You are on page 1of 2926

ตอนที 1 จากพระชายาเอกสู่ พระชายารอง (1)

ระหว่างทีสะลึมสะลืออยูน่ นั มู่หรงเสวียก็รู้สึกเจ็บแปลบในอก ทุกลมหายใจเหมือนกับมีเข็มนับพันเล่มทิมแทง


เข้าทีหัวใจ เจ็บถึงขนาดทีคิวขมวดเป็ นปม เปลือกตาทีหนักอึงค่อยๆเปิ ดออก แต่ทว่าภาพตรงหน้ากลับทําให้นาง
ต้องตกตะลึง

โต๊ะหยกขาว เก้าอีไม้แดง เสาคําสี ทอง ตังหยกบุแพรต่วน ท้องพระโรงสี ทองตระการตา ด้านในวางไว้ดว้ ย


กระถางธูปลวดลายโบราณ ปะการังแดงสองต้นริ มหน้าต่างยิงมีคา่ เหนือสิ งอืนใด กอปรกับมุกราตรี กระจ่าง
ประดับบนฝาผนังอย่างวิจิตรบรรจง แต่ละเม็ดงดงามจนไม่อาจจะละสายตาออกได้

มู่หรงเสวียคิดไม่ตก การตกแต่งของทีนีทังโบราณทังหรู หราตระการตา แม้แต่ทอ้ งพระโรงของพระราชวัง


ต้องห้ามทีปั กกิงก็ยงั เทียบไม่ติด

“ฝ่ าบาท กระหม่อมขอประทานอนุ ญาต ขอทรงอนุ ญาตให้องค์หญิงยวีเยียนดํารงตําแหน่งพระชายาเอก และให้มู่


หรงเสวียดํารงตําแหน่ งพระชายารอง......”

เสี ยงเย็นชาของผูช้ ายคนหนึงลอยเข้าหู ทําลายความงามของฉากตระการตาตรงหน้า มู่หรงเสวียหันไปตามเสี ยง


นัน กลางท้องพระโรงปรากฏชายหนุ่ มในชุดขุนนางจีนสี ม่วง ผมสี ดาํ เงารวบสู งด้วยหมวกขุนนางสี ม่วง รู ปหน้า
หล่อเหลาหาใครเปรี ยบ ทว่าดวงตากลับเย็นชาแข็งกร้าว
ทันใดนันเองมู่หรงเสวียก็รู้สึกเจ็บแปลบเหมือนกับมีบางสิ งกําลังระเบิดอยูใ่ นหัว ความทรงจําแปลกปลอมไหล
ทะลักรวมเข้ากับความทรงจําเดิมทีมีอยู่ นางไม่อยากจะยอมรับ แต่กต็ อ้ งยอมรับว่าตอนนี วิญญาณของนางได้เข้า
มาอยูใ่ นร่ างของหญิงสาวแปลกหน้าผูน้ ี เสี ยแล้ว
เจ้าของร่ างเดิมชือมู่หรงเสวียบุตรสาวสายตรงของจวนเจินกัวโหวซึ งเป็ นจวนขุนนางศักดินาขันสอง ตัวนางได้
หมันหมายกับจิงอ๋ องตังแต่ยงั เล็ก สามปี ก่อนจิงอ๋ องนําทัพไปปราบศัตรู ทีชายแดน ปล่อยให้มู่หรงเสวียรอคอยอยู่
ทีเมืองหลวงอย่างโดดเดียวอ้างว้าง

ไม่ง่ายเลยในการรอว่าทีพระสวามีกลับราชสํานัก แต่นางกลับคาดไม่ถึงว่า หลังจากเสร็ จศึกแล้วเขากลับพาองค์


หญิงแคว้นม่อเป่ ยยวีเยียนกลับมาด้วย ทังยังขอตําแหน่งพระชายาเอกจากฝ่ าบาทให้ยวีเยียน ต่อหน้าขุนนางน้อย
ใหญ่ แต่ว่าทีคู่หมันอย่างนางเขากลับให้เป็ นแค่ชายารองเท่านัน เจ้าของร่ างเดิมไม่ทนั ตังตัว ด้วยความโกรธและ
ตกใจทําให้โรคเก่ากําเริ บ และตายไปอย่างน่ าเสี ยดาย

เพือฐานะพระชายาเอกของฉิ นยวีเยียน เย่อีเฉิ น(จิงอ๋ อง)ถึงกับใช้ความดีความชอบในการศึกขอฝ่ าบาท


พระราชทานสมรส แต่ม่หู รงเสวียผิดอะไร นางเพียงเคารพในคําสังของบิดามารดาทีให้หมันกับเย่อเฉิ
ี น ไม่เคย
คุยกับพระคู่หมันเลยสักครัง แต่กลับถูกเขาลดขันลงเป็ นเพียงพระชายารองทีตําต้อย เกียรติของชนชันสู งเช่นนาง
ถูกเขาทําลายอย่างไร้เยือใย

แววตาของมู่หรงเสวียกลายเป็ นอํามหิ ตอยูว่ บู หนึง นางไม่แยแสกับสายตาทีแสดงความเห็นใจ สงสาร เยาะเย้ยดู


ถูก สนุกบนความทุกข์ของนางจากหมู่ชนชันสู ง นางเพียงค่อยๆเงยหน้าขึนมองไปทางเย่อีเฉิ น “ข้ากับท่านอ๋ อง
เราสองนันหมันหมายกันอยูก่ ่อนแล้ว องค์หญิงยวีเยียนแต่งเข้ามาทีหลังข้า แต่ท่านอ๋ องให้ขา้ เป็ นรอง ไม่คดิ ว่า
เกินไปหน่ อยหรื อเพคะ?”
สายตาตกตะลึงและคาดไม่ถึงของฝูงชนมองไปยังมู่หรงเสวีย เย่อเฉิ
ี นเป็ นถึงท่านอ๋ องเทพสงครามทีมีความดี
านักยังต้องให้เกียรติเขาอยูเ่ สี ยสามส่ วน มู่หรงเสวียก็แค่ท่าน
ความชอบในการศึกมากมาย ขุนนางบุ๋นบู๊ทงราชสํ

หญิงอ่อนแอขีโรคผูห้ นึง ถึงกับกล้าติเตียนท่านอ๋ องอย่างไม่ไว้หน้า ช่างบังอาจยิงนัก

บนบัลลังก์มงั กรทอง ฮ่องเต้วยั กลางคนก็ทรงทอดพระเนตรไปยังมู่หรงเสวียเช่นกัน ภายใต้การปกปิ ดของม่าน


ปัดหยกขาวปรากฏสายตาคมและทรงอํานาจ

มู่หรงเสวียทําเป็ นมองไม่เห็นสายตาจากฝูงชน เพียงแต่จอ้ งมองเย่อีเฉิ นอย่างเย็นชา

“ยวีเยียนเป็ นองค์หญิงทีฮ่องเต้แคว้นม่อเป่ ยทรงโปรดปรานทีสุ ด ถ้าให้นางเป็ นเพียงพระชายารอง จะถือเป็ นการ


หลู่เกียรติของม่อเป่ ย ชิงเหยียนและม่อเป่ ยสองแคว้นอาจเกิดสงครามขึนอีกครัง” เย่อีเฉิ นตอบกลับอย่างเย็นชา
แม้แต่หน้าของนางเขายังไม่หันมามอง ท่าทางของเขาแสดงถึงความรําคาญและไม่แยแส

มู่หรงเสวียก็ไม่แยแสกับท่าทางของเขาเช่นกัน ตอบกลับด้วยนําเสี ยงเย็นราบเรี ยบ “แคว้นชิงเหยียนของเรามี


อํานาจยิงใหญ่ แสงยานุ ภาพทางการทหารก็เข้มแข็ง ถ้าม่อเป่ ยกล้ารุ กราน เพียงส่ งทหารไปทําลายก็สินเรื อง
ทําไมท่านอ๋ องถึงต้องเกรงกลัวด้วยเพคะ?”

“ข้ามิได้เกรงกลัวการรบ ข้าแค่ไม่อยากให้ทหารชายแดนต้องตายโดยเปล่าประโยชน์” เย่อีเฉิ นหันกายมองมู่หรง


เสวียด้วยหางตาทีเย็นชาของผูเ้ ป็ นใหญ่ “สองแคว้นเกียวดองกันสามารถแก้ปัญหาสงครามได้ ทําไมยังต้อง
เสี ยสละทหารด้วยการทําสงครามทีโหดร้ายด้วยเล่า?”

ทหารม่อเป่ ยนันโหดเ**◌้ยม ป่ าเถือน ทางนันไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆอย่างแน่ นอน ทีพวกมันยอมตกลงทําสัญญา


สงบศึกเช่นนี สองในสามต้องมาจากการสู ญเสี ยเสบียงและไพร่ พลในการทําศึกตลอดสามปี ทีผ่านมา จึงจําต้อง
ทําสัญญาสงบศึกเพือฟื นฟูเสบียงและกําลังรบ ถึงฉิ นยวีเยียนจะได้เป็ นแค่พระชายารอง พวกมันก็ทาํ ได้แค่โกรธ
แค้นเท่านัน แต่ไม่ถึงกับยกทัพกดดันชายแดนแน่นอน

เย่อีเฉิ นทําสงครามกับม่อเป่ ยมาสามปี ต้องรู้แจ้งถึงสภาพปั จจุบนั ของม่อเป่ ยเป็ นอย่างดี แต่เขากลับใช้สัญญา


สงบศึกมาเป็ นข้ออ้างในการลดขันข้า ทังทีไม่จาํ เป็ น ไม่ใช่ว่าเขาชอบฉิ นยวีเยียนจริ งๆหรอกหรื อ? นีหรื อว่าเขา
อยากแต่งนางเป็ นพระชายาเอกจริ งๆ

มู่หรงเสวียแอบยิมเยาะทีมุมปาก มองเย่อีเฉิ นด้วยดวงตาทีเย็นชา “ราชวงศ์มีองค์ชายมากมาย บัณฑิตหนุ่มชน


ชันสูงในเมืองหลวงก็มากมายเช่นกัน องค์หญิงยวีเหยียนแต่งกับใครสักคนในนี ก็ได้ ทําไมจะต้องแต่งกับท่าน
อ๋ องทีมีพนั ธะแล้วด้วยล่ะเพคะ?”

เย่อีเฉิ นหลู่เกียรติของมู่หรงเสวียโดยการลดขันให้นางเป็ นเพียงพระชายารองทีเสื อมเกียรติท่ามกลางผูค้ น


มากมายกลางท้องพระโรง ไม่เห็นว่าทีคู่หมันอย่างนางอยูใ่ นสายตา เจ้าของร่ างเดิมถูกเย่อีเฉิ นทําให้โกรธจนตาย
นางผูซ้ ึ งเป็ นถึงบุตรสาวสายตรงของตระกูลชันสู งทีดํารงมากว่าร้อยปี ไม่สามารถทนให้ใครมาหยามเกียรติเช่นนี
ได้

“ตอนสองแคว้นสงบศึก ฮ่องเต้ม่อเป่ ยขอให้ขา้ ดูแลองค์หญิงยวีเยียน ซึ งข้าก็ได้รับปากไปแล้ว” เย่อีเฉิ นตอบ


อย่างเฉยชา

ข้อตกลงเล็กน้อยเยียงนีสามารถแลกกับความสงบสุ ข 20 ปี ของชิงเหยียนและม่อเป่ ย ไม่วา่ จะคิดอย่างไรก็ถือว่า


เหมาะสมและคุม้ ค่า เพือแคว้นชิงเหยียนเย่อีเฉิ นยอมยกให้ฉินยวีเยียนเป็ นพระชายาเอก ให้ม่หู รงเสวียเป็ นเพียง
พระชายารองเสี ยไม่ได้ ถ้าหากนางยังว่ากล่าวเย่อีเฉิ นอยูเ่ ช่นนี มันจะเป็ นการเห็นแก่ตวั และเป็ นการไม่รู้จกั
กาลเทศะจนเกินไป

เขาสวนกลับมาแค่ไม่กีคําก็หลุดพ้นจากการคําว่ากล่าวของนางได้แล้ว เล่ห์เหลียมของเย่อีเฉิ นนับว่าไม่เลวนัก


ยากทีจะคาดเดาความคิดได้ ฉายาเทพสงครามนันเป็ นของจริ ง แต่นางมู่หรงเสวียก็ไม่ใช่ลกู แกะอ่อนแอทียอมให้
ใครมารังแกได้เช่นกัน “ถ้าเช่นนัน จิงอ๋ องกับองค์หญิงยวีเยียนต้องแต่งงานกันเท่านัน ไม่สามารถแก้ไขอืนใดได้
อีกใช่ไหมเพคะ?”

เมือสบเข้ากับดวงตาทีเย็นชาดังทะเลลึกของของมู่หรงเสวีย เย่อีเฉิ นรู ้สึกถึงเค้าลางว่าเหตุการณ์ทีคาดไม่ถึงกําลัง


จะเกิดขึน เขาขมวดคิวเป็ นปม ได้แต่ตอบรับอย่างเย็นชา “แน่นอน”

“ถ้าเป็ นเช่นนัน หม่อมฉันขอถอนหมันกับจิงอ๋ องเพคะ”

เพียงแค่คาํ ขอหลุดออกจากปาก เสี ยงซุบซิ บกระจายไปทัวท้องพระโรง เป็ นไปไม่ได้ มู่หรงเสวียขอถอนหมันกับ


เทพสงครามผูท้ ีมีอนาคตอันรุ่ งโรจน์และประสบความสําเร็ จในการศึกมากมาย นางคงไม่ได้ป่วยจนสมองเสื อม
หรอกนะ ถึงแม้วา่ ชายหนุ่ มในแคว้นชิงเหยียนจะมีไม่นอ้ ย แต่คนทีสมบูรณ์แบบเหมือนเย่อีเฉิ นนันหาไม่มีอีก
แล้ว ถึงจะแต่งเข้าเป็ นเอกในตระกูลอืนก็ไม่สามารถเทียบได้กบั เป็ นพระชายารองของจิงอ๋ องแน่นอน

แววตาของเย่อีเฉิ นปรากฏความแปลกใจอย่างคาดไม่ถึง ตอนทีเขาตัดสิ นใจจะทูลขอพระราชทานสมรสจากองค์


ฮ่องเต้กเ็ คยคาดการณ์ถึงปฏิกิริยาของมู่หรงเสวียไว้บา้ งแล้ว และได้เตรี ยมแผนการรองรับไว้ต่างๆนาๆ แต่กลับ
คาดไม่ถึงว่านางถึงกับขอถอนหมันเช่นนี เขาจึงตอบกลับด้วยนําเสี ยงเย็นชา “ไม่ได้”
“ทําไมไม่ได้เพคะ?” มู่หรงเสวียถามกลับเสี ยงเย็น

เย่อีเฉิ นตอบด้วยท่าทีเคร่ งขรึ มว่า “ถ้าถอนหมัน ชือเสี ยงของเจ้าจะเสี ยหาย......”

“ต่อหน้าผูค้ นมากมาย จิงอ๋ องท่านลดชันข้าเป็ นเพียงพระชายารอง ทําให้ขา้ กลายเป็ นตัวตลกของเมืองหลวง


ชือเสี ยงของข้าเสี ยหายจนไม่เหลือแล้วเพคะ” มู่หรงเสวียพูดแทรกจิงอ๋ องขึนทันควัน

“เจ้ากําลังกล่าวโทษข้า” เย่อีเฉิ นมองมู่หรงเสวีย ดวงตาแฝงไปด้วยความอันตราย

“มิกล้าเพคะ ข้าเพียงขอถอนหมันกับท่านจิงอ๋ อง ต่อจากนี ไปท่านจะแต่งกับผูใ้ ดหรื อข้าจะแต่งกับผูใ้ ดก็ไม่


เกียวข้องกันอีก” มู่หรงเสวียพูดตอบด้วยนําเสี ยงเรี ยบนิงเฉยชา
ตอนที 2 จากพระชายาเอกสู่ พระชายารอง (2)
เย่อีเฉิ นสี หน้าเรี ยบเฉย หลับตาตอบอย่างอดกลัน “เจ้าป่ วยเรื อรังมานานปี แถมร่ างกายยังอ่อนแอ ถอนหมันไป
แล้วก็คงแต่งเข้าตระกูลทีดีกว่านีไม่ได้ เจ้ากับข้ามีการหมันหมายกันมาก่อน อีกทังยังรอข้ามาตังหลายปี ข้าให้
สัญญาว่าจะดูแลเจ้าเป็ นอย่างดี แต่งเข้าวังจิงอ๋ อง เจ้าจะเป็ นพระชายารองอันดับหนึง ศักดิฐานะตํากว่าพระชายา
เอกแค่เพียงผูเ้ ดียว......”

“ถึงจะมีศกั ดิฐานะเป็ นพระชายารองก็เป็ นได้เพียงบ้านรองเพคะ ข้าบุตรสาวสายตรงจวนเจินกัวโหว แต่งได้


เลวร้ายเพียงใดก็จะมิยอมเป็ นบ้านรองให้ผใู ้ ด” มู่หรงเสวียปฏิเสธเสี ยงแข็ง แววตาซ่ อนประกายความโกรธเคือง
นางพูดชัดเจนขนาดนี เย่อีเฉิ นยังจะต้องการให้นางเป็ นพระชายารองอีกหรื อ? เขาฟังไม่เข้าใจความหมายทีข้า
ต้องการจะสื อหรื อแกล้งโง่กนั แน่ ?

เย่อีเฉิ นวีรบุรุษผูช้ าญฉลาด ผลการศึกอันโด่ดเด่น ในมือมีอาํ นาจทางทหารแถมฮ่องเต้ยงั ให้ความสําคัญอยูห่ ลาย


ส่ วน ถึงแม้จะมีหญิงสาวในเมืองหลวงมากมายทีสามารถละทิงฐานะเมียเอกยอมลงเป็ นบ้านรอง แต่แน่ นอนว่า
นางมู่หรงเสวียไม่ใช่หนึ งในนันแน่

นําเสี ยงเย็นชาทะลุสู่ ขวหั


ั วใจ เย่อีเฉิ นร่ างกายกระตุกเล็กน้อย ย่นคิวมองมู่หรงเสวีย นางแต่งกายด้วยชุดโปร่ งสี
ชมพู กระโปรงยาวคลุมถึงพืน ส่ วนเว้าส่ วนโค้งพอประมาณ ผมยาวดําขลับม้วนสู งด้วยปิ นสลักลายใบลวีเสวีย
เผยให้เห็นหน้าผากเนียน ดวงหน้าขาวซี ดเล็กน้อย แววตาเปล่งประกายดังดวงดาวยามราตรี ให้ความรู ้สึกเย็นชา
แต่แข็งกร้าว

สามปี ทีห่ างหายไป ในความทรงจํามีเพียงหญิงสาวผูอ้ ่อนแอ เด็กสาวทีแค่ตอ้ งลมก็ลม้ ป่ วย บัดนีกลายเป็ นคุณหนู


ผูส้ ง่างาม นิสัยอบอุ่นน่ ารักกลายเป็ นเย็นชา แววตาแข็งกร้าวเฉยชา นางทีเป็ นเช่นนี สู งส่ งเย็นชา เรี ยบง่ายสง่า
งาม เหมือนดังดอกเหมยแดงยามฤดูหนาว ค่อยค่อยเบ่งบานความงามของตัวเองออกมา ไม่ทนั ได้ตงตั
ั วก็ดึงดูด
ให้ผคู ้ นหลงใหล

คําขอถอนหมันของนาง คงเป็ นความต้องการของนางจริ ง ๆ ไม่ใช่เพียงมารยาเรี ยกร้องให้เขาสนใจ

ความดือดึงของนางทําให้เรื องราวดําเนินไปในทิศทางตรงกันข้ามกับทีเขาคาดการณ์ไว้ หลุดจากการควบคุมของ


เขาโดยสิ นเชิง ซึ งเขาไม่ชอบความรู ้สึกเช่นนีเอาเสี ยเลย

แววตาของเย่อีเฉิ นหม่นแสงลง ผินมองมู่หรงเสวีย “การหมันหมายของเจ้ากับข้าเป็ นการตกลงกันระหว่างผูใ้ หญ่


ทังสองฝ่ าย ยากทีจะแก้ไข”

“แต่ตามทีผูใ้ หญ่หมันหมายไว้ คือให้ขา้ แต่งเป็ นพระชายาเอกของจิงอ๋ องนะเพคะ มิใช้ให้เป็ นบ้านรองของจิง


อ๋ อง ท่านอ๋ องลดให้ขา้ เป็ นพระชายารอง ก็ถือเป็ นการขัดต่อสิ งทีผูใ้ หญ่ของทังสองฝ่ ายตกลงไว้” เย่อีเฉิ นทําลาย
การหมันหมายต่อหน้าขุนนางน้อยใหญ่ แล้วยังกล้ากล่าวหาว่านางไม่เคารพคําสังของพ่อแม่ ช่างไร้ยางอายยิงนัก
แต่งให้กบั คนพรรค์นี ไม่ตอ้ งกล่าวถึงพระชายารองหรอก ถึงให้เป็ นพระชายาเอก นางยังไม่ตอ้ งการเลย

เย่อีเฉิ นมีแววตาครุ่ นคิด “เจ้ากําลังกล่าวโทษข้า”

คนไร้จิตใจผูน้ ี เขากําลังทําให้นางเสี ยเวลา ตอนนี นางยิงต้องการตัดขาดกับเขาโดยเร็ วทีสุ ด ไม่ขอยุง่ เกียวกันอีก


“จิงอ๋ องท่านแต่งกับองค์หญิงม่อเป่ ย ก็เพือประชาชนชาวชิงเหยียน ทําไมข้าต้องกล่าวโทษท่านด้วย ข้าเป็ นคนขอ
ถอนหมัน เพียงเพืออยากทําให้ความปรารถนาของท่านอ๋ องและองค์หญิงเป็ นจริ ง หวังเพียงให้ชิงเหยียนและ
ม่อเป่ ยสองแคว้นมีแต่ความสงบสุ ข ไม่ถูกต้องหรื อเพคะ? หรื อว่าแค่องค์หญิงยวีเยียน ท่านก็รู้สึกไม่เพียงพอ ยัง
ต้องการให้ขา้ แต่งเป็ นบ้านรอง เสวยสุ ขมีครบทังเอกทังรอง”

ประโยคหลังๆมู่หรงเสวียเน้นนําเสี ยงเป็ นพิเศษ เย่อีเฉิ นสี หน้าเย็นชา แววตาเข้มขึน เรื องบ้านรองบ้านเอก เป็ น
เรื องไม่ยากสําหรับเขาทีจะเติมเต็ม แต่สาเหตุทีเขาต้องให้ม่หู รงเสวียแต่งเข้าเป็ นพระชายารองก็เพือ......

“คุณหนูม่หู รงอย่าโกรธไปเลย ทังหมดคือความผิดของข้าเอง......” นําเสี ยงนุ่มนวลอ่อนหวานของสตรี ดงั ขึนใน


ท้องพระโรง

มู่หรงเสวียเพียงมองไปก็ปรากฏสาวงามผูห้ นึงหลังโต๊ะหยกลําค่า ทรงผมเกล้าเป็ นมวยปั กด้วยปิ นแก้วลายผีเสื อ


ผมตรงลู่ลง เข้ากับชุดหญิงชันสู งของจีนโบราณดูสูงส่ งสง่างาม เอวคอดกิว ดวงหน้างามลําค่าควรเมืองทีเต็มไป
ด้วยความรู ้สึกขอโทษ “ข้ามิทราบว่าคุณหนูม่หู รงได้หมันหมายกับจิงอ๋ องมาก่อน แค่ขา้ มาถึงชิงเหยียนก็ทาํ ให้
พวกท่านต้องผิดใจกัน ข้าขออภัยจริ งๆ”

ความรักระหว่างฉิ นยวีเยียนกับเย่อเฉิ
ี นลึกซึ งเกินบรรยาย มีหรื อทีจิงอ๋ องจะมิบอกกล่าวถึงเรื องการหมันหมาย
ระหว่างนางกับเขา แถมยังมีการออกหน้าปกป้ องซึ งกันและกันอีก ชัดเจนว่านางต้องรู ้เรื องการหมันหมาย
ระหว่างข้ากับเย่อีเฉิ นแน่

ยิงไปกว่านัน ข้ากับเย่อีเฉิ นเถียงกันมาตังนาน ฉิ นยวีเยียนกลับไม่ยอมเปิ ดปากเสี ยตังแต่แรก แต่พอเย่อีเฉิ นเถียง


ไม่ออกกลับรี บออกตัวช่วยเขาแก้ต่าง
มู่หรงเสวียยิมเย็นในใจ ตอบด้วยท่าทางเฉยชา “องค์หญิงยวีเยียนกล่าวเกินไปแล้วเพคะ องค์หญิงเกียวดองกับชิง
เหยียนก็เพือความสงบสุ ขของชิงเหยียนและม่อเป่ ย ฉะนันองค์หญิงคู่ควรแล้วทีจะดํารงตําแหน่งพระชายาเอก
แห่ งวังจิงอ๋ อง ทังหมดนี ล้วนแล้วเพือปวงประชานับหมืนนับล้าน หาใช่เพือผลประโยชน์ส่วนตน หาได้มีเจตนา
ทําลายการหมันหมายของผูอ้ ืน ดังนันองค์หญิงมิจาํ เป็ นต้องขอโทษในเรื องนี หรอกเพคะ”

ฉิ นยวีเยียนมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ดวงตาส่ อแววลําบากใจ

มู่หรงเสวียทําเป็ นมองไม่เห็น พูดตอบว่า “ตัวข้านันเป็ นหญิง แถมร่ างกายยังอ่อนแอ ไม่สามารถออกแรง


ช่วยเหลือแคว้นไปได้มากกว่านี มีเพียงสิ งเดียวทีสามารถทําได้คือการถอนหมันกับจิงอ๋ อง เติมเต็มความ
ปรารถนาของจิงอ๋ องกับองค์หญิง ถือเป็ นการช่วยเหลือประชาชนของสองแคว้นในทางอ้อม การถอนหมันครังนี
ข้าทําด้วยความเต็มใจ ไม่มีผใู ้ ดบีบบังคับ องค์หญิงมิตอ้ งกล่าวโทษตัวเองหรอกเพคะ”

ฉิ นยวีเยียนยิมอ่อนตอบ “คุณหนูม่หู รงเป็ นคนมีคุณธรรมยิงใหญ่ ใจข้ารู ้สึกผิดยิงนัก ถ้าคุณหนูม่หู รงไม่ติดใจ


อะไร ข้าเต็มใจทีจะเป็ นพระชายารอง ยินดีให้คุณหนู ม่หู รงเป็ นพระชายาเอกแห่ งวังจิงอ๋ อง”

มู่หรงเสวียคิวกระตุก พวกเขาบังคับข้าไม่สาํ เร็ จ เลยประนี ประนอมให้ขา้ เป็ นพระชายาเอกแทน นี คงเป็ นเพียงแค่


ลมปาก หลังจากทีข้าเดินเข้าวังจิงอ๋ อง คนทีมีอาํ นาจเบ็ดเสร็ จไหนเลยจะมิใช่เย่อเฉิ
ี น เพียงปิ ดประตูวงั ใครจะไป
รู ้ว่านางจะถูกลดไปอยูข่ นไหน
ั พระชายารอง อนุ หรื อไม่กน็ างบําเรอ

ถ้าโหดร้ายกว่านันขึนมาหน่ อย ก็คงประทานยาบํารุ งผสมยาพิษให้นางกินจนป่ วยหนักและสิ นใจตายไปก็เป็ นได้


ข้าคงไม่โง่พอทีจะกระโดดเข้าถําหมาป่ า ทําลายตัวเองอย่างโง่งมหรอกนะ “องค์หญิงมีจิตใจดีงาม มู่หรงเสวีย
ซาบซึ งยิงนักเพคะ แต่ขา้ ก็มิอยากให้องค์หญิงต้องเสื อมเสี ยเกียรติ การถอนหมันของข้ากับจิงอ๋ อง ถือเป็ น
ทางออกทีดีทีสุ ดแล้วเพคะ”
“คุณหนูม่หู รง......”

มู่หรงเสวียโบกมือเป็ นเชิงตัดบทองค์หญิงฉิ นยวีเยียน จ้องเขม็งไปทางนาง “ระดับองค์หญิงม่อเป่ ย เป็ นไปได้


หรื อทีจะเป็ นรองให้ผอู ้ ืน? แม้ว่าองค์หญิงจะคิดว่ามิเป็ นไร แต่ฮ่องเต้แคว้นม่อเป่ ยจะยอมหรื อเพคะ? นอกจากนี
ยิงเป็ นไปไม่ได้เลยทีจิงอ๋ องจะยอมให้องค์หญิงได้รับความไม่ยตุ ิธรรม......”

“ท่านอ๋ องเป็ นคนจิตใจดี คุณหนูม่หู รงแต่งเข้ามา ต้องดูแลคุณหนูเป็ นอย่างดีแน่ ” ฉิ นยวีเยียนรี บอธิบายอย่างร้อน


รน แววตาเต็มไปด้วยความจริ งจัง

มู่หรงเสวียยิมเยาะในใจ พลางตอบเสี ยงเย็น “แต่ขา้ ก็มิอยากเข้าไปแทรกกลางระหว่างองค์หญิงกับจิงอ๋ อง


ขัดขวางการครองคู่ของท่านทังสอง ทังยังมิอยากโดนคําครหาของชาวบ้านชาวเมืองว่าไม่เจียมตน ขัดขวางการ
ครองคู่ของเทพเซี ยนทีสมบูรณ์แบบเช่นพวกท่าน ด้วยเหตุทงหมดนี
ั องค์หญิงมิตอ้ งพยายามหยุดยังการถอนหมัน
ระหว่างข้ากับจิงอ๋ องอีกแล้วเพคะ”

กล่าวจบ มู่หรงเสวียก็ยอ่ กายไปทางองค์ฮ่องเต้ ทูลเน้นพยางค์ต่อพยางค์ “หม่อมฉันขอฝ่ าบาททรงประทาน


อนุญาต โปรดให้การหมันหมายระหว่างหม่อมฉันกับจิงอ๋ องเป็ นโมฆะด้วยเถิดเพคะ”

เย็นชาและแข็งกร้าวคือความรู ้สึกในสิ งทีฝูงชนสัมผัสได้จากคําพูดของมู่หรงเสวีย แววตาของเหล่าขุนนางเต็ม


ไปด้วยความประหลาดใจ มู่หรงเสวียต้องการถอนหมันจริ งๆ หญิงสาวมากมายในเมืองหลวงของชิงเหยียนต่าง
ปราถนาในตัวท่านอ๋ องเทพสงคราม แต่นางคล้ายกับกําลังโยนสิ งของทีน่ารังเกียจสกปรกออกไปให้พน้ ตัว ผลัก
สิ งนันให้ฉินยวีเยียนอย่างไร้เยือใย เหมือนว่าไม่ตอ้ งการของน่ารังเกียจชินนี แล้ว

ฉิ นยวีเยียนร่ างกายแข็งทือ รอยยิมอับอายแข็งค้างอยูบ่ นใบหน้า

เย่อีเฉิ นดวงหน้าเรี ยบเฉย แววตาซ่ อนประกายประกายอํามหิ ต


ตอนที 3 จากพระชายาเอกสู่ พระชายารอง (3)
ฮ่องเต้มีสีหน้าครุ่ นคิด กวาดมองผ่านเย่อีเฉิ น หยุดสายตาลงทีมู่หรงเสวีย “การหมันหมายของเจ้ากับจิงอ๋ องเป็ น
การตกลงระหว่างผูใ้ หญ่ของทังสองฝ่ าย ไม่ใช่การพระราชทานสมรสจากข้า ถ้าข้ามีราชโองการยกเลิกการหมัน
มันจะเป็ นการผิดขนบธรรมเนียมประเพณี จนเกินไป พวกเจ้าควรให้ญาติผใู ้ หญ่ของทังสองฝ่ ายหารื อเรื องการ
ถอนหมันจะเป็ นหนทางทีเหมาะสมกว่า”

ชัดเจนว่าฮ่องเต้มิตอ้ งการแทรกแซงเรื องภายในบ้านของข้าราชบริ พาร

มู่หรงเสวียหรี ตาลง ข้ามีวิธีทีจะทําให้ผใู ้ หญ่ของจวนเจินกัวโฮวตกลงในการถอนหมัน แต่ผใู ้ หญ่สายตรงของจิง


อ๋ องอยูไ่ กลออกไปในเขตแดนศักดินาทีได้รับพระราชทาน ถ้าวังจิงอ๋ องจงใจปิ ดข่าวเรื องการถอนหมัน ไม่บอก
กล่าวให้ญาติผูใ้ หญ่เดินทางมาจัดการทีเมืองหลวง การถอนหมันครังนี ไม่รู้ว่าจะถูกยืดเวลาไปถึงเมือใดกัน

ฮ่องเต้ดูคล้ายจะทราบถึงความในใจของมู่หรงเสวีย ทรงตรัสเบาๆว่า “ข้าจะส่ งคนไปแจ้งเรื องการถอนหมันครัง


นีกับอดีตจิงอ๋ องให้เจ้า เรี ยกตัวเขากลับเข้าเมืองหลวงโดยเร็ วทีสุ ด”

“ขอบพระทัยเพคะฝ่ าบาท” มู่หรงเสวียค่อยเบาใจลง ฮ่องเต้ทรงเรี ยกตัวอดีตจิงอ๋ องด้วยองค์เองเช่นนี ถึงเย่อีเฉินมี


ความกล้าแค่ไหนก็คงมิกล้าทําการขัดขวางพระบัญชาจากฝ่ าบาท นางเพียงรออยูท่ ีเมืองหลวง เมืออดีตจิงอ๋ อง
เดินทางมาถึงก็จะสามารถหารื อเรื องการถอนหมันได้แล้ว

“เลิกงานเลียงได้” ฮ่องเต้ทรงกวาดตามองเหล่าขุนนางแล้วกล่าวขึน ทรงลุกขึนจากบัลลังก์มงั กร แล้วเสด็จออก


จากท้องพระโรง
“ส่ งเสด็จฝ่ าบาท” เหล่าขุนนางและเหล่าชนชันสู งน้อยใหญ่ต่างคุกเข่าลงส่ งเสด็จ

เมือฮ่องเต้เสด็จออกจากท้องพระโรงจนลับสายตา มู่หรงเสวียก็ค่อยๆลุกขึนเดินออกจากท้องพระโรงท่ามกลาง
สายตาของเหล่าชนชันสู ง ไม่แม้แต่มองหน้าของเย่อีเฉิ นเลยสักนิ ด

ี นก็ละสายตาและหลับตาลง ไม่ได้เจอกันสามปี มู่หรงเสวียมิใช่หญิงสาวคน


มองตามร่ างบางทีเดินลับไป เย่อเฉิ
เดิมทีขีโรค ขีอายและเข้าหาพูดคุยกับเขาอย่างระมัดระวังอีกต่อไปแล้ว

“ท่านอ๋ อง ท่านห้ามถอนหมันกับมู่หรงเสวียเด็ดขาดนะพ่ะย่ะค่ะ” กุนซื อประจําจิงอ๋ องสวีเทียนโย่วรี บเดินมา


ประกบด้านข้างของจิงอ๋ อง กระซิ บเตือนเบาๆ แววตาของทังคู่ฉายแววเข้าใจความนัยทีซ่อนเอาไว้ถึงสาเหตุที
แท้จริ งทีจําต้องรับมู่หรงเสวียเข้าวังอ๋ อง

“ข้ารู ้” เย่อีเฉิ นละสายตา แววตาลําลึกเหลือคณา “เจ้ากลับวัง สังบ่าวไพร่ ให้ไปส่ งของหมันหมายทีจวนเจินกัว


โฮว ภายในสามวันข้าจะรับมู่หรงเสวียเข้าเป็ นพระชายารองวังจิงอ๋ องให้ได้”

“พ่ะย่ะค่ะ” สวีเทียนโย่วพยักหน้า เดินออกจากท้องพระโรง


เย่อีเฉิ นผินมองไปทิศทางทีมู่หรงเสวียเดินจากไปอีกครัง แววตาลําลึก ข้าจิงอ๋ องผูม้ ีอาํ นาจทางทหารอยูใ่ นกํามือ
กับมู่หรงเสวียผูท้ ีขีโรค ไร้ความสามารถโดดเด่น ให้นางเป็ นพระชายารองแห่ งจิงอ๋ อง นับเป็ นการยกศักดิยก
ฐานะให้แก่นาง ส่ วนฐานะพระชายาเอกเขาได้ยกให้กบั ยวีเยียนไปแล้ว มู่หรงเสวียอย่าหวังจะได้มนั ไป

มู่หรงเสวียทีไม่รู้ความคิดในใจของเย่อเฉิ
ี น หลังออกจากพระราชวังก็เดินตามการนําทางของนางกํานัลไปทีรถ
ม้ากลับจวนเจินกัวโฮว

รถม้าใช้ไม้หอมเป็ นส่ วนประกอบ ด้านในประกอบด้วยหี บผ้า โต๊ะหยก ชุดนําชา กระดานหมาก และชันหนังสื อ


ครบครัน เหมือนดังห้องนังเล่นย่อมๆห้องหนึง เครื องเขียนบนโต๊ะล้วนแล้วแต่เป็ นของชันดี กระถางธูปถูกจุด
ด้วยกํายานกล้วยไม้มีชือ มองความหรู หราแต่คงความเรี ยบง่ายตรงหน้า มู่หรงเสวียกลับมีสีหน้าทีเคร่ งขรึ มลง

นางจําได้ดีว่า นางรับคําเชิญไปเป็ นเพือนเจ้าสาวให้หนิงชิงชิงทีฮาวาย ไม่คิดเลยว่าเมือนังเครื องไปได้แค่ครึ งทาง


ก็ประสบกับพายุฝนทีโหมกระหนํา แม้แต่กปั ตันทีมีประสบการณ์กไ็ ม่สามารถทีจะบังคับเครื องให้หลบแนวพายุ
ได้ เครื องบินรุ่ นใหม่ถูกพายุฉีกกระชากออกเป็ นชินๆ ยิงไม่ตอ้ งพูดถึงร่ างกายของนาง คงเละจนไม่เหลือแม้แต่
เศษเสี ยว

หลังจากนันก็มีแต่ความมืดมิดทีปกคลุมรอบด้าน นางคิดเพียงว่าตัวเองต้องตายอย่างไม่มีขอ้ สงสัย คิดไม่ถึงว่า


เมือพอลืมตาขึนมากลับมีชีวิตอีกครังหนึง แถมยังเกิดมาในโลกยุคโบราณ นับว่าเหนื อความคาดหมายของนางยิง
นัก......
“หื ม? นันมิใช่บ่าวชายซวงสี หรอกหรื อ?” เสี ยงกระซิ บกระซาบบางเบาของเด็กสาวดังเข้าหู มู่หรงเสวียเหล่มอง
ปรากฏเด็กหนุ่ มอายุประมาณสิ บสี สิ บห้าปี ยืนอยูห่ น้าประตูใหญ่ของอาคารหลังหนึง ดวงหน้าเศร้าสร้อย ใช่ซวง
สี แน่นอน

มู่หรงเสวียดวงตาวูบไหว สังเสี ยงเบา “หยุดรถ” เมือรอจนรถม้าหยุดสนิ ท นางก็ยนมื


ื อไปจับมือของสาวใช้หงซิ ว
เพือลงจากรถม้า ค่อยๆเดินไปทางชายหนุ่ ม

เมือรู ้สึกว่ามีคนเข้ามาใกล้ เด็กหนุ่ มค่อยๆหมุนตัว พอดีสบเข้ากับดวงหน้าของมู่หรงเสวีย ดวงตาก็พลันเบิกกว้าง


พูดตะกุกตะกัก “คุณ......คุณหนูใหญ่” ทําไมนางมาอยูท่ ีนี ได้?

มู่หรงเสวียตอบรับในลําคอเบาๆ พลางพูดถาม “คุณชายใหญ่อยูด่ า้ นในรึ ?” ซวงสี เป็ นบ่าวประจําตัวของมู่หรงเย่


พีชายฝาแฝดของนาง ถ้าซวงสี อยูท่ ีนี มู่หรงเย่ก็ตอ้ งอยูท่ ีนี แน่นอน

“แหะๆ......” เสี ยงหัวเราะไม่เป็ นธรรมชาติของซวงสี แววตาสันไหว “เอ่อ......คือ......”

เห็นท่าทางพูดไม่ออกของเขา มู่หรงเสวียก็ขมวดคิว เดินผ่านเขาเข้าไปด้านในอาคาร ในความทรงจําของร่ างเดิม


มู่หรงเย่เป็ นคนไม่เอาไหน เอาแต่เทียวเล่นจนลืมเวลา ดึกดืนไม่กลับบ้านถือเป็ นเรื องปกติธรรมดา ในหนึ งเดือน
นอนนอกบ้านอยูย่ สิี บกว่าวัน วันนีบังเอิญได้เจอ แน่ นอนว่าต้องพบหน้าพูดคุยกันเสี ยหน่อย
พอเข้ามาด้านใน ก็ปรากฏลานประลองกว้างขวาง ด้านข้างวางกรงเหล็กไว้สิบกว่ากรง ด้านในกรงมีทงสุ
ั นัขขน
ดํา ขาว และเทา ตรงกลางลานกว้างล้อมด้วยรัวสี แดงเป็ นวงกลมประมาณยีสิ บตารางเมตร มีสุนัขขนดํากับขน
เทากําลังต่อสู้กนั อย่างดุเดือด

บนตัวของพวกมันเต็มไปด้วยรอยแผล เลือดสี แดงสดสาดกระเซ็นไปทัว แต่เหมือนพวกมันจะไม่รู้สึกถึงความ


เจ็บปวด ยังคงต่อสู้กนั อย่างดุเดือด

ด้านนอกรัวปรากฏชายหนุ่ มในชุดจีนโบราณสี ดาํ จ้องเขม็งไปยังการต่อสู ้ตรงหน้า พลางส่ งเสี ยงเชียร์ อย่าง


ตืนเต้น “กัดเข้าไป กัดเข้าไป กัดเข้าไปอีก......ขุนพลดํา กัดมันให้ตาย กัดมันให้ตาย......”

“กรรจ์” สุ นัขขนดําเหมือนฟั งเข้าใจเสี ยงเชียร์ ของเขา กัดไปทีคอของสุ นัขขนเทา ดับลมหายใจของสุ นขั ขนสี เทา
ทันที

ชายหนุ่ มชุดดําหัวเราะขึนอย่างเสี ยงดังหลังจากเห็นสุ นัขขนเทากลายเป็ นเพียงซากศพ “มู่หรงเย่เจ้าแพ้อีกแล้ว ฮ่า


ฮ่า......ประลองสุ นัขมาค่อนวัน เจ้าซื อตัวหนึงก็ตายตัวหนึ ง สายตาการเลือกสิ งของของเจ้าทําให้......ไหนเลยจะมี
ใครกล้าชืนชม”

สี หน้าของมู่หรงเย่เข้มขึน กล่าวอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “ก็แค่ชนะติดต่อกันไม่กีครัง มีอะไรน่าภูมิใจนัก เดียวข้าซื อ


อีกตัวทีเก่งกว่านี ครานี อย่าหวังว่าข้าจะแพ้”

“เจ้าพูดแบบนีกีรอบแล้ว? ข้าไม่เห็นเจ้าจะชนะสักรอบ” ชายหนุ่ มชุดดํายกยิมมุมปาก นับตัวเงินจนมือเป็ นระวิง

มู่หรงเย่โกรธจัดทีถูกสวนกลับ ตอบกลับเสี ยงห้วน “ข้าเพียงประมาทไปหน่ อยถึงได้แพ้หรอก รอบนีถ้าข้าตังใจ


เลือกเสี ยหน่ อย รับรองชนะเจ้าได้แน่นอน! ซวงสี เอาเงินมา ข้าจะซื อสุ นขั ต่อสู ้มาประลองอีก”

ซวงสี จับกระเป๋ าเงิน เดินเข้ามาหาด้วยสี หน้าเคร่ งเครี ยด “คุณชาย เงินของพวกเราไม่เหลือแล้วขอรับ”


มู่หรงเย่ขมวดคิว “ข้าให้เจ้าเอาเงินมาตังห้าหกพันตําลึงมิใช่รึ? ทําไมถึงหมดเร็ วเช่นนี ?”

ซวงสี ยิมอย่างลําบากใจ “คุณชาย ท่านซื อสุ นขั ประลองสี ตัว ตัวละห้าร้อยตําลึง ไหนจะเสี ยพนันไปอีกครังละ
หนึ งพันตําลึง......”

“เอาละเอาละ ไม่ตอ้ งพูดแล้ว เจ้ารี บกลับไปเอาเงินทีจวนมาเดียวนี!” มู่หรงเย่หมดความอดทนจึงตัดบทซวงสี สวี


เทียนอันกล้าเยาะเย้ยข้า ข้าจะใช้เงินทีมีซือสุ นขั ประลองทีเก่งกว่า และจะทําให้เขาแพ้จนหมดตัวเลย คอยดูเถอะ
ว่ายังจะหยิงแบบนี ได้อยูอ่ ีกไหม
ตอนที 4 สั งสอนคุณชายจอมเสเพล (1)
“ถึงจวนเจินกัวโหวจะห่ างจากทีนี ไปไม่ไกลนัก แต่กว่าจะรอพวกเจ้าไปเอาเงินมา ป่ านนันฟ้ าคงมืดพอดี ยังจะ
ประลองสุ นัขอะไรอีก?” สวีเทียนอันพูดตอบอย่างไม่ใส่ ใจ ด้วยท่าทีเกียจคร้าน

มู่หรงเย่สีหน้าเย็นชา “เงินของข้าหมดแล้ว บ่อนพนันก็ไม่อนุ ญาตให้คา้ งเงินค่าสุ นขั ประลองกับเงินพนัน ถ้าไม่


กลับไปเอาเงิน แล้วจะให้ขา้ แข่งกับเจ้าได้อย่างไร?”

“เจ้าใช้หญิงงามด้านหลังของเจ้าเป็ นของเดิมพันก็ได้” สวีเทียนอันมองไปทางด้านหลังของมู่หรงเย่ดว้ ยเจตนามุ่ง


ร้าย

หญิงงาม? หญิงงามทีไหนกัน?

มู่หรงเย่ไม่เข้าใจคําพูดของสวีเทียนอัน เมือหันไปมองด้านหลัง ดวงหน้าของมู่หรงเสวียก็ปรากฎสู่ สายตา นาง


กําลังมองเขาด้วยlสายตาทีเฉยชา “น้องเล็ก ทําไมเจ้าถึงมาอยูท่ ีนีได้?”

น้องเล็กอย่างนันหรื อ? สวีเทียนอันชะงักไปวูบหนึง ถึงว่าเมือครู่ นีซวงสี ดูมีท่าทางเคารพนอบน้อมหญิงสาวผูน้ นั


เหลือเกิน เลยทําให้เขานึ กว่านางเป็ นบ้านเล็กบ้านน้อยของมู่หรงเย่ แต่คาดไม่ถึงว่านางกลับเป็ นน้องสาวของมู่
หรงเย่ผซู ้ ึ งเป็ นคู่หมายของจิงอ๋ องเย่อีเฉิ น

ตามข่าวลือนางควรป่ วยหนักจากโรคเรื อรัง ร่ างกายอ่อนแอไม่ใช่หรื อ? คิดไม่ถึงว่าตัวจริ งกลับเป็ นหญิงงามผู ้


หนึ ง
“ข้าบังเอิญผ่านมา เห็นเจ้าอยูท่ ีนีเลยเข้ามาดู”

นําเสี ยงเย็นชาของมู่หรงเสวียเสี ยดเข้าสู่ ขวหั


ั วใจ จิตใจของสวีเทียนอันสันระริ ก พีชายของสวีเทียนอัน นามสวี
เทียนโย่วมักคอยติดตามข้างกายจิงอ๋ องอยูบ่ ่อยๆ ทําให้เขาพอรู ้มาบ้างว่า จิงอ๋ องมิค่อยจะโปรดปรานว่าทีภรรยาผู ้
นีเท่าไรนัก ถึงขนาดวางแผนทีจะลดขันนางเป็ นเพียงพระชายารอง ถ้าข้ากลันแกล้งให้นางอับอาย คงเป็ นโอกาส
ดีไม่นอ้ ยทีจิงอ๋ องจะใช้เรื องนีเป็ นข้ออ้างในการลดขันนาง เมือถึงเวลานัน จิงอ๋ องอาจจะตบรางวัลให้เขาอย่างงาม
ก็เป็ นได้

ได้ทงหญิ
ั งงาม ได้ทงรางวั
ั ลจากจิงอ๋ อง นีเป็ นการยิงปื นนัดเดียวได้นกสองตัวชัดๆ

ดวงตาของสวีเทียนอันเปล่งประกายด้วยความชัวร้าย สายตาจับจ้องไปยังมู่หรงเสวีย นางงดงามหยดย้อยเช่นนี


ั งตัวเสี ยแล้ว “มู่หรงเย่ มิตอ้ งกล่าวรําลึก
ร่ างกายคงทังหอมทังนิ ม ชักอยากจะโอบกอดและโลมเลียนางให้ทวทั
ความสัมพันธ์ระหว่างพีน้องให้มากความนัก เจ้าแค่พูดมาคําเดียวว่าจะยอมหรื อไม่ยอมให้นางเป็ นของเดิมพัน
......”

“สวีเทียนอัน เจ้าสงบปากสงบคําหน่อย นางคือน้องสาวแท้ๆของข้า ไม่ใช่สิงของ จะให้เป็ นของเดิมพันได้


อย่างไร?” มู่หรงเย่ตดั บทเสี ยงกร้าว สี หน้าเคร่ งครึ ม

สวีเทียนอันไม่สนใจ “ไม่เห็นจะต้องสนว่าเป็ นน้องสาวหรื อไม่ ก็แค่หญิงสาวธรรมดาผูห้ นึง ใช้แทนเงินพนัน มี


อะไรน่าเสี ยหายกัน? ถ้าข้าเป็ นเจ้า ข้าจะรี บใช้นางแลกกับเงินเดิมพันสักหลายพันตําลึง เลือกสุ นัขประลองมา
หนึ งตัวและประลองจนชนะเพือกูศ้ กั ดิศรี คืน แล้วค่อยรอจนกว่าบ่าวของเจ้าจะไปเอาเงินกลับมาไถ่ตวั นางก็ไม่
เสี ยหาย......”
“ข้าไม่ใช่คนชัวร้ายเช่นเจ้า! แค่เพียงเพือการพนัน ถึงกับยอมทําลายเกียรติของน้องสาวตัวเอง” ใบหน้าของมู่หรง
เย่เต็มไปด้วยความโกรธ ระดับคุณหนูใหญ่แห่ งจวนเจินกัวโหว กลับใช้เป็ นของเดิมพันในบ่อนพนัน คํานินทา
ของผูค้ นทังเมืองหลวงคงทับถมนางจนไม่เหลือเกียรติ ไม่ว่าจะไปทีใดคงถูกหัวเราะเยาะถากถางจนไม่กล้าสู ้
หน้าใครๆได้อีก

“เลิกพูดจาเป็ นคนดีมีศีลธรรมเสี ยที เจ้ากลัวแพ้ก็วา่ มาเถอะ” สวีเทียนอันค่อยๆ ต้อนมู่หรงเย่ให้จนมุม แววตาเต็ม


ไปด้วยความทะนงตน “เจ้าคงกลัวว่าตนเองตาถัวเลือกสุ นขั ประลองไปสักร้อยตัวก็มิอาจจะเอาชนะข้าได้ พอถึง
เวลาคงจะต้องใช้นอ้ งสาวของเจ้าเป็ นของเดิมพันเข้าจริ งๆจนเสี ยหน้า......”

“สวีเทียนอัน หุ บปากของเจ้าซะ!” มู่หรงเย่ทีถูกเยาะเย้ย ในอกเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ ทําท่าจะพุ่งไปหาเรื อง


กับสวีเทียนอัน

มู่หรงเสวียยืนมือไปรังไว้พร้อมก้าวไปเบืองหน้า นางจ้องเขม็งไปยังสวีเทียนอัน “พีชายของข้าเพียงโชคไม่ดี


เล็กน้อย เจ้าไม่จาํ เป็ นต้องไปกระตุน้ ให้เขาโกรธจนรับคําท้าหรอก ถ้าเจ้าอยากจะประลองนัก ข้าจะสงเคราะห์ให้
เจ้าสมปรารถนา” ถึงมู่หรงเย่จะนิสัยเสเพลจนแก้ไม่หาย แต่เขาก็ยงั ออกตัวปกป้ องนาง นางเองก็ไม่ยอมให้ใคร
มาว่าร้ายมู่หรงเย่ได้เช่นกัน

สวีเทียนอันเบิกตากว้างอย่างประหลาดใจ “เจ้าจะประลองสุ นขั กับข้ารึ ?” มู่หรงเสวียถูกเลียงดูเหมือนนกน้อยใน


กรงทอง แม้แต่การตีไก่หรื อกัดจิงหรี ดก็ยงั ไม่เคยแม้แต่ชม แต่ตอนนี จะมาท้าประลองสุ นขั กับข้า นี ข้าคงมิได้หู
ฝาดไปใช่ไหม?
“ไม่ได้รึ?” มู่หรงเสวียพูดถามด้วยนําเสี ยงเย็นชา

“ย่อมได้สิ” สวีเทียนอันเห็นถึงแววตาทีแน่วแน่ ของงนาง มันใจว่านางคงมิได้ลอ้ เล่นแน่ แต่วา่ นางอยากจะ


ประลองสุ นัขกับเขาจริ งๆน่ ะรึ ? เขายกยิมทีมุมปาก ถ้านางไม่กลัวเลือดจนเป็ นลมไปเสี ยก่อน เขาก็ไม่ว่าอะไร
“เจ้าเพียงจ่ายห้าร้อยตําลึงเงินแล้วไปเลือกสุ นัขประลองเสี ยก่อนซิ ......แล้วจะลงเงินเดิมพันเท่าไหร่ ?”

“รอบนี มิเดิมพันเป็ นเงิน แต่จะใช้นิวมือเป็ นของเดิมพันแทน” นําเสี ยงเย็นชาของมู่หรงเสวียลอยเข้าหู สวีเทียน


อันทีกําลังเตรี ยมจะหยิบเงินชะงักไปช่วงหนึง ใช้สายตาทีแปลกประหลาดมองมาทางนาง “ความหมายของเจ้า
คือ ฝ่ ายทีแพ้จะต้องตัดนิวหนึ งนิวงันหรื อ?”

“มิผดิ ” มู่หรงเสวียพยักหน้า “เจ้ากล้าหรื อไม่กล้า?”

“ทําไมจะมิกล้า!” สวีเทียนอันพยักหน้ารับคําท้าอย่างทะนงตน พร้อมกับใช้สายตาโลมเลียไปตามเรื อนร่ างของมู่


หรงเสวียอย่างหื นกระหายและชัวร้ายโดยไม่คิดปิ ดบัง “ข้าเป็ นคนทะนุถนอมหญิงงาม ถึงแม้เจ้าจะแพ้ ข้าก็จะไม่
ตัดนิ วงามของเจ้าหรอก เพียงแต่เจ้าปรนนิบตั ิขา้ ดีๆสักคืน เดิมพันทีค้างระหว่างพวกเราก็......”

“เพียะ!” เสี ยงตบหน้าสวีเทียนอันดังขึน ตัดบทคําพูดทีหื นกระหายของเขาจนหน้าหัน ด้านข้างใบหน้าของสวี


เทียนอันปรากฏรอยแดงหนึงฝ่ ามือ เจ็บจนเกินบรรยาย

“มู่หรงเสวีย เจ้าถึงกับกล้าตบหน้าข้า!” ความโกรธของสวีเทียนอันพุ่งทะลุจุดสู งสุ ด บ้วนเลือดในปากทิง พุ่งไป


ทางมู่หรงเสวียอย่างมุ่งร้าย
ข้าจะสังสอนนาง ในความไม่เจียมตน!

มู่หรงเสวียยกยิมเย็น ยกเท้าเตะสวนไปยังสวีเทียนอัน

สวีเทียนอันไม่ทนั ได้ตงตั
ั วจึงโดนเตะเข้าทีท้องอย่างจัง กระเด็นล้มลงไปกับพืน เจ็บถึงขนาดทีคิวขมวดเป็ นปม
ในขณะเดียวกันปากก็อา้ ค้างด้วยความเจ็บปวดจนเห็นแนวฟั น เขาจ้องมองมู่หรงเสวียอย่างเกลียดชัง

“เรื องเดิมพัน ถ้าเจ้าตกลง เพียงพยักหน้าก็พอ จะพูดพล่ามให้เปลืองเวลาเพือเหตุใด” มู่หรงเสวียมองไปทางเขา


อย่างผูท้ ีเหนือกว่าพร้อมด้วยแววตาดูถูกเหยียดหยาม

สวีเทียนอันสําลักความโกรธ ตังแต่เกิดมามิเคยพบเจอผูห้ ญิงทีน่ารังเกียจเช่นนี มาก่อน ถึงกับกล้าตบหน้าเขา เตะ


เขา ทําให้เขาเสี ยหน้าขนาดนี ช่างรนหาทีตายนัก ถ้าอยากตายขนาดนันล่ะก็ เขาจะช่วยสงเคราะห์เอง

ด้วยความคิดทีชัวร้าย สวีเทียนอันค่อยๆลุกขึน เร่ งเดินไปยังหน้ากรงเหล็ก ชีไปทีสุ นัขประลอง “ข้าเอาตัวนี ตัวนี


......แล้วก็ตวั นี เอาพวกมันทังหมดมาให้ขา้ ......”

มู่หรงเย่มองไปทางมู่หรงเสวีย แววตาสับสน ในความคิดของเขา น้องสาวของตนเป็ นคุณหนูทีมีแต่ความ


อ่อนโยน เพียงแค่ได้ยนิ นางกล่าวว่าจะประลองสุ นัข เขาก็ถึงกับสะดุง้ ตกใจ แต่เมือพอหลุดจากภวังค์ ก็หา้ มไม่
ทันเสี ยแล้ว นางกับสวีเทียนอันตกลงเรื องการประลองสุ นัขกันเรี ยบร้อยแล้ว เขาไม่สามารถทีจะหยุดยังได้ ทําได้
เพียงแต่ถอนหายใจ

น้องสาวถูกกระตุน้ จนตกลงรับการเดิมพัน เป็ นความผิดของพีชายอย่างเขาเองทีดูแลนางไม่ดี ถ้านางแพ้ เขาจะ


ยอมตัดนิวแทนนางเอง นิ วมือสิ บนิ วเหล่านีทีเขาใช้มาตังสิ บสี ปี ถ้าโดนตัดไปไม่ว่านิ วไหนก็อดจะเสี ยดายมิได้

แต่เมือเห็นสวีเทียนอันซือสุ นัขประลองมารวดเดียวถึงสี ห้าตัว เขาจึงรี บตะโกนขึนด้วยความโกรธเสี ยงดัง “สวี


เทียนอันเจ้ากับน้องสาวข้าเดิมพันกันแค่เพียงรอบเดียว เลือกมาตัวเดียวก็เพียงพอแล้ว เหตุใดเจ้าจะต้องเลือกมา
มากมายหลายตัว?”

สวีเทียนอันเหล่มองเขาเพียงครู่ หนึง “ข้าพอใจ เจ้าจะทําไม?”

มู่หรงเย่สีหน้าเข้มขึน “เจ้าเลือกแต่ตวั ทีเก่งๆไปเสี ยจนหมด เหลือแต่พวกอ่อนแอไว้ให้นอ้ งสาวข้า ชัดเจนว่าเจ้า


จงใจจะให้นางแพ้......”

“ถ้าใช่แล้วเจ้าจะทําไม?” สวีเทียนอันยกยิมขึน ยอมรับอย่างหน้าไม่อาย “ถ้ามีปัญญานัก ก็เลือกพวกทีอ่อนแอ มา


สู้ให้ชนะข้าเสี ยสิ ”

“เจ้า......” มู่หรงเย่จอ้ งสวีเทียนอันด้วยความโกรธแค้น “คนชันตําไร้ยางอาย”


สวีเทียนอันสบถ ทําเป็ นไม่ได้ยนิ คําถากถางทีเขากล่าว ตอบกลับอย่างหมดความอดทน “เสี ยเวลามานานแล้ว
พวกเจ้าจะยังแข่งอยูไ่ หม? ถ้าไม่ ข้าจะได้กลับจวน”

กับแค่แผนยัวยุสกปรกเล็กน้อยเช่นนี นางเองก็ขีเกียจจะสนใจ

มู่หรงเสวียยิมเย็นเดินไปด้านหน้า ค่อยๆกวาดสายตาเหยียบเย็นผ่านทีละกรง จนหยุดอยูท่ ีกรงเหล็กอันสุ ดขอบ


สนามประลอง
ตอนที 5 สั งสอนคุณชายจอมเสเพล (2)
ในกรงเหล็กมีสุนขั ร่ างเล็กนอนอยูต่ วั หนึ ง ขนสกปรกมอมแมมยุง่ เหยิงจนดูไม่ออกว่าเป็ นสี ขาวหรื อเทา หัวเกย
อยูบ่ นเท้าหน้าหลับตานอนอยู่ ดูขนาดตัวเล็กกว่าสุ นขั ในกรงด้านข้างอยูค่ รึ งหนึง หู ทงสองข้
ั างลู่ลงแสดงออกถึง
ความไม่เอาไหน

ดวงตาของมู่หรงเสวียส่ องแวววิบวับ ชีนิวไปยังสุ นขั ตัวน้อย “ข้าเลือกตัวนี ”

หัวใจทีเต็มไปด้วยความหวังของมู่หรงเย่ดบั วูบลง เขาคิดไว้แล้ว น้องสาวของเขาเป็ นเพียงคุณหนูทีมีจิตใจงดงาม


น่ารักอ่อนหวาน แต่ว่า...... “ทีนี คือสนามประลองสัตว์ เจ้าเลือกสุ นัขทีตัวเล็กอ่อนแอจนใกล้ตายเช่นนีลง
ประลอง ข้าว่ามันต้องแพ้แน่ นอน เลือกตัวใหม่เถอะนะน้องเล็ก”

“มิจาํ เป็ นต้องเลือกใหม่ สุ นัขตัวนีดีทีเดียว” มู่หรงเสวียพูดเสี ยงเบา พร้อมกับเปิ ดกรงเหล็กออกด้วยตนเอง

สุ นขั ตัวน้อยเมือได้ยนิ เสี ยงรบกวนจึงค่อยๆลืมตาขึน มันมองไปทางรอยยิมทีอบอุ่นของมู่หรงเสวีย แววตาดํา


ขลับเปล่งประกาย มันค่อยๆชันตัวขึนเดินออกจากกรงและเดินตรงไปทีสนามด้วยร่ างกายทีอ่อนแอเองโดยไม่
ต้องออกคําสัง

มู่หรงเย่อบั จนคําพูด นีน่ ะหรื อทีเรี ยกว่าดี? แถมยังกล้าส่ งมันลงสนามประลอง ไม่ตอ้ งลงสู ้หรอกแค่ความกดดัน
จากสุ นขั ประลองตัวอืนก็สามารถทําให้มนั ตายได้แล้ว ช่างอ่อนแออะไรเยียงนี พวกหางแถวแบบนี สนาม
ประลองคงไปจับมันมาเพือเพิมจํานวนของสุ นขั ประลองให้ดูมากขึนเท่านัน คนสายตาดีคงไม่มีทางเลือกมันแน่
สวีเทียนอันพิงขอบสนาม ดูขนุ พลเหลืองของตนเดินอย่างองอาจเข้าสู่ สนามประลอง ประจัญหน้ากับสุ นขั
ประลองของฝังตรงข้ามพร้อมแสดงท่าทางเหนื อกว่า ด้วยรู ปร่ างทีใหญ่โตของมันแทบจะบังสุ นขั ประลองทีมู่
หรงเสวียเลือกจนมิด ท่าทางคล้ายกับผูใ้ หญ่กาํ ลังจะสังสอนเด็กทีอวดดี

เขาหัวเราะดูถกู ในใจ คนทัวไปถึงจะเลือกสุ นัขประลองไม่เป็ นแต่ร้อยทังร้อยก็ตอ้ งเลือกทีตัวใหญ่ไว้ก่อน


ตรงกันข้ามมู่หรงเสวียกลับเลือกตัวทีขีโรคอ่อนแอ ถือว่าโง่งมจนเกินเยียวยา อย่างมากคงทนได้ไม่นานคงถูก
ขุนพลเหลืองของเขาขยําจนตาย พอถึงเวลานัน ข้าจะขอสังสอนมู่หรงเสวียให้หลาบจํา ดูสิว่านางจะยังกล้าทํา
อวดดีกบั เขาอยูอ่ ีกไหม?

‘แก๊งๆ’ ทันทีทีเสี ยงระฆังเริ มการต่อสู ้ดงั ขึน ท่าทีของ ‘ขุนพลเหลือง’ กลับกลายเป็ นโหดร้ายดุดนั ปราดเปรี ยว
ขึนมาพริ บตา มันแหงนหน้าหอนก่อนจะพุ่งไปทางสุ นัขประลองของมู่หรงเสวียด้วยความดุร้าย

ตรงกันข้าม เจ้าตัวเล็กนันกลับยืนนิ งเฉย ดวงตาดําขลับเฝ้ ามองเจ้าขุนพลเหลืองทีค่อยๆใกล้เข้ามา ไม่มีทีท่าว่าจะ


ขยับไปไหน มิรู้ว่าแท้จริ งแล้วมันตังตัวไม่ทนั หรื อว่าถูกขู่จนตกใจกลัวไปเสี ยแล้ว ความแตกต่างทีชัดเจนเช่นนี
ไม่ตอ้ งเดาก็พอจะรู ้ว่าเจ้าตัวเล็กจะต้องพ่ายแพ้ยบั เยินขนาดไหน มู่หรงเย่ทนไม่ได้จนต้องปิ ดตาลง

‘โฮกก!’ เสี ยงคํารามกดตําดังเข้าสู่ โสตประสาท เสี ยงโหยหวนด้วยความโกรธพลันหยุดลง หัวใจของมู่หรงเย่


พลอยหดเล็กลงไปด้วย นี แค่รอบแรกเท่านัน เจ้าตัวเล็กก็โดนกัดตายเสี ยแล้ว คงไม่มีทางรอดแล้วจริ งๆ

ข้าบอกตังแต่แรกแล้วว่าอย่าซื อเจ้าตัวขีโรคนันนางก็ไม่เชือข้า ตอนนี จะทําอย่างไรเล่า? สุ นขั ประลองก็ตายไป


แล้ว น้องเล็กแพ้อย่างน่ าอนาถ นิวของข้าอีกเดียวก็คงจะถูกตัดเป็ นแน่แท้......
“เป็ นไปไม่ได้ ทําไมตัวทีตายกลับเป็ นขุนพลเหลืองของข้า!?” นําเสี ยงอันเหลือเชือของสวีเทียนอันลอยเข้าหู มู่
หรงเย่ชะงัก อะไรนะ? ขุนพลเหลืองตายแล้ว?

พลันมองไปทีสนามประลอง ปรากฏร่ างใหญ่โตของขุนพลเหลืองนอนแน่ นิงอยูบ่ นพืน ลําคอถูกกัดจนหัก เลือด


ไหลทะลักออกมาตามบาดแผลด้านนอก ดวงตามอดดับไร้ประกาย หน้าอกเรี ยบนิงหยุดหายใจ ชัดเจนว่ามัน
สิ นลมหายใจลงแล้ว

เจ้าตัวเล็กยืนอยูด่ า้ นหน้าซากศพของเจ้าขุนพลเหลือง มันยืนหลังตรงมองไปทางซากศพอย่างผูท้ ีอยูเ่ หนือกว่า


แววตาคมเย็นเหยียบแสดงถึงความสู งส่ งแห่ งราชันย์

มู่หรงเย่เบิกตากว้าง เจ้าขุนพลเหลืองตายแล้วจริ งๆ เจ้าสุ นขั ตัวผอมแห้งดูขีโรคตัวนี แค่พริ บตาเดียวก็ปราบ


ขุนพลเหลืองจนแพ้ราบคาบ ช่างน่าเหลือเชือเกินไปแล้ว

“สวีเทียนอัน เจ้าแพ้แล้ว จงจ่ายเดิมพันให้ขา้ ” มู่หรงเสวียพูดอย่างเฉยชา นําเสี ยงเรี ยบนิง

คนงานของสนามประลองผูห้ นึงนําถาดทีได้มีการเตรี ยมการไว้แต่แรกเดินไปทางสวีเทียนอัน ในถาดมีกริ ชทีไร้


ฝักวางอยู่ ด้านคมของกริ ชส่ องประกายเหยียบเย็น กระตุน้ ความกลัวในจิตใจของสวีเทียนอันได้เป็ นอย่างดี

เขาแพ้แล้วและต้องถูกตัดนิวมือ เป็ นอย่างนี ไปได้อย่างไร? ข้าลูกชายสายตรงคนสุ ดท้องแห่ งจวนเสนาบดีผอู ้ ยู่


เหนือคนทังปวง เหตุใดจะต้องยอมเป็ นคนพิกลพิการนิ วด้วนด้วย
สวีเทียนอันเร่ งเดินไปทีหน้ากรงเหล็กทีซื อมาด้วยสายตาเยือกเย็นแล้วเปิ ดกรงออก สุ นัขร่ างใหญ่ถูกปล่อย
ออกมาทีละตัวติดต่อกัน วิงตรงไปยังสนามประลอง

“กัดมันให้ตาย! กัดมันให้ตายเดียวนี !” สวีเทียนอันเพ่งมองการต่อสู ้อนั ชุลมุนและดุเดือด ร้องสังการอย่างบ้าคลัง


จนดวงตาแดงกํา ขอแค่พวกมันกัดสุ นขั ประลองของมู่หรงเสวียจนตาย เท่านีชัยชนะก็เป็ นของเขาและไม่ตอ้ งถูก
ตัดนิ วอีกต่อไป

“สวีเทียนอัน เจ้าทําบ้าอะไร! แพ้แล้วไม่ยอมรับ หน้าไม่อาย!” มู่หรงเย่ปะทุความโกรธ ขณะกําลังจะสังให้คน


ของสนามประลองจับแยกพวกมันออก แต่กลับเห็นเจ้าตัวเล็กลุกขึนมาจากพืน ร่ างกายสี เทาหวูบไหวไปมา
ท่ามกลางวงล้อมของศัตรู ได้ยนิ เพียงเสี ยงร้อง ‘โฮกกโฮกก......’ สี ครัง หลังจากนันก็ปรากฏภาพซากของเหล่า
สุ นขั ร่ างยักษ์ทีต่างนอนกันอย่างกระจัดกระจาย ทุกตัวดวงตาเบิกกว้างลําคอถูกกัดจนหัก ไร้ซึงชีวิต

ร่ างกายของเจ้าตัวเล็กปราศจากบาดแผลใดๆ ยืนหัวเชิดชูคออย่างหยิงทะนงอยูก่ ลางสนามประลอง

มู่หรงเย่เบิกตากว้าง หนึงต่อสี แถมยังชนะขาดลอย เจ้าสุ นขั ตัวนี ช่างแข็งแกร่ งเกินไปแล้ว บางทีสุนัขทีมีท่าทางดุ


ร้ายเวลาต่อสู ้กบั ศัตรู กอ็ าจจะไม่แข็งแกร่ งเสมอไป แต่สุนัขทีมีภาพลักษณ์ตวั เล็กอ่อนแอเวลาสู ้กบั ศัตรู กอ็ าจจะ
เป็ นผูช้ นะบ้างก็ได้
ดูอย่างสวีเทียนอันทีเลือกสุ นขั มาตังหลายตัวแต่กลับแพ้ให้กบั เจ้าตัวเล็กอย่างราบคาบ ไม่เหลือข้ออ้างในการ
หลีกเลียงผลการเดิมพัน ตัวข้าโดนเขาเยาะเย้ยตังมากมาย วันนี ได้ตอกหน้ากลับไปสักหนก็สะใจแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า ถูก
ตัดนิ วในสนามประลองสัตว์ ดูสิว่ายังจะมีหน้ามาอวดเก่งอีกไหม?

เขามองไปทางสวีเทียนอันทีกําลังทุกข์อย่างมีความสุ ข เห็นเขามองไปยังสนามประลองทีเต็มไปด้วยเลือดด้วยสี
หน้าตระหนกตกใจ สุ นขั ประลองทีซื อมาตายหมด ทังยังแพ้ให้กบั มู่หรงเสวีย แถมยังต้องโดนตัดนิ ว......ข้าไม่มี
ทางยอม ข้าต้องไม่กลายเป็ นคนพิการเช่นนันแน่ !

แววตาไหววูบ สวีเทียนอันหยิบกริ ชบนถาดแล้วพุ่งไปทางมู่หรงเสวีย นางบังอาจบีบบังคับให้ขา้ ต้องมีชะตา


กรรมเช่นนี ช่างไม่รู้จกั กาลเทศะ นางอยากได้นิวนักใช่ไหม? ข้าจะใช้นิวของเจ้าเป็ นของเดิมพันแทนนิวของข้า
แล้วค่อยยกมันให้เจ้าเอง

“สวีเทียนอัน เจ้าคนน่ารังเกียจ!”

มู่หรงเย่หน้าเปลียนสี ตะโกนขึนเสี ยงดัง ขณะทีกําลังจะเข้าไปแย่งกรี ชในมือ กลับเห็นมู่หรงเสวียพลิกตัวหลบ


ไปด้านข้างจนหลุดพ้นจากการโจมตีอย่างง่ายดาย และในจังหวะเดียวกันนางพลิกข้อมือแย่งกริ ชจากมือของสวี
เทียนอันเอาไว้ได้ นางไม่รอช้าง้างกริ ชขึนสู งแล้วตวัดฟันลงไปยังนิวมือซ้ายทังห้าของสวีเทียนอันจนขาด เลือด
สาดกระเซ็นไปทัว ย้อมพืนดินโดยรอบให้กลายเป็ นสี แดงสดของเลือด

สวีเทียนอันส่ งเสี ยงกรี ดร้องอย่างโหยหวน “อ๊ากกก”

“คุณชาย” บ่าวรับใช้ทีอยูไ่ ปไม่ไกลนักร้องอุทานอย่างตกใจ รี บวิงมาทางด้านหน้าของสวีเทียนอัน เร่ งฉี กเสื อ


ของตนพันรอบบาดแผล
สวีเทียนอันยืนโซเซไปมา สี หน้าขาวซี ดไร้สีเลือด มองมู่หรงเสวียด้วยแววตาโกรธแค้น “สิ งเดิมพันของพวกเรา
คือนิ วมือหนึงนิว เจ้าเป็ นใครถึงกล้าตัดนิ วมือทังห้าของข้า!” มือซ้ายของเขาคงใช้การไม่ได้อีกแล้ว ตังแต่นีไป
เขาคงกลายเป็ นคนไร้ค่าอย่างแท้จริ ง

“ตามทีตกลงกันแต่แรก เดิมพันหนึงรอบใช้นิวมือหนึงนิ ว เจ้าปล่อยสุ นัขประลองลงสนามทังหมดห้าตัวนับเป็ น


การเดิมพันทังหมดห้ารอบ ฉะนันแพ้หา้ รอบเท่ากับห้านิ วมือ” มู่หรงเสวียพูดตอบอย่างไม่ทุกข์ร้อน นํากริ ชเปื อน
เลือดโยนกลับไว้บนถาดเช่นเดิม

จริ งๆแล้วนางต้องการตัดนิวของสวีเทียนอันเพียงหนึงนิ วมือเท่านัน แต่สวีเทียนอันกลับมีความคิดอันตําทราม


ถึงกับกล้าลงมือทําร้ายนาง เช่นนันก็อย่าโทษว่านางไร้ความเมตตา
ตอนที 6 สิ นสอด
นําเสี ยงชัดถ้อยชัดคําลอยเข้าหู ในแววตาของสวีเทียนอันเต็มไปด้วยไฟโกรธจนวูบไหวไปมา กัดฟั นพูดตอบ
“ข้าตกลงเดิมพันเพียงหนึ งนิ วมือต่อหนึ งรอบ สิ งของเดิมพันของสี รอบหลังนันข้ายังไม่ได้กล่าวว่าจะใช้สิงใด
เดิมพัน ใครอนุ ญาตให้เจ้าเป็ นคนตัดสิ นมิทราบ”

หญิงตําต้อยท่าทางขีโรคอ่อนแอเช่นนางกลับมีฝีมือร้ายกาจ คงใช้ไม้แข็งกับนางไม่ได้แล้ว แต่นางก็ตอ้ งชดใช้ที


บังอาจมาตัดนิ วมือของเขา เขาจะให้นางจ่ายคืนด้วยนิวมือเช่นกัน คอยดูเถอะ!

มู่หรงเสวียปรายตามองสวีเทียนอัน “หลังจากทีตัวแรกตาย เจ้ากลับปล่อยสุ นัขประลองออกมาอีกสี ตัวโดยมิ


กล่าวอันใด ข้าถือว่าเป็ นการเดิมพันต่อจากรอบแรก ถ้าเจ้าอยากจะเปลียนของเดิมพันเหตุใดจึงมิกล่าววาจาเล่า
พอการประลองเสร็ จสิ นลงกลับมาเรี ยกร้องโวยวาย ไม่คดิ ว่ามันไร้ยางอายไปหน่ อยหรื อ?”

“นีเจ้า!” สวีเทียนอันสําลักความโกรธ ตอนนันเขาเพียงอยากฆ่าเจ้าสุ นขั อ่อนแอนัน พอมันตายเขาก็จะชนะและ


ไม่ถูกตัดนิ ว

“คิดทีจะเดิมพันเมือแพ้กต็ อ้ งยอมรับ ผูค้ นในสนามประลองมีตงมากมาย


ั ข้อตกลงการเดิมพันของเจ้ากับข้านัน
ถูกต้องตามกฏข้อตกลง และถ้าเกิดมีเรื องไปถึงศาล กับข้าทีไร้ความผิดเจ้าจะทําอะไรได้ หรื อถ้าเจ้ายังไม่พอใจ
อยากจะสังสอนข้าก็ไม่มีปัญหา แค่ให้เจ้ารู ้ไว้วา่ ข้ารออยูท่ ีจวนเจินกัวโหว น้อมต้อนรับเจ้าเสมอ” มู่หรงเสวียพูด
ตอบเย็นชา หันกายไปอุม้ เจ้าตัวเล็กเดินออกไปทางด้านนอกสนามประลอง
สุ นขั ประลองมีไว้เพือความบันเทิงของแขก เมือซื อไปก็ถือเป็ นทรัพย์สินส่ วนตัวของผูซ้ ื อ ไม่ว่าจะเป็ นหรื อตาย
หรื อกระทังการเอามันออกไปด้านนอกสนามประลองก็สามารถกระทําได้

สาวใช้หงซิ วเร่ งเดินตามมู่หรงเสวียทีเดินออกไป

มู่หรงเย่ยน่ คิว ปรายตามองร่ างเปื อนเลือดทีดวงตาเต็มไปด้วยไฟแค้นของสวีเทียนอันแล้วก็เร่ งตามมู่หรงเสวีย


ออกไปบ้าง “น้องเล็ก รอข้าด้วย”

ชันสองของสนามประลองในห้องอาหาร ทีแยกออกมาเพือความเป็ นส่ วนตัวปรากฏร่ างของผูช้ ายสองคนทีกําลัง


สนใจเหตุการณ์เมือครู่ อยูเ่ ช่นกัน

“เลือกสุ นขั ประลองมัวๆตัวหนึ ง ก็กาํ ราบจอมเสเพลแห่ งเมืองหลวงสวีเทียนอันได้เสี ยจนอยูห่ มัด คุณหนูใหญ่มู่


หรงผูน้ ี ช่างร้ายกาจยิงนัก” ชายในชุดสี นาตาลกล่
ํ าวชมเชย แววตาเต็มไปด้วยความอัศจรรย์ใจ เหล่มองชายชุด
ขาวด้านข้าง ยิมตาหยีกล่าว “คุณชายใหญ่เล่าคิดว่าเป็ นเช่นใด”

นิวมือขาวเนี ยนดังหยกของชายชุดขาวเพียงลูบไล้แก้วหยกไปมา ปิ ดเปลือกตา มิกล่าววาจาใด

ชายชุดนําตาลไม่ถือความ เพียงแต่พูดเองเออเองต่อไป “ไหนจะการควงกริ ช ไหนจะท่วงท่าตอนฟันนิวมือนัน


รวดเร็ วเหลือคณา น่าจะถูกถ่ายทอดจากเจินกัวโหวคนก่อนโดยตรง แต่ทวทั
ั งเมืองหลวงกลับเชือว่านางเป็ นเพียง
คุณหนูผอู ้ ่อนแอ น่ าขันนัก”
ชายชุดขาวมองไปยังมู่หรงเสวียทีค่อยๆเดินไกลออกไป ประกายตาดําไหววูบจนผูอ้ ืนไม่สามารถคาดเดาได้ว่า
กําลังคิดสิ งใดอยู่

สนามประลองสุ นขั ห่ างจากจวนเจินกัวโหวมิไกล มู่หรงเสวียหลังจากเดินออกไปก็ไม่ได้ขึนรถม้าแต่เลือกทีจะ


อุม้ เจ้าตัวเล็กเดินกลับจวน เพือทีจะได้ชืนชมฉากเมืองโบราณอันงดงามระหว่างทาง

มู่หรงเย่ตามติดอยูข่ า้ งกายนาง ยิมตาหยีพดู ขึนอย่างประจบเอาใจ “น้องเล็ก ทําไมเจ้าถึงรู ้ว่าเจ้าตัวเล็กมันเก่งล่ะ?”

ประลองสุ นัขมานานปี ทําไมเขาจะดูไม่ออกว่าตัวไหนเก่งไม่เก่ง? แต่เจ้าตัวเล็กนี ไม่ว่าจะดูยงั ไง ก็ดูไม่ออกว่ามี


ดีทีตรงไหน

“ก็เพราะว่ามันไม่ใช่สุนขั ธรรมดา แต่เป็ นสุ นัขสายพันธ์ฉางเอ๋ า” มู่หรงเสวียค่อยๆอธิบาย สุ นขั สายพันธ์ฉางเอ๋ า


มักมีนิสัยอดทนเข้มแข็ง พละกําลังสู งเหมาะกับการต่อสู ้ สุ นขั โดยทัวไปไม่ใช่คตู่ ่อสู ้ของมัน

สุ นขั สายพันธ์ฉางเอ๋ า มันเป็ นสุ นขั สายพันธ์อะไรกัน?

มู่หรงเย่ประลองสุ นัขก็บ่อย ชนิ ดของพวกมันก็ถือว่าเข้าใจในระดับหนึง แต่วา่ ฉางเอ๋ านีคือครังแรกทีเขาได้ยนิ


ไม่ว่านึกยังไงก็นึกไม่ออกว่าเคยมีคนพูดถึง ถึงจะไม่รู้ แต่มนั ก็ไม่ได้ทาํ ให้ความตืนเต้นทีมีต่อเจ้าตัวเล็กลด
น้อยลง “น้องเล็ก เจ้ายกเจ้าฉางเอ๋ าตัวนี ให้ขา้ ได้ไหม ข้าให้หา้ พันตําลึง ไม่ซิ เอาเป็ นสักหนึงหมืนตําลึงเป็ นไง?”
มู่หรงเสวียหันไปมองมู่หรงเย่ เขาใส่ ชุดจีนโบราณสี นาเงิ
ํ นเข้มลายไม้ไผ่ ผมดําถูกหมวกหยกรวบสู งเผยให้เห็น
หน้าผากขาวกระจ่าง ใบหน้าสง่างามแฝงความไร้เดียงสา ผิวขาวเปล่งประกาย ปากสี แดงกุหลาบ ดวงตาสี ดาํ
ขลับเงางาม เป็ นชายรู ปงามผูห้ นึง

แต่ใครเล่าจะคาดคิด? คนรู ปงามตรงหน้ากลับเป็ นจอมเสเพลชือดังแห่ งเมืองหลวง เทียวเล่นไปทัว เป็ นเพียงคน


ไร้ความสามารถผูห้ นึง “ข้าไม่ชอบเงิน”

ใช่แล้ว น้องเล็กเก็บตัวอยูใ่ นจวนมานาน เสื อผ้า อาหาร ทีอยู่ได้ถูกเตรี ยมไว้อย่างครบครัน ทังไม่ค่อยออกมานอก


จวน เห็นชัดว่ามิจาํ เป็ นต้องใช้เงินตรา ดังนันมันไม่เหมาะสมทีเขาจะใช้เงินแลกกับเจ้าฉางเอ๋ า

“งันถ้าข้าให้เป็ นเสื อผ้า เครื องประดับหายาก เจ้าจะว่าอย่างไร?” มู่หรงเย่ยมตาหยี


ิ เด็กผูห้ ญิงต้องชอบเสื อผ้า
เครื องประดับสวยๆงามๆอยูแ่ ล้ว น้องเล็กต้องยอมตกลงแน่ นอน

“เสื อผ้ากับเครื องประดับทีเจ้าหาซื อได้ ข้าก็มีเงินหาซื อเองได้” มู่หรงเสวียตอกกลับอย่างไร้เยือใย

ใช่สิ เสื อผ้าของร้านอีเซี ยงเก๋ อ หรื อร้านผ้าชือดังอืนๆ ไม่ว่าเขาไปเองหรื อให้นอ้ งเล็กไป ก็ซือของได้ไม่ต่างกัน

“งันจะต้องทําอย่างไรเจ้าถึงจะยอมมอบเจ้าฉางเอ๋ าให้กบั ข้า?” มู่หรงเย่กล่าวเสี ยงเศร้า


“สุ นขั ทีสนามประลองตังมากมาย เจ้าไปซื อเพิมเสี ยก็สินเรื อง ทําไมจะต้องอยากได้เจ้าฉางเอ๋ าของข้าด้วย” ฉาง
เอ๋ ามีนิสัยซื อสัตย์กล้าหาญ แถมสายพันธ์นียังมีจาํ นวนน้อย มู่หรงเสวียวางแผนจะให้มนั อยูเ่ ฝ้ าเรื อนของนางที
จวนเจินกัวโหว ไม่อยากให้มนั ต้องไปประลองกับสุ นัขทีดุร้ายพวกนันอีก

“เจ้าฉางเอ๋ าของเจ้าเก่งทีสุ ดแล้ว พวกสุ นขั ทีข้ามองไว้ก็ถูกมันกัดจนตายหมด” มู่หรงเย่มองไปยังเจ้าฉางเอ๋ า แวว


ตาเต็มไปด้วยความคลังไคล้ “ถ้าเจ้ายอมยกมันให้กบั ข้า ข้าจะพามันไปทวงคืนศักดิศรี ทีได้เคยพ่ายแพ้ให้กบั จอม
เสเพลพวกนันพร้อมกับเงินตําลึงทีเสี ยไป......”

มู่หรงเสวียหยุดเดินทันที ทําให้มู่หรงเย่ทีเดินตามหลังมาชนเข้ากับร่ างของนางจนเซเล็กน้อย ถามขึนอย่างไม่


เข้าใจ “น้องเล็กเจ้าหยุดเดินทําไม? เป็ นอะไรหรื อเปล่า?”

มู่หรงเสวียมิกล่าววาจา สายตาเย็นชามองไปด้านหน้า

มู่หรงเย่มองตามสายตาของนางไป เห็นบ่าวรับใช้สิบกว่าคนกําลังขนหี บของทีนับได้ประมาณหลายสิ บหี บไป


วางไว้หน้าประตูจวนเจินกัวโหว แต่ละหี บล้วนทําด้วยไม้หอม ด้านบนประกอบด้วยล็อคสี ทอง ดูมีราคา ไม่ตอ้ ง
เดาก็รู้เลยว่าของด้านในจะลําค่าเพียงไหน

ชายวัยกลางคนในชุดสี นําเงินเข้มผูห้ นึ งเดินออกจากกลุ่มบ่าวไพร่ ตรงไปยังจวนเจินกัวโหว

“พ่อบ้านหวัง” มู่หรงเย่เอ่ยเสี ยงเรี ยกอย่างแปลกใจ


ชายวัยกลางคนหยุดเดิน หันไปตามเสี ยงเรี ยกของมู่หรงเย่ พร้อมกับโค้งคารวะ “คุณชายใหญ่ คุณหนูมู่หรง”

พ่อของมู่หรงเสวียมีนามว่ามู่หรงเยว่แต่เดิมเป็ นท่านแม่ทพั ใหญ่ประจําแคว้น สิ บปี ก่อนได้รับบาดเจ็บสาหัสจาก


การกรําศึกทีชายแดนจนเสี ยชีวิต แม่ของนางพอทราบข่าวก็ลม้ ป่ วยตกตายไปตามกัน ทิงให้ฝาแฝดอย่างพวกนาง
ทีมีอายุเพียงสี ขวบปี ใช้ชีวิตในจวนเจินกัวโหวโดยไร้ซึงบิดามารดา

มู่หรงเย่ตอบรับเสี ยงเบา ชีไปทีหี บเหล่านันถามขึนด้วยความไม่เข้าใจ “พ่อบ้านหวัง เจ้ากําลังทําอะไรหรื อ?”

พอบ้านหวังยิมน้อยๆ “เรี ยนคุณชาย ข้าน้อยรับคําสังจากท่านอ๋ อง ให้มาส่ งสิ นสอดแก่คุณหนูม่หู รงขอรับ”

มู่หรงเย่ดวงตาเปล่งประกาย น้องเล็กจะแต่งงานแล้ว นี ช่างเป็ นเรื องทีน่ ายินดี แต่ว่า “น้องข้าเป็ นพระชายาเอก


แห่ งจิงอ๋ องมิใช่รึ เหตุใดเย่อีเฉิ นจึงไม่มาด้วยตนเอง? แต่ให้เจ้าทีเป็ นแค่พ่อบ้านเป็ นผูน้ าํ สิ นสอดมาให้แทน อีก
ทังถ้ายึดตามศักดิฐานะของพระชายาเอก สิ นสอดอย่างน้อยต้องมีหนึงร้อยยีสิ บหี บ แต่เจ้ากลับนํามาเพียงหกสิ บ
หี บเท่านัน นียังนับว่าเป็ นวังจิงอ๋ องอยูอ่ ีกไหม ผลการศึกของจิงอ๋ องรึ ก็มากมาย ทรัพย์สินมิสมควรจะขาดมือ”
ตอนที 7 ตีให้ หลาบจํา
จวนเจินกัวโหวถือเป็ นหนึ งในตระกูลชนชันสู ง เงินทองมิเคยขาด และมิเคยใส่ ใจว่าจะได้ค่าสิ นสอดมากน้อย
เพียงใด แต่นีจิงอ๋ องถึงกลับไม่มาส่ งมอบสิ นสอดด้วยตนเอง ทังจํานวนสิ นสอดยังน้อยจนมิสมฐานะ ชัดเจนว่า
ไม่ได้ให้ความสําคัญกับน้องเล็กเท่าใดนัก หากว่าข้ายังรับสิ นสอดโดยมิกล่าววาจา น้องเล็กคงถูกชาวบ้าน
ชาวเมืองพากันหัวเราะเยาะดูถกู เป็ นแน่

พอได้ฟังคําว่ากล่าวติเตียนจากเขา พ่อบ้านหวังปรากฏแววตาแปลกใจ “ท่านอ๋ องได้ประกาศทัวทังเมืองหลวง


แล้วว่าจะรับคุณหนูใหญ่ม่หู รงเป็ นพระชายารอง คุณชายยังมิทราบข่าวหรื อขอรับ?”

มู่หรงเย่ชะงัก เสี ยงดังขึนด้วยความโกรธและตกใจ “ประกาศเมือใดกัน?”

“ก็ในงานเลียงฉลองเมือสักครู่ ไงขอรับ เหล่าขุนนางล้วนได้ยนิ หรื อว่าคุณชายไม่ได้เข้าร่ วมงานเลียง จึงยังไม่


ทราบข่าว” พ่อบ้านพูดตอบ ดวงตาปรากฎแววล้อเลียน

มู่หรงเย่ทาํ ท่าทางอําอึงไม่เป็ นธรรมชาติ เขาไม่ได้กลับจวนหลายวันแล้ว ถึงแม้จะรู ้แล้วว่าเย่อีเฉิ นรบชนะและ


กลับมาเมืองหลวง แต่เขาก็ไม่รู้วา่ งานเลียงต้อนรับของเย่อีเฉิ นจัดขึนวันนี......

“เพือความสงบสุ ขระหว่างชิงเหยียนกับม่อเป่ ย ท่านอ๋ องจึงมีรับสังเช่นนี ทังยังทําให้คุณหนู ม่หู รงไม่ได้รับความ


ยุติธรรม ขอคุณชายโปรดอภัยด้วยขอรับ” พ่อบ้านหวังโค้งขอโทษด้วยท่าทีอ่อนน้อม

มู่หรงเย่มองพ่อบ้านหวังด้วยแววตาทีเต็มไปด้วยความสับสน สักพักจึงเอ่ยขึนว่า “คิดดูแล้ว ท่านอ๋ องของเจ้าคง


ไม่ชอบน้องสาวของข้านัก ถ้างันก็ถอนหมันเสี ยเถอะ แล้วก็หยุดการกระทําทีหมินเกียรตินีเสี ยที”
พ่อบ้านหวังชะงักไปครู่ หนึ ง แววตาตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าจอมเสเพลแห่ งเมืองหลวงผูน้ ี เพียงได้รู้ว่าน้องสาวได้
เป็ นเพียงบ้านรอง ถึงกับเอ่ยปากขอถอดหมัน......

“น้องสาวข้าเป็ นถึงบุตรสาวสายตรงแห่ งจวนเจินกัวโหว ถึงแม้จะไร้ซึงบิดามารดา ร่ างกายอ่อนแอ แต่ศกั ดิฐานะ


หาได้ตาต้
ํ อยไม่ ในเมืองหลวงยังมีชนชันสู งอีกมากทีต้องการรับนางเป็ นฮูหยินใหญ่ นางมิจาํ เป็ นต้องลดตัวไป
เป็ นรองใคร”

นําเสี ยงเน้นยําของมู่หรงเย่ลอยเข้าหู พ่อบ้านหวังยิม คนตระกูลมู่หรงล้วนดือดึงเสี ยจริ ง น่าเสี ยดายทีฝ่ ายตรงข้าม


ของพวกเขาคือจิงอ๋ อง “คุณชาย ทีท่านอ๋ องทําแบบนี ก็เพือปวงประชาที......”

มู่หรงเย่ตดั บท มองพ่อบ้านหวังอย่างเย็นชา “เย่อีเฉิ นควบคุมทหารดังเทพเซี ยน ถ้าเขาชอบน้องสาวของข้าจากใจ


จริ ง อยากแต่งนางเป็ นพระชายาเอก คงตีม่อเป่ ยจนยอมศิโรราบ จนทางนันไม่กล้ายืนข้อเสนออะไรอีก ข้ออ้าง
ทีว่าเพือความสงบของสองแคว้น จนต้องหลู่เกียรติโดยการให้นอ้ งข้าเป็ นรอง ข้ออ้างทีไร้สาระเช่นนี พวกเจ้ายัง
กล้าเอามาใช้กบั ข้า คิดว่าข้าเป็ นเด็กสามขวบรึ ไง?”

เทียวเล่นไร้ความมานานหลายปี แต่สามารถวิเคราะห์ได้ละเอียดชัดเจนเช่นนี นับว่ามู่หรงเย่เป็ นคนฉลาดทีหาจับ


ตัวได้ยากคนหนึ ง แต่จะว่าไปแล้วการแต่งงานกับมู่หรงเสวียก็เป็ นเรื องทีสําคัญต่อท่านอ๋ องมาก จะผิดพลาด
ไม่ได้

“คุณชาย ข้าน้อยเพียงรับคําสังจากท่านอ๋ องมาส่ งสิ นสอดเท่านัน คุณชายได้โปรดอย่าทําให้พวกข้าน้อยต้อง


ลําบากใจเลยขอรับ” พ่อบ้านหวังก้มหน้ากล่าว ส่ งสายตาไปทางคนงานขนหี บ
เหล่าคนงานเข้าใจความนัย เร่ งกันช่วยขนหี บสิ นสอดไปยังประตูใหญ่จวนเจินกัวโหว เร็ วจนผูค้ นตังตัวไม่ทนั

“พวกเจ้าทําอะไร?” มู่หรงเย่ได้สติเร่ งเดินไปยังด้านหน้าของเหล่าคนงานทีอีกไม่กีก้าวก็จะเข้าไปในจวนเจินกัว


โหว เขาทังโกรธทังร้อนรน คํารามขึนเสี ยงดังพลางวิงไปจนถึงประตูหลักของจวน ยกเท้าเตะไปทีหี บสิ นสอด
หี บหนึง

คนงานขนหี บไม่ทนั ได้ระวัง หี บสิ นสอดถูกเตะตกลงสู่ พืนจนแตกกระจาย ของลําค่าด้านในกระเด็นออกมาตาม


แรงกระแทก วัตถุโบราณ ห่ อผ้าไหม ทุกชินราคาล้วนมิใช้นอ้ ยดึงดูดสายตาของผูค้ น

มู่หรงเย่ไม่แม้แต่จะสนใจ จ้องไปยังคนงานผูห้ นึ ง ตะโกนขึน่า “ทีนี คือจวนเจินกัวโหว ไม่ใช่วงั จิงอ๋ อง พวกเจ้า


กลับกล้ามารุ กลํา ช่างบังอาจยิงนัก”

คนงานก้มหน้ามิกล่าววาจา เหล่สายตาขอความช่วยเหลือไปทางด้านข้าง

มู่หรงเย่มองตามสายตาของพวกเขาจนเห็นพ่อบ้านหวัง แววตาลุกโชนไปด้วยความโกรธ พ่อบ้านหวังถือเป็ น


หนึ งในมือเท้าของเย่อีเฉิ น เขาบังอาจให้คนงานบุกรุ กเข้าจวนเจินกัวโหว เท่ากับว่าเย่อีเฉิ นคงสังการไว้

“ข้านึ กว่าเย่อเฉิ
ี นจะเป็ นวีรบุรุษผูส้ ู งส่ ง ถึงพวกข้ากับเขาจะไม่ได้เป็ นทองแผ่นเดียวกันก็ยงั สามารถเป็ นมิตรทีดี
ต่อกันได้ แต่คาดไม่ถึงว่า เขากลับรังแกคนทีอ่อนแอกว่า ไม่รักษาสัญญา ทังยังใช้อาํ นาจบีบบังคับให้นอ้ งข้าแต่ง
เข้าเป็ นบ้านรอง ช่างไร้ยางอายจนข้าพูดไม่ออก”
“จวนเจินกัวโหวของข้าถึงแม้ว่าจะไม่สูงส่ งเท่าวังอ๋ อง แต่ก็จะมิอาจยอมให้ผใู ้ ดมาเหยียดหยาม พ่อบ้านหวัง เชิญ
ี นเสี ยเถอะ ตระกูลมู่หรงไม่ได้เสี ยดายในตัวเขา ถึงแม้ว่าเขาจะยอมให้นอ้ งสาวข้าเป็ นพระ
เจ้ากลับไปบอกเย่อเฉิ
ชายาเอกก็ตามที พวกข้าก็จะไม่เสี ยดาย พวกข้าขอถอนการหมันหมายครังนี ”

ก่อนแต่งงานก็หมินเกียรตินอ้ งสาวข้าขนาดนี หลังแต่งงานไปจะถูกกระทําขนาดไหนใครจะรู ้ น้องเล็กแต่งเข้า


วังจิงอ๋ องก็เหมือนอยูใ่ นดงสัตว์ร้าย จะจบชีวิตลงเมือใดก็ไม่อาจทราบได้

ฝูงชนมองไปทางเขาอย่างตกตะลึง เขาถึงขนาดกล้าว่าจิงอ๋ องอย่างรุ นแรงเช่นนี ช่างบังอาจยิงนัก

มู่หรงเย่มองอย่างไม่สนใจ เพียงแต่สังการเสี ยงดัง “พวกเจ้า โยนของสกปรกพวกนี ไปให้พน้ หู พน้ ตาข้า”

“ขอรับ” เหล่าทหารยามประจําจวนเจินกัวโหวสะดุง้ ถูกปลุกขึนจากภวังค์ พากันวิงมาด้านหน้า จับพวกคนงาน


และหี บสิ นสอดโยนออกไปด้านนอก

มู่หรงเย่มองความวุน่ วายตรงหน้า เสี ยงร้องเจ็บปวดของข้ารับใช้จวนจิงอ๋ อง ทําให้ความโกรธของเขาค่อยๆผ่อน


ลง จับมือมู่หรงเสวียเดินกลับเข้าจวน “พวกเราเข้าจวนเถอะ อย่าอยูม่ องคนพวกนี ให้เสี ยสายตาเลย”

“อืม” มู่หรงเสวียพยักหน้าพอใจ

เย่อีเฉิ นเพิกเฉยต่อความตังใจของนาง บีบบังคับให้รับสิ นสอดเพือยัดเยียดให้นางเป็ นบ้านรอง นางยิงรู ้สึกเกลียด


ชังเขามากขึนไปอีก เดิมทีคิดจะเปิ ดปากสังสอนพ่อบ้านหวัง แต่คาดไม่ถึงว่ามู่หรงเย่กลับชิงออกหน้าสังสอน
ความอวดดีของพวกเขาเสี ยก่อน เขากล่าววาจาทําให้เย่อีเฉิ นเสี ยหน้า และยังเป็ นเดือดเป็ นร้อนแทนนาง นางไม่
ต้องทําอะไรเพียงแต่รอดูผลอย่างสบายๆ

พ่อบ้านหวังหรี ตาคมมองร่ างของมู่หรงเย่กบั มู่หรงเสวียทีค่อยๆเดินกลับเข้าจวนไปอย่างช้าๆ สิ นสอนส่ งถึงแล้ว


ถึงแม้ม่หู รงเย่ไม่ยอมรับไว้ ก็ถือว่าเขาได้ทาํ ตามคําสังของท่านอ๋ องสร็ จเรี ยบร้อยแล้ว แต่ว่าเขายังมีอีกเรื องหนึงที
ต้องแจ้งให้ม่หู รงเย่ทราบ “คุณชาย อีกสามวันให้หลัง ท่านอ๋ องจะจัดขบวนมารับคุณหนูมู่หรงรับเข้าวังอ๋ องเป็ น
พระชายารอง......”

‘ปึ ก’ เสี ยงแผ่นไม้กระทบกับปากของพ่อบ้านหวังเสี ยงดัง ตัดบทสนทนาของเขาลง

พอบ้านหวังมีสีหน้าเขียวคลํา มองไปยังร่ างบางเบืองหน้าด้วยสายตาเหยียบเย็น พลางบ้วนฟั นขาวสองซี ทีหลุด


ปนออกมากลับเลือด

ความชุลมุนโดยรอบหยุดชะงักลง เหล่าผูค้ นมองหน้ากันไปมา เป็ นใครกันทีกล้าตบปากพ่อบ้านหวัง

ค่อยๆปรายสายไปมอง ปรากฏร่ างของมู่หรงเสวียทียืนนิงเงียบหันหลังให้เขาอยูบ่ นทางเดินหิ นห่ างไปไม่กีเมตร


นําเสี ยงเย็นชาลอยลู่ตามสายลมมาเข้าหู ของเขา “ต่อหน้าประตูจวนเจินกัวโหว ใครหน้าไหนทีกล้ามาลบหลู่ดู
หมิน พวกข้าคงยอมมิได้ ทหารยามจวนเจินกัวโหวฟั งคําสัง หากว่ายังมีใครกล้ารุ กลําเข้าจวนหรื อกล้า
โหวกเหวกโวยวายหน้าประตูจวน จงฟันทิงเสี ยไม่วา่ จะเป็ นหรื อตาย”

“ขอรับ” ทหารยามจวนเจินกัวโหวรับคําสัง ทําการขับไล่คนของวังจิงอ๋ องให้ออกไปอย่างฮึกเหิ ม เหตุการณ์หน้า


จวนกลับวุ่นวายอีกครัง

มู่หรงเย่ทาํ เป็ นมองไม่เห็น มองไปยังมู่หรงเสวียอย่างแปลกใจ “น้องเล็กเจ้าไปเรี ยนกระบวนท่าเมือครู่ กบั ผูใ้ ดกัน


เพียงใช้แรงเขวียงแผ่นไม้ออกไปก็ทาํ ให้พ่อบ้านหวังฟันล่วงสองซี ได้ เจ้าไม่รู้หรื อพ่อบ้านหวังนันเป็ นคนมีวร
ยุทธสู งผูห้ นึ ง ชือเสี ยงก็มีไม่นอ้ ย แต่ก็ยงั ไม่สามารถหลบพ้นการโจมตีจากเจ้าได้ เจ้ากลายเป็ นคนเก่งกาจเช่นนี
ตังแต่เมือใดกัน”
ตอนที 8 สั งสอนลูกพีลูกน้ อง
“ข้าไม่มีวรยุทธอะไรหรอก ก็แค่จาํ จากพวกทหารยามมา ทีดูออกก็มีเพียงไม่กีกระบวนท่าเท่านัน” มู่หรงเสวียพูด
แบบขอไปที แววตาวูบไหวไม่เป็ นธรรมชาติ

เรื องมีชีวิตใหม่ในต่างโลกทีน่ าเหลือเชือแบบนี ถ้าไม่เกิดขึนกับตัวเองนางคงไม่มีวนั เชืออย่างแน่ นอน


นับประสาอะไรกับเด็กอายุสิบสี อย่างมู่หรงเย่ ถ้านางบอกความจริ งมู่หรงเย่อาจคิดว่านางถูกปี ศาจร้ายเข้าสิ ง นาง
สู้เก็บไว้เป็ นความลับจะดีเสี ยกว่า

“เป็ นอย่างทีเจ้าบอกแน่ หรื อ?” มู่หรงเย่ยน่ คิว ชัดเจนว่าไม่เชือในคําพูดของนาง

“แน่นอน ข้าจะหลอกเจ้าทําไมกัน” เห็นมู่หรงเย่มีท่าทีจะถามต่อ มู่หรงเสวียจึงรี บพูดขึน “นี ก็เสี ยเวลามามากแล้ว


ข้าพาเจ้าฉิ งเอ๋ าไปอาบนําก่อนแล้วกัน ตอนนี มันตัวสกปรกมอมแมมไปหมด ดูท่าทางไม่สบายตัว”

มู่หรงเย่พอได้ยนิ คําว่าฉางเอ๋ าเพียงสองคํา ความสงสัยทีมีกส็ ู ญสลายหายไปกับอากาศเสี ยสิ น มองไปทีฉางเอ๋ า


ด้วยแววตาทีเปล่งประกาย “น้องเล็กเจ้าสุ ขภาพอ่อนแอ จะต้องเหนือยเองไปใย อาบนําสุ นขั งานหนักเยียงนี ให้
เป็ นหน้าทีของข้าเถอะ”

มู่หรงเสวียยิมน้อยๆ “ความหมายของข้าคือให้สาวใช้อาบ มิใช้อาบให้มนั เอง จะเหนือยทีไหนกัน?”


มู่หรงเย่ส่ายหน้าไม่เห็นด้วย “ขนของฉางเอ๋ ามันสกปรกจนดูไม่ออกว่าสี เดิมเป็ นสี อะไร บนตัวคงเต็มไปด้วยดิน
โคลน สาวใช้ในเรื อนของเจ้าล้วนแต่ผอมแห้งแรงน้อย ไม่รู้วา่ ก่อนฟ้ ามืดจะอาบเสร็ จหรื อไม่ ไหนๆแล้วก็ยกให้
ข้าเสี ยเถอะ ข้าจะให้พวกบ่าวผูช้ ายอาบให้มนั จนสะอาด เมือเสร็ จแล้วค่อยส่ งคืนเจ้า”

น้องเล็กหวงฉางเอ๋ ามาก ไม่ยอมยกให้โดยง่าย เขาขอแค่ทาํ ความรู ้จกั สนิทสนมกับเจ้าฉางเอ๋ าเล็กน้อยเสี ยก่อน


แล้วค่อยแอบพามันออกไปประลองตอนทีนางเผลอสักรอบสองรอบ เท่านี ก็คงกูช้ ือเสี ยงกูศ้ กั ดิศรี ให้ขา้ ได้
มากมายแล้ว

“ถ้าเช่นนันก็ได้” มู่หรงเสวียจําใจพยักหน้ารับ‘อย่างเสี ยมิได้’ ได้แต่ยอมส่ งเจ้าฉางเอ๋ าให้ม่หู รงเย่ดว้ ยท่าทางหวง


แหน เน้นยํากับพีชายอย่างละเอียดว่า “ขนของมันพันกันยุง่ เหยิงไปหมด เวลาอาบนําให้มนั บอกพวกบ่าวไพร่ ให้
อาบอย่างเบามือ อย่าทําให้มนั เจ็บ......”

“รู ้แล้ว รู ้แล้ว” มู่หรงเย่พยักหน้าหงึกหงัก อุม้ เจ้าฉางเอ๋ าเดินไปข้างหน้าอย่างเบามือ ต่อไปนี มันคือตัวนําโชคตัว


น้อยของเขา เค้าต้องสังให้บ่าวไพร่ ดูแลมันอย่างดีแน่ นอน

เดินออกไปไม่กีก้าว เขากลับหยุดเท้า หมุนตัวหันมองไปทางมู่หรงเสวียทีมีสายตาลังเลไม่แน่ใจ พลางถามขึน


“น้องเล็ก เจ้าโกรธข้าหรื อไม่ทีข้าประกาศให้เจ้าถอนหมันกับเย่อีเฉิ นโดยทีไม่ปรึ กษาเจ้าก่อน”

หนึ งปี มานี เขาแทบทีจะไม่ได้อยูท่ ีบ้านเลย เจอหน้ากับน้องเล็กก็นอ้ ยมากจนสามารถนับครังได้ แต่เขารู้ดีวา่ น้อง


เล็กชอบเย่อีเฉิ นมาก

“แน่นอนว่าไม่” มู่หรงเสวียยิมไม่ใส่ ใจ “เย่อีเฉิ นลดข้าเป็ นพระชายารองกลางงานเลียง ข้าขอถอนหมันตังแต่


ตอนนันแล้ว องค์ฮ่องเต้ก็มิได้คดั ค้าน แถมยังส่ งคนไปแจ้งเรื องให้อดีตจิงอ๋ องรี บกลับเมืองหลวงเพือหารื อเรื อง
ถอนหมัน......”
“จริ งรึ ?” มู่หรงเย่ดวงตาส่ องประกาย “แล้วเจ้าไม่ชอบเย่อีเฉิ นแล้วหรื อ?”

มู่หรงเสวียพูดอย่างดูแคลน “คนแบบนัน ไม่คู่ควรให้ขา้ ชอบหรอก”

“พูดได้ไม่เลว” มู่หรงเย่พยักหน้าเห็นด้วย “ในใจของเย่อีเฉิ นไม่มีเจ้า ไม่แม้แต่เห็นเจ้าอยูใ่ นสายตา เขาไม่ใช่


คู่ครองทีดีของเจ้าหรอก ดีแล้วทีเจ้าเป็ นคนขอถอนหมันตัดขาดจากเขาก่อน นีนับว่าเป็ นการตัดสิ นใจทีถูกต้อง
ทีสุ ดแล้ว”

“โฮ่งๆ” เจ้าฉางเอ๋ าน้อยเห็นทังสองพูดคุยกันจนไม่สนใจมัน จึงทนไม่ไหวเหาขึนเสี ยงดังเพือเรี ยกร้องความ


สนใจ

มู่หรงเย่มองดูมนั ด้วยใจเต็มไปด้วยความสุ ข พลางพูด “รอจนไม่ไหวแล้วละซิ ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปอาบนํา


เอง”

มองส่ งจนมู่หรงเย่เดินลับหายไป มู่หรงเสวียเดินตามทางหิ นไปข้างหน้า ได้ยนิ เสี ยงหัวเราะลอยมาแต่ไกล คิว


งามขมวดเข้าหากันพลางเดินไปยังเรื อนหลัก

พอก้าวพ้นผ่านประตู เรื อนฝังตะวันตกทีอยูใ่ นบริ เวณเรื อนหลักปรากฏร่ างของสาวใช้กลุ่มหนึ ง ในมือของพวก


นางมีกล่องไม้หอมประณี ตคนละกล่อง แต่ละกล่องว่างไว้ดว้ ย ปิ นไพลิน ต่างหู ทบั ทิม สร้อยข้อมือประดับนิล
ของสวยงามต่างๆนาๆ ทุกชินดูงดงามลําค่าไม่นอ้ ย
หญิงสาวนนางหนึงสวมด้วยชุดกระโปรงยาวสี ชมพูดูอ่อนหวานเหมือนดังผีเสื อ กําลังเดินไปมาระหว่าง
เครื องประดับลําค่าเหล่านัน ลองอันนีที ลองอันนันที รอยยิมเต็มไปด้วยความเบิกบานใจ

มู่หรงเสวียแค้นยิม เดินเข้าไปหาอย่างช้าๆ “พวกเจ้ากําลังทําอะไร?”

นําเสี ยงเย็นชาลอยเข้าหู เหล่าสาวใช้ต่างพากันหันไปย่อกายเคารพด้วยท่าทางอย่างขอไปที “คุณหนูใหญ่”

หญิงสาวชุดชมพูปรายตามองนางเพียงเล็กน้อย “พีหญิงกลับมาแล้วหรื อ? ท่านยายเห็นข้าแต่งกายเรี ยบไปหน่อย


เลยจะมอบเครื องประดับให้ขา้ เพิม ท่านเลยให้ขา้ มาเลือกทีนี เอาเอง”

ท่านยายทีนางว่ามิใช่ยา่ แท้ๆของมู่หรงเสวีย แต่ว่าเป็ นย่าเลียงผูซ้ ึ งเป็ นผูใ้ ห้กาํ เนิ ดมู่หรงเจียนและมู่หรงโหรวสอง


พีน้อง แต่อดีตเจินกัวโหวมู่หรงเยว่พ่อของนางนันเกิดจากเพ่ยฮูหยินซึ งเป็ นย่าแท้ๆของนาง

หญิงสาวในชุดชมพูมีนามว่าซ่ งชิงเหยียน นางเป็ นบุตรสาวคนโตในตระกูลสายตรงของจวนอู่อนั โหว


นอกจากนีนางยังเป็ นบุตรสาวของมู่หรงโหรวทีเป็ นอาหญิงของนาง ดังนันจึงสามารถนับได้ว่านางเป็ น
ลูกพีลูกน้องกับนาง ส่ วนศักดิฐานะของจวนอู่อนั โหวนันอยูใ่ นลําดับสองของยศขุนนางศักดินาเช่นจวนของพวก
นาง และด้วยความทีเป็ นหลานสาวแท้ๆทําให้ฮูหยินเฒ่ารักและเอ็นดูนางเป็ นพิเศษ ทุกครังทีมาจวนเจินกัวโหว
มักจะแต่งกายเรี ยบง่ายธรรมดา แต่พอกลับออกไปทัวร่ างกายมักจะเต็มไปด้วยของประดับลําค่า เป็ นเช่นนีเสมอ
มา
มู่หรงเสวียยิมเย็น ค่อยๆกล่าว “ท่านย่าประทานของขวัญแก่เจ้า เจ้าก็ควรจะไปเลือกทีห้องเก็บของของนางถึงจะ
ถูกต้อง แล้วเหตุใดเจ้าจึงมาโผล่ทีห้องเก็บสิ นเดิมของท่านแม่ขา้ เล่า?” ซ่ งชิงเหยียนทีกําลังลองต่างหู ชะงักค้างไป
ครู่ หนึง ค่อยๆขมวดคิว แต่ไหนแต่ไรนางก็มาเลือกเครื องประดับมาทีนีตลอด ไม่เห็นมู่หรงเสวียจะว่ากล่าวอะไร
แต่วนั นี กลับทวงถามนาง ไปหงุดหงิดมาจากไหนกัน “แม่เจ้าก็เป็ นป้ าของข้า มอบเครื องประดับของมีค่าให้ขา้
แค่ไม่กีชิน จะเป็ นไรไป?”

“ถ้าท่านแม่ขา้ พูดว่าให้เจ้าด้วยตัวนางเอง นันถึงจะเรี ยกว่าให้ แต่เจ้าไม่ได้รับอนุ ญาตจากท่านแม่ขา้ กลับกล้าโผล่


มาเอาเครื องประดับจากทีนี โดยพลการ นันชาวบ้านเขาเรี ยกว่าขโมย”

มู่หรงเสวียเน้นคําพูดช่วงท้ายประโยค ซ่ งชิงเหยียนทีถูกประชดประชันจะหน้าแดงกํา แต่กย็ งั ใช้สายตาเสี ยดแทง


จ้องมองมาทีนาง “แม่เจ้าก็ตายไปเป็ นสิ บปี แล้ว ข้าจะมีปัญญาทีไหนไปขออนุ ญาตเล่า มู่หรงเสวียเจ้าหยุดพูดมาก
ความได้แล้ว อย่าให้มนั มากเกินไปนัก”

มู่หรงเสวียสี หน้าเย็นชา กล่าวเสี ยงเย็น “สิ นเดิมของแม่ขา้ ถูกใครทีไหนไม่รู้มาขโมย พอข้าทวงถามก็บอกว่า


เกินไป งันระดับคุณหนูชนชันสู งเช่นเจ้า ขโมยทรัพย์สินของผูอ้ ืนนีเรี ยกว่าเกินไปหรื อไม่?”

“ข้ามิได้ขโมยสิ งใด!” ซ่ งชิงเหยียนปะทุความโกรธ “ข้ามีกุญแจและเข้ามาเลือกเครื องประดับอย่างสง่าผ่าเผยมิได้


หลบซ่ อนใครเข้ามา”

มู่หรงเสวียยกมุมปากนางกําลังรอคําพูดนี อยูพ่ อดี “ผูใ้ ดเป็ นคนดูแลกุญแจห้องเก็บของ?”


“ข้าน้อยเองเจ้าค่ะ!” สาวใช้อายุประมาณสามสิ บกว่าปี ผูห้ นึ งก้าวออกมา เส้นผมถูกหวีเป็ นระเบียบ ดวงหน้าขาว
สะอาด แววตาแข็งกร้าว แค่ดูกร็ ู ้วา่ เป็ นคนฉลาดผูห้ นึง

“พวกเจ้า ลากนางออกไปโบยหนึงร้อยไม้ แล้วขายนางออกไปนอกจวนเสี ย” มู่หรงเสวียสังการเสี ยงดัง

สาวใช้นางนันมีสีหน้าตกตะลึง ร้องขึนอย่างตกใจ “คุณหนูใหญ่ ข้าน้อยทําผิดอะไรเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียทีมีนิสัย


อ่อนโยนเรี ยบร้อย ไม่เคยอารมณ์ร้ายกับเหล่าบ่าวไพร่ มาก่อน แต่วนั นี กลับลงโทษโบยนางอย่างโหดร้ายแล้วยัง
สังให้ขายนางออกไปอีก

“ทีแม่ขา้ ให้กุญแจกับเจ้าก็เพือให้ดูแลรักษาสิ งของด้านใน แต่เจ้ากลับเปิ ดห้องเก็บของโดยพลการ ทังทียังไม่ได้


ขออนุ ญาตจากเจ้านาย เลียงเสี ยข้าวสุ กเช่นนี ขายทิงก็ถูกต้องแล้วมิใช่หรื อ”

เจ้าของร่ างเดิมนันมีจิตใจดีงามเกินไป ทําให้บ่าวไพร่ พวกนีลืมไปว่าเจ้าของห้องเก็บของทีแท้จริ งคือใคร เช่นนัน


นางก็จะไม่ถือตัว ช่วยพวกนางทวนความจําเสี ยหน่อย

ซ่งชิงเหยียนใบหน้าซี ดเผือด สาวใช้เปิ ดห้องเก็บของให้นาง จนต้องถูกสังโบยแล้วค่อยขายทิง ถึงแม้ม่หู รงเสวีย


จะทําท่าทางเหมือนกําลังสังสอนสาวใช้ แต่จริ งๆแล้วเป็ นการตบหน้านางทางอ้อม นางรู ้ดี

มู่หรงเสวียต้องการฆ่าไก่ให้ลิงดู นางโชคไม่ดีเองทีตกหลุมพรางทีถูกวางแผนไว้ บัดนียังคิดหาคําแก้ตวั ไป


หักล้างคํากล่าวหาไม่ได้ แผนการของมู่หรงเสวียช่างลําลึกจนทําให้นางรู ้สึกเกลียดชัง
สาวใช้ส่งสายตาขอความช่วยเหลือให้คนรอบข้าง แต่ก็ไม่มีใครกล้าออกหน้าช่วยเหลือนาง เนืองจากเกรงว่าเป็ น
การยัวโมโหมู่หรงเสวีย

ไม่มีใครกล้าช่วยนาง นางคงได้แต่ช่วยตัวเองแล้ว สาวใช้กลันใจพูดขึนเสี ยงดัง “รายงานคุณหนูใหญ่ ข้าน้อยทํา


ตามคําสังของฮูหยินเฒ่าจึงเปิ ดห้องเก็บของ......”
ตอนที 9 สู้ รบกับย่ าเลียง
“หุ บปาก” มู่หรงเสวียตะคอกเสี ยงดัง ยกมือตบหน้าสาวใช้ปากดี “เจ้ากระทําผิดเองแท้ๆ กลับกล้าให้ร้ายฮูหยิน
เฒ่า เจ้าไม่อยากมีชีวติ อยูแ่ ล้วรึ ?”

ซีกหน้าของสาวใช้แซ่ ชิวเต็มไปด้วยลอยฝ่ ามือแดง เจ็บแสบเป็ นอย่างมาก แวบหนึ งสายตาของนางปรากฏแวว


ขุ่นเคือง พลางกัดฟันพูด “คุณหนูใหญ่ ข้าน้อยมิได้พูดปด เป็ นคําสังของฮูหญิงเฒ่าจริ งๆ......”

“ยังกล้าเล่นลินรึ ?” มู่หรงเสวียตบสาวแซ่ ชิวไปอีกหนึ งฉาดจนล้มลงไปกับพืน และมองด้วยสายตาอย่างผูท้ ีอยูส่ ู ง


กว่า ขณะทีกําลังจะสังสอนเพิมเติม เสี ยงหนึงก็ดงั สวนขึนเสี ยก่อน “เสี ยงดังอันใดกัน? มีอะไรกัน?”

นางเพิงพูดไม่กีประโยค คนให้ทา้ ยก็มาเสี ยแล้ว บ่าวไพร่ จวนนี ช่างส่ งข่าวได้รวดเร็ วเสี ยจริ ง สาวใช้ทียืนอยูใ่ น
เรื อนฝังตะวันตกพวกนี ล้วนเป็ นคนของฮูหยินเฒ่า มีเพียงสาวใช้สองหน้าแซ่ ชิวเพียงคนเดียวทีเป็ นคนของนาง
ไม่แปลกใจว่าทําไมหญิงเฒ่าถึงมาได้รวดเร็ วถึงเพียงนี

มู่หรงเสวียเค้นยิมเย็น หันกายไปมองอย่างไม่ใส่ ใจ เป็ นฮูหยินเฒ่าแซ่ ตจู ้ ริ งๆด้วย นางค่อยๆเดินเข้ามาด้านใน ผม


หงอกขาวถูกรวบสู งเป็ นทรงปั กด้วยปิ นหยกมรกตครอบด้วยหมวกจีนลวดลายโบราณของหญิงชนชันสู งดูภูมิ
ฐานสมฐานะ

นางเม้มปากแน่ น ปรายตามองใบหน้าแดงบวมของสาวใช้แซ่ ชิว คิวค่อยๆขมวดเข้าหากัน “นี มันเรื องอะไรกัน?”


สาวใช้แซ่ ชิวมองเห็นนางเหมือนเห็นพระมาโปรด ดวงตาทอประกายด้วยความยินดี นําตาไหลลงมาเป็ นสาย
คุกเข่าโขกศีรษะลงกับพืนร้องกล่าวอย่างท่าทางน่ าสงสาร “ฮูหยินเฒ่าช่วยข้าน้อยด้วย คุณหนูใหญ่จะขายข้าออก
จากจวน”

มู่หรงเสวียเลิกคิว พูดด้วยนําเสี ยงเรี ยบนิง “สาวใช้ชิวเปิ ดห้องเก็บของโดยพละการ ทังยังให้ร้ายท่านย่า ข้าสัง


สอนก็นบั ว่าเป็ นสิ งทีถูกทีควร จะได้กนั มิให้บ่าวไพร่ อา้ งเบืองสู งกระทําการสิ งใดให้เสื อมเสี ยแก่จวนเจินกัว
โหว”

“จริ งรึ ?” ฮูหยินเฒ่ากวาดตามองใบหน้าแดงเถือกของสาวใช้ชิว มาหยุดสายตาอยูท่ ีร่ างของมู่หรงเสวีย “แต่สาว


ใช้ชิวมิได้โกหก เป็ นข้าเองทีสังนางให้เปิ ดห้องเก็บของหยิบเครื องประดับ เจ้าสังสอนผิดคนแล้ว”

เพือหลานสาวแสนรัก จึงสังให้บ่าวไพร่ เปิ ดห้องเก็บของของลูกสะใภ้ทีตายไป ฟังดูแล้วช่างไม่เข้าท่าเสี ยจริ ง ไม่


เพียงไม่ปฏิเสธ แต่ยงั ยอมรับผิดเสี ยอย่างหน้าตาเฉย ดูท่านางคงจะเกลียดหลานสาวอย่างมู่หรงเสวียจริ งๆ

ถ้าคนทียืนตรงหน้านางตอนนีเป็ นเจ้าของร่ างเดิม มาตรว่าคงถูกแซ่ ตผู ้ นู้ ีบริ ภาษจนไม่กล้าเงยหน้ามองใครเป็ น


แน่ แต่ไม่ใช่กบั นาง นางคือคุณหนูผทู ้ ีมาจากศตวรรษทียีสิ บเอ็ด เลยไม่เกรงกลัวหญิงเฒ่านางนี “มีกฎหมายข้อ
ไหนของแคว้นชิงเหยียน ทีบอกว่าแม่สามีสามารถยุง่ เกียวกับทรัพย์สินเดิมของลูกสะใภ้ทีตายไปแล้วได้ตาม
อําเภอใจกัน”

หญิงเฒ่าแซ่ ตูแ้ ววขุน่ เคือง มองมู่หรงเสวียอย่างเย็นชา “แม่เจ้าแต่งเข้าจวนเจินกัวโหว ก็ถือว่าเป็ นคนของจวน สิ น


เดิมของนางแน่ นอนว่าก็ตอ้ งนับเป็ นทรัพย์สินของจวน ข้ามีอาํ นาจดูแลทรัพย์สินไม่ว่าจะเป็ นสิ งใดก็ตามทีอยู่
ภายใต้การดูแลของจวนฝ่ ายใน ห้องเก็บของของข้าไม่มีเครื องประดับทีเข้ากับชิงเหยียน จึงให้นางมาเลือกดูทีนี ก็
เท่านัน”

“กฎหมายของชิงเหยียนบัญญัติไว้ชดั เจน ถ้าภรรยาบ้านหลักสิ นไปให้สินเดิมตกเป็ นของบุตรชายและบุตรสาว


ซึงของในห้องทังหมดเป็ นของทีท่านแม่ทิงไว้ให้ขา้ กับท่านพี มิเกียวอันใดกับคนผูอ้ ืนในตระกูลมู่หรง ตราบใด
ทีข้ากับท่านพียังมีชีวิตอยู่ ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิเอาออกไปโดยพละการ”

หลังจากทีพ่อแม่ตายไป หญิงเฒ่าแซ่ ตกู ้ ็ผลักไสให้นางไปอยูท่ ีเรื อนหิ มะโปรย ไม่เคยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ


ปล่อยให้ใช้ชีวิตตามมีตามเกิด หากพบนางโดยบังเอิญ ถ้าไม่กล่าววาจาเสี ยดสี ก็จะหาเรื องดุด่านางเป็ นประจํา
ไม่ได้เห็นว่านางเป็ นหลานสาวแต่อย่างใด ฉะนันนางก็จะมินบั นางเป็ นย่าเช่นกัน

“ดังนันการทีท่านไม่ได้รับการอนุ ญาตจากข้าหรื อท่านพี เปิ ดห้องเก็บของเอาสิ นเดิมของแม่ขา้ ออกไปโดยพละ


การ นับเป็ นกระทําความผิดตามกฎหมายของชิงเหยียน”

“งันหรื อ?” หญิงเฒ่าแซ่ ตูจ้ อ้ งเขม็งไปทางมู่หรงเสวีย แววตาดูถูกเหยียดหยาม “หลานสาวตัวน้อย ถ้าเป็ นเช่นทีเจ้า


พูด คล้ายว่าเจ้ากําลังบอกเป็ นนัยว่าจะไปฟ้ องร้องศาลและจับข้าเข้ากรงขังงันรึ ?”

“เนื องจากเครื องประดับพวกนียังอยูค่ รบไม่สูญหาย ท่านย่าก็มิจาํ เป็ นจะต้องไปขึนศาลแล้วเจ้าค่ะ แค่เพียงโบย


ั าผูน้ ีสักร้อยไม้ แล้วค่อยขายออกไป ข้าก็พอใจแล้วเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียตอบ
สาวใช้ชนตํ
พอหญิงเฒ่าแซ่ ตูไ้ ด้ยนิ ก็มีสีหน้าบึงตึง นี ข้ากําลังพูดประชดนางอยู่ มู่หรงเสวียนางไม่เข้าใจงันหรื อ? มิหนําซํายัง
กล้ายอกย้อนข้า ทังยังสังลงโทษสาวใช้ชิวอีก ช่างเป็ นหญิงโง่เง่าอ่อนต่อโลกเสี ยจริ ง

“พวกเจ้ายังยืนนิงอยูท่ าํ ไม ลากตัวสาวใช้ชิวออกไปโบยให้ครบหนึงร้อยไม้ แล้วขายออกนอกจวน” มู่หรงเสวีย


สังการ

“เจ้าค่ะ”สาวใช้สองนางก้าวออกมาด้านหน้านําผ้ายัดเข้าไปในปากของสาวใช้ชิวแล้วกระชากนางออกไปด้าน
นอกอย่างรวดเร็ วจนไม่มีใครตังตัวได้ทนั

เสี ยงโบยและเสี ยงกรี ดร้องของสาวใช้ชิวดังขึนจากด้านนอก เหล่าสาวใช้ต่างมองหน้ากันไปมา พากันปิ ดปาก


เงียบ คุณหนูใหญ่กาํ ลังอารมณ์เสี ย พวกนางยังไม่อยากโดยลูกหลง

ฮูหยินเฒ่าดวงหน้าเคร่ งครึ มน่ ากลัว จ้องเขม็งไปยังมู่หรงเสวีย ดวงตาเต็มไปด้วยความเยียบเย็น

มู่หรงเสวียแสร้งทําเป็ นมองไม่เห็น ปรายสายตามองกล่องเครื องประดับไม้แต่ละกล่อง “ปิ ดกล่องเครื องประดับ


แล้วเก็บเข้าห้องเก็บของเสี ย”

“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ!” เหล่าสาวใช้พากันตอบรับจนแทบไม่ทนั รี บนํากล่องเครื องประดับเก็บเข้าห้องเก็บของโดยเร็ ว


กลัวว่าหากชักช้าอาจโดนลงโทษจนมีสภาพเหมือนสาวใช้ชิว
มองดูห้องโถงทีว่างเปล่า ซ่ งชิงเหยียนดวงหน้าขาวซี ด มือภายในแขนเสื อกําเข้าหากันแน่ น ทังปิ นหยกมรกต ทัง
ต่างหู ทบั ทิมทีกําลังจะได้มา ล้วนแต่เป็ นของทีนางชอบ กลับโดนยึดคืนไปง่ายๆแบบนี เลวร้ายทีสุ ด!

“น้องชิงเหยียน คงมิได้มาเอาเครื องประดับทีนีเป็ นครังแรกสิ นะ”

นําเสี ยงเยียบเย็นดังเข้าหู ซ่งชิงเหยียนร่ างกายแข็งทือ มองไปยังมู่หรงเสวียอย่างระแวดระวัง “เจ้าหมายความว่า


อย่างไร?”

มู่หรงเสวียเพียงยิมน้อยๆ “เจ้าไม่ตอ้ งตกใจไป ข้ามิได้จะดุด่าเจ้า เพียงแค่อยากให้เจ้าเอาของทังหมดทีเอาไปจาก


ทีนี มาคืนเท่านัน”

ซ่งชิงเหยียนลอบถอนหายใจอย่างแผ่วเบา นางถูกมู่หรงเสวียทําให้ตกใจเข้าเสี ยแล้ว มู่หรงเสวียไม่ได้จะสังสอน


นางนันก็ดี แต่ว่าเครื องประดับเหล่านันนางต่างเลือกสรรมาเป็ นอย่างดี ทุกชินล้วนลําค่าทังสิ น นางจึงชอบเป็ น
พิเศษ มิสามารถตัดใจส่ งคืนให้กบั มู่หรงเสวียได้ กอรปกับนางใส่ พวกมันมาตังนาน พวกมันก็ควรจะตกเป็ นของ
นางตังนานแล้ว “เจ้าก็ถือเป็ นพีสาวของข้า เครื องประดับพวกนันเจ้าก็คิดเสี ยว่าเป็ นของขวัญทีมอบให้ขา้ เสี ยสิ
มาทวงคืนกับข้าแบบนี ไม่คดิ ว่าตัวเองตระหนี ถีเหนี ยวเกินไปหน่ อยรึ ?”

มู่หรงเสวียจ้องมายังนาง พูดตอบแบบไม่ตอ้ งคิดให้มากความ “น้องสาว เจ้ามาทีจวนของข้าทุกเดือน อย่างน้อยๆ


ก็เดือนละสามครัง ทุกครังก็เอาเครื องประดับกลับไปสองสามชิน สองปี มานีเจ้าหยิบเครื องประดับไปไม่ใช่นอ้ ย
แต่เป็ นหลายร้อยชิน มากขนาดทีต้องใช้หีบตังสามกําปั นในการบรรจุเสี ยทีเดียว”
ซ่งชิงเหยียนไม่ใส่ ใจ “เช่นนันเจ้าจะให้ขา้ ทําเช่นไร? สมบัติของแม่เจ้าก็ตงมากมายเครื
ั องประดับแค่ไม่กีร้อยชิน
เจ้าคงไม่ถึงกับขนาดขาดแคลนหรอก”

มู่หรงเสวียยิมเย็น เอาของคนอืนไปอย่างหน้าด้านๆ ยังมีหน้ามากล่าววาจาหัวหมอ หน้าไม่อายเสี ยจริ ง “ตอนอา


หญิงออกเรื อนก็มีสินเดิมมากมาย เครื องประดับก็คงมิขาดมือ ถ้าเช่นนันเจ้าก็คืนสมบัติของแม่ขา้ ให้กบั ข้าเสี ย
แล้วก็นาํ หี บเครื องประดับให้ขา้ สักสามกําปั นเป็ นไง ข้าจะได้ชืนชมของของอาหญิงบ้าง”

“เครื องประดับของแม่ขา้ ล้วนเป็ นของข้า ทําไมต้องให้เจ้า?” ซ่ งชิงเหยียนร้องเสี ยงแหลม ขณะกําลังจะกล่าวจบ


ถึงนึ กได้ว่าตนเองได้ติดกับของนางเข้าเสี ยแล้ว เตรี ยมจะแก้ตวั แต่ถูกมู่หรงเสวียแทรกขึน

“เครื องประดับของแม่ขา้ ก็ลว้ นเป็ นของข้า ทําไมจะต้องให้เจ้า? ก่อนฟ้ ามืดข้าต้องเห็นของทีเจ้าเอาไปทังหมด มิ


เช่นนันเราก็ไปเจอกันทีศาลก็แล้วกัน!”
ตอนที 10 ตังชือให้ ฉางเอ๋ า
“เรื องเล็กน้อยเพียงแค่นีถึงกับต้องไปฟ้ องร้องศาล เจ้าไม่กลัวชือเสี ยงของจวนเจินกัวโหวหรื อตัวเจ้าจะเสื อมเสี ย
รึ ?” ฮูหยินเฒ่ามองมู่หรงเสวียอย่างเย็นชา ว่ากล่าวเสี ยงเข้ม

ตามธรรมเนี ยมเรื องแย่ๆภายในจวนมิควรป่ าวประกาศออกไปให้คนภายนอกรับรู ้ ถ้าเป็ นคุณหนูจวนอืนมีแต่จะ


ปกปิ ดให้มิด แต่ม่หู รงเสวียกลับอยากให้เรื องแดงไปทัวเมืองหลวง ช่างไม่รู้ว่าสิ งใดควรทํามิควรทํา

“พวกท่านขโมยสิ นเดิมของแม่ขา้ ข้าถึงต้องฟ้ องศาล เรื องเสื อมเสี ยอับอายนัน มิใช่ขา้ ทีต้องกังวล แต่เป็ นพวก
ท่านต่างหากทีต้องกังวล อย่าลืมสิ ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเรานันช่างเปราะบางเพียงใด” มู่หรงเสวียพูด
อย่างเนิบนาบ สี หน้าคล้ายยิมคล้ายมิยมิ

ดวงตาสุ ขมุ ของฮูหยินเฒ่าหรี เล็กลง พ่อแม่ของมู่หรงเสวียมู่หรงเย่ต่างก็ตายตังแต่พวกนางยังเล็ก ซึ งตัวนางเองก็


มิใช่ยา่ แท้ๆ ลูกๆวัยกลางคนของนางมู่หรงเจียนกับมู่หรงโหรวก็มิใช่อาแท้ๆของพวกนาง ถ้าถูกมู่หรงเสวีย
ฟ้ องร้องว่าพวกนางแม่ลูกสามคนขโมยทรัพย์สินของทังสอง คนภายนอกจะต้องเชือนางอย่างมิตอ้ งสงสัย

“ชิงเหยียน เจ้ากลับไปทีจวนเอาของทีเจ้าเคยเอาไปส่ งคืนกลับมาให้หมด” ของในห้องเก็บของล้วนแต่เป็ นของ


ชันดี ข้าต่างเฝ้ ามองมานาน ตังใจจะนํามันมาแบ่งสรรให้กบั ลูกๆอย่างเท่าเทียมกัน แต่ว่าเรื องเช่นนีต้องทําเงียบๆ
ห้ามกระโตกกระตาก ย่อมให้คนนอกรู ้ไม่ได้โดยเด็ดขาด
“ท่านยาย!” ซ่ งชิงเหยียนมองหญิงเฒ่าแซ่ ตนู ้ าตาคลอ
ํ เครื องประดับพวกนันล้วนแล้วแต่เป็ นของชันดี ทังยังงาม
เลิศ นางเองก็ปรารถนาทีอยากจะได้มนั แม้แต่ชินเดียวก็มิอยากจะส่ งคืน ทําไมท่านยายถึงยอมรามือง่ายๆเพียงนี ?

“ทําไม เดียวนีแม้แต่คาํ พูดของยาย เจ้าก็ไม่ฟังแล้วรึ ? รี บกลับจวนไปเอาของมาคืนเดียวนี” หญิงเฒ่าแซ่ ตสู ้ ี หน้า


เคร่ งขรึ ม ทียอมเรามือเอาของมาคืนตอนนี เพียงเพราะจะรอให้ม่หู รงเสวียใจเย็นลงเท่านัน ไว้รอจนนางเผลอ ข้า
จะเอามาเป็ นของข้าให้หมด คอยดูเถอะ

เห็นดวงหน้าเคร่ งขรึ มของนาง ซ่ งชิงเหยียนก็ตวั แข็งทือ แววตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ท่านยายดุนางเพือเอา


ใจมู่หรงเสวียถึงเพียงนี ท่านยายช่างใจร้ายทีสุ ด!

“หึ !” ซ่ งชิงเหยียนเดินกระแทกเท้าออกไปด้านนอก

“ใบรายการสิ นเดิมของแม่ขา้ มีบนั ทึกอยูท่ ีทีว่าการอําเภอ พวกเครื องประดับทีหายไปล้วนมีเขียนไว้บนนัน หวัง


ว่าของทีน้องชิงเหยียนส่ งคืนมาจะเป็ นชินเดียวกัน มิใช่ของแปลกปลอมทีเอามาตบตา”

เสี ยงกล่าวเตือนอย่างเย็นชาดังเข้าหู ซ่ งชิงเหยียนหยุดฝี เท้า กัดฟั นโกรธมองไปยังมู่หรงเสวีย “พีหญิงโปรดวางใจ


เหยียนเอ๋ อร์ กเ็ ป็ นบุตรสายตรงของจวนอู่อนั โหวเช่นกัน เครื องประดับก็มีมากมาย มิได้โลภมากไปกับของ
เล็กน้อยแค่นี”

“ได้เช่นนันก็ดี” มู่หรงเสวียพูดอย่างขอไปที ท่าทางไม่เชือคําพูดของนาง


ความโกรธของซ่ งชิงเหยียนจุกอยูใ่ นอกจะปล่อยออกไปก็มิได้ ได้แต่ข่มอารมณ์จอ้ งมู่หรงเสวียตาเขม็ง เดิน
กระฟัดกระเฟี ยดออกไปทางด้านนอก ตอนแรกนางวางแผนว่าจะเอาเครื องประดับอะไรก็ได้มาคืนสักหีบสอง
หี บ คาดไม่ถึงว่าแผนของนางจะถูกมู่หรงเสวียรู ้ทนั ช่างเลวร้ายทีสุ ด!

สาวใช้นางหนึ งรี บวิงเข้ามาในเรื อนหลัก กระซิ บข้างหู ฮูหยินเฒ่า

ดวงตาของฮูหยินเฒ่าเปลียนเป็ นเคร่ งขรึ ม สายตาคมดังลูกธนูพ่งุ ตรงมาทีร่ างของมู่หรงเซวีย “เจ้าขอถอนหมัน


กับจิงอ๋ องรึ ?”

“เจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียพยักหน้า “เย่อีเฉิ นพาคนในดวงใจกลับมาด้วยเช่นนี เพือทีทังคู่จะได้ครองรักกัน จึงลดขันข้า


เป็ นเพียงพระชายารอง บุตรสายตรงของตระกูลชนชันสู งเช่นเราต้องเป็ นอนุ ให้ผอู ้ ืน อาจทําให้ถูกผูค้ นครหาได้
เพือรักษาชือเสี ยงทีสังสมมากว่าหนึงร้อยปี มิให้เสื อมเสี ย ข้าจึงขอถอนหมัน”

“การหมันหมายเป็ นเรื องทีผูใ้ หญ่เป็ นคนกําหนด เจ้าขอถอนหมันด้วยตนเองเช่นนีโดยมิยอมหารื อกับญาติผใู ้ หญ่


ให้เรี ยบร้อยเสี ยก่อน ทําไมถึงช่างไร้มารยาทเพียงนี ?” หญิงเฒ่าแซ่ ตูก้ ล่าวเสี ยงดัง

มู่หรงเสวียคล้ายยิมคล้ายมิยมิ “ผูใ้ หญ่ทีท่านย่าพูดถึง คงหมายถึงท่านสิ นะเจ้าคะ?”


หญิงเฒ่าแซ่ ตูก้ ล่าวเสี ยงเย็น “พ่อแม่ของเจ้าต่างตกตายไปแล้วทังคู่ ถึงข้าจะมิใช่ยา่ แท้ๆของเจ้า แต่กย็ งั มีศกั ดิเป็ น
ย่าเลียงซึ งก็คงเรี ยกได้ว่าเป็ นญาติผใู ้ หญ่คนหนึง มิถูกต้องรึ ?”

มู่หรงเสวียจ้องมองนาง กล่าวเพียงเนิบๆว่า “การหมันหมายของข้ากับจิงอ๋ อง เป็ นการตกลงกันระหว่างท่านพ่อ


ของข้ากับอดีตจิงอ๋ อง ไม่ได้เกียวข้องกับจวนฝ่ ายใน เพียงผูใ้ หญ่จวนฝ่ ายหน้าตกลงก็สามารถถอนหมันได้ คงมิ
ต้องถามความเห็นของท่านย่าหรอกเจ้าค่ะ”

“อาสองของเจ้าเขา......”

“ท่านอาสองอยูไ่ กลตังจิงโจว ไปกลับต้องใช้เวลาเป็ นเดือน การถอนหมันเป็ นเรื องเร่ งด่วน รอหารื อกับอาสอง
คงมิทนั การณ์ ตอนนี ท่านพีของข้ามีศกั ดิฐานะเป็ นเจินกัวโหว ข้ายึดตามคํากล่าวทีว่าพีชายมีอาํ นาจสิ ทธิขาด
เหมือนพ่อ ซึ งท่านพีก็เห็นด้วยในการทีข้าจะถอนหมันกับเย่อเฉิ
ี น ท่านย่ามิตอ้ งเป็ นกังวลในเรื องนีหรอกเจ้าค่ะ”
มู่หรงเสวียมองนางยิมๆ ดวงตาสื อความหมายลึกซึ ง

หลังจากทีมู่หรงเยว่ทาํ ศึกจนต้องตาย ใจของหญิงเฒ่าแซ่ ตูก้ เ็ ต็มไปด้วยความยินดีทีตําแหน่ งเจินกัวโหวจะตกเป็ น


ของมู่หรงเจียน คาดไม่ถึงว่าองค์ฮ่องเต้กลับมีราชโองการให้ม่หู รงเย่ทีมีอายุเพียงสี ขวบปี รับสื บทอดตําแหน่ ง
แทน ไม่พอยังส่ งมู่หรงเจียนไปรับราชการทีจิงโจว จนถึงบัดนียังมิเคยเรี ยกตัวกลับเมืองหลวงอีกเลย ทังหมดนี
ล้วนเป็ นสาเหตุทีหญิงเฒ่าแซ่ ตูช้ ิงชังสองพีน้องคู่นีจนเข้ากระดูกดํา
หญิงเฒ่าแซ่ ตูส้ ี หน้าบึงตึงจนน่ากลัว การทีมู่หรงเสวียถูกลดขันเป็ นพระชายารองถึงแม้จะทําให้ชือเสี ยงของจวน
เจินกัวโหวเสื อมเสี ย แต่นางก็ยอมเพือแลกกับการได้เห็นมู่หรงเสวียตกตํา ยิงไปกว่านันมู่หรงเสวียเป็ นลูกสาว
ของมู่หรงเยว่ ไม่มีสายเลือดของนางโดยตรง การทีมู่หรงเสวียเสื อมเสี ยย่อมไม่เกียวข้องอะไรกับนาง ทังหมดนี
ต้องโทษเจ้ามู่หรงเย่จอมเสเพลไร้สมอง ถูกมู่หรงเสวียหลอกล่อจนเห็นด้วยกับการถอนหมัน ช่างขัดใจข้ายิงนัก!

“โฮ่งๆ” สิ งมีชีวิตสี ขาวตัวหนึ งพุ่งเข้าสู่ ออ้ มกอดของมู่หรงเสวีย

มู่หรงเสวียก้มมองสุ นขั สี ขาวราวหิ มะตัวน้อยทีตะกายอยูบ่ นอกของนาง จ้องมองนางด้วยดวงตาแวววาว ท่าทาง


น่ารักน่าเอ็นดูสามารถละลายใจคนจนหมดสิ น

นีมันเจ้าฉางเอ๋ าทีกัดสุ นขั ประลองห้าตัวจนตายตัวนันนี ? มู่หรงเสวียมิอยากจะเชือสายตาของตัวเอง

“ฉางเอ๋ า เจ้าฉางเอ๋ าน้อย” มู่หรงเย่วงกระหื


ิ ดกระหอบเข้ามาด้านใน ก็เห็นเจ้าฉางเอ๋ าถูกอุม้ อยูใ่ นอกของมู่หรง
เสวียท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู พลันกล่าวอย่างน้อยใจ “ข้าให้บ่าวไพร่ อาบนํา แปรงขน ดูแลปรนนิ บตั ิเจ้าอย่างดี
ขอบคุณข้าสักคําก็ไม่มี แต่กลับรี บวิงมาทีนีเสี ยอย่างนัน ช่างอกตัญ ูยงนั
ิ ก!”

“มันยังเล็ก ยังมิคอ่ ยรู้ความ” มู่หรงเสวียค่อยๆลูบหัวเล็กๆของเจ้าฉางเอ๋ า จิตใจเบิกบาน “พวกเราตังชือให้มนั


เถอะ เอาแต่เรี ยกแต่ฉางเอ๋ าฉางเอ๋ า ฟังดูไม่ค่อยเพราะเท่าไร”

มู่หรงเย่ดวงตาเป็ นประกาย ตังชือให้สุนขั เรื องนีเขาเก่งทีสุ ดแล้ว “มันต่อสู ้เก่งขนาดนัน เรี ยกมันว่าขุนพลแห่ ง
ชัยชนะ เจ้าว่าดีหรื อไม่?”
มู่หรงเสวียสี หน้าเข้มขึน “มันเป็ นของข้าแล้ว อย่าหวังให้มนั ไปสนามประลองอีก เป็ นอันขาด เจ้าเลิกตังชือ
เกียวกับการต่อสู ้ได้แล้ว คิดชือทีธรรมดากว่านีหน่อย”

หลายปี มานีเขาอยูแ่ ต่ทีสนามประลองเพือประลองสัตว์ โดยทัวไปเวลาตังชือให้สุนขั ก็จะมีความหมายทีเกียวกับ


การต่อสู ้และชัยชนะเป็ นหลัก ชือทีดูธรรมดาเขายังไม่เคยตังมาก่อน

มู่หรงเย่ขมวดคิว มองดูหนึงคนหนึงสุ นัขทีกอดกันอย่างแนบแน่น “น้องเล็กเจ้ารักเจ้าฉางเอ๋ าขนาดนี เรี ยกว่าเป่ า


เป้ ยดีรึไม่?”

“เป่ าเป้ ย?” นางขมวดคิว “ข้าคิดว่ามันรู ้สึกแปลกๆ”

“งันเป็ นเป่ าเปาดีรึไม่?” มู่หรงเย่แนะนําเสี ยงเบา มองสี หน้ามู่หรงเสวียทีขรึ มลง “ถ้างันเป้ ยเป้ ยละ?”

“เป้ ยเป้ ย? พอฟังเข้าหู ดี งันเรี ยกมันว่าเป้ ยเป้ ยแล้วกัน” ความสามารถตังชือของมู่หรงเย่กเ็ ป็ นเช่นนี มู่หรงเสวียคิด
ชืออืนไม่ออก งันก็เรี ยกมันว่าเป้ ยเป้ ยแล้วกัน

มองดูม่หู รงเซวียกับมูหรงเย่ หญิงเฒ่าแซ่ ตูก้ ็มีสีหน้าบึงตึง การทีพวกเขาพูดคุยโดยไม่สนใจคนรอบข้างเหมือน


ดังหลงลืมไปว่ามีนางยืนเป็ นหัวหลักหัวตออยูต่ รงนี ด้วย
ริ มผีปากเม้มแน่น เตรี ยมจะว่ากล่าวสังสอน แต่ม่หู รงเสวียกลับเอ่ยปากแทรกขึนมาก่อน “น้องเหยียนคงใช้เวลา
ประมาณหนึงชัวยามถึงจะมาส่ งหี บเครื องประดับ หงซิ วเจ้าไปลงกลอนห้องเก็บของให้เรี ยบร้อยแล้วเอากุญแจ
มาให้ขา้ ”

“เจ้าค่ะ” หงซิ วยืดตัวตรงเดินไปลงกลอนทีประตูหอ้ งเก็บของ ก่อนจะส่ งคืนกุญแจแก่ม่หู รงเสวีย

มู่หรงเสวียนี นางวางแผนทีจะดูแลห้องเก็บของด้วยตนเองรึ ?

หญิงเฒ่าแซ่ ตูม้ ีประกายตาไหววูบ “ชนชันสู งโดยมากมีธรรมเนี ยมฝากกุญแจห้องเก็บของไว้กบั สาวใช้ขา้ งกาย


ระดับคุณหนูใหญ่จวนขุนนางยศโหวเช่นเจ้า กลับเก็บกุญแจไว้ทีตัวเอง มิกลัวชาวบ้านหัวเราะเยาะรึ ?”

“ข้างกายข้าไม่มีคนทีไว้ใจได้ จึงต้องเก็บรักษาเองไปก่อน เมือหาคนทีเชือใจได้ ข้าจะให้นางดูแลแทนเจ้าค่ะ มิ


กล้ารบกวนฮูหยินเฒ่าหรอกเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียสวนกลับอย่างเรี ยบนิง

หญิงเฒ่าแซ่ ตูช้ ะงัก แววตาส่ องประกายชัวร้าย ถ้ากุญแจอยูใ่ นมือของมู่หรงเสวีย นางคงมิมีโอกาสยักยอกสิ นเดิม


ของแม่นางอีกแน่ “เย่เอ๋ อร์ ช่วยพูดกับน้องสาวของเจ้าหน่ อยซิ ว่าคุณหนูทียังมิได้ออกเรื อน วันๆสนใจแต่เรื อง
เงินทองเช่นนี ไม่กลัวจะถูกผูค้ นหัวเราะเยาะรึ ?”

มู่หรงเย่ยน่ คิวกดเสี ยงตํา “ท่านย่า น้องเล็กอายุสิบสี แล้ว อีกมินานคงต้องออกเรื อนฝึ กจัดการดูแลทรัพย์สินและ


เรื องต่างๆของจวนฝ่ ายในไว้ก่อน มันก็ถูกต้องแล้วนะขอรับ”
“นี......พวกเจ้า!” หญิงเฒ่าแซ่ ตูโ้ กรธแค้นเป็ นอย่างมาก ดวงตาเย็นชากวาดมองไปทางมู่หรงเย่แล้วก็ยา้ ยไปมองที
ร่ างของมู่หรงเสวีย จากนันก็มองกลับไปทีร่ างของมู่หรงเย่ อีกครัง ท่าทางอยากพูดบางสิ งแต่กป็ ิ ดปากมิกล่าว
วาจา แสดงท่าทางไม่พอใจก่อนจะลุกขึนเดินออกไปด้านนอก ไม่แม้แต่หนั กลับมามองอีก

มองร่ างทีไกลลับออกไปของนาง มู่หรงเย่มึนงง “ข้าพูดอะไรผิดไปรึ ?”

“ไม่ผดิ หรอกเจ้าค่ะ ท่านย่าคงกําลังดีใจทีท่านพีเริ มเป็ นการเป็ นงานขึนบ้างแล้ว” มู่หรงเสวียยกยิมมุมปาก แววตา


เคร่ งขรึ ม หญิงเฒ่าแซ่ ตูค้ งจะเกลียดพวกนางสองพีทีตัดเส้นทางรํารวยของนาง แน่นอนว่าคงจับจ้องสิ นเดิมใน
ห้องเก็บของมานานและคิดทีจะยักยอกเอามาเป็ นของตัวเอง

มีแผนการอะไรก็เชิญแสดงออกมาให้หมด นางจะตอบโต้จนอยูไ่ ม่เป็ นสุ ขเลยทีเดียว คอยดูเถอะ


ตอนที 11 ไปสุ สานในวันมงคล
วังจิงอ๋ อง

สวีเทียนโย่วมองหี บสิ นสอดทีวางนิงอยูด่ า้ นหน้า คิวขมวดขึน มู่หรงเสวียถึงกลับกล้าตีกลับสิ นสอดทังหมด เป็ น


การกระทําทีไม่ไว้หน้าจิงอ๋ องยิงนัก ช่างหยิงผยองเกินไปแล้ว สายตาเย็นเยียบกวาดมองหี บสิ นสอดทีละหี บด้วย
สี หน้าแดงกลําด้วยความโกรธ พูดกล่าวอย่างไม่เข้าใจ “แค่ขนหี บสิ นสอดไปไว้ทีจวนเจินกัวโหว ทําไมพวกเจ้า
ถึงเจ็บตัวกลับมาได้?”

“เรี ยนคุณชายสวี คุณหนูใหญ่ม่หู รงมิชอบใจทีถูกท่านอ๋ องบีบบังคับให้แต่งงาน จึงสังการให้ทหารยามจวน


เจินกัวโหวไล่พวกข้าน้อย พวกข้าน้อยไม่ทนั ตังตัวเลยได้รับบาดเจ็บขอรับ” พวกบ่าวไพร่ กม้ หน้าตอบด้วยแวว
ตาเกรงกลัวความผิด

แววตาคมกริ บของสวีเทียนโย่วหรี เล็กลง “เป็ นมู่หรงเสวียสังการด้วยตัวเองรึ ?”

“ขอรับ” เหล่าบ่าวไพร่ ลว้ นพยักหน้า ชะงักไปสักครู่ ค่อยๆ กล่าวอย่างระมัดระวัง “พ่อบ้านหวังยังถูกมู่หรงเสวีย


ทําร้ายจนฟันหักไปสองซี ด้วยนะขอรับ”

“จริ งรึ ?” สวีเทียนโย่วหันมองไปยังพ่อบ้านหวังอย่างตกตะลึง เพียงเห็นเขาเม้มปากเน้น มิกล่าววาจาสี หน้ามืด


ครึ ม ดูท่าแล้วพวกบ่าวไพร่ คงมิได้พูดปด
พ่อบ้านหวังดูแลจิงอ๋ องมาตังแต่ยงั เล็ก เป็ นคนทีจิงอ๋ องเชือใจทีสุ ดผูห้ นึ ง ไม่ว่าจะเป็ นกุนซื อ ลูกน้องแม้กระทัง
เพือนฝูงของจิงอ๋ องเวลาเจอพ่อบ้านหวังยังต้องเคารพอย่างนอบน้อม มู่หรงเสวียกล้าทําร้ายจนเขาได้รับบาดเจ็บ
ช่างอวดดีและโง่เง่าเกินเยียวยายิงนัก แต่ “มู่หรงเสวียขึนชือว่าเป็ นคุณหนูผเู ้ รี ยบร้อยอ่อนโยน เหตุใดจึง
เปลียนเป็ นคนแข็งกร้าวเช่นนี ไปได้? หรื อนางอยากจะเรี ยกร้องความสนใจจากจิงอ๋ อง?”

“ข้าว่ามิใช่” เย่อีเฉิ นเดินออกมาจากห้องหนังสื อ เขาสวมชุดจีนโบราณสี ม่วง ดูมีสง่าราศี ภายใต้หมวกประจํา


ศักดิฐานะสี ม่วงทองทีส่ องสะท้อนกับดวงอาทิตย์ปรากฏแววตาทรงอํานาจ เสริ มให้เขาดูหล่อเหลาสู งส่ งยิงขึน
“ถ้านางต้องการเรี ยกร้องความสนใจอย่างทีเจ้าว่า นางคงต่อต้านท้าทายเพียงข้า มิจาํ เป็ นจะต้องตัดนิวมือทังห้า
ของน้องชายเจ้าอีก”

“ว่าไรอย่างไรนะ มู่หรงเสวียตัดนิวมือสวีเทียนอัน“ สวีเทียนโย่วตกตะลึง สี หน้าเคร่ งขรึ มจนน่ากลัว “มันเกิดขึน


ตอนไหนหรื อพ่ะย่ะค่ะ”

“หลังจากทีเลิกประชุมได้ไม่นาน มู่หรงเสวียท้าเดิมพันกับน้องเจ้าหนึงตา แต่นอ้ งของเจ้าพ่ายแพ้” เย่อีเฉิ นกล่าว


เสี ยงเรี ยบ

พอสวีเทียนโย่วได้ยนิ ถึงกับกัดฟันโกรธ ในสนามประลองสัตว์ ของเดิมพันจะเป็ นแก้วแหวนเงินทอง ผ้าไหม


หรื อของโบราณอะไรก็ได้ แต่มู่หรงเสวียกลับใช้นิวมือเดิมพัน แถมยังกล้าตัดนิ วของเทียนอันจนกลายเป็ นคน
พิการ นี มันจะเกินไปแล้ว “ท่านอ๋ อง มู่หรงเสวียนางต้องแกล้งทําเป็ นคนมีนิสัยเรี ยบร้อยอ่อนหวาน แต่ตวั ตนที
แท้จริ งของนางคงเป็ นคนโหดเหี ยมอํามหิ ต คนแบบนี เราไม่ควรทีจะทําดีดว้ ยนะพ่ะย่ะค่ะ”

“ข้าทราบแล้ว ข้าไม่เคยคิดจะแต่งตังนางให้เป็ นชายาเอก” แววตาของเย่อีเฉิ นเต็มไปด้วยความเยือกเย็น


สวีเทียนโย่วพอได้ยนิ เช่นนัน ความขุ่นมัวภายในจิตใจจึงค่อยๆ เลือนหายไป คนทีท่านอ๋ องชอบคือองค์หญิงยวี
เยียน เค้าคงจะกังวลมากไป “ถ้าเช่นนัน พิธีแต่งงานในอีกสามวันข้างควรจะทําอย่างไรดีพ่ะย่ะค่ะ?”

“มิตอ้ งจัดใหญ่โต แต่ตอ้ งประกาศให้ผคู ้ นทราบโดยทัวกัน เตรี ยมเชิญเหล่าขุนนางและเหล่าตระกูลชนชันสู งเข้า


ร่ วมงานด้วย แล้วก็เตรี ยมเกียวสี ชมพู รับตัวมู่หรงเสวียเข้าวังอ๋ อง......” เย่อีเฉิ นสังการอย่างครบครันมิมีสิงใดตก
หล่น

สวีเทียนอันได้ฟังดวงตายิงเปล่งประกาย ตามธรรมเนียมการรับพระชายารองต้องให้คนงานสี คนแบกเกียวบุปผา


เข้าวังอ๋ อง แต่ท่านอ๋ องกลับให้เอาเกียวสี ชมพูไปรับนาง ชัดเจนว่าเป็ นการดูหมินเหยียดยามนาง ขอเพียงนางนัง
มันเข้าวัง ชีวิตนี ก็คงได้กลายเป็ นอนุ จริ งๆ นางคงเป็ นได้เพียงอนุเล็กๆ อันตําต้อยผูห้ นึงในวังจิงอ๋ อง แม้แต่ยศ
พระชายาก็ไม่มีสิทธิได้รับ

มู่หรงเสวียดือรันหยิงยโสเอง มิยอมเป็ นพระชายารอง ท่านอ๋ องเลยสังสอนนางโดยการให้เป็ นเพียงอนุ ชนตํ


ั า
โยนนางลงหลุม ทําให้นางเสื อมเสี ยเกียรติต่อหน้าขุนนางน้อยใหญ่ ถูกผูค้ นว่ากล่าวประณาม ดูสิวา่ นางยังจะ
อวดดีอยูอ่ ีกไหม !

มู่หรงเสวียมิประมาณกําลังตน ท้าทายอํานาจของจิงอ๋ องหลายต่อหลายครัง นี ก็เป็ นสิ งทีนางสมควรได้รับแล้ว


เขารู ้สึกทนไม่ไหวทีจะได้รอดูนางตกตําจนจมอยูใ่ นโคลนตมเสี ยแล้ว ช่างน่ าอนาถเสี ยจริ ง
แสงแดดกระทบเปลือกตา หอมกลินมวลบุปผา เหล่านกร้องขับขาน ปลุกนางให้ตืนจากการหลับไหล

มู่หรงเสวียลุกขึนไปอาบนํา เมือเสร็ จจากมือเช้า นางค่อยๆ เดินออกจากเรื อนหิ มะโปรยไป

สามวันมานี นางมัวแต่วุ่นอยู่กบั การจัดการห้องเก็บสิ นเดิมของท่านแม่ เพิงจะตรวจสอบเสร็ จสิ นเมือยามซวี*


ของเมือคืน รวมกับของทีซ่ งชิงเหยียนคืนมาล้วนอยูค่ รบถ้วนไม่มีตกหล่นแม้แต่ชินเดียว ในทีสุ ดนางก็จะได้
ออกไปเดินเล่นพักผ่อนด้านนอกเสี ยที

แต่พอเปิ ดประตูเรื อนกลับเห็ นมู่หรงเย่เดินวนไปมา ดวงหน้าหล่อเหลาแสดงความกระวนกระวาย “ท่านพี เกิด


เรื องอะไรรึ ?”

มู่หรงเย่หยุดเท้ามองมายังนางด้วยสายตาไม่เข้าใจและนําเสี ยงร้อนรน “วันนี เย่อีเฉิ นจะมารับเจ้าเข้าวังอ๋ อง ทําไม


เจ้าถึงดูไม่ร้อนใจเลยสักนิดเดียว?”

“ข้าก็มิได้จะแต่งเข้าวังอ๋ องเสี ยหน่ อย มีเหตุใดให้ร้อนใจกัน นอกจากเขาจะกล้าใช้กาํ ลังบีบบังคับฉุ ดข้าเข้าวัง


อ๋ อง” มู่หรงเสวียมิใส่ ใจ เดินผ่านมู่หรงเย่ไปด้านหน้า

มู่หรงเย่เร่ งเดินตามมาด้านหลังของนาง แววตาเต็มไปด้วยความลําบากใจ “เย่อีเฉิ นเก่งทางด้านการศึก ทังยังมี


อํานาจทางทหารอยูใ่ นมือ ขนาดเหล่าองค์ชายยังถอยให้เขาสามส่ วน เรื องใช้กาํ ลังบีบบังคับให้เจ้าแต่งเข้าเป็ น
พระชายารองก็ไม่แน่ วา่ เขาจะมิกล้า”
มู่หรงเสวียสบถ “ถึงแม้เขากล้าบังคับใช้กาํ ลังกับข้าก็เถอะ ถ้าข้าไม่ยอมเสี ยอย่าง มีหรื อว่าเขาจะทําสําเร็ จ ถ้าเรา
มิได้อยูท่ ีจวนเจินกัวโหวเสี ยอย่าง ถึงเขาจะนําเกียวบุบผามารับก็คงต้องกลับไปมือเปล่า”

มู่หรงเย่นิงค้าง ปรายตามองมู่หรงเสวียอย่างละเอียด เห็นเพียงนางแต่งกายด้วยชุดขาวเรี ยบง่าย ผมถูกรวบสูงขึน


ด้วยปิ นหยกขาว เพียงสายลมเบาๆ พัดผ่าน ชุดสี ขาวโปร่ งก็ปลิวไสวไปมา คล้ายดังเทพเซี ยนทีกําลังล่องลอยอยู่
ท่ามกลางสายลม “น้องเล็กเหตุใดเจ้าจึงแต่งกายเช่นนีหรื อ?”

มู่หรงเสวียยิมน้อยๆ “ข้าจะไปไหว้ท่านพ่อท่านแม่ทีหลุมศพบรรพชนเสี ยหน่อย ถึงต้องใส่ เสื อผ้าสี เรี ยบๆ


เช่นนี ”

“อ้อ” มู่หรงเย่ค่อยพบว่าในมือของหงซิ วกับอันเซี ยงมีตะกร้าอยูค่ นละใบ ด้านในประกอบด้วยเครื องเซ่ นไหว้กบั


ธูปเทียน

“ท่านพีจะไปด้วยกันไหม?” มู่หรงเสวียถามเสี ยงเบา

“ไปสิ ไปสิ ” มู่หรงอีรับพยักหน้าแรงๆ เย่อีเฉิ นเป็ นคนร้ายกาจผูห้ นึ ง ถึงกับส่ งเทียบเชิญเป็ นวงกว้างแก่เหล่าขุน


นางและตระกูลชนชันสู ง ถ้าเกิดไม่เจอตัวน้องเล็กทีจวนเจินกัวโหว เขาคงไม่ยอมเลิกราง่ายๆ แน่

ข้าอายุยงั น้อย พละกําลังก็อ่อนแอ จะให้ต่อต้านพลังอํานาจของเย่อีเฉิ นตอนนี ก็คงมิไหว แต่ว่าก่อนฟ้ ามืดเขาจะ


คอยอยูป่ กป้ องเคียงข้างน้องสาวไม่ไปไหน
สุ สานบรรพชนตังอยูบ่ ริ เวณเขตชานเมืองห่ างไกลจากถนนหลวงไปไม่ไกลนัก มู่หรงเสวียกับมู่หรงเย่ลงจากรถ
ม้าด้านข้างถนนหลวงแล้วจึงเดินเท้าต่อไปยังสุ สานบรรพชน

จุดไฟธูปเทียนเสร็ จก็นาํ ไปปั กไว้หน้าหลุมศพของท่านพ่อท่านแม่ มู่หรงเสวียเริ มเผากระดาษเงิน เกิดมาครองคู่


และตายเพือกัน สามีภรรยาคู่นีรักกันด้วยใจจริ ง ขอให้พวกท่านทังคู่เมือเกิดในชาติภพหน้าก็พบเจอแต่สิงดีดี ใช้
ชีวิตอย่างสงบสุ ขไปตลอดชาติ

มู่หรงเย่นาํ ตะกร้าอีกใบหนึงแยกไปทีหลุมศพของเจินกัวโหวเฒ่า จุดธูป มอบของเซ่ นไหว้ แต่ก่อนนัน เขาจะมา


เซ่ นไหว้แต่ช่วงเทศกาล แต่นีเป็ นครังแรกทีมาเผากระดาษเงิน......

‘เคร้ง’ ‘เคร้ง’ ‘เคร้ง’ ‘เคร้ง’เสี ยงต่อสู ้ลอยเข้าหู ทําให้ม่หู รงเย่หลุดจากภวังค์ เขาขมวดคิวไม่เข้าใจมองไปยังทีมา


ของเสี ยง “เกิดอะไรขึน?”

เพือทีจะปกป้ องน้องสาว เขาพาทหารยามมาด้วยยีสิ บกว่าคน พอลงจากรถม้าก็สังการให้พวกเขาเฝ้ ายามอยู่


โดยรอบ เมือครู่ ยงั เงียบเชียบอยูเ่ ลย ทําไม่อยูๆ่ ถึงมีเสี ยงต่อสู ้ขึนมาได้ ใกล้เมืองหลวงเช่นนี มักมีทหารคอย
ลาดตระเวนอยูต่ ลอดเวลา แถมยังไม่เคยได้ยนิ มาก่อนเลยว่าจะมีกลุ่มโจรอยูแ่ ถวนี

“มิตอ้ งกังวล” เสี ยงเย็นชาดังขึน ชายหนุ่ มผูห้ นึงเดินออกมาจากป่ า เขาใส่ ชุดเจ้าบ่าวสี แดง ร่ างกายองอาจเข้มแข็ง
ดวงหน้าเย็นชาดังนําแข็ง แววตาคมดูลึกลํา นันเขา จิงอ๋ องเย่อีเฉิ น

*ยามซวี : ช่วงเวลาประมาณหนึงทุ่มถึงสามทุ่ม
ตอนที 12 จิงอ๋ องฉุดเจ้ าสาว
มู่หรงเสวียย่นคิว ถึงว่าอยูๆ่ ก็มีศตั รู โดยทีทหารยามของจวนไม่รู้สึกตัวแม้แต่นอ้ ย ทีแท้กเ็ ป็ นคนของเย่อีเฉินนีเอง

คนพวกนีติดตามเย่อีเฉิ นไปทําการสู ้รบนองเลือดมานับครังมิถว้ น ก้าวข้ามกองซากศพมามากมาย ฝี มือในการ


ต่อสู ้ลว้ นแล้วมิธรรมดา แต่ละกระบวนท่าเต็มไปด้วยความอํามหิ ต ไม่แปลกเลยทีจะกดดันเหล่าทหารยามของ
จวนทีมิเคยออกจากเมืองหลวงไปไหนจนอยูห่ มัด พวกเขาทําได้เพียงต่อสู ้จนสุ ดกําลังอย่างไม่มีทางเลือกเท่า
นันเอง

ด้านหน้าปรากฏร่ างนําเงินเข้มร่ างหนึง เป็ นมู่หรงเย่ทีเข้ามายืนขว้างทีด้านหน้าของนาง ร่ างกายทีผอมแห้งแรง


น้อยนันกําลังปกป้ องนาง แววตาสี ดาํ มองเย่อีเฉิ นอย่างระวังภัย “เจ้ามาทําอะไรทีนี ?”

“ข้ามารับตัวชายารองของข้า” เย่อีเฉิ นตอบด้วยนําเสี ยงเย็นชา สายตาคมกริ บทะลุผา่ นมู่หรงเย่ไปยังมู่หรงเสวียที


อยูด่ า้ นหลัง

ั แรกแล้วว่านางจะไม่ยอมขึนเกียวเจ้าสาวแต่โดยดี จึงเตรี ยมแผนรองรับไว้มากมาย ไม่ว่านางจะทําให้


เขารู ้ตงแต่
เรื องราวยุง่ ยากเพียงใด เขาก็มนใจว่
ั าจะสามารถพานางกลับวังจิงอ๋ องได้โดยง่ายเหมือนดังพลิกฝ่ ามือ

ถึงอย่างไรก็ตาม เขาก็คิดไม่ถึงว่านางจะกล้าใส่ ชุดสี ขาวมาไหว้หลุมศพทีสุ สานบรรพชนในวันมงคลเช่นนี !

นางมิเต็มใจในฐานะพระชายารอง ถึงขนาดตังใจทําเรื องอัปมงคลในวันแต่งงานของเราเช่นนี เชียวหรื อ?


มู่หรงเย่ไม่เข้าใจความคิดในใจของเย่อีเฉิ น จ้องเขม็งไปทีเขาพลางพูดเน้นทีละคํา “น้องสาวข้าจะไม่เป็ นอนุ ให้
ผูใ้ ด ถ้าเจ้าอยากจะตบแต่งกับนางจริ งๆ ก็เอาเกียวแปดคนหามมารับนางในฐานะพระชายาเอกเข้าวังอ๋ อง ถ้า
กระทําตามทีข้ากล่าวมิได้ ก็จงถอนหมันเสี ย!”

เย่อีเฉิ นเหล่มองไปทีเขา “การหมันหมายระหว่างข้ากับมู่หรงเสวีย มิใช่ธุระกงการอะไรของเจ้า!”

สายตาดูถูกและนําเสี ยงเฉยชาดังกับไม่เห็นมู่หรงเย่อยู่ในสายตา

สี หน้าของมู่หรงเย่แดงกํา พูดตอบด้วยความโกรธ “ข้าเป็ นพีชายของนาง พีชายแท้ๆทีเป็ นพีน้องท้องแม่เดียวกัน


เรื องของนางก็ถือเป็ นเรื องของข้า ทําไมข้าจะไม่สิทธิ?”

เย่อีเฉิ นยกมุมปากท่าทางดูถูกเหยียดหยาม พูดกับคนโง่งมเช่นนี ไปก็เปลืองนําลายเสี ยเปล่า

ก้าวขาเล็กน้อยจนขยับมาประชิดตัวของมู่หรงเย่ “หลีกไป!”

เย่อีเฉิ นผูอ้ ยูใ่ นสนามรบมานาน ทําให้รอบตัวของเขามีกลินอายของความน่าหวาดกลัวอยูไ่ ม่นอ้ ย แต่ดว้ ยความที


เขาก็ยงั มีความเป็ นนักปราชญ์อยูใ่ นตัว นักปราชญ์ผรู ้ อบรู ้สง่างามเมือผสมผสานเข้ากับความเป็ นนักรบทีน่ าหวัน
เกรง จึงไม่ได้ทาํ ให้เขาดูน่ากลัวเสี ยขนาดนัน
แต่วนั นี มู่หรงเย่ไม่เจียมตนกล้าท้าทายเขาจนน่าโมโห เขาจึงไม่แม้แต่จะระงับความโมโห ไม่มีแม้แต่ความเห็น
ใจจนต้องข่มขู่ออกไป แม้แต่ทหารผูท้ ีอยูใ่ ต้บงั คับบัญชา ยังเหลือบตาลอกแลกด้วยความหวาดหวัน ไม่ตอ้ งพูด
ถึงมู่หรงเย่เลย

กลินอายโหดเหี ยมและความกดดันทําให้ลมหายใจของเขาติดขัด ขาทังสองข้างสันด้วยความหวาดกลัว ร่ างกาย


แข็งทือ แต่กย็ งั ฝื นต้านอย่างไม่ยอมแพ้ กัดฟั นพูดทีละคํา “ไม่หลบ! ถ้าเจ้าจะฉุ ดน้องสาวข้า ก็ตอ้ งข้ามศพข้าไป
เสี ยก่อน!”

เย่อีเฉิ นพอได้ฟังคํา ดวงตาส่ อแววดูถูก อยากตายงันหรื อ? ถ้าอย่างนันข้าจะทําให้เจ้าได้ตายสมปรารถนา!

เห็นเย่อีเฉิ นกํามือแน่ น ดวงตาของมู่หรงเสวียไหววูบ ยืนมือดึงตัวมู่หรงเย่มาไว้ดา้ นหลัง มองไปทางเขาอย่างเย็น


ชา “จิงอ๋ องกับองค์หญิงยวีเยียนรักใคร่ ปรองดองกัน ข้าถอนหมันหลีกทางให้พวกท่าน เหตุใดยังต้องบีบบังคับ
ให้ขา้ เป็ นพระชายารองอีกเล่าเพคะ?”

“เจ้าเป็ นลูกสาวของท่านอาเยว่ ทังยังสุ ขภาพอ่อนแอ ตัวข้านันเคารพในตัวท่านอาเยว่ จึงอยากให้เจ้าเข้าวังอ๋ อง


จะได้ดูแลเจ้าได้โดยง่าย!” เย่อีเฉิ นพูดอย่างราบเรี ยบแฝงด้วยแววจริ งจัง มิได้แสดงท่าทางเสแสร้ง

มู่หรงเสวียในใจยิมเย็น แววตาเยาะเย้ย “ถ้าการดูแลทีท่านว่าหมายถึงการให้ขา้ แต่งเป็ นอนุ ใช้ชีวิตภายใต้ความ


รังเกียจของภรรยาเอกของท่าน รวมถึงการโดนดูถูกเหยียดหยามจากบ่าวไพร่ ถ้าเช่นนันก็มิเป็ นไรเพคะ”

“ข้ายอมไม่แต่งชัวชีวิต แก่ตายในจวนเจินกัวโหวยังจะดีเสี ยกว่า เวลานันอย่างน้อยเวลาข้าตายก็ยงั เป็ นคุณหนู


ใหญ่ผสู ้ ู งศักดิและถูกส่ งเข้าสุ สานบรรพชนของตระกูลมู่หรง แต่ถา้ หากเข้าวังจิงอ๋ อง ตอนมีลมหายใจเป็ นอนุ ชนั
ตําทีถูกผูค้ นเหยียดหยาม พอตายไปก็ไม่มีแม้แต่สิทธิทีจะถูกฝังในสุ สานบรรพชน”

อยูด่ ีๆก็ลดศักดิฐานะของนาง เหยียบยํานาง แถมยังกล่าวคําอ้างทีสวยหรู ช่างหน้าด้านหน้าทนจนเกินไปแล้ว


แน่นอนว่าพวกขุนนางและชาวบ้านในเมืองหลวงจะไม่หัวเราะเยาะและไม่วพิ ากษ์วิจารณ์เย่อีเฉิ น เพราะเขาคือ
ท่านอ๋ องเทพสงครามทีไม่เคยแพ้ใคร ในมือมีทหาร ทังยังได้รับความไว้ใจจากฮ่องเต้ วิพากษ์วิจารณ์เขาก็เป็ นแค่
การรนหาทีตาย

เขาปรายตามองนางด้วยสี หน้าโกรธขึง เย่อีเฉิ นแววตาวูบไหวเหมือนคิดสิ งใดออก กล่าวอย่างหมดความอดทน


ว่า “ยวีเยียนนิสัยอ่อนหวานดีงาม จิตใจบริ สุทธิ ในฐานะพระชายาเอกนางจะต้องดูแลเจ้าอย่างดี มิกลันแกล้งเจ้า
แน่นอนว่าไม่ยอมให้พวกบ่าวไพร่ ดูถูกเจ้า เจ้าจะได้รับการปฏิบตั ิเป็ นรองเพียงพระชายาเอกเท่านัน ร้อยปี
หลังจากนี ข้ารับรองว่าจะนําร่ างเจ้าเข้าสุ สานบรรพชน......”

“จริ งหรื อเพคะ?” มู่หรงเสวียยกยิมมุมปาก สี หน้าคล้ายยิมมิยมิ

ฉิ นยวีเยียนเป็ นองค์หญิงม่อเป่ ย อยูใ่ นวังหลวงทีแปดเปื อนมาตังหลายปี เรื องราวสกปรกทังหลายในวังหลัง ถึง


ไม่เคยยุง่ เกียว อย่างน้อยก็ตอ้ งเคยผ่านตามาบ้าง จิตใจความคิดแน่นอนว่าต้องลําลึกจนไม่อาจคาดเดา ยังจะบอก
ว่านางอ่อนโยนจิตใจบริ สุทธิ คิดว่านางตาบอดดูมิออกรึ ไง?

คําหวานของเย่อีเฉิ นถ้าเป็ นคนอืนคงต้องใจอ่อนเป็ นแน่ แต่เสี ยดายนางผูม้ าจากอนาคตเคยดูละครหลังข่าวมา


มากมาย กับแค่คาํ หวานแบบนีทําอะไรนางมิได้หรอก

“แน่นอน ยวีเยียนเป็ นห่ วงเจ้ามาก ตอนข้าออกจากวังอ๋ อง นางยังฝากฝังให้ขา้ รับเจ้ากลับวังไปอยูเ่ ป็ นเพือนอยู่


เลย” เย่อีเฉิ นกล่าวชืนชมอย่างยอมรับนับถือ

มู่หรงเสวียแอบขําในใจ นางเข้าใจดี ผูห้ ญิงนันไม่วา่ ใครก็ยอ่ มไม่อยากให้คนรักไปมีคนอืน อยากให้คนรักรัก


เดียวใจเดียว ไม่แบ่งสายตาให้หญิงใด
ี นจะมีอนุ อีกกีคนนางก็คงไม่ว่า แต่ในใจของนางก็
ฉิ นยวีเยียนเป็ นหญิงทีมีศกั ดิสู งส่ งทะนงตนผูห้ นึง ถึงแม้เย่อเฉิ
ย่อมต้องการให้ใจของเย่อีเฉิ นมีนางเพียงผูเ้ ดียว มีแต่นางทีอยูใ่ นสายตาของเขา

เย่อีเฉิ นรับปากว่าจะให้ขา้ เป็ นพระชายารองทีมีฐานะเป็ นรองเพียงนาง แถมยังให้ขา้ แต่งเข้าวังจิงอ๋ องก่อนนาง


นางคงเต็มใจให้ขา้ แต่งกับเขาอยูอ่ ีกหรอก ข้าไม่มีทางเชือเด็ดขาด

“ท่านอ๋ องอาจมิรู้ ชายหญิงครองคู่ก็คือหนึ งชายหนึ งหญิง รักใคร่ จนมิอาจมีใครมาแทรกกลางได้ การทีองค์


หญิงยวีเยียนสนับสนุนให้ท่านแต่งอนุ น่าจะมีพียงสองเหตุผล หนึ งคือนางกําลังหึ งหวงเลยถือโอกาสทดสอบ
ท่าน สองคือนางเกลียดท่านมาก จนมิสนใจว่าท่านจะแต่งใครเป็ นพระชายารอง”

“เหลวไหล!” เสี ยงของเย่อีเฉิ นเคร่ งขรึ มจนน่ ากลัว มองมาทีนาง “มู่หรงเสวีย เอาเรื องของตัวเองให้รอดก่อนเถอะ
อย่ามาท้าทายข้าด้วยการยุแหย่ให้ขา้ กับยวีเยียนผิดใจกัน!”

มู่หรงเสวียกล่าวอย่างเหยียดหยาม “ข้ามิได้อยากท้าทายท่าน ถ้าอยากรู้วา่ ทีข้าพูดจริ งหรื อไม่ เชิญท่านกลับวัง


อ๋ องไปทดสอบกับฉิ นวีเยียนดู!”

“ข้ากลับแน่ แต่เจ้าต้องกลับไปพร้อมกับข้า!” เย่อีเฉิ นมองมู่หรงเสวียด้วยดวงตาดํามืดไม่ฉายแววใด

“เย่อีเฉิ น ท่านพ่อและท่านแม่ของข้ารวมถึงเหล่าบรรพชนของข้าล้วนอยูท่ ีนี วันนี ข้าขอพูดต่อหน้าเหล่าบรรพชน


ว่า ข้ามู่หรงเสวียแห่ งจวนเจินกัวโหวสามารถดูแลตัวเองได้ ไม่ตอ้ งการให้ชนชันสู งจอมปลอมเช่นท่านมายุง่
วุ่นวาย!”

นําเสี ยงเย็นชาเสี ยดแทงเข้าสู่ ขวหั


ั วใจ ดวงหน้างามของเย่อีเฉิ นกลายเป็ นดุดนั แววตาส่ องประกายอํามหิ ต นาง
บังอาจหาว่าเขาเป็ นชนชันสู งจอมปลอม ช่างกล้านัก!

เขาขยับกาย คล้ายลมสายหนึ งมาหยุดอยูห่ น้ามู่หรงเสวีย ยืนมือออกไปเพือจะจับนาง......


ตอนที 13 มู่หรงเสวียปะทะจิงอ๋ อง
คิดจะจับตัวนางงันรึ ? ฝันไปเถอะ!

มู่หรงเสวียยกยิมเย็น ขยับเท้าเพียงเล็กน้อย เบียงตัวไปด้านหลังสองก้าวทําให้เย่อีเฉิ นสัมผัสได้เพียงปลายเส้นผม


ของนาง นางสามารถหลุดพ้นจากเงือมมือของเขาอย่างคาดไม่ถึง

เย่อีเฉิ นมองยังมือทีว่างเปล่าของตัวเอง สี หน้าไม่เข้าใจนัก หลังจากทีเขาเป็ นวรยุธ ไม่ว่าผูน้ ันจะเป็ นหรื อตาย ถ้า
หากเขาอยากจะได้ตวั แล้วย่อมไม่มีทางพลาดไปจากเงือมมือของเขาได้ แต่ม่หู รงเสวียกลับรอดมือเขาไปได้ นี มัน
เกิดอะไรขึน?

“ท่านอ๋ อง จะเลยเวลาฤกษ์ยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เสี ยงกล่าวเตือนลอยมาจากด้านหลัง แววตาไม่เข้าใจเมือครู่ ของเย่อี


ฉิ นกลายเป็ นราบเรี ยบ สี หนากลับกลายเป็ นเย็นชาเช่นเดิม ตอบกลับอย่างเสี ยงเย็นว่า “ข้ารู ้แล้ว”

เงยหน้ามองมู่หรงเสวีย ดวงตาเคร่ งขรึ ม “มู่หรงเสวีย รี บตามข้ากลับวังจิงอ๋ อง เรื องทีเจ้ากระทําเมือครู่ ข้าจะทํา


เป็ นพวกมันมิเคยเกิดขึน!”

เมือสิ นเสี ยงก็ปรากฏร่ างคนงานสองคนทีเดินแบกเกียวเข้ามา ภายใต้แสงแดดทีสาดส่ องนันเห็นตัวเกียวทีมีสี


ชมพูซีด ให้ความรู ้สึกร้อนอบอ้าว แถมด้านในยังดูมืดทึบ หาความสวยงามมิได้เลย!

แววตาของมู่หรงเสวียเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน เกียวสี ชมพูใช้สาํ หรับแต่งอนุ!

สามวันก่อนหน้านางโยนสิ นสอดของเย่อีเฉิ นทิง สามวันให้หลัง เขาแก้แค้นกลับด้วยการไม่มีแม้แต่ขบวน


เจ้าบ่าว แถมยังใช้เกียวสี ชมพูมารับนางเข้าวังจิงอ๋ องโดยไร้สินสอดอีก ไม่รู้ว่าอยากจะให้นางอยูฐ่ านะใดกันแน่ อี
ั าทีมีฐานะมิต่างจากบ่าวไพร่ นับเป็ นการลบหลู่และเหยียบยํา
เหนียงอนุ ผไู ้ ร้ศกั ดิพระชายา หรื อว่า ซื อเชียอนุ ชนตํ
ให้นางตกตําจนถึงทีสุ ด!

ไม่แปลกทีเป็ นถึงเทพสงคราม จึงไม่เคยลืมทีจะตอบโต้แก้แค้นผูอ้ ืนเมือได้โอกาส

ข้ามีศกั ดิฐานะเป็ นคุณหนูแห่ งจวนเจินกัวโหว นังเกียวอนุ ชนตํ


ั าต่อหน้าขุนนางน้อยใหญ่และเหล่าตระกูลชน
ชันสูง เข้าวังอ๋ องทางประตูรองหรื อแย่ไปกว่านันอาจเป็ นประตูหลัง แน่ นอนว่านางคงจะได้รับการดูถูกเหยียด
หยามหัวเราะเยาะจนกลายเป็ นเรื องตลกขบขันระหว่างเวลาดืมชายามว่างของพวกชนชันสู ง ถูกวิพากษ์วิจารณ์
จนไม่มีหน้าแม้แต่ไปมองใคร

ทังหมดนี คือการดูแลในความหมายของเย่อีเฉิ นงันหรื อ? คงเห็นว่านางป่ วยไม่หนักพอ ตายไม่เร็ วพอ จึงคิดทีจะ


ส่ งนางไปปรโลกเร็ วขึนงันสิ !

มู่หรงเสวียยิมเยาะแล้วตอบว่า “ถ้าข้าบอกว่าไม่ละเพคะ?”

สายตาของเย่อีเฉิ นจับจ้องทีมู่หรงเสวียอยูต่ งแต่


ั แรก จึงทันเห็นแววตาของนางทีฉายแวววูบไหวอยูค่ รู่ หนึงเมือ
นางได้เห็นเกียวสี ชมพู แต่ไม่ทนั ไรก็กลับเปลียนเป็ นเรี ยบเฉยและปฏิเสธข้อเสนออย่างไม่ไว้หน้าเขาแม้แต่น้อย
เขาจึงประกาศกร้าวอย่างหมดความอดทนว่า “เช่นนันก็อย่าได้โทษว่าข้ามิเกรงใจ!”

มู่หรงเสวียสบถคํา “ท่านอ๋ องเคยเกรงใจกับข้าเมือใดกันเพคะ?” หลังจากทีเย่อีเฉิ นกลับเมืองหลวง ถ้าไม่หลู่


เกียรตินางก็เหยียบยํานาง ไม่เคยแม้แต่ให้เกียรตินางเพียงสักนิด เรื องเกรงใจคงไม่ตอ้ งพูดถึง

“มู่หรงเสวีย” เย่อีเฉิ นสี หน้าขุ่นมัวขึน กัดฟันพูดด้วยเสี ยงเย็น เขาอดทนเพือทีจะอธิบายให้นางฟั งมาตังมากตัง


มาย แต่นางกลับไม่ยนิ ดีทีจะรับฟัง แม้แต่จะเปลียนใจสักนิดก็ยงั ไม่มี กลับกล้าตอบปฏิเสธเขาอย่างไม่ไว้หน้า
ช่างไม่เจียมตนนัก!
พูดดีๆด้วยมิยอม ถ้าอย่างนันคงต้องใช้กาํ ลัง ข้าจะไม่เกรงใจนางอีกแล้ว

แววตาของเย่อีเฉิ นส่ องประกายอํามหิ ต เขากางมือออกหลอมรวมพลังปราณสู่ ฝ่ามือ จิตสังหารแผ่ขยายเป็ นวง


กว้าง ทําให้ผคู ้ นต่างอกสันขวัญแขวน ในใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

ดวงตาของมู่หรงเสวียหรี เล็กลง เจ้าของร่ างเดิมเป็ นแค่คนร่ างกายอ่อนแอบอบบาง กําลังภายในแม้เพียงนิดก็ไม่มี


มีติดตัว ถึงแม้นางจะมีวิชาป้ องกันตัวขันพืนฐาน แต่ก็ไม่มีวิชากําลังภายในติดตัว จึงไม่มีทางทีจะสามารถสู้ตวั
ต่อตัวกับเย่อเฉิ
ี นได้เลย!

สายลมวูบหนึงปะทะเข้ากับใบหน้า เย่อีเฉิ นเริ มลงมือกับนางก่อน สายตาของนางมีแววเย็นชา เตรี ยมตัวทีจะ


หลบหลีกการเข้าโจมตีของเย่อีเฉิ น แต่ม่หู รงเย่กลับลงมือชกเข้าทีใบหน้าของเย่อีเฉิ นเข้าเสี ยก่อน แล้วจับของมือ
ขวาของเขาพลิกไขว้หลัง “น้องเล็ก หนี เร็ ว!”

เย่อีเฉิ นทีถูกจับตัวไว้มีสีหน้าดุดนั อย่างน่ากลัว เขาเพียงพลิกฝ่ ามือหนึงครังก็สามารถโจมตีเข้าทีกลางอกของมู่


หรงเย่ได้แล้ว

มู่หรงเย่ทีไม่ทนั ได้ตงตั
ั วโดนฝ่ ามือฟาดลงไปนอนกับพืน แต่กย็ งั มีสติพอทีจะรี บคว้ามือไปฉุ ดขาของเย่อีเฉิ นไว้
แน่น

มู่หรงเสวียมองไปทีดวงหน้าซี ดขาวของเขา แววตานางเต็มไปด้วยความสับสน “ท่านพี” ถึงแม้ม่หู รงเย่จะเป็ น


จอมเสพลไม่ได้เรื อง แต่เมือเป็ นเรื องของน้องสาวแล้ว เขากลับรักและปกป้ องอย่างจริ งใจ
“ข้าไม่เป็ นไร!” มู่หรงเย่มองไปทางมู่หรงเสวีย พยายามฝื นยิมให้นาง “ข้าคือเจินกัวโหว เย่อีเฉิ นไม่กล้าฆ่าข้า
หรอก เจ้ารี บหนี ไปเถอะ หาทีปลอดภัยหลบซ่ อนตัว ถ้าสามารถหลบพ้นวันนี ได้กไ็ ม่มีปัญหาแล้ว”

หลังจากเย่อีเฉิ นชนะศึกกลับมา เขาก็เป็ นทีจับจ้องของคนในเมืองหลวงอยูแ่ ล้ว อีกทังยังจะป่ าวประกาศไปทัวว่า


จะรับนางเป็ นพระชายารองเช่นนีอีก คงไม่มีผใู ้ ดทีจะไม่รู้จกั เขาเป็ นแน่ ในเมืองคงมีคนจํานวนไม่นอ้ ยทีรู ้ว่าเขา
เดินทางมารับตัวนางทีสุ สานตระกูลมู่หรงแห่ งนี !

ถ้าหากว่าเขากล้าสังหารมู่หรงเย่ วันนีตําแหน่ งจิงอ๋ องของเขาคงต้องถึงคราวสิ นสุ ด

“ท่านพี รักษาตัวด้วย!” มู่หรงเสวียเน้นยํา พลางหันหลังหนีไปอย่างรวดเร็ ว เย่อเฉิ


ี นมาทีสุ สานบรรพชนก็เพราะ
นาง ถ้านางไปจากทีนี เขาจะต้องตามนางไป เพียงเท่านีมู่หรงเย่กจ็ ะปลอดภัย!

เมือเห็นมู่หรงเสวียยิงวิงยิงไกลออกไป แต่ขาของเย่อเฉิ
ี นเหมือนติดอยูใ่ นหิ น ไม่สามารถจะขยับไปไหนได้
ดวงตาจึงเปลียนเป็ นเย็นชา เตะเข้าไปทีมู่หรงเย่อย่างไม่คิดจะออมแรง “หลบไป!”

ความเจ็บปวดทะลุเข้าสู่ กลางอกจนทนไม่ไหว มู่หรงเย่ร้องขึนอย่างเจ็บปวด ผ่อนแรงทีมือล้มลงไปนอนร้องโอด


ครวญอยูท่ ีพืน ใบหน้างามซี ดขาว เจ็บจนเหงือไหลท่วมไปทังตัว

เย่อีเฉิ นไม่แม้แต่แยแส เร่ งเท้าตามมู่หรงเสวียไปทันที

หงซิ วกับอันเซี ยงเพียงสบตากันก็รีบวิงไปขวางไว้


เย่อีเฉิ นสี หน้าไร้อารมณ์ ขยับนิวมือเพียงน้อย รวบรวมพลังปราณแล้วปล่อยออกไปทีหงซิ วกับอันเซี ยงอย่างไร้
ความปราณี พวกนางไร้ซึงวรยุธถูกลมปราณปะทะจนร่ างกายกระเด็นไปกระแทกกับต้นไม้ทีไกลออกไปจนกอง
ลงไปนอนอยูก่ บั พืน ไม่มีแรงลุกขึนมาอีก

เย่อีเฉิ นไม่มองพวกนางสักนิ ด เร่ งตามไปทางทีมู่หรงเสวียหายไป

มู่หรงเสวียหนี ออกจากสุ สาน วิงไปในป่ าอย่างไร้จุดหมาย ทันใดนันปรากฏหน้าผาสู งชันตรงหน้า ยากทีจะปี น


ป่ าย ด้านล่างไกลลงไปประมาณสิ บเมตรเป็ นแม่นาที
ํ มีกระแสนําเชียวกราก คาดเดาความลึกมิได้ หน้าผาฝังตรง
ข้ามห่างไปสิ บกว่าเมตรไม่สามารถกระโดดข้ามไปได้เลย!

มู่หรงเสวียกระพริ บตาเตรี ยมจะหันหลังกลับไปทางเดิม แต่เห็นเย่อีเฉิ นเดินออกมาจากพุ่มไม้เสี ยก่อน หมวก


ประดับยศอ๋ องสี ม่วงชุดเจ้าบ่าวสี แดงยังคงเรี ยบร้อยแต่เต็มไปด้วยใบหญ้า เขาดูมีท่าทางสบายๆไม่แม้แต่เหนือย
หอบ ดวงตาส่ องประกายยินดีเหมือนผูล้ ่าทีเจอเหยือ “ทําไมเจ้าถึงไม่หนีต่อเล่า?”

“ไม่มีทางให้หนีแล้วเพคะ!” มู่หรงเสวียตอบอย่างเสี ยอารมณ์ เจ้าของร่ างเดิมเป็ นคนร่ างกายอ่อนแอ เวลาทีมา


เซ่ นไหว้บรรพชนก็มกั จะอยูแ่ ต่ในสุ สาน ไม่เคยออกมาสํารวจด้านนอก ไม่รู้เส้นทาง ด้วยเหตุนีนางทีเร่ งรี บหนี
ออกมาถึงได้เจอเข้ากับทางตัน

“เบืองหน้าเป็ นหน้าผา เบืองหลังเป็ นผูล้ า่ เจ้าจะเลือกด้านไหนดีละ?” เย่อีเฉิ นพูดถามเสี ยงตํา เดินเข้าหามู่หรง


เสวียทีละก้าว
ิ อยากเป็ นอนุ!” มู่หรงเสวียยิมน้อยๆ
“ไม่เลือกทางไหนทังนันเพคะ เพราะว่าข้ามิอยากกระโดดหน้าผา และก็ยงมิ
เหมือนดังบุบผากําลังเบ่งบาน

ี น ทําให้เขารู ้สึกถึงลางสังหรณ์ทีไม่ดี แต่ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าไม่ดี


ร้อยยิมสว่างสดใสมองไปทีดวงตาของเย่อเฉิ
อย่างไร

ตอนที 14 แรกพบคุณชายโอวหยาง

ทันใดนันด้านหน้าปรากฏแสงสี ขาววูบหนึง ประกายกระบีคมกริ บพร้อมจิตสังหารทีรุ นแรงพุ่งเข้ามาทีศีรษะ


ของเขาอย่างไม่ยงมื
ั อ

เย่อีเฉิ นหรี ตาลง เร่ งความเร็ วหลบหลีกท่าสังหาร เงยหน้าขึนมองสบเข้ากับรอยยิมเย็นของมู่หรงเสวีย ในมือของ


นางถือกระบียาวเล่มหนึ ง กระบวนท่าพลิวไหวดูอนั ตรายพุ่งเข้าหาเขาอีกครัง สายรัดเอวของนางลอยไปตามลม
เหมือนดังผีเสื อทีกําลังร่ ายรํา

แท้จริ งแล้วนางเป็ นวรยุธ!

เย่อีเฉิ นมีแววตาประหลาดใจอยูว่ ูบหนึ ง มุมปากยกยิมเย้ยหยัน ข่าวลือต่าง ๆนาๆทีได้ยนิ ได้ฟังมาล้วนแต่เป็ นข่าว


ลือทีไม่มีมูลสิ นะ เขาถึงขนาดเผลอเชือไปเสี ยหลายส่ วน น่าขันนักทีผูค้ นพากันพูดว่านางนันมีนิสัยเรี ยบร้อย
อ่อนโยน ทังหมดล้วนเป็ นข่าวลือทีพวกเขานันคิดไปเอง นิ สัยของนางตอนนี คือตัวตนทีแท้จริ งของนาง ทีแอบ
ซ่อนอยูใ่ นจวนมาโดยตลอดก็เพือมิอยากให้คนภายนอกได้รับรู ้

เขารู ้สึกแปลกในใจ แต่กแ็ ค่เพียงชัวครู่ เท่านัน เพราะเมือรู ้สึกตัวเขาก็รีบกดความรู ้สึกนี เอาไว้โดยเร็ ว


เขามองไปทีมู่หรงเสวียด้วยแววตาลึกลํา ปะทะคารมกับนางมาตังหลายหน สายตาทีแหลมคมของเขา ยังมองไม่
ออกว่านางแอบสอนกระบีไว้ทีตัว กลการตบตาของนางช่างสู งลําจนน่ าประหลาดใจ

ผูห้ ญิงนิ ยมนําเครื องประดับเก็บไว้ในสายรัดเอวเป็ นเรื องธรรมดา ถึงแม้ว่าจะมีคนพบความผิดปกติทีสายรัดเอว


ของพวกนาง ก็คงนึ กว่าเป็ นเครื องประดับทีไม่เหมือนผูใ้ ดเท่านัน ไม่มีใครคาดคิดว่าคนอ่อนแอเช่นนางจะพก
อาวุธทีใช้สังหารผูค้ นไว้กบั ตัวเช่นนี !

“เจ้าจะสังหารข้าหรื อ!?” เย่อีเฉิ นใช้ฝ่ามือปั ดกระบีของมู่หรงเสวีย มองไปทีนางอย่างเยียบเย็น

“ทังหมดนี ก็เพราะท่านทําตัวเอง ใครให้ท่านเล่นไม่ซือเช่นนี เล่า!” มู่หรงเสวียตอบเสี ยงเย็น กระบีในมือแทงไป


ยังเย่อีเฉิ น

เย่อีเฉิ นปัดป้ องกระบีออกไปอย่างง่ายดาย สายตาฉายแววอ่านยาก เขารู ้จกั เส้นทางในละแวกนีเป็ นอย่างดี ทีมู่


ั ใช่เพียงเพราะนางไม่ชาํ นาญเส้นทางแถวนี แต่ส่วนหนึ งเป็ นเพราะเขา
หรงเสวียวิงมาเจอกับหน้าผา สาเหตุนนไม่
เองทีบีบบังคับนางให้วิงมาเส้นทางนี เขาคิดว่าทีนางต่อต้านท้าทายเขา เป็ นเพราะศักดิฐานะและเกียรติยศของ
บุตรี จวนขุนนาง แค่เพียงทําให้นางหมดหนทางต่อต้าน ในทีสุ ดนางก็ตอ้ งยอมให้ความร่ วมมือ กลับไปเป็ นพระ
ชายารองแห่ งวังจิงอ๋ องอย่างไม่มีทางเลือก

แน่นอนว่าไม่มีใครไม่กลัวตาย ในเมือความตายรออยูต่ รงหน้า เพียงแค่ยอมเป็ นพระชายารองแห่งวังจิงอ๋ องทีมี


เกียรติยศมีผคู ้ นนับหน้าถือตา อยูอ่ ย่างสุ ขสบายไปตลอดชีวิต เท่านีก็นบั ว่าดีถมเถไป
แต่ม่หู รงเสวียทีเบืองหน้าปรากฏหน้าผาขวางทางไว้กลับไม่ยอมแม้แต่ขอร้องอ้อนวอน หรื อให้ความร่ วมมือ
ตามทีเขาคาดไว้ แต่กลับกันนางถึงกับชักกระบีขึนสู ้ เสี ยดแทงมาทางเขาอย่างไม่ลงั เล......

นางยอมกลายเป็ นฆาตกร แต่ไม่ยอมเป็ นพระชายารองของเขา......

“ฉึ กฉึ กฉึ ก!” ประกายเยือกเย็นสามสายพุ่งผ่าน ชุดเจ้าบ่าวของเย่อีเฉิ นก็ปรากฏรอยขาดสามสาย เศษผ้าผ้าสี แดง


ถูกตัดขาดจนปลิวลงสู่ พืน

เย่อีเฉิ นมองเศษผ้าสี แดงบนพืน ดวงหน้าเคร่ งขรึ มจนน่ากลัว หลังจากทีเรี ยนวรยุธมา มีไม่กีคนทีสามารถเข้าใกล้


ตัวเขาได้ ไม่ตอ้ งพูดถึงการจะทําให้เค้าได้รับบาดเจ็บ เมือครู่ เขาใช้กาํ ลังเพียงห้าส่ วน ทังยังใช้สมาธิคบคิดเรื อง
อืนอยู่ ถึงกับเป็ นการเปิ ดช่องว่างให้มู่หรงเสวียเข้าประชิดตัวจนฟั นเสื อผ้าของเขาจนขาดวิน

ช่างเป็ นผูห้ ญิงทีไม่รู้จกั สู งตําเสี ยแล้ว กล้าโจมตีขณะทีเขาเผลอ ช่างไม่เจียมตนจนเกินไปแล้ว เขาคงต้องสังสอน


นางให้หนักเสี ยหน่ อย ให้นางได้รู้วา่ ชีวิตเล็กๆของนางก็เหมือนลูกไก่ในกํามือของเขาเท่านัน! เขาให้นางรอด
นางก็รอด แต่ถา้ เขาให้นางตายนางก็ตอ้ งตาย!

ฝ่ ามือทีกําอยูค่ ่อยๆกางออก พลังปราณควบรวมกันจนกลายเป็ นมีดบินลมปราณพุ่งตรงไปยังมู่หรงเสวีย

จิตสังหารทีเต็มไปด้วยการทําลายล้างพุ่งตรงเข้ามา แววตาของมู่หรงเสวียทอแววเคร่ งขรึ มทีไม่ค่อยปรากฏเท่าไร


นัก นี มันพลังปราณงันรึ ? แรงสังหารมิธรรมดาเลย แต่ว่าการจะฆ่านาง มันมิง่ายขนาดนันหรอก!

มู่หรงเสวียจับกระบีแน่ น รับมือกับประกายสี เงินของมีดลมปราณไปมา ได้ยนิ เพียงเสี ยง ‘เคร้ง เคร้ง เคร้ง’ มีด


ลมปราณก็ถูกทําลายจนหมดสิ น แม้แต่ปราณมีดทีเล็กทีสุ ดก็ยงั ถูกปั ดทิงอย่างนับไม่ถว้ น

เขามองมู่หรงเสวียทีไร้แม้แต่รอยบาดแผล พลางค่อยๆหรี ตาลง นางไม่มีพลังปราณช่วย เพียงแต่ใช้กระบวนท่า


กระบีก็สามารถทําลายพลังปราณของเขาลงได้ ดูเป็ นกระบวนท่าดาบทีไร้ทีติยงนั
ิ ก นีเป็ นวิชาดาบทีสื บทอดกัน
มาของตระกูลมู่หรงรึ ? ช่างร้ายกาจไม่ผดิ ไปตามทีลือกัน ไม่ง่ายนักทีมู่หรงเสวียจะยอมแสดงกระบวนท่าของ
ตระกูลมู่หรงออกมาเช่นนี ถ้าอย่างนันเขาก็จะไม่ออมมืออีกต่อไป ขอชืนชมกระบวนท่ากระบีนี เสี ยหน่อยว่าจะ
ยอดเยียมถึงเพียงไหนกัน!
มือภายใต้ชุดเจ้าบ่าวกําลังกําคลายออก พลังหยางทีเข้มข้น สายลมรุ นแรงทําให้ชุดเจ้าบ่าวปลิวไสว ใช้กระบวน
ท่าทีแม่นยําและรวดเร็ว โจมตีไปยังร่ างของมู่หรงเสวียทัวทุกด้าน มู่หรงเสวียขมวดคิวเล็กน้อย สาเหตุทีนางแทง
กระบีไปทีเย่อีเฉิ น นางมิได้ตอ้ งการทีจะฆ่าเขา เพียงแค่อยากทําให้เขาบาดเจ็บและเหนื อยอ่อนจนไม่มีแรงมายุง่
วุ่นวายกับนางอีก

แน่นอนทีผูค้ นต่างรู ้ทวกั


ั นว่าการทีเย่อีเฉิ นมาทีสุ สานบรรพชนแห่ งนี ก็เพือมารับตัวนางแต่งเข้าวังเป็ นชายา แต่
นางมิได้อยากเป็ นพระชายารองแห่ งจิงอ๋ อง และถ้าเย่อีเฉิ นตายไป ฆาตกรก็ยอ่ มต้องเป็ นนางอย่างแน่ นอน นาง
ไม่กลัวตาย แต่นางก็มิอยากให้ตระกูลมู่หรงต้องถูกประหารเก้าชัวโคตรเพียงเพราะนาง

ยิงไปกว่านัน ตังแต่นางมาถึงทีแคว้นชิงเหยียน นางก็ตอ้ งมาอยูใ่ นร่ างกายทีอ่อนแอเช่นนี แม้แต่ฝีมือของนางใน


ชาติทีแล้วเพียงครึ งก็ไม่สามารถใช้ได้ และโชคไม่ดีทีเย่อีเฉิ นกลับเป็ นผูท้ ีมีวรยุธสูง พลังปราณหนาแน่น ถึงนาง
อยากทีจะฆ่าเขาเพียงใด แต่พละกําลังของนางตอนนี นันไม่เพียงพอ

กระบวนท่าเมือครู่ ของนาง แม้จะฟั นชุดเจ้าบ่าวของเย่อีเฉิ นจนขาด แต่กไ็ ม่ได้ทาํ ให้เขาได้รับบาดเจ็บ กลับกลาย


ทําให้เขาโกรธมากยิงขึนไปอีก เขารวบรวมพลังปราณมากมายเช่นนี คงเตรี ยมทีจะฆ่านางให้ตายแน่ นอนเสี ย
แล้ว!

ตอนนีนางก็เป็ นเพียงผูห้ ญิงอ่อนแอผูห้ นึง ถึงจะไม่มีพละกําลังมากมาย ถึงแม้เย่อีเฉิ นต้องการจะฆ่านาง แต่มนั ก็


ไม่ได้ง่ายถึงเพียงนัน!

มู่หรงเสวียยกยิมทีมุมปากเล็กน้อย กระโดดถอยออกไปสองเมตร ร่ ายรํากระบีต้านรับมีดปราณไปมาอย่าง


รวดเร็ ว
ี น สามารถมองเห็นได้ชดั เจนว่ามู่หรงเสวียยืนอยูก่ ลางรัศมีการโจมตีของเขา ประกายกระบี
ในมุมมองของเย่อเฉิ
สี เงินวูบไหวไปมารอบกายของนาง ปกป้ องนางไว้อย่างแน่ นหนาจนการโจมตีมิอาจทะลุฝ่าเข้าไปได้ สามารถ
ปัดป้ องพลังปราณของเขาจนพวกมันเบียงออกไปทีก้อนหิ นด้านข้าง

ได้ยนิ เพียงเสี ยง “ปั ง ปั ง ปั ง!” ดังขึน ก่อนทีก้อนหิ นจะแตกกระจุยจนฝุ่ นควันฟุ้ งไปทัว มู่หรงเสวียสําลักไอไม่
หยุด เร่ งถอยไปด้านหลัง ออกจากรัศมีฝนุ่ ควันนัน

ี นพุ่งตัวหลบออกไปประมาณสามสี เมตร
ลมสายหนึงพัดผ่าน พัดพาเอาฝุ่ นควันจางหายไป เย่อเฉิ

มู่หรงเสวียถือกระบีอย่างระแวดระวังตัว แต่กลับเห็นเขามองไปอีกด้าน “คุณชายโอวหยาง” เสี ยงตําไร้อารมณ์


จนคาดไม่ออกว่ากําลังคิดสิ งใดอยู่

มู่หรงเสวียชะงัก มองไปตามสายตาของเขา ห่ างไปไม่ไกลปรากฏศาลาแปดเหลียมทีด้านหลังของก้อนหิ นทีถูก


ทําลายเมือครู่ นนั ด้านในประดับไว้ดว้ ยเก้าอีและโต๊ะหิ น ด้านหน้าโต๊ะหิ นมีชายผูห้ นึง ในมือถือหมากสี ขาวอยู่
ในมือ ดวงหน้าเคร่ งขรึ มมองกระดานหมากบนโต๊ะหิ น

ชายหนุ่ มสวมชุดจีนโบราณสี ขาวราวกับหิ มะ เนื อผ้าเรี ยบจนไร้ทีติ กําลังใช้แขนเสื อสี ขาวปั ดเศษฝุ่ นบนโต๊ะหิ น
ผมดําถูกหมวกหยกขาวรวบสู งขึนแล้วปล่อยยาวลงด้านหลัง

ขนตาสี ดาํ ได้รูป ใบหน้างดงามดังภาพวาดในความฝัน กลินอายดุดนั แต่โดดเดียวในคราวเดียวกัน กลับสามารถ


ทําให้ผคู ้ นรู ้สึกเคารพยําเกรง
ดวงตาของมู่หรงเสวียส่ องประกายตืนตระหนกปนระหลาดใจ ในชาติทีแล้วนางได้พบเจอกับผูช้ ายทีหล่อเหลา
มามากมาย แต่หลังจากทีได้มาเกิดใหม่ทีนี ก็เจอทังความหล่อเหลาของมู่หรงเย่และเย่อีเฉิ น ทําให้มีแรงต้านทาน
กับผูช้ ายทีหล่อเหลาพอสมควร แต่ว่ารู ปลักษณ์ของผูช้ ายตรงหน้านี ดูงามสง่าจนนางมิอาจละสายตาได้เลย

นันมันบุตรชายของเซี ยวเหยาอ๋ อง คุณชายโอวหยาง ลือกันว่า เมือเขาอายุได้แปดขวบปี ก็ออกจากวังอ๋ อง กราบ


คนลึกลับผูห้ นึ งเป็ นอาจารย์ มีผลงานมากมายและมีชือเสี ยงโด่งดังไปทัว เพียงแค่เป่ าขลุ่ยก็สามารถทําให้ผคู ้ น
หลงไหล แม่ทพั ของชิงเหยียนทีได้รับการชีแนะจากเขา ทําให้การรบทัพจับศึกไม่เคยทีจะไม่ชนะ คนทัวไปต่าง
มองเขาว่าเป็ นดังเทพเซี ยนผูห้ นึ ง

สิ บปี มานี มีข่าวลือมากมายว่าเขาปรากฏตัวตามแคว้นต่าง ๆ น้อยนักทีจะกลับมาบ้านเกิดทีชิงเหยียน แต่ทาํ ไมเขา


ถึงได้กลับมาทีเมืองหลวงอย่างกะทันหันเช่นนี
ตอนที 14 แรกพบคุณชายโอวหยาง
ทันใดนันด้านหน้าปรากฏแสงสี ขาววูบหนึง ประกายกระบีคมกริ บพร้อมจิตสังหารทีรุ นแรงพุ่งเข้ามาทีศีรษะ
ของเขาอย่างไม่ยงมื
ั อ

เย่อีเฉิ นหรี ตาลง เร่ งความเร็ วหลบหลีกท่าสังหาร เงยหน้าขึนมองสบเข้ากับรอยยิมเย็นของมู่หรงเสวีย ในมือของ


นางถือกระบียาวเล่มหนึ ง กระบวนท่าพลิวไหวดูอนั ตรายพุ่งเข้าหาเขาอีกครัง สายรัดเอวของนางลอยไปตามลม
เหมือนดังผีเสื อทีกําลังร่ ายรํา

แท้จริ งแล้วนางเป็ นวรยุธ!

