเลยถูกพวกเขาวางแผนคิดร้ายใส่ คราวหลังก็แค่ระมัด


เลือกคบคนให้ดี แน่นอนว่าจะต้องได้เจอเพือนทีดีและเป็ นห่ วงเราอย่างจริ งใจ ไม่ควรจะไปเสี ยใจให้กบั คนไม่ดี
เพียงสองคน......”
มู่หรงเย่สะอึกสะอืน “ข้ามันไม่ได้เรื อง......เรื องของพวกเขาข้าขอโทษ......ทําไมพวกเขาจะต้องคิดร้ายต่อข้าด้วย”
ทังยังใช้แผนการทีตําช้าเช่นนี มาทําลายเขา

“ก็เพราะพวกเขาเห็นแก่ตวั โลภมาก เพราะการทีมีท่านอยู่ นันไปขัดขวางเส้นทางของพวกเขา” แววตาของมู่หรง


เสวียเยือกเย็น อย่าคิดว่านางไม่รู้ว่าทีมู่หรงโหรววางแผนให้มู่หรงเย่เสี ยคน ก็เพือกรุ ยทางให้คนบางคนทีอยูจ่ ิง
โจว

“พวกเรากับท่านย่าไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน และตัวท่านก็อยูใ่ นตําแหน่งทีพวกเขาต้องการ ถึงแม้วา่ ท่านจะทําดี


กับพวกเขามากเพียงใด พวกเขาก็จะมีแต่คดิ หาวิธีการเหยียบยําท่านให้จมดินจนไม่สามารถลุกขึนมาได้อีก”

ดวงตาของมู่หรงเย่ทีถูกบดบังไปด้วยนําตา เรื องจิตใจโลภมากและชัวร้ายของคนเขาเข้าใจดี แผนการคิดร้ายต่าง


ๆ นา ๆ เขาก็รู้แจ้ง แต่เขาคิดว่าสิ งพวกนันจะใช้เพียงแค่กบั ศัตรู แต่กลับคาดไม่ถึงว่าคนทีเขาคิดว่าเป็ นญาติมิตร
กลับเอาสิ งเหล่านี มาใช้กบั ตัวเขาอย่างไม่รู้ตวั ......

พ่อแม่กเ็ สี ยไปตังแต่ยงั เล็ก ท่านย่าก็มิใช่ยา่ แท้ ๆ ท่านอาก็คิดร้ายต่อเขา มีเพียงน้องสาวเท่านันทีอยูข่ า้ งกายเขา


คอยช่วยเหลือเขาอย่างเต็มใจ โชคดีจริ ง ๆทีเขายังมีน้องสาว......

หางตาเหลือบไปเห็นชายเสื อสี ขาว มู่หรงเสวียรู ้สึกเหมือนเอวของนางถูกสัมผัส เพียงพริ บตาตัวนางถูกลาก


ออกไปไกลถึงสองสามเมตร เห็นเพียงมู่หรงเย่ทียังยืนอยูท่ ีเดิม
กลินหอมของไม้ไผ่ค่อย ๆ โชยออกมาโดยรอบ มู่หรงเสวียเงยหน้าขึนไปมอง พอดีสบเข้ากับใบหน้าหล่อเหลา
ดังภาพวาด นางขมวดคิวขึนอย่างงงงวย “คุณชายโอวหยาง ท่านทําอะไร ?”

“ชายหญิงมิควรใกล้ชิดกัน !” คุณชายโอวหยางพูดเน้นทีละคํา เสี ยงทุม้ แฝงไว้ดว้ ยความไม่พอใจเล็กน้อย

มู่หรงเสวียไร้วาจาสิ นคําพูด พูดกล่าวเสี ยงเข้ม “เขาเป็ นพีชายของข้า”

“พีชายของเจ้าก็เป็ นผูช้ าย ชายหญิงอายุเกินเจ็ดปี มิควรใกล้ชิดกัน เจ้าก็มิใช่ว่าจํามิได้ว่าเขาอายุสิบสี ปี แล้ว”


คุณชายโอวหยางเลิกคิวมองมาทีนาง ท่าทางเหมือนกําลังมองคนโง่งมผูห้ นึง

มู่หรงเสวียนิง “......” เป็ นเขาทีมากด้วยเหตุผล

“พีชายของข้าถูกคนคิดร้ายและกําลังเสี ยใจมาก ข้ากําลังปลอบประโลมเขา......”

“การปลอบผูค้ นสามารถทําได้หลากหลายวิธี แต่เจ้ากลับเลือกใช้วิธีการทีโง่ทีสุ ด และเป็ นวิธีทีไม่ควรใช้มาก


ทีสุ ด......” คุณชายโอวหยางปรายตามองนาง พูดด้วยท่าทีทีไม่สนใจความรู ้สึกของนาง

พริ บตาเดียวดวงหน้าของมู่หรงเสวียก็กลายเป็ นโกรธขึง กัดฟั นพูดอย่างไม่พอใจ “คุณชายโอวหยาง......”


ทุกครังทีพบนางเขาล้วนทําให้นางไม่มีวาจาใดทีจะกล่าว คุณชายโอวหยางช่างเป็ นคนปากร้าย

มู่หรงเย่ทียืนอยูท่ ีเดิม เขามองไปทีความใกล้ชิดสนิ ทสนมตรงหน้าด้วยท่าทีทีนิงค้าง เห็นมู่หรงเสวียกับคุณชาย


โอวหยางกําลังต่อปากต่อคํากัน ดวงตาฉายแววประหลาดใจ หยาดนําตาใสยังคงเกาะค้างอยูบ่ นขนตา น้องเล็ก
กับคุณชายโอวหยาง......นี มันเรื องอะไรกัน ?

เมือรู ้สึกว่ากําลังถูกจ้องมอง คุณชายโอหยางจึงหันมามองเขา สายตาราบเรี ยบคมกริ บดังดวงตาของเหยียวทิม


แทงมาทีเขาเหมือนกับจะทะลุเข้าไปทีหัวใจ ร่ างกายสู งใหญ่ของมู่หรงเย่พลันแข็งทือ รี บร้อนก้มหัวลง ไม่กล้า
สบตากับเขา แววตาวูบไหว พูดติด ๆ ขัด ๆ “น้องเล็ก คุณชาย พวกท่านค่อย ๆ คุยกันเถอะ......ข้าขอตัวกลับจวน
ก่อน”

“เดียวก่อน ข้าจะกลับจวนพร้อมกับท่าน” ทีมู่หรงเสวียมาทีจวนอู่อนั โหวก็เพือจะช่วยให้มู่หรงเย่หลุดออกจาก


สถานการณ์อนั เลวร้าย เมือเรื องราวทังหมดจบลงไปแล้ว แน่นอนว่านางก็ตอ้ งกลับจวน ไม่คิดอยากทีจะอยูท่ ีงาน
เลียงครบรอบนี ต่ออีก

เมือเห็นมู่หรงเย่หมุนตัวเดินออกไปด้านนอก มู่หรงเสวียก็ใช้แรงแกะฝ่ ามือทีเกาะอยูท่ ีเอวของนางออก เตรี ยมจะ


ก้าวออกไปด้านหน้า ไม่คาดว่าคุณชายโอวหยางกลับยืนแขนออกมาเกาะเอวของนางอีกรอบ พร้อมลากนางกลับ
เข้าไปในอ้อมอกของเขา “ข้ามีเรื องจะถามเจ้า”

“เรื องอะไร ?” มู่หรงเสวียถามกลับแบบขอไปที หันไปมองมู่หรงเย่ อยากจะให้เขารอนางสักนิด แต่คาดไม่ถึง


ว่ามู่หรงเย่กลับเดินจําออกไปด้านนอกอย่างเร่ งรี บเสี ยแล้ว เพียงครู่ เดียวก็วิงหายลับไปจากสายตา
มู่หรงเสวียไร้ซึงคําพูด มู่หรงเย่ เจ้าจะหนีให้มนั ช้ากว่านี หน่อยมิได้รึไง ?

“เจ้าจะไปหุ บเขาหวีซานเมือใด ?” เสี ยทุม้ ดังเข้าหู มู่หรงเสวียหลุดออกจากภวังค์ กล่าวราบเรี ยบ“เร็ ววันนีเจ้าค่ะ


ของทีต้องใช้ขึนเขาข้าล้วนเตรี ยมไว้จวนจะเสร็ จเรี ยบร้อยแล้ว รอเพียงแค่ของทีข้าสังทําขึนพิเศษจากร้านค้าพวก
นันเสร็ จสิ นแล้ว ก็สามารถออกเดินทางได้ ทําไมอยู่ ๆ ท่านถึงถามขึนมาได้”

คุณชายโอวหยาเพียงนิงไปชัวครู่ พูดด้วยเสี ยงตํา “เร็ ว ๆ นี ข้าค่อนข้างทีจะยุง่ คงไม่สามารถพาเจ้าไปหวีซานได้”

“มิเป็ นไรเจ้าค่ะ ท่านเพียงบอกข้าว่าดงของต้นตีหยางอยูต่ รงไหนก็เพียงพอแล้ว” มู่หรงเสวียยิมอย่างสดใส จริ ง ๆ


แล้วนางอยากจะไปหุ บเขาหวีซานเพือเก็บเกียวต้นตีหยางเพียงคนเดียวเท่านัน ไม่ได้มีความคิดทีจะให้คุณชาย
โอวหยางพาไปเสี ยหน่อย

เมือมองไปทีใบหน้ายิมแย้มของมู่หรงเสวีย ดวงหน้างดงามของคุณชายโอวหยางก็ดุดนั ขึน พอได้ยนิ ว่าเขาไม่


สามารถพานางไปหุบเขาหวีซานได้ ท่าทางของนางราวกับว่ากําลังดีใจเสี ยมากมาย !

“คุณชายโอวหยาง” เสี ยงอ่อนหวานของหญิงสาวลอยเข้าหู มู่หรงเสวียมองไปตามเสี ยงเรี ยก เห็นซูหนานเซี ยง


กําลังยืนอยูท่ ีปากทางเข้าของเรื อน นางอยูใ่ นชุดจีนโบราณยาวสี แดง ตรงไหล่เป็ นลวดลายของลูกไม้ เผยให้เห็น
ผิวขาวเรี ยบเนี ยน บนกระโปรงประดับประดาไปด้วยลูกไม้ ส่ องแสงแวววับไปมาภายใต้แสงอาทิตย์
แววตาเผยประกายตืนเต้นดีใจทีได้เห็นคนทีตัวเองแอบชอบ ต่างหู ไข่มุกสันไหวเบา ๆ ท่าทางของนางตอนนี
เหมือนพบเจอกับสิ งทีรอคอยมานาน ท่าทางดูกระวนกระวาย

“มีอะไรหรื อ ?” คุณชายโอวหยางพูดเสี ยงราบเรี ยบ เก็บแขนทังสองข้างของตน ร่ างบางของมู่หรงเสวียถึงได้


หลุดออกจากอ้อมกอดของเขา ซูหนานเซี ยงทีเห็นภาพนัน นางเหมือนได้ยนิ เสี ยงบางสิ งระเบิดในหัว ร่ างกาย
บอบบางสันไหวเล็กน้อย นางยันขอบประตูเอาไว้ทาํ ให้นางไม่ลม้ ลงไปเสี ยก่อน ดวงหน้ากลายเป็ นซี ดขาว

นางเคยคิดว่า คุณชายโอวหยางจะไม่ชอบสถานทีทีมีผคู ้ นมากมาย จึงมาหาความสงบทีนี แต่คดิ ไม่ถึงว่าเขา


กลับมาแอบพบกับมู่หรงเสวีย !

มู่หรงเสวีย ทําไมถึงต้องเป็ นมู่หรงเสวียอีกแล้ว !

แววตาของซูหนานเซี ยงเปล่งประกายเยือกเย็น ฝ่ ามือภายใต้แขนเสื อทีปกปิ ดกําแน่ นเข้าหากัน

มู่หรงเสวียกระพริ บตามอง นี ซูหนานเซี ยงกําลังไม่พอใจนางงันหรื อ ?

“หนานเซี ยง ข้าหาเจ้าตังนาน คิดไม่ถึงว่าจะมาอยูท่ ีนี !” นําเสี ยงอ่อนหวานอารมณ์ดีตามมาด้วยเงาของร่ างสาย


หนึ งทีค่อย ๆ เดินเข้ามา......
ตอนที 53 ความคิดดีๆ
คนทีเดินเข้ามาใหม่อยูใ่ นชุดสี เขียวพอดีตวั เผยให้เห็นร่ างกายทีสมส่ วนดูองอาจ ปกเสื อรวมถึงปลายแขนเสื อ
ล้วนปั กด้วยด้ายเงินชันดีลวดลายวิจิตรงดงาม ช่วงเอวประดับด้วยเข็มขัดพลอยดูสูงค่า นิวมือขวาประดับด้วย
แหวนหยกลายก้อนเมฆสมฐานะ รู ปลักษณ์หล่อเหลาหาใดเปรี ยบ นันมันองค์ชายสี เย่เทียนฉี

“คารวะองค์ชายสี เพคะ” ซูเซียงหนานย่อกายลงช้า ๆ ชายกระโปรงสี แดงลายลูกไม้ยอบคลุมไปกับพืน เสริ มให้


นางดูงดงามหยดย้อย แววตาของเย่เทียนฉี เปล่งประกายอย่างพอใจ พลางยิมกล่าว “หนานเซี ยงมิตอ้ งมากพิธี
หรอก ผูค้ นล้วนอยูท่ ีงานเลียงด้านหน้า ทําไมเจ้าถึงมาอยูท่ ีนีได้ล่ะ ?”

“อยูใ่ นงานเลียงข้ารู ้สึกเบือเล็กน้อย เลยออกมากเดินเล่นเพคะ พอดีกบั บังเอิญได้เจอเพือนทังสองท่านเข้า” ซู


หนานเซี ยงกล่าวเสี ยงบางเบา มองไปด้านในของเรื อนปิ ดบังสายตาขุ่นเคืองไว้มิดชิด ตัวนางนันถือได้ว่ามีความ
งามอยูใ่ นอันดับต้น ๆ ในโลกนี ไม่มีใครทีเห็นนางแล้วจะมิตอ้ งใจ ก็คงจะมีแต่คนทีอยูด่ า้ นในของเรื อนตรงหน้า
เท่านัน......

เย่เทียนฉี มองตามสายตาของนาง ก็เห็นคุณชายโอวหยางทีกําลังยืนอยูด่ า้ นในของเรื อน ร่ างกายสู งโปร่ งองอาจ


หล่อเหลามิธรรมดา ข้างกายปรากฏร่ างของมู่หรงเสวียในชุดกระโปรงยาว ใบหน้างดงามเรี ยวเล็ก แววตาสี ดาํ
ราบเรี ยบเย็นชา แสงแดดสี ทองส่ องกระทบผูค้ นทังสอง ให้ความรู ้สึกเหมือนดังเทพเซี ยนในภาพเขียนอันวิจิตร
งดงาม

แววตาของเย่เทียนฉีส่องประกายประหลาดใจ แต่กก็ ลับกลายเป็ นปกติอย่างรวดเร็ ว ยิมกล่าว“คุณชาย คุณหนูมู่


หรง พวกท่านก็มาร่ วมงานเลียงครบรอบด้วยหรื อ ?”
“ข้าแค่ผา่ นทางมา มิได้มาร่ วมงานเลียงเพคะ” มู่หรงเสวียพูดด้วยนําเสี ยงราบเรี ยบ เจ้าของร่ างเดิมกับเย่เทียนฉี
ไม่ได้สนิทกัน รู ้เพียงว่าเขาอายุยงั น้อยแต่กลับได้รับความโปรดปรานจากองค์ฮ่องเต้เป็ นพิเศษ ซึงนางก็ไม่อยาก
ใกล้ชิดกับเขามากเท่าไรนัก

“องค์ชายสี มาร่ วมงานเลียงครบรอบทีจวนตระกูลซ่ งเช่นกันหรื อพ่ะย่ะค่ะ” คุณชายโอวหยางกล่าวนําเสี ยงเรี ยบ


เฉย ฐานะของจวนอู่อนโหวตอนนี
ั ลร่ วงลงไปอยูท่ ีจวนโหวชันสองแล้ว ไม่จาํ เป็ นทีองค์ชายสี จะต้องให้เกียรติ
มาร่ วมงาน

“ข้าแค่มาหาเซี ยงหนานเท่านัน อยากถามไถ่สุขภาพของผูเ้ ฒ่าซูว่าดีขนหรื


ึ อยัง ? จะได้หาเวลาไปขอคําชีแนะเสี ย
หน่ อย” เย่เทียนฉี ยมน้
ิ อย ๆ ดูมีเสน่ห์ดึงดูผคู ้ น

ผูเ้ ฒ่าซูดาํ รงตําแหน่ งเป็ นราชครู เขากับซูหนานเซี ยงรู ้จกั กันตังแต่ยงั เล็ก ความสัมพันธ์ทีมีต่อกันก็ถือว่าไม่เลว
นัก แต่เขากลับเคยชินทีจะเรี ยกนางตรง ๆ ว่าซูหนานเซี ยง จนติดปากมาจนถึงตอนนี

ช่วงทีราชครู ซูยงั อยูใ่ นวัยหนุ่ มได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้เป็ นอย่างมาก จึงโหมงานจนหนักทําให้สุขภาพ


อ่อนแอไปไม่น้อย พออายุมากขึน โรคเก่าก็กาํ เริ บปิ ดจวนจนไม่รับแขก รักษาตัวอยูแ่ ต่เพียงในจวน น้อยมากทีจะ
ออกมาต้อนรับแขก

คุณชายโอวหยางแววตาลึกลํา “ท่านอยากขอคําแนะนําเกียวกับเรื องภัยพิบตั ินาท่


ํ วมทีหลิงหนานหรื อพ่ะย่ะค่ะ ?”
“ใช่แล้ว” เย่เทียนฉี พยักหน้า แววตาเป็ นกังวล “หลิงหนานฝนตกหนักมาได้ครึ งเดือนแล้ว ยังคงไม่มีท่าทีทีจะ
หยุดตกง่าย ๆ ครึ งหนึงของหลิงหนานล้วนจมอยูใ่ ต้นาํ ชาวบ้านมากมายต่างก็ตอ้ งอพยพไร้ทีอยู่ ถ้ายังคงเป็ น
อย่างนี ต่อไป ไม่เพียงหลิงหนานทีต้องประสบภัยพิบตั ิเท่านัน คงจะลามไปถึงเจียงหนานทีอยูใ่ กล้กนั กับหลิง
หนานอีกทีหนึงด้วย......”

เจียงหนานเป็ นพืนทีทีอุดสมบูรณ์ทีสุ ดของแคว้นชิงเหยียน คลังเสบียงของแคว้นล้วนมาจากทีนันสามสิ บส่ วน


ในร้อยส่ วน ถ้าหากเจียงหนานถูกนําท่วมไปด้วย เสบียงทีได้รับก็จะน้อยลง การจะสร้างเจียงหนานกลับขึนมา
ใหม่จากความเสี ยหายรวมถึงการจัดการหาทีอยูใ่ ห้กบั ประชากรราวหนึงแสนคน ถือว่าเป็ นเรื องทีทําให้ผคู ้ นปวด
หัวและยากจะจัดการ......

ช่วงนี ทุกครังทีฮ่องเต้ออกว่าราชการเช้า ล้วนเอาแต่ปรึ กษาหารื อกับขุนนางบุ๋นบู๊เกียวกับเรื องนี หลังจากออกว่า


ราชการเช้าเสร็ จ ฮ่องเต้กม็ กั จะเรี ยกตัวเหล่าขุนนางคนสําคัญเข้าไปปรึ กษาหารื อทีห้องทรงงานต่อ ไม่กีวันมานี
ยังไม่สามารถคิดหาแผนการรองรับทีเหมาะสมได้

ซูหนานเซี ยงแววตาวูบไหว “ร่ างกายของท่านปู่ ยังคงอ่อนแอนัก นอนรักษาตัวอยูบ่ นเตียงมาโดยตลอด คาดว่าคง


จะไม่สามารถชีแนะองค์ชายสี ได้เพคะ แต่ขา้ มีความคิดดี ๆ จะเสนอแนะ ไม่ทราบว่าองค์ชายสี อยากจะฟั งรึ ไม่ ?”

ดวงตาของเย่เทียนฉี ปรากฏแววสงสัย “เป็ นแผนการอันใดหรื อ ? มิเป็ นไรพูดออกมาเถอะ”

ซูหนานเซี ยงยิมน้อย ๆ “หลิงหนานมักจะฝนตกบ่อย ๆ ถ้าอยากจะป้ องกันอุทกภัย จําต้องสร้างเขือนทีแข็งแรง


......”
สร้างเขือนอีกแล้วหรื อ ? เย่เทียนฉี ยน่ คิวในใจ แต่มิได้แสดงออกมาภายนอก ท่าทางตังใจฟังคําพูดของซูหนาน
เซี ยง “เขือนของหลิงหนานล้วนเป็ นแค่เนินดินธรรมดา ไม่มีทางทีจะต้านทานความรุ นแรงของมวลนําทีมาก
ขนาดนันได้ พวกเราควรสังการให้พวกคนงานนําก้อนหิ นไปเสริ มให้แข็งแรง เหมือนกับการสร้างกําแพงบ้าน
เมือสร้างกําแพงเขือนทีแข็งแรง ก็ไม่มีวนั ทีจะล้มจนนําทีเอ่อล้นก็ไม่สามารถไหลผ่านไปได้......”

“เป็ นข้อชีแนะทีมีเหตุมีผล” เย่เทียนฉี พยักหน้า คิวทีย่นเล็กน้อยมิได้คลายออก “แต่ว่าปี นี หลิงหนานฝนตกชุก


เป็ นพิเศษ อุทกภัยจึงหนักหนาสาหัสกว่าครังก่อน ๆ นัก เขือนทีต้องสร้างแน่นอนว่าต้องสู งหลายสิ บเมตรได้
......” ถ้าเป็ นเช่นนันจะต้องใช้แรงคนและทรัพยากรทีมากมายมหาศาลจนนับไม่ถว้ น

“ใกล้ ๆ กับหลิงหนานมีกองทหารหรื อไม่ใช่หรื อ ? ควรมอบหมายให้พวกเขาไปสร้างเขือนเป็ นการชัวคราว” ซู


หนานเซี ยงยิมสดใส เหล่าทหารล้วนเรี ยนวรยุทธ์ ร่ างกายย่อมแข็งแรง เคลือนไหวรวดเร็ ว ให้พวกเขาสร้างเขือน
คงจะสร้างได้เร็ วและมันคงกว่าคนธรรมดาหลายเท่า

“นอกจากนี ให้ขอความร่ วมมือจากผูค้ นทีมีฐานะมังคังในเมืองหลวงหรื อเมืองต่าง ๆ ให้ร่วมบริ จาคเงิน สิ งของ


เท่านีก็จะสามารถช่วยชาวหลิงหนานให้หลุดพ้นจากภัยพิบตั ิได้แล้วเพคะ......”

“แผนนี......ก็ไม่เลวนัก” เย่เทียนฉี กล่าวชมด้วยนําเสี ยงราบเรี ยบ แววตาเคร่ งขรึ ม บริ จาคเงิน บริ จาคสิ งของ
แน่นอนว่าจะต้องถูกผูค้ นบางส่ วนต่อต้าน......
“องค์ชายสี ทรงกล่าวชมเกินไปแล้วเพคะ” ซูหนานเซี ยงยิมสดใสอย่างถ่อมตัว เงยหน้ามองเย่เทียนฉี เห็นเขา
หลับตาลงไม่รู้วา่ กําลังคิดอะไรอยู่ เหมือนไม่ได้มีความยินดีนกั ทีได้ความคิดดี ๆ จากนาง

พอหันไปมองคุณชายโอวหยาง แววตาลําลึก สี หน้าเรี ยบเฉยท่าทางเหมือนไม่ได้ยนิ แผนการทีนางพูด

ั อ ? ซูหนานเซี ยงไม่เข้าใจมองไปทางมู่หรงเสวีย “คุณหนูม่หู รง


หรื อว่าแผนการของนางมีตรงไหนทีไม่ดีงนหรื
เสวียคิดว่าแผนการทีข้าพูดเป็ นอย่างไรบ้างเจ้าคะ ?”

มู่หรงเสวียได้แต่ตอบกลับแบบขอไปที “ถือว่ายังพอรับได้”

ก็แค่ยงั แก้ไขไม่ตรงจุด อีกทังยังใช้กาํ ลังคนและทรัพยากรอย่างสิ นเปลือง คุณชายโอวหยางกับเย่เทียนฉี ก็คิด


เช่นเดียวกันแต่มิได้กล่าวออกมา

เพียงพริ บตาเดียว ความรู ้สึกของซูหนานเซี ยงก็เต็มไปด้วยความความโมโหแต่ก็ยงั อดกลันเอาไว้ได้ “คุณหนูมู่


หรงดูเหมือนจะไม่คอ่ ยพอใจกับแผนการของข้านัก ถ้าคุณหนู ม่หู รงมีแผนการทีดีกว่าข้า เช่นนันโปรดชีแนะให้
ข้าได้รับฟั งบ้างเถอะเจ้าค่ะ......”

คุณชายโอวหยางกับเย่เทียนฉี ลว้ นมีฐานะสู งส่ ง ทังยังมีความรู ้กว้างขวาง พวกเขาไม่เห็นด้วยกับแผนการของนาง


ก็ไม่ผดิ อะไรนัก แต่ม่หู รงเสวีย หญิงสาวร่ างกายอ่อนแอทีรักษาตัวอยูแ่ ต่ในจวนฝ่ ายใน กลับกล้าดูเบาแผนการ
ของนาง ช่างมิเจียมเนื อเจียมตน ตัวนางก็จะขอสังสอนเสี ยหน่ อย ให้นางได้รู้ว่าอะไรคือการเจียมเนื อเจียมตน
สี หน้าของมู่หรงเสวียเรี ยบเฉย แผนการของซูหนานเซี ยงไม่ได้รับคําชมจากเย่เทียนฉี เป็ นเพราะว่าวางแผนไม่
ถูกต้อง ไม่ได้เกียวอะไรกับนางเลยสักนิด แต่ซูหนานเซี ยงกลับไม่ไปแก้ไขแผนการของตนให้ดีขนึ แต่กลับมา
หาเรื องวุ่นวายกับนาง ช่างเป็ นคนทีมีนิสัยแปลกประหลาดเสี ยจริ ง อยากจะฟั งแผนการของนางนักใช่ไหม ?
เช่นนันนางก็จะพูดแผนการของนางให้ฟังเอง

“การทีฝนตกหนัก จนทําให้เกิดนําท่วม ไม่จาํ เป็ นต้องสร้างเขือนเสมอไป แต่ยงั สามารถใช้ช่องเขาหรื อการขุด


คลองนําทางนําได้ เท่าทีข้าจําได้นนั ภูมิประเทศทางใต้ของหลิงหนานเป็ นหมู่เขามากมาย ถ้าเป็ นเช่นนันก็ควร
ให้คนงานขุดเส้นทางนํา นําเอามวลนําทังหมดผลักดันไปไว้ทีลุ่มกลางหุ บเขา ทําให้ทีลุ่มเหล่านันกลายเป็ นอ่าง
เก็บนําธรรมชาติ เท่านีอุทกภัยทีหลิงหนานก็จะถูกแก้ไขโดยสมบูรณ์แล้ว......”

“ชาวบ้านทีหลิงหนานอยูใ่ กล้กบั ภูเขามาก พวกชายหนุ่มเก้าในสิ บจะต้องรู้วิธีการขุดเส้นทางนํา เช่นนันก็ให้ขนุ


นางท้องถินจ้างพวกเขาขุดเส้นทางนํา ให้ค่าจ้างและอาหารเป็ นวัน ๆ ให้พวกเขาสามารถเอาไปเลียงดูจุนเจือ
ครอบครัวได้ สําหรับคนป่ วยชราทีไม่มีคนดูแล ก็ให้นาํ ข้าวในคลังเสบียงไปแจกจ่าย เท่านีก็ไม่ตอ้ งไปบังคับขู่
เข็นให้ชนชันสู งและเศรษฐีทีขีเหนี ยวพวกนันมาบริ จาคเงินและอาหารให้กบั ทางการ......”

ิ ก” เย่เทียนฉี ตบมือเสี ยงดัง กล่าวชมเชยไม่หยุด แววตาเปล่งประกายมองไปทีมู่หรงเสวีย......


“ดี ดี ช่างดียงนั
ตอนที 54 ตบรางวัล
“แผนของคุณหนูมู่หรงช่างดีนกั ” เป็ นแผนการทีจัดการกับอุทกภัยได้ดียงนั
ิ ก

“องค์ชายสี ทรงกล่าวชมเกินไปแล้วเพคะ” มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ ราวกับมวลบุปผาทีบานสะพรัง

ซูหนานเซี ยงค่อย ๆ ก้มหน้าลง แววตาเต็มไปด้วยความโกรธ ฝ่ ามือภายใต้แขนเสื อกําเข้าหากันแน่ น นางไม่


อยากจะเชือเลย แต่จะไม่ยอมรับก็ไม่ได้ แผนการทีมู่หรงเสวียเสนอมานันดียงนั
ิ ก แก้ไขปั ญหาฝนตกและนําท่วม
ของหลิงหนานได้อย่างตรงจุด เมือนํามาเทียบกับแผนการของนางแล้วราวกับท้องฟ้ ากับหุ บเหวอย่างสิ นเชิง......

“ข้าจะรี บเข้าวัง ไปรายงานแผนการของคุณหนูมู่หรงให้เสด็จพ่อได้ทรงทราบ ฝ่ าบาทจะต้องมอบบําเหน็จรางวัล


ให้คุณหนู ม่หู รงอย่างแน่นอน” เย่เทียนฉี มองไปทางมู่หรงเสวียอย่างนึ กชืนชม ก้าวเท้าออกไปด้านนอกเรื อน
อย่างรวดเร็ ว

กลินนําหอมหลงเสี ยนทีบางเบาลอยกระทบเข้ากับจมูก ซูหนานเซี ยงหลุดจากภวังค์ เงยหน้ามองไปทีมู่หรงเสวีย


สี หน้าเคร่ งขรึ ม “แผนการทีดีเช่นนี เป็ นแผนการทีคุณหนูม่หู รงคิดขึนมาเองอย่างนันหรื อ ?”

“ถ้ามิเป็ นเช่นนันคุณหนูซูคิดว่าเป็ นเช่นไรหรื อเจ้าคะ ?” มู่หรงเสวียยกมุมปากขึนคล้ายยิมคล้ายมิยมิ

“ทําไมคุณหนูม่หู รงถึงได้คดิ แผนการเช่นนี ออกมาได้ ?” ซูหนานเซี ยงจ้องมองไปยังมู่หรงเสวียตาไม่กระพริ บ


ไม่ยอมปล่อยให้ความผิดปกติใด ๆ บนใบหน้าของนางหลุดรอดไปได้
ํ นองอยูใ่ นสวนไหลไป
“ตอนทีข้ายังเล็ก ข้าเคยเห็นช่างตกแต่งสวนมาขุดร่ องนําเล็ก ๆ ทีจวนเจินกัวโหว ให้นาที
ลงทีรางนําด้านข้าง จึงบังเอิญคิดแผนการนี ขึนมาได้” มู่หรงเสวียพูดอ้างเหตุผลไปส่ ง ๆ แผนรองรับภัยพิบตั ินาํ
ท่วมของศตวรรษที 21 เอามาใช้ทียุคโบราณเช่นนี รับรองว่าต้องได้ผลอย่างแน่นอน

“เป็ นเช่นนีจริ งหรื อ ?” ซูหนานเซี ยงมีท่าทางเชือครึ งไม่เชือครึ ง

“เชือหรื อไม่เชือก็แล้วแต่ท่านเถอะ นี ก็ล่วงเลยเวลามามากแล้ว ข้าคงต้องขอตัวกลับจวนก่อน คุณหนูซูโปรด


หลีกทางด้วยเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียขีเกียจต่อปากต่อคํากับซูหนานเซี ยง ผลักนางให้หลีกทางอย่างไม่เกรงใจแล้วเดิน
ออกจากเรื อนไป

ซูหนานเซี ยงทีไม่ทนั ระวังถูกผลักจนเซออกไปเล็กน้อยก็พอกลับมายืนตัวตรงได้ เห็นร่ างสี ขาวสายหนึงลอยผ่าน


หน้าไป เป็ นคุณชายโอวหยางทีเดินออกมา ชายเสื อพลิวไหวดูงามสง่า แต่กลับไม่มองนางแม้แต่นอ้ ย

สี หน้าของซูหนานเซี ยงเรี ยบเฉยจนดูน่ากลัว มองไปทีร่ างของมู่หรงเสวียทีค่อย ๆ เดินไกลออกไป แววตาเต็มไป


ด้วยความเกรี ยวกราด ก็แค่คิดแผนแก้นาท่
ํ วมออกมาได้อย่างไม่ตงใจ
ั มีอะไรให้ภมู ิใจกันนัก ? แต่ถา้ ฝ่ าบาททรง
เชือแผนการของนางแล้วเกิดแผนการดันเกิดข้อผิดพลาดขึนมา มีรับสังให้ประหารนางด้วยอารมณ์โกรธเพียงชัว
วูบล่ะก็ นันก็คงจะดีมินอ้ ย
เวลาผ่านไปสองชัวยามหลังจากนัน ขันทีผหู้ นึ งก็ได้นาํ ราชโองการมาทีจวนเจินกัวโหว “ฮ่องเต้มีราชโองการ
คุณหนูม่หู รงเสวียแห่ งจวนเจินกัวโหว เป็ นผูป้ ราดเปรื องมากความสามารถ มอบแนวทางแก้ปัญหาอุทกภัย คลาย
ความกังวลให้องค์ฮ่องเต้ คลายความทุกข์ยากให้ปวงประชา พระราชทานบําเหน็จรางวัล จบราชโองการ”

“ขอบพระทัยฝ่ าบาท ขอทรงพระเจริ ญหมืนปี หมืนหมืนปี ” มู่หรงเสวียก้าวออกไปรับราชโองการ

จ้าวกงกงมอบราชโองการให้กบั มู่หรงเสวีย ยิมตาหยีชีไปทีด้านหลัง “ยินดีกบั คุณหนูมู่หรงด้วยขอรับ พวกนี เป็ น


บําเหน็จรางวัลทีฝ่ าบาททรงมอบให้ท่าน”

มู่หรงเสวียเงยหน้ามองไป ก็เห็นเหล่านางกํานัลยืนเรี ยงแถวหน้ากระดาน แต่ละคนถือถาดใบใหญ่ ด้านบนวาง


ไว้ดว้ ยทองคํา อัญมณี ลาค่
ํ า ผ้าไหมชันดีมากมาย สิ งของทีสมควรมีลว้ นมีครบครัน เปล่งประกายแวววับจนทํา
ให้ผคู ้ นตาลาย

ของตังมากมายเช่นนี ฮ่องเต้พระองค์นีช่างใจกว้างเสี ยจริ ง “ขอบพระทัยฝ่ าบาทเป็ นอย่างสู ง”

“ลําบากกงกงแล้ว เชิญพักดืมชาด้านในสักครู่ เถิดเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียกล่าวยิม ๆ ตามมารยาท ยัดถุงแดงให้กบั จ้าว


กงกง แล้วสังการให้บรรดาสาวใช้ไปรับของจากนางกํานัลมา

จ้าวกงกงบีบคลําไปทีถุงแดงเล็กน้อย ใบหน้าปรากฏรอยยิมทีค่อย ๆ แย้มออกกว้างขึน “คุณหนูเกรงใจเกินไป


แล้วขอรับ ข้ายังต้องกลับไปรายงานทีวังต่อ คงไม่รบกวนแล้ว ขอลา”
“กงกงระวังด้วย” เมือมองส่ งจ้าวกงกงทีนํานางกํานัลกลับไป มู่หรงเสวียก็ยมตาหยี
ิ หยิบใบรายการของรางวัล
ขึนมาดู ค่อย ๆ ตรวจสอบอย่างละเอียด แม้นางจะไม่ขาดเงินตําลึง แต่ก็ไม่ขดั ทีจะได้เงิน......

เมือมองไปทีของขวัญอันมากมาย กับพวกทองคําอัญมณี ผา้ ไหมทีเกือบเต็มครึ งเรื อนได้ สี หน้าของหญิงเฒ่าแซ่ ตู ้


ก็ดูไม่สู้ดีนกั ก็แค่แผนการเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับได้บาํ เหน็จรางวัลมากมายเช่นนี ดวงของมู่หรงเสวียคงไม่ธรรมดา
ข้าวของจํานวนมากเท่านีใช้สองชาติกไ็ ม่หมด คนคนเดียวคงไม่สามารถใช้มนั ได้จนหมดแน่

“ของทีฝ่ าบาทพระราชทานให้จวนโหว ต้องเอาเข้าคลังของจวนโหว เด็ก ๆ เอาของทังหมดไปเก็บทีเรื อนหยก”

หญิงเฒ่าแซ่ ตูผ้ นู ้ ี ยังคงมิเลิกโลภมาก แม้กระทังของทีฝ่ าบาทพระราชทานให้นางก็ไม่เว้น ช่างเหมาะสมกับคน


โลภมากเสี ยจริ ง

มู่หรงเสวียปรายตามองหญิงเฒ่าแซ่ ตู ้ แววตาดูถูก “ท่านย่า ราชโองการก็เขียนไว้ชดั เจนว่า นี เป็ นสิ งของทีฝ่ าบาท


พระราชทานให้ขา้ มิใช่จวนเจินกัวโหว ท่านหู ตึงหรื ออย่างไรเจ้าคะ ? ถ้าฟังไม่ชดั เจนก็ไม่เป็ นไร ราชโองการก็
อยูต่ รงนี ท่านดูให้ชดั เจนเสี ยหน่อยเถอะ”

มู่หรงเสวียคลีม้วนสี ทองออก กางไว้ตรงหน้าของหญิงเฒ่าแซ่ ตู ้ พูดกล่าวคล้ายยิมคล้ายมิยม“ดวงตาของท่


ิ านคง
มิได้บอด อ่านเข้าใจความหมายข้างบนใช่หรื อไม่ ?”
ใบหน้าเหี ยวย่นของหญิงเฒ่าแซ่ ตกู ้ ลายเป็ นสี แดงกํา เม้มปากเข้าหากันแน่ นอยูน่ านสองนาน แต่กห็ าเหตุผลทีจะ
มาโต้เถียงไม่ได้ สายตาเหลือบไปเห็นนําชาทีวางบนอยูโ่ ต๊ะ แววตาเปล่งประกาย กล่าวเสี ยงดัง “มู่หรงเสวีย เจ้ามี
แผนการดี ๆ แก้ปัญหานําท่วม เหตุใดถึงไม่บอกข้า ?”

เจียนเอ๋ อร์ อยูท่ ีจิงโจวมาเป็ นสิ บปี ไม่เคยถูกเรี ยกตัวกลับเมืองหลวงเลยสักครังเดียว พีใหญ่บอกว่า เพราะเมือ
เปรี ยบเทียบผลงานของเขากับขุนนางคนอืน ผลงานของเขากลับไม่โดดเด่นเท่าไรนัก ถ้าเจียนเอ๋ อร์ ถวายแผนการ
แก้ปัญหานําท่วมนี ได้ ก็นบั ว่าเป็ นผลงานใหญ่ เรื องทีจะถูกเรี ยกตัวกลับเมืองหลวงก็คงเป็ นเรื องทีไม่นานเกินรอ
......

มู่หรงเสวียปรายตามองนาง “ท่านย่ามิใช่ขนุ นางในราชสํานัก เหตุใดข้าจะต้องบอกแผนแก้ปัญหานําท่วมกับท่าน


ด้วยเจ้าคะ ?”

“ข้าจะได้สามารถช่วยเจ้าตรวจสอบว่าแผนการยังมีตรงไหนทีไม่ถูกต้อง......” หญิงเฒ่าแซ่ ตขู ้ ึนเสี ยงสู ง

“เช่นนันหรื อเจ้าคะ ?” มู่หรงเสวียมองมาทีนางคล้ายยิมคล้ายมิยมิ “แต่ขา้ กลับคิดว่าท่านจะเอาแผนการไปบอก


ท่านอาสอง ให้เขานําถวายฝ่ าบาท เพือทีจะได้สร้างผลงาน......”

แผนการทีคิดไว้ถูกทําลายลง ใบหน้าเหี ยวย่นของหญิงเฒ่าแซ่ ตขู ้ ึนสี แดงกําอีกครัง แววตาวูบไหวไม่เป็ น


ธรรมชาติ “ข้าเป็ นคนไร้ยางอายเช่นนันทีไหนกัน เจ้าเลิกเอาความคิดของคนชันตํามาใช้กบั ชนชันสู งเช่นข้า !”
“ท่านย่าไม่ใช่คนไร้ยางอายอย่างนันหรื อ ? เช่นนันก็ดียงิ ความลับไม่มีในโลก ฝ่ าบาทเองก็เป็ นคนฉลาดหลัก
แหลม ถ้าหากมีคนทีไม่ได้ความผูห้ นึง ขโมยผลงานของคนอืนเอาไปถวายเป็ นผลงานของตัวเอง แน่นอนว่าฝ่ า
บาทจะต้องรู ้ พอถึงตอนนัน ก็จะกลายเป็ นการลบหลู่เบืองสู ง โทษประหารเก้าชัวโคตร ใครกันเล่าทีอยากจะ
รนหาทีตาย ข้ายังอยากทีจะมีชีวิตอยูต่ ่อไปนะเจ้าคะ......” มู่หรงเสวียยิมแหย ๆ คําพูดแต่ละคําล้วนทิมแทงเข้าไป
ในใจของหญิงเฒ่าแซ่ ตู ้

นางเห็นสายตาเยาะเย้ยของมู่หรงเสวีย แววตาเต็มไปด้วยไฟแค้น นางเป็ นย่าเลียงของมู่หรงเสวีย มู่หรงเสวีย


ไม่ใช่แค่ไม่เคารพนาง แต่ยงั จะดูถูกนาง ช่วงอวดดีไร้การสังสอนมากเกินไปแล้ว ! ถ้านางไม่เอาศักดิของญาติ
ผูใ้ หญ่มาสังสอนนางเสี ยบ้าง นางคงไม่รู้วา่ แซ่ ของตัวเองนันเขียนอย่างไร ?

แววตาของหญิงเฒ่าแซ่ ตดู ้ ุดนั เตรี ยมทีจะเปิ ดปากสังสอน สายตามองเห็นเงาร่ างสายหนึ ง พริ บตาเดียวนางก็
หยุดชะงัก “จิงอ๋ อง”

มู่หรงเสวียมองไปตามสายตาของนาง เห็นชายในชุดม่วงผูห้ นึงยืนอยูด่ า้ นหน้าประตู ดวงหน้าหล่อเหลางดงาม


หาใดเปรี ยบ แววตาเย็นชาคมกริ บ เป็ นเย่อีเฉิ นจริ ง ๆ “จิงอ๋ องมีธุระอะไรหรื อ ?”

“ไม่มี !” เย่อีเฉิ นมองมาทีมู่หรงเสวีย แววตาวูบไหวจนผูค้ นคาดเดาไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่

ถ้าไม่มีอะไรแล้ว จะมาทีจวนเจินกัวโหวทําไมกัน ?

เดียวนางก็จะถอนหมันกับเขาแล้ว ก่อนทีอดีตจิงอ๋ องจะมาถึงเมืองหลวง พวกนางทังสองคนเจอกันได้นอ้ ย


เท่าไหร่ ยงจะเป็
ิ นผลดีเท่านัน

มู่หรงเสวียเลิกคิว เตรี ยมจะสังให้ส่งแขก พลันเสี ยงอ่อนหวานสายหนึงดังขึน “อีเฉิ น !****”


ตอนที 55 กล่ าวเตือน
เมือมู่หรงเสวียมองไปเห็นฉิ นยวีเยียนเดินย่างกรายเข้ามา นางใส่ ชุดโปร่ งสี ม่วงอ่อน ชายกระโปรงปั กด้วย
ลวดลายดอกไห่ ถงั ส่ วนเอวถูกรัดแน่ นเข้าหากันจนดูคอดกิวคล้ายต้นหลิว ใบหน้างดงามล่มเมืองทําให้ผคู ้ น
หลงใหล

“ยวีเยียน เจ้ามาทีนี ได้อย่างไร ?” เย่อีเฉิ นกล่าวเสี ยงเบา ใบหน้าเย็นชากลับกลายเป็ นอ่อนโยน

ํ ว ข้ากลัวลมจะพัดแรงเลยเอาผ้าคลุมนี มาให้ท่าน” ฉิ นยวีเยียนยิมอ่อน ๆ นําเอาผ้าคลุมสี ม่วงใส่


“นีก็ใกล้คาแล้
ให้กบั เย่อีเฉิ น

ผ้าคลุมดูนุ่มลืน ด้านบนปั กด้วยด้ายสี ทองเป็ นรู ปทะเลเมฆ เสริ มให้ความสู งส่ งและเย็นชาของเย่อีเฉิ นเปล่ง
ประกายมากยิงขึน สายตาทีเขาใช้มองฉิ นยวีเยียนเต็มไปด้วยความอ่อนโยนทีไม่ธรรมดา “ลําบากเจ้าแล้ว”

ดวงตางามของฉิ นยวีเยียนเปล่งประกายสดใส “นําผ้าคุลมมาให้กบั ท่าน เป็ นเรื องทีสมควร......”

“จิงอ๋ อง องค์หญิงฉิ น ถ้าอยากจะแสดงความรักต่อกันและกัน รบกวนพวกท่านกลับไปทําทีวังจิงอ๋ อง แล้วปิ ด


ประตูวงั เสี ย เช่นนีพวกท่านก็สามารถจะกระทําการใด ๆ ก็ได้ตามใจชอบ” มู่หรงเสวียพูดขึนอย่างราบเรี ยบ
ดวงตาเย็นชาส่ องแววรําคาญใจ “ทีนี คือจวนเจินกัวโหว ข้ายังมีเรื องทีต้องทําอีกมากมาย ไม่มีกะจิตกะใจจะมาดู
พวกท่านเกียวพาราสี กนั ประตูอยูด่ า้ นหน้านัน ขอให้ท่านทังสองกลับดี ๆ ข้าไม่ส่ง !”
เย่อีเฉิ นมีสีหน้าดุดนั แววตาวูบไหวเปล่งประกายบางอย่าง มองไปทางมู่หรงเสวียอย่างเรี ยบเฉย มิกล่าววาจา

เพียงพริ บตาเดียวรอยยิมอ่อนโยนของฉิ นยวีเยียนก็กลายเป็ นแข็งค้างอยูบ่ นใบหน้า ฝ่ ามือกําแน่ นเข้าหากัน อีเฉิน


ยืนอยูด่ า้ นข้างของนาง มู่หรงเสวียกลับกล้าพูดจาดูถูกตนเช่นนี ช่างไม่เจียมเนือเจียมตัวนัก ! ถ้านางอยากรนหาที
ตาย ตัวนางก็จะขอเติมเต็มปรารถนาของนางเอง

“ท่าทางคุณหนูม่หู รงจะหึงหวงเข้าแล้ว ? อีเฉินเป็ นคนดี ถึงความสัมพันธ์ของพวกเราทังสองจะเข้ากันได้ดี แต่


พวกเราก็ไม่มีทางทีจะเย็นชาใส่ นอ้ งเสวียเอ๋ อร์ แน่นอน รอให้น้องหญิงแต่งเป็ นพระชายารองของจิงอ๋ อง พวกเรา
ก็จะเป็ นคนบ้านเดียวกันแล้ว......”

มู่หรงเสวียแววตาเยือกเย็น ยกมือขึนสะบัดกระบียาวเล่มหนึงออกมา พุ่งออกไปดังศรตรงไปทีฉิ นยวีเยียน


รวดเร็ วจนผูค้ นรับมือไม่ทนั

ได้ยนิ เสี ยง ‘เพล้ง’ ดังขึนสายหนึง กระบียาวก็ทิมลึกเข้าไปทีกําแพงด้านบนศีรษะของฉิ นยวีเยียน ด้ามกระบีสัน


ไหวไปมา

“ฉินยวีเยียน ข้าจะพูดเป็ นครังสุ ดท้าย ถึงข้าตายก็ไม่แต่งเป็ นอนุ ของเย่อเฉิ


ี น ถ้าหากข้าได้ยนิ ว่าเจ้าเอาตําแหน่ง
พระชายารองมาไว้ทีตัวข้าอีก สิ งทีกระบีของข้าจะแทงในครังต่อไป คงเป็ นคอของเจ้า !”
นําเสี ยงเตือนทีแสนเย็นชาลอยกระทบหู ทิมทะลุเข้าสู่ หวั ใจ ร่ างกายบอบบางของฉิ นยวีเยียนแข็งทือ เมือหลุด
ออกจากภวังค์ได้ ไอเย็นยะเยือกก็ทะลุผา่ นศีรษะของนางเข้าสู่ ร่างกาย ร่ างการสันสะท้านไปด้วยความหวาดกลัว

ในใจของนางเกลียดมู่หรงเสวียเข้ากระดูกดํา นางมองไปทางเย่อเฉิ
ี นด้วยท่าทางน่ าสงสาร เพียงพริ บตาดวงตา
งามก็เอ่อคลอไปด้วยนําตา “อีเฉิ น” นางกล่าวด้วยนําเสี ยงสะอืน ราวกับว่าเพิงถูกรังแกและไม่ได้รับความ
ยุติธรรม

เย่อีเฉิ นทําเป็ นไม่ได้ยนิ จ้องมองไปทีมู่หรงเสวียอย่างวิเคราะห์ ตอนทีนางใช้กระบี เขาแน่ ใจว่ายวีเยียนไม่มีทาง


ทีจะได้รับบาดเจ็บ เขาถึงไม่ได้ออกตัวห้าม

เพียงแค่ยวีเยียนพูดคําว่าพระชายารองแค่ไม่กีคํา นางถึงกลับลงมือขนาดนี ดูท่านางคงรังเกียจทีจะเป็ นพระชายา


รองของเขาอย่างแน่ นอน

“ไสหัวออกไปจากจวนเจินกัวโหว ทีนี ไม่ตอ้ นรับพวกท่าน !” มู่หรงเสวียมองไปทางเย่อเฉิ


ี นและฉิ นยวีเยียน
อย่างเย็นชา นางออกปากไล่แขกอย่างไม่เกรงใจ

ฉิ นยวีเยียนกัดฟันแน่ น มู่หรงเสวียถึงกับกล้าไล่นางเช่นนี ชัวช้าทีสุ ด ! ไม่นานนางจะให้มู่หรงเสวียได้รู้ว่าการ


เสี ยใจภายหลังนันเป็ นเช่นไร !

“อีเฉิน” นางร้องเรี ยกด้วยนําเสี ยงน่าสงสาร นําตาค่อย ๆ ไหลริ นออกมา ท่าทางน่าสงสารเช่นนี ทําให้ไม่ว่าใครก็


อดไม่ได้ทีจะดึงตัวนางเข้าไปในอ้อมกอด แล้วปลอบโยนอย่างทะนุ ถนอม
เย่อีเฉิ นหมุนกายไปมองนาง แววตาดําขลับดูลาลึ
ํ ก ยืมมือไปกุมข้อมือนางหมุนกายเดินออกไปยังด้านนอก “ไป
กันเถอะ”

ฉิ นยวีเยียนเบิกตากว้างด้วยความแปลกใจ มู่หรงเสวียกล้าทํากับนางถึงขนาดนี อีเฉิ นก็น่าจะต้องสังสอนมู่หรง


เสวียหนัก ๆ เสี ยหน่อยสิ อย่างน้อยก็ตอ้ งออกหน้าหรื อโมโหแทนนางบ้างมิใช่หรื อ ? เหตุใดแม้แต่คาํ ต่อว่าสัก
นิดก็ไม่มี แต่กลับไปง่าย ๆ เช่นนี

เย่อีเฉิ นก้าวเดินไปข้างหน้าตามทางเดินหิ นสี ดาํ ในดวงตายังคงปรากฏภาพใบหน้างามเรี ยวเล็กของมู่หรงเสวียอยู่


ครังแรกทีเขาได้ยนิ วิธีแก้ไขปั ญหานําท่วมของนาง ในใจของเขาเต็มไปด้วยความดูถูกดูแคลน ไม่พอใจ มู่หรง
เสวียก็แค่คุณหนู ในห้องหอทีไม่เคยก้าวเท้าออกจากจวน แผนการแก้ปัญหานําท่วมทีแม้แต่ขนุ นางบุ๋นบู๊กต็ ่างคิด
ไม่ตก นางจะไปคิดออกได้เช่นไร ? เรื องนีจะต้องมีคนอยูเ่ บืองหลังนางเป็ นแน่

ทีเขามาทีจวนเจินกัวโหว ก็เพือจะบีบบังคับนางให้บอกว่าคนทีคิดแผนการนี คือใคร เพือทีจะได้ดึงตัวคนผูน้ นมา



ทํางานกับเขา เป็ นผูช้ ่วยคนสําคัญของเขา

แต่ตอนทีเขามาถึงทางเข้าจวนเจินกัวโหว ก็บงั เอิญเห็นมู่หรงเสวียกับหญิงเฒ่าแซ่ ตทู ้ ีกําลังถกเถียงกัน นางใน


ตอนนันมีท่าทางทีมันอกมันใจในตัวเองดังเช่นผูท้ รงภูมิ ณ ขณะนัน เขากลับเชือว่าแผนการแก้ปัญหานําท่วมเป็ น
นางทีคิดขึนมาด้วยตัวเองจริ ง ๆ
ตอนทีเจินกัวโหวมู่หรงเยว่ยงั อยู่ เขาเป็ นบุคคลทีเปล่งประกายผูห้ นึ ง ในเมืองหลวงยากทีจะหาใครมา
เปรี ยบเทียบได้ เจินกัวโหวฮูหยินแซ่ เฉิ นก็ยงเป็
ิ นหญิงฉลาดทีหาได้ยากผูห้ นึง ลูกของพวกเขาทังสอง แน่นอนว่า
ต้องฉลาดเกินคน

แต่ก่อน เขามิได้ชอบในตัวมู่หรงเสวียมากนัก ทําให้พบหน้ากับนางนับครังได้และไม่ค่อยได้พูดคุยกัน จึงไม่ได้


รับรู ้ถึงความฉลาดเฉลียวของนาง

หลังจากทีชนะสงครามกลับราชสํานัก ถึงได้พบกับนางบ่อยขึน และค่อย ๆ พบว่า มู่หรงเสวียเป็ นหญิงสาวที


ฉลาดผูห้ นึง ทุกครังทีได้พบหน้า นางล้วนมอบความแปลกใจทีคาดไม่ถึงให้กบั เขา......

ถ้ามีหญิงแบบนี อยูข่ า้ งกาย ในอนาคตตัวเขาคงจะไม่มีทางเบือเป็ นแน่

เย่อีเฉิ นยกยิมทีมุมปากบางเบา แต่ดวงตากลับส่ องประกายแวววับ

เงาสายหนึงเดินผ่านมาด้านหน้า ดวงหน้างดงามหล่อเหลาแฝงไว้ดว้ ยรอยยิมอ่อนโยน เป็ นองค์ชายสี นันเอง

แววตาของเย่อีเฉิ นเยียบเย็น “เทียนฉี ” เขามาทีจวนเจินกัวโหวทําไมกัน ?

“อีเฉิน องค์หญิงฉิ น พวกท่านก็อยูท่ ีนีด้วยหรื อ ? ข้ามีธุระหามู่หรงเสวียนิดหน่ อย” เย่เทียนฉี ยมน้


ิ อย ๆ ทําให้
ผูค้ นหลงใหล เขาค่อย ๆ เดินผ่านเย่อีเฉิ นกับฉิ นยวีเยียน เดินไปด้านหน้าของมู่หรงเสวียกล่าวด้วยรอยยิมน้อย ๆ
“เสด็จพ่อกับขุนนางชันผูใ้ หญ่เมือได้ยนิ แผนการแก้ไขปั ญหานําท่วมของคุณหนู ม่หู รงก็รู้สึกชืนชมเป็ นอย่างมาก
คุณหนูม่หู รงช่างปราดเปรื องยิงนัก”
“องค์ชายสี กล่าวชมเกินไปแล้วเพคะ” มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ อย่างไม่ถือตัว นิงรอฟังธุระของเย่เทียนฉี

เย่เทียนฉี ยมน้
ิ อย ๆ “ตอนข้าออกจากวังหลวงเจอเข้ากับเฉิ งเซี ยง (ยศอัครมหาเสนาบดี) กับเฉิ งกัวกง (ยศศักดินา
ขันสูงสุ ด) พวกท่านฝากให้มาถามคุณหนูมู่หรงว่าจะจัดงานเลียงทีจวนเจินกัวโหวหรื อไม่ ?”

“จัดงานเลียง ?” มู่หรงเสวียชะงักไปครู่ หนึง ถึงนึกขึนได้ ทุกครังทีมีเรื องราวมงคลในหมู่ชนชันสู ง พวกเขามักจะ


จัดงานเลียงทีจวน แต่จวนเจินกัวโหวมู่หรงเยว่ด่วนจากไปอย่างกะทันหัน มู่หรงเจียนก็รับราชการอยูแ่ ดนไกล มู่
หรงโหรวแต่งเข้าตระกูลอืน จวนเจินกัวโหวทียิงใหญ่ตอนนี เหลือเพียงหญิงเฒ่าแซ่ ตู้ มู่หรงเสวีย มู่หรงเย่สามคน
แก่กอ็ ยูส่ ่ วนแก่ เด็กก็อยูส่ ่ วนเด็ก ในจวนจึงเงียบเชียบตังแต่เช้ายันเย็น นอกจากวันครบรอบของหญิงเฒ่าแซ่ ตู ้
แล้ว จวนโหวล้วนไม่ได้จดั งานเลียงอืนใด

“ถ้าจัดงานเลียงทีจวน กลัวว่าจะไม่เหมาะสมนัก” ชนชันสู งจัดงานเลียง มักจะเชิญเพือนร่ วมงานทีอายุใกล้เคียง


หรื อฐานะทีเท่าเทียมกัน แต่จวนเจินกัวโหวไม่มีคนทีอายุหรื อฐานะใกล้เคียงกับพวกเขาเลย นางกับมู่หรงเย่คงไม่
มีหวั ข้อสนทนาอะไรไปพูดคุยกับพวกเขา......

เย่เทียนฉี เมือเห็นมู่หรงเสวียมีสีหน้าเคร่ งขรึ ม ก็นึกว่านางคิดถึงเรื องทีพ่อแม่จากไปโดยกะทันหัน จึงกระแอมไอ


เบา ๆ เล็กน้อย “จัดงานเลียงขนาดใหญ่แน่นอนว่าไม่เหมาะสมนัก แต่ว่าจัดงานเลียงเล็ก ๆเชิญเหล่าคุณชาย
คุณหนูมาร่ วมอวยพรนับว่าทําได้” พวกเขากับมู่หรงเสวียมู่หรงเย่มีอายุใกล้เคียงกัน คงหาหัวข้อพูดคุยสนทนา
ร่ วมกันได้

มู่หรงเสวียกระพริ บตา “เร็ ว ๆ นี ข้ามีธุระต้องออกเดินทาง เกรงว่าเรื องงานเลียงคงต้องเลือนออกไปก่อน......”


ต้นตีหยางทีหุ บเขาหวีซานกําลังถึงเวลาทีเหมาะสมทีจะไปเก็บเกียว นางจําต้องล่วงหน้าไปเก็บเกียวโดยไวเพือ
หลีกเลียงข้อผิดพลาดทีอาจจะเกิดขึน

“มิเป็ นไร คนของจวนเฉิ งเซี ยงกับจวนเฉิ งกัวกงล้วนไม่รีบ เจ้าว่างเมือไรก็เมือนัน ไม่จดั งานเลียงก็มิเป็ นไร แค่
เวลาทีจวนเฉิ งเซี ยงกับจวนเฉิ งกัวกงส่ งเทียบเชิญมา เจ้าไปเข้าร่ วมงานของพวกเขาก็พอ......” เสี ยงแนะนําอัน
อ่อนโยนของเย่เทียนฉี ลอยเข้าหู เปลือกตาของหญิงเฒ่าแซ่ ตูส้ ันไหว หัวใจเต้นแรงขึนหลายเท่า ในใจพลันเกิด
ลางสังหรณ์ไม่ดีขึน......
ตอนที 56 อันตรายทีหุบเขาหวีซาน
จวนเฉิ งเซียง จวนเฉิ งกัวกงและจวนเจินกัวโหวล้วนใกล้ชิดกัน แต่หลังจากทีมู่หรงเยว่ตายไป เจียนเอ๋ อร์ ก็ถูกย้าย
ทีจวนก็ไม่เหลือคนทีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเขา ความสัมพันธ์ระหว่างจวนโหวกับพวกเขาจึงค่อย ๆ ห่ าง
เหิ นมากขึน เทศกาลปี ใหม่ก็แค่ส่งของขวัญให้กนั และกันแสดงถึงความเป็ นมิตรเท่านัน

สิ บปี มานี ทีนางไม่ค่อยจัดงานเลียงขึนทีจวน ก็เพราะเพือทีจะขัดขวางไม่ให้ม่หู รงเย่ทีเริ มค่อย ๆ เติบโตได้พบ


เจอกับพวกเขา แต่คาดไม่ถึงว่าพวกเขากลับเป็ นฝ่ ายทีเสนอให้มู่หรงเสวียจัดงานเลียงขึนทีจวน และยังจะเตรี ยม
ส่ งเทียบเชิญให้ม่หู รงเสวียให้นางไปร่ วมงานเลียงทีจวนเฉิ งเซี ยงและจวนเฉิ งกัวกงของพวกเขาอีก

นีหมายความว่าพวกเขากําลังเตรี ยมทีจะฟื นฟูความสัมพันธ์กบั จวนโหวให้มากขึนอย่างนันหรื อ ?

เฉิ งเซี ยงและเฉิ งกัวกงต่างเป็ นขุนนางคนสําคัญของชิงเหยียน จวนเจินกัวโหวแน่ นอนว่าจําเป็ นจะต้องไปมาหาสู่


กับพวกเขาเพือสานสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดมากยิงขึน แต่ว่าไม่สมควรเป็ นเวลานี ......

“คุณหนูม่หู รง หลังจากนี ไปคุณชายวางแผนจะทําเช่นไรหรื อ ?” นําเสี ยงอ่อนโยนของเย่เทียนฉีดงั ขึนอีกครัง


หญิงเฒ่าแซ่ ตูเ้ อียงหู ตงใจฟั
ั ง

“เรื องนี......ข้าก็ยงั ไม่ค่อยชัดเจนนัก......” มู่หรงเสวียส่ ายหน้า มู่หรงเย่ไม่ชอบบุ๋นไม่ชอบบู๊ ทังยังเกลียดความ


วุ่นวาย ถ้าหากเป็ นขุนนางในราชสํานัก แน่ นอนว่าคงทําให้งานราชการวุ่นวายแน่ สู ้ให้เป็ นโหวเหย (ชือเรี ยกยศ
โหว) เจ้าสําราญไปชัวชีวิตจะดีกว่า (ยศขุนนางศักดินาและขุนนางในราชสํานักล้วนแยกออกจากกัน ขุนนางหนึ ง
คนสามารถมีได้ทงยศศั
ั กดินาและยศขุนนางในราชสํานัก)
เย่เทียนฉี นิงเงียบไปชัวครู่ กล่าวเสี ยงราบเรี ยบ “ถ้าคุณชายอยากเข้าทํางานในราชสํานัก สามารถเริ มจากตําแหน่ง
ฉงเหวินเหมินฟู่ สื อ (ผูด้ ูแลประตูฉงเหวินทําหน้าทีเก็บภาษี) ได้......”

ฉงเหวินเหมินฟู่ สื อเป็ นตําแหน่งขุนนางปลายแถว แต่เป็ นตําแหน่งทีได้พบปะกับขุนนางท่านอืนมากทีสุ ด เป็ น


ตําแหน่งทีไว้ใช้ฝึกฝนคนได้มากทีสุ ด เย่เทียนฉี คงอยากจะดึงตัวมู่หรงเย่เอาไปฝึ กฝนไว้ใช้งาน

......

มู่หรงเสวียเงยหน้ามองไปทางเย่เทียนฉี เห็นเขายิมน้อย ๆ “นีเป็ นความต้องการของเสด็จพ่อ”

มู่หรงโหรวตังใจจะชักนําให้ม่หู รงเย่เสี ยผูเ้ สี ยคน ผูค้ นในเมืองหลวงต่างก็ทราบโดยทัวกัน แน่นอนว่าฮ่องเต้เองก็


ต้องทรงทราบเรื องนี เรื องราวของมู่หรงเย่สิบสี ปี ทีผ่านมานี ล้วนปรากฏต่อหน้าพระพักตร์เรี ยบร้อยแล้ว ชัดเจน
แล้วว่าการทีเขาเป็ นคนไร้ความสามารถและเสเพลเช่นนี ก็เพราะถูกคนคิดร้ายวางแผนใส่

มู่หรงเย่และมู่หรงเสวียเป็ นลูกฝาแฝดชายหญิงของมู่หรงเยว่ การทีมู่หรงเสวียฉลาดขนาดนี แน่ นอนว่ามู่หรงเย่ก็


คงไม่ต่างไปจากกันมากนัก ถ้าหากมู่หรงเย่ตงใจที
ั จะกลับตัวแล้ว แน่ นอนว่าเขาก็จะสามารถกลายเป็ นคนทีมาก
ความสามารถผูห้ นึงได้ ถึงแม้ว่าจะไม่เท่ากับมู่หรงเยว่ทีได้ฉายาว่าเทพแห่ งการเดินทัพจอมพลเหล็กโลหิ ตผูอ้ าจ
หาญ แต่อย่างน้อยก็คงสามารถช่วยแบ่งเบาภาระของแคว้นได้ไม่มากก็นอ้ ย......
“เรื องนี......คงต้องถามความเห็นจากท่านพีดูก่อนเพคะ” มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ กล่าวขึนอย่างอับจนหนทาง “ท่าน
ก็รู้ว่าเขาเป็ นคุณชายจอมเสเพลและขีเกียจจนติดเป็ นนิสัยแล้ว ถ้าหากอยู่ ๆ ให้เขาไปทํางานทีต้องออกแต่เช้ากลับ
ดึกดืนมืดคํา ทํางานเป็ นขุนนางตามกรมตามกอง แน่ นอนว่าเขาจะต้องไม่คุน้ ชิน ถ้าหากเกิดสร้างปัญหาทําให้
งานราชการของแคว้นเกิดความเสี ยหายผิดพลาด ก็คงจะไม่ดีนกั ......”

เย่เทียนฉี พยักหน้า “ข้าเข้าใจ คุณชายอายุยงั น้อย นิสัยคงอยูไ่ ม่สุข ดือรันไปบ้าง ปกติก็คบหาแต่พวกคุณชายที


ซุกซนเกเร อยู่ ๆ จะให้เขาเปลียนไปคบหาขุนนางทีหนักแน่นมีความเป็ นผูใ้ หญ่คงจะรวดเร็ วเกินไปเสี ยหน่อย
แน่นอนว่าเขาต้องไม่คุน้ ชิน คงจะต้องรอดูความคิดเห็นของเขาก่อน......”

บทสนทนาดําเนิ นต่อไปเรื อย ๆ อย่างไม่เร่ งรี บ ตอนนีหญิงเฒ่าแซ่ ตกู ้ ท็ นฟังต่อไปไม่ได้แม้แต่คาํ เดียว คิวขมวด


เป็ นปมเข้าหากัน ดวงตาเต็มไปด้วยไฟแห่ งความโกรธ มู่หรงเสวียก็แค่เสนอแผนการแก้ไขปั ญหานําท่วมแค่ครัง
เดียว แต่ถึงกับได้รับบําเหน็จรางวัลและคําชืนชมจากฮ่องเต้มากมายเช่นนี ทังยังนําพาให้มู่หรงเย่ได้รับความ
สนใจจากฮ่องเต้อีกด้วย ผลจากแผนการของนางครังนีนันช่างมากมายยิงนัก......

ถึงว่าจวนเฉิ งเซี ยงกับจวนเฉิ งกัวกงอยู่ ๆ ถึงได้ตอ้ งการกลับมาสานความสัมพันธ์กบั จวนเจินกัวโหว

เฉิ งเซี ยง เฉิ งกัวกงและมู่หรงเยว่แต่เดิมเป็ นเพือนสนิททีเติบโตมาด้วยกัน การทีไปมาหาสู่ กนั น้อยลงก็เพราะลูก


ๆ ของมู่หรงเยว่ยงั เล็ก

ตอนนี มู่หรงเสวียคิดแผนการแก้ปัญหานําท่วมได้ คลายความกังวลของฮ่องเต้ คลายความทุกข์ยากของราษฎร


เป็ นการแสดงให้เห็นว่าลูก ๆ ของมู่หรงเยว่ต่างก็เติบโตแล้ว สามารถเข้าสู่ วงการการเมืองการปกครองได้แล้ว
ดังนันพวกเขาจึงเตรี ยมทีจะพืนฟูความสัมพันธ์กบั จวนเจินกัวโหวอีกครัง เพือช่วยเหลือและส่ งเสริ มมู่หรงเย่
เฉิ งเซี ยง เฉิ งกัวกงและมู่หรงเยว่สามคนนี ต่างมีความสัมพันธ์อนั แนบแน่นต่อกัน หลังจากทีมู่หรงเยว่ตายไป
พวกเขาก็ได้ปกป้ องดูแลเด็กกําพร้าทังสองอย่างเต็มที ถึงแม้ว่ามู่หรงเย่จะกลายเป็ นเศษดินเศษโคลน พวกเขาก็จะ
ปกป้ องให้มู่หรงเย่ได้เป็ นเจินกัวโหวต่อไปและใช้ชีวิตสุ ขสบายไปตลอดชีวิต

ไม่ ไม่ ไม่ มันจะเป็ นเช่นนี ไม่ได้ ! มู่หรงเยว่กต็ ายไปแล้ว ตําแหน่งเจินกัวโหวสมควรจะเป็ นของเจียนเอ๋ อร์ มู่
หรงเย่ก็แค่คุณชายจอมเสเพลไร้ความสามารถผูห้ นึง อีกทังยังถูกพวกนางแม่ลูกชักนําให้เสี ยคน มีเหตุผลอะไรที
จะให้เข้ามาเป็ นเจินกัวโหว

นางจะต้องรี บคิดแผนการ ให้เจียนเอ๋ อร์ กลับเมืองหลวงโดยเร็ ว มีเพียงแต่ให้เจียนเอ๋ อร์ กลับเมืองหลวงเท่านัน ถึง


จะมีโอกาสแย่งชิงตําแหน่งเจินกัวโหวได้

แน่นอนว่าก่อนทีเจิยนเอ๋ อร์ จะกลับเมืองหลวง นางจะต้องวางแผนให้ดี ขัดขวางไม่ให้มู่หรงเสวียได้พบหน้า


กับเฉิ งเซี ยงและเฉิ งกัวกง

"พรุ่ งนีข้ามีธุระต้องออกเดินทาง พาพีชายของข้าออกไปผ่อนคลาย......” เสี ยงของมู่หรงเสวียราบเรี ยบ ของทีสัง


ให้ร้านค้าทําล้วนถูกส่ งมาหมดแล้ว นางสมควรเดินทางไปหุ บเขาหวีซานเสี ยที

เย่เทียนฉี พยักหน้า “เขาอายุยงั น้อย แต่ถูกกระทบกระเทือนจิตใจไปมาก แน่นอนว่าสมควรแล้วทีจะออกไปเทียว


เล่นพักผ่อนเสี ยบ้าง......”
แววตาของหญิงเฒ่าแซ่ ตเู ้ ปล่งประกาย มองไปทางมู่หรงเสวียอย่างเย็นชา นางกําลังวางแผนจะจัดการมู่หรงเสวีย
แต่อยู่ ๆ มู่หรงเสวียก็ดนั มอบโอกาสนี ให้นางเสี ยเอง ฟ้ าช่างมีตายิงนัก !

มู่หรงเสวีย เจ้าเตรี ยมตัวรอรับเคราะห์ร้ายได้เลย !

เย่อีเฉิ นยืนอยูไ่ ม่ไกลนัก สายตาคมกริ บของเขากวาดมองผ่านหญิงเฒ่าแซ่ ตูไ้ ปหยุดอยูท่ ีร่ างของมู่หรงเสวียอยูส่ ัก


พัก แล้วจึงย้อนกลับไปมองทีหญิงเฒ่าแซ่ ตูอ้ ีกครัง แววตาเปล่งประกายความคิดลึกลํา......

หุ บเขาหวีซานค่อนข้างไกลจากเมืองหลวง มู่หรงเสวียจึงเลือกเฟ้ นม้าชันดีสําหรับเดินทางไกลพันลีมาเป็ นพิเศษ


เอาไว้เพือลากรถม้า นางเริ มออกเดินทางตอนเทียงคืน ในทีสุ ดก็มาถึงหุ บเขาหวีซานช่วงยามอู่ (ประมาณ
เทียงตรง)

เขาหวีซานนันสู งเทียมฟ้ า ยอดเขาถูกล้อมรอบไปด้วยทะเลเมฆ แสงแดดทีค่อย ๆ สาดส่ องลงมาล้วนไม่สามารถ


ทะลุผา่ นก้อนเมฆมาได้มากนัก

มู่หรงเสวียยืนอยูด่ า้ นหน้ารถม้า ขมวดคิวน้อย ๆ ภูเขาช่างลูกใหญ่อะไรเช่นนี หากจะหาต้นตีหยางคงยากเย็น


แสนเข็น นางถามคุณชายโอวหยางถึงทีอยูท่ ีชัดเจน เขาพูดเพียงแต่ว่าอยูบ่ นยอดเขา นางจะต้องปี นไปถึงยอดเขา
ทีสู งทีสุ ด ถึงจะสามารถเก็บเกียวต้นตีหยางได้

“น้องเล็ก พวกเราเตรี ยมตัวเรี ยบร้อยแล้ว” มู่หรงเย่กา้ วออกมา ทีหลังแบกกระเป๋ าสี ดาํ ไว้ดว้ ย ตามมาด้วยซวงสี
เฝิ งเถา ทุกคนล้วนแบกกระเป๋ าเช่นเดียวกัน ด้านในเต็มไปด้วยข้าวของและอาหารทีมู่หรงเสวียเตรี ยมเอาไว้
“ขึนเขากันเถอะ” มู่หรงเสวียกล่าวเสี ยงตํา ค่อย ๆ พากันเดินขึนเขาหวีซาน

แสงแดดทีสาดส่ อง นําค้างบนยอดไม้ใบหญ้าล้วนละเหยไปจนหมด นกน้อยทียืนอยูบ่ นกิงไม้ส่งเสี ยงร้องเรี ยก


ไปมา ทุกคนเดินตามทางหิ นเล็ก ๆ ไปยังด้านหน้าอย่างรวดเร็ ว ข้างหู เต็มไปด้วยเสี ยงนกร้อง สายลม การเสี ยดสี
ของต้นหญ้า การสันไหวของใบไม้ตามต้นไม่ใหญ่......

“อ้า.....งู......” เสี ยงร้องดังขึนมาจากด้านหลัง มู่หรงเสวียหมุนตัวหันกลับไปมอง ก็เห็นงูตวั สี เขียวยาวสี ถึงห้า


เมตรตัวหนึง กัดเข้าไปทีไหล่ของเฝิ งเถา เขียวแหลมคมทะลุเข้าไปในเนือของเขา เลือดสี แดงสดพุ่งไหลออกจาก
บาดแผลย้อมเสื อจนกลายเป็ นสี แดง เพียงพริ บตาค่อย ๆ เปลียนเป็ นสี ดาํ ......

“นันมันงูพิษ !” มู่หรงเสวียหรี ตาลง ร่ างกายไหววูบคล้ายเมฆก้อนหนึง พริ บตาเดียวก็ไปโผล่อยูท่ ีด้านหน้าของงู


สี เขียวตัวนัน หยิบเอาดาบสันในแขนเสื อแทงเข้าไปทีลําตัวของงูเขียวจนลึกถึงเจ็ดนิว......

งูเขียวรู ้สึกได้ถึงอันตราย มันรี บคลายปากถอยออกไปอย่างรวดเร็ ว หลบหลีกการโจมตีทีถึงตาย พร้อมกับแกว่ง


หางอันใหญ่โตและหนาไปทีซวงสี และมู่หรงเย่......

ซวงสี ทีไม่ทนั ตังตัวก็ถูกหางฟาดจนกระเด็นออกไปไกลถึงสามสี เมตร ล้มกระแทกไปกับพืนหญ้าอย่างแรง ตา


ทังสองข้างปิ ดสนิท ร่ างกายนิ งสนิทไม่ขยับเขยือน ดวงหน้าซี ดขาวไร้สีเลือด อกทียังกระเพือมอยูเ่ ป็ นสิ งทีบ่ง
บอกว่าเขายังไม่ตาย......

มู่หรงเย่เอียวตัวหลบการโจมตีของงูเขียว กระโดดไปด้านหน้าของมู่หรงเสวีย มองไปทีงูยกั ษ์ตวั เท่าบ้านทีอยู่


ด้านหน้าของพวกเขาทังสอง อดไม่ได้ทีจะกระพริ บตาไปมา “น้องเล็ก ดูท่าจะลําบากเสี ยแล้ว”

“ลําบากแน่ ” มู่หรงเสวียรู ้วา่ บนเขามีอนั ตรายมากมาย และได้เตรี ยมความพร้อมเอาไว้แล้ว แต่กลับคาดไม่ถึงว่า


เขาหวีซานจะอันตรายถึงขนาดนี พวกเขาเพิงจะออกเดินทางมาได้แค่ไม่กีร้อยเมตร กลับมีคนถูกพิษไปหนึ งคน
สลบไปอีกหนึ งคน......

นางเงยหน้ามองไปทีงูเขียว เห็นมันกําลังแลบลินยาวไปมา อ้าปากกว้างกําลังจะพุ่งมากัดพวกนางทังสองคน......


ตอนที 57 วีรบุรุษช่ วยหญิงงาม
“หลีกไป !” มู่หรงเสวียผลักมู่หรงเย่ออกไป แทงดาบสันสวนกลับไปทีลําตัวของงูเขียวยักษ์ ได้ยนิ เสี ยง ‘ฉึ ก’ ดัง
ขึน ดาบสันแทงเข้าไปในลําตัวของงูเขียว ปลายแหลมของดาบเปรอะเปื อนไปด้วยเลือด ภายใต้แสงแดดทีสาด
ส่ องเปล่งประกายอํามหิ ต......

‘ฟ่ อ ฟ่ อ’ งูยกั ษ์เจ็บเกินจะทนไหว ขยับดินรนไปมาหางยาวฟาดไปรอบด้าน ชัวขณะนันเอง ก็เกิดเป็ นลมโบก


สะบัด ใบไม้ดอกหญ้าต่างปลิวว่อน เงาร่ างสี เขียววูบไหวไปมา เศษฝุ่ นคละคลุง้ ไปทัว

แววตาของมู่หรงเสวียเยียบเย็นขึน มือทังสองข้างกระชับดาบสันไว้แน่น ทันใดนันเองนางก็ขยับกาย เสี ยงเสี ยด


แทงเข้าไปในแผลเก่าดังขึน ทันใดนันงูเขียวยักษ์กม็ ีอาการบ้าคลังขึนมา มันอ้าปากกว้างเตรี ยมจะพุ่งเข้ามากัดมู่
หรงเสวีย และในเวลาเดียวกันหางอันใหญ่โตก็แกว่งสะบัดไปมาทัวทิศทาง

มู่หรงเย่ไม่ทนั ระวังตัว ถูกหางของงูเขียวยักษ์ฟาดเขาทีแผ่นหลัง ร่ างของเขาล้มลงไปนอนกับพืนอย่างเต็มแรง


กระอักเลือดออกมาทางปากสายหนึง พยายามอย่างไรก็ไม่สามารถลุกขึนมาได้อีก

“ท่านพี !” หางตาของนางเหลือบไปเห็นหางหนากําลังจะฟาดเข้าไปทีมูห่ รงเย่อีกครัง มู่หรงเสวียแววตาเย็นเยือก


เร่ งจะเข้าไปช่วย แต่ทนั ใดนันเองก็เกิดเสี ยงเสี ยดสี กบั สายลมบางเบาดังขึนในอากาศ เงาร่ างสี ดาํ สายหนึงลอยลง
มาด้านหน้าของมู่หรงเย่ จับแขนของเขาดึงลอยขึนไปในอากาศ หลบการโจมตีของงูยกั ษ์ได้ทนั อย่างหวุดหวิด
หัวใจทีเต้นแรงของมู่หรงเสวียพลันผ่อนคลายลง ปลายจมูกค่อย ๆ ได้กลินคาวอย่างรุ นแรง เมือเงยหน้าขึนไป
มอง ก็เห็นปากกว้างของงูยกั ษ์ห่างจากใบหน้าของนางเพียงไม่กีคืบ เพียงพริ บตาเดียวเขียวคมกริ บนันก็ขยับเข้า
ใกล้ใบหน้าของนาง ไม่สามารถทีจะหลบไปทางไหนได้อีก......

แววตาของมู่หรงเสวียกลายเป็ นเยียบเย็น เตรี ยมทีจะหลบอันตรายทีคืบคลานเข้ามา แต่ทนั ใดนันเอง ก็ปรากฏร่ าง


สี ขาวสายหนึ งร่ วงลงมาจากฟากฟ้ า กลินหอมของไม้ไผ่ลอยเข้าจมูก ชายเสื อสี ขาวหยุดอยูต่ รงด้านหน้า เสี ยง
หัวใจทีเต้นเป็ นจังหวะดังขึนทีข้างหู ทําให้ผคู ้ นสบายใจ

“มิตอ้ งกลัว ข้าอยูท่ ีนี แล้ว” เสี ยงทุม้ ดังขึนทีข้างหู พลังปราณแข็งแกร่ งนับไม่ถว้ นพุ่งออกจากปลายนิวอย่าง
รวดเร็ ว พุ่งไปล้อมรอบงูยกั ษ์ไว้ทุกทิศทาง ได้ยนิ เพียงเสี ยง ‘ปั ง ปั ง ปั ง’ เพียงไม่กีครังดังขึน งูเขียวยักษ์ทีตัวใหญ่
ยาวเพียงพริ บตาเดียวก็ระเบิดออกกลายเป็ นผุยผง ค่อย ๆ ปลิวสลายหายไปในอากาศ......

มู่หรงเสวียถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เงยหน้าขึนมอง เมือมองเห็นใบหน้าหล่อเหลาดังภาพวาดก็รู้สึกว่าไม่


ผิดไปจากทีคาดไว้มากนัก “คุณชายโอวหยาง ท่านมาอยูท่ ีนีได้อย่างไร ?”

“หุ บเขาหวีซานนันอันตรายมาก เจ้าเดินทางมาคนเดียว ข้าไม่อาจวางใจได้” คุณชายโอวหยางก้มลงมองนาง


ดวงตาฉายแววห่ วงใย

มู่หรงเสวียเพียงกะพริ บตาปริ บ ๆ “ท่านมีธุระต้องจัดการ ไม่ว่างมาไม่ใช่หรื อ ?”


“ธุระทีข้าต้องจัดการ ล้วนถูกเจ้าแก้ไขไปหมดแล้ว” คุณชายโอวหยางยกยิมมุมปาก แววตาเปล่งประกายยินดี
น้อย ๆ

มู่หรงเสวียชะงักค้าง “ธุระทีท่านว่าคือ......เรื องนําท่วมทีหลิงหนาน !”

“อืม” คุณชายโอวหยางพยักหน้า นําท่วมทีหลิงหนานนับว่าหนักหนาเข้าขันวิกฤต จําต้องเร่ งจัดการโดยเร็ วทีสุ ด


แต่เสวียเอ๋ อร์ สามารถคิดแผนแก้นาท่
ํ วมได้ แน่ นอนว่าเขาก็มิตอ้ งไปเปลืองสมองคิดหาวิธีแก้ไขอีก

“น้องเล็ก” มู่หรงเย่เดินเข้ามาโดยมีสวินเฟิ งคอยช่วยพยุงอยู่ ดวงหน้าซี ดขาวไร้สีเลือด เลือดทีปากบางส่ วนยัง


ไม่ได้เช็ดออกไป

“ท่านเป็ นอย่างไรบ้าง ?” ดงตาของมู่หรงเสวียปรากฏแววห่วงใย

มู่หรงเย่ยกมุมปากพยายามยิมอย่างสุ ดกําลัง “ข้าไม่เป็ นไร......”

“แม้จะได้รับบาดเจ็บภายในร่ างกายหนักไปเสี ยหน่ อย แต่ว่าไม่มีอนั ตรายถึงชีวิต” สวินเฟิ งต่อคําพูดของเขา


ปรายตามองซวงสี กับเฝิ งเถาทียังคงสลบไม่ได้สติ พูดด้วยใบหน้าไร้ความรู ้สึกว่า “บาดเจ็บหนักหนึ งคน ติดพิษ
หนึ งคน พวกเขาล้วนไม่สามารถขึนเขาต่อได้อีก......”
“ท่านพี ท่านพาพวกเขากลับจวนเถอะเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียฉายแววห่ วงใย สามคนนัน มีคนทีติดพิษกับคนทีได้รับ
บาดเจ็บล้วนต้องได้รับการรักษาจากหมออย่างเร่ งด่วน

แววตาของมู่หรงเย่พลันหดหู่ ลง บัวอัคคีถูกทําลาย ไม่ง่ายเลยทีเสวียเอ๋ อร์จะหาต้นตีหยางเอามาต่อชีวิตได้ เขา


อยากจะคุม้ ครองนาง เพือไปเก็บเกียวมันทียอดเขา แต่วรยุทธ์ของเขาก็แค่ธรรมดาสามัญทัวไป ทังยังได้รับ
บาดเจ็บขนาดหนัก ไปกับนางก็คงเป็ นได้แค่เพียงตัวถ่วง

“น้องเล็ก เจ้าจะต้องระมัดระวังตัวให้ดี !” มู่หรงเย่เตือนนางด้วยความห่วงใย ดึงเอาถุงสี ทองจากเอวลง ส่ งไป


ให้ม่หู รงเสวีย “ด้านในเป็ นเครื องรางทีท่านแม่ขอมาให้ขา้ เจ้าพกไว้กบั ตัว จะต้องกลับมาอย่างปลอดภัยแน่ นอน
!”

มู่หรงเสวียรับเอาถุงเครื องรางมาผูกไว้ทีเอว พลางพูดเน้นทีละคํา “วางใจเถอะ ข้าจะต้องกลับจวนไปอย่าง


ปลอดภัยแน่ !”

เมือได้ฟังนางรับปาก มู่หรงเย่กพ็ ลันคลายกังวลลง แล้วมองไปทีคุณชายโอวหยาง “คุณชายโอวหยาง น้องสาวข้า


คงต้องฝากท่านช่วยดูแล้ว”

คุณชายโอวหยางตอบรับเสี ยงราบเรี ยบ แววตาสี ดาํ วูบไหวด้วยความหมายทีผูค้ นคาดเดามิได้


ทหารของวังเซี ยวเหยาอ๋ องเดินเข้ามา คนหนึงพยุงมู่หรงเย่ คนหนึงแบกซวงสี ขึนบนหลัง อีกคนสกัดจุดชีพจร
ของเฝิ งเถาเพือหยุดการแพร่ กระจายของพิษ หลังจากนันก็แบกเขาขึนหลัง เร่ งฝี เท้าจากไปอย่างรวดเร็ ว

มู่หรงเสวียมองไปทีร่ างทีค่อย ๆ เดินลับหายไปของพวกเขา นางย่นคิวบางเบา เพียงขึนเขามาแค่ไม่กีร้อยเมตร


พวกเขาทีเดินมากันสี คนกลับได้รับบาดเจ็บถึงสามคน หุ บเขาหวีซานนี ช่างอันตรายกว่าทีนางคิดเอาไว้มากนัก

“เวลาเหลือน้อยลงแล้ว พวกเราก็รีบออกเดินทางกันเถอะ” คุณชายโอวหยางกล่าวด้วยนําเสี ยงราบเรี ยบ ต้นตีหยา


งอยูบ่ นยอดเขา ระยะทางยังห่ างจากทีนี อีกไกลนัก......

“ตกลง” มู่หรงเสวียพยักหน้า เร่ งเดินไปด้านหน้า ตอนนี ก็จะเลยยามอู่แล้ว นางคงจะต้องรี บเร่ งขึนเขา ถ้าหากยัง
ยืดเยือออกไป ฟ้ าคงมืดแน่

หนทางบนเขายิงขึนไปสู งเท่าไหร่ ยิงขรุ ขระมากขึนเท่านัน พวกนางต้องระวังทุกฝี กา้ ว มู่หรงเสวียรู ้สึกว่าอากาศ


โดยรอบค่อย ๆ ชืนขึนมา และเริ มสามารถมองเห็นหมอกสี ขาวทีลอยไปมาได้ดว้ ยตาเปล่าได้

คุณชายโอวหยางก้าวไปด้านหน้า กําข้อมือของนางแน่น ดวงตาสี ดาํ วูบไหวด้วยความกังวลเล็กน้อย “ไอหมอก


เริ มหนาขึนเรื อย ๆ พวกเราห้ามพลัดหลงออกจากกันอย่างเด็ดขาด”

“ข้ารู ้” มู่หรงเสวียพยักหน้า ตลอดทางทีผ่านมา เสี ยงนกร้องเริ มเบาบางลง จนถึงตอนนี ก็ไม่ได้ยนิ เสี ยงนกร้อง
แล้ว เสี ยงทีได้ยนิ ในหูอยูต่ อนนี มีเพียงเสี ยงฝี เท้าของพวกเขาไม่กีคนเท่านัน รอบด้านเงียบสงบจนผิดปกติ
เหมือนกับว่าอันตรายทีหนักหนากําลังจะเกิดขึน......
“ฟุบ ฟุบ” เสี ยงเสี ยดสี กบั สายลมอย่างเร็ วแรงสองสายดังขึน แววตาของมู่หรงเสวียเยือกเย็น เตรี ยมพร้อมทีจะ
โจมตี แต่กลับเห็นสวินเฟิ งกับองครักษ์เงานามว่าอู๋เหิ นกระโดดพุ่งออกมาเสี ยก่อน เขาใช้ดาบฟันออกไปตัดเอา
เถาวัลย์สีเขียวทีพุ่งเข้ามาจนขาด

“ฟุบ ฟุบ ฟุบ” เถาวัลย์สีเขียวยังคงพุ่งออกมาอย่างไม่ขาดสาย พุ่งโจมตีไปทางสวินเฟิ งกับอู๋เหิ นอย่างต่อเนื อง

สวินเฟิ ง และอู๋เหิ นยืนหันหลังชนกัน ดาบยาวในมือของทังสองฟาดฟันวูบไหวไปมาสอดประสานกัน จน


เถาวัลย์ทีพุ่งออกมาทังหมดล้วนถูกทําลายลง

ทว่าเถาวัลย์พวกนันเหมือนจะยาวอย่างไม่มีทีสิ นสุ ด เขาสองคนตัดมันขาดไปมากเท่าไรก็ยงั ไม่ท่าทีทีจะหมดลง


เสี ยที ยังคงพุ่งโจมตีออกมาอย่างต่อเนือง

ทันใดนันดาบยาวของอู๋เหิ นก็ถูกเถาวัลย์ยดึ เอาไว้ได้ ช่วงขณะทีเขาชะงักไปเพียงครู่ เถาวัลย์เหล่านันสบโอกาส


ใช้จงั หวะนันพากันพุ่งออกมารัดเอาตัวอู๋เหิ นไว้ ยิงรัดยิงแน่น สี หน้าของอู๋เหิ นค่อย ๆ เปลียนเป็ นสี ม่วงคลํา......

“อู๋เหิ น !” แววตาของสวินเฟิ งเยียบเย็นลง เตรี ยมทีจะใช้ดาบฟั นเถาวัลย์ออก มู่หรงเสวียยืนมือออกไปหยุดเขา


“เถาวัลย์พวกนีเหนี ยวทนทานมาก พลังชีวิตก็แข็งแกร่ งไม่ธรรมดา ทังยังไวต่อปฏิกิริยาภายนอก ถ้าเจ้าใช้ดาบ
ฟันมัน มีแต่จะทําให้มนั รัดอู๋เหิ นให้ตายเร็ วขึนเท่านัน ถ้าอยากจะช่วยเขาจําเป็ นจะต้องใช้ไฟ......”
มู่หรงเสวียหยิบเอาทีติดไฟขึนมา เป่ าเปลวไฟบนนันไปทีเถาวัลย์ เมือเถาวัลย์รู้สึกถึงความร้อน ก็ได้ยนิ เสี ยง
‘สวบ สวบ สวบ’ พวกมันทังหมดต่างพากันถอยกลับไปยังทีทีมันจากมา......

อู๋เหิ นทีหลุดจากการรัดของเถาวัลย์ได้ มองไปยังมู่หรงเสวียอย่างแปลกใจ “ขอบพระคุณคุณหนูทีช่วยเหลือ


ขอรับ”

“มิตอ้ งเกรงใจ” มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ แววตาดําขลับฉายแววสงสัย นางแน่ ใจว่าพวกมันเป็ นเถาวัลย์ทีพบได้


เฉพาะในป่ าเขตร้อนชืน แล้วเหตุใดถึงได้มาขึนในป่ าเขตร้อนของแคว้นชิงเหยียนได้เล่า

หุ บเขาหวีซานลูกนี ช่างอันตรายยิงนัก !

แต่ตน้ ตีหยางเติบโตทีภูเขาลูกนี และนางก็จาํ เป็ นจะต้องใช้ตน้ ตีหยาง ถึงแม้ว่าการไปเก็บเกียวต้นตีหยางจะ


อันตรายเพียงใด นางก็จะต้องปี นไปถึงยอดให้จงได้

“ช่วยด้วย......ช่วยข้าด้วย......” เสี ยงกรี ดร้องขอความช่วยเหลือของหญิงสาวลอยมา มู่หรงเสวียขมวดคิวหันหน้า


ไปมอง......
ตอนที 58 พบศัตรู
จุดดําเล็ก ๆ หลายจุดพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ ว ค่อย ๆ ปรากฏเป็ นเงาร่ างหลายสาย คนด้านหน้าสุ ดใส่ ชุดสี ม่วง ดวง
หน้าหล่อเหลาแต่เย็นชา เป็ นจิงอ๋ องเย่อีเฉิ น ในมือของเขาจูงหญิงสาวนางหนึง ถึงแม้ว่าดวงหน้าจะซี ดเซี ยว แต่ก็
ยังคงดูออกถึงความงามลําทีสามารถล่มเมืองได้ เป็ นองค์หญิงม่อเป่ ยฉิ นวีเยียน

ทําไมพวกเขาถึงมาอยูท่ ีนี ได้ ?

มู่หรงเสวียย่นคิว ด้านหลังของเขาตามมาด้วยผูต้ ิดตามอีกห้าหกคน และยิงไปกว่านันพืชประหลาดต้นใหญ่ตน้


หนึ งกําลังไล่ตามพวกเขาอยู่ รากของพืชทีเกาะแน่ นอยูบ่ นพืนดินเคลือนไหวมาด้านหน้าอย่างรวดเร็ ว แหวก
พืนดินจนแยกออกจากกัน

ด้านบนของพืชแตกแขนงออกเป็ นกิงก้านทีมีสีเขียวมากมาย ด้านบนของกิงไม้แต่ละกิงมีดอกไม้ดอกใหญ่หนึ ง


ดอก กลีบดอกของมันหุ บเข้าหากันแน่ น เหมือนกับดอกบัวตูมสี ชมพูทีกําลังจะเบ่งบาน กิงก้านขยับเคลือนไหว
ไปมาไปทัวทิศทาง

“นันมัน......ตัวอะไรน่ ะ ?” สวินเฟิ งมีแววตาตืนตกใจ เขาอยูข่ า้ งกายของคุณชายมาเป็ นเวลาสิ บปี เดินทางไปตาม


สถานทีต่าง ๆ ก็มากมาย สัตว์ประหลาดดุร้ายรวมถึงพืชพรรณทีแปลกประหลาดก็พบมาไม่น้อย แต่พืชทีวิงได้
ตรงหน้าของเขานัน เขาเพิงจะเคยเห็นเป็ นครังแรก

“ดอกไม้ปีศาจกินคน !” มู่หรงเสวียพูดเน้นทีละคํา แววตาเต็มไปด้วยความกังวล ดอกไม้กินคนส่ วนใหญ่จะพบ


ได้แต่ในเขตร้อนชืน แต่มนั จะมีเพียงดอกเดียว อีกทังยังไม่สามารถขยับไปไหนได้ ทําได้เพียงรอให้เหยือเข้ามา
ติดกับ แต่ว่าดอกไม้กินคนตรงหน้านี ไม่ใช่เพียงแค่มนั มีดอกไม้ดา้ นบนมากมายเท่านัน แต่ยงั สามารถไล่ล่าเหยือ
ได้อีก นี มันเป็ นตัวประหลาดอะไรกันแน่ ?

ดอกไม้ปีศาจกินคน ! เป็ นดอกไม้กินคน !

สวินเฟิ งมองไปทางด้านหน้าด้วยความรู ้สึกสงสัย เห็นว่าดอกไม้ปีศาจเริ มทีจะเข้ามาใกล้คนทีอยูท่ า้ ยสุ ดของ


ขบวนเข้าไปทุกที เมือเห็นว่ามันใกล้จะวิงมาถึงตัวเขาแล้ว กลีบดอกไม้ทีหุ บอยูน่ นพลั
ั นอ้าออกงับไปทีทหารผู ้
นันและกลืนกินเขาเข้าไป กลีบดอกไม้สีชมพูปิดแน่ นลงอย่างรวดเร็ วพร้อมกับมีเศษกระดูกสี ขาวชินเล็กชินน้อย
ทีแตกหักกระเด็นออกมา ร่ วงลงบนพืนแข็ง......

สวินเฟิ งเบ้ปาก กินคนแล้วยังไม่คายกระดูก มันจะเหลือเชือเกินไปแล้ว ! ถ้าถูกดอกไม้ปีศาจกินคนไล่ตามทัน


เขาคงกลายเป็ นอาหารของมันทังตัว แม้แต่ซากก็คงไม่เหลือ

“คุณชาย คุณหนูม่หู รง ดอกไม้ปีศาจกินคนยากทีจะต่อกร พวกเราหนี กนั เถอะขอรับ”

ถ้าเกิดคนทีถูกดอกไม้กินคนไล่ตามเป็ นคนอืนแน่ นอนว่าพวกเขาต้องเข้าไปช่วยอยูห่ รอก แต่เมือเห็นว่าเป็ นเย่อี


เฉิ น พวกเขาก็เลยปล่อยไว่เช่นนัน โดยเฉพาะอย่างยิงแล้ว คุณชายทีไม่คอ่ ยถูกกับเย่อีเฉิ น ทังยัง...แค่กแค่ก...เป็ น
ศัตรู ทางความรัก ก็คงต้องปล่อยให้พวกเขาจัดการดอกไม้ปีศาจกินคนกันเองแล้ว......

“คงมิทนั การณ์แล้ว มันเคลือนไหวเร็ วมาก พวกเราไม่มีทางทีจะวิงหนีมนั พ้น” พอดีกบั เสี ยงของมู่หรงเสวียทีดัง


ขึน ดอกไม้กินคนก็มาถึงด้านหน้าของพวกเขาแล้ว กิงก้านสี เขียวขยับพุ่งเข้ามาโจมตีทางพวกเขา......
มู่หรงเสวียเร่ งหลีกถอยไปด้านหลังอย่างรวดเร็ ว ฟันดาบสันในมือไปทีกิงสี เขียวของมันอย่างแรง จนดอกไม้ที
ติดกับกิงก้านบางส่ วนร่ วงลงสู่ พนื แล้วเหี ยวเฉากลายเป็ นของเหลวสี ดาํ อย่างรวดเร็ ว......

ผูค้ นทีพากันมองมาลอบชืนชมในใจ เร่ งพากันฟันดาบไปทีกิงสี เขียวของมัน ชัวพริ บตา ดอกไม้ก็ถูกตัดทิงเป็ นว่า


เล่น กิงก้านสี เขียวบินว่อนไปมา......

เมือปรายตามองชายเสื อสี ม่วงด้านหน้า มู่หรงเสวียก็มองไปทางเย่อีเฉิ นอย่างเย็นชา “จิงอ๋ อง ทําไมพวกท่านถึง


ไปยัวยุดอกไม้ปีศาจกินคนนี ได้ ?”

ทังยังลากมันมาเพิมความยุง่ ยากให้กบั พวกนางอีก แต่เดิมพวกนางสมควรจะรอดพ้นจากดอกไม้ปีศาจตัวนี และ


สามารถประหยัดเวลาและแรงกายไปได้อีกมากมาย

“ข้ามาล่าสัตว์ แต่ไม่ทนั ระวังจนไปพบกับมันเข้า จึงโดนมันไล่ตามมาจนถึงตอนนี......” เย่อีเฉิ นบรรยายอย่าง


ไหลลืน แขนยาวโอบไหล่ของฉิ นยวีเยียน กอดนางไว้แนบอกแน่ น

“เป็ นเช่นนันจริ ง ๆ หรื อ ?” มู่หรงเสวียขมวดคิวมองไปทีเขา ท่าทางไม่เชือคําพูดของเขาอย่างชัดเจน

เย่อีเฉิ นฟันดาบไปทีกิงไม้สีเขียวด้านหน้า ปรายตามองนางอย่างไม่ใส่ ใจ “ถ้าไม่เช่นนันเจ้าคิดว่าเป็ นเช่นไร ?”


“ลักษณะพิเศษอย่างหนึงของดอกไม้ปีศาจพวกนี คือหวงถิน ถ้าท่านไม่เข้าไปในถินของพวกมัน แย่งชิงของของ
มัน มันไม่มีทางทีจะตามไล่ฆ่าพวกท่านได้” มู่หรงเสวียยกมุมปาก คล้ายยิมคล้ายมิยมิ

สิ งทีดอกไม้ปีศาจต้องการปกป้ องด้วยตัวเองเช่นนี แน่ นอนว่าต้องมิใช่ของธรรมดาแน่ ซึ งนางก็มิได้สนใจอะไร


นางแค่ตอ้ งการมาตามหาต้นตีหยางทีมีประโยชน์ต่อนางเท่านัน แต่ความหวังเล็ก ๆ น้อย ๆของนางกลับถูกเรื อง
ไม่เป็ นเรื องมาขัดขวางเสี ยได้......

แววตาของเย่อีเฉิ นมีประกายดุดนั แต่กส็ ลายหายไปในพริ บตา เขาหลับตาลงไม่กล่าววาจาใด คิดในใจเพียงว่า


นางช่างเป็ นคนทีฉลาดยิงนัก

หลังจากทีไปยัวยุจนถูกมันตามล่า เขามัวแต่วิงหนี มนั ไปทัวหุ บเขา แต่พอเห็นเงาร่ างของนาง จิตใต้สาํ นึ กของเขา


บอกว่าให้เขาวิงไปหานาง......

“อ้ากก......” เสี ยงร้องโหยหวนดังขึนกระทบหู เย่อีเฉินหลุดจากภวังค์ความคิด เงยหน้ามองไป เห็นคนของวังจิง


อ๋ องกําลังถูกดอกไม้ปีศาจกลืนกินลงไป......

“กิงของเจ้าดอกไม้ปีศาจต้นนี มีเท่าไรกันแน่ ? ทําไมถึงฟั นไปมากเท่าไรก็ไม่หมดเสี ยที ถ้ายังคงฟั นมันต่อไป


เรื อย ๆ เช่นนี ถ้าไม่ถูกมันกินก็ตอ้ งเหนือยจนตายไปเองเป็ นแน่......” สวินเฟิ งสบถเสี ยงเบา

มู่หรงเสวียมีแววตาหนักใจ ถ้าอยากจะทําลายดอกไม่กินคนได้อย่างรวดเร็ ว แน่ นอนว่าไม่สามารถอาศัยการตัด


กิงก้านของมันเพียงอย่างเดียวได้......
กิงไม้สีเขียวกิงหนึงพุ่งมาทีด้านหน้าของมู่หรงเสวีย กลีบดอกทีใหญ่โตเปิ ดออกพุ่งเข้ามาหานาง......

แววตาของมู่หรงเสวียเปล่งประกาย ยืนแขนออกไปทีกลีบของดอกไม้......

“ระวัง !” คุณชายโอวหยางแววตาเยียบเย็น ดึงเอวของมู่หรงเสวียลากนางออกไปอีกด้านหนึง กลีบดอกไม้เฉี ยด


และบาดเข้ากับมือของนางจนเป็ นแผลขนาดใหญ่ ขณะนันเองมันก็สัมผัสเข้ากับเลือดสี แดงสดทีไหลออกมาจาก
แผลของนาง......

“เจ้าจะทําอะไร ? ไม่อยากมีชีวิตอยูแ่ ล้วรึ ไง ?” คุณชายโอวหยางพูดขึนด้วยดวงหน้าเคร่ งขรึ ม เร่ งยืนมือเข้าไปใน


แขนเสื อหยิบเอาขวดยาสี ขาวออกมา เปิ ดฝาออก แล้วนําผงยาด้านในโรยไปทีบาดแผลของนางอย่างระมัดระวัง
......

ด้านหนึ งเขาก็คอยต่อกรกับดอกไม้ปีศาจกินคน อีกด้านหนึงก็คอยระมัดระวังภัยให้นาง ถ้านางมีอนั ตราย เขาก็


จะสามารถยืนมือไปช่วยเหลือนางได้อย่างทันท่วงที แต่เขากลับคาดไม่ถึงว่านางจะเป็ นฝ่ ายทีเข้าไปหาดอกไม้
ปี ศาจเสี ยเอง......

“ดอกไม้ปีศาจชอบอากาศร้อนเกลียดอากาศหนาว ในเลือดของข้ามีพิษเยือกแข็งอยู่ ซึ งเป็ นสิ งทีสามรถหยุดยัง


พวกมันได้” มู่หรงเสวียิมน้อย ๆ
ทันทีทีพูดจบ สายตาก็เหลือบไปเห็นดอกของพวกมันเริ มจะเหี ยวเฉาลงและดินรนอย่างทุรนทุราย สะบัดกิงก้าน
สี เขียวไปมา แต่มนั ก็ไม่สามารถทีจะเปลียนแปลงโชคชะตาของมันได้ ดอกไม้ปีศาจกินคนทังต้นเริ มเหี ยวลง
เหมือนลูกโป่ งทีขาดอากาศจนกลายเป็ นของเหลวสี ดาํ ......

คุณชายโอวหยางมองแอ่งนําสี ดาํ บนพืน สี หน้าเปลียนเป็ นเคร่ งขรึ มขึน “ถึงจะเป็ นเช่นนันก็ไม่ควรจะใช้ตวั เอง
เป็ นเหยือล่อ ถ้าเกิดเป็ นอะไรขึนมาจะทําอย่างไร ? พวกเรายังสามารถหาวิธีอืนมาจัดการกับมันได้”

“ถ้าหากมีวิธีอืน จิงอ๋ องก็คงจะใช้ไปแต่แรกแล้ว คงไม่ตอ้ งถูกไล่ตอ้ นอย่างน่าอเนจอนาถเช่นนีหรอก” มู่หรง


เสวียพูดด้วยนําเสี ยงเฉยชา ฟั งไม่ออกว่ากําลังแขวะคนบางคนอยู่

เย่อีเฉิ นดวงหน้าเคร่ งขรึ ม มิกล่าววาจาใด......

“คราวหน้าเจ้าห้ามทําอะไรเสี ยง ๆ แบบนี อีก” คุณชายโอวหยางขมวดคิวหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าสี ขาวปิ ดไปที


บาดแผลของมู่หรงเสวียอย่างระมัดระวัง ท่าทางเหมือนกําลังทะนุถนอมของลําค่า

เย่อีเฉิ นรู ้สึกหงุดหงิดขึนในใจ มองไปยังมู่หรงเสวียอย่างผูท้ ีอยูเ่ หนื อกว่า พูดด้วยนําเสี ยงเย็นชา “มู่หรงเสวีย การ
หมันหมายระหว่างเจ้ากับข้ายังไม่ได้แก้ไขหรื อเปลียนแปลงใดใด เจ้าเป็ นว่าทีภรรยาของข้า เหตุใดถึงกล้าทําตัว
ใกล้ชิดกับคุณชายโอวหยางอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี เจ้าไม่รู้หรื อว่าชายหญิงมิควรใกล้ชิดกัน......”

ดวงตาคมกริ บของคุณชายโอวหยางมองไปทางเย่อเฉิ
ี นด้วยความเยือกเย็น......
ตอนที 59 ต่ อว่า
เพียงสะบัดฝ่ ามือวูบหนึง พลังปราณแกร่ งกล้าสายหนึ งก็พุ่งออกไปทะลุเกราะลมปราณของเย่อีเฉิ นเฉื อนเข้าที
แขนของเขา จนเกิดเป็ นแผลเป็ นรอยยาวตังแต่หลังมือไปจนถึงบริ เวณข้อศอก เลือดสี แดงสดย้อมซึ มไปบน
เสื อผ้า......

“เย่อีเฉิ น เจ้าไม่มีสิทธิ มาต่อว่าเสวียเอ๋ อร์ เช่นนี !” เสี ยงทุม้ คมกริ บแฝงไว้ดว้ ยจิตสังหาร กระตุน้ ความโกรธของเย่
อีเฉิ น แววตาของเขาเย็นยะเยือกจนถึงขีดสุ ด “ถ้าข้าไม่เหมาะสมแล้วใครกันทีเหมาะสม ? พวกเราเป็ นว่าทีสามี
ภรรยาอย่างถูกต้องตามประเพณี คนในเมืองหลวงล้วนทราบโดยทัวกัน”

“ต่อหน้าผูค้ นมากมาย กลับลดขันนางให้เป็ นอนุ ทําให้นางเสื อมเสี ยเกียรติ โดนผูค้ นดูถูกเหยียดหยาม ใช้กาํ ลัง
บีบบังคับนางให้เป็ นอนุ อีกนิ ดเดียวก็จะทําให้นางตกหน้าผาแล้ว อีกทังยังทําลายบัวอัคคีทีสามารถช่วยชีวิตนาง
ได้ จนพิษของนางกําเริ บจนเกือบตาย ตอนทีดอกไม้ปีศาจโจมตี เจ้าไม่สนใจแม้แต่จะปกป้ องนางไม่พอ กลับ
กอดผูห้ ญิงอืนไว้แนบอก นี หรื อคือการเป็ นว่าทีสามีของเจ้า ?” คุณชายโอวหยางมองไปทีเย่อีเฉิ นด้วยสายตาดูถูก

“เรื องของข้า เจ้าไม่มีสิทธิมายุง่ วุ่นวาย” นําเสี ยงของเย่อีเฉิ นเยียบเย็น แววตาวูบไหวด้วยความอํามหิ ต ตอนทีมู่


หรงเสวียยืนมือไปหาดอกไม้ปีศาจกินคน เขาเตรี ยมทีจะเข้าไปช่วย แต่แขนของยวีเยียนกลับจับแขนของเขาไว้
แน่น เขาจึงไม่สามารถช่วยเหลือได้ทนั เวลา......

“เรื องของเจ้านัน ข้าก็ขีเกียจจะยุง่ วุน่ วาย แต่ใครใช้ให้เจ้ามายุง่ วุ่นวายกับเสวียเอ๋ อร์ !” คุณชายโอวหยางปรายตา


มองฉิ นยวีเยียน “แค่ไม่กีปี ทีอดีตจิงอ๋ องมิได้สังสอนเจ้า เจ้าก็กลับมาชอบพอกับหญิงแบบนีเสี ยแล้ว รสนิ ยมของ
เจ้า ช่างแย่จนผูค้ นไม่กล้าทีจะกล่าวชมเชย ถ้าหากตอนนัน อดีตจิงอ๋ องไม่เป็ นคนผลักดันให้เจ้าหมันหมายกับ
เสวียเอ๋ อร์ ระหว่างพวกเจ้าทังสองคนคงมิตอ้ งมายุง่ เกียวกัน......”
ดวงหน้าเรี ยวของฉิ นยวีเยียนซี ดขาวไร้สีเลือด ฝ่ ามือภายใต้แขนเสื อกําแน่นเข้าหากัน

เย่อีเฉิ นดวงหน้าเขียวคลํา “คุณชายโอวหยาง เจ้าอย่าได้ดูถูกกันให้มนั มากเกินไปนัก !”

“ข้าน่ ะหรื อดูถูกคน ?” คุณชายโอวหยางยกยิมมุมปากอย่างต้องการจะเหยียดหยาม

“เย่อีเฉิ น ทีข้ากับเสวียเอ๋ อร์ ถูกเนือต้องตัวกัน ก็เพราะนางได้รับบาดเจ็บ ข้าจึงทําแผลให้นางเท่านัน และทําไม


นางถึงได้รับบาดเจ็บน่ ะหรื อ ? นันก็เป็ นเพราะนางช่วยเหลือเจ้า ช่วยฉิ นยวีเยียน ถ้าเลือดทีฝ่ ามือของนางมิได้
ไหลออกมา พวกเจ้าทังสองคงไม่มีทางมายืนอยูอ่ ย่างปลอดภัยเช่นนี หรอก”

“เมืออยูต่ ่อหน้าผูม้ ีพระคุณ เจ้าจะไม่ขอบคุณก็ไม่เป็ นไร แต่ทีมาต่อว่านางเสี ย ๆ หายเช่นนี นิสัยของเจ้าคงไม่


เหลือซึงความดีอะไรแล้ว......”

สี หน้าของเย่อีเฉิ นดุดนั จนน่ากลัว เขาพูดเน้นทีละคํา “ยวีเยียนไม่รู้วรยุทธ์ ข้าจําต้องปกป้ องนาง แต่เสวียเอ๋ อร์


......”

“เสวียเอ๋ อร์ มีขา้ เรื องของนางต่อจากนี ไปคงไม่ตอ้ งรบกวนจิงอ๋ องให้เป็ นกังวลอีก จิงอ๋ องเจ้าก็แค่เตรี ยมจัดการ
เรื องถอนหมันไว้กพ็ อ” คุณชายโอวหยางเพียงทิงคําพูดทีแสนเย็นชาไว้ พลางหมุนกายมองไปทีมู่หรงเสวียกล่าว
ขึนด้วยนําเสี ยงอ่อนโยน “นีก็ใกล้คาแล้
ํ ว พวกเราไปหาทีพักกันเถอะ”
“ตกลง” มู่หรงเสวียพยักหน้า ค่อย ๆ ออกเดินไปด้านหน้า พระอาทิตย์กใ็ กล้จะลับขอบฟ้ าแล้ว อีกไม่นานฟ้ าคง
มืด พวกเขาเดินทางมาได้สามชัวยาม ทังยังเจอการปะทะทีรุ นแรงไปสองครัง ใช้พลังกายกันไปก็ไม่นอ้ ย
แน่นอนว่าสมควรต้องหาพืนทีทีปลอดภัยพักผ่อนเสี ยหน่ อย

คุณชายโอวหยางเดินไปทีข้างกายของมู่หรงเสวีย โอบไหล่นางดึงเอานางมาไว้ในอ้อมกอดอย่างแนบชิด ฉิ นยวี


เยียนมองตามด้วยสายตาอิจฉาริ ษยา นางก็แค่ผหู ้ ญิงทีอีเฉิ นทิงขว้าง เหตุใดคุณชายโอวหยางถึงไปชอบพอได้ ?
ทุกอย่างมันไม่ควรจะเป็ นเช่นนี......

กลินคาวเลือดบางเบากระทบเข้ากับจมูก ฉิ นยวีเยียหลุดจากภวังค์ความคิด มองไปทีรอยแผลยาวทีแขนของเย่อี


เฉิ น แววตาเต็มไปด้วยความห่ วงใย “อีเฉิ น แผลของท่านลึกมาก......”

“ก็แค่แผลเล็กน้อยเท่านัน เจ้ามิตอ้ งกังวล พวกเราก็หาทีพักกันเถอะ” เย่อีเฉิ นพูดด้วยนําเสี ยงราบเรี ยบ สายตามอง


ไปทีมู่หรงเสวียและคุณชายโอวหยางทีค่อย ๆ เดินไกลออกไป แววตาวูบไหวด้วยความหมายทียากจะคาดเดา

มู่หรงเสวียกับคุณชายโอวหยางเดินไปข้างหน้าตามทางเดินเล็ก ๆ หลังจากทีพระอาทิตย์ลบั ขอบฟ้ าได้ไม่นาน


พวกเขาก็เดินพ้นออกมาจากดงป่ า มาถึงลําธารเล็ก ๆ สายหนึง สายนําใสจนสามารถมองทะลุไปถึงก้นลําธาร
สายนําค่อย ๆ ไหลไปยังทีตํา ทุ่งหญ้าและดอกไม้พลิวไหวไปตามกระแสลม ทิวทัศน์งดงามน่ารื นรมย์......

ตรงหน้าเป็ นพืนทีโล่งเล็ก ๆ เหมาะกับการพักผ่อน อู๋เหิ นรับผิดชอบการก่อไฟ สวินเฟิ งใช้พลังปราณหาปลาทีลํา


ธาร
คุณชายโอวหยางพยุงร่ างของมู่หรงเสวียไปนังทีหิ นสะอาดก้อนใหญ่กอ้ นหนึง หยิบเอาถุงนําสี ขาวส่ งไปให้นาง
“ดืมนําเสี ยหน่ อยเถอะ”

“ขอบคุณ” มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ รับเอาถุงนํามา นางไม่ได้ดืมนําแม้แต่หยดเดียวมาตลอดสามชัวยาม แน่นอนว่า


ต้องรู ้สึกคอแห้งเป็ นอย่างมาก

ไม่รู้ว่าถุงนํานี ทํามาจากสิ งใด ให้สัมผัสทีนุ่ มลืน นําทีไหลเข้าปากให้ความรู ้สึกอุ่นวาบไปทัวอก เพียงชัวครู่ ก็อุ่น


กระจายไปทัวทังร่ าง

มู่หรงเสวียเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ “ทําไมนําถึงยังร้อนอยูล่ ่ะ ?”

พวกนางเดินทางขึนภูเขามาได้สามชัวยามแล้ว ถึงถุงนําจะรักษาอุณหภูมิได้ดีเพียงใด นําก็น่าจะทีจะเย็นชืดแล้วนี

“เจ้ากําลังติดพิษ ดืมนําเย็นคงไม่ดีต่อร่ างกายนัก” คุณชายโอวหยางตอบในสิ งทีนางไม่ได้ถาม พร้อมกับยืนขนม


ดอกเหมยมาให้นาง “ต้องรอสักครู่ ปลาถึงจะย่างเสร็ จ เจ้าก็กินขนมรองท้องไปเสี ยก่อน”

ขนมดอกเหมยยังคงมีไอร้อนน้อย ๆ กลินหอมโชยไปทัวทําให้ผคู ้ นต่างนําลายไหล มู่หรงเสวียรับเอามากัดเข้า


ปากหนึ งคํา กลินหอมหวานเบาบางกระจายไปทัวโพรงปาก
นางมองไปทางคุณชายโอวหยางด้วยความประหลาดใจ เมือเห็นในมือของเขาถือกล่องอาหารเล็ก ๆ เท่าฝ่ ามือ
กล่องหนึง ด้านในยังมีขนมดอกเหมยอีกแปดชิน แต่กลับจับตัวแข็งเย็นชืดต่างกับชินทีนางกินเข้าไปอย่างชัดเจน
ก็สามารถคาดเดาได้ว่าเป็ นเพราะขนมได้ผา่ นฝ่ ามือของคุณชายโอวหยาง ขนมจึงสามารถอุ่นขึนมาได้ “ท่านทํา
ได้อย่างไร ?”

เมือมองไปทีแววตาแปลกใจของนาง แววตาของคุณชายโอวหยางก็ส่องประกายอย่างยินดี พูดกล่าวอย่างผูท้ รง


ภูมิว่า “ความลับของฟ้ ามิอาจรัวไหล”

มู่หรงเสวียพลันมีสีหน้าไม่พอใจ นางถลึงตามองไปทีเขา “ไม่บอกก็ไม่ตอ้ งบอก” นางก็ไม่ได้อยากรู ้เท่าไหร่ นกั

เมือสายตามองเห็นเย่อเฉิ
ี นกับฉิ นยวีเยียนทีนังบนหิ นห่ างออกไปไม่ไกลนัก นางก็ขมวดคิว พวกเขาก็นบั ว่าฉลาด
พอทีรู ้ว่าหุ บเขาหวีซานนันอันตรายมาก จําต้องหาพืนทีว่างทีมีตน้ ไม้พืชพรรณไม่มากนักเพือความปลอดภัย
เหมาะสําหรับทีจะพักผ่อน และพืนทีริ มลําธารสายนี ก็เหมาะแก่การพักผ่อนยิงนัก

คุณชายโอวหยางเมือเห็นสายตาของมู่หรงเสวีย เขาก็ไม่ค่อยจะพอใจนัก “ถ้าไม่ชอบพวกเขา ข้าให้องครักษ์เงา


ไปไล่พวกเขาดีไหม”

ฉิ นยวีเยียนตัวแข็งทือ เงยหน้ามองไปทางมู่หรงเสวีย แววตาเต็มไปด้วยไฟโกรธ ทีนีเป็ นพืนทีสาธารณะของ


แคว้นชิงเหยียน มิใช่เขตแดนส่ วนตัวของพวกเขา มีสิทธิอะไรมาไล่พวกนาง ?
เย่อีเฉิ นค่อย ๆ หรี ตาลง แววตาเปล่งประกายอํามหิ ต ฝ่ ามือทีกําอยูค่ ลายออกค่อย ๆ รวบรวมพลังปราณควบแน่น
เข้าหากัน......

“มิจาํ เป็ น” มู่หรงเสวียส่ ายหน้า ปรายตามองฉิ นยวีเยียน กล่าวขึนช้า ๆ “ถึงแม้วา่ พวกเราจะเป็ นศัตรู กบั พวกเขา
แต่กย็ งั พอจะอยูร่ ่ วมโลกกันได้ จะพักผ่อนอยูท่ ีริ มนําใกล้ ๆ กันก็ไม่เป็ นไรหรอก เพราะบ่อนําเล็ก ๆ เช่นนี ไม่มี
ทางจะเอามาเปรี ยบเทียบกับแม่นาสายใหญ่
ํ ได้ ทําเป็ นเพียงไม่เห็นก็พอ”

เย่อีเฉิ นเป็ นเทพสงครามแห่ งชิงเหยียน จิตใจหยิงทะนง ถ้าพวกนางไปดูถูกเขา แน่นอนว่าเขาต้องตอบโต้ พอถึง


ตอนนันต้องกลายเป็ นการปะทะทีรุ นแรงน่ าดู นางไม่กลัวเย่อีเฉิ น แต่แค่ไม่อยากจะคิดอะไรมากมายให้เปลือง
สมอง

เพราะว่า สิ งทีสําคัญทีสุ ดสําหรับนางตอนนี ก็คือการตามหาต้นตีหยาง และเก็บมันเอามาเป็ นของนาง หลังจาก


นันถ้ายังมีใครมายุง่ วุ่นวาย นางจะตอบโต้จนถึงทีสุ ด

“ปลาย่างเสร็ จแล้ว พวกเราไปดูกนั เถอะ” มู่หรงเสวียลากคุณชายโอวหยางให้เดินไปทีกองไฟ

เย่อีเฉิ นค่อย ๆ กํามือเข้าหากันแน่น พลังปราณหนาแน่นเพียงพริ บตาก็สลายหายไป มองไปทีมู่หรงเสวียกับ


คุณชายโอวหยางทีเดินไกลออกไป แววตาวูบไหวไปด้วยความรู ้สึกซับซ้อน
ตอนที 60 ย่ างปลา
คุณชายโอวหยางเดินไปทีด้านหน้าของกองไฟ หยิบเอาปลาตัวเล็กสี เหลืองอร่ ามส่ งให้กบั มู่หรงเสวีย “เจ้าลอง
ชิมดูสิ”

มู่หรงเสวียตอบรับเสี ยงราบเรี ยบ เตรี ยมยืนมือไปรับเอาปลามา แต่คิดไม่ถึงว่าคุณชายโอวยางจะยืนมือมาทีปาก


ของนาง ป้ อนปลาให้นางเช่นนี

มู่หรงเสวียเลิกคิวขึน ถลึงตามองไปทางเขาอย่างไม่สบอารมณ์นกั กัดเข้าทีปลาทีเขายืนให้เพียงหนึงคําอย่างไม่


เต็มใจ ชัวขณะนัน กลินหอมฟุ้ งก็ลอยอบอวลไปทัวปาก นางพยักหน้าชืนชมอย่างถูกใจ “ไม่เลว ไม่เลว กรอบ
นอกนุ่มใน เนือของมันยังสดอยูเ่ ลย เป็ นอาหารทีหากินได้ยากนัก แต่ว่าข้ามีวิธีทีจะทําให้เนื อปลาอร่ อยกว่านี ”

“วิธีใดหรื อ ? ” คุณชายโอวหยางมองไปทีนางด้วยความสนใจ การย่างปลาของสวินเฟิ งได้รับการชีแนะจาก


ผูเ้ ชียวชาญ แม้แต่ห้องเครื องในวังหลวงก็ไม่มีทางทีจะสู ้เขาได้......

“ความลับของฟ้ ามิอาจรัวไหล” มู่หรงเสวียยกยิมอย่างมีเลศนัย แววตาเต็มไปด้วยความมันใจ คุณชายโอวหยาง


ไม่ยอมบอกความลับของเขากับนาง แน่ นอนว่านางก็ไม่มีทางบอกความลับของตนให้เขารู ้

“ข้ารู ้อยูแ่ ล้วว่าเจ้าก็ไม่ได้มีวิธีการทีเยียมยอดอะไรนักหรอก ก็แค่คุยโวไปเท่านันเอง......” คุณชายโอวหยางปราย


ตามองนางอย่างไม่ใส่ ใจ ท่าทางเหมือนรู้วา่ นางจะตอบเช่นนีตังแต่แรก
มู่หรงเสวียสี หน้าไม่พอใจ “ข้าไม่ได้คุยโว ข้าสามารถย่างปลาให้ท่านดูได้ แต่ว่าข้าต้องใช้วตั ถุดิบชนิ ดพิเศษ ซึ ง
ทีภูเขาหวีซานแห่ งนีดูท่า...เอ๋ ...มีของแบบนีทีนีด้วยหรื อ !”

มู่หรงเสวียแววตาเปล่งประกาย วิงไปทีต้นไม้ทีอยูไ่ ม่ไกลนัก เด็ดเอาใบไม้สีเขียวมากําหนึ ง เอาไปล้างทีลําธาร


แล้วนําไปวางไว้บนมือของคุณชายโอวหยางกล่าวขึนอย่างยิมแย้ม “รบกวนท่านทําให้มนั กลายเป็ นผงที”

“ได้สิ” คุณชายโอวหยางพยักหน้า นิวหยกสัมผัสไปทีใบไม้เบา ๆ ทันใดนันใบไม้สีเขียวกลับกลายเป็ นผุยผงทัน


ตาเห็น

มู่หรงเสวียรับเอาผงเหล่านันโรยเข้าทีปลาทีเสี ยบไม้ยา่ งอยูอ่ ย่างเท่า ๆ กัน ทันใดนันเอง กลินหอมยัวยวนก็ฟงุ้


กระจายไปรอบทิศทําให้ผคู ้ นนําลายศอ.....

เย่อีเฉิ น และฉิ นยวีเยียน รวมถึงคนของวังจิงอ๋ องทีอยูไ่ ม่ไกลก็พลอยได้กลินหอมนันด้วย เย่อเฉิ


ี นและฉินยวีเยียน
ดวงหน้าเรี ยบเฉยเหมือนไม่ได้รับผลกระทบอะไรเป็ นพิเศษ แต่เหล่าคนของวังจิงอ๋ องกลับมองไปทีปลาเสี ยบไม้
พร้อมกับกลืนนําลายลงคอไปเสี ยหลายอึก......

มู่หรงเสวียหยิบเอาปลาทีเพิงย่างเสร็ จไม้หนึงยืนไปทีปากของคุณชายโอวหยาง กล่าวด้วยความภูมิใจว่า “คุณชาย


โอวหยาง ท่านลองชิมดู”

“ได้สิ” คุณชายโอวหยางพยักหน้า กัดเข้าทีปลาทีมู่หรงเสวียยืนให้ ท่วงท่าการชิมรสชาติยงั คงความสง่างาม


ภายใต้แววตาทีภาคภูมิใจของนาง เขากล่าวขึนเพียง “นับว่ายังพอใช้ได้”
มู่หรงเสวียดวงหน้าเคร่ งขรึ ม อะไรคือนับว่ายังพอใช้ได้กนั ปลาตัวนีเมือใช้วตั ถุดิบทีนางเพิมลงไปแล้ว นํามา
เปรี ยบกับตัวเมือครู่ น่าจะอร่ อยขึนหนึงเท่าได้ หรื อเป็ นเพราะว่าการลิมรสชาติของเขาบกพร่ องกัน ถึงชิมออกมา
ไม่รู้รส !

มู่หรงเสวียเอาปลาย่างมาไว้ทีด้านหน้าของตน นางกัดเข้าไปหนึ งคํา กลินหอมตลบอบอวลไปทัวทังปาก รสชาติ


เลิศลําจนทําให้อยากจะกัดลินของตัวเอง

ปลาตัวนี อร่ อยกว่าตัวเมือครู่ สามสี เท่าเห็น ๆ แต่คุณชายโอวหยางกลับกล้าพูดว่า......เดียวก่อนนะ ปลาตัวนี คือ


......ปลาทีคุณชายโอวหยางกัดไปเมือครู่ ......

เมือมองไปอีกด้านของปลา ก็พบรอยกัดชัดเจนทีไม่ใช่รอยกัดของนาง มู่หรงเสวียชะงักไปครู่ หนึง ค่อย ๆ เงย


หน้าไปมองคุณชายโอวหยาง แววตาของนางซับซ้อนใบหน้างอเล็กน้อย มองจนคุณชายอดทีจะหัวเราะน้อย ๆ
ไม่ได้ แววตาฉายรอยยิมน้อย ๆ “เป็ นเจ้าทีกัดเนื อปลาเอง ไม่เกียวอันใดกับข้า”

“แล้วทําไมท่านถึงไม่เตือนข้าสักคําเล่า ?” มู่หรงเสวียถลึงตามองคุณชายโอวหยาง ดวงตางามเต็มไปด้วยความ


โกรธจนสามารถพ่นไฟออกมาได้

“ข้าอยากจะเตือนอยูห่ รอก แต่การกระทําของเจ้ามันช่างรวดเร็ วนัก......” แววตาดําของคุณชายโอวหยางปรากฎ


รอยยิมน้อย ๆ เขารู ้สึกอารมณ์ดีเป็ นพิเศษ
“......”

ถ้าคุณชายโอวหยางไม่พูดว่ารสชาติของปลานันพอใช้ได้ นางก็คงไม่กดั ปลาเข้าปากอย่างรวดเร็ วเช่นนี การทีนาง


กินปลาตัวเดียวกับเขา ล้วนเป็ นความผิดของคุณชายโอวหยาง......

เจ้าคนร้ายกาจ จิตใจดํา คงไม่ใช่ว่าวางแผนเอาไว้แต่แรกหรอกนะ......

เย่อีเฉิ นนังลงบนหิ นสี ดาํ ห่ างออกไปไม่ไกลนัก บาดแผลทีหลังมือถูกจัดการเรี ยบร้อยแล้ว ใบหน้าหล่อเหลา


ภายใต้เงาวูบไหวของเปลวไฟ กําลังมองไปทีคุณชายโอวหยางกับมู่หรงเสวีย ไม่รู้ว่ากําลังคิดสิ งใดอยู่

ฉิ นยวีเยียนทีนังอยูข่ า้ งกายเขา มองไปทีมู่หรงเสวียด้วยแววตาโกรธแค้นและริ ษยา คนทีไม่ค่อยเข้าใกล้ผหู ้ ญิง


เช่นคุณชายโอวหยาง กลับไปสนิทชิดเชือกับนางด้วยสี หน้าทีรื นรมย์เช่นนัน มันไม่ควรจะเป็ นเช่นนี ไม่มีทาง
เป็ นไปได้......

คนของวังจิงอ๋ องทีย่างปลาอยูท่ ีกองไฟพร้อมกับกลินปลาทีจืดชืดแสนธรรมดา ชัวครู่ กลับได้กลินหอมหวานน่า


กินลอยโชยมา ยิงทําให้พวกเขาแทบไม่อยากอาหารมากขึนกว่าเดิม......

เมือมองไปทางกลินหอมทีลอยโชยมา ก็เห็นอู๋เหิ นหอบเอาผลไม้สีห้าลูกเดินตรงไปทีหน้าคุณชายโอวหยาง พูด


นําด้วยเสี ยงนอบน้อม “คุณชาย ผลไม้ขอรับ”
คุณชายโอวหยางก้มลงไปมอง เห็นผลไม้ทรงกลม สี แดงสด น่ากิน ด้านบนมีหยดนําทียังไม่แห้งเกาะอยู่ แค่
มองดูกร็ ู ้สึกถึงความหวานฉําน่ ากิน “เอามาจากไหนหรื อ ?”

“เรี ยนคุณชาย เด็ดมาจากตรงนันขอรับ” อู๋เหิ นชีไปทีต้นไม้ไม่ไกล ยืนผลไม้ไปทีมือของคุณชายโอวหยาง ตนเอง


หยิบเอาผลไม้อีกลูกทีอยูใ่ นแขนเสื อ ยืนเข้าปาก......

มู่หรงเสวียปรายตาไปมองด้วยความสนใจ แววตากลายเป็ นสว่างวาบ เร่ งปั ดมือไปทีผลไม้ทีเขากําลังจะเอาเข้า


ปาก กล่าวอย่างเร่ งรี บ “อย่ากิน ผลไม้นนมี
ั พิษ”

เพียงกล่าวจบคําได้ไม่นาน ก็ได้ยนิ เสี ยง ‘อ้าก’ ร้องดังขึนอย่างโหยหวน คนของวังจิงอ๋ องผูห้ นึ งล้มลงกับพืน มือ


กุมเข้าทีท้องกลิงไปมา ร้องเรี ยกอย่างเจ็บปวด ผิวหนังกลายเป็ นสี ดาํ อย่างรวดเร็ วจนสายตาเปล่าของคนมองตาม
ไม่ทนั พริ บตาเดียวก็นอนแน่ นิงอยูก่ บั พืนไม่มีการขยับเขยือนใด ๆ ผลไม้ทีถูกกัดไปแล้วครึ งหนึงตกอยูข่ า้ งกาย
......

เย่อีเฉิ น ฉิ นยวีเยียน คนของวังจิงอ๋ องมองไปทีซากศพนัน มิกล่าววาจาใด รอบ ๆ กองไฟพลันเงียบสงบ

ดวงตาของอู๋เหิ นฉายแววตืนตระหนก ผ่านไปชัวครู่ ถึงได้หลุดออกจากภวังค์ เขามองไปทีมู่หรงเสวีย


“ขอบพระคุณคุณหนูม่หู รงทีช่วยชีวิตไว้อีกครังขอรับ ทําไมคุณหนู ถึงรู้ได้ว่าผลไม้นนมี
ั พิษขอรับ ?”ตอนทีเขา
เด็ดมันลงมา ก็ได้ใช้เข็มเงินตรวจสอบไปแล้ว เข็มเงินก็มิได้กลายเป็ นสี ดาํ นี น่า......
แววตาของมู่หรงเสวียเคร่ งขรึ มขึน “ผลไม้ชนิ ดนี ใช้เข็มเงินไม่มีทางตรวจพิษเจอ หลังจากทีกินเข้าไป พิษนี ก็จะ
แพร่ กระจายไปทัวร่ างกายและออกอาการอย่างรวดเร็ ว ในทีสุ ดก็จะคร่ าชีวิตของคนผูน้ ันในพริ บตา” อยูใ่ นป่ า
พืชพรรณยิงงดงามมากเท่าไรก็ยงมี
ิ พิษมากเท่านัน คําพูดนี กล่าวไว้ไม่ผดิ

อู๋เหิ นพยักหน้าอย่างเข้าใจ แววตาทีมองมู่หรงเสวียฉายแววเคารพนับถือมากขึนหลายเท่า นางเป็ นแค่คุณหนูทีอยู่


ในห้องหอ แต่เมือเทียบกับเขาทีอยูข่ า้ งกายคุณชายมาแล้วเจ็ดแปดปี ทังยังเดินทางไปทัวสารทิศได้พบเจอกับ
ผูค้ นมากมาย นางกลับมีความรู ้กว้างขวางกว่าเขามาก นางช่างเป็ นหญิงสาวทีฉลาดรอบรู ้จนหาตัวจับได้ยากใน
โลกนี ถึงว่าทําไมคุณชายถึงหลงรักนาง......

กลินหอมของผลไม้เมือครู่ พอกระทบเข้ากับจมูก ทําให้ม่หู รงเสวียรู ้สึกคอแห้ง ค่อย ๆ เดินไปทีกระเป๋ าสี ดาํ ของ
ตน เปิ ดกระเป๋ าออกแล้วหยิบเอาแก้วนําลายครามออกมาหลายใบ เป็ นตัวแก้วทีสังทําพิเศษ รู ปร่ างบางยาว ฝา
ํ ซึ มออกมา นางเปิ ดฝาแก้วออก เห็นของเหลวสี ขาวปรากฏอยูด่ า้ นใน
ของแก้วปิ ดแน่นเข้ากับตัวแก้ว ไม่มีนาที

“นีคืออะไรหรื อ ?” คุณชายโอวหยางเดินมาด้านหน้า แววตาเต็มไปด้วยความสงสัยไม่เข้าใจนัก


ตอนที 61 อันตรายทีกําลังมาถึง
“นมโยเกิร์ต !” มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ สี หน้าท่าทางดูลึกลับ

นมโยเกิร์ต ? มันคือสิ งใดกัน ?

พวกเขาเคยได้ยนิ แต่พวกนมวัว นมแพะ รู ้วา่ นมวัวเป็ นสิ งทีได้จากวัว นมแพะเป็ นสิ งทีได้จากแพะ โยเกิร์ต......
หรื อว่าบนโลกนี ยังมีสัตว์ทีเรี ยกว่าโยเกิร์ตอยู่ ?

สวินเฟิ งกับอู๋เหิ นมองหน้ากันไปมา แล้วพากันมองไปทีมู่หรงเสวีย

มู่หรงเสวียเพียงยิมน้อย ๆ “โยเกิร์ตไม่ได้ผลิตมาจากสัตว์ แต่ทาํ ขึนมาโดยใช้นม สามารถช่วยในการย่อยอาหาร


บํารุ งกระเพาะลําไส้ ดืมหลังจากทีกินของดิบเย็นมันเลียนสักหนึงแก้วจะส่ งผลดีต่อสุ ขภาพ ข้าตังใจไว้แต่แรก
แล้วว่าบนเขาเช่นนี คงหาของถูกปากกินไม่ได้เลยพกมาด้วยเสี ยหลายแก้ว พวกท่านลองเอาไปชิมคนละแก้วสิ !”

“ขอบพระคุณคุณหนูมากขอรับ !” สวินเฟิ งอู๋เหิ นล้วนไม่ค่อยชอบดืมนมนัก แต่เกิดรู ้สึกสนใจในตัวเจ้าโยเกิร์ตที


ทํามาจากนมนีเป็ นอย่างมาก เลยหยิบมาคนละแก้ว เปิ ดฝาออกชิม โยเกิร์ตเข้มข้นไหลเข้าปากไหลลืนอย่าง
นุ่มนวลลงสู่ กระเพาะ ทันใดนันก็รู้สึกสบายท้อง แววตาของทังสองเปล่งประกาย พากันชืนชมกันเสี ยยกใหญ่
“ไม่เลว ไม่เลว เจ้าโยเกิร์ตนี ช่างยอมเยียมจริ ง ๆ !”
มองไปทีทังสองคนทีกําลังยกแก้วดืม มู่หรงเสวียก็ยมบางเบา
ิ ยืนโยเกิร์ตในมือไปให้คุณชายโอวหยาง “คุณชาย
โอวหยางท่านก็ชิมด้วยสิ ”

“ได้สิ !” คุณชายโอวหยางพยักหน้า รับแก้วมาจิบเบา ๆ เพียงหนึงคํา

“อย่าบอกข้านะว่ารสชาติยงั พอใช้ได้อยู่ !” มู่หรงเสวียถลึงตามองไปทีคุณชายโอวหยาง แววตาสี ดาํ เปล่งประกาย


คุกคาม

แววตาของคุณชายโอวหยางยิม ๆ แล้วตอบ “รสชาติไม่เลวนี !”

แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยแตะนมแม้แต่หยดเดียว เพราะรสชาติของนมนันมันเหม็นคาวเกินไป แต่พอผ่านการทํา


เป็ นโยเกิร์ตของนางแล้ว กลับทําให้รสชาติคาวของนมหายไปจนสิ น กลายเป็ นรสชาติทีเปรี ยวแทน พอดืมเข้าไป
แล้วทําให้รู้สึกสบายท้อง......

“รสชาติเช่นนี ยังนับว่าไม่ค่อยดีนัก” มู่หรงเสวียยกยิมบางเบา หันไปหยิบโยเกิร์ตอีกแก้วขึนมาเปิ ดฝาค่อย ๆ ดืม


อย่างช้า ๆ นางชะงัก มองดูโยเกิร์ตทีอยู่ ๆ ก็มีไอร้อน ตอนทีนางเปิ ดฝาโยเกิร์ตมันเย็นชืดแล้วนีน่ า ทําไมอยู่ ๆ
กลับร้อนขึนมาได้ ?

เมือเงยหน้าไปมองทีคุณชายโอวหยาง ก็เห็นเขากําลังยกแก้วดืมลิมชิมรสโยเกิร์ตอย่างช้า ๆ ถึงจะดูเป็ นแค่การ


กระทําทีธรรมดา ๆ ไม่มีอะไรพิเศษ แต่พอเป็ นเขาทีทํามันกลับดูสง่างามสู งส่ งจนผูค้ นมิอาจละสายตาได้
ไอร้อนบางเบาพากันไหลออกมาจากแก้วโยเกิร์ตของเขา มู่หรงเสวียเลิกคิว ทีแท้กเ็ ป็ นฝี มือคุณชายโอวหยาง
นีเอง นางไม่รู้จริ ง ๆ ว่าเขาใช้วิธีใดถึงทําเช่นนี ได้ แต่กไ็ ม่สามารถปฏิเสธได้วา่ โยเกิร์ตร้อนนันดีกว่าโยเกิร์ตเย็น
เป็ นไหน ๆ ทังยังบํารุ งสุ ขภาพบํารุ งร่ างกายด้วย

คนของวังจิงอ๋ องทีเหลือเพียงแค่สามคน นังอยูด่ า้ นข้างกองไฟ กําลังกินปลาย่างแห้ง ๆ อย่างไร้ความรู ้สึก สายตา


อิจฉามองไปยังกองไฟทีอยูไ่ กลออกไปอีกด้าน สวินเฟิ ง อู๋เหิ นทีเป็ นทหารผูต้ ิดตามเช่นเดียวกับพวกเขา แต่พวก
นันกลับโชคดีกว่านัก นังอยูด่ า้ นหน้ากองไฟ พากันกินดืมปลาย่างหอม ๆ กับโยเกิร์ตทีบํารุ งร่ างกายบํารุ งสุ ขภาพ
มีชีวิตทีสุ ขสบายจนน่าอิจฉา

วัตถุดิบทีใช้ยา่ งปลา โยเกิร์ตทีบํารุ งร่ างกายล้วนเป็ นคุณหนูมู่หรงทีหาและทําขึนมา คุณหนู ม่หู รงเสวียแต่เดิมเป็ น


ว่าทีภรรยาของท่านอ๋ องของพวกเขา ถ้าท่านอ๋ องมิได้ไปชอบพอกับฉิ นยวีเยียน เช่นนันตอนนี คนทีนังอยูข่ า้ งกาย
ท่านก็คงเป็ นคุณหนูม่หู รง ปลาย่างและโยเกิร์ตของนาง ก็ตอ้ งถูกแจกจ่ายให้พวกเขาได้กิน......

พวกทหารผูต้ ิดตามต่างปรายตามองไปทีฉิ นยวีเยียน นางไม่เป็ นวรยุทธ์ ตอนทีพบกับอันตรายในหุ บเขา ต้องคอย


ให้พวกเขาดูแลและปกป้ อง ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้เป็ นตัวถ่วงของพวกเขา แต่ก็ถือได้ว่าเป็ นสาเหตุทีทําให้การ
เดินทางของพวกเขานันล่าช้าลง

นางไม่เป็ นเรื องการครัว อาหารของพวกเขาก็เลยเป็ นแค่ปลาย่างแห้ง ๆ กับนําเย็นชืด ถึงแม้จะบอกว่าพวกเขาเคย


ชินกับการใช้ชีวิตแบบนีอยูแ่ ล้ว กระเพาะและท้องล้วนทนได้ แต่ในความเป็ นจริ งนันก็ตอ้ งมีผลเสี ยต่อร่ างกายอยู่
บ้าง......
นางไม่มีความรู ้ทีกว้างขวาง ไม่รู้ว่าผลไม้นนมี
ั พิษ ตอนทีอาซื อกินผลไม้เขาไป นางไม่ได้หา้ มปราบ ไม่ได้
ช่วยชีวิตของอาซื อไว้......

ถ้าเกิดข้างกายของท่านอ๋ องเป็ นคุณหนูม่หู รง นางก็คงปั ดเอาผลไม้สีแดงของอาซื อออกไป อาซื อก็คงไม่ตอ้ งตาย


......

เมือเทียบกับคุณหนูมู่หรงแล้ว ฉิ นยวีเยียนยังห่ างไกลอีกหนึ งแสนแปดหมืนลี......

ตอนทีทหารติดตามปรายตามองนาง ฉิ นยวีเยียนก็เห็นเข้าพอดี ดวงหน้างามของนางค่อย ๆ ดุดนั ขึนมา เอานาง


ไปเปรี ยบเทียบกับมู่หรงเสวีย แล้วยังคิดว่านางไม่ดีเท่ามู่หรงเสวีย ทหารชันตําพวกนี ช่างไม่เจียมตน ไม่ดูตวั เอง
หน่ อยหรื อว่าเป็ นตัวอะไร ? กลับกล้ามาวิจารณ์นาง ช่างรนหาทีตายนัก !

ี นด้วยนําตาคลอ เตรี ยมทีจะฟ้ องเขา แต่กลับเห็นเขามองไปทางมู่หรงเสวียพอดี แววตา


ฉิ นยวีเยียนมองไปทีเย่อเฉิ
เต็มไปด้วยความสับสน สงสัย ไม่เข้าใจ เสี ยใจ......

เดียวก่อนนะ ทําไมอีเฉิ นถึงเสี ยใจได้ หรื อว่าเขาก็กาํ ลังคิดว่านางไม่ดีเท่ากับมู่หรงเสวีย เสี ยใจทีทิงมู่หรงเสวีย


เพือมาเลือกนางอย่างนันหรื อ !

ไม่ ไม่ ไม่ เป็ นไปไม่ได้ ! นางเป็ นองค์หญิงม่อเป่ ยทีสู งส่ ง เป็ นลูกสาวทีฮ่องเต้ม่อเป่ ยโปรดปรานทีสุ ด เมือเทียบ
กับมู่หรงเสวียแล้ว คุณหนูทีกําพร้าพ่อแม่เช่นนัน นางดีกว่าตังหนึงแสนแปดหมืนลี นางจะแพ้ให้กบั มู่หรงเสวีย
ได้อย่างไร นางไม่มีทางยอมแพ้ให้กบั มู่หรงเสวียเด็ดขาด !
นางก็แค่เด็ดใบไม้มวั ๆ ทําให้ปลาย่างอร่ อยขึน ก็แค่ทาํ นมให้กลายเป็ นโยเกิร์ต เรื องทีมู่หรงเสวียทําได้ นางก็ทาํ
ได้ !

ฉิ นยวีเยียนแววตาเยียบเย็น หมุนกายลุกออกไป ก้าวเท้ายาวเดินไปข้างหน้าโดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมามอง


สายลมพัดเสี ยงแง่งอนของนางเข้ามา “อีเฉิ น ข้าไปเดินเล่นข้างนอกสักครู่ !”

เย่อีเฉิ นปรายตามองนาง คิดว่านางจะไปทํา ‘ธุระส่ วนตัว’ เลยมิได้สนใจนัก พูดเพียงบางเบาว่า “อย่าไปไกลนัก


ล่ะ !”

“รู ้แล้ว !” ฉิ นยวีเยียนตอบรับด้วยความไม่พอใจ วิงออกไปด้วยความอัดอันจนเหนือยหอบ เมือวิงต่อไปไม่ไหว


แล้วถึงได้หยุดลง อดกลันไม่ไหวจนต้องดึงทึงต้นหญ้าข้างกาย ในทีสุ ดอีเฉิ นก็ไม่ตอ้ งการนางแล้ว นางบอกว่า
อยากเดินเล่น เขาก็กลับไม่ยอมมาเป็ นเพือนนาง แต่กลับพูดจากล่าวเตือนเรื องไร้สาระ......

ทังหมดทังมวลล้วนเป็ นเพราะมู่หรงเสวียคนเดียว เป็ นถึงคุณหนูกลับไม่เรี ยนรู ้การเย็บปั กถักร้อย ดีดพิณ เดิน


หมาก อ่านตํารา แต่งกวี กลับไปเรี ยนศาสตร์ การทําอาหารชันตํา ช่างน่าขันยิงนัก ! ทหารทีน่ารังเกียจพวกนัน
กลับเทิดทูนนาง สายตาทีเย่อีเฉิ นมองนางนานวันเข้ายิงกลายเป็ นห่ วงใย......

เงาสี ดาํ สายหนึงวูบผ่านสายตา ฉิ นยวีเยียนหยุดชะงัก ค่อย ๆ เงยหน้ามองไปเห็นหน้าผาสู งสี ขาวทีอยูไ่ ม่ไกล


ํ งหนึ ง ด้านข้างของถํามีป้ายหิ นสี ดาํ ก้อนหนึงวางอยู่ ลมโชยแผ่วเบา แมกไม้ลู่ไหวไป
ด้านล่างของหน้าผามีถาแห่
มาบดบังป้ ายสี ดาํ มองไม่เห็นว่าด้านบนเขียนว่าอะไร
หน้าผา ! ป้ ายหิ นสี ดาํ ! ฉิ นยวีเยียนแววตาครุ่ นคิด คิดถึงสาเหตุทีนางมาหุ บเขาหวีซาน ดวงตาเปล่งประกาย หรื อ
ว่า...ทีนี จะเป็ นทีทีพวกเขากําลังตามหา ?

นางกับอีเฉิ นเดินไปมาในหุ บเขาหวีซานมาได้หนึ งวันแล้ว ไม่พบเห็นเงาของทีตามหาแม้แต่นิด แต่คาดไม่ถึงว่า


นางกลับพบเข้าโดยบังเอิญเช่นนี พอเวลาตังใจตามหากลับไม่เจอ พอจะเจอก็เจอโดยง่ายดายไม่เสี ยแรง นางต้อง
รี บไปบอกอีเฉิ น เขาจะต้องดีใจอย่างแน่นอน

ฉิ นยวีเยียนเผยรอยยิมสดใส นางหมุนตัวแล้ววิงออกไปไม่กีก้าว อยู่ ๆ ในหัวก็มีความคิดหนึงแล่นแวบขึนมา ถ้า


เกิดไม่ใช่และทําให้อีเฉิ นผิดหวังล่ะ ? คนของวังจิงอ๋ องพวกนันต้องดูถกู นางแน่ ถ้าเช่นนันนางคงต้องไปดูเสี ย
หน่ อย ดูให้แน่ ใจว่าทีนี ใช่ทีอีเฉิ นต้องการหรื อไม่ ? นางจะได้ไม่ดีใจเก้อ

ฉิ นยวีเยียนเก็บรอยยิม แล้วหันหลังกลับค่อย ๆ เดินไปทีละก้าวทีละก้าวจนถึงป้ ายหิ นสี ดาํ ใช้มือลูบไปทีป้ ายหิ น


สัมผัสทีนุ่ มลืนแล่นเข้าสู่ ฝ่ามือ เพียงพริ บตาเดียว นางก็เบิกตากว้างดวงตาวูบไหวไปด้วยความหวาดกลัว......
ตอนที 62 ตกหน้ าผา
ฉิ นยวีเยียนค่อย ๆ ก้มลงไปมอง เห็นป้ ายหิ นในมือหมุนตัวกลับมาเต็มไปด้วยดวงตาสี แดง ทําให้นางตัวสันด้วย
ความหวาดกลัว......

“อ้า !” ฉิ นยวีเยียนกรี ดร้องเสี ยงดัง นางรี บดึงมือกลับ ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว พลางก้าวถอยออกมา


ร่ างกายทีสันระริ กหันหลังวิงกลับไปทางเดิม......

‘ป้ ายหิ น’ ทังหมดล้วนถูกปลุกให้ตืนขึนมาด้วยความตกใจ เงาร่ างสี ดาํ สายแล้วสายเล่าค่อย ๆ กางปี กออก ส่ ง


เสี ยง ‘พับ พับ’ ไล่ตามมานางไป......

บริ เวณข้างลําธาร มู่หรงเสวียทีรับประทานปลาและโยเกิร์ตเสร็ จแล้ว กําลังเตรี ยมทีจะนําผ้าห่ มทีเอาติดมาด้วย


ออกมาปูลงกับพืนหญ้าเตรี ยมทีจะพักผ่อน พลันเสี ยงกรี ดร้องสายหนึ งดังขึนจากทีห่ างไกล “ช่วยด้วย......ช่วยข้า
ด้วย......”

มู่หรงเสวียเงยหน้าขึนมอง ก็เห็นฉิ นยวีเยียนวิงมาทางนีด้วยความร้อนรน เนื องจากเป็ นความเร็ วทีเร็ วมาก จึงวิง


โซซัดโซเซไปมาเล็กน้อย ด้านหลังของนางมีสัตว์ฝงู หนึงทีหูกางยาว ขาสัน ปี กกว้างใหญ่บินตามมา เต็มไปทัว
ท้องฟ้ าราวกลับกลุ่มเมฆสี ดาํ ทะมึน บดบังพระจันทร์และดวงดาวจนมืดมิด......

“นันมัน......ค้างคาว !” อู๋เหิ นดวงตาเบิกกว้างด้วยความตืนตระหนก เขารู้ว่าค้างคาวชอบอยูเ่ ป็ นกลุ่ม แต่พวก


ค้างคาวตรงหน้า จะรวมกลุ่มกันเยอะเกินไปแล้วหรื อเปล่า......
“ทําไมดวงตาของพวกมันถึงเป็ นสี แดงเช่นนันล่ะ ?” สวินเฟิ งเห็นค้างคาวมาก็ไม่นอ้ ย แต่พวกมันล้วนมีดวงตาสี
ดํา

“มันเป็ นค้างคาวดูดเลือด หนี เร็ วเข้า !” มู่หรงเสวียหน้าเปลียนสี ลากคุณชายโอวหยางทีอยูข่ า้ งตัววิงออกไปอีก


ด้านอย่างรวดเร็ ว ค้างคาวดูดเลือดเป็ นสัตว์ดุร้าย ดํารงชีวิตอยูไ่ ด้ดว้ ยการดูดเลือด เจ้ากลุ่มก้อนสี ดาํ ทีบดบัง
ท้องฟ้ าผืนใหญ่ ๆ ผืนนี พวกเราไม่มีทางไปต่อกรกับพวกมันได้อย่างแน่ นอน

สวินเฟิ ง อู๋เหิ นเมือได้ฟังความเช่นนัน ก็รีบเร่ งตามคนทังสองไปอย่างไม่คิดสิ งใด เพียงแต่วิงไปด้านหน้าอย่าง


รวดเร็ ว

คนของวังจิงอ๋ องพากันมองไปทีเย่อีเฉิ น ดวงตาก็เต็มไปด้วยความร้อนรน “ท่านอ๋ อง !” ค้างคาวยิงเข้ามาใกล้


พวกเขาต่างก็รู้สึกได้ถึงจิตสังหาร ถ้าไม่รีบหนี ตอนนี ดูท่าก็คงหนี ไม่ทนั แล้ว

“ไป !” เย่อีเฉิ นพูดด้วยนําเสี ยงเย็นชา ร่ างหายวูบไปปรากฏทีด้านหน้าของฉิ นยวีเยียน จับแขนของนาง ลากนาง


วิงไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ ว

มู่หรงเสวียทีกําลังวิงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ วนัน สายตาก็เห็นเย่อเฉิ


ี น และฉิ นยวีเยียนทีวิงตามมา นางจึงพูดขึน
ด้วยนําเสี ยงเย็นชาว่า “ฉิ นยวีเยียน ทําไมเจ้าถึงได้ไปพาเอาค้างคาวดูดเลือดมาได้ ?”
“ข้าก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ตอนทีกําลังเดินกลับมา ด้านหลังก็เต็มไปด้วยค้างคาวฝูงใหญ่เสี ยแล้ว......” ฉิ นยวีเยียน
โกหกหน้าตาย แต่แววตาของนางกลับหลอกแหลกไม่เป็ นธรรมชาติ

นางก็แค่อยากช่วยเย่อีเฉิ นเท่านัน อยากจะรู้วา่ ถําแห่ งนันเป็ นทีทีพวกเขากําลังตามหาจริ งหรื อไม่ นางไม่รู้ว่าป้ าย


หิ นจะกลายเป็ นฝูงค้างคาวดูดเลือดได้ นางไม่ได้ตงใจ
ั นางไม่ผดิ นางไม่ผดิ ......

“องค์หญิงฉิ น ถึงแม้ว่าค้างคาวดูดเลือดจะดูดเลือดเป็ นหลักก็จริ ง แต่พวกมันจะไม่เป็ นฝ่ ายโจมตีใครก่อน นอก


เสี ยจากจะมีคนบุกรุ กถินฐานของมัน พวกมันถึงจะไล่ล่าไม่ปล่อยเช่นนี......” มู่หรงเสวียทิงคําพูดเย็นชาเอาไว้
นางเร่ งความเร็ ววิงไปด้านหน้า

ดวงหน้าเรี ยวเล็กของฉิ นยวีเยียนกลายเป็ นซี ดขาว แววตาวูบไหวไปมา แต่ก็ไม่รู้ว่าจะแก้ตวั อย่างไรดี......

สี หน้าของสวินเฟิ ง อู๋เหิ นฉายแววไร้อารมณ์ คนของวังจิงอ๋ องทําให้เขาลําบากไปแล้วหนึ งครัง ถ้าจะทําให้ลาํ บาก


อีกครังหนึงก็คงไม่แปลกนักหรอก

คนของวังจิงอ๋ องขมวดคิวเข้าหากัน เดิมทีพวกเขาควรได้พกั ผ่อนอย่างสบาย ๆ สักหนึ งคืน แต่ตอนนี กลับ


ตาลปั ตรไปเสี ยหมด มาถูกค้างคาวดูดเลือดไล่ตามเช่นนี คงไม่ตอ้ งพูดถึงเรื องพักผ่อนแล้ว พวกเขาจะรักษาชีวิต
เอาไว้ได้หรื อเปล่าก็ยงั ไม่รู้เลย ฉิ นยวีเยียนนี ชอบหาเรื องวุ่นวายยิงนัก ช่างเป็ นองค์หญิงทีฐานะสู งส่ งแต่เป็ นตัว
ถ่วงเสี ยจริ ง......

สี หน้าของเย่อีเฉิ นเฉยชา เขาหรี ตาลงไม่รู้ว่ากําลังคิดสิ งใดอยู่


สี หน้าของคุณชายโอวหยางเรี ยบเฉย ยกมุมปากขึนด้วยความดูถูกเหยียดหยาม เขาจับมือของมู่หรงเสวียแน่ นแล้ว
วิงออกไปจากดงป่ า แต่กลับพบว่าด้านหน้าเป็ นแนวหน้าผา หน้าผาทีตังเป็ นแนวตรงสู งชันเป็ นอย่างมาก ดูแล้ว
ไม่มีทางทีจะปี นขึนไปได้เลย เหวลึกและมืดมิดจนมองไม่เห็นก้นเหว......

“ทางตันแล้ว !” คนของวังจิงอ๋ องชะงักหยุดฝี เท้าลง ค้างคาวดูดเลือดสิ บกว่าตัวตามเข้ามาล่อนลงไปยังทหารผูน้ นั


เขียวยาวแหลมคมแทงเข้าไปในเนือของเขา ซูบเลือดออกอย่างรวดเร็ ว

“อ้ากก !” ทหารผูน้ นกรี


ั ดร้องด้วยความเจ็บปวด แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว สายตาทุกสายมองเห็น
ร่ างกายอ่อนเยาว์แห้งเหี ยวด้วยความรวดเร็ ว เพียงพริ บตาเดียวเขาก็กลายเป็ นซากศพทีเหี ยวแห้งร่ างหนึง......

ค้างคาวดูดเลือด ดูดเลือดไม่ผิดไปจากชือเลย !

มู่หรงเสวียขมวดคิวเข้าหากันแน่น สะบัดมือออกไปบางเบา เข็มเงินสิ บกว่าเล่มพุ่งออกไป เข้าทะลุทีหัวของ


ค้างคาว......

“ค้างคาวพวกนันพุ่งลงมาแล้ว รี บชักดาบออกมาฟันพวกมันเร็ วเข้า !” สวินเฟิ งกล่าวเตือนเสี ยงดัง คนของวังจิง


อ๋ องทีเหลืออยูส่ องคนพลันตืนจากภวังค์ กดความกลัวและความตืนตระหนกลงไป เร่ งชักดาบออกมา พุ่งเข้าไป
ฟันค้างคาวทีอยูด่ า้ นหน้าอย่างแรง เลือดสี แดงสดสาดกระเซ็นทีละสายสองสาย......
ค้างคาวทีตกตายต่างร่ วงลงสู่ พนตั
ื วแล้วตัวเล่า ผ่านไปไม่นานก็ค่อย ๆ กลายเป็ นกองภูเขาขนาดย่อม ๆ ลูกหนึง
กลินคาวเลือดคละคลุง้ ไปทัวบริ เวณ แต่คา้ งคาวดูดเลือดกลับยังคงดํามะเมือมอยูเ่ ต็มผืนฟ้ าเช่นเดิม คล้ายกับว่า
มิได้ลดจํานวนลงเลยแม้แต่นอ้ ย......

คนของวังจิงอ๋ องแอบถลึงตาใส่ ฉินยวีเยียนเงียบ ๆ ผูห้ ญิงไร้ความสามารถทําอะไรก็ลว้ นแต่ผดิ พลาด ไม่เข้าใจ


จริ ง ๆ ว่าท่านอ๋ องชอบนางทีจุดไหนกัน !

ฉิ นยวีเยียนรู ้สึกได้ถึงความไม่พอใจและความโกรธของพวกทหาร แต่ก็มิได้กล่าววาจาต่อว่าแต่อย่างใด มือน้อย


ๆ ของนางจับเข้าทีเสื อของเย่อีเฉิ นแน่น ซบอยูก่ บั อกของเขา เพียงให้เขาคุม้ ครองปกป้ องนางอย่างสุ ขสบาย

ค้างคาวดูดเลือดมากมายเช่นนี นางไม่รู้ว่าเมือไรถึงจะฆ่ามันหมด นางรู ้เพียงแต่ว่าหากอีเฉิ นยังมีชีวิตอยูน่ างก็จะ


ปลอดภัย วรยุทธ์ของทหารวังจิงอ๋ องสองคนนัน ล้วนไม่สามารถเทียบได้กบั หนึงในสิ บของอีเฉิ น ถ้ายังยืดเยือ
ต่อไปเช่นนี พวกเขาก็น่าจะหมดเรี ยวแรงกลายเป็ นอาหารของพวกค้างคาวดูดเลือดแน่ !

นางเป็ นองค์หญิงม่อเป่ ยผูส้ ู งศักดิ คงไม่ไปต่อล้อต่อเถียงกับคนใช้สองคนทีกําลังจะตายหรอก นันเป็ นการลด


ฐานะของนางโดยเปล่าประโยชน์......

หางตาเหลือบเห็นชายเสื อขาวสายหนึง เป็ นคุณชายโอวหยาง เขายืนอยูใ่ นความมืดอย่างเงียบ ๆ งดงามราวกับ


ภาพวาดอันวิจิตรภาพหนึ ง นิ วมือภายใต้แขนเสื อเดียวกําเดียวคลาย แขนเสื อสี ขาวหิ มะพลิวไหวไปมา คลายกับ
ดอกบัวหิ มะทีเบ่งบานดอกหนึง กลีบดอกของมันพุ่งออกอย่างรวดเร็ วรุ นแรงไปตามสายลม พุ่งขึนไปบนฟ้ า
อย่างมิหยุดหยัง เพียงพริ บตาเดียวค้างคาวดูดเลือดตัวแล้วตัวเล่าต่างก็กลายเป็ นผุยผง สลายหายไปกับสายลม......
ผูช้ ายทีเพรี ยบพร้อมดีงามเช่นนี สมควรคู่กบั หญิงงามทีเรี ยบร้อยใสสะอาดถึงจะเหมาะสม มู่หรงเสวียก็แค่ตวั ขี
โรคทีอีเฉิ นทิงขว้าง มีตรงไหนบ้างทีเหมาะสมกับเขา ? แต่ทาํ ไมเขาถึงไปชอบมู่หรงเสวียได้ ?

เมือปรายตามองไปทีมู่หรงเสวียทีอยูด่ า้ นข้าง เห็นนางถือดาบสันเล่มหนึงไว้ในมือ ฟาดฟันไปมาอย่างรวดเร็ ว


ทุกทีทีปลายดาบพาดผ่าน ล้วนเปล่งประกายสี เงินวูบไหว สายเลือดสาดกระเซ็น ท่วงท่าไหลลืนเสี ยจนผูค้ นตก
ตะลึง......

แววตาคมกริ บของฉิ นยวีเยียนหรี ลง มู่หรงเสวียก็เป็ นศัตรู คุ่แข่งทีร้ายกาจมากผูห้ นึง ตนไม่อาจจะปล่อยให้นางมี


ชีวิตเติบโตได้อีกต่อไป ต้องมอบความตายให้นางโดยเร็ วทีสุ ด วันนี ถือเป็ นโอกาสทีดีมาก สามารถทําให้นางตาย
โดยไร้พิรุธและไม่มีใครล่วงรู ้......

“ค้างคาวดูดเลือดมากเกินไปแล้ว ให้ขา้ ช่วยเถอะ !” ฉิ นยวีเยียนกล่าวขึนช้า ๆ เดินออกจากอ้อมกอดของเย่อีเฉิน


มือของนางหยิบเอาดาบมาเล่มหนึ ง ท่าทางคล้ายกับกําลังฟันค้างคาวอย่างตังอกตังใจ ค่อย ๆ เขยิบเข้าไปใกล้มู่
หรงเสวียอย่างเงียบ ๆ......

ค้างคาวจํานวนมากกําลังโจมตีเข้ามาเรื อย ๆ มู่หรงเสวียทีกําลังตังใจรับมือกับพวกมัน กลับมีแรงผลักมาจาก


ด้านข้าง นางทีไม่ทนั ระวังตัว ได้กระเด็นจนตกลงไปทีหน้าผา......
ตอนที 63 สังสอนฉินวีเยียน
มู่หรงเสวียมองเห็นรอยยิมบนใบหน้าของฉิ นยวีเยียน พริ บตาเดียวก็เข้าใจเรื องราวทังหมด นางยืนมือไปจับ
ชายกระโปรงของฉิ นยวีเยียนไว้ ลากนางตกเหวลงไปด้วยกัน......

“เสวียเอ๋ อร์ !” คุณชายโอวหยางแววตาเยือกเย็น ยืนมือไปดึงมู่หรงเสวีย นิวมือขาวราวหยกสัมผัสได้แต่


ชายกระโปรงของนาง มือแกร่ งคว้าจับได้แต่อากาศธาตุ......

ร่ างกายบอบบางของนางกับฉิ นยวีเยียนล่วงตามกันไป ตกลงสู่ เหวลึกทีมองไม่เห็นจุดสิ นสุ ด......

แววตาดําของคุณชายโอวหยางฉายแววว้าวุ่นอย่างทีไม่เคยเป็ นมาก่อน กระโดดตามลงไปทีก้นเหวด้วยทันที ร่ าง


เงาสี ขาวหิ มะตามมู่หรงเสวียไปอย่างติดติด จุดขาวทีค่อย ๆ เล็กลงภายใต้ทอ้ งฟ้ าทีมืดมิดดูสะดุดตา......

“คุณชาย !” สวินเฟิ งกับอู๋เหิ นร้องเรี ยกด้วยความตกใจ กระโดดตามติดลงไปด้วย พวกเขาเป็ นองครักษ์เงาของ


คุณชาย จะต้องดูแลความปลอดภัยของคุณชาย คุณชายไปทีไหนพวกเขาก็ไปทีนัน......

เย่อีเฉิ นแววตาลําลึกดังหมึกเต็มไปด้วยความสับสน ปั ดป้ องค้างคาวดูดเลือดตรงหน้า พุ่งกายไปทีริ มหน้าผา


กระโดดตามลงไปทีก้นเหว......

“ท่านอ๋ อง !” คนของวังจิงอ๋ องกระวนกระวายขึนมาทันที นีมันเรื องอะไรกัน ? ทําไมอยู่ ๆ ถึงกระโดดลงจาก


หน้าผากันหมด ?
“อาอี พวกเราก็กระโดดลงไปกันเถอะ !” อาเอ้อร์ ทีกําลังฟาดฟั นกับค้างคาวดูดเลือดตะโกนขึนมาอย่างร้อนรน !

อาอีกระพริ บตาปริ บ ๆ ก้นเหวดูลึกขนาดนัน กระโดดลงไปไม่เท่ากับเป็ นการรนหาทีตายหรอกหรื อ ?

ฝูงค้างคาวดูดเลือดสี ดาํ เมือมเต็มท้องฟ้ าต่างโจมตีเข้ามา ดวงตาสี แดงมากมายปรากฏขึนกลางอากาศ หนังตาของ


อาอีกระตุกอย่างรุ นแรง ทีนีเหลือเพียงเขากับอาเอ้อแค่เพียงสองคนเท่านัน ไม่มีทางทีจะรับมือกับค้างคาว
มากมายขนาดนีได้แน่ อย่างมากทีสุ ดก็คงยือไว้ได้แค่หนึ งเค่อ*(ประมาณสิ บห้านาที)เท่านัน หลังจากนันพวกเขา
ก็คงกลายเป็ นอาหารอยูใ่ นปากของพวกค้างคาว “ถ้าเช่นนันก็กระโดดกันเถอะ เป็ นตายคงต้องอยูท่ ีโชคชะตา
แล้ว !”

“ตกลง !” อาเอ้อร์ พยักหน้า กระโดดลงจากหน้าผาไปพร้อมกับอาอี

ลมเย็นพัดผ่าน ทังหน้าผาเหลือแต่ฝงู ค้างคาวดูดเลือดจํานวนนับไม่ถว้ นลอยอยูเ่ ต็มท้องฟ้ า......

ลมด้านล่างของหน้าผาพัดโชยอย่างรุ นแรง สายลมทีแหลมคมดังคมมีดพุ่งเข้าใส่ ทีใบหน้า ทังก้นเหวยังลึกสุ ดจะ


หยังถึง มองไปไม่เห็นแม้แต่จุดสิ นสุ ด มู่หรงเสวียหรี ตาลง จับเสื อของฉิ นยวีเยียนแน่ น ตบเข้าทีหน้าของนาง
อย่างแรง !
เหวลึกขนาดนี พวกนางไม่มีโอกาสทีจะรอดชีวิตแม้แต่นอ้ ย พอตกถึงพืนก็คงต้องจบชีวิตลงอย่างแน่ แต่ก่อนที
นางจะตาย นางจะต้องจัดการกับคนโหดเหี ยมทีคิดร้ายต่อนางก่อน เพือแก้แค้นให้ตวั ของนางเอง

“เพีย ! เพีย ! เพีย !” เสี ยงฝ่ ามือตบเข้าทีหน้าของฉิ นยวีเยียนดังห่าฝน ตบจนหันซ้าย หันขวา หันซ้าย หันขวา แล้ว
ก็ตบซ้ายขวาอีกครังจนใบหน้าของนางปูดบวมเจ็บแสบ จนใกล้จะไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดอีกต่อไป

ฉิ นยวีเยียนคล้ายตืนจากความฝัน ความหวาดกลัวและกระวนกระวายทีอยูใ่ นใจล้วนถูกสะบัดออก ถลึงตามองไป


ทีมู่หรงเสวียด้วยความโกรธ “มู่หรงเสวีย เจ้ากล้าตบข้าหรื อ !”

“ข้าไม่ได้แค่กล้าตบเจ้า ข้ายังกล้าเตะเจ้าอีกด้วย !” มู่หรงเสวียพูดขึนอย่างโหดเหี ยม เตะไปทีฉิ นยวีเยียนอย่างแรง

ความเจ็บปวดตรงบริ เวณหน้าอกแล่นขึนมา ดวงหน้าของฉิ นยวีเยียนพลันซี ดขาว เหงือเม็ดใหญ่ผุดออกมาจาก


หน้าผาก ถลึงตามองมู่หรงเสวียอย่างแสนเกลียดชัง เตรี ยมทีจะด่าว่านาง มู่หรงเสวียกลับระดมมือเท้าเตะต่อยมา
ทีนางอย่างไร้ความปรานี เตะต่อยไปทีฉิ นยวีเยียนอย่างบ้าคลัง

ความเจ็บปวดแล่นมาจากทัวร่ างกาย สี หน้าของฉิ นยวีเยียนไร้สีเลือด เจ็บปวด เจ็บปวดไปทัวร่ าง แต่มู่หรงเสวีย


ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดมือลงแม้แต่นอ้ ย คล้ายกับจะตีนางจนกว่าจะตาย “มู่หรงเสวีย ข้าเป็ นองค์หญิงแห่ งม่อเป่ ย
......”

“เพีย !” มู่หรงเสวียตบหนัก ๆ เข้าทีหน้าของฉิ นยวีเยียน ตบจนนางต้องกลืนคําพูดทียังพูดไม่จบลงไป จะตายกัน


อยูแ่ ล้วยังจะมาวางมาดเป็ นองค์หญิงม่อเป่ ยอีกหรื อ ช่างไม่รู้เรื องรู ้ราว !
ฉิ นยวีเยียนกระอักเลือดออกมาคําหนึง แววตาเต็มไปด้วยไฟโกรธ “มู่หรงเสวีย เจ้ามาตีขา้ ด้วยเหตุใด ?”

“ก็เพราะเจ้าเป็ นคนลากดอกไม้ปีศาจกินคนมาขัดขวางการหายาของข้า ! ก็เพราะเจ้าเป็ นคนทีลากค้างคาวดูด


เลือดมา ทําให้ขา้ ต้องเฉี ยดเข้ากับความตาย และก็เพราะจิตใจอันโหดเหี ยมของเจ้า ตังใจผลักข้าตกเหวอย่างซึ ง ๆ
หน้า......”

นําเสี ยงเย็นชาของมู่หรงเสวียทียิงพูดก็ยงเพิ
ิ มความเย็นชาดังเข้าหู ของนาง ฉิ นยวีเยียนได้ยนิ เสี ยงดัง ‘ปั ง’ ในหัว
ของนางพลันขาวโพลน นางคิดว่านางแอบทําอย่างแนบเนี ยนแล้วเสี ยอีก นางไม่คดิ ว่ามู่หรงเสวียจะรู ้ทนั
แผนการของนางทังหมด......

ถึงนางจะรู ้ก็ไม่เป็ นไร เพราะอีกไม่นานมู่หรงเสวียก็จะตายแล้ว ความลับนี ก็จะตายไปพร้อมกับนางทีก้นเหว


นองจากนางแล้วก็จะไม่มีใครรู้เรื องนี !

แววตาของฉิ นยวีเยียนเปล่งประกายอย่างเยาะเย้ย จับเข้าทีไหล่ของมู่หรงเสวียแน่น !

มู่หรงเสวียชะงัก สายตาเห็นกิงไม้มากมาย ทันใดนันก็เกิดนึกอะไรขึนมาได้ นางสองคนตอนนีเป็ นฉิ นยวีเยียนที


อยูด่ า้ นบน ตนเองอยูด่ า้ นล้าง อีกไม่นานก็จะล่วงถึงก้นเหวแล้ว ฉิ นยวีเยียนเตรี ยมทีจะจับตัวของนางไว้แน่ น
เพือให้ตวั นางตกถึงพืนก่อน ต้องการจะให้ตวั นางกลายเป็ นแผ่นรองเนื อของตัวเอง ช่างเป็ นแผนการทีดีนกั นี !
มู่หรงเสวียยกยิมอย่างเย็นชา ตอนทีจะสัมผัสกับกิงไม้ เพียงพริ บตานางก็พลิกกายอย่างรวดเร็ ว สลับเปลียน
ตําแหน่งของคนทังสอง กลายเป็ นฉิ นยวีเยียนทีอยูด่ า้ นล่าง ส่ วนตัวนางอยูด่ า้ นบน......

ดวงตาของฉิ นยวีเยียนฉายแววหวาดกลัวขึนมาทันที ถึงแม้นางอยากจะทําอะไรตอนนี ก็สายไปเสี ยแล้ว กิงไม้กิง


แล้วกิงเล่าต่างกรี ดข่วนแผ่นหลังของนาง กรี ดจนกลายเป็ นบาดแผลทังลึกทังบาง แผลแล้วแผลเล่า ความเจ็บปวด
แสบร้อนค่อย ๆ แผ่ขยายจากแผ่นหลัง ฉิ นยวีเยียนกรี ดร้องอย่างเจ็บปวด ดังทะลุกอ้ นเมฆ “อ้า อ้า อ้า......”

“ตุบ !” หลังของฉิ นยวีเยียนร่ วงถึงพืน ความเจ็บปวดล้วนแทรกซึ มไปทัวทังร่ างกาย เสี ยงกรี ดร้องของนางหยุด
ลง ดวงหน้าซี ดขาวไร้เลือด ปากอ้ากว้างหอบหายใจ คล้ายกับปลาทีใกล้ตายตัวหนึ ง

แต่นางกลับไม่ตาย ดวงของนางช่างดียงนั
ิ ก!

มู่หรงเสวียขมวดคิว ค่อย ๆ ยันกายลุกขึน แหงนหน้ามองยอดไม้สูงใหญ่ทะลุฟ้า ต้นไม้มีความสู งทีสูงมากทังยัง


เบียดเสี ยดกันแน่ นหนา กิงไม้หนาช่วยลดแรงกระแทกของพวกนางทังสองเอาไว้ ต้นหญ้าบนพืนทังหนาแน่ นทัง
อ่อนนุ่ม ดังนันร่ างฉิ นยวีเยียนทีกระแทกเข้ากับพืนก็เลยไม่ถึงตาย !

“มู่หรงเสวีย เจ้าจิตใจโหดเหี ยมคิดร้ายต่อข้า ข้าขอสาปแช่งเจ้าให้ไม่ตายดี !” ฉิ นยวีเยียนถลึงตามองมู่หรงเสวีย


อย่างเกลียดชัง เสี ยงทีไร้เรี ยวแรง แววตาลุกโชนไปด้วยไฟโกรธเหมือนกับต้องการจะเผานางให้แหลกเป็ นจุล !

“หุ บปาก !” มู่หรงเสวียเตะเข้าไปทีฉิ นยวีเยียนอย่างแรง พูดด้วยนําเสี ยงเย็นชา “เป็ นเจ้าทีคิดร้ายต่อข้า ถึงได้ถูก


ข้าลากลงมาทีก้นเหวด้วย สภาพของเจ้าเช่นนี ต่างเป็ นตัวเจ้าเองทีเป็ นต้นเหตุ !”
ฉิ นยวีเยียนทีไม่ทนั ตังตัว ถูกเตะกลิงออกไปถึงสามสี เมตร ถึงจะหยุดนิงลง เสื อด้านหลังล้วนถูกกิงไม้ตดั ขาด
ยับเยิน บาดแผลเป็ นขีด ๆ เผยออกมาให้เห็น ระหว่างทีกลิงไปนันก็ถูกต้นหญ้าบาดซําเข้าไปอีกเจ็บปวดจนถึง
ทีสุ ด !

นางสู ดหายใจเข้าลึก ๆ แววตาเต็มไปด้วยความแค้น นางเป็ นองค์หญิงม่อเป่ ยทีฐานะสู งส่ ง เป็ นทีโปรดปรานดัง


ไข่ในหิ นของฮ่องเต้และฮองเฮาแห่ งแคว้นม่อเป่ ย ไม่ว่าใครทีอยูต่ ่อหน้านางล้วนต้องเคารพนอบน้อม ไม่มีใคร
กล้าแม้แต่จะชีนิวใส่ นาง !

แต่ม่หู รงเสวียกลับกล้าตบนาง เตะนาง ดูถูกนางเช่นนี สมควรตายยิงนัก !

นางอดกลันต่อความเจ็บปวดพลางหยัดกายขึน ฉิ นยวีเยียนมองไปยังท้องฟ้ า ร้องเรี ยกเสี ยงดัง “ออกมา !”

ทันใดนันสายลมก็พดั กระเพือมเบา ๆ จํานวนสี สาย แล้วปรากฏร่ างของคนสี คนโผล่ออกมาในอากาศ พวกเขาอยู่


ในชุดสี นาตาล
ํ ใบหน้าโพกด้วยผ้าสี นาตาล
ํ ในมือถือดาบ ปรากฏกายทีด้านหน้าของฉิ นยวีเยียน โค้งกายเคารพ
ไปทีนาง “องค์หญิง !”

แววตาขอวฉิ นยวีเยียนปรากฏความเยือกเย็นดังคมดาบ จ้องมองไปทางมู่หรงเสวียอย่างแสนเกลียดชัง พลางกัด


ฟันพูด “ฟันนางให้แหลกเป็ นชิน ๆ !”

“พ่ะย่ะค่ะ !” เหล่าคนเสื อนําตาลต่างรับคํา ดึงดาบทีเอวออกจากฝัก พุ่งทะยานไปทางมู่หรงเสวียอย่างโหดเหี ยม


......
ตอนที 64 ฆ่ าคนชุดนําตาล
ข้างกายของฉิ นยวีเยียนกลับมีองครักษ์เงาติดตาม ช่างเกินความคาดหมายยิงนัก ลมหายใจและฝี เท้าของคนชุด
นําตาลช่างบางเบา ดูท่าแล้ววรยุทธ์คงไม่เลวนัก แต่ว่าถึงแม้พวกเขาอยากจะฆ่านาง ก็คงไม่ได้ง่ายดายขนาดนัน !

ดวงตาของมู่หรงเสวียปรากฏแววเยือกเย็น ดึงเอากระบีออกมาจากเอว ตังรับการโจมตีจากคนชุดนําตาลอย่างไม่


หวาดกลัว

ชัวขณะนัน ลมก็พดั โบกไปมา ต้นไม้ใบหญ้าต่างพลิวไหว เปล่งประกายอย่างเยือกเย็น เงาร่ างของคนวูบไหวไป


มา

มู่หรงเสวียถือกระบี ฟาดฟั นด้วยประกายเยือกเย็น การโจมตีทงหมดที


ั พุ่งมาทางนางล้วนถูกยับยัง ฝ่ ายนันสี คน
ต่อนางหนึงคน แต่นางก็ไม่ได้ตกเป็ นรองแม้แต่นอ้ ย

แววตาเย็นชาของคนเสื อนําตาลเข้มขึน ทังสี คนกระโดดลอยตัวขึน พลางใช้ปราณดาบแหลมคม พุ่งแทงเข้าไป


ทีมู่หรงสวียทีอยูต่ รงกลางอย่างพร้อมเพรี ยงกัน !

มู่หรงเสวียตวัดกระบีปั ดป้ องปราณดาบทังสามจนสลายหายไป ปราณดาบอีกสายหนึงหลุดพ้นการสกัดกันของ


นาง พุ่งตรงเข้าไปเฉี ยดกับเส้นผมด้านบนศีรษะของนาง เส้นผมสี ดาํ สลวยกระจุกหนึงถูกตัดขาดร่ วงลงสู่ พน......

มู่หรงเสวียหรี ตาลง คนชุดนําตาลอาศัยความพิสดารแปลกประหลาดของวรยุทธ์ทีไร้ความปรานีและเต็มไปด้วย
โหดเหี ยม ดูเหมือนจะไม่ใช่วรยุทธ์ของแคว้นชิงเหยียน น่าจะเป็ นฮ่องเต้ของแคว้นม่อเป่ ยทีมอบองครักษ์เงา
ให้กบั ฉิ นยวีเยียน วรยุทธ์ของพวกเขาแต่ละคนล้วนแล้วแข็งแกร่ ง พลังปราณหนาแน่ น แต่นางกลับไม่มีพลัง
ปราณทังยังมีแค่ตวั คนเดียว ถ้ายังปะทะต่อไปเช่นนีเรื อย ๆ แน่นอนว่านางต้องแพ้ ! หากอยากจะกําจัดพวกเขา
จําต้องใช้แผนหนามยอกต้องเอาหนามบ่ง

มู่หรงเสวียยกยิมทีมุมปากน้อย ๆ เพียงขยับเท้าบางเบา ร่ างบางก็หาย ‘สวบ’ เข้าไปในป่ าทีรกทึบด้านข้าง


องครักษ์เงา องครักษ์เงา พวกเขาเป็ นได้แค่เพียงราชาในเงามืด แต่ถา้ เข้าป่ าแล้วละก็มนั ก็จะกลายเป็ นสนามล่า
ของนาง !

พวกคนชุดนําตาลกระโดดตามเข้าไปในป่ า ในสายตานอกจากต้มไม้ก็มีเพียงต้นหญ้าต่าง ๆ นา ๆ ไม่พบร่ องรอย


ของมู่หรงเสวียเลยแม้แต่เงา

คนด้านหน้าสุ ดหรี ตาลง “แยกกันตามหา !”

“ขอรับ !” เหล่าคนชุดนําตาลพากันตอบรับ กระจายกันออกไปสี ทิศทาง แยกกันตามออกไปทางเหนือ ใต้ ออก


ตก

ในป่ าเต็มไปด้วยต้นหญ้าหลากหลายสายพันธุ์ กิงไม้ ลําต้นล้วนพันกันยุง่ เหยิงไปมา ดูรกรุ งรัง คนเสื อนําตาลก้าว


เท้าไปด้านหน้าอย่างระมัดระวัง แววตาคมกริ บระแวดระวังภัยไปรอบทิศทาง
ทันใดนัน ก็ได้ยนิ เสี ยงกุกกักดังขึนด้านหลัง คนชุดนําตาลดวงตาสว่างวาบ กําดาบพุ่งออกไป ปลายดาบแทงเข้า
กับต้นไม้ ซึ งด้านหน้ากลับมีเพียงความว่างเปล่า คนชุดนําตาลถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ทีแท้กเ็ ป็ นแค่
ใบไม้ ทําให้เขาตกใจเข้าเสี ยแล้ว

ทว่าอยู่ ๆ ก็ปรากฏใบหน้างดงามเรี ยวเล็กขึนด้านหน้าของคนชุดนําตาล ช่วงทีกําลังตืนตระหนกอยูน่ นั นางก็


ตวัดมือขึนเบา ๆ แสงสี เงินสว่างวาบพุ่งผ่าน เลือดสี แดงสดสาดกระจายไปทัวบริ เวณ คนชุดนําตาลเอามือกุม
แน่นไปทีคอ ค่อย ๆ ล้มลงไปกับพืน ดวงตาเบิกกว้าง แววตาเต็มไปด้วยความตกใจและคาดไม่ถึง

มู่หรงเสวียปรายตามองซากศพของเขาทีนอนตายตาไม่หลับ หยิบเอาผ้าผืนหนึง ค่อย ๆ เช็ดเลือดทีกระบี แววตา


เยือกเย็นดังนําแข็ง นางเป็ นคนศตวรรษที 21 คุณหนูสายตรงแห่ งตระกูลมู่หรง ตังแต่เล็กก็ถูกอบรมสังสอนมา
อย่างเข้มงวด การโจมตีระยะใกล้ ลอบสังหาร การใช้ปืน ตัวยาล้วนแล้วผ่านการเรี ยนรู ้มาทังหมด

ตอนทีนางอายุ 18 ปี ตระกูลได้จา้ งนักฆ่ามากมาย เพือมาทดสอบนาง นางถูกพวกเขาล้อมกรอบล่าอย่างบ้าคลัง


อยูภ่ ายในหุ บเขา แต่นางก็ฆ่าพวกนักฆ่าทีเก่งกาจมีผมี ือตกตายไปมากมาย จนสามารถหนีออกมาสู่โลกภายนอก
ได้ ตรงหน้าก็แค่พวกองครักษ์เงาในยุคโบราณกระจอกงอกง่อยเท่านัน ไม่มีทางระคายมือนางหรอก !

ช่วงทีมาอยูช่ ิงเหยียน นางมัวแต่ยงุ่ วุน่ วายอยูก่ บั การต่อกรกับหญิงเฒ่าแซ่ ตู ้ เลยไม่ได้ฝึกฝนเสี ยเท่าไหร่ นกั แต่
ตอนนี คนชุดนําตาลกลับมอบโอกาสให้นางได้ฝึกฝนฝี มือ จะไม่ให้นางยินดีได้อย่างไร !

มู่หรงเสวียหรี ตาลง โยนผ้าเปื อนทีเลือดทิงออกไป พลางกลับหลังหัน ก้าวยาว ๆ ไปด้านหน้า ยกยิมมุมปากเยือก


เย็น ตอนนีเกมส์ ได้เปลียนทิศทางแล้ว เปลียนเป็ นนางทีไล่ล่าพวกคนชุดนําตาลพวกนันแท นางรับรองได้ว่าจะ
ให้พวกเขาได้ตายอย่างรื นรมย์......
ป่ าทีเงียบสงัดจนผิดปกติ ทําให้คนชุดนําตาลไม่กล้าประมาท มือกําดาบ ก้าวเดินไปด้านหน้าอย่างช้า ๆ กวาด
สายตามองไปโดยรอบ หู ฟังความเคลือนไหวทีดังมาจากรอบด้าน

ร่ างบางของมู่หรงเสวีย ค่อย ๆ หย่อนตัวลงมาจากกิงไม้อย่างไร้เสี ยง อยูด่ า้ นบนหัวของชายชุดนําตาล ด้านคม


ของกระบีในมือปาดเข้าทีคอของเขา รอยแผลสี แดงสดค่อย ๆ เปิ ดออกจนเลือดไหลออกมา จนมันค่อย ๆ กว้าง
ขึน คนชุดนําตาลร่ างกายแข็งค้าง ดวงตาเบิกกว้าง เต็มไปด้วยความหวาดกลัวล้มลงกับพืน......

ขนาดสิ นลมหายใจแล้ว เขายังไม่รู้ตวั ว่ามู่หรงเสวียไปโผล่ดา้ นบนหัวของเขาได้ตงแต่


ั เมือไร

“อันสาน !” เสี ยงร้องเรี ยกอย่างตกใจสายหนึงลอยกระทบเข้ากับหู แววตาของมู่หรงเสวียเย็นเยียบ บรรยากาศ


รอบกายเหมือนมีมวลอากาศหนาแน่ นขึนมา ฝี เท้าบางเบาพุ่งไปทีด้านหน้าของชายชุดนําตาล กระบีฟาดออกมา
ด้วยรัศมีทีคาดไม่ถึง พุ่งทะลุเข้าไปทีหัวใจของคนชุดนําตาล เลือดสี แดงสดไหลทะลักออกมา ตอบรับกับพระ
อาทิตย์ยามเช้าทีค่อย ๆ ลอยเด่นขึน ช่างดูสะดุดตา.....

มู่หรงเสวียดึงกระบีออกมา เดินออกไปหาเหยือรายสุ ดท้ายทีละก้าว เลือดสี แดงสดค่อย ๆ ไหลลงไปรวมกันที


ปลายดาบ หยดลงบนพืนหญ้าสี เขียวทีละหยดสองหยด......

คนชุดนําตาลคนสุ ดท้าย เป็ นคนทีเก่งกาจทีสุ ด มือของเขากําดาบเอาไว้แน่น เคลือนไหวไปในป่ าอย่าง


ระมัดระวัง แววตาเต็มไปด้วยความเตรี ยมพร้อม แค่ลมพัดหรื อใบหญ้าสันไหวน้อย ๆ เขาก็ลว้ นสัมผัสได้
มู่หรงเสวียกระโดออกจากกิงไม้หนาทึบ กระบีในมือฟันเป็ นแนวตังตรงลงบนหัวของเขา ฟันจนหว่างคิวของเขา
ปรากฏลอยแผลลากเป็ นทางยาว......

เขาเบิกตากว้างด้วยความสันกลัว หลังจากนันไม่นาน เสี ยง ‘ตุบ’ ก็ดงั ขึน ทังร่ างล้มลงกับพืน......

แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหว คนชุดนําตาลทังสี คนต่างตายไปหมดแล้ว รายต่อไปนางควรไปแก้แค้นกับหัวหน้า


ของพวกเขา !

ก้อนเมฆหมอกหนาล้วนคลายออก แสงสี ทองค่อย ๆ สาดส่ องทะลุกอ้ นเมฆลงสู่ พนดิ


ื น

ฉิ นยวีเยียนในชุดกระโปรงทีขาดเสี ยหายยับเยินนังอยูบ่ นพืนหญ้าภายใต้ตน้ ไม้ใหญ่ หยิบเอายารักษาบาดแผลที


ชายชุดนําตาลทิงเอาไว้ให้ ค่อย ๆ ทาลงไปทีแผลทีนางสามารถมองเห็นได้ ความเจ็บปวดระลอกแล้วระลอกเล่า
แล่นปลาบขึนมา เจ็บจนนางต้องขมวดคิว มู่หรงเสวียทีชัวร้าย กล้าทําให้ตวั นางบาดเจ็บได้ถึงเพียงนี ให้องครักษ์
เงาสับนางให้เป็ นพัน ๆ ชิน ก็ยงั ไม่สามารถทดแทนความเจ็บของนางได้ !

คนชุดนําตาลผูห้ นึงเดินออกจากป่ ามา ค่อย ๆ เดินมาด้านหน้าของนาง ฉิ นยวีเยียนมองไปทางเขาอย่างไม่ใส่ ใจ


นัก กล่าวเพียงเสี ยงเย็น “มู่หรงเสวียตายแล้วหรื อยัง ?”

“ขอโทษด้วยองค์หญิงยวีเยียน ข้ายังมิตาย ทําให้ท่านผิดหวังแล้ว !” เสี ยงหัวเราะสดใสทีตอบกลับมาดังเข้าหู


ร่ างกายของฉิ นยวีเยียนแข็งค้าง ค่อย ๆ หันไปมองอย่างช้า ๆ เห็นคนชุดนําตาลเมือครู่ ค่อย ๆ ถูกผลักออก เผยให้
เห็นใบหน้าเรี ยวงามของมู่หรงเสวีย นางเบิกตากว้างด้วยความหวาดกลัว “ทําไมเจ้าถึง.......ทําไมเจ้าถึง......”
“พวกองครักษ์เงาของเจ้าช่างไม่ได้เรื องเอาเสี ยเลย ข้าก็เลยฆ่าพวกเขาทิงเสี ย แล้วก็เดินออกมานี อย่างไร !” มู่หรง
เสวียพูดเหมือนเป็ นเรื องปกติ แววตาทียิมแย้มนัน ไม่ว่าดูยงั ไงก็มีแต่ความท้าทายและได้ใจ

“เป็ นไปได้อย่างไรกัน ?” ฉิ นวีเยียนกรี ดร้องเสี ยงดัง องครักษ์เงาพวกนันเป็ นเสด็จพ่อทีมอบให้นาง เป็ นองครักษ์


เงาทีเก่งทีสุ ดของม่อเป่ ย ไม่ว่าจะมีฝีมือมากมายขนาดไหน ล้วนไม่เคยรอดพ้นจากนํามือของพวกเขา มู่หรงเสวีย
ทําไมนางถึงจัดการพวกเขาได้......

“จะเชือหรื อไม่เชือก็เรื องของเจ้า เพราะไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ตกตายไปแล้ว ไม่มีคนมาหยุดยังให้ขา้ แก้แค้นเจ้า


อีกแล้ว !” มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ เดินเข้าไปหาฉิ นยวีเยียนทีละก้าว ทุก ๆ ก้าวนันล้วนได้ยนิ เสี ยงยําเท้ากับพืน
คล้ายกลับเสี ยงก้าวเท้าของเทพแห่ งความตายทีค่อย ๆ คืบคลานใกล้เข้ามา......
ตอนที 65 ฉินวีเยียนบาดเจ็บสาหัส
แววตาของฉิ นวีเยียนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว นางกรี ดร้องเสี ยงแหลม ค่อย ๆ หันหลังวิงไปอย่างโซซัดโซเซ !

มู่หรงเสวียยกยิมมุมปากอย่างเยือกเย็น ร่ างกายไหววูบ เพียงพริ บตาเดียวก็มาปรากฏตัวอยูต่ รงหน้าของฉิ นยวี


เยียน ขวางทางหนี ของนางไว้ ขณะทีนางหวาดกลัวจนทําอะไรไม่ถูกอยูน่ นั มู่หรงเสวียก็ถีบเข้าไปทีนางหนึ งที
ถีบจนนางล้มลงไปกับพืน แล้วกลิงขลุกขลักไปด้านหน้า......

มู่หรงเสวียค่อย ๆ เยืองย่างตามไปอย่างช้า ๆ ทุกครังทีร่ างของฉิ นยวีเยียนหยุดนิง นางก็จะถีบเข้าไปอีกหนึงที ทํา


ราวกับว่าฉิ นยวีเยียนเป็ นลูกบอล เตะนางกลิงจนหมุนตลบไปข้างหน้า......

ใครใช้ให้เจ้าหาปั ญหามาให้ขา้ !

ใครใช้ให้เจ้าคิดร้ายต่อข้า !

ใครใช้ให้เจ้าใช้ขา้ เป็ นเบาะรองเนือ !

“อ้า......อ้า......อ้า !” ก้นเหวทีเงียบสงบถูกกลบด้วยเสี ยงกรี ดร้องโหยหวนของฉิ นยวีเยียน ผมเผ้าของนางยุง่ เหยิง


จนดูแทบไม่ได้ สิ งของทีติดตัวนางร่ วงหล่นลงกับพืนทีละชินสองชิน เสื อผ้าบนตัวถูกเศษหิ นบนพืนขูดจนขาด
เป็ นสาย ๆ ผิวเรี ยบเนียนถูกบาดจนเป็ นรอยแผลมากมายเสี ยนับไม่ถว้ น บ้างแนวนอนบ้างแนวตัง ดูแล้วน่ าอนาถ
ยิงนัก ฉิ นยวีเยียนทนอดกลันความเจ็บปวด ในใจรู ้สึกโกรธเกลียดเหลือคณา ตะคอกขึนเสี ยงดัง “มู่หรงเสวีย ! ถ้า
เจ้ากล้าก็ฆ่าข้าเสี ย !”

“ฆ่าเจ้าเพียงแค่ดาบเดียว มันดูจะสบายสําหรับเจ้าเกินไป ข้าจะทรมานให้เจ้าตายลงอย่างช้า ๆ !” เสี ยงตอบสบาย


ๆ ลอยเข้าหู แววตาของฉิ นวีเยียนลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ กัดฟั นพูด “มู่หรงเสวีย เจ้าโหดเหี ยมอํามหิ ตยิงนัก !”

“ข้าโหดเหี ยม ? ฉิ นยวีเยียน เจ้าให้คนชุดนําตาลมาสับข้าเป็ นชิน ๆ เช่นนันมิได้อยากทรมานข้าหรอกหรื อ ? ทีข้า


ทําอยูต่ อนนี ข้าก็แค่เรี ยนรู ้มาจากเจ้าเท่านัน !”

มู่หรงเสวียยิมเปล่งประกาย เริ มเตะเข้าไปทีบาดแผลทีอกของฉิ นยวีเยียนอีกครัง เตะจนเสื อผ้าของนางแหวกออก


จนแผ่นหนังแกะแผ่นหนึ งล่วงลงมา !

มู่หรงเสวียกะพริ บตาช้า ๆ ก้มตัวลงไปเก็บขึนมา เห็นแผ่นหนังแกะเหลืองซี ดไปทังแผ่น ดูท่าว่าจะเก่าแก่มาก


ด้านบนเขียนด้วยตัวอักษรสี ดาํ เส้นตรง เส้นโค้ง เมือเรี ยบ ๆ เคียง ๆ ดูแล้ว คล้ายกับแผนทีของพืนทีตรงไหนสัก
แห่ ง......

มู่หรงเสวียหรี ตาลง เตรี ยมทีจะดูแผนทีอย่างละเอียด ฉิ นยวีเยียนทีบาดเจ็บสาหัสก็เด้งตัวลุกขึนมาพุ่งเข้าใส่ นาง


“คืนมันกับให้ขา้ !”
“ไสหัวไป !” มู่หรงเสวียหลบการโจมตีของนาง ยกเท้าถีบไปทีนาง ด้วยจังหวะทีเหมาะเจาะพอดีทาํ ให้เท้าถีบเข้า
ทีใบหน้าของนางพอดิบพอดี ได้ยนิ เสี ยง ‘ปุ’ สายหนึงดังขึน ฟันสองซี กกับเลือดสี แดงสดไหลออกมาจากปาก
ของฉิ นยวีเยียน......

มู่หรงเสวียไม่สนใจ มองไปทางนางอย่างผูท้ ีอยูเ่ หนื อกว่า กล่าวขึนเสี ยงสู งว่า “หนังแกะแผ่นนี เป็ นของข้าแล้ว
และเพือเป็ นสิ นนําใจ ข้าจะให้เจ้าตายอย่างสบาย ๆ แล้วกัน ไหนลองพูดมาสิ ว่าเจ้าอยากตายอย่างไร !”

นางไม่รู้ว่ารู ปวาดด้านบนของแผนทีมันคืออะไร และก็ไม่ได้สนใจมันเป็ นพิเศษด้วย แต่ดูเหมือนฉิ นยวีเยียนจะ


หวงแหนหนังแกะแผ่นนี มากนักหนา นางจึงเอาหนังแกะแผ่นนี มาเป็ นของตนต่อหน้าฉิ นยวีเยียน เพือทีจะยัว
โมโหนาง

“มู่หรงเสวีย ข้าจะฆ่าเจ้า !” ฉิ นวีเยียนตะโกนด้วยความโกรธ หยิบเครื องประดับทองก้านหนึ ง พุ่งไปทางมู่หรง


เสวียอย่างโหดเหี ยม ดวงตาเปล่งประกายอํามหิ ต คล้ายกับกําลังจะมอบความตายให้มู่หรงเสวีย !

จะฆ่านางงันหรื อ ! ช่างไม่เจียมตน !

มู่หรงเสวียยกเท้าออกเท้าหนึ งอย่างเฉยชา เตะจนฉิ นยวีเยียนกระเด็นออกไปไกลประมาณสามสี เมตร ก้าวเทาเบา


ๆ หนึ งครัง เพียงพริ บตาเดียวร่ างบางก็ไปปรากฏด้านหน้าของฉิ นยวีเยียน กระบีในมือแทงเข้าไปทีหัวใจของ
ฉิ นยวีเยียนอย่างไม่ยงมื
ั อ ถ้านางอยากตายนัก ก็จะให้นางได้ตายอย่างสมใจ !
สายตาเห็นปลายดาบแหลมคมทีอีกนิดจะแทงเข้าไปทีร่ างของฉิ นยวีเยียน พลันก็ปรากฏมือใหญ่มือหนึงพุ่ง
ออกมาจับเข้าทีข้อมือของมู่หรงเสวียเอาไว้แน่ น ไม่ว่านางจะออกแรงเท่าไร ก็ไม่สามารถยืนมือออกไปแทงได้
อีก

มู่หรงเสวียขมวดคิวแล้วหันไปมอง พบเข้ากับดวงหน้าทีเย็นชาของเย่อีเฉิ น เขามองนางอย่างเย็นชา แววตาเยือก


เย็นดังนําแข็ง “มู่หรงเสวีย เจ้าช่างโหดเหี ยมเกินไปแล้ว......”

ไม่ผดิ ทีเป็ นหญิงร้ายชายเลวทีชอบพอซึ งกันและกัน แม้แต่คาํ ทีต่อว่านางก็ยงั เหมือนกันไม่มีผิด !

มู่หรงเสวียยกยิมเย็นชา ปั ดมือของเขาทีเกาะกุมมือของนางออก พูดด้วยนําเสี ยงเรี ยบเย็น “ข้าก็ลว้ นเรี ยนมาจาก


คนในดวงใจของท่าน !”

เย่อีเฉิ นใช้สายตาคมกริ บกวาดตามองไปฉิ นยวีเยียนทียังสลบอย่างไม่ได้สติ ค่อย ๆ หันกลับมามองทีร่ างของมู่


หรงเสวีย “ข้ารู ้จกั กับฉิ นยวีเยียนมาสามปี รู ้ดีถึงนิสัยของนาง นางฉลาด งดงาม จิตใจดี ไม่มีทางทีจะโหดร้ายได้
เหมือนเจ้า มู่หรงเสวีย ถ้าเจ้ายังจะว่าร้ายนางเช่นนีอีก ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ......”

เมือจบคํา อาอีอาเอ้อร์ กด็ ึงดาบออกจากฝักจนเสี ยงดัง ‘เช้ง’ ปลายดาบคมกริ บเปล่งประกายอํามหิ ตภายใต้


แสงแดดทีสาดส่ อง ชีปลายดาบมาทางมู่หรงเสวีย

มู่หรงเสวียไม่สนใจ นางเพียงยกยิมอย่างเย็นชา ฉิ นยวีเยียนน่ ะหรื อจิตใจดีงาม ? นีเป็ นเรื องน่ าขันทีสุ ดเท่าทีนาง
เคยได้ยนิ มา !
นางออกเท้าเพียงบางเบาก็ไปปรากฏตัวทีต้นไม้ใหญ่ทนั ที ยกศพชายชุดนําตาลขึนมาโยนไปทางด้านหน้าของเย่
อีเฉิ น “นีเป็ นองครักษ์เงาของฉินยวีเยียน เมือหนึงชัวยามก่อน นางสังการให้พวกมันมาสับข้าเป็ นชิน ๆ......แม้แต่
วิธีการตายของข้า นางก็คิดแทนให้เสร็ จสรรพ ทังยังสังการให้องครักษ์เงาปลดปล่อยข้าให้ขึนสวรรค์อย่างเปล่า
ๆ องค์หญิงฉิ นของท่านจิตใจช่างดีงามยิงนัก......”

นําเสี ยงเย็นชาของหญิงสาวแฝงไปด้วยความดูถกู เย่อีเฉิ นทําเป็ นไม่ได้ยนิ ดวงตาคมกริ บจ้องเขม็งไปทีศพของ


องครักษ์เงา แววตาวูบไหวไปด้วยความตืนตระหนกเล็กน้อย......

ช่วงทีเขากําลังตืนตระหนกอยูน่ นั เพียงแวบเดียวก็กลับถูกมู่หรงเสวียจับได้ “จิงอ๋ อง ท่านจะแปลกใจไปทําไมกัน


? เป็ นเพราะคิดไม่ถึงว่าฉิ นยวีเยียนจะสังให้องครักษ์เงามาสังหารข้า หรื อว่าเพราะคาดไม่ถึงว่าฉิ นยวีเยียนจะมี
องครักษ์เงาอยูข่ า้ งกาย......”

เมือพูดถึงตรงนี มู่หรงเสวียก็กลับคิดได้ว่าตอนทีฉิ นยวีเยียนกับเย่อีเฉิ นถูกดอกไม้ปีศาจกินคนไล่ตามหรื อช่วงที


ถูกค้างคาวดูดเลือดล้อมกรอบไว้ ฉิ นยวีเยียนก็ไม่ได้เรี ยกองครักษ์เงาให้ออกมา เย่อเฉิ
ี นก็ไม่ได้บอกให้นางเรี ยก
ก็คงน่าจะเป็ นไปได้วา่ เย่อเฉิ
ี นน่ าจะไม่รู้ว่าข้างกายฉิ นยวีเยียนจะมีองครักษ์เงา !

“ข้างกายของฉิ นยวีเยียนมีองครักษ์เงาคอยปกป้ อง เรื องทีสําคัญเช่นนี นางกลับไม่ได้บอกจิงอ๋ อง มิใช่ว่าจิงอ๋ อง


เป็ นทุกสิ งทุกอย่างของนางอย่างนันหรื อ ? ทําไมนางถึงมีความลับปิ ดบังกับจิงอ๋ องได้......”
ํ ยงเสแสร้งแกล้งทําเป็ นตกใจของมู่หรงเสวีย ได้ปิดบังความยินดีทีได้เห็นคนอืนเป็ นทุกข์ไว้อยู่ ฉิ นยวี
ภายใต้นาเสี
เยียนกับเย่อเฉิ
ี นต่างเชือมันซึ งกันและกัน รักใคร่ ปรองดองกัน ช่างน่าชืนชมยิงนัก......

แต่อยู่ ๆ ก็เกิดเรื องเช่นนี ขึนมาทําให้จิตใจของเย่อีเฉิ นพลันว้าวุ่นยุง่ เหยิง ตะคอกขึนมาอย่างเสี ยงดัง “มู่หรงเสวีย


เจ้าอย่ามายุแยงความสัมพันธ์ของข้ากับยวีเยียนอีก......”

“เย่อีเฉิ น ความสัมพันธ์ของพวกท่านจะดีหรื อเลวนันล้วนอยูต่ รงหน้าท่าน ยังต้องให้ขา้ ยุแยงอีกหรื อ ? ข้ามาหา


ตัวยาทีหุ บเขาหวีซาน มิใช่มาให้ดอกไม้ปีศาจกินคนกับค้างคาวดูดเลือดไล่ตามฆ่า พวกท่านล้วนนําความลําบาก
มาให้ขา้ ผลักข้าตกเหวจนเกือบตาย ไม่ขอโทษไม่เป็ นไร แต่ยงั จะมาต่อว่าว่าข้าไม่ดีงามเลิศเลอเท่าพวกท่าน......
ความคิดของท่านอ๋ องเทพสงคราม ช่างยอดเยียมจนพวกเราตืนตาตืนใจยิงนัก !”

มู่หรงเสวียปรายมองเขาอย่างดูถูกเพียงครัง หมุนกายก้าวเท้ายาว ๆ ออกไปด้านหน้าโดยไม่หนั กลับไปมองอีก

เมือมองไปทีร่ างบางของนาง เย่อีเฉิ นก็หรี ตาลง กล่าวด้วยนําเสี ยงเย็นชา “เจ้าจะไปไหน ?”

“เรื องของข้าล้วนไม่เกียวกับท่าน ท่านดูแลองค์หญิงฉิ นให้ดีเถอะ ข้าลืมบอกท่านไปเรื องหนึ ง ฉิ นยวีเยียนถูกข้า


ทุบตีจนภายในบอบชํา ท่านควรรี บพานางไปหาหมอรับการรักษาอย่างเร่ งด่วน ถ้าหากช้าไป นางก็คงจะ
กลายเป็ นซากศพซากหนึงเท่านัน พอถึงเวลานัน อย่าได้มากล่าวหาว่าข้าอิจฉาริ ษยา จนฆ่าคนรักของท่านเสี ยล่ะ
......” มู่หรงเสวียไม่หยุดฝี เท้า ตอบทัง ๆ ทีไม่หนั กลับไปมอง เพราะว่าเย่อีเฉิ นอยูท่ ีนี นางจึงฆ่าฉินยวีเยียนไม่ได้
แล้ว รอให้หาต้นตีหยางให้เจอก่อนเถอะ ความแค้นระหว่างนางกับฉิ นยวีเยียนค่อย คิดบัญชีกนั ทีหลังก็ยงั ไม่สาย

ดวงตาสี ดาํ ของเย่อีเฉิ นพลันมืดมิดดังนําหมึก อาอีอาเอ้อร์ ต่างส่ งสายตาให้กนั และกัน

อาอีอาเอ้อร์ ลว้ นเข้าใจถึงความหมายทีต่างฝ่ ายสื อให้กนั ร่ างกายไหววูบ พริ บตาเดียวก็ไปปรากฏทีด้านหน้า


ของมู่หรงเสวีย ขวางนางเอาไว้ ......
ตอนที 66 เข้ าปะทะ
“พวกเจ้าจะทําอะไร ?” มู่หรงเสวียเลิกคิว มองอาอีอาเอ้อร์ ดว้ ยสายตาทีแฝงไปด้วยความเย็นชา

“หุ บเขาหวีซานเป็ นพืนทีอันตราย คุณหนูม่หู รงเดินทางคนเดียวเกรงว่าจะได้รับอันตราย ท่านอ๋ องจึงต้องการเชิญ


ให้คุณหนู ม่หู รงร่ วมเดินทางไปด้วยกัน !” ใบหน้าของอาอีฉายแววเคร่ งขรึ ม นําเสี ยงเงียบสงบแฝงไปด้วยคําสังที
ห้ามขัดขืน

“หากข้าบอกว่าไม่ล่ะ ?” มู่หรงเสวียเลิกคิวเบา ๆ คล้ายยิมคล้ายมิยมิ ร่ วมเดินทางไปด้วยกันงันหรื อ ? พูดเสี ยสวย


หรู จริ ง ๆ แล้วก็คงต้องการควบคุมตัวนางไว้ ต้องการจะจับนางเป็ นตัวประกันไม่ใช่หรอกหรื อไง ? พอฉิ นยวี
เยียนฟื นขึนมาก็จะได้แก้แค้นนางได้ นางไม่มีทางยอมให้เป็ นไปตามความต้องการของพวกเขาแน่ !

“ถ้าเช่นนันพวกข้าน้อยก็คงต้องล่วงเกินแล้ว !” อาอีตวัดฝ่ ามือ ปลายดาบแหลมคมพุ่งไปทางคอของมู่หรงเสวีย


ทันที

มู่หรงเสวียยกยิมเย็นชา นางสะบัดมือวูบหนึง กระบีกวาดผ่านข้อมือของทังอาอีและอาเอ้อร์ กรี ดจนเกิดรอย


แผลเป็ นทางยาว เลือดสี แดงเข้มไหลริ นออกจากบาดแผล ดาบในมือของทังสองคนร่ วงลงสู่ พนจนเกิ
ื ดเสี ยง
ดัง ‘เคร้ง เคร้ง’ มือไม้ไร้เรี ยวแรง ไม่ว่าจะใช้แรงยกอย่างไรก็ไม่สามารถยกขึนมาได้......

ในแววตาตืนตะลึงของอาอีอาเอ้อร์ มู่หรงเสวียเก็บกระบีเข้าสู่ ฝักด้วยท่วงท่าทีงดงาม เดินผ่านพวกเขาไปอย่างยิง


ทะนง นางเดินตรงไปด้านหน้า คิดจะขมขูน่ างงันหรื อ ? ช่างไม่เจียมตน ! ตัดเส้นเอ็นไปคนละเส้น ให้พวกเขาไม่
มีปัญญาทีจะใช้ดาบได้อีก ดูสิวา่ พวกเขาจะเอาอะไรมาหยุดนาง !
เป็ นถึงทหารแห่ งวังจิงอ๋ อง แต่กบั แค่ผหู ้ ญิงทีบอบบางอ่อนแอนางหนึงกลับไม่สามารถต่อต้านได้ ช่างโง่เงา
ไม่ได้เรื องยิงนัก !

ดวงหน้าของเย่อีเฉิ นดุดนั ร่ างกายขยับวูบคล้ายดังเมฆสี ม่วงก้อนหนึ ง เพียงพริ บตาเดียวก็ไปหยุดอยูต่ รงหน้า


ของมู่หรงเสวีย ยืนมือคว้าเข้าทีไหล่ของนางเอาไว้

มู่หรงเสวียขมวดคิว เย่อีเฉิ นช่างเป็ นผีร้ายทีสลัดอย่างไรก็ไม่หลุด !

นางหลีกกายไปด้านข้าง หลบหลีกการโจมตีของเย่อีเฉิ น มู่หรงเสวียสวนกลับไปหนึ งฝ่ ามือ ตบเข้าทีเขาอย่าง


รุ นแรง !

เย่อีฉิ นยกมุมปากด้วยรอยยิมแปลกประหลาด หลบหลีกฝ่ ามือของนางทีฟาดลงมา ยืนมือไปคว้าจับเอาข้อมือของ


นางไว้ ดึงนางเข้าหาตน......

มู่หรงเสวียทีไม่ทนั ระวังตัว ขมวดคิวมองก็เห็นว่านางอยูห่ ่ างจากเขาไม่มากนัก เมือสายตาเห็นว่ากําลังจะปะทะ


เข้ากับอกของเขา มือข้างหนึงก็ยนออกมากลางอากาศ
ื ฟาดเข้าทีแขนของเย่อีเฉิ น
มือแกร่ งข้างหนึงยึดเอวของนางเอาไว้ ดึงนางเข้าไปในอ้อมกอดทีแสนอบอุ่น กลินหอมของไม้ไผ่ลอยกระทบ
เข้ากับจมูก ทําให้นางนึ กถึงคนผูห้ นึงขึนมา ! เมือเงยหน้าขึนไปมองก็เห็นเป็ นใบหน้าหล่อเหลาดังภาพวาด
เหมือนทีคาดไว้ไม่มีผดิ

“เจ้าเป็ นอย่างไรบ้าง ?” คุณชายโอวหยางก้มหน้าลงมองทีนาง แววตาสี ดาํ วูบไหวแฝงไปด้วยความห่ วงใย

มู่หรงเสวียส่ ายหน้า ยกยิมบางเบา “ท่านมาได้ทนั เวลาพอดี ข้าไม่เป็ นไร !”

คุณชายโอวหยางยกยิมอย่างงดงาม แววตาลําลึก หลังจากทีเขากระโดดลงจากเหวมาก็ไม่พบร่ องรอยของมู่หรง


เสวีย เขาจึงเร่ งรี บออกตามหาไปทัวบริ เวณโดยรอบ แต่คาดไม่ถึงว่ากลับมาช้าไปก้าวหนึง

......

เมือเงยหน้ามองไปทีตัวต้นเหตุชา้ ๆ แววตาของคุณชายโอวหยางพลันไหววูบด้วยความเยือกเย็น “เย่อีเฉิ น ข้าเคย


พูดไว้แล้วว่า ไม่อนุ ญาตให้เจ้ามายุง่ วุ่นวายกับมู่หรงเสวียอีก !”

ฝ่ ามือหยกสี ขาวเดียวกําเดียวผ่อน สายลมบาดผิวสายแล้วสายเล่าพุ่งออกจากแขนเสื อ เข้าหาเย่อีเฉิ นทัวทุกทิศทาง


อย่างไม่ยงมื
ั อ ท่าทางงามสง่าสู งส่ ง ทังยังเต็มไปด้วยอํานาจและความองอาจสมชายชาตรี

คุณชายโอวหยางเตรี ยมทีจะสังสอนเขางันหรื อ ?
คราก่อนทีริ มหน้าผาเป็ นเขาทีดูเบาศัตรู ประมาทเลินเล่อ ทําให้ถูกคุณชายโอวหยางโจมตีจนตกเหวไป ครานี เขา
จะรับมือด้วยความรอบคอบ คุณชายโอวหยางอย่าได้หวังว่าจะชนะเขาเลย !

ดวงตาคมกริ บของเย่อีเฉิ นหรี เล็กลง ฝ่ ามือภายใต้แขนเสื อเริ มขยับวูบไหวไปมา ปราณกล้าแกร่ งพุ่งออกรับมือกับ


พลังปราณทีคุณชายโอวหยางโจมตีมา......

“ปั ง ปั ง ปั ง !” พลังปราณแข็งแกร่ งปะทะกันกลางอากาศ ลมไร้รูปทีเกิดจากการปะทะกันดีดกลับ พัดผ่าน


ใบหน้าจนรู ้สึกเจ็บแสบ !

มู่หรงเสวียยืนอยูด่ า้ นข้างของคุณชายโอวหยางและเย่อีเฉิ น แต่กลับดูไม่ออกว่าพวกเขากําลังใช้กระบวนท่าอะไร


เห็นเพียงเสื อสี ขาวหิ มะของคุณชายโอวหยางโบกสะบัดไปมา คล้ายกับดอกบัวหิ มะดอกหนึงทีกลีบดอกพุ่ง
ออกไปสายแล้วสายเล่า โจมตีไปทางเย่อีเฉิ น......

แววตาของเย่อีเฉิ นเยือกเย็น ออกกระบวนท่า พลังปราณภายในฝ่ ามือพุ่งออกไปทางคุณชายโอวหยางอย่างไม่


หยุดยัง

ทังสองต่างเป็ นจอมยุทธ์ยอดฝี มือ ฝี มือล้วนสู งส่ ง พลังปราณแข็งแกร่ ง การปะทะของทังสองคนเต็มไปด้วย


ความดุเดือด ในช่วงเวลาอันสันยากจะหาผูแ้ พ้ชนะได้ !
อยู่ ๆ เสี ยงรายงานร้อนรนสายหนึงก็ดงั ขึน “ท่านอ๋ อง องค์หญิงฉิ น......ดูท่าจะไม่ดีแล้ว......”

เย่อีเฉิ นทีได้ยนิ ดังนัน ฝ่ ามือพลันหยุดชะงัก พลังปราณก็เบาบางลง

ชัวพริ บตา พลังปราณของคุณชายโอวหยางก็ทะลุการสกัดกันของเขาไปได้และพุ่งตรงไปทีบ่าของเขา ได้ยนิ


เสี ยง ‘ฉึ ก ฉึ ก ฉึ ก’ ดังขึน ทีบ่าของเขาปรากฏรอยแผลกว้างสามแห่ ง เลือดสี แดงสดไหลทะลักออกมา.....

เย่อีเฉิ นสบถเบา ๆ ขมวดคิวเข้าหากันแน่ น พลังปราณของเขายุง่ เหยิงเล็กน้อย ปรายตามองคุณชายโอวหยางทีไร้


ซึงบาดแผล แววตาของเขาก็กลายเป็ นเคร่ งขรึ ม ค่อย ๆ ดึงพลังปราณกลับหมุนกายไปทางฉิ นยวีเยียน

โอกาสทีจะได้ปะทะกับคุณชายโอวหยางยังมีอีกมากนัก แต่วา่ ฉิ นยวีเยียนนันมีเพียงชีวิตเดียว อาการของยวีเยียน


ทรุ ดหนัก เขาคงไม่สามารถประลองต่อไปได้อีก......

คุณชายโอวหยางมองไปทีแผ่นหลังของเขาค่อย ๆ ดึงพลังปราณกลับมา แขนเสื อสี ขาวหิ มะลู่ลง ยืดตัวขึนตรง ดู


สง่างามจนหาใดเปรี ยบ !

มู่หรงเสวียขมวดคิว มองไปทางฉิ นยวีเยียน เห็นนางถูกคลุมด้วยผ้าคลุมสี ม่วงของเย่อีเฉิน ริ มฝี ปากซี ดขาวไร้สี


เลือด ดวงหน้าแดงเถือกผิดปกติ ดวงตาหลับแน่นเข้าหากัน กล่าวเสี ยงเบาอย่างสันไหว “......หนาว......หนาวจัง
......”
ผิวของนางถูกเศษหิ นและต้นหญ้าบาดเป็ นบาดแผลหลายสาย ลึกบ้างบางบ้าง เมือไม่ได้รับการรักษาและใส่ ยา
ทันเวลา จึงทําให้แผลติดเชือและเป็ นไข้ !

เย่อีเฉิ นเดินไปทีด้านหน้าของฉิ นยวีเยียน ก้มลงไปอังทีบริ เวณศีรษะของนาง รู ้สึกถึงความร้อนทีผิดปกติแล่น


ขึนมา คิวของเขาขมวดเข้าหากัน ก้มลงไปอุม้ นางขึน ก้าวเท้ายาวไปด้านหน้า “ออกจากเขาแล้วเร่ งกลับเมือง
หลวง !” อาการบาดเจ็บของยวีเยียนหนักมาก นางต้องได้รับการรักษาโดยเร็ ว

“พ่ะย่ะค่ะ !” อาอีอาเอ้อร์ รับคําสัง เก็บเอาดาบทีอยูบ่ นพืนขึนมาตามติดด้านหลังของเย่อีเฉิ นทีเร่ งเดินไปด้านหน้า

สวินเฟิ ง และอู๋เหิ นวิงสวนขึนมา วิงผ่านเลยเย่อีเฉิ น จึงทําให้เห็นฉิ นยวีเยียนทีอยูใ่ นอ้อมอกของเขา อดไม่ได้ทีจะ


ยกมุมปากขึน นันมันฉิ นยวีเยียนไม่ใช่หรื อ ? ดวงหน้าแดงเถือก ผมเผ้ายุง่ เหยิง แถมปากยังเปรอะเปื อนไปด้วย
เลือด ถ้านางไม่ได้อยูใ่ นอ้อมอกของเย่อเฉิ
ี น พวกเขาคงไม่มีทางทีจะจํานางได้แน่

ฉิ นยวีเยียนกับคุณหนูม่หู รงตกเหวลงมาพร้อมกัน ทีนางมีสภาพเช่นนีเก้าในสิ บต้องเป็ นฝี มือของคุณหนูมู่หรง


แน่ !

แววตาของทังสองทีมองไปทางมู่หรงเสวียเต็มไปด้วยความเคารพนับถือ สามารถทําให้องค์หญิงม่อเป่ ยอยูใ่ น


สภาพแบบนี ได้ บนโลกนี คงมีเพียงนางคนเดียว !

“คุณชาย คุณหนูม่หู รง !” ทังสองเคารพอย่างนอบน้อม


คุณชายโอวหยางตอบรับเพียงเบา ๆ มิได้กล่าววาจาใด !

“คุณชาย พวกข้าน้อยเจอต้นตีหยางแล้วขอรับ มันอยูท่ ียอดเขาข้างหน้า !” อู๋เหิ นยิมตาหยี ชีนิ วไปทียอดเขาสู ง


ด้านหน้า หลังจากทีร่ วงมาจากหน้าผา พวกเขาวิงตามหาคนกันไปทัว แต่คาดไม่ถึงว่ากลับบังเอิญพบเข้ากับต้นตี
หยาง

“จริ งหรื อ ?” มู่หรงเสวียเงยหน้ามองขึนไป ก็ได้เห็นว่าบนยอดเขามีเงาของต้นหญ้าพลิวไหวไปตามสายลม พอ


มองดูดีดีแล้ว นันมันไม่ใช่ตน้ ตีหยางหรอกหรื อ !

“ไปกันเถอะ พวกเราไปเก็บต้นตีหยางกัน !” ใบหน้าเย็นชาของมู่หรงเสวียประดับไว้ดว้ ยความยินดี ลากคุณชาย


โอวหยางวิงไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ ว

สวินเฟิ งและอู๋เหิ นมองหน้ากัน ค่อย ๆ วิงตามไปด้านหลังของทังสองอย่างช้า ๆ

เย่อีเฉิ นทีได้ยนิ อยู่ ๆ ก็หยุดเท้าลงอย่างกะทันหัน หันไปมองมู่หรงเสวีย แววตาเต็มไปด้วยความซับซ้อน นางมา


ทีหุ บเขาหวีซานก็เพราะมาเก็บต้นตีหยาง !

ต้นตีหยางเป็ นตัวยาสายหยาง สรรพคุณไม่สามารถเทียบได้กบั บัวอัคคี นางน่ าจะรู ้ดี แต่ถึงจะเป็ นเช่นนีนางก็ยงั


เลือกต้นตีหยาง เพือทีจะได้ไม่ตอ้ งเข้ามายุง่ เกียวกับเขาและต้องการทีตัดขาดกับเขาอย่างสิ นเชิงอย่างนันหรื อ ?

ทีจริ งแล้วเขาก็ไม่อยากให้นางต้องตาย เพียงแค่อยากให้นางอ่อนข้อให้เขาเท่านัน กล่าวขอโทษเขา แต่งเป็ นพระ


ชายารองตามข้อกําหนดของเขา แล้วเขาจะให้นางได้ใช้บวั อัคคีทีไม่มีวนั หมด ทําให้ชีวิตของนางยืนยาว แต่
ทําไมนางจะต้องแข็งขืนด้วยล่ะ ? นางกลับเต็มใจทีจะยอมลําบาก แต่ไม่มีทางยอมให้กบั เขา !
ตอนที 67 เก็บต้ นตีหยาง
สายลมพัดผ่านบางเบา เสี ยงสอบถามราบเรี ยบดังขึนมาจากคุณชายโอวหยาง “บนยอดเขามีตน้ ตีหยางมากมาย
เจ้ามีสถานทีทีใช้จดั เก็บพวกมันแล้วหรื อ ?”

“วางใจได้ ข้าเตรี ยมพร้อมไว้ตงแต่


ั แรกแล้ว ข้ายังได้วางตัวทหารยามมากมายไว้โดยรอบของห้องเก็บของ ถึงจะ
มีคนร้ายเข้ามาทีจวนโหว ก็ไม่มีทางทําลายต้นตีหยางได้......” มู่หรงเสวียเผยรอยยิมสดใส

ถึงจะถูกทําลายไปก็ไม่เป็ นไร ต้นตีหยางมิได้ขนที


ึ หวินหนาน เย่อีเฉิ นไม่มีทางทีจะผูกขาดได้อย่างสิ นเชิง อาศัย
เพียงเส้นสายและกําลังทรัพย์ของจวนเจินกัวโหว ก็สามารถหาต้นตีหยางได้อย่างเพียงพอทีจะใช้ยอชี
ื วติ ต่อไปได้
ล้วนไม่เป็ นปั ญหา

ดวงหน้าของเย่อีเฉิ นดุดนั ขึนมา ครังทีแล้วเป็ นเขาทีส่ งองครักษ์เงาแอบเข้าไปทีจวนเจินกัวโหว ทําลายบัวอัคคี


ของมู่หรงเสวีย คนร้ายทีมู่หรงเสวียพูดถึงก็หมายถึงเขามิใช่หรื อ !

เรื องราวก็ผา่ นไปนานแล้ว นางก็ไม่ได้ถกู ทําร้ายจนเป็ นอันตรายถึงชีวิต ทําไมถึงยังโกรธเกลียดเขาอยูอ่ ีก ?

เมือเงยหน้ามองมู่หรงเสวีย ก็เห็นเพียงนางกําลังเดินไปทียอดเขา เงยหน้ามองยอดเขาขึนลงไปมา ขมวดคิวเบา ๆ


“ยอดเขาสู งขนาดนี ทางเดินก็ชนั และขรุ ขระมาก พวกเราเดินขึนไปคงจะไม่ตกลงมาใช่ไหม ?”
ทีบอกว่าทางเดิน จริ ง ๆ แล้วเพียงแค่มีคนมาแซะหิ นออกให้เป็ นทางเดินทีทังเล็กทังแคบและดูจะลืนล้มได้ง่าย
ภูเขาตรงหน้าไม่มีตน้ หญ้าใด ๆ ปกคลุมอยูเ่ ลยแม้แต่นอ้ ย ถ้าเกิดปี นขึนอย่างไม่ระมัดระวังและพลาดตกลงมา ไม่
มีแม้แต่กิงไม้ใด ๆ ให้คว้าจับ ก็คงทําได้เพียงตกลงไปทังอย่างนัน......

มองไปทีดวงหน้าเรี ยวเล็กทีปรากฏความกังวลอยูน่ นั ดวงตาของคุณชายโอวหยางก็เจือปนไปด้วยรอยยิมบางเบา


“อย่ากังวลไปเลย พวกเราไม่ได้เดินไปตามทางเดินบนเขา”

“ไม่ไปตามทางเดิน ?” มู่หรงเสวียชะงักไปครู่ หนึง “เช่นนันจะขึนไปได้อย่างไร ?”

คุณชายโอวหยางยกยิมขึนอย่างหล่อเหลา ย่อกายช้อนตัวมู่หรงเสวียขึน ตอนทีนางกําลังตกตะลึงอยูน่ นั ก็ขยับ


เท้าเพียงบางเบา พลันร่ างโปร่ งก็กระโดดลอยทะยานขึนสู่ กอ้ นเมฆพุ่งตรงไปทียอดเขา ชุดสี ขาวหิ มะปลิวไสวไป
มาด้วยความสง่างามและสู งส่ ง !

มู่หรงเสวียทีอยูใ่ นอ้อมกอดของเขา ชุดกระโปรงสี เขียวอ่อนโบกสะบัด ผมยาวสลวยสี ดาํ ดังนําหมึกพลิวไหว ดู


เข้ากับชุดสี ขาวหิ มะของคุณชายโอวหยาง ช่างงดงามราวภาพวาด

สี หน้าของเย่อีเฉิ นเขียวคลํา จ้องเขม็งไปทางคุณชายโอวหยางกับร่ างของมู่หรงเสวียทีซบอยูก่ บั อกของเขา แววตา


เปล่งประกายเยือกเย็น จิตสังหารของเขาค่อย ๆ แผ่ขยายออกไป อาอีตวั แข็งทือ หนังตากระตุกไปมา ปรายตา
มองไปทีผ้าคลุมสี ม่วง กล่าวด้วยความร้อนรนว่า “ท่านอ๋ อง อาการป่ วยขององค์หญิงฉิ นคล้ายจะทรุ ดหนักลงนะ
ขอรับ !”
เช่นนันเย่อีเฉิ นถึงได้หลุดออกจากภวังค์ เมือก้มหน้าลงมอง ก็เห็นใบหน้าของฉิ นวีเยียนกลายเป็ นสี แดงเถือก นาง
หายใจหอบถีขึน เสื อผ้าบางเบาทีกันเอาไว้ทาํ ให้เขารู ้สึกได้ชดั เจนว่าอุณหภูมิในร่ างกายของนางสู งขึนไม่นอ้ ย !

ยิงนานเข้าอาการป่ วยของยวีเยียนก็ยงหนั
ิ กลง เขาไม่สามารถจะเสี ยเวลาอีกต่อไปได้ ตอนนี จึงต้องปล่อยคุณชาย
โอวหยางไปก่อน ยังมีโอกาสให้จดั การกับเขาอีกมาก

เย่อีเฉิ นกอดฉิ นวีเยียนไว้แน่ น เขาหมุนกายก้าวยาว ๆ เดินไปข้างหน้าโดยไม่หันกลับไปมองอีก เสี ยงเย็นชาสัง


การดังขึนในสายลม “ออกจากเขา !”

คุณชายโอวหยางทีอยูก่ ลางอากาศปรายตามองเขาอยูเ่ พียงครู่ หนึ ง ยกยิมมุมปากอย่างดูถกู บางเบา พลางค่อย ๆ


ร่ อนลงไปทีด้านบนของยอดเขา

กลินหอมของไม้ไผ่ลอยโชยอยูบ่ ริ เวณรอบกายอย่างบางเบา แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหวไปมาอย่างไม่เป็ น


ธรรมชาติ นางพลิกตัวลงสู่ พืนดิน แสงสี ทองอร่ ามผืนหนึ งกระทบเข้าสู่ สายตา ต้นตีหยางจํานวนมากมายนับไม่
ถ้วนต่างอยูภ่ ายใต้แสงอาทิตย์ทีกําลังสาดส่ อง พลิวไหวไปตามสายลม !

แววตาของมู่หรงเสวียพลันเปล่งประกาย ชักกระบีออกจากฝัก สมุนไพรส่ วนใหญ่จะมีอุปกรณ์ทีใช้ในการเก็บ


เกียวโดยเฉพาะ แต่ทีตัวนางตอนนี มีเพียงกระบีเล่มเดียว ไม่มีอุปกรณ์อืนอีก จึงมีแค่เพียงกระบีในการตัดต้นตี
หยาง
คุณชายโอวหยางปรายตามองทีกระบีทีเปล่งประกายเยือกเย็น เขาเลิกคิวบางเบา “ทีนี มีตน้ ตีหยางจํานวนมากมาย
นัก ถ้าไม่ถึงหมืน อย่างน้อยก็ตอ้ งมีเป็ นพันต้น ถ้าเจ้าใช้กระบี สามวันสามคืนก็ไม่มีทางตัดมันหมดหรอก !”

“ถ้าเช่นนันจะให้ขา้ ทําเช่นไร ?” มู่หรงเสวียหันไปมองเขา

แววตาของคุณชายโอวหยางเต็มไปด้วยความเหนือยใจ วิธีการทีง่ายขนาดนันนางกลับนึ กไม่ออกหรื อ ช่างโง่งม


นัก !

เขาดีดนิ วเพียงเบา ๆ พลังปราณกล้าแกร่ งสายหนึงก็พ่งุ ออกไป ตรงไปตัดทีก้านของต้นตีหยาง ชัวพริ บตา ต้นตี


หยางสี ทองอร่ ามก็ถูกตัดออกจากก้าน ร่ วงลงสู่ พืนอย่างพร้อมเพรี ยงกัน

เช่นนี ก็ได้หรื อ ! มู่หรงเสวียดวงตาเบิกกว้างขึนด้วยความตกตะลึง นางสบถในใจ แค่มีวรยุทธ์สูงส่ งก็ต่างกันราว


ฟ้ ากับเหวเช่นนี เชียวหรื อ ? ไม่เพียงแต่สามารถพุ่งทะยานขึนสู่ ยอดเขาได้ แต่ยงั สามารถตัดต้นตีหยางจํานวน
มากมายขนาดนีได้ในพริ บตา เครื องเก็บเกียวในยุคปั จจุบนั ยังไม่สามารถเทียบกับความร้ายกาจของวรยุทธ์ของ
เขาได้เลยแม้แต่นอ้ ย บุตรชายผูส้ ื บทอดแห่ งเซี ยวเหยาอ๋ อง ช่างไม่ผดิ ไปจากทีลือกันนัก......

สายตามองเห็นสวินเฟิ งกับอู๋เหิ นหยิบเอาตะกร้าไม้ไผ่ใบใหญ่สิบกว่าใบลอยขึนมา นางเร่ งเดินเข้าไปรับเอา


ตะกร้าใบใหญ่มาหนึ งใบ เก็บเอาต้นตีหยางใส่ ตะกร้าทีละต้นอย่างเบิกบานใจ

หลังจากนันสองชัวยาม ต้นตีหยางล้วนถูกเก็บจนหมด คุณชายโอวหยาง มู่หรงเสวีย สวินเฟิ ง และอู๋เหิ น ทังสี คน


ลงจากเขา ขนต้นตีหยางออกจากหุ บเขาหวีซาน !
ทีตีนเขามีรถม้าจอดอยูส่ ามคัน คันหนึงเป็ นรถม้าของจวนเจินกัวโหว อีกสองคันเป็ นรถบรรทุกสิ งของ

มู่หรงเสวียสังการให้คนรับใช้ของจวนเจินกัวโหวขนต้นตีหยางไปทีรถบรรทุกสิ งของ ตรวจสอบและมัดเอาไว้


จนแน่ นหนา ดูจนแน่ ใจว่าไม่มีตรงไหนผิดพลาด ก็ค่อย ๆ ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก มีตน้ ตีหยางอยูใ่ นมือ
แล้ว ชีวิตของนางก็มีหลักประกันแล้ว !

กลินหอมของไม้ไผ่ลอยกระทบเข้ากับจมูก เป็ นคุณชายโอวหยางนันเองทีกําลังนังจิบชาทีโต๊ะหิ นใต้ตน้ ไม้ใหญ่


ชุดสี ขาวหิ มะลู่ลง ทําให้ความสง่างามและสู งส่ งบนตัวเขาเปล่งประกายมากยิงขึน

มู่หรงเสวียกระพริ บตาปริ บ ๆ ค่อย ๆ เดินเข้าไปกล่าวด้วยรอยยิมสดใส “ครังนี ต้องขอบคุณคุณชายเป็ นอย่างมาก


ทีมาช่วยเหลือ คุณชายมาทีเขาหวีซานได้อย่างไรหรื อ ?”

“ใช้วิชาตัวเบาลอยมา !” คุณชายโอวหยางพูดด้วยนําเสี ยงราบเรี ยบ แววตาลึกลําถูกซ่ อนอยูภ่ ายใต้ไอร้อนของนํา


ชา ทําให้ผคู ้ นมองไม่เห็นว่าเขามีแววตาเช่นไร

มู่หรงเสวียชะงักไป ถึงว่าทําไมบริ เวณใกล้ ๆ นี นอกจากรถม้าและรถบรรทุกสิ งของของจวนเจินกัวโหวแล้ว ก็


ไม่พบรถม้าหรื อม้าอืนใดอีก คุณชายโอวยางมิได้นงรถม้
ั าหรื อขีม้ามานีเอง
แต่คุณชายโอวหยางบินจากเมืองหลวงมาทีหุ บเขาหวีซาน ทังยังเดินทางเป็ นเพือนนางถึงตังสองวันหนึงคืน
ช่วยเหลือนางอย่างมากมายนัก เสี ยทังกําลังกาย กําลังภายใน อีกทังยังไม่ได้พกั ผ่อน แน่ นอนว่าพละกําลังของเขา
ต้องถดถอยลงบ้าง ถ้ายังจะให้เขาเหาะกลับเมืองหลวงเอง ก็ช่างเป็ นการไม่สาํ นึ กบุญคุณไปเสี ยหน่ อย

“หากคุณชายไม่รังเกียจ ก็นงรถม้
ั าของจวนโหวกลับเมืองหลวงกับข้าเถอะ สําหรับสวินเฟิ งกับอู๋เหิ นให้พวกเขา
นังกับคนขับรถม้าและพวกทหารทีรถบรรทุกของก็แล้วกัน”

“ตกลง !” คุณชายโอวหยางนิ งไปสักครู่ แล้วจึงค่อย ๆ พยักหน้า เขาวางถ้วยชาลง แล้วค่อย ๆ เดินไปทีรถม้าของ


จวนโหวพร้อมกับยกมุมปากอย่างบางเบา

ด้านในของรถม้าปูดว้ ยพรมหรู หราผืนหนึ ง ให้ความรู้สึกนุ่มสบายเป็ นอย่างมาก กลินหอมอ่อนค่อย ๆ โชย


ออกมา คล้ายกับกลินดอกบัว เป็ นกลินหอมสดชืนประจําตัวของมู่หรงเสวีย

ดวงหน้าของคุณชายโอวหยางเคร่ งขรึ ม นังอยูด่ า้ นหน้าของหน้าต่างตรงกันข้ามกับมู่หรงเสวีย เมือมองไปทีดวง


หน้าเรี ยวทีดูเหนื อยอ่อนของนาง เขาจึงเลิกคิวขึนถาม “เจ้าเหนื อยมากหรื อ ?”

มู่หรงเสวียพยักหน้า นางไม่ได้พกั ผ่อนมาสองวันสองคืน ง่วงจะตายอยูแ่ ล้ว “คุณชาย ชุดชา ใบชา นําสะอาด พิณ
หมาก ตํารา ขลุ่ย ล้วนอยูใ่ นช่องเก็บของ ท่านเชิญตามสบายเถอะ ข้าพักผ่อนก่อนแล้ว !”

ในยุคปั จจุบนั นางไม่ได้หลับนอนสามวันสามคืนล้วนไม่เป็ นปั ญหา แต่ตอนนีร่ างกายนี อ่อนแอเกินไป อดทน


ไม่ได้มากขนาดนัน ทีทนอยูไ่ ด้จนถึงตอนนี ก็นบั ว่าล้วนถึงขีดสุ ดแล้ว
“ได้ !” คุณชายโอวหยางพยักหน้า มองมู่หรงเสวียทีเอาหมอนออกมาจากช่องเก็บของ สอดไว้ใต้หัวแล้วหลับไป
แม้แต่ผา้ ห่ มก็ยงั ไม่ได้ห่ม

ทําไมถึงไม่ดูแลตัวเองเช่นนี !

คุณชายโอวหยางขมวดคิว เปิ ดช่องเก็บของเตรี ยมทีจะหยิบผ้าห่ มออกมา สายตาก็พลันเห็นมู่หรงเสวียขมวดคิว


น้อย ๆ เหมือนนอนไม่ค่อยสบายนัก

ดวงตาของเขาฉายแววลังเลเล็กน้อย ปิ ดช่องเก็บของลง ค่อย ๆ ดึงเอาตัวของมู่หรงเสวียเข้าสู่ ออ้ มกอดอย่าง


ระมัดระวัง......
ตอนที 68 ลอบสังหาร

มู่หรงเสวียดูท่าจะเหนือยเสี ยจนหมดแรง การสลับทีทําให้นางเพียงขยับตัวเล็กน้อยเท่านัน ไม่แม้แต่ลืมตาขึนมา


นางเพียงแต่ขยับตัวเพือหาจุดทีสบายบนอกของคุณชายโอวหยาง แล้วเอนหัวซบเข้าทีอกของเขา หลับสนิทลงไป
อีกครัง

ร่ างบางนุ่ มนิ มทีอยูบ่ นอก กลินหอมของบัวอัคคีทีเลือนรางกระทบเข้ากับจมูก เส้นผมสี ดาํ นุ่ มลืนยาวสลวยคล้าย


ผ้าไหมพาดผ่านต้นคอของเขา จิตใจของคุณชายโอวหยางสันไหวน้อย ๆ

เมือก้มมองมู่หรงเสวีย ก็เห็นนางหลับตาสนิ ท กําลังหายใจบางเบาเป็ นจังหวะ ขนตายาวทาบทับจนเป็ นเงาบน


ขอบตา ริ มผีปากสี ชมพูปิดสนิทคล้ายกําลังรอให้ใครบางคนมาเชยชมความหอมหวานบนนัน

เพียงพริ บตาเดียวดวงตาของคุณชายโอวหยางก็กลายเป็ นลึกลําดังนําหมึก เขาค่อย ๆ เอนตัวลง ริ มฝี ปากบางค่อย


ๆ ประทับลงบนริ มฝี ปากสี ชมพูของนาง ปากของนางนันหอมหวานอ่อนนุ่ มแฝงไว้ดว้ ยกลินหอมบางเบาของบัว
อัคคี ทําให้ผคู ้ นลุ่มหลง เขาจูบนางบางเบาคล้ายกับแมลงปอทีเกาะบนผิวนํา ค่อย ๆ ช่วงชิงเอาอากาศหายใจของ
นาง......

ในความฝันมู่หรงเสวียเหมือนรู ้สึกไม่ค่อยสบายตัว นางขมวดคิวน้อย ๆ ดวงหน้าเรี ยวเล็กมุดเข้ากับอกของ


คุณชายโอวหยาง หลีกหนี การจุมพิตของเขา
เมือมองใบหน้าทีเผยออกมาเพียงเล็กน้อยของมู่หรงเสวียแล้ว คุณชายโอวหยางก็เลิกคิวบาง ๆ นีเขากําลังถูก
ปฏิเสธอย่างนันหรื อ ! หรื อว่าตอนทีนางกําลังนอนไม่ชอบให้คนไปรบกวนกัน ?

คุณชายโอวหยางค่อย ๆ เหยียดกายนังตัวตรง มองไปทางมู่หรงเสวียอย่างเงียบ ๆ ดวงตาเปล่งประกายไปด้วย


ความหมายทีไม่มีใครเข้าใจ

ทันใดนันเอง แววตาของเขากลับกลายเป็ นเคร่ งขรึ ม สะบัดมือเปิ ดหลังคารถม้า อุม้ เอามู่หรงเสวียกระโดด


ออกไป

ตอนทีพุ่งไปในอากาศ ได้ยนิ เสี ยง ‘ตูม้ ’ สายหนึงดังขึน เพียงพริ บตารถม้าหรู หราก็ระเบิดออก เศษไม้กระจุย


กระจายออกจากกัน ฝุ่ นผงฟุ้ งกระจายไปทัวบริ เวณ

เสี ยงระเบิดปลุกให้มู่หรงเสวียตืนขึน นางมองไปทีเศษชินส่ วนของรถม้าทีกระจัดกระจาย เพียงครู่ เดียวก็เข้าใจ


ในทันทีว่าเกิดอะไรขึน ดวงหน้าของนางเคร่ งขรึ มจนน่ ากลัว บนรถม้าแขวนไว้ดว้ ยสัญลักษณ์ของจวนเจินกัว
โหว คนทีฝังระเบิดไว้ใต้ดินแน่นอนว่าตังใจมุ่งเป้ ามาทีนาง !

คุณชายโอวหยางวางมู่หรงเสวียลงทีพืน ในอากาศมีเสี ยงแหวกอากาศลอยมาอย่างรวดเร็ ว


มู่หรงเสวียเงยหน้าไปมอง เห็นลูกศรสี ดาํ นับไม่ถว้ นพุ่งมาจากรอบทิศทางเต็มไปหมด ถียิบราวกับสายฝน ไอจิต
สังหารทําผูค้ นต่างตืนตระหนก

“มีนกั ฆ่า ! ปกป้ องคุณหนูใหญ่ ! ปกป้ องคุณชาย !” ไม่รู้ว่าเป็ นเสี ยงตะโกนของใคร สวินเฟิ ง อู๋เหิ น ทหารของ
จวนเจินกัวโหวทังหมดต่างพุ่งเข้ามา ล้อมรอบคุณชายโอวหยางและมู่หรงเสวียเอาไว้ ตวัดดาบปัดป้ องลูกธนู

ได้ยนิ เพียงเสี ยง ‘เคร้ง เคร้ง เคร้ง’ ดังขึน ห่ าธนูพวกนันถูกปั ดป้ องตกลงกับพืน แต่ก็มีทหารบางคนทีถูกธนู ยัง
ไม่รู้ว่าจะเป็ นหรื อตาย !

คุณชายโอวหยางโอบมู่หรงเสวียไว้อย่างทะนุ ถนอม มองไปยังทิศทางทีลูกธนูพ่งุ เข้ามาอย่างเฉยชา คล้ายกับการ


ลอบสังหารเช่นนี ล้วนเป็ นเรื องทีเกิดขึนอย่างปกติธรรมดา

ลูกศรทีพุ่งออกมาทังเร็ วและหนาแน่ นเหมือนสายฝน ดาบทีใช้ออกต้านรับก็รวดเร็ วทังยังแม่นยําดังสายลม ดาบ


ในมือของสวินเฟิ งและอู๋เหิ นร่ ายรําด้วยความรัดกุมไม่เปิ ดช่องว่าง จนลูกศรนับไม่ถว้ นร่ วงลงสู่ พืน ห่ าธนูถูก
หยุดยังอยูเ่ ช่นนันไม่สามารถทําอันตรายใด ๆ แก่คุณชายโอวหยางกับมู่หรงเสวียได้

คนชุดดําทีแอบซ่ อนอยูเ่ มือเห็นว่าลูกธนูใช้การไม่ได้ผล สะบัดมือเบา ๆ พริ บตาเดียวเหล่าชายโพกผ้าดําต่างละ


ทิงคันธนู ดึงเอาดาบคมกริ บเปล่งประกายเยือกเย็นออกจากฝัก พากันพุ่งออกไป

สวินเฟิ ง อู๋เหิ น และทหารของจวนโหวชักดาบออกเข้าปะทะกับคนโพกผ้าสี ดาํ เหล่านัน ชัวขณะนันทัวบริ เวณ


ต่างก็เต็มไปด้วยเสี ยงการปะทะทีดุเดือด......
คนหลายสิ บคนเข้าปะทะกันอย่างชุลมุนวุ่นวาย มองไม่เห็นกระบวนท่าทีพวกเขาใช้ออก เห็นเพียงแต่สวินเฟิ ง
และอู๋เหิ นวาดดาบรวดเร็ วไปมาดังสายลม ทุกทีทีพาดผ่าน จะต้องมีชายชุดดําได้รับบาดเจ็บสาหัสและล้มลง......

“วรยุทธ์ของสวินเฟิ งกับอู๋เหิ นช่างยอดเยียมยิงนัก !” มู่หรงเสวียชืนชมไม่หยุด องครักษ์เงาทีคุณชายโอวหยาง


ฝึ กฝนมาช่างไม่ธรรมดา

“ในบรรดาองครักษ์เงาทังหลาย พวกเขาเป็ นสองคนทีร้ายกาจทีสุ ด ถึงคนชุดดําจะมีจาํ นวนเยอะกว่า แต่ก็ไม่


สามารถเป็ นคูป่ รับของพวกเขา......” คุณชายโอวหยางพูดด้วยนําเสี ยงราบเรี ยบ ทันใดนันเองก็ได้ยนิ เสี ยงเสี ยดสี
ในอากาศลอยมาสายหนึง เมือเงยหน้าไปมองก็เห็นลูกศรสายหนึ งพุ่งมาจากทีห่ างไกล พุ่งตรงมาทีมู่หรงเสวีย
......

ดวงตาของคุณชายโอวหยางปรากฏแววเย็นชาขึนทันที เขาดีดนิ วส่ งเอาพลังปราณออกไปสายหนึงตอบรับกับลูก


ธนูคมดอกนัน ได้เสี ยง ‘ปั ง’ ดังขึน ลูกธนูคมระเบิดออกกลางอากาศ......

กลินกํามะถันเข้มข้นลอยกระทบเข้ากับจมูก แววตาของคุณชายโอวหยางเปล่งประกายอํามหิ ต กล้าคิดร้ายต่อคน


ของเขางันหรื อ รนหาทีตายนัก !

นิวมือภายใต้แขนเสื อของเขาขยับเคลือนไหว พลังปราณกล้าแกร่ งสายหนึงพุ่งออกไป ปะทะเข้ากับคนชุดดํา


อย่างแรงจนเลือดสาดกระเซ็นไปทัว
“แค่ก แค่ก แค่ก !” คนชุดดํากระอักเลือดสี แดงสดออกมา ล้มลงไปสิ นใจบนพืน กลินคาวเลือดลอยคละคลุง้ ไป
ในอากาศ !

คุณชายโอวหยางดึงพลังปราณกลับมา ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาดังนําแข็ง ชุดสี ขาวหิ มะพลิวไหวไปตามสายลม


ไม่มีแม้แต่รอยเปื อนสกปรก

บนพืนปรากฏศพเจ็ดแปดร่ างนอนอยูอ่ ย่างระเกะระกะ หน้าดินสี นาตาลถู


ํ กย้อมไปด้วยสี แดง ค่อย ๆ ไหล
รวมกันเป็ นแอ่งเลือด ไหลริ นไปตามหลุมบ่อต่าง ๆ

มู่หรงเสวียกระพริ บตาปริ บ ๆ เพียงออกกระบวนท่าแค่ไม่กีกระบวนท่าก็สามารถจัดการนักฆ่าชุดดําจนหมด วร


ยุทธ์ของคุณชายโอวหยางช่างเก่งลําเกินไปแล้ว แต่ว่า “คุณชาย ท่านจะไม่เหลือคนเป็ นไว้ให้ไต่สวนหน่ อยหรื อ
?”

“ตรงนันยังมีทีไม่ตายอยูห่ นึงคน” นิวมือหยกของคุณชายโอวหยางค่อย ๆ ชีออกไป ชายชุดดําคนหนึงลอยขึนมา


จากซากศพ ร่ วงลงตรงหน้าของมู่หรงเสวีย ทัวทังร่ างและใบหน้าของเขาล้วนเต็มไปด้วยเลือด แววตาลอกแลก
และหวาดกลัว !

มู่หรงเสวียดึงผ้าปิ ดหน้าของเขาออก กระชากคอเสื อของเขาขึนมา “ใครส่ งให้เจ้ามาสังหารข้า ?”

ดวงตาของคนชุดดํามีนาตาไหลริ
ํ นออกมา ไม่รู้ว่ากําลังคิดสิ งใด
“ทางทีดีเจ้าพูดความจริ งออกมาดีกว่า อย่าได้พดู ชือคนสังการออกมามัว ๆ ทีเกลียดข้าเข้ากระดูก จนอยากจะเอา
ชีวิตของข้ามีเพียงไม่กีคนเท่านัน ข้าสามารถคาดเดาได้ เพียงแต่ตอ้ งการฟังคําจากปากของเจ้าเพือให้แน่ ใจก็
เท่านัน ถ้าหากเจ้ากล้าโกหก ข้าจะให้เจ้าได้รู้จกั คําว่าตายทังเป็ น !”

มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ ดูเป็ นธรรมชาติ แววตาลําลึกจนถึงทีสุ ด แฝงไว้ดว้ ยความร้ายกาจโหดเหี ยม ทําให้จิตใจคน


หวันเกรงและหวาดกลัวจนแทบจะหยุดหายใจ

คนชุดดําเมือได้ยนิ เสี ยง ‘ปั ง’ ในหัวก็พลันขาวโพลน หลังจากหลุดออกจากภวังค์ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความ


หวาดกลัวพูดออกมาอย่างไม่ปิดบังว่า “เป็ นฮูหยินเฒ่าแซ่ ตู้ ย่าเลียงของท่านทีสังการพวกเรา......นางให้พวกเรา
หนึ งหมืนตําลึง......เพือพรากชีวิตของท่าน......ทีข้ารู้ว่าท่านจะต้องผ่านเส้นทางสายนี......ก็เป็ นนางทีบอกพวกเรา
!”

“ทีแท้กเ็ ป็ นหญิงเฒ่าผูน้ นั ขอบใจมาก !” มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ ดังบุปผาทีผลิบาน กระบีในมือฟันเข้าไปทีคอของ


ชายชุดดํา เฉื อนจนกลายเป็ นรอยแผลยาวทีเต็มไปด้วยเลือด

คนชุดดําดวงตาเบิกกว้าง ล้มอย่างแรงลงบนพืน เลือดสี แดงสดไหลทะลักออกจากบาดแผล ย้อมพืนจนเป็ นสี แดง


.....
อู๋เหิ นเลิกคิวกล่าวขึนอย่างไม่เข้าใจ “คุณหนูม่หู รง ท่านไม่ละเว้นเขาไว้ เพือพากลับไปเป็ นพยานของท่านหรื อ ?”
คิดร้ายต่อคุณหนูจวนโหวถือว่าเป็ นโทษหนัก ถ้าฟ้ องร้องต่อศาลซุนเทียนหญิงเฒ่าแซ่ ตจู ้ ะต้องถูกจับเข้ากรงขัง
แน่นอน

แววตาของมู่หรงเสวียเคร่ งขรึ ม “หญิงเฒ่าแซ่ ตเู ้ ป็ นคนฉลาด ไม่มีทางเหลือหลักฐานไว้ในมือของคนชุดดําเหล่านี


แน่ แค่ใช้พยานปากจากคนชุดดําฝ่ ายเดียว ไม่มีทางกําหนดโทษให้หญิงเฒ่าแซ่ ตูไ้ ด้ ไม่แน่ว่าอาจจะโดนนางตอก
กลับเสี ยด้วยซํา บอกว่าข้าใส่ ร้ายนาง !”

“เช่นนันท่านวางแผนจะทําอย่างไรหรื อ ?” แววตาอู๋เหิ นเต็มไปด้วยความแปลกใจ ปล่อยหญิงเฒ่าแซ่ ตูไ้ ป มัน


ไม่ใช่นิสัยของมู่หรงเสวีย

“หญิงเฒ่าแซ่ ตูส้ ่ งของขวัญชินใหญ่ทีคาดไม่ถึงมาให้ขา้ แน่นอนว่าข้าก็ตอ้ งส่ งกลับไปให้นางเช่นกัน !” มู่หรง


เสวียยิมน้อย ๆ แววตาลึกลับ ดวงตาสี ดาํ เปล่งประกายอํามหิ ตจนน่ากลัว......
ตอนที 69 สังสอนหญิงเฒ่ าแซ่ ต้ ู
เรื อนหยกจวนเจินกัวโหว หญิงเฒ่าแซ่ ตอู ้ ยูใ่ นชุดสี นาเงิ
ํ นยาว บนศีรษะประดับด้วยเครื องประดับไพลินเม็ดโต
นังอยูห่ น้าโต๊ะกลมอย่างอารมณ์ดี กําลังรับสํารับอาหารอยูอ่ ย่างประณี ตบรรจง

ขนมดอกเหมย ขนมลีฮวา เป็ ดต้ม ไก่ตม้ ข้าวต้มแดง ข้าวต้มธัญพืชต่าง ๆ นา ๆ ล้วนวางอยูเ่ ต็มโต๊ะ กลิมหอม
อบอวลไปทัวบริ เวณ ทําให้ผคู ้ นนําลายศอ

หญิงเฒ่าแซ่ ตูซ้ ดข้าวต้มแดงทีหอมฉุ ย กล่าวเป็ นนัย ๆ ว่า “แม่นมกัว ‘ทีนัน’ มีขา่ วอะไรไหม ?”

แม่นมกัวเป็ นสาวใช้ทีติดตามมาจากบ้านเดิมของแซ่ ตู ้ ได้รับความไว้ใจเป็ นอย่างมาก เรื องราวในจวนโหวไม่วา่


จะเล็กหรื อใหญ่ โดยปกติจะเป็ นแซ่ ตูท้ ีเป็ นคนสังการ และแม่นมกัวเป็ นคนดําเนินการ

คําถามทีเป็ นนัย ๆ ของแซ่ ตู้ แม่นมกัวล้วนเข้าใจอย่างชัดเจน “เรี ยนฮูหยินเฒ่า ยังไม่มีข่าวคราวใด ๆเจ้าค่ะ”

แซ่ ตูห้ ยุดชะงักไปครู่ หนึง เลิกคิวบางเบา “นานขนาดนี แล้วยังไม่มีข่าว หรื อว่าจะเกิดเรื องไม่คาดคิดขึน......”

แววตาของแม่นมกัววูบไหวเล็กน้อย กล่าวเสี ยงตํา “ฮูหยินเฒ่าวางใจได้ ทีเราจ้างมาต่างเป็ นพวกทีโหดเหี ยมทีสุ ด


ในชิงเหยียน ถึงแม้วา่ มู่หรงเสวียจะเก่งกาจสักเพียงใด ก็ยากทีจะหนี รอดไปได้......”
“คนทีพวกเจ้าพูดถึงใช้คนผูน้ ี หรื อไม่ ?” เสี ยงเย็นชาสายหนึ งดังขึนพร้อมกับมีบางสิ งพุ่งตรงเข้ามา กระแทกลง
ไปทีด้านหน้าของแซ่ตูอ้ ย่างแรง

แซ่ ตูก้ ม้ หน้าลง สบตาเข้ากับดวงตาสี แดงเลือดคู่หนึ งทีดวงตาเบิกกว้าง นอนตายตาไม่หลับ ขอบตามีคราบเลือด


ไหลออกมา ทัวทังหัวล้วนย้อมไปด้วยเลือดสี แดง รอยตัดทีคอก็ยงั มีเลือดไหลออกมาไม่หยุด หยดลงไปบน
ข้าวต้มของแซ่ ตทู ้ ีละหยดสองหยดจนกลายเป็ นสี แดงเลือด......

“อ้า !” แซ่ ตกู ้ รี ดร้องขึนด้วยความหวาดกลัว เสี ยงดังลันฟ้ า

มือทังสองข้างลนลานไปมาจนปั ดไปโดนหัวคนหัวนัน หัวคนกลิงขลุกขลักตกลงใต้โต๊ะ นางลุกขึนอย่างกระวน


กระวาย เตรี ยมทีจะหนี ออกจากโต๊ะกลม แต่ไม่คาดว่ากลับลืนล้มลง เสี ยง‘ตุบ’ ดังขึน ร่ างของนางล้มลงกับพืน

สายตาทีเต็มไปด้วยความหวาดกลัว มองเห็นมู่หรงเสวียทีเดินเข้ามาอย่างเชืองช้า เสื อสี ฟ้าพลิวไหวตามสายลม


ดวงหน้าเรี ยวเล็กงดงามแต่งแต้มไปด้วยรอยยิม แต่แววตากลับเย็นชาเต็มไปด้วยความอํามหิ ต ทําให้ผคู ้ นต่างอด
ทีจะสันกลัวไม่ได้

“เจ้า......เจ้า......เจ้า......” แซ่ ตูช้ ีนิ วไปทีมู่หรงเสวีย หวาดกลัวจนพูดไม่ออก ร่ างกายสันจนหยุดไม่อยู่ มู่หรงเสวีย


กลับมาแล้ว นางกลับมาแล้ว......

“ท่านย่า ข้าเป็ นคน มิใช่ผี ท่านไม่จาํ เป็ นต้องหวาดกลัวถึงขนาดนัน ถึงแม้ว่าท่านจะจ้างนักฆ่าให้ไปสังหารข้า


มากมายก็ตาม แต่ว่าข้านันค่อนข้างจะดวงดี เลยรอดตายมาได้ ทีตายก็เลยเป็ นนักฆ่าพวกนันแทน !”
มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ งดงามยากหาใดเปรี ยบ หยิบเอาหัวคนทีลากมาด้วยขึนมา โยนไปทีแซ่ ตทู ้ ีละหัวสองหัว
อย่างไม่แยแส

“คนพวกนี คงไม่แปลกหน้าท่านย่านัก พวกเขาล้วนเป็ นนักฆ่าทีท่านจ้างมา ท่านจ่ายเงินไปมากมายขนาดนัน แต่


ก็ไม่สามารถกําจัดข้าได้ ช่างน่าเสี ยดายจริ ง ๆ ดังนัน ข้าจึงเอาหัวของนักฆ่าเหล่านี กลับมาด้วย ให้ท่านได้รู้ ว่าเงิน
พวกนันของท่าน ได้ซือหัวคนกับชีวิตคนสําเร็ จแล้ว ไม่ได้จ่ายออกไปเปล่า ๆ......”

แซ่ ตูเ้ ป็ นผูห้ ญิงทีอยูแ่ ค่ในจวนฝ่ ายใน ถนัดเพียงแต่วางแผนร้ายลับหลัง จ้างนักฆ่าไปฆ่าคน แต่มิเคยได้เจอเลือด


มากมายเช่นนี หัวคนทีเต็มไปด้วยเลือดถูกโยนเข้าไปทีอกของนางหัวแล้วหัวเล่า เลือดสี แดงสดไหลซึ มเข้าไปที
เสื อของนาง เปรอะเปรื อนไปทีผิวหนังของนาง เหนี ยวเหนอะหนะ เส้นผมบนหัวคนพวกนันสัมผัสถูกฝ่ ามือของ
นาง ทําให้นางขนลุกชัน

ทังยังดวงตาทีเบิกกว้างพวกนัน ทีจ้องมองมาทีนางอย่างน่ากลัว เหมือนจะพากันกล่าวโทษนางโดยไร้วาจา จิตใจ


ของนางแตกกระเจิง กรี ดร้องขึนด้วยความหวาดกลัว “ช่วยด้วย......ช่วยข้าด้วย......”

แม่นมกัวตืนจากภวังค์ทนั ที เร่ งเดินไปด้านหน้า ยืนขวางอยูด่ า้ นหน้าของแซ่ ตู ้ มองไปทางมู่หรงเสวียอย่างเย็นชา


ด่าว่าเสี ยงดัง “คุณหนูใหญ่ คนเราล้วนถือความกตัญ ูเป็ นหนึ ง ฮูหยินเฒ่าเป็ นท่านย่าของท่าน ถึงแม้ว่านางจะทํา
ผิด แต่ท่านก็ไม่มีสิทธิมาต่อว่านาง......”

“ไสหัวไป !” มู่หรงเสวียยกเท้าขึน ถีบเน้น ๆ เข้าทีหน้าอกของแม่นมกัว


แม่นมกัวถูกเตะกระเด็นไกลออกไปสามสี เมตร ร่ างของนางกระแทกเข้ากับกําแพงห้องแล้วกระเด็นกลับมาร่ วง
ลงกับพืนอย่างแรง เสี ยงตุบดังขึนพร้อมกับเลือดทีกระอักออกมาจากปาก กระดูกทัวร่ างกายคล้ายจะหลุดออก
จากกัน รู ้สึกเจ็บปวดจนเกินทน

ั าเช่นเจ้าสอดปาก ?” มู่หรงเสวียมองไปทีแม่นมกัวอย่างผูอ้ ยูเ่ หนือกว่า


“เจ้านายกล่าววาจา ใครให้คนใช้ชนตํ
กล่าวต่อว่าเสี ยงดัง “อย่านึ กว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็ นผูช้ ่วยตัวร้ายของแซ่ ตู ้ จ้างนักฆ่ามาฆ่าคนเจ้าก็มีส่วน......ยังจะกล้า
เอาศักดิฐานะของคนแก่หวั หงอกมากดดันข้า รนหาทีตายนัก !”

มู่หรงเสวียเตะหนัก ๆ ไปทีแม่นมกัวอีกหนึงที เตะนางจนกลิงออกไปอีกสามสี เมตร ชนเข้ากับกําแพง นางกรี ด


ร้องเสี ยงดังจนสลบไป......

มู่หรงเสวียเยืองย่างไปยังด้านหน้าของหญิงเฒ่าแซ่ ตู ้ หยิบเอาหัวคนขึนมาหัวหนึง แกว่งไปมาด้านหน้าของนาง


“ก็แค่หัวคน สิ งทีอยูบ่ นคอของคน ท่านย่าก็มิใช่มิเคยเห็น จะกลัวไปทําไมเจ้าคะ ? หรื อว่าเกิดกลัวขึนมาจริ ง ๆ
เสี ยแล้ว ท่านย่าก็กลัวเป็ นด้วยหรื อ ? ช่างน่ าเหลือเชือยิงนัก......”

นําเสี ยงส่ อแววดูถูกเย็นชาลอยเข้าหู แซ่ ตเู ้ งยหน้าขึน แววตาเต็มไปด้วยไฟโกรธ มือกําปิ นปั กผมยาวแน่นพุ่งไป
ทีมู่หรงเสวีย “มู่หรงเสวีย ข้าจะฆ่าเจ้า !”

ฆ่านางงันหรื อ ? ไม่เจียมตน !

มู่หรงเสวียยิมเย็นชา จับข้อมือของแซ่ ตบู ้ ิดออก เพิมแรงเข้าไปอีก ได้ยนิ เพียงเสี ยง ‘ก๊อก’ นางหักข้อมือของหญิง


เฒ่าแซ่ ตู ้ ปิ นปั กผมดัง ‘เกร๊ ง’ ร่ วงลงสู่ พืน
“อ๊า !” หญิงเฒ่าแซ่ ตูก้ รี ดร้องดังลัน ดังทะลุฟ้า จนผูค้ นแสบแก้วหู มู่หรงเสวียขมวดคิวขึน เตะไปทีนางอย่างแรง
อีกหนึงเท้า “เงียบ !”

ร่ างกายทีแก่ชราของแซ่ ตูก้ ระแทกเข้ากับผนัง เสี ยงกรี ดร้องพลันเงียบลง เม็ดเหงือผุดขึนเต็มหัว ทัวทังใบหน้าย่น


เข้าหากันด้วยความเจ็บปวด

มู่หรงเสวียเดินไปด้านหน้า เตะไปทีแซ่ ตูอ้ ย่างแรงอีกหนึงที เตะจนนางฟุบลงกับพืน กลิงขลุกขลักไปทีขอบโต๊ะ


จนโต๊ะล้มลงกับพืน จาน ชาม อาหารต่าง ๆ ล้วนร่ วงลงสู่ พนื บางส่ วนหกเลอะเทอะเต็มตัวของหญิงเฒ่าแซ่ ตู้
สภาพน่ าเวทนายิงนัก......

มู่หรงเสวียค่อย ๆ เดินเข้าไป ไม่สนใจหญิงเฒ่าแซ่ ตทู ้ ีร่ างกายเต็มไปด้วยเศษอาหาร กระชากคอเสื อของนาง


ขึนมา พลันเสี ยงทุม้ สายหนึ งดังขึน “นางก็แก่ชรามากแล้ว จะกระทํารุ นแรงมากไม่ได้ ถ้าเจ้ายังทุบตีนางต่อไป
นางก็คงไม่เหลือชีวิตแล้ว !”

“วางใจเถอะ ข้ารู ้ดีว่าอะไรควรไม่ควร !” มู่หรเสวียยิมน้อย ๆ กําไปทีคอเสื อของแซ่ ตแู ้ น่ น “เห็นแก่ครังนีเป็ น


ความผิดครังแรกของท่าน ข้าก็จะปล่อยท่านไปสักครัง แต่ถา้ หากท่านกล้าจ้างคนมาฆ่าข้าอีก ทีนีข้าก็จะตัดหัว
ของท่านเอามาเป็ นลูกบอลแล้วเตะเล่นทีเรื อนหยกเสี ย”

มู่หรงเสวียพูดอย่างอํามหิ ต สะบัดมือโยนแซ่ ตอู ้ อกไป หันหลังกลับเดินออกไปด้านหน้าโดยไม่หันกลับไปมอง


อีก พลันมีนาเสี
ํ ยงเตือนทีเย็นชาลอยมา “อย่าได้คิดว่าคําพูดของข้าเป็ นเรื องล้อเล่น แต่ไหนแต่ไรมาข้าไม่เคยพูด
เล่น ๆ กับศัตรู ถึงท่านจะหยิบยืมเอาทหารวีหลิน (ทหารหลวงของฮ่องเต้) มาคุม้ กันเรื อนหยกอย่างแน่นหนา ข้า
ก็สามารถฆ่าท่านได้เหมือนเดิม !”

เหล่าสาวใช้แทรกตัวเข้าไปแอบตามจุดต่าง ๆ พากันหวาดกลัวจนตัวสัน มู่หรงเสวียไม่แม้แต่สนใจ เดินตรง


ออกไปด้านนอก

แขนข้างหนึ งยืนออกมาขวางทางเดินของมู่หรงเสวีย มู่หรงเสวียไม่แม้แต่มอง นางเหยียบลงไปอย่างแรง “อ๊า !”


แม่นมกัวกรี ดร้องเสี ยงดังลันไปทัวเรื อนหยก ดังทะลุฟ้า......
ตอนที 70 เลิกเป็ นคนเสเพล

“เด็ก ๆ มู่หรงเสวียจะฆ่าคน รี บมาจับตัวนางเดียวนี !” แซ่ ตูท้ ีนอนอยูท่ ีพืน กรี ดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

ในตัวเรื อนกลับเงียบสงบ ไม่เห็นแม้แต่เงาคน คําพูดของนาง แน่นอนว่าไม่มีใครได้ยนิ

แซ่ ตูร้ ่ างกายบาดเจ็บสาหัสขนาดนี ยังอยากจะจัดการนางอีก ช่างไม่รู้กาํ ลังตน

แววตาของมู่หรงเสวียเปล่งประกายเย็นชา กล่าวเสี ยงสู ง “เด็ก ๆ !”

เพียงพริ บตาเดียว บริ เวณโดยรอบทีเงียบสงบกลับปรากฏเสี ยงฝี เท้ามากมาย ร่ างในชุดคนงานสิ บคน ทหารยามที


ข้างเอวพกดาบวิงเข้ามาทีเรื อนหยก ยืนเรี ยงอยูด่ า้ นหน้าของมู่หรงเสวียอย่างเป็ นระเบียบเรี ยบร้อย กล่าวเสี ยงดัง
สะเทือนฟ้ า “น้อมรับฟังคําสังคุณหนูใหญ่ !”

“ฮูหยินเฒ่ากลายเป็ นบ้า จิตใจไม่ปกติ พวกเจ้าล้อมเรื อนหยกเอาไว้ ดูแลอย่างเข้มงวด ไม่มีคาํ สังของข้า ไม่ว่าใคร


ก็หา้ มเข้าออก !” มู่หรงเสวียสังการด้วยนําเสี ยงเย็นชาแฝงไปด้วยคําสังทีห้ามฝ่ าฝื น
“ขอรับ !” ทหารยามตอบรับเสี ยงเข้ม ปิ ดล้อมเรื อนหยกด้วยดวงหน้าไร้อารมณ์ เฝ้ าระวังอย่างเข้มงวด ทําให้ผคู้ น
รู ้สึกหวาดกลัว

แววตาของแซ่ ตเู ้ ต็มไปด้วยความหวาดกลัว ทหารจวนโหวของพวกเขา...กลับกลายเป็ นคนของมู่หรงเสวียทัง


หมดแล้ว เรื องทีสําคัญเช่นนี ทําไมนางถึงไม่รู้เรื องแม้แต่นิด...

มู่หรงเสวีย เจ้าคนชันตําผูน้ ี ช่างมีความอดทนอดกลันแอบซ่ อนได้ดีนกั เลวร้ายทีสุ ด......

เมือรู ้สึกถึงความโกรธแค้นของนาง มู่หรงเสวียก็ไม่ใส่ ใจ ปรายตามองนางอย่างดูถูกครู่ หนึง แล้วเดินออกไปด้าน


นอกไม่หนั กลับไปมองอีก อายุของแซ่ ตกู ้ ห็ า้ สิ บหกสิ บปี เข้าไปแล้ว นับวันยิงแก่ชรา ผ่านไปอีกไม่กีปี ก็คงถูกฝัง
ลงดิน

แต่ม่หู รงเย่อายุเพียงสิ บสี ปี นับวันยิงโตขึน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เรื องนัก แต่เขาก็เป็ นผูส้ ื บทอดบรรดาศักดิเจินกัว


โหว ในอนาคตทังจวนโหวก็จะตกเป็ นของเขา เหล่าทหารก็ตอ้ งใช้ชีวิตอยูใ่ นมือของเขา

ถ้าให้พวกเขาเลือกระหว่างมู่หรงเย่กบั หญิงเฒ่าแซ่ ตู้ คนฉลาดก็ตอ้ งเลือกมู่หรงเย่เป็ นธรรมดา

แซ่ ตูม้ ีลูกชายลูกสาว ทังยังมีบา้ นฝังพ่อ คงไม่สามารถปล่อยให้นางตายได้ มิเช่นนัน คงจะกลายเป็ นปั ญหา
ใหญ่โต ขังนางไว้ในเรื อนหยก ให้นางใช้ชีวิตไปตามเวรตามกรรม ไม่ว่าจะเป็ นหรื อตาย ก็ตอ้ งดูทีการกระทํา
ของตัวนางเองแล้ว......
มองไปทีประตูเรื อนหยกทีปิ ดสนิท อู๋เหิ นยกมุมปาก หญิงเฒ่าแซ่ ตอู ้ ายุมากแล้ว ทังยังได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาด
นัน จําต้องรี บหาหมอมารักษา ถึงจะหายเป็ นปกติ

แต่ม่หู รงเสวียไม่เพียงไม่เรี ยกหมอ ทังยังให้ทหารยามปิ ดผนึ กเรื อนหยก เพราะอยากจะยืดเวลาอาการบาดเจ็บ


ของหญิงเฒ่าแซ่ ตูอ้ อกไป อยากให้นางได้รับบาดเจ็บสาหัสจนตาย แค่ก แค่ก เป็ นแผนการฆ่าคนโดยทีมือไม่ตอ้ ง
เปื อนเลือดทีสู งส่ งยิงนัก นับถือ นับถือ !