เย่อีเฉิ นมีแววตาประหลาดใจอยูว่ บู หนึ ง มุมปากยกยิมเย้ยหยัน ข่าวลือต่าง ๆนาๆทีได้ยนิ ได้ฟังมาล้วนแต่เป็ นข่าว


ลือทีไม่มีมูลสิ นะ เขาถึงขนาดเผลอเชือไปเสี ยหลายส่ วน น่าขันนักทีผูค้ นพากันพูดว่านางนันมีนิสัยเรี ยบร้อย
อ่อนโยน ทังหมดล้วนเป็ นข่าวลือทีพวกเขานันคิดไปเอง นิ สัยของนางตอนนี คือตัวตนทีแท้จริ งของนาง ทีแอบ
ซ่อนอยูใ่ นจวนมาโดยตลอดก็เพือมิอยากให้คนภายนอกได้รับรู ้

เขารู ้สึกแปลกในใจ แต่กแ็ ค่เพียงชัวครู่ เท่านัน เพราะเมือรู ้สึกตัวเขาก็รีบกดความรู ้สึกนี เอาไว้โดยเร็ ว

เขามองไปทีมู่หรงเสวียด้วยแววตาลึกลํา ปะทะคารมกับนางมาตังหลายหน สายตาทีแหลมคมของเขา ยังมองไม่


ออกว่านางแอบสอนกระบีไว้ทีตัว กลการตบตาของนางช่างสู งลําจนน่ าประหลาดใจ
ผูห้ ญิงนิ ยมนําเครื องประดับเก็บไว้ในสายรัดเอวเป็ นเรื องธรรมดา ถึงแม้ว่าจะมีคนพบความผิดปกติทีสายรัดเอว
ของพวกนาง ก็คงนึ กว่าเป็ นเครื องประดับทีไม่เหมือนผูใ้ ดเท่านัน ไม่มีใครคาดคิดว่าคนอ่อนแอเช่นนางจะพก
อาวุธทีใช้สังหารผูค้ นไว้กบั ตัวเช่นนี !

“เจ้าจะสังหารข้าหรื อ!?” เย่อีเฉิ นใช้ฝ่ามือปั ดกระบีของมู่หรงเสวีย มองไปทีนางอย่างเยียบเย็น

“ทังหมดนี ก็เพราะท่านทําตัวเอง ใครให้ท่านเล่นไม่ซือเช่นนี เล่า!” มู่หรงเสวียตอบเสี ยงเย็น กระบีในมือแทงไป


ยังเย่อีเฉิ น

เย่อีเฉิ นปัดป้ องกระบีออกไปอย่างง่ายดาย สายตาฉายแววอ่านยาก เขารู ้จกั เส้นทางในละแวกนีเป็ นอย่างดี ทีมู่


ั ใช่เพียงเพราะนางไม่ชาํ นาญเส้นทางแถวนี แต่ส่วนหนึ งเป็ นเพราะเขา
หรงเสวียวิงมาเจอกับหน้าผา สาเหตุนนไม่
เองทีบีบบังคับนางให้วิงมาเส้นทางนี เขาคิดว่าทีนางต่อต้านท้าทายเขา เป็ นเพราะศักดิฐานะและเกียรติยศของ
บุตรี จวนขุนนาง แค่เพียงทําให้นางหมดหนทางต่อต้าน ในทีสุ ดนางก็ตอ้ งยอมให้ความร่ วมมือ กลับไปเป็ นพระ
ชายารองแห่ งวังจิงอ๋ องอย่างไม่มีทางเลือก

แน่นอนว่าไม่มีใครไม่กลัวตาย ในเมือความตายรออยูต่ รงหน้า เพียงแค่ยอมเป็ นพระชายารองแห่ งวังจิงอ๋ องทีมี


เกียรติยศมีผคู ้ นนับหน้าถือตา อยูอ่ ย่างสุ ขสบายไปตลอดชีวิต เท่านีก็นบั ว่าดีถมเถไป

แต่ม่หู รงเสวียทีเบืองหน้าปรากฏหน้าผาขวางทางไว้กลับไม่ยอมแม้แต่ขอร้องอ้อนวอน หรื อให้ความร่ วมมือ


ตามทีเขาคาดไว้ แต่กลับกันนางถึงกับชักกระบีขึนสู ้ เสี ยดแทงมาทางเขาอย่างไม่ลงั เล......
นางยอมกลายเป็ นฆาตกร แต่ไม่ยอมเป็ นพระชายารองของเขา......

“ฉึกฉึ กฉึ ก!” ประกายเยือกเย็นสามสายพุ่งผ่าน ชุดเจ้าบ่าวของเย่อีเฉิ นก็ปรากฏรอยขาดสามสาย เศษผ้าผ้าสี แดง


ถูกตัดขาดจนปลิวลงสู่ พืน

เย่อีเฉิ นมองเศษผ้าสี แดงบนพืน ดวงหน้าเคร่ งขรึ มจนน่ากลัว หลังจากทีเรี ยนวรยุธมา มีไม่กีคนทีสามารถเข้าใกล้


ตัวเขาได้ ไม่ตอ้ งพูดถึงการจะทําให้เค้าได้รับบาดเจ็บ เมือครู่ เขาใช้กาํ ลังเพียงห้าส่ วน ทังยังใช้สมาธิคบคิดเรื อง
อืนอยู่ ถึงกับเป็ นการเปิ ดช่องว่างให้มู่หรงเสวียเข้าประชิดตัวจนฟั นเสื อผ้าของเขาจนขาดวิน

ช่างเป็ นผูห้ ญิงทีไม่รู้จกั สู งตําเสี ยแล้ว กล้าโจมตีขณะทีเขาเผลอ ช่างไม่เจียมตนจนเกินไปแล้ว เขาคงต้องสังสอน


นางให้หนักเสี ยหน่ อย ให้นางได้รู้วา่ ชีวิตเล็กๆของนางก็เหมือนลูกไก่ในกํามือของเขาเท่านัน! เขาให้นางรอด
นางก็รอด แต่ถา้ เขาให้นางตายนางก็ตอ้ งตาย!

ฝ่ ามือทีกําอยูค่ ่อยๆกางออก พลังปราณควบรวมกันจนกลายเป็ นมีดบินลมปราณพุ่งตรงไปยังมู่หรงเสวีย

จิตสังหารทีเต็มไปด้วยการทําลายล้างพุ่งตรงเข้ามา แววตาของมู่หรงเสวียทอแววเคร่ งขรึ มทีไม่ค่อยปรากฏเท่าไร


นัก นี มันพลังปราณงันรึ ? แรงสังหารมิธรรมดาเลย แต่ว่าการจะฆ่านาง มันมิง่ายขนาดนันหรอก!

มู่หรงเสวียจับกระบีแน่ น รับมือกับประกายสี เงินของมีดลมปราณไปมา ได้ยนิ เพียงเสี ยง ‘เคร้ง เคร้ง เคร้ง’ มีด


ลมปราณก็ถูกทําลายจนหมดสิ น แม้แต่ปราณมีดทีเล็กทีสุ ดก็ยงั ถูกปั ดทิงอย่างนับไม่ถว้ น
เขามองมู่หรงเสวียทีไร้แม้แต่รอยบาดแผล พลางค่อยๆหรี ตาลง นางไม่มีพลังปราณช่วย เพียงแต่ใช้กระบวนท่า
กระบีก็สามารถทําลายพลังปราณของเขาลงได้ ดูเป็ นกระบวนท่าดาบทีไร้ทีติยงนั
ิ ก นีเป็ นวิชาดาบทีสื บทอดกัน
มาของตระกูลมู่หรงรึ ? ช่างร้ายกาจไม่ผดิ ไปตามทีลือกัน ไม่ง่ายนักทีมู่หรงเสวียจะยอมแสดงกระบวนท่าของ
ตระกูลมู่หรงออกมาเช่นนี ถ้าอย่างนันเขาก็จะไม่ออมมืออีกต่อไป ขอชืนชมกระบวนท่ากระบีนี เสี ยหน่อยว่าจะ
ยอดเยียมถึงเพียงไหนกัน!

มือภายใต้ชุดเจ้าบ่าวกําลังกําคลายออก พลังหยางทีเข้มข้น สายลมรุ นแรงทําให้ชุดเจ้าบ่าวปลิวไสว ใช้กระบวน


ท่าทีแม่นยําและรวดเร็ว โจมตีไปยังร่ างของมู่หรงเสวียทัวทุกด้าน มู่หรงเสวียขมวดคิวเล็กน้อย สาเหตุทีนางแทง
กระบีไปทีเย่อีเฉิ น นางมิได้ตอ้ งการทีจะฆ่าเขา เพียงแค่อยากทําให้เขาบาดเจ็บและเหนื อยอ่อนจนไม่มีแรงมายุง่
วุ่นวายกับนางอีก

แน่นอนทีผูค้ นต่างรู ้ทวกั


ั นว่าการทีเย่อีเฉิ นมาทีสุ สานบรรพชนแห่ งนี ก็เพือมารับตัวนางแต่งเข้าวังเป็ นชายา แต่
นางมิได้อยากเป็ นพระชายารองแห่ งจิงอ๋ อง และถ้าเย่อีเฉิ นตายไป ฆาตกรก็ยอ่ มต้องเป็ นนางอย่างแน่ นอน นาง
ไม่กลัวตาย แต่นางก็มิอยากให้ตระกูลมู่หรงต้องถูกประหารเก้าชัวโคตรเพียงเพราะนาง

ยิงไปกว่านัน ตังแต่นางมาถึงทีแคว้นชิงเหยียน นางก็ตอ้ งมาอยูใ่ นร่ างกายทีอ่อนแอเช่นนี แม้แต่ฝีมือของนางใน


ชาติทีแล้วเพียงครึ งก็ไม่สามารถใช้ได้ และโชคไม่ดีทีเย่อีเฉิ นกลับเป็ นผูท้ ีมีวรยุธสูง พลังปราณหนาแน่น ถึงนาง
อยากทีจะฆ่าเขาเพียงใด แต่พละกําลังของนางตอนนี นันไม่เพียงพอ
กระบวนท่าเมือครู่ ของนาง แม้จะฟั นชุดเจ้าบ่าวของเย่อีเฉิ นจนขาด แต่กไ็ ม่ได้ทาํ ให้เขาได้รับบาดเจ็บ กลับกลาย
ทําให้เขาโกรธมากยิงขึนไปอีก เขารวบรวมพลังปราณมากมายเช่นนี คงเตรี ยมทีจะฆ่านางให้ตายแน่ นอนเสี ย
แล้ว!

ตอนนีนางก็เป็ นเพียงผูห้ ญิงอ่อนแอผูห้ นึง ถึงจะไม่มีพละกําลังมากมาย ถึงแม้เย่อีเฉิ นต้องการจะฆ่านาง แต่มนั ก็


ไม่ได้ง่ายถึงเพียงนัน!

มู่หรงเสวียยกยิมทีมุมปากเล็กน้อย กระโดดถอยออกไปสองเมตร ร่ ายรํากระบีต้านรับมีดปราณไปมาอย่าง


รวดเร็ ว

ี น สามารถมองเห็นได้ชดั เจนว่ามู่หรงเสวียยืนอยูก่ ลางรัศมีการโจมตีของเขา ประกายกระบี


ในมุมมองของเย่อเฉิ
สี เงินวูบไหวไปมารอบกายของนาง ปกป้ องนางไว้อย่างแน่ นหนาจนการโจมตีมิอาจทะลุฝ่าเข้าไปได้ สามารถ
ปัดป้ องพลังปราณของเขาจนพวกมันเบียงออกไปทีก้อนหิ นด้านข้าง

ได้ยนิ เพียงเสี ยง “ปั ง ปั ง ปั ง!” ดังขึน ก่อนทีก้อนหิ นจะแตกกระจุยจนฝุ่ นควันฟุ้ งไปทัว มู่หรงเสวียสําลักไอไม่
หยุด เร่ งถอยไปด้านหลัง ออกจากรัศมีฝนุ่ ควันนัน

ี นพุ่งตัวหลบออกไปประมาณสามสี เมตร
ลมสายหนึงพัดผ่าน พัดพาเอาฝุ่ นควันจางหายไป เย่อเฉิ

มู่หรงเสวียถือกระบีอย่างระแวดระวังตัว แต่กลับเห็นเขามองไปอีกด้าน “คุณชายโอวหยาง” เสี ยงตําไร้อารมณ์


จนคาดไม่ออกว่ากําลังคิดสิ งใดอยู่
มู่หรงเสวียชะงัก มองไปตามสายตาของเขา ห่ างไปไม่ไกลปรากฏศาลาแปดเหลียมทีด้านหลังของก้อนหิ นทีถูก
ทําลายเมือครู่ นนั ด้านในประดับไว้ดว้ ยเก้าอีและโต๊ะหิ น ด้านหน้าโต๊ะหิ นมีชายผูห้ นึง ในมือถือหมากสี ขาวอยู่
ในมือ ดวงหน้าเคร่ งขรึ มมองกระดานหมากบนโต๊ะหิ น

ชายหนุ่ มสวมชุดจีนโบราณสี ขาวราวกับหิ มะ เนื อผ้าเรี ยบจนไร้ทีติ กําลังใช้แขนเสื อสี ขาวปั ดเศษฝุ่ นบนโต๊ะหิ น
ผมดําถูกหมวกหยกขาวรวบสู งขึนแล้วปล่อยยาวลงด้านหลัง

ขนตาสี ดาํ ได้รูป ใบหน้างดงามดังภาพวาดในความฝัน กลินอายดุดนั แต่โดดเดียวในคราวเดียวกัน กลับสามารถ


ทําให้ผคู ้ นรู ้สึกเคารพยําเกรง

ดวงตาของมู่หรงเสวียส่ องประกายตืนตระหนกปนระหลาดใจ ในชาติทีแล้วนางได้พบเจอกับผูช้ ายทีหล่อเหลา


มามากมาย แต่หลังจากทีได้มาเกิดใหม่ทีนี ก็เจอทังความหล่อเหลาของมู่หรงเย่และเย่อีเฉิ น ทําให้มีแรงต้านทาน
กับผูช้ ายทีหล่อเหลาพอสมควร แต่ว่ารู ปลักษณ์ของผูช้ ายตรงหน้านี ดูงามสง่าจนนางมิอาจละสายตาได้เลย

นันมันบุตรชายของเซี ยวเหยาอ๋ อง คุณชายโอวหยาง ลือกันว่า เมือเขาอายุได้แปดขวบปี ก็ออกจากวังอ๋ อง กราบ


คนลึกลับผูห้ นึ งเป็ นอาจารย์ มีผลงานมากมายและมีชือเสี ยงโด่งดังไปทัว เพียงแค่เป่ าขลุ่ยก็สามารถทําให้ผคู ้ น
หลงไหล แม่ทพั ของชิงเหยียนทีได้รับการชีแนะจากเขา ทําให้การรบทัพจับศึกไม่เคยทีจะไม่ชนะ คนทัวไปต่าง
มองเขาว่าเป็ นดังเทพเซี ยนผูห้ นึ ง

สิ บปี มานี มีข่าวลือมากมายว่าเขาปรากฏตัวตามแคว้นต่าง ๆ น้อยนักทีจะกลับมาบ้านเกิดทีชิงเหยียน แต่ทาํ ไมเขา


ถึงได้กลับมาทีเมืองหลวงอย่างกะทันหันเช่นนี
ตอนที 15 ถูกล่วงเกินโดยคุณชายแปลกหน้ า
มู่หรงเสวียมองไปทีคุณชายโอวหยาง เห็นเขาดีดหมากสี ขาวในมือเบาๆ ทําให้เม็ดหมากพุ่งตรงเข้าใส่ เย่อเฉิ
ี น
อย่างไม่ไว้หน้า ริ มฝี ปากบางกล่าวอย่างเย็นชา “ไสหัวไป!”

เย่อีเฉิ นมีแววตาเยียบเย็น เกร็ งพลังปราณทีปลายนิวพุ่งสวนออกไปปะทะกับหมากขาว ได้ยนิ เพียงเสี ยงดัง ‘ปั ง’


เม็ดหมากก็แตกกระจายกลางอากาศพร้อมกับพลังปราณเองก็สลายหายไปพร้อมกัน

เขามองคุณชายโอวหยางทีทําท่าทางสบายๆ ดวงหน้าค่อยเย็นชาลง “ข้ามิได้ตงใจจะทํ


ั าลายการเดินหมากของเจ้า
อย่าได้ล่วงเกินผูอ้ ืนจนเกินไป......”

เดินหมาก? เดินหมากอะไร?

มู่หรงเสวียมองไปยังกระดานหมากบนโต๊ะด้วยความสงสัย ด้านบนกระดานหมากเต็มไปด้วยเศษหิ นและฝุ่นผง


กระจัดกระจายเต็มไปหมด ทําให้หมากทีเดินไว้ดูยงุ่ เหยิง ทังยังมีตวั หมากสิ บกว่าเม็ดทีถูกเศษหิ นกระเด็นใส่ จน
ล่วงลงสู่ พนื ขวาบ้าง ซ้ายบ้าง มองเห็นได้อย่างชัดเจน......

นางกระแอมไอเล็กน้อย แววตาวูบไหวอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ พลังปราณของเย่อเฉิ


ี นกระแทกกับก้อนหิ นใหญ่
จนแตกกระจายเป็ นผุยผง เศษหิ นทีแตกออกกระเด็นตกไปทีกระดานหมากเป็ นเหตุให้ทาํ ลายการเดินหมากของ
คุณชายโอวหยาง คุณชายโอวหยางจะคิดบัญชีกบั เขาก็ถือว่าสมควรแล้ว!
มีตวั หมากขาวดําบนกระดานหมากวางอยูม่ ินอ้ ย เห็นได้ชดั ว่าคุณชายโอวหยางคงเดินหมากอยูท่ ีนี มาสักพักหนึ ง
นางทีมาถึงหน้าผานี ตังนานกลับไม่รู้สึกตัวว่ามีคนอืนอยูแ่ ถวนี เป็ นเพราะสัญชาตญาณของนางทีไม่ดีเองหรื อ
เป็ นเพราะคุณชายโอวหยางแข็งแกร่ งเกินไป

คุณชายโอวหยางลุกยืนขึน ชุดยาวสี ขาวพลิวไหวลู่ลงเหมือนสายนํา ร่ างกายกํายําสมส่ วนไร้ทีติ ดวงตาสี หมึกดัง


หุ บเหวลึก ทําให้ผคู ้ นลุ่มหลง ทังยังให้ความรู ้สึกลึกลับน่าค้นหา ภายใต้แสงแดดสี ทองทีสาดส่ องเข้ามายิงเสริ ม
ให้เขาดูเปร่ งประกายจนผูค้ นมิอาจจะละสายตาไปได้

“จิงอ๋ องเจ้าทําลายการเดินหมากของข้า ถ้าอย่างนันเรามาแข่งกันสักตาหน่อยเป็ นอย่างไร?” นําเสี ยงไพเราะดัง


เสี ยงพิณเปล่งออกมาเบาๆ น่ าฟังจับใจ

เย่อีเฉิ นชะงักไปครู่ หนึง แววตาเข้าใจความหมายของอีกฝ่ าย ยกมุมปากคล้ายยิมคล้ายมิยมิ “หากว่าคุณชายโอวห


ยางอยากจะประลอง ข้าก็คงมิอาจปฏิเสธได้” ฝ่ ามือภายใต้แขนเสื อค่อยๆขยับ เศษหิ นบนพืนลอยสู งขึนพุ่งตรง
ไปยังคุณชายโอวหยางราวกับลูกธนู

คุณชายโอวหยางยืดตัวตรง มองไปทีเศษหิ นทีกําลังพุ่งเข้ามาอย่างเรี ยบเฉย แขนเสื อสี ขาวหิ มะพลิวไหวเล็กน้อย


หมากสี ขาวบนกระดานพุ่งลอยออกไปปะทะกับเศษหิ นกลางอากาศอย่างรุ นแรง ได้ยนิ เพียงเสี ยง ‘ปั ง ปั ง ปั ง’
ไม่กีครัง ทังเศษหิ นและตัวหมากก็แตกกระจายเป็ นผุยผงคละคลุง้ ไปทัว......

มู่หรงเสวียดวงตาเบิกกว้าง นี คือการเดินหมากทีทังสองคนหมายถึงอย่างนันหรื อ? ช่างเป็ นการเดินหมากทีแปลก


ประหลาดยิงนัก
นางเงยหน้าขึนมองกลางอากาศ เห็นเพียงหมากขาวดํากับเศษหิ นพุ่งปะทะกันไปมาจนแตกกระจายออกเป็ น
ผุยผง ตัวหมากพุ่งไปมาอย่างรวดเร็ ว ทังทีชุดก่อนหน้าเพิงจะพุ่งออกไปไม่ทนั ไรหมากชุดใหม่กต็ ามออกมาติดๆ
แต่ละเม็ดรวดเร็ วจนมองตามไม่ทนั ส่ วนเศษหิ นก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ วเช่นกัน แต่พละกําลังก็ยงั น้อยกว่าตัว
หมากสองถึงสามส่ วนพุ่งปะทะกันไปมาครังแล้วครังเล่า เศษหิ นและตัวหมากถูกทําลายไปอย่างมากมาย ฝุ่ นผง
ฟุ้ งกระจายไปทัว เย่อีเฉิ นค่อยๆพบว่า จุดปะทะของทังสองเริ มถอยร่ นเรื อยๆมาทางฝังเขา

ดวงตาคมกริ บของเขาหรี ลง คุณชายโอวหยางได้เปรี ยบในเรื องความหนาแน่นของพลังปราณ กําลังวางแผนทีจะ


ผลักดันให้จุดปะทะของเศษหิ นและตัวหมากมาทางเขา ให้เขาถูกแรงปะทะโจมตีจนได้รับบาดเจ็บ แต่อย่าหวังว่า
มันจะเป็ นเช่นนันเลย!

ดวงตาคุณชายโอวหยางปรากฏแววเยือกเย็น ฝ่ ามือภายใต้ชายเสื อเดียวกําเดียวคลายทันใดนันหมากขาวดํานับไม่


ถ้วนก็ปรากฏตรงด้านหน้าของเขา พุ่งตรงไปยังเศษหิ นทีกําลังโจมตีเข้ามา

“ปั ง ปั ง ปั ง!” เม็ดหมากกับเศษหิ นปะทะเข้าด้วยกัน ม่านควันฝุ่ นผงฟุ้ งกระจายบดบังการมองเห็น

เย่อีเฉิ นทีเตรี ยมจะควบคุมหิ นชุดใหม่ กลับเห็นเม็ดหมากหลายสิ บเม็ดพุ่งตรงออกมาจากม่านควันมาทางเขา

เศษหิ นของเขาล้วนแตกละเอียดหมดแล้ว แต่เม็ดหมากของคุณชายโอวหยางยังคงสมบูรณ์ ช่างคาดไม่ถึงยิงนัก


เย่อีเฉิ นปรากฏแววตาเยียบเย็น ทําลายเม็ดหมากลงในพริ บตาเดียว แต่อยูๆ่ ก็รู้สึกเจ็บขึนมาทีบริ เวณหัวเข่า จน
ต้องถอยหลังไปก้าวหนึง ก้มหน้ามองลงไปเห็นหมากสี ดาํ เม็ดหนึงตกอยูบ่ นพืนด้านหน้าของเขา นี คงเป็ นสิ งที
โจมตีหวั เข่าของเขาเมือครู่ เป็ นแน่

คุณชายโอวหยางถึงกับกล้าโจมตีเขา มันจะมากเกินไปแล้ว!

เย่อีเฉิ นมีแววตาเยือกเย็นคลายฝ่ ามือออก ขณะทีเกร็ งพลังปราณเตรี ยมจะโจมตีกลับ กลับปรากฏหมากสี ดาํ พุ่ง


ทะลุออกมาจากฝุ่ นควัน พริ บตาเดียวก็มาถึงตรงหน้าเขา เขาตังตัวหลบการโจมตีไม่ทนั จําต้องถอยหลบออกมา
หลายก้าว แต่อยูๆ่ ด้านล่างเท้ากลับไร้ซึงพืนดิน ร่ างสู งใหญ่ในชุดเจ้าบ่าวสี แดงล่วงลงไปด้านล่างของหน้าผา
คล้ายดังว่าวทีไร้สาย “ตูมม” เสี ยงบางสิ งตกนําดังขึน

มู่หรงเสวียเร่ งไปทีริ มผา ก้มมองลงไปเห็นเพียงกระแสนําเชียวกราก ท่านอ๋ องเทพสงครามผูม้ ีชือ ถูกโจมตีจนตก


หน้าผาง่ายดายเช่นนีเลยหรื อ! เป็ นตายอย่างไรยังไม่ทราบแน่ ชดั นี มันจะเหลือเชือเกินไปแล้ว......

หางตาเห็นชายเสื อสี ขาว เป็ นคุณชายโอวหยางทีกําลังเดินเข้ามา ชุดสี ขาวราวหิ มะพลิวไหวดังผีเสื อ เสริ มเน้น
ความสู งส่ งและสง่างามจนสู งลํา

หมากกระดานนี คุณชายโอวหยางชนะอย่างง่ายดายดังพลิกฝ่ ามือ วิชาควบคุมหมากช่างลึกลําพาให้ผคู ้ นยําเกรง!

มู่หรงเสวียแววตาวูบไหวไม่เป็ นธรรมชาติ นางเองก็มีส่วนทําลายการเดินหมากของคุณชายโอวหยาง ถ้าคุณชาย


โอวหยางสังสอนเย่อีเฉิ นจนเละขนาดนัน เป็ นอันชัดเจนว่านางคงยากทีจะรอด นางไม่มีพลังปราณ แม้แต่เศษหิ น
ก็ควบคุบไม่ไหว ไม่สามารถทีจะบังคับเศษหิ นปะทะกับคุณชายโอวหยางได้แบบเย่อีเฉิ น นางยังไม่อยากตกอยู่
ในสถานการณ์อนั น่าอนาถอย่างเย่อีเฉิ น คงต้องใช้แผนทีสามสิ บหก นันคือหนี!!

มู่หรงเสวียปรายตามองคุณชายโอวหยาง เห็นเขายืนอยูร่ ิ มหน้าผา มองกระแสนําด้านล่างอย่างผูท้ ีอยูเ่ หนื อกว่า มี


สี หน้าและแววตาครุ่ นคิด มิรู้วา่ กําลังคิดถึงสิ งใดอยู่ ไม่ได้สนใจนางเลยแม้แต่นอ้ ย นางแอบถอนหายใจ ค่อยๆ
หันกายอย่างไร้สุ่มเสี ยง เร่ งเดินออกไปข้างหน้า

“หยุดอยูต่ รงนัน!” ทันใดนันเสี ยงไพเราะของชายหนุ่ มดังเข้าหู ร่ างกายของมู่หรงเสวียชะงักเท้าสักครู่ แล้วกลับ


เร่ งเท้าขึนเดินไปด้านหน้าโดยไม่หนั หลังกลับไปมองอย่างร้อนรน คุณชายโอวหยางจะต้องรู ้ว่านางก็เป็ นหนึ งใน
สาเหตุทีทําลายการเดินหมากของเขา เขาเรี ยกนางเช่นนี จะต้องอยากสังสอนนางเป็ นแน่ และนางก็ไม่ได้โง่
พอทีจะหยุดรอให้เขามาจับนางโยนลงเหว

ด้านหลังปรากฏสายลมวูบหนึง เพียงพริ บตาเดียวแขนของมู่หรงเสวียก็ถูกฉุ ดรังเอาไว้ และออกแรงดึงไป


ด้านหลัง

มู่หรงเสวียไม่ทนั ตังตัวจนเสี ยหลักกระแทกเข้าทีอกของชายหนุ่ มอย่างจัง ใบหน้าน้อยสัมผัสกับเสื อนอกทีทักทอ


ด้วยเส้นไหมนุ่ มลืนผิว

จมูกได้กลินหอมของไม้ไผ่ เหมือนกลินไผ่หลังฝนตกทีมีกลิมไอนําผสมอยูจ่ างๆ ทําให้ผสู ้ ู ดดมรู้สึกสบายตัว ลม


หายใจอบอุ่นของชายหนุ่มปะทะเข้ากับศีรษะของนาง มู่หรงเสวียทังโกรธทังตกใจ นางเป็ นถึงคุณหนูผสู ้ ู งส่ ง แต่
ไหนแต่ไรมามีแต่รังแกผูค้ น แต่ตอนนี กลับถูกคนอืนล่วงเกินเสี ยแล้ว

ร่ างกายนุ่มนิ มสัมผัสแนบแน่ นกับอกแกร่ ง กลินหอมของดอกบัวทีมีเอกลักษณ์ลอยเข้าจมูก ร่ างกายสมส่ วนของ


คุณชายโอวหยางแข็งทือไปวูบหนึ ง หัวใจเต้นแรงขึนหลายเท่า แววตาสี ดาํ ไหววูบไปด้วยความรู้สึกแปลก
ประหลาด

ก้มหน้ามองคนทีอยูใ่ นอ้อมอก เห็นใบหน้างามแดงระเรื อ แต่แววตาส่ องประกายความโกรธเตรี ยมทีจะยืนมือ


มาตีเขา......
ตอนที 16 ขายหน้ า
คุณชายโอวหยางแววตาเคร่ งขรึ ม ยืนมือไปจับข้อมือของนางไว้ “เจ้าไม่มีพลังปราณ สู ้ขา้ ไม่ได้หรอก”

ข้อมือขาวนวล ถึงแม้ผวิ กายจะถูกปกปิ ดไว้ดว้ ยเสื อผ้าหลายชัน แต่เขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงความบอบบางอ่อน


นุ่มจนรู ้สึกไม่อยากทีจะปล่อยมือ

คุณชายโอวหยางเป็ นผูท้ ีมีวรยุธสู ง พลังปราณหนาแน่ น แต่กลับกันนางเจ็บไข้มานานปี ร่ างกายอ่อนแอ สู ้


อย่างไรก็คงไม่ชนะเขาแน่ ถ้าหากว่าต้องสู ้กนั จริ ง นางก็ไม่ได้ตอ้ งการทีจะชนะ แต่นางเพียงต้องการทีจะหาทาง
หนี ต่างหาก

มู่หรงเสวียยกยิม แขนเรี ยวยืนออกไปด้วยท่าทางทีแปลกประหลาดจนสามารถหลุดพ้นจากอ้อมกอดของคุณชาย


โอวหยางได้ พร้อมกับเตะไปทีเศษหิ นให้พ่งุ ไปทีเขา

นางเร่ งหันกายมุ่งตรงไปข้างหน้าโดยไม่หันกลับไปมองทางด้านหลังอีก วรยุธของคุณชายโอวหยางนันสู ง


เกินไป ด้วยกําลังของนางในตอนนี ยังไม่สามารถทีจะต่อกรกับเขาได้ แต่เรื องหนีนันนางมันใจว่านางทําสําเร็ จ
แน่

คุณชายโอวหยางพลิกตัวหลบเศษหิ นไปด้านข้าง ปรายตามองตามทางทีนางวิงหายลับเข้าป่ าไป ร่ างบางค่อยๆวิง


ไกลออกไป เขายังคงอยูท่ ีเดิมมิได้วิงตาม เพียงแค่ยกมือขึน เสื อสี ขาวหิ มะทีปั กด้วยด้ายเงินก็ปลิวไสวไปมา ยิง
ทําให้เขาดูงามสง่าสู งส่ งหาใดเปรี ยบ
นางรู ้ว่าวรยุธสู ้เขาไม่ได้ ถ้าขืนยังยืดเยือต่อไปจะเป็ นผลเสี ยต่อนางเอง นางจึงใช้แผนหลอกล่อ เมือเขาสนใจกับ
การโจมตีหลอกล่อของนาง นางจึงรี บใช้จงั หวะนันหนี ไปอีกทาง เป็ นการกระทําทีชาญฉลาดและเป็ นการ
ตอบสนองทีรวดเร็ วยิงนัก

ดวงหน้าของคุณชายโอวหยางปรากฏรอยยิมจางๆทีหาได้ยาก ทีพืนด้านหน้าปรากฏแสงสะท้อน เขาจ้องมองไป


ทีมันแล้วหยิบขึนมาดู เป็ นปิ นหยกขาวใสด้านบนสลักลวดลายกุหลาบหรู หราดูลาค่
ํ า ทังยังมีกลินดอกบัวจางๆ
ติดอยู่

คุณชายโอวหยางแววตาวูบไหว ยกยิมขึน มู่หรงเสวีย อีกไม่นานพวกเราจะได้เจอกันอีก

หลังจากทีมู่หรงเสวียเร่ งหนีออกจากบริ เวณหน้าผาอย่างสุ ดกําลัง หน้าผากก็ชืนไปด้วยเม็ดเหงือ สักพักจึงหยุด


มองไปยังด้านหลัง รอบด้านเงียบสงัด นอกจากนางแล้วก็ไม่มีใครอีก นางจึงถอนหายใจยาว คุณชายโอวหยาง
ไม่ได้ตามมา ถือว่าเป็ นโชคดีในโชคร้าย

ร่ างกายค่อยๆผ่อนคลาย แขนซ้ายของนางค่อยๆรู ้สึกเจ็บขึนมา เมือถกแขนเสื อขึนดูกพ็ บว่าบริ เวณทีคุณชาย


โอวหยางจับนางปรากฏรอยนิวมือห้านิว ใบหน้าสวยของนางดุดนั กัดฟั ดโกรธ คุณชายโอวหยาง!

“น้องเล็ก” นําเสี ยงตะโกนเรี ยกอย่างยินดี มู่หรงเสวียปิ ดแขนเสื อลง มองไปยังทางทีเป็ นต้นเสี ยง ปรากฏร่ าง
ของมู่หรงเย่ทีกําลังวิงเข้ามาอย่างเร่ งรี บ กวาดสายตาตรวจดูร่างกายของนาง สายตาเต็มไปด้วยความห่ วงใย “เจ้า
เป็ นอย่างไรบ้าง?”
“ข้าไม่เป็ นไร” มู่หรงเสวียพูดตอบด้วยรอยยิมบาง ๆ

มู่หรงเย่ทีได้ยนิ เช่นนันก็ขมวดคิวขึน น้องเล็กยืนกรานทีจะไม่เป็ นพระชายารอง ต่อต้านความต้องการของเย่อี


เฉิ น หลังจากทีเขาไล่ตามน้องเล็กไป แน่ นอนว่าเขาต้องจัดการกับน้องเล็กอย่างโหดร้าย ทําไมน้องเล็กถึงรอดมา
ได้......

“เย่อีเฉิ น......เอ่อ......เย่อีเฉิ นล่ะ?” มู่หรงเย่กวาดตามองรอบตัวไปมา ไม่เห็นแม้แต่เงาร่ างของเย่อเฉิ


ี น เลยอดถาม
ขึนไม่ได้

น้องเล็กหนี ออกไปก่อนสิ บกว่าเมตรได้ แต่นางไม่รู้จกั วิชาตัวเบา เย่อีเฉิ นจะต้องตามนางทันในทีสุ ด ทําไมเขาถึง


ไม่อยูแ่ ถวนีกับนาง

“ตกเหวไปแล้ว” มู่หรงสวียพูดเหมือนเรื องปกติทวไป


“เอ๋ !!” มู่หรงเย่เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง เย่อเฉิ


ี นทีมีวรยุธสู งส่ ง ทําไมถึงตกลงไปในเหวได้?

“เจ้าผลักท่านอ๋ องตกหน้าผา!” ผูช้ ายชุดดําผูห้ นึงปรากฏกายพร้อมนําเสี ยงทีเยือกเย็น แววตาปรากฏความอํามหิ ต


เหมือนอยากจะให้นางตกตายอยูใ่ นทีแห่ งนี
ทหารจวนจิงอ๋ องสิ บกว่าคนด้านหลังแหวกออกเป็ นสองฝัง ปล่อยรังสี อาฆาตจนดูน่ากลัว

มู่หรงเสวียปรายตามองผูช้ ายตรงหน้าอย่างเฉยชา ในความทรงจําของร่ างเดิมคนคนนีมักจะติดตามจิงอ๋ องทุกครัง


ทีเจอกับนาง “เจ้าชือสวีเทียนโย่วสิ นะ คุณชายใหญ่สวี ขอให้ท่านเบิกตามองให้ชดั เจน ข้าเป็ นเพียงผูห้ ญิงทีบอบ
บางร่ างน้อยคนหนึง ถึงขนาดจะสามารถผลักจิงอ๋ องผูเ้ ป็ นเทพสงครามของเจ้าตกเหวได้เชียวหรื อ?”

สวีเทียนโย่วหรี ตาลง เพ่งมองมู่หรงเสวียอย่างพิจารณา เห็นเพียงร่ างกายบอบบางทีแค่ตอ้ งลมก็สามารถล้มป่ วย


ได้ ดูไม่ออกว่าเคยมีการฝึ กวรยุธมาก่อน ดวงหน้าซี ดขาวซึ งต้องเกิดจากการป่ วยเรื อรังมานานจนมิได้ออกไป
ไหนถึงจะขาวซี ดได้เพียงนี

คนทีอ่อนแอเช่นนี ถ้าคิดร้ายต่อจิงอ๋ อง คงโดนสังหารไปตังแต่แรกไม่อาจมายืนอยูต่ รงนีโดยไร้ซึงบาดแผลได้


“ถ้าเช่นนันทําไมท่านอ๋ องถึงตกเหวได้?”

“เดินไม่ระวังก้าวเท้าพลาดจนตกลงไปเอง” มู่หรงเสวียตอบอย่างเฉยชา สี หน้าเยาะเย้ยในความโชคร้ายของจิง


อ๋ อง ถึงแม้ว่าคุณชายโอวหยางจะเป็ นคนใช้เม็ดหมากโจมตีเย่อีเฉิ น แต่ทีเย่อีเฉิ นก้าวพลาดก็เพราะว่าหลบการ
โจมตีจากหมากเม็ดนัน จนไม่ทนั ระวังจึงตกเหวไปเอง นางมิได้โกหกแต่อย่างใด

“มันเป็ นไปไม่ได้” สวีเทียนโย่วแย้งขึนเสี ยงดัง แววตาทีใกล้จะปะทุความโกรธมองมาทีนาง “ท่านอ๋ องมีวรยุธ


สูงส่ ง ทําไมจะก้าวพลาด......”
มู่หรงเสวียสบถเสี ยงเบา “ท่านอ๋ องของเจ้าก็แค่ถูกมนุษย์ปุถุชนถูกยกย่องว่าเป็ นเทพสงครามเท่านัน มิใช้เทพจริ ง
ๆเสี ยหน่ อย ถ้าตัดคํายกย่องเหล่านันออกไป เขาก็เป็ นแค่มนุษย์ธรรมดาผูห้ นึง มีเลือดมีเนือ คนอืนก้าวเท้าพลาด
ได้ ทําไมเขาจะพลาดบ้างไม่ได้?”

สวีเทียนโย่วชะงักถ้าตัดวรยุธความปราดเปรื องศักดิฐานะออกไป จิงอ๋ องก็ไม่ต่างไปจากคนธรรมดา “แต่ว่า......”

มู่หรงเสวียโบกมือตัดจบคําพูดของเขา มองด้วยท่าทีเฉยชา “คุณชายสวีเทียนโย่วมีเวลามาถกเถียงถึงสาเหตุทีจิง


อ๋ องตกเหวกับข้า ข้าว่าท่านพาคนไปค้นหาทีก้นเหวจะไม่ดีกว่าหรื อ? ถ้าเกิดโชคดี ไม่แน่อาจจะพบศพของเย่อี
เฉิ นก็ได้แต่ถา้ ไม่ละก็......เฮ้อ......”

สี หน้าของสวีเทียนโย่วดุดนั มองไปทีนางด้วยสายตาเยือกเย็น “นีเจ้าอยากให้จิงอ๋ องตายมากเลยงันรึ ?”

“ความเป็ นตายของเย่อเฉิ
ี นข้าไม่สนใจ ข้าเพียงเห็นว่าเหวนันลึกมาก ทังยังมีกระแสนําทีรุ นแรง ดูแล้วน่ าจะมี
โอกาสรอดยาก ก็แค่บอกพวกเจ้าไว้เท่านัน ให้พวกเจ้าได้มีเวลาเตรี ยมใจ พอตอนเจอศพจะได้มิโศกเศร้าเสี ยใจ
ไป” มู่หรงเสวียพูดขึนด้วยนําเสี ยงเฉยชา

ฟังแล้วรู ้สึกเหมือนเป็ นห่ วงเป็ นใย แต่ทีสวีเทียนโย่วได้ยนิ รู ้สึกเหมือนนางกําลังสาปแช่งจิงอ๋ องเสี ยมากกว่า สี


หน้าของเขาเปลียนเป็ นมืดครึ มจนน่ากลัว จ้องเขม็งไปยังมู่หรงเสวีย พูดเน้นทีละคําว่า “ไม่กล้ารบกวนให้คุณหนู
เป็ นห่ วงหรอกขอรับ สวรรค์จะต้องคุม้ ครองท่านอ๋ องแน่ นอน” มู่หรงเสวียไม่คิดว่าเป็ นเช่นนัน “เป็ นตายอยูท่ ี
ชะตากรรม ความมังคังอยูท่ ีฟ้ า เจ้าและข้ามิใช้จา้ วนรก ความเป็ นตายของเย่อเฉิ
ี นมิอาจจะตัดสิ นได้”
“เจ้า!” สวีเทียนโย่วขึนเสี ยงแข็ง เขามองออกว่ามู่หรงเสวียอยากให้ท่านอ๋ องตกตายอยูท่ ีก้นเหว แต่ละคําล้วน
แล้วแต่สาปแช่งจิงอ๋ องทังสิ น ถ้ายังอยูพ่ ดู กับนางต่อไปเขาคงโกรธจนตาย

“ขอลา!” สวีเทียนโย่วสะบัดแขนเสื อ เดินไปทีหน้าผาโดยทีหน้าก็ไม่หนั มามอง ทหารวังจิงอ๋ องเร่ งรี บตามไป

“ไม่ส่งนะ” มู่หรงเสวียตอบกลับอย่างเฉยชา

มองจนสวีเทียนโย่วลับหายไป มู่หรงเย่มองมู่หรงเสวีย ดวงตาสี ดาํ เต็มไปด้วยความสงสัย “น้องเล็ก เย่อีเฉิ นมิได้


ถูกเจ้าผลักตกเหวจริ งๆรึ ?”

“จริ ง” มู่หรงเสวียยืนกรานปฏิเสธ เรื องทีนางเป็ นคนทํานางกล้ายอมรับ แต่ถา้ นางไม่ได้ทาํ ก็ไม่มีทางทีจะโบ้ย


ความผิดใส่ หัวนาง

หัวใจทีเต้นแรงของมู่หรงเย่ผอ่ นแรงลง คิวขมวดเข้าหากัน “ถ้าหากเย่อีเฉิ นตายไป......”

“ตายแล้วก็ตายไป มีอะไรให้ตอ้ งกังวลใจ” มู่หรงเสวียไม่ใส่ ใจ ถ้าเย่อีเฉิ นไม่ตามนางมาทีหน้าผา ไม่ได้ใช้วรยุธที


สูงส่ งและพลังปราณทีเข้มแข็งมาบีบบังคับนาง รวมทังกระตุน้ อารมณ์โกรธของคุณชายโอวหยาง จนถูกโจมตี
ตกลงสู่ เหว และถ้าเกิดเขาตายจริ งๆก็เป็ นเขาทีหาเรื องเองจนกรรมตามสนอง

มู่หรงเย่ถอนหายใจแรง “เจ้ากับเย่อีเฉิ นหมันหมายกัน ถ้าเย่อเฉิ


ี นตาย ผูค้ นจะพูดได้ว่าเจ้าเป็ นตัวกาลกิณี”
มู่หรงเสวียเลิกคิว “ข้าได้ขอถอนหมันกับเย่อีเฉิ นไปแล้ว พระชายาเอกของเขาตอนนี คือองค์หญิงม่อเป่ ยฉิ นยวี
เยียน ถ้าเย่อเฉิ
ี นตายจริ งๆ สมควรเป็ นฉิ นวีเยียนทีเป็ นตัวกาลกิณี มิใช่ขา้ ”

มู่หรงเย่ส่ายหน้า แววตาหมดหนทาง “การหมันหมายระหว่างเจ้ากับเย่อีเฉิ นยังไม่ได้ยกเลิกอย่างเป็ นทางการ การ


แต่งงานระหว่างฉิ นยวีเยียนกับเขาก็ยงั มิได้ป่าวประกาศอย่างเป็ นทางการเช่นกัน ถ้าเย่อเฉิ
ี นตายไป เป็ นเจ้า
ต่างหากทีเป็ นตัวกาลกิณี”

“เย่อีเฉิ นก็ตกเหวลงไปแล้ว ความเป็ นตายของเขา ไม่ได้เกียวข้องกับพวกเรา นีก็สายมากแล้ว พวกเรากลับจวน


เถอะเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียพูดยิมๆ ดวงตาเปล่งประกายเคร่ งขรึ ม จะกาลกิณีหรื อไม่นางไม่สนใจ ตอนนีทีควรทําคือ
นางต้องกลับเมืองหลวงไปอย่างยิงใหญ่ ไม่ว่าเย่อีเฉิ นจะเป็ นหรื อตายนางก็ถือว่าได้ส่งของขวัญชินใหญ่ทีคาดไม่
ถึงให้เขาได้อย่างน่ าจดจําแล้ว
ตอนที 17 จิงอ๋ องวางแผนร้ าย
ดวงอาทิตย์ค่อยๆลับขอบฟ้ า แสงอัสดงสี แดงสาดส่ องพร่ างพราย แสงสี ทองบนผืนนําค่อยๆจางหาย

ต้นหญ้าเขียวชอุ่มริ มตลิงเป็ นหย่อมๆ ดูงดงามประกอบกับสี แดงทีประดับประดาอยูบ่ นพืนให้ความรู ้สึกเหมือน


ดังดวงเนตรแห่ งมังกร ส่ งเสริ มให้หญ้าเขียวรอบด้านดูงดงามมีชีวิตชีวา

ทว่าสี แดงเหล่านันหาใช่ดอกไม้ไม่ แต่กลับเป็ นชุดเจ้าบ่าวสี แดง เจ้าของทีใส่ มนั นอนหงายอยูใ่ นโพรงหญ้า ร่ าง


สูงสมส่ วนแค่มองก็รู้ทนั ทีวา่ เป็ นชายหนุ่ มผูห้ นึ ง เพียงแต่เส้นผมสี ดาํ ของเขาล้วนปกปิ ดใบหน้าจนดูยงุ่ เหยิง มิ
สามารถมองออกว่าหน้าตาเป็ นเช่นใด

ทันใดนัน ขนตาของเขาค่อยๆขยับสันไหว ลืมตาขึนอย่างช้าๆ มองไปยังบริ เวณโดยรอบ แววตาสะลึมสะลือ


ค่อยๆฉายแววคมเข้มขึน เขาชันตัวลุกขึนจนเส้นผมลู่ตกไปด้านหลัง เผยดวงหน้าหล่อเหลาหาใดเปรี ยบ เขา
คือจิงอ๋ องเย่อีเฉิ น!

รอบด้านสงัดเงียบ ไม่เห็นแม้แต่วีแววของผูค้ น เสื อเจ้าบ่าวทีเปี ยกชืนลู่ติดไปกับร่ างกายดูไม่สบายตัวนัก เย่อีเฉิ น


ดีดนิ ว หมอกจางๆหมุนวนรอบกาย เพียงพริ บตาเดียวหมอกควันก็ค่อยๆจางหายไปอย่างไร้ร่องรอย เสื อเจ้าบ่าว
บนกายทีเคยเปี ยกชืนกลับแห้งสนิ ททันที ไม่มีแม้แต่ความไม่สบายตัวหลงเหลืออยูอ่ ีก

เย่อีเฉิ นค่อยๆลุกยืนขึนโคจรลมปราณไปมาอย่างรวดเร็ ว พลังปราณลืนไหลไม่ติดขัด ถอนหายใจเพียงแผ่วเบา


เขาว่ายนําไม่เป็ น ตกไปในกระแสนําเชียวกรากได้ไม่นานก็กระแทกกับหินใต้นาจนสลบไป
ํ โดนกระแสนําพัด
มาไกลเกินกว่าพันเมตรโดยไม่รู้สึกตัว มีรอยถลอกฟกชําเพียงเล็กน้อย ถือว่าโชคดียงนั
ิ ก!
พอนึ กถึงคนทีทําร้ายเขาจนตกเหวเกือบเอาชีวิตไม่รอด แววตาของเย่อเฉิ
ี นก็กลายเป็ นอํามหิ ตทันที คุณชายโอวห
ยาง!

“ท่านอ๋ อง!” เสี ยงร้องเรี ยกด้วยความยินดีดงั ขึน เย่อีเฉิ นมองไปเห็นสวีเทียนโย่วเร่ งรี บวิงเข้ามา กวาดตามองไป
ทัวร่ างกายของเขา แววตาปรากฏความยินดีอย่างปกปิ ดไม่มิด “ท่านไม่เป็ นอะไรใช่ไหม?”

“ข้าไม่เป็ นไร” เย่อีเฉิ นส่ ายหน้า เหล่มองทหารยามวังจิงอ๋ อง พูดขึนอย่างเฉยชา “ได้ตวั มู่หรงเสวียแล้วใช่ไหม?”

สวีเทียนโย่วร่ างกายแข็งทือ รอยยิมบนหน้าชะงักค้าง

เย่อีเฉิ นหรี ตาพูดด้วยนําเสี ยงเย็นชา “ทําไม? เจ้าไม่ได้จบั ตัวนางขึนเกียวสี ชมพู ส่ งเข้าวังจิงอ๋ องรึ ?”

สวีเทียนโย่วแววตาลุกลิกไม่เป็ นธรรมชาติ “ท่านอ๋ องตกหน้าผา เป็ นตายไม่ทราบได้ ข้ากังวลว่าท่านจะเป็ น


อันตราย ก็เลย......”

“เช่นนันเจ้าจึงพาพวกทหารยามมาตามค้นหาข้า ปล่อยให้ม่หู รงเสวียกลับจวนเจินกัวโหวได้อย่างง่ายดายงัน


หรื อ” เย่อีเฉิ นตอบรับคําพูดของสวีเทียนโย่วด้วยแววตาแห่ งความโกรธ เทียนโย่วติดตามเขามาหลายปี จัดการ
เรื องต่างๆได้ตรงกับความต้องการของเขายิงนัก ทําไมครังนีถึงประมาทจนทําให้เรื องสําคัญเช่นนีหลุดลอยไปได้
“ท่านอ๋ องโปรดอภัย เป็ นข้าน้อยทีไม่ตรึ กตรองให้รอบคอบ ข้าจะรี บสังการให้พวกทหารเร่ งไปทีจวนเจินกัวโหว
รับตัวมู่หรงเสวียขึนเกียวเข้าประตูรองวังอ๋ องให้จงได้”

ในใจของสวีเทียนโย่ว จิงอ๋ องเป็ นดังเทพสงคราม ในโลกมนุษย์นีไม่มีใครทีจะเก่งกาจเทียบเทียมเขาได้ ยิงไป


กว่านันเขายังมันใจอีกว่าไม่มีใครทีจะสามารถทําร้ายให้จิงอ๋ องให้รับบาดเจ็บ คราทีได้ยนิ ว่าจิงอ๋ องตกเหวนัน เขา
เกิดเป็ นกังวลจนเกินไปรี บร้อนตามหาตัวจิงอ๋ อง ละเลยจุดประสงค์ทีแท้จริ งของจิงอ๋ องไปเสี ยหมด

โชคยังดีทีการแต่งอนุพิธีรีตองไม่ค่อยยุง่ ยากวุน่ วาย ไม่ตอ้ งดูเวลาฤกษ์ยาม แค่เพียงนําตัวมู่หรงเสวียขึนเกียวส่ ง


เข้าวังจิงอ๋ องได้ภายในคืนนี ก็นับเป็ นอันครบถ้วนสมบูรณ์ตามพิธีการการแต่งอนุ

เย่อีเฉิ นค่อยๆตอบรับอย่างเฉยชา “ไม่ว่าจะทําอะไรก็ตามจะต้องยึดจุดประสงค์หลักไว้ให้มนั ไม่ว่าจะเกิดเหตุ


สุ ดวิสัยใดๆก็ตาม ควรชังนําหนักให้ดีว่าควรให้ความสําคัญกับจุดประสงค์หลักมากน้อยเพียงใด จึงจะไม่ทาํ ให้
เสี ยเรื องใหญ่”

“พ่ะย่ะค่ะ!” สวีเทียนโย่วแววตาเต็มไปด้วยความแน่วแน่ พยักหน้าคิดตาม ขณะทีเตรี ยมจะเร่ งกลับเมืองหลวง


เสี ยงยินดีสายหนึงก็ดงั ขึน “จิงอ๋ อง!”

สวีเทียนโย่วมองตามไปเห็นชายวัยกลางคนในชุดขุดนางผูห้ นึงกําลังขีม้าสี ดาํ พุ่งตรงมาทางนี ด้านหลังของเขา


ตามมาด้วยทหารในชุดเกราะถือดาบยาวร้อยกว่าคน

นันมัน......ผูบ้ ญั ชาการแห่ งกองทหารดูแลเมืองอู่เฉิ งปิ งหม่าซื อนี ทําไมเขาถึงมาอยูท่ ีนี ได้?


ั มาหยุดอยูต่ รงหน้า พลิกกายลงจากหลังม้า คุกเข่าหันไปทางจิงอ๋ อง
ขณะทีกําลังสงสัย ชายวัยกลางผูน้ นก็
“ข้าน้อยหยางไท่ คาราวะจิงอ๋ อง!”

“ลุกขึนเถิด” เย่อีเฉิ นมองดูหยางไท่ นําเสี ยงเฉยชา “ใต้เท้าหยางแต่ไหนแต่ไรมาท่านก็อยูด่ ูแลแต่ในเมืองหลวง


เหตุใดอยูๆ่ จึงพาทหารมาทีนี ?”

หยางไท่ลุกขึน พูดตอบด้วยนําเสี ยงน้อบน้อม “เรี ยนจิงอ๋ อง ข้าน้อยได้รับการไหว้วานจากใต้เท้าหลินแห่ งจวน


ซุนเทียนให้พาคนมาช่วยค้นหาจิงอ๋ องพะยะค่ะ”

แววตาของเย่อีเฉิ นไหววูบ มีลางสังหรณ์ไม่ดีเกิดขึน “เกิดอะไรขึน?”

“ยามเจิงอู่ คุณหนู ม่หู รงเสวียแห่ งจวนเจินกัวโหวกลับถึงเมืองหลวงภายใต้การดูแลของเหล่าทหารยามก็เร่ งตรง


ไปทีจวนซุ นเทียน กล่าวว่า......”

หยางไท่เหล่ตามองไปทีเย่อีเฉิ น เห็นเขาดวงหน้าขาวซี ด สมควรได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ชุดเจ้าบ่าวสี แดงมีรอยฉี ก


ขาดหลายแห่ ง แขนเสื อขาดไปครึ งหนึ ง เม้มปากแน่ น ถึงแม้มู่หรงเสวียจะเน้นยําว่าทหารยามจวนเจินกัวโหวไม่
ทันระวังจึงได้รับบาดเจ็บ แต่ทหารยีสิ บกว่าคนหน้าตาปูดบวมเขียวชําเหมือนกันหมด คนโง่ทีไหนก็ไม่มีทางเชือ
บวกกับได้เห็นบาดแผลของจิงอ๋ อง ก็คาดการณ์ได้โดยง่ายว่าเกิดอะไรขึน สองฝ่ ายเกิดการปะทะและต่อสู ้กนั
ส่ วนสาเหตุกเ็ ดาได้ไม่ยาก
เรื องราวภายในของวังจิงอ๋ องกับจวนเจินกัวโหว คนนอกเช่นพวกเขาไม่มีสิทธิเข้าไปยุง่ วุ่นวาย ว่ากันตามตรงคือ
ไม่กล้าเข้าไปยุง่ เกียวด้วย ทําหน้าทีของตัวเองให้ดีก็พอ “คุณหนูใหญ่ม่หู รงกล่าวว่า จิงอ๋ องไม่ทนั ระวังก้าวเท้า
พลาดจนตกเหว จึงขอร้องให้จวนซุนเทียนนําคนออกมาช่วยค้นหา คนของจวนซุ นเทียนไม่เพียงพอ ใต้เท้าหลิน
จึงมาไหว้วานข้าน้อย......”

ทหารอู่เฉิ งปิ งหม่าซือมีหน้าทีควบคุมดูแลความสงบเรี ยบร้อยและอัคคีภยั ภายในเมืองหลวง จึงมีไพร่ พลมาก


ทีสุ ด ขอให้พวกเขาช่วยค้นหาคนตกนําจึงเหมาะสมทีสุ ดแล้ว

เย่อีเฉิ นสี หน้าดุดนั จนหน้ากลัว แววตาปรากฏประกายอํามหิ ต คนในเมืองหลวงล้วนทราบว่าเขาพาทหารมาที


สุ สานตระกูลมู่หรง บาดแผลของทหารยามจวนเจินกัวโหว ใช้นิวเท้าคิดยังรู ้เลยว่าบาดแผลพวกนันเกิดจากการ
ปะทะกับคนของวังจิงอ๋ อง

มู่หรงเสวียพาพวกเขาทีได้รับบาดเจ็บตระเวนไปทัวเมืองหลวง แม้จะไม่ป่าวประกาศเรื องจริ ง แต่เหล่าขุนนาง


เหล่านันรวมถึงผูค้ นจะต้องเดาออกว่าเขาใช้กาํ ลังบีบบังคับให้ม่หู รงเสวียแต่งเป็ นพระชายารองไม่สาํ เร็ จ ทังเสี ย
ท่าตกเหวเสี ยเอง

จิงอ๋ องเทพสงครามทีผูค้ นต่างเคารพยําเกรงและหวาดกลัว ตอนนีกลายเป็ นเรื องตลกยามว่างในเวลาดืมชาของ


พวกเขาเสี ยแล้ว

มู่หรงเสวีย ดี ดีมาก!
ทันใดนันรอบกายของเย่อเฉิ
ี นเต็มไปด้วยไอสังหาร แววตาส่ องประกายเยือกเย็นคมกริ บจนทําให้สวีเทียนโย่วไม่
สงสัยเลยว่าถ้ามู่หรงเสวียยังอยูท่ ีนีนางจะต้องถูกเย่อีเฉิ นฉี กกระชากเป็ นชินๆอย่างแน่นอน “ท่านอ๋ องมิตอ้ งเป็ น
กังวล พวกขุนนางและชาวบ้านในเมืองหลวงไม่มีทางกล้าลบหลู่วิพากษ์วิจารณ์วงั จิงอ๋ อง!”

พวกเขาก็แค่ไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์อย่างโจ่งแจ้งแต่ลบั หลังคงกําลังหัวเราะเยาะวังจิงอ๋ องเป็ นแน่!

ดวงตาของเย่อีเฉิ นปรากฏแสงแห่ งความเยียบเย็นสันไหวไปมา ฝ่ ามือภายใต้แขนเสื อค่อยๆบีบแน่ นเข้าหากัน ก็


แค่คนทีใกล้ตายคนหนึง กลับกล้าทําลายชือเสี ยงทีเขาสะสมมานานปี ช่างบังอาจจนเกินไปแล้ว นางส่ งของขวัญ
ชินใหญ่เช่นนี ให้เขา แน่ นอนว่าเขาจะต้องตอบแทนนางอย่างสาสมเช่นกัน ให้นางได้ลองลิมรสความตายทังเป็ น
ตอนที 18 แผนสกปรก
หมู่มวลเมฆบนท้องฟ้ าค่อยๆเปิ ดออก หมอกยามเช้าค่อยๆจางหาย แสงแดดสี ทองสาดส่ องทะลุเมฆสาดไปทัว
ผืนดิน

มู่หรงเสวียอยูใ่ นชุดกระโปรงยาวสี นาเงิ


ํ นเข้มกําลังนังดืมชาใต้ตน้ ฉยงฮวา ภายใต้ดอกฉยงฮวาสี ชมพูทีร่ วงโรย
ยิงทําให้ความสวยของหญิงสาวโดดเด่นขึน เหมือนดังมิใช่มนุษย์ปุถุชนธรรมดาทัวไป

“คุณหนูใหญ่ จิงอ๋ องกลับถึงเมืองหลวงแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้หงซิ วเร่ งเดินเข้ามา นําเสี ยงเป็ นกังวล

มู่หรงเสวียแววตาวูบไหว ทวงท่าการดืมพลันหยุดชะงัก “กลับมาเมือไร?”

“ยามซวีเมือคืนเจ้าค่ะ (หนึ งทุ่มถึงสามทุ่ม)” หงซิ วแววตาวูบไหว “ทหารประจําประตูเมืองบอกว่า เขาขีม้ากลับ


เมืองหลวงมาเพียงคนเดียว สี หน้าเรี ยบเฉย ดูเหมือนไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร”

ดวงตางามของมู่หรงเสวียหรี เล็กลง ตกจากหน้าผาสู งขนาดนัน ทังยังถูกกระแสนําทีเชียวกรากพัดไปพันกว่า


เมตร ถ้าเป็ นคนธรรมดาถึงไม่ตายอย่างน้อยก็ตอ้ งบาดเจ็บสาหัส เย่อีเฉิ นแม้แต่บาดแผลเล็กน้อยก็ไม่มี นับว่ามี
โชคทีไม่ธรรมดายิงนัก ตรงกับคําพูดทีว่า คนดีมกั มีชีวิตทีแสนสัน คนชัวมักเสวยสุ ขไปตราบนานเท่านาน

“คุณหนูใหญ่ จิงอ๋ องมีฐานะสู งส่ งอีกทังยังคุมกําลังทหารไว้ในมือ ท่านวางแผนจนทําให้เขาต้องอับอายขายหน้า


ต่อเหล่าขุนนางและชาวเมืองหลวง เขาน่าจะไม่หยุดอยูเ่ พียงเท่านี” หงซิ วมีแววตากังวลห่ วงใย
“ข้ารู ้” มู่หรงเสวียพยักหน้าแววตาเฉยชา คําพูดของนางเมือวานทีพูดอย่างคลุมเครื อ ชาวเมืองหลวงสมควรเดา
ออกว่าเป็ นจิงอ๋ องทีใช้กาํ ลังบีบบังคับนางให้เป็ นพระชายารอง ถึงขันเกิดการปะทะกับจวนเจินกัวโหวจนเขาตก
เหวโดยไม่ได้ตงใจ

เย่อีเฉิ นมีนิสัยหยิงทะนงตน ไม่มีทางยอมรับว่าเป็ นเพราะคุณชายโอวหยางทีทําให้ตนตกเหว เขาฉุ ดนางไม่สาํ เร็ จ


ทังยังพลาดท่าตกเหว ข่าวลือคงดังเข้าหู เขาไม่หยุดหย่อน เพียงนึ กถึงนาง เย่อีฉิ นก็จะรู ้สึกถึงความอัปยศทีเขา
ได้รับ ในใจคงจะเกลียดชังนางเป็ นอย่างมาก แต่เพือชือเสี ยงของวังจิงอ๋ อง เขาคงไม่กล้าใช้กาํ ลังบีบบังคับนาง
อย่างโจ่งแจ้งอีกแล้ว

และสิ งทีนางต้องการก็คือสิ งนี เพราะว่าทหารของจวนเจินกัวโหวเป็ นแค่ทหารยามธรรมดา แต่ทหารของวังอ๋ อง


นันเป็ นผูท้ ีผ่านศึกสงครามและการนองเลือดมามากมาย เมือนําสองฝ่ ายมาเปรี ยบกันฝังนางจึงไม่มีโอกาสทีจะ
ชนะเลย นางร่ างกายอ่อนแอ ถึงจะมีฝีมือติดตัวมาจากชาติทีแล้วอยูบ่ า้ งก็ตาม แต่กย็ งั มิอาจเปรี ยบได้กบั เย่อีเฉิ นที
มีพลังปราณและวรยุธทีสู งส่ งได้!

ถ้าวังจิงอ๋ องใช้กาํ ลังลงมือกับจวนเจินกัวโหวอย่างไม่ไว้หน้าและเปิ ดเผยแล้วละก็ จวนเจินกัวโหวไม่มีทางทีจะ


ต่อกรได้อย่างแน่ นอน แต่ดว้ ยเหตุผลเมือครู่ ทาํ ให้จิงอ๋ องเกิดอาการลังเล ก็ไม่กล้าทีจะโจมตีจวนเจินกัวโหวอย่าง
โจ่งแจ้งอีกต่อไป แต่จะเปลียนเป็ นกระทําการในทีลับแทน และถ้าพูดถึงเรื องแผนสกปรกลับหลังพวกนี นางไม่
มีทางทีจะแพ้ให้กบั เย่อีเฉิ นแน่นอน
มองไปทีดวงตาฉายแววมันใจของคุณหนู หงซิ วถอนหายใจ ความหวาดระแวงมิได้ลดน้อยลงเลยสักนิ ด “คุณหนู
ใหญ่ ถูกโจมตีในทีแจ้งหลบง่าย แต่ในทีลับนันยากจะป้ องกันนะเจ้าคะ พวกเราต้องเพิมความระมัดระวังถึงจะ
ถูก”

“ข้ารู ้” มู่หรงเสวียพยักหน้า ยกยิมจางๆทีมุมปาก รอบนี เย่อีเฉิ นรอดกลับมาได้อย่างปลอดภัย เป็ นเพราะคุณชาย


โอวหยางบีบจนเขาพลาดพลังตกเหวไป เขาจึงไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย ถ้าว่ากันตามวรยุธของเขาโอกาสทีจะ
รอดจากกระแสเชียวกรากนันก็มีสูงมาก!

ถ้าเขากล้าคิดร้ายต่อนางลับหลัง คอยดูเถอะนางจะตัดเส้นเลือดใหญ่ของเขาเสี ย ไม่ให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่


จะให้เสี ยเลือดมากจนตายไปเอง

“น้องเล็ก......น้องเล็ก......” เสี ยงเรี ยกร้องอย่างร้อนรนตามมาด้วยมู่หรงเย่ทีวิงมาอย่างเหนือยหอบ ชายเสื อพลิว


ไหวไปมา ปากคล้ายมีเรื องจะพูดแต่ก็มิกล้ากล่าววาจา

มู่หรงเสวียปรายมองเขาอย่างเรี ยบเฉย “มีอะไรหรื อ?”

“น้องเล็กเจ้าให้ขา้ ยืมเป้ ยเป้ ยสักหนึ งวันเถอะ!” มู่หรงเย่เอ่ยขอด้วยรอยยิมกว้าง ใบหน้างามฉายแวว


ประจบประแจง
ใบหน้างามของมู่หรงเสวียเปลียนเป็ นเรี ยบเฉย เป้ ยเป้ ยมีสายพันธ์ฉางเอ๋ าเก่งในด้านการต่อสู ้ ทีมู่หรงเย่มาขอยืม
จึงไม่ตอ้ งคาดเดาถึงเหตุผลเลยว่าเพือสิ งใด “เป้ ยเป้ ยเป็ นสัตว์เลียงของข้า ข้าไม่มีทางให้มนั ไปสนามประลอง
สัตว์อีกเป็ นอันขาด ท่านพีเลิกหวังในเรื องนี เสี ยเถอะ”

พอมู่หรงเย่ได้ยนิ ก็มิได้โกรธ และก็มิได้โศกเศร้า ยังคงยิมประจบประแจงอยูเ่ ช่นเดิม “งันเจ้าให้เงินข้าสักหนึ ง


หมืนตําลึง ข้าจะเอาไปซื อตัวใหม่”

มู่หรงเสวียนย่นคิว “ปกติท่านเบิกเงินจากทีไหน? ทําไมไม่ไปเบิกเอาจากทีนัน?” ในความทรงจําของร่ างเดิม ไม่


ว่ามู่หรงเย่จะแพ้ยงั ไง ก็ไม่เคยมาขอเงินกับนาง

“ปกติขา้ จะเบิกเอากับท่านลุงฮุย แต่ขา้ ไปมาเมือครู่ เขากลับบอกว่าตามทีท่านพ่อได้ฝากฝังไว้ ข้าได้เบิกไปเกิน


จํานวนของเดือนนี แล้ว เดือนหน้าถึงจะเบิกใหม่ได้ แต่ขา้ อยากไปประลองสุ นัขอีก ก็เลยมาขอเจ้าแทน” มู่หรงเย่
พูดเหมือนเป็ นเรื องปกติธรรมดาทัวไป

มู่หรงเสวียพอได้ฟังดังนันก็หรี ตาลง ท่านลุงฮุยมีชือว่าเก๋ อฮุย เคยเป็ นลูกน้องทีมีความสารถของมู่หรงเยว่คน


หนึ ง ขณะทําการศึกได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่สามารถเข้าสนามรบได้อีก เลยกลายเป็ นพ่อบ้านคนหนึ งของจวน
เจินกัวโหว จัดการดูแลเรื อนฝ่ ายหน้า

หลังจากทีมู่หรงเยว่สองสามีภรรยาตายไป เขาก็รับหน้าทีดูแลเรื อนฝ่ ายหน้าทังหมด ทังยังดูแลมู่หรงเย่กบั มู่หรง


เสวียตังแต่ยงั เล็ก พูดได้ว่าทีอํานาจสิ ทธิขาดของเรื อนฝ่ ายหน้าไม่ได้ตกอยูภ่ ายใต้หญิงเฒ่าแซ่ ตูก้ เ็ ป็ นเพราะท่าน
ลุงฮุยผูน้ ี ถึงทําให้หญิงเฒ่าแซ่ ตมู ้ ิกล้ามายุง่ เกียวกับพวกนางมากนัก ทําให้พวกนางเติบโตอย่างสงบสุ ขและ
ปลอดภัยมาจนถึงทุกวันนี
เก๋ อฮุยถือเป็ นลูกน้องคนสําคัญของมู่หรงเยว่ เป็ นผูม้ ีบุญคุณทียิงใหญ่กบั พวกนางสองพีน้อง แต่ม่หู รงเย่เป็ น
เจ้านายและเขาทีเป็ นเพียงข้ารับใช้ การทีมู่หรงเย่ผลาญเงินไปกับการประลองสุ นขั มากมายนัน เก๋ อฮุยจึงไม่กล้า
ว่ากล่าวตักเตือนมากนัก เพียงแต่จาํ กัดขอบเขตเงินทีเขาจะใช้ ควบคุมรายรับให้มากกว่ารายจ่าย เพือไม่ให้เจินกัว
โหวทียิงใหญ่นีต้องพังครื นลงบนมือของมู่หรงเย่.......

“ท่านพีก็รู้วา่ เงินทีข้าได้ในแต่ละเดือนน้อยนิ ดเพียงใด สิ บปี รวมกันก็ไม่ถึงหนึ งหมืนตําลึง......” เก๋ อฮุยไม่อยาก


ให้ม่หู รงเย่ไปประลองสุ นขั มู่หรงเสวียเองก็ไม่อยากให้เขาเป็ นไอ้ขแพ้
ี ในมือนางมีเงินอยูไ่ ม่น้อย ถ้ามู่หรงเย่เอา
ไปใช้ในทางทีถูกทีควร นางจะไม่ลงั เลเลยทีจะให้เขา แต่เขาจะนํามันไปใช้ในการประลองสุ นขั ......หึ หึ สู ้นาง
เก็บไว้เองยังดีเสี ยกว่า

แต่ม่หู รงเย่ไม่คิดเช่นนัน ยิมตาหยีกล่าว “น้องเล็กเจ้าไม่ได้เก็บกุญแจห้องเก็บสิ นเดิมของท่านแม่หรอกหรื อ......”

มู่หรงเสวียค่อยๆเงยหน้ามองไปทีเขาด้วยแววตาเยือกเย็น “เจ้าจะเอาสิ นเดิมของท่านแม่ไปขายเป็ นเงินตําลึง แล้ว


เอาเงินทีได้ไปประลองสุ นขั อย่างงันรึ ? เจ้าไม่กลัวท่านแม่ทีอยูบ่ นสวรรค์นอนตายตาไม่หลับหรื ออย่างไร”

เสี ยงตําหนิ ดงั เข้าหู สี หน้าของมู่หรงเย่กลายเป็ นแดงกํา รี บโบกมือไปมาพลางรี บเร่ งอธิ บาย “มิใช่......มิใช่......ใน
สิ นเดิมของท่านแม่มีเงินตําลึงอยู่ ข้าต้องการแค่เพียงเงินตําลึง มิได้ตอ้ งการแตะต้องสิ งของด้านใน”

การเคารพคนตายเขาเข้าใจดี และยิงรู ้ว่าของทีผูใ้ หญ่ทิงไว้ให้ไม่สามารถทิงหรื อขายได้ ไม่สามารถแตะต้องได้ถา้


ไร้ซึงเหตุผล ไม่ว่าเขาจะขีแพ้เพียงไรก็ไม่เคยคิดจะเอาสิ นเดิมของท่านแม่ไปขายเพือแลกเงิน
“ทําไมเจ้าถึงรู ้ว่าสิ นเดิมของท่านแม่มีเงินตําลึงอยู?่ ” มู่หรงเสวียขมวดคิวมองไปทางมู่หรงเย่ ทีแคว้นชิงเหยียน
เวลาคุณหนูทงหลายออกเรื
ั อน บนรายการสิ นเดิมจะเขียนจํานวนสิ งของไว้อย่างชัดเจน แต่หลังจากทีแต่งเข้าแล้ว
น้อยมากทีจะทําบัญชีการใช้จ่ายเงินตําลึงเข้าไปด้วย เพราะเงินเป็ นของทีใช้ออกไปง่ายดายเมือไรก็ได้

บนรายการสิ นเดิมของท่านแม่ก็มีเงินตําลึงอยูเ่ ช่นกัน แต่ตอนทีนางตรวจสอบกลับเหลือน้อยเต็มที นางไม่ได้ถาม


ไถเอาเรื อง ก็เพราะท่านแม่ตายไปสิ บกว่าปี แล้ว ถึงนางจะไปทวงถามเรื องเงิน หญิงเฒ่าแซ่ ตกู ้ ค็ งจะมีขอ้ อ้างใน
การปฏิเสธมากมาย

เห็นสี นางของนางค่อยๆผ่อนคลายลง มู่หรงเย่จึงถอนหายใจโล่งอก น้องเล็กเลิกเข้าใจผิดเขาแล้ว ค่อยยังชัว


หน่ อย

เมือสบเข้ากับแววตาสงสัยของนาง มุมปากก็ยกขึนยิมจางๆ ดวงตาสี ดาํ วูบไหวอย่างได้ใจ “ตอนทีข้าแยกจาก


ท่านลุงฮุย แอบได้ยนิ เซี ยงเฉี ยวกับสาวใช้ผหู ้ นึงปรึ กษากันเรื องสิ นเดิม ถึงได้รู้วา่ สิ นเดินของพวกผูห้ ญิงมีเงิน
ตําลึงอยูใ่ นนันด้วย”

มุ่หรงเสวียยิมน้อยๆ เซี ยงเฉี ยวเป็ นสาวใช้ขนสองข้


ั างกายหญิงเฒ่าแซ่ ตู ้ ได้รับการไว้วางใจเป็ นอย่างมาก มู่หรงเย่
ไม่มีเงินใช้ นางถึงได้พูดเรื องเงินตําลึงในสิ นเดิมขึนมา นี ไม่ใช่ความบังเอิญ แต่เป็ นแผนร้ายของหญิงเฒ่าผูน้ นั

นางเก็บกุญแจห้องสิ นเดิมไว้กบั ตัว หญิงเฒ่าแซ่ ตูจ้ ึงไม่สามารถแอบยักยอกสิ นเดิมของท่านแม่ได้อีก เลยใช้


จุดอ่อนของมู่หรงเย่ทีชอบการประลองสุ นขั ชักนําให้เขาเอาสิ นเดิมออกไปขายแลกเงินตําลึง พวกนางคิดจะกด
ราคาแล้วซื อไปไว้เอง ช่างเป็ นแผนการทีดีเสี ยจริ ง!

หญิงเฒ่าแซ่ ตูค้ ิดกระทําการเช่นนี ดูท่าคงไม่เข็ดหลาบจากคราวทีแล้ว งันนางคงต้องมอบความทรงจําทีเจ็บปวด


ให้หญิงเฒ่านางนี เสี ยหน่อย ให้นางได้รู้วา่ คนไม่รู้จกั พอจะต้องเจอกับอะไร
ตอนที 19 ยืมเงิน
มู่หรงเสวียลุกขึนยืนเดินออกไปด้านนอก ชุดกระโปรงยาวลากไปกับพืนทิงรอยยาวไว้เป็ นทาง

“น้องเล็ก เจ้าจะไปทีใด?” มู่หรงเย่มองมู่หรงเสวียทีค่อยๆเดินไกลออกไป แววตาไม่เข้าใจ

“ไปพบท่านย่าทีเรื อนหยกเสี ยหน่ อยเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียพูดตอบโดยไม่ได้หยุดฝี เท้า

ความสัมพันธ์ระหว่างท่านย่ากับน้องเล็กไม่ดีเท่าไรนัก ทําไม่อยูๆ่ นางถึงคิดอยากไปเรื อนหยกได้?

ในหัวของมู่หรงเย่เต็มไปด้วยความสับสน “น้องเล็ก ให้ขา้ ไปเป็ นเพือนเถอะ”

“มิจาํ เป็ น ท่านพีรอข้าอยูท่ ีนีเถอะ” มู่หรงเสวียไปเรื อนหยกเพือทีจะจัดการกับหญิงเฒ่าแซ่ตู ้ ถ้ามู่หรงเย่ไปด้วยจะ


เป็ นการไม่สะดวกต่อแผนการของนาง

มู่หรงเย่ขมวดคิวทีถูกปฏิเสธข้อเสนอ หยุดเท้าเดินอย่างไม่ค่อยเต็มใจกล่าว “ตกลง” จับใจความจากนําเสี ยงของ


นางเหมือนมีเรื องส่ วนตัวทีจะคุยกับท่านย่าเป็ นการส่ วนตัว คงไม่สะดวกหากเขาจะตามไปด้วย เช่นนันเขาก็จะ
ไม่ตามไปก็ได้ แต่คงต้องสังการให้คนคอยดูอยูร่ อบนอก ถ้าหากพวกนางเกิดปะทะกันขึนมา ตอนนันเขาค่อย
ตามไปก็ยงั ไม่สาย
เรื อนหยกเป็ นเรื อนทีพักของหญิงเฒ่าแซ่ ตู ้ ด้านในเรื อนเต็มไปด้วยสาวใช้มากมาย เมือมองเห็นมู่หรงเสวียที
ค่อยๆเดินใกล้เข้ามา สาวใช้นางหนึ งจึงรี บวิงเข้าเรื อนเพือรายงานนายหญิงของจวนทันที

เมือมู่หรงเสวียเข้ามาภายในเรื อนหยก เหล่าสาวใช้ลว้ นทําหน้าทีปั ดกวาดเช็ดถูตามหน้าทีของตน สาวใช้ขนสอง



ผูห้ นึงเดินเข้ามาพร้อมกับโค้งกายทําความเคารพนางพลางพูดกล่าวด้วยรอยยิม “ฮูหยินเฒ่าอยูด่ า้ นใน เชิญคุณหนู
ใหญ่เจ้าค่ะ”

มู่หรงเสวียตอบรับอย่างเรี ยบเฉย เดินผ่านร่ างสาวใช้อย่างเชืองช้าเข้าไปยังด้านใน เห็นหญิงเฒ่าแซ่ ตนู ้ อนเอน


หลังอยูบ่ นตัง ทีนังด้านหลังพิงไว้ดว้ ยหมอนอิงหลัง กําลังทานเต้าฮวยด้วยกิริยาท่าทางสง่างาม อัญมณี บนศีรษะ
ของนางส่ องสะท้อนกับแสงส่ องประกายระยิบระยับ

หญิงเฒ่าแซ่ ตูม้ องไปทีมู่หรงเสวียเลิกคิวมอง พลางพูดด้วยนําเสี ยงราบเรี ยบ “มีเรื องอะไร?”

มู่หรงเสวียเพียงยิมบางๆ พูดขึนอย่างเชืองช้า “ก็มิใช่เรื องใหญ่อะไรเจ้าค่ะ ท่านพีอยากไปประลองสุ นัขแต่ไม่มี


เงิน ข้าเลยอยากมาขอหยิบยืมจากท่านย่าหน่อยเจ้าค่ะ”

หญิงเฒ่าแซ่ ตูท้ ีกําลังกินเต้าฮวยหยุดชะงัก เงินทีอยูใ่ นสิ นเดิมของแซ่ เฉิ น (แม่ของมู่หรงเสวีย)โดนนางฉกฉวยเอา


ไปใช้จนหมดแล้ว นางถึงสังให้เซี ยงเฉี ยวชักนําให้ม่หู รงเย่รู้เรื องเงินในสิ นเดิม เพือทีมู่หรงเย่จะได้ไปขอเงินกับมู่
หรงเสวีย พอมู่หรงเสวียหาเงินมาให้เขาไม่ได้กต็ อ้ งเอาสิ นเดิมของแซ่ เฉิ นออกมาขาย แต่ทาํ ไมนางถึงวิงมายืม
เงินกับนางได้?
ระดับคุณหนูจวนขุนนางขันโหว ยืมเงินจากผูอ้ ืน ไม่กลัวชาวบ้านหัวเราะเยาะหรื ออย่างไร?

แต่ว่ามาอย่างนีก็ดี นางจะได้มีวิธีฉกฉวยเอาสิ นเดิมของแซ่ เฉิ นได้อย่างเปิ ดเผย “ต้องการเท่าไร?”

“หนึ งแสนตําลึงเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียพูดเบาๆ แกล้งทําเป็ นคิดหาหนทางไม่ออก “ท่านพีแต่ไหนแต่ไรก็ใช้จ่ายเงิน


เป็ นจํานวนมาก เงินจํานวนหนึงแสนตําลึงนี อย่างมากก็มีให้เขาใช้ได้แค่สิบวัน......”

แซ่ ตูป้ รากฏแววตาเยียบเย็น มู่หรงเย่ขแพ้


ี แค่ไหน ตัวนางนันรู ้ดีกว่าใคร เขายิงเสเพลยิงไร้ความสามารถมาก
เพียงไรมันก็เป็ นผลดีต่อนางมากยิงขึนและยิงทําให้นางสุ ขใจ และเหตุทีนางยอมในครังนีก็เพราะนางไม่ได้เป็ นผู ้
เสี ยประโยชน์

“แสนตําลึงเงินเป็ นเงินจํานวนมิใช่น้อย ถ้าแลกเป็ นเงินสดต้องใช้ห้องเก็บของหลายห้องถึงจะเก็บได้หมด


ระหว่างเราไม่มีความเกียวข้องทางสายเลือด ถ้าข้าให้เจ้ายืมเงินเช่นนี คงมิค่อยดีเท่าไร”

มู่หรงเสวียยิมจางๆ “ข้าจะทําหนังสื อสัญญาให้ท่าน รอจนท่านพีชนะข้าจะรี บคืนเงินทังหมดพร้อมทังดอกเบีย”

แซ่ ตูข้ มวดคิวมองนางสบถ “เดิมพันสิ บครังแพ้เก้าครัง ถ้ามู่หรงเย่ไม่สามารถชนะจนหาเงินแสนตําลึงมาคืนได้


สุ ดท้ายพวกเจ้าก็คงจะไม่มีเงินมาคืนข้าอยูด่ ีใช่หรื อไม่?”

มู่หรงเสวียกระพริ บตา “เช่นนันท่านย่าคิดว่าเห็นควรจะทําเช่นไรเจ้าคะ?”


หญิงเฒ่าแซ่ ตูค้ ิดแล้วคิดอีก แกล้งทําเป็ นพูดอย่างไม่ใส่ ใจ “เช่นนันเจ้าก็เอาสิ นเดิมของแม่เจ้ามาเป็ นของมัดจํา
เสี ยก่อน รอจนพวกเจ้าชนะจนหาเงินแสนตําลึงมาคืนได้ ค่อยมาเอาสิ นเดิมนี กลับคืนไป”

มู่หรงเสวียยิม ยิมอย่างเยือกเย็น หญิงเฒ่าแซ่ ตจู ้ อ้ งสิ นเดิมของท่านแม่เอาไว้จริ งๆ สิ นเดิมพวกนันแต่ละหี บล้วนมี


ค่าไม่ตากว่
ํ าสองสามแสนตําลึง แต่หญิงเฒ่าแซ่ ตกู ้ ลับจะเอาเงินแค่แสนตําลึงมาแลก ช่างไม่รู้จกั เจียมตน ไม่รู้ฟ้า
สูงแผ่นดินตํา!

“ข้าจําได้วา่ สิ นเดิมของท่านแม่มีร้านค้าหลายร้านรวมอยูด่ ว้ ย ซึ งตอนนีท่านย่าเป็ นผูด้ ูแลอยูใ่ ช่หรื อไม่เจ้าคะ?”

แซ่ ตูช้ ะงัก จากเงินกลายเป็ นสิ นเดิมไม่ทนั ไรกลับกลายเป็ นร้านค้าทีอยูใ่ นสิ นเดิม การเปลียนเรื องของมู่หรงเสวีย
ช่างรวดเร็ วยิงนัก

ตอนนันสิ นเดิมของแซ่ เฉิ นมีร้านค้าหลายร้านอยูจ่ ริ ง ชือร้านทีตังล้วนเขียนไว้บนใบรายการสิ นเดิมทังหมดอย่าง


ชัดเจน นางไม่สามารถปฏิเสธได้จึงได้แต่ตอบรับอย่างไม่สนใจ “ใช่ แล้วอย่างไร?”

“ร้านรวงพวกนันล้วนอยูใ่ นทําเลทอง กําไรภายในสิ บปี นี ก็คงไม่นอ้ ยไปกว่าหลายแสนตําลึง......” ต่อจากนันมู่


หรงเสวียก็ไม่ได้พดู ต่อเพียงยิมคล้ายไม่ยมมองไปทางหญิ
ิ งเฒ่าแซ่ ตู ้ สิ บปี มานี เจ้าของร่ างเดิมไม่เคยได้เห็นกําไร
ทีได้จากการค้าขายแม้แต่ร้านเดียว ทังหมดถูกหญิงเฒ่าแซ่ ตฉู ้ กฉวยเอาไปเสี ยหมด
“กิจการของร้านรวงทังหกไม่นบั ว่าดีอะไรนัก มีลูกค้าประจําไม่ค่อยมาก กําไรของแต่ละร้านมากทีสุ ดก็แค่หนึ ง
พันสองพันตําลึง พอถูไถเอามาช่วยเหลือค่าใช้จ่ายของจวน......” หญิงเฒ่าแซ่ ตโู ้ กหกหน้าตาย

“อย่างนันหรื อเจ้าคะ?” มู่หรงเสวียมองไปทีแซ่ ตพู้ ูดอย่างเฉยชา “งันท่านย่าโปรดมอบบัญชีของร้านให้ขา้ ลองดู


หน่ อยสิ เจ้าคะ”

“ตอนนี ไม่ใช่ตน้ เดือน และก็มิใช่ปลายเดือน ตัวสมุดบัญชีลว้ นอยูท่ ีผูด้ ูแลร้าน ข้ามีเสี ยทีไหน” หญิงเฒ่าแซ่ ตูพ้ ดู
อย่างราบเรี ยบเป็ นปกติยกยิมเยาะเย้ย แต่ไหนแต่ไรมานางก็ไม่ชอบหลานสาวนอกไส้ผนู ้ ีอยูแ่ ล้ว ทุกครังทีเห็น
นางตกทีนังลําบาก ตัวนางเองก็จะมีความสุ ขมากเป็ นพิเศษ

“เด็กๆ ไปนําตัวผูด้ ูแลร้านของแม่ขา้ มา แล้วบอกให้พวกเขานําสมุดบัญชียอ้ นหลังสิ บปี มาด้วย” มู่หรงเสวียสัง


การเสี ยงเย็น แซ่ ตูพ้ ดู ว่ากําไรน้อยใช่ไหม เช่นนันนางก็จะเค้นเอาความจริ งจากพวกผูด้ ูแลร้านทังหกต่อหน้าแซ่ ตู ้
เอง คอยดูสิว่ากําไรจากร้านค้าพวกนันจะน้อยจริ งรึ ไม่ หรื อว่ามีคนแอบฉ้อโกงลับหลัง

พริ บตาสี หน้าของหญิงเฒ่าแซ่ ตูก้ ลายเป็ นดุดนั หญิงน่ ารังเกียจ ช่างท้าทายและสงสัยต่อการกระทําและคําพูดของ


นาง ไม่รู้จกั กาลเทศะ ทีนางสังให้พวกผูด้ ูแลเอาสมุดบัญชีมาด้วย คงสงสัยว่าบัญชีไม่ถูกต้อง อยากจะลอง
ตรวจสอบ งันนางจะคอยดูว่าหากนางไม่พดู คุณหนูผไู ้ ม่เคยก้าวออกจากจวนผูน้ ี จะตรวจพบสิ งใด

ครึ งชัวยามผ่านไป เหล่าผูด้ ูแลค่อยๆพากันมารอคอยอยูด่ า้ นนอกเรื อนหยก

มู่หรงเสวียค่อยๆแหวกม่านเดินออกมา “ทุกท่านรอนานแล้ว!”
เหล่าเสมียนเงยหน้าขึนเห็นหญิงสาววัยรุ่ นผูห้ นึงเดินออกมา ดวงหน้าสว่างสดใส เรื อนผมสี ดาํ รู ปลักษณ์สวยลํา
จนผูค้ นตกตะลึงและตราตรึ งใจ นางยิมน้อยๆดวงตาลําลึกซ่ อนไว้ดว้ ยความแข็งกร้าว ทําให้ผคู ้ นทีพบเจอล้วนพา
กันหยุดหายใจ

เหล่าผูด้ ูแลรี บตืนจากภวังค์ เร่ งโค้งกายอย่างเคารพนอบน้อม “คาราวะคุณหนูใหญ่!”

มู่หรงเสวียยิมน้อยๆ “ทุกท่านไม่ตอ้ งมากพิธี เชิญนังดืมชาสักครู่ ข้าขอดูบญ


ั ชีพวกนีสักครู่ หนึ ง มีตรงไหนไม่
เข้าใจจะได้ถามพวกท่านได้”

ผูด้ ูแลไว้หนวดผูห้ นึงก้าวออกมา ยิมตาหยี “คุณหนูใหญ่กล่าวเกินไปแล้ว คุณหนูใหญ่มีตรงไหนไม่เข้าใจขอให้


รี บถาม ข้าน้อยจะรี บชีแจงให้กระจ่าง”

“ใช่แล้ว คุณหนูใหญ่ขอแค่เพียงสังการ! เพียงแค่สังการ!” เหล่าผูด้ ูแลทีเหลือล้วนรี บตอบรับคําพูด

มู่หรงเสวียยิมน้อยๆ ค่อยๆนังลงด้านหน้าของโต๊ะกลม หยิบหนังสื อด้านบนสุ ดขึนมาดูอย่างละเอียด

เหล่าเสมียนนังรอด้านหน้าโต๊ะยาวออกไปไม่ไกล จิบชาอย่างละเมียดละไม ห้องโถงด้านนอกกลายเป็ นเงียบ


สงบ

ดวงอาทิตย์ค่อยๆลอยสู งขึน มู่หรงเสวียยังคงไม่ขยับไปไหน เปิ ดอ่านสมุดบัญชี ยิงดูยงขมวดคิ


ิ ว

เหล่าเสมียนล้วนเกิดอาการเบือหน่าย มือเท้าค้างคล้ายหลับคล้ายมิหลับ

ทันใดนันเองเสี ยง “เพียะ” ดังเข้าหู ทุกคน เหล่าเสมียนทีเคลิมจะหลับล้วนสะดุง้ ตืนขึน เงยหน้ามองไปอย่างตกใจ


ก็เห็นมู่หรงเสวียปิ ดสมุดบัญชีลง มองมาทางพวกเขาด้วยความโมโห......
ตอนที 20 ยัวโมโหย่ าเลียง
“พวกเจ้าเป็ นผูด้ ูแลร้านประสาอะไร?”

เสี ยงต่อว่าเย็นชาพุ่งเข้าหูหนาวไปถึงขัวหัวใจ เหล่าผูด้ ูแลต่างตัวแข็งค้าง แววตาตืนตระหนก “คุณหนูใหญ่ หรื อ


ว่ามีสมุดบัญชีมีตรงไหนไม่ถูกต้องหรื อขอรับ?”

ฮูหยินเฒ่ามักจะตรวจสอบสมุดบัญชีทุกเดือน ถ้ามีตรงไหนไม่ถูกต้องก็จะรี บต่อว่าพวกเขาเสี ยยกใหญ่ ถ้าเป็ น


เรื องหนักหนาสาหัสก็ถึงขันฟ้ องศาล ดังนันหลายปี มานี พวกเขาจึงไม่กล้าทําอะไรกับสมุดบัญชีแม้เพียงนิด

“ตัวเลขไม่มีอะไรผิด แต่วา่ ลูกค้าทีค้างชําระเยอะเกินไป อีกทังยังนานเกินไป” มู่หรงเสวียยืนสมุดบัญชีให้เหล่า


ผูด้ ูแลดู

“ค้าขายทํากิจการ อนุ ญาตให้ลกู ค้าค้างเงินได้แต่กต็ อ้ งมีความพอควร สามเดือน ห้าเดือนยังพอว่า หนึงปี สองปี ยัง
พอรับได้ แต่พวกเจ้าดูบญั ชีในมือของพวกเจ้า ระยะเวลาสิ บปี จนถึงตอนนี ยังไม่ยอมคืน ลูกค้าชันแย่ทีไม่ยอมจ่าย
แม้แต่สตางค์เดียวเช่นนี มิใช่อยากให้ร้านค้าปิ ดกิจการหรอกรึ ”

มีลกู ค้าชันแย่แบบนี ทําไมพวกเขาจําไม่ได้!?


เหล่าเสมียนก้มมองบัญชีอย่างสงสัย พอมองไปทีรายชือผูค้ า้ งชําระ เหล่าเสมียนแต่ละคนเริ มมีสีหน้าลําบากใจ
“คุณหนูใหญ่ ไม่ใช่พวกข้าน้อยยอมให้พวกเขาค้างชําระ แต่ว่าพวกทีมาเอาของทีร้านล้วนเป็ นคนจากจวนอู่อนั
โหว......”

“จวนอู่อนั โหวแล้วอย่างไร? ถ้าเกิดฮูหยินจวนอู่อนั โหวมาด้วยตัวเองก็นบั ว่าเป็ นลูกค้า พวกเจ้าต้อนรับให้ดีก็


เพียงพอ ใครอนุญาตให้พวกเจ้าทําเพียงแค่จดลงบัญชีแต่ไม่เก็บเงิน?” มู่หลงพูดตัดบทคําแก้ตวั ของเหล่าเสมียน
อย่างเย็นชา

พวกเสมียนต่างมองหน้ากันเลิกลัก ก้มหน้าลงตอบเสี ยงติดๆขัดๆ “เป็ น......เป็ นฮูหยินเฒ่าทีอนุ ญาต......”

มู่หรงเสวียยกยิมเยาะ นางคาดไว้แล้วเชียวว่าต้องเป็ นเช่นนี

เมือเอาเงินค้างสิ บปี มารวมกัน เป็ นจํานวนเงินมิน้อย นางยังไม่ได้เปิ ดดูทงหมด


ั ดูแค่บญ
ั ชีเงินค้างเมือห้าปี ทีแล้ว
เพียงไม่กีเล่มเท่านัน แล้วยังเปิ ดดูบางส่ วนของเมือสองเดือนทีแล้ว พบว่าจากสิ บปี ก่อนจนถึงตอนนี ในทุกๆ
ฤดูกาลจวนอู่อนั โหวจะมาสังตัดเสื อผ้ามากมายทีร้านผ้าไหมไม่ว่าจะเป็ นเสื อคุณภาพสู ง กลางหรื อตํา ทุกชนิ ดจะ
สังตัดทีหนึ งสิ บถึงยีสิ บชุด ไม่ว่าจะเป็ นเสื อผ้าคุณภาพดีของฮูหยินจวนอู่อนั โหว หรื อเสื อผ้าคุณภาพธรรมดาของ
สาวใช้ขนสามหรื
ั อเหล่าสาวใช้ทวไป!

สังตัดเสื อเช่นนี มาเป็ นสิ บปี พวกเขาเพียงจดลงบัญชี ไม่เคยจ่ายเงินสักแดงเดียว


ยังมีร้านเครื องประดับทีพวกเขาไปใช้บริ การ เครื องประดับทีเหมาะกับหญิงสู งอายุ หญิงสาววัยกลางคนและ
พวกคุณหนู พวกนางล้วนมาเอาไปครังละหลายๆชุดในทุกฤดูกาล

ทุกๆสองถึงสามเดือน คนของจวนอู่อนั โหวจะไปหยิบเอาของโบราณ ภาพวาด เช่นกันว่ามิเคยจ่ายเงินเลย......

ถึงว่าทําไมหญิงเฒ่าแซ่ ตูถ้ ึงได้กล้าพูดว่าไม่เคยโกงเอาเงินในร้านของท่านแม่ไป เพราะว่าเงินจากร้านพวกนัน


ล้วนถูกเก็บไว้กบั จวนอู่อนั โหวจนไม่เหลือ ถึงนางจะขอก็ไปเอาไม่ได้

“ท่านย่าช่วยข้าดูแลร้านเช่นนี เองหรื อ?” มู่หรงเสวียแหวกม่านเดินเข้าไปในเรื อน มองไปยังหญิงเฒ่าแซ่ ตคู้ ล้าย


ยิมคล้ายไม่ยมิ

หญิงเฒ่าแซ่ ตูป้ รายตามองนางครู่ หนึง ไม่คิดแยแส “ท่านอาของเจ้าพวกนางสังตัดเสื อ ซื อเครื องประดับก็เพือ


ต้องการช่วยเหลือกิจการการค้าของเจ้า......”

“อยากได้ของก็ตอ้ งใช้เงินซื อ เช่นนี ถึงจะเรี ยกว่าช่วยเหลือ แต่เอาของไปแล้วไม่จ่ายเงิน เรี ยกว่าหน้าด้านหน้า


ทน” มู่หรงเสวียตัดบทอย่างไม่ไว้หน้า เน้นทีละคํา “ระดับจวนอู่อนั โหว มิใช่ขอทานทัวไปตามท้องถนน กลับ
ทําตัวเหมือนอันธพาล ทําเรื องหน้าไม่อายเช่นนี หน้าด้านจนไร้ยางอาย จนข้าต้องรู ้สึกอับอายแทนพวกเขา”

“ลูกโหรวเป็ นอาแท้ๆของเจ้า ทําไมเจ้ากล้าต่อว่านางเช่นนี ?” แซ่ ตูพ้ ดู ขึนเสี ยงดัง แววตาเยือกเย็น


มู่หรงโหรวเป็ นฮูหยินจวนอู่อนั โหว มีอาํ นาจจัดการดูแลเรื อนฝ่ ายในของจวนอู่อนั โหวทังหมด ไม่ว่าจะเป็ นการ
ตัดเสื อผ้า การซือเครื องประดับ มู่หรงเสวียต่อว่าจวนอู่อนั โหวว่าหน้าด้านหน้าไม่อาย ถือเป็ นการลบหลู่นางยิง
นัก

มู่หรงเสวียตอบกลับอย่างดูถูก “ท่านแม่ของข้าก็เป็ นพีสะใภ้ของนาง นางกลับหน้าด้านหน้าทนไปหยิบเอา


สิ งของของพีสะใภ้โดยไม่จ่ายเงิน ข้าจะว่านางสักหน่ อยก็ไม่ได้หรื อ?”

“เจ้า......”

มู่หรงเสวียโบกมือตัดบทคําพูดของแซ่ ตู ้ มองไปทีนางอย่างเรี ยบเฉย “ไม่ตอ้ งกล่าวสิ งใดกับข้าอีก นางเป็ นอา


หญิงของข้า ข้าหลานสาวถือว่าพวกเสื อและเครื องประดับเป็ นของขวัญทีส่ งมอบให้นางเสี ยแล้วกัน ส่ วนข้าที
เป็ นหลานของนางทังยังกําพร้าพ่อแม่ ทําไมนางถึงไม่รักข้าตัดเสื อผ้าซื อเครื องประดับให้ขา้ สักหลายๆชุดบ้าง”

“เจ้า......” หญิงเฒ่าแซ่ ตูช้ ีนิ วไปทีมู่หรงเสวีย โกรธจนพูดไม่ออก นางเด็กไร้คนสังสอน แต่ไหนแต่ไหร่ ไม่ชอบมี


ปากมีเสี ยง ไหนเลยถึงกลายเป็ นคนปากร้ายเจ้าเลห์เช่นนี ได้

มู่หรงเสวียมองไปทางนางอย่างเหยียดหยาม “ร้านค้าของท่านแม่ ท่านแม่ให้ท่านเป็ นคนดูแล แต่ท่านกลับ ‘ดูแล’


เสี ยจนเละเทะเช่นนี ถ้ายังคงให้ท่านดูแลต่อไป ร้านค้าทังหมดคงต้องปิ ดกิจการ รบกวนท่านย่ามอบใบสัญญา
ของร้านให้ขา้ เถอะ ข้าจะดูแลด้วยตนเอง ไม่วา่ ร้านจะไปได้สวยหรื อไม่มนั ก็จะไม่เกียวข้องกับท่านย่าอีก!”
หญิงเฒ่าแซ่ ตูส้ ี หน้าเคร่ งขรึ ม หลังจากแซ่ เฉิ นตายไป นางก็ได้จบั จ้องร้านค้าทังหกนีไว้นานแล้ว แต่เก๋ อฮุยก็รู้ว่ามี
ร้านค้าทังหกนี อยู่ รอจนมู่หรงเย่และมู่หรงเสว่โตขึน เก๋ อฮุยต้องคืนร้านทังหมดนี ให้พวกนางเป็ นแน่ ดังนันนาง
จึงไม่สามารถทีจะฉกฉวยร้านค้าพวกนีไว้ได้อย่างเปิ ดเผย ทําได้เพียงค่อยๆดําเนินการทีละเล็กทีละน้อยไม่ให้
ผูค้ นรับรู ้

เก๋ อฮุยเป็ นคนฉลาด ถ้าหากทําสมุดบัญชีปลอมสักวันจะต้องถูกตรวจเจออย่างไม่ตอ้ งสงสัย ดังนันนางจึงคิดแผน


เช่นนี ออกมา ค่อยๆฉกฉวยเอาของทีร้านโดยไม่ให้พวกเขารู ้ตวั เมือพอรู ้ตวั อีกทีของทังหมดก็ตกเป็ นของนาง
แล้ว

ระยะเวลาสิ บปี มานี นางเอาของจากร้านพวกนี มาได้เกินครึ งแล้ว อีกไม่กีปี ร้านรวงพวกนี ก็จะตกเป็ นของพวก
นาง แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกมู่หรงเสวียค้นพบเบาะแสเสี ยก่อน

ถ้านางเอาร้านทังหกให้ม่หู รงเสวียดูแล พวกนางก็จะไม่สามารถฉกฉวยเอาสิ งของในร้านได้อีก ในร้านยังมีของมี


ค่าอีกไม่นอ้ ยทีนางต้องปล่อยให้หลุดมือไป นางอดทีจะเสี ยดายไม่ได้!

มองแววตาทีวูบไหวไปมาของหญิงเฒ่าแซ่ ตู้ มู่หรงเสวียก็รู้ดีว่านางกําลังคิดสิ งใดอยู่ ริ มฝี ปากจึงฉายแววยิมเยาะ


ขึน “ท่านย่า ท่านรักเอ็นดูในตัวลูกสาว อยากให้สิงใดแก่นาง ข้าก็ไม่มีสิทธิพูด และก็ไม่มีความคิดทีจะสนใจ แต่
ว่าท่านไม่ควรเอาร้านรวงของท่านแม่ไปใช้เป็ นเครื องมือเช่นนี เพราะว่าร้านรวงพวกนันเป็ นสิ งทีท่านแม่เหลือ
ไว้ให้ขา้ กับท่านพี มันไม่เกียวข้องกับท่านโดยสิ นเชิง ถ้าท่านยังดือดึงจะเก็บเอาไว้เอง ข้าคงอดไม่ได้ทีจะเล่าให้
คนนันคนนีฟังว่า สิ บปี มานี ร้านรวงพวกนันพัฒนาไปไหนทางไหนบาง......”

หญิงเฒ่าแซ่ ตูป้ รายตามองมู่หรงเสวีย แววตาเยือกเย็น คนชันตํา ถึงกับกล้าข่มขู่นาง! ดี ดีมาก!


“ก็แค่ร้านค้าหกร้าน พวกมันไม่เคยอยูใ่ นสายตาข้าแม้แต่น้อย ถ้าเจ้าอยากได้ ก็เอาไปเสี ยสิ!” แซ่ ตูห้ ยิบกล่องไม้
หอมกล่องหนึงเปิ ดออก หยิบเอาใบสัญญาด้านในโยนไปทางมู่หรงเสวีย “รี บไสหัวออกไปจากเรื อนหยก ทีนีไม่
ต้อนรับเจ้า!”

มู่หรงเสวียรับเอาใบสัญญามา มองดูอย่างละเอียดจนแน่ ใจว่าไม่มีสิงใดผิดผลาด พยักหน้าอย่างพอใจ “ไม่


รบกวนท่านย่าแล้ว ข้าเองก็รังเกียจเรื อนหยกจนหาใดเปรี ยบ สัญญาก็ได้แล้ว ระหว่างพวกเราคงไม่มีอะไรให้
ต้องเกียวข้องอีก แม้ท่านจะขอร้องข้า ข้าก็คงจะไม่มาเหยียบทีนีอีก!”

“เจ้า......” แซ่ ตูค้ วามโกรธขึนหน้า หยิบเอาถ้วยชาขว้างออกไป “ไสหัวไปให้พน้ !”

มู่หรงเสวียเพียงสบถเบาๆหยิบเอาม่านเหวียงไปด้านหน้า ได้ยนิ เพียงเสี ยง ‘เพล้ง’ ดังขึน ถ้วยชากระทบกับม่าน


จนแตก นําชาสาดกระเซ็นไปทัว ถ้วยชาแตกละเอียด......

เหล่าผูด้ ูแลทังหกยืนอยูอ่ ีกมุมหนึง ก้มหน้าก้มตา ทําเป็ นไม่เห็นการปะทะคารมระหว่างมู่หรงเสวียกับหญิงเฒ่า


แซ่ ตู ้ เรื องภายในของจวนเจินกัวโหวเหล่าผูด้ ูแลเช่นพวกเขาไม่มีสิทธิยุง่ เกียว และก็ไม่กล้ายุง่ เกียวด้วย เพียงเอา
ตัวเองให้รอดก็พอ

หญิงเฒ่าแซ่ ตูว้ างแผนยักยอกร้านค้าในสิ นเดิมของท่านแม่ นางจึงมาทวงเอาใบสัญญาของร้านค้าทังหกคืน ไม่


เพียงทําให้หญิงเฒ่าแซ่ ตูก้ บั มู่หรงโหรวฉกฉวยสิ งของในร้านไม่สาํ เร็ จ แม้แต่ใบสัญญาก็ยงั ถูกเอาไปจนไม่เหลือ
โอกาสให้ฉกฉวยได้อีก เห็นใบหน้าโกรธแค้นของหญิงเฒ่าแซ่ ตเู ้ ช่นนี จิตใจนางเป็ นสุ ขยิงนัก!

มู่หรงเสวียยกยิมเย็นชา ค่อยๆเดินไปทีเหล่าผูด้ ูแลทังหก พูดสังการอย่างชัดเจนด้วยความภาคภูมิใจ

“นอกจากเงินทีค้างมาสิ บปี ของจวนอู่อนั โหว ต่อจากนี ห้ามพวกเขาค้างชําระอีก พวกเจ้าทังหกรี บกลับไปทีร้าน


ส่ งคนไปทวงเงินทีจวนอู่อนั โหว!”
ตอนที 21 สังสอนจวนอู่อนั โหว (1)
หญิงเฒ่าแซ่ ตูก้ บั มู่หรงโหรวสองแม่ลูกนังอยูบ่ นกองเงินกองทอง ยังจะมีจิตใจโลภมากมาแย่งชิงทรัพย์สินของ
พวกนางสองพีน้อง ช่างเป็ นคนมักได้จนไม่มีทีสิ นสุ ด ความสัมพันธ์ฉันท์ญาติระหว่างพวกนางทีมีอยูน่ อ้ ยนิ ดนัน
ถูกพวกนางแม่ลูกทําลายสิ นจนไม่เหลือชินดี สิ นเดิมของแม่นางจะให้ใครก็ได้ แต่สาํ หรับคนของอู่อนั โหวนาง
ไม่มีทางยอมให้แน่

“คือ......” เหล่าเสมียนสบตากัน สี หน้าลําบากใจ “เรี ยนคุณหนูใหญ่ ทุกเดือนพวกข้าน้อยก็ได้สังให้คนไปทวงเงิน


มาโดยตลอด แต่พวกเขาก็ตอบอยูแ่ ค่ว่า เดือนหน้าค่อยคืน......”

“พอเดือนหน้าไปทวงถามก็ได้คาํ ตอบเดิม เงินทีค้างสิ บปี มานีล้วนถูกบ่ายเบียงเช่นนี มาโดยตลอด......”

“พวกข้าน้อยก็ลาํ บากใจ เคยมาขอคําปรึ กษาจากฮูหยินเฒ่า แต่ฮูหยินเฒ่าบอกว่าเป็ นคนกันเอง บนบัญชีจดไว้


ชัดเจนก็เพียงพอแล้ว เงินค่อยๆคืนก็ได้......”

พอได้ฟังคําพูดของเหล่าเสมียน มู่หรงเสวียก็ยกยิมเย็นชาทีมุมปาก หญิงเฒ่าแซ่ ตกู ้ บั มู่หรงโหรวคงเตรี ยม


แผนการยักยอกร้านค้าของท่านแม่เอาไว้อย่างไม่ตอ้ งสงสัย โลภมากและทะเยอทะยานจนคิดแผนชัวได้เช่นนี
พวกนางสองแม่ลูกช่างมีจิตใจทีเลวทรามน่ ารังเกียจยิงนัก

ตอนนีนางรับเอาร้านค้าพวกนีมาดูแล แผนการของพวกนางแม่ลูกก็สมควรจะจบลงเพียงเท่านี “ข้าได้คิดแผนไว้


แล้ว เพียงแค่พวกเจ้าทําตามทีข้าบอก ข้ารับรองว่าคนของจวนอู่อนั โหวจะเอาเงินมาคืนอย่างง่ายดาย”
“จริ งหรื อขอรับ?” เหล่าผูด้ ูแลมีแววตาเปล่งประกาย “แผนการอะไรหรื อขอรับ?”

ถนนในเมืองทีคึกคักจอแจ ผูค้ นเดินขวักไขว่ไปมา ลมต้นฤดูใบไม่ผลิพดั โชยมาเต็มไปด้วยกลินหอมของดอกไม้


นานาพันธุ์ ส่ งผลให้จิตใจของผูค้ นสงบสดชืน แสงแดดอ่อนๆสาดส่ องไปทัว ให้ความรู ้สึกอบอุ่น

รถม้าหรู หราสวยงามคันหนึงค่อยๆเยืองย่างมาหยุดอยูด่ า้ นหน้าจวนอู่อนั โหว ผ้าม่านถูกแหวกออก หญิงสาวใน


ชุดสี ชมพูผหู้ นึงก้าวเดินออกมา ดวงหน้าสวยเหมือนลูกท้อ เส้นผมเงางาม ดวงตากระจ่างใสเหมือนสายนํา นาง
คือซ่ งชิงเหยียนบุตรสาวสายตรงแห่ งจวนอู่อนั โหว

นางค่อยๆก้าวลงจากรถม้า ซ่ งชิงเหยียนถูกรับโดยสาวใช้ ค่อยๆเดินเข้าไปในจวน ปรายตามองไปทีกล่องไม้ใน


มือของสาวใช้ พร้อมยกยิมสดใส เครื องประดับแบบใหม่ทีตึกมุกหยกเพิงทําออกมา มันเหมาะกับนางมาก นาง
จึงอดไม่ได้ทีจะเอามันกลับมาด้วย

ร้านค้าของท่านป้ าใหญ่ (แซ่ เฉิ น) ก็ดีเช่นนี นางชอบอะไรหยิบอะไร เพียงแค่จดลงสมุดบัญชีกพ็ อ มิจาํ เป็ นต้อง
จ่ายเงิน

“คุณหนูใหญ่!” เหล่าทหารยามทําความเคารพนางอย่างนอบน้อม
ซ่งชิงเหยียนส่ งเสี ยงตอบรับผ่านๆ เยืองย่างเข้าประตูใหญ่ เตรี ยมทีจะก้าวไปข้างหน้า ด้านหลังกลับมีเสี ยงของ
ชายผูห้ นึ งดังขึน “ข้าน้อยเป็ นเสมียนของตึกมุกหยก ได้รับคําสังจากผูด้ ูแลร้านมาเก็บเงินทีค้างไว้จากจวนอู่อนั
โหว รบกวนพีชายช่วยแจ้งคนในจวนให้หน่ อย”

คิวสวยของซ่ งชิงเหยียนค่อยๆขมวดเข้าหากัน หมุนตัวหันไปทางเสมียนผูน้ นั เห็นเขาใส่ ผา้ หยาบสี เทา ร่ างกาย


สูงพอประมาณ หน้าตาธรรมดา เป็ นพวกทีถ้าอยูท่ ่ามกลางผูค้ นก็จะถูกมองผ่านเลยไป

“ตึกมุกหยกไม่ใช่ว่าจะเรี ยกเก็บเงินกับลูกค้าเป็ นเดือนๆไปหรื อ? วันนีไม่ใช่ตน้ เดือน และก็ไม่ใช่ปลายเดือน เจ้า


มาเรี ยกเก็บอะไรตอนนี ?” นางเพิงจะไปเอาเครื องประดับจากตึกมุกหยกมา เสมียนของร้านก็ตามมาเรี ยกเก็บเงิน
กับจวนอู่อนั โหว ตามมาทวงเงินกับนางหรื อ? ช่างน่ าเกลียดเสี ยจริ ง

เสมียนหันมองไปทีซ่ งชิงเหยียนจําได้ว่านางคือลูกค้าประจําของร้านคุณหนูใหญ่แห่ งจวนอู่อนั โหว ยิมตาหยี


ตอบ “เรี ยนคุณหนูซ่ง ข้าน้อยมิได้มาทวงเงินของเดือนทีแล้ว แต่เป็ นเงินทีแต่ก่อนค้างไว้ทีสมควรจะคืนทังหมด
ตังแต่เดือนทีแล้ว......”

“พอแล้ว พอแล้ว” ซ่ งชิงเหยียนตัดบทอย่างรําคาญใจ “ตอนนีในจวนยุง่ นิดหน่อย ไม่มีเวลาจัดการเงินค้าง


ทังหมด ปลายเดือนเจ้าค่อยมาใหม่แล้วกัน รวมบัญชีทีมีทงหมดมาให้
ั เรี ยบร้อยแล้วตอนนันพวกข้าค่อยคืน”

เสมียนยกยิม แววตาเยาะเย้ยดูถูก ก็ยงั คงพูดข้ออ้างซําๆซากๆ ข้าฟั งจนระคายหู ไปหมดแล้ว โชคดีทีตอนนีตึกมุก


หยกมีคุณหนู ม่หู รงเป็ นผูด้ ูแล เขาก็ไม่จาํ เป็ นต้องไว้หน้าคุณหนูนิสัยเสี ยผูน้ ีแล้ว
“คุณหนูซ่ง ข้าน้อยทราบว่ามาเวลานีนันไม่เหมาะ แต่ว่าผูด้ ูแลร้านบอกว่า ถ้าข้าน้อยยังไม่สามารถทวงเงินได้ จะ
ไล่ขา้ น้อยออก ข้าน้อยยังมีคนทีบ้านต้องดูแล ยังไม่อยากเสี ยงานนี ไป คุณหนูซ่งโปรดเห็นใจข้าน้อย คืนเงินที
ค้างด้วยเถอะขอรับ”

เสมียนพูดไปนําตาไหลไปท่าทางน่าสงสาร คนทีเดินผ่านไปมาเริ มให้ความสนใจ ชีนิ ววิพากษ์วจิ ารณ์ “นีเกิด


อะไรขึนหรื อ?......"

“ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน เหมือนมาทวงเงินกับจวนอู่อนั โหว......”

“เพียงคืนเงินให้เขาไปก็จบแล้ว ทําไมต้องต่อว่าอย่างรุ นแรงจนน่ าสงสารขนาดนีด้วย......”

“ใครให้นางมีพ่อเป็ นอู่อนั โหว ฐานะสู งส่ งล่ะ แค่ต่อว่าเสมียนผูห้ นึ ง ใครกันจะกล้าติเตียน......”

คําวิพากษ์วจิ ารณ์ต่าง ๆนาๆลอยเข้าหู ซ่ งชิงเหยียนโกรธจนหน้าตาแดงกํา จ้องไปทางผูค้ นอย่างรังเกียจ แก้ต่าง


ด้วยอารมณ์โมโห “ข้ายังไม่ได้ต่อว่าเขา!”

แต่ทุกคนกลับไม่คิดว่าเป็ นเช่นนัน นางเป็ นเจ้านายเพียงคนเดียวทีอยูต่ รงนี ถ้าไม่ใช่นางรังแก แล้วใครเล่าเป็ นคน


รังแก?
ซ่งชิงเหยียนกลันอารมณ์โกรธเดินไปด้านหน้าของเสมียน ดึงเสื อของเขาแล้ว ผลักออกไปทางฝูงชน “เจ้าบอก
พวกเขาไปสิ ว่าข้าไม่ได้ต่อว่าเจ้า”

เสมียนไม่ทนั ตังตัวล้มลงไปกับพืน ความเจ็บแล่นปลาบขึนมาจนเขาต้องกลันใจ มองไปทางซ่ งชิงเหยียน พลาง


พูดเน้นทีละคํา “ทีข้าน้อยมาวันนี เพียงแค่อยากจะทวงเงินทีพวกท่านค้างตึกมุกหยกเอาไว้ เหตุใดคุณหนูจะต้อง
ทําให้ขา้ น้อยลําบากใจครังแล้วครังเล่าด้วยขอรับ”

ซ่งชิงเหยียนร้อนรนใจ แววตาวูบไหวไปมาอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ พูดกล่าวขึนอย่างไม่เกรงใจว่า “ข้าไปทําให้


เจ้าลําบากใจเมือใดกัน ข้าก็ได้พูดไปแล้วว่าปลายเดือนเจ้าค่อยมาใหม่”

เสมียนพอได้ฟังจึงพูดด้วยความโกรธทีอัดอันไว้ในใจมานาน “ทุกครังทีข้าน้อยมาทวงเงินทีจวนอู่อนั โหว คน


ของจวนก็พดู เช่นนี ข้าไม่กล้าเชือคําพูดของคุณหนูอีกแล้ว ตอนนีเพราะจวนอู่อนั โหวค้างเงินตึกมมุกหยกมาเป็ น
สิ บปี ทําให้กิจการเริ มมีเงินหมุนเวียนไม่เพียงพอ ต้องการเงินไปช่วยเหลือวิกฤตนีอย่างเร่ งด่วน......”

“จวนอู่อนั โหวค้างเงินสิ บปี ไม่คืน นี มันจริ งหรื อเท็จกัน?” ชาวบ้านผูห้ นึงพูดขึนอย่างไม่อยากจะเชือ

“จริ งแท้แน่นอน ถ้าน้องชายไม่เชือ ข้าน้อยจะชีแจงให้ท่านฟั ง”

เสมียนรี บนําใบรายการทีเตรี ยมไว้ตงแรกเอาออกมา


ั อ่านเสี ยงดัง “วันทีXเดือนXปี XX ฮูหยินจวนอู่อนั โหวซื อผ้า
คลุมศีรษะหนึงผืน ผ้าคลุมศีรษะประดับอัญมณี หนึงผืน ดอกไม้ไข่มุกหนึงคู่ ราคาสองหมืนตําลึง วันทีXเดือนX
ปี XXฮูหยินจวนอูอนั โหวซื อ......”

“เป็ นวันทีเมือสิ บปี ทีแล้วจริ งๆ......ใบรายการไม่ได้เป็ นของปลอมรึ ?......”

“ใครจะกล้าปลอมของพวกนี มาใส่ ร้ายจวนอู่อนั โหว นอกจากอยากจะหาเรื องตาย......”

“ก็จริ ง ตึกมุกหยกก็ชือเสี ยงไม่เลว เสมียนก็เป็ นคนซื อสัตย์จริ งใจ ไม่มีทางปลอมของพวกนีมาใส่ ร้ายผูค้ น......”

“ระดับจวนอู่อนั โหว เอาของไปแล้วไม่จ่ายเงิน พอมีคนมาทวงเงินทีค้างไว้สิบปี พวกเขายังกล่าวข้ออ้างนู่นนีเพือ


พลัดวันประกันพรุ่ งอีก ช่างเป็ น......เฮ้อ.....”
ตอนที 22 สังสอนมู่หรงโหรว (2)
“จวนอู่อนั โหวก็ดูใหญ่โต ไม่มีทางทีจะเงินไม่พอ......”

“ใครจะไปรู ้ อาจจะไม่มีเงินจริ ง ๆก็ได้ หรื ออาจมีเงินแต่ไม่อยากจ่าย เตรี ยมทีจะหนีหนี ......”

“นิสัยคนของจวนอู่อนั โหวช่างแย่เกินไปแล้ว......”

“ใครว่าไม่ใช่เล่า......”

เสี ยงวิพากษ์วจิ ารณ์จากผูค้ นมากหน้าหลายตาลอยเข้าหู ดวงหน้าเล็กของซ่ งชิงเหยียนขึนสี แดงกํา นางเอาของ


จากตึกมุกหยกแล้วอย่างไร? ทีนันเป็ นร้านรวงของท่านป้ าใหญ่ของข้า นางเอามามากแค่ไหนก็ไม่ได้ทาํ ให้คน
ตรงหน้าพวกนีเสี ยผลประโยชน์เสี ยหน่ อย พวกเขาจะมาขุ่นเคืองทําไมกัน?

แววตาโกรธขึง เตรี ยมทีจะต่อว่าคนพวกนี แต่เสี ยงผูช้ ายวัยกลางคนสายหนึงกลับดังแทรกขึนมาเสี ยก่อน


“ข้าน้อยมาจากเรื อนผ้าไหมจินซิ ว สิ บปี มานี จวนอู่อนั โหวซื อของทีร้านของข้าน้อยไม่เคยจ่ายเงินเลยสักแดง
เดียว เมือต้นเดือนตอนทีข้ามาทวงเงิน พวกเขาก็บ่ายเบียง วันนีได้พบกับตึกมุกหยกทีประสบชะตาเดียวกันเช่นนี
เฮ้อ......งันข้าจะขออ่านใบรายการติดค้างให้พวกท่านได้ฟัง......”

“วันทีXเดือนXปี XX ฮูหยินจวนอู่อนั โหวซื อผ้าไหมสู่ สองพับ ผ้าไหมหวินสองผับ ผ้าไหมซูซิวสองผับ ราคา


หนึ งหมืนตําลึง วันทีXเดือนXปี XX ฮูหยินจวนอู่อนั โหวซื อ......”
“ยังมีร้านของข้า ร้านขายของโบราณของข้า สิ บปี มานีจวนอู่อนั โหวก็มาเอาของจากร้านข้าไปไม่นอ้ ย และ
เช่นกันคือไม่เคยจ่ายเงินแม้แต่แดงเดียว พอมาทวงถามพวกเขาก็มกั จะบ่ายเบียง ข้าก็นาํ ใบรายการมาด้วยเช่นกัน
จะขออ่านให้พวกท่านได้ฟัง......”

ร้านค้าทังหกร้าน เสมียนทังหกยืนเรี ยงหน้ากระดานอยูด่ า้ นหน้าจวนอู่อนั โหว ถือใบรายการอันยาวเยียดอ่าน


เสี ยงดัง จํานวนเงินตําลึงทีติดค้างอยูม่ ากจนฝูงชนฮือฮาไปมา

“จวนอู่อนั โหวใช้จ่ายเงินเป็ นว่าเล่น ทุกครังล้วนซื อของทีมีมูลค่าไม่นอ้ ยไปกว่าหมืนตําลึง......”

“แค่จดลงบัญชีไม่ตอ้ งจ่ายเงิน เสื อผ้า เครื องประดับ ของโบราณ ถ้าเป็ นข้าข้าก็เต็มใจจะซื อเยอะๆเช่นกัน......”

“ไม่มีเงินก็ไม่ตอ้ งซื อ เอาของของคนอืนแล้วไม่จ่ายเงิน นี นับว่าใช้ได้หรื อ?......จวนอู่อนั โหวช่าง......เหมือนกับ


ขอทานและคนชันตําบนท้องถนน......”

“ถ้ามีคนติดเงินข้ามากขนาดนี ไม่ยอมคืนหน้าด้านหน้าทน แล้วยังจะมาเอาของของข้าไปเรื อย ๆอีก เป็ นข้า ข้าจะ


ฟ้ องศาลตังแต่ตอนไม่จ่ายเงินแล้ว......”
คําวิจารณ์อย่างเยาะเย้ยดูถูกดังขึนรอบทิศทําเอาซ่ งชิงเหยียนไม่กล้าทีจะเงยหน้า ดวงหน้าแดงกํา เร่ งสังการ
“เหมยเอ๋ อร์ เหมยเอ๋ อร์ รี บไปบอกท่านแม่ของข้า......” เรื องราวกลายเป็ นใหญ่โต นางเพียงคนเดียวคงรับมือไม่
ไหวแน่

“เจ้าค่ะ!” สาวใช้เหมยเอ๋ อร์ เตรี ยมหันกายเข้าไปในจวน พอดีเห็นเข้ากับมู่หรงโหรวพร้อมกับเหล่าสาวใช้ทีกําลัง


เดินเข้ามา

ทรงผมของนางม้วนสู งขึน เผยให้เห็นดวงหน้าทีได้รับการดูแลเป็ นอย่างดีเปล่งประกายงดงาม เสริ มให้นางดู


สูงส่ งสง่างาม ปากแดงของนางเม้มเข้าหากัน สายตาเย็นมองไปเสมียนทังหก คิวสวยย่นเข้าหากัน “เกิดอะไร
ขึน?”

เสมียนทังหกสบตากัน เสมียนของตึกมุกหยกก้าวออกมา คาราวะไปทางมู่หรงโหรว “ซ่ งฮูหยิน พวกข้าน้อยมาท


วงเงินขอรับ!”

“จะเอาเงินก็ไปหาพ่อบ้านของจวนโหวสิ จะมาโวยวายอยูท่ ีนีทําไม?” มู่หรงโหรวต่อว่าเสี ยงดัง ยืนอยูด่ า้ นหน้า


จวนอู่อนั โหว อ่านใบรายการทีค้างชําระ ชาวเมืองล้วนรู้กนั หมดว่าจวนอู่อนั โหวชอบหยิบเอาสิ งของแต่ไม่
จ่ายเงิน แถมยังค้างจ่ายมาเป็ นสิ บปี ชือเสี ยงของจวนตอนนีถูกทําลายจนป่ นปี ไปหมดแล้ว

“ซ่งฮูหยิน พวกข้าน้อยก็เคยขอพบพ่อบ้านจวนโหว แต่วา่ พ่อบ้านก็บ่ายเบียงไม่ยอมคืนเงินให้ พวกข้าน้อยหา


ทางออกไม่ได้ ถึงต้องทําเช่นนี” เสมียนตึกมุกหยกอธิบายด้วยหน้าตาลําบากใจ
“ใช่ขอรับ ฮูหยินซ่ ง ร้านของพวกข้าน้อย เพราะว่าไม่ได้เงินก้อนนี คืน จึงหมุนเงินไม่ทนั ดูแล้วคงไม่สามารถทํา
กิจการต่อไปได้อีก ขอร้องท่านนําเงินก้อนนี คืนให้พวกข้าน้อยด้วยเถอะนะขอรับ” เสมียนร้านผ้าไหมจินซิ วก
ล่าวต่อ ขอร้องเสี ยงดัง

“ใช่ขอรับ ซ่ งฮูหยินท่านช่วยพวกเราด้วยเถอะขอรับ พวกข้าน้อยยังมีคนทีบ้านทังแก่ทงเด็


ั กให้ตอ้ งดูแล ถ้าร้านค้า
ปิ ดกิจการไป พวกข้าน้อยคงไม่มีปัญญาดูแลครอบครัวแล้วขอรับ......”

เสมียนทังหกอยูห่ น้าประตู นําเสี ยงสะอึกสะอืนขอร้องด้วยท่าทางทีน่าสงสาร ดูแล้วน่าอนาถยิงนัก!

ฝูงชนทีมุงดูต่างส่ ายหน้าถอนใจ “ไม่ใช่ว่าเจ้าหนีเป็ นต้องเป็ นใหญ่ ลูกหนี ต้องเป็ นรองหรอกหรื อ? ทําไมพอมา


อยูต่ รงนีกลับสลับทีกัน ลูกหนี เป็ นใหญ่ เจ้าหนี เป็ นรอง”

“ใครใช้ให้คนทีติดเงินพวกเขาเป็ นคนของจวนอู่อนั โหวกันล่ะ คนธรรมดาทีไหนจะไปสู ้ชนะขุนนาง......”

“ได้ยนิ มาว่าใต้เท้าหลินแห่ งจวนซุนเทียนเป็ นขุนนางตงฉิ น ถ้ารู ้ไปถึงหู เขา สมควรจะได้รับความยุติธรรม......”

“ยศขุนนางของใต้เท้าหลินไม่สูงเท่าอู่อนั โหว หากว่าขึนศาล ผลลัพธ์กย็ งั ยากทีจะคาดเดา......”

“ก็จริ ง ยิงยศสู งยิงกดหัวผูอ้ ืน ถ้าอู่อนั โหวกดดันใต้เท้าหลินให้ตดั สิ น......เฮ้อ......”

เสี ยงนิ นทาว่ากล่าวประดังเข้ามา สี หน้าของมู่หรงโหรวเฉยชาจนน่ากลัว สายตาเหยียบเย็นมองไปทีร่ างของ


เสมียนทังหก อดกลันความโกรธ พยายามยกยิม “เรื องคืนเงินล้วนเป็ นพ่อบ้านทีเป็ นผูจ้ ดั การ ตัวข้ามิได้รู้เรื อง
ด้วย......”
เรื องราวลุกลามใหญ่โต ชือเสี ยงของจวนอู่อนั โหวถูกทําให้เสื อมเสี ยไปแล้ว ถ้าแม่สามีกบั สามีรู้เรื องนี เข้าคง
จะต้องโมโหมาก นางคงต้องดึงตัวเองออกจากเรื องนีเสี ยก่อน ไม่ว่าอย่างไรก็ตามห้ามให้ความผิดนี ตกอยูท่ ีตัว
นาง

ฝูงชนไม่คิดว่าเป็ นเช่นนัน มู่หรงโหรวมีอาํ นาจจัดการดูแลเรื อนฝ่ ายใน ทุกๆเดือนจะต้องตรวจสอบการเบิกจ่าย


ต่างๆ นางไปเอาเครื องประดับเสื อผ้าจากร้านค้าของคนอืนมามากมาย แต่พ่อบ้านกลับไม่ยอมนําเงินทีมีไปจ่าย
หนี นางจะดูไม่ออกเชียวหรื อ?

ถ้าหากหลุดลอดสายตาไป ครังแรกไม่รู้ ยังพอว่า สองครังไม่รู้ยงั พอให้อภัย แต่นีสิ บกว่าปี ต้องตรวจมาแล้วกว่า


120 ครัง จนถึงบัดนียังไม่รู้...ฮะฮะ...คนตาบอดยังไม่โง่เท่านางเลย......

เสมียนร้านของโบราณก้าวออกมาด้านหน้า พูดเสี ยงเบา “ซ่งฮูหยิน จวนโหวบ่ายเบียงการคืนเงิน พวกข้าน้อย


ล้วนไม่ถือสาหาความ ตอนนี พวกข้าน้อยอยากได้เพียงเงินตําลึง ขอฮูหยินซ่ งได้โปรดทําตามทีข้าน้อยขอร้องด้วย
เถิดขอรับ!”

ความผิดในการทําลายชือเสี ยงของจวนอู่อนั โหว ใครอยากรับก็รับไป ไม่เกียวกับพวกเขา จุดประสงค์หลักทีพวก


เขามากันวันนี ก็คือ มาเอาเงิน!

มู่หรงโหรวแววตาเย็นชาชัวครู่ แล้วกลับเป็ นปกติ ยิมตอบ “ทังหกท่านไม่ตอ้ งเป็ นกังวล จวนอู่อนั โหวเราแต่


ไหนแต่ไรมาก็ให้ความสําคัญกับชือเสี ยง เงินทีค้างเอาไว้ทางเราจะคืนให้พวกท่านทังหมดไม่ขาดแม้แต่แดง
เดียว” ฝูงชนล้วนไม่พอใจถ้านางกล้าปฏิเสธ คงทําให้นางถูกคําวิพากษ์วิจารณ์ทบั ถมจนตาย

ทันใดนันเสมียนทังหกยกยิมอย่างยินดี ดวงตาส่ องประกายไปทีมู่หรงโหรว “ได้เช่นนันก็ดียงขอรั


ิ บ ไม่ทราบว่าฮู
หยินซ่ งจะให้เป็ นตัวเงินหรื อเป็ นเงินตําลึงขอรับ?”

ั นไม่มาก เงินตําลึงถือว่ามีบา้ ง แต่วา่ เงินค้างสิ บปี มานี ก็ไม่นอ้ ย ร่ างกายบอบบางเช่นพวกเจ้า กลัว


“ในจวนมีตวเงิ
ว่าจะเอาไปได้ไม่ได้เท่าไหร่ ......” มู่หรงโหรวยิมน้อยๆ ปรากฏแววตาเย็นเยียบ นางเพียงตกลงทีจะคืนเงินก่อน
พอฝูงชนค่อยๆแยกย้ายกันไป นางค่อยต่อว่าพวกเสมียนชันตําไม่รู้จกั กาลเทศะพวกนี......
ตอนที 23 คืนหนี
“ขอบคุณฮูหยินทีมีนาใจแต่
ํ พวกข้าน้อยได้เตรี ยมการไว้เรี ยบร้อยแล้วขอรับ” เสมียนตึกมุกหยกยิมตาหยีชีนิวไป
ทางด้านหนึงของมุมถนน ปรากฏรถม้าเกือบสิ บคันกําลังมุ่งตรงเข้ามา แต่ละคันรถมีผคู ้ ุม้ กันถือดาบขนาบข้างอยู่
สามถึงสี นาย

“เหล่าผูด้ ูแลร้านต่างก็รู้ดีว่ายอดค้างชําระเป็ นเงินจํานวนมินอ้ ย เพือกันเหตุทีไม่คาดคิด พวกข้าน้อยจึงได้ติดต่อ


กับร้านเงินเอาไว้ก่อนแล้ว และได้จา้ งให้พวกเขามานําจํานวนเงินทีได้ไปเก็บไว้ทีโกดังเก็บเงินของร้านขอรับ”

มู่หรงโหรวดวงหน้าเขียวคลํา มือภายใต้แขนเสื อกําแน่ นเข้าหากัน พวกเขาล้วนคาดการณ์ไว้แล้วว่านางจะพูด


เช่นไร ดังนันจึงวางแผนออกอุบายรอนางกระโดดเข้าไป ช่างเลวร้ายทีสุ ด!

“ซ่งฮูหยิน ถ้าเช่นนันพวกเราเริ มดําเนินการได้หรื อยังขอรับ?” เสมียนของตึกมุกหยกถามเสี ยงเบา สี หน้ามี


รอยยิมยินดีอย่างปิ ดไม่มิด มู่หรงโหรวทีเห็นเช่นนันไฟโกรธในใจพลันพุ่งสู งขึน เกลียดจนอยากจะฉี กสี หน้าได้
ใจและท้าทายของเขาออกเป็ นชินๆ

เพราะกําลังถูกฝูงชนจับจ้องอยู่ มู่หรงโหรวจึงยังไม่สามารถระเบิดอารมณ์ตอนนี ได้ ทําได้แค่เพียงอดกลันความ


โกรธ “ได้อย่างแน่ นอน หลันเอ๋ อร์ พาพวกเขาไปเอาเงินทีห้องเก็บของ!” ภายใต้นาเสี
ํ ยงเรี ยบทีดังขึนได้ยนิ เสี ยง
กัดฟั นปนอยูเ่ ล็กน้อย

“เจ้าค่ะ!” สาวใช้หลันเอ๋ อร์ ยอ่ กาย หันหน้าไปทางเสมียนทังหกพลางพูดว่า “ทุกท่านโปรดตามข้ามา!”


“รบกวนแล้ว” เสมียนทังหกโค้งกายคารวะ เชิญคนของร้านเงินตามเข้าไป พวกเขาพากันเดินเข้าไปในจวนอู่อนั
โหวอย่างอกผายไหล่ผงึ

เมือเห็นทาทางของพวกเขา ซ่ งชิงเหยียนกระแทกเท้าด้วยความโมโหและเกลียดชัง เร่ งเดินไปทางมู่หรงโหรว


“ท่านแม่จะยอมคืนเงินทังหมดให้พวกเขาจริ ง ๆหรื อ? จวนของพวกเราไม่ได้มีเงินมากขนาดนันนะเจ้าคะ!”

ไม่กีปี มานี นางกับมู่หรงโหรวมักจะเข้าออกตึกมุกหยกกับร้านผ้าไหมบ่อย ๆ ทุกครังทีไปก็จะหยิบเอาสิ งของ


กลับมามากมาย ถ้าคิดเป็ นเงินตําลึงก็คงเป็ นจํานวนทีมินอ้ ยเลย ถ้านําราคาสิ งของภายในสิ บปี มารวมกัน คงรวม
เป็ นเงินจํานวนมหาศาลแน่นอน

“ข้ารู ้!” ดวงตาของมู่หรงโหรวปรากฏแววตาคมกริ บ “แต่ถา้ เรื องทีจวนอู่อนั โหวค้างเงินสิ บปี แพร่ กระจาย
ออกไป และถ้าวันนีพวกเรายังไม่เอาเงินออกมาคืน ก็คงจะถูกประณามว่าเป็ นพวกหนี หนีและถูกชาวเมืองหลวง
หัวเราะเยาะถากถาง ยิงไปกว่านันคงถูกพวกชนชันสู งดูถูกเหยียดหยาม ไม่ว่าจะไปทีใดล้วนถูกผูค้ น
วิพากษ์วิจารณ์จนไม่มีหน้าไปมองใคร อย่างนี จะมีหน้าอยูใ่ นเมืองหลวงอีกหรื อ?”

“ร้ายแรงขนาดนันเลยหรื อเจ้าคะ?” ซ่ งชิงเหยียนขมวดคิว ใบหน้างามยูล่ ง “ท่านยายก็เกินไป อยากได้เงินแค่บอก


ก็ได้ ทําไมต้องให้พวกเสมียนมาทวงเงินทีจวนอู่อนั โหวของพวกเราให้ขายหน้าด้วย ชือเสี ยงของนางก็ใช่ว่าจะ
ไม่เสี ยหายไปด้วย......”
“เจ้ายังคิดว่าตึกมุกหยกร้านของโบราณพวกนันยังอยูใ่ นมือของท่านยายของเจ้าอยูอ่ ีกหรื อ?” มู่หรงโหรวมองไป
ทีนาง พลางยิมเยือกเย็น

ซ่งชิงเหยียนชะงักไปชัวครู่ “ความหมายของท่านแม่คือ ตึกมุกหยก ร้านของโบราณ ร้านผ้าไหมจินซิ วล้วน


เปลียนมือแล้ว......หรื อว่าจะเป็ นนางชันตํามู่หรงเสวียคนนันทีเป็ นคนทํา ครังก่อนนางก็วางแผนทวง
เครื องประดับทีข้าหยิบมาจากสิ นเดิมของท่านป้ าใหญ่ ครังนี กลับเลวร้ายยิงกว่า ถึงกับวางแผนร้ายต่อจวนอู่อนั
โหว......”

“อย่ามัวแต่พดู ให้มากความ!” มู่หรงโหรวโบกมือตัดบท หยิบกุญแจพวงหนึงออกจากแขนเสื อส่ งให้นาง “เจ้ารี บ


ไปทีห้องเก็บของหยิบเอาชุดเครื องประดับนกกระเต็น ชุดมุกแดนใต้ ชุดหยกแดง......เอาไปทีร้านตัวเป่ าแลกเป็ น
เงินตําลึง......”

พอซ่งชิงเหยียนได้ยนิ ชือของเครื องประดับ ดวงตาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ “ท่านแม่ นันมันล้วนเป็ นสิ นเดิม


ของท่าน เป็ นชุดเครื องประดับทีท่านชอบทีสุ ด!” ทังยังสัญญาว่าตอนนางออกเรื อนจะมอบให้เป็ นสิ นเดิมของ
นาง เหตุใดถึงจะขายทิง?

“สิ บปี มานี ของทีพวกเราเอามาจากร้านค้าทังหก อย่างน้อยทีสุ ดราคาก็ควรอยูท่ ีเกือบหนึ งล้านตําลึง เงินตําลึงกับ


ตัวเงินในจวนของพวกเรารวมกันไม่ได้มีมากขนาดนัน จําเป็ นจะต้องเอาสิ นเดิมบางส่ วนออกไปขายแลกเงิน
......”

มู่หรงโหรวพูดเสี ยงเบา ดวงตาปรากฏแววอํามหิ ต ตบไหล่ของซ่ งชิงเหยียนเบาๆ “เจ้าวางใจเถอะ ขอแค่ผา่ นพ้น


ช่วงลําบากนี ไปได้ แม่จะซื อพวกมันกลับคืนมาแล้วยกให้เป็ นสิ นเดิมของเจ้าแน่ !”
“เจ้าค่ะ!” ซ่งชิงเหยียนพยักหน้า ถือกุญแจไปทีห้องเก็บของอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก

มู่หรงโหรวมองไปทีคนงานร้านเงินทีเดินไปมา ผ้าเช็ดหน้าในมือถูกบิดเป็ นเกลียว ดวงตางามหรี เล็กลง ซ่ งชิงเห


ยียนถูกบีบบังคับให้คืนเครื องประดับของแซ่ เฉิ น นางเพียงนึกว่าเป็ นการทะเลาะกันระหว่างเด็กๆ เลยมิได้ใส่ ใจ

คิดไม่ถึงว่า มู่หรงเสวียถึงกับกล้าทวงใบสัญญาร้านค้าจากมือท่านแม่จนเอาคืนไปได้ แถมยังวางแผนร้ายตอนที


นางไม่ทนั ระวังตัว ทวงเอาของทีนางเอามาจากร้านค้าทังหกคืนไปได้พร้อมกับทําลายชือเสี ยงของนางและทําให้
นางอับอายต่อหน้าผูค้ นเช่นนี ช่างเป็ นแผนการทีแยบยลร้ายกาจยิงนัก

หลานสาวทีอ่อนแอของนางผูน้ ี จะต้องเป็ นคนไม่ธรรมดาแน่ ดูท่านางจะต้องหาเวลากลับไปดูทีจวนเจินกัวโหว


เสี ยแล้ว ไปพบหน้าหลานสาวทีไม่เคยมองหน้าอย่างเต็มตาเสี ยหน่อย!

แสงแดดส่ องกระทบผิวนํา ส่ องประกายสี ทองจางๆ ลมโชยไปมาอย่างบางเบา พัดพาให้ดอกไม้ลู่ไปตามลม

มู่หรงเสวียในชุดผ้าโปร่ งสี ชมพูนงอยู


ั ด่ า้ นหน้าโต๊ะกลมภายใต้ตน้ ฉยงฮวา ดูสูงส่ งสง่างาม กําลังลิมรสชาพร้อม
นับตัวเงินอย่างไม่รีบร้อน

ผูด้ ูแลร้านทังหกยืนอยูด่ า้ นข้างออกไปไม่ไกลนัก มองไปทีตัวเงินจํานวนมากมายตรงหน้า พวกเขาไม่ได้อิจฉา


ริ ษยา แต่แววตาเต็มไปด้วยความเคารพนับถือ พวกเขาใช้แผนการต่าง ๆนาๆมากว่าสิ บปี ล้วนไม่สามารถทําให้
จวนอู่อนั โหวคายเงินออกมาได้แม้แต่แดงเดียว แต่แค่ใช้แผนทีมู่หรงเสวียคิดขึนมา จวนอู่อนั โหวถึงกับร้อนรน
จนต้องเอาเงินออกมาคืน ช่างเก่งกาจเกินไปแล้ว

ตอนทีพวกเขากําลังยืนอยูท่ ีมุมถนน พอเห็นรถขนเงินถูกลากเข้าไปทีร้านเงินทีละคันสองคัน ล้วนตืนตระหนก


ไปตามๆกัน จวนอู่อนั โหวมีเงินมากมายขนาดนี กลับบ่ายเบียงไม่ยอมคืนเงิน ถือว่าแย่มาก ตอนทีพวกเขาจากมา
ได้ยนิ เสี ยงผูค้ นวิพากษ์วิจารณ์ว่าจวนอู่อนั โหวประพฤติตวั ไม่ดีอย่างโน้นอย่างนี

“เงินทีค้างชําระล้วนได้คนื จนครบถ้วน ลําบากทุกท่านแล้ว เงินพวกนี ถือเป็ นสิ นนําใจให้พวกท่าน ผูด้ ูแลร้าน


เสมียน คนงานให้ทุกคนเอาไปแบ่งกัน” มู่หรงเสวียตรวจสอบจํานวนอย่างละเอียด แน่ใจว่าไม่มีจุดผิดพลาด
หยิบเอาตัวเงินหกใบวางไว้บนโต๊ะ

ผูด้ ูแลร้านทังหกก้าวออกมารับตัวเงิน เพียงแค่เห็นจํานวนเลขด้านบน ใบหน้าของแต่ละคนก็ปรากฏรอยยิมยินดี


“ขอบพระคุณคุณหนูขอรับ!” ดูแลจัดการร้านมาก็หลายปี นี เป็ นครังแรกของพวกเขาทีได้เห็นเงินรางวัลมาก
ขนาดนี คุณหนู ใหญ่ช่างใจกว้างยิงนัก

“ถ้ากําไรปี นี ของร้านสามารถมากกว่าปี ทีแล้วได้หนึ งส่ วน(ประมาณ10เปอร์ เซ็นต์) ปลายปี ข้าจะมอบสิ นนําใจให้


เช่นนี อีก” มู่หรงเสวียยิมน้อยๆเหมือนดังดอกไม้นานาพันธ์ทีกําลังเบ่งบาน

เมือได้ฟังคํา ดวงตาของเหล่าผูด้ ูแลส่ องประกายวูบไหว คุณหนูช่างมีนาใจกว้


ํ างขวางยิงนัก สิ นนําใจทีมังคังที
นางพูดถึง คงเป็ นเงินจํานวนมิน้อย
“ขอบพระคุณคุณหนูมากขอรับ พวกข้าน้อยจะดูแลร้านด้วยแรงกายและแรงใจ จะไม่ทาํ ให้คุณหนู ผดิ หวังขอรับ”
เหล่าผูด้ ูแลกล่าวอย่างหนักแน่น ออกจากเรื อนหิ มะโปรยอย่างซาบซึ งในบุญคุณ

มู่หรงเย่รีบร้อนเดินเข้ามา มองไปทีปึ กเงินหนาๆ พลันแววตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “น้องเล็ก เจ้าคิด


วิธีการเช่นนี ออกได้อย่างไร?”

เรื องทีพวกผูด้ ูแลร้านหนักใจ ไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไรก็หาหนทางไม่ออก แต่น้องเล็กกลับแก้ปัญหาได้อย่าง


ง่ายดาย ช่างร้ายกาจเกินไปแล้ว!

มู่หรงเสวียค่อยๆจิบชา แววตาวูบไหวไปมา “จวนอู่อนั โหวเป็ นตระกูลชนชันสู ง ให้ความสําคัญกับชือเสี ยงเหนือ


สิ งอืนใด และคงไม่ชอบทีจะมีจุดด่างพร้อยแม้เพียงเล็กน้อย ข้าให้พวกเสมียนยืนอ่านใบรายการทีค้างชําระ
ด้านหน้าของจวน ซึงถือเป็ นเรื องน่ าอับอายของจวนอู่อนั โหว ถ้าคนของจวนอู่อนั โหวไม่อยากให้เรื องน่ าอับอาย
แพร่ กระจายออกไป ก็จาํ เป็ นต้องคืนเงินอย่างไม่มีทางเลือกอืน”

“เป็ นเช่นนีนีเอง” มู่หรงเย่พยักหน้าคล้ายเข้าใจ มองไปทีปึ กเงินด้วยดวงตาทีเปล่งประกาย “น้องเล็ก ตอนนี เจ้าก็


มีเงินแล้ว มอบให้ขา้ ไปใช้จ่ายสักหมืนตําลึงได้หรื อไม่ ?”
ตอนที 24 พิษกําเริบ
“ท่านจะเอาเงินไปประลองสุ นขั รึ ?” มู่หรงเสวียปรายตามองเขา สี หน้าเรี ยบเฉย

“ใช่แล้ว!” มู่หรงเย่พยักหน้า ตอบรับอย่างไม่ลงั เล ช่วงนี ในมือเขาไม่มีเงินเลยสักแดงเดียว วันวันอุดอูอ้ ยูแ่ ต่ใน


จวน เบือจนจะตายแล้ว

มู่หรงเสวียจ้องไปทีเขา พูดขึนอย่างช้า ๆ “ท่านจะเอาเงินก็ใช่ว่าจะไม่ได้ แต่บนโลกใบนีไม่มีอะไรทีได้มาเปล่า ๆ


พวกเราต้องแลกเปลียนกัน!”

คนไม่รู้จกั พอเช่นเขา รู ้จกั เพียงแต่การประลองสุ นขั ถึงนางจะมีเงินมากแค่ไหน แต่นางก็ไม่อยากทีจะใช้จ่าย


ออกไปอย่างฟุ่ มเฟื อยนัก

“แลกเปลียนกับอะไร?” มู่หรงเย่ยมตาหยี
ิ กล่าวถาม ถ้าเงือนไขไม่ยากลําบากอะไรเขายอมตกลงทังสิ น

มู่หรงเสวียหยิบหนังสื อขึนมาเล่มหนึ ง แล้วโยนไปทางเขา “ท่านท่องหนังสื อเล่มนี ได้ทงหมดเมื


ั อไหร่ ข้าจะให้
หนึ งหมืนตําลึง” หนังสื อเล่มนี นางเพียงเอามาอ่านแก้เบือเวลาไม่มีอะไรทํา เพิงจะเปิ ดอ่านไปได้สองหน้า ตอนนี
ก็ตอ้ งตกไปอยูท่ ีมู่หรงเย่แล้ว

มู่หรงเย่กม้ ลงไปมองหนังสื อทีคว้ามาได้ เห็นคําว่าหลุนหวี* (หลุนหวี เป็ นคัมภีร์จริ ยวัตรของขงจือ) บนปกสอง


คําก็เปิ ดผ่านเข้าไปด้านใน ปรากฏตัวอักษรเยอะแยะมากมายจนตาลาย ใบหน้าทีเต็มไปด้วยความมันใจ ภายใน
พริ บตากลับกลายเป็ นความลําบากใจขึนมาทันควัน “น้องเล็ก ในสายตาของข้าตัวอักษรด้านบนก็เหมือนกับ
แมลงวันทีเรี ยงกันเป็ นแถว พวกมันไม่รู้จกั ข้า ข้าก็ไม่รู้จกั พวกมัน เจ้าอย่าทําให้ขา้ ลําบากท่องพวกมันเลย”

ดวงหน้าสดใสของมู่หรงเสวียเย็นชาขึนมาทันที เขาเอาตัวอักษรไปเปรี ยบเทียบกับแมลงวันเนียนะ? มู่หรงเย่


เกลียดการอ่านหนังสื อถึงขันนี เชียวหรื อ?

“ถ้าอย่างนันไปหาท่านลุงฮุย ให้เขาสอนท่านสักสิ บกระบวนท่า รอให้ฝึกจนคล่อง ค่อยมาเอาเงินหมืนตําลึงกับ


ข้า”

มู่หรงเย่ไม่ชอบเรี ยนหนังสื อ ถึงนางไปบีบบังคับเขาก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าเช่นนันให้เขาเรี ยนวรยุทธก็ดี วรยุทธ


ของท่านลุงฮุยก็ไม่เลวนัก ให้สอนมู่หรงเย่ก็คงไม่มีปัญหา

มู่หรงเย่เมือได้ยนิ คําพูดของนาง คิวก็ค่อยๆขมวดเข้าหากัน พูดขึนอย่างลําบากใจ “ท่านลุงฮุยสอนวรยุทธ ก็มวั แต่


ให้ฝึกท่าพืนฐานตุน้ หม่าปู้ ตุน้ หม่าปู้ แล้วก็ตุน้ หม่าปู้ (ตุน้ หม่าปู้ : เป็ นท่าฝึ กขันพืนฐาน คล้ายๆกับการสควอต)
ข้าเรี ยนวรยุธมากับเขาสิ บปี เขาถึงสอนวิชาข้าแค่หนึงชุดวิชา 49 กระบวนท่า ถ้าให้ขา้ ไปเรี ยนกับเขาอีกสิ บ
กระบวนท่า น้อยทีสุ ดก็ตอ้ งใช้เวลาสองปี ข้าจะต้องเบือจนตายแน่นอน......”

ใบหน้างามของมู่หรงเสวียเรี ยบเฉยมืดครึ มจนแทบจะกลันออกมาเป็ นหมึกได้ ท่าพืนฐานตุน้ หม่าปู้ เป็ นสิ งที


ผูเ้ รี ยนวรยุทธทุกคนจะต้องเรี ยน ทีท่านลุงฮุยสังให้เขาทําท่าตุน้ หม่าปู้ บ่อยๆ ก็เพือให้เขามีพนฐานที
ื ดี แต่เขากลับ
คิดว่าท่านลุงหวงวิชาสอนแค่เพียงกระบวนท่าเดียว จะโง่งมจนเกินไปแล้ว!
ท่านลุงฮุยใช้เวลาสอน 49 กระบวนท่าเป็ นเวลาสิ บปี ไม่ใช่ว่าท่านลุงฮุยไม่อยากสอน แต่เป็ นเพราะมู่หรงเย่ทีขี
เกียจ เมือพืนฐานไม่แน่ นพอ ท่านลุงฮุยจึงเป็ นกังวลว่าถ้าสอนกระบวนท่าให้มากจนเกินไป จะทําให้ร่างกายของ
เขาได้รับบาดเจ็บ......

อ่านตําราก็ปวดหัว เรี ยนวรยุทธก็เหนื อยยาก ไม่เหมือนกับการประลองสุ นัขทีหาความสุ ขได้อย่างง่ายดาย เจ้าคน


ขีเกียจ ช่างใฝ่ หาความสุ ขในชีวติ ได้ดียงนั
ิ ก มัวแต่ใช่ชีวิตสบายไปวันๆ

แต่ว่าเงินก้อนนี ของนาง ต้องเอาความเหนื อยยากทังกายและใจไปแลกมันมา อย่าคิดหวังว่าจะมาขอไปง่ายๆ

มู่หรงเสวียเงยหน้ามองมู่หรงเย่ เตรี ยมทีจะต่อว่าเขา แต่อยูๆ่ กลับเจ็บแปลบขึนมาในอก ใบหน้างามซี ดขาวไร้สี


เลือด เหงือเม็ดโตผุดขึนเต็มใบหน้า......

“น้องเล็กเจ้าเป็ นอะไรไป?” มู่หรงเย่เห็นท่าทางของนางทีผิดปกติ ก็กา้ วเท้ามาพยุงแขนของนาง ลองเอานิ วมือ


สัมผัสบนข้อมือ ก็รู้สึกได้เพียงแต่ความเย็นเยือกไร้ซึงความอบอุ่น สี หน้าตืนตระหนกตกใจ “นีเจ้า......พิษเยือก
แข็งกําเริ บหรื อ? หงซิ ว อันเซี ยงรี บไปเอายามา!”

“เจ้าค่ะ! เจ้าค่ะ!” หงซิ วและอันเซี ยงทีคุน้ ชินกับเหตุการณ์เช่นนี ตอบรับพร้อมกับเร่ งกลับไปทีเรื อน ดวงหน้าไร้


ซึงแววตาตืนตระหนก
มู่หรงเย่หยิบผ้าเช็ดหน้าจากฝ่ ามือมู่หรงเสวีย ซับเหงือให้นางอย่างเบามือ กล่าวปลอบโยนอย่างนุ่ มนวล “น้อง
เล็ก ไม่ตอ้ งกลัวนะ พอกินยาก็ไม่เป็ นไรแล้ว”

มู่หรงเสวียพยักหน้าตอบรับอย่างยากลําบาก ในความทรงจําของเจ้าของร่ างเดิม นางประสบกับการทีพิษกําเริ บ


มาหลายครังหลายหน ทุกครังล้วนเจ็บปวดจนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่ แต่แค่เพียงทานยาความเจ็บปวดทังหมดก็
จะหายไป......

“ว้าย......”

“ว้าย......”

เสี ยงร้องสองเสี ยงดังขึนติดต่อกัน มู่หรงเย่มองไปยังทีมาของเสี ยง เห็นชายชุดดําผูห้ นึ ง โพกหน้าด้วยผ้าสี ดาํ พุ่ง


ออกมาจากเรื อนของมู่หรงเสวีย ในอกกอดกล่องไม้ใบใหญ่ไว้กล่องหนึง

อันเซี ยงล้มอยูด่ า้ นหน้าประตูเรื อน ดวงหน้าซี ดขาว ใช้แรงทีเหลือตะโกนขึน “คุณชายใหญ่......เขาขโมยยาของ


คุณหนูใหญ่ไป......”

มู่หรงเย่หรี ตาลง ร่ างผอมบางวิงมาดักหน้าชายชุดดํา ใช้ฝ่ามือโจมตีไปทีเขา “เอายาคืนมา!”

ชายชุดดําไม่สนใจ เบียงกายหลบการโจมตีของมู่หรงเย่ ทําให้ทงสองต่


ั อสู ้ปะทะกันขึนมา
ํ นสองสายพุ่งปะทะเข้าหากัน เดียวซ้ายทีเดียวขวาที แรงปะทะส่ งผล
ถ้ามองจากภายนอกจะเห็นเงาร่ างสี ดาํ สี นาเงิ
ให้ลมรอบด้านพัดหอบเอาเศษใบไม้ปลิวว่อนไปทัว

ชายชุดดําเป็ นชายวัยกลางคน วรยุทธไม่เลวนัก กระบวนท่าทีใช้ออกล้วนเร็ ว แรง และแม่นยํา แต่ละกระบวนท่า


ล้วนคมกริ บไร้เยือใย เห็นได้ชดั ว่าผ่านการต่อสู ้มาอย่างโชกโชน กระบวนท่าและท่าทางร่ วมกันเป็ นหนึง

แต่ม่หู รงเย่อายุยงั น้อย กระบวนท่าอ่อนแอเดาทางได้ง่าย ชัดเจนว่าฝึ กมาน้อย ได้ประมือกับศัตรู เพียงไม่มาก ขาด


ความคล่องตัวและพลิกแพลง เขาจึงค่อยๆเริ มตกเป็ นรอง กระบวนท่าดูสะเปะสะปะ พละกําลังทีเอาออกมาใช้ก็
ดูนอ้ ยกว่าทีควรจะเป็ นอยูค่ รึ งหนึง

เสี ยงวิงอย่างเร่ งรี บดังขึน เป็ นทหารยามจวนโหวทีรุ ดมาถึง ชายชุดดําไม่อยากให้ยดื เยือ จึงใช้มือโจมตีไปที
หน้าอกของมู่หรงเย่ หวังทีจะทําให้เขาบาดเจ็บสาหัสและอาศัยจังหวะทีเขาบาดเจ็บนันหลบหนี ไป

ดวงตาของมู่หรงเสวียปรากฏแววเยือกเย็น อดกลันความเจ็บปวดทีมี ดึงกระบีออกจากสายรัดเอวพุ่งไปทาง


ด้านข้างของชายชุดดํา ปั ดป้ องการโจมตีของเขา ฟาดกระบีออกไปอย่างต่อเนืองจนไหล่ซา้ ยของเขาปรากฏรอย
บาดแผลจากกระบีหลายแผล

“เร็ วเข้า คนร้ายอยูท่ ีนัน อย่าให้มนั หนี ไปได้!” ทหารยามวิงเข้ามาด้านในล้อมเรื อนเอาไว้ มู่หรงเสวียและมู่หรงเย่
ล้อมหน้าล้อมหลังกักชายชุดดําเอาไว้ตรงกลาง เขาได้รับบาดเจ็บเข้าแล้ว ยากทีจะหนี ไปได้
ชายชุดดําแววตาเยือกเย็น ใช้ฝ่ามือตีไปทีกล่องไม้ ได้ยนิ เสี ยง ‘ปั ง’ ดังขึน เพียงพริ บตาเดียว กล่องไม้หรู หราก็
แตกกระจาย ขวดยาและตัวยาด้านในแตกกระจายออกเป็ นผุยผงตกลงสู่ พนื ปนเข้ากับสี เขียวเหลืองบนพืนจน
แยกแทบไม่ออก......

“บัวอัคคี บัวอัคคีของน้องเล็ก......” มู่หรงเย่รีบโกยเอาเศษผงทีเต็มไปด้วยเศษดิน เศษไม้ เศษขวดยา แต่ตวั ยานัน


น้อยจนหาไม่เจอ ดวงตาสี ดาํ ของเขาเปลียนเป็ นแดงกํา ทังเตะทังต่อยไปทีชายชุดดําอย่างไม่หยุดยังไร้ซึงความ
ปราณี “เจ้าเอาบัวอัคคีของพวกเราคืนมา......น้องสาวของข้าต้องการมัน......”

ชายชุดดําก้มหน้าลง สี หน้าเรี ยบเฉย ไม่กล่าววาจาใด

กล้ามเนื อของมู่หรงเสวียเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ลําคอแห้งผาก กลันไม่ไหวจนไออกมาเสี ยหลายครัง กล่าว


เสี ยงแห้งไร้เรี ยวแรง “ท่านพีหยุดเถอะ มันเป็ นมือสังหาร อย่างไรก็ไม่ยอมพูด!”

“มือสังหาร?” มู่หรงเย่ชะงักค้าง ดวงตาสี ดาํ เงาหรี ลง กระชากคอเสื อของชายชุดดํา พูดเสี ยงดังอย่างโหดเหี ยม


“เป็ นเย่อีเฉิ นทีให้เจ้ามาขโมยบัวอัคคีใช่หรื อไม่? เจ้าไม่ตอ้ งปากแข็ง นอกจากวังจิงอ๋ องกับจวนเจินกัวโหวแล้ว
ไม่มีใครรู ้ว่าน้องสาวข้าติดพิษเยือกแข็ง และจําเป็ นต้องใช้บวั อัคคีเวลาพิษกําเริ บ!”
ตอนที 25 สาดเลือดหน้ าวังจิงอ๋ อง
มู่หรงเสวียมิได้ร่างกายอ่อนแอตังแต่กาํ เนิ ด แต่นางถูกพิษเยือกแข็งตอนอายุได้สีขวบ พิษเยือกแข็งเป็ นพิษที
อํามหิตนัก เวลาทีอาการกําเริ บจะทําให้รู้สึกเจ็บปวดเหมือนจะตายทังเป็ น หมอเทวดาทัวแคว้นชิงเหยียนไม่วา่ จะ
ใช้วิธีการใดก็ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ทําได้เพียงใช้บวั อัคคีมากดฤทธิของพิษเอาไว้เป็ นการชัวคราว
เท่านัน

หลังจากทีมู่หรงเสวียถูกวางยาพิษ มู่หรงเยว่กร็ ี บปิ ดข่าวทุกหนทาง ความลับนี มีเพียงแต่มู่หรงเยว่สองสามีภรรยา


มู่หรงเย่พีน้องฝาแฝด และอดีตจิงอ๋ องกับเย่อีเฉิ นเท่านันทีรู ้......

ชายชุดดํานิงเงียบอยูเ่ ช่นเดิม มิกล่าวว่าจาใด

ดวงตาของมู่หรงเย่ปรากฏแววอํามหิ ต เขากระชากคอเสื อของชายชุดดําเหวียงลงไปทีพืน เตะลงไปทีอกของเขา


สุ ดกําลัง แล้วหันหลังกลับก้าวเดินออกไปด้านนอก

“ท่านพี ท่านจะไปไหน ? ” มู่หรงเสวียถามด้วยเสี ยงเบาเจือความแหบแห้ง

“ไปวังจิงอ๋ อง หาเย่อีเฉิ น !” มู่หรงเย่ไม่หยุดเดิน เขาเดินออกไปด้วยความโมโหสุ ดจะทน

มู่หรงเสวียขมวดคิว “ท่านจะไปหาเขาทําไม ? ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่ยอมรับว่าเป็ นคนทําหรอก”


“ถึงเขาจะไม่ยอมรับ แต่ขา้ ก็ตอ้ งไปพบเขาทีวังจิงอ๋ อง ไม่มีทางยอมให้เขามารังแกเราโดยง่าย !” มู่หรงเย่กดั ฟั น
พูด รี บเร่ งก้าวเท้าออกนอกเรื อนหิ มะโปรย

กล้ามเนื อทัวร่ างของมู่หรงเสวียเจ็บเหมือนถูกเข็มทิมแทง ร่ างกายเต็มไปด้วยหยาดเหงือ ร่ างบางโซเซคล้ายจะล้ม


แหล่มิลม้ แหล่

สาวใช้อนเซี
ั ยงเร่ งก้าวมาด้านหน้าเพือพยุงแขนของนางไว้อย่างระมัดระวัง “คุณหนู ให้ขา้ น้อยพาท่านไป
พักผ่อนเถอะนะเจ้าคะ”

“มิจาํ เป็ น ! เจ้าพาคนชุดดําตามข้าไปทีวังจิงอ๋ อง” มู่หรงเสวียปรากฏแววตาเย็นชา วังจิงอ๋ องเป็ นทีมันของเย่อีเฉิ น


ความสัมพันธ์ระหว่างเย่อีเฉิ นกับนางช่างเลวร้ายนัก นางไม่วางใจให้มู่หรงเย่ไปทีนันเพียงลําพังแน่

ยิงไปกว่านัน หลังจากทีแยกกันทีหน้าผา นางก็เอาแต่ยงุ่ อยูก่ บั การจัดการหญิงเฒ่าแซ่ ตกู ้ บั มู่หรงโหรว ไม่ได้


ั ยที อดีตว่าทีสามีทีมีอาํ นาจทางทหารอยู่
ระมัดระวังเย่อีเฉิ นแม้แต่น้อย ถึงเวลาแล้วทีจะไปเยียมคนสู งส่ งผูน้ นเสี
ในมือ

วังจิงอ๋ อง

เย่อีเฉิ นในชุดสี ม่วง ยืนอยูด่ า้ นในของศาลาแปดเหลียม ด้านในของศาลามีขาตังวาดภาพวางอยู่ เขากําลังใช้พ่กู นั


หางหมาป่ าโบกสะบัดไปมา ทําให้ดอกชบาสวยงามดอกหนึงถูกแต่งแต้มอยูบ่ นกระดาษขาวค่อย ๆ ลอยเด่นชัด
ขึนมา
เมือคิดถึงผูท้ ีชอบดอกชบาผูน้ นั มุมปากของเขาก็ค่อย ๆ ยกยิมหล่อเหลาขึนมาอย่างไม่รู้ตวั ตอนทีภาพนีเสร็ จ
เรี ยบร้อยแล้ว เขาจะนํามันไปมอบให้กบั นาง นางจะต้องชอบอย่างแน่ นอน......

“คุณชาย ทีนี คือวังจิงอ๋ อง ท่านไม่สามารถลุกลํา......”

“ไสหัวไปออกไป ! ข้าจะพบเย่อีเฉิ น......”

“ขอประทานอภัยขอรับคุณชาย ถ้าท่านอ๋ องไม่มีคาํ สัง ไม่ว่าใครก็ตามก็ไม่สามารถเข้าวังอ๋ องได้ตามใจชอบ......”

“ข้ามีเรื องเร่ งด่วนทีต้องพบเขา ถ้าชักช้า พวกเจ้าจะรับผิดชอบไหวไหม......นี ! พวกเจ้าทําอะไร ? หยุดลากข้า


เดียวนีนะ......เย่อีเฉิ น เจ้าออกมาเดียวนี ไสหัวออกมา......”

เสี ยงวุ่นวายด้านนอกลอยเข้าหู เย่อเฉิ


ี นย่นคิวอย่างไม่ชอบใจนัก เงยหน้าหันไปมองด้านหน้า เห็นมู่หรงเย่
พยายามทีจะบุกเข้ามาในวังด้วยอารมณ์โกรธขึง แต่ถูกทหารยามสามสี นายของวังลากออกไปด้านนอกเสี ยก่อน
......

มาถึงเร็ วเช่นนี เลยหรื อ ? ช่างรวดเร็ วยิงนัก !


เย่อีเฉิ นยกยิมทีมุมปากด้วยอารมณ์ทียากจะคาดเดา ยกมือขึนโบกน้อย ๆ เหล่าทหารยามจึงหยุดการฉุดกระชาก
และปล่อยตัวมู่หรงเย่ พร้อมกับค่อย ๆ ถอยกายออกไปด้านข้าง

มู่หรงเย่ดวงหน้าบึงตึง เดินเข้ามาด้านในศาลา ยืนมือไปทีเย่อีเฉิ น และกล่าวขึนอย่างไม่ไว้หน้า “เย่อีเฉิ น เอาบัว


อัคคีมา !”

บัวอัคคีมกั พบทีภูเขาเมฆอัคคีซึงอยูใ่ นเขตแดนหวินหนาน และเขตแดนหวินหนานนี ก็เป็ นเขตทีดินศักดินา


ของจิงอ๋ อง หลังจากทีเก็บเกียวบัวอัคคีได้ส่วนใหญ่พวกเขาจะเอามาเก็บไว้ทีวังจิงอ๋ อง มีเพียงส่ วนน้อยเท่านันที
เอาออกไปขายด้านนอก

บัวอัคคีจะผลิดอกทุก ๆ ห้าปี ในห้าปี นี มีโอกาสเพียงหนึ งครังเท่านัน แถมจํานวนยังนับว่าน้อยมาก บัวอัคคีทีมู่


หรงเสวียใช้ในเวลาทีผ่านมาล้วนเป็ นมู่หรงเยว่กบั เก๋ อฮุยทยอยซื อสะสมมาจากร้านยาใหญ่ ๆ ในเมืองหลวง ซึ ง
ทังหมดนันก็ถูกชายชุดดําทําลายเสี ยจนสิ น ในระยะเวลาเพียงเท่านีมู่หรงเย่จึงไม่สามารถทีจะหาบัวอัคคีมาให้มู่
หรงเสวียได้ มีเพียงวิธีเดียวก็คือมาขอทีวังจิงอ๋ อง

เย่อีเฉิ นสี หน้าเรี ยบเฉย ยังคงวาดภาพตรงหน้าต่อด้วยท่วงท่าสู งส่ ง ใบหน้าหล่อเหลาอ่อนวัยจนผูค้ นไม่สามารถที


จะละสายตาได้ “บัวอัคคีของวังจิงอ๋ อง ทําไมข้าถึงจะต้องให้เจ้าด้วย ?”

“ก็เป็ นเจ้าไม่ใช่หรื อไงทีส่ งคนไปทําลายบัวอัคคีของน้องข้า !” มู่หรงเย่จอ้ งไปทีเย่อเฉิ


ี นอย่างเกลียดชัง “ถ้าเกิด
บัวอัคคีพวกนันยังอยูด่ ี น้องข้าปลอดภัย ข้าก็มิอยากทีจะมาเยียบวังจิงอ๋ องนักหรอก !”
“ทีบัวอัคคีของมู่หรงเสวียถูกทําลาย นันก็เป็ นเพราะคนของเจินกัวโหวไม่มีความสามารถเอง ไม่ยอมดูแลให้ดี
เหตุใดถึงเกียวกับข้าเล่า ?” เย่อีเฉิ นพูดขึนอย่างเรี ยบเฉย

มู่หรงเย่กดั ฟันโกรธ “เจ้า......ข้าขีเกียจต่อปากต่อคํากับเจ้าแล้ว เจ้าจะให้บวั อัคคีหรื อไม่ !?”

“มู่หรงเสวียขอถอนหมันกับข้าแล้ว ตอนนีวังจิงอ๋ องกับจวนเจินกัวโหวไม่มีอะไรทีเกียวข้องกันอีก ข้าจะให้บวั


อัคคีกบั เจ้าไปเพือสิ งใดกัน ?” เย่อีเฉิ นพูดด้วยนําเสี ยงราบเรี ยบอย่างไม่ใส่ ใจนัก

“จะว่าไปแล้ว เป็ นเจ้าทีอยากแต่งน้องสาวข้าเป็ นอนุ แต่นอ้ งสาวข้าไม่ยอม เจ้าถึงกับใช้แผนชันตําน่ารังเกียจ


เช่นนี มาบีบบังคับนาง ไม่คิดว่าตัวเองหน้าด้านไปหน่อยรึ ? พิษเยือกแข็งของน้องข้ากําลังกําเริ บ ถ้าก่อนคืนนี
นางไม่ได้ใช้บวั อัคคีเพือบรรเทาอาการเจ็บปวด นางอาจจะเจ็บปวดจนทนมิได้” มู่หรงเย่จอ้ งมองไปทีเขา ดวงตา
เต็มไปด้วยไฟโกรธ

เมือครู่ คาํ พูดของเย่อเฉิ


ี นยังไม่ได้จบเพียงแค่นนั เขาพูดต่ออย่างราบเรี ยบว่า “ตอนนี มู่หรงเสวียเป็ นเพียงอดีต
คู่หมันของข้า ความเป็ นความตายของนางเกียวข้องอะไรกับข้าด้วย ?”

“เจ้า !” มู่หรงเย่ปะทุความโกรธใบหน้าหล่อเหลาขึนสี แดงกํา เขารู ้ว่าไม่ว่าเขาจะพูดอธิบายเช่นไร เย่อีเฉิ นก็ไม่มี


ทางทีจะมอบบัวอัคคีให้เขาแน่ เขาพูดต่อไปก็ไร้ประโยชน์

“ของของวังจิงอ๋ องไม่ได้มีไว้มอบให้ใคร เช่นนันพวกเรามาตกลงซื อขายกัน ท่านอ๋ องเสนอราคามาเถอะ ไม่วา่


แพงแค่ไหน ข้าก็จะซื อ”
“วังจิงอ๋ องมิได้ขาดเงินทอง ไม่วา่ เจ้าจะจ่ายเท่าใด ข้าก็ไม่คิดทีจะขายบัวอัคคี มีเพียงวิธีเดียวเท่านัน ให้นอ้ งเจ้า
แต่งเป็ นพระชายารองแห่ งวังจิงอ๋ องเสี ยสิ !”

เย่อีเฉิ นเน้นเสี ยงทีประโยคสุ ดท้ายเป็ นพิเศษ มู่หรงเย่พอได้ยนิ เช่นนัน สี หน้าก็ดาํ คลําขึนทันที ดวงตาเต็มไปด้วย
ไฟแค้นจนแทบจะสามารถพ่นไฟออกมาได้

เย่อีเฉิ นไม่สนใจ ทําเพียงแหงนหน้ามองท้องฟ้ า กล่าวเตือนอย่างหวังดี “พวกเจ้ายังพอมีเวลาให้ไตร่ ตรองสองชัว


ยาม !”

“มิตอ้ งไตร่ ตรองให้มากความ ตอนนี ข้าก็สามารถให้คาํ ตอบกับจิงอ๋ องได้ทนั ที !” ร่ างของมู่หรงเสวียทีอันเซี ย


งคอยช่วยพยุงอยูค่ ่อย ๆ ก้าวเข้ามา นําเสี ยงแหบแห้ง ใบหน้าสวยขาวซี ดจนไร้สีเลือด ร่ างกายบอบบางอ่อนแอที
แค่เพียงลมพัดแผ่วเบาก็สามารถหกล้มได้ แต่ดวงตาสี ดาํ เงากลับเต็มไปด้วยความดือดึงและแข็งกร้าว ค่อย ๆ พูด
เน้นทีละคําว่า “ข้าขอยอมตาย ดีกว่าแต่งเป็ นอนุ เข้าวังจิงอ๋ อง”

มือของเย่อีเฉิ นทีกําลังวาดภาพหยุดชะงักลงทันที สี หน้าดุดนั จนน่ากลัว ดวงตาปรากฏแววอํามหิ ตอยูภ่ ายใน

มู่หรงเสวียไม่สนใจ ลากมือสังหารชุดดําทีอยูด่ า้ นหลังออกมา ผลักเขาไปด้านหน้าของเย่อีเฉิ น พูดด้วยรอยยิมว่า


“ชายผูน้ ีเป็ นคนทําลายบัวอัคคีของข้า จิตใจของเขาช่างโหดเหี ยมจนไม่อาจคาดเดา ทําร้ายข้า ต้องการให้ขา้ ตก
ตาย ข้าสื บหาเบืองหลังของเขาไม่พบ เช่นนันข้าก็จะให้เขาตายตกไปพร้อมกันกับข้า !”

พูดจบ มู่หรงเสวียก็พลิกฝ่ ามือ ใช้ปลายแหลมของปิ นปั กผมปาดเข้าทีคอของมือสังหารลากเป็ นทางยาว เลือดสี


แดงสดสาดกระเซ็นเป็ นสายไปทัว......

ั างกายแข็งทืออยูเ่ พียงครู่ เดียว พลันเสี ยง ‘ตุบ’ ก็ดงั ขึนพร้อมกับร่ างไร้ลมหายใจทีลงไปนอนกองอยูท่ ี


ชายผูน้ นร่
พืน กลินเลือดคละคลุง้ ไปทัว ทําให้ผคู ้ นต่างขนลุกชัน ในใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว......
ตอนที 26 ท้ าทาย
เย่อีเฉิ นดวงหน้าเขียวคลํา มู่หรงเสวียรู ้ตงแต่
ั แรกว่าเขาเป็ นคนส่ งมือสังหารชุดดําไป นางสื บเค้นความจริ งจากมือ
สังหารไม่ได้ จึงพาตัวมือสังหารมาฆ่าทิงต่อหน้าของเขา เพือท้าทายเขา

นําทหารยกทัพจับศึกมานานปี นีเป็ นครังแรกทีเขาพบกับคนทีกล้าท้าทายเขาถึงเพียงนี ช่างบังอาจเกินไปแล้ว !


ชัวร้ายจนถึงทีสุ ด !

“ท่านพี พวกเรากลับกันเถอะ” มู่หรงเสวียในมือถือผ้าเช็ดหน้าเช็ดเลือดทีติดอยูบ่ นปิ นปักผม ค่อย ๆ หมุนกาย

“แต่ว่า......”

“จิงอ๋ องไม่ค่อยมีเวลา ทุก ๆ วันเขาต้องจัดการธุระมากมาย พวกเราอย่าไปรบกวนเลย กลับเถอะ !” มู่หรงเสวีย


กล่าวยิม ๆ ตัดบทคําพูดของมู่หรงเย่ นางจับข้อมือของเขาและลากเขาออกไปด้านนอก

มองไปทีร่ างบางทีแสดงท่าทางไม่สนใจเขา สี หน้าของเย่อีเฉิ นจึงเคร่ งขรึ มจนน่ากลัว สะบัดแขนเสื อออกไปหนึ ง


ที ทีฝนหมึก พู่กนั ขนหมาป่ า ขาตังภาพล้วนแตกกระจายลงไปทีพืน กระดาษสี ขาวถูกย้อมไปด้วยเลือดบนพืน
ดอกชบาด้านบนถูกย้อมเป็ นสี แดง
เย่อีเฉิ นไม่แม้แต่ทีจะหันไปสนใจ เขาจ้องเขม็งไปยังทิศทางทีมู่หรงเสวียเดินจากไป ในอกปรากฏความรู ้สึก
แปลกประหลาด อยากจะระเบิดอารมณ์ แต่นางก็จากไปเร็ วเหลือเกิน ไม่มีท่าทีจะสนใจว่าพิษเยือกแข็งกําลัง
กําเริ บเลย หรื อนางจะไม่กลัวแม้สักนิ ดว่าตัวเองจะต้องทรมานจนตาย......

สวีเทียนโย่วก้าวมาด้านหน้า มองไปทีร่ างกายทีถึงจะเดินเซเล็กน้อยแต่หลังยังตังตรง ก้าวเท้าสับสนแต่กเ็ ป็ น


จังหวะ แววตาซับซ้อน “ท่านอ๋ อง พวกเราบีบบังคับจนเกินไปหรื อหรื อเปล่าขอรับ ?”

เย่อีเฉิ นแววตาไหววูบ “หมายความว่าเช่นไร ?”

“มู่หรงเย่และมู่หรงเสวียมีอายุเพียงแค่สิบสี ขวบปี ทังยังคงเป็ นเด็ก กําพร้าพ่อแม่ แถมถูกย่าเลียงกับอาหญิง


วางแผนต่าง ๆ นา ๆ ฉกฉวยเอาทรัพย์สินไป ไม่มีใครปกป้ องดูแล พวกเขาจึงกลายเป็ นคนขีระแวงไม่ไว้ใจ
ใคร ยิงพวกเราใช้วิธีการแบบนี ไปบีบคันพวกเขา ยิงจะทําให้พวกเขาต่อต้าน”

สวีเทียนโยว่ไม่เคยถูกพิษเยือกแข็ง แต่กเ็ คยได้ยนิ มาบ้างว่า มันถือเป็ นพิษทีประหลาดชนิ ดหนึง ไม่มียารักษา ทํา


ั ่ เท่านัน ทุกครังทีพิษกําเริ บ จะทําให้คนผูน้ นเจ็
ได้เพียงใช้บวั อัคคียบั ยังอาการพิษกําเริ บไว้ชวครู ั บปวดทรมานจน
เจียนตาย

มู่หรงเสวียทีกําลังมีอาการพิษกําเริ บ แต่ยาช่วยชีวิตกลับถูกทําลายจนสิ น แทนทีนางจะได้นอนพักอาการเจ็บปวด


อยูบ่ นเตียง แต่นางกลับอดกลันความเจ็บปวดมาพบเย่อเฉิ
ี น หยอกล้อแล้วฆ่าคน ทําลายแผนการร้ายของเขา
ความดือรันและแข็งกร้าวของนางนันช่างหาใครเปรี ยบ
นางทีเป็ นเช่นนี หยิงทะนง แข็งกร้าว ไม่ยอมให้ใครมากระทําและรังแกอยูฝ่ ่ ายเดียว ถ้าใครคิดร้ายต่อนาง นางจะ
เอาคืนอย่างโหดร้ายยิงกว่า

ํ าสู ้ ทําให้พวกเขารู ้วา่ ท่านอ๋ องมิได้คิดร้ายต่อพวกเขา......”


“พวกเราลองใช้การประนีประนอม ใช้นาใจเข้

เย่อีเฉิ นมีแววตาลําลึก ทีเขาอยากแต่งมู่หรงเสวียเป็ นชายาเพราะมีจุดประสงค์ แต่จุดประสงค์ของเขามิใช้การเอา


ชีวิตของพวกเขาทังสอง

ตอนนี มู่หรงเย่ยงั เด็กนัก ทังยังมีชือเป็ นจอมเสเพลแห่ งเมืองหลวง บุ๋นไม่ได้บู๊ก็ไม่ดี ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คู่ปรับของแซ่ ตู้


เพียงไม่เกินห้าปี ตําแหน่งเจินกัวโหวจะต้องเปลียนเจ้าของแน่ ความเป็ นตายของมู่หรงเย่ไม่อาจรับรองได้

ถ้ามู่หรงเสวียแต่งเป็ นชายารองของเขา มู่หรงเย่กจ็ ะถือว่าเป็ นน้องเขยของเขา พอถึงตอนนันเขาจะสามารถออก


หน้าปกป้ องมู่หรงเย่และจะสามารถรับประกันว่าเขาจะได้เป็ นขุนนางยศโหวจนตาย มีชีวติ ทีมังคังรํารวย มู่หรง
เสวียก็จะมีบวั อัคคีไว้ใช้สอยอย่างไม่มีวนั หมด ลดความเจ็บปวดจากการทีพิษกําเริ บและมีชีวติ ทียืนยาว

เรื องทีน่ายินดีเช่นนี พวกเขาทังสองมีแต่ได้และได้ ไม่ดีหรื ออย่างไร ? ทําไมมู่หรงเสวียถึงคิดไม่ได้กนั ? ยังจะมา


ทําท่าไม่พอใจกับตําแหน่ งพระชายารอง ศักดิฐานะมันสําคัญขนาดนันเชียวหรื อ ? สําคัญขนาดว่าแม้แต่ความตาย
ก็ไม่กลัวเลยหรื อ ?

“ท่านอ๋ อง มู่หรงเย่ มู่หรงเสวียสองพีน้องน่ าจะยังไปได้ไม่ไกล ข้าเรี ยกพวกเขากลับมาเพืออธิบายให้พวกเขา


เข้าใจดีรึไม่ขอรับ ?” ทีเสวียเทียนโย่วพูดว่าอธิบาย เขาไม่ได้หมายความว่าจะบอกความจริ งกับมู่หรงเย่และมู่หรง
เสวีย เพียงแค่ให้พวกชังนําหนักว่าทางเลือกไหนทีสมควรและทางไหนทีไม่สมควร เพียงแค่อธิบายให้พวกเขา
เข้าใจว่าเมือแต่งเข้าวังจิงอ๋ อง พวกเขาจะได้ผลประโยชน์อะไรบ้าง

“ไม่ตอ้ ง !” เย่อีเฉิ นส่ ายหน้าปฏิเสธ แววตาคมกริ บ “ทีมู่หรงเสวียต้องการก็คือตําแหน่ งพระชายาเอก ซึ งข้าได้ยก


มันให้กบั ยวีเยียนไปแล้ว เรี ยกมู่หรงเสวียกลับมามีแต่จะทําให้เกิดการปะทะคารมกันเสี ยเปล่า ๆ......”

“แต่ถา้ มู่หรงเสวียมิได้บวั อัคคีก่อนเวลาทีกําหนด นางจะถูกพิษกําเริ บจนตาย นางตายไปไม่น่าเสี ยดาย แต่จะทํา


ให้แผนการใหญ่ของท่านอ๋ องเสี ยเรื องเนี ยสิ ขอรับ ข้าน้อยว่าคงไม่ดีกระมัง” สวีเทียนโย่วกล่าวเสี ยงเบา ดวงตา
วูบไหวไปมา

“ไม่ว่าใครก็กลัวตายด้วยกันทังนัน มู่หรงเสวียถึงจะดือรันเพียงไร ก็คงไม่กล้าทีจะเผชิญหน้ากับความตายหรอก


พอถึงเวลา นางจะต้องกลับมา” ดวงตาของเย่อีเฉิ นปรากฏความมืดมิด พอถึงเวลานัน นางก็ไม่ได้อยูใ่ นฐานะทีจะ
สามารถต่อรองอะไรกับเขาได้อีก ทังหมดจะเป็ นเขาเองทีเป็ นผูก้ าํ หนด

ดวงอาทิตย์คล้อยตํา มู่หรงเย่จูงมู่หรงเสวียออกจากวังจิงอ๋ อง หันไปมองป้ ายหน้าวังทีมีคาํ สามพยางค์ว่า ‘วังจิง


อ๋ อง’ มู่หรงเย่พูดกล่าวอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก “น้องเล็ก พวกเราจะไปทังแบบนี จริ ง ๆ น่ ะหรื อ ?”

มู่หรงเสวียตอบรับด้วยเสี ยงราบเรี ยบ “เย่อีเฉิ นใจดําไม่ยอมให้บวั อัคคีกบั พวกเรา พวกเราอยูไ่ ปก็ไม่มีประโยชน์”


“แต่พิษเยือกแข็งในร่ างเจ้ากําลังกําเริ บ ถ้าไม่ได้บวั อัคคีมาช่วย พอถึงเวลา......ข้าไม่อยากจะจินตนาการเลยว่า
......” มู่หรงเย่พดู เสี ยงเบา แววตาเรี ยบเฉย ทัวทังเมืองหลวง มีเพียงวังจิงอ๋ องเท่านันทีมีบวั อัคคี เป็ นข้าเองทีไม่มี
ความสามารถ ไม่สามารถเอาบัวอัคคีจากจิงอ๋ องกลับมาได้สักเม็ด......

“มิตอ้ งกังวลไป มันจะต้องมีวิธีอืน !” มู่หรงเสวียเอ่ยขึนอย่างปลอบใจ ตบเบา ๆ ไปทีไหล่ของมู่หรงเย่

“พูดได้เช่นนีก็ไม่เลว แต่ว่าตอนนีเหลือเวลาแค่หนึงชัวยามครึ งเท่านัน !” มู่หรงเย่ดวงตาหม่นแสง ร้านยาใหญ่ ๆ


ในเมืองหลวงล้วนเคยถูกจวนเจินกัวโหวตรวจสอบมาหมดแล้ว ไม่ว่าเขาจะเก่งกาจแค่ไหนก็ไม่มีทางหาบัวอัคคี
เจอได้ภายในหนึงชัวยามครึ งแน่

มู่หรงเสวียค่อย ๆ หรี ตาลง พูดอย่างเนิ บ ๆ ว่า “ดอกบัวอัคคีถือว่าลดความเจ็บปวดจากพิษได้ดีทีสุ ดก็จริ ง แต่ว่า


นอกจากบัวอัคคีแล้วน่าจะมีวิธีอืนทีสามารถลดพิษทีจะกําเริ บได้อีก เช่นฝังเข็มหรื อยานํา”

มู่หรงเย่ไม่คิดเช่นนัน “วิธีพวกนันเหล่าหมอทัวทังแคว้นชิงเหยียนต่างเคยลองมาหมดแล้ว แต่กย็ งั ไม่ได้ผลอยูด่ ี


ถ้ายังอยากทีจะมีชีวิตรอด จําต้องกินบัวอัคคี......”

มู่หรงเสวียขมวดคิว นางเคยอ่านเจอในหนังสื อการแพทย์ในชาติทีแล้ว การฝังเข็มสามารถแก้พิษได้ร้อยพิษ พิษ


เยือกแข็งก็นับว่าเป็ นพิษชนิ ดหนึง จะรักษาไม่ได้จริ งหรื อ ?

“น้องเล็ก เจ้ากําลังคิดอะไรอยู่ ?” มู่หรงเย่เห็นนางขมวดคิวไม่กล่าววาจาใด ในใจก็เต็มไปด้วยความกังวล


“ไม่มีอะไร !” มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ “ท่านพี ทีเมืองหลวงมีนาพุ
ํ ร้อนรึ ไม่เจ้าคะ ?”

“นําพุร้อน ? แน่นอนว่ามี ว่าแต่เจ้าถามเรื องนีไปทําไมหรื อ ?” มู่หรงเย่มองนางอย่างไม่เข้าใจ

มู่หรงเสวียเผยยิมน้อย ๆ ท่าทางลึกลับ “ข้ามีวิธีแล้ว !”

ความมืดค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาปกคลุม ภายในวังจิงอ๋ องเริ มค่อย ๆ สว่างขึนด้วยแสงของโคมไฟ ศพด้านในศาลา


แปดเหลียมถูกเก็บกวาดอย่างเรี ยบร้อย ด้านหนึ งวางไว้ดว้ ยกระถางธูปสี ทองโชยกลินหอมอ่อน ๆ ดับกลินคาว
เลือดทีมีอยูใ่ ห้ค่อยจางลงจนหมดไป บนโต๊ะหยกขาวมีนาฬิกาทรายอันหนึ งตังวางไว้อยู่ ทรายด้านในค่อย ๆ
ไหลลงไปเรื อย ๆ

เย่อีเฉิ นนังอยูด่ า้ นหน้าของโต๊ะหยก พลิกหน้าหนังสื อไปมา สายตาคล้ายตังใจคล้ายมิตงใจ


ั มองไปทางประตู
ใหญ่แห่งวังจิงอ๋ อง ประตูสีแดงยังคงเปิ ดออกอ้า นอกจากร่ างของทหารยามแล้ว ยังไม่มีเงาร่ างของผูใ้ ดปรากฏ
เลย

เย่อีเฉิ นปิ ดหนังสื อลงอย่างรําคาญใจ มองไปทีนาฬิกาทราย ใบหน้าหล่อเหลาพลันเคร่ งขรึ มขึน ใกล้จะถึงเวลา


แล้ว แต่ยงั ไม่เห็นวีแววของมู่หรงเสวียเลยสักนิ ด นางไม่กลัวตายจริ ง ๆ น่ ะหรื อ ?

ทรายในนาฬิกาทรายไหลลงไปอย่างช้า ๆ เสี ยงเบาจนแทบไม่ได้ยนิ เม็ดทรายเนี ยนละเอียดค่อย ๆไหลรวมกัน


เป็ นกอง ใกล้หมดเวลาเข้าไปทุกทีแล้ว อยู่ ๆ เย่อีเฉิ นก็ลุกขึนคว้าเอาขวดยาบัวอัคคีเดินออกไปด้านนอก

สวีเทียนโยว่แววตาตกตะลึง “ท่านอ๋ อง ท่านจะไปทีใดหรื อ ? ”


ตอนที 27 พบคุณชายโอวหยางอีกครัง
“ไปหามู่หรงเสวียทีจวนเจินกัวโหว !” เย่อีเฉิ นพูดตอบขณะกําลังก้าวเดินออกไป “แผนการใหญ่ของข้าจําต้อง
ได้รับความช่วยเหลือจากมู่หรงเสวีย นางยังตายตอนนีไม่ได้เป็ นอันขาด !”

เสี ยงเย็นลอยเข้าหู สวีเทียนโย่วถอนหายใจอย่างโล่งอก ถ้ามู่หรงเสวียยังมีชีวิตอยู่ อีกไม่นานแผนของท่านอ๋ องก็


จะสําเร็ จ แต่ถา้ มู่หรงเสวียเกิดตายขึนมา พวกเขาจะต้องปรับเปลียนแผนอีกมากมาย ในทีสุ ดท่านอ๋ องก็คิดได้เสี ย
ทีว่าตอนนีจุดประสงค์หลักยังมิสาํ เร็ จ จึงตัดสิ นใจมอบทางรอดให้กบั มู่หรงเสวีย ช่างเป็ นเรื องทีประเสริ ฐยิงนัก
“ท่านอ๋ อง ท่านส่ งคนเอาบัวอัคคีไปให้กเ็ พียงพอแล้ว มิจาํ ต้องไปด้วยตนเองหรอกพ่ะย่ะค่ะ”

เย่อีเฉิ นหยุดเท้าแววตาวูบไหวไม่เป็ นธรรมชาติ พอคิดว่ามู่หรงเสวียจะถูกพิษกําเริ บจนตายจิตใจของเขาก็รู้สึก


หงุดหงิดขึนมาอย่างแปลกประหลาด เลยคว้าเอาบัวอัคคีเตรี ยมทีจะนําไปให้นางโดยมิได้คิดสิ งอืนใด “ข้ามีเรื อง
ทีจะต้องบอกกล่าวกับมู่หรงเสวีย ไปจวนเจินกัวโหวด้วยตัวตนเองจะดีกว่า !”

สวีเทียนโย่วพยักหน้าเข้าใจ ท่านอ๋ องเป็ นเจ้านายของวังจิงอ๋ อง เขานําบัวอัคคีไปมอบให้มู่หรงเสวียด้วยตัวเอง


แล้วทําการตกลงเงือนไขกับนาง ดูจะดีกว่าทีจะส่ งคนรับใช้ไปแทน แต่ว่า “ท่านอ๋ อง แต่วา่ ตอนนี มู่หรงเสวีย
ไม่ได้อยูท่ ีจวนเจินกัวโหวนะพ่ะย่ะค่ะ”

แววตาของเย่อีเฉิ นไหววูบ “ถ้าเช่นนันนางอยูท่ ีใด ?” ไม่ใช่ว่าไปโรงหมอ คิดจะหาหมอให้ช่วยขับพิษเยือกแข็ง


หรอกนะ ติดพิษมาสิ บปี นางคงไม่โง่งมจนถึงไม่รู้ว่ามีแค่บวั อัคคีเท่านันทีจะหยุดอาการพิษกําเริ บได้

“บ่อนําพุร้อนพ่ะย่ะค่ะ !” สวีเทียนโย่วเรี ยนตอบสถานทีตามคําพูดทีได้รับมาจากสายสื บทุกคําทุกพยางค์


ดวงตาของเย่อีเฉิ นหรี เล็กลง บ่อนําพุร้อน ! นางไปทําอะไรทีนันกัน ?

นําในตอนกลางคืนทีหนาวเหน็บ มู่หรงเย่ยนื อยูบ่ ริ เวณริ มบ่อนําพุร้อน ในมือถือโคมทีเพิงซื อมาใหม่ อีกมือหนึ ง


พยุงมู่หรงเสวีย สายตามองไปทีบ่อนําพุร้อนเบืองหน้าทีเต็มไปด้วยไอร้อน ในใจเต็มไปด้วยความสับสน “น้อง
เล็กพวกเรามาทีนี ทําไมกัน ?”

“มาขับพิษ” มู่หรงเสวียแววตาเคร่ งขรึ ม พูดเน้นทีละคํา

“นําร้อนช่วยขับพิษได้หรื อ ?” มู่หรงเย่เบิกตากว้างด้วยความแปลกใจ

มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ ในชาติทีแล้วมีการค้นพบว่านําพุร้อนสามารถรักษาโรคและบรรเทาอาการเจ็บปวด รวมถึง


ชําระล้างสิ งสกปรกได้ และยังทําให้ผวิ อ่อนนุ่ มขาวสวย “พิษเยือกแข็งเป็ นพิษประหลาด อาศัยแค่นาพุ
ํ ร้อนอย่าง
เดียวไม่มีทางขับพิษออกได้ ต้องฝังเข็มเพิมอีกทางเป็ นการสอดประสาน”

“จริ งหรื อ ?” มู่หรงเย่ยงั คงเชือครึ งไม่เชือครึ ง

“แน่นอนว่าจริ ง ข้าเคยพูดปดกับท่านเมือไหร่ กนั ?” มู่หรงเสวียพูดตอบเสี ยงเบา แววตาหนักแน่น

มู่หรงเย่เลิกคิว น้องเล็กไม่เคยปดเขา “แต่ว่าทีนี ไม่มีหมอ แถมยังไม่มีเข็มเงิน......”


“ไม่เป็ นปั ญหา ข้าเคยดูรูปภาพจุดสําคัญต่าง ๆ บนร่ างกายมนุษย์จนรู ้แน่ ชดั ว่าแต่ละจุดอยูต่ รงไหน ส่ วนเข็มเงิน
......” มู่หรงเสวียดึงเครื องประดับบนศีรษะ ดีดเล็กน้อย ก้านของเครื องประดับดีดตรงออกกลายเป็ นก้านเงินยาว
คล้ายเข็มเงิน “ใช้สิงนีแทนก็ได้แล้ว”

“ใช้สิงนีแทนได้จริ งหรื อ ?” มู่หรงเย่มองไปทีก้านเงินเหล่านันอย่างละเอียด ยังคงมิค่อยวางใจนัก

“ข้าไม่มีทางเอาชีวิตตัวเองมาล้อเล่นหรอกน่า ท่านวางใจเถอะ” มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ ตบมือไปทีไหล่ของมู่หรง


เย่เบา ๆ แล้วค่อยไหว้วาน “ท่านช่วยข้าเฝ้ ารอบ ๆ บริ เวณนี ห้ามให้ผใู ้ ดเข้ามารบกวนข้า”

มองไปยังแววตาทีฉายแววมันอกมันใจของนาง มู่หรงเย่กก็ ลืนคําพูดทีจะกล่าวแย้งกลับลงไปเสี ยสิ น แล้วรี บ


เปลียนเรื อง “เช่นนันข้าจะไปทีด้านนอกของป่ า รับรองว่าจะไม่มีใครเข้าใกล้ทีนี ได้เด็ดขาด เจ้ามีอะไรก็เรี ยกข้า
เสี ยงดัง ๆ ก็แล้วกัน !”

“ตกลง !” มู่หรงเสวียพยักหน้า มองส่ งมู่หรงเย่ทีถือโคมไฟออกจากป่ าไป นางค่อย ๆ แกะสายรัดเอวถอดชุดส่ วน


นอกออก เหลือแต่ชุดด้านในก้าวลงไปในบ่อนําพุร้อน

ตอนนีร่ างของนางถูกล้อมรอบไปด้วยนําพุร้อน ไอความร้อนไหลเข้ามาในร่ างกายอย่างต่อเนือง ความเจ็บปวด


และไอเย็นในร่ างกายค่อย ๆ บรรเทาลง
มู่หรงเสวียถอนหายใจอย่างโล่งอก นําร้อนสามารถบรรเทาความเจ็บปวดของพิษเยือกแข็งได้จริ ง แต่ว่าพิษเยือก
แข็งเป็ นพิษทีร้ายแรง นําพุร้อนตอนนี ก็ทาํ ได้แค่ยบั ยังพิษเอาไว้เท่านัน ไม่สามารถขับพิษได้

มือเล็กขาวซี ดค่อย ๆ หยิบก้านเงินมาด้านหน้า ภายใต้แสงจันทร์ปลายเข็มแหลมคมส่ องประกายแวววับ พิษต่าง


ชนิ ดกัน จุดฝังเข็มก็จะไม่เหมือนกัน การฝังเข็มของเหล่าแพทย์ทวชิ
ั งเหยียนไม่สามารถแก้พิษได้ อาจเป็ นไปได้
ว่าฝังเข็มไม่ถูกจุด นางต้องลองเปลียนจุดในการฝังเข็ม ถึงแม้ว่าจะแก้พิษได้ไม่หมด แต่อย่างน้อยก็น่าจะสามารถ
รักษาชีวิตเอาไว้ได้......

เสี ยงนํากระเพือมบางเบาสายหนึ งดังเข้าหู แววตาของมู่หรงวูบไหว หันหน้ามองไป “นันใคร !”

“ข้าเอง !” เสี ยงทุม้ ของชายหนุ่ มดังขึน ได้ยนิ แล้วไพเราะน่าฟังรู ้สึกคุน้ หู

มู่หรงเสวียเพ่งมองไป ก็พบเข้ากับชายหนุ่ มผูห้ นึ งกําลังค่อย ๆ แหวกนําเดินเข้ามา ชุดส่ วนในสี ขาวของเขาเปี ยก


ลู่แนบไปกับร่ างกายกํายํา รู ปร่ างสมชายชาตรี เส้นผมสี ดาํ ถูกรวบมัดไว้ดา้ นหลัง คิวดกสวยได้รูป ดวงหน้า
งดงามหล่อเหลาราวกับงานเขียนชันเลิศ เขาก็คือบุตรชายในเซี ยวเหยาอ๋ อง คุณชายโอวหยางนันเอง

“ทําไมท่านถึงมาอยูท่ ีนี ได้ ?” มู่หรงเสวียเบิกตากว้างด้วยความตกใจ รี บถดร่ างลงไปในนําจนถึงแค่ระดับลําคอ


ผิวนําถูกบดบังด้วยไอร้อน เขาอยูห่ ่ างจากนางตังสามเมตรคงไม่สามารถมองเห็นร่ างกายของนางได้

“ทีนี เป็ นทีดินของวังเซี ยวเหยาอ๋ อง ข้ามาแช่นาร้


ํ อนในทีของตัวเอง มีอะไรตรงไหนทีน่าแปลกหรื อ ?”คุณชาย
โอวหยางพูดด้วยนําเสี ยงเรี ยบง่าย แววตาสี ดาํ ขลับส่ องประกายอารมณ์ดี
มู่หรงเสวียใบหน้าเคร่ งขรึ ม ทําไมมู่หรงเย่ถึงไม่บอกนางสักคํา ? ถ้ารู ้แต่แรกว่าทีนีเป็ นทีของเซี ยวเหยาอ๋ อง นาง
คงไตร่ ตรองเสี ยก่อนทีจะมา......

ํ ร้อนทีนี มู่หรงเย่ขออนุญาติจากพ่อบ้านของวังเซี ยวเหยาอ๋ องไว้แล้ว ถึงแม้จะเจอกับ


ก่อนทีนางจะมาแช่นาพุ
คุณชายโอวหยาง นางก็ไม่ได้ผดิ เพราะได้รับการอนุ ญาตแล้ว “ทีนี ก็มีบ่อนําพุร้อนตังมากมาย คุณชายจะเลือกแช่
บ่อไหนก็ได้ ทําไมจะต้องมาแช่บ่อเดียวกับข้าด้วย ?”

มองไปทีดวงตาทีเต็มไปด้วยความโกรธของนาง คุณชายโอวหยางยกยิมมุมปากทียากจะได้พบเจอ พูดขึนเสี ยง


ราบเรี ยบ “ข้าแช่อยูต่ รงนี มาแล้วหนึงเค่อ* (เค่อ : คําบอกระยะเวลาของจีน หนึงเค่อจะเท่ากับประมาณ 15 นาที)
แต่เป็ นเจ้าต่างหากเล่าทีเพิงมา......”

มู่หรงเสวียชะงักไป พูดไปพูดมากลายเป็ นนางทีเป็ นคนผิดไปเสี ยแล้ว “แล้วทําไมท่านไม่บอกกล่าวเล่า ? ถ้าข้ารู ้


ว่าทีนี มีคน ข้าจะได้ไปทีอืน ไม่กล้ารบกวนคุณชายเช่นนี......” ยังดีทีนางไม่ชอบเปลือยกายตอนแช่นาพุ
ํ ร้อน
ไม่อย่างนันนางคงถูกเขาเอารัดเอาเปรี ยบเป็ นแน่

คุณชายโอวหยางเลิกคิว พูดด้วยนําเสี ยงเรี ยบเฉย “เมือครู่ ขา้ เผลอหลับไป พอได้ยนิ เสี ยงนําไหว ถึงค่อยตืน
ขึนมา”
“ท่าน !” มู่หรงเสวียโกรธจนถึงทีสุ ด นางกับมู่หรงเย่ส่งเสี ยงพูดคุยกันทีริ มบ่อนําพุมาตังนาน เขาไม่ตืน แต่เพียง
เสี ยงแหวกนําทีบางเบากลับทําให้เขาตืนเสี ยได้ หลอกใครทีไหนก็ไม่มีทางเชือ เขาต้องตืนอยูแ่ ต่แรกและมอง
นางก้าวลงบ่อนําพุร้อนแน่ คงตังใจจะยัวให้นางโมโห

นางจ้องคุณชายโอวหยางอย่างไม่พอใจ พอดีกบั ทีเขามองมาทางนาง ดวงตาสี ดาํ ของเขาช่างลําลึกจนมองไม่เห็น


จุดสิ นสุ ด

มู่หรงเสวียตัวแข็งทือ ไม่ใช่ว่าคุณชายโอวหยางยังคงแค้นทีนางไปทําลายการเดินหมากของเขาหรอกนะ ? สิ งที


เขากระทําต่อศัตรู ช่างน่ากลัวยิงนัก เช่นนันนางคงต้องใช้แผนทีสามสิ บหกหนี เป็ นมาตรการตอบรับ อย่าไป
โวยวายเรื องเล็กน้อยเช่นนี จะเป็ นการดีทีสุ ด !

มู่หรงเสวียแววตาวูบไหว หยิบชุดส่ วนนอกทีวางอยูร่ ิ มบ่อนําพุขึนใส่ จนเรี ยบร้อยแล้วก้าวขึนจากบ่อ เตรี ยมทีจะ


เดินออกไป พลันด้านหลังปรากฏแรงดึงสายหนึง นางทีไม่ทนั ตังตัว ถูกลากถอยหลังไปหลายก้าว เสี ยง ‘ตูม’ ดัง
ขึนพร้อมกับนางทีตกกลับลงไปในบ่อนําพุร้อน นําสาดกระเซ็นไปทัว......

“คุณชายโอวหยาง !” มู่หรงเสวียเงยหน้าขึนจากนํา เส้นผมและเสื อผ้าเปี ยกลู่ไปกับเรื อนรางจนเผยสัดส่ วนน่าดู


พอดีสบเข้ากับแววตาทีลําลึก......
ตอนที 28 การพบกันระหว่ างศัตรู แห่ งความรัก
ดวงตาสี ดาํ เข้มคมกริ บราวกับเหยียว ให้ความรู ้สึกเย็นชา และยังให้ความรู ้สึกลึกลับดังเช่นทะเลสาบอันเงียบสงบ
ทีสามารถกลืนกินทุกสิ งทุกอย่างได้ ทําให้ผคู ้ นรู ้สึกลุ่มหลงยากจะถอนตัว......

เจ้าของแววตานันแลดูปราดเปรื อง สู งส่ ง แต่ก็ให้ความรู ้สึกอันตรายในคราเดียวกัน ทางทีดีคือนางควรอยูไ่ กลเขา


ให้ได้มากทีสุ ด นี คือความคิดทีนางมีต่อคุณชายโอวหยางในช่วงหน้าสิ วหน้าขวานเช่นนี แต่ยงั ไม่ทนั ทีจะได้ขยับ
ตัวไปไหน คุณชายโอวหยางก็ยนแขนยาวทั
ื งสองข้างออกมากักขังนางเอาไว้ระหว่างตัวเขากับริ มบ่อนําพุร้อน
พลางก้มหน้ามองนาง แววตาสี ดาํ เข้มวูบไหวไปมา “เจ้ายังจะคิดหนี อีกหรื อ ?”

ลมหายใจอุ่นถูกพ่นรดใบหน้านาง กลินหอมของไม้ไผ่หอมโชยบางเบาไปทัวทิศ มู่หรงเสวียดวงตาวูบไหวอย่าง


ไม่เป็ นธรรมชาติ คุณชายโอวหยางมีวรยุทธ์ทีสู งกว่านาง ทังยังขังนางไว้ในอ้อมแขนแกร่ งของเขา นางคงมิ
สามารถทีจะหนีออกไปไหนได้ เขากับนางทังคูต่ ่างก็อยูท่ ีเมืองหลวง มีโอกาสสู งนักทีจะบังเอิญได้พบกันอีก
ความแค้นเล็ก ๆ ระหว่างพวกนางจะยืดเยือต่อไปก็ดูจะไม่ดีนกั เช่นนันก็ควรปรับความเข้าใจกันเสี ยวันนีให้
ชัดเจนจะเป็ นการดีเสี ยกว่า

เงยหน้ามองไปทางคุณชายโอวหยาง มู่หรงเสวียพูดเน้นขึนทีละคํา “คุณชายโอวหยาง ข้าก็แค่ทาํ ลายการเดิน


หมากของท่านเพียงแค่หนึ งตา เพียงเพราะเรื องนีท่านก็โกรธเกลียดข้าจนมาถึงบัดนี เลยหรื อ ?”

แล้วยังคราวนันทีเขากําข้อมือของนางจนเขียวเป็ นรอยนิ วมืออีก นางต้องทายาไปตังหลายรอบจนกว่าจะหายดี


จนถึงตอนนี ก็ยงั เป็ นรอยจาง ๆ อยูเ่ ลย นางยังไม่เคยแม้แต่จะโกรธเกลียดเขาเลยสักนิ ด “ลูกผูช้ ายอกสามศอก
ทําไมถึงใจแคบเพียงนี ?”
คุณชายโอวหยางทีเมือผ่านมาเห็นมู่หรงเสวีย นางก็มกั จะมีท่าทางเย็นชาเรี ยบเฉย ราวกับไม่ว่าอะไรจะเกิดขึนก็
ไม่เก็บมาใส่ ใจ ยากทีเดียวทีจะเห็นนางมีอารมณ์โกรธเช่นนี อยู่ ๆ เขาก็รู้สึกอารมณ์ดีขึนมา มุมปากยกยิมขึนจน
เปล่งประกายหล่อเหลา “ข้าก็ใจแคบแบบนีแหละ !”

“ท่าน !” มู่หรงเสวียโมโห จ้องเขม็งไปทีเขา เจ้าคนใจแคบ เจ้าคนเพียน

“การเดินหมากของท่านก็ถูกทําลายไปแล้ว ท่านจะมาโมโห จะมาต่อว่าข้าไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก” ตอนนันที


นางเห็นกระดานหมากก็ถกู ทําลายไป ถ้าคุณชายโอวหยางทําดีกบั นางสักหน่อย นางก็จะพยายามนึกว่าตอนนัน
หมากแต่ละตัววางไว้ทีใดบ้าง พยายามทําให้มนั เหมือนเดิม แต่การกระทําของเขานัน......เหอะ ! นางเลยขีเกียจจะ
สนใจ ปล่อยให้เขาคิดหาทางไปเองเถอะ

“นันเป็ นการเดินหมากเจินหลง ถือว่าเป็ นวิธีการเดินหมากทีลําลึกมาก เจ้าทําลายมันก็เหมือนทําลายความ


พยายามทีข้าลงแรงลงกายไป ถ้าพูดกันตามเหตุผลแล้ว ข้าจะต้องสังสอนเจ้าด้วยโทษสถานหนัก ทว่าเจ้าร่ างกาย
อ่อนแอทังยังเป็ นหญิง ข้าจึงผ่อนปรนให้เจ้า ไม่ทาํ โทษเจ้า แต่เจ้าต้องตอบตกลงข้าก่อนหนึ งเรื อง ข้อบาดหมาง
ระหว่างพวกเราจึงจะถือว่าเสมอกันไป !” คุณชายโอวหยางพูดด้วยท่าทีสบายๆ ดวงตาอ่านไม่ออกว่ากําลังคิดสิ ง
ใดอยู่

“ข้อตกลงอะไร ?” มู่หรงเสวียสายตาฉายแววสงสัย คุณชายโอวหยางมีฐานะเป็ นผูส้ ื บทอดตําแหน่ งเซี ยวเหยา


อ๋ อง นังอยูบ่ นกองเงินกองทองและความสู งส่ ง ลูกน้องทีมีความสามารถในมือก็มีมากมาย ความรํารวยทีผูค้ น
คาดหวังและอยากได้รวมถึงความสัมพันธ์เส้นสาย ทังหมดนีเขาล้วนไม่ขาด และด้วยเหตุนีข้อเสนอของเขา
จะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
ภายใต้แสงจันทรา ใบหน้าของมู่หรงเสวียถูกไอร้อนจากบ่อนําพุร้อนอังจนกลายเป็ นสี แดงกุหลาบ ขนตายาวปก
คลุมไปด้วยหยดนําใส ดวงตาสี ดาํ ขลับ ผิวขาวเนี ยนเรี ยบผุดผ่อง ชุดส่ วนในใต้นาเดี
ํ ยวผลุบเดียวโผล่ คอเรี ยว
ระหงเผยออกสู่ ผิวนํา ช่างเป็ นความงามทีดึงดูดผูค้ นยิงนัก ริ มผีปากแดงเม้มเข้าหากัน ยัวยวนให้ผคู้ นอยากทีจะ
เข้าไปลิมลอง......

แววตาของคุณชายโอวหยางดูลาลึ
ํ กวูบไหวไปมา เขาค่อยๆก้มหน้าลงสัมผัสกับปากสี ชมพูระเรื อของนางอย่าง
แผ่วเบา......

ความรู ้สึกอบอุ่นทีบริ เวณริ มฝี ปากแล่นขึนมา มู่หรงเสวียรู ้สึกเหมือนได้ยนิ เสี ยง ‘ตึง’ ดังขึนในใจ ความคิดในหัว
กลายเป็ นสี ขาวโพลน ผ่านไปชัวครู่ ถึงจะหลุดจากภวังค์ มองไปทีดวงหน้าหล่อเหลาทีใกล้ชิดเข้ามา แววตาของ
นางกลายเป็ นเย็นเยียบ ผลักเขาออกไปสุ ดแรง กล่าวอย่างโกรธขึงว่า “คุณชายโอวหยาง ท่านทําอะไร ?”

ั แรก แต่ก็ยงั ถูกนางผลักจนเซถอยออกไปตังสองก้าวถึงจะกลับมา


คุณชายโอวหยางทีเตรี ยมรับผลทีทําไว้ตงแต่
ยืนตัวตรงได้ ริ มผีปากเหลือไว้ซึงกลินหอมทีมีเฉพาะตัวนาง หอมหวานจนทําให้ผคู ้ นติดใจ ยินดีกบั ดวงตาโกรธ
ขึงของนาง มุมปากของเขายกยิมขึน “นีเป็ นข้อตกลงทีข้าพูดถึงอย่างไรเล่า !”

“แต่ขา้ ยังมิได้ตอบตกลง ทําไมท่านกลับ......กลับ......” มู่หรงเสวียโมโหโวยวาย ใครกันทีพูดว่าบุตรชายแห่ ง


เซี ยวเหยาอ๋ องสูงส่ งสง่างาม นิสัยดีงาม ? เชิญไสหัวออกมา นางรับรองว่าจะไม่ตีให้ถึงตาย !

“แต่เจ้าก็ไม่ได้บอกว่าไม่ตกลง !” คุณชายโอวหยางพูดขึนเรี ยบเฉย


“ข้า......” มู่หรงเสวียชะงัก เมือครู่ เขาก็ไม่ได้พูดว่าข้อตกลงอะไร จะให้นางจะปฏิเสธได้อย่างไรเล่า ?

นางกัดฟั นโกรธเตรี ยมจะเถียงกลับ แต่ทนั ใดนันความเจ็บปวดก็เริ มปะทุขนึ เจ็บไปทัวทังร่ าง ความเจ็บปวดและ


ไอความเย็นไหลไปทัวทุกจุดชีพจร แค่เพียงพริ บตาก็แพร่ กระจายไปทัวทังร่ าง

ดวงหน้าของนางพลันกลายเป็ นสี ขาวซี ด เม็ดเหงือไหลเต็มหน้าผาก คิวขมวดเข้าหากันแน่ น

แววตาของคุณชายโอวหยางชะงัก “เจ้าเป็ นอะไรไป ?”

“ข้า......พิษกําเริ บ” มู่หรงเสวียตอบกลับอย่างยากลําบาก ไม่มีใจทีจะไปสนใจคุณชายโอวหยางอีก พลิกกายจะ


ขึนไปจากบ่อนําพุร้อน ทว่าบนฝังกลับว่างเปล่าไม่พบก้านเงินทีเคยวางเอาไว้

คงจะเป็ นตอนทีนางตกนําเลยกระเด็นหายไป นําในบ่อนําพุร้อนไหลไปมา ไม่รู้ว่าก้านเงินเหล่านันจะไหลไปอยู่


ทีไหนแล้ว ตอนนี นางไม่สามารถใช้กา้ นเงินขับพิษได้อีกแล้ว !

มู่หรงเสวียจับปิ นปั กผมทียังอยูบ่ นพืน แววตาอ่านไม่ออก เตรี ยมใช้มนั ปาดเข้าทีข้อมือซ้ายของตนเอง

“เจ้าจะทําอะไร ?” คุณชายโอวหยางเร่ งฝี เท้าเดินเข้ามา ยึดเอามือขวาของนางไว้ เพือให้นางหยุดความคิดทีจะทํา


ร้ายตัวเอง
“ถ่ายเลือดขับพิษ !” มู่หรงเสวียพูดเน้นทีละคํา เสี ยงแหบแห้ง หลังจากทีถูกพิษ พิษก็จะไหลเวียนอยูใ่ นกระแส
เลือด การถ่ายเลือด ก็เท่ากับการถอนพิษ ทว่าพิษเยือกแข็งนันอํามหิ ตนัก อย่างน้อยทีสุ ดนางก็ตอ้ งถ่ายเลือดออก
ไปครึ งหนึงเสี ยก่อน ถึงจะปลอดภัยจนผ่านพ้นคืนนีไปได้

คุณชายโอวหยางย่นคิว “ร่ างกายของเจ้าอ่อนแอ ถ้าเกิดเสี ยเลือดมากอาจจะมีอนั ตรายถึงชีวิตได้......”

มู่หรงเสวียยิม ทีเขาพูดมาทังหมดนันนางรู ้ดี แต่ว่า “พิษเยือกแข็งในร่ างกายของข้ากําลังไหลเวียนไปทัว ไม่วา่


เมือใดก็อาจทําให้เส้นเลือดแตกได้ตลอดเวลา ถ้าข้าไม่ถ่ายเลือดคงต้องตายในไม่ชา้ ”

“วางใจเถอะ ข้าไม่มีทางให้เจ้าตายแน่ ” แววตาสี ดาํ ของคุณชายโอวหยางกลายเป็ นเย็นเยียบ แขนยาวของเขาค่อย


ๆ โอบเอวของนางอย่างแผ่วเบา รวบนางเข้าสู่ ออ้ มอก

ร่ างกายนุ่มนิ มบอบบางของมู่หรงเสวียแนบชิดไปกับอกแกร่ งของคุณชายโอวหยาง ทังสองเพียงถูกขันกลางด้วย


เสื อผ้าเนื อบาง นางสัมผัสได้ชดั เจนถึงร่ างกายทีแข็งแกร่ งของเขา ตัวนางเต็มไปด้วยความตกใจและเริ มทีจะดิน
โวยวาย “คุณชายโอวหยางท่านทําอะไร ?”

“ช่วยเจ้าขับพิษเยือกแข็ง !” คุณชายโอวหยางพูดกล่าวอย่างเรี ยบเฉย มือซ้ายยึดเอาข้อมือทังสองข้างของนางไว้


หยุดการดินรนของนาง มือขวาของเขาเลือนจากเอวไปทีแผ่นหลังบาง
ทันใดนันร่ างของมู่หรงเสวียพลันแข็งทือ เสื อนอกตกไปในบ่อนําพุร้อน ตอนนี นางเหลือเพียงชุดส่ วนในทีมี
เพียงสายรัดสองเส้นคือทีเอวและคอ ส่ วนแผ่นหลังนันเปลือยเปล่า รวมถึงฝ่ ามือของคุณชายโอวหยางทีเลือนไป
หยุดอยูท่ ีสายรัดตรงคอของนาง เพียงแค่ดึงเบา ๆ ชุดส่ วนในของนางก็จะหลุดออกไปโดยง่าย......

“ท่านมิใช่หมอ จะช่วยข้าขับพิษได้อย่างไร ?” เจอกับเรื องเมือครู่ มา มู่หรงเสวียไม่กล้าทีจะไว้ใจนิสัยของคุณชาย


โอวหยางอีกต่อไป ใช้แรงดินไปมาเพือทีจะหลุดออกจากการเกาะกุมของเขา

“มิตอ้ งกังวล ข้าพูดว่าได้กย็ อ่ มได้ !” มือของคุณชายโอวหยางยึดเอวบอบบางของนางเอาไว้แน่น ฝ่ ามือทีหยุดอยู่


ด้านหลังของนางค่อย ๆ ปล่อยพลังปราณออกมา

ช่วงเวลานัน มู่หรงเสวียรู ้สึกว่าด้านหลังกําลังมีสิงแปลกปลอมสายหนึ งไหลเข้ามาสู่ ร่าง เพียงพริ บตาก็ไหลไปทัว


ร่ างกายกดดันความเจ็บปวดและความหนาวเย็นตามจุดชีพจรต่าง ๆ เอาไว้อย่างรวดเร็ ว

มู่หรงเสวียชะงัก หยุดดินรน ชัวครู่ กร็ ู้สึกถึงไอร้อนจากนําพุร้อนโดยรอบกายค่อย ๆ ไหลเข้ามาทางผิวหนัง


หลอมรวมเข้ากับพลังปราณทีเข้ามาจากทางแผ่นหลัง พวกมันบรรเทาอาการเจ็บปวดและความหนาวเย็นให้
หายไปอย่างรวดเร็ ว พิษเยือกแข็งค่อย ๆ สลายหายไปทีละนิดทีละนิ ด ถูกพลังปราณและไอความร้อนของนําพุ
กลืนกินขับไล่จนมิหลงเหลือ

ความอบอุ่นของนําพุร้อนไหลเวียนไปทัวจุดชีพจร พลังปราณทีมาจากแผ่นหลังก็ค่อย ๆ แปรเปลียนเป็ นความ


อบอุ่น นางรู้สึกสบายตัวจนพูดมิออก

หัวใจทีเต้นแรงของมู่หรงเสวียค่อย ๆ ผ่อนคลายลง ความเหนื อยอ่อนค่อย ๆ เข้ามาแทนที นางปิ ดตาลงอย่างช้า ๆ


กลินหอมของไม้ไผ่จาง ๆ ลอยเข้าจมูก ทําให้รู้สึกสงบใจ......

เมือคนในอ้อมกอดนิ งไป คุณชายโอวหยางก็กม้ ลงไปมอง เห็นเพียงมู่หรงเสวียทีหลับตาพริ มอยูใ่ นอ้อมอกของ


เขา แพขนตายาวเรี ยงสวยคล้ายพัด จมูกขยับหายใจแผ่วเบา ท่าทางสุ ขสบายจนทําให้ผคู ้ นใจสัน......

คุณชายโอวหยางอดไม่ไหวค่อยๆยืนมือออกไป นิวมือสัมผัสไปทีดวงหน้าของนาง จู่ๆเสี ยงทีเต็มไปด้วยความ


โกรธสายหนึ งดังขึน ดังจนสามารถทําให้กอ้ นเมฆปลิวกระจายหายไป“พวกเจ้ากําลังทําอะไร ?”
ตอนที 29 การเผชิญหน้ าระหว่ างศัตรู แห่ งความรัก
เงาของร่ างสี ม่วงสายหนึ งค่อย ๆ ลอยลงมาจากท้องฟ้ ายามราตรี ดว้ ยความองอาจสง่างาม ใบหน้าของเขาหล่อ
เหลายากทีจะหาใดเปรี ยบ คนผูน้ ันคือจิงอ๋ องเย่อีเฉิ น สายตาคมกริ บมองไปยังมู่หรงเสวียและคุณชายโอวหยางที
อยูภ่ ายในบ่อนําพุร้อน แววตาเต็มไปด้วยไฟโกรธ โกรธถึงขนาดทีสามารถแผดเผาให้พวกเขาไหม้เป็ นจุลได้

ดวงตาของคุณชายโอวหยางส่ องประกายดุดนั หยิบกระโปรงยาวทีเปี ยกอยูใ่ นนําขึนมาห่มคลุมเรื อนร่ างที


ล่อแหลมของมู่หรงเสวีย กล่าวไล่แขกอย่างไม่เกรงใจ “จิงอ๋ อง ทีนี ไม่ตอ้ นรับเจ้า ขอให้เจ้าจากไปเดียวนี !”

“มิรบกวนให้คุณชายโอวหยางต้องกังวลใจ ข้าหาคนทีต้องการพบแล้ว คงจะอยูท่ ีนี อีกไม่นานนัก” เย่อีเฉิ นทีเคย


พบกับความเจ้าแผนการและวรยุทธ์ทีสู งส่ งของคุณชายโอวหยางมาแล้ว บวกกับทีนี ก็เป็ นเขตของวังเซี ยวเหยา
อ๋ อง ดังนันตอนนี ถ้าเขามีการกระทบกระทังกับคุณชายโอวหยางคงไม่เหมาะนัก และตัวเขาเองก็ขีเกียจทีจะมี
ปัญหากับคุณชายโอวหยางด้วย เขาเพียงต้องการตัวคนทีตนเองกําลังหาอยูเ่ ท่านัน “มู่หรงเสวีย เจ้ามานี !”

เขากลัวว่านางจะเจ็บปวดจากอาการพิษกําเริ บจนตาย ตลอดทังคืนเขาจึงออกตามหาตัวนางไปทัวเพือทีจะมอบ


บัวอัคคีให้ แต่นางกลับมาแช่นาพุ
ํ ร้อนกับคุณชายโอวหยางเช่นนี สองชายหญิงร่ างกายแนบชิดกัน ช่างเป็ น
กระทําทีน่าละอายยิงนัก

เสี ยงสังการแข็งกร้าวลอยเข้ากระทบกับโสตประสาท มู่หรงเสวียคิวขมวดเข้าหากัน เตรี ยมทีจะตอบโต้เขาสัก


ประโยคสองประโยค แต่คาดไม่ถึงว่าร่ างกายของนางตอนนีกลับอ่อนแอไร้เรี ยวแรง ไม่ว่านางจะพยายาม
อย่างไร เปลือกตาก็หนักจนไม่สามารถเปิ ดขึนได้ ได้แต่นึกเสี ยดายในใจ เลิกทีจะตอบโต้วาจาของเขา
นางทีอิงแอบอยูก่ บั อกของคุณชายโอวหยางไม่แม้แต่ทีจะขยับเขยือน รวมทังเปลือกตาก็ยงั ไม่ยอมเปิ ดออก มอง
จากในมุมมองของเย่อเฉิ
ี นดูเหมือนนางกําลังเมินเฉยใส่ เขา ทันใดนันแววตาของเขาก็เต็มไปด้วยไฟโกรธวูบไหว
ไปมา “มู่หรงเสวีย !”

“ไม่ตอ้ งเรี ยกแล้ว พิษเยือกแข็งของนางกําลังกําเริ บ ไม่ว่างทีจะมาสนใจเจ้า !” คุณชายโอวหยางพูดตอบขึนอย่าง


เย็นชา

เย่อีเฉิ นชะงัก เขาหานางเจอในเวลาทีทันท่วงที ขวดกระเบืองสี ในมือส่ องประกายสี ขาวภายใต้แสงจันทรา ในนี


บรรจุไว้ดว้ ยบัวอัคคีทีจะสามารถช่วยชีวิตมู่หรงเสวียได้ เขายังไม่ตอ้ งการให้นางตายตอนนี แน่ นอนว่าเขาจะต้อง
มอบบัวอัคคีให้นางแน่ แต่ว่าก่อนทีจะมอบบัวอัคคีให้นาง เขาจะต้องทําให้นางได้รู้ว่าในโลกใบนี มีแต่เขาเท่านัน
ทีช่วยนางได้ ถ้านางยังอยากทีจะมีชีวิตอยู่ นางก็จะต้องพึงพาแค่เขาเท่านัน

เขาหันหน้าไปมองมู่หรงเสวีย พอดีกบั ทีคุณชายโอวหยางกําลังมองไปทีนาง ใบหน้าสี เลือดฝาดทีเพิงกลับมาเป็ น


ปกติของนางพลันกลับไปขาวซี ดอีกครัง เม็ดเหงือค่อย ๆ ผุดไหลออกจากบริ เวณหน้าผาก ร่ างกายบอบบางค่อย
ๆ กระตุกขึนอีกครัง

สายตาของคุณชายโอวหยางเต็มไปด้วยความสงสัย หรื อว่านาง......จะพิษกําเริ บอีกครัง ? ดูท่าว่าพลังปราณบวก


กับไอร้อนทีผนวกรวมกันทําได้แค่ยบั ยังพิษในร่ างกายของนางเพียงชัวครู่ ถ้าอยากรอดพ้นคืนนี ไปคงจําต้องกิน
บัวอัคคีเท่านัน
คุณชายโอวหยางสะบัดฝ่ ามือ เพียงพริ บตาชุดขาวริ มฝังก็ลอยเข้ามาทีมือของเขา เขานําชุดนันมาห่ มคลุมร่ าง
ของมู่หรงเสวียทับลงไปอีกชัน อุม้ นางลอยขึนแล้วกระโดดไปบนฝัง ดีดนิวเพียงหนึงครัง ทันใดนันรอบกายของ
พวกเขาก็เต็มไปด้วยหมอกควันสี ขาว รอจนหมอกควันสลายหายไป ร่ างกายของพวกเขาทังสองก็แห้งสนิททันที

เขายืนมือขาวราวกับหยกเข้าไปในแขนเสื อ แล้วหยิบเอาขวดกระเบืองสี เขียวออกมา เปิ ดฝาออก เทเอาเม็ดยา


ออกมาหนึงเม็ด ป้ อนให้กบั มู่หรงเสวีย

ระหว่างทีมู่หรงเสวียกําลังเจ็บปวดไปทัวทังร่ าง นางก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างทีเต็มไปด้วยรสฝาดและขมถูกใส่ เข้ามา


ในปาก ขมจนแทบอยากจะคายออกมา

คุณชายโอวหยางปิ ดปากนางแน่ น พูดนําเสี ยงทีอ่อนโยนว่า “ห้ามคาย กลืนลงไปแล้วเจ้าจะปลอดภัย”

“คุณชายโอวหยาง ท่านให้นางกินอะไร ?” เย่อีเฉิ นดวงหน้าเหยียบเย็น พูดถามขึนด้วยเสี ยงอันดัง ระหว่างทีพิษ


กําเริ บ ถ้าหากกินยาชนิ ดอืนมัวซัว นางอาจจะเป็ นอันตรายถึงชีวิตได้

“บัวอัคคี” คุณชายโอวยางพูดขึนอย่างราบเรี ยบ

แววตาของเย่อีเฉิ นหรี เล็กลง “ทําไมท่านถึงมีบวั อัคคีได้ ?” บัวอัคคีจะพบได้แค่ทีหุ บเขาเมฆอัคคีเท่านัน หลังจาก


ทีเก็บเกียวแล้วก็จะเก็บเข้าวังจิงอ๋ อง มีเพียงส่ วนน้อยทีจะหลุดออกมาภายนอก ซึ งทังหมดก็ถูกจวนเจินกัวโหว
ซือไปจนหมดแล้ว......
“เจ้ามีได้ ทําไมข้าจะมีไม่ได้ ?” คุณชายโอวหยางปรายตามองเขา มองท่าทางทีเหนือกว่านันแล้วสี หน้าของเย่อี
เฉิ นก็เริ มทีจะไม่พอใจ “ก็แค่บวั อัคคีเม็ดเดียวเท่านัน มีอะไรให้น่าภูมิใจกัน ?”

“บัวอัคคีแค่เม็ดเดียวของข้า สามารถช่วยชีวิตของมู่หรงเสวียได้ แต่ท่านจิงอ๋ องทีมีบวั อัคคีมากมาย กลับไม่


สามารถช่วยคนได้......” นําเสี ยงไพเราะของคุณชายโอวหยางเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม

เสี ยงลมหายใจสมําเสมอของมู่หรงเสวียทําให้เขาหมดอารมณ์ทีจะโต้เถียงกับเย่อีเฉิ นต่อ “พิษเยือกแข็งของเสวีย


เอ๋ อร์ได้ถูกยับยังแล้ว ข้าจะพานางไปพักผ่อนเสี ยหน่ อย ขอลา !”

เย่อีเฉิ นสี หน้าซี ดเผือด เสวียเอ๋ อร์ งนหรื


ั อ ? เรี ยกขานกันสนิทสนมเสี ยจริ ง !

สายตาเห็นคุณชายโอวหยางทีกําลังอุม้ มู่หรงเสวียขึน หมุ่นตัวเตรี ยมทีจะจากไป ดวงตาของเย่อเฉิ


ี นเย็นเยียบ นิว
มือภายใต้แขนเสื อค่อย ๆ ยืดออก พลังปราณทีแข็งแกร่ งสายหนึ งพุ่งโจมตีไปยังคุณชายโอวหยางรอบทิศทาง

“ท่านน่ะไปได้ แต่ตอ้ งปล่อยมู่หรงเสวียไว้ทีนี !”

เสี ยงสังการทีดุดนั และเย็นชาลอยเข้าหู คุณชายโอวหยางยกยิมดูถกู ค่อย ๆ ดีดนิ ว พลันพลังปราณนับไม่ถว้ น


ตอบรับการโจมตีทีมาจากรอบทิศทาง ได้ยนิ เพียงเสี ยง ‘ปั ง ปั ง ปั ง’ ดังขึน พลังปราณหนาแน่นพลันระเบิดกลาง
อากาศ ส่ งผลให้ฝนควั
ุ่ นฟุ้ งกระจายไปทัว......
หลังจากฝุ่ นควันสลายหายไป โดยรอบกลับเต็มไปด้วยความว่างเปล่า ไม่พบร่ องรอยของคุณชายโอวหยางกับมู่
หรงเสวียอีก ริ มบ่อนําพุเหลือเย่อีเฉิ นแต่เพียงผูเ้ ดียว

เมือมองไปยังทิศทีทังสองจากไป ดวงหน้าของเย่อีเฉิ นก็ดุดนั จนน่ากลัว ฝ่ ามือภายใต้แขนเสื อค่อย ๆ กําแน่ น ได้


ยินเพียงเสี ยง ‘เพล้ง’ ดังขึน ขวดกระเบืองภายในมือก็แตกละเอียด เศษผงของกระเบืองและเศษผงของตัวยาผสม
ปนเปเข้ากับเลือดสี แดงสดจากนิวมือของเขาหยดลงสู่ พนื แต่เขากลับไม่รู้สึกเจ็บปวดใด ๆ ทําเพียงเพ่งมองไป
เบืองหน้าอย่างเย็นชา แววตาส่ องประกายอํามหิ ต คุณชายโอวหยาง ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าเอาไว้แน่ !

ท้องฟ้ ายามคําคืนทีมืดมิด คุณชายโอวหยางอุม้ มู่หรงเสวียกระโดดผ่านบ้านเรื อนหลังแล้วหลังเล่า ถนนสายแล้ว


สายเล่า จนค่อย ๆ ลอยเข้าวังเซี ยวเหยาอ๋ อง ชุดสี ขาวหิ มะโบกสะบัดไปมา ถึงแม้ว่าจะเป็ นเพียงชุดส่ วนในแต่เขา
ก็ยงั คงดูสูงส่ งและสง่างาม

สวินเฟิ งทีเฝ้ าอยูใ่ นเรื อนรี บเร่ งเท้าเดินเข้ามา นําเสี ยงเคารพนอบน้อม “คุณชาย”

เมือสายตามองเห็นคนทีอยูใ่ นอ้อมอกของคุณชายโอวหยาง ตัวของเขาก็แข็งชะงักไปครู่ หนึ ง คนผูน้ นถู


ั กคลุมไว้
ด้วยชุดนอกของคุณชายโอวหยาง ใบหน้าซบเข้ากับแผ่นอกของเขา มองไม่ออกว่าหน้าตาเป็ นเช่นไร แต่เส้นผม
ของนางเรี ยบสวยเงางาม รู ปร่ างบอบาง อ่อนแอน่าทะนุถนอม ดูสมส่ วน แน่นอนว่าต้องเป็ นหญิงสาว

แต่ไหนแต่ไรมาคุณชายก็ไม่เคยมีเรื องชูส้ าวเลย ? ทําไมวันนีถึงได้พาหญิงสาวกลับมาด้วย ?


คุณชายโอวหยางตอบรับเพียง ‘อืม’ อย่างเรี ยบเฉย ก้มหน้ามองหญิงสาวทีหลับใหลในอ้อมอก ใบหน้าก็ปรากฏ
รอยยิมหล่อเหลาอย่างเปล่งประกาย เมินเฉยสวินเฟิ งทีกําลังทําท่าทางไม่เข้าใจ อุม้ มู่หรงเสวียเดินหายเข้าไปใน
ห้อง ดีดนิ วปิ ดประตู บดบังสายตาทีมองมาของสวินเฟิ ง

เมือก้าวเข้ามาด้านในแล้ว คุณชายโอวหยางค่อย ๆ วางตัวมู่หรงเสวียลงบนเตียงทีดูหรู หราอย่างบางเบา ดึงเอาชุด


ก่อนหน้าทีคลุมตัวของนางออก แล้วห่ มผ้าห่ มให้นางอย่างทะนุ ถนอม

มู่หรงเสวียทีกําลังหลับตาพริ ม ขนตายาวคล้ายปี กของผีเสื อ ริ มผีปากสี ชมพูปิดสนิ ทเข้าหากัน นอนหลับอย่างสุ ข


สบายจนทําให้อดใจไม่ไหวทีจะกลันแกล้ง หยกสี ขาวดังนํานมล่วงหล่นออกมาจากชุดของนาง ตกลงสู่ หมอน
บนตัวหยกถูกผูกไว้กบั ด้ายแดงทีคล้องอยูก่ บั คอของนาง

คุณชายโอวหยางทีนังอยูข่ า้ งเตียง หยิบเอาตัวหยกขึนมา เห็นว่าตัวหยกถูกสลักเอาไว้ดว้ ยความประณี ตงดงาม ผิว


เนี ยนลืนละเอียดอ่อน เงางามวาววับ พออยูใ่ นมือจะให้ความรู ้สึกอบอุ่น แต่ถา้ ถือนานเกินไปเลือดภายในร่ างกาย
ก็จะอุ่นขึน เป็ นหยกร้อนชันดีกอ้ นหนึง มีค่าเปรี ยบได้กบั เมืองทังเมือง

นางพกหยกก้อนนีติดตัวอยูต่ ลอดเวลา !

แววตาของคุณชายโอวเปล่งประกายอย่างยินดี แต่ก็ค่อย ๆ เปลียนเป็ นเรี ยบเฉย ใส่ หยกก้อนนันกลับเข้าไปข้าง


ในเสื อขของมู่หรงเสวียอย่างระมัดระวัง ลูบไล้ไปตามผิวเนียนของนาง นิวมือขาวราวหยกหยอกเย้าใบหน้าเรี ยว
เล็ก ถอนหายใจแผ่วเบา “เจ้าจําข้าไม่ได้แล้วจริ ง ๆ น่ะหรื อ ?” แต่เขากลับจํานางได้ขึนใจ จดจํานางได้มิเคยลืม
ตอนที 30 ร่ วมเตียง
ลมหนาวยามคําคืนพัดโชยมาแผ่วเบา ร่ างบางค่อยๆ ขดตัวเข้าหากัน ริ มผีปากซี ดผาด มู่หรงเสวียทีอยูภ่ ายใต้ผา้
ห่ มผืนบางตัวสันเล็กน้อย

สายตาของคุณชายโอวหยางมีแววชังใจอยูช่ วครู
ั ่ จากนันเขาจึงค่อย ๆ ถอดรองเท้าออกแล้วเลิกผ้าห่ มขึนสอดตัว
เข้าไปนอนข้าง ๆ ร่ างของมู่หรงเสวีย ยืนมือออกไปเพือรังเอาร่ างของนางเข้ามาในอ้อมกอด ฝ่ ามือขาวราวหยก
วางไว้ทีแผ่นหลังของนาง ค่อย ๆ ส่ งพลังปราณเข้าไป

พลังจากภายนอกไหลเข้าสู่ ภายใน ค่อย ๆ กลายเปลียนเป็ นความอบอุ่นไหลวนไปมาในจุดชีพจร ขับไอเย็นที


ยังคงค้างคาอยูใ่ ห้ค่อย ๆ ออกไป ริ มฝี ปากของมู่หรงเสวียค่อย ๆกลับกลายเป็ นปกติ ใบหน้าขาวซี ดค่อย ๆ
ปรากฏรอยเลือดฝาด

เมือมองไปยังหญิงสาวทีหลับสบายอยูใ่ นอ้อมอกของเขา คุณชายโอวหยางก็ยกยิมขึนอย่างมีความสุ ข เขาดีดนิ ว


เบา ๆ ปล่อยให้ลมสายหนึ งพุ่งออกไป ดับแสงไฟทัวทังห้อง กระชับกอดคนในอ้อมอก และผล็อยหลับไปทัง
รอยยิม

แสงจันทร์ สีเงินทะลุผา่ นเข้ามาทางหน้าต่าง สาดแสงไปทีเตียงอันหรู หราหลังใหญ่ดา้ นใน ยิงทําให้รู้สึกถึงความ


อบอุ่นและหอมหวานของทังคู่ทีกําลังกอดกันและกัน
ในระหว่างทีสะลึมสะลือ มู่หรงเสวียได้ยนิ เสี ยงหายใจดังขึนอย่างสมําเสมอ นางรู ้สึกว่ามีแขนอบอุ่นสองข้าง
กําลังพาดอยูท่ ีบริ เวณเอวของนาง กลินหอมของไม้ไผ่บางเบาลอยเข้าจมูก มู่หรงเสวียร่ างกายพลันแข็งทือ ลืมตา
ตืนขึนทันใด

ภาพทีปรากฏตรงหน้ากลับเป็ นแผ่นอกขาวของคนผูห้ นึง เสี ยงเต้นของหัวใจเป็ นจังหวะดังเข้าหู ลมหายใจอุ่น


พ่นรดเส้นผมของนาง นางตกตะลึงเร่ งผลักคุณชายโอวหยางออกแล้วยันกายลุกขึน

ผ้าห่ มผืนบางค่อย ๆ ไหลหลุดลงจากตัว เผยให้เห็นเรื อนร่ างของนางทีสวมใส่ เพียงเอียมชุดตัวใน นางทังตกใจ


ทังร้อนรนรี บหยิบเอาผ้าห่ มขึนมาปกปิ ดร่ างกาย พลางเร่ งสํารวจตัวเองอย่างละเอียด ร่ างกายของนางยังปกติดี ไม่
มีอาการปวดทีเอว หลังไม่เจ็บ ผิวขาวผ่องใสเรี ยบเนียนไม่มีร่องรอยอืนใด เห็นดังนันนางถึงค่อย ๆ โล่งใจ

คุณชายโอวหยางมองสี หน้าทีเปลียนไปเปลียนมาของนาง พลันมุมปากก็ยกยิมขํา เขาลุกขึนนังช้า ๆ แววตา


คมชัดและแจ่มใสไม่มีร่องรอยของคนทีเพิงถูกปลุกให้ตืน “เจ้าตืนแล้วหรื อ ?”

“ทีนี คือทีใด ?” มู่หรงเสวียยึดผ้าห่ มพลางขยับกายถอยออกมา พยายามเว้นระยะห่ างกับเขา จ้องเขม็งไปโดยรอบ


ชุดโต๊ะเก้าอีไม้หอม เครื องประดับของตกแต่ง วัตถุโบราณ เรี ยบง่ายแต่ก็ดูสูงค่า นีไม่ใช่เรื อนของนางทีจวน
เจินกัวโหวนี

“วังเซียวเหยาอ๋ อง......ห้องของข้าเอง” เสี ยงเรี ยบ ๆ ของคุณชายโอวหยางดังขึน “หลังจากทีกินบัวอัคคีเข้าไปเจ้าก็


สลบไม่ได้สติ ถ้าข้าส่ งเจ้ากลับจวนเจินกัวโหวไปในสภาพเช่นนันจะทําให้ชือเสี ยงของเจ้าเสี ยหาย จะปล่อยเจ้า
ทิงไว้ในห้องเพียงลําพังข้าก็มิค่อยวางใจนัก ข้าจึงพาเจ้ามาพักผ่อนทีนีแทน”
พิษเยือกแข็งเป็ นพลังสายหยิน บัวอัคคีเป็ นพลังสายหยาง เมือทังสองรวมเข้าด้วยกันก็จะมีปฏิกิริยาทีรุ นแรง ทุก
ครังทีเจ้าของร่ างเดิมใช้บวั อัคคี นางจะสลบไปเป็ นประจํา หลังจากทีมู่หรงเสวียกินยาเข้าไป ก็เตรี ยมทีจะส่ งเสี ยง
ให้ม่หู รงเย่ได้ยนิ และเร่ งเข้ามาพานางกลับจวนเจินกัวโหว แต่วา่ ร่ างนี กลับอ่อนแอเกินไป นางยือเอาไว้ได้แค่ไม่กี
นาทีกส็ ลบไม่ได้สติ

คุณชายโอวหยางเมือเห็นนางสลบไป จึงพานางกลับมาพักทีวังเซี ยวเหยาอ๋ อง ก็ถือว่าไม่ผดิ นัก แต่วา่ “ในห้องนี มี


เตียงหนึงหลัง ตังอีกหนึงตัว พวกเราสามารถนอนได้คนละตัว ทําไมท่านต้องมานอนเตียงเดียวกันกับข้าด้วยเล่า
?”

เกินเป็ นคนมาสองชาติ นีเป็ นครังแรกของนางทีได้นอนร่ วมเตียงเดียวกับผูช้ าย เลยรู ้สึกทําตัวไม่ค่อยถูก

คุณชายโอวหยางปรายตามองนาง พูดตอบช้า ๆ “เมือคืนนีขนาดเจ้าห่ มผ้าแล้วยังหนาวจนตัวสัน ข้ากลัวว่าเจ้าจะ


หนาวจนไม่สบายถึงมานอนทีเตียงแล้วใช้พลังปราณขับไอเย็นให้เจ้า......”

มู่หรงเสวียหายใจติดขัด ในความทรงจําของเจ้าของร่ างเดิม ไม่ว่าจะเป็ นฤดูไหน ๆ ทุกครังทีตืนจากอาการพิษ


กําเริ บก็จะพบผ้าห่ มหนาทับอยูห่ ลายชัน อย่างทีเห็นหลังจากอาการพิษกําเริ บทุกครังนางจะมีอาการหนาวสัน
จะต้องใช้ผา้ ห่ มช่วยคลายหนาว แต่คุณชายโอวหยางกลับเอาผ้าห่ มผืนบางแค่ผนื เดียวมาห่ มให้นาง มันก็แน่อยู่
แล้วทีนางจะต้องหนาวจนตัวสัน
แน่นอนว่าคุณชายโอวหยางไม่ได้เป็ นสาวใช้ทีดูแลนาง คงไม่รู้วา่ หลังจากทีนางหลับไปแล้วจะหนาวสัน จึง
ไม่ได้ห่มผ้าหนา ๆ ให้นาง เช่นนันก็คงไม่อาจโทษอะไรเขาได้......

มองไปทีใบหน้างํางอของนาง คุณชายโอวหยางก็ยกยิมอย่างเอ็นดู “เจ้ากับข้านอนเตียงเดียวกัน ทําให้เจ้าเสื อม


เสี ยเกียรติ ข้าจะรับผิดชอบเอง !”

รับ......รับผิดชอบ ? นางกับเขาแค่นอนบนเตียงเดียวกันเพียงคืนเดียว อีกทังยังไม่มีเรื องอย่างว่าเกิดขึน แล้วจะ


รับผิดชอบอะไร ?

มู่หรงเสวียยิมอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ “เรื องเล็กน้อยแค่นีไม่ตอ้ งรับผิดชอบหรอกเจ้าค่ะ”

เพียงพริ บตาเดียวรอยยิมของคุณชายโอวหยางก็กลับมาเป็ นเรี ยบเฉย จ้องมองไปทีนาง “ไม่ตอ้ งการให้ขา้


รับผิดชอบจริ ง ๆ หรื อ ?” ในนําเสี ยงบอกไม่ชดั ว่าผูพ้ ดู กําลังมีอารมณ์เช่นไร

มู่หรงเสวียพยักหน้าเร็ ว ๆ ตอบรับ “แน่นอนว่าจริ งเจ้าค่ะ !” คุณชายโอวหยางช่วยชีวิตนางไว้ นางรู ้สึกซาบซึ งใจ


ก็จริ ง แต่กไ็ ม่ได้คิดเลยเถิดไปถึงขันนัน

ดวงตาของคุณชายโอวหยางกลายเป็ นมืดครึ ม เลิกผ้าห่ มแล้วก้าวเท้าลงจากเตียง เดินไปทีตูเ้ สื อผ้า ระหว่างทีเดินก็


ค่อย ๆ ปลดกระดุมออกทีละเม็ด
“คุณชายโอวหยาง ท่านจะทําอะไร ! ?” มู่หรงเสวียร้องเรี ยกอย่างตกใจ

“เปลียนเสื อผ้า” คุณชายโอวหยางตอบอย่างไม่สนใจ

มู่หรงเสวียขมวดคิวกล่าว “ท่านจะไม่เอาเสื อผ้าไปเปลียนหลังฉากกันหน่อยหรื อ ?”

คุณชายโอวหยางมองมาทีนาง พูดเน้นทีละคําว่า “ทีนี คือห้องของข้า !” เขาเปลียนเสื อผ้าทีนีก็ไม่เห็นว่าจะมีสิงใด


ผิด

มู่หรงเสวียเบ้ปาก นางรู ้ว่าทีนี คือห้องของเขา แต่ไม่ใช่ว่านางกําลังนังอยูบ่ นเตียงของเขารึ ไง ? นางเป็ นผูห้ ญิง เขา
ไม่รู้ว่าควรทีจะหลบฉากออกไปเปลียนทีอืนหรื อ ?

เมือเห็นคุณชายโอวหยางปลดกระดุมออกจนหมด ถอดเอาชุดส่ วนในออก เผยให้เห็นเรื อนร่ างกํายําสมบูรณ์แบบ


จนหาทีติมิได้ มู่หรงเสวียก็รีบหันกายหลบเข้ากําแพง เขาอาจจะคุน้ ชินกับการเปลียนเสื อผ้าต่อหน้าหญิงสาว แต่
นางไม่คุน้ กับการทีต้องมาเห็นผูช้ ายเปลืองผ้าต่อหน้าเช่นนี ถ้าเขาไม่หลบ นางหลบเอง !

เสี ยงเสี ยดสี ของเสื อผ้าดังขึนด้านหลัง มู่หรงเสวียทีได้ยนิ ยิงจ้องเขม็งไปทีกําแพงอย่างไม่ละสายตา

ทันใดนันก็มีมือข้างหนึงตบเข้าทีไหล่ของนาง นางหันกลับไปมอง ปรากฏร่ างของคุณชายโอวหยางทีอยูใ่ นชุดสี


ขาวราวหิ มะเรี ยบร้อยแล้ว ตัวผ้าปั กด้วยลวดลายดอกไม่สีดาํ แลดูน่าเกรงขาม แขนเสื อปักด้วยลวดลายทะเลเมฆดู
สูงส่ งและสง่างาม ในมือของเขาถือชุดของหญิงสาวสี เขียวอ่อนอยูช่ ุดหนึง เขายืนมาตรงหน้าของมู่หรงเสวีย “ให้
เจ้า”

ํ นของมู่หรงเสวียตกลงไปในบ่อนําพุร้อนจนเปี ยก ถึงแม้ว่าจะถูกพลังปราณทําให้แห้งแล้ว แต่กย็ บั เยิน


ชุดสี นาเงิ
เสี ยจนไม่สามารถใส่ ได้อยูด่ ี จึงวางพาดอยูท่ ีปลายเตียง ชุดกระโปรงยาวทีเขามอบให้จึงถือว่าเป็ นของทีนาง
ต้องการอย่างมากในตอนนี แต่ว่า “ทําไมท่านถึงมีชุดของหญิงสาวอยูท่ ีนี ได้ ?”

เมือได้ฟังคําถามทีไม่เข้าใจของนาง สี หน้าของคุณชายโอวหยางกลับกลายเป็ นเย็นชา ยัดเสื อผ้าเข้าใส่ ในมือของ


นาง พลางพูดเน้นทีละคํา “นีเป็ นชุดทีเพิงสังตัดมาใหม่จากร้านผ้าหอม”

เมือมือบางสัมผัสเข้ากับชุดก็รู้สึกเย็นสบาย เรี ยบเนียนอ่อนนุ่ ม ถือว่าเป็ นของคุณภาพดี มู่หรงเสวียเบ้ปาก ชุด


ใหม่กช็ ุดใหม่ จะโมโหไปทําไมกัน ?

กลินหอมของไม้ไผ่อบอวลไปรอบกาย ไม่จางหายไปเสี ยที มู่หรงเสวียเงยหน้ามองคุณชายโอวหยาง “คุณชาย


โอวหยาง ข้าจะเปลียนเสื อผ้า !”

“ข้ารู ้แล้ว !” คุณชายโอวหยางพยักหน้า

เขารู ้แล้วแต่ทาํ ไมยังไม่ออกไปอีก หญิงชายล้วนต่างกัน นางไม่ได้อยากจะเปลียนเสื อผ้าต่อหน้าคุณชายโอวหยาง


เสี ยหน่อย

“เจ้ามิตอ้ งเป็ นกังวล ข้ามิได้นิยมชมชอบหญิงสาวทียังมิได้เติบโตเต็มทีเช่นเจ้า”

นําเสี ยงไพเราะลอยเข้าหู มู่หรงเสวียสี หน้าดําคลํา หยิบหมอนข้างกายปาไปทีคุณชายโอวหยาง “ข้ายังไม่โต


ตรงไหน ?”
ตอนที 31 ร่ วมโต๊ ะ
คุณชายโอวหยางคว้าเอาหมอนทีปามาวางไว้ขา้ งกาย ปรายตามองไปทีส่ วนนันของนาง แล้วหันหลังกลับเดิน
ออกจากห้องไป ช่างเป็ นการกระทําทีชัดเจนยิงกว่าคําพูดใดๆ เสี ยอีก

มู่หรงเสวียมองตามสายตาของเขามาหยุดลงทีหน้าอกของตัวเอง แววตาวูบไหวไม่เป็ นธรรมชาติ ก็แค่ยงั ไม่ค่อย


เติบโตเท่าไหร่ ตอนนี นางเพิงจะอายุสิบสี เองนะ ถือว่าอายุยงั น้อย วันหน้ายังมีเวลาให้พฒั นาอีกเยอะ

ไม่เหมือนชาติทีแล้วของนาง ตอนนันอายุแค่สิบเจ็ดสิ บแปด ใคร ๆ ก็ต่างพากันอิจฉานางแล้ว

นางเลิกผ้าห่ มออกก้าวขาลงจากเตียง เดินไปอาบนําทีหลังฉากกัน สวมชุดส่ วนใน ชุดส่ วนนอกจนเรี ยบร้อย


จากนันนางจึงค่อย ๆ ก้าวออกไป

ตรงกึงกลางของห้องด้านนอกมีโต๊ะไม้หอมตังอยู่ บนโต๊ะเต็มไปด้วยกับข้าว ขนมหวาน ปอเปี ยะ โจ๊กอาหารต่าง


ๆ นา ๆ กลินหอมอบอวลไปทัว ทําให้ผูค้ นต่างนําลายไหล

คุณชายโอวหยางกําลังยืนล้างมืออยูท่ ีอ่างนําด้านข้าง ถูมือชะล้างสิ งสกปรกในนําทีอุ่นกําลังดี เห็นมู่หรงเสวียเดิน


ออกมาพอดี เขาจึงหยิบผ้าขึนมาเช็ดหยดนําบนมือจนเสี ยสะอาด พูดด้วยนําเสี ยงราบเรี ยบ “นีก็สายมากแล้ว กิน
ข้าวกันเถอะ”
มู่หรงเสวียย่นคิว ก่อนหน้านีเพิงจะนอนเตียงเดียวกันมา ตอนนี ยังจะให้กินข้าวร่ วมโต๊ะเดียวกันอีกหรื อ ? นีจะ
เหมือนกับคู่สามีภรรยามากเกินไปแล้ว......แต่เดียวก่อน ทําไมนางถึงมีความคิดเช่นนี นะ “ขอบคุณในความหวังดี
ของคุณชายเจ้าค่ะ ตอนนี ข้ายังมิหิว สักพักค่อยกลับไปจัดสํารับทีจวนเจินกัวโหวก็ไม่สาย......”

แขนยาวยืนออกมายึดไหล่ของนางเอาไว้ ดันนางไปด้านหน้าโต๊ะไม้หอม “เมือวานเจ้าพิษกําเริ บครังแล้วครังเล่า


ตังเจ็ดแปดชัวยามทีไม่ได้มีอะไรตกถึงท้อง ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่หิวแต่กค็ วรทีจะทานอะไรเสี ยหน่ อย ไม่งนร่
ั างกาย
จะยิงอ่อนแอ”

มู่หรงเสวียหรี ตาลงเตรี ยมทีจะขัดขืน แต่กลับไม่คาดคิดว่าเรี ยวแรงของคุณชายโอวกลับแข็งแรงยิงนัก เพียงแค่


ยึดเอาไว้เบา ๆ นางกลับไม่สามารถขยับไปไหนได้ ดังนันเทคนิ คกระบวนท่าต่าง ๆ ของนางจึงถูกหยุดยังเอาไว้
ไม่สามารถใช้ออกไปได้

มู่หรงเสวียได้แต่กดั ฟันเจ็บใจในความแตกต่างของพละกําลัง นางเลิกทีจะดินรนต่อไปอย่างเปล่าประโยชน์ เงย


หน้าเบิกตามองคุณชายโอวหยาง

คุณชายโอวหยางแสร้งทําเป็ นมองไม่เห็น เห็นนางสงบลงแล้วจึงค่อย ๆ ปล่อยมือออก นังลงทีเก้าอีด้านข้างของ


นางอย่างสง่างาม เขาตักข้าวต้มกับกับข้าวอีกหลายอย่างรวมถึงขนมเค้กดอกเหมยวางลงตรงหน้านาง

มู่หรงเสวียมองไปยังเค้กดอกเหมยทีหน้าตาน่าทานพวกนัน แววตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “ทําไมท่านถึงรู ้


ว่าข้าชอบเค้กดอกเหมยล่ะ ?”
“เจ้าลองเดาสิ ?” แววตาสี ดาํ ของคุณชายโอวหยางส่ องประกายหยอกล้อ แต่มนั กลับสว่างสดใสดึงดูดผูค้ น

มู่หรงเสวียเบิกตาใส่ เขา ไม่พูดก็ไม่ตอ้ งพูด นางก็ไม่ได้อยากรู ้เสี ยขนาดนัน คิดพลางตักเอาเค้กดอกเหมยขึนมา


ทาน รสหอมหวานอ่อนละมุนกระจายไปทัวทังโพรงปาก

เจ้าของร่ างเดิมหลังจากทีพิษกําเริ บแล้ว ก็ไม่รู้สึกหิ วอะไรเช่นกัน แต่มกั จะทานโจ๊กบํารุ งร่ างกายหลังจากนัน


เสมอ ซึ งนางก็ควรหาอะไรมาทานรองท้องเสี ยหน่ อย เพือบํารุ งกําลัง เค้กดอกเหมยเป็ นของโปรดของนาง นางก็
เลยกินได้เสี ยหลายชิน

ยิงไปกว่านันคุณชายโอวหยางก็กาํ ลังมองนางอยู่ ถ้านางไม่ยอมกินอะไรเลย เขาคงไม่ยอมปล่อยนางให้จากไป


แน่ ๆ

มู่หรงเสวียใช้เวลาอันรวดเร็ วในการกินเค้กดอกเหมยจนหมด เสร็ จแล้วนางจึงลุกขึนยืน “คุณชายโอวหยาง ข้าอิม


แล้ว ส่ วนท่านเชิญทานต่อตามสบายเถอะ”

แววตาของคุณชายโอวหยางเปลียนเป็ นเคร่ งขรึ มทันที เขาวางตะเกียบลง หยิบเอาผ้าในอ่างนํามาเช็ดมือ แค่การ


กระทําธรรมดาทัวไป แต่พอเป็ นเขาทีเป็ นคนทํามันกลับดูสูงส่ งจนมิอาจทีจะละสายตาได้

“ข้าจะไปส่ งเจ้าทีจวนเจินกัวโหว” นําเสี ยงทุม้ ลอยเข้าหู มู่หรงเสวียรี บส่ ายหน้าปฏิเสธทันที “ข้าขอบคุณในความ


มีนาใจของท่
ํ าน จวนเจินกัวโหวอยูม่ ิไกลจากวังเซี ยวเหยาอ๋ องนัก คงไม่รบกวนคุณชายหรอกเจ้าค่ะ คุณชายควร
จะไปคาราวะเซี ยวเหยาอ๋ องกับพระชายาเอกจะดีกว่า”
ความกตัญ ูรู้คุณต้องมาก่อน คุณชายโอวหยางห่ างหายจากบ้านไปเป็ นสิ บปี เพิงจะกลับมาทีวังได้ไม่เท่าไหร่
ควรจะไปทักทายเซี ยวเหยาอ๋ องกับพระชายาเอกทุกวัน นางใช้เหตุผลนีเพือกันเขาออกไป ดูจะเหมาะสมทีสุ ด
แล้ว

“พวกเขามิได้อยูท่ ีเมืองหลวง กําลังไปท่องเทียวพักผ่อนหย่อนใจ” นําเสี ยงของคุณชายโอวหยางราบเรี ยบ


เหมือนกําลังพูดเรื องปกติธรรมดาเรื องหนึงเท่านัน “ทิวทัศน์ของเจียงหนานทีเต็มไปด้วยลูกท้อสี แดงบวกกับ
ทิวทัศน์ของใบไม้เขียวขจี ทังด้านนอกของเขตแดนยังติดกับทะเลทราย พวกท่านอยากลองไปชืนชมด้วยตาของ
ตนเองสักครังหนึง”

ทังสองทิงวังเซี ยวเหยาอ๋ องอันยิงใหญ่ไว้แล้วท่องเทียวไปทัวทิศ เซี ยวเหยาอ๋ องกับพระชายาเอกช่างเป็ นบุคคล


ชันสูงทีน่าชืนชมยิงนัก

ไม่แปลกใจเลยทีพอเมือคุณชายโอวหยางอายุได้แปดขวบก็ออกไปฝึ กฝนท่องเทียวนอกวังอ๋ อง ทีแท้กเ็ ป็ นลูกไม้


หล่นไม่ไกลต้นนีเอง

“เวลายังเช้านัก ข้าอยากจะเดินชมเมืองเสี ยหน่อย มิอยากนังรถม้า ไม่รบกวนคุณชายแล้ว ขอลาเจ้าค่ะ !” มู่หรง


เสวียพูดด้วยรอยยิม ไม่รอเสี ยงตอบรับจากคุณชายโอวหยาง ก็หมุนกายเดินออกไปด้านนอกทันที

พอออกมาจากเรื อน นางเดินไปตามทางเดินหิ นสี ดาํ ออกจากวังเซี ยวเหยาอ๋ อง พอออกมาได้แล้วนางก็เดินวกไป


วนมาตามท้องถนนเสี ยหลายรอบถึงจะหยุดเท้าลง หันมองไปด้านหลังทีว่างเปล่า นางถึงค่อยคลายใจ ฝี เท้าของ
นางเร็วขนาดนีอีกทังยังเดินวนไปมาหลายรอบ ถึงคุณชายโอวหยางจะเก่งวิชาตัวเบาแค่ไหน ก็คงมิสามารถตาม
นางได้ทนั นิสัยของคุณชายโอวหยางก็ไม่เลวนัก แต่ตวั เขาทําให้นางรู ้สึกถึงอันตราย นางจึงไม่อยากทีจะใกล้ชิด
กับเขามากเกินไป

มู่หรงเสวียค่อย ๆ เดินไปตามถนนในเมืองหลวง มองผูค้ นทีเดินขวักไขว่ไปมา พ่อค้าแม่คา้ มากหน้าหลายตา


เสี ยงร้องเรี ยกค้าขายดังขึนอย่างไม่ขาดสาย นางจึงค่อย ๆ ยกยิมสวยขึน

เจ้าของร่ างเดิมอยูแ่ ต่ในเรื อนหิ มะโปรยมาเป็ นเวลานาน ไม่ค่อยได้ออกกําลังกาย ร่ างกายอ่อนแอทีแค่ลมพัดผ่าน


ก็เหมือนจะสามารถล้มได้ ทุกครังทีพิษเยือกแข็งกําเริ บ มักจะเจ็บปวดเหมือนจะตายทังเป็ น นางคงจะต้องฝึ กเดิน
บ่อย ๆ ฝึ กฝนให้ร่างกายแข็งแรง พอพิษเยือกแข็งกําเริ บอีกครัง นางก็จะไม่ทรมานมากเท่านันอีก

ลมค่อย ๆ พัดมาอย่างบางเบา พัดเอาเส้นผมของมู่หรงเสวียพลิวไสว ใบหน้างามภายใต้แสงอาทิตย์ยงเสริ


ิ มให้
งดงามน่าดู จนผูค้ นจํานวนไม่นอ้ ยในบริ เวณนันต่างต้องหยุดมองทีนาง แล้วอดไม่ได้ทีจะถอนหายใจน้อย ๆ คิว
งามสวย ผิวขาวดุจหิ มะ ดวงตาสดใสเปล่งประกายเหมือนสายนํา แต่ท่วงท่ากลับเย็นชา เป็ นหญิงงามทีหาตัวได้
ยาก ไม่รู้ว่าเป็ นคุณหนูบา้ นใดกัน ?

มู่หรงเสวียไม่สนใจสายตาของผูค้ นรอบข้าง เดินไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ สายตาเย็นชากวาดมองไปทีผูค้ นทีผ่าน


ไปมาและเหล่าร้านรวงต่าง ๆ

“น้องหญิง” ทันใดนันเองนําเสี ยงยินดีสายหนึงก็ลอยเข้าหู ปรากฏร่ างชายหนุ่ มในชุดสี ขาวนวลผูห้ นึ ง พุ่งมาที


ด้านหน้าของมู่หรงเสวีย ขวางทางนางเอาไว้ แววตาน่ารังเกียจมองมาทีใบหน้าของนาง “น้องเสวียเอ๋ อร์ ไม่ได้
พบหน้ากันตังนาน เป็ นอย่างไรบ้างเล่า ?”
นางมองไปทีท่าทางเหลาะแหละของเขา ย่นคิวขมวดเข้าหากัน “เจ้าเป็ นใคร ?” เขารู ้จกั ชือของนาง แถมยังเรี ยก
นางว่าน้องหญิงอีก แต่ในความทรงจําของเจ้าของร่ างเดิมกลับไม่มีคนคนนี อยูเ่ ลย

ชายหนุ่ มยิม ๆ เชิดใบหน้าขึน แนะนําตัวอย่างองอาจว่า “ข้าน้อยตูเ้ ฉิ งเจียง น้องเสวียเอ๋ อร์ คงพอได้ยนิ ชือของข้า
มาบ้าง !”

ตูเ้ ฉิงเจียง ! นี ไม่ใช่หลานคนโตของตระกูลตูบ้ า้ นเดิมของหญิงเฒ่าแซ่ ตูห้ รอกหรื อ ! ?

ทุกครังทีฉลองเทศกาลปี ใหม่เขามักจะตามพ่อแม่มาเป็ นแขกทีจวนเจินกัวโหวอยูเ่ ป็ นประจํา ร่ างกายของเจ้าของ


ร่ างเดิมไม่ค่อยแข็งแรงนัก อีกทังยังไม่เป็ นทีชืนชอบของหญิงเฒ่าแซ่ ตู้ จึงไม่เคยถูกเรี ยกไปร่ วมงานทีเรื อนหยก
เลย ดังนันนางจึงไม่เคยพบตูเ้ ฉิ งเจียงมาก่อน คาดไม่ถึงว่าพอได้พบแล้ว ช่างเป็ นคนทีดูน่ารังเกียจมิน่าคบหายิง
นัก

หญิงเฒ่าแซ่ ตูไ้ ม่อยากให้นางพบกับคนในตระกูลของตน นางเองก็ไม่อยากสนใจคนในตระกูลของพวกเขา


เช่นกัน

มู่หรงเสวียสบถเบา ๆ เดินผ่านเขาไปด้านหน้าอย่างไม่ใคร่ จะสนใจ ชุดสี เขียวพลิวไสว กลินหอมอ่อน ๆ ของ


หญิงสาวก็พดั ลอยตามลมไปด้วย

ตูเ้ ฉิงเจียงสู ดดมเข้าไปเพียงนิ ด แต่กลินหอมหวนกลับฟุ้ งเข้าไปถึงขัวหัวใจ แววตาส่ องประกานหื นกระหาย


เห็นมู่หรงเสวียเดินผ่านเขาไป จึงเร่ งฝี เท้าตามไปขวางด้านหน้าของนางไว้ กวาดสายตามองไปทัวเรื อนร่ างได้รูป
ของนาง แววตาของเขาไหววูบ “น้องเสวียเอ๋ อร์ อย่าเพิงรี บไปสิ พวกเราสองพีน้องนาน ๆ ทีจะได้พบกัน อยู่
พูดคุยกันเสี ยก่อนสิ !”
ตอนที 32 สังสอนลูกพีลูกน้ องชาย
“เจ้ากับข้ามิได้สนิทชิดเชือกัน ไม่มีอะไรให้ตอ้ งพูดคุย !” มู่หรงเสวียพูดด้วยนําเสี ยงเย็นชา ดวงหน้างามไร้ซึง
เครื องสําอางดูเรี ยบเนียน สายตาเย็นชาจ้องมองมาทีเขาอย่างรู้ทนั จนคนทีถูกจ้องมองคันไปทัวทังตัว แต่สายตาที
น่ารังเกียจจากเขาก็กวาดมองมาทีร่ างนางอย่างไม่เกรงใจเช่นกัน

“พวกเราต่างเป็ นลูกพีลูกน้องกัน เหตุใดถึงพูดว่าไม่สนิทเล่า ? ถึงแม้วา่ แต่ก่อนเจ้าจะไม่รู้จกั ข้า แต่ตอนนี ก็ได้


รู ้จกั แล้วอย่างไร......”

“หลีกไป !” มู่หรงเสวียตัดบทขึนเสี ยงดัง สายตามองไปทีเขาอย่างเย็นชา ตระกูลตูถ้ า้ ไม่ใช่คนโลภมาก ก็เป็ นคน


หื นกระหาย นางขีเกียจจะเปลืองนําลายกับพวกเขาแล้ว

ผูค้ นทีผ่านไปผ่านมาต่างพากันหัวเราะเยาะซุ บซิ บดูถูกตูเ้ ฉิ งเจียงจนเขาอับอายหน้าแดงกํา เขาจึงจ้องมองไปยังมู่


หรงเสวียด้วยแววตาชัวร้าย “มู่หรงเสวีย ข้าเห็นจิงอ๋ องลดชันเจ้าลงเป็ นเพียงอนุ กลัวเจ้าจะเสี ยใจถึงได้มาช่วย
ปลอบใจเจ้าหรอก เจ้าอย่ามาหักหน้ากันเช่นนี......”

ตอนเขาไปเป็ นแขกทีจวนเจินกัวโหว เคยบังเอิญได้เห็นมู่หรงเสวียเพียงแวบเดียว แต่ดวงหน้าทีงดงามของนาง


และรู ปร่ างบางได้สัดส่ วนนันล้วนตราตรึ งใจจนเขานอนไม่หลับไปสามวัน แต่ดว้ ยนางเป็ นถึงคู่หมันของจิงอ๋ อง
ทําให้เขาไม่กล้าทีจะแตะต้องนาง
แต่คาดไม่ถึงว่าพอจิงอ๋ องกลับราชสํานัก กลับลดชันนางลงเหลือเพียงตําแหน่งพระชายารองอย่างไร้เยือใย
ชัดเจนว่ามิได้ชอบพอในตัวนางนัก ถึงแม้ว่าตอนนี จะยังได้ชือว่าเป็ นว่าทีพระชายารองของจิงอ๋ อง แต่ถา้ เขาเกียว
นางเพียงเล็กน้อย จิงอ๋ องคงมิสนใจ......

การเดินเล่นครังแรกของนางกลับเจอคนไร้ยางอายเช่นนี อารมณ์ทีกําลังดี ๆ ของนางกลับถูกเขาทําลายลงจนเสี ย


สิ น แถมยังมีขอ้ อ้างไร้สาระนันอีก ฟังดูกร็ ู ้ว่าคนพูดมีเจตนาทีไม่ดีแน่

มู่หรงเสวียแววตาส่ องประกาย จ้องมองไปทางตูเ้ ฉิ งเจียงด้วยแววตาคมกริ บ “หุ บปาก !”

ร่ างกายของตูเ้ ฉิ งเจียงชะงักค้าง ขนลุกหนาวชันไปทัวทังร่ าง สายตาเช่นนี ช่างคมกริ บจนน่ากลัว

“คุณชายขอรับ !” บ่าวรับใช้คนสนิ ทกระตุกแขนของเขา มองไปทีมู่หรงเสวียด้วยแววตาเต็มไปด้วยความ


หวาดกลัว แววตาของคุณหนูจวนเจินกัวโหวผูน้ นช่
ั างน่ากลัวอะไรเช่นนี ?

เช่นนันตูเ้ ฉิ งเจียงถึงสามารถดึงสติกลับมาได้ จากความอับอายแปรเปลียนเป็ นเกรี ยวกราด เขาผูเ้ ป็ นหลานชาย


สายตรงของจวนเสนาบดีกลับถูกแววตาของหญิงสาวอ่อนแอผูห้ นึงทําให้ตกใจกลัว น่าอับอายยิงนัก “มู่หรง
เสวีย ทีข้าเกียวเจ้าก็เพราะถูกใจในตัวเจ้า เลิกวางท่าคุณหนูจวนโหวเสี ยที......”

ตูเ้ ฉิงเจียงต่อว่าอย่างร้ายกาจ ยืนมือออกไปหมายจะจับเข้าทีตัวของมู่หรงเสวีย


แววตาของมู่หรงเสวียฉายแววเยือกเย็น หลบมือสกปรกของเขา ยกเท้าถีบไปทีส่ วนล่างของเขาอย่างแรง

ตูเ้ ฉิงเจียงทีไม่ทนั ได้ตงตั


ั ว ถูกถีบเข้าทีจุดสําคัญจนล้มกระเด็นออกไปสองสามเมตร ร่ างกระแทกลงกับพืน เสี ยง
ร้องโหยหวนดังขึน “อ้าก......เจ็บ......เจ็บจะตายอยูแ่ ล้ว......”

มู่หรงเสวียชักเท้ากลับ มองไปทางตูเ้ ฉิ งเจียงทีกําลังเจ็บปวดอย่างผูท้ ีอยูเ่ หนื อกว่า แววตาปรากฏความเย็นชาด้วย


ท่าทางถือตน

“คุณชาย !” คนรับใช้ของตูเ้ ฉิ งเจียงเร่ งวิงไปพยุงร่ างเขาขึนมา

ตูเ้ ฉิงเจียงพิงร่ างไปทีคนรับใช้ มือกุมอยูท่ ีจุดนันด้วยดวงหน้าขาวซี ด ปากสันระริ ก เบิกตากว้างมองมาทีมู่หรง


เสวีย “มู่หรงเสวีย เจ้าคอยดูเถอะ ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าเอาไว้แน่ !”

“ไสหัวไป !” มู่หรงเสวียเตะหิ นก้อนหนึ งไปทางตูเ้ ฉิ งเจียง ทันใดนันหัวของเขาก็ปูดบวมขึนมาลูกหนึ งคล้ายดัง


ลูกซาลาเปา เจ็บจนนําตาไหลออกมาเป็ นสาย ไม่กล้ากล่าววาจาใดอีก ทําได้แต่เพียงจ้องไปทางมู่หรงเสวียด้วย
แววตาเคียดแค้น สังให้ขา้ รับใช้อุม้ ไปทีโรงหมอใกล้ ๆ

คนขวางหู ขวางตาก็ไปแล้ว เงียบหู ไปได้เสี ยที


มู่หรงเสวียยกยิมขึน หมุนตัวเดินจากไป แต่คาดไม่ถึงว่าตอนทีหันกลับไปนันเองกลับชนเข้ากับคนด้านหลัง เจ็บ
จมูกจนแทบกลันนําตาไว้ไม่ไหว

นางเร่ งก้าวเท้าถอยออกมา มองไปทีใบหน้างดงามหล่อเหลาตรงหน้า คิวขมวดเข้าหากัน “ท่านมาตังแต่เมือไหร่


กัน ?”

“เมือครู่ นี” คุณชายโอวหยางมองดูท่าทางอึดอัดใจของนาง แววตาส่ องประกายอย่างอารมณ์ดี หยิบเอาผ้าเช็ดหน้า


เช็ดนําตาออกจากดวงหน้าเล็กนัน ตอนทีมู่หรงเสวียพบกับตูเ้ ฉิ งเจียง เขาก็มาถึงแล้ว เห็นตูเ้ ฉิ งเจียงไม่ใช่คปู่ รับ
ของนาง ทังยังถูกนางสังสอนจนอับอาย เขาเลยมิได้ออกหน้า

สัมผัสทีบางเบากระทบเข้ากับใบหน้า ทําให้ม่หู รงเสวียได้สติขนมา


ึ มองใบหน้าของคุณชายโอวหยางทียืนเข้ามา
ใกล้ ๆ แววตาวูบไหวไปมา คว้าเอาผ้าเช็ดหน้าในมือของเขามา “รบกวนคุณชายแล้ว......ข้าทําเองดีกว่า......
คุณชายตามข้ามาหรื อ ?”
เมือผ้าเช็ดหน้าในมือถูกแย่งไป คุณชายโอวหยางทีแววตาเคร่ งครึ มจึงวางมือลงอย่างเป็ นธรรมชาติ ส่ ายหน้าเบา
ๆ “ไม่ใช่หรอก ข้ามีธุระต้องทํา เพียงแค่ผา่ นมาทางนี พอดี”

มือของมู่หรงเสวียทีกําลังเช็ดนําตาพลันหยุดชะงัก แววตาวูบไหว “คุณชายจะไปทําธุ ระทีไหนหรื อ ?”

“ถนนจูเชวีย” คุณชายโอวหยางตอบด้วยนําเสี ยงราบเรี ยบ

จวนเจินกัวโหวอยูท่ ีถนนฉางซิ ง ห่ างกับถนนจูเชวียแค่เพียงช่วงเดียว......

“นีก็จะยามอู่แล้ว ข้ากําลังจะไปกินข้าวทีโรงเตียมแล้วจึงค่อยกลับจวน คุณชายคงมีธุระเร่ งด่วน รี บไปทีถนนจู


เชวียก่อนเถอะเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียพูดยิม ๆ ก้าวเท้าไปทางโรงเตียมเยว่หยาง ไม่วา่ เขาจะไปธุระจริ งหรื อไม่ ก็ไม่
สามารถเดินทางไปพร้อมกันกับนางได้แล้ว

คุณชายโอวหยางมองไปทีร่ างบางของนางทีค่อย ๆ เดินจากไป แววตาส่ องประกายบางสิ งทียากจะคาดเดา นีนาง


หลบเขาเหมือนกับเจองูพิษอย่างไรอย่างนัน
ทีนังในห้องโถงใหญ่ดา้ นล่างของโรงเตียมเยว่หยางล้วนเต็มหมดแล้ว เสี ยวเอ้อวิงวุน่ บริ การยกอาหารไปมา กลิน
หอมของอาหารลอยฟุ้ งอบอวลไปทัว ทําให้ผคู ้ นต่างก็นาลายไหล
ํ เสมียนทียืนอยูด่ า้ นหลังโต๊ะคิดเงินกําลังดีด
ลูกคิดไปมา ในสมุดบัญชีเขียนรายรับไว้ยาวเหยียด เมือมองแล้วทําให้เขาเผยอยิมออกมาอย่างดีใจ

“เสมียน ยังมีหอ้ งว่างเหลือบ้างไหม ?” มู่หรงเสวียยืนอยูด่ า้ นหน้าของโต๊ะ ถามเสี ยงบางเบา ในห้องโถงทีนังล้วน


เต็มหมดแล้ว ถ้านางจะกินข้าวก็คงต้องใช้ห้องส่ วนตัวเท่านัน

“ขออภัยขอรับคุณหนู ห้องส่ วนตัวล้วนเต็มหมดแล้ว” เสมียนตอบนางด้วยรอยยิมตาหยีท่าทางมีมารยาท

มู่หรงเสวียเลิกคิว ห้องโถงใหญ่ไม่มีทีนัง ห้องส่ วนตัวก็เต็มแล้ว เวลานี นางคงไม่ได้ทานข้าวเทียงแน่

“เสวียเอ๋ อร์ ” มองไปตามเสี ยงเรี ยกทุม้ นุ่ ม คุณชายโอวหยางค่อย ๆ เดินเข้ามาทีโถงใหญ่ ชุดสี ขาวราวหิ มะพลิว
ไหวเหมือนผีเสื อ ด้านบนปั กด้วยลวดลายดอกไม้สีดาํ เสริ มความองอาจและสง่างาม

เสี ยงวุ่นวายในห้องโถงล้วนเงียบสงบลง แววตาของผูค้ นเต็มไปด้วยความตืนตะลึงและตราตรึ งใจ

“นันคุณชายบ้านไหนกัน ช่างรู ปงามมิธรรมดา......”


“เหมือนจะเป็ น บุตรชายของเซี ยวเหยาอ๋ อง คุณชายโอวหยางทีได้ข่าวว่าเพิงจะกลับมาทีเมืองหลวง......”

“เขานะหรื อคือคุณชายโอวหยาง ? ช่างมิผดิ กับทีลือกันนัก......”

เสี ยงตืนตะลึงแปลกใจต่าง ๆ นา ๆ ลอยเข้าหู แต่คุณชายโอวหยางแสร้งทําเป็ นไม่ได้ยนิ ค่อย ๆ เดินไปทางมู่หรง


เสวีย

มองไปทีเขาทีเดินใกล้เข้ามา มู่หรงเสวียเลิกคิว “ท่านไม่ได้จะไปทําธุระทีถนนจูเชวียหรอกหรื อ ?”

ั ธุระ ตอนนี ไม่อยู่ ข้าได้จองห้องไว้ทีชันสองแล้ว กะว่าจะรอเขาอยูท่ ีนี ถ้าเจ้ารี บอยากทีจะทานข้าว


“คนผูน้ นมี
ขึนมาด้วยกันกับข้าก็ได้” คุณชายโอวหยางมองมาทีนาง พูดด้วยนําเสี ยงราบเรี ยบ

มู่หรงเสวียย่นคิว แขกในโถงใหญ่ต่างก็เต็มไปหมด ห้องส่ วนตัวก็ไม่รู้จะว่างตอนไหน ถ้านางเลือกทีจะรอ ไม่รู้


ว่าจะต้องรอไปอีกนานเท่าไหร่ ?

คุณชายโอวหยางก็ได้จองห้องไว้แต่แรกแล้ว เห็นได้ชดั ว่าเขาคงมีธุระจริ ง ๆ มิได้ตามนางมาอย่างทีนางคิดไว้


เช่นนันนางก็จะไม่เกรงใจทีจะรับสํารับห้องเดียวกับเขา “ขอบคุณคุณชายมากเจ้าค่ะ !”
ตอนที 33 การเผชิญหน้ าทีโรงเตียม
คุณชายโอวหยางตอบรับเพียงเบาๆ พร้อมแววตาทียิมน้อย ๆ

“เชิญท่านทังสองด้านนี ขอรับ” เสี ยวเอ้อก้าวเท้าออกมายิมตาหยีเดินนําทางมู่หรงเสวียกับคุณชายโอวหยาง

ชันสองห้องหลันเซี ยง หญิงสาวนางหนึงในชุดโปร่ งสี ม่วง รู ปร่ างสมส่ วนราวต้นหลิว ใบหน้างามโฉมสะคราญ


ค่าควรเมือง นางคือองค์หญิงม่อเป่ ยฉิ นยวีเยียน เมือได้ยนิ เสี ยงชืนชมต่าง ๆ นา ๆ จากด้านล่างดังเข้าหู นางจึงวาง
ตะเกียบลงมองผ่านประตูหอ้ งทีเปิ ดแง้มอยู่ เห็นคุณชายโอวหยางทีกําลังก้าวเดินขึนมาบนบันไดไม้

เขาอยูใ่ นชุดสี ขาวหิ มะ ดูองอาจสง่างาม คิวงามสี ดาํ ได้รูป แววตาสี ดาํ เงาให้ความรู ้สึกลึกลับน่ าค้นหา รู ปงาม
หล่อเหลาจนทําให้ผคู ้ นมิอาจละสายตาได้

เป็ นเขาจริ ง ๆ บุตรชายแห่ งเซี ยวเหยาอ๋ อง

ตอนทีนางยังอยูท่ ีแคว้นม่อเป่ ย นางเคยพบกับคุณชายโอวหยางทีกําลังท่องเทียวอยูห่ ลายครัง ความรู ้และวรยุทธ์


รวมถึงวิชาเดินหมาก แต่งกวี วาดภาพ และการดนตรี ลว้ นชันยอด แถมยังไม่มีนิสัยชูส้ าว ไม่ว่าหญิงสาวผูน้ นจะ

สวยงามหรื อสู งส่ งเพียงใดเมืออยูต่ รงหน้าเขา เขาก็ยงั คงมีสีหน้าทีเย็นชาและเมินเฉยเช่นเดิมมิเปลียนแปลง
ท่าทางปฏิเสธผูค้ นเช่นนันทําเอาหญิงสาวชาวม่อเป่ ยต่างใจสลายมานักต่อนัก
แต่เมือครู่ นางกลับได้ยนิ คุณชายโอวหยางเชือเชิญหญิงสาวคนหนึงให้ไปใช้สาํ รับห้องเดียวกันกับเขา ช่างเหนื อ
ความคาดหมายเหลือเกิน ไม่รู้วา่ หญิงสาวผูน้ นเป็
ั นใครมาจากไหน ถึงได้รับความสนใจจากเขาเช่นนี

นางสอดส่ องสายตาด้วยความอยากรู ้ผา่ นคุณชายโอวหยางไป มองเห็นหญิงสาวทีเดินอยูข่ า้ งกายของเขา ดวง


หน้าของนางเรี ยวเล็กเหมือนดังลูกท้อ แววตาทอประกายสดใสเหมือนดังสายนํา เรื อนผมสี ดาํ เงางาม บนชุดสวย
ปักด้วยลวดลายของดอกเหมย พลิวไสวไปมาตามการเยืองย่าง ผิวพรรณทีเผยออกมามีสีขาวดังหิ มะ ให้
ความรู ้สึกถึงความบริ สุทธิสู งค่า

มู่หรงเสวีย ! เหตุใดถึงเป็ นนางได้ ?

นางเป็ นแค่ผทู ้ ีอีเฉิ นรังเกียจ เป็ นแค่เม็ดหมากทีถูกทิงขว้าง ทําไมถึงได้รับความสนใจจากคุณชายโอวหยางผูท้ ีมิ


เคยสนใจในตัวหญิงสาวใด ?

ฉิ นยวีเยียนหรี ตาลง หรื อว่านางจะใช้มารยายัวยวนเขา ?

ไม่ผดิ แน่ ทําไมคุณหนูแห่ งจวนเจินกัวโหวจะยอมเป็ นอนุ ให้ผอู ้ ืน อีเฉิ นเป็ นท่านอ๋ องเทพสงคราม ทัวทังชิงเห
ยียนจะหาชายหนุ่ มทีดีเท่าเขาไม่มีอีกแล้ว มู่หรงเสวียทีเคยมีว่าทีสามีทีดีเช่นนี แน่ นอนว่าต้องไม่มีทางหันไปมอง
พวกคนธรรมดาทัวไปแน่ ดังนัน นางถึงเลือกทีจะเกาะติดคุณชายโอวหยางทีดีพอ ๆ กับเย่อีเฉิ น นางช่างเป็ น
หญิงสาวทีฉลาดเสี ยจริ ง
แต่ว่า นางกับอีเฉิ นมีผลประโยชน์คาบเกียวกันอยู่ อีเฉิ นไม่มีทางยอมปล่อยนางให้แต่งกับคุณชายโอวหยาง
รวมถึงวังเซี ยวเหยาอ๋ องก็ยงไม่
ิ มีทางยอมรับหญิงสาวทีผ่านการถอนหมันมาเป็ นภรรยาเอกของคุณชายโอวหยาง
แน่ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามนางก็ตอ้ งกลายเป็ นอนุ ของอีเฉิ นวันยังคํา

เป็ นอนุก็ตอ้ งหัดเจียมเนื อเจียมตัวเสี ยสิ แต่นางถึงกลับกล้ามากระทําการลับหลังว่าทีสามีเช่นนี ได้อย่างไร !

อีเฉิ นมิได้อยูท่ ีโรงเตียมเยว่หยาง แต่นางทีเป็ นว่าทีพระชายาเอกแห่ งวังจิงอ๋ องอยูท่ ีนี แล้ว นางคงต้องสังสอนมู่
หรงเสวียแทนอีเฉิ นเสี ยบ้าง ให้นางได้รู้วา่ ฐานะของตนเองนันควรต้องกระทําตัวเช่นไร !

ห้องส่ วนตัวทีคุณชายโอวหยางได้จองเอาไว้คือห้องดอกเหมย ดูสูงส่ งสมฐานะ พืนห้องปูดว้ ยหิ นสี ดาํ เงาวับเป็ น


ประกายจนเห็นเงาของผูค้ น โต๊ะและเก้าอีล้วนทําจากไม้แดง ลวดลายประณี ตงดงามจนผูค้ นต่างต้องตกตะลึง

มู่หรงเสวียนังลงด้านหน้าของโต๊ะกลม หยิบเอาเรายการอาหารทีวางอยูบ่ นโต๊ะขึนมาดู สังกับข้าวธรรมดาสอง


สามอย่าง หางตาก็เหลือบเห็นชายเสื อสี ขาวสายหนึง นางพูดกล่าวขึนช้า ๆ ว่า “คุณชายก็ยงั มิได้ทานอะไรทีวัง
อ๋ อง สังอาหารเพิมเติมดีหรื อไม่เจ้าคะ ?”

“ข้าไม่หิว ไม่ตอ้ งสังอาหารเพิมแล้ว เอาเหล้าดอกฉยงฮวามาหนึ งกาก็พอ” คุณชายโอวหยางพูดด้วยนําเสี ยง


ราบเรี ยบ

“ขอรับ ท่านทังสองโปรดรอสักครู่ ไม่นานอาหารทีสังจะมาถึงขอรับ” เสี ยวเอ้อพูดพลางยิมตาหยี ค่อย ๆ ก้าวเท้า


บางเบาออกจากห้องไป
“คุณชายมิได้จะไปทําธุระทีถนนจูเชวียหรอกหรื อ ? เหตุใดถึงดืมเหล้า ? ถ้าเกิดท่านเมาขึนมาแล้วทําให้เสี ยเรื อง
ใหญ่ เช่นนันจะมิแย่หรื อเจ้าคะ ?” มู่หรงเสวียพูดเนิ บ ๆ หยิบเอาแก้วชาทีควําอยูบ่ นโต๊ะ ริ นชาให้ทงตั
ั วเองและ
คุณชายโอวหยาง

นีนางกําลังเป็ นห่ วงเขาใช่ไหม ?

คุณชายโอวหยางยกยิมหล่อเหลา “เหล้าดอกฉยงฮวาทํามาจากดอกฉยงฮวา ถึงแม้จะได้ชือว่าเหล้า แต่มนั มิได้มี


รสเช่นสุ รา เพียงแต่มีรสชาติกลมกล่อม ทังยังมีกลินหอมให้ความรู้สึกสดชืน ไม่ทาํ ให้เมาโดยง่าย เหล่าบัณฑิต
และคุณหนูในเมืองหลวงต่างก็นิยมเอาขึนโต๊ะ”

“จริ งหรื อเจ้าคะ ?” มู่หรงเสวียดวงตาเป็ นประกาย นางมิชอบรสชาติแสบร้อนและกลินฉุ นของเหล้านัก ในชาติที


แล้วก็มกั จะดืมแต่ไวน์กบั แชมเปญ แต่หลังจากมาอยูท่ ีชิงเหยียน นางพบเห็นเหล้าขาวมากมายแต่ละชนิดล้วนมี
กลินฉุ นทีรุ นแรง ความอยากทีจะดืมเหล้าของนางจึงมอดดับไป คาดไม่ถึงว่าคุณชายโอวหยางจะมาบอกนางว่า
ในชิงเหยียนก็ยงั มีเหล้าทีรสชาติไม่แสบร้อนเช่นนี

เขามองไปทีดวงตาทีเป็ นประกายของนาง คุณชายโอวหยางก็พลันยกยิมน้อย ๆ “ถ้าเหล้าฉยงฮวาขึนโต๊ะแล้วเจ้า


ลองชิมดูสิ”

“ขอบคุณเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียยิมสดใส ถ้าหากเหล้าฉยงฮวาไม่มีกลินฉุ นทีรุ นแรงจริ ง ๆ ก็คงจะดี ทีนีนางก็


สามารถจะดืมได้เหมือนชาติทีแล้วทีมักจะดืมไวน์หนึงแก้วทุกวันก่อนนอน......
“คุณชายโอวหยาง คุณหนูมู่หรงเสวีย” เสี ยงอ่อนหวานลอยเข้าหู เรี ยกมู่หรงเสวียให้หลุดจากภวังค์ เงยหน้ามอง
ไปก็เห็นฉินยวีเยียนทีมีสาวใช้พยุง ค่อย ๆ เดินนวยนาดเข้ามา ดวงหน้างดงามดังเช่นบุปผา ชายกระโปรงลู่ลงไป
กับพืนลากเป็ นทางยาว

ทําไมถึงเจอนางได้ ? หนี เสื อปะจระเข้เสี ยจริ ง !

มู่หรงเสวียเลิกคิว พูดด้วยนําเสี ยงราบเรี ยบ “องค์หญิงฉิ นก็มาใช้สาํ รับทีโรงเตียมเยว่หยางเช่นกันหรื อเจ้าคะ ?”

“จะว่าเช่นนันก็ไม่ผิดนัก” ฉิ นยวีเยียนยิมน้อย ๆ “ข้าได้ยนิ มาว่าหญิงสาวทีแคว้นชิงเหยียนฉลาดมาก


ความสามารถ ข้าจึงมาทีโรงเตียมเยว่หยางเพือทีจะทดสอบศาสตร์ แห่ งพิณกับพวกนาง หาจุดด้อยในการดีดพิณ
ของข้า......”

โรงเตียมเยว่หยางเป็ นร้านอาหารก็จริ ง แต่ก็ยงั เป็ นสถานทีแห่ งปราชญ์ บัณฑิตทีเป็ นคุณหนูผมู ้ ากความรู ้ในเมือง
หลวงมักจะมารวมตัวกันทีนี บ่อยครัง เจ้าดีดพิณ ข้าเป่ าขลุ่ย เจ้าเขียนกลอน ข้าแต่งกวี การประลองและการ
แข่งขันมักเกิดขึนทีนี เป็ นประจํา ดังนัน เหล่าผูม้ ากความสามารถเหล่านันมักจะมาทีโรงเตียมเยว่หยางเพือทีจะ
เสาะหาผูค้ นทีจะมาประลองแข่งขันความสามารถของพวกเขา

“ข้าล้วนได้ประลองกับคุณหนูในเมืองหลวงมาแล้วหลายผูห้ ลายคนนัก ทักษะพัฒนาขึนเป็ นอย่างมาก คุณหนูมู่


หรงเสวียเป็ นถึงคุณหนูแห่งจวนเจินกัวโหว แน่ นอนว่าจะต้องเข้าใจศาสตร์ แห่ งการดีดพิณเป็ นอย่างดีแน่ ไม่
ทราบว่าพอจะชีแนะข้าสักหน่ อยได้รึไม่ ?” ฉิ นวีเยียนเผยยิมสดใส สายตาจับจ้องไปทีมู่หรงเสวียอย่างไม่วางตา
ฉิ นยวีเยียนเป็ นถึงองค์หญิงแห่ งแคว้นม่อเป่ ย ทังยังเป็ นหญิงสาวในดวงใจของจิงอ๋ องเย่อีเฉิ น ชาวบ้านในเมือง
หลวงต่างก็พากันลือถึงความฉลาดปราดเปรื องและความงดงามของนางไปทัว เสี ยงดีดพิณของนางราวดังเสี ยง
สวรรค์ แม้แต่เทพเซี ยนบนหุ บเขาเทียนซานยังต้องลงมากราบไหว้ เช่นนี ยังต้องให้นางชีแนะอะไรอีกหรื อ ?

“ขออภัยองค์หญิงฉิ น ข้าไม่เข้าใจในศาสตร์แห่ งพิณนัก ไม่สามารถทีจะชีแนะท่านได้หรอก” มู่หรงเสวียปฏิเสธ


อย่างไม่เกรงใจ

ฉิ นยวีเยียนก็มิได้โวยวายอะไร เพียงยิมตอบ “คุณหนูมู่หรงเสวียล้อข้าเล่นแล้ว ฮูหยินจวนเจินกัวโหวเคยเป็ นถึง


ปราชญ์หญิงอันดับหนึงแห่ งเมืองหลวง ฝี มือพิณหมากตําราภาพวาดล้วนหาใครเปรี ยบ เจ้าเป็ นลูกของนาง
เป็ นไปมิได้ทีจะไม่เข้าใจศาสตร์แห่ งพิณ......”

มู่หรงเสวียยิมเย็น แม่ของนางตายตอนนางอายุสีขวบ จะสอนศาสตร์เหล่านันให้กบั นางได้อย่างไรกันเล่า ?


หลังจากสี ขวบนางก็ติดพิษเยือกแข็ง อาการกําเริ บอยูบ่ ่อยครัง การใช้ชีวิตตอนสิ บขวบของนางพูดได้เลยว่าล้วน
แต่นอนโทรมอยูบ่ นเตียง จะไปเรี ยนพิณหมากตําราภาพวาดได้อย่างไรกัน ?

เย่อีเฉิ นรู ้ว่ามู่หรงเสวียถูกพิษเยือกแข็ง เขาต้องรู ้ว่านางไม่มีทางทีจะได้เรี ยนศาสตร์ เหล่านีแน่ ฉิ นยวีเยียนเป็ นคน


ทีอยูใ่ นดวงใจของเขา เรื องราวเกียวกับมู่หรงเสวียนางก็ตอ้ งรู ้ไม่มากก็นอ้ ย นางอยากให้ขา้ ชีแนะการดีดพิณต่อ
หน้าฝูงชนเช่นนี เห็นได้ชดั ว่าต้องการท้าทายนาง อยากให้นางได้รับความอับอาย......

นางเพียงแค่มาใช้สาํ รับทีโรงเตียมเยว่หยาง ยังมิได้ไปยุง่ วุ่นวายอะไรกับฉิ นยวีเยียนแม้แต่น้อย และก็มิได้ไปยัวยุ


นางอะไรนางเลย เหตุใดฉิ นยวีเยียนจึงต้องมาวุ่นวายกับนางด้วยเล่า ?
ตอนที 34 ประลอง
16 18 20 22

$(function () {

var wWidth = $(window).width();

if (wWidth >= 767) { return; }

$("#story-detail").find("*").css("font-family", "").css("font-size", "");

var size = $("#select_size");

var font = $("#select_font");

var update = function () {

$("#story-detail").css("font-family", font.val()).css("font-size", size.val() + "px");

$.cookie("reader_size", size.val(), { path: "/", expire: 365 });

$.cookie("reader_font", font.val(), { path: "/", expire: 365 });


};

if ($.cookie("reader_size")) {

size.val($.cookie("reader_size"));

if ($.cookie("reader_font")) {

font.val($.cookie("reader_font"));

size.change(update);

font.change(update);

update();

});

หญิงงามทังสองทีหนึงยืนหนึงนังต่างก็เป็ นทีสนใจของผูค้ นโดยรอบ ผูค้ นในโรงเตียมต่างพากันตืนเต้นกัน


ขึนมา ค่อยๆรวมกลุ่มกันวิพากษ์วิจารณ์กนั อย่างเซ็งแซ่ **“**ผูห้ ญิงทียืนอยูค่ ือองค์หญิงแห่ งแคว้นม่อเป่ ยฉิ นยวี
เยียน งามลําค่าควรเมือง สู งส่ งมิใช่ธรรมดา คนทีนังอยูเ่ ป็ นใครกัน? หน้าตาช่างงดงามหาใดเปรี ยบนัก......”
“เจ้ามิเคยได้ยนิ รึ ไงว่านางเป็ นบุตรสาวของฮูหยินแห่ งจวนเจินกัวโหว เมือครู่ องค์หญิงยังเรี ยกนางว่าคุณหนูมู่
หรงเสวียอยูเ่ ลย นางก็คืนคนทีถูกลดชันเป็ นพระชายารองไง......”

“มู่หรงเสวียน่ ะรึ ? หน้าตาถึงจะขาวซี ดไปนิด ร่ างกายดูบอบบางไปหน่ อย แต่วา่ กลับดูบริ สุทธิผ่องใส ดูแล้ว


งดงามกว่าองค์หญิงฉิ นอยูถ่ ึงสามส่ วน......”

มู่หรงเสวียน่ ะหรื องดงามกว่านาง? แววตาของฉิ นยวีเยียนเย็นชาขึนมา แต่กเ็ ลือนหายไปในพริ บตา

“ฮูหยินมู่หรงมีศาสตร์ แห่ งการดีดพิณทีสู งส่ ง ฝี มือไม่เป็ นสองรองใคร คุณหนู ม่หู รงต้องได้รับการถ่ายทอดจาง


นางมาอย่างแน่ นอน ถ้าคุณหนูยงั คงปฏิเสธข้าอยูเ่ ช่นนี ก็หมายความว่ากําลังดูถูกทักษะพิณของข้าว่าไม่มีค่า
พอทีจะประลองกับคุณหนูมู่หรงใช่มยเจ้
ั าคะ?” เสี ยงนุ่ มแฝงไว้ดว้ ยความอ่อนโยนอยูส่ ามส่ วน เสี ยใจสามส่ วน
บีบคันสามส่ วน

ดวงตาสี ดาํ ของคุณชายโอวหยางเปล่งประกายดุดนั มองไปยังฉิ นยวีเยียนอย่างเย็นชา เตรี ยมจะเปิ ดปากพูด แต่มู่


หรงเสวียกลับโบกมือขัดเขาไว้ มองไปทางฉิ นยวีเยียนยิมๆ

เพือบีบบังคับให้นางประลองด้วย นางถึงกับยกเอามารดาของเจ้าร่ างเดิมขึนมาอ้าง ถ้านางยังไม่ตกลง เห็นทีว่า


นางคงลากเอาบรรพชนทังโคตรของนางออกมาอ้างด้วยแน่

คนก็ได้จากไปแล้ว นางทีเป็ นคนรุ่ นหลังก็คงไม่อาจให้ใครมาลบหลู่ดูหมินได้ มิเช่นนันคงทําให้พวกเขานอน


ตายตาไม่หลับ ก็แค่การดีดพิณ นางจะยอมเล่นด้วยก็ได้
แม้เจ้าของร่ างเดิมไม่เคยเรี ยนศาสตร์ แห่ งพิณมาเลยแม้แต่นอ้ ยก็ตาม แต่นางคุณหนู ผสู้ ู งส่ งจากศตวรรษที 21 น่ ะ
เคยเรี ยนมา

“แต่ว่าประลองธรรมดา ๆคงจะไม่สนุ กนัก พวกเราวางเดิมพันกันดีรึไม่เจ้าคะ?”

ฉิ นยวีเยียนเผยยิมน้อยๆ นีหมายความว่านางตกลงทีจะประลองแล้วใช่ไหม “เดิมพันอะไร?”

จุดประสงค์ของนางคือแค่ตอ้ งการให้ม่หู รงเสวียตอบรับการประลอง มู่หรงเสวียจะเรี ยกร้องอะไรก็ปล่อยนางไป


ยิงนางเรี ยกร้องมากเท่าไร พอถึงเวลาทีนางพ่ายแพ้ นางก็จะอับอายมากเท่านัน

“เอาเป็ นพิณทีองค์หญิงยวีเยียนใช้แล้วกันเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียปรายตามองไปทางห้องหลันเซี ยง แล้วกล่าวขึนช้าๆ


“เหมือนจะเป็ นพิณเจียวเหว่ย ถ้าข้าชนะ พิณเจียวเหว่ยจะตกเป็ นของข้า......”

ชนะข้าหรื อ? ช่างอวดดียงนั
ิ ก

ตอนนางอยูท่ ีม่อเป่ ยก็เคยพบเจอมือพิณฝี มือดีมาหลายคน แต่ยงั ไม่เคยมีใครเอาชนะนางได้มาก่อน

่หรงเสวีย “ถ้าเจ้าเป็ นคนแพ้ละ?”


ฉิ นยวีเยียนใบหน้าคล้ายยิมคล้ายไม่ยมมองไปทางมู

“ข้าก็จะเดิมพันด้วยพิณทีมีราคาพอๆกับพิณเจียวเหว่ยขององค์หญิง” มู่หรงเสวียแววตาสุ ขมุ พูดเน้นทีละคํา

“พูดแล้วไม่คืนคํา!” แววตาของฉิ นยวีเยียนวูบไหว นางไม่สนว่ามู่หรงเสวียจะเดิมพันด้วยอะไร แค่ม่หู รงเสวีย


พ่ายแพ้ แล้วจดจําฝังใจว่าแพ้ให้กบั ใคร นางก็ยนิ ดีแล้ว

“ตกลง!” มู่หรงเสวียตอบรับอย่างหนักแน่น ปรายตามองออกไปด้านนอก “เสี ยวเอ้อ ไปเอาพิณมาให้ขา้ !”

มองตามฉิ นยวีเยียนเดินกลับไปทีห้องหลันเซี ยงแล้วนังลงไปทีด้านหลังของพิณเจียวเหว่ย พอดีกบั ทีเสี ยวเอ้อยก


พิณคันหนึงเดินเข้ามาในห้องดอกเหมย วางไว้ดา้ นหน้าของมู่หรงเสวีย โรงเตียมเยว่หยางทีใหญ่โตพลัน
ครึ กครื นขึนมาทันใด
ฉิ นยวีเยียน องค์หญิงแห่ งแคว้นม่อเป่ ย หญิงสาวในดวงใจของจิงอ๋ องเย่อีเฉิ น ว่าทีพระชายาเอกแห่ งจิงอ๋ อง

มู่หรงเสวีย คุณหนูแห่ งจวนเจินกัวโหว ว่าทีภรรยาตัวจริ งของจิงอ๋ องเย่อีเฉิ น และเพราะว่ากําลังจะถูกลดขันเป็ น


เพียงพระชายารอง นางจึงซ้อนแผนตอนทีท่านอ๋ องจะรับนางเข้าวัง จนแผนการของจิงอ๋ องผิดพลาดและตัวเขา
เองยังพลาดท่าผลัดตกเหวไปเสี ยเอง เห็นผูค้ นลือว่านางไม่เต็มใจเป็ นอนุ ไม่ยอมรับทีเย่อีเฉิ นจะให้นางเป็ นอนุ

ว่าทีพระชายาเอกแห่ งวังจิงอ๋ องกับว่าทีพระชายาตัวจริ งกําลังเผชิญหน้ากันทีโรงเตียมเยว่หยาง พวกนางกําลังจะ


ประลองศาสตร์แห่ งพิณ ไม่ว่าจะเป็ นเพราะความหึ งหวงก็ดี หรื อเพือแสดงศาสตร์ ศิลป์ ก็ดี การเผชิญหน้าของ
พวกนางครังนี จะต้องตืนตาน่ าดูชมแน่ นอน!

เป็ นโอกาสทีหาได้ยากในชีวิตทีจะได้ชมการประลองของหญิงงามทังสองเช่นนี คนทีผ่านไปผ่านมาต่างมิยอม


พลาดทีจะได้ชม

แขกในห้องโถงใหญ่ดา้ นล่างล้วนวางตะเกียบลง ชะเง้อคอมองห้องดอกเหมย ห้องหลันเซี ยงด้วยแววตาทีเปล่ง


ประกาย แขกในห้องส่ วนอืน ๆล้วนเปิ ดประตูสอดส่ องสายตาไปมาระหว่างห้องดอกเหมยกับห้องหลันเซี ยง
แววตาส่ องประกายตืนเต้นยินดี

ฉิ นยวีเยียนค่อยๆ ลองดีดพิณเจียวเหว่ยเบาๆ มองไปทางมู่หรงเสวียทียิมน้อยๆ “ถือเป็ นการให้เกียรติเจ้าบ้าน


คุณหนูม่หู รงเสวียเชิญเริ มก่อนเถอะ”
“มิจาํ เป็ น” มู่หรงเสวียส่ ายหน้าแววตาวูบไหว “พวกเราดีดพร้อมกันจะดีกว่า”

ฉิ นยวีเยียนชะงัก การประลองเพลงพิณปกติแล้วจะเล่นเพลงทีละคน และให้ฝงู ชนตัดสิ นทีเสี ยงของเพลงพิณ


แต่ม่หู รงเสวียกลับต้องการจะดีดพิณไปพร้อมกับนาง คาดว่านางคงจะไม่รู้ว่าเสี ยงพิณทีด้อยกว่าจะถูกกลบด้วย
เพลงพิณทีเสี ยงสู งและไพเราะกว่า นอกจากนีเพลงทีด้อยกว่าก็จะถูกเสี ยงพิณทีเสี ยงสู งและไพเราะตีกลับจน
กลายเป็ นเสี ยงทีไม่น่าฟัง

นางมาไม้นีจะไม่เป็ นการรนหาทีตายหรอกหรื อ? เช่นนันนางก็จะเติมเต็มความปรารถนาของนางเอง “เช่นนันก็


ดีดพร้อมกันก็แล้วกัน เชิญคุณหนูมู่หรง!”

“เชิญองค์หญิงฉิ น!” มู่หรงเสวียยิมประจบประแจง ฝ่ ามือสี ขาวนวลตาวางลงไปบนสายพิณ

“เสวียเอ๋ อร์ !” คุณชายโอวหยางมองไปทางมู่หรงเสวีย แววตาเป็ นกังวล เขาเคยได้ยนิ คําลําลือถึงฝี มือการดีดพิณ


ของฉิ นยวีเยียน เพลงพิณทีนางเล่นนันไพเราะดังเสี ยงสวรรค์จริ งๆ

“มิตอ้ งกังวล ข้าไม่มีทางแพ้หรอก” มู่หรงเสวียพูดยิมๆ ดวงตาสดใสเป็ นประกาย ท่าทางเต็มไปด้วยความมันใจ


ดูท่าทางของนางแล้วคุณชายโอวหยางก็ยกยิมขึน นางแพ้ก็มิเป็ นไร มีเขาอยูท่ งคน
ั เขาจะไม่มีทางยอมให้ใครมา
หลู่เกียรตินางแน่

“ตึง !” ฉิ นยวีเยียนรู ้สึกขัดตาทีคุณชายโอวหยางคอยส่ งสายตาเป็ นห่ วงเป็ นใยให้มู่หรงเสวีย นิวขาวราวหยกดีด


ไปทีสายพิณอย่างรวดเร็ ว เสี ยงไพเราะเงียบสงบดังขึน คล้ายดังเสี ยงเพลงแห่ งสรวงสวรรค์ ไพเราะจนหัวใจของ
ผูค้ นพลอยสันไหว แววตาของฝูงชนเต็มไปด้วยความตกตะลึงใจ เสี ยงไพเราะเช่นนี คงหาฟั งได้แต่บนสวรรค์
เท่านัน โลกมนุ ษย์เราคงเป็ นเรื องเพ้อฝันทีจะได้ฟังเพลงพิณทีไพเราะเช่นนี ฝี มือการดีดพิณขององค์หญิงฉิ นนี
ช่างปราดเปรื องสู งส่ งยิงนัก

“ตึง !” มู่หรงเสวียก็ขยับมือแล้วเช่นกัน เสี ยงพิณดังกังวานไปทัวบริ เวณ กระทบหู ตราตรึ งใจ ฝูงคนพากันพยัก


หน้า เสี ยงพิณของมู่หรงเสวียก็นบั ว่าใช้ได้ ถึงแม้จะเปรี ยบไม่ได้กบั ฉิ นยวีเยียน แต่นางกลับดีดเอาอารมณ์ของ
เนื อเพลงออกมาได้จบั ใจนัก......

เมือเห็นสายตาชืนชมของผูค้ นมาหยุดอยูท่ ีร่ างของมู่หรงเสวีย แววตาสวยของฉิ นยวีเยียนพลันหรี ลง ทันใดนัน


เพลงพิณกลับถูกเปลียน เนือเพลงจากทีให้ความรู ้สึกบริ สุทธิสู งส่ งกลายเป็ นให้ความรู ้สึกลําลึกเศร้าโศก
เสี ยงเพลงเศร้าโศกก้องกังวานไปทัวโรงเตียมเยว่หยาง เหล่าแขกชายสี หน้าเรี ยบเฉยยกเหล้าดืมแก้วแล้วแก้วเล่า
แขกหญิงใบหน้าเต็มไปด้วยหยาดนําตา ยกผ้าเช็ดหน้าเช็ดนําตาทีไหลไม่หยุด......

ฉิ นยวีเยียนกวาดตามองสี หน้าของเหล่าฝูงชน มุมปากยกยิมงดงาม ใช้เสี ยงพิณนําพาความรู ้สึกของผูค้ น ทําให้


ผูค้ นรู้สึกถึงความโศกเศร้าของเพลงพิณ ถือว่าเป็ นทักษะการดีดพิณชันสู ง นางมิตอ้ งพยามยามก็ทาํ ได้ ทักษะ
ชันสูงแบบนีถ้าเป็ นมู่หรงเสวียกลัวว่าจะต้องใช้เวลาเป็ นสิ บปี ถึงจะทําได้เช่นนาง......

เมือรู ้สึกถึงการท้าทายของฉิ นยวีเยียน มู่หรงเสวียก็ยกยิมมุมปาก ดวงตางามวูบไหวไปมา นิ วมือทีกําลังดีดพิณ


กลายเป็ นรัวเร็ ว พริ บตานันลมก็คอ่ ยๆพัดแรงขึน เนื อเพลงกลายเป็ นตืนเต้นยินดี ดังกังวานไปทัว แรงกดดันทะลุ
ขึนฟ้ า คล้ายดังแม่นาหวงเหอกํ
ํ าลังคําราม คล้ายดังเสี ยงวิงของฝูงม้า คล้ายดังกองทัพกําลังประหัตประหารเข่น
ฆ่ากัน เสี ยงพิณโทนสู งกลบเสี ยงพิณของฉิ นยวีเยียนจนเงียบหายไป ทัวทังโรงเตียมเยว่หยางล้วนกังวานไปด้วย
เสี ยงเพลงของมู่หรงเสวีย......
ดวงหน้าสวยของฉิ นยวีเหยียนพลันซี ดขาว จ้องเขม็งไปทางมู่หรงเสวีย นางคงวางแผนนีไว้ตงแต่
ั ตน้ ทักษะการ
ดีดพิณของนางไม่เท่าตัวข้า นางจึงเล่นเพลงเสี ยงสู งกลบและกดดันเสี ยงเพลงของนางจนจมหายไป ถึงแม้ว่านาง
จะดีดเพลงไพเราะเพียงใด คนอืนก็ไม่ได้ยนิ เป็ นนางทีแพ้แล้ว ช่างเลวร้ายยิงนัก......

มู่หรงเสวียตอบรับสายตาของนาง มุมปากยกยิมน้อย ๆ คล้ายกําลังพูดว่า “ถ้าเจ้าเก่งจริ งก็ดีดเพลงทีเสี ยงสู งกว่านี


สิ กลบเสี ยงพิณของข้าให้ได้”

ฉิ นยวีเยียนดวงหน้าเรี ยบเฉยไม่พอใจ นางพบเจอกับเพลงพิณเสี ยงสู งมาก็มากมาย แต่ทีสู งเหมือนกับมู่หรงเสวีย


ตอนนีทีขนาดสามารถกลบเพลงพิณของผูอ้ ืนได้ นางเพิงได้ยนิ เป็ นครังแรก......

นางไม่สามารถทีจะกลบเสี ยงพิณของมู่หรงเสวียได้ แต่ไม่ใช่ว่านางจะไม่มีวีธีทีจะกดเสี ยงพิณของอีกฝ่ ายได้

ฉิ นยวีเยียนยกยิมน้อย ๆ ทันใดนันนางก็ยกนิวมือดีดไปทีสายพิณอีกครัง เสี ยงพิณไพเราะแฝงไว้ดว้ ยจิตรสังหาร


ส่ งไปทีมู่หรงเสวีย......
ตอนที 35 ใครแพ้ ใครชนะ
** **

นีมัน......เสี ยงสังหาร !

ดวงตาของคุณชายโอวหยางปรากฏแววเย็นเยียบ กําถ้วยชาในมือแน่ น แค่เพียงพริ บตานําชาภายในถ้วยชาก็


กลายเป็ นลูกศรนําแข็ง ลอยขึนมาเหนื อปากถ้วย เตรี ยมจะใช้ออกไปเพือช่วยเหลือมู่หรงเสวียได้ตลอดเวลา

ดวงตาของมู่หรงเสวียเปล่งประกาย อุม้ ตัวพิณโยกหลบเสี ยงพิณสังหารทีแฉลบผ่านชายเสื อของนางไป ‘ปั ง’


เสี ยงกระทบกับกําแพงของห้องดังขึนจนแตกกระจาย......

ผนังห้องปรากฏลอยลึกโค้งเป็ นทางยาวสายหนึง เผยให้เห็นอิฐสี นาตาลเทาด้


ํ านใน เป็ นความลึกทีน่ าตกใจยิงนัก
......

เห็นมู่หรงเสวียปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน แววตาของคุณโอวหยางก็เปล่งประกายวาววับอย่างยินดี พลางคลายมือ


ลง ลูกศรนําแข็งก็กลับคืนเป็ นนําชากลินหอมกรุ่ นในถ้วยดังเดิม !
ใช้พิณเป็ นอาวุธ ใช้เสี ยงเพลงสังหารผูค้ น คงกล่าวได้ว่าการบรรเลงพิณของฉิ นยวีเยียนนันเป็ นเลิศไม่เป็ นสอง
รองใคร ถ้าเกิดกระบวนท่าเมือครู่ โจมตีมาทีข้อมือของนาง บาดแผลคงจะลึกถึงกระดูก เลือดคงจะไหลไม่หยุด
จนไม่สามารถดีดพิณต่อไปได้

เมือเสี ยงพิณของนางไม่สามารถกลบเสี ยงพิณของข้าจนชนะได้ นางก็เลยใช้กระบวนท่าสังหาร ใช้วิธีการทีน่ า


รังเกียจเช่นนี โจมตีนาง งันข้าก็จะมิเกรงใจนางแล้วเช่นกัน......

มู่หรงเสวียยกยิมเย็น ยืนมือดีดไปทีสายพิณเพียงเบา ๆ ทันใดนันเสี ยงพิณไพเราะก็ดงั ก้องกังวานไปทัวทังห้อง


โถง สายพิณเส้นหนึงพุ่งออกไปตามจังหวะเพลงตอบรับเข้ากับเสี ยงสังหารทีฉิ นยวีเยียนปล่อยออกมา

“ตูม !” สายพิณปะทะกับเสี ยงสังหารจนเกิดเสี ยงดังก้องกังวาน เสี ยงสังหารแตกกระจายหายไปอย่างไร้ร่องรอย


สายพิณแหวกอากาศพุ่งกลับไปทีห้องดอกเหมย

ฉิ นยวีเยียนแววตาหดเล็กลง เพ่งมองไปด้านหน้า เห็นอีกปลายด้านของสายพิณเส้นนันยังผูกติดอยูก่ บั ตัวพิณ เมือ


สายพิณทําลายเสี ยงสังหารของนางแน่ นอนว่ามันต้องดีดกลับไปทีตัวพิณแน่

นางรู ้ว่าสายพิณมีความยืดหยุน่ แต่ไม่ว่าจะเก่งกาจแค่ไหนก็น่าจะยืดออกมาได้ไม่เกินครึ งเมตร ห้องดอกเหมยกับ


ห้องเซี ยงหลันห่ างกันอยูป่ ระมาณแปดเก้าเมตร จุดปะทะของสายพิณและเสี ยงสังหารอยูก่ ึงกลางของทังสองห้อง
พอดี เมือครู่ อย่างมากก็ถูกดีดออกมาไกลแค่เพียงสี ห้าเมตรเท่านัน มู่หรงเสวียนางช่างไม่ธรรมดานัก

นานมากแล้วทีไม่ได้เจอคูป่ รับฝี มือร้ายกาจเช่นนี ทําให้นางรู ้สึกตืนเต้นยิงนัก !


มุมปากของฉิ นยวีเยียนยกขึน คล้ายยิมคล้ายมิยมิ นิ วมือขาวราวหยกวูบไหวไปมาบนสายพิณ เสี ยงสังหารสาย
แล้วสายเล่าพุ่งออกไปตามจังหวะเพลง พุ่งโจมตีไปทางมู่หรงเสวียอย่างไม่เกรงใจ

มู่หรงเสวียย่นคิว นิวมือขาวดีดไปบนสายพิณอย่างรวดเร็ ว เสี ยงเพลงพิณทีเร้าใจตืนเต้นหลังไหลออกมา สายพิณ


แต่ละเส้นค่อย ๆ ถูกดีดพุ่งออกไปทางฉิ นยวีเยียน

‘ตูม ตูม ตูม !’ เสี ยงปะทะหลายสายระหว่างสายพิณกับเสี ยงสังหารดังขึน จิตสังหารแหลมคมหลายสายกระจาย


ออกกลางอากาศ พุ่งผ่านผนัง ราวบันได ประตูไม้ เพียงพริ บตา เศษฝุ่ นผงต่าง ๆ นา ๆ ก็ฟงกระจายไปทั
ุ้ ว
บางส่ วนพุ่งตกกระเด็นไปทีห้องโถงใหญ่

บรรดาแขกในห้องโถงใหญ่ต่างพากันลุกออกจากทีนัง แต่กม็ ิได้ออกจากโรงเตียมเยว่หยางแต่อย่างใด เพียงแต่


พากันไปยืนอยูท่ ีริ มกําแพงชะเง้อคอมองการประลองต่อไป

เสี ยงพิณไพเราะดังก้องกังวานไปทัว ตรงหน้ามีการปะทะกันระหว่างสายพิณกับเสี ยงสังหาร นอกจากการ


ประลองพิณแล้วยังเป็ นการประลองวรยุทธ์อีกด้วย น่าตืนตาตืนใจเป็ นทีสุ ด โดยทัวไปยากทีจะได้พบเจอการ
ประลองเช่นนี ทําให้ผคู ้ นได้เปิ ดหูเปิ ดตา ถึงแม้วา่ จะมีมีดกระเด็นออกมาพวกเขาก็มิอยากพลาดทีจะได้ดูชม

ฉิ นยวีเยียนค่อย ๆ ดีดสายพิณบางเบา เนือเพลงไพเราะค่อย ๆ ดังขึน ให้คนทีได้ฟังรู ้สึกหลงใหลเมามาย โดยไม่


ทันตังตัวในใจก็กลับรู ้สึกโศกเศร้าเสี ยใจไปตามเสี ยงเพลง
เสี ยงสังหารพุ่งออกตามจังหวะของเพลงพิณ ล่องลอยไปมา เสี ยงสังหารก่อนหน้าเพิงพุ่งออกไปไม่ทนั ไรก็
ตามมาด้วยเสี ยงสังหารชุดถัดมา ทีละสายทีละสายจนผูค้ นมองตามไม่ทนั ......

มือขาวนวลของมู่หรงเสวียวูบไหวไปมาบนสายพิณ เสี ยงเพลงกลายเป็ นเสี ยงสู งขึนมาอีกครัง ความเร่ าร้อนแฝง


ไว้ดว้ ยความแข็งแกร่ งของกลินอายวีระบุรุษ......

สายพิณพุ่งออกตามจังหวะของเสี ยงเพลง เส้นแสงรวดเร็ ววูบไหวไปมา ทําให้ผคู ้ นมองมิออกว่ามีสายพิณ


ทังหมดกีสายกันแน่ สายพิณคล้ายร่ ายรําไปมาระหว่างเสี ยงสังหาร ขณะเดียวกันก็ทาํ ลายเสี ยงสังหารทังหมดจน
สลายหายไป ค่อย ๆ บีบจุดปะทะไปทางฉิ นยวีเยียน......

เมือเนือเพลงใกล้จะถึงท่อนสุ ดท้าย เพลงพิณของมู่หรงเสวียยิงเล่นก็ยงเสี


ิ ยงสู งมากขึน สายพิณทีใช้ออกไปก็ยงิ
รวดเร็ วและบีบคัน นางไม่ยอมอ่อนข้อแม้แต่นิด ฉิ นยวีเยียนแววตาวูบไหว เสี ยงพิณไพเราะค่อย ๆ เร่ งขึนสู ง
กลินไอจิตสังหารคละคลุง้ ไปรอบตัวนาง แสงสี ขาวสายหนึ งพุ่งตรงไปทีมู่หรงเสวีย......

นีฉิ นวีเยียนกําลังจะใช้กระบวนท่าสังหารกับนางหรื อ ! ช่างน่ าไม่อายนัก !

แสงสี ขาวสายนีเป็ นเข็มเงิน หรื อว่ามีดสันกันแน่ ?

ไม่เป็ นไร ไม่เป็ นไร ฉิ นยวีเยียนอยากชนะนางมากขนาดนันเลยหรื อ ? นางคงไม่มีทางยอมให้เป็ นเช่นนัน


โดยง่ายแน่ !
มู่หรงเสวียปรากฏแววตาวูบไหว มือสวยดีดไปทีสายพิณ พริ บตานันสายพิณเส้นหนึ งก็พุ่งออกไป ปะทะเข้ากับ
ลําแสงสี ขาวสายนัน ลําแสงสี ขาวสายนันถูกปะทะพุ่งกลับไปอย่างรวดเร็ วดังสายฟ้ าแลบ พุ่งผ่านเลยพิณเจียว
เหว่ยไป ได้ยนิ เสี ยง ‘ตึง ตึง ตึง !’ ดังขึน สายพิณสี ขาวลําค่าขาดออกจากตัวพิณ

‘ตึง !’ เพียงพริ บตาสายพิณทีลอยอยูก่ ลางอากาศก็พ่งุ กลับไปอยูท่ ีตําแหน่งเดิมของมัน ท่อนเพลงทีจบลงอย่าง


สมบูรณ์ดงั กังวานไปทัวบริ เวณ ทําให้ผคู ้ นหลุดจากภวังค์ เพลงพิณของมู่หรงเสวียได้จบลงแล้ว

เมือมองไปทีห้องหลันเซี ยง ก็เห็นฉิ นยวีเยียนนังนิงอยูต่ รงนัน มือหยกบอบบางนิงค้างอยูก่ ลางอากาศ แข็งค้าง


มองไปยังตัวพิณเจียวเหว่ย สายพิณของพิณเจียวเหว่ยล้วนขาดออกจากกัน พันกันยุง่ เหยิงไปมาบนตัวพิณ เพลง
พิณท่อนจบอีกหลายโน้ตก็ยงั มิได้เล่นออกไป เพลงของนางยังเล่นไม่จบ และไม่สามารถทีจะเล่นจบได้แล้ว......

โรงเตียมเยว่หยางพลันเงียบสงัด เหล่าแขกเหรื อต่างมองกันไปมา แววตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง นีคือการ


เผชิญหน้าระหว่างว่าทีพระชายาเอกและว่าทีพระชายาตัวจริ งของจิงอ๋ อง ช่างตืนเต้นน่ าดูชมยิงนัก เป็ นอะไรที
พวกเขาคาดไม่ถึงเลย !

“เยียมมาก !” เสี ยงร้องชืนชมสายหนึ งดังออกมาจากฝูงชน เหล่าแขกเหรื อต่างถูกปลุกขึนจากภวังค์ ร้องชืนชม


ตืนเต้นด้วยความยินดี ทังโรงเตียมเยว่หยางกลายเป็ นครึ กครื นขึนมาทันที......

เหล่าแขกเหรื อต่างจับกลุ่มพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์กนั “การประลองพิณครังนี สรุ ปว่าใครแพ้ใครชนะงันหรื อ ?”


“ยังจะต้องถามอีกรึ ? แน่นอนว่าเป็ นองค์หญิงยวีเยียนทีพ่ายแพ้ และคุณหนูมู่หรงเสวียเป็ นผูช้ นะน่ ะสิ ......”

“ใช่แล้ว ถึงแม้วา่ เสี ยงพิณขององค์หญิงฉิ นจะไพเราะดังเสี ยงสวรรค์เพียงใด แต่เสี ยงนันก็ถูกเสี ยงพิณของ


คุณหนูม่หู รงกลบลงไปจนมิด เพลงท่อนสุ ดท้ายก็ไม่สามารถเล่นจนจบได้ นางต้องแพ้อย่างแน่นอนแล้ว......”

มู่หรงเสวียมองยิม ๆ ไปยังฉิ นยวีเยียน “องค์หญิงฉิ นมีความเห็นเช่นไรกับผลการประลองทีออกมาหรื อไม่เจ้าคะ


?”

แขกเหรื อในโรงเตียมเยว่หยางส่ วนมากล้วนไม่เข้าใจในศาสตร์ แห่ งพิณ แต่ว่าก็มีไม่น้อยทีเป็ นปราชญ์ผมู้ าก


ความรู ้ทีเข้าใจในศาสตร์แห่ งพิณ แพ้ชนะล้วนเป็ นพวกเขาทีตัดสิ นออกมา นางจะไปมีความเห็นได้อย่างไรกัน ?

“ไม่มี !” ฉิ นยวีเยียนกัดฟันตอบ ปรากฏนําเสี ยงทีไม่น่าฟังนักแฝงอยูใ่ นนําเสี ยงทีอ่อนหวานนัน

“ถ้าเป็ นเช่นนัน พิณเจียวเหว่ยตัวนันก็ตกเป็ นของข้าแล้ว !” มู่หรงเสวียขอบคุณเหล่าผูค้ นทีตัดสิ นผลการประลอง


ในขณะทีผูค้ นทัวไปต่างให้ความสนใจ นางก็ค่อย ๆ เยืองย่างออกจากห้องดอกเหมย ก้าวเท้ามาหยุดอยูต่ รงหน้า
ฉิ นยวีเยียน อุม้ พิณเจียวเหวยขึนมาอย่างสง่าผ่าเผย พูดยิม ๆ ว่า “องค์หญิงฉิ น ทรงออมมือเกินไปแล้ว !”

มองดูรอยยิมยินดีของนาง ดวงหน้าของฉิ นยวีเยียนก็ขนสี


ึ เขียวคลํา ฝ่ ามือภายใต้แขนเสื อค่อย ๆ กําแน่นเข้าหากัน
นางเป็ นถึงเซี ยนพิณเสี ยงสวรรค์แห่ งม่อเป่ ย แต่กลับมาพ่ายแพ้ในการดีดพิณครังนี ทังยังแพ้ให้กบั มู่หรงเสวียทีมี
เพียงฝี มือธรรมดาทัวไปในการดีดพิณ ช่างน่าอับอายยิงนัก......

“องค์หญิงฉิ นทรงเสี ยดายพิณเจียวเหว่ยหรื อเจ้าคะ ?” มู่หรงเสวียมองไปทีดวงตาของนางทีวูบไหวไปมา แววตา


ของมู่หรงเสวียเต็มไปด้วยความเย็นชาและเยาะเย้ย มองในมุมมองของฉิ นยวีเยียนแล้วแววตานันกําลังแสดงถึง
ความถือตนและท้าทาย ในใจของนางตอนนีเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและเกลียดชัง

พิณเจียวเหว่ยเป็ นพิณของนาง แน่ นอนอยูแ่ ล้วว่านางย่อมจะต้องเสี ยดายทีจะต้องส่ งให้คนอืนไปเปล่าๆ แต่มู่หรง


เสวียกลับชนะนางท่ามกลางสายตาของผูค้ นมากมายเช่นนี ถ้านางบอกว่าเสี ยดาย มันจะกลายเป็ นการผิดวาจา
ชาวเมืองหลวงของชิงเหยียนก็คงจะดูถูกและหัวเราะเยาะนางทีไม่ทาํ ตามสัญญาเป็ นแน่......
ตอนที 36 หึงหวง

“จะเป็ นเช่นนันได้อย่างไร ? ข้าได้กล่าวตกลงไปแล้ว เจ้าชนะการประลอง พิณเจียวเหว่ยก็ตอ้ งตกเป็ นของเจ้า”


ฉิ นยวีเยียนพูดเสี ยงเรี ยบ ท่าทางถือตน ก็แค่พิณเจียวเหว่ยตัวเดียว ถือว่าไม่เท่าไหร่

“ขอบพระทัยองค์หญิงฉิ น” มู่หรงเสวียยิมเปล่งประกาย มือบางขาวนวลรวบเอาสายพิณแต่ละเส้นขึน เลิกคิวเข้า


หากัน พูดอย่างเสี ยดายว่า “สายพิณล้วนขาดหมดแล้ว ข้านํากลับไปก็คงไม่สามารถเล่นมันได้อีก......”

“เจ้าก็ซือสายพิณเส้นใหม่ไปประกอบกับพิณเจียวเหว่ยเสี ยสิ แค่นีก็สามารถใช้มนั บรรเลงเพลงได้อีกครังแล้ว”


คุณชายโอวหยางพูดขึนบางเบา ค่อย ๆ ก้าวเดินเข้ามา

มู่หรงเสวียเลิกคิวเบา ๆ “พิณเจียวเหว่ยเป็ นพิณโบราณทีมีชือ สายพิณธรรมดา ๆ ล้วนไม่คู่ควรกับมัน ถ้าหากว่า


นําเอาไปประกอบเข้าด้วยกันเสี ยงเพลงทีบรรเลงออกมาก็คงไม่น่าฟั ง......”

มองไปทีใบหน้าเศร้าสร้อยของนาง แววตาของคุณชายโยวเจือรอยยิม พูดอย่างราบเรี ยบ “ข้ารู ้จกั กับอาจารย์ผู้


ประดิษฐ์สายพิณมีชือท่านหนึ ง จะช่วยถามเขาแทนเจ้าก็ได้ว่ามีสายพิณทีเหมาะสมกับพิณเจียวเหว่ยรึ ไม่ ?”
“ขอบพระคุณคุณชายโอวหยางเจ้าค่ะ” แววตาของมู่หรงเสวียเปล่งประกายสดใส พิณเจียวเหว่ยเป็ นพิณโบราณ
หายาก และเป็ นของทีนางชนะได้มา มันพังลงเช่นนี ก็น่าเสี ยดายนัก หาสายพิณทีเหมาะสมกับมันได้แล้วนํามัน
ออกมาเล่นบรรเลงเพลงเยาะเย้ยฉิ นยวีเยียนก็นบั ว่าเป็ นเรื องทีไม่เลว

มองไปทีใบหน้างดงามของนาง คุณชายโอวหยางก็ยกยิมหล่อเหลาขึน แววตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและ


เอ็นดู ฉิ นยวีเยียนใบหน้าเปลียนสี ไปมาทีเห็นแววตาของเขาทีจ้องมองไปยังมู่หรงเสวีย

คุณชายโอวหยางเป็ นคนทีไม่ค่อยยิมคนหนึง ตอนทีอยูม่ ่อเป่ ย เสด็จพ่อของนางเคยเรี ยกตัวเขาเข้าพบ เขาเพียงมี


ท่าทางเรี ยบเฉยเย็นชา เหตุใดกับมู่หรงเสวียเขากลับดูมีท่าทางใกล้ชิดสนิ ทสนม แถมยังมอบรอยยิมให้แก่นาง
เช่นนี

มู่หรงเสวียเป็ นผูห้ ญิงทีอีเฉิ นทิงขว้าง เป็ นว่าทีอนุ ชนตํ


ั าของวังจิงอ๋ อง คุณชายโอวหยางทีพบกับนาง น่าจะควร
รังเกียจและปฏิเสธนางสิ ?......

“องค์หญิงดูสีหน้าไม่ค่อยดีนัก เป็ นอะไรหรื อเปล่าเจ้าคะ ?” เสี ยงเรี ยบเฉยลอยเข้าหู ปลุกฉิ นยวีเยียนให้หลุดออก


จากความคิด

ฉิ นยวีเยียนขมวดคิว ตอบกลับอย่างอดกลัน “มิเป็ นไร อาจจะเหนื อยไปหน่อยเท่านัน”


แววตาไม่พอใจหายไปอย่างรวดเร็ ว แต่ก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของมู่หรงเสวียไปได้ นางยิมมุมปากเล็กน้อย “เมือ
ครู่ ทีองค์หญิงฉิ นบรรเลงเพลงพิณ คงใช้สมาธิ ไปไม่น้อย จําต้องเหนือยมากเป็ นแน่ เสี ยวเอ้อ อาหารทีข้าสังได้
แล้วรึ ยงั ? เจ้ายกมาให้องค์หญิงฉิ นแทนแล้วกัน ให้นางได้บาํ รุ งพละกําลังทีใช้ไปเสี ยหน่ อย”

มู่หรงเสวียนางกําลังเยาะเย้ยข้า หาว่าข้าใช้กาํ ลังทังหมดบรรเลงเพลงพิณแล้วก็ยงั มิอาจจะเอาชนะนางได้งนหรื


ั อ
?

แววตาเยือกเย็นของฉิ นยวีเยียนเปรี ยบดังลูกธนูคมกริ บพุ่งไปทางมู่หรงเสวีย

มู่หรงเสวียทําเป็ นมองไม่เห็น ค่อย ๆ เยืองย่างไปทีราวกันของชันสอง มองไปทางด้านล่างทีห้องโถงใหญ่


“เสมียน พวกเจ้าคํานวณค่าเสี ยหายทังหมดไม่ว่าจะเป็ นผนัง ราวบันได ประตูไม้ รวมเป็ นเงินได้เท่าไรไปเบิกเอา
ทีจวนเจินกัวโหว” นางไม่ค่อยชินทีจะพกเงินจํานวนมาก ๆ ก็คงต้องให้พวกเขาไปเบิกเอาทีจวนเท่านัน

“ขอบพระคุณคุณหนูมากขอรับ” แววตาของเสมียนเปล่งประกาย การปะทะกันระหว่างเสี ยงสังหารกับสายพิณ


นันรุ นแรงมาก ของทีถูกทําลายก็มิใช่ราคาน้อย ๆ เลย แต่ว่าฉิ นยวีเยียนเป็ นองค์หญิงม่อเป่ ย ฐานะสู งส่ ง มู่หรง
เสวียเป็ นคุณหนูแห่ งจวนเจินกัวโหว ฐานะก็สูงส่ งเช่นกัน เขาจะล่วงเกินมิได้ จึงไม่กล้ากล่าวเรี ยกร้องค่าเสี ยหาย
กับพวกนางโดยตรง

ถ้าเป็ นเช่นนันจริ ง กิจการของโรงเตียมเยว่หยางก็คงขาดทุนย่อยยับ ตอนทีเขากําลังกังวลนันกลับคาดไม่ถึงว่ามู่


หรงเสวียจะออกตัวขอรับผิดชอบค่าเสี ยหายด้วยตัวเอง ทําให้เขาหลุดพ้นจากความยากลําบากนี
“ท่านเสมียนมิตอ้ งเกรงใจ ข้าเป็ นคนทีทําให้ของเหล่านีเสี ยหาย การชดใช้คา่ เสี ยหายก็เป็ นเรื องทีสมควรแล้ว” มู่
หรงเสวียยิมน้อย ๆ อุม้ พิณเจียวเหว่ยเดินลงจากบันไดไป

ผูค้ นล้วนแหวกทางให้กบั นาง มองไปทีนางด้วยแววตาชืนชม วางตัวสู งส่ งอีกทังยังมารยาทงาม รู ้จกั กาลเทศะ


ไม่ผดิ ทีเป็ นคุณหนูแห่ งจวนเจินกัวโหว ตรงกันข้ามกับคนในห้องหลันเซี ยง ตัวเป็ นคนทําลายสิ งของก่อนแท้ ๆ
แล้วยังจะเมินเฉย......

ฉิ นยวีเยียนสี หน้าเรี ยบเฉย แววตาส่ องประกายอํามหิ ต ตอนเสี ยงสังหารสายแรกของนางได้ทาํ ลายกําแพงจนเป็ น


รอยยาวนางก็คดิ จะมอบเงินชดใช้ให้กบั เสมียนไว้แล้ว เพือต้องการแสดงความมีนาใจและความสู
ํ งส่ งของตน

คาดไม่ถึงว่า มู่หรงเสวียกลับชนะนางจนทําให้ความคิดของนางยุง่ เหยิง จึงลืมเรื องนี ไปเสี ยสนิ ท เลยถูกมู่หรง


เสวียเสนอตัวแซงหน้าออกไป “สิ งของในโรงเตียมเยว่หยางทีถูกทําลาย เป็ นข้าทีทําพังเยอะทีสุ ด ให้ขา้ เป็ นคน
ชดใช้ดูจะเหมาะสมกว่า”

มู่หรงเสวียหยุดเท้า เงยหน้ามองไปทีห้องหลันเซี ยง ยิมตาหยี “องค์หญิงฉิ นก็ได้แพ้จนต้องมอบพิณเจียวเหว่ยตัว


นีให้ขา้ ไปแล้ว ดูจะไม่เหมาะสมนักทีจะให้ท่านเป็ นคนชดใช้ค่าเสี ยหายอีก เรื องการจ่ายค่าเสี ยหาย ให้ขา้ เป็ นคน
รับผิดชอบเถอะเจ้าค่ะ เงินแค่ไม่กีพันตําลึงจวนเจินกัวโหวถือว่ายังจ่ายไหว”

รอยยิมหยิงยโสบนใบหน้าของฉิ นยวีเยียนแข็งค้าง มองไปทีมู่หรงเสวียด้วยแววตาเกรี ยวกราดถึงขนาดทีสามารถ


พ่นไฟออกมาได้ สุ ดท้ายนางก็ยงั หาโอกาสเยาะเย้ยข้า ชัวร้ายทีสุ ด !
มู่หรงเสวียมิได้สนใจท่าทางของนาง พูดอย่างช้า ๆ ว่า “องค์หญิงฉิ น ข้ายังมีธุระ คงต้องขอตัวก่อนนะเจ้าคะ หวัง
ว่าครังหน้าคงได้พบกันอีก”

หันไปกล่าวลากับฉิ นยวีเยียนแบบขอไปที มู่หรงเสวียค่อย ๆ ก้าวออกจากโรงเตียมเยว่หยาง ใบหน้างามภายใต้


แสงอาทิตย์ทีสาดส่ อง มองไม่เห็นถึงความเรี ยบร้อยเมือครู่ นางยกยิมเย็นทีมุมปาก

แผนการของฉิ นยวีเยียนไม่สามารถทําอะไรนางได้ กลับกลายเป็ นทําร้ายตัวของนางเอง ทังยังแพ้จนต้องมอบพิณ


เจียวเหว่ยให้แก่นางอีก ในใจของนางเต็มไปด้วยความสะใจ ตัวนางทีได้เยาะเย้ยฉิ นยวีเยียนอีกครา ถือเป็ นการได้
ระบายอารมณ์ทีอัดอันข้างใน......

“พิณเจียวเหว่ยหนักมากหรื อไม่ ?” เสี ยงทุม้ นุ่ มดังขึน คุณชายโอวหยางค่อย ๆ เดินเข้ามา

มู่หรงเสวียหลุดจากภวังค์ พยักหน้าเบา ๆ “ใช่หนักมาก” นางแบกมันแค่ไม่กีนาที แขนก็รู้สึกปวดไปหมดเสี ย


แล้ว

“ข้าช่วยเจ้าถือดีรึไม่ ?” คุณชายโอวหยางพูดอย่างเรี ยบเฉย

“รบกวนคุณชายโอวหยางแล้วเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียกระพริ บตา ส่ งพิณเจียวเหว่ยให้คุณชายโอวหยาง ทีนี ยัง


ห่ างไกลจากจวนเจินกัวโหวอยูไ่ ม่นอ้ ย รอจนนางอุม้ พิณเจียวเหว่ยกลับถึงจวน แขนทังสองข้างคงปวดจนยก
แทบไม่ขึนแน่ คุณชายโอวหยางมีวรยุทธ์สูง แบกพิณเจียวเหว่ยแค่นีก็คงไม่ลาํ บากเท่านางนัก
คุณชายโอวหยางทีรับพิณเจียวเหว่ยมาแล้ว ก็ส่งต่อไปด้านหลังทีว่างเปล่า

ในขณะทีมู่หรงเสวียกําลังสงสัย ทันใดนันนางก็เห็นชายในชุดเกราะอ่อนสี ขาวเหลืองปรากฏออกมาจากความ


ว่างเปล่า รับเอาพิณเจียวเหว่ยไปไว้ในมือด้วยท่าทางสบาย ๆ

มู่หรงเสวียเพ่งมองไปทีชายผูน้ นั เห็นชายผูน้ นรั


ั บเอาตัวพิณแล้วค่อย ๆเงยหน้าขึนมา แววตาคมกริ บ ดวงหน้า
หล่อเหลา ให้ความรู ้สึกหยิงทะนงเล็กน้อย

นีมิใช้องครักษ์เงาในตํานานหรอกหรื อ ? ช่างเหมือนกับภูตผี กลางวันท้องฟ้ าสว่างจ้า ไปหลบซ่ อนตัวอยูท่ ีใดกัน


?

ชายแขนเสื อสี ขาวสายหนึงเคลือนทีมาด้านหน้า บดบังสายตาของนาง เงยขึนไปมอง เป็ นแววตาลึกลําของ


คุณชายโอยหยาง เงาในดวงตาสะท้อนใบหน้าของนาง “เจ้ากําลังมองอะไร ?”

มู่หรงเสวียแววตาวูบไหวไม่เป็ นธรรมชาติ “ไม่มีอะไร เขาเป็ นองครักษ์เงาของท่านหรื อเจ้าคะ ?”

คุณชายโอวหยางตอบรับเสี ยงอืมอย่างราบเรี ยบ แววตาส่ องประกายมืดครึ ม จับข้อมือของนาง ลากเดินไป


ข้างหน้า หลังจากทีสวินเฟิ งปรากฏตัว สายตาของนางก็จบั จ้องอยูแ่ ต่ทีสวินเฟิ ง มองเขาสักนิ ดก็ไม่มี หรื อว่าสวิน
เฟิ งจะดูดีกว่าข้า ?
ความสนใจของมู่หรงเสวียตอนนี จดจ่ออยูท่ ีองครักษ์เงา มิได้สนใจสี หน้าของเขาเลยแม้แต่น้อย ถามออกไปด้วย
ความตืนเต้น “คุณชาย องครักษ์ของท่านชืออะไรหรื อเจ้าคะ ?”

“......”

“เขาอยูข่ า้ งกายท่านมานานเท่าไรแล้ว......?”

“......”

ทําไมนางจะต้องถามเกียวกับสวินเฟิ งมากมายขนาดนี สวินเฟิ งน่าสนใจมากกว่าเขาอย่างนันหรื อ ?

คุณชายโอวหยางย่นคิว หันกายมองไปทางสวินเฟิ ง

แรงกดดันไร้รูปร่ างลอยออกมา ร่ างกายของสวินเฟิ งแข็งทือ ในใจร้องเรี ยก ‘คุณชาย ไม่เกียวกับข้านะขอรับ’

คุณชายโอวหยางมองไปทีมู่หรงเสวีย เห็นนางเตรี ยมจะถามคําถามเกียวกับสวินเฟิ งอีก ใบหน้าหล่อเหลาก็พลัน


เข้มขึน พูดด้วยนําเสี ยงเย็นชาว่า “ถึงจวนเจินกัวโหวแล้ว”
ตอนที 37 แอบพลอดรัก
มู่หรงเสวียหยุดฝี เท้าลง แหงนหน้ามองไปเห็นหมู่อาคารเรี ยงรายใหญ่โตตระการตาอยูต่ รงหน้า ด้านบนประตู
หลักมีป้ายไม้สลักเป็ นตัวอักษรสี ทองสี ตัวว่า ‘จวนเจินกัวโหว’ สะท้อนกับแสงแดดเปล่งประกายวูบไหว

นางถึงบ้านแล้วจริ ง ๆ

“ขอบพระคุณคุณชายทีมาส่ งเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ รอยยิมงดงามดังมวลบุปผากําลังผลิบาน ยืนมือขาว


นวลไปทีด้านหน้าของสวินเฟิ ง เตรี ยมจะรับเอาพิณเจียวเหว่ยมาถือไว้ในมือ

แววตาของสวินเฟิ งเคร่ งขรึ ม เขาเพียงขยับกายเล็กน้อยก็หายตัวมาปรากฏอยูด่ า้ นหน้าของประตูจวนเจินกัวโหว


นําเอาพิณเจียวเหว่ยยัดใส่ มือของทหารยาม เพียงพริ บตาเดียวก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

มู่หรงเสวียกระพริ บตาปริ บ ๆ นางรู ้สึกได้อย่างชัดเจนว่าบริ เวณไม่ไกลนักมีคนสองสามคนกําลังเคลือนไหว แต่


ไม่สามารถทีจะจับทิศทางของพวกเขาได้ ดวงตาฉายแววแปลกใจ องครักษ์เงาช่างร้ายกาจไม่ผิดไปจากทีลือกัน
นัก ปรากฏตัวเพียงพริ บตาแล้วก็หายไปอย่างรวดเร็ ว ช่างคล้ายกับภูตผีทีไปมาอย่างไร้ร่องรอยโดยทีผูค้ นไม่
รู ้สึกตัว

มองไปทีดวงตาเปล่งประกายของนาง แววตาของคุณชายโอวหยางก็เปลียนเป็ นเคร่ งขรึ ม คนก็หายตัวไปแล้ว


นางยังจะมองไปยังทิศทีสวินเฟิ งจากไปอีก นีนางสนใจสวินเฟิ งขนาดนันเลยหรื อ ?
“นีเป็ นเหล้าฉยงฮวา เจ้าลองเอากลับไปดืมทีเรื อนสิ ” คุณชายโอวหยางจับมือของมู่หรงเสวีย แล้วหยิบเอาไห
เหล้าวางเข้าไปทีมือของนาง มือของเขาหนักยิงนักเหมือนกับไม่เข้าใจว่าต้องทะนุ ถนอมของเช่นไร

เมือรู ้สึกได้ถึงความเจ็บแปลบทีมือ มู่หรงเสวียก็พลันหลุดจากภวังค์ มองไปทีไหเหล้าทีถูกปิ ดผนึ กอย่างดี แล้ว


ชะงักเล็กน้อย

ก่อนหน้านี นางประลองพิณกับฉิ นยวีเยียน หลังจากนันก็ได้เจอกับองครักษ์เงาทีลึกลับ จนลืมความอยากทีจะ


ลองดืมเหล้าฉยงฮวาไปเสี ยสิ น คิดไม่ถึงว่าคุณชายโอวหยางยังคงจําได้ “ขอบคุณคุณชายมาก......คุณชาย ข้างกาย
ท่านมีองครักษ์เงาแบบนีเยอะหรื อเปล่า ?”

นางยังจะกล่าวถึงสวินเฟิ งอีกหรื อ ?

คุณชายโอวหยางขมวดคิวเข้าหากัน ตอบเพียงคําว่า “อืม” อย่างรู ้สึกหงุดหงิดใจ “ข้ามอบสวินเฟิ งให้เจ้าเลยดีรึไม่


?” เสี ยงทุม้ กัดฟันพูด

มู่หรงเสวียส่ ายหน้า “ไม่ดีกว่าเจ้าค่ะ รอบกายข้าไม่มีเรื องจําเป็ นอะไรทีจะต้องใช้องครักษ์เงาทีร้ายกาจเช่นนัน


ข้าเพียงแค่รู้สึกสนใจการไปมาไร้ร่องรอยของพวกเขาเท่านัน”

ทีแท้คุณหนูม่หู รงมิได้สนใจในตัวเขา แต่มีความสนใจในองครักษ์เงาต่างหาก !


ผูท้ ีติดตามอยูใ่ นเงามืดอย่างสวินเฟิ งถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก โชคดียงนั
ิ กทีนางพูดออกมาอย่างชัดเจน
ไม่เช่นนันถ้ากลับวังไปเขาคงไม่ตายดีแน่

แววตามืดครึ มของคุณชายโอวหยางสลายหายไปทันใด ดวงตากลับคืนสู่ ความสุ ขมุ เยือกเย็นดังเดิม กล่าวเพียง


บางเบา “การซ่ อนตัวขององครักษ์เงาถือเป็ นทักษะทีพิเศษยิงนัก ถ้าเจ้าสนใจอยากจะดูชม ก็ไปดูทีวังเซี ยวเหยา
อ๋ องได้ทุกเมือ”

“ขอบคุณคุณชายมากเจ้าค่ะ !” มู่หรงเสวียยิมสดใส วรยุทธ์ในยุคโบราณล้วนซับซ้อนและลึกซึ ง ได้มองดูบ่อย ๆ


ก็มิเลวนัก......

กลินหอมไผ่ทีลอยกระทบเข้ากับจมูก ทําให้นางหวนนึ กถึงอาการป่ วยของตัวเอง “คุณชาย ท่านยังเหลือบัวอัคคี


อีกกีเม็ด ? ถ้าหากท่านไม่วา่ อะไรจะขายให้ขา้ ทังหมดได้รึไม่ !”

ร่ างกายของนางถูกพิษเยือกแข็ง จําเป็ นต้องใช้บวั อัคคีเพือรักษาชีวิต นางมิได้คาดหวังในบัวอัคคีทีเย่อเฉิ


ี นมี ส่ วน
บัวอัคคีทีปรากฏอยูภ่ ายนอกอืน ๆ ก็ถูกจวนเจินกัวโหวกว้านซื อมาหมดแล้ว ซึ งทังหมดล้วนถูกทําลายลงด้วย
ฝี มือของคนของเย่อีเฉิ นไปหมดแล้วเช่นกัน จนถึงบัดนี คงเหลือเพียงบัวอัคคีของคุณชายโอวหยางเท่านัน

มองแววตาทีเต็มไปด้วยความคาดหวังของนาง ดวงตาของคุณชายโอวฉายแววอย่างเห็นใจ หยิบเอาขวดยาสี ขาว


ในแขนเสื อ ส่ งไปให้นาง “แต่เดิมข้ามีบวั อัคคีสามเม็ด เมือคืนเจ้าใช้ไปแล้วหนึ งเม็ด ตอนนี เหลือสองเม็ด สอง
เม็ดนี ข้ามอบให้เจ้า”
“ขอบคุณคุณชายมากเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียรับเอาขวดยามา หลังจากทีมือขาวสัมผัสกับขวดยา นางค่อย ๆ ขมวดคิว
เข้าหากันเล็กน้อย เหลือเพียงแค่สองเม็ด พิษเยือกแข็งของนางนันมักจะกําเริ บไม่เป็ นเวลา ทุกครังทีกําเริ บจะต้อง
ใช้บวั อัคคี สองเม็ดนี ไม่มีทางพอแน่

“คุณชาย ท่านรู ้จกั ต้นตีหยางรึ ไม่เจ้าคะ ?”

“ต้นตีหยาง ?” ดวงตาของคุณชายโอวหยางมีแววตาประหลาดใจ แต่เพียงแค่พริ บตาเดียวก็ค่อยกลับกลายเป็ น


ปกติ กล่าวตอบเสี ยงราบเรี ยบ “เคยได้ยมิ มาบ้าง ทําไมเจ้าจึงถามถึงมันหรื อ ?”

แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหว “พิษเยือกแข็งเป็ นพิษทีมีพลังสายหยินแกร่ งกล้ามาก จึงต้องใช้บวั อัคคีทีมี


สรรพคุณของพลังหยางแกร่ งกล้ามาช่วยยับยัง แต่ว่าต้นตีหยางก็เป็ นตัวยาสายหยางเช่นเดียวกัน สรรพคุณ
ค่อนข้างใกล้เคียงกับบัวอัคคี ข้าจึงกําลังคิดว่าจะใช้มนั แทนบัวอัคคีได้รึไม่......”

คุณชายโอวหยางขมวดคิว “สรรพคุณต้นตีหยางก็แค่เป็ นตัวยาสายหยางธรรมดา แต่ไม่แกร่ งกล้ามากนัก ถ้าเป็ น


พิษสายหยินธรรมดามันคงพอจะขับพิษได้ แต่เมือเจอกับหยินสุ ดขัวอย่างพิษเยือกแข็ง สรรพคุณของมันยังคง
ต่างจากบัวอัคคีสองถึงสามขัน......”

“ท่านรู ้จกั ต้นตีหยางดีเช่นนันเลยหรื อ !” มู่หรงเสวียมองไปทางคุณชายโอวหยาง ดวงหน้าคล้ายยิมคล้ายมิยมิ

คุณชายโอวหยางกระแอมไอเบา ๆ หนึงครัง “ข้าอ่านเจอโดยบังเอิญน่ ะ......ว่าแต่ว่าทําไมเจ้าถึงรู ้จกั ต้นตีหยางได้


?”
"ข้าก็อ่านเจอในหนังสื อเหมือนกัน” แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหวไม่เป็ นธรรมชาติ แต่นางอ่านเจอในวารสาร
การแพทย์ยคุ ปั จจุบนั คาดไม่ถึงว่าในยุคโบราณทีไม่ปรากฏในประวัติศาสตร์ กม็ ียาชนิ ดนี เช่นเดียวกัน

“สรรพคุณของต้นตีหยางด้อยกว่าบัวอัคคีอยูห่ ลายส่ วนนัก ตอนทีพิษกําเริ บ ถึงแม้เจ้าจะใช้มนั แต่ความทรมานที


ได้รับก็ยงั คงมากอยูด่ ี” คุณชายโอวหยางกล่าวเสี ยงตํา แววตาเต็มไปด้วยความเคร่ งขรึ ม

พิษกําเริ บก็ทรมานมากพออยูแ่ ล้ว ผูห้ ญิงทนความเจ็บปวดขนาดนันได้ก็ถึงขีดจํากัดแล้ว ถ้าให้เพิมความเจ็บปวด


เข้าไปอีก คงไม่ต่างอะไรกับตายทังเป็ น

มู่หรงเสวียไม่แยแส “ไม่เป็ นไรเจ้าค่ะ แค่ตน้ ตีหยางสามารถสกัดพิษเยือกแข็งไว้ได้และสามารถรักษาชีวิตของข้า


เอาไว้ได้ก็พอแล้ว” ตอนพิษกําเริ บก็แค่เจ็บปวดเท่านัน ดีกว่าจะต้องทิงชีวิต

แววตาของคุณชายโอวหยางเป็ นกังวล “วังจิงอ๋ องมีบวั อัคคีมากมาย ถ้าเจ้าไปหาเย่อีเฉิ น......”

“ถึงตายข้าก็ไม่ไปหาเขา !” มู่หรงเสวียขึนเสี ยงตัดบท แววตาเต็มไปด้วยความเย็นชาและความรังเกียจ

คุณชายโอวหยางค่อย ๆ ยกยิมขึนทีมุมปาก ดวงตาสี ดาํ ทอประกายอย่างยินดี ดูสง่างามดึงดูดผูค้ น “ข้าจะดูเรื อง


ต้นตีหยางให้เจ้าแล้วกัน ถ้ามีขา่ วคราวอะไร จะรี บบอกเจ้าทันที”
“ขอบคุณคุณชายมากเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ ต้นตีหยางไม่ได้ขนที
ึ หวินหนาน ถึงเย่อีเฉิ นจะมีอาํ นาจมากแค่
ไหนก็ไม่มีทางผูกขาดมันเอาไว้ได้......

“มู่หรงเสวีย เจ้ายังมีหน้ากลับมาอีกหรื อ ?” เสี ยงแหลมสู งของหญิงสาวดังขึนมาจากด้านหลัง มู่หรงเสวียหันกาย


กลับไปมอง เห็นซ่ งชิงเหยียนกําลังยืนเอามือไขว้หลัง ก้าวเดินด้วยท่าทางหยิงยโสมุ่งตรงมาทีนาง ปิ นปั กผมลาย
ผีเสื อสี ทองสันไหวตามการก้าวเท้า

“ทีนี เป็ นบ้านของข้า ทําไมข้าถึงจะไม่กล้ากลับมา ? แต่เจ้าต่างหากมีจวนอู่อนั โหวให้อยูด่ ี ๆ กลับไม่อยู่ มา


วุ่นวายทีจวนเจินกัวโหวของข้าทําไม ? จะมาขอเครื องประดับอีกหรื อ ? เสี ยใจด้วยนะสิ นเดิมของแม่ขา้ ตอนนี
ล้วนเป็ นข้าทีดูแล เจ้าอย่าได้หวังอีกเลย”

ซ่งชิงเหยียนทีถูกกล่าววาจาบริ ภาษ ดวงหน้าพลันขึนสี แดงกํา จ้องเขม็งไปทีมู่หรงเสวีย “ใครอยากได้สินเดิม


ของแม่เจ้ากัน ? ทีนี เป็ นบ้านของท่านยายข้า ข้าก็แค่มาเยียมท่านยายของข้าเท่านัน และก็โชคดีทีข้าได้มาทีจวน
ั าคงมิรู้ว่าเจ้าไปก่อเรื องอะไรไว้บา้ ง ท่านพีตูเ้ ฉิ งเจียงเป็ นหลานชายของจวนตระกูลตู ้ ได้รับ
เจินกัวโหว ไม่งนข้
การดูแลเอาใจใส่ จากจวนตระกูลตูเ้ ป็ นอย่างดี แต่เจ้ากลับกล้าทําร้ายเขาจนได้รับบาดเจ็บ เตรี ยมตัวรอรับโทษ
หนักเสี ยเถอะ !”

“พูดจบแล้วหรื อยัง ? ถ้าพูดจบแล้วก็เชิญไสหัวไปได้แล้ว !” มู่หรงเสวียพูดเรี ยบเฉย ชัดเจนว่าไม่ได้เห็นนางอยู่


ในสายตาเลยแม้แต่น้อย

“เจ้า !” ซ่ งชิงเหยียนอารมณ์พุ่งสู ง แววตาเต็มไปด้วยความเกรี ยวกราดจนกันอารมณ์ไว้ไม่อยู่ พูดโพล่งขึนเสี ยงดัง


“ท่านพีเฉิ งเจียงกลับไปทีจวนตังนานแล้ว ทําไมเจ้าเพิงจะกลับมาเอาป่ านนี ? ไม่ใช่ว่ามัวแต่แอบไปพลอดรักกับ
ผูช้ ายอยูห่ รอกนะ?......”

หางตาเหลือบเห็นปลายแขนเสื อสี ขาว ซ่ งชิงเหยียนจึงเงยหน้าขึนทังทีสี หน้ายังคงเกรี ยวกราด พริ บตานันดวงตา


ของนางกลับเบิกกว้างขึน......
ตอนที 38 สังสอนลูกพีลูกน้ องหญิง
ภายใต้แสงอาทิตย์ทีสาดส่ อง ชายหนุ่ มร่ างกายสู งโปร่ ง ให้ความรู ้สึกสู งส่ งสง่างาม ชุดสี ขาวราวหิ มะยาวเรี ยบ
ตรง คิวงามได้รูป แววตาลําลึก ดวงหน้าหล่อเหลางามสง่าดังภาพเขียนจนมิอาจทีจะละสายตาได้

เขาคือ......คุณชายโอวหยาง !

นางเคยเห็นเขาเมือตอนทีผ่านทางวังเซี ยวเหยาอ๋ องอยูไ่ กล ๆ เป็ นชายหนุ่ มตรงหน้านี ไม่ผดิ แน่

“คาราวะคุณชายโอวหยางเจ้าค่ะ” ซ่ งชิงเหยียนรี บยอบกายทําความเคารพ หัวใจดวงน้อย ๆ เต้นดังขึนอย่างไม่


เป็ นจังหวะ ดวงหน้าแฝงไว้ดว้ ยความเขินอายจนขึนสี แดงไปเสี ยทังหน้า การได้พบคุณชายโอยหยางทีนี ช่างเป็ น
พรหมลิขิตที......

คุณชายโอวไม่ปรายตามองนางแม้แต่นอ้ ย มองตรงไปทางมู่หรงเสวีย “นางเป็ นใครหรื อ ?”

มู่หรงเสวียลูบคางเบา ๆ สี หน้าเรี ยบเฉย “ข้าก็ไม่รู้จกั เช่นกัน”

“นีเจ้า !” ซ่ งชิงเหยียนยืดหลังตรง มองไปทางมู่หรงเสวียด้วยแววตาเกรี ยวกราด “ข้าเป็ นคุณหนูแห่ งจวนอู่อนั


โหว เติบโตมาพร้อมกับเจ้า น้องชิงเหยียนลูกพีลูกน้องของเจ้าไง เจ้ายังจะกล้าบอกว่าไม่รู้จกั กับข้าอีกอย่างนันรึ !
?”
“คุณหนูจวนโหวควรจะเรี ยบร้อยอ่อนหวาน และมีคุณธรรมอันสู งส่ ง จะไปเหมือนกับเจ้าทีดือด้านขีโวยวายได้
อย่างไรกัน ?” มู่หรงเสวียเยาะเย้ยนาง ดวงตาฉายแววดูถูกเล็กน้อย

“เจ้า !” ซ่ งชิงเหยียนถลึงตาใส่ ม่หู รงเสวีย โกรธจนพูดไม่ออก

สวินเฟิ งปรากฏตัวขึนด้านหลังของคุณชายโอวหยาง กระซิ บเตือนเสี ยงเบา “คุณชาย จะยามเว่ย (ประมาณบ่าย


โมงถึงบ่ายสามโมง) แล้วขอรับ”

คุณชายโอวหยางตอบรับเบา ๆ มองไปทางมู่หรงเสวียด้วยสายตาอ่อนโยน “เสวียเอ๋ อร์ ข้าต้องไปทําธุระก่อน


แล้ว”

มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ “เชิญคุณชายตามสบายเจ้าค่ะ”

คุณชายโอวหยางหันหลังกลับ ค่อย ๆ เดินไปตามทางเดิน ห่ างไกลออกไปจนลับสายตา

ซ่งชิงเหยียนยืนนิงค้าง ยังคงไม่สามารถทีจะดึงสติกลับมาได้ คุณชายโอวหยางกลับไปทังทียังมิได้หันมามองนาง


เลยสักครังเดียว แม้แต่คาํ พูดสักคําก็ยงั ไม่มี......
“ทหารหลี ช่วยข้าเอาพิณเจียวเหว่ยไปเก็บทีเรื อนหิ มะโปรยที” เสี ยงราบเรี ยบของมู่หรงเสวียกระทบเข้าหู ซ่ งชิง
เหยียนถึงได้หลุดจากภวังค์ แววตากลายเป็ นเกรี ยวกราด “มู่หรงเสวีย เจ้ามีคู่หมันคู่หมายอยูแ่ ล้ว โปรดระวังฐานะ
ของตน......”

คุณชายโอวหยางเรี ยกมู่หรงเสวียว่าเสวียเอ๋ อร์ นางได้ฟังชัดเจนเต็มสองรู หูไม่ผิดแน่ คุณชายเป็ นคนทีมีฐานะ


สูงส่ ง ไม่ควรทีจะมายุง่ เกียวกับคนทีหมันหมายแล้วเช่นนี มู่หรงเสวียจะต้องใช้มารยาไปยัวยวนเขาอย่างแน่ ......

“เรื องของข้า มันไม่ใช่หน้าทีของเจ้าทีจะต้องมายุง่ วุ่นวาย ดูแลตัวเองให้ดีเสี ยก่อนเถอะ” มู่หรงเสวียต่อว่าอย่าง


เย็นชา จนซ่ งชิงเหยียนทีได้ยนิ ยิงรู้สึกโมโห “ถ้าคนทีเจ้าไปยุง่ เกียวมิใช่คุณชายโอวหยาง ข้าก็คร้านทีจะสนใจ !”

“อ้อ เจ้าชอบคุณชายโอวหยางอย่างนันหรื อ ? แต่น่าเสี ยดายนะ ทีเขาไม่ได้ชอบเจ้า......” มู่หรงเสวียเลิกคิว คล้าย


ยิมคล้ายมิยมิ นางไม่รู้หรอกว่าคุณชายโอวหยางชอบผูห้ ญิงแบบไหน แต่นางมันใจว่าคงไม่ใช่คนขีโวยวายแบบ
ซ่งชิงเหยียนแน่นอน ทังโง่งมทังเอาแต่ใจ......

ซ่งชิงเหยียนเมือถูกแทงใจดํา ดวงหน้าก็ขึนสี แดงกํา ถลึงตามองไปทีมู่หรงเสวีย พูดเน้นทีละคํา“คุณชายโอวห


ยางก็ไม่ได้ชมชอบเจ้า หยุดทําตัวเป็ นหญิงใจง่าย......”

มู่หรงเสวียยิมเยาะ “ข้ารู ้ในฐานะตนเองดี ไม่เหมือนใครบางคนทีชอบฝันกลางวัน ชีมือชีไม้ยงุ่ วุ่นวายกับสิ งของ


ทีไม่ใช่ของของตน !”
“มู่หรงเสวีย เจ้ากล้าดูถูกข้า !” สี หน้าของซ่ งชิงเหยียนฉายแววเคียดแค้น ดวงตาเต็มไปด้วยไฟแห่ งความเกรี ยว
กราดจนแทบจะสามารถเผาหญิงตรงหน้าให้แหลกเป็ นจุลได้

“ข้าก็มิได้พดู ชือพูดแซ่ ทําไมเจ้าต้องร้อนตัวด้วยล่ะ ?” มู่หรงเสวียพูดขึนเนิ บ ๆ หมุนกายเดินไปทางเรื อนของตน


แววตาดูถูกและถือตนนันเหมือนไม่ได้เห็นซ่ งชิงเหยียนอยูใ่ นสายตาเลย

ซ่งชิงเหยียนแววตาแค้นเคืองจนดูน่ากลัว วิงไปยังด้านหน้าของมู่หรงเสวีย ออกแรงผลักไปทีนางอย่างจงใจ

มู่หรงเสวียแววตาเปล่งกระกายชัววูบหนึ ง นางหลีกกายไปด้านข้าง มือของซ่ งชิงเหยียนทีคว้าได้แต่อากาศว่าง


เปล่า บวกกับทีใช้แรงผลักเยอะจนเกินไปจึงทําให้นางเสี ยหลักจนลืนล้มตกบันไดลงไปด้านล่างเสี ยเอง

“โอ๊ย !” เสี ยงกรี ดร้องดังขึนอย่างเจ็บปวด ทําเอาเหล่าทหารยามล้วนแต่สะดุง้ ตกใจ พากันหันมามอง ก็เห็นซ่ งชิง


เหยียนทีล้มลงไปอยูก่ บั พืนแข็งด้านล่าง เสื อผ้ายับยูย่ ี ผมเผ้ายุง่ เหยิง ทีบริ เวณแขนปรากฏรอยเขียวม่วงฟกชํา
อย่างละดวง น่ าเวทนายิงนัก

ซ่งชิงเหยียนเจ็บปวดไปทัวทังร่ าง นางใช้แรงทังหมดทีมีก็ยงั ไม่สามารถลุกขึนมาได้ ได้แต่นงอยู


ั อ่ ย่างนัน จ้องไป
ยังมู่หรงเสวียอย่างโกรธเกลียด “มู่หรงเสวีย เจ้ากล้าผลักข้า......”

มู่หรงเสวียโบกมือตัดบทนาง มองไปทางนางอย่างผูอ้ ยูเ่ หนื อกว่า “คุณหนูซ่ง คําพูดไม่ควรพูดออกมาโดยไม่


ไตร่ ตรอง เป็ นเจ้าทีไม่ระวังจนพลัดตกบันไดไปเอง ไม่มีอนั ใดเกียวกับข้า เหล่าทหารยามล้วนเห็นชัดเจน เจ้าอย่า
หวังว่าจะโยนความผิดให้ขา้ ......”
ซ่งชิงเหยียนแววตาหลุกหลิกไม่เป็ นธรรมชาติ กล่าวท้าทายขึนเสี ยงแหลม “ทหารยามล้วนเป็ นคนของจวน
เจินกัวโหว เจ้าสังให้ไม่พูด ไหนเลยพวกเขาจะกล้าพูด.....”

นอกจากจะกลันแกล้งมู่หรงเสวียไม่สาํ เร็ จแล้ว นางยังกลายเป็ นคนทีอับอายเสี ยเอง นางไม่มีทางทีจะยอมรับว่า


ลืนล้มเองแน่ นางจะต้องโยนความผิดใส่ ตวั มู่หรงเสวียให้ได้ ให้นางถูกลงโทษหนัก ๆ เป็ นการแก้แค้น

“ก็จริ ง” มู่หรงเสวียพยักหน้าคิดตาม “เจ้ากับข้าก็ไม่ถูกกันมาแต่ไหนแต่ไร ชาวบ้านในเมืองหลวงก็รู้กนั ทัวว่า


พวกเรานันไม่ถูกกัน เพียงแค่เจ้าตะโกนดัง ๆ ว่าข้าผลักเจ้า ถึงคนทีฉลาดหน่อยจะรู ้ว่าข้าบริ สุทธิ แต่คนอืน
อาจจะไม่คิดเช่นนันก็ได้ ทหารจาง ไปเอาตัวขึนคุณหนูซ่งขึนมา......”

“ขอรับ !” ในหัวของทหารจางเต็มไปด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่ามู่หรงเสวียต้องการทีจะทําอะไร แต่ก็ยงั เดินกํา


มือไปทางซ่ งชิงเหยียน

ทหารจางร่ างกายสู งใหญ่ แค่เขาเข้าใกล้เพียงนิ ด แรงกดดันอันรุ นแรงก็กดทับร่ างนางเสี ยแล้ว ซ่ งชิงเหยียน


ร่ างกายแข็งทือ รี บกล่าวขึนอย่างร้อนรน “มู่หรงเสวีย เจ้าจะทําอะไร ?”

“ก็เจ้ากล่าวหาว่าข้าผลักเจ้า ข้าก็จะผลักเจ้าจริ ง ๆ นี อย่างไร เอาความผิดมาไว้ทีตัวเสี ยเลย จะได้ไม่ตอ้ งโดนเจ้าใส่


ร้ายเสี ยเปล่า ๆ ว่าแต่บนั ไดหิ นสามสี ขันพวกนี จะนับว่าไม่สูงก็ไม่สูง จะนับว่าเตียก็ไม่เตีย ข้าเองก็กะแรงไม่ค่อย
ถูกนัก ถ้าเกิดพลาดพลังผลักเจ้าจนล้มแล้วเจ้าพิการขึนมา อย่างไรก็ตอ้ งขออภัยด้วย” มู่หรงเสวียยิมสดใส พูด
เหมือนกับเป็ นเรื องปกติธรรมดา
ซ่งชิงเหยียนได้ฟังถึงกับกลันหายใจไปชัวครู่ กลืนนําลายไปเสี ยอึกใหญ่ มู่หรงเสวียจะอํามหิ ตและร้ายกาจ
เกินไปแล้ว ตัวนางเองแค่จะใส่ ร้ายนางเพียงเล็กน้อยเท่านัน แต่นางถึงกลับจะผลักข้าจนพิการจริ ง ๆ ......

เมือมองเห็นทหารยามแซ่ จางทีค่อย ๆ เดินมาตรงหน้าของนาง นางจึงรี บร้องขึนอย่างร้อนรน “เป็ นข้าทีตกบันได


เอง ไม่เกียวกับพีเสวียเอ๋ อร์เลยสักนิ ดเดียว !”

ช่วงนี มู่หรงเสวียอยู่ ๆ ก็กลายเป็ นคนโหดเหี ยมขึนมา ทีนางพูดว่าจะผลักนางล้มจนกลายเป็ นคนพิการ นางก็คง


จะทําจริ ง ๆ พอถึงตอนนันนางค่อยมาเรี ยกร้องก็คงจะสายไปแล้ว

มู่หรงเสวียเลิกคิวเบา ๆ แล้วกล่าวเยาะเย้ย “ทําไม่นอ้ งซ่ งเอ๋ อร์ถึงกลับคําพูดเสี ยล่ะ ? ไม่ใช่ว่าล้มจนสมองเลอะ


เลือนไปแล้วหรื อ ?”

“มิใช่ มิใช่ !” ซ่ งชิงเหยียนส่ ายหน้ากระวนกระวาย ร้องเสี ยงดังอย่างร้อนรน “ตอนนี ชิงเหยียนรู ้สึกปกติดี ชิงเห
ยียนแค่ไม่ระวังจนลงตกบันไดเอง ไม่เกียวกับผูใ้ ดเลย”

“เป็ นเช่นนันเองหรื อ ? ถ้าเช่นนันทหารจางท่านกลับมาประจําทีเถอะ ไม่ตอ้ งไปสนใจน้องชิงเหยียน” มู่หรงเสวีย


พยักหน้าอย่างเต็มใจ ค่อย ๆ หันกายเดินกลับเข้าไปในจวนเจินกัวโหว ซ่ งชิงเหยียนก็แค่ปลาซิ วปลาสร้อย นางขี
เกียจจะไปเปลืองนําลายกับนางมากนัก นางจะต้องเหลือแรงเอาไว้ต่อกรกับนางจิงจอกเฒ่าในจวนเจินกัวโหวต่อ

มองร่ างของนางทีค่อยไกลออกไป แววตาของซ่ งชิงเหยียนก็เต็มไปด้วยไฟแค้นจนมาตรว่าสามารถเห็นเป็ น


ตัวอักษรสามตัวได้ มู่**-หรง-เสวีย !**
ตอนที 39 กระอักเลือด
แสงอาทิตย์เปล่งประกายลอดผ่านแมกไม้ส่องกระทบเข้ากับทางเดินหิ นสี ดาํ ทําให้เกิดเส้นแสงหลายสายดู
อบอุ่น มู่หรงเสวียทีค่อย ๆ ก้าวเท้าภายใต้เส้นแสง ในมือถือไหเหล้าฉยงฮวา นางเดินไปตามทางอย่างไม่รีบร้อน
นัก

“มู่หรงเสวีย !” เสี ยงเกรี ยวกราดทีคุน้ เคยดังขึน มู่หรงเสวียหันมองไปก็เห็นหญิงแซ่ตูก้ บั ชายวัยกลางคนอายุ


ประมาณสามสิ บกว่า ๆ เดินมาทางนางอย่างเกรี ยวกราด ด้านหลังของทังสองตามมาด้วยขบวนสาวใช้จาํ นวนสิ บ
กว่าคนได้

ชายวัยกลางคนนันนางรู ้จกั เขาคือตูอ้ ี เป็ นหลานชายของหญิงเฒ่าแซ่ ตูพ้ ่อของตูเ้ ฉิ งเจียง ตอนนี ดํารงตําแหน่ งเป็ น
ขุนนางกรมพิธีการไท่ฉางซื อ ขุนนางระดับสี ขันหนึง

มู่หรงเสวียยกยิมเย็น มากันได้เร็ วดีนี คาดว่าพอนางก้าวเท้าเข้าจวนโหว หญิงแซ่ ตกู ้ ็คงทราบการมาถึงของนาง


ทันที แถมยังยกโขยงเหล่าคนรับใช้มาเพือหวังทีจะกดดันนางเสี ยด้วย “ท่านย่า ขุนนางตู ้ พากันมาใหญ่โต
เอิกเกริ กเยียงนี มิทราบว่าจะมาไต่สวนหรื อตัดสิ นโทษกันเจ้าคะ ?”

“มู่หรงเสวีย เจ้ามิตอ้ งมาโยกโย้ เจ้าทําร้ายตูเ้ ฉิ งเจียงจนบาดเจ็บสาหัส เกิดเรื องเช่นนีจริ งรึ ไม่ ?”หญิงเฒ่าแซ่ ตู้
กล่าวถามขึนเสี ยงดัง
มู่หรงเสวียเลิกคิวเล็กน้อย มาถึงก็เริ มไต่สวนกันเลยหรื อ ? พูดจาทักทายเป็ นพิธีสักนิดก็ไม่มี ดูเหมือนว่าจะพา
กันรอนางจนทนแทบไม่ไหวแล้ว เช่นนันนางก็คงต้องให้ความร่ วมมือเสี ยหน่อย “เป็ นเขาทีมาล่วงเกินข้าก่อน
ข้าถึงลงมือสังสอนเขา......”

“ไร้สาระ ! ตูเ้ ฉิ งเจียงเป็ นพีชายของเจ้า มีเหตุผลใดทีเขาจะต้องล่วงเกินเจ้า ?” แซ่ ตูก้ ล่าวเสี ยงดังตัดบทมู่หรงเสวีย


นางไม่มีทางเชือคําแก้ตวั ของนางแน่

“ตูเ้ ฉิงเจียงเป็ นท่านทีเลียงดูมา ความเจ้าชูเ้ สเพลของเขา ท่านเองก็คงจะทราบดี เห็นหญิงงามเข้าหน่ อยเป็ นมิได้


จะต้องเข้าไปเกียวพาราสี นี ไม่ใช่เรื องทีเขากระทําเป็ นประจําหรอกหรื อเจ้าคะ ?” มู่หรงเสวียคล้ายยิมคล้ายมิยมิ
มองไปทางนางด้วยแววตาเยาะเย้ย

หญิงแซ่ ตูช้ ะงัก มองดูม่หู รงเสวียอย่างพินิจพิเคราะห์ เส้นผมของนางเรี ยบตรง ดวงหน้างดงามโดดเด่น เพียงแค่


ใบหน้างดงามนันก็คงไม่ตอ้ งกล่าวแล้วว่าตูเ้ ฉิ งเจียงเช้าชูห้ รื อไม่เจ้าชู้ “ถ้าหากตูเ้ ฉิ งเจียงล่วงเกินเจ้าจริ ง เจ้าแค่ต่อ
ว่าเขาเพียงเล็กน้อยก็น่าจะเพียงพอแล้ว เหตุใดจะต้องลงมือรุ นแรงด้วย ? เจ้ารู ้รึไม่ว่าตูเ้ ฉิ งเชียงถูกเจ้าเตะจน
เกือบจะใช้การไม่ได้แล้ว ?......”

“วางใจได้เจ้าค่ะ ไม่ว่าตูเ้ ฉิ งเจียงจะล่วงเกินหม่อมฉันมากน้อยเพียงใดก็ถือว่าเป็ นญาติพีน้องกัน ข้าไม่มีทางลงมือ


กับเขาอย่างรุ นแรงจนถึงขันพิการหรอกเจ้าค่ะ เพียงแค่ตอ้ งการให้เขาจดจําเรื องนีไปนาน ๆ จะได้ไม่กล้ามา
ล่วงเกินข้าอีก”

ตูเ้ ฉิงเจียงเป็ นหลานชายสายตรงของตระกูลตู ้ ถ้าหากทําให้เขาพิการขึนมา แน่นอนว่าตระกูลตูจ้ ะไม่มีทางลามือ


ไปโดยง่ายแน่ ๆ นางมิได้กลัวแผนการของตระกูลตู ้ แต่ตอนนี อํานาจของนางยังมีไม่มากพอ อีกทังยังกําพร้าพ่อ
แม่ หญิงเฒ่าแซ่ ตเู ้ องก็กาํ ลังหาโอกาสจับผิดนาง คงเตรี ยมทีจะจัดการนางจนถึงตายแน่ แน่ นอนว่านางไม่มีทาง
ยอม

มองท่าทางไม่ทุกข์ไม่ร้อนของมู่หรงเสวีย สี หน้าของตูอ้ ีก็ฉายแววดุดนั สบถขึนด้วยความไม่พอใจ “เจ้าทําร้าย


คนจนบาดเจ็บสาหัส นอกจากจะยังไม่สาํ นึ กแล้วยอมรับผิด เจ้ายังจะมีหน้าโต้เถียงอ้างเหตุผลต่าง ๆ นา ๆ ช่างไร้
การอบรมสังสอน......”

“หุ บปาก ! ถึงข้าจะไร้การอบรมสังสอน แต่ก็มิใช้หน้าทีของท่านทีจะมาวุ่นวาย” มู่หรงเสวียกล่าวตัดบทมองไป


ทางเขาอย่างเย็นชา “กลับกันท่านขุนนางตู ้ เคยได้ยนิ คําว่า ‘พ่อแม่รักแกฉัน’ รึ ไม่เจ้าคะ ? ตูเ้ ฉิ งเจียงตกอยูใ่ น
สภาพเช่นนี ล้วนเกิดมาจากท่านทังสิ น ท่านควรจะดีใจทีคนทีสังสอนเขาเป็ นข้า มิใช้เหล่าบรรดาองค์หญิง มิ
เช่นนันตอนนีเขาคงกลายเป็ นขันทีไปแล้ว หรื อไม่บางทีกอ็ าจจะถูกขังจนตายอยูใ่ นคุกของกรมยุติธรรมไปแล้ว
......”

ตูอ้ ีสําลักความโมโห “เจ้า......”

“เป็ นท่านเองทีไร้ความสามารถ สังสอนลูกตัวเองไม่ดี ข้าสังสอนแทนท่าน ให้เขาได้รับบทเรี ยน และเลิกก่อ


ความวุ่นวาย ท่านไม่ขอบคุณข้าก็ไม่ว่าอะไร แต่ท่านกลับกล้ามาดูถูกข้า......” มู่หรงเสวียมิได้พดู ต่อให้มากความ
กวาดสายตามองตูอ้ ี แล้วหันหน้าหนี ไปทางอืน ท่าทางชัดเจนยิงกว่าคําพูด

“ดี !” ตูอ้ ีแทนทีจะเกรี ยวกราดกลับยิม แต่แววตาของเขายังเต็มไปด้วยไฟโกรธ “วาจาของเจ้าช่างร้ายกาจยิงนัก


พลิกลินลืนไหล ความสามารถกลับขาวเป็ นดํา ในแผ่นดินนีคงไม่เป็ นสองรองใคร......”
“ข้าก็แค่กล่าวความจริ งเพียงเท่านัน ตรงไหนทีข้ากลับขาวเป็ นดําหรื อเจ้าคะ ?” มู่หรงเสวียมองไปทีเขาอย่างเยาะ
เย้ย แววตาดูถูก “ขุนนางตูท้ าํ ใจรับฟังความจริ งไม่ได้ก็มิแปลก เป็ นสัจธรรมทีคําว่ากล่าวติเตียน ผูค้ นล้วนไม่
อยากจะรับฟัง โลกก็เป็ นเช่นนี ผูค้ นมักจะไม่ยอมเปิ ดใจให้กว้างยอมรับความจริ ง คนฉลาดปราดเปรื องทีเข้าใจ
ในเหตุผลก็กลับมีนอ้ ยนิ ดนัก ส่ วนคนหมู่มากก็ลว้ นจิตใจคับแคบไม่ยอมรับฟังเหตุผลและความจริ ง”

ตูอ้ ีสี หน้าเขียวคลํา นางกําลังหลอกด่าเขาว่าจิตใจคับแคบ “มู่หรงเสวีย ! ข้ามีศกั ดิเป็ นอาของเจ้า เป็ นญาติผใู ้ หญ่
ของเจ้า ใครอบรมสังสอนให้เจ้าพูดจากับผูใ้ หญ่เช่นนี ? ไม่รู้จกั มารยาทเคารพผูห้ ลักผูใ้ หญ่” นางมาถึงก็ต่อว่ากด
เขาเอาไว้ ทังยังมาเยาะเย้ยเขา ช่างน่าโมโหยิงนัก ทีคนโบราณกล่าวไว้ว่าเลียงลูกสาวนันยากพอ ๆ กับเลียงบ่าว
ไพร่ เห็นท่าจะจริ งยิงนัก

“เคารพผูห้ ลักผูใ้ หญ่ ?” มู่หรงเสวียเลิกคิวมองไปทีตูอ้ ี แววตาเยาะเย้ย “ขุนนางตู้ การเคารพหมายถึงทังสองฝ่ าย


เคารพซึ งกันและกัน เด็กเช่นข้าท่านยังไม่ให้เกียรติเลย ท่านยังคิดจะให้ขา้ เคารพท่านอีกหรื อ ? ช่างเป็ นความคิด
ทีเห็นแก่ได้ยงนั
ิ ก”

“เจ้า......” ตูอ้ ีจ้องเขม็งไปทางมู่หรงเสวีย เกิดอาการสําลักในคอ ทนไม่ไหวกระอักเลือดออกมา

“อาอี เจ้าเป็ นอะไรไป ? เด็ก ๆ เด็ก ๆ......” แซ่ ตูร้ ้องเรี ยกด้วยความตกใจ เหล่าสาวใช้เร่ งมาล้อมรอบพวกเขาไว้
คนเช็ดเลือดก็เช็ดเลือดไป คนพยุงก็พยุงไป โดยรอบเกิดเป็ นความวุน่ วายขึนมา
มู่หรงเสวียเพียงมองดูอยูร่ อบนอก มองไปทางดวงหน้าซี ดขาวของตูอ้ ี เลิกคิวบางเบา แค่คาํ พูดเพียงไม่กีคํา กลับ
ทําให้เขากระอักเลือดได้ ช่างไม่ได้ความเสี ยจริ ง ไม่เข้าใจเลยจริ ง ๆ ว่าคนเช่นนี กลายเป็ นไท่ฉางซื อขุนระดับสี
ขันหนึ งได้อย่างไรกัน

“ท่านย่า ขุนนางตู ้ พวกท่านเชิญทําธุ ระต่อตามสบาย ข้าขอตัวกลับเรื อนหิ มะโปรยก่อนนะเจ้าคะ” มู่หรงเสวีย


โยนคําพูดทิงไว้เล็กน้อย พลางค่อย ๆ หันกายจากไปทางเรื อนหิ มะโปรยด้วยรอยยิมอย่างไม่เร่ งรี บ ตูอ้ ีกระอัก
เลือด หญิงแซ่ ตูว้ ุ่นวายดูแลเขา ปลอบโยนเขา แน่นอนว่าคงไม่กะจิตกะใจจะมาต่อว่านางอีก ในทีสุ ดหู ของนางก็
จะได้เงียบสงบเสี ยที

เดินเลียวมาเพียงเล็กน้อย เรื อนหิ มะโปรยก็ปรากฏสู่ สายตา มู่หรงเสวียเรี ยกสังการ “หงซิ ว ออกมาช่วยขาขนพิณ


เจียวเหว่ย อันเซี ยงไปห้องครัวเอาสํารับชุดเล็กมาหนึงชุด......”

ตังแต่ช่วงสายจนถึงตอนนี นางมัวแต่วุ่นวายอยูก่ บั เรื องไม่เป็ นเรื อง ยังไม่ได้กินอะไรแม้แต่นอ้ ย เหล้าฉยงฮวาสัก


แก้วกับกับข้าวสักเล็กน้อยก็คงไม่เลวนัก

“น้องเล็ก......น้องเล็ก......” เสี ยงเรี ยกร้องตืนเต้นยินดีลอยเข้าหู มู่หรงเย่เร่ งเดินออกมาจากมุมหนึงของเรื อนหิ มะ


โปรย เสื อผ้าของเขายับยูย่ ไปเสี
ี ยหมด รัดเกล้าเอียงกระเท่เร่ ดวงตาแดงเล็กน้อย ขอบตาดําคลํา

มองเห็นมู่หรงเสวีย ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายเร่ งวิงไปด้านหน้าของนาง เขากวาดตามองอย่างละเอียดถีถ้วน


จนแน่ ใจว่านางไม่เป็ นอะไรจึงค่อย ๆ ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ความดีใจฉายชัดเจนบนใบหน้า “เจ้า
ปลอดภัย ช่างดียงนั
ิ ก !”
มู่หรงเสวียยิมอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ นางกินบัวอัคคีเข้าไปก็สลบไม่ได้สติ ไม่ทนั ได้บอกกล่าวมู่หรงเย่ “ท่าน
ไม่ได้นอนทังคืนเลยหรื อ ?”

“ก็เจ้าหายไป ข้าจะหลับลงได้อย่างไร ?......” มู่หรงเย่โบกมือไปมา ทันใดนันก็คิดอะไรได้ขึนมา พูดกระซิ บเสี ยง


ตํา “น้องเล็กเมือคืนเจ้าได้กินบัวอัคคีหรื อไม่ ?”

มู่หรงเสวียพยักหน้า “กินแล้ว” ถ้าหากไม่ได้บวั อัคคี นางก็คงตายไปนานแล้ว

“แล้วทําไมเจ้าถึงกลับมาเร็ วเช่นนีละ ?” มู่หรงเย่แววตาเต็มไปด้วยความแปลกใจ “แต่ก่อนตอนทีเจ้าพิษกําเริ บ


หลังจากทีกินบัวอัคคีไป อย่างน้อยก็ตอ้ งสลบไปกว่าสิ บสองชัวยาม......”

มู่หรงเสวียชะงัก เจ้าของร่ างเดิมทุกครังทีพิษกําเริ บ ล้วนถูกทําให้ทรมานเหมือนตายทังเป็ น หลังจากทีได้สติแล้ว


ก็มิได้สนใจเวลานัก แต่เมือลองนึ กดูดี ๆ ทุกครังทีนางสลบไปล้วนเป็ นเวลาประมาณสิ บกว่าชัวยาม

แต่คราวนี นางใช้บวั อัคคีเมือตอนยามจือ (ประมาณห้าทุ่มถึงตีหนึ ง) แต่กลับตืนช่วงสายยามเฉิ น (ประมาณเจ็ด


โมงเช้าถึงเก้าโมงเช้า) ครังนี นางสลบไปแค่สีชัวยาม นี มันเกิดอะไรขึน ?

หางตาพลันเหลือบไปเห็นชายเสื อสี ม่วง มู่หรงเสวียพลันหลุดจากภวังค์ เงยหน้าไปเห็นใบหน้าหล่อเหลาที


คุน้ เคย แววตาตืนตระหนก “เย่อีเฉิ น ทําไมท่านมาอยูท่ ีนี ได้ ?”
ตอนที 40 หาคู่

เย่อีเฉิ นมิกล่าววาจาใด เพียงแต่ยนื นิงอยูห่ น้าประตู มองมาทางมู่หรงเสวียด้วยสายตาเย็นชา มองดูใบหน้าที


งดงามและอ่อนเยาว์ของนาง ริ มฝี แดงแต่ไม่เข้มมาก ลําคอเรี ยวขาวนวล แต่กลับให้ความรู ้สึกไร้ซึงความ
อ่อนหวานทีสตรี ควรมี ในมือขาวหยกถือไหเหล้าใบเล็กใบหนึ ง แขนเสื อสี เขียวอ่อนลู่ลง เผยให้เห็นแขนขาวราว
หยกด้านในปรากฏจุดพรหมจรรย์สีดาํ เล็ก ๆ สะดุดตาจุดหนึง

นางยังคงบริ สุทธิ ไม่ได้มีอะไรเกินเลยกับคุณชายโอวหยาง !

เย่อีเฉิ นถอนหายใจอย่างโล่งอก สี หน้าค่อย ๆ ฉายแววอ่อนโยน พูดด้วยนําราบเรี ยบ “เจ้าเป็ นว่าทีชายาของข้า รู ้


ฐานะของตนเองเช่นนี ก็ดีแล้ว ไม่ควรไปยุง่ วุ่นวายกับชายอืน......”

“จิงอ๋ อง ข้าได้ขอถอนหมันไปแล้ว คนทังเมืองหลวงต่างก็รู้กนั ทัว ตอนนีว่าทีภรรยาของท่านคือองค์หญิงม่อเป่ ย


ฉิ นยวีเยียนต่างหาก อย่าเอาตําแหน่งทีน่ารังเกียจเช่นนันมาโยนไว้ให้กบั ข้า......” มู่หรงเสวียพูดตัดบทเขา แววตา
เต็มไปด้วยความรังเกียจ

ดวงหน้าหล่อเหลาของเย่อีเฉิ นกลายเป็ นเคร่ งขรึ ม จ้องมองไปทีมู่หรงเสวีย พูดเน้นทีละคํา “พวกเรายังมิได้ถอน


หมัน......”
มู่หรงเสวียไม่สนใจ “ก็ขาดเพียงแต่เรื องพิธีการเท่านัน ท่านก็เร่ งอดีตจิงอ๋ องให้เขามาเมืองหลวงเร็ ว ๆเสี ยสิ ......”

“เจ้าอยากจะตัดขาดกับข้าจนรอไม่ไหวขนาดนันเลยหรื อ ?” เย่อีเฉิ นพูดเสี ยงตํา แววตาส่ องประกายดํามืด

“ถ้าข้าไม่ตดั ขาดกับท่าน เช่นนันท่านจะให้ขา้ ไปเป็ นอะไรดีล่ะ ? พระชายารอง ? อีเหนี ยง(อนุ ภรรยา)? อนุ ชนตํ
ั า
ทีไร้ยศ ? หรื อซื อเชียนางบําเรออุ่นเตียงของท่านหรื อ ?” มู่หรงเสวียเลิกคิวมองไปทีเขา ดวงตาเต็มไปด้วยความ
เยาะเย้ย “ระดับข้าคุณหนู แห่ งจวนเจินกัวโหว ไม่มีทางลดเกียรติทิงฐานะชายาเอกไปเป็ นอนุหรอกเจ้าค่ะ !”

“ไม่มีทางทีใครจะแต่งเจ้าเป็ นชายาเอก!” เย่อีเฉิ นมองไปทีนางอย่างเฉยชา เหล่าตระกูลชันสู งล้วนทราบโดยทัว


กันว่านางเป็ นคนทีเขาเลือกให้เป็ นพระชายารอง ใครแต่งนางเป็ นชายาเอกก็ถือว่าเป็ นการท้าทายอํานาจของเย่อี
เฉิ น มองไปทัวทังแคว้นชิงเหยียน มีเพียงไม่กีคนทีจะกล้าเป็ นศัตรู กบั เขา......

“ข้ายินดีทีจะไม่แต่งชัวชีวติ ดีกว่าไปเป็ นอนุ ให้ท่าน”

นําเสี ยงดือรันเย็นชาลอบเข้าหู มุมปากของเย่อีเฉิ นยกยิมขํา ดูท่าว่านางจะชอบพูดประโยคนีเสี ยจริ ง สุ ดท้ายก็คง


ทําได้แค่เพียงกล่าววาจาเท่านัน เพราะว่าเขาจะไม่เหลือทางเลือกอะไรไว้ให้นางอีก มีเพียงทางเลือกเดียวก็คือต้อง
เป็ นพระชายารองของเขาเท่านัน !

ขณะทีมองไปทีมู่หรงเสวีย สิ งของทีคุน้ เคยสิ งหนึงก็กระทบเข้ากับสายตา ดวงตาของเขาแฝงไว้ดว้ ยความสงสัย


เหตุใดมันถึงมาอยูท่ ีนี ได้ ?
มู่หรงเสวียมองตามสายตาของเขาไป เห็นเขามองไปทีพิณเจียวเหว่ยทีทหารยามอุม้ เอาไว้ ก็ยมตอบน้
ิ อย ๆ “ไม่
ต้องสงสัยหรอก มันคือพิณเจียวเหว่ยทีเป็ นของคนรักของท่าน พวกเราประลองพิณกันแล้วนางแพ้ให้กบั ข้า ต้อง
ขอบคุณมือสองข้างนีจริ ง ๆ ทีทําให้ขา้ ได้มนั มา......”

อะไรนะ ? เสี ยงพิณของฉิ นยวีเยียนแพ้ให้กบั มู่หรงเสวียอย่างนันหรื อ ?

แววตาของเย่อีเฉิ นเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชือ แต่เพียงครู่ เดียวก็กลับเป็ นปกติ “เจ้าชอบมันก็ดีแล้ว” เขาพูด


อย่างเรี ยบเฉย เย่อีเฉิ นก็เดินผ่านเลยทุกคนไป ค่อย ๆ ก้าวออกไปนอกเรื อน

มู่หรงเสวียมองไปทีเงาร่ างของเขาทีค่อย ๆ ไกลห่ างออกไป นางกระพริ บตาถี ๆ อย่างคาดไม่ถึง ไปง่าย ๆ แบบ


นีน่ ะหรื อ ? ไม่มีแม้แต่คาํ ต่อว่ากล่าวนางสักนิด โมโหแทนคนรักของตัวเองก็ไม่มี ? นางคือผูท้ ีชนะคนรักของเขา
ท่ามกลางสายตาของผูค้ น อีกทังยังทําให้ฉินยวีเยียนอับอายอยูไ่ ม่นอ้ ยเชียวนะ......

“น้องเล็ก เมือคืนเจ้าหายไปไหนมาหรื อ ?” คําถามทีเต็มไปด้วยความห่ วงใยกระทบเข้าหู ทันใดนันมู่หรงเสวียก็


หลุดจากภวังค์ แววตาวูบไหวไม่เป็ นธรรมชาติ “ข้าไปพักผ่อนทีเรื อนพักตากอากาศมาหนึงคืน......”

นางไปทีวังเซี ยวเหยาอ๋ องและยังนอนเตียงเดียวกับคุณชายโอวหยาง เรื องนี ดูแล้วไม่พูดออกไปเสี ยจะดีกว่า มัน


จะทําให้เขาคิดมากไปเสี ยเปล่า
“เป็ นเช่นนีเอง” มู่หรงเย่พยักหน้า เมือคืนเขาได้ยนิ เสี ยงต่อสู ้ดา้ นนอกป่ า จึงเร่ งวิงกลับไปดู คาดไม่ถึงว่าพอไปถึง
ทีบ่อนําพุร้อนกลับเหลือแต่ความว่างเปล่า ไม่เหลือร่ องรอยใด ๆ ของมู่หรงเสวียอยูเ่ ลย พอเขาเตรี ยมทีนําคนไป
ค้นหา กลับมีกระดาษแผ่นหนึงลอยลงมาจากท้องฟ้ า ด้านบนเขียนว่า ‘มู่หรงเสวียปลอดภัย เชิญกลับไปรอทีจวน
มิตอ้ งเป็ นกังวล’

เขายังไม่วางใจ แต่ก็ไม่รู้วา่ ควรจะไปตามหาทีไหน ได้แต่รอทีเรื อนหิ มะโปรยทังคืน “เจ้าใช้บวั อัคคีไปแล้ว ใคร


มอบให้เจ้าหรื อ ?”

“ตอนทีพิษเยือกแข็งกําเริ บ ข้ารู ้สึกสะลึมสะลือไม่ค่อยมีสติเท่าไหร่ นกั จึงไม่ทนั ได้เห็นหน้าตาของเขา” มู่หรง


เสวียโกหกผ่าน ๆ ไม่ใช่ว่านางไม่อยากพูดถึงคุณชายโอวหยาง เพียงแต่ว่าถ้าพูดถึงคุณชายโอวหยาง เรื องทีนาง
ค้างคืนทีวังเซี ยวเหยาอ๋ องก็ตอ้ งถูกเปิ ดเผยเป็ นแน่ ......

“ช่างน่ าเสี ยดายยิงนัก” มู่หรงเย่ถอนหายใจเบา ๆ เขาจะขอซื อบัวอัคคีจากคนผูน้ นเสี


ั ยหน่อย

“พิษเยือกแข็งของข้ากว่าจะกําเริ บอีกครังก็คงอีกสักพัก บัวอัคคีนนค่


ั อย ๆ หาก็ได้ สิ งทีสําคัญตอนนี ก็คือต้อง
เตรี ยมตัวต่อกรกับเย่อีเฉิ น” แววตาของมู่หรงเสวียเย็นเยียบ อยู่ ๆ ก็ปรากฏตัวทีเรื อนหิ มะโปรย พูดเรื องไม่เป็ น
เรื องแล้วก็จากไปโดยง่าย มันน่าแปลกเกินไป แต่ว่าได้ฟังนําเสี ยงทีมันอกมันใจของเขาแล้ว คล้ายกับว่าเขากําลัง
วางแผนการลับหลังอะไรอยู่ นางจะต้องเพิมความระมัดระวังตัวเสี ยแล้ว

“แน่นอน” มู่หรงเย่พยักหน้าโดยไม่คดิ อะไร พวกเขาก็ถอนหมันกันไปแล้ว แต่เย่อเฉิ


ี นก็ยงั มิยอมเลิกลา ช่างน่ า
รังเกียจยิงนัก เขาคงจะต้องคิดแผนการระยะยาวทีจะทําให้เย่อีเฉิ นล้มเลิกความคิดทีจะมายุง่ วุ่นวายกับน้องเล็กอีก
อากาศค่อย ๆ ร้อนขึน ในสวนดอกไม้ของจวนเจินกัวโหว ให้ความรู ้สึกร่ มรื นงดงาม ในแปลงดอกไม้เต็มไปด้วย
ไม้ดอกนานาพันธุ์ มองไกล ๆ คล้ายผืนทะเลดอกไม้ทีเต็มไปด้วยสี สัน

มู่หรงเสวียทียากทีจะได้พบเจอกับความสงบเช่นนี นางนําเอากาเหล้าฉยงฮวาออกมานังลงหน้าโต๊ะหิ นในสวน


ดอกไม้ ค่อย ๆ จิบทีละนิด แสงแดดเปล่งประกายส่ องไปกระทบทีร่ างของนาง เป็ นความรื นรมย์ทีน่ าสบายใจยิง
นัก จนมิอาจกล่าวออกมาเป็ นวาจาได้

“น้องเล็ก” เสี ยงเรี ยกอ่อนโยนตามมาด้วยมู่หรงเย่ทีเร่ งเดินมาด้านหน้าของนาง เขาค่อย ๆ หลีกกายแนะนําคน


ด้านข้าง “ท่านนีคือคุณชายกูเ้ ห่ ายวีบุตรชายใต้เท้ากูแ้ ห่ งสํานักราชครู ......คุณชายกู้ นีน้องสาวข้ามู่หรงเสวีย......”

มู่หรงเสวียปรายตามองกูเ้ ห่ ายวี เขาอยูใ่ นชุดสี นําเงินเข้ม ร่ างกายสู งโปร่ ง รู ปลักษณ์หล่อเหลา แววตาเปล่ง


ประกายบริ สุทธิ เต็มไปด้วยกลินไอของนักปราชญ์ผมู้ ีความรู ้ ทักทายนางด้วยความมีมารยาท “คุณหนูมู่หรง”

“คุณชายกู”้ มู่หรงพยักหน้าตอบรับตามมารยาท มองไปทีรอยยิมลึกซึ งของเขา เลิกคิวเล็กน้อย“คุณชายกูโ้ ปรดรอ


สักครู่ นะเจ้าคะ”

มู่หรงเสวียพูดราบเรี ยบ ค่อย ๆ ยืดกายยืนขึนจับข้อมือของมู่หรงเย่ ลากเขาไปอีกด้านกล่าวพูดด้วยเสี ยงตําว่า


“ท่านพี นี มันหมายความว่าอย่างไร ?”
“ยังจะหมายความว่าอย่างไรได้อีก แน่ นอนว่าข้าจะหาคู่ให้เจ้าน่ะสิ ” มู่หรงเย่พดู อย่างได้ใจ เผยรอยยิมสดใส
ออกมา

“หาคู่ ?” ใบหน้างามของมู่หรงเสวียพลันนิงลง พูดเน้นทีละคํา “การหมันหมายของข้ากับเย่อีเฉิ นยังไม่ได้ยกเลิก


อย่างเป็ นทางการ ท่านก็จะหาคู่ให้ขา้ เสี ยแล้ว !”

“เย่อีเฉิ นมัวแต่มาวุ่นวายกับเจ้ามิใช่หรื อ ? ถ้าเจ้าหาชายหนุ่ มทีเต็มใจแต่งเจ้าเป็ นภรรยาเอกได้ เขาก็จะมายุง่


วุ่นวายกับเจ้าไม่ได้อีกแล้ว” มู่หรงเย่พดู อย่างเป็ นเหตุเป็ นผล

มู่หรงเสวียส่ ายหน้า “ท่านคิดง่ายเกินไปแล้ว ทีเย่อีเฉิ นมายุง่ วุ่นวายกับข้าไม่เลิก จะต้องมีจุดประสงค์ทีไม่


ธรรมดาแน่ ไม่ใช่วา่ แค่เพราะมีชายอืนเข้ามาแทรกแซงแล้วเขาจะยอมรามือ”

“ข้าจะบอกอะไรเจ้าอย่าง กูเ้ ห่ ายวีผูน้ ีเป็ นบุตรชายสายตรงคนทีสองของราชครู กู้ เพียงอายุสามขวบปี รู ้หนังสื อ


อายุห้าขวบปี รู ้กวี อายุ 17 ปี ก็สอบบัณฑิตได้อนั ดับสาม ฉายาว่าถันฮวา เป็ นทีนับหน้าถือตาและยังมีรูปลักษณ์ที
หล่อเหลางดงาม มากด้วยมารยาท หญิงสาวอายุเช่นเจ้ามากมายล้วนแต่ชืนชอบเขา ข้าดูแล้วเขาถือว่าเหมาะสม
กับเจ้าน้องเล็ก......”
ตอนที 41 ถูกคุณชายจับได้
เห็นท่าทางพูดจาลืนไหลของเขาแล้ว นางก็รู้สึกอับจนคําพูดยิงนัก มู่หรงเย่อายุห่างกับเจ้าของร่ างเดิมแค่สิบห้า
นาที ตอนนี ก็มีอายุเพียง 14 ปี เท่านัน แต่กลับทําตัวเป็ นพ่อสื อหาคู่ให้นางเสี ยแล้ว ลําบากเขาแล้วจริ ง ๆ

เมือเงยหน้ามองไปทีมู่หรงเย่ ก็เผอิญเผลอไปสบเข้ากับดวงตาเป็ นประกายของเขา พลางกล่าวอย่างช้า ๆ “พูดจบ


แล้วหรื อ ? งันก็เชิญท่านไปได้แล้ว พาคุณชายกูเ้ ห่ ายวีไปด้วยล่ะ......”

“ไม่นะน้องเล็ก” มู่หรงเย่ชะงัก เร่ งกล่าว “ข้าทังลงทุนลงแรงไปตังมากมาย กว่าจะเลือกเฟ้ นน้องเขยทีถูกใจได้


......”

“แต่ขา้ ไม่ได้ชอบเขา” มู่หรงเสวียส่ ายหน้า ดวงตาฉายแววแน่ วแน่

“ถึงจะไม่ชอบ แต่อย่างไรเขาก็มาทีจวนโหวแล้ว อย่างน้อยเจ้าก็ควรพูดกับเขาเสี ยสักสองสามประโยค” มู่หรงเย่


พยายามอธิบายอย่างยิม ๆ

มู่หรงเสวียมองไปทีพีชาย และพูดเน้นทีละคํา “ข้าไม่มีอะไรจะพูดกับเขา”

“เจ้าก็ถามสารทุกข์สุขดิบ พ่อแม่ทีบ้านสุ ขภาพเป็ นอย่างไร ? หรื อว่าทีสํานักบัณฑิตยุง่ หรื อไม่ ? พวกคําถาม


ประมาณนี......ข้ากว่าจะนัดเขามาได้ช่างยากลําบากยิงนัก เจ้าทักเขาสักคําก็ไม่มี กลับไล่แขกเสี ยแล้ว มันดูไม่
ค่อยมีมารยาทเท่าไร......”
มู่หรงเย่ดนั ให้มู่หรงเสวียเดินไปด้านหน้าของกูเ้ ห่ ายวี ยิมตาหยีพูดกล่าวขึนว่า “น้องเล็ก คุณชายกู้ เชิญพวกท่าน
คุยกันไปก่อน ข้าจะไปดูทีห้องครัวสักครู่ มิรู้ว่าชายามบ่ายกับของว่างจะเรี ยบร้อยแล้วรึ ยงั ?”

เมือกล่าวจบ เขาก็ไม่รอให้สองคนทีเหลือตอบรับ รี บหมุนกายเดินจากไปอย่างรวดเร็ ว

มู่หรงเสวียระอาใจ มองไปทางกูเ้ ห่ ายวี “ท่านพีของข้าเกเรไปหน่ อย ลําบากคุณชายกูแ้ ล้ว ข้าไปส่ งคุณชายกูก้ ลับ


ดีกว่าเจ้าค่ะ”

กูเ้ ห่ ายวีดวงตาฉายแววประหลาดใจ แต่ไม่ทนั ไรก็กลับเป็ นปกติ เพียงยิมน้อย ๆ แล้วว่า “รบกวนคุณหนูมู่หรง


แล้ว”

มู่หรงเย่แอบอยูด่ า้ นหลังก้อนหิ น มองดูมู่หรงเสวียกับกูเ้ ห่ ายวีเดินเคียงคู่กนั ออกไป จิตใจเศร้าสร้อย เขาต้องการ


ให้ม่หู รงเสวียกับกูเ้ ห่ ายวีพูดคุยกัน ทําความรู ้จกั ซึ งกันและกัน มิใช่ให้นางแค่เปิ ดปากก็ส่งคนกลับนอกจวนเสี ย
อย่างนี ......

ในใจของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวัง ทีถูกน้องสาวปฏิเสธความหวังดีอย่างไร้เยือใย......

แต่ว่า อย่างน้อยพวกเขาสองคนก็เดินไปด้วยกัน คงไม่พากันเงียบตลอดทางหรอกน่ า น่ าจะมีการพูดคุยกันบ้าง


เท่านีก็ถือว่าทังสองคนได้ทาํ ความรู ้จกั กันแล้ว
แสงแดดสี ทองสาดส่ องกระทบกับพืนหิ นสี ดาํ มู่หรงเสวียมิกล่าววาจาใด ค่อย ๆ ก้าวเดินไปด้านหน้า ท่าทางทีมี
มารยาทนันแฝงไว้ดว้ ยความเฉยชาและความเหิ นห่ าง

กูเ้ ห่ ายวีแววตาเคร่ งขรึ ม ค่อย ๆ เปิ ดปากเอ่ยวาจา “อันทีจริ งแล้ว ทีข้ามาจวนโหววันนี นอกจากการเชือเชิญที
จริ งใจของคุณชายแล้ว ส่ วนหนึงก็เป็ นความตังใจของข้าเอง ตัวข้านันชืนชมในตัวคุณหนู ม่หู รง จึงอยากมาทีจวน
โหวเพือพบหน้าคุณหนูสักครัง”

“ชืนชมข้า ?” มู่หรงเสวียมองไปทีกูเ้ ห่ ายวีด้วยความแปลกใจ “พวกเราเคยพบหน้ากันมาก่อนอย่างนันหรื อเจ้าคะ


?” ในความทรงจําของร่ างเดิมไม่ปรากฏว่าเคยรู ้จกั กับกูเ้ ห่ ายวีเลยแม้แต่นอ้ ย หลังจากทีนางสลับร่ างมาอยูท่ ีชิงเห
ยียน คนทีนางรู ้จกั นันนับได้แค่เพียงไม่กีคนเท่านัน

“แน่นอนว่าเคยพบกันมาก่อน ทีงานเลียงต้อนรับขององค์ชายจิงอ๋ องทีวังหลวง ตอนนันทีคุณหนู ม่หู รงขอถอน


หมันต่างก็ทาํ ให้ผูค้ นโดยรอบล้วนตกตะลึงกันไปเสี ยหมด” จนบัดนี กูเ้ ห่ ายวียังจําได้ดีวา่ นางทีเคยบอบบาง
อ่อนแอกลับเปล่งประกายเจิดจ้า จนแม้แต่ดวงอาทิตย์ยงั ต้องอับแสง

แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหวไม่เป็ นธรรมชาติ ตอนนันนางมัวแต่ว่นุ อยูก่ บั การต่อกรกับเย่อีเฉินและฉิ นยวีเยียน


จนไม่ได้ทนั สังเกตผูค้ นรอบ ๆ งานเลียง “คุณชายกูไ้ ม่คิดว่ากระทําของข้านันมันแข็งกร้าวจนเกินไปหรื อเจ้าคะ
?”
ท่ามกลางการจับจ้องของผูค้ น แต่นางกลับกล้ากล่าววาจาถอนหมันกับท่านอ๋ องเทพสงครามเช่นนัน เหล่าขุนนาง
บุ๋นบู๊และตระกูลชันสู งทังหลายต่างก็คาดไม่ถึงยิงนัก

“จะเป็ นเช่นนันได้อย่างไร ? มันก็เป็ นจริ งดังทีท่านกล่าว ท่านเป็ นคุณหนูแห่ งจวนเจินกัวโหว เหตุใดจะต้องยอม


ลดตัวไปเป็ นอนุ ให้กบั ใครด้วย จิงอ๋ องมองไม่เห็นถึงความดีของคุณหนู ม่หู รง ถือว่าเขาเองทีตาไม่ดี......” กูเ้ หาวี
มองไปทีมู่หรงเสวีย แววตาเปล่งประกายอ่อนโยน

“คุณชายกูก้ ล่าวเกินไปแล้ว” มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ ดวงหน้างามจนกูเ้ ห่ ายวีหน้าเปลียนสี เผลอโพล่งออกไป


“คุณหนูม่หู รง จริ ง ๆ แล้วข้า......”

ทันใดนัน อยู่ ๆ องครักษ์เงาชุดดําสามนายก็ปรากฏกายตัวออกมา พุ่งตรงไปทีเขาอย่างมุ่งร้าย ตัดบทคําพูดของ


เขาเสี ยสิ น

กูเ้ ห่ ายวีทีไม่ทนั ได้ตงตั


ั ว ทังยังเป็ นบัณฑิตผูอ้ ่อนแอ จึงถูกพวกเขาผลักจนล้มลงโดยง่าย ทําได้เพียงโดนทุบตีอยู่
ฝ่ ายเดียว ไม่มีโอกาสได้สวนกลับแม้แต่นอ้ ย

มู่หรงเสวียมองไปยังเหตุการณ์ทีเกินขึนอย่างรวดเร็ วตรงหน้า นางชะงักไปชัวครู่ ถึงจะเรี ยกสติกลับคืนมาได้


แล้วพูดด้วยเสี ยงอันดัง “หยุดนะ หยุดเดียวนี !”

องครักษ์ชุดดําทําเป็ นไม่ได้ยนิ ยังคงทุบตีกเู้ ห่ ายวีต่อไป


มู่หรงเสวียแววตาเย็นเยียบ กระโดดเตะไปหนึ งทีจนองครักษ์เงาผูห้ นึงกระเด็นออกไป แล้วใช้ฝ่ามือโจมตีไปที
อีกสองคนทีเหลือ และก้าวออกไปขวางด้านหน้าของคุณชายกูเ้ ห่ ายวี มองไปทางองครักษ์เงาทังสามอย่างเยือก
เย็น “พวกเจ้าเป็ นองครักษ์เงาของจวนใดกัน ? ถึงกล้าบังอาจมารังแกผูอ้ ืนหน้าจวนเจินกัวโหวเช่นนี ”

ชายชุดดําทีอยูด่ า้ นหน้าสุ ดก้าวออกมาด้านหน้า ตอบรับเสี ยงเย็นเฉี ยบ “เรี ยนคุณหนู มู่หรง พวกข้าน้อยรับใช้


วังจิงอ๋ อง ท่านอ๋ องมีคาํ สังว่า หากชายต่างแซ่ คนใดเข้าใกล้คุณหนูมู่หรงให้ทุบตีเสี ย เป็ นตายไม่สน !”

ดวงหน้าของมู่หรงเสวียฉายแววไม่พอใจ เย่อีเฉิ นถึงกับกล้าให้องครักษ์เงาเฝ้ าเอาไว้รอบจวนเจินกัวโหว แถมยัง


กล้าออกมาทําร้ายคนอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี ช่างบ้าอํานาจอย่างรังเกียจยิงนัก นีสิ นะทีเขาพูดว่า ‘ไม่มีใครทีจะกล้ารับ
นางเป็ นชายาเอก’ เขาใช้แผนการโหดร้ายเช่นนี ขับไล่ผชู ้ ายทุกคนทีเข้าใกล้นาง แน่นอนว่าเพียงเท่านีก็จะไม่มี
ใครกล้ามาสู่ ขอนางแล้ว ช่างเป็ นคนทีชัวร้ายยิงนัก !

“ไสหัวไปให้พน้ ! อย่าให้ขา้ เห็นหน้าพวกเจ้าอีก !”

องครักษ์เงาต่างมองกันไปมา เหล่ตามองกูเ้ ห่ ายวี จากนันก็พากันหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

มู่หรงเสวียหันกายไปมองกูเ้ ห่ ายวี เห็นเขาถูกตีจนดวงหน้าปูดบวม ผมเผ้ากระเซอะกระเซิ ง ชุดสี นาเงิ


ํ นทีงามสง่า
ล้วนยับเยิน เผยให้เห็นผิวหนังเขียวชํา สภาพน่าอนาถยิงนัก
เขาค่อย ๆ ใช้แขนดันกําแพงพยุงตัวขึนมา มองไปทางมู่หรงเสวียแล้วยิมน้อย ๆ “คุณหนูมู่หรงมิตอ้ งเป็ นกังวล
ข้าไม่เป็ นไร......” รอยยิมกลับทําให้แผลเจ็บหนักกว่าเก่า เจ็บจนต้องกลันหายใจ

“เดียวข้าให้ทหารยามไปส่ งท่านทีสํานักบัณฑิต คราวหลังท่านก็ไม่ควรมาทีจวนเจินกัวโหวอีก !” มู่หรงเสวีย


กล่าวด้วยท่าทีห่างเหิ น หมุนตัวกลับเข้าจวนเจินกัวโหว

กูเ้ ห่ ายวีสี หน้านิงค้าง สายตามองตามมู่หรงเสวีย “คุณหนูมู่หรง”

มู่หรงเสวียมิกล่าววาจาใด แม้แต่หันกลับไปมองก็ไม่มี ก้าวเท้าเดินตรงเข้าจวนเจินกัวโหวไป นางปฏิเสธ


ความสัมพันธ์กบั กูเ้ ห่ ายวี มิใช่วา่ นางกลัวเย่อีเฉิ น แต่นางไม่ชอบกูเ้ ห่ ายวี ความแค้นระหว่างนางกับเย่อีเฉิ น เป็ น
เรื องระหว่างนางกับเย่อเฉิ
ี น มิจาํ เป็ นต้องลากคนอืนเข้ามาข้องเกียวด้วย

ด้านนอกจวนปรากฏเสี ยงเดินไปมาสองสามสาย เป็ นทหารยามจวนเจินกัวโหวทีพากูเ้ ห่ ายวีไปส่ ง ถึงจะเดิน


ออกไปไกลแล้ว แต่ม่หู รงเสวียก็ยงั รู ้สึกถึงสายตาของกูเ้ ห่ ายวีทีมองมาทีนาง นางจึงถอนหายใจออกมาเบา ๆ

มู่หรงเย่เดินออกมาจากด้านหลังต้นไม้ใหญ่ จ้องเขม็งไปทีประตูทางเข้าจวน เขาแอบตามพวกนางมาเงียบ ๆ


อยากจะแอบดูว่ามู่หรงเสวียกับกูเ้ ห่ ายวีได้พดู คุยกันบ้างรึ ไม่ แต่คาดไม่ถึงว่าคนของจิงอ๋ องจะกล้ารังแกผูค้ นอย่าง
โจ่งแจ้งเช่นนี “เย่อีเฉิ นจะทําเกินไปแล้ว”
“เย่อีเฉิ นคือจิงอ๋ อง ในมือมีทหาร อํานาจเหลือล้น ในเมืองหลวงมีไม่กีคนทีสามารถเป็ นคู่ปรับของเขาได้ คราว
หลังท่านพีก็ไม่ตอ้ งไปหาคู่อะไรให้ขา้ อีกแล้ว จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนีอีก” มู่หรงเสวียปรายตามองเขา เอ่ย
ด้วยนําเสี ยงราบเรี ยบ

“ข้าไม่เชือว่าเย่อีเฉิ นจะมีอาํ นาจจนจะทําอะไรก็ได้ในเมืองหลวง !” มู่หรงเย่ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธ เย่อี


เฉิ นวรยุทธ์สูงส่ ง ใช้กาํ ลังข่มเหงผูอ้ ืน เพียงแค่หาคนทีร้ายกาจกว่าเขามาเป็ นน้องเขย เขาก็จะไม่มีทางมาเบ่ง
อํานาจได้อีก

ผูท้ ีมีอาํ นาจมากทีสุ ดในแคว้นชิงเหยียนก็คือฮ่องเต้ แต่ว่าฮ่องเต้อายุมากเกินไป ไม่เหมาะกับน้องเล็ก ส่ วนเหล่า


องค์ชายเขาก็ไม่เคยได้ยนิ ว่ามีใครทีจะเก่งกาจไปกว่าเย่อีเฉิ น......

มู่หรงเสวียทีไม่รู้ความคิดของมู่หรงเย่ นางเดินผ่านเขากลับไปทีเรื อนหิ มะโปรย แต่พอดันประตูเข้าไปก็พอดีกบั


ร่ างสู งโปร่ งร่ างหนึงทีหมุนกายมา ชุดสี ขาวสะอาดตา ดูสูงส่ งงามสง่า ดวงหน้าหล่อเหลาดังภาพวาด นางถึงกับ
ชะงักไปครู่ หนึง “คุณชายโอวหยาง !”

“เจ้ามีคนมาดูตวั นี หมายความว่าอยากจะแต่งให้ผอู ้ ืนแล้วหรื อ ?” คุณชายโอวหยางเดินเข้ามาหานาง ดวงตาสี ดาํ


เปล่งประกายลําลึก ยกมุมปากขึนอย่างเย็นชา รู ้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล
ตอนที 42 โมโหหึง
มู่หรงเสวียกระพริ บตาปริ บ ๆ ภายในใจเริ มปรากฏเค้าลางทีไม่ดีขึนมา เร่ งสายหน้าอย่างร้อนรน “มิใช่เจ้าค่ะ”

“ถ้าเช่นนันเจ้าจะไปดูตวั ทําไม ?” คุณชายโอวหยางพูดขึนคล้ายยิมคล้ายไม่ยมิ ยังคงเดินเข้าหามานาง แต่ละก้าว


ๆ ล้วนได้ยนิ ถึงเสี ยงสันสะเทือนของพืนด้านล่าง หัวใจของมู่หรงเสวียเต้นแรง นางอดไม่ได้ทีจะก้าวถอยหลังไป
เรื อย ๆ “เป็ นพีชายข้าทีวุ่นวายไปเอง......”

นางก้าวถอยหลังจนขาเกิดพันกันสะดุดล้มลงไปกับพืน

คุณชายโอวหยางรี บขยับกายอย่างทันที เพียงพริ บตาก็มาปรากฏร่ างทีด้านหน้าของนาง ประคองเอวของนางไว้


พลางพยุงนางขึนแล้วดึงเข้าไปกอด นําเสี ยงทุม้ แฝงไปด้วยความอํามหิ ตดังขึน “แต่ขา้ เห็ นเจ้ากับกูเ้ ห่ ายวีก็ดู
พูดคุยเข้ากันได้ดีนี”

กลินหอมของไม้ไผ่ลอยอบอวลไปรอบกาย ลมหายใจอุ่นร้อนพ่นรดใบหน้าของนาง แววตาของมู่หรงเสวียวูบ


ไหวอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ อยากจะผลักคุณชายโอวหยางออกไป

แต่ไม่คาดว่าวรยุทธ์ของเขานันช่างลําลึกยิงนัก แม้ว่าฝี มือของนางก็นบั ว่าไม่เลวนัก แต่กลับถูกเขาดึงตัวเข้าไป


กอดอย่างง่ายดายและไม่สามารถทีจะขยับตัวไปไหนได้เลย การเคลือนไหวล้วนถูกเขาควบคุมเอาไว้ทงหมด
ั มือ
เท้าล้วนไม่สามารถขยับเขยือนได้ เพียงถูกเขากักขังไว้ในอ้อมอกแกร่ ง นางได้แต่ขมวดคิวมุ่นจ้องมองไปทีเขา
“ผูม้ าเยือนล้วนเป็ นแขก ข้าผูเ้ ป็ นเจ้าบ้านจําเป็ นต้องต้อนรับแขกอย่างดี ถ้าหากข้าปล่อยแขกทิงไว้ไม่ถามไถ่ใด ๆ
ผูอ้ ืนอาจต่อว่าได้ว่าจวนเจินกัวโหวรับแขกไม่ดี”

คุณชาวโอวหยางพยักหน้าอย่างเห็นด้วย เหตุผลนี ยังพอทีจะฟังขึนอยูห่ รอก แต่ว่า “องครักษ์เงาของวังจิงอ๋ องทุบ


ตีกเู้ ห่ ายวี เจ้ากลับไปขวางหน้าเขา ทําไมเจ้าต้องทําเช่นนัน ?”

ทัง ๆ ตอนทีเขากับเย่อเฉิ
ี น ‘เดินหมาก’ กัน นางไม่เห็นจะมากางแขนปกป้ องเขาเช่นนี เลย !