มู่หรงเสวียเมือได้แก้แค้น จิตใจก็เบิกบานขึนมา ก้าวเท้าเข้ามาอย่างสบาย ๆ “คุณชายโอวหยาง”

คุณชายโอวหยางมองดวงหน้าเรี ยวเล็กงดงามของนาง แววตาเจือไปด้วยรอยยิมน้อย ๆ พูดอย่างราบเรี ยบ “ต้นตี


หยางทังหมดล้วนถูกเก็บเข้าทีโกดังเรี ยบร้อยแล้ว”

“ขอบคุณคุณชายมากเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียิมน้อย ๆ “คุณชายโอวหยางช่วยเหลือข้าไว้มากมาย ขอเชิญคุณชายไปดืม


ชาด้านในสักครู่ เจ้าค่ะ”

อู๋เหิ นยกมุมปาก พลางคิดในใจ คุณชายช่วยมู่หรงเสวียตามหาสมุนไพรช่วยชีวติ ต้นตีหยาง ทังยังช่วยชีวติ นางบน


รถม้า ทังยังช่วยนางนําหัวคนกลับมา นางกลับเพียงเชิญคุณชายดืมชา การขอบคุณเช่นนี มินอ้ ยไปหน่ อยหรื อ ?
“ดืมชาก็เป็ นแค่การขอบคุณตามมารยาทเท่านัน การช่วยเหลือของคุณชาย ข้าล้วนจําขึนใจ ต่อจากนีหากคุณชาย
มีตรงไหนทีต้องการให้ขา้ ช่วยเหลือ ขอให้บอกล่าว ข้าจะช่วยเหลืออย่างเต็มทีแน่นอนเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียรับปาก
ยิม ๆ ดวงตาดําเปล่งประกายเต็มไปด้วยความหนักแน่น

อู๋เหิ นไอค่อกแคกไม่เป็ นธรรมชาติ พริ บตาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เข้าใจคนอืนผิดเสี ยแล้ว ไม่มีหน้าไปพบ


ผูค้ นแล้ว หลบเสี ยดีกว่า

“ไปดืมทีเรื อนหิ มะโปรยหรื อ ?” คุณชายโอวหยางถามเสี ยงเรี ยบ

“อืม” มู่หรงเสวียพยักหน้า

“เช่นนันก็ไปกันเถอะ” ชุดของคุณชายโอวหยางสันไหวเบา ๆ หมุนกายอย่างสง่างาม ค่อย ๆ เดินออกไปด้าน


นอก

มู่หรงเสวียเดินตามเขาออกจากเรื อนหยก เดินไปตามทางเดินหิ นสี ดาํ ค่อย ๆ เดินไปทีเรื อนหิ มะโปรย

ไกลออกไป บริ เวณสระนําด้านหน้าของหิ นประดับมีคนผูห้ นึ งนังอยู่ ชุดสี เขียวเข้ม ดวงหน้าหล่อเหลาสง่างาม


เป็ นมู่หรงเย่ เขาแหงนหน้าขึนมองท้องฟ้ าสี คราม แววตามืดมัว ไม่รู้กาํ ลังคิดสิ งใดอยู่

มู่หรงเสวียเลิกคิว “ท่านพี บาดแผลของท่านเป็ นอย่างไรบ้าง ?”


เสี ยงไตร่ ถามเย็นชาลอยเข้าหู ทําให้ม่หู รงเย่หลุดจากภวังค์ เขาเห็นมู่หรงเสวียทีค่อย ๆ เดินเข้ามาช้า ๆ แววตา
ของเขาก็เปล่งประกาย พลิกกายลงจากก้อนหิ นประดับ เร่ งเดินไปทีด้านหน้าของนาง กวาดตามองนาง เมือดูจน
แน่ใจแล้วว่านางไม่เป็ นไร ก็ค่อยถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “เจ้าปลอดภัยกลับมาก็ดีแล้ว ช่างดียงนั
ิ ก
บาดแผลของข้าก็ฟืนฟูไปไม่นอ้ ยแล้ว......”

สายตามองเห็นคุณชายโอวหยางทีอยูด่ า้ นข้าง แววตาของมู่หรงเย่ชะงักไปครู่ หนึ ง หันไปโค้งกายคารวะคุณชาย


โอวหยาง “ขอบคุณคุณชายมากขอรับทีดูแลน้องสาวของข้า......”

“เรื องเล็กน้อยแค่นี มิตอ้ งเกรงใจ” คุณชายโอวหยางตอบรับนําเสี ยงราบเรี ยบ

“ท่านพี ร่ างกายของท่านก็ไม่เป็ นอะไรแล้ว ทําไมถึงไม่ไปประลองสุ นัขพนันเงินตําลึงกับเพือนจิงจอกพวกนัน


เล่า ?” มู่หรงเสวียมองไปทีเขา ยกมุมปากน้อย ๆ คล้ายยิมคล้ายไม่ยมิ ชัดเจนว่ากําลังล้อเขาเล่น

“เจ้าล้วนพูดว่าเพือนจิงจอกขนาดนันแล้ว ยังมีอะไรให้ไปมาหาสู่ อีก ข้าไม่อยากประลองสุ นขั และเล่นพนันอีก


ต่อไปแล้ว ข้ากําลังตังใจดูหนังสื ออยูล่ ่ะ......” มู่หรงเย่แกว่งหนังสื อไปมา แววตาเต็มไปด้วยความภูมิใจ

มู่หรงเสวียกระพริ บตาปริ บ ๆ กล่าวเตือนเขาอย่างระมัดระวัง “แต่ว่าหนังสื อของท่าน......มันกลับหัวอยู.่ .....”

มู่หรงเย่ชะงัก ก้มลงไปมอง ตัวอักษรสองตัวบนปกคําว่า ‘หลุนหวี’ กําลังกลับหัวอยูพ่ อดี


สี หน้าของมู่หรงเย่ค่อย ๆ แดงขึน เขาไอค่อกแคกอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ แววตาวูบไหวไปด้วยความอับอาย เขา
คิดจะตังใจดูหนังสื อ แต่เขาไม่ใช่คนชอบอ่านหนังสื อ ตัวอักษร จือ ฮู เจ่อ เหย่ ทีเต็มหน้ากระดาษล้วนทําให้เขา
ปวดหัว ไหนจะมีจิตใจไปทําความเข้าใจความหมายของพวกมัน ไปเรี ยนรู้พวกมันอีก......

“ทําไมอยู่ ๆ ท่านพีถึงอยากอ่านหนังสื อขึนมาได้ ?” ในใจของมู่หรงเสวียเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ในความ


ทรงจําของเจ้าของร่ างเดิม มู่หรงเย่นอกจากเล่นแล้ว ก็ไม่ได้ทาํ สิ งใดอีก ไม่เคยเป็ นคนเริ มทีจะอ่านหนังสื อเองสัก
ครัง

“ข้าไม่อยากเป็ นคนเกเรอีกต่อไปแล้ว !” มู่หรงเย่กล่าวด้วยนําเสี ยงเข้ม ตอนทีเย่อเฉิ


ี นอายุสิบสี ก็ตามกองทัพไปที
สนามรบ ทําผลศึกเอาไว้มากมาย ตอนทีคุณชายโอวหยางอายุสิบสี เขาท่องเทียวไปตามแว่นแคว้นต่าง ๆ ชือเสี ยง
ความสามารถทังบุ๋นบู๊ขจรขจายไปทัว

แต่เขาอายุสิบสี กลับตีไก่ ประลองสุ นขั เล่นพนัน ชือเสี ยงด้านลบโด่งดังไปทัวเมืองหลวง ถ้าเกิดเขายังไม่ได้


เรื องเช่นนีต่อไป อย่าว่าแต่อายุสิบแปดปี เลย จนถึงอายุแปดสิ บ เขาก็คงไม่ได้หนึ งไม่พนั ของพวกเขา !

เขาจะต้องขยันเรี ยนรู้ แต่ไม่ได้ตอ้ งการจะไปเทียบอะไรกับพวกเขา เพียงแค่ไม่อยากจะไร้ประโยชน์เช่นตอนนี


ทําให้ผคู ้ นทีพบหน้าคิดถึงเขาแต่ในแง่ลบ ส่ ายหัวถอนหายใจ !

นางมองมู่หรงเย่ทีมีท่าทางอยากจะเปลียนแปลงตัวเองจริ ง ๆ เขาคงถูกซ่ งชิงเหยียนพูดแทงใจดําเข้าจริ ง ๆ สิ นะ


จะใช่หรื อไม่ก็ไม่เป็ นไร เพียงแค่เขาต้องการก้าวหน้าพัฒนาตนเอง ก็นบั ว่าเป็ นเรื องทีดีแล้ว “ราชสํานักมีขนุ นาง
บุ๋นบู๊ ท่านพีไม่ชอบด้านบุ๋น สมควรลองด้านบู๊เรี ยนวรยุทธ์สิ” มู่หรงเสวียยิมแวววาว

มู่หรงเย่ชะงัก “เรี ยนวรยุทธ์ ?”

“ใช่แล้ว ท่านไม่ชอบตัวหนังสื อ ถึงแม้วา่ จะกัดฟั นอ่านต่อไป ก็คงเรี ยนอะไรไม่ได้มากมาย ตรงกันข้ามกับการ


เรี ยนวรยุทธ์ ตอนทีท่านลุงฮุยสอนวรยุทธ์ให้ท่าน ท่านก็เต็มใจเรี ยนไม่ใช่หรื อ ?”

เจ้าของร่ างเดิมเคยเห็นมู่หรงเย่เรี ยนวรยุทธกับท่านลุงฮุย เขาในตอนนันมีทงความสนุ


ั กความตืนเต้น แววตาอยาก
รู ้อยากเห็นกระตือรื อร้น ก็แค่ตวั คนขีเกียจไปหน่ อย ระยะเวลาสิ บปี จึงเรี ยนได้แค่49กระบวนท่า

“แต่ว่า ท่านไม่ควรเชิญอาจารย์มาสอนวรยุทธ์ทีจวน ไปเรี ยนทีค่ายทหารเลยเถอะ ยังได้เรี ยนรู ้การใช้งานและสัง


การไพล่พล......”

มู่หรงเย่กม็ ีคุณสมบัติทีไม่เลวนัก เพียงแค่ขีเกียจสันหลังยาวไปหน่อย อีกทังยังไม่มีผใู ้ หญ่คอยกระตุน้ และสัง


สอน ถึงได้กลายมาอยูใ่ นสภาพบู๊ไม่ได้ บุ๋นไม่ดีเช่นนี !

กฏในค่ายทหารล้วนเข้มงวด มาตรฐานและการฝึ กทีมีต่อทหารนันก็สูงมาก เพียงแค่เขายอมทนรับกับความ


ลําบาก รับรองว่างจะต้องเปลียนไปอย่างมากแน่นอน
ตอนที 71 คุณชายไม่ สบาย

“เป็ นความคิดทีไม่เลว แต่ว่า ข้าจะเข้าไปอย่างไร ?” มู่หรงเย่มองไปทางมู่หรงเสวียด้วยความลําบากใจ

เอ่อ......กฏข้อบังคับของค่ายทหารนันเข้มงวดมาก ปี นี ไม่ใช่ปีทีรับสมัครทหารใหม่ คงจะไม่รับคนง่าย ๆ มู่หรง


เย่อยากจะเข้าค่ายทหาร จําเป็ นต้องหาคนช่วยเหลือ

มู่หรงเย่รู้จกั ผูใ้ หญ่ของบรรดาเหล่าเพือนจิงจอก แต่พวกเขาก็ลว้ นเป็ นขุนนางบุ๋น ไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ กับทาง


ค่ายทหารเลย

ในคนทีมู่หรงเสวียรู ้จกั มีเพียงเย่อีเฉิ นเท่านันทีในมือมีอาํ นาจทางทหาร มีความเกียวข้องกับค่ายทหาร แต่วา่ เย่อี


เฉิ นกับพวกนางมีความแค้นต่อกันอยู่ มู่หรงเย่ไม่ควรไปยุง่ เกียวกับค่ายทหารทีอยูใ่ นความดูแลของเขา
ไม่เช่นนัน ถ้าหากไม่โดนทรมานจนตาย ก็คงถูกถลกหนัง ถือว่าอันตรายเป็ นอย่างมาก......

นอกจากนีแล้วข้างกายของพวกนางก็ไม่มีคนทีมีความเกียวข้องกับค่ายทหารเลย มู่หรงเย่อยากจะไปค่ายทหาร
นับว่าค่อนข้างยาก......
เพียงพริ บตาแผ่นป้ ายเท่าฝ่ ามือก็หย่อนลงมาอยูต่ รงหน้ามู่หรงเสวีย เสี ยงทุม้ ของคุณชายโอวหยางดังขึนข้างหู
“นําสิ งนี ไปหาแม่ทพั จางทีค่ายทหารด้านนอกเมืองหลวงทีไกลออกไปสามสิ บลี เขาจะเป็ นคนจัดการให้ม่หู รงเย่
เข้าไปอยูใ่ นค่ายทหารเอง”

แผ่นป้ ายมีลกั ษณะเป็ นวงรี มีสีทองแดง ไม่รู้ว่าทํามาจากวัสดุอะไร ด้านบนสลักด้วยสัญลักษณ์ของวังเซียวเหยา


อ๋ อง

มู่หรงเสวียมองไปทางคุณชายโอวหยางด้วยความแปลกใจ “คุณชายสนิทกับแม่ทพั จางหรื อ”

เขาท่องเทียวไปทัวมาเป็ นเวลาสิ บปี เพิงกลับเมืองหลวงมาไม่ได้เท่าไร ขุนนางบุ๋นบู๊ทีเมืองหลวง มาตรว่าเขาก็คง


ยังจะพบหน้าไม่หมด แล้วเขาจะเอาเวลาทีไหนไปรู ้จกั แม่ทพั ทีอยูไ่ กลออกไปจากเมืองหลวงอย่างแม่ทพั จางกัน
เล่า

“บังเอิญพบกันไม่กีครังเท่านัน” คุณชายโอวหยางพูดอย่างไม่ใส่ ใจนัก ดึงมือของมู่หรงเสวียขึนแล้ววางแผ่นป้ าย


ไว้ทีมือของนาง

“ถ้าจะพูดจริ ง ๆ แล้ว แม่ทพั จางเคยเป็ นผูใ้ ต้บงั คับบัญชาของพ่อเจ้า แต่ว่าตอนนันเขาเป็ นแค่ทหารตําแหน่งเล็ก


ๆ ไม่ค่อยโดดเด่นเท่าไรนัก เลยไม่ค่อยได้พดู คุยกับพ่อเจ้ามาก พ่อบ้านเก๋ อฮุยของพวกเจ้าน่าจะรู ้จกั กับเขา......”
ิ ก !” มู่หรงเย่ใบหน้าเต็มไปด้วยความยินดี หยิบเอาแผ่นป้ ายจากมือของมู่หรงเสวียมา
“จริ งหรื อ ? เช่นนันก็ดียงนั
แล้วรี บวิงจนฝุ่ นตลบออกไปด้านนอก สายลมแว่วมาด้วยเสี ยงหัวเราะยินดี “คุณชายโอวหยาง ขอบคุณท่านมาก
ตอนนี ข้าขอไปหาท่านลุงฮุยก่อน ให้เขาพาข้าไปค่ายทหารนอกเมือง เชิญท่านกับน้องเล็กคุยกันตามสบาย”

มองไปทีเงาร่ างของเขาทีวิงไกลออกไป ดวงหน้างามของมู่หรงเสวียก็กลายเป็ นเรี ยบนิ ง เป็ นนางทีเสนอให้ม่หู รง


เย่ไปเข้าค่ายทหาร ทีมู่หรงเย่สามารถได้รับแผ่นป้ ายของวังเซี ยวเหยาอ๋ อง นางก็มีส่วน มู่หรงเย่กลับขอบคุณแค่
คุณชายโอวหยาง ส่ วนนางเขากลับลืมเข้ากลีบเมฆ ช่างเป็ นคนทีลืมบุญคุณเร็ วนัก

“คุณชายโอวหยาง พวกเราไปดืมชาทีเรื อนหิ มะโปรยกันเถอะเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียกล่าวเสี ยงตํา ค่อย ๆ เดินไปที


เรื อนหิ มะโปรย

มองไปทีดวงหน้าบูดบึงของนาง แววตาของคุณชายโอวหยางก็เจือปนไปด้วยร้อยยิมทียากจะพบเจอ

ตรงกลางห้องรับแขกของเรื อนหิ มะโปรยวางไว้ดว้ ยชุดเก้าอีไม้แดง สลักลวดลายวิจิตร แจกันลายครามโบราณ


ประดับด้วยภาพวาดงดงาม การตกแต่งทัวทังห้องทําให้ดูหรู หรา กระถางธูปสี ทองทีมุมห้องโชยไปด้วยกลิน
ควันหอมของกํายานบางเบา ให้ความรู ้สึกเงียบสงบเป็ นพิเศษ

“คุณชายรอสักครู่ ข้าจะไปสังการให้คนเตรี ยมชากับนําสะอาด” ชาจะต้องต้มตอนทีจะดืมถึงจะหอมทีสุ ด และนํา


ทีจะใช้ตม้ ชา ก็ตอ้ งมีความละเอียดประณี ตเป็ นพิเศษ สิ งทีจวนเจินกัวโหวเก็บเอาไว้มากทีสุ ดก็คอื นําทีละลาย
แล้วจากก้อนหิ มะทีเกาะอยูบ่ นกลีบดอกเหมย เมือเอามาต้มชา รสชาติจะดียงนั
ิ ก......
“ได้ !” คุณชายโอวหยางพยักหน้า เสี ยงทุม้ ทีดังขึนแฝงไปด้วยความแหบแห้งเล็กน้อย

มู่หรงเสวียเงยหน้าไปมองอย่างไม่เข้าใจ เมือเห็นดวงหน้าของคุณชายโอวหยางกลายเป็ นสี แดงบางเบา ริ มผีปาก


ซีดขาว ดวงตาสี ดาํ เจือปนไปด้วยความสะลึมสะลือเล็กน้อย “คุณชาย ท่านเป็ นอะไรหรื อ”

“ข้ามิเป็ นไร” คุณชายโอวหยางส่ ายหน้า ร่ างทีสู งโปร่ งซวนเซเล็กน้อย

“ระวัง !” มู่หรงเสวียเอือมมือไปคว้าตัวเขาไว้ ความร้อนดังไฟทะลุผา่ นเสื อผ้าทีบางเบากระทบเข้ากับมือของนาง


ทันใดนันมู่หรงเสวียก็พลันตืนตระหนก เมือครู่ ยงั ดี ๆ อยูเ่ ลย ทําไมเขาถึงไข้ขึนได้ ?

กลินคาวเลือดบางเบาลอยเข้ากระทบกับจมูก มู่หรงเสวียขมวดคิวน้อย ๆ เรื อนหิ มะโปรยทําความสะอาดหมดจด


แล้วกลินเลือดมาจากไหน ?

หยดเลือดสี แดงค่อย ๆ ไหลออกจากแขนเสื อของคุณชายโอวหยาง ค่อย ๆ ซึ มออกมา คล้ายกับพืนหิ มะสี ขาวที


แต่งแต้มด้วยลวดลายสี แดงของดอกเหมย !

มู่หรงเสวียชะงักค้าง “คุณชายท่านได้รับบาดเจ็บหรื อ ?”

ตังแต่เมือไหร่ กนั ? ทําไมนางถึงไม่รู้เลยแม้แต่นอ้ ย !


“บาดแผลเล็กน้อยเท่านัน ข้ามิเป็ นไร !” คุณชายโอวหยางพูดบางเบา อุณหภูมิบนร่ างยิงนานก็ยงสู
ิ งขึน แววตา
ค่อย ๆ มืดมัว

มู่หรงเสวียย่นคิว ยืนมือไปเลิกแขนเสื อของเขาขึน ก็เห็นแขนของเขาพันไว้ดว้ ยผ้าพันแผลสี ขาวหนาเตอะ มีรอย


เลือดซึ มไปแล้วถึงหนึ งในสี จึงเร่ งรี บดึงผ้าขาวออก บาดแผลรู ปวงรี ความยาวประมานสี ถึงห้าเซนติเมตรพลัน
ปรากฏสู่ สายตา

บาดแผลยังมิได้ตกสะเก็ด ดูน่ากลัว เมือเห็นดังนันมู่หรงเสวียก็ขมวดคิวทันที “นีน่ ะหรื อทีเรี ยกว่าแผลเล็ก ๆ ?


เห็นได้ชดั ว่าเป็ นบาดแผลจากสะเก็ดระเบิด......”

คนชุดดําฝังดินระเบิดสิ บกว่าถุงเอาไว้ใต้พนื รถม้าทังคันถูกระเบิดจนกระจายเป็ นชิน ๆ เห็นได้ว่าพลังของระเบิด


นันรุ นแรงมาก นางถือว่าโชคดีมากทีรอดพ้นมาได้ แต่คุณชายโอวหยางทีปกป้ องนางไม่ได้โชคดีเช่นนัน เขาไม่
ทันระวังจึงโดนสะเก็ดระเบิดเข้าทําให้ได้รับบาดเจ็บ......

แผลของเขาถูกทําความสะอาดอย่างดี ทังยังใช้ตวั ยาทีดีเป็ นพิเศษ แต่ว่าบาดแผลของเขาหนักมาก ตัวยาก็ไม่


สามารถกดความเจ็บปวดลงไปได้ กอปรกับบาดแผลทีไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที บาดแผลก็เลยยิงอักเสบ
ทําให้เขามีอาการไข้ขึน

หลังจากทีรถม้าระเบิด เขาสกัดกันมือสังหารให้นาง ช่วยนางตัดหัวคนพวกนัน ช่วยนางเก็บต้นตีหยาง แต่เขา


กลับไม่สนใจทีจะดูแลตัวเอง......
ในใจของมู่หรงเสวียเกิดความรู ้สึกแปลกประหลาดขึนมาสายหนึ ง ขมวดคิวมองไปทางคุณชายโอวหยาง แต่
กลับเห็นเขายกมุมปากขึน พูดบางเบา “ข้าไม่เป็ นไร......”

สิ นคําพูดได้ไม่นาน ร่ างกายของเขาก็โอนเอน ซบลงแรง ๆ เข้ามาทีไหล่ของมู่หรงเสวีย

มู่หรงเสวียทียืนตัวตรง เซถอยไปสองก้าวแต่ไม่ได้ลม้ ลง ความเจ็บปวดแล่นขึนมาตรงบริ เวณไหล่ มองไปก็เห็น


เพียงดวงหน้าของเขาทีใกล้ค่เพียงคืบ สี หน้าของนางเคร่ งขรึ ม ติดเชือไข้ขึนหนักจนถึงกับสลบไปขนาดนี ยัง
บอกว่าไม่เป็ นไรอีกหรื อ ช่างไม่ดูแลตัวเองยิงนัก !

หงซิ วกับอันเซี ยงถูกนางใช้ให้ไปเอาใบชาและนําสะอาด เรื อนหิ มะโปรยไม่มีสาวใช้คนอืนอีก มู่หรงเสวียทําได้


เพียงลากคุณชายโอวหยางเพียงตัวคนเดียว ค่อย ๆ เดินเข้าไปทีห้องด้านใน

พยุงเขาไปขึนนอนบนเตียงอย่างระมัดระวัง มู่หรงเสวียเช็ดเม็ดเหงือบนหน้าผากของเขาอย่างเบา ๆ คิดในใจว่า


เขาอายุมากกว่านางก็แค่สามสี ปี สู งกว่านางเพียงยีสิ บกว่าเซนติเมตร แต่ทาํ ไมถึงได้ตวั หนักเช่นนี นะ

ในเรื อนหิ มะโปรยมีกล่องยาใบเล็กอยู่ มู่หรงเสวียหยิบเอายาทําแผล ผ้าพันแผล จัดการทําความสะอาดแผล ใส่ ยา


ให้เขา สุ ดท้ายก็พนั แผลให้คุณชายโอวหยางอย่างระมัดระวัง......

การกระทําทังหมดดูลืนไหล เต็มไปด้วยความชํานาญ สุ ดท้าย นางดึงเอาแขนเสื อของเขาลง ปกปิ ดผ้าพันแผลสี


ขาวของเขา ถอนหายใจอย่างโล่งอกยาว ๆ นับว่าจัดการเสร็ จเรี ยบร้อย เปลียนยาทีแผลใหม่ ไม่รู้วา่ อาการไข้ขนึ
จะลดลงหรื อยัง
มู่หรงเสวียวางกล่องยาลง แล้วยืนมือขาวแตะไปทีหน้าผากของคุณชายโอวหยาง ไม่คาดคิดว่าทันใดนันคุณชาย
โอวหยางก็ลืมตาตืนขึนมา ยึดเอาข้อมือของนางไว้พลางดึงลงไปทีเตียง

มู่หรงเสวียทีไม่ทนั ระวังตัว ระหว่างทีมึนงงนัน แผ่นหลังบางก็สัมผัสกับผ้าห่ มทีอ่อนนุ่ม เอวบางถูกเขาจับเอาไว้


แน่น ใบหน้าเรี ยวซบเข้ากับหน้าอกแกร่ งของชายหนุ่ ม ความร้อนทะลุผา้ บางกระทบกับผิวหนัง มู่หรงเสวียตืน
ตระหนก รี บเงยหน้าขึน พลันสบตาเข้ากับแววตาลึกลําของคุณชายโอวหยาง......

ดวงหน้าหล่อเหลาของคุณชายโอวหยางมิได้สุขมุ เย็นชาเหมือนปกติ แต่กลับเปล่งประกายความสง่างามของบุรุษ


เพศ ดวงตาดําเปล่งประกายอย่างลึกซึ ง ยิงจ้องยิงลึกลับ คล้ายกับจะดึงดูดผูค้ นเข้าไป......

กลินหอมของไม้ไผ่ทีเบาบางกระทบเข้ากับจมูก ลมหายใจอุ่นร้อนพ่นรดใบหน้า เพียงพริ บตามู่หรงเสวียตืนจาก


ภวังค์ แต่กลับเห็นดวงหน้าหล่อเหลาของคุณชายโอวหยางปรากฏขึนใกล้ ๆ กับใบหน้า ริ มผีปากบางคล้ายใบ
หลิวประทับลงบนริ มผีปากของนาง......
ตอนที 72 ความรักใคร่ ทลึี กซึง

สัมผัสบางเบาแล่นขึนมาจากริ มผีปาก มู่หรงเสวียเหมือนกับได้ยนิ เสี ยงพลุระเบิดขึนในหัวจนกลายเป็ นสี ขาว


โพลน นี......นี มันเรื องอะไรกัน ?

กลินหอมไม้ไผ่บางเบากระทบจมูก ร่ างโปร่ งของคุณชายโอวหยางกดอยูบ่ นตัวของมู่หรงเสวีย มีเพียงเสื อผ้าบาง


เบาทีกันร่ างของทังสองไว้ มู่หรงเสวียรู ้สึกได้ว่าอุณหภูมิบนร่ างของเขาไม่ปกติ......

มู่หรงเสวียตืนตะลึง พริ บตาเดียวก็หลุดจากภวังค์ ผลักเขาออกอย่างแรง “คุณชายโอวหยาง ท่านลุกขึนเดียวนี นะ


!” ไข้สูงของเขายังไม่ลดลง อาจจะยังไม่ค่อยได้สติ ยิงใกล้ชิด......กับนางขนาดนี มันง่ายต่อการทีจะเกิด ‘เรื อง
อันตราย ๆ’ ขึน......

มู่หรงเสวียไม่มีกาํ ลังภายใน การขัดขืนต่าง ๆ นา ๆ ไม่สามารถทีจะทําอะไรคุณชายโอวหยางได้ กลับทําให้แขน


ทังสองข้างของเขายิงเกาะกุมนางแน่นยิงขึน เอวบางถูดเขารัดแน่ นจนเจ็บ ริ มผีปากร้อนสัมผัสไปทัวใบหน้าเรี ยบ
เนี ยนของนาง ลมหายใจร้อนรดริ นอย่างบางเบา

มู่หรงเสวียหลีกหนี จากการจุมพิตของเขาอย่างร้อนรน กล่าวขึนด้วยความโมโหและไม่พอใจ “คุณชายโอวหยาง


ถ้าท่านยังไม่ได้สติเช่นนี ข้าจะไม่เกรงใจแล้วนะ !”
คุณชายโอวหยางเหมือนจะไม่รับรู ้ถึงคําเตือนของนาง ดวงตายังคงปิ ดสนิท กอดนางไว้ในอ้อมกอดแน่นขึน
ร่ างกายบอบบางทีหนาวเย็นขับเอาไอร้อนออกจากร่ างของเขา รู ้สึกสบายตัวไปทัวทังร่ างอย่างบอกไม่ถูก จิตใต้
สํานึ กของเขาร้องเรี ยกให้กอดนางแน่ นมากขึนกว่าเดิม

“มู่หรงเสวีย......เสวียเอ๋ อร์ !” นําเสี ยงตําแหบแห้งของคุณชายโอวหยางหลุดออกจากปาก คําพูดขาด ๆหาย ๆ


ของเขาชัดเจนว่าเขายังไม่ได้สติ

มู่หรงเสวียถลึงตามองไปทีเขาอย่างโหดเหี ยม ดวงตาลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ ร่ างกายถูกเขากอดรัดกักขังเอาไว้


ใกล้จะหายใจไม่ออกแทบทุกที ลําคอแห้งเล็กน้อย นางอดกลันไม่ไหวจึงไอออกมาเสี ยหลายครัง แขนยาวยืน
ออกจากการจับกุมของเขา นิ วมือสัมผัสเข้ากับบางสิ งทีเย็นเยียบ แววตาเย็นชาหรี ลงบางเบา

ไข้สูงของคุณชายโอวหยางยังไม่ลดลง เขายังคงไม่ได้สติ จึงสามารถเกิด ‘เหตุการณ์ไม่คาดฝัน’ ได้ทุกเมือ วร


ยุทธ์ของเขานันสู งส่ ง ถึงนางจะผลักเขาไม่ออก แต่กย็ งั มีวิธีทีสามารถทําให้เขาสลบได้

จุดชีพจรของคนก็เป็ นหนึงในความรู ้ทีตระกูลมู่หรงสื บทอดกับมา นางก็ถือว่าเป็ นผูเ้ ชียวชาญในศาสตร์ นี ถึงแม้


จะหลับตาก็สามารถหาจุดชีพจรได้อย่างแม่นยํา เพียงแค่ตีให้ถูกจุดหลับไหลของคุณชายโอวหยาง แล้วทําให้เขา
หลับไป เท่านี นางก็ปลอดภัยแล้ว

แต่ว่า สภาพร่ างกายของนางตอนนี กําลังทีมือนันมันไม่เพียงพอ จําต้องยืมพละกําลังจากภายนอกเข้าช่วย ถึงจะ


บรรลุจุดประสงค์
มู่หรงเสวียดึงเอาปิ นปั กผมบนหัว ฟาดไปทีจุดหลับใหลของคุณชายโอวหยางอย่างรวดเร็ ว

คาดไม่ถึงว่าเพียงพริ บตาเดียวคุณชายโอวหยางก็คลายแขนทังสองข้างออก แขนของเขากระแทกเข้ากับข้อศอก


ของมู่หรงเสวียจนปิ นปั กผมในมือนางกระเด็นลอยออกไป ตกลงทีพืนกลางห้องอย่างแรง เกิดเสี ยงกระแทกที
คมชัดดังขึน

“คุณชายโอวหยาง !” มู่หรงเสวียมองไปยังมือทีว่างเปล่าของตน กัดฟั นโกรธ

คุณชายโอวหยางคล้ายไม่รู้สึกอะไร ยังคงหลับตาคล้ายกับกําลังหลับสนิท

“คุณชายโอวหยาง ท่านลืมตาเดียวนีนะ ไม่ตอ้ งแกล้งทําอีกต่อไปแล้ว !” มู่หรงเสวียกําหมัดแน่น ต่อยเข้าไปทีเขา


อย่างแรง

คุณชายโอวหยางนิ งเฉย หัวซบเข้าไปทีไหล่ของนาง ราวกับกําลังหลับสนิท

มู่หรงเสวียต่อยไปทีเขาอีกหลายสิ บที เขาไม่แม้แต่ขยับสักนิด หลับตาสนิท ไม่มีอาการตอบสนองใด ๆ คล้ายกับ


กําลังหลับลึก

ความโกรธในใจมู่หรงเสวียค่อย ๆ บรรเทาลง ดูท่าเขาอาจจะมิได้ตงใจ


ั เขาได้รับบาดเจ็บ อีกทังยังป่ วยเป็ นไข้ คง
ไม่รู้ตวั ว่าตัวเองทําอะไรลงไป เช่นนันนางก็จะไม่เอาเรื องกับเขาแล้วกัน
เสี ยงหายใจสมําเสมอดังขึนทีข้างหู เป็ นคุณชายโอวหยางทีซบเข้ากับซอกคอของนาง ลมหายใจร้อนรดบนต้นคอ
ของนาง ทําให้รู้สึกจักจี ไม่สบายตัวเอาเสี ยเลย

มู่หรงเสวียขมวดคิว ใช้แรงผลักหัวของคุณชายโอวหยางไปอีกทาง ไม่คาดว่าเพียงครู่ เดียวเขาก็เอนกลับมา นาง


ผลักออก เขาก็เอนกลับมา นางผลักต่ออีก เขาก็เอนกลับมาอีก

เขาช่างดือดึงยิงนัก ผลักเขาไม่ไป ถ้าเช่นนันนางไปเอง !

มู่หรงเสวียจับเข้าทีไหล่ของคุณชายโอวหยาง ใช้แรงผลักเขาไปด้านข้าง พลิกกายลงจากเตียง กลับไม่คาดว่าพลัง


แข็งแกร่ งสายหนึงดึงนางกลับไปทีเตียงทันที ก้มลงไป ก็เห็นแขนแกร่ งของคุณชายโอวหยางกอดรัดเอวบางของ
นางเอาไว้แน่ น

มู่หรงเสวียขมวดคิวใช้แรงเกะมือของเขาออก ใครจะไปคิดว่ามือของเขากลับจับแน่นขึน ไม่ว่านางจะแกะ


อย่างไรก็แกะไม่ออก !

มู่หรงเสวียไร้วาจาจะกล่าว เขาอยูท่ ีห้องของนาง ยึดเอาเตียงของนางไว้ ทังยังกักขังอิสระของนางอีก ถึงแม้วา่ จะ


สลบไม่ได้สติ แต่กย็ งั ไม่สามารถทําให้นางวางใจได้ ช่างเป็ นคนชัวร้ายสองหน้าทีในพันปี ยากจะพบเจอ

ถลึงตามองคุณชายโอวหยาง กลับเห็นขนตาของเขาสันไหวเล็กน้อยและมุมปากทียกขึนเบา ๆ
มู่หรงเสวียชะงัก นางหรี ตาลง เมือเข้าไปมองใกล้ ๆ ก็เห็นคุณชายโอวหยางหลับสนิทตาพริ ม ราวกับว่าการ
กระทําทังหมดเมือครู่ เป็ นความเข้าใจผิดของนางเอง !

“คุณชายโอวหยาง คุณชายโอวหยาง......” มู่หรงเสวียร้องเรี ยกเสี ยงเบา

คุณชายโอวหยางนอนหลับตาสนิท ไม่มีการตอบรับใด ๆ

มู่หรงเสวียแววตาวูบไหว ยืนมือไปอังทีหัวของเขาเบา ๆ รู ้สึกว่าตัวของเขารุ ม ๆ ไม่ร้อนแล้ว มู่หรงเสวียจึงถอน


หายใจโล่งอก กล่าวขึนเสี ยงดุ

“คุณชายโอวหยาง ข้าไม่สนว่าท่านจะป่ วยจริ งหรื อว่าแกล้งป่ วย แต่ท่านก็ควรให้เกียรติขา้ สักหน่ อย ถ้าท่านยัง


กล้ากระทําการไร้มารยาทต่อข้าอีก ข้าก็จะตัดแขนของท่านทิงเสี ย ได้ยนิ หรื อไม่”

คุณชายโอวหยางมิได้ตอบกลับ ปิ ดตานอนหลับสนิท

มู่หรงเสวียถลึงตาไปทีเขาอีกครัง นอนลงไปบนเตียงอย่างไม่เต็มใจ อย่างไรนางก็หนี ออกไปจากเตียงนี ไม่ได้


แล้ว เช่นนันก็เอนหลังพักสักครู่ กด็ ีเหมือนกัน
คุณชายโอวหยางเป็ นคนป่ วย อีกทังยังป่ วยหนัก เรื องทีเขากระทําก่อนหน้านี นางจะไม่เอาเรื องเขาก็ได้ แต่วา่ ไข้
ทีขึนสู งของเขาก็คลายลงไปแล้ว ถ้าหากเขายังจะกระทําอะไรทีเกินเลยอีก นางก็จะจัดการเขาอย่างไม่เกรงใจ !

กลินหอมของไม้ไผ่กระทบเข้ากับจมูก มู่หรงเสวียรู ้สึกหมดแรง ตาค่อย ๆ ปิ ดลงและหลับสนิ ทไปโดยไม่รู้ตวั

คุณชายโอวหยางค่อย ๆ ลืมตาขึน มองไปทีหญิงสาวทีอยูใ่ นอ้อมอกของเขา ค่อย ๆ ยกยิมทีมุมปากเล็กน้อย ใน


แววตาสี ดาํ เจือปนไปด้วยรอยยิม ดูงามสง่า ดึงดูดสายตาผูค้ น

ผ่านมาสิ บปี แล้ว นางกลับไม่พฒั นาใด ๆ เลย ยังคงโง่งมเหมือนกับช่วงเวลาสมัยเด็ก แต่ว่าจากนีต่อไป เขาจะอยู่


ปกป้ องข้างกายนางเอง ถึงนางจะโง่งมไปบ้างก็คงมิเป็ นไร

เพียงดีดนิวเบา ๆ สายลมเร็ วแรงสายหนึงก็พ่งุ ออกมา พุ่งชนเข้ากับตะขอสี ทองทีขอบเตียง ผ้าม่านสี ฟ้าค่อย ๆ ลู่


ลง คุณชายโอวหยางกระชับหญิงสาวทีอยูใ่ นอ้อมกอดแน่ นขึนอีก และหลับไปทังรอยยิม

แสงแดดสดใสทะลุผา่ นหน้าต่างเข้ามาในห้อง สาดส่ องไปบนเตียงแกะสลักหลังใหญ่ดา้ นใน ส่ องไปยังคนคู่


หนึ งทีกําลังกอดกันและกัน เพิมทวีความอุ่นสบายนี ให้มากยิงขึน

วังจิงอ๋ อง เรื อนบัวหอม


“ช่วยด้วย !” ฉิ นยวีเยียนกรี ดร้องขึน พริ บตาเดียวก็ชนั ตัวลุกขึนมา หอบหายใจหนักจนหน้าอกขยับขึนลง
หน้าผากเต็มไปเม็ดเหงือทีผุดออก เมือมองเห็นการจัดวางของเครื องเรื อนทีคุน้ ตา นางจึงค่อย ๆ ถอนหายใจ
ออกมาอย่างโล่งอก ทีแท้ก็แค่ฝันร้าย......

“เจ้าตืนแล้วหรื อ !” นําเสี ยงเย็นชาของชายหนุ่ มดังขึน ฉิ นยวีเยียนร่ างกายแข็งชะงัก ค่อย ๆ หันไปมองทีละน้อย


เห็นเย่อีเฉิ นนังอยูท่ ีข้างเตียง มองนางจากเบืองสู ง ดวงตาคมกริ บไร้ประกายของความอบอุ่นอ่อนโยน

......

“อีเฉิน ท่านเป็ นอะไรหรื อ ?” ดวงตาของฉิ นยวีเยียนฉายแววไม่เข้าใจ แต่ไหนแต่ไรมาอีเฉิ นก็คอยเป็ นห่ วงเป็ นใย
นาง ปกป้ องทะนุถนอมนาง แต่ว่าสายตาทีเขามองนางตอนนี ช่างเย็นชาจนราวกับกําลังมองคนแปลกหน้า
อย่างไรอย่างนัน......

“เจ้าจําไม่ได้หรื อว่าก่อนทีเจ้าจะสลบไป เกิดเรื องอะไรขึนบ้าง ?” เย่อีเฉิ นไต่ถามด้วยนําเสี ยงเย็นชา


ตอนที 73 เริมต้ นความขัดแย้ ง
าอยูต่ รงหน้ารอบหนึง ใน
ฉิ นยวีเยียนชะงักค้าง เรื องหลังจากทีพลัดตกหน้าผา ภาพฉากเหตุการณ์ทงหมดฉายซํ

ใจของนางลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ แต่ภายนอกกลับแสร้งนําตาไหลริ นออกจากดวงตาน้อย ๆ “มู่หรงเสวีย...นาง
ทุบตีขา้ ...นางต้องการทีจะสังหารข้า......”

“ทําไมนางถึงต้องการสังหารเจ้า” เย่อีเฉิ นจ้องมองไปทีฉิ นยวีเยียน แววตาคมกริ บให้ความรู ้สึกเย็นยะเยือก

“เพราะว่าข้าผลักนางลงจากหน้าผา...แต่ขา้ ไม่ได้ตงใจ
ั ไม่ได้ตงใจจริ
ั ง ๆ นะ......” แววตาของฉินยวีเยียนสันไหว
นําตาเม็ดโตไหลริ นออกมาจากดวงตาคู่สวย ไหลอาบไปตามใบหน้างาม ท่าทางน่าสงสาร ทําให้ใจของคนทีรู ้สึก
รักใคร่ อดทีจะสงสารไม่ได้

ดวงตาของเย่อีเฉิ นเปล่งประกาย แต่ไม่มีแววอ่อนโยนเหมือนดังเช่นปกติ เขากล่าวขึนด้วยนําเสี ยงเย็นยะเยือก


“เจ้ายังสังการให้องครักษ์เงาของม่อเป่ ยสังหารมู่หรงเสวียด้วยสิ นะ นี ถึงเป็ นสาเหตุทีแท้จริ งทีนางต้องการจะฆ่า
เจ้า......”

ฉิ นยวีเยียนตืนตระหนก นึ กขึนมาได้ในทันใด ตอนทีนางสลบไป มู่หรงเสวียกําลังจะฆ่านาง ตอนนีนางปลอดภัย


ไร้บาดเจ็บ ต้องเป็ นเย่อีเฉินทีช่วยนางเอาไว้แน่ ตอนนันศพของหัวหน้าคนชุดนําตาลอยูด่ า้ นข้าง อีเฉิ นคงจะเห็น
แล้วอย่างแน่นอน ถ้าหากนางยังคงปฏิเสธต่อไป อีเฉิ นคงจะต้องสงสัยในตัวนางมากขึนแน่ ๆ “ทีจริ งแล้ว
องครักษ์เงาพวกนัน......”
“อย่าได้บอกข้าว่าเรื ององครักษ์เงาพวกนันเป็ นมู่หรงเสวียทีใส่ ร้ายเจ้า มู่หรงเสวียเติบโตอยูท่ ีชิงเหยียนตังแต่เล็ก
ไม่เคยไปทีม่อเป่ ยแม้สักครัง ไม่เคยเห็นการแต่งกายขององครักษ์เงาของแคว้นม่อเป่ ย ทังนางยิงไม่รู้ว่าเจ้าจะไปที
หุ บเขาหวีซาน ไม่มีทางทีจะเตรี ยมชุดองครักษ์เงาของม่อเป่ ยไปด้วยสี ชุดเพือใส่ ร้ายเจ้าได้......” เย่อีเฉิ นตัดบท
คําพูดของนาง มองไปทางนางด้วยความเย็นชา

แผนการในใจของนางล้วนถูกเปิ ดโปงหมดเสี ยแล้ว สี หน้าของฉิ นยวีเยียนเดียวขึนสี แดงสลับกับสี ขาว


พริ บตาเดียวก็เปลียนสี ไปมา แววตาวูบไหวอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ อีเฉิ นคาดเดาความจริ งออกทังหมดแล้ว นาง
คงไม่สามารถปฏิเสธต่อไปได้อีก

ั คนนันเป็ นเสด็จพ่อทีมอบให้เพือมาปกป้ องคุม้ ครองความปลอดภัยของข้า ท่านได้กาํ ชับข้าไว้ว่า


“องครักษ์ทงสี
ห้ามบอกใครเป็ นอันขาด อีเฉิ น ข้าไม่ได้ตงใจที
ั จะปิ ดบังเจ้า......”

“ข้าเข้าใจ ทุก ๆ คนล้วนมีความลับเป็ นของตัวเองด้วยกันทังนัน องครักษ์เงาชุดนําตาลสี คนนันเป็ นไพ่ตายที


เอาไว้ปกป้ องชีวิตของเจ้า ถึงแม้เจ้าจะไม่บอกว่ามีพวกเขาอยู่ ข้าก็สามารถเข้าใจได้” สี หน้าของเย่อีเฉิ นดุดนั
นําเสี ยงเย็นยะเยือก

หัวใจของฉิ นยวีเยียนเต้นระรัว นี เขากําลังโมโหอย่างนันหรื อ นางจะต้องเกลียกล่อมเขา “อีเฉิน ข้าขอโทษ ข้า


รับรอง คราวหลังไม่ว่าจะเกิดอะไรขึน ข้าจะบอกท่านทังหมดไม่ว่าจะเรื องอะไรก็ตาม จะไม่ปกปิ ดเรื องราวอะไร
กับท่านอีกต่อไปแล้ว ท่านหายโกรธข้าได้ไหม”

ฉิ นยวีเยียนกุมแขนเสื อของเย่อีเฉิ น กระตุกเพียงเบา ๆ ดวงหน้าเรี ยวเล็กสี ขาวเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อยเสี ยใจ


นําตาไหลริ นออกมาจากดวงตาน้อย ๆ ท่าทางทีน่าสงสารทําให้คนทีได้มองใจอ่อนลงได้ไม่ยากนัก
สี หน้าของเย่อีเฉิ นพลันอ่อนลงอย่างไม่รู้ตวั เขาถอนหายใจออกมาอย่างบางเบา แล้วนังลงไปทีขอบเตียง ค่อย ๆ
ลูบเส้นผมสี ดาํ นุ่ มลืนของฉิ นยวีเยียนไปมาพลางกล่าวปลอบโยน

“อย่าได้เสี ยใจเลย ข้าไม่ได้โทษเจ้าหรอก เพียงแต่เจ้าต้องจําไว้ว่ามู่หรงเสวียยังมีความจําเป็ นกับข้ามาก ก่อนที


ภารกิจของข้าจะเสร็ จสิ น นางจะต้องมีชีวิตอยูร่ อดปลอดภัย ถ้าเจ้ามีความแค้นกับนาง สังสอนนางเกินเลย
เท่าไหร่ กไ็ ม่เป็ นไร แต่หา้ มปลิดชีวิตของนางเด็ดขาด......”

รอยยิมยินดีของฉิ นยวีเยียนแข็งค้าง ทีเย่อเฉิ


ี นโมโห มิใช่เพราะว่านางปกปิ ดเรื องขององครักษ์เงาของแคว้น
ม่อเป่ ยแต่อย่างใด แต่เป็ นเพราะนางสังการให้องครักษ์เงาไปสังหารมู่หรงเสวียต่างหาก !

ในใจของนางเกิดความรู้สึกไม่แน่ใจหวันไหวขึนมา นางจึงแกล้งทําเป็ นกล่าวขึนอย่างไม่เข้าใจว่า “มีเพียงเท่านี


จริ ง ๆ หรื อ”

“แน่นอนสิ ข้าจะหลอกเจ้าไปเพืออะไร ถ้าหากมู่หรงเสวียไม่มีประโยชน์อนั ใดกับข้า ข้าก็คงจะถอนหมันกับนาง


และส่ งนางไปให้ไกล เหตุใดจะวางแผนให้นางเป็ นพระชายารองอีก”

เย่อีเฉิ นลูบไล้ไปทีใบหน้าเรี ยวเล็กของฉิ นยวีเยียนด้วยต้องการทีจะขอโทษ แววตาของเขาเปล่งประกายด้วย


ความอ่อนโยนเล็กน้อย “โชคยังดีทีมู่หรงเสวียไม่ตายทีภูเขาหวีซานไปเสี ยก่อน มิเช่นนัน เจ้าคงทําให้ขา้ เสี ยเรื อง
ใหญ่”
“เย่อีเฉิ นจริ ง ๆ แล้วท่านอยากให้ม่หู รงเสวียทําอะไรอย่างนันหรื อ ?” ฉิ นยวีเยียนมองไปทีเย่อเฉิ
ี นอย่างไม่
กระพริ บตา ไม่ปล่อยให้พิรุธบนใบหน้าของเขาหลุดรอดไปได้

นางไม่ได้เห็นสายตาทีเย่อีเฉิ นใช้มองมู่หรงเสวียเพียงแค่ครังเดียว แววตาทีซับซ้อนนัน ทีแฝงไปด้วยความรู ้สึกที


ลึกซึ งและเสี ยใจ นันไม่มีทางใช่สายตาของคนทีใช้มองเครื องมือของตัวเองอย่างไม่รู้สึกอะไรแน่ !

“นีเป็ นความลับ ไว้ขา้ จะบอกเจ้าในคราวหลัง” เย่อีเฉิ นพูดเสี ยงราบเรี ยบ แววตาเปล่งประกาย “ใช่แล้ว แผนที
ครึ งแผ่นนันเจ้าเอาไปไว้ไหนแล้ว”

หลังจากทีฉิ นยวีเยียนกลับถึงวัง สาวใช้ก็ช่วยนางทําแผล เปลียนเสื อผ้าให้ใหม่ แต่กลับไม่พบแผนทีแผ่นนันที


นางพกเอาไว้เลย

“แผนที ?” ฉิ นยวีเยียนชะงักไป นางเร่ งจับไปทีหน้าอกของตัวเอง ภายในชุดสัมผัสได้เพียงแต่ความว่างเปล่า


ดวงตาของนางลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ “แผนทีถูกมู่หรงเสวียเอาไปแล้ว......”

นันคือแผนทีทีพวกเขาลงทุนลงแรงไปมากกว่าจะพบมันในหุ บเขาหวีซาน และเพราะแผนทีแผ่นนี ทําให้พวก


เขาเกือบจะถูกดอกไม้ปีศาจกินคนกินเข้าไป ทัง ๆ ทีมู่หรงเสวียไม่ได้ลงทุนลงแรงอะไรเลย แต่กลับได้มนั ไป
อย่างง่ายดาย ช่างชัวร้ายจนถึงทีสุ ด !
ทันใดนันเย่อีเฉิ นก็เข้าใจเรื องราวทังหมด แววตาของเขาส่ องประกายอย่างลําลึก “นันเป็ นแค่แผนทีแค่ครึ งแผ่น มู่
หรงเสวียแย่งเอาไปก็ไม่เป็ นไร เราค่อยหาโอกาสแย่งชิงกลับมาก็ไม่สาย สิ งทีต้องทําในตอนนีคือตามหาแผนที
อีกครึ งแผนทีเหลือ......”

“แผนทีอีกครึ งหนึงไม่ได้อยูท่ ีหุ บเขาหวีวานอย่างนันหรื อ” แววตาของฉิ นยวีเยียนเต็มไปด้วยความสงสัย ไม่ใช่


ว่าแผนทีทังสองชินอยูท่ ีหุ บเขาหวีซานหรอกหรื อ ทําไมถึงไม่มีได้ ?

“ไม่มี” เย่อีเฉิ นส่ ายหน้า แววตาลึกลํา “องครักษ์เงาของข้าค้นหาทัวหุ บเขาหวีซานแล้ว เหลือก็เพียงแต่ตอ้ งขุดดิน


หาเท่านัน ซึ งก็เหมือนเดิมคือไม่พบเบาะแสใด ๆ ชัดเจนว่าแผนทีอีกครึ งแผ่นไม่ได้อยูท่ ีหุ บเขาหวีซานแน่ ......”

คิวเรี ยวสวยของฉิ นยวีเยียนขมวดเข้าหากันแน่น “ถ้าไม่อยูท่ ีหุ บเขาหวีซาน เช่นนันแล้วอยูท่ ีใด ?”

“ร่ างกายของเจ้ายังบาดเจ็บอยู่ อย่าคิดอะไรให้กงั วลใจเลย พักผ่อนให้สบายเถอะ” เย่อีเฉิ นจูบเข้าทีหน้าผากของ


ฉิ นยวีเยียนอย่างแผ่วเบา กล่าวด้วยนําเสี ยงอ่อนโยน “ข้าจะรี บสังการให้คนไปหาแผนทีอีกครึ งทีเหลือ อีกสักพัก
ค่อยมาดูเจ้า”

“เพคะ” ฉิ นวีเยียนพยักหน้า มองส่ งเย่อีเฉิ นออกไปจากห้อง ทันใดนันรอยยิมงดงามของนางก็สลายหายไป เหลือ


เพียงแต่สีหน้าเคร่ งขรึ ม
เพราะมารยาของนาง ทําให้อีเฉิ นให้อภัยนาง ท่าทางทีเขามีต่อนางยังคงอ่อนโยน อบอุ่นเหมือนแต่ก่อน แต่นาง
กลับรู้สึกว่า ระหว่างเขาทังสองคนนันถูกคันกลางไว้ดว้ ยบางสิ งบางอย่าง ไม่ได้รู้สึกถึงความใกล้ชิดดังเช่นเคย
เป็ นเพราะเรื ององครักษ์เงาชุดนําตาลสี คนนันหรื อ หรื อเป็ นเพราะมู่หรงเสวีย

“อิงอิง รี บใช่นกพิราบสื อสารส่ งจดหมายให้เสด็จพ่อ บอกท่านว่าข้าพบเรื องลําบากประการหนึ ง ขอให้เขาส่ งคน


มาทีชิงเหยียนช่วยเหลือข้าโดยเร็ ว”

“เพคะ” อิงอิงเป็ นนางกํานัลทีติดตามมาจากวังหลวงของม่อเป่ ย ซื อสัตย์ภกั ดีกบั นางเป็ นอย่างมาก พอได้ยนิ คําสัง


จากนางก็รีบย่อกายลง เร่ งเดินไปทีด้านข้างโต๊ะกลม หยิบพู่กนั ขึนมาเขียนข้อความ

แววตาของฉิ นยวีเยียนเปล่งประกายอย่างอํามหิ ต เย่อีเฉิ นเป็ นของนาง นางจะไม่มีทางให้ใครมาแย่งเขาไปได้แน่


!

มู่หรงเสวียก็เช่นเดียวกัน นางสังหารองครักษ์เงาผูต้ ิดตามของนาง ทําให้นางต้องเปิ ดเผยความลับและทําให้นาง


กับอีเฉิ นต้องเหิ นห่างกันมากขึนกว่าเดิม อีกทังยังทําให้นางต้องบาดเจ็บสาหัสและเกือบตาย หนีแค้นพวกนี นาง
จะส่ งคืนให้ม่หู รงเสวียทังต้นทังดอก

แน่นอนว่านางไม่มีทางทําให้ม่หู รงเสวียตายหรอก เพียงแต่แค่ทาํ ให้นางรู ้สึกตายทังเป็ นเท่านันเอง !

ในระหว่างทีสะลึมสะลืออยูน่ ัน มู่หรงเสวียอยากจะพลิกกาย แต่กลับไม่สามารถขยับตัวได้ กลินหอมของไม้ไผ่ที


บางเบา ทําให้นางขมวดคิว ค่อย ๆ ลืมตาขึน......
ตอนที 74 ทะเลาะแง่ งอน
ชายเสื อสี ขาวกระทบเข้ากับสายตา เสี ยงหัวใจเต้นแรงสมําเสมอดังขึนทีข้างหู ลมหายใจอุ่นร้อนพ่นรดเส้นผม
มือแกร่ งโอบรัดกักขังเอวบางของนางเอาไว้แน่น มู่หรงเสวียไม่ตอ้ งหันไปมองก็เข้าใจว่าเป็ นใครทีนอนอยูข่ า้ ง
กายของนาง

มู่หรงเสวียค่อย ๆ เงยหน้าขึน พลางยันตัวลุกขึนอย่างไม่รีบร้อน มองไปทีนาฬิกาทรายทีวางอยูบ่ นโต๊ะทีหัวเตียง


นีก็ยามเว่ยแล้ว (ประมาณบ่ายโมงถึงบ่ายสาม) นางนอนไปเมือตอนยามเฉิ น(ประมาณเจ็ดโมงถึงเก้าโมงเช้า) พอ
หลับก็หลับไปตังสามชัวยามเชียวหรื อ

“คุณหนู ท่านตืนแล้ว จะรับสํารับเลยไหมเจ้าคะ ?” อันเซี ยงทีเฝ้ าอยูด่ า้ นนอกของห้อง ได้ยนิ ด้านในห้องมีการ


เคลือนไหว จึงเร่ งไต่ถามขึนมา

เลยเวลาสํารับกลางวันไปตังนานแล้ว มู่หรงเสวียหิ วจนท้องร้อง แต่คุณชายโอวทีอยูข่ า้ งกายยังคงนอนหลับสนิ ท


เขาทังบาดเจ็บและไม่สบาย นางไม่อยากรบกวนการพักผ่อนของเขา เตรี ยมจะสังให้อนเซี
ั ยงจัดสํารับไว้ดา้ นนอก
แต่เสี ยงทุม้ กลับดังขัดขึนมาก่อน “ยกเข้ามาเถอะ”

มู่หรงเสวียชะงัก นางค่อย ๆ ก้มลงไปมองทีละน้อย ก็เห็นคุณชายโอวหยางทีไม่รู้ว่าลืมตาตืนขึนมาตังแต่เมือใด


ดวงตาสี ดาํ เจือปนไปด้วยรอยยิมบางเบา ดูสง่างามดึงดูดสายตาผูค้ นทีได้พบเห็น มู่หรงเสวียมองดูจนต้องขบ
เขียวเคียวฟัน “ท่านตืนตอนไหนรึ ?”
“ก็เมือครู่ นี” คุณชายโอวหยางลุกขึนนัง เอือมแขนยาวออกไปดึงนางเอามาไว้ในอ้อมกอด เกยคางไปบนไหล่ของ
นาง แล้วกล่าวด้วยนําเสี ยงอ่อนโยน “นอนหลับดีไหม ?”

คําถามเรี ยบง่าย ฟังไม่ออกถึงความกํากวมหรื อความหมายอืนใด ดวงหน้าเรี ยวเล็กของมู่หรงเสวียฉายแววอย่าง


ไม่ค่อยพอใจ ถลึงตามองไปทีเขากล่าว “ดีมาก”

คุณชายโอวหยางปรายตามองนาง “สี หน้าซี ดขาว ดวงตาเลือนลอย ขอบตาดําคลํา คล้ายเหมือนกับคนทีไม่ได้


พักผ่อนอย่างเต็มที......”

ได้ยนิ ดังนัน มู่หรงเสวียก็คอ้ นตาใส่ เขาเสี ยทีหนึง “ข้าหิ วแล้ว ท่านอยูร่ ับสํารับเสี ยก่อนเถอะ พอกินเสร็ จแล้ว
ค่อยพักผ่อนให้เต็มอิม” นางตอบกลับอย่างไม่พอใจ ใช้แรงแกะเอามือของเขาทีเกาะอยูท่ ีเอวของนางออก แล้ว
แหวกม่านคุมเตียง พอดีกบั เห็นอันเซี ยงทียกสํารับเข้ามา เมืออันเซี ยงเห็นมู่หรงเสวียทีอยูด่ า้ นหน้าเตียงกับ
คุณชายโอวหยาง นางชะงักไปครู่ หนึง พลางหยุดเท้าลง

มู่หรงเสวียยืนอยูท่ ีข้างเตียงนัน สภาพปกเสื อแหวกออก ผมเผ้ายุง่ เหยิง หายใจหอบถี คล้ายกับว่าเพิงถูกกลัน


แกล้งอย่างหนักหน่วง คุณชายโอวหยางก็กาํ ลังติดกระดุมอยูท่ ีข้างเตียง ท่าทางร่ าเริ งดังเช่นหมาป่ าสองหน้าทีได้
เอารัดเอาเปรี ยบผูค้ น มองจากทีไกล ๆ บรรยากาศระหว่างทังสองดูเคอะเขินกํากวมยิงนัก......

คุณชายโอวหยางเงยหน้าขึนในทันที สายตาคมกริ บดังลูกศรพุ่งตรงไปทีอันเซี ยง ทําเอานางหวาดกลัวเสี ยจน


ร่ างกายเย็นเยียบ เร่ งเดินไปทีริ มโต๊ะ รี บจัดวางสํารับด้วยความเร็ วทีเร็ วทีสุ ดเท่าทีจะทําได้
“คุณหนู คุณชายเชิญรับสํารับเจ้าค่ะ ข้าน้อยขอตัว” อันเซี ยงเร่ งกล่าวอย่างร้อนรน รี บย่อกายทําความเคารพ หมุน
กายเดินออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ วโดยไม่กล้าหันกลับไปมองอีก

ช่วงเช้าตอนทีนางเอาชากับนําสะอาดมาถึง ก็ไม่เห็นร่ องรอยของคุณชายโอวหยางแล้ว นางเลยนึกว่าเขากลับไป


แล้ว แต่คาดไม่ถึงว่าเขากลับนอนพักผ่อนบนเตียงเดียวกันกับคุณหนูของนาง แล้วยังพากันหลับไปตังสองสาม
ชัวยาม......

แค่ก แค่ก......คุณชายโอวหยางฐานะสู งส่ ง รู ปลักษณ์กห็ ล่อเหลา ทังยังดูเหมาะสมกับคุณหนูของนางเป็ นอย่าง


มาก......

เมือมองไปทีเงาร่ างของนางทีหนีไปอย่างรวดเร็ ว ดวงหน้างดงามของมู่หรงเสวียก็เข้มขึน ถลึงตาไปมองที


คุณชายโอวหยาง “ให้อนเซี
ั ยงยกสํารับเข้ามาในห้องทําไม แล้วอย่างไรล่ะ นางเห็นว่าเรานอนเตียงเดียวกัน ถ้า
หากเรื องนีแพร่ งพายออกไป ข้าจะมีหน้าไปพบผูค้ นได้อย่างไร ?”

“เช่นนันเจ้าก็แต่งให้ขา้ ก็จบแล้ว คนอืนจะว่าเช่นไรก็ไม่ตอ้ งไปสนใจ” คุณชายโอวหยางมองไปทีมู่หรงเสวีย


แววตาสี ดาํ เปล่งประกายเต็มไปด้วยความจริ งจัง

มู่หรงเสวียชะงักไป นางเหมือนกับจะสําลัก จึงไอออกมาอย่างรุ นแรง จนดวงหน้าเรี ยวเล็กขึนสี แดงกํา......

“เป็ นอะไรไปหรื อ” คุณชายโอวหยางลูบหลังของนาง แววตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ


“ไม่เป็ นไร......ไม่เป็ นไร......” มู่หรงเสวียโบกมือเป็ นพัลวัน ยิมอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ “เรื องนัน อันเซี ยงเป็ นสาว
ใช้ของข้า นางคงปิ ดปากเงียบปกป้ องข้า ไม่มีทางทีจะพูดเรื องเมือครู่ ออกไปแน่ เมือกีข้าก็แค่ลอ้ เล่นเท่านัน
คุณชายอย่าได้ใส่ ใจไป......”

คุณชายโอวหยางนอนในห้องของนาง อีกทังยังสังการแทรกคําพูดของนาง นางเพียงแค่โกรธและอยากจะเอาคืน


เท่านัน ไม่ได้ตอ้ งการบีบบังคับให้เขามารับผิดชอบแต่อย่างใด

สี หน้าของคุณชายโอวหยางฉายแววดุดนั ขึนมาทันที แววตาของเขาวูบไหวลําลึก จ้องมองมู่หรงเสวียอย่างไม่


กระพริ บตา แล้วก็หมุนกายเดินออกไปด้านนอกโดยทีไม่หันกลับมามองอีก เสี ยงทุม้ เอ่ยขึนอย่างเรี ยบ ๆ “ข้ายังมี
ธุระ ต้องไปก่อนแล้ว”

เมือมองไปทีเงาร่ างของเขาทีค่อย ๆ ไกลออกไป มู่หรงเสวียจึงเลิกคิวขึนเบา ๆ นางยังไม่ได้พดู อะไรเลยทําไมอยู่


ๆ เขาถึงโมโหได้ เข้าใจยากยิงนัก !

ไอร้อนของอาหารบนโต๊ะโชยออกมา กลินหอมอบอวล ทําให้ผคู ้ นนําลายสอ ท้องของมู่หรงเสวียร้องประท้วง


ขึนมา แต่นางกลับไม่มีความรู้สึกอยากอาหารหลงเหลืออยูเ่ ลยแม้แต่นอ้ ย

“คุณหนู” อันเซี ยงเร่ งเดินเข้ามา มองไปทีดวงหน้าเรี ยบเฉยของมู่หรงเสวีย ท่าทางของนางอํา ๆ อึง ๆ


“มีเรื องอะไรหรื อ” มู่หรงเสวียไต่ถามอย่างไม่ใส่ ใจ

“มีคนส่ งจดหมายให้ท่านเจ้าค่ะ” อันเซี ยงหยิบจดหมายออกมายืนส่ งไปให้มู่หรงเสวีย

จดหมายมีสีขาว ด้านบนเขียนด้วยตัวอักษรไม่กีตัวว่า ‘มอบให้ม่หู รงเสวีย’ ตัวอักษรเป็ นระเบียบเรี ยบร้อย คล้าย


กับใช้วธิ ีพิมพ์ทาํ ขึนมา

ใครกันทีเขียนจดหมายให้กบั นาง ?

มู่หรงเสวียแกะจดหมายออกด้วยความไม่แน่ ใจ หยิบเอากระดาษสี ขาวออกมาก เห็นด้านบนเขียนไว้วา่ ‘อีผนิ


เสวียนห้องไผ่ มีเรื องจะปรึ กษา’ ไม่กีตัวอักษร ทังยังไม่ได้เขียนชือผูส้ ่ ง

“เป็ นใครส่ งจดหมายนี มา”

“ทหารยามเฝ้ าประตูบอกว่า เป็ นคนรับใช้แปลกหน้าผูห้ นึ งเจ้าค่ะ” อันเซี ยงรายงานตามความจริ ง

มู่หรงเสวียหรี ตาลง หลังจากทีนางมาอยูท่ ีชิงเหยียน ล้วนไม่รู้จกั ใครสักคน แล้วจะเป็ นใครกันทีมาทําลับ ๆ ล่อ ๆ


เช่นนี เรี ยกนางให้ไปอีผินเสวียนอย่างนันหรื อ ถ้ามีเรื องสําคัญก็น่าจะมาปรึ กษาหารื อทีจวนโหวก็ได้นี......
อันเซี ยงมองไปทีสี หน้าสงสัยของนาง แล้วลองไต่ถาม “คุณหนูใหญ่ ท่านจะไปอีผินเสวียนไหมเจ้าคะ ?”

“ลองไปดูหน่ อยแล้วกัน” มู่หรงเสวียพยักหน้า อุดอูอ้ ยูท่ ีจวนเจินกัวโหวก็ไม่มีอะไร ลองไปทีอีผินเสวียนดูวา่ คน


ลึกลับผูน้ นเป็
ั นใครมาจากไหนกัน

อีผนิ เสวียนเป็ นโรงนําชาโรงหนึง ตังอยูบ่ นถนนทีคึกคักสายหนึง ห่ างจากจวนเจินกัวโหวไปแค่สองช่วงถนน

นําชาและขนมของอีผนิ เสวียนล้วนเลิศรส ดึงดูดลูกค้าได้ไม่น้อย หลังจากทีมู่หรงเดินเข้าโรงนําชาไป ขอบคุณ


ในการต้อนรับของเสี ยวเอ้อร์ ก็เดินตรงไปทีชันสอง เดินไปทีห้องไม้ไผ่ทีเขียนไว้ในจดหมาย

ปากประตูของห้องไผ่มีทหารสองนายยืนอยู่ ร่ างกายสู งใหญ่ สี หน้าไร้ความรู ้สึก เมือมองเห็นมู่หรงเสวียพวกเขา


ื อไปเปิ ดประตูของห้องไผ่ กล่าวนําเสี ยงนอบน้อมว่า “เชิญคุณหนู ม่หู รงขอรับ”
ก็ยนมื

มู่หรงเสวียค่อย ๆ เดินเข้าไปในห้องไผ่ พบกับชายอายุประมาณสามสิ บปี กําลังนังจิบชาอยูท่ ีโต๊ะชาตรงกลางของ


ห้อง ดวงหน้าของเขาหล่อเหลา แต่ดวงตาปรากฏแววเฉยชา จมูกโด่งสู ง เขาอยูใ่ นชุดสี ครามทีทําให้ความสง่า
งามและคมเข้มทีเปล่งประกายออกมาจากเขายิงเปล่งประกายมากขึน

มู่หรงเสวียรี บรื อความจําของตน ก็พบเงาร่ างสายหนึ งทีตรงกับคนตรงหน้า นางเปิ ดปากกล่าวออกไป “ท่านคือ


......เซี ยเฉิ งเซี ยง (อัครมหาเสนาบดีเซี ย) !”
ท่วงท่าทีกําลังดืมชาของชายวัยกลางคนพลันหยุดชะงักลง เงยหน้ามองทีมู่หรงเสวีย เห็ นดวงหน้างดงามของ
หญิงสาวทีเปล่งประกายดึงดูดสายตายิงกว่าดวงอาทิตย์ทีอยูบ่ นท้องฟ้ า รอยยิมอ่อนโยนคล้ายมวลบุปผาทีกําลัง
ผลิบาน ทําให้จิตใจของผูค้ นสันไหว แววตาของเขาปรากฏประกายตืนตะลึงสายหนึง ยิมขึนน้อย ๆ พลางกล่าว
“เด็กสาวได้เติบใหญ่ขึนแล้ว ทังยังจําข้าได้ ความจําช่างไม่เลวเลย”

มู๋หรงเสวียยิมน้อย ๆ “เซี ยเฉิงเซียงช่างกล่าวชมเกินไปแล้ว ไม่ทราบว่าทีเฉิ งเซี ยงนัดข้ามา มีธุระใดหรื อเจ้าคะ ?”

ในความทรงจําของร่ างเดิม หลังจากทีอายุครบสี ขวบก็ได้เจอกับเซี ยเฉิ งเซี ยงน้อยลง ได้พบกันแค่ไม่กีครัง ส่ วน


ใหญ่กเ็ ป็ นทีวังหลวง มองเห็นกันอยูไ่ กล ๆ ล้วนมิได้กล่าววาจาพูดคุย เขาทําไมอยู่ ๆ เขาถึงอยากเจอนางได้

เซี ยเฉิ งเซี ยงยิมน้อย ๆ เด็กสาวไม่ตอ้ งการพูดจาอ้อมค้อม เช่นนันเขาก็จะพูดธุระของเขาตรง ๆ “เจ้ารู ้หรื อไม่ว่า
ทําไมอาสองของเจ้าถึงถูกย้ายไปประจําการทีจิงโจว”
ตอนที 75 ศัตรู ทไม่
ี อยากพบหน้ า
“เพราะว่ามีคนวางแผนใส่ เขา” มู่หรงเสวียยิมบางเบา ตอนทีมู่หรงเยว่ตายไป มู่หรงเย่เพิงจะอายุสีขวบ อายุยงั
น้อยแถมยังอ่อนแอนัก ยากทีจะปกป้ องตัวเองจากแผนการร้าย มู่หรงเจียนทีมีจิตใจทะเยอทะยานโหดเหี ยม ล้วน
สามารถสังหารมู่หรงเย่ได้ทุกเวลาโดยทีไม่มีใครรู ้ เพือให้ตวั เองได้เป็ นโหว

เมือออกจากเมืองหลวง ไปไกลตังจิงโจว ก็เท่ากับว่าไม่ตอ้ งการตําแหน่งโหว นี ไม่ใช่นิสัยของแม่ลูกแซ่ ตทู้ ี


ละโมบโลภมากแน่ ดังนันมู่หรงเจียนจึงไม่มีทางยอมออกจากเมืองหลวงด้วยตัวเองแน่นอน แต่น่าจะถูกคนบีบ
บังคับให้จากไปอย่างไม่มีทางเลือก

เซี ยเฉิ งเซี ยงยิมน้อย ๆ เด็กสาวผูน้ ีฉลาดอย่างทีคิดไว้ไม่มีผิดนัก อาศัยเพียงแค่การคาดเดาก็ถูกต้องอย่างง่ายดาย


“เป็ นข้าและเฉิ งกัวกงทีจัดการอะไรนิ ดหน่อย จึงทําให้สามารถย้ายมู่หรงเจียนออกไปได้ไกลเช่นนี ”

“ขอบพระคุณเฉิ งเซี ยงมากเจ้าค่ะ” ดวงตาของมู่หรงเสวียฉายแววสดใส เซี ยเฉิ งเซี ยง เฉิ งกัวกงและมู่หรงเยว่ต่าง


เป็ นเพือนสนิ ทกัน ถ้าบอกว่าเขาสองคนร่ วมมือกันเพือย้ายหมู่หรงเจียง แน่ นอนว่านางเชือ

ถ้าไม่มีเซี ยเฉิ งเซี ยงกับเฉิ งกัวกงคอยดูแล จวนเจินกัวโหวก็คงตกเป็ นของแม่ลกู แซ่ ตูไ้ ปเสี ยตังนานแล้ว แล้วนาง
เองก็ไม่รู้วา่ จะมีชีวิตอยูถ่ ึงตอนนีหรื อไม่ แต่แน่ นอนว่ามู่หรงเย่อาจจะต้องตกตายไปตังแต่ตอนเด็ก

เซี ยเฉิ งเซี ยงยิมน้อย ๆ “ไม่จาํ เป็ นต้องขอบคุณหรอก พวกข้าก็ได้รับการไหว้วานจากท่านตาของเจ้ามาอีกทีหนึง”


“ท่านตางันหรื อเจ้าคะ” มู่หรงเสวียชะงัก ในความทรงจําของร่ างเดิม ท่านยายได้สินไปนานแล้ว ท่านตาก็สุขภาพ
ไม่ค่อยดี นอนป่ วยอยูบ่ นเตียงมาโดยตลอด หลังจากทีท่านแม่แซ่ เฉิ นป่ วยตายไป ท่านตาอยูต่ ่อไปได้ไม่เท่าไหร่ ก็
สิ นใจลง ทังท่านลุงแม่ทพั ก็อยูป่ ระจําทีชายแดน ลูกและภรรยาล้วนอยูท่ ีนัน คนในครอบครัวนันก็กลับมาทีเมือง
หลวงแทบนับครังได้

จวนตระกูลเฉิ นตอนนี ก็เป็ นเพียงจวนว่างเปล่าหลังหนึง ในจวนมีเพียงพ่อบ้านชราทีดูแลจวน แล้วก็เหล่าสาวใช้


ทีค่อยปั ดกวาดเช็ดถู ล้วนไม่มีเจ้านายอาศัยอยูแ่ ต่อย่างใด

“ท่านตาของเจ้าเป็ นอันกัวกง (ยศศักดินาชันสู งสุ ดเทียบเท่าดยุค) วรยุทธ์สูงส่ ง ใช้กลทัพดังเทพเซียน ช่วงเวลา


นันถูกผูค้ นเรี ยกว่าเทพสงคราม เพียงแค่ศตั รู ได้ยนิ ชือของเขา ก็ลว้ นต้องหวาดกลัวจนถอยทัพหนี ไปไกล......”

เซี ยเฉิ งเซี ยงรําลึกไปถึงช่วงเวลานัน มุมปากของเขาแฝงไปด้วยรอยยิม พูดต่อไปว่า “ตัวข้า เฉิงกัวกงและพ่อของ


เจ้าล้วนเป็ นลูกศิษย์ของท่านตาของเจ้า วรยุทธ์ของข้านันล้วนเป็ นเขาทีสังสอน......”

แววจาของมู่หรงเสวียเปล่งประกาย จริ ง ๆ แล้วนางมีท่านตาทีเก่งกาจขนาดนีเชียวหรื อ ลูกศิษย์ลูกหาเต็มบ้าน


เต็มเมือง ลูกศิษย์ทีได้รับการสังสอนก็ลว้ นกลายเป็ นยอดคนทีหาได้น้อยบนแผ่นดินนี แต่น่าเสี ยดายนัก ทีท่าน
จากไปเร็ วเหลือเกิน......

“เสวียเอ๋ อร์ มู่หรงเจียนจะกลับเมืองหลวงแล้ว” นําเสี ยงของเซี ยเฉิ งเซียงกลายเป็ นหนักแน่นขึนทันใด มู่หรงเสวีย


หลุดจากภวังค์ทนั ที นางค่อย ๆ ขมวดคิวเข้าหากัน ทีแท้ทีเซี ยเฉิ งเซี ยงมาหานางก็เพือทีจะบอกเรื องนี นีเอง
ขุนนางทีถูกย้ายไปรับราชการภายนอกเมือง หลังจากทีทําผลงานในหน้าทีอย่างน้อยสามปี หรื ออย่างมากหกปี ก็
จะสามารถกลับเมืองหลวงได้ เลือนตําแหน่งได้รับความเจริ ญก้าวหน้าในหน้าทีการงานและชีวิต

แต่ม่หู รงเจียนกลับถูกทิงให้ประจําการทีจิงโจวเป็ นเวลาถึงสิ บปี คงต้องร้อนรนใจอย่างแน่นอน คงใช้เส้นสายคน


รู ้จกั เท่าทีจะหาได้ เพือดินรนให้ตวั เองได้กลับสู่ เมืองหลวง

ระยะเวลาการทํางานของเขาล้วนเกินอัตรามามากแล้ว ขอแค่ผลงานไม่มีความผิดพลาดมากนัก เรื องถูกเรี ยกตัว


กลับเมืองหลวงแน่ นอนว่าย่อมไม่เป็ นปั ญหา

“กลับมาก็กลับมาสิ ” นางกับมู่หรงเย่ลว้ นเติบโตแล้ว ไม่ใช่คนอ่อนแอไร้ความสามารถทีจะไม่สามารถตอบโต้ได้


เหมือนแต่ก่อนทีเป็ นเพียงฝาแฝดอ่อนแอ่ทีได้แต่ทนถูกพวกเขารังแก พวกนางตอนนี ไม่เกรงกลัวเขาอีกต่อไป
แล้ว “เซี ยเฉิ งเซี ยงทราบรึ ไม่เจ้าคะว่าใครเป็ นคนย้ายมู่หรงเจียนกลับเมืองหลวง”

เซี ยเฉิ งเซี ยงส่ ายหน้า แววตาลึกลํา “คําสังย้ายเป็ นกรมขุนนางทีออกคําสัง ตัวข้าเองก็คดั ค้านแล้ว แต่คนของกรม
ขุนนางก็อา้ งว่า ‘ระยะเวลาการทํางานของมู่หรงเจียนล้วนครบถ้วนสมบูรณ์ สมควรถูกเรี ยกตัวกลับเมืองหลวงได้
แล้ว’ ไม่ยอมคายความจริ งออกมา......”

มู่หรงเสวียยกยิมเย็น ระยะเวลาการทํางานของมู่หรงเย่ครบไปตังนานแล้ว ถ้าหากกรมขุนนางทํางานด้วยความ


ตงฉิ นจริ ง เขาก็น่าจะควรถูกเรี ยกตัวกลับมานานแล้ว ไหนเลยจะรอมาจนถึงป่ านนี ทีพวกเขาพากันปิ ดปากเงียบ
เช่นนี ก็พอจะดูออกแล้วว่าคนทีอยูเ่ บืองหลังนันมีอาํ นาจมากแค่ไหน พวกเขาถึงไม่อยากผิดใจกับเขา......
เซี ยเฉิ งเซี ยงกับเฉิ งกัวกงไม่รู้ฐานะคนทีอยูเ่ บืองหลัง จึงแน่นอนว่าไม่สามารถไปก่อศัตรู กบั กระดาษคําสังแค่
แผ่นเดียว แล้วไปต่อกรกับคนผูน้ นอย่
ั างเอาเป็ นเอาตาย “หลายปี มานี ขอขอบพระคุณเซี ยเฉิ งเซี ยงทีดูแลด้วยเจ้า
ค่ะ !”

ถ้าหากไม่มีเซี ยเฉิ งเซี ยงกับเฉิ งกัวกงคอยขัดขวาง มู่หรงเจียนคงถูกเรี ยกตัวกลับเมืองหลวงนานแล้ว นางกับมู่หร


งเย่กคงไม่มีทางเติบโตกันมาได้จนถึงป่ านนี

เซี ยเฉิ งเซี ยงถอนหายใจออกมาหนัก ๆ เสี ยหนึงที “ข้าละอายใจยิงนัก สุ ดท้ายก็ไม่สามารถดูแลพวกเจ้าสองพีน้อง


ให้เติบโตไปอย่างสงบสุ ขและสุ ขสบายได้”

“เซี ยเฉิงเซี ยงมิตอ้ งโทษตัวเองหรอกเจ้าค่ะ ท่านทําได้ดีมากแล้ว เรื องหลังจากทีมู่หรงเจียนกลับเมืองหลวง ข้าจะ


เป็ นคนจัดการเอง” มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ ดูลึกลําจนไม่สามารถคาดเดาได้ ก็แค่ม่หู รงเจียนกลับเมืองหลวงเท่านัน
ไม่ได้มีอะไรให้น่าเป็ นห่ วงนัก แม่ของเขานางก็จดั การจนเกือบจะตายแล้ว นางไหนเลยจะกลัวเขา !

ภายใต้พระอาทิตย์ทีสาดส่ อง มู่หรงเสวียเดินออกจากอีผินเสวียน เดินไปตามทางอย่างช้า ๆ ร่ างกายส่ วนนูนเว้า


ภายใต้พระอาทิตย์ทีสาดส่ องปรากฏเป็ นเงาร่ างยาว ๆ สายหนึง

คิวงามของนางเลิกขึนน้อย ๆ ท่าทางครุ่ นคิด ตาของมู่หรงเจียนเป็ นแค่ขนุ นางจดบันทึกดูแลเอกสาร บิดาเป็ นขุน


นางประจําศาล น้องเขยเป็ นอู่อนั โหว สามคนนี ล้วนไม่นบั ว่ามีตาํ แหน่งอํานาจทีสู งส่ งเท่าไหร่ ไม่มีทางทําให้คน
ของกรมขุนนางปิ ดปากเงียบขนาดนี ได้
พวกเขาสามคนไม่มีทางทีเรี ยกตัวมู่หรงเจียนกลับมาได้ ถ้าเช่นนันคนคนนันเป็ นใครกันแน่ ?

“กุบกับ กุบกับ !” เสี ยงฝี เท้าของม้าเร่ งรี บดังเข้ากระทบหู มู่หรงเสวียหลุดออกจากภวังค์ทนั ใด เมือมองตามเสี ยง


ไปก็เห็นชายหนุ่ มในชุดสี นาเงิ
ํ นผูห้ นึ ง กําลังขีม้าพุ่งมาทางนี เขาอายุประมานสิ บสามสิ บสี ปี ฟั นขาวปากแดง
รู ปลักษณ์หล่อเหลา มุมปากยกยิมน้อย ๆ ท่าทางหยิงยโส ถือตน อวดดี

“เชียะ !” ม้าเร็ ววิงบนถนนอย่างรวดเร็ ว คนทีเดินไปมาพากันเร่ งรี บเพือจะหลบทาง

มู่หรงเสวียก็เตรี ยมจะหลบไปด้านหลัง หลีกม้าให้ไกลหน่อย แต่ไม่คาดว่าด้านหลังของนางกลับเต็มไปด้วยผูค้ น


นางไม่สามารถถอยหลังไปได้อีกแล้ว

เมือคนบนหลังม้าเห็นคนบนทางเดินล้วนหลบไปหมดแล้ว แต่เห็นนางกลับยืนนิงไม่ขยับ แววตาก็เปล่งประกาย


ด้วยความโกรธ แส้ในฝ่ ามือตวัดฟาดไปทีนางอย่างไม่ยงมื
ั อ “หลีกไป อย่ามาขวางทางข้า !”

ได้ยนิ เสี ยงเสี ยดสี อากาศทีพุ่งเข้ามา แววตาเย็นชาของมู่หรงเสวียหรี ลงเล็กน้อย ยืนมือออกไปคว้าแส้เอาไว้ ใช้


แรงสะบัดมือ แส้ยาวสะบัดกลับไปทางเดิม ได้ยนิ เสี ยง ‘เพียะ’ ดังขึนเสี ยงหนึ ง แส้ยาวฟาดเข้าทีอกของชายหนุ่ ม
อย่างแรง ทําให้เขาพลัดตกจากหลังม้า เสี ยง ‘ตุบ’ กระทบลงพืนดังขึนสายหนึ ง ฝุ่ นผงฟุ้ งตลบอบอวล !

“อ้ากก !” ชายหนุ่ มแหกปากร้องโหยหวนอย่างดังลัน


“คุณชาย !” พ่อบ้านวัยกลางคนผูห้ นึ งเร่ งวิงเข้ามา พยุงชายหนุ่ มผูน้ นขึ
ั นอย่างระมัดระวัง มองไปทางเขาทีผมเผ้า
ยุง่ เหยิง รวมทังรอยขาดยาว ๆ บนเสื อ มุมปากเบะออกมาอย่างทนไม่ไหว

ชายหนุ่ มโมโหเกรี ยวกราด ชีนิ วไปทีมู่หรงเสวีย กล่าวขึนเสี ยงดัง “นางขวางทางข้า อีกทังยังตีขา้ จนตกจากม้า
หญิงเถือนชันตําผูไ้ ร้เหตุผลเช่นนี รี บจับตัวนาง โบยนางเสี ย !”

พ่อบ้านวัยกลางคนมองไปตามนิ วมือของเขา ก็พบเข้ากับมู่หรงเสวีย ทันใดนันดวงตาของเขาก็เบิกออกกว้าง


“ท่านคือ......คุณหนูมู่หรง”

มู่หรงเสวียเลิกคิว “เจ้ารู ้จกั ข้าด้วยหรื อ ?” ในความทรงจําของร่ างเดิม นางไม่รู้จกั ชายวัยกลางคนผูน้ ี

“ข้าน้อยไฉจิน เป็ นพ่อบ้านทีนายท่านมู่หรงเจียนพาไปทีจิงโจวพร้อมกันขอรับ นายท่านถูกเรี ยกตัวกลับเมือง


หลวง แน่นอนว่าข้าน้อยก็ตอ้ งกลับมาด้วย” ไฉจินยิมตาหยี ชีไปทีชายหนุ่มผูน้ นั “ท่านนี เป็ นบุตรชายของนาย
ท่านสอง มู่หรงจี น้องชายของท่าน ท่านยังจําได้หรื อไม่ ?”

มู่หรงเสวียปรายตามองมู่หรงจี มุมปากยกยิมขึนอย่างเย็นชา นางกําลังคิดถึงสาเหตุทีมู่หรงเจียนกลับเมืองหลวง


อยูพ่ อดี เพียงพริ บตาเดียวก็พบกับลูกชายของเขาเสี ยแล้ว อีกทังยังเจอกันด้วยเหตุการณ์ทีกลายเป็ นศัตรู ค่แู ค้น
เช่นนี ช่างเป็ นศัตรู ทีหนี ไม่พน้ และหลีกเลียงไม่ได้จริ ง ๆ !"
ตอนที 76 พบหน้ ามู่หรงเจียนครังแรก
“ทีแท้เจ้าคือมู่หรงเสวีย !” มู่หรงจีกวาดตามองมู่หรงเสวียขึนลง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยดูถูก
“นิสัยหยาบคาย ป่ าเถือน เหมือนกับทีท่านแม่ของข้ากล่าวไว้ไม่มีผดิ ถึงว่าทําไมจึงโดนจิงอ๋ องทอดทิง เจ้าช่าง
เป็ นกาลกิณีของตระกูลมู่หรงยิงนัก !”

มู่หรงเสวียยกยิมเย็น นางกับแม่ลูกแซ่ ตู ้ หรื อแม้แต่กบั หลานก็ไม่ถูกกันเมือแรกพบหน้า ความคิดทีมู่หรงจีมีต่อ


นางต่างก็เต็มไปด้วยความชัวร้าย เช่นนี นางคงไม่ตอ้ งเกรงใจมู่หรงเจียนอีก “หยิงยโสโอหัง ดวงตาล้วนขึนไปอยู่
บนหัวแล้ว พ่อแม่ของเจ้าอบรมสังสอนเจ้าเช่นนีหรื อ ? เพราะตระกูลมู่หรงมีคนเช่นพวกเจ้าต่างหาก ถึงจะเป็ น
ตัวกาลกิณีอย่างแท้จริ ง !”

มู่หรงจีพูดขึนอย่างไม่ยอมแพ้ “พวกเราไม่ได้ถกู ว่าทีสามีทอดทิง จะไปเรี ยกว่ากาลกิณีได้อย่างไรกันเล่า ?”

“เจ้าอยูบ่ นถนนใหญ่ แต่กลับขีม้ารวดเร็ วเช่นนี ช่างไร้การอบรมสังสอน แล้วทีนีเจ้าจะบอกว่าไม่ใช่ตวั กาลกิณี


อีกหรื อ ? ช่างโง่เขลาเสี ยจริ ง เจ้าสมควรจะดีใจ ทีเมือครู่ คนทีเจ้าพบเป็ นข้า ไม่ใช่คุณชายคุณหนู ของจวนอืน ๆ มิ
เช่นนันเจ้าคงถูกเขาตีจนเกือบตายแล้วลากเข้าคุกไปแล้ว ยังจะมาอวดดีกล่าววาจาดูถูกผูค้ นอยูเ่ ช่นนี ได้อีกหรื อ ?”
มู่หรงเสวียปรายตามองเขา แววตาเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยดูถูก

สี หน้าของมู่หรงจีกลายเป็ นดุดนั ถลึงตามองไปทีมู่หรงเสวีย กล่าวเน้นทีละคํา “มู่หรงเสวีย อย่ามาวางมาดพีสาว


ใส่ ขา้ เช่นนี นะ ข้าไม่ได้ยอมรับในตัวพีสาวเช่นเจ้า......”
มู่หรงเสวียตอบกลับด้วยนําเสี ยงดูถูก “แล้วเจ้าคิดว่าข้ายอมรับเจ้าเป็ นน้องชายอย่างนันหรื อ ? ด้วยนิ สัยอวดดีเช่น
เจ้า ก็คงทําตัวเละเทะได้แต่ทีจิงโจวเมืองทีพ่อของเจ้าประจําอยูเ่ ท่านัน ถ้าหากทําตัวไม่เกรงกลัวกฏหมายในเมือง
หลวงเช่นนี ดูท่าว่าเจ้าคงไม่อยากมีชีวติ อยูเ่ สี ยแล้วกระมัง เจ้าอยากหาเรื องตาย ก็ไปตายให้ไกล ๆ เสี ยหน่อย
เถอะ อย่าได้ดึงพวกข้าเข้าไปเกียวด้วยเลย......”

เมือเขามองไปทีแววตาดูถูกของนาง แววตาของมู่หรงจีก็ลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ กล้ามาดูถูกเขา สาปแช่งเขา


ช่างรนหาทีตายนัก !

ฝ่ ามือกําเข้าหากันแน่ น เตรี ยมต่อยเข้าไปทีมู่หรงเสวีย แต่เสี ยงดังสายหนึ งก็ดงั ขัดขึนเสี ยก่อน “หยุดเดียวนีนะ !”

เมือมู่หรงเสวียมองไปตามทีมาของเสี ยง ก็เห็นชายวัยกลางคนผูห้ นึงก้าวเข้ามา เขาใส่ ชุดยาวสี ครามลายไม้ไผ่


เอวคล้องไว้ดว้ ยผ้าไหมลายก้อนเมฆสี ดาํ สวมรองเท้าสี ดาํ รู ปร่ างทะนงองอาจ ดวงหน้าหล่อเหลา เขาคือมู่หรง
เจียนทีไม่ได้พบหน้ากันมาหลายปี !

เขามองไปทีมู่หรงจี ต่อว่าด้วยเสี ยงอันดังว่า “ข้าสอนเจ้าว่าอย่างไร ? เป็ นคนต้องมีมารยาทอ่อนน้อมถ่อมตน แต่


เจ้ากลับไม่ฟัง ! กลับมาถึงก็เอาแต่อวดดีก่อเรื อง เห็นคําพูดของข้ากลายเป็ นเพียงสายลมทีทะลุผา่ นหู หรื ออย่างไร
?”

ดวงตาของมู่หรงจีฉายแววไม่พอใจ ชีนิวไปทีมู่หรงเสวียแล้วกล่าวขึนว่า “ท่านพ่อ แต่นางดูถูกข้า !”


“นางเป็ นพีสาวของเจ้า เจ้าทําเรื องผิดพลาด สังสอนเจ้าก็เป็ นเรื องทีสมควรแล้ว รี บขอโทษพีสาวเจ้าเดียวนี !” มู่
หรงเจียนสังเสี ยงดัง

มู่หรงจีรู ้สึกว่าไม่ได้รับความยุติธรรม ใบหน้าทีเชิดสู งค่อย ๆ ก้มตําลง ขอบตาแดงกํา ไม่กล่าวคําขอโทษมู่หรง


เสวีย

ดวงหน้าของมู่หรงเจียนเขียวคลําถลึงตามองไปทีเขา หันไปมองมู่หรงเสวีย พลางกล่าวเสี ยงอ่อนโยน “จีเอ๋ อร์ ยงั


เล็กนัก ไม่รู้เรื องราว เจ้าอย่าได้เก็บมาใส่ ใจ !”

เมือมองไปทีแววตาจริ งใจของเขา มู่หรงเสวียก็ยมอย่


ิ างเย็นชาในใจ มู่หรงเจียนก็ขีม้ากลับมาด้วย เขาเป็ นชายวัย
กลางคนอายุประมาณสามสิ บกว่า ๆ ฝี มือการขีม้าของเขาไม่มีทางทีจะสู ้มู่หรงจีทีอายุเพียงสิ บสี ไม่ได้ แน่นอนว่า
เขาคงมาถึงนานแล้ว แต่กลับอยูเ่ ฉย ๆ มองดูความวุ่นวายอยูด่ า้ นข้าง รู ้ว่าลูกรักของเขาไม่มีทางสู ้ชนะนาง ถ้าลง
มือจะต้องเสี ยเปรี ยบแน่ ถึงได้กา้ วออกมาช่วยเหลือ ช่างเป็ นเฒ่าจิงจอกทีเจ้าเล่ห์ผหู้ นึ งเสี ยจริ ง

“ท่านอาสองกล่าวหนักเกินไปแล้วเจ้าค่ะ ข้าไม่มีทางไปเอาเรื องกับคนทีไม่ได้ความเช่นนีหรอก !” มู่หรงเสวียยิม


กล่าวดูถกู ด้วยนําเสี ยงสดใสทีไม่คดิ จะปิ ดบังเลยแม้แต่นิด

แววตาของมู่หรงเจียนเปล่งประกายอํามหิ ตอยูว่ บู หนึง แต่เพียงพริ บตาก็สลายหายไป มองไปทางมู่หรงเสวียอย่าง


เอ็นดู “ทําไมเจ้าถึงเดินบนถนนคนเดียวล่ะ เย่เอ๋ อร์ ไม่ได้มากับเจ้าด้วยหรื อ ?”

มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ “ท่านพีของข้าเขา......”
“น้องเล็กข้ากลับมาแล้ว !” เสี ยงเรี ยกอย่างยินดีดงั ขัดขึน ตามด้วยร่ างของมู่หรงเย่ทีวิงมาอย่างเร่ งรี บ ดวงตาสี ดาํ
เปล่งประกายสดใส

“ได้พบกับแม่ทพั จางแล้วหรื อ ?” มู่หรงเสวียเลิกตามองไปทีเขา

“ได้พบแล้ว” มู่หรงเย่พยักหน้า แววตาเต็มไปด้วยความยินดี “แม่ทพั จางถึงจะดูโหดร้ายไปหน่ อย แต่ปฏิบตั ิกบั


ผูค้ นไม่เลวนัก......”

“แม่ทพั จาง ? แม่ทพั จางไหน ?” มู่หรงเจียนเร่ งเปิ ดปาก แววตาเปล่งประกายด้วยความหมายทีผูค้ นยากจะเข้าใจ

“ก็แม่ทพั จางทีค่ายด้านนอกเมือง......” มู่หรงเย่ตอบกลับด้วยใบหน้ายิมแย้ม สายตามองเห็นมู่หรงเจียน พลันแวว


ตาสี ดาํ ก็วบู ไหวไปด้วยความตกใจ “ท่านอาสอง ท่านกลับมาแล้วหรื อ ?”

“กรมขุนนางมีคาํ สังเรี ยกตัว ให้ขา้ กลับมา......” มู่หรงเจียนอธิบายง่าย ๆ สายตาปรายมองไปทีมู่หรงเย่ “ทําไมอยู่


ๆ เจ้าถึงไปหาแม่ทพั จางได้ ?”

“เพราะว่าข้าอยากเข้าค่ายทหาร......แล้วแม่ทพั จางก็ได้ให้ขา้ เข้าร่ วมกองทัพแล้ว นี ข้าเลยกลับมาเก็บของ พรุ่ งนี


เช้าจะได้เข้าร่ วมกับค่ายทหารอย่างเป็ นทางการ......” เรื องทีมู่หรงเย่เข้าค่ายทหารไม่จาํ เป็ นต้องปิ ดเป็ นความลับ
เขาจึงพูดกล่าวออกมาตรง ๆ
มู่หรงเจียนพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ผูช้ ายอกสามศอก มีความคิด ความรับผิดชอบเป็ นสิ งทีดี แต่วา่ เจ้าอายุยงั น้อยนัก
ไปค่ายทหารเพียงลําพังดูท่าจะไม่ดีนกั ไม่สู้ให้จีเอ๋ อร์ ไปกับเจ้าด้วย จะได้ดูแลกันและกัน ก็เป็ นเรื องทีดีไม่นอ้ ย”

มู่หรงเสวียยกยิมเย็น มองไปทีสายตาของมู่หรงจีทีเพียงมองนางก็รู้ว่ามู่หรงเจียนสองสามีภรรยาคงปลูกฝังอะไร
เอาไว้มินอ้ ย พวกนางสองพีน้องกับครอบครัวของพวกเขามีความแค้นต่อกัน มู่หรงเจียนต้องการให้ม่หู รงจีกับมู่
หรงเย่ใกล้ชิดกัน แน่ นอนว่าคงมีประสงค์ร้ายอะไรอยูเ่ ป็ นแน่

“ขอบคุณในความหวังดีของท่านอาสอง มู่หรงจีเพิงจะถึงเมืองหลวง การเดินทางล้วนลําบากเหนื อยยาก ถ้าหาก


ไม่พกั ผ่อน แต่กลับไปเข้าค่ายทหารเช่นนีจะไม่ดีต่อสุ ขภาพของเขาได้......”

มู่หรงเจียนไม่ได้ใส่ ใจ “เด็กผูช้ ายไม่ควรทําตัวอ่อนแอ เข้าไปฝึ กฝนในค่ายทหารให้แข็งแรงถึงจะดี เย่เอ๋ อร์ กบั จี


เอ๋ อร์กอ็ ายุใกล้เคียงกัน อีกทังยังเป็ นพีน้องกัน ได้เข้าไปทีค่ายทหารด้วยกัน เติบโตไปด้วยกัน ก็ถือว่าเป็ นเรื องที
น่ายินดีเรื องหนึง......”

มู่หรงเสวียยิมเย็น เรื องทีน่ ายินดีของครอบครัวมู่หรงเจียน แต่คงเป็ นเรื องร้าย ๆ ของพวกนางสองพีน้องเสี ย


มากกว่า “ค่ายทหารค่ายนันเป็ นแม่ทพั จางทีบัญชาการ รับไม่รับมู่หรงจี แม่ทพั จางเป็ นคนตัดสิ นใจ พวกข้าคง
ตัดสิ นใจแทนไม่ได้”

“มิเป็ นไร พรุ่ งนีเช้าข้าจะไปส่ งเย่เอ๋ อร์ ทีค่ายทหารด้วยตนเอง หลังจากนันค่อยพาจีเอ๋ อร์ไปพบกับแม่ทพั จาง” มู่
หรงเจียนยิมตาหยี แววตาดูไม่ออกถึงความหยิงยโส
แววตาเย็นชาของมู่หรงเสวียค่อย ๆ หรี ลง ดูแล้วเขาคงตังใจจะให้มู่หรงจีกับมู่หรงเย่เข้าค่ายทหารพร้อมกัน เขา
เพิงจะกลับมาถึงเมืองหลวง ก็เร่ งรี บเอาลูกแท้ ๆ ของตัวเองกับมู่หรงเย่มดั ไว้ดว้ ยกันเช่นนี ไม่รู้ว่ามีแผนร้ายอะไร
อยู่ ?

“นายท่าน......นายท่าน......แย่แล้ว !” คนรับใช้ผหู ้ นึงรี บวิงเข้ามาอย่างร้อนรน เขามีอาการเหนื อยหอบ จนหายใจ


แถบไม่ทนั

มู่หรงเจียนเลิกคิวน้อย ๆ กล่าวขึนอย่างไม่พอใจ “กระวนกระวายอะไรกัน เกิดเรื องอะไรขึน ?”

“ฮูหยินเฒ่าบาดเจ็บสาหัสจนสลบไปขอรับ......” บ่าวรับใช้รีบตอบกลับอย่างร้อนรน

แววตาของมู่หรงเจียนนิงค้าง “เกิดอะไรขึน ? เมือครู่ ก็ยงั ดีอยู่ ทําไมฮูหยินเฒ่าถึงบาดเจ็บสาหัสได้ ?”

บ่าวรับใช้ส่ายหน้า “ข้าน้อยไม่ทราบขอรับ......แต่เมือครู่ ฮูหยินไปคราวะฮูหยินเฒ่าทีเรื อนหยก กลับพบฮูหยิน


เฒ่านอนสลบอยูบ่ นพืน แม่นมกัวก็ได้รับบาดเจ็บ......”

แววตาคมกริ บของมู่หรงเจียนหรี ลง “ตามหมอหรื อยัง ?” ท่านแม่กบั แม่นมกัวได้รับบาดเจ็บพร้อมกัน เรื องราว


ชักจะอย่างไร ๆ อยู.่ .....

“ตามแล้วขอรับ ท่านหมอบอกว่า ฮูหยินเฒ่าถูกคนตีจนได้รับบาดเจ็บ......” บ่าวรับใช้มองไปทางมู่หรงเสวียอย่าง


กล้า ๆ กลัว ๆ นําเสี ยงหรี เล็กลงคล้ายแมลง “ระหว่างทีฮูหยินเฒ่าสลบ กลับเอาแต่เพ้อต่อว่าคุณหนูใหญ่......”
ตอนที 77 ปะทะกันครังแรก
สายตาคมกริ บดังลูกธนูจอ้ งมองไปทีมู่หรงเสวีย “เสวียเอ๋ อร์ นี มันเกิดเรื องอะไรขึน ?”

“ระหว่างข้ากับท่านย่ามีความขัดแย้งกันมาก นางโกรธก็เลยเอาข้าไปด่าว่าในความฝัน” มู่หรงเสวียพูดอย่างเรี ยบ


เฉย ท่าทางดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไร

สายตาของผูค้ นทีมุงดูเหตุการณ์ต่างมองนางด้วยความเห็นใจ อยูใ่ ต้ชายคาเดียวกัน ย่อมต้องมีเรื องที


กระทบกระทังกันบ้าง ถ้ามีความขัดแย้งไม่พอใจกันก็ควรพูดคุยกันต่อหน้า แต่กลับเอาไปต่อว่าในฝันเช่นนี ตู ้
เหล่าฮูหยินช่างมีจิตใจทีคับแคบยิงนัก

ดวงหน้าของมู่หรงเจียนดุดนั จนน่ากลัว เขาพูดเน้นทีละคํา “เจ้าทุบตีท่านย่าของเจ้าจริ งหรื อไม่ ?”

“ถ้าข้าบอกว่าไม่จริ ง ท่านอาสองจะเชือหรื อไม่ ?” มู่หรงเสวียจ้องมองไปทีมู่หรงเจียน แววตาเต็มไปด้วยความ


เยาะเย้ย “ถ้าหากจะไม่เชือ ท่านอาสองจะถามให้มากความไปทําไมหรื อ ? รอให้ท่านย่าฟื นขึนมาก่อน ท่านอา
สองค่อยถามนางเองก็แล้วกันเจ้าค่ะ”

ท่าทางตรงไปตรงมาของมู่หรงเสวีย ทําให้มู่หรงเจียนแววตาวูบไหวไปด้วยความมืดมิด สะบัดแขนเสื อหมุนกาย


หันหลังเดินไปทีจวนเจินกัวโหวโดยไม่หันกลับไปมองนางอีก ทิงไว้เพียงแต่คาํ สังอันแสนเยือกเย็น “เจ้าไปที
ศาลซุ่ นเทียน ไปบอกว่าฮูหยินเฒ่าแห่ งจวนเจินกัวโหวถูกคนชัวทําร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ขอให้ใต้เท้าหลิน
สื บหาตัวคนร้าย......”
มู่หรงเสวียยิมเยาะ ยกเอาศาลซุ่นเทียนมาขู่นาง ช่างไม่รู้เรื องรู ้ราวเอาเสี ยเลย ถ้าหากแซ่ ตกู ้ ล้าฟ้ องร้องนาง นางก็
จะบอกเรื องทีแซ่ ตูจ้ า้ งคนมาสังหารนาง ดูสิว่าสุ ดท้ายใครจะเป็ นคนทีโชคร้ายกัน !

แซ่ ตูไ้ ด้รับบาดเจ็บเมือตอนช่วงเช้า ยามพบคําก็ถูกแซ่ โจวพบเข้า คาดว่าคงรอดตายแล้ว คนชัวนันช่างตาย


ยากเย็นยิงนัก ดูท่าคําทีว่าคนชัวมักจะอายุยนื คงเหมาะสมกับคนอย่างนางทีสุ ดแล้ว......

“น้องเล็ก !” มู่หรงเย่ตืนจากภวังค์ มองไปทีมู่หรงเสวียด้วยความตืนตระหนกและท่าทีเป็ นห่ วง แต่ไหนแต่ไรมา


ท่านย่าก็เห็นน้องเล็กขัดตามาโดยตลอด ชอบหาเรื องลําบากให้กบั นาง น้องเล็กไม่ใช่คนหัวอ่อนทีจะยอมถูก
กระทําโดยง่าย เพราะความโมโหจึงอาจจะทุบตีท่านย่า เช่นนันก็น่าจะเป็ นไปได้......

มู่หรงเสวียไม่ใส่ ใจ “ไม่ตอ้ งกังวลไป ข้าไม่เป็ นอะไรหรอก......”

“พวกเจ้าเป็ นฝาแฝดกันจริ งหรื อ ทําไมโตมาแล้วไม่เหมือนกันล่ะ ?” มู่หรงจีมองไปทางมู่หรงเสวียด้ายท่าทาง


หยิงยโส แล้วค่อยหันไปมองทางมู่หรงเย่ดว้ ยท่าทางเปรี ยบเทียบอย่างอวดดี ท่าทีอย่างดูถูกแฝงไปด้วยความมีเลศ
นัย

ดวงหน้าเรี ยวเล็กของมู่หรงเสวียเรี ยบเฉย นางไม่มีจิตใจจะไปสนใจมู่หรงจี แต่มู่หรงจีกลับทําตัวเป็ นกาวติดหนัง


วัวคิดร้ายกับพวกนางไม่ยอมรามือ ไม่ว่าจะสลัดอย่างไรก็ไม่ปล่อย ถ้ายังขืนเป็ นเช่นนี อีกก็อย่าหาว่านางไม่
เกรงใจก็แล้วกัน “พวกเราคนหนึ งหน้าตาเหมือนพ่อ อีกคนหน้าตาเหมือนแม่ รู ปลักษณ์ของพวกเราทังสอง
แน่นอนว่าย่อมไม่เหมือนกัน แต่กลับกันเจ้ามู่หรงจี โตมาไม่เหมือนทังพ่อทังยังไม่เหมือนแม่......”
มู่หรงจีชะงักไป ดวงหน้าของเขาแดงกํา กล่าวเน้นทีละคํา “ข้าหน้าเหมือนท่านลุงของข้า หลานชายคล้ายลุงไม่
เคยได้ยนิ รึ ไง ?”

“จริ งหรื อ ? แต่ทีผูค้ นรู ้กนั ลูกชายของต้าหลีซื อเส่ าชิงร่ างกายอ่อนแอจนตายไปตอนห้าขวบ เจ้าตอนอายุสิบสี กับ
เขาตอนอายุหา้ ขวบกลับคล้ายคลึงกัน ช่างน่าประหลาดใจยิงนัก......” มู่หรงเสวียปรายตามองเขาอย่างเฉยเมย
หางตาเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยดูถูก

มู่หรงจีเกรี ยวกราดขึนมาทันที กล่าวขึนอย่างติด ๆ ขัด ๆ “ใบหน้าของข้าคล้ายท่านตา......ท่านลุงเป็ นลูกของท่าน


ตา......แน่นอนว่าหน้าตาก็ตอ้ งคล้ายกับท่านตา......ดังนันข้าก็เลยคล้ายกับท่านลุง......”

“แค่ก แค่ก !” ไฉจินไอขึนอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ ตัดบทคําพูดทียิงพูดยิงมัวซัวของเขา “คุณชาย ฮูหยินเฒ่า


บาดเจ็บสาหัส ท่านรี บไปดูหน่ อยเถิดขอรับ !”

“ตกลง พวกเราไปกันเถอะ อย่าไปสนใจคนน่าเบือสองคนนีเลย !” มู่หรงจีหมุนกายหันหลังกลับอย่างอวดดี ก้าว


ยาว ๆ ไปทางจวนเจินกัวโหวอย่างอวดเบ่ง

“ท่านพี พวกเราก็กลับกันเถอะเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียแววตาลึกลํา ปิ ศาจตัวร้ายล้วนเข้าไปในจวนโหวหมดแล้ว


แน่นอนว่าพวกนางเจ้าของจวนทังสองคนควรกลับไปด้วย
“ตกลง !” มู่หรงเย่พยักหน้า ค่อย ๆ เดินไปทีจวนโหว

“ท่านลุงฮุยล่ะ ?” มู่หรงเสวียกวาดตามองไปโดยรอบ ไม่เห็นแม้เงาร่ างของท่านลุงฮุย เขาไปค่ายทหารกับมู่หรง


เย่ ตอนนี มู่หรงเย่อยูท่ ีนี เขาก็น่ากลับมาแล้วสิ

“เขาไปช่วยข้าเก็บข้าวของทีจําต้องเป็ นต้องใช้ในค่ายทหารน่ ะ” มู่หรงเย่พดู ขึน

มู่หรงเสวียพยักหน้า ท่านลุงฮุยเคยอยูท่ ีกองทัพ เขาน่ าจะรู ้ดีวา่ สิ งของอะไรทีเหล่าทหารจําเป็ นต้องใช้ในค่าย


ทหาร......

มู่หรงเสวียค่อย ๆ เดินเข้าไปในจวนโหวอย่างไม่เร่ งรี บ นางเห็นคนงานสิ บกว่าคนกําลังยกหี บใบใหญ่เจ็ดแปด


หี บไปทีห้องหนังสื อ จึงขมวดคิวขึนเล็กน้อย “พวกเจ้ากําลังทําอะไร ?”

ไฉจินเดินขึนมา กล่าวพลางยิมตาหยี “เรี ยนคุณหนูใหญ่ ในหี บล้วนบรรจุไปด้วยหนังสื อตํารา นายท่านสองสัง


การให้ขา้ น้อย เอาหนังสื อไปไว้ทีห้องหนังสื อใหญ่ จะได้สะดวกต่อการศึกษาของท่านโหวน้อย(ยศทีใช้เรี ยกมู่
หรงเย่)......”

“ขอบคุณท่านอาสองในความหวังดี ในห้องหนังสื อก็ลว้ นเก็บหนังสื อไว้มากมายแล้ว ท่านพีของข้าอ่านไปสิ บปี


ก็อ่านไม่หมด ของพวกนีเป็ นของส่ วนตัวของท่านอาสอง แน่นอนว่าจะต้องลําค่า เอาไปไว้ทีห้องหนังสื อของ
ท่านอาสองเถอะ” มู่หรงเสวียกล่าวด้วยนําเสี ยงเย็นชา
มู่หรงเย่ไปอยูท่ ีค่ายทหาร สามถึงห้าปี นี คงได้มีโอกาสกลับจวนโหวน้อยมาก จะเอาเวลาทีไหนไปเข้าห้อง
หนังสื อ มู่หรงเจียนเอาหนังสื อตําราไปไว้ทีห้องหนังสื อเช่นนี เป็ นเพราะอยากใช้ขอ้ อ้างทีจะได้เข้าออกห้อง
หนังสื อบ่อย ๆ พอนานวันเข้า ผูค้ นก็จะคิดว่าห้องหนังสื อห้องนีเป็ นของเขา

ค่อย ๆ แย่งชิงห้องหนังสื อไปอย่างเงียบเชียบ และขณะเดียวกันก็คอ่ ย ๆ เลือนฐานะของตนในสายตาของผูค้ น


โดยทีไม่มีใครรู้เนือรู ้ตวั มู่หรงเจียนช่างเป็ นจิงจอกเฒ่าทีเจ้าเล่ห์ยงนั
ิ ก!

ไฉจิงไม่แม้แต่ใส่ ใจ “ทีนี เป็ นห้องหนังสื อของจวนโหว หนังสื อตําราวางไว้ทีไหน ก็คงไม่ต่างกัน......”

“ต่างกันแน่......” มู่หรงเสวียเร่ งพูดขึนทันทีอย่างไม่เกรงใจ “ห้องหนังสื อห้องนี เป็ นห้องหนังสื อทีเจินกัวโหวใช้


โดยเฉพาะ ใช้ได้เพียงเจินกัวโหวเท่านัน ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเข้าไปด้านในได้ ตอนนี มู่หรงเย่เป็ นเจินกัวโหว
ห้องหนังสื อห้องนี ก็ตอ้ งเป็ นของมู่หรงเย่ ท่านอาสองเป็ นผูใ้ หญ่ แต่ไม่ได้เป็ นเจินกัวโหว เขาไม่สามารถเข้าออก
ห้องหนังสื อได้อย่างพลการ ของของเขาก็ไม่มีสิทธิ ทีจะเอาไปไว้ขา้ งใน”

มู่หรงเสวียจ้องมองไฉจิน พลางกล่าวเน้นทีละคํา “ข้าจําได้วา่ ตอนทีท่านปู่ ยังมีชีวิตอยู่ เจ้าก็อยูใ่ นจวนเจินกัวโหว


แล้ว ถือได้ว่าเป็ นคนเก่าคนแก่ของจวนโหว กฎข้อนี ก็เป็ นท่านปู่ ของข้าทีเป็ นคนตังขึนมา เจ้าก็ยอ่ มรู ้ดีไม่ใช่หรื อ
?”
ใบหน้าเหี ยวย่นของไฉจินค่อย ๆ เปลียนเป็ นสี แดงกํา คุณหนูใหญ่ผนู ้ ี ช่างเขียวลากดินยิงนัก แค่วาจาไม่กีคํา กลับ
ทําให้เขาไม่เหลือวาจาใดทีจะใช้โต้ตอบแล้ว “ชันวางหนังสื อของนายท่านสองล้วนเต็มแล้ว ใส่ หนังสื อเพิม
ไม่ได้แล้ว......”

“เช่นนันก็ขยายห้องหนังสื อ เพิมชันหนังสื อเข้าไปเสี ยสิ ตระกูลมู่หรงไม่เคยให้ลูกหลานลําบาก แต่บรรดา


ลูกหลานก็ตอ้ งจําเอาไว้อย่างหนึ งว่า ควรรู ้ฐานะของตน และไม่ควรอยากได้สิงของทีไม่ใช่ของตนเอง......”
ถ้อยคําท้าย ๆ มู่หรงเสวียเน้นยําเสี ยงเป็ นพิเศษ นําเสี ยงเย็นชาคล้ายนําแข็งทะลุเข้าไปในใจของไฉจิง เม็ดเหงือผุด
ขึนเต็มหน้าผากของเขา “ข้าน้อยจะจดจําคําพูดของคุณหนูใหญ่เอาไว้ให้ขนใจขอรั
ึ บ !”

มู่หรงเสวียตอบรับเฉยชา “นําเอาพวกหนังสื อตําราพวกนี ไปไว้ทีห้องหนังสื อของท่านอาสองเสี ย ทีนีเป็ นห้อง


หนังสื อของเจินกัวโหว พวกเจ้าไม่มีธุระอะไรก็อย่าได้เข้ามาวุ่นวาย ถ้าหากเจอท่านอาสอง เจ้าจะเอาคําพูดของ
ข้าไปบอกกับเขาก็ได้นะ ข้าไม่สนใจ !”

ไฉจิงยิมแห้ง ๆ อย่างไม่เป็ นธรรมชาติ แววตาเต็มไปด้วยความหนักใจ คุณหนูใหญ่ท่านนี ช่างไม่ธรรมดานัก


นายท่านสองอยากจะแย่งชิงตําแหน่งโหว ดูท่าคงลําบากไม่นอ้ ยแล้ว !

เมือมองไปทีเงาร่ างของพวกไฉจิงทีจากไป มู่หรงเย่ก็มองไปทีมู่หรงเสวียด้วยแววตานับถือ “น้องเล็ก เจ้าช่าง


เก่งกาจยิงนัก !”

เพียงเขาเห็นพวกหนังสื อตําราพวกนันก็พอจะเดาเจตนาของท่านอาสองออกแล้ว ในขณะทีเขายังคิดวิธีทีจะ


รับมือไม่ได้ แต่นอ้ งเล็กกลับจัดการไล่คนไปก่อนเสี ยแล้วนี
มู่หรงเสวียเพียงยิมบางเบา “เรื องเล็กน้อยเช่นนี เจ้าอย่าได้กล่าวชมเลย นี ฟ้ าก็มืดแล้ว เจ้ารี บไปรับสํารับแล้ว
พักผ่อนเสี ยเถอะ พรุ่ งนีจะต้องไปค่ายทหารแต่เช้า อย่าได้ไปสายเป็ นอันขาด”

“ข้ารู ้ เช่นนันข้ากลับห้องก่อน เจ้าก็รีบพักผ่อนเสี ยล่ะ !” มู่หรงเย่พยักหน้าเดินไปตามทางเดินหิ น เร่ งเดินไปที


เรื อนของตน

มู่หรงเสวียมองไปยังทิศทางของเรื อนหยก ยกยิมมุมปากอย่างเย็นชา แซ่ ตูไ้ ด้รับการรักษาจากหมอ อีกไม่นานก็


น่าจะฟื นแล้ว ถ้าหากคิดไม่ผิด เมือนางฟื น สิ งแรกทีนางจะทําคงเป็ นการใส่ ไฟนางให้ม่หู รงเจียนฟั ง บอก
ความผิดของนางและให้ม่หู รงเจียนแก้แค้นแทนนางแน่......
ตอนที 78 มู่หรงเจียนวางแผนร้ าย
ความมืดมิดมาเยืยน แต่โคมไฟของเรื อนหยกยังคงสว่างไสว

ร่ างกายของแซ่ ตูไ้ ด้รับบาดเจ็บ นอนอยูบ่ นเตียงหรู หราในห้องด้านใน ทัวทังร่ างถูกพันไปทัวดูคล้ายกับบ๊ะจ่าง


ใบหน้าทีเขียวข้าง ม่วงข้าง ริ มฝี ปากซี ดขาวไร้สีเลือด ขนลุกชันไปทัวทังร่ าง นางค่อย ๆ ลืมตาขึน มองไปที
ผ้าม่านสี เขียวอมฟ้ าทีแสนคุน้ เคย ยังคงสะลึมสะลือเล็กน้อย

“ท่านแม่ ท่านฟื นแล้ว !” นําเสี ยงเรี ยกทีคุน้ เคยดังเข้าหู แซ่ ตชู ้ ะงักไป เมือค่อย ๆ หันไปมอง ก็พบเข้ากับดวงหน้า
หล่อเหลาของมู่หรงเจียนทีอยู่ใกล้ ๆ เพียงพริ บตาเดียวดวงตาของนางก็ไหลริ นไปด้วยหยาดนําตาแห่ งความปิ ติ
ยินดี “เจียนเอ๋ อร์ เจ้ากลับมาแล้ว !”

มู่หรงเจียนพยักหน้าหนัก ๆ พลางกล่าวเน้นทีละคํา “ลูกกลับมาแล้ว จะไม่จากไปอีกแล้ว ท่านแม่ ทําไมท่านถึง


บาดเจ็บหนักขนาดนี ได้ ?”

ตอนทีแซ่ โจวเข้ามา ท่านแม่ก็ได้รับบาดเจ็บจนสลบไปไม่ได้สติ สาวใช้ของเรื อนหยกต่างก็อาอึ


ํ ง พูดไม่ชดั เจนว่า
เกิดอะไรขึน

“เจ้าคนชันตํามู่หรงเสวียนันทุบตีขา้ ” เมือนึ กถึงภาพของมู่หรงเสวียทีทังเตะทังต่อยนางอย่างไร้ความปรานี แซ่ ตู ้


ก็กดั ฟันกรอดอย่างเกลียดชัง บอกกล่าวเล่าความเป็ นมาของเรื องราวทังหมดพร้อมทังใส่ ไฟไปไม่นอ้ ย นางกล่าว
ขึนอย่างเจ็บใจ “เจ้าเร่ งให้พวกทหารยามจับตัวมู่หรงเสวียมา โบยนางให้หนัก จัดการนางแทนข้า !”
ในหัวของมู่หรงเจียนปรากฎภาพใบหน้าทีไม่เกรงกลัวของมู่หรงเสวีย แววตาคมกริ บหรี ลง “มู่หรงเสวียฉลาด
มาก นางกล้าตีท่านอย่างไม่ยงมื
ั อเช่นนี แน่ นอนว่าคงเตรี ยมการรองรับเอาไว้แล้ว ถ้าพวกเราส่ งคนออกไปตอนนี
ไม่เพียงแต่ไม่สามารถสังสอนนางได้ แต่ทงยั
ั งจะซวยกันไปด้วย”

ย่าเลียงสังคนให้ไปสังหารหลานเลียง หลานเลียงจึงอดรนทนไม่ไหว ทุบตียา่ เลียง ถ้าเรื องราวเช่นนี ถูกป่ าว


ประกาศออกไป ท่านแม่กจ็ ะโดนผูค้ นต่อว่าวิพากษ์วิจารณ์ สาปแช่ง มู่หรงเสวียถึงแม้จะโดนผูค้ นต่อว่า แต่ว่าคน
ส่ วนมากก็จะเห็นใจและสงสารนาง......

“เช่นนันจะให้ทาํ อย่างไร ? เจ้าจะปล่อยนางไปโดยไม่ทาํ อะไรเช่นนี หรื อ ?” แววตาของแซ่ ตลู ้ ุกโชนไปด้วยความ


โกรธและไม่พอใจ

“แน่นอนว่าไม่ใช่” มู่หรงเจียนแววตาคมกริ บ “ลูกกลับมาเมืองหลวงแล้ว มีโอกาสมากมายให้สงสอนมู


ั ่หรงเสวีย
ไม่จาํ เป็ นต้องเร่ งรี บ......”

“นายท่านสอง !” ไฉจิงยืนอยูด่ า้ นนอก ส่ งเสี ยงเรี ยกอย่างเบา ๆ

มู่หรงเจียนตอบรับบางเบา “เรี ยบร้อยหรื อไม่ ?”


“เรี ยนนายท่านสอง แผนการถูกคุณหนูใหญ่ทาํ ลายลงแล้ว หีบหนังสื อทังหกหี บไม่สามารถเอาเข้าไปในห้อง
หนังสื อใหญ่ได้ขอรับ......” ไฉจิงกล่าวเสี ยงตํา แอบมองสี หน้าของมู่หรงเจียนเป็ นระยะ ๆ

ดวงตาคมกริ บของมู่หรงเจียนหรี เล็กลง มู่หรงเสวียช่างร้ายกาจยิงนัก ยากจะต่อกร !

เขาส่ งตําราหนังสื อเข้าห้องหนังสื อใหญ่ ก็เพราะต้องการจะดูเชิงเล็ก ๆ น้อย ๆ ถ้าสามารถจะเปิ ดทางให้เขาเข้า


ใกล้ตาํ แหน่งโหวได้กจ็ ะเป็ นการดีทีสุ ด แต่หากทําไม่ได้กไ็ ม่เป็ นไร เขาได้กลับมาเมืองหลวง กลับมาทีจวน
เจินกัวโหวแล้ว ยังมีเวลาอีกมากมายทีจะจัดการกับมู่หรงเย่

“นางมู่หรงเสวียเจ้าคนชันตํา ! ช่างเป็ นตัวหายนะของพวกเราสามคนแม่ลูกเสี ยจริ ง นางส่ งน้องสาวของเจ้าเข้าคุก


ทังยังทุบตีขา้ จนบาดเจ็บสาหัส และยังขัดขวางการเป็ นเจินกัวโหวของเจ้า ช่างชัวร้ายยิงนัก ถ้าหากไม่สับนางให้
เป็ นชิน ๆ ข้าก็ไม่อาจจะสงบใจได้......”

ใบหน้าของแซ่ ตูเ้ ต็มไปด้วยความเกรี ยวกราด และเพราะไม่ระวังจึงกระทบกระเทือนเข้ากับแผล เจ็บปวดจนต้อง


สูดหายใจลึก ๆ ในใจเกลียดชังมู่หรงเสวียจนถึงทีสุ ด

มู่หรงเจียนพยุงนางให้ลม้ ตัวนอนลงดี ๆ กล่าวเสี ยงตําว่า “ท่านแม่ ท่านบาดเจ็บหนัก พักผ่อนให้มากเสี ยหน่ อย


เถอะ มู่หรงเสวียมู่หรงเย่สองคนนันให้เป็ นหน้าทีของข้าไปจัดการเอง”

แววตาของแซ่ ตเู ้ ปล่งประกาย มองไปทีมู่หรงเจียนด้วยสายตาวูบไหว “เจ้าคิดวิธีทีจะจัดการพวกมันออกแล้ว ?”


“คิดออกแล้วขอรับ” มู่หรงเจียนพยักหน้าแววตาคมกริ บเปล่งประกายอย่างอํามหิ ต

ท้องฟ้ ายามรุ่ งอรุ ณ มู่หรงเสวียลุกจากเตียง อาบนํา หลังจากทีรับสํารับอย่างง่าย ๆ แล้ว ก็เร่ งเดินออกจากจวน


หิ มะโปรยเลาะไปตามทางเดินหิ นมาถึงทีหน้าประตูจวนโหว

ด้านนอกประตูจวนเต็มไปด้วยม้าเร็ วห้าตัว มู่หรงเจียน มู่หรงจี มู่หรงเย่ เก๋ อฮุย ไฉจิง จํานวนห้าคน แต่ละคนจูง
ม้าหนึงตัว

มู่หรงเสวียกวาดมองเพียงพริ บตาก็หาเก๋ อฮุยเจอ เนืองจากเขาเป็ นคนทีอยูใ่ นทะเลทรายเป็ นระยะเวลานาน ทําให้


กลินไอของความเด็ดขาดเปล่งออกมาจากตัวเขาอย่างโดดเด่น ใบหน้าเรี ยบเฉยไร้ซึงรอยยิม ต่างทําให้ผคู ้ นเกรง
กลัว “ท่านลุงฮุย !”

เก๋ อฮุยหันหน้ามา เมือเห็นมู่หรงเสวีย แววตาก็เปล่งประกายด้วยความประหลาดใจ “คุณหนูใหญ่ !”

มู่หรงเจียนมองไปทีมู่หรงเสวีย แววตาของเขาคมกริ บหรี ลงเปล่งประกายด้วยความหมายบางอย่าง เร็ วเสี ยจนคน


มองไม่ทนั ......

“น้องเล็กทําไมเจ้าถึงตืนเช้าเล่า ?” แววตาของมู่หรงเย่เต็มไปด้วยความแปลกใจ ในความคิดของเขา มู่หรงเสวีย


เป็ นคนทีกลัวความหนาว ถ้าพระอาทิตย์ยงั ไม่ขึนนางจะไม่มีทางลุกจากเตียง
“ข้ามาส่ งท่านไปค่ายทหาร !” มู่หรงเสวียเผยรอยยิมสดใส มู่หรงเจียนจ้องทีจะอยากได้ตาํ แหน่งเจินกัวโหว เขา
สามารถทีจะลงมือสังหารมู่หรงเย่ได้ตลอดเวลา ครังนี มู่หรงเจียน มู่หรงจีเดินทางไปพร้อมกับมู่หรงเย่ ถึงแม้ว่า
จะมีเก๋ อฮุยไปด้วย แต่นางก็ยงั ไม่ค่อยวางใจนัก

มู่หรงเย่มองไปทีมู่หรงเสวียพลางเลิกคิวเบา ๆ “ตอนนี ยังเช้าตรู่ อากาศยังหนาวยิงนัก เจ้าร่ างกายไม่แข็งแรง ถ้า


หากต้องเดินทาง เจ้าต้องเป็ นไข้จากความเย็นแน่......”

มู่หรงเสวียไม่สนใจ “มิตอ้ งกังวล ข้าไม่ได้อ่อนแอบอบบางเช่นนันหรอก.....”

“อยากจะแสดงความรักใคร่ ระหว่างพีน้องก็กรุ ณาดูเวลาด้วย และค่ายทหารก็มีกฎข้อห้ามว่าหญิงสาวห้ามเข้าไป


ข้างใน ถ้าหากเจ้ากล้าก้าวไปในค่ายทหารแค่ครึ งก้าว คงจะโดนโยนออกมาแทบไม่ทนั !” มู่หรงจีเลิกคิวมองไป
ทีมู่หรงเสวีย แววตาเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยดูถูก

มู่หรงเสวียปรายตามองเขา พลางกล่าวเน้นทีละคํา “ข้าไม่ได้ตอ้ งการทีจะเข้าค่ายทหาร แค่จะไปส่ งท่านพีแค่ที


ประตูคา่ ยเท่านัน เสร็จแล้วข้าก็กลับ”

นําเสี ยงเยาะเย้ยทีไม่ปิดบังลอยเข้าหู ดวงหน้าของมู่หรงจีแดงกํา แววตาวูบไหวไม่เป็ นธรรมชาติ กล่าวขึนด้วย


อารมณ์ทีคุกรุ่ น “การเดินทางไปค่ายทหารครังนี มีระยะทางไกล ม้าของพวกเราก็ไม่สามารถรับคนเพิมได้อีก เจ้า
ขีม้าเป็ นหรื อ ?”
“เกิดเป็ นคนตระกูลมู่หรง จะขีม้าไม่เป็ นได้อย่างไร ? ม้าของข้าก็ลว้ นตะเตรี ยมเอาไว้เรี ยบร้อยแล้ว” มู่หรงเสวีย
กล่าวอย่างเรี ยบเฉย มองไปด้านในของจวน เห็นบ่าวไพร่ ผหู ้ นึงกําลังจูงม้าเร็ วสี นาตาลอมแดงออกมา
ํ ดวงตาของ
มันดูคมกริ บแค่มองก็รู้ว่าเป็ นม้าดีตวั หนึง

มู่หรงเสวียรับเอาสายลากจูงพลิกตัวขึนหลังม้า ท่าทางคล่องแคล่วจนผูค้ นต้องตกตะลึง

“เวลาก็สายไปมากแล้ว พวกเราไปกันเถอะ !” มู่หรงเสวียกล่าวยิม ๆ เพียงกระตุกขาทังสองข้าง ม้าเร็ วก็พ่งุ ตัว


ออกไปดังลูกธนู พุ่งออกไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ ว

“น้องเล็กรอข้าด้วย !” มู่หรงเย่ตะโกนเรี ยกนําเสี ยงร่ าเริ ง รี บขึนม้าเร่ งตามมู่หรงเสวียไป

เก๋ อฮุยก็พลิกกายขึนม้าพุ่งตามทังสองคนไปด้วยความรวดเร็ วเช่นกัน

เมือมองไปทีเงาร่ างของทังสามคนทีค่อย ๆ ไกลออกไป แววตาคมกริ บของไฉจินก็หรี เล็กลง “นายท่านสอง ทํา


อย่างไรดีขอรับ ?”

มู่หรงเจียนนิงไปครู่ หนึง แล้วกล่าวด้วยเสี ยงตํา “ดําเนินการตามแผนเดิม !”


มู่หรงเสวียก็เพียงแค่ฉลาดเท่านัน อาศัยแต่แผนการต่าง ๆ นา ๆ แต่ถา้ พอได้อยูต่ ่อหน้าผูม้ ีวรยุทธแล้ว นางก็แค่
ผูห้ ญิงไร้คา่ ผูห้ นึง เขาอาศัยเวลาทังคืนถึงจะคิดแผนการดี ๆ เช่นนี ออกมาได้ แน่นอนว่าไม่มีทางล้มเลิกเพราะแค่
การปรากฏตัวของมู่หรงเสวียเพียงคนเดียวหรอก

“ขอรับ !” ไฉจินพยักหน้า พลิกตัวขึนม้า ตามมู่หรงเสวีย มู่หรงเย่ และเก๋ อฮุยสามคนไปพร้อมกับมู่หรงเจียน


และมู่หรงจีสองพ่อลูก

ท้องฟ้ าทิศตะวันออกค่อย ๆ สว่างไสว ม้าเร็ วทังหกตัวต่างวิงทะยานไปตามท้องถนนทีเงียบสงบ แผนการชัวร้าย


แผนหนึงค่อย ๆ เริ มต้นขึน......
ตอนที 79 ม้ าพยศ
ท้องฟ้ ายามเช้าตรู่ ถนนหลวงด้านนอกเมืองก็ยงั คงเงียบสงบและว่างเปล่าไร้ผคู ้ น พวกมู่หรงเย่ขีม้าทะยานออกไป
อย่างรวดเร็ วโดยไม่ตอ้ งระมัดระวังผูค้ น จนฝุ่ นควันฟุ้ งกระจาย

มู่หรงเย่มองไปทีมู่หรงเสวียทีขีม้าขนาบอยูด่ า้ นข้างของเขา แววตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจพลางกล่าวขึน


ว่า “น้องเล็ก ข้าไม่รู้มาก่อนเลยว่าเจ้าจะขีม้าเก่งเช่นนี ไปเรี ยนกับใครมาหรื อ ?”

“จะคิดว่าเรี ยนกับพวกทหารยามก็คงได้ ข้าเห็นพวกเขาขีม้าแล้วดูองอาจสง่างาม ก็เลยลองขีอยูใ่ นจวนเสี ยหลาย


ี นเสี ยแล้ว” มู่หรงเสวียหาข้ออ้างแบบขอไปที เกิดเป็ นผูส้ ื บทอดของตระกูลมู่หรงใน
ครัง ไม่ทนั รู ้ตวั ก็ขเป็
ศตวรรษที 21 นัน การขีม้าถือเป็ นหนึ งในวิชาบังคับ คะแนนการสอบขีม้าของนางยังคงอยูใ่ นระดับดีเยียมอีกด้วย

“ขีไปขีมาก็เป็ นเลยหรื อ ? น้องเล็กเจ้าจะเก่งเกินไปแล้ว” แววตาของมู่หรงเย่เต็มไปด้วยความชืนชม “แต่ขา้ ทีมี


ท่านลุงฮุยคอยชีแนะ กลับใช้เวลาตังเดือนครึ ง ถึงจะพอถูไถขีม้าได้สองรอบ......”

มู่หรงเสวียยิมแหย ๆ “ตอนนันเจ้าอายุยงั น้อย การเรี ยนรู ้สิงต่าง ๆ ย่อมต้องอาศัยเวลาบ้าง ข้าเรี ยนขีม้าเมือหนึงปี


ก่อน อายุกน็ บั ว่ามากแล้ว การเรี ยนรู ้สิงต่าง ๆ ก็ยอ่ มเร็ วมากไปด้วย......”

“อย่าได้พดู เรื องไร้สาระให้มนั มากความ มู่หรงเย่ การขีม้าของเจ้าก็ดูไม่เลว สนใจจะแข่งกันสักตาหรื อไม่” มู่หรง


จีพูดตัดบทสนทนาของมู่หรงเย่ดว้ ยความรําคาญ แววตาเต็มไปด้วยความท้าทาย
แววตาของมู่หรงเย่เคร่ งขรึ ม เขากล่าวเสี ยงตํา “วันนีเป็ นวันแรกทีข้าไปค่ายทหาร ไม่ตอ้ งการให้มีอะไรมาขัด ไว้
คราวหลังพวกเราค่อยแข่งกันก็ยงั ไม่สาย”

มู่หรงจีหัวเราะขึนอย่างดูหมินแล้วกล่าวว่า “พวกเราก็ตอ้ งขีม้าไปค่ายทหารอยูแ่ ล้ว การแข่งขีม้าก็แค่ให้มา้ วิงเร็ ว


ขึนเท่านัน ถึงค่ายทหารได้เร็ วยิงขึน ไหนจะมีอะไรมาขัดอย่างทีเจ้าพูด สําหรับข้าเจ้าก็เหมือนกับคนขีขลาดขีแพ้
จริ ง ๆ แล้วคงไม่กล้าประลองเสี ยมากกว่า”

ใบหน้าหล่อเหลาของมู่หรงเย่แดงกํา “ใครจะไปกลัวแพ้กนั แข่งก็แข่งสิ เชียะ !” เขาพูดขึนด้วยความโมโห ตีไป


ทีคอม้าอย่างแรง เพียงพริ บตาเดียวม้าก็เพิมความเร็ วคล้ายกับลูกศรแสง พุ่งทะยานออกไปด้านหน้า แค่พริ บตาก็
ทิงห่ างผูค้ นทีอยูด่ า้ นหลังเสี ยแล้ว......

เมือมองไปทีเงาร่ างของมู่หรงเย่ และมู่หรงจีทีค่อย ๆ ไกลออกไป มู่หรงเสวียก็ส่ายหัวเบา ๆ แววตาของนางลําลึก


มู่หรงจีเป็ นลูกของมู่หรงเจียน ต่อไปคงจะช่วยมู่หรงเจียนจัดการกับมู่หรงเย่แน่

แต่ม่หู รงเย่ไม่ได้มีความคิดทีสลับซับซ้อนอะไรมากนัก เพียงแค่ถูกมู่หรงจียัวให้โมโหด้วยคําพูดแค่ไม่กีคํา ก็


ตอบตกลงแข่งม้าเสี ยแล้ว เขาทีเป็ นเช่นนีจะสามารถเป็ นคู่ปรับกับมู่หรงเจียนสองพ่อลูกได้อย่างไร เขาจะต้อง
ฝึ กฝนตัวเองให้แข็งแกร่ งขึน เร่ งเติบโตขึนถึงจะเป็ นทางทีดีทีสุ ด......

“เจ้าม้า...เจ้าม้า...นีเจ้าจะวิงไปทีไหน ?......” เสี ยงต่อว่าร้อนรนลอยเข้าหู มู่หรงเสวียหลุดออกจากภวังค์ เงยหน้า


ขึนมองไป ก็เห็นว่าม้าเร็ วของมู่หรงเย่เกิดอาการพยศ พุ่งออกจากถนนหลวงไป พุ่งทะยานไปบนถนนดินที
ขรุ ขระราวกับไร้สติ.....
แววตาเย็นชาของนางหรี เล็กลง “นีมันเรื องอะไรกัน ?”

“ม้าเร็ วน่ าจะมีปัญหา ข้าน้อยไปช่วยคุณชายเองขอรับ !” แววตาของเก๋ อฮุยเย็นชาคมกริ บ แส้ในมือของเขาสะบัด


ออก ม้าเร็ วพุ่งออกจากถนนหลวงตามไปทางทีมู่หรงเย่จากไป

“ข้าก็จะไปช่วยเย่เอ๋ อร์ดว้ ย” มู่หรงเจียนพูดขึนเสี ยงสู ง บังคับม้าให้วิงไปทางมู่หรงเย่ แววตาวูบไหวด้วยความ


อํามหิต ถึงแม้จะเพียงแค่พริ บตาเดียว แต่ม่หู รงเสวียก็ทนั ทีจะเห็นสายตาของเขา นางยกยิมมุมปากอย่างเย็นชา
ทว่าบางเบา แต่กเ็ ต็มไปด้วยรอยยิมเยาะจนถึงทีสุ ด

นางนึ กว่าเขาจะใช้ชีวิตในเมืองหลวงไปสักพักก่อน รอให้อะไร ๆ ลงตัว แล้วค่อยวางแผนจัดการมู่หรงเย่อย่างช้า


มิคาดว่าพอกลับถึงเมืองหลวงได้เพียงสองวัน เขาก็ลงมือเสี ยแล้ว อีกทังยังวางแผนจัดการให้ม่หู รงเย่เกิดเรื องต่อ


หน้าผูค้ นมากมายเช่นนี เขาช่างใจกล้าบ้าบินยิงนัก อยากจะเป็ นเจินกัวโหวจนแทบทนไม่ไหวแล้วหรื อ !

“คุณหนูใหญ่ ท่านจะไปไหน ?” นําเสี ยงเข้มตําของผูช้ ายลอยเข้าหู มู่หรงเสวียปรายตามองไป ก็เห็นไฉจิงกําลังขี


ม้าเร็ ววิงตามมาทีด้านหลังของนาง คิวบางขมวดขึนกล่าวอย่างรําคาญ “ไร้สาระ ข้าก็ตอ้ งไปช่วยพีชายข้าน่ะสิ ”
ไฉจิงมิได้โมโหแต่อย่างใด เขาเพียงกล่าวขึนอย่างยิม ๆ “คุณหนูใหญ่ พืนทีด้านหน้าล้วนเป็ นเนิ นสู งตําไม่เท่ากัน
อีกทังยังขรุ ขระ ท่านเพิงเรี ยนขีม้ามาได้ไม่นาน อย่าไปเสี ยงอันตรายเลย มีนายท่านสองกับพ่อบ้านเก๋ อไปด้วย
จะต้องช่วยคุณชายกลับมาได้อย่างแน่ นอน......”

“ถ้าหากว่าเจ้าไม่มวั แต่พูดจาไร้สาระ ป่ านนี ข้าก็คงช่วยคนกลับมาได้แล้ว !” มู่หรงเสวียตอบกลับอย่างเย็นชา เร่ ง


ม้าให้พ่งุ ไปตามมู่หรงเย่ทนั ที

ไฉจิงหรี ตาลง แววตาของเขาวูบไหว บังคับม้าตามมู่หรงเสวียแล้วยืนมือไปแย่งชิงเชือกจูงม้าของนาง !

แววตาของมู่หรงเสวียเยียบเย็น นางสะบัดมือปั ดแขนของเขาออก มองไปทางเขาด้วยความเย็นชา “เจ้าจะทํา


อะไร ?”

หลังมือของไฉจิงถูกตีจนแดงและปูดบวมขึนมา เขาไม่สนใจกล่าวยิมตาหยี “นายท่านสองสังการข้าน้อยให้ดูแล


คุณหนูใหญ่ ข้าน้อยไม่อยากให้คุณหนูใหญ่ไปเสี ยงอันตราย......”

ดูแลนางหรื อขัดขวางไม่ให้นางไปช่วยมู่หรงเย่กนั แน่ !

“เรื องของข้า เจ้าไม่มีสิทธิมาวุ่นวาย ไสหัวไปให้พน้ !” มู่หรงเสวียสะบัดแส้ไปทีไฉจิงอาศัยจังหวะทีเขาเอนตัว


หลบ นางจับสายจูงแน่นแล้วควบม้าให้พ่งุ ทะยานไปทีมู่หรงเย่จากไป
ไกลออกไป นางเห็นม้าของมู่หรงเย่เดียววิงไปทางซ้ายทีทางขวาที ยิงนานเข้าก็ยงพยศหนั
ิ กกว่าเดิม ดูแล้วคงไม่มี
สติอย่างแน่นอน

มู่หรงเจียนกับเก๋ อฮุยต่างพุ่งตามเขาไป มู่หรงเจียนเป็ นคนทีเข้าถึงตัวของมู่หรงเย่ก่อน เขายืนมือออกไปพลางร้อง


ตะโกนเสี ยงดัง “เย่เอ๋ อร์ ม้าของเจ้าพยศแล้ว รี บยืนมือมาหาข้า !”

“ได้ !” มู่หรงเย่พดู ขึนด้วยอาการสันกลัว เอนกายไปจับแขนของมู่หรงเจียน สายตาก็เห็นเขาเอนตัวมาได้


ครึ งหนึง เมือพอสัมผัสโดนปลายนิ วของมู่หรงเจียนและทิงนําหนักตัวทังหมดไปทางด้านนัน ทันใดนันมู่หรงเจีย
นกลับดึงมือของตนกลับคืน

มู่หรงเย่ทีไม่ทนั ระวัง จึงเสี ยหลักตกลงห้อยไปทีข้างท้องม้า ตัวของเขากระแทกขึนลงไปตามความเร็ วในการพุ่ง


ทะยานของม้า ท่าทางทีดูเหมือนว่าสามารถตกลงมาได้ทุกเวลา

“คุณชาย !” เก๋ อฮุยร้องขึนเสี ยงดัง แววตาคมกริ บดังลูกธนูพุ่งตรงไปทีมู่หรงเจียน “รบกวนนายท่านสองหลีกทาง


ให้ขา้ น้อยช่วยคุณชาย......”

“อย่าพูดให้มากความ การขีม้าของข้าดีกว่าเจ้า ข้าจะช่วยเย่เอ๋ อร์ เอง !” มู่หรงเจียนตัดบทคําพูดของเขาด้วยความ


รําคาญ บังคับม้าให้เบียดไปทีเก๋ อฮุย ขัดขวางการช่วยเหลือมู่หรงเย่ของเขาอย่างสบาย ๆ

ไม่ว่าเก๋ อฮุยจะพุ่งเข้าไปกีครัง ล้วนถูกมู่หรงเจียนขัดขวางจนต้องถอยกลับมา ไม่สามารถพุ่งเข้าไปหามู่หรงเย่ที


ด้านหน้าได้ แววตาลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ “มู่หรงเจียนรี บหลีกทาง !”
ดวงหน้าของมู่หรงเจียนเคร่ งขรึ ม มองไปทีเก๋ อฮุย กล่าวเน้นทีละคํา “เก๋ อฮุย เจ้าเป็ นแค่คนรับใช้ของจวนเจินกัว
โหว ใครให้เจ้าอาจหาญเรี ยกชือของข้าตรง ๆ !”

ม้าพยศพุ่งทะยานไปด้วยความรวดเร็ ว มู่หรงเย่ห้อยอยูต่ รงท้องม้าแกว่งไปมา คล้ายกับใกล้จะตกลงมาเต็มที ใน


ใจของเก๋ อฮุยร้อนรนยิงนัก เขาไม่กล่าวให้มากความอีก สะบัดมือตีไปทีมู่หรงเจียน “หลีกไป !”

“เจ้ากล้าลงมือทําร้ายเจ้านาย เก๋ อฮุย เจ้าช่างบังอาจยิงนัก ! เจ้ากล้าอาจหาญถึงเพียงนี วันนีข้าจะสังสอนเจ้าให้


หลาบจํา !” ดวงตาของมู่หรงเจียนฉายแววอํามหิ ตเย็นชา ตังรับการโจมตีของเก๋ อฮุย ชัวขณะนัน สองคนทีอยูบ่ น
หลังม้าก็เกิดการปะทะกันอย่างรุ นแรงขึนมา......

มู่หรงเสวียยกยิมอย่างเย็นชา มู่หรงเย่กาํ ลังตกอยูใ่ นอันตราย แต่มู่หรงเจียนไม่รีบเร่ งทีจะช่วยเหลือ อีกทังยัง


ขัดขวางเก๋ อฮุยจนเกิดการปะทะกับเขา เพือให้เก๋ อฮุยไม่มีโอกาสทีจะได้เข้าช่วยเหลือ ช่างเป็ นแผนการทีสแยบยล
ยิงนัก ถ้าหากมู่หรงเย่ตกม้าลงมาตายจริ ง ๆ ก็ไม่สามารถเอาความผิดกับเขาได้แม้แต่น้อย

แต่ว่าน่าเสี ยดายนัก เขาคงจะต้องผิดหวังเสี ยแล้ว เก๋ อฮุยไม่สามารถแยกร่ างออกไปช่วยมู่หรงเย่ได้ แต่นาง


สามารถช่วยได้ !

ดวงตาของมู่หรงเสวียปรากฏแววเย็นชา บังคับม้าให้วิงผ่านเก๋ อฮุย และมู่หรงเจียน แล้วเร่ งตามมู่หรงเย่ไป......


ตอนที 80 วีรบุรุษช่ วยหญิงงาม (2)
“คุณหนูใหญ่ ระวัง !” เสี ยงร้องเตือนของไฉจิงดังขึนจากด้านหลัง เมือมู่หรงเสวียหันไปมองก็เห็นไฉจิงสะบัด
แส้ยาวออกมาตีเข้าทีหลังม้าของนางอย่างแรง ม้าเร็ วร้องขึนอย่างเจ็บปวด เร่ งฝี เท้าทังสี พุ่งทะยานออกไปด้วย
ความเร็ ว

“ไฉจิง เจ้าทําอะไร ?” มู่หรงเสวียตวาดเสี ยงดัง จับสายจูงแน่น แววตาเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก

“ข้าน้อยมาช่วยคุณหนูใหญ่......คุณหนูใหญ่ ระวัง ระวังขอรับ !” ไฉจิงแสร้งพูดขึนอย่างมีลบั ลมคมใน บังคับให้


ม้าเร่ งตามมู่หรงเสวีย ฟาดแส้ไปทีหลังของม้าเร็ วของนางอย่างไม่ยงมื
ั อ สายตาทีมองนางเต็มไปด้วยความอวดดี
และโหดเหียม

ตีหลังม้าของนาง ให้มา้ ของนางพุ่งทะยานออกไปเหมือนกับม้าพยศ นี คือวิธีการช่วยเหลือนางอย่างนันหรื อ ?


เห็น ๆ อยูว่ ่าเขากําลังทําร้ายนาง อยากให้นางพะว้าพะวง ไม่สามารถไปช่วยเหลือมู่หรงเย่ได้ !

ิ สินะ มู่หรงเจียนจะได้มีศตั รู นอ้ ยลงไปหนึงคน !


ถ้าเกิดนางจับสายบังคับม้าไม่แน่นพอ จนตกม้าตายไปก็ยงดี

ช่างเป็ นแผนการทีฉลาดหลักแหลมและโหดเหี ยมยิงนัก คงมีเพียงคนใช้ชนตํ


ั าเฉกเช่นไฉจิงเท่านันทีจะคิดอะไร
เช่นนี ออกมาได้ ถ้าเขาอยากรนหาทีตายขนาดนัน ตัวนางก็จะเติมเต็มความปรารถนาของเขาเอง
มู่หรงเสวียสะบัดมือออก เข็มเงินสามสายพุ่งออกไป แทงเข้าไปทีก้นม้าของไฉจิงอย่างแรง ม้าเร็ วรู ้สึกเจ็บปวด
ร้องโหยหวนออกมาเสี ยงดัง พร้อมทังพุ่งทะยานออกไปด้านหน้า

ไฉจิงทีไม่ทนั ระวังตัวก็ถูกกระแทกไปมาจนเสี ยการทรงตัว แววตาของเขาวูบไหวไปด้วยความตืนตระหนก เร่ ง


รี บดึงสายจูงม้า “อู อู อู หยุด หยุดนะ !”

ม้าเร็ วไม่ได้ยนิ มันวิงออกไปด้านหน้าด้วยความบ้าคลัง

มู่หรงเสวียยกยิมมุมปากอย่างเย็นชา เพิงจะมาคิดให้มา้ หยุดตอนนี ก็สายไปเสี ยแล้วล่ะ !

เพียงดีดนิวเบา ๆ เข็มเงินสองสายก็พ่งุ ออกไปทีเท้าหน้าของม้าทังสองข้างอย่างแรง ม้าร้องขึนเสี ยงดัง แล้วเสี ย


หลักล้มลงไปกับพืน......

ไฉจิงทีอยูบ่ นหลังม้ากระเด็นกระดอนออกไป ตกลงกระแทกลงบนพืนแข็ง เขากลิงขลุกขลักไกลออกไป แล้ว


กระแทกเข้ากับต้นไม้ตน้ หนึ ง ก่อนทีจะหยุดลง กลิงจนหัวหมุนตาลาย กระดูกทัวทังร่ างเจ็บปวดราวกับว่าจะ
หลุดออกจากกัน

ไฉจิงกัดฟันเตรี ยมทีจะลุกขึนมา แต่กลับเห็นมู่หรงเสวียทียิมแวววาวขีม้าพุ่งตรงเข้ามาทีเขา กีบเท้าของม้าเร็ ว


เหยียบลงบนขาของเขาอย่างไร้ความปรานี
“อ้าก !” ไฉจิงร้องเสี ยงดังลัน

มู่หรงเจียนทีกําลังปะทะอยูห่ ยุดชะงักมองไปตามเสี ยงทีดังขึน เห็นไฉจิงล้มอยูบ่ นพืน ได้รับบาดเจ็บสาหัส สลบ


ไม่มีสติ มู่หรงเสวียปรายตาดูถูกไฉจิงครู่ หนึ ง นังบนหลังม้าไม่มีทีท่าว่าจะหยุดม้าลง แต่กลับบังคับม้าให้เหยียบ
ข้ามไฉจิงตามมู่หรงเย่ไปอย่างเร่ งรี บ......

มู่หรงเสวีย !

มู่หรงเจียนแววตาเปล่งประกายอย่างอํามหิ ต สะบัดมือปั ดเก๋ อฮุยออกไป บังคับม้าพุ่งตรงไปทีมู่หรงเสวีย !

เก๋ อฮุยมองไปทีเหล่าม้าเร็ วด้านหน้า สี หน้าของเขาเปลียนสี ร้องตะโกนขึนเสี ยงดัง “คุณหนูใหญ่ ด้านหน้าเป็ น


หน้าผา ระวังด้วยขอรับ !”

อะไรนะ ? หน้าผา !

แววตาของมู่หรงเสวียเย็นยะเยือก เพ่งมองตรงไป ก็เห็นว่าด้านหน้าเป็ นหน้าผาลึกจริ ง ๆ ด้วย ม้าเร็ วทีมีม่หู รง


เย่ห้อยอยูก่ ว็ ิงไปถึงด้านหน้าของหน้าผาแล้ว “ท่านพี ! รี บกระโดดลงจากม้าเร็ วเข้า !”

“ได้ !” มู่หรงเย่พยักหน้า ปล่อยสายจูงม้าด้วยแววตาหนักแน่ น กระโดดลงไปทีพืน


ม้าพยศนันวิงเร็ วมาก เขาทีกระโดดลงไปเป็ นตายไม่อาจคาดเดา แต่กย็ งั ถือว่ามีโอกาสรอดมากกว่าห้อยอยูบ่ นตัว
ม้าแล้วตกหน้าผาไปพร้อมกับมัน ซึ งเช่นนันก็คงจะมีแต่ตายทางเดียว

ขณะทีมู่หรงเย่กระโดดลงจากหลังม้านัน เท้าของม้าเร็ วก็เหยียบได้แต่อากาศทีว่างเปล่าและพลัดตกลงไปทีหน้า


ผาด้านล่างแล้ว เสี ยงร้องโหยหวนดังขึนมาจากเหว ต่างพาให้จิตใจของผูค้ นหวาดกลัว

มู่หรงเสวียไม่สนใจ นางขยับเท้าเบา ๆ กระโดดลงไปทีริ มหน้าผา ยืนมือไปจับแขนของมู่หรงเย่เอาไว้ แต่พอใกล้


จะตกถึงพืน ด้านหลังกลับได้ยนิ เสี ยงเสี ยดสี ของสายลมสายหนึ งดังขึน ชนเข้าทีด้านหลังของนาง

นางทีไม่ทนั ระวังตัว ทําให้ร่างบางตกลงไปทีหน้าผา ตอนทีกําลังจะร่ วงลงไปนัน เมือมู่หรงเสวียเห็นใบหน้าที


เย็นชาไร้ความรู ้สึกของมู่หรงเจียน แววตาของนางก็เต็มไปด้วยความเยียบเย็น แส้ในมือสะบัดออกไป รัดเข้าที
คอของมู่หรงเจียนกระชากเขาลงจากหลังม้า ลากเขามาทางหน้าผาอย่างรวดเร็ ว

ร่ างสู งใหญ่ถูกลากผ่านต้นหญ้า ก้อนหิ น เข้าใกล้หน้าผาเข้าทุกที ๆ แววตาของมู่หรงเจียนตืนตระหนก เร่ งรี บที


จะหาทีทรงตัวและหาทียึดจับ ในทีสุ ดก็สามารถหยุดอยูท่ ีริ มหน้าผา

เขานอนนิ งอยูท่ ีริ มหน้าผา ร่ างกายครึ งหนึ งยืนออกไป แส้ยาวยังรัดอยูท่ ีคอของเขา รัดแน่ นจนเขาแทบจะหายใจ
ไม่ออก ใบหน้าหล่อเหลากลายเป็ นสี ม่วงเข้ม กล้ามเนื อบนใบหน้าเกร็ งไปหมด ดวงตาเต็มไปด้วยเลือดทีค่อย ๆ
ปูดบวมออกมา
มือทังสองข้างของเขาคว้าจับไปทีแส้ จ้องเขม็งไปทีมู่หรงเสวียทีอยูอ่ ีกด้านหนึงของปลายแส้ เปิ ดปากขึนอย่าง
ยากลําบาก “ปล่อยมือ......รี บปล่อยมือ !”

ปล่อยมืออย่างนันหรื อ ? ฝันกลางวันลม ๆ แล้ง ๆ อยูห่ รื อไง ? ถ้าพวกนางสองคนพีน้องตกเหวไป แน่นอนว่า


ต้องเอามู่หรงเจียนตายตามไปด้วย มู่หรงเสวียถลึงตามองไปทีมู่หรงเจียน แววตามีแต่ความเย็นยะเยือก

เก๋ อฮุยรี บวิงมาทีปากเหว เห็นมู่หรงเสวียห้อยอยูก่ ลางเหว มือหนึ งจับแส้ มือหนึงจับมู่หรงเย่ แววตาร้อนรน


กลายเป็ นตืนตระหนก “คุณหนูใหญ่ คุณชาย !”

“พวกเราไม่เป็ นไร ท่านลุงฮุย รับเอาพีชายข้าไปที !” มู่หรงเสวียยิมบางเบา ใช้แรงเหวียงมู่หรงเย่ขนไป


ึ แววตา
ของเก๋ อฮุยนิ งค้าง รับตัวของเขาไว้ได้อย่างมันคง.....

เมือคนน้อยลงไปหนึ งคน แส้ยาวก็รับนําหนักทีเบาลง คอของมู่หรงเจียนก็ไม่ได้ถูกรัดแน่นเช่นเดิมแล้ว มือทัง


สองข้างของเขาออกแรงรี บสะบัดมือตัดแส้ยาวให้ขาดออกจากกัน แววตาเปล่งประกายอย่างโหดเหี ยม มู่หรง
เสวีย เจ้าตายเสี ยเถอะ !

“น้องเล็ก !”

“คุณหนูใหญ่ !”
ระหว่างทีมู่หรงเย่กบั เก๋ อฮุยร้องเรี ยกอยูน่ นั มู่หรงเสวียก็พุ่งตกลงไปจากหน้าผา สายลมพัดผ่านใบหน้า ช่าง
หนาวเหน็บและเจ็บปวดยิงนัก

นางจะต้องตายแล้วอย่างนันหรื อ ? ช่างโชคร้ายเสี ยจริ ง นางเพิงมาถึงชิงเหยียนได้ไม่นาน แม้แต่ดา้ นนอกของ


เมืองหลวงก็เคยออกไปได้แค่ไม่กีครัง ผูค้ นก็รู้จกั แค่เพียงน้อยนิด......

พลันหางตากลับเห็นชายเสื อสี ขาว แขนแกร่ งรวบดึงเอวของนางไว้ กลินหอมไม้ไผ่เบาบางทีคล้ายจะมีคล้ายไม่มี


ลอยเข้าจมูก มู่หรงเสวียตกตะลึง ค่อย ๆ เงยหน้าขึนไปมอง ก็สบเข้ากับดวงหน้าหล่อเหลาคล้ายภาพวาดนันอีก
แล้ว

“คุณชาย ทําไมท่านมาอยูท่ ีนี ได้ ?” แววตาของมู่หรงเสวียตืนตะลึง

“ข้าแค่ผา่ นมา” คุณชายโอวหยางตอบอย่างไม่ใคร่ ทีจะสนใจนัก ขยับเท้าเบา ๆ เพียงพริ บตาทังสองก็เปลียน


ทิศทางพุ่งทะยานไปยังด้านบน

มู่หรงเสวียนิงเงียบ “......”

ผ่านทางมาในหุ บเหวเนียนะ ? เขามากระโดดเหวเล่นหรื ออย่างไร ?


กระโดดเหวเพือไปช่วยคนตกเหว ดูท่าแล้วในแผ่นดินนี คงมีแต่มู่หรงเสวียเท่านันเสี ยกระมัง ? นางในตอนนีกับ
นางในตอนเด็กนันถือว่าช่างโง่งมไม่ต่างกันเลย !

คนอืนยิงโตยิงฉลาด แต่ทาํ ไมนางยิงโตยิงโง่กนั เล่า ?

คุณชายโอวหยางเลิกคิวเยาะเย้ย โอบเอวของมู่หรงเสวียพาพุ่งออกจากเหว ท่ามกลางสายตาทีตืนตระหนกของมู่


หรงเย่กบั เก๋ อฮุย เขาร่ อนลงบนพืนอย่างช้า ๆ นิวมือภายใต้แขนเสื อดีดเพียงเบา ๆ พลังปราณกล้าแกร่ งสายหนึ งก็
พุ่งไปทีมู่หรงเจียน พุ่งชนเขาจนตกลงเหวไปอย่างไร้ความปรานี......

“อ้า !” เสี ยงกรี ดร้องของมู่หรงเจียนทียิงไกลออกไป เสี ยงก็ยงเบาลง......


สี หน้าของมู่หรงจีซี ดขาว พลิกกายลงจากหลังม้า วิงไปทีหน้าผาอย่างร้อนรน มองไปทีหุ บเหวลึกทีมองไปก็ไม่


เห็นทีสิ นสุ ด พลางร้องไห้ขนเสี
ึ ยงดัง “ท่านพ่อ !”

ทหารลาดตระเวนกองหนึงเมือได้ยนิ เสี ยงผิดปกติ ก็เร่ งตามเข้ามา เห็นไฉจิงทีสลบไปไม่ได้สติ เสี ยงร้อง


โหยหวนของมู่หรงจี กอรปกับแววตาทีมีความสุ ขทีเห็นคนเป็ นทุกข์ของมู่หรงเสวีย มู่หรงเย่ และคุณชายโอวห
ยางรู ปงาม รวมถึงความยุง่ เหยิงบนพืน ต่างก็มองหน้ากันไปมา นี มันเกิดเรื องอะไรกันขึน ?
ตอนที 81 คนชัวอายุพนั ปี
“ท่านพ่อ...ท่านพ่อ...ท่านพ่อ...” มู่หรงจีคุกเข่าอยูร่ ิ มหน้าผา เสี ยงร้องไห้อย่างโศกเศร้าดังก้องสะท้อนอยูภ่ ายใน
หน้าผาไปมา พาให้จิตใจของคนหดหู่

มู่หรงเสวียเยาะเย้ยในใจ ฟ้ าส่ งมาเกิดเพือให้ทาํ ความดีไถ่บาป แต่กลับไม่รู้สาํ นึกทําตัวชัวช้าจนตกตาย ทีมู่หรง


เจียนตกเหวจนตาย ทังหมดก็เป็ นเพราะตัวเขาเองทีรนหาที ไม่สามารถทีจะโทษผูใ้ ดได้

“ข้า......ข้าไม่เป็ นไร......” อยู่ ๆ นําเสี ยงอ่อนแรงสายหนึงก็ดงั ขึนมาจากก้นเหว มู่หรงจีทีกําลังร้องไห้กห็ ยุดชะงัก


ลง ก้มหน้ามองไปทีด้านล่างของหน้าผา ร้องเรี ยกขึนมาด้วยความยินดี “ท่านพ่อ...ท่านพ่อหรื อ ?”

“ข้าเอง...ข้าไม่เป็ นไร......ปล่อยเชือกลงมา......แล้วลากข้าขึนไป......” คําพูดของมู่หรงเจียนขาดหายเป็ นห้วง ๆ


ฟังดูแหบแห้งไร้เรี ยวแรง คล้ายกับว่าได้รับบาดเจ็บอยูไ่ ม่นอ้ ย

“ได้ ท่านรอข้าก่อน ข้าจะรี บหย่อนเชือกลงไป !” ใจของมู่หรงจีมีทงความว้


ั าวุน่ และความยินดี รี บเช็ดนําตาออก
จากใบหน้า แล้ววิงไปทางบรรดาเหล่าทหารลาดตระเวน “พีทหาร พวกท่านมีเชือกไหม ให้ขา้ ยืมใช้สักครู่ ......”

เพือทีจะได้ช่วยเหลือผูค้ นให้ทนั เวลา เหล่าทหารลาดตระเวนก็ได้เตรี ยมพร้อมเป็ นอย่างดีเพือป้ องกันหากเกิด


เรื องไม่คาดฝันขึน นอกจากอาวุธแล้วยังได้เตรี ยมเชือกและพวกอุปกรณ์ช่วยเหลือคนมาด้วย
มู่หรงจีอายุยงั น้อย ดวงตาของเขาแฝงไปด้วยแววความหวัง ใบหน้าน้อย ๆ เต็มไปด้วยคราบนําตา เหล่าทหารที
ได้เห็นก็พลันใจอ่อน หยิบเอาเชือกม้วนแล้วม้วนเล่าออกมามัดเข้าด้วยกัน จนกลายเป็ นเชือกหนายาว ๆ สายหนึง
แล้วหย่อนลงไปข้างล่างหน้าผา

ผ่านไปสักพัก เชือกก็กระตุก เหล่าทหารค่อย ๆ ลากเชือกขึนอย่างช้า ๆ ทีละน้อยทีละน้อย ชายผูห้ นึงทีเสื อผ้าถูก


เกียวจนขาด ทัวทังร่ างเต็มไปด้วยบาดแผลค่อย ๆ ปรากฏขึนต่อหน้าผูค้ น

ผมเผ้าของเขายุง่ เหยิง ใบหน้าถูกกรี ดเป็ นรอยแผลแนวนอนบ้างแนวตังบ้าง แววตาคมกริ บเต็มไปด้วยความ


อาฆาตแค้น เป็ นมู่หรงเจียนทีเพิงจะตกหน้าผ้าไปเมือครู่ จริ ง ๆ ด้วย !

มู่หรงเสวียค่อย ๆ ขมวดคิว ตกหน้าผ้าไปลึกเสี ยขนาดนัน เขากลับยังไม่ตายอีกหรื อ ดวงชีวิตช่างแข็งนัก !

“ท่านพ่อ” มู่หรงจีรี บแก้เชือกทีรัดอยูต่ รงเอวของมู่หรงเจียน แล้วเข้าสู ้ออ้ มอกของเขา ร้องไห้ขนด้


ึ วยความยินดี
“ท่านไม่เป็ นไรแล้ว ดียงนั
ิ ก”

มู่หรงเจียนยิมแล้วลูบหัวของเขา กล่าวเน้นทีละคํา “พ่อดวงแข็ง ไม่มีทางถูกคนชัวร้ายทําร้ายเอาได้ง่าย ๆ หรอก


......”

“ใช่แล้ว คนดีลว้ นอายุสัน คนชัวช้ามักจะอายุยนื ยาวเป็ นพันปี คนเช่นท่านอาสอง ไม่มีทางตายง่าย ๆ แน่ นอน !”
มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ ราวกับมวลบุปผาทีกําลังผลิบาน
เหล่าทหารยืนปากน้อย ๆ คําพูดประโยคนีเหมือนกับ.....มีบางส่ วนทีไม่ค่อยถูกต้อง......

สี หน้าของมู่หรงเจียนเขียวคลํา มองไปทางมู่หรงเสวียอย่างเย็นชา แววตาเปล่งประกายอํามหิ ต

มู่หรงเสวียไม่แสดงความอ่อนแอแม้แต่นอ้ ย มองตอบสายตาของเขากลับไป สายตาของทังสองคนปะทะกัน


กลางอากาศ ชัวพริ บตาเดียวก็เหมือนกับใช้กระบวนท่าออกไปร้อยกระบวนท่า......

“ใต้เท้ามู่หรง ทําไมถึงตกลงไปทีหน้าผานันได้ ?” ทหารนายหนึงเดินออกมาข้างหน้า ไต่ถามอย่างนอบน้อม

พวกเขาลาดตระเวนเพือรับมือกับสถานการณ์ทีไม่คาดฝัน แน่ นอนว่าต้องทําความเข้าใจกับเหตุการณ์นันว่า


เกิดขึนได้อย่างไร จะได้สะดวกต่อการรายงาน

มู่หรงเจียนเลิกคิว มองไปทางมู่หรงเสวียคล้ายยิมคล้ายมิยมิ ดวงตาของเขาราวกับพูดว่า “ถ้าข้าพูดความจริ ง พวก


เจ้าไม่มีทางรอดแน่ ”

มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ เจ้าพูดเถอะ พูดได้ตามสบาย อาสองทําร้ายหลานชายหลานสาวไม่สาํ เร็ จ แต่กลับถูก


หลานสาวผลักตกเหวเสี ยเอง แน่นอนว่าขุนนางบุ๋นบู๊จะต้องให้ความสนใจแน่ พวกวีสื อ(ทําหน้าทีสื บข่าว)ก็ตอ้ ง
ให้ความสนใจมาสื บเสาะหาความจริ ง แล้วรายงานร้องเรี ยนคนบางคน......
คนบางคนทีไม่ค่อยมีผลงาน ไปอยูจ่ ิงโจวทีก็อยูต่ งสิ
ั บปี พอได้กลับมาเมืองหลวงก็ยงั มาทําร้ายคนอืนอีก เหมือน
เป็ นคนชันตําทีไร้คา่ หน้าด้านยิงนัก...ใครเป็ นคนย้ายเขามาเมืองหลวงกันแน่ ?......ถ้าตัวนางเองคงจะสื บไม่ได้
แต่คนทีนังบนเก้าอีมังกรนันคงสื บหาได้แน่......

ใบหน้าของมู่หรงเจียนเคร่ งขรึ ม เจ้าไม่มีพยานหลักฐาน ทีข้าลอบทําร้ายเจ้ากับมู่หรงเย่ !

ทําไมจะไม่มีพยานหลักฐาน ก็มา้ เร็ วตัวนันทีพวกเจ้าวางยาใส่ มนั ไง ไม่ใช่หลักฐานชันดีหรอกหรื อ !

แววตาของมู่หรงเสวียเย็นชา คล้ายยิมคล้ายมิยมิ ถึงแม้วา่ ม้าตัวนันจะตกหน้าผาไปจนร่ างกายแหลกสลาย แต่ว่า


ตรงนี ก็มีทหารมากมาย แค่ลองหาให้ทวั ๆ เสี ยหน่ อย แน่ นอนว่าต้องพบซากศพของม้าตัวนันเจอแน่......

สี หน้าของมู่หรงเจียนดุดนั ฝ่ ามือภายใต้แขนเสื อกําเข้าหากันแน่ น กัดฟันกรอด มู่หรงเสวีย......

“ใต้เท้ามู่หรง...ใต้เท้ามู่หรง...ท่านเป็ นอะไรไหม ?” ทหารเมือเห็นมู่หรงเจียนเบิกตากว้างแต่ไม่กล่าววาจา ก็อด


ไม่ได้ทีจะถามขึนอย่างร้อนรน

มู่หรงเจียนหลุดจากภวังค์ ยิมออกมาอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ “ข้าไม่เป็ นไร เพียงแค่ไม่ทนั ระวังเลยตกหน้าผาไป


......”

เมือได้ฟังคําตอบเช่นนี มู่หรงจีก็ชะงักไป กล่าวขึนอย่างเร่ งรี บว่า “ท่านพ่อ แต่ขา้ เห็นชัดเจนว่า......”


มู่หรงเจียนโบกมือตัดบทคําพูดของเขา พลางยิมกล่าว “เรื องราวก็เป็ นเช่นนี เจ้าอยูไ่ กลออกไป อาจจะมองเห็น
เหตุการณ์ไม่ชดั เจน......”

คําพูดทีกําลังจะออกจากปากของมู่หรงจีถูกกลืนกลับเข้าไป เขาค้อนตามองไปทีมู่หรงเสวียมู่หรงเย่คราหนึ ง แวว


ตาเต็มไปด้วยความโมโหและไม่พอใจ

ทหารพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ทีแท้กเ็ ป็ นเช่นนีเอง ใต้เท้ามู่หรงคงจะตกใจสิ นะขอรับ”

มู่หรงเจียนยิมจริ งใจ “พวกท่านทีช่วยชีวิตเอาไว้ ข้าจะจดจําให้ขนใจ


ึ พ่อบ้านของข้าไฉจิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ยัง
สลบไม่ฟืน รบกวนพวกท่านส่ งเขาไปรักษาตัวทีจวนเจินกัวโหวที”

ทหารมองไปทีมู่หรงเจียนด้วยความแปลกใจ “ใต้เท้ามู่หรงไม่กลับจวนหรื อขอรับ ?” เขาเองก็ได้รับบาดเจ็บไม่


น้อยเลย

“ข้ายังต้องพาจีเอ๋ อร์ ไปทีค่ายทหาร ตอนนียังกลับจวนไม่ได้ รบกวนทุกท่านแล้ว” มู่หรงเจียนยิมบางเบา เอาถุง


เงินยัดเข้าในมือของทหาร “เป็ นสิ นนําใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ไว้ให้พวกท่านกินดืม”

ทหารกําถุงเงินในมือ ยิมขึนอย่างเบิกบานใจ “ใต้เท้ามู่หรงเกรงใจไปแล้ว”


มู่หรงเสวียเลิกคิว บนแขนเสื อของมู่หรงเจียนยังคงมีเศษใบไม้เถาวัลย์ติดอยูเ่ ลย น่าจะเป็ นตอนทีตกเหวคว้าเอา
เส้นเถาวัลย์ไว้ได้โดยบังเอิญ แล้วเกาะเอาไว้ถึงได้ไม่ตกลงไปตาย

แขนเสื อฉี กขาดเป็ นรอยยาว ตอนทีส่ งถุงเงินออกไปมือก็ยงั สันเล็กน้อย ชัดเจนว่าแขนของเขาได้รับบาดเจ็บ เขา


ไม่กลับจวนไปรักษาบาดแผล แต่กลับยังจะอยากไปค่ายทหารอีก คงจะอยากให้มู่หรงจีเป็ นทหารจริ ง ๆ หรื อว่า
เขามีแผนการอะไรกันแน่ ?

“คุณชาย ข้าน้อยขอตัว !” นําเสี ยงเคารพนอบน้อมลอยเข้าหู มู่หรงเสวียเงยหน้าขึนมอง เห็นเหล่าทหารโค้งกาย


คารวะคุณชายโอวหยาง ยกร่ างของไฉจิงขึนก้าวยาวไปทางถนนหลวง

นางกระพริ บตาปริ บ ๆ ไฉจิงเป็ นมือเท้าของมู่หรงเจียน เขาได้รับบาดเจ็บจนขาหัก ก็เท่ากับเป็ นการตัดแขนข้าง


หนึ งของมู่หรงเจียนทิง หากมู่หรงเจียนติดอยากจะทําเรื องชัวร้ายอะไรขึนก็จะไม่ง่ายดายเหมือนเดิมแล้ว นางจะ
คอยดูวา่ มู่หรงเจียนจะคิดแผนการอะไรออกมาอีก !

“ท่านพีเราเสี ยเวลามามากแล้ว พวกเราไปค่ายทหารกันเถอะ”

“ตกลง !” มู่หรงเย่พยักหน้า ม้าทีเกิดพยศ วิงออกจากถนนหลวง ทําให้เสี ยเวลาไปไม่นอ้ ยเลย แต่ตอนนี ก็ยงั


สามารถเร่ งให้ไปถึงค่ายทหารทันเวลาได้

“คุณชาย ท่านนังม้าไปกับข้าแล้วกันขอรับ” เก๋ อฮุยจูงม้าไปทีด้านหน้าของมู่หรงเย่

ม้าของมู่หรงเย่ตกเหวไปแล้ว ไม่สามารถใช้การต่อได้อีก มู่หรงเจียนพ่อลูกต่างก็อยูท่ ีนี ใครจะไปรู ้ว่าพวกเขาจะ


วางยาม้าตัวไหนอีกบ้าง มู่หรงเย่ขีม้าไปเพียงผูเ้ ดียว เขาไม่ค่อยวางใจเท่าไรนัก

“อืม !” มู่หรงเย่พยักหน้า ตามเก๋ อฮุยขึนม้าไปติด ๆ นังอย่างมันคงอยูด่ า้ นหลังของเก๋ อฮุย

มู่หรงเสวียก็เดินไปทีม้าเร็ วของตัวเอง พลิกตัวขึนนังบนม้า แต่เพิงจะนังทรงตัวได้ไม่นาน เงาร่ างสี ขาวสายหนึง


ก็ร่อนลงมาจากบนฟ้ า ร่ วงลงบนหลังม้าด้านหลังของนาง กลินหอมของไม้ไผ่บางเบากระทบกับจมูก มู่หรงเสวีย
เลิกคิวหันไปมองทางเขา “ท่านทําอะไร ?”
ตอนที 82 ท้ ามู่หรงเย่
“ไปส่ งเจ้าทีค่ายทหาร” คุณชายโอวหยางพูดขึนอย่างราบเรี ยบ แขนแกร่ งทังสองยืนผ่านไปด้านหน้าของนาง จน
ขังตัวนางเอาไว้ในอ้อมกอด คว้าเอาสายจูงม้าของนางไปอย่างง่ายดาย

แผ่นหลังของมู่หรงเสวียแนบชิดติดไปกับแผ่นอกอุ่นของเขา ไม่ว่าจะหันไปทางไหนล้วนสามารถมองเห็นเขา
อย่างไม่สามารถหลีกเลียงได้ แววตาวูบไหวไม่เป็ นธรรมชาติ ค่อย ๆ เว้นระยะห่ างเล็กน้อย “ข้าขีม้าเป็ น ท่านไม่
ต้องไปส่ งหรอก”

“ขีม้าจนตกหน้าผา นีเรี ยกว่าขีม้าเป็ นอย่างนันหรื อ ?” คุณชายโอวหยางเหล่ตามองนาง ดวงตาสี ดาํ เข้มแฝงไป


ด้วยความเยาะเย้ย

ดวงหน้างดงามของมู่หรงเสวียเรี ยบเฉยลง นางกล่าวขึนอย่างโมโห “นันเป็ นอุบตั ิเหตุ อุบตั ิเหตุน่ะเข้าใจหรื อไม่


?”

“ถ้าหากให้เจ้าขีม้าไปทีค่ายทหารตัวคนเดียว เจ้าก็คงจะเกิดอุบตั ิเหตุอีก” นําเสี ยงทุม้ ของคุณชายโอวหยางแฝงไป


ด้วยความเย็นชา เขากระตุกสายจูงม้าเบา ๆ ทําให้มา้ เร็ วพุ่งทะยานออกไปดังศรแสงด้วยความรวดเร็ ว

ชุดกระโปรงสี ฟ้าของมู่หรงเสวียปลิวไสวไปตามสายลม เส้นผมสี ดาํ เงาสยายออกปลิวสะบัดไปมา เมือเคียงคู่กบั


เงาร่ างสี ขาวองอาจสู งโปร่ งของคุณชายโอวหยางแล้วช่างดูเข้ากันยิงนัก งดงามราวภาพวาด !
ในแววตาของเก๋ อฮุยปรากฏความหมายบางอย่าง เขามองไปทีพระอาทิตย์ทีกําลังลอยขึนสู ง แล้วกล่าวตะเบ็ง
เสี ยงขึน “คุณชาย จับให้ดีนะขอรับ” แส้ในมือฟาดลง เท้าของม้าเร็ วขยับพุ่งทะยานออกไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ ว

มู่หรงเจียนยืนอยูก่ บั ที มองไปทีม้าเร็ วทีค่อย ๆ ห่ างไกลออกไป แววตาคมกริ บหรี เล็กลง ทําไมคุณชายโอวหยาง


ถึงรู ้จกั มู่หรงเสวียได้ อีกทังยังสนิทสนมและใกล้ชิดกับนางขนาดนัน......

เมือมองไปทีแววตาลับลมคมในของเขา มู่หรงจีกล่าวขึนอย่างระมัดระวัง “ท่านพ่อ พวกเราไม่ไปค่ายทหารแล้ว


หรื อขอรับ ?”

“ไป ไปแน่ นอน !” มู่หรงเจียนกล่าวเสี ยงสู ง แววตาเปล่งประกายอย่างอํามหิ ต ไฉจิงสลบไม่ได้สติ ส่ วนเขาก็


ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย พวกเขาลงแรงไปตังมากมายขนาดนัน แน่ นอนว่าต้องทําให้สาํ เร็ จ ไม่มีทางทีจะมายกเลิก
เพียงครึ งทางแน่ !

ฝี มือการขีม้าคุณชายโอวหยางดีมาก ม้าเร็ วทีวิงทะยานออกไป มู่หรงเสวียไม่รู้สึกถึงแรงกระแทกเลยแม้แต่นอ้ ย


กลินหอมของไม้ไผ่อบอวลไปรอบกาย เสี ยงสายลมทีพัดผ่านกระทบเข้ากับหู วิวทิวทัศน์ตรงหน้าพุ่งผ่านไป
อย่างรวดเร็ ว คิวงามของมู่หรงเสวียโค้งน้อย ๆ ทอดมองออกไปด้วยความสนใจและอยากรู ้อยากเห็น

“ข้ามอบองครักษ์เงาให้เจ้าสักสองสามคนดีหรื อไม่ ?” อยู่ ๆ คุณชายโอวหยางก็ออกปากพูดขึนมา แววตาสี ดาํ


เปล่งประกายอย่างลําลึก

“มิตอ้ งหรอก” มู่หรงเสวียส่ ายหน้า กล่าวขึนช้า ๆ “มู่หรงเจียนพ่อลูกคู่นนั ข้าจัดการได้......”


คุณชายโอวหยางปรายตามองนาง “ถ้าหากเจ้าจัดการได้จริ ง ๆ ก็คงไม่ร่วงตกหน้าผาเช่นนัน คราวนี โชคดีทีข้า
บังเอิญผ่านมา จึงสามารถช่วยเจ้าได้ทนั เวลา คราวหน้าเจ้าอาจจะไม่ได้โชคดีอย่างนี แล้วตกเหวลงไปจนได้รับ
อันตรายก็ได้ ”

ใบหน้าเรี ยวเล็กของมู่หรงเสวียเคร่ งขรึ มขึนมาทันที นางถลึงตามองไปทีเขา “ก็บอกว่าเป็ นอุบตั ิเหตุ ท่านเลิกพูด


เรื องนีสักทีได้หรื อไม่ ?”

“ศัตรู ของเจ้าก็ไม่ได้มีแค่ครอบครัวของมู่หรงเจียน ยังมีจวนของตูส้ ังซู อู่อนั โหว เจ้าแน่ ใจหรื อว่าเจ้าตัวคนเดียว


สามารถต่อกรพวกเขาได้ทงหมด
ั ?” คุณชายโอวหยางกล่าวเสี ยงตํา แววตาวูบไหวไปด้วยความหนักใจทีน้อย
ครังจะปรากฏให้เห็น

มู่หรงเสวียเลิกคิว ตอนนีนางก็นบั ได้ว่าตัวคนเดียว ถ้าหากแม่ลูกแซ่ ตูร้ ่ วมมือกับจวนสังซูและอู่อนั โหวมาจัดการ


นาง เทียบกันแล้วโอกาสทีนางจะชนะได้นันก็นบั ว่าไม่ได้มากมายอะไร

ถ้าหากยอมทีจะรับเอาองครักษ์เงาของคุณชายโอวหยางมา ก็เท่ากับนางจะติดค้างนําใจของเขาไว้อย่างใหญ่หลวง
นัก นางไม่รู้นางจะตอบแทนเขาอย่างไรได้หมด “ข้าขอคิดดูก่อนก็แล้วกัน !”

“ได้สิ” คุณชายโอวหยางพยักหน้า หน้าผากทีย่นเข้าหากันของเขาค่อย ๆ คลายลง “แต่ว่า อย่าคิดให้นานนัก ศัตรู


ของเจ้าต้องการให้เจ้าตกตาย คงไม่ให้เวลาเจ้าได้คิดไตร่ ตรองนานนักหรอก”
“ข้ารู ้” มู่หรงเสวียพยักหน้า ด้านหน้าปรากฏแนวรัวกว้าง และกระโจมทีพัก แววตาของนางเปล่งประกายออกมา
ทันที “ถึงค่ายทหารแล้ว !”

คุณชายโอวหยางตอบรับเสี ยงเรี ยบ บังคับม้าให้หยุดลง มู่หรงเสวียพลิกตัวลงจากม้าอย่างคล่องแคล่ว เพียง


พริ บตาเดียวร่ างกายบอบบางอ่อนนุ่ มก็กา้ วห่ างออกไป กลินหอมจาง ๆ ของบัวอัคคีคอ่ ย ๆ เบาบางลงจนสลาย
หายไป ในใจของคุณชายโอวหยางรู ้สึกผิดหวังขึนมา เขาพลิกกายลงจากม้าและเอาสายจูงม้าทิงให้สวินเฟิ งที
แอบอยูใ่ นเงามืด เดินไปด้านหน้าจับมือของมู่หรงเสวียเอาไว้ แล้วเดินไปด้านหน้าพร้อมกับนาง

แม่ทพั จางเป็ นชายหนุ่ มอายุประมาณสามสิ บกว่า ๆ ใบหน้าดุดนั แววตาเย็นชา มีหนวดสี ดาํ เหนื อริ มฝี ปาก เขา
กําลังฝึ กเหล่าทหารไพร่ พลอยู่ แต่เมือเห็นคุณชายโอวหยาง แววตาของเขาเกิดวูบไหวขึนด้วยความประหลาดใจ
ผละจากพวกทหาร แล้วก้าวยาว ๆ เข้ามาต้อนรับ “คุณชาย !”

“แม่ทพั จาง” นําเสี ยงของคุณชายโอวหยางราบเรี ยบ

“แม่ทพั จาง ข้าไม่ได้มาสายไปใช่หรื อไม่ ?” มู่หรงเย่วงเข้


ิ ามาอย่างเร่ งรี บ หน้าผากมีเม็ดเหงือผุดขึนอยูเ่ ต็มไป
หมด

แม่ทพั จางมองขึนไปบนฟ้ า “ไม่นบั ว่าสาย สิ งของล้วนเตรี ยมมาเรี ยบร้อยแล้วหรื อ ?”

“เตรี ยมมาเรี ยบร้อยแล้วขอรับ สามารถเข้าเป็ นพลทหารได้ทนั ที !” มู่หรงเย่รับเอาห่ อผ้าทีเก๋ อฮุยส่ งให้ยกขึนมา


ดวงตาสี ดาํ หยกยิมจนตาหยี
แม่ทพั จางพยักหน้า “เช่นนันก็รีบ......”

“แม่ทพั จาง ไม่ได้เจอกันเสี ยนาน คงยังจํากันได้ใช่ไหม !” เสี ยงหัวเราะเป็ นกันเองลอยเข้าหู มู่หรงเสวียหันมอง


ไป ก็เห็นมู่หรงเจียนทีใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิมเดินเข้ามา เขาได้เปลียนเสื อผ้าเป็ นชุดใหม่เรี ยบร้อย ดูสะอาด
เอียมอ่อง เส้นผมถูกรวบม้วนเข้าหากันอย่างเป็ นระเบียบ รอยแผลบนใบหน้าก็ลว้ นทายาเรี ยบร้อยแล้ว หากเขา
ไม่เดินกะเผลกเข้ามา ผูอ้ ืนคงมองไม่รู้ว่าเขาได้รับบาดเจ็บ

แววตาของแม่ทพั จางฉายแววสงสัย “ใต้เท้ามู่หรง ท่านเป็ นอะไรไหม ?”

“ข้าไม่ทนั ระวัง จึงหกล้ม” มู่หรงเจียนพูดขึนอย่างไม่ใส่ ใจนัก ปรายตามองมู่หรงเย่ “เย่เอ๋ อร์ ค่อนข้างเกเร มาเข้า
ค่ายทหารเช่นนี ต้องรบกวนแม่ทพั จางแล้ว !”

“ใต้เท้ามู่หรงเกรงใจไปแล้ว !” นําเสี ยงพูดไปตามมารยาทของแม่ทพั จาง ฟังแล้วช่างเต็มไปด้วยความห่ างเหิ น


และเฉยชา

มู่หรงเจียนขมวดคิวในใจ แต่ใบหน้ายังคงมีรอยยิมแย้ม “เย่เอ๋ อร์ อายุยงั น้อย เขาเข้าค่ายทหารไปคนเดียวข้ามิคอ่ ย


วางใจนัก อยากให้มู่หรงจีเข้าไปกับเขาด้วย ไม่ทราบว่าแม่ทพั จางยังรับคนอยูไ่ หม ?”
“หากพูดกันตรง ๆ แล้ว ทหารกองหนึงในค่ายทหารล้วนมีรายละเอียดข้อบังคับ ปี นี ไม่ใช่ปีทีเปิ ดรับทหารใหม่
ไม่สามารถรับคนเข้ามาอย่างซีซัวได้ ทีรับมู่หรงเย่เข้ามาก็เพราะว่ามีทหารเก่านายหนึงเสี ยชีวติ ไป ต้องการเขามา
แทนที......” แม่ทพั จางพูดเน้นทีละคํา แววตาของเขาเข้มขึน

“ทีแท้กเ็ ป็ นเช่นนี ” มู่หรงเจียนพยักหน้าอย่างเข้าใจ หัวเราะขึนอย่างเกรงใจ “รบกวนแม่ทพั จางแล้ว จีเอ๋ อร์


เช่นนันพวกเรากลับจวนเถอะ !”

เขายืนมือออกไปลากมู่หรงจี แต่ม่หู รงจีกลับปั ดมือของเขาออก แล้วเชิดหน้าเดินไปทีด้านหน้าของแม่ทพั จาง


กล่าวขึนอย่างจริ งจังว่า “แม่ทพั จาง ทหารในค่ายล้วนได้รับการฝึ กฝนมาตังหลายปี จึงจะสามารถเข้าสู่ สนามรบ
ได้ ทหารทีเข้ามาใหม่ ถ้าฝี มือธนูยงดี
ิ วรยุทธ์ยงสู
ิ ง ก็ยงดี
ิ ใช่ไหมขอรับ !”

สายตาเย็นชาของแม่ทพั จางมองไปทีเขาอย่างผูอ้ ยูเ่ หนื อกว่า “เจ้าหมายความว่าอย่างไร ?”

มู่หรงจีเชิดคางขึนเล็กน้อย กล่าวขึนอย่างภาคภูมิ “พีเย่อยากเข้าค่ายทหาร ข้าก็อยาก แต่คา่ ยทหารต้องการทหาร


แค่คนเดียว เช่นนันให้พวกเราสองคนลองแข่งยิงธนู แข่งวรยุทธ ผูท้ ีชนะได้เข้าค่ายทหารเช่นนันดีหรื อไม่ !”

มู่หรงเสวียยกยิมเย็นทีมุมปาก นางล้วนทราบดีว่าการทีมู่หรงเจียนพ่อลูกตามมาทีค่ายทหารด้วย จะต้องมีใจทีคิด


ไม่ซืออย่างแน่ นอน

คนพ่อมู่หรงเจียนต้องการจะแย่งชิงตําแหน่ งโหวจากมู่หรงเย่ คนลูกมู่หรงจีต้องการแย่งมู่หรงเย่เข้าค่ายทหาร


สองพ่อลูกคู่นี ช่างเหมือนกันยิงนัก ไม่รู้ว่าแม่ทพั จางจะจัดการกับเรื องนี อย่างไร

เมือเงยหน้ามองไปทีแม่ทพั จาง ก็เห็นดวงหน้าของเขาเคร่ งขรึ ม มองไปทางมู่หรงจีอย่างเย็นชา “ข้อเสนอของเจ้า


นับว่าไม่เลวนัก แต่ว่าข้าได้ตอบตกลงรับมู่หรงเย่ไปแล้ว ไม่สามารถผิดคําพูดได้ !”

มู่หรงจีทีได้ยนิ ดังนัน ดวงหน้าหล่อเหลาก็ขึนสี แดงกํา ถูกปฏิเสธท่ามกลางสายตาของผูค้ นมากมายเช่นนี ช่างน่า


ขายหน้ายิงนัก ! ถ้าเกิดเรื องนี ถูกผูค้ นลือกันออกไป เขาจะต้องกลายเป็ นตัวตลกของชาวบ้านแน่ เขาไม่อยากถูก
หัวเราะเยาะ !

ดวงตาของมู่หรงจีหรี เล็กลง เขาหันไปมองมู่หรงเย่ กล่าวขึนเสี ยงสู งว่า “มู่หรงเย่ ข้าขอท้าประลองกับเจ้า ผูท้ ี


ชนะได้เข้าค่ายทหาร ส่ วนผูแ้ พ้หลีกทาง เจ้าว่าเป็ นอย่างไร ?”
ตอนที 83 ประลอง
“จีเอ๋ อร์ อย่าได้วุ่นวาย” สี หน้าของมู่หรงเจียนดุดนั ต่อว่าเขาเสี ยงดัง

มู่หรงจีรู ้สึกว่าไม่ได้รับความเป็ นธรรม “ข้ามิได้วนุ่ วาย ข้าแค่คิดว่าคนทีแข็งแกร่ งถ้าได้เข้าค่ายหทาร จะสามารถ


เพิมความสามารถทางการรบให้แก่กองทัพได้ หรื อว่าสิ งนีเป็ นสิ งทีผิดหรื อ ?”

มู่หรงเสวียยกยิมเย็น มู่หรงจีอายุแค่เพียงสิ บสี ปี เหตุผลและหลักการยิงใหญ่ทีเขาพูดออกมาไม่มีทางเป็ นเขาทีคิด


ได้เอง แต่คงเป็ นมู่หรงเจียนทีเสี ยมสอนเขาอย่างแน่ นอน สองพ่อลูกคู่นีเมือต่อรองกับแม่ทพั จางไม่สาํ เร็ จ ก็เลย
เปลียนเป้ าหมายมาทีมู่หรงเย่ คนหนี งพูด คนหนึ งเสริ ม กดดันมู่หรงเย่ ช่างเป็ นแผนการทีหลักแหลมและเจ้าเล่ห์
ยิงนัก !

“มู่หรงเย่ ทีข้าท้าเป็ นเจ้า เจ้าอย่าได้แกล้งใบ้บึง พูดออกมาตรง ๆ ดีกว่าว่าเจ้ากล้าหรื อไม่กล้าประลองกับข้า ?” มู่


หรงจีหันไปมองมู่หรงเย่ตรง ๆ เชิดหน้าขึน นําเสี ยงแสดงถึงความมอวดดี

มู่หรงเย่มองไปทีมู่หรงจี แววตาดําขลับเปล่งประกายมืดมัวสามส่ วน หดหู่สามส่ วน แจ่มแจ้งสามส่ วน ทังหมด


ทังมวลรวมกันแล้วกลายเป็ นแน่วแน่ “ได้ ข้าจะแข่งกับเจ้า !”

แววตาของเก๋ อฮุยชะงักไป พลางเร่ งกล่าวขึนว่า “คุณชาย......”


มู่หรงเย่โบกมือตัดบทเขา มองไปทีมู่หรงจีอย่างเรี ยบเฉย “ทีข้าตกลงจะแข่งกับเขา ไม่ใช่เพราะเพือเสาะหาความ
แข็งแกร่ ง แต่เพือเป็ นการแสดงความสามารถของตนเอง เพียงแค่อยากให้เจ้ารู้วา่ ข้ามู่หรงเย่เป็ นผูช้ ายอกสาม
ศอก ไม่กลัวการท้าทาย ! เจ้าว่ามาเถอะว่าแข่งอะไร ?”

ถ้าพูดอย่างไม่ถ่อมตัวก็คอื ข้าจะทําให้เจ้าพ่ายแพ้ เสี ยหน้าอย่างถึงทีสุ ดเลย คอยดูเถอะ !

ในใจของมู่หรงจีเยาะเย้ยดูถูก กล่าวขึนอย่างอวดดีว่า “ยิงธนู !”

“ได้ !” มู่หรงเย่พยักหน้า แววตาเปล่งประกายแน่วแน่ และหนักแน่นอย่างทีไม่เคยเป็ นมาก่อน !

แม่ทพั จางมองไปทีคุณชายโอวหยาง ก็เห็นว่าเขามีสีหน้าเรี ยบเฉย ไม่มีความคิดเห็นและคัดค้านความคิดของมู่


หรงเย่และมู่หรงจีแต่อย่างใด จึงสังการให้เริ มการประลองได้ !

เหล่าทหารทีกําลังฝึ กฝนต่างหลบไปด้านข้าง สนามฝึ กซ้อมทียิงใหญ่พลันว่างเปล่า เป้ าธนูสิบเป้ าถูกตังไว้ที


ด้านหน้าสุ ดของสนามฝึ ก ดูสะดุดตา

ด้านหลังของมู่หรงจีแบกธนูไว้ เขาเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ มองไปทีเป้ าธนูหลายสิ บอัน แล้วเลิกคิวขึน “เป้ าธนู


ตังอยูก่ บั ที ไม่ขยับเคลือนไหว ดูจะไม่ค่อยท้าทายเท่าไหร่ นกั ถ้าเกิดอยูใ่ นสนามรบศัตรู ไม่มีทางยืนรอให้ผคู ้ นยิง
ธนูใส่ เช่นนีหรอก !”
“ถ้าเช่นนันเจ้าจะเอาอย่างไร ?” มู่หรงเย่มือกําธนู มองไปทางเขาด้วยสี หน้าเรี ยบเฉย

มู่หรงจีเชิดหน้าขึนสู ง กล่าวขึนอย่างถือดี “เป้ าธนูเคลือนไหว พวกเรายืนอยูด่ า้ นข้างยิงเป้ าสี แดง ภายในหนึงก้าน


ธูป ใครยิงเป้ าสี แดงได้มากทีสุ ด ผูน้ นชนะ”

“ตกลง !” มู่หรงเย่พยักหน้า เป็ นมู่หรงจีทีท้าประลองออกมา ไม่ว่ามู่หรงจีจะเล่นลูกไม้อะไร เขาจะเข้าร่ วมกับเขา


ทังหมด

“ครื ด ครื ด ครื ด !” เป้ าธนูสิบอันในสนามฝึ กเริ มเคลือนไหวไปมา มู่หรงจียืนอยูด่ า้ นซ้ายของสนามฝึ ก มือกําธนู
ยาวคันหนึง ดึงสายธนูดว้ ยท่าทางหยิงผยอง ได้ยนิ เสี ยง ‘ฉึ ก’ ดังขึนเสี ยงหนึ ง ลูกศรพุ่งออกไปทางเป้ าธนู ปั กเข้า
ไปในวงกลมสี แดงอย่างเร็ วแรง......

“ดี !” ไม่รู้ว่าเป็ นเสี ยงใครทีร้องขึน เหล่าทหารพากันโห่ ร้องขึนมาตามกัน “ฝี มือยิงธนูไม่เลว......ไม่เลวจริ ง


ๆ......”

มู่หรงเสวียขมวดคิวน้อย ๆ ยิงเป้ าเคลือน เมือเปรี ยบกับยิงเป้ านิงแล้วยากกว่ากันหลายเท่านัก เป้ าธนูในสนามฝึ ก


ก็เคลือนทีไปมาอย่างคาดเดาทิศทางไม่ได้ ไม่มีทิศทางทีแน่นอน ถือเป็ นการทดสอบฝี มือการยิงธนูได้ดีทีสุ ด ถ้า
ฝี มือการยิงธนูแย่หน่ อยก็จะยิงไม่โดนเป้ าแดง เพียงแค่มู่หรงจีเริ มดอกแรกก็โดนเป้ าแดงแล้ว ฝี มือการยิงธนูของ
เขาก็นบั ว่าไม่เลว มู่หรงเจียนคงลงทุนลงแรงกับลูกชายคนนีไปมากโข ไม่รู้ว่าฝี มือการยิงธนูของมู่หรงเย่จะเป็ น
เช่นไรบ้าง ?
มู่หรงเสวียเงยหน้ามองมู่หรงเย่ เห็นเขายืนอยูด่ า้ นขวาของสนามประลอง ดึงสายธนูดว้ ยแววตาหนักแน่ น ลูกธนู
ส่ งเสี ยง ‘ฟ้ าว ฟ้ าว ฟ้ าว’ แล้วพุ่งออกไป แต่ละอันล้วนเข้าเป้ าแดง......

สนามฝึ กทีใหญ่โตพลันเงียบสงัดทันที !

“ดี !” ใครสักคนในทีนันส่ งเสี ยงตะโกนออกมา เหล่าทหารต่างพากันฮือฮา “ท่านโหวน้อยแห่ งจวนเจินกัวโหวผู ้


นี ปกติเป็ นคนทีเกเรมาก คิดไม่ถึงว่าฝี มือการยิงธนูของเขากลับดีเยียมเช่นนี......”

“ก็เขาเป็ นลูกชายของเยว่โหวเย่ (คําเรี ยกชือและยศของพ่อมู่หรงเย่) ไม่ใช่หรื อ เมือคิดถึงฝี มือการยิงธนูของเยว่


โหวเย่ตอนนันแล้ว เขายิงได้ไกลตังร้อยก้าว ไม่เป็ นรองผูใ้ ด เขาจะยิงทีเดียวได้พร้อมกันหลายเป้ า ก็เห็นว่าไม่ได้
แปลกประหลาดอะไรนัก......”

“เขาถึงว่าลูกของเสื อไม่มีทางทีจะกลายเป็ นลูกสุ นขั ไปได้......”

เสี ยงวิพากษ์วจิ ารณ์ของเหล่าบรรดาทหารลอยเข้าหู มู่หรงจีขมวดคิวแน่ น ทีเขาเสนอให้ยงิ เป้ าเคลือนไหว ก็เป็ น


เพราะต้องการจะแสดงฝี มือการยิงธนูทีสู งส่ งของตน แต่กลับถูกมู่หรงเย่แย่งความสนใจไปเสี ยหมด ช่างเลวร้าย
ยิงนัก ตนเองไม่มีทางทีจะยอมแพ้ให้แก่เขาแน่ !

เมือดึงสายธนู เสี ยงของลูกธนูสามดอกของมู่หรงจีก็พุ่งออกไปด้วยความเร็ วแรงดังสายฟ้ าแลบลอยเข้าหู พุ่งเข้า


ไปทีเป้ าธนูอย่างรวดเร็ ว “ฉึ ก ฉึ ก ฉึก” ลูกธนูสามดอก เข้าเป้ าสี แดงเสี ยสองดอก อีกดอกหนึงปั กอยูท่ ีขอบของ
วงกลมสี แดง
“พุ่งออกไปสามดอกรวด ไม่เลว นับว่าไม่เลวจริ ง ๆ !” เหล่าทหารกล่าวชืนชม

สี หน้าของมู่หรงเจียนค่อย ๆ ดุดนั การยิงธนูสามดอกติดต่อกันควรเอาไว้ใช้ตอนสุ ดท้าย เป็ นการจบการประลอง


ครังนี ให้น่าตรึ งตาตรึ งใจ ให้ผคู ้ นจดจําถึงฝี มือการยิงธนูทียากหาใครเปรี ยบได้ของมู่หรงจี !

แต่เขากลับไม่ทาํ เช่นนัน เวลาหนึงก้านธูปเพิงจะเริ ม เขาก็แสดงฝี มือการยิงสามดอกติดต่อกันเสี ยแล้ว ทําไมถึง


อดกลันอารมณ์ตวั เองมิได้เช่นนี ?

เมือหันไปมองมู่หรงเย่ ก็เห็นเขาหยิบเอาลูกธนูจาํ นวนสามดอกออกมา ค่อย ๆ วางบนสายธนู ‘ฉึก ฉึ ก ฉึก’ลูกธนู


สามดอกพุ่งเข้าเป้ าสี แดงติดต่อกัน พร้อมกับเสี ยงชืนชมอย่างตกตะลึงของเหล่าทหาร “ฝี มือช่างดียงนั
ิ ก...ไม่ผดิ
เลยทีเป็ นลูกของเยว่โหวเย่......”

แววตาคมกริ บของมู่หรงเจียนหรี เล็กลง ดวงหน้าดุดนั จนน่ากลัว ทีฝี มือการยิงธนูของมู่หรงเย่ดีขนาดนี เป็ น


เพราะการสื บทอดทางสายเลือดจากมู่หรงเยว่อย่างนันหรื อ ? หรื อเป็ นเพราะเก๋ อฮุยทีสังสอน ?

การยิงสามดอกต่อกันของจีเอ๋ อร์ มีหนึ งดอกทีปั กโดนขอบของเป้ าสี แดง ทําให้กลายเป็ นรองของมู่หรงเย่ไปแล้ว


เขาจึงกลายเป็ นตัวตลกของค่ายทหาร เลวร้ายทีสุ ด !
มู่หรงเจียนมองไปทีมู่หรงจีด้วยความโมโห เห็นสี หน้าของเขาซี ดขาว มือทีถือธนูสนไหว
ั ถลึงตามองไปทางมู่
หรงเย่อย่างเกลียดชัง แววตาลุกโชนไปด้วยความโกรธและไม่ยอมแพ้ ฝี มือการยิงธนู ของเขาเป็ นท่านพ่อทีสอน
เขาเองกับมือ ทัวเมืองจิงโจวไม่มีใครเปรี ยบได้ ในเมืองหลวงชิงเหยียนเขาก็เป็ นผูม้ ีฝีมือผูห้ นึง มู่หรงเย่จะชนะ
เขาได้อย่างไรกัน ชนะเขาได้อย่างไร !

แววตาของมู่หรงจีเย็นเยือก เขาดึงสายธนูอย่างรวดเร็ ว ลูกศรสี ดาํ “ฟ้ าว ฟ้ าว ฟ้ าว !” พุ่งไปทางมู่หรงเย่ มู่หรงเย่ที


ไม่ทนั ระวัง ตังใจทีจะหลบ แต่ดูท่าว่าจะหลบไม่ทนั เสี ยแล้ว !

“ตึง ตึง ตึง !” เข็มเงินสามสายพุ่งออกไปปะทะเข้ากับศรสี ดาํ จนกระเด็นออกไป !

เสี ยงพูดคุยของผูค้ นรอบทิศพลันหยุดลง ทุกคนต่างมองไปทีทิศทางทีเข็มเงินพุ่งออกมาเห็นแววตาของมู่หรง


เสวียเย็นชา เพียงพริ บตาก็ไปปรากฏตัวทีสนามฝึ ก มองไปทีศรสี ดาํ บนพืน กล่าวขึนอย่างเยือกเย็นว่า “มู่หรงจี
เจ้าจะยิงธนูหรื อว่าต้องการทีจะฆ่าคนกันแน่ ?”

“อย่าได้พดู จาโหดร้ายเช่นนัน ข้าเพียงแค่ไม่ทนั ระวัง แค่มือลืนก็เท่านัน” ใบหน้าของมู่หรงจีเชิดสู งขึน แววตา


แสร้งทําเป็ นไม่สนใจ แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความเกลียดชัง มู่หรงเสวียคนชัวร้าย ชอบมายุง่ วุ่นวายนัก
ไม่เช่นนันธนูลูกนันของเขาคงยิงถูกมู่หรงเย่จนตกตายไปแล้ว !

“จริ งหรื อ ?” มู่หรงเสวียยกมุมปาก คล้ายยิมคล้ายมิยมิ ยืนมือออกไปคว้าคันธนูของมู่หรงเย่เอาไว้ วางศรดึงสาย


ธนู ได้ยนิ เสี ยง ‘ฉึ ก ฉึ ก ฉึ ก’ ดังขึนสามเสี ยง ธนูทงสามลู
ั กเรี ยงกันเป็ นรู ปสามเหลียม แล้วพุ่งผ่านเส้นผมและ
แขนทังสองข้างของมู่หรงจีไป ทําให้ตวั ของเขาตรึ งเข้ากับรัวของค่ายทหาร

“อ้า !” มู่หรงจีกรี ดร้องเสี ยงดังลัน

“จีเอ๋ อร์ !” มู่หรงเจียนร้องขึนอย่างตกใจ เพียงพริ บตาเดียวไปปรากฏทีหน้าของมู่หรงจี มองไปทีเขาทีถูกลูกศร


ตรึ งเอาไว้และทีแขนมีเลือดทีค่อย ๆ ไหลริ นออกมา ในอกลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ สาตตาเกรี ยวกราดดังศรพุ่ง
มองไปทีมู่หรงเสวีย !
ตอนที 84 ความพ่ ายแพ้ ของมู่หรงเจียน
“ขออภัย ไม่ทนั ระวัง มือลืน !” มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ ดวงตาฉายแววไร้เดียงสา !

พอมองไปทีสายตาของมู่หรงเจียน กลับฉายแววถือดีและท้าทาย ดวงหน้าของเขาขึนสี เขียวคลํา กล่าวเน้นทีละ


คํา “มู่หรงจีไม่ได้ทาํ ให้ม่หู รงเย่ได้รับบาดเจ็บ ทําไมเจ้าจะต้องลงมือหนักเช่นนี......”

“ถ้าข้าไม่ได้ทาํ ให้ศรทังสามลูกกระเด็นออกไป ท่านพีของข้าก็คงได้รับบาดเจ็บสาหัสจนตายไปแล้ว ไหนจะมา


ยืนดี ๆ อยูต่ รงนี ได้ !” มู่หรงเสวียมองไปทีมู่หรงเจียนด้วยสายตาเย็นชา ท่าทางหยิงยโส “พูดไปพูดมา ก็เป็ นท่าน
เองทีไร้ความสามารถ ใครให้ท่านไม่สามารถปั ดเอาลูกศรของข้าออกไป แล้วช่วยเหลือลูกของตัวเองเล่า ?”

“เจ้า !” มู่หรงเจียนชีไปทีมู่หรงเสวีย โมโหจนพูดไม่ออก

“ข้าทําไม ? ยังไงข้าก็ไม่ได้ไปเข้าสนามรบ ยิงธนูแล้วมือลืนก็ไม่เห็นจะเป็ นไร แต่มู่หรงจีกลับตรงกันข้าม อยาก


เข้าค่ายทหาร ท่าทางมันอกมันใจ ถ้าเกิดได้เข้าสนามรบจริ ง ๆ แล้วไม่ทนั ระวังมือลืนยิงโดนพวกเดียวกันตาย
เช่นนันโทษก็นบั ว่าหนักแล้ว......” นําเสี ยงราบเรี ยบสบาย ๆ ของมู่หรงเสวียแฝงไปด้วยการดูหมินเหยียดหยาม

ในหัวของบรรดาเหล่าทหารต่างก็ปรากฏภาพมู่หรงเจียนทียิงศรสามดอกต่อกันออกไปอย่างไร้ความปรานี อดที
จะตัวสันเล็กน้อยไม่ได้ สายตาทีมองมู่หรงจีต่างก็เต็มไปด้วยความคิดทีหลากหลาย การทีเอาลูกธนู ยงิ คนของ
ตนเอง ถ้าหากเลียงได้กค็ วรเลียง พวกเขามาเป็ นทหารก็เพือปกป้ องแคว้น ปกป้ องครอบครัว ฆ่าฟั นศัตรู แต่ไม่ใช่
ต้องมาตายด้วยนํามือของพวกเดียวกัน เช่นนันจิตใจจะชัวร้ายเกินไปแล้ว !
มู่หรงเจียนถลึงตามองมู่หรงเสวียด้วยความเกลียดชัง แววตาเต็มไปด้วยไฟโกรธทีสามารถพ่นออกมาเป็ นไฟได้
ถูกนางว่าร้ายถึงเพียงนี ฝี มือการยิงศรสามดอกต่อเนื องกันของจีเอ๋ อร์ คงกลายเป็ นเรื องตลก ผูค้ นก็จะดูถูกฝี มือ
การยิงธนูของจีเอ๋ อร์ ถึงแม้ว่าจะได้เข้าค่ายทหารก็จะถูกผูค้ นหัวเราะเยาะ โดดเดียว จิตใจของมู่หรงเสวียช่าง
โหดเหี ยมยิงนัก......

แม่ทพั จางก้าวออกมา “ใต้เท้ามู่หรง คุณชายก็บาดเจ็บไม่นอ้ ย ให้แพทย์ทหารรักษาเขาเสี ยหน่ อยเถิด” มีคนได้รับ


บาดเจ็บทีค่ายทหารของเขา เขาจะไม่ดูแลก็ไม่ได้

มู่หรงเจียนตืนจากภวังค์ เขาถูกมู่หรงเสวียปั นหัวจนเกือบลืมเรื องทีจีเอ๋ อร์ ได้รับบาดเจ็บไปเสี ยสนิ ท “ขอบคุณแม่


ทัพจาง”

“ใต้เท้ามู่หรงเกรงใจไปแล้ว !” นําเสี ยงก้องกังวานของแม่ทพั จางเต็มไปด้วยความเรี ยบเฉยและห่ างเหิ น

ชายอายุสีสิ บกว่าปี ใส่ ชุดเทาผูห้ นึง ยกกล่องยาเดินไปด้านหน้าของมู่หรงจี แล้วตรวจดูบาดแผลอย่างละเอียด

“ลูกธนูบนหัวเพียงแค่ทะลุผา่ นเส้นผมออกไปเท่านัน ไม่ได้ทาํ ร้ายถึงร่ างกาย ลูกธนูทีข้อมือทังสองข้างก็ไม่ได้ทาํ


ร้ายไปถึงกระดูก คุณชายมู่หรงอายุยงั น้อย พักรักษาตัวสักพักก็จะกลับมาแข็งแรงดังเดิม......”

แพทย์ทหารคว้าจับไปทีก้านของลูกศรแล้วดึงมันออกมาด้วยความใจเย็น ทําให้เลือดสี แดงสดพุ่งทะลักออกมา


“อ้าก !” มู่หรงจีกรี ดร้องจนสลบไป สี หน้าซี ดขาวไร้สีเลือด

เมือมองไปทีดวงหน้าทีไร้เรี ยวแรงของเขา แววตาของมู่หรงเจียนก็วบู ไหวไปด้วยความกระวนกระวาย กอดเข้าที


ร่ างกายทีเปื อนเลือดของมู่หรงจี พลางร้องเรี ยกอย่างร้อนรน “จีเอ๋ อร์...จีเอ๋ อร์ ...”

“ใต้เท้ามู่หรงมิตอ้ งร้อนรนไป คุณชายเพียงแค่สลบไปเท่านัน หลังจากห้ามเลือดใส่ ยาแล้วก็จะฟื นขึนมาในไม่ชา้


!” ทหารแพทย์กล่าวขึนอย่างช้า ๆ เลิกแขนเสื อของมู่หรงจีขึน เช็ดเลือดทีแขนของเขาให้สะอาดอย่างระมัดระวัง
แล้วใส่ ยา ทําแผลด้วยความคล่องแคล่ว !

สี หน้าซี ดขาวของมู่หรงจีค่อย ๆ กลับมามีสีเลือดฝาดอีกครัง หัวใจทีเต้นแรงของมู่หรงเจียนก็ค่อย ๆผ่อนคลายลง


“ลําบากท่านหมอแล้ว !”

“ใต้เท้ามู่หรงเกรงใจไปแล้ว !” แพทย์ทหารยิมกล่าวอย่างไม่ถือตัว

“อาสื อ พามู่หรงโหวน้อยไปทีกระโจมพัก !” เสี ยงสังการเย็นเยียบของแม่ทพั จางดังขึน

มู่หรงเสวียเลิกคิว นี คงถือว่าเป็ นการอนุญาตให้ม่หู รงเย่เข้าเป็ นพลทหารของค่ายทหารแล้ว !


มู่หรงจีได้รับบาดเจ็บทีข้อมือ หนึงเดือนสองเดือนนี คงไม่สามารถทีจะหยิบจับคันธนูได้ อีกทังยังไม่สามารถ
ฝึ กฝนทีสนามฝึ กได้ รายชือการเข้าค่ายทหารของมู่หรงเย่ก็ไม่ได้ถูกแย่งชิงไป ไม่ว่าภายในใจจะมีความโกรธ
แค้นเพียงไร ล้วนทําได้แค่เบิกตามองมู่หรงเย่เข้าค่ายทหารเท่านัน

เมือปรายไปมองมู่หรงเจียน ก็เห็นแววตาของเขาวูบไหวไปด้วยความโมโหและไม่พอใจทียากจะพบเจอ

“ขอบคุณแม่ทพั จางมากขอรับ” มู่หรงเย่ยมตาหยี


ิ กล่าวขอบคุณ หันไปมองมู่หรงเสวียด้วยแววตาทีเต็มไปด้วย
ความหนักใจ “น้องเล็ก ช่วงนีข้าคงไม่สามารถกลับจวนโหวได้ เจ้าจะต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ !”

เขามองออกแล้วว่าในจวนเจินกัวโหวทียิงใหญ่นนั มีเพียงน้องสาวของเขาทีหวังดีต่อเขา ท่านย่า อาสอง อาหญิง


น้องชายล้วนอยากทีจะให้เขาตายไว ๆ จะได้ไม่ขวางทางของพวกเขา

ตอนนีเขามาทีค่ายทหารแล้ว พวกเขาก็คงคิดร้ายต่อเขาไม่ได้อีก จึงมีโอกาสสู งทีจะเอาความโกรธแค้นทังหมด


ไปลงทีตัวน้องเล็ก

มู่หรงเสวียยิมขึนบางเบา “วางใจได้ ข้าจะดูแลตัวเองเป็ นอย่างดี ท่านก็ฝึกฝนให้ดี ๆ ตังใจพัฒนาตนเอง จวน


เจินกัวโหวของพวกเรากําลังรอคอยการกอบกูช้ ือเสี ยงและเกียรติยศจากท่าน !”

“อืม !” มู่หรงเย่พยักหน้า กล่าวขึนอย่างหนักแน่นเหมือนกันจะสัญญาและสาบานว่า “ข้าจะไม่ทาํ ให้เจ้าผิดหวัง


แน่นอน !”
มู่หรงเย่ตามอาสื อไปทีกระโจมทีพัก เก๋ อฮุยก็ตามไปช่วยพวกเขาจัดการสิ งของ มู่หรงเสวียรู ้สึกว่าทุกอย่างต่างเข้า
ทีแล้ว นางจึกล่าวขึนอย่างช้า ๆ “คุณชาย เวลาก็ผา่ นมานานแล้ว พวกเรากลับเมืองหลวงกันเถอะเจ้าค่ะ”

“ได้ !” คุณชายโอวหยางพยักหน้า แล้วค่อย ๆ เดินออกไปด้านนอก เขามาทีค่ายทหารก็เพราะนาง หากนางอยาก


กลับ แน่นอนว่าเขาต้องตามไปด้วย

สายตามองไปทีมู่หรงเสวียและคุณชายโอวหยางทีเดินเคียงคู่กนั ไป ทันใดนันมู่หรงเจียนก็นึกได้ว่าค่ายทหารมี
กฎห้ามให้สตรี เข้ามา แต่ม่หู รงเสวียกลับเดินเข้ามาอย่างเปิ ดเผย ไม่ได้ถูกขัดขวางแต่อย่างใด นันเป็ นเพราะว่า
นางมากับคุณชายโอวหยางอย่างนันหรื อ ?

บุตรชายแห่ งเซี ยวเหยาอ๋ องทีเลืองลือกัน ช่างไม่ธรรมดานัก !

มู่หรงเจียนหรี ตาลง แววตาฉายความมืดมิด

เมือเดินออกจากค่ายทหาร มู่หรงเสวียก็เร่ งเดินไปตรงหน้าม้าเร็ วของตัวเอง ค่อย ๆ แกะเชือกจูงม้าออก “ท่านลุง


ฮุยไม่รู้วา่ จะยุง่ ถึงตอนไหน คุณชายก็ขีม้าของท่านลุงฮุยเถอะ หลังจากกลับจวนแล้ว ข้าค่อยให้คนของจวนมาส่ ง
ม้าให้เขา......”
คุณชายโอวหยางได้ยนิ คําพูดแจกแจงของนาง คิวดําก็เลิกขึน ไม่กล่าววาจาใด นิวมือภายใต้แขนเสื อดีดเพียงเบา
ๆ พลังปราณกล้าแกร่ งสายหนึงก็พ่งุ ไปทีม้าเร็ วอย่างเงียบเชียบ

มู่หรงเสวียจูงม้าเร็ วออกจากรัว กําลังเตรี ยมทีจะพลิกตัวขึนหลังม้า อยู่ ๆ ม้าเร็ วก็ยกเท้าหน้าขึนร้องเสี ยงดังหลีก


หนี ม่หู รงเสวียแล้วพุ่งทะยานออกไปด้านหน้า เท้าของม้าทังสี ข้างทําให้ฝนุ่ ฟุ้ งกระจาย ควันโขมงไปทัว

เหตุการณ์ทงหมดเกิ
ั ดขึนเพียงพริ บตาเดียว รวดเร็ วจนนางตอบสนองไม่ทนั ช่วงเวลาทีนางกําลังตกอยูใ่ นภวังค์
ม้าเร็ วก็กลายเป็ นเพียงจุดสี ดาํ เล็ก ๆ ทีอยูไ่ กลออกไป

มู่หรงเสวียทีถูกฟาดจนมือขึนสี แดงน้อย ๆ ทังโมโหทังร้อนรน นี มันเรื องอะไรกัน ? ทําไมอยู่ ๆ ม้าเร็ วตัวนันก็


เกิดตกใจขึนมา ? ตอนขามามันก็ยงั ดีดีอยูเ่ ลยนี

มองไปทีใบหน้าเรี ยวเล็กของนาง คุณชายโอวหยางก็ยกยิมมุมปากบางเบา ในใจรู ้สึกดียงนั


ิ กเขาค่อย ๆ เดินไป
ด้านหน้า กล่าวขึนอย่างเรี ยบเฉยว่า “อู๋เหิ นเอารถม้าตามมาแล้ว พวกเรานังรถม้าเถอะ”

มู่หรงเสวียมองไปตามสายตาของเขา เห็นว่าบนถนนหลวงห่ างออกไปไม่ไกลมีรถม้าคันหนึงจอดอยู่ ด้านบนมี


สัญลักษณ์ของวังเซี ยวเหยาอ๋ องแขวนอยู่ องครักษ์เงาอู๋เหิ นยืนรออย่างนอบน้อมทีด้านข้างของรถม้า !

กลินหอมของไม้ไผ่ทีเลือนรางลอยกระทบจมูก เป็ นคุณชายโอวหยางทีเดินผ่านนางไป เขาเดินไปทีรถม้าอย่างช้า


มู่หรงเสวียไร้วาจา ถอนหายใจออกมาอย่างบางเบา อยู่ ๆ ม้าของนางก็วิงหนีไปอย่างไม่รู้สาเหตุ ม้าของท่านลุง


ฮุยก็ไม่รู้ว่าจะมีปัญหาหรื อไม่ นางก็คงต้องนังรถม้าของคุณชายโอวหยางอย่างไม่มีทางเลือก ดูท่าจะปลอดภัย
กว่า
ตอนที 85 เมาเหล้า
มู่หรงเสวียเดินไปทีด้านหน้าของรถม้าอย่างช้า ๆ นางเหยียบเก้าอีขึนรถม้า ตอนทีกําลังจะปล่อยม่านลงนัน นาง
เห็นรถลากคันหนึงกําลังแล่นออกจากค่ายทหาร ด้านบนของรถลากปูไว้ดว้ ยหญ้าฟางหนึ งชัน ด้านในมีม่หู รงจีที
ยังสลบไม่ฟืนกับมู่หรงเจียนทีมีสีหน้าดุดนั

มู่หรงจีได้รับบาดเจ็บจนสลบไป ไม่สามารถทีจะขีม้าได้ จึงจําเป็ นต้องนังรถม้ากลับไป แต่ทีค่ายทหารไม่มีรถม้า


ทีเอาไว้บรรทุกคน ในระแวกใกล้เคียงก็ไม่มีคนทีผ่านทางมา มู่หรงเจียนพ่อลูกจึงได้เพียงแต่นงบนรถลาก

บรรทุกเสบียงกลับเมืองหลวงเท่านัน

ดวงอาทิตย์บนท้องฟ้ าสว่างจ้า สาดส่ องจนผูค้ นตาพร่ า มู่หรงเจียนทีได้รับบาดเจ็บไม่น้อย ทังยังต้องนังตากแดด


ไปตลอดทางอีก ไม่รู้วา่ จะตากแดดจนเป็ นลมไปหรื อไม่ ?

มู่หรงเสวียยกยิมขึนน้อย ๆ ดวงตาดูมีความสุ ขทีเห็นพวกเขาลําบาก

กลินหอมของไม้ไผ่บางเบากระทบจมูก มู่หรงเสวียหลุดจากภวังค์ปิดม่านลงมองไปทิศทางทีกลินหอมทีโชยมา
นางเห็นคุณชายโอวหยางกําลังดืมเหล้าเทเหล้าอยูข่ า้ งโต๊ะตัวเล็ก ดวงหน้าแสนงดงามหล่อเหลาภายใต้แสงแดดที
สาดส่ องทะลุหน้าต่างของรถม้าเข้ามา ทําให้รอบกายของเขาปรากฏเป็ นรัศมีแสงทีเปล่งประกายอย่างบางเบา วิบ
วับไปมา เป็ นความงดงามทีแสนจะเหนื อคําบรรยาย

นิวมือหยกขาวค่อย ๆ บรรจงยกจอกเหล้าขึน เทเหล้าเลิศรสลงคอด้วยท่วงท่าทีสง่างาม กลินหอมตลบอบอวลไป


ทัว ชวนให้ผคู ้ นนําลายสอ
อยู่ ๆ มู่หรงเสวียก็รู้สึกคอแห้ง “คุณชาย ท่านมีนาชาไหม
ํ ?” ฟ้ ายังไม่ทนั สว่าง นางก็เร่ งออกเดินทางมาทีนีเสี ย
แล้ว จนถึงตอนนี ก็ยงั ไม่ได้ดืมนําเลยสักหยด จึงรู ้สึกคอแห้งเป็ นอย่างมาก

คุณชายโอวหยางตอบราบเรี ยบ “ตอนมานันค่อนข้างฉุ กละหุ ก บนรถม้ามิได้เตรี ยมนําเปล่า เลยไม่สามารถทีจะ


ต้มชาได้ เจ้าจะดืมเหล้าสักจอกไหม ?”

“เช่นนันก็ไม่ดีกว่า” มู่หรงเสวียมองไปทีเหล้าเลิศรส พลางส่ ายหน้าเบา ๆ ตอนนีนางแค่คอแห้ง เหล้าก็ไม่ได้ช่วย


ทําให้หายคอแห้ง ดืมไปมากเท่าไหร่ กไ็ ม่มีประโยชน์

นางก้มหน้าลง มองเห็นสิ งของสี ขาวทีคุน้ เคยสิ งหนึ ง นี มัน...ถุงนําของคุณชายโอวหยาง !

มู่หรงเสวียยกเอาถุงนําขึนมาเขย่า ด้านในยังคงมีนาอยู
ํ ค่ รึ งหนึ ง ไม่เพียงพอทีจะใช้ตม้ ชาได้ แต่ว่าถ้าแค่ใช้ดบั
กระหายก็ไม่น่าเป็ นปั ญหา

มู่หรงเสวียยิมพลางเปิ ดจุกถุงนํา ดืมนําเข้าไปหนึงอึก นํามีรสชาติหอมหวานสดชืน รสชาติไม่เลวเลย แต่วา่ ดับ


กระหายได้ไม่ค่อยได้เท่าไหร่ กลับยิงรู้สึกคอแห้งกว่าเดิมเสี ยอีก มู่หรงเสวียอดไม่ได้ทีจะดืมเข้าไปอีกหลายอึก
อีกหลายอึก แล้วก็ดืมอีกหลายอึก......
“เจ้าไม่ดืมเหล้าไม่ใช่หรื อ ? ทําไมถึงกอดเหล้าหลิงหลงจุย้ ไม่ปล่อยเสี ยที ?” นําเสี ยงทุม้ ของคุณชายโอวหยาง
ลอยเข้าหู มู่หรงเสวียพลันหยุดชะงัก แล้วก็สาํ ลักไม่หยุด “แค่กแค่ก...ด้านในนี ...คือเหล้าอย่างนันหรื อ ?”

“ใช่แล้ว !” คุณชายโอวหยางพยักหน้า แววตาส่ องประกายวิบวับ

เพียงพริ บตาดวงหน้างามของมู่หรงเสวียก็ดุดนั “ท่านเอาเหล้าไปใส่ ไว้ในถุงนําได้อย่างไรกัน ?” นางนึ กว่าด้าน


ในนี เป็ นนําเปล่า เลยดืมเข้าไปเสี ยหลายอึก

“ใครเป็ นคนกําหนดกันว่าถุงนําไม่สามารถใส่ เหล้าได้ ?” คุณชายโอวหยางเลิกคิวมองไปทีนาง แววตาเต็มไป


ด้วยความเยาะเย้ย “แล้วก็ เหล้ากับนํารสชาติก็ไม่เหมือนกัน คนฉลาดเพียงแค่ดมกลินหรื อดืมเข้าไปก็รู้แล้วว่า
เป็ นเหล้า”

มู่หรงเสวียเงียบงัน “......”

นางกลับดมกลินไม่ออกว่ามันคือเหล้า อีกทังดืมเข้าไปก็ไม่รู้สึกว่ามันเป็ นเหล้า คุณชายโอวหยางกําลังแอบด่า


นางว่าโง่อย่างนันหรื อ ?

อยู่ ๆ ในหัวก็รู้สึกวิงเวียนขึนมา ภาพตรงหน้าเริ มมืดมัวมองเห็นไม่ชดั เจน ร่ างกายรู ้สึกไร้การควบคุม และไม่ฟัง


เสี ยงสังการใด มู่หรงเสวียเซไปเซมาจนในทีสุ ดก็ลม้ ลงกับพืน
“ระวัง !” คุณชายโอวหยางยืนมือไปพยุงตัวนางไว้ดึงนางเข้ามาในอ้อมกอด เขย่าถุงนําเบา ๆ ด้านในนันว่างเปล่า
ดวงตาสี ดาํ เปล่งประกายวูบไหว ดืมไปมากขนาดนันถึงว่าทําไมได้เมาเร็ วเช่นนี

เขาก้มหน้าไปมองมู่หรงเสวีย เห็นดวงหน้าของนางแดงกํา คิวของนางขมวดเข้าหาเล็กน้อย มือขาวยกขึนนวด


ขมับหลายครังหลายครา ดวงตาของคุณชายโอวหยางเต็มเปี ยมไปด้วยความห่ วงใย “ทรมานมากไหม ?”

“ยังพอได้เจ้าค่ะ” กลินหอมบางเบาของไม้ไผ่กบั กลินเหล้าทีอบอวลยิงทําให่ ม่เู สวียเมาหนักยิงกว่าเดิม นางปรื อ


ตาเล็กน้อยกล่าวขึนอย่างสะลึมสะลือ “เพียงแค่ปวดหัวมาก”

ดืมเหล้าจนเมาขนาดนี ก็ตอ้ งปวดหัวแน่นอนสิ !

แววตาของคุณชายโอวหยางวูบไหว นิวมือของเขาลูบไปตามใบหน้าแดงกําของนาง แววตาเปล่งประกายรักใคร่


ทียากจะพบเจอ “เสวียเอ๋ อร์ ในแผ่นดินนี เจ้าเกลียดคนเช่นไรหรื อ ?” เขาล้วนบอกว่าคนเมามักจะพูดความจริ ง
เขาอยากฟังคําตอบจากมู่หรงเสวียตอนทีนางกําลังเมาเช่นนี

นําเสี ยงทุม้ นุ่ มลอยเข้าหู จิตใจของคนเมาทีได้ฟังพลอยสันไหว มู่หรงเสวียกะพริ บตา กล่าวขึนอย่างเกลียดชัง


ี น ฉิ นยวีเยียน แซ่ ตู้ มู่หรงเจียน มู่หรงโหรว......”
“คนทีข้าเกลียดน่ ะหรื อ มีมากมายนัก เย่อเฉิ

เมือได้ฟังชือของแต่ละคนทีนางพูดออกมานัน มุมปากของคุณชายโอวหยางก็ยกยิมขึนมาทันที ใครทีเป็ นศัตรู


ของนาง นางล้วนเกลียดทังหมด
“เช่นนันคนทีเจ้าชอบทีสุ ดล่ะ ? เป็ นใคร ?” เสี ยงทุม้ ตําแสนเคร่ งขรึ มของคุณชายโอวหยางทีแฝงไปด้วยเสน่ ห์หา
กระทบเข้าหู ทําให้ผคู ้ นทีได้ยนิ แทบอยากจะบอกกล่าวเรื องราวทีเก็บลึกไว้ในใจออกมาเสี ยให้หมด

มู่หรงเสวียครุ่ นคิดแล้วครุ่ นคิดอีก แล้วก็ครุ่ นคิดอยูอ่ ย่างนัน จึงส่ ายหน้าออกมา “ข้าคล้ายว่าไม่มีคนทีชอบทีสุ ด


......”

ไม่มีคนทีชอบทีสุ ด ! เช่นนันก็หมายความว่านางมิได้ชอบเขา !

ในใจของคุณชายโอวหยางคุกรุ่ นบางเบา เขากอดมู่หรงเสวียแน่นขึน แววตาลําลึกจ้องมองไปทีดวงตาของนาง


“เจ้ารู ้จกั ข้าไหม ?”

“รู ้จกั แน่ นอน ท่านเป็ นบุตรชายผูส้ ื บทอดของเซี ยวเหยาอ๋ องอย่างไร” มือนุ่ มนิ มของมู่หรงเสวียเลือนผ่านหน้าอก
ของเขา ลูบไล้เข้าทีคอของเขาแล้วเคลือนไปคว้าหู ของเขาไว้ พูดขึนอย่างมีลบั ลมคมใน

“คุณชายโอวหยาง ท่านรู ้ไหม คิวของท่าน ดวงตาของท่าน รวมไปถึงทังใบหน้าของท่าน ล้วนหล่อเหลาทีสุ ดกว่า


ชายหนุ่ มผูใ้ ดทีข้าเคยพบเจอมา งดงามทีสุ ด......”
คําชืนชมทีจริ งใจลอยเข้าหู กลินหอมอ่อน ๆ ของบัวอัคคีกระทบเข้ากับจมูก ลมหายใจอุ่นร้อนพ่นรดบริ เวณทีใบ
หูของเขา ดวงใจของคุณชายโอวหยางเหมือนถูกสะกดเอาไว้ช่วงหนึง เขาไม่เข้าใจมู่หรงเสวียเลย “ถ้าข้าดีถึง
เพียงนี แล้วทําไมเจ้าถึงไม่ชอบข้าเล่า ?”

“ข้าชอบท่านมากเลย ท่านช่วยเหลือข้ามากมาย ข้าจะไม่ชอบท่านได้อย่างไร......” มู่หรงเสวียพูดขึนอย่างเรี ยบ ๆ


แววตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ

ในใจของคุณชายโอวหยางหมดวาจาจะกล่าว เขามองไปทีนาง แล้วกล่าวเน้นทีละคํา “คําว่า ’ชอบ’ทีข้าพูด ไม่ใช่


การคบหาระหว่างเพือน แต่เป็ นการ ‘ชอบพอ’ ระหว่างชายหญิง เจ้าเข้าใจหรื อไม่ ?”

มู่หรงเสวียทีได้ยนิ เช่นนัน แววตาก็วบู ไหวไปด้วยความรู ้สึกทีหลากหลาย ไม่รู้ สับสน สงสัย และไม่เข้าใจ !

เขารู ้อยูแ่ ล้วว่านางต้องฟั งไม่เข้าใจ ! ท่าทางโง่งมเช่นนี เขาก็ไม่ได้หวังว่านางจะเข้าใจคําพูดของเขาหรอก

แขนแกร่ งของคุณชายโอวหยางค่อย ๆ กระชับกอดเอวบางของนางแน่ นขึน เอวบางเรี ยวเล็ก นุ่ มนิ มอย่างไม่น่า


เชือ กลินกายของหญิงสาวลอยกระทบเข้ากับจมูก แววตาของเขาเคร่ งขรึ มขึนหลายส่ วน ริ มผีปากบางประทับไป
ทีกลีบปากสี ชมพูของนาง

ความรู ้สึกถึงการถูกสัมผัสบางเบาแล่นขึนมาจากริ มฝี ปาก มู่หรงเสวียรู ้สึกเหมือนบางสิ งบางอย่างกําลังระเบิดใน


หัว อยู่ ๆ นางก็เบิกตากว้างขึนมา จ้องมองไปยังใบหน้าหล่อเหลาหาใดเปรี ยบของชายหนุ่ ม ดวงตาพร่ ามัว
เหมือนดังควันหมอก ราวกับจะดึงดูดใจของคน

ดวงตาของคุณชายโอวหยางมืดครึ มดังนําหมึก แขนแกร่ งทังสองข้างกอดมู่หรงเสวียแน่น

ชัวขณะนัน คล้ายเกิดพายุฝนโปรยปรายลงมา ทําเอาสติของมู่หรงเสวียแตกพล่านกระเจิดกระเจิง ในหัว


กลายเป็ นสี ขาวโพลน หายใจไม่ทนั เหนื อยหอบ หัวใจเต้นแรงจนเกือบจะหยุดเต้น
ตอนที 86 ข้ าวสารทีปรุ งสุ ก

กลินหอมไม้ไผ่ของคุณชายโอวหยางแทรกติดไปตามร่ างกายของมู่หรงเสวียทุกซอกทุกอณู ความร้อนแรงและ


บ้าคลังทําให้นางแทบจะเกินรับไหว ร่ างบางสันไหวขึนมาเบา ๆ ผลักคุณชายโอวหยางออกอย่างร้อนรน

คุณชายโอวหยางจับข้อมือของนางไว้อย่างง่ายดาย มือหยกทีเต็มไปด้วยพละกําลังเพียงแค่จบั นางไว้อย่างบางเบา


แต่ม่หู รงเสวียกลับไม่สามารถทีจะขยับเขยือนข้อมือได้อีก นางจึงได้แต่ถีบเท้าออกไปทีเขาอย่างสะเปะสะปะ

คุณชายโอวหยางหลบหลีกการโจมตีของนาง พลิกกายกดตัวนางลงกับพืนพรม จ้องมองไปทีแววตาสะลึมสะลือ


และดวงหน้าทีขึนสี แดงกําเพราะหายใจไม่ทนั ของนาง แววตาปรากฏรอยยิม แขนทังสองข้างรวบแน่ นขึน กอด
นางเอาไว้ในอ้อมอกแนบแน่ น ประกบริ มฝี ปากกับกลีบปากของนางพลางรุ กลําเข้าออก สัมผัสนุ่ มนวลดังสายนํา
รสชาติหอมหวานละมุน ชวนให้ผคู ้ นหลงใหล

มู่หรงเสวียทีถูกกดเอาไว้เสี ยทังร่ างก็ไม่สามารถจะขยับเขยือนได้อีก กลินหอมไม้ไผ่บางเบาตลบอบอวลไปทัว


ทังตัวของนาง การจูบทีบ้าคลังดังพายุฝนทําให้อากาศหายใจของนางยิงนานเข้ายิงน้อยลง ร่ างกายทีอ่อนนุ่ มค่อย
ๆ อ่อนระทวย ในหัวสะลึมสะลือและเริ มขาดอากาศหายใจ อยู่ ๆ ลมหายใจทีแผ่วบางก็กลายเป็ นหอบถีขึนจน
ดวงหน้าเจือปนไปด้วยสี แดงของกุหลาบ

แววตาของคุณชายโอวหยางมืดครึ มดังนําหมึก ริ มฝี ปากบางเลือนไปทีลําคอเรี ยวระหงของนาง เกิดเป็ นรอยแดง


คล้ายดอกเหมยดอกแล้วดอกเล่า......
‘ตึง ตึง’ นําตาอุ่นไหลหล่นกระทบกับใบหน้าของคุณชายโอวหยาง เขาชะงักไปครู่ หนึ ง ถอยห่ างออกจากมู่หรง
เสวียเล็กน้อยอย่างเสี ยดาย เมือเห็นนําตาทีไหลออกจากดวงตาคู่สวยของนาง แววตาก็พลันวูบไหวด้วยความตก
ตะลึงสายหนึ ง “เจ้าเป็ นอะไรหรื อ ?”

แววตาของมู่หรงเสวียเย็นเยือก นางผลักเขาออกไปในห่ างจากกายพลางชันตัวลุกขึน ตีเข้าไปทีเขาอย่างเต็มแรง


“ท่านพ่อท่านแม่ของข้าล้วนตายไปแล้วทังคู่ เย่อีเฉิ นก็รังแกข้า แม่ลูกแซ่ ตูก้ ร็ ังแกข้า ตอนนีท่านก็รังแกข้า......ฮือ
ฮือ ฮือ......”

ความเจ็บปวดจากบริ เวณแขนและหน้าอกค่อย ๆ แล่นขึนมา คุณชายโอวหยางไม่ได้ดึงมือกลับแต่อย่างใด และก็


ไม่ได้ผละกอดจากเอวบางของนาง แต่กลับกล่าวอธิบายขึนอย่างบางเบา “ขอโทษ ข้าไม่ได้ตงใจ”

เขาเพียงแค่อยากให้นางรู ้ว่าเขาชอบพอในตัวนาง แต่ดูท่าทางของนางในตอนนี แล้วนัน ไหนเลยจะเข้าใจ


ความหมายของเขา นางช่างโง่งมจนเกินจะเยียวยา......

“ข้าจะกลับบ้าน...ข้าจะกลับบ้าน......” มู่หรงเสวียร้องไห้โวยวาย มือเล็บกวัดแกว่งตีไปทัว เสื อผ้าทีไม่เรี ยบร้อยก็


หลุดออกไปเกินครึ ง เผยให้เห็นเอียมชันในสี แดงรวมถึงผิวพรรณทีสวยเรี ยบเนี ยน

แววตาของคุณชายโอวหยางวูบไหวอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ เขาจัดเสื อผ้าให้นางอย่างระมัดระวัง


“ได้ ได้สิ ข้าจะส่ งเจ้ากลับบ้าน อย่าร้องเลยนะ” เขาเอ่ยเสี ยงปลอบขึนอย่างอ่อนโยน พลางดึงตัวนางเข้าไปใน
อ้อมกอด หยิบเอาผ้าเช็ดหน้าผืนหนึงซับนําตาบนใบหน้าสวยของนางอย่างอ่อนโยน แววตาเปล่งประกายอย่าง
อ่อนใจ นางยังคงร้องไห้เก่งเหมือนเมือในตอนเด็ก ตอนนี ก็เติบโตแล้ว แต่ไยนิสัยกลับไม่ได้เปลียนไปเลย

รถม้าค่อย ๆ หยุดลงอย่างช้า ๆ นําเสี ยงรายงานนอบน้อมของอู๋เหิ นดังขึนมาจากด้านนอกรถม้า “คุณชายถึงแล้ว


ขอรับ !”

คุณชายโอวหยางตอบรับเสี ยงราบเรี ยบ เขาโอบไหล่ของมู่หรงเสวียลงจากรถม้า ค่อย ๆ เดินไปทีประตูใหญ่ของ


จวนทีอยูใ่ กล้ ๆ

มู่หรงเสวียเดินโซเซไปด้านหน้าพร้อมกับคุณชายโอวหยาง สายตาทีสะลึมสะลือของนางมองเห็นป้ ายของประตู


ทีอยูด่ า้ นหน้า อยู่ ๆ นางก็หยุดฝี เท้าลง “นีไม่ใช่บา้ นข้านี พวกเรามาผิดทีแล้ว !”

คุณชายโอวหยางปรายตามองป้ ายของจวน พลางโอบมู่หรงเสวียก้าวเดินต่อไป “ก็สีตัวอักษรเหมือนกัน ไม่ต่าง


กับบ้านเจ้ามากเท่าไร”

อู๋เหิ นยกยิมมุมปาก จวนเจินกัวโหวกับวังเซี ยวเหยาอ๋ องมีสีตัวอักษรเหมือนกันจริ ง ๆ แต่ว่าความหมายล้วนไม่


เหมือนกันเลยสักนิ ด เพราะฉะนันก็แปลได้ว่าทังสองจวนเป็ นคนละจวนกัน !

“ทีนี ไม่ใช่บา้ นของข้าจริ ง ๆ” มู่หรงเสวียขมวดคิว จับเอาขอบประตูไว้แน่นไม่ยอมปล่อยมือ บ้านของนางคือ


จวนโหว แต่บนป้ ายกลับเขียนว่าวังอ๋ อง
“อีกไม่นานก็เป็ นบ้านของเจ้าแล้ว” คุณชายโอวหยางหลอกล่อนางพร้อมกับแกะมือของนางออก

พ่อแม่สินไปตังแต่ยงั เล็ก พีชายคนเดียวก็เข้าค่ายทหาร จวนเจินกัวโหวยังมีอะไรให้น่ากลับไปอีกงันหรื อ บวก


กับสภาพของนางในตอนนี นัน ถ้ากลับไปคงถูกคนคิดร้ายจนมิอาจตอบโต้ได้แน่ ไม่สู้อยูพ่ กั ผ่อนทีนีเสี ยให้หายดี
ก่อน

ศีรษะของมู่หรงเสวียโอนเอนไปมา ร่ างกายไร้เรี ยวแรง ทําได้เพียงยอมให้คุณชายโอวหยางแกะนิวมือออก โอบ


นางเข้าวังอ๋ องไป แววตางดงามหยาดเยิม มองไปทีสิ งของต่าง ๆ อย่างสะลึมสะลือ ก้าวเท้าเอียงโซเซไปมา ร้อง
ขึนอย่างไม่พอใจ “นีไม่ใช่บา้ นข้า ข้าไม่อยากเข้าไป......”

ชายในชุดนําตาลเดินเข้ามา เมือได้ยนิ คําพูดของมู่หรงเสวีย แววตาก็เปล่งประกายวูบไหว มองไปทางคุณชาย


โอวหยางอย่างขําขัน “คุณชายโอวหยาง นีท่านกําลังทําอะไร ? ฉุ ดหญิงสาวชาวบ้านหรื อ ?”

มู่หรงเสวียสัปหงก ความง่วงยิงมากขึนทุกที ไม่มีจิตใจจะไปต่อฝี ปากกับคุณชายโอวหยางอีก นางพิงอยูก่ บั อก


ของเขาพลางหลับตาลง สติสัมปชัญญะล้วนมลายหายไปจนหมดสิ น

เสี ยงลมหายใจดังขึนอย่างสมําเสมอ คุณชายโอวหยางหยุดฝี เท้าลง อุม้ ร่ างของมู่หรงเสวียขึนมา มองไปทางชาย


หนุ่ มผูน้ นอย่
ั างไม่พอใจ “อย่างข้ายังต้องฉุ ดคร่ าหญิงสาวด้วยหรื อ ?”
ชายในชุดสี นาตาลไอค่
ํ อกแค่กขึนมาสองสามครัง คุณชายโอวหยางสู งส่ งสง่างาม รู ปลักษณ์เลิศลําหาใดเปรี ยบ มี
หญิงสาวมากมายนับไม่ถว้ นล้วนอยากเข้าหาเขา แน่นอนว่าเขาไม่จาํ เป็ นต้องฉุ ดคร่ าใคร แต่ว่า หญิงสาวในอ้อม
อกของเขาผูน้ นั ก็คล้ายกับไม่ได้ชอบพอเขาสักเท่าไหร่ นกั

“นีเป็ นคุณหนูบา้ นใดกัน ?” ชายหนุ่ มชุดนําตาลกวาดตามองมู่หรงเสวียด้วยความสนใจ แต่กลับเห็นเพียงใบหน้า


ของนางมุดอยูใ่ นอ้อมอกของคุณชายโอวหยาง มองไม่เห็นใบหน้าของนางเลยแม้แต่นอ้ ย

“คุณหนูจากตระกูลมู่หรง” คุณชายโอวหยางตอบแบบขอไปที อุม้ มู่หรงเสวียเดินก้าวยาว ๆ ออกไปด้านหน้าราว


กับสายลม

“ตระกูลมู่หรง ? ตระกูลมู่หรงไหนหรื อ ?” คนชุดนําตาลคิดไม่ออกไปครู่ หนึง

“เมืองหลวงมีกีตระกูลมู่หรงกัน ?” คุณชายโอวหยางตอบโดยทีไม่หนั กลับไปมอง นําเสี ยงทุม้ แฝงไปด้วยการดู


หมิน

ชายชุดนําตาลชะงักไป “นางคือ......มู่หรงเสวียแห่ งจวนเจินกัวโหว”

คุณชายโอวหยางตอบรับเพียงเบา ๆ ก้าวเดินต่อไปดังสายลม
ด้านหน้าของชายชุดนําตาลปรากฏภาพใบหน้าหยิงทะนงของมู่หรงเสวียตอนอยูท่ ีสนามประลองสัตว์ มองไป
ทางคุณชายโอวหยางด้วยความสนใจ “เจ้าจริ งจังต่อนาง......อย่างนันหรื อ ?”

คุณชายโอวหยางปรายตามองชายผูน้ นคราหนึ
ั ง “ข้าคล้ายกับพวกบ่าวไพร่ หน้าซื อใจคดอย่างนันหรื อ ?”

ชายชุดนําตาลหัวเราะฝื น ๆ อย่างไม่เป็ นธรรมชาติ “นางเป็ นว่าทีภรรยาของเย่อีเฉิ น อีกทังยังแข็งข้อกับเย่อีเฉิ น


ขนาดนัน ชายคนใดทีเข้าใกล้นาง คงทําให้ผคู ้ นคิดถึงคําว่า ‘จิตใจไม่ซือ’ สี คํานีอย่างง่ายดาย......”

“ปั ง !” ประตูห้องนอนทีเปิ ดอ้าอยู่ ถูกปิ ดลงทันที ทิงชายชุดนําตาลเอาไว้ทีด้านนอกของประตู !

ชายชุดนําตาลทีไม่ทนั ระวังทําให้จมูกของเขาชนเข้ากับประตูของห้องอย่างแรง เลือดสองสายไหลออกมาจากรู


จมูก เขารี บหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าขึนมาเช็ด ถลึงตามองไปทีประตูห้องนอนทีปิ ดสนิ ท เขาเพียงแต่พูดความจริ ง
เท่านัน คุณชายโอวหยางจะมาโมโหเขาทําไมกัน ?

“คุณชายโอวหยาง ข้ามีเรื องสําคัญจะบอกกล่าวกับเจ้า เจ้ารี บออกมาเดียวนี !” ชายหนุ่มเร่ งเคาะประตูหองอย่าง


แรงด้วยความไม่พอใจ เมือครู่ เขาเพียงแค่หยอกล้อคุณชายโอวหยางเพลินไปหน่ อยเท่านัน ก็เลยทําให้ลืมเรื อง
สําคัญไปเสี ยได้

“มีเรื องอะไรค่อยคุยพรุ่ งนี ข้าจะพักผ่อนแล้ว” นําเสี ยงเย็นชาของคุณชายโอวหยางดังขึนจากทางด้านในของห้อง

ชายหนุ่ มชุดนําตาลไม่สนใจ “คนทีดืมเหล้าจนเมาเป็ นมู่หรงเสวีย ไม่ใช่เจ้าเสี ยหน่ อย เจ้าจะพักผ่อนอะไรกัน


......”

เมือพูดถึงตรงนี ก็มีบางอย่างฉายชัดขึนมาในหัวของชายหนุ่ม เขาจึงกล่าวขึนมาอย่างเข้าอกเข้าใจว่า “คุณชาย


โอวหยาง เจ้าไม่ได้กาํ ลังคิดทีจะ......หุ งข้าวสารให้สุกหรอกนะ”
ตอนที 87 รําไห้
“ไสหัวไป !” แก้วกระเบืองสี ขาวใบหนึงลอยออกมาจากห้อง พุ่งตรงไปทีชายชุดนําตาล

ชายชุดนําตาลทีเตรี ยมพร้อมรับมือไว้ตงแต่
ั แรกยืนมือออกไปรับแก้วกระเบืองนันเอาไว้ได้ทนั แต่คาดไม่ถึงว่า
บนแก้วกระเบืองจะแฝงไว้ดว้ ยพลังปราณกล้าแกร่ งสายหนึงซึ งกระแทกเข้ากับตัวเขา เสี ยงดัง ‘ครื ด ครื ด ครื ด’
จนต้องถอยออกไปสามก้าวสี ก้าว แขนของเขาชาไปพักหนึ งจนใกล้จะไร้ความรู ้สึก

ชายหนุ่ มเบ้มุมปาก ในใจของคุณชายโอวหยางคงรู ้สึกอับอายจนระเบิดออกมาเป็ นความโกรธ แหะแหะ คุณชาย


โอวหยางทีใคร ๆ ต่างรู้จกั ก็มีช่วงเวลาทีอับอายจนโกรธเช่นนีด้วยหรื อ ช่างหาชมได้ยากยิงนัก !

“คุณชายโอวหยาง ถ้าเจ้าจะกอดนางไว้แนบอกเสี ยขนาดนัน ข้าก็ไม่รบกวนเจ้าแล้ว พรุ่ งนีข้าค่อยมาหาเจ้าใหม่ !”


ชายหนุ่ มยิมตาหยีพดู กล่าวขึน กลับหลังหันพร้อมดวงตาทีฉายแววขบขันเดินออกไปด้านนอก มีเพือนทีเห็น
ความรักดีกว่าเพือนเช่นเขา เขาก็ตอ้ งเตรี ยมตัวทีจะถูกทิงตลอดเวลา......เฮ้อ ตนช่างน่าสงสารนัก......ออกไปผ่อน
คลายจิตใจคนเดียวก็ได้......

เสี ยงฝี เท้าค่อย ๆ ยําไกลออกไป สี หน้าของคุณชายโอวหยางทีอยูใ่ นห้องค่อย ๆ เปลียนเป็ นอ่อนโยนขึน เขาก้ม


หน้ามองมู่หรงเสวีย ก็เห็นนางกําลังหลับสนิทอยูบ่ นเตียง ดวงหน้างามแดงกํา เปลือกตาปิ ดสนิท ขนตายาวพริ ม
เหมือนดังผีเสื อทาบทับจนกลายเป็ นเงาทอดออกไปบนใบหน้า ดวงหน้าทีดูท่าจะหลับสบายนัน ทําให้ผคู้ นอด
ไม่ได้ทีจะล่วงเกิน
สี หน้าของคุณชายโอวหยางเคร่ งขรึ มขึนมาทันที นิ วมือหยกยืนไปทีเอวบางของนาง ค่อย ๆ ปลดสายรัดเอวของ
นางออก แล้วปลดชุดตัวนอกจนเผยให้เห็นเอียมสี แดงเข้ากันได้ดีกบั ผิวขาวเรี ยบเนียน ทําให้ผคู้ นต่างหลงใหล
รอยแดงเป็ นจํา ๆ คล้ายดอกเหมยทีคุณชายโอวหยางได้กระทําไว้ก่อนหน้า ปรากฏอยูต่ ามคอเรี ยวระหงของนาง
ดูแล้วช่างงดงามไปอีกแบบ !

คุณชายโอวหยางยกยิมบางเบาเล็กน้อย ลากผ้าห่ มด้านในห่ มลงบนตัวมู่หรงเสวียอย่างเบามือ เขาเอนร่ างติดไปที


ด้านข้างของมู่หรงเสวียยืนมือไปโอบและดึงเอาตัวนางเข้ามาแนบอก

ร่ างบางนุ่ มนิ มเมือตกอยูใ่ นอ้อมอกของเขาแล้วช่างรู ้สึกสบายยิงนัก คุณชายโอวหยางอดไม่ได้ทีจะกระชับกอด


นางให้แน่ นขึน แทรกดวงหน้าไปทีซอกคอหอมกรุ่ น ค่อย ๆ สู ดดมกลินหอมของบัวอัคคีทีมีเฉพาะตัวของนาง
แล้วปิ ดตาลงอย่างสุ ขใจ

จริ ง ๆ แล้วเขาคิดทีจะหุ งข้าวสารให้สุก ทําให้นางตกเป็ นของเขา แต่ว่านางอายุยงั น้อยนัก และตอนนี นางยัง


ไม่ได้ชอบพอในตัวเขา เขาจึงไม่อยากทําร้ายนาง

ห้องนอนทีโอ่อ่าพลันเงียบสงบ แสงแดดบางเบาส่ องทะลุผา่ นหน้าต่างของห้องนอนสาดส่ องไปทีเตียงหรู หรา


เป็ นความอบอุ่นทีแฝงไปด้วยความคลุมเครื อจนมิอาจกล่าวออกมาเป็ นคําพูดได้ !

เมือเปรี ยบกับความเงียบสงบของวังเซี ยวเหยาอ๋ องแล้ว เรื อนหยกแห่ งจวนเจินกัวโหวดูจะวุ่นวายผิดปกติ


ซ่งชิงเหยียนยืนอยูด่ า้ นหน้าเตียงของหญิงเฒ่าแซ่ ตู ้ นางกําลังร้องไห้อย่างฟูมฟาย “ท่านยาย ท่านจะต้องช่วยข้านะ
เจ้าคะ !”

ร่ างกายของหญิงเฒ่าแซ่ ตูบ้ าดเจ็บสาหัส แม้แต่จะลงจากเตียงก็ยงั ไม่สามารถทําได้ จิตใจของนางรู ้สึกหดหู่ยงนั


ิ ก
ได้ยนิ เสี ยงนางขอร้องให้ช่วยเหลืออย่างฟูมฟาย ในใจก็เต็มไปด้วยความรําคาญ “เกิดเรื องอะไรขึน ?”

“พอท่านแม่ถูกตัดสิ นให้เข้าคุกด้วยความผิดวางแผนหลอกเอาเงินของหลานชาย ท่านอา ท่านอาสะใภ้ น้องชาย


น้องสาวพวกเขาก็ลว้ นดูหมินข้า พอพบเจอข้าก็หวั เราะเยาะเย้ยข้าต่อหน้าต่อตาอย่างไม่มีปิดบัง อีกทังยังมีพวก
สาวใช้ทีล้วนนิ นทาข้า หัวเราะเยาะข้าลับหลังอีก ข้าเป็ นถึงบุตรสาวสายตรงของอู่อนั โหว แต่อยูท่ ีจวนอู่อนั โหว
กลับถูกผูค้ นดูถูกรังแก ไม่มีทียืนแม้แต่นอ้ ย......”

ซ่งชิงเหยียนร้องไห้ไปกล่าวโทษไป หญิงเฒ่าแซ่ ตูท้ ีได้ฟังก็ขมวดคิวเข้าหากัน “เจ้ากําลังโทษว่าแม่ของเจ้าทําผิด


กฎหมายของชิงเหยียนแล้วทําให้เจ้าลําบากไปด้วย ?”

“ไม่ใช่ ไม่ใช่นะเจ้าคะ...” ซ่งชิงเหยียนส่ ายหน้าอย่างร้อนรน รี บกล่าวขึนว่า “ข้าเพียงแต่อยากให้ท่านยายไปที


จวนอู่อนั โหวสักครัง ไปช่วยสนับสนุนข้า ทําให้พวกเขาไม่กล้ารังแกข้าอีก......”

สี หน้าของหญิงเฒ่าแซ่ ตูค้ ่อย ๆ อ่อนลง แล้วกล่าวขึนเสี ยงตํา “ข้าเป็ นฮูหยินเฒ่าแห่ งจวนเจินกัวโหวแต่ไปใช้


อํานาจทีจวนอู่อนั โหว ดูไม่ค่อยจะเหมาะสมเท่าไรนัก เจ้าไปหาท่านพ่อของเจ้า ท่านย่าของเจ้า ขอเพียงแค่พวก
เขาพูดปกป้ องเจ้า ก็จะไม่มีคนของจวนอู่อนั โหวคนใดกล้ารังแกเจ้าอีก......”
“ฮือ ฮือ......ท่านพ่อล้วนยุง่ อยูก่ บั การงาน ไม่ได้กลับจวนมาหลายวันแล้ว.....ท่านย่าพอเจอข้าก็ดวงตาเคร่ งขรึ ม
จมูกตังตรง ชีนิวด่าทอข้า...นางไม่มีทางปกป้ องข้า...ข้าไม่มีวิธีแล้วจริ ง ๆ เจ้าค่ะ ถึงได้มาหาท่านยาย...” ซ่ งชิงเห
ยียนหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าขึนมาค่อย ๆ เช็ดนําตา แต่ก็ยงั คงร้องไห้ต่ออย่างเศร้าสร้อย

เพียงพริ บตาเดียวดวงหน้าของหญิงเฒ่าแซ่ ตูก้ ด็ ุดนั ขึนทันใด “ทีโหรวเอ๋ อร์ วางแผนหลอกเอาเงินมู่หรงเย่ไม่ใช่


เพือจวนอู่อนั โหวหรื ออย่างไร เมือเรื องราวถูกเปิ ดโปง โหรวเอ๋ อร์ ถกู นําตัวเข้าคุก พวกเขาจะไม่ช่วยเหลือดูแลเจ้า
ก็ยงั พอทําเนา แต่ถึงกับหัวเราะเยาะดูหมินเจ้า มันจะมากเกินไปแล้ว !”

“เป็ นเช่นนันจริ งเจ้าค่ะ สิ งของทีท่านแม่ได้มาจากแซ่ เฉิ น คนในจวนอู่อนั โหวล้วนได้รับประโยชน์กนั ถ้วนหน้า


แต่เมือเรื องราวถูกเปิ ดเผย พวกเขาไม่เพียงแต่ไม่ช่วยท่านแม่โต้แย้งเท่านัน แต่ละคนยังต่อว่าซําเติม มันชักจะมาก
เกินไปแล้ว ช่างเป็ นกลุ่มหมาป่ าตาขาวทีเลียงเสี ยข้าวสุ ก !” ซ่ งชิงเหยียนรําไห้ จนนําตาทีไม่ได้รับความเป็ นธรรม
ไหลริ นออกมา หยดลงไปตามดวงหน้า

ดวงหน้าของหญิงเฒ่าแซ่ ตูด้ ุดนั “ช่วงนี เจ้าก็อยูท่ ีจวนเจินกัวโหวไปก่อน รอลุงของเจ้ากลับมาเมือไหร่ ให้เขาไป


ทีจวนอู่อนั โหวกับเจ้า เรี ยกคืนความยุติธรรมให้แก่เจ้า......”

“ขอบคุณท่านยายเจ้าค่ะ !” ซ่งชิงเหยียนพยักหน้า นางค่อย ๆ แอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ทีจวนอู่อนั


โหว นางกลายเป็ นหัวข้อวิพากษ์วิจารณ์อย่างสนุ กปากของผูค้ น ถ้าให้กลับไปเพียงคนเดียวนางคงมิกล้า การ
ตัดสิ นใจของท่านยายช่างตรงกับความคิดของนางยิงนัก......

“ฮูหยินเฒ่า แย่แล้ว แย่แล้ว นายท่านสอง คุณชายสองได้รับบาดเจ็บเจ้าค่ะ......” สาวใช้นางหนึ งวิงเข้ามาอย่างเร่ ง


รี บจนรู ้สึกเหนื อยหอบ หายใจไม่ทวท้
ั อง
แววตาของหญิงเฒ่าแซ่ ตแู ้ ข็งค้าง นางเร่ งกล่าว “เกิดอะไรขึน ?” อยูด่ ี ๆ ทําไมถึงได้รับบาดเจ็บพร้อมกันสองคน
ได้ ?

“ได้ยนิ นายท่านสองกล่าวว่าถูกมู่หรงเสวียซ้อนแผนเจ้าค่ะ !” ในเรื อนหยกล้วนเป็ นคนของหญิงเฒ่าแซ่ตู ้ สาวใช้


จึงบอกกล่าวออกไปตรง ๆ โดยไม่มีปิดบัง

แววตาของหญิงเฒ่าแซ่ ตเู ้ ปล่งประกายอย่างเย็นยะเยือก นางล้วนรู ้อยูแ่ ล้วว่ามู่หรงเสวียเป็ นตัวหายนะของพวก


นางสามแม่ลูก เพียงแค่มีม่หู รงเสวียทีไหน ทีนันพวกนางล้วนต้องอับโชค “บาดเจ็บสาหัสรึ ไม่ ?”

สาวใช้นางนันกล่าวเน้นทีละคํา “ทัวร่ างของนายท่านสองได้รับบาดเจ็บ แขนและขาล้วนไม่ค่อยมีความรู ้สึก


เท่าใดนัก คุณชายสองสลบไม่ได้สติ แขนถูกลูกศรปั กทะลุ......”

หญิงเฒ่าแซ่ ตูต้ ืนตระหนกทันที “บาดเจ็บหนักขนาดนี เชียวรึ ! เชิญท่านหมอ รี บไปเชิญท่านหมอมาเร็ วเข้า !......”

“ฮูหยินสองได้สงให้
ั ไปเชิญแล้วเจ้าค่ะ......” สาวใช้กล่าวด้วยนําเสี ยงนอบน้อม

หญิงเฒ่าแซ่ ตูเ้ กรี ยวกราดขึนมา “พวกเขาทังสองล้วนได้รับบาดเจ็บ หมอเพียงคนเดียวจะไปพอทีไหนกัน ! รี บ


ไปเชิญมาอีกท่าน......”
“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ !” สาวใช้เร่ งรับปากถอยออกไปด้วยความเร่ งรี บ

“พวกเจ้าช่วยกันพยุงข้าเร็ ว ข้าจะไปดูเจียนเอ๋ อร์ กบั จีเอ๋ อร์ !” หญิงเฒ่าแซ่ ตูส้ ังการเสี ยงเย็น แววตาของนางเต็มไป
ด้วยความดุดนั ลูกชายและหลานชายของนางต่างได้รับบาดเจ็บ นางจําต้องไปดูดว้ ยตัวเอง

“เจ้าค่ะ !” เหล่าสาวใช้พากันเจ้ามามารุ มล้อม บ้างช่วยใส่ เสื อผ้า บ้างช่วยกันหวีผม ทังเรื อนหยกต่างพากันวุ่นวาย


ขึนมา !

ซ่งชิงเหยียนยืนอยูท่ ีมุมด้านใน มองไปทีแววตาทีเต็มไปด้วยความเกรี ยวกราดของแซ่ ตู้ นางเลิกคิวขึนเบา ๆ แล้ว


ค่อย ๆ เดินออกจากเรื อนหยกไป นางถูกท่านอากับท่านอาสะใภ้ดูหมินเยาะเย้ย ถูกท่านย่ารังเกียจ ล้วนเป็ นมู่หรง
เสวียทีเป็ นคนทํา นางมาทีจวนเจินกัวโหวก็เพือต้องการให้ท่านลุงคิดแผนการสังสอนมู่หรงเสวีย แก้แค้นให้นาง
กับท่านแม่

แต่คาดไม่ถึงว่า นางไม่แม้แต่ได้พบกับท่านลุงเจียน แต่ท่านลุงเจียนกับท่านพีจีกลับถูกมู่หรงเสวียวางแผนจัดการ


จนได้รับบาดเจ็บสาหัส สลบไม่ฟืน !

ดูท่าแล้ว มู่หรงเสวียคงไม่ธรรมดา อยากจะกําจัดนางนันไม่ง่ายเลย......

“ถ้าเจ้าอยากกําจัดมู่หรงเสวีย ข้าช่วยเจ้าได้ !” นําเสี ยงอ่อนหวานสายหนึ งลอยเข้าหู ซ่ งชิงเยียนตืนตระหนกขึนมา


ทันที “ใครน่ ะ ?”
ตอนที 88 วางแผนร้ าย

“ข้าเอง !” เสี ยงหยิงทะนงลอยมา พลันปรากฏเงาร่ างสี ม่วงอ่อนร่ างหนึงอยูห่ ่ างออกไปสามเมตร ร่ างกายทีผอม


บางได้รูปดังต้นหลิว กอรปกับใบหน้างดงามควรเมือง เป็ นองค์หญิงม่อเป่ ยฉิ นยวีเยียน

ซ่งชิงเหยียนเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง เป็ นคนรักของท่านอ๋ องเทพสงครามเย่อีเฉิ นไม่ผดิ แน่ ก่อนหน้านี ตัว


นางเองกับองค์หญิงล้วนไม่เคยข้องแวะหรื อเกียวข้องอันใดกัน “องค์หญิงทําไมอยู่ ๆ ถึงจะ ช่วยเหลือข้าเพคะ ?”

“เป็ นเพราะว่าข้าเห็นมู่หรงเสวียแล้วขัดตา !” ฉิ นยวีเยียนพูดเน้นทีละคํา แววตาของนางเปล่งประกายอย่าง


อํามหิต อีเฉิ นมอบยาทีดีทีสุ ดให้กบั นาง บาดแผลภายในและภายนอกร่ างกายของนางล้วนฟื นฟูอย่างรวดเร็ ว
อย่างทีไม่มียาตัวไหนสามารถทําได้ แต่ภายในใจของนางกลับลืมเรื องทีมู่หรงเสวียทุบตีนาง ดูหมินนางไม่ลง ถ้า
ไม่สามารถทําให้ร่างของมู่หรงเสวียแหลกเป็ นหมืน ๆ พัน ๆ ชินได้ ก็ยากนักทีจะลดความโกรธความเกลียดใน
ใจของนาง

เมือมองไปทีแววตาโกรธแค้นของนาง อยู่ ๆ ซ่ งเชียนเหยียนก็นึกถึงภาพการโต้เถียงของมู่หรงเสวียและฉินยวี


เยียนในงานเลียงต้อนรับเย่อีเฉิ นขึนมา ฉิ นยวีเยียนเป็ นคนในดวงใจของเย่อเฉิ
ี น แน่ นอนว่าจะต้องขัดตาทีเห็นว่า
ทีภรรยาตัวจริ ง ดังนันฉิ นยวีเยียนถึงได้อยากจะช่วยเหลือนางจัดการกับมู่หรงเสวีย

“องค์หญิงฉิ นคิดจะทําเช่นไรเพคะ ?” นางเกลียดมู่หรงเสวียมาก มีคนทีต้องการอยากจะสังสอนมู่หรงเสวียเช่นนี


แน่นอนว่านางต้องยินดีจนถึงทีสุ ด
“แน่นอนว่าต้องเป็ นแผนการทีดีและรัดกุม สังสอนให้ม่หู รงเสวียได้รู้ซึงถึงความรู ้สึกตายทังเป็ น ระบายแค้นให้
คุณหนูซ่ง......” ฉิ นยวีเยียนกล่าวขึนเพียงเบา ๆ แต่แววตากลับเปล่งประกายด้วยความเยือกเย็น

“ถ้าเช่นนันก็รบกวนองค์หญิงฉิ นแล้ว !” แววตาและใบหน้าของซ่ งชิงเหยียนต่างเต็มไปด้วยรอยยิม นางไม่มี


อํานาจและกําลัง อีกทังยังถูกครอบครัวทอดทิง ไม่สามารถทีจะทําอะไรมู่หรงเสวียได้ แต่ฉินยวีเยียนเป็ นถึงคน
ในดวงใจของท่านอ๋ องเทพสงคราม มีผคู ้ นให้ใช้สอยมากมาย การทีนางจะสังสอนมู่หรงเสวียนันก็คงง่ายดังพลิก
ฝ่ ามือ

การทีซ่ งชิงเหยียนยอมรับความช่วยเหลือของนางอย่างง่ายดายเช่นนี มาตรว่าคงถูกมู่หรงเสวียกระทําไว้ไม่เบา


นัก มู่หรงเสวียช่างทําเรื องชัวร้ายไว้ไม่นอ้ ยเลย

แววตาของฉิ นยวีเยียนเปล่งประกายเย็นเยือกคมกริ บ นางกล่าวขึนด้วยเสี ยงสู งว่า “มู่หรงเสวียนันฉลาดมาก การ


ทีจะจัดการนางได้จะต้องวางแผนระยะยาว ไม่สามารถทีจะกระทําอย่างรี บร้อนได้ ข้าจะคิดแผนการทีเจ็บปวด
ทีสุ ดมาจัดการกับนาง ทําให้นางร้องขอชีวิตไม่ได้ แม้แต่ความตายนางก็ขอร้องไม่ได้ เพือบันทอนความเกลียดชัง
ในใจของคุณหนู”

“ขอบพระทัยองค์หญิงมากเพคะ !” ซ่ งชิงเหยียนย่อกายลง แววตาเต็มไปด้วยความตืนตันใจ

“มิตอ้ งเกรงใจ” ฉิ นยวีเยียนมองไปทางซ่ งชิงเหยียนด้วยสี หน้าเรี ยบเฉย นางกล่าวขึนเสี ยงเข้มว่า “ตอนนี ข้าพบ
เรื องลําบากอยูป่ ระการหนึ ง อยากจะขอให้คุณหนูซ่งช่วยเหลือ ไม่ทราบว่าคุณหนูซ่งคิดเห็นเช่นไร ?”
“เรื องอะไรหรื อเพคะ ? เชิญองค์หญิงฉิ นพูดกล่าวมาได้ไม่ตอ้ งเกรงใจ” ซ่ งชิงเหยียนพูดเน้นทีละคํา แววตา
ปรากฏความจริ งใจ เพียงแค่ได้สังสอนมู่หรงเสวียให้หลาบจํา ไม่วา่ อะไรนางล้วนเต็มใจทํา

“ไม่ยากเลย...” ฉิ นวีเยียนยกยิมขึนน้อย ๆ ท่าทางดูมีลบั ลมคมใน

มู่หรงเสวียลืมตาขึนมาอย่างสะลึมสะลือ แสงแดดสาดส่ องเข้าทีใบหน้าของนาง นางค่อย ๆ หรี ตาลง กลินหอม


สดชืนของไม้ไผ่ทีคล้ายมีคล้ายไม่มีลอยกระทบเข้ากับจมูก ทัวทังกายของนางรู ้สึกสบายตัวและสดชืนเป็ นพิเศษ
อย่างบอกไม่ถูก

แขนทังสองข้างค่อย ๆ เลิกผ้าห่ มออกเตรี ยมทีจะบิดขีเกียจ แต่คาดไม่ถึงว่าความรู ้สึกหนาวเย็นกลับแล่นผ่านสู่


ผิวหนัง หนาวจนขนลุกชัน พลันแววตาของนางชะงักลง เพียงพริ บตาก็พบว่าแขนทังสองข้างของนางนันเปลือย
เปล่า ร่ างของนางทีอยูใ่ ต้ผา้ ห่ มก็ใส่ เพียงเอียมกับกางเกงส่ วนในเท่านัน

ภาพของผ้าม่านสี ครามราวท้องฟ้ า ชุดเก้าอีสี แดงอมม่วง แจกันดอกไม้โบราณปรากฏขึนสู่ สายตา ในใจของมู่


หรงเสวียพลันชะงักลง เพียงพริ บตานางก็ชนั ตัวลุกขึน นี ไม่ใช่ห้องของนางนี !

“เจ้าตืนแล้ว” เสี ยงทุม้ นุ่ มของชายหนุ่ มลอยเข้าหู มู่หรงเสวียชะงักไปทันที เมือนางมองตามเสี ยงไป ก็เห็น
คุณชายโอวหยางเดินออกมาจากด้านหลังฉากกัน เสื อสี ขาวพลิวไหวดังผีเสื อ ปกเสื อกับชายแขนเสื อปั กด้วย
ดอกไม้สีดาํ ลายวิจิตร หล่อเหลาหาใครเปรี ยบ ร่ างสู งส่ งสง่างาม ด้านหลังมีไอร้อนแผ่โชยออกมา แสดงว่าเมือครู่
เขาเพิงจะอาบนําเสร็ จ
มู่หรงเสวียกวาดตามองไปรอบ ๆ ด้านอย่างละเอียด ก็พบว่าทีนีเป็ นวังเซี ยวเหยาอ๋ อง เรื อนของคุณชายโอวหยาง
นางเคยพักทีนี หนึงคืน เพียงแต่ว่า “ทําไมข้าถึงอยูท่ ีนี ได้ ?”