มู่หรงเสวียอับจนคําพูด เขายิงถามคําถามมากเท่าไหร่ คาํ ถามนันยิงคมขึนเท่านัน แต่ละคําถามของเขาล้วนแต่ตรง


จุดตรงประเด็น “กูเ้ ห่ ายวีมาเป็ นแขกของจวนเจินกัวโหว แต่กลับถูกทุบตีอยูด่ า้ นหน้าของจวน ข้าจะนิงเฉยอยูไ่ ด้
อย่างไร ? ถ้าหากเป็ นขอทานถูกทุบตีอยูด่ า้ นหน้าจวน ทหารยามของจวนยังต้องเข้าไปไถ่ถามเสี ยหย่อยเลย”

“เพียงแค่นีจริ ง ๆ หรื อ ?” คุณชายโอวหยางหรี ตามองไปทีนาง คล้ายกับว่ายังไม่ค่อยเชือเท่าไหร่ นัก

“แน่นอนว่าจริ ง ข้าจะโกหกท่านเพืออะไรกัน ?” มู่หรงเสวียพยักหน้าหนักแน่ น แววตาเต็มไปด้วยความซื อตรง


ขาดก็เพียงแต่การสาบานเท่านัน

สี หน้าของคุณชายโอวหยางพลันค่อย ๆ อ่อนลง พูดตอบอย่างไม่สนใจนัก “คราวหลังถ้ามีเรื องอะไรให้มาหาข้า


ไม่ว่าจะเรื องอะไรก็ตามแต่ ข้าล้วนเต็มใจทีจะช่วยเหลือเจ้า......”
“ถ้าข้าจะแต่งงาน ก็ตอ้ งไปหาท่านด้วยหรื อ ?” มู่หรงเสวียยกมุมปากขึน คล้ายกับจะยิมก็ไม่ยมิ ดูออกว่ากําลัง
ล้อเลียนเขาอย่างแน่ แท้

“ใช่” คุณชายโอวหยางพยักหน้า ดวงตาดําเปล่งประกายอย่างลําลึก

“......”

ทีแท้คุณชายโอวหยางผูส้ ู งส่ งก็พดู จาตลกร้ายอย่างนี ก็เป็ นด้วย ? แต่ประโยคหยอกล้อเช่นนี นางไม่เห็นจะตลก


ด้วยเลยสักนิด

เมือเงยหน้าขึน ก็สบเข้าพอดีกบั ดวงตาสี ดาํ ลําลึกของเขา มู่หรงเสวียเพียงกระแอมเล็กน้อย “ทําไมอยู่ ๆ คุณชาย


ถึงมาทีเรื อนหิ มะโปรยล่ะเจ้าคะ ?”

“โรงประมูลยวีเป่ าจะมีการจัดงานประมูลสิ นค้าขึน และในครังนี หนึ งในนันก็มีตน้ ตีหยางด้วย” คุณชายโอวหยาง


พูดขึนด้วยนําเสี ยงเรี ยบเฉย เว้นจังหวะเพียงชัวครู่ แล้วกล่าวต่อว่า “การประมูลจะจัดขึนตอนช่วงปลายของยาม
เฉิ น (ประมาณเจ็ดโมงเช้าถึงเก้าโมง)”
มู่หรงเสวียชะงักเล็กน้อย “ทําไมท่านถึงไม่รีบพูดให้เร็ วกว่านี ?” ตอนนี ก็เป็ นเวลากลางยามซือ(ประมาณเก้าโมง
เช้าถึงสิ บเอ็ดโมงเช้า)เข้าไปแล้ว การประมูลเริ มไปแล้วกว่าครึ งชัวยาม ไม่รู้ว่าต้นตีหยางตอนนีจะถูกประมูล
ออกไปแล้วรึ ยงั ?......

“ตอนทีข้ามาถึง เจ้ากําลังดูตวั กับกูเ้ ห่ ายวีอยู่ หรื อว่าเจ้าหวังให้ขา้ เดินเข้าไปลากตัวเจ้าออกมาทังอย่างนัน แล้วไป


ทีงานประมูลเสี ยเลย ?” คุณชายโอวหยางเลิกคิว ท่าทางเหมือนกับกําลังมองคนโง่เง่าคนหนึงอยู่

มู่หรงเสวียไร้ซึงคําพูด “......” พูดไปพูดมา ก็กลายเป็ นนางทีเป็ นคนผิดอีกแล้ว

“ถ้าเช่นนัน......พวกเรารี บไปทีงานประมูลกันเถอะ” มู่หรงเสวียแกะมือทีเกาะเอวนางออก หมุนกายก้าวไป


ด้านหน้า หวังว่าต้นตีหยางยังคงจะยังไม่ถูกประมูลออกไปเสี ยก่อน

แต่ขอ้ มือของนางกลับถูกรังเอาไว้ เสี ยงทุม้ ของคุณชายโอวหยางลอยตามหลังมา “เจ้าจะไปทีงานประมูลใน


สภาพอย่างนี หรื อ ?”

“มีอะไรทีไม่เหมาะสมอย่างนันหรื อ ?” สายตาของมู่หรงเสวียฉายแววไม่เข้าใจ มองสํารวจตัวเองไปมา

คุณชายโอวหยางปรายสายตามองนางเล็กน้อย แล้วลากนางไปทีตูเ้ สื อผ้า เปิ ดตูเ้ สื อผ้าออกดูแล้วหยิบเอาชุดสี


ชมพูส่งให้นาง “เปลียนชุดเสี ยก่อนแล้วค่อยไป”
มู่หรงเสวียก้มลงไปมอง ก็เห็นกระโปรงของตัวเองล้วนเปื อนไปด้วยฝุ่ น ดูสกปรกไปหมด ไม่เหมาะสมทีจะใส่
ออกไปข้างนอกจริ ง ๆ......

มือขาวราวหยกยืนมาทีบริ เวณเอวของนาง ดึงเอาสายรัดเอวของนางออก มู่หรงเสวียรู ้สึกตืนตระหนกขึนมาทันที


ยืนมือออกไปปั ดมือของเขา พลางมองไปทีเขาอย่างท่าทีระแวดระวัง “ท่านจะทําอะไรน่ะ ?”

“ข้าจะช่วยเจ้าเปลียนเสื อผ้าอย่างไร !” นําเสี ยงของคุณชายโอวหยางราบเรี ยบ แววตาเปล่งประกาย ไม่มีท่าทีจะ


ละอายแต่อย่างใด เหมือนกับการเปลียนเสื อผ้าให้นางนันเป็ นเรื องทีปกติสามัญทัวไปเท่านัน นางรู ้สึกสงสัยใน
ตรรกะความคิดของเขาเสี ยจริ ง ๆ

“ข้าทําเองจะดีกว่า” มู่หรงเสวียเร่ งจับมือทียืนมาของคุณชายโอวหยาง นางเป็ นคนสองชาติสองภพ ล้วนแต่


เปลียนเสื อผ้าเอง ไม่เคยคิดทีจะให้ใครมาทําให้

“ก็เจ้าชักช้า ถ้ารอจนเจ้าเปลียนเสื อผ้าเสร็ จ การประมูลก็คงจบไปเสี ยแล้ว” คุณชายโอวหยางพูดขึนอย่างเรี ยบเฉย


เพียงพริ บตาเดียวมือของเขาก็ปลดผ้าทีรัดตัวนางออก ขยับนิวมือเพียงเล็กน้อย ก็พอดีกบั ทีกระดุมเม็ดแรกของ
กระโปรงหลุดออก......

แววตาของมู่หรงเสวียเต็มไปด้วยความโกรธ ถลึงตาจ้องมองไปทีคุณชายโอวหยาง “คุณชายโอวหยาง ท่านไม่รู้


หรื ออย่างไรว่าชายหญิงนันแตกต่าง ?” เขาเป็ นชาย นางเป็ นหญิง ถึงแม้ว่ากําลังจะเร่ งรี บเพียงใดก็ไม่ควรทีจะมา
เปลียนเสื อผ้าให้นางเช่นนี
“แน่นอนว่าข้ารู้ !” คุณชายโอวหยางพูดเสี ยงทุม้ เขารําเรี ยนมาตังแต่ยงั เล็ก เรื องความแตกต่างระหว่างชายหญิง
เขาล้วนจําขึนใจได้เป็ นอย่างดี แต่ว่าเมือมาอยูต่ รงหน้าใครบางคนแล้ว เขากลับคิดว่าไม่เห็นจําเป็ นจะต้องไป
สนใจคําสอนนี เท่าไหร่ นกั

เขายกยิมบางเบา นิ วมือขาวหยกขยับอีกครัง กระดุมเม็ดงามลําค่าอีกเม็ดถูกปลดออก

มือของเขาขยับอย่างรวดเร็ วดังสายลม มู่หรงเสวียไม่มีทางทีจะตังตัวได้ทนั แววตากระเพือมไปด้วยไฟโกรธจน


แทบจะสามารถพ่นออกมาเป็ นไฟได้ นางกัดฟันพูด “คุณชายโอวหยาง ชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดกัน !”

เขามิใช่บุตรชายของเซี ยวเหยาอ๋ องชนชันสู งผูม้ ากความสามารถแห่ งแคว้นชิงเหยียนหรอกหรื อ ? เขาน่าจะเป็ นผู ้


มีการศึกษา ปราชญ์เปรื องจนมิสามารถจะหาใครมาเปรี ยบได้ ทําไมหลักการง่าย ๆ เช่นนี เขากลับไม่รู้เล่า !

“พวกเรากําลังรี บจะไปงานประมูล เพือประมูลต้นตีหยาง เรื องเล็กน้อยแค่นีไม่สาํ คัญเท่ากับชีวติ ของเจ้าหรอก


อันไหนข้ามได้ก็ขา้ มไปเสี ยเถอะ !”

คุณชายโอวหยางจ้องมองมาทีนางเพียงแวบหนึง มือขาวหยกขยับอีกครัง กระดุมเม็ดสุ ดท้ายทีเหลือบนกระโปรง


ถูกแกะออก เผยให้เห็นผิวขาวเรี ยบเนี ยนรวมถึงเอียมสี แดงกับกางเกงสี ขาวหิ มะด้านใน ร่ างกายบอบบางช่าง
ดึงดูดสายตาผูค้ นยิงนัก

มู่หรงเสวียกัดฟันโกรธ ถลึงตามองไปทีเขา แววตาเต็มไปด้วยความเกรี ยวกราด


แววตาของคุณชายโอวหยางใสราวกับสายนํา ไม่พบแม้แต่ความผิดปกติอะไรในแววตา เขาเพียงหยิบเอาชุดยาว
สี ชมพูสวมลงบนร่ างของนางอย่างระมัดระวังแต่รวดเร็ ว ค่อย ๆ ติดกระดุมและผูกสายรัดให้นางอย่างเบามือ เมือ
มองดูแล้วไม่พบว่ามีตรงไหนทีไม่เรี ยบร้อย แววตาของคุณชายโอวหยางก็กลายเป็ นเคร่ งขรึ มจูงนางออกไปยัง
ด้านนอก “เรี ยบร้อยแล้ว พวกเรารี บไปงานประมูลกันเถอะ”

คุณชายโอวหยาง ! เมือมู่หรงเสวียทีเป็ นอิสระแล้ว แววตาของนางก็พลันเยือกเย็น ยืนมือตบเข้าไปทีใบหน้าของ


เขา แม้วา่ ผ้าเอียมกับกางเกงส่ วนในของนางจะยังคงใส่ ดีอยู่ และเขาก็ไม่ได้มองเห็นผิวพรรณอะไรของนางมาก
นัก แต่อย่างไรนางก็เปลียนเสื อผ้าเองได้ ใครให้เขาใช้กาํ ลังบีบบังคับมาช่วยนางเช่นนี !

คุณชายโอวหยางเพียงแต่พลิกกายเบา ๆ หลบการโจมตีของนาง แขนยาวเอือมไปกอดเอวของนางไว้แล้วเดิน


ออกจากห้องไป “นีก็สายมากแล้ว พวกเรารี บไปกันเถอะ !”

แสงแดดอบอุ่นส่ องกระทบร่ างกาย มู่หรงเสวียไม่ทนั ได้ตอบสนองใด ๆ ร่ างกายก็พลันเบาลง ถูกคุณชายโอวห


ยางอุม้ ขึนแล้วกระโดดลอยขึนไป......
ตอนที 43 ความวุ่นวายในงานประมูล

รู ้สึกราวกับว่ากลินหอมของไม้ไผ่ลอยอบอวลอยูร่ อบ ๆ เสี ยงพัดของสายลมลอยเข้ามากระทบกับใบหน้า


ทิวทัศน์รอบด้านผ่านตาไปอย่างรวดเร็ วดังภาพมายา ความโกรธขึงบนใบหน้าของมู่หรงเสวียเพียงพริ บตาเดียว
กลับมลายหายไปเสี ยสิ น ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตืนเต้น นีหรื อคือวิชาตัวเบาของยุคโบราณ ? ช่างน่ า
มหัศจรรย์ยงนั
ิ ก ถ้ามีเวลาเมือไหร่ นางจะต้องเรี ยนมันให้ได้

ระหว่างทีความคิดกําลังลืนไหล มู่หรงเสวียก็มองเห็นสิ งก่อสร้างทีหรู หราโออ่าปรากฏอยูด่ า้ นหน้า ประตูสีขาว


เหมือนดังข้าวดูสะดุดตาภายใต้แสงอาทิตย์ทีสาดส่ อง ไม่รู้วา่ ทํามาจากวัสดุใด ด้านบนประตูสลักด้วยตัวอักษรที
งดงามว่า ‘โรงประมูลยวีเป่ า’ ให้ความรู ้สึกทียิงใหญ่และสู งส่ ง

คุณชายโอวหยางทีอยูด่ า้ นข้างกอดเอวของนางไว้แน่ น ลอยตัวด้วยความสง่างาม ดูเหมือนไม่มีความคิดทีจะหยุด


ความเร็ วลงแม้แต่นอ้ ย มู่หรงเสวียอดเตือนเขาเบา ๆ ไม่ได้ “คุณชาย ถึงโรงประมูลยวีเป่ าแล้ว พวกเราลงไป
ข้างล่างกันเถอะ”

คุณชายโอวหยางปรายตามองโรงประมูลยวีเป่ าอยูค่ รู่ หนึง พูดขึนอย่างบางเบาว่า “การประมูลของโรงประมูลยวี


เป่ ารอบนี มีสิงของเข้าประมูลมากมาย ทีนังด้านในคงจะเต็มหมดแล้ว พวกเราคงไม่ไปนังเบียดทีโถงใหญ่ ไป
ห้องส่ วนตัวเลยจะดีกว่า”
มู่หรงเสวียเงยหน้ามองไปเห็ นด้านบนของกําแพงโรงประมูลซึ งมีหน้าต่างสวยงามเรี ยงรายกันเป็ นระเบียบ ทุก ๆ
บานล้วนมีรูปลักษณ์ไม่ต่างกัน จึงเลิกคิวขึนอย่างสงสัย “ท่านรู ้หรื อว่าห้องทีท่านจองไว้คือห้องไหน ?”

“แน่นอนว่ารู ้” คุณชายโอวหยางยกยิมน้อย ๆ ค่อย ๆ สะบัดแขนเสื อกลางอากาศจนกลายเป็ นเส้นแสงสวยงาม


ทันใดนันพวกเขาทังสองก็รู้สึกว่าตัวเบาราวหิ มะทีลอยเข้าไปทีห้องส่ วนตัวห้องหนึ ง

ในขณะทีพวกเขาทังสองเยืองย่างเข้ามาในห้อง ห้องทีว่างเปล่าก็ปรากฏร่ างของคนทีคุน้ เคยผูห้ นึง แววตาคมกริ บ


สี หน้าเรี ยบเฉย เป็ นองครักษ์เงาสวินเฟิ งทีปรากฏกายขึนมาอย่างฉับพลัน

เมือมองเห็นคุณชายโอวหยางและมู่หรงเสวีย สวินเฟิ งก็เร่ งเดินเข้าไปคาราวะ “คุณชาย คุณหนูม่หู รง”

มู่หรงเสวียตอบรับเพียงเบา ๆ แกะเอามือทีเกาะเอวของนางอยูอ่ อก เร่ งเดินเข้าไปทีห้องส่ วนตัวของโรงประมูล


มองทะลุออกไปยังด้านนอก ตรงกลางเป็ นเวทียกสู งทรงกลม มีหญิงสาวอ่อนวัยดวงหน้างามหยดย้อยผูห้ นึงยืน
อยู่ นางกําลังผายมือไปทางเห็ดหลินจือสี ดาํ ต้นหนึง กล่าวแนะนําด้วยเสี ยงอ่อนหวานว่า “นีเป็ นเห็ดหลินจืออัคคี
พันปี สามารถรักษาได้ร้อยโรค ร้อยพิษ ราคาเริ มต้นทีหนึ งหมืนตําลึง......”

“สองหมืนตําลึง......”

“สามหมืนตําลึง......”
“สี หมืนตําลึง......”

เสี ยงประกาศราคาดังขึนแข่งขันกันอย่างเซ็งแซ่ มู่หรงเสวียมองไปทีเห็ดหลินจืออัคคีตน้ นัน เห็ดหลินจืออัคคีถือ


ว่าเป็ นเห็ดหลินจือชันดี ยิงเห็ดหลินจืออัคคีพนั ปี ยิงยากนักทีจะได้พบ สรรพคุณทางยาถือว่าดีมาก ไม่วา่ จะ
บาดเจ็บหนักแค่ไหน ถ้ายังมีลมหายใจอยูแ่ ล้วได้กินมันเข้าไป บาดแผลจะถูกรักษาให้หายได้โดยไว ของทีนํา
ออกมาประมูลทีโรงประมูลยวีเป่ านันล้วนไม่ธรรมดา......

คุณชายโอวหยางยืนอยูบ่ ริ เวณริ มหน้าต่าง สายตามองไปทีอ้อมอกว่างเปล่า แววตาปรากฏความเศร้าอยูว่ บู หนึง


กลินกายของหญิงสาวทียังคงหลงเหลือกระทบเข้ากับจมูก มือของเขายังรู ้สึกถึงสัมผัสจากเอวบางเมือครู่ อยูอ่ ย่าง
บางเบา ช่างนุ่ มนิ มยิงนัก แววตาของเขาวูบไหว เขาค่อย ๆ เดินไปทีด้านข้างของโต๊ะ ริ นชาใส่ ถว้ ยแล้วส่ งให้กบั มู่
หรงเสวีย “ดืมชาเสี ยก่อนสิ ”

“ขอบคุณเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียรับถ้วยชามาจิบเบา ๆ รสของชาหอมหวานไปทัวทังปาก นางพยักหน้าอย่างถูกใจ


แววตายังคงจับจ้องไปทีเวทีดา้ นล่าง แล้วพึมพําขึนเบา ๆ “มิรู้ว่าต้นตีหยางจะถูกประมูลไปแล้วหรื อยัง ?”

“ข้าน้อยรออยูท่ ีนีมาตลอด ยังมิได้มีการประมูลต้นตีหยางขอรับ” สวินเฟิ งค่อย ๆ พูดจาอย่างระมัดระวัง เมือเห็น


สี หน้าของคุณชายโอวหยางยังคงเรี ยบเฉย ก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ

“เช่นนันก็ดีน่ะสิ ” มู่หรงเสวียหายใจอย่างโล่งอก จิบชาต่อช้า ๆ เสี ยงหัวเราะอ่อนหวานของหญิงสาวลอยกระทบ


เข้าหู “เห็ดหลินจืออัคคีตกเป็ นของคุณชายวัง หลิงหลงขอแสดงความยินดีกบั คุณชายวังด้วยเจ้าค่ะ ต่อเป็ นการ
ประมูลต้นตีหยางจํานวนหนึ งกล่อง......ราคาประมูลเริ มต้นทีห้าพันตําลึงเจ้าค่ะ......”
มู่หรงเสวียแววตาเปล่งประกาย ก้มหน้ามองไปทีเวทีสูง เห็นด้านบนเวทีมีกล่องทีด้านในมีสมุนไพรเหมือนกับ
ต้นตีหยางทีนางเคยอ่านเจอในหนังสื อไม่มีผดิ วางอยู่

“หนึ งหมืนตําลึง......”

“หนึ งหมืนห้าพันตําลึง......”

“สองหมืนตําลึง......”

“ห้าหมืนตําลึง” เสี ยงเย็นชาของหญิงสาวดังขึน ทัวทังโรงประมูลพลันเงียบสงัด คนทีกําลังประกาศราคาแข่งขัน


กันล้วนขมวดคิวอย่างครุ่ นคิด ส่ ายหน้าเบา ๆ ต้นตีหยางเป็ นสมุนไพรสายหยาง ทําได้แค่เพียงแก้พิษสายหยิน
เท่านัน ไม่เหมือนกับเห็ดหลินจือหรื อโสมทีไม่ว่าใครต่างก็ใช้ได้

ทีพวกเขาร่ วมแข่งราคา เป็ นเพราะมีความคิดเพียงแค่จะซื อเอามันมาในราคาทีเหมาะสมเท่านัน แต่ราคาทีมู่หรง


เสวียประกาศออกมา กลับสู งเกินมูลค่าจริ งของต้นตีหยางไปมาก พวกเขาไม่อยากทีจะเสี ยเงินตําลึงไปกับมัน
มากขนาดนัน จึงไม่คิดทีจะประกาศราคาแข่งขันต่อ

“ห้าหมืนตําลึงครังทีหนึง ห้าหมืนตําลึงครังทีสอง ห้าหมืนตําลึงครังทีสาม ไม่มีคนประกาศราคาต่อ ต้นตีหยา


งตกเป็ นของคุณหนูท่านนีแล้วเจ้าค่ะ” สุ่ ยหลิงหลงยิมน้อย ๆ เคาะค้อนตกลงการประมูล
“ปั ง” ขณะทีเสี ยงเคาะดังขึน นําเสี ยงไพเราะสายหนึ งก็ลอยออกมา “เดียวก่อน”

หญิงสาวผูห้ นึงเดินเข้ามาในโถงการประมูล นางอยู่ในชุดสี เหลืองอ่อน เส้นผมตรงสี ดาํ เงางามถูกรวบขึนเป็ น


มวย ริ มผีปากคล้ายดอกอิงฮวา ดวงตาสี ดาํ สดใส ใบหน้าแต่งแต้มไปด้วยเครื องประทินโฉมดูงดงามดังเทพเซี ยน

“เอ๋ นี มิใช่คุณหนูซูหนานเซี ยงหรอกหรื อ ?”

“ทําไมจะมิใช่นางเล่า หลานสาวของราชครู หญิงงามอันดับหนึงแห่ งเมืองหลวง แค่ใบหน้างดงามนันก็ไม่


สามารถหาใครมาเปรี ยบแล้ว ทําไมนางถึงมาทีนี ......”

“ยังจะมาทําอะไรได้อีกเล่า ? แน่นอนว่าต้องมาร่ วมงานประมูลน่ะสิ ไม่รู้ว่านางคิดจะประมูลอะไร......”

ผูค้ นต่างกระซิ บพูดคุยกันเสี ยงเบา แล้วพากันมองไปทีซูหนานเซี ยง

ซูหนานเซี ยงทําเหมือนเสี ยงชืนชมพวกนีเป็ นเรื องปกติ นางค่อย ๆ ก้าวเท้าไปด้านหน้าเวที เงยหน้ามองไปบน


เวทีอย่างช้า ๆ “คุณหนูหลิงหลง ข้าขอเสนอราคาหนึงแสนตําลึง ขอซื อต้นตีหยางกล่องนี !”

สุ่ ยหลิงหลงชะงักค้าง ปฏิเสธอย่างมีมารยาทว่า “ขออภัยคุณหนูซูเจ้าค่ะ ต้นนีหยางนี มีคนประมูลไปแล้ว”


ั งมิได้จ่ายเงิน การซื อขายครังนี ถือว่ายังไม่สมบูรณ์ !” ซูหนานเซี ยงแววตาวูบไหว
“คุณหนูผนู ้ นยั

“หลังจากทีเสี ยงค้อนประมูลดังขึน ถือว่าการประมูลจบลงแล้ว ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้จ่ายเงินตําลึง ต้นตีหยางนี ก็ตก


เป็ นของคุณหนูท่านนันแล้ว ถ้าคุณหนูซูอยากได้ตน้ ตีหยาง สามารถไปต่อรองกับคุณหนูท่านนันได้เจ้าค่ะ” สุ่ นห
ลิงหลงอธิบายด้วยรอยยิม ทีโรงประมูลยวีเป่ ามีชือเสี ยงในเมืองหลวงได้กเ็ พราะว่ามีความยุติธรรม และกฎกติกา
ทีเข้มงวด นางมีหน้าทีเป็ นผูด้ าํ เนิ นการประมูล จะต้องรักษากฎการประมูลไว้ ไม่สามารถทีจะละเมิดกฎทีตังไว้
ได้

“ทีแท้กเ็ ป็ นเช่นนีเอง รบกวนคุณหนูหลิงหลงแล้ว” ซูหนานเซี ยงพูดบางเบา หมุนกายมองไปทีมู่หรงเสวีย นาง


ชะงักไปครู่ หนึง นันมัน......ห้องทีจองไว้เป็ นพิเศษของวังเซี ยวเหยาอ๋ อง ทําไมนางถึงไปอยูท่ ีนันได้ ?

ม่านลูกปั ดทีลู่ลง บดบังรู ปลักษณ์ของมู่หรงเสวียเอาไว้ เผยให้เห็นเพียงร่ างบางราง ๆ หลังม่าน ซูหนานเซี ยงค่อย


ๆ ขมวดคิวในใจ “คุณหนู ท่านแม่ของข้าร่ างกายอ่อนแอ จําเป็ นต้องรี บใช้ตน้ ตีหยางขับไอเย็น ไม่ทราบว่า
คุณหนูพอจะมอบต้นตีหยางให้ขา้ ได้รึไม่ ?”

“การขับไอเย็น สามารถใช้สมุนไพรตัวอืนได้ ไม่จาํ เป็ นว่าจะต้องใช้ตน้ ตีหยางนี” มู่หรงเสวียมีความรู ้ทางแพทย์


เล็กน้อย สมุนไพรทีขับไอเย็นในร่ างกาย ถึงจะมีไม่มากนัก แต่ก็มีสิบกว่าชนิ ด สรรพคุณของมันก็ไม่ต่างกันมาก
สามารถใช้แทนกันได้
“ไอเย็นในร่ างกายของท่านแม่ค่อนข้างหนัก ใช้ตน้ ตีหยางถึงจะได้ผลลัพธ์ทีดีทีสุ ด” ซูหนานเซี ยงอธิบายด้วย
รอยยิม

“ต้องขออภัยคุณหนูซูแล้ว ตัวข้านันเป็ นโรคเรื อรัง สรรพคุณของยาตัวอืนไม่มีผลกับข้า สามารถใช้ได้เพียงแค่


ต้นตีหยางเท่านัน” ถ้าหากอาการของมารดาของคุณหนูซูสาหัสจริ ง ๆ และขาดต้นตีหยางไม่ได้เลยละก็ มู่หรง
เสวียก็คงจะมอบต้นตีหยางให้ไปแล้ว แต่มารดาของนางไม่ได้เจ็บหนักถึงขนาดนัน ยาตัวอืนก็สามารถทีจะช่วย
มารดาของนางได้

แต่บวั อัคคีของนางถูกทําลายไปแล้ว จําเป็ นต้องใช้ตน้ ตีหยางจริ ง ๆ จํานวนของต้นตีหยางก็มีไม่มากนัก เมือขาด


ไปหนึงต้น ก็ไม่รู้ว่าเมือใดจะหาได้อีกต้น ในมือของนางมีบวั อัคคีเพียงแค่สองเม็ด คงไม่สามารถจะยืดเวลา
ออกไปได้นานมากนัก

เมือได้ฟังคําตอบทีหนักแน่ น แววตาของซูหนานเซี ยงก็ค่อย ๆ เข้มขึน เปล่งประกายดุดนั “คุณหนูจะไม่ยอมมอบ


ต้นตีหยางให้ขา้ จริ ง ๆ น่ ะหรื อ ?”

“มิใช่ขา้ มิเต็มใจ แต่ขา้ มิสามารถจะมอบมันให้กบั ท่านได้จริ ง ๆ ขอคุณหนูซูโปรดอภัยด้วย” มู่หรงเสวียแววตา


เฉยชา พูดเน้นทีละคํา

ผูค้ นต่างมองหน้ากันไปมา หันหน้าส่ งสายตาให้กนั อีกคนจะซื อ แต่อีกคนก็ยนื กรานทีจะไม่ขาย ถ้าเช่นนันควร


จะทําอย่างไรดี ?

โรงประมูลยวีเป่ าทียิงใหญ่พลันเงียบสงบ แม้แต่เสี ยงเข็มตกกระทบกับพืนก็ยงั ได้ยนิ คิวสวยของซูหนานเซี ย


งค่อย ๆ ขมวดเข้าหากัน นางเงยหน้ามองไปทางมู่หรงเสวียอย่างช้า ๆ สายตามองผ่านเลยนางไป มองไปด้านใน
ของห้อง “คุณชายโอวหยาง คุณหนูท่านนี ควรทีจะขายต้นตีหยางหรื อไม่เจ้าคะ ?”

เมือประโยคนีหลุดออกมา ผูค้ นก็ต่างพากันฮือฮา คุณชายโอวหยางก็มางานประมูลครังนีด้วยหรื อ ?

มู่หรงเสวียก็ชะงักไปชัวครู่ ซูหนานเซี ยงรู ้จกั คุณชายโอวหยางหรื อ......


ตอนที 44 การตัดสินใจของคุณชาย
มู่หรงเสวียหันหน้าไปมองคุณชายโอวหยาง เห็นเพียงสายตาของเขาเข้มขึน วางถ้วยกระเบืองสี ขาวลง แล้วเดิน
เข้ามาหา ริ มผีปากบางเม้มสนิ ท ดวงหน้าหล่อเหลาดังภาพวาดดูคร่ งขรึ มเย็นชาดังดวงจันทร์ จากบนท้องฟ้ า เขา
ค่อย ๆ ก้าวเท้าไปด้านหน้าอย่างสง่างาม แขนเสื อยาวพลิวไหวไปตามสายลม ท่วงท่าดูงดงามราวกับเทพเซี ยน
ยากทีจะหาใดเปรี ยบ

ผูค้ นต่างชะเง้อมองมาทางเขา แววตาเต็มไปด้วยความตืนเต้นและตกตะลึง ท่านนี คือบุตรชายแห่ งเซี ยวเหยาอ๋ อง


สูงส่ งสง่างาม รู ปลักษณ์หล่อเหลาหาใครเปรี ยบ ดูดีกว่าทีลือกันอยูส่ ามถึงสี ส่ วน......

มาประมูลทีโรงประมูลยวีเป่ า กลับนึ กไม่ถึงว่าจะได้พบกับคุณชายผูโ้ ด่งดังแต่ยากจะพบตัวผูน้ ี ถือเป็ นผลพลอย


ได้ทีไม่เลวเลย......

ซูหนานเซี ยงทีอยูต่ รงกลางของห้องโถงใหญ่ มองไปทีใบหน้าหล่อเหลาเบืองหน้า ต่อไปนีนางคงไม่สามารถ


มองหน้าชายหนุ่ มคนไหนได้อีกแล้ว แววตาค่อย ๆ เปล่งประกายอย่างอ่อนโยน ตอนทีเขาจากเมืองหลวงไป นาง
อยูท่ ีบ้านของท่านยาย ไม่สามารถบอกลากับเขาได้ ก่อนเขาจะกลับมาเมืองหลวงไม่กีวัน นางก็บงั เอิญไปเยียม
ท่านยายอีก ไม่สามารถเจอหน้าเขาเป็ นคนแรกได้ ถ้ามาลองนับดูแล้ว พวกนางไม่ได้เจอกันนานนับสิ บปี ได้

เขาดูสูงขึน หล่อเหลาขึนกว่าเมือก่อนมากนัก นางก็เติบโตขึน ไม่ได้คิดถึงเขาตลอดเวลาอีกต่อไป

“คุณชายโอวหยาง ไม่ได้เจอกันนานนะเจ้าคะ” เสี ยงอ่อนหวานของซูหนานเซี ยงบางเบาเหมือนสายลม


“คุณหนูซู” คุณชายโอวหยางพยักหน้า นําเสี ยงทุม้ ราบเรี ยบเช่นปกติ

ขอบตาของซูหนานเซี ยงทีชืนขึนเพียงเล็กน้อยกลับกลายเป็ นปกติ เหลือเพียงแววตาของหญิงสาวทีได้เห็นคนใน


ดวงใจ ฝ่ ามือภายในแขนเสื อกําผ้าเช็ดหน้าแน่น ตืนเต้นเล็กน้อย แต่กย็ งั มีท่าทางถือตัวสงวนท่าทีอยู่ “ข้าเพิงจะ
กลับมาถึงเมืองหลวงวันนี กะว่าพรุ่ งนีจะไปคาราวะทักทายเซี ยวเหยาอ๋ องกับพระชายาเอกและคุณชาย คาดไม่ถึง
ว่าจะได้พบกันทีนีเสี ยก่อน”

“ท่านพ่อกับท่านแม่ของข้าตอนนี ไม่อยูท่ ีเมืองหลวง” คุณชายโอวหยางกล่าวเรี ยบเฉย

“ไม่อยูห่ รื อเจ้าคะ ? ตอนอยูท่ ีเฉวียนโจวข้าได้ผงไข่มุกชันดีมาพอดี คิดว่าจะมอบให้พระชายาเอกเสี ยหน่อย......”


ซูหนานเซี ยงพูดขึนด้วยนําเสี ยงทีบางเบา รอยยิมงดงามเปล่งประกายดึงดูดสายตาผูค้ น

คุณชายโอวหยางดวงหน้าเคร่ งขรึ ม มิได้กล่าววาจาใด

“คุณชาย ท่านกับซูหนานเซี ยงเป็ นอะไรกันหรื อ ?” มู่หรงเสวียพูดกดเสี ยงตํา ถามขึนด้วยความสงสัย ถึงขนาด


กับไปเยียมเยียนพ่อแม่ทีวังเช่นนี ความสัมพันธ์ของทังสองคงไม่ธรรมดานัก

“ท่านปู่ ของซูหนานเซี ยงเป็ นราชครู ผูเ้ ป็ นนักปราชญ์ลทั ธิ ขงจือทีมีชือในเมืองหลวง ตอนข้าอายุห้าขวบได้กราบ


ท่านเป็ นอาจารย์รับการอบรมสังสอนจากท่านอยูห่ ลายปี ” คุณชายโอวหยางพูดขึนด้วยนําเสี ยงราบเรี ยบ
มู่หรงเสวียพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ทีแท้กเ็ ป็ นเพือนวัยเด็กทีเติบโตมาด้วยกันนีเอง” ถึงว่าซูหนานเซี ยงเมือเห็นเขาก็
ถึงกับนําตาคลอ ท่าทางน่ าสงสารเหมือนได้เจอคนรักทีพลัดพลากจากกันไปนานแสนนาน ทีแท้กเ็ ป็ นสาย
สัมพันธ์ทีพิเศษเช่นนีนี เอง

คุณชายโอวหยางขมวดคิวเล็กน้อย กล่าวเสี ยงเบา “ข้าเพียงแค่ไปเรี ยนกับท่านราชครู ทีจวนฝ่ ายหน้าเท่านัน ไม่


เคยก้าวเข้าไปในจวนฝ่ ายในของนางแม้แต่นอ้ ย ในหนึงปี เจอนางโดยบังเอิญเพียงหนึงถึงสองครัง มิได้สนิทกัน
มากเท่าไหร่ ......”

“แต่พวกท่านก็นบั ว่ารู ้จกั กันมาตังแต่เด็ก เติบโตมาพร้อมกัน จะบอกว่าเป็ นเพือนวัยเด็กก็ไม่เห็นจะแปลก


ตรงไหนนีเจ้าคะ” มู่หรงเสวียกระพริ บตาปริ บ ๆ แววตาไร้เดียงสา มองท่าทางคล้ายยิมคล้ายมิยมของนางแล้
ิ ว
คุณชายโอวหยางก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ทําไมนางถึงจําไม่ได้ ? เรื องวัยเด็กระหว่างเขากับนาง......

ั นใครกัน ? ทําไมถึงสามารถยืนอยูข่ า้ งกายคุณชายโอวหยาง


แววตาของซูหนานเซี ยงวูบไหว หญิงสาวผูน้ นเป็
กระซิ บกระซาบกับเขาอย่างหน้าไม่อายเช่นนี ?

แต่ไหนแต่ไรมาคุณชายเป็ นคนทีถือตนและฐานะสู งส่ ง ไม่เคยสนใจหญิงสาวอายุใกล้เคียงกัน มีเพียงเวลาทีเขา


คุยกับนางเท่านัน ทีจะตอบคําถามกลับมาอย่างง่าย ๆ ความพิเศษเช่นนี มีให้เพียงนางซูหนานเซี ยงเพียงผูเ้ ดียว
นางไม่มีทางยอมทีจะแบ่งปั นมันให้กบั ผูใ้ ด
ในใจของนางคิดเช่นนัน แต่ใบหน้าของซูหนานเซี ยงกลับเต็มไปด้วยรอยยิมอ่อนโยน “คุณชายโอวหยาง จริ ง ๆ
แล้วข้ามิอยากจะปิ ดบัง ท่านแม่ของข้าร่ างกายอ่อนแอนัก ล้วนเจ็บปวดทรมานตลอดสี ฤดู แต่ไม่เคยปริ ปากบ่น
สักคํา ถ้าได้ตน้ ตีหยางไปทํายารักษา ก็จะสามารถขับไอเย็นออกมาได้ คงฟื นฟูกลับเป็ นปกติโดยเร็ ว”

นางถึงกับรอไม่ไหวทีจะให้คุณชายโอวหยางตอบตกลงขายต้นตีหยางให้แก่นาง

ฝูงชนต่างล้วนหยุดหายใจ มองไปทางคุณชายโอวหยางตาไม่กระพริ บ ในใจพากันคาดเดากันไปมา ระหว่าง


หลานสาวของราชครู ซูกบั คุณหนูลึกลับผูน้ นั ใครทีจะได้รับความสนใจจากคุณชายโอวหยางมากกว่ากัน ?

คุณชายโอวหยางกวาดสายตามองห้องโถงการประมูลทีโออ่าตรงหน้า หยุดสายตาลงทีร่ างของมู่หรงเสวีย พูด


ด้วยนําเสี ยงอ่อนโยนว่า “ฮูหยินซูเป็ นผูใ้ หญ่ อายุกม็ ากแล้ว ไม่ควรได้รับความเจ็บปวดทรมานนานเกินไป เจ้า
อายุยงั น้อยก็มอบต้นตีหยางให้คุณหนูซูไปเสี ยเถอะนะ”

ซูหนานเซี ยงทีได้ยนิ เช่นนัน ก็ค่อย ๆ โล่งอก ใบหน้าเผยรอยยิมยินดี มองไปทางคุณชายโอวหยางอย่างซาบซึ งใจ


นางรู ้ ในใจของเขานางไม่มีทางเหมือนผูอ้ ืนแน่ ใจของเขาไม่มีทางเปลียนไปได้เพียงเพราะว่าการปรากฏตัวของ
ใครบางคน......

ฝูงชนลอบถอนหายใจเบา ๆ คิดไว้แต่แรกแล้วว่าจะต้องเป็ นเช่นนี คุณชายโอวหยางเป็ นลูกศิษย์ของราชครู ซู ซู


หนานเซี ยงทีเป็ นหลานของราชครู ซู ความสัมพันธ์ของทังสองคงใกล้ชิดกันมาก กลับกันคุณหนูผลู ้ ึกลับผูน้ นั ดู
เหมือนว่าเพิงจะรู ้จกั กับคุณชายโอวหยางได้ไม่นานนัก ความสัมพันธ์ไม่น่าจะลึกซึ งเท่ากับเขากับซูหนานเซี ยง
......
สี หน้าของมู่หรงเสวียเย็นชาลง ถลึงตามองคุณชายโอวหยางอย่างดุร้าย ใครเป็ นคนบอกเขาว่าเวลาป่ วยไข้ให้ดูที
อายุ อายุของมารดาของซูหนานเซี ยงมากกว่า ร่ างกายหนาวเย็นจากไอเย็นถือว่าเป็ นโรคทีหนักหนา แต่นางอายุ
ยังน้อยถูกพิษเยือกแข็งไม่ได้เป็ นเรื องสาหัสอะไร นี มันตรรกะบ้าบออะไรกัน ?

ถึงแม้วา่ ซูหนานเซี ยงจะเป็ นเพือนวัยเด็กของเขา เขาก็ไม่เห็นจําเป็ นทีจะต้องลําเอียงถึงขนาดนี

“คุณชายโอวหยาง ไอเย็นในร่ างของฮูหยินซูขาดต้นตีหยางยังมีทางรอด แต่ถา้ พิษเยือกแข็งของข้ากําเริ บแล้วไม่มี


ต้นตีหยาง ก็มีแต่ตอ้ งตายเท่านัน”

แววตาของคุณชายโอวหยางลําลึก “ในกล่องมีตน้ ตีหยางเพียงแค่ตน้ เดียว ถึงแม้ว่าจะมอบให้เจ้าไป แต่กท็ าํ ได้แค่


ยับยังความเจ็บปวดจากอาการพิษกําเริ บได้เพียงครังเดียวเท่านัน......”

“เช่นนันก็ยงั ดีกว่าไม่มีตน้ ตีหยางแล้วเจ็บปวดทรมานจนตายเป็ นไหน ๆ” นําเสี ยงเฉี ยบเย็นของมู่หรงเสวียตัดบท


คําพูดของเขา แววตาเต็มไปด้วยไฟแห่ งความเกรี ยวกราดจนแทบจะสามารถเผาเขาให้เป็ นจุลได้

คุณชายโอวหยางแอบยิมบางเบา ตอนนีนางเดือดสุ ด ๆ ไปแล้ว ไม่ควรจะยัวโมโหนางไปมากกว่านี“องครักษ์เงา


เพิงมารายงานเมือครู่ นี มีทีแห่ งหนึงพบต้นตีหยางเป็ นจํานวนมาก เจ้าสามารถไปเก็บเกียวเองได้ อยากได้มาก
เท่าไหร่ กจ็ ะได้มากเท่านัน......”
ดวงตาของมู่หรงเสวียพลันเปล่งประกาย “จริ งหรื อ ?”

คุณชายโอวหยางพยักหน้าเบา ๆ แววตาเต็มไปด้วยความหนักแน่ น “ข้าเคยหลอกเจ้าเมือไหร่ กนั ?”

ในใจของมู่หรงเสวียคลายกังวลลง เขามอบต้นตีหยางให้กบั เพือนวัยเด็กของเขาไป และเขาไม่รู้จะไถ่โทษกับ


นางยังไง เลยเอาจุดทีพบดงของต้นตีหยางมาปลอบประโลมนางสิ นะ

แต่ว่า เมือเปรี ยบเทียบกับต้นตีหยางแค่ตน้ เดียวแล้ว ไม่ว่าอย่างไรนางก็ตอ้ งเลือกดงของต้นตีหยางอยูแ่ ล้ว เท่านี


ชีวิตของนางก็มีหลักประกัน นางมิจาํ เป็ นจะต้องไปแย่งชิงกับใครอีก “เช่นนันต้นตีหยางต้นนี ข้าก็ขอมอบให้
คุณหนูซูแล้ว”

เมือเห็นท่าทางใจกว้างของนางเช่นนัน แววตาของคุณชายโอวหยางก็ปรากฏความยินดีปนอยูน่ อ้ ย ๆ แววตานัน


ทําให้ผคู ้ นล้วนหลงใหล

รอยยิมของซูหนานเซี ยงพลันแข็งทือในพริ บตา ต้นตีหยางเป็ นตัวยาธาตุหยาง จํานวนมีไม่มากนัก ราคานับว่า


สูงส่ ง แต่ละต้นล้วนราคาหลายหมืนตําลึง

คุณชายโอวหยางให้ตนจ่ายเงินแสนตําลึงเพือต้นตีหยางเพียงต้นเดียว แต่กลับมอบแหล่งของดงต้นตีหยางให้
หญิงสาวผูน้ ันเสี ยเปล่า ๆ โดยทีนางมิตอ้ งลงมือลงแรงอะไรเลย เพียงเพือให้นางบรรเทาความเจ็บปวดจากอาการ
พิษกําเริ บเท่านัน คนมาทีหลังกลับดียงกว่
ิ า และดูเหมือนเขาจะใส่ ใจนางมาก......

นางกับคุณชายโอวหยางรู ้จกั กันมาสิ บสามปี พบหน้ากันสามปี แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยใส่ ใจอะไรนาง ทังยัง


ไม่เคยพูดจาเอาอกเอาใจอะไรนางเช่นกัน......
ตอนที 45 ผลลัพธ์ ทได้

สิ งเดียวทีไม่เหมือนกับคนอืนก็คือ เวลาทีนางพูดคุยด้วยหรื อถามคําถาม คุณชายโอวหยางจะตอบนางกลับอย่าง
ตังใจ ถึงแม้นาเสี
ํ ยงสุ ภาพของเขาจะดูราบเรี ยบและห่ างเหิ น แต่นางก็ยงั คิดว่าในใจของเขานางนันไม่เหมือนกับ
ผูใ้ ด

แต่สิงทีนางเห็นวันนี คุณชายโอวหยางกลับหันไปสบตากับหญิงสาวผูห้ นึง เขาพูดคุยหยอกล้อกับหญิงสาวผูน้ นั


ด้วยใบหน้าทีเต็มไปด้วยรอยยิม นันเป็ นการกระทําทีใกล้ชิดสนิ ทสนมทีแม้แต่นางก็ยงั ไม่เคยได้รับ

สี หน้าของซูหนานเซี ยงเต็มไปด้วยความหึ งหวงและเจ็บปวด แววตาเปล่งประกายคมกริ บ “ขอบคุณคุณหนูทีตัด


ใจยอมขายให้ขา้ ไม่ทราบว่าคุณหนูมีนามว่าอะไรหรื อ ? วันหน้าถ้ามีโอกาสหนานเซี ยงจะได้หาโอกาสตอบ
แทน”

ซูหนานเซี ยงใช้เงินจํานวนหนึงแสนตําลึงเพือซื อต้นตีหยางหนึงต้น ส่ วนนางนันเงินแม้แต่แดงเดียวก็ไม่ตอ้ งเสี ย


แต่กลับได้ทีอยูข่ องต้นตีหยางทังดง แน่นอนว่าในใจของซูหนานเซี ยงต้องเจ็บแค้นในตัวนางแน่ ไหนเลยจะ
อยากมาตอบแทนนาง คงอยากจะรู ้ว่านางเป็ นใครเสี ยมากกว่า ซึ งนางก็ไม่ได้มีเหตุผลอะไรทีต้องปิ ดบัง คงต้อง
ให้ซูหนานเซี ยงได้สมปรารถนาเสี ยหน่อย

มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ แหวกม่านลูกปั ดออก เผยใบหน้างดงามปรากฏสู่ สายตาของฝูงชน

แววตาของซูหนานเซี ยงวูบไหว “ท่านคือ......มู่หรงเสวีย !”


ตอนทีนางเข้าร่ วมงานเลียงทีวังหลวง เคยเห็นนางอยูไ่ กล ๆ มิได้กล่าววาจาและมิได้สานสัมพันธ์ซึงกันและกัน
ไม่คาดว่าผ่านไปเพียงไม่กีวัน นางกลับกลายเป็ นศัตรู หัวใจของตนเสี ยแล้ว

มู่หรงเสวียพยักหน้ายิมน้อย ๆ “คุณหนูซูใช้เงินหนึ งแสนตําลึงซื อต้นตีหยางให้ซูฮูหยิน ช่างกตัญ ูยงนั


ิ ก”

ใบหน้างามของซูหนานเซี ยงค่อย ๆแข็งค้าง ราคาของต้นตีหยางทีมู่หรงเสวียประมูลมาคือห้าหมืนตําลึง แต่กลับ


ให้นางจ่ายหนึ งแสนตําลึง จะเอาเปรี ยบกันเกินไปแล้ว !

แต่อย่างน้อยตอนนี นางก็รู้แล้วว่าคู่แข่งของตัวเองเป็ นใคร ถึงตอนนี จะตกเป็ นรองไปบ้างก็ไม่เป็ นไร จะต้องมีสัก


วันทีนางจะหาโอกาสเขียมู่หรงเสวียออกไป “คุณหนูมู่หรงกล่าวชมกันเกินไปแล้ว”

มองท่าทางนิงเงียบของนาง มู่หรงเสวียก็ยกยิมมุมปาก เสี ยเงินเปล่า ๆ ไปตังห้าหมืนตําลึงเช่นนี นางกลับไม่มี


ท่าทีโวยวาย ดูแล้วคงจะเป็ นหญิงสาวทีร้ายกาจผูห้ นึง ดูท่าทางของนางตอนนี คงยังมิอยากหาเรื องนาง ตัวนางเอง
ก็ขเกี
ี ยจจะไปสนใจเช่นกัน

มู่หรงเสวียหันไปมองคุณชายโอวหยางทีอยูด่ า้ นข้าง กล่าวขึนช้า ๆ “คุณชายโอวหยาง พวกเราไปกันเถอะ”

มู่หรงเสวียมาทีโรงประมูลยวีเป่ าก็เพราะต้นตีหยาง ต้นตีหยางถูกนางประมูลและขายต่อไปแล้ว นางก็ไม่มีความ


จําเป็ นอะไรทีจะต้องอยูท่ ีนี อีกแล้ว
“ตกลง” คุณชายโอวหยางพยักหน้า แววตาปนไปด้วยความยินดีเล็กน้อย ค่อย ๆ เดินออกไปด้านนอก

แววตาของแขกเหรื อในห้องโถงใหญ่ต่างพากันมองไปทีคุณชายโอวหยาง ทุกสายตาล้วนเต็มไปด้วยความเคารพ


นับถือ

แววตาของซูหนานเซี ยงก็มองไปทีคุณชายโอวหยางเช่นกัน เห็นเขาค่อย ๆ เดินลงบันไดมาทีละก้าว ผ่านผูค้ น


มากมาย แล้วค่อย ๆ ก้าวเดินออกไปด้านนอก มองมาทางนางสักนิดก็ไม่มี นางรู้สึกเหมือนร่ างกายแข็งทือ ในหัว
เต็มไปด้วยความว่างเปล่า ดูเหมือนว่าคุณชายโอวหยางจะลืมนางไปเสี ยสนิท ทําไมถึงเป็ นเช่นนี ได้?......

เมือมองเห็นคุณชายโอหยางทีกําลังจะเดินออกจากโรงประมูลยวีเป่ า ซูหนานเซี ยงก็แอบกัดฟัน ร้องเรี ยกอย่าง


ร้อนรน “คุณชายโอวหยาง รอสักครู่ เจ้าค่ะ !”

“มีอะไรหรื อ ?” คุณชายโอวหยางหยุดฝี เท้าลง แต่ไม่ได้หันกลับมา เสี ยงทุม้ ฟังดูแล้วช่างให้ความรู ้สึกทีเฉยชา


และห่ างเหิ นยิงนัก

“ข้า......” ซูหนานเซี ยงมองไปทีมู่หรงเสวีย แต่มิกล่าววาจาใด

มู่หรงเสวียกระพริ บตา และหันไปกล่าวกับคุณชายโอวหยาง “พวกท่านน่ าจะมีเรื องทีต้องพูดคุยกัน ถ้าเช่นนันข้า


ไปรอด้านนอกก่อนก็แล้วกัน” คุณชายโอวหยางกับซูหนานเซี ยงเป็ นเพือนวัยเด็กทังยังมีความสัมพันธ์ทีลึกซึ งต่อ
กัน ไม่ได้พบหน้ากันนานหลายปี แน่ นอนว่าต้องมีเรื องทีอยากจะพูดคุยกันมากมาย ตัวนางก็คงไม่อยูเ่ ป็ นก้าง
ขวางคอพวกเขาแล้ว

คุณชายโอวหยางมองดูม่หู รงเสวียทีค่อย ๆ เดินออกไปจากโรงประมูลยวีเป่ า เห็นนางหยุดรออยูด่ า้ นนอก ท่าทาง


หันซ้ายหันขวาเหมือนกับว่ารู ้สึกหงุดหงิดทีจะรอ

มุมปากของเขาก็โค้งขึน แววตาปนความยินดีเล็กน้อย มองดูแล้วให้ความรู ้สึกสง่างามดึงดูดสายตาผูค้ น

ฝ่ ามือภายใต้แขนเสื อของซูหนานเซี ยงกําเข้าหากันแน่น นางเดินมาข้างหน้า กล่าวเตือนเสี ยงเข้ม“คุณชาย มู่หรง


เสวียเป็ นว่าทีภรรยาของจิงอ๋ องนะเจ้าคะ !”

ประกายตายินดีของคุณชายโอวหยางพลันมลายหายไปเสี ยสิ น คิวย่นเข้าหากัน พูดด้วยเสี ยงเย็น“เช่นนันแล้ว


อย่างไร ? อีกไม่นานพวกเขาก็จะถอนหมันกันแล้ว !”

“แต่นางมีการหมันหมายกับจิงอ๋ องแล้ว ถึงแม้ภายหลังจะถอนหมัน แต่นางก็ไม่สามารถลบล้างเรื องทีนางเคย


เป็ นว่าทีภรรยาของจิงอ๋ องได้เจ้าค่ะ ระดับศักดิฐานะของวังเซี ยวเหยาอ๋ อง ไม่มีทางทีจะยอมรับหญิงสาวทีถูกจิง
อ๋ องทิงขว้าง......”

แววตาของคุณชายโอวหยางทีจ้องมองไปทีซูหนานเซี ยงเปลียนเป็ นเย็นเฉี ยบแหลมคมราวดังลูกธนู “คุณหนูซู


เจ้าดูจะวุ่นวายมากเกินไปแล้ว !”
แรงกดดันไร้เสี ยงไร้รูปแผ่ขยายออกมา แรงกดดันทีรุ นแรงทําเอาใบหน้าของซูหนานเซียงถึงกับซี ดขาว อยูๆ่ ทัว
ทังร่ างก็สันไหวจนไม่สามารถทีจะควบคุมได้ “ข้า......ข้า......”

“คุณหนูซู ทําตนเองให้ดีเสี ยก่อน อะไรทีไม่ใช่เรื องของท่าน ก็อย่าได้วนุ่ วาย !” คุณชายโอวหยางพูดขึนด้วย


นําเสี ยงเย็นชา หมุนกายเดินออกไปด้านนอกโดยทีไม่หันกลับมามองเพียงสักนิ ด

ตอนทีซูหนานเซี ยงได้สตินัน ร่ างทีสง่างามของเขาก็กา้ วไปอยูด่ า้ นหน้าของมู่หรงเสวียเสี ยแล้ว เห็นเขากําลังก้ม


หน้าพูดคุยอะไรบางอย่างกับนาง

พริ บตาเดียวขอบตาของนางก็ชืนไปด้วยหยาดนําตา ฟั นขบกัดทีริ มฝี ปากของตนเองแน่ นจนเลือดไหลออกมาซิ บ


ๆ ทีนางพูดทังหมดนันก็เพราะหวังดีต่อคุณชายโอวหยาง แต่ทาํ ไมเขาถึงกลับไม่รับแม้แต่นาใจของนาง?

คุณชายโอวหยางทีเดินออกมานอกโรงประมูลยวีเป่ า หันไปกล่าวกับมู่หรงเสวียว่า “เจ้ากําลังทําอะไรหรื อ ?”

มู่หรงเสวียหมุนกายหันมามองเขาอยากแปลกใจ “ทําไมท่านถึงออกมาเร็ วเช่นนี ล่ะ ?”

มู่หรงเสวียกระพริ บตา “ข้าคิดว่าพวกท่านจะคุยกันนานกว่านีเสี ยอีก ข้ากําลังมองหาพ่อค้าขายร่ มอยูเ่ ชียว ซื อร่ ม


กระดาษเคลือบนํามันซักคัน กะจะเอามันมาบังแสงแดดระหว่างรอทีพวกท่านพูดคุยกัน”
คุณชายโอวหยางชะงักไปเพียงครู่ หนึ ง แอบถอนหายใจบางเบา ทีแท้ทีนางหันซ้ายหันขวาไปมา ไม่ได้เป็ นการ
เร่ งหรื อหงุดหงิดใส่ เขา แต่ว่ากําลังหาพ่อค้าขายร่ มอยูน่ ีเอง

“แดดแรงมากเลยหรื อ ?” พระอาทิตย์ตอนกลางวันของเดือนสาม เรี ยกได้ว่าค่อนข้างทีจะอบอุ่นจนห่ างไกลกับ


คําว่าแดดแรงมากอยูท่ ีเดียว

มู่หรงเสวียพยักหน้า “สําหรับข้าแล้ว ถือว่าแรงไปนิดเจ้าค่ะ” คนทีถูกพิษเยือกแข็ง ร่ างกายจะอ่อนแอเป็ นพิเศษ


ถ้าอากาศหนาวเกินไป ร่ างกายจะหนาวสัน แต่ถา้ แสงอาทิตย์แรงจนเกินไป ก็จะเป็ นลมแดดได้

สวินเฟิ งก้าวเข้ามา ยืนร่ มกระดาษเคลือบนํามันหนึงคันมาให้นาง

คุณชายโอวหยางค่อย ๆ กางร่ ม ยืนไปด้านบนของมู่หรงเสวีย บดบังแสงแดดให้เธอ “อย่างนี ดีขนรึ


ึ ไม่ ?”

าค่ะ” มู่หรงเสวียประกายตาแฝงไปด้วยความยินดี ค่อย ๆ ก้าวออกไปด้านหน้า พูดเสี ยงตําว่า


“ดีขนมากเลยเจ้

“คุณชาย ดงต้นตีหยางทีท่านพูดอยูท่ ีไหนหรื อเจ้าคะ ?”

นางอยากจะถามตังแต่ตอนทีอยูท่ ีโรงประมูลยวีเป่ าแล้ว แต่ว่าทีนันคนเยอะเกินไป นางทําได้เพียงอดกลันความ


อยากรู ้เอาไว้ ถึงอย่างไรต้นตีหยางก็เป็ นสมุนไพรสายหยางชันเลิศ มูลค่าไม่นอ้ ย ถ้าถูกคนไม่ดีรู้ทีอยูข่ องมันเข้า
แล้วแอบไปขโมยต้นตีหยางก่อนทีนางจะไป เช่นนันนางก็คงลําบาก......
“อยูท่ ีภูเขาลูกหนึง ระยะทางค่อนข้างไกลจากเมืองหลวง......” คุณชายโอวหยางพูดเสี ยงราบเรี ยบ หางตาปรากฏ
เงาร่ างของผูค้ นร่ างหนึง เขาหันไปมองอย่างสงสัย

มู่หรงเสวียทีจ้องมองเขารอคอยคําตอบ เห็นเขาหันไปมองด้านข้าง ก็ปรายตามองตามไปบ้าง เห็นซวงสี กําลังวิง


มาบนถนนอย่างร้อนรน หน้าผากเต็มไปด้วยเม็ดเหงือ คล้ายกับมีเรื องเร่ งด่วน คิวของนางขมวดขึน ถามเสี ยงดัง
“ซวงสี เจ้าจะกระวนกระวายไปทําไม ?”

นําเสี ยงสอบถามทีใสกังวาลดังกระทบเข้าหู ซวงสี หยุดเท้า หันไปมองมู่หรงเสวีย ค่อย ๆ ยิมแหย ๆ เดินมาทีเขา


“คุณหนู”

มู่หรงเสวียปรายตามองไปทีถุงเงินทีลีบแบนของเขา ถอนหายใจเบา ๆ “ไม่ใช่ว่าท่านพีข้าก่อเรื องอะไรขึนอีก


หรื อ ?”

“มิใช่ มิใช่ขอรับ” ซวงสี เร่ งส่ ายหน้า “เป็ นจวนอู่อนั โหวทีส่ งเทียบเชิญมาเชิญฮูหยินเฒ่า คุณชายกับคุณหนูไป
งานเลียงทีอู่อนั โหวขอรับ”

แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหว “งานเลียงอะไร ?”

“อีกสามวัน จะเป็ นวันครบรอบอายุ 55 ปี ของฮูหยินเฒ่าแห่ งจวนอู่อนั โหวขอรับ”


ตอนที 46 มู่หรงโหรววางแผนร้ าย
­คนเราต้องรู ้จกั กตัญ ูและเคารพผูใ้ หญ่ ชาวแคว้นชิงเหยียนต่างก็ให้ความสําคัญกับวันครบรอบของญาติผใู้ หญ่
วันครบรอบอายุหา้ สิ บห้าปี ก็ถือเป็ นตัวเลขมงคล การจัดงานเลียงถือเป็ นโอกาสอันดีในการสานสัมพันธ์กบั ชน
ชันสูงและเหล่าขุนนาง แน่ นอนว่าจวนอู่อนั โหวจะต้องจัดงานอย่างยิงใหญ่

“เจ้าจะไปร่ วมงานเลียงหรื อไม่ ?” คุณชายสอบถามเสี ยงเบา

“ไม่ไปเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียส่ ายหน้าอย่างไม่ลงั เล

นางเป็ นคนบีบให้ม่หู รงโหรวคืนเงินเกือบแสนตําลึงภายในครังเดียว ในใจของมู่หรงโหรวคงต้องเจ็บแค้นนาง


เป็ นอย่างแน่ เทียบเชิญครังนี จะต้องมีอะไรมิชอบมาพากล เพือทีอยากจะแก้แค้นนาง ไม่แน่ วา่ มู่หรงโหรวอาจจะ
วางแผนร้ายอะไรเอาไว้งานเลียง และกําลังรอให้นางตกหลุมพลาง

นางไม่กลัวแผนรายของมู่หรงโหรว แต่เพียงแค่รู้สึกขีเกียจทีจะเปลืองเวลาและเปลืองสมองไปวุน่ วายกับพวก


นางก็เท่านัน “คุณชาย พวกเรามาคุยกันเรื องต้นตีหยางต่อกันดีกว่าเจ้าค่ะ”

ในมือของนางเหลือบัวอัคคีเพียงแค่สองเม็ด รอทีจะเอาต้นตีหยางมาทํายาแก้พิษจนแทบไม่ไหวแล้ว
มองไปทีดวงตาใสทีแฝงแววเร่ งรี บของนางแล้ว คุณชายโอวหยางก็มีแววตายินดีเล็กน้อย พูดขึนด้วยนําเสี ยง
ราบเรี ยบ “ต้นตีหยางเป็ นตัวยาธาตุหยาง มักจะพบได้บนยอดเขาสู ง และส่ วนใหญ่ยอดเขาทีจะพบพวกมันได้นัน
มักจะปี นขึนไปค่อนข้างยาก......”

ภายใต้แสงอาทิตย์สีทอง คุณชายโอวหยางและมู่หรงเสวียเดินเคียงคู่กนั ไป ทังสองเดินไปคุยไป ชุดสี ขาวหิ มะกับ


ชุดกระโปรงสี ชมพูดูแล้วช่างเหมาะสมกันยิงนัก ซวงสี ทีมองดูอยูด่ วงตาพลันเบิกกว้าง นันมัน......คุณชายโอวห
ยาง

ดูสูงส่ งสง่างาม รู ปลักษณ์หล่อเหลาหายากทีจะหาใครเปรี ยบ ความงดงามบนโลกล้วนรวมอยูท่ ีตัวเขา ทุก ๆ การ


เคลือนไหวล้วนสง่างามจนผูค้ นมิอาจละสายตาได้ ไม่ว่าจะเดินไปทีใด ทีนันล้วนงดงามดังภาพวาด บุตรชายแห่ ง
เซี ยวเหยาอ๋ องล้วนไม่ผดิ ไปจากข่าวลือเลย

แต่ว่า จากข่าวลือทีได้ยนิ มาเขาไม่ชอบเข้าใกล้หญิงสาวใดไม่ใช่หรื อ? เหตุใดเขาถึงได้มาเดินใกล้ชิดกับคุณหนู


ได้?

จวนอู่อนั โหว

มู่หรงโหรวทีถูกประคองโดยเหล่าบรรดาสาวใช้ แหวกม่านเดินเข้าไปในห้องด้านในของเรื อนอันโซ่ ว แล้วค่อย


ๆ ย่อกาย “ลูกสะใภ้คาราวะท่านแม่เจ้าค่ะ”
ซ่งเหล่าฮูหยิน (ฮูหยินเฒ่าแห่ งตระกูลซ่ ง) นังอยูบ่ นตังด้านหน้าของหน้าต่าง สวมชุดสี นาเงิ
ํ นเข้มปั กด้วยลวดลาย
มงคลสวยงาม ด้านบนศีรษะประดับไว้ดว้ ยเครื องประดับหยกสี นาเงิ
ํ นเข้ม ในมือถือสร้อยประคําทีกําลังขยับไป
มาอย่างช้า ๆ มองเห็นมู่หรงโหรวทีเดินเข้ามา นางเลิกเปลือกตาแล้วกล่าวขึน “ลุกขึนเถอะ เรื องงานเลียงวัน
ครบรอบจัดการไปถึงไหนแล้ว?”

“สะใภ้จะมารายงานเรื องนี พอดีเลยเจ้าค่ะ ส่ วนนีเป็ นกําหนดการทังหมดของงานเลียงและสํารับอาหารทีจะเอา


ขึนโต๊ะ ท่านแม่โปรดตรวจสอบดูเจ้าค่ะ” มู่หรงโหรวยืดกายยืนขึนยิมน้อย ๆ ยืนสมุดบันทึกสองเล่มไปให้ฮูหยิน
เฒ่าแซ่ ซ่งอย่างอ่อนน้อม

ซ่งเหล่าฮูหยินเปิ ดดูดา้ นใน ตรวจสอบอย่างละเอียด ตัวเพลงและการขับกลอนทีจะใช้ รวมถึงการแสดงอืนๆล้วน


เป็ นการแสดงทีชนชันสู งต่างก็ชืนชอบทีจะขาดไม่ได้ ส่ วนสํารับอาหารก็มีฝอเทียวเฉี ยง (พระกระโดดกําแพง)
จุ่ยไผกู่ (ซี โครงราดนําแดง) โหยวเป้ าซวงชุ่ย (ผัดไส้หมู) ล้วนแต่เป็ นอาหารชันดีรสชาติเลิศกว่าสํารับอาหารของ
งานเลียงปี ทีผ่าน ๆ มา

ใบหน้าของนางอ่อนลงเล็กน้อย “ถ้าเช่นนันก็เอาตามนี รบกวนเจ้าดูแลให้ละเอียดหน่ อย อย่าให้มีเรื องผิดพลาด


ได้”

“เจ้าค่ะ” มู่หรงโหรวตอบรับเสี ยงอ่อนน้อมด้วยท่าทางของลูกสะใภ้ผกู ้ ตัญ ู

ซ่งเหล่าฮูหยินปิ ดสมุดลง พูดขึนด้วยนําเสี ยงทีหงุดหงิดเล็กน้อย “แต่ขอให้เจ้าทําได้จริ งอย่างทีพูด อย่าให้


เหมือนกับเรื องของร้านรวงทังหกทีน่ าขายหน้านัน นอกจากจะน่าอับอายแล้ว ยังจะทําให้ชือเสี ยงของจวนอู่โหว
เสื อมเสี ย”
ถึงจะโลภมากก็ไม่เป็ นไร ขอเพียงเจ้ามีวิธีการทีดีพอและสามารถทําได้อย่างเงียบ ๆ ไม่ให้ผคู ้ นล่วงรู ้ ถ้าได้
เช่นนันอยากได้เท่าไรก็เอาไป แต่สิงทีมู่หรงโหรวทําไม่ได้เป็ นเช่นนัน กลับเหลือหลักฐานไว้ให้ผคู ้ นจับได้
มากมาย ทังยังทําเอาวุ่นวายเสี ยจนโด่งดังไปทัวทังเมืองหลวง

ชนชันสู งในเมืองหลวง ยังจะมีบา้ นไหนอีกบ้างทีไม่รู้ว่ามู่หรงโหรวเป็ นคนละโมบโลภมาก ฉกฉวยเอาทรัพย์สิน


ของพีสะใภ้ อาศัยตอนทีเด็กยังเล็ก ฉกฉวยเอาทรัพย์สินไปอย่างไม่ลืมหู ลืมตา คิดจะยึดครองไว้เป็ นของตนเสี ย
ทังหมด

คนทีนิ สัยเลวร้ายเช่นนี เป็ นถึงฮูหยินแห่ งจวนอู่อนั โหว เป็ นสะใภ้ใหญ่ของนาง หน้าตาของจวนอู่อนั โหวถูกพวก
นางแม่ลูกทําลายจนย่อยยับไปเสี ยสิ น

เพียงพริ บตาเดียวดวงหน้าเรี ยวของมู่หรงโหรวก็กลายเป็ นซี ดขาว มือภายใต้แขนเสื อกําแน่นเข้าหากัน เรื อง


ร้านค้าทังหกของแซ่ เฉิ น ฮูหยินเฒ่าก็รู้เรื องตังแต่แรก ของทีนางเอามาจากร้านค้าพวกนัน ส่ วนหนึงนางก็เอาไป
มอบให้ฮูหยินเฒ่า ตอนทีเอาของมามอบให้ฮูหยินเฒ่านางก็รับไว้ดว้ ยความยินดี ชืนชมนางว่ากตัญ ูต่าง ๆ นา ๆ
แต่พอเรื องนี ถูกเปิ ดโปงฮูหยินเฒ่ากลับเอาความผิดทังหมดโยนใส่ หัวนาง ทําราวกับว่าตนเองเป็ นผูท้ ีบริ สุทธิไม่
มีส่วนข้องเกียวกับเรื องนี ช่างเป็ นจิงจอกเฒ่าทีเจ้าเล่ห์ยงนั
ิ ก

วนถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ เป็ นสะใภ้ทีไม่ดีเอง” มู่หรงโหรวกัดฟั นตอบรับด้วยนําเสี ยงอ่อน


“สิ งทีท่านแม่สงสอนล้

น้อม ท่าทางเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อยเสี ยใจ
ซ่งเหล่าฮูหยินรู ้สึกว่านางช่างขัดหู ขดั ตา จึงกล่าวขึนอย่างไม่สบอารมณ์นกั “อย่ามัวเสี ยเวลาอยูท่ ีนี นักเลย เจ้ามี
ธุระอะไรก็ไปทําต่อเสี ยเถอะ เรื องงานเลียง เจ้าก็ระวังเสี ยหน่อย อย่าให้เกิดข้อผิดพลาดได้อีก”

ตังแต่ชาวบ้านยันเหล่าขุนนางล้วนไม่มีใครทีไม่รู้เรื องร้านรวงทังหกทีเกิดขึน จวนอู่อนั โหวกลายเป็ นเรื องตลก


ในวงนําชาของผูค้ น สาวใช้ในจวนทีไปจับจ่ายซื อของต่างก็ลว้ นถูกผูค้ นชีมือชีไม้วพิ ากษ์วจิ ารณ์

งานเลียงทีเชือเชิญพวกชนชันสู งครังนี ก็เพราะต้องการแก้ไขความเข้าใจผิด เพือกูค้ ืนชือเสี ยงอันดีงามของจวนอู่


อันโหว ถึงแม้ว่าเรื องนี จะผิดทีมู่หรงโหรวผูเ้ ดียว คนอืนในจวนอู่อนั โหวมิได้รู้เรื องด้วย แต่ใครจะไปหน้าด้านไร้
ยางอายเช่นลูกสะใภ้ผนู ้ ี

“เจ้าค่ะ” มู่หรงโหรวค่อย ๆ ยอบกาย เดินออกไปด้านนอกด้วยท่าทางเรี ยบร้อย เครื องประดับสี ทองบนศีรษะสัน


ไหวตามจังหวะการก้าวเดินของนาง ซ่ งเหล่าฮูหยินมองนางพลางถอนหายใจ ตอนแรกนันมีหญิงสาวดีงามมาก
ความสามารถในเมืองหลวงให้เลือกตังมาก ทําไมนางถึงตาไม่ดี ให้ลูกชายไปแต่งกับหญิงโง่งมเช่นนี กันนะ

ถ้ามู่หรงโหรวไม่ใช่ลกู สาวแท้ ๆ ของแซ่ ตู ้ รวมถึงนางเองก็มีความสัมพันธ์อนั ดีกบั แซ่ ตอู ้ ยู่ ป่ านนี นางคงให้ลูก
ชายหย่ากับมู่หรงโหรวไปเสี ยแล้ว ไหนเลยจะยอมให้นางได้อยูท่ ีจวนอู่อนั โหวเป็ นฮูหยินใหญ่อย่างสุ ขสบาย
เช่นนี

งานเลียงในครังนีก็เช่นกัน ถ้ามิใช่ว่าสะใภ้สองไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน และไม่เกรงว่านางจะทําเสี ยเรื อง


ตนเองจะไม่มีทางยอมให้ม่หู รงโหรวจัดการดูแลงานเลียงแน่ ตอนนีชือเสี ยงของมู่หรงโหรวก็ฉาวโฉ่ ไปทัว งาน
เลียงวันนันก็มิตอ้ งให้นางเข้าร่ วมแล้วกัน หลีกเลียงทีจะให้ออกมาปรากฏตัวให้อบั อายผูค้ น แค่ให้นางควบคุม
จัดการดูแลเรื องทัว ๆ ไปอยูท่ ีห้องครัวก็คงจะเพียงพอแล้ว
นางเองจะได้อาศัยโอกาสนี ฝึ กปรื อสะใภ้ของลูกสอง ค่อย ๆ ให้นางขึนแทนทีมู่หรงโหรว

มู่หรงโหรวเดินออกจากเรื อนอันโซ่ ว ดวงหน้านอบน้อมกลายเป็ นเคร่ งขรึ มอย่างน่ ากลัว ผ้าเช็ดหน้าในมือยับยูย่ ี


ตอนทีได้ประโยชน์ ก็แบ่งปั นร่ วมกัน แต่พอเกิดเรื องกลับให้นางรับผิดเพียงผูเ้ ดียว แม่สามีผนู ้ ีจะรังแกกันมาก
เกินไปแล้ว

ด้านหน้าปรากฏหญิงสาวผูห้ นึ งทีกําลังเดินเข้ามา มู่หรงโหรวพูดเสี ยงเย็น “จัดการเรี ยบร้อยรึ ยงั ?”

สาวใช้ในชุดสี ชมพูผนู้ นค่


ั อย ๆ ย่อกาย พูดด้วยนํายินดี “เรี ยนฮูหยิน การเตรี ยมการทังหมดล้วนเรี ยบร้อยแล้วเจ้า
ค่ะ รอเพียงแค่ให้ถึงเวลางานเลียงเท่านัน”

“เช่นนันก็ดีแล้ว” มู่หรงโหรวพยักหน้า สี หน้าพลันอ่อนลง แต่ดวงตายังคงเต็มไปด้วยประกายเยือกเย็น บัญชี


แค้นระหว่างนางกับซ่ งเหล่าฮูหยินไว้ค่อย ๆ จัดการได้ แต่เรื องทีมู่หรงเสวียให้เสมียนมาประกาศรายการค้าง
ชําระทีหน้าจวนอู่อนั โหว จนทําให้ชือเสี ยงของนางต้องเสี ยหายฉาวโฉ่ ไปทัว นางล้วนจดจําได้ขึนใจ

คนชันตํา จิตใจโหดร้าย ละโมบโลภมาก คําอัปมงคลเหล่านี ติดตัวนางมาตลอด ไม่ว่าจะไปทีใด ล้วนถูกคนชีนิ ว


วิพากษ์วิจารณ์จนไม่มีหน้าไปมองใคร
มู่หรงเสวียทําให้นางอับอายจนถึงเพียงนี นางจะมอบบทเรี ยนอันเจ็บแสบกลับไปให้มู่หรงเสวีย ให้พวกมันสอง
พีน้องถูกผูค้ นประณามและหยามเหยียดมากกว่านางหลายร้อยพันเท่า

สามวันผ่านไป ถึงวันจัดงานเลียงครบรอบของฮูหยินเฒ่าแห่ งจวนอู่อนั โหว หญิงเฒ่าแซ่ ตกู ้ บั มู่หรงเย่นงรถม้


ั าไป
ทีจวนอู่อนั โหวตังแต่เช้า

มู่หรงเสวียใช้เหตุผลทีร่ างกายไม่คอ่ ยสบายเป็ นข้ออ้าง เพือทีจะได้อยูจ่ ดั เตรี ยมสิ งของทีเรื อนหิ มะโปรย

ภูเขาหวีซานเป็ นภูเขาทีปรากฏต้นตีหยาง ตังห่ างจากเมืองหลวงไปร้อยลี ถ้านังรถม้าต้องใช้ระยะเวลายาวนานถึง


หนึ งวันกว่า บวกเข้ากับระยะเวลาทีใช้ในการขึนเขา เก็บเกียวต้นตีหยางและการลงเขา คงจะเป็ นเวลาทีไม่นอ้ ย
นางจะต้องเตรี ยมตัวให้พร้อม......

“คุณหนู แย่แล้วขอรับ คุณชายเกิดเรื องแล้ว !”


ตอนที 47 แผนการร้ ายปรากฏ
นําเสี ยงทีเต็มไปด้วยความเร่ งรี บดังเข้าหู มู่หรงเสวียทีกําลังเช็คจํานวนสิ งของอยูห่ ยุดชะงัก ปรากฏรอยยิมทีมุม
ปาก นางรู้ตงแต่
ั แรกแล้วว่างานเลียงครังนีจะต้องมีอะไรมิชอบมาพากล

มู่หรงเย่เป็ นพีน้องท้องเดียวกันกับนาง การไปร่ วมงานทีจวนอู่อนั โหวครังนี แน่ นอนว่าต้องไม่ราบรื นแน่ แต่คาด


ไม่ถึงว่าจะเกิดเรื องขึนรวดเร็ วเช่นนี มู่หรงเย่ไปได้ไม่ถึงหนึงชัวยามก็เกิดเรื องเสี ยแล้ว มู่หรงโหรวคงอดกลัน
ความแค้นไว้แทบไม่ไหว

เรื องทีนางร่ างกายอ่อนแอเป็ นโรค ผูค้ นต่างก็รับรู ้ดี นางจึงสามารถใช้เป็ นข้ออ้างไม่ไปร่ วมงานเลียงทีจวนอู่อนั
โหวได้ แต่ว่ามู่หรงเย่ทีมีตาํ แหน่งเป็ นเจินกัวโหวคนปั จจุบนั อีกทังยังเป็ นหลานชายบ้านฝังพ่อของมู่หรงโหรว
จึงไม่สามารถทีจะปฏิเสธได้ และยังไม่มีทางหลีกเลียงแผนการร้ายของมู่หรงโหรวได้ ดูท่านางคงต้องไปจัดการ
เองเสี ยแล้ว

มู่หรงเสวียหันกายไปมองผูท้ ีมาแจ้งข่าว “เรื องราวเป็ นอย่างไร? ค่อย ๆ พูดเถอะ”

ผูท้ ีมาเป็ นบ่าวชายทีติดตามมู่หรงเย่ไปทีจวนอู่อนั โหวชือว่าเฝิ งเถา น่าจะอายุได้สิบห้าสิ บหกปี รี บร้อนวิงมาแจ้ง


ข่าว ท่าทางเขาเหนือยหอบหายใจติดขัด “เรี ยน.....เรี ยนคุณหนู......เป็ นคุณชายทีพนันกับคุณชายสองของตระกูล
ซ่ง......แล้วแพ้พนัน......”

คุณชายสองแห่ งตระกูลซ่ งทีเขากล่าวถึง เป็ นบุตรชายสายตรงคนทีสองของน้องชายของอู่อนั โหว อายุยงั น้อย อีก


ทังยังเกเรไม่เรี ยนหนังสื อ ถือเป็ นจอมเสเพลทีมีชือในเมืองหลวงอีกผูห้ นึง
มู่หรงเย่อายุยงั น้อย ไม่เก่งการพนัน เดิมพันสิ บครังแพ้เก้าครัง เรื องทีเขาแพ้เดิมพันจนเสี ยเงินตําลึง มู่หรงเสวีย
ถือว่าเป็ นเรื องทีปกติธรรมดายิงนัก “เขาเสี ยเดิมพันไปเท่าไร ? ”

“หนึ งแสนตําลึงขอรับ”

“ทําไมถึงเสี ยเยอะขนาดนันได้” มู่หรงเสวียเบิกตากว้างอย่างตกใจ แต่ก่อนมู่หรงเย่เสี ยเดิมพันไปกับการประลอง


สุ นขั ก็มิใช่นอ้ ย แต่อย่างมากก็เสี ยเดิมพันเพียงแค่ไม่กีพันตําลึงหรื อไม่กีหมืนตําลึง

เฝิ งเถาหัวเราะแหะแหะกล่าวขึนอย่างลําบากใจ “เงินทีใช้เดิมพันของพวกเขานันเยอะมากขอรับ เดิมพันหนึงรอบ


ใช้เงินห้าหกพันตําลึง ข้าน้อยรู ้สึกว่าคุณชายเสี ยพนันเยอะเกินไปแล้วจึงตักเตือน แต่วา่ คุณชายมิยอมฟั ง ยังคงจะ
เดิมพันกับคุณชายสองแซ่ ซ่งต่อ ซวงสี เลยให้ขา้ น้อยมาแจ้งคุณหนู......”

มู่หรงเย่เป็ นคนไม่เอาไหน พอเห็นการพนันก็จะไม่สนใจสิ งรอบข้าง จดจ่อไปกับมัน ถ้าหากเขายังมีสติสักนิด


ไม่ว่ามู่หรงโหรวจะคิดแผนร้ายอะไร อย่างน้อยเขาก็ยงั จะควบคุมตัวเองไม่ให้เสี ยเดิมพันมากขนาดนันได้

เขารู ้หรื อไม่ว่าเงินหนึงแสนตําลึง ถ้าเอาไปให้พวกชาวบ้านและผูค้ นทัวไปสองชาติพวกเขาก็ใช้ไม่มีทางหมด


เขารู ้หรื อไม่ว่าสภาพการเงินของจวนเจินกัวโหวตอนนี กว่าจะหาเงินให้ได้หนึงแสนตําลึงนันต้องใช้เวลานานถึง
ครึ งปี
แต่แค่พริ บตาเดียวกลับเสี ยเดิมพันไปตังหนึงแสนตําลึง ท่าทางเขาจะใจกว้างยิงนัก ถ้ามู่หรงเยว่สองสามีภรรยา
ในปรโลกได้รู้เข้า คงจะโมโหจนเนือเต้นอย่างไม่ตอ้ งคาดเดา

แววตาขอบมู่หรงเสวียเต็มไปด้วยความโกรธ “ตอนนี มู่หรงเย่อยูท่ ีใด? พาข้าไปพบเขา”

“ขอรับ !” เฝิ งเถาตอบรับอย่างหนักแน่น สี หน้าลําบากใจกลับกลายเป็ นยิมยินดี “คุณหนูโปรดรอสักครู่ ข้าน้อย


จะไปสังการให้คนเตรี ยมรถม้า......”

“ยังจะเตรี ยมรถอะไรอีก นําทางข้าออกจากจวนเดียวนีเลย เดินทางใกล้แค่นีคงไปถึงจวนอู่อนั โหวได้ทนั การณ์”


มู่หรงเสวียแววตาเย็นชา มู่หรงเย่เป็ นคนชอบการพนัน ลงเดิมพันมือเติบเช่นนี ช่วงเวลาทีเฝิ งเถามาตามนาง เขา
จะต้องเดิมพันไปอีกหลายตาแน่ เสี ยเงินเดิมพันไปมากเท่าไรก็ไม่รู้ ถ้าขืนนางยังชักช้าเงินล้านตําลึงทีเพิงทวงคืน
มาได้ ดูท่าคงต้องเอาไปใช้หนีให้เขาแทน

มู่หรงโหรวรู ้ว่าเขาติดการพนัน ถึงได้เลือกใช้วิธีการนี ในการจัดการเขา นางช่างเจ้าเล่ห์ยงนั


ิ ก

“ขอรับ!” เฝิ งเถาตอบรับ ตามมู่หรงเสวียออกจากจวน นําทางนางไปตามตรอกซอกซอย เดียวเลียวซ้ายเดียวเลียว


ขวา ไม่รู้ว่าเลียวไปมากีรอบ กว่าจะมาถึงจวนทีอยูต่ รงหน้านี ได้

ด้านบนของประตูหลักมี ‘จวนอู่อนั โหว’ ตัวอักษรตัวใหญ่สีทองสี ตัวดูเปล่งประกายภายใต้แสงแดดทีสาดส่ อง


ภายใต้ป้ายชือของจวนมีทงขุ
ั นนางบุนบู๋ รวมถึงฮูหยินและคุณหนูชนชันสู งเข้า ๆ ออก ๆ อย่างไม่ขาดสาย พูดคุย
ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบด้วยใบหน้าทีสุ ภาพยิมแย้มกันไปมา
ของขวัญลําค่าถูกวางเรี ยงกันดังภูเขาย่อมๆลูกหนึง พ่อบ้านสังการสาวใช้บ่าวไพรให้ขนไปเก็บด้วยรอยยิมยินดี

มู่หรงเสวียยกยิมมุมปาก แววตาเยียบเย็นดังนําแข็ง มู่หรงโหรว ข้ามาทําลายแผนการร้ายของเจ้าแล้ว เตรี ยมใจที


จะพ่ายแพ้เอาไว้แล้วหรื อยัง?

สวนดอกไม้ของจวนอู่อนั โหว ซ่ งเหล่าฮูหยินอยูใ่ นชุดสี เขียวเข้มปั กด้วยลวดลายมงคล บนศีรษะประดับด้วยสาย


รัดศีรษะประดับทับทิม ท่าทางมีความสุ ขอารมณ์ดี นังอยูท่ ่ามกลางเหล่าฮูหยินเฒ่าจากตระกูลชันสูงทังหลาย คุย
ไปพลางหัวเราะไปพลาง

“ซ่งเหล่าฮูหยิน นี เป็ นวันครบรอบของท่าน ทําไมสะใภ้ใหญ่ของท่านถึงไม่ออกมาต้อนรับแขกเหรื อล่ะ”เรื อง


ร้านรวงทังหกต่างโด่งดังไปทัวทังเมือง มู่หรงโหรวทําเอาชือเสี ยงของจวนอู่อนั โหวทังจวนฉาวโฉ่ ไปทัว หลิน
เหล่าฮูหยินมาเป็ นแขกทีจวนอู่อนั โหว ด้วยว่ามีไมตรี ทีดีกบั ซ่ งเหล่าฮูหยินมินอ้ ยจึงอยากจะพบตัวต้นเหตุของ
เรื องราวทังหมดเสี ยหน่ อย

สายตาของเหล่าฮูหยินและคุณหนูชนชันสู งล้วนมองไปทีร่ างกายของซ่ งเหล่าฮูหยิน เรื องราวของมู่หรงโหรวโด่ง


ดังจนลือไปเป็ นหลายเรื องหลายราว ตามตรอกซอกถนนต่างก็ลือกันให้ทวั พวกนางล้วนเป็ นคนของจวนฝ่ ายใน
ล้วนคาดเดาออกแต่แรกแล้วว่าเรื องราวทีแท้จริ งจะเป็ นประมาณไหน แต่ถา้ ให้นางพูดความจริ งให้ฟังด้วยตัวเอง
เรื องราวคงจะต้องละเอียดยิงกว่าสิ งทีพวกนางคาดเดาแน่ ดูน่าสนุกไม่นอ้ ย

“ตอนนี ข้าได้ลงโทษให้นางไปเก็บตัวสวดมนต์ทีหอพระ” ซ่งเหล่าฮูหยินเอ่ยพูดราบเรี ยบ


“เพืออะไรกัน ?” หลินเหล่าฮูหยินถามขึน ทังทีพอจะเดาได้ว่าเพราะอะไร

“ก็เพราะว่าสะใภ้ใหญ่ของข้าทําความผิดทีไม่น่าให้อภัย” ซ่ งเหล่าฮูหยินถอนหายใจหนัก ๆ “ดูเผิน ๆ นางดูเป็ น


คนปราดเปรื องเรี ยบร้อย ข้าจึงเชือใจในตัวนางปล่อยให้นางควบคุมดูแลจวนเจินกัวโหว แต่คาดไม่ถึงว่านางกลับ
ใจดําวางแผนร้ายต่อเหล่าลูกกําพร้าของพีชายคนโตของนางเอง เฮ้อ ! ช่างเป็ นความโชคร้ายของตระกูล......”

ผูค้ นต่างมองหน้ากันไปมา เรื องทีฉกฉวยเอาสิ งของในร้านรวงของคนอืน เป็ นเรื องทีมู่หรงโหรวกระทําแต่เพียง


ผูเ้ ดียว คนอืน ๆ ในจวนอู่อนั โหวล้วนไม่รู้เรื องด้วย ถ้ามิใช่ว่าเรื องแดงขึนมาเสี ยก่อน พวกเขาก็ยงั คงถูกปิ ดบัง
ความจริ งต่อไป......

มู่หรงโหรวเป็ นฮูหยินแห่ งจวนอู่อนั โหว นางทําผิดแค่เพียงคนเดียว กลับทําให้ชือเสี ยงของจวนอู่อนั โหวทังจวน


เสื อมเสี ยไปด้วย ช่างน่าเห็นใจยิงนัก......

เมือมองไปทีสายตาเห็นใจของคนอืน ๆ แววตาของซ่ งเหล่าฮูหยินส่ องประกายยินดีนอ้ ย ๆ เรื องทีมู่หรงโหรว


ยักยอกเอาทรัพย์สินพีสะใภ้ของตัวเอง คนทังเมืองหลวงล้วนรู ้กนั หมด ถ้าเกิดนางปฏิเสธก็จะเป็ นการหลอกลวง
ปิ ดบังความจริ ง อาจจะถูกผูค้ นเยาะเย้ยดูถูกจนอับอายได้ ดังนันนางจึงยืดอกยอมรับความจริ งด้วยท่าทีสง่า แล้ว
จึงค่อย ๆ เบียงเบนให้ผคู ้ นคล้อยตามไปในสิ งทีนางต้องการให้คิด

การชักนําของนางถือว่าประสบความสําเร็ จ ในทีสุ ดจวนอู่อนั โหวก็ถูกกันออกมาจากเรื องฉาวโฉ่ นีได้เสี ยที


“พวกเรายากทีจะมีโอกาสได้พดู คุยกันเช่นนี ดังนันอย่าไปพูดถึงเรื องเลวร้ายเช่นนันเลย ฮุ่ยฮุ่ย เจ้าไปดูทีห้องครัว
ทีเสี ยว่าขนมวุน้ เสร็ จหรื อยัง ถ้าเสร็ จแล้วก็ยกมาให้ทุกคนได้ลองชิมเสี ยหน่อยเถอะ”

ฮุ่ยฮุ่ยเป็ นสะใภ้สองของซ่ งเหล่าฮูหยินนามว่า อู๋ฮุ่ยฮุ่ย เป็ นลูกสาวของหลีปู้ ซื อ รองขุนนางกรมพิธีการ เป็ นคน


อัธยาศัยดี เมือไม่มีม่หู รงโหรวค่อยข่มไว้ นางก็ทาํ หน้าทีเป็ นเจ้าบ้านทีดีคอยต้อนรับแขกไม่วา่ จะเป็ นบรรดาฮู
หยินหรื อคุณหนูทงหลาย
ั ชวนพูดคุยกับคนนี ทีคนนูน้ ที พอได้ยนิ เสี ยงไหว้วานของฮูหยินเฒ่า ก็ค่อย ๆ ย่อกายลง
ด้วยรอยยิม เร่ งเดินไปตามงานทีห้องครัว

มองไปยังแผ่นหลังทีเดินจากไปอย่างรวดเร็ วของนาง หลินเหล่าฮูหยินก็กล่าวชืนชม “สะใภ้สองของท่านก็ดู


ฉลาดไม่เลว งานครบรอบครังนี เป็ นนางทีจัดการดูแลหรอกหรื อ ?”

“ใช่แล้ว นางจัดการดูแลงานเลียงครังแรกเช่นนี เรื องทีต้องดูแลก็มีให้ปวดหัวมากมาย ลําบากนางแล้ว......”

มู่หรงโหรวทียืนแอบอยูด่ า้ นหลังหิ นประดับในสวน พอได้ยนิ คําตอบทีแฝงไปด้วยความภูมิใจของซ่ งเหล่าฮูหยิน


ก็กดั ฟันอดกลัน งานครบรอบครังนีเป็ นนางทีลงแรงดูแลจัดการ แม่สามีผนู ้ ี คงอยากจะส่ งเสริ มอู๋ฮุ่ยฮุ่ย จึงยก
ความดีความชอบให้แก่นางไปเสี ยหมด

แต่เรื องร้านรวงทังหก นางกลับพูดโยนความผิดให้ตนอย่างไม่ไว้หน้า ของทีนางเอามาจากร้านรวงทังหกก็ลว้ น


ใช้ไปกับจวนอู่อนั โหวทังนัน คนในจวนอู่อนั โหวทุกคนก็ได้ประโยชน์ไปมิใช่นอ้ ย.....

สาวใช้ในชุดสี ชมพูเดินเข้ามารายงานด้วยความยินดี “ฮูหยิน คุณหนูจวนเจินกัวโหวมาถึงแล้วเจ้าค่ะ”


ตอนที 48 ดําเนินแผนร้ าย
มู่หรงเสวีย ? ไม่ใช่ว่านางป่ วยจนไม่สามารถมาได้หรอกหรื อ ? ทําไมอยู่ ๆ ถึงมาได้ ?

มู่หรงโหรวหรี ตาลงหันไปมองมู่หรงเสวียทีค่อย ๆ เดินเข้ามาตามทางเดิน กระโปรงยาวลากพืนจนเป็ นทางยาว


ดวงหน้าเรี ยวเล็กดึงดูดผูค้ น มุมปากแต้มไว้ดว้ ยรอยยิมน้อย ๆ แววตาดําเปล่งประกายเย็นเยียบ

มู่หรงเสวียมาได้กด็ ี แผนการของนางจะได้ดาํ เนินการไปได้อย่างสะดวกมากยิงขึน

มู่หรงโหรวปรายตามองไปทีซ่ งเหล่าฮูหยิน แม่สามีเฒ่าผูน้ ี กล่าวให้ร้ายนางต่อหน้าผูค้ น ตัวนางเองก็ไม่


จําเป็ นต้องไว้หน้านางอีก

มุมปากยกยิมเย็นชา เดินไปทีด้านหน้าของมู่หรงเสวีย “เสวียเอ๋ อร์ เจ้าไม่สบายมิใช่หรื อ ? ทําไมยังฝื นมางานเลียง


อีก ?”

มู่หรงเสวียมองไปทีนางด้วยรอยยิม ขีเกียจจะไปต่อปากต่อคํากับนาง จึงเพียงแค่ตอบด้วยนําเสี ยงราบเรี ยบ “ข้า


มาหาท่านพีของข้า”

มู่หรงโหรวไม่สนใจท่าทีของนางนัก เพียงยิมตาหยีกล่าว “เย่เอ๋ อร์ อยูจ่ วนฝ่ ายหน้า......”


“เขามิได้อยูจ่ วนฝ่ ายหน้า บ่าวรับใช้ของเขาบอกว่าอยูท่ ีเรื อนรับแขกต่างหากล่ะเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียตัดบทคําพูด
ของนางอย่างเย็นชา กล่าวแย้งโดยไม่เกรงใจ

เหล่าคุณหนูและฮูหยินต่างก็คิดว่ากริ ยาเช่นนี ของนางไม่ได้เสี ยมารยาทแต่อย่างใด เพราะว่าผูท้ ียืนอยูด่ า้ นหน้า


เป็ นคนทีวางแผนยักยอกเอาทรัพย์สินของตัวเองไป ไม่วา่ ใครทีเจอคนแบบนี ก็คงไม่สามารถพูดคุยด้วยนําเสี ยง
ปกติได้ ถ้าทําตัวสุ ภาพกับนางคงจะถูกหาว่าอ่อนต่อโลกหรื อไม่กโ็ ง่งมเสี ยเปล่า

ใบหน้ายิมแย้มของมู่หรงโหรวแข็งค้าง เจ้าเด็กบ้า ! กล้าหักหน้านางอย่างโจ่งแจ้งต่อหน้าผูค้ นเช่นนีเชียวหรื อ ?


ช่างไม่รู้จกั กาลเทศะยิงนัก รอให้แผนของนางสําเร็ จก่อนเถอะ ดูสิว่ามันยังจะทําตัวอวดดีได้อยูอ่ ีกไหม “ตอนนี
ยังไม่ถึงเวลาอาหารกลางวัน เย่เอ๋ อร์ น่าจะยังมิได้ดืมเหล้า ทําไมถึงไปพักอยูท่ ีเรื อนรับรองได้”

“ข้าไม่ได้อยูข่ า้ งกายเขา จะรู ้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึน เพราะเหตุนีข้าถึงได้ตามมาดูเขาทีนีไง ?” มู่หรงเสวียพูด


ด้วยนําเสี ยงเย็นชาแล้วเดินผ่านมู่หรงโหรวไป เร่ งเดินไปตามการนําทางของเฝิ งเถาไปยังเรื อนรับรอง

นังเด็กบ้า ! ในสายตาคงมองไม่เห็นนางอยูเ่ ลยสิ นะ ช่างอวดดีไร้การอบรมสังสอน ถ้านางมิได้ตอ้ งการยืมมือของ


เด็กคนนีเพือทําให้แผนการของนางสําเร็ จ นางคงจะไม่ไว้หน้ามันตังแต่ทีมันอวดดีแล้ว มู่หรงโหรวแค้นใจ แต่ก็
เก็บกลันความโกรธเอาไว้แล้วเดินตามนางไป “ข้าไปส่ งเจ้าทีเรื อนรับรองจะดีกว่า” รอแผนการของนางสําเร็ จ
เสี ยก่อนเถอะ มู่หรงเสวียจะต้องร้องไห้เสี ยใจทีกล้ามาต่อกรกับนางเป็ นแน่ นางจะไม่หลงเหลือท่าทางอวดดีอีก
ต่อไป

ตัวต้นเหตุและผูเ้ คราะห์ร้ายของเหตุการณ์ร้านรวงทังหกต่างกําลังไปทีเรี อนรับรองด้วยกัน เหล่าคุณหนู ต่าง


สบตากันไปมา รู ้สึกว่าเดียวสักครู่ คงจะมีอะไรสนุ ก ๆ ให้ดูชมอย่างแน่ นอน จึงค่อย ๆ พากันตามไป
เหล่าฮูหยินเฒ่ามองไปทีเจ้าของงานอย่างซ่ งเหล่าฮูหยินด้วยแววตาสงสัย นางมิใช่ลงโทษให้ม่หู รงโหรวไปเก็บ
ตัวสวดมนต์ทีหอพระหรอกหรื อ ? ทําไมนางถึงมาปรากฏตัวทีนี ได้ ?

ใบหน้าของซ่ งเหล่าฮูหยินเดียวแดงเดียวคลํา ในพริ บตาเดียวเปลียนสี ไปนับครังไม่ถว้ น นางสังให้มู่หรงโหรว


คอยเฝ้ าดูแลอยูท่ ีห้องครัวแล้วแท้ ๆ ให้นางจัดการเรื องเล็ก ๆ น้อย ๆ ไป ไม่อนุ ญาตให้ออกมารับแขก แต่นาง
กลับกล้าขัดคําสังของตน ตอนนีนางอับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ทีไหนแล้ว ช่างเป็ นคนชันตําทีน่ารังเกียจยิง
นัก

“มู่หรงเย่เป็ นทายาทชายเพียงคนเดียวของเยว่โหวเย่ (ชือเรี ยกยศขุนนางของบิดาของมูหรงเย่) ขออย่าให้เกิดเรื อง


น่าอับอายอะไรขึนเลย” หลินเหล่าฮูหยินเปิ ดปาก พูดขึนเพือช่วยซ่ งเหล่าฮูหยินทําลายบรรยากาศทีเริ มจะอึดอัด

ซ่งเหล่าฮูหยินมองไปนางอย่างขอบคุณ “ทีท่านพูดก็ถือว่ามีเหตุผล ถ้าเช่นนันพวกเราตามไปดูกนั เถอะ”

“ดี” บรรดาฮูหยินเฒ่าต่างพยักหน้าเห็นด้วย ค่อย ๆ พากันเดินไปทางเรื อนรับรอง โดยมีเหล่าสาวใช้เป็ นผู ้


ประคอง

มู่หรงเสวียเร่ งเดินไปตามทางเดินหิ นสี ดาํ ไกลออกไปก็เห็นซวงสี กําลังเอามือกุมท้องพิงกําแพงของเรื อนเล็ก


หลังหนึ ง ไม่รู้ว่ากําลังคิดอะไรอยู่ แต่เมือเดินเข้าไปใกล้ ๆ ก็เห็นเขามีสีหน้าซี ดขาว แววตาอิดโรย ท่าทางไร้เรี ยว
แรง “นีเจ้าเป็ นอะไร ?”
ซวงสี ก้าวเข้ามาด้วยรอยยิมน่ าอับอาย “เรี ยนคุณหนู ข้าน้อยท้องเสี ยขอรับ ท้องเสี ยมาหนึงชัวยามแล้ว”

คิวของมู่หรงเสวียเลิกขึน “ตอนยามเจ่าเจ้าออกมาจากจวน ยังไม่เป็ นไรเลยมิใช่หรื อ ? ทําไมกลับท้องเสี ยเสี ยแล้ว


ละ ? หรื อว่ากินอะไรทีสกปรกเข้าไป ?”

ซวงสี เร่ งรี บส่ ายหน้า “หลังจากทีข้าน้อยมาทีจวนอู่อนั โหว ก็ยงั ไม่ได้กินอะไรเลยขอรับ เพียงแต่ดืมชาไป
เล็กน้อยเท่านัน......”

เช่นนันก็น่าจะมีคนใส่ อะไรเข้าไปในชานันแน่ ซวงสี ค่อนข้างเป็ นผูท้ ีทันคน มู่หรงโหรวคงวางแผนทีจะกันเขา


ออกไป เพือทีจะได้จดั การมู่หรงเย่ได้อย่างสะดวก ช่างเป็ นแผนการทีฉลาดยิงนัก

มู่หรงเสวียยิมเยาะ “คราวหลังเจ้าก็ควรจําให้ดี ในจวนของคนบางจําพวก อย่าได้ดืมชาเสี ยมัวซัว ครังนีเจ้าแค่


ท้องเสี ย แต่ครังหน้าเจ้าอาจจะท้องร่ วงก็ได้......”

“ขอรับ” ซวงสี พยักหน้าตอบรับ ตกใจจนใบหน้าซี ดขาว

ดวงหน้าของมู่หรงโหรวปรากฏแววไม่พอใจ กําผ้าเช็ดหน้าภายใต้แขนเสื อแน่ น มู่หรงเสวียกําลังต่อว่าว่าจวนอู่


อันโหวของนางว่าสกปรกและเป็ นแหล่งของเชือโรค ช่างเป็ นคนชันตําทีน่ ารังเกียจยิงนัก
มู่หรงเสวียแสร้งทําเป็ นไม่เห็นสี หน้าเขียวคลําของนาง เดินเข้าไปในตัวเรื อน เห็นประตูของห้องหลักเปิ ดอยู่ ทํา
ให้สามารถมองเห็นด้านในได้อย่างชัดเจนว่าตรงกลางของห้องมีโต๊ะพนันตัวยาววางอยู่ ซ่ งชิงเหยียน(คุณชาย
สองแห่ งตระกูลซ่ ง) ยืนอยูด่ า้ นหลังของโต๊ะยาว เขย่าลูกเต๋ าไปมาอย่างได้ใจ

มู่หรงเย่ยนื อยูต่ รงข้ามกับเขา รอบข้างเต็มไปด้วยกลุ่มคนทีโหวกเหวกโวยวายไปมา จ้องเขม็งไปทีลูกเต๋ าในถ้วย


พลางตะโกนเชียร์ อย่างครึ กโครม “.....ตํา ตํา ตํา......ตํา ตํา ตํา......”

ซ่งชิงเหยียนใช้แรงกดถ้วยลูกเต๋ าเอาไว้กบั โต๊ะ เมือเปิ ดฝาออก ก็ร้องตะโกนขึนเสี ยงดัง “ห้า ห้า หก......สู ง......มู่
หรงเย่ เจ้าแพ้แล้ว......”

ทุกครังทีนางเจอมู่หรงเย่เล่นการพนัน เขาล้วนพ่ายแพ้ ช่างไม่ได้เรื องเอาเสี ยเลย !

มู่หรงเสวียขมวดคิวเข้าหากัน ตะโกนเสี ยงดังว่า “มู่หรงเย่!”

เสี ยงใสแฝงด้วยความเกรี ยวกราดลอยเข้าไปในห้อง กระทบเข้ากับหู ของมู่หรงเย่ เขาหันมามองทีนาง ด้วยแววตา


ทีหดหู่ แต่พริ บตาเดียวกลายเป็ นตืนตกใจ “น้องเล็ก เจ้ามาทีนีได้อย่างไร ?”

“ข้าก็มาดูว่าเจ้าเสี ยพนันไปกีตําลึงแล้วน่ะสิ !” มู่หรงเสวียพูดด้วยความไม่พอใจ ค่อย ๆ เดินเข้าไปในห้อง

นางก็กงั วลว่าจะเกิดเรื องไม่ดีกบั มู่หรงเย่ แต่ทีแท้เขากลับกําลังเล่นพนัน !


บรรดาฮูหยินและคุณหนูพากันถอนหายใจอย่างโล่งอก ยืนหยุดอยูด่ า้ นนอก ไม่ได้ตามเข้ามา

เหล่าจอมเสเพลเมือเห็นว่าด้านนอกมีคนมากมาย แต่ละคนก็ลว้ นจะพอคาดเดาได้ แต่ก็ไม่ได้พดู อะไรออกมา ทัง


ห้องก็พลันเงียบเสี ยงลง

มู่หรงเย่มองไปทีโต๊ะด้านหน้าทีว่างเปล่าของตน ยิมอย่างเขินอาย “เสี ยไปไม่เท่าไร ไม่มาก......”

“ไม่มากจริ ง ๆ นันแหละ ก็แค่หา้ แสนตําลึงเท่านัน.......” ซ่งชิงเหยียนนับตัวเบียพนันแล้วพูดขึนอย่างช้า ๆ

เงินตําลึงทีมู่หรงเย่เตรี ยมมาล้วนใช้เสี ยจนหมดเกลียง พวกเขาก็เลยตกลงกัน ถ้าชนะหนึ งตา ให้มอบเหรี ยญพนัน


หนึ งเหรี ยญ

ต่อหน้าบรรดาฮูหยินและเหล่าคุณหนูมากมาย พวกเขาคงไม่สามารถเล่นพนันกันต่อไปได้อีก จึงจัดการนับ


คํานวนเงินเดิมพันทีต้องจ่าย

“อะไรนะ ? ห้าแสนตําลึง ?” มู่หรงเย่ดวงตาเบิกกว้าง “ทําไมถึงได้มากขนาดนี ?”


เหล่าฮูหยินและคุณหนูทีได้ยนิ ต่างก็พากันตกตะลึง แค่เพียงช่วงสาย เขากลับเสี ยเงินพนันไปห้าแสนตําลึง
คุณชายแห่ งจวนเจินกัวโหวผูน้ ีช่างไม่ได้ความยิงนัก ถึงมีกองเงินกองทองมากมายเท่าไหร่ ก็คงไม่พอ ถ้าเขายัง
แพ้ขนาดนี

“เจ้าแพ้ไปกีรอบ เจ้าคงไม่ได้ลืมหรอกนะ ?” ซ่ งชิงเหยียนขมวดคิวมองไปทางมู่หรงเย่ “หนึ งตาห้าพันตําลึง เอา


หลาย ๆ รอบมารวมกัน......”

“ตอนแรกเจ้าบอกว่ารอบละห้าสิ บตําลึงไม่ใช่หรื อ ? ทําไมถึงเปลียนเป็ นห้าพันตําลึงได้ ?” มู่หรงเย่พูดแย้งเสี ยง


ดังตัดบทคําพูดของเขา มองไปทางเขาอย่างเย็นชา

“ห้าสิ บตําลึงอะไรกัน ? มู่หรงเย่เจ้าเบิกตามองให้ชดั เจน บนกระดาษสี ขาวหมึกดําพวกนีเขียนเอาไว้อย่างชัดเจน


ว่า หนึ งตาห้าพันตําลึง......” ซ่ งชิงเหยียนแกว่งกระดาษสะบัดไปมาตรงหน้าของมู่หรงเย่ ด้านบนเขียนเอาไว้ว่า
เงินตําลึงไม่พอ จึงทําสัญญาไว้เป็ นหลักฐานว่า แพ้หนึงตาจ่ายห้าพันตําลึง หลังเสร็ จสิ นการพนันค่อยชําระเงิน
ลงชือมู่หรงเย่ซ่งชิงเหยียน

“เจ้าขีโกง ตอนนันเขียนห้าสิ บตําลึงอยูเ่ ห็น ๆ ......” มู่หรงเย่เกรี ยวกราด ชีนิวไปทีเหล่าคุณชายนักพนันรอบ ๆ


“ไม่เชือเจ้าถามพวกเขาก็ได้ พวกเราตกลงกันว่าห้าสิ บตําลึงต่อหนึ งตา พวกเขาก็ได้ยนิ อย่างชัดเจน......”
ตอนที 49 สังสอนซ่ งชิงเหยียน
“จริ งหรื อ ?” ซ่ งชิงเหยียนเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ หยุดเท้าลงตรงหน้าชายร่ างท้วมผูห้ นึ ง เชิดหน้ากล่าวขึนด้วยความ
หยิงยโส “เจ้าได้ยนิ ข้าพูดหรื อว่าเดิมพันตาละห้าสิ บตําลึง ?”

ชายร่ างท้วมผูน้ นเร่


ั งส่ ายหน้าตอบ “ไม่เคยได้ยนิ ”

ซ่งชิงเหยียนหันกายไปมองชายร่ างผอมผูห้ นึง “เจ้าก็ได้ยนิ หรื อ ?”

“ไม่ ไม่ ไม่เคยได้ยนิ เลยสักนิ ด !” คุณชายร่ างผอมรี บส่ ายหน้า โบกไม้โบกมือปฏิเสธเสี ยยกใหญ่

“เจ้า......พวกเจ้า......” มู่หรงเย่มองไปทีใบหน้าของคนทีคุน้ เคยพวกนัน แววตาตกตะลึงจนพูดไม่ออก ซ่ งชิงเห


ยียนเป็ นเพือนของพวกเขา ตัวเขาเองก็เป็ นเพือนของพวกเขา แต่ในเวลาทีสําคัญเช่นนี พวกเขากลับเข้าข้างซ่ งชิง
เหยียน ไม่กล้าทีจะพูดช่วยเหลือเขาฃ

มู่หรงเสวียยิมเย็น พวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ยอมเป็ นพยานให้ม่หู รงเย่ แต่พวกเขาคงถูกซ่งชิงเหยียนเอาเงินปิ ดปากไป


แล้ว หรื อว่าบางทีอาจจะถูกซ่ งชิงเหยียนกุมความลับอะไรบางอย่างเอาไว้ จึงมิกล้าออกหน้าช่วยเหลือเขา

หรื อว่าบางที มู่หรงเย่อาจตกอยูใ่ นแผนร้ายทีพวกเขารวมหัวกันตังแต่แรก


“มู่หรงเย่ เจ้าก็ได้ยนิ ทีพวกเขากล่าวแล้ว ยังจะเล่นลินอะไรอีกไหม ?” ซ่ งชิงเหยียนเลิกคิวมองไปทีมู่หรงเย่ ด้วย
ท่าทีได้ใจ

มู่หรงเย่ถลึงตาใส่ เขา ฝ่ ามือภายใต้แขนเสื อกําเข้าหาแน่ น ดวงตาค่อย ๆ แดงกํา เขาไม่ได้เล่นลิน ทีเขาพูดล้วน


เป็ นความจริ งทังหมด

“ไม่เถียงแล้วหรื อ ? ถ้าเช่นนันเจ้าก็จ่ายเงินมาเสี ยสิ !” ซ่ งชิงเหยียนเห็นเขาถลึงตามองไม่กล่าววาจาใด ในใจของ


เขาคงคิดว่าพูดอะไรไปก็คงไม่มีประโยชน์ จึงส่ ายหนังสื อสัญญาไปมาให้ผคู ้ นได้ดู “นีเป็ นสัญญาทีพวกเราตกลง
กันเอาไว้ ทุกท่านโปรดดูให้เต็มตา จํานวนเงินทีมู่หรงเย่ติดไว้ถึงจะเยอะไปหน่ อย แต่ทว่าว่าหลักฐานและพยาน
ล้วนครบถ้วน พวกท่านอย่าได้กล่าวหาว่าข้ารังแกพวกเขาสองพีน้องเชียว......”

มู่หรงโหรวทียืนอยูท่ ีประตู มองไปทีใบหน้าของมู่หรงเย่ทีเต็มไปด้วยความโกรธ ท่าทางอับจนหนทางจนพูดไม่


ออก ในใจก็เต็มไปด้วยความยินดี ภายในหนึงชัวยามมู่หรงเย่แพ้เดิมพันไปถึงห้าแสนตําลึง ช่างเป็ นคนทีไม่ได้
เรื องเอาเสี ยเลย ต่อไปนี ชนชันสู งและเหล่าขุนนางคงจะพากันเหยียดหยามเขา รังเกียจเขา ชือเสี ยงของเขาจะค่อย
ๆ ถูกทําลายลงอย่างย่อยยับ

เปรี ยบเทียบกับเรื องทีนางไปยักยอกเอาเงินของพวกเขาหนึงล้านตําลึงแล้ว มันกลับกลายเป็ นเรื องเล็กน้อยไปเลย


เพราะถึงแม้ว่านางจะมิได้เอาทรัพย์สินพวกนันไป ถึงอย่างไรพวกมันก็จะถูกมู่หรงเย่ใช้ไปจนหมดภายในสองชัว
ยามอยูด่ ี......

พวกเขาก็จะคิดว่านางมิได้ฉกฉวยทรัพย์สินของจวนเจินกัวโหวไปจนหมด แต่เป็ นมู่หรงเย่ทีเอาไปเล่นพนันจน


หมดแทน
ต่อจากนี ไปคําวิจารณ์ต่าง ๆ นา ๆ เกียวกับตัวนางก็จะน้อยลง แต่เรื องทีมู่หรงเย่เล่นพนันมือเติบจะแพร่ สะพัดไป
ทัวเมืองหลวงแทน......

เมือมองไปทีแววตาพอใจของนาง มู่หรงเสวียก็ยมเย็
ิ นทีมุมปาก นี คงเป็ นจุดประสงค์ทีแท้จริ งของมู่หรงโหรว
สิ นะ ป้ ายสี ทาํ ให้ม่หู รงเย่ดูเป็ นคนมือเติบ จอมเสเพล ไร้ความสามารถจนเกินเยียวยา เพียงเท่านีผูอ้ ืนก็จะค่อย ๆ
เลิกให้ความสนใจเรื องทีนางยักยอกทรัพย์สินมาตลอดระยะเวลาสิ บปี

เพราะว่าไม่ว่าจะเรื องอะไรก็ตามล้วนต้องมีการเปรี ยบเทียบ ถ้าหากนําคนทีไม่ดีไร้ยางอายผูห้ นึงไปเปรี ยบเทียบ


กับคนทีเต็มไปด้วยความดีงามผูห้ นึง แน่ นอนว่าผูค้ นย่อมทีจะต้องรังเกียจบุคคลแรก แต่วา่ ถ้าเอาไปเปรี ยบเทียบ
กับคนทีเลวร้ายยิงกว่า คนทีเลวร้ายน้อยกว่าก็จะดูดีขึนมาในสายตาของผูค้ น

ป้ ายสี ม่หู รงเย่เพือล้างอายให้กบั ตัวเอง แผนการน่ารังเกียจชัวช้าเช่นนี คงมีแต่มู่หรงโหรวเท่านันทีคิดขึนมาได้ แต่


ว่าตัวนางเองคงไม่มีทางยอมให้ม่หู รงโหรวได้สมหวังแน่ “เงินห้าสิ บตําลึงแก้เป็ นห้าพันตําลึงนันช่างง่ายดายนัก
เพียงแค่เติมขีดบนตัวอักษรก็ได้แล้ว”

(ในภาษาจีน ตัวอักษรคําว่าสิ บ(十) และพัน (千)นันแตกต่างกันเพียงจุดเดียว คือเพียงแค่เติมขีด


ด้านบนเท่านัน)
ซ่งชิงเหยียนแววตาวูบไหว ขมวดคิวมองไปทางมู่หรงเสวีย “คนระดับคุณชายสองแห่ งจวนอู่อนั โหวเช่นข้า ย่อม
ไม่มีทางทําเรื องไร้ยางอายเช่นนัน......”

“เรื องเช่นนีพูดยากนัก” มู่หรงเสวียกล่าวนําเสี ยงดูถูก “ก่อนหน้านัน ฮูหยินทีอ่อนหวานผูห้ นึงของจวนอู่อนั โหว


ก็เกือบจะยักยอกเอาทรัพย์สินของแม่ขา้ ไปเสี ยหมด นิ สัยของท่านคุณชายสองแห่ งจวนอู่อนั โหว......ข้าเองก็คง
ไม่กล้าทีจะเชือถือ......”

สี หน้าของมู่หรงโหรวซี ดขาว ฝ่ ามือภายใต้แขนเสื อกําแน่ นเข้าหากัน นางลงแรงไปตังมากมายเพือจะทําให้ผคู ้ น


หันไปสนใจเรื องของมู่หรงเย่ แต่เมือมู่หรงเสวียพูดสัน ๆ แค่คาํ เดียว ก็ทาํ ให้แววตารังเกียจดูถูกเหยียดหยามพวก
นันวกกลับมาทีตัวนางอีก ช่างชัวร้ายยิงนัก

“ข้าคือข้า นางคือนาง นางกับข้าไม่มีอะไรทีเกียวข้องกัน เจ้าเลิกเอาข้าไปเปรี ยบเทียบกับนางได้แล้ว” ซ่ งชิงเห


ยียนกวาดสายตาผ่านมู่หรงโหรว หยุดสายตาลงทีมู่หรงเสวียแล้วถลึงตาใส่ ยืนเอากระดาษสัญญาไปทีด้านหน้า
ของนาง

“เจ้าดู ดูเสี ยให้เต็มตา นีเป็ นจํานวนเงินทีพีชายของเจ้าติดค้างข้า แค่เจ้าคืนเงินมาก็พอ จะมัวแต่เล่นลินไปเพือ


อะไร ? หรื อว่าจะไม่จ่าย เตรี ยมทีจะหนีหนี งันหรื อ ? นิสัยของพวกเจ้าช่างแย่เสี ยจนน่ ารังเกียจยิงนัก......”

“ซ่งชิงเหยียน !” มู่หรงเย่ตะโกนขึนเสี ยงดัง ขยับร่ างกายเตรี ยมทีจะพุ่งไปจัดการกับซ่ งชิงเหยียน


มู่หรงเสวียยืนแขนไปรังเขาไว้ มองไปทีซ่ งชิงเหยียนด้วยแววตาเยือกเย็น “คุณชายสองชนะเดิมพันห้าแสนตําลึง
ภายในหนึงชัวยาม ฝี มือในการเล่นพนันของท่านช่างเป็ นเลิศนัก”

“กล่าวชมเกินไปแล้ว !” ซ่ งชิงเหยียนเชิดหน้าภูมิใจ

“พวกท่านเดิมพันกันมาตังหลายตา ทุกตาล้วนแต่เป็ นท่านทีเป็ นเจ้ามือ” มู่หรงเสวียเลิกคิวมองไปทีเขา

“ไม่ผดิ ” ซ่ งชิงเหยียนยังคงพยักหน้าอย่างภูมิใจ

มู่หรงเสวียค่อย ๆ ก้าวไปด้านหน้า ชีไปทีถ้วยลูกเต๋ า “ลูกเต๋ าทีท่านใช้คอื พวกนีหรื อ ?”

“ใช่” ซ่ งชิงเหยียนพยักหน้าอีกครัง

“ถึงกับใช้ลูกเต๋ าทีซ่ อนกลโกงเอาไว้เช่นนี คุณชายสอง นี ท่านกล้าเล่นขีโกงอย่างซึง ๆ หน้าเช่นนี เลยหรื อ !” มู่


หรงเสวียหยิบเอาลูกเต๋ าขึนมาสามลูก แล้วใช้แรงกดเข้าหากัน พริ บตาเดียวลูกเต๋ าก็แตกออกจากกันเป็ นสองซี ก

“คุณชายสองใช้กลโกงทีไร้ยางอายเช่นนี โกงพีชายข้า อีกทังยังทําตัวเป็ นคนดีมาสังสอนเขา ดูถูกเขา นิ สัยเช่น


ท่านต่างหากถึงจะเรี ยกว่าน่ ารังเกียจอย่างแท้จริ ง !”
สายตาของผูค้ นเบิกกว้าง มองไปทีลูกเต๋ าในมือของนางทีแตกออก ตกตะลึงจนพูดไม่ออก

“ซ่งชิงเหยียน นีเจ้าโกงข้าเห็น ๆ เลยนี !” มู่หรงเย่ได้สติเป็ นคนแรก ตะโกนขึนด้วยความโกรธพุ่งไปด้านหน้า


แล้วกําหมัดชกไปทีซ่ งชิงเหยียน

ความเจ็บปวดทีแล่นแปลบขึนมาทําให้ซ่งชิงเหยียนได้สติทนั ที จึงสวนหมัดกลับไป ทังสองคนต่างต่อยตีกนั ไป


มา จนทําให้สถานการณ์วุ่นวาย

คนทีอยูบ่ ริ เวณรอบ ๆ นันไม่มีใครสักคนทีคิดจะเข้าไปห้าม ได้แต่จบั กลุ่มกันวิพากษ์วจิ ารณ์อย่างสนุกปาก

“เป็ นซ่ งชิงเหยียนทีโกงคุณชายมู่หรงจริ ง ๆ......”

“ใช่แล้ว ถึงคุณชายจะชอบเล่นการพนัน แต่กร็ ู ้ดีถึงความเหมาะสม ถ้าเดิมพันกันห้าสิ บตําลึงต่อหนึงตา ถึงแม้ว่า


จะเดิมพันไปร้อยรอบ เงินเดิมพันทีเสี ยไปก็ยงั พอรับได้ แต่ซ่งชิงเหยียนกลับแอบแก้สัญญาเป็ นรอบละห้าพัน
ตําลึง ชัดเจนว่าตังใจทีจะโกงเอาเงินตําลึงของผูอ้ ืน......”

“ใช่ ก่อนหน้านี มีคนบางคนยักยอกเอาทรัพย์สินของพีสะใภ้ ต่อมาก็เป็ นเขาทีโกงเอาเงินของผูอ้ ืน คนของจวนอู่


อันโหวนี ช่างแย่จริ ง ๆ คอยแต่จะรังแกสองพีน้องนี......”

“อยูก่ บั คนดียอ่ มได้ดี อยูก่ บั คนชัวย่อมชัวตาม สํานวนนี ล้วนกล่าวไว้มิผิด......”


มู่หรงโหรวสี หน้าเคียดแค้นจนน่ากลัว มู่หรงเสวีย เป็ นเจ้าอีกแล้วทีทําลายแผนการของข้า......

มู่หรงเย่มีร่างกายสู งใหญ่ อีกทังยังฝึ กวรยุทธ์มาสิ บปี หมัดทังสองล้วนหนักแน่ น มัดออกไปรัวเร็ วดังสายฝน ต่อย


ไปทีซ่ งชิงเหยียนอย่างไม่ไว้หน้า

ซ่งชิงเหยียนอายุนอ้ ยกว่าเขาหนึ งปี ร่ างการยังอ่อนแอ ทังยังรู ้ท่าหมัดท่าเท้าแค่ไม่กีท่าเท่านัน ผ่านไปเพียงสิ บ


กระบวนท่าก็เป็ นแต่ฝ่ายรับ ไม่มีโอกาสได้โจมตีสวนกลับเลยแม้แต่นอ้ ย ทังใบหน้า ร่ างกายล้วนได้รับบาดเจ็บ
เขาเจ็บปวดจนกลันนําตาออกมา สองมือกุมไปทีศีรษะร้องเรี ยกโหยหวน “ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย......”

ฝูงชนล้วนได้ยนิ แต่ไม่มีใครใคร่ ทีจะสนใจ เด็ก ๆ ทะเลาะกันล้วนเป็ นเรื องปกติ ต่อยตีกนั ล้วนเป็ นการฝึ กฝน
ร่ างกาย โดยเฉพาะคนขีแพ้เช่นซ่ งชิงเหยียน อายุยงั น้อยเช่นนีกลับวางแผนคดโกงผูค้ น สมควรแล้วทีจะได้รับ
การสังสอน จะได้จดจําไปนาน ๆ......

เมือซ่ งชิงเหยียนเห็นว่าไม่มีใครทีจะสนใจเขา เห็นแววตาของมู่หรงเย่ยงั คงมีสีแดงกํา ดูท่าว่าถ้าไม่ตีเขาจนสลบ


คงไม่ยอมรามือแน่ ในใจก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ร้องไห้ออกมาอย่างน่าอนาถ

“เป็ นมู่หรงโหรวทีวางแผนให้ขา้ ทําเช่นนี นางสอนให้ขา้ ซื อตัวพวกคุณชายจอมเสเพลทังหลาย รวมถึงใช้กลโกง


บนลูกเต๋ า ทังยังพูดกับข้าอีกว่าเงินทีได้จะแบ่งกันคนละครึ ง พวกเราเป็ นพวกเดียวกัน เจ้าจะตีแต่ขา้ คนเดียวไม่ได้
......”
ตอนที 50 แตกคอ
สายตาของฝูงชนล้วนตกไปอยูท่ ีร่ างของมู่หรงโหรว ทังสายตาทีคาดไม่ถึง ตืนตระหนก ดูถูก และเยาะเย้ย ตอน
แรกพวกเขานึ กว่าเพราะซ่ งชิงเหยียนเห็นพวกนางมีเงินล้านตําลึงแล้วในใจเกิดความอิจฉาขึนมา โลภมากอยากที
จะเอาเงินนันมาเป็ นของตน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเขาเป็ นเพียงแค่หมากของมู่หรงโหรวเท่านัน เป็ นนางเองทีวาง
แผนการเอาไว้ทงหมด

เรื องร้านรวงทังหกทําให้มู่หรงโหรวกลายเป็ นตัวตลกของทังเมืองหลวง ชือเสี ยงล้วนเสื อมเสี ย ดังนัน นางจึงไม่


สามารถเอาทรัพย์สินจากจวนเจินกัวโหวมาอย่างโจ่งแจ้งได้อีก จําเป็ นต้องแอบบงการอยูเ่ บืองหลังไม่ให้ใครรู ้
ด้วยการรวมหัวกับซ่ งชิงเหยียนให้เขาออกหน้าหลอกเอาเงินของผูอ้ ืนมา ถึงแม้เรื องการพนันครังนีจะแดงขึนมา
แต่ผคู ้ นก็ไม่มีทางต่อว่าซ่ งชิงเหยียน และถึงจะต่อว่าก็ไม่มีทางสาวไปถึงตัวนางได้ ช่างเป็ นแผนการทีร้ายกาจยิง
นัก

ดวงหน้ามู่หรงโหรวดุดนั จนน่ากลัว ซ่ งชิงเหยียนอายุแค่สิบสามปี เป็ นแค่เด็กเสเพลทีไม่ได้เรื องได้ความ ถึง


ความจริ งจะถูกเปิ ดเผย แต่ก็แค่ยอมรับผิดไปตามเรื องราวก็พอ เพราะพอเรื องราวผ่านพ้นไป เขาก็ไม่มีทางทีจะ
ถูกลงโทษอะไรรุ นแรงนัก แต่เขากลับทําเสี ยเรื องเสี ยนี สาวถึงนาง แล้วยังบอกแผนการทังหมดของพวกเขาให้
ผูค้ นได้รับรู ้ ทีนีนางกับเขาก็คงได้ฉาวโฉ่ กนั ไปทัว ช่างโง่งมอะไรเช่นนี......

“ซ่งชิงเหยียน เจ้าอย่ามาใส่ ร้ายข้านะ” มู่หรงโหรวถลึงตามองซ่ งชิงเหยียน ส่ งสายตาไปให้เพือให้เขารู ้ถึงสิ งที


นางต้องการจะบอก
แต่ช่างน่าเสี ยดายนัก เพือนร่ วมแผนการทีโง่งมของนางนันกลับมองความหมายในสายตาทีนางส่ งมาให้ไม่ออก
กลับกันพอถูกนางต่อว่าเช่นนี กลับคิดว่านางจะกันตัวเองออกจากเรื องทังหมด และโยนความผิดให้กบั เขา ทําให้
เขารู ้สึกโกรธขึนมา ชีนิวต่อว่านางอย่างเสี ยงดัง

“ข้าน่ ะหรื อใส่ ร้ายท่าน ? มู่หรงโหรว เมือสองปี ก่อนท่านให้เงินข้าหนึงพันตําลึง ให้ขา้ พามู่หรงเย่ไปประลอง


สุ นขั ตีไก่ ตีจิงหรี ด เมือหนึ งปี ก่อนท่านให้ขา้ สองพันตําลึงให้พามู่หรงเย่ไปบ่อนพนัน และเมือครึ งเดือนทีแล้ว
ท่านสัญญาว่าจะให้ขา้ ห้าพันตําลึง ถ้าข้าสามารถพามู่หรงเย่เข้าหอโคมเขียวได้ เรื องพวกนี บ่าวไพร่ ขา้ งกายข้า
ล้วนรู ้ดี หรื อเจ้าจะให้ขา้ เรี ยกพวกเขาออกมาเป็ นพยาน”

กลุ่มคนทีได้ยนิ เช่นนันต่างก็ฮือฮากันขึนมา มู่หรงเย่เริ มเกเรตอนสองปี ก่อน เริ มแรกก็แค่พนันเล็ก ๆ น้อย ๆ


อย่างตีจิงหรี ด พอนานเข้าจึงเริ มเข้าบ่อนพนัน ค่อย ๆ สนิ ทชิดเชือกับพวกคุณชายจอมเสเพลไม่ได้ความพวกนัน
แต่ว่า “เร็ ว ๆ นี ไม่เห็นเคยได้ยนิ ว่าคุณชายมู่หรงเข้าหอโคมเขียวนี ?”

“เพราะว่าเกิดเรื องกับร้านรวงทังหกก่อน มู่หรงโหรวจึงเอาเงินในจวนไปใช้หนี ก้อนนัน นางไม่มีเงินให้ขา้ เรื อง


พามู่หรงเย่ไปหอโคมเขียวจึงต้องเลือนออกไปก่อน ไม่เช่นนันป่ านนี มู่หรงเย่คงนอนอยูบ่ นเตียงคณิ กานางใดสัก
คนแล้ว......” ซ่ งชิงเหยียนพูดขึนอย่างได้ใจ

ฝูงชนทีนิงฟังกลับส่ งเสี ยงอืออึงขึนมา นางใส่ เสื อผ้าของคนอืน ใส่ เครื องประดับของคนอืน แล้วยังจะจงใจนําพา
ให้ลูกของคนอืนเสี ยคนอีกหรื อ จิตใจของมู่หรงโหรวช่างดํามืดและอํามหิ ตยิงนัก ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ของ
พวกเขาจะห่ างกันหนึงชัน แต่พวกเขาก็ยงั ใช้แซ่ ม่หู รงร่ วมกัน เป็ นการประหัตประหารญาติพีน้องกันเองโดยแท้
มู่หรงเย่หยุดมือทีทุบตีลงทันที เมือได้ยนิ คําวิพากษ์วิจารณ์ทีหลังไหลเข้ามาไม่หยุด เขาล้มลงไปนังกับพืน แวว
ตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง ตกอยูใ่ นภวังค์......

มู่หรงเสวียยกยิมเย็นชา ตอนแรกนางนึ กว่ามู่หรงเย่เสี ยพ่อแม่ไปตังแต่เล็ก ไม่มีคนอบรมสังสอน เลยไม่ชอบ


ศึกษาหาความรู ้ เขาจึงค่อย ๆ กลายเป็ นคุณชายจอมเสเพลไม่ได้ความ แต่คาดไม่ถึงว่าเขากลับถูกคนชักจูงจนค่อย
ๆ เสี ยคน......

มู่หรงโหรวช่างร้ายกาจยิงนัก

“ใต้เท้าหลินแห่ งศาลซุ่นเทียนก็มาร่ วมงานเลียงครบรอบนี ด้วยมิใช่หรื อ ? ข้าไม่รู้วา่ การชักนําเด็กดีคนหนึงให้


เสี ยคนได้ จะเป็ นการกระทําผิดตามกฎหมายของชิงเหยียนหรื อไม่ ? แต่ว่าเรื องทีมู่หรงโหรวกับซ่ งชิงเหยียน
ร่ วมมือกันโกงเงินของพีชายข้าห้าแสนตําลึงนัน เรื องนี นับได้ว่าเป็ นการกระทําผิดตามกฏหมายของชิงเหยียนอ
ย่างแน่ นอน”

มู่หรงเสวียกําลังทีจะฟ้ องร้องนาง ส่ งนางเข้าคุก ระดับอู่อนั โหวฮูหยิน (ยศภรรยาเอกของอู่อนั โหว)เช่นนาง จะ


ยอมติดคุกได้เช่นไร ?
มู่หรงโหรวสี หน้าซี ดเผือด กํามือแน่ น พูดเน้นทีละคําว่า “ข้ามิได้ร่วมมือกับซ่ งชิงเหยียน เขาต้องการจะหนี
ความผิด จึงใส่ ร้ายข้า......”

“พีสะใภ้ใหญ่ ท่านโปรดพูดความจริ งด้วยเจ้าค่ะ !” อู๋ฮุ่ยฮุ่ยตัดบทคําพูดของนาง เร่ งก้าวมาด้านหน้า มองไปที


ใบหน้าฟกชําของซ่ งชิงเหยียน แววตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ถลึงตามองมู่หรงโหรวด้วยความเกลียดชังแล้ว
พูดเสี ยงเย็น “ชิงเหยียนเป็ นถึงคุณชายสองแห่ งจวนอู่อนั โหว อาหารทีกิน เสื อผ้าทีใส่ ของทีใช้ เรื อนทีอยูล่ ว้ นมิ
ขาดตกบกพร่ องแต่ประการใด เขาจะไปหลอกเอาเงินมากมายเช่นนันมาทําไมกัน ?”

“แต่ว่าเป็ นท่านพีสะใภ้ใหญ่ทีไปฉกฉวยเอาสิ งของจากร้านค้าของพีสะใภ้ของตัวเองโดยไม่จ่ายเงินจนถูกคน


มาตามทวงเงินถึงประตูจวน คนทังเมืองล้วนทราบดีว่าท่านอยากได้ทรัพย์สินของหลานทีกําพร้าพ่อแม่ของ
ตัวเองมากขนาดไหน พอเอามาอย่างโจ่งแจ้งไม่ได้ ก็เลยวางแผนใช้วธิ ี โกงเพือเอามา เรื องทีน่าอับอายเช่นนี
ทําไมท่านยังกล้าทํามันออกมาได้......”

มู่หรงโหรวเป็ นถึงฮูหยินแห่ งอู่อนั โหว แต่ตวั นางนันไม่มีฐานะอะไร เป็ นแค่สะใภ้สองธรรมดา ๆ คนหนึง ถ้า
เป็ นแต่ก่อน นางคงไม่มีทางกล้าทีจะพูดจาเช่นนี ใส่ มู่หรงโหรวแน่ แต่มู่หรงโหรวกลับทําตัวหน้าไม่อาย เมือใช้
ชิงเหยียนเป็ นเครื องมือใส่ ร้ายคนไม่สาํ เร็ จ เลยคิดจะโยนความผิดทังหมดให้กบั เขา แล้วกันตัวเองออกจากเรื อง
ทังหมด บนโลกนี จะมีอะไรทีง่ายดายเช่นนันกัน ?

มู่หรงโหรวสี หน้ามืดครึ ม พูดเน้นทีละคําว่า “อู๋ฮุ่ยฮุ่ย เรื องร้านรวงทังหก เป็ นข้าทีจัดการไม่ดีเอง จึงทําให้เงิน


ตําลึงรัวไหล ไม่ได้มีเจตนาทีจะติดค้างมาตลอดสิ บปี นี แต่เรื องทีชิงเหยียนโกงเอาเงินมู่หรงเย่มา ทุกคนทีนีก็เห็น
อยูก่ บั ตา ทําไมถึงต้องมาใส่ ร้ายข้าด้วย”
อู๋ฮุ่ยฮุ่ยสบถอย่างดูถูก “ถ้าเช่นนันทําไม่เขาไม่ใส่ ร้ายคนอืน แต่กลับมาใส่ ร้ายท่านล่ะ ?”

“นันก็เพราะว่าข้ากับสองพีน้องมู่หรงมีความขัดแย้งต่อกัน ถ้าเขาใส่ ร้ายข้า คนอืนก็จะเชือถือได้ง่าย” มู่หรงโหรว


พูดด้วยนําเสี ยงเย็นชา

อู๋ฮุ่ยฮุ่ยชะงักไปครู่ หนึ ง มู่หรงโหรวยังคงเป็ นคนเขียวลากดินเช่นเดิม พูดแต่ละคําล้วนแก้ต่างให้กบั ตัวเองอย่าง


ตรงจุด แต่นางรู ้ว่าเรื องราวทังหมดต้องเป็ นมู่หรงโหรวทีวางแผนไว้แน่ “ตอนทีท่านสังการชิงเหยียน บ่าวรับใช้
ของเขาก็รู้......”

“บ่าวรับใช้ของซ่ งชิงเหยียนล้วนฟั งคําสังของเขา แน่ นอนว่าต้องเข้าข้างเขา นับว่าเชือถือไม่ได้......”

มู่หรงโหรวกับอู๋ฮุ่ยฮุ่ยโต้เถียงกันไปมา มู่หรงเสวียได้ยนิ แต่กลับไม่สนใจ ค่อย ๆ เดินไปด้านหน้าของผูช้ ายคน


หนึ ง “ใต้เท้าหลิน”

ร่ างของใต้เท้าหลินแห่ งศาลซุ่ นเทียนชะงักไปครู่ หนึง ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ขนาดเขายืนหลบอย่างมิดชิด


เช่นนี แต่ยงั กลับถูกพบเสี ยได้ เฮ้อ เรื องใส่ ร้ายป้ ายสี ของเหล่าชนชันสู งเช่นนี ช่างทําให้เขาลําบากใจยิงนัก แต่ไม่
ว่าจะลําบากใจแค่ไหน อย่างไรก็ยงั ถือได้วา่ เป็ นคดีความ เมือมันปรากฏอยูต่ รงหน้าของเขา ไม่ว่าอย่างไรหน้าที
ของเขาก็คอื ต้องไต่สวน
ใต้เท้าหลินเงยหน้ามองมู่หรงเสวีย พูดด้วยรอยยิมน้อย ๆ “คุณหนูมู่หรง ถึงแม้อู่อนั โหวฮูหยินกับคุณชายสองจะ
วางแผนโกงเงินห้าแสนตําลึงของคุณชาย แต่ก็ถือว่ายังมิได้เอาเงินตําลึงไป จึงตัดสิ นความได้ว่าพวกเขายังมิได้
สร้างความเสี ยหายใด ๆ ให้กบั จวนเจินกัวโหว ดังนัน ถึงแม้ขา้ จะลงโทษพวกเขา โทษทีพวกเขาจะได้รับก็จะไม่
หนักหนาสาหัสอะไร......”

คดีทีคล้ายกับคดีนีเขาล้วนเคยตัดสิ นความมาแล้วมากมาย โทษอย่างหนักทีสุ ดก็แค่เอาตัวเข้ากรงขังหนึงถึงสาม


เดือน ซึ งถือเป็ นการลงโทษเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านัน

มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ “มิเป็ นไรเจ้าค่ะ ใต้เท้าหลินไต่สวนไปตามความจริ งก็พอ ลงโทษนานเท่าไหนก็เท่านัน”

ใต้เท้าหลินถอนหายใจเบา ๆ คุณหนูผนู ้ ี คงเกลียดมู่หรงโหรวเข้าไส้ ถึงขนาดจะส่ งมู่หรงโหรวเข้าคุกเข้าตาราง


ให้นางถอนคํากล่าวหาก็คงไม่มีทางแน่ แต่ว่าอู่อนั โหวฮูหยินก็ช่างไร้ยางอายจนเกินไป เด็กก็อยูข่ องเขาอย่างดี ๆ
กลับไปนําพาให้เสี ยผูเ้ สี ยคน มู่หรงเสวียจะโกรธเช่นนีก็ไม่ผดิ นัก

“เด็กเด็ก นําตัวอู่อนั โหวฮูหยินกับคุณชายสองกลับศาล เตรี ยมเปิ ดการไต่สวน”

พอคําพูดหลุดออกจากปาก เสี ยงวุ่นวายโดยรอบกลายเป็ นเงียบสงบทันที มู่หรงโหรวทําร้ายมู่หรงเย่ไว้ไม่นอ้ ย


เลย นางจะได้รับผลเช่นนี ก็เป็ นเรื องทีสมควรแล้ว

แววตาของอู๋ฮุ่ยฮุ่ยไหววูบ มิกล่าววาจาใด ทีใต้เท้าหลินตัดสิ นให้จบั มู่หรงโหรว น่าจะเป็ นเพราะเชือว่าชิงเหยียน


ไม่ได้เป็ นคนทีวางแผนการทังหมด เขาอายุเพียงแค่สิบสามปี อีกทังยังไม่ได้โกงจนเอาเงินตําลึงไปได้ อย่างมากก็
คงไต่สวนไม่กีคํา ก็ปล่อยตัวกลับมา ตัวนางจึงมิค่อยกังวลเท่าไหร่ นัก แต่คนทีโชคร้ายจริ ง ๆ เห็นทีคงจะเป็ นมู่
หรงโหรวเสี ยมากกว่า

เมือสายตาเห็นคนของศาลซุ่ นเทียนก้าวเข้ามา เตรี ยมทีจะจับตัวนาง เสี ยงกรี ดร้องแหลมสู งสายหนึงก็พลันดังขึน


“มู่หรงเสวีย โหรวเอ๋ อร์เป็ นอาแท้ ๆ ของเจ้านะ ทําไมเจ้าถึงได้ใจจืดใจดําส่ งนางเข้าคุกเข้าตารางได้ !”
ตอนที 51 จุดจบของแผนร้ าย

มู่หรงเสวียมองไปตามทีมาของเสี ยง เห็นหญิงเฒ่าแซ่ ตูเ้ ดินมาโดยมีสาวใช้เป็ นคนคอยช่วยพยุง สี หน้าเกรี ยว


กราด ร่ างกายของนางไม่ค่อยแข็งแรงนักจึงออกไปพักทีเรื อนรับรอง แต่พกั ได้แค่เพียงครู่ เดียว เห็นแขกเหรื อพา
กันเดินมาทางนี จึงตามมาดู มิคาดว่าเป็ นมู่หรงเสวียทีกําลังฟ้ องร้องโหรวเอ๋ อ

เพือตอบรับกับสายตาเกรี ยวกราดของนาง มู่หรงเสวียก็พดู ขึนอย่างไม่ไว้หน้าว่า “ตอนทีนางยักยอกเอาสิ นค้าใน


ร้านค้าของแม่ขา้ ทําไมถึงไม่คดิ ว่านางเป็ นอาแท้ ๆ ของข้า ตอนทีนางใช้ซ่งชิงเหยียนชักจูงให้พีข้าเสี ยคน ทําไม
ถึงไม่คดิ ว่านางเป็ นอาแท้ ๆ ของข้า ตอนทีนางกับซ่ งชิงเหยียนรวมหัวกันโกงเอาเงินของพีข้า ทําไมถึงไม่คิดว่า
นางเป็ นอาแท้ ๆ ของข้า แต่ตอนนี พอเรื องชัวร้ายทีนางกระทํามาทังหมดถูกเปิ ดเผยจนต้องเข้าคุก ถึงค่อยมาคิดว่า
นางเป็ นอาแท้ ๆ ของข้า มันก็สายไปแล้วเจ้าค่ะ”

“เจ้า !” หญิงเฒ่าแซ่ ตูพ้ ดู ไม่ออก โหรวเอ๋ อวางแผนร้ายต่าง ๆ นา ๆ ต่อมู่หรงเย่ เป็ นนางทีผิดแน่นอน แต่นางเป็ น
อู่อนั โหวฮูหยิน ถ้าเกิดต้องเข้าคุกไป ชือเสี ยงทังหมดคงถูกทําลายสิ นจนไม่มีเหลือ “ข้าเป็ นย่าของพวกเจ้า มีสิทธิ
จัดการดูแลเรื องของพวกเจ้าทังหมด ดังนันข้าก็มีอาํ นาจขอยกเลิกการฟ้ องร้องในครังนี ......”

การติดคุกของมู่หรงโหรว แค่คาํ พูดยกเลิกการฟ้ องร้องแค่คาํ เดียวก็สามารถยกเลิกได้ ในเมือมู่หรงเสวียไม่ยอม


ตัวนางทีมีศกั ดิเป็ นผูใ้ หญ่กล่าวยกเลิกความผิดแทนนางเองก็สินเรื อง
มู่หรงเสวียยิมเยาะ เลิกคิวมองมาทางนาง “ท่านย่า ท่านคงยังไม่เข้าใจ มู่หรงโหรววางแผนโกงเงินพีชายข้า ไม่ใช่
ท่าน ท่านไม่มีสิทธิและอํานาจใด ๆ มาวุ่นวาย......”

หญิงเฒ่าแซ่ ตูส้ บถ “ข้าเป็ นฮูหยินเฒ่าแห่ งจวนเจินกัวโหว มีอาํ นาจจัดการดูแลจวนฝ่ ายในทังหมด พีชายของเจ้า


แพ้เดิมพันจนเสี ยเงินตําลึง ก็ตอ้ งเอาเงินจากจวนฝ่ ายในของข้าไปจ่ายหนี ทําไมข้าจะไม่มีสิทธิ จัดการเรื องนี ?”

“ตังแต่เล็กจนโต ค่าใช้จ่ายทังหมดของพีชายข้าล้วนเบิกกับท่านลุงฮุย พวกเราเคยไปเอาเงินตําลึงของท่านมาใช้ที


ไหนกัน ?” มู่หรงเสวียมองไปทางนางคล้ายยิมคล้ายไม่ยมิ แววตาเยาะเย้ย ต่อหน้าคนตังมากมาย ยังจะมาพูดจา
เฉไฉอ้างนู่นอ้างนี ได้อีก ช่างพูดจาขีโม้โอ้อวดเสี ยจริ ง

ใบหน้าชราของหญิงเฒ่าแซ่ ตกู ้ ลายเป็ นสี แดงกํา ถลึงตามองไปทีมู่หรงเสวีย กัดฟันสบถในใจ นังหญิงชัว !

ผูค้ นทีมองดูอยูน่ นแสร้


ั งทําเป็ นไม่เห็นย่าหลานทะเลาะกัน หญิงเฒ่าแซ่ ตูม้ ีลูก ๆ เป็ นของตัวเอง ไม่มีทางทีจะใส่
ใจดูแลมู่หรงเสวียกับมู่หรงเย่เหมือนลูกเหมือนหลานของตัวเองอย่างแน่ นอน เรื องราวอันซับซ้อนของจวนฝ่ าย
ในเช่นนีพวกนางทีเป็ นผูช้ มล้วนรู ้แจ้งเป็ นอย่างดี

“มู่หรงโหรวจงใจวางแผนร้ายต่อพีชายข้า การเข้าคุกครังนี นางไม่มีทางหลุดพ้นได้” มู่หรงเสวียกล่าวอย่าง


เด็ดขาด มองไปทางคนของศาลไต่สวน “พีชายเจ้าหน้าทีทังสอง ไม่ตอ้ งสนใจ นําตัวคนไปเถอะเจ้าค่ะ”

เจ้าหน้าทีของศาลทีกําลังลังเลหลุดจากภวังค์เร่ งเดินไปจับกุมตัวมู่หรงโหรวกับซ่ งชิงเหยียนออกไปด้านนอก


ซ่งชิงเหยียนสี หน้าปกติไม่มีแววเกรงกลัวแต่อย่างใด เดินอย่างองอาจไปด้านหน้าเหมือนมิได้กาํ ลังจะไปเข้าคุก
แต่ว่าทําตัวราวกับว่าถูกเชิญให้ไปเป็ นแขก

กลับกันมู่หรงโหรวแววตาโกรธแค้นไม่ยอมรับ แต่ว่าพยานและผูร้ ้องทุกข์ลว้ นมีอยูค่ รบครัน นางจึงไม่สามารถ


ดินรนอะไรได้อีก

เมือเห็นสองคนกําลังจะถูกกุมตัวออกไปด้านนอก เสี ยงสายหนึงก็ดงั ขึน “ช้าก่อน”

ผูค้ นพากันมองตามเสี ยงไป เห็นซ่ งเหล่าฮูหยินก้าวออกมาโดยมีเหล่าสาวใช้เป็ นคนช่วยพยุง ดวงหน้าของนางมืด


ครึ ม กล่าวเสี ยงเย็นชา “เทียนเวิน เจ้าไปเขียนใบหย่า หย่ากับมู่หรงโหรวเสี ย พวกเราตระกูลซ่ ง ไม่กล้ารับ
ลูกสะใภ้ชวร้
ั ายเช่นนี ไว้อีกต่อไป”

มู่หรงโหรวรู ้สึกเหมือนมีอะไรบ้างสิ งระเบิดขึนในร่ างกาย ในหัวพลันว่างเปล่า แม่สะใภ้จะให้เทียนเวินหย่ากับ


นาง มันจะเป็ นเช่นนีไม่ได้ ?

หญิงเฒ่าแซ่ ตูห้ ลุดจากภวังค์เป็ นคนแรก เงยหน้ามองไปทีซ่ งเหล่าฮูหยิน ถามขึนด้วยเสี ยงเย็นชา“โหรวเอ๋ อร์ แต่ง
เข้าตระกูลซ่ งมาตังสิ บปี ล้วนลงแรงลงกายดูแลทําหน้าทีของตนไปไม่มากก็น้อย เจ้าใช้เหตุผลอะไรให้เทียนเวิน
หย่าขาดกับนาง !”
“ก็การกระทําทีชัวร้ายของนางอย่างไรเล่า ทีไม่บริ สุทธิ” ซ่งเหล่าฮูหยินนําเสี ยงเด็ดขาด แววตาเต็มไปด้วยความ
เย็นชา “มีฐานะเป็ นสะใภ้ใหญ่แห่ งตระกูลซ่ ง จะต้องเป็ นคนทีอ่อนโยนมีเมตตา มีหลักคุณธรรมและปราดเปรื อง
รักใคร่ ในพีน้องลูกหลาน แต่ดูนางสิ นางทําอะไรเอาไว้บา้ ง นําพาให้ลูกหลานตระกูลซ่ งเสี ยคน ทังยังคิดร้ายต่อ
หลานทีบ้านเดิมของตนเอง พอเรื องราวเกิดแดงขึนมากลับโยนความผิดให้ชิงเหยียน สะใภ้จิตใจดําอํามหิ ตและ
ไร้ยางอายเช่นนี พวกเราตระกูลซ่ งรับไว้ไม่ไหว และก็ไม่กล้ารับไว้ กลัวจะทําให้ตระกูลไม่สงบมีแต่เรื องราว
วุ่นวาย”

เมือครู่ นางเพิงจะแจกแจงต่อหน้าผูค้ นว่าคนของจวนอู่อนั โหวนันล้วนยึดมันในหลักคุณธรรม ไม่มีใครรู ้เรื องทีมู่


หรงโหรวกระทําเลยแม้แต่นอ้ ย แต่พอแจกแจงไปไม่ทนั ขาดคํามู่หรงโหรวกลับก่อเรื องขึนอีก บงการให้ชิงเห
ยียนไปฉ้อโกงเอาเงินตําลึงของมู่หรงเย่ ถือว่าเป็ นการตบหน้านางต่อหน้าธารกํานัลอย่างชัดเจน นางจะเอาจิตใจ
ทีไหนไปอดทนอดกลันต่อคนเห็นแก่ตวั และนําพาเอาความอัปมงคลมาสู่ ตระกูลเช่นนี ได้อีก

หญิงเฒ่าแซ่ ตูส้ ู ดหายใจเข้าลึก ในอกเต็มไปด้วยไฟโกรธ แต่กลับไร้วาจาทีจะโต้เถียง

มู่หรงโหรวหลุดจากภวังค์ จ้องมองไปยังซ่ งเหล่าฮูหยิน “ท่านแม่ บรรพชนสกุลซ่ งตราเอาไว้วา่ ถ้ากระทํา


ความผิดตามกฎเจ็ดประการ ถึงจะสามารถเขียนหนังสื อหย่าร้างต่อกันได้ ตังแต่ลูกสะใภ้แต่งเข้าสกุลซ่ งมา ยังมิ
เคยกระทําผิดต่อกฎทีตังไว้แม้แต่นอ้ ย ทังยังมิเคยทําเรื องอะไรทีอภัยมิได้ต่อตระกูลซ่ งสักครังเดียว”

แววตาของซ่ งเหล่าฮูหยินวูบไหวไม่เป็ นธรรมชาติ หลังจากทีมู่หรงโหรวแต่งให้เทียนเวิน ล้วนขยันขันแข็งมา


โดยตลอด จัดการดูแลจวนอู่อนั โหวเป็ นอย่างดี ถือว่าเป็ นคนทีผ่านเกณฑ์ผหู ้ นึ ง ดังนันนางจึงวางใจมอบอํานาจ
การจัดการดูแลจวนให้กบั นาง
แต่ใครให้นางโลภมาก ทําเรื องเลวร้ายจนถูกคนอืนจับได้ ชือเสี ยงฉาวโฉ่ ตระกูลซ่ งต้องการอู่อนั โหวฮูหยินที
เต็มไปด้วยความดีงาม มิใช้คนทีเต็มไปด้วยชือเสี ยงฉาวโฉ่ สะใภ้ใหญ่ทีถูกผูค้ นดูถูกเหยียดหยาม

ซ่งเหล่าฮูหยินก้มหน้ามองมู่หรงโหรว พบว่ามู่หรงโหรวกําลังมองมาทีนางด้วยแววตาทีเปล่งประกายดํามืด จน
นางต้องหรี ตาลง นี มู่หรงโหรวกําลังคิดจะทําอะไร ?

ขณะทีนางกําลังสงสัย อู่อนั โหวซ่ งเทียนเวินก้าวออกมา กล่าว “ท่านแม่ คดีความชักช้ามิได้ ปล่อยให้ใต้เท้าหลิน


พาโหรวเอ๋ อร์กบั ชิงเหยียนไปไต่สวนทีศาลซุ่ นเทียนก่อนเถอะ......”

ในขณะทีคนอืนไม่ทนั สังเกต เขากดเสี ยงตํา “ท่านแม่ โหรวเอ๋ อร์ทาํ ความผิดจนโดนจับได้ ถ้าพวกเราเขียน


หนังสื อหย่าให้นางตอนนี จะมิใช่การผลักคนตกเหวหรื อ ? ขุนนางบุ๋นบู๊จะมองจวนอู่อนั โหวของพวกเราอย่างไร
?”

ซ่งเหล่าฮูหยินหลับตาลง อู่อนั โหวไม่ควรถูกผูค้ นตราหน้าว่าทอดทิงผูค้ น

ของทีมู่หรวโหรวยักยอกมาจากแซ่ เฉิ น คนในจวนอู่อนั โหวก็ได้ไปไม่นอ้ ย ดูท่าทางของมู่หรงโหรวแล้วถ้าเทียน


เวินเขียนหนังสื อหย่าให้นาง นางก็คงจะประกาศเรื องนี ออกไปแน่ นางไม่มีทางยอมให้นางทําเช่นนัน “เช่นนัน
เรื องหนังสื อหย่าพักเอาไว้เสี ยก่อน รอนางกลับจวนอู่อนั โหวแล้วค่อยว่ากัน”

“ขอบพระคุณท่านแม่เจ้าค่ะ” หัวใจทีเต้นแรงของมู่หรงโหรวค่อย ๆ เบาลง ถอนหายใจอย่างโล่งอก เดินออกจาก


จวนภายใต้การกุมตัวของเจ้าหน้าที
มองไปยังแผ่นหลังของนางทีค่อย ๆ เดินไกลออกไป มู่หรงเสวียยิมเยาะ ถึงแม้วา่ นางจะไม่ถูกฟ้ องหย่า แต่
ชือเสี ยงกลับถูกทําลายสิ นจนไม่มีเหลือ เมือนางกลับจวนตอนหมดโทษ ซ่ งเหล่าฮูหยินไม่มีทางมอบอํานาจการ
ดูแลจวนทังหมดให้นางแน่ สาวใช้ในจวนอู่อนั โหวก็จะไม่เกรงกลัวนาง ทังยังจะนินทาเยาะเย้ยนางลับหลัง ถึง
นางจะอยูใ่ นตําแหน่งอู่อนั โหวฮูหยินต่อไป วันทีเหลืออยูข่ องนาง คงอยูอ่ ย่างไม่เป็ นสุ ข

เงาสู งใหญ่สายหนึงทาบทับบนตัวนาง มู่หรงเสวียหลุดจากภวังค์ เห็นอู่อนั โหวซ่ งเทียนเวินยืนอยูด่ า้ นหน้านาง


ยิมอย่างละอายใจ “เย่เอ๋ อร์ เสวียเอ๋ อร์ ข้าขอโทษจริ ง ๆ ท่านอาของเจ้า......เฮ้อ......คราวหลังมีเรื องลําบากใจอะไร
ให้มาหาอาเขย ถ้าเป็ นเรื องทีอาเขยทําได้ อาเขยจะช่วยเหลือพวกเจ้าอย่างเต็มที”

มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ ซ่ งเทียนเหวินเป็ นสามีของมู่หรงโหรว เรื องทีมู่หรงโหรวทํามีหรื อทีเขาจะไม่รู้ หลอกใครก็


ไม่มีทางเชือ

“เรื องช่วยเหลือมิจาํ เป็ น ขอเพียงแค่คนของจวนอู่อนั โหวของพวกท่านไม่มายุง่ วุ่นวายกับทรัพย์สินของบ้านข้า


อีก ไม่คิดร้ายต่อพวกเราสองพีน้องอีก พวกเราก็ขอขอบคุณเป็ นอย่างยิงแล้วเจ้าค่ะ”

รอยยิมของซ่ งเทียนเวินแข็งค้างบนใบหน้า ยิมแห้ง ๆ อย่างไม่เป็ นธรรมชาติ “วันนีมีแขกเหรื อมาร่ วมงาน


มากมาย ข้าขอตัวไปดูแลก่อน พวกเจ้าตามสบายเถอะ”

ตัวต้นเรื องและผูร้ ่ วมขบวนการถูกจับกุมไปแล้ว เรื องราววุน่ วายทังหมดยุติลง เหล่าแขกเหรื อต่างแยกย้ายกัน


ออกไปทีละกลุ่มสองกลุ่ม จนเหลือเพียงมู่หรงเสวียกับมู่หรงเย่

“ผูค้ นก็ไปกันหมดแล้ว ท่านพีพวกเรากลับจวนกันเถอะ” มู่หรงเสวียกล่าวช้า ๆ แต่ไม่ได้รับการตอบรับใด เมือ


หันหน้าไปมองเห็นมู่หรงเย่ เขายังคงนังซึ มอยูเ่ ช่นเดิมไม่ขยับเขยือนไปไหน ก้มหน้าลงไม่รู้คิดสิ งใดอยู่

......
ตอนที 52 ชายหญิงห้ ามใกล้ ชิด
“ท่านพี ท่านเป็ นอะไรหรื อ ?” มู่หรงเสวียเดินไปด้านหน้า มองไปยังมู่หรงเย่อย่างไม่เข้าใจ

มู่หรงเย่ค่อย ๆ เงยหน้าขึนมาทีละน้อย ดวงตาของเขาแดงกําคลอไปด้วยนําตา เขาขยับดึงเอาตัวของมู่หรงเสวีย


เข้าไปกอด พูดจาสะอึกสะอืนติด ๆ ขัด ๆ ไม่เป็ นประโยค “น้องเล็ก......ข้าคิดว่า......พวกเขาล้วนจริ งใจกับข้า
......”

แต่ในความเป็ นจริ งลูกพีลูกน้องทีใกล้ชิดสนิทสนมกับตัวเขามากทีสุ ด กลับรับประโยชน์จากคนอืนเพือวางแผน


ให้เขาเสี ยคน ท่านอาหญิงทีคอยดูแลเอาใจใส่ เขากลับลงทุนลงแรงวางแผนร้าย จงใจทําลายเขา สองปี มานีเขา
กลับเดินไปตามแผนการของคนอืนเสี ยทังหมด......

นําตาอุ่นค่อย ๆ ไหลออกมา หยดลงทีลําคอของมู่หรงเสวีย มู่หรงเสวียชะงัก ค่อย ๆ ยกมือขึนไปลูบทีหลังของ


เขาเบา ๆ นางไม่ชอบให้ผชู ้ ายเข้าใกล้ แต่ม่หู รงเย่ตอนนี กลับให้ความรู ้สึกเหมือนสัตว์ตวั น้อย ๆ ทีกําลังถูกทําร้าย
กําลังร้องเรี ยกอย่างเศร้าเสี ยใจ นางจึงใจไม่แข็งพอทีจะผลักไสเขาออกไป

ถึงมู่หรงเย่จะเป็ นเจินกัวโหว แต่กย็ งั เป็ นแค่เด็กทีมีอายุเพียงสิ บสี ปี กําพร้าพ่อแม่ตงแต่


ั เล็ก เขาคาดหวังใน
มิตรภาพและความใกล้ชิดมาก จึงเชือใจมู่หรงโหรวและซ่ งชิงเหยียน และถูกหลอกเอาได้โดยง่าย

“มิตอ้ งไปเสี ยใจ ท่านแค่พลาดพลัง ดูคนไม่ออกก็เท่านันเลยถูกพวกเขาวางแผนคิดร้ายใส่ คราวหลังก็แค่ระมัด


เลือกคบคนให้ดี แน่นอนว่าจะต้องได้เจอเพือนทีดีและเป็ นห่ วงเราอย่างจริ งใจ ไม่ควรจะไปเสี ยใจให้กบั คนไม่ดี
เพียงสองคน......”
มู่หรงเย่สะอึกสะอืน “ข้ามันไม่ได้เรื อง......เรื องของพวกเขาข้าขอโทษ......ทําไมพวกเขาจะต้องคิดร้ายต่อข้าด้วย”
ทังยังใช้แผนการทีตําช้าเช่นนี มาทําลายเขา

“ก็เพราะพวกเขาเห็นแก่ตวั โลภมาก เพราะการทีมีท่านอยู่ นันไปขัดขวางเส้นทางของพวกเขา” แววตาของมู่หรง


เสวียเยือกเย็น อย่าคิดว่านางไม่รู้ว่าทีมู่หรงโหรววางแผนให้มู่หรงเย่เสี ยคน ก็เพือกรุ ยทางให้คนบางคนทีอยูจ่ ิง
โจว

“พวกเรากับท่านย่าไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน และตัวท่านก็อยูใ่ นตําแหน่งทีพวกเขาต้องการ ถึงแม้วา่ ท่านจะทําดี


กับพวกเขามากเพียงใด พวกเขาก็จะมีแต่คดิ หาวิธีการเหยียบยําท่านให้จมดินจนไม่สามารถลุกขึนมาได้อีก”

ดวงตาของมู่หรงเย่ทีถูกบดบังไปด้วยนําตา เรื องจิตใจโลภมากและชัวร้ายของคนเขาเข้าใจดี แผนการคิดร้ายต่าง


ๆ นา ๆ เขาก็รู้แจ้ง แต่เขาคิดว่าสิ งพวกนันจะใช้เพียงแค่กบั ศัตรู แต่กลับคาดไม่ถึงว่าคนทีเขาคิดว่าเป็ นญาติมิตร
กลับเอาสิ งเหล่านี มาใช้กบั ตัวเขาอย่างไม่รู้ตวั ......

พ่อแม่กเ็ สี ยไปตังแต่ยงั เล็ก ท่านย่าก็มิใช่ยา่ แท้ ๆ ท่านอาก็คิดร้ายต่อเขา มีเพียงน้องสาวเท่านันทีอยูข่ า้ งกายเขา


คอยช่วยเหลือเขาอย่างเต็มใจ โชคดีจริ ง ๆทีเขายังมีน้องสาว......

หางตาเหลือบไปเห็นชายเสื อสี ขาว มู่หรงเสวียรู ้สึกเหมือนเอวของนางถูกสัมผัส เพียงพริ บตาตัวนางถูกลาก


ออกไปไกลถึงสองสามเมตร เห็นเพียงมู่หรงเย่ทียังยืนอยูท่ ีเดิม
กลินหอมของไม้ไผ่ค่อย ๆ โชยออกมาโดยรอบ มู่หรงเสวียเงยหน้าขึนไปมอง พอดีสบเข้ากับใบหน้าหล่อเหลา
ดังภาพวาด นางขมวดคิวขึนอย่างงงงวย “คุณชายโอวหยาง ท่านทําอะไร ?”

“ชายหญิงมิควรใกล้ชิดกัน !” คุณชายโอวหยางพูดเน้นทีละคํา เสี ยงทุม้ แฝงไว้ดว้ ยความไม่พอใจเล็กน้อย

มู่หรงเสวียไร้วาจาสิ นคําพูด พูดกล่าวเสี ยงเข้ม “เขาเป็ นพีชายของข้า”

“พีชายของเจ้าก็เป็ นผูช้ าย ชายหญิงอายุเกินเจ็ดปี มิควรใกล้ชิดกัน เจ้าก็มิใช่ว่าจํามิได้ว่าเขาอายุสิบสี ปี แล้ว”


คุณชายโอวหยางเลิกคิวมองมาทีนาง ท่าทางเหมือนกําลังมองคนโง่งมผูห้ นึง

มู่หรงเสวียนิง “......” เป็ นเขาทีมากด้วยเหตุผล

“พีชายของข้าถูกคนคิดร้ายและกําลังเสี ยใจมาก ข้ากําลังปลอบประโลมเขา......”

“การปลอบผูค้ นสามารถทําได้หลากหลายวิธี แต่เจ้ากลับเลือกใช้วิธีการทีโง่ทีสุ ด และเป็ นวิธีทีไม่ควรใช้มาก


ทีสุ ด......” คุณชายโอวหยางปรายตามองนาง พูดด้วยท่าทีทีไม่สนใจความรู ้สึกของนาง

พริ บตาเดียวดวงหน้าของมู่หรงเสวียก็กลายเป็ นโกรธขึง กัดฟั นพูดอย่างไม่พอใจ “คุณชายโอวหยาง......”


ทุกครังทีพบนางเขาล้วนทําให้นางไม่มีวาจาใดทีจะกล่าว คุณชายโอวหยางช่างเป็ นคนปากร้าย

มู่หรงเย่ทียืนอยูท่ ีเดิม เขามองไปทีความใกล้ชิดสนิ ทสนมตรงหน้าด้วยท่าทีทีนิงค้าง เห็นมู่หรงเสวียกับคุณชาย


โอวหยางกําลังต่อปากต่อคํากัน ดวงตาฉายแววประหลาดใจ หยาดนําตาใสยังคงเกาะค้างอยูบ่ นขนตา น้องเล็ก
กับคุณชายโอวหยาง......นี มันเรื องอะไรกัน ?

เมือรู ้สึกว่ากําลังถูกจ้องมอง คุณชายโอหยางจึงหันมามองเขา สายตาราบเรี ยบคมกริ บดังดวงตาของเหยียวทิม


แทงมาทีเขาเหมือนกับจะทะลุเข้าไปทีหัวใจ ร่ างกายสู งใหญ่ของมู่หรงเย่พลันแข็งทือ รี บร้อนก้มหัวลง ไม่กล้า
สบตากับเขา แววตาวูบไหว พูดติด ๆ ขัด ๆ “น้องเล็ก คุณชาย พวกท่านค่อย ๆ คุยกันเถอะ......ข้าขอตัวกลับจวน
ก่อน”

“เดียวก่อน ข้าจะกลับจวนพร้อมกับท่าน” ทีมู่หรงเสวียมาทีจวนอู่อนั โหวก็เพือจะช่วยให้มู่หรงเย่หลุดออกจาก


สถานการณ์อนั เลวร้าย เมือเรื องราวทังหมดจบลงไปแล้ว แน่นอนว่านางก็ตอ้ งกลับจวน ไม่คิดอยากทีจะอยูท่ ีงาน
เลียงครบรอบนี ต่ออีก

เมือเห็นมู่หรงเย่หมุนตัวเดินออกไปด้านนอก มู่หรงเสวียก็ใช้แรงแกะฝ่ ามือทีเกาะอยูท่ ีเอวของนางออก เตรี ยมจะ


ก้าวออกไปด้านหน้า ไม่คาดว่าคุณชายโอวหยางกลับยืนแขนออกมาเกาะเอวของนางอีกรอบ พร้อมลากนางกลับ
เข้าไปในอ้อมอกของเขา “ข้ามีเรื องจะถามเจ้า”

“เรื องอะไร ?” มู่หรงเสวียถามกลับแบบขอไปที หันไปมองมู่หรงเย่ อยากจะให้เขารอนางสักนิด แต่คาดไม่ถึง


ว่ามู่หรงเย่กลับเดินจําออกไปด้านนอกอย่างเร่ งรี บเสี ยแล้ว เพียงครู่ เดียวก็วิงหายลับไปจากสายตา
มู่หรงเสวียไร้ซึงคําพูด มู่หรงเย่ เจ้าจะหนีให้มนั ช้ากว่านี หน่อยมิได้รึไง ?

“เจ้าจะไปหุ บเขาหวีซานเมือใด ?” เสี ยทุม้ ดังเข้าหู มู่หรงเสวียหลุดออกจากภวังค์ กล่าวราบเรี ยบ“เร็ ววันนีเจ้าค่ะ


ของทีต้องใช้ขึนเขาข้าล้วนเตรี ยมไว้จวนจะเสร็ จเรี ยบร้อยแล้ว รอเพียงแค่ของทีข้าสังทําขึนพิเศษจากร้านค้าพวก
นันเสร็ จสิ นแล้ว ก็สามารถออกเดินทางได้ ทําไมอยู่ ๆ ท่านถึงถามขึนมาได้”

คุณชายโอวหยาเพียงนิงไปชัวครู่ พูดด้วยเสี ยงตํา “เร็ ว ๆ นี ข้าค่อนข้างทีจะยุง่ คงไม่สามารถพาเจ้าไปหวีซานได้”

“มิเป็ นไรเจ้าค่ะ ท่านเพียงบอกข้าว่าดงของต้นตีหยางอยูต่ รงไหนก็เพียงพอแล้ว” มู่หรงเสวียยิมอย่างสดใส จริ ง ๆ


แล้วนางอยากจะไปหุ บเขาหวีซานเพือเก็บเกียวต้นตีหยางเพียงคนเดียวเท่านัน ไม่ได้มีความคิดทีจะให้คุณชาย
โอวหยางพาไปเสี ยหน่อย

เมือมองไปทีใบหน้ายิมแย้มของมู่หรงเสวีย ดวงหน้างดงามของคุณชายโอวหยางก็ดุดนั ขึน พอได้ยนิ ว่าเขาไม่


สามารถพานางไปหุบเขาหวีซานได้ ท่าทางของนางราวกับว่ากําลังดีใจเสี ยมากมาย !

“คุณชายโอวหยาง” เสี ยงอ่อนหวานของหญิงสาวลอยเข้าหู มู่หรงเสวียมองไปตามเสี ยงเรี ยก เห็นซูหนานเซี ยง


กําลังยืนอยูท่ ีปากทางเข้าของเรื อน นางอยูใ่ นชุดจีนโบราณยาวสี แดง ตรงไหล่เป็ นลวดลายของลูกไม้ เผยให้เห็น
ผิวขาวเรี ยบเนี ยน บนกระโปรงประดับประดาไปด้วยลูกไม้ ส่ องแสงแวววับไปมาภายใต้แสงอาทิตย์
แววตาเผยประกายตืนเต้นดีใจทีได้เห็นคนทีตัวเองแอบชอบ ต่างหู ไข่มุกสันไหวเบา ๆ ท่าทางของนางตอนนี
เหมือนพบเจอกับสิ งทีรอคอยมานาน ท่าทางดูกระวนกระวาย

“มีอะไรหรื อ ?” คุณชายโอวหยางพูดเสี ยงราบเรี ยบ เก็บแขนทังสองข้างของตน ร่ างบางของมู่หรงเสวียถึงได้


หลุดออกจากอ้อมกอดของเขา ซูหนานเซี ยงทีเห็นภาพนัน นางเหมือนได้ยนิ เสี ยงบางสิ งระเบิดในหัว ร่ างกาย
บอบบางสันไหวเล็กน้อย นางยันขอบประตูเอาไว้ทาํ ให้นางไม่ลม้ ลงไปเสี ยก่อน ดวงหน้ากลายเป็ นซี ดขาว

นางเคยคิดว่า คุณชายโอวหยางจะไม่ชอบสถานทีทีมีผคู ้ นมากมาย จึงมาหาความสงบทีนี แต่คดิ ไม่ถึงว่าเขา


กลับมาแอบพบกับมู่หรงเสวีย !

มู่หรงเสวีย ทําไมถึงต้องเป็ นมู่หรงเสวียอีกแล้ว !

แววตาของซูหนานเซี ยงเปล่งประกายเยือกเย็น ฝ่ ามือภายใต้แขนเสื อทีปกปิ ดกําแน่ นเข้าหากัน

มู่หรงเสวียกระพริ บตามอง นี ซูหนานเซี ยงกําลังไม่พอใจนางงันหรื อ ?

“หนานเซี ยง ข้าหาเจ้าตังนาน คิดไม่ถึงว่าจะมาอยูท่ ีนี !” นําเสี ยงอ่อนหวานอารมณ์ดีตามมาด้วยเงาของร่ างสาย


หนึ งทีค่อย ๆ เดินเข้ามา......
ตอนที 53 ความคิดดีๆ
คนทีเดินเข้ามาใหม่อยูใ่ นชุดสี เขียวพอดีตวั เผยให้เห็นร่ างกายทีสมส่ วนดูองอาจ ปกเสื อรวมถึงปลายแขนเสื อ
ล้วนปั กด้วยด้ายเงินชันดีลวดลายวิจิตรงดงาม ช่วงเอวประดับด้วยเข็มขัดพลอยดูสูงค่า นิวมือขวาประดับด้วย
แหวนหยกลายก้อนเมฆสมฐานะ รู ปลักษณ์หล่อเหลาหาใดเปรี ยบ นันมันองค์ชายสี เย่เทียนฉี

“คารวะองค์ชายสี เพคะ” ซูเซียงหนานย่อกายลงช้า ๆ ชายกระโปรงสี แดงลายลูกไม้ยอบคลุมไปกับพืน เสริ มให้


นางดูงดงามหยดย้อย แววตาของเย่เทียนฉี เปล่งประกายอย่างพอใจ พลางยิมกล่าว “หนานเซี ยงมิตอ้ งมากพิธี
หรอก ผูค้ นล้วนอยูท่ ีงานเลียงด้านหน้า ทําไมเจ้าถึงมาอยูท่ ีนีได้ล่ะ ?”

“อยูใ่ นงานเลียงข้ารู ้สึกเบือเล็กน้อย เลยออกมากเดินเล่นเพคะ พอดีกบั บังเอิญได้เจอเพือนทังสองท่านเข้า” ซู


หนานเซี ยงกล่าวเสี ยงบางเบา มองไปด้านในของเรื อนปิ ดบังสายตาขุ่นเคืองไว้มิดชิด ตัวนางนันถือได้ว่ามีความ
งามอยูใ่ นอันดับต้น ๆ ในโลกนี ไม่มีใครทีเห็นนางแล้วจะมิตอ้ งใจ ก็คงจะมีแต่คนทีอยูด่ า้ นในของเรื อนตรงหน้า
เท่านัน......

เย่เทียนฉี มองตามสายตาของนาง ก็เห็นคุณชายโอวหยางทีกําลังยืนอยูด่ า้ นในของเรื อน ร่ างกายสู งโปร่ งองอาจ


หล่อเหลามิธรรมดา ข้างกายปรากฏร่ างของมู่หรงเสวียในชุดกระโปรงยาว ใบหน้างดงามเรี ยวเล็ก แววตาสี ดาํ
ราบเรี ยบเย็นชา แสงแดดสี ทองส่ องกระทบผูค้ นทังสอง ให้ความรู ้สึกเหมือนดังเทพเซี ยนในภาพเขียนอันวิจิตร
งดงาม

แววตาของเย่เทียนฉีส่องประกายประหลาดใจ แต่กก็ ลับกลายเป็ นปกติอย่างรวดเร็ ว ยิมกล่าว“คุณชาย คุณหนูมู่


หรง พวกท่านก็มาร่ วมงานเลียงครบรอบด้วยหรื อ ?”
“ข้าแค่ผา่ นทางมา มิได้มาร่ วมงานเลียงเพคะ” มู่หรงเสวียพูดด้วยนําเสี ยงราบเรี ยบ เจ้าของร่ างเดิมกับเย่เทียนฉี
ไม่ได้สนิทกัน รู ้เพียงว่าเขาอายุยงั น้อยแต่กลับได้รับความโปรดปรานจากองค์ฮ่องเต้เป็ นพิเศษ ซึงนางก็ไม่อยาก
ใกล้ชิดกับเขามากเท่าไรนัก

“องค์ชายสี มาร่ วมงานเลียงครบรอบทีจวนตระกูลซ่ งเช่นกันหรื อพ่ะย่ะค่ะ” คุณชายโอวหยางกล่าวนําเสี ยงเรี ยบ


เฉย ฐานะของจวนอู่อนโหวตอนนี
ั ลร่ วงลงไปอยูท่ ีจวนโหวชันสองแล้ว ไม่จาํ เป็ นทีองค์ชายสี จะต้องให้เกียรติ
มาร่ วมงาน

“ข้าแค่มาหาเซี ยงหนานเท่านัน อยากถามไถ่สุขภาพของผูเ้ ฒ่าซูว่าดีขนหรื


ึ อยัง ? จะได้หาเวลาไปขอคําชีแนะเสี ย
หน่ อย” เย่เทียนฉี ยมน้
ิ อย ๆ ดูมีเสน่ห์ดึงดูผคู ้ น

ผูเ้ ฒ่าซูดาํ รงตําแหน่ งเป็ นราชครู เขากับซูหนานเซี ยงรู ้จกั กันตังแต่ยงั เล็ก ความสัมพันธ์ทีมีต่อกันก็ถือว่าไม่เลว
นัก แต่เขากลับเคยชินทีจะเรี ยกนางตรง ๆ ว่าซูหนานเซี ยง จนติดปากมาจนถึงตอนนี

ช่วงทีราชครู ซูยงั อยูใ่ นวัยหนุ่ มได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้เป็ นอย่างมาก จึงโหมงานจนหนักทําให้สุขภาพ


อ่อนแอไปไม่น้อย พออายุมากขึน โรคเก่าก็กาํ เริ บปิ ดจวนจนไม่รับแขก รักษาตัวอยูแ่ ต่เพียงในจวน น้อยมากทีจะ
ออกมาต้อนรับแขก

คุณชายโอวหยางแววตาลึกลํา “ท่านอยากขอคําแนะนําเกียวกับเรื องภัยพิบตั ินาท่


ํ วมทีหลิงหนานหรื อพ่ะย่ะค่ะ ?”
“ใช่แล้ว” เย่เทียนฉี พยักหน้า แววตาเป็ นกังวล “หลิงหนานฝนตกหนักมาได้ครึ งเดือนแล้ว ยังคงไม่มีท่าทีทีจะ
หยุดตกง่าย ๆ ครึ งหนึงของหลิงหนานล้วนจมอยูใ่ ต้นาํ ชาวบ้านมากมายต่างก็ตอ้ งอพยพไร้ทีอยู่ ถ้ายังคงเป็ น
อย่างนี ต่อไป ไม่เพียงหลิงหนานทีต้องประสบภัยพิบตั ิเท่านัน คงจะลามไปถึงเจียงหนานทีอยูใ่ กล้กนั กับหลิง
หนานอีกทีหนึงด้วย......”

เจียงหนานเป็ นพืนทีทีอุดสมบูรณ์ทีสุ ดของแคว้นชิงเหยียน คลังเสบียงของแคว้นล้วนมาจากทีนันสามสิ บส่ วน


ในร้อยส่ วน ถ้าหากเจียงหนานถูกนําท่วมไปด้วย เสบียงทีได้รับก็จะน้อยลง การจะสร้างเจียงหนานกลับขึนมา
ใหม่จากความเสี ยหายรวมถึงการจัดการหาทีอยูใ่ ห้กบั ประชากรราวหนึงแสนคน ถือว่าเป็ นเรื องทีทําให้ผคู ้ นปวด
หัวและยากจะจัดการ......

ช่วงนี ทุกครังทีฮ่องเต้ออกว่าราชการเช้า ล้วนเอาแต่ปรึ กษาหารื อกับขุนนางบุ๋นบู๊เกียวกับเรื องนี หลังจากออกว่า


ราชการเช้าเสร็ จ ฮ่องเต้กม็ กั จะเรี ยกตัวเหล่าขุนนางคนสําคัญเข้าไปปรึ กษาหารื อทีห้องทรงงานต่อ ไม่กีวันมานี
ยังไม่สามารถคิดหาแผนการรองรับทีเหมาะสมได้

ซูหนานเซี ยงแววตาวูบไหว “ร่ างกายของท่านปู่ ยังคงอ่อนแอนัก นอนรักษาตัวอยูบ่ นเตียงมาโดยตลอด คาดว่าคง


จะไม่สามารถชีแนะองค์ชายสี ได้เพคะ แต่ขา้ มีความคิดดี ๆ จะเสนอแนะ ไม่ทราบว่าองค์ชายสี อยากจะฟั งรึ ไม่ ?”

ดวงตาของเย่เทียนฉี ปรากฏแววสงสัย “เป็ นแผนการอันใดหรื อ ? มิเป็ นไรพูดออกมาเถอะ”

ซูหนานเซี ยงยิมน้อย ๆ “หลิงหนานมักจะฝนตกบ่อย ๆ ถ้าอยากจะป้ องกันอุทกภัย จําต้องสร้างเขือนทีแข็งแรง


......”
สร้างเขือนอีกแล้วหรื อ ? เย่เทียนฉี ยน่ คิวในใจ แต่มิได้แสดงออกมาภายนอก ท่าทางตังใจฟังคําพูดของซูหนาน
เซี ยง “เขือนของหลิงหนานล้วนเป็ นแค่เนินดินธรรมดา ไม่มีทางทีจะต้านทานความรุ นแรงของมวลนําทีมาก
ขนาดนันได้ พวกเราควรสังการให้พวกคนงานนําก้อนหิ นไปเสริ มให้แข็งแรง เหมือนกับการสร้างกําแพงบ้าน
เมือสร้างกําแพงเขือนทีแข็งแรง ก็ไม่มีวนั ทีจะล้มจนนําทีเอ่อล้นก็ไม่สามารถไหลผ่านไปได้......”

“เป็ นข้อชีแนะทีมีเหตุมีผล” เย่เทียนฉี พยักหน้า คิวทีย่นเล็กน้อยมิได้คลายออก “แต่ว่าปี นี หลิงหนานฝนตกชุก


เป็ นพิเศษ อุทกภัยจึงหนักหนาสาหัสกว่าครังก่อน ๆ นัก เขือนทีต้องสร้างแน่นอนว่าต้องสู งหลายสิ บเมตรได้
......” ถ้าเป็ นเช่นนันจะต้องใช้แรงคนและทรัพยากรทีมากมายมหาศาลจนนับไม่ถว้ น

“ใกล้ ๆ กับหลิงหนานมีกองทหารหรื อไม่ใช่หรื อ ? ควรมอบหมายให้พวกเขาไปสร้างเขือนเป็ นการชัวคราว” ซู


หนานเซี ยงยิมสดใส เหล่าทหารล้วนเรี ยนวรยุทธ์ ร่ างกายย่อมแข็งแรง เคลือนไหวรวดเร็ ว ให้พวกเขาสร้างเขือน
คงจะสร้างได้เร็ วและมันคงกว่าคนธรรมดาหลายเท่า

“นอกจากนี ให้ขอความร่ วมมือจากผูค้ นทีมีฐานะมังคังในเมืองหลวงหรื อเมืองต่าง ๆ ให้ร่วมบริ จาคเงิน สิ งของ


เท่านีก็จะสามารถช่วยชาวหลิงหนานให้หลุดพ้นจากภัยพิบตั ิได้แล้วเพคะ......”

“แผนนี......ก็ไม่เลวนัก” เย่เทียนฉี กล่าวชมด้วยนําเสี ยงราบเรี ยบ แววตาเคร่ งขรึ ม บริ จาคเงิน บริ จาคสิ งของ
แน่นอนว่าจะต้องถูกผูค้ นบางส่ วนต่อต้าน......
“องค์ชายสี ทรงกล่าวชมเกินไปแล้วเพคะ” ซูหนานเซี ยงยิมสดใสอย่างถ่อมตัว เงยหน้ามองเย่เทียนฉี เห็นเขา
หลับตาลงไม่รู้วา่ กําลังคิดอะไรอยู่ เหมือนไม่ได้มีความยินดีนกั ทีได้ความคิดดี ๆ จากนาง

พอหันไปมองคุณชายโอวหยาง แววตาลําลึก สี หน้าเรี ยบเฉยท่าทางเหมือนไม่ได้ยนิ แผนการทีนางพูด

ั อ ? ซูหนานเซี ยงไม่เข้าใจมองไปทางมู่หรงเสวีย “คุณหนูม่หู รง


หรื อว่าแผนการของนางมีตรงไหนทีไม่ดีงนหรื
เสวียคิดว่าแผนการทีข้าพูดเป็ นอย่างไรบ้างเจ้าคะ ?”

มู่หรงเสวียได้แต่ตอบกลับแบบขอไปที “ถือว่ายังพอรับได้”

ก็แค่ยงั แก้ไขไม่ตรงจุด อีกทังยังใช้กาํ ลังคนและทรัพยากรอย่างสิ นเปลือง คุณชายโอวหยางกับเย่เทียนฉี ก็คิด


เช่นเดียวกันแต่มิได้กล่าวออกมา

เพียงพริ บตาเดียว ความรู ้สึกของซูหนานเซี ยงก็เต็มไปด้วยความความโมโหแต่ก็ยงั อดกลันเอาไว้ได้ “คุณหนูมู่


หรงดูเหมือนจะไม่คอ่ ยพอใจกับแผนการของข้านัก ถ้าคุณหนู ม่หู รงมีแผนการทีดีกว่าข้า เช่นนันโปรดชีแนะให้
ข้าได้รับฟั งบ้างเถอะเจ้าค่ะ......”

คุณชายโอวหยางกับเย่เทียนฉี ลว้ นมีฐานะสู งส่ ง ทังยังมีความรู ้กว้างขวาง พวกเขาไม่เห็นด้วยกับแผนการของนาง


ก็ไม่ผดิ อะไรนัก แต่ม่หู รงเสวีย หญิงสาวร่ างกายอ่อนแอทีรักษาตัวอยูแ่ ต่ในจวนฝ่ ายใน กลับกล้าดูเบาแผนการ
ของนาง ช่างมิเจียมเนื อเจียมตน ตัวนางก็จะขอสังสอนเสี ยหน่ อย ให้นางได้รู้ว่าอะไรคือการเจียมเนื อเจียมตน
สี หน้าของมู่หรงเสวียเรี ยบเฉย แผนการของซูหนานเซี ยงไม่ได้รับคําชมจากเย่เทียนฉี เป็ นเพราะว่าวางแผนไม่
ถูกต้อง ไม่ได้เกียวอะไรกับนางเลยสักนิด แต่ซูหนานเซี ยงกลับไม่ไปแก้ไขแผนการของตนให้ดีขนึ แต่กลับมา
หาเรื องวุ่นวายกับนาง ช่างเป็ นคนทีมีนิสัยแปลกประหลาดเสี ยจริ ง อยากจะฟั งแผนการของนางนักใช่ไหม ?
เช่นนันนางก็จะพูดแผนการของนางให้ฟังเอง

“การทีฝนตกหนัก จนทําให้เกิดนําท่วม ไม่จาํ เป็ นต้องสร้างเขือนเสมอไป แต่ยงั สามารถใช้ช่องเขาหรื อการขุด


คลองนําทางนําได้ เท่าทีข้าจําได้นนั ภูมิประเทศทางใต้ของหลิงหนานเป็ นหมู่เขามากมาย ถ้าเป็ นเช่นนันก็ควร
ให้คนงานขุดเส้นทางนํา นําเอามวลนําทังหมดผลักดันไปไว้ทีลุ่มกลางหุ บเขา ทําให้ทีลุ่มเหล่านันกลายเป็ นอ่าง
เก็บนําธรรมชาติ เท่านีอุทกภัยทีหลิงหนานก็จะถูกแก้ไขโดยสมบูรณ์แล้ว......”

“ชาวบ้านทีหลิงหนานอยูใ่ กล้กบั ภูเขามาก พวกชายหนุ่มเก้าในสิ บจะต้องรู้วิธีการขุดเส้นทางนํา เช่นนันก็ให้ขนุ


นางท้องถินจ้างพวกเขาขุดเส้นทางนํา ให้ค่าจ้างและอาหารเป็ นวัน ๆ ให้พวกเขาสามารถเอาไปเลียงดูจุนเจือ
ครอบครัวได้ สําหรับคนป่ วยชราทีไม่มีคนดูแล ก็ให้นาํ ข้าวในคลังเสบียงไปแจกจ่าย เท่านีก็ไม่ตอ้ งไปบังคับขู่
เข็นให้ชนชันสู งและเศรษฐีทีขีเหนี ยวพวกนันมาบริ จาคเงินและอาหารให้กบั ทางการ......”

ิ ก” เย่เทียนฉี ตบมือเสี ยงดัง กล่าวชมเชยไม่หยุด แววตาเปล่งประกายมองไปทีมู่หรงเสวีย......


“ดี ดี ช่างดียงนั
ตอนที 54 ตบรางวัล
“แผนของคุณหนูมู่หรงช่างดีนกั ” เป็ นแผนการทีจัดการกับอุทกภัยได้ดียงนั
ิ ก

“องค์ชายสี ทรงกล่าวชมเกินไปแล้วเพคะ” มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ ราวกับมวลบุปผาทีบานสะพรัง

ซูหนานเซี ยงค่อย ๆ ก้มหน้าลง แววตาเต็มไปด้วยความโกรธ ฝ่ ามือภายใต้แขนเสื อกําเข้าหากันแน่ น นางไม่


อยากจะเชือเลย แต่จะไม่ยอมรับก็ไม่ได้ แผนการทีมู่หรงเสวียเสนอมานันดียงนั
ิ ก แก้ไขปั ญหาฝนตกและนําท่วม
ของหลิงหนานได้อย่างตรงจุด เมือนํามาเทียบกับแผนการของนางแล้วราวกับท้องฟ้ ากับหุ บเหวอย่างสิ นเชิง......

“ข้าจะรี บเข้าวัง ไปรายงานแผนการของคุณหนูมู่หรงให้เสด็จพ่อได้ทรงทราบ ฝ่ าบาทจะต้องมอบบําเหน็จรางวัล


ให้คุณหนู ม่หู รงอย่างแน่นอน” เย่เทียนฉี มองไปทางมู่หรงเสวียอย่างนึ กชืนชม ก้าวเท้าออกไปด้านนอกเรื อน
อย่างรวดเร็ ว

กลินนําหอมหลงเสี ยนทีบางเบาลอยกระทบเข้ากับจมูก ซูหนานเซี ยงหลุดจากภวังค์ เงยหน้ามองไปทีมู่หรงเสวีย


สี หน้าเคร่ งขรึ ม “แผนการทีดีเช่นนี เป็ นแผนการทีคุณหนูม่หู รงคิดขึนมาเองอย่างนันหรื อ ?”

“ถ้ามิเป็ นเช่นนันคุณหนูซูคิดว่าเป็ นเช่นไรหรื อเจ้าคะ ?” มู่หรงเสวียยกมุมปากขึนคล้ายยิมคล้ายมิยมิ

“ทําไมคุณหนูม่หู รงถึงได้คดิ แผนการเช่นนี ออกมาได้ ?” ซูหนานเซี ยงจ้องมองไปยังมู่หรงเสวียตาไม่กระพริ บ


ไม่ยอมปล่อยให้ความผิดปกติใด ๆ บนใบหน้าของนางหลุดรอดไปได้
ํ นองอยูใ่ นสวนไหลไป
“ตอนทีข้ายังเล็ก ข้าเคยเห็นช่างตกแต่งสวนมาขุดร่ องนําเล็ก ๆ ทีจวนเจินกัวโหว ให้นาที
ลงทีรางนําด้านข้าง จึงบังเอิญคิดแผนการนี ขึนมาได้” มู่หรงเสวียพูดอ้างเหตุผลไปส่ ง ๆ แผนรองรับภัยพิบตั ินาํ
ท่วมของศตวรรษที 21 เอามาใช้ทียุคโบราณเช่นนี รับรองว่าต้องได้ผลอย่างแน่นอน

“เป็ นเช่นนีจริ งหรื อ ?” ซูหนานเซี ยงมีท่าทางเชือครึ งไม่เชือครึ ง

“เชือหรื อไม่เชือก็แล้วแต่ท่านเถอะ นี ก็ล่วงเลยเวลามามากแล้ว ข้าคงต้องขอตัวกลับจวนก่อน คุณหนูซูโปรด


หลีกทางด้วยเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียขีเกียจต่อปากต่อคํากับซูหนานเซี ยง ผลักนางให้หลีกทางอย่างไม่เกรงใจแล้วเดิน
ออกจากเรื อนไป

ซูหนานเซี ยงทีไม่ทนั ระวังถูกผลักจนเซออกไปเล็กน้อยก็พอกลับมายืนตัวตรงได้ เห็นร่ างสี ขาวสายหนึงลอยผ่าน


หน้าไป เป็ นคุณชายโอวหยางทีเดินออกมา ชายเสื อพลิวไหวดูงามสง่า แต่กลับไม่มองนางแม้แต่นอ้ ย

สี หน้าของซูหนานเซี ยงเรี ยบเฉยจนดูน่ากลัว มองไปทีร่ างของมู่หรงเสวียทีค่อย ๆ เดินไกลออกไป แววตาเต็มไป


ด้วยความเกรี ยวกราด ก็แค่คิดแผนแก้นาท่
ํ วมออกมาได้อย่างไม่ตงใจ
ั มีอะไรให้ภมู ิใจกันนัก ? แต่ถา้ ฝ่ าบาททรง
เชือแผนการของนางแล้วเกิดแผนการดันเกิดข้อผิดพลาดขึนมา มีรับสังให้ประหารนางด้วยอารมณ์โกรธเพียงชัว
วูบล่ะก็ นันก็คงจะดีมินอ้ ย
เวลาผ่านไปสองชัวยามหลังจากนัน ขันทีผหู้ นึ งก็ได้นาํ ราชโองการมาทีจวนเจินกัวโหว “ฮ่องเต้มีราชโองการ
คุณหนูม่หู รงเสวียแห่ งจวนเจินกัวโหว เป็ นผูป้ ราดเปรื องมากความสามารถ มอบแนวทางแก้ปัญหาอุทกภัย คลาย
ความกังวลให้องค์ฮ่องเต้ คลายความทุกข์ยากให้ปวงประชา พระราชทานบําเหน็จรางวัล จบราชโองการ”

“ขอบพระทัยฝ่ าบาท ขอทรงพระเจริ ญหมืนปี หมืนหมืนปี ” มู่หรงเสวียก้าวออกไปรับราชโองการ

จ้าวกงกงมอบราชโองการให้กบั มู่หรงเสวีย ยิมตาหยีชีไปทีด้านหลัง “ยินดีกบั คุณหนูมู่หรงด้วยขอรับ พวกนี เป็ น


บําเหน็จรางวัลทีฝ่ าบาททรงมอบให้ท่าน”

มู่หรงเสวียเงยหน้ามองไป ก็เห็นเหล่านางกํานัลยืนเรี ยงแถวหน้ากระดาน แต่ละคนถือถาดใบใหญ่ ด้านบนวาง


ไว้ดว้ ยทองคํา อัญมณี ลาค่
ํ า ผ้าไหมชันดีมากมาย สิ งของทีสมควรมีลว้ นมีครบครัน เปล่งประกายแวววับจนทํา
ให้ผคู ้ นตาลาย

ของตังมากมายเช่นนี ฮ่องเต้พระองค์นีช่างใจกว้างเสี ยจริ ง “ขอบพระทัยฝ่ าบาทเป็ นอย่างสู ง”

“ลําบากกงกงแล้ว เชิญพักดืมชาด้านในสักครู่ เถิดเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียกล่าวยิม ๆ ตามมารยาท ยัดถุงแดงให้กบั จ้าว


กงกง แล้วสังการให้บรรดาสาวใช้ไปรับของจากนางกํานัลมา

จ้าวกงกงบีบคลําไปทีถุงแดงเล็กน้อย ใบหน้าปรากฏรอยยิมทีค่อย ๆ แย้มออกกว้างขึน “คุณหนูเกรงใจเกินไป


แล้วขอรับ ข้ายังต้องกลับไปรายงานทีวังต่อ คงไม่รบกวนแล้ว ขอลา”
“กงกงระวังด้วย” เมือมองส่ งจ้าวกงกงทีนํานางกํานัลกลับไป มู่หรงเสวียก็ยมตาหยี
ิ หยิบใบรายการของรางวัล
ขึนมาดู ค่อย ๆ ตรวจสอบอย่างละเอียด แม้นางจะไม่ขาดเงินตําลึง แต่ก็ไม่ขดั ทีจะได้เงิน......

เมือมองไปทีของขวัญอันมากมาย กับพวกทองคําอัญมณี ผา้ ไหมทีเกือบเต็มครึ งเรื อนได้ สี หน้าของหญิงเฒ่าแซ่ ตู ้


ก็ดูไม่สู้ดีนกั ก็แค่แผนการเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับได้บาํ เหน็จรางวัลมากมายเช่นนี ดวงของมู่หรงเสวียคงไม่ธรรมดา
ข้าวของจํานวนมากเท่านีใช้สองชาติกไ็ ม่หมด คนคนเดียวคงไม่สามารถใช้มนั ได้จนหมดแน่

“ของทีฝ่ าบาทพระราชทานให้จวนโหว ต้องเอาเข้าคลังของจวนโหว เด็ก ๆ เอาของทังหมดไปเก็บทีเรื อนหยก”

หญิงเฒ่าแซ่ ตูผ้ นู ้ ี ยังคงมิเลิกโลภมาก แม้กระทังของทีฝ่ าบาทพระราชทานให้นางก็ไม่เว้น ช่างเหมาะสมกับคน


โลภมากเสี ยจริ ง

มู่หรงเสวียปรายตามองหญิงเฒ่าแซ่ ตู ้ แววตาดูถูก “ท่านย่า ราชโองการก็เขียนไว้ชดั เจนว่า นี เป็ นสิ งของทีฝ่ าบาท


พระราชทานให้ขา้ มิใช่จวนเจินกัวโหว ท่านหู ตึงหรื ออย่างไรเจ้าคะ ? ถ้าฟังไม่ชดั เจนก็ไม่เป็ นไร ราชโองการก็
อยูต่ รงนี ท่านดูให้ชดั เจนเสี ยหน่อยเถอะ”

มู่หรงเสวียคลีม้วนสี ทองออก กางไว้ตรงหน้าของหญิงเฒ่าแซ่ ตู ้ พูดกล่าวคล้ายยิมคล้ายมิยม“ดวงตาของท่


ิ านคง
มิได้บอด อ่านเข้าใจความหมายข้างบนใช่หรื อไม่ ?”
ใบหน้าเหี ยวย่นของหญิงเฒ่าแซ่ ตกู ้ ลายเป็ นสี แดงกํา เม้มปากเข้าหากันแน่ นอยูน่ านสองนาน แต่กห็ าเหตุผลทีจะ
มาโต้เถียงไม่ได้ สายตาเหลือบไปเห็นนําชาทีวางบนอยูโ่ ต๊ะ แววตาเปล่งประกาย กล่าวเสี ยงดัง “มู่หรงเสวีย เจ้ามี
แผนการดี ๆ แก้ปัญหานําท่วม เหตุใดถึงไม่บอกข้า ?”

เจียนเอ๋ อร์ อยูท่ ีจิงโจวมาเป็ นสิ บปี ไม่เคยถูกเรี ยกตัวกลับเมืองหลวงเลยสักครังเดียว พีใหญ่บอกว่า เพราะเมือ
เปรี ยบเทียบผลงานของเขากับขุนนางคนอืน ผลงานของเขากลับไม่โดดเด่นเท่าไรนัก ถ้าเจียนเอ๋ อร์ ถวายแผนการ
แก้ปัญหานําท่วมนี ได้ ก็นบั ว่าเป็ นผลงานใหญ่ เรื องทีจะถูกเรี ยกตัวกลับเมืองหลวงก็คงเป็ นเรื องทีไม่นานเกินรอ
......

มู่หรงเสวียปรายตามองนาง “ท่านย่ามิใช่ขนุ นางในราชสํานัก เหตุใดข้าจะต้องบอกแผนแก้ปัญหานําท่วมกับท่าน


ด้วยเจ้าคะ ?”

“ข้าจะได้สามารถช่วยเจ้าตรวจสอบว่าแผนการยังมีตรงไหนทีไม่ถูกต้อง......” หญิงเฒ่าแซ่ ตขู ้ ึนเสี ยงสู ง

“เช่นนันหรื อเจ้าคะ ?” มู่หรงเสวียมองมาทีนางคล้ายยิมคล้ายมิยมิ “แต่ขา้ กลับคิดว่าท่านจะเอาแผนการไปบอก


ท่านอาสอง ให้เขานําถวายฝ่ าบาท เพือทีจะได้สร้างผลงาน......”

แผนการทีคิดไว้ถูกทําลายลง ใบหน้าเหี ยวย่นของหญิงเฒ่าแซ่ ตขู ้ ึนสี แดงกําอีกครัง แววตาวูบไหวไม่เป็ น


ธรรมชาติ “ข้าเป็ นคนไร้ยางอายเช่นนันทีไหนกัน เจ้าเลิกเอาความคิดของคนชันตํามาใช้กบั ชนชันสู งเช่นข้า !”
“ท่านย่าไม่ใช่คนไร้ยางอายอย่างนันหรื อ ? เช่นนันก็ดียงิ ความลับไม่มีในโลก ฝ่ าบาทเองก็เป็ นคนฉลาดหลัก
แหลม ถ้าหากมีคนทีไม่ได้ความผูห้ นึง ขโมยผลงานของคนอืนเอาไปถวายเป็ นผลงานของตัวเอง แน่นอนว่าฝ่ า
บาทจะต้องรู ้ พอถึงตอนนัน ก็จะกลายเป็ นการลบหลู่เบืองสู ง โทษประหารเก้าชัวโคตร ใครกันเล่าทีอยากจะ
รนหาทีตาย ข้ายังอยากทีจะมีชีวิตอยูต่ ่อไปนะเจ้าคะ......” มู่หรงเสวียยิมแหย ๆ คําพูดแต่ละคําล้วนทิมแทงเข้าไป
ในใจของหญิงเฒ่าแซ่ ตู ้

นางเห็นสายตาเยาะเย้ยของมู่หรงเสวีย แววตาเต็มไปด้วยไฟแค้น นางเป็ นย่าเลียงของมู่หรงเสวีย มู่หรงเสวีย


ไม่ใช่แค่ไม่เคารพนาง แต่ยงั จะดูถูกนาง ช่วงอวดดีไร้การสังสอนมากเกินไปแล้ว ! ถ้านางไม่เอาศักดิของญาติ
ผูใ้ หญ่มาสังสอนนางเสี ยบ้าง นางคงไม่รู้วา่ แซ่ ของตัวเองนันเขียนอย่างไร ?

แววตาของหญิงเฒ่าแซ่ ตดู ้ ุดนั เตรี ยมทีจะเปิ ดปากสังสอน สายตามองเห็นเงาร่ างสายหนึ ง พริ บตาเดียวนางก็
หยุดชะงัก “จิงอ๋ อง”

มู่หรงเสวียมองไปตามสายตาของนาง เห็นชายในชุดม่วงผูห้ นึงยืนอยูด่ า้ นหน้าประตู ดวงหน้าหล่อเหลางดงาม


หาใดเปรี ยบ แววตาเย็นชาคมกริ บ เป็ นเย่อีเฉิ นจริ ง ๆ “จิงอ๋ องมีธุระอะไรหรื อ ?”

“ไม่มี !” เย่อีเฉิ นมองมาทีมู่หรงเสวีย แววตาวูบไหวจนผูค้ นคาดเดาไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่

ถ้าไม่มีอะไรแล้ว จะมาทีจวนเจินกัวโหวทําไมกัน ?

เดียวนางก็จะถอนหมันกับเขาแล้ว ก่อนทีอดีตจิงอ๋ องจะมาถึงเมืองหลวง พวกนางทังสองคนเจอกันได้นอ้ ย


เท่าไหร่ ยงจะเป็
ิ นผลดีเท่านัน

มู่หรงเสวียเลิกคิว เตรี ยมจะสังให้ส่งแขก พลันเสี ยงอ่อนหวานสายหนึงดังขึน “อีเฉิ น !****”


ตอนที 55 กล่ าวเตือน
เมือมู่หรงเสวียมองไปเห็นฉิ นยวีเยียนเดินย่างกรายเข้ามา นางใส่ ชุดโปร่ งสี ม่วงอ่อน ชายกระโปรงปั กด้วย
ลวดลายดอกไห่ ถงั ส่ วนเอวถูกรัดแน่ นเข้าหากันจนดูคอดกิวคล้ายต้นหลิว ใบหน้างดงามล่มเมืองทําให้ผคู ้ น
หลงใหล

“ยวีเยียน เจ้ามาทีนี ได้อย่างไร ?” เย่อีเฉิ นกล่าวเสี ยงเบา ใบหน้าเย็นชากลับกลายเป็ นอ่อนโยน

ํ ว ข้ากลัวลมจะพัดแรงเลยเอาผ้าคลุมนี มาให้ท่าน” ฉิ นยวีเยียนยิมอ่อน ๆ นําเอาผ้าคลุมสี ม่วงใส่


“นีก็ใกล้คาแล้
ให้กบั เย่อีเฉิ น

ผ้าคลุมดูนุ่มลืน ด้านบนปั กด้วยด้ายสี ทองเป็ นรู ปทะเลเมฆ เสริ มให้ความสู งส่ งและเย็นชาของเย่อีเฉิ นเปล่ง
ประกายมากยิงขึน สายตาทีเขาใช้มองฉิ นยวีเยียนเต็มไปด้วยความอ่อนโยนทีไม่ธรรมดา “ลําบากเจ้าแล้ว”

ดวงตางามของฉิ นยวีเยียนเปล่งประกายสดใส “นําผ้าคุลมมาให้กบั ท่าน เป็ นเรื องทีสมควร......”

“จิงอ๋ อง องค์หญิงฉิ น ถ้าอยากจะแสดงความรักต่อกันและกัน รบกวนพวกท่านกลับไปทําทีวังจิงอ๋ อง แล้วปิ ด


ประตูวงั เสี ย เช่นนีพวกท่านก็สามารถจะกระทําการใด ๆ ก็ได้ตามใจชอบ” มู่หรงเสวียพูดขึนอย่างราบเรี ยบ
ดวงตาเย็นชาส่ องแววรําคาญใจ “ทีนี คือจวนเจินกัวโหว ข้ายังมีเรื องทีต้องทําอีกมากมาย ไม่มีกะจิตกะใจจะมาดู
พวกท่านเกียวพาราสี กนั ประตูอยูด่ า้ นหน้านัน ขอให้ท่านทังสองกลับดี ๆ ข้าไม่ส่ง !”
เย่อีเฉิ นมีสีหน้าดุดนั แววตาวูบไหวเปล่งประกายบางอย่าง มองไปทางมู่หรงเสวียอย่างเรี ยบเฉย มิกล่าววาจา

เพียงพริ บตาเดียวรอยยิมอ่อนโยนของฉิ นยวีเยียนก็กลายเป็ นแข็งค้างอยูบ่ นใบหน้า ฝ่ ามือกําแน่ นเข้าหากัน อีเฉิน


ยืนอยูด่ า้ นข้างของนาง มู่หรงเสวียกลับกล้าพูดจาดูถูกตนเช่นนี ช่างไม่เจียมเนือเจียมตัวนัก ! ถ้านางอยากรนหาที
ตาย ตัวนางก็จะขอเติมเต็มปรารถนาของนางเอง

“ท่าทางคุณหนูม่หู รงจะหึงหวงเข้าแล้ว ? อีเฉินเป็ นคนดี ถึงความสัมพันธ์ของพวกเราทังสองจะเข้ากันได้ดี แต่


พวกเราก็ไม่มีทางทีจะเย็นชาใส่ นอ้ งเสวียเอ๋ อร์ แน่นอน รอให้น้องหญิงแต่งเป็ นพระชายารองของจิงอ๋ อง พวกเรา
ก็จะเป็ นคนบ้านเดียวกันแล้ว......”

มู่หรงเสวียแววตาเยือกเย็น ยกมือขึนสะบัดกระบียาวเล่มหนึงออกมา พุ่งออกไปดังศรตรงไปทีฉิ นยวีเยียน


รวดเร็ วจนผูค้ นรับมือไม่ทนั

ได้ยนิ เสี ยง ‘เพล้ง’ ดังขึนสายหนึง กระบียาวก็ทิมลึกเข้าไปทีกําแพงด้านบนศีรษะของฉิ นยวีเยียน ด้ามกระบีสัน


ไหวไปมา

“ฉินยวีเยียน ข้าจะพูดเป็ นครังสุ ดท้าย ถึงข้าตายก็ไม่แต่งเป็ นอนุ ของเย่อเฉิ


ี น ถ้าหากข้าได้ยนิ ว่าเจ้าเอาตําแหน่ง
พระชายารองมาไว้ทีตัวข้าอีก สิ งทีกระบีของข้าจะแทงในครังต่อไป คงเป็ นคอของเจ้า !”
นําเสี ยงเตือนทีแสนเย็นชาลอยกระทบหู ทิมทะลุเข้าสู่ หวั ใจ ร่ างกายบอบบางของฉิ นยวีเยียนแข็งทือ เมือหลุด
ออกจากภวังค์ได้ ไอเย็นยะเยือกก็ทะลุผา่ นศีรษะของนางเข้าสู่ ร่างกาย ร่ างการสันสะท้านไปด้วยความหวาดกลัว

ในใจของนางเกลียดมู่หรงเสวียเข้ากระดูกดํา นางมองไปทางเย่อเฉิ
ี นด้วยท่าทางน่ าสงสาร เพียงพริ บตาดวงตา
งามก็เอ่อคลอไปด้วยนําตา “อีเฉิ น” นางกล่าวด้วยนําเสี ยงสะอืน ราวกับว่าเพิงถูกรังแกและไม่ได้รับความ
ยุติธรรม

เย่อีเฉิ นทําเป็ นไม่ได้ยนิ จ้องมองไปทีมู่หรงเสวียอย่างวิเคราะห์ ตอนทีนางใช้กระบี เขาแน่ ใจว่ายวีเยียนไม่มีทาง


ทีจะได้รับบาดเจ็บ เขาถึงไม่ได้ออกตัวห้าม

เพียงแค่ยวีเยียนพูดคําว่าพระชายารองแค่ไม่กีคํา นางถึงกลับลงมือขนาดนี ดูท่านางคงรังเกียจทีจะเป็ นพระชายา


รองของเขาอย่างแน่ นอน

“ไสหัวออกไปจากจวนเจินกัวโหว ทีนี ไม่ตอ้ นรับพวกท่าน !” มู่หรงเสวียมองไปทางเย่อเฉิ


ี นและฉิ นยวีเยียน
อย่างเย็นชา นางออกปากไล่แขกอย่างไม่เกรงใจ

ฉิ นยวีเยียนกัดฟันแน่ น มู่หรงเสวียถึงกับกล้าไล่นางเช่นนี ชัวช้าทีสุ ด ! ไม่นานนางจะให้มู่หรงเสวียได้รู้ว่าการ


เสี ยใจภายหลังนันเป็ นเช่นไร !

“อีเฉิน” นางร้องเรี ยกด้วยนําเสี ยงน่าสงสาร นําตาค่อย ๆ ไหลริ นออกมา ท่าทางน่าสงสารเช่นนี ทําให้ไม่ว่าใครก็


อดไม่ได้ทีจะดึงตัวนางเข้าไปในอ้อมกอด แล้วปลอบโยนอย่างทะนุ ถนอม
เย่อีเฉิ นหมุนกายไปมองนาง แววตาดําขลับดูลาลึ
ํ ก ยืมมือไปกุมข้อมือนางหมุนกายเดินออกไปยังด้านนอก “ไป
กันเถอะ”

ฉิ นยวีเยียนเบิกตากว้างด้วยความแปลกใจ มู่หรงเสวียกล้าทํากับนางถึงขนาดนี อีเฉิ นก็น่าจะต้องสังสอนมู่หรง


เสวียหนัก ๆ เสี ยหน่อยสิ อย่างน้อยก็ตอ้ งออกหน้าหรื อโมโหแทนนางบ้างมิใช่หรื อ ? เหตุใดแม้แต่คาํ ต่อว่าสัก
นิดก็ไม่มี แต่กลับไปง่าย ๆ เช่นนี

เย่อีเฉิ นก้าวเดินไปข้างหน้าตามทางเดินหิ นสี ดาํ ในดวงตายังคงปรากฏภาพใบหน้างามเรี ยวเล็กของมู่หรงเสวียอยู่


ครังแรกทีเขาได้ยนิ วิธีแก้ไขปั ญหานําท่วมของนาง ในใจของเขาเต็มไปด้วยความดูถูกดูแคลน ไม่พอใจ มู่หรง
เสวียก็แค่คุณหนู ในห้องหอทีไม่เคยก้าวเท้าออกจากจวน แผนการแก้ปัญหานําท่วมทีแม้แต่ขนุ นางบุ๋นบู๊กต็ ่างคิด
ไม่ตก นางจะไปคิดออกได้เช่นไร ? เรื องนีจะต้องมีคนอยูเ่ บืองหลังนางเป็ นแน่

ทีเขามาทีจวนเจินกัวโหว ก็เพือจะบีบบังคับนางให้บอกว่าคนทีคิดแผนการนี คือใคร เพือทีจะได้ดึงตัวคนผูน้ นมา



ทํางานกับเขา เป็ นผูช้ ่วยคนสําคัญของเขา

แต่ตอนทีเขามาถึงทางเข้าจวนเจินกัวโหว ก็บงั เอิญเห็นมู่หรงเสวียกับหญิงเฒ่าแซ่ ตทู ้ ีกําลังถกเถียงกัน นางใน


ตอนนันมีท่าทางทีมันอกมันใจในตัวเองดังเช่นผูท้ รงภูมิ ณ ขณะนัน เขากลับเชือว่าแผนการแก้ปัญหานําท่วมเป็ น
นางทีคิดขึนมาด้วยตัวเองจริ ง ๆ
ตอนทีเจินกัวโหวมู่หรงเยว่ยงั อยู่ เขาเป็ นบุคคลทีเปล่งประกายผูห้ นึ ง ในเมืองหลวงยากทีจะหาใครมา
เปรี ยบเทียบได้ เจินกัวโหวฮูหยินแซ่ เฉิ นก็ยงเป็
ิ นหญิงฉลาดทีหาได้ยากผูห้ นึง ลูกของพวกเขาทังสอง แน่นอนว่า
ต้องฉลาดเกินคน

แต่ก่อน เขามิได้ชอบในตัวมู่หรงเสวียมากนัก ทําให้พบหน้ากับนางนับครังได้และไม่ค่อยได้พูดคุยกัน จึงไม่ได้


รับรู ้ถึงความฉลาดเฉลียวของนาง

หลังจากทีชนะสงครามกลับราชสํานัก ถึงได้พบกับนางบ่อยขึน และค่อย ๆ พบว่า มู่หรงเสวียเป็ นหญิงสาวที


ฉลาดผูห้ นึง ทุกครังทีได้พบหน้า นางล้วนมอบความแปลกใจทีคาดไม่ถึงให้กบั เขา......