ผ้าห่ มผืนบางค่อย ๆ ลืนลงจากตัว เผยให้เห็นผิวขาวเรี ยบเนียนและบ่าได้รูปของมู่หรงเสวีย ผมดํายาวลู่ลงไป


ด้านหลัง งดงามหยดย้อยจนทําให้ใครต่อใครต่างก็ตาพร่ ามัว คุณชายโอวหยางห้ามใจเอาไว้ทีจะชมดู กล่าวขึน
อย่างบางเบา “ตอนทีออกจากค่ายทหารกลับมาทีเมืองหลวง เจ้าดืมเหล้าจนเมา จําไม่ได้แล้วหรื อ ?”

มู่หรงเสวียกระพริ บตาปริ บ ๆ พลันนึ กถึง ‘นําครึ งถุง’ ทีนางได้ดืมลงไป ดวงหน้างามก็ค่อย ๆ ดุดนั คนอืนเขา
ล้วนใช้ถุงนําเพือใส่ นาํ แต่คุณชายโอวหยางกลับใช้ถุงนําใส่ เหล้า ช่างยอดเยียมจริ ง ๆ ! “ตอนนีเวลาเท่าไหร่ แล้ว
?”

“ยามเฉิ น (ประมาณเจ็ดโมงเช้าถึงเก้าโมงเช้า) !” คุณชายโอวหยางกล่าวด้วยนําเสี ยงราบเรี ยบ

มู่หรงเสวียเลิกคิวเบา ๆ ตอนทีนางเมานันเป็ นยามอู่ (สิ บเอ็ดโมงถึงบ่ายโมง) แต่ตอนนีเป็ นยามเฉิ นเสี ยแล้ว นาง
เมาไปตังสิ บกว่าชัวยาม ผลของการดืมเหล้าหลิงหลงจุย้ นันช่างหนักหนายิงนัก !

มู่หรงเสวียพลิกกายเตรี ยมจะหยิบเอาชุดกระโปรง แต่กลับพบเข้ากับกระจกทีตังอยู่ออกไปไม่ไกล ในกระจกนัน


สะท้อนภาพเงาร่ างของตัวนางอย่างชัดเจน ริ มผีปากทีแดงกําของนาง ลําคอเรี ยวขาวกลับเต็มไปด้วยรอยแดง
นางลูบไล้แล้วค่อย ๆ ขมวดคิว “คุณชายโอวหยาง ห้องของท่านมียงุ ด้วยหรื อ !”
“ยุง ?” คุณชายโอวหยางเลิกคิวขึน รอบ ๆ ห้องของเขาล้วนโชยไปด้วยกลินหอมชนิดพิเศษ ยุงหรื อแมลงล้วนไม่
กล้าเข้าใกล้ แล้วในห้องจะมียงุ ได้อย่างไร “เจ้าตาฝาดแล้ว !”

“เป็ นไปได้อย่างไรกัน ?” มู่หรงเสวียส่ ายหน้า นิ วมือชีไปทีรอยแดงบนคอพลางกล่าวขึน “ท่านดูสิ บนคอของข้า


ถูดกัดตังหลายรอย”

คุณชายโอวหยางนิ งเงียบไปทันที “......”

ผ่านไปหนึงคืน รอยแดงบนคอของนางล้วนได้จางลงไปมากแล้ว เหลือแต่เพียงรอยแดงเล็กน้อยเท่านัน ถ้ามองดู


ดี ๆ แล้วก็เหมือนรอยกัดของยุงจริ ง ๆ ด้วย

เรื องไม่ดีทีเขาทําไว้ยงั ไม่ถูกจับได้ แต่จิตใจของคุณชายโอวหยางก็ไม่ได้ดีขนนั


ึ ก แต่กลับรู ้สึกหงุดหงิดขึนมาใน
ใจอย่างบอกไม่ถูก สี หน้าเรี ยบเฉย มองไปทางมู่หรงเสวียอย่างไม่วางตา “เรื องทีเกิดขึนหลังจากทีเจ้าเมาเหล้านัน
เจ้าจําไม่ได้เลยหรื อ ?”

ตอนทีนางกําลังเมาอยูน่ นเกิ
ั ดเรื องราวขึนมากมายอย่างนันหรื อ ?

มู่หรงเสวียกระพริ บตา พยายามทีจะนึ กให้ออก ภาพสองภาพขาด ๆ หาย ๆ ปรากฏขึนภายในหัว นางอยากจะ


ทบทวนให้ชดั เจน แต่คาดไม่ถึงว่าภาพเหล่านันจะสลายหายไปโดยพริ บตา......
เมือมองไปยังดวงตาทีสับสนของนาง คุณชายโอวหยางก็รู้วา่ นางคงจําอะไรไม่ได้เลยแม้แต่นอ้ ย ในใจของเขาก็
รู ้สึกเศร้าเสี ยใจ คิวเข้มหนาอดไม่ได้ทีจะย่นเข้าหากัน “ถ้าจําไม่ได้ก็ช่างเถอะ ข้าสังให้บ่าวไพร่ ตงสํ
ั ารับ......”

“มิตอ้ งหรอก ตอนนี ข้ายังไม่หิว กลับไปรับสํารับเช้าทีจวนเจินกัวโหวก็ได้ ” มู่หรงเสวียกล่าวขึนอย่างอารมณ์ไม่


ดีนกั มือคว้าเอาเสื อผ้าของนางไปทีหลังฉากกัน นางก็แค่จาํ เรื องหลังจากทีเมาไม่ได้เท่านันเอง เหตุใดเขาจึงต้อง
อารมณ์เสี ยด้วย ? แปลกคนยิงนัก ! ตอนนีเพียงแค่เค่อ (15นาที) เดียวนางก็ไม่อยากจะอยูท่ ีนี อีกต่อไปแล้ว

“ข้าไปล่ะ !” เมือเปลียนเสื อผ้าเสร็ จ มู่หรงเสวียก็เดินออกมาจากฉากกัน บอกลาเขาอย่างอารมณ์เสี ย เดินออกไป


ด้านนอกโดยไม่หนั หลังกลับมามองอีก

แววตาของคุณชายโอวหยางดุดนั เขาก้าวเท้ายาว ๆ ตามไป “ข้าจะไปส่ ง” ผลกระทบจากการดืมเหล้าหลิงหลงจุย้


นันค่อนข้างหนัก ถึงแม้ว่านางจะตืนแล้ว แต่ภายในร่ างกายก็ยงั คงมีเหล้าหลิงหลงจุย้ ตกค้างอยูไ่ ม่น้อย ปล่อยให้
นางกลับจวนไปคนเดียวเขาไม่วางใจนัก

มู่หรงเสวียไม่กล่าววาจาใด นางไม่สนใจคุณชายโอวหยางทีอยูด่ า้ นหลังอีก เดินเลาะตามทางเดินหิ นสี ดาํ ออกจาก


วังเซียวเหยาอ๋ อง มุ่งตรงไปทีจวนเจินกัวโหว

ประตูใหญ่ของจวนเจินกัวโหวเปิ ดอ้าไว้ บริ เวณปากประตูมีทหารยามเฝ้ าไว้สองนาย เมือเห็นมู่หรงเสวียกับ


คุณชายโอวหยางก็เร่ งรี บคารวะ “คุณชายโอวหยาง คุณหนูใหญ่ !”

มู่หรงเสวียตอบรับบางเบาเสี ยงหนึง นางเร่ งเดินเข้าไปในจวนโหว เมือเดินห่ างออกมาได้สักพักนางจึงค่อย ๆ


หยุดเท้าลง คุณชายโอวหยางยกเลิกสํารับเช้าเพือมาส่ งนางกลับจวน ถ้านางไม่ให้เขาเข้ามาแม้แต่ในประตูจวนก็
คงดูจะไร้นาใจเกิ
ํ นไปหน่ อย !

เมือหมุนกายกลับไปทางประตูจวน นางก็กล่าวขึนด้วยเสี ยงไม่ดงั ไม่เบา “คุณชายโอวหยาง เชิญเข้ามาดืมชาสัก


แก้วเถิดเจ้าค่ะ !”
ตอนที 89 แผนร้ าย

คุณชายโอวหยางทีเตรี ยมจะจากไป เมือได้ยนิ เสี ยงเรี ยกของนางก็หยุดเท้าลงในทันใด มองไปทีสี หน้าทีปั นยาก


ของนาง แววตาก็วบู ไหวไปด้วยความยินดีนอ้ ย ๆ กล่าวขึนอย่างราบเรี ยบว่า “ตกลง !”

คุณชายโอวหยางก้าวเข้าไปในจวนโหว เดินเคียงคู่ไปด้านหน้าพร้อมกับมู่หรงเสวีย แสงอาทิตย์ทีสาดส่ องอยู่


โดยรอบยิงทําให้ทงสองดู
ั เปล่งประกายระยิบระยับ ดูงดงามดังภาพวาดอันวิจิตร

สาวใช้ทีกําลังยกสิ งของและปั ดกวาดอยูโ่ ดยรอบอดไม่ได้ทีจะแอบชมดู แววตาเต็มไปด้วยความตืนตะลึง ในจุด


ทีไม่มีผคู ้ นสนใจสาวใช้นางหนึงค่อย ๆ ถอยออกไปรายงานภาพทีเห็นแก่หญิงเฒ่าแซ่ ตทู ้ ีเรื อนหยก

หญิงเฒ่าแซ่ ตูท้ ีได้ยนิ คําพูดของนาง แววตาหลักแหลมค่อย ๆ หรี เล็กลง “คุณชายโอวหยางตอบรับคําเชิญเข้าจวน


โหวจากมู่หรงเสวีย เจ้าแน่ ใจว่าดูไม่ผิดนะ ?”

“เรี ยนฮูหยินเฒ่า ไม่มีทางดูผิดแน่ นอนเจ้าค่ะ !” สาวใช้ส่ายหน้าหนัก ๆ ผูช้ ายทีสู งส่ งสง่างามเช่นคุณชายโอวห


ยาง ในแผ่นดินนีล้วนมีเพียงผูเ้ ดียว นางจะไปดูผิดได้อย่างไร
“นีมันเรื องอะไรกัน ?” หญิงเฒ่าแซ่ตูข้ มวดคิว ไม่ใช่ลือกันว่าบุตรชายแห่ งเซี ยวเหยาอ๋ องเป็ นคนสันโดษและถือ
ั ใ้ หญ่ในราชสํานัก เขาก็ลว้ นไม่สนใจ เหตุใดถึงได้ตอบรับคําเชิญของมู่
ตัวหรอกหรื อ แม้แต่ขนุ นางบุ๋นบู๊ชนผู
หรงเสวียได้ ?

“ยังจะมีเรื องอะไรได้อีกเล่า ? วีรบุรุษสนใจหญิงงามทีลําบากตกยากล่ะสิ ไม่ว่า” มู่หรงเจียนทีนังอยูข่ า้ ง ๆ เปิ ด


ปากพูดขึนมา คุณชายโอวหยางมีความรู ้สึกเป็ นห่ วงและรักใคร่ ทะนุ ถนอมมู่หรงเสวีย เขานันดูออกชัดเจนแต่
แรกแล้วว่าคุณชายโอวหยางต้องมีใจให้ม่หู รงเสวียแน่ นอน

หญิงเฒ่าแซ่ ตูส้ ่ ายหน้า ดวงตาฉายแววไม่เห็นด้วย “คุณชายโอวหยางท่องเทียวไปทัวแว่นแคว้นต่าง ๆ นา ๆ ได้


พบเจอหญิงงามมากมายจนนับไม่ถว้ น ยังจะมาชอบพอกับเด็กสาวทีมีอายุเพียงสิ บสี ปี หรื อ ?”

“จะพูดเช่นนันก็ไม่ค่อยถูกนัก รู ปลักษณ์ของมู่หรงเสวียกับแซ่ เฉิ นแม่ของนางนันคล้ายคลึงกันเจ็ดถึงแปดส่ วน


นับว่าเป็ นหญิงงามทีหาได้ยากในแผ่นดินนี ถึงแม้คุณชายโอวหยางไปมาแต่ละแคว้น แต่ก็คงไม่มีทางพบคนที
งดงามกว่านางมากเท่าใดนัก......” มู่หรงเจียนแววตาวูบไหว

ดวงหน้าของหญิงเฒ่าแซ่ ตูด้ ูดุดนั ขึน นางไม่อยากจะเชือ แต่กต็ อ้ งอดยอมรับไม่ได้ว่ามู่หรงเสวียนันเกิดมามี


รู ปลักษณ์งดงาม เวลาทีนางมองไปทีใบหน้าของมู่หรงเสวียล้วนตกอยูใ่ นภวังค์หลายครานัก ยิงไม่ตอ้ งพูดถึง
เหล่าบรรดาชายหนุ่ ม ถ้าหากมู่หรงเสวียไม่ได้เกิดมามีร่างกายอ่อนแอและขีโรค เอาแต่พกั รักษาตัวอยูท่ ีเรื อนหิ มะ
โปรยเป็ นเวลานานและไม่ค่อยชอบออกจากเรื อนนัน ตอนนีก็คงเกิดข่าวลือแพร่ สะพัดไปทัวเมืองหลวงถึงความ
งามของนางแล้วเป็ นแน่
“มีคุณชายโอวหยางคอยให้ทา้ ยมู่หรงเสวียเช่นนี พวกเราก็ไม่สามารถลงมือกับนางได้อีก ไม่เช่นนัน คงเป็ นการ
รนหาทีตายให้ตวั เอง” หญิงขอทานชันตําช่างหลักแหลมยิงนักทีหาทีพึงทีมีอาํ นาจสู งส่ งได้เช่นนี

“นันก็ยงั ไม่แน่” มู่หรงเจียนยิมน้อย ๆ คาดเดาเสี ยงสู ง “ผูช้ ายน่ะ มักจะชอบของใหม่เกลียดของเก่า คุณชายโอวห


ยางทีชอบมู่หรงเสวียแน่ นอนว่าเป็ นเพราะความรู ้สึกทียังสดใหม่ เพียงแค่ให้คนของพวกเราดึงดูดคุณชายโอวห
ยางให้มาติดพันได้ เท่านี ก็ไม่ตอ้ งมากังวลว่าเราจะไม่สามารถจัดการมู่หรงเสวียได้แล้ว”

แววตาของหญิงเฒ่าแซ่ ตเู ้ ปล่งแสงวาบ “ความหมายของเจ้าคือ......”

“ใช่แล้ว” มู่หรงเจียนพยักหน้ายิมน้อย ๆ มองไปทีซ่ งชิงเหยียน กวาดตามองทัวทังร่ างของนาง

ซ่งชิงเหยียนทีถูกมองก็รู้สึกร้อนรนในจิตใจ มือกําเข้าทีเสื อผ้าบนเรื อนร่ างของตัวเองแน่นอย่างไม่รู้ตวั “ท่านลุง


เหตุใดท่านต้องมองข้าด้วยสายตาเช่นนันเจ้าคะ ?”

“ชิงเหยียนเติบโตขึนแล้ว” มู่หรงเจียนพูดขึนมาอย่างกํากวม ยิมขึนอย่างมีลบั ลมคมใน

“มิผดิ ใกล้จะถึงวัยทีต้องพูดคุยเรื องออกเรื อนแล้ว” หญิงเฒ่าแซ่ ตูส้ านรับกับคําพูดของเขา รอยยิมยินดีในดวงตา


ยิงชัดเจนมากยิงขึน
เพียงพริ บตาดวงหน้าเรี ยวเล็กของซ่ งชิงเหยียนก็กลายเป็ นสี แดงกํา เต็มไปด้วยความอับอาย “ท่านยาย ท่านหยอก
ล้อข้า......”

“ยายก็แค่พูดความจริ งเท่านัน หยอกล้อเจ้าทีไหนกัน” หญิงเฒ่าแซ่ ตูม้ องไปทีหน้าเรี ยวเล็กแดงกําของนาง


ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิม “ชิงเหยียน เจ้ารู ้สึกชมชอบคุณชายโอวหยางหรื อไม่ ?”

ร่ างของซ่ งชิงเหยียนแข็งทือ ในหัวปรากฏภาพใบหน้าของคุณชายโอวหยางทีงดงามหล่อเหลาดังภาพวาด พลันสี


หน้าก็ยงขึ
ิ นสี แดงเข้าไปอีก แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความขมขืน “คุณชายโอวหยางดีงามขนาดนัน มีหญิง
สาวทีไหนทีจะไม่ชอบ แต่วา่ คุณชายโอวหยางมิได้ชอบพอข้า......”

“เจ้าไม่เคยลอง รู้ได้อย่างไรว่าเขาไม่ได้ชอบเจ้า !” มู่หรงเจียนตัดบทคําพูดของนาง นําเสี ยงกดตําแฝงไปด้วย


ความชัวร้ายและเจ้าเล่ห์

ซ่งชิงเหยียนชะงัก “ความหมายของท่านลุงคือ ?”

“ความรู ้สึกระหว่างชายหญิงล้วนเกิดจากการพบเจอและพูดคุยสนิ ทสนมซึ งกันและกัน เจ้ากับคุณชายโอวหยาง


ล้วนไม่เคยได้พูดจากันสักคํา แล้วเขาจะมาชอบพอเจ้าได้อย่างไร ?” มู่หรงเจียนเลิกคิวมองไปทีนาง พูดขึนอย่าง
จริ งจัง “อยากให้คนบางคนมาชอบเจ้า เจ้าก็ตอ้ งพูดคุยกับเขาให้มาก ๆ พบเจอกันบ่อย ๆ ทําให้เขาจดจําเจ้าได้
......”
ทันใดนันซ่งชิงเหยียนก็รู้สึกพูดไม่ออก ใช่แล้ว นางล้วนไม่เคยได้พูดคุยกับคุณชายโอวเลย แต่กลับเข้าใจผิดคิด
ว่าคุณชายโอวหยางไม่ชอบนาง

“ขอบคุณท่านลุงทีชีแนะเจ้าค่ะ ชิงเหยียนมีธุระ หลานขอตัวก่อนเจ้าค่ะ !” ซ่งชิงเหยียนย่อกายลง ก้าวเท้าออกไป


ด้านนอกอย่างรวดเร็ ว แววตาเต็มไปด้วยความสุ ขและความยินดี คุณชายโอวหยางอยูท่ ีจวนเจินกัวโหวพอดี นาง
สามารถเข้าใกล้เขาได้อย่างเปิ ดเผย แย่งเขามาจากมือของมู่หรงเสวีย เป็ นการสังสอนและโจมตีม่หู รงเสวียไปใน
คราเดียวกัน......

เมือมองไปทีเงาร่ างทีค่อย ๆ ห่ างไกลออกไป แววตาของหญิงเฒ่าแซ่ ตูป้ รากฏความเป็ นห่ วงสายหนึงขึนมา


“คุณชายโอวหยางจะชอบพอซ่ งชิงเหยียนหรื อ ?”

ไม่ใช่ว่านางดูเบาหลานสาวของตัวเอง แต่เป็ นเพราะถ้าเปรี ยบกับหญิงชนชันสู งในเมืองหลวงแล้ว ชิงเหยียนนัน


ดูธรรมดาเกินไป ไม่มีจุดเด่นอะไรทีน่าสนใจ......

“วางใจเถอะท่านแม่ ชิงเหยียนไม่มีทางทําให้พวกเราผิดหวัง !” มู่หรงเจียนยกยิมน้อย ๆ ด้วยท่าทีอย่างอมภูมิ

คุณชายโอวหยางออกไปท่องเทียวอยูน่ อกเมืองตังสิ บปี พบเจอหญิงงามมาก็มากมาย แต่กลับไม่เคยเข้าใกล้หรื อ


ชอบพอผูใ้ ดเลยแม้แต่นอ้ ย เมือพบเจอกับมู่หรงเสวียถึงได้เกิดข้อเปรี ยบเทียบขึนมา ดูแล้วเขานันชอบพอหญิง
สาวทีมีลกั ษณะแบบมู่หรงเสวีย !
รู ปลักษณ์ของชิงเหยียนถึงแม้จะไม่สวยเท่ามู่หรงเสวีย แต่นางอายุใกล้เคียงกับมู่หรงเสวีย อีกทังยังเป็ นน้องสาว
ลูกพีลูกน้องของมู่หรงเสวีย ย่อมต้องมีบางส่ วนที คล้ายคลึงกัน เพียงแค่นางใช้เสน่ห์และมารยาของนาง ก็น่าจะ
สามารถดึงดูดคุณชายโอวหยางได้ แล้วดึงให้เขาเข้ามาอยูฝ่ ่ ายเดียวกันกับพวกเราและคุณชายโอวหยางจะได้
กลายเป็ นทีพึงพาทียิงใหญ่ของพวกเรา

เมือถึงเวลานัน มู่หรงเสวียก็จะหมดทีพึง และกลายเป็ นเนื อปลาบนเขียง ได้แต่ยอมทนโดนพวกเขาโขกสับ เท่านี


ตําแหน่งเจินกัวโหว ก็จะกลายเป็ นเรื องง่ายดายราวกับเพียงพลิกฝ่ ามือ......

มู่หรงเสวียทีไม่รู้ถึงแผนการของแม่ลูกแซ่ ตู ้ ค่อย ๆ เดินเข้าไปด้านในของเรื อนหิ มะโปรย

“โฮ่ง โฮ่ง !” เงาร่ างเล็ก ๆ สี ขาวสายหนึ งพุ่งเข้ามา มู่หรงเสวียยืมมือออกไปรับ ไม่คาดว่าเงาร่ างเล็กนันกลับวิง


เลยนางพุ่งไปทีเท้าของคุณชายโอวหยาง วนรอบชายเสื อเขาไม่หยุด แววตาเต็มไปด้วยความกะดีกะด๊ามีความสุ ข

“ท่านกับมัน......คุน้ เคยกัน ?” มู่หรงเสวียเลิกคิวมองไปทางคุณชายโอวหยาง

ครังนี เป็ นครังทีสามทีเขาได้มาทีเรื อนของนาง สองครังก่อนหน้านันเจ้าเป้ ยเป้ ยไม่ได้อยูท่ ีนี แล้วจะเคยเจอเขาได้


อย่างไร ? แต่ทาํ ไมท่าทางของมันถึงได้ดูสนิทสนมกับเขามากกว่าตอนทีมันอยูก่ บั นางเช่นนี ?

คุณชายโอวหยางมองไปทีใบหน้าเรี ยวเล็กทีงอลงของนาง แววตาเจือปนไปด้วยรอยยิมบางเบา เขาย่อกายลงไป


ลูบทีหัวของเป้ ยเป้ ย “จะนับว่าค่อนข้างคุน้ เคยเช่นนันก็ได้ ตอนทีข้าเก็บมันได้ มันเพิงเกิดได้ไม่นาน กําลังนอน
หายใจรวยริ นอยูบ่ นภูเขา ข้าเลยเอามันไปเลียงไว้ได้เกือบสามเดือน แต่อยูม่ าวันหนึงมันหนีออกไปวิงเล่นด้าน
นอกแล้วก็ไม่ได้กลับมาอีก......”

มู่หรงเสวียกระพริ บตาปริ บ ๆ เรื องต่อจากนันนางพอทีจะคาดเดาได้ เจ้าเป้ ยเป้ ยถูกคนจับได้แล้วเอาไปขายให้


สนามประลองสัตว์ ด้วยความบังเอิญจึงถูกนางซื อมา......

“ถ้าเช่นนันเป้ ยเป้ ยก็เป็ นของท่านแล้ว ท่านก็พามันกลับวังเซี ยวเหยาอ๋ องไปเถิด” ถึงแม้ม่หู รงเสวียจะรู้สึกอาลัย


อาวรณ์ แต่ว่าคุณชายโอวชายก็เป็ นคนทีเจอกับเป้ ยเป้ ยก่อนนาง เป็ นเจ้าของทีแท้จริ งของเป้ ยเป้ ย นางไม่อาจทําใจ
ทีจะแย่งชิงสิ งของทีคนอืนรักได้

เมือมองไปทีแววตาห่ วงหาของนาง คุณชายโอวหยางก็ยกยิมมุมปากขึนเล็กน้อย “ข้างกายของข้ามีองครักษ์เงา


มากมาย ไม่ได้ใช้งานมัน ก็ให้มนั อยู่ขา้ งกายเจ้าต่อไปเถอะ”

เรื องวุน่ วายใจของนางก็จดั การไปได้ไม่นอ้ ยแล้ว ตอนนี ก็คงไม่ได้ใช้งานเจ้าเป้ ยเป้ ยเช่นกัน

มู่หรงเสวียเสวียเตรี ยมทีจะกล่าวคําพูด แต่นางกลับได้ยนิ เสี ยงแหวกของสายลมทีดังขึนผิดปกติ ดวงตาของนาง


วูบไหวไปด้วยความเย็นยะเยือก มองไปทางทีมาของเสี ยง “ใคร ?”
ตอนที 90 พบเจอมู่หลิวเฟิ งครังแรก

“ข้าเอง !” ตามมาด้วยเสี ยงทุม้ ทีแฝงไปด้วยความยินดี ชายหนุ่ มผูห้ นึงร่ อนลงตรงด้านหน้าของมู่หรงเสวีย เขา


สวมใส่ ชุดสี นาตาล
ํ ร่ างกายสู งโปร่ งดูสง่างาม ปกคอเสื อกว้างปั กด้วยลายดอกไม้สีดาํ เปิ ดอ้าออก เผยให้เห็นแผ่
นอกแกร่ งด้านใน

ใบหน้าเจ้าเล่ห์ร้ายกาจเมือกระทบแสงอาทิตย์ทีสาดส่ องเข้ามา ยิงทําให้ใบหน้าของเขาดูหล่อเหลาจนผูค้ นมิอาจ


ทีจะละสายตาได้ เส้นผมสี ดาํ คล้ายผ้าไหมลู่ลงไปด้านหลัง ท่าทางทีให้ความรู ้สึกทีสบาย ๆ นัน กลับยิงทําให้เขา
ดูมีเสน่ห์และลึกลับน่าค้นหา เขามองไปทีมู่หรงเสวีย ดวงตาดําขลับวูบไหวไปด้วยรอยยิมขําขันบางเบา

“ท่านเป็ นใคร ?” มู่หรงเสวียขมวดคิว ฟั งจากนําเสี ยงของชายหนุ่ มแล้ว ดูเหมือนเขาจะสนิทสนมกับนางมาก แต่


ในความทรงจําของร่ างเดิมกลับไม่มีคนผูน้ ี อยูเ่ ลยแม้แต่น้อย

“ข้าลืมแนะนําตัวเองไป ข้าคือเฉิ งกัวกงซื อจือ (ซื อจือเป็ นลูกชายทีวางตัวเอาไว้สืบทอดตําแหน่งจากพ่อ) มู่หลิว


เฟิ ง เจ้าสามารถเรี ยกข้าว่าหลิวเฟิ งหรื อว่าเฟิ งก็ได้” มู่หลิวเฟิ งมองไปทางมู่หรงเสวียด้วยท่าทางยิม ๆ นําเสี ยงนุ่ ม
ทุม้ ฟังดูอ่อนโยนอย่างบอกไม่ถกู มู่หรงเสวียทีได้ยนิ เช่นนันก็ขมวดคิวเข้าหากัน “คุณชายมู่ ดูเหมือนว่าพวกเรา
ไม่ได้สนิทกันนัก”
มู่หลิวเฟิ งหุ บพัดเข้าหากันทันใด มองไปทางนางอย่างไม่เห็นด้วย “ครอบครัวของเราทังสองล้วนสนิ ทชิดเชือกัน
ท่านพ่อของข้ากับท่านพ่อของเจ้าก็เป็ นเพือนสนิ ทกัน พวกเราทังสองก็ยงั ถือว่าเป็ นเพือนวัยเด็กทีเติบโตมา
ด้วยกัน เจ้าพูดว่าไม่สนิทได้อย่างไร......”

“ปั ก !” คุณชายโอวหยางยกมือฟาดเข้าไปทีมู่หลิวเฟิ ง จนร่ างของเขาไปชนเข้ากับกําแพง แล้วก้าวออกไป


ด้านหน้า ยืนบังทีด้านหน้าของมู่หรงเสวีย มองไปทีเขาอย่างเย็นชา “มู่หลิวเฟิ ง วันนี เจ้าช่างพูดเรื องไร้สาระมาก
เกินไปแล้ว !”

มู่หลิวเฟิ งพลิกกายหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเลือดทีไหลออกมาจากจมูก แววตาของเขาดูเหมือนไม่ใส่ ใจนัก


“ข้าก็แค่ได้พบหน้ากับมู่หรงเสวียอย่างเป็ นทางการครังแรก ก็เลยตืนเต้นไปหน่ อยเท่านันเอง”

สี หน้าของคุณชายโอวหยางดํามืด ขมวดคิวมองไปทีเขา “ตืนเต้นจนถึงขนาดต้องเอ่ยถึงเรื องความสนิทสนมตอน


วัยเด็กเลยหรื อ......”

“เจ้าวางใจได้ หลักการทีว่าไม่ควรรังแกภรรยาของเพือนนันข้าเข้าใจดี......ถึงในวัยเด็ก ข้ากับนางจะสนิทสนมกัน


มากเพียงใด แต่กไ็ ม่มีทางแย่งนางกับเจ้า......” มู่หลิวเฟิ งพูดขึนอย่างคลุมเครื อ ตังใจกดเสี ยงให้ตาลง
ํ ยืนมือตบ
เข้าทีไหล่ของคุณชายโอวหยางอย่างปลอบใจ

คุณชายโอวหยางขมวดคิวปั ดมือของเขาออกอย่างไร้เยือใย “ทําไมเจ้าไม่อยูท่ ีจวนเฉิ งกัวกง โผล่มาทีนีทําไม ?”


“แน่นอนว่าต้องมาดูภรรยาตัวน้อยของเจ้า แล้วก็จะได้บอกเรื องสําคัญกับเจ้าไปในคราเดียวกัน” แววตาของมู่
หลิวเฟิ งวูบไหว กดเสี ยงตําลงดูลึกลับ จริ ง ๆ แล้วเขาวางแผนทีจะไปหาคุณชายโอวหยางทีวังเซี ยวเหยาอ๋ อง แต่
คุณชายโอวหยางออกมาทีจวนเจินกัวโหว เขาก็เลยทําได้เพียงตามมาทีนี ด้วย

คุณชายโอวหยางปรายตามองเขา “เจ้าก็ได้พบนางแล้ว ทีนีเจ้าลองกล่าวมาสิ ว่าเรื องสําคัญทีเจ้าว่าคือเรื องอะไร !”

“เรื องเกียวกับจิงอ๋ องเย่อีเฉิ น” มู่หลิวเฟิ งกล่าวเสี ยงตํา เขาแอบเหล่ตามองไปทีมู่หรงเสวีย

มู่หรงเสวียรู ้วา่ ถ้าหากนางยังอยูท่ ีนี เขาทังสองคงพูดคุยกันไม่สะดวกนัก จึงกล่าวขึนอย่างรู ้ความ “พวกท่านคุย


กันไปเถอะ ข้าจะไปสังให้สาวใช้ตม้ ชา”

เมือเห็นว่านางกําลังจะเดินจากไป คุณชายโอวหยางจึงยืนมือออกไปรังตัวของนางไว้ แล้วหันไปมองมู่หลิวเฟิ ง


ด้วยสี หน้าเรี ยบเฉย

การทีพูดคุยถึงเรื องคู่หมันของนางต่อหน้านางเช่นนี เห็นได้ชดั ว่าคุณชายโอวหยางไว้ใจนางมาก และไม่สนใจว่า


นางจะรับรู ้เรื องนี หรื อไม่ เขาทําราวกับว่าเรื องนี ไม่สลักสําคัญอะไรมากนัก

“จากการสื บขององครักษ์เงาจวนเฉิ งกัวกง ระยะหลัง ๆ มานีเย่อีเฉิ นมีท่าทางลึกลับ เหมือนกับกําลังดําเนิ นการ


ค้นหาขุมสมบัติของราชวงศ์ก่อน” มู่หลิวเฟิ งกล่าวเสี ยงตํา แววตาวูบไหวไปด้วยความหนักใจ
“สมบัติของราชวงศ์ก่อนอย่างนันหรื อ ?” แววตาของมู่หรงเสวียเปล่งประกาย เพียงครู่ เดียวนางก็รู้สึกเอะใจอะไร
บางอย่างขึนมา แต่กห็ ายไปอย่างรวดเร็ วจนนางจับใจความอะไรไม่ได้ “จิงอ๋ องมีฐานะสู งส่ ง แต่ละรุ่ นล้วนนังอยู่
บนกองเงินกองทอง เขายังจะไปลงทุนลงแรงหาสมบัติอะไรอีก ?”

“ไม่มีใครเกียงทีจะมีเงินมากขึน” มู่หลิวเฟิ งกล่าวขึนมาด้วยท่าทางอย่างผูท้ รงภูมิ ในแววตาสี ดาํ วูบไหวไปด้วย


ประกายความคิดต่าง ๆ นา ๆ เย่อเฉิ
ี นนันเป็ นคนทะเยอทะยาน ลอบแผ่ขยายอํานาจของตัวเองออกไปตลอดเวลา
อย่างเงียบ ๆ เขาเหมือนกับไม่พอใจแค่ตาํ แหน่ งจิงอ๋ องของชิงเหยียน......

มู่หรงเสวียกระพริ บตา “ตามทีหนังสื อจดหมายเหตุได้บนั ทึกไว้ เนืองจากฮ่องเต้ของราชวงศ์ทีแล้วจิตใจเลว


ทราม ใช้จ่ายฟุ่ มเฟื อย ขึนภาษีสูงลิบ จึงส่ งผลให้ทอ้ งพระคลังว่างเปล่า ชาวบ้านอดอยาก แคว้นจึงล่มสลาย คนที
ขีแพ้พรรค์นัน ยังจะมีทรัพย์สมบัติอะไรหลงเหลืออยูอ่ ีก ?”

“เรื องนีดูท่าว่าเจ้าจะไม่เข้าใจเสี ยแล้ว คนทีชอบใช้จ่ายเงินสุ รุ่ ยสุ ร่าย สิ งทีพวกนันชอบทีสุ ดคือการเก็บสะสมของ


ลําค่าต่าง ๆ นา ๆ ค่อย ๆ เก็บสะสมพวกมันไว้ในคลังส่ วนตัวของตัวเองอย่างมิดชิด ไม่ให้ใครรู ้ ฮ่องเต้ของ
ราชวงศ์ทีแล้วใช้จ่ายมือเติบขนาดนัน แน่นอนว่าเขาจะต้องเก็บของมีค่าเอาไว้มากมาย”

แววตาของมู่หลิวเฟิ งวูบไหว “เย่อีเฉิ นเป็ นคนฉลาด ไม่มีทางจะเชือข่าวลือไร้สาระได้ และไม่มีทางทําเรื องทีไร้


เหตุผลเช่นนี โดยขาดการตรวจสอบ ทีเขาส่ งคนออกไปค้นหาทีซ่ อนสมบัติ นับว่าฉลาดนัก แน่ นอนว่าราชวงศ์
ก่อนต้องทิงทรัพย์สมบัติเอาไว้มากมาย......”

“พวกเจ้าช่างบังอาจนัก กลับกล้าขัดขวางข้า ยังไม่รีบหลีกทางอีก......”


“ขออภัยเจ้าค่ะคุณหนู คุณหนูใหญ่มีคาํ สังว่าถ้ายังไม่มีคาํ สังของนาง ไม่วา่ ใครก็ไม่สามารถเข้าไปทีเรื อนของนาง
ได้......”

“พวกเจ้า......ข้ามีเรื องต้องพบคุณชายโอวหยาง ถ้าเกิดเสี ยเรื องขึนมา พวกเจ้าจะรับผิดชอบไหวหรื อไม่......”

เสี ยงทะเลาะวุ่นวายดังเข้ามาจากทางด้านนอก มู่หรงเสวียไร้วาจาใดทีจะกล่าว คนทีแอบชอบคุณชายโอวหยาง


นันวิงตามมาทีจวนหิ มะโปรยของนางแล้ว หญิงสาวทีชมชอบเขาช่างมากมายยิงนัก

เมือเลิกคิวมองไปทางคุณชายโอวหยาง นางก็กล่าวขึนอย่างเสี ยอารมณ์ “คุณชายโอวหยางท่านไม่ออกไปพบ


หน่ อยหรื อ ?”

คุณชายโอวหยางกล่าวขึนด้วยนําเสี ยงราบเรี ยบ “ข้าไม่ว่างทีจะพบนาง เจ้าออกไปบอกนางเถอะ”

ดวงหน้าของมู่หรงเสวียเรี ยบเฉย นางกล่าวเน้นทีละคํา “คนเขาพูดชัดเจนว่ามาหาท่าน เหตุใดต้องให้ขา้ ไปบอก


ด้วย ?”

คุณชายโอวหยางปรายตามองนาง กล่าวขึนอย่างมีเหตุมีผล “ทีนี คือเรื อนหิ มะโปรยของเจ้า ข้าเป็ นแขกของทีนี


และกําลังถูกคนรบกวน เจ้ามีฐานะเป็ นเจ้าบ้าน ไม่ใช่ว่าควรเสนอตัวออกไปแก้ปัญหาหรอกหรื อ ?......”
มู่หรงเสวียนิงเงียบไป “......”

เจ้าคนจิตใจดํา จิตใจโหดร้าย เขากลับกล้ายกเหตุผลนี ขึนมาเพือใช้นางให้ออกไปจัดการเรื องยุง่ ยาก เลวร้ายทีสุ ด


ในฐานะทีเห็นว่าเขาเป็ นแขก นางก็จะช่วยเหลือเขาสักครังก็ได้ แต่ถา้ หากยังมีครังต่อไป หึ หึ นางจะต้องสังสอน
เขาอย่างโหดร้ายทีเดียว คอยดูเถอะ......

มู่หรงเสวียถลึงตามองไปทีคุณชายโอวหยางอย่างโหดร้ายทีหนึง พลางก้าวออกจากเรื อนไปอย่างไม่ค่อยจะ


ยินยอมเท่าไรนัก

เมือมองไปทีเงาร่ างของนางทีค่อย ๆ ไกลออกไป แววตาของมู่หลิวเฟิ งก็เต็มไปด้วยความนับถือ “คุณชายโอวห


ยาง นับถือนับถือ ขนาดยังมิได้แต่งงาน ก็สามารถทําให้สะใภ้ตวั น้อยช่วยท่านไล่ดอกท้อได้ ร้ายกาจ ช่างร้ายกาจ
นัก......”

“แต่ว่าถ้าพูดตามตรงแล้ว ด้วยศักดิฐานะ รู ปลักษณ์ และความรู ้ของเจ้า ถึงแม้เจ้าจะแต่งงานแล้ว ก็ยงั มีหญิงสาว


มากมายทีปรารถนาถวายเรื อนร่ างให้เจ้า มู่หรงเสวียแต่งให้เจ้า ก็คงหลีกเลียงไม่ได้ทีจะต้องไล่ดอกท้อออกไป
จากข้างกายเจ้าอีกมากมาย ฝึ กฝนเอาไว้ก่อนก็ไม่เลวนัก......”

สี หน้าของคุณชายโอวหยางเคร่ งขรึ ม ปรายตามองเขาอย่างเย็นชา “ข้าดูเป็ นคนทีเจ้าชูห้ รื อ ?”


“ถึงแม้เจ้าจะไม่เจ้าชู ้ แต่ถา้ พวกดอกท้อเหล่านันเสนอตัวมาหาเจ้าเองเล่า !” มู่หลิวเฟิ งกล่าวพลางยิมตาหยี ดวงตา
ปรากฏแววสนุ กสนานทีได้เห็นเพือนเป็ นทุกข์ “ก็เหมือนกับหญิงสาวด้านนอกเรื อนหิ มะโปรยผูน้ นั ทีอยู่ ๆ ก็
ตามมาถึงทีนี......”

“หื ม ?” สายตาคมกริ บดังลูกธนูของคุณชายโอวหยาง พุ่งตรงไปทีมู่หลิวเฟิ ง !

มู่หลิวเฟิ งได้ยนิ เสี ยงระเบิดดังขึนในหัว พลังเย็นยะเยือกสายหนึงพุ่งแทงเข้ามาจากด้านหลัง แล้วกระจายออกไป


ทัวร่ าง ร่ างกายพลันหนาวสัน ไอออกมาไม่เป็ นธรรมชาติหลายครา “เช่นนัน......พวกเราคุยเรื องเย่อีเฉิ นกับเรื อง
สมบัติของราชวงศ์ก่อนกันต่อเถอะ......”

คุณชายโอวหยางตอบรับเสี ยงราบเรี ยบ ค่อย ๆ มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเรี ยบเฉย เห็นมู่หรงเสวียเดินออก


จากเรื อนหิ มะโปรย ขมวดคิวมองไปยังคนทีอยู่ดา้ นนอกประตู......
ตอนที 91 ซ่ งชิงเหยียนถูกนําร้ อนลวก

ซ่งชิงเหยียนใส่ ชุดลายดอกท้อสี แดงสด คอและไหล่ดูเรี ยบเนียนได้รูป ผิวขาวงามกระจ่าง กระดูกไหปลาร้าทีถูก


เสื อผ้าบดบังเดียวผลุบเดียวโผล่ ชายกระโปรงประดับด้วยลูกปั ดเปล่งประกายระยิบระยับ เมือรวมเข้ากับ
แสงอาทิตย์ทีสาดส่ องเข้ามา ยิงทําให้นางเปล่งประกายสดใสงดงาม

มู่หรงเสวียยิมเย็นไร้คาํ พูด แต่งตัวสวยขนาดนี ดูท่าว่าคงมีการเตรี ยมพร้อมก่อนทีจะมาจริ ง ๆ แต่น่าเสี ยดายที


คุณชายโอวหยางไม่แม้แต่จะออกมาพบนาง การลงทุนลงแรงของนางรอบนี คงดูท่าว่าจะไร้ประโยชน์เสี ยแล้ว
“ซ่งชิงเหยียน ทีนี เป็ นเรื อนหิ มะโปรยแห่ งจวนเจินกัวโหว มิใช่จวนอู่อนั โหว เจ้าจะมาเอะอะโวยวายทําไมกัน ?”

เมือมองไปทีด้านหลังทีว่างเปล่าของมู่หรงเสวีย แววตาของซ่ งชิงเหยียนก็พลันสันไหวไปด้วยความผิดหวัง นาง


ขมวดคิวแล้วกล่าวขึน “มู่หรงเสวีย คุณชายโอวหยางเล่า ?”

“คุณชายมิอยากพบเจอเจ้า เจ้ากลับไปเสี ยเถอะ” มู่หรงเสวียขีเกียจพูดกับซ่ งชิงเหยียนให้มากความ นางจึงเอ่ยปาก


ไล่แขกอย่างไร้เยือใย

เพียงพริ บตาใบหน้าเรี ยวงามของซ่ งชิงเหยียนก็กลายเป็ นสี ขาวซี ด นางถลึงตามองไปทีมู่หรงเสวียด้วยความ


เกลียดชัง “เจ้าพูดอะไรกับคุณชายโอวหยางใช่หรื อไม่ ? เขาถึงไม่อยากเจอข้า”
“ซ่งชิงเหยียน คุณชายโอวหยางดูเป็ นคนทีข้าสามารถเป่ าหู ได้อย่างนันหรื อ ? เขาบอกว่าไม่อยากพบเจ้า ก็เพราะ
ตัวเขาเองขีเกียจทีจะสนใจเจ้า ไม่มีอนั ใดเกียวข้องกับข้า ความคิดเพ้อฝันของเจ้าก็อย่าได้ให้มนั มากจนเกินไปนัก
......” มู่หรงเสวียยิมอย่างเยาะเย้ยดูถูก เส้นผมทีลู่ลงด้านข้างปลิวไสวไปตามสายลมเผยให้เห็นรอยแดงน้อย ๆ ที
ประปรายอยูบ่ นลําคอเรี ยวของนาง

เมือเห็นดังนัน ความโกรธของซ่ งชิงเหยียนก็พุ่งปะทุขนมาทั


ึ นที นางล้วนหลอกล่อให้คุณชายโอวหยางใกล้ชิด
สนิ ทสนมกับนางถึงเพียงนี แล้วยังจะกล้าพูดอีกหรื อว่าไม่ได้ใช้มารยากับคุณชายโอวหยาง เจ้าคนชันตําโป้ ปด
“มู่หรงเสวีย เจ้าอย่าได้ลืมว่า เจ้าเป็ นคนทีมีพนั ธะอยูก่ บั ตัว ถึงแม้เจ้าจะเสนอตัวให้กบั คุณชายโอวหยาง แต่เขาก็
ไม่มีทางทีจะแต่งให้กบั เจ้า เจ้าเองก็ฝันกลางวันให้มนั น้อย ๆ หน่อย......”

ใบหน้างามของมู่หรงเสวียกลายเป็ นดุดนั ซ่ งชิงเหยียนช่างปากกล้านัก นางยิงพูดก็ยงชั


ิ กกําเริ บเสิ บสาน ยิงพูดจา
ยิงไม่น่าฟั ง นางขีเกียจทีจะต่อปากต่อคํากับซ่ งชิงเหยียนให้เปลืองนําลายอีกต่อไปแล้ว “ซ่ งชิงเหยียน รี บไสหัว
ไปจากเรื อนหิ มะโปรยเดียวนี ทีนีไม่ตอ้ นรับเจ้า !”

“ถ้าข้าพูดว่าไม่ล่ะ ?” ซ่ งชิงเหยียนมองไปทางมู่หรงเสวียอย่างอยากจะท้าทาย แววตาของนางลุกโชนไปด้วยไฟ


โกรธ !

“ถ้าเช่นนันข้าก็คงต้องเรี ยกคนให้มาเชิญตัวเจ้าออกไปแล้ว” มู่หรงเสวียกล่าวเน้นทีละคํา ดวงตาฉายแววเย็นยะ


เยือก

“เจ้ากล้าหรื อ !” ซ่งชิงเหยียนถลึงตามองมู่หรงเสวียอย่างเกลียดชัง แววตาเต็มไปความเกรี ยวกราด


“เด็ก ๆ ส่ งคุณหนูออกจากเรื อน” มู่หรงเสวียออกคําสังอย่างไร้เยือใย ถ้าเสื อไม่คาํ รามเสี ยบางนางก็คงนึ กว่าตัวข้า
นันเป็ นเพียงแค่แมวน้อย ซ่ งชิงเหยียนกล้าทีจะท้าทายนางอย่างอวดดีเช่นนี นางก็จะให้ซ่งชิงเหยียนได้ดูเสี ย
หน่ อยว่าแท้จริ งแล้วนางจะกล้าหรื อไม่

“เจ้าค่ะ !” สาวใช้สองคนเดินเข้ามา คนหนึ งอยูข่ า้ งซ้าย อีกคนอยูข่ า้ งขวา จับตัวซ่ งชิงเหยียนไว้ แล้วลากนาง
ออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ ว

เท้าของซ่ งชิงเหยียนลอยอยูบ่ นพืน นางทังร้อนรนทังโมโห ออกแรงดินรนกล่าวทอต่อว่าด้วยความเกรี ยวกราด


“พวกเจ้าทําจะอะไร ! ? ปล่อยข้าลงเดียวนี นะ !”

เหล่าสาวใช้ได้ยนิ แต่ไม่สนใจ มือหยาบกร้านยึดจับแขนของซ่ งชิงเหยียนแน่ น คุมตัวนางเดินออกไปด้านหน้า


ไม่ว่านางจะต่อต้านขัดขืนอย่างไรก็ไม่สามารถทีจะหลุดพ้นไปได้ นางได้แต่กดั ฟันกรอดแล้วกล่าวขึนว่า “พวก
เจ้าสุ นขั รับใช้ทงสอง
ั กล้าบังอาจล่วงเกินข้า เห็นทีคงไม่อยากมีชีวิตอยูแ่ ล้วหรื อไร รี บปล่อยข้าลงเดียวนี !
ไม่อย่างนันข้าจะให้ท่านยายส่ งพวกเจ้าออกไปขาย......”

“ขออภัยเจ้าค่ะคุณหนู สัญญาทาสของบ่าวอยูใ่ นมือของคุณหนู ใหญ่ ไม่ว่าอย่างไรฮูหยินเฒ่าก็ไม่มีสิทธิส่ งข้า


ออกไปขาย” สาวใช้ตดั บทคําพูดของนางด้วยสี หน้าไร้อารมณ์ เท้าพลางก้าวไปด้านหน้าไม่หยุด

ความโกรธของซ่ งชิงเหยียนยิงพุ่งขึนสู ง นางหันไปถลึงตามองมู่หรงเสวีย แววตาเกรี ยวกราดจนแทบจะสามารถ


พ่นไฟออกมาได้......
ขณะนันสาวใช้สองนางของจวนโหวเดินผ่านมา นางทังสองคนกําลังถือถ้วยนําร้อนทีมีฝาปิ ดอยูใ่ นมือคนละ
หนึ งใบ กําลังเดินอย่างระมัดระวังไปทีเรื อนหิ มะโปรย

แววตาของซ่ งชิงเหยียนปรากฏความเหยียบเย็น นางยกเท้าถีบเข้าไปทีถ้วยนําร้อน เพียงพริ บตาถ้วยนําร้อนก็พุ่ง


กระเด็นไปทางมู่หรงเสวียทีนที

มู่หรงเสวียทีเตรี ยมจะหันหลังกลับไป สายตาก็เหลือบไปเห็นถ้วยนําร้อนทีกําลังพุ่งเข้ามาเสี ยก่อน แววตาของ


นางวูบไหวไปด้วยความเย็นยะเยือก คว้าจับเข้าทีไม้ทีอยูด่ า้ นข้างฟาดเอาถ้วยนําร้อนสวนกลับไป ถ้วยนําร้อนพุ่ง
กลับไปในทิศทางทีมันจากมา พุ่งตรงเข้าไปทีไหล่ของซ่ งชิงเหยียน นําร้อนทีเพิงจะเดือดปุด ๆ ราดเข้าทีร่ าง
ครึ งบนของนางทันที

“อ้า !” ซ่ งชิงเหยียนกรี ดร้องอย่างโหยหวน เสี ยงร้องดังลันไปทัวบริ เวณ

มู่หรงเสวียมองดูนางด้วยความสะใจ เห็นท่าทางของซ่ งชิงเหยียนดินรนออกจากกับจับกุมของเหล่าสาวใช้ ปั ด


เช็ดเข้าทีคอของตนอย่างร้อนรนคล้ายคนบ้า ไหล่ของนางถูกลวกด้วยนําร้อน ดวงตาทังสองข้างแดงกํา มองไป
ทางบรรดาสาวใช้โดยรอบ ตวาดขึนอย่างบ้าคลัง “ร้อน ร้อน ร้อนจะตายอยูแ่ ล้ว......ไปตามท่านหมอ รี บไปตาม
ท่านหมอมาเร็ วสิ !......”

“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ......” เหล่าสาวใช้คล้ายตืนจากภวังค์ รี บรับคําอย่างทันที พวกนางวิงออกไปด้านนอกของ


จวนอย่างร้อนรน
ซ่งชิงเหยียนถลึงตามองมู่หรงเสวียแล้วกัดฟันพูดขึน “มู่หรงเสวีย เจ้าทําร้ายข้าอีกแล้ว !”

“เป็ นเจ้าเองทีจิตใจสกปรกคิดไม่ซือ ตังใจอยากให้นาร้


ํ อนลวกข้า แต่บงั เอิญทํานําร้อนลวกตัวเอง อย่างนีจะมา
โทษข้ามิได้......ถ้าเจ้าอยากจะโยนความผิดให้กบั ข้า ก็ไม่มีปัญหา ข้าจะได้สาดนําร้อนใส่ เจ้าอีกครัง จะได้ให้
ความผิดนันกลายเป็ นความจริ งเสี ยเลยเป็ นอย่างไร......” มู่หรงเสวียพูดขึนด้วยความเย็นชา นางค่อย ๆ เดินไป
ด้านหน้าของเหล่าสาวใช้รับเอาถ้วยนําร้อนในมือของนาง แล้วหันมองไปทางซ่ งชิงเหยียน

เมือมองไปทีดวงตาเย็นยะเยือกของนาง หนังตาของซ่ งชิงเหยียนก็กระตุกถียิบ การกระทําและจิตใจทีโหดเหี ยม


ของมู่หรงเสวียนัน นางล้วนได้พานพบกับตัวเองมาตังแต่ไหนแต่ไรแล้ว นางจึงไม่สงสัยเลยสักนิ ด ถ้าขืนนางยัง
กล้าใส่ ร้ายมู่หรงเสวียอีกเพียงประโยคเดียว เกรงว่ามู่หรงเสวียคงไม่ลงั เลทีจะสาดนําร้อนลงบนตัวนางแน่ !

“มู่หรงเสวีย เจ้าช่างอํามหิ ตยิงนัก !” ซ่ งชิงเหยียนทิงคําพูดไว้ดว้ ยความเกลียดชัง นางถลึงตามองไปทีมู่หรงเสวีย


อย่างโกรธแค้น คว้ามือของสาวใช้ทีไม่ค่อยเต็มใจทีจะพยุงนางให้เดินกลับไปทีเรื อนของตนอย่างเร่ งรี บ

นําร้อนเมือครู่ ร้อนมาก จําต้องล้างทําความสะอาดโดยเร็ วทีสุ ด มิเช่นนันผิวของนางคงได้รับผลกระทบหนักเป็ น


อย่างมาก

มู่หรงเสวียทีลงมือทําร้ายนาง นางจะจดจําให้ขึนใจ รอจนถึงเวลาทีเหมาะสม นางจะเอาคืนมากกว่านี อีกหลาย


เท่า ให้มู่หรงเสวียร้องขอชีวิตก็ไม่ได้ จะร้องขอความตายก็ไม่ได้ !
ซ่งชิงเหยียนเดินไปยังสุ ดขอบของทางเดินหิ นสี ดาํ แล้วเลียวลับหายไปจากสายตาของนาง !

มู่หรงเสวียละสายตากลับมา พลันมองไปเห็นถุงผ้าทีเอวของตัวเองด้วยความบังเอิญ ถุงผ้าไหมสี ทองของนาง


เปี ยกนําร้อนเป็ นวงกลมใหญ่ ๆ !

นางตืนตระหนก เร่ งรี บดึงถุงผ้าลงมา หยิบผ้าเช็ดหน้า รี บเช็ดไปทีคราบนําร้อน เมือครู่ นางเข้าใจว่านางได้


ระมัดระวังเป็ นอย่างดีแล้ว แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกนําร้อนกระเด็นใส่ ไปเสี ยได้ โชคยังดีทีนําร้อนกระเด็นมาโดน
นางเพียงเล็กน้อย เพียงแค่สาดโดนถุงผ้ามิได้สาดโดนผิวหนัง......

ถุงผ้าใบนี เป็ นถุงผ้าทีมู่หรงเย่มอบให้นางในตอนนัน หลังจากทีนางกลับมาจากหุ บเขาหวีซาน นางมัวแต่ยงุ่


วุ่นวายมาโดยตลอด เลยลืมทีจะคืนให้กบั เขา ไม่รู้ว่าจะเปี ยกไปถึงเครื องรางปกป้ องกายทีอยูด่ า้ นในจะหรื อไม่ ?

เครื องรางทีท่านแม่มอบไว้ให้เขา ล้วนเป็ นของทีลําค่านัก หากไม่มีความเสี ยหายเกิดขึนจะดีทีสุ ด......

มู่หรงเสวียรี บเปิ ดถุงผ้าออก หยิบเอากระดาษบางด้านในออกมา กระดาษยังสะอาดเอียมอ่อง ไร้ร่องรอยเปรอะ


เปื อน แต่ว่าเครื องรางส่ วนใหญ่ใช้เพียงกระดาษธรรมดามิใช่หรื อ ? ทําไมกระดาษแผ่นนีถึงคล้ายกับแผ่นหนัง
แพะไปได้ ?

มู่หรงเสวียคลีกระดาษเครื องรางออกดูดว้ ยความสงสัย เห็นเพียงว่ามันเป็ นแค่แผ่นหนังแพะซี ดเหลืองแผ่นหนึ ง


ด้านบนเขียนด้วยตัวอักษรจีนสี ดาํ ทังยังมีเส้นสี ดาํ แนวตังบ้างแนวนอนบ้างโค้งบ้างตรงบ้างขีดเขียนอยูด่ า้ นบน ดู
แล้วช่างคุน้ ตา เหมือนกับว่าเคยเห็นทีไหนมาก่อน......

มู่หรงเสวียขมวดคิวพยามยามทีจะคิดให้ออก พริ บตาเดียวในหัวพลันเปล่งแสงวาบขึน แผนทีครึ งแผ่นทีนางแย่ง


มากจากมือของฉิ นยวีเยียนแผ่นนันเหมือนกับเครื องรางแผ่นนี มาก หรื อว่าทังสองแผ่นจะมีความเกียวข้องกัน......

แววตาของมู่หรงเสวียเปล่งประกายวูบไหว กําแผ่นหนังแพะในมือแน่นเร่ งเดินไปทีเรื อนหิ มะโปรยทันที......


ตอนที 92 ถูกคนเจ้ าเล่ห์รังแก
มู่หรงเสวียวิงเข้าไปด้านในห้อง เร่ งเปิ ดช่องลับในกําแพงแล้วหยิบเอาแผ่นหนังแพะออกมา นางค่อย ๆ นํามา
เทียบกับแผ่นหนังแพะอีกครึ งแผ่นในมือ ทันใดนันเองแผนทีสี ดาํ ขาวทีประกอบเข้ากันอย่างสมบูรณ์กป็ รากฏสู่
สายตา ตัวอักษรสี ทองสามตัวปรากฏอยูด่ า้ นบนกระดาษหนังแพะเขียนว่า ฉางเป่ าถู (แผนทีเก็บสมบัติ) ดึงดูด
สายตาของนาง

มิน่าเล่าพอตอนทีนางแย่งแผนทีมาได้ ฉิ นยวีเยียนถึงได้มีปฏิกิริยามากเพียงนัน ทีแท้เป็ นแผนทีทีซ่ อนของสมบัติ


ของราชวงศ์ก่อนนี เอง ฉิ นยวีเยียนอยูท่ ีหุ บเขาหวีซานลําบากลําบนหามันแทบตาย ลงแรงไปไม่รู้ตงมากมาย

เท่าไรถึงจะหาพบ แน่ นอนว่าต้องเสี ยดายเป็ นธรรมดาทีต้องเสี ยมันให้นางมาโดยง่าย......

แต่ว่าแผนทีซ่อนสมบัติอีกครึ งหนึ ง ทําไมถึงได้มาอยูใ่ นถุงผ้าของมุ่หรงเย่ได้ ? อีกทังยังเป็ นถุงผ้าทีแซ่ เฉิ นทิงไว้


ให้เขา......

ไม่ว่ามู่หรงเสวียจะคิดเท่าไรก็คดิ ไม่ออก นางแหวกม่านเดินออกไปจากห้องด้านใน ก็เห็นคุณชายโอวหยางกําลัง


นังจิบชาอยูด่ า้ นหน้าโต๊ะไม้แดงเพียงผูเ้ ดียว ชายเสื อสี ขาวหิ มะลู่ลงกับพืนช่างดูสูงส่ งและสง่างามจนพูดไม่ออก
แต่นางกลับไม่เห็นร่ องรอยของมู่หลิวเฟิ งแล้ว

นางกระพริ บตา “คุณชายมู่ล่ะ ?”

“เขากลับจวนเฉิ งกัวกงไปแล้ว เจ้ามีธุระกับเขาหรื อ ?” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนด้วยเสี ยงราบเรี ยบ ไออุ่นในถ้วย


ชาลอยสู งขึน จนบดบังประกายตาของเขา
มู่หรงเสวียส่ ายหน้า “ไม่มีอะไร แค่มีเรื องอยากจะปรึ กษากับคุณชายเล็กน้อย”

“เรื องอะไร ?” คุณชายโอวหยางเงยหน้าขึนมองนาง

มู่หรงเสวียนังลงทีด้านข้างของคุณชายโอวหยาง กล่าวขึนเสี ยงตําอย่างมีลบั ลมคมใน “คุณชายสนใจทีซ่ อน


สมบัติของราชวงศ์ก่อนหรื อไม่ ?”

สมบัติทีสามารถทําให้เย่อีเฉิ นสนใจได้ แน่ นอนว่าต้องเป็ นสมบัติทีมีค่ามากมายมหาศาลไม่นอ้ ย นางไม่ได้โลภ


มากในทรัพย์สินเงินทอง แต่ว่านางกับเย่อีเฉิ นและฉิ นยวีเยียนนันไม่ถูกกัน เรื องทีกระทําแล้วสามารถขัดขวาง
พวกเขาได้ นางล้วนเต็มใจทีจะทํา !

แต่ทหารของจวนเจินกัวโหวไม่สามารถเป็ นคู่ปรับฝี มือของทหารของวังจิงอ๋ องได้ ถ้าแค่ตวั นางคนเดียวพาทหาร


ไปหาสมบัติ แน่นอนว่าจะต้องถูกเย่อีเฉิ นแย่งเอาไปจนหมดไม่เหลือแน่

เช่นนันนางจึงตังใจทีจะร่ วมมือกับผูอ้ ืน ซึ งฐานะของคุณชายโอวหยางสู งส่ ง อีกทังมีคนทีมีความสามารถในมือ


มากมาย อุปนิสัยก็ไม่เลว ถือเป็ นคนทีเหมาะสมทีสุ ด
กลินหอมของบัวอัคคีทีคล้ายมีคล้ายไม่มีกระทบเข้ากับจมูก ลมหายใจหอมพ่นลดต้นคอของเขา แววตาของ
คุณชายโอวหยางวูบไหว มองไปทางมู่หรงเสวียอย่างไม่บอกความรู ้สึกใด “เจ้ารู้ทีซ่ อนสมบัติของราชวงศ์ก่อน
อย่างนันหรื อ ?”

มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ หยิบแผนทีทังสองแผ่นยืนไปยังด้านหน้าของคุณชายโอวหยาง “ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด นี


คือทีซ่ อนสมบัติของราชวงศ์ก่อน จุดหมายปลายทางและเส้นทางการไปทีซ่ อนสมบัติลว้ นเขียนชัดเจน เพียงแค่
พวกเราไปตามสัญลักษณ์บนแผนที ก็จะสามารถหาทีซ่ อนของสมบัติพบ”

คุณชายโอวหยางมองไปทีเส้นโค้งต่าง ๆ นา ๆ บนแผนที สายตามีเพียงความเรี ยบเฉย “เจ้าไปเอาแผนทีมาจากที


ใด ? และแน่ ใจหรื อว่ามันเป็ นของจริ ง ?”

มู่หรงเสวียยิมเพียงบางเบา “แผนทีทังสองแผ่นนี ข้าได้มาเพราะความบังเอิญ แผ่นหนังแพะล้วนซี ดเหลืองแล้ว


แน่นอนว่าต้องผ่านระยะเวลามาอย่างยาวนาน ซึ งอาจจะทําขึนมาตังแต่ราชวงศ์ก่อน เรื องสถานทีและเส้นทาง
ด้านบนของแผนที จําต้องให้พวกเราเดินทางไปดูดว้ ยตัวเองสักครา ถึงจะรู ้วา่ จริ งหรื อปลอม”

เมือมองไปทีดวงตาวูบไหวของนาง คุณชายโอวหยางก็ขมวดคิวเข้าหากันทันที “เจ้าอยากได้เงินทองมากขนาดนี


เชียวหรื อ ?”

“ไม่มีผใู ้ ดปฏิเสธทีจะมีเงินมากขึน” มู่หรงเสวียใช้คาํ พูดของมู่หลิวเฟิ ง นางยิมตาหยีมองไปทีคุณชายโอวหยาง


“คุณชายโอวหยาง ข้ามีแผนที ท่านออกแรงออกกําลังคน หลังจากทีได้สมบัติมา พวกเราก็แบ่งกันคนละห้าส่ วน
เช่นนันดีหรื อไม่ ?”
คุณชายโอวหยางมองไปทีนาง แววตาของเขาวูบไหวไปด้วยความประหลาดใจ “แบ่งกันคนละห้าส่ วนอย่างนัน
หรื อ ?”

“ถ้า...ถ้าเช่นนัน...เช่นนันก็สีต่อหก ข้าสี ท่านหก ไม่สามารถน้อยลงกว่านี ได้ แผนทีอีกครึ งแผ่นเป็ นของท่านแม่


ของข้า อีกแผ่นเป็ นของทีข้าแลกมาด้วยชีวิต”

มู่หรงเสวียไม่ได้หลงใหลในเงินทองแต่อย่างใด ส่ วนแบ่งของสมบัติจะได้หรื อไม่ได้กม็ ิเป็ นไร แต่ว่าแซ่ เฉิ นทิง


แผนทีครึ งแผ่นนี ไว้ให้ม่หู รงเย่ นางก็อยากจะหวังให้มู่หรงเย่ได้รับสมบัติในส่ วนนี บ้าง ดังนันนางจําต้องเหลือ
ส่ วนแบ่งสี ส่ วนไว้ให้มู่หรงเย่ดว้ ย

คุณชายโอวหยางมองท่าทางทีจริ งจังของนาง แววตาของเขายิม ๆ แล้วกล่าวขึนอย่างช้า ๆ “แผนทีซ่ อนสมบัติ


เป็ นของเจ้า แน่ นอนว่าสมบัติกต็ อ้ งเป็ นของเจ้า จริ ง ๆ แล้วข้าตังใจว่าจะให้เจ้ายืมองครักษณ์เงาเพือไปเอาสมบัติ
เป็ นการช่วยเหลือเจ้า เรื องส่ วนแบ่งก็จะไม่รับเอาไว้แม้แต่นอ้ ย แต่หากเจ้าตัดสิ นใจทีจะให้ส่วนแบ่งของสมบัติ
ตังหกส่ วนกับข้า เช่นนันข้าก็คงจะไม่ปฏิเสธทีจะรับไว้......”

“......” มู่หรงเสวียเงียบไป

ถ้าจะไม่เอาทรัพย์สมบัติ อยากช่วยเหลือเปล่า ๆ ก็รีบพูดมาตังแต่ทีแรกสิ ! ถ้ารู ้เสี ยแต่ทีแรก เช่นนันใครจะไป


มอบส่ วนแบ่งให้เขาตังหกส่ วนกัน ? ตอนทีนางเสนอว่าแบ่งกันคนละห้าส่ วน แววตาของเขาเต็มไปด้วยความ
แปลกประหลาด นางก็เลยนึ กว่าเขากําลังคิดว่ามันน้อยไป......
ผูช้ ายเจ้าเล่ห์ นางตกหลุมของเขาอีกจนได้......

เมือมองไปทีใบหน้าอึมครึ มของนาง คุณชายโอวหยางก็ยกยิมทีมุมปากอย่างสง่างาม ค่อย ๆนําแผนทีมาประกบ


เข้าด้วยกัน มองไปบนเส้นทางคดโค้งด้านบน แล้วกล่าวขึนอย่างช้า ๆ “ตอนนีเวลาก็สายมากแล้ว พวกเรามา
ศึกษาเส้นทางกับสถานทีบนแผนทีให้ละเอียดเถอะ จะมาทําเป็ นเล่นกับสมบัติหกส่ วนของข้าไม่ได้......”

“......”

เขาต้องตังใจแน่ เขาตังใจพูดคําเหล่านีเพือยัวโมโหนางแน่ นางก็แค่คาดเดาผิดพลาดเผลอมอบส่ วนแบ่งของ


สมบัติหกส่ วนให้เขา เขาก็เลยมาทําท่าอวดดีเช่นนี ต่อหน้านาง เป็ นเพราะอยากให้นางรู ้ว่าตัวนางนันโง่งมมาก
ขนาดไหน ? ช่างน่ าโมโหนัก !

ด้านนอกของเรื อนหิ มะโปรย เงาร่ างสี ดาํ สายหนึ งค่อย ๆ หายวับไป......

ห้องหนังสื อวังจิงอ๋ อง

เย่อีเฉิ นอยูใ่ นชุดสี ม่วงเข้ม เท้าแขนอยูด่ า้ นหน้าของโต๊ะหนังสื อ เขามองไปทีภาพวาดทีแขวนไว้ตาไม่กระพริ บ


บนภาพวาดมิใช่ทิวทัศน์ของดอกไม้หรื อต้นไม้อะไร แล้วก็ไม่ใช่รูปของสาวงามคนไหน แต่เป็ นภาพของชาย
หนุ่ มผูห้ นึ งทีถูกลูกศรสามดอกพุ่งปั กเข้าทีส่ วนหัวและทะลุแขนทังสองข้าง ! ถ้าหากดูให้ชดั เจนแล้ว ชายหนุ่ มผู ้
นันก็คือมู่หรงจีแห่ งจวนเจินกัวโหว !

ศรสามดอก เป็ นท่าธนูทีเลืองชือของตระกูลมู่หรง แม้แต่คนธรรมดาทัวไปในตระกูลมู่หรงก็สามารถทีจะทําได้


แต่โดยทักษะพืนฐานแล้วจะเป็ นการยิงธนูทีศรสามดอกพุ่งเข้าเป้ าสี แดงพร้อมกัน แต่หากพูดถึงทักษะการยิงธนู
ทียอดเยียมแล้ว มีเพียงการยิงศรสามดอกออกไปพร้อมกันเป็ นรู ปสามเหลียมของมู่หรงเยว่ทีสามารถโจมตีไปที
จุดสําคัญทีแตกต่างกันบนร่ างของศัตรู เพียงเท่านัน ทีเป็ นความสามารถทีน่ าทึงจนผูค้ นต้องตกตะลึง !

การยิงศรออกไปสามดอกพร้อมกันในภาพเหมือนกับมู่หรงเยว่เป็ นคนยิงศรเองไม่มีผดิ เพียน ถึงเขาจะไม่ได้เห็น


กับตาของตัวเอง แต่เห็นจากภาพวาดขององครักษ์เงา เขาก็พอทีจะคาดเดาได้ตอนทีมู่หรงเสวียยิงศรสามดอก
เหล่านี ออกไป ผูค้ นมากมายทีพบเห็นจะต้องตกตะลึงมากขนาดไหน......

ภาพว่าทีภรรยาทีอ่อนแอในความทรงจําสลายหายไปหมดสิ น หรื อว่าแต่ไหนแต่ไรมามู่หรงเสวียก็เป็ นผูห้ ญิง


แบบนี แต่เขากับนางได้พบเจอกันน้อยเกินไป จึงไม่ได้เห็นด้านทีน่ าตกตะลึงของนาง ความเข้มแข็ง หนักแน่ น
ฉลาดรอบรู ้ของนาง ล้วนทําลายภาพทีเขารู้จกั นางในอดีตไปหมดสิ น ทําให้เขาอดไม่ได้ทีจะให้ความสนใจ......

“อีเฉิน อีเฉิ น......” นําเสี ยงอ่อนหวานของหญิงสาวลอยเข้าหู ทําให้เย่อีเฉิ นหลุดจากภวังค์ในทันใด เขายืนมือไป


ดึงภาพวาดนันม้วนเก็บเข้าไปในทีเก็บภาพ แล้วหมุนกายเดินออกไปทีประตู

ด้านนอกปรากฏร่ างของฉิ นยวีเหยียนในชุดสี ม่วงอ่อน ภายใต้แสงอาทิตย์สีทองทีสาดส่ องนางค่อย ๆ เยืองย่าง


เข้ามาในห้องหนังสื อ ใบหน้าซี ดขาวประดับด้วยรอยยิมทีงดงาม “อีเฉิน ข้าจะมาบอกข่าวดีแก่เจ้าเรื องหนึง ข้าหา
แผนทีซ่ อนสมบัติอีกครึ งหนึ งเจอแล้ว !”
แววตาของเย่อีเฉิ นชะงักไปทันที “จริ งหรื อ ? เช่นนันแผนทีซ่ อนสมบัติแผ่นนันอยูท่ ีใด ?”

“อยูใ่ นมือมู่หรงเสวีย !” ฉิ นยวีเยียนกล่าวเน้นทีละคํา แววตาของนางคมกริ บ

“เจ้าหมายถึง......มู่หรงเสวียมีแผนทีทีสมบูรณ์อยูใ่ นมืออย่างนันหรื อ” ดวงตาของเย่อีเฉิ นหรี ลง

“ใช่ นางได้หารื อกับคุณชายโอวหยางแล้วว่าจะไปขุดสมบัติดว้ ยกัน” ฉิ นยวีเยียนกล่าวเสี ยงตํา นําเสี ยงออดอ้อน


แฝงไปด้วยเสี ยงกัดฟั นเล็กน้อย “พวกเราจะต้องขัดขวางพวกเขา”
ตอนที 93 พบอันตราย

มู่หรงเสวียกลับบอกเรื องทีสําคัญเช่นนี กับคุณชายโอวหยาง อีกทังยังเตรี ยมทีจะไปหาสมบัติพร้อมกันกับเขา คง


เชือมันในตัวเขามากสิ นะ ระหว่างพวกเขาสนิทกันถึงขันทีไม่ว่าเรื องอะไรก็สามารถบอกกันได้แล้วหรื อ ?

สี หน้าของเย่อีเฉิ นค่อย ๆ ดุดนั ขึน อยู่ ๆ เขาก็รู้สึกหงุดหงิดขึนมาภายในใจ พลางกล่าวเน้นทีละคํา “คุณชายโอวห


ยางเป็ นคนยากทีจะต่อกรด้วย อยากจะขัดขวางการไปหาสมบัติของพวกเขาย่อมจะต้องใช้แผนทีแยบยล......”

“วางใจเถอะ ข้าได้วางคนเอาไว้ขา้ งกายของมู่หรงเสวีย ให้เฝ้ าดูทุกการเคลือนไหวของนางตลอดสิ บสองชัวยาม


ในทุก ๆ วัน การจะขัดขวางพวกเขานันช่างง่ายดายดังพลิกฝ่ ามือ......” ฉิ นยวีเยียนกล่าวขึนเสี ยงสู ง แววตาของ
นางเปล่งประกายเย็นยะเยือก

แววตาของเย่อีเฉิ นลําลึก “มู่หรงเสวียกับคุณชายโอวหยางเป็ นคนฉลาด อยากจะวางแผนจัดการพวกเขา จําเป็ น


จะต้องระมัดระวังเป็ นอย่างดี ต้องผ่านการไตร่ ตรองแล้วไตร่ ตรองเล่า อย่าได้ประมาทเป็ นอันขาด !”

“อย่าได้กงั วลไป ข้ารู ้วา่ อะไรควรอะไรมิควร แผนการทีจะใช้ในการจัดการพวกเขา ข้าได้คิดเอาไว้เรี ยบร้อยแล้ว


......” ฉิ นยวีเยียนยิมน้อย ๆ ท่าทางดูมีลบั ลมคมใน !
ภายใต้แสงอาทิตย์ทีทอประกาย มู่หรงเสวียอยูใ่ นชุดสี เขียวอ่อนนังอยูบ่ นหลังม้าเร็ วทีกําลังพุ่งตัวไปบนถนน
หลวงทีราบเรี ยบด้วยความรวดเร็ ว ทําให้ดา้ นหลังต่างฟุ้ งกระจายไปด้วยฝุ่ นควัน

เสี ยงแหวกอากาศทีผิดปกติดงั ขึนกระทบเข้ากับหู แววตาของมู่หรงเสวียคมขึน เข็มเงินในมือพุ่งออกไป ได้ยนิ


เพียงเสี ยง ‘ตุบ’ เสี ยงหนึง พลันเงาร่ างสี ดาํ สายหนึ งก็ร่วงลงมาจากต้นไม้ ตกกระแทกเข้าทีพืนแข็งอย่างแรง สลบ
จนไม่ได้สติ......

มู่หรงเสวียปรายตาไปมองอย่างเฉยชาเพียงครู่ หนึ ง ม้าเร็ วทีนางนังอยูน่ นไม่


ั สามารถหยุดลงได้ ยังคงพุ่งต่อไป
ด้านหน้า เสี ยงเย็นชาของนางลอยตามมาทางสายลม “เมือครู่ เป็ นองครักษ์เงาทีเย่อีเฉิ นส่ งมาอย่างนันหรื อ ?”

“ไม่ผดิ !” คุณชายโอวหยางพยักหน้า

มู่หรงเสวียยกยิมเย็น นางรู ้อยูแ่ ล้วว่า เพราะนางทีเป็ นคนแย่งชิงแผนทีซ่ อนสมบัติจากฉิ นยวีเยียนมา ฉิ นยวีเยียน


ย่อมไม่ยอมรามือไปง่าย ๆ แน่ นางจะต้องสังการให้องครักษ์เงาเฝ้ าดูนางไว้ ทุก ๆ การกระทําของนาง ฉินยวี
เยียนคงรับรู ้ทงหมดอย่
ั างทะลุปรุ โปร่ ง......

“องครักษ์เงาผูน้ ีตามพวกเรามาตลอดทาง เจ้าไม่มีท่าทีทีจะสนใจ แต่ทาํ ไมอยู่ ๆ ถึงได้จดั การเขาจนสลบเช่นนีเล่า


?” คุณชายโอวหยางไต่ถามเสี ยงเบา

มู่หรงเสวียยกยิมลึกลับ “ถ้ายึดตามทีเขียนไว้บนแผนที อีกชัวครู่ เราก็จะถึงทีซ่ อนสมบัติแล้ว ด้านหน้ามีเส้นทาง


หลายสาย แต่มีเพียงเส้นทางเดียวทีจะพาเราไปถึงทีซ่ อนสมบัติได้ พอองครักษ์เงาสลบไม่ได้สติกจ็ ะไม่มีทางทีจะ
หาพวกเราเจอ ถ้าเย่อีเฉิ นหาพวกเราไม่เจอ เขาก็จะไม่สามารถสร้างความลําบากให้กบั พวกเราได้ พวกเราก็จะ
สามารถเก็บโกยสมบัติไปได้อย่างสะดวกสบาย......”

ดวงตาของคุณชายโอวหยางเปล่งประกายรอยยิมบางเบา เขากล่าวขึนอย่างราบเรี ยบ “เกรงว่าเรื องราวจะไม่


ง่ายดายอย่างทีเจ้าคิด”

“ท่านหมายความว่าอย่างไร ?” มู่หรงเสวียมองไปทางเขาอย่างไม่เข้าใจนัก

“เพราะยังมีองครักษ์เงาตามมาอีกคนหนึง” คุณชายโอวหยางตอบกลับอย่างไม่ใส่

มู่หรงเสวียชะงัก นางตังใจฟั งเสี ยงโดยรอบ มีเสี ยงของสายลมทีบางเบามากสายหนึ งลอยมา เพียงพริ บตาใบหน้า


งามของนางก็เปลียนเป็ นเย็นชา องครักษ์เงาของวังจิงอ๋ องก็เหมือนกับกาวหนังสุ นขั ตามติดไม่ปล่อยไม่ว่าจะ
สลัดอย่างไรก็ไม่หลุด......

“ท่านมีวิธีไหนทีจะสลัดพวกเขาให้หลุดได้ ?” องครักษ์เงาเป็ นเย่อเฉิ


ี นทีส่ งมา ถ้าหากพวกองครักษ์เงาตามไปถึง
ี นก็จะรู้จุดทีใช้ซ่อนสมบัติ เมือถึงตอนนัน พวกนางคงไม่สามารถทีจะขนย้ายสมบัติได้
ทีซ่ อนสมบัติได้ เย่อเฉิ
อย่างราบรื น

“แน่นอนว่ามี” คุณชายโอวหยางยกยิมมุมปาก ร่ างของเขาขยับวูบ เพียงพริ บตาร่ างสู งโปร่ งคล้ายก้อนเมฆสี ขาว


สายหนึงก็ปรากฏตัวขึนทีด้านหน้าของมู่หรงเสวีย เขายืนมือคว้าเข้าทีเอวของนาง และอุม้ นางขึนลอยไปใน
อากาศ แล้วพุ่งตัวออกไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ ว
กลินหอมบางเบาของไม้ไผ่กระทบเข้ากับจมูก เสี ยงของสายลมพัดผ่านใบหู ภาพทิวทัศน์ดา้ นหน้าถอยกลับไปยัง
ด้านหลังอย่างรวดเร็ ว มู่หรงเสวียกระพริ บตาไร้วาจาใดทีจะกล่าว ในแผ่นดินนีวิชาตัวเบาของคุณชายโอวหยาง
ล้วนเป็ นหนึ งไม่มีสอง เขาใช้วิชาตัวเบาอุม้ นางมาเช่นนี ไม่ตอ้ งพูดถึงองครักษ์เงาของวังจิงอ๋ องหรอก
แม้กระทังเย่อีเฉิ นมาเองก็ไม่มีทางทีจะตามเขาทัน......

ใช้วิธีนีสลัดองครักษ์เงาทิง ช่างเป็ นแผนการทีสู งส่ งนัก......

ระหว่างทีในใจกําลังชืนชมเขาอยู่ มู่หรงเสวียก็มองเห็นภูเขาไม่สูงไม่เตียลูกหนึ ง ด้านบนของภูเขาถูกปกคลุมไป


ด้วยป่ าไม้ใบหญ้าทีเขียวขจี ตรงตีนเขาด้านล่างเต็มไปด้วยก้อนหิ นขรุ ขระทีถูกต้นหญ้าและพืชพรรณปกคลุม
รู ปร่ างของภูเขาคล้ายคลึงครึ งวงกลมทีดูผดิ ปกติ มองจากทีไกล ๆ ช่างดูคุน้ ตา......

มู่หรงเสวียกระพริ บตาปริ บ ๆ หยิบเอาแผนทีซ่ อนสมบัติในแขนเสื อออกมามองไปทีสัญลักษณ์บนแผนที แววตา


ของนางเปล่งประกาย “สมบัติอยูท่ ีภูเขาลูกนี พวกเรารี บลงไปเถอะ !”

“เจ้าแน่ใจหรื อ ?” คุณชายโอวหยางมองไปทีนางด้วยสายตาเรี ยบเฉย

“แน่ใจ ไม่ผดิ แน่ !” มู่หรงเสวียพยักหน้าแรง ๆ นางชีนิวไปทีแผนที “ท่านดูเถอะ ด้านบนก็เขียนไว้อย่างชัดเจน”


คุณชายโอวหยางปรายตามองแผนทีหนหนึง ชายเสื อสี ขาวหิ มะพลิวไหวอยูก่ ลางอากาศ เปล่งรัศมีสง่างาม ค่อย
ๆ ร่ อนตัวลงสู่ พนื เงยหน้ามองไปยังภาพทีปรากฏสู่ สายตา นอกจากหิ นภูเขาแล้วก็มีแต่ตน้ ไม้ใบหญ้า มองไม่
เห็นถําอะไรแม้แต่นอ้ ย กระทังรู หนูก็ไม่มีให้พบเห็น

มู่หรงเสวียขมวดคิวแน่ น บนแผนทีก็เขียนทางเข้าของทีซ่ อนสมบัติไว้อย่างชัดเจนแล้วนีว่าอยูต่ รงนี แล้วทําไม


ถึงไม่เจอ ?

มู่หรงเสวียแกะมือทีเกาะอยูต่ รงเอวของนางออก หลังจากนันก็ค่อย ๆ เดินไปทีด้านหน้าของภูเขา ดึงถอนต้นไม้


ใบหญ้าต่าง ๆ นา ๆ ทีปกคลุมอยูโ่ ดยรอบซ้ายที ขวาที ไม่คาดว่าจะบังเอิญดึงไปโดนเถาวัลย์ดงหนึงทีปกคลุมอยู่
บนก้อนหิ น เพียงพริ บตานัน ปากถําเล็ก ๆ ทีถูกเศษหิ นปิ ดบังเอาไว้กป็ รากฏสู่ สายตา......

แววตาของมู่หรงเสวียเปล่งประกาย “เป็ นไปได้มากทีเดียวทีทีนีจะเป็ นปากทางเข้า คุณชายโอวหยาง รบกวน


ท่านแล้ว !”

เศษหิ นเศษดินทีทับถมทําให้บริ เวณปากถํานันปิ ดสนิท นางทีไม่ได้เตรี ยมอุปกรณ์ทีใช้ในการขุดเจาะมาด้วย ถ้า


หากใช้กิงไม้ในการขุด ดูท่าคงไม่มีทางขุดเอาเศษหิ นพวกนี ออกไปได้หมดก่อนฟ้ ามืดแน่

คุณชายโอวหยางตอบรับเพียงเสี ยงอืมอย่างราบเรี ยบ เพียงนิวมือภายใต้แขนเสื อดีดเบา ๆ พลังปราณกล้าแกร่ ง


สายหนึงก็พุ่งออกมาปะทะเข้ากับเศษหิ นอย่างแรง ได้ยนิ เสี ยงดัง ‘ปั ง’ เสี ยงหนึง ทันใดนันเศษหิ นเศษเล็กเศษ
น้อยก็กระจัดกระจายไปทัวบริ เวณปากถํา ฝุ่ นควันฟุ้ งกระจายไปทัว ทําให้ผคู ้ นสําลักไปมา......
หลังจากทีฝุ่นผงสลายหายไปแล้ว ปากถําขนาดคนสองคนสามารถเดินผ่านไปได้ปรากฏอยูต่ รงหน้าของทังสอง
ด้านในมีแต่ความมืดมิดมองไปไม่มีทีสิ นสุ ด......

ดวงตาของมู่หรงเสวียแวววาวขึนมา นี ต้องเป็ นทางเข้าอย่างแน่ นอน “คุณชายโอวหยางพวกเราเข้าไปกันเถอะ”

“ได้สิ !” คุณชายโอวหยางพยักหน้า เดินนํานางเข้าไปในถํา มู่หรงเสวียเร่ งตามหลังเขาเข้าไปติด ๆ

ภายในถํามืดสนิทและชืนแชะ เต็มไปด้วยกลินอับชืน พืนหินทีทังสองเหยียบอยูแ่ ละกําแพงทังสองข้างเต็มไป


ด้วยตะไคร่ นาํ แสดงว่าทีนี ไม่ได้มีคนเข้ามานานแล้ว รอบด้านมืดมิด มู่หรงเสวียก้าวเท้ายาวบ้างก้าวสันบ้างเดิน
ไปด้านหน้า แต่ไม่ทนั ระวังทําให้เท้าเกิดลืนขึนมา นางพุ่งตัวล้มลงไปด้านหน้า

“ระวัง !” คุณชายโอวหยางยืนมือไปรังตัวนางไว้ ฝ่ ามือหยกจับมือของนางเอาไว้แน่ นประสานนิวทังสิ บเข้า


ด้วยกัน “จับข้าแน่ น ๆ อย่าได้ปล่อยมือ”

“ข้ารู ้แล้ว !” มู่หรงเสวียพยักหน้า แววตาของนางวูบไหวอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ นางไม่ชอบใกล้ชิดกับผูอ้ ืนมาก


นัก แต่นางไม่มีกาํ ลังภายใน ไม่สามารถมองเห็นได้ในทีมืด เพือทีจะป้ องกันไม่ให้ลืนล้มอีก มีเพียงจับมือคุณชาย
โอวหยางให้แน่นขึนเท่านัน

หลังจากทีทังสองเดินไปได้หลายสิ บก้าว ทันใดนันตรงหน้ากลับสว่างขึนมา มู่หรงเสวียเงยหน้ามองไปก็พบว่า


รอบด้านมีเพียงผนังหิ นสู งประมาณสองเมตรกว่า ๆ นอกจากทางทีเดินเข้ามาก็ไม่มีเส้นทางไหนให้ไปต่อได้อีก
เหมือนกับทังสองเดินมาจนถึงทางตัน

ทีนี จะต้องจัดตังกลไกเพือขวางเส้นทางข้างหน้าเอาไว้แน่ วิธีเดียวคือคงต้องทําให้กลไกทํางานจึงจะสามารถไป


ต่อได้ !

มู่หรงเสวียยกยิมบางเบาเตรี ยมทีจะไปหาเส้นทาง แต่ไม่คิดว่าเสี ยง ‘ฟ้ าว’ บางเบาสายหนึงจะดังขึน เมือมู่หรง


เสวียหันมองตามไป ก็เห็นแผ่นเหล็กทีเต็มไปด้วยตะปูแหลมคมกําลังพุ่งมาทีนางสองคนอย่างรวดเร็ วและรุ นแรง
......
ตอนที 94 ปะทะต่ อสู้

“ระวัง !” คุณชายโอวหยางยืนมือออกไปดึงหลังของมู่หรงเสวีย เพียงดีดนิวมือภายใต้แขนเสื อเบา ๆ พลังปราณ


กล้าแกร่ งหลายสายก็พ่งุ เข้าไปปะทะกับแผ่นเหล็กจากรอบทิศทาง ได้ยนิ เสี ยง ‘ปั ง ปั ง ปั ง’ หลายเสี ยงดังขึน กับ
ดักแผ่นเหล็กต่างก็แตกสลายกลายเป็ นผุยผงกระจายออกไปในอากาศ ฝุ่ นผงฟุ้ งกระจายไปทัวทังห้อง......

มู่หรงเสวียยังไม่ทนั ทีจะได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก ก็ได้ยนิ เสี ยง “พรึ บ !” ดังขึนเสี ยงหนึ ง ตาข่ายยักษ์ผนื หนึ งพุ่ง
เข้ามา แผ่กว้างพุ่งมาทางนางกับคุณชายโอวหยาง

มู่หรงเสวียค่อย ๆ หรี ตาลงหยิบกระบีออกมาจากเอว ฟันเข้าไปทีตาข่ายยักษ์ ได้ยนิ เสี ยง ‘เคร้ง’ เสี ยงหนึงดังขึน


คมกระบีฟาดลงทีตาข่ายยักษ์ปรากฏประกายแสงวาบขึนสายหนึง ตาข่ายยักษ์ไม่เป็ นอะไร แต่ตวั นางกลับถูกแรง
สะท้อนจนต้องถอยออกมาเสี ยหลายก้าว มือแขนชาไปหมดจนแทบจะจับกระบีเอาไว้ไม่อยู่

“ตาข่ายยักษ์ผนื นี ใช้เส้นไหมอู๋จีของม่อเป่ ยถักขึนมา ใช้คมดาบฟั นไม่เข้าและถึงจะใช้พลังปราณกล้าแกร่ ง


เพียงใดก็ไม่สามารถทีจะทําลายได้ คุณชายโอวหยาง มู่หรงเสวีย พวกท่านก็ไม่ตอ้ งลงแรงให้เหนือยเปล่าเสี ย
หรอก”

นําเสี ยงอ่อนหวานของหญิงสาวลอยเข้าหู แววตาของมู่หรงเสวียเย็นยะเยือก “ฉิ นยวีเยียน ทีแท้กเ็ ป็ นเจ้าทีคิดแผน


ร้ายต่อพวกข้า”
“อะไรทีเรี ยกว่าแผนร้ายงันหรื อ คนทีชนะเป็ นราชา คนทีแพ้เป็ นโจร ทีซ่ อนสมบัติมีแค่ทีเดียว พวกเจ้าอยากได้
พวกข้าก็อยากได้ พวกเราก็แค่อาศัยความสามารถของตัวเอง......”

นําเสี ยงอวดดีของหญิงสาวดังสะท้อนภายในถํา มู่หรงเสวียยกมุมปากยิมอย่างเย็นชา กล่าวขึนอย่างดูถูก “ก็ถูก


ของเจ้า แต่ไหนแต่ไรองค์หญิงฉิ นก็ทาํ ได้ทุกอย่างโดยไม่สนวิธีการเพือทีจะทําให้เป้ าหมายของตัวเองสําเร็ จ ครัง
นีเพือทีจะแย่งชิงสมบัติแล้ว แน่ นอนว่าคงต้องคิดแผนการไว้ไม่นอ้ ยเลย เจ้าก็รีบใช้ออกมาเถอะพวกเราหาได้
เกรงกลัวไม่”

นีมู่หรงเสวียกําลังดูถูกว่านางเป็ นคนชันตําไร้ปัญญาอย่างนันหรื อ ช่างเลวร้ายทีสุ ด !

แววตาของฉิ นยวีเยียนลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ นางกัดฟั นพูด “ช่างปากกล้าดีนัก ถ้าเจ้าอยากรนหาทีตายขนาดนัน


ข้านี แหละทีจะทําให้เจ้าสมหวัง !”

ทันทีทีกล่าวจบ วัตถุแปลกประหลาดหลายก้อนก็กลิงเสี ยงดัง ‘กุกกักกุกกัก’ มาทีด้านหน้าของมู่หรงเสวียและ


คุณชายโอวหยาง ควันสี ขาวมากมายพวยพุ่งออกมา

สี หน้าของคุณชายโอวหยางพลันเปลียนสี ทนั ที “มันคือควันพิษ รี บกลันหายใจเร็ วเข้า !”


แววตาของมู่หรงเสวียเย็นยะเยือก นางเร่ งกลันหายใจ แต่ก็ยงั ช้าไปก้าวหนึง ทําให้พลาดสู ดดมเข้าไปเล็กน้อย
รู ้สึกวิงเวียนหัว เรี ยวแรงทัวร่ างเหมือนถูกดึงออกจนสลายหายไปอย่างรวดเร็ ว ร่ างบอบบางของนางซวนเซ
เล็กน้อย ท่าทางทีดูเหมือนจะยืนไม่มนคงพลั
ั นค่อย ๆ ล้มลงกับพืน

“ระวัง !” คุณชายโอวหยางรี บโอบเอวของนางเอาไว้ แล้วหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าสี ขาวขึนมาปิ ดจมูกกับปากของนาง

กลินหอมบางเบาค่อย ๆ ถูกสู ดเข้าไปในอก ร่ างบางทีไร้เรี ยวแรงของมู่หรงเสวียค่อย ๆ ฟื นฟูทีละน้อย นางมอง


ไปทีคุณชายโอวหยางอย่างแปลกใจ “ผ้าเช็ดหน้าผืนนีสามารถแก้พิษได้ ?”

คุณชายโอวหยางพยักหน้า กล่าวขึนอย่างเรี ยบเฉย “ผ้าเช็ดหน้าผืนนี ถูกรมด้วยควันของสมุนไพรหลายชนิ ด


สามารถล้างพิษ ห้ามเลือด แก้พิษจากควันพิษ......”

“ดูท่าว่าเพือสมบัติแล้ว คุณชายโอวหยางก็คงเตรี ยมพร้อมมาไม่นอ้ ย” ฉิ นยวีเยียนทีอยูภ่ ายใต้การคุมกันของ


องครักษ์เงาค่อย ๆ เยืองย่างเข้ามา นางมองไปทางมู่หรงเสวียและคุณชายโอวหยางด้วยท่าทางคล้ายยิมคล้ายมิยิม

“ข้านําผ้าเช็ดหน้าผืนนีติดตัวมาโดยตลอดจนชิน ไม่ได้ถือเป็ นการเตรี ยมพร้อมอะไร กลับกันองค์หญิงฉิ นนันใช้


แผนการแผนแล้วแผนเล่า ข้ารู ้สึกชืนชมยิงนัก” คุณชายโอวหยางปรายตาไปมองนาง นําเสี ยงแฝงไปด้วยความ
เยาะเย้ย

ฉิ นยวีเยียนไม่ใส่ ใจ นางย่อกายลงด้วยรอยยิมสดใส “คุณชายกล่าวชมเกินไปแล้ว !”


ตาข่ายยักษ์อ๋ จู ีนันขังคุณชายโอวหยางเอาไว้แน่ น ฉิ นยวีเยียนมองไปทีเขาอย่างเฉยชา แววตาวูบไหวไปด้วยความ
ถือดี เขาคือคุณชายโอวหยางแห่ งเซี ยวเหยาอ๋ องทีโด่งดังไปทัวแผ่นดินแล้วอย่างไรเล่า ตอนนีมิใช่ว่าเขากําลังพ่าย
แพ้ให้ฝ่ามือของนางอย่างนันหรอกหรื อ ช่างสุ ขใจนัก !

ตาข่ายยักษ์อ่อนนุ่ มมากและก็เหนียวแน่นมาก ไม่ว่าจะตัดอย่างไรมู่หรงเสวียก็ตดั ไม่ขาด ทึงดึงใยไหมสี ขาวอยู่


เสี ยหลายครัง นางมองไปทางฉิ นยวีเยียนอย่างเยือกเย็น “ฉิ นยวีเยียนทําไมเจ้าถึงรู ้ว่าพวกข้าอยูท่ ีนี ?”

ตอนทีอยูต่ รงถนนก่อนทีจะมาถึง พวกนางก็ละทิงม้าเร็ วแล้วใช้วิชาตัวเบาเหาะมา แน่นอนว่าองครักษ์นนตามไม่



ทันแน่ แต่เหตุใดฉิ นยวีเยียนถึงได้สามารถพาคนของวังจิงอ๋ องตามหาพวกนางจนเจอได้อย่างถูกต้องแม่นยํา
เรื องราวดูแล้วมิค่อยถูกต้องเท่าไรนัก

“เพราะว่าข้าสังให้คนหยดนํายาติดตามไว้บนตัวเจ้าอย่างไรเล่า ไม่วา่ เจ้าจะไปทีใด ข้าก็ลว้ นสามารถหาเจ้าเจอได้


อย่างง่ายดาย ทีส่ งองครักษ์เงาติดตามเจ้าก็แค่เพือจะดึงความสนใจของพวกเจ้า ไม่ให้พวกเจ้าได้ทนั ระวังรู ้สึกถึง
นํายาติดตาม.....” ฉิ นวีเยียนพูดขึนด้วยรอยยิมทีสดใส แววตาเต็มไปด้วยความอวดดี

มู่หรงเสวียตกอยูใ่ นการคุมขังของนางแล้ว นางก็ไม่มีอะไรทีต้องปิ ดบังและกังวลอีกต่อไป

“ทีแท้กเ็ ป็ นเช่นนี !” มู่หรงเสวียพยักหน้าอยู่ ๆ ก็คดิ ขึนมาได้ ตอนเช้าทีนางออกจากจวน นางได้พบกับสาวใช้ที


ถือถาดทองแดงนางหนึง นางออกเดินทางไปอย่างเร่ งรี บไม่ได้สนใจ คิดไปคิดมานํายาติดตามหยดนัน คงเป็ น
ช่วงเวลานันทีถูกหยดลงบนตัวนาง
“หูตาก็ลว้ นแทรกซึ มไปในจวนเจินกัวโหวแล้ว แผนการขององค์หญิงฉิ นช่างปราดเปรื องยิงนัก” มู่หรงเสวียเลิก
คิวมองไปทีนาง สายตาเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยดูถูก

ฉิ นยวีเยียนไม่ใส่ ใจ เพียงกล่าวขึนอย่างหยิงยโส “ข้าลงทุนลงแรงไปมากกว่าทีจะหาแผนทีซ่ อนสมบัติแผ่นนัน


เจอ แล้วจะยอมให้คนชันตําเอาไปเสพสุ ขได้อย่างไร......”

มู่หรงเสวียกล่าวขึนอย่างเยาะเย้ย “พูดเรื องคุณธรรมจอมปลอมให้มนั น้อย ๆ หน่อยเถอะ ถ้าไม่มีแผ่นทีอีกครึ ง


แผ่นทีเป็ นของแม่ขา้ ถึงเจ้าหาไปทังชีวิตก็ไม่มีทางทีจะหาทีซ่ อนสมบัติเจอ......”

“พูดเรื องไร้สาระให้มนั น้อยลงหน่ อยมู่หรงเสวีย ขอบใจเจ้ามากทีหาทีซ่ อนสมบัติให้ขา้ คนของข้าล้วนมาถึงทีนี


หมดแล้ว ในไม่ชา้ ก็คงสามารถขนถ่ายสมบัติได้ เจ้าสมควรถอนตัวออกไปได้แล้ว !” ฉิ นวีเยียนกล่าวขึนอย่าง
เยือกเย็น ส่ งสายตาไปทางบรรดาองครักษ์เงา

องครักษ์เงารับคําสัง ดาบยาวในมือล้วนยืนออกไปพุ่งแทงเข้าทีมู่หรงเสวียกับคุณชายโอวหยางอย่างไม่ปรานี

ฉิ นยวีเยียนได้ใจ นําเสี ยงทีร้ายกาจดังขึนไปในอากาศ “เรื องทีข้ากับท่านอ๋ องได้สมบัติกอ้ นใหญ่นี ห้ามแพร่ ง


พรายออกไปเด็ดขาด ดังนันพวกเจ้าทําได้เพียงปิ ดปากมู่หรงเสวียกับคุณชายโอวหยางแล้ว”
มู่หรงเสวียยกยิมมุมปาก เพือทีจะได้ครอบครองทรัพย์สมบัตินีแต่พียงผูเ้ ดียว ฉิ นยวีเยียนเลยขังนางกับคุณชาย
โอวหยางเอาไว้ในตาข่ายยักษ์ อีกทังยังสังให้เหล่าทหารโจมตีนางจากรอบทิศทาง เตรี ยมทีจะแทงพวกนางให้
พรุ น ฆ่าพวกนางให้ไม่มีเหลือ ทําให้พวกนางไม่ตายดี ช่างมีจิตใจทีโหดเหี ยมใช้ได้จริ ง ๆ......

“ฉินยวีเยียน หากเจ้าอยากจะฆ่าคนเพือปิ ดปาก ก็ตอ้ งดูก่อนเสี ยว่าเจ้ามีปัญญาพอหรื อไม่” อยู่ ๆคุณชายโอวหยาง


ก็เปิ ดปากพูดขึน นิ วมือหยกของเขาดีดเบา ๆ เพียงพริ บตาเดียวตาข่ายยักษ์กพ็ ุ่งกลับออกไปทีบรรดาองครักษ์เงาที
โจมตีเข้ามา

พวกองครักษ์เงาทีไม่ทนั ตังตัวก็ถกู ขังอยูใ่ นตาข่ายยักษ์ มือเท้าต่างดินรนอย่างวุ่นวาย พลันพลังปราณทีกล้าแกร่ ง


สายหนึงก็พุ่งเข้ามากระแทกเข้ากับพวกเขาจนกระเด็นออกไปไกลถึงสามสี เมตร กระแทกเข้ากับผนังถําแล้ว
กระเด็นกลับมา แต่ละคนตกลงไปกองกันบนพืนอย่างแรง ในหัววิงเวียนมึนงงไปหมด ดวงตาก็มึนงง
สะลึมสะลือ กระดูกทัวทังร่ างคล้ายกับหลุดแยกออกจากกันไม่วา่ จะพยายามอย่างไรก็ไม่สามารถลุกขึนมาได้อีก
......

เหล่าองครักษ์เงาถูกจัดการไปหมดแล้วทีนีนางก็สามารถแก้แค้นได้อย่างสบายอกสบายใจแล้ว !

มู่หรงเสวียเงยหน้าไปมองฉิ นยวีเยียน กล่าวขึนคล้ายยิมคล้ายมิยมว่


ิ า “ฉิ นยวีเยียน ตอนนีข้าก็สมควรฆ่าเจ้าเพือ
ปิ ดปากแล้ว !” ทันทีทีกล่าวจบกระบีในมือของนางก็พ่งุ ออกไปทางฉิ นวีเยียนอย่างไร้ความปรานี......

ฉิ นยวีเยียนตืนตระหนก วิงออกไปยังด้านนอกอย่างร้อนรนแววตาวูบไหวไปด้วยความเจ็บใจ แม้แต่ตาข่ายทีมีชือ


อย่างตาข่ายอู๋จีก็ไม่สามารถกักขังคุณชายโอวหยางได้ เลวร้ายทีสุ ด เป็ นนางเองทีดูเบาศัตรู คุณชายเซี ยวเหยาอ๋ อง
ทีมีชือเสี ยงลําลือไปทัวแผ่นดิน นางกลับเข้าใจผิดคิดว่าจะจัดการเขาได้อย่างง่าย ๆ......

อยากหนี อย่างนันหรื อ ไม่ง่ายดายขนาดนันหรอก !

มู่หรงเสวียขยับเท้า เพียงพริ บตาร่ างบางก็พ่งุ ออกไปขวางหน้าของฉิ นวีเยียน ปลายดาบแหลมคมแทงเข้าไปที


แขนของนาง เพียงชัวครู่ เลือดสี แดงสดก็สาดกระเซ็นไปทัว

“อ้า !” ฉิ นยวีเยียนกรี ดร้องเสี ยงดังลัน ดังจนสามารถทีจะทะลุกอ้ นเมฆได้......


ตอนที 95 ปล่ อยไปตามยถากรรม
มู่หรงเสวียปรายตามองนางอย่างผูท้ ีอยูส่ ู งกว่าพลางกล่าวเยาะเย้ย “เพียงดาบแรกเจ้าก็ทนไม่ไหวเสี ยแล้วหรื อ ข้า
ยังเตรี ยมทีจะทําตามแบบทีเจ้าสังการให้พวกองครักษ์เงาสังหารพวกข้าอยูเ่ ชียว มอบบาดแผลนับร้อยไว้บนตัว
เจ้า ให้เจ้าเสี ยเลือดมากจนตกตาย......”

เลือดสี แดงสดไหลออกจากบาดแผล จนไหลอาบไปทัวเสื อผ้า นางรู้สึกเจ็บปวดตรงบริ เวณแขนอย่างแสนสาหัส


ฉิ นยวีเยียนค่อย ๆ เงยหน้าขึนไปมองมู่หรงเสวีย แววตาของนางลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ “มู่หรงเสวีย ข้าขอ
สาปแช่งให้เจ้าไม่ตายดี !”

“วางใจได้ ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็คงต้องตายก่อนข้า ถึงแม้ว่าข้าจะตายได้เลวทรามเพียงใด เจ้าก็คงไม่มีโอกาสได้เห็น


!” มู่หรงเสวียยกยิมน้อย ๆ งดงามราวกับมวลบุปผาทีกําลังผลิบาน ปลายกระบีแหลมคมในมือต่างฟันไปทีนาง
ครังแล้วครังเล่า ประทับรอยแผลไปบนแขนของฉิ นยวีเยียนอย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุด จนกลายเป็ นรอยบาดแผลที
ดูสะดุดตา เลือดสี แดงสดย้อมจนชุดของนางกลายเป็ นสี แดง !

“อ้า อ้า อ้า !” ฉิ นวีเยียนกรี ดร้องอย่างโหยหวนสะท้อนก้องไปทัวทังถําหิน จนผูค้ นต่างหวาดกลัว

“มู่หรงเสวีย ข้าจะฆ่าเจ้า !” ดวงตาทังสองข้างของฉิ นยวีเยียนแดงกํา ร่ างกายทีเต็มไปด้วยเลือดของนางโถมตัว


เข้าไปหามู่หรงเสวียด้วยความเกลียดชัง
แววตาของมู่หรงเสวียเปล่งประกายไปด้วยความขยะแขยง นางเบียงกายหลบการโจมตีของฉิ นยวีเยียนอย่าง
ง่ายดาย แล้วยกเท้าถีบเข้าไปทีหลังของนางอย่างแรงจนกระทังนางกระเด็นออกไปไกลราวสองสามเมตร ใน
ทีสุ ดก็ลม้ กระแทกลงบนพืนหิ นแข็ง ภายในหัวมึนงง ทัวทังร่ างเต็มไปด้วยความเจ็บปวด......

เสี ยงยําฝี เท้าบางเบาของมู่หรงเสวียกระทบเข้ากับหู ฉิ นยวีเยียนรู ้สึกเกลียดแค้นจนกันฟั นกรอด นางสังให้


องครักษ์เงาจัดการสังหารมู่หรงเสวีย ให้ทงตั
ั วนางเต็มไปด้วยรอยบาดแผล มู่หรงเสวียก็เลยเตรี ยมทีจะใช้วิธีการ
เดียวกันนันย้อนกลับมาฆ่านาง ช่างเป็ นคนทีมีจิตใจโหดเหี ยมอํามหิ ตยิงนัก ! นางเป็ นถึงองค์หญิงม่อเป่ ยทีสู งส่ ง
แล้วจะมาตกตายภายใต้ฝ่ามือของมู่หรงเสวียได้อย่างไรกัน

แววตาของฉิ นวีเยียนเย็นยะเยือก นางหยิบดาบทีตกอยูบ่ นพืนขว้างไปทางมู่หรงเสวียอย่างแรง !

มู่หรงเสวียยกยิมเย็น คิดจะใช้ดาบทีตกกระจัดกระจายอยูท่ ีพืนเหล่านี ปาใส่ นางอย่างนันหรื อ ? ช่างเป็ นความคิด


ทีโง่งมจนถึงทีสุ ด !

มู่หรงเสวียเบียงกายหลบคมดาบทีพุ่งเข้ามา นางเดินไปทางฉิ นยวีเยียนทีละก้าวทีละก้าวอย่างช้า ๆ เลือดสี แดงสด


บนคมกระบีในมือค่อย ๆ ไหลริ นลงไปรวมกันทีปลายกระบี ค่อย ๆ หยดทีละหยดลงบนพืน เหล่าผูค้ นทีได้เห็น
ก็อดไม่ได้ทีจะพากันหวาดกลัว......

เมือสัมผัสได้ถึงกลินคาวเลือดทีโชยมา ฉิ นยวีเยียนก็มิได้ร้อนรน และก็มิได้หวาดกลัวแต่อย่างใด มุมปากของ


นางยกยิมอย่างแปลก ๆ ยกมือตีเข้าไปทีก้อนหิ นก้อนกลมเล็ก ๆ ทีนูนออกมาจากพืนหิ น ชัวขณะนัน อยู่ ๆ
ด้านล่างของพืนหิ นอยูก่ เ็ ปิ ดออก มู่หรงเสวียทีไม่ทนั ระวังก็พ่งุ ตกลงไปด้านล่างอย่างรวดเร็ ว......
ตอนทีเข้ามานันฉิ นยวีเยียนเกิดสะดุดเข้ากับหิ นก้อนเล็กนี ทีนูนขึนมาจากพืนโดยบังเอิญ จึงเห็นมันเข้าตังแต่ตอน
แรก และนางยังค้นพบอีกว่าบนหิ นก้อนเล็กนันมีร่องรอยผิดปกติทีถูกสลักคดเคียวต่อเนืองไปจนถึงบนพืนหิ น
ยืนยาวออกไปเกือบครึ งห้อง ตอนแรกนันเพียงแค่มองผ่าน ๆ ก็นึกว่าเป็ นการตกแต่งธรรมดา ๆ แต่เมือพอตรวจดู
อย่างละเอียดแล้วจึงพบว่ามันเป็ นกลไก !

กลไกทีพบในทีซ่ อนสมบัติส่วนใหญ่มกั จะเป็ นกับดัก สร้างเอาไว้เพือขัดขวางนักขุดสมบัติไม่ให้เข้าไปถึงด้าน


ใน ดังนันนางก็เลยเปิ ดกลไกอย่างไม่ลงั เล ถือโอกาสใช้มนั จัดการให้มู่หรงเสวียตกตาย !

“เสวียเอ๋ อร์ !” แววตาของคุณชายโอวหยางพลันแข็งทือ เขากระโดดตามมู่หรงเสวียลงไปในกับดักนัน ตอนทีจะ


กระโดดลงไปนัน ฝ่ ามือของเขาเพียงสะบัดเบา ๆ ก็ทาํ ให้ตาข่ายอู๋จีพุ่งเข้าไปหาฉิ นวีเยียน ดึงนางให้ตกลงมาใน
กับดักด้วยกันอย่างไร้ความปรานี !

“ยวีเยียน !” ตามมาด้วยเสี ยงร้องเรี ยกด้วยความตกใจ เย่อีเฉิ นกระโดดเข้ามาในถําหิ นด้วยความเร็ วแสงทีดวงตา


ของคนจะสามารถมองเห็นได้ แต่กบั ดักด้านหน้ากลับปิ ดสนิทลงอย่างรวดเร็ วเสี ยก่อน สี หน้าของเขาดุดนั อย่าง
น่ากลัว ฝ่ ามือภายใต้แขนเสื อกําแน่ นเข้าหากัน เขาทีเร่ งรี บตามมาก็ยงั มาช้าไปก้าวหนึง !

“พวกเจ้า รี บหากลไกเปิ ดการทํางานของกับดักเร็ วเข้า !” เย่อีเฉิ นสังการเสี ยงเข้ม บรรยากาศโดยรอบค่อย ๆ ตําลง

“พ่ะย่ะค่ะ !” พวกองครักษ์เงาต่างก็รับคําสัง กระจายตัวออกไปรอบด้าน ค้นหาทุกซอกทุกมุม แม้แต่หายใจแรง


ๆ ก็ยงั ไม่กล้า
แววตาของสวีเทียนโย่วเคร่ งขรึ ม พลางเดินขึนมาด้านหน้า “ท่านอ๋ อง เท่าทีพวกเรารู ้ กับดักในทีซ่ อนสมบัติจะ
เปิ ดเพียงแค่ครังเดียวในเวลาทีกําหนดเท่านัน เมือครู่ กบั ดักก็ได้ปิดลงไปแล้ว ถึงแม้ว่าพวกเราจะหากลไกเจอ แต่
ในระยะเวลาสัน ๆ นันก็ยงั ไม่สามารถทีจะเปิ ดมันได้......”

เย่อีเฉิ นขมวดคิว “ถ้าเช่นนันต้องทําอย่างไร ?” ฉิ นยวีเยียนวางอุบายต่อมู่หรงเสวียกับคุณชายโอวหยาง แต่นาง


กลับตกลงไปในกับดักพร้อมกับพวกเขาด้วย นางจะต้องถูกพวกเขาสวนกลับเอาคืนอย่างแน่ นอน เขาจะต้องรี บ
หาตัวนางให้พบ ไม่เช่นนัน ผลลัพธ์ทีได้เขาก็ไม่อยากจะคิดถึงมันเช่นกัน !

แววตาของสวีเทียนโย่ววูบไหว “โดยปกติแล้วกลไกกับดักในทีซ่ อนสมบัติจะเชือมต่อกัน พวกเรารี บไปหาทีอืน


ดู ถ้าหากลไกเจอแล้วลงไปในกับดัก แน่นอนว่าจะต้องหาองค์หญิงฉิ นเจอแน่ พ่ะย่ะค่ะ !”

“ฟังดูมีเหตุผล พวกเรารี บไปเถอะ !” ดวงตาของเย่อีเฉิ นฉายแววหนักแน่ น เขาเร่ งเท้าเดินออกไปด้านหน้า......

หลังจากทีคุณชายโอวหยางกับมู่หรงเสวียตกลงไปในกับดักแล้ว คุณชายโอวหยางก็ยนมื
ื อไปกุมเอวบางของมู่
หรงเสวียไว้ แล้วดึงนางเข้ามากอดไว้แนบอกแน่ น

มู่หรงเสวียสัมผัสได้ถึงกลินหอมบางเบาของไม้ไผ่และลมหายใจอุ่นร้อนทีพ่นรดต้นคอ อยู่ ๆ นางก็รู้สึก


ปลอดภัยขึนอย่างไม่รู้ตวั เมือมองไปทีคนบางคนทีอยูใ่ นตาข่ายอู๋จี นางก็หวั เราะขึนมาอย่างเย็นชา ใช้แรงดึง
ฉิ นยวีเยียนให้ไปอยูด่ า้ นล่างสุ ด
ได้ยนิ เสี ยงดัง “ตึง !” ดังขึนเสี ยงหนึ ง ทังสามคนต่างตกลงไปบนพืนแข็งอย่างแรง โชคไม่ดีนักทีฉิ นยวีเยียนได้
กลายเป็ นเบาะรองเนื อ นางกระอักเลือดออกมาดัง ‘อึก’ เสี ยคําหนึง แล้วนอนราบไปกับพืนไม่ไหวติง หน้าอกที
ยังขยับแผ่วเบานันบ่งบอกว่านางยังไม่ตาย !

ดวงตาของฉิ นยวีเยียนปิ ดสนิ ทล้มนอนอยูก่ บั พืน ไม่ขยับเคลือนไหวแม้แต่นอ้ ย......

มู่หรงเสวียเพียงปรายตามองนางอย่างเกลียดชังหนหนึง แล้วหมุนกายกวาดตามองไปโดยรอบ ก็พบว่าทีนีเป็ น


ห้องลับ รอบด้านต่างเต็มไปด้วยกําแพงเว้านูนไม่เท่ากัน แต่ว่าด้านหน้ามีเส้นทางทีถูกขุดเจาะเอาไว้ดูแล้ว
สามารถเข้าไปได้ทีละคน !

“คุณชาย พวกเราไปกันเถอะ” ตอนทีตกลงมานางได้ยนิ เสี ยงของเย่อเฉิ


ี น เย่อีเฉิ นมาทีนี เขาอาจจะสังให้คนค้นหา
กลไกเปิ ดกับดักและคงสังให้พวกเขาพลิกแผ่นดินตามหาฉิ นยวีเยียนแน่ พวกนางไม่สามารถทีจะยืนรอเฉย ๆ
เพือให้พวกเขาตามมาจัดการได้ !

“ตกลง !” คุณชายโอวหยางพยักหน้าพร้อมกับจับมือของมู่หรงเสวียไว้แน่น พวกเขาเดินออกไปจากห้องลับช้า ๆ


พร้อมกับปรายตามองไปทีฉิ นยวีเยียนทียังนอนหลับตาปิ ดสนิท กล่าวขึนอย่างเรี ยบเฉยว่า “แล้วพวกเราจะทํา
ยังไงกับนางเล่า ?”

มู่หรงเสวียปรายตามองไปทีฉิ นยวีเยียนอีกหนหนึ ง แล้วกล่าวขึนอย่างไม่แยแส “สภาพทีใกล้ตายของนางเช่นนี


หากพานางไปด้วยก็คงจะเปลืองกําลังของพวกเรา ก็ทิงไว้ทีนีนันล่ะ ปล่อยนางไปตามยถากรรม”
ฉิ นยวีเยียนมีความคิดทีจะฆ่าพวกนาง แน่นอนว่านางไม่มีทางปล่อยให้ฉินยวีเยียนรอดไปได้ ฆ่านางด้วยดาบ
เดียว คงทําให้นางสบายเกินไป ปล่อยให้นางค่อย ๆ ตายลงไปอย่างช้า ๆ ถึงจะเป็ นการลงโทษนางได้ดีทีสุ ด

เดิมทีฉินยวีเยียนก็ได้รับบาดเจ็บอยูแ่ ล้ว อีกทังเมือครู่ นางได้ประทับรอยแผลให้ฉินยวีเยียนไปเสี ยหลายรอย ทัง


ยังให้ฉินยวีเยียนกลายเป็ นทีรองเนือของพวกนางอีก บาดเจ็บภายใน บาดเจ็บภายนอก ล้วนเป็ นการซําเติมอาการ
บาดเจ็บของนางได้ดียงนั
ิ ก!

อากาศทีนี ทังหนาวเหน็บ ทังยังมืดมิดชืนแชะ ไม่มีนาไม่


ํ มีอาหาร อีกทังยังไม่มียารักษา พอเวลานานเข้า หาก
อาการบาดเจ็บของนางยังไม่ได้รับการรักษาจากหมอ แน่ นอนว่าคงต้องตายทางเดียวเท่านัน !

“ตกลง !” คุณชายโอวหยางพยักหน้า พลางดึงมู่หรงเสวียเข้าไปในทางเดินเล็ก ๆ ด้านหน้า

ทันทีทีทังสองหายไป ฉิ นยวีเยียนทีนอนหลับตาอยูท่ ีพืน ก็ค่อย ๆ ลืมตาขึนมา ถลึงตามองไปทีทางเดินเล็ก ๆ


ด้านหน้าอย่างโกรธแค้น แววตาของนางวูบไหวไปด้วยความอํามหิ ต อยากปล่อยให้ตวั นางเจ็บตายไปตาม
ยถากรรมงันหรื อ ช่างเป็ นความคิดทีบังอาจนัก นางไม่มีทางให้พวกเขาได้ดงใจแน่
ั !

นางจะต้องตามพวกเขาไป รอคอยเวลาทีเหมาะสม แล้วค่อยจัดการฆ่าพวกเขา เป็ นการล้างแค้นทีพวกเขาทําไว้


กับนาง !
ตอนที 96 พบสมบัติ

ทางเดินเล็ก ๆ ทีพวกนางเดินมานันทังยาวทังแคบ มองไปไม่เห็นจุดสิ นสุ ด อากาศอับชืนโชยเข้ามากลินเหม็น


หื นกระทบเข้ากับจมูก มู่หรงเสวียขมวดคิวเข้าหากันทันที “พวกเราเดินมาก็เกือบจะหนึ งชัวยามแล้ว เส้นทางเส้น
นีก็ยงั คงเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลียนแปลงไปแม้แต่นอ้ ย มันจะพาพวกเราไปโผล่จรงไหนกันแน่ ?”

เมือมองไปทีใบหน้างองําของนาง แววตาของคุณชายโอวหยางก็เจือปนไปด้วยรอยยิมบางเบา “บนแผนทีซ่ อน


สมบัติไม่มีบอกเอาไว้หรื อ ?”

มู่หรงเสวียมองไปทีแผนทีซ่ อนสมบัติ แล้วส่ ายหน้าบางเบา “แผนทีซ่ อนสมบัติก็แค่บนั ทึกจุดของทีซ่ อนสมบัติ


ไว้ แต่ไม่ได้บอกถึงลักษณะหรื อเส้นทางภายในถํา” ข้อมูลทีละเอียดขนาดนัน ราชวงศ์ก่อนไม่มีทางให้คนทํา
ขึนมาหรอก ไม่เช่นนันใคร ๆ ก็คงสามารถเข้ามาเอาสมบัติได้อย่างง่ายดาย

คุณชายโอวหยางมองไปทีผนังถําทีเว้านูนไม่เท่ากัน แล้วกล่าวขึนเด้วยสี ยงตํา “เส้นทางสายนี มีแต่กลินเหม็น ไม่


มีกลไกทังยังไม่มีกบั ดัก พวกเราก็เดินไปข้างหน้าดูอีกหน่ อยเถิด เผือว่าข้างหน้าจะมีทางออก”

“ก็คงมีแต่ทางนีเท่านัน” มู่หรงเสวียพูดขึนด้วยความรู ้สึกหดหู่ ดวงตาของนางฉายแววครุ่ นคิด ขอให้เส้นทางสาย


นีไม่ใช่เขาวงกต ไม่เช่นนันพวกนางเดินไปก็ได้แต่กลับมาทีเดิม ไม่สามารถหาทางออกเจอ สุ ดท้ายก็คงถูกขังอยู่
ทีนี จนตาย
สายลมเบา ๆ สายหนึงพัดโชยเข้ามากระทบกับใบหน้า พลันแววตาของมู่หรงเสวียเปล่งประกายขึนมา “มีลมพัด
แสดงว่าใกล้ ๆ นี มีทางออก” ถึงแม้จะไม่ใช่ทางออกจากถํา แต่กค็ งเป็ นทางออกของทางเส้นนี อย่างน้อยพวก
นางก็ไม่จาํ เป็ นทีจะต้องเดินต่อไปเรื อย ๆ อีกแล้ว

ผนังถํายังคงเว้านูนไม่เท่ากัน ไม่มีความผิดแปลกตรงไหนแม้แต่นอ้ ย แววตาของคุณชายโอวหยางส่ อประกาย


ครุ่ นคิด “กลไกน่าจะอยูใ่ กล้ ๆ นี พวกเราลองหาดูให้ละเอียดเถอะ !”

“อืม !” มู่หรงเสวียพยักหน้ายืนมือขาวนวลออกไปกดจับตามผนังหิ น ผนังหิ นนันเหนี ยวเหนอะหนะเต็มไปด้วย


ตะไคร่ นาํ กลินเหม็นอับชืนพุ่งโชยออกมา นางขมวดคิวเข้าหากัน มือบางยังคงลูบคลําไปตามผนังหิ นต่อไปเรื อย

นางกดหิ นทียืนออกมาก้อนหนึง พลันได้ยนิ เสี ยง ‘ตึง’ ดังขึนเสี ยงหนึ ง ผนังหิ นด้านหน้าก็คอ่ ย ๆ ขยับ ด้านหน้า
ปรากฏลําแสงเจิดจ้าจนทําให้แทบลืมตาไม่ขึนพุ่งออกมาสายหนึง

มู่หรงเสวียรี บยกมือขึนบังสายตา หรี ตาลงมองผ่านนิวไปยังด้านหน้า ก็มองเห็นท้องพระโรงสี ทองอร่ ามห้อง


หนึ ง ผนังของท้องพระโรงประดับประดาไปด้วยไข่มุกราตรี แห่ งหนานไห่ ทังยังมีขนาดใหญ่โตจนหาใดเปรี ยบ
ํ าควรเมือง เสาคําสี ทองสี ต้นคําอยูด่ า้ นในของท้องพระโรงเพือรับนําหนักของท้องพระโรงเอาไว้
ดูลาค่

ตรงกลางของเสาทองเป็ นบันไดสิ บสองชันทีปูพืนด้วยทองคํา ด้านบนมีเก้าอีบัลลังก์สีทองทีสลักด้วยลวดลาย


วิจิตรงดงามตังไว้ อีกทังบริ เวณด้านบนยังประดับประดาด้วยอัญมณี ลาค่
ํ าต่าง ๆ นา ๆ
ทัวทังท้องพระโรงมีกล่องหี บสี ทองกระจัดกระจายไปทัว สิ งของลําค่าทอประกายระยิบระยับ มากมายจนล้น
ออกมาข้างนอกหี บ กองกระจายอยูเ่ ต็มบริ เวณพืน ไม่ว่าใครทีได้พบเห็นต่างก็ตอ้ งตาลาย

รอบนอกของท้องพระโรงยังมีสระนํากว้างประมาณสองเมตรอยูส่ ายหนึ ง สระนําใสสะอาดถูกขุดล้อมรอบท้อง


พระโรงเอาไว้ ดูแล้วช่างงดงามตระการตา นําด้านในใสสะอาดจนเห็นก้นสระ ทังยังเต็มไปด้วยไอร้อน......

มู่หรงเสวียเบิกตากว้าง ดวงตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง ทองคําทีลําค่าเช่นนี เขากลับเอามาทําเป็ นเสาคําทอง


พระโรง อีกทังยังใช้ปูพืน มุกราตรี ทีมีมูลค่าเท่ากับเมืองเมืองหนึง เขากลับเอาไปประดับบนฝาผนังเป็ นจํานวน
หลายร้อยหลายพันเม็ด ปะการังสี ทองทียากจะพานพบ ทีนี ก็วางไว้หลายกระถางด้วยกัน ฮ่องเต้ของราชวงศ์ก่อน
ผูน้ ี ช่างรํารวยและทําตัวได้หรู หราจนน่ าตกตะลึงยิงนัก

ี นก็ยงั จับจ้องมาทีขุมสมบัติของเขา สมบัติทีมากมายขนาดนี ไม่ว่าใครทีได้พบก็ลว้ นแต่ตอ้ งรู ้สึก


แม้แต่เย่อเฉิ
อยากได้

มู่หรงเสวียเดินเข้าไปในท้องพระโรงอย่างช้า ๆ พลันเท้าบังเอิญสะกิดไปโดนหิ นก้อนเล็ก ๆ ก้อนหนึ ง เกิดเสี ยง


ดัง ‘ฟ้ าว’ ทําให้กอ้ นหิ นพุ่งผ่านไปกลางอากาศด้านบนของสระนํา เพียงพริ บตานําในสระนําทีเงียบสงบก็พ่งุ สู ง
ขึนมาจนสาดกระเซ็นใส่ กอ้ นหิ นด้านบน ด้วยความเร็ วทีตาของคนสามารถมองเห็นได้ ก้อนหินก้อนนันพลัน
ละลายหายไปอย่างรวดเร็ วราวกับไม่เคยมีมาก่อน......

แววตาเย็นของมู่หรงเสวียหรี เล็กลง “นี มันเรื องอะไรกัน ?”


นําในสระค่อย ๆ ร่ วงลงไปในสระดังเดิม ผิวนํามิได้กระเพือมหรื อเคลือนไหวอีกต่อไป แต่เพียงมีสีแดงขุน่ บาง
เบา ทีบ่งบอกว่าเรื องเมือครู่ นนเป็
ั นเหตุการณ์ทีเกิดขึนจริ ง

“สระนํามีพิษ ไม่สามารถกระโดดผ่านด้านบนของสระนําได้ มิเช่นนันจะถูกพิษของมันจนละลายหายไปไม่


เหลือแม้เพียงซาก” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนเสี ยงตํา ดวงตาของเขาปรากฏแววครุ่ นคิด

มู่หรงเสวียขมวดคิวบางเบา “ถ้าเช่นนันพวกเราจะผ่านไปได้อย่างไร ?” สระนําถูกขุดล้อมรอบด้านของท้องพระ


โรง ถ้าหากว่าไม่กระโดดข้ามไป พวกนางก็ไม่มีทางข้ามไปทีท้องพระโรงทีอยูต่ รงกลางได้ และก็ไม่สามารถเอา
สมบัติได้ !

“ทางด้านโน้นเหมือนว่ามีสะพานไม้ พวกเราลองใช้สะพานไม้ขา้ มไปดู” คุณชายโอวหยางพูดขึนอย่างเรี ยบ ๆ


เขาดึงตัวมู่หรงเสวียไปด้านหน้าของสะพานไม้ สะพานไม้มีสีดาํ เข้มมีความกว้างเพียงสิ บเซนติเมตร ไม่รู้ว่าใช้
ไม้อะไรในการทําขึนมา วางไว้ดา้ นบนสระนํามาหลายปี กลับไม่ถูกย่อยสลาย

คุณชายโอวหยางเดินนําขึนไปบนสะพานไม้ก่อน นําในสระยังคงเรี ยบสงบ ไม่มีการตอบสนองใด ๆ เขาเริ มทีจะ


เข้าใจขึนมาเล็กน้อย พลางยืนมือไปดึงมู่หรงเสวีย จูงนางเดินไปบนสะพานไม้ไปด้านหน้าทีละก้าวทีละก้าวอย่าง
มันคง

เมือสายตาเห็นทังสองคนจะเดินไปถึงฝังตรงข้ามแล้ว เพียงพริ บตาก้อนหิ นสองก้อนก็พุ่งไปทีด้านข้างของปลาย


สะพานทังสองด้าน นําในสระทีนิ งเงียบก็กระเพือมสันไหวจนเกิดระลอกคลืน ทันใดนันกลินอายของความ
อันตรายก็ปรากฏอยูต่ รงหน้า มู่หรงเสวียรู้สึกตืนตระหนก ยังไม่ทนั ทีจะได้ตอบสนองอะไร นําในสระก็พ่งุ เข้ามา
ทีใบหน้าของนางทันที

ช่วงเวลาทีอันตรายนัน ก็ปรากฏแขนเสื อสี ขาวยืนมาทีด้านหน้าของนาง ปั ดนําออกไป ท่อนแขนแกร่ งโอบเอว


บางของนางดึงไปบนฝัง

กลินสิ งของทีถูกเผาไหม้กระทบเข้ากับจมูกของมู่หรงเสวียจนนางหลุดจากภวังค์ สายตาเห็นคุณชายโอวหยาง


กําลังปั ดคราบควันบนแขนเสื อ

“ท่านเป็ นอย่างไรบ้าง ?” มู่หรงเสวียไต่ถามอย่างร้อนรนเตรี ยมทีจะเลิกแขนเสื อของเขาขึนตรวจดูบาดแผลด้าน


ใน

คุณชายโอวหยางรี บห้ามนางไว้ แล้วกล่าวขึนด้วยนําเสี ยงเรี ยบเฉย “ก็แค่แขนเสื อถูกนําในสระละลายไป


บางส่ วนเท่านัน ไม่ได้บาดเจ็บอะไร !”

“จริ งหรื อ ?” ท่าทางของมู่หรงเสวียไม่ค่อยเชือคําพูดเขานัก การหลอมละลายของนําในสระนันรุ นแรงมาก เขา


จะไม่ได้รับบาดเจ็บจริ งหรื อ ?

“แน่นอนว่าจริ ง ข้าจะหลอกเจ้าไปทําไมกัน ?” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนด้วยทีท่าสบาย ๆ “คนทีใช้วิธีการเช่นนี


มาทําร้ายพวกเรา ก็น่าจะเป็ นคนทีฉลาดผูห้ นึ ง !”
แววตาของมู่หรงเสวียเย็นยะเยือก มองไปทีทิศทางทีหิ นพุ่งเข้ามา สายตาของนางปรากฏแววเย็นชา เห็นเงาร่ าง
คุน้ เคยสายหนึ งกําลังยืนพิงอยูท่ ีขอบประตู ถลึงตามองพวกเขาอย่างโกรธแค้น แววตาวูบไหวไปด้วยความเกรี ยว
กราดและอํามหิต มู่หรงเสวีย คุณชายโอวหยาง พวกเขาไม่ได้ถูกนําในสระหลอมละลาย ดวงช่างแข็งยิงนัก !

ฉิ นยวีเยียน ทีแท้เป็ นฝี มือชัว ๆ ของนางนีเอง !

มู่หรงเสวียหรี ตาลง เข็มเงินในมือพุ่งออกไป ปั กเข้าทีข้อมือของของฉิ นยวีเยียนอย่างแรง

“อ้า !” ฉิ นยวีเยียนกรี ดร้องเสี ยงดังลัน

มู่หรงเสวียได้ยนิ เสี ยงนันแต่ก็ไม่ได้สนใจ เพียงแต่เดินข้ามสะพานไม้ไปทีด้านหน้าของฉิ นยวีเยียนและยืนมือดึง


เข้าทีปกเสื อของนาง พร้อมกับกล่าวขึนอย่างโหดเหี ยม “บาดเจ็บจนมีสภาพเช่นนียังจะตามพวกข้ามาทีนีอีกหรื อ
ทังยังใช้อุบายกับพวกข้า เจ้าฉิ นยวีเยียนช่างร้ายกาจจริ ง ๆ ถ้าเจ้าชอบนําในสระพิษขนาดนัน ข้าก็จะทําให้เจ้าได้
สมปรารถนา ให้เจ้าได้ใกล้ชิดกับมันให้มาก ๆ เป็ นอย่างไรเล่า !”

เมือกล่าวจบ มู่หรงเสวียก็โยนฉิ นยวีเยียนลงกับพืน เตะเข้าไปทีลําตัวของนางอย่างแรง เรื อนร่ างของฉินยวีเยียนที


บอบบางกลิง ‘ขลุกขลักขลุกขลัก’ ไปทีริ มขอบของสระนํา เท้าครึ งหนึงของลอยอยูด่ า้ นบนของสระ ชัวขณะนัน
นําในสระก็กระเพือมสันไหวพุ่งตรงเข้าหาขาของนางทันที !
ตอนที 97 สังสอนด้ วยความโหดร้ าย
“อ้า !” ฉิ นยวีเยียนกรี ดร้องเสี ยงดังลันสะท้อนก้องไปทัวทังท้องพระโรง กระทบใจคนจนสันไหว นางดินรน
พลิกกายให้พน้ จากผิวนํา ขาเล็กนวลเนียนของนางถูกชโลมไปด้วยเลือดสี แดงสด ดูแล้วช่างน่าอนาถเป็ นอย่างยิง
!

มู่หรงเสวียมองเห็นภาพนัน แต่นางกลับไม่สนใจ เพียงแต่เดินเข้าไปด้านหน้าอย่างช้า ๆ เตะเข้าไปทีอกของฉิ นวี


เยียนอีกครัง......

ตอนทีอู๋เหิ นและสวินเฟิ งเดินเข้ามาในท้องพระโรง ก็เห็นร่ างของฉิ นยวีเยียนกําลังกลิง ‘ขลุกขลักขลุกขลัก’ ไป


มาระหว่างมู่หรงเสวียกับริ มสระนํา ทังเสื อผ้าและผมเผ้าของนางดูยงุ่ เหยิงไปเสี ยหมด แขนและขาของนางเต็ม
ไปด้วยเลือดและเนือทีถูกพิษละลายจนดูไม่ได้ เลือดสี แดงสดไหลหยดลงบนพืนอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

“อ้า......อ้า......อ้า......” ฉิ นยวีเยียนกรี ดร้องโหยหวนดังลันไปทัวท้องพระโรงจนเกิดเสี ยงสะท้อนก้องไปทัวอย่าง


ต่อเนืองยาวนาน ผูค้ นทีได้ยนิ ต่างก็อดไม่ได้ทีจะขนลุกซู่ขึนมา

มู่หรงเสวียไม่สนใจ นางยังคงยกเท้าเตะเข้าทีฉิ นยวีเยียนต่อไป

มองไปทีใบหน้าเย็นยะเยือกของนาง อู๋เหิ นก็อดไม่ได้ทีจะยกมุมปากขึน คุณหนูมู่หรงเสวียยิงนานวันยิง......กล้า


หาญองอาจ !
“คุณชาย คุณหนูม่หู รง !” เสี ยงเรี ยกทีเคารพนอบน้อมจากสวินเฟิ งดังขึนกระทบหู ทันใดนันมู่หรงเสวียก็หลุด
จากภวังค์ เมือหันไปมองก็เห็นองครักษ์เงาชุดดําและคลุมหน้าด้วยผ้าสี ดาํ จํานวนยีสิ บสามสิ บคนยืนอยูด่ า้ นใน
ของประตูหิน แต่ละคนเต็มมีกลินอายของการฆ่าฟั นเต็มไปหมด ทําให้ผคู ้ นทีพบเห็นต่างหวาดกลัวและยําเกรง !

“พวกเจ้ามาแล้วหรื อ เช่นนันก็ขนเอาของในนี กลับไปให้หมด !” มู่หรงเสวียยิมสดใส

“เอากลับไปให้หมด ?” อู๋เหิ นมองไปทีของลําค่าทีกระจัดกระจายอยูเ่ ต็มพืน เขาเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง


สมบัติมากมายขนาดนี จะต้องใช้เวลาขนย้ายนานเท่าใดกัน ?

“เจ้าฟังไม่ผดิ หรอก แม้แต่ชินเดียวก็ไม่ให้เหลือ !” มู่หรงเสวียพูดเน้นทีละคํา แววตาของนางเย็นชาดุจนําแข็ง


นางกับคุณชายโอวหยางเป็ นคนทีเจอสมบัติเหล่านี เพราะฉะนันสมบัติเหล่านี ต้องเป็ นของพวกนาง เย่อเฉิ
ี น
ฉิ นยวีเยียน พวกเจ้าอย่าได้คดิ จะได้ไปแม้แต่นอ้ ย !

อู๋เหิ นค่อย ๆ เหลือบมองไปทีคุณชายโอวหยางก็เห็นเขายืนนิ งยืดตัวตรงมิกล่าววาจาใด แต่สายตาอ่อนโยนทีเขา


ใช้มองมู่หรงเสวียนัน บ่งบอกอย่างชัดเจนว่า สิ งทีมู่หรงเสวียต้องการ ก็เป็ นความต้องการของเขาเช่นกัน !

“ขอรับ !” เหล่าองครักษ์เงารับคําสัง ต่างพากันเดินไปยังสะพานไม้เข้าสู่ ทอ้ งพระโรง นําเอาของโบราณลําค่า


และสมบัติต่าง ๆ นา ๆ เก็บเข้าหี บสมบัติดงั เดิม และขนย้ายออกไป
จากนันก็ขนเก้าอีทองคําลงมา รวมถึงรื อบันไดทองคําและเลาะเอาพืนทีปูดว้ ยทองคําออกแล้วค่อยวางใส่ ลงไป
ในหี บ ขนย้ายออกจากท้องพระโรง

ยังมีไข่มุกราตรี บนฝาผนัง รวมถึงกําแพงทองคําก็ลว้ นถูกเลาะลงมา ใส่ ไว้ในหี บ......