ถ้ามีหญิงแบบนี อยูข่ า้ งกาย ในอนาคตตัวเขาคงจะไม่มีทางเบือเป็ นแน่

เย่อีเฉิ นยกยิมทีมุมปากบางเบา แต่ดวงตากลับส่ องประกายแวววับ

เงาสายหนึงเดินผ่านมาด้านหน้า ดวงหน้างดงามหล่อเหลาแฝงไว้ดว้ ยรอยยิมอ่อนโยน เป็ นองค์ชายสี นันเอง

แววตาของเย่อีเฉิ นเยียบเย็น “เทียนฉี ” เขามาทีจวนเจินกัวโหวทําไมกัน ?

“อีเฉิน องค์หญิงฉิ น พวกท่านก็อยูท่ ีนีด้วยหรื อ ? ข้ามีธุระหามู่หรงเสวียนิดหน่ อย” เย่เทียนฉี ยมน้


ิ อย ๆ ทําให้
ผูค้ นหลงใหล เขาค่อย ๆ เดินผ่านเย่อีเฉิ นกับฉิ นยวีเยียน เดินไปด้านหน้าของมู่หรงเสวียกล่าวด้วยรอยยิมน้อย ๆ
“เสด็จพ่อกับขุนนางชันผูใ้ หญ่เมือได้ยนิ แผนการแก้ไขปั ญหานําท่วมของคุณหนู ม่หู รงก็รู้สึกชืนชมเป็ นอย่างมาก
คุณหนูม่หู รงช่างปราดเปรื องยิงนัก”
“องค์ชายสี กล่าวชมเกินไปแล้วเพคะ” มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ อย่างไม่ถือตัว นิงรอฟังธุระของเย่เทียนฉี

เย่เทียนฉี ยมน้
ิ อย ๆ “ตอนข้าออกจากวังหลวงเจอเข้ากับเฉิ งเซี ยง (ยศอัครมหาเสนาบดี) กับเฉิ งกัวกง (ยศศักดินา
ขันสูงสุ ด) พวกท่านฝากให้มาถามคุณหนูมู่หรงว่าจะจัดงานเลียงทีจวนเจินกัวโหวหรื อไม่ ?”

“จัดงานเลียง ?” มู่หรงเสวียชะงักไปครู่ หนึง ถึงนึกขึนได้ ทุกครังทีมีเรื องราวมงคลในหมู่ชนชันสู ง พวกเขามักจะ


จัดงานเลียงทีจวน แต่จวนเจินกัวโหวมู่หรงเยว่ด่วนจากไปอย่างกะทันหัน มู่หรงเจียนก็รับราชการอยูแ่ ดนไกล มู่
หรงโหรวแต่งเข้าตระกูลอืน จวนเจินกัวโหวทียิงใหญ่ตอนนี เหลือเพียงหญิงเฒ่าแซ่ ตู้ มู่หรงเสวีย มู่หรงเย่สามคน
แก่กอ็ ยูส่ ่ วนแก่ เด็กก็อยูส่ ่ วนเด็ก ในจวนจึงเงียบเชียบตังแต่เช้ายันเย็น นอกจากวันครบรอบของหญิงเฒ่าแซ่ ตู ้
แล้ว จวนโหวล้วนไม่ได้จดั งานเลียงอืนใด

“ถ้าจัดงานเลียงทีจวน กลัวว่าจะไม่เหมาะสมนัก” ชนชันสู งจัดงานเลียง มักจะเชิญเพือนร่ วมงานทีอายุใกล้เคียง


หรื อฐานะทีเท่าเทียมกัน แต่จวนเจินกัวโหวไม่มีคนทีอายุหรื อฐานะใกล้เคียงกับพวกเขาเลย นางกับมู่หรงเย่คงไม่
มีหวั ข้อสนทนาอะไรไปพูดคุยกับพวกเขา......

เย่เทียนฉี เมือเห็นมู่หรงเสวียมีสีหน้าเคร่ งขรึ ม ก็นึกว่านางคิดถึงเรื องทีพ่อแม่จากไปโดยกะทันหัน จึงกระแอมไอ


เบา ๆ เล็กน้อย “จัดงานเลียงขนาดใหญ่แน่นอนว่าไม่เหมาะสมนัก แต่ว่าจัดงานเลียงเล็ก ๆเชิญเหล่าคุณชาย
คุณหนูมาร่ วมอวยพรนับว่าทําได้” พวกเขากับมู่หรงเสวียมู่หรงเย่มีอายุใกล้เคียงกัน คงหาหัวข้อพูดคุยสนทนา
ร่ วมกันได้

มู่หรงเสวียกระพริ บตา “เร็ ว ๆ นี ข้ามีธุระต้องออกเดินทาง เกรงว่าเรื องงานเลียงคงต้องเลือนออกไปก่อน......”


ต้นตีหยางทีหุ บเขาหวีซานกําลังถึงเวลาทีเหมาะสมทีจะไปเก็บเกียว นางจําต้องล่วงหน้าไปเก็บเกียวโดยไวเพือ
หลีกเลียงข้อผิดพลาดทีอาจจะเกิดขึน

“มิเป็ นไร คนของจวนเฉิ งเซี ยงกับจวนเฉิ งกัวกงล้วนไม่รีบ เจ้าว่างเมือไรก็เมือนัน ไม่จดั งานเลียงก็มิเป็ นไร แค่
เวลาทีจวนเฉิ งเซี ยงกับจวนเฉิ งกัวกงส่ งเทียบเชิญมา เจ้าไปเข้าร่ วมงานของพวกเขาก็พอ......” เสี ยงแนะนําอัน
อ่อนโยนของเย่เทียนฉี ลอยเข้าหู เปลือกตาของหญิงเฒ่าแซ่ ตูส้ ันไหว หัวใจเต้นแรงขึนหลายเท่า ในใจพลันเกิด
ลางสังหรณ์ไม่ดีขึน......
ตอนที 56 อันตรายทีหุบเขาหวีซาน
จวนเฉิ งเซียง จวนเฉิ งกัวกงและจวนเจินกัวโหวล้วนใกล้ชิดกัน แต่หลังจากทีมู่หรงเยว่ตายไป เจียนเอ๋ อร์ ก็ถูกย้าย
ทีจวนก็ไม่เหลือคนทีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเขา ความสัมพันธ์ระหว่างจวนโหวกับพวกเขาจึงค่อย ๆ ห่ าง
เหิ นมากขึน เทศกาลปี ใหม่ก็แค่ส่งของขวัญให้กนั และกันแสดงถึงความเป็ นมิตรเท่านัน

สิ บปี มานี ทีนางไม่ค่อยจัดงานเลียงขึนทีจวน ก็เพราะเพือทีจะขัดขวางไม่ให้ม่หู รงเย่ทีเริ มค่อย ๆ เติบโตได้พบ


เจอกับพวกเขา แต่คาดไม่ถึงว่าพวกเขากลับเป็ นฝ่ ายทีเสนอให้มู่หรงเสวียจัดงานเลียงขึนทีจวน และยังจะเตรี ยม
ส่ งเทียบเชิญให้ม่หู รงเสวียให้นางไปร่ วมงานเลียงทีจวนเฉิ งเซี ยงและจวนเฉิ งกัวกงของพวกเขาอีก

นีหมายความว่าพวกเขากําลังเตรี ยมทีจะฟื นฟูความสัมพันธ์กบั จวนโหวให้มากขึนอย่างนันหรื อ ?

เฉิ งเซี ยงและเฉิ งกัวกงต่างเป็ นขุนนางคนสําคัญของชิงเหยียน จวนเจินกัวโหวแน่ นอนว่าจําเป็ นจะต้องไปมาหาสู่


กับพวกเขาเพือสานสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดมากยิงขึน แต่ว่าไม่สมควรเป็ นเวลานี ......

“คุณหนูม่หู รง หลังจากนี ไปคุณชายวางแผนจะทําเช่นไรหรื อ ?” นําเสี ยงอ่อนโยนของเย่เทียนฉีดงั ขึนอีกครัง


หญิงเฒ่าแซ่ ตูเ้ อียงหู ตงใจฟั
ั ง

“เรื องนี......ข้าก็ยงั ไม่ค่อยชัดเจนนัก......” มู่หรงเสวียส่ ายหน้า มู่หรงเย่ไม่ชอบบุ๋นไม่ชอบบู๊ ทังยังเกลียดความ


วุ่นวาย ถ้าหากเป็ นขุนนางในราชสํานัก แน่ นอนว่าคงทําให้งานราชการวุ่นวายแน่ สู ้ให้เป็ นโหวเหย (ชือเรี ยกยศ
โหว) เจ้าสําราญไปชัวชีวิตจะดีกว่า (ยศขุนนางศักดินาและขุนนางในราชสํานักล้วนแยกออกจากกัน ขุนนางหนึ ง
คนสามารถมีได้ทงยศศั
ั กดินาและยศขุนนางในราชสํานัก)
เย่เทียนฉี นิงเงียบไปชัวครู่ กล่าวเสี ยงราบเรี ยบ “ถ้าคุณชายอยากเข้าทํางานในราชสํานัก สามารถเริ มจากตําแหน่ง
ฉงเหวินเหมินฟู่ สื อ (ผูด้ ูแลประตูฉงเหวินทําหน้าทีเก็บภาษี) ได้......”

ฉงเหวินเหมินฟู่ สื อเป็ นตําแหน่งขุนนางปลายแถว แต่เป็ นตําแหน่งทีได้พบปะกับขุนนางท่านอืนมากทีสุ ด เป็ น


ตําแหน่งทีไว้ใช้ฝึกฝนคนได้มากทีสุ ด เย่เทียนฉี คงอยากจะดึงตัวมู่หรงเย่เอาไปฝึ กฝนไว้ใช้งาน

......

มู่หรงเสวียเงยหน้ามองไปทางเย่เทียนฉี เห็นเขายิมน้อย ๆ “นีเป็ นความต้องการของเสด็จพ่อ”

มู่หรงโหรวตังใจจะชักนําให้ม่หู รงเย่เสี ยผูเ้ สี ยคน ผูค้ นในเมืองหลวงต่างก็ทราบโดยทัวกัน แน่นอนว่าฮ่องเต้เองก็


ต้องทรงทราบเรื องนี เรื องราวของมู่หรงเย่สิบสี ปี ทีผ่านมานี ล้วนปรากฏต่อหน้าพระพักตร์เรี ยบร้อยแล้ว ชัดเจน
แล้วว่าการทีเขาเป็ นคนไร้ความสามารถและเสเพลเช่นนี ก็เพราะถูกคนคิดร้ายวางแผนใส่

มู่หรงเย่และมู่หรงเสวียเป็ นลูกฝาแฝดชายหญิงของมู่หรงเยว่ การทีมู่หรงเสวียฉลาดขนาดนี แน่ นอนว่ามู่หรงเย่ก็


คงไม่ต่างไปจากกันมากนัก ถ้าหากมู่หรงเย่ตงใจที
ั จะกลับตัวแล้ว แน่ นอนว่าเขาก็จะสามารถกลายเป็ นคนทีมาก
ความสามารถผูห้ นึงได้ ถึงแม้ว่าจะไม่เท่ากับมู่หรงเยว่ทีได้ฉายาว่าเทพแห่ งการเดินทัพจอมพลเหล็กโลหิ ตผูอ้ าจ
หาญ แต่อย่างน้อยก็คงสามารถช่วยแบ่งเบาภาระของแคว้นได้ไม่มากก็นอ้ ย......
“เรื องนี......คงต้องถามความเห็นจากท่านพีดูก่อนเพคะ” มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ กล่าวขึนอย่างอับจนหนทาง “ท่าน
ก็รู้ว่าเขาเป็ นคุณชายจอมเสเพลและขีเกียจจนติดเป็ นนิสัยแล้ว ถ้าหากอยู่ ๆ ให้เขาไปทํางานทีต้องออกแต่เช้ากลับ
ดึกดืนมืดคํา ทํางานเป็ นขุนนางตามกรมตามกอง แน่ นอนว่าเขาจะต้องไม่คุน้ ชิน ถ้าหากเกิดสร้างปัญหาทําให้
งานราชการของแคว้นเกิดความเสี ยหายผิดพลาด ก็คงจะไม่ดีนกั ......”

เย่เทียนฉี พยักหน้า “ข้าเข้าใจ คุณชายอายุยงั น้อย นิสัยคงอยูไ่ ม่สุข ดือรันไปบ้าง ปกติก็คบหาแต่พวกคุณชายที


ซุกซนเกเร อยู่ ๆ จะให้เขาเปลียนไปคบหาขุนนางทีหนักแน่นมีความเป็ นผูใ้ หญ่คงจะรวดเร็ วเกินไปเสี ยหน่อย
แน่นอนว่าเขาต้องไม่คุน้ ชิน คงจะต้องรอดูความคิดเห็นของเขาก่อน......”

บทสนทนาดําเนิ นต่อไปเรื อย ๆ อย่างไม่เร่ งรี บ ตอนนีหญิงเฒ่าแซ่ ตกู ้ ท็ นฟังต่อไปไม่ได้แม้แต่คาํ เดียว คิวขมวด


เป็ นปมเข้าหากัน ดวงตาเต็มไปด้วยไฟแห่ งความโกรธ มู่หรงเสวียก็แค่เสนอแผนการแก้ไขปั ญหานําท่วมแค่ครัง
เดียว แต่ถึงกับได้รับบําเหน็จรางวัลและคําชืนชมจากฮ่องเต้มากมายเช่นนี ทังยังนําพาให้มู่หรงเย่ได้รับความ
สนใจจากฮ่องเต้อีกด้วย ผลจากแผนการของนางครังนีนันช่างมากมายยิงนัก......

ถึงว่าจวนเฉิ งเซี ยงกับจวนเฉิ งกัวกงอยู่ ๆ ถึงได้ตอ้ งการกลับมาสานความสัมพันธ์กบั จวนเจินกัวโหว

เฉิ งเซี ยง เฉิ งกัวกงและมู่หรงเยว่แต่เดิมเป็ นเพือนสนิททีเติบโตมาด้วยกัน การทีไปมาหาสู่ กนั น้อยลงก็เพราะลูก


ๆ ของมู่หรงเยว่ยงั เล็ก

ตอนนี มู่หรงเสวียคิดแผนการแก้ปัญหานําท่วมได้ คลายความกังวลของฮ่องเต้ คลายความทุกข์ยากของราษฎร


เป็ นการแสดงให้เห็นว่าลูก ๆ ของมู่หรงเยว่ต่างก็เติบโตแล้ว สามารถเข้าสู่ วงการการเมืองการปกครองได้แล้ว
ดังนันพวกเขาจึงเตรี ยมทีจะพืนฟูความสัมพันธ์กบั จวนเจินกัวโหวอีกครัง เพือช่วยเหลือและส่ งเสริ มมู่หรงเย่
เฉิ งเซี ยง เฉิ งกัวกงและมู่หรงเยว่สามคนนี ต่างมีความสัมพันธ์อนั แนบแน่นต่อกัน หลังจากทีมู่หรงเยว่ตายไป
พวกเขาก็ได้ปกป้ องดูแลเด็กกําพร้าทังสองอย่างเต็มที ถึงแม้ว่ามู่หรงเย่จะกลายเป็ นเศษดินเศษโคลน พวกเขาก็จะ
ปกป้ องให้มู่หรงเย่ได้เป็ นเจินกัวโหวต่อไปและใช้ชีวิตสุ ขสบายไปตลอดชีวิต

ไม่ ไม่ ไม่ มันจะเป็ นเช่นนี ไม่ได้ ! มู่หรงเยว่กต็ ายไปแล้ว ตําแหน่งเจินกัวโหวสมควรจะเป็ นของเจียนเอ๋ อร์ มู่
หรงเย่ก็แค่คุณชายจอมเสเพลไร้ความสามารถผูห้ นึง อีกทังยังถูกพวกนางแม่ลูกชักนําให้เสี ยคน มีเหตุผลอะไรที
จะให้เข้ามาเป็ นเจินกัวโหว

นางจะต้องรี บคิดแผนการ ให้เจียนเอ๋ อร์ กลับเมืองหลวงโดยเร็ ว มีเพียงแต่ให้เจียนเอ๋ อร์ กลับเมืองหลวงเท่านัน ถึง


จะมีโอกาสแย่งชิงตําแหน่งเจินกัวโหวได้

แน่นอนว่าก่อนทีเจิยนเอ๋ อร์ จะกลับเมืองหลวง นางจะต้องวางแผนให้ดี ขัดขวางไม่ให้มู่หรงเสวียได้พบหน้า


กับเฉิ งเซี ยงและเฉิ งกัวกง

"พรุ่ งนีข้ามีธุระต้องออกเดินทาง พาพีชายของข้าออกไปผ่อนคลาย......” เสี ยงของมู่หรงเสวียราบเรี ยบ ของทีสัง


ให้ร้านค้าทําล้วนถูกส่ งมาหมดแล้ว นางสมควรเดินทางไปหุ บเขาหวีซานเสี ยที

เย่เทียนฉี พยักหน้า “เขาอายุยงั น้อย แต่ถูกกระทบกระเทือนจิตใจไปมาก แน่นอนว่าสมควรแล้วทีจะออกไปเทียว


เล่นพักผ่อนเสี ยบ้าง......”
แววตาของหญิงเฒ่าแซ่ ตเู ้ ปล่งประกาย มองไปทางมู่หรงเสวียอย่างเย็นชา นางกําลังวางแผนจะจัดการมู่หรงเสวีย
แต่อยู่ ๆ มู่หรงเสวียก็ดนั มอบโอกาสนี ให้นางเสี ยเอง ฟ้ าช่างมีตายิงนัก !

มู่หรงเสวีย เจ้าเตรี ยมตัวรอรับเคราะห์ร้ายได้เลย !

เย่อีเฉิ นยืนอยูไ่ ม่ไกลนัก สายตาคมกริ บของเขากวาดมองผ่านหญิงเฒ่าแซ่ ตูไ้ ปหยุดอยูท่ ีร่ างของมู่หรงเสวียอยูส่ ัก


พัก แล้วจึงย้อนกลับไปมองทีหญิงเฒ่าแซ่ ตูอ้ ีกครัง แววตาเปล่งประกายความคิดลึกลํา......

หุ บเขาหวีซานค่อนข้างไกลจากเมืองหลวง มู่หรงเสวียจึงเลือกเฟ้ นม้าชันดีสําหรับเดินทางไกลพันลีมาเป็ นพิเศษ


เอาไว้เพือลากรถม้า นางเริ มออกเดินทางตอนเทียงคืน ในทีสุ ดก็มาถึงหุ บเขาหวีซานช่วงยามอู่ (ประมาณ
เทียงตรง)

เขาหวีซานนันสู งเทียมฟ้ า ยอดเขาถูกล้อมรอบไปด้วยทะเลเมฆ แสงแดดทีค่อย ๆ สาดส่ องลงมาล้วนไม่สามารถ


ทะลุผา่ นก้อนเมฆมาได้มากนัก

มู่หรงเสวียยืนอยูด่ า้ นหน้ารถม้า ขมวดคิวน้อย ๆ ภูเขาช่างลูกใหญ่อะไรเช่นนี หากจะหาต้นตีหยางคงยากเย็น


แสนเข็น นางถามคุณชายโอวหยางถึงทีอยูท่ ีชัดเจน เขาพูดเพียงแต่ว่าอยูบ่ นยอดเขา นางจะต้องปี นไปถึงยอดเขา
ทีสู งทีสุ ด ถึงจะสามารถเก็บเกียวต้นตีหยางได้

“น้องเล็ก พวกเราเตรี ยมตัวเรี ยบร้อยแล้ว” มู่หรงเย่กา้ วออกมา ทีหลังแบกกระเป๋ าสี ดาํ ไว้ดว้ ย ตามมาด้วยซวงสี
เฝิ งเถา ทุกคนล้วนแบกกระเป๋ าเช่นเดียวกัน ด้านในเต็มไปด้วยข้าวของและอาหารทีมู่หรงเสวียเตรี ยมเอาไว้
“ขึนเขากันเถอะ” มู่หรงเสวียกล่าวเสี ยงตํา ค่อย ๆ พากันเดินขึนเขาหวีซาน

แสงแดดทีสาดส่ อง นําค้างบนยอดไม้ใบหญ้าล้วนละเหยไปจนหมด นกน้อยทียืนอยูบ่ นกิงไม้ส่งเสี ยงร้องเรี ยก


ไปมา ทุกคนเดินตามทางหิ นเล็ก ๆ ไปยังด้านหน้าอย่างรวดเร็ ว ข้างหู เต็มไปด้วยเสี ยงนกร้อง สายลม การเสี ยดสี
ของต้นหญ้า การสันไหวของใบไม้ตามต้นไม่ใหญ่......

“อ้า.....งู......” เสี ยงร้องดังขึนมาจากด้านหลัง มู่หรงเสวียหมุนตัวหันกลับไปมอง ก็เห็นงูตวั สี เขียวยาวสี ถึงห้า


เมตรตัวหนึง กัดเข้าไปทีไหล่ของเฝิ งเถา เขียวแหลมคมทะลุเข้าไปในเนือของเขา เลือดสี แดงสดพุ่งไหลออกจาก
บาดแผลย้อมเสื อจนกลายเป็ นสี แดง เพียงพริ บตาค่อย ๆ เปลียนเป็ นสี ดาํ ......

“นันมันงูพิษ !” มู่หรงเสวียหรี ตาลง ร่ างกายไหววูบคล้ายเมฆก้อนหนึง พริ บตาเดียวก็ไปโผล่อยูท่ ีด้านหน้าของงู


สี เขียวตัวนัน หยิบเอาดาบสันในแขนเสื อแทงเข้าไปทีลําตัวของงูเขียวจนลึกถึงเจ็ดนิว......

งูเขียวรู ้สึกได้ถึงอันตราย มันรี บคลายปากถอยออกไปอย่างรวดเร็ ว หลบหลีกการโจมตีทีถึงตาย พร้อมกับแกว่ง


หางอันใหญ่โตและหนาไปทีซวงสี และมู่หรงเย่......

ซวงสี ทีไม่ทนั ตังตัวก็ถูกหางฟาดจนกระเด็นออกไปไกลถึงสามสี เมตร ล้มกระแทกไปกับพืนหญ้าอย่างแรง ตา


ทังสองข้างปิ ดสนิท ร่ างกายนิ งสนิทไม่ขยับเขยือน ดวงหน้าซี ดขาวไร้สีเลือด อกทียังกระเพือมอยูเ่ ป็ นสิ งทีบ่ง
บอกว่าเขายังไม่ตาย......

มู่หรงเย่เอียวตัวหลบการโจมตีของงูเขียว กระโดดไปด้านหน้าของมู่หรงเสวีย มองไปทีงูยกั ษ์ตวั เท่าบ้านทีอยู่


ด้านหน้าของพวกเขาทังสอง อดไม่ได้ทีจะกระพริ บตาไปมา “น้องเล็ก ดูท่าจะลําบากเสี ยแล้ว”

“ลําบากแน่ ” มู่หรงเสวียรู ้วา่ บนเขามีอนั ตรายมากมาย และได้เตรี ยมความพร้อมเอาไว้แล้ว แต่กลับคาดไม่ถึงว่า


เขาหวีซานจะอันตรายถึงขนาดนี พวกเขาเพิงจะออกเดินทางมาได้แค่ไม่กีร้อยเมตร กลับมีคนถูกพิษไปหนึ งคน
สลบไปอีกหนึ งคน......

นางเงยหน้ามองไปทีงูเขียว เห็นมันกําลังแลบลินยาวไปมา อ้าปากกว้างกําลังจะพุ่งมากัดพวกนางทังสองคน......


ตอนที 57 วีรบุรุษช่ วยหญิงงาม
“หลีกไป !” มู่หรงเสวียผลักมู่หรงเย่ออกไป แทงดาบสันสวนกลับไปทีลําตัวของงูเขียวยักษ์ ได้ยนิ เสี ยง ‘ฉึ ก’ ดัง
ขึน ดาบสันแทงเข้าไปในลําตัวของงูเขียว ปลายแหลมของดาบเปรอะเปื อนไปด้วยเลือด ภายใต้แสงแดดทีสาด
ส่ องเปล่งประกายอํามหิ ต......

‘ฟ่ อ ฟ่ อ’ งูยกั ษ์เจ็บเกินจะทนไหว ขยับดินรนไปมาหางยาวฟาดไปรอบด้าน ชัวขณะนันเอง ก็เกิดเป็ นลมโบก


สะบัด ใบไม้ดอกหญ้าต่างปลิวว่อน เงาร่ างสี เขียววูบไหวไปมา เศษฝุ่ นคละคลุง้ ไปทัว

แววตาของมู่หรงเสวียเยียบเย็นขึน มือทังสองข้างกระชับดาบสันไว้แน่น ทันใดนันเองนางก็ขยับกาย เสี ยงเสี ยด


แทงเข้าไปในแผลเก่าดังขึน ทันใดนันงูเขียวยักษ์กม็ ีอาการบ้าคลังขึนมา มันอ้าปากกว้างเตรี ยมจะพุ่งเข้ามากัดมู่
หรงเสวีย และในเวลาเดียวกันหางอันใหญ่โตก็แกว่งสะบัดไปมาทัวทิศทาง

มู่หรงเย่ไม่ทนั ระวังตัว ถูกหางของงูเขียวยักษ์ฟาดเขาทีแผ่นหลัง ร่ างของเขาล้มลงไปนอนกับพืนอย่างเต็มแรง


กระอักเลือดออกมาทางปากสายหนึง พยายามอย่างไรก็ไม่สามารถลุกขึนมาได้อีก

“ท่านพี !” หางตาของนางเหลือบไปเห็นหางหนากําลังจะฟาดเข้าไปทีมูห่ รงเย่อีกครัง มู่หรงเสวียแววตาเย็นเยือก


เร่ งจะเข้าไปช่วย แต่ทนั ใดนันเองก็เกิดเสี ยงเสี ยดสี กบั สายลมบางเบาดังขึนในอากาศ เงาร่ างสี ดาํ สายหนึงลอยลง
มาด้านหน้าของมู่หรงเย่ จับแขนของเขาดึงลอยขึนไปในอากาศ หลบการโจมตีของงูยกั ษ์ได้ทนั อย่างหวุดหวิด
หัวใจทีเต้นแรงของมู่หรงเสวียพลันผ่อนคลายลง ปลายจมูกค่อย ๆ ได้กลินคาวอย่างรุ นแรง เมือเงยหน้าขึนไป
มอง ก็เห็นปากกว้างของงูยกั ษ์ห่างจากใบหน้าของนางเพียงไม่กีคืบ เพียงพริ บตาเดียวเขียวคมกริ บนันก็ขยับเข้า
ใกล้ใบหน้าของนาง ไม่สามารถทีจะหลบไปทางไหนได้อีก......

แววตาของมู่หรงเสวียกลายเป็ นเยียบเย็น เตรี ยมทีจะหลบอันตรายทีคืบคลานเข้ามา แต่ทนั ใดนันเอง ก็ปรากฏร่ าง


สี ขาวสายหนึ งร่ วงลงมาจากฟากฟ้ า กลินหอมของไม้ไผ่ลอยเข้าจมูก ชายเสื อสี ขาวหยุดอยูต่ รงด้านหน้า เสี ยง
หัวใจทีเต้นเป็ นจังหวะดังขึนทีข้างหู ทําให้ผคู ้ นสบายใจ

“มิตอ้ งกลัว ข้าอยูท่ ีนี แล้ว” เสี ยงทุม้ ดังขึนทีข้างหู พลังปราณแข็งแกร่ งนับไม่ถว้ นพุ่งออกจากปลายนิวอย่าง
รวดเร็ ว พุ่งไปล้อมรอบงูยกั ษ์ไว้ทุกทิศทาง ได้ยนิ เพียงเสี ยง ‘ปั ง ปั ง ปั ง’ เพียงไม่กีครังดังขึน งูเขียวยักษ์ทีตัวใหญ่
ยาวเพียงพริ บตาเดียวก็ระเบิดออกกลายเป็ นผุยผง ค่อย ๆ ปลิวสลายหายไปในอากาศ......

มู่หรงเสวียถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เงยหน้าขึนมอง เมือมองเห็นใบหน้าหล่อเหลาดังภาพวาดก็รู้สึกว่าไม่


ผิดไปจากทีคาดไว้มากนัก “คุณชายโอวหยาง ท่านมาอยูท่ ีนีได้อย่างไร ?”

“หุ บเขาหวีซานนันอันตรายมาก เจ้าเดินทางมาคนเดียว ข้าไม่อาจวางใจได้” คุณชายโอวหยางก้มลงมองนาง


ดวงตาฉายแววห่ วงใย

มู่หรงเสวียเพียงกะพริ บตาปริ บ ๆ “ท่านมีธุระต้องจัดการ ไม่ว่างมาไม่ใช่หรื อ ?”


“ธุระทีข้าต้องจัดการ ล้วนถูกเจ้าแก้ไขไปหมดแล้ว” คุณชายโอวหยางยกยิมมุมปาก แววตาเปล่งประกายยินดี
น้อย ๆ

มู่หรงเสวียชะงักค้าง “ธุระทีท่านว่าคือ......เรื องนําท่วมทีหลิงหนาน !”

“อืม” คุณชายโอวหยางพยักหน้า นําท่วมทีหลิงหนานนับว่าหนักหนาเข้าขันวิกฤต จําต้องเร่ งจัดการโดยเร็ วทีสุ ด


แต่เสวียเอ๋ อร์ สามารถคิดแผนแก้นาท่
ํ วมได้ แน่ นอนว่าเขาก็มิตอ้ งไปเปลืองสมองคิดหาวิธีแก้ไขอีก

“น้องเล็ก” มู่หรงเย่เดินเข้ามาโดยมีสวินเฟิ งคอยช่วยพยุงอยู่ ดวงหน้าซี ดขาวไร้สีเลือด เลือดทีปากบางส่ วนยัง


ไม่ได้เช็ดออกไป

“ท่านเป็ นอย่างไรบ้าง ?” ดงตาของมู่หรงเสวียปรากฏแววห่วงใย

มู่หรงเย่ยกมุมปากพยายามยิมอย่างสุ ดกําลัง “ข้าไม่เป็ นไร......”

“แม้จะได้รับบาดเจ็บภายในร่ างกายหนักไปเสี ยหน่ อย แต่ว่าไม่มีอนั ตรายถึงชีวิต” สวินเฟิ งต่อคําพูดของเขา


ปรายตามองซวงสี กับเฝิ งเถาทียังคงสลบไม่ได้สติ พูดด้วยใบหน้าไร้ความรู ้สึกว่า “บาดเจ็บหนักหนึ งคน ติดพิษ
หนึ งคน พวกเขาล้วนไม่สามารถขึนเขาต่อได้อีก......”
“ท่านพี ท่านพาพวกเขากลับจวนเถอะเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียฉายแววห่ วงใย สามคนนัน มีคนทีติดพิษกับคนทีได้รับ
บาดเจ็บล้วนต้องได้รับการรักษาจากหมออย่างเร่ งด่วน

แววตาของมู่หรงเย่พลันหดหู่ ลง บัวอัคคีถูกทําลาย ไม่ง่ายเลยทีเสวียเอ๋ อร์จะหาต้นตีหยางเอามาต่อชีวิตได้ เขา


อยากจะคุม้ ครองนาง เพือไปเก็บเกียวมันทียอดเขา แต่วรยุทธ์ของเขาก็แค่ธรรมดาสามัญทัวไป ทังยังได้รับ
บาดเจ็บขนาดหนัก ไปกับนางก็คงเป็ นได้แค่เพียงตัวถ่วง

“น้องเล็ก เจ้าจะต้องระมัดระวังตัวให้ดี !” มู่หรงเย่เตือนนางด้วยความห่วงใย ดึงเอาถุงสี ทองจากเอวลง ส่ งไป


ให้ม่หู รงเสวีย “ด้านในเป็ นเครื องรางทีท่านแม่ขอมาให้ขา้ เจ้าพกไว้กบั ตัว จะต้องกลับมาอย่างปลอดภัยแน่ นอน
!”

มู่หรงเสวียรับเอาถุงเครื องรางมาผูกไว้ทีเอว พลางพูดเน้นทีละคํา “วางใจเถอะ ข้าจะต้องกลับจวนไปอย่าง


ปลอดภัยแน่ !”

เมือได้ฟังนางรับปาก มู่หรงเย่กพ็ ลันคลายกังวลลง แล้วมองไปทีคุณชายโอวหยาง “คุณชายโอวหยาง น้องสาวข้า


คงต้องฝากท่านช่วยดูแล้ว”

คุณชายโอวหยางตอบรับเสี ยงราบเรี ยบ แววตาสี ดาํ วูบไหวด้วยความหมายทีผูค้ นคาดเดามิได้


ทหารของวังเซี ยวเหยาอ๋ องเดินเข้ามา คนหนึงพยุงมู่หรงเย่ คนหนึงแบกซวงสี ขึนบนหลัง อีกคนสกัดจุดชีพจร
ของเฝิ งเถาเพือหยุดการแพร่ กระจายของพิษ หลังจากนันก็แบกเขาขึนหลัง เร่ งฝี เท้าจากไปอย่างรวดเร็ ว

มู่หรงเสวียมองไปทีร่ างทีค่อย ๆ เดินลับหายไปของพวกเขา นางย่นคิวบางเบา เพียงขึนเขามาแค่ไม่กีร้อยเมตร


พวกเขาทีเดินมากันสี คนกลับได้รับบาดเจ็บถึงสามคน หุ บเขาหวีซานนี ช่างอันตรายกว่าทีนางคิดเอาไว้มากนัก

“เวลาเหลือน้อยลงแล้ว พวกเราก็รีบออกเดินทางกันเถอะ” คุณชายโอวหยางกล่าวด้วยนําเสี ยงราบเรี ยบ ต้นตีหยา


งอยูบ่ นยอดเขา ระยะทางยังห่ างจากทีนี อีกไกลนัก......

“ตกลง” มู่หรงเสวียพยักหน้า เร่ งเดินไปด้านหน้า ตอนนี ก็จะเลยยามอู่แล้ว นางคงจะต้องรี บเร่ งขึนเขา ถ้าหากยัง
ยืดเยือออกไป ฟ้ าคงมืดแน่

หนทางบนเขายิงขึนไปสู งเท่าไหร่ ยิงขรุ ขระมากขึนเท่านัน พวกนางต้องระวังทุกฝี กา้ ว มู่หรงเสวียรู ้สึกว่าอากาศ


โดยรอบค่อย ๆ ชืนขึนมา และเริ มสามารถมองเห็นหมอกสี ขาวทีลอยไปมาได้ดว้ ยตาเปล่าได้

คุณชายโอวหยางก้าวไปด้านหน้า กําข้อมือของนางแน่น ดวงตาสี ดาํ วูบไหวด้วยความกังวลเล็กน้อย “ไอหมอก


เริ มหนาขึนเรื อย ๆ พวกเราห้ามพลัดหลงออกจากกันอย่างเด็ดขาด”

“ข้ารู ้” มู่หรงเสวียพยักหน้า ตลอดทางทีผ่านมา เสี ยงนกร้องเริ มเบาบางลง จนถึงตอนนี ก็ไม่ได้ยนิ เสี ยงนกร้อง
แล้ว เสี ยงทีได้ยนิ ในหูอยูต่ อนนี มีเพียงเสี ยงฝี เท้าของพวกเขาไม่กีคนเท่านัน รอบด้านเงียบสงบจนผิดปกติ
เหมือนกับว่าอันตรายทีหนักหนากําลังจะเกิดขึน......
“ฟุบ ฟุบ” เสี ยงเสี ยดสี กบั สายลมอย่างเร็ วแรงสองสายดังขึน แววตาของมู่หรงเสวียเยือกเย็น เตรี ยมพร้อมทีจะ
โจมตี แต่กลับเห็นสวินเฟิ งกับองครักษ์เงานามว่าอู๋เหิ นกระโดดพุ่งออกมาเสี ยก่อน เขาใช้ดาบฟันออกไปตัดเอา
เถาวัลย์สีเขียวทีพุ่งเข้ามาจนขาด

“ฟุบ ฟุบ ฟุบ” เถาวัลย์สีเขียวยังคงพุ่งออกมาอย่างไม่ขาดสาย พุ่งโจมตีไปทางสวินเฟิ งกับอู๋เหิ นอย่างต่อเนื อง

สวินเฟิ ง และอู๋เหิ นยืนหันหลังชนกัน ดาบยาวในมือของทังสองฟาดฟันวูบไหวไปมาสอดประสานกัน จน


เถาวัลย์ทีพุ่งออกมาทังหมดล้วนถูกทําลายลง

ทว่าเถาวัลย์พวกนันเหมือนจะยาวอย่างไม่มีทีสิ นสุ ด เขาสองคนตัดมันขาดไปมากเท่าไรก็ยงั ไม่ท่าทีทีจะหมดลง


เสี ยที ยังคงพุ่งโจมตีออกมาอย่างต่อเนือง

ทันใดนันดาบยาวของอู๋เหิ นก็ถูกเถาวัลย์ยดึ เอาไว้ได้ ช่วงขณะทีเขาชะงักไปเพียงครู่ เถาวัลย์เหล่านันสบโอกาส


ใช้จงั หวะนันพากันพุ่งออกมารัดเอาตัวอู๋เหิ นไว้ ยิงรัดยิงแน่น สี หน้าของอู๋เหิ นค่อย ๆ เปลียนเป็ นสี ม่วงคลํา......

“อู๋เหิ น !” แววตาของสวินเฟิ งเยียบเย็นลง เตรี ยมทีจะใช้ดาบฟั นเถาวัลย์ออก มู่หรงเสวียยืนมือออกไปหยุดเขา


“เถาวัลย์พวกนีเหนี ยวทนทานมาก พลังชีวิตก็แข็งแกร่ งไม่ธรรมดา ทังยังไวต่อปฏิกิริยาภายนอก ถ้าเจ้าใช้ดาบ
ฟันมัน มีแต่จะทําให้มนั รัดอู๋เหิ นให้ตายเร็ วขึนเท่านัน ถ้าอยากจะช่วยเขาจําเป็ นจะต้องใช้ไฟ......”
มู่หรงเสวียหยิบเอาทีติดไฟขึนมา เป่ าเปลวไฟบนนันไปทีเถาวัลย์ เมือเถาวัลย์รู้สึกถึงความร้อน ก็ได้ยนิ เสี ยง
‘สวบ สวบ สวบ’ พวกมันทังหมดต่างพากันถอยกลับไปยังทีทีมันจากมา......

อู๋เหิ นทีหลุดจากการรัดของเถาวัลย์ได้ มองไปยังมู่หรงเสวียอย่างแปลกใจ “ขอบพระคุณคุณหนูทีช่วยเหลือ


ขอรับ”

“มิตอ้ งเกรงใจ” มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ แววตาดําขลับฉายแววสงสัย นางแน่ ใจว่าพวกมันเป็ นเถาวัลย์ทีพบได้


เฉพาะในป่ าเขตร้อนชืน แล้วเหตุใดถึงได้มาขึนในป่ าเขตร้อนของแคว้นชิงเหยียนได้เล่า

หุ บเขาหวีซานลูกนี ช่างอันตรายยิงนัก !

แต่ตน้ ตีหยางเติบโตทีภูเขาลูกนี และนางก็จาํ เป็ นจะต้องใช้ตน้ ตีหยาง ถึงแม้ว่าการไปเก็บเกียวต้นตีหยางจะ


อันตรายเพียงใด นางก็จะต้องปี นไปถึงยอดให้จงได้

“ช่วยด้วย......ช่วยข้าด้วย......” เสี ยงกรี ดร้องขอความช่วยเหลือของหญิงสาวลอยมา มู่หรงเสวียขมวดคิวหันหน้า


ไปมอง......
ตอนที 58 พบศัตรู
จุดดําเล็ก ๆ หลายจุดพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ ว ค่อย ๆ ปรากฏเป็ นเงาร่ างหลายสาย คนด้านหน้าสุ ดใส่ ชุดสี ม่วง ดวง
หน้าหล่อเหลาแต่เย็นชา เป็ นจิงอ๋ องเย่อีเฉิ น ในมือของเขาจูงหญิงสาวนางหนึง ถึงแม้ว่าดวงหน้าจะซี ดเซี ยว แต่ก็
ยังคงดูออกถึงความงามลําทีสามารถล่มเมืองได้ เป็ นองค์หญิงม่อเป่ ยฉิ นวีเยียน

ทําไมพวกเขาถึงมาอยูท่ ีนี ได้ ?

มู่หรงเสวียย่นคิว ด้านหลังของเขาตามมาด้วยผูต้ ิดตามอีกห้าหกคน และยิงไปกว่านันพืชประหลาดต้นใหญ่ตน้


หนึ งกําลังไล่ตามพวกเขาอยู่ รากของพืชทีเกาะแน่ นอยูบ่ นพืนดินเคลือนไหวมาด้านหน้าอย่างรวดเร็ ว แหวก
พืนดินจนแยกออกจากกัน

ด้านบนของพืชแตกแขนงออกเป็ นกิงก้านทีมีสีเขียวมากมาย ด้านบนของกิงไม้แต่ละกิงมีดอกไม้ดอกใหญ่หนึ ง


ดอก กลีบดอกของมันหุ บเข้าหากันแน่ น เหมือนกับดอกบัวตูมสี ชมพูทีกําลังจะเบ่งบาน กิงก้านขยับเคลือนไหว
ไปมาไปทัวทิศทาง

“นันมัน......ตัวอะไรน่ ะ ?” สวินเฟิ งมีแววตาตืนตกใจ เขาอยูข่ า้ งกายของคุณชายมาเป็ นเวลาสิ บปี เดินทางไปตาม


สถานทีต่าง ๆ ก็มากมาย สัตว์ประหลาดดุร้ายรวมถึงพืชพรรณทีแปลกประหลาดก็พบมาไม่น้อย แต่พืชทีวิงได้
ตรงหน้าของเขานัน เขาเพิงจะเคยเห็นเป็ นครังแรก

“ดอกไม้ปีศาจกินคน !” มู่หรงเสวียพูดเน้นทีละคํา แววตาเต็มไปด้วยความกังวล ดอกไม้กินคนส่ วนใหญ่จะพบ


ได้แต่ในเขตร้อนชืน แต่มนั จะมีเพียงดอกเดียว อีกทังยังไม่สามารถขยับไปไหนได้ ทําได้เพียงรอให้เหยือเข้ามา
ติดกับ แต่ว่าดอกไม้กินคนตรงหน้านี ไม่ใช่เพียงแค่มนั มีดอกไม้ดา้ นบนมากมายเท่านัน แต่ยงั สามารถไล่ล่าเหยือ
ได้อีก นี มันเป็ นตัวประหลาดอะไรกันแน่ ?

ดอกไม้ปีศาจกินคน ! เป็ นดอกไม้กินคน !

สวินเฟิ งมองไปทางด้านหน้าด้วยความรู ้สึกสงสัย เห็นว่าดอกไม้ปีศาจเริ มทีจะเข้ามาใกล้คนทีอยูท่ า้ ยสุ ดของ


ขบวนเข้าไปทุกที เมือเห็นว่ามันใกล้จะวิงมาถึงตัวเขาแล้ว กลีบดอกไม้ทีหุ บอยูน่ นพลั
ั นอ้าออกงับไปทีทหารผู ้
นันและกลืนกินเขาเข้าไป กลีบดอกไม้สีชมพูปิดแน่ นลงอย่างรวดเร็ วพร้อมกับมีเศษกระดูกสี ขาวชินเล็กชินน้อย
ทีแตกหักกระเด็นออกมา ร่ วงลงบนพืนแข็ง......

สวินเฟิ งเบ้ปาก กินคนแล้วยังไม่คายกระดูก มันจะเหลือเชือเกินไปแล้ว ! ถ้าถูกดอกไม้ปีศาจกินคนไล่ตามทัน


เขาคงกลายเป็ นอาหารของมันทังตัว แม้แต่ซากก็คงไม่เหลือ

“คุณชาย คุณหนูม่หู รง ดอกไม้ปีศาจกินคนยากทีจะต่อกร พวกเราหนี กนั เถอะขอรับ”

ถ้าเกิดคนทีถูกดอกไม้กินคนไล่ตามเป็ นคนอืนแน่ นอนว่าพวกเขาต้องเข้าไปช่วยอยูห่ รอก แต่เมือเห็นว่าเป็ นเย่อี


เฉิ น พวกเขาก็เลยปล่อยไว่เช่นนัน โดยเฉพาะอย่างยิงแล้ว คุณชายทีไม่คอ่ ยถูกกับเย่อีเฉิ น ทังยัง...แค่กแค่ก...เป็ น
ศัตรู ทางความรัก ก็คงต้องปล่อยให้พวกเขาจัดการดอกไม้ปีศาจกินคนกันเองแล้ว......

“คงมิทนั การณ์แล้ว มันเคลือนไหวเร็ วมาก พวกเราไม่มีทางทีจะวิงหนีมนั พ้น” พอดีกบั เสี ยงของมู่หรงเสวียทีดัง


ขึน ดอกไม้กินคนก็มาถึงด้านหน้าของพวกเขาแล้ว กิงก้านสี เขียวขยับพุ่งเข้ามาโจมตีทางพวกเขา......
มู่หรงเสวียเร่ งหลีกถอยไปด้านหลังอย่างรวดเร็ ว ฟันดาบสันในมือไปทีกิงสี เขียวของมันอย่างแรง จนดอกไม้ที
ติดกับกิงก้านบางส่ วนร่ วงลงสู่ พนื แล้วเหี ยวเฉากลายเป็ นของเหลวสี ดาํ อย่างรวดเร็ ว......

ผูค้ นทีพากันมองมาลอบชืนชมในใจ เร่ งพากันฟันดาบไปทีกิงสี เขียวของมัน ชัวพริ บตา ดอกไม้ก็ถูกตัดทิงเป็ นว่า


เล่น กิงก้านสี เขียวบินว่อนไปมา......

เมือปรายตามองชายเสื อสี ม่วงด้านหน้า มู่หรงเสวียก็มองไปทางเย่อีเฉิ นอย่างเย็นชา “จิงอ๋ อง ทําไมพวกท่านถึง


ไปยัวยุดอกไม้ปีศาจกินคนนี ได้ ?”

ทังยังลากมันมาเพิมความยุง่ ยากให้กบั พวกนางอีก แต่เดิมพวกนางสมควรจะรอดพ้นจากดอกไม้ปีศาจตัวนี และ


สามารถประหยัดเวลาและแรงกายไปได้อีกมากมาย

“ข้ามาล่าสัตว์ แต่ไม่ทนั ระวังจนไปพบกับมันเข้า จึงโดนมันไล่ตามมาจนถึงตอนนี......” เย่อีเฉิ นบรรยายอย่าง


ไหลลืน แขนยาวโอบไหล่ของฉิ นยวีเยียน กอดนางไว้แนบอกแน่ น

“เป็ นเช่นนันจริ ง ๆ หรื อ ?” มู่หรงเสวียขมวดคิวมองไปทีเขา ท่าทางไม่เชือคําพูดของเขาอย่างชัดเจน

เย่อีเฉิ นฟันดาบไปทีกิงไม้สีเขียวด้านหน้า ปรายตามองนางอย่างไม่ใส่ ใจ “ถ้าไม่เช่นนันเจ้าคิดว่าเป็ นเช่นไร ?”


“ลักษณะพิเศษอย่างหนึงของดอกไม้ปีศาจพวกนี คือหวงถิน ถ้าท่านไม่เข้าไปในถินของพวกมัน แย่งชิงของของ
มัน มันไม่มีทางทีจะตามไล่ฆ่าพวกท่านได้” มู่หรงเสวียยกมุมปาก คล้ายยิมคล้ายมิยมิ

สิ งทีดอกไม้ปีศาจต้องการปกป้ องด้วยตัวเองเช่นนี แน่ นอนว่าต้องมิใช่ของธรรมดาแน่ ซึ งนางก็มิได้สนใจอะไร


นางแค่ตอ้ งการมาตามหาต้นตีหยางทีมีประโยชน์ต่อนางเท่านัน แต่ความหวังเล็ก ๆ น้อย ๆของนางกลับถูกเรื อง
ไม่เป็ นเรื องมาขัดขวางเสี ยได้......

แววตาของเย่อีเฉิ นมีประกายดุดนั แต่กส็ ลายหายไปในพริ บตา เขาหลับตาลงไม่กล่าววาจาใด คิดในใจเพียงว่า


นางช่างเป็ นคนทีฉลาดยิงนัก

หลังจากทีไปยัวยุจนถูกมันตามล่า เขามัวแต่วิงหนี มนั ไปทัวหุ บเขา แต่พอเห็นเงาร่ างของนาง จิตใต้สาํ นึ กของเขา


บอกว่าให้เขาวิงไปหานาง......

“อ้ากก......” เสี ยงร้องโหยหวนดังขึนกระทบหู เย่อีเฉินหลุดจากภวังค์ความคิด เงยหน้ามองไป เห็นคนของวังจิง


อ๋ องกําลังถูกดอกไม้ปีศาจกลืนกินลงไป......

“กิงของเจ้าดอกไม้ปีศาจต้นนี มีเท่าไรกันแน่ ? ทําไมถึงฟั นไปมากเท่าไรก็ไม่หมดเสี ยที ถ้ายังคงฟั นมันต่อไป


เรื อย ๆ เช่นนี ถ้าไม่ถูกมันกินก็ตอ้ งเหนือยจนตายไปเองเป็ นแน่......” สวินเฟิ งสบถเสี ยงเบา

มู่หรงเสวียมีแววตาหนักใจ ถ้าอยากจะทําลายดอกไม่กินคนได้อย่างรวดเร็ ว แน่ นอนว่าไม่สามารถอาศัยการตัด


กิงก้านของมันเพียงอย่างเดียวได้......
กิงไม้สีเขียวกิงหนึงพุ่งมาทีด้านหน้าของมู่หรงเสวีย กลีบดอกทีใหญ่โตเปิ ดออกพุ่งเข้ามาหานาง......

แววตาของมู่หรงเสวียเปล่งประกาย ยืนแขนออกไปทีกลีบของดอกไม้......

“ระวัง !” คุณชายโอวหยางแววตาเยียบเย็น ดึงเอวของมู่หรงเสวียลากนางออกไปอีกด้านหนึง กลีบดอกไม้เฉี ยด


และบาดเข้ากับมือของนางจนเป็ นแผลขนาดใหญ่ ขณะนันเองมันก็สัมผัสเข้ากับเลือดสี แดงสดทีไหลออกมาจาก
แผลของนาง......

“เจ้าจะทําอะไร ? ไม่อยากมีชีวิตอยูแ่ ล้วรึ ไง ?” คุณชายโอวหยางพูดขึนด้วยดวงหน้าเคร่ งขรึ ม เร่ งยืนมือเข้าไปใน


แขนเสื อหยิบเอาขวดยาสี ขาวออกมา เปิ ดฝาออก แล้วนําผงยาด้านในโรยไปทีบาดแผลของนางอย่างระมัดระวัง
......

ด้านหนึ งเขาก็คอยต่อกรกับดอกไม้ปีศาจกินคน อีกด้านหนึงก็คอยระมัดระวังภัยให้นาง ถ้านางมีอนั ตราย เขาก็


จะสามารถยืนมือไปช่วยเหลือนางได้อย่างทันท่วงที แต่เขากลับคาดไม่ถึงว่านางจะเป็ นฝ่ ายทีเข้าไปหาดอกไม้
ปี ศาจเสี ยเอง......

“ดอกไม้ปีศาจชอบอากาศร้อนเกลียดอากาศหนาว ในเลือดของข้ามีพิษเยือกแข็งอยู่ ซึ งเป็ นสิ งทีสามรถหยุดยัง


พวกมันได้” มู่หรงเสวียิมน้อย ๆ
ทันทีทีพูดจบ สายตาก็เหลือบไปเห็นดอกของพวกมันเริ มจะเหี ยวเฉาลงและดินรนอย่างทุรนทุราย สะบัดกิงก้าน
สี เขียวไปมา แต่มนั ก็ไม่สามารถทีจะเปลียนแปลงโชคชะตาของมันได้ ดอกไม้ปีศาจกินคนทังต้นเริ มเหี ยวลง
เหมือนลูกโป่ งทีขาดอากาศจนกลายเป็ นของเหลวสี ดาํ ......

คุณชายโอวหยางมองแอ่งนําสี ดาํ บนพืน สี หน้าเปลียนเป็ นเคร่ งขรึ มขึน “ถึงจะเป็ นเช่นนันก็ไม่ควรจะใช้ตวั เอง
เป็ นเหยือล่อ ถ้าเกิดเป็ นอะไรขึนมาจะทําอย่างไร ? พวกเรายังสามารถหาวิธีอืนมาจัดการกับมันได้”

“ถ้าหากมีวิธีอืน จิงอ๋ องก็คงจะใช้ไปแต่แรกแล้ว คงไม่ตอ้ งถูกไล่ตอ้ นอย่างน่าอเนจอนาถเช่นนีหรอก” มู่หรง


เสวียพูดด้วยนําเสี ยงเฉยชา ฟั งไม่ออกว่ากําลังแขวะคนบางคนอยู่

เย่อีเฉิ นดวงหน้าเคร่ งขรึ ม มิกล่าววาจาใด......

“คราวหน้าเจ้าห้ามทําอะไรเสี ยง ๆ แบบนี อีก” คุณชายโอวหยางขมวดคิวหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าสี ขาวปิ ดไปที


บาดแผลของมู่หรงเสวียอย่างระมัดระวัง ท่าทางเหมือนกําลังทะนุถนอมของลําค่า

เย่อีเฉิ นรู ้สึกหงุดหงิดขึนในใจ มองไปยังมู่หรงเสวียอย่างผูท้ ีอยูเ่ หนื อกว่า พูดด้วยนําเสี ยงเย็นชา “มู่หรงเสวีย การ
หมันหมายระหว่างเจ้ากับข้ายังไม่ได้แก้ไขหรื อเปลียนแปลงใดใด เจ้าเป็ นว่าทีภรรยาของข้า เหตุใดถึงกล้าทําตัว
ใกล้ชิดกับคุณชายโอวหยางอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี เจ้าไม่รู้หรื อว่าชายหญิงมิควรใกล้ชิดกัน......”

ดวงตาคมกริ บของคุณชายโอวหยางมองไปทางเย่อเฉิ
ี นด้วยความเยือกเย็น......
ตอนที 59 ต่ อว่า
เพียงสะบัดฝ่ ามือวูบหนึง พลังปราณแกร่ งกล้าสายหนึ งก็พุ่งออกไปทะลุเกราะลมปราณของเย่อีเฉิ นเฉื อนเข้าที
แขนของเขา จนเกิดเป็ นแผลเป็ นรอยยาวตังแต่หลังมือไปจนถึงบริ เวณข้อศอก เลือดสี แดงสดย้อมซึ มไปบน
เสื อผ้า......

“เย่อีเฉิ น เจ้าไม่มีสิทธิ มาต่อว่าเสวียเอ๋ อร์ เช่นนี !” เสี ยงทุม้ คมกริ บแฝงไว้ดว้ ยจิตสังหาร กระตุน้ ความโกรธของเย่
อีเฉิ น แววตาของเขาเย็นยะเยือกจนถึงขีดสุ ด “ถ้าข้าไม่เหมาะสมแล้วใครกันทีเหมาะสม ? พวกเราเป็ นว่าทีสามี
ภรรยาอย่างถูกต้องตามประเพณี คนในเมืองหลวงล้วนทราบโดยทัวกัน”

“ต่อหน้าผูค้ นมากมาย กลับลดขันนางให้เป็ นอนุ ทําให้นางเสื อมเสี ยเกียรติ โดนผูค้ นดูถูกเหยียดหยาม ใช้กาํ ลัง
บีบบังคับนางให้เป็ นอนุ อีกนิ ดเดียวก็จะทําให้นางตกหน้าผาแล้ว อีกทังยังทําลายบัวอัคคีทีสามารถช่วยชีวิตนาง
ได้ จนพิษของนางกําเริ บจนเกือบตาย ตอนทีดอกไม้ปีศาจโจมตี เจ้าไม่สนใจแม้แต่จะปกป้ องนางไม่พอ กลับ
กอดผูห้ ญิงอืนไว้แนบอก นี หรื อคือการเป็ นว่าทีสามีของเจ้า ?” คุณชายโอวหยางมองไปทีเย่อีเฉิ นด้วยสายตาดูถูก

“เรื องของข้า เจ้าไม่มีสิทธิมายุง่ วุ่นวาย” นําเสี ยงของเย่อีเฉิ นเยียบเย็น แววตาวูบไหวด้วยความอํามหิ ต ตอนทีมู่


หรงเสวียยืนมือไปหาดอกไม้ปีศาจกินคน เขาเตรี ยมทีจะเข้าไปช่วย แต่แขนของยวีเยียนกลับจับแขนของเขาไว้
แน่น เขาจึงไม่สามารถช่วยเหลือได้ทนั เวลา......

“เรื องของเจ้านัน ข้าก็ขีเกียจจะยุง่ วุน่ วาย แต่ใครใช้ให้เจ้ามายุง่ วุ่นวายกับเสวียเอ๋ อร์ !” คุณชายโอวหยางปรายตา


มองฉิ นยวีเยียน “แค่ไม่กีปี ทีอดีตจิงอ๋ องมิได้สังสอนเจ้า เจ้าก็กลับมาชอบพอกับหญิงแบบนีเสี ยแล้ว รสนิ ยมของ
เจ้า ช่างแย่จนผูค้ นไม่กล้าทีจะกล่าวชมเชย ถ้าหากตอนนัน อดีตจิงอ๋ องไม่เป็ นคนผลักดันให้เจ้าหมันหมายกับ
เสวียเอ๋ อร์ ระหว่างพวกเจ้าทังสองคนคงมิตอ้ งมายุง่ เกียวกัน......”
ดวงหน้าเรี ยวของฉิ นยวีเยียนซี ดขาวไร้สีเลือด ฝ่ ามือภายใต้แขนเสื อกําแน่นเข้าหากัน

เย่อีเฉิ นดวงหน้าเขียวคลํา “คุณชายโอวหยาง เจ้าอย่าได้ดูถูกกันให้มนั มากเกินไปนัก !”

“ข้าน่ ะหรื อดูถูกคน ?” คุณชายโอวหยางยกยิมมุมปากอย่างต้องการจะเหยียดหยาม

“เย่อีเฉิ น ทีข้ากับเสวียเอ๋ อร์ ถูกเนือต้องตัวกัน ก็เพราะนางได้รับบาดเจ็บ ข้าจึงทําแผลให้นางเท่านัน และทําไม


นางถึงได้รับบาดเจ็บน่ ะหรื อ ? นันก็เป็ นเพราะนางช่วยเหลือเจ้า ช่วยฉิ นยวีเยียน ถ้าเลือดทีฝ่ ามือของนางมิได้
ไหลออกมา พวกเจ้าทังสองคงไม่มีทางมายืนอยูอ่ ย่างปลอดภัยเช่นนี หรอก”

“เมืออยูต่ ่อหน้าผูม้ ีพระคุณ เจ้าจะไม่ขอบคุณก็ไม่เป็ นไร แต่ทีมาต่อว่านางเสี ย ๆ หายเช่นนี นิสัยของเจ้าคงไม่


เหลือซึงความดีอะไรแล้ว......”

สี หน้าของเย่อีเฉิ นดุดนั จนน่ากลัว เขาพูดเน้นทีละคํา “ยวีเยียนไม่รู้วรยุทธ์ ข้าจําต้องปกป้ องนาง แต่เสวียเอ๋ อร์


......”

“เสวียเอ๋ อร์ มีขา้ เรื องของนางต่อจากนี ไปคงไม่ตอ้ งรบกวนจิงอ๋ องให้เป็ นกังวลอีก จิงอ๋ องเจ้าก็แค่เตรี ยมจัดการ
เรื องถอนหมันไว้กพ็ อ” คุณชายโอวหยางเพียงทิงคําพูดทีแสนเย็นชาไว้ พลางหมุนกายมองไปทีมู่หรงเสวียกล่าว
ขึนด้วยนําเสี ยงอ่อนโยน “นีก็ใกล้คาแล้
ํ ว พวกเราไปหาทีพักกันเถอะ”
“ตกลง” มู่หรงเสวียพยักหน้า ค่อย ๆ ออกเดินไปด้านหน้า พระอาทิตย์กใ็ กล้จะลับขอบฟ้ าแล้ว อีกไม่นานฟ้ าคง
มืด พวกเขาเดินทางมาได้สามชัวยาม ทังยังเจอการปะทะทีรุ นแรงไปสองครัง ใช้พลังกายกันไปก็ไม่นอ้ ย
แน่นอนว่าสมควรต้องหาพืนทีทีปลอดภัยพักผ่อนเสี ยหน่ อย

คุณชายโอวหยางเดินไปทีข้างกายของมู่หรงเสวีย โอบไหล่นางดึงเอานางมาไว้ในอ้อมกอดอย่างแนบชิด ฉิ นยวี


เยียนมองตามด้วยสายตาอิจฉาริ ษยา นางก็แค่ผหู ้ ญิงทีอีเฉิ นทิงขว้าง เหตุใดคุณชายโอวหยางถึงไปชอบพอได้ ?
ทุกอย่างมันไม่ควรจะเป็ นเช่นนี......

กลินคาวเลือดบางเบากระทบเข้ากับจมูก ฉิ นยวีเยียหลุดจากภวังค์ความคิด มองไปทีรอยแผลยาวทีแขนของเย่อี


เฉิ น แววตาเต็มไปด้วยความห่ วงใย “อีเฉิ น แผลของท่านลึกมาก......”

“ก็แค่แผลเล็กน้อยเท่านัน เจ้ามิตอ้ งกังวล พวกเราก็หาทีพักกันเถอะ” เย่อีเฉิ นพูดด้วยนําเสี ยงราบเรี ยบ สายตามอง


ไปทีมู่หรงเสวียและคุณชายโอวหยางทีค่อย ๆ เดินไกลออกไป แววตาวูบไหวด้วยความหมายทียากจะคาดเดา

มู่หรงเสวียกับคุณชายโอวหยางเดินไปข้างหน้าตามทางเดินเล็ก ๆ หลังจากทีพระอาทิตย์ลบั ขอบฟ้ าได้ไม่นาน


พวกเขาก็เดินพ้นออกมาจากดงป่ า มาถึงลําธารเล็ก ๆ สายหนึง สายนําใสจนสามารถมองทะลุไปถึงก้นลําธาร
สายนําค่อย ๆ ไหลไปยังทีตํา ทุ่งหญ้าและดอกไม้พลิวไหวไปตามกระแสลม ทิวทัศน์งดงามน่ารื นรมย์......

ตรงหน้าเป็ นพืนทีโล่งเล็ก ๆ เหมาะกับการพักผ่อน อู๋เหิ นรับผิดชอบการก่อไฟ สวินเฟิ งใช้พลังปราณหาปลาทีลํา


ธาร
คุณชายโอวหยางพยุงร่ างของมู่หรงเสวียไปนังทีหิ นสะอาดก้อนใหญ่กอ้ นหนึง หยิบเอาถุงนําสี ขาวส่ งไปให้นาง
“ดืมนําเสี ยหน่ อยเถอะ”

“ขอบคุณ” มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ รับเอาถุงนํามา นางไม่ได้ดืมนําแม้แต่หยดเดียวมาตลอดสามชัวยาม แน่นอนว่า


ต้องรู ้สึกคอแห้งเป็ นอย่างมาก

ไม่รู้ว่าถุงนํานี ทํามาจากสิ งใด ให้สัมผัสทีนุ่ มลืน นําทีไหลเข้าปากให้ความรู ้สึกอุ่นวาบไปทัวอก เพียงชัวครู่ ก็อุ่น


กระจายไปทัวทังร่ าง

มู่หรงเสวียเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ “ทําไมนําถึงยังร้อนอยูล่ ่ะ ?”

พวกนางเดินทางขึนภูเขามาได้สามชัวยามแล้ว ถึงถุงนําจะรักษาอุณหภูมิได้ดีเพียงใด นําก็น่าจะทีจะเย็นชืดแล้วนี

“เจ้ากําลังติดพิษ ดืมนําเย็นคงไม่ดีต่อร่ างกายนัก” คุณชายโอวหยางตอบในสิ งทีนางไม่ได้ถาม พร้อมกับยืนขนม


ดอกเหมยมาให้นาง “ต้องรอสักครู่ ปลาถึงจะย่างเสร็ จ เจ้าก็กินขนมรองท้องไปเสี ยก่อน”

ขนมดอกเหมยยังคงมีไอร้อนน้อย ๆ กลินหอมโชยไปทัวทําให้ผคู ้ นต่างนําลายไหล มู่หรงเสวียรับเอามากัดเข้า


ปากหนึ งคํา กลินหอมหวานเบาบางกระจายไปทัวโพรงปาก
นางมองไปทางคุณชายโอวหยางด้วยความประหลาดใจ เมือเห็นในมือของเขาถือกล่องอาหารเล็ก ๆ เท่าฝ่ ามือ
กล่องหนึง ด้านในยังมีขนมดอกเหมยอีกแปดชิน แต่กลับจับตัวแข็งเย็นชืดต่างกับชินทีนางกินเข้าไปอย่างชัดเจน
ก็สามารถคาดเดาได้ว่าเป็ นเพราะขนมได้ผา่ นฝ่ ามือของคุณชายโอวหยาง ขนมจึงสามารถอุ่นขึนมาได้ “ท่านทํา
ได้อย่างไร ?”

เมือมองไปทีแววตาแปลกใจของนาง แววตาของคุณชายโอวหยางก็ส่องประกายอย่างยินดี พูดกล่าวอย่างผูท้ รง


ภูมิว่า “ความลับของฟ้ ามิอาจรัวไหล”

มู่หรงเสวียพลันมีสีหน้าไม่พอใจ นางถลึงตามองไปทีเขา “ไม่บอกก็ไม่ตอ้ งบอก” นางก็ไม่ได้อยากรู ้เท่าไหร่ นกั

เมือสายตามองเห็นเย่อเฉิ
ี นกับฉิ นยวีเยียนทีนังบนหิ นห่ างออกไปไม่ไกลนัก นางก็ขมวดคิว พวกเขาก็นบั ว่าฉลาด
พอทีรู ้ว่าหุ บเขาหวีซานนันอันตรายมาก จําต้องหาพืนทีว่างทีมีตน้ ไม้พืชพรรณไม่มากนักเพือความปลอดภัย
เหมาะสําหรับทีจะพักผ่อน และพืนทีริ มลําธารสายนี ก็เหมาะแก่การพักผ่อนยิงนัก

คุณชายโอวหยางเมือเห็นสายตาของมู่หรงเสวีย เขาก็ไม่ค่อยจะพอใจนัก “ถ้าไม่ชอบพวกเขา ข้าให้องครักษ์เงา


ไปไล่พวกเขาดีไหม”

ฉิ นยวีเยียนตัวแข็งทือ เงยหน้ามองไปทางมู่หรงเสวีย แววตาเต็มไปด้วยไฟโกรธ ทีนีเป็ นพืนทีสาธารณะของ


แคว้นชิงเหยียน มิใช่เขตแดนส่ วนตัวของพวกเขา มีสิทธิอะไรมาไล่พวกนาง ?
เย่อีเฉิ นค่อย ๆ หรี ตาลง แววตาเปล่งประกายอํามหิ ต ฝ่ ามือทีกําอยูค่ ลายออกค่อย ๆ รวบรวมพลังปราณควบแน่น
เข้าหากัน......

“มิจาํ เป็ น” มู่หรงเสวียส่ ายหน้า ปรายตามองฉิ นยวีเยียน กล่าวขึนช้า ๆ “ถึงแม้วา่ พวกเราจะเป็ นศัตรู กบั พวกเขา
แต่กย็ งั พอจะอยูร่ ่ วมโลกกันได้ จะพักผ่อนอยูท่ ีริ มนําใกล้ ๆ กันก็ไม่เป็ นไรหรอก เพราะบ่อนําเล็ก ๆ เช่นนี ไม่มี
ทางจะเอามาเปรี ยบเทียบกับแม่นาสายใหญ่
ํ ได้ ทําเป็ นเพียงไม่เห็นก็พอ”

เย่อีเฉิ นเป็ นเทพสงครามแห่ งชิงเหยียน จิตใจหยิงทะนง ถ้าพวกนางไปดูถูกเขา แน่นอนว่าเขาต้องตอบโต้ พอถึง


ตอนนันต้องกลายเป็ นการปะทะทีรุ นแรงน่ าดู นางไม่กลัวเย่อีเฉิ น แต่แค่ไม่อยากจะคิดอะไรมากมายให้เปลือง
สมอง

เพราะว่า สิ งทีสําคัญทีสุ ดสําหรับนางตอนนี ก็คือการตามหาต้นตีหยาง และเก็บมันเอามาเป็ นของนาง หลังจาก


นันถ้ายังมีใครมายุง่ วุ่นวาย นางจะตอบโต้จนถึงทีสุ ด

“ปลาย่างเสร็ จแล้ว พวกเราไปดูกนั เถอะ” มู่หรงเสวียลากคุณชายโอวหยางให้เดินไปทีกองไฟ

เย่อีเฉิ นค่อย ๆ กํามือเข้าหากันแน่น พลังปราณหนาแน่นเพียงพริ บตาก็สลายหายไป มองไปทีมู่หรงเสวียกับ


คุณชายโอวหยางทีเดินไกลออกไป แววตาวูบไหวไปด้วยความรู ้สึกซับซ้อน
ตอนที 60 ย่ างปลา
คุณชายโอวหยางเดินไปทีด้านหน้าของกองไฟ หยิบเอาปลาตัวเล็กสี เหลืองอร่ ามส่ งให้กบั มู่หรงเสวีย “เจ้าลอง
ชิมดูสิ”

มู่หรงเสวียตอบรับเสี ยงราบเรี ยบ เตรี ยมยืนมือไปรับเอาปลามา แต่คิดไม่ถึงว่าคุณชายโอวยางจะยืนมือมาทีปาก


ของนาง ป้ อนปลาให้นางเช่นนี

มู่หรงเสวียเลิกคิวขึน ถลึงตามองไปทางเขาอย่างไม่สบอารมณ์นกั กัดเข้าทีปลาทีเขายืนให้เพียงหนึงคําอย่างไม่


เต็มใจ ชัวขณะนัน กลินหอมฟุ้ งก็ลอยอบอวลไปทัวปาก นางพยักหน้าชืนชมอย่างถูกใจ “ไม่เลว ไม่เลว กรอบ
นอกนุ่มใน เนือของมันยังสดอยูเ่ ลย เป็ นอาหารทีหากินได้ยากนัก แต่ว่าข้ามีวิธีทีจะทําให้เนื อปลาอร่ อยกว่านี ”

“วิธีใดหรื อ ? ” คุณชายโอวหยางมองไปทีนางด้วยความสนใจ การย่างปลาของสวินเฟิ งได้รับการชีแนะจาก


ผูเ้ ชียวชาญ แม้แต่ห้องเครื องในวังหลวงก็ไม่มีทางทีจะสู ้เขาได้......

“ความลับของฟ้ ามิอาจรัวไหล” มู่หรงเสวียยกยิมอย่างมีเลศนัย แววตาเต็มไปด้วยความมันใจ คุณชายโอวหยาง


ไม่ยอมบอกความลับของเขากับนาง แน่ นอนว่านางก็ไม่มีทางบอกความลับของตนให้เขารู ้

“ข้ารู ้อยูแ่ ล้วว่าเจ้าก็ไม่ได้มีวิธีการทีเยียมยอดอะไรนักหรอก ก็แค่คุยโวไปเท่านันเอง......” คุณชายโอวหยางปราย


ตามองนางอย่างไม่ใส่ ใจ ท่าทางเหมือนรู้วา่ นางจะตอบเช่นนีตังแต่แรก
มู่หรงเสวียสี หน้าไม่พอใจ “ข้าไม่ได้คุยโว ข้าสามารถย่างปลาให้ท่านดูได้ แต่ว่าข้าต้องใช้วตั ถุดิบชนิ ดพิเศษ ซึ ง
ทีภูเขาหวีซานแห่ งนีดูท่า...เอ๋ ...มีของแบบนีทีนีด้วยหรื อ !”

มู่หรงเสวียแววตาเปล่งประกาย วิงไปทีต้นไม้ทีอยูไ่ ม่ไกลนัก เด็ดเอาใบไม้สีเขียวมากําหนึ ง เอาไปล้างทีลําธาร


แล้วนําไปวางไว้บนมือของคุณชายโอวหยางกล่าวขึนอย่างยิมแย้ม “รบกวนท่านทําให้มนั กลายเป็ นผงที”

“ได้สิ” คุณชายโอวหยางพยักหน้า นิวหยกสัมผัสไปทีใบไม้เบา ๆ ทันใดนันใบไม้สีเขียวกลับกลายเป็ นผุยผงทัน


ตาเห็น

มู่หรงเสวียรับเอาผงเหล่านันโรยเข้าทีปลาทีเสี ยบไม้ยา่ งอยูอ่ ย่างเท่า ๆ กัน ทันใดนันเอง กลินหอมยัวยวนก็ฟงุ้


กระจายไปรอบทิศทําให้ผคู ้ นนําลายศอ.....

เย่อีเฉิ น และฉิ นยวีเยียน รวมถึงคนของวังจิงอ๋ องทีอยูไ่ ม่ไกลก็พลอยได้กลินหอมนันด้วย เย่อเฉิ


ี นและฉินยวีเยียน
ดวงหน้าเรี ยบเฉยเหมือนไม่ได้รับผลกระทบอะไรเป็ นพิเศษ แต่เหล่าคนของวังจิงอ๋ องกลับมองไปทีปลาเสี ยบไม้
พร้อมกับกลืนนําลายลงคอไปเสี ยหลายอึก......

มู่หรงเสวียหยิบเอาปลาทีเพิงย่างเสร็ จไม้หนึงยืนไปทีปากของคุณชายโอวหยาง กล่าวด้วยความภูมิใจว่า “คุณชาย


โอวหยาง ท่านลองชิมดู”

“ได้สิ” คุณชายโอวหยางพยักหน้า กัดเข้าทีปลาทีมู่หรงเสวียยืนให้ ท่วงท่าการชิมรสชาติยงั คงความสง่างาม


ภายใต้แววตาทีภาคภูมิใจของนาง เขากล่าวขึนเพียง “นับว่ายังพอใช้ได้”
มู่หรงเสวียดวงหน้าเคร่ งขรึ ม อะไรคือนับว่ายังพอใช้ได้กนั ปลาตัวนีเมือใช้วตั ถุดิบทีนางเพิมลงไปแล้ว นํามา
เปรี ยบกับตัวเมือครู่ น่าจะอร่ อยขึนหนึงเท่าได้ หรื อเป็ นเพราะว่าการลิมรสชาติของเขาบกพร่ องกัน ถึงชิมออกมา
ไม่รู้รส !

มู่หรงเสวียเอาปลาย่างมาไว้ทีด้านหน้าของตน นางกัดเข้าไปหนึ งคํา กลินหอมตลบอบอวลไปทัวทังปาก รสชาติ


เลิศลําจนทําให้อยากจะกัดลินของตัวเอง

ปลาตัวนี อร่ อยกว่าตัวเมือครู่ สามสี เท่าเห็น ๆ แต่คุณชายโอวหยางกลับกล้าพูดว่า......เดียวก่อนนะ ปลาตัวนี คือ


......ปลาทีคุณชายโอวหยางกัดไปเมือครู่ ......

เมือมองไปอีกด้านของปลา ก็พบรอยกัดชัดเจนทีไม่ใช่รอยกัดของนาง มู่หรงเสวียชะงักไปครู่ หนึง ค่อย ๆ เงย


หน้าไปมองคุณชายโอวหยาง แววตาของนางซับซ้อนใบหน้างอเล็กน้อย มองจนคุณชายอดทีจะหัวเราะน้อย ๆ
ไม่ได้ แววตาฉายรอยยิมน้อย ๆ “เป็ นเจ้าทีกัดเนื อปลาเอง ไม่เกียวอันใดกับข้า”

“แล้วทําไมท่านถึงไม่เตือนข้าสักคําเล่า ?” มู่หรงเสวียถลึงตามองคุณชายโอวหยาง ดวงตางามเต็มไปด้วยความ


โกรธจนสามารถพ่นไฟออกมาได้

“ข้าอยากจะเตือนอยูห่ รอก แต่การกระทําของเจ้ามันช่างรวดเร็ วนัก......” แววตาดําของคุณชายโอวหยางปรากฎ


รอยยิมน้อย ๆ เขารู ้สึกอารมณ์ดีเป็ นพิเศษ
“......”

ถ้าคุณชายโอวหยางไม่พูดว่ารสชาติของปลานันพอใช้ได้ นางก็คงไม่กดั ปลาเข้าปากอย่างรวดเร็ วเช่นนี การทีนาง


กินปลาตัวเดียวกับเขา ล้วนเป็ นความผิดของคุณชายโอวหยาง......

เจ้าคนร้ายกาจ จิตใจดํา คงไม่ใช่ว่าวางแผนเอาไว้แต่แรกหรอกนะ......

เย่อีเฉิ นนังลงบนหิ นสี ดาํ ห่ างออกไปไม่ไกลนัก บาดแผลทีหลังมือถูกจัดการเรี ยบร้อยแล้ว ใบหน้าหล่อเหลา


ภายใต้เงาวูบไหวของเปลวไฟ กําลังมองไปทีคุณชายโอวหยางกับมู่หรงเสวีย ไม่รู้ว่ากําลังคิดสิ งใดอยู่

ฉิ นยวีเยียนทีนังอยูข่ า้ งกายเขา มองไปทีมู่หรงเสวียด้วยแววตาโกรธแค้นและริ ษยา คนทีไม่ค่อยเข้าใกล้ผหู ้ ญิง


เช่นคุณชายโอวหยาง กลับไปสนิทชิดเชือกับนางด้วยสี หน้าทีรื นรมย์เช่นนัน มันไม่ควรจะเป็ นเช่นนี ไม่มีทาง
เป็ นไปได้......

คนของวังจิงอ๋ องทีย่างปลาอยูท่ ีกองไฟพร้อมกับกลินปลาทีจืดชืดแสนธรรมดา ชัวครู่ กลับได้กลินหอมหวานน่า


กินลอยโชยมา ยิงทําให้พวกเขาแทบไม่อยากอาหารมากขึนกว่าเดิม......

เมือมองไปทางกลินหอมทีลอยโชยมา ก็เห็นอู๋เหิ นหอบเอาผลไม้สีห้าลูกเดินตรงไปทีหน้าคุณชายโอวหยาง พูด


นําด้วยเสี ยงนอบน้อม “คุณชาย ผลไม้ขอรับ”
คุณชายโอวหยางก้มลงไปมอง เห็นผลไม้ทรงกลม สี แดงสด น่ากิน ด้านบนมีหยดนําทียังไม่แห้งเกาะอยู่ แค่
มองดูกร็ ู ้สึกถึงความหวานฉําน่ ากิน “เอามาจากไหนหรื อ ?”

“เรี ยนคุณชาย เด็ดมาจากตรงนันขอรับ” อู๋เหิ นชีไปทีต้นไม้ไม่ไกล ยืนผลไม้ไปทีมือของคุณชายโอวหยาง ตนเอง


หยิบเอาผลไม้อีกลูกทีอยูใ่ นแขนเสื อ ยืนเข้าปาก......

มู่หรงเสวียปรายตาไปมองด้วยความสนใจ แววตากลายเป็ นสว่างวาบ เร่ งปั ดมือไปทีผลไม้ทีเขากําลังจะเอาเข้า


ปาก กล่าวอย่างเร่ งรี บ “อย่ากิน ผลไม้นนมี
ั พิษ”

เพียงกล่าวจบคําได้ไม่นาน ก็ได้ยนิ เสี ยง ‘อ้าก’ ร้องดังขึนอย่างโหยหวน คนของวังจิงอ๋ องผูห้ นึ งล้มลงกับพืน มือ


กุมเข้าทีท้องกลิงไปมา ร้องเรี ยกอย่างเจ็บปวด ผิวหนังกลายเป็ นสี ดาํ อย่างรวดเร็ วจนสายตาเปล่าของคนมองตาม
ไม่ทนั พริ บตาเดียวก็นอนแน่ นิงอยูก่ บั พืนไม่มีการขยับเขยือนใด ๆ ผลไม้ทีถูกกัดไปแล้วครึ งหนึงตกอยูข่ า้ งกาย
......

เย่อีเฉิ น ฉิ นยวีเยียน คนของวังจิงอ๋ องมองไปทีซากศพนัน มิกล่าววาจาใด รอบ ๆ กองไฟพลันเงียบสงบ

ดวงตาของอู๋เหิ นฉายแววตืนตระหนก ผ่านไปชัวครู่ ถึงได้หลุดออกจากภวังค์ เขามองไปทีมู่หรงเสวีย


“ขอบพระคุณคุณหนูม่หู รงทีช่วยชีวิตไว้อีกครังขอรับ ทําไมคุณหนู ถึงรู้ได้ว่าผลไม้นนมี
ั พิษขอรับ ?”ตอนทีเขา
เด็ดมันลงมา ก็ได้ใช้เข็มเงินตรวจสอบไปแล้ว เข็มเงินก็มิได้กลายเป็ นสี ดาํ นี น่า......
แววตาของมู่หรงเสวียเคร่ งขรึ มขึน “ผลไม้ชนิ ดนี ใช้เข็มเงินไม่มีทางตรวจพิษเจอ หลังจากทีกินเข้าไป พิษนี ก็จะ
แพร่ กระจายไปทัวร่ างกายและออกอาการอย่างรวดเร็ ว ในทีสุ ดก็จะคร่ าชีวิตของคนผูน้ ันในพริ บตา” อยูใ่ นป่ า
พืชพรรณยิงงดงามมากเท่าไรก็ยงมี
ิ พิษมากเท่านัน คําพูดนี กล่าวไว้ไม่ผดิ

อู๋เหิ นพยักหน้าอย่างเข้าใจ แววตาทีมองมู่หรงเสวียฉายแววเคารพนับถือมากขึนหลายเท่า นางเป็ นแค่คุณหนูทีอยู่


ในห้องหอ แต่เมือเทียบกับเขาทีอยูข่ า้ งกายคุณชายมาแล้วเจ็ดแปดปี ทังยังเดินทางไปทัวสารทิศได้พบเจอกับ
ผูค้ นมากมาย นางกลับมีความรู ้กว้างขวางกว่าเขามาก นางช่างเป็ นหญิงสาวทีฉลาดรอบรู ้จนหาตัวจับได้ยากใน
โลกนี ถึงว่าทําไมคุณชายถึงหลงรักนาง......

กลินหอมของผลไม้เมือครู่ พอกระทบเข้ากับจมูก ทําให้ม่หู รงเสวียรู ้สึกคอแห้ง ค่อย ๆ เดินไปทีกระเป๋ าสี ดาํ ของ
ตน เปิ ดกระเป๋ าออกแล้วหยิบเอาแก้วนําลายครามออกมาหลายใบ เป็ นตัวแก้วทีสังทําพิเศษ รู ปร่ างบางยาว ฝา
ํ ซึ มออกมา นางเปิ ดฝาแก้วออก เห็นของเหลวสี ขาวปรากฏอยูด่ า้ นใน
ของแก้วปิ ดแน่นเข้ากับตัวแก้ว ไม่มีนาที

“นีคืออะไรหรื อ ?” คุณชายโอวหยางเดินมาด้านหน้า แววตาเต็มไปด้วยความสงสัยไม่เข้าใจนัก


ตอนที 61 อันตรายทีกําลังมาถึง
“นมโยเกิร์ต !” มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ สี หน้าท่าทางดูลึกลับ

นมโยเกิร์ต ? มันคือสิ งใดกัน ?

พวกเขาเคยได้ยนิ แต่พวกนมวัว นมแพะ รู ้วา่ นมวัวเป็ นสิ งทีได้จากวัว นมแพะเป็ นสิ งทีได้จากแพะ โยเกิร์ต......
หรื อว่าบนโลกนี ยังมีสัตว์ทีเรี ยกว่าโยเกิร์ตอยู่ ?

สวินเฟิ งกับอู๋เหิ นมองหน้ากันไปมา แล้วพากันมองไปทีมู่หรงเสวีย

มู่หรงเสวียเพียงยิมน้อย ๆ “โยเกิร์ตไม่ได้ผลิตมาจากสัตว์ แต่ทาํ ขึนมาโดยใช้นม สามารถช่วยในการย่อยอาหาร


บํารุ งกระเพาะลําไส้ ดืมหลังจากทีกินของดิบเย็นมันเลียนสักหนึงแก้วจะส่ งผลดีต่อสุ ขภาพ ข้าตังใจไว้แต่แรก
แล้วว่าบนเขาเช่นนี คงหาของถูกปากกินไม่ได้เลยพกมาด้วยเสี ยหลายแก้ว พวกท่านลองเอาไปชิมคนละแก้วสิ !”

“ขอบพระคุณคุณหนูมากขอรับ !” สวินเฟิ งอู๋เหิ นล้วนไม่ค่อยชอบดืมนมนัก แต่เกิดรู ้สึกสนใจในตัวเจ้าโยเกิร์ตที


ทํามาจากนมนีเป็ นอย่างมาก เลยหยิบมาคนละแก้ว เปิ ดฝาออกชิม โยเกิร์ตเข้มข้นไหลเข้าปากไหลลืนอย่าง
นุ่มนวลลงสู่ กระเพาะ ทันใดนันก็รู้สึกสบายท้อง แววตาของทังสองเปล่งประกาย พากันชืนชมกันเสี ยยกใหญ่
“ไม่เลว ไม่เลว เจ้าโยเกิร์ตนี ช่างยอมเยียมจริ ง ๆ !”
มองไปทีทังสองคนทีกําลังยกแก้วดืม มู่หรงเสวียก็ยมบางเบา
ิ ยืนโยเกิร์ตในมือไปให้คุณชายโอวหยาง “คุณชาย
โอวหยางท่านก็ชิมด้วยสิ ”

“ได้สิ !” คุณชายโอวหยางพยักหน้า รับแก้วมาจิบเบา ๆ เพียงหนึงคํา

“อย่าบอกข้านะว่ารสชาติยงั พอใช้ได้อยู่ !” มู่หรงเสวียถลึงตามองไปทีคุณชายโอวหยาง แววตาสี ดาํ เปล่งประกาย


คุกคาม

แววตาของคุณชายโอวหยางยิม ๆ แล้วตอบ “รสชาติไม่เลวนี !”

แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยแตะนมแม้แต่หยดเดียว เพราะรสชาติของนมนันมันเหม็นคาวเกินไป แต่พอผ่านการทํา


เป็ นโยเกิร์ตของนางแล้ว กลับทําให้รสชาติคาวของนมหายไปจนสิ น กลายเป็ นรสชาติทีเปรี ยวแทน พอดืมเข้าไป
แล้วทําให้รู้สึกสบายท้อง......

“รสชาติเช่นนี ยังนับว่าไม่ค่อยดีนัก” มู่หรงเสวียยกยิมบางเบา หันไปหยิบโยเกิร์ตอีกแก้วขึนมาเปิ ดฝาค่อย ๆ ดืม


อย่างช้า ๆ นางชะงัก มองดูโยเกิร์ตทีอยู่ ๆ ก็มีไอร้อน ตอนทีนางเปิ ดฝาโยเกิร์ตมันเย็นชืดแล้วนีน่ า ทําไมอยู่ ๆ
กลับร้อนขึนมาได้ ?

เมือเงยหน้าไปมองทีคุณชายโอวหยาง ก็เห็นเขากําลังยกแก้วดืมลิมชิมรสโยเกิร์ตอย่างช้า ๆ ถึงจะดูเป็ นแค่การ


กระทําทีธรรมดา ๆ ไม่มีอะไรพิเศษ แต่พอเป็ นเขาทีทํามันกลับดูสง่างามสู งส่ งจนผูค้ นมิอาจละสายตาได้
ไอร้อนบางเบาพากันไหลออกมาจากแก้วโยเกิร์ตของเขา มู่หรงเสวียเลิกคิว ทีแท้กเ็ ป็ นฝี มือคุณชายโอวหยาง
นีเอง นางไม่รู้จริ ง ๆ ว่าเขาใช้วิธีใดถึงทําเช่นนี ได้ แต่กไ็ ม่สามารถปฏิเสธได้วา่ โยเกิร์ตร้อนนันดีกว่าโยเกิร์ตเย็น
เป็ นไหน ๆ ทังยังบํารุ งสุ ขภาพบํารุ งร่ างกายด้วย

คนของวังจิงอ๋ องทีเหลือเพียงแค่สามคน นังอยูด่ า้ นข้างกองไฟ กําลังกินปลาย่างแห้ง ๆ อย่างไร้ความรู ้สึก สายตา


อิจฉามองไปยังกองไฟทีอยูไ่ กลออกไปอีกด้าน สวินเฟิ ง อู๋เหิ นทีเป็ นทหารผูต้ ิดตามเช่นเดียวกับพวกเขา แต่พวก
นันกลับโชคดีกว่านัก นังอยูด่ า้ นหน้ากองไฟ พากันกินดืมปลาย่างหอม ๆ กับโยเกิร์ตทีบํารุ งร่ างกายบํารุ งสุ ขภาพ
มีชีวิตทีสุ ขสบายจนน่าอิจฉา

วัตถุดิบทีใช้ยา่ งปลา โยเกิร์ตทีบํารุ งร่ างกายล้วนเป็ นคุณหนูมู่หรงทีหาและทําขึนมา คุณหนู ม่หู รงเสวียแต่เดิมเป็ น


ว่าทีภรรยาของท่านอ๋ องของพวกเขา ถ้าท่านอ๋ องมิได้ไปชอบพอกับฉิ นยวีเยียน เช่นนันตอนนี คนทีนังอยูข่ า้ งกาย
ท่านก็คงเป็ นคุณหนูม่หู รง ปลาย่างและโยเกิร์ตของนาง ก็ตอ้ งถูกแจกจ่ายให้พวกเขาได้กิน......

พวกทหารผูต้ ิดตามต่างปรายตามองไปทีฉิ นยวีเยียน นางไม่เป็ นวรยุทธ์ ตอนทีพบกับอันตรายในหุ บเขา ต้องคอย


ให้พวกเขาดูแลและปกป้ อง ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้เป็ นตัวถ่วงของพวกเขา แต่ก็ถือได้ว่าเป็ นสาเหตุทีทําให้การ
เดินทางของพวกเขานันล่าช้าลง

นางไม่เป็ นเรื องการครัว อาหารของพวกเขาก็เลยเป็ นแค่ปลาย่างแห้ง ๆ กับนําเย็นชืด ถึงแม้จะบอกว่าพวกเขาเคย


ชินกับการใช้ชีวิตแบบนีอยูแ่ ล้ว กระเพาะและท้องล้วนทนได้ แต่ในความเป็ นจริ งนันก็ตอ้ งมีผลเสี ยต่อร่ างกายอยู่
บ้าง......
นางไม่มีความรู ้ทีกว้างขวาง ไม่รู้ว่าผลไม้นนมี
ั พิษ ตอนทีอาซื อกินผลไม้เขาไป นางไม่ได้หา้ มปราบ ไม่ได้
ช่วยชีวิตของอาซื อไว้......

ถ้าเกิดข้างกายของท่านอ๋ องเป็ นคุณหนูม่หู รง นางก็คงปั ดเอาผลไม้สีแดงของอาซื อออกไป อาซื อก็คงไม่ตอ้ งตาย


......

เมือเทียบกับคุณหนูมู่หรงแล้ว ฉิ นยวีเยียนยังห่ างไกลอีกหนึ งแสนแปดหมืนลี......

ตอนทีทหารติดตามปรายตามองนาง ฉิ นยวีเยียนก็เห็นเข้าพอดี ดวงหน้างามของนางค่อย ๆ ดุดนั ขึนมา เอานาง


ไปเปรี ยบเทียบกับมู่หรงเสวีย แล้วยังคิดว่านางไม่ดีเท่ามู่หรงเสวีย ทหารชันตําพวกนี ช่างไม่เจียมตน ไม่ดูตวั เอง
หน่ อยหรื อว่าเป็ นตัวอะไร ? กลับกล้ามาวิจารณ์นาง ช่างรนหาทีตายนัก !

ี นด้วยนําตาคลอ เตรี ยมทีจะฟ้ องเขา แต่กลับเห็นเขามองไปทางมู่หรงเสวียพอดี แววตา


ฉิ นยวีเยียนมองไปทีเย่อเฉิ
เต็มไปด้วยความสับสน สงสัย ไม่เข้าใจ เสี ยใจ......

เดียวก่อนนะ ทําไมอีเฉิ นถึงเสี ยใจได้ หรื อว่าเขาก็กาํ ลังคิดว่านางไม่ดีเท่ากับมู่หรงเสวีย เสี ยใจทีทิงมู่หรงเสวีย


เพือมาเลือกนางอย่างนันหรื อ !

ไม่ ไม่ ไม่ เป็ นไปไม่ได้ ! นางเป็ นองค์หญิงม่อเป่ ยทีสู งส่ ง เป็ นลูกสาวทีฮ่องเต้ม่อเป่ ยโปรดปรานทีสุ ด เมือเทียบ
กับมู่หรงเสวียแล้ว คุณหนูทีกําพร้าพ่อแม่เช่นนัน นางดีกว่าตังหนึงแสนแปดหมืนลี นางจะแพ้ให้กบั มู่หรงเสวีย
ได้อย่างไร นางไม่มีทางยอมแพ้ให้กบั มู่หรงเสวียเด็ดขาด !
นางก็แค่เด็ดใบไม้มวั ๆ ทําให้ปลาย่างอร่ อยขึน ก็แค่ทาํ นมให้กลายเป็ นโยเกิร์ต เรื องทีมู่หรงเสวียทําได้ นางก็ทาํ
ได้ !

ฉิ นยวีเยียนแววตาเยียบเย็น หมุนกายลุกออกไป ก้าวเท้ายาวเดินไปข้างหน้าโดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมามอง


สายลมพัดเสี ยงแง่งอนของนางเข้ามา “อีเฉิ น ข้าไปเดินเล่นข้างนอกสักครู่ !”

เย่อีเฉิ นปรายตามองนาง คิดว่านางจะไปทํา ‘ธุระส่ วนตัว’ เลยมิได้สนใจนัก พูดเพียงบางเบาว่า “อย่าไปไกลนัก


ล่ะ !”

“รู ้แล้ว !” ฉิ นยวีเยียนตอบรับด้วยความไม่พอใจ วิงออกไปด้วยความอัดอันจนเหนือยหอบ เมือวิงต่อไปไม่ไหว


แล้วถึงได้หยุดลง อดกลันไม่ไหวจนต้องดึงทึงต้นหญ้าข้างกาย ในทีสุ ดอีเฉิ นก็ไม่ตอ้ งการนางแล้ว นางบอกว่า
อยากเดินเล่น เขาก็กลับไม่ยอมมาเป็ นเพือนนาง แต่กลับพูดจากล่าวเตือนเรื องไร้สาระ......

ทังหมดทังมวลล้วนเป็ นเพราะมู่หรงเสวียคนเดียว เป็ นถึงคุณหนูกลับไม่เรี ยนรู ้การเย็บปั กถักร้อย ดีดพิณ เดิน


หมาก อ่านตํารา แต่งกวี กลับไปเรี ยนศาสตร์ การทําอาหารชันตํา ช่างน่าขันยิงนัก ! ทหารทีน่ารังเกียจพวกนัน
กลับเทิดทูนนาง สายตาทีเย่อีเฉิ นมองนางนานวันเข้ายิงกลายเป็ นห่ วงใย......

เงาสี ดาํ สายหนึงวูบผ่านสายตา ฉิ นยวีเยียนหยุดชะงัก ค่อย ๆ เงยหน้ามองไปเห็นหน้าผาสู งสี ขาวทีอยูไ่ ม่ไกล


ํ งหนึ ง ด้านข้างของถํามีป้ายหิ นสี ดาํ ก้อนหนึงวางอยู่ ลมโชยแผ่วเบา แมกไม้ลู่ไหวไป
ด้านล่างของหน้าผามีถาแห่
มาบดบังป้ ายสี ดาํ มองไม่เห็นว่าด้านบนเขียนว่าอะไร
หน้าผา ! ป้ ายหิ นสี ดาํ ! ฉิ นยวีเยียนแววตาครุ่ นคิด คิดถึงสาเหตุทีนางมาหุ บเขาหวีซาน ดวงตาเปล่งประกาย หรื อ
ว่า...ทีนี จะเป็ นทีทีพวกเขากําลังตามหา ?

นางกับอีเฉิ นเดินไปมาในหุ บเขาหวีซานมาได้หนึ งวันแล้ว ไม่พบเห็นเงาของทีตามหาแม้แต่นิด แต่คาดไม่ถึงว่า


นางกลับพบเข้าโดยบังเอิญเช่นนี พอเวลาตังใจตามหากลับไม่เจอ พอจะเจอก็เจอโดยง่ายดายไม่เสี ยแรง นางต้อง
รี บไปบอกอีเฉิ น เขาจะต้องดีใจอย่างแน่นอน

ฉิ นยวีเยียนเผยรอยยิมสดใส นางหมุนตัวแล้ววิงออกไปไม่กีก้าว อยู่ ๆ ในหัวก็มีความคิดหนึงแล่นแวบขึนมา ถ้า


เกิดไม่ใช่และทําให้อีเฉิ นผิดหวังล่ะ ? คนของวังจิงอ๋ องพวกนันต้องดูถกู นางแน่ ถ้าเช่นนันนางคงต้องไปดูเสี ย
หน่ อย ดูให้แน่ ใจว่าทีนี ใช่ทีอีเฉิ นต้องการหรื อไม่ ? นางจะได้ไม่ดีใจเก้อ

ฉิ นยวีเยียนเก็บรอยยิม แล้วหันหลังกลับค่อย ๆ เดินไปทีละก้าวทีละก้าวจนถึงป้ ายหิ นสี ดาํ ใช้มือลูบไปทีป้ ายหิ น


สัมผัสทีนุ่ มลืนแล่นเข้าสู่ ฝ่ามือ เพียงพริ บตาเดียว นางก็เบิกตากว้างดวงตาวูบไหวไปด้วยความหวาดกลัว......
ตอนที 62 ตกหน้ าผา
ฉิ นยวีเยียนค่อย ๆ ก้มลงไปมอง เห็นป้ ายหิ นในมือหมุนตัวกลับมาเต็มไปด้วยดวงตาสี แดง ทําให้นางตัวสันด้วย
ความหวาดกลัว......

“อ้า !” ฉิ นยวีเยียนกรี ดร้องเสี ยงดัง นางรี บดึงมือกลับ ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว พลางก้าวถอยออกมา


ร่ างกายทีสันระริ กหันหลังวิงกลับไปทางเดิม......

‘ป้ ายหิ น’ ทังหมดล้วนถูกปลุกให้ตืนขึนมาด้วยความตกใจ เงาร่ างสี ดาํ สายแล้วสายเล่าค่อย ๆ กางปี กออก ส่ ง


เสี ยง ‘พับ พับ’ ไล่ตามมานางไป......

บริ เวณข้างลําธาร มู่หรงเสวียทีรับประทานปลาและโยเกิร์ตเสร็ จแล้ว กําลังเตรี ยมทีจะนําผ้าห่ มทีเอาติดมาด้วย


ออกมาปูลงกับพืนหญ้าเตรี ยมทีจะพักผ่อน พลันเสี ยงกรี ดร้องสายหนึ งดังขึนจากทีห่ างไกล “ช่วยด้วย......ช่วยข้า
ด้วย......”

มู่หรงเสวียเงยหน้าขึนมอง ก็เห็นฉิ นยวีเยียนวิงมาทางนีด้วยความร้อนรน เนื องจากเป็ นความเร็ วทีเร็ วมาก จึงวิง


โซซัดโซเซไปมาเล็กน้อย ด้านหลังของนางมีสัตว์ฝงู หนึงทีหูกางยาว ขาสัน ปี กกว้างใหญ่บินตามมา เต็มไปทัว
ท้องฟ้ าราวกลับกลุ่มเมฆสี ดาํ ทะมึน บดบังพระจันทร์และดวงดาวจนมืดมิด......

“นันมัน......ค้างคาว !” อู๋เหิ นดวงตาเบิกกว้างด้วยความตืนตระหนก เขารู้ว่าค้างคาวชอบอยูเ่ ป็ นกลุ่ม แต่พวก


ค้างคาวตรงหน้า จะรวมกลุ่มกันเยอะเกินไปแล้วหรื อเปล่า......
“ทําไมดวงตาของพวกมันถึงเป็ นสี แดงเช่นนันล่ะ ?” สวินเฟิ งเห็นค้างคาวมาก็ไม่นอ้ ย แต่พวกมันล้วนมีดวงตาสี
ดํา

“มันเป็ นค้างคาวดูดเลือด หนี เร็ วเข้า !” มู่หรงเสวียหน้าเปลียนสี ลากคุณชายโอวหยางทีอยูข่ า้ งตัววิงออกไปอีก


ด้านอย่างรวดเร็ ว ค้างคาวดูดเลือดเป็ นสัตว์ดุร้าย ดํารงชีวิตอยูไ่ ด้ดว้ ยการดูดเลือด เจ้ากลุ่มก้อนสี ดาํ ทีบดบัง
ท้องฟ้ าผืนใหญ่ ๆ ผืนนี พวกเราไม่มีทางไปต่อกรกับพวกมันได้อย่างแน่ นอน

สวินเฟิ ง อู๋เหิ นเมือได้ฟังความเช่นนัน ก็รีบเร่ งตามคนทังสองไปอย่างไม่คิดสิ งใด เพียงแต่วิงไปด้านหน้าอย่าง


รวดเร็ ว

คนของวังจิงอ๋ องพากันมองไปทีเย่อีเฉิ น ดวงตาก็เต็มไปด้วยความร้อนรน “ท่านอ๋ อง !” ค้างคาวยิงเข้ามาใกล้


พวกเขาต่างก็รู้สึกได้ถึงจิตสังหาร ถ้าไม่รีบหนี ตอนนี ดูท่าก็คงหนี ไม่ทนั แล้ว

“ไป !” เย่อีเฉิ นพูดด้วยนําเสี ยงเย็นชา ร่ างหายวูบไปปรากฏทีด้านหน้าของฉิ นยวีเยียน จับแขนของนาง ลากนาง


วิงไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ ว

มู่หรงเสวียทีกําลังวิงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ วนัน สายตาก็เห็นเย่อเฉิ


ี น และฉิ นยวีเยียนทีวิงตามมา นางจึงพูดขึน
ด้วยนําเสี ยงเย็นชาว่า “ฉิ นยวีเยียน ทําไมเจ้าถึงได้ไปพาเอาค้างคาวดูดเลือดมาได้ ?”
“ข้าก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ตอนทีกําลังเดินกลับมา ด้านหลังก็เต็มไปด้วยค้างคาวฝูงใหญ่เสี ยแล้ว......” ฉิ นยวีเยียน
โกหกหน้าตาย แต่แววตาของนางกลับหลอกแหลกไม่เป็ นธรรมชาติ

นางก็แค่อยากช่วยเย่อีเฉิ นเท่านัน อยากจะรู้วา่ ถําแห่ งนันเป็ นทีทีพวกเขากําลังตามหาจริ งหรื อไม่ นางไม่รู้ว่าป้ าย


หิ นจะกลายเป็ นฝูงค้างคาวดูดเลือดได้ นางไม่ได้ตงใจ
ั นางไม่ผดิ นางไม่ผดิ ......

“องค์หญิงฉิ น ถึงแม้ว่าค้างคาวดูดเลือดจะดูดเลือดเป็ นหลักก็จริ ง แต่พวกมันจะไม่เป็ นฝ่ ายโจมตีใครก่อน นอก


เสี ยจากจะมีคนบุกรุ กถินฐานของมัน พวกมันถึงจะไล่ล่าไม่ปล่อยเช่นนี......” มู่หรงเสวียทิงคําพูดเย็นชาเอาไว้
นางเร่ งความเร็ ววิงไปด้านหน้า

ดวงหน้าเรี ยวเล็กของฉิ นยวีเยียนกลายเป็ นซี ดขาว แววตาวูบไหวไปมา แต่ก็ไม่รู้ว่าจะแก้ตวั อย่างไรดี......

สี หน้าของสวินเฟิ ง อู๋เหิ นฉายแววไร้อารมณ์ คนของวังจิงอ๋ องทําให้เขาลําบากไปแล้วหนึ งครัง ถ้าจะทําให้ลาํ บาก


อีกครังหนึงก็คงไม่แปลกนักหรอก

คนของวังจิงอ๋ องขมวดคิวเข้าหากัน เดิมทีพวกเขาควรได้พกั ผ่อนอย่างสบาย ๆ สักหนึ งคืน แต่ตอนนี กลับ


ตาลปั ตรไปเสี ยหมด มาถูกค้างคาวดูดเลือดไล่ตามเช่นนี คงไม่ตอ้ งพูดถึงเรื องพักผ่อนแล้ว พวกเขาจะรักษาชีวิต
เอาไว้ได้หรื อเปล่าก็ยงั ไม่รู้เลย ฉิ นยวีเยียนนี ชอบหาเรื องวุ่นวายยิงนัก ช่างเป็ นองค์หญิงทีฐานะสู งส่ งแต่เป็ นตัว
ถ่วงเสี ยจริ ง......

สี หน้าของเย่อีเฉิ นเฉยชา เขาหรี ตาลงไม่รู้ว่ากําลังคิดสิ งใดอยู่


สี หน้าของคุณชายโอวหยางเรี ยบเฉย ยกมุมปากขึนด้วยความดูถูกเหยียดหยาม เขาจับมือของมู่หรงเสวียแน่ นแล้ว
วิงออกไปจากดงป่ า แต่กลับพบว่าด้านหน้าเป็ นแนวหน้าผา หน้าผาทีตังเป็ นแนวตรงสู งชันเป็ นอย่างมาก ดูแล้ว
ไม่มีทางทีจะปี นขึนไปได้เลย เหวลึกและมืดมิดจนมองไม่เห็นก้นเหว......

“ทางตันแล้ว !” คนของวังจิงอ๋ องชะงักหยุดฝี เท้าลง ค้างคาวดูดเลือดสิ บกว่าตัวตามเข้ามาล่อนลงไปยังทหารผูน้ นั


เขียวยาวแหลมคมแทงเข้าไปในเนือของเขา ซูบเลือดออกอย่างรวดเร็ ว

“อ้ากก !” ทหารผูน้ นกรี


ั ดร้องด้วยความเจ็บปวด แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว สายตาทุกสายมองเห็น
ร่ างกายอ่อนเยาว์แห้งเหี ยวด้วยความรวดเร็ ว เพียงพริ บตาเดียวเขาก็กลายเป็ นซากศพทีเหี ยวแห้งร่ างหนึง......

ค้างคาวดูดเลือด ดูดเลือดไม่ผิดไปจากชือเลย !

มู่หรงเสวียขมวดคิวเข้าหากันแน่น สะบัดมือออกไปบางเบา เข็มเงินสิ บกว่าเล่มพุ่งออกไป เข้าทะลุทีหัวของ


ค้างคาว......

“ค้างคาวพวกนันพุ่งลงมาแล้ว รี บชักดาบออกมาฟันพวกมันเร็ วเข้า !” สวินเฟิ งกล่าวเตือนเสี ยงดัง คนของวังจิง


อ๋ องทีเหลืออยูส่ องคนพลันตืนจากภวังค์ กดความกลัวและความตืนตระหนกลงไป เร่ งชักดาบออกมา พุ่งเข้าไป
ฟันค้างคาวทีอยูด่ า้ นหน้าอย่างแรง เลือดสี แดงสดสาดกระเซ็นทีละสายสองสาย......
ค้างคาวทีตกตายต่างร่ วงลงสู่ พนตั
ื วแล้วตัวเล่า ผ่านไปไม่นานก็ค่อย ๆ กลายเป็ นกองภูเขาขนาดย่อม ๆ ลูกหนึง
กลินคาวเลือดคละคลุง้ ไปทัวบริ เวณ แต่คา้ งคาวดูดเลือดกลับยังคงดํามะเมือมอยูเ่ ต็มผืนฟ้ าเช่นเดิม คล้ายกับว่า
มิได้ลดจํานวนลงเลยแม้แต่นอ้ ย......

คนของวังจิงอ๋ องแอบถลึงตาใส่ ฉินยวีเยียนเงียบ ๆ ผูห้ ญิงไร้ความสามารถทําอะไรก็ลว้ นแต่ผดิ พลาด ไม่เข้าใจ


จริ ง ๆ ว่าท่านอ๋ องชอบนางทีจุดไหนกัน !

ฉิ นยวีเยียนรู ้สึกได้ถึงความไม่พอใจและความโกรธของพวกทหาร แต่ก็มิได้กล่าววาจาต่อว่าแต่อย่างใด มือน้อย


ๆ ของนางจับเข้าทีเสื อของเย่อีเฉิ นแน่น ซบอยูก่ บั อกของเขา เพียงให้เขาคุม้ ครองปกป้ องนางอย่างสุ ขสบาย

ค้างคาวดูดเลือดมากมายเช่นนี นางไม่รู้ว่าเมือไรถึงจะฆ่ามันหมด นางรู ้เพียงแต่ว่าหากอีเฉิ นยังมีชีวิตอยูน่ างก็จะ


ปลอดภัย วรยุทธ์ของทหารวังจิงอ๋ องสองคนนัน ล้วนไม่สามารถเทียบได้กบั หนึงในสิ บของอีเฉิ น ถ้ายังยืดเยือ
ต่อไปเช่นนี พวกเขาก็น่าจะหมดเรี ยวแรงกลายเป็ นอาหารของพวกค้างคาวดูดเลือดแน่ !

นางเป็ นองค์หญิงม่อเป่ ยผูส้ ู งศักดิ คงไม่ไปต่อล้อต่อเถียงกับคนใช้สองคนทีกําลังจะตายหรอก นันเป็ นการลด


ฐานะของนางโดยเปล่าประโยชน์......

หางตาเหลือบเห็นชายเสื อขาวสายหนึง เป็ นคุณชายโอวหยาง เขายืนอยูใ่ นความมืดอย่างเงียบ ๆ งดงามราวกับ


ภาพวาดอันวิจิตรภาพหนึ ง นิ วมือภายใต้แขนเสื อเดียวกําเดียวคลาย แขนเสื อสี ขาวหิ มะพลิวไหวไปมา คลายกับ
ดอกบัวหิ มะทีเบ่งบานดอกหนึง กลีบดอกของมันพุ่งออกอย่างรวดเร็ วรุ นแรงไปตามสายลม พุ่งขึนไปบนฟ้ า
อย่างมิหยุดหยัง เพียงพริ บตาเดียวค้างคาวดูดเลือดตัวแล้วตัวเล่าต่างก็กลายเป็ นผุยผง สลายหายไปกับสายลม......
ผูช้ ายทีเพรี ยบพร้อมดีงามเช่นนี สมควรคู่กบั หญิงงามทีเรี ยบร้อยใสสะอาดถึงจะเหมาะสม มู่หรงเสวียก็แค่ตวั ขี
โรคทีอีเฉิ นทิงขว้าง มีตรงไหนบ้างทีเหมาะสมกับเขา ? แต่ทาํ ไมเขาถึงไปชอบมู่หรงเสวียได้ ?

เมือปรายตามองไปทีมู่หรงเสวียทีอยูด่ า้ นข้าง เห็นนางถือดาบสันเล่มหนึงไว้ในมือ ฟาดฟันไปมาอย่างรวดเร็ ว


ทุกทีทีปลายดาบพาดผ่าน ล้วนเปล่งประกายสี เงินวูบไหว สายเลือดสาดกระเซ็น ท่วงท่าไหลลืนเสี ยจนผูค้ นตก
ตะลึง......

แววตาคมกริ บของฉิ นยวีเยียนหรี ลง มู่หรงเสวียก็เป็ นศัตรู คุ่แข่งทีร้ายกาจมากผูห้ นึง ตนไม่อาจจะปล่อยให้นางมี


ชีวิตเติบโตได้อีกต่อไป ต้องมอบความตายให้นางโดยเร็ วทีสุ ด วันนี ถือเป็ นโอกาสทีดีมาก สามารถทําให้นางตาย
โดยไร้พิรุธและไม่มีใครล่วงรู ้......

“ค้างคาวดูดเลือดมากเกินไปแล้ว ให้ขา้ ช่วยเถอะ !” ฉิ นยวีเยียนกล่าวขึนช้า ๆ เดินออกจากอ้อมกอดของเย่อีเฉิน


มือของนางหยิบเอาดาบมาเล่มหนึ ง ท่าทางคล้ายกับกําลังฟันค้างคาวอย่างตังอกตังใจ ค่อย ๆ เขยิบเข้าไปใกล้มู่
หรงเสวียอย่างเงียบ ๆ......

ค้างคาวจํานวนมากกําลังโจมตีเข้ามาเรื อย ๆ มู่หรงเสวียทีกําลังตังใจรับมือกับพวกมัน กลับมีแรงผลักมาจาก


ด้านข้าง นางทีไม่ทนั ระวังตัว ได้กระเด็นจนตกลงไปทีหน้าผา......
ตอนที 63 สังสอนฉินวีเยียน
มู่หรงเสวียมองเห็นรอยยิมบนใบหน้าของฉิ นยวีเยียน พริ บตาเดียวก็เข้าใจเรื องราวทังหมด นางยืนมือไปจับ
ชายกระโปรงของฉิ นยวีเยียนไว้ ลากนางตกเหวลงไปด้วยกัน......

“เสวียเอ๋ อร์ !” คุณชายโอวหยางแววตาเยือกเย็น ยืนมือไปดึงมู่หรงเสวีย นิวมือขาวราวหยกสัมผัสได้แต่


ชายกระโปรงของนาง มือแกร่ งคว้าจับได้แต่อากาศธาตุ......

ร่ างกายบอบบางของนางกับฉิ นยวีเยียนล่วงตามกันไป ตกลงสู่ เหวลึกทีมองไม่เห็นจุดสิ นสุ ด......

แววตาดําของคุณชายโอวหยางฉายแววว้าวุ่นอย่างทีไม่เคยเป็ นมาก่อน กระโดดตามลงไปทีก้นเหวด้วยทันที ร่ าง


เงาสี ขาวหิ มะตามมู่หรงเสวียไปอย่างติดติด จุดขาวทีค่อย ๆ เล็กลงภายใต้ทอ้ งฟ้ าทีมืดมิดดูสะดุดตา......

“คุณชาย !” สวินเฟิ งกับอู๋เหิ นร้องเรี ยกด้วยความตกใจ กระโดดตามติดลงไปด้วย พวกเขาเป็ นองครักษ์เงาของ


คุณชาย จะต้องดูแลความปลอดภัยของคุณชาย คุณชายไปทีไหนพวกเขาก็ไปทีนัน......

เย่อีเฉิ นแววตาลําลึกดังหมึกเต็มไปด้วยความสับสน ปั ดป้ องค้างคาวดูดเลือดตรงหน้า พุ่งกายไปทีริ มหน้าผา


กระโดดตามลงไปทีก้นเหว......

“ท่านอ๋ อง !” คนของวังจิงอ๋ องกระวนกระวายขึนมาทันที นีมันเรื องอะไรกัน ? ทําไมอยู่ ๆ ถึงกระโดดลงจาก


หน้าผากันหมด ?
“อาอี พวกเราก็กระโดดลงไปกันเถอะ !” อาเอ้อร์ ทีกําลังฟาดฟั นกับค้างคาวดูดเลือดตะโกนขึนมาอย่างร้อนรน !

อาอีกระพริ บตาปริ บ ๆ ก้นเหวดูลึกขนาดนัน กระโดดลงไปไม่เท่ากับเป็ นการรนหาทีตายหรอกหรื อ ?

ฝูงค้างคาวดูดเลือดสี ดาํ เมือมเต็มท้องฟ้ าต่างโจมตีเข้ามา ดวงตาสี แดงมากมายปรากฏขึนกลางอากาศ หนังตาของ


อาอีกระตุกอย่างรุ นแรง ทีนีเหลือเพียงเขากับอาเอ้อแค่เพียงสองคนเท่านัน ไม่มีทางทีจะรับมือกับค้างคาว
มากมายขนาดนีได้แน่ อย่างมากทีสุ ดก็คงยือไว้ได้แค่หนึ งเค่อ*(ประมาณสิ บห้านาที)เท่านัน หลังจากนันพวกเขา
ก็คงกลายเป็ นอาหารอยูใ่ นปากของพวกค้างคาว “ถ้าเช่นนันก็กระโดดกันเถอะ เป็ นตายคงต้องอยูท่ ีโชคชะตา
แล้ว !”

“ตกลง !” อาเอ้อร์ พยักหน้า กระโดดลงจากหน้าผาไปพร้อมกับอาอี

ลมเย็นพัดผ่าน ทังหน้าผาเหลือแต่ฝงู ค้างคาวดูดเลือดจํานวนนับไม่ถว้ นลอยอยูเ่ ต็มท้องฟ้ า......

ลมด้านล่างของหน้าผาพัดโชยอย่างรุ นแรง สายลมทีแหลมคมดังคมมีดพุ่งเข้าใส่ ทีใบหน้า ทังก้นเหวยังลึกสุ ดจะ


หยังถึง มองไปไม่เห็นแม้แต่จุดสิ นสุ ด มู่หรงเสวียหรี ตาลง จับเสื อของฉิ นยวีเยียนแน่ น ตบเข้าทีหน้าของนาง
อย่างแรง !
เหวลึกขนาดนี พวกนางไม่มีโอกาสทีจะรอดชีวิตแม้แต่นอ้ ย พอตกถึงพืนก็คงต้องจบชีวิตลงอย่างแน่ แต่ก่อนที
นางจะตาย นางจะต้องจัดการกับคนโหดเหี ยมทีคิดร้ายต่อนางก่อน เพือแก้แค้นให้ตวั ของนางเอง

“เพีย ! เพีย ! เพีย !” เสี ยงฝ่ ามือตบเข้าทีหน้าของฉิ นยวีเยียนดังห่าฝน ตบจนหันซ้าย หันขวา หันซ้าย หันขวา แล้ว
ก็ตบซ้ายขวาอีกครังจนใบหน้าของนางปูดบวมเจ็บแสบ จนใกล้จะไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดอีกต่อไป

ฉิ นยวีเยียนคล้ายตืนจากความฝัน ความหวาดกลัวและกระวนกระวายทีอยูใ่ นใจล้วนถูกสะบัดออก ถลึงตามองไป


ทีมู่หรงเสวียด้วยความโกรธ “มู่หรงเสวีย เจ้ากล้าตบข้าหรื อ !”

“ข้าไม่ได้แค่กล้าตบเจ้า ข้ายังกล้าเตะเจ้าอีกด้วย !” มู่หรงเสวียพูดขึนอย่างโหดเหี ยม เตะไปทีฉิ นยวีเยียนอย่างแรง

ความเจ็บปวดตรงบริ เวณหน้าอกแล่นขึนมา ดวงหน้าของฉิ นยวีเยียนพลันซี ดขาว เหงือเม็ดใหญ่ผุดออกมาจาก


หน้าผาก ถลึงตามองมู่หรงเสวียอย่างแสนเกลียดชัง เตรี ยมทีจะด่าว่านาง มู่หรงเสวียกลับระดมมือเท้าเตะต่อยมา
ทีนางอย่างไร้ความปรานี เตะต่อยไปทีฉิ นยวีเยียนอย่างบ้าคลัง

ความเจ็บปวดแล่นมาจากทัวร่ างกาย สี หน้าของฉิ นยวีเยียนไร้สีเลือด เจ็บปวด เจ็บปวดไปทัวร่ าง แต่มู่หรงเสวีย


ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดมือลงแม้แต่นอ้ ย คล้ายกับจะตีนางจนกว่าจะตาย “มู่หรงเสวีย ข้าเป็ นองค์หญิงแห่ งม่อเป่ ย
......”

“เพีย !” มู่หรงเสวียตบหนัก ๆ เข้าทีหน้าของฉิ นยวีเยียน ตบจนนางต้องกลืนคําพูดทียังพูดไม่จบลงไป จะตายกัน


อยูแ่ ล้วยังจะมาวางมาดเป็ นองค์หญิงม่อเป่ ยอีกหรื อ ช่างไม่รู้เรื องรู ้ราว !
ฉิ นยวีเยียนกระอักเลือดออกมาคําหนึง แววตาเต็มไปด้วยไฟโกรธ “มู่หรงเสวีย เจ้ามาตีขา้ ด้วยเหตุใด ?”

“ก็เพราะเจ้าเป็ นคนลากดอกไม้ปีศาจกินคนมาขัดขวางการหายาของข้า ! ก็เพราะเจ้าเป็ นคนทีลากค้างคาวดูด


เลือดมา ทําให้ขา้ ต้องเฉี ยดเข้ากับความตาย และก็เพราะจิตใจอันโหดเหี ยมของเจ้า ตังใจผลักข้าตกเหวอย่างซึ ง ๆ
หน้า......”

นําเสี ยงเย็นชาของมู่หรงเสวียทียิงพูดก็ยงเพิ
ิ มความเย็นชาดังเข้าหู ของนาง ฉิ นยวีเยียนได้ยนิ เสี ยงดัง ‘ปั ง’ ในหัว
ของนางพลันขาวโพลน นางคิดว่านางแอบทําอย่างแนบเนี ยนแล้วเสี ยอีก นางไม่คดิ ว่ามู่หรงเสวียจะรู ้ทนั
แผนการของนางทังหมด......

ถึงนางจะรู ้ก็ไม่เป็ นไร เพราะอีกไม่นานมู่หรงเสวียก็จะตายแล้ว ความลับนี ก็จะตายไปพร้อมกับนางทีก้นเหว


นองจากนางแล้วก็จะไม่มีใครรู้เรื องนี !

แววตาของฉิ นยวีเยียนเปล่งประกายอย่างเยาะเย้ย จับเข้าทีไหล่ของมู่หรงเสวียแน่น !

มู่หรงเสวียชะงัก สายตาเห็นกิงไม้มากมาย ทันใดนันก็เกิดนึกอะไรขึนมาได้ นางสองคนตอนนีเป็ นฉิ นยวีเยียนที


อยูด่ า้ นบน ตนเองอยูด่ า้ นล้าง อีกไม่นานก็จะล่วงถึงก้นเหวแล้ว ฉิ นยวีเยียนเตรี ยมทีจะจับตัวของนางไว้แน่ น
เพือให้ตวั นางตกถึงพืนก่อน ต้องการจะให้ตวั นางกลายเป็ นแผ่นรองเนื อของตัวเอง ช่างเป็ นแผนการทีดีนกั นี !
มู่หรงเสวียยกยิมอย่างเย็นชา ตอนทีจะสัมผัสกับกิงไม้ เพียงพริ บตานางก็พลิกกายอย่างรวดเร็ ว สลับเปลียน
ตําแหน่งของคนทังสอง กลายเป็ นฉิ นยวีเยียนทีอยูด่ า้ นล่าง ส่ วนตัวนางอยูด่ า้ นบน......

ดวงตาของฉิ นยวีเยียนฉายแววหวาดกลัวขึนมาทันที ถึงแม้นางอยากจะทําอะไรตอนนี ก็สายไปเสี ยแล้ว กิงไม้กิง


แล้วกิงเล่าต่างกรี ดข่วนแผ่นหลังของนาง กรี ดจนกลายเป็ นบาดแผลทังลึกทังบาง แผลแล้วแผลเล่า ความเจ็บปวด
แสบร้อนค่อย ๆ แผ่ขยายจากแผ่นหลัง ฉิ นยวีเยียนกรี ดร้องอย่างเจ็บปวด ดังทะลุกอ้ นเมฆ “อ้า อ้า อ้า......”

“ตุบ !” หลังของฉิ นยวีเยียนร่ วงถึงพืน ความเจ็บปวดล้วนแทรกซึ มไปทัวทังร่ างกาย เสี ยงกรี ดร้องของนางหยุด
ลง ดวงหน้าซี ดขาวไร้เลือด ปากอ้ากว้างหอบหายใจ คล้ายกับปลาทีใกล้ตายตัวหนึ ง

แต่นางกลับไม่ตาย ดวงของนางช่างดียงนั
ิ ก!

มู่หรงเสวียขมวดคิว ค่อย ๆ ยันกายลุกขึน แหงนหน้ามองยอดไม้สูงใหญ่ทะลุฟ้า ต้นไม้มีความสู งทีสูงมากทังยัง


เบียดเสี ยดกันแน่ นหนา กิงไม้หนาช่วยลดแรงกระแทกของพวกนางทังสองเอาไว้ ต้นหญ้าบนพืนทังหนาแน่ นทัง
อ่อนนุ่ม ดังนันร่ างฉิ นยวีเยียนทีกระแทกเข้ากับพืนก็เลยไม่ถึงตาย !

“มู่หรงเสวีย เจ้าจิตใจโหดเหี ยมคิดร้ายต่อข้า ข้าขอสาปแช่งเจ้าให้ไม่ตายดี !” ฉิ นยวีเยียนถลึงตามองมู่หรงเสวีย


อย่างเกลียดชัง เสี ยงทีไร้เรี ยวแรง แววตาลุกโชนไปด้วยไฟโกรธเหมือนกับต้องการจะเผานางให้แหลกเป็ นจุล !

“หุ บปาก !” มู่หรงเสวียเตะเข้าไปทีฉิ นยวีเยียนอย่างแรง พูดด้วยนําเสี ยงเย็นชา “เป็ นเจ้าทีคิดร้ายต่อข้า ถึงได้ถูก


ข้าลากลงมาทีก้นเหวด้วย สภาพของเจ้าเช่นนี ต่างเป็ นตัวเจ้าเองทีเป็ นต้นเหตุ !”
ฉิ นยวีเยียนทีไม่ทนั ตังตัว ถูกเตะกลิงออกไปถึงสามสี เมตร ถึงจะหยุดนิงลง เสื อด้านหลังล้วนถูกกิงไม้ตดั ขาด
ยับเยิน บาดแผลเป็ นขีด ๆ เผยออกมาให้เห็น ระหว่างทีกลิงไปนันก็ถูกต้นหญ้าบาดซําเข้าไปอีกเจ็บปวดจนถึง
ทีสุ ด !

นางสู ดหายใจเข้าลึก ๆ แววตาเต็มไปด้วยความแค้น นางเป็ นองค์หญิงม่อเป่ ยทีฐานะสู งส่ ง เป็ นทีโปรดปรานดัง


ไข่ในหิ นของฮ่องเต้และฮองเฮาแห่ งแคว้นม่อเป่ ย ไม่ว่าใครทีอยูต่ ่อหน้านางล้วนต้องเคารพนอบน้อม ไม่มีใคร
กล้าแม้แต่จะชีนิวใส่ นาง !

แต่ม่หู รงเสวียกลับกล้าตบนาง เตะนาง ดูถูกนางเช่นนี สมควรตายยิงนัก !

นางอดกลันต่อความเจ็บปวดพลางหยัดกายขึน ฉิ นยวีเยียนมองไปยังท้องฟ้ า ร้องเรี ยกเสี ยงดัง “ออกมา !”

ทันใดนันสายลมก็พดั กระเพือมเบา ๆ จํานวนสี สาย แล้วปรากฏร่ างของคนสี คนโผล่ออกมาในอากาศ พวกเขาอยู่


ในชุดสี นาตาล
ํ ใบหน้าโพกด้วยผ้าสี นาตาล
ํ ในมือถือดาบ ปรากฏกายทีด้านหน้าของฉิ นยวีเยียน โค้งกายเคารพ
ไปทีนาง “องค์หญิง !”

แววตาขอวฉิ นยวีเยียนปรากฏความเยือกเย็นดังคมดาบ จ้องมองไปทางมู่หรงเสวียอย่างแสนเกลียดชัง พลางกัด


ฟันพูด “ฟันนางให้แหลกเป็ นชิน ๆ !”

“พ่ะย่ะค่ะ !” เหล่าคนเสื อนําตาลต่างรับคํา ดึงดาบทีเอวออกจากฝัก พุ่งทะยานไปทางมู่หรงเสวียอย่างโหดเหี ยม


......
ตอนที 64 ฆ่ าคนชุดนําตาล
ข้างกายของฉิ นยวีเยียนกลับมีองครักษ์เงาติดตาม ช่างเกินความคาดหมายยิงนัก ลมหายใจและฝี เท้าของคนชุด
นําตาลช่างบางเบา ดูท่าแล้ววรยุทธ์คงไม่เลวนัก แต่ว่าถึงแม้พวกเขาอยากจะฆ่านาง ก็คงไม่ได้ง่ายดายขนาดนัน !

ดวงตาของมู่หรงเสวียปรากฏแววเยือกเย็น ดึงเอากระบีออกมาจากเอว ตังรับการโจมตีจากคนชุดนําตาลอย่างไม่


หวาดกลัว

ชัวขณะนัน ลมก็พดั โบกไปมา ต้นไม้ใบหญ้าต่างพลิวไหว เปล่งประกายอย่างเยือกเย็น เงาร่ างของคนวูบไหวไป


มา

มู่หรงเสวียถือกระบี ฟาดฟั นด้วยประกายเยือกเย็น การโจมตีทงหมดที


ั พุ่งมาทางนางล้วนถูกยับยัง ฝ่ ายนันสี คน
ต่อนางหนึงคน แต่นางก็ไม่ได้ตกเป็ นรองแม้แต่นอ้ ย

แววตาเย็นชาของคนเสื อนําตาลเข้มขึน ทังสี คนกระโดดลอยตัวขึน พลางใช้ปราณดาบแหลมคม พุ่งแทงเข้าไป


ทีมู่หรงสวียทีอยูต่ รงกลางอย่างพร้อมเพรี ยงกัน !

มู่หรงเสวียตวัดกระบีปั ดป้ องปราณดาบทังสามจนสลายหายไป ปราณดาบอีกสายหนึงหลุดพ้นการสกัดกันของ


นาง พุ่งตรงเข้าไปเฉี ยดกับเส้นผมด้านบนศีรษะของนาง เส้นผมสี ดาํ สลวยกระจุกหนึงถูกตัดขาดร่ วงลงสู่ พน......

มู่หรงเสวียหรี ตาลง คนชุดนําตาลอาศัยความพิสดารแปลกประหลาดของวรยุทธ์ทีไร้ความปรานีและเต็มไปด้วย
โหดเหี ยม ดูเหมือนจะไม่ใช่วรยุทธ์ของแคว้นชิงเหยียน น่าจะเป็ นฮ่องเต้ของแคว้นม่อเป่ ยทีมอบองครักษ์เงา
ให้กบั ฉิ นยวีเยียน วรยุทธ์ของพวกเขาแต่ละคนล้วนแล้วแข็งแกร่ ง พลังปราณหนาแน่ น แต่นางกลับไม่มีพลัง
ปราณทังยังมีแค่ตวั คนเดียว ถ้ายังปะทะต่อไปเช่นนีเรื อย ๆ แน่นอนว่านางต้องแพ้ ! หากอยากจะกําจัดพวกเขา
จําต้องใช้แผนหนามยอกต้องเอาหนามบ่ง

มู่หรงเสวียยกยิมทีมุมปากน้อย ๆ เพียงขยับเท้าบางเบา ร่ างบางก็หาย ‘สวบ’ เข้าไปในป่ าทีรกทึบด้านข้าง


องครักษ์เงา องครักษ์เงา พวกเขาเป็ นได้แค่เพียงราชาในเงามืด แต่ถา้ เข้าป่ าแล้วละก็มนั ก็จะกลายเป็ นสนามล่า
ของนาง !

พวกคนชุดนําตาลกระโดดตามเข้าไปในป่ า ในสายตานอกจากต้มไม้ก็มีเพียงต้นหญ้าต่าง ๆ นา ๆ ไม่พบร่ องรอย


ของมู่หรงเสวียเลยแม้แต่เงา

คนด้านหน้าสุ ดหรี ตาลง “แยกกันตามหา !”

“ขอรับ !” เหล่าคนชุดนําตาลพากันตอบรับ กระจายกันออกไปสี ทิศทาง แยกกันตามออกไปทางเหนือ ใต้ ออก


ตก

ในป่ าเต็มไปด้วยต้นหญ้าหลากหลายสายพันธุ์ กิงไม้ ลําต้นล้วนพันกันยุง่ เหยิงไปมา ดูรกรุ งรัง คนเสื อนําตาลก้าว


เท้าไปด้านหน้าอย่างระมัดระวัง แววตาคมกริ บระแวดระวังภัยไปรอบทิศทาง
ทันใดนัน ก็ได้ยนิ เสี ยงกุกกักดังขึนด้านหลัง คนชุดนําตาลดวงตาสว่างวาบ กําดาบพุ่งออกไป ปลายดาบแทงเข้า
กับต้นไม้ ซึ งด้านหน้ากลับมีเพียงความว่างเปล่า คนชุดนําตาลถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ทีแท้กเ็ ป็ นแค่
ใบไม้ ทําให้เขาตกใจเข้าเสี ยแล้ว

ทว่าอยู่ ๆ ก็ปรากฏใบหน้างดงามเรี ยวเล็กขึนด้านหน้าของคนชุดนําตาล ช่วงทีกําลังตืนตระหนกอยูน่ นั นางก็


ตวัดมือขึนเบา ๆ แสงสี เงินสว่างวาบพุ่งผ่าน เลือดสี แดงสดสาดกระจายไปทัวบริ เวณ คนชุดนําตาลเอามือกุม
แน่นไปทีคอ ค่อย ๆ ล้มลงไปกับพืน ดวงตาเบิกกว้าง แววตาเต็มไปด้วยความตกใจและคาดไม่ถึง

มู่หรงเสวียปรายตามองซากศพของเขาทีนอนตายตาไม่หลับ หยิบเอาผ้าผืนหนึง ค่อย ๆ เช็ดเลือดทีกระบี แววตา


เยือกเย็นดังนําแข็ง นางเป็ นคนศตวรรษที 21 คุณหนูสายตรงแห่ งตระกูลมู่หรง ตังแต่เล็กก็ถูกอบรมสังสอนมา
อย่างเข้มงวด การโจมตีระยะใกล้ ลอบสังหาร การใช้ปืน ตัวยาล้วนแล้วผ่านการเรี ยนรู ้มาทังหมด

ตอนทีนางอายุ 18 ปี ตระกูลได้จา้ งนักฆ่ามากมาย เพือมาทดสอบนาง นางถูกพวกเขาล้อมกรอบล่าอย่างบ้าคลัง


อยูภ่ ายในหุ บเขา แต่นางก็ฆ่าพวกนักฆ่าทีเก่งกาจมีผมี ือตกตายไปมากมาย จนสามารถหนีออกมาสู่โลกภายนอก
ได้ ตรงหน้าก็แค่พวกองครักษ์เงาในยุคโบราณกระจอกงอกง่อยเท่านัน ไม่มีทางระคายมือนางหรอก !

ช่วงทีมาอยูช่ ิงเหยียน นางมัวแต่ยงุ่ วุน่ วายอยูก่ บั การต่อกรกับหญิงเฒ่าแซ่ ตู ้ เลยไม่ได้ฝึกฝนเสี ยเท่าไหร่ นกั แต่
ตอนนี คนชุดนําตาลกลับมอบโอกาสให้นางได้ฝึกฝนฝี มือ จะไม่ให้นางยินดีได้อย่างไร !

มู่หรงเสวียหรี ตาลง โยนผ้าเปื อนทีเลือดทิงออกไป พลางกลับหลังหัน ก้าวยาว ๆ ไปด้านหน้า ยกยิมมุมปากเยือก


เย็น ตอนนีเกมส์ ได้เปลียนทิศทางแล้ว เปลียนเป็ นนางทีไล่ล่าพวกคนชุดนําตาลพวกนันแท นางรับรองได้ว่าจะ
ให้พวกเขาได้ตายอย่างรื นรมย์......
ป่ าทีเงียบสงัดจนผิดปกติ ทําให้คนชุดนําตาลไม่กล้าประมาท มือกําดาบ ก้าวเดินไปด้านหน้าอย่างช้า ๆ กวาด
สายตามองไปโดยรอบ หู ฟังความเคลือนไหวทีดังมาจากรอบด้าน

ร่ างบางของมู่หรงเสวีย ค่อย ๆ หย่อนตัวลงมาจากกิงไม้อย่างไร้เสี ยง อยูด่ า้ นบนหัวของชายชุดนําตาล ด้านคม


ของกระบีในมือปาดเข้าทีคอของเขา รอยแผลสี แดงสดค่อย ๆ เปิ ดออกจนเลือดไหลออกมา จนมันค่อย ๆ กว้าง
ขึน คนชุดนําตาลร่ างกายแข็งค้าง ดวงตาเบิกกว้าง เต็มไปด้วยความหวาดกลัวล้มลงกับพืน......

ขนาดสิ นลมหายใจแล้ว เขายังไม่รู้ตวั ว่ามู่หรงเสวียไปโผล่ดา้ นบนหัวของเขาได้ตงแต่


ั เมือไร

“อันสาน !” เสี ยงร้องเรี ยกอย่างตกใจสายหนึงลอยกระทบเข้ากับหู แววตาของมู่หรงเสวียเย็นเยียบ บรรยากาศ


รอบกายเหมือนมีมวลอากาศหนาแน่ นขึนมา ฝี เท้าบางเบาพุ่งไปทีด้านหน้าของชายชุดนําตาล กระบีฟาดออกมา
ด้วยรัศมีทีคาดไม่ถึง พุ่งทะลุเข้าไปทีหัวใจของคนชุดนําตาล เลือดสี แดงสดไหลทะลักออกมา ตอบรับกับพระ
อาทิตย์ยามเช้าทีค่อย ๆ ลอยเด่นขึน ช่างดูสะดุดตา.....

มู่หรงเสวียดึงกระบีออกมา เดินออกไปหาเหยือรายสุ ดท้ายทีละก้าว เลือดสี แดงสดค่อย ๆ ไหลลงไปรวมกันที


ปลายดาบ หยดลงบนพืนหญ้าสี เขียวทีละหยดสองหยด......

คนชุดนําตาลคนสุ ดท้าย เป็ นคนทีเก่งกาจทีสุ ด มือของเขากําดาบเอาไว้แน่น เคลือนไหวไปในป่ าอย่าง


ระมัดระวัง แววตาเต็มไปด้วยความเตรี ยมพร้อม แค่ลมพัดหรื อใบหญ้าสันไหวน้อย ๆ เขาก็ลว้ นสัมผัสได้
มู่หรงเสวียกระโดออกจากกิงไม้หนาทึบ กระบีในมือฟันเป็ นแนวตังตรงลงบนหัวของเขา ฟันจนหว่างคิวของเขา
ปรากฏลอยแผลลากเป็ นทางยาว......

เขาเบิกตากว้างด้วยความสันกลัว หลังจากนันไม่นาน เสี ยง ‘ตุบ’ ก็ดงั ขึน ทังร่ างล้มลงกับพืน......

แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหว คนชุดนําตาลทังสี คนต่างตายไปหมดแล้ว รายต่อไปนางควรไปแก้แค้นกับหัวหน้า


ของพวกเขา !

ก้อนเมฆหมอกหนาล้วนคลายออก แสงสี ทองค่อย ๆ สาดส่ องทะลุกอ้ นเมฆลงสู่ พนดิ


ื น

ฉิ นยวีเยียนในชุดกระโปรงทีขาดเสี ยหายยับเยินนังอยูบ่ นพืนหญ้าภายใต้ตน้ ไม้ใหญ่ หยิบเอายารักษาบาดแผลที


ชายชุดนําตาลทิงเอาไว้ให้ ค่อย ๆ ทาลงไปทีแผลทีนางสามารถมองเห็นได้ ความเจ็บปวดระลอกแล้วระลอกเล่า
แล่นปลาบขึนมา เจ็บจนนางต้องขมวดคิว มู่หรงเสวียทีชัวร้าย กล้าทําให้ตวั นางบาดเจ็บได้ถึงเพียงนี ให้องครักษ์
เงาสับนางให้เป็ นพัน ๆ ชิน ก็ยงั ไม่สามารถทดแทนความเจ็บของนางได้ !

คนชุดนําตาลผูห้ นึงเดินออกจากป่ ามา ค่อย ๆ เดินมาด้านหน้าของนาง ฉิ นยวีเยียนมองไปทางเขาอย่างไม่ใส่ ใจ


นัก กล่าวเพียงเสี ยงเย็น “มู่หรงเสวียตายแล้วหรื อยัง ?”

“ขอโทษด้วยองค์หญิงยวีเยียน ข้ายังมิตาย ทําให้ท่านผิดหวังแล้ว !” เสี ยงหัวเราะสดใสทีตอบกลับมาดังเข้าหู


ร่ างกายของฉิ นยวีเยียนแข็งค้าง ค่อย ๆ หันไปมองอย่างช้า ๆ เห็นคนชุดนําตาลเมือครู่ ค่อย ๆ ถูกผลักออก เผยให้
เห็นใบหน้าเรี ยวงามของมู่หรงเสวีย นางเบิกตากว้างด้วยความหวาดกลัว “ทําไมเจ้าถึง.......ทําไมเจ้าถึง......”
“พวกองครักษ์เงาของเจ้าช่างไม่ได้เรื องเอาเสี ยเลย ข้าก็เลยฆ่าพวกเขาทิงเสี ย แล้วก็เดินออกมานี อย่างไร !” มู่หรง
เสวียพูดเหมือนเป็ นเรื องปกติ แววตาทียิมแย้มนัน ไม่ว่าดูยงั ไงก็มีแต่ความท้าทายและได้ใจ

“เป็ นไปได้อย่างไรกัน ?” ฉิ นวีเยียนกรี ดร้องเสี ยงดัง องครักษ์เงาพวกนันเป็ นเสด็จพ่อทีมอบให้นาง เป็ นองครักษ์


เงาทีเก่งทีสุ ดของม่อเป่ ย ไม่ว่าจะมีฝีมือมากมายขนาดไหน ล้วนไม่เคยรอดพ้นจากนํามือของพวกเขา มู่หรงเสวีย
ทําไมนางถึงจัดการพวกเขาได้......

“จะเชือหรื อไม่เชือก็เรื องของเจ้า เพราะไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ตกตายไปแล้ว ไม่มีคนมาหยุดยังให้ขา้ แก้แค้นเจ้า


อีกแล้ว !” มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ เดินเข้าไปหาฉิ นยวีเยียนทีละก้าว ทุก ๆ ก้าวนันล้วนได้ยนิ เสี ยงยําเท้ากับพืน
คล้ายกลับเสี ยงก้าวเท้าของเทพแห่ งความตายทีค่อย ๆ คืบคลานใกล้เข้ามา......
ตอนที 65 ฉินวีเยียนบาดเจ็บสาหัส
แววตาของฉิ นวีเยียนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว นางกรี ดร้องเสี ยงแหลม ค่อย ๆ หันหลังวิงไปอย่างโซซัดโซเซ !

มู่หรงเสวียยกยิมมุมปากอย่างเยือกเย็น ร่ างกายไหววูบ เพียงพริ บตาเดียวก็มาปรากฏตัวอยูต่ รงหน้าของฉิ นยวี


เยียน ขวางทางหนี ของนางไว้ ขณะทีนางหวาดกลัวจนทําอะไรไม่ถูกอยูน่ นั มู่หรงเสวียก็ถีบเข้าไปทีนางหนึ งที
ถีบจนนางล้มลงไปกับพืน แล้วกลิงขลุกขลักไปด้านหน้า......

มู่หรงเสวียค่อย ๆ เยืองย่างตามไปอย่างช้า ๆ ทุกครังทีร่ างของฉิ นยวีเยียนหยุดนิง นางก็จะถีบเข้าไปอีกหนึงที ทํา


ราวกับว่าฉิ นยวีเยียนเป็ นลูกบอล เตะนางกลิงจนหมุนตลบไปข้างหน้า......

ใครใช้ให้เจ้าหาปั ญหามาให้ขา้ !

ใครใช้ให้เจ้าคิดร้ายต่อข้า !

ใครใช้ให้เจ้าใช้ขา้ เป็ นเบาะรองเนือ !

“อ้า......อ้า......อ้า !” ก้นเหวทีเงียบสงบถูกกลบด้วยเสี ยงกรี ดร้องโหยหวนของฉิ นยวีเยียน ผมเผ้าของนางยุง่ เหยิง


จนดูแทบไม่ได้ สิ งของทีติดตัวนางร่ วงหล่นลงกับพืนทีละชินสองชิน เสื อผ้าบนตัวถูกเศษหิ นบนพืนขูดจนขาด
เป็ นสาย ๆ ผิวเรี ยบเนียนถูกบาดจนเป็ นรอยแผลมากมายเสี ยนับไม่ถว้ น บ้างแนวนอนบ้างแนวตัง ดูแล้วน่ าอนาถ
ยิงนัก ฉิ นยวีเยียนทนอดกลันความเจ็บปวด ในใจรู ้สึกโกรธเกลียดเหลือคณา ตะคอกขึนเสี ยงดัง “มู่หรงเสวีย ! ถ้า
เจ้ากล้าก็ฆ่าข้าเสี ย !”

“ฆ่าเจ้าเพียงแค่ดาบเดียว มันดูจะสบายสําหรับเจ้าเกินไป ข้าจะทรมานให้เจ้าตายลงอย่างช้า ๆ !” เสี ยงตอบสบาย


ๆ ลอยเข้าหู แววตาของฉิ นวีเยียนลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ กัดฟั นพูด “มู่หรงเสวีย เจ้าโหดเหี ยมอํามหิ ตยิงนัก !”

“ข้าโหดเหี ยม ? ฉิ นยวีเยียน เจ้าให้คนชุดนําตาลมาสับข้าเป็ นชิน ๆ เช่นนันมิได้อยากทรมานข้าหรอกหรื อ ? ทีข้า


ทําอยูต่ อนนี ข้าก็แค่เรี ยนรู ้มาจากเจ้าเท่านัน !”

มู่หรงเสวียยิมเปล่งประกาย เริ มเตะเข้าไปทีบาดแผลทีอกของฉิ นยวีเยียนอีกครัง เตะจนเสื อผ้าของนางแหวกออก


จนแผ่นหนังแกะแผ่นหนึ งล่วงลงมา !

มู่หรงเสวียกะพริ บตาช้า ๆ ก้มตัวลงไปเก็บขึนมา เห็นแผ่นหนังแกะเหลืองซี ดไปทังแผ่น ดูท่าว่าจะเก่าแก่มาก


ด้านบนเขียนด้วยตัวอักษรสี ดาํ เส้นตรง เส้นโค้ง เมือเรี ยบ ๆ เคียง ๆ ดูแล้ว คล้ายกับแผนทีของพืนทีตรงไหนสัก
แห่ ง......

มู่หรงเสวียหรี ตาลง เตรี ยมทีจะดูแผนทีอย่างละเอียด ฉิ นยวีเยียนทีบาดเจ็บสาหัสก็เด้งตัวลุกขึนมาพุ่งเข้าใส่ นาง


“คืนมันกับให้ขา้ !”
“ไสหัวไป !” มู่หรงเสวียหลบการโจมตีของนาง ยกเท้าถีบไปทีนาง ด้วยจังหวะทีเหมาะเจาะพอดีทาํ ให้เท้าถีบเข้า
ทีใบหน้าของนางพอดิบพอดี ได้ยนิ เสี ยง ‘ปุ’ สายหนึงดังขึน ฟันสองซี กกับเลือดสี แดงสดไหลออกมาจากปาก
ของฉิ นยวีเยียน......

มู่หรงเสวียไม่สนใจ มองไปทางนางอย่างผูท้ ีอยูเ่ หนื อกว่า กล่าวขึนเสี ยงสู งว่า “หนังแกะแผ่นนี เป็ นของข้าแล้ว
และเพือเป็ นสิ นนําใจ ข้าจะให้เจ้าตายอย่างสบาย ๆ แล้วกัน ไหนลองพูดมาสิ ว่าเจ้าอยากตายอย่างไร !”

นางไม่รู้ว่ารู ปวาดด้านบนของแผนทีมันคืออะไร และก็ไม่ได้สนใจมันเป็ นพิเศษด้วย แต่ดูเหมือนฉิ นยวีเยียนจะ


หวงแหนหนังแกะแผ่นนี มากนักหนา นางจึงเอาหนังแกะแผ่นนี มาเป็ นของตนต่อหน้าฉิ นยวีเยียน เพือทีจะยัว
โมโหนาง

“มู่หรงเสวีย ข้าจะฆ่าเจ้า !” ฉิ นวีเยียนตะโกนด้วยความโกรธ หยิบเครื องประดับทองก้านหนึ ง พุ่งไปทางมู่หรง


เสวียอย่างโหดเหี ยม ดวงตาเปล่งประกายอํามหิ ต คล้ายกับกําลังจะมอบความตายให้มู่หรงเสวีย !

จะฆ่านางงันหรื อ ! ช่างไม่เจียมตน !

มู่หรงเสวียยกเท้าออกเท้าหนึ งอย่างเฉยชา เตะจนฉิ นยวีเยียนกระเด็นออกไปไกลประมาณสามสี เมตร ก้าวเทาเบา


ๆ หนึ งครัง เพียงพริ บตาเดียวร่ างบางก็ไปปรากฏด้านหน้าของฉิ นยวีเยียน กระบีในมือแทงเข้าไปทีหัวใจของ
ฉิ นยวีเยียนอย่างไม่ยงมื
ั อ ถ้านางอยากตายนัก ก็จะให้นางได้ตายอย่างสมใจ !
สายตาเห็นปลายดาบแหลมคมทีอีกนิดจะแทงเข้าไปทีร่ างของฉิ นยวีเยียน พลันก็ปรากฏมือใหญ่มือหนึงพุ่ง
ออกมาจับเข้าทีข้อมือของมู่หรงเสวียเอาไว้แน่ น ไม่ว่านางจะออกแรงเท่าไร ก็ไม่สามารถยืนมือออกไปแทงได้
อีก

มู่หรงเสวียขมวดคิวแล้วหันไปมอง พบเข้ากับดวงหน้าทีเย็นชาของเย่อีเฉิ น เขามองนางอย่างเย็นชา แววตาเยือก


เย็นดังนําแข็ง “มู่หรงเสวีย เจ้าช่างโหดเหี ยมเกินไปแล้ว......”

ไม่ผดิ ทีเป็ นหญิงร้ายชายเลวทีชอบพอซึ งกันและกัน แม้แต่คาํ ทีต่อว่านางก็ยงั เหมือนกันไม่มีผิด !

มู่หรงเสวียยกยิมเย็นชา ปั ดมือของเขาทีเกาะกุมมือของนางออก พูดด้วยนําเสี ยงเรี ยบเย็น “ข้าก็ลว้ นเรี ยนมาจาก


คนในดวงใจของท่าน !”

เย่อีเฉิ นใช้สายตาคมกริ บกวาดตามองไปฉิ นยวีเยียนทียังสลบอย่างไม่ได้สติ ค่อย ๆ หันกลับมามองทีร่ างของมู่


หรงเสวีย “ข้ารู ้จกั กับฉิ นยวีเยียนมาสามปี รู ้ดีถึงนิสัยของนาง นางฉลาด งดงาม จิตใจดี ไม่มีทางทีจะโหดร้ายได้
เหมือนเจ้า มู่หรงเสวีย ถ้าเจ้ายังจะว่าร้ายนางเช่นนีอีก ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ......”

เมือจบคํา อาอีอาเอ้อร์ กด็ ึงดาบออกจากฝักจนเสี ยงดัง ‘เช้ง’ ปลายดาบคมกริ บเปล่งประกายอํามหิ ตภายใต้


แสงแดดทีสาดส่ อง ชีปลายดาบมาทางมู่หรงเสวีย

มู่หรงเสวียไม่สนใจ นางเพียงยกยิมอย่างเย็นชา ฉิ นยวีเยียนน่ ะหรื อจิตใจดีงาม ? นีเป็ นเรื องน่ าขันทีสุ ดเท่าทีนาง
เคยได้ยนิ มา !
นางออกเท้าเพียงบางเบาก็ไปปรากฏตัวทีต้นไม้ใหญ่ทนั ที ยกศพชายชุดนําตาลขึนมาโยนไปทางด้านหน้าของเย่
อีเฉิ น “นีเป็ นองครักษ์เงาของฉินยวีเยียน เมือหนึงชัวยามก่อน นางสังการให้พวกมันมาสับข้าเป็ นชิน ๆ......แม้แต่
วิธีการตายของข้า นางก็คิดแทนให้เสร็ จสรรพ ทังยังสังการให้องครักษ์เงาปลดปล่อยข้าให้ขึนสวรรค์อย่างเปล่า
ๆ องค์หญิงฉิ นของท่านจิตใจช่างดีงามยิงนัก......”

นําเสี ยงเย็นชาของหญิงสาวแฝงไปด้วยความดูถกู เย่อีเฉิ นทําเป็ นไม่ได้ยนิ ดวงตาคมกริ บจ้องเขม็งไปทีศพของ


องครักษ์เงา แววตาวูบไหวไปด้วยความตืนตระหนกเล็กน้อย......

ช่วงทีเขากําลังตืนตระหนกอยูน่ นั เพียงแวบเดียวก็กลับถูกมู่หรงเสวียจับได้ “จิงอ๋ อง ท่านจะแปลกใจไปทําไมกัน


? เป็ นเพราะคิดไม่ถึงว่าฉิ นยวีเยียนจะสังให้องครักษ์เงามาสังหารข้า หรื อว่าเพราะคาดไม่ถึงว่าฉิ นยวีเยียนจะมี
องครักษ์เงาอยูข่ า้ งกาย......”

เมือพูดถึงตรงนี มู่หรงเสวียก็กลับคิดได้ว่าตอนทีฉิ นยวีเยียนกับเย่อีเฉิ นถูกดอกไม้ปีศาจกินคนไล่ตามหรื อช่วงที


ถูกค้างคาวดูดเลือดล้อมกรอบไว้ ฉิ นยวีเยียนก็ไม่ได้เรี ยกองครักษ์เงาให้ออกมา เย่อเฉิ
ี นก็ไม่ได้บอกให้นางเรี ยก
ก็คงน่าจะเป็ นไปได้วา่ เย่อเฉิ
ี นน่ าจะไม่รู้ว่าข้างกายฉิ นยวีเยียนจะมีองครักษ์เงา !

“ข้างกายของฉิ นยวีเยียนมีองครักษ์เงาคอยปกป้ อง เรื องทีสําคัญเช่นนี นางกลับไม่ได้บอกจิงอ๋ อง มิใช่ว่าจิงอ๋ อง


เป็ นทุกสิ งทุกอย่างของนางอย่างนันหรื อ ? ทําไมนางถึงมีความลับปิ ดบังกับจิงอ๋ องได้......”
ํ ยงเสแสร้งแกล้งทําเป็ นตกใจของมู่หรงเสวีย ได้ปิดบังความยินดีทีได้เห็นคนอืนเป็ นทุกข์ไว้อยู่ ฉิ นยวี
ภายใต้นาเสี
เยียนกับเย่อเฉิ
ี นต่างเชือมันซึ งกันและกัน รักใคร่ ปรองดองกัน ช่างน่าชืนชมยิงนัก......

แต่อยู่ ๆ ก็เกิดเรื องเช่นนี ขึนมาทําให้จิตใจของเย่อีเฉิ นพลันว้าวุ่นยุง่ เหยิง ตะคอกขึนมาอย่างเสี ยงดัง “มู่หรงเสวีย


เจ้าอย่ามายุแยงความสัมพันธ์ของข้ากับยวีเยียนอีก......”

“เย่อีเฉิ น ความสัมพันธ์ของพวกท่านจะดีหรื อเลวนันล้วนอยูต่ รงหน้าท่าน ยังต้องให้ขา้ ยุแยงอีกหรื อ ? ข้ามาหา


ตัวยาทีหุ บเขาหวีซาน มิใช่มาให้ดอกไม้ปีศาจกินคนกับค้างคาวดูดเลือดไล่ตามฆ่า พวกท่านล้วนนําความลําบาก
มาให้ขา้ ผลักข้าตกเหวจนเกือบตาย ไม่ขอโทษไม่เป็ นไร แต่ยงั จะมาต่อว่าว่าข้าไม่ดีงามเลิศเลอเท่าพวกท่าน......
ความคิดของท่านอ๋ องเทพสงคราม ช่างยอดเยียมจนพวกเราตืนตาตืนใจยิงนัก !”

มู่หรงเสวียปรายมองเขาอย่างดูถูกเพียงครัง หมุนกายก้าวเท้ายาว ๆ ออกไปด้านหน้าโดยไม่หนั กลับไปมองอีก

เมือมองไปทีร่ างบางของนาง เย่อีเฉิ นก็หรี ตาลง กล่าวด้วยนําเสี ยงเย็นชา “เจ้าจะไปไหน ?”

“เรื องของข้าล้วนไม่เกียวกับท่าน ท่านดูแลองค์หญิงฉิ นให้ดีเถอะ ข้าลืมบอกท่านไปเรื องหนึ ง ฉิ นยวีเยียนถูกข้า


ทุบตีจนภายในบอบชํา ท่านควรรี บพานางไปหาหมอรับการรักษาอย่างเร่ งด่วน ถ้าหากช้าไป นางก็คงจะ
กลายเป็ นซากศพซากหนึงเท่านัน พอถึงเวลานัน อย่าได้มากล่าวหาว่าข้าอิจฉาริ ษยา จนฆ่าคนรักของท่านเสี ยล่ะ
......” มู่หรงเสวียไม่หยุดฝี เท้า ตอบทัง ๆ ทีไม่หนั กลับไปมอง เพราะว่าเย่อีเฉิ นอยูท่ ีนี นางจึงฆ่าฉินยวีเยียนไม่ได้
แล้ว รอให้หาต้นตีหยางให้เจอก่อนเถอะ ความแค้นระหว่างนางกับฉิ นยวีเยียนค่อย คิดบัญชีกนั ทีหลังก็ยงั ไม่สาย

ดวงตาสี ดาํ ของเย่อีเฉิ นพลันมืดมิดดังนําหมึก อาอีอาเอ้อร์ ต่างส่ งสายตาให้กนั และกัน

อาอีอาเอ้อร์ ลว้ นเข้าใจถึงความหมายทีต่างฝ่ ายสื อให้กนั ร่ างกายไหววูบ พริ บตาเดียวก็ไปปรากฏทีด้านหน้า


ของมู่หรงเสวีย ขวางนางเอาไว้ ......
ตอนที 66 เข้ าปะทะ
“พวกเจ้าจะทําอะไร ?” มู่หรงเสวียเลิกคิว มองอาอีอาเอ้อร์ ดว้ ยสายตาทีแฝงไปด้วยความเย็นชา

“หุ บเขาหวีซานเป็ นพืนทีอันตราย คุณหนูม่หู รงเดินทางคนเดียวเกรงว่าจะได้รับอันตราย ท่านอ๋ องจึงต้องการเชิญ


ให้คุณหนู ม่หู รงร่ วมเดินทางไปด้วยกัน !” ใบหน้าของอาอีฉายแววเคร่ งขรึ ม นําเสี ยงเงียบสงบแฝงไปด้วยคําสังที
ห้ามขัดขืน

“หากข้าบอกว่าไม่ล่ะ ?” มู่หรงเสวียเลิกคิวเบา ๆ คล้ายยิมคล้ายมิยมิ ร่ วมเดินทางไปด้วยกันงันหรื อ ? พูดเสี ยสวย


หรู จริ ง ๆ แล้วก็คงต้องการควบคุมตัวนางไว้ ต้องการจะจับนางเป็ นตัวประกันไม่ใช่หรอกหรื อไง ? พอฉิ นยวี
เยียนฟื นขึนมาก็จะได้แก้แค้นนางได้ นางไม่มีทางยอมให้เป็ นไปตามความต้องการของพวกเขาแน่ !

“ถ้าเช่นนันพวกข้าน้อยก็คงต้องล่วงเกินแล้ว !” อาอีตวัดฝ่ ามือ ปลายดาบแหลมคมพุ่งไปทางคอของมู่หรงเสวีย


ทันที

มู่หรงเสวียยกยิมเย็นชา นางสะบัดมือวูบหนึง กระบีกวาดผ่านข้อมือของทังอาอีและอาเอ้อร์ กรี ดจนเกิดรอย


แผลเป็ นทางยาว เลือดสี แดงเข้มไหลริ นออกจากบาดแผล ดาบในมือของทังสองคนร่ วงลงสู่ พนจนเกิ
ื ดเสี ยง
ดัง ‘เคร้ง เคร้ง’ มือไม้ไร้เรี ยวแรง ไม่ว่าจะใช้แรงยกอย่างไรก็ไม่สามารถยกขึนมาได้......

ในแววตาตืนตะลึงของอาอีอาเอ้อร์ มู่หรงเสวียเก็บกระบีเข้าสู่ ฝักด้วยท่วงท่าทีงดงาม เดินผ่านพวกเขาไปอย่างยิง


ทะนง นางเดินตรงไปด้านหน้า คิดจะขมขูน่ างงันหรื อ ? ช่างไม่เจียมตน ! ตัดเส้นเอ็นไปคนละเส้น ให้พวกเขาไม่
มีปัญญาทีจะใช้ดาบได้อีก ดูสิวา่ พวกเขาจะเอาอะไรมาหยุดนาง !
เป็ นถึงทหารแห่ งวังจิงอ๋ อง แต่กบั แค่ผหู ้ ญิงทีบอบบางอ่อนแอนางหนึงกลับไม่สามารถต่อต้านได้ ช่างโง่เงา
ไม่ได้เรื องยิงนัก !

ดวงหน้าของเย่อีเฉิ นดุดนั ร่ างกายขยับวูบคล้ายดังเมฆสี ม่วงก้อนหนึ ง เพียงพริ บตาเดียวก็ไปหยุดอยูต่ รงหน้า


ของมู่หรงเสวีย ยืนมือคว้าเข้าทีไหล่ของนางเอาไว้

มู่หรงเสวียขมวดคิว เย่อีเฉิ นช่างเป็ นผีร้ายทีสลัดอย่างไรก็ไม่หลุด !

นางหลีกกายไปด้านข้าง หลบหลีกการโจมตีของเย่อีเฉิ น มู่หรงเสวียสวนกลับไปหนึ งฝ่ ามือ ตบเข้าทีเขาอย่าง


รุ นแรง !

เย่อีฉิ นยกมุมปากด้วยรอยยิมแปลกประหลาด หลบหลีกฝ่ ามือของนางทีฟาดลงมา ยืนมือไปคว้าจับเอาข้อมือของ


นางไว้ ดึงนางเข้าหาตน......

มู่หรงเสวียทีไม่ทนั ระวังตัว ขมวดคิวมองก็เห็นว่านางอยูห่ ่ างจากเขาไม่มากนัก เมือสายตาเห็นว่ากําลังจะปะทะ


เข้ากับอกของเขา มือข้างหนึงก็ยนออกมากลางอากาศ
ื ฟาดเข้าทีแขนของเย่อีเฉิ น
มือแกร่ งข้างหนึงยึดเอวของนางเอาไว้ ดึงนางเข้าไปในอ้อมกอดทีแสนอบอุ่น กลินหอมของไม้ไผ่ลอยกระทบ
เข้ากับจมูก ทําให้นางนึ กถึงคนผูห้ นึงขึนมา ! เมือเงยหน้าขึนไปมองก็เห็นเป็ นใบหน้าหล่อเหลาดังภาพวาด
เหมือนทีคาดไว้ไม่มีผดิ

“เจ้าเป็ นอย่างไรบ้าง ?” คุณชายโอวหยางก้มหน้าลงมองทีนาง แววตาสี ดาํ วูบไหวแฝงไปด้วยความห่ วงใย

มู่หรงเสวียส่ ายหน้า ยกยิมบางเบา “ท่านมาได้ทนั เวลาพอดี ข้าไม่เป็ นไร !”

คุณชายโอวหยางยกยิมอย่างงดงาม แววตาลําลึก หลังจากทีเขากระโดดลงจากเหวมาก็ไม่พบร่ องรอยของมู่หรง


เสวีย เขาจึงเร่ งรี บออกตามหาไปทัวบริ เวณโดยรอบ แต่คาดไม่ถึงว่ากลับมาช้าไปก้าวหนึง

......

เมือเงยหน้ามองไปทีตัวต้นเหตุชา้ ๆ แววตาของคุณชายโอวหยางพลันไหววูบด้วยความเยือกเย็น “เย่อีเฉิ น ข้าเคย


พูดไว้แล้วว่า ไม่อนุ ญาตให้เจ้ามายุง่ วุ่นวายกับมู่หรงเสวียอีก !”

ฝ่ ามือหยกสี ขาวเดียวกําเดียวผ่อน สายลมบาดผิวสายแล้วสายเล่าพุ่งออกจากแขนเสื อ เข้าหาเย่อีเฉิ นทัวทุกทิศทาง


อย่างไม่ยงมื
ั อ ท่าทางงามสง่าสู งส่ ง ทังยังเต็มไปด้วยอํานาจและความองอาจสมชายชาตรี

คุณชายโอวหยางเตรี ยมทีจะสังสอนเขางันหรื อ ?
คราก่อนทีริ มหน้าผาเป็ นเขาทีดูเบาศัตรู ประมาทเลินเล่อ ทําให้ถูกคุณชายโอวหยางโจมตีจนตกเหวไป ครานี เขา
จะรับมือด้วยความรอบคอบ คุณชายโอวหยางอย่าได้หวังว่าจะชนะเขาเลย !

ดวงตาคมกริ บของเย่อีเฉิ นหรี เล็กลง ฝ่ ามือภายใต้แขนเสื อเริ มขยับวูบไหวไปมา ปราณกล้าแกร่ งพุ่งออกรับมือกับ


พลังปราณทีคุณชายโอวหยางโจมตีมา......

“ปั ง ปั ง ปั ง !” พลังปราณแข็งแกร่ งปะทะกันกลางอากาศ ลมไร้รูปทีเกิดจากการปะทะกันดีดกลับ พัดผ่าน


ใบหน้าจนรู ้สึกเจ็บแสบ !

มู่หรงเสวียยืนอยูด่ า้ นข้างของคุณชายโอวหยางและเย่อีเฉิ น แต่กลับดูไม่ออกว่าพวกเขากําลังใช้กระบวนท่าอะไร


เห็นเพียงเสื อสี ขาวหิ มะของคุณชายโอวหยางโบกสะบัดไปมา คล้ายกับดอกบัวหิ มะดอกหนึงทีกลีบดอกพุ่ง
ออกไปสายแล้วสายเล่า โจมตีไปทางเย่อีเฉิ น......

แววตาของเย่อีเฉิ นเยือกเย็น ออกกระบวนท่า พลังปราณภายในฝ่ ามือพุ่งออกไปทางคุณชายโอวหยางอย่างไม่


หยุดยัง

ทังสองต่างเป็ นจอมยุทธ์ยอดฝี มือ ฝี มือล้วนสู งส่ ง พลังปราณแข็งแกร่ ง การปะทะของทังสองคนเต็มไปด้วย


ความดุเดือด ในช่วงเวลาอันสันยากจะหาผูแ้ พ้ชนะได้ !
อยู่ ๆ เสี ยงรายงานร้อนรนสายหนึงก็ดงั ขึน “ท่านอ๋ อง องค์หญิงฉิ น......ดูท่าจะไม่ดีแล้ว......”

เย่อีเฉิ นทีได้ยนิ ดังนัน ฝ่ ามือพลันหยุดชะงัก พลังปราณก็เบาบางลง

ชัวพริ บตา พลังปราณของคุณชายโอวหยางก็ทะลุการสกัดกันของเขาไปได้และพุ่งตรงไปทีบ่าของเขา ได้ยนิ


เสี ยง ‘ฉึ ก ฉึ ก ฉึ ก’ ดังขึน ทีบ่าของเขาปรากฏรอยแผลกว้างสามแห่ ง เลือดสี แดงสดไหลทะลักออกมา.....

เย่อีเฉิ นสบถเบา ๆ ขมวดคิวเข้าหากันแน่ น พลังปราณของเขายุง่ เหยิงเล็กน้อย ปรายตามองคุณชายโอวหยางทีไร้


ซึงบาดแผล แววตาของเขาก็กลายเป็ นเคร่ งขรึ ม ค่อย ๆ ดึงพลังปราณกลับหมุนกายไปทางฉิ นยวีเยียน

โอกาสทีจะได้ปะทะกับคุณชายโอวหยางยังมีอีกมากนัก แต่วา่ ฉิ นยวีเยียนนันมีเพียงชีวิตเดียว อาการของยวีเยียน


ทรุ ดหนัก เขาคงไม่สามารถประลองต่อไปได้อีก......

คุณชายโอวหยางมองไปทีแผ่นหลังของเขาค่อย ๆ ดึงพลังปราณกลับมา แขนเสื อสี ขาวหิ มะลู่ลง ยืดตัวขึนตรง ดู


สง่างามจนหาใดเปรี ยบ !

มู่หรงเสวียขมวดคิว มองไปทางฉิ นยวีเยียน เห็นนางถูกคลุมด้วยผ้าคลุมสี ม่วงของเย่อีเฉิน ริ มฝี ปากซี ดขาวไร้สี


เลือด ดวงหน้าแดงเถือกผิดปกติ ดวงตาหลับแน่นเข้าหากัน กล่าวเสี ยงเบาอย่างสันไหว “......หนาว......หนาวจัง
......”
ผิวของนางถูกเศษหิ นและต้นหญ้าบาดเป็ นบาดแผลหลายสาย ลึกบ้างบางบ้าง เมือไม่ได้รับการรักษาและใส่ ยา
ทันเวลา จึงทําให้แผลติดเชือและเป็ นไข้ !

เย่อีเฉิ นเดินไปทีด้านหน้าของฉิ นยวีเยียน ก้มลงไปอังทีบริ เวณศีรษะของนาง รู ้สึกถึงความร้อนทีผิดปกติแล่น


ขึนมา คิวของเขาขมวดเข้าหากัน ก้มลงไปอุม้ นางขึน ก้าวเท้ายาวไปด้านหน้า “ออกจากเขาแล้วเร่ งกลับเมือง
หลวง !” อาการบาดเจ็บของยวีเยียนหนักมาก นางต้องได้รับการรักษาโดยเร็ ว

“พ่ะย่ะค่ะ !” อาอีอาเอ้อร์ รับคําสัง เก็บเอาดาบทีอยูบ่ นพืนขึนมาตามติดด้านหลังของเย่อีเฉิ นทีเร่ งเดินไปด้านหน้า

สวินเฟิ ง และอู๋เหิ นวิงสวนขึนมา วิงผ่านเลยเย่อีเฉิ น จึงทําให้เห็นฉิ นยวีเยียนทีอยูใ่ นอ้อมอกของเขา อดไม่ได้ทีจะ


ยกมุมปากขึน นันมันฉิ นยวีเยียนไม่ใช่หรื อ ? ดวงหน้าแดงเถือก ผมเผ้ายุง่ เหยิง แถมปากยังเปรอะเปื อนไปด้วย
เลือด ถ้านางไม่ได้อยูใ่ นอ้อมอกของเย่อเฉิ
ี น พวกเขาคงไม่มีทางทีจะจํานางได้แน่

ฉิ นยวีเยียนกับคุณหนูม่หู รงตกเหวลงมาพร้อมกัน ทีนางมีสภาพเช่นนีเก้าในสิ บต้องเป็ นฝี มือของคุณหนูมู่หรง


แน่ !

แววตาของทังสองทีมองไปทางมู่หรงเสวียเต็มไปด้วยความเคารพนับถือ สามารถทําให้องค์หญิงม่อเป่ ยอยูใ่ น


สภาพแบบนี ได้ บนโลกนี คงมีเพียงนางคนเดียว !

“คุณชาย คุณหนูม่หู รง !” ทังสองเคารพอย่างนอบน้อม


คุณชายโอวหยางตอบรับเพียงเบา ๆ มิได้กล่าววาจาใด !

“คุณชาย พวกข้าน้อยเจอต้นตีหยางแล้วขอรับ มันอยูท่ ียอดเขาข้างหน้า !” อู๋เหิ นยิมตาหยี ชีนิ วไปทียอดเขาสู ง


ด้านหน้า หลังจากทีร่ วงมาจากหน้าผา พวกเขาวิงตามหาคนกันไปทัว แต่คาดไม่ถึงว่ากลับบังเอิญพบเข้ากับต้นตี
หยาง

“จริ งหรื อ ?” มู่หรงเสวียเงยหน้ามองขึนไป ก็ได้เห็นว่าบนยอดเขามีเงาของต้นหญ้าพลิวไหวไปตามสายลม พอ


มองดูดีดีแล้ว นันมันไม่ใช่ตน้ ตีหยางหรอกหรื อ !

“ไปกันเถอะ พวกเราไปเก็บต้นตีหยางกัน !” ใบหน้าเย็นชาของมู่หรงเสวียประดับไว้ดว้ ยความยินดี ลากคุณชาย


โอวหยางวิงไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ ว

สวินเฟิ งและอู๋เหิ นมองหน้ากัน ค่อย ๆ วิงตามไปด้านหลังของทังสองอย่างช้า ๆ

เย่อีเฉิ นทีได้ยนิ อยู่ ๆ ก็หยุดเท้าลงอย่างกะทันหัน หันไปมองมู่หรงเสวีย แววตาเต็มไปด้วยความซับซ้อน นางมา


ทีหุ บเขาหวีซานก็เพราะมาเก็บต้นตีหยาง !

ต้นตีหยางเป็ นตัวยาสายหยาง สรรพคุณไม่สามารถเทียบได้กบั บัวอัคคี นางน่ าจะรู ้ดี แต่ถึงจะเป็ นเช่นนีนางก็ยงั


เลือกต้นตีหยาง เพือทีจะได้ไม่ตอ้ งเข้ามายุง่ เกียวกับเขาและต้องการทีตัดขาดกับเขาอย่างสิ นเชิงอย่างนันหรื อ ?

ทีจริ งแล้วเขาก็ไม่อยากให้นางต้องตาย เพียงแค่อยากให้นางอ่อนข้อให้เขาเท่านัน กล่าวขอโทษเขา แต่งเป็ นพระ


ชายารองตามข้อกําหนดของเขา แล้วเขาจะให้นางได้ใช้บวั อัคคีทีไม่มีวนั หมด ทําให้ชีวิตของนางยืนยาว แต่
ทําไมนางจะต้องแข็งขืนด้วยล่ะ ? นางกลับเต็มใจทีจะยอมลําบาก แต่ไม่มีทางยอมให้กบั เขา !
ตอนที 67 เก็บต้ นตีหยาง
สายลมพัดผ่านบางเบา เสี ยงสอบถามราบเรี ยบดังขึนมาจากคุณชายโอวหยาง “บนยอดเขามีตน้ ตีหยางมากมาย
เจ้ามีสถานทีทีใช้จดั เก็บพวกมันแล้วหรื อ ?”

“วางใจได้ ข้าเตรี ยมพร้อมไว้ตงแต่


ั แรกแล้ว ข้ายังได้วางตัวทหารยามมากมายไว้โดยรอบของห้องเก็บของ ถึงจะ
มีคนร้ายเข้ามาทีจวนโหว ก็ไม่มีทางทําลายต้นตีหยางได้......” มู่หรงเสวียเผยรอยยิมสดใส

ถึงจะถูกทําลายไปก็ไม่เป็ นไร ต้นตีหยางมิได้ขนที


ึ หวินหนาน เย่อีเฉิ นไม่มีทางทีจะผูกขาดได้อย่างสิ นเชิง อาศัย
เพียงเส้นสายและกําลังทรัพย์ของจวนเจินกัวโหว ก็สามารถหาต้นตีหยางได้อย่างเพียงพอทีจะใช้ยอชี
ื วติ ต่อไปได้
ล้วนไม่เป็ นปั ญหา

ดวงหน้าของเย่อีเฉิ นดุดนั ขึนมา ครังทีแล้วเป็ นเขาทีส่ งองครักษ์เงาแอบเข้าไปทีจวนเจินกัวโหว ทําลายบัวอัคคี


ของมู่หรงเสวีย คนร้ายทีมู่หรงเสวียพูดถึงก็หมายถึงเขามิใช่หรื อ !

เรื องราวก็ผา่ นไปนานแล้ว นางก็ไม่ได้ถกู ทําร้ายจนเป็ นอันตรายถึงชีวิต ทําไมถึงยังโกรธเกลียดเขาอยูอ่ ีก ?

เมือเงยหน้ามองมู่หรงเสวีย ก็เห็นเพียงนางกําลังเดินไปทียอดเขา เงยหน้ามองยอดเขาขึนลงไปมา ขมวดคิวเบา ๆ


“ยอดเขาสู งขนาดนี ทางเดินก็ชนั และขรุ ขระมาก พวกเราเดินขึนไปคงจะไม่ตกลงมาใช่ไหม ?”
ทีบอกว่าทางเดิน จริ ง ๆ แล้วเพียงแค่มีคนมาแซะหิ นออกให้เป็ นทางเดินทีทังเล็กทังแคบและดูจะลืนล้มได้ง่าย
ภูเขาตรงหน้าไม่มีตน้ หญ้าใด ๆ ปกคลุมอยูเ่ ลยแม้แต่นอ้ ย ถ้าเกิดปี นขึนอย่างไม่ระมัดระวังและพลาดตกลงมา ไม่
มีแม้แต่กิงไม้ใด ๆ ให้คว้าจับ ก็คงทําได้เพียงตกลงไปทังอย่างนัน......

มองไปทีดวงหน้าเรี ยวเล็กทีปรากฏความกังวลอยูน่ นั ดวงตาของคุณชายโอวหยางก็เจือปนไปด้วยรอยยิมบางเบา


“อย่ากังวลไปเลย พวกเราไม่ได้เดินไปตามทางเดินบนเขา”

“ไม่ไปตามทางเดิน ?” มู่หรงเสวียชะงักไปครู่ หนึง “เช่นนันจะขึนไปได้อย่างไร ?”

คุณชายโอวหยางยกยิมขึนอย่างหล่อเหลา ย่อกายช้อนตัวมู่หรงเสวียขึน ตอนทีนางกําลังตกตะลึงอยูน่ นั ก็ขยับ


เท้าเพียงบางเบา พลันร่ างโปร่ งก็กระโดดลอยทะยานขึนสู่ กอ้ นเมฆพุ่งตรงไปทียอดเขา ชุดสี ขาวหิ มะปลิวไสวไป
มาด้วยความสง่างามและสู งส่ ง !

มู่หรงเสวียทีอยูใ่ นอ้อมกอดของเขา ชุดกระโปรงสี เขียวอ่อนโบกสะบัด ผมยาวสลวยสี ดาํ ดังนําหมึกพลิวไหว ดู


เข้ากับชุดสี ขาวหิ มะของคุณชายโอวหยาง ช่างงดงามราวภาพวาด

สี หน้าของเย่อีเฉิ นเขียวคลํา จ้องเขม็งไปทางคุณชายโอวหยางกับร่ างของมู่หรงเสวียทีซบอยูก่ บั อกของเขา แววตา


เปล่งประกายเยือกเย็น จิตสังหารของเขาค่อย ๆ แผ่ขยายออกไป อาอีตวั แข็งทือ หนังตากระตุกไปมา ปรายตา
มองไปทีผ้าคลุมสี ม่วง กล่าวด้วยความร้อนรนว่า “ท่านอ๋ อง อาการป่ วยขององค์หญิงฉิ นคล้ายจะทรุ ดหนักลงนะ
ขอรับ !”
เช่นนันเย่อีเฉิ นถึงได้หลุดออกจากภวังค์ เมือก้มหน้าลงมอง ก็เห็นใบหน้าของฉิ นวีเยียนกลายเป็ นสี แดงเถือก นาง
หายใจหอบถีขึน เสื อผ้าบางเบาทีกันเอาไว้ทาํ ให้เขารู ้สึกได้ชดั เจนว่าอุณหภูมิในร่ างกายของนางสู งขึนไม่นอ้ ย !

ยิงนานเข้าอาการป่ วยของยวีเยียนก็ยงหนั
ิ กลง เขาไม่สามารถจะเสี ยเวลาอีกต่อไปได้ ตอนนี จึงต้องปล่อยคุณชาย
โอวหยางไปก่อน ยังมีโอกาสให้จดั การกับเขาอีกมาก

เย่อีเฉิ นกอดฉิ นวีเยียนไว้แน่ น เขาหมุนกายก้าวยาว ๆ เดินไปข้างหน้าโดยไม่หันกลับไปมองอีก เสี ยงเย็นชาสัง


การดังขึนในสายลม “ออกจากเขา !”

คุณชายโอวหยางทีอยูก่ ลางอากาศปรายตามองเขาอยูเ่ พียงครู่ หนึ ง ยกยิมมุมปากอย่างดูถกู บางเบา พลางค่อย ๆ


ร่ อนลงไปทีด้านบนของยอดเขา

กลินหอมของไม้ไผ่ลอยโชยอยูบ่ ริ เวณรอบกายอย่างบางเบา แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหวไปมาอย่างไม่เป็ น


ธรรมชาติ นางพลิกตัวลงสู่ พืนดิน แสงสี ทองอร่ ามผืนหนึ งกระทบเข้าสู่ สายตา ต้นตีหยางจํานวนมากมายนับไม่
ถ้วนต่างอยูภ่ ายใต้แสงอาทิตย์ทีกําลังสาดส่ อง พลิวไหวไปตามสายลม !

แววตาของมู่หรงเสวียพลันเปล่งประกาย ชักกระบีออกจากฝัก สมุนไพรส่ วนใหญ่จะมีอุปกรณ์ทีใช้ในการเก็บ


เกียวโดยเฉพาะ แต่ทีตัวนางตอนนี มีเพียงกระบีเล่มเดียว ไม่มีอุปกรณ์อืนอีก จึงมีแค่เพียงกระบีในการตัดต้นตี
หยาง
คุณชายโอวหยางปรายตามองทีกระบีทีเปล่งประกายเยือกเย็น เขาเลิกคิวบางเบา “ทีนี มีตน้ ตีหยางจํานวนมากมาย
นัก ถ้าไม่ถึงหมืน อย่างน้อยก็ตอ้ งมีเป็ นพันต้น ถ้าเจ้าใช้กระบี สามวันสามคืนก็ไม่มีทางตัดมันหมดหรอก !”

“ถ้าเช่นนันจะให้ขา้ ทําเช่นไร ?” มู่หรงเสวียหันไปมองเขา

แววตาของคุณชายโอวหยางเต็มไปด้วยความเหนือยใจ วิธีการทีง่ายขนาดนันนางกลับนึ กไม่ออกหรื อ ช่างโง่งม


นัก !

เขาดีดนิ วเพียงเบา ๆ พลังปราณกล้าแกร่ งสายหนึงก็พ่งุ ออกไป ตรงไปตัดทีก้านของต้นตีหยาง ชัวพริ บตา ต้นตี


หยางสี ทองอร่ ามก็ถูกตัดออกจากก้าน ร่ วงลงสู่ พืนอย่างพร้อมเพรี ยงกัน

เช่นนี ก็ได้หรื อ ! มู่หรงเสวียดวงตาเบิกกว้างขึนด้วยความตกตะลึง นางสบถในใจ แค่มีวรยุทธ์สูงส่ งก็ต่างกันราว


ฟ้ ากับเหวเช่นนี เชียวหรื อ ? ไม่เพียงแต่สามารถพุ่งทะยานขึนสู่ ยอดเขาได้ แต่ยงั สามารถตัดต้นตีหยางจํานวน
มากมายขนาดนีได้ในพริ บตา เครื องเก็บเกียวในยุคปั จจุบนั ยังไม่สามารถเทียบกับความร้ายกาจของวรยุทธ์ของ
เขาได้เลยแม้แต่นอ้ ย บุตรชายผูส้ ื บทอดแห่ งเซี ยวเหยาอ๋ อง ช่างไม่ผดิ ไปจากทีลือกันนัก......

สายตามองเห็นสวินเฟิ งกับอู๋เหิ นหยิบเอาตะกร้าไม้ไผ่ใบใหญ่สิบกว่าใบลอยขึนมา นางเร่ งเดินเข้าไปรับเอา


ตะกร้าใบใหญ่มาหนึ งใบ เก็บเอาต้นตีหยางใส่ ตะกร้าทีละต้นอย่างเบิกบานใจ

หลังจากนันสองชัวยาม ต้นตีหยางล้วนถูกเก็บจนหมด คุณชายโอวหยาง มู่หรงเสวีย สวินเฟิ ง และอู๋เหิ น ทังสี คน


ลงจากเขา ขนต้นตีหยางออกจากหุ บเขาหวีซาน !
ทีตีนเขามีรถม้าจอดอยูส่ ามคัน คันหนึงเป็ นรถม้าของจวนเจินกัวโหว อีกสองคันเป็ นรถบรรทุกสิ งของ

มู่หรงเสวียสังการให้คนรับใช้ของจวนเจินกัวโหวขนต้นตีหยางไปทีรถบรรทุกสิ งของ ตรวจสอบและมัดเอาไว้


จนแน่ นหนา ดูจนแน่ ใจว่าไม่มีตรงไหนผิดพลาด ก็ค่อย ๆ ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก มีตน้ ตีหยางอยูใ่ นมือ
แล้ว ชีวิตของนางก็มีหลักประกันแล้ว !

กลินหอมของไม้ไผ่ลอยกระทบเข้ากับจมูก เป็ นคุณชายโอวหยางนันเองทีกําลังนังจิบชาทีโต๊ะหิ นใต้ตน้ ไม้ใหญ่


ชุดสี ขาวหิ มะลู่ลง ทําให้ความสง่างามและสู งส่ งบนตัวเขาเปล่งประกายมากยิงขึน

มู่หรงเสวียกระพริ บตาปริ บ ๆ ค่อย ๆ เดินเข้าไปกล่าวด้วยรอยยิมสดใส “ครังนี ต้องขอบคุณคุณชายเป็ นอย่างมาก


ทีมาช่วยเหลือ คุณชายมาทีเขาหวีซานได้อย่างไรหรื อ ?”

“ใช้วิชาตัวเบาลอยมา !” คุณชายโอวหยางพูดด้วยนําเสี ยงราบเรี ยบ แววตาลึกลําถูกซ่ อนอยูภ่ ายใต้ไอร้อนของนํา


ชา ทําให้ผคู ้ นมองไม่เห็นว่าเขามีแววตาเช่นไร

มู่หรงเสวียชะงักไป ถึงว่าทําไมบริ เวณใกล้ ๆ นี นอกจากรถม้าและรถบรรทุกสิ งของของจวนเจินกัวโหวแล้ว ก็


ไม่พบรถม้าหรื อม้าอืนใดอีก คุณชายโอวยางมิได้นงรถม้
ั าหรื อขีม้ามานีเอง
แต่คุณชายโอวหยางบินจากเมืองหลวงมาทีหุ บเขาหวีซาน ทังยังเดินทางเป็ นเพือนนางถึงตังสองวันหนึงคืน
ช่วยเหลือนางอย่างมากมายนัก เสี ยทังกําลังกาย กําลังภายใน อีกทังยังไม่ได้พกั ผ่อน แน่ นอนว่าพละกําลังของเขา
ต้องถดถอยลงบ้าง ถ้ายังจะให้เขาเหาะกลับเมืองหลวงเอง ก็ช่างเป็ นการไม่สาํ นึ กบุญคุณไปเสี ยหน่ อย

“หากคุณชายไม่รังเกียจ ก็นงรถม้
ั าของจวนโหวกลับเมืองหลวงกับข้าเถอะ สําหรับสวินเฟิ งกับอู๋เหิ นให้พวกเขา
นังกับคนขับรถม้าและพวกทหารทีรถบรรทุกของก็แล้วกัน”

“ตกลง !” คุณชายโอวหยางนิ งไปสักครู่ แล้วจึงค่อย ๆ พยักหน้า เขาวางถ้วยชาลง แล้วค่อย ๆ เดินไปทีรถม้าของ


จวนโหวพร้อมกับยกมุมปากอย่างบางเบา

ด้านในของรถม้าปูดว้ ยพรมหรู หราผืนหนึ ง ให้ความรู้สึกนุ่มสบายเป็ นอย่างมาก กลินหอมอ่อนค่อย ๆ โชย


ออกมา คล้ายกับกลินดอกบัว เป็ นกลินหอมสดชืนประจําตัวของมู่หรงเสวีย

ดวงหน้าของคุณชายโอวหยางเคร่ งขรึ ม นังอยูด่ า้ นหน้าของหน้าต่างตรงกันข้ามกับมู่หรงเสวีย เมือมองไปทีดวง


หน้าเรี ยวทีดูเหนื อยอ่อนของนาง เขาจึงเลิกคิวขึนถาม “เจ้าเหนื อยมากหรื อ ?”

มู่หรงเสวียพยักหน้า นางไม่ได้พกั ผ่อนมาสองวันสองคืน ง่วงจะตายอยูแ่ ล้ว “คุณชาย ชุดชา ใบชา นําสะอาด พิณ
หมาก ตํารา ขลุ่ย ล้วนอยูใ่ นช่องเก็บของ ท่านเชิญตามสบายเถอะ ข้าพักผ่อนก่อนแล้ว !”

ในยุคปั จจุบนั นางไม่ได้หลับนอนสามวันสามคืนล้วนไม่เป็ นปั ญหา แต่ตอนนีร่ างกายนี อ่อนแอเกินไป อดทน


ไม่ได้มากขนาดนัน ทีทนอยูไ่ ด้จนถึงตอนนี ก็นบั ว่าล้วนถึงขีดสุ ดแล้ว
“ได้ !” คุณชายโอวหยางพยักหน้า มองมู่หรงเสวียทีเอาหมอนออกมาจากช่องเก็บของ สอดไว้ใต้หัวแล้วหลับไป
แม้แต่ผา้ ห่ มก็ยงั ไม่ได้ห่ม

ทําไมถึงไม่ดูแลตัวเองเช่นนี !

คุณชายโอวหยางขมวดคิว เปิ ดช่องเก็บของเตรี ยมทีจะหยิบผ้าห่ มออกมา สายตาก็พลันเห็นมู่หรงเสวียขมวดคิว


น้อย ๆ เหมือนนอนไม่ค่อยสบายนัก

ดวงตาของเขาฉายแววลังเลเล็กน้อย ปิ ดช่องเก็บของลง ค่อย ๆ ดึงเอาตัวของมู่หรงเสวียเข้าสู่ ออ้ มกอดอย่าง


ระมัดระวัง......
ตอนที 68 ลอบสังหาร

มู่หรงเสวียดูท่าจะเหนือยเสี ยจนหมดแรง การสลับทีทําให้นางเพียงขยับตัวเล็กน้อยเท่านัน ไม่แม้แต่ลืมตาขึนมา


นางเพียงแต่ขยับตัวเพือหาจุดทีสบายบนอกของคุณชายโอวหยาง แล้วเอนหัวซบเข้าทีอกของเขา หลับสนิทลงไป
อีกครัง

ร่ างบางนุ่ มนิ มทีอยูบ่ นอก กลินหอมของบัวอัคคีทีเลือนรางกระทบเข้ากับจมูก เส้นผมสี ดาํ นุ่ มลืนยาวสลวยคล้าย


ผ้าไหมพาดผ่านต้นคอของเขา จิตใจของคุณชายโอวหยางสันไหวน้อย ๆ

เมือก้มมองมู่หรงเสวีย ก็เห็นนางหลับตาสนิ ท กําลังหายใจบางเบาเป็ นจังหวะ ขนตายาวทาบทับจนเป็ นเงาบน


ขอบตา ริ มผีปากสี ชมพูปิดสนิทคล้ายกําลังรอให้ใครบางคนมาเชยชมความหอมหวานบนนัน

เพียงพริ บตาเดียวดวงตาของคุณชายโอวหยางก็กลายเป็ นลึกลําดังนําหมึก เขาค่อย ๆ เอนตัวลง ริ มฝี ปากบางค่อย


ๆ ประทับลงบนริ มฝี ปากสี ชมพูของนาง ปากของนางนันหอมหวานอ่อนนุ่ มแฝงไว้ดว้ ยกลินหอมบางเบาของบัว
อัคคี ทําให้ผคู ้ นลุ่มหลง เขาจูบนางบางเบาคล้ายกับแมลงปอทีเกาะบนผิวนํา ค่อย ๆ ช่วงชิงเอาอากาศหายใจของ
นาง......

ในความฝันมู่หรงเสวียเหมือนรู ้สึกไม่ค่อยสบายตัว นางขมวดคิวน้อย ๆ ดวงหน้าเรี ยวเล็กมุดเข้ากับอกของ


คุณชายโอวหยาง หลีกหนี การจุมพิตของเขา
เมือมองใบหน้าทีเผยออกมาเพียงเล็กน้อยของมู่หรงเสวียแล้ว คุณชายโอวหยางก็เลิกคิวบาง ๆ นีเขากําลังถูก
ปฏิเสธอย่างนันหรื อ ! หรื อว่าตอนทีนางกําลังนอนไม่ชอบให้คนไปรบกวนกัน ?

คุณชายโอวหยางค่อย ๆ เหยียดกายนังตัวตรง มองไปทางมู่หรงเสวียอย่างเงียบ ๆ ดวงตาเปล่งประกายไปด้วย


ความหมายทีไม่มีใครเข้าใจ

ทันใดนันเอง แววตาของเขากลับกลายเป็ นเคร่ งขรึ ม สะบัดมือเปิ ดหลังคารถม้า อุม้ เอามู่หรงเสวียกระโดด


ออกไป

ตอนทีพุ่งไปในอากาศ ได้ยนิ เสี ยง ‘ตูม้ ’ สายหนึงดังขึน เพียงพริ บตารถม้าหรู หราก็ระเบิดออก เศษไม้กระจุย


กระจายออกจากกัน ฝุ่ นผงฟุ้ งกระจายไปทัวบริ เวณ

เสี ยงระเบิดปลุกให้มู่หรงเสวียตืนขึน นางมองไปทีเศษชินส่ วนของรถม้าทีกระจัดกระจาย เพียงครู่ เดียวก็เข้าใจ


ในทันทีว่าเกิดอะไรขึน ดวงหน้าของนางเคร่ งขรึ มจนน่ ากลัว บนรถม้าแขวนไว้ดว้ ยสัญลักษณ์ของจวนเจินกัว
โหว คนทีฝังระเบิดไว้ใต้ดินแน่นอนว่าตังใจมุ่งเป้ ามาทีนาง !

คุณชายโอวหยางวางมู่หรงเสวียลงทีพืน ในอากาศมีเสี ยงแหวกอากาศลอยมาอย่างรวดเร็ ว


มู่หรงเสวียเงยหน้าไปมอง เห็นลูกศรสี ดาํ นับไม่ถว้ นพุ่งมาจากรอบทิศทางเต็มไปหมด ถียิบราวกับสายฝน ไอจิต
สังหารทําผูค้ นต่างตืนตระหนก

“มีนกั ฆ่า ! ปกป้ องคุณหนูใหญ่ ! ปกป้ องคุณชาย !” ไม่รู้ว่าเป็ นเสี ยงตะโกนของใคร สวินเฟิ ง อู๋เหิ น ทหารของ
จวนเจินกัวโหวทังหมดต่างพุ่งเข้ามา ล้อมรอบคุณชายโอวหยางและมู่หรงเสวียเอาไว้ ตวัดดาบปัดป้ องลูกธนู

ได้ยนิ เพียงเสี ยง ‘เคร้ง เคร้ง เคร้ง’ ดังขึน ห่ าธนูพวกนันถูกปั ดป้ องตกลงกับพืน แต่ก็มีทหารบางคนทีถูกธนู ยัง
ไม่รู้ว่าจะเป็ นหรื อตาย !

คุณชายโอวหยางโอบมู่หรงเสวียไว้อย่างทะนุ ถนอม มองไปยังทิศทางทีลูกธนูพ่งุ เข้ามาอย่างเฉยชา คล้ายกับการ


ลอบสังหารเช่นนี ล้วนเป็ นเรื องทีเกิดขึนอย่างปกติธรรมดา

ลูกศรทีพุ่งออกมาทังเร็ วและหนาแน่ นเหมือนสายฝน ดาบทีใช้ออกต้านรับก็รวดเร็ วทังยังแม่นยําดังสายลม ดาบ


ในมือของสวินเฟิ งและอู๋เหิ นร่ ายรําด้วยความรัดกุมไม่เปิ ดช่องว่าง จนลูกศรนับไม่ถว้ นร่ วงลงสู่ พืน ห่ าธนูถูก
หยุดยังอยูเ่ ช่นนันไม่สามารถทําอันตรายใด ๆ แก่คุณชายโอวหยางกับมู่หรงเสวียได้

คนชุดดําทีแอบซ่ อนอยูเ่ มือเห็นว่าลูกธนูใช้การไม่ได้ผล สะบัดมือเบา ๆ พริ บตาเดียวเหล่าชายโพกผ้าดําต่างละ


ทิงคันธนู ดึงเอาดาบคมกริ บเปล่งประกายเยือกเย็นออกจากฝัก พากันพุ่งออกไป

สวินเฟิ ง อู๋เหิ น และทหารของจวนโหวชักดาบออกเข้าปะทะกับคนโพกผ้าสี ดาํ เหล่านัน ชัวขณะนันทัวบริ เวณ


ต่างก็เต็มไปด้วยเสี ยงการปะทะทีดุเดือด......
คนหลายสิ บคนเข้าปะทะกันอย่างชุลมุนวุ่นวาย มองไม่เห็นกระบวนท่าทีพวกเขาใช้ออก เห็นเพียงแต่สวินเฟิ ง
และอู๋เหิ นวาดดาบรวดเร็ วไปมาดังสายลม ทุกทีทีพาดผ่าน จะต้องมีชายชุดดําได้รับบาดเจ็บสาหัสและล้มลง......

“วรยุทธ์ของสวินเฟิ งกับอู๋เหิ นช่างยอดเยียมยิงนัก !” มู่หรงเสวียชืนชมไม่หยุด องครักษ์เงาทีคุณชายโอวหยาง


ฝึ กฝนมาช่างไม่ธรรมดา

“ในบรรดาองครักษ์เงาทังหลาย พวกเขาเป็ นสองคนทีร้ายกาจทีสุ ด ถึงคนชุดดําจะมีจาํ นวนเยอะกว่า แต่ก็ไม่


สามารถเป็ นคูป่ รับของพวกเขา......” คุณชายโอวหยางพูดด้วยนําเสี ยงราบเรี ยบ ทันใดนันเองก็ได้ยนิ เสี ยงเสี ยดสี
ในอากาศลอยมาสายหนึง เมือเงยหน้าไปมองก็เห็นลูกศรสายหนึ งพุ่งมาจากทีห่ างไกล พุ่งตรงมาทีมู่หรงเสวีย
......

ดวงตาของคุณชายโอวหยางปรากฏแววเย็นชาขึนทันที เขาดีดนิ วส่ งเอาพลังปราณออกไปสายหนึงตอบรับกับลูก


ธนูคมดอกนัน ได้เสี ยง ‘ปั ง’ ดังขึน ลูกธนูคมระเบิดออกกลางอากาศ......

กลินกํามะถันเข้มข้นลอยกระทบเข้ากับจมูก แววตาของคุณชายโอวหยางเปล่งประกายอํามหิ ต กล้าคิดร้ายต่อคน


ของเขางันหรื อ รนหาทีตายนัก !

นิวมือภายใต้แขนเสื อของเขาขยับเคลือนไหว พลังปราณกล้าแกร่ งสายหนึงพุ่งออกไป ปะทะเข้ากับคนชุดดํา


อย่างแรงจนเลือดสาดกระเซ็นไปทัว
“แค่ก แค่ก แค่ก !” คนชุดดํากระอักเลือดสี แดงสดออกมา ล้มลงไปสิ นใจบนพืน กลินคาวเลือดลอยคละคลุง้ ไป
ในอากาศ !

คุณชายโอวหยางดึงพลังปราณกลับมา ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาดังนําแข็ง ชุดสี ขาวหิ มะพลิวไหวไปตามสายลม


ไม่มีแม้แต่รอยเปื อนสกปรก

บนพืนปรากฏศพเจ็ดแปดร่ างนอนอยูอ่ ย่างระเกะระกะ หน้าดินสี นาตาลถู


ํ กย้อมไปด้วยสี แดง ค่อย ๆ ไหล
รวมกันเป็ นแอ่งเลือด ไหลริ นไปตามหลุมบ่อต่าง ๆ

มู่หรงเสวียกระพริ บตาปริ บ ๆ เพียงออกกระบวนท่าแค่ไม่กีกระบวนท่าก็สามารถจัดการนักฆ่าชุดดําจนหมด วร


ยุทธ์ของคุณชายโอวหยางช่างเก่งลําเกินไปแล้ว แต่ว่า “คุณชาย ท่านจะไม่เหลือคนเป็ นไว้ให้ไต่สวนหน่ อยหรื อ
?”

“ตรงนันยังมีทีไม่ตายอยูห่ นึงคน” นิวมือหยกของคุณชายโอวหยางค่อย ๆ ชีออกไป ชายชุดดําคนหนึงลอยขึนมา


จากซากศพ ร่ วงลงตรงหน้าของมู่หรงเสวีย ทัวทังร่ างและใบหน้าของเขาล้วนเต็มไปด้วยเลือด แววตาลอกแลก
และหวาดกลัว !

มู่หรงเสวียดึงผ้าปิ ดหน้าของเขาออก กระชากคอเสื อของเขาขึนมา “ใครส่ งให้เจ้ามาสังหารข้า ?”

ดวงตาของคนชุดดํามีนาตาไหลริ
ํ นออกมา ไม่รู้ว่ากําลังคิดสิ งใด
“ทางทีดีเจ้าพูดความจริ งออกมาดีกว่า อย่าได้พดู ชือคนสังการออกมามัว ๆ ทีเกลียดข้าเข้ากระดูก จนอยากจะเอา
ชีวิตของข้ามีเพียงไม่กีคนเท่านัน ข้าสามารถคาดเดาได้ เพียงแต่ตอ้ งการฟังคําจากปากของเจ้าเพือให้แน่ ใจก็
เท่านัน ถ้าหากเจ้ากล้าโกหก ข้าจะให้เจ้าได้รู้จกั คําว่าตายทังเป็ น !”

มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ ดูเป็ นธรรมชาติ แววตาลําลึกจนถึงทีสุ ด แฝงไว้ดว้ ยความร้ายกาจโหดเหี ยม ทําให้จิตใจคน


หวันเกรงและหวาดกลัวจนแทบจะหยุดหายใจ

คนชุดดําเมือได้ยนิ เสี ยง ‘ปั ง’ ในหัวก็พลันขาวโพลน หลังจากหลุดออกจากภวังค์ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความ


หวาดกลัวพูดออกมาอย่างไม่ปิดบังว่า “เป็ นฮูหยินเฒ่าแซ่ ตู้ ย่าเลียงของท่านทีสังการพวกเรา......นางให้พวกเรา
หนึ งหมืนตําลึง......เพือพรากชีวิตของท่าน......ทีข้ารู้ว่าท่านจะต้องผ่านเส้นทางสายนี......ก็เป็ นนางทีบอกพวกเรา
!”

“ทีแท้กเ็ ป็ นหญิงเฒ่าผูน้ นั ขอบใจมาก !” มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ ดังบุปผาทีผลิบาน กระบีในมือฟันเข้าไปทีคอของ


ชายชุดดํา เฉื อนจนกลายเป็ นรอยแผลยาวทีเต็มไปด้วยเลือด

คนชุดดําดวงตาเบิกกว้าง ล้มอย่างแรงลงบนพืน เลือดสี แดงสดไหลทะลักออกจากบาดแผล ย้อมพืนจนเป็ นสี แดง


.....
อู๋เหิ นเลิกคิวกล่าวขึนอย่างไม่เข้าใจ “คุณหนูม่หู รง ท่านไม่ละเว้นเขาไว้ เพือพากลับไปเป็ นพยานของท่านหรื อ ?”
คิดร้ายต่อคุณหนูจวนโหวถือว่าเป็ นโทษหนัก ถ้าฟ้ องร้องต่อศาลซุนเทียนหญิงเฒ่าแซ่ ตจู ้ ะต้องถูกจับเข้ากรงขัง
แน่นอน

แววตาของมู่หรงเสวียเคร่ งขรึ ม “หญิงเฒ่าแซ่ ตเู ้ ป็ นคนฉลาด ไม่มีทางเหลือหลักฐานไว้ในมือของคนชุดดําเหล่านี


แน่ แค่ใช้พยานปากจากคนชุดดําฝ่ ายเดียว ไม่มีทางกําหนดโทษให้หญิงเฒ่าแซ่ ตูไ้ ด้ ไม่แน่ว่าอาจจะโดนนางตอก
กลับเสี ยด้วยซํา บอกว่าข้าใส่ ร้ายนาง !”

“เช่นนันท่านวางแผนจะทําอย่างไรหรื อ ?” แววตาอู๋เหิ นเต็มไปด้วยความแปลกใจ ปล่อยหญิงเฒ่าแซ่ ตูไ้ ป มัน


ไม่ใช่นิสัยของมู่หรงเสวีย

“หญิงเฒ่าแซ่ ตูส้ ่ งของขวัญชินใหญ่ทีคาดไม่ถึงมาให้ขา้ แน่นอนว่าข้าก็ตอ้ งส่ งกลับไปให้นางเช่นกัน !” มู่หรง


เสวียยิมน้อย ๆ แววตาลึกลับ ดวงตาสี ดาํ เปล่งประกายอํามหิ ตจนน่ากลัว......
ตอนที 69 สังสอนหญิงเฒ่ าแซ่ ต้ ู
เรื อนหยกจวนเจินกัวโหว หญิงเฒ่าแซ่ ตอู ้ ยูใ่ นชุดสี นาเงิ
ํ นยาว บนศีรษะประดับด้วยเครื องประดับไพลินเม็ดโต
นังอยูห่ น้าโต๊ะกลมอย่างอารมณ์ดี กําลังรับสํารับอาหารอยูอ่ ย่างประณี ตบรรจง

ขนมดอกเหมย ขนมลีฮวา เป็ ดต้ม ไก่ตม้ ข้าวต้มแดง ข้าวต้มธัญพืชต่าง ๆ นา ๆ ล้วนวางอยูเ่ ต็มโต๊ะ กลิมหอม
อบอวลไปทัวบริ เวณ ทําให้ผคู ้ นนําลายศอ

หญิงเฒ่าแซ่ ตูซ้ ดข้าวต้มแดงทีหอมฉุ ย กล่าวเป็ นนัย ๆ ว่า “แม่นมกัว ‘ทีนัน’ มีขา่ วอะไรไหม ?”

แม่นมกัวเป็ นสาวใช้ทีติดตามมาจากบ้านเดิมของแซ่ ตู ้ ได้รับความไว้ใจเป็ นอย่างมาก เรื องราวในจวนโหวไม่วา่


จะเล็กหรื อใหญ่ โดยปกติจะเป็ นแซ่ ตูท้ ีเป็ นคนสังการ และแม่นมกัวเป็ นคนดําเนินการ

คําถามทีเป็ นนัย ๆ ของแซ่ ตู้ แม่นมกัวล้วนเข้าใจอย่างชัดเจน “เรี ยนฮูหยินเฒ่า ยังไม่มีข่าวคราวใด ๆเจ้าค่ะ”

แซ่ ตูห้ ยุดชะงักไปครู่ หนึง เลิกคิวบางเบา “นานขนาดนี แล้วยังไม่มีข่าว หรื อว่าจะเกิดเรื องไม่คาดคิดขึน......”

แววตาของแม่นมกัววูบไหวเล็กน้อย กล่าวเสี ยงตํา “ฮูหยินเฒ่าวางใจได้ ทีเราจ้างมาต่างเป็ นพวกทีโหดเหี ยมทีสุ ด


ในชิงเหยียน ถึงแม้วา่ มู่หรงเสวียจะเก่งกาจสักเพียงใด ก็ยากทีจะหนี รอดไปได้......”
“คนทีพวกเจ้าพูดถึงใช้คนผูน้ ี หรื อไม่ ?” เสี ยงเย็นชาสายหนึ งดังขึนพร้อมกับมีบางสิ งพุ่งตรงเข้ามา กระแทกลง
ไปทีด้านหน้าของแซ่ตูอ้ ย่างแรง

แซ่ ตูก้ ม้ หน้าลง สบตาเข้ากับดวงตาสี แดงเลือดคู่หนึ งทีดวงตาเบิกกว้าง นอนตายตาไม่หลับ ขอบตามีคราบเลือด


ไหลออกมา ทัวทังหัวล้วนย้อมไปด้วยเลือดสี แดง รอยตัดทีคอก็ยงั มีเลือดไหลออกมาไม่หยุด หยดลงไปบน
ข้าวต้มของแซ่ ตทู ้ ีละหยดสองหยดจนกลายเป็ นสี แดงเลือด......

“อ้า !” แซ่ ตกู ้ รี ดร้องขึนด้วยความหวาดกลัว เสี ยงดังลันฟ้ า

มือทังสองข้างลนลานไปมาจนปั ดไปโดนหัวคนหัวนัน หัวคนกลิงขลุกขลักตกลงใต้โต๊ะ นางลุกขึนอย่างกระวน


กระวาย เตรี ยมทีจะหนี ออกจากโต๊ะกลม แต่ไม่คาดว่ากลับลืนล้มลง เสี ยง‘ตุบ’ ดังขึน ร่ างของนางล้มลงกับพืน

สายตาทีเต็มไปด้วยความหวาดกลัว มองเห็นมู่หรงเสวียทีเดินเข้ามาอย่างเชืองช้า เสื อสี ฟ้าพลิวไหวตามสายลม


ดวงหน้าเรี ยวเล็กงดงามแต่งแต้มไปด้วยรอยยิม แต่แววตากลับเย็นชาเต็มไปด้วยความอํามหิ ต ทําให้ผคู ้ นต่างอด
ทีจะสันกลัวไม่ได้

“เจ้า......เจ้า......เจ้า......” แซ่ ตูช้ ีนิ วไปทีมู่หรงเสวีย หวาดกลัวจนพูดไม่ออก ร่ างกายสันจนหยุดไม่อยู่ มู่หรงเสวีย


กลับมาแล้ว นางกลับมาแล้ว......

“ท่านย่า ข้าเป็ นคน มิใช่ผี ท่านไม่จาํ เป็ นต้องหวาดกลัวถึงขนาดนัน ถึงแม้ว่าท่านจะจ้างนักฆ่าให้ไปสังหารข้า


มากมายก็ตาม แต่ว่าข้านันค่อนข้างจะดวงดี เลยรอดตายมาได้ ทีตายก็เลยเป็ นนักฆ่าพวกนันแทน !”
มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ งดงามยากหาใดเปรี ยบ หยิบเอาหัวคนทีลากมาด้วยขึนมา โยนไปทีแซ่ ตทู ้ ีละหัวสองหัว
อย่างไม่แยแส

“คนพวกนี คงไม่แปลกหน้าท่านย่านัก พวกเขาล้วนเป็ นนักฆ่าทีท่านจ้างมา ท่านจ่ายเงินไปมากมายขนาดนัน แต่


ก็ไม่สามารถกําจัดข้าได้ ช่างน่าเสี ยดายจริ ง ๆ ดังนัน ข้าจึงเอาหัวของนักฆ่าเหล่านี กลับมาด้วย ให้ท่านได้รู้ ว่าเงิน
พวกนันของท่าน ได้ซือหัวคนกับชีวิตคนสําเร็ จแล้ว ไม่ได้จ่ายออกไปเปล่า ๆ......”

แซ่ ตูเ้ ป็ นผูห้ ญิงทีอยูแ่ ค่ในจวนฝ่ ายใน ถนัดเพียงแต่วางแผนร้ายลับหลัง จ้างนักฆ่าไปฆ่าคน แต่มิเคยได้เจอเลือด


มากมายเช่นนี หัวคนทีเต็มไปด้วยเลือดถูกโยนเข้าไปทีอกของนางหัวแล้วหัวเล่า เลือดสี แดงสดไหลซึ มเข้าไปที
เสื อของนาง เปรอะเปรื อนไปทีผิวหนังของนาง เหนี ยวเหนอะหนะ เส้นผมบนหัวคนพวกนันสัมผัสถูกฝ่ ามือของ
นาง ทําให้นางขนลุกชัน

ทังยังดวงตาทีเบิกกว้างพวกนัน ทีจ้องมองมาทีนางอย่างน่ากลัว เหมือนจะพากันกล่าวโทษนางโดยไร้วาจา จิตใจ


ของนางแตกกระเจิง กรี ดร้องขึนด้วยความหวาดกลัว “ช่วยด้วย......ช่วยข้าด้วย......”

แม่นมกัวตืนจากภวังค์ทนั ที เร่ งเดินไปด้านหน้า ยืนขวางอยูด่ า้ นหน้าของแซ่ ตู ้ มองไปทางมู่หรงเสวียอย่างเย็นชา


ด่าว่าเสี ยงดัง “คุณหนูใหญ่ คนเราล้วนถือความกตัญ ูเป็ นหนึ ง ฮูหยินเฒ่าเป็ นท่านย่าของท่าน ถึงแม้ว่านางจะทํา
ผิด แต่ท่านก็ไม่มีสิทธิมาต่อว่านาง......”

“ไสหัวไป !” มู่หรงเสวียยกเท้าขึน ถีบเน้น ๆ เข้าทีหน้าอกของแม่นมกัว


แม่นมกัวถูกเตะกระเด็นไกลออกไปสามสี เมตร ร่ างของนางกระแทกเข้ากับกําแพงห้องแล้วกระเด็นกลับมาร่ วง
ลงกับพืนอย่างแรง เสี ยงตุบดังขึนพร้อมกับเลือดทีกระอักออกมาจากปาก กระดูกทัวร่ างกายคล้ายจะหลุดออก
จากกัน รู ้สึกเจ็บปวดจนเกินทน

ั าเช่นเจ้าสอดปาก ?” มู่หรงเสวียมองไปทีแม่นมกัวอย่างผูอ้ ยูเ่ หนือกว่า


“เจ้านายกล่าววาจา ใครให้คนใช้ชนตํ
กล่าวต่อว่าเสี ยงดัง “อย่านึ กว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็ นผูช้ ่วยตัวร้ายของแซ่ ตู ้ จ้างนักฆ่ามาฆ่าคนเจ้าก็มีส่วน......ยังจะกล้า
เอาศักดิฐานะของคนแก่หวั หงอกมากดดันข้า รนหาทีตายนัก !”

มู่หรงเสวียเตะหนัก ๆ ไปทีแม่นมกัวอีกหนึงที เตะนางจนกลิงออกไปอีกสามสี เมตร ชนเข้ากับกําแพง นางกรี ด


ร้องเสี ยงดังจนสลบไป......

มู่หรงเสวียเยืองย่างไปยังด้านหน้าของหญิงเฒ่าแซ่ ตู ้ หยิบเอาหัวคนขึนมาหัวหนึง แกว่งไปมาด้านหน้าของนาง


“ก็แค่หัวคน สิ งทีอยูบ่ นคอของคน ท่านย่าก็มิใช่มิเคยเห็น จะกลัวไปทําไมเจ้าคะ ? หรื อว่าเกิดกลัวขึนมาจริ ง ๆ
เสี ยแล้ว ท่านย่าก็กลัวเป็ นด้วยหรื อ ? ช่างน่ าเหลือเชือยิงนัก......”

นําเสี ยงส่ อแววดูถูกเย็นชาลอยเข้าหู แซ่ ตเู ้ งยหน้าขึน แววตาเต็มไปด้วยไฟโกรธ มือกําปิ นปั กผมยาวแน่นพุ่งไป
ทีมู่หรงเสวีย “มู่หรงเสวีย ข้าจะฆ่าเจ้า !”

ฆ่านางงันหรื อ ? ไม่เจียมตน !

มู่หรงเสวียยิมเย็นชา จับข้อมือของแซ่ ตบู ้ ิดออก เพิมแรงเข้าไปอีก ได้ยนิ เพียงเสี ยง ‘ก๊อก’ นางหักข้อมือของหญิง


เฒ่าแซ่ ตู ้ ปิ นปั กผมดัง ‘เกร๊ ง’ ร่ วงลงสู่ พืน
“อ๊า !” หญิงเฒ่าแซ่ ตูก้ รี ดร้องดังลัน ดังทะลุฟ้า จนผูค้ นแสบแก้วหู มู่หรงเสวียขมวดคิวขึน เตะไปทีนางอย่างแรง
อีกหนึงเท้า “เงียบ !”