ฉิ นยวีเยียนนอนอยูท่ ีริ มของขอบสระนํา เสื อผ้ายับยูย่ ี ผมเผ้ายุง่ เหยิง ท่าทางอ่อนแอไร้เรี ยวแรง ทัวทังแขนล้วน
เต็มไปด้วยเลือดเนื อเปรอะเปื อนจนดูไม่ได้ นางเจ็บปวดจนแทบจะไร้ความรู ้สึก สายตาพร่ ามัวนันเห็นองครักษ์
เงาของวังเซี ยวเหยาอ๋ องกําลังขนย้ายหี บสมบัติออกไปทีละใบสองใบ เพียงพริ บตาท้องพระโรงทีโอ่อ่าใหญ่โตก็
กลับกลายเป็ นว่างเปล่า แสงระยิบระยับในคราแรกทีพบเจอค่อย ๆ เลือนรางหายไป

อู๋เหิ น สวินเฟิ งกับองครักษ์เงาหลายนายกําลังถือขวานยักษ์ไว้ในมือ พลางใช้แรงฟั นลงทีเสาคําสี ทองตามคําสัง


ของมู่หรงเสวีย ทุก ๆ ครังทีพวกเขาฟาดลงไปล้วนมีทองคําก้อนเล็กก้อนน้อยกระเด็นกระดอนตกลงมา......

“คุณหนูม่หู รง เสาทองคําทังสี นี เป็ นตัวทีคํายันท้องพระโรงเอาไว้ ถ้าหากว่าโค่นพวกมันลงมาทังหมดท้องพระ


โรงจะไม่ถล่มลงหรื อขอรับ ?” อู๋เหิ นมองไปทีเสาทองคําทียิงนานยิงบางลงแววตาเต็มไปด้วยความกังวล

มู่หรงเสวียไม่สนใจ “วางใจได้ ข้าดูละเอียดแล้ว เสาทองคําทังสี เป็ นแค่ของประดับตกแต่ง ไม่ได้มีผลกระทบต่อ


การคํายันมากเท่าใดนัก ไม่มีพวกมันท้องพระโรงไม่มีทางถล่มแน่ นอน”

“จริ งหรื อ ?” อู๋เหิ นเชือครึ งไม่เชือครึ ง


“แน่นอนว่าเป็ นความจริ ง ข้าจะหลอกลวงพวกเจ้าไปทําไม ? ถ้าหากไม่มีเสาคําแล้วท้องพระโรงจะถล่ม ข้าก็คง
หนี ไปตังแต่แรกแล้ว ไหนจะมายืนอยูต่ รงนีดูพวกเจ้าโค่นเสาคํากัน !” มู่หรงเสวียปรายตามองอู๋เหิ นหนหนึ งด้วย
แววตาปรามาส

นันก็จริ ง ! อู๋เหิ นพยักหน้า หัวใจทีเต้นถีรัวค่อย ๆ ผ่อนคลายลง เขาขยับขวานยักษ์ในมือฟันไปทางเสาคําทองคํา


ทองคําก้อนแล้วก้อนเล่ากระเด็นตกพืน ทําให้ผคู้ นทีได้เห็นต่างตาลุกวาว......

ฉิ นยวีเยียนทีมองดูจนสี หน้ากลายเป็ นดุดนั ฝ่ ามือภายใต้แขนเสื อของนางค่อย ๆ กําแน่ นเข้าหากัน สมบัติของ


นางกับเย่อีเฉิ น ถูกมู่หรงเสวียแย่งชิงไปอย่างไร้เยือใย ช่างเลวร้ายทีสุ ด ! นางไม่มีทางยอมรามือกับมู่หรงเสวีย
และพวกคนชัวช้าทีช่วยเหลือนางแน่......

แขนเล็กทีเต็มไปด้วยเลือดทีดูไม่ได้ของฉิ นยวีเยียนค่อย ๆ ยืนเข้าไปในแขนเสื อ สัมผัสเข้ากับห่ อดินระเบิดและที


จุดไฟเตรี ยมทีจะจุดชนวน เงาร่ างได้รูปสายหนึ งกระโดดลงมาทีด้านหน้าของนางพร้อมกับยกเท้าเตะเข้าไปทีดิน
ระเบิดกับทีจุดไฟของนาง

ฉิ นยวีเยียนตกใจ เมือนางเงยหน้าขึนมองก็สบสายตาเข้ากับสี หน้าเย็นชาของมู่หรงเสวีย “ดูท่า องค์หญิงฉิ นคง


เกลียดข้ามากจนอยากจะระเบิดให้ตวั ข้านันแหลกเหลว ข้าเองก็รู้สึกแบบเดียวกันกับองค์หญิงเช่นกัน”

คําพูดทีคล้ายหยอกล้อจบลง มู่หรงเสวียกระชากคอเสื อของฉิ นยวีเยียนขึนมาแล้วลากนางเดินไปด้านหน้า......


ก้อนหิ นแข็งขูดและปาดเข้าไปทีชุดของนางจนขาดหวิน ผิวเรี ยบเนี ยนของนางเสี ยดสี ขดู เข้ากับก้อนหิ นตามทาง
จนรู ้สึกแสบร้อน กลินเหม็นจากการถูกหลอมละลายโชยกระทบเข้าสู่ ใบหน้า ฉิ นยวีเยียนรู ้สึกถึงลางสังหรณ์ที
ไม่ดีเกิดขึนภายในใจ นางจึงรี บดินรนอย่างสุ ดชีวิตแล้วตวาดร้องเสี ยงดัง “มู่หรงเสวีย เจ้าจะทําอะไร...รี บปล่อย
ข้าลงเดียวนี......”

มู่หรงเสวียได้ยนิ แต่ไม่สนใจ ยังคงฉุ ดกระชากนางขึนไปบนสะพานไม้เดินเข้าไปทีท้องพระโรงอันโอ่อ่า คว้า


เชือกยาวขึนมาเส้นหนึงมัดนางเอาไว้กบั เสาคําทองคําทีเหลือแต่กา้ นบาง ๆ ต้นหนึ ง สายตามองไปทีนางอย่าง
เย็นยะเยือก

ฉิ นยวีเยียนเกลียดนางเข้ากระดูก ตลอดเวลาล้วนอยากจะฆ่านาง แน่นอนว่านางไม่มีทางทีจะปล่อยให้ฉินยวีเยียน


มีชีวิตอยูไ่ ด้อีกต่อไป จัดการนางให้จบ ๆ ไปเสี ยเลย จะได้ไม่กลายเป็ นงูพิษทีตีไม่ตาย พอฟื นคืนก็จะวกมากัดทํา
ร้ายนาง

“องค์หญิงฉิ นทีมีอาการบาดเจ็บสาหัสออกมาค้นหาสมบัติ ช่างลําบากลําบนยิงนัก สิ งของแม้แต่ชินเดียวก็ไม่ได้


ไป ดูท่าแล้วมันน่าเสี ยดายจนเกินไป เสาคําทองคําครึ งต้นนีก็ขอมอบให้องค์หญิงเป็ นของเซ่ นไหวก็แล้วกัน !”

เสี ยงสบาย ๆ ทีแฝงไปด้วยความอํามหิ ตลอยเข้าหู ร่ างกายของฉิ นยวีเยียนแข็งทือ หลังหลังเหงือเย็น นางเงยหน้า


ขึนมองมู่หรงเสวียก็เห็นสายตาของนางเต็มไปด้วยความโหดเหี ยมอํามหิ ต ชัวขณะนัน นางก็เชือว่ามู่หรงเสวีย
ไม่ได้ขนู่ างแต่กาํ ลังเตรี ยมทีจะฆ่านางจริ ง ๆ

ในใจก็ค่อย ๆ หวาดหวันขึนมา ความกลัวเย็นยะเยือกแล่นขึนมาในหัว ฉิ นยวีเยียนกัดฟั นพูด “มู่หรงเสวีย เจ้ากล้า


ฆ่าข้า !”
“เจ้ากล้าฆ่าข้า ทําไมข้าจะไม่กล้าฆ่าเจ้า ? ฉิ นยวีเยียนเจ้าจําเอาไว้ให้ดี ทีนีเป็ นแคว้นชิงเหยียนมิใช่แคว้นม่อเป่ ย
เจ้าอย่าหวังว่าจะได้มีอาํ นาจล้นฟ้ า !” มู่หรงเสวียกล่าวเน้นทีละคํา แววตาของนางเย็นชา ค่อย ๆ ส่ งสัญญานมือ
เบา ๆ เพียงพริ บตาสวินเฟิ ง อู๋เหิ นและเหล่าองครักษ์เงาก็ล่าถอยออกไป

มู่หรงเสวียเดินวนไปมาในท้องพระโรงด้วยความรวดเร็ ว นางหันหลังให้ฉินยวีเยียน ทําให้ฉินยวีเยียนมองไม่


เห็นว่านางกําลังทําอะไรอยู่ แต่ในใจรู ้ว่าคงมิใช่เรื องทีดีแน่

ดขึนในใจ ฉิ นยวีเยียนดินรนไปมา พลางด่าว่าเสี ยงดัง “มู่หรงเสวีย เจ้ารี บปล่อยข้า


ลางสังหรณ์ไม่ดียงปรากฏชั

เดียวนี......ไม่เช่นนันข้าจะสับเจ้าให้เป็ นหมืน ๆ ชิน......”

มู่หรงเสวียได้ยนิ แต่กย็ งั ไม่สนใจฟัง ได้แต่เดินวนรอบท้องพระโรงครบรอบหนึงก็ดึงคุณชายโอวหยางให้


ออกไปด้านนอก สวินฟิ ง อู๋เหิ นและพวกองครักษ์เงาก็เร่ งตามติดออกไป !

ฉิ นยวีเยียนรู ้สึกตืนตระหนก เมืออยู่ ๆ ก็พบว่าในท้องพระโรงทีใหญ่โตนันเหลือแต่นางเพียงผูเ้ ดียว

‘ครึ ก ครื น ครื น’ ประตูหินค่อย ๆ ถูกปิ ดลงอย่างช้า ๆ มู่หรงเสวียทียืนอยูด่ า้ นนอกประตูหินยิมบางเบามองมาที


นาง พร้อมกับโบกมือเบา ๆ “องค์หญิงฉิ น เสาทองด้านในเหลือทิงไว้ให้เจ้า หวังว่าพวกเราคงไม่ได้พบกันอีก !”

“ตึง !” เพียงพริ บตาประตูหินก็ปิดสนิท ปิ ดใบหน้าเรี ยวงามของมู่หรงเสวียเอาไว้ดา้ นนอก ชัวขณะนัน ในท้อง


พระโรงก็พลันเงียบสงบวังเวงจนนางสามารถทีจะได้ยนิ เสี ยงเต้นของหัวใจของตัวเองอย่างชัดเจน ความกลัวพุ่ง
ประดังประเดขึนมา หน้าผากของฉิ นยวีเยียนมีเม็ดเหงือผุดขึนอยูเ่ ต็มไปหมด ช่างเป็ นสถานทีทีน่ ากลัวยิงนัก ใคร
ก็ได้มาช่วยนางด้วย ?

‘ฟ้ าว ฟ้ าว ฟ้ าว’ เสี ยงแหวกอากาศเสี ยงหนึงดังขึน ฉิ นยวีเยียนรี บเงยหน้าขึนมอง ก็เห็นลูกศรดอกสองดอกพุ่ง


ออกมาจากกําแพงตรงมาทีนาง......
ตอนที 98 ระเบิด
“ช่วยด้วย......ช่วยด้วย......” ฉิ นยวีเยียนตืนตระหนก ดินรนอย่างกระวนกระวายต้องการแก้ปมเชือกทีรัดนางไว้
แต่ม่หู รงเสวียกลับมัดเอาไว้แน่นมากไม่ว่านางจะดินรนอย่างไรก็ไม่สามารถทีจะดินหลุดออกไปได้

สายตาพลันเหลือบเห็นลูกศรทีกําลังจะพุ่งเข้ามาถึงตัว ในช่วงเวลาเป็ นตายเช่นนี นางได้ยนิ เสี ยง ‘ตึง’ ดังขึนเสี ยง


หนึ ง ประตูหินบานหนึ งก็ถูกเปิ ดออก เงาร่ างสี ม่วงเข้มกระโดดเข้ามา พลังปราณกล้าแกร่ งสายหนึงพุ่งออกมา
ปะทะเข้ากับลูกศรจนพุ่งกระเด็นตกพืน

ชุดสี ม่วงโบกสะบัดคล้ายก้อนเมฆสี ม่วงก้อนหนึง ค่อย ๆ ลอยลงตรงด้านหน้าของฉิ นยวีเยียน ใบหน้าองอาจ


หล่อเหลาและสายตาคมกริ บนัน ฉิ นยวีเยียนทีมองเห็นหัวใจทีเต้นระรัวก็ค่อย ๆ สงบลง ดวงตาทังสองข้างไหล
นองไปด้วยนําตา “อีเฉิ น !”

เย่อีเฉิ นก็มองไปทีฉิ นยวีเยียนเช่นกัน เมือเห็นชุดของนางขาดหลุดลุ่ย ผมเผ้ายุง่ เหยิงดูไม่เป็ นทรง สภาพน่าเอน็จอ


นาถยิงนัก แววตาของเขาก็วูบไหวไปด้วยความแปลกใจแต่ครู่ เดียวก็หายไปในพริ บตา พลางกล่าวปลอบโยน
“เจ้ามิตอ้ งกลัว ปลอดภัยแล้ว ข้าจะรี บพาเจ้าออกไปจากทีนี ”

“อืม !” ฉิ นวีเยียนพยักหน้าแรง ๆ แววตาเต็มไปด้วยนําตาทีไหลริ นออกมาด้วยความยินดี ค่อย ๆไหลอาบไปทัว


ใบหน้า ความเจ็บปวดจากแขนและขาทีพุ่งขึนมา ทําเอานางเจ็บปวดจนต้องสู ดลมหายเย็น แววตาลุกโชนไปด้วย
ไฟโกรธ นางกลับไปถึงเมืองหลวงเมือไหร่ จะต้องสับมู่หรงเสวียให้เป็ นหมืน ๆ ชิน !
เย่อีเฉิ นใช้แรงกระชากเชือกออก เพียงพริ บตาเชือกทีถูกมัดเอาไว้อย่างแน่นหนาก็ขาดออกจากกันเป็ นชิน ๆ ตก
กระจายลงสู่ พนื ขาทังสองข้างของฉิ นยวีเยียนได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถยืนได้ นางค่อย ๆ ล้มเอนลงไปทางเย่
อีเฉิ น

กลินเหม็นจากการถูกหลอมละลายทีคล้ายมีคล้ายไม่มีพุ่งเข้ามาสัมผัสกระทบใบหน้า เย่อีเฉิ นค่อย ๆ ขมวดคิว


อดทนไม่ให้ผลักฉิ นยวีเยียนออกไป เขายืนมือไปโอบเอวของนางเตรี ยมทีจะพาออกจากท้องพระโรง แต่ทนั ใด
นันเสี ยง ‘ซี ซี ซี’ หลายเสี ยงก็ดงั ขึนถีรัว......

นีมันเสี ยงอะไรกัน ? เย่อีเฉิ นหรี ตาลงมองไปตามเสี ยงก็เห็นมุมด้านหนึ งมีเส้นยาว ๆ สี ดาํ สายหนึง กําลังเปล่ง
ประกายเปลวไฟ......

นันมัน......ชนวนจุดระเบิด !

“พวกเราไป !” แววตาของเย่อีเฉิ นสันไหว เขาอุม้ ฉิ นยวีเยียนไว้แนบอกเร่ งกระโดดพุ่งออกไป ในขณะทีเขากําลัง


กระโดดออกไปนัน ชนวนก็ถูกจุดไปยังสุ ดปลายแล้ว ได้ยนิ เสี ยง ‘ตูม้ ’ ดังขึนเสี ยงหนึ ง ดินระเบิดก็ระเบิดออก
เสี ยงระเบิดดังลันไปทัว ดังลันกัมปนาท......

ภูเขาทังลูกค่อย ๆ สันไหวขึนมา เศษหิ น ดินทรายพลัน ‘ครื น ครื น’ ถล่มลงมาด้านล่าง แม้แต่พนดิ


ื นด้านหน้า
ของภูเขาทีคุณชายโอวหยางกับมู่หรงเสวียยืนอยูก่ ย็ งั สันไหวเสี ยหลายครัง
พวกของสวินเฟิ งกับอู๋เหิ นโซเซเล็กน้อยถึงจะกลับมายืนได้อย่างมันคงได้ดงั เดิม พวกเขามองไปทีภูเขาทีค่อย ๆ
เงียบสงบลง แล้วจึงค่อย ๆ ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แต่หัวใจกลับยังเต้นถีรัวและหวาดกลัวอยูภ่ ายในใจ
ภูเขาทังลูกล้วนถูกระเบิดจนสันไหวเช่นนี อํานาจของระเบิดช่างรุ นแรงยิงนัก !

“เจ้าวางระเบิดไว้ในท้องพระโรงเท่าไหร่ กนั ?” คุณชายโอวหยางมองไปทางมู่หรงเสวีย แววตาของเขาลึกลํา

“ระเบิดทีพวกองครักษ์เงานํามาข้าล้วนทิงเอาไว้ทงหมด
ั !” มู่หรงเสวียแย้มยิมและกล่าวขึนอย่างบางเบา

ปากของอู๋เหินยืนออกมาอย่างรุ นแรง นันมันระเบิดทีพวกเขาเตรี ยมมาเพือเอาไว้ใช้ระเบิดกลไก จํานวนตัง 50 ถุง


นันมากมายจนสามารถระเบิดเมืองหลวงครึ งหนึ งให้ราบคาบเชียวนะ แต่นางกลับเอาไปใช้ระเบิดฉิ นยวีเยียน
ความแค้นระหว่างนางกับฉิ นยวีเยียนไม่รู้ว่าแท้จริ งแล้วมีมากเท่าใดกัน ?

โชคยังดีทีพวกเราออกจากถํามาแล้ว ไม่เช่นนันอาจจะต้องถูกเศษหิ นทีถล่มลงอย่างรวดเร็ วขังเอาไว้ในถําด้านใน


แน่นอน......

คุณชายโอวหยางมองไปทีมู่หรงเสวีย ดวงตาฉายแววเหนื อยใจ “ใช้ดินระเบิดมากมายขนาดนันระเบิดฉิ นยวีเยียน


เจ้าไม่คิดว่ามันสิ นเปลืองไปหน่อยหรื อ ?”

มู่หรงเสวียไม่ใส่ ใจ “พวกเราก็เอาสมบัติมาได้แล้ว เหลือดินระเบิดเอาไว้ก็ไม่ได้ใช้อะไร ใช้ไปเสี ยให้หมดจะได้


ไม่ตอ้ งขนกลับเมืองหลวงให้ลาํ บาก !”
เกิดเป็ นองค์หญิงม่อเป่ ย ฉิ นยวีเยียนจะต้องมีไพ่ตายเอาไว้คุม้ ครองชีวิตไม่นอ้ ย ลูกศรสี ดาํ ก็เป็ นเพียงนางต้องการ
ทดสอบฉิ นยวีเยียน ถ้าฉิ นยวีเยียนตายลงด้วยศรพวกนันก็จะดีทีสุ ด แต่ถา้ เกิดไม่ตายก็ยงั มีดินระเบิดทีนางเตรี ยม
ไว้อยู่ ดินระเบิดมากมายขนาดนัน รุ นแรงขนาดนัน นางไม่เชือว่าจะไม่สามารถระเบิดให้ฉินยวีเยียนตกตายได้ !

“ปั ง !” อยู่ ๆ ปากถําก็ถูกกระแทกออกมาจนเป็ นรู ขนาดใหญ่ เงาร่ างสี ดาํ สายหนึ งพุ่งลอยออกมาจากถําด้านใน
ล้มกลิงลงด้านหน้าของมู่หรงเสวียกับคุณชายโอวหยาง !

เขามีรูปร่ างสู งแค่มองก็ดูรู้ว่าเป็ นผูช้ าย เสื อผ้าด้านบนถูกฝุ่ นควันเปรอะเปื อนจนกลายเป็ นสี ดาํ ล้วนมองดูสภาพ
เดิมไม่ออก ใบหน้าก้มลงกับพืนก็เลยมองไม่เห็นสภาพหน้าตาของเขา !

คิวงามของมู่หรงเสวียเลิกขึนเบา ๆ การระเบิดทีรุ นแรงขนาดนัน คนทีติดอยูใ่ นถําไม่ถูกระเบิดจนตายก็ตอ้ งถูก


เศษหิ นถล่มทับใส่ จนตาย แต่คนผูน้ ี กลับหนี ออกมาจากด้านในได้ ช่างร้ายกาจยิงนัก ไม่รู้ว่าเขาเป็ นใครกัน ?

แววตาวูบไหวครุ่ นคิด นางเตรี ยมทีจะพลิกกายของชายผูน้ นขึ


ั นมาดู แต่กลับพบว่าชายหนุ่มผูน้ นค่
ั อย ๆ ลุกขึนมา
ดวงหน้าหล่อถูกคราบเขม่าดินควันเปรอะเปื อนจนกลายเป็ นสี ดาํ บ้าง ขาวบ้าง แต่กลับไม่ได้ลดความเย็นชาบน
ใบหน้าของเขาลงแม้แต่นอ้ ย แววตามืดมิดลึกลํา สายตาคมกริ บดังลูกธนู นี มัน...จิงอ๋ องเย่อีเฉิ น !

ในขณะทีเขากําลังลุกขึน ร่ างของหญิงสาวนางหนึงก็ปรากฏขึนต่อสายตาของผูค้ น นางอยูใ่ นอ้อมกอดของเย่อี


เฉิ น ดวงตาปิ ดสนิท ทัวทังร่ างถูกเขม่าควันเปรอะเปื อนจนกลายเป็ นสี ดาํ ไม่รู้ว่าเป็ นหรื อตาย !
คิวของมู่หรงเสวียค่อย ๆ ขมวดเข้าหากัน หญิงสาวผูน้ นแน่
ั นอนว่าต้องเป็ นฉิ นยวีเยียน เย่อเฉิ
ี นช่วยนางเอาไว้ได้
ทัน ดินระเบิดมากมายขนาดนัน กลับไม่ได้ระเบิดพวกเขาจนแหลกเหลว แถมพวกเขายังหนีรอดออกมาอย่าง
ปลอดภัย ดวงชะตาของพวกเขาช่างแข็งยิงนัก !

“ระเบิดในท้องพระโรงเป็ นพวกเจ้าทีวางเอาไว้ใช่หรื อไม่ ?” เย่อีเฉิ นมองมาทางคุณชายโอวหยางและมู่หรงเสวีย


ด้วยสายตาเย็นชา ยวีเยียนตกลงไปในกับดักพร้อมกับพวกเขา ยวีเยียนถูกมัด ถูกระเบิด จะต้องมีความเกียวข้อง
กับพวกเขาอย่างแน่นอน

“ไม่ผดิ ” มู่หรงเสวียพยักหน้า ยอมรับอย่างไม่ลงั เล ความแค้นระหว่างนางกับฉิ นยวีเยียน ไม่ว่าใครก็รู้ นางไม่มี


อะไรทีต้องปิ ดบัง

“สมบัติในท้องพระโรงก็เป็ นพวกเจ้าทีเอาไปด้วยอย่างนันหรื อ ?” แววตาของเย่อีเฉิ นคมกริ บ ตอนทีเขาไปถึง


ท้องพระโรง ด้านในของท้องพระโรงก็เหลือเพียงเสาคําทองคําบาง ๆ สี ต้นรวมถึงฉิ นยวีเยียนทีถูกมัดไว้ สมบัติ
มากมายทีควรจะอยูด่ า้ นในก็ว่างเปล่าไม่เหลือแม้แต่ร่องรอย......

คุณชายโอวหยางปรายตามองไปทางเย่อเฉิ
ี น เขามิได้กล่าววาจาใด แต่แววตาเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยดูถูกอย่าง
ไม่ปิดบัง เรื องทีเห็นได้ชดั เจนถึงเพียงนี ยังจะต้องมาถามอะไรให้มากความอีก ช่างโง่เง่ายิงนัก !

มู่หรงเสวียมองไปทางเย่อเฉิ
ี น แววตาของนางคล้ายยิมคล้ายมิยมิ พวกนางกับเย่อีเฉิ นมาทีนี ก็เพือสมบัติ เย่อีเฉิ น
หาสมบัติไม่เจอแน่นอนอยูแ่ ล้วว่าพวกนางก็ตอ้ งได้ไป ยังต้องถามให้มากความอีกทําไม ?
“ทําไมพวกเจ้าถึงไร้บาดแผล ?” เย่อีเฉิ นถามออกมาด้วยความสงสัยอย่างถึงทีสุ ด ทีซ่ อนสมบัติส่วนมากจะเต็ม
ไปด้วยกลไก กับดัก สมบัติยงมากเท่
ิ าไร กลไกกับกับดักก็ยงมากเท่
ิ านัน

หลังจากทีเขาพาคนเข้าไปในถํา ทุกระยะทีเดินลึกเข้าไป ก็จะพบเข้ากับกับดักและกลไกทีซ่ อนเอาไว้ ไม่ว่าเขาจะ


เดินไปด้านหน้าอย่างระมัดระวังขนาดไหน ก็ยงั คงสู ญเสี ยองครักษ์เงาของวังจิงอ๋ องออกไปอยูด่ ี แม้แต่ตวั เขาเอง
ภายนอกก็ได้รับบาดเจ็บอยูห่ ลายแห่ ง......

มู่หรงเสวียกับคุณชายโอวหยางเดินเข้าไปด้านในถํา แต่กลับไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย อีกทังยังไปถึงท้องพระ


โรงทีเก็บสมบัติก่อนและยังเอาสมบัติออกมาได้อย่างง่ายดาย ดูแล้วเรื องราวไม่ค่อยถูกต้องเท่าไรนัก......

“เรื องนี ก็ตอ้ งขอบคุณองค์หญิงฉิ นแล้ว !” คุณชายโอวหยางปรายตามองฉิ นวีเยียนทีดวงตาปิ ดสนิ ทเป็ นตายไม่
แน่ ชดั พลางเลิกคิวเยาะเย้ย “ถ้านางไม่ได้ใช้อุบายทําให้ขา้ กับมู่หรงเสวียตกลงไปในกับดัก พวกเราก็คงไม่มี
ทางเข้าไปในท้องพระโรงได้อย่างสะดวกสะบายและนําเอาสมบัติออกมาได้อย่างราบรื นเช่นนี ”

แววตาของเย่อีเฉิ นเข้มขึน “หมายความว่าอย่างไร ?”


ตอนที 99 ช่ วยคนทีริมแม่ นํา

แววตาของคุณชายโอวหยางลึกลํา เขากล่าวเน้นทีละคํา “กลไกทีฉิ นยวีเยียนเปิ ดขึนมิใช่กบั ดัก แต่เป็ นเส้นทางลับ


ทีมุ่งตรงไปยังท้องพระโรงโดยตรง ด้านในถึงแม้จะอับชืนและมืดมิด ทังยังมีกลินเหม็นอับไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้มี
กลไกและกับดักอะไร ดังนันพวกข้าถึงได้ไปถึงก่อนเจ้าและเข้าไปในท้องพระโรงอย่างราบรื นปลอดภัย !”

ฉิ นยวีเยียนวางอุบายจนพวกเขาต้องถูกกับดักเล่นงานคิดอยากทีจะให้พวกเขาบาดเจ็บสาหัส ทิงชีวิตเอาไว้ แต่


กลับกลายเป็ นว่านางส่ งพวกเขาเข้าทางลัดไปโดยมิได้ตงใจ
ั ทําให้พวกเขาไม่ตอ้ งพบกับกับดับและกลไกที
อันตราย และในทีสุ ดก็สามารถแย่งชิงเอาสมบัติมาได้โดยไร้บาดแผล !

นีเขาเรี ยกว่าหลงระเริ งคิดว่าตัวเองนันฉลาด แต่สุดท้ายกลับไม่เหลือสิ งใด !

สี หน้าของเย่อีเฉิ นค่อย ๆ มืดครึ มลง มองไปทีฉิ นยวีเยียนทีสลบไม่ได้สติ เขามิกล่าววาจาใด แววตาคมกริ บวูบ


ไหวไปมาอย่างไม่รู้ว่ากําลังคิดสิ งใดอยู่ !

“จิงอ๋ อง คนรักในดวงใจทีเจ้าเลือกเฟ้ นมาอย่างพิถีพิถนั นอกจากจะช่วยให้เรื องดีกลายเป็ นร้ายและทําให้ท่าน


ได้รับบาดเจ็บแล้ว ก็ไม่มีอะไรดีอีกเลย รสนิ ยมของเจ้าช่างยําแย่เสี ยจนผูค้ นไม่กล้าชืนชม !” คุณชายโอวหยาง
ปรายตามองฉิ นยวีเยียนครังหนึง นําเสี ยงทุม้ แฝงไว้ดว้ ยความดูถูกเหยียดหยามทีมิได้ปิดบัง !
สี หน้าของเย่อีเฉิ นเขียวคลํา “คุณชายโอวหยาง เรื องของข้าเจ้าไม่มีสิทธิ มายุง่ วุน่ วาย !”

“เรื องของเจ้า ข้าก็ไม่ได้อยากจะสนใจไปยุง่ เกียวเท่าไรนัก !” คุณชายโอวหยางตอบกลับอย่างเย็นชาพลางหันกาย


ไปมองมู่หรงเสวีย นําเสี ยงอ่อนโยนดังขึนเบา ๆ “เวลาก็ล่วงเลยมานานมากแล้ว พวกเรากลับเมืองหลวงกัน
เถอะ”

“ตกลง !” มู่หรงเสวียพยักหน้าก้าวเดินออกไปด้านหน้าอย่างช้า ๆ สมบัติกไ็ ด้มาแล้วนางก็ไม่มีความจําเป็ นที


จะต้องอยูท่ ีนี อีก ส่ วนเย่อีเฉิ นเขาจะเป็ นหรื อจะตายล้วนไม่เกียวกับนาง !

มองไปทีเงาร่ างของนางทีไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง ดวงตาคมกริ บของเย่อีเฉิ นก็ค่อย ๆ หรี ลง แววตาเต็มไป


ด้วยความรู ้สึกแปลกประหลาด เขาไม่อยากจะเชือแต่กอ็ ดทีจะยอมรับไม่ได้ว่าถึงยวีเยียนจะเป็ นองค์หญิงม่อเป่ ย
แต่กลับต่างชันกับมู่หรงเสวียลิบลับ !

โดยเฉพาะเรื องการค้นหาสมบัติ มู่หรงเสวียมีพรสวรรค์และดวงในด้านนี แม้แต่เขาเองก็ยงั สู ้นางไม่ได้ คุณชาย


โอวหยางทีสามารถกอบโกยสมบัติออกมาได้อย่างง่ายดายนันแน่ นอนว่านางต้องมีส่วนช่วยเขาอย่างมากแน่ !

มู่หรงเสวียเป็ นว่าทีภรรยาของเขา ถ้าเขามิให้ยวีเยียนเข้าร่ วมในการหาสมบัติครังนี แต่หันไปร่ วมมือกับมู่หรง


เสวียแทน สมบัติในท้องพระโรงมิใช่ว่าจะต้องกลายเป็ นของเขาหรอกหรื อ......
“ท่านอ๋ อง !” เสี ยงร้องเรี ยกแผ่วเบาทีคุน้ เคยลอยเข้าหู เป็ นสวีเทียนโย่วและเหล่าองค์รักษ์เงาทีได้รับบาดเจ็บพา
กันเดินกะเผลก ๆ ออกมากันทีละคนสองคน มองไปยังร่ างทีได้รับบาดเจ็บหนักและทัวร่ างเปรอะเปื อนไปด้วย
คราบเขม่าคราบดินจนกลายเป็ นสี ดาํ ของเย่อเฉิ
ี น แววตาของพวกเขาก็วบู ไหวไปด้วยความประหลาดใจ

เย่อีเฉิ นเห็นแต่ไม่ได้สนใจ เพียงแต่สังการเสี ยงเย็นชา “กลับเมืองหลวง !” สมบัติก็ได้ถูกมู่หรงเสวียกับคุณชาย


โอวหยางเอาไปหมดแล้วพวกเขาก็มิจาํ เป็ นจะต้องอยูท่ ีนีอีก

“ขอรับ !” สวีเทียนโย่วตอบรับเสี ยงเข้ม เร่ งสังการให้เหล่าองครักษ์เงาไปเอารถม้าทีด้านหน้าอย่างทันที

แววตาของคุณชายโอวหยางทีมองดูอยูไ่ กล ๆ วูบไหวไม่แยแส มองไปทีมู่หรงเสวียทีอยูด่ า้ นข้างของเขา “สมบัติ


ก็ลว้ นขนขึนรถม้าเรี ยบร้อยแล้ว ส่ วนแบ่งของเจ้าจะให้ส่งไปทีจวนเจินกัวโหวเลยหรื อไม่ ?”

มู่หรงเสวียส่ ายหน้า “ตอนนียังมิตอ้ ง เก็บเอาไว้กบั สมบัติของท่านก่อน พอข้าต้องการใช้ค่อยไปเอา”

เย่อีเฉิ นต้องการสมบัติพวกนี ถ้าเกิดนางเอากลับไปทีจวนเจินกัวโหว เย่อเฉิ


ี นอาจจะสังการให้องครักษ์เงาเข้าไป
ปล้นชิงได้ ทหารยามของจวนเจินกัวโหวไม่ใช่คู่ปรับขององครักษ์เงาของวังจิงอ๋ อง พอถึงตอนนันสมบัติทีกว่า
นางจะหาได้มาอย่างยากลําบากก็คงถูกแย่งชิงไปมิเหลือแน่ ต้องกลายเป็ นของเย่อีเฉิ นอย่างง่ายดาย !

“ก็ดี !” คุณชายโอวหยางพยักหน้า แววตาลึกลํา “สมบัติมีจาํ นวนมากมายนักไม่ว่าจะเก็บไว้ทีไหนก็ลว้ นแต่ดึงดูด


สายตาคน ข้าให้พวกองครักษ์เงาเก็บพวกมันเอาไว้ในที ๆ ปลอดภัยก่อน แล้วค่อย ๆ ขนเข้าวังเซี ยวเหยาอ๋ อง !”
“ตกลง” มู่หรงเสวียพยักหน้ามีองครักษ์เงาของวังเซี ยวเหยาอ๋ องคอยคุม้ กัน สมบัติจะต้องอยูร่ อดปลอดภัย ไม่วา่
ส่ งไปเก็บทีไหนก็ลว้ นปลอดภัย !

ลมเย็นสบายพัดผ่าน กลินเหม็นเน่ าและอับชืนลอยกระทบเข้ากับจมูก มู่หรงเสวียหลุดจากภวังค์กม้ ลงดมแขน


เสื อและเสื อผ้าของตัวเองพลางขมวดคิวแน่ น

ถึงแม้วา่ ทางเดินเส้นนันจะปลอดภัยแต่ว่าไม่มีคนใช้สอยมาเป็ นเวลานาน อีกทังยังไม่มีลมพัดผ่าน ก็เลยมีกลิน


เหม็นจนชวนให้อยากจะอาเจียน นางเดินอยูใ่ นเส้นทางลับเป็ นเวลานานกลินเหม็นก็เลยแทรกซึ มไปบนเสื อผ้า
ของนางทุกซอกอณู

ภายในถําไม่มีอากาศถ่ายเทเลยแม้แต่น้อย นางจึงไม่รู้สึกตัวว่ามันมีกลินเหม็นแค่ไหน แต่ตอนนี พอได้ออกมา


ด้านนอกของถําแล้วอยู่ ๆ สายลมพัดผ่านถึงได้พบว่า กลินเหม็นนันมันชวนให้น่าสะอิดสะเอียดเสี ยเหลือเกิน......

“ใกล้ ๆ นี มีแหล่งนําหรื อไม่ ? ข้าอยากจะล้างเอ่อล้าง......มือ !”

เมือมองไปทีใบหน้าหงิกงอของนาง แววตาของของคุณชายโอวหยางก็เจือปนไปด้วยรอยยิมเล็กน้อย “พอออก


ํ ก ๆ อยูส่ ายหนึง !”
จากเขาลูกนีเลียวไปทางซ้าย จะมีแม่นาเล็
“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียกล่าวเสี ยงตํา รี บร้อนเดินไปทางแม่นาทั
ํ นที กลินบนเสื อผ้าเหม็นจนเกินจะรับ
ได้ นางอยากจะล้างออกจนแทบจะรอไม่ไหว จะได้ลบเอากลินเหม็นนีออกไปเสี ยที......

พอออกมาจากภูเขาก็เห็นแม่นาสายเล็
ํ ก ๆ ตามทีเขาพูดไว้ นําในแม่นาใสสะอาดมาก
ํ ริ มแม่นาเต็
ํ มไปด้วย
ต้นหญ้าสู งใหญ่ประมาณครึ งตัวคนได้ พัดโชยไปด้วยอากาศสดชืน

มู่หรงเสวียก้าวเท้าไปทีริ มตลิงของแม่นาอย่
ํ างรวดเร็ ว จุ่มมือลงไปล้างมือและแขนในนํา กลินเหม็นนันเบาบาง
ลงไปเล็กน้อย แต่กย็ งั มีกลินเหม็นโชยเข้าจมูกอยูด่ ี นางขมวดคิวพลางแกะสายรัดเอวและกระดุมเสื อออก ถอด
เอาชุดออกมาแช่ลา้ งลงไปในนํา......

“เจ้าจะทําอะไรน่ ะ ?” เสี ยงทุม้ ของชายหนุ่ มลอยเข้าหู ชุดยาวทีเต็มไปด้วยกลินหอมของไม้ไผ่บางเบาถูกวางคลุม


ลงบนตัวนาง

“ในป่ าเขาห่ างไกล ทําไมเจ้าถึงกล้าถอดเสื อผ้าออกตามอําเภอใจเช่นนี ถ้าเกิดพบเข้ากับผูช้ ายทีมีจิตใจเลวทราม


จะทําอย่างไร ?” ใบหน้าหล่อเหลาของคุณชายโอวหยางค่อย ๆ เคร่ งขรึ มลง ชุดส่ วนในสี ขาวพลิวไหวไปตาม
สายลม ดูสูงศักดิสง่างาม หล่อเหลาจนหาใดเปรี ยบ !

มู่หรงเสวียไม่สนใจ “ข้าตรวจดูอย่างละเอียดแล้ว ใกล้ ๆ นีนอกจากท่าน ก็ไม่มีผใู ้ ดอีก !”

แววตาคุณชายโอวหยางวูบไหวไปด้วยความไม่แน่ ใจ “เจ้ากําลัง......แก้ผา้ ให้ขา้ หรื อ......”


ทันใดนันดวงหน้างามของมู่หรงเสวียก็พลันมืดครึ มลง “ท่านเพ้อเจ้อให้มนั น้อย ๆ หน่ อย เพราะว่ากลินบน
เสื อผ้ามันเหม็นเกินจะรับได้ ข้าถึงได้คิดถอดมันเอาไปล้าง......”

นางใส่ เสื อกับกางเกงส่ วนในสี ขาว แถมยังใส่ เอียมไว้ ผิวหนังแม้แต่นอ้ ยก็มิได้เปิ ดเผยออกมาให้เห็น ในยุค
ปัจจุบนั ก็เท่ากับว่าใส่ เสื อเชิตกางเกงขายาว คนอืนจะเห็นก็มิเป็ นไร

“จริ งหรื อ ?” คุณชายโอวหยางยกมุมปาก ดวงหน้าคล้ายยิมคล้ายมิยมิ

นใหญ่ มู่หรงเสวียก็ไม่
“ข้าจะหลอกท่านไปทําไมกัน......ข้า......ข้าไม่ซักชุดต่อแล้ว !” เมือยิงอธิบายก็ยงไปกั

อยากจะอธิบายต่ออีก นางคว้าเอาเสื อขึนจากนําอย่างโมโห เตรี ยมทีจะเดินจากไปแต่หางตากลับเห็นผิวนําเจือ
ปนไปด้วยสี แดงบางเบา

มู่หรงเสวียชะงักหยุดเท้าลงในทันใด มองตามสี แดงไปด้านหน้าก็เห็นชายผูห้ นึ งนอนควําอยูร่ ิ มแม่นาํ ร่ าง


ครึ งหนึงนอนจมอยูใ่ นกอหญ้า อีกครึ งหนึ งจมอยูใ่ นนํา นําในแม่นาที
ํ กระทบเข้าฝังเบา ๆ ยิงทําให้เลือดไหลซึ ม
ออกมา......

“ไหนเจ้าบอกว่าใกล้ ๆ นี ไม่มีคนไง ?” สี หน้าของคุณชายโอวหยางมืดครึ ม เสี ยงทุม้ แฝงไปด้วยการกัดฟัน

มู่หรงเสวียนิงงัน “......”
คนคนนีนอนอยูใ่ นกอหญ้า ถูกต้นหญ้าสี เขียวบดบัง นางจึงมองไม่เห็น แล้วจะมาโทษนางได้อย่างไรกันเล่า ?

อีกอย่าง มองเห็นคนทีได้รับบาดเจ็บจนสลบไม่ได้สติเช่นนี ไม่ใช่ว่าเขาควรเข้าไปดูเสี ยก่อนว่าคนนันยังมีโอกาส


รอดชีวติ หรื อไม่หรอกหรื อ ? ทําไมสิ งทีคุณชายโอวหยางสนใจถึงได้ไม่เหมือนกับคนอืนนัก ?

เมือมองไปทีสายตาไม่เข้าใจของนาง แววตาของคุณชายโอวหยางวูบไหวไปด้วยความเศร้าใจ เขากล่าวขึนเสี ยง


เย็น “กับคนทีครึ งเป็ นครึ งตายเช่นนันข้าไม่ได้รู้สึกสนใจ !”

“แต่ว่าพวกเรามิสามารถเห็นคนทีกําลังจะตายแล้วไม่เข้าไปช่วยเหลือได้นะเจ้าคะ !” มู่หรงเสวียกล่าวเสี ยงตํา


เดินไปทีด้านหน้าของชายผูน้ นั นางจับไปทีไหล่ของเขาแล้วพลิกร่ างของเขาขึนมา ชัวขณะนัน ใบหน้าซี ดขาวก็
ปรากฏต่อหน้าคนทังสอง ใบหน้างดงามดังหยกขาวทีได้รับการแกะสลักอย่างประณี ต ใบหน้าสี ขาวหิ มะเจิดจ้า
จนดวงอาทิตย์บนท้องฟ้ ายังต้องอับแสง

“เป็ นเขา !” แววตาของคุณชายโอวหยางหรี เล็กลง คิวงามได้รูปค่อย ๆ ขมวดเข้าหากัน

มู่หรงเสวียกระพริ บตามองไปทีคุณชายโอวหยาง “ท่านรู ้จกั เขาอย่างนันหื อ ! เขาเป็ นใครกัน ?”


ตอนที 100 ได้ สติ

“ก็แค่คนไม่สลักสําคัญผูห้ นึง !” เปลือกตาของคุณชายโอวหยางหรี ลง พลางกล่าวขึนอย่างไม่ใส่ ใจ

มู่หรงเสวียไร้วาจาคําพูด “ใครถามกันว่าท่านคิดยังไงกับเขา ทีข้าอยากรู ้กค็ ือเขาชืออะไร ?”

“ข้าเพียงแค่เคยพบกับเขาโดยบังเอิญครังหนึง ไม่รู้ว่าเขาชืออะไร” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนอย่างราบเรี ยบ


ท่าทางบ่งบอกว่าเขาไม่มีความเกียวข้องใด ๆ กับชายหนุ่ มผูน้ ี

“จริ งหรื อ ?” มู่หรงเสวียเชือครึ งไม่เชือครึ ง ตอนทีเห็นรู ปลักษณ์ใบหน้าของชายผูน้ นั เขานันมีท่าทางประหลาด


ใจจนไม่เหมือนกับคนทีเคยได้พบกันโดยบังเอิญและไม่มีความเกียวข้องต่อกัน

“แน่นอนว่าเป็ นเรื องจริ ง ข้าจะหลอกเจ้าทําไมกัน !” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนเสี ยงเรี ยบ แววตาของเขาลึกลําดัง


นําในมหาสมุทร

มู่หรงเสวียยกมุมปาก ฐานะของชายผูน้ ีรวมถึงชือแซ่ นางก็มิได้สนใจเท่าไรนัก รู ้หรื อไม่รู้กไ็ ม่เป็ นไร แต่ว่ามีเรื อง


หนึ งทีนางจําเป็ นจะต้องทํา
มือขาวนวลยืนออกไปด้านหน้าของคุณชายโอวหยางแล้วกล่าวขึนเสี ยงสู ง “เอามาเถอะ !”

“อะไร ?” คุณชายโอวหยางมองไปทีนางอย่างไม่เข้าใจ

“ยารักษาไง ไหล่และขาของเขาล้วนได้รับบาดเจ็บจากการถูกดาบฟันทีหนักหนามาก เลือดไหลไม่หยุด จะต้อง


รี บใส่ ยาห้ามเลือด !” มู่หรงเสวียกล่าวเสี ยงตําแววตาของนางเต็มไปด้วยความจริ งจัง

คิวดกดําของคุณชายโอวหยางขมวดขึนเล็กน้อย เขามองไปทางมู่หรงเสวียด้วยดวงตาทีไม่กระพริ บ “เจ้าตังใจจะ


ช่วยเขาจริ ง ๆ หรื อ ?”

มู่หรงเสวียกระพริ บตา “เขาบาดเจ็บถึงเพียงนี แต่ยงั ไม่มีอาการติดเชือ ทําความสะอาดเล็กน้อยโปะยานิดหน่อย ก็


สามารถช่วยชีวิตเขาได้แล้ว เรื องราวทีทําได้ง่ายดายเช่นนี ทําไมข้าถึงจะไม่ทาํ ล่ะ ?”

แววตาของคุณชายโอวหยางเปล่งประกายลําลึกอย่างนึ กไตร่ ตรอง คนผูน้ ี มีฐานะไม่ธรรมดา ถ้าหากเกิดช่วยเหลือ


เขา ผลลัพธ์จะดีจะร้ายยากทีจะคาดเดา......

มู่หรงเสวียไม่ได้รู้ความคิดภายในใจของเขา เพียงเห็นสี หน้าของเขาเคร่ งขรึ มไม่กล่าววาจา คิวบางก็ค่อย ๆ เลิก


ขึน ยืนมือเข้าไปในแขนเสื อของเขาหยิบเอาขวดกระเบืองสี เขียวอ่อนออกมา
“ช่วยชีวิตคน มีผลดีมากกว่าผลเสี ยเจ็ดส่ วน ท่านก็ไม่ตอ้ งครุ่ นคิดให้มากความแล้ว ท่านให้ยารักษา ส่ วนข้าลง
แรง พวกเรามาร่ วมกันช่วยชีวิตของเขาเถอะ......”

มู่หรงเสวียยกยิมสดใสพลางกล่าวขึนพร้อมกับจับไหล่ทงสองข้
ั างของชายหนุ่ม ลากเขาออกจากกอหญ้าวางร่ าง
ของเขาให้นอนราบไปกับพืนสะอาด แหวกเสื อผ้าตรงไหล่และขาของเขาออก ทําความสะอาดบาดแผล ใส่ ยา
พันแผล ท่าทางไหลลืนดังกระแสนําทีไหลริ น ทําให้ผทู ้ ีพบเห็นต่างทึงตืนตะลึงไม่ได้ !

ตาของชายหนุ่ มกําลังปิ ดสนิ ทแต่ขนตากลับสันไหวน้อย ๆ อยูค่ รู่ หนึง ทว่าเพียงพริ บตาก็กลับไปนิงสนิ ทดังเดิม !

มู่หรงเสวียทีกําลังจัดการกับบาดแผลของเขาก็เลยมองไม่เห็นการเคลือนไหวนัน นางยืนมือเรี ยวเล็กขาวนวลไป


หยิบผ้าขาวพันรอบไปทีไหล่ของเขาอย่างเป็ นระเบียบเรี ยบร้อย กวาดตามองดูแล้วไม่พบจุดผิดพลาดหรื อตก
หล่น นางจึงค่อย ๆ ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ในทีสุ ดก็จดั การบาดแผลจนสําเร็ จ

มู่หรงเสวียยืดตัวตรงยืนขึนอย่างช้า ๆ แล้วมองไปทีคุณชายโอวหยาง “คุณชาย พวกสวินเฟิ งกับอู๋เหิ นน่าจะยังไป


ได้ไม่ไกล ให้พวกเขามาช่วยนําตัวคนส่ งกลับเมืองหลวงเถอะ”

ใบหน้าหล่อเหลาของคุณชายโอวหยางเคร่ งขรึ มขึนอย่างทันที “เจ้าคิดจะพาเขากลับจวนเจินกัวโหวไปดูแลอย่าง


นันหรื อ ?”

“ไม่ใช่เสี ยหน่ อย !” มู่หรงเสวียส่ ายหน้าเบา ๆ “ข้าเพียงรู ้สึกว่า ทีนี มันห่ างไกลและรกร้างนัก เขาอาจจะพบกับ
สัตว์ป่าได้ทุกเมือ เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกทังยังสลบไม่ตืนเช่นนี ถ้าหากโชคร้ายพบเข้ากับสัตว์ร้าย ก็มีแต่ตาย
ทางเดียวเท่านัน พวกเราช่วยเหลือเขาแล้วก็ควรจะช่วยเหลือให้ถึงทีสุ ด พาเขากลับเมืองหลวงไปด้วยกันเถอะ รอ
จนเขาฟื นค่อยให้เขาจากไปก็ยงั ไม่สาย......”

สี หน้าของคุณชายโอวหยางค่อย ๆ อ่อนโยนลง แล้วกล่าวขึนเสี ยงตํา “คนของเขาอีกไม่นานก็คงมาถึงแล้ว พวก


เขาจะดูแลเขาต่อเอง พวกเราไม่ตอ้ งไปคิดอ่านให้มากความ......”

“จริ งรึ ?” มู่หรงเสวียยังรู ้สึกเชือครึ งไม่เชือครึ ง

“ข้าเคยหลอกเจ้าเมือไหร่ กนั ? เวลาก็ล่วงเลยมามากแล้ว พวกเราไปกันเถอะ !” คุณชายโอวหยางพูดขึนเพียงเบา


ๆ จับมือของมู่หรงเสวียแล้วลากนางเดินต่อไปยังด้านหน้า

ชายหนุ่ มทีนอนอยูก่ บั พืนไม่ขยับเคลือนไหว สี หน้าของเขาซี ดขาวไร้เลือด มู่หรงเสวียจึงรู ้สึกมิค่อยวางใจเท่าไร


นัก “พวกเราไปทังอย่างนีไม่ค่อยดีนกั รออีกสักครู่ หน่ อยเถอะ รอให้คนของเขามาถึงก่อน......”

“รอให้พวกเขามาถึงแล้วค่อยบอกพวกเขาว่าเราเป็ นคนทีช่วยเหลือคนของเขาไว้ ให้พวกเขาตอบแทนเรา......”


คุณชายโอวหยางต่อประโยคของมู่หรงเสวียขึนช้า ๆ

ทันใดนันใบหน้างดงามของมู่หรงเสวียจึงค่อย ๆ เปลียนเป็ นเรี ยบเฉย “ข้าไม่ได้เป็ นคนเช่นนัน ข้าช่วยคนมิใช่


เพราะต้องการสิ งตอบแทน......”
“ถ้าไม่ใช่ อย่างนันพวกเราก็ไปเถอะ......” คุณชายโอวหยางโอบเอวของมู่หรงเสวียพลางดึงนางให้เดินไป
ด้านหน้า

เมือมองไปทีแววตาลําลึกดังทะเลสาบของเขา มู่หรงเสวียก็ขมวดคิวเข้าหากัน “คุณชายโอวหยาง ทําไมท่านถึง


ต้องรี บไปเช่นนีเล่า......”

คุณชายโอวหยางปรายตามองนางและกล่าวขึนด้วยอารมณ์ทีไม่ค่อยดีนกั “สภาพการแต่งกายของเจ้าทีเป็ นอยู่


ตอนนี ไม่เหมาะสมทีจะพบเจอกับชายอืนนัก......”

มู่หรงเสวียชะงักไป ทันใดนันก็ถึงคิดขึนมาได้ นางกําลังใส่ ชุดนอกของคุณชายโอวหยาง ชุดนอกทีทําจากเส้น


ไหมปิ งฉานซื อค่อนข้างโปร่ งบาง ชุดและกางเกงส่ วนในของนางทีถูกปกคลุมภายใต้ชุดของเขาเดียวผลุบเดียว
โผล่ ทําให้ผคู ้ นทีพบเห็นอาจคิดไปในทางทีไม่ดีได้ !

นางทีอยูใ่ นสภาพเช่นนี หากพบกับเหล่าผูต้ ิดตามของชายหนุ่มดูท่าแล้วมิค่อยเหมาะสมนัก !

เมือเห็นนางนิงเงียบลง แววตาของคุณชายโอวหยางก็ค่อย ๆ อ่อนโยน เขาโอบไปทีเอวของนางเบา ๆ พานางก้าว


ยาว ๆ ออกไปยังด้านหน้า แล้วกล่าวขึนด้วยนําเสี ยงทีอ่อนโยน “ระแวกใกล้ ๆ นี ไม่มีสัตว์ร้าย เขาจะไม่มี
อันตราย......คนของเขาก็มาถึงใกล้ ๆ นี แล้ว อีกไม่นานก็คงหาทีนีเจอ......”
ทังสองค่อย ๆ เดินไกลออกไป เมือเลียวโค้งด้านหน้าก็หายลับไปจากสายตา เงาร่ างได้รูปสายหนึงเดินไป
ด้านข้างของชายหนุ่ ม นางใส่ ชุดสี ฟ้า คิวโก่งงดงาม ริ มฝี ปากได้รูปเหมือนดอกเหมย ใบหน้าไร้ผงแต่งแต้มจาก
เครื องสําอาง แต่กย็ งั ดูงดงามดังเทพเซี ยน เป็ นหลานสาวของท่านราชครู ซูหนานเซี ยงนันเอง !

เมือปรายตามองไปทางทิศทีมู่หรงเสวียกับคุณชายโอวหยางทีหายลับไป แววตาของซู หนานเซี ยงก็วบู ไหวไป


ด้วยความเกลียดชัง

นางมีธุระบังจึงเอิญผ่านทางมาแถวนี เมือเห็นคุณชายโอวหยางในใจก็เต็มไปด้วยความตืนเต้นดีใจจึงเดินเข้ามา
หา แต่คาดไม่ถึงว่ามู่หรงเสวียก็อยูท่ ีนีด้วย อีกทังยังต่อปากต่อคํากับคุณชายโอวหยางอย่างไร้ยางอาย ช่างน่ า
โมโหยิงนัก นันเป็ นความใกล้ชิดทีแม้แต่นางก็ยงั มิเคยได้รับจากเขา......

แววตาของซูหนานเซี ยงเปล่งประกายไปด้วยความเกลียดชังทีมืดมิด นางต้องอดกลันอยูห่ ลายครังถึงจะสงบลง


ค่อย ๆ ก้มหน้าลงไปมองชายหนุ่ มทีนอนสลบไม่ได้สติอยูบ่ นพืน ดวงตาทังสองข้างของชายหนุ่ มปิ ดสนิ ท ลม
หายใจแผ่วเบา สี หน้าซี ดขาวไร้สีเลือด นีเขาได้รับบาดเจ็บจากอะไรกัน ?

ซูหนานเซี ยงขมวดคิวขึนอย่างไม่เข้าใจ เตรี ยมทีจะก้มลงไปตรวจดูให้ละเอียด ก็มีเสี ยงแหวกอากาศทีบางเบา


ลอยมาสายหนึง คนชุดดําปรากฏขึนกลางอากาศบริ เวณด้านข้างของชายหนุ่ ม ดาบยาวในมือส่ งเสี ยง ‘เช้ง’ ยืน
ออกมาทีด้านหน้าของนาง ในแววตาเปล่งประกายเบือกเย็นอํามหิ ต “เจ้าเป็ นใคร ?”

ซูหนานเซี ยงแววตาวูบไหวอย่างถือดี “เป็ นคนทีช่วยชีวิตคุณชายของเจ้าอย่างไร !”


ชายหนุ่ มทีนอนอยูบ่ นพืนถึงแม้จะมีสีหน้าซี ดขาวสลบไม่ได้สติ แต่กลับไม่สามารถบดบังความองอาจและสง่า
งามทีเปล่งประกายออกมาจากตัวเขาได้ ชายหนุ่ มมีใบหน้าหล่อเหลา เสื อผ้าทีดูสูงค่ามิธรรมดาล้วนบอกชัดเจน
ว่า ชายหนุ่ มผูน้ ี มีฐานะสู งส่ งมิธรรมดานัก

ให้ตวั เขาทีมีสภาพเช่นนี ติดค้างนางหนึงชีวิต จะต้องเป็ นเรื องทีเป็ นผลดีต่อนางอย่างแน่นอน !

คนชุดดําหยุดชะงัก เพียงพริ บตาก็พบว่าบาดแผลทีไหล่และขาของชายหนุ่ มล้วนถูกดูแลและจัดการอย่าง


เรี ยบร้อย ผ้าพันแผลนันถูกพันเอาไว้อย่างสวยงาม ชัดเจนว่าเป็ นฝี มือของหญิงสาวมิผดิ เพียน......

“แค่ก แค่ก แค่ก !” ชายหนุ่ มทีนอนอยูบ่ นพืนไอออกมาเบา ๆ เพียงเล็กน้อย เขาเปิ ดตาขึนอย่างช้า ๆ ดวงตาสี ดาํ
ลึกลําดังดวงดาวบนท้องฟ้ า

ในใจของคนชุดดําเต็มไปด้วยความตืนเต้นยินดีเร่ งรี บคุกเข่าลงพยุงชายหนุ่ มผูน้ นขึ


ั นอย่างระมัดระวัง “คุณชาย
ท่านฟื นแล้ว”

ชายหนุ่ มตอบรับเสี ยงอืมบางเบา เขาค่อย ๆ ลุกยืนขึนโดยมีชายชุดดําคอยช่วยพยุง !

ความเจ็บปวดพลันแล่นแปลบขึนมาจากส่ วนขาจนเขาต้องขมวดคิวแน่ น สายตาอ่อนโยนกวาดตามองผ้าพันแผล


สี ขาวทีมัดอย่างงดงามตามไหล่และส่ วนขาของเขา แล้วหันมองไปทางซูหนานเซี ยงอย่างเรี ยบเฉย “เป็ นคุณหนูที
ช่วยชีวิตผูน้ อ้ ย ?”
ตอนที 101 สงสั ย
“ใช่ !” ซูหนานเซี ยงพยักหน้า สี หน้าของนางไม่เปลียนสี แต่หัวใจเต้นแรงไม่เป็ นจังหวะ

“ผูน้ อ้ ยตงฟางหลี ขอบคุณคุณหนูทีช่วยชีวิต......” ตงฟางหลีกล่าวเสี ยงเบา ใบหน้าหล่อเหลางดงามดังหยกทีผ่าน


การแกะสลักอย่างวิจิตร งดงามจนทําให้ผคู ้ นไม่อาจถอนสายตาออกไปได้ ดวงตาสี นาตาลแดงสดใสกระจ่
ํ างชัด
เหมือนดังแก้วใส

ตงฟางหลี ? เขาคือองค์ชายเจ็ดแห่ งแคว้นซี เหลียงมิใช่หรื อ ? นีนางได้ ‘ช่วยชีวิต’ บุคคลทีมีชือเสี ยงโด่งดังขนาด


นีเลยหรื อ......

แววตาของซูหนานเซี ยงวูบไหวไปด้วยความตืนเต้นยินดีเพียงครู่ หนึ งแล้วก็สลายมันลงไปในพริ บตา พร้อมกับ


ยิมอย่างมีมารยาท “เรื องลําบากเพียงแค่ยกมือ คุณชายตงฟากอย่าได้ใส่ ใจ !”

“การลําบากเพียงแค่ยกมือของคุณหนู สําหรับหลีแล้วถือว่าเป็ นบุญคุณทีต้องตอบแทน ถ้าหากคุณหนูไม่ปฏิเสธ


หลีเต็มใจทีจะไปส่ งคุณหนูกลับจวนเป็ นการแสดงความขอบคุณ!” ตงฟางหลีกล่าวเสี ยงตํา นําเสี ยงเรี ยบเฉยแฝง
ไปด้วยความจริ งใจทีหนักแน่ น

“เอ่อ......” ซูหนานเซี ยงอําอึงไปครู่ หนึง กล่าวเสี ยงเบา “บ้านของผูน้ อ้ ยอยูท่ ีจวนราชครู ในเมืองหลวง รบกวน
คุณชายตงฟางแล้ว !”
“คุณหนูเกรงใจไปแล้ว เชิญคุณหนู !” ตงฟางหลีทาํ ท่าเชือเชิญ ชัดเจนว่าเป็ นท่าทางธรรมดาสามัญแต่กลับดู
องอาจเสี ยจนผูท้ ีได้พบเห็นต่างตาพร่ ามัว

“เชิญคุณชายตงฟาง !” ซูหนานเซี ยงย่อกายยิมสดใส นางค่อย ๆ เยืองย่างไปด้านหน้า มุมปากยกยิมได้ใจที


แผนการสําเร็ จลุล่วง ตงฟางหลีเข้าใจว่านางเป็ นผูม้ ีพระคุณทีช่วยชีวิตเขาไว้ แน่นอนว่าจะต้องหาทางตอบแทน
นาง นางจะต้องหาทางใช้ประโยชน์จากโอกาสครังนี ให้มาก ๆ เพือทีจะได้มาซึ งผลลัพธ์ทีดีทีสุ ด......

เมือมองตามแผ่นหลังของซูหนานเซี ยงทีค่อย ๆ เดินไกลออกไป แววตาของตงฟางหลีก็เปลียนเป็ นมืดมัว ตังใจ


ก้าวช้า ๆ อยูด่ า้ นหลัง พลางกดเสี ยงตํากล่าวขึนว่า “ฮัวถง เป็ นนางทีช่วยข้าจริ ง ๆ หรื อ ?”

ตอนทีหญิงสาวกําลังพันแผลให้เขา มีช่วงหนึงทีเขาได้สติ แต่วา่ ทัวทังร่ างกลับไร้เรี ยวแรง ขยับเคลือนไหวไม่ได้


อยากจะกล่าววาจา แต่กลับเปล่งเสี ยงไม่ออก เปลือกตาหนักเสี ยจนไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็ลืมไม่ขึน ทําได้แต่
เพียงมองโลกภายนอกอย่างพร่ ามัวเท่านัน

ภาพสลัว ๆ ทีปรากฏต่อสายตา เขานันไม่สามารถมองเห็นหน้าตาของหญิงสาวได้อย่างชัดเจน แต่เห็นเพียง


ดวงตาของหญิงสาว รู ปร่ างของหญิงสาว เปรี ยบกับคุณหนูทีอยูด่ า้ นหน้าท่านนี แล้วดูไม่ค่อยคล้ายกันเท่าใดนัก
......

“เอ่อ......” ฮัวถงเลิกคิวตอบตามความเป็ นจริ ง “ข้าน้อยไม่ได้เห็นนางช่วยเหลือคุณชายกับตา แต่ตอนทีข้าน้อย


มาถึงทีนี ทีนี ก็มีแต่นางเพียงผูเ้ ดียว”
“ทีแท้กเ็ ป็ นเช่นนี !” ตงฟางหลีพยักหน้า แววตาเปล่งประกายอย่างครุ่ นคิด

“คุณชาย ต้องการให้ขา้ น้อยสื บเรื องนี หรื อไม่ขอรับ ?” ฮัวถงไต่ถามเสี ยงตํา แววตาเย็นชา

“มิตอ้ ง เรื องเท็จไม่มีทางเป็ นจริ งได้ เรื องจริ งก็ไม่สามารถกลายเป็ นเท็จได้ ตอนนี ก็อย่าได้ไปสนใจให้มากนัก”
ตงฟางหลีกล่าวขึนเสี ยงเบา ท่าทางดูลึกลับ

พวกเขามาถึงเมืองหลวงชิงเหยียนเป็ นครังแรก สถานทีกับผูค้ นก็ยงั ไม่ค่อยคุน้ เคย ทังยังถูกใครบางคนส่ งมือ


สังหารมาตามฆ่า พวกมันแอบแฝงอยูใ่ นเงามืดพอสบโอกาสก็ลงมือสังหารเขา เขาไม่ควรจะทําตัวมุทะลุ
จนเกินไป

ราชครู เป็ นอาจารย์ของฮ่องเต้ ไม่ว่านอกจวนในจวนต้องถูกเหล่าทหารมากมายปกป้ องคุม้ ครอง มือสังหารไม่มี


ทางกล้าบุกเข้าไปได้ เขาก็คงต้องคล้อยตามความต้องการของคุณหนูผนู ้ ี ไปก่อน ไปเป็ นแขกของจวนราชครู แล้ว
ค่อยคิดอ่านแผนการให้ละเอียดรอบคอบ !

แสงอาทิตย์เจิดจ้าทีสาดส่ อง บ่าวไพร่ สาวใช้ภายในจวนอู่อนั โหวเดินกันขวักไขว่ไปมา ทําตามหน้าทีของแต่ละ


คน แต่เรื อนโซ่ วอันถังทีพํานักของซ่ งเหล่าฮูหยินกลับเงียบสงบ !

ซ่งเหล่าฮูหยินนังอยูบ่ นเก้าอี กําลังละเมียดละไมจิบชาอย่างเชืองช้าประณี ต ปรายตามองหญิงสาวทีนังอยู่


ด้านหน้า แล้วกล่าวขึนอย่างเรี ยบเฉย “กลับมาก็ดีแล้ว หลายวันมานี เจ้าคงลําบากนัก”
“ขอบคุณท่านแม่ทีเป็ นห่ วงเจ้าค่ะ สะใภ้ไม่เป็ นไร !” มู่หรงโหรวยิมพอเป็ นพิธี ยกนําชาด้านหน้าขึน ดืมลงไปอึก
หนึ ง

นางทีถูกคุมขังอยูใ่ นคุกทุกวันล้วนแต่ตอ้ งนอนอยูบ่ นหญ้าแห้งทีเปี ยกชืน อีกทังยังต้องกินกันเหลียง(อาหารแห้ง


ทีเอาไว้ใช้สาํ หรับเดินทางไกล) ทีฝื ดคอจนยากทีจะกลืนลง ซดนําซุ ปทีใสแจ๋ วจนสามารถมองเห็นเงาคน ยีสิ บวัน
มานี นางผอมซูบลงไปมาก ใบหน้าซี ดเหลือง สภาพสี หน้าไม่ดีเท่าไรนัก ถึงจะใช้แป้ งฝุ่ นเครื องสําอางลําค่า
เพียงใด ก็ไม่สามารถปกปิ ดแววตาทีอิดโรยได้

ซ่งเหล่าฮูหยินมองไปทีนาง ขมวดคิวเล็กน้อย พลางกล่าวขึนช้า ๆ “เจ้าเพิงจะกลับจวน ก็รักษาตัวเองให้ดี


เสี ยก่อน เรื องราวภายในจวนอู่อนั โหวช่วงนี ก็ให้ฮุ่ยฮุ่ยจัดการดูแลเสี ย”

พูดกล่าววางท่าให้ตวั ดูดีนอ้ ย ๆ หน่อย แม่สะใภ้เฒ่ามิใช่ว่าเห็นนางเข้าคุก ชือเสี ยงเสื อมเสี ย ถ้ายังมอบอํานาจใน


จวนให้นางอีก กลัวจะต้องถูกผูค้ นหัวเราะเยาะ ดังนัน จึงถีบนางให้ไปอยูร่ อบนอกเตรี ยมทีจะส่ งเสริ มฝึ กฝนอู๋ฮุ่ย
ฮุ่ย !

นางเป็ นอู่อนั โหวฮูหยิน ใช้แรงกายแรงใจเพือจวนอู่อนั โหวมาสิ บกว่าปี อํานาจของจวนฝ่ ายในของจวนอู่อนั โหว


ไม่ว่าอย่างไรก็ตอ้ งเป็ นของนาง ท่าทางแม่สะใภ้เฒ่าคงคิดอยากจะปลอกลอกดึงเอาอํานาจการจัดการดูแลไปจาก
นาง !
“ขอบคุณท่านแม่ทีเป็ นห่ วงเจ้าค่ะ แต่สะใภ้ไม่ได้รู้สึกลําบาก......” มู่หรงโหรวกล่าวขึนด้วยรอยยิมวาววับ ดวงตา
เปล่งประกายคมกริ บ

“ไม่รู้สึกว่าลําบากอย่างนันหรื อ ? เช่นนันข้ามีเรื องหนึ งทีอยากจะปรึ กษากับเจ้า” ซ่ งเหล่าฮูหยินจ้องมองนาง แวว


ตาวูบไหวแอบซ่ อนไปด้วยการดูหมินทียากจะค้นพบ “การไม่มบี ุตรชายสื บทอดเป็ นเรื องทียากจะรับได้ เทียนเห
วินก็มีอายุเกินสามสิ บปี แล้วแต่รุ่นหลังกลับมีชิงเหยียนลูกสาวเพียงคนเดียว นี นับว่าไม่ถกู ต้องนัก ขุนนางในราช
สํานักทีมีอายุใกล้เคียงกับเขาล้วนมีบุตรชายสายตรงและสายรองมากมายนัก......”

มู่หรงโหรวรู ้สึกถึงลางสังหรณ์ทีไม่ดีปะทุขึนในใจ นางจึงกล่าวเสี ยงตํา “ความหมายของท่านแม่คอื ?”

ซ่งเหล่าฮูหยินกล่าวยิมตาหยี “แต่งอนุให้เทียนเหวินเสี ยสักสองสามคนเถอะ รออนุให้กาํ เนิ ดบุตรชายแล้วเจ้าค่อย


เอาไปเลียงเป็ นลูกทีอยูภ่ ายใต้ชือของเจ้า......”

“ไม่ได้เจ้าค่ะ !” แทบจะไม่ตอ้ งคิด มู่หรงโหรวก็ปฏิเสธขึนอย่างเสี ยงดัง พอพูดจบนางถึงจะได้รู้ตวั ว่าตัวเองเสี ย


ท่าพูดผิดเสี ยแล้ว อยากจะคืนคําพูดตอนนี ก็คงไม่ทนั การ

สี หน้าของซ่ งเหล่าฮูหยินเขียวคลํามองนางอย่างเย็นยะเยือก “ทําไมถึงไม่ได้ ?”

อยูใ่ นฐานะฮูหยินเฒ่าแห่ งตระกูลซ่ งมาหลายปี นีเป็ นครังแรกทีนางเห็นสะใภ้กล้าปฏิเสธโต้แย้งนางอย่างไม่ไว้


หน้า ช่างบังอาจเกินไปแล้ว
แววตาของมู่หรงโหรววูบไหวกล่าวขึนเสี ยงเบา “เพราะว่า......ลูกชายทีเกิดจากอนุ กเ็ ป็ นได้เพียงสู ้จือ (ลูกชายสาย
รอง) ไม่มีทางเทียบกับตีจือ (ลูกชายสายตรง) ได้เจ้าค่ะ......”

“ถึงข้าอยากจะได้หลายชายสายตรง เจ้าก็ตอ้ งเป็ นคนให้กาํ เนิ ดออกมาเองถึงจะได้ !” ซ่ งเหล่าฮูหยินปรายตามอง


อย่างเยาะเย้ยไปทีท้องของนาง “ตังแต่ให้กาํ เนิดชิงเหยียนมาจนถึงตอนนี ก็เป็ นเวลาสิ บปี แล้ว ท้องของเจ้าก็ไม่ได้
มีความเปลียนแปลงอะไร มาตรว่าคงไม่สามารถให้กาํ เนิดลูกชายสายตรงได้อีก ถ้าหากยังไม่หาอนุ ให้เทียนเหวิน
อีกไม่นานเขาก็จะหมดไฟแล้ว พอตายไปก็จะไม่มีคนเซ่ นไหว้ !”

ไม่สามารถให้กาํ เนิดลูกชายสายตรงได้ถือเป็ นตราบาปทีฝังอยูใ่ นใจของมู่หรงโหรวมาโดยตลอด ซ่ งเหล่าฮูหยิน


ทีเยาะเย้ยดูถูกนางตรง ๆ เช่นนี ทําให้นางรู ้สึกโกรธจนต้องกัดฟัน อดกลันอารมณ์โกรธไว้และกล่าวขึน “ท่านแม่
โปรดอภัย ข้าไม่ได้หมายความเช่นนัน......”

“มิตอ้ งพูดให้มากความ” ซ่งเหล่าฮูหยินยกมือขึนตัดบทคําพูดของนาง สายตามองไปทีนางอย่างเรี ยบเฉย “หลาย


ปี ก่อน เทียนเหวินกับเจ้ารักใคร่ ปรองดองกัน เขาไม่ตอ้ งการรับอนุเข้าบ้าน ข้าจึงตามใจเขา แต่ตอนนีอายุของเขา
ก็มากขึนแล้ว อีกทังยังไม่มีคนสื บทอด การแต่งอนุ เข้าครานี ถ้าเขาอยากแต่งต้องได้แต่ง แต่ถึงไม่ได้อยากแต่ง ก็
ต้องแต่ง”

“เจ้ากลับไปก็คดิ ไตร่ ตรองคําพูดของข้าให้ดี คิดได้แล้วค่อยมาพบข้า !” ซ่ งเหล่าฮูหยินมิอยากพูดให้มากความอีก


นางกล่าวส่ งแขกอย่างไม่ไว้หน้า !
ริ มฝี ปากของมู่หรงโหรวขยับเพียงเล็กน้อยแต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีก “สะใภ้ขอลาเจ้าค่ะ !” นางย่อ
กายลงเดินออกจากเรื อนโซ่ วอันถัง ค่อย ๆ เดินไปตามทางเดินหิ นอย่างช้า ๆ ในใจเต็มไปด้วยความปวดร้าว แม่
สะใภ้เฒ่าอยากอุม้ หลาน นางก็อยากได้ลูกชายสายตรง แต่นางไม่รู้ว่าเพราะอะไรนางถึงได้ไม่ตงครรภ์
ั เสี ยที

ชิงเหยียนเป็ นลูกสาว ไม่สามารถสื บทอดจวนอู่อนั โหวได้ แต่ถา้ นางให้เทียนเหวินแต่งอนุ ในอนาคตจวนอู่อนั


โหวก็ตอ้ งตกเป็ นของลูกทีเกิดจากอนุ นางก็ตอ้ งพึงพาลูกทีเกิดจากอนุ แต่ถา้ นางไม่ให้เทียนเหวินแต่งอนุ จวนอู่
อันโหวก็จะต้องตกเป็ นของครอบครัวของน้องชายของเขา......

ไม่ ไม่ ไม่ นางเป็ นฮูหยินของจวนอู่อนั โหว จวนอู่อนั โหวในภายภาคหน้าจะต้องมีไว้ให้ลกู ชายทีเกิดจากพวก


นางสองสามีภรรยาเท่านัน ไม่มีทางให้บา้ นน้องชายหรื อลูกทีเกิดจากอนุ ได้มนั ไปโดยง่ายเด็ดขาด......
ตอนที 102 หาหมอ

“แม่นมหลี ผูท้ ีมีชือเสี ยงด้านการแพทย์ทีโด่งดังมากทีสุ ดในเมืองหลวงคือผูใ้ ด ?” มู่หรงโหรวสอบถามเสี ยงตํา


ดวงตาฉายแววจริ งจัง

แม่นมหลีเป็ นสาวใช้ทีติดตามมาจากบ้านเดิมของมู่หรงโหรว นางไว้ใจในตัวแม่นมคนนีทีสุ ด ไม่ว่าจะเรื องเล็ก


เรื องใหญ่เพียงใด นางล้วนแต่ไม่ปิดบังแม่นมหลี

ความหมายทีแอบแฝงในคําพูดของมู่หรงโหรว แม่นมหลีล้วนฟั งเข้าใจอย่างทันที “ฮูหยิน หมอหลวงจากในวัง


ช่วงก่อนเคยจับชีพจรให้ท่าน บอกว่าร่ างกายของท่านไม่มีปัญหาใดไม่จาํ เป็ นจะต้องหาหมอหรื อกินยาบํารุ ง เหตุ
ทีท่านยังไม่ได้ตงครรภ์
ั คุณชายน้อยเป็ นเพราะว่ายังไม่ถึงเวลา !”

สายตาของมู่หรงโหรวมืดมัว พลางถอนหายใจออกมาหนัก ๆ “ตังแต่ชิงเหยียนเกิดมาจนถึงตอนนี ก็ผา่ นมาสิ บ


สองปี แล้ว ข้าไม่มีทีท่าว่าจะตังครรภ์แม้แต่นอ้ ย ถ้ายังจะรอตามลิขิตฟ้ าต่อไป ก็ไม่รู้ว่าจะต้องรอไปถึงเมือใด อายุ
ของข้าก็ไม่สามารถรอได้ต่อไปอีก......”

แม่นมหลีชะงักไป เมืออยู่ ๆ ก็นึกขึนได้ มู่หรงโหรวอายุสามสิ บกว่าปี แล้ว ถึงช่วงปลายทีจะสามารถมีบุตรได้


แล้ว ถ้าหากคิดอยากจะมีบุตรชาย ก็จาํ เป็ นจะต้องเร่ งรี บตังครรภ์ แน่ นอนว่าไม่สามารถรอต่อไปได้อีก “ฮูหยิ
นเตรี ยมทีจะทําอย่างไรเจ้าคะ ?”
มู่หรงโหรวกวาดตาไปมองโดยรอบแล้วกล่าวขึนเสี ยงตํา “เจ้าลองไปสื บความว่ามีเคล็ดลับหรื อตํารับยาอะไรที
สามารถทําให้ผคู้ นตังครรภ์ได้หรื อไม่......”

อายุอานามของนางกับเทียนเหวินก็นบั ว่าไม่นอ้ ยแล้ว ไม่ว่าจะเพืออนาคตของจวนอู่อนั โหว หรื อเพือสถานะของ


นางในจวนอู่อนั โหว นางจําต้องจะมีลูกชายสายตรงทีเป็ นของพวกนางเอง......

ผูค้ นในแผ่นดินนี ก็มีมากมายหลากหลาย ต้องมีสูตรลับหรื อเคล็ดลับมากมายทีผูค้ นทัวไปยังไม่รู้ แน่ นอนว่า


จะต้องมีวิธีทีทําให้นางสามารถสมหวังเป็ นแน่ !

“เคล็ดลับในการตังครรภ์ ?” สี หน้าของแม่นมหลีฉายแววครุ่ นคิด กล่าวเสี ยงตํา “ไม่กีวันก่อนบ่าวเดินผ่านโรง


หมอแห่ งหนึง ได้ยนิ เสมียนของโรงหมอป่ าวประกาศว่าพวกเขามีตาํ รับลับทีสามารถจะให้กาํ เนิ ดบุตรชายได้เจ้า
ค่ะ......”

“จริ งหรื อ ?” ในใจของมู่หรงโหรวตืนเต้นยินดี กล่าวขึนอย่างเร่ งรี บ “โรงหมอแห่ งนันอยูท่ ีใด ? รี บพาข้าไปเร็ ว


เข้า”

“เอ่อ...คือว่าบ่าวยังไม่ทราบแน่ชดั ว่าจริ งหรื อเท็จ ให้บ่าวไปสอบถามสื บหาความจริ งก่อนไม่ดีกว่าหรื อเจ้าค่ะ


......” แม่นมหลีกล่าวชีแนะเสี ยงเบา ท่านหมอทีมีฝีมือทางการแพทย์สูงส่ งในเมืองหลวงมีมากมาย แต่ที
หลอกลวงกล่าวเกินจริ งก็มีไม่นอ้ ย ไม่สามารถทีจะเชือเพียงคํากล่าวของเสมียนเพียงคําเดียวและก็เชือถือตํารับ
ลับทีพวกเขาพูดถึงว่าเป็ นของจริ งได้โดยง่าย
“ถ้าเช่นนันพวกเราก็ไปด้วยกันเถอะ !” แววตาของมู่หรงโหรววูบไหว “ข้าอยากจะรู ้เร็ ว ๆ ว่าตํารับทีสามารถช่วย
ให้ตงครรภ์
ั ลกู ชายได้นนเป็
ั นเรื องจริ งหรื อเรื องเท็จ !”

หุ ยชุนถังเป็ นโรงหมอทีไม่เล็กไม่ใหญ่แห่ งหนึง ย่างเข้าสู่ ยามอู่ในโรงหมอก็เงียบสงบและว่างเปล่า ไม่มีคนไข้ มี


เพียงเด็กหน้าร้านผูห้ นึงกําลังถือผ้าเช็ดไปตามโต๊ะกับกล่องเก็บยาอย่างเกียจคร้าน

มู่หรงโหรวทีถูกจับจูงโดยแม่นมหลี ตอนทีนางเดินเข้าไปด้านในหุ ยชุนถังนัน เด็กหน้าร้านทีมองเห็นนางตังแต่


แรก จึงรี บวิงเข้าไปต้อนรับด้วยความกระตือรื อร้น “ฮูหยินมาตรวจไข้หรื อว่ามาซื อสมุนไพรขอรับ !”

ลูกชายได้จริ งหรื อไม่ ?” มู่หรงโหรวปราย


“ได้ยนิ มาว่าโรงหมอของพวกเจ้ามีตาํ รับลับทีสามารถช่วยให้ตงครรภ์

ตามองเด็กหน้าร้าน ไม่พดู จาไร้สาระให้มากความ ถามความสงสัยภายในใจออกไปตรง ๆ

เด็กหน้าร้านชะงักไปครู่ หนึ ง กวาดตามองมู่หรงโหรวอย่างละเอียด เห็นนางอยูใ่ นชุดสี เหลืองนวลเส้นผมดกดํา


ม้วนสู งปั กด้วยปิ นเงินก้านหนึง ใบหูประดับไว้ดว้ ยตุม้ หูเงินธรรมดาคู่หนึ ง แต่งกายเรี ยบง่าย ทําให้ผคู้ นล้วนคาด
เดาฐานะของนางไม่ออก ใบหน้าผัดไปด้วยแป้ งฝุ่ นสี ขาวนวลเต็มใบหน้า มีเพียงดวงตาแหลมคมทังสองข้างที
เผยออกมา ไม่สามารถเดาถึงสถานะของนางได้ !

ก็แค่มาขอเคล็ดลับการตังครรภ์ลูกชายมิใช่หรื อ เขาเองก็ไม่ได้ปากมากอะไร จําเป็ นจะต้องมาทําตัวลึกลับเช่นนี


เชียวหรื อ ? นางไม่ตอ้ งการเปิ ดเผยฐานะของตน เขาก็ขีเกียจจะไปสอบถามให้มากความ
ภายในใจของเด็กหน้าร้านรู ้สึกดูหมินเหยียดหยาม แต่ดวงตาบนหน้าประดับไว้ดว้ ยรอยยิมหยี “ใช่แล้วขอรับ
เคล็ดลับการตังครรภ์บุตรชายนันถือเป็ นสมบัติลาค่
ํ าประจําโรงหมอของเรา !”

“มีคนเคยใช้ตาํ รับลับมาก่อนไหม ? ผลลัพธ์เป็ นอย่างไร ?” นีถึงจะเป็ นคําถามทีมู่หรงโหรวให้ความสําคัญเป็ น


พิเศษ นางนันไม่อยากจ่ายเงินออกไปมากมายแต่สุดท้ายได้ตาํ รับลับทีไร้ประโยชน์กลับมา

“ฮูหยินวางใจได้ขอรับ หุ ยชุนถังเปิ ดกิจการในเมืองหลวงมาแล้วห้าหกปี เทียบยาทีใช้ออก ตัวยาและสมุนไพรที


จ่ายไปล้วนแล้วได้ผล ถ้าหากท่านใช้ตาํ รับลับนี แล้วไม่ได้ผล สามารถมาทําลายป้ ายหน้าร้านของพวกเราได้ทุก
เวลา......” เด็กหน้าร้านกล่าวเน้นทีละคํา นําเสี ยงเต็มไปด้วยความโอ้อวด

มู่หรงโหรวพยักหน้าเบา ๆ ในเมืองหลวงหุ ยชุนถังค่อนข้างทีจะมีชือเสี ยง แน่นอนว่าไม่จาํ เป็ นทีจะต้องทําเพือ


เทียบยาแผ่นเดียว แล้วยอมถูกทําลายชือเสี ยงของตัวเองในเมืองหลวงทีสังสมมานานปี “ข้าตังใจทีจะซื อเทียบยา
เทียบนัน เจ้าบอกราคามาเถอะ !”

“เอ่อ......” อยู่ ๆ รอยยิมอย่างมันอกมันใจของเด็กหน้าร้านก็พลันแข็งค้างลง เขายิมขึนอย่างลําบากใจ “ไม่ขอ


ปิ ดบังท่าน ตํารับลับอันนันเป็ นสิ งของทีตกทอดมาในตระกูลของเจ้านายของพวกเรา ถูกเก็บรักษาไว้ในมือของ
นายท่านมาโดยตลอด ถ้าท่านอยากได้ตาํ รับลับจําเป็ นจะต้องไปพูดคุยกับนายท่านอย่างละเอียดดวยตัวเองแล้ว !”

ใช้ตาํ รับลับทําให้ตงครรภ์
ั ลูกชาย นับว่าไม่ใช่เรื องทีมีเกียรติอะไร นางเพียงต้องการทีจะซื อตํารับลับกลับไป
ิ อยเท่าไหร่ กย็ งดี
อย่างเงียบ ๆ พบคนได้ยงน้ ิ แต่คาดไม่ถึงว่าเด็กหน้าร้านทีอยูต่ รงหน้ากลับเป็ นคนทีไม่มีอาํ นาจ
ในการตัดสิ นใจ......
ในใจของมู่หรงโหรวรู ้สึกหงุดหงิดขึนมาเล็กน้อย กล่าวขึนอย่างเสี ยอารมณ์ “ถ้าเช่นนันนายท่านของพวกเจ้า
ตอนนีอยูท่ ีใด ?”

“ข้าอยูน่ ี !” เสี ยงอ้อแอ้ไม่ชดั เจนดังขึน ตามมาด้วยร่ างของชายผูห้ นึงทีแหวกม่านเดินออกมา อายุของเขา


ประมาณสี สิ บปี อยูใ่ นชุดสี นาเงิ
ํ นเข้ม สายรัดเอวดูค่อนข้างหลวม คล้ายกับมัดแต่ก็คล้ายกับไม่ได้มดั ผมเผ้า
ค่อนข้างยุง่ เหยิง ดวงตาสะลึมสะลือและมีสีแดงน้อย ๆ เหมือนกับว่ายังนอนหลับไม่ตืนดี

เขาเดินเข้ามาทีละก้าวทีละก้าว ค่อย ๆ เดินมาด้านหน้าด้วยท่าทางทีโซซัดโซเซ ดูแล้วเหมือนกับว่าจะสามารถล้ม


ลงได้ทุกเมือ !

เด็กหน้าร้านยืนปากออกมาเล็กน้อย เร่ งรี บเดินเข้าไปพยุงเขา “นายท่านสี ข้าน้อยจะไปต้มชาแก้เมาให้ท่าน !”


อาการเมาค้างของเขาจนกระทังป่ านนีแล้วก็ยงั ไม่ได้สติครบถ้วนดังเดิม นายท่านผูน้ ี ช่างเป็ นคนทีน่าทึงยิงนัก

“ไม่จาํ เป็ น !” ชายวัยกลางคนสะบัดมือ ผลักเด็กหน้าร้านออกไปด้านข้าง เดินไปด้านหน้าของมู่หรงโหรวอย่าง


ช้า ๆ มองอย่างผูท้ ีอยูเ่ หนื อกว่า “เจ้าอยากซื อตํารับลับทีใช้สาํ หรับตังครรภ์ลูกชายทีสื บทอดกันมาจากบรรพบุรุษ
ของตระกูลข้าอย่างนันหรื อ ?”

ลมปากทีเต็มไปด้วยกลินเหม็นของเหล้าทียังตกค้างอยูพ่ ุ่งโชยเข้ามากระทบใบหน้าของนาง มู่หรงโหรวทีโดน


กลินเหม็นกระทบใบหน้าขมวดคิวเข้าหากัน “ไม่ผดิ บอกราคามาเถอะ”
“ฮ่า ฮ่า !” ชายวัยกลางคนหัวเราะแห้ง ๆ สองครัง เขาทรุ ดตัวนังลงบนเก้าอีทีอยูด่ า้ นข้าง ยกชาร้อนด้านหน้า
ขึนมาจิบลงไปเสี ยอึกหนึง แววตาดูมีสติหวนคืนมาไม่นอ้ ย มองไปทางมู่หรงโหรวคล้ายยิมคล้ายมิยมิ “ตํารับลับ
ขนานนี ทําให้ผคู ้ นมีลูกหลานสื บสกุล ทําให้ทงครอบครั
ั วมีความสุ ขสมหวัง เรื องราคานันแน่นอนว่าไม่เบา......”

“ท่านอยากได้เท่าไร ? เชิญบอกราคามาเถอะ” มู่หรงโหรวตัดบทสนทนาของเขาอย่างหมดความอดทน แววตา


วูบไหวไปด้วยความรังเกียจทีไม่แม้แต่จะปิ ดบัง ถ้าหากไม่ใช่เพือตํารับลับแล้ว นางไม่มีทางทีจะทนยืนอย่างเงียบ
สงบอยูอ่ ย่างนี แล้วพูดคุยกับคนขีเหล้าเป็ นแน่

“ข้ามิได้ตอ้ งการเงินตําลึง !” อยู่ ๆ ชายวัยกลางคนก็เปิ ดปากพูดขึน

มู่หรงโหรวชะงักไป “เจ้าไม่ตอ้ งการเงินตําลึง ? ถ้าเช่นนันเจ้าต้องการอะไร ?”

ชายวัยกลางคนมองมาทีนาง กดนําเสี ยงให้ตาลงท่


ํ าทางลึกลับ “ข้าอยากให้ฮูหยินจัดการเรื องการแต่งงานของข้า
ข้าต้องการหญิงสาวทีอายุตากว่
ํ ายีสิ บปี ลูกสาวขุนนางทีมีรูปลักษณ์งดงาม......”

มู่หรงโหรวอดไม่ได้ทีจะยิมเยาะ แววตาของนางเต็มไปด้วยความดูถูก “เจ้าก็เป็ นแค่พ่อค้าทีเปิ ดร้านขายยาตําต้อย


ทังยังอายุมีเกือบสี สิ บปี ยังคิดทีจะแต่งเอาคุณหนูสาวสวยจากจวนขุนนางเข้าบ้าน นีเจ้าเมาจนเลอะเลือนแล้วหรื อ
? คางคกต้องการกินเนือหงส์ ดูแล้วเป็ นวิธีการกินทีไม่เหมาะสมกับตัวเจ้าเท่าไหร่ นกั ”

สี หน้าของชายวัยกลางคนมืดครึ มจนน่ ากลัว เขาถลึงตามองไปทางมู่หรงโหรวอย่างชัวร้ายกล่าวเน้นทีละคํา “ข้า


เป็ นลูกพีลูกน้องของขุนนางชันสองกรมกลาโหมแซ่ สวีแล้วตอนนียังดํารงตําแหน่งขุนนางกรมโยธา ไม่ใช่พ่อค้า
ผูต้ าต้
ํ อยอะไร......”
ตอนที 103 เผชิญหน้ าศัตรู

ขุนนางชันสองกรมกลาโหม ? ลูกพีลูกน้อง ? ขุนนางกรมโยธา ?

คําสําคัญหลัก ๆ หลายคําลอยเข้าหู มู่หรงโหรวชะงักไป นึ กถึงฐานะของชายตรงหน้า เขาเรี ยกว่าสวีเหวิน อายุ


สามสิ บหกปี ภรรยาสิ นใจไปนานแล้ว มีลกู หนึ งคน

เขาไม่มีความสามารถอะไร ใช่จ่ายเงินทองไปมากมายในการหาเส้นสาย ลงทุนลงแรงอย่างเหนือยยากถึงจะได้


เป็ นขุนนางกรมโยธา ไม่ขอความก้าวหน้า แต่วนั ๆ กลับใฝ่ ฝันว่าอยากจะสู่ ขอลูกสาวทีงดงามของเหล่าขุนนาง
มาเป็ นภรรยาของตนให้ได้

เหล่าตระกูลชนชันสู งพอได้ฟังคํากล่าวอันเพ้อฝันของเขาทังหมดล้วนหัวเราะเยาะดูถูก นางก็ได้ยนิ เรื องราวขํา


ขันของเขามาโดยตลอดเช่นกัน ทังยังขําขันตามไปด้วย แต่ไม่คิดว่าวันนี นางจะได้ยนิ ความปรารถนาทีถือดีใน
การสู่ ขอภรรยาของเขากับหูตวั เอง ช่างน่าขันยิงนัก !

เมือสวีเหวินเห็นว่านางมองมาไม่กล่าววาจาใด ทังยังมีแววตาทีเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยอย่างไม่ปิดบัง ก็อดไม่ได้ที


จะโมโห “เจ้าขําอะไร ?”
เพียงพริ บตาเดียวมู่หรงโหรวก็หลุดจากภวังค์ กล่าวขึนด้วยท่าทางคล้ายยิมคล้ายมิยมิ “สวีเตียนซื อ อายุอานาม
ของท่านก็ใกล้จะสี สิ บแล้ว อายุของลูกชายเจ้าก็มากว่าลูกสาวของชาวบ้านชาวช่อง ยังจะอยากแต่งพวกนางมา
เป็ นจีซื อ(ภรรยาหลักคนทีสองเป็ นต้นไป)อีกหรื อ นี ท่านไม่คดิ ว่าตนเองแก่จนไร้ยางอายเกินไปแล้วหรื ออย่างไร
......”

ใบหน้าของสวีเหวินเขียวคลํา “ข้าเป็ นขุนนางกรมโยธา เป็ นขุนนางของราชสํานัก ตามธรรมเนียมแล้วควรแต่ง


กับหญิงสาวจากจวนขุนนางทีใสสะอาดมาเป็ นภรรยา......” หญิงสาวทีชิงเหยียนมักจะแต่งงานเร็ ว หญิงสาวอายุ
ตํากว่า20ทียังไม่มีเจ้าของ มีเพียงผูท้ ีถูกหย่าร้างหรื อไม่กเ็ ป็ นม่ายสองอย่างนีเท่านัน ซึ งเขาล้วนไม่สนใจ......

“เดือนทีแล้ว มิใช่ว่าคนดูแลม้าหลวงและราชรถของฮ่องเต้แต่งงานกับหญิงสาวทีมีใบหน้างดงามดังมวลบุบผา
นางหนึงเป็ นเถียนฝาง (ภรรยาหลวงทีแต่งหลังจากภรรยาหลวงคนเดิมสิ นไป) หรอกหรื อ ?” อายุของตัวเขากับ
เขานันก็ห่างกันไม่มาก หากเขาสามารถแต่งหญิงสาวทีสวยสดงดงามเป็ นจีซื อได้ ตัวเขาเองแน่ นอนว่าก็ตอ้ งทํา
ได้ !

มู่หรงโหรวยิมอย่างดูหมิน “คนอืนเขาเป็ นถึงขุนนางชันผูใ้ หญ่ขนสาม


ั มีบารมี ทังยังมีอาํ นาจและฐานะสู งส่ ง
แน่นอนว่าต้องมีขนุ นางไม่น้อยทีอยากให้ลูกสาวของตนไปเป็ นจีซื อของเขา แล้วท่านล่ะ ? กงปู้ เตียนซื อ ขุนนาง
ชันผูน้ อ้ ยน้อยจนไร้ขนั ใบหน้ารู ปลักษณ์ก็ธรรมาดาเสี ยจนหากโยนเข้าไปในฝูงชนก็คงไม่มีทางทีใครจะหาเจอ
......”

อย่าได้พูดถึงคุณหนู อายุยงั น้อยในจวนขุนนาง แม้แต่ลกู สาววัยแรกแย้มของพวกชาวบ้าน มาตรว่าคงไม่แม้แต่


ชายตามองเขา......
โคแก่กินหญ้าอ่อนไม่ใช่วา่ ไม่ได้ แต่กไ็ ม่ใช่ว่าโคแก่ทุกตัวจะมีคุณสมบัติฐานะทีสามารถกินหญ้าอ่อนได้......

สี หน้าของสวีเหวินเคร่ งขรึ มจนดูน่ากลัว ถลึงตามองไปทีมู่หรงโหรว กัดฟันกรอด “ฮูหยินท่านนี ผูส้ วีมาหารื อ


การค้ากับท่านไม่ได้มาฟังท่านเยาะเย้ยดูถูก ถ้าท่านคิดว่าข้อเสนอของผูส้ วีเกินจะรับได้ ก็สมควรทีจะจากไป !”

“ถ้าเช่นนันก็ขอลา สวีเตียนซื อหวังว่าคงได้พบกันใหม่ !” มู่หรงโหรวกล่าวขึนอย่างเฉยชา ลุกยืนขึน เดินออกไป


ด้านนอกไม่หันหัวกลับไปมองอีก

เตียนซื อ ขุนนางกรมโยธาชันผูน้ อ้ ยทีไร้ขนั มาอยูใ่ นเมืองหลวงทีมีขนุ นางชันผูใ้ หญ่มากมายดูแล้วไม่คอ่ ยเข้า


พวกนัก ต่างชันกับจวนอู่อนั โหวของนางตังหนึงแสนแปดหมืนลี เขาไม่รู้ว่านางเป็ นใคร ดังนันนางจึงไม่ตอ้ ง
หวาดกลัวเขา

มองไปยังเงาร่ างทีค่อย ๆ ไกลออกไปของนาง สวีเหวินยกแก้วชาขึนขว้างลงไปทีพืนอย่างแรง ได้ยนิ เสี ยง


‘เพล้ง’ ดังขึนเสี ยงหนึ ง เศษแก้วชาแตกกระจายไปทัว !

เขาไม่แยแสเศษแก้วพวกนันแม้แต่น้อย ถลึงตามองไปทีมู่หรงโหรวอย่างเกลียดชังแววตาลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ
เขาเห็นเสื อผ้าของนางไม่ธรรมดา ดูมีสง่าราศี เหมือนเป็ นฮูหยินของจวนขุนนาง ถึงได้ยอมพูดคุยเรื องการค้าขาย
กับนาง คาดไม่ถึงว่า นางไม่ว่าจะเปิ ดปากหรื อปิ ดปากก็ลว้ นแต่ดูถูกเยาะเย้ยเขา นิ สัยใจคอแย่เช่นนีถึงได้ไม่
สามารถให้กาํ เนิดบุตรชายได้ เขาขอสาปแช่งให้นางไร้ลกู หลานสื บสกุล !
เมือเดินออกไปจากหุ ยชุนถัง แม่นมหลีก็หนั กลับไปมองป้ ายร้านทีแขวนไว้ดา้ นบน พลางกล่าวเสี ยงตําว่า “ฮูหยิ
นพวกเราจะจากไปเช่นนี จริ ง ๆ หรื อ ?” ตํารับลับการมีลูกชายแน่ นอนว่าไม่ได้พบเจอกันง่าย ๆ

มู่หรงโหรวหรี ตาลง “ในชิงเหยียนมีหมอทีฝี มือสู งส่ งมากมาย สวีเหวินมีตาํ ราลับได้ โรงหมออืนก็มีได้ พวกเราก็
ไม่ตอ้ งเร่ งรี บให้มากนัก ค่อย ๆ ดูไปเถอะ !”

นางพกพาความจริ งใจมาขอตํารับลับตังสิ บสองส่ วน ถ้าหากว่าสวีเหวินต้องการเด็กสาวทีมีใบหน้างดงามเป็ นข้อ


แลกเปลียน นางก็คงสามารถไตร่ ตรองดูได้ แต่กลับต้องการหญิงสาวจากจวนขุนนางทีหน้าตาสะสวยเป็ นภรรยา
? ก็ปล่อยให้เขาฝันกลางวันของเขาต่อไปเถอะ !

ข้อเรี ยกร้องและข้อกําหนดในตัวภรรยาคนใหม่ของสวีเหวินทําให้เขากลายเป็ นตัวตลกของเมืองหลวงมานาน


แล้ว ผูค้ นชนชันสู งเมือพูดถึงเขา นอกจากจะเยาะเย้ยแล้วก็ยงั ดูถูกเหยียดหยาม ไม่ว่านางจะไปเป็ นแม่สือให้สวี
เหวินทีจวนไหน ผูค้ นคงได้ไล่ตะเพิดนางออกมาอย่างไม่ไว้หน้าแน่ นางยังมิอยากจะเสี ยหน้า ทังยังไม่อยากถูก
ผูค้ นหัวเราะเยาะจนฟันร่ วง.....

“เจ้าค่ะ !” แม่นมหลีพยักหน้า “ยามอู่แล้วท่านจะกลับจวนเลยไหม ?”

“ตอนนียังไม่กลับ ไปทีจวนเจินกัวโหวก่อน !” แววตาของมู่หรงโหรวลําลึก ไม่ได้ไปเยือนจวนเจินกัวโหวนาน


แล้ว ได้ขา่ วว่าท่านแม่ได้รับบาดเจ็บ พีสองกับพีสะใภ้สองทีห่ างหายกันไปสิ บปี ก็กลับมาแล้ว นางอยากจะไป
เยียมเยียนเสี ยหน่อย !
ภายใต้แสงอาทิตย์อนั อบอุ่นทีสาดส่ อง จวนเจินกัวโหวยังคงมีบรรยากาศเงียบสงบเช่นเดิม ประตูจวนด้านหน้ามี
ทหารยามยืนอยูซ่ ้ายคนขวาคน คุม้ กันประตูใหญ่ดว้ ยสี หน้าไร้อารมณ์

มู่หรงโหรวลงจากรถม้าแล้วเดินขึนบันไดไปโดยมีแม่นมหลีคอยจับจูง พอก้าวเข้าไปด้านในก็เห็นเด็กสาวนาง
หนึ งวิงพุ่งเข้ามาด้วยความรวดเร็ ว ใบหน้ากระทบเข้ากับร่ างกายของนาง ใบหน้าเรี ยวเล็กทีงดงาม ร่ างกายทีดูดี
ได้รูป เป็ นลูกสาวทีนางคิดถึงทุกวันทุกคืน ซ่ งชิงเหยียน !

“ท่านแม่ !” เมือซ่ งชิงเหยียนทีมองเห็นนาง แววตาก็วบู ไหวเปล่งประกายพุ่งเข้าไปในอ้อมอกของนาง นําตาไหล


ริ นด้วยความปิ ติยนิ ดี “ท่านแม่ ท่านกลับมาแล้ว ช่างดียงนั
ิ ก !”

นางได้ทราบข่าวว่าท่านแม่ออกจากคุกแล้ว เตรี ยมทีจะกลับไปหาทีจวนอู่อนั โหว คิดไม่ถึงว่าท่านแม่จะกลับมา


หานางทีจวนเจินกัวโหวแทน

มู่หรงโหรวยกยิมบางเบา ยืนมือไปลูบปลอบโยนทีไหล่ของนาง “แม่กลับมาแล้ว ไม่มีทางปล่อยให้เจ้าถูกใคร


รังแกได้อีก”

ซ่งชิงเหยียนค่อย ๆ เช็ดนําตาพยักหน้าหนัก ๆ “ข้ารู ้อยูแ่ ล้วว่าท่านแม่รักข้ามากทีสุ ด !”

แววตาของมู่หรงโหรวเปล่งประกายออกมาด้วยรอยยิมเอ็นดู ค่อย ๆ จัดแจงเสื อผ้าของซ่ งชิงเหยียนให้เรี ยบร้อย


บังเอิญเห็นภายใต้ปกเสื อทีตังสู งของนางถูกโบะไว้ดว้ ยผ้าสี ขาวหนา ๆ กลินยาบางเบาลอยเข้ากระทบจมูก แวว
ตาคมกริ บของนางค่อย ๆ หรี ลง “ชิงเหยียนเจ้าทําไมถึงได้รับบาดเจ็บได้ ?”
ซ่งชิงเหยียนยืดตัวตังตรงขึนก้มหน้าลงมองไปทีบาดแผลทีได้รับการจัดการอย่างเรี ยบร้อยแล้วของนาง กล่าวขึน
อย่างมีอารมณ์ “เป็ นฝี มือของมู่หรงเสวียเจ้าค่ะ นางเอานําแกงร้อนสาดลงบนตัวข้า......”

แววตาของมู่หรงโหรวเย็นยะเยือกพลางเร่ งกล่าวขึน “ถ้าเช่นนันบาดแผลของเจ้าจะกลายเป็ นรอยแผลเป็ น


หรื อไม่ ?”

“ไม่เป็ นเจ้าค่ะ ท่านหมอบอกว่ารักษาทันเวลา เพียงแค่ขา้ ใส่ ยาตรงเวลา ไม่เกินสามเดือนบาดแผลก็จะหายกลับ


เป็ นปกติดงั เดิม ดูไม่ออกว่าเคยมีแผลทีโดนนําร้อนลวกมาก่อน !” ซ่ งชิงเหยียนพูดยิมตาหยีแววตาเต็มไปด้วย
ความภาคภูมิ

“เป็ นเช่นนันก็ดี !” มู่หรงโหรวถอนหายใจโล่งอก ลูกสาวของนางมีผิวขาวเรี ยบเนี ยนดังกระเบือง เป็ นสิ งหนึงที


จะช่วยมัดใจให้สามีหลงรัก ถ้าหากมีแผลเป็ นเก้าในสิ บจะถูกสามีทิงขว้าง ไม่อาจจะมีชีวิตทีมีความสุ ขได้ดงหวั
ั ง
......

‘กุบกับ กุบกับ’ เสี ยงยําของกีบเท้าม้าทีวิงอย่างรวดเร็วลอยเข้ากระทบหู มู่หรงโหรวหลุดจากภวังค์เงยหน้าขึน


มองเห็นคุณชายโอวหยางขีม้าเร็ วตัวหนึ ง ทีด้านบนมีมู่หรงเสวียนังอยูด่ ว้ ยวิงเข้ามาจากประตูจวนเจินกัวโหว

มู่หรงเสวียพลิกกายลงจากหลังม้าด้วยท่าทางสง่างามและคล่องแคล่ว แล้วหันไปมองคุณชายโอวหยาง “วันนีมี


ธุระด่วน คงไม่เชิญท่านเข้ามาดืมชาแล้ว เปลียนเป็ นวันอืนแล้วกัน”
“ได้สิ !” คุณชายโอวหยางพยักหน้ามองไปทีนางพลางยิมน้อย ๆ “ถ้าอยากรู ้ทีอยูข่ อง ‘พวกมัน’ เจ้าสามารถมา
สอบถามข้าทีวังเซี ยวเหยาอ๋ องได้ทุกเมือ”

“ข้ารู ้แล้ว !” มู่หรงเสวียพยักหน้า “เวลาก็ล่วงเลยมานานมากแล้ว ท่านก็รีบกลับวังไปรับสําหรับเถอะ เดินทาง


ระมัดระวัง......”

“ตกลง !” พอได้ฟังคําพูดจัดแจงเสร็ จสรรพจากนางแววตาของคุณชายโอวหยางวูบไหวไปด้วยรอยยิมบางเบา


บังคับม้าให้กลับหลังพุ่งออกไปทางวังเซี ยวเหยาอ๋ อง......

ม้าเร็ วเลียวออกไปจนลับสายตา มู่หรงเสวียดึงสายตากลับหมุนกายพอดีพบเข้ากับมู่หรงโหรวสองแม่ลูกทียืนอยู่


ไม่ไกล......
ตอนที 104 สลบ

เพิงจะกลับถึงจวนก็เจอเข้ากับพวกนางสองแม่ลูกเสี ยแล้ว ช่างเป็ นศัตรู ทีไม่ว่าจะหลีกหนี ยงั ไงก็ยงั หนี ไม่พน้ !

มู่หรงเสวียเลิกคิวทําเป็ นมองไม่เห็น และค่อย ๆ เดินผ่านทังสองคนไปทีจวนฝ่ ายใน มุมปากยกยิมงดงาม ซ่ งชิง


เหยียนมองดูแล้วช่างรู ้สึกขัดตายิงนัก นางก้าวเดินออกไปยังด้านหน้าหนึ งก้าว ขวางทางเดินของมู่หรงเสวีย
เอาไว้ แล้วกล่าวขึนอย่างโมโห “มู่หรงเสวีย พบเจอผูห้ ลักผูใ้ หญ่ทาํ ไมเจ้าถึงไม่กล่าวทักทาย มารยาทของหญิง
สาวชนชันสู งของเจ้าเรี ยนมาจากท้องสุ นัขหรื ออย่างไร ?”

มู่หรงเสวียจ้องมองนาง สบถขึนอย่างดูถูก “เจ้านันแหละทีอยู่ ๆ ก็พ่งุ เข้ามาร้องเรี ยกวุน่ วายกับพีสาวของเจ้า ถึง


จะพูดได้ว่าเป็ นมารยาทของหญิงสาวชนชันสู งทีเรี ยนมาจากท้องสุ นขั !”

“เจ้า......” อารมณ์ของซ่ งชิงเหยียนพุ่งขึนสู ง นางถลึงตามองมู่หรงเสวียด้วยความเกลียดชัง แววตาลุกโชนไปด้วย


ไฟโกรธทีแทบจะพ่นออกมาได้

“สุ นขั ดี ๆ มันไม่ขวางทาง ไสหัวไป !” มู่หรงเสวียกล่าวขึนอย่างหมดความอดทน นางผลักซ่ งชิงเหยียนออก


อย่างไม่แยแส เดินต่อไปด้านหน้าด้วยท่าทีสง่าผ่าเผย นางอยูใ่ นทางลับมาเกือบครึ งชัวยาม เสื อผ้า เส้นผม
รองเท้าล้วนเปรอะเปื อนไปด้วยกลินเหม็นเน่ าไม่มากก็นอ้ ย และรู ้สึกไม่สบายตัวเป็ นอย่างมาก อดทนทีจะไป
อาบนําทีเรื อนหิ มะโปรยเพือชําระล้างกลินเหม็นออกไปแทบไม่ไหว ขีเกียจจะต่อปากต่อคํากับซ่ งชิงเหยียนให้
มากความ !
ซ่งชิงเหยียนทีไม่ทนั ได้ตงตั
ั วก็โดนนางผลักจนเซออกไปเสี ยหลายก้าวจนเกือบจะล้ม หลังจากทีกลับมายืนได้
อย่างมันคงนางก็เงยหน้ามองไป เห็นมู่หรงเสวียกําลังเดินลอยชายออกไปอย่างสบายอกสบายใจไปตามทางเดิน
กลับเรื อนหิ มะโปรย

ดวงตาของนางแดงกําค่อย ๆ พิงร่ างเข้าไปในอ้อมอกของมู่หรงโหรว แล้วร้องไห้ขนเสี


ึ ยงดัง “ท่านแม่ ท่านดูมู่
หรงเสวียสิ เจ้าคะ นางทําตัวอวดดีเกินไปแล้ว !” เสี ยงร้องไห้อย่างทีไม่ได้รับความยุติธรรมแสบแก้วหูจนมู่หรง
โหรวต้องเลิกคิวขึน ยืนมือไปปลอบทีหลังของนางเบา ๆ แล้วกล่าวเสี ยงตํา “ความสัมพันธ์ของมู่หรงเสวียกับ
คุณชายโอวหยางดีมากเลยหรื อ ?”

“พวกเขาขีม้าตัวเดียวกันโอบกอดกัน ไหนเลยจะความสัมพันธ์ทีไม่ดี ดีจนไม่รู้จะดียงั ไงแล้วเจ้าค่ะ !” ซ่ งชิงเห


ยียนพูดขึนอย่างเกลียดชัง แววตาของนางเต็มไปด้วยความโกรธเกลียดและริ ษยา

มู่หรงเสวียมีความสัมพันธ์ทีดีกบั คุณชายโอวหยาง สําหรับพวกนางแล้ว ช่างเป็ นเรื องทีเลวร้ายนัก !

มู่หรงโหรวค่อย ๆ หรี ตาลง “มู่หรงเสวียอยูใ่ นจวนเจินกัวโหวล้วนทําตัวถือดีเช่นนีตลอดเลยหรื อ ?”

“ไม่เพียงแค่อวดดีเท่านัน แต่ในสายตาของนางมองไม่เห็นหัวผูใ้ ด !” ซ่ งชิงเหยียนกล่าวขึนอย่างเกลียดชัง แววตา


ลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ “ไม่กีวันก่อน ตอนทีท่านลุงสองกลับมา ท่านอยากจะเอาหนังสื อทีเกินออกมาเก็บเข้า
ห้องหนังสื อใหญ่ แต่ม่หู รงเสวียก็ไม่ยนิ ยอม นางบีบคันให้ไฉจิงยัดหนังสื อกลับไปไว้ทีห้องหนังสื อเล็กของท่าน
ลุงสอง......”
“ยังมีอีกนะเจ้าคะ ท่านยาย ท่านลุงสองกับพีจีแม้แต่พ่อบ้านไฉจิงก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทังหมดล้วนเป็ นมู่หรง
เสวียทีลงมือ หญิงสาวทีนําพาแต่เคราะห์ร้ายนางนี หากนางยังอยูท่ ีนี พวกเราคงได้พบแต่เรื องร้าย ๆ แน่นอนเจ้า
ค่ะ......”

ห้องหนังสื อใหญ่ของจวนเจินกัวโหวเป็ นห้องทีมีไว้ให้เจินกัวโหวใช้สอยโดยเฉพาะ คนนอกไม่มีทางทีจะเข้าไป


ได้โดยง่าย พีสองทีคิดจะเอาหนังสื อเข้าไปไว้ในห้องหนังสื อใหญ่กเ็ พือทีอยากจะประกาศศักดิฐานะของตัวเอง
ในจวนเจินกัวโหว แต่น่าเสี ยดาย กลับถูกมู่หรงเสวียมองออกเสี ยก่อน ขัดขวางและส่ งหนังสื อกลับไป การปะมือ
ระหว่างเขากับมู่หรงเสวียเป็ นเขาทีแพ้ไปในทีสุ ด !

แม้แต่พีสองก็พ่ายแพ้ดว้ ยฝี มือของมู่หรงเสวียอย่างนันหรื อ มู่หรงเสวียช่างไม่ธรรมดานัก พวกนางไม่สามารถที


จะย่อหย่อนใจได้อีกต่อไปแล้ว จะต้องอาศัยตอนทีนางยังไม่มีอาํ นาจทีแข็งแกร่ ง กําจัดนางให้จนได้ !

แววตาของมู่หรงโหรววูบไหวไปด้วยความอํามหิ ต “แม่นมหลี เจ้าไปทีหุ ยชุนถังอีกรอบ บอกสวีเหวินว่าข้าตอบ


รับข้อเสนอของเขา จะจัดส่ งหญิงสาวหน้าตางดงามดังเทพเซี ยนจากจวนขุนนางไปเป็ นจีซื อของเขาอย่าง
แน่นอน”

“เจ้าค่ะ !” แม่นมหลีกล่าวเสี ยงตํา รับคําสังแล้วเดินออกไป

มู่หรงโหรวหันหน้ามองไปทีทิศทางของเรื อนหิ มะโปรย มุมปากยกยิมเย็นชา จวนเจินกัวโหวเป็ นถือเป็ นสถานที


ของพวกนางสามแม่ลูก มู่หรงเสวียหญิงสาวกําพร้าทีไร้พ่อแม่ อยูใ่ นจวนโหวใช้ชีวิตหรู หราทําตัวหยิงยโสถือดี
มาเป็ นเวลานาน ทําให้พวกนางต้องอยูใ่ นสภาพทีกลํากลืนฝื นทนเช่นนี คงถึงเวลาแล้วทีนางจะต้องชดใช้ผล
กรรมของตัวเอง รับโทษจากความผิดทีเลวร้ายทีนางได้กระทําเอาไว้......

มู่หรงเสวียเป็ นคนรักสะอาด นางแช่อยูใ่ นอ่างอาบนําทีโรยไปด้วยกลีบของดอกไม้มาได้ครึ งชัวยามกว่า ๆ แล้ว


แน่ใจว่าทัวร่ างกายทังบนและล่างล้วนชําระล้างจนสะอาดเอียมอ่อง ไม่หลงเหลือกลินเหม็นโชยออกมาอีก นาง
จึงก้าวออกจากอ่างนําอย่างช้า ๆ

ใช้ผา้ สี ขาวอ่อนนุ่ มและสะอาดสะอ้านซับหยดนําบนร่ างกายของตัวเอง หยิบเอาชุดสี เขียวอ่อนทีแขวนไว้บนฉาก


กันมาสวมใส่ ลงบนตัว แล้วค่อย ๆ เดินออกจากฉากกัน !

ภายในห้องเงียบสงบไม่มีเงาร่ างของผูใ้ ด กระถางธูปทองคําด้านในโชยไปด้วยกลินกํายานทีหอมอบอวลไปทัว


ห้อง

มู่หรงเสวียขมวดคิว เรี ยกเสี ยงเบา “หงซิ ว อันเซี ยง !”

รอบด้านเงียบเชียบ นอกจากความเงียบทีตอบรับกลับมา ก็มีแต่ความเงียบ !

มู่หรงเสวียขมวดคิว ก็แค่สังพวกนางให้ไปเอาข้าวต้มกับกับข้าวทีห้องครัว ทําไมตังนานแล้วยังไม่กลับมาอีก ?


สายลมเย็นสบายสายหนึงพัดผ่านเข้ามา กลินหอมสดชืนภายในห้องเพิมมากขึน ความรู ้สึกง่วงค่อย ๆประดัง
ขึนมา มู่หรงเสวียหาวเบา ๆ และเดินนวยนาดไปทีริ มขอบเตียง เลิกผ้าห่ มออกและเอนกายลงบนเตียง !

เพือการสื บเสาะหาสมบัติ ทําให้ไม่กีวันมานีนางเลยไม่คอ่ ยได้พกั ผ่อนอย่างเต็มทีเท่าไหร่ นกั ทังยังขีม้าโดยไม่


หยุดพักไปมาระหว่างทีซ่ อนสมบัติกบั จวนเจินกัวโหวตังรอบหนึง ช่างเหน็ดเหนื อยยิงนัก พักผ่อนก่อนสักหน่อย
ก็แล้วกัน หากหงซิ วกับอันเซี ยงยกสํารับกลางวันกลับมาถึงก็คงจะเรี ยกนางเอง !

ในใจของมู่หรงเสวียคิดเช่นนี พลางห่ มผ้าห่ มแล้วปิ ดตาลง หลับสนิทลงไปอย่างไม่รู้สึกตัว !

‘แอ๊ด’ ประตูห้องทีปิ ดสนิ ทค่อย ๆ เปิ ดออก มู่หรงโหรวเดินเข้าห้องมาอย่างสง่าผ่าเผย ยืนอยูด่ า้ นข้างของเตียง


มองไปทางมู่หรงเสวียอย่างผูอ้ ยูเ่ หนื อกว่า แววตาวูบไหวไปด้วยความรู ้สึกดูถกู ฉลาดปราดเปรื องวางแผน
เก่งกาจแล้วเป็ นอย่างไร ? สุ ดท้ายก็สู้ยาสลบไม่ได้ !

สบถว่าอย่างเหยียดหยามในใจหนหนึง ทันใดนันนางก็กล่าวขึนว่า “สวีเตียนซื อ นีเป็ นจีซื อทีข้าเตรี ยมไว้ให้ท่าน


ท่านถูกใจหรื อไม่ ?”

สวีเหวินเร่ งรี บเดินเข้ามา เขามองไปทางมู่หรงเสวียทีอยูบ่ นเตียง เห็นนางหลับตาปิ ดสนิ ท ขนตายาวพริ มสวยดัง


ผีเสื อเกิดเป็ นเงาทอดยาวลงไปด้านล่าง ริ มผีปากปิ ดสนิท ผิวพรรณเรี ยบเนี ยน ใบหน้าทีกําลังหลับสนิทดูสุข
สบายจนผูท้ ีพบเห็นอดไม่ได้ทีจะล่วงเกิน !
ผ้าห่ มอ่อนนุ่มห่ มถึงแค่บริ เวณหน้าอก เผยให้เห็นผิวขาวเนียนเรี ยบ กระดูกไหปลาร้าทีได้รูป ผมสี ดาํ ดกสยายลง
มาด้านบนของหน้าอก สี ขาวและสี ดาํ ตัดกันอย่างชัดเจน ทําให้ดวงตาของสวีเหวินตืนตะลึง

“นางเป็ นใคร ?” นําเสี ยงของสวีเหวินค่อย ๆ สันไหวเล็กน้อย สื บเสาะหามานานแรมปี เขายังไม่เคยพบเคยเจอ


กับหญิงสาวทีงดงามเช่นนี มาก่อน

“หลานสาวของข้า มู่หรงเสวีย !” มู่หรงโหรวพูดเน้นทีละคํา ไม่มีปิดบังแม้แต่นอ้ ย แล้วนางเองก็ไม่คิดทีจะปิ ดบัง


ด้วย !

แววตาของสวีเทียนเหวินแข็งค้าง ถลึงตามองมู่หรงโหรวอย่างเกลียดชัง “มู่หรงเสวียเป็ นว่าทีภรรยาของจิงอ๋ อง


เจ้าส่ งนางมาเป็ นจีซื อของข้า อยากจะให้ขา้ รนหาทีตายหรื อไง ?”

มู่หรงโหรวไม่สนใจ กล่าวขึนด้วยเสี ยงตําอย่างลึกลับ “มู่หรงเสวียไม่อยากแต่งเป็ นอนุ ของจิงอ๋ อง จึงวางแผน


ยัวยวนสวีเตียนซื อแล้วขอร้องเป็ นจีซื อของท่าน นีไม่เป็ นการอธิบายทีดีหรอกหรื อ......”

แววตาของสวีเหวินเปล่งประกาย เรื องทีมู่หรงเสวียไม่อยากเป็ นพระชายารองของจิงอ๋ องนันได้แพร่ สะพัดไปทัว


ทังเมืองหลวง ผูค้ นตามตรอกซอกซอยล้วนรับรู ้ทวั เป็ นจีซื อยังดีกว่าเป็ นอนุ เหตุผลทีมู่หรงโหรวพูดออกมา ดู
แล้วยังสามารถฟังขึน เพียงแต่ “ทําเช่นนี......ได้จริ ง ๆ น่ะหรื อ ?”

“มีอะไรทีไม่ได้เล่า ถึงแม้จิงอ๋ องจะโมโห แต่เจ้าก็สามารถผลักความรับผิดชอบไปทีมู่หรงเสวียได้ว่าเป็ นนางเอง


ทีใช้มารยาหลอกล่อ ไม่มีอนั ใดเกียวข้องกับสวีเตียนซื อ” มู่หรงโหรวกล่าวเสี ยงตําขึนอย่างชีนํา ยิมออกมาอย่าง
ร้ายกาจ !

“นีเอ่อ......” แววตาของสวีเหวินวูบไหว ลังเลไม่อาจตัดสิ นใจได้ เขาไม่กล้าแย่งชิงผูห้ ญิงกับจิงอ๋ อง แต่หญิงสาว


ทีงดงามหยดย้อยก็อยูใ่ กล้แค่ตรงหน้า ยากนักทีจะพานพบ สมควรจะจัดการเช่นไรดี ?
ตอนที 105 ทําชัวได้ ชัว

สวีเหวินก้มหัวลงนิงเงียบไม่พดู จาไปช่วงหนึ ง !

มู่หรงโหรวขมวดคิวขึนอย่างรําคาญใจ “สวีเตียนซื อ ตกลงแล้วท่านจะทําหรื อไม่ทาํ ? ถ้ายังคงลังเลยืดเยือต่อไป


เช่นนี แล้วยาสลบหมดฤทธิลง สาวงามแสนสวยผูน้ ี ก็จะไม่มีวนั ทีเป็ นของท่านอีก......”

“นีเอ่อ......” สวีเหวินเร่ งตรึ กตรองครุ่ นคิด เขาค่อย ๆ กัดฟั นตอบอย่างเสี ยมิได้ “ตกลง ข้ายอมรับข้อเสนอของ
เจ้า”

ตายภายใต้ดอกโบตัน ถึงจะกลายเป็ นผีเขาก็ไม่เสี ยใจ หญิงงามเลิศลําตรงหน้าในแผ่นดินนียากนักทีจะได้พาน


พบ เขานันรู ้สึกถูกชะตาและชมชอบนางยิงนัก ถึงสุ ดท้ายจะถูกจิงอ๋ องถลกหนัง เขาก็จะยอมรับมัน !

“สวีเตียนซื อเป็ นคนหลักแหลมนัก ตังแต่บดั นีเป็ นต้นไป มู่หรงเสวียก็ตกเป็ นของท่านแล้ว เชิญท่านค่อย ๆ เชย
ชมนางได้ตามสบาย !” มู่หรงโหรวยกยิมบิดเบียวทีมุมปาก หมุนกายเดินออกไปด้านนอกอย่างช้า ๆ
นางกับมู่หรงเสวียเป็ นศัตรู คู่แค้นต่อกัน แต่ไหนแต่ไรก็อยากจะจัดการสังสอนมู่หรงเสวียให้หนัก ๆ อยูแ่ ล้ว แต่
ว่ามู่หรงเสวียได้หมันหมายกับเย่อีเฉิ น อีกทังยังมีความสัมพันธ์ทีสนิ ทชิดเชือกับคุณชายโอวหยาง ถ้าเกิดนางอาจ
หาญยกมู่หรงเสวียให้เป็ นจีซื อของสวีเหวินอย่างโจ่งแจ้งเปิ ดเผย ไม่วา่ จะเป็ นคุณชายโอวหยางหรื อว่าเย่อีเฉิ น
แน่นอนว่าเขาทังสองจะต้องจัดการนางจนตกอยูใ่ นสภาพตายทังเป็ นแน่

ผูค้ นในสังคมชนชันสู งก็จะหัวเราะเยาะนาง วิพากษ์วิจารณ์นาง ประจานและด่าทอนาง !

นางไม่อยากได้รับความลําบากจากความผิดทีหนักหนาเช่นนัน ทังยังไม่อยากให้ชือเสี ยงถูกทําลายอย่างพินาศ


ย่อยยับ ดังนันนางถึงได้คิดแผนการอันแยบยลเช่นนี ออกมาได้ ใช้ยาสลบทําให้ม่หู รงเสวียหลับใหลแล้วค่อย
ให้สวีเหวินอาศัยช่วงเวลานี ปลุกปลํานาง

พอมู่หรงเสวียสู ญเสี ยความบริ สุทธิ นางก็จะกลายเป็ นหญิงสาวทีมีมลทิน ไม่เหมาะสมกับฐานะของคุณชาย


โอวหยางและเย่อีเฉิ นอีกต่อไป คุณชายชนชันสู งในเมืองหลวงก็จะไม่มีใครทีต้องการตบแต่งกับนางอีก นางก็จะ
ทําได้เพียงแต่งเป็ นจีซื อให้สวีเหวินเท่านัน

สวีเหวินทีได้หญิงงามไปก็จะทําตามสัญญาทีตกลงกันไว้ นําเอาตํารับลับทีช่วยในการตังครรภ์ลูกชายมามอบให้
นาง ถ้าเป็ นไปตามนี นอกจากนางจะสามารถกําจัดศัตรู คู่แค้นได้แล้ว ยังสามารถทีจะมีทายาทสื บสกุลได้อีกด้วย
ถือเป็ นการยิงปื นนัดเดียวได้นกทังสองตัว !

คุณชายโอวหยางกับเย่อีเฉิ นล้วนมีฐานะสู งส่ ง มีสถานภาพเหมือนดังมังกรในหมู่มวลมนุ ษย์ พวกเขาไม่มีทางที


จะยอมแต่งกับหญิงสาวทีมีมลทินเป็ นภรรยาแน่ มู่หรงเสวียทีสู ญเสี ยความบริ สุทธิ ก็จะสู ญเสี ยความรักใคร่ ที
พวกเขามีให้ จากคุณหนูทีมีฐานะสู งส่ งในจวนโหวต้องกลายเป็ นฮูหยินของเตียนซื อทีไร้ซึงความสามารถ
อยากจะให้นางตําตมเท่าไรนางก็จะตําตมเท่านัน เพียงแค่คิดจินตนาการก็ทาํ ให้นางรู ้สึกยินดียงนั
ิ ก!

ฮ่าฮ่า นางอดทนรอดูไม่ไหวแล้วว่าหลังจากถูกปลุกปลํายํายีสภาพของมู่หรงเสวียจะน่ าอนาถเพียงไร......

มู่หรงโหรวมองไปด้านหลังอย่างสุ ขใจคราหนึง เห็นสวีเหวินกําลังยืนโน้มตัวลงไปจากด้านข้างของเตียงนอน


มองไปทีมู่หรงเสวียอย่างหลงใหลชืนชม มือดําคลําสันไหวเบา ๆ ยืนออกไปทีใบหน้าเรี ยวงามของมู่หรงเสวีย
อย่างช้า ๆ......

เมือเห็นว่าเพียงนิ ดเดียวจะสัมผัสโดนใบหน้าของมู่หรงเสวียแล้ว แต่กลับไม่นึกว่าอยู่ ๆ มู่หรงเสวียจะลืมตา


ขึนมา สะบัดมือฟาดเข้าทีคอของสวีเหวิน ได้ยนิ เสี ยงดัง ‘ตุบ’ ดังขึนเสี ยงหนึง ไม่ทนั ทีสวีเหวินจะได้ร้องเรี ยก
สักแอะ ดวงตาของเขาก็พลันเหลือกโปนขึน แล้วล้มลงไปกับพืนอย่างแรง......

ดวงตาของมู่หรงโหรวเบิกกว้าง นางเร่ งรี บวิงออกไปด้านนอก แต่คาดไม่ถึงว่าจะมีเสี ยงแหวกอากาศดังขึน


ด้านหลัง ผ้าสี ขาวผืนหนึงพันเข้ากับเอวของนาง ดึงนางกลับไปอย่างแรงจนล่วงลงกระแทกกับพืนแข็ง ล้มจน
ตาลายพร่ ามัวหัวหมุนจนวิงเวียนไปหมด

มู่หรงเสวียค่อย ๆ เดินเข้ามา ในชุดสี เขียวอ่อนทีเปล่งประกายงดงาม

มู่หรงโหรวถลึงตามองนางอย่างแสนเกลียดชัง แววตาของนางเปล่งประกายเย็นยะเยือก กล่าวขึนด้วยความ


เกลียดชังว่า “เจ้าฟื นขึนเมือไรกัน ?”
“ตังแต่แรกข้าก็ไม่ได้สลบอะไร เพียงแค่ลองแกล้งสลบดูเท่านันว่าใครเป็ นคนทีต้องการทําร้ายข้า !” มู่หรงเสวีย
มองนางอย่างผูท้ ีอยูเ่ หนือกว่า นําเสี ยงเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก

มู่หรงโหรวในใจตืนตระหนก “เจ้ารู ้แต่แรกว่าในควันกํายานนันมีพิษ ?”

“ไม่ผดิ !” แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหวลําลึก ในยุคปั จจุบนั นางเคยเรี ยนวิชายาพิษมาก่อน ยาสลบทีแฝงมากับ


กลินกํายานถึงจะบางเบาแค่ไหน แต่กอ็ ย่าหวังว่าจะหลบซ่ อนจากนางได้

“เช่นนันคําพูดทีข้าพูดกับสวีเหวิน......”

“ข้าล้วนได้ยนิ ทังหมด !” มู่หรงเสวียกล่าวเสี ยงตํายกยิมแปลก ๆ ขึนทีมุมปาก เห็นมู่หรงโหรวหนังตากระตุกหัว


ใจเต้นแรง ก็กล่าวขึนเสี ยงดัง “มู่หรงเสวียเจ้าจะทําอะไร ?”

“วางใจได้ ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าหรอก เพียงแต่อยากให้เจ้ามีสภาพเหมือนกับข้าทีเมือครู่ กลายเป็ นคนทีไร้กาํ ลังต่อต้าน


ทําได้เพียงยอมเป็ นแพะอ้วน ๆ แล้วถูกคนข่มแหงรังแกเท่านัน......” มู่หรงเสวียยกยิมสดใสพลางกล่าวขึน
นําเสี ยงของนางบางเบาเหมือนสายลม

มู่หรงโหรวทีได้ฟังในใจก็รู้สึกตืนตระหนกยิงนัก รวบรวมพละกําลังเรี ยวแรงทีเหลืออยูก่ รี ดร้องขึนเสี ยงดัง


“ช่วย......” คํายังมิทนั ได้ออกไป พลันด้านหน้าปรากฏเข็มเงินสองสายเปล่งประกายวูบไหวเข้ามา ทันใดนันนาง
ก็ใบ้บึง ไม่ว่าจะพยายามอ้าปากร้องเรี ยกเพียงใด ก็ไม่สามารถจะส่ งเสี ยงใด ๆ ออกมาได้อีก ร่ างกายทีบอบบางก็
พลันแข็งทือขึนมา จนสุ ดท้ายก็ไม่สามารถขยับเขยือนเคลือนไหวได้

นางเงยหน้ามองไปทางมู่หรงเสวียอย่างหวาดกลัว !

มู่หรงเสวียทีเห็นก็มิได้สนใจอันใด เพียงแค่กระชากคอเสื อของนางลากนางไปไว้บนเตียง แล้วก็เดินไปที


ด้านหน้าของสวีเหวินบีบปากเขาให้อา้ ออก ยัดเม็ดยาสองเม็ดเข้าไปในปากของเขา

กวาดตามองโดยรอบว่าไม่มีจุดตกหล่น มู่หรงเสวียก็ยดื ตัวตรงขึนแล้วค่อย ๆ เดินออกไปด้านนอก

มู่หรงโหรวถลึงตามองมู่หรงเสวียอย่างเกลียดชังคล้ายอยากจะพูดว่า “เจ้าเอาอะไรให้สวีเหวินกิน ?”

มู่หรงเสวียปรายตามองนางอย่างดูถูกเหยียดหยาม “ตัวเจ้าก็มีตา ไม่ดูเองล่ะ !”

มู่หรงโหรวมองไปทีสวีเหวินก็เห็นขนของเขาลุกชันแล้วค่อย ๆ เปิ ดเปลือกตาขึน แววตาดูพร่ ามัวสะลึมสะลือ ดู


ไม่มีสติ บนใบหน้าผุดเต็มไปด้วยเม็ดเหงือทังยังดูแดงกําอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ !

นีเขา......ถูกวางยาปลุกกําหนัด ! มู่หรงโหรวตืนตระหนก ถลึงตามองมู่หรงเสวียแววตาลุกโชนไปด้วยไฟแห่ ง


ความโกรธแค้นทีสามารถพ่นออกมาจนนางมอดไหม้เป็ นผุยผง !
มู่หรงเสวียไม่แม้แต่แยแส โบกมือไปทางนางด้วยรอยยิมสดใส “ข้าไปก่อนล่ะ นี เป็ นอุบายทีเจ้าวางเอาไว้เองเจ้า
ก็คอ่ ย ๆ เสพสุ ขกับมันไปอย่างช้า ๆ เถอะ !”

เมือมองไปทีแผ่นหลังของมู่หรงเสวียทีค่อย ๆ ไกลออกไป แววตาของมู่หรงโหรวก็เปล่งประกายอํามหิ ต


ั งร่ างของมู่หรงเสวีย มู่หรงเสวียเจ้าช่างชัวร้ายยิงนัก !
เหมือนกับอยากทีจะประทับรอยแผลไปให้ทวทั

สวีเหวินทีถูกยาปลุกกําหนัด ก็มีไอร้อนพวยพุ่งออกมาจากด้านในของร่ างกาย เพียงพริ บตาก็ไหลเวียนไปทัวทัง


ร่ าง ความร้อนทีเข้มข้นพุ่งพ่านไปตามจุดชีพจร เขาทรมานจนต้องคํารามออกมา นึกคิดทีจะหาบางสิ งบางอย่าง
มาปลดปล่อยมันออกไป !

กลินหอมบางเบาทีคล้ายมีคล้ายไม่มีของหญิงสาวกระทบเข้ากับจมูก จิตใต้สาํ นึ กบอกให้หนั ไปทางทีมาของกลิน


หอม ในสายตาทีสะลึมสะลือเห็นบนเตียงนอนไว้ดว้ ยคนผูห้ นึงทีมีรูปร่ างสะสวยและยัวยวนใจ จิตใจของเขา
พริ บตาถูกกระตุน้ เหมือนกับหมาป่ าทีกําลังหิ วโหยแล้วได้พบเข้ากับแพะตัวน้อยทีน่ากิน อดรนทนไม่ไหวทีจะ
พุ่งเข้าไป.......

ร่ างกายบอบบางถูกกดเอาไว้จนเจ็บปวดกลินปากเหม็นเน่าพุ่งเข้ากระทบใบหน้า เหม็นจนมู่หรงโหรวอยากจะ
เป็ นลม คิดอยากจะผลักเขาออก ด่าทอต่อว่าแรง ๆ ตีเขาให้สลบ

แต่นางกลับถูกเข็มเงินสกัดเข้าทีจุดชีพจร ไม่สามารถทีจะพูดได้ และก็ไม่สามารถทีจะขยับได้ ทําได้เพียงยอม


ให้สวีเหวินกระทําการตามใจชอบบนเรื อนร่ างของนาง นําตาแห่ งความอัปยศค่อย ๆ ไหลริ นจนเปี ยกไปทัวทังใบ
หมอน นางมองไปทีท้องฟ้ าสว่างไสวทีด้านนอกของหน้าต่าง กรี ดร้องอย่างหมดหวัง ช่วยด้วย ช่วยด้วย !
มู่หรงเสวียนังอยูบ่ นชิงช้าในจวน ทังแกว่งชิงช้าอย่างสบาย ๆ ทังลิมรสขนมดอกเหมยทียังอุ่น ๆ อย่างละเมียด
ละไม

เสี ยงคํารามกดตําของผูช้ ายรวมถึงเสี ยงเตียงทีสันไหว เดียวเงียบเดียวหายดังเข้าหู มู่หรงเสวียยกยิมมุมปากอย่าง


เย็นชา มู่หรงโหรววางอุบายต่อนางไม่สาํ เร็ จ แต่นางกลับถูกจัดการเสี ยเอง นีก็คงเรี ยกได้ว่าขโมยไก่ไม่สาํ เร็ จแล้ว
ยังสู ญเสี ยข้าวทีใช้หลอกล่อมัน คิดว่าตัวเองฉลาดแต่สุดท้ายกลับต้องสู ญเสี ยเพิมขึนเป็ นสองเท่า

“เด็ก ๆ พวกเจ้าอยูไ่ หน......ไม่ดีแล้ว......คุณหนูใหญ่เกิดเรื องแล้ว......” เสี ยงกรี ดร้องของสาวใช้แก่ ๆ ดังขึนลัน


ั งจวนเจินกัวโหวตืนตระหนกวุ่นวาย
จวน ทําให้ทวทั

มู่หรงเสวียเลิกคิวเบา ๆ คนทีเข้าร่ วมกับอุบายอันยอดเยียมครังนี ถึงกับทนรอไม่ไหวถึงผลลัพธ์ทีจะเกิดขึนขนาด


นีเชียวหรื อ นางยกชาขึนจิบเบา ๆ เช่นนันนางก็จะขอตามนําให้ความร่ วมมือไปกับพวกเขาเสี ยหน่อย !
ตอนที 106 ถูกจับได้ บนเตียง

“เสวียเอ๋ อร์ ......เสวียเอ๋ อร์ ......เจ้าเป็ นอะไรไป......” แซ่ โจวใช้ผา้ เช็ดหน้าปิ ดปากปิ ดจมูก ร้องห่ มร้องไห้วงเข้
ิ ามา
ด้านหลังตามมาด้วยเหล่าบรรดาสาวใช้บ่าวไพร่ ทีพากันยกโขยงพากันวิงกรู เข้ามาในเรื อนหิ มะโปรย

“เกิดอะไรขึน ?”

“ไม่รู้เหมือนกัน......”

เสี ยงคํารามถีตําของผูช้ ายกับเสี ยงเตียงทีสันไหวดังขึน เหล่าคนรับใช้ทีไม่เข้าใจเหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึนก็พากัน


หยุดชะงักไปครู่ หนึง แต่เพียงพริ บตาก็สามารถเข้าใจได้ถึงต้นสายปลายเหตุทงหมดได้
ั ในทันที เหล่าบ่าวไพร่ พา
กันยิมแห้ง ๆ อย่างไม่เป็ นธรรมชาติ สี หน้าเคอะเขิน ส่ วนสาวใช้ทียังมิได้ออกเรื อนแต่ละคนก็พากันก้มหน้าก้ม
ตาลงพลันสี หน้าค่อย ๆ กลายเป็ นแดงกํา

สี หน้าของแซ่ โจวค่อย ๆ เคร่ งขรึ มขึน แต่มุมปากของนางยกยิมอย่างพอใจทีแผนการประสบความสําเร็ จ มู่หรง


เสวีย...เจ้าอย่าได้โทษอาสะใภ้สองเลย ถ้าจะโทษเจ้าก็ตอ้ งโทษทีตัวเจ้าเอง ใครใช้ให้เจ้าเกิดมาเป็ นลูกสาวของมู่
หรงเยว่เล่า ทังยังยืนขวางเส้นทางความก้าวหน้าของท่านพีเจียนอีก !
จวนเจินกัวโหวเป็ นของท่านพีเจียน เป็ นของจีเอ๋ อร์ เจ้าทีเป็ นอุปสรรคขวากหนามไม่ว่าจะช้าหรื อเร็ วก็ตอ้ งถูกถีบ
ส่ งออกไปอยูด่ ี เจ้าก็ควรทีจะทําใจยอมรับว่าตัวเองโชคร้ายเสี ยเถอะ......

“เสวียเอ๋ อร์ ......” แซ่ โจวแกล้งทําท่าทําทางร้องเรี ยกเสี ยงเบา แล้วทันใดนันก็รีบเตะไปทีประตูเรื อนให้เปิ ดออก
ทันที ชัวขณะนันควันกํายานทีคละคลุง้ เข้มข้นต่างพุ่งเข้ากระทบใบหน้าจนนางต้องขมวดคิวเข้าหากันแน่ น

นางรี บใช้ผา้ เช็ดหน้าปิ ดปากปิ ดจมูก แล้วเพ่งมองเข้าไปเห็นเสื อผ้าของผูช้ ายและผูห้ ญิงถูกฉีกขาดยับเยินตกอยู่


กระจัดกระจายไปทัวพืนห้อง เตียงสลักหรู หราใหญ่โตตรงหน้ายังสันไหวไม่หยุด ผูช้ ายคนหนึงกับผูห้ ญิงคน
หนึ งกําลังนอนอยูบ่ นเตียงด้วยกันทังร่ างกายยังอิงแอบแนบชิด กําลังทําท่าทางอย่างว่าขันพืนฐานอยูด่ ว้ ยกันบน
เตียง !

“อ้า......ผูห้ ญิงทีอยูบ่ นเตียงคือนายหญิง......นายหญิงใหญ่อ่อู นั โหวฮูหยิน......” พอสาวใช้นางหนึ งได้มองเห็นถึง


ใบหน้าทีชัดเจนของผูห้ ญิงบนเตียงก็ร้องเรี ยกขึนอย่างตกตะลึง

เหล่าฝูงชนต่างก็มองตามสายตาของนางไป ผูห้ ญิงทีนอนอยูภ่ ายใต้ร่างของผูช้ ายคนนัน ร่ างกายเปลือยเปล่าสี


หน้าแดงกํานันมิใช่มู่หรงโหรวทีมีฐานะสู งส่ งหรอกหรื อ ทันใดนันฝูงชนทีเงียบสงบก็กลับกลายเป็ นว่า
โหวกเหวกโวยวายขึนมาทันที

ไม่ใช่ว่าเป็ นมู่หรงเสวียทีกําลังถูกกระทําชําเราอยูท่ ีนี หรอกหรื อ ? ทําไมผูห้ ญิงทีถูกทําร้ายถึงได้กลายเป็ นเสี ยว


โหรว (น้องโหรว) ไปได้เล่า ?
แซ่ โจวรู ้สึกตกตะลึง ภายในจิตใจว้าวุ่นกระวนกระวายแล้วเร่ งสังการขึนอย่างเสี ยงดัง “พวกเจ้ายังนิงอยูท่ าํ ไมกัน
? ยังไม่รีบไปแยกทังสองคนออกจากกันอีก !”

“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ !” เหล่าบรรดาสาวใช้ต่างหลุดออกจากภวังค์ แล้วเร่ งรี บเดินเข้าไปด้านหน้า ยึดจับแขน


ของสวีเหวินเอาไว้แล้วลากเขาลงมาบนพืน

สาวใช้สองนางคว้าเอาผ้าห่ มบนเตียงห่ มคลุมไปบนเรื อนร่ างทีเปลือยเปล่าของมู่หรงโหรว รี บพากันพยุงนาง


ขึนมาอย่างเร่ งรี บ พร้อมทังแอบดึงเอาเข็มเงินออกจากจุดชีพจรของนางออกไปอย่างเงียบ ๆ......

มู่หรงโหรวไอขึนมาอย่างหนัก ๆ สองครัง เพียงพริ บตาร่ างกายทีแข็งทือก็ฟืนฟูสู่ สภาพปกติ เห็นผิวขาวสะอาด


เรี ยบเนียนดังหยกของนางต่างเต็มไปด้วยร่ องรอยสี เขียวสี ม่วงขนาดเล็กใหญ่มากมาย บริ เวณสะโพกปวดระบม
ไปหมด อีกทังทัวทังร่ างก็เจ็บปวดจนไร้เรี ยวแรง แววตาของนางลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ พุ่งเข้าหาสวีเหวินอย่าง
ชิงชัง “สวีเหวิน ข้าจะฆ่าเจ้า......”

สวีเหวินทีถูกฤทธิของยาปลุกกําหนัดก็ไร้ความสามารถในการตอบโต้ เขาถูกมู่หรงโหรวตบตีอย่างไม่ยงมื
ั อ เล็บ
ยาวคมกริ บข่วนเข้าไปทีหน้าอกของเขาจนเกิดเป็ นรอยแผลลึก ความเจ็บปวดทีปะทุขึนมาทําให้เขาได้สติ
ในทันที

เมือมองไปทีร่ างกายทีถูกห่ มคลุมเอาไว้อย่างลวก ๆ และผมเผ้าทียุง่ เหยิง รวมถึงท่าทางทีคล้ายกับหญิงบ้าทีกําลัง


ตบตีเขาอยูข่ องมู่หรงโหรว สวีเหวินก็ชะงักไปครู่ หนึ ง เมือครู่ ทีใกล้ชิดดูดดืมกับเขาไม่ใช่ม่หู รงเสวียทีงดงามดัง
เทพเซี ยนหรอกหรื อ ? ทําไมถึงกลายเป็ นหญิงแก่ดงของเหลื
ั อเช่นมู่หรงโหรวไปได้ ?
คิดถึงตอนทีตัวเองใกล้ชิดดูดดืมกับนางมาตังนานสองนาน แววตาของสวีเหวินก็ทอแววรังเกียจ คว้าจับข้อมือ
ของมู่หรงโหรว ผลักนางออกไปด้านข้างอย่างไร้เยือใย หยิบคว้าเอาเสื อผ้าทีฉี กขาดกระจัดกระจายอยูบ่ นพืนของ
ตนขึนมาสวมใส่ พร้อมทังด่าทอเสี ยงดัง “มู่หรงโหรว เจ้าหยุดได้แล้ว ถ้าเจ้ายังตีขา้ อีก ข้าก็จะเอาคืนเจ้าให้เจ็บ
แสบ !"

มู่หรงโหรวทีกําลังมีอารมณ์โกรธ สติของนางไม่อยูก่ บั เนือกับตัว ทําให้ไม่ได้สนใจคําพูดของเขา เตรี ยมพุ่งทีจะ


เข้าไปทําร้ายเขาอีกครัง......

แต่แซ่ โจวทีรู ้ถึงข้อตกลงของมู่หรงโหรวกับสวีเหวิน ทําให้นางเร่ งรี บเข้าไปหยุดยังมู่หรงโหรวไว้ แล้วรี บกล่าว


ขึน “เสี ยวโหรว เสี ยวโหรว เจ้าสงบจิตสงบใจสักนิ ดเถอะ เจ้าคิดไตร่ ตรองให้ดี ๆ ว่าตกลงแล้วเกิดอะไรขึนกัน
แน่ ? ทําไมเจ้าถึงได้มาอยูท่ ีเรื อนหิ มะโปรยได้ ?”

สาวใช้ทีจํานวนมากต่างก็ได้เห็นภาพทีนางกําลังทําเรื องอย่างว่า เรื องราวก็คงไม่สามารถทีจะปกปิ ดได้มิด สิ งที


สมควรรี บเร่ งทําทีสุ ดตอนนี คือคิดหาข้ออ้างทีสามารถรับได้และเหมาะสม จึงจะถือเป็ นวิธีการทีดีทีสุ ดในตอนนี

เมือ ‘เรื อนหิ มะโปรย’ สามคํานีพอกระทบเข้าหู ก็เสี ยดแทงเข้าสู่ หวั ใจของนาง ทันใดนันมู่หรงโหรวได้สติขึนมา
ทันที แล้วเรี ยกร้องขึนเสี ยงดัง “มู่หรงเสวีย......เป็ นมู่หรงเสวีย......”
“อู่อนั โหวฮูหยินมีธุระอะไรกับข้าหรื อ ?” สิ นเสี ยงก็ตามมาด้วยนําเสี ยงทีเย็นชาสายหนึง มู่หรงเสวียแหวกผ่าน
ฝูงชน เดินเยืองย่างเข้ามาด้านในอย่างช้า ๆ ชุดสี เขียวอ่อนพลิวไหวไปตามสายลม สวยงามเลิศลําหาใดเปรี ยบ
มุมปากยกยิมอย่างงดงามคล้ายกับกําลังเยาะเย้ยดูถูก ดูแล้วช่างขัดตามู่หรงโหรวยิงนัก !

แววตาของนางเย็นยะเยือก พุ่งทะยานเข้าไปหามู่หรงเสวียอย่างเกลียดชัง “มู่หรงเสวีย ข้าจะฆ่าเจ้า !”

ฆ่านางอย่างนันหรื อ ? ช่างไม่เจียมตน !

มู่หรงเสวียหัวเราะขึนอย่างดูถกู ครังหนึง นางยกเท้าขึนถีบไปทีหน้าอกของมู่หรงโหรว จนนางล้มลงกับพืน


พลางกล่าวเน้นทีละคํา “ซ่ งฮูหยิน เจ้าแอบพลอดรักกับชายชูใ้ นเรื อนหิ มะโปรย แล้วถูกอาสะใภ้สองจับได้ เจ้า
รู ้สึกเคียดแค้นก็ควรจะเอาความโกรธเกลียดไปลงกับชายชูข้ องเจ้าหรื อคนทีพลอดรักกับเจ้าบนเตียง......”

“หุ บปาก !” มู่หรงโหรวกรี ดร้องตัดบทขึนเสี ยงดัง กํามือขยําผ้าห่ มแน่ น ถลึงตามองมาทีนาง แววตาลุกโชนไป


ด้วยไฟแค้น “เป็ นเจ้าทีใช้อุบายกับข้า ทิงข้าไว้ทีเตียงหลังนัน จนถูกสวีเหวินกระทําชําเรา......”

“ซ่งฮูหยิน เจ้าก็ยงั เป็ นคนทีมีชีวิต ข้าทิงท่านไว้บนเตียง ท่านก็เลยทําตามสิ งทีข้าต้องการหรอกหรื อ นอนอยูอ่ ย่าง


สงบเสงียมไม่ขยับเขยือนเคลือนไหวดินรน ช่างน่ าขันยิงนัก !” มู่หรงเสวียปรายตามองนาครังหนึง หางตาที
ปรายมองเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม !

“นันก็เป็ นเพราะว่าเจ้าใช้เข็มเงินสกัดชีพจรของข้าเอาไว้...เข็มเงิน....เข็มเงินนันหายไปไหนแล้ว ?” มู่หรงโหรว


ควานหาไปรอบด้านอย่างร้อนรน หาไปได้ครู่ หนึง แม้แต่เงาของเข็มเงินเล่มเดียวก็หาไม่พบ
แววตาของนางเปล่งประกายดูหมินเหยียดหยามขึนอย่างไม่รู้ตวั !

คําพูดของมู่หรงเสวียหักล้างจนเสี ยวโหรวไม่สามารถแก้ต่างอะไรได้อีก เรื องราวสําหรับพวกนางดูท่าแล้วไม่


ค่อยจะดีนกั !

แซ่ โจวขมวดคิวเข้าหากันแน่ นเงยหน้ามองไปทีมู่หรงเสวีย “มู่หรงเสวียเมือครู่ นีเจ้าอยูท่ ีใดกัน ?”

“อยูท่ ีศาลาข้างสระนํา กําลังดืมชายามบ่าย ก็มีสาวใช้สองนางทีเดินผ่านไปแถวนันแล้วพบเจอข้า ถ้าหากอาสะใภ้


สองไม่เชือ ข้าสามารถเรี ยกพวกนางมาเป็ นพยานต่อหน้าได้ !” มู่หรงเสวียยกยิมสดใส

“ไปดืมชายามบ่ายตังไกลขนาดนัน เจ้าช่างเข้าใจแสวงหาความสุ ขนัก” แซ่ โจวกล่าวขึนเสี ยงตํา นําเสี ยงเย็นชา


แฝงด้วยเสี ยงกัดฟัน

มู่หรงเสวียไม่สนใจ นางยิมตาหยีกล่าวขึนอีกครัง “ก็คงเทียบไม่ได้กบั ซ่ งฮูหยิน จวนโหวมีหอ้ งรับรองตัง


มากมายก็ไม่ไป จะต้องมาพลอดรักกับชายชูท้ ีเรื อนของข้า......ว่าแต่ผชู ้ ายคนนันมีชือว่าอะไรนะ ? ทําไมเขาถึง
เข้ามาในจวนโหวได้ ?”

สายตาของฝูงชนต่างตกลงไปทีร่ างของสวีเหวิน มองไปทีหน้าตาธรรมดา ๆ ของเขา สาวใช้นางหนึงก็กล่าวร้อง


ขึนอย่างตกใจ “เขามิใช่สวีเตียนซื อคนทีมาพูดคุยธุระกับนายท่านสองหรอกหรื อ ?”
“เป็ นเขา...เป็ นเขา...เป็ นเขาไม่ผดิ แน่ !” เหล่าคนรับใช้ทีเมือครู่ ได้พบเห็นสวีเหวินก็พากันพยักหน้า

สวีเตียนซื อมาหานายท่านสอง เผอิญพบเข้ากับอู่อนั โหวฮูหยิน ทังสองรู ้สึกชอบพอกัน เลยพากันแอบไป


พลอดรักอย่างดูดดืม...แววตาของบรรดาคนรับใช้พากันวูบไหวไปมา ความคิดต่าง ๆ นา ๆ เริ มปะติดปะต่ออยู่
ในหัว !

มู่หรงโหรวโมโหจนหน้าตาขึนสี เขียวคลํา ทีนางคิดอ่านไว้แต่แรกคือสวีเหวินมาพูดคุยธุระกับมู่หรงเจียน


บังเอิญพบเข้ากับมู่หรงเสวีย มู่หรงเสวียพอรู ้ว่าเขาเป็ นม่ายภรรยาตายไป ก็ได้หลอกล่อออกอุบายขอเป็ นจีซื อ
ของเขา คิดไม่ถึงว่าฝี มือของมู่หรงเสวียจะสู งลํา ทําให้กอ้ นหิ นทีนางยกมาหล่นตกใส่ เท้าของตัวนางเองเช่นนี......

“อู่อนั โหวก็มาทีเรื อนหิ มะโปรย ช่างเป็ นแขกทียากทีจะได้พบพานยิงนัก !” เสี ยงร้องเรี ยกทีทําให้หนาวเหน็บ


ลอยเข้าหู มู่หรงโหรวตืนตระหนก ค่อย ๆ เงยหน้าขึนไปมองก็เห็นซ่ งเทียนเหวินยืนอยูท่ ีด้านนอกของประตู มือ
ไขว้ไว้ขา้ งหลัง แววตาเย็นชาคมกริ บจ้องมองมาทีนาง สี หน้ามืดครึ มจนน่ ากลัว......
ตอนที 107 ลงโทษ

“เทียน......เทียนเหวิน......” ราวกับมู่หรงโหรวได้ยนิ เสี ยงระเบิดดังขึนในหัวจนกลายเป็ นสี ขาวโพลน ทําไมเทียน


เหวินถึงอยูท่ ีนี ได้ ? เรื องทีนางถูกสวีเหวินขืนใจจนสู ญเสี ยซึงเกียรติยศ เขาล้วนรับรู ้หมดแล้ว ทําไมถึงเป็ นเช่นนี
ได้ ? ทําไมถึงเป็ นเช่นนีได้ ?

“มู่หรงโหรว เจ้าทําให้ขา้ ผิดหวังยิงนัก !” ซ่ งเทียนเหวินกล่าวทิงท้ายอย่างเย็นชาแล้วหมุนกายเดินออกไปด้าน


นอกอย่างไร้เยือใย

มู่หรงโหรวอําอึงตกตะลึง นีเทียนเหวินกําลังปฏิเสธนางอยูห่ รื อ ? นางมีฐานะเป็ นอู่อนั โหวฮูหยินแต่กลับถูกคน


ชันตําทําให้ร่างกายทีสู งส่ งของนางแปดเปื อน แน่ นอนว่าเทียนเหวินจะต้องรังเกียจนาง ปฏิเสธนาง ถ้าหากนาง
ยอมให้เขาเดินออกจากจวนเจินกัวโหวไปทัง ๆ อย่างนี ล่ะก็ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับนางก็คงจะต้องถึง
จุดสิ นสุ ด ในอนาคตคงไม่สามารถกลับไปเป็ นเช่นเดิมได้อีกแน่ !

“เทียนเหวินอย่าเพิงไป !” มู่หรงโหรวกระชับผ้าห่ มทีคลุมร่ างเอาไว้แน่ น เพียงครู่ เดียวก็คลานไปทีปลายเท้าของ


ซ่งเทียนเหวิน นางกําแขนเสื อของเขาไว้แน่นพลางร้องห่ มร้องไห้อย่างน่ าสงสาร “เทียนเหวิน ข้าถูกคนใส่ ร้าย
ข้าถูกคนใส่ ร้ายจริ ง ๆ......เจ้าต้องเชือข้า...เชือข้าเถอะนะ...”

ซ่งเทียนเหวินหยุดเท้าลงแต่ไม่หันกลับไปมองแต่อย่างใด พลางกล่าวด้วยนําเสี ยงเย็นชา “หลักฐานเล่า ? เจ้ามี


หลักฐานอะไรทีเอามายืนยันว่าเจ้าถูกคนวางอุบายและใส่ ร้าย ?”
“หลักฐาน......หลักฐาน......” มู่หรงโหรวเร่ งรี บกวาดตามองโดยรอบ บังเอิญเห็นเข้ากับสวีเหวินทีอยูข่ า้ งเตียง
พริ บตาเดียวแววตาก็เปล่งประกาย “สวีเหวินถูกวางยาปลุกกําหนัด เจ้าให้หมอมาตรวจร่ างกายของเขาได้
แน่นอนว่าจะต้องตรวจเจอ......”

“ถึงแม้วา่ สวีเหวินจะถูกตรวจพบว่ามีตวั ยาปลุกกําหนัดตกค้างอยูใ่ นร่ าง ก็ยงั ไม่สามารถยืนยันได้ว่าถูกคนอืน


วางยา ยังมีความเป็ นไปได้ทีเขาจะเป็ นคนกินมันลงไปเอง” มู่หรงเสวียกระซิ บเสี ยงเบาวิพากษ์วิจารณ์ออกมา ฟั ง
จนเหล่าบรรดาสาวใช้ตอ้ งพากันกลันขํา

สวีเตียนซื อก็อายุไม่นอ้ ยแล้ว ตอนทีกําลังพลอดรักเรี ยวแรงอาจจะไม่ได้ดงใจ


ั เลยใช้ตวั ยาเข้าช่วยเพือเพิม
อรรถรสในการร่ วมรัก ก็ดูจะเป็ นเรื องทีปกติ

แววตาของมู่หรงโหรวคมกริ บดังลูกธนูพ่งุ ตรงไปทีมู่หรงเสวีย “มู่หรงเสวีย เจ้ากล่าววาจาว่าร้ายผูค้ นให้มนั น้อย


ๆ หน่ อย ข้าดูออกว่าเจ้ากําลังร้อนตัว !”

มู่หรงเสวียปรายตามองนางอย่างดูหมิน “คนทีแอบคบชูไ้ ม่ใช่ขา้ แล้วเหตุใดข้าจะต้องร้อนตัว ?”

“ถ้าเจ้ามิได้ร้อนตัว ก็ให้ขา้ ตรวจค้นเรื อนหิ มะโปรยของเจ้าเสี ยสิ ...” แซ่ โจวต่อคําพูดของนาง จ้องมองไปทีมู่หรง
เสวียตาไม่กระพริ บ ไม่ยอมปล่อยให้ความผิดปกติบนหน้าของนางหลุดพ้นไปได้
“ตามสบาย พวกท่านอยากจะค้นอย่างไรก็เชิญตามสบายเถอะ !” มู่หรงเสวียตอบตกลงอย่างใจกว้าง ไม่ได้มีท่าที
ปฏิเสธเลยแม้แต่นอ้ ย

กํายานในกระถางธูปนางก็ได้เปลียนเรี ยบร้อยแล้วไม่มีทางตรวจพบปั ญหาใด ๆ ยากําหนัดทีนางยัดใส่ ปากสวีเห


วินนางก็แค่หยิบออกมาจากแขนเสื อของเขา เรื อนหิ มะโปรยไม่มีสิงของแปดเปื อนอะไร นางไม่สนใจหากพวก
เขาจะตรวจค้น

“ถ้าหากพวกเจ้าหายาปลุกกําหนัดในเรื อนหิ มะโปรยเจอ ข้าก็จะยอมถูกลงโทษ แต่ถา้ พวกเจ้าทําเหมือนสวีเตีย


นซื อตังใจจะซ่อนยาปลุกกําหนัดไว้ในจวนหิ มะโปรยเพือมาใส่ ร้ายข้า แน่ นอนว่าข้าจะไม่มีทางปล่อยให้พวกเจ้า
ลอยนวลไปได้โดยง่าย......”

เหล่าฝูงชนหยุดชะงัก พากันมองไปทีสวีเตียนซื อทีอยูข่ า้ งเตียงก็เห็นเขากําลังถือยาลูกกลอนสี ดาํ เม็ดหนึ งอยู่


อาศัยการบดบังของแขนเสื อเตรี ยมทีจะวางมันลงไปบนโต๊ะทีหัวเตียง......

เหล่าบรรดาสาวใช้พากันเบิกตากว้าง นีสวีเตียนซื อกับอู่อนั โหวฮูหยินแอบคบชูก้ นั จริ ง ๆ น่ะหรื อ !

เมือครู่ พวกนางก็แค่เพียงคาดเดากันไปส่ ง ๆ เท่านัน แต่ไม่คดิ ว่าตอนนี กลับได้เห็นหลักฐานจะ ๆ คาตาเช่นนี

สี หน้าของซ่ งเทียนเหวินเขียวคลํา ทันใดนันเขาก็กม้ หน้าลงมองมู่หรงโหรว แววตาเกรี ยวกราดจนแทบจะ


สามารถพ่นไฟออกมาได้ “พยานและหลักฐานล้วนครบถ้วน เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกไหม ?”
มู่หรงโหรวไม่คาดว่าจะเกิดเหตุการณ์เลวร้ายเช่นนี แววตาของนางเต็มไปด้วยความตกตะลึง รี บเร่ งอธิบายอย่าง
ร้อนรนกระวนกระวาย “เทียนเหวิน นี มันเป็ นการเข้าใจผิด เข้าใจผิด......”

“เข้าใจผิด ?” ซ่ งเทียนเหวินสบถขึนด้วยความโกรธจนถึงทีสุ ด ผลักนางออกไปอย่างแรง “เจ้าคิดว่าข้าโง่มากหรื อ


อย่างไรทีมองความจริ งไม่ออกน่ ะ ?”

มู่หรงโหรวทีไม่ทนั ได้ระวังก็ถูกผลักจนล้มลงกับพืน แขนและไหล่กระแทกเข้ากับพืนจนเกิดรอยถลอก รู ้สึก


ปวดแสบปวดร้อนเป็ นอย่างมาก แต่นางไม่มีกะจิตกะใจทีจะไปสนใจบาดแผล ได้แต่เร่ งรี บอธิบาย “เทียนเหวิน
นีเป็ นการเข้าใจผิด เป็ นเรื องเข้าใจผิดจริ ง ๆ......”

แววตาของซ่ งเทียนเหวินเต็มไปความดูถูกเหยียดหยามไม่ขยับเคลือนไหวใด ๆ

ขอบตาของมู่หรงโหรวเอ่อคลอไปด้วยหยาดนําตา นางเม้มปากแน่ นเข้าหากันแน่ นอย่างทีรู ้สึกว่าไม่ได้รับความ


ยุติธรรม คลานไปทีข้างกายของสวีเหวินแล้วทุบตีเขาอย่างแรง “เมือครู่ เกิดอะไรขึน เจ้ารี บอธิบายออกไปให้
ชัดเจนโดยไว หากเจ้าอยากตายก็ไปตายเสี ย อย่าได้ลากข้าไปตายด้วย......”

ริ มฝี ปากของสวีเหวินขยับเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ยาปลุกกําหนัดนันเป็ นเขาทีนํามาจากหุ ย


ชุนถังเอง ถ้าหากตรวจค้นเจอบนตัวของเขาก็คงจะทําให้ขอ้ กล่าวหาทีเขากับมู่หรงโหรวคบชูก้ นั กลายเป็ นเรื อง
จริ ง ?
เขาเป็ นเพียงแค่ขนุ นางกรมโยธาทีไร้ขนั ยังไม่มีความกล้ามากพอทีจะทําให้อู่อนั โหวพิโรธ ดังนันเขาเลยคิดทีจะ
แอบเอายาปลุกกําหนัดไปใส่ ไว้ทีหัวเตียง ใส่ ร้ายมู่หรงเสวียว่าเป็ นคนทีวางอุบายแผนร้ายใส่ พวกเขา และถ้าเป็ น
เช่นนัน เขาก็จะกลายเป็ นผูถ้ ูกกระทํา อู่อนั โหวก็จะโกรธแค้นมู่หรงเสวีย และจะไม่มีทางมาสร้างปั ญหาให้กบั
เขาอีก

แต่เขากลับนึ กไม่ถึงว่ามู่หรงเสวียจะมีสายตาทีดีขนาดนี ในขณะทีเขากําลังจะแอบซ่ อนยาเอาไว้อย่างแนบเนียน


ทีสุ ดแล้ว แต่กย็ งั ถูกนางจับได้ อีกทังนางยังทําให้เขาถูกเปิ ดโปงต่อหน้าสายตาของผูค้ น ถึงแม้เขาจะแก้ต่างได้
น่าเชือถือมากเพียงใดคนอืน ๆ ก็จะไม่มีทางเชือถือคําพูดของเขา......

ว่าทีภรรยาของจิงอ๋ อง เมือเปรี ยบเทียบกับผูอ้ ืนแล้วแล้วช่างไม่ธรรมดายิงนัก !

สวีเหวินเงยหน้ามองมู่หรงเสวีย ก็เห็นนางกําลังยิมน้อย ๆ ท่าทางดูสบาย ๆ เป็ นธรรมชาติ แต่แววตานันกลับลึก


ลําจนยากสุ ดจะหยัง อีกทังยังแฝงไว้ดว้ ยความโหดเหี ยมจนทําให้จิตใจของผูค้ นสันไหวจนแทบอยากจะหยุด
หายใจเสี ยตรงนัน......

ราวกับมีบางอย่างทีระเบิดขึนในหัวของสวีเหวิน จนความรู้สึกนึ กคิดในหัวของเขาทังหมดกลายเป็ นขาวโพลน


......

“เจ้ามีฐานะเป็ นอู่อนั โหวฮูหยิน แต่กลับกล้าคบชูส้ ู่ ชายลับหลังสามี ไม่ประพฤติตวั ให้สมกับการเป็ นภรรยาทีดี


งาม ตามจริ งแล้วควรถูกจับลงตะกร้าล้างนํา แต่ขา้ เห็นแก่เจ้าทีทําเพือนจวนอู่อนั โหวมานานปี อีกทังยังให้กาํ เนิ ด
ชิงเหยียน จึงจะละเว้นโทษตายเจ้า แต่จะมอบหนังสื อหย่าให้เจ้าแทน ต่อแต่นีไปไม่ขอมีความเกียวข้องกันอีก !”
ซ่งเทียนเหวินพูดขึนเสี ยงเย็น เขาก้าวเท้ายาว ๆ ไปทีโต๊ะหนังสื อด้านหน้าหยิบพู่กนั ขนหมาป่ าขึน เขียนตัวอักษร
ลงบนกระดาษอย่างรวดเร็ ว

เทียนเหวินจะหย่ากับข้า ? เป็ นไปไม่ได้ !

มู่หรงโหรวตืนตกใจรี บเร่ งพุ่งไปทีด้านหน้าของซ่ งเทียนเหวินพลางฉุ ดรังแขนเสื อของเขาไว้ กล่าวเสี ยงตํา


อธิบายอย่างสุ ดความสามารถ “เทียนเหวิน เทียนเหวิน......ความแค้นระหว่างข้ากับมู่หรงเสวียนันลําลึก เจ้าก็ใช่
จะไม่รู้ คําพูดของนางเจ้าจะไปเชือถือได้อย่างไร......”

ท่าทางของซ่ งเทียนเหวินชะงักลงเล็กน้อยแต่กย็ งั ยกพู่กนั เขียนต่อไป

“เทียนเหวิน ก่อนแต่งงานพวกเราก็ได้รู้จกั กันอยูก่ ่อนแล้ว ถือได้ว่าใกล้ชิดสนิทสนมกันมาตังแต่วยั เด็ก


ความรู ้สึกทีข้ามีต่อเจ้า เจ้าล้วนชัดเจน ข้าจะไปทําเรื องทีเสื อมเสี ยต่อเจ้าได้อย่างไร......” มู่หรงโหรวกล่าวเสี ยงตํา
ในดวงตาคลอไปด้วยนําตาทีส่ องประกายวูบไหว

ซ่งเทียนเหวินหยุดพู่กนั ลง พลางกล่าวเน้นทีละคํา “อู่อนั โหวฮูหยินจะต้องเป็ นหญิงสาวทีใสสะอาดบริ สุทธิ แต่


ว่าเจ้าไม่ได้บริ สุทธิอีกต่อไปแล้ว......” ผูห้ ญิงทีไม่บริ สุทธินันไม่เหมาะสมกับตําแหน่งอู่อนั โหวฮูหยิน !

ในใจของมู่หรงโหรวรู ้สึกขืนขม นําตาของนางคลอไปทัวทังดวงตาหยดลงไหลริ นไปทัวใบหน้า “ข้ารู ้ เพียงแต่


ข้ายังมีบางเรื องทียังต้องสะสาง รอจนจัดการพวกมันเสร็ จสิ นแล้ว ข้าจะยอมไปเข้าวัดสวดมนต์ดว้ ยตนเอง จะไม่
ทําให้เจ้าลําบากใจแน่นอน ขอให้เจ้าได้เห็นแก่ความเป็ นสามีภรรยาทีอยูด่ ว้ ยกันมานาน เห็นแก่หน้าของข้าสัก
ครังเถอะ......”

ซ่งเทียนเหวินมองไปทีใบหน้าของนางทีไหลอาบไปด้วยนําตา พลันในหัวปรากฏภาพของทังสองคนทีเคยรัก
ใคร่ ปรองดอง เขาถอนหายใจออกมาหนัก ๆ คราหนึง ขยําหนังสื อหย่าทีเขียนไปได้ครึ งหนึ งทิงไป “ข้าให้เวลา
เจ้าได้มากทีสุ ดหนึ งเดือน เจ้าก็จดั การสะสางเรื องราวให้เรี ยบร้อยเสี ย”

“ขอบคุณเจ้ามาก” มู่หรงโหรวเมือได้ยนิ นําเสี ยงอ่อนโยนของเขาก็เร่ งรี บกล่าวขอบคุณ นําตาไหลริ นด้วยความปิ


ติยนิ ดี !

ซ่งเทียนเหวินตอบรับอืมเสี ยงเบายืดตัวขึนเดินออกไปด้านนอก แผ่นหลังทีสู งใหญ่และท่าทีทีแฝงไว้ดว้ ยความ


เด็ดขาดในการตัดขาดซึ งความสัมพันธ์ทงหมดที
ั มีต่อกัน ช่างดูไร้เยือใยยิงนัก......
ตอนที 108 ผลลัพธ์ ทีตกตะกอน

เมือมองส่ งซ่ งเทียนเหวินออกไปจากเรื อนหิ มะโปรยแล้ว แซ่ โจวก็กา้ วออกมาด้านหน้าทันที แววตาของนางดุดนั


กวาดมองบรรดาสาวใช้ทีละคน แล้วกล่าวสังการขึนเสี ยงดังว่า “เรื องทีเกิดขึนในวันนี ไม่อนุญาตให้แพร่ งพราย
ออกไปแม้แต่คาํ เดียว มิเช่นนันจะต้องโดนโทษตายสถานเดียว !”

เรื องราวอันน่ าอับอายเช่นนี ไม่สามารถทีจะเปิ ดเผยออกไปได้ ถ้าหากแพร่ งพรายออกไปแล้ว มีหวังจวนเจินกัว


โหวทีมีฐานะเป็ นบ้านเดิมของมู่หรงโหรวก็คงจะถูกผูค้ นหัวเราะเยาะดูถูกจนโง่หัวไม่ขนึ

“เจ้าค่ะ !” เหล่าบรรดาสาวใช้พากันพยักหน้าแล้วค่อย ๆ พากันถอยออกไปทีละคนสองคน ทําให้ภายในห้อง


เหลือเพียงแค่ม่หู รงเสวีย มู่หรงโหรว แซ่ โจวและสวีเหวินสี คนเท่านัน

มู่หรงโหรวถลึงตามองมู่หรงเสวียด้วยความเกลียดชังแววตาลุกโชนไปด้วยไฟแค้นทีแทบจะสามารถพ่นออกมา
เป็ นไฟได้ “มู่หรงเสวียเจ้าทําให้ขา้ ต้องตกตําถึงเพียงนี ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ แน่ !”

ได้ยนิ เช่นนันมู่หรงเสวียก็หัวเราะขึนอย่างดูถูก “มู่หรงโหรว เป็ นเจ้าทีวางอุบายแผนร้ายใส่ ขา้ ก่อน ข้าก็แค่ซ้อน


แผนใช้มนั กลับไปก็เท่านัน ให้เจ้าได้รับผลกรรมชัว ๆ ทีเจ้าเป็ นคนก่อ การทีเจ้าตกอยูใ่ นสถาพเช่นนีก็เป็ นเพราะ
เจ้าทีรนหาทีเอง เขาถึงได้เรี ยกว่าทําชัวจึงได้ชวั !”
“เจ้า !” มู่หรงโหรวชีนิวไปทีมู่หรงเสวีย โมโหจนพูดไม่ออก

“ไสหัวออกไปจากเรื อนหิ มะโปรยเสี ย ทีนี ไม่ตอ้ นรับเจ้า !” มู่หรงเสวียขีเกียจทีจะต่อปากต่อคํากับมู่หรงโหรวให้


มากความ นางจึงกล่าวส่ งแขกอย่างไร้เยือใย

สี หน้าของแซ่ โจวเคร่ งขรึ มลง แล้วตวาดขึนเสี ยงดัง “มู่หรงเสวีย เจ้าพูดอะไรออกมา ? พวกข้าล้วนเป็ นผูห้ ลัก
ผูใ้ หญ่กว่าเจ้า......”

มู่หรงเสวียกล่าวขึนอย่างดูหมิน “มีผหู ้ ลักผูใ้ หญ่ทีชัวร้ายน่ารังเกียจเช่นพวกเจ้า ข้านันถือได้ว่าโชคร้ายยิงนัก ไส


หัวออกไปจากเรื อนหิ มะโปรยให้หมด อย่าให้ขา้ ต้องพูดครังทีสาม !”

“มู่หรงเสวีย......”

“ไสหัวไป !” มู่หรงเสวียยกเท้าขึนถีบไปทีอกของแซ่ โจว เตะนางจนกระเด็นออกไปไกลสามสี เมตรตกกระแทก


ลงบนพืน จนตาลายมึนงงไปหมด ทัวทังร่ างเจ็บปวดราวกับกระดูกหลุดออกจากกัน

นางไอออกมาหนัก ๆ เสี ยหลายครัง แต่ยงั ไม่ทนั ทีจะได้ต่อว่ากลับไป ก็เห็นมู่หรงโหรวกับสวีเหวินถูกเตะ


กระเด็นออกมาเช่นกัน ล้มลงกระแทกลงทีด้านข้างของนาง จนพวกเขาต้องขมวดคิวขึน สู ดลมหายใจเย็น ชัดเจน
ว่าล้มลงมามิได้เบาเลย
นําเสี ยงสังการเย็นชาของมู่หรงเสวียดังขึนจากด้านในห้อง “เด็ก ๆ พวกเจ้าเข้ามาเปิ ดหน้าต่างให้หมด ให้กลินชัว
ๆ ภายในห้องได้ระบายออกไป แล้วก็นาํ กระธางธูปเข้ามาอีกหลาย ๆ อัน จุดกํายานให้ทวจนกว่
ั าจะแน่ใจว่ากลิน
ชัว ๆ นันได้ถูกกําจัดออกไปจนหมดแล้ว......”

“แล้วก็พวกเตียง ผ้าปูเตียง ผ้าห่ ม หมอนทีชายชูห้ ญิงชัวใช้พลอดรักกัน ก็เอาพวกมันไปเผาทิงให้หมด ชุดเก้าอี


แจกันโบราณ ของประดับตกแต่งทีเปรอะเปื อนกลินตัวของพวกเขาก็เอาพวกมันไปทําลายให้หมดเสี ย อย่าให้
หลงเหลืออยูแ่ ม้แต่ชินเดียว......”

“ห้องของข้าจะต้องสะอาดเอียมอ่อง ห้ามมีกลินเหม็นฉาวโฉ่ หลงเหลืออยูแ่ ม้แต่น้อย......”

“เจ้าค่ะ !” เหล่าบรรดาสาวใช้ต่างรับคําสัง พากันวุ่นวายเดินเข้าเดินออกไปมา สิ งของลําค่าถูกยกออกมาทีละชิน


สองชินแล้วถูกทําลายลงจนแตกละเอียด เตียง ผ้าปูเตียง ผ้าม่านล้วนถูกวางรวมกันไว้ทีมุมด้านหนึ ง แล้วจุดไฟ
เผา......

เปลวไฟร้อนแรงลุกโชนจนเรื อนหิ มะโปรยปกคลุมไปด้วยสี แดงเสี ยครึ งหนึง สี หน้าของมู่หรงโหรวซี ดขาว มู่


หรงเสวียกําลังดูหมินเหยียดหยามนาง ช่างเลวร้ายทีสุ ด......

นางถลึงตามองไปทีมู่หรงเสวียอย่างเกลียดชัง ความโกรธยิงปะทุสูงขึน ในหัวค่อย ๆ พร่ ามัวดวงตาของนางดํา


มืดลงแล้วสลบไม่ได้สติไป......
“เสี ยวโหรว......เสี ยวโหรว......” แซ่โจวตืนตกใจ นางเร่ งรี บยืนมือเข้าไปพยุงตัวนางไว้แล้วร้องเรี ยกเสี ยงเบา เมือ
เห็นนางไม่ตอบรับใด ๆ แซ่ โจวจึงสังการขึนอย่างร้อนรน “เด็ก ๆ รี บพาท่านหญิงใหญ่กลับไปทีเรื อน......รี บเชิญ
ท่านหมอ เร็ วเข้า......”

“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ……” เหล่าสาวใช้พากันตอบรับแล้วต่างกรู กนั เข้ามา บริ เวณโดยรอบกลายเป็ นชุลมุน


วุ่นวาย

แววตาของสวีเหวินวูบไหว เขาอาศัยความชุลมุนนีหลบหนีออกไป คุณหนู ม่หู รงเสวียผูน้ ี งดงามดังนางฟ้ านาง


สวรรค์ แต่จิตใจกลับเหี ยมโหดดังงูพิษ ถึงแม้เขาจะหลงใหลในใบหน้าทีงดงามของนางเพียงไร แต่กไ็ ม่สามารถ
คิดถึงแผนการดี ๆ ทีจะจัดการนางออก ยังคงต้องอาศัยหนึ งในแผนการ 36 กลยุทธ์ ใช้การหลบหนีแก้ปัญหา
เฉพาะหน้าไปก่อน......

แต่อยู่ ๆ เหล่าทหารยามจํานวนหลายนายก็กระโดดลงมาจากอากาศ แล้วเข้าถีบเขาจนร่ างของเขาล้มลงกับพืน


ทุบตีอย่างไร้ความปราณี สองมือของสวีเหวินกุมหัวงอร่ างดังตัวกุง้ ดินรนอยูบ่ นพืนอย่างเจ็บปวดทรมาณ !

มู่หรงเสวียปรายตามองเขา พลางยกมุมปากขึนอย่างเหยียดหยาม นางรู ้วา่ สวีเหวินทีทําให้มู่หรงโหรวแปดเปื อน


ไม่มีทางทีจะหนี รอดออกไปจากจวนเจินกัวโหวได้อย่างราบรื นปลอดภัย !

ซ่งเทียนเหวินไม่อยากจะใคร่ สนใจกับคนทีสวมเขาให้กบั ตัวเอง แต่มู่หรงเจียนคงจะเคียดแค้นกับชายทีแอบคบชู ้


กับน้องสาวของตัวเองเป็ นแน่......
เรื องทีวางยาสลบใส่ นาง สวีเหวินก็มีส่วน จริ ง ๆ แล้วนางก็คดิ ทีจะสังสอนสวีเหวินให้เจ็บแสบ แต่คิดไม่ถึงว่ามู่
หรงเจียนจะชิงลงมือเสี ยก่อน เช่นนันก็ดีนกั นางก็จะได้ไม่ตอ้ งเปลืองแรงลงไม้ลงมือ......

“เจ้าอยูท่ ีจวนเจินกัวโหวดูแล้วช่างน่าอันตรายยิงนัก !” นําสี ยงทุม้ ดังขึนข้างหู ทันใดนันมู่หรงเสวียก็หลุดจาก


ภวังค์หนั กายมองไป ก็เห็นคุณชายโอวหยางทีกําลังเดินเข้ามา ชายเสื อสี ขาวหิ มะโบกสะบัดดังผีเสื อทีโบยบิน ยิง
ทําให้ความสู งส่ งสง่างามทีเปล่งประกายออกมาจากตัวเขาโดดเด่นมากยิงขึนไปอีก !

นางกระพริ บตากล่าวขึนอย่างไม่เข้าใจนัก “ทําไมท่านถึงรู ้ได้ว่าข้าเกิดเรื อง ?”

“องครักษ์เงาของวังเซี ยวเหยาอ๋ องผ่านทางมาทีนี แล้วพบเห็นเข้าพอดี !” คุณชายโอวหยางโกหกหน้าตาย

มู่หรงเสวียยิมออกมาน้อย ๆ “ก็แค่เรื องเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านัน ข้าล้วนจัดการเรี ยบร้อยแล้ว”

“มู่หรงเจียน มู่หรงโหรวล้วนเป็ นคนฉลาด พวกเขาเกลียดชังเจ้าลําลึกนัก วางแผนออกอุบายทําร้ายเจ้ายิงนานวัน


ยิงอํามหิ ต ยิงนานวันยิงโหดเหี ยม ถึงแม้เจ้าจะสามารถรอดพ้นมาได้ครังหนึง แต่กย็ งั ไม่แน่ว่าจะสามารถรอดพ้น
ไปได้ในครังต่อไป......” คุณชายโอวหยางจ้องมองไปทีนาง แววตาของเขาวูบไหวเต็มไปด้วยความหนักใจ

มู่หรงเสวียขมวดคิวเบา ๆ มู่หรงเจียนและมู่หรงโหรววางแผนออกอุบายลับหลังนาง ชัดเจนว่ายิงนับวันยิง


โหดเหี ยมอํามหิ ต คําพูดตักเตือนของคุณชายโอวหยางนางจะไม่ฟังไม่ได้ ถึงแม้นางจะไม่ได้เกรงกลัวพวกเขา แต่
พวกเขาก็จะคงจะคิดแผนการกําจัดนางไม่จบไม่สิน ช่างน่ารังเกียจยิงนัก “ถ้าเช่นนันท่านคิดว่าข้าควรทําเช่นไร
เล่า ?”
“ข้าจะมอบองครักษ์เงาให้เจ้าสักสองสามคน ให้พวกเขาช่วยเจ้าอีกแรงหนึง !” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนอย่าง
เรี ยบเฉย แววตาของเขาลึกลํา เรื องนีเขาพรําบอกนางหลายต่อหลายครังแล้ว แต่ว่านางกลับปฏิเสธอยูเ่ รื อยไป

ถึงหงซิ วกับอันเซี ยงจะจงรักภักดีต่อนางมากเพียงใด แต่พวกนางก็ไม่ได้เป็ นวรยุทธ์ ทุกครังทีพบเจอกับเรื องที


หนักหนาใหญ่โตก็ไม่สามารถทีจะเอาตัวเองรอด แน่ นอนว่าไม่มีกาํ ลังอะไรทีจะไปช่วยเหลือนางได้

มู่หรงเจียนและมู่หรงโหรวมีอาํ นาจอยูใ่ นมือมานานหลายปี ข้างกายจะต้องมีผคู ้ นให้ใช้สอยอยูไ่ ม่นอ้ ย ดูแล้วนาง


ไม่สมควรทีจะต่อกรกับมู่หรงเจียนสองพีน้องตามลําพังอีกต่อไป มีองครักษ์เงาทีเก่งกาจสักหลายคนไว้คอย
ช่วยเหลือนาง ดูจะเป็ นเรื องเหมาะสมทีสุ ดแล้ว

แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหว ในทีสุ ดก็พยักหน้าเห็นด้วย “ขอบคุณคุณชายมากเจ้าค่ะ เช่นนันส่ งองครักษ์เงาให้


ข้าสองคนก็พอ ถ้ามากไปจะทําให้ผคู ้ นสงสัยได้ !”

“ได้สิ !” คุณชายโอวหยางพยักหน้า ดวงตาสี ดาํ ขลับเจือปนไปด้วยรอยยิมบางเบา ดูสดใสเปล่งประกายจนทําให้


ผูค้ นหลงใหล

“คุณชายอุตส่ าห์มอบองครักษ์เงาให้ขา้ เช่นนันเพือเป็ นการตอบแทน ข้าก็ขอเชิญคุณชายไปทานข้าวทีหลินเจียง


โหลว ท่านคิดว่าเป็ นเช่นไร ?”
“ตกลง !” คุณชายโอวหยางพยักหน้า แววตาวูบไหวไปด้วยความรู ้สึกทีผูค้ นไม่เข้าใจ

“จวนจะถึงยามโหย่วแล้ว (ห้าโมงเย็นถึงหนึงทุ่ม) สมควรได้เวลารับสํารับแล้ว พวกเราไปกันเถอะเจ้าค่ะ !” มู่


หรงเสวียกล่าวขึนด้วยรอยยิมสดใส แล้วก้าวเท้าเดินนําออกไปด้านนอก

เงาร่ างสายหนึ งล้มลงบนพืน เรี ยกร้องเสี ยงดังกลิงขลุกขลักมาขวางทางเดินไปข้างหน้าของนาง นางไม่แม้แต่จะ


มอง เพียงยกเท้าเตะเขาออกไปให้พน้ ทางอย่างไร้ความปราณี

ขณะนันเอง สวีเหวินก็กรี ดร้องขึนอย่างโหยหวนเสี ยงดังลัน “อ้า !”


ตอนที 109 อาการป่ วยขององค์ ชายเจ็ด

เรื อนรับรองจวนราชครู

เมือหมอหลวงจางได้ตรวจสอบบาดแผลของตงฟางหลีแล้วก็พยักหน้าติดต่อกันหลายครา “บาดแผลล้วนได้รับ
การจัดการดูแลทันเวลา ตัวยาทีใช้กเ็ ป็ นของชันสู ง ดูแล้วไม่มีปัญหาใด ๆ อีก เปลียนยาเช้าเย็นครังละรอบ
พักผ่อนสักครึ งเดือน ถ้าทําตามนี ก็จะหายดีเป็ นปกติ”

หมอหลวงจางดํารงตําแหน่งเหวียนพ้าน (ทําหน้าทีช่วยเหลือหัวหน้าสํานักหมอหลวงดูแลเรื องราวภายในสํานัก


หมอหลวง) ประจําสํานักหมอหลวง ฮ่องเต้เป็ นคนส่ งเขามาทีจวนราชครู เพือตรวจชีพจรให้กบั ราชครู ซู แต่
บังเอิญพบเข้ากับตงฟางหลีทีได้รับบาดเจ็บ เลยถือโอกาสตรวจดูบาดแผลให้เขา

“รบกวนหมอหลวงจางแล้ว !” ในนําเสี ยงมีมารยาทของตงฟางหลีแฝงไว้ดว้ ยความห่ างเหิ นและเรี ยบเฉย

หมอหลวงจางไม่เก็บมาใส่ ใจ เขากล่าวพลางยิมตาหยี “องค์ชายเจ็ดเกรงใจไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ !”


เรื อนร่ างงดงามของซูหนานเซี ยงปรากฏขึนสู่ สายตา แววตาของตงฟางหลีกพ็ ลันเข้มขึน แล้วกล่าวเสี ยงเบา “ตัว
ยาทีคุณหนูซูใส่ ให้ขา้ นันมีสรรพคุณทีดียงนั
ิ ก ไม่ทราบว่าคุณหนูพอจะตัดใจขายให้ผนู ้ ้อยอีกขวดได้หรื อไม่ ?”

แววตาของซูหนานเซี ยงวูบไหวยิมขึนอย่างเขินอาย “องค์ชายเจ็ดเกรงใจเกินไปแล้วเพคะ ก็เพียงยาขวดเดียว


เท่านัน ถือว่าเป็ นของกํานัลมอบให้องค์ชายเจ็ดก็ยงั ได้ เพียงแต่ ยาขวดนันใช้ตอนใส่ ยาให้องค์ชายเจ็ดไป
หมดแล้วเพคะ......”

“จริ งหรื อ ? ช่างบังเอิญยิงนัก !” แววตาของตงฟางหลีลาลึ


ํ ก พลางกล่าวซักถามต่อ “ไม่ทราบว่าคุณหนูซูซือยาใส่
แผลนันมาจากทีใด ? ผูน้ อ้ ยจะได้ไปซื อเพิมสักขวดหนึง !”

“หม่อมฉันมิได้ซือมาเพคะแต่เป็ นเพือนทีมอบให้มาแค่เพียงขวดเดียวเท่านัน !” ซูหนานเซี ยงพูดพลางยิมสดใส


แต่แววตาเจือปนไปด้วยความรู้สึกผิดทีต้องโกหก

“เช่นนันก็น่าเสี ยดายยิงนัก สรรพคุณของยาขวดนันดีพอ ๆ กับยาทีใช้รักษาในวังหลวง ผูท้ ีมอบตัวยานี ให้กบั


คุณหนูซูคงเป็ นคนจากในวังหลวงสิ นะ......” ตงฟางหลีมองไปทีซูหนานเซี ยงทียกมุมปากโค้งขึน แต่ในดวงตา
ิ ด่ ว้ ย
นันกลับไม่ได้ยมอยู

ซูหนานเซี ยงยิมขึนอย่างไม่เป็ นธรรมชาติตอบรับเขาอย่างอํา ๆ อึง ๆ แต่ในใจเต็มไปด้วยความเกลียดชัง


บาดแผลของตงฟางหลีสมานตัวเป็ นอย่างดี ตัวยาทีได้ใส่ ให้เขาดูแล้วคงเป็ นตัวยาชันสู งแน่นอน ตัวยาของจวน
เจินกัวโหวอย่างมากก็คงมีแต่ตวั ยาชันดี ถ้าเช่นนันตัวยาชันสู งนี ก็น่าจะเป็ นของคุณชายโอวหยางสิ นะ !
ตัวยาลําค่าทียากจะพานพบ คุณชายโอวหยางกลับมอบให้มู่หรงเสวียอย่างไม่ลงั เล ให้นางเอาไปรักษาผูช้ ายคน
อืน เขาช่างดีต่อมู่หรงเสวีย จนทําให้ผคู ้ นนึ กรังเกียจนางยิงนัก......

แววตาของซูหนานเซี ยงวูบไหวไปด้วยความโกรธแค้นอยูช่ วครู


ั ่ ซึ งก็ถูกตงฟางหลีสังเกตเห็น แววตาของเขามี
ความสงสัยอยูเ่ ล็กน้อย พลางกล่าวเสี ยงเข้ม “บาดแผลตรงไหล่ ข้าเอือมไม่ถึง รบกวนคุณหนูซูช่วยพันแผลให้ขา้
อีกสักครา !”

“ได้เพคะ !” ซูหนานเซี ยงพยักหน้าพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก โชคดีทีเขาไม่ได้เค้นถามต่อไปให้


มากความ ไม่เช่นนันนางอาจจะถูกเขาเปิ ดโปงเป็ นแน่ !

เมือเดินเยืองย่างไปทีข้างกายของตงฟางหลี นางก็หยิบผ้าขาวขึน ช่วยเขาพันแผลอย่างระมัดระวัง ท่าทางชํานิ


ชํานาญสุ ดท้ายมัดปมทังสองด้านเข้าด้วยกัน !

นางไม่ได้มดั เป็ นปมผีเสื อเหมือนอย่างตอนแรก !

แววตาของตงฟางหลีเปล่งประกายอย่างนึ กคิดไตร่ ตรอง “รบกวนคุณหนูซูแล้ว”

“องค์ชายเจ็ดเกรงใจไปแล้ว ท่านปู่ ใกล้จะตืนแล้ว ถ้าองค์ชายเจ็ดไม่มีธุระใดอีก หม่อมฉันขอตัวไปดูท่านปู่ ก่อน


นะเพคะ” ซูหนานเซี ยงยกยิมสดใส คิดขึนในใจ ตงฟางหลีช่างฉลาดปราดเปรื อง อยู่ ๆ เขาก็ถามถึงอาการ
บาดเจ็บของเขาขึนมา แล้วถ้าหากนางยังอยูท่ ีนีต่อ เขาแน่ นอนว่าคงจะถามต่อไปเรื อย ๆ พอคําถามมากขึน นาง
คงจะไม่สามารถเฉไฉได้อีกต่อไป มีเพียงการใช้กลยุทธ์หนีใน 36 กลยุทธ์เป็ นการเอาตัวรอดเฉพาะหน้าไปก่อน !
“คุณหนูเชิญตามสบาย” ตงฟางหลียมน้
ิ อย ๆ นําเสี ยงของเขาราบเรี ยบ

ซูหนานเซี ยงถอนหายใจอย่างโล่งอก ย่อกายลงแล้วเดินออกจากเรื อนรับรอง !

เมือมองไปทีนางทีก้าวออกไปอย่างบางเบา ตงฟางหลีกย็ กมุมปากขึน แววตาของเขาราวกับเปล่งประกายอย่าง


เข้าใจอะไรบางอย่าง !

ฮัวถงเดินเข้ามาด้านหน้า แล้วกล่าวเสี ยงตํา “หมอหลวงจาง อาการป่ วย......ขององค์ชายเจ็ดเป็ นเช่นไรบ้างขอรับ


?” นอกจากตงฟางหลีจะได้รับบาดเจ็บภายนอกแล้ว ยังมี ‘อาการป่ วยหนักทีร้ายแรง’ อีก เมือเทียบกับ ‘อาการ
ป่ วยหนัก’ ของเขาแล้ว อาการบาดเจ็บของเขานันไม่มีทางเทียบได้กบั ปลายเล็บเลย

หมอหลวงมองไปทีตงฟางหลีคราหนึง แล้วถอนหายใจออกมาพร้อมกับส่ ายหัว “องค์ชายเจ็ด......มีอาการป่ วยมา


เป็ นเวลานานมากแล้ว อีกทังอาการยังหนักมาก อาการป่ วยก็ได้ซึมซับเข้าสู่ กระดูกและอวัยวะสําคัญต่าง ๆ
หมดแล้ว ถึงแม้จะมีเทพเซี ยนมาเองก็ทาํ ได้เพียงบินกลับสวรรค์ไปเท่านัน โปรดอภัยทีกระหม่อมไร้
ความสามารถ”

“ไม่มีวิธีอืนเลยหรื อ ?” ฮัวถงกล่าวขอร้อง
หมอหลวงจางถอนหายใจออกมาหนัก ๆ “ความรู้ความสามารถของข้านันตําต้อยยิงนัก คิดไม่ออกถึงวิธีการ
รักษาองค์ชายเจ็ดจริ ง ๆ เช่นนันเอาอย่างนีแล้วกัน ข้าจะกลับไปทีสํานักหมอหลวงเพือสอบถามหมอหลวงท่าน
อืน ๆ ดูว่าคิดวิธีการรักษาองค์ชายเจ็ดออกหรื อไม่”

“ขอบพระคุณหมอหลวงจางมากขอรับ !” แววตาคมกริ บของฮัวถงวูบไหวไปด้วยความซาบซึ งใจ

“องครักษ์ฮวเกรงใจไปแล้
ั ว ข้าผูเ้ ฒ่าขอลา” หมอหลวงจางพูดขึนเพียงเบา ๆ แบกกระเป๋ ายาขึนหลัง แล้วเดินออก
จากเรื อนรับรองไป

เมือมองส่ งเขาออกไปจากเรื อนรับรอง ฮัวถงก็มองไปทีตงฟางหลีแล้วกล่าวขึนเสี ยงเบา “คุณชายมิตอ้ งกังวล


การแพทย์ของชิงเหยียนนันสู งส่ ง ไม่ว่าอย่างไรก็ตอ้ งคิดอ่านหาวิธีการรักษาอาการป่ วยของท่านออกแน่”

“เจ้าไม่ตอ้ งปลอบข้าเลย อาการเจ็บป่ วยของข้าตัวข้าเองนันย่อมรู ้ดี !” ตงฟางหลีถอนหายใจออกมาเบา ๆ แววตา


ของเขาลําลึก

หมอหลวงของแคว้นซี เหลียงล้วนลงความเห็นกันตังแต่แรกแล้วว่าอาการป่ วยของเขาไม่สามารถทีจะรักษาได้


ตลอดการเดินทางทีผ่านมา เขาก็ต่างเสาะหาบรรดาหมอทีมีชือเสี ยงมาไม่นอ้ ย แต่พวกเขาล้วนพูดเหมือนกัน
ทังหมดว่าไม่สามารถรักษาได้ ตอนนี เขาไม่มีหวังทีจะหายจากอาการป่ วยนีแล้ว
เขาคงสามารถอยูต่ ่อไปได้อีกไม่นาน แต่ว่าคนผูน้ ันก็ยงั ไม่ยอมปล่อยเขา ยังคงส่ งคนมาสังหารเขาทังเปิ ดเผยและ
ลับหลัง เมือวานตอนทีนักฆ่าพวกนันหาเขาเจอและกําลังจะฆ่าเขา เป็ นเวลาทีอาการป่ วยของเขากําเริ บเข้าพอดี
เขาจึงไม่มีเรี ยวแรงมากพอทีจะต่อต้าน ถึงได้ถูกทําร้ายจนบาดเจ็บสาหัส......

“คุณชาย......”

“ไม่ตอ้ งกล่าวให้มากความแล้ว ข้ามีแผนการคิดคํานวนไว้ในใจหมดแล้ว” ตงฟางหลีโบกมือขึนเพือตัดบทคําพูด


ของเขา พลางมองไปทีแสงอาทิตย์ระยิบระยับทีด้านนอกหน้าต่าง กล่าวขึนเสี ยงสู ง “ยากนักทีจะได้มาทีชิงเห
ยียน พวกเราออกไปเดินเล่นกันเถอะ”

“ขอรับ !” ฮัวถงพยักหน้าตามติดไปด้านหลังของตงฟางหลี เดินตามเขาออกไปยังด้านนอก !

แสงอาทิตย์ยามอัสดงสาดส่ องไปทัวบนถนนหนทาง ทําให้ร่างเงาของอาคารบ้านเรื อนและผูค้ นยืดยาวออกไป


ไกล !

รถม้าหรู หราคันหนึงค่อย ๆ จอดลงตรงด้านหน้าของหลินเจียงโหลวอย่างช้า ๆ ม่านถูกแหวกออก เป็ นคุณชาย


โอวหยางทีเดินออกมา มือหยกยืนออกไปด้านหลังเตรี ยมทีจะประคองมู่หรงเสวีย พลันเสี ยคุน้ เคยของชายหนุ่ มก็
ดังขึน “คุณชายโอวหยาง !”

คุณชายโอวหยางหันไปมองเห็นตงฟางหลีค่อย ๆ เดินเข้ามาอย่างช้า ๆ อีกไม่กีก้าวก็จะเดินมาถึงด้านหน้าของเขา


แล้ว
แววตาของเขาชะงักไป เอ่ยกล่าวขึนด้วยเสี ยงราบเรี ยบ “เสวียเอ๋ อร์ พอดีขา้ พบคนรู ้จกั เจ้ารออยูบ่ นรถม้าสักครู่ !”

เขาปิ ดม่านลงกันมู่หรงเสวียเอาไว้ในรถม้า พลางหมุนกายไปทางตงฟางหลี

ใบหน้างดงามของมู่หรงเสวียนันงํางอลง อย่างไรก็มาถึงประตูทางเข้าหลินเจียงโหลวแล้ว ถ้าเขาอยากจะพูดคุย


กับคนรู ้จกั ก็ให้นางเข้าไปสังอาหารด้านในโรงเตียมก่อนมิได้หรื อ ทําไมจะต้องให้นางรออยูบ่ นรถม้าด้วย ?

หรื อว่าเขาจะพบกับคนทีมีฐานะพิเศษ ไม่สะดวกให้นางพบเจอ ?

มู่หรงเสวียค่อย ๆ แหวกม่านออกน้อย ๆ แล้วแอบมองจากด้านหลังของเขา ก็เห็นคุณชายโอวหยางกําลังหันหน้า


คุยกับชายคนหนึ ง บุรุษทังสองมีความสู งไม่ต่างกันเท่าไร นางมองไม่เห็นใบหน้าของชายผูน้ นั มองเห็นแต่เพียง
เสื อผ้าของเขา แต่เสี ยงพูดคุยของคนทังสองกลับดังเข้ามาด้านในอย่างชัดเจน

“หลังจากจากกันทีซี เหลียง องค์ชายเจ็ดมีสุขภาพเป็ นอย่างไรบ้าง ?” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนนําเสี ยงราบเรี ยบ

“ข้าสบายดี ขอบคุณคุณชายโอวหยางทีเป็ นห่ วง” นําเสี ยงของตงฟางหลีเรี ยบเฉย ดูกร็ ู้ว่าเป็ นการพูดตามมารยาท
เท่านัน !

“องค์ชายเจ็ดมาชิงเหยียนเพราะมาขอรับการรักษาอย่างนันหรื อ ?” คุณชายโอวหยางไต่ถามเสี ยงเบา


“จะคิดว่าเป็ นเช่นนันก็ได้ !” ตงฟางหลียกยิมบางเบา แววตาส่ อประกายลําลึก

คุณชายโอวหยางจึงกล่าวขึนอย่างเฉยชา “ข้าบังเอิญรู ้จกั หมอหลวงทีมีฝีมือไม่เลวอยูห่ ลายท่าน สามารถเรี ยกให้


มาตรวจสอบอาการป่ วยขององค์ชายเจ็ดได้ !”

“ขอบคุณคุณชายโอวหยางยิงนัก” ตงฟางหลีแววตาคมกริ บพุ่งผ่านคุณชายโอวหยางไป มองเห็นเงาร่ างสี เขียว


อ่อนบนรถม้า กล่าวขึนคล้ายยิมคล้ายมิยมิ “นีคุณชายโอวหยางกําลังมีนดั กับสาวงามงันหรื อ ?”
ตอนที 110 ขาดการอบรมสั งสอน

“อืม !” คุณชายโอวหยางพยักหน้า นิวมือภายใต้แขนเสื อดีดเบา ๆ พลังปราณสายหนึ งพุ่งออกไปปะทะเข้ากับ


ข้อมือของมู่หรงเสวีย

ทันใดนันมู่หรงเสวียก็คลายมือออกม่านปั ดค่อย ๆ ลู่ลงปิ ดบังนางไว้ในรถม้า

เมือมองไปทีสายตานิงเงียบของคุณชายโอวหยาง แววตาของตงฟางหลีวบู ไหวไปด้วยความแปลกใจ “ไม่ทราบ


ว่าเป็ นคุณหนูจวนใดกันถึงสามารถทําให้คุณชายโอวหยางสนใจได้เช่นนี ?”

ตอนทีอยูซ่ ี เหลียง เขาได้พดู คุยพบปะกับคุณชายโอวหยางอยูบ่ า้ ง รู ้ว่าเขาไม่ได้สนใจในตัวหญิงสาวสักเท่าไรนัก


ไม่คิดว่าตอนนีจะเกิดมีใจให้หญิงสาวได้ เป็ นเรื องยากทีจะได้พบเจอ !

“เป็ นน้องสาวจากตระกูลสหาย” คุณชายโอวหยางพูดขึนอย่างราบเรี ยบ

ตงฟางหลีเลิกคิวขึนเบา ๆ ความสัมพันธ์อนั ใกล้ชิดจากวัยเด็ก ชาติกาํ เนิ ดทีเหมาะสม แล้วทังสองคนยังมีใจให้


กันและกัน คงสามารถเรี ยกว่าเป็ นพรหมลิขิตทีงดงาม “คุณชายโอวหยาง ยินดีดว้ ย !”
คุณชายโอวหยางเพียงยิมน้อย ๆ “องค์ชายเจ็ดกล่าวเกินไปแล้ว”

สายลมบางเบาสายหนึงพัดผ่านมา กลิมหอมของบัวอัคคีทีบางเบาคล้ายมีคล้ายไม่มีกระทบเข้ากับจมูก แววตา


ของตงฟางหลีทอแววแปลกใจ กลินหอมทีคุน้ ชินกลินนี เหมือนเคยได้กลินจากทีไหน !

เขามองไปทางทิศทีมาของกลินหอม ก็เห็นชุดยาวสี เขียวอ่อนโบกสะบัดลู่ลงมาจากบนรถม้า ด้านบนมีรอยผูก


เป็ นปมรู ปผีเสื อทีกําลังพลิวไหว !

แววตาคมกริ บของเขาหรี เล็กลง พลางก้าวเท้ายาว ๆ ไปทางรถม้า !

แววตาของคุณชายโอวหยางกลายเป็ นเขม็งตึง เขาก้าวออกไปด้านหน้าหนึงก้าว ขวางทางไปข้างหน้าของตงฟาง


หลีเอาไว้ แล้วกล่าวขึนเสี ยงเย็น “องค์ชายเจ็ด นางไม่ชอบพบพานกับคนแปลกหน้า ขอองค์ชายเจ็ดโปรดอภัย !”

ทันใดนันตงฟางหลีกห็ ลุดจากภวังค์ แล้วมองไปทีแววตาเย็นชาบางเบาของคุณชายโอวหยาง ยิมขึนอย่างรู ้สึกผิด


“เป็ นข้าทีหุ นหันพลันแล่นไปเอง......”

แววตาคมกริ บกวาดตามองไปทีหน้าต่างของรถม้า แล้ววกกับมาทีร่ างของคุณชายโอวหยาง “ยากนักทีคุณชาย


โอวหยางจะมีนดั กับสาวงาม เช่นนันข้าก็ไม่ขอรบกวนแล้ว ขอลา !”
“หวังว่าคงจะได้พบกันใหม่ !” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนตามมารยาทอย่างราบเรี ยบ มองส่ งตงฟางหลีกบั ฮัวถง
หายลับออกไปจากมุมถนน แววตาของเขาหรี ลงเล็กน้อยเดินไปทีด้านหน้าของรถม้าแล้วเปิ ดม่านออก

มู่หรงเสวียนังอยูใ่ นรถม้ากําลังลูบไปทีข้อมือทีแดงของตน ถลึงตามองคุณชายโอวหยางอย่างดุดนั “ข้าก็แค่เปิ ด


ม่านแอบมองเงียบ ๆ เท่านัน ไม่ได้ทาํ ให้แขกของเจ้าตกใจอะไร เจ้าถึงกับต้องปล่อยพลังปราณใส่ ขา้ เลยหรื อ ?”

“เจ้าดูสิ ดู ข้อมือของข้าถูกเจ้าตีจนบวมแดงไปหมดแล้ว ถ้าหากไม่รีบหาหมอทายาให้ทนั เวลา ไม่แน่ อาจจะใช้


การไม่ได้ก็ได้ !”

เมือมองไปทีข้อมือแดงของนาง คุณชายโอวหยางก็เลิกคิวขึน “ข้อมือของเจ้าไม่ได้ถูกข้าตีจนแดง แต่เป็ นเจ้าเอง


ต่างหากทีนวดมันจนแดง” เขาใช้เพียงกําลังภายในแค่ครึ งเดียว มีผลแค่ให้นางปล่อยม่านลงเท่านัน ไม่มีทางทีจะ
ทําให้นางบาดเจ็บได้

“อยูด่ ี ๆ ก็มาตีขา้ เจ้ายังกล้ายกเหตุผลมาพูดจาข่มข้าอีกอย่างนันหรื อ” อารมณ์โกรธของมู่หรงเสวียลุกโชน นาง


พุ่งออกไปด้านหน้าอย่างขบเขียวเคียวฟั น ทุบตีไปทีคุณชายโอวหยาง

ความรู ้สึกเจ็บเบา ๆ แล่นขึนมาจากอกและแขน คุณชายโอวหยางเร่ งคว้าจับข้อมือทีกําลังทุบตีเขาของนางเอาไว้


แล้วพูดขึนอย่างเหนื อยใจ “เป็ นข้าทีไม่ถูกเอง แต่ว่าข้าไม่ได้ตงใจ
ั เพียงแค่ไม่ทนั ระวังเผลอพลังมือเท่านัน !”

มู่หรงเสวียสบถในใจ คุณชายโอวหยางมีฝีมือทีสู งส่ งถึงกับไม่สามารถควบคุมพละกําลังของตัวเองได้แล้วพลัง


มือปล่อยพลังใส่ คนอืนอย่างมัวซัวเช่นนีเลยหรื อ ? เอาไปหลอกผีทีไหนก็ไม่เชือ !
เมือมองไปทีใบหน้างํางอของนาง คุณชายโอวหยางก็แอบลอบถอนหายใจอย่างเหนื อยใจเบา ๆ “วันนีข้าเลียงเจ้า
ถือเป็ นการไถ่โทษแล้วกัน”

“นีค่อยดีขึนมาหน่ อย” เพียงพริ บตาอารมณ์โกรธของมู่หรงเสวียก็สลายหายไปครึ งหนึง นางดึงมือกลับ ยืนมือไป


รับการพยุงจากคุณชายโอวหยางแล้วลงจากรถม้า ค่อย ๆ เดินไปทางหลินเจียงโหลว “เมือครู่ คนผูน้ นเป็
ั นองค์
ชายเจ็ดของแคว้นใดหรื อ ?”

คุณชายโอวหยางเอาแต่บงั นาง นางจึงไม่ได้เห็นหน้าตาของคนผูน้ นั แต่วา่ ทีชิงเหยียนไม่มีองค์ชายเจ็ด

“แคว้นซี เหลียง” คุณชายโอวหยางตอบกลับอย่างไม่สนใจอะไร แขนโอบไหล่ของมู่หรงเสวียแน่นดึงเอานางเข้า


สู่ออ้ มอก

มู่หรงเสวียเอาแต่จดจ่ออยูก่ บั เรื องขององค์ชายเจ็ด จึงไม่ได้สนใจการกระทําเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเขา กล่าวขึนเสี ยง


สูง “พวกเจ้าเป็ นเพือนกันหรื อ ?”

“แค่บงั เอิญเคยพบหน้าน่ ะ เลยรู ้จกั กัน ยังไม่นบั ว่าเป็ นเพือนอะไร !” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนด้วยนําเสี ยง


ราบเรี ยบ
ทีแท้กเ็ ป็ นเช่นนีนีเอง ! มู่หรงเสวียพยักหน้า นางค่อย ๆ เดินเข้าหลินเจียงโหลวโดยมีคุณชายโอวหยางนําทางไป
!

ทันทีทีทังสองคนเข้าไปในห้องโถงใหญ่ มุมถนนทีว่างเปล่าก็ปรากฏคนผูห้ นึง ใบหน้างดงามดังหยกแกะสลัก มี


สี ขาวดังหิ มะ สง่างามจนทําให้ดวงอาทิตย์บนท้องฟ้ าต้องอับแสง เขาอยูใ่ นชุดสี ม่วงเข้มทีพลิวไหวไปตามสาย
ลม เป็ นองค์ชายเจ็ดตงฟางหลี

เมือเขามองไปทีหลินเจียงโหลวจึงค่อย ๆ หรี ตาลง ถึงขันแอบซ่ อนไว้บนรถม้าไม่ให้ผคู ้ นได้พบเห็น และพอลง


จากรถม้าก็โอบไว้ในอ้อมกอดอย่างระมัดระวัง ถึงสายตาของเขาจะยอดเยียมเพียงใดก็ทาํ ได้เพียงมองเห็นแผ่น
หลังของหญิงสาวเพียงเล็กน้อยเท่านัน......

คุณชายโอวหยางคงจะชอบพอกับหญิงสาวผูน้ นมากนั
ั ก......

ซูหนานเซี ยงยืนอยูใ่ ต้หลังคาของอาคารแห่ งหนึงไม่ไกลนัก ล้วนเห็นภาพเหตุการณ์เมือครู่ อย่างชัดเจน ดวงตาคู่


งามวูบไหวไปด้วยความอิจฉาริ ษยา มู่หรงเสวียก็แค่คุณหนูจวนโหวทีกําพร้าพ่อแม่ ทังยังมีพนั ธะอยูก่ บั ตน แล้ว
เหตุใดคุณชายโอวหยางถึงหลงรักทังกายและใจ นางไม่คู่ควร ไม่คู่ควร !

แววตาของนางเย็นยะเยือก ซูหนานเซี ยงออกแรงดึงกระดุมสองเม็ดบนสุ ดของเสื อ เล็บยาวข่วนไปทีผิวหนังของ


ตัวเองอย่างแรง ปรากฏรอยแผลหลายรอย......

“คุณหนู !” สาวใช้ร้องเรี ยกเสี ยงดัง เสี ยงร้องทําให้ตงฟางหลีทีอยูไ่ ม่ไกลได้ยนิ


เขาหมุนกายหันไปเห็นซูหนานเซี ยง แววตาก็เปล่งประกายครุ่ นคิด ค่อย ๆ เดินเข้าไปหา “คุณหนูซูเกิดเรื องอะไร
ขึนหรื อ ?”

มือของซูหนานเซี ยงดึงปกเสื อมาปกปิ ดรอยแผล มุมปากของนางยกยิมอ่อน ๆ ดูอ่อนหวานจนทําให้ผคู ้ นทีได้พบ


เห็นต่างต้องหลงใหล “ขอบคุณองค์ชายเจ็ดทีเป็ นห่ วง หม่อมฉันไม่เป็ นอะไรเพคะ ล้วนเป็ นสาวใช้ทีตืน
ตระหนกตกใจไปเอง !”

“คุณหนูท่านถูกคนรังแกจนได้รับบาดเจ็บ จะไม่ให้ขา้ น้อยตืนตระหนกตกใจได้อย่างไรเจ้าคะ ?” มีเอ๋ อร์รู้สึกเป็ น


เดือดเป็ นร้อนแทนเจ้านายทีไม่ได้รับความยุติธรรม คุณหนูอยากจะสังสอนคนบางคนมานานแล้ว นางก็จะทํา
ตามความต้องการของคุณหนูช่วยคุณหนูแสดงละครฉากนี แน่ นอนว่าคุณหนูจะต้องชืนชมนาง !

ซูหนานเซี ยงไอหนัก ๆ ขึนมาหลายครัง พลางตําหนิอย่างไร้เรี ยวแรง “มีเอ๋ อร์ เจ้าอย่าได้พูดพล่อย ๆ !”

“ข้าน้อยมิได้พูดพล่อย ๆ ข้าน้อยพูดความจริ งนะเจ้าคะ !” มีเอ๋ อร์ เปิ ดปาก โต้เถียงขึนอย่างไม่ยอมแพ้

ตงฟางหลีเลิกคิวขึนเบา ๆ “จริ ง ๆ แล้วเกิดอะไรขึนกันแน่ ?” เขาเพิงมาถึงชิงเหยียนเป็ นคราแรก ยังไม่เข้าใจว่าซู


หนานเซี ยงมีความสัมพันธ์กบั ผูค้ นเช่นไร
“นีก็เพราะว่าคุณหนูแห่ งจวนเจินกัวโหว !” พอพูดถึงมู่หรงเสวีย แววตาของมีเอ๋ อร์ กเ็ ต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“ชัดเจนว่านางว่ามีการหมันหมายกับจิงอ๋ อง แต่กลับทําตัวไร้ยางอายล่อลวงคนรักในดวงใจของคุณหนูของบ่าว
คุณหนูของบ่าวทีโมโหก็แค่ว่ากล่าวนางไม่กีคํา แต่นางกลับทําตัวเหมือนหญิงชันตํา พุ่งเข้ามาข่วนคุณหนู......”

ตงฟางหลีมองไปยังซูหนานเซี ยงอย่างสงสัย ก็เห็นนางกําลังขมวดคิว ดวงตาแดงกํา กระดุมสองเม็ดบนเสื อขาด


หายไป รอยแผลภายใต้ปกเสื อเดียวผลุบเดียวโผล่ เห็นได้ชดั ว่าได้รับบาดแผล “คุณหนูจวนเจินกัวโหวถือดีขนาด
นันเชียวหรื อ”

“มิใช่ได้อย่างไรเพคะ นางอาศัยทีว่ามีคนคอยให้ทา้ ย ล้วนไม่เห็นผูห้ ลักผูใ้ หญ่ของตัวเองอยูใ่ นสายตา แม้แต่ยา่


อาสอง อาหญิงของตัวนางเองล้วนถูกนางทําร้ายจนมีสภาพดูไม่ได้......” มีเอ๋ อร์ ลว้ นกระโดดลงมาเล่นในละคร
เต็มตัว สร้างเรื องโกหก แต่ละคําล้วนแต่ให้ร้ายมู่หรงเสวีย......

ซูหนานเซี ยงรู ้สึกพอใจเป็ นอย่างมาก แต่บนใบหน้าของนางกลับทําสี หน้าลําบากใจ “มีเอ๋ อร์ มิตอ้ งกล่าวต่อไป
แล้ว......”

“คุณหนูนางอวดดีหยิงยโสขนาดนี อีกทังยังไม่เห็นผูใ้ ดอยูใ่ นสายตา ถ้าหากว่าพวกเราไม่สงสอนนาง


ั ให้จดจําให้
ขึนใจเสี ยบ้าง แน่นอนว่านางจะต้องทําร้ายผูค้ นต่อไป......” มีเอ๋ อร์ ตะโกนขึนมาอย่างเสี ยงดัง นําเสี ยงของนางเต็ม
ไปด้วยความไม่พอใจ
ตอนที 111 สั งสอน
ซูหนานเซี ยงถอนหายใจออกมาแรง ๆ “พวกเราสองนายบ่าวก็แค่ผหู ้ ญิงอ่อนแอทีไร้ซึงกําลัง แต่นางมีคนทีคอย
ให้ทา้ ยปกป้ อง ถ้าหากพวกเราไปหาเรื องนางก็คงจะโดนนางตอกกลับมาเสี ยมากกว่า ไหนเลยจะไปสังสอนนาง
ได้......”

ใบหน้าของมีเอ๋ อร์ บิดเบียวไปด้วยความโกรธ นางกล่าวขึนอย่างโมโห “เช่นนันจะปล่อยให้นางอวดดีทาํ ร้ายผูค้ น


ต่อไปเช่นนีหรื อเจ้าคะ นี ยังนับว่ากฎหมายบ้านเมืองมีผลอยูห่ รื อไม่......”

เมือมองไปทีนายบ่าวทีหมดไร้ซึงหนทางและท้อแท้ แววตาของตงฟางหลีกท็ อประกายครุ่ นคิด ตรึ กตรองอยูค่ รู่


หนึ ง แล้วจึงกล่าวขึนเสี ยงตํา “คุณหนูแห่งจวนเจินกัวโหวผูน้ นั ดูเหมือนว่าจะไร้ซึงการอบรมสังสอน คุณหนูซู
ไม่สะดวกทีจะลงมือ เช่นนันผูน้ อ้ ยจะช่วยเหลือเอง !”

“จริ งหรื อเพคะ !” แววตาของมีเอ๋ อร์ เปล่งประกาย นางกล่าวขึนอย่างปลืมปี ติยนิ ดี “ขอบพระทัยองค์ชายเจ็ดมาก


เพคะ”

ิ ยงน้อย ๆ “ไม่จาํ เป็ นต้องเกรงใจ ไม่ทราบว่าคุณหนูแห่ งจวนเจินกัวโหวผูน้ นั ตอนนีอยูท่ ีใด ?”


ตงฟางหลียมเพี

“หม่อนฉันเห็นนางเดินเข้าไปในทีแห่ งนันเพคะ” มีเอ๋ อร์ ยกนิ วชีไปทีด้านหน้า กล่าวขึนเสี ยงสู ง


ตงฟางหลีมองไปตามทิศทีนางชี ‘หลินเจียงโหลว’ ตัวอักษรใหญ่ ๆ สามตัวเปล่งประกายระยิบระยับภายใต้
แสงอาทิตย์ทีสาดส่ อง แววตาของเขาเปล่งประกายวูบไหว ช่างบังเอิญอะไรเช่นนี ? คุณชายโอวหยางกับหญิง
สาวในดวงใจของเขาก็อยูท่ ีหลินเจียงโหลวด้วยเหมือนกัน......

“องค์ชายเจ็ด ท่านเป็ นอะไรไปหรื อเพคะ ?” ซูหนานเซี ยงเห็นเขามองไปทีหลินชิงโหลวมิกล่าววาจาใด ก็อด


ไม่ได้ทีจะเปิ ดปากออกมา

“ไม่มีอะไร” ตงฟางหลีส่ายหน้าพลางกล่าวเสี ยงเข้ม “ฮัวถง”

“พ่ะย่ะค่ะ” ฮัวถงตอบรับความต้องการของเขา เพียงพริ บตาก็หายตัวไปในอากาศ

ซูหนานเซี ยงยกยิมทีมุมปาก การทีเป็ นผูม้ ีพระคุณขององค์ชายเจ็ดแห่ งแคว้นซี เหลียงทีมีชือเสี ยงเลืองลือ ช่างดียงิ


นัก แค่ร้องไห้ต่อหน้าเขา แกล้งทําท่าทางน่าสงสาร ก็สามารถทําให้เขาออกหน้าสังสอนคนแทนนางได้......

ตงฟางหลีเป็ นคนทีมีจิตใจเย็นชาไร้หัวใจ เมือเขาลงมือก็จะมีแต่ความตายเท่านัน มู่หรงเสวีย เจ้ารอเจอโชคร้าย


ได้เลย !

ในห้องไม้ไผ่ของหลินเจียงโหลว อาหารต่าง ๆ นา ๆ ล้วนถูกจัดวางอยูเ่ ต็มโต๊ะ กลินหอมอบอวลไปทัว พาทําให้


ผูค้ นนําลายสอ
คุณชายโอวหยางคีบเนื อปลาผัดนําแดงลงในชามของมู่หรงเสวีย “นีเป็ นอาหารขึนชือของหลินเจียงโหลว
รสชาติไม่เลวเลย เจ้าลองชิมดู”

“เจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียพยักหน้า กัดเข้าไปทีเนื อปลาหนึ งคํา กลินหอมเข้มข้นฟุ้ งกระจายไปทัวทังปาก ทําให้ผคู้ น


รู ้สึกถูกปากยิงนัก นับได้ว่ารสชาติไม่เลวจริ ง ๆ

“คุณชาย” พริ บตาเดียวสวินเฟิ งก็ปรากฏอยูข่ า้ งกายของคุณชายโอวหยาง สี หน้าของเขาเคร่ งครึ มกระซิ บ


บางอย่างทีข้างหู ของเขา

ทันใดนันคิวดกดําของคุณชายโอวหยางก็ขมวดเข้าหากัน มิกล่าววาจาใด

มู่หรงเสวียปรายตามองเขา พลางกล่าวขึนอย่างช้า ๆ “หากมีธุระท่านก็ไปจัดการเถอะ ข้าดูแลตัวเองได้”

สี หน้าของคุณชายโอวหยางเคร่ งขรึ ม เขามองไปทีมู่หรงเสวีย “บังเอิญมีเรื องเร่ งด่วน ข้าไปจัดการสักครู่ แล้วจะ


รี บกลับมา สวินเฟิ งจะอยูท่ ีนี ปกป้ องเจ้า !”

มู่หรงเสวียไม่ได้ใส่ ใจนัก นางต้องการให้คนมาปกป้ องทีไหนกันเล่า เมือหันหน้ามองไปทีคุณชายโอวหยาง


สายตาของนางก็สบเข้าพอดีกบั แววตาลําลึกของเขา ดวงตาสี ดาํ ขลับดังอัญมณี เหมือนกับกําลังจ้องมองเข้าไปใน
ทะเลสาบทีมืดมิด ทําให้ผคู ้ นต้องหลงติดอยูด่ า้ นในจนไม่สามารถหาทางออกเจอได้ คําพูดทีพุ่งขึนมาถึงริ มผีปาก
ของนาง กลับต้องอ้อมเลียวเคียวคด เปลียนเนื อหาทีจะกล่าว “ตกลง !”
เมือมองส่ งคุณชายโอวหยางออกจากห้องไม้ไผ่ มู่หรงเสวียก็หมดความอยากอาหารวางตะเกียบลง จริ ง ๆ แล้ว
นางเป็ นคนกินไม่มาก แต่ทีสังอาหารมาเต็มโต๊ะขนาดนี เหตุผลหลัก ๆ ก็เพราะเพือต้องการใช้เงินตําลึงของ
คุณชายโอวหยางเยอะ ๆ เป็ นการแก้แค้นทีเขาใช้ลมปราณโจมตีใส่ นางเมือครู่ นี

แต่พอคุณชายโอวหยางไปแล้ว แม้แต่กบั ข้าวหนึ งในสิ บบนโต๊ะนี นางก็กินไม่หมด “สวินเฟิ ง เจ้ายังไม่ได้ทาน


ข้าวสิ นะ นังลงมาทานด้วยกันเถอะ”

“ขอบคุณสําหรับความหวังดีของคุณหนูมู่หรงขอรับ แต่ขา้ น้อยทานเรี ยบร้อยแล้ว” สวินเฟิ งกล่าวขึนเสี ยงตํา ยืน


อยูด่ า้ นหลังของนางไม่ขยับเขยือน ระมัดระวังทุกความเคลือนไหวรอบด้าน

มู่หรงเสวียถอนหายใจอย่างหมดคําพูด เวลาพักผ่อนขององค์รักษ์เงากับคนธรรมดาไม่เหมือนกัน เวลารับสํารับ


แน่นอนว่าก็ตอ้ งไม่เหมือนกันไปด้วย สวินเฟิ งทานข้าวแล้ว นางอีกไม่นานก็คงอิม ยังเหลือกับข้าวอีกตังมากมาย
ดูแล้วสิ นเปลืองจนนางรู้สึกเสี ยดาย......

“ฟ้ าว ฟ้ าว ฟ้ าว !” ทันใดนันลูกธนูสีดาํ ก็พ่งุ ทะลุกาํ แพงเข้ามาในห้องตรงมาทีมู่หรงเสวีย !

แววตาของมู่หรงเสวียเย็นยะเยือก ทันใดนันก็ยกโต๊ะพลิกตังขึนแล้วหลบอยูด่ า้ นหลังของโต๊ะ กลุ่มธนูหนาแน่ น


พุ่งทะลุเข้ามาในห้อง ปั กเข้ากับกําแพง ประตู หน้าต่าง โต๊ะเก้าอี ร้ายกาจจนผูค้ นไม่กล้าเงยหน้าออกไป
“คุณหนูม่หู รง ท่านเป็ นอย่างไรบ้าง ?” สวินเฟิ งสอบถามขึนอย่างรี บร้อน สะบัดดาบฟาดฟั นลูกธนูดอกแล้วดอก
เล่า

“ข้าไม่เป็ นไร !” มู่หรงเสวียยืดตัวตรง หยิบเอาดาบสันออกมาจากแขนเสื อ สะบัดวูบไหวอย่างรวดเร็ ว ปัดป้ อง


จนลูกธนูดอกแล้วดอกต้องร่ วงลงตกพืน !

“กลุ่มธนูหนาแน่นจนเกินไป สิ งของในห้องล้วนถูกปั กทะลุเกือบหมดแล้ว พวกเราจําต้องเร่ งรี บออกไปจากทีนี”


สวินเฟิ งกล่าวขึนเสี ยงตําแววตาของเขาเปล่งประกายด้วยความกังวลใจทีน้อยครังจะได้พบ

“ข้ารู ้แล้ว !” มู่หรงเสวียพยักหน้า ปัดป้ องลูกธนู แล้วก้าวถอยไปตรงด้านหน้าหน้าต่าง เปิ ดหน้าต่างออกแล้ว


กระโดดลงไป

สวินเฟิ งตามหลังไปติด ๆ !

ชัวเวลาทีมู่หรงเสวียกับสวินเฟิ งตกลงถึงฟื น คนชุดดํานับสิ บก็พ่งุ เข้ามาล้อมจากรอบทิศทาง ดาบในมือสะบัด


ออก พุ่งแทงเข้าไปทีคนทังสองอย่างไร้ความปรานี !

มู่หรงเสวียยกยิมเย็น เดิมทีนึกว่าหากกระโดดออกจากหน้าต่างได้ก็จะปลอดภัยแล้ว แต่ไม่คาดว่าทีนีจะยังมีกบั


ดักรอนางอยูอ่ ีก ดูท่าแล้วคงมีการเตรี ยมการและวางแผนเอาไว้อย่างแยบยลเพือทีต้องการจะสังหารนาง เห็นพวก
เขาทุ่มกําลังกันมาเต็มทีขนาดนี นางก็จะเล่นกับพวกเขาเสี ยหน่ อย หลังจากการปะทะทีหุบเขาหวีซาน นางก็
ไม่ได้ออกกําลังยืดเส้นยืดสายมานานแล้ว !
มู่หรงเสวียแทงดาบออกไปทีหัวใจของชายชุดดําทีอยูใ่ กล้ตวั ทีสุ ด ชัวขณะนัน เม็ดเลือดก็พ่งุ ออกมา สาดกระเซ็น
ไปโดยรอบ.......

มู่หรงเสวียทีมองเห็นแต่กไ็ ม่แยแส นางยกเท้าขึนถีบศพของเขาออกไป หมุนด้ามดาบแล้วแทงไปทีชายชุดดําที


กําลังพุ่งเข้ามา......

กระบวนท่าของคนชุดดําทังรวดเร็ ว โหดเหี ยม และแม่นยํา แต่ละกระบวนท่าล้วนอํามหิ ต ทางด้านของมู่หรง


เสวีย และสวินเฟิ งแต่ละกระบวนท่าก็เต็มไปด้วยกลินไอฆ่าฟัน ไร้เยือใยเช่นเดียวกัน เพียงพริ บตาตรอกหลัง
โรงเตียมก็กลายเป็ นชุลมุนวุ่นวาย......

ตงฟางหลียนื อยูต่ รงหน้าต่างในห้องส่ วนตัวบนชันสองของโรงนําชา เขามองไปทีมู่หรงเสวียทีกําลังถูกรุ มล้อม


จากพวกคนชุดดํา กระบวนท่าทีนางใช้ลว้ นต่อเนื องไหลลืน ทุก ๆ ครังทีสะบัดดาบ จะมีคนชุดดําหนึ งคนได้รับ
บาดเจ็บสาหัสหรื อว่าล้มลง แววตาของเขาเปล่งประกายครุ่ นคิดตรึ กตรอง

คุณหนูแห่งจวนเจินกัวโหวผูน้ ี มีวรยุทธ์ทีไม่เลวนัก องครักษ์ทีคุม้ กันนางก็มีฝีมือสู งส่ ง ถึงว่าทําไมถึงได้จดั การซู


หนานเซี ยงจนมีสภาพเป็ นเช่นนัน......

ตอนแรกเขาก็ยงั กังวลใจทีฮัวถงจัดเตรี ยมผูค้ นมามากมายขนาดนัน ถ้าไม่ทนั ระวังและทําให้คุณหนู ผนู ้ ันตาย


ขึนมา คงจะลําบากไม่นอ้ ย แต่ตอนนีดูท่าแล้วคงเป็ นเขาทีคิดมากไปเอง อยากจะสังสอนคุณหนู ผนู ้ ี คงไม่ง่ายดาย
อย่างทีคิดนัก......
แต่ว่า เรื อนร่ างของคุณหนู ผนู ้ ี ดูช่างคลับคล้ายคลับคลายิงนัก เหมือนกับเคยเห็นทีไหนมาก่อน......

มู่หรงเสวียฟันดาบปาดคอของชายชุดดําคนหนึ ง เลือดสี แดงสดพุ่งกระจายออกมา แล้วก็หมุนกาย ดวงตาสี ดาํ


เย็นชา มองดูจนตงฟางหลีตอ้ งหยุดหายใจ ดวงตาคู่นี...... เป็ นของหญิงสาวทีช่วยเหลือเขาเอาไว้ผนู้ น......

ลมเย็นพัดโชยมา สายรัดเอวของมู่หรงเสวียทีมัดเป็ นปมผีเสื อค่อย ๆ พลิวไหวน้อย ๆ ไม่ต่างกับปมรู ปผีเสื อบน


ผ้าพันแผลของตงฟางหลีเลยแม้แต่นิดเดียว......

“หยุด รี บหยุดเดียวนี !” ตงฟางหลีสงการเสี


ั ยงดัง เขากระโดดออกจากหน้าต่างลงไปทีตรอกถนนด้านหน้า......

ซูหนานเซี ยงทียืนอยูด่ า้ นหน้าของหน้าต่าง รอยยิมเย็นชาของนางเพียงพริ บตาก็กลายเป็ นแข็งค้างอยูบ่ นใบหน้า


ตงฟางหลีมิใช่กาํ ลังเชยชมมู่หรงเสวียทีต้องดินรนอยูห่ รอกหรื อ ? ทําไมอยู่ ๆ เขาถึงได้ตะโกนให้หยุดเช่นนัน
หรื อว่าเขาจะจําได้แล้วว่ามู่หรงเสวียเป็ นคนทีช่วยชีวิตเขาไว้ ?

แต่ว่าตอนทีนางไปถึงด้านหน้าของตงฟางหลี ก็เห็นอยูว่ ่าเขากําลังสลบไม่ได้สติ เขาไม่มีทางทีจะจํามู่หรงเสวีย


ได้......หรื อว่าเขาจะรู ้สึกชอบพอมู่หรงเสวียขึนมา......

แววตาของซูหนานเซี ยงลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ นางรู้ดีว่าความสามารถในการล่อลวงยัวยวนผูค้ นของมู่หรง


เสวียนันเป็ นทีหนึงในแผ่นดิน นางไม่มีทางทีจะยอมให้มู่หรงเสวียได้มีโอกาสทําเรื องชัวช้าอีก......

แววตาของซูหนานเซี ยงเปล่งประกายเย็นชา นางหยิบเอาคันธนูทีวางอยูบ่ นโต๊ะ เล็งไปทีมู่หรงเสวีย......


ตอนที 112 ถูกพิษ
‘ฟ้ าว’ ลูกธนูดอกหนึ งพุ่งแหวกอากาศออกไป พุ่งไปทางมู่หรงเสวียอย่างไร้ความปรานี

ลอบโจมตีนางเช่นนี ไม่เจียมตนนัก !

มู่หรงเสวียยกยิมมุมปากอย่างเย็นชา สะบัดมือฟาดคนชุดดําด้านหน้าออกไป ดาบสันในมือเงือฟันไปทีลูกธนู


ดอกนัน

เงาร่ างสี ม่วงเข้มร่ อนลงตรงหน้าของนาง กดดาบในมือของนางลง เพียงแค่มือโบกเบา ๆ ลูกธนูทีอยูใ่ กล้แค่เอือม


พริ บตาเปลียนทิศทางพุ่งสวนกลับไป !

ลูกศรแหลมคมทีแฝงไว้ดว้ ยจิตสังหารพุ่งเข้าไปในหน้าต่าง เข้าไปปั กทีไหล่ของซูหนานเซี ยง พลังปราณทีกล้า


แกร่ งทําให้นางกระเด็นออกไปไกลสองสามเมตร กระแทกเข้ากับกําแพงทีอยูไ่ ม่ไกล เพียงพริ บตาเลือดสี แดงสด
ก็ไหลซึ มไปตามเสื อผ้าของนาง......

“คุณหนู !” มีเอ๋ อร์ กรี ดร้องเสี ยงดังลัน !

ทันใดนันความชุลมุนวุ่นวายในตรอกด้านหลังก็เงียบสงบลง คนชุดดําต่างละเลิกความต้องการทีจะฆ่าฟันไป
ก่อนแล้วพากันไปรวมตัวกันทีด้านข้างของชายหนุ่ ม กล่าวขึนอย่างนอบน้อม “คุณชาย !”
ชายชุดม่วงมองไปทีมู่หรงเสวียด้วยแววตาทีเต็มไปด้วยความห่ วงใย “เจ้าไม่เป็ นอะไรนะ ?”

“เป็ นท่าน !” มู่หรงเสวียมองไปทีเขาด้วยความแปลกใจ แววตาเปล่งประกายไปด้วยความไม่เข้าใจและสงสัยเป็ น


อย่างมาก ตอนทีนางช่วยเขาไว้ทีริ มแม่นาํ นันถือว่าเป็ นการพบกันกับเขาเป็ นครังแรก นางไม่เคยทําอะไรผิดต่อ
เขา เหตุใดเขาต้องส่ งคนมาฆ่านาง ? แล้วอยู่ ๆ ตอนนี ก็กลับเปลียนใจมาช่วยเหลือนางอีก......

สวินเฟิ งยืนถือดาบอยูด่ า้ นหน้าของมู่หรงเสวีย มองไปทางพวกชายชุดดําและชายหนุ่ มในชุดสี ม่วงอย่าง


ระแวดระวังภัย

ตงฟางหลียมขึ
ิ นด้วยความรู ้สึกเสี ยใจ “ขออภัย ความจริ งแล้วข้า......”

“ตงฟางหลี คุณหนูของข้ามีจิตใจเมตตาช่วยเหลือท่าน แต่ท่านกลับตอบแทนนางเช่นนี หรื อ จิตใจของท่านช่าง


โหดเหี ยมนัก......” มองไปทีบาดแผลของซูหนานเซี ยงทียังมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด ความโกรธของมีเอ๋ อร์ กพ็ ุ่ง
ปะทุขนมา
ึ นางไม่สนใจเรื องฐานะระหว่างนายบ่าว หันไปทางตงฟางหลี ต่อว่าอย่างเสี ยงดัง !

ตงฟางหลีเพียงปรายตามองไป ก็เห็นร่ างของซูหนานเซี ยงมีเลือดไหลอาบไปทัวเสื อผ้า นางค่อย ๆเงยหน้าขึน


มองมาทางเขาอย่างเสี ยใจ ดวงตาไหลริ นไปด้วยนําตา ท่าทางทีน่ าสงสาร ราวกับกําลังจะพูดว่า “ข้าช่วยท่าน เป็ น
ผูม้ ีพระคุณของท่าน ถึงแม้ว่าท่านจะถูกมารยาของมู่หรงเสวีย แต่กไ็ ม่สมควรทีจะหันคมดาบมาฆ่าข้า......”

“ซูหนานเซี ยง เจ้าแน่ ใจหรื อว่าเจ้าเป็ นคนทีช่วยข้า ?” ตงฟางหลีมองไปทางนางคล้ายยิมคล้ายไม่ยมิ แววตาเปล่ง


ประกายไปด้วยความเหยียดหยามทียากจะปกปิ ด
ซูหนานเซี ยงตืนตระหนกในใจ “ท่านหมายความว่าอย่างไร ?”

“คนทีช่วยข้าตังแต่แรกไม่มีทางเป็ นเจ้า เจ้าก็แค่เป็ นคนทีสวมรอยแอบอ้างเท่านัน” ตงฟางหลีกล่าวเน้นทีละคํา


เปิ ดโปงคําโกหกของนางอย่างไร้เยือใย

ตังแต่แรกเขาก็รู้สึกสงสัยอยูแ่ ล้วว่าซูหนานเซี ยงเป็ นคนทีช่วยเหลือเขาจริ งหรื อไม่ ก็เลยทําการทดสอบในจวน


ราชครู ไปเล็กน้อย ซูหนานเซี ยงไม่สามารถนําเอายาชันสู งออกมาได้ รวมถึงตอนทีพันแผลให้เขาก็ไม่ได้ผกู เงือน
ด้วยปมผีเสื อ เพียงเท่านีเขาก็รู้แล้วว่าคนทีช่วยเหลือเขาไม่มีทางเป็ นซูหนานเซี ยงอย่างแน่นอน

จวนราชครู เป็ นทีพักเท้าทีไม่เลวจริ ง ๆ ซูหนานเซี ยงถูกคนรังแก แน่ นอนว่าเขาสามารถลงมือช่วยเหลือจะได้ถือ


เสี ยว่าเป็ นการตอบแทนนางไปเสี ยเลย แต่ว่านางไม่ควรเลย ไม่ควรเลยจริ ง ๆ ทีมาบงการให้เขาไปฆ่าผูม้ ีพระคุณ
ตัวจริ งของเขา ลูกธนูดอกนันก็ถือเสี ยว่าเป็ นผลตอบแทนเล็ก ๆ น้อย ๆ ทีเขามอบให้ก็แล้วกัน !

ใบหน้าเรี ยวเล็กของซูหนานเซี ยงซี ดขาวจนไร้สีเลือด ตงฟางหลีรู้แล้ว ทําไมเขาถึงรู ้ได้ ทําไมถึงกลายเป็ นแบบนี


? ทําไมถึงกลายเป็ นแบบนีได้ ?

ยังมีเรื องราวอีกมากมายทีนางจะขอความช่วยเหลือจากตงฟางหลี ตอนนี แม้แต่เรื องเดียวก็คงทําไม่ได้แล้ว......


ซูหนานเซี ยงทังตืนตระหนกทังโมโห ความเจ็บปวดอันแหลมคมแล่นปลาบขึนมา นางขมวดคิวเข้าหากันแน่ น
ดวงตาปรากฏแววมืดมิดลงแล้วสลบไสลไป !

มีเอ๋ อร์ ตืนตระหนกอย่างทันที แล้วร้องเรี ยกเสี ยงดัง “คุณหนู คุณหนู......ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาที......ช่วยด้วย


.....”

ห้องส่ วนตัวทีปิ ดสนิทถูกผลักให้เปิ ดออก ผูด้ ูแลร้านกับบรรดาเหล่าเสมียนพากันกรู เข้ามา เพียงพริ บตาห้อง


ส่ วนตัวทีเงียบสงบก็กลายเป็ นชุลมุนวุ่นวาย......

มู่หรงเสวียมองไปทีซูหนานเซี ยงทีบาดเจ็บสาหัสจนสลบไม่ได้สติ นางก็ยกยิมมุมปากเย็นชา หลังจากทีนางช่วย


คนแล้วจากไป ซูหนานเซี ยงก็เลยแอบสวมรอย ทังยังใช้ฐานะผูม้ ีพระคุณของตัวเองบงการให้ตงฟางหลีมาฆ่า
นาง ช่างโง่งมไร้สมองยิงนัก !

โชคยังดีทีตงฟางหลีมองแผนการของซูหนานเซี ยงออก ไม่เช่นนันนางทีถูกล้อมไปด้วยชายชุดดําทีมีฝีมือร้ายกาจ


มากมายขนาดนี หากไม่ตายก็ตอ้ งได้รับบาดเจ็บแน่ นอน !

จะโทษก็ตอ้ งโทษคุณชายโอวหยาง ใครให้เขาเร่ งรี บลากนางออกมากันเล่า ? ถ้าเกิดพวกเขารอให้ตงฟางหลีฟืน


ได้สติแล้วค่อยจากมา ก็คงจะไม่เกิดความเข้าใจผิดเช่นนี ขึน !

“คุณหนู ขออภัย ข้าไม่ทราบมาก่อนว่าคนทีซูหนานเซี ยงต้องการจะสังสอนจะเป็ นท่าน !” ตงฟางหลีมองไปทีมู่


หรงเสวียด้วยแววตาทีเต็มไปด้วยความรู ้สึกผิด
“ไม่เป็ นไร ขอเพียงแค่ท่านไม่ตอ้ งการแก้แค้นให้คนทีตายไปก็พอแล้ว” เวลาทีมู่หรงเสวียใช้ปะทะกับพวกชาย
ชุดดํานันไม่นาน แต่นางใช้ออกด้วยกระบวนท่าทีคมกริ บถึงตาย ไม่ได้ออมมือแม้แต่นอ้ ย ชายชุดดําทีตายภายใต้
ฝี มือของนางก็เลยมีจาํ นวนไม่นอ้ ย

ตงฟางหลีปรายตามองศพทีนอนกระจัดกระจายอยูบ่ นพืน กระแอมไออย่างไม่เป็ นธรรมชาติอยูส่ องสามครา


“เป็ นข้าทีเชือใจคนไม่ดี สังการผิดพลาด พวกเขาถึงต้องมาตกตาย ทังหมดนี ล้วนเป็ นความผิดของข้า ไม่
เกียวข้องอันใดกับคุณหนู......”

“เช่นนันก็ดี” มู่หรงเสวียถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ตงฟางหลีทีสามารถมีลูกน้องทีเก่งกาจขนาดนี แน่นอน


ว่าจะต้องเป็ นคนทีร้ายกาจมากผูห้ นึง นางกับเขาไม่ก่อความแค้นต่อกันได้และไม่ตอ้ งกลายเป็ นศัตรู ต่อกันได้กย็ งิ
ดีนกั !

มองไปทีดวงตากระจ่างใสของนาง แววตาของตงฟางหลีกเ็ ปล่งประกายครุ่ นคิด เตรี ยมทีจะเปิ ดปาก อยู่ ๆ ในอก


เลือดลมเกิดแปรปรวนขึนมา ในคอรู ้สึกถึงบางสิ งทีกําลังพุ่งขึนมา เขาเร่ งรี บปิ ดปาก เลือดสี แดงสดไหลออกจาก
ร่ องนิ วทีปิ ดไม่มิดของเขา ไหลออกมาทีละหยดสองหยดลงสู่ พนื !

“คุณชาย !” แววตาของฮัวถงแข็งทือ ยืนมือเข้าไปทีถุงผ้าทีข้างเอวของตงฟางหลีแล้วเร่ งรี บเปิ ดออก หยิบยาผง


ออกมาหนึงถุง เทลงไปในปากของตงฟางหลี
สี หน้าของตงฟางหลีทีเปลียนเป็ นซี ดขาวและคิวทีขมวดเข้าหากันค่อย ๆ คลายออก ความเจ็บปวดทรมานในแวว
ตาค่อย ๆ สลายหายไป

ฮัวถงค่อย ๆ ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก สายตาหันไปเห็นมู่หรงเสวียทีมองมายังตงฟางหลีตาไม่กระพริ บ


คล้ายกับว่ามีความคิดบางอย่าง เขาจึงเร่ งรี บอธิบาย “คุณชายของข้าน้อยมีอาการป่ วยหนัก เพียงทานยาเข้าไปก็ไม่
เป็ นไรแล้วขอรับ”

“จริ งหรื อ ?” มู่หรงเสวียเลิกคิวมองฮัวถง กล่าวขึนคล้ายยิมคล้ายมิยมิ “โรคอะไรกันทีใช้สารหนูมายับยังอาการ


เจ้าไม่กลัวว่าจะทําให้เขาถูกพิษจนตายหรื อย่างไร ?”

ฮัวถงตืนตระหนก แววตาหรี เล็กลง “ท่านทําไมถึงรู ้ว่า...นันเป็ นสารหนู......”

สารหนูทีคุณชายใช้ ล้วนเป็ นสารหนูทีถูกบดจนละเอียด ถือว่าละเอียดเล็กมาก กลินก็เหลือเพียงบางเบา ถึงจะ


เป็ นหมอทีไหน แต่ถา้ อยูไ่ กลออกไปหน่ อย ก็ลว้ นดูไม่ออกคิดเพียงว่าเป็ นยาผงเท่านัน

มู่หรงเสวียยิมขึนอย่างลึกลับ “ข้าไม่ได้แค่รู้ว่าของสิ งนันเป็ นสารหนู ยังรู ้อีกว่าคุณชายของเจ้าถูกพิษร้าย และ


กําลังใช้สารหนูเพือเป็ นการใช้พิษสยบพิษ”

ตอนทีนางช่วยเขาทีริ มแม่นาํ ก็รู้แล้วว่าสี เลือดของเขาไม่เหมือนกับคนปกติทวไป


ั ตอนนันเพราะว่าเร่ งรี บ นางก็
เลยมิได้สนใจนัก แต่เมือครู่ ตอนทีเขาใช้สารหนู นางได้กลินของมันอย่างบางเบา ถึงแม้จะบางเบามาก แต่นางก็
ยังดมออกว่านันเป็ นสารหนู
นางเคยเรี ยนเรื องศาสตร์แห่ งพิษในยุคปั จจุบนั ถึงแม้วา่ จะไม่ค่อยเหมือนกับพิษในยุคโบราณเท่าไร แต่ว่าโดย
พืนฐานแล้วก็นบั ว่าไม่ต่างกันมากนัก เจ้าสารหนูสิงนี มีพิษร้ายแรงนัก คนธรรมดาทัวไปกินไปแค่ห่อเล็ก ๆ ก็คง
ตกตาย แต่ตงฟางหลีกลับเตรี ยมไว้ตงห่
ั อหนึง ใช้เหมือนยารักษาโรค ความน่ าจะเป็ นเพียงหนึ งเดียวก็คอื เขาต้อง
ถูกพิษร้ายแรง แถมพิษชนิ ดนันยังมีพิษทีรุ นแรงกว่าสารหนู เขาเลยไม่เกรงกลัวการกัดกร่ อนของสารหนู !

สี หน้าของตงฟางหลีค่อย ๆ กลับมามีรอยเลือดฝาดเล็กน้อย มองไปทางมู่หรงเสวียอย่างรู ้สึกตืนเต้นสนใจ “ทําไม


คุณหนูถึงรู ้เรื องพวกนีได้ ?”

มู่หรงเสวียยกยิมบางเบา กล่าวเน้นทีละคํา “ตอนทีท่านใช้สารหนู สี หน้าของท่านดูเขียวคลํา ชัดเจนว่าพิษทีอยูใ่ น


ตัวท่านนันได้แพร่ กระจ่ายไปทัวทุกส่ วนของร่ างกายแล้ว อาการป่ วยทีแสดงบนหน้าผากของท่านก็ได้ลามไปถึง
ดวงตาแล้ว เห็นได้วา่ พิษร้ายในร่ างกายของท่านกําลังเพิมความเร็ วในการกัดกร่ อน ถึงแม้ว่าท่านจะใช้สารหนู
กดมันเอาไว้ แต่มากทีสุ ดก็คงสามารถมีชีวิตอยูต่ ่อไปได้เพียงแค่สามเดือนเท่านัน !”
ตอนที 113 แก้ พษิ

สามเดือน ! เทียบกับการคาดการณ์ของบรรดาหมอหลวงแล้วไม่ต่างกันเท่าไหร่ นัก !

แต่ว่า พวกหมอหลวงเหล่านันได้มีการจับชีพจรของเขามาแล้วครังแล้วครังเล่า ถึงจะสามารถบอกวันเวลาทีแน่


ชัดแก่เขาได้ แต่นางเพียงมองแค่ครู่ ดียว ก็สามารถบอกได้ถึงเวลาทีชัดเจน......

แววตาของตงฟางหลีทีใช้มองมู่หรงเสวียมีความสนใจมากขึนหลายส่ วน “ท่านเข้าใจเรื องการแพทย์หรื อ ?”

มู่หรงเสวียยิมบางเบา “ก็พอรู ้บา้ งเล็กน้อย ท่านถูกพิษอะไร ?”

“ชีเซวีย” แววตาของตงฟางหลีลาลึ
ํ ก พลางกล่าวเน้นทีละคํา “หมอหลวงบอกว่าไม่มียารักษา ทุกครังทีพิษกําเริ บ
จะไอออกมาเป็ นเลือดไม่หยุด เป็ นเช่นนี ไปเรื อย ๆ จนกว่าจะตาย !”

มู่หรงเสวียพยักหน้าเบา ๆ นางเคยได้ยนิ ชือพิษ ‘ชีเซวีย’ ชนิดนี ถือเป็ นพิษทีโหดเหี ยมและอํามหิ ตมาก แน่ นอน
ว่าไม่มียารักษา......
“แค่ก แค่ก แค่ก !” ทันใดนันตงฟางหลีกเ็ อามือปิ ดปากไว้แล้วไอขึนอย่างรุ นแรง เลือดสี ดาํ ไหลหยดออกจากร่ อง
นิวทีละสายสองสาย หยดลงไปบนชุดสี ม่วงเข้มจนไหลซึ มกลายเป็ นรอยเลือดคล้ายดอกเหมยสี ดาํ ......

“คุณชายเพิงจะทานยาเข้าไปทําไมพิษถึงยังกําเริ บได้ ?” ฮัวถงตืนตระหนก ร้อนรนจะหยิบยาขึนจากถุงผ้า

มู่หรงเสวียหยุดยังเขาไว้ “คุณชายของเจ้าไม่ได้พิษกําเริ บ แต่ถูกพิษของสารหนูตีกลับ ถ้าหากยังป้ อนสารหนูให้


เขาอีกถุง เขาจะสิ นใจต่อหน้าเจ้าตอนนี แหละ”

ฮัวถงชะงักไป “แต่ก่อนหลังจากทีคุณชายใช้สารหนู ก็ไม่เคยถูกพิษของมันตีกลับมาก่อน ทําไมวันนี ถึงได้......”

“นันก็เพราะแต่ก่อนร่ างกายของเขาแข็งแรง สามารถต่อต้านพิษของสารหนูได้ แต่เมือวานเขาได้รับบาดเจ็บ


สูญเสี ยพละกําลังไปไม่นอ้ ย ร่ างกายยังไม่ฟืนคืน ก็มาเจอเข้ากับอาการพิษกําเริ บอีก เลยไม่สามารถทีจะต่อต้าน
พิษของสารหนู ได้ แน่ นอนว่าจะต้องถูกพิษตีกลับ !” มู่หรงเสวียพูดขึนอย่างช้า ๆ ถอนหายใจเบา ๆ ขึนในใจ

สารหนูกถ็ ือเป็ นพิษร้าย ในขณะทีมันต่อกรกับพิษ ‘ชีเซวีย’ ก็ยงั ทําการกัดกร่ อนตงฟางหลีไปพร้อม ๆ กัน ถึงแม้
ว่าวรยุทธ์ของตงฟางหลีจะสู งส่ ง พลังภายในกล้าแกร่ งเพียงใด ก็ยงั ไม่มีความสามารถพอทีจะหยุดยังการกัด
กร่ อนของพิษร้ายทังสองได้ ฉะนันหัวใจจะหยุดเต้นหรื อถูกทําลายก็เป็ นเรื องของเวลาทีจะช้าหรื อจะเร็ วเพียงใด
เท่านัน......
“เช่นนันตอนนี ควรทําเช่นไรขอรับ ?” ฮัวถงมองมู่หรงเสวียอย่างขอความช่วยเหลือ คุณชายถูกพิษของสารหนูตี
กลับอย่างรุ นแรงนัก แต่ว่าเขาไม่เข้าใจศาสตร์ แพทย์ ไม่ทราบว่าต้องทําอย่างไรถึงจะสามารถช่วยคุณชายของเขา
เอาไว้ได้ !

ตงฟางหลีไอขึนอย่างรุ นแรงแล้วสํารอกเอาก้อนเลือดสี ดาํ ออกมา สี หน้าของเขาซี ดขาวจนไร้สีเลือด อาการป่ วย


ทีแสดงบนใบหน้าสี ขาวหยกดังหิ มะของเขานันค่อย ๆ แผ่ขยายออกไป ทําให้จิตใจของผูท้ ีได้พบเห็นรู ้สึกสงสาร
เวทนา !

แววตาของมู่หรงเสวียเปล่งประกายวูบไหว พลางกล่าวกดเสี ยงตําลงอย่างลึกลับ “ท่านอยากมีชีวิตอยูห่ รื อไม่ ?”

ตงฟางหลีชะงักไป พริ บตาเดียวก็เงยหน้ามองมู่หรงเสวีย แววตาเปล่งประกายไปด้วยความตืนตระหนก “แค่ก


แค่ก......ท่านสามารถ......แก้พิษชีเซวียได้หรื อ ?”

มู่หรงเสวียยกยิมขึนอย่างลึกลับ หมุนกายค่อย ๆ เดินออกไปด้านหน้า นําเสี ยงใสกระจ่างของนางลอยมาตาม


อากาศ “ตามข้ามาเถอะ !”

เมือมองไปทีแผ่นหลังของนางทีเดินไกลออกไป ฮัวถงก็เบิกตากว้างขึนด้วยความตกตะลึง คุณหนูท่านนีสามารถ


แก้พิษชีเซวียได้ ? แต่ว่าเหล่าบรรดาหมอทีเคยรักษาคุณชายมาทุกท่านล้วนกล่าวว่าพิษชีเซวียนันไม่มีทางรักษา !

หันไปมองตงฟางหลีทีอยูด่ า้ นข้าง ก็เห็นเขามองไปทางมู่หรงเสวียราวด้วยสายตาทีเชือได้ยาก แววตาของเขาวูบ


ไหวไปด้วยความซับซ้อน ฮัวถงอดไม่ได้ทีจะเรี ยกขึนเสี ยงเบา “คุณชาย !”
ทันใดนันตงฟางหลีกห็ ลุดจากภวังค์ แล้วกล่าวขึนเสี ยงตํา “ตามนางไปเถอะ”

เขาถูกพิษมาเป็ นเวลานานมากแล้ว เหลือเวลาไม่มาก ถึงแม้จะกินสารหนูแทนยา ก็ทาํ ได้เพียงแค่ยดื เวลาออกไป


ได้แค่สามเดือน เช่นนันมิสู้ลองตามคุณหนูท่านนันไป ดูว่านางเตรี ยมจะทําอย่างไร ถ้าหากว่านางสามารถแก้พิษ
ชีเซวียของเขาได้กจ็ ะเป็ นการดีทีสุ ด ถึงแม้จะแก้ไม่ได้กไ็ ม่เป็ นไร อย่างน้อยก็ถือว่าเขาได้ลองดู......

ความมืดมิดคืบคลานเข้ามา มู่หรงเสวียเดินมาถึงริ มแม่นาสายหนึ


ํ ง มองไปยังนําในแม่นาที
ํ ใสสะอาดแล้วพยัก
หน้าเบา ๆ “ทีนี แหละ !”

“องครักษ์ท่านนี ข้าขอยืมเลือดของเจ้าสักเล็กน้อยสิ !” มู่หรงเสวียยิมอย่างงดงามพร้อมกับกล่าวขึน มือของนาง


ยกเข็มขึนแล้วปั กลง จิมลงบนปลายนิ วของฮัวถงจนเกิดเป็ นรู เล็ก ๆ แล้วบีบให้เลือดไหลออกมาหลายหยด หยด
ลงไปทีผ้าสี ขาวทีวางไว้อีกด้านหนึง

“ท่านทําอะไรน่ ะ ?” ฮัวถงมองไปทีนางอย่างไม่เข้าใจ

“อีกสักครู่ เจ้าก็จะรู ้เอง” มู่หรงเสวียพูดขึนอย่างลึกลับ ยืนดาบสันในมือไปให้สวินเฟิ ง นางหยิบเอาผ้าทีเปื อน


เลือดขึนแล้วกระโดดลงไปในแม่นาสายเล็
ํ ก ๆ จนสายนําสาดกระเซ็น !
แรงกระเพือมระลอกแล้วระลอกเล่าสาดซัดออกมา ทันใดนันก็ไม่เห็นเงาร่ างของมู่หรงเสวียอีกแม้แต่นอ้ ย ตง
ฟางหลี ฮัวถง สวินเฟิ งสามคนล้วนมิกล่าววาจา จ้องเขม็งไปทีผิวนําทีค่อย ๆ นิงสงบลง......

หนึ งเวลาทีใช้ในการต้มชาผ่านไป ( ประมาณ 10 – 20 นาที ) ครึ งเค่อ ( 7 นาทีครึ ง) ผ่านไป หนึงเค่อ ( 15 นาที )
ผ่านไป......ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไรแล้ว พลันได้ยนิ เสี ยง ‘ซ่า’ เสี ยงหนึงดังขึน มู่หรงเสวียโผล่ขึนมาจากนํา ค่อย
ๆ ขึนมาบนฝัง แหวกผ้าสี ขาวเปื อนเลือดในมือออก ชัวขณะนัน ปลิงนําทีกําลังดินไปดินมาก็ปรากฏขึนต่อสายตา
ของผูค้ น

อยู่ ๆ ฮัวถงชะงักไป “ท่านจับปลิงนําขึนมาทําไม ?”

“แน่นอนว่าเอามาใช้แก้พิษ !” มู่หรงเสวียยกยิมขึนอย่างงดงาม

“ใช้ปลิงนําแก้พิษอย่างนันหรื อ ?” ฮัวถงเบิกตากว้างขึนอย่างแปลกใจ

มู่หรงเสวียตอบรับนําเสี ยงราบเรี ยบ กล่าวขึนเสี ยงตํา “เจ้าอย่าได้ดูเบาปลิงนํา พิษร้ายมากมายทีไม่สามารถใช้ตวั


ยาสมุนไพรรักษาให้หาย พอใช้พวกมันรักษาแล้วกลับได้ผลชะงัดนัก !”

“จริ งหรื อ ?” ฮัวถงยังคงเชือครึ งไม่เชือครึ ง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจเรื องการแพทย์ แต่พอได้ฟังว่าปลิงนําสามารถ


แก้พิษได้ ก็รู้สึกว่าฟังดูแล้วรู ้สึกไม่ค่อยน่าเชือถือหรื อพึงพาได้เท่าไร
“แน่นอนว่าเป็ นเรื องจริ ง ข้าจะหลอกเจ้าไปทําไมกัน !” ฮัวถงไม่ค่อยเข้าใจศาสตร์แห่ งการแพทย์เท่าไรนัก มู่หรง
เสวียขีเกียจจะพูดกับเขาให้มากความ มองตรงไปทีตงฟางหลี “คุณชายตงฟาง ท่านถอดเสื อด้านบนออก !”

“ได้ !” ตงฟางหลีพยักหน้า ค่อย ๆ ถอดเสื อส่ วนนอกออกแล้วจึงปลดกระดุมเสื อส่ วนใน เผยให้เห็นหน้าอกที


เนี ยนขาว

“คุณชาย......ทําอย่างนีจะดีจริ ง ๆ หรื อขอรับ ?” ฮัวถงยังคงมิค่อยวางใจเท่าไหร่ นกั

ตงฟางหลีไม่สนใจ “ไหน ๆ พิษก็แล่นเข้าสู่ หัวใจแล้ว ก็ลองดูสักครังไม่เห็นจะเป็ นไร !”

ใช้ปลิงนําในการรักษา เขาก็ยงั ดูจะมีความหวังทีจะมีชีวิตอยูต่ ่อขึนมาอีกครังหนึง ถ้าหากไม่ใช้วิธีนีทางเดียวที


เขาจะเหลือก็คือตายเท่านัน !

ตงฟางหลีเป็ นคนทีมีจิตวิญญาณมุ่งมันและกล้าหาญ ถ้าหากยอมให้ถูกพิษชีเซวียกับพิษของสารหนูจดั การจนตก


ตาย ก็คงจะน่ าเสี ยดายนัก !

มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ ตาก็ไม่มองใช้กิงไม้คีบปลิงนําทีละตัวสองตัววางลงบนจุดชีพจรหลัก ๆ บนอกของตงฟาง


หลี
ปลิงนําทีสัมผัสถูกกับผิวหนังพากันเร่ งรี บพุ่งเข้าไปดูดเลือด เพียงไม่ถึงครึ งเค่อ ร่ างกายทีเรี ยวเล็กของพวกมันก็
พองบวมขึนมา ร่ างสี นาตาลดํ
ํ าเปลียนเป็ นสี ดาํ เข้มด้วยความรวดเร็ วเท่าทีสายตาของมนุษย์สามารถจะมองเห็น
ได้ แล้วหยุดนิงลงบนหน้าอกของตงฟางหลีไม่ขยับเคลือนไหวอีก

แววตาของฮัวถงหรี ลง พลางกล่าวเสี ยงตํา “พวกปลิงนําเป็ นอะไรไป ?”

“ถูกพิษชีเซวียและพิษจากสารหนูจดั การจนตายแล้ว !” มู่หรงเสวียกล่าวขึนด้วยนําเสี ยงปกติราบเรี ยบ ใช้กิงไม้


คีบปลิงแม่นาขึ
ํ นแล้ววางลงไปด้านข้าง มอบไปทางตงฟางหลีดว้ ยสี หน้าเรี ยบเฉย “คุณชายตงฟางรู ้สึกอย่างไร
บ้าง ?”

“ความเข้มข้นของพิษน้อยลง !” แววตาของคุณชายตงฟางลําลึกดังก้นทะเลสาบทีมืดมิด หลังจากถูกพิษ เขาทําได้


เพียงเบิกตามองพิษในร่ างกายทียิงหนาแน่นและเข้มข้นยิงขึน โดยไม่สามารถทําอะไรได้เลย แต่คาดไม่ถึงว่า
วันนีเขากลับรู ้สึกว่าความเข้มข้นของพิษในร่ างกายได้ลดจํานวนน้อยลงแล้ว

“ต้องขอบพระคุณคุณหนู มาก !” นําเสี ยงทีฟั งดูเหมือนราบเรี ยบแต่ภายในแฝงไว้ดว้ ยความตืนเต้นยินดี !

“ท่านถูกพิษมาหลายปี จนพิษไหลซึ มเข้าสู่ หัวใจ ในระยะเวลาอันสันคงไม่สามารถทีจะขับพิษออกไปจนหมดได้


ขอบคุณตอนนีถือว่ายังเร็ วไปนัก !” มู่หรงเสวียยิมขึนอย่างสดใสพลางกล่าวขึนเชิงล้อเล่น

“คุณหนูช่วยชีวิตผูน้ ้อยเอาไว้สองครัง แค่คาํ ขอบคุณเพียงคําเดียว คุณหนูสมควรรับมันเอาไว้ ! ดวงตาของตงฟาง


หลีมีแววหนักแน่น ถ้าหากไม่ได้พบกับนาง เขาคงใกลกับความตายมากขึนทุกที......
มู่หรงเสวียยิมบาง ๆ แล้วกล่าวขึนอย่างราบเรี ยบ “การใช้ปลิงนํารักษาถึงแม้วา่ จะใช้ได้ผล แต่วา่ ไม่สามารถใช้ได้
บ่อยครัง อย่างน้อยสามวันถึงจะสามารถใช้ได้ครังหนึง คุณชายตงฟางพักอยูท่ ีใด ? สามวันหลังจากนี ข้าจะไปขับ
พิษให้ท่านทีจวนทีพัก !”

การใช้ปลิงนําดูดพิษออกนันต้องดูว่าติดพิษมามากน้อยเพียงไร แล้วค่อยวางปลิงนําลงตามจุดชีพจรที
เฉพาะเจาะจง ไม่สามารถวางอย่างส่ ง ๆ ได้ ไม่เช่นนันจะถูกพิษสะท้อนกลับ ข้างกายของตงฟางหลีไม่มีคนที
เข้าใจในศาสตร์ทางด้านการแพทย์ ถึงนางจะอธิบายเกียวกับการรักษาด้วยปลิงนําอย่างไร พวกเขาก็คงไม่เข้าใจ
มีเพียงทางเดียวคือนางคงต้องเดินทางไปรักษาตงฟางหลีดว้ ยตัวเอง !

“ผูน้ อ้ ยเพิงจะมาถึงเมืองหลวง ยังไม่มีทีพัก......” ตงฟางหลีแววตาเคร่ งขรึ ม มองไปทีมู่หรงเสวีย “ไม่ทราบว่า ข้า


จะสามารถไปรบกวนทีจวนสักช่วงหนึงได้หรื อไม่ ?”
ตอนที 114 ต่ อรอง

ไปพักทีจวนของนางอย่างนันหรื อ ?

มู่หรงเสวียเลิกคิวขึน เตรี ยมทีจะกล่าววาจา แต่ทว่าเสี ยงทุม้ สายหนึงกลับพูดแทรกขึนมาเสี ยก่อน “ไม่ได้ !”

เมือมู่หรงเสวียมองตามเสี ยงไป ก็เห็นคุณชายโอวหยางกําลังก้าวยาว ๆ เข้ามา ชุดสี ขาวหิ มะโบกสะบัดพลิวไหว


คล้ายผีเสื อ ทําให้ความสง่างามและความสู งส่ งทีแผ่ออกมาจากตัวเขายิงเด่นชัดมากขึน

ริ มผีปากของเขาเม้มสนิทเข้าหากันแน่น จ้องมองไปทางมู่หรงเสวียตาไม่กระพริ บ จ้องจนมู่หรงเสวียต้องยิมขึน


อย่างเก้ ๆ กัง ๆ “เอ่อทะ......ทําไมท่านถึงมาทีนี ล่ะ?”

“แน่นอนว่ามาหาเจ้า !” แววตาของคุณชายโอวลําลึก ตอนทีเขาจัดการธุ ระเสร็ จแล้วกลับไปถึงหลินเจียงโหลว


พบเข้ากับห้องไม้ไผ่ทีถูกลูกธนูเจาะทะลุจนพลุน ดีทีเห็นเครื องหมายปลอดภัยทีสวินเฟิ งทําทิงเอาไว้ถึงได้รู้ว่า
นางไม่เป็ นไร ต่อจากนันเขาจึงตามเครื องหมายมาจนหาทีนีเจอ ต้นสายปลายเหตุของเรื องราวทังหมด เขาล้วน
เข้าใจชัดแจ้งหมดแล้ว
“ยืนตัวเปี ยกปอนอยูร่ ิ มแม่นาเช่
ํ นนี เจ้าไม่กลัวเป็ นหวัดหรื อ ?” คุณชายโอวหยางพูดขึนอย่างอารมณ์ไม่ดีนัก ถอด
ชุดนอกของเขาออกคลุมลงไปบนร่ างของมู่หรงเสวีย

มู่หรงเสวียไม่ได้ใส่ ใจนัก อากาศยิงร้อนขึนทุกที ตัวนางก็นบั ได้วา่ เป็ นผูฝ้ ึ กวรยุทธ์อยูค่ รึ งหนึง ไม่ตอ้ งพูดถึงใส่
ชุดเปี ยก ๆ อยูเ่ พียงครู่ หนึ งหรอก ถึงใส่ แล้วยืนอยูค่ รึ งวัน นางก็ไม่มีทางถูกลมหนาวพัดจนเป็ นหวัดได้ !

มือจับทีชุดส่ วนนอกเตรี ยมทีจะถอดมันลง แต่สายตามองเห็นแววตาทีลึกลําของเขา ดวงตาสี ดาํ ขลับราวกับก้น


ทะเลสาบทีมืดมิด ยิงจ้องมองยิงมืดมิด คล้ายกับจะกลืนกินนางเข้าไป !

สายตาของนางวูบไหวอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ แล้วค่อย ๆ ปล่อยมือออก เสื อนอกของเขาก็ไม่หนาเท่าไร บวกกับ


ริ มแม้นาที
ํ มีลมพัดโชยมาเรื อย ๆ นางคลุมเอาไว้หน่ อยก็แล้วกัน......

เมือมองเห็นความใกล้ชิดอบอุ่นระหว่างคุณชายโอวหยางกับมู่หรงเสวีย แววตาของตงฟางหลีกว็ บู ไหวไปด้วย


ความแปลกใจ ทีแท้นางก็เป็ นคนรักตังแต่วยั เด็กของคุณชายโอวหยาง สายตาของคุณชายโอวหยางช่างไม่เลวนัก

“คุณชายโอวหยาง ผูน้ ้อยเป็ นคนไข้ คุณหนูท่านนี เป็ นหมอ ผูป้ ่ วยไปพักรักษาตัวทีบ้านของท่านหมอ อยูอ่ าศัย
และพักฟื น ไม่มีตรงไหนทีไม่เหมาะสม !” สามารถพักอาศัยอยูใ่ นชายคาเดียวกันกับคนในดวงใจของคุณชาย
โอวหยาง แน่ นอนว่าจะต้องเป็ นเรื องทีน่ารื นรมย์ยงิ

คุณชายโอวหยางปรายตามองตงฟางหลีคราหนึ ง แล้วกล่าวขึนอย่างเย็นชา “เสวียเอ๋ อร์ เป็ นผูห้ ญิง ดึกดืนมืดคํา


เช่นนี พาชายหนุ่ มผูห้ นึงกลับจวนเป็ นเรื องทีไม่ควรและเสี ยเกียรตินัก......”
ตงฟางหลีหรี ตาลง ชือเสี ยงของหญิงสาวเป็ นสิ งทีสําคัญมาก ถ้าเขาเข้าไปพักทีจวนเจินกัวโหวอย่างไร้ซุ้มไร้เสี ยง
แน่นอนว่าจะพาเรื องยุง่ ยากมาสู่ นาง !

“เช่นนันข้าไปคารวะผูห้ ลักผูใ้ หญ่ของจวนเจินกัวโหวก่อน พอทําเช่นนัน ข้าก็จะกลายเป็ นแขกของจวนเจินกัว


โหว คนอืนก็จะไม่มีทางพูดว่าอะไรได้อีก......”

“เสวียเอ๋ อร์ กาํ พร้าพ่อแม่ตงแต่


ั เล็ก พีชายก็อยูท่ ีค่ายทหาร ผูห้ ลักผูใ้ หญ่ทีเหลืออยูอ่ ีกสองคน......องค์ชายเจ็ดก็
อย่าได้ไปคารวะเลยจะเป็ นการดี” ประโยคท้ายสุ ดคุณชายโอวหยางพูดเน้นเสี ยงหนัก ความหมายทีแฝงเอาไว้ฟัง
จนตงฟางหลีตอ้ งขมวดคิว

ตระกูลของชนชันสู งมีการกระทบกระทังกันภายในจวนไม่นอ้ ย พ่อแม่ของนางล้วนสิ นไปตังแต่ยงั เล็ก กลายเป็ น


เด็กกําพร้า แน่ นอนว่าผูห้ ลักผูใ้ หญ่คนอืน ๆ จะต้องคิดอ่านแผนการจัดการนาง แย่งชิงสิ งของทีเป็ นของนาง !

คุณหนูเสวียเอ๋ อร์ ท่านนี มีความสัมพันธ์ทีไม่ดีกบั ผูใ้ หญ่ทงสองในจวน


ั เขาเป็ นคนไข้ของนาง ก็ไม่คิดทีอยากจะ
ไปพบเจอกับศัตรู ของนางมากนัก แต่เขาก็ไม่อยากอยูห่ ่ างจากนางมากนักเช่นกัน “ใกล้ ๆ จวนเจินกัวโหวมีจวน
ทียังว่างอยูบ่ า้ งหรื อไม่ ?”

“ไม่มี !” คุณชายโอวหยางจ้องมองเขา พลางกล่าวขึนเสี ยงสู ง “ใกล้ ๆ กับจวนเจินกัวโหวล้วนเป็ นจวนของชน


ชันสูงทังหมด แน่นอนว่าไม่มีคนปล่อยจวนออกเช่า องค์ชายเจ็ดไปพักทีอีก่วน (ทีรับรองของราชการ) เถอะ......”
ตงฟางหลีส่ายหน้าไม่เห็นด้วย “อีก่วนห่ างกับจวนเจินกัวโหวตังไกลขนาดนัน ถ้าเกิดอยู่ ๆ พิษของข้ากําเริ บ
ขึนมาจะทําอย่างไร ?”

“เช่นนันเจ้าก็ยอมรับความโชคร้ายเสี ยเถอะ !” คุณชายโอวหยางกล่าวทิงประโยคไว้แล้วยืนมือไปโอบไหล่มู่หรง


เสวียพานางเดินออกไปด้านหน้า “เวลาก็ดึกมากแล้ว ข้าไปส่ งเจ้ากลับจวน !”