ร่ างกายทีแก่ชราของแซ่ ตูก้ ระแทกเข้ากับผนัง เสี ยงกรี ดร้องพลันเงียบลง เม็ดเหงือผุดขึนเต็มหัว ทัวทังใบหน้าย่น


เข้าหากันด้วยความเจ็บปวด

มู่หรงเสวียเดินไปด้านหน้า เตะไปทีแซ่ ตูอ้ ย่างแรงอีกหนึงที เตะจนนางฟุบลงกับพืน กลิงขลุกขลักไปทีขอบโต๊ะ


จนโต๊ะล้มลงกับพืน จาน ชาม อาหารต่าง ๆ ล้วนร่ วงลงสู่ พนื บางส่ วนหกเลอะเทอะเต็มตัวของหญิงเฒ่าแซ่ ตู้
สภาพน่ าเวทนายิงนัก......

มู่หรงเสวียค่อย ๆ เดินเข้าไป ไม่สนใจหญิงเฒ่าแซ่ ตทู ้ ีร่ างกายเต็มไปด้วยเศษอาหาร กระชากคอเสื อของนาง


ขึนมา พลันเสี ยงทุม้ สายหนึ งดังขึน “นางก็แก่ชรามากแล้ว จะกระทํารุ นแรงมากไม่ได้ ถ้าเจ้ายังทุบตีนางต่อไป
นางก็คงไม่เหลือชีวิตแล้ว !”

“วางใจเถอะ ข้ารู ้ดีว่าอะไรควรไม่ควร !” มู่หรเสวียยิมน้อย ๆ กําไปทีคอเสื อของแซ่ ตแู ้ น่ น “เห็นแก่ครังนีเป็ น


ความผิดครังแรกของท่าน ข้าก็จะปล่อยท่านไปสักครัง แต่ถา้ หากท่านกล้าจ้างคนมาฆ่าข้าอีก ทีนีข้าก็จะตัดหัว
ของท่านเอามาเป็ นลูกบอลแล้วเตะเล่นทีเรื อนหยกเสี ย”

มู่หรงเสวียพูดอย่างอํามหิ ต สะบัดมือโยนแซ่ ตอู ้ อกไป หันหลังกลับเดินออกไปด้านหน้าโดยไม่หันกลับไปมอง


อีก พลันมีนาเสี
ํ ยงเตือนทีเย็นชาลอยมา “อย่าได้คิดว่าคําพูดของข้าเป็ นเรื องล้อเล่น แต่ไหนแต่ไรมาข้าไม่เคยพูด
เล่น ๆ กับศัตรู ถึงท่านจะหยิบยืมเอาทหารวีหลิน (ทหารหลวงของฮ่องเต้) มาคุม้ กันเรื อนหยกอย่างแน่นหนา ข้า
ก็สามารถฆ่าท่านได้เหมือนเดิม !”

เหล่าสาวใช้แทรกตัวเข้าไปแอบตามจุดต่าง ๆ พากันหวาดกลัวจนตัวสัน มู่หรงเสวียไม่แม้แต่สนใจ เดินตรง


ออกไปด้านนอก

แขนข้างหนึ งยืนออกมาขวางทางเดินของมู่หรงเสวีย มู่หรงเสวียไม่แม้แต่มอง นางเหยียบลงไปอย่างแรง “อ๊า !”


แม่นมกัวกรี ดร้องเสี ยงดังลันไปทัวเรื อนหยก ดังทะลุฟ้า......
ตอนที 70 เลิกเป็ นคนเสเพล

“เด็ก ๆ มู่หรงเสวียจะฆ่าคน รี บมาจับตัวนางเดียวนี !” แซ่ ตูท้ ีนอนอยูท่ ีพืน กรี ดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

ในตัวเรื อนกลับเงียบสงบ ไม่เห็นแม้แต่เงาคน คําพูดของนาง แน่นอนว่าไม่มีใครได้ยนิ

แซ่ ตูร้ ่ างกายบาดเจ็บสาหัสขนาดนี ยังอยากจะจัดการนางอีก ช่างไม่รู้กาํ ลังตน

แววตาของมู่หรงเสวียเปล่งประกายเย็นชา กล่าวเสี ยงสู ง “เด็ก ๆ !”

เพียงพริ บตาเดียว บริ เวณโดยรอบทีเงียบสงบกลับปรากฏเสี ยงฝี เท้ามากมาย ร่ างในชุดคนงานสิ บคน ทหารยามที


ข้างเอวพกดาบวิงเข้ามาทีเรื อนหยก ยืนเรี ยงอยูด่ า้ นหน้าของมู่หรงเสวียอย่างเป็ นระเบียบเรี ยบร้อย กล่าวเสี ยงดัง
สะเทือนฟ้ า “น้อมรับฟังคําสังคุณหนูใหญ่ !”

“ฮูหยินเฒ่ากลายเป็ นบ้า จิตใจไม่ปกติ พวกเจ้าล้อมเรื อนหยกเอาไว้ ดูแลอย่างเข้มงวด ไม่มีคาํ สังของข้า ไม่ว่าใคร


ก็หา้ มเข้าออก !” มู่หรงเสวียสังการด้วยนําเสี ยงเย็นชาแฝงไปด้วยคําสังทีห้ามฝ่ าฝื น
“ขอรับ !” ทหารยามตอบรับเสี ยงเข้ม ปิ ดล้อมเรื อนหยกด้วยดวงหน้าไร้อารมณ์ เฝ้ าระวังอย่างเข้มงวด ทําให้ผคู้ น
รู ้สึกหวาดกลัว

แววตาของแซ่ ตเู ้ ต็มไปด้วยความหวาดกลัว ทหารจวนโหวของพวกเขา...กลับกลายเป็ นคนของมู่หรงเสวียทัง


หมดแล้ว เรื องทีสําคัญเช่นนี ทําไมนางถึงไม่รู้เรื องแม้แต่นิด...

มู่หรงเสวีย เจ้าคนชันตําผูน้ ี ช่างมีความอดทนอดกลันแอบซ่ อนได้ดีนกั เลวร้ายทีสุ ด......

เมือรู ้สึกถึงความโกรธแค้นของนาง มู่หรงเสวียก็ไม่ใส่ ใจ ปรายตามองนางอย่างดูถูกครู่ หนึง แล้วเดินออกไปด้าน


นอกไม่หนั กลับไปมองอีก อายุของแซ่ ตกู ้ ห็ า้ สิ บหกสิ บปี เข้าไปแล้ว นับวันยิงแก่ชรา ผ่านไปอีกไม่กีปี ก็คงถูกฝัง
ลงดิน

แต่ม่หู รงเย่อายุเพียงสิ บสี ปี นับวันยิงโตขึน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เรื องนัก แต่เขาก็เป็ นผูส้ ื บทอดบรรดาศักดิเจินกัว


โหว ในอนาคตทังจวนโหวก็จะตกเป็ นของเขา เหล่าทหารก็ตอ้ งใช้ชีวิตอยูใ่ นมือของเขา

ถ้าให้พวกเขาเลือกระหว่างมู่หรงเย่กบั หญิงเฒ่าแซ่ ตู้ คนฉลาดก็ตอ้ งเลือกมู่หรงเย่เป็ นธรรมดา

แซ่ ตูม้ ีลูกชายลูกสาว ทังยังมีบา้ นฝังพ่อ คงไม่สามารถปล่อยให้นางตายได้ มิเช่นนัน คงจะกลายเป็ นปั ญหา
ใหญ่โต ขังนางไว้ในเรื อนหยก ให้นางใช้ชีวิตไปตามเวรตามกรรม ไม่ว่าจะเป็ นหรื อตาย ก็ตอ้ งดูทีการกระทํา
ของตัวนางเองแล้ว......
มองไปทีประตูเรื อนหยกทีปิ ดสนิท อู๋เหิ นยกมุมปาก หญิงเฒ่าแซ่ ตอู ้ ายุมากแล้ว ทังยังได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาด
นัน จําต้องรี บหาหมอมารักษา ถึงจะหายเป็ นปกติ

แต่ม่หู รงเสวียไม่เพียงไม่เรี ยกหมอ ทังยังให้ทหารยามปิ ดผนึ กเรื อนหยก เพราะอยากจะยืดเวลาอาการบาดเจ็บ


ของหญิงเฒ่าแซ่ ตูอ้ อกไป อยากให้นางได้รับบาดเจ็บสาหัสจนตาย แค่ก แค่ก เป็ นแผนการฆ่าคนโดยทีมือไม่ตอ้ ง
เปื อนเลือดทีสู งส่ งยิงนัก นับถือ นับถือ !

มู่หรงเสวียเมือได้แก้แค้น จิตใจก็เบิกบานขึนมา ก้าวเท้าเข้ามาอย่างสบาย ๆ “คุณชายโอวหยาง”

คุณชายโอวหยางมองดวงหน้าเรี ยวเล็กงดงามของนาง แววตาเจือไปด้วยรอยยิมน้อย ๆ พูดอย่างราบเรี ยบ “ต้นตี


หยางทังหมดล้วนถูกเก็บเข้าทีโกดังเรี ยบร้อยแล้ว”

“ขอบคุณคุณชายมากเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียิมน้อย ๆ “คุณชายโอวหยางช่วยเหลือข้าไว้มากมาย ขอเชิญคุณชายไปดืม


ชาด้านในสักครู่ เจ้าค่ะ”

อู๋เหิ นยกมุมปาก พลางคิดในใจ คุณชายช่วยมู่หรงเสวียตามหาสมุนไพรช่วยชีวติ ต้นตีหยาง ทังยังช่วยชีวติ นางบน


รถม้า ทังยังช่วยนางนําหัวคนกลับมา นางกลับเพียงเชิญคุณชายดืมชา การขอบคุณเช่นนี มินอ้ ยไปหน่ อยหรื อ ?
“ดืมชาก็เป็ นแค่การขอบคุณตามมารยาทเท่านัน การช่วยเหลือของคุณชาย ข้าล้วนจําขึนใจ ต่อจากนีหากคุณชาย
มีตรงไหนทีต้องการให้ขา้ ช่วยเหลือ ขอให้บอกล่าว ข้าจะช่วยเหลืออย่างเต็มทีแน่นอนเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียรับปาก
ยิม ๆ ดวงตาดําเปล่งประกายเต็มไปด้วยความหนักแน่น

อู๋เหิ นไอค่อกแคกไม่เป็ นธรรมชาติ พริ บตาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เข้าใจคนอืนผิดเสี ยแล้ว ไม่มีหน้าไปพบ


ผูค้ นแล้ว หลบเสี ยดีกว่า

“ไปดืมทีเรื อนหิ มะโปรยหรื อ ?” คุณชายโอวหยางถามเสี ยงเรี ยบ

“อืม” มู่หรงเสวียพยักหน้า

“เช่นนันก็ไปกันเถอะ” ชุดของคุณชายโอวหยางสันไหวเบา ๆ หมุนกายอย่างสง่างาม ค่อย ๆ เดินออกไปด้าน


นอก

มู่หรงเสวียเดินตามเขาออกจากเรื อนหยก เดินไปตามทางเดินหิ นสี ดาํ ค่อย ๆ เดินไปทีเรื อนหิ มะโปรย

ไกลออกไป บริ เวณสระนําด้านหน้าของหิ นประดับมีคนผูห้ นึ งนังอยู่ ชุดสี เขียวเข้ม ดวงหน้าหล่อเหลาสง่างาม


เป็ นมู่หรงเย่ เขาแหงนหน้าขึนมองท้องฟ้ าสี คราม แววตามืดมัว ไม่รู้กาํ ลังคิดสิ งใดอยู่

มู่หรงเสวียเลิกคิว “ท่านพี บาดแผลของท่านเป็ นอย่างไรบ้าง ?”


เสี ยงไตร่ ถามเย็นชาลอยเข้าหู ทําให้ม่หู รงเย่หลุดจากภวังค์ เขาเห็นมู่หรงเสวียทีค่อย ๆ เดินเข้ามาช้า ๆ แววตา
ของเขาก็เปล่งประกาย พลิกกายลงจากก้อนหิ นประดับ เร่ งเดินไปทีด้านหน้าของนาง กวาดตามองนาง เมือดูจน
แน่ใจแล้วว่านางไม่เป็ นไร ก็ค่อยถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “เจ้าปลอดภัยกลับมาก็ดีแล้ว ช่างดียงนั
ิ ก
บาดแผลของข้าก็ฟืนฟูไปไม่นอ้ ยแล้ว......”

สายตามองเห็นคุณชายโอวหยางทีอยูด่ า้ นข้าง แววตาของมู่หรงเย่ชะงักไปครู่ หนึ ง หันไปโค้งกายคารวะคุณชาย


โอวหยาง “ขอบคุณคุณชายมากขอรับทีดูแลน้องสาวของข้า......”

“เรื องเล็กน้อยแค่นี มิตอ้ งเกรงใจ” คุณชายโอวหยางตอบรับนําเสี ยงราบเรี ยบ

“ท่านพี ร่ างกายของท่านก็ไม่เป็ นอะไรแล้ว ทําไมถึงไม่ไปประลองสุ นัขพนันเงินตําลึงกับเพือนจิงจอกพวกนัน


เล่า ?” มู่หรงเสวียมองไปทีเขา ยกมุมปากน้อย ๆ คล้ายยิมคล้ายไม่ยมิ ชัดเจนว่ากําลังล้อเขาเล่น

“เจ้าล้วนพูดว่าเพือนจิงจอกขนาดนันแล้ว ยังมีอะไรให้ไปมาหาสู่ อีก ข้าไม่อยากประลองสุ นขั และเล่นพนันอีก


ต่อไปแล้ว ข้ากําลังตังใจดูหนังสื ออยูล่ ่ะ......” มู่หรงเย่แกว่งหนังสื อไปมา แววตาเต็มไปด้วยความภูมิใจ

มู่หรงเสวียกระพริ บตาปริ บ ๆ กล่าวเตือนเขาอย่างระมัดระวัง “แต่ว่าหนังสื อของท่าน......มันกลับหัวอยู.่ .....”

มู่หรงเย่ชะงัก ก้มลงไปมอง ตัวอักษรสองตัวบนปกคําว่า ‘หลุนหวี’ กําลังกลับหัวอยูพ่ อดี


สี หน้าของมู่หรงเย่ค่อย ๆ แดงขึน เขาไอค่อกแคกอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ แววตาวูบไหวไปด้วยความอับอาย เขา
คิดจะตังใจดูหนังสื อ แต่เขาไม่ใช่คนชอบอ่านหนังสื อ ตัวอักษร จือ ฮู เจ่อ เหย่ ทีเต็มหน้ากระดาษล้วนทําให้เขา
ปวดหัว ไหนจะมีจิตใจไปทําความเข้าใจความหมายของพวกมัน ไปเรี ยนรู้พวกมันอีก......

“ทําไมอยู่ ๆ ท่านพีถึงอยากอ่านหนังสื อขึนมาได้ ?” ในใจของมู่หรงเสวียเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ในความ


ทรงจําของเจ้าของร่ างเดิม มู่หรงเย่นอกจากเล่นแล้ว ก็ไม่ได้ทาํ สิ งใดอีก ไม่เคยเป็ นคนเริ มทีจะอ่านหนังสื อเองสัก
ครัง

“ข้าไม่อยากเป็ นคนเกเรอีกต่อไปแล้ว !” มู่หรงเย่กล่าวด้วยนําเสี ยงเข้ม ตอนทีเย่อเฉิ


ี นอายุสิบสี ก็ตามกองทัพไปที
สนามรบ ทําผลศึกเอาไว้มากมาย ตอนทีคุณชายโอวหยางอายุสิบสี เขาท่องเทียวไปตามแว่นแคว้นต่าง ๆ ชือเสี ยง
ความสามารถทังบุ๋นบู๊ขจรขจายไปทัว

แต่เขาอายุสิบสี กลับตีไก่ ประลองสุ นขั เล่นพนัน ชือเสี ยงด้านลบโด่งดังไปทัวเมืองหลวง ถ้าเกิดเขายังไม่ได้


เรื องเช่นนีต่อไป อย่าว่าแต่อายุสิบแปดปี เลย จนถึงอายุแปดสิ บ เขาก็คงไม่ได้หนึ งไม่พนั ของพวกเขา !

เขาจะต้องขยันเรี ยนรู้ แต่ไม่ได้ตอ้ งการจะไปเทียบอะไรกับพวกเขา เพียงแค่ไม่อยากจะไร้ประโยชน์เช่นตอนนี


ทําให้ผคู ้ นทีพบหน้าคิดถึงเขาแต่ในแง่ลบ ส่ ายหัวถอนหายใจ !

นางมองมู่หรงเย่ทีมีท่าทางอยากจะเปลียนแปลงตัวเองจริ ง ๆ เขาคงถูกซ่ งชิงเหยียนพูดแทงใจดําเข้าจริ ง ๆ สิ นะ


จะใช่หรื อไม่ก็ไม่เป็ นไร เพียงแค่เขาต้องการก้าวหน้าพัฒนาตนเอง ก็นบั ว่าเป็ นเรื องทีดีแล้ว “ราชสํานักมีขนุ นาง
บุ๋นบู๊ ท่านพีไม่ชอบด้านบุ๋น สมควรลองด้านบู๊เรี ยนวรยุทธ์สิ” มู่หรงเสวียยิมแวววาว

มู่หรงเย่ชะงัก “เรี ยนวรยุทธ์ ?”

“ใช่แล้ว ท่านไม่ชอบตัวหนังสื อ ถึงแม้วา่ จะกัดฟั นอ่านต่อไป ก็คงเรี ยนอะไรไม่ได้มากมาย ตรงกันข้ามกับการ


เรี ยนวรยุทธ์ ตอนทีท่านลุงฮุยสอนวรยุทธ์ให้ท่าน ท่านก็เต็มใจเรี ยนไม่ใช่หรื อ ?”

เจ้าของร่ างเดิมเคยเห็นมู่หรงเย่เรี ยนวรยุทธกับท่านลุงฮุย เขาในตอนนันมีทงความสนุ


ั กความตืนเต้น แววตาอยาก
รู ้อยากเห็นกระตือรื อร้น ก็แค่ตวั คนขีเกียจไปหน่ อย ระยะเวลาสิ บปี จึงเรี ยนได้แค่49กระบวนท่า

“แต่ว่า ท่านไม่ควรเชิญอาจารย์มาสอนวรยุทธ์ทีจวน ไปเรี ยนทีค่ายทหารเลยเถอะ ยังได้เรี ยนรู ้การใช้งานและสัง


การไพล่พล......”

มู่หรงเย่กม็ ีคุณสมบัติทีไม่เลวนัก เพียงแค่ขีเกียจสันหลังยาวไปหน่อย อีกทังยังไม่มีผใู ้ หญ่คอยกระตุน้ และสัง


สอน ถึงได้กลายมาอยูใ่ นสภาพบู๊ไม่ได้ บุ๋นไม่ดีเช่นนี !

กฏในค่ายทหารล้วนเข้มงวด มาตรฐานและการฝึ กทีมีต่อทหารนันก็สูงมาก เพียงแค่เขายอมทนรับกับความ


ลําบาก รับรองว่างจะต้องเปลียนไปอย่างมากแน่นอน
ตอนที 71 คุณชายไม่ สบาย

“เป็ นความคิดทีไม่เลว แต่ว่า ข้าจะเข้าไปอย่างไร ?” มู่หรงเย่มองไปทางมู่หรงเสวียด้วยความลําบากใจ

เอ่อ......กฏข้อบังคับของค่ายทหารนันเข้มงวดมาก ปี นี ไม่ใช่ปีทีรับสมัครทหารใหม่ คงจะไม่รับคนง่าย ๆ มู่หรง


เย่อยากจะเข้าค่ายทหาร จําเป็ นต้องหาคนช่วยเหลือ

มู่หรงเย่รู้จกั ผูใ้ หญ่ของบรรดาเหล่าเพือนจิงจอก แต่พวกเขาก็ลว้ นเป็ นขุนนางบุ๋น ไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ กับทาง


ค่ายทหารเลย

ในคนทีมู่หรงเสวียรู ้จกั มีเพียงเย่อีเฉิ นเท่านันทีในมือมีอาํ นาจทางทหาร มีความเกียวข้องกับค่ายทหาร แต่วา่ เย่อี


เฉิ นกับพวกนางมีความแค้นต่อกันอยู่ มู่หรงเย่ไม่ควรไปยุง่ เกียวกับค่ายทหารทีอยูใ่ นความดูแลของเขา
ไม่เช่นนัน ถ้าหากไม่โดนทรมานจนตาย ก็คงถูกถลกหนัง ถือว่าอันตรายเป็ นอย่างมาก......

นอกจากนีแล้วข้างกายของพวกนางก็ไม่มีคนทีมีความเกียวข้องกับค่ายทหารเลย มู่หรงเย่อยากจะไปค่ายทหาร
นับว่าค่อนข้างยาก......
เพียงพริ บตาแผ่นป้ ายเท่าฝ่ ามือก็หย่อนลงมาอยูต่ รงหน้ามู่หรงเสวีย เสี ยงทุม้ ของคุณชายโอวหยางดังขึนข้างหู
“นําสิ งนี ไปหาแม่ทพั จางทีค่ายทหารด้านนอกเมืองหลวงทีไกลออกไปสามสิ บลี เขาจะเป็ นคนจัดการให้ม่หู รงเย่
เข้าไปอยูใ่ นค่ายทหารเอง”

แผ่นป้ ายมีลกั ษณะเป็ นวงรี มีสีทองแดง ไม่รู้ว่าทํามาจากวัสดุอะไร ด้านบนสลักด้วยสัญลักษณ์ของวังเซียวเหยา


อ๋ อง

มู่หรงเสวียมองไปทางคุณชายโอวหยางด้วยความแปลกใจ “คุณชายสนิทกับแม่ทพั จางหรื อ”

เขาท่องเทียวไปทัวมาเป็ นเวลาสิ บปี เพิงกลับเมืองหลวงมาไม่ได้เท่าไร ขุนนางบุ๋นบู๊ทีเมืองหลวง มาตรว่าเขาก็คง


ยังจะพบหน้าไม่หมด แล้วเขาจะเอาเวลาทีไหนไปรู ้จกั แม่ทพั ทีอยูไ่ กลออกไปจากเมืองหลวงอย่างแม่ทพั จางกัน
เล่า

“บังเอิญพบกันไม่กีครังเท่านัน” คุณชายโอวหยางพูดอย่างไม่ใส่ ใจนัก ดึงมือของมู่หรงเสวียขึนแล้ววางแผ่นป้ าย


ไว้ทีมือของนาง

“ถ้าจะพูดจริ ง ๆ แล้ว แม่ทพั จางเคยเป็ นผูใ้ ต้บงั คับบัญชาของพ่อเจ้า แต่ว่าตอนนันเขาเป็ นแค่ทหารตําแหน่งเล็ก


ๆ ไม่ค่อยโดดเด่นเท่าไรนัก เลยไม่ค่อยได้พดู คุยกับพ่อเจ้ามาก พ่อบ้านเก๋ อฮุยของพวกเจ้าน่าจะรู ้จกั กับเขา......”
ิ ก !” มู่หรงเย่ใบหน้าเต็มไปด้วยความยินดี หยิบเอาแผ่นป้ ายจากมือของมู่หรงเสวียมา
“จริ งหรื อ ? เช่นนันก็ดียงนั
แล้วรี บวิงจนฝุ่ นตลบออกไปด้านนอก สายลมแว่วมาด้วยเสี ยงหัวเราะยินดี “คุณชายโอวหยาง ขอบคุณท่านมาก
ตอนนี ข้าขอไปหาท่านลุงฮุยก่อน ให้เขาพาข้าไปค่ายทหารนอกเมือง เชิญท่านกับน้องเล็กคุยกันตามสบาย”

มองไปทีเงาร่ างของเขาทีวิงไกลออกไป ดวงหน้างามของมู่หรงเสวียก็กลายเป็ นเรี ยบนิ ง เป็ นนางทีเสนอให้ม่หู รง


เย่ไปเข้าค่ายทหาร ทีมู่หรงเย่สามารถได้รับแผ่นป้ ายของวังเซี ยวเหยาอ๋ อง นางก็มีส่วน มู่หรงเย่กลับขอบคุณแค่
คุณชายโอวหยาง ส่ วนนางเขากลับลืมเข้ากลีบเมฆ ช่างเป็ นคนทีลืมบุญคุณเร็ วนัก

“คุณชายโอวหยาง พวกเราไปดืมชาทีเรื อนหิ มะโปรยกันเถอะเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียกล่าวเสี ยงตํา ค่อย ๆ เดินไปที


เรื อนหิ มะโปรย

มองไปทีดวงหน้าบูดบึงของนาง แววตาของคุณชายโอวหยางก็เจือปนไปด้วยร้อยยิมทียากจะพบเจอ

ตรงกลางห้องรับแขกของเรื อนหิ มะโปรยวางไว้ดว้ ยชุดเก้าอีไม้แดง สลักลวดลายวิจิตร แจกันลายครามโบราณ


ประดับด้วยภาพวาดงดงาม การตกแต่งทัวทังห้องทําให้ดูหรู หรา กระถางธูปสี ทองทีมุมห้องโชยไปด้วยกลิน
ควันหอมของกํายานบางเบา ให้ความรู ้สึกเงียบสงบเป็ นพิเศษ

“คุณชายรอสักครู่ ข้าจะไปสังการให้คนเตรี ยมชากับนําสะอาด” ชาจะต้องต้มตอนทีจะดืมถึงจะหอมทีสุ ด และนํา


ทีจะใช้ตม้ ชา ก็ตอ้ งมีความละเอียดประณี ตเป็ นพิเศษ สิ งทีจวนเจินกัวโหวเก็บเอาไว้มากทีสุ ดก็คอื นําทีละลาย
แล้วจากก้อนหิ มะทีเกาะอยูบ่ นกลีบดอกเหมย เมือเอามาต้มชา รสชาติจะดียงนั
ิ ก......
“ได้ !” คุณชายโอวหยางพยักหน้า เสี ยงทุม้ ทีดังขึนแฝงไปด้วยความแหบแห้งเล็กน้อย

มู่หรงเสวียเงยหน้าไปมองอย่างไม่เข้าใจ เมือเห็นดวงหน้าของคุณชายโอวหยางกลายเป็ นสี แดงบางเบา ริ มผีปาก


ซีดขาว ดวงตาสี ดาํ เจือปนไปด้วยความสะลึมสะลือเล็กน้อย “คุณชาย ท่านเป็ นอะไรหรื อ”

“ข้ามิเป็ นไร” คุณชายโอวหยางส่ ายหน้า ร่ างทีสู งโปร่ งซวนเซเล็กน้อย

“ระวัง !” มู่หรงเสวียเอือมมือไปคว้าตัวเขาไว้ ความร้อนดังไฟทะลุผา่ นเสื อผ้าทีบางเบากระทบเข้ากับมือของนาง


ทันใดนันมู่หรงเสวียก็พลันตืนตระหนก เมือครู่ ยงั ดี ๆ อยูเ่ ลย ทําไมเขาถึงไข้ขึนได้ ?

กลินคาวเลือดบางเบาลอยเข้ากระทบกับจมูก มู่หรงเสวียขมวดคิวน้อย ๆ เรื อนหิ มะโปรยทําความสะอาดหมดจด


แล้วกลินเลือดมาจากไหน ?

หยดเลือดสี แดงค่อย ๆ ไหลออกจากแขนเสื อของคุณชายโอวหยาง ค่อย ๆ ซึ มออกมา คล้ายกับพืนหิ มะสี ขาวที


แต่งแต้มด้วยลวดลายสี แดงของดอกเหมย !

มู่หรงเสวียชะงักค้าง “คุณชายท่านได้รับบาดเจ็บหรื อ ?”

ตังแต่เมือไหร่ กนั ? ทําไมนางถึงไม่รู้เลยแม้แต่นอ้ ย !


“บาดแผลเล็กน้อยเท่านัน ข้ามิเป็ นไร !” คุณชายโอวหยางพูดบางเบา อุณหภูมิบนร่ างยิงนานก็ยงสู
ิ งขึน แววตา
ค่อย ๆ มืดมัว

มู่หรงเสวียย่นคิว ยืนมือไปเลิกแขนเสื อของเขาขึน ก็เห็นแขนของเขาพันไว้ดว้ ยผ้าพันแผลสี ขาวหนาเตอะ มีรอย


เลือดซึ มไปแล้วถึงหนึ งในสี จึงเร่ งรี บดึงผ้าขาวออก บาดแผลรู ปวงรี ความยาวประมานสี ถึงห้าเซนติเมตรพลัน
ปรากฏสู่ สายตา

บาดแผลยังมิได้ตกสะเก็ด ดูน่ากลัว เมือเห็นดังนันมู่หรงเสวียก็ขมวดคิวทันที “นีน่ ะหรื อทีเรี ยกว่าแผลเล็ก ๆ ?


เห็นได้ชดั ว่าเป็ นบาดแผลจากสะเก็ดระเบิด......”

คนชุดดําฝังดินระเบิดสิ บกว่าถุงเอาไว้ใต้พนื รถม้าทังคันถูกระเบิดจนกระจายเป็ นชิน ๆ เห็นได้ว่าพลังของระเบิด


นันรุ นแรงมาก นางถือว่าโชคดีมากทีรอดพ้นมาได้ แต่คุณชายโอวหยางทีปกป้ องนางไม่ได้โชคดีเช่นนัน เขาไม่
ทันระวังจึงโดนสะเก็ดระเบิดเข้าทําให้ได้รับบาดเจ็บ......

แผลของเขาถูกทําความสะอาดอย่างดี ทังยังใช้ตวั ยาทีดีเป็ นพิเศษ แต่ว่าบาดแผลของเขาหนักมาก ตัวยาก็ไม่


สามารถกดความเจ็บปวดลงไปได้ กอปรกับบาดแผลทีไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที บาดแผลก็เลยยิงอักเสบ
ทําให้เขามีอาการไข้ขึน

หลังจากทีรถม้าระเบิด เขาสกัดกันมือสังหารให้นาง ช่วยนางตัดหัวคนพวกนัน ช่วยนางเก็บต้นตีหยาง แต่เขา


กลับไม่สนใจทีจะดูแลตัวเอง......
ในใจของมู่หรงเสวียเกิดความรู ้สึกแปลกประหลาดขึนมาสายหนึ ง ขมวดคิวมองไปทางคุณชายโอวหยาง แต่
กลับเห็นเขายกมุมปากขึน พูดบางเบา “ข้าไม่เป็ นไร......”

สิ นคําพูดได้ไม่นาน ร่ างกายของเขาก็โอนเอน ซบลงแรง ๆ เข้ามาทีไหล่ของมู่หรงเสวีย

มู่หรงเสวียทียืนตัวตรง เซถอยไปสองก้าวแต่ไม่ได้ลม้ ลง ความเจ็บปวดแล่นขึนมาตรงบริ เวณไหล่ มองไปก็เห็น


เพียงดวงหน้าของเขาทีใกล้ค่เพียงคืบ สี หน้าของนางเคร่ งขรึ ม ติดเชือไข้ขึนหนักจนถึงกับสลบไปขนาดนี ยัง
บอกว่าไม่เป็ นไรอีกหรื อ ช่างไม่ดูแลตัวเองยิงนัก !

หงซิ วกับอันเซี ยงถูกนางใช้ให้ไปเอาใบชาและนําสะอาด เรื อนหิ มะโปรยไม่มีสาวใช้คนอืนอีก มู่หรงเสวียทําได้


เพียงลากคุณชายโอวหยางเพียงตัวคนเดียว ค่อย ๆ เดินเข้าไปทีห้องด้านใน

พยุงเขาไปขึนนอนบนเตียงอย่างระมัดระวัง มู่หรงเสวียเช็ดเม็ดเหงือบนหน้าผากของเขาอย่างเบา ๆ คิดในใจว่า


เขาอายุมากกว่านางก็แค่สามสี ปี สู งกว่านางเพียงยีสิ บกว่าเซนติเมตร แต่ทาํ ไมถึงได้ตวั หนักเช่นนี นะ

ในเรื อนหิ มะโปรยมีกล่องยาใบเล็กอยู่ มู่หรงเสวียหยิบเอายาทําแผล ผ้าพันแผล จัดการทําความสะอาดแผล ใส่ ยา


ให้เขา สุ ดท้ายก็พนั แผลให้คุณชายโอวหยางอย่างระมัดระวัง......

การกระทําทังหมดดูลืนไหล เต็มไปด้วยความชํานาญ สุ ดท้าย นางดึงเอาแขนเสื อของเขาลง ปกปิ ดผ้าพันแผลสี


ขาวของเขา ถอนหายใจอย่างโล่งอกยาว ๆ นับว่าจัดการเสร็ จเรี ยบร้อย เปลียนยาทีแผลใหม่ ไม่รู้วา่ อาการไข้ขนึ
จะลดลงหรื อยัง
มู่หรงเสวียวางกล่องยาลง แล้วยืนมือขาวแตะไปทีหน้าผากของคุณชายโอวหยาง ไม่คาดคิดว่าทันใดนันคุณชาย
โอวหยางก็ลืมตาตืนขึนมา ยึดเอาข้อมือของนางไว้พลางดึงลงไปทีเตียง

มู่หรงเสวียทีไม่ทนั ระวังตัว ระหว่างทีมึนงงนัน แผ่นหลังบางก็สัมผัสกับผ้าห่ มทีอ่อนนุ่ม เอวบางถูกเขาจับเอาไว้


แน่น ใบหน้าเรี ยวซบเข้ากับหน้าอกแกร่ งของชายหนุ่ ม ความร้อนทะลุผา้ บางกระทบกับผิวหนัง มู่หรงเสวียตืน
ตระหนก รี บเงยหน้าขึน พลันสบตาเข้ากับแววตาลึกลําของคุณชายโอวหยาง......

ดวงหน้าหล่อเหลาของคุณชายโอวหยางมิได้สุขมุ เย็นชาเหมือนปกติ แต่กลับเปล่งประกายความสง่างามของบุรุษ


เพศ ดวงตาดําเปล่งประกายอย่างลึกซึ ง ยิงจ้องยิงลึกลับ คล้ายกับจะดึงดูดผูค้ นเข้าไป......

กลินหอมของไม้ไผ่ทีเบาบางกระทบเข้ากับจมูก ลมหายใจอุ่นร้อนพ่นรดใบหน้า เพียงพริ บตามู่หรงเสวียตืนจาก


ภวังค์ แต่กลับเห็นดวงหน้าหล่อเหลาของคุณชายโอวหยางปรากฏขึนใกล้ ๆ กับใบหน้า ริ มผีปากบางคล้ายใบ
หลิวประทับลงบนริ มผีปากของนาง......
ตอนที 72 ความรักใคร่ ทลึี กซึง

สัมผัสบางเบาแล่นขึนมาจากริ มผีปาก มู่หรงเสวียเหมือนกับได้ยนิ เสี ยงพลุระเบิดขึนในหัวจนกลายเป็ นสี ขาว


โพลน นี......นี มันเรื องอะไรกัน ?

กลินหอมไม้ไผ่บางเบากระทบจมูก ร่ างโปร่ งของคุณชายโอวหยางกดอยูบ่ นตัวของมู่หรงเสวีย มีเพียงเสื อผ้าบาง


เบาทีกันร่ างของทังสองไว้ มู่หรงเสวียรู ้สึกได้ว่าอุณหภูมิบนร่ างของเขาไม่ปกติ......

มู่หรงเสวียตืนตะลึง พริ บตาเดียวก็หลุดจากภวังค์ ผลักเขาออกอย่างแรง “คุณชายโอวหยาง ท่านลุกขึนเดียวนี นะ


!” ไข้สูงของเขายังไม่ลดลง อาจจะยังไม่ค่อยได้สติ ยิงใกล้ชิด......กับนางขนาดนี มันง่ายต่อการทีจะเกิด ‘เรื อง
อันตราย ๆ’ ขึน......

มู่หรงเสวียไม่มีกาํ ลังภายใน การขัดขืนต่าง ๆ นา ๆ ไม่สามารถทีจะทําอะไรคุณชายโอวหยางได้ กลับทําให้แขน


ทังสองข้างของเขายิงเกาะกุมนางแน่นยิงขึน เอวบางถูดเขารัดแน่ นจนเจ็บ ริ มผีปากร้อนสัมผัสไปทัวใบหน้าเรี ยบ
เนี ยนของนาง ลมหายใจร้อนรดริ นอย่างบางเบา

มู่หรงเสวียหลีกหนี จากการจุมพิตของเขาอย่างร้อนรน กล่าวขึนด้วยความโมโหและไม่พอใจ “คุณชายโอวหยาง


ถ้าท่านยังไม่ได้สติเช่นนี ข้าจะไม่เกรงใจแล้วนะ !”
คุณชายโอวหยางเหมือนจะไม่รับรู ้ถึงคําเตือนของนาง ดวงตายังคงปิ ดสนิท กอดนางไว้ในอ้อมกอดแน่นขึน
ร่ างกายบอบบางทีหนาวเย็นขับเอาไอร้อนออกจากร่ างของเขา รู ้สึกสบายตัวไปทัวทังร่ างอย่างบอกไม่ถูก จิตใต้
สํานึ กของเขาร้องเรี ยกให้กอดนางแน่ นมากขึนกว่าเดิม

“มู่หรงเสวีย......เสวียเอ๋ อร์ !” นําเสี ยงตําแหบแห้งของคุณชายโอวหยางหลุดออกจากปาก คําพูดขาด ๆหาย ๆ


ของเขาชัดเจนว่าเขายังไม่ได้สติ

มู่หรงเสวียถลึงตามองไปทีเขาอย่างโหดเหี ยม ดวงตาลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ ร่ างกายถูกเขากอดรัดกักขังเอาไว้


ใกล้จะหายใจไม่ออกแทบทุกที ลําคอแห้งเล็กน้อย นางอดกลันไม่ไหวจึงไอออกมาเสี ยหลายครัง แขนยาวยืน
ออกจากการจับกุมของเขา นิ วมือสัมผัสเข้ากับบางสิ งทีเย็นเยียบ แววตาเย็นชาหรี ลงบางเบา

ไข้สูงของคุณชายโอวหยางยังไม่ลดลง เขายังคงไม่ได้สติ จึงสามารถเกิด ‘เหตุการณ์ไม่คาดฝัน’ ได้ทุกเมือ วร


ยุทธ์ของเขานันสู งส่ ง ถึงนางจะผลักเขาไม่ออก แต่กย็ งั มีวิธีทีสามารถทําให้เขาสลบได้

จุดชีพจรของคนก็เป็ นหนึงในความรู ้ทีตระกูลมู่หรงสื บทอดกับมา นางก็ถือว่าเป็ นผูเ้ ชียวชาญในศาสตร์ นี ถึงแม้


จะหลับตาก็สามารถหาจุดชีพจรได้อย่างแม่นยํา เพียงแค่ตีให้ถูกจุดหลับไหลของคุณชายโอวหยาง แล้วทําให้เขา
หลับไป เท่านี นางก็ปลอดภัยแล้ว

แต่ว่า สภาพร่ างกายของนางตอนนี กําลังทีมือนันมันไม่เพียงพอ จําต้องยืมพละกําลังจากภายนอกเข้าช่วย ถึงจะ


บรรลุจุดประสงค์
มู่หรงเสวียดึงเอาปิ นปั กผมบนหัว ฟาดไปทีจุดหลับใหลของคุณชายโอวหยางอย่างรวดเร็ ว

คาดไม่ถึงว่าเพียงพริ บตาเดียวคุณชายโอวหยางก็คลายแขนทังสองข้างออก แขนของเขากระแทกเข้ากับข้อศอก


ของมู่หรงเสวียจนปิ นปั กผมในมือนางกระเด็นลอยออกไป ตกลงทีพืนกลางห้องอย่างแรง เกิดเสี ยงกระแทกที
คมชัดดังขึน

“คุณชายโอวหยาง !” มู่หรงเสวียมองไปยังมือทีว่างเปล่าของตน กัดฟั นโกรธ

คุณชายโอวหยางคล้ายไม่รู้สึกอะไร ยังคงหลับตาคล้ายกับกําลังหลับสนิท

“คุณชายโอวหยาง ท่านลืมตาเดียวนีนะ ไม่ตอ้ งแกล้งทําอีกต่อไปแล้ว !” มู่หรงเสวียกําหมัดแน่น ต่อยเข้าไปทีเขา


อย่างแรง

คุณชายโอวหยางนิ งเฉย หัวซบเข้าไปทีไหล่ของนาง ราวกับกําลังหลับสนิท

มู่หรงเสวียต่อยไปทีเขาอีกหลายสิ บที เขาไม่แม้แต่ขยับสักนิด หลับตาสนิท ไม่มีอาการตอบสนองใด ๆ คล้ายกับ


กําลังหลับลึก

ความโกรธในใจมู่หรงเสวียค่อย ๆ บรรเทาลง ดูท่าเขาอาจจะมิได้ตงใจ


ั เขาได้รับบาดเจ็บ อีกทังยังป่ วยเป็ นไข้ คง
ไม่รู้ตวั ว่าตัวเองทําอะไรลงไป เช่นนันนางก็จะไม่เอาเรื องกับเขาแล้วกัน
เสี ยงหายใจสมําเสมอดังขึนทีข้างหู เป็ นคุณชายโอวหยางทีซบเข้ากับซอกคอของนาง ลมหายใจร้อนรดบนต้นคอ
ของนาง ทําให้รู้สึกจักจี ไม่สบายตัวเอาเสี ยเลย

มู่หรงเสวียขมวดคิว ใช้แรงผลักหัวของคุณชายโอวหยางไปอีกทาง ไม่คาดว่าเพียงครู่ เดียวเขาก็เอนกลับมา นาง


ผลักออก เขาก็เอนกลับมา นางผลักต่ออีก เขาก็เอนกลับมาอีก

เขาช่างดือดึงยิงนัก ผลักเขาไม่ไป ถ้าเช่นนันนางไปเอง !

มู่หรงเสวียจับเข้าทีไหล่ของคุณชายโอวหยาง ใช้แรงผลักเขาไปด้านข้าง พลิกกายลงจากเตียง กลับไม่คาดว่าพลัง


แข็งแกร่ งสายหนึงดึงนางกลับไปทีเตียงทันที ก้มลงไป ก็เห็นแขนแกร่ งของคุณชายโอวหยางกอดรัดเอวบางของ
นางเอาไว้แน่ น

มู่หรงเสวียขมวดคิวใช้แรงเกะมือของเขาออก ใครจะไปคิดว่ามือของเขากลับจับแน่นขึน ไม่ว่านางจะแกะ


อย่างไรก็แกะไม่ออก !

มู่หรงเสวียไร้วาจาจะกล่าว เขาอยูท่ ีห้องของนาง ยึดเอาเตียงของนางไว้ ทังยังกักขังอิสระของนางอีก ถึงแม้วา่ จะ


สลบไม่ได้สติ แต่กย็ งั ไม่สามารถทําให้นางวางใจได้ ช่างเป็ นคนชัวร้ายสองหน้าทีในพันปี ยากจะพบเจอ

ถลึงตามองคุณชายโอวหยาง กลับเห็นขนตาของเขาสันไหวเล็กน้อยและมุมปากทียกขึนเบา ๆ
มู่หรงเสวียชะงัก นางหรี ตาลง เมือเข้าไปมองใกล้ ๆ ก็เห็นคุณชายโอวหยางหลับสนิทตาพริ ม ราวกับว่าการ
กระทําทังหมดเมือครู่ เป็ นความเข้าใจผิดของนางเอง !

“คุณชายโอวหยาง คุณชายโอวหยาง......” มู่หรงเสวียร้องเรี ยกเสี ยงเบา

คุณชายโอวหยางนอนหลับตาสนิท ไม่มีการตอบรับใด ๆ

มู่หรงเสวียแววตาวูบไหว ยืนมือไปอังทีหัวของเขาเบา ๆ รู ้สึกว่าตัวของเขารุ ม ๆ ไม่ร้อนแล้ว มู่หรงเสวียจึงถอน


หายใจโล่งอก กล่าวขึนเสี ยงดุ

“คุณชายโอวหยาง ข้าไม่สนว่าท่านจะป่ วยจริ งหรื อว่าแกล้งป่ วย แต่ท่านก็ควรให้เกียรติขา้ สักหน่ อย ถ้าท่านยัง


กล้ากระทําการไร้มารยาทต่อข้าอีก ข้าก็จะตัดแขนของท่านทิงเสี ย ได้ยนิ หรื อไม่”

คุณชายโอวหยางมิได้ตอบกลับ ปิ ดตานอนหลับสนิท

มู่หรงเสวียถลึงตาไปทีเขาอีกครัง นอนลงไปบนเตียงอย่างไม่เต็มใจ อย่างไรนางก็หนี ออกไปจากเตียงนี ไม่ได้


แล้ว เช่นนันก็เอนหลังพักสักครู่ กด็ ีเหมือนกัน
คุณชายโอวหยางเป็ นคนป่ วย อีกทังยังป่ วยหนัก เรื องทีเขากระทําก่อนหน้านี นางจะไม่เอาเรื องเขาก็ได้ แต่วา่ ไข้
ทีขึนสู งของเขาก็คลายลงไปแล้ว ถ้าหากเขายังจะกระทําอะไรทีเกินเลยอีก นางก็จะจัดการเขาอย่างไม่เกรงใจ !

กลินหอมของไม้ไผ่กระทบเข้ากับจมูก มู่หรงเสวียรู ้สึกหมดแรง ตาค่อย ๆ ปิ ดลงและหลับสนิ ทไปโดยไม่รู้ตวั

คุณชายโอวหยางค่อย ๆ ลืมตาขึน มองไปทีหญิงสาวทีอยูใ่ นอ้อมอกของเขา ค่อย ๆ ยกยิมทีมุมปากเล็กน้อย ใน


แววตาสี ดาํ เจือปนไปด้วยรอยยิม ดูงามสง่า ดึงดูดสายตาผูค้ น

ผ่านมาสิ บปี แล้ว นางกลับไม่พฒั นาใด ๆ เลย ยังคงโง่งมเหมือนกับช่วงเวลาสมัยเด็ก แต่ว่าจากนีต่อไป เขาจะอยู่


ปกป้ องข้างกายนางเอง ถึงนางจะโง่งมไปบ้างก็คงมิเป็ นไร

เพียงดีดนิวเบา ๆ สายลมเร็ วแรงสายหนึงก็พ่งุ ออกมา พุ่งชนเข้ากับตะขอสี ทองทีขอบเตียง ผ้าม่านสี ฟ้าค่อย ๆ ลู่


ลง คุณชายโอวหยางกระชับหญิงสาวทีอยูใ่ นอ้อมกอดแน่ นขึนอีก และหลับไปทังรอยยิม

แสงแดดสดใสทะลุผา่ นหน้าต่างเข้ามาในห้อง สาดส่ องไปบนเตียงแกะสลักหลังใหญ่ดา้ นใน ส่ องไปยังคนคู่


หนึ งทีกําลังกอดกันและกัน เพิมทวีความอุ่นสบายนี ให้มากยิงขึน

วังจิงอ๋ อง เรื อนบัวหอม


“ช่วยด้วย !” ฉิ นยวีเยียนกรี ดร้องขึน พริ บตาเดียวก็ชนั ตัวลุกขึนมา หอบหายใจหนักจนหน้าอกขยับขึนลง
หน้าผากเต็มไปเม็ดเหงือทีผุดออก เมือมองเห็นการจัดวางของเครื องเรื อนทีคุน้ ตา นางจึงค่อย ๆ ถอนหายใจ
ออกมาอย่างโล่งอก ทีแท้ก็แค่ฝันร้าย......

“เจ้าตืนแล้วหรื อ !” นําเสี ยงเย็นชาของชายหนุ่ มดังขึน ฉิ นยวีเยียนร่ างกายแข็งชะงัก ค่อย ๆ หันไปมองทีละน้อย


เห็นเย่อีเฉิ นนังอยูท่ ีข้างเตียง มองนางจากเบืองสู ง ดวงตาคมกริ บไร้ประกายของความอบอุ่นอ่อนโยน

......

“อีเฉิน ท่านเป็ นอะไรหรื อ ?” ดวงตาของฉิ นยวีเยียนฉายแววไม่เข้าใจ แต่ไหนแต่ไรมาอีเฉิ นก็คอยเป็ นห่ วงเป็ นใย
นาง ปกป้ องทะนุถนอมนาง แต่ว่าสายตาทีเขามองนางตอนนี ช่างเย็นชาจนราวกับกําลังมองคนแปลกหน้า
อย่างไรอย่างนัน......

“เจ้าจําไม่ได้หรื อว่าก่อนทีเจ้าจะสลบไป เกิดเรื องอะไรขึนบ้าง ?” เย่อีเฉิ นไต่ถามด้วยนําเสี ยงเย็นชา


ตอนที 73 เริมต้ นความขัดแย้ ง
าอยูต่ รงหน้ารอบหนึง ใน
ฉิ นยวีเยียนชะงักค้าง เรื องหลังจากทีพลัดตกหน้าผา ภาพฉากเหตุการณ์ทงหมดฉายซํ

ใจของนางลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ แต่ภายนอกกลับแสร้งนําตาไหลริ นออกจากดวงตาน้อย ๆ “มู่หรงเสวีย...นาง
ทุบตีขา้ ...นางต้องการทีจะสังหารข้า......”

“ทําไมนางถึงต้องการสังหารเจ้า” เย่อีเฉิ นจ้องมองไปทีฉิ นยวีเยียน แววตาคมกริ บให้ความรู ้สึกเย็นยะเยือก

“เพราะว่าข้าผลักนางลงจากหน้าผา...แต่ขา้ ไม่ได้ตงใจ
ั ไม่ได้ตงใจจริ
ั ง ๆ นะ......” แววตาของฉินยวีเยียนสันไหว
นําตาเม็ดโตไหลริ นออกมาจากดวงตาคู่สวย ไหลอาบไปตามใบหน้างาม ท่าทางน่าสงสาร ทําให้ใจของคนทีรู ้สึก
รักใคร่ อดทีจะสงสารไม่ได้

ดวงตาของเย่อีเฉิ นเปล่งประกาย แต่ไม่มีแววอ่อนโยนเหมือนดังเช่นปกติ เขากล่าวขึนด้วยนําเสี ยงเย็นยะเยือก


“เจ้ายังสังการให้องครักษ์เงาของม่อเป่ ยสังหารมู่หรงเสวียด้วยสิ นะ นี ถึงเป็ นสาเหตุทีแท้จริ งทีนางต้องการจะฆ่า
เจ้า......”

ฉิ นยวีเยียนตืนตระหนก นึ กขึนมาได้ในทันใด ตอนทีนางสลบไป มู่หรงเสวียกําลังจะฆ่านาง ตอนนีนางปลอดภัย


ไร้บาดเจ็บ ต้องเป็ นเย่อีเฉินทีช่วยนางเอาไว้แน่ ตอนนันศพของหัวหน้าคนชุดนําตาลอยูด่ า้ นข้าง อีเฉิ นคงจะเห็น
แล้วอย่างแน่นอน ถ้าหากนางยังคงปฏิเสธต่อไป อีเฉิ นคงจะต้องสงสัยในตัวนางมากขึนแน่ ๆ “ทีจริ งแล้ว
องครักษ์เงาพวกนัน......”
“อย่าได้บอกข้าว่าเรื ององครักษ์เงาพวกนันเป็ นมู่หรงเสวียทีใส่ ร้ายเจ้า มู่หรงเสวียเติบโตอยูท่ ีชิงเหยียนตังแต่เล็ก
ไม่เคยไปทีม่อเป่ ยแม้สักครัง ไม่เคยเห็นการแต่งกายขององครักษ์เงาของแคว้นม่อเป่ ย ทังนางยิงไม่รู้ว่าเจ้าจะไปที
หุ บเขาหวีซาน ไม่มีทางทีจะเตรี ยมชุดองครักษ์เงาของม่อเป่ ยไปด้วยสี ชุดเพือใส่ ร้ายเจ้าได้......” เย่อีเฉิ นตัดบท
คําพูดของนาง มองไปทางนางด้วยความเย็นชา

แผนการในใจของนางล้วนถูกเปิ ดโปงหมดเสี ยแล้ว สี หน้าของฉิ นยวีเยียนเดียวขึนสี แดงสลับกับสี ขาว


พริ บตาเดียวก็เปลียนสี ไปมา แววตาวูบไหวอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ อีเฉิ นคาดเดาความจริ งออกทังหมดแล้ว นาง
คงไม่สามารถปฏิเสธต่อไปได้อีก

ั คนนันเป็ นเสด็จพ่อทีมอบให้เพือมาปกป้ องคุม้ ครองความปลอดภัยของข้า ท่านได้กาํ ชับข้าไว้ว่า


“องครักษ์ทงสี
ห้ามบอกใครเป็ นอันขาด อีเฉิ น ข้าไม่ได้ตงใจที
ั จะปิ ดบังเจ้า......”

“ข้าเข้าใจ ทุก ๆ คนล้วนมีความลับเป็ นของตัวเองด้วยกันทังนัน องครักษ์เงาชุดนําตาลสี คนนันเป็ นไพ่ตายที


เอาไว้ปกป้ องชีวิตของเจ้า ถึงแม้เจ้าจะไม่บอกว่ามีพวกเขาอยู่ ข้าก็สามารถเข้าใจได้” สี หน้าของเย่อีเฉิ นดุดนั
นําเสี ยงเย็นยะเยือก

หัวใจของฉิ นยวีเยียนเต้นระรัว นี เขากําลังโมโหอย่างนันหรื อ นางจะต้องเกลียกล่อมเขา “อีเฉิน ข้าขอโทษ ข้า


รับรอง คราวหลังไม่ว่าจะเกิดอะไรขึน ข้าจะบอกท่านทังหมดไม่ว่าจะเรื องอะไรก็ตาม จะไม่ปกปิ ดเรื องราวอะไร
กับท่านอีกต่อไปแล้ว ท่านหายโกรธข้าได้ไหม”

ฉิ นยวีเยียนกุมแขนเสื อของเย่อีเฉิ น กระตุกเพียงเบา ๆ ดวงหน้าเรี ยวเล็กสี ขาวเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อยเสี ยใจ


นําตาไหลริ นออกมาจากดวงตาน้อย ๆ ท่าทางทีน่าสงสารทําให้คนทีได้มองใจอ่อนลงได้ไม่ยากนัก
สี หน้าของเย่อีเฉิ นพลันอ่อนลงอย่างไม่รู้ตวั เขาถอนหายใจออกมาอย่างบางเบา แล้วนังลงไปทีขอบเตียง ค่อย ๆ
ลูบเส้นผมสี ดาํ นุ่ มลืนของฉิ นยวีเยียนไปมาพลางกล่าวปลอบโยน

“อย่าได้เสี ยใจเลย ข้าไม่ได้โทษเจ้าหรอก เพียงแต่เจ้าต้องจําไว้ว่ามู่หรงเสวียยังมีความจําเป็ นกับข้ามาก ก่อนที


ภารกิจของข้าจะเสร็ จสิ น นางจะต้องมีชีวิตอยูร่ อดปลอดภัย ถ้าเจ้ามีความแค้นกับนาง สังสอนนางเกินเลย
เท่าไหร่ กไ็ ม่เป็ นไร แต่หา้ มปลิดชีวิตของนางเด็ดขาด......”

รอยยิมยินดีของฉิ นยวีเยียนแข็งค้าง ทีเย่อเฉิ


ี นโมโห มิใช่เพราะว่านางปกปิ ดเรื องขององครักษ์เงาของแคว้น
ม่อเป่ ยแต่อย่างใด แต่เป็ นเพราะนางสังการให้องครักษ์เงาไปสังหารมู่หรงเสวียต่างหาก !

ในใจของนางเกิดความรู้สึกไม่แน่ใจหวันไหวขึนมา นางจึงแกล้งทําเป็ นกล่าวขึนอย่างไม่เข้าใจว่า “มีเพียงเท่านี


จริ ง ๆ หรื อ”

“แน่นอนสิ ข้าจะหลอกเจ้าไปเพืออะไร ถ้าหากมู่หรงเสวียไม่มีประโยชน์อนั ใดกับข้า ข้าก็คงจะถอนหมันกับนาง


และส่ งนางไปให้ไกล เหตุใดจะวางแผนให้นางเป็ นพระชายารองอีก”

เย่อีเฉิ นลูบไล้ไปทีใบหน้าเรี ยวเล็กของฉิ นยวีเยียนด้วยต้องการทีจะขอโทษ แววตาของเขาเปล่งประกายด้วย


ความอ่อนโยนเล็กน้อย “โชคยังดีทีมู่หรงเสวียไม่ตายทีภูเขาหวีซานไปเสี ยก่อน มิเช่นนัน เจ้าคงทําให้ขา้ เสี ยเรื อง
ใหญ่”
“เย่อีเฉิ นจริ ง ๆ แล้วท่านอยากให้ม่หู รงเสวียทําอะไรอย่างนันหรื อ ?” ฉิ นยวีเยียนมองไปทีเย่อเฉิ
ี นอย่างไม่
กระพริ บตา ไม่ปล่อยให้พิรุธบนใบหน้าของเขาหลุดรอดไปได้

นางไม่ได้เห็นสายตาทีเย่อีเฉิ นใช้มองมู่หรงเสวียเพียงแค่ครังเดียว แววตาทีซับซ้อนนัน ทีแฝงไปด้วยความรู ้สึกที


ลึกซึ งและเสี ยใจ นันไม่มีทางใช่สายตาของคนทีใช้มองเครื องมือของตัวเองอย่างไม่รู้สึกอะไรแน่ !

“นีเป็ นความลับ ไว้ขา้ จะบอกเจ้าในคราวหลัง” เย่อีเฉิ นพูดเสี ยงราบเรี ยบ แววตาเปล่งประกาย “ใช่แล้ว แผนที
ครึ งแผ่นนันเจ้าเอาไปไว้ไหนแล้ว”

หลังจากทีฉิ นยวีเยียนกลับถึงวัง สาวใช้ก็ช่วยนางทําแผล เปลียนเสื อผ้าให้ใหม่ แต่กลับไม่พบแผนทีแผ่นนันที


นางพกเอาไว้เลย

“แผนที ?” ฉิ นยวีเยียนชะงักไป นางเร่ งจับไปทีหน้าอกของตัวเอง ภายในชุดสัมผัสได้เพียงแต่ความว่างเปล่า


ดวงตาของนางลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ “แผนทีถูกมู่หรงเสวียเอาไปแล้ว......”

นันคือแผนทีทีพวกเขาลงทุนลงแรงไปมากกว่าจะพบมันในหุ บเขาหวีซาน และเพราะแผนทีแผ่นนี ทําให้พวก


เขาเกือบจะถูกดอกไม้ปีศาจกินคนกินเข้าไป ทัง ๆ ทีมู่หรงเสวียไม่ได้ลงทุนลงแรงอะไรเลย แต่กลับได้มนั ไป
อย่างง่ายดาย ช่างชัวร้ายจนถึงทีสุ ด !
ทันใดนันเย่อีเฉิ นก็เข้าใจเรื องราวทังหมด แววตาของเขาส่ องประกายอย่างลําลึก “นันเป็ นแค่แผนทีแค่ครึ งแผ่น มู่
หรงเสวียแย่งเอาไปก็ไม่เป็ นไร เราค่อยหาโอกาสแย่งชิงกลับมาก็ไม่สาย สิ งทีต้องทําในตอนนีคือตามหาแผนที
อีกครึ งแผนทีเหลือ......”

“แผนทีอีกครึ งหนึงไม่ได้อยูท่ ีหุ บเขาหวีวานอย่างนันหรื อ” แววตาของฉิ นยวีเยียนเต็มไปด้วยความสงสัย ไม่ใช่


ว่าแผนทีทังสองชินอยูท่ ีหุ บเขาหวีซานหรอกหรื อ ทําไมถึงไม่มีได้ ?

“ไม่มี” เย่อีเฉิ นส่ ายหน้า แววตาลึกลํา “องครักษ์เงาของข้าค้นหาทัวหุ บเขาหวีซานแล้ว เหลือก็เพียงแต่ตอ้ งขุดดิน


หาเท่านัน ซึ งก็เหมือนเดิมคือไม่พบเบาะแสใด ๆ ชัดเจนว่าแผนทีอีกครึ งแผ่นไม่ได้อยูท่ ีหุ บเขาหวีซานแน่ ......”

คิวเรี ยวสวยของฉิ นยวีเยียนขมวดเข้าหากันแน่น “ถ้าไม่อยูท่ ีหุ บเขาหวีซาน เช่นนันแล้วอยูท่ ีใด ?”

“ร่ างกายของเจ้ายังบาดเจ็บอยู่ อย่าคิดอะไรให้กงั วลใจเลย พักผ่อนให้สบายเถอะ” เย่อีเฉิ นจูบเข้าทีหน้าผากของ


ฉิ นยวีเยียนอย่างแผ่วเบา กล่าวด้วยนําเสี ยงอ่อนโยน “ข้าจะรี บสังการให้คนไปหาแผนทีอีกครึ งทีเหลือ อีกสักพัก
ค่อยมาดูเจ้า”

“เพคะ” ฉิ นวีเยียนพยักหน้า มองส่ งเย่อีเฉิ นออกไปจากห้อง ทันใดนันรอยยิมงดงามของนางก็สลายหายไป เหลือ


เพียงแต่สีหน้าเคร่ งขรึ ม
เพราะมารยาของนาง ทําให้อีเฉิ นให้อภัยนาง ท่าทางทีเขามีต่อนางยังคงอ่อนโยน อบอุ่นเหมือนแต่ก่อน แต่นาง
กลับรู้สึกว่า ระหว่างเขาทังสองคนนันถูกคันกลางไว้ดว้ ยบางสิ งบางอย่าง ไม่ได้รู้สึกถึงความใกล้ชิดดังเช่นเคย
เป็ นเพราะเรื ององครักษ์เงาชุดนําตาลสี คนนันหรื อ หรื อเป็ นเพราะมู่หรงเสวีย

“อิงอิง รี บใช่นกพิราบสื อสารส่ งจดหมายให้เสด็จพ่อ บอกท่านว่าข้าพบเรื องลําบากประการหนึ ง ขอให้เขาส่ งคน


มาทีชิงเหยียนช่วยเหลือข้าโดยเร็ ว”

“เพคะ” อิงอิงเป็ นนางกํานัลทีติดตามมาจากวังหลวงของม่อเป่ ย ซื อสัตย์ภกั ดีกบั นางเป็ นอย่างมาก พอได้ยนิ คําสัง


จากนางก็รีบย่อกายลง เร่ งเดินไปทีด้านข้างโต๊ะกลม หยิบพู่กนั ขึนมาเขียนข้อความ

แววตาของฉิ นยวีเยียนเปล่งประกายอย่างอํามหิ ต เย่อีเฉิ นเป็ นของนาง นางจะไม่มีทางให้ใครมาแย่งเขาไปได้แน่


!

มู่หรงเสวียก็เช่นเดียวกัน นางสังหารองครักษ์เงาผูต้ ิดตามของนาง ทําให้นางต้องเปิ ดเผยความลับและทําให้นาง


กับอีเฉิ นต้องเหิ นห่างกันมากขึนกว่าเดิม อีกทังยังทําให้นางต้องบาดเจ็บสาหัสและเกือบตาย หนีแค้นพวกนี นาง
จะส่ งคืนให้ม่หู รงเสวียทังต้นทังดอก

แน่นอนว่านางไม่มีทางทําให้ม่หู รงเสวียตายหรอก เพียงแต่แค่ทาํ ให้นางรู ้สึกตายทังเป็ นเท่านันเอง !

ในระหว่างทีสะลึมสะลืออยูน่ ัน มู่หรงเสวียอยากจะพลิกกาย แต่กลับไม่สามารถขยับตัวได้ กลินหอมของไม้ไผ่ที


บางเบา ทําให้นางขมวดคิว ค่อย ๆ ลืมตาขึน......
ตอนที 74 ทะเลาะแง่ งอน
ชายเสื อสี ขาวกระทบเข้ากับสายตา เสี ยงหัวใจเต้นแรงสมําเสมอดังขึนทีข้างหู ลมหายใจอุ่นร้อนพ่นรดเส้นผม
มือแกร่ งโอบรัดกักขังเอวบางของนางเอาไว้แน่น มู่หรงเสวียไม่ตอ้ งหันไปมองก็เข้าใจว่าเป็ นใครทีนอนอยูข่ า้ ง
กายของนาง

มู่หรงเสวียค่อย ๆ เงยหน้าขึน พลางยันตัวลุกขึนอย่างไม่รีบร้อน มองไปทีนาฬิกาทรายทีวางอยูบ่ นโต๊ะทีหัวเตียง


นีก็ยามเว่ยแล้ว (ประมาณบ่ายโมงถึงบ่ายสาม) นางนอนไปเมือตอนยามเฉิ น(ประมาณเจ็ดโมงถึงเก้าโมงเช้า) พอ
หลับก็หลับไปตังสามชัวยามเชียวหรื อ

“คุณหนู ท่านตืนแล้ว จะรับสํารับเลยไหมเจ้าคะ ?” อันเซี ยงทีเฝ้ าอยูด่ า้ นนอกของห้อง ได้ยนิ ด้านในห้องมีการ


เคลือนไหว จึงเร่ งไต่ถามขึนมา

เลยเวลาสํารับกลางวันไปตังนานแล้ว มู่หรงเสวียหิ วจนท้องร้อง แต่คุณชายโอวทีอยูข่ า้ งกายยังคงนอนหลับสนิ ท


เขาทังบาดเจ็บและไม่สบาย นางไม่อยากรบกวนการพักผ่อนของเขา เตรี ยมจะสังให้อนเซี
ั ยงจัดสํารับไว้ดา้ นนอก
แต่เสี ยงทุม้ กลับดังขัดขึนมาก่อน “ยกเข้ามาเถอะ”

มู่หรงเสวียชะงัก นางค่อย ๆ ก้มลงไปมองทีละน้อย ก็เห็นคุณชายโอวหยางทีไม่รู้ว่าลืมตาตืนขึนมาตังแต่เมือใด


ดวงตาสี ดาํ เจือปนไปด้วยรอยยิมบางเบา ดูสง่างามดึงดูดสายตาผูค้ นทีได้พบเห็น มู่หรงเสวียมองดูจนต้องขบ
เขียวเคียวฟัน “ท่านตืนตอนไหนรึ ?”
“ก็เมือครู่ นี” คุณชายโอวหยางลุกขึนนัง เอือมแขนยาวออกไปดึงนางเอามาไว้ในอ้อมกอด เกยคางไปบนไหล่ของ
นาง แล้วกล่าวด้วยนําเสี ยงอ่อนโยน “นอนหลับดีไหม ?”

คําถามเรี ยบง่าย ฟังไม่ออกถึงความกํากวมหรื อความหมายอืนใด ดวงหน้าเรี ยวเล็กของมู่หรงเสวียฉายแววอย่าง


ไม่ค่อยพอใจ ถลึงตามองไปทีเขากล่าว “ดีมาก”

คุณชายโอวหยางปรายตามองนาง “สี หน้าซี ดขาว ดวงตาเลือนลอย ขอบตาดําคลํา คล้ายเหมือนกับคนทีไม่ได้


พักผ่อนอย่างเต็มที......”

ได้ยนิ ดังนัน มู่หรงเสวียก็คอ้ นตาใส่ เขาเสี ยทีหนึง “ข้าหิ วแล้ว ท่านอยูร่ ับสํารับเสี ยก่อนเถอะ พอกินเสร็ จแล้ว
ค่อยพักผ่อนให้เต็มอิม” นางตอบกลับอย่างไม่พอใจ ใช้แรงแกะเอามือของเขาทีเกาะอยูท่ ีเอวของนางออก แล้ว
แหวกม่านคุมเตียง พอดีกบั เห็นอันเซี ยงทียกสํารับเข้ามา เมืออันเซี ยงเห็นมู่หรงเสวียทีอยูด่ า้ นหน้าเตียงกับ
คุณชายโอวหยาง นางชะงักไปครู่ หนึง พลางหยุดเท้าลง

มู่หรงเสวียยืนอยูท่ ีข้างเตียงนัน สภาพปกเสื อแหวกออก ผมเผ้ายุง่ เหยิง หายใจหอบถี คล้ายกับว่าเพิงถูกกลัน


แกล้งอย่างหนักหน่วง คุณชายโอวหยางก็กาํ ลังติดกระดุมอยูท่ ีข้างเตียง ท่าทางร่ าเริ งดังเช่นหมาป่ าสองหน้าทีได้
เอารัดเอาเปรี ยบผูค้ น มองจากทีไกล ๆ บรรยากาศระหว่างทังสองดูเคอะเขินกํากวมยิงนัก......

คุณชายโอวหยางเงยหน้าขึนในทันที สายตาคมกริ บดังลูกศรพุ่งตรงไปทีอันเซี ยง ทําเอานางหวาดกลัวเสี ยจน


ร่ างกายเย็นเยียบ เร่ งเดินไปทีริ มโต๊ะ รี บจัดวางสํารับด้วยความเร็ วทีเร็ วทีสุ ดเท่าทีจะทําได้
“คุณหนู คุณชายเชิญรับสํารับเจ้าค่ะ ข้าน้อยขอตัว” อันเซี ยงเร่ งกล่าวอย่างร้อนรน รี บย่อกายทําความเคารพ หมุน
กายเดินออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ วโดยไม่กล้าหันกลับไปมองอีก

ช่วงเช้าตอนทีนางเอาชากับนําสะอาดมาถึง ก็ไม่เห็นร่ องรอยของคุณชายโอวหยางแล้ว นางเลยนึกว่าเขากลับไป


แล้ว แต่คาดไม่ถึงว่าเขากลับนอนพักผ่อนบนเตียงเดียวกันกับคุณหนูของนาง แล้วยังพากันหลับไปตังสองสาม
ชัวยาม......

แค่ก แค่ก......คุณชายโอวหยางฐานะสู งส่ ง รู ปลักษณ์กห็ ล่อเหลา ทังยังดูเหมาะสมกับคุณหนูของนางเป็ นอย่าง


มาก......

เมือมองไปทีเงาร่ างของนางทีหนีไปอย่างรวดเร็ ว ดวงหน้างดงามของมู่หรงเสวียก็เข้มขึน ถลึงตาไปมองที


คุณชายโอวหยาง “ให้อนเซี
ั ยงยกสํารับเข้ามาในห้องทําไม แล้วอย่างไรล่ะ นางเห็นว่าเรานอนเตียงเดียวกัน ถ้า
หากเรื องนีแพร่ งพายออกไป ข้าจะมีหน้าไปพบผูค้ นได้อย่างไร ?”

“เช่นนันเจ้าก็แต่งให้ขา้ ก็จบแล้ว คนอืนจะว่าเช่นไรก็ไม่ตอ้ งไปสนใจ” คุณชายโอวหยางมองไปทีมู่หรงเสวีย


แววตาสี ดาํ เปล่งประกายเต็มไปด้วยความจริ งจัง

มู่หรงเสวียชะงักไป นางเหมือนกับจะสําลัก จึงไอออกมาอย่างรุ นแรง จนดวงหน้าเรี ยวเล็กขึนสี แดงกํา......

“เป็ นอะไรไปหรื อ” คุณชายโอวหยางลูบหลังของนาง แววตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ


“ไม่เป็ นไร......ไม่เป็ นไร......” มู่หรงเสวียโบกมือเป็ นพัลวัน ยิมอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ “เรื องนัน อันเซี ยงเป็ นสาว
ใช้ของข้า นางคงปิ ดปากเงียบปกป้ องข้า ไม่มีทางทีจะพูดเรื องเมือครู่ ออกไปแน่ เมือกีข้าก็แค่ลอ้ เล่นเท่านัน
คุณชายอย่าได้ใส่ ใจไป......”

คุณชายโอวหยางนอนในห้องของนาง อีกทังยังสังการแทรกคําพูดของนาง นางเพียงแค่โกรธและอยากจะเอาคืน


เท่านัน ไม่ได้ตอ้ งการบีบบังคับให้เขามารับผิดชอบแต่อย่างใด

สี หน้าของคุณชายโอวหยางฉายแววดุดนั ขึนมาทันที แววตาของเขาวูบไหวลําลึก จ้องมองมู่หรงเสวียอย่างไม่


กระพริ บตา แล้วก็หมุนกายเดินออกไปด้านนอกโดยทีไม่หันกลับมามองอีก เสี ยงทุม้ เอ่ยขึนอย่างเรี ยบ ๆ “ข้ายังมี
ธุระ ต้องไปก่อนแล้ว”

เมือมองไปทีเงาร่ างของเขาทีค่อย ๆ ไกลออกไป มู่หรงเสวียจึงเลิกคิวขึนเบา ๆ นางยังไม่ได้พดู อะไรเลยทําไมอยู่


ๆ เขาถึงโมโหได้ เข้าใจยากยิงนัก !

ไอร้อนของอาหารบนโต๊ะโชยออกมา กลินหอมอบอวล ทําให้ผคู ้ นนําลายสอ ท้องของมู่หรงเสวียร้องประท้วง


ขึนมา แต่นางกลับไม่มีความรู้สึกอยากอาหารหลงเหลืออยูเ่ ลยแม้แต่นอ้ ย

“คุณหนู” อันเซี ยงเร่ งเดินเข้ามา มองไปทีดวงหน้าเรี ยบเฉยของมู่หรงเสวีย ท่าทางของนางอํา ๆ อึง ๆ


“มีเรื องอะไรหรื อ” มู่หรงเสวียไต่ถามอย่างไม่ใส่ ใจ

“มีคนส่ งจดหมายให้ท่านเจ้าค่ะ” อันเซี ยงหยิบจดหมายออกมายืนส่ งไปให้มู่หรงเสวีย

จดหมายมีสีขาว ด้านบนเขียนด้วยตัวอักษรไม่กีตัวว่า ‘มอบให้ม่หู รงเสวีย’ ตัวอักษรเป็ นระเบียบเรี ยบร้อย คล้าย


กับใช้วธิ ีพิมพ์ทาํ ขึนมา

ใครกันทีเขียนจดหมายให้กบั นาง ?

มู่หรงเสวียแกะจดหมายออกด้วยความไม่แน่ ใจ หยิบเอากระดาษสี ขาวออกมาก เห็นด้านบนเขียนไว้วา่ ‘อีผนิ


เสวียนห้องไผ่ มีเรื องจะปรึ กษา’ ไม่กีตัวอักษร ทังยังไม่ได้เขียนชือผูส้ ่ ง

“เป็ นใครส่ งจดหมายนี มา”

“ทหารยามเฝ้ าประตูบอกว่า เป็ นคนรับใช้แปลกหน้าผูห้ นึ งเจ้าค่ะ” อันเซี ยงรายงานตามความจริ ง

มู่หรงเสวียหรี ตาลง หลังจากทีนางมาอยูท่ ีชิงเหยียน ล้วนไม่รู้จกั ใครสักคน แล้วจะเป็ นใครกันทีมาทําลับ ๆ ล่อ ๆ


เช่นนี เรี ยกนางให้ไปอีผินเสวียนอย่างนันหรื อ ถ้ามีเรื องสําคัญก็น่าจะมาปรึ กษาหารื อทีจวนโหวก็ได้นี......
อันเซี ยงมองไปทีสี หน้าสงสัยของนาง แล้วลองไต่ถาม “คุณหนูใหญ่ ท่านจะไปอีผินเสวียนไหมเจ้าคะ ?”

“ลองไปดูหน่ อยแล้วกัน” มู่หรงเสวียพยักหน้า อุดอูอ้ ยูท่ ีจวนเจินกัวโหวก็ไม่มีอะไร ลองไปทีอีผินเสวียนดูวา่ คน


ลึกลับผูน้ นเป็
ั นใครมาจากไหนกัน

อีผนิ เสวียนเป็ นโรงนําชาโรงหนึง ตังอยูบ่ นถนนทีคึกคักสายหนึง ห่ างจากจวนเจินกัวโหวไปแค่สองช่วงถนน

นําชาและขนมของอีผนิ เสวียนล้วนเลิศรส ดึงดูดลูกค้าได้ไม่น้อย หลังจากทีมู่หรงเดินเข้าโรงนําชาไป ขอบคุณ


ในการต้อนรับของเสี ยวเอ้อร์ ก็เดินตรงไปทีชันสอง เดินไปทีห้องไม้ไผ่ทีเขียนไว้ในจดหมาย

ปากประตูของห้องไผ่มีทหารสองนายยืนอยู่ ร่ างกายสู งใหญ่ สี หน้าไร้ความรู ้สึก เมือมองเห็นมู่หรงเสวียพวกเขา


ื อไปเปิ ดประตูของห้องไผ่ กล่าวนําเสี ยงนอบน้อมว่า “เชิญคุณหนู ม่หู รงขอรับ”
ก็ยนมื

มู่หรงเสวียค่อย ๆ เดินเข้าไปในห้องไผ่ พบกับชายอายุประมาณสามสิ บปี กําลังนังจิบชาอยูท่ ีโต๊ะชาตรงกลางของ


ห้อง ดวงหน้าของเขาหล่อเหลา แต่ดวงตาปรากฏแววเฉยชา จมูกโด่งสู ง เขาอยูใ่ นชุดสี ครามทีทําให้ความสง่า
งามและคมเข้มทีเปล่งประกายออกมาจากเขายิงเปล่งประกายมากขึน

มู่หรงเสวียรี บรื อความจําของตน ก็พบเงาร่ างสายหนึ งทีตรงกับคนตรงหน้า นางเปิ ดปากกล่าวออกไป “ท่านคือ


......เซี ยเฉิ งเซี ยง (อัครมหาเสนาบดีเซี ย) !”
ท่วงท่าทีกําลังดืมชาของชายวัยกลางคนพลันหยุดชะงักลง เงยหน้ามองทีมู่หรงเสวีย เห็ นดวงหน้างดงามของ
หญิงสาวทีเปล่งประกายดึงดูดสายตายิงกว่าดวงอาทิตย์ทีอยูบ่ นท้องฟ้ า รอยยิมอ่อนโยนคล้ายมวลบุปผาทีกําลัง
ผลิบาน ทําให้จิตใจของผูค้ นสันไหว แววตาของเขาปรากฏประกายตืนตะลึงสายหนึง ยิมขึนน้อย ๆ พลางกล่าว
“เด็กสาวได้เติบใหญ่ขึนแล้ว ทังยังจําข้าได้ ความจําช่างไม่เลวเลย”

มู๋หรงเสวียยิมน้อย ๆ “เซี ยเฉิงเซียงช่างกล่าวชมเกินไปแล้ว ไม่ทราบว่าทีเฉิ งเซี ยงนัดข้ามา มีธุระใดหรื อเจ้าคะ ?”

ในความทรงจําของร่ างเดิม หลังจากทีอายุครบสี ขวบก็ได้เจอกับเซี ยเฉิ งเซี ยงน้อยลง ได้พบกันแค่ไม่กีครัง ส่ วน


ใหญ่กเ็ ป็ นทีวังหลวง มองเห็นกันอยูไ่ กล ๆ ล้วนมิได้กล่าววาจาพูดคุย เขาทําไมอยู่ ๆ เขาถึงอยากเจอนางได้

เซี ยเฉิ งเซี ยงยิมน้อย ๆ เด็กสาวไม่ตอ้ งการพูดจาอ้อมค้อม เช่นนันเขาก็จะพูดธุระของเขาตรง ๆ “เจ้ารู ้หรื อไม่ว่า
ทําไมอาสองของเจ้าถึงถูกย้ายไปประจําการทีจิงโจว”
ตอนที 75 ศัตรู ทไม่
ี อยากพบหน้ า
“เพราะว่ามีคนวางแผนใส่ เขา” มู่หรงเสวียยิมบางเบา ตอนทีมู่หรงเยว่ตายไป มู่หรงเย่เพิงจะอายุสีขวบ อายุยงั
น้อยแถมยังอ่อนแอนัก ยากทีจะปกป้ องตัวเองจากแผนการร้าย มู่หรงเจียนทีมีจิตใจทะเยอทะยานโหดเหี ยม ล้วน
สามารถสังหารมู่หรงเย่ได้ทุกเวลาโดยทีไม่มีใครรู ้ เพือให้ตวั เองได้เป็ นโหว

เมือออกจากเมืองหลวง ไปไกลตังจิงโจว ก็เท่ากับว่าไม่ตอ้ งการตําแหน่งโหว นี ไม่ใช่นิสัยของแม่ลูกแซ่ ตทู้ ี


ละโมบโลภมากแน่ ดังนันมู่หรงเจียนจึงไม่มีทางยอมออกจากเมืองหลวงด้วยตัวเองแน่นอน แต่น่าจะถูกคนบีบ
บังคับให้จากไปอย่างไม่มีทางเลือก

เซี ยเฉิ งเซี ยงยิมน้อย ๆ เด็กสาวผูน้ ีฉลาดอย่างทีคิดไว้ไม่มีผิดนัก อาศัยเพียงแค่การคาดเดาก็ถูกต้องอย่างง่ายดาย


“เป็ นข้าและเฉิ งกัวกงทีจัดการอะไรนิ ดหน่อย จึงทําให้สามารถย้ายมู่หรงเจียนออกไปได้ไกลเช่นนี ”

“ขอบพระคุณเฉิ งเซี ยงมากเจ้าค่ะ” ดวงตาของมู่หรงเสวียฉายแววสดใส เซี ยเฉิ งเซี ยง เฉิ งกัวกงและมู่หรงเยว่ต่าง


เป็ นเพือนสนิ ทกัน ถ้าบอกว่าเขาสองคนร่ วมมือกันเพือย้ายหมู่หรงเจียง แน่ นอนว่านางเชือ

ถ้าไม่มีเซี ยเฉิ งเซี ยงกับเฉิ งกัวกงคอยดูแล จวนเจินกัวโหวก็คงตกเป็ นของแม่ลกู แซ่ ตูไ้ ปเสี ยตังนานแล้ว แล้วนาง
เองก็ไม่รู้วา่ จะมีชีวิตอยูถ่ ึงตอนนีหรื อไม่ แต่แน่ นอนว่ามู่หรงเย่อาจจะต้องตกตายไปตังแต่ตอนเด็ก

เซี ยเฉิ งเซี ยงยิมน้อย ๆ “ไม่จาํ เป็ นต้องขอบคุณหรอก พวกข้าก็ได้รับการไหว้วานจากท่านตาของเจ้ามาอีกทีหนึง”


“ท่านตางันหรื อเจ้าคะ” มู่หรงเสวียชะงัก ในความทรงจําของร่ างเดิม ท่านยายได้สินไปนานแล้ว ท่านตาก็สุขภาพ
ไม่ค่อยดี นอนป่ วยอยูบ่ นเตียงมาโดยตลอด หลังจากทีท่านแม่แซ่ เฉิ นป่ วยตายไป ท่านตาอยูต่ ่อไปได้ไม่เท่าไหร่ ก็
สิ นใจลง ทังท่านลุงแม่ทพั ก็อยูป่ ระจําทีชายแดน ลูกและภรรยาล้วนอยูท่ ีนัน คนในครอบครัวนันก็กลับมาทีเมือง
หลวงแทบนับครังได้

จวนตระกูลเฉิ นตอนนี ก็เป็ นเพียงจวนว่างเปล่าหลังหนึง ในจวนมีเพียงพ่อบ้านชราทีดูแลจวน แล้วก็เหล่าสาวใช้


ทีค่อยปั ดกวาดเช็ดถู ล้วนไม่มีเจ้านายอาศัยอยูแ่ ต่อย่างใด

“ท่านตาของเจ้าเป็ นอันกัวกง (ยศศักดินาชันสู งสุ ดเทียบเท่าดยุค) วรยุทธ์สูงส่ ง ใช้กลทัพดังเทพเซียน ช่วงเวลา


นันถูกผูค้ นเรี ยกว่าเทพสงคราม เพียงแค่ศตั รู ได้ยนิ ชือของเขา ก็ลว้ นต้องหวาดกลัวจนถอยทัพหนี ไปไกล......”

เซี ยเฉิ งเซี ยงรําลึกไปถึงช่วงเวลานัน มุมปากของเขาแฝงไปด้วยรอยยิม พูดต่อไปว่า “ตัวข้า เฉิงกัวกงและพ่อของ


เจ้าล้วนเป็ นลูกศิษย์ของท่านตาของเจ้า วรยุทธ์ของข้านันล้วนเป็ นเขาทีสังสอน......”

แววจาของมู่หรงเสวียเปล่งประกาย จริ ง ๆ แล้วนางมีท่านตาทีเก่งกาจขนาดนีเชียวหรื อ ลูกศิษย์ลูกหาเต็มบ้าน


เต็มเมือง ลูกศิษย์ทีได้รับการสังสอนก็ลว้ นกลายเป็ นยอดคนทีหาได้น้อยบนแผ่นดินนี แต่น่าเสี ยดายนัก ทีท่าน
จากไปเร็ วเหลือเกิน......

“เสวียเอ๋ อร์ มู่หรงเจียนจะกลับเมืองหลวงแล้ว” นําเสี ยงของเซี ยเฉิ งเซียงกลายเป็ นหนักแน่นขึนทันใด มู่หรงเสวีย


หลุดจากภวังค์ทนั ที นางค่อย ๆ ขมวดคิวเข้าหากัน ทีแท้ทีเซี ยเฉิ งเซี ยงมาหานางก็เพือทีจะบอกเรื องนี นีเอง
ขุนนางทีถูกย้ายไปรับราชการภายนอกเมือง หลังจากทีทําผลงานในหน้าทีอย่างน้อยสามปี หรื ออย่างมากหกปี ก็
จะสามารถกลับเมืองหลวงได้ เลือนตําแหน่งได้รับความเจริ ญก้าวหน้าในหน้าทีการงานและชีวิต

แต่ม่หู รงเจียนกลับถูกทิงให้ประจําการทีจิงโจวเป็ นเวลาถึงสิ บปี คงต้องร้อนรนใจอย่างแน่นอน คงใช้เส้นสายคน


รู ้จกั เท่าทีจะหาได้ เพือดินรนให้ตวั เองได้กลับสู่ เมืองหลวง

ระยะเวลาการทํางานของเขาล้วนเกินอัตรามามากแล้ว ขอแค่ผลงานไม่มีความผิดพลาดมากนัก เรื องถูกเรี ยกตัว


กลับเมืองหลวงแน่ นอนว่าย่อมไม่เป็ นปั ญหา

“กลับมาก็กลับมาสิ ” นางกับมู่หรงเย่ลว้ นเติบโตแล้ว ไม่ใช่คนอ่อนแอไร้ความสามารถทีจะไม่สามารถตอบโต้ได้


เหมือนแต่ก่อนทีเป็ นเพียงฝาแฝดอ่อนแอ่ทีได้แต่ทนถูกพวกเขารังแก พวกนางตอนนี ไม่เกรงกลัวเขาอีกต่อไป
แล้ว “เซี ยเฉิ งเซี ยงทราบรึ ไม่เจ้าคะว่าใครเป็ นคนย้ายมู่หรงเจียนกลับเมืองหลวง”

เซี ยเฉิ งเซี ยงส่ ายหน้า แววตาลึกลํา “คําสังย้ายเป็ นกรมขุนนางทีออกคําสัง ตัวข้าเองก็คดั ค้านแล้ว แต่คนของกรม
ขุนนางก็อา้ งว่า ‘ระยะเวลาการทํางานของมู่หรงเจียนล้วนครบถ้วนสมบูรณ์ สมควรถูกเรี ยกตัวกลับเมืองหลวงได้
แล้ว’ ไม่ยอมคายความจริ งออกมา......”

มู่หรงเสวียยกยิมเย็น ระยะเวลาการทํางานของมู่หรงเย่ครบไปตังนานแล้ว ถ้าหากกรมขุนนางทํางานด้วยความ


ตงฉิ นจริ ง เขาก็น่าจะควรถูกเรี ยกตัวกลับมานานแล้ว ไหนเลยจะรอมาจนถึงป่ านนี ทีพวกเขาพากันปิ ดปากเงียบ
เช่นนี ก็พอจะดูออกแล้วว่าคนทีอยูเ่ บืองหลังนันมีอาํ นาจมากแค่ไหน พวกเขาถึงไม่อยากผิดใจกับเขา......
เซี ยเฉิ งเซี ยงกับเฉิ งกัวกงไม่รู้ฐานะคนทีอยูเ่ บืองหลัง จึงแน่นอนว่าไม่สามารถไปก่อศัตรู กบั กระดาษคําสังแค่
แผ่นเดียว แล้วไปต่อกรกับคนผูน้ นอย่
ั างเอาเป็ นเอาตาย “หลายปี มานี ขอขอบพระคุณเซี ยเฉิ งเซี ยงทีดูแลด้วยเจ้า
ค่ะ !”

ถ้าหากไม่มีเซี ยเฉิ งเซี ยงกับเฉิ งกัวกงคอยขัดขวาง มู่หรงเจียนคงถูกเรี ยกตัวกลับเมืองหลวงนานแล้ว นางกับมู่หร


งเย่กคงไม่มีทางเติบโตกันมาได้จนถึงป่ านนี

เซี ยเฉิ งเซี ยงถอนหายใจออกมาหนัก ๆ เสี ยหนึงที “ข้าละอายใจยิงนัก สุ ดท้ายก็ไม่สามารถดูแลพวกเจ้าสองพีน้อง


ให้เติบโตไปอย่างสงบสุ ขและสุ ขสบายได้”

“เซี ยเฉิงเซี ยงมิตอ้ งโทษตัวเองหรอกเจ้าค่ะ ท่านทําได้ดีมากแล้ว เรื องหลังจากทีมู่หรงเจียนกลับเมืองหลวง ข้าจะ


เป็ นคนจัดการเอง” มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ ดูลึกลําจนไม่สามารถคาดเดาได้ ก็แค่ม่หู รงเจียนกลับเมืองหลวงเท่านัน
ไม่ได้มีอะไรให้น่าเป็ นห่ วงนัก แม่ของเขานางก็จดั การจนเกือบจะตายแล้ว นางไหนเลยจะกลัวเขา !

ภายใต้พระอาทิตย์ทีสาดส่ อง มู่หรงเสวียเดินออกจากอีผินเสวียน เดินไปตามทางอย่างช้า ๆ ร่ างกายส่ วนนูนเว้า


ภายใต้พระอาทิตย์ทีสาดส่ องปรากฏเป็ นเงาร่ างยาว ๆ สายหนึง

คิวงามของนางเลิกขึนน้อย ๆ ท่าทางครุ่ นคิด ตาของมู่หรงเจียนเป็ นแค่ขนุ นางจดบันทึกดูแลเอกสาร บิดาเป็ นขุน


นางประจําศาล น้องเขยเป็ นอู่อนั โหว สามคนนี ล้วนไม่นบั ว่ามีตาํ แหน่งอํานาจทีสู งส่ งเท่าไหร่ ไม่มีทางทําให้คน
ของกรมขุนนางปิ ดปากเงียบขนาดนี ได้
พวกเขาสามคนไม่มีทางทีเรี ยกตัวมู่หรงเจียนกลับมาได้ ถ้าเช่นนันคนคนนันเป็ นใครกันแน่ ?

“กุบกับ กุบกับ !” เสี ยงฝี เท้าของม้าเร่ งรี บดังเข้ากระทบหู มู่หรงเสวียหลุดออกจากภวังค์ทนั ใด เมือมองตามเสี ยง


ไปก็เห็นชายหนุ่ มในชุดสี นาเงิ
ํ นผูห้ นึ ง กําลังขีม้าพุ่งมาทางนี เขาอายุประมานสิ บสามสิ บสี ปี ฟั นขาวปากแดง
รู ปลักษณ์หล่อเหลา มุมปากยกยิมน้อย ๆ ท่าทางหยิงยโส ถือตน อวดดี

“เชียะ !” ม้าเร็ ววิงบนถนนอย่างรวดเร็ ว คนทีเดินไปมาพากันเร่ งรี บเพือจะหลบทาง

มู่หรงเสวียก็เตรี ยมจะหลบไปด้านหลัง หลีกม้าให้ไกลหน่อย แต่ไม่คาดว่าด้านหลังของนางกลับเต็มไปด้วยผูค้ น


นางไม่สามารถถอยหลังไปได้อีกแล้ว

เมือคนบนหลังม้าเห็นคนบนทางเดินล้วนหลบไปหมดแล้ว แต่เห็นนางกลับยืนนิงไม่ขยับ แววตาก็เปล่งประกาย


ด้วยความโกรธ แส้ในฝ่ ามือตวัดฟาดไปทีนางอย่างไม่ยงมื
ั อ “หลีกไป อย่ามาขวางทางข้า !”

ได้ยนิ เสี ยงเสี ยดสี อากาศทีพุ่งเข้ามา แววตาเย็นชาของมู่หรงเสวียหรี ลงเล็กน้อย ยืนมือออกไปคว้าแส้เอาไว้ ใช้


แรงสะบัดมือ แส้ยาวสะบัดกลับไปทางเดิม ได้ยนิ เสี ยง ‘เพียะ’ ดังขึนเสี ยงหนึ ง แส้ยาวฟาดเข้าทีอกของชายหนุ่ ม
อย่างแรง ทําให้เขาพลัดตกจากหลังม้า เสี ยง ‘ตุบ’ กระทบลงพืนดังขึนสายหนึ ง ฝุ่ นผงฟุ้ งตลบอบอวล !

“อ้ากก !” ชายหนุ่ มแหกปากร้องโหยหวนอย่างดังลัน


“คุณชาย !” พ่อบ้านวัยกลางคนผูห้ นึ งเร่ งวิงเข้ามา พยุงชายหนุ่ มผูน้ นขึ
ั นอย่างระมัดระวัง มองไปทางเขาทีผมเผ้า
ยุง่ เหยิง รวมทังรอยขาดยาว ๆ บนเสื อ มุมปากเบะออกมาอย่างทนไม่ไหว

ชายหนุ่ มโมโหเกรี ยวกราด ชีนิ วไปทีมู่หรงเสวีย กล่าวขึนเสี ยงดัง “นางขวางทางข้า อีกทังยังตีขา้ จนตกจากม้า
หญิงเถือนชันตําผูไ้ ร้เหตุผลเช่นนี รี บจับตัวนาง โบยนางเสี ย !”

พ่อบ้านวัยกลางคนมองไปตามนิ วมือของเขา ก็พบเข้ากับมู่หรงเสวีย ทันใดนันดวงตาของเขาก็เบิกออกกว้าง


“ท่านคือ......คุณหนูมู่หรง”

มู่หรงเสวียเลิกคิว “เจ้ารู ้จกั ข้าด้วยหรื อ ?” ในความทรงจําของร่ างเดิม นางไม่รู้จกั ชายวัยกลางคนผูน้ ี

“ข้าน้อยไฉจิน เป็ นพ่อบ้านทีนายท่านมู่หรงเจียนพาไปทีจิงโจวพร้อมกันขอรับ นายท่านถูกเรี ยกตัวกลับเมือง


หลวง แน่นอนว่าข้าน้อยก็ตอ้ งกลับมาด้วย” ไฉจินยิมตาหยี ชีไปทีชายหนุ่มผูน้ นั “ท่านนี เป็ นบุตรชายของนาย
ท่านสอง มู่หรงจี น้องชายของท่าน ท่านยังจําได้หรื อไม่ ?”

มู่หรงเสวียปรายตามองมู่หรงจี มุมปากยกยิมขึนอย่างเย็นชา นางกําลังคิดถึงสาเหตุทีมู่หรงเจียนกลับเมืองหลวง


อยูพ่ อดี เพียงพริ บตาเดียวก็พบกับลูกชายของเขาเสี ยแล้ว อีกทังยังเจอกันด้วยเหตุการณ์ทีกลายเป็ นศัตรู ค่แู ค้น
เช่นนี ช่างเป็ นศัตรู ทีหนี ไม่พน้ และหลีกเลียงไม่ได้จริ ง ๆ !"
ตอนที 76 พบหน้ ามู่หรงเจียนครังแรก
“ทีแท้เจ้าคือมู่หรงเสวีย !” มู่หรงจีกวาดตามองมู่หรงเสวียขึนลง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยดูถูก
“นิสัยหยาบคาย ป่ าเถือน เหมือนกับทีท่านแม่ของข้ากล่าวไว้ไม่มีผดิ ถึงว่าทําไมจึงโดนจิงอ๋ องทอดทิง เจ้าช่าง
เป็ นกาลกิณีของตระกูลมู่หรงยิงนัก !”

มู่หรงเสวียยกยิมเย็น นางกับแม่ลูกแซ่ ตู ้ หรื อแม้แต่กบั หลานก็ไม่ถูกกันเมือแรกพบหน้า ความคิดทีมู่หรงจีมีต่อ


นางต่างก็เต็มไปด้วยความชัวร้าย เช่นนี นางคงไม่ตอ้ งเกรงใจมู่หรงเจียนอีก “หยิงยโสโอหัง ดวงตาล้วนขึนไปอยู่
บนหัวแล้ว พ่อแม่ของเจ้าอบรมสังสอนเจ้าเช่นนีหรื อ ? เพราะตระกูลมู่หรงมีคนเช่นพวกเจ้าต่างหาก ถึงจะเป็ น
ตัวกาลกิณีอย่างแท้จริ ง !”

มู่หรงจีพูดขึนอย่างไม่ยอมแพ้ “พวกเราไม่ได้ถกู ว่าทีสามีทอดทิง จะไปเรี ยกว่ากาลกิณีได้อย่างไรกันเล่า ?”

“เจ้าอยูบ่ นถนนใหญ่ แต่กลับขีม้ารวดเร็ วเช่นนี ช่างไร้การอบรมสังสอน แล้วทีนีเจ้าจะบอกว่าไม่ใช่ตวั กาลกิณี


อีกหรื อ ? ช่างโง่เขลาเสี ยจริ ง เจ้าสมควรจะดีใจ ทีเมือครู่ คนทีเจ้าพบเป็ นข้า ไม่ใช่คุณชายคุณหนู ของจวนอืน ๆ มิ
เช่นนันเจ้าคงถูกเขาตีจนเกือบตายแล้วลากเข้าคุกไปแล้ว ยังจะมาอวดดีกล่าววาจาดูถูกผูค้ นอยูเ่ ช่นนี ได้อีกหรื อ ?”
มู่หรงเสวียปรายตามองเขา แววตาเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยดูถูก

สี หน้าของมู่หรงจีกลายเป็ นดุดนั ถลึงตามองไปทีมู่หรงเสวีย กล่าวเน้นทีละคํา “มู่หรงเสวีย อย่ามาวางมาดพีสาว


ใส่ ขา้ เช่นนี นะ ข้าไม่ได้ยอมรับในตัวพีสาวเช่นเจ้า......”
มู่หรงเสวียตอบกลับด้วยนําเสี ยงดูถูก “แล้วเจ้าคิดว่าข้ายอมรับเจ้าเป็ นน้องชายอย่างนันหรื อ ? ด้วยนิ สัยอวดดีเช่น
เจ้า ก็คงทําตัวเละเทะได้แต่ทีจิงโจวเมืองทีพ่อของเจ้าประจําอยูเ่ ท่านัน ถ้าหากทําตัวไม่เกรงกลัวกฏหมายในเมือง
หลวงเช่นนี ดูท่าว่าเจ้าคงไม่อยากมีชีวติ อยูเ่ สี ยแล้วกระมัง เจ้าอยากหาเรื องตาย ก็ไปตายให้ไกล ๆ เสี ยหน่อย
เถอะ อย่าได้ดึงพวกข้าเข้าไปเกียวด้วยเลย......”

เมือเขามองไปทีแววตาดูถูกของนาง แววตาของมู่หรงจีก็ลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ กล้ามาดูถูกเขา สาปแช่งเขา


ช่างรนหาทีตายนัก !

ฝ่ ามือกําเข้าหากันแน่ น เตรี ยมต่อยเข้าไปทีมู่หรงเสวีย แต่เสี ยงดังสายหนึ งก็ดงั ขัดขึนเสี ยก่อน “หยุดเดียวนีนะ !”

เมือมู่หรงเสวียมองไปตามทีมาของเสี ยง ก็เห็นชายวัยกลางคนผูห้ นึงก้าวเข้ามา เขาใส่ ชุดยาวสี ครามลายไม้ไผ่


เอวคล้องไว้ดว้ ยผ้าไหมลายก้อนเมฆสี ดาํ สวมรองเท้าสี ดาํ รู ปร่ างทะนงองอาจ ดวงหน้าหล่อเหลา เขาคือมู่หรง
เจียนทีไม่ได้พบหน้ากันมาหลายปี !

เขามองไปทีมู่หรงจี ต่อว่าด้วยเสี ยงอันดังว่า “ข้าสอนเจ้าว่าอย่างไร ? เป็ นคนต้องมีมารยาทอ่อนน้อมถ่อมตน แต่


เจ้ากลับไม่ฟัง ! กลับมาถึงก็เอาแต่อวดดีก่อเรื อง เห็นคําพูดของข้ากลายเป็ นเพียงสายลมทีทะลุผา่ นหู หรื ออย่างไร
?”

ดวงตาของมู่หรงจีฉายแววไม่พอใจ ชีนิวไปทีมู่หรงเสวียแล้วกล่าวขึนว่า “ท่านพ่อ แต่นางดูถูกข้า !”


“นางเป็ นพีสาวของเจ้า เจ้าทําเรื องผิดพลาด สังสอนเจ้าก็เป็ นเรื องทีสมควรแล้ว รี บขอโทษพีสาวเจ้าเดียวนี !” มู่
หรงเจียนสังเสี ยงดัง

มู่หรงจีรู ้สึกว่าไม่ได้รับความยุติธรรม ใบหน้าทีเชิดสู งค่อย ๆ ก้มตําลง ขอบตาแดงกํา ไม่กล่าวคําขอโทษมู่หรง


เสวีย

ดวงหน้าของมู่หรงเจียนเขียวคลําถลึงตามองไปทีเขา หันไปมองมู่หรงเสวีย พลางกล่าวเสี ยงอ่อนโยน “จีเอ๋ อร์ ยงั


เล็กนัก ไม่รู้เรื องราว เจ้าอย่าได้เก็บมาใส่ ใจ !”

เมือมองไปทีแววตาจริ งใจของเขา มู่หรงเสวียก็ยมอย่


ิ างเย็นชาในใจ มู่หรงเจียนก็ขีม้ากลับมาด้วย เขาเป็ นชายวัย
กลางคนอายุประมาณสามสิ บกว่า ๆ ฝี มือการขีม้าของเขาไม่มีทางทีจะสู ้มู่หรงจีทีอายุเพียงสิ บสี ไม่ได้ แน่นอนว่า
เขาคงมาถึงนานแล้ว แต่กลับอยูเ่ ฉย ๆ มองดูความวุ่นวายอยูด่ า้ นข้าง รู ้ว่าลูกรักของเขาไม่มีทางสู ้ชนะนาง ถ้าลง
มือจะต้องเสี ยเปรี ยบแน่ ถึงได้กา้ วออกมาช่วยเหลือ ช่างเป็ นเฒ่าจิงจอกทีเจ้าเล่ห์ผหู้ นึ งเสี ยจริ ง

“ท่านอาสองกล่าวหนักเกินไปแล้วเจ้าค่ะ ข้าไม่มีทางไปเอาเรื องกับคนทีไม่ได้ความเช่นนีหรอก !” มู่หรงเสวียยิม


กล่าวดูถกู ด้วยนําเสี ยงสดใสทีไม่คดิ จะปิ ดบังเลยแม้แต่นิด

แววตาของมู่หรงเจียนเปล่งประกายอํามหิ ตอยูว่ บู หนึง แต่เพียงพริ บตาก็สลายหายไป มองไปทางมู่หรงเสวียอย่าง


เอ็นดู “ทําไมเจ้าถึงเดินบนถนนคนเดียวล่ะ เย่เอ๋ อร์ ไม่ได้มากับเจ้าด้วยหรื อ ?”

มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ “ท่านพีของข้าเขา......”
“น้องเล็กข้ากลับมาแล้ว !” เสี ยงเรี ยกอย่างยินดีดงั ขัดขึน ตามด้วยร่ างของมู่หรงเย่ทีวิงมาอย่างเร่ งรี บ ดวงตาสี ดาํ
เปล่งประกายสดใส

“ได้พบกับแม่ทพั จางแล้วหรื อ ?” มู่หรงเสวียเลิกตามองไปทีเขา

“ได้พบแล้ว” มู่หรงเย่พยักหน้า แววตาเต็มไปด้วยความยินดี “แม่ทพั จางถึงจะดูโหดร้ายไปหน่ อย แต่ปฏิบตั ิกบั


ผูค้ นไม่เลวนัก......”

“แม่ทพั จาง ? แม่ทพั จางไหน ?” มู่หรงเจียนเร่ งเปิ ดปาก แววตาเปล่งประกายด้วยความหมายทีผูค้ นยากจะเข้าใจ

“ก็แม่ทพั จางทีค่ายด้านนอกเมือง......” มู่หรงเย่ตอบกลับด้วยใบหน้ายิมแย้ม สายตามองเห็นมู่หรงเจียน พลันแวว


ตาสี ดาํ ก็วบู ไหวไปด้วยความตกใจ “ท่านอาสอง ท่านกลับมาแล้วหรื อ ?”

“กรมขุนนางมีคาํ สังเรี ยกตัว ให้ขา้ กลับมา......” มู่หรงเจียนอธิบายง่าย ๆ สายตาปรายมองไปทีมู่หรงเย่ “ทําไมอยู่


ๆ เจ้าถึงไปหาแม่ทพั จางได้ ?”

“เพราะว่าข้าอยากเข้าค่ายทหาร......แล้วแม่ทพั จางก็ได้ให้ขา้ เข้าร่ วมกองทัพแล้ว นี ข้าเลยกลับมาเก็บของ พรุ่ งนี


เช้าจะได้เข้าร่ วมกับค่ายทหารอย่างเป็ นทางการ......” เรื องทีมู่หรงเย่เข้าค่ายทหารไม่จาํ เป็ นต้องปิ ดเป็ นความลับ
เขาจึงพูดกล่าวออกมาตรง ๆ
มู่หรงเจียนพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ผูช้ ายอกสามศอก มีความคิด ความรับผิดชอบเป็ นสิ งทีดี แต่วา่ เจ้าอายุยงั น้อยนัก
ไปค่ายทหารเพียงลําพังดูท่าจะไม่ดีนกั ไม่สู้ให้จีเอ๋ อร์ ไปกับเจ้าด้วย จะได้ดูแลกันและกัน ก็เป็ นเรื องทีดีไม่นอ้ ย”

มู่หรงเสวียยกยิมเย็น มองไปทีสายตาของมู่หรงจีทีเพียงมองนางก็รู้ว่ามู่หรงเจียนสองสามีภรรยาคงปลูกฝังอะไร
เอาไว้มินอ้ ย พวกนางสองพีน้องกับครอบครัวของพวกเขามีความแค้นต่อกัน มู่หรงเจียนต้องการให้ม่หู รงจีกับมู่
หรงเย่ใกล้ชิดกัน แน่ นอนว่าคงมีประสงค์ร้ายอะไรอยูเ่ ป็ นแน่

“ขอบคุณในความหวังดีของท่านอาสอง มู่หรงจีเพิงจะถึงเมืองหลวง การเดินทางล้วนลําบากเหนื อยยาก ถ้าหาก


ไม่พกั ผ่อน แต่กลับไปเข้าค่ายทหารเช่นนีจะไม่ดีต่อสุ ขภาพของเขาได้......”

มู่หรงเจียนไม่ได้ใส่ ใจ “เด็กผูช้ ายไม่ควรทําตัวอ่อนแอ เข้าไปฝึ กฝนในค่ายทหารให้แข็งแรงถึงจะดี เย่เอ๋ อร์ กบั จี


เอ๋ อร์กอ็ ายุใกล้เคียงกัน อีกทังยังเป็ นพีน้องกัน ได้เข้าไปทีค่ายทหารด้วยกัน เติบโตไปด้วยกัน ก็ถือว่าเป็ นเรื องที
น่ายินดีเรื องหนึง......”

มู่หรงเสวียยิมเย็น เรื องทีน่ ายินดีของครอบครัวมู่หรงเจียน แต่คงเป็ นเรื องร้าย ๆ ของพวกนางสองพีน้องเสี ย


มากกว่า “ค่ายทหารค่ายนันเป็ นแม่ทพั จางทีบัญชาการ รับไม่รับมู่หรงจี แม่ทพั จางเป็ นคนตัดสิ นใจ พวกข้าคง
ตัดสิ นใจแทนไม่ได้”

“มิเป็ นไร พรุ่ งนีเช้าข้าจะไปส่ งเย่เอ๋ อร์ ทีค่ายทหารด้วยตนเอง หลังจากนันค่อยพาจีเอ๋ อร์ไปพบกับแม่ทพั จาง” มู่
หรงเจียนยิมตาหยี แววตาดูไม่ออกถึงความหยิงยโส
แววตาเย็นชาของมู่หรงเสวียค่อย ๆ หรี ลง ดูแล้วเขาคงตังใจจะให้มู่หรงจีกับมู่หรงเย่เข้าค่ายทหารพร้อมกัน เขา
เพิงจะกลับมาถึงเมืองหลวง ก็เร่ งรี บเอาลูกแท้ ๆ ของตัวเองกับมู่หรงเย่มดั ไว้ดว้ ยกันเช่นนี ไม่รู้ว่ามีแผนร้ายอะไร
อยู่ ?

“นายท่าน......นายท่าน......แย่แล้ว !” คนรับใช้ผหู ้ นึงรี บวิงเข้ามาอย่างร้อนรน เขามีอาการเหนื อยหอบ จนหายใจ


แถบไม่ทนั

มู่หรงเจียนเลิกคิวน้อย ๆ กล่าวขึนอย่างไม่พอใจ “กระวนกระวายอะไรกัน เกิดเรื องอะไรขึน ?”

“ฮูหยินเฒ่าบาดเจ็บสาหัสจนสลบไปขอรับ......” บ่าวรับใช้รีบตอบกลับอย่างร้อนรน

แววตาของมู่หรงเจียนนิงค้าง “เกิดอะไรขึน ? เมือครู่ ก็ยงั ดีอยู่ ทําไมฮูหยินเฒ่าถึงบาดเจ็บสาหัสได้ ?”

บ่าวรับใช้ส่ายหน้า “ข้าน้อยไม่ทราบขอรับ......แต่เมือครู่ ฮูหยินไปคราวะฮูหยินเฒ่าทีเรื อนหยก กลับพบฮูหยิน


เฒ่านอนสลบอยูบ่ นพืน แม่นมกัวก็ได้รับบาดเจ็บ......”

แววตาคมกริ บของมู่หรงเจียนหรี ลง “ตามหมอหรื อยัง ?” ท่านแม่กบั แม่นมกัวได้รับบาดเจ็บพร้อมกัน เรื องราว


ชักจะอย่างไร ๆ อยู.่ .....

“ตามแล้วขอรับ ท่านหมอบอกว่า ฮูหยินเฒ่าถูกคนตีจนได้รับบาดเจ็บ......” บ่าวรับใช้มองไปทางมู่หรงเสวียอย่าง


กล้า ๆ กลัว ๆ นําเสี ยงหรี เล็กลงคล้ายแมลง “ระหว่างทีฮูหยินเฒ่าสลบ กลับเอาแต่เพ้อต่อว่าคุณหนูใหญ่......”
ตอนที 77 ปะทะกันครังแรก
สายตาคมกริ บดังลูกธนูจอ้ งมองไปทีมู่หรงเสวีย “เสวียเอ๋ อร์ นี มันเกิดเรื องอะไรขึน ?”

“ระหว่างข้ากับท่านย่ามีความขัดแย้งกันมาก นางโกรธก็เลยเอาข้าไปด่าว่าในความฝัน” มู่หรงเสวียพูดอย่างเรี ยบ


เฉย ท่าทางดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไร

สายตาของผูค้ นทีมุงดูเหตุการณ์ต่างมองนางด้วยความเห็นใจ อยูใ่ ต้ชายคาเดียวกัน ย่อมต้องมีเรื องที


กระทบกระทังกันบ้าง ถ้ามีความขัดแย้งไม่พอใจกันก็ควรพูดคุยกันต่อหน้า แต่กลับเอาไปต่อว่าในฝันเช่นนี ตู ้
เหล่าฮูหยินช่างมีจิตใจทีคับแคบยิงนัก

ดวงหน้าของมู่หรงเจียนดุดนั จนน่ากลัว เขาพูดเน้นทีละคํา “เจ้าทุบตีท่านย่าของเจ้าจริ งหรื อไม่ ?”

“ถ้าข้าบอกว่าไม่จริ ง ท่านอาสองจะเชือหรื อไม่ ?” มู่หรงเสวียจ้องมองไปทีมู่หรงเจียน แววตาเต็มไปด้วยความ


เยาะเย้ย “ถ้าหากจะไม่เชือ ท่านอาสองจะถามให้มากความไปทําไมหรื อ ? รอให้ท่านย่าฟื นขึนมาก่อน ท่านอา
สองค่อยถามนางเองก็แล้วกันเจ้าค่ะ”

ท่าทางตรงไปตรงมาของมู่หรงเสวีย ทําให้มู่หรงเจียนแววตาวูบไหวไปด้วยความมืดมิด สะบัดแขนเสื อหมุนกาย


หันหลังเดินไปทีจวนเจินกัวโหวโดยไม่หันกลับไปมองนางอีก ทิงไว้เพียงแต่คาํ สังอันแสนเยือกเย็น “เจ้าไปที
ศาลซุ่ นเทียน ไปบอกว่าฮูหยินเฒ่าแห่ งจวนเจินกัวโหวถูกคนชัวทําร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ขอให้ใต้เท้าหลิน
สื บหาตัวคนร้าย......”
มู่หรงเสวียยิมเยาะ ยกเอาศาลซุ่นเทียนมาขู่นาง ช่างไม่รู้เรื องรู ้ราวเอาเสี ยเลย ถ้าหากแซ่ ตกู ้ ล้าฟ้ องร้องนาง นางก็
จะบอกเรื องทีแซ่ ตูจ้ า้ งคนมาสังหารนาง ดูสิว่าสุ ดท้ายใครจะเป็ นคนทีโชคร้ายกัน !

แซ่ ตูไ้ ด้รับบาดเจ็บเมือตอนช่วงเช้า ยามพบคําก็ถูกแซ่ โจวพบเข้า คาดว่าคงรอดตายแล้ว คนชัวนันช่างตาย


ยากเย็นยิงนัก ดูท่าคําทีว่าคนชัวมักจะอายุยนื คงเหมาะสมกับคนอย่างนางทีสุ ดแล้ว......

“น้องเล็ก !” มู่หรงเย่ตืนจากภวังค์ มองไปทีมู่หรงเสวียด้วยความตืนตระหนกและท่าทีเป็ นห่ วง แต่ไหนแต่ไรมา


ท่านย่าก็เห็นน้องเล็กขัดตามาโดยตลอด ชอบหาเรื องลําบากให้กบั นาง น้องเล็กไม่ใช่คนหัวอ่อนทีจะยอมถูก
กระทําโดยง่าย เพราะความโมโหจึงอาจจะทุบตีท่านย่า เช่นนันก็น่าจะเป็ นไปได้......

มู่หรงเสวียไม่ใส่ ใจ “ไม่ตอ้ งกังวลไป ข้าไม่เป็ นอะไรหรอก......”

“พวกเจ้าเป็ นฝาแฝดกันจริ งหรื อ ทําไมโตมาแล้วไม่เหมือนกันล่ะ ?” มู่หรงจีมองไปทางมู่หรงเสวียด้ายท่าทาง


หยิงยโส แล้วค่อยหันไปมองทางมู่หรงเย่ดว้ ยท่าทางเปรี ยบเทียบอย่างอวดดี ท่าทีอย่างดูถูกแฝงไปด้วยความมีเลศ
นัย

ดวงหน้าเรี ยวเล็กของมู่หรงเสวียเรี ยบเฉย นางไม่มีจิตใจจะไปสนใจมู่หรงจี แต่มู่หรงจีกลับทําตัวเป็ นกาวติดหนัง


วัวคิดร้ายกับพวกนางไม่ยอมรามือ ไม่ว่าจะสลัดอย่างไรก็ไม่ปล่อย ถ้ายังขืนเป็ นเช่นนี อีกก็อย่าหาว่านางไม่
เกรงใจก็แล้วกัน “พวกเราคนหนึ งหน้าตาเหมือนพ่อ อีกคนหน้าตาเหมือนแม่ รู ปลักษณ์ของพวกเราทังสอง
แน่นอนว่าย่อมไม่เหมือนกัน แต่กลับกันเจ้ามู่หรงจี โตมาไม่เหมือนทังพ่อทังยังไม่เหมือนแม่......”
มู่หรงจีชะงักไป ดวงหน้าของเขาแดงกํา กล่าวเน้นทีละคํา “ข้าหน้าเหมือนท่านลุงของข้า หลานชายคล้ายลุงไม่
เคยได้ยนิ รึ ไง ?”

“จริ งหรื อ ? แต่ทีผูค้ นรู ้กนั ลูกชายของต้าหลีซื อเส่ าชิงร่ างกายอ่อนแอจนตายไปตอนห้าขวบ เจ้าตอนอายุสิบสี กับ
เขาตอนอายุหา้ ขวบกลับคล้ายคลึงกัน ช่างน่าประหลาดใจยิงนัก......” มู่หรงเสวียปรายตามองเขาอย่างเฉยเมย
หางตาเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยดูถูก

มู่หรงจีเกรี ยวกราดขึนมาทันที กล่าวขึนอย่างติด ๆ ขัด ๆ “ใบหน้าของข้าคล้ายท่านตา......ท่านลุงเป็ นลูกของท่าน


ตา......แน่นอนว่าหน้าตาก็ตอ้ งคล้ายกับท่านตา......ดังนันข้าก็เลยคล้ายกับท่านลุง......”

“แค่ก แค่ก !” ไฉจินไอขึนอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ ตัดบทคําพูดทียิงพูดยิงมัวซัวของเขา “คุณชาย ฮูหยินเฒ่า


บาดเจ็บสาหัส ท่านรี บไปดูหน่ อยเถิดขอรับ !”

“ตกลง พวกเราไปกันเถอะ อย่าไปสนใจคนน่าเบือสองคนนีเลย !” มู่หรงจีหมุนกายหันหลังกลับอย่างอวดดี ก้าว


ยาว ๆ ไปทางจวนเจินกัวโหวอย่างอวดเบ่ง

“ท่านพี พวกเราก็กลับกันเถอะเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียแววตาลึกลํา ปิ ศาจตัวร้ายล้วนเข้าไปในจวนโหวหมดแล้ว


แน่นอนว่าพวกนางเจ้าของจวนทังสองคนควรกลับไปด้วย
“ตกลง !” มู่หรงเย่พยักหน้า ค่อย ๆ เดินไปทีจวนโหว

“ท่านลุงฮุยล่ะ ?” มู่หรงเสวียกวาดตามองไปโดยรอบ ไม่เห็นแม้เงาร่ างของท่านลุงฮุย เขาไปค่ายทหารกับมู่หรง


เย่ ตอนนี มู่หรงเย่อยูท่ ีนี เขาก็น่ากลับมาแล้วสิ

“เขาไปช่วยข้าเก็บข้าวของทีจําต้องเป็ นต้องใช้ในค่ายทหารน่ ะ” มู่หรงเย่พดู ขึน

มู่หรงเสวียพยักหน้า ท่านลุงฮุยเคยอยูท่ ีกองทัพ เขาน่ าจะรู ้ดีวา่ สิ งของอะไรทีเหล่าทหารจําเป็ นต้องใช้ในค่าย


ทหาร......

มู่หรงเสวียค่อย ๆ เดินเข้าไปในจวนโหวอย่างไม่เร่ งรี บ นางเห็นคนงานสิ บกว่าคนกําลังยกหี บใบใหญ่เจ็ดแปด


หี บไปทีห้องหนังสื อ จึงขมวดคิวขึนเล็กน้อย “พวกเจ้ากําลังทําอะไร ?”

ไฉจินเดินขึนมา กล่าวพลางยิมตาหยี “เรี ยนคุณหนูใหญ่ ในหี บล้วนบรรจุไปด้วยหนังสื อตํารา นายท่านสองสัง


การให้ขา้ น้อย เอาหนังสื อไปไว้ทีห้องหนังสื อใหญ่ จะได้สะดวกต่อการศึกษาของท่านโหวน้อย(ยศทีใช้เรี ยกมู่
หรงเย่)......”

“ขอบคุณท่านอาสองในความหวังดี ในห้องหนังสื อก็ลว้ นเก็บหนังสื อไว้มากมายแล้ว ท่านพีของข้าอ่านไปสิ บปี


ก็อ่านไม่หมด ของพวกนีเป็ นของส่ วนตัวของท่านอาสอง แน่นอนว่าจะต้องลําค่า เอาไปไว้ทีห้องหนังสื อของ
ท่านอาสองเถอะ” มู่หรงเสวียกล่าวด้วยนําเสี ยงเย็นชา
มู่หรงเย่ไปอยูท่ ีค่ายทหาร สามถึงห้าปี นี คงได้มีโอกาสกลับจวนโหวน้อยมาก จะเอาเวลาทีไหนไปเข้าห้อง
หนังสื อ มู่หรงเจียนเอาหนังสื อตําราไปไว้ทีห้องหนังสื อเช่นนี เป็ นเพราะอยากใช้ขอ้ อ้างทีจะได้เข้าออกห้อง
หนังสื อบ่อย ๆ พอนานวันเข้า ผูค้ นก็จะคิดว่าห้องหนังสื อห้องนีเป็ นของเขา

ค่อย ๆ แย่งชิงห้องหนังสื อไปอย่างเงียบเชียบ และขณะเดียวกันก็คอ่ ย ๆ เลือนฐานะของตนในสายตาของผูค้ น


โดยทีไม่มีใครรู้เนือรู ้ตวั มู่หรงเจียนช่างเป็ นจิงจอกเฒ่าทีเจ้าเล่ห์ยงนั
ิ ก!

ไฉจิงไม่แม้แต่ใส่ ใจ “ทีนี เป็ นห้องหนังสื อของจวนโหว หนังสื อตําราวางไว้ทีไหน ก็คงไม่ต่างกัน......”

“ต่างกันแน่......” มู่หรงเสวียเร่ งพูดขึนทันทีอย่างไม่เกรงใจ “ห้องหนังสื อห้องนี เป็ นห้องหนังสื อทีเจินกัวโหวใช้


โดยเฉพาะ ใช้ได้เพียงเจินกัวโหวเท่านัน ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเข้าไปด้านในได้ ตอนนี มู่หรงเย่เป็ นเจินกัวโหว
ห้องหนังสื อห้องนี ก็ตอ้ งเป็ นของมู่หรงเย่ ท่านอาสองเป็ นผูใ้ หญ่ แต่ไม่ได้เป็ นเจินกัวโหว เขาไม่สามารถเข้าออก
ห้องหนังสื อได้อย่างพลการ ของของเขาก็ไม่มีสิทธิ ทีจะเอาไปไว้ขา้ งใน”

มู่หรงเสวียจ้องมองไฉจิน พลางกล่าวเน้นทีละคํา “ข้าจําได้วา่ ตอนทีท่านปู่ ยังมีชีวิตอยู่ เจ้าก็อยูใ่ นจวนเจินกัวโหว


แล้ว ถือได้ว่าเป็ นคนเก่าคนแก่ของจวนโหว กฎข้อนี ก็เป็ นท่านปู่ ของข้าทีเป็ นคนตังขึนมา เจ้าก็ยอ่ มรู ้ดีไม่ใช่หรื อ
?”
ใบหน้าเหี ยวย่นของไฉจินค่อย ๆ เปลียนเป็ นสี แดงกํา คุณหนูใหญ่ผนู ้ ี ช่างเขียวลากดินยิงนัก แค่วาจาไม่กีคํา กลับ
ทําให้เขาไม่เหลือวาจาใดทีจะใช้โต้ตอบแล้ว “ชันวางหนังสื อของนายท่านสองล้วนเต็มแล้ว ใส่ หนังสื อเพิม
ไม่ได้แล้ว......”

“เช่นนันก็ขยายห้องหนังสื อ เพิมชันหนังสื อเข้าไปเสี ยสิ ตระกูลมู่หรงไม่เคยให้ลูกหลานลําบาก แต่บรรดา


ลูกหลานก็ตอ้ งจําเอาไว้อย่างหนึ งว่า ควรรู ้ฐานะของตน และไม่ควรอยากได้สิงของทีไม่ใช่ของตนเอง......”
ถ้อยคําท้าย ๆ มู่หรงเสวียเน้นยําเสี ยงเป็ นพิเศษ นําเสี ยงเย็นชาคล้ายนําแข็งทะลุเข้าไปในใจของไฉจิง เม็ดเหงือผุด
ขึนเต็มหน้าผากของเขา “ข้าน้อยจะจดจําคําพูดของคุณหนูใหญ่เอาไว้ให้ขนใจขอรั
ึ บ !”

มู่หรงเสวียตอบรับเฉยชา “นําเอาพวกหนังสื อตําราพวกนี ไปไว้ทีห้องหนังสื อของท่านอาสองเสี ย ทีนีเป็ นห้อง


หนังสื อของเจินกัวโหว พวกเจ้าไม่มีธุระอะไรก็อย่าได้เข้ามาวุ่นวาย ถ้าหากเจอท่านอาสอง เจ้าจะเอาคําพูดของ
ข้าไปบอกกับเขาก็ได้นะ ข้าไม่สนใจ !”

ไฉจิงยิมแห้ง ๆ อย่างไม่เป็ นธรรมชาติ แววตาเต็มไปด้วยความหนักใจ คุณหนูใหญ่ท่านนี ช่างไม่ธรรมดานัก


นายท่านสองอยากจะแย่งชิงตําแหน่งโหว ดูท่าคงลําบากไม่นอ้ ยแล้ว !

เมือมองไปทีเงาร่ างของพวกไฉจิงทีจากไป มู่หรงเย่ก็มองไปทีมู่หรงเสวียด้วยแววตานับถือ “น้องเล็ก เจ้าช่าง


เก่งกาจยิงนัก !”

เพียงเขาเห็นพวกหนังสื อตําราพวกนันก็พอจะเดาเจตนาของท่านอาสองออกแล้ว ในขณะทีเขายังคิดวิธีทีจะ


รับมือไม่ได้ แต่นอ้ งเล็กกลับจัดการไล่คนไปก่อนเสี ยแล้วนี
มู่หรงเสวียเพียงยิมบางเบา “เรื องเล็กน้อยเช่นนี เจ้าอย่าได้กล่าวชมเลย นี ฟ้ าก็มืดแล้ว เจ้ารี บไปรับสํารับแล้ว
พักผ่อนเสี ยเถอะ พรุ่ งนีจะต้องไปค่ายทหารแต่เช้า อย่าได้ไปสายเป็ นอันขาด”

“ข้ารู ้ เช่นนันข้ากลับห้องก่อน เจ้าก็รีบพักผ่อนเสี ยล่ะ !” มู่หรงเย่พยักหน้าเดินไปตามทางเดินหิ น เร่ งเดินไปที


เรื อนของตน

มู่หรงเสวียมองไปยังทิศทางของเรื อนหยก ยกยิมมุมปากอย่างเย็นชา แซ่ ตูไ้ ด้รับการรักษาจากหมอ อีกไม่นานก็


น่าจะฟื นแล้ว ถ้าหากคิดไม่ผิด เมือนางฟื น สิ งแรกทีนางจะทําคงเป็ นการใส่ ไฟนางให้ม่หู รงเจียนฟั ง บอก
ความผิดของนางและให้ม่หู รงเจียนแก้แค้นแทนนางแน่......
ตอนที 78 มู่หรงเจียนวางแผนร้ าย
ความมืดมิดมาเยืยน แต่โคมไฟของเรื อนหยกยังคงสว่างไสว

ร่ างกายของแซ่ ตูไ้ ด้รับบาดเจ็บ นอนอยูบ่ นเตียงหรู หราในห้องด้านใน ทัวทังร่ างถูกพันไปทัวดูคล้ายกับบ๊ะจ่าง


ใบหน้าทีเขียวข้าง ม่วงข้าง ริ มฝี ปากซี ดขาวไร้สีเลือด ขนลุกชันไปทัวทังร่ าง นางค่อย ๆ ลืมตาขึน มองไปที
ผ้าม่านสี เขียวอมฟ้ าทีแสนคุน้ เคย ยังคงสะลึมสะลือเล็กน้อย

“ท่านแม่ ท่านฟื นแล้ว !” นําเสี ยงเรี ยกทีคุน้ เคยดังเข้าหู แซ่ ตชู ้ ะงักไป เมือค่อย ๆ หันไปมอง ก็พบเข้ากับดวงหน้า
หล่อเหลาของมู่หรงเจียนทีอยู่ใกล้ ๆ เพียงพริ บตาเดียวดวงตาของนางก็ไหลริ นไปด้วยหยาดนําตาแห่ งความปิ ติ
ยินดี “เจียนเอ๋ อร์ เจ้ากลับมาแล้ว !”

มู่หรงเจียนพยักหน้าหนัก ๆ พลางกล่าวเน้นทีละคํา “ลูกกลับมาแล้ว จะไม่จากไปอีกแล้ว ท่านแม่ ทําไมท่านถึง


บาดเจ็บหนักขนาดนี ได้ ?”

ตอนทีแซ่ โจวเข้ามา ท่านแม่ก็ได้รับบาดเจ็บจนสลบไปไม่ได้สติ สาวใช้ของเรื อนหยกต่างก็อาอึ


ํ ง พูดไม่ชดั เจนว่า
เกิดอะไรขึน

“เจ้าคนชันตํามู่หรงเสวียนันทุบตีขา้ ” เมือนึ กถึงภาพของมู่หรงเสวียทีทังเตะทังต่อยนางอย่างไร้ความปรานี แซ่ ตู ้


ก็กดั ฟันกรอดอย่างเกลียดชัง บอกกล่าวเล่าความเป็ นมาของเรื องราวทังหมดพร้อมทังใส่ ไฟไปไม่นอ้ ย นางกล่าว
ขึนอย่างเจ็บใจ “เจ้าเร่ งให้พวกทหารยามจับตัวมู่หรงเสวียมา โบยนางให้หนัก จัดการนางแทนข้า !”
ในหัวของมู่หรงเจียนปรากฎภาพใบหน้าทีไม่เกรงกลัวของมู่หรงเสวีย แววตาคมกริ บหรี ลง “มู่หรงเสวียฉลาด
มาก นางกล้าตีท่านอย่างไม่ยงมื
ั อเช่นนี แน่ นอนว่าคงเตรี ยมการรองรับเอาไว้แล้ว ถ้าพวกเราส่ งคนออกไปตอนนี
ไม่เพียงแต่ไม่สามารถสังสอนนางได้ แต่ทงยั
ั งจะซวยกันไปด้วย”

ย่าเลียงสังคนให้ไปสังหารหลานเลียง หลานเลียงจึงอดรนทนไม่ไหว ทุบตียา่ เลียง ถ้าเรื องราวเช่นนี ถูกป่ าว


ประกาศออกไป ท่านแม่กจ็ ะโดนผูค้ นต่อว่าวิพากษ์วิจารณ์ สาปแช่ง มู่หรงเสวียถึงแม้จะโดนผูค้ นต่อว่า แต่ว่าคน
ส่ วนมากก็จะเห็นใจและสงสารนาง......

“เช่นนันจะให้ทาํ อย่างไร ? เจ้าจะปล่อยนางไปโดยไม่ทาํ อะไรเช่นนี หรื อ ?” แววตาของแซ่ ตลู ้ ุกโชนไปด้วยความ


โกรธและไม่พอใจ

“แน่นอนว่าไม่ใช่” มู่หรงเจียนแววตาคมกริ บ “ลูกกลับมาเมืองหลวงแล้ว มีโอกาสมากมายให้สงสอนมู


ั ่หรงเสวีย
ไม่จาํ เป็ นต้องเร่ งรี บ......”

“นายท่านสอง !” ไฉจิงยืนอยูด่ า้ นนอก ส่ งเสี ยงเรี ยกอย่างเบา ๆ

มู่หรงเจียนตอบรับบางเบา “เรี ยบร้อยหรื อไม่ ?”


“เรี ยนนายท่านสอง แผนการถูกคุณหนูใหญ่ทาํ ลายลงแล้ว หีบหนังสื อทังหกหี บไม่สามารถเอาเข้าไปในห้อง
หนังสื อใหญ่ได้ขอรับ......” ไฉจิงกล่าวเสี ยงตํา แอบมองสี หน้าของมู่หรงเจียนเป็ นระยะ ๆ

ดวงตาคมกริ บของมู่หรงเจียนหรี เล็กลง มู่หรงเสวียช่างร้ายกาจยิงนัก ยากจะต่อกร !

เขาส่ งตําราหนังสื อเข้าห้องหนังสื อใหญ่ ก็เพราะต้องการจะดูเชิงเล็ก ๆ น้อย ๆ ถ้าสามารถจะเปิ ดทางให้เขาเข้า


ใกล้ตาํ แหน่งโหวได้กจ็ ะเป็ นการดีทีสุ ด แต่หากทําไม่ได้กไ็ ม่เป็ นไร เขาได้กลับมาเมืองหลวง กลับมาทีจวน
เจินกัวโหวแล้ว ยังมีเวลาอีกมากมายทีจะจัดการกับมู่หรงเย่

“นางมู่หรงเสวียเจ้าคนชันตํา ! ช่างเป็ นตัวหายนะของพวกเราสามคนแม่ลูกเสี ยจริ ง นางส่ งน้องสาวของเจ้าเข้าคุก


ทังยังทุบตีขา้ จนบาดเจ็บสาหัส และยังขัดขวางการเป็ นเจินกัวโหวของเจ้า ช่างชัวร้ายยิงนัก ถ้าหากไม่สับนางให้
เป็ นชิน ๆ ข้าก็ไม่อาจจะสงบใจได้......”

ใบหน้าของแซ่ ตูเ้ ต็มไปด้วยความเกรี ยวกราด และเพราะไม่ระวังจึงกระทบกระเทือนเข้ากับแผล เจ็บปวดจนต้อง


สูดหายใจลึก ๆ ในใจเกลียดชังมู่หรงเสวียจนถึงทีสุ ด

มู่หรงเจียนพยุงนางให้ลม้ ตัวนอนลงดี ๆ กล่าวเสี ยงตําว่า “ท่านแม่ ท่านบาดเจ็บหนัก พักผ่อนให้มากเสี ยหน่ อย


เถอะ มู่หรงเสวียมู่หรงเย่สองคนนันให้เป็ นหน้าทีของข้าไปจัดการเอง”

แววตาของแซ่ ตเู ้ ปล่งประกาย มองไปทีมู่หรงเจียนด้วยสายตาวูบไหว “เจ้าคิดวิธีทีจะจัดการพวกมันออกแล้ว ?”


“คิดออกแล้วขอรับ” มู่หรงเจียนพยักหน้าแววตาคมกริ บเปล่งประกายอย่างอํามหิ ต

ท้องฟ้ ายามรุ่ งอรุ ณ มู่หรงเสวียลุกจากเตียง อาบนํา หลังจากทีรับสํารับอย่างง่าย ๆ แล้ว ก็เร่ งเดินออกจากจวน


หิ มะโปรยเลาะไปตามทางเดินหิ นมาถึงทีหน้าประตูจวนโหว

ด้านนอกประตูจวนเต็มไปด้วยม้าเร็ วห้าตัว มู่หรงเจียน มู่หรงจี มู่หรงเย่ เก๋ อฮุย ไฉจิง จํานวนห้าคน แต่ละคนจูง
ม้าหนึงตัว

มู่หรงเสวียกวาดมองเพียงพริ บตาก็หาเก๋ อฮุยเจอ เนืองจากเขาเป็ นคนทีอยูใ่ นทะเลทรายเป็ นระยะเวลานาน ทําให้


กลินไอของความเด็ดขาดเปล่งออกมาจากตัวเขาอย่างโดดเด่น ใบหน้าเรี ยบเฉยไร้ซึงรอยยิม ต่างทําให้ผคู ้ นเกรง
กลัว “ท่านลุงฮุย !”

เก๋ อฮุยหันหน้ามา เมือเห็นมู่หรงเสวีย แววตาก็เปล่งประกายด้วยความประหลาดใจ “คุณหนูใหญ่ !”

มู่หรงเจียนมองไปทีมู่หรงเสวีย แววตาของเขาคมกริ บหรี ลงเปล่งประกายด้วยความหมายบางอย่าง เร็ วเสี ยจนคน


มองไม่ทนั ......

“น้องเล็กทําไมเจ้าถึงตืนเช้าเล่า ?” แววตาของมู่หรงเย่เต็มไปด้วยความแปลกใจ ในความคิดของเขา มู่หรงเสวีย


เป็ นคนทีกลัวความหนาว ถ้าพระอาทิตย์ยงั ไม่ขึนนางจะไม่มีทางลุกจากเตียง
“ข้ามาส่ งท่านไปค่ายทหาร !” มู่หรงเสวียเผยรอยยิมสดใส มู่หรงเจียนจ้องทีจะอยากได้ตาํ แหน่งเจินกัวโหว เขา
สามารถทีจะลงมือสังหารมู่หรงเย่ได้ตลอดเวลา ครังนี มู่หรงเจียน มู่หรงจีเดินทางไปพร้อมกับมู่หรงเย่ ถึงแม้ว่า
จะมีเก๋ อฮุยไปด้วย แต่นางก็ยงั ไม่ค่อยวางใจนัก

มู่หรงเย่มองไปทีมู่หรงเสวียพลางเลิกคิวเบา ๆ “ตอนนี ยังเช้าตรู่ อากาศยังหนาวยิงนัก เจ้าร่ างกายไม่แข็งแรง ถ้า


หากต้องเดินทาง เจ้าต้องเป็ นไข้จากความเย็นแน่......”

มู่หรงเสวียไม่สนใจ “มิตอ้ งกังวล ข้าไม่ได้อ่อนแอบอบบางเช่นนันหรอก.....”

“อยากจะแสดงความรักใคร่ ระหว่างพีน้องก็กรุ ณาดูเวลาด้วย และค่ายทหารก็มีกฎข้อห้ามว่าหญิงสาวห้ามเข้าไป


ข้างใน ถ้าหากเจ้ากล้าก้าวไปในค่ายทหารแค่ครึ งก้าว คงจะโดนโยนออกมาแทบไม่ทนั !” มู่หรงจีเลิกคิวมองไป
ทีมู่หรงเสวีย แววตาเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยดูถูก

มู่หรงเสวียปรายตามองเขา พลางกล่าวเน้นทีละคํา “ข้าไม่ได้ตอ้ งการทีจะเข้าค่ายทหาร แค่จะไปส่ งท่านพีแค่ที


ประตูคา่ ยเท่านัน เสร็จแล้วข้าก็กลับ”

นําเสี ยงเยาะเย้ยทีไม่ปิดบังลอยเข้าหู ดวงหน้าของมู่หรงจีแดงกํา แววตาวูบไหวไม่เป็ นธรรมชาติ กล่าวขึนด้วย


อารมณ์ทีคุกรุ่ น “การเดินทางไปค่ายทหารครังนี มีระยะทางไกล ม้าของพวกเราก็ไม่สามารถรับคนเพิมได้อีก เจ้า
ขีม้าเป็ นหรื อ ?”
“เกิดเป็ นคนตระกูลมู่หรง จะขีม้าไม่เป็ นได้อย่างไร ? ม้าของข้าก็ลว้ นตะเตรี ยมเอาไว้เรี ยบร้อยแล้ว” มู่หรงเสวีย
กล่าวอย่างเรี ยบเฉย มองไปด้านในของจวน เห็นบ่าวไพร่ ผหู ้ นึงกําลังจูงม้าเร็ วสี นาตาลอมแดงออกมา
ํ ดวงตาของ
มันดูคมกริ บแค่มองก็รู้ว่าเป็ นม้าดีตวั หนึง

มู่หรงเสวียรับเอาสายลากจูงพลิกตัวขึนหลังม้า ท่าทางคล่องแคล่วจนผูค้ นต้องตกตะลึง

“เวลาก็สายไปมากแล้ว พวกเราไปกันเถอะ !” มู่หรงเสวียกล่าวยิม ๆ เพียงกระตุกขาทังสองข้าง ม้าเร็ วก็พ่งุ ตัว


ออกไปดังลูกธนู พุ่งออกไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ ว

“น้องเล็กรอข้าด้วย !” มู่หรงเย่ตะโกนเรี ยกนําเสี ยงร่ าเริ ง รี บขึนม้าเร่ งตามมู่หรงเสวียไป

เก๋ อฮุยก็พลิกกายขึนม้าพุ่งตามทังสองคนไปด้วยความรวดเร็ วเช่นกัน

เมือมองไปทีเงาร่ างของทังสามคนทีค่อย ๆ ไกลออกไป แววตาคมกริ บของไฉจินก็หรี เล็กลง “นายท่านสอง ทํา


อย่างไรดีขอรับ ?”

มู่หรงเจียนนิงไปครู่ หนึง แล้วกล่าวด้วยเสี ยงตํา “ดําเนินการตามแผนเดิม !”


มู่หรงเสวียก็เพียงแค่ฉลาดเท่านัน อาศัยแต่แผนการต่าง ๆ นา ๆ แต่ถา้ พอได้อยูต่ ่อหน้าผูม้ ีวรยุทธแล้ว นางก็แค่
ผูห้ ญิงไร้คา่ ผูห้ นึง เขาอาศัยเวลาทังคืนถึงจะคิดแผนการดี ๆ เช่นนี ออกมาได้ แน่นอนว่าไม่มีทางล้มเลิกเพราะแค่
การปรากฏตัวของมู่หรงเสวียเพียงคนเดียวหรอก

“ขอรับ !” ไฉจินพยักหน้า พลิกตัวขึนม้า ตามมู่หรงเสวีย มู่หรงเย่ และเก๋ อฮุยสามคนไปพร้อมกับมู่หรงเจียน


และมู่หรงจีสองพ่อลูก

ท้องฟ้ าทิศตะวันออกค่อย ๆ สว่างไสว ม้าเร็ วทังหกตัวต่างวิงทะยานไปตามท้องถนนทีเงียบสงบ แผนการชัวร้าย


แผนหนึงค่อย ๆ เริ มต้นขึน......
ตอนที 79 ม้ าพยศ
ท้องฟ้ ายามเช้าตรู่ ถนนหลวงด้านนอกเมืองก็ยงั คงเงียบสงบและว่างเปล่าไร้ผคู ้ น พวกมู่หรงเย่ขีม้าทะยานออกไป
อย่างรวดเร็ วโดยไม่ตอ้ งระมัดระวังผูค้ น จนฝุ่ นควันฟุ้ งกระจาย

มู่หรงเย่มองไปทีมู่หรงเสวียทีขีม้าขนาบอยูด่ า้ นข้างของเขา แววตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจพลางกล่าวขึน


ว่า “น้องเล็ก ข้าไม่รู้มาก่อนเลยว่าเจ้าจะขีม้าเก่งเช่นนี ไปเรี ยนกับใครมาหรื อ ?”

“จะคิดว่าเรี ยนกับพวกทหารยามก็คงได้ ข้าเห็นพวกเขาขีม้าแล้วดูองอาจสง่างาม ก็เลยลองขีอยูใ่ นจวนเสี ยหลาย


ี นเสี ยแล้ว” มู่หรงเสวียหาข้ออ้างแบบขอไปที เกิดเป็ นผูส้ ื บทอดของตระกูลมู่หรงใน
ครัง ไม่ทนั รู ้ตวั ก็ขเป็
ศตวรรษที 21 นัน การขีม้าถือเป็ นหนึ งในวิชาบังคับ คะแนนการสอบขีม้าของนางยังคงอยูใ่ นระดับดีเยียมอีกด้วย

“ขีไปขีมาก็เป็ นเลยหรื อ ? น้องเล็กเจ้าจะเก่งเกินไปแล้ว” แววตาของมู่หรงเย่เต็มไปด้วยความชืนชม “แต่ขา้ ทีมี


ท่านลุงฮุยคอยชีแนะ กลับใช้เวลาตังเดือนครึ ง ถึงจะพอถูไถขีม้าได้สองรอบ......”

มู่หรงเสวียยิมแหย ๆ “ตอนนันเจ้าอายุยงั น้อย การเรี ยนรู ้สิงต่าง ๆ ย่อมต้องอาศัยเวลาบ้าง ข้าเรี ยนขีม้าเมือหนึงปี


ก่อน อายุกน็ บั ว่ามากแล้ว การเรี ยนรู ้สิงต่าง ๆ ก็ยอ่ มเร็ วมากไปด้วย......”

“อย่าได้พดู เรื องไร้สาระให้มนั มากความ มู่หรงเย่ การขีม้าของเจ้าก็ดูไม่เลว สนใจจะแข่งกันสักตาหรื อไม่” มู่หรง


จีพูดตัดบทสนทนาของมู่หรงเย่ดว้ ยความรําคาญ แววตาเต็มไปด้วยความท้าทาย
แววตาของมู่หรงเย่เคร่ งขรึ ม เขากล่าวเสี ยงตํา “วันนีเป็ นวันแรกทีข้าไปค่ายทหาร ไม่ตอ้ งการให้มีอะไรมาขัด ไว้
คราวหลังพวกเราค่อยแข่งกันก็ยงั ไม่สาย”

มู่หรงจีหัวเราะขึนอย่างดูหมินแล้วกล่าวว่า “พวกเราก็ตอ้ งขีม้าไปค่ายทหารอยูแ่ ล้ว การแข่งขีม้าก็แค่ให้มา้ วิงเร็ ว


ขึนเท่านัน ถึงค่ายทหารได้เร็ วยิงขึน ไหนจะมีอะไรมาขัดอย่างทีเจ้าพูด สําหรับข้าเจ้าก็เหมือนกับคนขีขลาดขีแพ้
จริ ง ๆ แล้วคงไม่กล้าประลองเสี ยมากกว่า”

ใบหน้าหล่อเหลาของมู่หรงเย่แดงกํา “ใครจะไปกลัวแพ้กนั แข่งก็แข่งสิ เชียะ !” เขาพูดขึนด้วยความโมโห ตีไป


ทีคอม้าอย่างแรง เพียงพริ บตาเดียวม้าก็เพิมความเร็ วคล้ายกับลูกศรแสง พุ่งทะยานออกไปด้านหน้า แค่พริ บตาก็
ทิงห่ างผูค้ นทีอยูด่ า้ นหลังเสี ยแล้ว......

เมือมองไปทีเงาร่ างของมู่หรงเย่ และมู่หรงจีทีค่อย ๆ ไกลออกไป มู่หรงเสวียก็ส่ายหัวเบา ๆ แววตาของนางลําลึก


มู่หรงจีเป็ นลูกของมู่หรงเจียน ต่อไปคงจะช่วยมู่หรงเจียนจัดการกับมู่หรงเย่แน่

แต่ม่หู รงเย่ไม่ได้มีความคิดทีสลับซับซ้อนอะไรมากนัก เพียงแค่ถูกมู่หรงจียัวให้โมโหด้วยคําพูดแค่ไม่กีคํา ก็


ตอบตกลงแข่งม้าเสี ยแล้ว เขาทีเป็ นเช่นนีจะสามารถเป็ นคู่ปรับกับมู่หรงเจียนสองพ่อลูกได้อย่างไร เขาจะต้อง
ฝึ กฝนตัวเองให้แข็งแกร่ งขึน เร่ งเติบโตขึนถึงจะเป็ นทางทีดีทีสุ ด......

“เจ้าม้า...เจ้าม้า...นีเจ้าจะวิงไปทีไหน ?......” เสี ยงต่อว่าร้อนรนลอยเข้าหู มู่หรงเสวียหลุดออกจากภวังค์ เงยหน้า


ขึนมองไป ก็เห็นว่าม้าเร็ วของมู่หรงเย่เกิดอาการพยศ พุ่งออกจากถนนหลวงไป พุ่งทะยานไปบนถนนดินที
ขรุ ขระราวกับไร้สติ.....
แววตาเย็นชาของนางหรี เล็กลง “นีมันเรื องอะไรกัน ?”

“ม้าเร็ วน่ าจะมีปัญหา ข้าน้อยไปช่วยคุณชายเองขอรับ !” แววตาของเก๋ อฮุยเย็นชาคมกริ บ แส้ในมือของเขาสะบัด


ออก ม้าเร็ วพุ่งออกจากถนนหลวงตามไปทางทีมู่หรงเย่จากไป

“ข้าก็จะไปช่วยเย่เอ๋ อร์ดว้ ย” มู่หรงเจียนพูดขึนเสี ยงสู ง บังคับม้าให้วิงไปทางมู่หรงเย่ แววตาวูบไหวด้วยความ


อํามหิต ถึงแม้จะเพียงแค่พริ บตาเดียว แต่ม่หู รงเสวียก็ทนั ทีจะเห็นสายตาของเขา นางยกยิมมุมปากอย่างเย็นชา
ทว่าบางเบา แต่กเ็ ต็มไปด้วยรอยยิมเยาะจนถึงทีสุ ด

นางนึ กว่าเขาจะใช้ชีวิตในเมืองหลวงไปสักพักก่อน รอให้อะไร ๆ ลงตัว แล้วค่อยวางแผนจัดการมู่หรงเย่อย่างช้า


มิคาดว่าพอกลับถึงเมืองหลวงได้เพียงสองวัน เขาก็ลงมือเสี ยแล้ว อีกทังยังวางแผนจัดการให้ม่หู รงเย่เกิดเรื องต่อ


หน้าผูค้ นมากมายเช่นนี เขาช่างใจกล้าบ้าบินยิงนัก อยากจะเป็ นเจินกัวโหวจนแทบทนไม่ไหวแล้วหรื อ !

“คุณหนูใหญ่ ท่านจะไปไหน ?” นําเสี ยงเข้มตําของผูช้ ายลอยเข้าหู มู่หรงเสวียปรายตามองไป ก็เห็นไฉจิงกําลังขี


ม้าเร็ ววิงตามมาทีด้านหลังของนาง คิวบางขมวดขึนกล่าวอย่างรําคาญ “ไร้สาระ ข้าก็ตอ้ งไปช่วยพีชายข้าน่ะสิ ”
ไฉจิงมิได้โมโหแต่อย่างใด เขาเพียงกล่าวขึนอย่างยิม ๆ “คุณหนูใหญ่ พืนทีด้านหน้าล้วนเป็ นเนิ นสู งตําไม่เท่ากัน
อีกทังยังขรุ ขระ ท่านเพิงเรี ยนขีม้ามาได้ไม่นาน อย่าไปเสี ยงอันตรายเลย มีนายท่านสองกับพ่อบ้านเก๋ อไปด้วย
จะต้องช่วยคุณชายกลับมาได้อย่างแน่ นอน......”

“ถ้าหากว่าเจ้าไม่มวั แต่พูดจาไร้สาระ ป่ านนี ข้าก็คงช่วยคนกลับมาได้แล้ว !” มู่หรงเสวียตอบกลับอย่างเย็นชา เร่ ง


ม้าให้พ่งุ ไปตามมู่หรงเย่ทนั ที

ไฉจิงหรี ตาลง แววตาของเขาวูบไหว บังคับม้าตามมู่หรงเสวียแล้วยืนมือไปแย่งชิงเชือกจูงม้าของนาง !

แววตาของมู่หรงเสวียเยียบเย็น นางสะบัดมือปั ดแขนของเขาออก มองไปทางเขาด้วยความเย็นชา “เจ้าจะทํา


อะไร ?”

หลังมือของไฉจิงถูกตีจนแดงและปูดบวมขึนมา เขาไม่สนใจกล่าวยิมตาหยี “นายท่านสองสังการข้าน้อยให้ดูแล


คุณหนูใหญ่ ข้าน้อยไม่อยากให้คุณหนูใหญ่ไปเสี ยงอันตราย......”

ดูแลนางหรื อขัดขวางไม่ให้นางไปช่วยมู่หรงเย่กนั แน่ !

“เรื องของข้า เจ้าไม่มีสิทธิมาวุ่นวาย ไสหัวไปให้พน้ !” มู่หรงเสวียสะบัดแส้ไปทีไฉจิงอาศัยจังหวะทีเขาเอนตัว


หลบ นางจับสายจูงแน่นแล้วควบม้าให้พ่งุ ทะยานไปทีมู่หรงเย่จากไป
ไกลออกไป นางเห็นม้าของมู่หรงเย่เดียววิงไปทางซ้ายทีทางขวาที ยิงนานเข้าก็ยงพยศหนั
ิ กกว่าเดิม ดูแล้วคงไม่มี
สติอย่างแน่นอน

มู่หรงเจียนกับเก๋ อฮุยต่างพุ่งตามเขาไป มู่หรงเจียนเป็ นคนทีเข้าถึงตัวของมู่หรงเย่ก่อน เขายืนมือออกไปพลางร้อง


ตะโกนเสี ยงดัง “เย่เอ๋ อร์ ม้าของเจ้าพยศแล้ว รี บยืนมือมาหาข้า !”

“ได้ !” มู่หรงเย่พดู ขึนด้วยอาการสันกลัว เอนกายไปจับแขนของมู่หรงเจียน สายตาก็เห็นเขาเอนตัวมาได้


ครึ งหนึง เมือพอสัมผัสโดนปลายนิ วของมู่หรงเจียนและทิงนําหนักตัวทังหมดไปทางด้านนัน ทันใดนันมู่หรงเจีย
นกลับดึงมือของตนกลับคืน

มู่หรงเย่ทีไม่ทนั ระวัง จึงเสี ยหลักตกลงห้อยไปทีข้างท้องม้า ตัวของเขากระแทกขึนลงไปตามความเร็ วในการพุ่ง


ทะยานของม้า ท่าทางทีดูเหมือนว่าสามารถตกลงมาได้ทุกเวลา

“คุณชาย !” เก๋ อฮุยร้องขึนเสี ยงดัง แววตาคมกริ บดังลูกธนูพุ่งตรงไปทีมู่หรงเจียน “รบกวนนายท่านสองหลีกทาง


ให้ขา้ น้อยช่วยคุณชาย......”

“อย่าพูดให้มากความ การขีม้าของข้าดีกว่าเจ้า ข้าจะช่วยเย่เอ๋ อร์ เอง !” มู่หรงเจียนตัดบทคําพูดของเขาด้วยความ


รําคาญ บังคับม้าให้เบียดไปทีเก๋ อฮุย ขัดขวางการช่วยเหลือมู่หรงเย่ของเขาอย่างสบาย ๆ

ไม่ว่าเก๋ อฮุยจะพุ่งเข้าไปกีครัง ล้วนถูกมู่หรงเจียนขัดขวางจนต้องถอยกลับมา ไม่สามารถพุ่งเข้าไปหามู่หรงเย่ที


ด้านหน้าได้ แววตาลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ “มู่หรงเจียนรี บหลีกทาง !”
ดวงหน้าของมู่หรงเจียนเคร่ งขรึ ม มองไปทีเก๋ อฮุย กล่าวเน้นทีละคํา “เก๋ อฮุย เจ้าเป็ นแค่คนรับใช้ของจวนเจินกัว
โหว ใครให้เจ้าอาจหาญเรี ยกชือของข้าตรง ๆ !”

ม้าพยศพุ่งทะยานไปด้วยความรวดเร็ ว มู่หรงเย่ห้อยอยูต่ รงท้องม้าแกว่งไปมา คล้ายกับใกล้จะตกลงมาเต็มที ใน


ใจของเก๋ อฮุยร้อนรนยิงนัก เขาไม่กล่าวให้มากความอีก สะบัดมือตีไปทีมู่หรงเจียน “หลีกไป !”

“เจ้ากล้าลงมือทําร้ายเจ้านาย เก๋ อฮุย เจ้าช่างบังอาจยิงนัก ! เจ้ากล้าอาจหาญถึงเพียงนี วันนีข้าจะสังสอนเจ้าให้


หลาบจํา !” ดวงตาของมู่หรงเจียนฉายแววอํามหิ ตเย็นชา ตังรับการโจมตีของเก๋ อฮุย ชัวขณะนัน สองคนทีอยูบ่ น
หลังม้าก็เกิดการปะทะกันอย่างรุ นแรงขึนมา......

มู่หรงเสวียยกยิมอย่างเย็นชา มู่หรงเย่กาํ ลังตกอยูใ่ นอันตราย แต่มู่หรงเจียนไม่รีบเร่ งทีจะช่วยเหลือ อีกทังยัง


ขัดขวางเก๋ อฮุยจนเกิดการปะทะกับเขา เพือให้เก๋ อฮุยไม่มีโอกาสทีจะได้เข้าช่วยเหลือ ช่างเป็ นแผนการทีสแยบยล
ยิงนัก ถ้าหากมู่หรงเย่ตกม้าลงมาตายจริ ง ๆ ก็ไม่สามารถเอาความผิดกับเขาได้แม้แต่น้อย

แต่ว่าน่าเสี ยดายนัก เขาคงจะต้องผิดหวังเสี ยแล้ว เก๋ อฮุยไม่สามารถแยกร่ างออกไปช่วยมู่หรงเย่ได้ แต่นาง


สามารถช่วยได้ !

ดวงตาของมู่หรงเสวียปรากฏแววเย็นชา บังคับม้าให้วิงผ่านเก๋ อฮุย และมู่หรงเจียน แล้วเร่ งตามมู่หรงเย่ไป......


ตอนที 80 วีรบุรุษช่ วยหญิงงาม (2)
“คุณหนูใหญ่ ระวัง !” เสี ยงร้องเตือนของไฉจิงดังขึนจากด้านหลัง เมือมู่หรงเสวียหันไปมองก็เห็นไฉจิงสะบัด
แส้ยาวออกมาตีเข้าทีหลังม้าของนางอย่างแรง ม้าเร็ วร้องขึนอย่างเจ็บปวด เร่ งฝี เท้าทังสี พุ่งทะยานออกไปด้วย
ความเร็ ว

“ไฉจิง เจ้าทําอะไร ?” มู่หรงเสวียตวาดเสี ยงดัง จับสายจูงแน่น แววตาเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก

“ข้าน้อยมาช่วยคุณหนูใหญ่......คุณหนูใหญ่ ระวัง ระวังขอรับ !” ไฉจิงแสร้งพูดขึนอย่างมีลบั ลมคมใน บังคับให้


ม้าเร่ งตามมู่หรงเสวีย ฟาดแส้ไปทีหลังของม้าเร็ วของนางอย่างไม่ยงมื
ั อ สายตาทีมองนางเต็มไปด้วยความอวดดี
และโหดเหียม

ตีหลังม้าของนาง ให้มา้ ของนางพุ่งทะยานออกไปเหมือนกับม้าพยศ นี คือวิธีการช่วยเหลือนางอย่างนันหรื อ ?


เห็น ๆ อยูว่ ่าเขากําลังทําร้ายนาง อยากให้นางพะว้าพะวง ไม่สามารถไปช่วยเหลือมู่หรงเย่ได้ !

ิ สินะ มู่หรงเจียนจะได้มีศตั รู นอ้ ยลงไปหนึงคน !


ถ้าเกิดนางจับสายบังคับม้าไม่แน่นพอ จนตกม้าตายไปก็ยงดี

ช่างเป็ นแผนการทีฉลาดหลักแหลมและโหดเหี ยมยิงนัก คงมีเพียงคนใช้ชนตํ


ั าเฉกเช่นไฉจิงเท่านันทีจะคิดอะไร
เช่นนี ออกมาได้ ถ้าเขาอยากรนหาทีตายขนาดนัน ตัวนางก็จะเติมเต็มความปรารถนาของเขาเอง
มู่หรงเสวียสะบัดมือออก เข็มเงินสามสายพุ่งออกไป แทงเข้าไปทีก้นม้าของไฉจิงอย่างแรง ม้าเร็ วรู ้สึกเจ็บปวด
ร้องโหยหวนออกมาเสี ยงดัง พร้อมทังพุ่งทะยานออกไปด้านหน้า

ไฉจิงทีไม่ทนั ระวังตัวก็ถูกกระแทกไปมาจนเสี ยการทรงตัว แววตาของเขาวูบไหวไปด้วยความตืนตระหนก เร่ ง


รี บดึงสายจูงม้า “อู อู อู หยุด หยุดนะ !”

ม้าเร็ วไม่ได้ยนิ มันวิงออกไปด้านหน้าด้วยความบ้าคลัง

มู่หรงเสวียยกยิมมุมปากอย่างเย็นชา เพิงจะมาคิดให้มา้ หยุดตอนนี ก็สายไปเสี ยแล้วล่ะ !

เพียงดีดนิวเบา ๆ เข็มเงินสองสายก็พ่งุ ออกไปทีเท้าหน้าของม้าทังสองข้างอย่างแรง ม้าร้องขึนเสี ยงดัง แล้วเสี ย


หลักล้มลงไปกับพืน......

ไฉจิงทีอยูบ่ นหลังม้ากระเด็นกระดอนออกไป ตกลงกระแทกลงบนพืนแข็ง เขากลิงขลุกขลักไกลออกไป แล้ว


กระแทกเข้ากับต้นไม้ตน้ หนึ ง ก่อนทีจะหยุดลง กลิงจนหัวหมุนตาลาย กระดูกทัวทังร่ างเจ็บปวดราวกับว่าจะ
หลุดออกจากกัน

ไฉจิงกัดฟันเตรี ยมทีจะลุกขึนมา แต่กลับเห็นมู่หรงเสวียทียิมแวววาวขีม้าพุ่งตรงเข้ามาทีเขา กีบเท้าของม้าเร็ ว


เหยียบลงบนขาของเขาอย่างไร้ความปรานี
“อ้าก !” ไฉจิงร้องเสี ยงดังลัน

มู่หรงเจียนทีกําลังปะทะอยูห่ ยุดชะงักมองไปตามเสี ยงทีดังขึน เห็นไฉจิงล้มอยูบ่ นพืน ได้รับบาดเจ็บสาหัส สลบ


ไม่มีสติ มู่หรงเสวียปรายตาดูถูกไฉจิงครู่ หนึ ง นังบนหลังม้าไม่มีทีท่าว่าจะหยุดม้าลง แต่กลับบังคับม้าให้เหยียบ
ข้ามไฉจิงตามมู่หรงเย่ไปอย่างเร่ งรี บ......

มู่หรงเสวีย !

มู่หรงเจียนแววตาเปล่งประกายอย่างอํามหิ ต สะบัดมือปั ดเก๋ อฮุยออกไป บังคับม้าพุ่งตรงไปทีมู่หรงเสวีย !

เก๋ อฮุยมองไปทีเหล่าม้าเร็ วด้านหน้า สี หน้าของเขาเปลียนสี ร้องตะโกนขึนเสี ยงดัง “คุณหนูใหญ่ ด้านหน้าเป็ น


หน้าผา ระวังด้วยขอรับ !”

อะไรนะ ? หน้าผา !

แววตาของมู่หรงเสวียเย็นยะเยือก เพ่งมองตรงไป ก็เห็นว่าด้านหน้าเป็ นหน้าผาลึกจริ ง ๆ ด้วย ม้าเร็ วทีมีม่หู รง


เย่ห้อยอยูก่ ว็ ิงไปถึงด้านหน้าของหน้าผาแล้ว “ท่านพี ! รี บกระโดดลงจากม้าเร็ วเข้า !”

“ได้ !” มู่หรงเย่พยักหน้า ปล่อยสายจูงม้าด้วยแววตาหนักแน่ น กระโดดลงไปทีพืน


ม้าพยศนันวิงเร็ วมาก เขาทีกระโดดลงไปเป็ นตายไม่อาจคาดเดา แต่กย็ งั ถือว่ามีโอกาสรอดมากกว่าห้อยอยูบ่ นตัว
ม้าแล้วตกหน้าผาไปพร้อมกับมัน ซึ งเช่นนันก็คงจะมีแต่ตายทางเดียว

ขณะทีมู่หรงเย่กระโดดลงจากหลังม้านัน เท้าของม้าเร็ วก็เหยียบได้แต่อากาศทีว่างเปล่าและพลัดตกลงไปทีหน้า


ผาด้านล่างแล้ว เสี ยงร้องโหยหวนดังขึนมาจากเหว ต่างพาให้จิตใจของผูค้ นหวาดกลัว

มู่หรงเสวียไม่สนใจ นางขยับเท้าเบา ๆ กระโดดลงไปทีริ มหน้าผา ยืนมือไปจับแขนของมู่หรงเย่เอาไว้ แต่พอใกล้


จะตกถึงพืน ด้านหลังกลับได้ยนิ เสี ยงเสี ยดสี ของสายลมสายหนึ งดังขึน ชนเข้าทีด้านหลังของนาง

นางทีไม่ทนั ระวังตัว ทําให้ร่างบางตกลงไปทีหน้าผา ตอนทีกําลังจะร่ วงลงไปนัน เมือมู่หรงเสวียเห็นใบหน้าที


เย็นชาไร้ความรู ้สึกของมู่หรงเจียน แววตาของนางก็เต็มไปด้วยความเยียบเย็น แส้ในมือสะบัดออกไป รัดเข้าที
คอของมู่หรงเจียนกระชากเขาลงจากหลังม้า ลากเขามาทางหน้าผาอย่างรวดเร็ ว

ร่ างสู งใหญ่ถูกลากผ่านต้นหญ้า ก้อนหิ น เข้าใกล้หน้าผาเข้าทุกที ๆ แววตาของมู่หรงเจียนตืนตระหนก เร่ งรี บที


จะหาทีทรงตัวและหาทียึดจับ ในทีสุ ดก็สามารถหยุดอยูท่ ีริ มหน้าผา

เขานอนนิ งอยูท่ ีริ มหน้าผา ร่ างกายครึ งหนึ งยืนออกไป แส้ยาวยังรัดอยูท่ ีคอของเขา รัดแน่ นจนเขาแทบจะหายใจ
ไม่ออก ใบหน้าหล่อเหลากลายเป็ นสี ม่วงเข้ม กล้ามเนื อบนใบหน้าเกร็ งไปหมด ดวงตาเต็มไปด้วยเลือดทีค่อย ๆ
ปูดบวมออกมา
มือทังสองข้างของเขาคว้าจับไปทีแส้ จ้องเขม็งไปทีมู่หรงเสวียทีอยูอ่ ีกด้านหนึงของปลายแส้ เปิ ดปากขึนอย่าง
ยากลําบาก “ปล่อยมือ......รี บปล่อยมือ !”

ปล่อยมืออย่างนันหรื อ ? ฝันกลางวันลม ๆ แล้ง ๆ อยูห่ รื อไง ? ถ้าพวกนางสองคนพีน้องตกเหวไป แน่นอนว่า


ต้องเอามู่หรงเจียนตายตามไปด้วย มู่หรงเสวียถลึงตามองไปทีมู่หรงเจียน แววตามีแต่ความเย็นยะเยือก

เก๋ อฮุยรี บวิงมาทีปากเหว เห็นมู่หรงเสวียห้อยอยูก่ ลางเหว มือหนึ งจับแส้ มือหนึงจับมู่หรงเย่ แววตาร้อนรน


กลายเป็ นตืนตระหนก “คุณหนูใหญ่ คุณชาย !”

“พวกเราไม่เป็ นไร ท่านลุงฮุย รับเอาพีชายข้าไปที !” มู่หรงเสวียยิมบางเบา ใช้แรงเหวียงมู่หรงเย่ขนไป


ึ แววตา
ของเก๋ อฮุยนิ งค้าง รับตัวของเขาไว้ได้อย่างมันคง.....

เมือคนน้อยลงไปหนึ งคน แส้ยาวก็รับนําหนักทีเบาลง คอของมู่หรงเจียนก็ไม่ได้ถูกรัดแน่นเช่นเดิมแล้ว มือทัง


สองข้างของเขาออกแรงรี บสะบัดมือตัดแส้ยาวให้ขาดออกจากกัน แววตาเปล่งประกายอย่างโหดเหี ยม มู่หรง
เสวีย เจ้าตายเสี ยเถอะ !

“น้องเล็ก !”

“คุณหนูใหญ่ !”
ระหว่างทีมู่หรงเย่กบั เก๋ อฮุยร้องเรี ยกอยูน่ นั มู่หรงเสวียก็พุ่งตกลงไปจากหน้าผา สายลมพัดผ่านใบหน้า ช่าง
หนาวเหน็บและเจ็บปวดยิงนัก

นางจะต้องตายแล้วอย่างนันหรื อ ? ช่างโชคร้ายเสี ยจริ ง นางเพิงมาถึงชิงเหยียนได้ไม่นาน แม้แต่ดา้ นนอกของ


เมืองหลวงก็เคยออกไปได้แค่ไม่กีครัง ผูค้ นก็รู้จกั แค่เพียงน้อยนิด......

พลันหางตากลับเห็นชายเสื อสี ขาว แขนแกร่ งรวบดึงเอวของนางไว้ กลินหอมไม้ไผ่เบาบางทีคล้ายจะมีคล้ายไม่มี


ลอยเข้าจมูก มู่หรงเสวียตกตะลึง ค่อย ๆ เงยหน้าขึนไปมอง ก็สบเข้ากับดวงหน้าหล่อเหลาคล้ายภาพวาดนันอีก
แล้ว

“คุณชาย ทําไมท่านมาอยูท่ ีนี ได้ ?” แววตาของมู่หรงเสวียตืนตะลึง

“ข้าแค่ผา่ นมา” คุณชายโอวหยางตอบอย่างไม่ใคร่ ทีจะสนใจนัก ขยับเท้าเบา ๆ เพียงพริ บตาทังสองก็เปลียน


ทิศทางพุ่งทะยานไปยังด้านบน

มู่หรงเสวียนิงเงียบ “......”

ผ่านทางมาในหุ บเหวเนียนะ ? เขามากระโดดเหวเล่นหรื ออย่างไร ?


กระโดดเหวเพือไปช่วยคนตกเหว ดูท่าแล้วในแผ่นดินนี คงมีแต่มู่หรงเสวียเท่านันเสี ยกระมัง ? นางในตอนนีกับ
นางในตอนเด็กนันถือว่าช่างโง่งมไม่ต่างกันเลย !

คนอืนยิงโตยิงฉลาด แต่ทาํ ไมนางยิงโตยิงโง่กนั เล่า ?

คุณชายโอวหยางเลิกคิวเยาะเย้ย โอบเอวของมู่หรงเสวียพาพุ่งออกจากเหว ท่ามกลางสายตาทีตืนตระหนกของมู่


หรงเย่กบั เก๋ อฮุย เขาร่ อนลงบนพืนอย่างช้า ๆ นิวมือภายใต้แขนเสื อดีดเพียงเบา ๆ พลังปราณกล้าแกร่ งสายหนึ งก็
พุ่งไปทีมู่หรงเจียน พุ่งชนเขาจนตกลงเหวไปอย่างไร้ความปรานี......

“อ้า !” เสี ยงกรี ดร้องของมู่หรงเจียนทียิงไกลออกไป เสี ยงก็ยงเบาลง......


สี หน้าของมู่หรงจีซี ดขาว พลิกกายลงจากหลังม้า วิงไปทีหน้าผาอย่างร้อนรน มองไปทีหุ บเหวลึกทีมองไปก็ไม่


เห็นทีสิ นสุ ด พลางร้องไห้ขนเสี
ึ ยงดัง “ท่านพ่อ !”

ทหารลาดตระเวนกองหนึงเมือได้ยนิ เสี ยงผิดปกติ ก็เร่ งตามเข้ามา เห็นไฉจิงทีสลบไปไม่ได้สติ เสี ยงร้อง


โหยหวนของมู่หรงจี กอรปกับแววตาทีมีความสุ ขทีเห็นคนเป็ นทุกข์ของมู่หรงเสวีย มู่หรงเย่ และคุณชายโอวห
ยางรู ปงาม รวมถึงความยุง่ เหยิงบนพืน ต่างก็มองหน้ากันไปมา นี มันเกิดเรื องอะไรกันขึน ?
ตอนที 81 คนชัวอายุพนั ปี
“ท่านพ่อ...ท่านพ่อ...ท่านพ่อ...” มู่หรงจีคุกเข่าอยูร่ ิ มหน้าผา เสี ยงร้องไห้อย่างโศกเศร้าดังก้องสะท้อนอยูภ่ ายใน
หน้าผาไปมา พาให้จิตใจของคนหดหู่

มู่หรงเสวียเยาะเย้ยในใจ ฟ้ าส่ งมาเกิดเพือให้ทาํ ความดีไถ่บาป แต่กลับไม่รู้สาํ นึกทําตัวชัวช้าจนตกตาย ทีมู่หรง


เจียนตกเหวจนตาย ทังหมดก็เป็ นเพราะตัวเขาเองทีรนหาที ไม่สามารถทีจะโทษผูใ้ ดได้

“ข้า......ข้าไม่เป็ นไร......” อยู่ ๆ นําเสี ยงอ่อนแรงสายหนึงก็ดงั ขึนมาจากก้นเหว มู่หรงจีทีกําลังร้องไห้กห็ ยุดชะงัก


ลง ก้มหน้ามองไปทีด้านล่างของหน้าผา ร้องเรี ยกขึนมาด้วยความยินดี “ท่านพ่อ...ท่านพ่อหรื อ ?”

“ข้าเอง...ข้าไม่เป็ นไร......ปล่อยเชือกลงมา......แล้วลากข้าขึนไป......” คําพูดของมู่หรงเจียนขาดหายเป็ นห้วง ๆ


ฟังดูแหบแห้งไร้เรี ยวแรง คล้ายกับว่าได้รับบาดเจ็บอยูไ่ ม่นอ้ ย

“ได้ ท่านรอข้าก่อน ข้าจะรี บหย่อนเชือกลงไป !” ใจของมู่หรงจีมีทงความว้


ั าวุน่ และความยินดี รี บเช็ดนําตาออก
จากใบหน้า แล้ววิงไปทางบรรดาเหล่าทหารลาดตระเวน “พีทหาร พวกท่านมีเชือกไหม ให้ขา้ ยืมใช้สักครู่ ......”

เพือทีจะได้ช่วยเหลือผูค้ นให้ทนั เวลา เหล่าทหารลาดตระเวนก็ได้เตรี ยมพร้อมเป็ นอย่างดีเพือป้ องกันหากเกิด


เรื องไม่คาดฝันขึน นอกจากอาวุธแล้วยังได้เตรี ยมเชือกและพวกอุปกรณ์ช่วยเหลือคนมาด้วย
มู่หรงจีอายุยงั น้อย ดวงตาของเขาแฝงไปด้วยแววความหวัง ใบหน้าน้อย ๆ เต็มไปด้วยคราบนําตา เหล่าทหารที
ได้เห็นก็พลันใจอ่อน หยิบเอาเชือกม้วนแล้วม้วนเล่าออกมามัดเข้าด้วยกัน จนกลายเป็ นเชือกหนายาว ๆ สายหนึง
แล้วหย่อนลงไปข้างล่างหน้าผา

ผ่านไปสักพัก เชือกก็กระตุก เหล่าทหารค่อย ๆ ลากเชือกขึนอย่างช้า ๆ ทีละน้อยทีละน้อย ชายผูห้ นึงทีเสื อผ้าถูก


เกียวจนขาด ทัวทังร่ างเต็มไปด้วยบาดแผลค่อย ๆ ปรากฏขึนต่อหน้าผูค้ น

ผมเผ้าของเขายุง่ เหยิง ใบหน้าถูกกรี ดเป็ นรอยแผลแนวนอนบ้างแนวตังบ้าง แววตาคมกริ บเต็มไปด้วยความ


อาฆาตแค้น เป็ นมู่หรงเจียนทีเพิงจะตกหน้าผ้าไปเมือครู่ จริ ง ๆ ด้วย !

มู่หรงเสวียค่อย ๆ ขมวดคิว ตกหน้าผ้าไปลึกเสี ยขนาดนัน เขากลับยังไม่ตายอีกหรื อ ดวงชีวิตช่างแข็งนัก !

“ท่านพ่อ” มู่หรงจีรี บแก้เชือกทีรัดอยูต่ รงเอวของมู่หรงเจียน แล้วเข้าสู ้ออ้ มอกของเขา ร้องไห้ขนด้


ึ วยความยินดี
“ท่านไม่เป็ นไรแล้ว ดียงนั
ิ ก”

มู่หรงเจียนยิมแล้วลูบหัวของเขา กล่าวเน้นทีละคํา “พ่อดวงแข็ง ไม่มีทางถูกคนชัวร้ายทําร้ายเอาได้ง่าย ๆ หรอก


......”

“ใช่แล้ว คนดีลว้ นอายุสัน คนชัวช้ามักจะอายุยนื ยาวเป็ นพันปี คนเช่นท่านอาสอง ไม่มีทางตายง่าย ๆ แน่ นอน !”
มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ ราวกับมวลบุปผาทีกําลังผลิบาน
เหล่าทหารยืนปากน้อย ๆ คําพูดประโยคนีเหมือนกับ.....มีบางส่ วนทีไม่ค่อยถูกต้อง......

สี หน้าของมู่หรงเจียนเขียวคลํา มองไปทางมู่หรงเสวียอย่างเย็นชา แววตาเปล่งประกายอํามหิ ต

มู่หรงเสวียไม่แสดงความอ่อนแอแม้แต่นอ้ ย มองตอบสายตาของเขากลับไป สายตาของทังสองคนปะทะกัน


กลางอากาศ ชัวพริ บตาเดียวก็เหมือนกับใช้กระบวนท่าออกไปร้อยกระบวนท่า......

“ใต้เท้ามู่หรง ทําไมถึงตกลงไปทีหน้าผานันได้ ?” ทหารนายหนึงเดินออกมาข้างหน้า ไต่ถามอย่างนอบน้อม

พวกเขาลาดตระเวนเพือรับมือกับสถานการณ์ทีไม่คาดฝัน แน่ นอนว่าต้องทําความเข้าใจกับเหตุการณ์นันว่า


เกิดขึนได้อย่างไร จะได้สะดวกต่อการรายงาน

มู่หรงเจียนเลิกคิว มองไปทางมู่หรงเสวียคล้ายยิมคล้ายมิยมิ ดวงตาของเขาราวกับพูดว่า “ถ้าข้าพูดความจริ ง พวก


เจ้าไม่มีทางรอดแน่ ”

มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ เจ้าพูดเถอะ พูดได้ตามสบาย อาสองทําร้ายหลานชายหลานสาวไม่สาํ เร็ จ แต่กลับถูก


หลานสาวผลักตกเหวเสี ยเอง แน่นอนว่าขุนนางบุ๋นบู๊จะต้องให้ความสนใจแน่ พวกวีสื อ(ทําหน้าทีสื บข่าว)ก็ตอ้ ง
ให้ความสนใจมาสื บเสาะหาความจริ ง แล้วรายงานร้องเรี ยนคนบางคน......
คนบางคนทีไม่ค่อยมีผลงาน ไปอยูจ่ ิงโจวทีก็อยูต่ งสิ
ั บปี พอได้กลับมาเมืองหลวงก็ยงั มาทําร้ายคนอืนอีก เหมือน
เป็ นคนชันตําทีไร้คา่ หน้าด้านยิงนัก...ใครเป็ นคนย้ายเขามาเมืองหลวงกันแน่ ?......ถ้าตัวนางเองคงจะสื บไม่ได้
แต่คนทีนังบนเก้าอีมังกรนันคงสื บหาได้แน่......

ใบหน้าของมู่หรงเจียนเคร่ งขรึ ม เจ้าไม่มีพยานหลักฐาน ทีข้าลอบทําร้ายเจ้ากับมู่หรงเย่ !

ทําไมจะไม่มีพยานหลักฐาน ก็มา้ เร็ วตัวนันทีพวกเจ้าวางยาใส่ มนั ไง ไม่ใช่หลักฐานชันดีหรอกหรื อ !

แววตาของมู่หรงเสวียเย็นชา คล้ายยิมคล้ายมิยมิ ถึงแม้วา่ ม้าตัวนันจะตกหน้าผาไปจนร่ างกายแหลกสลาย แต่ว่า


ตรงนี ก็มีทหารมากมาย แค่ลองหาให้ทวั ๆ เสี ยหน่ อย แน่ นอนว่าต้องพบซากศพของม้าตัวนันเจอแน่......

สี หน้าของมู่หรงเจียนดุดนั ฝ่ ามือภายใต้แขนเสื อกําเข้าหากันแน่ น กัดฟันกรอด มู่หรงเสวีย......

“ใต้เท้ามู่หรง...ใต้เท้ามู่หรง...ท่านเป็ นอะไรไหม ?” ทหารเมือเห็นมู่หรงเจียนเบิกตากว้างแต่ไม่กล่าววาจา ก็อด


ไม่ได้ทีจะถามขึนอย่างร้อนรน

มู่หรงเจียนหลุดจากภวังค์ ยิมออกมาอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ “ข้าไม่เป็ นไร เพียงแค่ไม่ทนั ระวังเลยตกหน้าผาไป


......”

เมือได้ฟังคําตอบเช่นนี มู่หรงจีก็ชะงักไป กล่าวขึนอย่างเร่ งรี บว่า “ท่านพ่อ แต่ขา้ เห็นชัดเจนว่า......”


มู่หรงเจียนโบกมือตัดบทคําพูดของเขา พลางยิมกล่าว “เรื องราวก็เป็ นเช่นนี เจ้าอยูไ่ กลออกไป อาจจะมองเห็น
เหตุการณ์ไม่ชดั เจน......”

คําพูดทีกําลังจะออกจากปากของมู่หรงจีถูกกลืนกลับเข้าไป เขาค้อนตามองไปทีมู่หรงเสวียมู่หรงเย่คราหนึ ง แวว


ตาเต็มไปด้วยความโมโหและไม่พอใจ

ทหารพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ทีแท้กเ็ ป็ นเช่นนีเอง ใต้เท้ามู่หรงคงจะตกใจสิ นะขอรับ”

มู่หรงเจียนยิมจริ งใจ “พวกท่านทีช่วยชีวิตเอาไว้ ข้าจะจดจําให้ขนใจ


ึ พ่อบ้านของข้าไฉจิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ยัง
สลบไม่ฟืน รบกวนพวกท่านส่ งเขาไปรักษาตัวทีจวนเจินกัวโหวที”

ทหารมองไปทีมู่หรงเจียนด้วยความแปลกใจ “ใต้เท้ามู่หรงไม่กลับจวนหรื อขอรับ ?” เขาเองก็ได้รับบาดเจ็บไม่


น้อยเลย

“ข้ายังต้องพาจีเอ๋ อร์ ไปทีค่ายทหาร ตอนนียังกลับจวนไม่ได้ รบกวนทุกท่านแล้ว” มู่หรงเจียนยิมบางเบา เอาถุง


เงินยัดเข้าในมือของทหาร “เป็ นสิ นนําใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ไว้ให้พวกท่านกินดืม”

ทหารกําถุงเงินในมือ ยิมขึนอย่างเบิกบานใจ “ใต้เท้ามู่หรงเกรงใจไปแล้ว”


มู่หรงเสวียเลิกคิว บนแขนเสื อของมู่หรงเจียนยังคงมีเศษใบไม้เถาวัลย์ติดอยูเ่ ลย น่าจะเป็ นตอนทีตกเหวคว้าเอา
เส้นเถาวัลย์ไว้ได้โดยบังเอิญ แล้วเกาะเอาไว้ถึงได้ไม่ตกลงไปตาย

แขนเสื อฉี กขาดเป็ นรอยยาว ตอนทีส่ งถุงเงินออกไปมือก็ยงั สันเล็กน้อย ชัดเจนว่าแขนของเขาได้รับบาดเจ็บ เขา


ไม่กลับจวนไปรักษาบาดแผล แต่กลับยังจะอยากไปค่ายทหารอีก คงจะอยากให้มู่หรงจีเป็ นทหารจริ ง ๆ หรื อว่า
เขามีแผนการอะไรกันแน่ ?

“คุณชาย ข้าน้อยขอตัว !” นําเสี ยงเคารพนอบน้อมลอยเข้าหู มู่หรงเสวียเงยหน้าขึนมอง เห็นเหล่าทหารโค้งกาย


คารวะคุณชายโอวหยาง ยกร่ างของไฉจิงขึนก้าวยาวไปทางถนนหลวง

นางกระพริ บตาปริ บ ๆ ไฉจิงเป็ นมือเท้าของมู่หรงเจียน เขาได้รับบาดเจ็บจนขาหัก ก็เท่ากับเป็ นการตัดแขนข้าง


หนึ งของมู่หรงเจียนทิง หากมู่หรงเจียนติดอยากจะทําเรื องชัวร้ายอะไรขึนก็จะไม่ง่ายดายเหมือนเดิมแล้ว นางจะ
คอยดูวา่ มู่หรงเจียนจะคิดแผนการอะไรออกมาอีก !

“ท่านพีเราเสี ยเวลามามากแล้ว พวกเราไปค่ายทหารกันเถอะ”

“ตกลง !” มู่หรงเย่พยักหน้า ม้าทีเกิดพยศ วิงออกจากถนนหลวง ทําให้เสี ยเวลาไปไม่นอ้ ยเลย แต่ตอนนี ก็ยงั


สามารถเร่ งให้ไปถึงค่ายทหารทันเวลาได้

“คุณชาย ท่านนังม้าไปกับข้าแล้วกันขอรับ” เก๋ อฮุยจูงม้าไปทีด้านหน้าของมู่หรงเย่

ม้าของมู่หรงเย่ตกเหวไปแล้ว ไม่สามารถใช้การต่อได้อีก มู่หรงเจียนพ่อลูกต่างก็อยูท่ ีนี ใครจะไปรู ้ว่าพวกเขาจะ


วางยาม้าตัวไหนอีกบ้าง มู่หรงเย่ขีม้าไปเพียงผูเ้ ดียว เขาไม่ค่อยวางใจเท่าไรนัก

“อืม !” มู่หรงเย่พยักหน้า ตามเก๋ อฮุยขึนม้าไปติด ๆ นังอย่างมันคงอยูด่ า้ นหลังของเก๋ อฮุย

มู่หรงเสวียก็เดินไปทีม้าเร็ วของตัวเอง พลิกตัวขึนนังบนม้า แต่เพิงจะนังทรงตัวได้ไม่นาน เงาร่ างสี ขาวสายหนึง


ก็ร่อนลงมาจากบนฟ้ า ร่ วงลงบนหลังม้าด้านหลังของนาง กลินหอมของไม้ไผ่บางเบากระทบกับจมูก มู่หรงเสวีย
เลิกคิวหันไปมองทางเขา “ท่านทําอะไร ?”
ตอนที 82 ท้ ามู่หรงเย่
“ไปส่ งเจ้าทีค่ายทหาร” คุณชายโอวหยางพูดขึนอย่างราบเรี ยบ แขนแกร่ งทังสองยืนผ่านไปด้านหน้าของนาง จน
ขังตัวนางเอาไว้ในอ้อมกอด คว้าเอาสายจูงม้าของนางไปอย่างง่ายดาย

แผ่นหลังของมู่หรงเสวียแนบชิดติดไปกับแผ่นอกอุ่นของเขา ไม่ว่าจะหันไปทางไหนล้วนสามารถมองเห็นเขา
อย่างไม่สามารถหลีกเลียงได้ แววตาวูบไหวไม่เป็ นธรรมชาติ ค่อย ๆ เว้นระยะห่ างเล็กน้อย “ข้าขีม้าเป็ น ท่านไม่
ต้องไปส่ งหรอก”

“ขีม้าจนตกหน้าผา นีเรี ยกว่าขีม้าเป็ นอย่างนันหรื อ ?” คุณชายโอวหยางเหล่ตามองนาง ดวงตาสี ดาํ เข้มแฝงไป


ด้วยความเยาะเย้ย

ดวงหน้างดงามของมู่หรงเสวียเรี ยบเฉยลง นางกล่าวขึนอย่างโมโห “นันเป็ นอุบตั ิเหตุ อุบตั ิเหตุน่ะเข้าใจหรื อไม่


?”

“ถ้าหากให้เจ้าขีม้าไปทีค่ายทหารตัวคนเดียว เจ้าก็คงจะเกิดอุบตั ิเหตุอีก” นําเสี ยงทุม้ ของคุณชายโอวหยางแฝงไป


ด้วยความเย็นชา เขากระตุกสายจูงม้าเบา ๆ ทําให้มา้ เร็ วพุ่งทะยานออกไปดังศรแสงด้วยความรวดเร็ ว

ชุดกระโปรงสี ฟ้าของมู่หรงเสวียปลิวไสวไปตามสายลม เส้นผมสี ดาํ เงาสยายออกปลิวสะบัดไปมา เมือเคียงคู่กบั


เงาร่ างสี ขาวองอาจสู งโปร่ งของคุณชายโอวหยางแล้วช่างดูเข้ากันยิงนัก งดงามราวภาพวาด !
ในแววตาของเก๋ อฮุยปรากฏความหมายบางอย่าง เขามองไปทีพระอาทิตย์ทีกําลังลอยขึนสู ง แล้วกล่าวตะเบ็ง
เสี ยงขึน “คุณชาย จับให้ดีนะขอรับ” แส้ในมือฟาดลง เท้าของม้าเร็ วขยับพุ่งทะยานออกไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ ว

มู่หรงเจียนยืนอยูก่ บั ที มองไปทีม้าเร็ วทีค่อย ๆ ห่ างไกลออกไป แววตาคมกริ บหรี เล็กลง ทําไมคุณชายโอวหยาง


ถึงรู ้จกั มู่หรงเสวียได้ อีกทังยังสนิทสนมและใกล้ชิดกับนางขนาดนัน......

เมือมองไปทีแววตาลับลมคมในของเขา มู่หรงจีกล่าวขึนอย่างระมัดระวัง “ท่านพ่อ พวกเราไม่ไปค่ายทหารแล้ว


หรื อขอรับ ?”

“ไป ไปแน่ นอน !” มู่หรงเจียนกล่าวเสี ยงสู ง แววตาเปล่งประกายอย่างอํามหิ ต ไฉจิงสลบไม่ได้สติ ส่ วนเขาก็


ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย พวกเขาลงแรงไปตังมากมายขนาดนัน แน่ นอนว่าต้องทําให้สาํ เร็ จ ไม่มีทางทีจะมายกเลิก
เพียงครึ งทางแน่ !

ฝี มือการขีม้าคุณชายโอวหยางดีมาก ม้าเร็ วทีวิงทะยานออกไป มู่หรงเสวียไม่รู้สึกถึงแรงกระแทกเลยแม้แต่นอ้ ย


กลินหอมของไม้ไผ่อบอวลไปรอบกาย เสี ยงสายลมทีพัดผ่านกระทบเข้ากับหู วิวทิวทัศน์ตรงหน้าพุ่งผ่านไป
อย่างรวดเร็ ว คิวงามของมู่หรงเสวียโค้งน้อย ๆ ทอดมองออกไปด้วยความสนใจและอยากรู ้อยากเห็น

“ข้ามอบองครักษ์เงาให้เจ้าสักสองสามคนดีหรื อไม่ ?” อยู่ ๆ คุณชายโอวหยางก็ออกปากพูดขึนมา แววตาสี ดาํ


เปล่งประกายอย่างลําลึก

“มิตอ้ งหรอก” มู่หรงเสวียส่ ายหน้า กล่าวขึนช้า ๆ “มู่หรงเจียนพ่อลูกคู่นนั ข้าจัดการได้......”


คุณชายโอวหยางปรายตามองนาง “ถ้าหากเจ้าจัดการได้จริ ง ๆ ก็คงไม่ร่วงตกหน้าผาเช่นนัน คราวนี โชคดีทีข้า
บังเอิญผ่านมา จึงสามารถช่วยเจ้าได้ทนั เวลา คราวหน้าเจ้าอาจจะไม่ได้โชคดีอย่างนี แล้วตกเหวลงไปจนได้รับ
อันตรายก็ได้ ”

ใบหน้าเรี ยวเล็กของมู่หรงเสวียเคร่ งขรึ มขึนมาทันที นางถลึงตามองไปทีเขา “ก็บอกว่าเป็ นอุบตั ิเหตุ ท่านเลิกพูด


เรื องนีสักทีได้หรื อไม่ ?”

“ศัตรู ของเจ้าก็ไม่ได้มีแค่ครอบครัวของมู่หรงเจียน ยังมีจวนของตูส้ ังซู อู่อนั โหว เจ้าแน่ ใจหรื อว่าเจ้าตัวคนเดียว


สามารถต่อกรพวกเขาได้ทงหมด
ั ?” คุณชายโอวหยางกล่าวเสี ยงตํา แววตาวูบไหวไปด้วยความหนักใจทีน้อย
ครังจะปรากฏให้เห็น

มู่หรงเสวียเลิกคิว ตอนนีนางก็นบั ได้ว่าตัวคนเดียว ถ้าหากแม่ลูกแซ่ ตูร้ ่ วมมือกับจวนสังซูและอู่อนั โหวมาจัดการ


นาง เทียบกันแล้วโอกาสทีนางจะชนะได้นันก็นบั ว่าไม่ได้มากมายอะไร

ถ้าหากยอมทีจะรับเอาองครักษ์เงาของคุณชายโอวหยางมา ก็เท่ากับนางจะติดค้างนําใจของเขาไว้อย่างใหญ่หลวง
นัก นางไม่รู้นางจะตอบแทนเขาอย่างไรได้หมด “ข้าขอคิดดูก่อนก็แล้วกัน !”

“ได้สิ” คุณชายโอวหยางพยักหน้า หน้าผากทีย่นเข้าหากันของเขาค่อย ๆ คลายลง “แต่ว่า อย่าคิดให้นานนัก ศัตรู


ของเจ้าต้องการให้เจ้าตกตาย คงไม่ให้เวลาเจ้าได้คิดไตร่ ตรองนานนักหรอก”
“ข้ารู ้” มู่หรงเสวียพยักหน้า ด้านหน้าปรากฏแนวรัวกว้าง และกระโจมทีพัก แววตาของนางเปล่งประกายออกมา
ทันที “ถึงค่ายทหารแล้ว !”

คุณชายโอวหยางตอบรับเสี ยงเรี ยบ บังคับม้าให้หยุดลง มู่หรงเสวียพลิกตัวลงจากม้าอย่างคล่องแคล่ว เพียง


พริ บตาเดียวร่ างกายบอบบางอ่อนนุ่ มก็กา้ วห่ างออกไป กลินหอมจาง ๆ ของบัวอัคคีคอ่ ย ๆ เบาบางลงจนสลาย
หายไป ในใจของคุณชายโอวหยางรู ้สึกผิดหวังขึนมา เขาพลิกกายลงจากม้าและเอาสายจูงม้าทิงให้สวินเฟิ งที
แอบอยูใ่ นเงามืด เดินไปด้านหน้าจับมือของมู่หรงเสวียเอาไว้ แล้วเดินไปด้านหน้าพร้อมกับนาง

แม่ทพั จางเป็ นชายหนุ่ มอายุประมาณสามสิ บกว่า ๆ ใบหน้าดุดนั แววตาเย็นชา มีหนวดสี ดาํ เหนื อริ มฝี ปาก เขา
กําลังฝึ กเหล่าทหารไพร่ พลอยู่ แต่เมือเห็นคุณชายโอวหยาง แววตาของเขาเกิดวูบไหวขึนด้วยความประหลาดใจ
ผละจากพวกทหาร แล้วก้าวยาว ๆ เข้ามาต้อนรับ “คุณชาย !”

“แม่ทพั จาง” นําเสี ยงของคุณชายโอวหยางราบเรี ยบ

“แม่ทพั จาง ข้าไม่ได้มาสายไปใช่หรื อไม่ ?” มู่หรงเย่วงเข้


ิ ามาอย่างเร่ งรี บ หน้าผากมีเม็ดเหงือผุดขึนอยูเ่ ต็มไป
หมด

แม่ทพั จางมองขึนไปบนฟ้ า “ไม่นบั ว่าสาย สิ งของล้วนเตรี ยมมาเรี ยบร้อยแล้วหรื อ ?”

“เตรี ยมมาเรี ยบร้อยแล้วขอรับ สามารถเข้าเป็ นพลทหารได้ทนั ที !” มู่หรงเย่รับเอาห่ อผ้าทีเก๋ อฮุยส่ งให้ยกขึนมา


ดวงตาสี ดาํ หยกยิมจนตาหยี
แม่ทพั จางพยักหน้า “เช่นนันก็รีบ......”

“แม่ทพั จาง ไม่ได้เจอกันเสี ยนาน คงยังจํากันได้ใช่ไหม !” เสี ยงหัวเราะเป็ นกันเองลอยเข้าหู มู่หรงเสวียหันมอง


ไป ก็เห็นมู่หรงเจียนทีใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิมเดินเข้ามา เขาได้เปลียนเสื อผ้าเป็ นชุดใหม่เรี ยบร้อย ดูสะอาด
เอียมอ่อง เส้นผมถูกรวบม้วนเข้าหากันอย่างเป็ นระเบียบ รอยแผลบนใบหน้าก็ลว้ นทายาเรี ยบร้อยแล้ว หากเขา
ไม่เดินกะเผลกเข้ามา ผูอ้ ืนคงมองไม่รู้ว่าเขาได้รับบาดเจ็บ

แววตาของแม่ทพั จางฉายแววสงสัย “ใต้เท้ามู่หรง ท่านเป็ นอะไรไหม ?”

“ข้าไม่ทนั ระวัง จึงหกล้ม” มู่หรงเจียนพูดขึนอย่างไม่ใส่ ใจนัก ปรายตามองมู่หรงเย่ “เย่เอ๋ อร์ ค่อนข้างเกเร มาเข้า
ค่ายทหารเช่นนี ต้องรบกวนแม่ทพั จางแล้ว !”

“ใต้เท้ามู่หรงเกรงใจไปแล้ว !” นําเสี ยงพูดไปตามมารยาทของแม่ทพั จาง ฟังแล้วช่างเต็มไปด้วยความห่ างเหิ น


และเฉยชา

มู่หรงเจียนขมวดคิวในใจ แต่ใบหน้ายังคงมีรอยยิมแย้ม “เย่เอ๋ อร์ อายุยงั น้อย เขาเข้าค่ายทหารไปคนเดียวข้ามิคอ่ ย


วางใจนัก อยากให้มู่หรงจีเข้าไปกับเขาด้วย ไม่ทราบว่าแม่ทพั จางยังรับคนอยูไ่ หม ?”
“หากพูดกันตรง ๆ แล้ว ทหารกองหนึงในค่ายทหารล้วนมีรายละเอียดข้อบังคับ ปี นี ไม่ใช่ปีทีเปิ ดรับทหารใหม่
ไม่สามารถรับคนเข้ามาอย่างซีซัวได้ ทีรับมู่หรงเย่เข้ามาก็เพราะว่ามีทหารเก่านายหนึงเสี ยชีวติ ไป ต้องการเขามา
แทนที......” แม่ทพั จางพูดเน้นทีละคํา แววตาของเขาเข้มขึน

“ทีแท้กเ็ ป็ นเช่นนี ” มู่หรงเจียนพยักหน้าอย่างเข้าใจ หัวเราะขึนอย่างเกรงใจ “รบกวนแม่ทพั จางแล้ว จีเอ๋ อร์


เช่นนันพวกเรากลับจวนเถอะ !”

เขายืนมือออกไปลากมู่หรงจี แต่ม่หู รงจีกลับปั ดมือของเขาออก แล้วเชิดหน้าเดินไปทีด้านหน้าของแม่ทพั จาง


กล่าวขึนอย่างจริ งจังว่า “แม่ทพั จาง ทหารในค่ายล้วนได้รับการฝึ กฝนมาตังหลายปี จึงจะสามารถเข้าสู่ สนามรบ
ได้ ทหารทีเข้ามาใหม่ ถ้าฝี มือธนูยงดี
ิ วรยุทธ์ยงสู
ิ ง ก็ยงดี
ิ ใช่ไหมขอรับ !”

สายตาเย็นชาของแม่ทพั จางมองไปทีเขาอย่างผูอ้ ยูเ่ หนื อกว่า “เจ้าหมายความว่าอย่างไร ?”

มู่หรงจีเชิดคางขึนเล็กน้อย กล่าวขึนอย่างภาคภูมิ “พีเย่อยากเข้าค่ายทหาร ข้าก็อยาก แต่คา่ ยทหารต้องการทหาร


แค่คนเดียว เช่นนันให้พวกเราสองคนลองแข่งยิงธนู แข่งวรยุทธ ผูท้ ีชนะได้เข้าค่ายทหารเช่นนันดีหรื อไม่ !”

มู่หรงเสวียยกยิมเย็นทีมุมปาก นางล้วนทราบดีว่าการทีมู่หรงเจียนพ่อลูกตามมาทีค่ายทหารด้วย จะต้องมีใจทีคิด


ไม่ซืออย่างแน่ นอน

คนพ่อมู่หรงเจียนต้องการจะแย่งชิงตําแหน่ งโหวจากมู่หรงเย่ คนลูกมู่หรงจีต้องการแย่งมู่หรงเย่เข้าค่ายทหาร


สองพ่อลูกคู่นี ช่างเหมือนกันยิงนัก ไม่รู้ว่าแม่ทพั จางจะจัดการกับเรื องนี อย่างไร

เมือเงยหน้ามองไปทีแม่ทพั จาง ก็เห็นดวงหน้าของเขาเคร่ งขรึ ม มองไปทางมู่หรงจีอย่างเย็นชา “ข้อเสนอของเจ้า


นับว่าไม่เลวนัก แต่ว่าข้าได้ตอบตกลงรับมู่หรงเย่ไปแล้ว ไม่สามารถผิดคําพูดได้ !”

มู่หรงจีทีได้ยนิ ดังนัน ดวงหน้าหล่อเหลาก็ขึนสี แดงกํา ถูกปฏิเสธท่ามกลางสายตาของผูค้ นมากมายเช่นนี ช่างน่า


ขายหน้ายิงนัก ! ถ้าเกิดเรื องนี ถูกผูค้ นลือกันออกไป เขาจะต้องกลายเป็ นตัวตลกของชาวบ้านแน่ เขาไม่อยากถูก
หัวเราะเยาะ !

ดวงตาของมู่หรงจีหรี เล็กลง เขาหันไปมองมู่หรงเย่ กล่าวขึนเสี ยงสู งว่า “มู่หรงเย่ ข้าขอท้าประลองกับเจ้า ผูท้ ี


ชนะได้เข้าค่ายทหาร ส่ วนผูแ้ พ้หลีกทาง เจ้าว่าเป็ นอย่างไร ?”
ตอนที 83 ประลอง
“จีเอ๋ อร์ อย่าได้วุ่นวาย” สี หน้าของมู่หรงเจียนดุดนั ต่อว่าเขาเสี ยงดัง

มู่หรงจีรู ้สึกว่าไม่ได้รับความเป็ นธรรม “ข้ามิได้วนุ่ วาย ข้าแค่คิดว่าคนทีแข็งแกร่ งถ้าได้เข้าค่ายหทาร จะสามารถ


เพิมความสามารถทางการรบให้แก่กองทัพได้ หรื อว่าสิ งนีเป็ นสิ งทีผิดหรื อ ?”

มู่หรงเสวียยกยิมเย็น มู่หรงจีอายุแค่เพียงสิ บสี ปี เหตุผลและหลักการยิงใหญ่ทีเขาพูดออกมาไม่มีทางเป็ นเขาทีคิด


ได้เอง แต่คงเป็ นมู่หรงเจียนทีเสี ยมสอนเขาอย่างแน่ นอน สองพ่อลูกคู่นีเมือต่อรองกับแม่ทพั จางไม่สาํ เร็ จ ก็เลย
เปลียนเป้ าหมายมาทีมู่หรงเย่ คนหนี งพูด คนหนึ งเสริ ม กดดันมู่หรงเย่ ช่างเป็ นแผนการทีหลักแหลมและเจ้าเล่ห์
ยิงนัก !

“มู่หรงเย่ ทีข้าท้าเป็ นเจ้า เจ้าอย่าได้แกล้งใบ้บึง พูดออกมาตรง ๆ ดีกว่าว่าเจ้ากล้าหรื อไม่กล้าประลองกับข้า ?” มู่


หรงจีหันไปมองมู่หรงเย่ตรง ๆ เชิดหน้าขึน นําเสี ยงแสดงถึงความมอวดดี

มู่หรงเย่มองไปทีมู่หรงจี แววตาดําขลับเปล่งประกายมืดมัวสามส่ วน หดหู่สามส่ วน แจ่มแจ้งสามส่ วน ทังหมด


ทังมวลรวมกันแล้วกลายเป็ นแน่วแน่ “ได้ ข้าจะแข่งกับเจ้า !”

แววตาของเก๋ อฮุยชะงักไป พลางเร่ งกล่าวขึนว่า “คุณชาย......”


มู่หรงเย่โบกมือตัดบทเขา มองไปทีมู่หรงจีอย่างเรี ยบเฉย “ทีข้าตกลงจะแข่งกับเขา ไม่ใช่เพราะเพือเสาะหาความ
แข็งแกร่ ง แต่เพือเป็ นการแสดงความสามารถของตนเอง เพียงแค่อยากให้เจ้ารู้วา่ ข้ามู่หรงเย่เป็ นผูช้ ายอกสาม
ศอก ไม่กลัวการท้าทาย ! เจ้าว่ามาเถอะว่าแข่งอะไร ?”

ถ้าพูดอย่างไม่ถ่อมตัวก็คอื ข้าจะทําให้เจ้าพ่ายแพ้ เสี ยหน้าอย่างถึงทีสุ ดเลย คอยดูเถอะ !

ในใจของมู่หรงจีเยาะเย้ยดูถูก กล่าวขึนอย่างอวดดีว่า “ยิงธนู !”

“ได้ !” มู่หรงเย่พยักหน้า แววตาเปล่งประกายแน่วแน่ และหนักแน่นอย่างทีไม่เคยเป็ นมาก่อน !

แม่ทพั จางมองไปทีคุณชายโอวหยาง ก็เห็นว่าเขามีสีหน้าเรี ยบเฉย ไม่มีความคิดเห็นและคัดค้านความคิดของมู่


หรงเย่และมู่หรงจีแต่อย่างใด จึงสังการให้เริ มการประลองได้ !

เหล่าทหารทีกําลังฝึ กฝนต่างหลบไปด้านข้าง สนามฝึ กซ้อมทียิงใหญ่พลันว่างเปล่า เป้ าธนูสิบเป้ าถูกตังไว้ที


ด้านหน้าสุ ดของสนามฝึ ก ดูสะดุดตา

ด้านหลังของมู่หรงจีแบกธนูไว้ เขาเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ มองไปทีเป้ าธนูหลายสิ บอัน แล้วเลิกคิวขึน “เป้ าธนู


ตังอยูก่ บั ที ไม่ขยับเคลือนไหว ดูจะไม่ค่อยท้าทายเท่าไหร่ นกั ถ้าเกิดอยูใ่ นสนามรบศัตรู ไม่มีทางยืนรอให้ผคู ้ นยิง
ธนูใส่ เช่นนีหรอก !”
“ถ้าเช่นนันเจ้าจะเอาอย่างไร ?” มู่หรงเย่มือกําธนู มองไปทางเขาด้วยสี หน้าเรี ยบเฉย

มู่หรงจีเชิดหน้าขึนสู ง กล่าวขึนอย่างถือดี “เป้ าธนูเคลือนไหว พวกเรายืนอยูด่ า้ นข้างยิงเป้ าสี แดง ภายในหนึงก้าน


ธูป ใครยิงเป้ าสี แดงได้มากทีสุ ด ผูน้ นชนะ”

“ตกลง !” มู่หรงเย่พยักหน้า เป็ นมู่หรงจีทีท้าประลองออกมา ไม่ว่ามู่หรงจีจะเล่นลูกไม้อะไร เขาจะเข้าร่ วมกับเขา


ทังหมด

“ครื ด ครื ด ครื ด !” เป้ าธนูสิบอันในสนามฝึ กเริ มเคลือนไหวไปมา มู่หรงจียืนอยูด่ า้ นซ้ายของสนามฝึ ก มือกําธนู
ยาวคันหนึง ดึงสายธนูดว้ ยท่าทางหยิงผยอง ได้ยนิ เสี ยง ‘ฉึ ก’ ดังขึนเสี ยงหนึ ง ลูกศรพุ่งออกไปทางเป้ าธนู ปั กเข้า
ไปในวงกลมสี แดงอย่างเร็ วแรง......

“ดี !” ไม่รู้ว่าเป็ นเสี ยงใครทีร้องขึน เหล่าทหารพากันโห่ ร้องขึนมาตามกัน “ฝี มือยิงธนูไม่เลว......ไม่เลวจริ ง


ๆ......”

มู่หรงเสวียขมวดคิวน้อย ๆ ยิงเป้ าเคลือน เมือเปรี ยบกับยิงเป้ านิงแล้วยากกว่ากันหลายเท่านัก เป้ าธนูในสนามฝึ ก


ก็เคลือนทีไปมาอย่างคาดเดาทิศทางไม่ได้ ไม่มีทิศทางทีแน่นอน ถือเป็ นการทดสอบฝี มือการยิงธนูได้ดีทีสุ ด ถ้า
ฝี มือการยิงธนูแย่หน่ อยก็จะยิงไม่โดนเป้ าแดง เพียงแค่มู่หรงจีเริ มดอกแรกก็โดนเป้ าแดงแล้ว ฝี มือการยิงธนูของ
เขาก็นบั ว่าไม่เลว มู่หรงเจียนคงลงทุนลงแรงกับลูกชายคนนีไปมากโข ไม่รู้ว่าฝี มือการยิงธนูของมู่หรงเย่จะเป็ น
เช่นไรบ้าง ?
มู่หรงเสวียเงยหน้ามองมู่หรงเย่ เห็นเขายืนอยูด่ า้ นขวาของสนามประลอง ดึงสายธนูดว้ ยแววตาหนักแน่ น ลูกธนู
ส่ งเสี ยง ‘ฟ้ าว ฟ้ าว ฟ้ าว’ แล้วพุ่งออกไป แต่ละอันล้วนเข้าเป้ าแดง......

สนามฝึ กทีใหญ่โตพลันเงียบสงัดทันที !

“ดี !” ใครสักคนในทีนันส่ งเสี ยงตะโกนออกมา เหล่าทหารต่างพากันฮือฮา “ท่านโหวน้อยแห่ งจวนเจินกัวโหวผู ้


นี ปกติเป็ นคนทีเกเรมาก คิดไม่ถึงว่าฝี มือการยิงธนูของเขากลับดีเยียมเช่นนี......”

“ก็เขาเป็ นลูกชายของเยว่โหวเย่ (คําเรี ยกชือและยศของพ่อมู่หรงเย่) ไม่ใช่หรื อ เมือคิดถึงฝี มือการยิงธนูของเยว่


โหวเย่ตอนนันแล้ว เขายิงได้ไกลตังร้อยก้าว ไม่เป็ นรองผูใ้ ด เขาจะยิงทีเดียวได้พร้อมกันหลายเป้ า ก็เห็นว่าไม่ได้
แปลกประหลาดอะไรนัก......”

“เขาถึงว่าลูกของเสื อไม่มีทางทีจะกลายเป็ นลูกสุ นขั ไปได้......”

เสี ยงวิพากษ์วจิ ารณ์ของเหล่าบรรดาทหารลอยเข้าหู มู่หรงจีขมวดคิวแน่ น ทีเขาเสนอให้ยงิ เป้ าเคลือนไหว ก็เป็ น


เพราะต้องการจะแสดงฝี มือการยิงธนูทีสู งส่ งของตน แต่กลับถูกมู่หรงเย่แย่งความสนใจไปเสี ยหมด ช่างเลวร้าย
ยิงนัก ตนเองไม่มีทางทีจะยอมแพ้ให้แก่เขาแน่ !

เมือดึงสายธนู เสี ยงของลูกธนูสามดอกของมู่หรงจีก็พุ่งออกไปด้วยความเร็ วแรงดังสายฟ้ าแลบลอยเข้าหู พุ่งเข้า


ไปทีเป้ าธนูอย่างรวดเร็ ว “ฉึ ก ฉึ ก ฉึก” ลูกธนูสามดอก เข้าเป้ าสี แดงเสี ยสองดอก อีกดอกหนึงปั กอยูท่ ีขอบของ
วงกลมสี แดง
“พุ่งออกไปสามดอกรวด ไม่เลว นับว่าไม่เลวจริ ง ๆ !” เหล่าทหารกล่าวชืนชม

สี หน้าของมู่หรงเจียนค่อย ๆ ดุดนั การยิงธนูสามดอกติดต่อกันควรเอาไว้ใช้ตอนสุ ดท้าย เป็ นการจบการประลอง


ครังนี ให้น่าตรึ งตาตรึ งใจ ให้ผคู ้ นจดจําถึงฝี มือการยิงธนูทียากหาใครเปรี ยบได้ของมู่หรงจี !

แต่เขากลับไม่ทาํ เช่นนัน เวลาหนึงก้านธูปเพิงจะเริ ม เขาก็แสดงฝี มือการยิงสามดอกติดต่อกันเสี ยแล้ว ทําไมถึง


อดกลันอารมณ์ตวั เองมิได้เช่นนี ?

เมือหันไปมองมู่หรงเย่ ก็เห็นเขาหยิบเอาลูกธนูจาํ นวนสามดอกออกมา ค่อย ๆ วางบนสายธนู ‘ฉึก ฉึ ก ฉึก’ลูกธนู


สามดอกพุ่งเข้าเป้ าสี แดงติดต่อกัน พร้อมกับเสี ยงชืนชมอย่างตกตะลึงของเหล่าทหาร “ฝี มือช่างดียงนั
ิ ก...ไม่ผดิ
เลยทีเป็ นลูกของเยว่โหวเย่......”

แววตาคมกริ บของมู่หรงเจียนหรี เล็กลง ดวงหน้าดุดนั จนน่ากลัว ทีฝี มือการยิงธนูของมู่หรงเย่ดีขนาดนี เป็ น


เพราะการสื บทอดทางสายเลือดจากมู่หรงเยว่อย่างนันหรื อ ? หรื อเป็ นเพราะเก๋ อฮุยทีสังสอน ?

การยิงสามดอกต่อกันของจีเอ๋ อร์ มีหนึ งดอกทีปั กโดนขอบของเป้ าสี แดง ทําให้กลายเป็ นรองของมู่หรงเย่ไปแล้ว


เขาจึงกลายเป็ นตัวตลกของค่ายทหาร เลวร้ายทีสุ ด !
มู่หรงเจียนมองไปทีมู่หรงจีด้วยความโมโห เห็นสี หน้าของเขาซี ดขาว มือทีถือธนูสนไหว
ั ถลึงตามองไปทางมู่
หรงเย่อย่างเกลียดชัง แววตาลุกโชนไปด้วยความโกรธและไม่ยอมแพ้ ฝี มือการยิงธนู ของเขาเป็ นท่านพ่อทีสอน
เขาเองกับมือ ทัวเมืองจิงโจวไม่มีใครเปรี ยบได้ ในเมืองหลวงชิงเหยียนเขาก็เป็ นผูม้ ีฝีมือผูห้ นึง มู่หรงเย่จะชนะ
เขาได้อย่างไรกัน ชนะเขาได้อย่างไร !

แววตาของมู่หรงจีเย็นเยือก เขาดึงสายธนูอย่างรวดเร็ ว ลูกศรสี ดาํ “ฟ้ าว ฟ้ าว ฟ้ าว !” พุ่งไปทางมู่หรงเย่ มู่หรงเย่ที


ไม่ทนั ระวัง ตังใจทีจะหลบ แต่ดูท่าว่าจะหลบไม่ทนั เสี ยแล้ว !

“ตึง ตึง ตึง !” เข็มเงินสามสายพุ่งออกไปปะทะเข้ากับศรสี ดาํ จนกระเด็นออกไป !

เสี ยงพูดคุยของผูค้ นรอบทิศพลันหยุดลง ทุกคนต่างมองไปทีทิศทางทีเข็มเงินพุ่งออกมาเห็นแววตาของมู่หรง


เสวียเย็นชา เพียงพริ บตาก็ไปปรากฏตัวทีสนามฝึ ก มองไปทีศรสี ดาํ บนพืน กล่าวขึนอย่างเยือกเย็นว่า “มู่หรงจี
เจ้าจะยิงธนูหรื อว่าต้องการทีจะฆ่าคนกันแน่ ?”

“อย่าได้พดู จาโหดร้ายเช่นนัน ข้าเพียงแค่ไม่ทนั ระวัง แค่มือลืนก็เท่านัน” ใบหน้าของมู่หรงจีเชิดสู งขึน แววตา


แสร้งทําเป็ นไม่สนใจ แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความเกลียดชัง มู่หรงเสวียคนชัวร้าย ชอบมายุง่ วุ่นวายนัก
ไม่เช่นนันธนูลูกนันของเขาคงยิงถูกมู่หรงเย่จนตกตายไปแล้ว !