มองไปทีเงาร่ างของทังสองทีค่อย ๆ ไกลออกไป ตงฟางหลีกส็ บถขึนเบา ๆ เขาไม่มีทางยอมให้ตวั เองโชคร้ายแน่


เขาต้องหาทีพักใกล้ ๆ กับจวนเจินกัวโหว ใกล้หมอเท่าไรยิงดี “ฮัวถง”

ึ างระมัดระวังแล้วตามมู่หรงเสวียกับคุณชายโอวหยาง
“พ่ะย่ะค่ะ!” อัวถงรับคําสัง ค่อย ๆ พยุงตงฟางหลีขนอย่
ออกไป

หน้าเรี ยวเล็กของมู่หรงเสวียงองําลง ถลึงตาไต่ถามไปยังคุณชายโอวหยาง “ตอนทีอยูร่ ิ มแม่นาคราแรกนั


ํ น ทําไม
เจ้าต้องรี บร้อนพาข้าจากมา ? เพราะว่าพวกเราจากมาเร็ วเกินไปเลยถูกซูหนานเซี ยงจึงสวมรอยเข้า อีกนิ ดเดียวข้า
ก็จะถูกองครักษ์เงาของตงฟางหลียงิ ธนูใส่ จนตกตาย ?”

“จิตใจของตงฟางหลีโหดเหี ยมนัก เขาลงมือด้วยความอํามหิ ต ข้าไม่อยากมีความข้องเกียวกับเขามากเกินไป ถึง


ได้ลากเจ้าจากมา คาดไม่ถึงว่าจะเป็ นการเปิ ดโอกาสให้ซูหนานเซี ยงง่าย ๆ เช่นนี ......” คุณชายโอวหยางพูดเสี ยง
ตํา แววตาเปล่งประกายคมกริ บเย็นยะเยือก
“ตงฟางหลีโหดเหี ยมมากเลยหรื อ ?” มู่หรงเสวียเชือครึ งไม่เชือครึ ง ร่ างกายของตงฟางหลีถูกพิษร้าย ทังยังถูกคน
ตามฆ่า ไม่ว่าดูอย่างไรก็เป็ นคนอืนทีทําเรื องโหดร้ายกับเขา

“เจ้าไม่เคยไปทีแคว้นซี เหลียงมาก่อน ไม่รู้ว่าตงฟางหลีอยูท่ ีซี เหลียงนันเป็ นเช่นไร......โดยสรุ ปแล้วตงฟางหลี


เป็ นคนทีไม่ธรรมดานัก คบหากับเขาให้นอ้ ยทีสุ ดก็เป็ นเรื องทีสมควรแล้ว” แววตาของคุณชายโอวหยางเปล่ง
ประกายวูบไหว ท่าทางราวกับไม่เต็มใจจะพูดต่อให้มากความ เขาโอบไหล่ของมู่หรงเสวียแน่ นเร่ งฝี เท้าในการ
ก้าวเดินไปด้านหน้าอย่างเร่ งรี บ

มู่หรงเสวียกระพริ บตาปริ บ ๆ นิสัยของตงฟางหลีรวมถึงการจัดการเรื องราวต่าง ๆ ดูแล้วไม่เหมือนกับคนทีมี


จิตใจชัวร้ายโหดเหี ยมสักนิด ! คุณชายโอวหยางเข้าใจอะไรผิดไปหรื อเปล่า ?

นางเงยหน้ามองไปทีคุณชายโอวหยางเตรี ยมทีจะไต่ถาม แต่เสี ยง “เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง !” ของการปะทะที


ดุเดือดก็ดงั ขึนเสี ยก่อน

มู่หรงเสวียขมวดคิวแน่ น ไร้ซึงวาจาคําพูดใด มีคนกําลังถูกลอบสังหารอีกแล้ว ในระยะเวลาสัน ๆ เช่นนี นางพบ


เห็นการลอบสังหารทังในทีมืดและทีสว่างมานับครังไม่ถว้ น เป็ นทีการควบคุมดูแลของชิงเหยียนไม่ดีหรื อว่าเป็ น
เพราะพวกบรรดานักฆ่าเองทีเหิ มเกริ มถือดีกนั แน่ ?

นางไม่ตอ้ งการทีจะยุง่ เกียวกับเรื องราวยุง่ ยาก แต่ทิศทางของเสี ยงของการฆ่าฟันทีดังขึนมาเป็ นทางทีนางจําเป็ น


จะต้องใช้กลับจวน “พวกเราไปดูกนั เถอะ !”
“ตกลง !” คุณชายโอวหยางพยักหน้าแล้วโอบไหล่มู่หรงเสวียอ้อมออกไปดู

ภาพทีปรากฏสู่ สายตาเป็ นถนนสายหนึงทีส่ องสว่างไปด้วยโคมไฟ รถม้าหรู หรางดงามคันหนึงจอดอยูต่ รงกลาง


ของถนน ด้านข้างของรถม้ากระจัดกระจายไปด้วยซากศพ มีร่างทีอยูใ่ นชุดขององครักษ์เจ็บศพ มีคนชุดดํา
ประมาณสิ บคนทีปิ ดหน้ามิดชิดยืนอยูด่ า้ นหน้าของรถม้า ล้อมชายในชุดสี ครามผูห้ นึ งเอาไว้ภายใน ดาบยาว
มากมายภายใต้แสงเทียนทีสาดแสงเปล่งประกายหนาวเหน็บเย็นยะเยือก !

ชายผูน้ นไม่
ั ร้อนรนกระวนกระวาย แววตาคมกริ บกวาดตามองไปทีชายชุดดําทีละคน ถามขึนอย่างเย็นชา “ใคร
ส่ งพวกเจ้ามา ?”

“ไปถามยมบาลเอาเสี ยเถอะ !” คนชุดดําตวาดขึนเสี ยงดังดาบยาวในมือแทงออกไป พุ่งเขาเข้าไปหาชายผูน้ นจาก



รอบทิศทางอย่างไร้ความปรานี

“ไม่เจียมตนนัก !” ชายผูน้ นหั


ั วเราะขึนเย็นชา ฝ่ ามือเกร็ งขึนใช้แรงสะบัดออก ได้ยนิ เสี ยงระเบิด ‘ปั ง ปั ง ปั ง’ ดัง
ขึน ทุกทีทีฝ่ ามือลมพัดผ่าน คนชุดดําแต่ละคนล้วนกระอักเลือด แต่ละคนคล้ายกับเศษผ้าทีขาดลุ่ยปลิวว่อนตก
กระแทกลงสู่ พน......

ั างเงียบ ๆ แทงดาบในมือพุ่งเข้าใส่ ดา้ นหลังของชายผูน้ นั


ชายชุดดําผูห้ นึงแอบอ้อมไปด้านหลังของชายผูน้ นอย่
อย่างไร้ความปรานี......
“ระวัง !” มู่หรงเสวียร้องเรี ยกขึนอย่างทันที เข็มเงินในมือพุ่งออกไป พุ่งปั กเข้าไปทีหัวใจของชายชุดดําผูน้ นั คน
ชุดดําร้อง ‘อัก’ ขึนเสี ยงหนึง แล้วกระอักเลือดออกมา ล้มลงไปนอนกับพืน......

ั นกายมา เห็นชายหนุ่ มผูห้ นึงยืนอยูภ่ ายใต้แสงไฟ ดูองอาจสู งส่ ง


“ขอบคุณสหายน้อยทีช่วยเหลือข้า” ชายผูน้ นหั
หน้าตาดูดีไม่ธรรมดา ภายใต้แสงจันทร์ทีเปล่งประกาย หญิงสาวทียืนอยูข่ า้ งกายของเขามีรูปร่ างสมส่ วนได้รูป
ดวงหน้าหมดจดงดงาม ร้อยยิมหยดย้อยทีแม้แต่ดวงอาทิตย์ยงั ต้องหลบหน้าให้กบั ความงามนัน

ใบหน้างดงามในความทรงจํากับหญิงสาวทียืนอยูต่ รงหน้าผนวกรวมเข้าด้วยกัน เพียงพริ บตาแววตาเย็นชาและ


คมกริ บของชายผูน้ นก็
ั เปลียนเป็ นตืนตะลึงขึนมา “เจ้า......เจ้าคือ......”
ตอนที 115 อดีตจิงอ๋ องกลับเมืองหลวง
“อดีตจิงอ๋ อง นางคือมู่หรงเสวียพ่ะย่ะค่ะ !” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนอย่างราบเรี ยบ เดินออกไปด้านหน้าอย่าง
เป็ นธรรมชาติแล้วบังตัวของมู่หรงเสวียเอาไว้ดา้ นหลัง

อดีตจิงอ๋ อง ? เขาคือพ่อของเย่อีเฉิ น ! ในทีสุ ดเขาก็กลับมาเมืองหลวงแล้ว !

แววตาของมู่หรงเสวียเปล่งประกาย นางเงยหน้ามองไปทีชายวัยกลางคน อายุของเขาดูราวสามสิ บกว่าปี แววตา


ี นอยูส่ ามถึงสี ส่ วน
เย็นเยียบ จมูกเชิดสู ง ใบหน้าดูองอาจหล่อเหลาคล้ายคลึงกับเย่อเฉิ

เสื อส่ วนนอกสี ครามใส่ ทบั อยูบ่ นตัวเขา ไม่ได้บดบังความเย็นชาและความเด็ดขาดของเขาเลยแม้แต่นอ้ ย กลิน


อายของความหนักแน่ นมันคงทีมีตามวัยของผูม้ ากประสบการณ์ทาํ ให้เขาดูเหมือนกับคมดาบอันแหลมคมทีถูก
แอบซ่ อนเอาไว้ในฝัก เหมือนนํานิงทีไหลลึก ปิ ดบังตัวตนของตัวเองไว้......

อดีตจิงอ๋ องมองไปทีมู่หรงเสวียกับคุณชายโอวหยางทีดูสนิทสนมใกล้ชิด แววตาวูบไหวอะไรบางอย่างแต่ก็


สลายหายไปในพริ บตาอย่างไร้ร่องรอย

เพียงเพ่งมองไปทีร่ างโปร่ งอันแสนงดงามดังหยกของมู่หรงเสวีย แววตาของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง “ทีแท้


ก็คอื เสวียเอ๋ อร์ นีเอง ไม่ได้เจอกันนานหลายปี เสวียเอ๋ อร์ ลว้ นเติบใหญ่ขนาดนีแล้ว ใบหน้าค่าตาของเจ้าข้าก็จาํ
ไม่ได้แล้ว เสวียเอ๋ อร์ หลายปี มานีเจ้าสบายดีไหม?”
“ขอบพระคุณท่านอ๋ องทีเป็ นห่ วงเพคะ หม่อนฉันสบายดีเพคะ !” มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ ในความทรงจําของร่ าง
เดิมนัน ตอนนางอายุได้เก้าปี อดีตจิงอ๋ องได้มอบตําแหน่งอ๋ องให้เย่อีเฉิ น แล้วพาอดีตจิงหวังเฟย(พระชายาเอก
แห่ งอดีตจิงอ๋ อง) กลับไปอยูท่ ีทีดินตามศักดินาทีหวินหนาน นางไม่ได้พบหน้ากับพวกเขามาหลายปี แล้ว

“หวินหนานมีระยะทางห่ างไกลจากเมืองหลวงยิงนัก จริ ง ๆ แล้วไม่ควรลําบากให้ท่านอ๋ องกลับมาด้วยตัวเอง


เพียงแต่การหมันหมายระหว่างเสวียเอ๋ อร์ กบั จิงอ๋ องล้วนเกิดจากการตัดสิ นใจของผูใ้ หญ่ จึงจําเป็ นจะต้องให้
ผูใ้ หญ่เป็ นคนยกเลิกกันต่อหน้าด้วยตนเองเท่านันเพคะ เลยต้องรบกวนท่านอ๋ องแล้ว ขอท่านอ๋ องโปรดอภัย......”

อดีตจิงอ๋ องมองไปทีมู่หรงเสวีย เขาถอนหายใจเบา ๆ “ในจดหมายทีฝ่ าบาทใช้นกพิราบส่ งมา ได้พดู กล่าวถึงต้น


สายปลายเหตุเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว ข้ารู ้วา่ ทังหมดเป็ นความผิดของเย่อีเฉิ น เจ้าอย่าได้กงั วลไป ข้าจะทวงคืน
ความเป็ นธรรมให้แก่เจ้า......”

มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ ความยุติธรรมอะไรนันนางไม่ตอ้ งการ นางเพียงแต่ตอ้ งการถอนหมันกับเย่อีเฉิ นโดยเร็ ว


เท่านัน ต่อไปจะได้ไม่ตอ้ งยุง่ เกียวกันอีก !

แววตาของนางเคร่ งขรึ มเตรี ยมจะกล่าววาจา แต่นาเสี


ํ ยงเฉยชาของชายผูห้ นึงกลับดังแทรกขึนมาเสี ยก่อน “ท่าน
พ่อ !”

เมือมู่หรงเสวียมองตามเสี ยงไป ก็เห็นเย่อเฉิ


ี นก้าวยาว ๆ เดินเข้ามา ชุดสี ม่วงเข้มทีเขาสวมใส่ พลิวไหวไปตามสาย
ลม สี หน้าของเขาดูซีดขาว ท่าทางไม่ค่อยดีเท่าไรนัก แต่มนั กลับไม่ได้ลดความเย็นชาและความหล่อเหลาของเขา
ลงแม้แต่นอ้ ย
พอเห็นมู่หรงเสวียกับคุณชายโอวหยาง เขาก็หยุดเท้าลงเล็กน้อยแต่เพียงพริ บตาก็กลับกลายเป็ นปกติดงั เดิม ก้าว
ท้าวดังสายลมไม่นานนักก็มาถึงด้านหน้าของอดีตจิงอ๋ อง

กลินคาวเลือดบางเบากระทบเข้ากับจมูก ภาพของซากศพทีกระจัดกระจาดลอยเข้าสู่ สายตา แววตาคมกริ บของ


เขาหรี ลง “ท่านพ่อท่านไม่เป็ นอะไรใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ ?”

ทหารเฝ้ าประตูเมืองส่ งข่าวมาบอกว่าท่านพ่อเข้าเมืองมาแล้ว เขาเลยทิงงานและธุระทังหมดในจวนไว้แล้ว


ออกมาต้อนรับ แต่ไม่คาดว่าจะพบกับศพของมือสังหารทีนอนอยูเ่ ต็มพืน......

อดีตจิงอ๋ องปรายตามองเขาครู่ หนึง และกล่าวขึนอย่างอารมณ์ไม่ดีนกั “ถ้ายังหวังรอให้เจ้ามาช่วย ป่ านนี ข้าคงเกิด


เรื องแล้ว โชคดีทีมู่หรงเสวียผ่านมา แล้วช่วยชีวติ ของข้าเอาไว้......”

แววตาของเย่อีเฉิ นวูบไหวไปด้วยความซับซ้อน หลังจากนันก็มองไปทางมู่หรงอย่างเรี ยบเฉย “ขอบคุณมาก !”

“ไม่เป็ นไร” มู่หรงเสวียตอบเขากลับอย่างเฉยชา “วรยุทธ์ของอดีตจิงอ๋ องล้วนสู งส่ ง ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ลงมือ มือ


สังหารผูน้ นก็
ั คงทําอะไรเขาไม่ได้ !”

แววตาของเย่อีเฉิ นเคร่ งขรึ มขึน กล่าวขึนอย่างเรี ยบเฉย “แต่เช่นนันก็ตอ้ งขอบคุณเจ้าอยูด่ ี เพราะเจ้าได้ออกมือ


ช่วยเหลือแล้ว......”
เมือมองไปทีสี หน้าเรี ยบเฉยห่ างเหิ นของเขา ทันใดนันสี หน้าของอดีตจิงอ๋ องก็มืดครึ มลง หมุนกายก้าวยาว ๆ
ออกไปด้านหน้า ในสายลมนันมีเสี ยงสังการทีกดตําของเขาดังขึน “เย่อีเฉิ น เจ้ามานี !”

แววตาของเย่อีเฉิ นวูบไหวค่อย ๆ เดินก้าวเข้าไป......

พอเดินเข้าไปในเงามืดทีตัดกับเส้นแสง อยู่ ๆ อดีตจิงอ๋ องก็หมุนกายคว้าของสิ งหนึงออกมาจากแขนเสื อ ปาเข้า


ไปทีใบหน้าของเย่อีเฉิ น “ลดขันภรรยาเอกเป็ นอนุ เป็ นใครกันทีสังสอนเจ้าเช่นนี ? เหล่าบรรพชนล้วนอับอาย
เพราะเจ้ากันหมดแล้ว !”

เย่อีเฉิ นมิได้หลบหนีแต่อย่างใด ทําให้หนังสื อเล่มหนึงเฉี ยดผ่านหน้าผากของเขาไปจนข่วนเป็ นรอยยาวลึกรอย


หนึ ง แต่เขาไม่สนใจ กลับมองไปทางอดีตจิงอ๋ องตาไม่กระพริ บ “เป็ นท่านพ่อทีสอนข้าว่าหากมีคนทีชอบพอก็
ต้องคว้าเอาไว้ให้มนั อย่าได้ปล่อยให้หลุดมือ ทีข้าทําเช่นนีก็เพือไม่ตอ้ งการให้ผหู ้ ญิงทีตัวเองรักได้รับความอ
ยุติธรรม......”

“ช่างเหิ มเกริ มยิงนัก นี เจ้าถึงกับกล้าสังสอนข้าแล้วหรื อ !” อดีตจิงอ๋ องมองไปทีเย่อีเฉิ น กล่าวต่อว่าอย่างเสี ยงดัง


ั กอยูท่ ีวังจิงอ๋ องใช่หรื อไม่ นางรู้ว่าข้ากลับมาแล้ว แต่ยงั จะทําตัววางมาดไม่โผล่หน้า
“องค์หญิงม่อเป่ ยผูน้ นพั
ออกมาอีก หญิงสาวทีไม่รู้มารยาทเช่นนี เจ้ากลับกล้าทีไปชอบพอนางหรื อ ? สายตาของเจ้าแย่ขนาดนีเชียวหรื อ
?”

“ยวีเยียนได้รับบาดเจ็บสาหัส เช่นนันจึงไม่ได้มาต้อนรับท่าน......” เย่อีเฉิ นกล่าวอธิบายขึนเสี ยงเบา


อดีตจิงอ๋ องสบถขึนอย่างดูถูก “นางเพิงจะมาเมืองหลวงได้ไม่เท่าไร แต่กไ็ ด้รับบาดเจ็บสาหัส ดูท่าแล้วคงจะอวด
ดีสร้างเรื องสร้างราวไว้ไม่นอ้ ย ผูห้ ญิงเช่นนี เป็ นตัวทําลายบ้านทําลายตระกูล ใครทีตบแต่งกับนาง บ้านและ
ั จะวุ่นวายไม่สงบ......”
ตระกูลของคนผูน้ นก็

สี หน้าของเย่อีเฉิ นค่อย ๆ มืดครึ มลง พลางกล่าวเน้นทีละคํา “ท่านพ่อ ท่านล้วนยังไม่ได้พบเจอกับนาง แต่ก็


ตัดสิ นนางไปเสี ยก่อนแล้ว นี ถือว่าไม่ยตุ ิธรรมกับนางยิงนัก......”

“หุ บปาก !” อดีตจิงอ๋ องตัดบทคําพูดของเย่อีเฉิ น แล้วมองไปทางเขาอย่างเย็นชา “ข้าเป็ นขุนนางของราชสํานักมา


หลายปี มีหรื อทีความสามารถในการมองดูผคู ้ นจะด้อยไปกว่าเจ้า ? ข้าไม่เคยพบหน้าฉิ นยวีเยียนมาก่อน แต่ขา้ ก็
ไม่ได้พบหน้ามู่หรงเสวียมานานมากแล้วเช่นกัน แต่เจ้าคิดดูหน่อยเถิดว่าคนทีล้อมรอบมู่หรงเสวียเป็ นใคร ?”

“คุณชายโอวหยาง ตงฟางหลี แต่ละคนล้วนสามารถยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กบั เจ้าได้ เจ้ากล้าพูดหรื อว่าสายตาของ


พวกเขาไม่ดีเท่าเจ้า ? เจ้ากล้าพูดหรื อว่าทีพวกเขาสนใจมู่หรงเสวีย เป็ นเพราะพวกเขามีสายตาทีไม่ดี ?”

คุณชายโอวหยางเป็ นองค์ชายเซี ยวเหยาอ๋ องทีมีชือเสี ยงโด่งดัง ตงฟางหลีอยูท่ ีซี เหลียงก็เป็ นองค์ชายทีมีชือคน


หนึ ง หากพวกเขาเพียงแค่คนเดียวสนใจมู่หรงเสวียก็อาจจะพูดได้ว่าตาไม่ดี แต่ว่าทังสองคนล้วนสนใจในตัวมู่
หรงเสวีย เช่นนันก็ไม่อาจพูดได้แล้วว่าพวกเขามีสายตาทีไม่ดี......
“ฉินยวีเยียนทีเจ้าชอบพอ ไม่วา่ จะอยูท่ ีม่อเป่ ยหรื อว่าชิงเหยียน รอบกายล้วนล้อมรอบไปด้วยผูค้ นทีมี
ความสามารถธรรมดาสามัญใช่หรื อไม่ !” นําเสี ยงของอดีตจิงอ๋ องเข้มตําลงทังยังแฝงไปด้วยการดูถกู เหยียด
หยาม

แววตาของเย่อีเฉิ นเย็นยะเยือก นึ กคิดถึงผูค้ นทีชอบพอในตัวฉิ นยวีเยียนทีเคยพบเจอ ถึงแม้แต่ละคนจะมาจาก


ตระกูลชนชันสู งก็จริ ง แต่ว่าก็เป็ นผูท้ ีไม่ได้มีความสามารถหรื ออํานาจอะไร พวกเขาทังหมดล้วนดาษดืนและพบ
ได้ทวไป......

เมือเห็นเขานิงเงียบไม่กล่าววาจา สี หน้าของอดีตจิงอ๋ องจึงค่อย ๆ อ่อนลง แล้วกล่าวเสี ยงตํา “อีเฉิ น พ่อเคยพบปะ


ผูค้ นมากมายกว่าเจ้า การมองดูผคู ้ นถือว่าแม่นยํากว่าเจ้านัก เจ้าเป็ นลูกเพียงคนเดียวของพ่อ พ่อไม่มีทางทําร้ายเจ้า
มู่หรงเสวียเป็ นคนทีพ่อเลือกเฟ้ นแล้วอย่างพิถีพิถนั ถึงได้หมันหมายนางให้แก่เจ้า เจ้าแต่งนางเป็ นชายาเอก
แน่นอนว่ามีแต่เรื องดีไม่มีเรื องร้าย......”

“ยวีเยียนเป็ นองค์หญิง ไม่มีทางยอมรับตําแหน่งชายารอง !” เย่อีเฉิ นกล่าวเสี ยงตํา แววตาลึกลําดังมหาสมุทร

อดีตจิงอ๋ องพูดขึนอย่างไม่เกรงใจ “ไม่ยอมเป็ นชายารองก็ไสหัวกลับม่อเป่ ยไปสิ วังจิงอ๋ องของข้าไม่ตอ้ งการนาง


......”

“ท่านอ๋ อง ท่านอ๋ อง......” คนรับใช้ของวังจิงอ๋ องนายหนึงเร่ งรี บวิงเข้ามา แล้วกล่าวขึนอย่างยินดี “องค์หญิงฉิ น


ฟื นแล้วพ่ะย่ะค่ะ นางต้องการพบท่าน......”
แววตาของเย่อีเฉิ นวูบไหว “จริ งหรื อ ?”

คนรับใช้หอบหายใจ พยักหน้าแรง ๆ “จริ งแท้แน่ นอนพ่ะย่ะค่ะ !”

ช่างดียงนั
ิ ก!

เย่อีเฉิ นถอนหายใจอย่างโล่งอก กําลังเตรี ยมตัวทีจะกลับจวน แต่เสี ยงออกคําสังอย่างเย็นชาของอดีตจิงอ๋ องก็ดงั


ขัดขึน “ห้ามไป !”

ทันใดนันเย่อีเฉิ นก็หยุดเท้าลง เขามองไปทีอดีตจิงอ๋ องแล้วกล่าวเน้นทีละคํา “ท่านพ่อ ยวีเหยียนเป็ นองค์หญิง


ของม่อเป่ ย ทังยังเป็ นเพราะข้านางถึงได้รับบาดเจ็บ สลบไม่ฟืน เป็ นตายไม่แน่ ชดั เช่นนี ตอนนี ข้าไม่สามารถ
ละเลยนางได้......”

อดีตจิงอ๋ องไม่ใจอ่อน เขากล่าวขึนเสี ยงเย็น “คําพูดของข้ายังไม่จบ ถ้าหากเจ้ากล้ากลับจวนไปดูนาง ก็อย่าได้


เรี ยกข้าว่าพ่ออีก !”
ตอนที 116 อดีตจิงอ๋ องสลบ
“ท่านพ่อ ยวีเยียนบาดเจ็บสาหัสมาก ร่ างกายอ่อนแอนัก ถึงแม้จะฟื นแล้วแต่กไ็ ม่รู้วา่ จะมีชีวิตอยูต่ ่อไปได้หรื อไม่
ข้าจําเป็ นจะต้องไปดูนาง พอเสร็ จแล้วจะขอมารับโทษจากท่าน” เย่อีเฉิ นกล่าวขึนเสี ยงตําแล้วหมุนกายเดินไป
ทางวังจิงอ๋ อง

“อกตัญ ู ! เพือผูห้ ญิงเพียงคนเดียวแม้แต่พ่อตัวเองก็ไม่สนใจ !” อดีตจิงอ๋ องเกรี ยวกราดสายตาทีมองเย่อีเฉิ นเต็ม


ไปด้วยความโมโหจนแทบจะสามารถพ่นออกมาเป็ นไฟได้

มู่หรงเสวียกระพริ บตาปริ บ ๆ ค่อย ๆ เดินออกไปด้านหน้า “ท่านอ๋ อง !”

นําเสี ยงใสกระจ่างลอยเข้าหู ทันใดนันความโมโหของอดีตจิงอ๋ องสลายหายไป เขาถอนหายใจหนัก ๆ มองไป


ทางนางอย่างรู ้สึกผิด “ล้วนเป็ นความผิดของข้าทีไม่ได้สังสอนลูกชายของตัวเองให้ดี แต่ว่าเจ้าวางใจได้ เจ้าเป็ น
ลูกสะใภ้ทีข้าหมันหมายเอาไว้ ข้าจะยอมรับเพียงเจ้าเป็ นพระชายาเอกเท่านัน ไม่มีทางให้เจ้าได้รับความอ
ยุติธรรมแน่นอน......”

“ท่านอ๋ องเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้อยากเป็ นพระชายาเอกแห่ งจิงอ๋ อง เพียงแค่อยากขอให้ท่านอ๋ องยกเลิกการหมัน


หมายครังนี.......” มู่หรงเสวียยิมบางเบา แววตาเย็นชาของนางเปล่งประกายหนักแน่ นอย่างทีไม่เคยมีมาก่อน !

อดีตจิงอ๋ องหยุดชะงักไปในทันที “เพราะเหตุใดกัน ?”


เมือปี นันตอนทีทําการหมันหมาย เด็กสาวทีงดงามราวดังหยกแกะสลักผูน้ นเฝ้
ั ามองอีเฉิ นด้วยสายตาแห่ งความ
ชืนชมและตืนเต้นยินดี นางชอบพออีเฉิ นขนาดนันก็สมควรจะไขว่คว้าแย่งชิงตําแหน่งจิงหวังเฟยมาไว้ใน
ครอบครองถึงจะถูก ? แต่เหตุใดถึงได้กลายเป็ นการขอถอนหมันไปได้ ?

มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ แล้วกล่าวเสี ยงราบเรี ยบ “จิงอ๋ องกับองค์หญิงยวีเยียนต่างก็รักใคร่ ปรองดอง การหมันหมาย


ของข้ากับจิงอ๋ องนันได้ผกู มัดเขาเอาไว้ และขัดขวางความรักของพวกเขาทังสอง ข้าเข้าไปแทรกกลางระหว่าง
พวกเขาก็ยงมี
ิ แต่ทาํ ให้พวกเขาลําบากใจ อีกทังยังเป็ นการทําให้ตวั เองอึดอัดใจ นันไม่เท่ากับยกเลิกการหมัน
หมายไปไม่ดีกว่าหรื อ สําหรับจิงอ๋ อง สําหรับองค์หญิงฉิ นและสําหรับข้าแล้วล้วนมีแต่ผลดีดว้ ยกันทังนัน......”

“คําพูดเหล่านีเป็ นเย่อเฉิ
ี นทีบีบบังคับให้เจ้าพูดใช่หรื อไม่ ?” อดีตจิงอ๋ องกัดฟันพูดกล่าวเสี ยงตํา

“มิใช่ มิใช่......คําพูดเหล่านีล้วนเป็ นคําพูดจากใจจริ งของข้าเป็ นข้าทีต้องการถอนหมันเอง......” มู่หรงเสวียส่ าย


หน้า พูดขึนอย่างจริ งจัง

“ท่านอ๋ องรักและปกป้ องข้า ข้ารู้สึกตืนตันยิงนัก เพียงแต่ขา้ กับจิงอ๋ องนันไร้วาสนาต่อกัน ถ้าผูกมัดเอาไว้ดว้ ยกัน


มีแต่จะห่ างเหิ นหมางเมินต่อกันและกัน ตลอดชีวิตคู่ไม่มีทางมีความสุ ขได้ ไม่เท่ากับถอนหมันแล้วมอบอิสระ
ให้แก่กนั ให้เขาไปหาความสุ ขของเขา ให้ขา้ ไปหาความสุ ขของข้า......”

เมือฟังคําพูดทีพูดออกมาจากใจจริ งของนาง แววตาของอดีตจิงอ๋ องก็วบู ไหวไปด้วยความตืนตระหนกอยูช่ วั


ขณะหนึงแต่เพียงพริ บตาก็สลายหายไปกลับเป็ นปกติ เปลือกตาหรี ลง ในดวงตารู ้สึกพร่ ามัวไม่แจ่มใส.....
สายลมสายหนึงพัดผ่านแฝงไว้ดว้ ยความหนาวเหน็บ มู่หรงเสวียอดไม่ได้ทีจะกํามือกับเสื อผ้าแน่ น เหล่มองไป
ทางอดีตจิงอ๋ องอย่างเฉยชา

“ตอนนี ก็นบั ว่ายังไม่สายไป พวกเรายกเลิกการหมันหมายเร็ วหน่ อยคงไม่เป็ นไร หนังสื อหมันกับของหมันทีปี


นันท่านอ๋ องมอบให้ท่านพ่อรวมถึงของขวัญตามเทศกาลและวันขึนปี ใหม่ทีส่ งมาทีจวนเจินกัวโหว ข้าล้วนเก็บ
รวมเอาไว้ดว้ ยกันหมดแล้ สามารถให้คนงานขนกลับไปทีวังจิงอ๋ องได้ทนั ที ท่านอ๋ องเพียงแค่มอบหนังสื อหมันที
ท่านพ่อมอบให้ท่านอ๋ องคืนมาให้ขา้ เท่านี ก็ได้แล้วเพคะ......”

ทันใดนันสี หน้าของอดีตจิงอ๋ องก็ซีดขาว เขาเพียงกระอักเลือดสี แดงสดออกมาครังหนึ ง ร่ างกายสู งใหญ่ก็ลม้ ลง


ไปกับพืน......

“ท่านอ๋ อง !” มู่หรงเสวียตืนตกใจเร่ งยืนมือออกไปรับไว้ !

เพียงพริ บตาเงาร่ างสี ม่วงเข้มสายหนึงปรากฏขึนตรงหน้าของนาง แย่งตัวอดีตจิงอ๋ องเอาไปพยุงไว้ทงยั


ั งสกัดจุด
ชีพจรสําคัญ ๆ บนร่ างกายของอดีตจิงอ๋ องแล้วเร่ งรี บหยิบเอายาลูกกลอนป้ อนใส่ ปากของอดีตจิงอ๋ องทันที......

เมือมองไปทีดวงหน้าหล่อเหลาและการกระทําทีคล่องแคล่วของเขา มู่หรงเสวียก็เลิกคิวเบา ๆ มิใช่ว่าเย่อีเฉิ น


กลับวังจิงอ๋ องไปดูอาการของฉิ นยวีเยียนแล้วหรอกหรื อ ? ทําไมเขาถึงได้ยอ้ นกลับมา ?
เมือมองเห็นสี หน้าสงสัยของนาง เย่อีเฉิ นก็ขมวดคิว แล้วกล่าวตําหนิ ขนอย่
ึ างไม่พอใจ “ท่านพ่อมีโรคประจําตัว
อีกทังยังนังรถม้ามาตลอดทางกลับเมืองหลวงไม่ได้แวะพักทีใดเลยแม้แต่น้อย แต่เจ้ากลับมาพูดเรื องถอนหมัน
กับเขา......”

หลังจากเมือครู่ ทีเขาเดินออกไปได้ช่วงหนึง ก็เห็นมู่หรงเสวียก้าวเดินออกไปทีด้านหน้าของอดีตจิงอ๋ อง เช่นนัน


เขาก็อยากได้ยนิ ว่ามู่หรงเสวียจะพูดอะไรกับอดีตจิงอ๋ อง ก็เลยแอบเดินย้อนกลับมาอย่างเงียบ ๆ แต่กลับคาดไม่
ถึงว่ามู่หรงเสวียกลับมิได้ฟ้องหรื อว่าร้ายเขาแต่อย่างใด และไม่ได้พูดกล่าวหรื อต่อว่าถึงเรื องราวทีเขากระทํา
เอาไว้ แต่นางกลับพูดขอถอนหมันออกไปตรง ๆ......

“ข้าไหนจะไปรู ้วา่ อดีตจิงอ๋ องมีโรคประจําตัวหนักขนาดนี ?” มู่หรงเสวียตอบเขาอย่างไม่พอใจ นางก็แค่พูดถึง


เหตุผลและการตัดสิ นใจของนางในการถอนหมันเพียงเท่านัน ใครจะไปรู ้วา่ โรคประจําตัวของอดีตจิงอ๋ องกลับ
จะถูกกระตุน้ จนกําเริ บ......

ดูท่าอดีตจิงอ๋ องคงอยากให้นางกับเย่อเฉิ
ี นครองคู่ดว้ ยกันมาก แต่น่าเสี ยดายทีเจ้าบ่าวไม่ได้รัก ฝ่ ายเจ้าสาวก็ไม่มี
ใจ ชาติภพนี คงไม่มีทางอยูด่ ว้ ยกันได้......

เย่อีเฉิ นกล่าวขึนอย่างเย็นชา “ท่านพ่อพอใจกับการหมันหมายครังนี มาก คราวหลังเจ้าอย่าได้พดู เรื องการถอน


หมันต่อหน้าเขาอีก......”

มู่หรงเสวียหัวเราะขึนอย่างดูถกู “ไม่ถอนหมันแล้วจะให้ไปเป็ นอนุให้เจ้าทีวังจิงอ๋ องอย่างนันหรื อ ? หากจะฝัน


กลางวันเจ้าก็ควรดูเวลาด้วย”
สี หน้าของเย่อีเฉิ นมืดครึ มลง เขากล่าวเน้นขึนทีละคํา “ข้าสามารถให้เจ้าเป็ นพระชายาเอกแห่ งจิงอ๋ อง......”

“แล้วหลังจากนันล่ะ ? จิงอ๋ องก็แต่งองค์หญิงฉิ นเป็ นชายารอง หลงนาง รักนาง อยู่ ๆ ก็อยากจะตามใจนางแล้ว


มอบอํานาจการจัดการดูแลวังอ๋ องให้นางเมือใดใครจะรู ้ได้ ส่ วนข้าผูท้ ีครอบครองตําแหน่งพระชายาเอกก็จะ
กลายเป็ นเพียงส่ วนเกิน สุ ดท้ายถูกส่ งเขาเรื อนทีผุพงั ทรุ ดโทรมใช้ชีวิตตามมีตามเกิด ? หรื อว่าจะถูกส่ งไปที
จวงจือ (ทีดินอืน ๆ นอกวังอ๋ อง) เพือจะได้ไม่ขวางหู ขวางตาพวกเจ้า ? หรื อว่าจะมอบยาพิษหนึ งถ้วยให้ขา้ ป่ วย
หนักจนตกตายไป ?”

มู่หรงเสวียเลิกคิวมองเย่อีเฉิ น สี หน้าของนางคล้ายยิมคล้ายไม่ยมจนสี
ิ หน้าของเย่อีเฉิ นมืดครึ ม “เจ้าคิดว่าข้าจะ
ปฏิบตั ิตนกับเจ้าเช่นนันหรื อ ?”

“หรื อว่าไม่ใช่ล่ะ ? อ้อ......ข้าลืมไปว่าอดีตจิงอ๋ องยังอยู.่ .....ถ้าเขามีชีวิตอยูข่ า้ ก็จะสามารถใช้ชีวติ ได้อย่างสุ ขสบาย


เท่านีข้าก็จะเปรี ยบเสมือนเครื องประดับของวังจิงอ๋ อง แต่พอเขาสิ นไปข้าก็คงจะต้องตกตายตามไปด้วย......”

“พระชายาเอกแห่ งจิงอ๋ องร่ างกายอ่อนแอเพราะว่าญาติผใู ้ หญ่สินใจไปเลยตรอมใจมากจนเกินไป โชดไม่ดีอยูไ่ ด้


ไม่นานก็สินใจตามไปด้วย ช่างเป็ นข้ออ้างทีทําให้ผคู ้ นซาบซึ งใจยิงนัก และยังเป็ นเหตุผลทีทําให้ผคู ้ นเคารพนับ
ถือ......องค์หญิงฉิ นก็จะใช้ขอ้ อ้างว่าวังอ๋ องไม่สามารถไม่มีนายหญิงได้ จึงเลือนขึนเป็ นพระชายาเอกแห่ งจิงอ๋ อง
แล้วครองรักกับท่านอ๋ องไปจนแก่เฒ่า......” มู่หรงเสวียพูดถึงฉากทีตัวเองคาดเดาไว้อย่างเป็ นตุเป็ นตะ

สี หน้าของเย่อีเฉิ นเขียวคลํา แววตาวูบไหวไปด้วยความดุดนั กัดฟั นกรอด “มู่หรงเสวีย !”


ทันใดนันมู่หรงเสวียก็หลุดจากภวังค์ ยิมขึนอย่างขอโทษขอโพย “ข้าคงพูดมากเกินไปหน่อย พวกเรามาพูดจา
เป็ นการเป็ นงานกันเถอะ อดีตจิงอ๋ องไม่เห็นด้วยทีจะให้ฉินยวีเยียนเป็ นพระชายาเอกนันถือว่ามันเป็ นเรื องของ
พวกเจ้า พวกเจ้าอย่าได้คดิ จะเอาข้าไปเป็ นเกาะกําบังธนู ทังอย่าได้คิดจะเอาข้าไปเป็ นเครื องสังเวยเพือทีเจ้าทัง
สองจะได้ครองรักกันดังหวัง การหมันหมายครังนี ไม่ว่ายังไงก็ตอ้ งยกเลิกให้ได้ !”

เพียงทิงคําพูดเย็นชาเอาไว้ มู่หรงเสวียก็หมุนกายเดินอาด ๆ ออกไปด้านหน้าโดยไม่หันกลับมามองอีก

ดวงตาคุณชายโอวหยางฉายแววเคร่ งขรึ มเดินไปด้านหน้าโอบไหล่ของมู่หรงเสวียเอาไว้ “เวลาก็ล่วงเลยไปมาก


แล้ว ข้าจะไปส่ งเจ้ากลับจวน !”

“ตกลง !” มู่หรงเสวียพยักหน้า แล้วเดินออกไปด้านหน้าตามการนําพาของคุณชายโอวหยาง

ี นมืดครึ มจนดูน่ากลัว แววตาลุกโชนไปด้วยไฟ


มองไปทีเงาร่ างของทังสองทีแนบชิดแอบอิงกัน สี หน้าของเย่อเฉิ
โกรธถึงสามารถจะปรากฏเป็ นตัวอักษรได้ว่า มู่หรงเสวีย !

ตงฟางหลีมองเย่อีเฉิ นทีแววตาเต็มไปด้วยไฟโกรธ แล้วค่อยหันมองไปทีคุณชายโอวหยางกับมู่หรงเสวียทีดู


เหมาะสมกันดังคู่รักแห่ งเทพเซี ยน พลันแววตาวูบไหวไปด้วยรอยยิมสนใจ

ฮังถงทีไม่เข้าใจดังนันจึงถามขึน “คุณชาย ท่านเป็ นอะไรหรื อพ่ะย่ะค่ะ ?”


“ไม่มีอะไร !” ตงฟางหลีส่ายหน้า มุมปากของเขายกขึนน้อย ๆ คล้ายยิมคล้ายไม่ยมิ “เพียงแค่รู้สึกว่าพวกเรามา
ได้ถูกจังหวะยิงนัก เมืองหลวงของชิงเหยียน อีกไม่นานคงจะมีเรื องราวให้ได้ดูชมแน่ ”
ตอนที 117 ไปถอนหมัน

ท้องฟ้ ายามราตรี คอ่ ย ๆ มืดมิดลง คุณชายโอวหยางโอบมู่หรงเสวียมาถึงจวนเจินกัวโหว ทังสองข้างของประตู


หลักแขวนไว้ดว้ ยโคมไฟสี แดงลวดลายวิจิตรงดงามทีเปล่งแสงสว่างออกมาอ่อน ๆ

สี หน้าของคุณชายโอวหยางเคร่ งขรึ มลงแล้วกล่าวขึนด้วยเสี ยงราบเรี ยบ “โรคประจําตัวของอดีตจิงอ๋ องกําเริ บ เจ้า


อยากจะไปเยียมทีวังจิงอ๋ องหรื อไม่ ?”

มู่หรงเสวียพยักหน้า “แน่นอนว่าต้องไป พรุ่ งนีเช้าข้าค่อยไปเยียมเขาแล้วก็จะได้นาํ พวกของหมันและของขวัญ


ต่าง ๆ ทีวังจิงอ๋ องเคยมอบให้ส่งกลับไปพร้อมกันเสี ยเลย จะได้จดั การเรื องการถอนหมันให้เรี ยบร้อย......”

อดีตจิงอ๋ องกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว นางจะต้องเร่ งรี บยกเลิกการหมันหมายระหว่างนางกับเย่อีเฉิ นให้เร็ วทีสุ ด


เพือป้ องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝันจะเกิดขึน

แววตาของคุณชายโอวหยางเจือปนไปด้วยรอยยิมทียากจะค้นพบแต่เพียงครู่ เดียวก็กลับสลายหายไป แล้วกล่าว


เสี ยงตํา “ดูท่าว่าอดีตจิงอ๋ องไม่อยากจะยกเลิกการหมันหมายระหว่างเจ้ากับเย่อีเฉิ น......”

มู่หรงเสวียสบถออกมาเบา ๆ “แต่ขา้ ไม่อยากไปเป็ นอนุ ให้เย่อีเฉิ นทีวังจิงอ๋ อง อีกทังยังไม่อยากตกตายภายใต้


นํามือของเขา การหมันหมายครังนี ถึงแม้เขาไม่อยากยกเลิก แต่กต็ อ้ งยกเลิก......”
เมือมองไปทีดวงตาหนักแน่ นของนาง คุณชายโองหยางก็ยกยิมขึนอย่างหล่อเหลาแล้วกล่าวขึนอย่างราบเรี ยบว่า
“เจ้าต้องการให้ขา้ ช่วยหรื อไม่ ?”

“ไม่ตอ้ ง นีเป็ นเรื องส่ วนตัวระหว่างข้ากับเย่อีเฉิ น เจ้าเข้ามายุง่ เกียวด้วยมันจะดูไม่ดีนัก” มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ แต่


ในใจกําลังคิดอ่านอะไรบางอย่าง

คุณชายโอวหยางเป็ นองค์ชายเซี ยวเหยาอ๋ อง ไม่ใช่คนของจวนเจินกัวโหว เขาเป็ นคนนอก หากนางพาเขาไป


เจรจาเรื องการถอนหมันทีวังจิงอ๋ องด้วยก็คงจะดูไม่เหมาะไม่ควรนัก ถ้าเกิดอดีตจิงอ๋ องรู ้สึกไม่ดีคิดว่านางไม่รู้จกั
กาลเทศะขึนมา และกดดันให้นางลําบากด้วยอารมณ์โกรธเพียงชัววูบ การถอนหมันในครังนี ก็คงจะกลายเป็ น
เรื องยากขึนมาทันที......

“เช่นนันข้าก็จะรอฟังข่าวของเจ้าอยูท่ ีวัง !” คุณชายโอวหยางพูดขึนอย่างราบเรี ยบ แววตาเปล่งประกายไปด้วย


ความหมายทีผูค้ นไม่อาจเข้าใจ

“ตกลง !” มู่หรงเสวียพยักหน้า องครักษ์เงาของวังเซี ยวเหยาอ๋ องนันมีเครื อข่ายครอบคลุมเกือบครึ งเมืองหลวง ถ้า


นางถอนหมันสําเร็ จ คุณชายโอวหยางก็คงจะรู ้ขา่ วอย่างรวดเร็ ว

เมือมองไปทีแววตาเหนื อยล้าของนาง คุณชายโอวหยางก็กล่าวขึนเสี ยงเบา “นีก็ดึกมากแล้ว เจ้ารี บกลับเรื อนไป


พักผ่อนเสี ยเถอะ พรุ่ งนียังต้องจัดการกับเรื องราวต่าง ๆ อีกมากมายนัก”
“ได้ ราตรี สวัสดิ !” มู่หรงเสวียพูดขึนเพียงเบา ๆ แล้วค่อย ๆ หมุนกายอย่างช้า ๆ เดินนวยนาดเข้าจวนเจินกัวโหว
ไป

จนกระทังมองส่ งนางหายลับไปจากสุ ดทางเดินหิ น สี หน้าของคุณชายโอวหยางก็กลายเป็ นเคร่ งขรึ มทันที เขา


หมุนกายอย่างสง่างามเดินไปทางทิศของวังเซี ยวเหยาอ๋ อง

เสี ยงฝี เท้าบางเบาดังขึนด้านหลัง ตามเขามาอย่างไม่เร่ งรี บนัก คุณชายโอวหยางทําเป็ นไม่สนใจ เพียงแต่กา้ วยาว
ๆ ไปด้านหน้าต่อไป หลังจากทีเลียวไปมาได้หลายครา ก็กา้ วเดินเข้าไปในวังเซี ยวเหยาอ๋ องอย่างช้า ๆ

แต่แล้วก็มีเสี ยงห้ามปรามของทหารยามก็ดงั ขึนตามหลัง “คุณชาย ทีนี คือวังเซี ยวเหยาอ๋ อง คนแปลกหน้าห้ามเข้า


!”

“คุณชายของข้าเป็ นเพือนกับคุณชายของท่าน ไม่ใช่คนแปลกหน้าอะไร !” เสี ยงอธิบายด้วยความเย็นชาของฮัวถง


ดังเข้าหู คุณชายโอวหยางย่นคิวบางเบาแล้วหมุนกายหันไปมองนายบ่าวทังสองคน “ตงฟางหลี นี ก็มืดคําแล้ว เจ้า
กลับไม่ไปทีอีก่วนหรื อโรงเตียม แต่ตามข้ามาทีวังเซี ยวเหยาอ๋ องด้วยเหตุใด ?”

“ข้าจะมาขอเข้าพักทีวังเซี ยวเหยาอ๋ องน่ ะสิ ” ตงฟางหลีกล่าวขึนอย่างเป็ นเรื องปกติธรรมดา มู่หรงเสวียเป็ นหญิง


มันไม่เหมาะนักทีเขาจะตามนางเข้าจวนเจินกัวโหว ถึงแม้ว่าเขาไปอาศัยอยูร่ อบ ๆ จวนเจินกัวโหวจะใกล้กบั จวน
เจินกัวโหวมากกว่า แต่ก็ยงั ถูกขวางกันด้วยกําแพงไม่สะดวกทีดูชมเรื องราววุ่นวายทีจะเกิดขึน
คุณชายโอวหยางชอบพอในตัวมู่หรงเสวีย เรื องราวของมู่หรงเสวียกับเย่อเฉิ
ี น มีความเป็ นไปได้สูงทีเขาจะเข้าไป
ยุง่ เกียวแทรกแซง เขาอาศัยอยูท่ ีวังเซี ยวเหยาอ๋ องจับตาดูคุณชายโอวหยาง จึงไม่ตอ้ งกลัวทีจะไม่ได้ดูชมเรื องราว
ทีน่ าสนใจพวกนีแน่ นอน

คุณชายโอวหยางมองมาทางเขาด้วยสี หน้าเรี ยบนิง พลางกล่าวเสี ยงเย็น “วังเซี ยวเหยาอ๋ องมิใช่โรงเตียม หาก


อยากจะเช่าพัก เชิญไปทีอีก่วน”

“อีก่วนสภาพแวดล้อมและการตกแต่งล้วนธรรมดาสามัญ สํารับอาหารก็เพียงพืน ๆ ข้าย่อมไม่มีทางไปทีนัน !”


ตงฟางหลีส่ายหน้าด้วยความขยาด เมือมองไปทีสี หน้าดุดนั ของคุณชายโอวหยาง แววตาของเขาก็วบู ไหวอย่าง
เปล่งประกาย

“ถ้าเกิดวังเซี ยวเหยาอ๋ องไม่สะดวกให้ขา้ เข้าพักจริ ง ๆ ข้าสามารถไปทีวังจิงอ๋ อง ถึงแม้ว่าข้ากับจิงอ๋ องและอดีตจิง


อ๋ องจะเพิงพบหน้ากันโดยบังเอิญแค่เพียงครังเดียวดท่านัน แต่ว่าข้าเป็ นถึงองค์ชายเจ็ดของซี เหลียง มาตรว่าพวก
เขาคงเต็มใจให้ขา้ เข้าพัก......”

ตงฟางหลียกยิมมุมปากขึนอย่างลําลึกพอเตรี ยมจะหมุนกายจากไป

“หยุดอยูต่ รงนัน !” นําเสี ยงเรี ยกเย็นชาของคุณชายโอวหยางหยุดเขาฝี เท้าของเขาเอาไว้ แววตาตรึ กตรอง ตงฟาง


หลีเป็ นองค์ชายเจ็ดของแคว้นซี เหลียง เพียงรู ้ถึงศักดิฐานะของเขาไม่ว่าใครก็ลว้ นยินดีทีจะให้เขาเข้าพักแน่
ตัวเขาถูกพิษชีเซวีย มีเพียงมู่หรงเสวียเท่านันทีสามารถแก้พิษได้ อีกทังยังต้องไปรักษาให้เขาทุก ๆ สามวันครัง
ถ้าหากเขาไปพักทีวังจิงอ๋ อง มู่หรงเสวียก็จะต้องเข้าออกวังจิงอ๋ องบ่อย ๆ......

“เด็ก ๆ พวกเจ้าพาองค์ชายเจ็ดไปทีเรื อนรับรองทิศตงหนาน (ทิศตะวันออกเฉี ยงใต้) !”

“ทิศตงหนาน ?” แววตาของตงฟางหลีหรี เล็กลง เขาขมวดคิวน้อย ๆ “คุณชายโอวหยาง ข้าทีมาเยือนเป็ นแขก แต่


เจ้ากลับให้ขา้ ไปพักทีเรื อนทีอยูห่ ่ างไกลผูค้ นเช่นนันหรื อ ?”

“ทีนี คือวังเซี ยวเหยาอ๋ อง มิใช่วงั หลวงแห่ งแคว้นซี เหลียง เจ้าไม่ได้มีสิทธิทีจะเลือกได้ ทีข้าให้พกั ทีเรื อนรับรอง
ทิศตงหนานนี ก็ถือว่าให้เกียรติเจ้ามากพอแล้ว อยากอยูก่ อ็ ยู่ ไม่อยากอยูก่ เ็ ชิญ !” คุณชายโอวหยางปรายตามองเขา
ครู่ หนึงแล้วก็หมุนกายจากไป เดินต่อไปด้านหน้าโดยทีไม่หันกลับมามองอีก

ตงฟางหลีมองไปทีทิศตะวันออกเฉี ยงใต้ เขายกยิมมุมปากบาง ๆ เมือครู่ เขาเดินมาจากทิศตะวันออกเฉี ยงใต้


ถึงแม้วา่ จะถูกขวางกันไว้ดว้ ยกําแพงสู งลํา แต่สภาพโดยรวมของทีนันเขาก็กวาดตาดูจนเกือบทัวแล้ว เรื อน
รับรองหลังนันถึงแม้จะอยูไ่ กลไปหน่ อย แต่วา่ ด้านในถูกปลูกไว้ดว้ ยต้นไม้สีเขียว และดอกไม้นานาพันธุ์
สภาพแวดล้อมถือว่าดีมาก เหมาะกับการพักฟื นรักษาตัวยิงนัก เขาก็จะยอม ๆ อดทนอยู่ ๆ ไปก่อน เพือทีจะได้ดู
ชมความวุ่นว่ายทีกําลังจะเกิดขึน

พรุ่ งนีมู่หรงเสวียก็จะไปขอถอนหมันทีวังจิงอ๋ องแล้ว ไม่รู้ว่าเรื องราวจะสําเร็ จลุล่วงหรื อไม่


เช้าวันรุ่ งขึน ก้อนเมฆค่อย ๆ เปิ ดออก หมอกหนาเริ มเบาบางลงและสลายหายไปอย่างช้า ๆ แสงอาทิตย์สีทอง
เปล่งประกายทอแสงผ่านก้อนเมฆสาดส่ องไปทัวทังผืนดิน

เรื อนหลักวังจิงอ๋ อง อดีตจิงอ๋ องทีสลบไสลมาทังคืนนัน ขนตาก็คอ่ ย ๆ สันไหว เปิ ดเปลือกตาขึนอย่างช้า ๆ สิ ง


แรกทีกระทบเข้าสู่ สายตาก็คือดวงหน้าหล่อเหลาแต่ทว่าซี ดขาวของเย่อีเฉิ น ดวงตาของเขาดูเหนือยล้า ใต้ตาดํา
คลํา แน่ นอนว่าไม่ได้นอนมาทังคืน

เมือเห็นอดีตจิงอ๋ องฟื นขึนมาแล้ว เย่อีเฉิ นก็ถอนหายใจออกมาโล่งอก “ท่านพ่อท่านฟื นแล้ว !”

อดีตจิงอ๋ องตอบรับเสี ยงอืมเบา ๆ ในลําคอ เขาชันกายลุกขึนอย่างช้า ๆ เมือมองไปทีสี หน้าเหนื อยล้าและซี ดขาว


ของเย่อีเฉิ น ก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ “อีเฉิ น การหมันหมายระหว่างเจ้ากับมู่หรงเสวียเป็ นพ่อและลุงเยว่ของเจ้า
ทีกําหนดขึน ลุงเยว่ของเจ้าก็สินไปเร็ วนัก พวกเราวังจิงอ๋ องสมควรทีจะดูแลลูก ๆกําพร้าของเขาถึงจะถูกต้อง ไม่
อาจทําเรื องทีผิดต่อคํามันสัญญาได้ มู่หรงเสวียจะต้องเป็ นชายาเอกของเจ้า เจ้ารี บล้มเลิกความคิดทีจะลดนางให้
เป็ นอนุทิงไปเสี ย......”

แววตาของเย่อีเฉิ นดุดนั เขาเอ่ยกล่าวเสี ยงตํา “แต่ม่หู รงเสวียไม่อยากได้ตาํ แหน่งชายาเอก ตอนนี ในใจของนาง


คิดเพียงอยากถอนหมันเรื องเดียวเท่านัน......”

“ทังหมดนี ล้วนเป็ นเพราะเจ้าไม่ใช่หรื อ ? ถ้าหากเจ้าไม่ได้ลดขันนางเป็ นอนุ ต่อหน้าผูค้ นมากมายในงานเลียง ทํา


ให้นางถูกเยาะเย้ยดูถูก ทําให้นางต้องลําบากทุกข์ยากใจ นางไหนเลยจะต้องการขีดเส้นแบ่งเขตตัดขาดกับเจ้า
เช่นนี ?”
อดีตจิงอ๋ องต่อว่าเขาเสี ยงดัง ถลึงตามองอย่างอารมณ์เสี ย “เจ้ารี บไปทีจวนเจินกัวโหว ยอมรับผิดกับเสวียเอ๋ อร์
ขอร้องให้นางให้อภัย......”

“ท่านพ่อ !” เย่อีเฉิ นแววตาวูบไหวไปด้วยความตกตะลึง ระดับเขาทีเป็ นถึงจิงอ๋ อง แต่กลับต้องลดตัวไปขอโทษ


ขอโพยมู่หรงเสวีย ?

“จ้องอะไรอีก ?” อดีตจิงอ๋ องจ้องมองไปทีเขา แล้วกล่าวเน้นยํา “การหมันหมายทีข้าเป็ นคนกําหนดจะไม่มีทาง


เปลียนแปลงโดยเด็ดขาด ชายาเอกของเจ้า ต้องเป็ นมู่หรงเสวียผูเ้ ดียวเท่านัน ถ้าหากเจ้าไม่ได้แต่งกับนาง ชัวชีวิต
นีก็อย่าได้หวังจะแต่งกับหญิงอืนอีก......”

สี หน้าเย่อีเฉิ นมืดครึ ม ไม่กล่าววาจาใด !

เวลานันทหารยามนายหนึงก็เร่ งรี บวิงเข้ามา รายงานขึนอย่างนอบน้อม “นายท่าน นายท่าน คุณหนูแห่ งจวน


เจินกัวโหวมู่หรงเสวียขอเข้าพบพ่ะย่ะค่ะ !”
ตอนที 118 การถอนหมันล้ มเหลว

แววตาคมกริ บของเย่อีเฉิ นหรี ลง “นางมาขอถอนหมัน !” นี เพิงจะยามเฉิ น (7โมง ถึง 9 โมงเช้า) นางก็ถ่อมาที


วังจิงอ๋ องเสี ยแล้ว ดูท่าคงอดรนทนไม่ไหวทีจะขอถอนหมันกับเขา

“ข้ารู ้ !” อดีตจิงอ๋ องถลึงตามองไปทีเขาอย่างอารมณ์เสี ย “เจ้าไปพบเสวียเอ๋ อร์ เสี ยก่อน พูดจาให้มนั อ่อนหวานน่ า


ฟัง แล้วก็ขอโทษยอมรับผิดกับนางเสี ย รวมถึงอย่าลืมให้คาํ มันและรับประกันว่าเจ้าจะดูแลนางอย่างดีมาก ๆ
ด้วย จะต้องทําให้นางเปลียนใจและเลิกเอ่ยถึงเรื องการถอนหมันให้ได้”

พูดจาอ่อนหวาน ? คําขอโทษ ? คํามันสัญญา ? รับประกัน ? นีไม่ใช่การให้เขาทิงเกียรติของเขาไปปลอบโยนมู่


หรงเสวียหรอกหรื อ !

แววตาของเย่อีเฉิ นวูบไหวไปด้วยความไม่พอใจ เขากล่าวขึนอย่างหมดความอดทน “ลูกปลอบคนไม่เป็ น !”

“ปลอบคนไม่เป็ นก็ตอ้ งไปปลอบ !” อดีตจิงอ๋ องคว้ามือจับไปทีหมอนด้านหลังกาย ปาเข้าไปทีเย่อีเฉิ นอย่างแรง


“เจ้าไม่ใช่ท่านอ๋ องเทพสงครามแห่ งแคว้นชิงเหยียนหรอกหรื อ ? ทหารมากมายของม่อเป่ ยก็ถูกเจ้าจัดการเสี ยราบ
คาบ ถ้าหากผูห้ ญิงเพียงคนเดียวยังปลอบไม่ได้ เจ้าก็อย่าได้กลับมาเจอหน้าข้าอีก !”
เย่อีเฉิ นเบียงกายไปด้านข้างเบา ๆ หลบหมอนทีถูกปามา มองไปทีใบหน้าเกรี ยวกราดของอดีตจิงอ๋ อง คิวหนา
ขมวดเข้าหากันแน่ น ฆ่าคนกับปลอบคนช่างเป็ นสองเรื องทีแตกต่างกันโดยสิ นเชิง จะเอามาเปรี ยบเทียบกันได้
อย่างไร ?

อีกทังแต่ก่อนมู่หรงเสวียมีนิสัยเรี ยบร้อยอ่อนโยน ทังยังหลงรักเขาทังกายและใจ เขาพูดคําหวานเพียงไม่กีคํา


นางก็จะเปลียนใจอย่างง่ายดาย “ตอนนี มู่หรงเสวียมีความคิดเป็ นของตัวเองสู ง อีกทังยังเกลียดชังลูกยิงกว่าอะไร
ดี คิดแต่จะถอนหมันลูกเดียว ไม่ว่าลูกจะพูดอะไร นางล้วนไม่มีทางเชือ คงมีแต่จะเร่ งให้ลูกถอนหมันกับนาง
โดยเร็ ว......”

“เช่นนันเจ้าเห็นว่าควรทําเช่นไร ?” อดีตจิงอ๋ องถลึงตามองเขาอย่างเสี ยอารมณ์ การหมันหมายทีดีงามสมบูรณ์


แบบเช่นนี กลับถูกเขาทําให้เละเทะเสี ยได้ ช่างน่าโมโหยิงนัก......

สี หน้าของเย่อีเฉิ นเคร่ งขรึ ม “ลูกจะพูดให้ม่หู รงเสวียยอมกลับจวนเจินกัวโหวไปก่อน แล้วค่อยคิดหาแผนการให้


ละเอียดรอบคอบกว่านี เท่านี การหมันหมายของพวกเราก็ยงั จะคงอยู่ แล้วค่อยคิดหาวิธีให้นางเปลียนใจทีหลังได้
!”

ตอนนี มู่หรงเสวียหยิงทะนงถือตัว ล้วนมองไม่เห็นเขาอยูใ่ นสายตา เขาไม่มีทางลดเกียรติไปปลอบโยนนาง

ท่านพ่อทีมีโรคประจําตัวควรหลีกเลียงเรื องราวทีส่ งผลต่ออารมณ์ความรู ้สึก ถ้าเกิดเขาปฏิเสธไม่ทาํ ตามความ


ต้องการของท่านพ่อ แน่ นอนว่าท่านพ่อจะต้องโมโหอย่างรุ นแรงแล้วส่ งผลกระทบต่อร่ างกาย เขาก็จะขอใช้
ข้ออ้างนีทําให้ท่านพ่อสบายใจไปก่อน และค่อยคิดหาวิธีจดั การเรื องของมู่หรงเสวียอย่างช้า ๆ
อดีตจิงอ๋ องนิงเงียบไปครู่ หนึ ง แล้วกล่าวขึนเสี ยง “เจ้าก็จดั การดูแล้วกัน แต่วา่ เจ้าต้องจําเรื องหนึ งไว้ให้ขึนใจ
ชายาเอกของเจ้ามีเพียงมู่หรงเสวียเท่านัน การหมันหมายของพวกเจ้าห้ามยกเลิกโดยเด็ดขาด !”

“ลูกทราบแล้ว !” เย่อีเฉิ นพยักหน้าอย่างไม่ค่อยเต็มใจ ในแววตาคมของเขาวูบไหวไปด้วยความมืดมิด

ภายใต้แสงอาทิตย์ทีสาดส่ อง มู่หรงเสวียยืนอยูห่ น้าประตูวงั จิงอ๋ อง ก้าวเดินไปมาอย่างช้า ๆ แววตากระจ่างใส


มองเข้าไปในวังอ๋ องเป็ นพัก ๆ......

ทันใดนัน บนทางเดินหิ นก็ปรากฏเงาร่ างสู งโปร่ งของคนผูห้ นึง เขาอยูใ่ นชุดสี นาเงิ
ํ นเข้ม ใบหน้าหล่อเหลา เป็ น
บุตรชายของจวนสังซูสวีเทียนโย่ว

เขาค่อย ๆ เดินมาทีด้านหน้าของมู่หรงเสวีย ทักทายอย่างมีมารยาท “คุณหนูมู่หรง !”

“ทําไมถึงเป็ นเจ้าได้ ?” มู่หรงเสวียขมวดคิวเบา ๆ นางมาขอถอนหมัน ก็น่าจะเป็ นจิงอ๋ องกับอดีตจิงอ๋ องทีออกมา


ส่ งมอบหนังสื อหมันคืนให้แก่นางสิ ถึงจะถูก ส่ งสวีเทียนโย่วทีไม่มีความเกียวข้องอะไรมาเพราะเหตุใดกัน ?

สวีเทียนโย่วยิมน้อย ๆ “โรคเก่าของอดีตจิงอ๋ องกําเริ บ จิงอ๋ องกําลังเฝ้ าดูแลเขาอยูท่ ีข้างเตียง ตอนนี ไม่มีเวลา


ออกมาต้อนรับคุณหนูม่หู รง ผูน้ ้อยได้รับคําสังของจิงอ๋ อง ให้เชิญคุณหนู ม่หู รงไปนังรอทีเรื อนรับรองสักครู่ รอ
ให้อดีตจิงอ๋ องฟื นได้สติเมือไร เขาจึงจะออกมาพบคุณหนูขอรับ......”
“ถ้าเช่นนันอดีตจิงอ๋ องจะฟื นเมือไร ?” แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหวอย่างลําลึก

“นีเอ่อ......ยังไม่สามารถบอกได้แน่ ชดั ขอรับ” สวีเทียนโย่วส่ ายหน้า แววตาส่ อความหนักใจ “หมอหลวงยังรอดู


อาการอยูใ่ นวังอ๋ องอยูข่ อรับ พวกเขายังไม่สามารถบอกถึงเวลาฟื นคืนสติทีชัดเจนของอดีตจิงอ๋ องได้......”

แววตาของมู่หรงเสวียสันไหว “อาการป่ วยของอดีตจิงอ๋ องหนักมากเลยหรื อ ?”

แววตาของสวีเทียนโย่วเปล่งประกายวูบไหว แล้วกล่าวขึนเสี ยงตํา “อดีตจิงอ๋ องได้รับบาดเจ็บตอนอยูใ่ นสนาม


รบ ไม่สามารถไปรบต่อได้อีก เพราะเหตุนนถึ
ั งได้ยกตําแหน่ งจิงอ๋ องให้เย่อเฉิ
ี น โรคประจําตัวของเขาก็เป็ น
ผลกระทบมาจากอาการบาดเจ็บสาหัสครังนันด้วย ทุกครังทีอาการกําเริ บก็จะเหมือนกับสู ญเสี ยพลังชีวิตไป
ครึ งหนึง......”

มู่หรงเสวียหรี ตาลง ท่านลุงฮุยเป็ นพ่อบ้านของจวนเจินกัวโหวมาหลายปี นางทราบอย่างชัดเจนว่าคนทีได้รับ


บาดเจ็บสาหัสบนสนามรบ จะต้องระวังเรื องอารมณ์และความรู ้สึก ไม่สามารถรู ้สึกโกรธและเครี ยดมาก
จนเกินไปได้ ทังยังไม่สามารถใช้วรยุทธ์ได้อย่างบ่อยครัง มิเช่นนันตอนทีอาการกําเริ บ จะเจ็บปวดจนหน้าซี ด
ขาว สุ ดท้ายก็จะสลบไม่ได้สติไป !

เมือคืนอดีตจิงอ๋ องถูกกระตุน้ ให้โกรธจนโรคประจําตัวกําเริ บ ถึงจะไม่ได้ร้ายแรงจนถึงขึนเสี ยชีวิตแต่พละกําลังก็


คงเหลืออยูอ่ ีกไม่มากแล้ว ทว่าตอนทีเขาอาการกําเริ บก็ได้รับยาเข้าไปอย่างทันเวลา ถึงแม้ร่างกายจะอ่อนแอก็
ควรทีจะฟื นคืนสติได้แล้วสิ ถึงจะถูก “ข้าสามารถเข้าไปเยียมเขาได้หรื อไม่ ?”
สวีเทียนโย่วยิมปฏิเสธขึน “ขออภัย จิงอ๋ องมีคาํ สังว่าอดีตจิงอ๋ องมีอาการป่ วยทีสาหัสนัก ต้องการความสงบให้
การพักฟื น ก่อนทีเขาจะฟื นคืนสติไม่ว่าใครก็หา้ มเข้าไปรบกวน”

“จริ งหรื อ ?” มู่หรงเสวียเลิกคิวมองไปทีเขา กล่าวเน้นทีละคํา “ข้าเพียงแค่เข้าไปเยียมดูเท่านัน รับรองว่าจะไม่ส่ง


เสี ยงดังอะไร ไม่มีทางรบกวนการพักผ่อนของอดีตจิงอ๋ องแน่ !”

“คุณหนูม่หู รง ทีนี คือวังจิงอ๋ อง ผูน้ อ้ ยฟังเพียงคําสังของท่านอ๋ องเท่านัน โปรดอย่าได้ทาํ ให้ผนู ้ อ้ ยลําบากใจเลย


ขอรับ......”

สวีเทียนโย่วพูดเหตุผลทีคิดเตรี ยมเอาไว้แล้วอย่างแนบเนี ยนไม่มีอาการกระวนกระวายให้เห็นแม้แต่นอ้ ย แต่เมือ


เงยหน้าขึนมองไปอย่างช้า ๆ กลับเห็นมู่หรงเสวียกําลังมองมาทีเขาด้วยท่าทางคล้ายยิมคล้ายมิยมิ ดวงตากระจ่าง
ใสเหมือนดังแก้วทีสามารถมองทะลุผา่ นได้ แต่ในเวลาเดียวกันก็ให้ความรู ้สึกเย็นยะเยือกคมกริ บคล้ายกับว่ามอง
ออกถึงคําโกหกจนทะลุปรุ โปร่ งและรับรู ้ความจริ งทังหมด......

อยู่ ๆ สวีเทียนโย่วก็มีอาการหนังตากระตุก คําพูดทีคิดเอาไว้อย่างสวยหรู พลันชะงักลง พยายามยกมุมปากขึนยิม


อย่างเก้ ๆ กัง ๆ “เอ่อ แดดเริ มทีจะค่อนข้างแรง พวกเราไปพูดคุยกันต่อทีเรื อนรับรองเถอะ คุณหนูม่หู รงโปรด
ตามข้ามา......”

“ไม่ตอ้ ง !” มู่หรงเสวียปฏิเสธคําเชิญของเขาอย่างเย็นชา แล้วกล่าวขึนอย่างไม่นาํ พา “อดีตจิงอ๋ องโรคประจําตัว


กําเริ บ ต้องการพักผ่อนมาก ๆ ข้าก็ไม่เข้าวังอ๋ องไปรบกวนแล้ว รอเขาฟื นได้สติเมือไรค่อยมาเยียมเขา !”
แน่นอนว่าอดีตจิงอ๋ องต้องตืนแล้วแต่ว่าไม่อยากให้นางถอนหมัน ดังนันจึงตังใจหาข้ออ้างทีจะไม่ให้นางเข้าพบ !

การป้ องกันด้านในของวังจิงอ๋ องนันเข้มงวดนัก ด้านในวังอ๋ องทุกซอกทุกมุมล้วนเต็มไปด้วยบรรดาทหารยาม


แถมพวกเขายังเป็ นทหารทีผ่านสนามรบและการต่อสู ้มานับครังไม่ถว้ น แน่ นอนว่าวรยุทธ์ตอ้ งสูงส่ ง รอจนนาง
หลุดพ้นจากแนวป้ องกันของพวกเขาไปได้ แล้วพบเจอกับอดีตจิงอ๋ องและเย่อีเฉิ น ถึงตอนนันอดีตจิงอ๋ อง
แน่นอนว่าจะต้อง ‘สลบไม่ได้สติ’ เหมือนอย่างทีสวีเทียนโย่วพูดไว้ เย่อีก็จะยุง่ วุ่นวายอยูก่ บั การดูแลอดีตจิงอ๋ อง
ไม่มีเวลามาสนใจนาง สุ ดท้ายก็เหมือนเดิมคือไม่สามารถถอนหมันได้......

“เวลาก็ไม่นอ้ ยแล้ว เช่นนันข้าขอตัวกลับจวนก่อน หี บกล่องพวกนี ก็ทิงไว้ทีนีแล้วกัน” อดีตจิงอ๋ องไม่อยากพบ


นาง ถึงนางจะรอไปถึงพรุ่ งนี จนฟ้ าสว่าง อดีตจิงอ๋ องก็ไม่มีทาง ‘ฟื น’ ขึนมา นางคงไม่มามัวยืนโง่ ๆอยูต่ รงนี ทน
ตากแดดตากลมให้ทรมาน

สวีเทียนโย่วปรายตามองไปทีหี บกล่องเจ็ดแปดใบใหญ่ ๆ ด้านหลังของมู่หรงเสวีย ยืนปากออกมาเล็กน้อย นัน


มิใช่ของหมันกับพวกของขวัญต่าง ๆ นา ๆ ทีจิงอ๋ องมอบให้มู่หรงเสวียหรอกหรื อ ? นางล้วนขนกลับมาทังหมด
นีนางคงคิดทีจะตัดขาดความสัมพันธ์กบั จิงอ๋ องอย่างสิ นเชิงจริ ง ๆ

แต่ทีจิงอ๋ องสังการเขาไว้คอื ไม่อนุญาตให้ม่หู รงเสวียถอนหมัน ดังนันหี บกล่องพวกนี คงทิงเอาไว้ทีนี ไม่ได้ !

“คุณหนูม่หู รง ของหมันทีจิงอ๋ องส่ งให้ท่าน ท่านควรมอบให้กบั เขาด้วยตัวเองถึงจะเหมาะสม ผูน้ อ้ ยเป็ นแค่คน


นอก ไม่เหมาะไม่ควรทีจะเข้าไปยุง่ เกียวกับเรื องราวของพวกท่าน......”
มู่หรงเสวียปรายตามองเขาครู่ หนึง พร้อมทังกล่าวขึนอย่างเย็นชา “เย่อีเฉิ นให้เจ้ามาต้อนรับข้า แน่ นอนว่าไม่ได้
มองเจ้าเป็ นคนนอก ก็แค่ของหมันหมายไม่กีกล่องเท่านัน มอบให้เขาหรื อมอบให้เจ้าก็ลว้ นไม่ต่างกัน......”
ตอนที 119 ส่ งของหมันคืน

“เอ่อ......” ดวงตาของสวีเทียนโย่วมีแววลําบากใจ “ผูน้ อ้ ยไม่ใช้เจ้านายของวังจิงอ๋ อง รับสิ งของแทนพวกเขาโดย


ไม่ได้รับอนุญาต กลัวว่าจะไม่เหมาะ......”

“เช่นนันเจ้าก็เข้าไปถามเย่อีเฉิ น......” มู่หรงเสวียกล่าวชีแนะขึนอย่างเย็นชา เย่อเฉิ


ี นลดขันนางเป็ นอนุ ต่อหน้า
ผูค้ นมากมาย ถือเป็ นการเหยียดหยามนาง ดูหมินนาง นางทีขอถอนหมันก็ถูกต้องสมเหตุสมผลแล้ว นางไม่เชือ
ว่าเย่อีเฉินจะกล้าพูดว่าไม่รับของหมันคืน !

“จิงอ๋ องกําลังเฝ้ าไข้อดีตจิงอ๋ องอยู่ เกรงว่าจะไม่มีเวลามาสนใจข้า” สวีเทียนโย่วยิมขึนอย่างขออภัย ท่าทางปฏิเสธ


ไม่ตอ้ งการทําตามคําแนะนําของนาง

“อย่างนันหรื อ ?” มู่หรงเสวียเลิกคิว กล่าวขึนอย่างไม่ตอ้ งคิด “เช่นนันก็ทิงของหมันไว้ทีนี รอให้เย่อีเฉิ นจัดการ


เรื องราวเสร็ จแล้ว เจ้าค่อยไปบอกเขา เขาจะต้องให้คนขนหี บเข้าไปในวังจิงอ๋ องแน่นอน......” มีทหารยามของ
วังจิงอ๋ องเฝ้ าอยูท่ ีประตูวงั หี บกล่องพวกนี ไม่มีทางสู ญหายแน่

“ถนนใหญ่สายนี มีผคู ้ นพลุกพล่าน ถ้าหากมีคนไม่ระวังมาชนกับหี บกล่องพวกนีเข้าแล้วทําให้ของด้านใน


เสี ยหาย จะทําเช่นไร ?” สวีเทียนโย่วไม่เห็นด้วย เขาค่อย ๆ กล่าวขึนเสี ยง “คุณหนูมู่หรงนําหี บกล่องพวกนี
กลับไปเถอะขอรับ......”
“เสี ยหายก็เสี ยหายสิ ไม่เห็นจะเป็ นไร ถึงตอนนันข้าค่อยส่ งของทีมีสภาพสมบูรณ์มาแทนทีก็ได้แล้ว......” มู่หรง
เสวียตัดบทคําพูดของเขาอย่างไม่แยแส ของหมันทีวังจิงอ๋ องส่ งมาให้ ทุกชินล้วนมีราคาลําค่า แต่วา่ จวนเจินกัว
โหวก็มีของมีค่าทีไม่ธรรมดาสามัญไม่นอ้ ย ถึงสิ งของด้านในของหี บกล่องจะเสี ยหายทังหมด นางก็ยงั สามารถ
ส่ งมอบของมีค่าทีราคาเท่าเทียมกันชดเชยให้ได้......

แน่นอนว่าหนังสื อหมันและของหมันชินพิเศษทีแนบมากับหนังสื อหมันนางจะต้องนํากลับไปด้วย เพราะว่ามัน


เป็ นสมบัติลาค่
ํ าประจําวังจิงอ๋ องซึ งมีเพียงชุดเดียวในแผ่นดิน ถ้าหากเกิดพังเสี ยหาย ไม่มีทางทีจะหาชินทีสองมา
ทดแทนได้ ฉะนันการหมันหมายครังนี ก็คงไม่สามารถยกเลิกได้สาํ เร็ จแน่ นอน......

“เวลาก็ล่วงเลยมามากแล้ว อดีตจิงอ๋ องก็ป่วยหนัก แถมจิงอ๋ องปลีกตัวออกมาไม่ได้ คุณชายสวีแน่ นอนว่ายังมี


เรื องราวให้จดั การอีกมากมาย เช่นนันข้าก็ไม่ขอรบกวนท่านแล้ว ขอลา !” มู่หรงเสวียโยนคําพูดทิงไว้ หมุนกาย
เดินออกไปด้านหน้าไม่หันกลับไปมองอีก......

สายลมเย็นสบายพัดผ่าน ผนึ กกุญแจสี ทองบนหี บไม้หอมเปล่งประกายแวววาวระยิบระยับภายใต้แสงอาทิตย์ที


สาดส่ อง เพียงพริ บตาสวีเทียนโย่วก็หลุดออกจากภวังค์ แล้วเร่ งรี บตามนางไป “คุณหนูม่หู รง คุณหนูม่หู รง......”

ของทีใส่ ไว้ในหี บไม้หอมเป็ นของหมันทีจิงอ๋ องมอบให้มู่หรงเสวีย หี บกล่องพวกนี ไม่สามารถปล่อยทิงไว้


ด้านหน้าประตูของวังจิงอ๋ องโดยเด็ดขาด ไม่เช่นนันเขาก็จะทําให้เรื องทีจิงอ๋ องสังการเอาไว้ลม้ เหลว......

มู่หรงเสวียได้ยนิ แต่ไม่สนใจ นางค่อย ๆ แหวกม่านก้าวเท้าขึนไปบนรถม้า


“คุณหนูม่หู รง !” สวีเทียนโย่วร้องเรี ยกอย่างร้อนรน เมือสายตาเห็นว่าเขาจะเข้ามาถึงด้านหน้ารถม้าทหารยาม
จวนเจินกัวโหวจึงยืนมือออกไปกันเขาเอาไว้

ช่วงทีเขาหยุดเท้าลงรถม้าก็ได้เคลือนออกไปตามทางแล้ว แล่นไปบนถนนใหญ่ทีราบเรี ยบแล้ววิงออกไป


ด้านหน้าด้วยความรวดเร็ ว......

ช่วงทีรถกําลังจะเลียวออกไป มู่หรงเสวียก็แหวกม่านออกพลางแอบมองไปทีด้านหลัง เห็นสวีเทียนโย่วยืนสี


หน้าเขียวคลําอยูด่ า้ นล่างของขันบันได มองมาทีรถม้าของนาง แล้วค่อยหันกลับไปมองทีหี บไม้หอมหลายหี บ
ด้านข้าง แววตาลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ......

มู่หรงเสวียสบถในใจ ของหมันพวกนีแต่เดิมก็เป็ นของวังจิงอ๋ อง คืนให้วงั จิงอ๋ องก็ดูสมเหตุสมผลแล้ว ทีนางเอา


พวกมันมาด้วยก็ไม่ได้คิดทีจะเอากลับไป ถึงพวกเขาไม่อยากรับ แต่อย่างไรก็ตอ้ งรับไว้......

ิ นยิงสู ง มู่หรงเสวียกลับถึงจวนเจินกัวโหว ก้าวเดินไปบนทางเดินภายในจวนอย่างเบิกบานใจ มุม


ดวงอาทิตย์ยงขึ
ปากยกยิมขึนอย่างงดงาม ภายใต้ความสนใจของผูค้ น ของหมันถูกวางทิงเอาไว้ทีวังจิงอ๋ อง การถอนหมันของ
นางครังนี ถือว่าสําเร็จไปแล้วครึ งนึง......

รอจนนางจะหาจังหวะและโอกาสทีเหมาะสมเจอค่อยไปแลกเปลียนหนังสื อหมันและของหมันแทนตัวชินนัน
คืนให้กบั เย่อีเฉิ น เท่านีนางก็นบั ว่าสามารถตัดขาดจากเย่อีเฉิ นได้อย่างสิ นเชิง กลายเป็ นคนทีไร้พนั ธะ ชาติภพนี ก็
จะได้ไม่ตอ้ งยุง่ เกียวอะไรกับเขาอีก......
“ฟ้ าว ฟ้ าว ฟ้ าว !” เสี ยงแหวกอากาศทีรุ นแรงดังขึน

แววตาของมู่หรงเสวียเย็นยะเยือกเตรี ยมพร้อมทีจะสะบัดมือปั ดมันออกไป แต่กลับเห็นคนชุดดําผูห้ นึงปรากฏ


กายออกมาจากความว่างเปล่านําเอาหี บกล่องมากมายวางเรี ยงไว้ดา้ นหน้าของนาง......

หี บกล่องทํามาจากไม้จนั ทร์ หอม ด้านบนติดไว้ดว้ ยแม่กุญแจทรงกลมสี ทอง ภายใต้แสงอาทิตย์ทีสาดส่ องเปล่ง


ประกายแวววาว

มู่หรงเสวียชะงักไปครู่ หนึง นี ไม่ใช่ของหมันหมายทีนางส่ งคืนให้วงั จิงอ๋ องหรอกหรื อ ? เหตุใดพวกเขากลับนํา


มันส่ งคืนมาให้นาง......

ทันใดนันแววตาของมู่หรงเสวียลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ ถลึงตามองไปยังเหล่าองครักษ์เงาอย่างโหดเหี ยม “พวก


เจ้านําหี บพวกนีกลับไป รี บขนกลับไป......”

เหล่าองครักษ์เงาได้ยนิ แต่ไม่สนใจ เพียงขยับเท้าเบา ๆ บรรดาเงาร่ างสู งใหญ่พริ บตาสลายหายไปจนเหลือแต่


เพียงอากาศธาตุ......

เสี ยงแหวกอากาศค่อย ๆ ไกลออกไป เรื อนหิ มะโปรยเหลือเพียงแค่มู่หรงเสวียผูเ้ ดียว หี บไม้หอมแต่ละใบวางไว้


บนพืนโดยไร้ซึงความเสี ยหาย คล้ายกับกําลังเยาะเย้ยนางโดยไร้เสี ยงพูด......
ความโกรธของมู่หรงเสวียพุ่งปะทุขนสู
ึ ง นางเตะไปทีหี บใส่ ของหมันทีละใบสองใบ แก้วแหวนเงินทองทีลําค่า
รวมถึงผ้าไหมต่าง ๆ นา ๆ ต่างตกกระจัดกระจายลงบนพืน แต่นางกลับไม่สนใจกัดฟันตวาดขึน “เย่อีเฉิ น !”

อยู่ ๆ คิดอยากจะส่ งองครักษ์เงาสักหลายคนบุกเข้าจวนเจินกัวโหวอย่างไม่สนหน้าอินทร์ หน้าพรหม และยังขน


เอาหี บไม้พวกนี มาโยนไว้ดา้ นหน้านาง นี เขารังแกนางเพราะเห็นว่าข้างกายนางไม่มีผคู ้ นให้ใช้สอย อย่างไรก็ไม่
มีทางขัดขวางหยุดยังองครักษ์เงาของวังจิงอ๋ องได้ใช่ไหม ? น่าโมโหยิงนัก น่าคับแค้นใจยิงนัก !

“ของหมันก็ถูกส่ งกลับมาหมดแล้ว เจ้าจะโมโหไปก็ไม่ได้อะไรขึนมา” นําเสี ยงทุม้ ลอยเข้าหู มู่หรงเสวียเงยหน้า


มองไปเห็นคุณชายโอวหยางนอนเอนกายอยูบ่ นตังไม้ใต้ตน้ ฉยงฮวา กําลังลิมรสเหล้าเลิศรสอยูด่ ว้ ยท่าทีสบาย ๆ
ชายเสื อสี ขาวหิ มะลู่ลงไปกับพืน แต่กลับสะอาดสะอ้านไม่เปรอะเปื อนฝุ่ นผงใด ๆแม้แต่นอ้ ย

กลินหอมบางเบาของไม้ไผ่กบั กลินหอมของดอกฉยงฮวาผนวกรวมเข้าด้วยกัน ทําให้กลินหอมฟุ้ งกระจายไปทัว


บริ เวณ บอกได้อีกนัยหนึงว่าคุณชายโอวหยางอยูต่ รงนี มาสักพักแล้ว

“เจ้าอยูท่ ีนี แล้วทําไมเมือครู่ ไม่ออกหน้าช่วยเหลือ ? จัดการไล่พวกองครักษ์เงากับคนทีขนหี บออกไป ดูสิวา่ เย่อี


เฉิ นยังจะกล้าส่ งคนมาทีนี อีกหรื อไม่......”

มู่หรงเสวียเดินออกไปด้านหน้าด้วยอารมณ์โมโหนังลงไปทีเก้าอีด้านข้างของคุณชายโอวหยาง ยืนมือออกไปดึง
ทีแก้มของเขา แล้วหยิกแรง ๆ พริ บตาใบหล่อเหลาก็ขึนรอยแดงเพราะถูกหยิก
ความรู ้สึกเจ็บ ๆ คัน ๆ แล่นขึนมา แววตาของคุณชายโอวหยางวูบไหวไปด้วยความเหนือยใจน้อย ๆ เขายืนมือ
ออกไปจับมือของนางข้างทีกําลังทําร้ายเขา พลางกล่าวเสี ยงตํา “เย่อีเฉิ นไม่มีทางรับของหมันทีเจ้าส่ งคืนไป
ถึงแม้วา่ ข้าจะไล่พวกองครักษ์เงาออกไป พวกเขาก็คงคิดหาวิธีอืนนําเอาของหมันหมายส่ งกลับมา”

มู่หรงเสวียทีได้ยนิ เช่นนันก็ขมวดคิวแน่ นเข้าหากัน ทีคุณชายโอวหยางพูดมานันก็ไม่ผดิ เย่อีเฉิ นไม่อยากทีจะ


ถอนหมันกับนาง แน่นอนว่าก็ตอ้ งคิดแผนการต่าง ๆ นา ๆ นําเอาของหมันหมายส่ งกลับคืนมา ครังแรกไม่สาํ เร็ จ
ก็ตอ้ งมีครังทีสอง ครังทีสองไม่สาํ เร็ จก็ตอ้ งมีครังทีสาม อย่างว่าเขานันมีองครักษ์มากมายให้ใช้สอย

“เจ้ารู ้ตงแต่
ั แรกว่าผลจะเป็ นเช่นนี ? แล้วเหตุใดเจ้าไม่ยอมเตือนข้าสักคํา ?”

“เมือคืนวานไม่ใช่ว่าข้าบอกไปแล้วหรื อว่าอดีตจิงอ๋ องไม่อยากยกเลิกการหมันหมายการแต่งงานระหว่างเจ้ากับเย่


อีเฉิ น ? เจ้าก็ไม่ยอมฟังข้า” คุณชายโอวหยางจ้องมองมาทีนาง คําพูดของเขาแฝงไปด้วยความเยาะเย้ย

“ข้า......” มู่หรงเสวียชะงักไป คําพูดของคุณชายโอวหยางนันนางล้วนรับฟั ง แต่นางคิดไม่ถึงว่าของหมันทีนาง


ส่ งคืนไป เย่อีเฉิ นจะใช้วิธีนีส่ งกลับมา การกระทําของนางทังช่วงสายทีผ่านมากลับกลายเป็ นไร้ค่าไปในทันที
......

เมือมองไปทีใบหน้างํางอของนาง แววตาของคุณชายโอวหยางเจือปนไปด้วยรอยยิมบางเบา มือหยกยกเหล้าเลิศ


รสบนโต๊ะขึนจิบอย่างช้า ๆ !
ใบหน้างดงามของมู่หรงเสวียมืดครึ มลง นางยืนมือไปแย่งจอกเหล้าในมือของเขาแล้วเอาไปวางไว้อีกด้านหนึง
กล่าวขึนอย่างอารมณ์เสี ย “ไม่ตอ้ งดืมแล้ว เจ้ามาช่วยข้าคิดหาแผนการเสี ยก่อน อดีตจิงอ๋ องกลับมาเมืองหลวง
แล้ว ข้าอยากจะถอนหมันให้เร็ วทีสุ ด ไม่อยากให้มนั ยืดเยือออกไปโดยไม่มีกาํ หนด”

“อดีตจิงอ๋ องถือเป็ นผูใ้ หญ่ เขาไม่อยากยกเลิกการหมันหมายระหว่างพวกเจ้า เส้นทางการถอนหมันของเจ้าก็


จะต้องมีแต่อุปสรรคมากมาย เจ้าอยากตัดขาดความเกียวข้องกับเย่อีเฉิ นไม่สามารถทําการอย่างรี บร้อนได้ จําต้อง
คิดแผนการระยะยาว......” คุณชายโอวหยางกล่าวเสี ยงตํา แววตาวูบไหวไปด้วยความคิดทีลําลึก......
ตอนที 120 คิดแผนการ

มู่หรงเสวียหมดคําทีจะพูดกล่าว “เหตุผลเหล่านี ข้าล้วนเข้าใจ เจ้าก็ไม่ตอ้ งมาสอนสังข้าแล้ว รี บ ๆบอกข้ามาตาม


ตรงว่าสมควรทําเช่นไร !”

ช่วงทีอดีตจิงอ๋ องอยูท่ ีหวินหนานนันนางไม่สามารถทําอะไรได้ แต่ตอนนี อดีตจิงอ๋ องกลับมาทีวังจิงอ๋ องแล้ว


นางจะต้องถอนหมันให้ได้โดยเร็ วทีสุ ด แม้แต่เค่อเดียวก็ไม่อยากคิดยุง่ เกียวกับคนชัวช้าผูน้ นอี
ั ก!

“อดีตจิงอ๋ องใจแข็งไม่ตอ้ งการให้เจ้าถอนหมัน การกระทําเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างการส่ งคืนของหมันหรื อหนังสื อ


หมันของเจ้าล้วนไม่ส่งผลประโยชน์อะไร หากเจ้าอยากจะถอนหมันกับเย่อีเฉิ นก็ตอ้ งลงมือทีตัวเย่อเฉิ
ี น แอบทํา
เรื องบางเรื องอย่างเงียบ ๆ ให้พวกเขาต้องยอมถอนหมัน !” คุณชายโอวหยางกล่าวเสี ยงตํา แววตาของเขาดําขลับ
เปล่งประกายลึกลําดังมหาสมุทรทียามคําคืน

แววตาของมู่หรงเสวียเปล่งประกายวูบไหว นางพยักหน้าแรง ๆ อย่างเข้าใจ “ข้าเข้าใจแล้ว”

คุณชายโอวหยางปรายตามองนางครู่ หนึง หลังจากนันก็ยกยิมมุมปากขึนอย่างงดงาม “ดูท่า เจ้าก็ไม่ได้โง่งม


เท่าไรนัก”
ทันใดนันใบหน้างดงามของมู่หรงเสวียกลายเป็ นมืดครึ มลงทันที คว้าจับหมอนอิงด้านหน้าปาเข้าไปทีคุณชาย
โอวหยางอย่างแรง “เจ้าน่ะสิ โง่ !”

เมือมองไปทีแววตาเกรี ยวกราดของมู่หรงเสวีย แววตาของคุณชายโอวหยางก็วบู ไหวไปด้วยรอยยิมบางเบา เขา


เบียงตัวหลบหมอนเบา ๆ คว้าจับเข้าไปทีมือของนาง ลากนางมาด้านบนของตังทีนัง แขนแกร่ งแข็งแรงของเขา
ยึดกอดเข้าไปทีเอวของนางอย่างแน่นหนา ริ มฝี ปากบางเฉี ยดผ่านเลยริ มผีปากของนางไปอย่างบางเบาคล้ายกับ
สัมผัสของแมลงปอทีเกาะบนผิวนํา

ความรู ้สึกทีถูกสัมผัสทีบางเบาแล่นขึนมา มู่หรงเสวียรู ้สึกว่ามีบางสิ งกําลังระเบิดอยูใ่ นหัว ทําให้ความรู ้สึกนึกคิด


ทังหมดกลายเป็ นสี ขาวโพลน กลินหอมของไม้ไผ่บาง ๆ โชยกระทบเข้ากับจมูก แววตาของนางพร่ ามัวคล้ายกับ
กําลังพลัดหลงอยูใ่ นม่านหมอก

ตังเก้าอีก็ไม่ได้ใหญ่นกั แล้วเขายังกอดนางเอาไว้แน่ น ร่ างกายของทังสองคนแนบชิดเข้าด้วยกันอย่างไร้ช่องว่าง


กันไว้เพียงชันเสื อผ้าทีบาง ๆ เท่านัน นางสามารถรู ้สึกได้ถึงความอบอุ่นทีแผ่ซานออกมาจากตัวเข้าได้อย่าง
ชัดเจน......

มู่หรงเสวียทีตกใจทันใดนันก็หลุดจากภวังค์ ถลึงตามองไปทีคุณชายโอวหยางด้วยความโมโห ออกแรงผลักเขา


ออกห่ าง “คุณชายโอวหยาง......ท่านจะทําอะไร ?”
มองไปทีแววตาเกรี ยวกราดของนาง แววตาของคุณชายโอวหยางก็วบู ไหวไปด้วยความเหนื อยใจ เขากล่าวขึน
อย่างไม่ใส่ ใจนัก “ท้องฟ้ าเพิงจะสว่าง เจ้าก็ลุกจากเตียงแล้วยังมัวแต่ยงุ่ วุน่ วายจนถึงตอนนี แน่ นอนว่าเจ้าต้อง
เหนือยล้า ข้าจึงอยากให้เจ้าเอนหลังพักผ่อนเสี ยหน่ อย”

“จริ งหรื อ ?” มู่หรงเสวียมีท่าทางเชือครึ งไม่เชือครึ ง

“เรื องแบบนี ข้าจะโกหกเจ้าทําไมกัน ?” คุณชายโอวหยางปรายตามองนาง แววตาเต็มไปด้วยความเหนือยหนาย

ก็แค่เข้าใจผิดเล็กน้อย จําเป็ นจะต้องมองนางด้วยสายตาเหนือยหนายเช่นนันเลยหรื อ ?

มู่หรงเสวียถลึงตามองคุณชายโอวหยาง แล้วกล่าวขึนอย่างอารมณ์ไม่ดี “ข้าจะกลับไปนอนทีห้อง”

“อากาศดูท่าจะยิงร้อนมากขึน ในห้องก็คงจะอบอ้าวนัก เจ้านอนอยูท่ ีนีเถอะ !” คุณชายโอวหยางกล่าวเสี ยงตํา


เกยคางเข้าทีไหล่ของมู่หรงเสวียแล้วปิ ดตาลง

ใบหน้าเรี ยวเล็กของมู่หรงเสวียดุดนั ลง นีเขากําลังใช้นางแทนหมอนอยูห่ รื อ !

ทันใดนันนางก็เตรี ยมทีจะยืนมือทังสองข้างออกไปผลักตัวของคุณชายโอวหยางออก เขาเปิ ดปากขึนอย่าง


ราบเรี ยบ “เจ้าคิดวิธีต่อกรกับเย่อีเฉิ นออกหรื อยัง ?”
มู่หรงเสวียหยุดชะงักการเคลือนไหวลง แล้วส่ ายหน้า “ตอนนียังคิดไม่ออก แต่ว่าข้ารู ้สึกว่าอีกไม่นานก็คงจะมี
คนลงมือแทนข้าอย่างแน่นอน”

มุมปากของนางยกสู งขึน พลางปรายตาอย่างดูถูกไปทีกําแพงทีอยู่ไม่ไกล

เมือคุณชายโอวหยางมองตามนางไปเห็นเงาร่ างสายหนึงทีกําลังหลบหนี ไปอย่างรวดเร็ ว “นันมัน......คนของย่า


เลียงกับอาสองของเจ้า !”

“ใช่ !” มู่หรงเสวียพยักหน้า “หูตาของพวกเขานันครอบคลุมไปทัวทังจวนเจินกัวโหว บางช่วงก็จะมาทีด้านหน้า


ของเรื อนหิ มะโปรยแอบเฝ้ าจับตามองทุกการกระทําของข้า แต่กถ็ ือว่าโชคดีนกั ทีมีคนเหล่านีเฝ้ าจับตามองอยู่
เพราะมีเรื องราวข่าวสารมากมายทีข้าเพียงแค่พดู ออกไปเบา ๆ พวกเขาก็จะรู ้ได้ในทันที ไม่จาํ เป็ นจะต้องให้ขา้
ไปคิดแผนการให้เหนื อยเปล่าเพือทีส่ งข่าวให้พวกเขา......”

คุณชายโอวหยางยกมุมปากโค้งขึน ทีแท้ข่าวทีนางแอบปล่อยออกไปล้วนเป็ นสิ งทีนางต้องการให้พวกเขารู ้ ช่าง


เจ้าเล่ห์ยงนั
ิ ก

“ผูค้ นในเมืองหลวงล้วนทราบว่าข้าต้องการถอนหมันกับเย่อีเฉิ น ถ้าเกิดตอนนี เย่อเฉิ


ี นเกิดเรื องอะไรขึนมาก็จะ
ํ ข่นุ แล้วลงมือตอนทีเหตุการณ์กาํ ลังวุ่นวาย อัตรา
สงสัยในตัวข้าเป็ นอันดับแรก ดังนัน ข้าจึงเตรี ยมทีจะตีนาให้
ความสําเร็จก็จะเพิมมากขึน พอถึงตอนนันถึงแม้วา่ เย่อีเฉิ นจะไม่อยากถอนหมัน ก็คงไม่ทนั การณ์เสี ยแล้ว......”
มู่หรงเสวียพูดขึนด้วยท่าทางชัวร้าย จ้องมองไปบนท้องฟ้ าด้วยความเย็นชา รอคอยคําชีแนะและคําพูดเห็นดีเห็น
งามจากคุณชายโอวหยาง แต่รออยูน่ านก็ไม่ได้ยนิ เสี ยงตอบรับอะไรกลับมา นางเหล่ตามองไปมองอย่างไม่เข้าใจ
ก็เห็นปากของคุณชายโอวหยางเม้มเข้าหากัน ดวงตาปิ ดสนิ ท หายใจเข้าออกอย่างสมําเสมอ

นีเขา.....หลับไปเสี ยแล้ว ! นี นางพูดอยูข่ า้ งหู ของเขาเลยนะ เขากลับยังสามารถหลับสนิ ทลงได้อีก ?


ความสามารถในการป้ องกันสิ งรบกวนของเขานันดีมาก หรื อว่าแผนการของนางมันน่ าเบือเกินไปกัน ?

สี หน้าของมู่หรงเสวียมืดครึ ม นางถลึงตาใส่ คุณชายโอวหยาง เห็นเขานอนหลับสนิทอย่างสุ ขสบาย ขนตายาว


ทอดเป็ นเงาลงไปทีขอบตาของเขา......เอ๊ะ นันไม่ใช่เงาของขนตา แต่เป็ นรอยดําคลําทีมาจากผิวหนัง !

ถึงว่าทําไมฟังนางพูดอยูด่ ี ๆ ถึงหลับสนิทลงได้ ทีแท้กเ็ พราะว่าความเหนื อยล้านีเอง ไม่รู้ว่าช่วงนีเขากําลังยุง่


วุ่นวายกับเรื องอะไรอยู่ ? วังเซี ยวเหยาอ๋ องเป็ นวังอ๋ อง ในแคว้นชิงเหยียนมีฐานะสู งส่ งไม่ธรรมดา มีคนเคารพนับ
ถือ แต่ในทางตรงกันข้ามก็มีคนเกลียดชัง เซี ยวเหยาอ๋ องกับพระชายาออกไปท่องเทียว ความรับผิดชอบทังหมด
ของวังอ๋ องล้วนกดทับลงบนตัวคุณชายโอวหยาง

คุณชายโอวหยางเพิงจะอายุสิบแปดปี ยังนับว่าไม่เป็ นผูใ้ หญ่ ถึงแม้จะท่องเทียวอยูข่ า้ งนอกมาสิ บปี แต่วา่ อายุของ


เขาก็ถือว่ายังน้อยนัก ประสบการณ์ตนเขิ
ื น แต่กลับต้องไปต่อกรกับพวกบรรดาจิงจอกเฒ่า เขาช่างน่าสงสารนัก
ไม่แปลกเลยทีเขาจะรู ้สึกเหนื อยขนาดนี ......

สายลมอ่อน ๆ พัดโชยเข้ามา มู่หรงเสวียหาวขึนหลายครังหลายคราอย่างเกียจคร้าน ยุง่ วุ่นวายตังแต่เช้าตรู่ จนถึง


ตอนนี นางก็รู้สึกล้าลงไปไม่นอ้ ย
พักสายตาอยูค่ รู่ หนึง ก็หลับสนิทลงไปอย่างไม่รู้สึกตัว !

คุณชายโอวหยางลืมตาขึนช้า ๆ มองไปทีใบหน้าทีหลับสนิทของนาง แววตาของเขาวูบไหวไปด้วยรอยยิมบาง


เบา นางดูฉลาดขึนเล็กน้อยไม่โง่งมเหมือนแต่ก่อน การหมันหมายระหว่างนางกับเย่อีเฉิ น ก็ปล่อยให้เป็ นไปตาม
ความต้องการของนาง ให้นางได้จดั การด้วยตัวเอง ถ้าหากวิธีของนางไม่ได้ผล เขาค่อยลงมือก็ยงั ไม่สาย......

ส่ วนพวกแซ่ ตู ้ มู่หรงเจียนและมู่หรงโหรว......ก็ให้เสวียเอ๋ อร์เล่นกับพวกเขาอย่างช้า ๆ ไปก่อน ถ้าเล่นจนเกิด


ปัญหาก็ไม่เป็ นไร เพราะเขาจะคอยเก็บกวาดตามหลังให้อย่างเงียบ ๆ เอง......

เรื อนหยก

แซ่ ตูเ้ อนกายอยูบ่ นตังเก้าอีด้านหน้าหน้าต่าง หลังพิงไปทีหมอนอิงใบใหญ่ ใบหน้าของนางดูมีชีวิตชีวาขึนมา


เล็กน้อย แต่แววตากลับเปล่งประกายเต็มไปด้วยความเกรี ยวกราด ตวาดต่อว่าขึนเสี ยงดัง “ทําไมเจ้าถึงไม่ระวัง
เช่นนี ? กลับถูกคนชันตําเช่นนันจัดการจนมีสภาพเป็ นเช่นนีได้ ?”

ร่ างกายของนางได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก ทุก ๆ วันมักจะพักผ่อนแต่หัวคํา แต่คาดไม่ถึงว่าวันนีพอตืนมากลับได้


ยินการกระทําบัดสี ระหว่างโหรวเอ๋ อร์ กบั สวีเหวิน ทังยังถูกซ่ งเทียนเหวินจับได้คาเตียง......
มู่หรงโหรวนังอยูบ่ นเก้าอีไม้แดง ดวงตาของนางแดงกํา สี หน้าซี ดเซี ยวจากความโศกเศร้า กัดฟันพูดขึนว่า “ข้า
ไม่มีทางปล่อยมู่หรงเสวียไว้แน่ !”

“ตอนนี มากล่าวคําพูดพวกนี แล้วจะมีประโยชน์อะไรกัน ?” แซ่ ตถู ้ ลึงตามองไปทีนางอย่างหงุดหงิดใจ “อีกหนึง


เดือนหลังจากนีเจ้าก็จะต้องเข้าวัด ไม่มีทางได้กลับไปทีตระกูลซ่ งอีก ตอนนี เจ้าสมควรคิดอ่านให้ดี ๆ ว่าหลังเจ้า
ออกจากจวนอู่อนั โหวไปแล้ว ควรจะทําอย่างไรกับชิงเหยียน ?”

ซ่งชิงเหยียนเป็ นลูกสาวสายตรงของจวนอู่อนั โหว แน่ นอนว่าจะต้องอยูท่ ีจวนอู่อนั โหวต่อไป

ซ่งเทียนเหวินอายุยงั ไม่แก่มากนัก รอจนนางเข้าวัดไปแล้ว แน่ นอนว่าเขาจะต้องแต่งภรรยาเอกเข้าบ้านอีก


แน่นอน......

เมือคิดถึงภาพทีซ่ งเทียนเหวินกอดหญิงอืนไว้ในอ้อมอก ดูแลทะนุ ถนอมนางอย่างอ่อนโยน หัวใจของมู่หรง


โหรวก็เจ็บปวดราวกับถูกมีดกรี ด ร้องห่ มร้องไห้กล่าวขึน “ภายในหนึงเดือนนี ......ข้าจะต้องหมันหมายชิงเหยียน
กับตระกูลทีดีให้ได้.....ไม่ว่าฮูหยินทีแต่งเข้ามาทีหลังผูน้ ันจะร้ายกาจเพียงใด......จะได้ไม่มีสิทธิเข้าไปยุง่ เกียวกับ
การแต่งงานของชิงเหยียน......”

แซ่ ตูป้ รายตามองนาง แล้วสบถขึนเบา ๆ “เจ้าเป็ นอู่อนั โหวฮูหยิน ชิงเหยียนก็เป็ นถึงคุณหนูผสู ้ ู งส่ งแห่ งจวนอู่อนั
โหว อยากจะหมันหมายกับตระกูลดี ๆ นันไม่ยาก แต่รอจนเจ้าเข้าวัดไป ฐานะของชิงเหยียนก็จะต้องตกลง พอ
ถึงตอนนัน ตระกูลทีหมันหมายเอาไว้รู้เรื องเข้าแล้วต้องการถอนหมัน เช่นนันจะทําอย่างไร ?”
มู่หรงโหรวชะงักไป ผูค้ นในเมืองหลวงทียึดมันในการหมันหมายนันมีมากมาย แต่ว่าผูค้ นทียืดมันในลาภยศก็มี
ไม่น้อยเช่นกัน ใครจะไปสามารถรับประกันได้ว่าตระกูลทีหมันหมายไว้นนจะเป็
ั นตระกูลทีมีคุณธรรมสู งส่ ง ?

ถ้าเกิดเป็ นอย่างทีท่านแม่กล่าวมาจริ ง ๆ พอนางก้าวเท้าหน้าเข้าวัดได้ไม่ทนั ไร พวกเขาก็คงมาขอถอนหมันเสี ย


แล้ว เช่นนันชิงเหยียนก็จะกลายเป็ นหญิงสาวทีถูกถอนหมัน ชือเสี ยงเสื อมเสี ย หากอยากคิดทีจะหมันหมายอีกก็
คงยากเสี ยแล้ว “เช่นนันตามความคิดเห็นของท่านแม่ สมควรทําเช่นไรเจ้าคะ ?”
ตอนที 121 ต้ องเป็ นชายารอง
แซ่ ตูย้ กนําแกงโสมต้มขึนจิบช้า ๆ แล้วค่อย ๆ กล่าวขึน “เมือครู่ สาวใช้นางหนึ งมาส่ งข่าวว่าของหมันทีมู่หรง
เสวียส่ งคืนไปทีวังจิงอ๋ องล้วนถูกส่ งกลับคืนมา......”

แววตาของมู่หรงโหรววูบไหว “ความหมายของท่านแม่คอื ......”

“มู่หรงเสวียใจแข็งต้องการถอนหมัน แต่จิงอ๋ องกลับไม่ยอมตอบรับ ระหว่างพวกเขาทังสองเกิดความขัดแย้งต่อ


กัน พวกเราควรอาศัยโอกาสนีให้ชิงเหยียนแทนทีมู่หรงเสวียแต่งเข้าวังจิงอ๋ อง !” แซ่ ตกู ้ ล่าวเน้นทีละคํา แววตา
ของนางทอประกายวูบไหว

“นีเอ่อ......คงไม่ดีนกั ” มู่หรงโหรวขมวดคิวเบา ๆ “อย่างไรชิงเหยียนก็แซ่ ซ่ง มิได้แซ่ มู่หรง ไม่นบั ว่าเป็ นคุณหนู


สายตรงของจวนเจินกัวโหว......”

แซ่ ตูค้ ิดว่าไม่สนใจ “พวกนางล้วนเป็ นคุณหนูสายตรงของจวนเจินกัวโหว คุณหนูใหญ่ในตระกูลหรื อคุณหนู


ลูกพีลูกน้องนอกตระกูลแล้วเป็ นอย่างไรเล่า”

“แต่ความสัมพันธ์ทีอดีตจิงอ๋ องมีต่อมู่หรงเยว่ถือว่าสนิทชิดเชือยิงนัก ทีเขาหมันหมายเพราะต้องการให้ลูกสาว


ของมู่หรงเย่วเป็ นลูกสะใภ้ ไม่มีทางเห็นด้วยทีจะให้ชิงเหยียนแต่งแทน” มู่หรงโหรวมองไปทีแซ่ ตูด้ ว้ ยแววตา
เต็มไปด้วยความไม่เห็นพ้อง
“อดีตจิงอ๋ องไม่เห็นด้วย พวกเราก็สามารถคิดหาวิธีการทําให้เขาเห็นด้วยได้.....” แซ่ ตูก้ ล่าวเสี ยงตํา ดวงตาของ
นางแฝงไปด้วยความคิดทีลึกซึ ง

สายตานันมองดูจนมู่หรงโหรวต้องขมวดคิวขึน นางมีประสบการณ์เกียวกับเรื องราวการกระทบกระทังกันใน


จวนฝ่ ายในมาสิ บกว่าปี ดังนันนางถึงเข้าใจดีว่าวิธีการทีแซ่ ตูต้ อ้ งการจะใช้คืออะไร “เอ่อ......ไม่ได้นะเจ้าคะ ถ้า
ชือเสี ยงของชิงเหยียนเสื อมเสี ย นางคงไม่สามารถเป็ นพระชายาเอกได้......”

สี หน้าของแซ่ ตูเ้ ข้มขึน พลางถลึงตามองมาทีนางอย่างหงุดหงิดใจ “เจ้าฝันกลางวันอะไรอยู่ ? เย่อีเฉิ นมีคนรักใน


ดวงใจอยูแ่ ล้ว ทีเขากับมู่หรงเสวียมีเรื องกันรุ นแรงขนาดนี ไม่ใช่เพราะว่าเขาต้องการลดขันมู่หรงเสวียเป็ นชายา
รองเพือทีจะกรุ ยทางให้คนรักของเขาหรอกหรื อ ? ชิงเหยียนทีเข้าวังจิงอ๋ องจึงเป็ นได้เพียงแค่ชายารองเท่านัน ถ้า
หากเข้าไปยุง่ เกียวกับตําแหน่ งชายาเอกแม้แต่นอ้ ยกลัวว่าแม้แต่ตวั เองตายอย่างไรก็คงไม่อาจรู ้ได้......”

มู่หรงโหรวชะงักไปในทันที ในหัวของนางปรากฏภาพความรักใคร่ ทีเย่อีเฉิ นมีต่อฉิ นยวีเยียนรวมถึงการลงมือที


โหดเหี ยมของเขา ก็อดไม่ได้ทีจะหลังเหงือเย็นออกมา นางเกือบลืมเรื องนี ไปเสี ยสนิทเลย ชิงเหยียนทีเข้าวังจิง
อ๋ องแน่นอนว่าคงเป็ นได้เพียงแค่ชายารอง !

ฐานะของเย่อีเฉิ นสู งส่ ง ความสามารถไม่ธรรมดา อีกทังยังมีอาํ นาจอยูใ่ นมือ แต่งเป็ นชายารองให้เขาเปรี ยบเทียบ
กับการแต่งเป็ นชายาเอกให้ตระกูลอืนแล้วดีกว่าเป็ นไหน ๆ

พอชิงเหยียนกับเย่อีเฉิ นมีการหมันหมายต่อกันแล้ว ถึงแม้จีซื อ (ภรรยาเอกคนใหม่) ของเทียนเหวินจะร้ายกาจ


เพียงใดแต่ก็คงไม่กล้ายืนมือเข้ามายุง่ เกียว หลังจากทีชิงเหยียนเข้าวังจิงอ๋ องไปแล้ว ถึงแม้ฐานะจะไม่ดีเท่าฉินยวี
เยียนแต่กจ็ ะไม่มีทางตํามากไปกว่านัน เป็ นการยิงปื นนัดเดียวได้นกสองตัว......
มองไปทีแววตาเห็นด้วยของนาง แซ่ ตูก้ พ็ ยักหน้าด้วยความพอใจ “รอจนชิงเหยียนเข้าวังอ๋ องไปแล้ว จิงอ๋ องก็จะ
กลายเป็ นทีพึงพาทีเข้มแข็งของพวกเรา เมือถึงตอนนันพวกเราก็จะไม่ตอ้ งกังวลเรื องการจัดการมู่หรงเสวีย......
เจียนเอ๋ อร์ กจ็ ะกลายเป็ นเจ้าของจวนเจินกัวโหวทีแท้จริ ง......ไม่แน่เจ้าอาจจะได้กลับไปเป็ นอู่อนั โหวฮูหยิน
ดังเดิมก็ได้......”

“ปั ง !” ประตูห้องทีปิ ดสนิ ทถูกเปิ ดออกอย่างแรง ซ่ งชิงเหยียนทีมีสีหน้าดํามืดก็พุ่งตรงเข้ามา กล่าวขึนด้วยความ


โมโหว่า “ท่านแม่ ท่านยาย ข้าไม่ได้อยากแต่งเข้าวังจิงอ๋ อง.....”

แซ่ ตูช้ ะงักไป “เพราะอะไร ?” ตําแหน่งชายารองแห่ งจิงอ๋ องนัน ผูค้ นมากมายต่างก็อยากจะเป็ นแต่ก็ใช่ว่าจะ
สามารถเป็ นได้ง่าย ๆ

“เพราะว่า......คนทีข้าชอบคือคุณชายโอวหยาง !” ซ่ งชิงเหยียนกล่าวขึนเสี ยงดังอย่างถือดี ใบหน้าเรี ยวเล็กเต็มไป


ด้วยความอับอายจนขึนสี แดงเถือก

แซ่ ตูข้ มวดคิวเข้าหากันแน่ น “ความรู ้สึกนึกคิดของคุณชายโอวหยางล้วนอยูท่ ีตัวของมู่หรงเสวีย ระหว่างเจ้ากับ


เขาก็ไม่ได้มีการหมันหมายมาผูกมัดอะไร เจ้าไปชอบเขาก็เสี ยแรงเปล่า เขาไม่มีทางแต่งเจ้าเป็ นชายารองแน่นอน
......”

“ข้าจะพยายามทําให้เขาชอบข้าให้ได้ !” ซ่ งชิงเหยียนพูดยืนยันอย่างหนักแน่น แต่แววตาของนางกลับเต็มไปด้วย


ความเขินอาย “ถึงแม้เขาจะไม่ชอบข้า แต่ขา้ ก็จะคิดหาวิธีให้ได้เป็ นชายารองของเขา......”
แซ่ ตูส้ บถออกมาเสี ยงเย็น “มู่หรงเสวียก็ชอบพอกับคุณชายโอวหยาง อุบายและความรู ้สึกนึ กคิดของมู่หรงเสวีย
เจ้าก็ไม่ได้ไม่เคยประสบพบเจอ ขอเพียงแค่นางอยูเ่ คียงข้างกับคุณชายโอวหยาง เจ้าก็ไม่มีทางทีจะได้กลายเป็ น
ชายารองของคุณชายโอวหยาง......”

ซ่งชิงเหยียนเร่ งรี บกล่าวขึน “ข้าสามารถคิดหาวิธีการทีจะกันมู่หรงเสวียออกไป......”

“คุณชายโอวหยางกับมู่หรงเสวียสนิทชิดเชือกันจนถึงขันนอนบนตังเก้าอีตัวเดียวกันแล้ว เดินอยูบ่ นถนนมือทัง


ห้าก็ลว้ นประสานเข้าหากันอย่างแน่ นหนาราวกับกลัวว่าจะมีคนมาแยกพวกเขาออกจากกัน เจ้าคิดว่าแผนการเล็ก
ๆ น้อย ๆ ของเจ้าสามารถแยกพวกเขาออกจากกันได้อย่างนันหรื อ ?” แซ่ ตูก้ ล่าวตัดบทประโยคของนางขึนอย่าง
ไร้เยือใย แววตาวูบไหวไปมาอย่างดูถูก

เป็ นนางทีเลียงดูชิงเหยียนมาจนเติบใหญ่ แน่นอนว่านางย่อมรู ้จกั หลานสาวผูน้ ีดี ตาสู งแต่ฝีมือตํา ทังยังไม่มี


ความสามารถอะไรโดดเด่น คงจะไปต่อกรกับมู่หรงเสวียได้แค่ไม่กีครังแล้วสุ ดท้ายก็ตอ้ งแพ้กลับมาอย่างอนาถ !

ใบหน้าเรี ยวเล็กของซ่ งชิงเหยียนค่อย ๆ ซี ดขาวลง นางกล่าวขึนอย่างยากทีจะยอมรับ “ทีท่านพูดมาเป็ นความจริ ง


หรื อ ?”

“เรื องราวเช่นนี ข้าจะไปหลอกลวงเจ้าไปทําไม ?” แซ่ ตถู ้ ลึงตามองนางอย่างเสี ยอารมณ์ “สาวใช้เมือครู่ เพิงจะมา


รายงานว่าพวกเขานอนพักผ่อนกอดกันและกันอยูบ่ นตังเก้าอีทีเรื อนหิ มะโปรย ตอนนี คงยังไม่ตืน ถ้าหากเจ้าไม่
เชือก็ไปดูดว้ ยตาตนเองเถอะ”
ดวงตาของซ่ งชิงเหยียนลุกโชนไปด้วยความโกรธ ท่านยายพูดเสี ยชัดเจนขนาดนี แน่นอนว่าเรื องราวทังหมด
จะต้องเป็ นความจริ ง มู่หรงเสวียนางแพศยา เจ้ากล้ามาแย่งคุณชายโอวหยางไปจากข้า ช่างชัวร้ายยิงนัก !

“ได้ เช่นนันข้าจะแต่งเป็ นชายารองของจิงอ๋ อง !” รอจนนางกลายเป็ นชายารองของจิงอ๋ องเมือไหร่ นางจะต้องสัง


สอนมู่หรงเสวียอย่างหนักแน่ นอน ทําให้นางไม่อาจร้องขอชีวิตและก็ไม่สามารถร้องขอความตายไปพร้อม ๆ
กัน !

เมือมองไปทีสายตาแน่วแน่ ของนาง แซ่ ตกู ้ บั มู่หรงโหรวก็สบตาซึ งกันและกัน แววตาเต็มไปด้วยความพึงพอใจ

แซ่ ตูค้ ่อย ๆ หรี ตาลง แล้วกล่าวเน้นขึนทีละคํา “อดีตจิงอ๋ องเป็ นคนทีหัวแข็งมากผูห้ นึ ง อยากทําให้เขาเปลียนตัว
ว่าทีภรรยานันไม่ง่ายดายนัก พวกเราจะต้องคิดอ่านให้รอบคอบ ห้ามมีขอ้ ผิดพลาดแม้แต่น้อย !”

อดีตจิงอ๋ องถูกเบิกตัวเข้าเมืองหลวง เขาไม่ได้ปิดบังการมาของตัวเอง เรื องทีเมือพอเขามาถึง โรคประจําก็กลับ


เกิดอาการกําเริ บขึนมานัน พริ บตาก็ถูกแพร่ สะพัดไปทัวเมืองหลวงอย่างรวดเร็ ว

ขุนนางบุ๋นบู๊ลว้ นพากันนําตัวยาลําค่ามากมายไปเยียมไข้ แต่ก็ลว้ นถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าพบโดยอ้างเหตุผลว่าป่ วย


หนัก ต้องการพักรักษาตัว จึงไม่สามารถต้อนรับแขกได้
เมือตอนทีมู่หรงเจียนมาขอเข้าพบทีวังจิงอ๋ อง อดีตจิงอ๋ องกําก็ลงั อาบแดดอย่างสบายอกสบายใจอยูท่ ีชานเรื อน
เขามองไปทีเทียบขอเข้าพบของมู่หรงเจียนทีถูกส่ งมา แววตาก็พลันเคร่ งขรึ ม กล่าวเสี ยงตําว่า “เชิญเขาเข้ามา
เถอะ”

เขาไม่ได้เจอมู่หรงเจียนมาสิ บปี แล้ว เมือมู่หรงเจียนมาขอพบเขา เขาก็จะพบเสี ยหน่อย

ถึงแม้ม่หู รงเจียนจะเป็ นอาสองของมู่หรงเสวีย แต่ความสัมพันธ์ของเขากับมู่หรงเสวียนันก็เหมือนนํากับไฟ ดูท่า


เขาคงจะไม่ได้มาดูท่าทีของตนแน่ ถึงแม้ว่าจะมาดูท่าทีของตนจริ งก็ไม่เป็ นไร การหมันหมายของทังสองตระกูล
อย่างไรก็จะไม่มีทางถูกยกเลิกเด็ดขาด......

ขณะทีเขากําลังครุ่ นคิด หางตาก็เห็นชายกลางคนผูห้ นึ งเดินเข้ามาโดยมีทหารองครักษ์เป็ นคนนําทางมา เขาอยูใ่ น


ชุดผ้าไหมสี ขาวนวล เอวถูกรัดด้วยผ้าคาดเอวสี ดาํ สวมใส่ รองเท้าสี ดาํ ดูองอาจสมชายชาตรี ใบหน้าหล่อเหลา
หันคารวะมาทางเขา “ท่านอ๋ อง !”

อดีตจิงอ๋ องตอบรับเพียงบางเบา กวาดตามองเขาขึนลงไปมาแล้วค่อย ๆ ยิมกล่าว “จากกันสิ บปี เจ้ากลับไม่


เปลียนไปแม้แต่น้อย ช่างน่าอิจฉายิงนัก......”

มู่หรงเจียนยิมน้อย ๆ “ท่านอ๋ องชมเกินไปแล้ว ความสง่างามของท่านอ๋ องก็ไม่ได้ลดน้อยไปกว่าปี นัน......”

“ข้าได้รับบาดเจ็บอยูห่ ลายปี สุ ขภาพร่ างกายก็ถดถอยไม่เหมือนปี ก่อน ๆ แล้ว......” อดีตจิงอ๋ องถอนหายใจ


ออกมาเบา ๆ ค่อย ๆ เอ่ยกล่าวขึน “อย่ามัวแต่ยนื อยูเ่ ลย นังลงเถอะ !”
“ขอบคุณท่านอ๋ อง !” มู่หรงเจียนยิมน้อย ๆ นังลงตรงข้ามอดีตจิงอ๋ องด้วยท่าทางอย่างมีมารยาท หญิงสาวทีถูกเขา
บังเอาไว้ดา้ นหลังก็ปรากฏออกมา

อดีตจิงอ๋ องชะงักไปครู่ หนึ ง “ผูน้ ี คือ ?”

“นีคือหลานสาวนอกสกุลของผูน้ อ้ ย ชิงเหยียน !”
ตอนที 122 ล่ อลวง
มู่หรงเจียนกล่าวแนะนําพรางยิมตาหยี เขาสอดส่ องดูท่าทีทุกความเคลือนไหวของอดีตจิงอ๋ องอย่างไม่ให้หลุด
สายตาไปได้

เห็นเพียงเขามีสีหน้าเรี ยบเฉย คิวคมขมวดเข้าหากันแน่ น แต่ครู่ เดียวก็สลายหายไปกลับเป็ นปกติ กล่าวขึนอย่าง


ไม่ได้ใส่ ใจเท่าไรนัก “ชิงเหยียนก็เติบใหญ่ขนาดนี แล้ว ล้วนเป็ นคุณหนูทีงดงามผูห้ นึง !”

นําเสี ยงราบเรี ยบและฟั งดูห่างเหิ น มู่หรงเจียนยิมขึนอย่างเก้ ๆ กัง ๆ “ข้าบังเอิญพบชิงเหยียนบนถนน ไม่วางใจ


ให้นางกลับจวนคนเดียว จึงพานางมาทีนีด้วย เสี ยมารยาทแล้ว ขอจิงอ๋ องโปรดอภัย”

“น้องมู่หรงกล่าวหนักเกินไปแล้ว วังจิงอ๋ องกับจวนเจินกัวโหวก็ถือเป็ นตระกูลสหายพีน้อง คนรุ่ นก่อนคนรุ่ น


หลังของทังสองตระกูลไปมาหาสู่ กบั บ่อย ๆ ถึงจะดีทีสุ ด !” อดีตจิงอ๋ องมองมาทีเขายิมตาหยี แววตาวูบไหวไป
ด้วยความลึกลํา

มู่หรงเจียนหนังตากระตุก ยิมแห้ง ๆ ออกมาอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ “คํากล่าวของท่านอ๋ องนันถูกต้องนัก คนของ


ทังสองตระกูลแน่ นอนว่าต้องไปมาหาสู่ กนั บ่อย ๆ......”

ห่ างออกไปไม่ไกลนัก สายตาพลันเห็นเงาร่ างสี ม่วงเข้มทีคุน้ เคยสายหนึงกําลังเดินเข้ามา อยู่ ๆ เขาก็กล่าวขึน


เสี ยงสู ง “เอ่อ......ชิงเหยียน ลุงกับท่านอ๋ องจะพูดคุยลําลึกอดีตกันเสี ยหน่ อย เจ้าไปเดินเล่นทีสวนดอกไม้ไปพราง
ๆ ก่อนเถอะ”
“เจ้าค่ะ !” ซ่ งชิงเหยียนย่อกายลง แล้วค่อย ๆ เดินนวยนาดออกไปยังด้านนอก พอออกจากตัวเรื อนก็ตามเงาร่ างสี
ม่วงนันไปเดินเลาะไปตามทางเดินอย่างไม่รีบไม่ร้อน !

ภายใต้แสงอาทิตย์อนั อบอุ่นทีสาดส่ อง เย่อีเฉิ นหยุดยืนอยูท่ ีด้านหน้าหิ นจําลองก้อนหนึ งมองไปทีผิวนําทีถูก


แสงอาทิตย์ส่องจนเกิดเป็ นประกายสี ทองระยิบระยับ แววตาลึกลําดังก้นทะเลสาบทีมืดมิด

หลังจากทีเขาสังให้คนของเขาโยนของหมันกลับไปทีเรื อนหิ มะโปรย มู่หรงเสวียกลับเงียบหายไป ไม่ได้มาที


วังจิงอ๋ องเพือโวยวายขอถอนหมันอีก และไม่ได้ดาํ เนินการทําสิ งใดเพือจะถอนหมันอีก นีล้วนไม่ใช่นิสัยของ
นาง แน่ นอนว่านางต้องกําลังคิดแผนร้ายอะไรอยู.่ .....

“ชิงเหยียนคารวะจิงอ๋ องเพคะ” นําเสี ยงอ่อนหวานของหญิงสาวดังขึนจากด้านหลัง ทันใดนันเย่อเฉิ


ี นก็หลุดออก
จากภวังค์ทนั ที เมือเขาหันกายกลับไปมองก็เห็นหญิงสาวนางหนึงยืนอยูด่ า้ นหน้าของเขา นางสวมใส่ ชุดสี แดง
ดอกเหมย ปกเสื อ ปลายแขนเสื อและชายกระโปรงปั กด้วยลวดลายของดอกท้อ เส้นผมยาวดกดํา ถูกรวบม้วนขึน
เป็ นทรงอย่างงดงาม ต่างหู และปิ นปั กผมสี มุกเสริ มรับเข้ากับใบหน้าเรี ยวเล็กของนาง งามลําจนผูค้ นต้องสันไหว

ชิงเหยียน ? คนทีเขารู ้จกั มีคนทีชือว่าชิงเหยียนด้วยหรื อ ?

เย่อีเฉิ นนึกคิดไตร่ ตรองในสมองอย่างรวดเร็ ว หลังจากผ่านไปครู่ หนึงถึงจะคิดถึงฐานะของคนตรงหน้าออก “เจ้า


คือซ่ งชิงเหยียนแห่ งจวนอู่อนั โหว !”
“เพคะ !” ซ่งชิงเหยียนตอบขึนด้วยรอยยิมแสนสดใส ชายกระโปรงสี แดงพลิวไหวบางเบาไปตามสายลม ยิง
เสริ มให้นางงดงามดึงดูดสายตาของผูค้ นมากขึนไปอีก !

แต่เย่อีเฉิ นกลับมิได้สันไหวแต่อย่างใด เขามองนางอย่างผูท้ ีอยูส่ ู งกว่า แล้วกล่าวขึนด้วยเสี ยงเย็นชา “เจ้ามาวังจิง


อ๋ องมีธุระหรื อ ?”

ซ่งชิงเหยียนยิมบางเบา “ไม่ได้มีธุระอันใดเพคะ ชิงเหยียนแค่มาพร้อมกับท่านลุง......”

“หากไม่มีธุระก็รีบกลับไปเสี ย เสด็จพ่อป่ วยหนักต้องการพักผ่อนอย่างสงบ ไม่ชอบให้คนแปลกหน้าเข้าไป


รบกวน !” เย่อีเฉิ นตัดบทคําพูดของนางขึนอย่างหมดความอดทน ออกคําสังส่ งแขกอย่างไร้เยือใย

เพียงพริ บตาใบหน้าเรี ยวเล็กของซ่ งชิงเหยียนกลายเป็ นสี ซีดขาว ร่ างกายบอบบางเซถอยหลังไปหลายก้าว ชนเข้า


กับหิ นก้อนใหญ่กอ้ นหนึง นําตาทีได้รับความไม่เป็ นธรรมไหลริ นลงไปตามดวงหน้าสวย

นางยอมตัดใจจากชายในดวงใจของตน เสี ยสละความสุ ขชัวชีวิตของตน เตรี ยมทีจะเอาใจจิงอ๋ องเพือทีจะได้รับ


ความชอบพอความรักใคร่ จากเขา แต่เขากลับพูดว่านางเป็ นคนแปลกหน้า เขาไม่ได้สนใจในตัวนางเลยสักนิด
......

ใช่แล้ว ! เขาเป็ นท่านอ๋ องเทพสงครามทีสู งส่ ง ฐานะมิธรรมดาสามัญ ในมือมีอาํ นาจมากมาย ทังยังมีรูปลักษณ์ที


หล่อเหลา หญิงสาวมากมายในเมืองหลวงล้วนแล้วแต่มีใจแอบชอบพอเขา เขาจะไปมีใจให้กบั คุณหนูแห่งจวนอู่
อันโหวทีตําต้อยเช่นนางได้อย่างไร
นางทําให้เขาสนใจไม่ได้ก็คงต้องใช้ไพ่ตายแล้ว !

แววตาของซ่ งชิงเหยียนกลายเป็ นเย็นยะเยือก นางค่อย ๆ ดึงถุงผ้าทีห้อยไว้ทีเอวออก กลินหอมอ่อน ๆ บางเบา


โชยออกจากถุงผ้า พัดโชยไปลอบทิศ ลอยเข้ากระทบกับจมูกของเย่อีเฉิ นโดยไม่รู้ตวั

กลินหอมบางเบาทีคล้ายมีคล้ายไม่มีถูกพัดโชยมา ทันใดนันแววตาของเย่อีเฉิ นสันไหวเร่ งรี บกลันหายใจอย่าง


ทันที แววตาเย็นชามองไปทางทิศทีกลินพัดโชยมา ก็เห็นว่าซ่ งชิงเหยียนกําลังมองมาทีเขาด้วยรอยยิมสดใส “จิง
อ๋ อง ท่านเป็ นอะไรไปหรื อเพคะ ? ใบหน้าของท่านช่างแดงยิงนัก......”

เย่อีเฉิ นไม่กล่าววาจาใด มองไปทีนางอย่างเย็นชา !

ซ่งชิงเหยียนไม่ใส่ ใจ มือเรี ยวเล็กขาวเนี ยนดังหยกค่อย ๆ แกะกระดุมเม็ดแรกบนเสื อผ้า ในแววตาสดใสของนาง


วูบไหวไปด้วยประกายแวววาว ท่าทางเขินอาย ล่อลวงจิตใจของผูค้ น !

“ท่านอ๋ อง ข้ารู ้สึกร้อนยิงนัก......” นําเสี ยงยัวยวนฟังจนผูค้ นต้องสันไหว

สี หน้าของเย่อีเฉิ นยังคงเย็นชาเช่นเดิม เขามองไปทีใบหน้าเรี ยวเล็กทีแดงกําและกําลังยัวยวนผูค้ นของนาง แววตา


วูบไหวไปด้วยความเหยียดหยามอย่างไม่นึกปิ ดบัง
เหยียดหยาม ! เย่อีเฉิ นกําลังดูถกู นาง !

แววตาของซ่ งชิงเหยียนลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ ใช่สิ เขาเป็ นท่านอ๋ องเทพสงครามผูส้ ู งส่ ง แน่ นอนว่าเขาต้องมี


สิ ทธิทีจะดูถูกนาง แต่แล้วอย่างไรเล่า ? นางก็เป็ นถึงคุณหนูแห่งจวนอู่อนั โหว เพียงแค่นางกับเขาทําเรื องนัน
เสร็ จสิ น อย่างน้อยทีสุ ดเขาก็ตอ้ งมอบตําแหน่งพระชายารองให้นาง !

สิ งทีนางต้องการคือตําแหน่ งชายารอง ต้องการให้เย่อเฉิ ่หรง


ี นกลายเป็ นทีพึงพาของนาง เพือทีจะได้สงสอนมู

เสวียให้เข็ดหลาบ ไม่ว่าจะทําเช่นไรนางยอมเสี ยงทังหมด !

ซ่งชิงเหยียนกัดฟันกรอดปลดสายรัดเอวของตัวเองออก แกะกระดุมบนกระโปรงออกอย่างรวดเร็ ว ชุดสี แดง


ไหลลู่ไปตามแขนร่ วงลงบนพืน เผยให้เห็นผิวขาวนวลเนี ยน กระดูกไหปลาร้าได้รูป รวมถึงเอียมสวยสี ชมพูที
ปักด้วยลายมัจฉา

สี หน้าของเย่อีเฉิ นค่อย ๆ มืดครึ มลง แววตาเปล่งประกายวูบไหวอย่างไม่รู้ว่ากําลังคิดสิ งใดอยู่

เมือมองในมุมของซ่ งชิงเหยียน เหมือนเขากําลังหลงใหลในเรื อนร่ างงดงามของนาง เลยจ้องมองนางอย่างไม่นึก


ปิ ดบัง แววตาของนางเจือปนไปด้วยรอยยิมได้ใจ นางค่อย ๆ ก้าวทีละก้าว เดินเข้าไปหาเย่อีเฉิ นอย่างช้า ๆ
นําเสี ยงไพเราะค่อย ๆ ดังขึน “ท่านอ๋ อง ท่านมิใช่กาํ ลังทรมานมากขึนเรื อย ๆ หรอกหรื อ มิตอ้ งกังวลไป ข้าจะ
ช่วยท่านเอง !”

เย่อีเฉิ นปิ ดเปลือกตาลงไม่กล่าววาจาใด !


แววตาได้ใจของซ่ งชิงเหยียนยิงเข้มมากขึน มือเรี ยวเล็กบอบบางยืนออกไปลูบไล้เสื อตรงหน้าอกของเขา......

“ไสหัวไป !” เย่อีเฉิ นยกเท้าถีบไปทีหน้าอกของนางเข้าอย่างแรง !

ซ่งชิงเหยียนทีไม่ทนั ระวังถูกเตะออกไปไกลห้าหกเมตร เสี ยงดังตูม้ ดังขึน นางตกลงไปในบ่อนําทันที กรี ดร้อง


เสี ยงดังลันทะลุกอ้ นเมฆ “อ้า !”

เหล่าบรรดาทหาร สาวใช้ บ่าวไพร่ ทีอยูใ่ กล้ ๆ ต่างตกใจ พากันกรู เข้ามาอย่างเร่ งรี บ มู่หรงเจียนกับอดีตจิงอ๋ องที
กําลังลําลึกอดีตก็กา้ วยาว ๆ เข้ามาเช่นกัน

เมือเห็นซ่ งชิงเหยียนดินรนอยูใ่ นบ่อนํา เดียวผลุบเดียวโผล่ ร้องขอความช่วยเหลืออย่างอย่างร้อนรน “ช่วยด้วย


......ช่วยข้าด้วย......”

เย่อีเฉิ นทียืนอยูด่ า้ นข้างของบ่อนํา กลับยืนดูนางอย่างเย็นชา !

“ชิงเหยียน !” อยู่ ๆ ในใจของมู่หรงเจียนก็รู้สึกถึงรางสังหรณ์ไม่ดีนกั ร้องเรี ยกขึนด้วยความตกใจ พลางกระโดด


ลงไปในบ่อนําช่วยเอาซ่ งชิงเหยียนขึนมา
เมือเห็นผมทีม้วนเป็ นมวยของนางหลุดลุ่ย เปี ยกปอนไปทัวทังร่ าง เอียมสี ชมพูกบั ชุดส่ วนในสี ขาวลู่ติดไปกับ
ร่ างกาย เผยให้เห็นผิวขาวหิ มะเรี ยบเนี ยนอยูช่ ่วงใหญ่ สถานการณ์ช่างดูล่อแหลมมาก......

มู่หรงเจียนเร่ งรี บถอดชุดนอกออกคลุมไปบนร่ างของนาง แล้วเขย่าเบา ๆ “ชิงเหยียนเจ้าเป็ นอย่างไรบ้าง ? ชิงเห


ยียน ?”

“แค่ก แค่ก !” ซ่ งชิงเหยียนไอหนัก ๆ ออกมาเสี ยหลายครัง สําลักนําออกมาทีละอึกสองอึก !

มู่หรงเจียนตืนตระหนก “ใครก็ได้ รี บเชิญหมอ เชิญท่านหมอที !”

“ไม่ตอ้ งเชิญหมอหรอก นางไม่ตายแน่นอน !” นําเสี ยงเย็นชาลอยเข้าหู ร่ างกายของมู่หรงเจียนกระตุก ค่อย ๆ เงย


หน้าขึนมองไป ก็สบตาเข้ากับแววตาเย็นยะเยือกของเย่อีเฉิ น......

You might also like