“จริ งหรื อ ?” มู่หรงเสวียยกมุมปาก คล้ายยิมคล้ายมิยมิ ยืนมือออกไปคว้าคันธนูของมู่หรงเย่เอาไว้ วางศรดึงสาย


ธนู ได้ยนิ เสี ยง ‘ฉึ ก ฉึ ก ฉึ ก’ ดังขึนสามเสี ยง ธนูทงสามลู
ั กเรี ยงกันเป็ นรู ปสามเหลียม แล้วพุ่งผ่านเส้นผมและ
แขนทังสองข้างของมู่หรงจีไป ทําให้ตวั ของเขาตรึ งเข้ากับรัวของค่ายทหาร

“อ้า !” มู่หรงจีกรี ดร้องเสี ยงดังลัน

“จีเอ๋ อร์ !” มู่หรงเจียนร้องขึนอย่างตกใจ เพียงพริ บตาเดียวไปปรากฏทีหน้าของมู่หรงจี มองไปทีเขาทีถูกลูกศร


ตรึ งเอาไว้และทีแขนมีเลือดทีค่อย ๆ ไหลริ นออกมา ในอกลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ สาตตาเกรี ยวกราดดังศรพุ่ง
มองไปทีมู่หรงเสวีย !
ตอนที 84 ความพ่ ายแพ้ ของมู่หรงเจียน
“ขออภัย ไม่ทนั ระวัง มือลืน !” มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ ดวงตาฉายแววไร้เดียงสา !

พอมองไปทีสายตาของมู่หรงเจียน กลับฉายแววถือดีและท้าทาย ดวงหน้าของเขาขึนสี เขียวคลํา กล่าวเน้นทีละ


คํา “มู่หรงจีไม่ได้ทาํ ให้ม่หู รงเย่ได้รับบาดเจ็บ ทําไมเจ้าจะต้องลงมือหนักเช่นนี......”

“ถ้าข้าไม่ได้ทาํ ให้ศรทังสามลูกกระเด็นออกไป ท่านพีของข้าก็คงได้รับบาดเจ็บสาหัสจนตายไปแล้ว ไหนจะมา


ยืนดี ๆ อยูต่ รงนี ได้ !” มู่หรงเสวียมองไปทีมู่หรงเจียนด้วยสายตาเย็นชา ท่าทางหยิงยโส “พูดไปพูดมา ก็เป็ นท่าน
เองทีไร้ความสามารถ ใครให้ท่านไม่สามารถปั ดเอาลูกศรของข้าออกไป แล้วช่วยเหลือลูกของตัวเองเล่า ?”

“เจ้า !” มู่หรงเจียนชีไปทีมู่หรงเสวีย โมโหจนพูดไม่ออก

“ข้าทําไม ? ยังไงข้าก็ไม่ได้ไปเข้าสนามรบ ยิงธนูแล้วมือลืนก็ไม่เห็นจะเป็ นไร แต่มู่หรงจีกลับตรงกันข้าม อยาก


เข้าค่ายทหาร ท่าทางมันอกมันใจ ถ้าเกิดได้เข้าสนามรบจริ ง ๆ แล้วไม่ทนั ระวังมือลืนยิงโดนพวกเดียวกันตาย
เช่นนันโทษก็นบั ว่าหนักแล้ว......” นําเสี ยงราบเรี ยบสบาย ๆ ของมู่หรงเสวียแฝงไปด้วยการดูหมินเหยียดหยาม

ในหัวของบรรดาเหล่าทหารต่างก็ปรากฏภาพมู่หรงเจียนทียิงศรสามดอกต่อกันออกไปอย่างไร้ความปรานี อดที
จะตัวสันเล็กน้อยไม่ได้ สายตาทีมองมู่หรงจีต่างก็เต็มไปด้วยความคิดทีหลากหลาย การทีเอาลูกธนู ยงิ คนของ
ตนเอง ถ้าหากเลียงได้กค็ วรเลียง พวกเขามาเป็ นทหารก็เพือปกป้ องแคว้น ปกป้ องครอบครัว ฆ่าฟั นศัตรู แต่ไม่ใช่
ต้องมาตายด้วยนํามือของพวกเดียวกัน เช่นนันจิตใจจะชัวร้ายเกินไปแล้ว !
มู่หรงเจียนถลึงตามองมู่หรงเสวียด้วยความเกลียดชัง แววตาเต็มไปด้วยไฟโกรธทีสามารถพ่นออกมาเป็ นไฟได้
ถูกนางว่าร้ายถึงเพียงนี ฝี มือการยิงศรสามดอกต่อเนื องกันของจีเอ๋ อร์ คงกลายเป็ นเรื องตลก ผูค้ นก็จะดูถูกฝี มือ
การยิงธนูของจีเอ๋ อร์ ถึงแม้ว่าจะได้เข้าค่ายทหารก็จะถูกผูค้ นหัวเราะเยาะ โดดเดียว จิตใจของมู่หรงเสวียช่าง
โหดเหี ยมยิงนัก......

แม่ทพั จางก้าวออกมา “ใต้เท้ามู่หรง คุณชายก็บาดเจ็บไม่นอ้ ย ให้แพทย์ทหารรักษาเขาเสี ยหน่ อยเถิด” มีคนได้รับ


บาดเจ็บทีค่ายทหารของเขา เขาจะไม่ดูแลก็ไม่ได้

มู่หรงเจียนตืนจากภวังค์ เขาถูกมู่หรงเสวียปั นหัวจนเกือบลืมเรื องทีจีเอ๋ อร์ ได้รับบาดเจ็บไปเสี ยสนิ ท “ขอบคุณแม่


ทัพจาง”

“ใต้เท้ามู่หรงเกรงใจไปแล้ว !” นําเสี ยงก้องกังวานของแม่ทพั จางเต็มไปด้วยความเรี ยบเฉยและห่ างเหิ น

ชายอายุสีสิ บกว่าปี ใส่ ชุดเทาผูห้ นึง ยกกล่องยาเดินไปด้านหน้าของมู่หรงจี แล้วตรวจดูบาดแผลอย่างละเอียด

“ลูกธนูบนหัวเพียงแค่ทะลุผา่ นเส้นผมออกไปเท่านัน ไม่ได้ทาํ ร้ายถึงร่ างกาย ลูกธนูทีข้อมือทังสองข้างก็ไม่ได้ทาํ


ร้ายไปถึงกระดูก คุณชายมู่หรงอายุยงั น้อย พักรักษาตัวสักพักก็จะกลับมาแข็งแรงดังเดิม......”

แพทย์ทหารคว้าจับไปทีก้านของลูกศรแล้วดึงมันออกมาด้วยความใจเย็น ทําให้เลือดสี แดงสดพุ่งทะลักออกมา


“อ้าก !” มู่หรงจีกรี ดร้องจนสลบไป สี หน้าซี ดขาวไร้สีเลือด

เมือมองไปทีดวงหน้าทีไร้เรี ยวแรงของเขา แววตาของมู่หรงเจียนก็วบู ไหวไปด้วยความกระวนกระวาย กอดเข้าที


ร่ างกายทีเปื อนเลือดของมู่หรงจี พลางร้องเรี ยกอย่างร้อนรน “จีเอ๋ อร์...จีเอ๋ อร์ ...”

“ใต้เท้ามู่หรงมิตอ้ งร้อนรนไป คุณชายเพียงแค่สลบไปเท่านัน หลังจากห้ามเลือดใส่ ยาแล้วก็จะฟื นขึนมาในไม่ชา้


!” ทหารแพทย์กล่าวขึนอย่างช้า ๆ เลิกแขนเสื อของมู่หรงจีขึน เช็ดเลือดทีแขนของเขาให้สะอาดอย่างระมัดระวัง
แล้วใส่ ยา ทําแผลด้วยความคล่องแคล่ว !

สี หน้าซี ดขาวของมู่หรงจีค่อย ๆ กลับมามีสีเลือดฝาดอีกครัง หัวใจทีเต้นแรงของมู่หรงเจียนก็ค่อย ๆผ่อนคลายลง


“ลําบากท่านหมอแล้ว !”

“ใต้เท้ามู่หรงเกรงใจไปแล้ว !” แพทย์ทหารยิมกล่าวอย่างไม่ถือตัว

“อาสื อ พามู่หรงโหวน้อยไปทีกระโจมพัก !” เสี ยงสังการเย็นเยียบของแม่ทพั จางดังขึน

มู่หรงเสวียเลิกคิว นี คงถือว่าเป็ นการอนุญาตให้ม่หู รงเย่เข้าเป็ นพลทหารของค่ายทหารแล้ว !


มู่หรงจีได้รับบาดเจ็บทีข้อมือ หนึงเดือนสองเดือนนี คงไม่สามารถทีจะหยิบจับคันธนูได้ อีกทังยังไม่สามารถ
ฝึ กฝนทีสนามฝึ กได้ รายชือการเข้าค่ายทหารของมู่หรงเย่ก็ไม่ได้ถูกแย่งชิงไป ไม่ว่าภายในใจจะมีความโกรธ
แค้นเพียงไร ล้วนทําได้แค่เบิกตามองมู่หรงเย่เข้าค่ายทหารเท่านัน

เมือปรายไปมองมู่หรงเจียน ก็เห็นแววตาของเขาวูบไหวไปด้วยความโมโหและไม่พอใจทียากจะพบเจอ

“ขอบคุณแม่ทพั จางมากขอรับ” มู่หรงเย่ยมตาหยี


ิ กล่าวขอบคุณ หันไปมองมู่หรงเสวียด้วยแววตาทีเต็มไปด้วย
ความหนักใจ “น้องเล็ก ช่วงนีข้าคงไม่สามารถกลับจวนโหวได้ เจ้าจะต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ !”

เขามองออกแล้วว่าในจวนเจินกัวโหวทียิงใหญ่นนั มีเพียงน้องสาวของเขาทีหวังดีต่อเขา ท่านย่า อาสอง อาหญิง


น้องชายล้วนอยากทีจะให้เขาตายไว ๆ จะได้ไม่ขวางทางของพวกเขา

ตอนนีเขามาทีค่ายทหารแล้ว พวกเขาก็คงคิดร้ายต่อเขาไม่ได้อีก จึงมีโอกาสสู งทีจะเอาความโกรธแค้นทังหมด


ไปลงทีตัวน้องเล็ก

มู่หรงเสวียยิมขึนบางเบา “วางใจได้ ข้าจะดูแลตัวเองเป็ นอย่างดี ท่านก็ฝึกฝนให้ดี ๆ ตังใจพัฒนาตนเอง จวน


เจินกัวโหวของพวกเรากําลังรอคอยการกอบกูช้ ือเสี ยงและเกียรติยศจากท่าน !”

“อืม !” มู่หรงเย่พยักหน้า กล่าวขึนอย่างหนักแน่นเหมือนกันจะสัญญาและสาบานว่า “ข้าจะไม่ทาํ ให้เจ้าผิดหวัง


แน่นอน !”
มู่หรงเย่ตามอาสื อไปทีกระโจมทีพัก เก๋ อฮุยก็ตามไปช่วยพวกเขาจัดการสิ งของ มู่หรงเสวียรู ้สึกว่าทุกอย่างต่างเข้า
ทีแล้ว นางจึกล่าวขึนอย่างช้า ๆ “คุณชาย เวลาก็ผา่ นมานานแล้ว พวกเรากลับเมืองหลวงกันเถอะเจ้าค่ะ”

“ได้ !” คุณชายโอวหยางพยักหน้า แล้วค่อย ๆ เดินออกไปด้านนอก เขามาทีค่ายทหารก็เพราะนาง หากนางอยาก


กลับ แน่นอนว่าเขาต้องตามไปด้วย

สายตามองไปทีมู่หรงเสวียและคุณชายโอวหยางทีเดินเคียงคู่กนั ไป ทันใดนันมู่หรงเจียนก็นึกได้ว่าค่ายทหารมี
กฎห้ามให้สตรี เข้ามา แต่ม่หู รงเสวียกลับเดินเข้ามาอย่างเปิ ดเผย ไม่ได้ถูกขัดขวางแต่อย่างใด นันเป็ นเพราะว่า
นางมากับคุณชายโอวหยางอย่างนันหรื อ ?

บุตรชายแห่ งเซี ยวเหยาอ๋ องทีเลืองลือกัน ช่างไม่ธรรมดานัก !

มู่หรงเจียนหรี ตาลง แววตาฉายความมืดมิด

เมือเดินออกจากค่ายทหาร มู่หรงเสวียก็เร่ งเดินไปตรงหน้าม้าเร็ วของตัวเอง ค่อย ๆ แกะเชือกจูงม้าออก “ท่านลุง


ฮุยไม่รู้วา่ จะยุง่ ถึงตอนไหน คุณชายก็ขีม้าของท่านลุงฮุยเถอะ หลังจากกลับจวนแล้ว ข้าค่อยให้คนของจวนมาส่ ง
ม้าให้เขา......”
คุณชายโอวหยางได้ยนิ คําพูดแจกแจงของนาง คิวดําก็เลิกขึน ไม่กล่าววาจาใด นิวมือภายใต้แขนเสื อดีดเพียงเบา
ๆ พลังปราณกล้าแกร่ งสายหนึงก็พ่งุ ไปทีม้าเร็ วอย่างเงียบเชียบ

มู่หรงเสวียจูงม้าเร็ วออกจากรัว กําลังเตรี ยมทีจะพลิกตัวขึนหลังม้า อยู่ ๆ ม้าเร็ วก็ยกเท้าหน้าขึนร้องเสี ยงดังหลีก


หนี ม่หู รงเสวียแล้วพุ่งทะยานออกไปด้านหน้า เท้าของม้าทังสี ข้างทําให้ฝนุ่ ฟุ้ งกระจาย ควันโขมงไปทัว

เหตุการณ์ทงหมดเกิ
ั ดขึนเพียงพริ บตาเดียว รวดเร็ วจนนางตอบสนองไม่ทนั ช่วงเวลาทีนางกําลังตกอยูใ่ นภวังค์
ม้าเร็ วก็กลายเป็ นเพียงจุดสี ดาํ เล็ก ๆ ทีอยูไ่ กลออกไป

มู่หรงเสวียทีถูกฟาดจนมือขึนสี แดงน้อย ๆ ทังโมโหทังร้อนรน นี มันเรื องอะไรกัน ? ทําไมอยู่ ๆ ม้าเร็ วตัวนันก็


เกิดตกใจขึนมา ? ตอนขามามันก็ยงั ดีดีอยูเ่ ลยนี

มองไปทีใบหน้าเรี ยวเล็กของนาง คุณชายโอวหยางก็ยกยิมมุมปากบางเบา ในใจรู ้สึกดียงนั


ิ กเขาค่อย ๆ เดินไป
ด้านหน้า กล่าวขึนอย่างเรี ยบเฉยว่า “อู๋เหิ นเอารถม้าตามมาแล้ว พวกเรานังรถม้าเถอะ”

มู่หรงเสวียมองไปตามสายตาของเขา เห็นว่าบนถนนหลวงห่ างออกไปไม่ไกลมีรถม้าคันหนึงจอดอยู่ ด้านบนมี


สัญลักษณ์ของวังเซี ยวเหยาอ๋ องแขวนอยู่ องครักษ์เงาอู๋เหิ นยืนรออย่างนอบน้อมทีด้านข้างของรถม้า !

กลินหอมของไม้ไผ่ทีเลือนรางลอยกระทบจมูก เป็ นคุณชายโอวหยางทีเดินผ่านนางไป เขาเดินไปทีรถม้าอย่างช้า


มู่หรงเสวียไร้วาจา ถอนหายใจออกมาอย่างบางเบา อยู่ ๆ ม้าของนางก็วิงหนีไปอย่างไม่รู้สาเหตุ ม้าของท่านลุง


ฮุยก็ไม่รู้ว่าจะมีปัญหาหรื อไม่ นางก็คงต้องนังรถม้าของคุณชายโอวหยางอย่างไม่มีทางเลือก ดูท่าจะปลอดภัย
กว่า
ตอนที 85 เมาเหล้า
มู่หรงเสวียเดินไปทีด้านหน้าของรถม้าอย่างช้า ๆ นางเหยียบเก้าอีขึนรถม้า ตอนทีกําลังจะปล่อยม่านลงนัน นาง
เห็นรถลากคันหนึงกําลังแล่นออกจากค่ายทหาร ด้านบนของรถลากปูไว้ดว้ ยหญ้าฟางหนึ งชัน ด้านในมีม่หู รงจีที
ยังสลบไม่ฟืนกับมู่หรงเจียนทีมีสีหน้าดุดนั

มู่หรงจีได้รับบาดเจ็บจนสลบไป ไม่สามารถทีจะขีม้าได้ จึงจําเป็ นต้องนังรถม้ากลับไป แต่ทีค่ายทหารไม่มีรถม้า


ทีเอาไว้บรรทุกคน ในระแวกใกล้เคียงก็ไม่มีคนทีผ่านทางมา มู่หรงเจียนพ่อลูกจึงได้เพียงแต่นงบนรถลาก

บรรทุกเสบียงกลับเมืองหลวงเท่านัน

ดวงอาทิตย์บนท้องฟ้ าสว่างจ้า สาดส่ องจนผูค้ นตาพร่ า มู่หรงเจียนทีได้รับบาดเจ็บไม่น้อย ทังยังต้องนังตากแดด


ไปตลอดทางอีก ไม่รู้วา่ จะตากแดดจนเป็ นลมไปหรื อไม่ ?

มู่หรงเสวียยกยิมขึนน้อย ๆ ดวงตาดูมีความสุ ขทีเห็นพวกเขาลําบาก

กลินหอมของไม้ไผ่บางเบากระทบจมูก มู่หรงเสวียหลุดจากภวังค์ปิดม่านลงมองไปทิศทางทีกลินหอมทีโชยมา
นางเห็นคุณชายโอวหยางกําลังดืมเหล้าเทเหล้าอยูข่ า้ งโต๊ะตัวเล็ก ดวงหน้าแสนงดงามหล่อเหลาภายใต้แสงแดดที
สาดส่ องทะลุหน้าต่างของรถม้าเข้ามา ทําให้รอบกายของเขาปรากฏเป็ นรัศมีแสงทีเปล่งประกายอย่างบางเบา วิบ
วับไปมา เป็ นความงดงามทีแสนจะเหนื อคําบรรยาย

นิวมือหยกขาวค่อย ๆ บรรจงยกจอกเหล้าขึน เทเหล้าเลิศรสลงคอด้วยท่วงท่าทีสง่างาม กลินหอมตลบอบอวลไป


ทัว ชวนให้ผคู ้ นนําลายสอ
อยู่ ๆ มู่หรงเสวียก็รู้สึกคอแห้ง “คุณชาย ท่านมีนาชาไหม
ํ ?” ฟ้ ายังไม่ทนั สว่าง นางก็เร่ งออกเดินทางมาทีนีเสี ย
แล้ว จนถึงตอนนี ก็ยงั ไม่ได้ดืมนําเลยสักหยด จึงรู ้สึกคอแห้งเป็ นอย่างมาก

คุณชายโอวหยางตอบราบเรี ยบ “ตอนมานันค่อนข้างฉุ กละหุ ก บนรถม้ามิได้เตรี ยมนําเปล่า เลยไม่สามารถทีจะ


ต้มชาได้ เจ้าจะดืมเหล้าสักจอกไหม ?”

“เช่นนันก็ไม่ดีกว่า” มู่หรงเสวียมองไปทีเหล้าเลิศรส พลางส่ ายหน้าเบา ๆ ตอนนีนางแค่คอแห้ง เหล้าก็ไม่ได้ช่วย


ทําให้หายคอแห้ง ดืมไปมากเท่าไหร่ กไ็ ม่มีประโยชน์

นางก้มหน้าลง มองเห็นสิ งของสี ขาวทีคุน้ เคยสิ งหนึ ง นี มัน...ถุงนําของคุณชายโอวหยาง !

มู่หรงเสวียยกเอาถุงนําขึนมาเขย่า ด้านในยังคงมีนาอยู
ํ ค่ รึ งหนึ ง ไม่เพียงพอทีจะใช้ตม้ ชาได้ แต่ว่าถ้าแค่ใช้ดบั
กระหายก็ไม่น่าเป็ นปั ญหา

มู่หรงเสวียยิมพลางเปิ ดจุกถุงนํา ดืมนําเข้าไปหนึงอึก นํามีรสชาติหอมหวานสดชืน รสชาติไม่เลวเลย แต่วา่ ดับ


กระหายได้ไม่ค่อยได้เท่าไหร่ กลับยิงรู้สึกคอแห้งกว่าเดิมเสี ยอีก มู่หรงเสวียอดไม่ได้ทีจะดืมเข้าไปอีกหลายอึก
อีกหลายอึก แล้วก็ดืมอีกหลายอึก......
“เจ้าไม่ดืมเหล้าไม่ใช่หรื อ ? ทําไมถึงกอดเหล้าหลิงหลงจุย้ ไม่ปล่อยเสี ยที ?” นําเสี ยงทุม้ ของคุณชายโอวหยาง
ลอยเข้าหู มู่หรงเสวียพลันหยุดชะงัก แล้วก็สาํ ลักไม่หยุด “แค่กแค่ก...ด้านในนี ...คือเหล้าอย่างนันหรื อ ?”

“ใช่แล้ว !” คุณชายโอวหยางพยักหน้า แววตาส่ องประกายวิบวับ

เพียงพริ บตาดวงหน้างามของมู่หรงเสวียก็ดุดนั “ท่านเอาเหล้าไปใส่ ไว้ในถุงนําได้อย่างไรกัน ?” นางนึ กว่าด้าน


ในนี เป็ นนําเปล่า เลยดืมเข้าไปเสี ยหลายอึก

“ใครเป็ นคนกําหนดกันว่าถุงนําไม่สามารถใส่ เหล้าได้ ?” คุณชายโอวหยางเลิกคิวมองไปทีนาง แววตาเต็มไป


ด้วยความเยาะเย้ย “แล้วก็ เหล้ากับนํารสชาติก็ไม่เหมือนกัน คนฉลาดเพียงแค่ดมกลินหรื อดืมเข้าไปก็รู้แล้วว่า
เป็ นเหล้า”

มู่หรงเสวียเงียบงัน “......”

นางกลับดมกลินไม่ออกว่ามันคือเหล้า อีกทังดืมเข้าไปก็ไม่รู้สึกว่ามันเป็ นเหล้า คุณชายโอวหยางกําลังแอบด่า


นางว่าโง่อย่างนันหรื อ ?

อยู่ ๆ ในหัวก็รู้สึกวิงเวียนขึนมา ภาพตรงหน้าเริ มมืดมัวมองเห็นไม่ชดั เจน ร่ างกายรู ้สึกไร้การควบคุม และไม่ฟัง


เสี ยงสังการใด มู่หรงเสวียเซไปเซมาจนในทีสุ ดก็ลม้ ลงกับพืน
“ระวัง !” คุณชายโอวหยางยืนมือไปพยุงตัวนางไว้ดึงนางเข้ามาในอ้อมกอด เขย่าถุงนําเบา ๆ ด้านในนันว่างเปล่า
ดวงตาสี ดาํ เปล่งประกายวูบไหว ดืมไปมากขนาดนันถึงว่าทําไมได้เมาเร็ วเช่นนี

เขาก้มหน้าไปมองมู่หรงเสวีย เห็นดวงหน้าของนางแดงกํา คิวของนางขมวดเข้าหาเล็กน้อย มือขาวยกขึนนวด


ขมับหลายครังหลายครา ดวงตาของคุณชายโอวหยางเต็มเปี ยมไปด้วยความห่ วงใย “ทรมานมากไหม ?”

“ยังพอได้เจ้าค่ะ” กลินหอมบางเบาของไม้ไผ่กบั กลินเหล้าทีอบอวลยิงทําให่ ม่เู สวียเมาหนักยิงกว่าเดิม นางปรื อ


ตาเล็กน้อยกล่าวขึนอย่างสะลึมสะลือ “เพียงแค่ปวดหัวมาก”

ดืมเหล้าจนเมาขนาดนี ก็ตอ้ งปวดหัวแน่นอนสิ !

แววตาของคุณชายโอวหยางวูบไหว นิวมือของเขาลูบไปตามใบหน้าแดงกําของนาง แววตาเปล่งประกายรักใคร่


ทียากจะพบเจอ “เสวียเอ๋ อร์ ในแผ่นดินนี เจ้าเกลียดคนเช่นไรหรื อ ?” เขาล้วนบอกว่าคนเมามักจะพูดความจริ ง
เขาอยากฟังคําตอบจากมู่หรงเสวียตอนทีนางกําลังเมาเช่นนี

นําเสี ยงทุม้ นุ่ มลอยเข้าหู จิตใจของคนเมาทีได้ฟังพลอยสันไหว มู่หรงเสวียกะพริ บตา กล่าวขึนอย่างเกลียดชัง


ี น ฉิ นยวีเยียน แซ่ ตู้ มู่หรงเจียน มู่หรงโหรว......”
“คนทีข้าเกลียดน่ ะหรื อ มีมากมายนัก เย่อเฉิ

เมือได้ฟังชือของแต่ละคนทีนางพูดออกมานัน มุมปากของคุณชายโอวหยางก็ยกยิมขึนมาทันที ใครทีเป็ นศัตรู


ของนาง นางล้วนเกลียดทังหมด
“เช่นนันคนทีเจ้าชอบทีสุ ดล่ะ ? เป็ นใคร ?” เสี ยงทุม้ ตําแสนเคร่ งขรึ มของคุณชายโอวหยางทีแฝงไปด้วยเสน่ ห์หา
กระทบเข้าหู ทําให้ผคู ้ นทีได้ยนิ แทบอยากจะบอกกล่าวเรื องราวทีเก็บลึกไว้ในใจออกมาเสี ยให้หมด

มู่หรงเสวียครุ่ นคิดแล้วครุ่ นคิดอีก แล้วก็ครุ่ นคิดอยูอ่ ย่างนัน จึงส่ ายหน้าออกมา “ข้าคล้ายว่าไม่มีคนทีชอบทีสุ ด


......”

ไม่มีคนทีชอบทีสุ ด ! เช่นนันก็หมายความว่านางมิได้ชอบเขา !

ในใจของคุณชายโอวหยางคุกรุ่ นบางเบา เขากอดมู่หรงเสวียแน่นขึน แววตาลําลึกจ้องมองไปทีดวงตาของนาง


“เจ้ารู ้จกั ข้าไหม ?”

“รู ้จกั แน่ นอน ท่านเป็ นบุตรชายผูส้ ื บทอดของเซี ยวเหยาอ๋ องอย่างไร” มือนุ่ มนิ มของมู่หรงเสวียเลือนผ่านหน้าอก
ของเขา ลูบไล้เข้าทีคอของเขาแล้วเคลือนไปคว้าหู ของเขาไว้ พูดขึนอย่างมีลบั ลมคมใน

“คุณชายโอวหยาง ท่านรู ้ไหม คิวของท่าน ดวงตาของท่าน รวมไปถึงทังใบหน้าของท่าน ล้วนหล่อเหลาทีสุ ดกว่า


ชายหนุ่ มผูใ้ ดทีข้าเคยพบเจอมา งดงามทีสุ ด......”
คําชืนชมทีจริ งใจลอยเข้าหู กลินหอมอ่อน ๆ ของบัวอัคคีกระทบเข้ากับจมูก ลมหายใจอุ่นร้อนพ่นรดบริ เวณทีใบ
หูของเขา ดวงใจของคุณชายโอวหยางเหมือนถูกสะกดเอาไว้ช่วงหนึง เขาไม่เข้าใจมู่หรงเสวียเลย “ถ้าข้าดีถึง
เพียงนี แล้วทําไมเจ้าถึงไม่ชอบข้าเล่า ?”

“ข้าชอบท่านมากเลย ท่านช่วยเหลือข้ามากมาย ข้าจะไม่ชอบท่านได้อย่างไร......” มู่หรงเสวียพูดขึนอย่างเรี ยบ ๆ


แววตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ

ในใจของคุณชายโอวหยางหมดวาจาจะกล่าว เขามองไปทีนาง แล้วกล่าวเน้นทีละคํา “คําว่า ’ชอบ’ทีข้าพูด ไม่ใช่


การคบหาระหว่างเพือน แต่เป็ นการ ‘ชอบพอ’ ระหว่างชายหญิง เจ้าเข้าใจหรื อไม่ ?”

มู่หรงเสวียทีได้ยนิ เช่นนัน แววตาก็วบู ไหวไปด้วยความรู ้สึกทีหลากหลาย ไม่รู้ สับสน สงสัย และไม่เข้าใจ !

เขารู ้อยูแ่ ล้วว่านางต้องฟั งไม่เข้าใจ ! ท่าทางโง่งมเช่นนี เขาก็ไม่ได้หวังว่านางจะเข้าใจคําพูดของเขาหรอก

แขนแกร่ งของคุณชายโอวหยางค่อย ๆ กระชับกอดเอวบางของนางแน่ นขึน เอวบางเรี ยวเล็ก นุ่ มนิ มอย่างไม่น่า


เชือ กลินกายของหญิงสาวลอยกระทบเข้ากับจมูก แววตาของเขาเคร่ งขรึ มขึนหลายส่ วน ริ มผีปากบางประทับไป
ทีกลีบปากสี ชมพูของนาง

ความรู ้สึกถึงการถูกสัมผัสบางเบาแล่นขึนมาจากริ มฝี ปาก มู่หรงเสวียรู ้สึกเหมือนบางสิ งบางอย่างกําลังระเบิดใน


หัว อยู่ ๆ นางก็เบิกตากว้างขึนมา จ้องมองไปยังใบหน้าหล่อเหลาหาใดเปรี ยบของชายหนุ่ ม ดวงตาพร่ ามัว
เหมือนดังควันหมอก ราวกับจะดึงดูดใจของคน

ดวงตาของคุณชายโอวหยางมืดครึ มดังนําหมึก แขนแกร่ งทังสองข้างกอดมู่หรงเสวียแน่น

ชัวขณะนัน คล้ายเกิดพายุฝนโปรยปรายลงมา ทําเอาสติของมู่หรงเสวียแตกพล่านกระเจิดกระเจิง ในหัว


กลายเป็ นสี ขาวโพลน หายใจไม่ทนั เหนื อยหอบ หัวใจเต้นแรงจนเกือบจะหยุดเต้น
ตอนที 86 ข้ าวสารทีปรุ งสุ ก

กลินหอมไม้ไผ่ของคุณชายโอวหยางแทรกติดไปตามร่ างกายของมู่หรงเสวียทุกซอกทุกอณู ความร้อนแรงและ


บ้าคลังทําให้นางแทบจะเกินรับไหว ร่ างบางสันไหวขึนมาเบา ๆ ผลักคุณชายโอวหยางออกอย่างร้อนรน

คุณชายโอวหยางจับข้อมือของนางไว้อย่างง่ายดาย มือหยกทีเต็มไปด้วยพละกําลังเพียงแค่จบั นางไว้อย่างบางเบา


แต่ม่หู รงเสวียกลับไม่สามารถทีจะขยับเขยือนข้อมือได้อีก นางจึงได้แต่ถีบเท้าออกไปทีเขาอย่างสะเปะสะปะ

คุณชายโอวหยางหลบหลีกการโจมตีของนาง พลิกกายกดตัวนางลงกับพืนพรม จ้องมองไปทีแววตาสะลึมสะลือ


และดวงหน้าทีขึนสี แดงกําเพราะหายใจไม่ทนั ของนาง แววตาปรากฏรอยยิม แขนทังสองข้างรวบแน่ นขึน กอด
นางเอาไว้ในอ้อมอกแนบแน่ น ประกบริ มฝี ปากกับกลีบปากของนางพลางรุ กลําเข้าออก สัมผัสนุ่ มนวลดังสายนํา
รสชาติหอมหวานละมุน ชวนให้ผคู ้ นหลงใหล

มู่หรงเสวียทีถูกกดเอาไว้เสี ยทังร่ างก็ไม่สามารถจะขยับเขยือนได้อีก กลินหอมไม้ไผ่บางเบาตลบอบอวลไปทัว


ทังตัวของนาง การจูบทีบ้าคลังดังพายุฝนทําให้อากาศหายใจของนางยิงนานเข้ายิงน้อยลง ร่ างกายทีอ่อนนุ่ มค่อย
ๆ อ่อนระทวย ในหัวสะลึมสะลือและเริ มขาดอากาศหายใจ อยู่ ๆ ลมหายใจทีแผ่วบางก็กลายเป็ นหอบถีขึนจน
ดวงหน้าเจือปนไปด้วยสี แดงของกุหลาบ

แววตาของคุณชายโอวหยางมืดครึ มดังนําหมึก ริ มฝี ปากบางเลือนไปทีลําคอเรี ยวระหงของนาง เกิดเป็ นรอยแดง


คล้ายดอกเหมยดอกแล้วดอกเล่า......
‘ตึง ตึง’ นําตาอุ่นไหลหล่นกระทบกับใบหน้าของคุณชายโอวหยาง เขาชะงักไปครู่ หนึ ง ถอยห่ างออกจากมู่หรง
เสวียเล็กน้อยอย่างเสี ยดาย เมือเห็นนําตาทีไหลออกจากดวงตาคู่สวยของนาง แววตาก็พลันวูบไหวด้วยความตก
ตะลึงสายหนึ ง “เจ้าเป็ นอะไรหรื อ ?”

แววตาของมู่หรงเสวียเย็นเยือก นางผลักเขาออกไปในห่ างจากกายพลางชันตัวลุกขึน ตีเข้าไปทีเขาอย่างเต็มแรง


“ท่านพ่อท่านแม่ของข้าล้วนตายไปแล้วทังคู่ เย่อีเฉิ นก็รังแกข้า แม่ลูกแซ่ ตูก้ ร็ ังแกข้า ตอนนีท่านก็รังแกข้า......ฮือ
ฮือ ฮือ......”

ความเจ็บปวดจากบริ เวณแขนและหน้าอกค่อย ๆ แล่นขึนมา คุณชายโอวหยางไม่ได้ดึงมือกลับแต่อย่างใด และก็


ไม่ได้ผละกอดจากเอวบางของนาง แต่กลับกล่าวอธิบายขึนอย่างบางเบา “ขอโทษ ข้าไม่ได้ตงใจ”

เขาเพียงแค่อยากให้นางรู ้ว่าเขาชอบพอในตัวนาง แต่ดูท่าทางของนางในตอนนี แล้วนัน ไหนเลยจะเข้าใจ


ความหมายของเขา นางช่างโง่งมจนเกินจะเยียวยา......

“ข้าจะกลับบ้าน...ข้าจะกลับบ้าน......” มู่หรงเสวียร้องไห้โวยวาย มือเล็บกวัดแกว่งตีไปทัว เสื อผ้าทีไม่เรี ยบร้อยก็


หลุดออกไปเกินครึ ง เผยให้เห็นเอียมชันในสี แดงรวมถึงผิวพรรณทีสวยเรี ยบเนี ยน

แววตาของคุณชายโอวหยางวูบไหวอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ เขาจัดเสื อผ้าให้นางอย่างระมัดระวัง


“ได้ ได้สิ ข้าจะส่ งเจ้ากลับบ้าน อย่าร้องเลยนะ” เขาเอ่ยเสี ยงปลอบขึนอย่างอ่อนโยน พลางดึงตัวนางเข้าไปใน
อ้อมกอด หยิบเอาผ้าเช็ดหน้าผืนหนึงซับนําตาบนใบหน้าสวยของนางอย่างอ่อนโยน แววตาเปล่งประกายอย่าง
อ่อนใจ นางยังคงร้องไห้เก่งเหมือนเมือในตอนเด็ก ตอนนี ก็เติบโตแล้ว แต่ไยนิสัยกลับไม่ได้เปลียนไปเลย

รถม้าค่อย ๆ หยุดลงอย่างช้า ๆ นําเสี ยงรายงานนอบน้อมของอู๋เหิ นดังขึนมาจากด้านนอกรถม้า “คุณชายถึงแล้ว


ขอรับ !”

คุณชายโอวหยางตอบรับเสี ยงราบเรี ยบ เขาโอบไหล่ของมู่หรงเสวียลงจากรถม้า ค่อย ๆ เดินไปทีประตูใหญ่ของ


จวนทีอยูใ่ กล้ ๆ

มู่หรงเสวียเดินโซเซไปด้านหน้าพร้อมกับคุณชายโอวหยาง สายตาทีสะลึมสะลือของนางมองเห็นป้ ายของประตู


ทีอยูด่ า้ นหน้า อยู่ ๆ นางก็หยุดฝี เท้าลง “นีไม่ใช่บา้ นข้านี พวกเรามาผิดทีแล้ว !”

คุณชายโอวหยางปรายตามองป้ ายของจวน พลางโอบมู่หรงเสวียก้าวเดินต่อไป “ก็สีตัวอักษรเหมือนกัน ไม่ต่าง


กับบ้านเจ้ามากเท่าไร”

อู๋เหิ นยกยิมมุมปาก จวนเจินกัวโหวกับวังเซี ยวเหยาอ๋ องมีสีตัวอักษรเหมือนกันจริ ง ๆ แต่ว่าความหมายล้วนไม่


เหมือนกันเลยสักนิ ด เพราะฉะนันก็แปลได้ว่าทังสองจวนเป็ นคนละจวนกัน !

“ทีนี ไม่ใช่บา้ นของข้าจริ ง ๆ” มู่หรงเสวียขมวดคิว จับเอาขอบประตูไว้แน่นไม่ยอมปล่อยมือ บ้านของนางคือ


จวนโหว แต่บนป้ ายกลับเขียนว่าวังอ๋ อง
“อีกไม่นานก็เป็ นบ้านของเจ้าแล้ว” คุณชายโอวหยางหลอกล่อนางพร้อมกับแกะมือของนางออก

พ่อแม่สินไปตังแต่ยงั เล็ก พีชายคนเดียวก็เข้าค่ายทหาร จวนเจินกัวโหวยังมีอะไรให้น่ากลับไปอีกงันหรื อ บวก


กับสภาพของนางในตอนนี นัน ถ้ากลับไปคงถูกคนคิดร้ายจนมิอาจตอบโต้ได้แน่ ไม่สู้อยูพ่ กั ผ่อนทีนีเสี ยให้หายดี
ก่อน

ศีรษะของมู่หรงเสวียโอนเอนไปมา ร่ างกายไร้เรี ยวแรง ทําได้เพียงยอมให้คุณชายโอวหยางแกะนิวมือออก โอบ


นางเข้าวังอ๋ องไป แววตางดงามหยาดเยิม มองไปทีสิ งของต่าง ๆ อย่างสะลึมสะลือ ก้าวเท้าเอียงโซเซไปมา ร้อง
ขึนอย่างไม่พอใจ “นีไม่ใช่บา้ นข้า ข้าไม่อยากเข้าไป......”

ชายในชุดนําตาลเดินเข้ามา เมือได้ยนิ คําพูดของมู่หรงเสวีย แววตาก็เปล่งประกายวูบไหว มองไปทางคุณชาย


โอวหยางอย่างขําขัน “คุณชายโอวหยาง นีท่านกําลังทําอะไร ? ฉุ ดหญิงสาวชาวบ้านหรื อ ?”

มู่หรงเสวียสัปหงก ความง่วงยิงมากขึนทุกที ไม่มีจิตใจจะไปต่อฝี ปากกับคุณชายโอวหยางอีก นางพิงอยูก่ บั อก


ของเขาพลางหลับตาลง สติสัมปชัญญะล้วนมลายหายไปจนหมดสิ น

เสี ยงลมหายใจดังขึนอย่างสมําเสมอ คุณชายโอวหยางหยุดฝี เท้าลง อุม้ ร่ างของมู่หรงเสวียขึนมา มองไปทางชาย


หนุ่ มผูน้ นอย่
ั างไม่พอใจ “อย่างข้ายังต้องฉุ ดคร่ าหญิงสาวด้วยหรื อ ?”
ชายในชุดสี นาตาลไอค่
ํ อกแค่กขึนมาสองสามครัง คุณชายโอวหยางสู งส่ งสง่างาม รู ปลักษณ์เลิศลําหาใดเปรี ยบ มี
หญิงสาวมากมายนับไม่ถว้ นล้วนอยากเข้าหาเขา แน่นอนว่าเขาไม่จาํ เป็ นต้องฉุ ดคร่ าใคร แต่ว่า หญิงสาวในอ้อม
อกของเขาผูน้ นั ก็คล้ายกับไม่ได้ชอบพอเขาสักเท่าไหร่ นกั

“นีเป็ นคุณหนูบา้ นใดกัน ?” ชายหนุ่ มชุดนําตาลกวาดตามองมู่หรงเสวียด้วยความสนใจ แต่กลับเห็นเพียงใบหน้า


ของนางมุดอยูใ่ นอ้อมอกของคุณชายโอวหยาง มองไม่เห็นใบหน้าของนางเลยแม้แต่นอ้ ย

“คุณหนูจากตระกูลมู่หรง” คุณชายโอวหยางตอบแบบขอไปที อุม้ มู่หรงเสวียเดินก้าวยาว ๆ ออกไปด้านหน้าราว


กับสายลม

“ตระกูลมู่หรง ? ตระกูลมู่หรงไหนหรื อ ?” คนชุดนําตาลคิดไม่ออกไปครู่ หนึง

“เมืองหลวงมีกีตระกูลมู่หรงกัน ?” คุณชายโอวหยางตอบโดยทีไม่หนั กลับไปมอง นําเสี ยงทุม้ แฝงไปด้วยการดู


หมิน

ชายชุดนําตาลชะงักไป “นางคือ......มู่หรงเสวียแห่ งจวนเจินกัวโหว”

คุณชายโอวหยางตอบรับเพียงเบา ๆ ก้าวเดินต่อไปดังสายลม
ด้านหน้าของชายชุดนําตาลปรากฏภาพใบหน้าหยิงทะนงของมู่หรงเสวียตอนอยูท่ ีสนามประลองสัตว์ มองไป
ทางคุณชายโอวหยางด้วยความสนใจ “เจ้าจริ งจังต่อนาง......อย่างนันหรื อ ?”

คุณชายโอวหยางปรายตามองชายผูน้ นคราหนึ
ั ง “ข้าคล้ายกับพวกบ่าวไพร่ หน้าซื อใจคดอย่างนันหรื อ ?”

ชายชุดนําตาลหัวเราะฝื น ๆ อย่างไม่เป็ นธรรมชาติ “นางเป็ นว่าทีภรรยาของเย่อีเฉิ น อีกทังยังแข็งข้อกับเย่อีเฉิ น


ขนาดนัน ชายคนใดทีเข้าใกล้นาง คงทําให้ผคู ้ นคิดถึงคําว่า ‘จิตใจไม่ซือ’ สี คํานีอย่างง่ายดาย......”

“ปั ง !” ประตูห้องนอนทีเปิ ดอ้าอยู่ ถูกปิ ดลงทันที ทิงชายชุดนําตาลเอาไว้ทีด้านนอกของประตู !

ชายชุดนําตาลทีไม่ทนั ระวังทําให้จมูกของเขาชนเข้ากับประตูของห้องอย่างแรง เลือดสองสายไหลออกมาจากรู


จมูก เขารี บหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าขึนมาเช็ด ถลึงตามองไปทีประตูห้องนอนทีปิ ดสนิ ท เขาเพียงแต่พูดความจริ ง
เท่านัน คุณชายโอวหยางจะมาโมโหเขาทําไมกัน ?

“คุณชายโอวหยาง ข้ามีเรื องสําคัญจะบอกกล่าวกับเจ้า เจ้ารี บออกมาเดียวนี !” ชายหนุ่มเร่ งเคาะประตูหองอย่าง


แรงด้วยความไม่พอใจ เมือครู่ เขาเพียงแค่หยอกล้อคุณชายโอวหยางเพลินไปหน่ อยเท่านัน ก็เลยทําให้ลืมเรื อง
สําคัญไปเสี ยได้

“มีเรื องอะไรค่อยคุยพรุ่ งนี ข้าจะพักผ่อนแล้ว” นําเสี ยงเย็นชาของคุณชายโอวหยางดังขึนจากทางด้านในของห้อง

ชายหนุ่ มชุดนําตาลไม่สนใจ “คนทีดืมเหล้าจนเมาเป็ นมู่หรงเสวีย ไม่ใช่เจ้าเสี ยหน่ อย เจ้าจะพักผ่อนอะไรกัน


......”

เมือพูดถึงตรงนี ก็มีบางอย่างฉายชัดขึนมาในหัวของชายหนุ่ม เขาจึงกล่าวขึนมาอย่างเข้าอกเข้าใจว่า “คุณชาย


โอวหยาง เจ้าไม่ได้กาํ ลังคิดทีจะ......หุ งข้าวสารให้สุกหรอกนะ”
ตอนที 87 รําไห้
“ไสหัวไป !” แก้วกระเบืองสี ขาวใบหนึงลอยออกมาจากห้อง พุ่งตรงไปทีชายชุดนําตาล

ชายชุดนําตาลทีเตรี ยมพร้อมรับมือไว้ตงแต่
ั แรกยืนมือออกไปรับแก้วกระเบืองนันเอาไว้ได้ทนั แต่คาดไม่ถึงว่า
บนแก้วกระเบืองจะแฝงไว้ดว้ ยพลังปราณกล้าแกร่ งสายหนึงซึ งกระแทกเข้ากับตัวเขา เสี ยงดัง ‘ครื ด ครื ด ครื ด’
จนต้องถอยออกไปสามก้าวสี ก้าว แขนของเขาชาไปพักหนึ งจนใกล้จะไร้ความรู ้สึก

ชายหนุ่ มเบ้มุมปาก ในใจของคุณชายโอวหยางคงรู ้สึกอับอายจนระเบิดออกมาเป็ นความโกรธ แหะแหะ คุณชาย


โอวหยางทีใคร ๆ ต่างรู้จกั ก็มีช่วงเวลาทีอับอายจนโกรธเช่นนีด้วยหรื อ ช่างหาชมได้ยากยิงนัก !

“คุณชายโอวหยาง ถ้าเจ้าจะกอดนางไว้แนบอกเสี ยขนาดนัน ข้าก็ไม่รบกวนเจ้าแล้ว พรุ่ งนีข้าค่อยมาหาเจ้าใหม่ !”


ชายหนุ่ มยิมตาหยีพดู กล่าวขึน กลับหลังหันพร้อมดวงตาทีฉายแววขบขันเดินออกไปด้านนอก มีเพือนทีเห็น
ความรักดีกว่าเพือนเช่นเขา เขาก็ตอ้ งเตรี ยมตัวทีจะถูกทิงตลอดเวลา......เฮ้อ ตนช่างน่าสงสารนัก......ออกไปผ่อน
คลายจิตใจคนเดียวก็ได้......

เสี ยงฝี เท้าค่อย ๆ ยําไกลออกไป สี หน้าของคุณชายโอวหยางทีอยูใ่ นห้องค่อย ๆ เปลียนเป็ นอ่อนโยนขึน เขาก้ม


หน้ามองมู่หรงเสวีย ก็เห็นนางกําลังหลับสนิทอยูบ่ นเตียง ดวงหน้างามแดงกํา เปลือกตาปิ ดสนิท ขนตายาวพริ ม
เหมือนดังผีเสื อทาบทับจนกลายเป็ นเงาทอดออกไปบนใบหน้า ดวงหน้าทีดูท่าจะหลับสบายนัน ทําให้ผคู้ นอด
ไม่ได้ทีจะล่วงเกิน
สี หน้าของคุณชายโอวหยางเคร่ งขรึ มขึนมาทันที นิ วมือหยกยืนไปทีเอวบางของนาง ค่อย ๆ ปลดสายรัดเอวของ
นางออก แล้วปลดชุดตัวนอกจนเผยให้เห็นเอียมสี แดงเข้ากันได้ดีกบั ผิวขาวเรี ยบเนียน ทําให้ผคู้ นต่างหลงใหล
รอยแดงเป็ นจํา ๆ คล้ายดอกเหมยทีคุณชายโอวหยางได้กระทําไว้ก่อนหน้า ปรากฏอยูต่ ามคอเรี ยวระหงของนาง
ดูแล้วช่างงดงามไปอีกแบบ !

คุณชายโอวหยางยกยิมบางเบาเล็กน้อย ลากผ้าห่ มด้านในห่ มลงบนตัวมู่หรงเสวียอย่างเบามือ เขาเอนร่ างติดไปที


ด้านข้างของมู่หรงเสวียยืนมือไปโอบและดึงเอาตัวนางเข้ามาแนบอก

ร่ างบางนุ่ มนิ มเมือตกอยูใ่ นอ้อมอกของเขาแล้วช่างรู ้สึกสบายยิงนัก คุณชายโอวหยางอดไม่ได้ทีจะกระชับกอด


นางให้แน่ นขึน แทรกดวงหน้าไปทีซอกคอหอมกรุ่ น ค่อย ๆ สู ดดมกลินหอมของบัวอัคคีทีมีเฉพาะตัวของนาง
แล้วปิ ดตาลงอย่างสุ ขใจ

จริ ง ๆ แล้วเขาคิดทีจะหุ งข้าวสารให้สุก ทําให้นางตกเป็ นของเขา แต่ว่านางอายุยงั น้อยนัก และตอนนี นางยัง


ไม่ได้ชอบพอในตัวเขา เขาจึงไม่อยากทําร้ายนาง

ห้องนอนทีโอ่อ่าพลันเงียบสงบ แสงแดดบางเบาส่ องทะลุผา่ นหน้าต่างของห้องนอนสาดส่ องไปทีเตียงหรู หรา


เป็ นความอบอุ่นทีแฝงไปด้วยความคลุมเครื อจนมิอาจกล่าวออกมาเป็ นคําพูดได้ !

เมือเปรี ยบกับความเงียบสงบของวังเซี ยวเหยาอ๋ องแล้ว เรื อนหยกแห่ งจวนเจินกัวโหวดูจะวุ่นวายผิดปกติ


ซ่งชิงเหยียนยืนอยูด่ า้ นหน้าเตียงของหญิงเฒ่าแซ่ ตู ้ นางกําลังร้องไห้อย่างฟูมฟาย “ท่านยาย ท่านจะต้องช่วยข้านะ
เจ้าคะ !”

ร่ างกายของหญิงเฒ่าแซ่ ตูบ้ าดเจ็บสาหัส แม้แต่จะลงจากเตียงก็ยงั ไม่สามารถทําได้ จิตใจของนางรู ้สึกหดหู่ยงนั


ิ ก
ได้ยนิ เสี ยงนางขอร้องให้ช่วยเหลืออย่างฟูมฟาย ในใจก็เต็มไปด้วยความรําคาญ “เกิดเรื องอะไรขึน ?”

“พอท่านแม่ถูกตัดสิ นให้เข้าคุกด้วยความผิดวางแผนหลอกเอาเงินของหลานชาย ท่านอา ท่านอาสะใภ้ น้องชาย


น้องสาวพวกเขาก็ลว้ นดูหมินข้า พอพบเจอข้าก็หวั เราะเยาะเย้ยข้าต่อหน้าต่อตาอย่างไม่มีปิดบัง อีกทังยังมีพวก
สาวใช้ทีล้วนนิ นทาข้า หัวเราะเยาะข้าลับหลังอีก ข้าเป็ นถึงบุตรสาวสายตรงของอู่อนั โหว แต่อยูท่ ีจวนอู่อนั โหว
กลับถูกผูค้ นดูถูกรังแก ไม่มีทียืนแม้แต่นอ้ ย......”

ซ่งชิงเหยียนร้องไห้ไปกล่าวโทษไป หญิงเฒ่าแซ่ ตูท้ ีได้ฟังก็ขมวดคิวเข้าหากัน “เจ้ากําลังโทษว่าแม่ของเจ้าทําผิด


กฎหมายของชิงเหยียนแล้วทําให้เจ้าลําบากไปด้วย ?”

“ไม่ใช่ ไม่ใช่นะเจ้าคะ...” ซ่งชิงเหยียนส่ ายหน้าอย่างร้อนรน รี บกล่าวขึนว่า “ข้าเพียงแต่อยากให้ท่านยายไปที


จวนอู่อนั โหวสักครัง ไปช่วยสนับสนุนข้า ทําให้พวกเขาไม่กล้ารังแกข้าอีก......”

สี หน้าของหญิงเฒ่าแซ่ ตูค้ ่อย ๆ อ่อนลง แล้วกล่าวขึนเสี ยงตํา “ข้าเป็ นฮูหยินเฒ่าแห่ งจวนเจินกัวโหวแต่ไปใช้


อํานาจทีจวนอู่อนั โหว ดูไม่ค่อยจะเหมาะสมเท่าไรนัก เจ้าไปหาท่านพ่อของเจ้า ท่านย่าของเจ้า ขอเพียงแค่พวก
เขาพูดปกป้ องเจ้า ก็จะไม่มีคนของจวนอู่อนั โหวคนใดกล้ารังแกเจ้าอีก......”
“ฮือ ฮือ......ท่านพ่อล้วนยุง่ อยูก่ บั การงาน ไม่ได้กลับจวนมาหลายวันแล้ว.....ท่านย่าพอเจอข้าก็ดวงตาเคร่ งขรึ ม
จมูกตังตรง ชีนิวด่าทอข้า...นางไม่มีทางปกป้ องข้า...ข้าไม่มีวิธีแล้วจริ ง ๆ เจ้าค่ะ ถึงได้มาหาท่านยาย...” ซ่ งชิงเห
ยียนหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าขึนมาค่อย ๆ เช็ดนําตา แต่ก็ยงั คงร้องไห้ต่ออย่างเศร้าสร้อย

เพียงพริ บตาเดียวดวงหน้าของหญิงเฒ่าแซ่ ตูก้ ด็ ุดนั ขึนทันใด “ทีโหรวเอ๋ อร์ วางแผนหลอกเอาเงินมู่หรงเย่ไม่ใช่


เพือจวนอู่อนั โหวหรื ออย่างไร เมือเรื องราวถูกเปิ ดโปง โหรวเอ๋ อร์ ถกู นําตัวเข้าคุก พวกเขาจะไม่ช่วยเหลือดูแลเจ้า
ก็ยงั พอทําเนา แต่ถึงกับหัวเราะเยาะดูหมินเจ้า มันจะมากเกินไปแล้ว !”

“เป็ นเช่นนันจริ งเจ้าค่ะ สิ งของทีท่านแม่ได้มาจากแซ่ เฉิ น คนในจวนอู่อนั โหวล้วนได้รับประโยชน์กนั ถ้วนหน้า


แต่เมือเรื องราวถูกเปิ ดเผย พวกเขาไม่เพียงแต่ไม่ช่วยท่านแม่โต้แย้งเท่านัน แต่ละคนยังต่อว่าซําเติม มันชักจะมาก
เกินไปแล้ว ช่างเป็ นกลุ่มหมาป่ าตาขาวทีเลียงเสี ยข้าวสุ ก !” ซ่ งชิงเหยียนรําไห้ จนนําตาทีไม่ได้รับความเป็ นธรรม
ไหลริ นออกมา หยดลงไปตามดวงหน้า

ดวงหน้าของหญิงเฒ่าแซ่ ตูด้ ุดนั “ช่วงนี เจ้าก็อยูท่ ีจวนเจินกัวโหวไปก่อน รอลุงของเจ้ากลับมาเมือไหร่ ให้เขาไป


ทีจวนอู่อนั โหวกับเจ้า เรี ยกคืนความยุติธรรมให้แก่เจ้า......”

“ขอบคุณท่านยายเจ้าค่ะ !” ซ่งชิงเหยียนพยักหน้า นางค่อย ๆ แอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ทีจวนอู่อนั


โหว นางกลายเป็ นหัวข้อวิพากษ์วิจารณ์อย่างสนุ กปากของผูค้ น ถ้าให้กลับไปเพียงคนเดียวนางคงมิกล้า การ
ตัดสิ นใจของท่านยายช่างตรงกับความคิดของนางยิงนัก......

“ฮูหยินเฒ่า แย่แล้ว แย่แล้ว นายท่านสอง คุณชายสองได้รับบาดเจ็บเจ้าค่ะ......” สาวใช้นางหนึ งวิงเข้ามาอย่างเร่ ง


รี บจนรู ้สึกเหนื อยหอบ หายใจไม่ทวท้
ั อง
แววตาของหญิงเฒ่าแซ่ ตแู ้ ข็งค้าง นางเร่ งกล่าว “เกิดอะไรขึน ?” อยูด่ ี ๆ ทําไมถึงได้รับบาดเจ็บพร้อมกันสองคน
ได้ ?

“ได้ยนิ นายท่านสองกล่าวว่าถูกมู่หรงเสวียซ้อนแผนเจ้าค่ะ !” ในเรื อนหยกล้วนเป็ นคนของหญิงเฒ่าแซ่ตู ้ สาวใช้


จึงบอกกล่าวออกไปตรง ๆ โดยไม่มีปิดบัง

แววตาของหญิงเฒ่าแซ่ ตเู ้ ปล่งประกายอย่างเย็นยะเยือก นางล้วนรู ้อยูแ่ ล้วว่ามู่หรงเสวียเป็ นตัวหายนะของพวก


นางสามแม่ลูก เพียงแค่มีม่หู รงเสวียทีไหน ทีนันพวกนางล้วนต้องอับโชค “บาดเจ็บสาหัสรึ ไม่ ?”

สาวใช้นางนันกล่าวเน้นทีละคํา “ทัวร่ างของนายท่านสองได้รับบาดเจ็บ แขนและขาล้วนไม่ค่อยมีความรู ้สึก


เท่าใดนัก คุณชายสองสลบไม่ได้สติ แขนถูกลูกศรปั กทะลุ......”

หญิงเฒ่าแซ่ ตูต้ ืนตระหนกทันที “บาดเจ็บหนักขนาดนี เชียวรึ ! เชิญท่านหมอ รี บไปเชิญท่านหมอมาเร็ วเข้า !......”

“ฮูหยินสองได้สงให้
ั ไปเชิญแล้วเจ้าค่ะ......” สาวใช้กล่าวด้วยนําเสี ยงนอบน้อม

หญิงเฒ่าแซ่ ตูเ้ กรี ยวกราดขึนมา “พวกเขาทังสองล้วนได้รับบาดเจ็บ หมอเพียงคนเดียวจะไปพอทีไหนกัน ! รี บ


ไปเชิญมาอีกท่าน......”
“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ !” สาวใช้เร่ งรับปากถอยออกไปด้วยความเร่ งรี บ

“พวกเจ้าช่วยกันพยุงข้าเร็ ว ข้าจะไปดูเจียนเอ๋ อร์ กบั จีเอ๋ อร์ !” หญิงเฒ่าแซ่ ตูส้ ังการเสี ยงเย็น แววตาของนางเต็มไป
ด้วยความดุดนั ลูกชายและหลานชายของนางต่างได้รับบาดเจ็บ นางจําต้องไปดูดว้ ยตัวเอง

“เจ้าค่ะ !” เหล่าสาวใช้พากันเจ้ามามารุ มล้อม บ้างช่วยใส่ เสื อผ้า บ้างช่วยกันหวีผม ทังเรื อนหยกต่างพากันวุ่นวาย


ขึนมา !

ซ่งชิงเหยียนยืนอยูท่ ีมุมด้านใน มองไปทีแววตาทีเต็มไปด้วยความเกรี ยวกราดของแซ่ ตู้ นางเลิกคิวขึนเบา ๆ แล้ว


ค่อย ๆ เดินออกจากเรื อนหยกไป นางถูกท่านอากับท่านอาสะใภ้ดูหมินเยาะเย้ย ถูกท่านย่ารังเกียจ ล้วนเป็ นมู่หรง
เสวียทีเป็ นคนทํา นางมาทีจวนเจินกัวโหวก็เพือต้องการให้ท่านลุงคิดแผนการสังสอนมู่หรงเสวีย แก้แค้นให้นาง
กับท่านแม่

แต่คาดไม่ถึงว่า นางไม่แม้แต่ได้พบกับท่านลุงเจียน แต่ท่านลุงเจียนกับท่านพีจีกลับถูกมู่หรงเสวียวางแผนจัดการ


จนได้รับบาดเจ็บสาหัส สลบไม่ฟืน !

ดูท่าแล้ว มู่หรงเสวียคงไม่ธรรมดา อยากจะกําจัดนางนันไม่ง่ายเลย......

“ถ้าเจ้าอยากกําจัดมู่หรงเสวีย ข้าช่วยเจ้าได้ !” นําเสี ยงอ่อนหวานสายหนึ งลอยเข้าหู ซ่ งชิงเยียนตืนตระหนกขึนมา


ทันที “ใครน่ ะ ?”
ตอนที 88 วางแผนร้ าย

“ข้าเอง !” เสี ยงหยิงทะนงลอยมา พลันปรากฏเงาร่ างสี ม่วงอ่อนร่ างหนึงอยูห่ ่ างออกไปสามเมตร ร่ างกายทีผอม


บางได้รูปดังต้นหลิว กอรปกับใบหน้างดงามควรเมือง เป็ นองค์หญิงม่อเป่ ยฉิ นยวีเยียน

ซ่งชิงเหยียนเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง เป็ นคนรักของท่านอ๋ องเทพสงครามเย่อีเฉิ นไม่ผดิ แน่ ก่อนหน้านี ตัว


นางเองกับองค์หญิงล้วนไม่เคยข้องแวะหรื อเกียวข้องอันใดกัน “องค์หญิงทําไมอยู่ ๆ ถึงจะ ช่วยเหลือข้าเพคะ ?”

“เป็ นเพราะว่าข้าเห็นมู่หรงเสวียแล้วขัดตา !” ฉิ นยวีเยียนพูดเน้นทีละคํา แววตาของนางเปล่งประกายอย่าง


อํามหิต อีเฉิ นมอบยาทีดีทีสุ ดให้กบั นาง บาดแผลภายในและภายนอกร่ างกายของนางล้วนฟื นฟูอย่างรวดเร็ ว
อย่างทีไม่มียาตัวไหนสามารถทําได้ แต่ภายในใจของนางกลับลืมเรื องทีมู่หรงเสวียทุบตีนาง ดูหมินนางไม่ลง ถ้า
ไม่สามารถทําให้ร่างของมู่หรงเสวียแหลกเป็ นหมืน ๆ พัน ๆ ชินได้ ก็ยากนักทีจะลดความโกรธความเกลียดใน
ใจของนาง

เมือมองไปทีแววตาโกรธแค้นของนาง อยู่ ๆ ซ่ งเชียนเหยียนก็นึกถึงภาพการโต้เถียงของมู่หรงเสวียและฉินยวี


เยียนในงานเลียงต้อนรับเย่อีเฉิ นขึนมา ฉิ นยวีเยียนเป็ นคนในดวงใจของเย่อเฉิ
ี น แน่ นอนว่าจะต้องขัดตาทีเห็นว่า
ทีภรรยาตัวจริ ง ดังนันฉิ นยวีเยียนถึงได้อยากจะช่วยเหลือนางจัดการกับมู่หรงเสวีย

“องค์หญิงฉิ นคิดจะทําเช่นไรเพคะ ?” นางเกลียดมู่หรงเสวียมาก มีคนทีต้องการอยากจะสังสอนมู่หรงเสวียเช่นนี


แน่นอนว่านางต้องยินดีจนถึงทีสุ ด
“แน่นอนว่าต้องเป็ นแผนการทีดีและรัดกุม สังสอนให้ม่หู รงเสวียได้รู้ซึงถึงความรู ้สึกตายทังเป็ น ระบายแค้นให้
คุณหนูซ่ง......” ฉิ นยวีเยียนกล่าวขึนเพียงเบา ๆ แต่แววตากลับเปล่งประกายด้วยความเยือกเย็น

“ถ้าเช่นนันก็รบกวนองค์หญิงฉิ นแล้ว !” แววตาและใบหน้าของซ่ งชิงเหยียนต่างเต็มไปด้วยรอยยิม นางไม่มี


อํานาจและกําลัง อีกทังยังถูกครอบครัวทอดทิง ไม่สามารถทีจะทําอะไรมู่หรงเสวียได้ แต่ฉินยวีเยียนเป็ นถึงคน
ในดวงใจของท่านอ๋ องเทพสงคราม มีผคู ้ นให้ใช้สอยมากมาย การทีนางจะสังสอนมู่หรงเสวียนันก็คงง่ายดังพลิก
ฝ่ ามือ

การทีซ่ งชิงเหยียนยอมรับความช่วยเหลือของนางอย่างง่ายดายเช่นนี มาตรว่าคงถูกมู่หรงเสวียกระทําไว้ไม่เบา


นัก มู่หรงเสวียช่างทําเรื องชัวร้ายไว้ไม่นอ้ ยเลย

แววตาของฉิ นยวีเยียนเปล่งประกายเย็นเยือกคมกริ บ นางกล่าวขึนด้วยเสี ยงสู งว่า “มู่หรงเสวียนันฉลาดมาก การ


ทีจะจัดการนางได้จะต้องวางแผนระยะยาว ไม่สามารถทีจะกระทําอย่างรี บร้อนได้ ข้าจะคิดแผนการทีเจ็บปวด
ทีสุ ดมาจัดการกับนาง ทําให้นางร้องขอชีวิตไม่ได้ แม้แต่ความตายนางก็ขอร้องไม่ได้ เพือบันทอนความเกลียดชัง
ในใจของคุณหนู”

“ขอบพระทัยองค์หญิงมากเพคะ !” ซ่ งชิงเหยียนย่อกายลง แววตาเต็มไปด้วยความตืนตันใจ

“มิตอ้ งเกรงใจ” ฉิ นยวีเยียนมองไปทางซ่ งชิงเหยียนด้วยสี หน้าเรี ยบเฉย นางกล่าวขึนเสี ยงเข้มว่า “ตอนนี ข้าพบ
เรื องลําบากอยูป่ ระการหนึ ง อยากจะขอให้คุณหนูซ่งช่วยเหลือ ไม่ทราบว่าคุณหนูซ่งคิดเห็นเช่นไร ?”
“เรื องอะไรหรื อเพคะ ? เชิญองค์หญิงฉิ นพูดกล่าวมาได้ไม่ตอ้ งเกรงใจ” ซ่ งชิงเหยียนพูดเน้นทีละคํา แววตา
ปรากฏความจริ งใจ เพียงแค่ได้สังสอนมู่หรงเสวียให้หลาบจํา ไม่วา่ อะไรนางล้วนเต็มใจทํา

“ไม่ยากเลย...” ฉิ นวีเยียนยกยิมขึนน้อย ๆ ท่าทางดูมีลบั ลมคมใน

มู่หรงเสวียลืมตาขึนมาอย่างสะลึมสะลือ แสงแดดสาดส่ องเข้าทีใบหน้าของนาง นางค่อย ๆ หรี ตาลง กลินหอม


สดชืนของไม้ไผ่ทีคล้ายมีคล้ายไม่มีลอยกระทบเข้ากับจมูก ทัวทังกายของนางรู ้สึกสบายตัวและสดชืนเป็ นพิเศษ
อย่างบอกไม่ถูก

แขนทังสองข้างค่อย ๆ เลิกผ้าห่ มออกเตรี ยมทีจะบิดขีเกียจ แต่คาดไม่ถึงว่าความรู ้สึกหนาวเย็นกลับแล่นผ่านสู่


ผิวหนัง หนาวจนขนลุกชัน พลันแววตาของนางชะงักลง เพียงพริ บตาก็พบว่าแขนทังสองข้างของนางนันเปลือย
เปล่า ร่ างของนางทีอยูใ่ ต้ผา้ ห่ มก็ใส่ เพียงเอียมกับกางเกงส่ วนในเท่านัน

ภาพของผ้าม่านสี ครามราวท้องฟ้ า ชุดเก้าอีสี แดงอมม่วง แจกันดอกไม้โบราณปรากฏขึนสู่ สายตา ในใจของมู่


หรงเสวียพลันชะงักลง เพียงพริ บตานางก็ชนั ตัวลุกขึน นี ไม่ใช่ห้องของนางนี !

“เจ้าตืนแล้ว” เสี ยงทุม้ นุ่ มของชายหนุ่ มลอยเข้าหู มู่หรงเสวียชะงักไปทันที เมือนางมองตามเสี ยงไป ก็เห็น
คุณชายโอวหยางเดินออกมาจากด้านหลังฉากกัน เสื อสี ขาวพลิวไหวดังผีเสื อ ปกเสื อกับชายแขนเสื อปั กด้วย
ดอกไม้สีดาํ ลายวิจิตร หล่อเหลาหาใครเปรี ยบ ร่ างสู งส่ งสง่างาม ด้านหลังมีไอร้อนแผ่โชยออกมา แสดงว่าเมือครู่
เขาเพิงจะอาบนําเสร็ จ
มู่หรงเสวียกวาดตามองไปรอบ ๆ ด้านอย่างละเอียด ก็พบว่าทีนีเป็ นวังเซี ยวเหยาอ๋ อง เรื อนของคุณชายโอวหยาง
นางเคยพักทีนี หนึงคืน เพียงแต่ว่า “ทําไมข้าถึงอยูท่ ีนี ได้ ?”

ผ้าห่ มผืนบางค่อย ๆ ลืนลงจากตัว เผยให้เห็นผิวขาวเรี ยบเนียนและบ่าได้รูปของมู่หรงเสวีย ผมดํายาวลู่ลงไป


ด้านหลัง งดงามหยดย้อยจนทําให้ใครต่อใครต่างก็ตาพร่ ามัว คุณชายโอวหยางห้ามใจเอาไว้ทีจะชมดู กล่าวขึน
อย่างบางเบา “ตอนทีออกจากค่ายทหารกลับมาทีเมืองหลวง เจ้าดืมเหล้าจนเมา จําไม่ได้แล้วหรื อ ?”

มู่หรงเสวียกระพริ บตาปริ บ ๆ พลันนึ กถึง ‘นําครึ งถุง’ ทีนางได้ดืมลงไป ดวงหน้างามก็ค่อย ๆ ดุดนั คนอืนเขา
ล้วนใช้ถุงนําเพือใส่ นาํ แต่คุณชายโอวหยางกลับใช้ถุงนําใส่ เหล้า ช่างยอดเยียมจริ ง ๆ ! “ตอนนีเวลาเท่าไหร่ แล้ว
?”

“ยามเฉิ น (ประมาณเจ็ดโมงเช้าถึงเก้าโมงเช้า) !” คุณชายโอวหยางกล่าวด้วยนําเสี ยงราบเรี ยบ

มู่หรงเสวียเลิกคิวเบา ๆ ตอนทีนางเมานันเป็ นยามอู่ (สิ บเอ็ดโมงถึงบ่ายโมง) แต่ตอนนีเป็ นยามเฉิ นเสี ยแล้ว นาง
เมาไปตังสิ บกว่าชัวยาม ผลของการดืมเหล้าหลิงหลงจุย้ นันช่างหนักหนายิงนัก !

มู่หรงเสวียพลิกกายเตรี ยมจะหยิบเอาชุดกระโปรง แต่กลับพบเข้ากับกระจกทีตังอยู่ออกไปไม่ไกล ในกระจกนัน


สะท้อนภาพเงาร่ างของตัวนางอย่างชัดเจน ริ มผีปากทีแดงกําของนาง ลําคอเรี ยวขาวกลับเต็มไปด้วยรอยแดง
นางลูบไล้แล้วค่อย ๆ ขมวดคิว “คุณชายโอวหยาง ห้องของท่านมียงุ ด้วยหรื อ !”
“ยุง ?” คุณชายโอวหยางเลิกคิวขึน รอบ ๆ ห้องของเขาล้วนโชยไปด้วยกลินหอมชนิดพิเศษ ยุงหรื อแมลงล้วนไม่
กล้าเข้าใกล้ แล้วในห้องจะมียงุ ได้อย่างไร “เจ้าตาฝาดแล้ว !”

“เป็ นไปได้อย่างไรกัน ?” มู่หรงเสวียส่ ายหน้า นิ วมือชีไปทีรอยแดงบนคอพลางกล่าวขึน “ท่านดูสิ บนคอของข้า


ถูดกัดตังหลายรอย”

คุณชายโอวหยางนิ งเงียบไปทันที “......”

ผ่านไปหนึงคืน รอยแดงบนคอของนางล้วนได้จางลงไปมากแล้ว เหลือแต่เพียงรอยแดงเล็กน้อยเท่านัน ถ้ามองดู


ดี ๆ แล้วก็เหมือนรอยกัดของยุงจริ ง ๆ ด้วย

เรื องไม่ดีทีเขาทําไว้ยงั ไม่ถูกจับได้ แต่จิตใจของคุณชายโอวหยางก็ไม่ได้ดีขนนั


ึ ก แต่กลับรู ้สึกหงุดหงิดขึนมาใน
ใจอย่างบอกไม่ถูก สี หน้าเรี ยบเฉย มองไปทางมู่หรงเสวียอย่างไม่วางตา “เรื องทีเกิดขึนหลังจากทีเจ้าเมาเหล้านัน
เจ้าจําไม่ได้เลยหรื อ ?”

ตอนทีนางกําลังเมาอยูน่ นเกิ
ั ดเรื องราวขึนมากมายอย่างนันหรื อ ?

มู่หรงเสวียกระพริ บตา พยายามทีจะนึ กให้ออก ภาพสองภาพขาด ๆ หาย ๆ ปรากฏขึนภายในหัว นางอยากจะ


ทบทวนให้ชดั เจน แต่คาดไม่ถึงว่าภาพเหล่านันจะสลายหายไปโดยพริ บตา......
เมือมองไปยังดวงตาทีสับสนของนาง คุณชายโอวหยางก็รู้วา่ นางคงจําอะไรไม่ได้เลยแม้แต่นอ้ ย ในใจของเขาก็
รู ้สึกเศร้าเสี ยใจ คิวเข้มหนาอดไม่ได้ทีจะย่นเข้าหากัน “ถ้าจําไม่ได้ก็ช่างเถอะ ข้าสังให้บ่าวไพร่ ตงสํ
ั ารับ......”

“มิตอ้ งหรอก ตอนนี ข้ายังไม่หิว กลับไปรับสํารับเช้าทีจวนเจินกัวโหวก็ได้ ” มู่หรงเสวียกล่าวขึนอย่างอารมณ์ไม่


ดีนกั มือคว้าเอาเสื อผ้าของนางไปทีหลังฉากกัน นางก็แค่จาํ เรื องหลังจากทีเมาไม่ได้เท่านันเอง เหตุใดเขาจึงต้อง
อารมณ์เสี ยด้วย ? แปลกคนยิงนัก ! ตอนนีเพียงแค่เค่อ (15นาที) เดียวนางก็ไม่อยากจะอยูท่ ีนี อีกต่อไปแล้ว

“ข้าไปล่ะ !” เมือเปลียนเสื อผ้าเสร็ จ มู่หรงเสวียก็เดินออกมาจากฉากกัน บอกลาเขาอย่างอารมณ์เสี ย เดินออกไป


ด้านนอกโดยไม่หนั หลังกลับมามองอีก

แววตาของคุณชายโอวหยางดุดนั เขาก้าวเท้ายาว ๆ ตามไป “ข้าจะไปส่ ง” ผลกระทบจากการดืมเหล้าหลิงหลงจุย้


นันค่อนข้างหนัก ถึงแม้ว่านางจะตืนแล้ว แต่ภายในร่ างกายก็ยงั คงมีเหล้าหลิงหลงจุย้ ตกค้างอยูไ่ ม่น้อย ปล่อยให้
นางกลับจวนไปคนเดียวเขาไม่วางใจนัก

มู่หรงเสวียไม่กล่าววาจาใด นางไม่สนใจคุณชายโอวหยางทีอยูด่ า้ นหลังอีก เดินเลาะตามทางเดินหิ นสี ดาํ ออกจาก


วังเซียวเหยาอ๋ อง มุ่งตรงไปทีจวนเจินกัวโหว

ประตูใหญ่ของจวนเจินกัวโหวเปิ ดอ้าไว้ บริ เวณปากประตูมีทหารยามเฝ้ าไว้สองนาย เมือเห็นมู่หรงเสวียกับ


คุณชายโอวหยางก็เร่ งรี บคารวะ “คุณชายโอวหยาง คุณหนูใหญ่ !”

มู่หรงเสวียตอบรับบางเบาเสี ยงหนึง นางเร่ งเดินเข้าไปในจวนโหว เมือเดินห่ างออกมาได้สักพักนางจึงค่อย ๆ


หยุดเท้าลง คุณชายโอวหยางยกเลิกสํารับเช้าเพือมาส่ งนางกลับจวน ถ้านางไม่ให้เขาเข้ามาแม้แต่ในประตูจวนก็
คงดูจะไร้นาใจเกิ
ํ นไปหน่ อย !

เมือหมุนกายกลับไปทางประตูจวน นางก็กล่าวขึนด้วยเสี ยงไม่ดงั ไม่เบา “คุณชายโอวหยาง เชิญเข้ามาดืมชาสัก


แก้วเถิดเจ้าค่ะ !”
ตอนที 89 แผนร้ าย

คุณชายโอวหยางทีเตรี ยมจะจากไป เมือได้ยนิ เสี ยงเรี ยกของนางก็หยุดเท้าลงในทันใด มองไปทีสี หน้าทีปั นยาก


ของนาง แววตาก็วบู ไหวไปด้วยความยินดีนอ้ ย ๆ กล่าวขึนอย่างราบเรี ยบว่า “ตกลง !”

คุณชายโอวหยางก้าวเข้าไปในจวนโหว เดินเคียงคู่ไปด้านหน้าพร้อมกับมู่หรงเสวีย แสงอาทิตย์ทีสาดส่ องอยู่


โดยรอบยิงทําให้ทงสองดู
ั เปล่งประกายระยิบระยับ ดูงดงามดังภาพวาดอันวิจิตร

สาวใช้ทีกําลังยกสิ งของและปั ดกวาดอยูโ่ ดยรอบอดไม่ได้ทีจะแอบชมดู แววตาเต็มไปด้วยความตืนตะลึง ในจุด


ทีไม่มีผคู ้ นสนใจสาวใช้นางหนึงค่อย ๆ ถอยออกไปรายงานภาพทีเห็นแก่หญิงเฒ่าแซ่ ตทู ้ ีเรื อนหยก

หญิงเฒ่าแซ่ ตูท้ ีได้ยนิ คําพูดของนาง แววตาหลักแหลมค่อย ๆ หรี เล็กลง “คุณชายโอวหยางตอบรับคําเชิญเข้าจวน


โหวจากมู่หรงเสวีย เจ้าแน่ ใจว่าดูไม่ผิดนะ ?”

“เรี ยนฮูหยินเฒ่า ไม่มีทางดูผิดแน่ นอนเจ้าค่ะ !” สาวใช้ส่ายหน้าหนัก ๆ ผูช้ ายทีสู งส่ งสง่างามเช่นคุณชายโอวห


ยาง ในแผ่นดินนีล้วนมีเพียงผูเ้ ดียว นางจะไปดูผิดได้อย่างไร
“นีมันเรื องอะไรกัน ?” หญิงเฒ่าแซ่ตูข้ มวดคิว ไม่ใช่ลือกันว่าบุตรชายแห่ งเซี ยวเหยาอ๋ องเป็ นคนสันโดษและถือ
ั ใ้ หญ่ในราชสํานัก เขาก็ลว้ นไม่สนใจ เหตุใดถึงได้ตอบรับคําเชิญของมู่
ตัวหรอกหรื อ แม้แต่ขนุ นางบุ๋นบู๊ชนผู
หรงเสวียได้ ?

“ยังจะมีเรื องอะไรได้อีกเล่า ? วีรบุรุษสนใจหญิงงามทีลําบากตกยากล่ะสิ ไม่ว่า” มู่หรงเจียนทีนังอยูข่ า้ ง ๆ เปิ ด


ปากพูดขึนมา คุณชายโอวหยางมีความรู ้สึกเป็ นห่ วงและรักใคร่ ทะนุ ถนอมมู่หรงเสวีย เขานันดูออกชัดเจนแต่
แรกแล้วว่าคุณชายโอวหยางต้องมีใจให้ม่หู รงเสวียแน่ นอน

หญิงเฒ่าแซ่ ตูส้ ่ ายหน้า ดวงตาฉายแววไม่เห็นด้วย “คุณชายโอวหยางท่องเทียวไปทัวแว่นแคว้นต่าง ๆ นา ๆ ได้


พบเจอหญิงงามมากมายจนนับไม่ถว้ น ยังจะมาชอบพอกับเด็กสาวทีมีอายุเพียงสิ บสี ปี หรื อ ?”

“จะพูดเช่นนันก็ไม่ค่อยถูกนัก รู ปลักษณ์ของมู่หรงเสวียกับแซ่ เฉิ นแม่ของนางนันคล้ายคลึงกันเจ็ดถึงแปดส่ วน


นับว่าเป็ นหญิงงามทีหาได้ยากในแผ่นดินนี ถึงแม้คุณชายโอวหยางไปมาแต่ละแคว้น แต่ก็คงไม่มีทางพบคนที
งดงามกว่านางมากเท่าใดนัก......” มู่หรงเจียนแววตาวูบไหว

ดวงหน้าของหญิงเฒ่าแซ่ ตูด้ ูดุดนั ขึน นางไม่อยากจะเชือ แต่กต็ อ้ งอดยอมรับไม่ได้ว่ามู่หรงเสวียนันเกิดมามี


รู ปลักษณ์งดงาม เวลาทีนางมองไปทีใบหน้าของมู่หรงเสวียล้วนตกอยูใ่ นภวังค์หลายครานัก ยิงไม่ตอ้ งพูดถึง
เหล่าบรรดาชายหนุ่ ม ถ้าหากมู่หรงเสวียไม่ได้เกิดมามีร่างกายอ่อนแอและขีโรค เอาแต่พกั รักษาตัวอยูท่ ีเรื อนหิ มะ
โปรยเป็ นเวลานานและไม่ค่อยชอบออกจากเรื อนนัน ตอนนีก็คงเกิดข่าวลือแพร่ สะพัดไปทัวเมืองหลวงถึงความ
งามของนางแล้วเป็ นแน่
“มีคุณชายโอวหยางคอยให้ทา้ ยมู่หรงเสวียเช่นนี พวกเราก็ไม่สามารถลงมือกับนางได้อีก ไม่เช่นนัน คงเป็ นการ
รนหาทีตายให้ตวั เอง” หญิงขอทานชันตําช่างหลักแหลมยิงนักทีหาทีพึงทีมีอาํ นาจสู งส่ งได้เช่นนี

“นันก็ยงั ไม่แน่” มู่หรงเจียนยิมน้อย ๆ คาดเดาเสี ยงสู ง “ผูช้ ายน่ะ มักจะชอบของใหม่เกลียดของเก่า คุณชายโอวห


ยางทีชอบมู่หรงเสวียแน่ นอนว่าเป็ นเพราะความรู ้สึกทียังสดใหม่ เพียงแค่ให้คนของพวกเราดึงดูดคุณชายโอวห
ยางให้มาติดพันได้ เท่านี ก็ไม่ตอ้ งมากังวลว่าเราจะไม่สามารถจัดการมู่หรงเสวียได้แล้ว”

แววตาของหญิงเฒ่าแซ่ ตเู ้ ปล่งแสงวาบ “ความหมายของเจ้าคือ......”

“ใช่แล้ว” มู่หรงเจียนพยักหน้ายิมน้อย ๆ มองไปทีซ่ งชิงเหยียน กวาดตามองทัวทังร่ างของนาง

ซ่งชิงเหยียนทีถูกมองก็รู้สึกร้อนรนในจิตใจ มือกําเข้าทีเสื อผ้าบนเรื อนร่ างของตัวเองแน่นอย่างไม่รู้ตวั “ท่านลุง


เหตุใดท่านต้องมองข้าด้วยสายตาเช่นนันเจ้าคะ ?”

“ชิงเหยียนเติบโตขึนแล้ว” มู่หรงเจียนพูดขึนมาอย่างกํากวม ยิมขึนอย่างมีลบั ลมคมใน

“มิผดิ ใกล้จะถึงวัยทีต้องพูดคุยเรื องออกเรื อนแล้ว” หญิงเฒ่าแซ่ ตูส้ านรับกับคําพูดของเขา รอยยิมยินดีในดวงตา


ยิงชัดเจนมากยิงขึน
เพียงพริ บตาดวงหน้าเรี ยวเล็กของซ่ งชิงเหยียนก็กลายเป็ นสี แดงกํา เต็มไปด้วยความอับอาย “ท่านยาย ท่านหยอก
ล้อข้า......”

“ยายก็แค่พูดความจริ งเท่านัน หยอกล้อเจ้าทีไหนกัน” หญิงเฒ่าแซ่ ตูม้ องไปทีหน้าเรี ยวเล็กแดงกําของนาง


ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิม “ชิงเหยียน เจ้ารู ้สึกชมชอบคุณชายโอวหยางหรื อไม่ ?”

ร่ างของซ่ งชิงเหยียนแข็งทือ ในหัวปรากฏภาพใบหน้าของคุณชายโอวหยางทีงดงามหล่อเหลาดังภาพวาด พลันสี


หน้าก็ยงขึ
ิ นสี แดงเข้าไปอีก แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความขมขืน “คุณชายโอวหยางดีงามขนาดนัน มีหญิง
สาวทีไหนทีจะไม่ชอบ แต่วา่ คุณชายโอวหยางมิได้ชอบพอข้า......”

“เจ้าไม่เคยลอง รู้ได้อย่างไรว่าเขาไม่ได้ชอบเจ้า !” มู่หรงเจียนตัดบทคําพูดของนาง นําเสี ยงกดตําแฝงไปด้วย


ความชัวร้ายและเจ้าเล่ห์

ซ่งชิงเหยียนชะงัก “ความหมายของท่านลุงคือ ?”

“ความรู ้สึกระหว่างชายหญิงล้วนเกิดจากการพบเจอและพูดคุยสนิ ทสนมซึ งกันและกัน เจ้ากับคุณชายโอวหยาง


ล้วนไม่เคยได้พูดจากันสักคํา แล้วเขาจะมาชอบพอเจ้าได้อย่างไร ?” มู่หรงเจียนเลิกคิวมองไปทีนาง พูดขึนอย่าง
จริ งจัง “อยากให้คนบางคนมาชอบเจ้า เจ้าก็ตอ้ งพูดคุยกับเขาให้มาก ๆ พบเจอกันบ่อย ๆ ทําให้เขาจดจําเจ้าได้
......”
ทันใดนันซ่งชิงเหยียนก็รู้สึกพูดไม่ออก ใช่แล้ว นางล้วนไม่เคยได้พูดคุยกับคุณชายโอวเลย แต่กลับเข้าใจผิดคิด
ว่าคุณชายโอวหยางไม่ชอบนาง

“ขอบคุณท่านลุงทีชีแนะเจ้าค่ะ ชิงเหยียนมีธุระ หลานขอตัวก่อนเจ้าค่ะ !” ซ่งชิงเหยียนย่อกายลง ก้าวเท้าออกไป


ด้านนอกอย่างรวดเร็ ว แววตาเต็มไปด้วยความสุ ขและความยินดี คุณชายโอวหยางอยูท่ ีจวนเจินกัวโหวพอดี นาง
สามารถเข้าใกล้เขาได้อย่างเปิ ดเผย แย่งเขามาจากมือของมู่หรงเสวีย เป็ นการสังสอนและโจมตีม่หู รงเสวียไปใน
คราเดียวกัน......

เมือมองไปทีเงาร่ างทีค่อย ๆ ห่ างไกลออกไป แววตาของหญิงเฒ่าแซ่ ตูป้ รากฏความเป็ นห่ วงสายหนึงขึนมา


“คุณชายโอวหยางจะชอบพอซ่ งชิงเหยียนหรื อ ?”

ไม่ใช่ว่านางดูเบาหลานสาวของตัวเอง แต่เป็ นเพราะถ้าเปรี ยบกับหญิงชนชันสู งในเมืองหลวงแล้ว ชิงเหยียนนัน


ดูธรรมดาเกินไป ไม่มีจุดเด่นอะไรทีน่าสนใจ......

“วางใจเถอะท่านแม่ ชิงเหยียนไม่มีทางทําให้พวกเราผิดหวัง !” มู่หรงเจียนยกยิมน้อย ๆ ด้วยท่าทีอย่างอมภูมิ

คุณชายโอวหยางออกไปท่องเทียวอยูน่ อกเมืองตังสิ บปี พบเจอหญิงงามมาก็มากมาย แต่กลับไม่เคยเข้าใกล้หรื อ


ชอบพอผูใ้ ดเลยแม้แต่นอ้ ย เมือพบเจอกับมู่หรงเสวียถึงได้เกิดข้อเปรี ยบเทียบขึนมา ดูแล้วเขานันชอบพอหญิง
สาวทีมีลกั ษณะแบบมู่หรงเสวีย !
รู ปลักษณ์ของชิงเหยียนถึงแม้จะไม่สวยเท่ามู่หรงเสวีย แต่นางอายุใกล้เคียงกับมู่หรงเสวีย อีกทังยังเป็ นน้องสาว
ลูกพีลูกน้องของมู่หรงเสวีย ย่อมต้องมีบางส่ วนที คล้ายคลึงกัน เพียงแค่นางใช้เสน่ห์และมารยาของนาง ก็น่าจะ
สามารถดึงดูดคุณชายโอวหยางได้ แล้วดึงให้เขาเข้ามาอยูฝ่ ่ ายเดียวกันกับพวกเราและคุณชายโอวหยางจะได้
กลายเป็ นทีพึงพาทียิงใหญ่ของพวกเรา

เมือถึงเวลานัน มู่หรงเสวียก็จะหมดทีพึง และกลายเป็ นเนื อปลาบนเขียง ได้แต่ยอมทนโดนพวกเขาโขกสับ เท่านี


ตําแหน่งเจินกัวโหว ก็จะกลายเป็ นเรื องง่ายดายราวกับเพียงพลิกฝ่ ามือ......

มู่หรงเสวียทีไม่รู้ถึงแผนการของแม่ลูกแซ่ ตู ้ ค่อย ๆ เดินเข้าไปด้านในของเรื อนหิ มะโปรย

“โฮ่ง โฮ่ง !” เงาร่ างเล็ก ๆ สี ขาวสายหนึ งพุ่งเข้ามา มู่หรงเสวียยืมมือออกไปรับ ไม่คาดว่าเงาร่ างเล็กนันกลับวิง


เลยนางพุ่งไปทีเท้าของคุณชายโอวหยาง วนรอบชายเสื อเขาไม่หยุด แววตาเต็มไปด้วยความกะดีกะด๊ามีความสุ ข

“ท่านกับมัน......คุน้ เคยกัน ?” มู่หรงเสวียเลิกคิวมองไปทางคุณชายโอวหยาง

ครังนี เป็ นครังทีสามทีเขาได้มาทีเรื อนของนาง สองครังก่อนหน้านันเจ้าเป้ ยเป้ ยไม่ได้อยูท่ ีนี แล้วจะเคยเจอเขาได้


อย่างไร ? แต่ทาํ ไมท่าทางของมันถึงได้ดูสนิทสนมกับเขามากกว่าตอนทีมันอยูก่ บั นางเช่นนี ?

คุณชายโอวหยางมองไปทีใบหน้าเรี ยวเล็กทีงอลงของนาง แววตาเจือปนไปด้วยรอยยิมบางเบา เขาย่อกายลงไป


ลูบทีหัวของเป้ ยเป้ ย “จะนับว่าค่อนข้างคุน้ เคยเช่นนันก็ได้ ตอนทีข้าเก็บมันได้ มันเพิงเกิดได้ไม่นาน กําลังนอน
หายใจรวยริ นอยูบ่ นภูเขา ข้าเลยเอามันไปเลียงไว้ได้เกือบสามเดือน แต่อยูม่ าวันหนึงมันหนีออกไปวิงเล่นด้าน
นอกแล้วก็ไม่ได้กลับมาอีก......”

มู่หรงเสวียกระพริ บตาปริ บ ๆ เรื องต่อจากนันนางพอทีจะคาดเดาได้ เจ้าเป้ ยเป้ ยถูกคนจับได้แล้วเอาไปขายให้


สนามประลองสัตว์ ด้วยความบังเอิญจึงถูกนางซื อมา......

“ถ้าเช่นนันเป้ ยเป้ ยก็เป็ นของท่านแล้ว ท่านก็พามันกลับวังเซี ยวเหยาอ๋ องไปเถิด” ถึงแม้ม่หู รงเสวียจะรู้สึกอาลัย


อาวรณ์ แต่ว่าคุณชายโอวชายก็เป็ นคนทีเจอกับเป้ ยเป้ ยก่อนนาง เป็ นเจ้าของทีแท้จริ งของเป้ ยเป้ ย นางไม่อาจทําใจ
ทีจะแย่งชิงสิ งของทีคนอืนรักได้

เมือมองไปทีแววตาห่ วงหาของนาง คุณชายโอวหยางก็ยกยิมมุมปากขึนเล็กน้อย “ข้างกายของข้ามีองครักษ์เงา


มากมาย ไม่ได้ใช้งานมัน ก็ให้มนั อยู่ขา้ งกายเจ้าต่อไปเถอะ”

เรื องวุน่ วายใจของนางก็จดั การไปได้ไม่นอ้ ยแล้ว ตอนนี ก็คงไม่ได้ใช้งานเจ้าเป้ ยเป้ ยเช่นกัน

มู่หรงเสวียเสวียเตรี ยมทีจะกล่าวคําพูด แต่นางกลับได้ยนิ เสี ยงแหวกของสายลมทีดังขึนผิดปกติ ดวงตาของนาง


วูบไหวไปด้วยความเย็นยะเยือก มองไปทางทีมาของเสี ยง “ใคร ?”
ตอนที 90 พบเจอมู่หลิวเฟิ งครังแรก

“ข้าเอง !” ตามมาด้วยเสี ยงทุม้ ทีแฝงไปด้วยความยินดี ชายหนุ่ มผูห้ นึงร่ อนลงตรงด้านหน้าของมู่หรงเสวีย เขา


สวมใส่ ชุดสี นาตาล
ํ ร่ างกายสู งโปร่ งดูสง่างาม ปกคอเสื อกว้างปั กด้วยลายดอกไม้สีดาํ เปิ ดอ้าออก เผยให้เห็นแผ่
นอกแกร่ งด้านใน

ใบหน้าเจ้าเล่ห์ร้ายกาจเมือกระทบแสงอาทิตย์ทีสาดส่ องเข้ามา ยิงทําให้ใบหน้าของเขาดูหล่อเหลาจนผูค้ นมิอาจ


ทีจะละสายตาได้ เส้นผมสี ดาํ คล้ายผ้าไหมลู่ลงไปด้านหลัง ท่าทางทีให้ความรู ้สึกทีสบาย ๆ นัน กลับยิงทําให้เขา
ดูมีเสน่ห์และลึกลับน่าค้นหา เขามองไปทีมู่หรงเสวีย ดวงตาดําขลับวูบไหวไปด้วยรอยยิมขําขันบางเบา

“ท่านเป็ นใคร ?” มู่หรงเสวียขมวดคิว ฟั งจากนําเสี ยงของชายหนุ่ มแล้ว ดูเหมือนเขาจะสนิทสนมกับนางมาก แต่


ในความทรงจําของร่ างเดิมกลับไม่มีคนผูน้ ี อยูเ่ ลยแม้แต่น้อย

“ข้าลืมแนะนําตัวเองไป ข้าคือเฉิ งกัวกงซื อจือ (ซื อจือเป็ นลูกชายทีวางตัวเอาไว้สืบทอดตําแหน่งจากพ่อ) มู่หลิว


เฟิ ง เจ้าสามารถเรี ยกข้าว่าหลิวเฟิ งหรื อว่าเฟิ งก็ได้” มู่หลิวเฟิ งมองไปทางมู่หรงเสวียด้วยท่าทางยิม ๆ นําเสี ยงนุ่ ม
ทุม้ ฟังดูอ่อนโยนอย่างบอกไม่ถกู มู่หรงเสวียทีได้ยนิ เช่นนันก็ขมวดคิวเข้าหากัน “คุณชายมู่ ดูเหมือนว่าพวกเรา
ไม่ได้สนิทกันนัก”
มู่หลิวเฟิ งหุ บพัดเข้าหากันทันใด มองไปทางนางอย่างไม่เห็นด้วย “ครอบครัวของเราทังสองล้วนสนิ ทชิดเชือกัน
ท่านพ่อของข้ากับท่านพ่อของเจ้าก็เป็ นเพือนสนิ ทกัน พวกเราทังสองก็ยงั ถือว่าเป็ นเพือนวัยเด็กทีเติบโตมา
ด้วยกัน เจ้าพูดว่าไม่สนิทได้อย่างไร......”

“ปั ก !” คุณชายโอวหยางยกมือฟาดเข้าไปทีมู่หลิวเฟิ ง จนร่ างของเขาไปชนเข้ากับกําแพง แล้วก้าวออกไป


ด้านหน้า ยืนบังทีด้านหน้าของมู่หรงเสวีย มองไปทีเขาอย่างเย็นชา “มู่หลิวเฟิ ง วันนี เจ้าช่างพูดเรื องไร้สาระมาก
เกินไปแล้ว !”

มู่หลิวเฟิ งพลิกกายหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเลือดทีไหลออกมาจากจมูก แววตาของเขาดูเหมือนไม่ใส่ ใจนัก


“ข้าก็แค่ได้พบหน้ากับมู่หรงเสวียอย่างเป็ นทางการครังแรก ก็เลยตืนเต้นไปหน่ อยเท่านันเอง”

สี หน้าของคุณชายโอวหยางดํามืด ขมวดคิวมองไปทีเขา “ตืนเต้นจนถึงขนาดต้องเอ่ยถึงเรื องความสนิทสนมตอน


วัยเด็กเลยหรื อ......”

“เจ้าวางใจได้ หลักการทีว่าไม่ควรรังแกภรรยาของเพือนนันข้าเข้าใจดี......ถึงในวัยเด็ก ข้ากับนางจะสนิทสนมกัน


มากเพียงใด แต่กไ็ ม่มีทางแย่งนางกับเจ้า......” มู่หลิวเฟิ งพูดขึนอย่างคลุมเครื อ ตังใจกดเสี ยงให้ตาลง
ํ ยืนมือตบ
เข้าทีไหล่ของคุณชายโอวหยางอย่างปลอบใจ

คุณชายโอวหยางขมวดคิวปั ดมือของเขาออกอย่างไร้เยือใย “ทําไมเจ้าไม่อยูท่ ีจวนเฉิ งกัวกง โผล่มาทีนีทําไม ?”


“แน่นอนว่าต้องมาดูภรรยาตัวน้อยของเจ้า แล้วก็จะได้บอกเรื องสําคัญกับเจ้าไปในคราเดียวกัน” แววตาของมู่
หลิวเฟิ งวูบไหว กดเสี ยงตําลงดูลึกลับ จริ ง ๆ แล้วเขาวางแผนทีจะไปหาคุณชายโอวหยางทีวังเซี ยวเหยาอ๋ อง แต่
คุณชายโอวหยางออกมาทีจวนเจินกัวโหว เขาก็เลยทําได้เพียงตามมาทีนี ด้วย

คุณชายโอวหยางปรายตามองเขา “เจ้าก็ได้พบนางแล้ว ทีนีเจ้าลองกล่าวมาสิ ว่าเรื องสําคัญทีเจ้าว่าคือเรื องอะไร !”

“เรื องเกียวกับจิงอ๋ องเย่อีเฉิ น” มู่หลิวเฟิ งกล่าวเสี ยงตํา เขาแอบเหล่ตามองไปทีมู่หรงเสวีย

มู่หรงเสวียรู ้วา่ ถ้าหากนางยังอยูท่ ีนี เขาทังสองคงพูดคุยกันไม่สะดวกนัก จึงกล่าวขึนอย่างรู ้ความ “พวกท่านคุย


กันไปเถอะ ข้าจะไปสังให้สาวใช้ตม้ ชา”

เมือเห็นว่านางกําลังจะเดินจากไป คุณชายโอวหยางจึงยืนมือออกไปรังตัวของนางไว้ แล้วหันไปมองมู่หลิวเฟิ ง


ด้วยสี หน้าเรี ยบเฉย

การทีพูดคุยถึงเรื องคู่หมันของนางต่อหน้านางเช่นนี เห็นได้ชดั ว่าคุณชายโอวหยางไว้ใจนางมาก และไม่สนใจว่า


นางจะรับรู ้เรื องนี หรื อไม่ เขาทําราวกับว่าเรื องนี ไม่สลักสําคัญอะไรมากนัก

“จากการสื บขององครักษ์เงาจวนเฉิ งกัวกง ระยะหลัง ๆ มานีเย่อีเฉิ นมีท่าทางลึกลับ เหมือนกับกําลังดําเนิ นการ


ค้นหาขุมสมบัติของราชวงศ์ก่อน” มู่หลิวเฟิ งกล่าวเสี ยงตํา แววตาวูบไหวไปด้วยความหนักใจ
“สมบัติของราชวงศ์ก่อนอย่างนันหรื อ ?” แววตาของมู่หรงเสวียเปล่งประกาย เพียงครู่ เดียวนางก็รู้สึกเอะใจอะไร
บางอย่างขึนมา แต่กห็ ายไปอย่างรวดเร็ วจนนางจับใจความอะไรไม่ได้ “จิงอ๋ องมีฐานะสู งส่ ง แต่ละรุ่ นล้วนนังอยู่
บนกองเงินกองทอง เขายังจะไปลงทุนลงแรงหาสมบัติอะไรอีก ?”

“ไม่มีใครเกียงทีจะมีเงินมากขึน” มู่หลิวเฟิ งกล่าวขึนมาด้วยท่าทางอย่างผูท้ รงภูมิ ในแววตาสี ดาํ วูบไหวไปด้วย


ประกายความคิดต่าง ๆ นา ๆ เย่อเฉิ
ี นนันเป็ นคนทะเยอทะยาน ลอบแผ่ขยายอํานาจของตัวเองออกไปตลอดเวลา
อย่างเงียบ ๆ เขาเหมือนกับไม่พอใจแค่ตาํ แหน่ งจิงอ๋ องของชิงเหยียน......

มู่หรงเสวียกระพริ บตา “ตามทีหนังสื อจดหมายเหตุได้บนั ทึกไว้ เนืองจากฮ่องเต้ของราชวงศ์ทีแล้วจิตใจเลว


ทราม ใช้จ่ายฟุ่ มเฟื อย ขึนภาษีสูงลิบ จึงส่ งผลให้ทอ้ งพระคลังว่างเปล่า ชาวบ้านอดอยาก แคว้นจึงล่มสลาย คนที
ขีแพ้พรรค์นัน ยังจะมีทรัพย์สมบัติอะไรหลงเหลืออยูอ่ ีก ?”

“เรื องนีดูท่าว่าเจ้าจะไม่เข้าใจเสี ยแล้ว คนทีชอบใช้จ่ายเงินสุ รุ่ ยสุ ร่าย สิ งทีพวกนันชอบทีสุ ดคือการเก็บสะสมของ


ลําค่าต่าง ๆ นา ๆ ค่อย ๆ เก็บสะสมพวกมันไว้ในคลังส่ วนตัวของตัวเองอย่างมิดชิด ไม่ให้ใครรู ้ ฮ่องเต้ของ
ราชวงศ์ทีแล้วใช้จ่ายมือเติบขนาดนัน แน่นอนว่าเขาจะต้องเก็บของมีค่าเอาไว้มากมาย”

แววตาของมู่หลิวเฟิ งวูบไหว “เย่อีเฉิ นเป็ นคนฉลาด ไม่มีทางจะเชือข่าวลือไร้สาระได้ และไม่มีทางทําเรื องทีไร้


เหตุผลเช่นนี โดยขาดการตรวจสอบ ทีเขาส่ งคนออกไปค้นหาทีซ่ อนสมบัติ นับว่าฉลาดนัก แน่ นอนว่าราชวงศ์
ก่อนต้องทิงทรัพย์สมบัติเอาไว้มากมาย......”

“พวกเจ้าช่างบังอาจนัก กลับกล้าขัดขวางข้า ยังไม่รีบหลีกทางอีก......”


“ขออภัยเจ้าค่ะคุณหนู คุณหนูใหญ่มีคาํ สังว่าถ้ายังไม่มีคาํ สังของนาง ไม่วา่ ใครก็ไม่สามารถเข้าไปทีเรื อนของนาง
ได้......”

“พวกเจ้า......ข้ามีเรื องต้องพบคุณชายโอวหยาง ถ้าเกิดเสี ยเรื องขึนมา พวกเจ้าจะรับผิดชอบไหวหรื อไม่......”

เสี ยงทะเลาะวุ่นวายดังเข้ามาจากทางด้านนอก มู่หรงเสวียไร้วาจาใดทีจะกล่าว คนทีแอบชอบคุณชายโอวหยาง


นันวิงตามมาทีจวนหิ มะโปรยของนางแล้ว หญิงสาวทีชมชอบเขาช่างมากมายยิงนัก

เมือเลิกคิวมองไปทางคุณชายโอวหยาง นางก็กล่าวขึนอย่างเสี ยอารมณ์ “คุณชายโอวหยางท่านไม่ออกไปพบ


หน่ อยหรื อ ?”

คุณชายโอวหยางกล่าวขึนด้วยนําเสี ยงราบเรี ยบ “ข้าไม่ว่างทีจะพบนาง เจ้าออกไปบอกนางเถอะ”

ดวงหน้าของมู่หรงเสวียเรี ยบเฉย นางกล่าวเน้นทีละคํา “คนเขาพูดชัดเจนว่ามาหาท่าน เหตุใดต้องให้ขา้ ไปบอก


ด้วย ?”

คุณชายโอวหยางปรายตามองนาง กล่าวขึนอย่างมีเหตุมีผล “ทีนี คือเรื อนหิ มะโปรยของเจ้า ข้าเป็ นแขกของทีนี


และกําลังถูกคนรบกวน เจ้ามีฐานะเป็ นเจ้าบ้าน ไม่ใช่ว่าควรเสนอตัวออกไปแก้ปัญหาหรอกหรื อ ?......”
มู่หรงเสวียนิงเงียบไป “......”

เจ้าคนจิตใจดํา จิตใจโหดร้าย เขากลับกล้ายกเหตุผลนี ขึนมาเพือใช้นางให้ออกไปจัดการเรื องยุง่ ยาก เลวร้ายทีสุ ด


ในฐานะทีเห็นว่าเขาเป็ นแขก นางก็จะช่วยเหลือเขาสักครังก็ได้ แต่ถา้ หากยังมีครังต่อไป หึ หึ นางจะต้องสังสอน
เขาอย่างโหดร้ายทีเดียว คอยดูเถอะ......

มู่หรงเสวียถลึงตามองไปทีคุณชายโอวหยางอย่างโหดร้ายทีหนึง พลางก้าวออกจากเรื อนไปอย่างไม่ค่อยจะ


ยินยอมเท่าไรนัก

เมือมองไปทีเงาร่ างของนางทีค่อย ๆ ไกลออกไป แววตาของมู่หลิวเฟิ งก็เต็มไปด้วยความนับถือ “คุณชายโอวห


ยาง นับถือนับถือ ขนาดยังมิได้แต่งงาน ก็สามารถทําให้สะใภ้ตวั น้อยช่วยท่านไล่ดอกท้อได้ ร้ายกาจ ช่างร้ายกาจ
นัก......”

“แต่ว่าถ้าพูดตามตรงแล้ว ด้วยศักดิฐานะ รู ปลักษณ์ และความรู ้ของเจ้า ถึงแม้เจ้าจะแต่งงานแล้ว ก็ยงั มีหญิงสาว


มากมายทีปรารถนาถวายเรื อนร่ างให้เจ้า มู่หรงเสวียแต่งให้เจ้า ก็คงหลีกเลียงไม่ได้ทีจะต้องไล่ดอกท้อออกไป
จากข้างกายเจ้าอีกมากมาย ฝึ กฝนเอาไว้ก่อนก็ไม่เลวนัก......”

สี หน้าของคุณชายโอวหยางเคร่ งขรึ ม ปรายตามองเขาอย่างเย็นชา “ข้าดูเป็ นคนทีเจ้าชูห้ รื อ ?”


“ถึงแม้เจ้าจะไม่เจ้าชู ้ แต่ถา้ พวกดอกท้อเหล่านันเสนอตัวมาหาเจ้าเองเล่า !” มู่หลิวเฟิ งกล่าวพลางยิมตาหยี ดวงตา
ปรากฏแววสนุ กสนานทีได้เห็นเพือนเป็ นทุกข์ “ก็เหมือนกับหญิงสาวด้านนอกเรื อนหิ มะโปรยผูน้ นั ทีอยู่ ๆ ก็
ตามมาถึงทีนี......”

“หื ม ?” สายตาคมกริ บดังลูกธนูของคุณชายโอวหยาง พุ่งตรงไปทีมู่หลิวเฟิ ง !

มู่หลิวเฟิ งได้ยนิ เสี ยงระเบิดดังขึนในหัว พลังเย็นยะเยือกสายหนึงพุ่งแทงเข้ามาจากด้านหลัง แล้วกระจายออกไป


ทัวร่ าง ร่ างกายพลันหนาวสัน ไอออกมาไม่เป็ นธรรมชาติหลายครา “เช่นนัน......พวกเราคุยเรื องเย่อีเฉิ นกับเรื อง
สมบัติของราชวงศ์ก่อนกันต่อเถอะ......”

คุณชายโอวหยางตอบรับเสี ยงราบเรี ยบ ค่อย ๆ มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเรี ยบเฉย เห็นมู่หรงเสวียเดินออก


จากเรื อนหิ มะโปรย ขมวดคิวมองไปยังคนทีอยู่ดา้ นนอกประตู......
ตอนที 91 ซ่ งชิงเหยียนถูกนําร้ อนลวก

ซ่งชิงเหยียนใส่ ชุดลายดอกท้อสี แดงสด คอและไหล่ดูเรี ยบเนียนได้รูป ผิวขาวงามกระจ่าง กระดูกไหปลาร้าทีถูก


เสื อผ้าบดบังเดียวผลุบเดียวโผล่ ชายกระโปรงประดับด้วยลูกปั ดเปล่งประกายระยิบระยับ เมือรวมเข้ากับ
แสงอาทิตย์ทีสาดส่ องเข้ามา ยิงทําให้นางเปล่งประกายสดใสงดงาม

มู่หรงเสวียยิมเย็นไร้คาํ พูด แต่งตัวสวยขนาดนี ดูท่าว่าคงมีการเตรี ยมพร้อมก่อนทีจะมาจริ ง ๆ แต่น่าเสี ยดายที


คุณชายโอวหยางไม่แม้แต่จะออกมาพบนาง การลงทุนลงแรงของนางรอบนี คงดูท่าว่าจะไร้ประโยชน์เสี ยแล้ว
“ซ่งชิงเหยียน ทีนี เป็ นเรื อนหิ มะโปรยแห่ งจวนเจินกัวโหว มิใช่จวนอู่อนั โหว เจ้าจะมาเอะอะโวยวายทําไมกัน ?”

เมือมองไปทีด้านหลังทีว่างเปล่าของมู่หรงเสวีย แววตาของซ่ งชิงเหยียนก็พลันสันไหวไปด้วยความผิดหวัง นาง


ขมวดคิวแล้วกล่าวขึน “มู่หรงเสวีย คุณชายโอวหยางเล่า ?”

“คุณชายมิอยากพบเจอเจ้า เจ้ากลับไปเสี ยเถอะ” มู่หรงเสวียขีเกียจพูดกับซ่ งชิงเหยียนให้มากความ นางจึงเอ่ยปาก


ไล่แขกอย่างไร้เยือใย

เพียงพริ บตาใบหน้าเรี ยวงามของซ่ งชิงเหยียนก็กลายเป็ นสี ขาวซี ด นางถลึงตามองไปทีมู่หรงเสวียด้วยความ


เกลียดชัง “เจ้าพูดอะไรกับคุณชายโอวหยางใช่หรื อไม่ ? เขาถึงไม่อยากเจอข้า”
“ซ่งชิงเหยียน คุณชายโอวหยางดูเป็ นคนทีข้าสามารถเป่ าหู ได้อย่างนันหรื อ ? เขาบอกว่าไม่อยากพบเจ้า ก็เพราะ
ตัวเขาเองขีเกียจทีจะสนใจเจ้า ไม่มีอนั ใดเกียวข้องกับข้า ความคิดเพ้อฝันของเจ้าก็อย่าได้ให้มนั มากจนเกินไปนัก
......” มู่หรงเสวียยิมอย่างเยาะเย้ยดูถูก เส้นผมทีลู่ลงด้านข้างปลิวไสวไปตามสายลมเผยให้เห็นรอยแดงน้อย ๆ ที
ประปรายอยูบ่ นลําคอเรี ยวของนาง

เมือเห็นดังนัน ความโกรธของซ่ งชิงเหยียนก็พุ่งปะทุขนมาทั


ึ นที นางล้วนหลอกล่อให้คุณชายโอวหยางใกล้ชิด
สนิ ทสนมกับนางถึงเพียงนี แล้วยังจะกล้าพูดอีกหรื อว่าไม่ได้ใช้มารยากับคุณชายโอวหยาง เจ้าคนชันตําโป้ ปด
“มู่หรงเสวีย เจ้าอย่าได้ลืมว่า เจ้าเป็ นคนทีมีพนั ธะอยูก่ บั ตัว ถึงแม้เจ้าจะเสนอตัวให้กบั คุณชายโอวหยาง แต่เขาก็
ไม่มีทางทีจะแต่งให้กบั เจ้า เจ้าเองก็ฝันกลางวันให้มนั น้อย ๆ หน่อย......”

ใบหน้างามของมู่หรงเสวียกลายเป็ นดุดนั ซ่ งชิงเหยียนช่างปากกล้านัก นางยิงพูดก็ยงชั


ิ กกําเริ บเสิ บสาน ยิงพูดจา
ยิงไม่น่าฟั ง นางขีเกียจทีจะต่อปากต่อคํากับซ่ งชิงเหยียนให้เปลืองนําลายอีกต่อไปแล้ว “ซ่ งชิงเหยียน รี บไสหัว
ไปจากเรื อนหิ มะโปรยเดียวนี ทีนีไม่ตอ้ นรับเจ้า !”

“ถ้าข้าพูดว่าไม่ล่ะ ?” ซ่ งชิงเหยียนมองไปทางมู่หรงเสวียอย่างอยากจะท้าทาย แววตาของนางลุกโชนไปด้วยไฟ


โกรธ !

“ถ้าเช่นนันข้าก็คงต้องเรี ยกคนให้มาเชิญตัวเจ้าออกไปแล้ว” มู่หรงเสวียกล่าวเน้นทีละคํา ดวงตาฉายแววเย็นยะ


เยือก

“เจ้ากล้าหรื อ !” ซ่งชิงเหยียนถลึงตามองมู่หรงเสวียอย่างเกลียดชัง แววตาเต็มไปความเกรี ยวกราด


“เด็ก ๆ ส่ งคุณหนูออกจากเรื อน” มู่หรงเสวียออกคําสังอย่างไร้เยือใย ถ้าเสื อไม่คาํ รามเสี ยบางนางก็คงนึ กว่าตัวข้า
นันเป็ นเพียงแค่แมวน้อย ซ่ งชิงเหยียนกล้าทีจะท้าทายนางอย่างอวดดีเช่นนี นางก็จะให้ซ่งชิงเหยียนได้ดูเสี ย
หน่ อยว่าแท้จริ งแล้วนางจะกล้าหรื อไม่

“เจ้าค่ะ !” สาวใช้สองคนเดินเข้ามา คนหนึ งอยูข่ า้ งซ้าย อีกคนอยูข่ า้ งขวา จับตัวซ่ งชิงเหยียนไว้ แล้วลากนาง
ออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ ว

เท้าของซ่ งชิงเหยียนลอยอยูบ่ นพืน นางทังร้อนรนทังโมโห ออกแรงดินรนกล่าวทอต่อว่าด้วยความเกรี ยวกราด


“พวกเจ้าทําจะอะไร ! ? ปล่อยข้าลงเดียวนี นะ !”

เหล่าสาวใช้ได้ยนิ แต่ไม่สนใจ มือหยาบกร้านยึดจับแขนของซ่ งชิงเหยียนแน่ น คุมตัวนางเดินออกไปด้านหน้า


ไม่ว่านางจะต่อต้านขัดขืนอย่างไรก็ไม่สามารถทีจะหลุดพ้นไปได้ นางได้แต่กดั ฟันกรอดแล้วกล่าวขึนว่า “พวก
เจ้าสุ นขั รับใช้ทงสอง
ั กล้าบังอาจล่วงเกินข้า เห็นทีคงไม่อยากมีชีวิตอยูแ่ ล้วหรื อไร รี บปล่อยข้าลงเดียวนี !
ไม่อย่างนันข้าจะให้ท่านยายส่ งพวกเจ้าออกไปขาย......”

“ขออภัยเจ้าค่ะคุณหนู สัญญาทาสของบ่าวอยูใ่ นมือของคุณหนู ใหญ่ ไม่ว่าอย่างไรฮูหยินเฒ่าก็ไม่มีสิทธิส่ งข้า


ออกไปขาย” สาวใช้ตดั บทคําพูดของนางด้วยสี หน้าไร้อารมณ์ เท้าพลางก้าวไปด้านหน้าไม่หยุด

ความโกรธของซ่ งชิงเหยียนยิงพุ่งขึนสู ง นางหันไปถลึงตามองมู่หรงเสวีย แววตาเกรี ยวกราดจนแทบจะสามารถ


พ่นไฟออกมาได้......
ขณะนันสาวใช้สองนางของจวนโหวเดินผ่านมา นางทังสองคนกําลังถือถ้วยนําร้อนทีมีฝาปิ ดอยูใ่ นมือคนละ
หนึ งใบ กําลังเดินอย่างระมัดระวังไปทีเรื อนหิ มะโปรย

แววตาของซ่ งชิงเหยียนปรากฏความเหยียบเย็น นางยกเท้าถีบเข้าไปทีถ้วยนําร้อน เพียงพริ บตาถ้วยนําร้อนก็พุ่ง


กระเด็นไปทางมู่หรงเสวียทีนที

มู่หรงเสวียทีเตรี ยมจะหันหลังกลับไป สายตาก็เหลือบไปเห็นถ้วยนําร้อนทีกําลังพุ่งเข้ามาเสี ยก่อน แววตาของ


นางวูบไหวไปด้วยความเย็นยะเยือก คว้าจับเข้าทีไม้ทีอยูด่ า้ นข้างฟาดเอาถ้วยนําร้อนสวนกลับไป ถ้วยนําร้อนพุ่ง
กลับไปในทิศทางทีมันจากมา พุ่งตรงเข้าไปทีไหล่ของซ่ งชิงเหยียน นําร้อนทีเพิงจะเดือดปุด ๆ ราดเข้าทีร่ าง
ครึ งบนของนางทันที

“อ้า !” ซ่ งชิงเหยียนกรี ดร้องอย่างโหยหวน เสี ยงร้องดังลันไปทัวบริ เวณ

มู่หรงเสวียมองดูนางด้วยความสะใจ เห็นท่าทางของซ่ งชิงเหยียนดินรนออกจากกับจับกุมของเหล่าสาวใช้ ปั ด


เช็ดเข้าทีคอของตนอย่างร้อนรนคล้ายคนบ้า ไหล่ของนางถูกลวกด้วยนําร้อน ดวงตาทังสองข้างแดงกํา มองไป
ทางบรรดาสาวใช้โดยรอบ ตวาดขึนอย่างบ้าคลัง “ร้อน ร้อน ร้อนจะตายอยูแ่ ล้ว......ไปตามท่านหมอ รี บไปตาม
ท่านหมอมาเร็ วสิ !......”

“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ......” เหล่าสาวใช้คล้ายตืนจากภวังค์ รี บรับคําอย่างทันที พวกนางวิงออกไปด้านนอกของ


จวนอย่างร้อนรน
ซ่งชิงเหยียนถลึงตามองมู่หรงเสวียแล้วกัดฟันพูดขึน “มู่หรงเสวีย เจ้าทําร้ายข้าอีกแล้ว !”

“เป็ นเจ้าเองทีจิตใจสกปรกคิดไม่ซือ ตังใจอยากให้นาร้


ํ อนลวกข้า แต่บงั เอิญทํานําร้อนลวกตัวเอง อย่างนีจะมา
โทษข้ามิได้......ถ้าเจ้าอยากจะโยนความผิดให้กบั ข้า ก็ไม่มีปัญหา ข้าจะได้สาดนําร้อนใส่ เจ้าอีกครัง จะได้ให้
ความผิดนันกลายเป็ นความจริ งเสี ยเลยเป็ นอย่างไร......” มู่หรงเสวียพูดขึนด้วยความเย็นชา นางค่อย ๆ เดินไป
ด้านหน้าของเหล่าสาวใช้รับเอาถ้วยนําร้อนในมือของนาง แล้วหันมองไปทางซ่ งชิงเหยียน

เมือมองไปทีดวงตาเย็นยะเยือกของนาง หนังตาของซ่ งชิงเหยียนก็กระตุกถียิบ การกระทําและจิตใจทีโหดเหี ยม


ของมู่หรงเสวียนัน นางล้วนได้พานพบกับตัวเองมาตังแต่ไหนแต่ไรแล้ว นางจึงไม่สงสัยเลยสักนิ ด ถ้าขืนนางยัง
กล้าใส่ ร้ายมู่หรงเสวียอีกเพียงประโยคเดียว เกรงว่ามู่หรงเสวียคงไม่ลงั เลทีจะสาดนําร้อนลงบนตัวนางแน่ !

“มู่หรงเสวีย เจ้าช่างอํามหิ ตยิงนัก !” ซ่ งชิงเหยียนทิงคําพูดไว้ดว้ ยความเกลียดชัง นางถลึงตามองไปทีมู่หรงเสวีย


อย่างโกรธแค้น คว้ามือของสาวใช้ทีไม่ค่อยเต็มใจทีจะพยุงนางให้เดินกลับไปทีเรื อนของตนอย่างเร่ งรี บ

นําร้อนเมือครู่ ร้อนมาก จําต้องล้างทําความสะอาดโดยเร็ วทีสุ ด มิเช่นนันผิวของนางคงได้รับผลกระทบหนักเป็ น


อย่างมาก

มู่หรงเสวียทีลงมือทําร้ายนาง นางจะจดจําให้ขึนใจ รอจนถึงเวลาทีเหมาะสม นางจะเอาคืนมากกว่านี อีกหลาย


เท่า ให้มู่หรงเสวียร้องขอชีวิตก็ไม่ได้ จะร้องขอความตายก็ไม่ได้ !
ซ่งชิงเหยียนเดินไปยังสุ ดขอบของทางเดินหิ นสี ดาํ แล้วเลียวลับหายไปจากสายตาของนาง !

มู่หรงเสวียละสายตากลับมา พลันมองไปเห็นถุงผ้าทีเอวของตัวเองด้วยความบังเอิญ ถุงผ้าไหมสี ทองของนาง


เปี ยกนําร้อนเป็ นวงกลมใหญ่ ๆ !

นางตืนตระหนก เร่ งรี บดึงถุงผ้าลงมา หยิบผ้าเช็ดหน้า รี บเช็ดไปทีคราบนําร้อน เมือครู่ นางเข้าใจว่านางได้


ระมัดระวังเป็ นอย่างดีแล้ว แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกนําร้อนกระเด็นใส่ ไปเสี ยได้ โชคยังดีทีนําร้อนกระเด็นมาโดน
นางเพียงเล็กน้อย เพียงแค่สาดโดนถุงผ้ามิได้สาดโดนผิวหนัง......

ถุงผ้าใบนี เป็ นถุงผ้าทีมู่หรงเย่มอบให้นางในตอนนัน หลังจากทีนางกลับมาจากหุ บเขาหวีซาน นางมัวแต่ยงุ่


วุ่นวายมาโดยตลอด เลยลืมทีจะคืนให้กบั เขา ไม่รู้ว่าจะเปี ยกไปถึงเครื องรางปกป้ องกายทีอยูด่ า้ นในจะหรื อไม่ ?

เครื องรางทีท่านแม่มอบไว้ให้เขา ล้วนเป็ นของทีลําค่านัก หากไม่มีความเสี ยหายเกิดขึนจะดีทีสุ ด......

มู่หรงเสวียรี บเปิ ดถุงผ้าออก หยิบเอากระดาษบางด้านในออกมา กระดาษยังสะอาดเอียมอ่อง ไร้ร่องรอยเปรอะ


เปื อน แต่ว่าเครื องรางส่ วนใหญ่ใช้เพียงกระดาษธรรมดามิใช่หรื อ ? ทําไมกระดาษแผ่นนีถึงคล้ายกับแผ่นหนัง
แพะไปได้ ?

มู่หรงเสวียคลีกระดาษเครื องรางออกดูดว้ ยความสงสัย เห็นเพียงว่ามันเป็ นแค่แผ่นหนังแพะซี ดเหลืองแผ่นหนึ ง


ด้านบนเขียนด้วยตัวอักษรจีนสี ดาํ ทังยังมีเส้นสี ดาํ แนวตังบ้างแนวนอนบ้างโค้งบ้างตรงบ้างขีดเขียนอยูด่ า้ นบน ดู
แล้วช่างคุน้ ตา เหมือนกับว่าเคยเห็นทีไหนมาก่อน......

มู่หรงเสวียขมวดคิวพยามยามทีจะคิดให้ออก พริ บตาเดียวในหัวพลันเปล่งแสงวาบขึน แผนทีครึ งแผ่นทีนางแย่ง


มากจากมือของฉิ นยวีเยียนแผ่นนันเหมือนกับเครื องรางแผ่นนี มาก หรื อว่าทังสองแผ่นจะมีความเกียวข้องกัน......

แววตาของมู่หรงเสวียเปล่งประกายวูบไหว กําแผ่นหนังแพะในมือแน่นเร่ งเดินไปทีเรื อนหิ มะโปรยทันที......


ตอนที 92 ถูกคนเจ้ าเล่ห์รังแก
มู่หรงเสวียวิงเข้าไปด้านในห้อง เร่ งเปิ ดช่องลับในกําแพงแล้วหยิบเอาแผ่นหนังแพะออกมา นางค่อย ๆ นํามา
เทียบกับแผ่นหนังแพะอีกครึ งแผ่นในมือ ทันใดนันเองแผนทีสี ดาํ ขาวทีประกอบเข้ากันอย่างสมบูรณ์กป็ รากฏสู่
สายตา ตัวอักษรสี ทองสามตัวปรากฏอยูด่ า้ นบนกระดาษหนังแพะเขียนว่า ฉางเป่ าถู (แผนทีเก็บสมบัติ) ดึงดูด
สายตาของนาง

มิน่าเล่าพอตอนทีนางแย่งแผนทีมาได้ ฉิ นยวีเยียนถึงได้มีปฏิกิริยามากเพียงนัน ทีแท้เป็ นแผนทีทีซ่ อนของสมบัติ


ของราชวงศ์ก่อนนี เอง ฉิ นยวีเยียนอยูท่ ีหุ บเขาหวีซานลําบากลําบนหามันแทบตาย ลงแรงไปไม่รู้ตงมากมาย

เท่าไรถึงจะหาพบ แน่ นอนว่าต้องเสี ยดายเป็ นธรรมดาทีต้องเสี ยมันให้นางมาโดยง่าย......

แต่ว่าแผนทีซ่อนสมบัติอีกครึ งหนึ ง ทําไมถึงได้มาอยูใ่ นถุงผ้าของมุ่หรงเย่ได้ ? อีกทังยังเป็ นถุงผ้าทีแซ่ เฉิ นทิงไว้


ให้เขา......

ไม่ว่ามู่หรงเสวียจะคิดเท่าไรก็คดิ ไม่ออก นางแหวกม่านเดินออกไปจากห้องด้านใน ก็เห็นคุณชายโอวหยางกําลัง


นังจิบชาอยูด่ า้ นหน้าโต๊ะไม้แดงเพียงผูเ้ ดียว ชายเสื อสี ขาวหิ มะลู่ลงกับพืนช่างดูสูงส่ งและสง่างามจนพูดไม่ออก
แต่นางกลับไม่เห็นร่ องรอยของมู่หลิวเฟิ งแล้ว

นางกระพริ บตา “คุณชายมู่ล่ะ ?”

“เขากลับจวนเฉิ งกัวกงไปแล้ว เจ้ามีธุระกับเขาหรื อ ?” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนด้วยเสี ยงราบเรี ยบ ไออุ่นในถ้วย


ชาลอยสู งขึน จนบดบังประกายตาของเขา
มู่หรงเสวียส่ ายหน้า “ไม่มีอะไร แค่มีเรื องอยากจะปรึ กษากับคุณชายเล็กน้อย”

“เรื องอะไร ?” คุณชายโอวหยางเงยหน้าขึนมองนาง

มู่หรงเสวียนังลงทีด้านข้างของคุณชายโอวหยาง กล่าวขึนเสี ยงตําอย่างมีลบั ลมคมใน “คุณชายสนใจทีซ่ อน


สมบัติของราชวงศ์ก่อนหรื อไม่ ?”

สมบัติทีสามารถทําให้เย่อีเฉิ นสนใจได้ แน่ นอนว่าต้องเป็ นสมบัติทีมีค่ามากมายมหาศาลไม่นอ้ ย นางไม่ได้โลภ


มากในทรัพย์สินเงินทอง แต่ว่านางกับเย่อีเฉิ นและฉิ นยวีเยียนนันไม่ถูกกัน เรื องทีกระทําแล้วสามารถขัดขวาง
พวกเขาได้ นางล้วนเต็มใจทีจะทํา !

แต่ทหารของจวนเจินกัวโหวไม่สามารถเป็ นคู่ปรับฝี มือของทหารของวังจิงอ๋ องได้ ถ้าแค่ตวั นางคนเดียวพาทหาร


ไปหาสมบัติ แน่นอนว่าจะต้องถูกเย่อีเฉิ นแย่งเอาไปจนหมดไม่เหลือแน่

เช่นนันนางจึงตังใจทีจะร่ วมมือกับผูอ้ ืน ซึ งฐานะของคุณชายโอวหยางสู งส่ ง อีกทังมีคนทีมีความสามารถในมือ


มากมาย อุปนิสัยก็ไม่เลว ถือเป็ นคนทีเหมาะสมทีสุ ด
กลินหอมของบัวอัคคีทีคล้ายมีคล้ายไม่มีกระทบเข้ากับจมูก ลมหายใจหอมพ่นลดต้นคอของเขา แววตาของ
คุณชายโอวหยางวูบไหว มองไปทางมู่หรงเสวียอย่างไม่บอกความรู ้สึกใด “เจ้ารู้ทีซ่ อนสมบัติของราชวงศ์ก่อน
อย่างนันหรื อ ?”

มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ หยิบแผนทีทังสองแผ่นยืนไปยังด้านหน้าของคุณชายโอวหยาง “ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด นี


คือทีซ่ อนสมบัติของราชวงศ์ก่อน จุดหมายปลายทางและเส้นทางการไปทีซ่ อนสมบัติลว้ นเขียนชัดเจน เพียงแค่
พวกเราไปตามสัญลักษณ์บนแผนที ก็จะสามารถหาทีซ่ อนของสมบัติพบ”

คุณชายโอวหยางมองไปทีเส้นโค้งต่าง ๆ นา ๆ บนแผนที สายตามีเพียงความเรี ยบเฉย “เจ้าไปเอาแผนทีมาจากที


ใด ? และแน่ ใจหรื อว่ามันเป็ นของจริ ง ?”

มู่หรงเสวียยิมเพียงบางเบา “แผนทีทังสองแผ่นนี ข้าได้มาเพราะความบังเอิญ แผ่นหนังแพะล้วนซี ดเหลืองแล้ว


แน่นอนว่าต้องผ่านระยะเวลามาอย่างยาวนาน ซึ งอาจจะทําขึนมาตังแต่ราชวงศ์ก่อน เรื องสถานทีและเส้นทาง
ด้านบนของแผนที จําต้องให้พวกเราเดินทางไปดูดว้ ยตัวเองสักครา ถึงจะรู ้วา่ จริ งหรื อปลอม”

เมือมองไปทีดวงตาวูบไหวของนาง คุณชายโอวหยางก็ขมวดคิวเข้าหากันทันที “เจ้าอยากได้เงินทองมากขนาดนี


เชียวหรื อ ?”

“ไม่มีผใู ้ ดปฏิเสธทีจะมีเงินมากขึน” มู่หรงเสวียใช้คาํ พูดของมู่หลิวเฟิ ง นางยิมตาหยีมองไปทีคุณชายโอวหยาง


“คุณชายโอวหยาง ข้ามีแผนที ท่านออกแรงออกกําลังคน หลังจากทีได้สมบัติมา พวกเราก็แบ่งกันคนละห้าส่ วน
เช่นนันดีหรื อไม่ ?”
คุณชายโอวหยางมองไปทีนาง แววตาของเขาวูบไหวไปด้วยความประหลาดใจ “แบ่งกันคนละห้าส่ วนอย่างนัน
หรื อ ?”

“ถ้า...ถ้าเช่นนัน...เช่นนันก็สีต่อหก ข้าสี ท่านหก ไม่สามารถน้อยลงกว่านี ได้ แผนทีอีกครึ งแผ่นเป็ นของท่านแม่


ของข้า อีกแผ่นเป็ นของทีข้าแลกมาด้วยชีวิต”

มู่หรงเสวียไม่ได้หลงใหลในเงินทองแต่อย่างใด ส่ วนแบ่งของสมบัติจะได้หรื อไม่ได้กม็ ิเป็ นไร แต่ว่าแซ่ เฉิ นทิง


แผนทีครึ งแผ่นนี ไว้ให้ม่หู รงเย่ นางก็อยากจะหวังให้มู่หรงเย่ได้รับสมบัติในส่ วนนี บ้าง ดังนันนางจําต้องเหลือ
ส่ วนแบ่งสี ส่ วนไว้ให้มู่หรงเย่ดว้ ย

คุณชายโอวหยางมองท่าทางทีจริ งจังของนาง แววตาของเขายิม ๆ แล้วกล่าวขึนอย่างช้า ๆ “แผนทีซ่ อนสมบัติ


เป็ นของเจ้า แน่ นอนว่าสมบัติกต็ อ้ งเป็ นของเจ้า จริ ง ๆ แล้วข้าตังใจว่าจะให้เจ้ายืมองครักษณ์เงาเพือไปเอาสมบัติ
เป็ นการช่วยเหลือเจ้า เรื องส่ วนแบ่งก็จะไม่รับเอาไว้แม้แต่นอ้ ย แต่หากเจ้าตัดสิ นใจทีจะให้ส่วนแบ่งของสมบัติ
ตังหกส่ วนกับข้า เช่นนันข้าก็คงจะไม่ปฏิเสธทีจะรับไว้......”

“......” มู่หรงเสวียเงียบไป

ถ้าจะไม่เอาทรัพย์สมบัติ อยากช่วยเหลือเปล่า ๆ ก็รีบพูดมาตังแต่ทีแรกสิ ! ถ้ารู ้เสี ยแต่ทีแรก เช่นนันใครจะไป


มอบส่ วนแบ่งให้เขาตังหกส่ วนกัน ? ตอนทีนางเสนอว่าแบ่งกันคนละห้าส่ วน แววตาของเขาเต็มไปด้วยความ
แปลกประหลาด นางก็เลยนึ กว่าเขากําลังคิดว่ามันน้อยไป......
ผูช้ ายเจ้าเล่ห์ นางตกหลุมของเขาอีกจนได้......

เมือมองไปทีใบหน้าอึมครึ มของนาง คุณชายโอวหยางก็ยกยิมทีมุมปากอย่างสง่างาม ค่อย ๆนําแผนทีมาประกบ


เข้าด้วยกัน มองไปบนเส้นทางคดโค้งด้านบน แล้วกล่าวขึนอย่างช้า ๆ “ตอนนีเวลาก็สายมากแล้ว พวกเรามา
ศึกษาเส้นทางกับสถานทีบนแผนทีให้ละเอียดเถอะ จะมาทําเป็ นเล่นกับสมบัติหกส่ วนของข้าไม่ได้......”

“......”

เขาต้องตังใจแน่ เขาตังใจพูดคําเหล่านีเพือยัวโมโหนางแน่ นางก็แค่คาดเดาผิดพลาดเผลอมอบส่ วนแบ่งของ


สมบัติหกส่ วนให้เขา เขาก็เลยมาทําท่าอวดดีเช่นนี ต่อหน้านาง เป็ นเพราะอยากให้นางรู ้ว่าตัวนางนันโง่งมมาก
ขนาดไหน ? ช่างน่ าโมโหนัก !

ด้านนอกของเรื อนหิ มะโปรย เงาร่ างสี ดาํ สายหนึ งค่อย ๆ หายวับไป......

ห้องหนังสื อวังจิงอ๋ อง

เย่อีเฉิ นอยูใ่ นชุดสี ม่วงเข้ม เท้าแขนอยูด่ า้ นหน้าของโต๊ะหนังสื อ เขามองไปทีภาพวาดทีแขวนไว้ตาไม่กระพริ บ


บนภาพวาดมิใช่ทิวทัศน์ของดอกไม้หรื อต้นไม้อะไร แล้วก็ไม่ใช่รูปของสาวงามคนไหน แต่เป็ นภาพของชาย
หนุ่ มผูห้ นึ งทีถูกลูกศรสามดอกพุ่งปั กเข้าทีส่ วนหัวและทะลุแขนทังสองข้าง ! ถ้าหากดูให้ชดั เจนแล้ว ชายหนุ่ มผู ้
นันก็คือมู่หรงจีแห่ งจวนเจินกัวโหว !

ศรสามดอก เป็ นท่าธนูทีเลืองชือของตระกูลมู่หรง แม้แต่คนธรรมดาทัวไปในตระกูลมู่หรงก็สามารถทีจะทําได้


แต่โดยทักษะพืนฐานแล้วจะเป็ นการยิงธนูทีศรสามดอกพุ่งเข้าเป้ าสี แดงพร้อมกัน แต่หากพูดถึงทักษะการยิงธนู
ทียอดเยียมแล้ว มีเพียงการยิงศรสามดอกออกไปพร้อมกันเป็ นรู ปสามเหลียมของมู่หรงเยว่ทีสามารถโจมตีไปที
จุดสําคัญทีแตกต่างกันบนร่ างของศัตรู เพียงเท่านัน ทีเป็ นความสามารถทีน่ าทึงจนผูค้ นต้องตกตะลึง !

การยิงศรออกไปสามดอกพร้อมกันในภาพเหมือนกับมู่หรงเยว่เป็ นคนยิงศรเองไม่มีผดิ เพียน ถึงเขาจะไม่ได้เห็น


กับตาของตัวเอง แต่เห็นจากภาพวาดขององครักษ์เงา เขาก็พอทีจะคาดเดาได้ตอนทีมู่หรงเสวียยิงศรสามดอก
เหล่านี ออกไป ผูค้ นมากมายทีพบเห็นจะต้องตกตะลึงมากขนาดไหน......

ภาพว่าทีภรรยาทีอ่อนแอในความทรงจําสลายหายไปหมดสิ น หรื อว่าแต่ไหนแต่ไรมามู่หรงเสวียก็เป็ นผูห้ ญิง


แบบนี แต่เขากับนางได้พบเจอกันน้อยเกินไป จึงไม่ได้เห็นด้านทีน่ าตกตะลึงของนาง ความเข้มแข็ง หนักแน่ น
ฉลาดรอบรู ้ของนาง ล้วนทําลายภาพทีเขารู้จกั นางในอดีตไปหมดสิ น ทําให้เขาอดไม่ได้ทีจะให้ความสนใจ......

“อีเฉิน อีเฉิ น......” นําเสี ยงอ่อนหวานของหญิงสาวลอยเข้าหู ทําให้เย่อีเฉิ นหลุดจากภวังค์ในทันใด เขายืนมือไป


ดึงภาพวาดนันม้วนเก็บเข้าไปในทีเก็บภาพ แล้วหมุนกายเดินออกไปทีประตู

ด้านนอกปรากฏร่ างของฉิ นยวีเหยียนในชุดสี ม่วงอ่อน ภายใต้แสงอาทิตย์สีทองทีสาดส่ องนางค่อย ๆ เยืองย่าง


เข้ามาในห้องหนังสื อ ใบหน้าซี ดขาวประดับด้วยรอยยิมทีงดงาม “อีเฉิน ข้าจะมาบอกข่าวดีแก่เจ้าเรื องหนึง ข้าหา
แผนทีซ่ อนสมบัติอีกครึ งหนึ งเจอแล้ว !”
แววตาของเย่อีเฉิ นชะงักไปทันที “จริ งหรื อ ? เช่นนันแผนทีซ่ อนสมบัติแผ่นนันอยูท่ ีใด ?”

“อยูใ่ นมือมู่หรงเสวีย !” ฉิ นยวีเยียนกล่าวเน้นทีละคํา แววตาของนางคมกริ บ

“เจ้าหมายถึง......มู่หรงเสวียมีแผนทีทีสมบูรณ์อยูใ่ นมืออย่างนันหรื อ” ดวงตาของเย่อีเฉิ นหรี ลง

“ใช่ นางได้หารื อกับคุณชายโอวหยางแล้วว่าจะไปขุดสมบัติดว้ ยกัน” ฉิ นยวีเยียนกล่าวเสี ยงตํา นําเสี ยงออดอ้อน


แฝงไปด้วยเสี ยงกัดฟั นเล็กน้อย “พวกเราจะต้องขัดขวางพวกเขา”
ตอนที 93 พบอันตราย

มู่หรงเสวียกลับบอกเรื องทีสําคัญเช่นนี กับคุณชายโอวหยาง อีกทังยังเตรี ยมทีจะไปหาสมบัติพร้อมกันกับเขา คง


เชือมันในตัวเขามากสิ นะ ระหว่างพวกเขาสนิทกันถึงขันทีไม่ว่าเรื องอะไรก็สามารถบอกกันได้แล้วหรื อ ?

สี หน้าของเย่อีเฉิ นค่อย ๆ ดุดนั ขึน อยู่ ๆ เขาก็รู้สึกหงุดหงิดขึนมาภายในใจ พลางกล่าวเน้นทีละคํา “คุณชายโอวห


ยางเป็ นคนยากทีจะต่อกรด้วย อยากจะขัดขวางการไปหาสมบัติของพวกเขาย่อมจะต้องใช้แผนทีแยบยล......”

“วางใจเถอะ ข้าได้วางคนเอาไว้ขา้ งกายของมู่หรงเสวีย ให้เฝ้ าดูทุกการเคลือนไหวของนางตลอดสิ บสองชัวยาม


ในทุก ๆ วัน การจะขัดขวางพวกเขานันช่างง่ายดายดังพลิกฝ่ ามือ......” ฉิ นยวีเยียนกล่าวขึนเสี ยงสู ง แววตาของ
นางเปล่งประกายเย็นยะเยือก

แววตาของเย่อีเฉิ นลําลึก “มู่หรงเสวียกับคุณชายโอวหยางเป็ นคนฉลาด อยากจะวางแผนจัดการพวกเขา จําเป็ น


จะต้องระมัดระวังเป็ นอย่างดี ต้องผ่านการไตร่ ตรองแล้วไตร่ ตรองเล่า อย่าได้ประมาทเป็ นอันขาด !”

“อย่าได้กงั วลไป ข้ารู ้วา่ อะไรควรอะไรมิควร แผนการทีจะใช้ในการจัดการพวกเขา ข้าได้คิดเอาไว้เรี ยบร้อยแล้ว


......” ฉิ นยวีเยียนยิมน้อย ๆ ท่าทางดูมีลบั ลมคมใน !
ภายใต้แสงอาทิตย์ทีทอประกาย มู่หรงเสวียอยูใ่ นชุดสี เขียวอ่อนนังอยูบ่ นหลังม้าเร็ วทีกําลังพุ่งตัวไปบนถนน
หลวงทีราบเรี ยบด้วยความรวดเร็ ว ทําให้ดา้ นหลังต่างฟุ้ งกระจายไปด้วยฝุ่ นควัน

เสี ยงแหวกอากาศทีผิดปกติดงั ขึนกระทบเข้ากับหู แววตาของมู่หรงเสวียคมขึน เข็มเงินในมือพุ่งออกไป ได้ยนิ


เพียงเสี ยง ‘ตุบ’ เสี ยงหนึง พลันเงาร่ างสี ดาํ สายหนึ งก็ร่วงลงมาจากต้นไม้ ตกกระแทกเข้าทีพืนแข็งอย่างแรง สลบ
จนไม่ได้สติ......

มู่หรงเสวียปรายตาไปมองอย่างเฉยชาเพียงครู่ หนึ ง ม้าเร็ วทีนางนังอยูน่ นไม่


ั สามารถหยุดลงได้ ยังคงพุ่งต่อไป
ด้านหน้า เสี ยงเย็นชาของนางลอยตามมาทางสายลม “เมือครู่ เป็ นองครักษ์เงาทีเย่อีเฉิ นส่ งมาอย่างนันหรื อ ?”

“ไม่ผดิ !” คุณชายโอวหยางพยักหน้า

มู่หรงเสวียยกยิมเย็น นางรู ้อยูแ่ ล้วว่า เพราะนางทีเป็ นคนแย่งชิงแผนทีซ่ อนสมบัติจากฉิ นยวีเยียนมา ฉิ นยวีเยียน


ย่อมไม่ยอมรามือไปง่าย ๆ แน่ นางจะต้องสังการให้องครักษ์เงาเฝ้ าดูนางไว้ ทุก ๆ การกระทําของนาง ฉินยวี
เยียนคงรับรู ้ทงหมดอย่
ั างทะลุปรุ โปร่ ง......

“องครักษ์เงาผูน้ ีตามพวกเรามาตลอดทาง เจ้าไม่มีท่าทีทีจะสนใจ แต่ทาํ ไมอยู่ ๆ ถึงได้จดั การเขาจนสลบเช่นนีเล่า


?” คุณชายโอวหยางไต่ถามเสี ยงเบา

มู่หรงเสวียยกยิมลึกลับ “ถ้ายึดตามทีเขียนไว้บนแผนที อีกชัวครู่ เราก็จะถึงทีซ่ อนสมบัติแล้ว ด้านหน้ามีเส้นทาง


หลายสาย แต่มีเพียงเส้นทางเดียวทีจะพาเราไปถึงทีซ่ อนสมบัติได้ พอองครักษ์เงาสลบไม่ได้สติกจ็ ะไม่มีทางทีจะ
หาพวกเราเจอ ถ้าเย่อีเฉิ นหาพวกเราไม่เจอ เขาก็จะไม่สามารถสร้างความลําบากให้กบั พวกเราได้ พวกเราก็จะ
สามารถเก็บโกยสมบัติไปได้อย่างสะดวกสบาย......”

ดวงตาของคุณชายโอวหยางเปล่งประกายรอยยิมบางเบา เขากล่าวขึนอย่างราบเรี ยบ “เกรงว่าเรื องราวจะไม่


ง่ายดายอย่างทีเจ้าคิด”

“ท่านหมายความว่าอย่างไร ?” มู่หรงเสวียมองไปทางเขาอย่างไม่เข้าใจนัก

“เพราะยังมีองครักษ์เงาตามมาอีกคนหนึง” คุณชายโอวหยางตอบกลับอย่างไม่ใส่

มู่หรงเสวียชะงัก นางตังใจฟั งเสี ยงโดยรอบ มีเสี ยงของสายลมทีบางเบามากสายหนึ งลอยมา เพียงพริ บตาใบหน้า


งามของนางก็เปลียนเป็ นเย็นชา องครักษ์เงาของวังจิงอ๋ องก็เหมือนกับกาวหนังสุ นขั ตามติดไม่ปล่อยไม่ว่าจะ
สลัดอย่างไรก็ไม่หลุด......

“ท่านมีวิธีไหนทีจะสลัดพวกเขาให้หลุดได้ ?” องครักษ์เงาเป็ นเย่อเฉิ


ี นทีส่ งมา ถ้าหากพวกองครักษ์เงาตามไปถึง
ี นก็จะรู้จุดทีใช้ซ่อนสมบัติ เมือถึงตอนนัน พวกนางคงไม่สามารถทีจะขนย้ายสมบัติได้
ทีซ่ อนสมบัติได้ เย่อเฉิ
อย่างราบรื น

“แน่นอนว่ามี” คุณชายโอวหยางยกยิมมุมปาก ร่ างของเขาขยับวูบ เพียงพริ บตาร่ างสู งโปร่ งคล้ายก้อนเมฆสี ขาว


สายหนึงก็ปรากฏตัวขึนทีด้านหน้าของมู่หรงเสวีย เขายืนมือคว้าเข้าทีเอวของนาง และอุม้ นางขึนลอยไปใน
อากาศ แล้วพุ่งตัวออกไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ ว
กลินหอมบางเบาของไม้ไผ่กระทบเข้ากับจมูก เสี ยงของสายลมพัดผ่านใบหู ภาพทิวทัศน์ดา้ นหน้าถอยกลับไปยัง
ด้านหลังอย่างรวดเร็ ว มู่หรงเสวียกระพริ บตาไร้วาจาใดทีจะกล่าว ในแผ่นดินนีวิชาตัวเบาของคุณชายโอวหยาง
ล้วนเป็ นหนึ งไม่มีสอง เขาใช้วิชาตัวเบาอุม้ นางมาเช่นนี ไม่ตอ้ งพูดถึงองครักษ์เงาของวังจิงอ๋ องหรอก
แม้กระทังเย่อีเฉิ นมาเองก็ไม่มีทางทีจะตามเขาทัน......

ใช้วิธีนีสลัดองครักษ์เงาทิง ช่างเป็ นแผนการทีสู งส่ งนัก......

ระหว่างทีในใจกําลังชืนชมเขาอยู่ มู่หรงเสวียก็มองเห็นภูเขาไม่สูงไม่เตียลูกหนึ ง ด้านบนของภูเขาถูกปกคลุมไป


ด้วยป่ าไม้ใบหญ้าทีเขียวขจี ตรงตีนเขาด้านล่างเต็มไปด้วยก้อนหิ นขรุ ขระทีถูกต้นหญ้าและพืชพรรณปกคลุม
รู ปร่ างของภูเขาคล้ายคลึงครึ งวงกลมทีดูผดิ ปกติ มองจากทีไกล ๆ ช่างดูคุน้ ตา......

มู่หรงเสวียกระพริ บตาปริ บ ๆ หยิบเอาแผนทีซ่ อนสมบัติในแขนเสื อออกมามองไปทีสัญลักษณ์บนแผนที แววตา


ของนางเปล่งประกาย “สมบัติอยูท่ ีภูเขาลูกนี พวกเรารี บลงไปเถอะ !”

“เจ้าแน่ใจหรื อ ?” คุณชายโอวหยางมองไปทีนางด้วยสายตาเรี ยบเฉย

“แน่ใจ ไม่ผดิ แน่ !” มู่หรงเสวียพยักหน้าแรง ๆ นางชีนิวไปทีแผนที “ท่านดูเถอะ ด้านบนก็เขียนไว้อย่างชัดเจน”


คุณชายโอวหยางปรายตามองแผนทีหนหนึง ชายเสื อสี ขาวหิ มะพลิวไหวอยูก่ ลางอากาศ เปล่งรัศมีสง่างาม ค่อย
ๆ ร่ อนตัวลงสู่ พนื เงยหน้ามองไปยังภาพทีปรากฏสู่ สายตา นอกจากหิ นภูเขาแล้วก็มีแต่ตน้ ไม้ใบหญ้า มองไม่
เห็นถําอะไรแม้แต่นอ้ ย กระทังรู หนูก็ไม่มีให้พบเห็น

มู่หรงเสวียขมวดคิวแน่ น บนแผนทีก็เขียนทางเข้าของทีซ่ อนสมบัติไว้อย่างชัดเจนแล้วนีว่าอยูต่ รงนี แล้วทําไม


ถึงไม่เจอ ?

มู่หรงเสวียแกะมือทีเกาะอยูต่ รงเอวของนางออก หลังจากนันก็ค่อย ๆ เดินไปทีด้านหน้าของภูเขา ดึงถอนต้นไม้


ใบหญ้าต่าง ๆ นา ๆ ทีปกคลุมอยูโ่ ดยรอบซ้ายที ขวาที ไม่คาดว่าจะบังเอิญดึงไปโดนเถาวัลย์ดงหนึงทีปกคลุมอยู่
บนก้อนหิ น เพียงพริ บตานัน ปากถําเล็ก ๆ ทีถูกเศษหิ นปิ ดบังเอาไว้กป็ รากฏสู่ สายตา......

แววตาของมู่หรงเสวียเปล่งประกาย “เป็ นไปได้มากทีเดียวทีทีนีจะเป็ นปากทางเข้า คุณชายโอวหยาง รบกวน


ท่านแล้ว !”

เศษหิ นเศษดินทีทับถมทําให้บริ เวณปากถํานันปิ ดสนิท นางทีไม่ได้เตรี ยมอุปกรณ์ทีใช้ในการขุดเจาะมาด้วย ถ้า


หากใช้กิงไม้ในการขุด ดูท่าคงไม่มีทางขุดเอาเศษหิ นพวกนี ออกไปได้หมดก่อนฟ้ ามืดแน่

คุณชายโอวหยางตอบรับเพียงเสี ยงอืมอย่างราบเรี ยบ เพียงนิวมือภายใต้แขนเสื อดีดเบา ๆ พลังปราณกล้าแกร่ ง


สายหนึงก็พุ่งออกมาปะทะเข้ากับเศษหิ นอย่างแรง ได้ยนิ เสี ยงดัง ‘ปั ง’ เสี ยงหนึง ทันใดนันเศษหิ นเศษเล็กเศษ
น้อยก็กระจัดกระจายไปทัวบริ เวณปากถํา ฝุ่ นควันฟุ้ งกระจายไปทัว ทําให้ผคู ้ นสําลักไปมา......
หลังจากทีฝุ่นผงสลายหายไปแล้ว ปากถําขนาดคนสองคนสามารถเดินผ่านไปได้ปรากฏอยูต่ รงหน้าของทังสอง
ด้านในมีแต่ความมืดมิดมองไปไม่มีทีสิ นสุ ด......

ดวงตาของมู่หรงเสวียแวววาวขึนมา นี ต้องเป็ นทางเข้าอย่างแน่ นอน “คุณชายโอวหยางพวกเราเข้าไปกันเถอะ”

“ได้สิ !” คุณชายโอวหยางพยักหน้า เดินนํานางเข้าไปในถํา มู่หรงเสวียเร่ งตามหลังเขาเข้าไปติด ๆ

ภายในถํามืดสนิทและชืนแชะ เต็มไปด้วยกลินอับชืน พืนหินทีทังสองเหยียบอยูแ่ ละกําแพงทังสองข้างเต็มไป


ด้วยตะไคร่ นาํ แสดงว่าทีนี ไม่ได้มีคนเข้ามานานแล้ว รอบด้านมืดมิด มู่หรงเสวียก้าวเท้ายาวบ้างก้าวสันบ้างเดิน
ไปด้านหน้า แต่ไม่ทนั ระวังทําให้เท้าเกิดลืนขึนมา นางพุ่งตัวล้มลงไปด้านหน้า

“ระวัง !” คุณชายโอวหยางยืนมือไปรังตัวนางไว้ ฝ่ ามือหยกจับมือของนางเอาไว้แน่ นประสานนิวทังสิ บเข้า


ด้วยกัน “จับข้าแน่ น ๆ อย่าได้ปล่อยมือ”

“ข้ารู ้แล้ว !” มู่หรงเสวียพยักหน้า แววตาของนางวูบไหวอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ นางไม่ชอบใกล้ชิดกับผูอ้ ืนมาก


นัก แต่นางไม่มีกาํ ลังภายใน ไม่สามารถมองเห็นได้ในทีมืด เพือทีจะป้ องกันไม่ให้ลืนล้มอีก มีเพียงจับมือคุณชาย
โอวหยางให้แน่นขึนเท่านัน

หลังจากทีทังสองเดินไปได้หลายสิ บก้าว ทันใดนันตรงหน้ากลับสว่างขึนมา มู่หรงเสวียเงยหน้ามองไปก็พบว่า


รอบด้านมีเพียงผนังหิ นสู งประมาณสองเมตรกว่า ๆ นอกจากทางทีเดินเข้ามาก็ไม่มีเส้นทางไหนให้ไปต่อได้อีก
เหมือนกับทังสองเดินมาจนถึงทางตัน

ทีนี จะต้องจัดตังกลไกเพือขวางเส้นทางข้างหน้าเอาไว้แน่ วิธีเดียวคือคงต้องทําให้กลไกทํางานจึงจะสามารถไป


ต่อได้ !

มู่หรงเสวียยกยิมบางเบาเตรี ยมทีจะไปหาเส้นทาง แต่ไม่คิดว่าเสี ยง ‘ฟ้ าว’ บางเบาสายหนึงจะดังขึน เมือมู่หรง


เสวียหันมองตามไป ก็เห็นแผ่นเหล็กทีเต็มไปด้วยตะปูแหลมคมกําลังพุ่งมาทีนางสองคนอย่างรวดเร็ วและรุ นแรง
......
ตอนที 94 ปะทะต่ อสู้

“ระวัง !” คุณชายโอวหยางยืนมือออกไปดึงหลังของมู่หรงเสวีย เพียงดีดนิวมือภายใต้แขนเสื อเบา ๆ พลังปราณ


กล้าแกร่ งหลายสายก็พ่งุ เข้าไปปะทะกับแผ่นเหล็กจากรอบทิศทาง ได้ยนิ เสี ยง ‘ปั ง ปั ง ปั ง’ หลายเสี ยงดังขึน กับ
ดักแผ่นเหล็กต่างก็แตกสลายกลายเป็ นผุยผงกระจายออกไปในอากาศ ฝุ่ นผงฟุ้ งกระจายไปทัวทังห้อง......

มู่หรงเสวียยังไม่ทนั ทีจะได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก ก็ได้ยนิ เสี ยง “พรึ บ !” ดังขึนเสี ยงหนึ ง ตาข่ายยักษ์ผนื หนึ งพุ่ง
เข้ามา แผ่กว้างพุ่งมาทางนางกับคุณชายโอวหยาง

มู่หรงเสวียค่อย ๆ หรี ตาลงหยิบกระบีออกมาจากเอว ฟันเข้าไปทีตาข่ายยักษ์ ได้ยนิ เสี ยง ‘เคร้ง’ เสี ยงหนึงดังขึน


คมกระบีฟาดลงทีตาข่ายยักษ์ปรากฏประกายแสงวาบขึนสายหนึง ตาข่ายยักษ์ไม่เป็ นอะไร แต่ตวั นางกลับถูกแรง
สะท้อนจนต้องถอยออกมาเสี ยหลายก้าว มือแขนชาไปหมดจนแทบจะจับกระบีเอาไว้ไม่อยู่

“ตาข่ายยักษ์ผนื นี ใช้เส้นไหมอู๋จีของม่อเป่ ยถักขึนมา ใช้คมดาบฟั นไม่เข้าและถึงจะใช้พลังปราณกล้าแกร่ ง


เพียงใดก็ไม่สามารถทีจะทําลายได้ คุณชายโอวหยาง มู่หรงเสวีย พวกท่านก็ไม่ตอ้ งลงแรงให้เหนือยเปล่าเสี ย
หรอก”

นําเสี ยงอ่อนหวานของหญิงสาวลอยเข้าหู แววตาของมู่หรงเสวียเย็นยะเยือก “ฉิ นยวีเยียน ทีแท้กเ็ ป็ นเจ้าทีคิดแผน


ร้ายต่อพวกข้า”
“อะไรทีเรี ยกว่าแผนร้ายงันหรื อ คนทีชนะเป็ นราชา คนทีแพ้เป็ นโจร ทีซ่ อนสมบัติมีแค่ทีเดียว พวกเจ้าอยากได้
พวกข้าก็อยากได้ พวกเราก็แค่อาศัยความสามารถของตัวเอง......”

นําเสี ยงอวดดีของหญิงสาวดังสะท้อนภายในถํา มู่หรงเสวียยกมุมปากยิมอย่างเย็นชา กล่าวขึนอย่างดูถูก “ก็ถูก


ของเจ้า แต่ไหนแต่ไรองค์หญิงฉิ นก็ทาํ ได้ทุกอย่างโดยไม่สนวิธีการเพือทีจะทําให้เป้ าหมายของตัวเองสําเร็ จ ครัง
นีเพือทีจะแย่งชิงสมบัติแล้ว แน่ นอนว่าคงต้องคิดแผนการไว้ไม่นอ้ ยเลย เจ้าก็รีบใช้ออกมาเถอะพวกเราหาได้
เกรงกลัวไม่”

นีมู่หรงเสวียกําลังดูถูกว่านางเป็ นคนชันตําไร้ปัญญาอย่างนันหรื อ ช่างเลวร้ายทีสุ ด !

แววตาของฉิ นยวีเยียนลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ นางกัดฟั นพูด “ช่างปากกล้าดีนัก ถ้าเจ้าอยากรนหาทีตายขนาดนัน


ข้านี แหละทีจะทําให้เจ้าสมหวัง !”

ทันทีทีกล่าวจบ วัตถุแปลกประหลาดหลายก้อนก็กลิงเสี ยงดัง ‘กุกกักกุกกัก’ มาทีด้านหน้าของมู่หรงเสวียและ


คุณชายโอวหยาง ควันสี ขาวมากมายพวยพุ่งออกมา

สี หน้าของคุณชายโอวหยางพลันเปลียนสี ทนั ที “มันคือควันพิษ รี บกลันหายใจเร็ วเข้า !”


แววตาของมู่หรงเสวียเย็นยะเยือก นางเร่ งกลันหายใจ แต่ก็ยงั ช้าไปก้าวหนึง ทําให้พลาดสู ดดมเข้าไปเล็กน้อย
รู ้สึกวิงเวียนหัว เรี ยวแรงทัวร่ างเหมือนถูกดึงออกจนสลายหายไปอย่างรวดเร็ ว ร่ างบอบบางของนางซวนเซ
เล็กน้อย ท่าทางทีดูเหมือนจะยืนไม่มนคงพลั
ั นค่อย ๆ ล้มลงกับพืน

“ระวัง !” คุณชายโอวหยางรี บโอบเอวของนางเอาไว้ แล้วหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าสี ขาวขึนมาปิ ดจมูกกับปากของนาง

กลินหอมบางเบาค่อย ๆ ถูกสู ดเข้าไปในอก ร่ างบางทีไร้เรี ยวแรงของมู่หรงเสวียค่อย ๆ ฟื นฟูทีละน้อย นางมอง


ไปทีคุณชายโอวหยางอย่างแปลกใจ “ผ้าเช็ดหน้าผืนนีสามารถแก้พิษได้ ?”

คุณชายโอวหยางพยักหน้า กล่าวขึนอย่างเรี ยบเฉย “ผ้าเช็ดหน้าผืนนี ถูกรมด้วยควันของสมุนไพรหลายชนิ ด


สามารถล้างพิษ ห้ามเลือด แก้พิษจากควันพิษ......”

“ดูท่าว่าเพือสมบัติแล้ว คุณชายโอวหยางก็คงเตรี ยมพร้อมมาไม่นอ้ ย” ฉิ นยวีเยียนทีอยูภ่ ายใต้การคุมกันของ


องครักษ์เงาค่อย ๆ เยืองย่างเข้ามา นางมองไปทางมู่หรงเสวียและคุณชายโอวหยางด้วยท่าทางคล้ายยิมคล้ายมิยิม

“ข้านําผ้าเช็ดหน้าผืนนีติดตัวมาโดยตลอดจนชิน ไม่ได้ถือเป็ นการเตรี ยมพร้อมอะไร กลับกันองค์หญิงฉิ นนันใช้


แผนการแผนแล้วแผนเล่า ข้ารู ้สึกชืนชมยิงนัก” คุณชายโอวหยางปรายตาไปมองนาง นําเสี ยงแฝงไปด้วยความ
เยาะเย้ย

ฉิ นยวีเยียนไม่ใส่ ใจ นางย่อกายลงด้วยรอยยิมสดใส “คุณชายกล่าวชมเกินไปแล้ว !”


ตาข่ายยักษ์อ๋ จู ีนันขังคุณชายโอวหยางเอาไว้แน่ น ฉิ นยวีเยียนมองไปทีเขาอย่างเฉยชา แววตาวูบไหวไปด้วยความ
ถือดี เขาคือคุณชายโอวหยางแห่ งเซี ยวเหยาอ๋ องทีโด่งดังไปทัวแผ่นดินแล้วอย่างไรเล่า ตอนนีมิใช่ว่าเขากําลังพ่าย
แพ้ให้ฝ่ามือของนางอย่างนันหรอกหรื อ ช่างสุ ขใจนัก !

ตาข่ายยักษ์อ่อนนุ่ มมากและก็เหนียวแน่นมาก ไม่ว่าจะตัดอย่างไรมู่หรงเสวียก็ตดั ไม่ขาด ทึงดึงใยไหมสี ขาวอยู่


เสี ยหลายครัง นางมองไปทางฉิ นยวีเยียนอย่างเยือกเย็น “ฉิ นยวีเยียนทําไมเจ้าถึงรู ้ว่าพวกข้าอยูท่ ีนี ?”

ตอนทีอยูต่ รงถนนก่อนทีจะมาถึง พวกนางก็ละทิงม้าเร็ วแล้วใช้วิชาตัวเบาเหาะมา แน่นอนว่าองครักษ์นนตามไม่



ทันแน่ แต่เหตุใดฉิ นยวีเยียนถึงได้สามารถพาคนของวังจิงอ๋ องตามหาพวกนางจนเจอได้อย่างถูกต้องแม่นยํา
เรื องราวดูแล้วมิค่อยถูกต้องเท่าไรนัก

“เพราะว่าข้าสังให้คนหยดนํายาติดตามไว้บนตัวเจ้าอย่างไรเล่า ไม่วา่ เจ้าจะไปทีใด ข้าก็ลว้ นสามารถหาเจ้าเจอได้


อย่างง่ายดาย ทีส่ งองครักษ์เงาติดตามเจ้าก็แค่เพือจะดึงความสนใจของพวกเจ้า ไม่ให้พวกเจ้าได้ทนั ระวังรู ้สึกถึง
นํายาติดตาม.....” ฉิ นวีเยียนพูดขึนด้วยรอยยิมทีสดใส แววตาเต็มไปด้วยความอวดดี

มู่หรงเสวียตกอยูใ่ นการคุมขังของนางแล้ว นางก็ไม่มีอะไรทีต้องปิ ดบังและกังวลอีกต่อไป

“ทีแท้กเ็ ป็ นเช่นนี !” มู่หรงเสวียพยักหน้าอยู่ ๆ ก็คดิ ขึนมาได้ ตอนเช้าทีนางออกจากจวน นางได้พบกับสาวใช้ที


ถือถาดทองแดงนางหนึง นางออกเดินทางไปอย่างเร่ งรี บไม่ได้สนใจ คิดไปคิดมานํายาติดตามหยดนัน คงเป็ น
ช่วงเวลานันทีถูกหยดลงบนตัวนาง
“หูตาก็ลว้ นแทรกซึ มไปในจวนเจินกัวโหวแล้ว แผนการขององค์หญิงฉิ นช่างปราดเปรื องยิงนัก” มู่หรงเสวียเลิก
คิวมองไปทีนาง สายตาเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยดูถูก

ฉิ นยวีเยียนไม่ใส่ ใจ เพียงกล่าวขึนอย่างหยิงยโส “ข้าลงทุนลงแรงไปมากกว่าทีจะหาแผนทีซ่ อนสมบัติแผ่นนัน


เจอ แล้วจะยอมให้คนชันตําเอาไปเสพสุ ขได้อย่างไร......”

มู่หรงเสวียกล่าวขึนอย่างเยาะเย้ย “พูดเรื องคุณธรรมจอมปลอมให้มนั น้อย ๆ หน่อยเถอะ ถ้าไม่มีแผ่นทีอีกครึ ง


แผ่นทีเป็ นของแม่ขา้ ถึงเจ้าหาไปทังชีวิตก็ไม่มีทางทีจะหาทีซ่ อนสมบัติเจอ......”

“พูดเรื องไร้สาระให้มนั น้อยลงหน่ อยมู่หรงเสวีย ขอบใจเจ้ามากทีหาทีซ่ อนสมบัติให้ขา้ คนของข้าล้วนมาถึงทีนี


หมดแล้ว ในไม่ชา้ ก็คงสามารถขนถ่ายสมบัติได้ เจ้าสมควรถอนตัวออกไปได้แล้ว !” ฉิ นวีเยียนกล่าวขึนอย่าง
เยือกเย็น ส่ งสายตาไปทางบรรดาองครักษ์เงา

องครักษ์เงารับคําสัง ดาบยาวในมือล้วนยืนออกไปพุ่งแทงเข้าทีมู่หรงเสวียกับคุณชายโอวหยางอย่างไม่ปรานี

ฉิ นยวีเยียนได้ใจ นําเสี ยงทีร้ายกาจดังขึนไปในอากาศ “เรื องทีข้ากับท่านอ๋ องได้สมบัติกอ้ นใหญ่นี ห้ามแพร่ ง


พรายออกไปเด็ดขาด ดังนันพวกเจ้าทําได้เพียงปิ ดปากมู่หรงเสวียกับคุณชายโอวหยางแล้ว”
มู่หรงเสวียยกยิมมุมปาก เพือทีจะได้ครอบครองทรัพย์สมบัตินีแต่พียงผูเ้ ดียว ฉิ นยวีเยียนเลยขังนางกับคุณชาย
โอวหยางเอาไว้ในตาข่ายยักษ์ อีกทังยังสังให้เหล่าทหารโจมตีนางจากรอบทิศทาง เตรี ยมทีจะแทงพวกนางให้
พรุ น ฆ่าพวกนางให้ไม่มีเหลือ ทําให้พวกนางไม่ตายดี ช่างมีจิตใจทีโหดเหี ยมใช้ได้จริ ง ๆ......

“ฉินยวีเยียน หากเจ้าอยากจะฆ่าคนเพือปิ ดปาก ก็ตอ้ งดูก่อนเสี ยว่าเจ้ามีปัญญาพอหรื อไม่” อยู่ ๆคุณชายโอวหยาง


ก็เปิ ดปากพูดขึน นิ วมือหยกของเขาดีดเบา ๆ เพียงพริ บตาเดียวตาข่ายยักษ์กพ็ ุ่งกลับออกไปทีบรรดาองครักษ์เงาที
โจมตีเข้ามา

พวกองครักษ์เงาทีไม่ทนั ตังตัวก็ถกู ขังอยูใ่ นตาข่ายยักษ์ มือเท้าต่างดินรนอย่างวุ่นวาย พลันพลังปราณทีกล้าแกร่ ง


สายหนึงก็พุ่งเข้ามากระแทกเข้ากับพวกเขาจนกระเด็นออกไปไกลถึงสามสี เมตร กระแทกเข้ากับผนังถําแล้ว
กระเด็นกลับมา แต่ละคนตกลงไปกองกันบนพืนอย่างแรง ในหัววิงเวียนมึนงงไปหมด ดวงตาก็มึนงง
สะลึมสะลือ กระดูกทัวทังร่ างคล้ายกับหลุดแยกออกจากกันไม่วา่ จะพยายามอย่างไรก็ไม่สามารถลุกขึนมาได้อีก
......

เหล่าองครักษ์เงาถูกจัดการไปหมดแล้วทีนีนางก็สามารถแก้แค้นได้อย่างสบายอกสบายใจแล้ว !

มู่หรงเสวียเงยหน้าไปมองฉิ นยวีเยียน กล่าวขึนคล้ายยิมคล้ายมิยมว่


ิ า “ฉิ นยวีเยียน ตอนนีข้าก็สมควรฆ่าเจ้าเพือ
ปิ ดปากแล้ว !” ทันทีทีกล่าวจบกระบีในมือของนางก็พ่งุ ออกไปทางฉิ นวีเยียนอย่างไร้ความปรานี......

ฉิ นยวีเยียนตืนตระหนก วิงออกไปยังด้านนอกอย่างร้อนรนแววตาวูบไหวไปด้วยความเจ็บใจ แม้แต่ตาข่ายทีมีชือ


อย่างตาข่ายอู๋จีก็ไม่สามารถกักขังคุณชายโอวหยางได้ เลวร้ายทีสุ ด เป็ นนางเองทีดูเบาศัตรู คุณชายเซี ยวเหยาอ๋ อง
ทีมีชือเสี ยงลําลือไปทัวแผ่นดิน นางกลับเข้าใจผิดคิดว่าจะจัดการเขาได้อย่างง่าย ๆ......

อยากหนี อย่างนันหรื อ ไม่ง่ายดายขนาดนันหรอก !

มู่หรงเสวียขยับเท้า เพียงพริ บตาร่ างบางก็พ่งุ ออกไปขวางหน้าของฉิ นวีเยียน ปลายดาบแหลมคมแทงเข้าไปที


แขนของนาง เพียงชัวครู่ เลือดสี แดงสดก็สาดกระเซ็นไปทัว

“อ้า !” ฉิ นยวีเยียนกรี ดร้องเสี ยงดังลัน ดังจนสามารถทีจะทะลุกอ้ นเมฆได้......


ตอนที 95 ปล่ อยไปตามยถากรรม
มู่หรงเสวียปรายตามองนางอย่างผูท้ ีอยูส่ ู งกว่าพลางกล่าวเยาะเย้ย “เพียงดาบแรกเจ้าก็ทนไม่ไหวเสี ยแล้วหรื อ ข้า
ยังเตรี ยมทีจะทําตามแบบทีเจ้าสังการให้พวกองครักษ์เงาสังหารพวกข้าอยูเ่ ชียว มอบบาดแผลนับร้อยไว้บนตัว
เจ้า ให้เจ้าเสี ยเลือดมากจนตกตาย......”

เลือดสี แดงสดไหลออกจากบาดแผล จนไหลอาบไปทัวเสื อผ้า นางรู้สึกเจ็บปวดตรงบริ เวณแขนอย่างแสนสาหัส


ฉิ นยวีเยียนค่อย ๆ เงยหน้าขึนไปมองมู่หรงเสวีย แววตาของนางลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ “มู่หรงเสวีย ข้าขอ
สาปแช่งให้เจ้าไม่ตายดี !”

“วางใจได้ ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็คงต้องตายก่อนข้า ถึงแม้ว่าข้าจะตายได้เลวทรามเพียงใด เจ้าก็คงไม่มีโอกาสได้เห็น


!” มู่หรงเสวียยกยิมน้อย ๆ งดงามราวกับมวลบุปผาทีกําลังผลิบาน ปลายกระบีแหลมคมในมือต่างฟันไปทีนาง
ครังแล้วครังเล่า ประทับรอยแผลไปบนแขนของฉิ นยวีเยียนอย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุด จนกลายเป็ นรอยบาดแผลที
ดูสะดุดตา เลือดสี แดงสดย้อมจนชุดของนางกลายเป็ นสี แดง !

“อ้า อ้า อ้า !” ฉิ นวีเยียนกรี ดร้องอย่างโหยหวนสะท้อนก้องไปทัวทังถําหิน จนผูค้ นต่างหวาดกลัว

“มู่หรงเสวีย ข้าจะฆ่าเจ้า !” ดวงตาทังสองข้างของฉิ นยวีเยียนแดงกํา ร่ างกายทีเต็มไปด้วยเลือดของนางโถมตัว


เข้าไปหามู่หรงเสวียด้วยความเกลียดชัง
แววตาของมู่หรงเสวียเปล่งประกายไปด้วยความขยะแขยง นางเบียงกายหลบการโจมตีของฉิ นยวีเยียนอย่าง
ง่ายดาย แล้วยกเท้าถีบเข้าไปทีหลังของนางอย่างแรงจนกระทังนางกระเด็นออกไปไกลราวสองสามเมตร ใน
ทีสุ ดก็ลม้ กระแทกลงบนพืนหิ นแข็ง ภายในหัวมึนงง ทัวทังร่ างเต็มไปด้วยความเจ็บปวด......

เสี ยงยําฝี เท้าบางเบาของมู่หรงเสวียกระทบเข้ากับหู ฉิ นยวีเยียนรู ้สึกเกลียดแค้นจนกันฟั นกรอด นางสังให้


องครักษ์เงาจัดการสังหารมู่หรงเสวีย ให้ทงตั
ั วนางเต็มไปด้วยรอยบาดแผล มู่หรงเสวียก็เลยเตรี ยมทีจะใช้วิธีการ
เดียวกันนันย้อนกลับมาฆ่านาง ช่างเป็ นคนทีมีจิตใจโหดเหี ยมอํามหิ ตยิงนัก ! นางเป็ นถึงองค์หญิงม่อเป่ ยทีสู งส่ ง
แล้วจะมาตกตายภายใต้ฝ่ามือของมู่หรงเสวียได้อย่างไรกัน

แววตาของฉิ นวีเยียนเย็นยะเยือก นางหยิบดาบทีตกอยูบ่ นพืนขว้างไปทางมู่หรงเสวียอย่างแรง !

มู่หรงเสวียยกยิมเย็น คิดจะใช้ดาบทีตกกระจัดกระจายอยูท่ ีพืนเหล่านี ปาใส่ นางอย่างนันหรื อ ? ช่างเป็ นความคิด


ทีโง่งมจนถึงทีสุ ด !

มู่หรงเสวียเบียงกายหลบคมดาบทีพุ่งเข้ามา นางเดินไปทางฉิ นยวีเยียนทีละก้าวทีละก้าวอย่างช้า ๆ เลือดสี แดงสด


บนคมกระบีในมือค่อย ๆ ไหลริ นลงไปรวมกันทีปลายกระบี ค่อย ๆ หยดทีละหยดลงบนพืน เหล่าผูค้ นทีได้เห็น
ก็อดไม่ได้ทีจะพากันหวาดกลัว......

เมือสัมผัสได้ถึงกลินคาวเลือดทีโชยมา ฉิ นยวีเยียนก็มิได้ร้อนรน และก็มิได้หวาดกลัวแต่อย่างใด มุมปากของ


นางยกยิมอย่างแปลก ๆ ยกมือตีเข้าไปทีก้อนหิ นก้อนกลมเล็ก ๆ ทีนูนออกมาจากพืนหิ น ชัวขณะนัน อยู่ ๆ
ด้านล่างของพืนหิ นอยูก่ เ็ ปิ ดออก มู่หรงเสวียทีไม่ทนั ระวังก็พ่งุ ตกลงไปด้านล่างอย่างรวดเร็ ว......
ตอนทีเข้ามานันฉิ นยวีเยียนเกิดสะดุดเข้ากับหิ นก้อนเล็กนี ทีนูนขึนมาจากพืนโดยบังเอิญ จึงเห็นมันเข้าตังแต่ตอน
แรก และนางยังค้นพบอีกว่าบนหิ นก้อนเล็กนันมีร่องรอยผิดปกติทีถูกสลักคดเคียวต่อเนืองไปจนถึงบนพืนหิ น
ยืนยาวออกไปเกือบครึ งห้อง ตอนแรกนันเพียงแค่มองผ่าน ๆ ก็นึกว่าเป็ นการตกแต่งธรรมดา ๆ แต่เมือพอตรวจดู
อย่างละเอียดแล้วจึงพบว่ามันเป็ นกลไก !

กลไกทีพบในทีซ่ อนสมบัติส่วนใหญ่มกั จะเป็ นกับดัก สร้างเอาไว้เพือขัดขวางนักขุดสมบัติไม่ให้เข้าไปถึงด้าน


ใน ดังนันนางก็เลยเปิ ดกลไกอย่างไม่ลงั เล ถือโอกาสใช้มนั จัดการให้มู่หรงเสวียตกตาย !

“เสวียเอ๋ อร์ !” แววตาของคุณชายโอวหยางพลันแข็งทือ เขากระโดดตามมู่หรงเสวียลงไปในกับดักนัน ตอนทีจะ


กระโดดลงไปนัน ฝ่ ามือของเขาเพียงสะบัดเบา ๆ ก็ทาํ ให้ตาข่ายอู๋จีพุ่งเข้าไปหาฉิ นวีเยียน ดึงนางให้ตกลงมาใน
กับดักด้วยกันอย่างไร้ความปรานี !

“ยวีเยียน !” ตามมาด้วยเสี ยงร้องเรี ยกด้วยความตกใจ เย่อีเฉิ นกระโดดเข้ามาในถําหิ นด้วยความเร็ วแสงทีดวงตา


ของคนจะสามารถมองเห็นได้ แต่กบั ดักด้านหน้ากลับปิ ดสนิทลงอย่างรวดเร็ วเสี ยก่อน สี หน้าของเขาดุดนั อย่าง
น่ากลัว ฝ่ ามือภายใต้แขนเสื อกําแน่ นเข้าหากัน เขาทีเร่ งรี บตามมาก็ยงั มาช้าไปก้าวหนึง !

“พวกเจ้า รี บหากลไกเปิ ดการทํางานของกับดักเร็ วเข้า !” เย่อีเฉิ นสังการเสี ยงเข้ม บรรยากาศโดยรอบค่อย ๆ ตําลง

“พ่ะย่ะค่ะ !” พวกองครักษ์เงาต่างก็รับคําสัง กระจายตัวออกไปรอบด้าน ค้นหาทุกซอกทุกมุม แม้แต่หายใจแรง


ๆ ก็ยงั ไม่กล้า
แววตาของสวีเทียนโย่วเคร่ งขรึ ม พลางเดินขึนมาด้านหน้า “ท่านอ๋ อง เท่าทีพวกเรารู ้ กับดักในทีซ่ อนสมบัติจะ
เปิ ดเพียงแค่ครังเดียวในเวลาทีกําหนดเท่านัน เมือครู่ กบั ดักก็ได้ปิดลงไปแล้ว ถึงแม้ว่าพวกเราจะหากลไกเจอ แต่
ในระยะเวลาสัน ๆ นันก็ยงั ไม่สามารถทีจะเปิ ดมันได้......”

เย่อีเฉิ นขมวดคิว “ถ้าเช่นนันต้องทําอย่างไร ?” ฉิ นยวีเยียนวางอุบายต่อมู่หรงเสวียกับคุณชายโอวหยาง แต่นาง


กลับตกลงไปในกับดักพร้อมกับพวกเขาด้วย นางจะต้องถูกพวกเขาสวนกลับเอาคืนอย่างแน่ นอน เขาจะต้องรี บ
หาตัวนางให้พบ ไม่เช่นนัน ผลลัพธ์ทีได้เขาก็ไม่อยากจะคิดถึงมันเช่นกัน !

แววตาของสวีเทียนโย่ววูบไหว “โดยปกติแล้วกลไกกับดักในทีซ่ อนสมบัติจะเชือมต่อกัน พวกเรารี บไปหาทีอืน


ดู ถ้าหากลไกเจอแล้วลงไปในกับดัก แน่นอนว่าจะต้องหาองค์หญิงฉิ นเจอแน่ พ่ะย่ะค่ะ !”

“ฟังดูมีเหตุผล พวกเรารี บไปเถอะ !” ดวงตาของเย่อีเฉิ นฉายแววหนักแน่ น เขาเร่ งเท้าเดินออกไปด้านหน้า......

หลังจากทีคุณชายโอวหยางกับมู่หรงเสวียตกลงไปในกับดักแล้ว คุณชายโอวหยางก็ยนมื
ื อไปกุมเอวบางของมู่
หรงเสวียไว้ แล้วดึงนางเข้ามากอดไว้แนบอกแน่ น

มู่หรงเสวียสัมผัสได้ถึงกลินหอมบางเบาของไม้ไผ่และลมหายใจอุ่นร้อนทีพ่นรดต้นคอ อยู่ ๆ นางก็รู้สึก


ปลอดภัยขึนอย่างไม่รู้ตวั เมือมองไปทีคนบางคนทีอยูใ่ นตาข่ายอู๋จี นางก็หวั เราะขึนมาอย่างเย็นชา ใช้แรงดึง
ฉิ นยวีเยียนให้ไปอยูด่ า้ นล่างสุ ด
ได้ยนิ เสี ยงดัง “ตึง !” ดังขึนเสี ยงหนึ ง ทังสามคนต่างตกลงไปบนพืนแข็งอย่างแรง โชคไม่ดีนักทีฉิ นยวีเยียนได้
กลายเป็ นเบาะรองเนื อ นางกระอักเลือดออกมาดัง ‘อึก’ เสี ยคําหนึง แล้วนอนราบไปกับพืนไม่ไหวติง หน้าอกที
ยังขยับแผ่วเบานันบ่งบอกว่านางยังไม่ตาย !

ดวงตาของฉิ นยวีเยียนปิ ดสนิ ทล้มนอนอยูก่ บั พืน ไม่ขยับเคลือนไหวแม้แต่นอ้ ย......

มู่หรงเสวียเพียงปรายตามองนางอย่างเกลียดชังหนหนึง แล้วหมุนกายกวาดตามองไปโดยรอบ ก็พบว่าทีนีเป็ น


ห้องลับ รอบด้านต่างเต็มไปด้วยกําแพงเว้านูนไม่เท่ากัน แต่ว่าด้านหน้ามีเส้นทางทีถูกขุดเจาะเอาไว้ดูแล้ว
สามารถเข้าไปได้ทีละคน !

“คุณชาย พวกเราไปกันเถอะ” ตอนทีตกลงมานางได้ยนิ เสี ยงของเย่อเฉิ


ี น เย่อีเฉิ นมาทีนี เขาอาจจะสังให้คนค้นหา
กลไกเปิ ดกับดักและคงสังให้พวกเขาพลิกแผ่นดินตามหาฉิ นยวีเยียนแน่ พวกนางไม่สามารถทีจะยืนรอเฉย ๆ
เพือให้พวกเขาตามมาจัดการได้ !

“ตกลง !” คุณชายโอวหยางพยักหน้าพร้อมกับจับมือของมู่หรงเสวียไว้แน่น พวกเขาเดินออกไปจากห้องลับช้า ๆ


พร้อมกับปรายตามองไปทีฉิ นยวีเยียนทียังนอนหลับตาปิ ดสนิท กล่าวขึนอย่างเรี ยบเฉยว่า “แล้วพวกเราจะทํา
ยังไงกับนางเล่า ?”

มู่หรงเสวียปรายตามองไปทีฉิ นยวีเยียนอีกหนหนึ ง แล้วกล่าวขึนอย่างไม่แยแส “สภาพทีใกล้ตายของนางเช่นนี


หากพานางไปด้วยก็คงจะเปลืองกําลังของพวกเรา ก็ทิงไว้ทีนีนันล่ะ ปล่อยนางไปตามยถากรรม”
ฉิ นยวีเยียนมีความคิดทีจะฆ่าพวกนาง แน่นอนว่านางไม่มีทางปล่อยให้ฉินยวีเยียนรอดไปได้ ฆ่านางด้วยดาบ
เดียว คงทําให้นางสบายเกินไป ปล่อยให้นางค่อย ๆ ตายลงไปอย่างช้า ๆ ถึงจะเป็ นการลงโทษนางได้ดีทีสุ ด

เดิมทีฉินยวีเยียนก็ได้รับบาดเจ็บอยูแ่ ล้ว อีกทังเมือครู่ นางได้ประทับรอยแผลให้ฉินยวีเยียนไปเสี ยหลายรอย ทัง


ยังให้ฉินยวีเยียนกลายเป็ นทีรองเนือของพวกนางอีก บาดเจ็บภายใน บาดเจ็บภายนอก ล้วนเป็ นการซําเติมอาการ
บาดเจ็บของนางได้ดียงนั
ิ ก!

อากาศทีนี ทังหนาวเหน็บ ทังยังมืดมิดชืนแชะ ไม่มีนาไม่


ํ มีอาหาร อีกทังยังไม่มียารักษา พอเวลานานเข้า หาก
อาการบาดเจ็บของนางยังไม่ได้รับการรักษาจากหมอ แน่ นอนว่าคงต้องตายทางเดียวเท่านัน !

“ตกลง !” คุณชายโอวหยางพยักหน้า พลางดึงมู่หรงเสวียเข้าไปในทางเดินเล็ก ๆ ด้านหน้า

ทันทีทีทังสองหายไป ฉิ นยวีเยียนทีนอนหลับตาอยูท่ ีพืน ก็ค่อย ๆ ลืมตาขึนมา ถลึงตามองไปทีทางเดินเล็ก ๆ


ด้านหน้าอย่างโกรธแค้น แววตาของนางวูบไหวไปด้วยความอํามหิ ต อยากปล่อยให้ตวั นางเจ็บตายไปตาม
ยถากรรมงันหรื อ ช่างเป็ นความคิดทีบังอาจนัก นางไม่มีทางให้พวกเขาได้ดงใจแน่
ั !

นางจะต้องตามพวกเขาไป รอคอยเวลาทีเหมาะสม แล้วค่อยจัดการฆ่าพวกเขา เป็ นการล้างแค้นทีพวกเขาทําไว้


กับนาง !
ตอนที 96 พบสมบัติ

ทางเดินเล็ก ๆ ทีพวกนางเดินมานันทังยาวทังแคบ มองไปไม่เห็นจุดสิ นสุ ด อากาศอับชืนโชยเข้ามากลินเหม็น


หื นกระทบเข้ากับจมูก มู่หรงเสวียขมวดคิวเข้าหากันทันที “พวกเราเดินมาก็เกือบจะหนึ งชัวยามแล้ว เส้นทางเส้น
นีก็ยงั คงเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลียนแปลงไปแม้แต่นอ้ ย มันจะพาพวกเราไปโผล่จรงไหนกันแน่ ?”

เมือมองไปทีใบหน้างองําของนาง แววตาของคุณชายโอวหยางก็เจือปนไปด้วยรอยยิมบางเบา “บนแผนทีซ่ อน


สมบัติไม่มีบอกเอาไว้หรื อ ?”

มู่หรงเสวียมองไปทีแผนทีซ่ อนสมบัติ แล้วส่ ายหน้าบางเบา “แผนทีซ่ อนสมบัติก็แค่บนั ทึกจุดของทีซ่ อนสมบัติ


ไว้ แต่ไม่ได้บอกถึงลักษณะหรื อเส้นทางภายในถํา” ข้อมูลทีละเอียดขนาดนัน ราชวงศ์ก่อนไม่มีทางให้คนทํา
ขึนมาหรอก ไม่เช่นนันใคร ๆ ก็คงสามารถเข้ามาเอาสมบัติได้อย่างง่ายดาย

คุณชายโอวหยางมองไปทีผนังถําทีเว้านูนไม่เท่ากัน แล้วกล่าวขึนเด้วยสี ยงตํา “เส้นทางสายนี มีแต่กลินเหม็น ไม่


มีกลไกทังยังไม่มีกบั ดัก พวกเราก็เดินไปข้างหน้าดูอีกหน่ อยเถิด เผือว่าข้างหน้าจะมีทางออก”

“ก็คงมีแต่ทางนีเท่านัน” มู่หรงเสวียพูดขึนด้วยความรู ้สึกหดหู่ ดวงตาของนางฉายแววครุ่ นคิด ขอให้เส้นทางสาย


นีไม่ใช่เขาวงกต ไม่เช่นนันพวกนางเดินไปก็ได้แต่กลับมาทีเดิม ไม่สามารถหาทางออกเจอ สุ ดท้ายก็คงถูกขังอยู่
ทีนี จนตาย
สายลมเบา ๆ สายหนึงพัดโชยเข้ามากระทบกับใบหน้า พลันแววตาของมู่หรงเสวียเปล่งประกายขึนมา “มีลมพัด
แสดงว่าใกล้ ๆ นี มีทางออก” ถึงแม้จะไม่ใช่ทางออกจากถํา แต่กค็ งเป็ นทางออกของทางเส้นนี อย่างน้อยพวก
นางก็ไม่จาํ เป็ นทีจะต้องเดินต่อไปเรื อย ๆ อีกแล้ว

ผนังถํายังคงเว้านูนไม่เท่ากัน ไม่มีความผิดแปลกตรงไหนแม้แต่นอ้ ย แววตาของคุณชายโอวหยางส่ อประกาย


ครุ่ นคิด “กลไกน่าจะอยูใ่ กล้ ๆ นี พวกเราลองหาดูให้ละเอียดเถอะ !”

“อืม !” มู่หรงเสวียพยักหน้ายืนมือขาวนวลออกไปกดจับตามผนังหิ น ผนังหิ นนันเหนี ยวเหนอะหนะเต็มไปด้วย


ตะไคร่ นาํ กลินเหม็นอับชืนพุ่งโชยออกมา นางขมวดคิวเข้าหากัน มือบางยังคงลูบคลําไปตามผนังหิ นต่อไปเรื อย

นางกดหิ นทียืนออกมาก้อนหนึง พลันได้ยนิ เสี ยง ‘ตึง’ ดังขึนเสี ยงหนึ ง ผนังหิ นด้านหน้าก็คอ่ ย ๆ ขยับ ด้านหน้า
ปรากฏลําแสงเจิดจ้าจนทําให้แทบลืมตาไม่ขึนพุ่งออกมาสายหนึง

มู่หรงเสวียรี บยกมือขึนบังสายตา หรี ตาลงมองผ่านนิวไปยังด้านหน้า ก็มองเห็นท้องพระโรงสี ทองอร่ ามห้อง


หนึ ง ผนังของท้องพระโรงประดับประดาไปด้วยไข่มุกราตรี แห่ งหนานไห่ ทังยังมีขนาดใหญ่โตจนหาใดเปรี ยบ
ํ าควรเมือง เสาคําสี ทองสี ต้นคําอยูด่ า้ นในของท้องพระโรงเพือรับนําหนักของท้องพระโรงเอาไว้
ดูลาค่

ตรงกลางของเสาทองเป็ นบันไดสิ บสองชันทีปูพืนด้วยทองคํา ด้านบนมีเก้าอีบัลลังก์สีทองทีสลักด้วยลวดลาย


วิจิตรงดงามตังไว้ อีกทังบริ เวณด้านบนยังประดับประดาด้วยอัญมณี ลาค่
ํ าต่าง ๆ นา ๆ
ทัวทังท้องพระโรงมีกล่องหี บสี ทองกระจัดกระจายไปทัว สิ งของลําค่าทอประกายระยิบระยับ มากมายจนล้น
ออกมาข้างนอกหี บ กองกระจายอยูเ่ ต็มบริ เวณพืน ไม่ว่าใครทีได้พบเห็นต่างก็ตอ้ งตาลาย

รอบนอกของท้องพระโรงยังมีสระนํากว้างประมาณสองเมตรอยูส่ ายหนึ ง สระนําใสสะอาดถูกขุดล้อมรอบท้อง


พระโรงเอาไว้ ดูแล้วช่างงดงามตระการตา นําด้านในใสสะอาดจนเห็นก้นสระ ทังยังเต็มไปด้วยไอร้อน......

มู่หรงเสวียเบิกตากว้าง ดวงตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง ทองคําทีลําค่าเช่นนี เขากลับเอามาทําเป็ นเสาคําทอง


พระโรง อีกทังยังใช้ปูพืน มุกราตรี ทีมีมูลค่าเท่ากับเมืองเมืองหนึง เขากลับเอาไปประดับบนฝาผนังเป็ นจํานวน
หลายร้อยหลายพันเม็ด ปะการังสี ทองทียากจะพานพบ ทีนี ก็วางไว้หลายกระถางด้วยกัน ฮ่องเต้ของราชวงศ์ก่อน
ผูน้ ี ช่างรํารวยและทําตัวได้หรู หราจนน่ าตกตะลึงยิงนัก

ี นก็ยงั จับจ้องมาทีขุมสมบัติของเขา สมบัติทีมากมายขนาดนี ไม่ว่าใครทีได้พบก็ลว้ นแต่ตอ้ งรู ้สึก


แม้แต่เย่อเฉิ
อยากได้

มู่หรงเสวียเดินเข้าไปในท้องพระโรงอย่างช้า ๆ พลันเท้าบังเอิญสะกิดไปโดนหิ นก้อนเล็ก ๆ ก้อนหนึ ง เกิดเสี ยง


ดัง ‘ฟ้ าว’ ทําให้กอ้ นหิ นพุ่งผ่านไปกลางอากาศด้านบนของสระนํา เพียงพริ บตานําในสระนําทีเงียบสงบก็พ่งุ สู ง
ขึนมาจนสาดกระเซ็นใส่ กอ้ นหิ นด้านบน ด้วยความเร็ วทีตาของคนสามารถมองเห็นได้ ก้อนหินก้อนนันพลัน
ละลายหายไปอย่างรวดเร็ วราวกับไม่เคยมีมาก่อน......

แววตาเย็นของมู่หรงเสวียหรี เล็กลง “นี มันเรื องอะไรกัน ?”


นําในสระค่อย ๆ ร่ วงลงไปในสระดังเดิม ผิวนํามิได้กระเพือมหรื อเคลือนไหวอีกต่อไป แต่เพียงมีสีแดงขุน่ บาง
เบา ทีบ่งบอกว่าเรื องเมือครู่ นนเป็
ั นเหตุการณ์ทีเกิดขึนจริ ง

“สระนํามีพิษ ไม่สามารถกระโดดผ่านด้านบนของสระนําได้ มิเช่นนันจะถูกพิษของมันจนละลายหายไปไม่


เหลือแม้เพียงซาก” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนเสี ยงตํา ดวงตาของเขาปรากฏแววครุ่ นคิด

มู่หรงเสวียขมวดคิวบางเบา “ถ้าเช่นนันพวกเราจะผ่านไปได้อย่างไร ?” สระนําถูกขุดล้อมรอบด้านของท้องพระ


โรง ถ้าหากว่าไม่กระโดดข้ามไป พวกนางก็ไม่มีทางข้ามไปทีท้องพระโรงทีอยูต่ รงกลางได้ และก็ไม่สามารถเอา
สมบัติได้ !

“ทางด้านโน้นเหมือนว่ามีสะพานไม้ พวกเราลองใช้สะพานไม้ขา้ มไปดู” คุณชายโอวหยางพูดขึนอย่างเรี ยบ ๆ


เขาดึงตัวมู่หรงเสวียไปด้านหน้าของสะพานไม้ สะพานไม้มีสีดาํ เข้มมีความกว้างเพียงสิ บเซนติเมตร ไม่รู้ว่าใช้
ไม้อะไรในการทําขึนมา วางไว้ดา้ นบนสระนํามาหลายปี กลับไม่ถูกย่อยสลาย

คุณชายโอวหยางเดินนําขึนไปบนสะพานไม้ก่อน นําในสระยังคงเรี ยบสงบ ไม่มีการตอบสนองใด ๆ เขาเริ มทีจะ


เข้าใจขึนมาเล็กน้อย พลางยืนมือไปดึงมู่หรงเสวีย จูงนางเดินไปบนสะพานไม้ไปด้านหน้าทีละก้าวทีละก้าวอย่าง
มันคง

เมือสายตาเห็นทังสองคนจะเดินไปถึงฝังตรงข้ามแล้ว เพียงพริ บตาก้อนหิ นสองก้อนก็พุ่งไปทีด้านข้างของปลาย


สะพานทังสองด้าน นําในสระทีนิ งเงียบก็กระเพือมสันไหวจนเกิดระลอกคลืน ทันใดนันกลินอายของความ
อันตรายก็ปรากฏอยูต่ รงหน้า มู่หรงเสวียรู้สึกตืนตระหนก ยังไม่ทนั ทีจะได้ตอบสนองอะไร นําในสระก็พ่งุ เข้ามา
ทีใบหน้าของนางทันที

ช่วงเวลาทีอันตรายนัน ก็ปรากฏแขนเสื อสี ขาวยืนมาทีด้านหน้าของนาง ปั ดนําออกไป ท่อนแขนแกร่ งโอบเอว


บางของนางดึงไปบนฝัง

กลินสิ งของทีถูกเผาไหม้กระทบเข้ากับจมูกของมู่หรงเสวียจนนางหลุดจากภวังค์ สายตาเห็นคุณชายโอวหยาง


กําลังปั ดคราบควันบนแขนเสื อ

“ท่านเป็ นอย่างไรบ้าง ?” มู่หรงเสวียไต่ถามอย่างร้อนรนเตรี ยมทีจะเลิกแขนเสื อของเขาขึนตรวจดูบาดแผลด้าน


ใน

คุณชายโอวหยางรี บห้ามนางไว้ แล้วกล่าวขึนด้วยนําเสี ยงเรี ยบเฉย “ก็แค่แขนเสื อถูกนําในสระละลายไป


บางส่ วนเท่านัน ไม่ได้บาดเจ็บอะไร !”

“จริ งหรื อ ?” ท่าทางของมู่หรงเสวียไม่ค่อยเชือคําพูดเขานัก การหลอมละลายของนําในสระนันรุ นแรงมาก เขา


จะไม่ได้รับบาดเจ็บจริ งหรื อ ?

“แน่นอนว่าจริ ง ข้าจะหลอกเจ้าไปทําไมกัน ?” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนด้วยทีท่าสบาย ๆ “คนทีใช้วิธีการเช่นนี


มาทําร้ายพวกเรา ก็น่าจะเป็ นคนทีฉลาดผูห้ นึ ง !”
แววตาของมู่หรงเสวียเย็นยะเยือก มองไปทีทิศทางทีหิ นพุ่งเข้ามา สายตาของนางปรากฏแววเย็นชา เห็นเงาร่ าง
คุน้ เคยสายหนึ งกําลังยืนพิงอยูท่ ีขอบประตู ถลึงตามองพวกเขาอย่างโกรธแค้น แววตาวูบไหวไปด้วยความเกรี ยว
กราดและอํามหิต มู่หรงเสวีย คุณชายโอวหยาง พวกเขาไม่ได้ถูกนําในสระหลอมละลาย ดวงช่างแข็งยิงนัก !

ฉิ นยวีเยียน ทีแท้เป็ นฝี มือชัว ๆ ของนางนีเอง !

มู่หรงเสวียหรี ตาลง เข็มเงินในมือพุ่งออกไป ปั กเข้าทีข้อมือของของฉิ นยวีเยียนอย่างแรง

“อ้า !” ฉิ นยวีเยียนกรี ดร้องเสี ยงดังลัน

มู่หรงเสวียได้ยนิ เสี ยงนันแต่ก็ไม่ได้สนใจ เพียงแต่เดินข้ามสะพานไม้ไปทีด้านหน้าของฉิ นยวีเยียนและยืนมือดึง


เข้าทีปกเสื อของนาง พร้อมกับกล่าวขึนอย่างโหดเหี ยม “บาดเจ็บจนมีสภาพเช่นนียังจะตามพวกข้ามาทีนีอีกหรื อ
ทังยังใช้อุบายกับพวกข้า เจ้าฉิ นยวีเยียนช่างร้ายกาจจริ ง ๆ ถ้าเจ้าชอบนําในสระพิษขนาดนัน ข้าก็จะทําให้เจ้าได้
สมปรารถนา ให้เจ้าได้ใกล้ชิดกับมันให้มาก ๆ เป็ นอย่างไรเล่า !”

เมือกล่าวจบ มู่หรงเสวียก็โยนฉิ นยวีเยียนลงกับพืน เตะเข้าไปทีลําตัวของนางอย่างแรง เรื อนร่ างของฉินยวีเยียนที


บอบบางกลิง ‘ขลุกขลักขลุกขลัก’ ไปทีริ มขอบของสระนํา เท้าครึ งหนึงของลอยอยูด่ า้ นบนของสระ ชัวขณะนัน
นําในสระก็กระเพือมสันไหวพุ่งตรงเข้าหาขาของนางทันที !
ตอนที 97 สังสอนด้ วยความโหดร้ าย
“อ้า !” ฉิ นยวีเยียนกรี ดร้องเสี ยงดังลันสะท้อนก้องไปทัวทังท้องพระโรง กระทบใจคนจนสันไหว นางดินรน
พลิกกายให้พน้ จากผิวนํา ขาเล็กนวลเนียนของนางถูกชโลมไปด้วยเลือดสี แดงสด ดูแล้วช่างน่าอนาถเป็ นอย่างยิง
!

มู่หรงเสวียมองเห็นภาพนัน แต่นางกลับไม่สนใจ เพียงแต่เดินเข้าไปด้านหน้าอย่างช้า ๆ เตะเข้าไปทีอกของฉิ นวี


เยียนอีกครัง......

ตอนทีอู๋เหิ นและสวินเฟิ งเดินเข้ามาในท้องพระโรง ก็เห็นร่ างของฉิ นยวีเยียนกําลังกลิง ‘ขลุกขลักขลุกขลัก’ ไป


มาระหว่างมู่หรงเสวียกับริ มสระนํา ทังเสื อผ้าและผมเผ้าของนางดูยงุ่ เหยิงไปเสี ยหมด แขนและขาของนางเต็ม
ไปด้วยเลือดและเนือทีถูกพิษละลายจนดูไม่ได้ เลือดสี แดงสดไหลหยดลงบนพืนอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

“อ้า......อ้า......อ้า......” ฉิ นยวีเยียนกรี ดร้องโหยหวนดังลันไปทัวท้องพระโรงจนเกิดเสี ยงสะท้อนก้องไปทัวอย่าง


ต่อเนืองยาวนาน ผูค้ นทีได้ยนิ ต่างก็อดไม่ได้ทีจะขนลุกซู่ขึนมา

มู่หรงเสวียไม่สนใจ นางยังคงยกเท้าเตะเข้าทีฉิ นยวีเยียนต่อไป

มองไปทีใบหน้าเย็นยะเยือกของนาง อู๋เหิ นก็อดไม่ได้ทีจะยกมุมปากขึน คุณหนูมู่หรงเสวียยิงนานวันยิง......กล้า


หาญองอาจ !
“คุณชาย คุณหนูม่หู รง !” เสี ยงเรี ยกทีเคารพนอบน้อมจากสวินเฟิ งดังขึนกระทบหู ทันใดนันมู่หรงเสวียก็หลุด
จากภวังค์ เมือหันไปมองก็เห็นองครักษ์เงาชุดดําและคลุมหน้าด้วยผ้าสี ดาํ จํานวนยีสิ บสามสิ บคนยืนอยูด่ า้ นใน
ของประตูหิน แต่ละคนเต็มมีกลินอายของการฆ่าฟั นเต็มไปหมด ทําให้ผคู ้ นทีพบเห็นต่างหวาดกลัวและยําเกรง !

“พวกเจ้ามาแล้วหรื อ เช่นนันก็ขนเอาของในนี กลับไปให้หมด !” มู่หรงเสวียยิมสดใส

“เอากลับไปให้หมด ?” อู๋เหิ นมองไปทีของลําค่าทีกระจัดกระจายอยูเ่ ต็มพืน เขาเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง


สมบัติมากมายขนาดนี จะต้องใช้เวลาขนย้ายนานเท่าใดกัน ?

“เจ้าฟังไม่ผดิ หรอก แม้แต่ชินเดียวก็ไม่ให้เหลือ !” มู่หรงเสวียพูดเน้นทีละคํา แววตาของนางเย็นชาดุจนําแข็ง


นางกับคุณชายโอวหยางเป็ นคนทีเจอสมบัติเหล่านี เพราะฉะนันสมบัติเหล่านี ต้องเป็ นของพวกนาง เย่อเฉิ
ี น
ฉิ นยวีเยียน พวกเจ้าอย่าได้คดิ จะได้ไปแม้แต่นอ้ ย !

อู๋เหิ นค่อย ๆ เหลือบมองไปทีคุณชายโอวหยางก็เห็นเขายืนนิ งยืดตัวตรงมิกล่าววาจาใด แต่สายตาอ่อนโยนทีเขา


ใช้มองมู่หรงเสวียนัน บ่งบอกอย่างชัดเจนว่า สิ งทีมู่หรงเสวียต้องการ ก็เป็ นความต้องการของเขาเช่นกัน !

“ขอรับ !” เหล่าองครักษ์เงารับคําสัง ต่างพากันเดินไปยังสะพานไม้เข้าสู่ ทอ้ งพระโรง นําเอาของโบราณลําค่า


และสมบัติต่าง ๆ นา ๆ เก็บเข้าหี บสมบัติดงั เดิม และขนย้ายออกไป
จากนันก็ขนเก้าอีทองคําลงมา รวมถึงรื อบันไดทองคําและเลาะเอาพืนทีปูดว้ ยทองคําออกแล้วค่อยวางใส่ ลงไป
ในหี บ ขนย้ายออกจากท้องพระโรง

ยังมีไข่มุกราตรี บนฝาผนัง รวมถึงกําแพงทองคําก็ลว้ นถูกเลาะลงมา ใส่ ไว้ในหี บ......

ฉิ นยวีเยียนนอนอยูท่ ีริ มของขอบสระนํา เสื อผ้ายับยูย่ ี ผมเผ้ายุง่ เหยิง ท่าทางอ่อนแอไร้เรี ยวแรง ทัวทังแขนล้วน
เต็มไปด้วยเลือดเนื อเปรอะเปื อนจนดูไม่ได้ นางเจ็บปวดจนแทบจะไร้ความรู ้สึก สายตาพร่ ามัวนันเห็นองครักษ์
เงาของวังเซี ยวเหยาอ๋ องกําลังขนย้ายหี บสมบัติออกไปทีละใบสองใบ เพียงพริ บตาท้องพระโรงทีโอ่อ่าใหญ่โตก็
กลับกลายเป็ นว่างเปล่า แสงระยิบระยับในคราแรกทีพบเจอค่อย ๆ เลือนรางหายไป

อู๋เหิ น สวินเฟิ งกับองครักษ์เงาหลายนายกําลังถือขวานยักษ์ไว้ในมือ พลางใช้แรงฟั นลงทีเสาคําสี ทองตามคําสัง


ของมู่หรงเสวีย ทุก ๆ ครังทีพวกเขาฟาดลงไปล้วนมีทองคําก้อนเล็กก้อนน้อยกระเด็นกระดอนตกลงมา......

“คุณหนูม่หู รง เสาทองคําทังสี นี เป็ นตัวทีคํายันท้องพระโรงเอาไว้ ถ้าหากว่าโค่นพวกมันลงมาทังหมดท้องพระ


โรงจะไม่ถล่มลงหรื อขอรับ ?” อู๋เหิ นมองไปทีเสาทองคําทียิงนานยิงบางลงแววตาเต็มไปด้วยความกังวล

มู่หรงเสวียไม่สนใจ “วางใจได้ ข้าดูละเอียดแล้ว เสาทองคําทังสี เป็ นแค่ของประดับตกแต่ง ไม่ได้มีผลกระทบต่อ


การคํายันมากเท่าใดนัก ไม่มีพวกมันท้องพระโรงไม่มีทางถล่มแน่ นอน”

“จริ งหรื อ ?” อู๋เหิ นเชือครึ งไม่เชือครึ ง


“แน่นอนว่าเป็ นความจริ ง ข้าจะหลอกลวงพวกเจ้าไปทําไม ? ถ้าหากไม่มีเสาคําแล้วท้องพระโรงจะถล่ม ข้าก็คง
หนี ไปตังแต่แรกแล้ว ไหนจะมายืนอยูต่ รงนีดูพวกเจ้าโค่นเสาคํากัน !” มู่หรงเสวียปรายตามองอู๋เหิ นหนหนึ งด้วย
แววตาปรามาส

นันก็จริ ง ! อู๋เหิ นพยักหน้า หัวใจทีเต้นถีรัวค่อย ๆ ผ่อนคลายลง เขาขยับขวานยักษ์ในมือฟันไปทางเสาคําทองคํา


ทองคําก้อนแล้วก้อนเล่ากระเด็นตกพืน ทําให้ผคู้ นทีได้เห็นต่างตาลุกวาว......

ฉิ นยวีเยียนทีมองดูจนสี หน้ากลายเป็ นดุดนั ฝ่ ามือภายใต้แขนเสื อของนางค่อย ๆ กําแน่ นเข้าหากัน สมบัติของ


นางกับเย่อีเฉิ น ถูกมู่หรงเสวียแย่งชิงไปอย่างไร้เยือใย ช่างเลวร้ายทีสุ ด ! นางไม่มีทางยอมรามือกับมู่หรงเสวีย
และพวกคนชัวช้าทีช่วยเหลือนางแน่......

แขนเล็กทีเต็มไปด้วยเลือดทีดูไม่ได้ของฉิ นยวีเยียนค่อย ๆ ยืนเข้าไปในแขนเสื อ สัมผัสเข้ากับห่ อดินระเบิดและที


จุดไฟเตรี ยมทีจะจุดชนวน เงาร่ างได้รูปสายหนึ งกระโดดลงมาทีด้านหน้าของนางพร้อมกับยกเท้าเตะเข้าไปทีดิน
ระเบิดกับทีจุดไฟของนาง

ฉิ นยวีเยียนตกใจ เมือนางเงยหน้าขึนมองก็สบสายตาเข้ากับสี หน้าเย็นชาของมู่หรงเสวีย “ดูท่า องค์หญิงฉิ นคง


เกลียดข้ามากจนอยากจะระเบิดให้ตวั ข้านันแหลกเหลว ข้าเองก็รู้สึกแบบเดียวกันกับองค์หญิงเช่นกัน”

คําพูดทีคล้ายหยอกล้อจบลง มู่หรงเสวียกระชากคอเสื อของฉิ นยวีเยียนขึนมาแล้วลากนางเดินไปด้านหน้า......


ก้อนหิ นแข็งขูดและปาดเข้าไปทีชุดของนางจนขาดหวิน ผิวเรี ยบเนี ยนของนางเสี ยดสี ขดู เข้ากับก้อนหิ นตามทาง
จนรู ้สึกแสบร้อน กลินเหม็นจากการถูกหลอมละลายโชยกระทบเข้าสู่ ใบหน้า ฉิ นยวีเยียนรู ้สึกถึงลางสังหรณ์ที
ไม่ดีเกิดขึนภายในใจ นางจึงรี บดินรนอย่างสุ ดชีวิตแล้วตวาดร้องเสี ยงดัง “มู่หรงเสวีย เจ้าจะทําอะไร...รี บปล่อย
ข้าลงเดียวนี......”

มู่หรงเสวียได้ยนิ แต่ไม่สนใจ ยังคงฉุ ดกระชากนางขึนไปบนสะพานไม้เดินเข้าไปทีท้องพระโรงอันโอ่อ่า คว้า


เชือกยาวขึนมาเส้นหนึงมัดนางเอาไว้กบั เสาคําทองคําทีเหลือแต่กา้ นบาง ๆ ต้นหนึ ง สายตามองไปทีนางอย่าง
เย็นยะเยือก

ฉิ นยวีเยียนเกลียดนางเข้ากระดูก ตลอดเวลาล้วนอยากจะฆ่านาง แน่นอนว่านางไม่มีทางทีจะปล่อยให้ฉินยวีเยียน


มีชีวิตอยูไ่ ด้อีกต่อไป จัดการนางให้จบ ๆ ไปเสี ยเลย จะได้ไม่กลายเป็ นงูพิษทีตีไม่ตาย พอฟื นคืนก็จะวกมากัดทํา
ร้ายนาง

“องค์หญิงฉิ นทีมีอาการบาดเจ็บสาหัสออกมาค้นหาสมบัติ ช่างลําบากลําบนยิงนัก สิ งของแม้แต่ชินเดียวก็ไม่ได้


ไป ดูท่าแล้วมันน่าเสี ยดายจนเกินไป เสาคําทองคําครึ งต้นนีก็ขอมอบให้องค์หญิงเป็ นของเซ่ นไหวก็แล้วกัน !”

เสี ยงสบาย ๆ ทีแฝงไปด้วยความอํามหิ ตลอยเข้าหู ร่ างกายของฉิ นยวีเยียนแข็งทือ หลังหลังเหงือเย็น นางเงยหน้า


ขึนมองมู่หรงเสวียก็เห็นสายตาของนางเต็มไปด้วยความโหดเหี ยมอํามหิ ต ชัวขณะนัน นางก็เชือว่ามู่หรงเสวีย
ไม่ได้ขนู่ างแต่กาํ ลังเตรี ยมทีจะฆ่านางจริ ง ๆ

ในใจก็ค่อย ๆ หวาดหวันขึนมา ความกลัวเย็นยะเยือกแล่นขึนมาในหัว ฉิ นยวีเยียนกัดฟั นพูด “มู่หรงเสวีย เจ้ากล้า


ฆ่าข้า !”
“เจ้ากล้าฆ่าข้า ทําไมข้าจะไม่กล้าฆ่าเจ้า ? ฉิ นยวีเยียนเจ้าจําเอาไว้ให้ดี ทีนีเป็ นแคว้นชิงเหยียนมิใช่แคว้นม่อเป่ ย
เจ้าอย่าหวังว่าจะได้มีอาํ นาจล้นฟ้ า !” มู่หรงเสวียกล่าวเน้นทีละคํา แววตาของนางเย็นชา ค่อย ๆ ส่ งสัญญานมือ
เบา ๆ เพียงพริ บตาสวินเฟิ ง อู๋เหิ นและเหล่าองครักษ์เงาก็ล่าถอยออกไป

มู่หรงเสวียเดินวนไปมาในท้องพระโรงด้วยความรวดเร็ ว นางหันหลังให้ฉินยวีเยียน ทําให้ฉินยวีเยียนมองไม่


เห็นว่านางกําลังทําอะไรอยู่ แต่ในใจรู ้ว่าคงมิใช่เรื องทีดีแน่

ดขึนในใจ ฉิ นยวีเยียนดินรนไปมา พลางด่าว่าเสี ยงดัง “มู่หรงเสวีย เจ้ารี บปล่อยข้า


ลางสังหรณ์ไม่ดียงปรากฏชั

เดียวนี......ไม่เช่นนันข้าจะสับเจ้าให้เป็ นหมืน ๆ ชิน......”

มู่หรงเสวียได้ยนิ แต่กย็ งั ไม่สนใจฟัง ได้แต่เดินวนรอบท้องพระโรงครบรอบหนึงก็ดึงคุณชายโอวหยางให้


ออกไปด้านนอก สวินฟิ ง อู๋เหิ นและพวกองครักษ์เงาก็เร่ งตามติดออกไป !

ฉิ นยวีเยียนรู ้สึกตืนตระหนก เมืออยู่ ๆ ก็พบว่าในท้องพระโรงทีใหญ่โตนันเหลือแต่นางเพียงผูเ้ ดียว

‘ครึ ก ครื น ครื น’ ประตูหินค่อย ๆ ถูกปิ ดลงอย่างช้า ๆ มู่หรงเสวียทียืนอยูด่ า้ นนอกประตูหินยิมบางเบามองมาที


นาง พร้อมกับโบกมือเบา ๆ “องค์หญิงฉิ น เสาทองด้านในเหลือทิงไว้ให้เจ้า หวังว่าพวกเราคงไม่ได้พบกันอีก !”

“ตึง !” เพียงพริ บตาประตูหินก็ปิดสนิท ปิ ดใบหน้าเรี ยวงามของมู่หรงเสวียเอาไว้ดา้ นนอก ชัวขณะนัน ในท้อง


พระโรงก็พลันเงียบสงบวังเวงจนนางสามารถทีจะได้ยนิ เสี ยงเต้นของหัวใจของตัวเองอย่างชัดเจน ความกลัวพุ่ง
ประดังประเดขึนมา หน้าผากของฉิ นยวีเยียนมีเม็ดเหงือผุดขึนอยูเ่ ต็มไปหมด ช่างเป็ นสถานทีทีน่ ากลัวยิงนัก ใคร
ก็ได้มาช่วยนางด้วย ?

‘ฟ้ าว ฟ้ าว ฟ้ าว’ เสี ยงแหวกอากาศเสี ยงหนึงดังขึน ฉิ นยวีเยียนรี บเงยหน้าขึนมอง ก็เห็นลูกศรดอกสองดอกพุ่ง


ออกมาจากกําแพงตรงมาทีนาง......
ตอนที 98 ระเบิด
“ช่วยด้วย......ช่วยด้วย......” ฉิ นยวีเยียนตืนตระหนก ดินรนอย่างกระวนกระวายต้องการแก้ปมเชือกทีรัดนางไว้
แต่ม่หู รงเสวียกลับมัดเอาไว้แน่นมากไม่ว่านางจะดินรนอย่างไรก็ไม่สามารถทีจะดินหลุดออกไปได้

สายตาพลันเหลือบเห็นลูกศรทีกําลังจะพุ่งเข้ามาถึงตัว ในช่วงเวลาเป็ นตายเช่นนี นางได้ยนิ เสี ยง ‘ตึง’ ดังขึนเสี ยง


หนึ ง ประตูหินบานหนึ งก็ถูกเปิ ดออก เงาร่ างสี ม่วงเข้มกระโดดเข้ามา พลังปราณกล้าแกร่ งสายหนึงพุ่งออกมา
ปะทะเข้ากับลูกศรจนพุ่งกระเด็นตกพืน

ชุดสี ม่วงโบกสะบัดคล้ายก้อนเมฆสี ม่วงก้อนหนึง ค่อย ๆ ลอยลงตรงด้านหน้าของฉิ นยวีเยียน ใบหน้าองอาจ


หล่อเหลาและสายตาคมกริ บนัน ฉิ นยวีเยียนทีมองเห็นหัวใจทีเต้นระรัวก็ค่อย ๆ สงบลง ดวงตาทังสองข้างไหล
นองไปด้วยนําตา “อีเฉิ น !”

เย่อีเฉิ นก็มองไปทีฉิ นยวีเยียนเช่นกัน เมือเห็นชุดของนางขาดหลุดลุ่ย ผมเผ้ายุง่ เหยิงดูไม่เป็ นทรง สภาพน่าเอน็จอ


นาถยิงนัก แววตาของเขาก็วูบไหวไปด้วยความแปลกใจแต่ครู่ เดียวก็หายไปในพริ บตา พลางกล่าวปลอบโยน
“เจ้ามิตอ้ งกลัว ปลอดภัยแล้ว ข้าจะรี บพาเจ้าออกไปจากทีนี ”

“อืม !” ฉิ นวีเยียนพยักหน้าแรง ๆ แววตาเต็มไปด้วยนําตาทีไหลริ นออกมาด้วยความยินดี ค่อย ๆไหลอาบไปทัว


ใบหน้า ความเจ็บปวดจากแขนและขาทีพุ่งขึนมา ทําเอานางเจ็บปวดจนต้องสู ดลมหายเย็น แววตาลุกโชนไปด้วย
ไฟโกรธ นางกลับไปถึงเมืองหลวงเมือไหร่ จะต้องสับมู่หรงเสวียให้เป็ นหมืน ๆ ชิน !
เย่อีเฉิ นใช้แรงกระชากเชือกออก เพียงพริ บตาเชือกทีถูกมัดเอาไว้อย่างแน่นหนาก็ขาดออกจากกันเป็ นชิน ๆ ตก
กระจายลงสู่ พนื ขาทังสองข้างของฉิ นยวีเยียนได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถยืนได้ นางค่อย ๆ ล้มเอนลงไปทางเย่
อีเฉิ น

กลินเหม็นจากการถูกหลอมละลายทีคล้ายมีคล้ายไม่มีพุ่งเข้ามาสัมผัสกระทบใบหน้า เย่อีเฉิ นค่อย ๆ ขมวดคิว


อดทนไม่ให้ผลักฉิ นยวีเยียนออกไป เขายืนมือไปโอบเอวของนางเตรี ยมทีจะพาออกจากท้องพระโรง แต่ทนั ใด
นันเสี ยง ‘ซี ซี ซี’ หลายเสี ยงก็ดงั ขึนถีรัว......

นีมันเสี ยงอะไรกัน ? เย่อีเฉิ นหรี ตาลงมองไปตามเสี ยงก็เห็นมุมด้านหนึ งมีเส้นยาว ๆ สี ดาํ สายหนึง กําลังเปล่ง
ประกายเปลวไฟ......

นันมัน......ชนวนจุดระเบิด !

“พวกเราไป !” แววตาของเย่อีเฉิ นสันไหว เขาอุม้ ฉิ นยวีเยียนไว้แนบอกเร่ งกระโดดพุ่งออกไป ในขณะทีเขากําลัง


กระโดดออกไปนัน ชนวนก็ถูกจุดไปยังสุ ดปลายแล้ว ได้ยนิ เสี ยง ‘ตูม้ ’ ดังขึนเสี ยงหนึ ง ดินระเบิดก็ระเบิดออก
เสี ยงระเบิดดังลันไปทัว ดังลันกัมปนาท......

ภูเขาทังลูกค่อย ๆ สันไหวขึนมา เศษหิ น ดินทรายพลัน ‘ครื น ครื น’ ถล่มลงมาด้านล่าง แม้แต่พนดิ


ื นด้านหน้า
ของภูเขาทีคุณชายโอวหยางกับมู่หรงเสวียยืนอยูก่ ย็ งั สันไหวเสี ยหลายครัง
พวกของสวินเฟิ งกับอู๋เหิ นโซเซเล็กน้อยถึงจะกลับมายืนได้อย่างมันคงได้ดงั เดิม พวกเขามองไปทีภูเขาทีค่อย ๆ
เงียบสงบลง แล้วจึงค่อย ๆ ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แต่หัวใจกลับยังเต้นถีรัวและหวาดกลัวอยูภ่ ายในใจ
ภูเขาทังลูกล้วนถูกระเบิดจนสันไหวเช่นนี อํานาจของระเบิดช่างรุ นแรงยิงนัก !

“เจ้าวางระเบิดไว้ในท้องพระโรงเท่าไหร่ กนั ?” คุณชายโอวหยางมองไปทางมู่หรงเสวีย แววตาของเขาลึกลํา

“ระเบิดทีพวกองครักษ์เงานํามาข้าล้วนทิงเอาไว้ทงหมด
ั !” มู่หรงเสวียแย้มยิมและกล่าวขึนอย่างบางเบา

ปากของอู๋เหินยืนออกมาอย่างรุ นแรง นันมันระเบิดทีพวกเขาเตรี ยมมาเพือเอาไว้ใช้ระเบิดกลไก จํานวนตัง 50 ถุง


นันมากมายจนสามารถระเบิดเมืองหลวงครึ งหนึ งให้ราบคาบเชียวนะ แต่นางกลับเอาไปใช้ระเบิดฉิ นยวีเยียน
ความแค้นระหว่างนางกับฉิ นยวีเยียนไม่รู้ว่าแท้จริ งแล้วมีมากเท่าใดกัน ?

โชคยังดีทีพวกเราออกจากถํามาแล้ว ไม่เช่นนันอาจจะต้องถูกเศษหิ นทีถล่มลงอย่างรวดเร็ วขังเอาไว้ในถําด้านใน


แน่นอน......

คุณชายโอวหยางมองไปทีมู่หรงเสวีย ดวงตาฉายแววเหนื อยใจ “ใช้ดินระเบิดมากมายขนาดนันระเบิดฉิ นยวีเยียน


เจ้าไม่คิดว่ามันสิ นเปลืองไปหน่อยหรื อ ?”

มู่หรงเสวียไม่ใส่ ใจ “พวกเราก็เอาสมบัติมาได้แล้ว เหลือดินระเบิดเอาไว้ก็ไม่ได้ใช้อะไร ใช้ไปเสี ยให้หมดจะได้


ไม่ตอ้ งขนกลับเมืองหลวงให้ลาํ บาก !”
เกิดเป็ นองค์หญิงม่อเป่ ย ฉิ นยวีเยียนจะต้องมีไพ่ตายเอาไว้คุม้ ครองชีวิตไม่นอ้ ย ลูกศรสี ดาํ ก็เป็ นเพียงนางต้องการ
ทดสอบฉิ นยวีเยียน ถ้าฉิ นยวีเยียนตายลงด้วยศรพวกนันก็จะดีทีสุ ด แต่ถา้ เกิดไม่ตายก็ยงั มีดินระเบิดทีนางเตรี ยม
ไว้อยู่ ดินระเบิดมากมายขนาดนัน รุ นแรงขนาดนัน นางไม่เชือว่าจะไม่สามารถระเบิดให้ฉินยวีเยียนตกตายได้ !

“ปั ง !” อยู่ ๆ ปากถําก็ถูกกระแทกออกมาจนเป็ นรู ขนาดใหญ่ เงาร่ างสี ดาํ สายหนึ งพุ่งลอยออกมาจากถําด้านใน
ล้มกลิงลงด้านหน้าของมู่หรงเสวียกับคุณชายโอวหยาง !

เขามีรูปร่ างสู งแค่มองก็ดูรู้ว่าเป็ นผูช้ าย เสื อผ้าด้านบนถูกฝุ่ นควันเปรอะเปื อนจนกลายเป็ นสี ดาํ ล้วนมองดูสภาพ
เดิมไม่ออก ใบหน้าก้มลงกับพืนก็เลยมองไม่เห็นสภาพหน้าตาของเขา !

คิวงามของมู่หรงเสวียเลิกขึนเบา ๆ การระเบิดทีรุ นแรงขนาดนัน คนทีติดอยูใ่ นถําไม่ถูกระเบิดจนตายก็ตอ้ งถูก


เศษหิ นถล่มทับใส่ จนตาย แต่คนผูน้ ี กลับหนี ออกมาจากด้านในได้ ช่างร้ายกาจยิงนัก ไม่รู้ว่าเขาเป็ นใครกัน ?

แววตาวูบไหวครุ่ นคิด นางเตรี ยมทีจะพลิกกายของชายผูน้ นขึ


ั นมาดู แต่กลับพบว่าชายหนุ่มผูน้ นค่
ั อย ๆ ลุกขึนมา
ดวงหน้าหล่อถูกคราบเขม่าดินควันเปรอะเปื อนจนกลายเป็ นสี ดาํ บ้าง ขาวบ้าง แต่กลับไม่ได้ลดความเย็นชาบน
ใบหน้าของเขาลงแม้แต่นอ้ ย แววตามืดมิดลึกลํา สายตาคมกริ บดังลูกธนู นี มัน...จิงอ๋ องเย่อีเฉิ น !

ในขณะทีเขากําลังลุกขึน ร่ างของหญิงสาวนางหนึงก็ปรากฏขึนต่อสายตาของผูค้ น นางอยูใ่ นอ้อมกอดของเย่อี


เฉิ น ดวงตาปิ ดสนิท ทัวทังร่ างถูกเขม่าควันเปรอะเปื อนจนกลายเป็ นสี ดาํ ไม่รู้ว่าเป็ นหรื อตาย !
คิวของมู่หรงเสวียค่อย ๆ ขมวดเข้าหากัน หญิงสาวผูน้ นแน่
ั นอนว่าต้องเป็ นฉิ นยวีเยียน เย่อเฉิ
ี นช่วยนางเอาไว้ได้
ทัน ดินระเบิดมากมายขนาดนัน กลับไม่ได้ระเบิดพวกเขาจนแหลกเหลว แถมพวกเขายังหนีรอดออกมาอย่าง
ปลอดภัย ดวงชะตาของพวกเขาช่างแข็งยิงนัก !

“ระเบิดในท้องพระโรงเป็ นพวกเจ้าทีวางเอาไว้ใช่หรื อไม่ ?” เย่อีเฉิ นมองมาทางคุณชายโอวหยางและมู่หรงเสวีย


ด้วยสายตาเย็นชา ยวีเยียนตกลงไปในกับดักพร้อมกับพวกเขา ยวีเยียนถูกมัด ถูกระเบิด จะต้องมีความเกียวข้อง
กับพวกเขาอย่างแน่นอน

“ไม่ผดิ ” มู่หรงเสวียพยักหน้า ยอมรับอย่างไม่ลงั เล ความแค้นระหว่างนางกับฉิ นยวีเยียน ไม่ว่าใครก็รู้ นางไม่มี


อะไรทีต้องปิ ดบัง

“สมบัติในท้องพระโรงก็เป็ นพวกเจ้าทีเอาไปด้วยอย่างนันหรื อ ?” แววตาของเย่อีเฉิ นคมกริ บ ตอนทีเขาไปถึง


ท้องพระโรง ด้านในของท้องพระโรงก็เหลือเพียงเสาคําทองคําบาง ๆ สี ต้นรวมถึงฉิ นยวีเยียนทีถูกมัดไว้ สมบัติ
มากมายทีควรจะอยูด่ า้ นในก็ว่างเปล่าไม่เหลือแม้แต่ร่องรอย......

คุณชายโอวหยางปรายตามองไปทางเย่อเฉิ
ี น เขามิได้กล่าววาจาใด แต่แววตาเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยดูถูกอย่าง
ไม่ปิดบัง เรื องทีเห็นได้ชดั เจนถึงเพียงนี ยังจะต้องมาถามอะไรให้มากความอีก ช่างโง่เง่ายิงนัก !

มู่หรงเสวียมองไปทางเย่อเฉิ
ี น แววตาของนางคล้ายยิมคล้ายมิยมิ พวกนางกับเย่อีเฉิ นมาทีนี ก็เพือสมบัติ เย่อีเฉิ น
หาสมบัติไม่เจอแน่นอนอยูแ่ ล้วว่าพวกนางก็ตอ้ งได้ไป ยังต้องถามให้มากความอีกทําไม ?
“ทําไมพวกเจ้าถึงไร้บาดแผล ?” เย่อีเฉิ นถามออกมาด้วยความสงสัยอย่างถึงทีสุ ด ทีซ่ อนสมบัติส่วนมากจะเต็ม
ไปด้วยกลไก กับดัก สมบัติยงมากเท่
ิ าไร กลไกกับกับดักก็ยงมากเท่
ิ านัน

หลังจากทีเขาพาคนเข้าไปในถํา ทุกระยะทีเดินลึกเข้าไป ก็จะพบเข้ากับกับดักและกลไกทีซ่ อนเอาไว้ ไม่ว่าเขาจะ


เดินไปด้านหน้าอย่างระมัดระวังขนาดไหน ก็ยงั คงสู ญเสี ยองครักษ์เงาของวังจิงอ๋ องออกไปอยูด่ ี แม้แต่ตวั เขาเอง
ภายนอกก็ได้รับบาดเจ็บอยูห่ ลายแห่ ง......

มู่หรงเสวียกับคุณชายโอวหยางเดินเข้าไปด้านในถํา แต่กลับไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย อีกทังยังไปถึงท้องพระ


โรงทีเก็บสมบัติก่อนและยังเอาสมบัติออกมาได้อย่างง่ายดาย ดูแล้วเรื องราวไม่ค่อยถูกต้องเท่าไรนัก......

“เรื องนี ก็ตอ้ งขอบคุณองค์หญิงฉิ นแล้ว !” คุณชายโอวหยางปรายตามองฉิ นวีเยียนทีดวงตาปิ ดสนิ ทเป็ นตายไม่
แน่ ชดั พลางเลิกคิวเยาะเย้ย “ถ้านางไม่ได้ใช้อุบายทําให้ขา้ กับมู่หรงเสวียตกลงไปในกับดัก พวกเราก็คงไม่มี
ทางเข้าไปในท้องพระโรงได้อย่างสะดวกสะบายและนําเอาสมบัติออกมาได้อย่างราบรื นเช่นนี ”

แววตาของเย่อีเฉิ นเข้มขึน “หมายความว่าอย่างไร ?”


ตอนที 99 ช่ วยคนทีริมแม่ นํา

แววตาของคุณชายโอวหยางลึกลํา เขากล่าวเน้นทีละคํา “กลไกทีฉิ นยวีเยียนเปิ ดขึนมิใช่กบั ดัก แต่เป็ นเส้นทางลับ


ทีมุ่งตรงไปยังท้องพระโรงโดยตรง ด้านในถึงแม้จะอับชืนและมืดมิด ทังยังมีกลินเหม็นอับไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้มี
กลไกและกับดักอะไร ดังนันพวกข้าถึงได้ไปถึงก่อนเจ้าและเข้าไปในท้องพระโรงอย่างราบรื นปลอดภัย !”

ฉิ นยวีเยียนวางอุบายจนพวกเขาต้องถูกกับดักเล่นงานคิดอยากทีจะให้พวกเขาบาดเจ็บสาหัส ทิงชีวิตเอาไว้ แต่


กลับกลายเป็ นว่านางส่ งพวกเขาเข้าทางลัดไปโดยมิได้ตงใจ
ั ทําให้พวกเขาไม่ตอ้ งพบกับกับดับและกลไกที
อันตราย และในทีสุ ดก็สามารถแย่งชิงเอาสมบัติมาได้โดยไร้บาดแผล !

นีเขาเรี ยกว่าหลงระเริ งคิดว่าตัวเองนันฉลาด แต่สุดท้ายกลับไม่เหลือสิ งใด !

สี หน้าของเย่อีเฉิ นค่อย ๆ มืดครึ มลง มองไปทีฉิ นยวีเยียนทีสลบไม่ได้สติ เขามิกล่าววาจาใด แววตาคมกริ บวูบ


ไหวไปมาอย่างไม่รู้ว่ากําลังคิดสิ งใดอยู่ !

“จิงอ๋ อง คนรักในดวงใจทีเจ้าเลือกเฟ้ นมาอย่างพิถีพิถนั นอกจากจะช่วยให้เรื องดีกลายเป็ นร้ายและทําให้ท่าน


ได้รับบาดเจ็บแล้ว ก็ไม่มีอะไรดีอีกเลย รสนิ ยมของเจ้าช่างยําแย่เสี ยจนผูค้ นไม่กล้าชืนชม !” คุณชายโอวหยาง
ปรายตามองฉิ นยวีเยียนครังหนึง นําเสี ยงทุม้ แฝงไว้ดว้ ยความดูถูกเหยียดหยามทีมิได้ปิดบัง !
สี หน้าของเย่อีเฉิ นเขียวคลํา “คุณชายโอวหยาง เรื องของข้าเจ้าไม่มีสิทธิ มายุง่ วุน่ วาย !”

“เรื องของเจ้า ข้าก็ไม่ได้อยากจะสนใจไปยุง่ เกียวเท่าไรนัก !” คุณชายโอวหยางตอบกลับอย่างเย็นชาพลางหันกาย


ไปมองมู่หรงเสวีย นําเสี ยงอ่อนโยนดังขึนเบา ๆ “เวลาก็ล่วงเลยมานานมากแล้ว พวกเรากลับเมืองหลวงกัน
เถอะ”

“ตกลง !” มู่หรงเสวียพยักหน้าก้าวเดินออกไปด้านหน้าอย่างช้า ๆ สมบัติกไ็ ด้มาแล้วนางก็ไม่มีความจําเป็ นที


จะต้องอยูท่ ีนี อีก ส่ วนเย่อีเฉิ นเขาจะเป็ นหรื อจะตายล้วนไม่เกียวกับนาง !

มองไปทีเงาร่ างของนางทีไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง ดวงตาคมกริ บของเย่อีเฉิ นก็ค่อย ๆ หรี ลง แววตาเต็มไป


ด้วยความรู ้สึกแปลกประหลาด เขาไม่อยากจะเชือแต่กอ็ ดทีจะยอมรับไม่ได้ว่าถึงยวีเยียนจะเป็ นองค์หญิงม่อเป่ ย
แต่กลับต่างชันกับมู่หรงเสวียลิบลับ !

โดยเฉพาะเรื องการค้นหาสมบัติ มู่หรงเสวียมีพรสวรรค์และดวงในด้านนี แม้แต่เขาเองก็ยงั สู ้นางไม่ได้ คุณชาย


โอวหยางทีสามารถกอบโกยสมบัติออกมาได้อย่างง่ายดายนันแน่ นอนว่านางต้องมีส่วนช่วยเขาอย่างมากแน่ !

มู่หรงเสวียเป็ นว่าทีภรรยาของเขา ถ้าเขามิให้ยวีเยียนเข้าร่ วมในการหาสมบัติครังนี แต่หันไปร่ วมมือกับมู่หรง


เสวียแทน สมบัติในท้องพระโรงมิใช่ว่าจะต้องกลายเป็ นของเขาหรอกหรื อ......
“ท่านอ๋ อง !” เสี ยงร้องเรี ยกแผ่วเบาทีคุน้ เคยลอยเข้าหู เป็ นสวีเทียนโย่วและเหล่าองค์รักษ์เงาทีได้รับบาดเจ็บพา
กันเดินกะเผลก ๆ ออกมากันทีละคนสองคน มองไปยังร่ างทีได้รับบาดเจ็บหนักและทัวร่ างเปรอะเปื อนไปด้วย
คราบเขม่าคราบดินจนกลายเป็ นสี ดาํ ของเย่อเฉิ
ี น แววตาของพวกเขาก็วบู ไหวไปด้วยความประหลาดใจ

เย่อีเฉิ นเห็นแต่ไม่ได้สนใจ เพียงแต่สังการเสี ยงเย็นชา “กลับเมืองหลวง !” สมบัติก็ได้ถูกมู่หรงเสวียกับคุณชาย


โอวหยางเอาไปหมดแล้วพวกเขาก็มิจาํ เป็ นจะต้องอยูท่ ีนีอีก

“ขอรับ !” สวีเทียนโย่วตอบรับเสี ยงเข้ม เร่ งสังการให้เหล่าองครักษ์เงาไปเอารถม้าทีด้านหน้าอย่างทันที

แววตาของคุณชายโอวหยางทีมองดูอยูไ่ กล ๆ วูบไหวไม่แยแส มองไปทีมู่หรงเสวียทีอยูด่ า้ นข้างของเขา “สมบัติ


ก็ลว้ นขนขึนรถม้าเรี ยบร้อยแล้ว ส่ วนแบ่งของเจ้าจะให้ส่งไปทีจวนเจินกัวโหวเลยหรื อไม่ ?”

มู่หรงเสวียส่ ายหน้า “ตอนนียังมิตอ้ ง เก็บเอาไว้กบั สมบัติของท่านก่อน พอข้าต้องการใช้ค่อยไปเอา”

เย่อีเฉิ นต้องการสมบัติพวกนี ถ้าเกิดนางเอากลับไปทีจวนเจินกัวโหว เย่อเฉิ


ี นอาจจะสังการให้องครักษ์เงาเข้าไป
ปล้นชิงได้ ทหารยามของจวนเจินกัวโหวไม่ใช่คู่ปรับขององครักษ์เงาของวังจิงอ๋ อง พอถึงตอนนันสมบัติทีกว่า
นางจะหาได้มาอย่างยากลําบากก็คงถูกแย่งชิงไปมิเหลือแน่ ต้องกลายเป็ นของเย่อีเฉิ นอย่างง่ายดาย !

“ก็ดี !” คุณชายโอวหยางพยักหน้า แววตาลึกลํา “สมบัติมีจาํ นวนมากมายนักไม่ว่าจะเก็บไว้ทีไหนก็ลว้ นแต่ดึงดูด


สายตาคน ข้าให้พวกองครักษ์เงาเก็บพวกมันเอาไว้ในที ๆ ปลอดภัยก่อน แล้วค่อย ๆ ขนเข้าวังเซี ยวเหยาอ๋ อง !”
“ตกลง” มู่หรงเสวียพยักหน้ามีองครักษ์เงาของวังเซี ยวเหยาอ๋ องคอยคุม้ กัน สมบัติจะต้องอยูร่ อดปลอดภัย ไม่วา่
ส่ งไปเก็บทีไหนก็ลว้ นปลอดภัย !

ลมเย็นสบายพัดผ่าน กลินเหม็นเน่ าและอับชืนลอยกระทบเข้ากับจมูก มู่หรงเสวียหลุดจากภวังค์กม้ ลงดมแขน


เสื อและเสื อผ้าของตัวเองพลางขมวดคิวแน่ น

ถึงแม้วา่ ทางเดินเส้นนันจะปลอดภัยแต่ว่าไม่มีคนใช้สอยมาเป็ นเวลานาน อีกทังยังไม่มีลมพัดผ่าน ก็เลยมีกลิน


เหม็นจนชวนให้อยากจะอาเจียน นางเดินอยูใ่ นเส้นทางลับเป็ นเวลานานกลินเหม็นก็เลยแทรกซึ มไปบนเสื อผ้า
ของนางทุกซอกอณู

ภายในถําไม่มีอากาศถ่ายเทเลยแม้แต่น้อย นางจึงไม่รู้สึกตัวว่ามันมีกลินเหม็นแค่ไหน แต่ตอนนี พอได้ออกมา


ด้านนอกของถําแล้วอยู่ ๆ สายลมพัดผ่านถึงได้พบว่า กลินเหม็นนันมันชวนให้น่าสะอิดสะเอียดเสี ยเหลือเกิน......

“ใกล้ ๆ นี มีแหล่งนําหรื อไม่ ? ข้าอยากจะล้างเอ่อล้าง......มือ !”

เมือมองไปทีใบหน้าหงิกงอของนาง แววตาของของคุณชายโอวหยางก็เจือปนไปด้วยรอยยิมเล็กน้อย “พอออก


ํ ก ๆ อยูส่ ายหนึง !”
จากเขาลูกนีเลียวไปทางซ้าย จะมีแม่นาเล็
“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียกล่าวเสี ยงตํา รี บร้อนเดินไปทางแม่นาทั
ํ นที กลินบนเสื อผ้าเหม็นจนเกินจะรับ
ได้ นางอยากจะล้างออกจนแทบจะรอไม่ไหว จะได้ลบเอากลินเหม็นนีออกไปเสี ยที......

พอออกมาจากภูเขาก็เห็นแม่นาสายเล็
ํ ก ๆ ตามทีเขาพูดไว้ นําในแม่นาใสสะอาดมาก
ํ ริ มแม่นาเต็
ํ มไปด้วย
ต้นหญ้าสู งใหญ่ประมาณครึ งตัวคนได้ พัดโชยไปด้วยอากาศสดชืน

มู่หรงเสวียก้าวเท้าไปทีริ มตลิงของแม่นาอย่
ํ างรวดเร็ ว จุ่มมือลงไปล้างมือและแขนในนํา กลินเหม็นนันเบาบาง
ลงไปเล็กน้อย แต่กย็ งั มีกลินเหม็นโชยเข้าจมูกอยูด่ ี นางขมวดคิวพลางแกะสายรัดเอวและกระดุมเสื อออก ถอด
เอาชุดออกมาแช่ลา้ งลงไปในนํา......

“เจ้าจะทําอะไรน่ ะ ?” เสี ยงทุม้ ของชายหนุ่ มลอยเข้าหู ชุดยาวทีเต็มไปด้วยกลินหอมของไม้ไผ่บางเบาถูกวางคลุม


ลงบนตัวนาง

“ในป่ าเขาห่ างไกล ทําไมเจ้าถึงกล้าถอดเสื อผ้าออกตามอําเภอใจเช่นนี ถ้าเกิดพบเข้ากับผูช้ ายทีมีจิตใจเลวทราม


จะทําอย่างไร ?” ใบหน้าหล่อเหลาของคุณชายโอวหยางค่อย ๆ เคร่ งขรึ มลง ชุดส่ วนในสี ขาวพลิวไหวไปตาม
สายลม ดูสูงศักดิสง่างาม หล่อเหลาจนหาใดเปรี ยบ !

มู่หรงเสวียไม่สนใจ “ข้าตรวจดูอย่างละเอียดแล้ว ใกล้ ๆ นีนอกจากท่าน ก็ไม่มีผใู ้ ดอีก !”

แววตาคุณชายโอวหยางวูบไหวไปด้วยความไม่แน่ ใจ “เจ้ากําลัง......แก้ผา้ ให้ขา้ หรื อ......”


ทันใดนันดวงหน้างามของมู่หรงเสวียก็พลันมืดครึ มลง “ท่านเพ้อเจ้อให้มนั น้อย ๆ หน่ อย เพราะว่ากลินบน
เสื อผ้ามันเหม็นเกินจะรับได้ ข้าถึงได้คิดถอดมันเอาไปล้าง......”

นางใส่ เสื อกับกางเกงส่ วนในสี ขาว แถมยังใส่ เอียมไว้ ผิวหนังแม้แต่นอ้ ยก็มิได้เปิ ดเผยออกมาให้เห็น ในยุค
ปัจจุบนั ก็เท่ากับว่าใส่ เสื อเชิตกางเกงขายาว คนอืนจะเห็นก็มิเป็ นไร

“จริ งหรื อ ?” คุณชายโอวหยางยกมุมปาก ดวงหน้าคล้ายยิมคล้ายมิยมิ

นใหญ่ มู่หรงเสวียก็ไม่
“ข้าจะหลอกท่านไปทําไมกัน......ข้า......ข้าไม่ซักชุดต่อแล้ว !” เมือยิงอธิบายก็ยงไปกั

อยากจะอธิบายต่ออีก นางคว้าเอาเสื อขึนจากนําอย่างโมโห เตรี ยมทีจะเดินจากไปแต่หางตากลับเห็นผิวนําเจือ
ปนไปด้วยสี แดงบางเบา

มู่หรงเสวียชะงักหยุดเท้าลงในทันใด มองตามสี แดงไปด้านหน้าก็เห็นชายผูห้ นึ งนอนควําอยูร่ ิ มแม่นาํ ร่ าง


ครึ งหนึงนอนจมอยูใ่ นกอหญ้า อีกครึ งหนึ งจมอยูใ่ นนํา นําในแม่นาที
ํ กระทบเข้าฝังเบา ๆ ยิงทําให้เลือดไหลซึ ม
ออกมา......

“ไหนเจ้าบอกว่าใกล้ ๆ นี ไม่มีคนไง ?” สี หน้าของคุณชายโอวหยางมืดครึ ม เสี ยงทุม้ แฝงไปด้วยการกัดฟัน

มู่หรงเสวียนิงงัน “......”
คนคนนีนอนอยูใ่ นกอหญ้า ถูกต้นหญ้าสี เขียวบดบัง นางจึงมองไม่เห็น แล้วจะมาโทษนางได้อย่างไรกันเล่า ?

อีกอย่าง มองเห็นคนทีได้รับบาดเจ็บจนสลบไม่ได้สติเช่นนี ไม่ใช่ว่าเขาควรเข้าไปดูเสี ยก่อนว่าคนนันยังมีโอกาส


รอดชีวติ หรื อไม่หรอกหรื อ ? ทําไมสิ งทีคุณชายโอวหยางสนใจถึงได้ไม่เหมือนกับคนอืนนัก ?

เมือมองไปทีสายตาไม่เข้าใจของนาง แววตาของคุณชายโอวหยางวูบไหวไปด้วยความเศร้าใจ เขากล่าวขึนเสี ยง


เย็น “กับคนทีครึ งเป็ นครึ งตายเช่นนันข้าไม่ได้รู้สึกสนใจ !”

“แต่ว่าพวกเรามิสามารถเห็นคนทีกําลังจะตายแล้วไม่เข้าไปช่วยเหลือได้นะเจ้าคะ !” มู่หรงเสวียกล่าวเสี ยงตํา


เดินไปทีด้านหน้าของชายผูน้ นั นางจับไปทีไหล่ของเขาแล้วพลิกร่ างของเขาขึนมา ชัวขณะนัน ใบหน้าซี ดขาวก็
ปรากฏต่อหน้าคนทังสอง ใบหน้างดงามดังหยกขาวทีได้รับการแกะสลักอย่างประณี ต ใบหน้าสี ขาวหิ มะเจิดจ้า
จนดวงอาทิตย์บนท้องฟ้ ายังต้องอับแสง

“เป็ นเขา !” แววตาของคุณชายโอวหยางหรี เล็กลง คิวงามได้รูปค่อย ๆ ขมวดเข้าหากัน

มู่หรงเสวียกระพริ บตามองไปทีคุณชายโอวหยาง “ท่านรู ้จกั เขาอย่างนันหื อ ! เขาเป็ นใครกัน ?”


ตอนที 100 ได้ สติ

“ก็แค่คนไม่สลักสําคัญผูห้ นึง !” เปลือกตาของคุณชายโอวหยางหรี ลง พลางกล่าวขึนอย่างไม่ใส่ ใจ

มู่หรงเสวียไร้วาจาคําพูด “ใครถามกันว่าท่านคิดยังไงกับเขา ทีข้าอยากรู ้กค็ ือเขาชืออะไร ?”

“ข้าเพียงแค่เคยพบกับเขาโดยบังเอิญครังหนึง ไม่รู้ว่าเขาชืออะไร” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนอย่างราบเรี ยบ


ท่าทางบ่งบอกว่าเขาไม่มีความเกียวข้องใด ๆ กับชายหนุ่ มผูน้ ี

“จริ งหรื อ ?” มู่หรงเสวียเชือครึ งไม่เชือครึ ง ตอนทีเห็นรู ปลักษณ์ใบหน้าของชายผูน้ นั เขานันมีท่าทางประหลาด


ใจจนไม่เหมือนกับคนทีเคยได้พบกันโดยบังเอิญและไม่มีความเกียวข้องต่อกัน

“แน่นอนว่าเป็ นเรื องจริ ง ข้าจะหลอกเจ้าทําไมกัน !” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนเสี ยงเรี ยบ แววตาของเขาลึกลําดัง


นําในมหาสมุทร

มู่หรงเสวียยกมุมปาก ฐานะของชายผูน้ ีรวมถึงชือแซ่ นางก็มิได้สนใจเท่าไรนัก รู ้หรื อไม่รู้กไ็ ม่เป็ นไร แต่ว่ามีเรื อง


หนึ งทีนางจําเป็ นจะต้องทํา
มือขาวนวลยืนออกไปด้านหน้าของคุณชายโอวหยางแล้วกล่าวขึนเสี ยงสู ง “เอามาเถอะ !”

“อะไร ?” คุณชายโอวหยางมองไปทีนางอย่างไม่เข้าใจ

“ยารักษาไง ไหล่และขาของเขาล้วนได้รับบาดเจ็บจากการถูกดาบฟันทีหนักหนามาก เลือดไหลไม่หยุด จะต้อง


รี บใส่ ยาห้ามเลือด !” มู่หรงเสวียกล่าวเสี ยงตําแววตาของนางเต็มไปด้วยความจริ งจัง

คิวดกดําของคุณชายโอวหยางขมวดขึนเล็กน้อย เขามองไปทางมู่หรงเสวียด้วยดวงตาทีไม่กระพริ บ “เจ้าตังใจจะ


ช่วยเขาจริ ง ๆ หรื อ ?”

มู่หรงเสวียกระพริ บตา “เขาบาดเจ็บถึงเพียงนี แต่ยงั ไม่มีอาการติดเชือ ทําความสะอาดเล็กน้อยโปะยานิดหน่อย ก็


สามารถช่วยชีวิตเขาได้แล้ว เรื องราวทีทําได้ง่ายดายเช่นนี ทําไมข้าถึงจะไม่ทาํ ล่ะ ?”

แววตาของคุณชายโอวหยางเปล่งประกายลําลึกอย่างนึ กไตร่ ตรอง คนผูน้ ี มีฐานะไม่ธรรมดา ถ้าหากเกิดช่วยเหลือ


เขา ผลลัพธ์จะดีจะร้ายยากทีจะคาดเดา......

มู่หรงเสวียไม่ได้รู้ความคิดภายในใจของเขา เพียงเห็นสี หน้าของเขาเคร่ งขรึ มไม่กล่าววาจา คิวบางก็ค่อย ๆ เลิก


ขึน ยืนมือเข้าไปในแขนเสื อของเขาหยิบเอาขวดกระเบืองสี เขียวอ่อนออกมา
“ช่วยชีวิตคน มีผลดีมากกว่าผลเสี ยเจ็ดส่ วน ท่านก็ไม่ตอ้ งครุ่ นคิดให้มากความแล้ว ท่านให้ยารักษา ส่ วนข้าลง
แรง พวกเรามาร่ วมกันช่วยชีวิตของเขาเถอะ......”

มู่หรงเสวียยกยิมสดใสพลางกล่าวขึนพร้อมกับจับไหล่ทงสองข้
ั างของชายหนุ่ม ลากเขาออกจากกอหญ้าวางร่ าง
ของเขาให้นอนราบไปกับพืนสะอาด แหวกเสื อผ้าตรงไหล่และขาของเขาออก ทําความสะอาดบาดแผล ใส่ ยา
พันแผล ท่าทางไหลลืนดังกระแสนําทีไหลริ น ทําให้ผทู ้ ีพบเห็นต่างทึงตืนตะลึงไม่ได้ !

ตาของชายหนุ่ มกําลังปิ ดสนิ ทแต่ขนตากลับสันไหวน้อย ๆ อยูค่ รู่ หนึง ทว่าเพียงพริ บตาก็กลับไปนิงสนิ ทดังเดิม !

มู่หรงเสวียทีกําลังจัดการกับบาดแผลของเขาก็เลยมองไม่เห็นการเคลือนไหวนัน นางยืนมือเรี ยวเล็กขาวนวลไป


หยิบผ้าขาวพันรอบไปทีไหล่ของเขาอย่างเป็ นระเบียบเรี ยบร้อย กวาดตามองดูแล้วไม่พบจุดผิดพลาดหรื อตก
หล่น นางจึงค่อย ๆ ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ในทีสุ ดก็จดั การบาดแผลจนสําเร็ จ

มู่หรงเสวียยืดตัวตรงยืนขึนอย่างช้า ๆ แล้วมองไปทีคุณชายโอวหยาง “คุณชาย พวกสวินเฟิ งกับอู๋เหิ นน่าจะยังไป


ได้ไม่ไกล ให้พวกเขามาช่วยนําตัวคนส่ งกลับเมืองหลวงเถอะ”

ใบหน้าหล่อเหลาของคุณชายโอวหยางเคร่ งขรึ มขึนอย่างทันที “เจ้าคิดจะพาเขากลับจวนเจินกัวโหวไปดูแลอย่าง


นันหรื อ ?”

“ไม่ใช่เสี ยหน่ อย !” มู่หรงเสวียส่ ายหน้าเบา ๆ “ข้าเพียงรู ้สึกว่า ทีนี มันห่ างไกลและรกร้างนัก เขาอาจจะพบกับ
สัตว์ป่าได้ทุกเมือ เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกทังยังสลบไม่ตืนเช่นนี ถ้าหากโชคร้ายพบเข้ากับสัตว์ร้าย ก็มีแต่ตาย
ทางเดียวเท่านัน พวกเราช่วยเหลือเขาแล้วก็ควรจะช่วยเหลือให้ถึงทีสุ ด พาเขากลับเมืองหลวงไปด้วยกันเถอะ รอ
จนเขาฟื นค่อยให้เขาจากไปก็ยงั ไม่สาย......”

สี หน้าของคุณชายโอวหยางค่อย ๆ อ่อนโยนลง แล้วกล่าวขึนเสี ยงตํา “คนของเขาอีกไม่นานก็คงมาถึงแล้ว พวก


เขาจะดูแลเขาต่อเอง พวกเราไม่ตอ้ งไปคิดอ่านให้มากความ......”

“จริ งรึ ?” มู่หรงเสวียยังรู ้สึกเชือครึ งไม่เชือครึ ง

“ข้าเคยหลอกเจ้าเมือไหร่ กนั ? เวลาก็ล่วงเลยมามากแล้ว พวกเราไปกันเถอะ !” คุณชายโอวหยางพูดขึนเพียงเบา


ๆ จับมือของมู่หรงเสวียแล้วลากนางเดินต่อไปยังด้านหน้า

ชายหนุ่ มทีนอนอยูก่ บั พืนไม่ขยับเคลือนไหว สี หน้าของเขาซี ดขาวไร้เลือด มู่หรงเสวียจึงรู ้สึกมิค่อยวางใจเท่าไร


นัก “พวกเราไปทังอย่างนีไม่ค่อยดีนกั รออีกสักครู่ หน่ อยเถอะ รอให้คนของเขามาถึงก่อน......”

“รอให้พวกเขามาถึงแล้วค่อยบอกพวกเขาว่าเราเป็ นคนทีช่วยเหลือคนของเขาไว้ ให้พวกเขาตอบแทนเรา......”


คุณชายโอวหยางต่อประโยคของมู่หรงเสวียขึนช้า ๆ

ทันใดนันใบหน้างดงามของมู่หรงเสวียจึงค่อย ๆ เปลียนเป็ นเรี ยบเฉย “ข้าไม่ได้เป็ นคนเช่นนัน ข้าช่วยคนมิใช่


เพราะต้องการสิ งตอบแทน......”
“ถ้าไม่ใช่ อย่างนันพวกเราก็ไปเถอะ......” คุณชายโอวหยางโอบเอวของมู่หรงเสวียพลางดึงนางให้เดินไป
ด้านหน้า

เมือมองไปทีแววตาลําลึกดังทะเลสาบของเขา มู่หรงเสวียก็ขมวดคิวเข้าหากัน “คุณชายโอวหยาง ทําไมท่านถึง


ต้องรี บไปเช่นนีเล่า......”

คุณชายโอวหยางปรายตามองนางและกล่าวขึนด้วยอารมณ์ทีไม่ค่อยดีนกั “สภาพการแต่งกายของเจ้าทีเป็ นอยู่


ตอนนี ไม่เหมาะสมทีจะพบเจอกับชายอืนนัก......”

มู่หรงเสวียชะงักไป ทันใดนันก็ถึงคิดขึนมาได้ นางกําลังใส่ ชุดนอกของคุณชายโอวหยาง ชุดนอกทีทําจากเส้น


ไหมปิ งฉานซื อค่อนข้างโปร่ งบาง ชุดและกางเกงส่ วนในของนางทีถูกปกคลุมภายใต้ชุดของเขาเดียวผลุบเดียว
โผล่ ทําให้ผคู ้ นทีพบเห็นอาจคิดไปในทางทีไม่ดีได้ !

นางทีอยูใ่ นสภาพเช่นนี หากพบกับเหล่าผูต้ ิดตามของชายหนุ่มดูท่าแล้วมิค่อยเหมาะสมนัก !

เมือเห็นนางนิงเงียบลง แววตาของคุณชายโอวหยางก็ค่อย ๆ อ่อนโยน เขาโอบไปทีเอวของนางเบา ๆ พานางก้าว


ยาว ๆ ออกไปยังด้านหน้า แล้วกล่าวขึนด้วยนําเสี ยงทีอ่อนโยน “ระแวกใกล้ ๆ นี ไม่มีสัตว์ร้าย เขาจะไม่มี
อันตราย......คนของเขาก็มาถึงใกล้ ๆ นี แล้ว อีกไม่นานก็คงหาทีนีเจอ......”
ทังสองค่อย ๆ เดินไกลออกไป เมือเลียวโค้งด้านหน้าก็หายลับไปจากสายตา เงาร่ างได้รูปสายหนึงเดินไป
ด้านข้างของชายหนุ่ ม นางใส่ ชุดสี ฟ้า คิวโก่งงดงาม ริ มฝี ปากได้รูปเหมือนดอกเหมย ใบหน้าไร้ผงแต่งแต้มจาก
เครื องสําอาง แต่กย็ งั ดูงดงามดังเทพเซี ยน เป็ นหลานสาวของท่านราชครู ซูหนานเซี ยงนันเอง !

เมือปรายตามองไปทางทิศทีมู่หรงเสวียกับคุณชายโอวหยางทีหายลับไป แววตาของซู หนานเซี ยงก็วบู ไหวไป


ด้วยความเกลียดชัง

นางมีธุระบังจึงเอิญผ่านทางมาแถวนี เมือเห็นคุณชายโอวหยางในใจก็เต็มไปด้วยความตืนเต้นดีใจจึงเดินเข้ามา
หา แต่คาดไม่ถึงว่ามู่หรงเสวียก็อยูท่ ีนีด้วย อีกทังยังต่อปากต่อคํากับคุณชายโอวหยางอย่างไร้ยางอาย ช่างน่ า
โมโหยิงนัก นันเป็ นความใกล้ชิดทีแม้แต่นางก็ยงั มิเคยได้รับจากเขา......

แววตาของซูหนานเซี ยงเปล่งประกายไปด้วยความเกลียดชังทีมืดมิด นางต้องอดกลันอยูห่ ลายครังถึงจะสงบลง


ค่อย ๆ ก้มหน้าลงไปมองชายหนุ่ มทีนอนสลบไม่ได้สติอยูบ่ นพืน ดวงตาทังสองข้างของชายหนุ่ มปิ ดสนิ ท ลม
หายใจแผ่วเบา สี หน้าซี ดขาวไร้สีเลือด นีเขาได้รับบาดเจ็บจากอะไรกัน ?

ซูหนานเซี ยงขมวดคิวขึนอย่างไม่เข้าใจ เตรี ยมทีจะก้มลงไปตรวจดูให้ละเอียด ก็มีเสี ยงแหวกอากาศทีบางเบา


ลอยมาสายหนึง คนชุดดําปรากฏขึนกลางอากาศบริ เวณด้านข้างของชายหนุ่ ม ดาบยาวในมือส่ งเสี ยง ‘เช้ง’ ยืน
ออกมาทีด้านหน้าของนาง ในแววตาเปล่งประกายเบือกเย็นอํามหิ ต “เจ้าเป็ นใคร ?”

ซูหนานเซี ยงแววตาวูบไหวอย่างถือดี “เป็ นคนทีช่วยชีวิตคุณชายของเจ้าอย่างไร !”


ชายหนุ่ มทีนอนอยูบ่ นพืนถึงแม้จะมีสีหน้าซี ดขาวสลบไม่ได้สติ แต่กลับไม่สามารถบดบังความองอาจและสง่า
งามทีเปล่งประกายออกมาจากตัวเขาได้ ชายหนุ่ มมีใบหน้าหล่อเหลา เสื อผ้าทีดูสูงค่ามิธรรมดาล้วนบอกชัดเจน
ว่า ชายหนุ่ มผูน้ ี มีฐานะสู งส่ งมิธรรมดานัก

ให้ตวั เขาทีมีสภาพเช่นนี ติดค้างนางหนึงชีวิต จะต้องเป็ นเรื องทีเป็ นผลดีต่อนางอย่างแน่นอน !

คนชุดดําหยุดชะงัก เพียงพริ บตาก็พบว่าบาดแผลทีไหล่และขาของชายหนุ่ มล้วนถูกดูแลและจัดการอย่าง


เรี ยบร้อย ผ้าพันแผลนันถูกพันเอาไว้อย่างสวยงาม ชัดเจนว่าเป็ นฝี มือของหญิงสาวมิผดิ เพียน......

“แค่ก แค่ก แค่ก !” ชายหนุ่ มทีนอนอยูบ่ นพืนไอออกมาเบา ๆ เพียงเล็กน้อย เขาเปิ ดตาขึนอย่างช้า ๆ ดวงตาสี ดาํ
ลึกลําดังดวงดาวบนท้องฟ้ า

ในใจของคนชุดดําเต็มไปด้วยความตืนเต้นยินดีเร่ งรี บคุกเข่าลงพยุงชายหนุ่ มผูน้ นขึ


ั นอย่างระมัดระวัง “คุณชาย
ท่านฟื นแล้ว”

ชายหนุ่ มตอบรับเสี ยงอืมบางเบา เขาค่อย ๆ ลุกยืนขึนโดยมีชายชุดดําคอยช่วยพยุง !

ความเจ็บปวดพลันแล่นแปลบขึนมาจากส่ วนขาจนเขาต้องขมวดคิวแน่ น สายตาอ่อนโยนกวาดตามองผ้าพันแผล


สี ขาวทีมัดอย่างงดงามตามไหล่และส่ วนขาของเขา แล้วหันมองไปทางซูหนานเซี ยงอย่างเรี ยบเฉย “เป็ นคุณหนูที
ช่วยชีวิตผูน้ อ้ ย ?”
ตอนที 101 สงสั ย
“ใช่ !” ซูหนานเซี ยงพยักหน้า สี หน้าของนางไม่เปลียนสี แต่หัวใจเต้นแรงไม่เป็ นจังหวะ

“ผูน้ อ้ ยตงฟางหลี ขอบคุณคุณหนูทีช่วยชีวิต......” ตงฟางหลีกล่าวเสี ยงเบา ใบหน้าหล่อเหลางดงามดังหยกทีผ่าน


การแกะสลักอย่างวิจิตร งดงามจนทําให้ผคู ้ นไม่อาจถอนสายตาออกไปได้ ดวงตาสี นาตาลแดงสดใสกระจ่
ํ างชัด
เหมือนดังแก้วใส

ตงฟางหลี ? เขาคือองค์ชายเจ็ดแห่ งแคว้นซี เหลียงมิใช่หรื อ ? นีนางได้ ‘ช่วยชีวิต’ บุคคลทีมีชือเสี ยงโด่งดังขนาด


นีเลยหรื อ......

แววตาของซูหนานเซี ยงวูบไหวไปด้วยความตืนเต้นยินดีเพียงครู่ หนึ งแล้วก็สลายมันลงไปในพริ บตา พร้อมกับ


ยิมอย่างมีมารยาท “เรื องลําบากเพียงแค่ยกมือ คุณชายตงฟากอย่าได้ใส่ ใจ !”

“การลําบากเพียงแค่ยกมือของคุณหนู สําหรับหลีแล้วถือว่าเป็ นบุญคุณทีต้องตอบแทน ถ้าหากคุณหนูไม่ปฏิเสธ


หลีเต็มใจทีจะไปส่ งคุณหนูกลับจวนเป็ นการแสดงความขอบคุณ!” ตงฟางหลีกล่าวเสี ยงตํา นําเสี ยงเรี ยบเฉยแฝง
ไปด้วยความจริ งใจทีหนักแน่ น

“เอ่อ......” ซูหนานเซี ยงอําอึงไปครู่ หนึง กล่าวเสี ยงเบา “บ้านของผูน้ อ้ ยอยูท่ ีจวนราชครู ในเมืองหลวง รบกวน
คุณชายตงฟางแล้ว !”
“คุณหนูเกรงใจไปแล้ว เชิญคุณหนู !” ตงฟางหลีทาํ ท่าเชือเชิญ ชัดเจนว่าเป็ นท่าทางธรรมดาสามัญแต่กลับดู
องอาจเสี ยจนผูท้ ีได้พบเห็นต่างตาพร่ ามัว

“เชิญคุณชายตงฟาง !” ซูหนานเซี ยงย่อกายยิมสดใส นางค่อย ๆ เยืองย่างไปด้านหน้า มุมปากยกยิมได้ใจที


แผนการสําเร็ จลุล่วง ตงฟางหลีเข้าใจว่านางเป็ นผูม้ ีพระคุณทีช่วยชีวิตเขาไว้ แน่นอนว่าจะต้องหาทางตอบแทน
นาง นางจะต้องหาทางใช้ประโยชน์จากโอกาสครังนี ให้มาก ๆ เพือทีจะได้มาซึ งผลลัพธ์ทีดีทีสุ ด......

เมือมองตามแผ่นหลังของซูหนานเซี ยงทีค่อย ๆ เดินไกลออกไป แววตาของตงฟางหลีก็เปลียนเป็ นมืดมัว ตังใจ


ก้าวช้า ๆ อยูด่ า้ นหลัง พลางกดเสี ยงตํากล่าวขึนว่า “ฮัวถง เป็ นนางทีช่วยข้าจริ ง ๆ หรื อ ?”

ตอนทีหญิงสาวกําลังพันแผลให้เขา มีช่วงหนึงทีเขาได้สติ แต่วา่ ทัวทังร่ างกลับไร้เรี ยวแรง ขยับเคลือนไหวไม่ได้


อยากจะกล่าววาจา แต่กลับเปล่งเสี ยงไม่ออก เปลือกตาหนักเสี ยจนไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็ลืมไม่ขึน ทําได้แต่
เพียงมองโลกภายนอกอย่างพร่ ามัวเท่านัน

ภาพสลัว ๆ ทีปรากฏต่อสายตา เขานันไม่สามารถมองเห็นหน้าตาของหญิงสาวได้อย่างชัดเจน แต่เห็นเพียง


ดวงตาของหญิงสาว รู ปร่ างของหญิงสาว เปรี ยบกับคุณหนูทีอยูด่ า้ นหน้าท่านนี แล้วดูไม่ค่อยคล้ายกันเท่าใดนัก
......

“เอ่อ......” ฮัวถงเลิกคิวตอบตามความเป็ นจริ ง “ข้าน้อยไม่ได้เห็นนางช่วยเหลือคุณชายกับตา แต่ตอนทีข้าน้อย


มาถึงทีนี ทีนี ก็มีแต่นางเพียงผูเ้ ดียว”
“ทีแท้กเ็ ป็ นเช่นนี !” ตงฟางหลีพยักหน้า แววตาเปล่งประกายอย่างครุ่ นคิด

“คุณชาย ต้องการให้ขา้ น้อยสื บเรื องนี หรื อไม่ขอรับ ?” ฮัวถงไต่ถามเสี ยงตํา แววตาเย็นชา

“มิตอ้ ง เรื องเท็จไม่มีทางเป็ นจริ งได้ เรื องจริ งก็ไม่สามารถกลายเป็ นเท็จได้ ตอนนี ก็อย่าได้ไปสนใจให้มากนัก”
ตงฟางหลีกล่าวขึนเสี ยงเบา ท่าทางดูลึกลับ

พวกเขามาถึงเมืองหลวงชิงเหยียนเป็ นครังแรก สถานทีกับผูค้ นก็ยงั ไม่ค่อยคุน้ เคย ทังยังถูกใครบางคนส่ งมือ


สังหารมาตามฆ่า พวกมันแอบแฝงอยูใ่ นเงามืดพอสบโอกาสก็ลงมือสังหารเขา เขาไม่ควรจะทําตัวมุทะลุ
จนเกินไป

ราชครู เป็ นอาจารย์ของฮ่องเต้ ไม่ว่านอกจวนในจวนต้องถูกเหล่าทหารมากมายปกป้ องคุม้ ครอง มือสังหารไม่มี


ทางกล้าบุกเข้าไปได้ เขาก็คงต้องคล้อยตามความต้องการของคุณหนูผนู ้ ี ไปก่อน ไปเป็ นแขกของจวนราชครู แล้ว
ค่อยคิดอ่านแผนการให้ละเอียดรอบคอบ !

แสงอาทิตย์เจิดจ้าทีสาดส่ อง บ่าวไพร่ สาวใช้ภายในจวนอู่อนั โหวเดินกันขวักไขว่ไปมา ทําตามหน้าทีของแต่ละ


คน แต่เรื อนโซ่ วอันถังทีพํานักของซ่ งเหล่าฮูหยินกลับเงียบสงบ !

ซ่งเหล่าฮูหยินนังอยูบ่ นเก้าอี กําลังละเมียดละไมจิบชาอย่างเชืองช้าประณี ต ปรายตามองหญิงสาวทีนังอยู่


ด้านหน้า แล้วกล่าวขึนอย่างเรี ยบเฉย “กลับมาก็ดีแล้ว หลายวันมานี เจ้าคงลําบากนัก”
“ขอบคุณท่านแม่ทีเป็ นห่ วงเจ้าค่ะ สะใภ้ไม่เป็ นไร !” มู่หรงโหรวยิมพอเป็ นพิธี ยกนําชาด้านหน้าขึน ดืมลงไปอึก
หนึ ง

นางทีถูกคุมขังอยูใ่ นคุกทุกวันล้วนแต่ตอ้ งนอนอยูบ่ นหญ้าแห้งทีเปี ยกชืน อีกทังยังต้องกินกันเหลียง(อาหารแห้ง


ทีเอาไว้ใช้สาํ หรับเดินทางไกล) ทีฝื ดคอจนยากทีจะกลืนลง ซดนําซุ ปทีใสแจ๋ วจนสามารถมองเห็นเงาคน ยีสิ บวัน
มานี นางผอมซูบลงไปมาก ใบหน้าซี ดเหลือง สภาพสี หน้าไม่ดีเท่าไรนัก ถึงจะใช้แป้ งฝุ่ นเครื องสําอางลําค่า
เพียงใด ก็ไม่สามารถปกปิ ดแววตาทีอิดโรยได้

ซ่งเหล่าฮูหยินมองไปทีนาง ขมวดคิวเล็กน้อย พลางกล่าวขึนช้า ๆ “เจ้าเพิงจะกลับจวน ก็รักษาตัวเองให้ดี


เสี ยก่อน เรื องราวภายในจวนอู่อนั โหวช่วงนี ก็ให้ฮุ่ยฮุ่ยจัดการดูแลเสี ย”

พูดกล่าววางท่าให้ตวั ดูดีนอ้ ย ๆ หน่อย แม่สะใภ้เฒ่ามิใช่ว่าเห็นนางเข้าคุก ชือเสี ยงเสื อมเสี ย ถ้ายังมอบอํานาจใน


จวนให้นางอีก กลัวจะต้องถูกผูค้ นหัวเราะเยาะ ดังนัน จึงถีบนางให้ไปอยูร่ อบนอกเตรี ยมทีจะส่ งเสริ มฝึ กฝนอู๋ฮุ่ย
ฮุ่ย !

นางเป็ นอู่อนั โหวฮูหยิน ใช้แรงกายแรงใจเพือจวนอู่อนั โหวมาสิ บกว่าปี อํานาจของจวนฝ่ ายในของจวนอู่อนั โหว


ไม่ว่าอย่างไรก็ตอ้ งเป็ นของนาง ท่าทางแม่สะใภ้เฒ่าคงคิดอยากจะปลอกลอกดึงเอาอํานาจการจัดการดูแลไปจาก
นาง !
“ขอบคุณท่านแม่ทีเป็ นห่ วงเจ้าค่ะ แต่สะใภ้ไม่ได้รู้สึกลําบาก......” มู่หรงโหรวกล่าวขึนด้วยรอยยิมวาววับ ดวงตา
เปล่งประกายคมกริ บ

“ไม่รู้สึกว่าลําบากอย่างนันหรื อ ? เช่นนันข้ามีเรื องหนึ งทีอยากจะปรึ กษากับเจ้า” ซ่ งเหล่าฮูหยินจ้องมองนาง แวว


ตาวูบไหวแอบซ่ อนไปด้วยการดูหมินทียากจะค้นพบ “การไม่มบี ุตรชายสื บทอดเป็ นเรื องทียากจะรับได้ เทียนเห
วินก็มีอายุเกินสามสิ บปี แล้วแต่รุ่นหลังกลับมีชิงเหยียนลูกสาวเพียงคนเดียว นี นับว่าไม่ถกู ต้องนัก ขุนนางในราช
สํานักทีมีอายุใกล้เคียงกับเขาล้วนมีบุตรชายสายตรงและสายรองมากมายนัก......”

มู่หรงโหรวรู ้สึกถึงลางสังหรณ์ทีไม่ดีปะทุขึนในใจ นางจึงกล่าวเสี ยงตํา “ความหมายของท่านแม่คอื ?”

ซ่งเหล่าฮูหยินกล่าวยิมตาหยี “แต่งอนุให้เทียนเหวินเสี ยสักสองสามคนเถอะ รออนุให้กาํ เนิ ดบุตรชายแล้วเจ้าค่อย


เอาไปเลียงเป็ นลูกทีอยูภ่ ายใต้ชือของเจ้า......”

“ไม่ได้เจ้าค่ะ !” แทบจะไม่ตอ้ งคิด มู่หรงโหรวก็ปฏิเสธขึนอย่างเสี ยงดัง พอพูดจบนางถึงจะได้รู้ตวั ว่าตัวเองเสี ย


ท่าพูดผิดเสี ยแล้ว อยากจะคืนคําพูดตอนนี ก็คงไม่ทนั การ

สี หน้าของซ่ งเหล่าฮูหยินเขียวคลํามองนางอย่างเย็นยะเยือก “ทําไมถึงไม่ได้ ?”

อยูใ่ นฐานะฮูหยินเฒ่าแห่ งตระกูลซ่ งมาหลายปี นีเป็ นครังแรกทีนางเห็นสะใภ้กล้าปฏิเสธโต้แย้งนางอย่างไม่ไว้


หน้า ช่างบังอาจเกินไปแล้ว
แววตาของมู่หรงโหรววูบไหวกล่าวขึนเสี ยงเบา “เพราะว่า......ลูกชายทีเกิดจากอนุ กเ็ ป็ นได้เพียงสู ้จือ (ลูกชายสาย
รอง) ไม่มีทางเทียบกับตีจือ (ลูกชายสายตรง) ได้เจ้าค่ะ......”

“ถึงข้าอยากจะได้หลายชายสายตรง เจ้าก็ตอ้ งเป็ นคนให้กาํ เนิ ดออกมาเองถึงจะได้ !” ซ่ งเหล่าฮูหยินปรายตามอง


อย่างเยาะเย้ยไปทีท้องของนาง “ตังแต่ให้กาํ เนิดชิงเหยียนมาจนถึงตอนนี ก็เป็ นเวลาสิ บปี แล้ว ท้องของเจ้าก็ไม่ได้
มีความเปลียนแปลงอะไร มาตรว่าคงไม่สามารถให้กาํ เนิดลูกชายสายตรงได้อีก ถ้าหากยังไม่หาอนุ ให้เทียนเหวิน
อีกไม่นานเขาก็จะหมดไฟแล้ว พอตายไปก็จะไม่มีคนเซ่ นไหว้ !”

ไม่สามารถให้กาํ เนิดลูกชายสายตรงได้ถือเป็ นตราบาปทีฝังอยูใ่ นใจของมู่หรงโหรวมาโดยตลอด ซ่ งเหล่าฮูหยิน


ทีเยาะเย้ยดูถูกนางตรง ๆ เช่นนี ทําให้นางรู ้สึกโกรธจนต้องกัดฟัน อดกลันอารมณ์โกรธไว้และกล่าวขึน “ท่านแม่
โปรดอภัย ข้าไม่ได้หมายความเช่นนัน......”

“มิตอ้ งพูดให้มากความ” ซ่งเหล่าฮูหยินยกมือขึนตัดบทคําพูดของนาง สายตามองไปทีนางอย่างเรี ยบเฉย “หลาย


ปี ก่อน เทียนเหวินกับเจ้ารักใคร่ ปรองดองกัน เขาไม่ตอ้ งการรับอนุเข้าบ้าน ข้าจึงตามใจเขา แต่ตอนนีอายุของเขา
ก็มากขึนแล้ว อีกทังยังไม่มีคนสื บทอด การแต่งอนุ เข้าครานี ถ้าเขาอยากแต่งต้องได้แต่ง แต่ถึงไม่ได้อยากแต่ง ก็
ต้องแต่ง”

“เจ้ากลับไปก็คดิ ไตร่ ตรองคําพูดของข้าให้ดี คิดได้แล้วค่อยมาพบข้า !” ซ่ งเหล่าฮูหยินมิอยากพูดให้มากความอีก


นางกล่าวส่ งแขกอย่างไม่ไว้หน้า !
ริ มฝี ปากของมู่หรงโหรวขยับเพียงเล็กน้อยแต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีก “สะใภ้ขอลาเจ้าค่ะ !” นางย่อ
กายลงเดินออกจากเรื อนโซ่ วอันถัง ค่อย ๆ เดินไปตามทางเดินหิ นอย่างช้า ๆ ในใจเต็มไปด้วยความปวดร้าว แม่
สะใภ้เฒ่าอยากอุม้ หลาน นางก็อยากได้ลูกชายสายตรง แต่นางไม่รู้ว่าเพราะอะไรนางถึงได้ไม่ตงครรภ์
ั เสี ยที

ชิงเหยียนเป็ นลูกสาว ไม่สามารถสื บทอดจวนอู่อนั โหวได้ แต่ถา้ นางให้เทียนเหวินแต่งอนุ ในอนาคตจวนอู่อนั


โหวก็ตอ้ งตกเป็ นของลูกทีเกิดจากอนุ นางก็ตอ้ งพึงพาลูกทีเกิดจากอนุ แต่ถา้ นางไม่ให้เทียนเหวินแต่งอนุ จวนอู่
อันโหวก็จะต้องตกเป็ นของครอบครัวของน้องชายของเขา......

ไม่ ไม่ ไม่ นางเป็ นฮูหยินของจวนอู่อนั โหว จวนอู่อนั โหวในภายภาคหน้าจะต้องมีไว้ให้ลกู ชายทีเกิดจากพวก


นางสองสามีภรรยาเท่านัน ไม่มีทางให้บา้ นน้องชายหรื อลูกทีเกิดจากอนุ ได้มนั ไปโดยง่ายเด็ดขาด......
ตอนที 102 หาหมอ

“แม่นมหลี ผูท้ ีมีชือเสี ยงด้านการแพทย์ทีโด่งดังมากทีสุ ดในเมืองหลวงคือผูใ้ ด ?” มู่หรงโหรวสอบถามเสี ยงตํา


ดวงตาฉายแววจริ งจัง

แม่นมหลีเป็ นสาวใช้ทีติดตามมาจากบ้านเดิมของมู่หรงโหรว นางไว้ใจในตัวแม่นมคนนีทีสุ ด ไม่ว่าจะเรื องเล็ก


เรื องใหญ่เพียงใด นางล้วนแต่ไม่ปิดบังแม่นมหลี

ความหมายทีแอบแฝงในคําพูดของมู่หรงโหรว แม่นมหลีล้วนฟั งเข้าใจอย่างทันที “ฮูหยิน หมอหลวงจากในวัง


ช่วงก่อนเคยจับชีพจรให้ท่าน บอกว่าร่ างกายของท่านไม่มีปัญหาใดไม่จาํ เป็ นจะต้องหาหมอหรื อกินยาบํารุ ง เหตุ
ทีท่านยังไม่ได้ตงครรภ์
ั คุณชายน้อยเป็ นเพราะว่ายังไม่ถึงเวลา !”

สายตาของมู่หรงโหรวมืดมัว พลางถอนหายใจออกมาหนัก ๆ “ตังแต่ชิงเหยียนเกิดมาจนถึงตอนนี ก็ผา่ นมาสิ บ


สองปี แล้ว ข้าไม่มีทีท่าว่าจะตังครรภ์แม้แต่นอ้ ย ถ้ายังจะรอตามลิขิตฟ้ าต่อไป ก็ไม่รู้ว่าจะต้องรอไปถึงเมือใด อายุ
ของข้าก็ไม่สามารถรอได้ต่อไปอีก......”

แม่นมหลีชะงักไป เมืออยู่ ๆ ก็นึกขึนได้ มู่หรงโหรวอายุสามสิ บกว่าปี แล้ว ถึงช่วงปลายทีจะสามารถมีบุตรได้


แล้ว ถ้าหากคิดอยากจะมีบุตรชาย ก็จาํ เป็ นจะต้องเร่ งรี บตังครรภ์ แน่ นอนว่าไม่สามารถรอต่อไปได้อีก “ฮูหยิ
นเตรี ยมทีจะทําอย่างไรเจ้าคะ ?”
มู่หรงโหรวกวาดตาไปมองโดยรอบแล้วกล่าวขึนเสี ยงตํา “เจ้าลองไปสื บความว่ามีเคล็ดลับหรื อตํารับยาอะไรที
สามารถทําให้ผคู้ นตังครรภ์ได้หรื อไม่......”

อายุอานามของนางกับเทียนเหวินก็นบั ว่าไม่นอ้ ยแล้ว ไม่ว่าจะเพืออนาคตของจวนอู่อนั โหว หรื อเพือสถานะของ


นางในจวนอู่อนั โหว นางจําต้องจะมีลูกชายสายตรงทีเป็ นของพวกนางเอง......

ผูค้ นในแผ่นดินนี ก็มีมากมายหลากหลาย ต้องมีสูตรลับหรื อเคล็ดลับมากมายทีผูค้ นทัวไปยังไม่รู้ แน่ นอนว่า


จะต้องมีวิธีทีทําให้นางสามารถสมหวังเป็ นแน่ !

“เคล็ดลับในการตังครรภ์ ?” สี หน้าของแม่นมหลีฉายแววครุ่ นคิด กล่าวเสี ยงตํา “ไม่กีวันก่อนบ่าวเดินผ่านโรง


หมอแห่ งหนึง ได้ยนิ เสมียนของโรงหมอป่ าวประกาศว่าพวกเขามีตาํ รับลับทีสามารถจะให้กาํ เนิ ดบุตรชายได้เจ้า
ค่ะ......”

“จริ งหรื อ ?” ในใจของมู่หรงโหรวตืนเต้นยินดี กล่าวขึนอย่างเร่ งรี บ “โรงหมอแห่ งนันอยูท่ ีใด ? รี บพาข้าไปเร็ ว


เข้า”

“เอ่อ...คือว่าบ่าวยังไม่ทราบแน่ชดั ว่าจริ งหรื อเท็จ ให้บ่าวไปสอบถามสื บหาความจริ งก่อนไม่ดีกว่าหรื อเจ้าค่ะ


......” แม่นมหลีกล่าวชีแนะเสี ยงเบา ท่านหมอทีมีฝีมือทางการแพทย์สูงส่ งในเมืองหลวงมีมากมาย แต่ที
หลอกลวงกล่าวเกินจริ งก็มีไม่นอ้ ย ไม่สามารถทีจะเชือเพียงคํากล่าวของเสมียนเพียงคําเดียวและก็เชือถือตํารับ
ลับทีพวกเขาพูดถึงว่าเป็ นของจริ งได้โดยง่าย
“ถ้าเช่นนันพวกเราก็ไปด้วยกันเถอะ !” แววตาของมู่หรงโหรววูบไหว “ข้าอยากจะรู ้เร็ ว ๆ ว่าตํารับทีสามารถช่วย
ให้ตงครรภ์
ั ลกู ชายได้นนเป็
ั นเรื องจริ งหรื อเรื องเท็จ !”

หุ ยชุนถังเป็ นโรงหมอทีไม่เล็กไม่ใหญ่แห่ งหนึง ย่างเข้าสู่ ยามอู่ในโรงหมอก็เงียบสงบและว่างเปล่า ไม่มีคนไข้ มี


เพียงเด็กหน้าร้านผูห้ นึงกําลังถือผ้าเช็ดไปตามโต๊ะกับกล่องเก็บยาอย่างเกียจคร้าน

มู่หรงโหรวทีถูกจับจูงโดยแม่นมหลี ตอนทีนางเดินเข้าไปด้านในหุ ยชุนถังนัน เด็กหน้าร้านทีมองเห็นนางตังแต่


แรก จึงรี บวิงเข้าไปต้อนรับด้วยความกระตือรื อร้น “ฮูหยินมาตรวจไข้หรื อว่ามาซื อสมุนไพรขอรับ !”

ลูกชายได้จริ งหรื อไม่ ?” มู่หรงโหรวปราย


“ได้ยนิ มาว่าโรงหมอของพวกเจ้ามีตาํ รับลับทีสามารถช่วยให้ตงครรภ์

ตามองเด็กหน้าร้าน ไม่พดู จาไร้สาระให้มากความ ถามความสงสัยภายในใจออกไปตรง ๆ

เด็กหน้าร้านชะงักไปครู่ หนึ ง กวาดตามองมู่หรงโหรวอย่างละเอียด เห็นนางอยูใ่ นชุดสี เหลืองนวลเส้นผมดกดํา


ม้วนสู งปั กด้วยปิ นเงินก้านหนึง ใบหูประดับไว้ดว้ ยตุม้ หูเงินธรรมดาคู่หนึ ง แต่งกายเรี ยบง่าย ทําให้ผคู้ นล้วนคาด
เดาฐานะของนางไม่ออก ใบหน้าผัดไปด้วยแป้ งฝุ่ นสี ขาวนวลเต็มใบหน้า มีเพียงดวงตาแหลมคมทังสองข้างที
เผยออกมา ไม่สามารถเดาถึงสถานะของนางได้ !

ก็แค่มาขอเคล็ดลับการตังครรภ์ลูกชายมิใช่หรื อ เขาเองก็ไม่ได้ปากมากอะไร จําเป็ นจะต้องมาทําตัวลึกลับเช่นนี


เชียวหรื อ ? นางไม่ตอ้ งการเปิ ดเผยฐานะของตน เขาก็ขีเกียจจะไปสอบถามให้มากความ
ภายในใจของเด็กหน้าร้านรู ้สึกดูหมินเหยียดหยาม แต่ดวงตาบนหน้าประดับไว้ดว้ ยรอยยิมหยี “ใช่แล้วขอรับ
เคล็ดลับการตังครรภ์บุตรชายนันถือเป็ นสมบัติลาค่
ํ าประจําโรงหมอของเรา !”

“มีคนเคยใช้ตาํ รับลับมาก่อนไหม ? ผลลัพธ์เป็ นอย่างไร ?” นีถึงจะเป็ นคําถามทีมู่หรงโหรวให้ความสําคัญเป็ น


พิเศษ นางนันไม่อยากจ่ายเงินออกไปมากมายแต่สุดท้ายได้ตาํ รับลับทีไร้ประโยชน์กลับมา

“ฮูหยินวางใจได้ขอรับ หุ ยชุนถังเปิ ดกิจการในเมืองหลวงมาแล้วห้าหกปี เทียบยาทีใช้ออก ตัวยาและสมุนไพรที


จ่ายไปล้วนแล้วได้ผล ถ้าหากท่านใช้ตาํ รับลับนี แล้วไม่ได้ผล สามารถมาทําลายป้ ายหน้าร้านของพวกเราได้ทุก
เวลา......” เด็กหน้าร้านกล่าวเน้นทีละคํา นําเสี ยงเต็มไปด้วยความโอ้อวด

มู่หรงโหรวพยักหน้าเบา ๆ ในเมืองหลวงหุ ยชุนถังค่อนข้างทีจะมีชือเสี ยง แน่นอนว่าไม่จาํ เป็ นทีจะต้องทําเพือ


เทียบยาแผ่นเดียว แล้วยอมถูกทําลายชือเสี ยงของตัวเองในเมืองหลวงทีสังสมมานานปี “ข้าตังใจทีจะซื อเทียบยา
เทียบนัน เจ้าบอกราคามาเถอะ !”

“เอ่อ......” อยู่ ๆ รอยยิมอย่างมันอกมันใจของเด็กหน้าร้านก็พลันแข็งค้างลง เขายิมขึนอย่างลําบากใจ “ไม่ขอ


ปิ ดบังท่าน ตํารับลับอันนันเป็ นสิ งของทีตกทอดมาในตระกูลของเจ้านายของพวกเรา ถูกเก็บรักษาไว้ในมือของ
นายท่านมาโดยตลอด ถ้าท่านอยากได้ตาํ รับลับจําเป็ นจะต้องไปพูดคุยกับนายท่านอย่างละเอียดดวยตัวเองแล้ว !”

ใช้ตาํ รับลับทําให้ตงครรภ์
ั ลูกชาย นับว่าไม่ใช่เรื องทีมีเกียรติอะไร นางเพียงต้องการทีจะซื อตํารับลับกลับไป
ิ อยเท่าไหร่ กย็ งดี
อย่างเงียบ ๆ พบคนได้ยงน้ ิ แต่คาดไม่ถึงว่าเด็กหน้าร้านทีอยูต่ รงหน้ากลับเป็ นคนทีไม่มีอาํ นาจ
ในการตัดสิ นใจ......
ในใจของมู่หรงโหรวรู ้สึกหงุดหงิดขึนมาเล็กน้อย กล่าวขึนอย่างเสี ยอารมณ์ “ถ้าเช่นนันนายท่านของพวกเจ้า
ตอนนีอยูท่ ีใด ?”

“ข้าอยูน่ ี !” เสี ยงอ้อแอ้ไม่ชดั เจนดังขึน ตามมาด้วยร่ างของชายผูห้ นึงทีแหวกม่านเดินออกมา อายุของเขา


ประมาณสี สิ บปี อยูใ่ นชุดสี นาเงิ
ํ นเข้ม สายรัดเอวดูค่อนข้างหลวม คล้ายกับมัดแต่ก็คล้ายกับไม่ได้มดั ผมเผ้า
ค่อนข้างยุง่ เหยิง ดวงตาสะลึมสะลือและมีสีแดงน้อย ๆ เหมือนกับว่ายังนอนหลับไม่ตืนดี

เขาเดินเข้ามาทีละก้าวทีละก้าว ค่อย ๆ เดินมาด้านหน้าด้วยท่าทางทีโซซัดโซเซ ดูแล้วเหมือนกับว่าจะสามารถล้ม


ลงได้ทุกเมือ !

เด็กหน้าร้านยืนปากออกมาเล็กน้อย เร่ งรี บเดินเข้าไปพยุงเขา “นายท่านสี ข้าน้อยจะไปต้มชาแก้เมาให้ท่าน !”


อาการเมาค้างของเขาจนกระทังป่ านนีแล้วก็ยงั ไม่ได้สติครบถ้วนดังเดิม นายท่านผูน้ ี ช่างเป็ นคนทีน่าทึงยิงนัก

“ไม่จาํ เป็ น !” ชายวัยกลางคนสะบัดมือ ผลักเด็กหน้าร้านออกไปด้านข้าง เดินไปด้านหน้าของมู่หรงโหรวอย่าง


ช้า ๆ มองอย่างผูท้ ีอยูเ่ หนื อกว่า “เจ้าอยากซื อตํารับลับทีใช้สาํ หรับตังครรภ์ลูกชายทีสื บทอดกันมาจากบรรพบุรุษ
ของตระกูลข้าอย่างนันหรื อ ?”

ลมปากทีเต็มไปด้วยกลินเหม็นของเหล้าทียังตกค้างอยูพ่ ุ่งโชยเข้ามากระทบใบหน้าของนาง มู่หรงโหรวทีโดน


กลินเหม็นกระทบใบหน้าขมวดคิวเข้าหากัน “ไม่ผดิ บอกราคามาเถอะ”
“ฮ่า ฮ่า !” ชายวัยกลางคนหัวเราะแห้ง ๆ สองครัง เขาทรุ ดตัวนังลงบนเก้าอีทีอยูด่ า้ นข้าง ยกชาร้อนด้านหน้า
ขึนมาจิบลงไปเสี ยอึกหนึง แววตาดูมีสติหวนคืนมาไม่นอ้ ย มองไปทางมู่หรงโหรวคล้ายยิมคล้ายมิยมิ “ตํารับลับ
ขนานนี ทําให้ผคู ้ นมีลูกหลานสื บสกุล ทําให้ทงครอบครั
ั วมีความสุ ขสมหวัง เรื องราคานันแน่นอนว่าไม่เบา......”

“ท่านอยากได้เท่าไร ? เชิญบอกราคามาเถอะ” มู่หรงโหรวตัดบทสนทนาของเขาอย่างหมดความอดทน แววตา


วูบไหวไปด้วยความรังเกียจทีไม่แม้แต่จะปิ ดบัง ถ้าหากไม่ใช่เพือตํารับลับแล้ว นางไม่มีทางทีจะทนยืนอย่างเงียบ
สงบอยูอ่ ย่างนี แล้วพูดคุยกับคนขีเหล้าเป็ นแน่

“ข้ามิได้ตอ้ งการเงินตําลึง !” อยู่ ๆ ชายวัยกลางคนก็เปิ ดปากพูดขึน

มู่หรงโหรวชะงักไป “เจ้าไม่ตอ้ งการเงินตําลึง ? ถ้าเช่นนันเจ้าต้องการอะไร ?”

ชายวัยกลางคนมองมาทีนาง กดนําเสี ยงให้ตาลงท่


ํ าทางลึกลับ “ข้าอยากให้ฮูหยินจัดการเรื องการแต่งงานของข้า
ข้าต้องการหญิงสาวทีอายุตากว่
ํ ายีสิ บปี ลูกสาวขุนนางทีมีรูปลักษณ์งดงาม......”

มู่หรงโหรวอดไม่ได้ทีจะยิมเยาะ แววตาของนางเต็มไปด้วยความดูถูก “เจ้าก็เป็ นแค่พ่อค้าทีเปิ ดร้านขายยาตําต้อย


ทังยังอายุมีเกือบสี สิ บปี ยังคิดทีจะแต่งเอาคุณหนูสาวสวยจากจวนขุนนางเข้าบ้าน นีเจ้าเมาจนเลอะเลือนแล้วหรื อ
? คางคกต้องการกินเนือหงส์ ดูแล้วเป็ นวิธีการกินทีไม่เหมาะสมกับตัวเจ้าเท่าไหร่ นกั ”

สี หน้าของชายวัยกลางคนมืดครึ มจนน่ ากลัว เขาถลึงตามองไปทางมู่หรงโหรวอย่างชัวร้ายกล่าวเน้นทีละคํา “ข้า


เป็ นลูกพีลูกน้องของขุนนางชันสองกรมกลาโหมแซ่ สวีแล้วตอนนียังดํารงตําแหน่งขุนนางกรมโยธา ไม่ใช่พ่อค้า
ผูต้ าต้
ํ อยอะไร......”
ตอนที 103 เผชิญหน้ าศัตรู

ขุนนางชันสองกรมกลาโหม ? ลูกพีลูกน้อง ? ขุนนางกรมโยธา ?

คําสําคัญหลัก ๆ หลายคําลอยเข้าหู มู่หรงโหรวชะงักไป นึ กถึงฐานะของชายตรงหน้า เขาเรี ยกว่าสวีเหวิน อายุ


สามสิ บหกปี ภรรยาสิ นใจไปนานแล้ว มีลกู หนึ งคน

เขาไม่มีความสามารถอะไร ใช่จ่ายเงินทองไปมากมายในการหาเส้นสาย ลงทุนลงแรงอย่างเหนือยยากถึงจะได้


เป็ นขุนนางกรมโยธา ไม่ขอความก้าวหน้า แต่วนั ๆ กลับใฝ่ ฝันว่าอยากจะสู่ ขอลูกสาวทีงดงามของเหล่าขุนนาง
มาเป็ นภรรยาของตนให้ได้

เหล่าตระกูลชนชันสู งพอได้ฟังคํากล่าวอันเพ้อฝันของเขาทังหมดล้วนหัวเราะเยาะดูถูก นางก็ได้ยนิ เรื องราวขํา


ขันของเขามาโดยตลอดเช่นกัน ทังยังขําขันตามไปด้วย แต่ไม่คิดว่าวันนี นางจะได้ยนิ ความปรารถนาทีถือดีใน
การสู่ ขอภรรยาของเขากับหูตวั เอง ช่างน่าขันยิงนัก !

เมือสวีเหวินเห็นว่านางมองมาไม่กล่าววาจาใด ทังยังมีแววตาทีเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยอย่างไม่ปิดบัง ก็อดไม่ได้ที


จะโมโห “เจ้าขําอะไร ?”
เพียงพริ บตาเดียวมู่หรงโหรวก็หลุดจากภวังค์ กล่าวขึนด้วยท่าทางคล้ายยิมคล้ายมิยมิ “สวีเตียนซื อ อายุอานาม
ของท่านก็ใกล้จะสี สิ บแล้ว อายุของลูกชายเจ้าก็มากว่าลูกสาวของชาวบ้านชาวช่อง ยังจะอยากแต่งพวกนางมา
เป็ นจีซื อ(ภรรยาหลักคนทีสองเป็ นต้นไป)อีกหรื อ นี ท่านไม่คดิ ว่าตนเองแก่จนไร้ยางอายเกินไปแล้วหรื ออย่างไร
......”

ใบหน้าของสวีเหวินเขียวคลํา “ข้าเป็ นขุนนางกรมโยธา เป็ นขุนนางของราชสํานัก ตามธรรมเนียมแล้วควรแต่ง


กับหญิงสาวจากจวนขุนนางทีใสสะอาดมาเป็ นภรรยา......” หญิงสาวทีชิงเหยียนมักจะแต่งงานเร็ ว หญิงสาวอายุ
ตํากว่า20ทียังไม่มีเจ้าของ มีเพียงผูท้ ีถูกหย่าร้างหรื อไม่กเ็ ป็ นม่ายสองอย่างนีเท่านัน ซึ งเขาล้วนไม่สนใจ......

“เดือนทีแล้ว มิใช่ว่าคนดูแลม้าหลวงและราชรถของฮ่องเต้แต่งงานกับหญิงสาวทีมีใบหน้างดงามดังมวลบุบผา
นางหนึงเป็ นเถียนฝาง (ภรรยาหลวงทีแต่งหลังจากภรรยาหลวงคนเดิมสิ นไป) หรอกหรื อ ?” อายุของตัวเขากับ
เขานันก็ห่างกันไม่มาก หากเขาสามารถแต่งหญิงสาวทีสวยสดงดงามเป็ นจีซื อได้ ตัวเขาเองแน่ นอนว่าก็ตอ้ งทํา
ได้ !

มู่หรงโหรวยิมอย่างดูหมิน “คนอืนเขาเป็ นถึงขุนนางชันผูใ้ หญ่ขนสาม


ั มีบารมี ทังยังมีอาํ นาจและฐานะสู งส่ ง
แน่นอนว่าต้องมีขนุ นางไม่น้อยทีอยากให้ลูกสาวของตนไปเป็ นจีซื อของเขา แล้วท่านล่ะ ? กงปู้ เตียนซื อ ขุนนาง
ชันผูน้ อ้ ยน้อยจนไร้ขนั ใบหน้ารู ปลักษณ์ก็ธรรมาดาเสี ยจนหากโยนเข้าไปในฝูงชนก็คงไม่มีทางทีใครจะหาเจอ
......”

อย่าได้พูดถึงคุณหนู อายุยงั น้อยในจวนขุนนาง แม้แต่ลกู สาววัยแรกแย้มของพวกชาวบ้าน มาตรว่าคงไม่แม้แต่


ชายตามองเขา......
โคแก่กินหญ้าอ่อนไม่ใช่วา่ ไม่ได้ แต่กไ็ ม่ใช่ว่าโคแก่ทุกตัวจะมีคุณสมบัติฐานะทีสามารถกินหญ้าอ่อนได้......

สี หน้าของสวีเหวินเคร่ งขรึ มจนดูน่ากลัว ถลึงตามองไปทีมู่หรงโหรว กัดฟันกรอด “ฮูหยินท่านนี ผูส้ วีมาหารื อ


การค้ากับท่านไม่ได้มาฟังท่านเยาะเย้ยดูถูก ถ้าท่านคิดว่าข้อเสนอของผูส้ วีเกินจะรับได้ ก็สมควรทีจะจากไป !”

“ถ้าเช่นนันก็ขอลา สวีเตียนซื อหวังว่าคงได้พบกันใหม่ !” มู่หรงโหรวกล่าวขึนอย่างเฉยชา ลุกยืนขึน เดินออกไป


ด้านนอกไม่หันหัวกลับไปมองอีก

เตียนซื อ ขุนนางกรมโยธาชันผูน้ อ้ ยทีไร้ขนั มาอยูใ่ นเมืองหลวงทีมีขนุ นางชันผูใ้ หญ่มากมายดูแล้วไม่คอ่ ยเข้า


พวกนัก ต่างชันกับจวนอู่อนั โหวของนางตังหนึงแสนแปดหมืนลี เขาไม่รู้ว่านางเป็ นใคร ดังนันนางจึงไม่ตอ้ ง
หวาดกลัวเขา

มองไปยังเงาร่ างทีค่อย ๆ ไกลออกไปของนาง สวีเหวินยกแก้วชาขึนขว้างลงไปทีพืนอย่างแรง ได้ยนิ เสี ยง


‘เพล้ง’ ดังขึนเสี ยงหนึ ง เศษแก้วชาแตกกระจายไปทัว !

เขาไม่แยแสเศษแก้วพวกนันแม้แต่น้อย ถลึงตามองไปทีมู่หรงโหรวอย่างเกลียดชังแววตาลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ
เขาเห็นเสื อผ้าของนางไม่ธรรมดา ดูมีสง่าราศี เหมือนเป็ นฮูหยินของจวนขุนนาง ถึงได้ยอมพูดคุยเรื องการค้าขาย
กับนาง คาดไม่ถึงว่า นางไม่ว่าจะเปิ ดปากหรื อปิ ดปากก็ลว้ นแต่ดูถูกเยาะเย้ยเขา นิ สัยใจคอแย่เช่นนีถึงได้ไม่
สามารถให้กาํ เนิดบุตรชายได้ เขาขอสาปแช่งให้นางไร้ลกู หลานสื บสกุล !
เมือเดินออกไปจากหุ ยชุนถัง แม่นมหลีก็หนั กลับไปมองป้ ายร้านทีแขวนไว้ดา้ นบน พลางกล่าวเสี ยงตําว่า “ฮูหยิ
นพวกเราจะจากไปเช่นนี จริ ง ๆ หรื อ ?” ตํารับลับการมีลูกชายแน่ นอนว่าไม่ได้พบเจอกันง่าย ๆ

มู่หรงโหรวหรี ตาลง “ในชิงเหยียนมีหมอทีฝี มือสู งส่ งมากมาย สวีเหวินมีตาํ ราลับได้ โรงหมออืนก็มีได้ พวกเราก็
ไม่ตอ้ งเร่ งรี บให้มากนัก ค่อย ๆ ดูไปเถอะ !”

นางพกพาความจริ งใจมาขอตํารับลับตังสิ บสองส่ วน ถ้าหากว่าสวีเหวินต้องการเด็กสาวทีมีใบหน้างดงามเป็ นข้อ


แลกเปลียน นางก็คงสามารถไตร่ ตรองดูได้ แต่กลับต้องการหญิงสาวจากจวนขุนนางทีหน้าตาสะสวยเป็ นภรรยา
? ก็ปล่อยให้เขาฝันกลางวันของเขาต่อไปเถอะ !

ข้อเรี ยกร้องและข้อกําหนดในตัวภรรยาคนใหม่ของสวีเหวินทําให้เขากลายเป็ นตัวตลกของเมืองหลวงมานาน


แล้ว ผูค้ นชนชันสู งเมือพูดถึงเขา นอกจากจะเยาะเย้ยแล้วก็ยงั ดูถูกเหยียดหยาม ไม่ว่านางจะไปเป็ นแม่สือให้สวี
เหวินทีจวนไหน ผูค้ นคงได้ไล่ตะเพิดนางออกมาอย่างไม่ไว้หน้าแน่ นางยังมิอยากจะเสี ยหน้า ทังยังไม่อยากถูก
ผูค้ นหัวเราะเยาะจนฟันร่ วง.....

“เจ้าค่ะ !” แม่นมหลีพยักหน้า “ยามอู่แล้วท่านจะกลับจวนเลยไหม ?”

“ตอนนียังไม่กลับ ไปทีจวนเจินกัวโหวก่อน !” แววตาของมู่หรงโหรวลําลึก ไม่ได้ไปเยือนจวนเจินกัวโหวนาน


แล้ว ได้ขา่ วว่าท่านแม่ได้รับบาดเจ็บ พีสองกับพีสะใภ้สองทีห่ างหายกันไปสิ บปี ก็กลับมาแล้ว นางอยากจะไป
เยียมเยียนเสี ยหน่อย !
ภายใต้แสงอาทิตย์อนั อบอุ่นทีสาดส่ อง จวนเจินกัวโหวยังคงมีบรรยากาศเงียบสงบเช่นเดิม ประตูจวนด้านหน้ามี
ทหารยามยืนอยูซ่ ้ายคนขวาคน คุม้ กันประตูใหญ่ดว้ ยสี หน้าไร้อารมณ์

มู่หรงโหรวลงจากรถม้าแล้วเดินขึนบันไดไปโดยมีแม่นมหลีคอยจับจูง พอก้าวเข้าไปด้านในก็เห็นเด็กสาวนาง
หนึ งวิงพุ่งเข้ามาด้วยความรวดเร็ ว ใบหน้ากระทบเข้ากับร่ างกายของนาง ใบหน้าเรี ยวเล็กทีงดงาม ร่ างกายทีดูดี
ได้รูป เป็ นลูกสาวทีนางคิดถึงทุกวันทุกคืน ซ่ งชิงเหยียน !

“ท่านแม่ !” เมือซ่ งชิงเหยียนทีมองเห็นนาง แววตาก็วบู ไหวเปล่งประกายพุ่งเข้าไปในอ้อมอกของนาง นําตาไหล


ริ นด้วยความปิ ติยนิ ดี “ท่านแม่ ท่านกลับมาแล้ว ช่างดียงนั
ิ ก !”

นางได้ทราบข่าวว่าท่านแม่ออกจากคุกแล้ว เตรี ยมทีจะกลับไปหาทีจวนอู่อนั โหว คิดไม่ถึงว่าท่านแม่จะกลับมา


หานางทีจวนเจินกัวโหวแทน

มู่หรงโหรวยกยิมบางเบา ยืนมือไปลูบปลอบโยนทีไหล่ของนาง “แม่กลับมาแล้ว ไม่มีทางปล่อยให้เจ้าถูกใคร


รังแกได้อีก”

ซ่งชิงเหยียนค่อย ๆ เช็ดนําตาพยักหน้าหนัก ๆ “ข้ารู ้อยูแ่ ล้วว่าท่านแม่รักข้ามากทีสุ ด !”

แววตาของมู่หรงโหรวเปล่งประกายออกมาด้วยรอยยิมเอ็นดู ค่อย ๆ จัดแจงเสื อผ้าของซ่ งชิงเหยียนให้เรี ยบร้อย


บังเอิญเห็นภายใต้ปกเสื อทีตังสู งของนางถูกโบะไว้ดว้ ยผ้าสี ขาวหนา ๆ กลินยาบางเบาลอยเข้ากระทบจมูก แวว
ตาคมกริ บของนางค่อย ๆ หรี ลง “ชิงเหยียนเจ้าทําไมถึงได้รับบาดเจ็บได้ ?”
ซ่งชิงเหยียนยืดตัวตังตรงขึนก้มหน้าลงมองไปทีบาดแผลทีได้รับการจัดการอย่างเรี ยบร้อยแล้วของนาง กล่าวขึน
อย่างมีอารมณ์ “เป็ นฝี มือของมู่หรงเสวียเจ้าค่ะ นางเอานําแกงร้อนสาดลงบนตัวข้า......”

แววตาของมู่หรงโหรวเย็นยะเยือกพลางเร่ งกล่าวขึน “ถ้าเช่นนันบาดแผลของเจ้าจะกลายเป็ นรอยแผลเป็ น


หรื อไม่ ?”

“ไม่เป็ นเจ้าค่ะ ท่านหมอบอกว่ารักษาทันเวลา เพียงแค่ขา้ ใส่ ยาตรงเวลา ไม่เกินสามเดือนบาดแผลก็จะหายกลับ


เป็ นปกติดงั เดิม ดูไม่ออกว่าเคยมีแผลทีโดนนําร้อนลวกมาก่อน !” ซ่ งชิงเหยียนพูดยิมตาหยีแววตาเต็มไปด้วย
ความภาคภูมิ

“เป็ นเช่นนันก็ดี !” มู่หรงโหรวถอนหายใจโล่งอก ลูกสาวของนางมีผิวขาวเรี ยบเนี ยนดังกระเบือง เป็ นสิ งหนึงที


จะช่วยมัดใจให้สามีหลงรัก ถ้าหากมีแผลเป็ นเก้าในสิ บจะถูกสามีทิงขว้าง ไม่อาจจะมีชีวิตทีมีความสุ ขได้ดงหวั
ั ง
......

‘กุบกับ กุบกับ’ เสี ยงยําของกีบเท้าม้าทีวิงอย่างรวดเร็วลอยเข้ากระทบหู มู่หรงโหรวหลุดจากภวังค์เงยหน้าขึน


มองเห็นคุณชายโอวหยางขีม้าเร็ วตัวหนึ ง ทีด้านบนมีมู่หรงเสวียนังอยูด่ ว้ ยวิงเข้ามาจากประตูจวนเจินกัวโหว

มู่หรงเสวียพลิกกายลงจากหลังม้าด้วยท่าทางสง่างามและคล่องแคล่ว แล้วหันไปมองคุณชายโอวหยาง “วันนีมี


ธุระด่วน คงไม่เชิญท่านเข้ามาดืมชาแล้ว เปลียนเป็ นวันอืนแล้วกัน”
“ได้สิ !” คุณชายโอวหยางพยักหน้ามองไปทีนางพลางยิมน้อย ๆ “ถ้าอยากรู ้ทีอยูข่ อง ‘พวกมัน’ เจ้าสามารถมา
สอบถามข้าทีวังเซี ยวเหยาอ๋ องได้ทุกเมือ”

“ข้ารู ้แล้ว !” มู่หรงเสวียพยักหน้า “เวลาก็ล่วงเลยมานานมากแล้ว ท่านก็รีบกลับวังไปรับสําหรับเถอะ เดินทาง


ระมัดระวัง......”

“ตกลง !” พอได้ฟังคําพูดจัดแจงเสร็ จสรรพจากนางแววตาของคุณชายโอวหยางวูบไหวไปด้วยรอยยิมบางเบา


บังคับม้าให้กลับหลังพุ่งออกไปทางวังเซี ยวเหยาอ๋ อง......

ม้าเร็ วเลียวออกไปจนลับสายตา มู่หรงเสวียดึงสายตากลับหมุนกายพอดีพบเข้ากับมู่หรงโหรวสองแม่ลูกทียืนอยู่


ไม่ไกล......
ตอนที 104 สลบ

เพิงจะกลับถึงจวนก็เจอเข้ากับพวกนางสองแม่ลูกเสี ยแล้ว ช่างเป็ นศัตรู ทีไม่ว่าจะหลีกหนี ยงั ไงก็ยงั หนี ไม่พน้ !

มู่หรงเสวียเลิกคิวทําเป็ นมองไม่เห็น และค่อย ๆ เดินผ่านทังสองคนไปทีจวนฝ่ ายใน มุมปากยกยิมงดงาม ซ่ งชิง


เหยียนมองดูแล้วช่างรู ้สึกขัดตายิงนัก นางก้าวเดินออกไปยังด้านหน้าหนึ งก้าว ขวางทางเดินของมู่หรงเสวีย
เอาไว้ แล้วกล่าวขึนอย่างโมโห “มู่หรงเสวีย พบเจอผูห้ ลักผูใ้ หญ่ทาํ ไมเจ้าถึงไม่กล่าวทักทาย มารยาทของหญิง
สาวชนชันสู งของเจ้าเรี ยนมาจากท้องสุ นัขหรื ออย่างไร ?”

มู่หรงเสวียจ้องมองนาง สบถขึนอย่างดูถูก “เจ้านันแหละทีอยู่ ๆ ก็พ่งุ เข้ามาร้องเรี ยกวุน่ วายกับพีสาวของเจ้า ถึง


จะพูดได้ว่าเป็ นมารยาทของหญิงสาวชนชันสู งทีเรี ยนมาจากท้องสุ นขั !”

“เจ้า......” อารมณ์ของซ่ งชิงเหยียนพุ่งขึนสู ง นางถลึงตามองมู่หรงเสวียด้วยความเกลียดชัง แววตาลุกโชนไปด้วย


ไฟโกรธทีแทบจะพ่นออกมาได้

“สุ นขั ดี ๆ มันไม่ขวางทาง ไสหัวไป !” มู่หรงเสวียกล่าวขึนอย่างหมดความอดทน นางผลักซ่ งชิงเหยียนออก


อย่างไม่แยแส เดินต่อไปด้านหน้าด้วยท่าทีสง่าผ่าเผย นางอยูใ่ นทางลับมาเกือบครึ งชัวยาม เสื อผ้า เส้นผม
รองเท้าล้วนเปรอะเปื อนไปด้วยกลินเหม็นเน่ าไม่มากก็นอ้ ย และรู ้สึกไม่สบายตัวเป็ นอย่างมาก อดทนทีจะไป
อาบนําทีเรื อนหิ มะโปรยเพือชําระล้างกลินเหม็นออกไปแทบไม่ไหว ขีเกียจจะต่อปากต่อคํากับซ่ งชิงเหยียนให้
มากความ !
ซ่งชิงเหยียนทีไม่ทนั ได้ตงตั
ั วก็โดนนางผลักจนเซออกไปเสี ยหลายก้าวจนเกือบจะล้ม หลังจากทีกลับมายืนได้
อย่างมันคงนางก็เงยหน้ามองไป เห็นมู่หรงเสวียกําลังเดินลอยชายออกไปอย่างสบายอกสบายใจไปตามทางเดิน
กลับเรื อนหิ มะโปรย

ดวงตาของนางแดงกําค่อย ๆ พิงร่ างเข้าไปในอ้อมอกของมู่หรงโหรว แล้วร้องไห้ขนเสี


ึ ยงดัง “ท่านแม่ ท่านดูมู่
หรงเสวียสิ เจ้าคะ นางทําตัวอวดดีเกินไปแล้ว !” เสี ยงร้องไห้อย่างทีไม่ได้รับความยุติธรรมแสบแก้วหูจนมู่หรง
โหรวต้องเลิกคิวขึน ยืนมือไปปลอบทีหลังของนางเบา ๆ แล้วกล่าวเสี ยงตํา “ความสัมพันธ์ของมู่หรงเสวียกับ
คุณชายโอวหยางดีมากเลยหรื อ ?”

“พวกเขาขีม้าตัวเดียวกันโอบกอดกัน ไหนเลยจะความสัมพันธ์ทีไม่ดี ดีจนไม่รู้จะดียงั ไงแล้วเจ้าค่ะ !” ซ่ งชิงเห


ยียนพูดขึนอย่างเกลียดชัง แววตาของนางเต็มไปด้วยความโกรธเกลียดและริ ษยา

มู่หรงเสวียมีความสัมพันธ์ทีดีกบั คุณชายโอวหยาง สําหรับพวกนางแล้ว ช่างเป็ นเรื องทีเลวร้ายนัก !

มู่หรงโหรวค่อย ๆ หรี ตาลง “มู่หรงเสวียอยูใ่ นจวนเจินกัวโหวล้วนทําตัวถือดีเช่นนีตลอดเลยหรื อ ?”

“ไม่เพียงแค่อวดดีเท่านัน แต่ในสายตาของนางมองไม่เห็นหัวผูใ้ ด !” ซ่ งชิงเหยียนกล่าวขึนอย่างเกลียดชัง แววตา


ลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ “ไม่กีวันก่อน ตอนทีท่านลุงสองกลับมา ท่านอยากจะเอาหนังสื อทีเกินออกมาเก็บเข้า
ห้องหนังสื อใหญ่ แต่ม่หู รงเสวียก็ไม่ยนิ ยอม นางบีบคันให้ไฉจิงยัดหนังสื อกลับไปไว้ทีห้องหนังสื อเล็กของท่าน
ลุงสอง......”
“ยังมีอีกนะเจ้าคะ ท่านยาย ท่านลุงสองกับพีจีแม้แต่พ่อบ้านไฉจิงก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทังหมดล้วนเป็ นมู่หรง
เสวียทีลงมือ หญิงสาวทีนําพาแต่เคราะห์ร้ายนางนี หากนางยังอยูท่ ีนี พวกเราคงได้พบแต่เรื องร้าย ๆ แน่นอนเจ้า
ค่ะ......”

ห้องหนังสื อใหญ่ของจวนเจินกัวโหวเป็ นห้องทีมีไว้ให้เจินกัวโหวใช้สอยโดยเฉพาะ คนนอกไม่มีทางทีจะเข้าไป


ได้โดยง่าย พีสองทีคิดจะเอาหนังสื อเข้าไปไว้ในห้องหนังสื อใหญ่กเ็ พือทีอยากจะประกาศศักดิฐานะของตัวเอง
ในจวนเจินกัวโหว แต่น่าเสี ยดาย กลับถูกมู่หรงเสวียมองออกเสี ยก่อน ขัดขวางและส่ งหนังสื อกลับไป การปะมือ
ระหว่างเขากับมู่หรงเสวียเป็ นเขาทีแพ้ไปในทีสุ ด !

แม้แต่พีสองก็พ่ายแพ้ดว้ ยฝี มือของมู่หรงเสวียอย่างนันหรื อ มู่หรงเสวียช่างไม่ธรรมดานัก พวกนางไม่สามารถที


จะย่อหย่อนใจได้อีกต่อไปแล้ว จะต้องอาศัยตอนทีนางยังไม่มีอาํ นาจทีแข็งแกร่ ง กําจัดนางให้จนได้ !

แววตาของมู่หรงโหรววูบไหวไปด้วยความอํามหิ ต “แม่นมหลี เจ้าไปทีหุ ยชุนถังอีกรอบ บอกสวีเหวินว่าข้าตอบ


รับข้อเสนอของเขา จะจัดส่ งหญิงสาวหน้าตางดงามดังเทพเซี ยนจากจวนขุนนางไปเป็ นจีซื อของเขาอย่าง
แน่นอน”

“เจ้าค่ะ !” แม่นมหลีกล่าวเสี ยงตํา รับคําสังแล้วเดินออกไป

มู่หรงโหรวหันหน้ามองไปทีทิศทางของเรื อนหิ มะโปรย มุมปากยกยิมเย็นชา จวนเจินกัวโหวเป็ นถือเป็ นสถานที


ของพวกนางสามแม่ลูก มู่หรงเสวียหญิงสาวกําพร้าทีไร้พ่อแม่ อยูใ่ นจวนโหวใช้ชีวิตหรู หราทําตัวหยิงยโสถือดี
มาเป็ นเวลานาน ทําให้พวกนางต้องอยูใ่ นสภาพทีกลํากลืนฝื นทนเช่นนี คงถึงเวลาแล้วทีนางจะต้องชดใช้ผล
กรรมของตัวเอง รับโทษจากความผิดทีเลวร้ายทีนางได้กระทําเอาไว้......

มู่หรงเสวียเป็ นคนรักสะอาด นางแช่อยูใ่ นอ่างอาบนําทีโรยไปด้วยกลีบของดอกไม้มาได้ครึ งชัวยามกว่า ๆ แล้ว


แน่ใจว่าทัวร่ างกายทังบนและล่างล้วนชําระล้างจนสะอาดเอียมอ่อง ไม่หลงเหลือกลินเหม็นโชยออกมาอีก นาง
จึงก้าวออกจากอ่างนําอย่างช้า ๆ

ใช้ผา้ สี ขาวอ่อนนุ่ มและสะอาดสะอ้านซับหยดนําบนร่ างกายของตัวเอง หยิบเอาชุดสี เขียวอ่อนทีแขวนไว้บนฉาก


กันมาสวมใส่ ลงบนตัว แล้วค่อย ๆ เดินออกจากฉากกัน !

ภายในห้องเงียบสงบไม่มีเงาร่ างของผูใ้ ด กระถางธูปทองคําด้านในโชยไปด้วยกลินกํายานทีหอมอบอวลไปทัว


ห้อง

มู่หรงเสวียขมวดคิว เรี ยกเสี ยงเบา “หงซิ ว อันเซี ยง !”

รอบด้านเงียบเชียบ นอกจากความเงียบทีตอบรับกลับมา ก็มีแต่ความเงียบ !

มู่หรงเสวียขมวดคิว ก็แค่สังพวกนางให้ไปเอาข้าวต้มกับกับข้าวทีห้องครัว ทําไมตังนานแล้วยังไม่กลับมาอีก ?


สายลมเย็นสบายสายหนึงพัดผ่านเข้ามา กลินหอมสดชืนภายในห้องเพิมมากขึน ความรู ้สึกง่วงค่อย ๆประดัง
ขึนมา มู่หรงเสวียหาวเบา ๆ และเดินนวยนาดไปทีริ มขอบเตียง เลิกผ้าห่ มออกและเอนกายลงบนเตียง !

เพือการสื บเสาะหาสมบัติ ทําให้ไม่กีวันมานีนางเลยไม่คอ่ ยได้พกั ผ่อนอย่างเต็มทีเท่าไหร่ นกั ทังยังขีม้าโดยไม่


หยุดพักไปมาระหว่างทีซ่ อนสมบัติกบั จวนเจินกัวโหวตังรอบหนึง ช่างเหน็ดเหนื อยยิงนัก พักผ่อนก่อนสักหน่อย
ก็แล้วกัน หากหงซิ วกับอันเซี ยงยกสํารับกลางวันกลับมาถึงก็คงจะเรี ยกนางเอง !

ในใจของมู่หรงเสวียคิดเช่นนี พลางห่ มผ้าห่ มแล้วปิ ดตาลง หลับสนิทลงไปอย่างไม่รู้สึกตัว !

‘แอ๊ด’ ประตูห้องทีปิ ดสนิ ทค่อย ๆ เปิ ดออก มู่หรงโหรวเดินเข้าห้องมาอย่างสง่าผ่าเผย ยืนอยูด่ า้ นข้างของเตียง


มองไปทางมู่หรงเสวียอย่างผูอ้ ยูเ่ หนื อกว่า แววตาวูบไหวไปด้วยความรู ้สึกดูถกู ฉลาดปราดเปรื องวางแผน
เก่งกาจแล้วเป็ นอย่างไร ? สุ ดท้ายก็สู้ยาสลบไม่ได้ !

สบถว่าอย่างเหยียดหยามในใจหนหนึง ทันใดนันนางก็กล่าวขึนว่า “สวีเตียนซื อ นีเป็ นจีซื อทีข้าเตรี ยมไว้ให้ท่าน


ท่านถูกใจหรื อไม่ ?”

สวีเหวินเร่ งรี บเดินเข้ามา เขามองไปทางมู่หรงเสวียทีอยูบ่ นเตียง เห็นนางหลับตาปิ ดสนิ ท ขนตายาวพริ มสวยดัง


ผีเสื อเกิดเป็ นเงาทอดยาวลงไปด้านล่าง ริ มผีปากปิ ดสนิท ผิวพรรณเรี ยบเนี ยน ใบหน้าทีกําลังหลับสนิทดูสุข
สบายจนผูท้ ีพบเห็นอดไม่ได้ทีจะล่วงเกิน !
ผ้าห่ มอ่อนนุ่มห่ มถึงแค่บริ เวณหน้าอก เผยให้เห็นผิวขาวเนียนเรี ยบ กระดูกไหปลาร้าทีได้รูป ผมสี ดาํ ดกสยายลง
มาด้านบนของหน้าอก สี ขาวและสี ดาํ ตัดกันอย่างชัดเจน ทําให้ดวงตาของสวีเหวินตืนตะลึง

“นางเป็ นใคร ?” นําเสี ยงของสวีเหวินค่อย ๆ สันไหวเล็กน้อย สื บเสาะหามานานแรมปี เขายังไม่เคยพบเคยเจอ


กับหญิงสาวทีงดงามเช่นนี มาก่อน

“หลานสาวของข้า มู่หรงเสวีย !” มู่หรงโหรวพูดเน้นทีละคํา ไม่มีปิดบังแม้แต่นอ้ ย แล้วนางเองก็ไม่คิดทีจะปิ ดบัง


ด้วย !

แววตาของสวีเทียนเหวินแข็งค้าง ถลึงตามองมู่หรงโหรวอย่างเกลียดชัง “มู่หรงเสวียเป็ นว่าทีภรรยาของจิงอ๋ อง


เจ้าส่ งนางมาเป็ นจีซื อของข้า อยากจะให้ขา้ รนหาทีตายหรื อไง ?”

มู่หรงโหรวไม่สนใจ กล่าวขึนด้วยเสี ยงตําอย่างลึกลับ “มู่หรงเสวียไม่อยากแต่งเป็ นอนุ ของจิงอ๋ อง จึงวางแผน


ยัวยวนสวีเตียนซื อแล้วขอร้องเป็ นจีซื อของท่าน นีไม่เป็ นการอธิบายทีดีหรอกหรื อ......”

แววตาของสวีเหวินเปล่งประกาย เรื องทีมู่หรงเสวียไม่อยากเป็ นพระชายารองของจิงอ๋ องนันได้แพร่ สะพัดไปทัว


ทังเมืองหลวง ผูค้ นตามตรอกซอกซอยล้วนรับรู ้ทวั เป็ นจีซื อยังดีกว่าเป็ นอนุ เหตุผลทีมู่หรงโหรวพูดออกมา ดู
แล้วยังสามารถฟังขึน เพียงแต่ “ทําเช่นนี......ได้จริ ง ๆ น่ะหรื อ ?”

“มีอะไรทีไม่ได้เล่า ถึงแม้จิงอ๋ องจะโมโห แต่เจ้าก็สามารถผลักความรับผิดชอบไปทีมู่หรงเสวียได้ว่าเป็ นนางเอง


ทีใช้มารยาหลอกล่อ ไม่มีอนั ใดเกียวข้องกับสวีเตียนซื อ” มู่หรงโหรวกล่าวเสี ยงตําขึนอย่างชีนํา ยิมออกมาอย่าง
ร้ายกาจ !

“นีเอ่อ......” แววตาของสวีเหวินวูบไหว ลังเลไม่อาจตัดสิ นใจได้ เขาไม่กล้าแย่งชิงผูห้ ญิงกับจิงอ๋ อง แต่หญิงสาว


ทีงดงามหยดย้อยก็อยูใ่ กล้แค่ตรงหน้า ยากนักทีจะพานพบ สมควรจะจัดการเช่นไรดี ?
ตอนที 105 ทําชัวได้ ชัว

สวีเหวินก้มหัวลงนิงเงียบไม่พดู จาไปช่วงหนึ ง !

มู่หรงโหรวขมวดคิวขึนอย่างรําคาญใจ “สวีเตียนซื อ ตกลงแล้วท่านจะทําหรื อไม่ทาํ ? ถ้ายังคงลังเลยืดเยือต่อไป


เช่นนี แล้วยาสลบหมดฤทธิลง สาวงามแสนสวยผูน้ ี ก็จะไม่มีวนั ทีเป็ นของท่านอีก......”

“นีเอ่อ......” สวีเหวินเร่ งตรึ กตรองครุ่ นคิด เขาค่อย ๆ กัดฟั นตอบอย่างเสี ยมิได้ “ตกลง ข้ายอมรับข้อเสนอของ
เจ้า”

ตายภายใต้ดอกโบตัน ถึงจะกลายเป็ นผีเขาก็ไม่เสี ยใจ หญิงงามเลิศลําตรงหน้าในแผ่นดินนียากนักทีจะได้พาน


พบ เขานันรู ้สึกถูกชะตาและชมชอบนางยิงนัก ถึงสุ ดท้ายจะถูกจิงอ๋ องถลกหนัง เขาก็จะยอมรับมัน !

“สวีเตียนซื อเป็ นคนหลักแหลมนัก ตังแต่บดั นีเป็ นต้นไป มู่หรงเสวียก็ตกเป็ นของท่านแล้ว เชิญท่านค่อย ๆ เชย
ชมนางได้ตามสบาย !” มู่หรงโหรวยกยิมบิดเบียวทีมุมปาก หมุนกายเดินออกไปด้านนอกอย่างช้า ๆ
นางกับมู่หรงเสวียเป็ นศัตรู คู่แค้นต่อกัน แต่ไหนแต่ไรก็อยากจะจัดการสังสอนมู่หรงเสวียให้หนัก ๆ อยูแ่ ล้ว แต่
ว่ามู่หรงเสวียได้หมันหมายกับเย่อีเฉิ น อีกทังยังมีความสัมพันธ์ทีสนิ ทชิดเชือกับคุณชายโอวหยาง ถ้าเกิดนางอาจ
หาญยกมู่หรงเสวียให้เป็ นจีซื อของสวีเหวินอย่างโจ่งแจ้งเปิ ดเผย ไม่วา่ จะเป็ นคุณชายโอวหยางหรื อว่าเย่อีเฉิ น
แน่นอนว่าเขาทังสองจะต้องจัดการนางจนตกอยูใ่ นสภาพตายทังเป็ นแน่

ผูค้ นในสังคมชนชันสู งก็จะหัวเราะเยาะนาง วิพากษ์วิจารณ์นาง ประจานและด่าทอนาง !

นางไม่อยากได้รับความลําบากจากความผิดทีหนักหนาเช่นนัน ทังยังไม่อยากให้ชือเสี ยงถูกทําลายอย่างพินาศ


ย่อยยับ ดังนันนางถึงได้คิดแผนการอันแยบยลเช่นนี ออกมาได้ ใช้ยาสลบทําให้ม่หู รงเสวียหลับใหลแล้วค่อย
ให้สวีเหวินอาศัยช่วงเวลานี ปลุกปลํานาง

พอมู่หรงเสวียสู ญเสี ยความบริ สุทธิ นางก็จะกลายเป็ นหญิงสาวทีมีมลทิน ไม่เหมาะสมกับฐานะของคุณชาย


โอวหยางและเย่อีเฉิ นอีกต่อไป คุณชายชนชันสู งในเมืองหลวงก็จะไม่มีใครทีต้องการตบแต่งกับนางอีก นางก็จะ
ทําได้เพียงแต่งเป็ นจีซื อให้สวีเหวินเท่านัน

สวีเหวินทีได้หญิงงามไปก็จะทําตามสัญญาทีตกลงกันไว้ นําเอาตํารับลับทีช่วยในการตังครรภ์ลูกชายมามอบให้
นาง ถ้าเป็ นไปตามนี นอกจากนางจะสามารถกําจัดศัตรู คู่แค้นได้แล้ว ยังสามารถทีจะมีทายาทสื บสกุลได้อีกด้วย
ถือเป็ นการยิงปื นนัดเดียวได้นกทังสองตัว !

คุณชายโอวหยางกับเย่อีเฉิ นล้วนมีฐานะสู งส่ ง มีสถานภาพเหมือนดังมังกรในหมู่มวลมนุ ษย์ พวกเขาไม่มีทางที


จะยอมแต่งกับหญิงสาวทีมีมลทินเป็ นภรรยาแน่ มู่หรงเสวียทีสู ญเสี ยความบริ สุทธิ ก็จะสู ญเสี ยความรักใคร่ ที
พวกเขามีให้ จากคุณหนูทีมีฐานะสู งส่ งในจวนโหวต้องกลายเป็ นฮูหยินของเตียนซื อทีไร้ซึงความสามารถ
อยากจะให้นางตําตมเท่าไรนางก็จะตําตมเท่านัน เพียงแค่คิดจินตนาการก็ทาํ ให้นางรู ้สึกยินดียงนั
ิ ก!

ฮ่าฮ่า นางอดทนรอดูไม่ไหวแล้วว่าหลังจากถูกปลุกปลํายํายีสภาพของมู่หรงเสวียจะน่ าอนาถเพียงไร......

มู่หรงโหรวมองไปด้านหลังอย่างสุ ขใจคราหนึง เห็นสวีเหวินกําลังยืนโน้มตัวลงไปจากด้านข้างของเตียงนอน


มองไปทีมู่หรงเสวียอย่างหลงใหลชืนชม มือดําคลําสันไหวเบา ๆ ยืนออกไปทีใบหน้าเรี ยวงามของมู่หรงเสวีย
อย่างช้า ๆ......

เมือเห็นว่าเพียงนิ ดเดียวจะสัมผัสโดนใบหน้าของมู่หรงเสวียแล้ว แต่กลับไม่นึกว่าอยู่ ๆ มู่หรงเสวียจะลืมตา


ขึนมา สะบัดมือฟาดเข้าทีคอของสวีเหวิน ได้ยนิ เสี ยงดัง ‘ตุบ’ ดังขึนเสี ยงหนึง ไม่ทนั ทีสวีเหวินจะได้ร้องเรี ยก
สักแอะ ดวงตาของเขาก็พลันเหลือกโปนขึน แล้วล้มลงไปกับพืนอย่างแรง......

ดวงตาของมู่หรงโหรวเบิกกว้าง นางเร่ งรี บวิงออกไปด้านนอก แต่คาดไม่ถึงว่าจะมีเสี ยงแหวกอากาศดังขึน


ด้านหลัง ผ้าสี ขาวผืนหนึงพันเข้ากับเอวของนาง ดึงนางกลับไปอย่างแรงจนล่วงลงกระแทกกับพืนแข็ง ล้มจน
ตาลายพร่ ามัวหัวหมุนจนวิงเวียนไปหมด

มู่หรงเสวียค่อย ๆ เดินเข้ามา ในชุดสี เขียวอ่อนทีเปล่งประกายงดงาม

มู่หรงโหรวถลึงตามองนางอย่างแสนเกลียดชัง แววตาของนางเปล่งประกายเย็นยะเยือก กล่าวขึนด้วยความ


เกลียดชังว่า “เจ้าฟื นขึนเมือไรกัน ?”
“ตังแต่แรกข้าก็ไม่ได้สลบอะไร เพียงแค่ลองแกล้งสลบดูเท่านันว่าใครเป็ นคนทีต้องการทําร้ายข้า !” มู่หรงเสวีย
มองนางอย่างผูท้ ีอยูเ่ หนือกว่า นําเสี ยงเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก

มู่หรงโหรวในใจตืนตระหนก “เจ้ารู ้แต่แรกว่าในควันกํายานนันมีพิษ ?”

“ไม่ผดิ !” แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหวลําลึก ในยุคปั จจุบนั นางเคยเรี ยนวิชายาพิษมาก่อน ยาสลบทีแฝงมากับ


กลินกํายานถึงจะบางเบาแค่ไหน แต่กอ็ ย่าหวังว่าจะหลบซ่ อนจากนางได้

“เช่นนันคําพูดทีข้าพูดกับสวีเหวิน......”

“ข้าล้วนได้ยนิ ทังหมด !” มู่หรงเสวียกล่าวเสี ยงตํายกยิมแปลก ๆ ขึนทีมุมปาก เห็นมู่หรงโหรวหนังตากระตุกหัว


ใจเต้นแรง ก็กล่าวขึนเสี ยงดัง “มู่หรงเสวียเจ้าจะทําอะไร ?”

“วางใจได้ ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าหรอก เพียงแต่อยากให้เจ้ามีสภาพเหมือนกับข้าทีเมือครู่ กลายเป็ นคนทีไร้กาํ ลังต่อต้าน


ทําได้เพียงยอมเป็ นแพะอ้วน ๆ แล้วถูกคนข่มแหงรังแกเท่านัน......” มู่หรงเสวียยกยิมสดใสพลางกล่าวขึน
นําเสี ยงของนางบางเบาเหมือนสายลม

มู่หรงโหรวทีได้ฟังในใจก็รู้สึกตืนตระหนกยิงนัก รวบรวมพละกําลังเรี ยวแรงทีเหลืออยูก่ รี ดร้องขึนเสี ยงดัง


“ช่วย......” คํายังมิทนั ได้ออกไป พลันด้านหน้าปรากฏเข็มเงินสองสายเปล่งประกายวูบไหวเข้ามา ทันใดนันนาง
ก็ใบ้บึง ไม่ว่าจะพยายามอ้าปากร้องเรี ยกเพียงใด ก็ไม่สามารถจะส่ งเสี ยงใด ๆ ออกมาได้อีก ร่ างกายทีบอบบางก็
พลันแข็งทือขึนมา จนสุ ดท้ายก็ไม่สามารถขยับเขยือนเคลือนไหวได้

นางเงยหน้ามองไปทางมู่หรงเสวียอย่างหวาดกลัว !

มู่หรงเสวียทีเห็นก็มิได้สนใจอันใด เพียงแค่กระชากคอเสื อของนางลากนางไปไว้บนเตียง แล้วก็เดินไปที


ด้านหน้าของสวีเหวินบีบปากเขาให้อา้ ออก ยัดเม็ดยาสองเม็ดเข้าไปในปากของเขา

กวาดตามองโดยรอบว่าไม่มีจุดตกหล่น มู่หรงเสวียก็ยดื ตัวตรงขึนแล้วค่อย ๆ เดินออกไปด้านนอก

มู่หรงโหรวถลึงตามองมู่หรงเสวียอย่างเกลียดชังคล้ายอยากจะพูดว่า “เจ้าเอาอะไรให้สวีเหวินกิน ?”

มู่หรงเสวียปรายตามองนางอย่างดูถูกเหยียดหยาม “ตัวเจ้าก็มีตา ไม่ดูเองล่ะ !”

มู่หรงโหรวมองไปทีสวีเหวินก็เห็นขนของเขาลุกชันแล้วค่อย ๆ เปิ ดเปลือกตาขึน แววตาดูพร่ ามัวสะลึมสะลือ ดู


ไม่มีสติ บนใบหน้าผุดเต็มไปด้วยเม็ดเหงือทังยังดูแดงกําอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ !

นีเขา......ถูกวางยาปลุกกําหนัด ! มู่หรงโหรวตืนตระหนก ถลึงตามองมู่หรงเสวียแววตาลุกโชนไปด้วยไฟแห่ ง


ความโกรธแค้นทีสามารถพ่นออกมาจนนางมอดไหม้เป็ นผุยผง !
มู่หรงเสวียไม่แม้แต่แยแส โบกมือไปทางนางด้วยรอยยิมสดใส “ข้าไปก่อนล่ะ นี เป็ นอุบายทีเจ้าวางเอาไว้เองเจ้า
ก็คอ่ ย ๆ เสพสุ ขกับมันไปอย่างช้า ๆ เถอะ !”

เมือมองไปทีแผ่นหลังของมู่หรงเสวียทีค่อย ๆ ไกลออกไป แววตาของมู่หรงโหรวก็เปล่งประกายอํามหิ ต


ั งร่ างของมู่หรงเสวีย มู่หรงเสวียเจ้าช่างชัวร้ายยิงนัก !
เหมือนกับอยากทีจะประทับรอยแผลไปให้ทวทั

สวีเหวินทีถูกยาปลุกกําหนัด ก็มีไอร้อนพวยพุ่งออกมาจากด้านในของร่ างกาย เพียงพริ บตาก็ไหลเวียนไปทัวทัง


ร่ าง ความร้อนทีเข้มข้นพุ่งพ่านไปตามจุดชีพจร เขาทรมานจนต้องคํารามออกมา นึกคิดทีจะหาบางสิ งบางอย่าง
มาปลดปล่อยมันออกไป !

กลินหอมบางเบาทีคล้ายมีคล้ายไม่มีของหญิงสาวกระทบเข้ากับจมูก จิตใต้สาํ นึ กบอกให้หนั ไปทางทีมาของกลิน


หอม ในสายตาทีสะลึมสะลือเห็นบนเตียงนอนไว้ดว้ ยคนผูห้ นึงทีมีรูปร่ างสะสวยและยัวยวนใจ จิตใจของเขา
พริ บตาถูกกระตุน้ เหมือนกับหมาป่ าทีกําลังหิ วโหยแล้วได้พบเข้ากับแพะตัวน้อยทีน่ากิน อดรนทนไม่ไหวทีจะ
พุ่งเข้าไป.......

ร่ างกายบอบบางถูกกดเอาไว้จนเจ็บปวดกลินปากเหม็นเน่าพุ่งเข้ากระทบใบหน้า เหม็นจนมู่หรงโหรวอยากจะ
เป็ นลม คิดอยากจะผลักเขาออก ด่าทอต่อว่าแรง ๆ ตีเขาให้สลบ

แต่นางกลับถูกเข็มเงินสกัดเข้าทีจุดชีพจร ไม่สามารถทีจะพูดได้ และก็ไม่สามารถทีจะขยับได้ ทําได้เพียงยอม


ให้สวีเหวินกระทําการตามใจชอบบนเรื อนร่ างของนาง นําตาแห่ งความอัปยศค่อย ๆ ไหลริ นจนเปี ยกไปทัวทังใบ
หมอน นางมองไปทีท้องฟ้ าสว่างไสวทีด้านนอกของหน้าต่าง กรี ดร้องอย่างหมดหวัง ช่วยด้วย ช่วยด้วย !
มู่หรงเสวียนังอยูบ่ นชิงช้าในจวน ทังแกว่งชิงช้าอย่างสบาย ๆ ทังลิมรสขนมดอกเหมยทียังอุ่น ๆ อย่างละเมียด
ละไม

เสี ยงคํารามกดตําของผูช้ ายรวมถึงเสี ยงเตียงทีสันไหว เดียวเงียบเดียวหายดังเข้าหู มู่หรงเสวียยกยิมมุมปากอย่าง


เย็นชา มู่หรงโหรววางอุบายต่อนางไม่สาํ เร็ จ แต่นางกลับถูกจัดการเสี ยเอง นีก็คงเรี ยกได้ว่าขโมยไก่ไม่สาํ เร็ จแล้ว
ยังสู ญเสี ยข้าวทีใช้หลอกล่อมัน คิดว่าตัวเองฉลาดแต่สุดท้ายกลับต้องสู ญเสี ยเพิมขึนเป็ นสองเท่า

“เด็ก ๆ พวกเจ้าอยูไ่ หน......ไม่ดีแล้ว......คุณหนูใหญ่เกิดเรื องแล้ว......” เสี ยงกรี ดร้องของสาวใช้แก่ ๆ ดังขึนลัน


ั งจวนเจินกัวโหวตืนตระหนกวุ่นวาย
จวน ทําให้ทวทั

มู่หรงเสวียเลิกคิวเบา ๆ คนทีเข้าร่ วมกับอุบายอันยอดเยียมครังนี ถึงกับทนรอไม่ไหวถึงผลลัพธ์ทีจะเกิดขึนขนาด


นีเชียวหรื อ นางยกชาขึนจิบเบา ๆ เช่นนันนางก็จะขอตามนําให้ความร่ วมมือไปกับพวกเขาเสี ยหน่อย !
ตอนที 106 ถูกจับได้ บนเตียง

“เสวียเอ๋ อร์ ......เสวียเอ๋ อร์ ......เจ้าเป็ นอะไรไป......” แซ่ โจวใช้ผา้ เช็ดหน้าปิ ดปากปิ ดจมูก ร้องห่ มร้องไห้วงเข้
ิ ามา
ด้านหลังตามมาด้วยเหล่าบรรดาสาวใช้บ่าวไพร่ ทีพากันยกโขยงพากันวิงกรู เข้ามาในเรื อนหิ มะโปรย

“เกิดอะไรขึน ?”

“ไม่รู้เหมือนกัน......”

เสี ยงคํารามถีตําของผูช้ ายกับเสี ยงเตียงทีสันไหวดังขึน เหล่าคนรับใช้ทีไม่เข้าใจเหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึนก็พากัน


หยุดชะงักไปครู่ หนึง แต่เพียงพริ บตาก็สามารถเข้าใจได้ถึงต้นสายปลายเหตุทงหมดได้
ั ในทันที เหล่าบ่าวไพร่ พา
กันยิมแห้ง ๆ อย่างไม่เป็ นธรรมชาติ สี หน้าเคอะเขิน ส่ วนสาวใช้ทียังมิได้ออกเรื อนแต่ละคนก็พากันก้มหน้าก้ม
ตาลงพลันสี หน้าค่อย ๆ กลายเป็ นแดงกํา

สี หน้าของแซ่ โจวค่อย ๆ เคร่ งขรึ มขึน แต่มุมปากของนางยกยิมอย่างพอใจทีแผนการประสบความสําเร็ จ มู่หรง


เสวีย...เจ้าอย่าได้โทษอาสะใภ้สองเลย ถ้าจะโทษเจ้าก็ตอ้ งโทษทีตัวเจ้าเอง ใครใช้ให้เจ้าเกิดมาเป็ นลูกสาวของมู่
หรงเยว่เล่า ทังยังยืนขวางเส้นทางความก้าวหน้าของท่านพีเจียนอีก !
จวนเจินกัวโหวเป็ นของท่านพีเจียน เป็ นของจีเอ๋ อร์ เจ้าทีเป็ นอุปสรรคขวากหนามไม่ว่าจะช้าหรื อเร็ วก็ตอ้ งถูกถีบ
ส่ งออกไปอยูด่ ี เจ้าก็ควรทีจะทําใจยอมรับว่าตัวเองโชคร้ายเสี ยเถอะ......

“เสวียเอ๋ อร์ ......” แซ่ โจวแกล้งทําท่าทําทางร้องเรี ยกเสี ยงเบา แล้วทันใดนันก็รีบเตะไปทีประตูเรื อนให้เปิ ดออก
ทันที ชัวขณะนันควันกํายานทีคละคลุง้ เข้มข้นต่างพุ่งเข้ากระทบใบหน้าจนนางต้องขมวดคิวเข้าหากันแน่ น

นางรี บใช้ผา้ เช็ดหน้าปิ ดปากปิ ดจมูก แล้วเพ่งมองเข้าไปเห็นเสื อผ้าของผูช้ ายและผูห้ ญิงถูกฉีกขาดยับเยินตกอยู่


กระจัดกระจายไปทัวพืนห้อง เตียงสลักหรู หราใหญ่โตตรงหน้ายังสันไหวไม่หยุด ผูช้ ายคนหนึงกับผูห้ ญิงคน
หนึ งกําลังนอนอยูบ่ นเตียงด้วยกันทังร่ างกายยังอิงแอบแนบชิด กําลังทําท่าทางอย่างว่าขันพืนฐานอยูด่ ว้ ยกันบน
เตียง !

“อ้า......ผูห้ ญิงทีอยูบ่ นเตียงคือนายหญิง......นายหญิงใหญ่อ่อู นั โหวฮูหยิน......” พอสาวใช้นางหนึ งได้มองเห็นถึง


ใบหน้าทีชัดเจนของผูห้ ญิงบนเตียงก็ร้องเรี ยกขึนอย่างตกตะลึง

เหล่าฝูงชนต่างก็มองตามสายตาของนางไป ผูห้ ญิงทีนอนอยูภ่ ายใต้ร่างของผูช้ ายคนนัน ร่ างกายเปลือยเปล่าสี


หน้าแดงกํานันมิใช่มู่หรงโหรวทีมีฐานะสู งส่ งหรอกหรื อ ทันใดนันฝูงชนทีเงียบสงบก็กลับกลายเป็ นว่า
โหวกเหวกโวยวายขึนมาทันที

ไม่ใช่ว่าเป็ นมู่หรงเสวียทีกําลังถูกกระทําชําเราอยูท่ ีนี หรอกหรื อ ? ทําไมผูห้ ญิงทีถูกทําร้ายถึงได้กลายเป็ นเสี ยว


โหรว (น้องโหรว) ไปได้เล่า ?
แซ่ โจวรู ้สึกตกตะลึง ภายในจิตใจว้าวุ่นกระวนกระวายแล้วเร่ งสังการขึนอย่างเสี ยงดัง “พวกเจ้ายังนิงอยูท่ าํ ไมกัน
? ยังไม่รีบไปแยกทังสองคนออกจากกันอีก !”

“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ !” เหล่าบรรดาสาวใช้ต่างหลุดออกจากภวังค์ แล้วเร่ งรี บเดินเข้าไปด้านหน้า ยึดจับแขน


ของสวีเหวินเอาไว้แล้วลากเขาลงมาบนพืน

สาวใช้สองนางคว้าเอาผ้าห่ มบนเตียงห่ มคลุมไปบนเรื อนร่ างทีเปลือยเปล่าของมู่หรงโหรว รี บพากันพยุงนาง


ขึนมาอย่างเร่ งรี บ พร้อมทังแอบดึงเอาเข็มเงินออกจากจุดชีพจรของนางออกไปอย่างเงียบ ๆ......

มู่หรงโหรวไอขึนมาอย่างหนัก ๆ สองครัง เพียงพริ บตาร่ างกายทีแข็งทือก็ฟืนฟูสู่ สภาพปกติ เห็นผิวขาวสะอาด


เรี ยบเนียนดังหยกของนางต่างเต็มไปด้วยร่ องรอยสี เขียวสี ม่วงขนาดเล็กใหญ่มากมาย บริ เวณสะโพกปวดระบม
ไปหมด อีกทังทัวทังร่ างก็เจ็บปวดจนไร้เรี ยวแรง แววตาของนางลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ พุ่งเข้าหาสวีเหวินอย่าง
ชิงชัง “สวีเหวิน ข้าจะฆ่าเจ้า......”

สวีเหวินทีถูกฤทธิของยาปลุกกําหนัดก็ไร้ความสามารถในการตอบโต้ เขาถูกมู่หรงโหรวตบตีอย่างไม่ยงมื
ั อ เล็บ
ยาวคมกริ บข่วนเข้าไปทีหน้าอกของเขาจนเกิดเป็ นรอยแผลลึก ความเจ็บปวดทีปะทุขึนมาทําให้เขาได้สติ
ในทันที

เมือมองไปทีร่ างกายทีถูกห่ มคลุมเอาไว้อย่างลวก ๆ และผมเผ้าทียุง่ เหยิง รวมถึงท่าทางทีคล้ายกับหญิงบ้าทีกําลัง


ตบตีเขาอยูข่ องมู่หรงโหรว สวีเหวินก็ชะงักไปครู่ หนึ ง เมือครู่ ทีใกล้ชิดดูดดืมกับเขาไม่ใช่ม่หู รงเสวียทีงดงามดัง
เทพเซี ยนหรอกหรื อ ? ทําไมถึงกลายเป็ นหญิงแก่ดงของเหลื
ั อเช่นมู่หรงโหรวไปได้ ?
คิดถึงตอนทีตัวเองใกล้ชิดดูดดืมกับนางมาตังนานสองนาน แววตาของสวีเหวินก็ทอแววรังเกียจ คว้าจับข้อมือ
ของมู่หรงโหรว ผลักนางออกไปด้านข้างอย่างไร้เยือใย หยิบคว้าเอาเสื อผ้าทีฉี กขาดกระจัดกระจายอยูบ่ นพืนของ
ตนขึนมาสวมใส่ พร้อมทังด่าทอเสี ยงดัง “มู่หรงโหรว เจ้าหยุดได้แล้ว ถ้าเจ้ายังตีขา้ อีก ข้าก็จะเอาคืนเจ้าให้เจ็บ
แสบ !"

มู่หรงโหรวทีกําลังมีอารมณ์โกรธ สติของนางไม่อยูก่ บั เนือกับตัว ทําให้ไม่ได้สนใจคําพูดของเขา เตรี ยมพุ่งทีจะ


เข้าไปทําร้ายเขาอีกครัง......

แต่แซ่ โจวทีรู ้ถึงข้อตกลงของมู่หรงโหรวกับสวีเหวิน ทําให้นางเร่ งรี บเข้าไปหยุดยังมู่หรงโหรวไว้ แล้วรี บกล่าว


ขึน “เสี ยวโหรว เสี ยวโหรว เจ้าสงบจิตสงบใจสักนิ ดเถอะ เจ้าคิดไตร่ ตรองให้ดี ๆ ว่าตกลงแล้วเกิดอะไรขึนกัน
แน่ ? ทําไมเจ้าถึงได้มาอยูท่ ีเรื อนหิ มะโปรยได้ ?”

สาวใช้ทีจํานวนมากต่างก็ได้เห็นภาพทีนางกําลังทําเรื องอย่างว่า เรื องราวก็คงไม่สามารถทีจะปกปิ ดได้มิด สิ งที


สมควรรี บเร่ งทําทีสุ ดตอนนี คือคิดหาข้ออ้างทีสามารถรับได้และเหมาะสม จึงจะถือเป็ นวิธีการทีดีทีสุ ดในตอนนี

เมือ ‘เรื อนหิ มะโปรย’ สามคํานีพอกระทบเข้าหู ก็เสี ยดแทงเข้าสู่ หวั ใจของนาง ทันใดนันมู่หรงโหรวได้สติขึนมา
ทันที แล้วเรี ยกร้องขึนเสี ยงดัง “มู่หรงเสวีย......เป็ นมู่หรงเสวีย......”
“อู่อนั โหวฮูหยินมีธุระอะไรกับข้าหรื อ ?” สิ นเสี ยงก็ตามมาด้วยนําเสี ยงทีเย็นชาสายหนึง มู่หรงเสวียแหวกผ่าน
ฝูงชน เดินเยืองย่างเข้ามาด้านในอย่างช้า ๆ ชุดสี เขียวอ่อนพลิวไหวไปตามสายลม สวยงามเลิศลําหาใดเปรี ยบ
มุมปากยกยิมอย่างงดงามคล้ายกับกําลังเยาะเย้ยดูถูก ดูแล้วช่างขัดตามู่หรงโหรวยิงนัก !

แววตาของนางเย็นยะเยือก พุ่งทะยานเข้าไปหามู่หรงเสวียอย่างเกลียดชัง “มู่หรงเสวีย ข้าจะฆ่าเจ้า !”

ฆ่านางอย่างนันหรื อ ? ช่างไม่เจียมตน !

มู่หรงเสวียหัวเราะขึนอย่างดูถกู ครังหนึง นางยกเท้าขึนถีบไปทีหน้าอกของมู่หรงโหรว จนนางล้มลงกับพืน


พลางกล่าวเน้นทีละคํา “ซ่ งฮูหยิน เจ้าแอบพลอดรักกับชายชูใ้ นเรื อนหิ มะโปรย แล้วถูกอาสะใภ้สองจับได้ เจ้า
รู ้สึกเคียดแค้นก็ควรจะเอาความโกรธเกลียดไปลงกับชายชูข้ องเจ้าหรื อคนทีพลอดรักกับเจ้าบนเตียง......”

“หุ บปาก !” มู่หรงโหรวกรี ดร้องตัดบทขึนเสี ยงดัง กํามือขยําผ้าห่ มแน่ น ถลึงตามองมาทีนาง แววตาลุกโชนไป


ด้วยไฟแค้น “เป็ นเจ้าทีใช้อุบายกับข้า ทิงข้าไว้ทีเตียงหลังนัน จนถูกสวีเหวินกระทําชําเรา......”

“ซ่งฮูหยิน เจ้าก็ยงั เป็ นคนทีมีชีวิต ข้าทิงท่านไว้บนเตียง ท่านก็เลยทําตามสิ งทีข้าต้องการหรอกหรื อ นอนอยูอ่ ย่าง


สงบเสงียมไม่ขยับเขยือนเคลือนไหวดินรน ช่างน่ าขันยิงนัก !” มู่หรงเสวียปรายตามองนาครังหนึง หางตาที
ปรายมองเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม !

“นันก็เป็ นเพราะว่าเจ้าใช้เข็มเงินสกัดชีพจรของข้าเอาไว้...เข็มเงิน....เข็มเงินนันหายไปไหนแล้ว ?” มู่หรงโหรว


ควานหาไปรอบด้านอย่างร้อนรน หาไปได้ครู่ หนึง แม้แต่เงาของเข็มเงินเล่มเดียวก็หาไม่พบ
แววตาของนางเปล่งประกายดูหมินเหยียดหยามขึนอย่างไม่รู้ตวั !

คําพูดของมู่หรงเสวียหักล้างจนเสี ยวโหรวไม่สามารถแก้ต่างอะไรได้อีก เรื องราวสําหรับพวกนางดูท่าแล้วไม่


ค่อยจะดีนกั !

แซ่ โจวขมวดคิวเข้าหากันแน่ นเงยหน้ามองไปทีมู่หรงเสวีย “มู่หรงเสวียเมือครู่ นีเจ้าอยูท่ ีใดกัน ?”

“อยูท่ ีศาลาข้างสระนํา กําลังดืมชายามบ่าย ก็มีสาวใช้สองนางทีเดินผ่านไปแถวนันแล้วพบเจอข้า ถ้าหากอาสะใภ้


สองไม่เชือ ข้าสามารถเรี ยกพวกนางมาเป็ นพยานต่อหน้าได้ !” มู่หรงเสวียยกยิมสดใส

“ไปดืมชายามบ่ายตังไกลขนาดนัน เจ้าช่างเข้าใจแสวงหาความสุ ขนัก” แซ่ โจวกล่าวขึนเสี ยงตํา นําเสี ยงเย็นชา


แฝงด้วยเสี ยงกัดฟัน

มู่หรงเสวียไม่สนใจ นางยิมตาหยีกล่าวขึนอีกครัง “ก็คงเทียบไม่ได้กบั ซ่ งฮูหยิน จวนโหวมีหอ้ งรับรองตัง


มากมายก็ไม่ไป จะต้องมาพลอดรักกับชายชูท้ ีเรื อนของข้า......ว่าแต่ผชู ้ ายคนนันมีชือว่าอะไรนะ ? ทําไมเขาถึง
เข้ามาในจวนโหวได้ ?”

สายตาของฝูงชนต่างตกลงไปทีร่ างของสวีเหวิน มองไปทีหน้าตาธรรมดา ๆ ของเขา สาวใช้นางหนึงก็กล่าวร้อง


ขึนอย่างตกใจ “เขามิใช่สวีเตียนซื อคนทีมาพูดคุยธุระกับนายท่านสองหรอกหรื อ ?”
“เป็ นเขา...เป็ นเขา...เป็ นเขาไม่ผดิ แน่ !” เหล่าคนรับใช้ทีเมือครู่ ได้พบเห็นสวีเหวินก็พากันพยักหน้า

สวีเตียนซื อมาหานายท่านสอง เผอิญพบเข้ากับอู่อนั โหวฮูหยิน ทังสองรู ้สึกชอบพอกัน เลยพากันแอบไป


พลอดรักอย่างดูดดืม...แววตาของบรรดาคนรับใช้พากันวูบไหวไปมา ความคิดต่าง ๆ นา ๆ เริ มปะติดปะต่ออยู่
ในหัว !

มู่หรงโหรวโมโหจนหน้าตาขึนสี เขียวคลํา ทีนางคิดอ่านไว้แต่แรกคือสวีเหวินมาพูดคุยธุระกับมู่หรงเจียน


บังเอิญพบเข้ากับมู่หรงเสวีย มู่หรงเสวียพอรู ้ว่าเขาเป็ นม่ายภรรยาตายไป ก็ได้หลอกล่อออกอุบายขอเป็ นจีซื อ
ของเขา คิดไม่ถึงว่าฝี มือของมู่หรงเสวียจะสู งลํา ทําให้กอ้ นหิ นทีนางยกมาหล่นตกใส่ เท้าของตัวนางเองเช่นนี......

“อู่อนั โหวก็มาทีเรื อนหิ มะโปรย ช่างเป็ นแขกทียากทีจะได้พบพานยิงนัก !” เสี ยงร้องเรี ยกทีทําให้หนาวเหน็บ


ลอยเข้าหู มู่หรงโหรวตืนตระหนก ค่อย ๆ เงยหน้าขึนไปมองก็เห็นซ่ งเทียนเหวินยืนอยูท่ ีด้านนอกของประตู มือ
ไขว้ไว้ขา้ งหลัง แววตาเย็นชาคมกริ บจ้องมองมาทีนาง สี หน้ามืดครึ มจนน่ ากลัว......
ตอนที 107 ลงโทษ

“เทียน......เทียนเหวิน......” ราวกับมู่หรงโหรวได้ยนิ เสี ยงระเบิดดังขึนในหัวจนกลายเป็ นสี ขาวโพลน ทําไมเทียน


เหวินถึงอยูท่ ีนี ได้ ? เรื องทีนางถูกสวีเหวินขืนใจจนสู ญเสี ยซึงเกียรติยศ เขาล้วนรับรู ้หมดแล้ว ทําไมถึงเป็ นเช่นนี
ได้ ? ทําไมถึงเป็ นเช่นนีได้ ?

“มู่หรงโหรว เจ้าทําให้ขา้ ผิดหวังยิงนัก !” ซ่ งเทียนเหวินกล่าวทิงท้ายอย่างเย็นชาแล้วหมุนกายเดินออกไปด้าน


นอกอย่างไร้เยือใย

มู่หรงโหรวอําอึงตกตะลึง นีเทียนเหวินกําลังปฏิเสธนางอยูห่ รื อ ? นางมีฐานะเป็ นอู่อนั โหวฮูหยินแต่กลับถูกคน


ชันตําทําให้ร่างกายทีสู งส่ งของนางแปดเปื อน แน่ นอนว่าเทียนเหวินจะต้องรังเกียจนาง ปฏิเสธนาง ถ้าหากนาง
ยอมให้เขาเดินออกจากจวนเจินกัวโหวไปทัง ๆ อย่างนี ล่ะก็ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับนางก็คงจะต้องถึง
จุดสิ นสุ ด ในอนาคตคงไม่สามารถกลับไปเป็ นเช่นเดิมได้อีกแน่ !

“เทียนเหวินอย่าเพิงไป !” มู่หรงโหรวกระชับผ้าห่ มทีคลุมร่ างเอาไว้แน่ น เพียงครู่ เดียวก็คลานไปทีปลายเท้าของ


ซ่งเทียนเหวิน นางกําแขนเสื อของเขาไว้แน่นพลางร้องห่ มร้องไห้อย่างน่ าสงสาร “เทียนเหวิน ข้าถูกคนใส่ ร้าย
ข้าถูกคนใส่ ร้ายจริ ง ๆ......เจ้าต้องเชือข้า...เชือข้าเถอะนะ...”

ซ่งเทียนเหวินหยุดเท้าลงแต่ไม่หันกลับไปมองแต่อย่างใด พลางกล่าวด้วยนําเสี ยงเย็นชา “หลักฐานเล่า ? เจ้ามี


หลักฐานอะไรทีเอามายืนยันว่าเจ้าถูกคนวางอุบายและใส่ ร้าย ?”
“หลักฐาน......หลักฐาน......” มู่หรงโหรวเร่ งรี บกวาดตามองโดยรอบ บังเอิญเห็นเข้ากับสวีเหวินทีอยูข่ า้ งเตียง
พริ บตาเดียวแววตาก็เปล่งประกาย “สวีเหวินถูกวางยาปลุกกําหนัด เจ้าให้หมอมาตรวจร่ างกายของเขาได้
แน่นอนว่าจะต้องตรวจเจอ......”

“ถึงแม้วา่ สวีเหวินจะถูกตรวจพบว่ามีตวั ยาปลุกกําหนัดตกค้างอยูใ่ นร่ าง ก็ยงั ไม่สามารถยืนยันได้ว่าถูกคนอืน


วางยา ยังมีความเป็ นไปได้ทีเขาจะเป็ นคนกินมันลงไปเอง” มู่หรงเสวียกระซิ บเสี ยงเบาวิพากษ์วิจารณ์ออกมา ฟั ง
จนเหล่าบรรดาสาวใช้ตอ้ งพากันกลันขํา

สวีเตียนซื อก็อายุไม่นอ้ ยแล้ว ตอนทีกําลังพลอดรักเรี ยวแรงอาจจะไม่ได้ดงใจ


ั เลยใช้ตวั ยาเข้าช่วยเพือเพิม
อรรถรสในการร่ วมรัก ก็ดูจะเป็ นเรื องทีปกติ

แววตาของมู่หรงโหรวคมกริ บดังลูกธนูพ่งุ ตรงไปทีมู่หรงเสวีย “มู่หรงเสวีย เจ้ากล่าววาจาว่าร้ายผูค้ นให้มนั น้อย


ๆ หน่ อย ข้าดูออกว่าเจ้ากําลังร้อนตัว !”

มู่หรงเสวียปรายตามองนางอย่างดูหมิน “คนทีแอบคบชูไ้ ม่ใช่ขา้ แล้วเหตุใดข้าจะต้องร้อนตัว ?”

“ถ้าเจ้ามิได้ร้อนตัว ก็ให้ขา้ ตรวจค้นเรื อนหิ มะโปรยของเจ้าเสี ยสิ ...” แซ่ โจวต่อคําพูดของนาง จ้องมองไปทีมู่หรง
เสวียตาไม่กระพริ บ ไม่ยอมปล่อยให้ความผิดปกติบนหน้าของนางหลุดพ้นไปได้
“ตามสบาย พวกท่านอยากจะค้นอย่างไรก็เชิญตามสบายเถอะ !” มู่หรงเสวียตอบตกลงอย่างใจกว้าง ไม่ได้มีท่าที
ปฏิเสธเลยแม้แต่นอ้ ย

กํายานในกระถางธูปนางก็ได้เปลียนเรี ยบร้อยแล้วไม่มีทางตรวจพบปั ญหาใด ๆ ยากําหนัดทีนางยัดใส่ ปากสวีเห


วินนางก็แค่หยิบออกมาจากแขนเสื อของเขา เรื อนหิ มะโปรยไม่มีสิงของแปดเปื อนอะไร นางไม่สนใจหากพวก
เขาจะตรวจค้น

“ถ้าหากพวกเจ้าหายาปลุกกําหนัดในเรื อนหิ มะโปรยเจอ ข้าก็จะยอมถูกลงโทษ แต่ถา้ พวกเจ้าทําเหมือนสวีเตีย


นซื อตังใจจะซ่อนยาปลุกกําหนัดไว้ในจวนหิ มะโปรยเพือมาใส่ ร้ายข้า แน่ นอนว่าข้าจะไม่มีทางปล่อยให้พวกเจ้า
ลอยนวลไปได้โดยง่าย......”

เหล่าฝูงชนหยุดชะงัก พากันมองไปทีสวีเตียนซื อทีอยูข่ า้ งเตียงก็เห็นเขากําลังถือยาลูกกลอนสี ดาํ เม็ดหนึ งอยู่


อาศัยการบดบังของแขนเสื อเตรี ยมทีจะวางมันลงไปบนโต๊ะทีหัวเตียง......

เหล่าบรรดาสาวใช้พากันเบิกตากว้าง นีสวีเตียนซื อกับอู่อนั โหวฮูหยินแอบคบชูก้ นั จริ ง ๆ น่ะหรื อ !

เมือครู่ พวกนางก็แค่เพียงคาดเดากันไปส่ ง ๆ เท่านัน แต่ไม่คดิ ว่าตอนนี กลับได้เห็นหลักฐานจะ ๆ คาตาเช่นนี

สี หน้าของซ่ งเทียนเหวินเขียวคลํา ทันใดนันเขาก็กม้ หน้าลงมองมู่หรงโหรว แววตาเกรี ยวกราดจนแทบจะ


สามารถพ่นไฟออกมาได้ “พยานและหลักฐานล้วนครบถ้วน เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกไหม ?”
มู่หรงโหรวไม่คาดว่าจะเกิดเหตุการณ์เลวร้ายเช่นนี แววตาของนางเต็มไปด้วยความตกตะลึง รี บเร่ งอธิบายอย่าง
ร้อนรนกระวนกระวาย “เทียนเหวิน นี มันเป็ นการเข้าใจผิด เข้าใจผิด......”

“เข้าใจผิด ?” ซ่ งเทียนเหวินสบถขึนด้วยความโกรธจนถึงทีสุ ด ผลักนางออกไปอย่างแรง “เจ้าคิดว่าข้าโง่มากหรื อ


อย่างไรทีมองความจริ งไม่ออกน่ ะ ?”

มู่หรงโหรวทีไม่ทนั ได้ระวังก็ถูกผลักจนล้มลงกับพืน แขนและไหล่กระแทกเข้ากับพืนจนเกิดรอยถลอก รู ้สึก


ปวดแสบปวดร้อนเป็ นอย่างมาก แต่นางไม่มีกะจิตกะใจทีจะไปสนใจบาดแผล ได้แต่เร่ งรี บอธิบาย “เทียนเหวิน
นีเป็ นการเข้าใจผิด เป็ นเรื องเข้าใจผิดจริ ง ๆ......”

แววตาของซ่ งเทียนเหวินเต็มไปความดูถูกเหยียดหยามไม่ขยับเคลือนไหวใด ๆ

ขอบตาของมู่หรงโหรวเอ่อคลอไปด้วยหยาดนําตา นางเม้มปากแน่ นเข้าหากันแน่ นอย่างทีรู ้สึกว่าไม่ได้รับความ


ยุติธรรม คลานไปทีข้างกายของสวีเหวินแล้วทุบตีเขาอย่างแรง “เมือครู่ เกิดอะไรขึน เจ้ารี บอธิบายออกไปให้
ชัดเจนโดยไว หากเจ้าอยากตายก็ไปตายเสี ย อย่าได้ลากข้าไปตายด้วย......”

ริ มฝี ปากของสวีเหวินขยับเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ยาปลุกกําหนัดนันเป็ นเขาทีนํามาจากหุ ย


ชุนถังเอง ถ้าหากตรวจค้นเจอบนตัวของเขาก็คงจะทําให้ขอ้ กล่าวหาทีเขากับมู่หรงโหรวคบชูก้ นั กลายเป็ นเรื อง
จริ ง ?
เขาเป็ นเพียงแค่ขนุ นางกรมโยธาทีไร้ขนั ยังไม่มีความกล้ามากพอทีจะทําให้อู่อนั โหวพิโรธ ดังนันเขาเลยคิดทีจะ
แอบเอายาปลุกกําหนัดไปใส่ ไว้ทีหัวเตียง ใส่ ร้ายมู่หรงเสวียว่าเป็ นคนทีวางอุบายแผนร้ายใส่ พวกเขา และถ้าเป็ น
เช่นนัน เขาก็จะกลายเป็ นผูถ้ ูกกระทํา อู่อนั โหวก็จะโกรธแค้นมู่หรงเสวีย และจะไม่มีทางมาสร้างปั ญหาให้กบั
เขาอีก

แต่เขากลับนึ กไม่ถึงว่ามู่หรงเสวียจะมีสายตาทีดีขนาดนี ในขณะทีเขากําลังจะแอบซ่ อนยาเอาไว้อย่างแนบเนียน


ทีสุ ดแล้ว แต่กย็ งั ถูกนางจับได้ อีกทังนางยังทําให้เขาถูกเปิ ดโปงต่อหน้าสายตาของผูค้ น ถึงแม้เขาจะแก้ต่างได้
น่าเชือถือมากเพียงใดคนอืน ๆ ก็จะไม่มีทางเชือถือคําพูดของเขา......

ว่าทีภรรยาของจิงอ๋ อง เมือเปรี ยบเทียบกับผูอ้ ืนแล้วแล้วช่างไม่ธรรมดายิงนัก !

สวีเหวินเงยหน้ามองมู่หรงเสวีย ก็เห็นนางกําลังยิมน้อย ๆ ท่าทางดูสบาย ๆ เป็ นธรรมชาติ แต่แววตานันกลับลึก


ลําจนยากสุ ดจะหยัง อีกทังยังแฝงไว้ดว้ ยความโหดเหี ยมจนทําให้จิตใจของผูค้ นสันไหวจนแทบอยากจะหยุด
หายใจเสี ยตรงนัน......

ราวกับมีบางอย่างทีระเบิดขึนในหัวของสวีเหวิน จนความรู้สึกนึ กคิดในหัวของเขาทังหมดกลายเป็ นขาวโพลน


......

“เจ้ามีฐานะเป็ นอู่อนั โหวฮูหยิน แต่กลับกล้าคบชูส้ ู่ ชายลับหลังสามี ไม่ประพฤติตวั ให้สมกับการเป็ นภรรยาทีดี


งาม ตามจริ งแล้วควรถูกจับลงตะกร้าล้างนํา แต่ขา้ เห็นแก่เจ้าทีทําเพือนจวนอู่อนั โหวมานานปี อีกทังยังให้กาํ เนิ ด
ชิงเหยียน จึงจะละเว้นโทษตายเจ้า แต่จะมอบหนังสื อหย่าให้เจ้าแทน ต่อแต่นีไปไม่ขอมีความเกียวข้องกันอีก !”
ซ่งเทียนเหวินพูดขึนเสี ยงเย็น เขาก้าวเท้ายาว ๆ ไปทีโต๊ะหนังสื อด้านหน้าหยิบพู่กนั ขนหมาป่ าขึน เขียนตัวอักษร
ลงบนกระดาษอย่างรวดเร็ ว

เทียนเหวินจะหย่ากับข้า ? เป็ นไปไม่ได้ !

มู่หรงโหรวตืนตกใจรี บเร่ งพุ่งไปทีด้านหน้าของซ่ งเทียนเหวินพลางฉุ ดรังแขนเสื อของเขาไว้ กล่าวเสี ยงตํา


อธิบายอย่างสุ ดความสามารถ “เทียนเหวิน เทียนเหวิน......ความแค้นระหว่างข้ากับมู่หรงเสวียนันลําลึก เจ้าก็ใช่
จะไม่รู้ คําพูดของนางเจ้าจะไปเชือถือได้อย่างไร......”

ท่าทางของซ่ งเทียนเหวินชะงักลงเล็กน้อยแต่กย็ งั ยกพู่กนั เขียนต่อไป

“เทียนเหวิน ก่อนแต่งงานพวกเราก็ได้รู้จกั กันอยูก่ ่อนแล้ว ถือได้ว่าใกล้ชิดสนิทสนมกันมาตังแต่วยั เด็ก


ความรู ้สึกทีข้ามีต่อเจ้า เจ้าล้วนชัดเจน ข้าจะไปทําเรื องทีเสื อมเสี ยต่อเจ้าได้อย่างไร......” มู่หรงโหรวกล่าวเสี ยงตํา
ในดวงตาคลอไปด้วยนําตาทีส่ องประกายวูบไหว

ซ่งเทียนเหวินหยุดพู่กนั ลง พลางกล่าวเน้นทีละคํา “อู่อนั โหวฮูหยินจะต้องเป็ นหญิงสาวทีใสสะอาดบริ สุทธิ แต่


ว่าเจ้าไม่ได้บริ สุทธิอีกต่อไปแล้ว......” ผูห้ ญิงทีไม่บริ สุทธินันไม่เหมาะสมกับตําแหน่งอู่อนั โหวฮูหยิน !

ในใจของมู่หรงโหรวรู ้สึกขืนขม นําตาของนางคลอไปทัวทังดวงตาหยดลงไหลริ นไปทัวใบหน้า “ข้ารู ้ เพียงแต่


ข้ายังมีบางเรื องทียังต้องสะสาง รอจนจัดการพวกมันเสร็ จสิ นแล้ว ข้าจะยอมไปเข้าวัดสวดมนต์ดว้ ยตนเอง จะไม่
ทําให้เจ้าลําบากใจแน่นอน ขอให้เจ้าได้เห็นแก่ความเป็ นสามีภรรยาทีอยูด่ ว้ ยกันมานาน เห็นแก่หน้าของข้าสัก
ครังเถอะ......”

ซ่งเทียนเหวินมองไปทีใบหน้าของนางทีไหลอาบไปด้วยนําตา พลันในหัวปรากฏภาพของทังสองคนทีเคยรัก
ใคร่ ปรองดอง เขาถอนหายใจออกมาหนัก ๆ คราหนึง ขยําหนังสื อหย่าทีเขียนไปได้ครึ งหนึ งทิงไป “ข้าให้เวลา
เจ้าได้มากทีสุ ดหนึ งเดือน เจ้าก็จดั การสะสางเรื องราวให้เรี ยบร้อยเสี ย”

“ขอบคุณเจ้ามาก” มู่หรงโหรวเมือได้ยนิ นําเสี ยงอ่อนโยนของเขาก็เร่ งรี บกล่าวขอบคุณ นําตาไหลริ นด้วยความปิ


ติยนิ ดี !

ซ่งเทียนเหวินตอบรับอืมเสี ยงเบายืดตัวขึนเดินออกไปด้านนอก แผ่นหลังทีสู งใหญ่และท่าทีทีแฝงไว้ดว้ ยความ


เด็ดขาดในการตัดขาดซึ งความสัมพันธ์ทงหมดที
ั มีต่อกัน ช่างดูไร้เยือใยยิงนัก......
ตอนที 108 ผลลัพธ์ ทีตกตะกอน

เมือมองส่ งซ่ งเทียนเหวินออกไปจากเรื อนหิ มะโปรยแล้ว แซ่ โจวก็กา้ วออกมาด้านหน้าทันที แววตาของนางดุดนั


กวาดมองบรรดาสาวใช้ทีละคน แล้วกล่าวสังการขึนเสี ยงดังว่า “เรื องทีเกิดขึนในวันนี ไม่อนุญาตให้แพร่ งพราย
ออกไปแม้แต่คาํ เดียว มิเช่นนันจะต้องโดนโทษตายสถานเดียว !”

เรื องราวอันน่ าอับอายเช่นนี ไม่สามารถทีจะเปิ ดเผยออกไปได้ ถ้าหากแพร่ งพรายออกไปแล้ว มีหวังจวนเจินกัว


โหวทีมีฐานะเป็ นบ้านเดิมของมู่หรงโหรวก็คงจะถูกผูค้ นหัวเราะเยาะดูถูกจนโง่หัวไม่ขนึ

“เจ้าค่ะ !” เหล่าบรรดาสาวใช้พากันพยักหน้าแล้วค่อย ๆ พากันถอยออกไปทีละคนสองคน ทําให้ภายในห้อง


เหลือเพียงแค่ม่หู รงเสวีย มู่หรงโหรว แซ่ โจวและสวีเหวินสี คนเท่านัน

มู่หรงโหรวถลึงตามองมู่หรงเสวียด้วยความเกลียดชังแววตาลุกโชนไปด้วยไฟแค้นทีแทบจะสามารถพ่นออกมา
เป็ นไฟได้ “มู่หรงเสวียเจ้าทําให้ขา้ ต้องตกตําถึงเพียงนี ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ แน่ !”

ได้ยนิ เช่นนันมู่หรงเสวียก็หัวเราะขึนอย่างดูถูก “มู่หรงโหรว เป็ นเจ้าทีวางอุบายแผนร้ายใส่ ขา้ ก่อน ข้าก็แค่ซ้อน


แผนใช้มนั กลับไปก็เท่านัน ให้เจ้าได้รับผลกรรมชัว ๆ ทีเจ้าเป็ นคนก่อ การทีเจ้าตกอยูใ่ นสถาพเช่นนีก็เป็ นเพราะ
เจ้าทีรนหาทีเอง เขาถึงได้เรี ยกว่าทําชัวจึงได้ชวั !”
“เจ้า !” มู่หรงโหรวชีนิวไปทีมู่หรงเสวีย โมโหจนพูดไม่ออก

“ไสหัวออกไปจากเรื อนหิ มะโปรยเสี ย ทีนี ไม่ตอ้ นรับเจ้า !” มู่หรงเสวียขีเกียจทีจะต่อปากต่อคํากับมู่หรงโหรวให้


มากความ นางจึงกล่าวส่ งแขกอย่างไร้เยือใย

สี หน้าของแซ่ โจวเคร่ งขรึ มลง แล้วตวาดขึนเสี ยงดัง “มู่หรงเสวีย เจ้าพูดอะไรออกมา ? พวกข้าล้วนเป็ นผูห้ ลัก
ผูใ้ หญ่กว่าเจ้า......”

มู่หรงเสวียกล่าวขึนอย่างดูหมิน “มีผหู ้ ลักผูใ้ หญ่ทีชัวร้ายน่ารังเกียจเช่นพวกเจ้า ข้านันถือได้ว่าโชคร้ายยิงนัก ไส


หัวออกไปจากเรื อนหิ มะโปรยให้หมด อย่าให้ขา้ ต้องพูดครังทีสาม !”

“มู่หรงเสวีย......”

“ไสหัวไป !” มู่หรงเสวียยกเท้าขึนถีบไปทีอกของแซ่ โจว เตะนางจนกระเด็นออกไปไกลสามสี เมตรตกกระแทก


ลงบนพืน จนตาลายมึนงงไปหมด ทัวทังร่ างเจ็บปวดราวกับกระดูกหลุดออกจากกัน

นางไอออกมาหนัก ๆ เสี ยหลายครัง แต่ยงั ไม่ทนั ทีจะได้ต่อว่ากลับไป ก็เห็นมู่หรงโหรวกับสวีเหวินถูกเตะ


กระเด็นออกมาเช่นกัน ล้มลงกระแทกลงทีด้านข้างของนาง จนพวกเขาต้องขมวดคิวขึน สู ดลมหายใจเย็น ชัดเจน
ว่าล้มลงมามิได้เบาเลย
นําเสี ยงสังการเย็นชาของมู่หรงเสวียดังขึนจากด้านในห้อง “เด็ก ๆ พวกเจ้าเข้ามาเปิ ดหน้าต่างให้หมด ให้กลินชัว
ๆ ภายในห้องได้ระบายออกไป แล้วก็นาํ กระธางธูปเข้ามาอีกหลาย ๆ อัน จุดกํายานให้ทวจนกว่
ั าจะแน่ใจว่ากลิน
ชัว ๆ นันได้ถูกกําจัดออกไปจนหมดแล้ว......”

“แล้วก็พวกเตียง ผ้าปูเตียง ผ้าห่ ม หมอนทีชายชูห้ ญิงชัวใช้พลอดรักกัน ก็เอาพวกมันไปเผาทิงให้หมด ชุดเก้าอี


แจกันโบราณ ของประดับตกแต่งทีเปรอะเปื อนกลินตัวของพวกเขาก็เอาพวกมันไปทําลายให้หมดเสี ย อย่าให้
หลงเหลืออยูแ่ ม้แต่ชินเดียว......”

“ห้องของข้าจะต้องสะอาดเอียมอ่อง ห้ามมีกลินเหม็นฉาวโฉ่ หลงเหลืออยูแ่ ม้แต่น้อย......”

“เจ้าค่ะ !” เหล่าบรรดาสาวใช้ต่างรับคําสัง พากันวุ่นวายเดินเข้าเดินออกไปมา สิ งของลําค่าถูกยกออกมาทีละชิน


สองชินแล้วถูกทําลายลงจนแตกละเอียด เตียง ผ้าปูเตียง ผ้าม่านล้วนถูกวางรวมกันไว้ทีมุมด้านหนึ ง แล้วจุดไฟ
เผา......

เปลวไฟร้อนแรงลุกโชนจนเรื อนหิ มะโปรยปกคลุมไปด้วยสี แดงเสี ยครึ งหนึง สี หน้าของมู่หรงโหรวซี ดขาว มู่


หรงเสวียกําลังดูหมินเหยียดหยามนาง ช่างเลวร้ายทีสุ ด......

นางถลึงตามองไปทีมู่หรงเสวียอย่างเกลียดชัง ความโกรธยิงปะทุสูงขึน ในหัวค่อย ๆ พร่ ามัวดวงตาของนางดํา


มืดลงแล้วสลบไม่ได้สติไป......
“เสี ยวโหรว......เสี ยวโหรว......” แซ่โจวตืนตกใจ นางเร่ งรี บยืนมือเข้าไปพยุงตัวนางไว้แล้วร้องเรี ยกเสี ยงเบา เมือ
เห็นนางไม่ตอบรับใด ๆ แซ่ โจวจึงสังการขึนอย่างร้อนรน “เด็ก ๆ รี บพาท่านหญิงใหญ่กลับไปทีเรื อน......รี บเชิญ
ท่านหมอ เร็ วเข้า......”

“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ……” เหล่าสาวใช้พากันตอบรับแล้วต่างกรู กนั เข้ามา บริ เวณโดยรอบกลายเป็ นชุลมุน


วุ่นวาย

แววตาของสวีเหวินวูบไหว เขาอาศัยความชุลมุนนีหลบหนีออกไป คุณหนู ม่หู รงเสวียผูน้ ี งดงามดังนางฟ้ านาง


สวรรค์ แต่จิตใจกลับเหี ยมโหดดังงูพิษ ถึงแม้เขาจะหลงใหลในใบหน้าทีงดงามของนางเพียงไร แต่กไ็ ม่สามารถ
คิดถึงแผนการดี ๆ ทีจะจัดการนางออก ยังคงต้องอาศัยหนึ งในแผนการ 36 กลยุทธ์ ใช้การหลบหนีแก้ปัญหา
เฉพาะหน้าไปก่อน......

แต่อยู่ ๆ เหล่าทหารยามจํานวนหลายนายก็กระโดดลงมาจากอากาศ แล้วเข้าถีบเขาจนร่ างของเขาล้มลงกับพืน


ทุบตีอย่างไร้ความปราณี สองมือของสวีเหวินกุมหัวงอร่ างดังตัวกุง้ ดินรนอยูบ่ นพืนอย่างเจ็บปวดทรมาณ !

มู่หรงเสวียปรายตามองเขา พลางยกมุมปากขึนอย่างเหยียดหยาม นางรู ้วา่ สวีเหวินทีทําให้มู่หรงโหรวแปดเปื อน


ไม่มีทางทีจะหนี รอดออกไปจากจวนเจินกัวโหวได้อย่างราบรื นปลอดภัย !

ซ่งเทียนเหวินไม่อยากจะใคร่ สนใจกับคนทีสวมเขาให้กบั ตัวเอง แต่มู่หรงเจียนคงจะเคียดแค้นกับชายทีแอบคบชู ้


กับน้องสาวของตัวเองเป็ นแน่......
เรื องทีวางยาสลบใส่ นาง สวีเหวินก็มีส่วน จริ ง ๆ แล้วนางก็คดิ ทีจะสังสอนสวีเหวินให้เจ็บแสบ แต่คิดไม่ถึงว่ามู่
หรงเจียนจะชิงลงมือเสี ยก่อน เช่นนันก็ดีนกั นางก็จะได้ไม่ตอ้ งเปลืองแรงลงไม้ลงมือ......

“เจ้าอยูท่ ีจวนเจินกัวโหวดูแล้วช่างน่าอันตรายยิงนัก !” นําสี ยงทุม้ ดังขึนข้างหู ทันใดนันมู่หรงเสวียก็หลุดจาก


ภวังค์หนั กายมองไป ก็เห็นคุณชายโอวหยางทีกําลังเดินเข้ามา ชายเสื อสี ขาวหิ มะโบกสะบัดดังผีเสื อทีโบยบิน ยิง
ทําให้ความสู งส่ งสง่างามทีเปล่งประกายออกมาจากตัวเขาโดดเด่นมากยิงขึนไปอีก !

นางกระพริ บตากล่าวขึนอย่างไม่เข้าใจนัก “ทําไมท่านถึงรู ้ได้ว่าข้าเกิดเรื อง ?”

“องครักษ์เงาของวังเซี ยวเหยาอ๋ องผ่านทางมาทีนี แล้วพบเห็นเข้าพอดี !” คุณชายโอวหยางโกหกหน้าตาย

มู่หรงเสวียยิมออกมาน้อย ๆ “ก็แค่เรื องเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านัน ข้าล้วนจัดการเรี ยบร้อยแล้ว”

“มู่หรงเจียน มู่หรงโหรวล้วนเป็ นคนฉลาด พวกเขาเกลียดชังเจ้าลําลึกนัก วางแผนออกอุบายทําร้ายเจ้ายิงนานวัน


ยิงอํามหิ ต ยิงนานวันยิงโหดเหี ยม ถึงแม้เจ้าจะสามารถรอดพ้นมาได้ครังหนึง แต่กย็ งั ไม่แน่ว่าจะสามารถรอดพ้น
ไปได้ในครังต่อไป......” คุณชายโอวหยางจ้องมองไปทีนาง แววตาของเขาวูบไหวเต็มไปด้วยความหนักใจ

มู่หรงเสวียขมวดคิวเบา ๆ มู่หรงเจียนและมู่หรงโหรววางแผนออกอุบายลับหลังนาง ชัดเจนว่ายิงนับวันยิง


โหดเหี ยมอํามหิ ต คําพูดตักเตือนของคุณชายโอวหยางนางจะไม่ฟังไม่ได้ ถึงแม้นางจะไม่ได้เกรงกลัวพวกเขา แต่
พวกเขาก็จะคงจะคิดแผนการกําจัดนางไม่จบไม่สิน ช่างน่ารังเกียจยิงนัก “ถ้าเช่นนันท่านคิดว่าข้าควรทําเช่นไร
เล่า ?”
“ข้าจะมอบองครักษ์เงาให้เจ้าสักสองสามคน ให้พวกเขาช่วยเจ้าอีกแรงหนึง !” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนอย่าง
เรี ยบเฉย แววตาของเขาลึกลํา เรื องนีเขาพรําบอกนางหลายต่อหลายครังแล้ว แต่ว่านางกลับปฏิเสธอยูเ่ รื อยไป

ถึงหงซิ วกับอันเซี ยงจะจงรักภักดีต่อนางมากเพียงใด แต่พวกนางก็ไม่ได้เป็ นวรยุทธ์ ทุกครังทีพบเจอกับเรื องที


หนักหนาใหญ่โตก็ไม่สามารถทีจะเอาตัวเองรอด แน่ นอนว่าไม่มีกาํ ลังอะไรทีจะไปช่วยเหลือนางได้

มู่หรงเจียนและมู่หรงโหรวมีอาํ นาจอยูใ่ นมือมานานหลายปี ข้างกายจะต้องมีผคู ้ นให้ใช้สอยอยูไ่ ม่นอ้ ย ดูแล้วนาง


ไม่สมควรทีจะต่อกรกับมู่หรงเจียนสองพีน้องตามลําพังอีกต่อไป มีองครักษ์เงาทีเก่งกาจสักหลายคนไว้คอย
ช่วยเหลือนาง ดูจะเป็ นเรื องเหมาะสมทีสุ ดแล้ว

แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหว ในทีสุ ดก็พยักหน้าเห็นด้วย “ขอบคุณคุณชายมากเจ้าค่ะ เช่นนันส่ งองครักษ์เงาให้


ข้าสองคนก็พอ ถ้ามากไปจะทําให้ผคู ้ นสงสัยได้ !”

“ได้สิ !” คุณชายโอวหยางพยักหน้า ดวงตาสี ดาํ ขลับเจือปนไปด้วยรอยยิมบางเบา ดูสดใสเปล่งประกายจนทําให้


ผูค้ นหลงใหล

“คุณชายอุตส่ าห์มอบองครักษ์เงาให้ขา้ เช่นนันเพือเป็ นการตอบแทน ข้าก็ขอเชิญคุณชายไปทานข้าวทีหลินเจียง


โหลว ท่านคิดว่าเป็ นเช่นไร ?”
“ตกลง !” คุณชายโอวหยางพยักหน้า แววตาวูบไหวไปด้วยความรู ้สึกทีผูค้ นไม่เข้าใจ

“จวนจะถึงยามโหย่วแล้ว (ห้าโมงเย็นถึงหนึงทุ่ม) สมควรได้เวลารับสํารับแล้ว พวกเราไปกันเถอะเจ้าค่ะ !” มู่


หรงเสวียกล่าวขึนด้วยรอยยิมสดใส แล้วก้าวเท้าเดินนําออกไปด้านนอก

เงาร่ างสายหนึ งล้มลงบนพืน เรี ยกร้องเสี ยงดังกลิงขลุกขลักมาขวางทางเดินไปข้างหน้าของนาง นางไม่แม้แต่จะ


มอง เพียงยกเท้าเตะเขาออกไปให้พน้ ทางอย่างไร้ความปราณี

ขณะนันเอง สวีเหวินก็กรี ดร้องขึนอย่างโหยหวนเสี ยงดังลัน “อ้า !”


ตอนที 109 อาการป่ วยขององค์ ชายเจ็ด

เรื อนรับรองจวนราชครู

เมือหมอหลวงจางได้ตรวจสอบบาดแผลของตงฟางหลีแล้วก็พยักหน้าติดต่อกันหลายครา “บาดแผลล้วนได้รับ
การจัดการดูแลทันเวลา ตัวยาทีใช้กเ็ ป็ นของชันสู ง ดูแล้วไม่มีปัญหาใด ๆ อีก เปลียนยาเช้าเย็นครังละรอบ
พักผ่อนสักครึ งเดือน ถ้าทําตามนี ก็จะหายดีเป็ นปกติ”

หมอหลวงจางดํารงตําแหน่งเหวียนพ้าน (ทําหน้าทีช่วยเหลือหัวหน้าสํานักหมอหลวงดูแลเรื องราวภายในสํานัก


หมอหลวง) ประจําสํานักหมอหลวง ฮ่องเต้เป็ นคนส่ งเขามาทีจวนราชครู เพือตรวจชีพจรให้กบั ราชครู ซู แต่
บังเอิญพบเข้ากับตงฟางหลีทีได้รับบาดเจ็บ เลยถือโอกาสตรวจดูบาดแผลให้เขา

“รบกวนหมอหลวงจางแล้ว !” ในนําเสี ยงมีมารยาทของตงฟางหลีแฝงไว้ดว้ ยความห่ างเหิ นและเรี ยบเฉย

หมอหลวงจางไม่เก็บมาใส่ ใจ เขากล่าวพลางยิมตาหยี “องค์ชายเจ็ดเกรงใจไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ !”


เรื อนร่ างงดงามของซูหนานเซี ยงปรากฏขึนสู่ สายตา แววตาของตงฟางหลีกพ็ ลันเข้มขึน แล้วกล่าวเสี ยงเบา “ตัว
ยาทีคุณหนูซูใส่ ให้ขา้ นันมีสรรพคุณทีดียงนั
ิ ก ไม่ทราบว่าคุณหนูพอจะตัดใจขายให้ผนู ้ ้อยอีกขวดได้หรื อไม่ ?”

แววตาของซูหนานเซี ยงวูบไหวยิมขึนอย่างเขินอาย “องค์ชายเจ็ดเกรงใจเกินไปแล้วเพคะ ก็เพียงยาขวดเดียว


เท่านัน ถือว่าเป็ นของกํานัลมอบให้องค์ชายเจ็ดก็ยงั ได้ เพียงแต่ ยาขวดนันใช้ตอนใส่ ยาให้องค์ชายเจ็ดไป
หมดแล้วเพคะ......”

“จริ งหรื อ ? ช่างบังเอิญยิงนัก !” แววตาของตงฟางหลีลาลึ


ํ ก พลางกล่าวซักถามต่อ “ไม่ทราบว่าคุณหนูซูซือยาใส่
แผลนันมาจากทีใด ? ผูน้ อ้ ยจะได้ไปซื อเพิมสักขวดหนึง !”

“หม่อมฉันมิได้ซือมาเพคะแต่เป็ นเพือนทีมอบให้มาแค่เพียงขวดเดียวเท่านัน !” ซูหนานเซี ยงพูดพลางยิมสดใส


แต่แววตาเจือปนไปด้วยความรู้สึกผิดทีต้องโกหก

“เช่นนันก็น่าเสี ยดายยิงนัก สรรพคุณของยาขวดนันดีพอ ๆ กับยาทีใช้รักษาในวังหลวง ผูท้ ีมอบตัวยานี ให้กบั


คุณหนูซูคงเป็ นคนจากในวังหลวงสิ นะ......” ตงฟางหลีมองไปทีซูหนานเซี ยงทียกมุมปากโค้งขึน แต่ในดวงตา
ิ ด่ ว้ ย
นันกลับไม่ได้ยมอยู

ซูหนานเซี ยงยิมขึนอย่างไม่เป็ นธรรมชาติตอบรับเขาอย่างอํา ๆ อึง ๆ แต่ในใจเต็มไปด้วยความเกลียดชัง


บาดแผลของตงฟางหลีสมานตัวเป็ นอย่างดี ตัวยาทีได้ใส่ ให้เขาดูแล้วคงเป็ นตัวยาชันสู งแน่นอน ตัวยาของจวน
เจินกัวโหวอย่างมากก็คงมีแต่ตวั ยาชันดี ถ้าเช่นนันตัวยาชันสู งนี ก็น่าจะเป็ นของคุณชายโอวหยางสิ นะ !
ตัวยาลําค่าทียากจะพานพบ คุณชายโอวหยางกลับมอบให้มู่หรงเสวียอย่างไม่ลงั เล ให้นางเอาไปรักษาผูช้ ายคน
อืน เขาช่างดีต่อมู่หรงเสวีย จนทําให้ผคู ้ นนึ กรังเกียจนางยิงนัก......

แววตาของซูหนานเซี ยงวูบไหวไปด้วยความโกรธแค้นอยูช่ วครู


ั ่ ซึ งก็ถูกตงฟางหลีสังเกตเห็น แววตาของเขามี
ความสงสัยอยูเ่ ล็กน้อย พลางกล่าวเสี ยงเข้ม “บาดแผลตรงไหล่ ข้าเอือมไม่ถึง รบกวนคุณหนูซูช่วยพันแผลให้ขา้
อีกสักครา !”

“ได้เพคะ !” ซูหนานเซี ยงพยักหน้าพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก โชคดีทีเขาไม่ได้เค้นถามต่อไปให้


มากความ ไม่เช่นนันนางอาจจะถูกเขาเปิ ดโปงเป็ นแน่ !

เมือเดินเยืองย่างไปทีข้างกายของตงฟางหลี นางก็หยิบผ้าขาวขึน ช่วยเขาพันแผลอย่างระมัดระวัง ท่าทางชํานิ


ชํานาญสุ ดท้ายมัดปมทังสองด้านเข้าด้วยกัน !

นางไม่ได้มดั เป็ นปมผีเสื อเหมือนอย่างตอนแรก !

แววตาของตงฟางหลีเปล่งประกายอย่างนึ กคิดไตร่ ตรอง “รบกวนคุณหนูซูแล้ว”

“องค์ชายเจ็ดเกรงใจไปแล้ว ท่านปู่ ใกล้จะตืนแล้ว ถ้าองค์ชายเจ็ดไม่มีธุระใดอีก หม่อมฉันขอตัวไปดูท่านปู่ ก่อน


นะเพคะ” ซูหนานเซี ยงยกยิมสดใส คิดขึนในใจ ตงฟางหลีช่างฉลาดปราดเปรื อง อยู่ ๆ เขาก็ถามถึงอาการ
บาดเจ็บของเขาขึนมา แล้วถ้าหากนางยังอยูท่ ีนีต่อ เขาแน่ นอนว่าคงจะถามต่อไปเรื อย ๆ พอคําถามมากขึน นาง
คงจะไม่สามารถเฉไฉได้อีกต่อไป มีเพียงการใช้กลยุทธ์หนีใน 36 กลยุทธ์เป็ นการเอาตัวรอดเฉพาะหน้าไปก่อน !
“คุณหนูเชิญตามสบาย” ตงฟางหลียมน้
ิ อย ๆ นําเสี ยงของเขาราบเรี ยบ

ซูหนานเซี ยงถอนหายใจอย่างโล่งอก ย่อกายลงแล้วเดินออกจากเรื อนรับรอง !

เมือมองไปทีนางทีก้าวออกไปอย่างบางเบา ตงฟางหลีกย็ กมุมปากขึน แววตาของเขาราวกับเปล่งประกายอย่าง


เข้าใจอะไรบางอย่าง !

ฮัวถงเดินเข้ามาด้านหน้า แล้วกล่าวเสี ยงตํา “หมอหลวงจาง อาการป่ วย......ขององค์ชายเจ็ดเป็ นเช่นไรบ้างขอรับ


?” นอกจากตงฟางหลีจะได้รับบาดเจ็บภายนอกแล้ว ยังมี ‘อาการป่ วยหนักทีร้ายแรง’ อีก เมือเทียบกับ ‘อาการ
ป่ วยหนัก’ ของเขาแล้ว อาการบาดเจ็บของเขานันไม่มีทางเทียบได้กบั ปลายเล็บเลย

หมอหลวงมองไปทีตงฟางหลีคราหนึง แล้วถอนหายใจออกมาพร้อมกับส่ ายหัว “องค์ชายเจ็ด......มีอาการป่ วยมา


เป็ นเวลานานมากแล้ว อีกทังอาการยังหนักมาก อาการป่ วยก็ได้ซึมซับเข้าสู่ กระดูกและอวัยวะสําคัญต่าง ๆ
หมดแล้ว ถึงแม้จะมีเทพเซี ยนมาเองก็ทาํ ได้เพียงบินกลับสวรรค์ไปเท่านัน โปรดอภัยทีกระหม่อมไร้
ความสามารถ”

“ไม่มีวิธีอืนเลยหรื อ ?” ฮัวถงกล่าวขอร้อง
หมอหลวงจางถอนหายใจออกมาหนัก ๆ “ความรู้ความสามารถของข้านันตําต้อยยิงนัก คิดไม่ออกถึงวิธีการ
รักษาองค์ชายเจ็ดจริ ง ๆ เช่นนันเอาอย่างนีแล้วกัน ข้าจะกลับไปทีสํานักหมอหลวงเพือสอบถามหมอหลวงท่าน
อืน ๆ ดูว่าคิดวิธีการรักษาองค์ชายเจ็ดออกหรื อไม่”

“ขอบพระคุณหมอหลวงจางมากขอรับ !” แววตาคมกริ บของฮัวถงวูบไหวไปด้วยความซาบซึ งใจ

“องครักษ์ฮวเกรงใจไปแล้
ั ว ข้าผูเ้ ฒ่าขอลา” หมอหลวงจางพูดขึนเพียงเบา ๆ แบกกระเป๋ ายาขึนหลัง แล้วเดินออก
จากเรื อนรับรองไป

เมือมองส่ งเขาออกไปจากเรื อนรับรอง ฮัวถงก็มองไปทีตงฟางหลีแล้วกล่าวขึนเสี ยงเบา “คุณชายมิตอ้ งกังวล


การแพทย์ของชิงเหยียนนันสู งส่ ง ไม่ว่าอย่างไรก็ตอ้ งคิดอ่านหาวิธีการรักษาอาการป่ วยของท่านออกแน่”

“เจ้าไม่ตอ้ งปลอบข้าเลย อาการเจ็บป่ วยของข้าตัวข้าเองนันย่อมรู ้ดี !” ตงฟางหลีถอนหายใจออกมาเบา ๆ แววตา


ของเขาลําลึก

หมอหลวงของแคว้นซี เหลียงล้วนลงความเห็นกันตังแต่แรกแล้วว่าอาการป่ วยของเขาไม่สามารถทีจะรักษาได้


ตลอดการเดินทางทีผ่านมา เขาก็ต่างเสาะหาบรรดาหมอทีมีชือเสี ยงมาไม่นอ้ ย แต่พวกเขาล้วนพูดเหมือนกัน
ทังหมดว่าไม่สามารถรักษาได้ ตอนนี เขาไม่มีหวังทีจะหายจากอาการป่ วยนีแล้ว
เขาคงสามารถอยูต่ ่อไปได้อีกไม่นาน แต่ว่าคนผูน้ ันก็ยงั ไม่ยอมปล่อยเขา ยังคงส่ งคนมาสังหารเขาทังเปิ ดเผยและ
ลับหลัง เมือวานตอนทีนักฆ่าพวกนันหาเขาเจอและกําลังจะฆ่าเขา เป็ นเวลาทีอาการป่ วยของเขากําเริ บเข้าพอดี
เขาจึงไม่มีเรี ยวแรงมากพอทีจะต่อต้าน ถึงได้ถูกทําร้ายจนบาดเจ็บสาหัส......

“คุณชาย......”

“ไม่ตอ้ งกล่าวให้มากความแล้ว ข้ามีแผนการคิดคํานวนไว้ในใจหมดแล้ว” ตงฟางหลีโบกมือขึนเพือตัดบทคําพูด


ของเขา พลางมองไปทีแสงอาทิตย์ระยิบระยับทีด้านนอกหน้าต่าง กล่าวขึนเสี ยงสู ง “ยากนักทีจะได้มาทีชิงเห
ยียน พวกเราออกไปเดินเล่นกันเถอะ”

“ขอรับ !” ฮัวถงพยักหน้าตามติดไปด้านหลังของตงฟางหลี เดินตามเขาออกไปยังด้านนอก !

แสงอาทิตย์ยามอัสดงสาดส่ องไปทัวบนถนนหนทาง ทําให้ร่างเงาของอาคารบ้านเรื อนและผูค้ นยืดยาวออกไป


ไกล !

รถม้าหรู หราคันหนึงค่อย ๆ จอดลงตรงด้านหน้าของหลินเจียงโหลวอย่างช้า ๆ ม่านถูกแหวกออก เป็ นคุณชาย


โอวหยางทีเดินออกมา มือหยกยืนออกไปด้านหลังเตรี ยมทีจะประคองมู่หรงเสวีย พลันเสี ยคุน้ เคยของชายหนุ่ มก็
ดังขึน “คุณชายโอวหยาง !”

คุณชายโอวหยางหันไปมองเห็นตงฟางหลีค่อย ๆ เดินเข้ามาอย่างช้า ๆ อีกไม่กีก้าวก็จะเดินมาถึงด้านหน้าของเขา


แล้ว
แววตาของเขาชะงักไป เอ่ยกล่าวขึนด้วยเสี ยงราบเรี ยบ “เสวียเอ๋ อร์ พอดีขา้ พบคนรู ้จกั เจ้ารออยูบ่ นรถม้าสักครู่ !”

เขาปิ ดม่านลงกันมู่หรงเสวียเอาไว้ในรถม้า พลางหมุนกายไปทางตงฟางหลี

ใบหน้างดงามของมู่หรงเสวียนันงํางอลง อย่างไรก็มาถึงประตูทางเข้าหลินเจียงโหลวแล้ว ถ้าเขาอยากจะพูดคุย


กับคนรู ้จกั ก็ให้นางเข้าไปสังอาหารด้านในโรงเตียมก่อนมิได้หรื อ ทําไมจะต้องให้นางรออยูบ่ นรถม้าด้วย ?

หรื อว่าเขาจะพบกับคนทีมีฐานะพิเศษ ไม่สะดวกให้นางพบเจอ ?

มู่หรงเสวียค่อย ๆ แหวกม่านออกน้อย ๆ แล้วแอบมองจากด้านหลังของเขา ก็เห็นคุณชายโอวหยางกําลังหันหน้า


คุยกับชายคนหนึ ง บุรุษทังสองมีความสู งไม่ต่างกันเท่าไร นางมองไม่เห็นใบหน้าของชายผูน้ นั มองเห็นแต่เพียง
เสื อผ้าของเขา แต่เสี ยงพูดคุยของคนทังสองกลับดังเข้ามาด้านในอย่างชัดเจน

“หลังจากจากกันทีซี เหลียง องค์ชายเจ็ดมีสุขภาพเป็ นอย่างไรบ้าง ?” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนนําเสี ยงราบเรี ยบ

“ข้าสบายดี ขอบคุณคุณชายโอวหยางทีเป็ นห่ วง” นําเสี ยงของตงฟางหลีเรี ยบเฉย ดูกร็ ู้ว่าเป็ นการพูดตามมารยาท
เท่านัน !

“องค์ชายเจ็ดมาชิงเหยียนเพราะมาขอรับการรักษาอย่างนันหรื อ ?” คุณชายโอวหยางไต่ถามเสี ยงเบา


“จะคิดว่าเป็ นเช่นนันก็ได้ !” ตงฟางหลียกยิมบางเบา แววตาส่ อประกายลําลึก

คุณชายโอวหยางจึงกล่าวขึนอย่างเฉยชา “ข้าบังเอิญรู ้จกั หมอหลวงทีมีฝีมือไม่เลวอยูห่ ลายท่าน สามารถเรี ยกให้


มาตรวจสอบอาการป่ วยขององค์ชายเจ็ดได้ !”

“ขอบคุณคุณชายโอวหยางยิงนัก” ตงฟางหลีแววตาคมกริ บพุ่งผ่านคุณชายโอวหยางไป มองเห็นเงาร่ างสี เขียว


อ่อนบนรถม้า กล่าวขึนคล้ายยิมคล้ายมิยมิ “นีคุณชายโอวหยางกําลังมีนดั กับสาวงามงันหรื อ ?”
ตอนที 110 ขาดการอบรมสั งสอน

“อืม !” คุณชายโอวหยางพยักหน้า นิวมือภายใต้แขนเสื อดีดเบา ๆ พลังปราณสายหนึ งพุ่งออกไปปะทะเข้ากับ


ข้อมือของมู่หรงเสวีย

ทันใดนันมู่หรงเสวียก็คลายมือออกม่านปั ดค่อย ๆ ลู่ลงปิ ดบังนางไว้ในรถม้า

เมือมองไปทีสายตานิงเงียบของคุณชายโอวหยาง แววตาของตงฟางหลีวบู ไหวไปด้วยความแปลกใจ “ไม่ทราบ


ว่าเป็ นคุณหนูจวนใดกันถึงสามารถทําให้คุณชายโอวหยางสนใจได้เช่นนี ?”

ตอนทีอยูซ่ ี เหลียง เขาได้พดู คุยพบปะกับคุณชายโอวหยางอยูบ่ า้ ง รู ้ว่าเขาไม่ได้สนใจในตัวหญิงสาวสักเท่าไรนัก


ไม่คิดว่าตอนนีจะเกิดมีใจให้หญิงสาวได้ เป็ นเรื องยากทีจะได้พบเจอ !

“เป็ นน้องสาวจากตระกูลสหาย” คุณชายโอวหยางพูดขึนอย่างราบเรี ยบ

ตงฟางหลีเลิกคิวขึนเบา ๆ ความสัมพันธ์อนั ใกล้ชิดจากวัยเด็ก ชาติกาํ เนิ ดทีเหมาะสม แล้วทังสองคนยังมีใจให้


กันและกัน คงสามารถเรี ยกว่าเป็ นพรหมลิขิตทีงดงาม “คุณชายโอวหยาง ยินดีดว้ ย !”
คุณชายโอวหยางเพียงยิมน้อย ๆ “องค์ชายเจ็ดกล่าวเกินไปแล้ว”

สายลมบางเบาสายหนึงพัดผ่านมา กลิมหอมของบัวอัคคีทีบางเบาคล้ายมีคล้ายไม่มีกระทบเข้ากับจมูก แววตา


ของตงฟางหลีทอแววแปลกใจ กลินหอมทีคุน้ ชินกลินนี เหมือนเคยได้กลินจากทีไหน !

เขามองไปทางทิศทีมาของกลินหอม ก็เห็นชุดยาวสี เขียวอ่อนโบกสะบัดลู่ลงมาจากบนรถม้า ด้านบนมีรอยผูก


เป็ นปมรู ปผีเสื อทีกําลังพลิวไหว !

แววตาคมกริ บของเขาหรี เล็กลง พลางก้าวเท้ายาว ๆ ไปทางรถม้า !

แววตาของคุณชายโอวหยางกลายเป็ นเขม็งตึง เขาก้าวออกไปด้านหน้าหนึงก้าว ขวางทางไปข้างหน้าของตงฟาง


หลีเอาไว้ แล้วกล่าวขึนเสี ยงเย็น “องค์ชายเจ็ด นางไม่ชอบพบพานกับคนแปลกหน้า ขอองค์ชายเจ็ดโปรดอภัย !”

ทันใดนันตงฟางหลีกห็ ลุดจากภวังค์ แล้วมองไปทีแววตาเย็นชาบางเบาของคุณชายโอวหยาง ยิมขึนอย่างรู ้สึกผิด


“เป็ นข้าทีหุ นหันพลันแล่นไปเอง......”

แววตาคมกริ บกวาดตามองไปทีหน้าต่างของรถม้า แล้ววกกับมาทีร่ างของคุณชายโอวหยาง “ยากนักทีคุณชาย


โอวหยางจะมีนดั กับสาวงาม เช่นนันข้าก็ไม่ขอรบกวนแล้ว ขอลา !”
“หวังว่าคงจะได้พบกันใหม่ !” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนตามมารยาทอย่างราบเรี ยบ มองส่ งตงฟางหลีกบั ฮัวถง
หายลับออกไปจากมุมถนน แววตาของเขาหรี ลงเล็กน้อยเดินไปทีด้านหน้าของรถม้าแล้วเปิ ดม่านออก

มู่หรงเสวียนังอยูใ่ นรถม้ากําลังลูบไปทีข้อมือทีแดงของตน ถลึงตามองคุณชายโอวหยางอย่างดุดนั “ข้าก็แค่เปิ ด


ม่านแอบมองเงียบ ๆ เท่านัน ไม่ได้ทาํ ให้แขกของเจ้าตกใจอะไร เจ้าถึงกับต้องปล่อยพลังปราณใส่ ขา้ เลยหรื อ ?”

“เจ้าดูสิ ดู ข้อมือของข้าถูกเจ้าตีจนบวมแดงไปหมดแล้ว ถ้าหากไม่รีบหาหมอทายาให้ทนั เวลา ไม่แน่ อาจจะใช้


การไม่ได้ก็ได้ !”

เมือมองไปทีข้อมือแดงของนาง คุณชายโอวหยางก็เลิกคิวขึน “ข้อมือของเจ้าไม่ได้ถูกข้าตีจนแดง แต่เป็ นเจ้าเอง


ต่างหากทีนวดมันจนแดง” เขาใช้เพียงกําลังภายในแค่ครึ งเดียว มีผลแค่ให้นางปล่อยม่านลงเท่านัน ไม่มีทางทีจะ
ทําให้นางบาดเจ็บได้

“อยูด่ ี ๆ ก็มาตีขา้ เจ้ายังกล้ายกเหตุผลมาพูดจาข่มข้าอีกอย่างนันหรื อ” อารมณ์โกรธของมู่หรงเสวียลุกโชน นาง


พุ่งออกไปด้านหน้าอย่างขบเขียวเคียวฟั น ทุบตีไปทีคุณชายโอวหยาง

ความรู ้สึกเจ็บเบา ๆ แล่นขึนมาจากอกและแขน คุณชายโอวหยางเร่ งคว้าจับข้อมือทีกําลังทุบตีเขาของนางเอาไว้


แล้วพูดขึนอย่างเหนื อยใจ “เป็ นข้าทีไม่ถูกเอง แต่ว่าข้าไม่ได้ตงใจ
ั เพียงแค่ไม่ทนั ระวังเผลอพลังมือเท่านัน !”

มู่หรงเสวียสบถในใจ คุณชายโอวหยางมีฝีมือทีสู งส่ งถึงกับไม่สามารถควบคุมพละกําลังของตัวเองได้แล้วพลัง


มือปล่อยพลังใส่ คนอืนอย่างมัวซัวเช่นนีเลยหรื อ ? เอาไปหลอกผีทีไหนก็ไม่เชือ !
เมือมองไปทีใบหน้างํางอของนาง คุณชายโอวหยางก็แอบลอบถอนหายใจอย่างเหนื อยใจเบา ๆ “วันนีข้าเลียงเจ้า
ถือเป็ นการไถ่โทษแล้วกัน”

“นีค่อยดีขึนมาหน่ อย” เพียงพริ บตาอารมณ์โกรธของมู่หรงเสวียก็สลายหายไปครึ งหนึง นางดึงมือกลับ ยืนมือไป


รับการพยุงจากคุณชายโอวหยางแล้วลงจากรถม้า ค่อย ๆ เดินไปทางหลินเจียงโหลว “เมือครู่ คนผูน้ นเป็
ั นองค์
ชายเจ็ดของแคว้นใดหรื อ ?”

คุณชายโอวหยางเอาแต่บงั นาง นางจึงไม่ได้เห็นหน้าตาของคนผูน้ นั แต่วา่ ทีชิงเหยียนไม่มีองค์ชายเจ็ด

“แคว้นซี เหลียง” คุณชายโอวหยางตอบกลับอย่างไม่สนใจอะไร แขนโอบไหล่ของมู่หรงเสวียแน่นดึงเอานางเข้า


สู่ออ้ มอก

มู่หรงเสวียเอาแต่จดจ่ออยูก่ บั เรื องขององค์ชายเจ็ด จึงไม่ได้สนใจการกระทําเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเขา กล่าวขึนเสี ยง


สูง “พวกเจ้าเป็ นเพือนกันหรื อ ?”

“แค่บงั เอิญเคยพบหน้าน่ ะ เลยรู ้จกั กัน ยังไม่นบั ว่าเป็ นเพือนอะไร !” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนด้วยนําเสี ยง


ราบเรี ยบ
ทีแท้กเ็ ป็ นเช่นนีนีเอง ! มู่หรงเสวียพยักหน้า นางค่อย ๆ เดินเข้าหลินเจียงโหลวโดยมีคุณชายโอวหยางนําทางไป
!

ทันทีทีทังสองคนเข้าไปในห้องโถงใหญ่ มุมถนนทีว่างเปล่าก็ปรากฏคนผูห้ นึง ใบหน้างดงามดังหยกแกะสลัก มี


สี ขาวดังหิ มะ สง่างามจนทําให้ดวงอาทิตย์บนท้องฟ้ าต้องอับแสง เขาอยูใ่ นชุดสี ม่วงเข้มทีพลิวไหวไปตามสาย
ลม เป็ นองค์ชายเจ็ดตงฟางหลี

เมือเขามองไปทีหลินเจียงโหลวจึงค่อย ๆ หรี ตาลง ถึงขันแอบซ่ อนไว้บนรถม้าไม่ให้ผคู ้ นได้พบเห็น และพอลง


จากรถม้าก็โอบไว้ในอ้อมกอดอย่างระมัดระวัง ถึงสายตาของเขาจะยอดเยียมเพียงใดก็ทาํ ได้เพียงมองเห็นแผ่น
หลังของหญิงสาวเพียงเล็กน้อยเท่านัน......

คุณชายโอวหยางคงจะชอบพอกับหญิงสาวผูน้ นมากนั
ั ก......

ซูหนานเซี ยงยืนอยูใ่ ต้หลังคาของอาคารแห่ งหนึงไม่ไกลนัก ล้วนเห็นภาพเหตุการณ์เมือครู่ อย่างชัดเจน ดวงตาคู่


งามวูบไหวไปด้วยความอิจฉาริ ษยา มู่หรงเสวียก็แค่คุณหนูจวนโหวทีกําพร้าพ่อแม่ ทังยังมีพนั ธะอยูก่ บั ตน แล้ว
เหตุใดคุณชายโอวหยางถึงหลงรักทังกายและใจ นางไม่คู่ควร ไม่คู่ควร !

แววตาของนางเย็นยะเยือก ซูหนานเซี ยงออกแรงดึงกระดุมสองเม็ดบนสุ ดของเสื อ เล็บยาวข่วนไปทีผิวหนังของ


ตัวเองอย่างแรง ปรากฏรอยแผลหลายรอย......

“คุณหนู !” สาวใช้ร้องเรี ยกเสี ยงดัง เสี ยงร้องทําให้ตงฟางหลีทีอยูไ่ ม่ไกลได้ยนิ


เขาหมุนกายหันไปเห็นซูหนานเซี ยง แววตาก็เปล่งประกายครุ่ นคิด ค่อย ๆ เดินเข้าไปหา “คุณหนูซูเกิดเรื องอะไร
ขึนหรื อ ?”

มือของซูหนานเซี ยงดึงปกเสื อมาปกปิ ดรอยแผล มุมปากของนางยกยิมอ่อน ๆ ดูอ่อนหวานจนทําให้ผคู ้ นทีได้พบ


เห็นต่างต้องหลงใหล “ขอบคุณองค์ชายเจ็ดทีเป็ นห่ วง หม่อมฉันไม่เป็ นอะไรเพคะ ล้วนเป็ นสาวใช้ทีตืน
ตระหนกตกใจไปเอง !”

“คุณหนูท่านถูกคนรังแกจนได้รับบาดเจ็บ จะไม่ให้ขา้ น้อยตืนตระหนกตกใจได้อย่างไรเจ้าคะ ?” มีเอ๋ อร์รู้สึกเป็ น


เดือดเป็ นร้อนแทนเจ้านายทีไม่ได้รับความยุติธรรม คุณหนูอยากจะสังสอนคนบางคนมานานแล้ว นางก็จะทํา
ตามความต้องการของคุณหนูช่วยคุณหนูแสดงละครฉากนี แน่ นอนว่าคุณหนูจะต้องชืนชมนาง !

ซูหนานเซี ยงไอหนัก ๆ ขึนมาหลายครัง พลางตําหนิอย่างไร้เรี ยวแรง “มีเอ๋ อร์ เจ้าอย่าได้พูดพล่อย ๆ !”

“ข้าน้อยมิได้พูดพล่อย ๆ ข้าน้อยพูดความจริ งนะเจ้าคะ !” มีเอ๋ อร์ เปิ ดปาก โต้เถียงขึนอย่างไม่ยอมแพ้

ตงฟางหลีเลิกคิวขึนเบา ๆ “จริ ง ๆ แล้วเกิดอะไรขึนกันแน่ ?” เขาเพิงมาถึงชิงเหยียนเป็ นคราแรก ยังไม่เข้าใจว่าซู


หนานเซี ยงมีความสัมพันธ์กบั ผูค้ นเช่นไร
“นีก็เพราะว่าคุณหนูแห่ งจวนเจินกัวโหว !” พอพูดถึงมู่หรงเสวีย แววตาของมีเอ๋ อร์ กเ็ ต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“ชัดเจนว่านางว่ามีการหมันหมายกับจิงอ๋ อง แต่กลับทําตัวไร้ยางอายล่อลวงคนรักในดวงใจของคุณหนูของบ่าว
คุณหนูของบ่าวทีโมโหก็แค่ว่ากล่าวนางไม่กีคํา แต่นางกลับทําตัวเหมือนหญิงชันตํา พุ่งเข้ามาข่วนคุณหนู......”

ตงฟางหลีมองไปยังซูหนานเซี ยงอย่างสงสัย ก็เห็นนางกําลังขมวดคิว ดวงตาแดงกํา กระดุมสองเม็ดบนเสื อขาด


หายไป รอยแผลภายใต้ปกเสื อเดียวผลุบเดียวโผล่ เห็นได้ชดั ว่าได้รับบาดแผล “คุณหนูจวนเจินกัวโหวถือดีขนาด
นันเชียวหรื อ”

“มิใช่ได้อย่างไรเพคะ นางอาศัยทีว่ามีคนคอยให้ทา้ ย ล้วนไม่เห็นผูห้ ลักผูใ้ หญ่ของตัวเองอยูใ่ นสายตา แม้แต่ยา่


อาสอง อาหญิงของตัวนางเองล้วนถูกนางทําร้ายจนมีสภาพดูไม่ได้......” มีเอ๋ อร์ ลว้ นกระโดดลงมาเล่นในละคร
เต็มตัว สร้างเรื องโกหก แต่ละคําล้วนแต่ให้ร้ายมู่หรงเสวีย......

ซูหนานเซี ยงรู ้สึกพอใจเป็ นอย่างมาก แต่บนใบหน้าของนางกลับทําสี หน้าลําบากใจ “มีเอ๋ อร์ มิตอ้ งกล่าวต่อไป
แล้ว......”

“คุณหนูนางอวดดีหยิงยโสขนาดนี อีกทังยังไม่เห็นผูใ้ ดอยูใ่ นสายตา ถ้าหากว่าพวกเราไม่สงสอนนาง


ั ให้จดจําให้
ขึนใจเสี ยบ้าง แน่นอนว่านางจะต้องทําร้ายผูค้ นต่อไป......” มีเอ๋ อร์ ตะโกนขึนมาอย่างเสี ยงดัง นําเสี ยงของนางเต็ม
ไปด้วยความไม่พอใจ
ตอนที 111 สั งสอน
ซูหนานเซี ยงถอนหายใจออกมาแรง ๆ “พวกเราสองนายบ่าวก็แค่ผหู ้ ญิงอ่อนแอทีไร้ซึงกําลัง แต่นางมีคนทีคอย
ให้ทา้ ยปกป้ อง ถ้าหากพวกเราไปหาเรื องนางก็คงจะโดนนางตอกกลับมาเสี ยมากกว่า ไหนเลยจะไปสังสอนนาง
ได้......”

ใบหน้าของมีเอ๋ อร์ บิดเบียวไปด้วยความโกรธ นางกล่าวขึนอย่างโมโห “เช่นนันจะปล่อยให้นางอวดดีทาํ ร้ายผูค้ น


ต่อไปเช่นนีหรื อเจ้าคะ นี ยังนับว่ากฎหมายบ้านเมืองมีผลอยูห่ รื อไม่......”

เมือมองไปทีนายบ่าวทีหมดไร้ซึงหนทางและท้อแท้ แววตาของตงฟางหลีกท็ อประกายครุ่ นคิด ตรึ กตรองอยูค่ รู่


หนึ ง แล้วจึงกล่าวขึนเสี ยงตํา “คุณหนูแห่งจวนเจินกัวโหวผูน้ นั ดูเหมือนว่าจะไร้ซึงการอบรมสังสอน คุณหนูซู
ไม่สะดวกทีจะลงมือ เช่นนันผูน้ อ้ ยจะช่วยเหลือเอง !”

“จริ งหรื อเพคะ !” แววตาของมีเอ๋ อร์ เปล่งประกาย นางกล่าวขึนอย่างปลืมปี ติยนิ ดี “ขอบพระทัยองค์ชายเจ็ดมาก


เพคะ”

ิ ยงน้อย ๆ “ไม่จาํ เป็ นต้องเกรงใจ ไม่ทราบว่าคุณหนูแห่ งจวนเจินกัวโหวผูน้ นั ตอนนีอยูท่ ีใด ?”


ตงฟางหลียมเพี

“หม่อนฉันเห็นนางเดินเข้าไปในทีแห่ งนันเพคะ” มีเอ๋ อร์ ยกนิ วชีไปทีด้านหน้า กล่าวขึนเสี ยงสู ง


ตงฟางหลีมองไปตามทิศทีนางชี ‘หลินเจียงโหลว’ ตัวอักษรใหญ่ ๆ สามตัวเปล่งประกายระยิบระยับภายใต้
แสงอาทิตย์ทีสาดส่ อง แววตาของเขาเปล่งประกายวูบไหว ช่างบังเอิญอะไรเช่นนี ? คุณชายโอวหยางกับหญิง
สาวในดวงใจของเขาก็อยูท่ ีหลินเจียงโหลวด้วยเหมือนกัน......

“องค์ชายเจ็ด ท่านเป็ นอะไรไปหรื อเพคะ ?” ซูหนานเซี ยงเห็นเขามองไปทีหลินชิงโหลวมิกล่าววาจาใด ก็อด


ไม่ได้ทีจะเปิ ดปากออกมา

“ไม่มีอะไร” ตงฟางหลีส่ายหน้าพลางกล่าวเสี ยงเข้ม “ฮัวถง”

“พ่ะย่ะค่ะ” ฮัวถงตอบรับความต้องการของเขา เพียงพริ บตาก็หายตัวไปในอากาศ

ซูหนานเซี ยงยกยิมทีมุมปาก การทีเป็ นผูม้ ีพระคุณขององค์ชายเจ็ดแห่ งแคว้นซี เหลียงทีมีชือเสี ยงเลืองลือ ช่างดียงิ


นัก แค่ร้องไห้ต่อหน้าเขา แกล้งทําท่าทางน่าสงสาร ก็สามารถทําให้เขาออกหน้าสังสอนคนแทนนางได้......

ตงฟางหลีเป็ นคนทีมีจิตใจเย็นชาไร้หัวใจ เมือเขาลงมือก็จะมีแต่ความตายเท่านัน มู่หรงเสวีย เจ้ารอเจอโชคร้าย


ได้เลย !

ในห้องไม้ไผ่ของหลินเจียงโหลว อาหารต่าง ๆ นา ๆ ล้วนถูกจัดวางอยูเ่ ต็มโต๊ะ กลินหอมอบอวลไปทัว พาทําให้


ผูค้ นนําลายสอ
คุณชายโอวหยางคีบเนื อปลาผัดนําแดงลงในชามของมู่หรงเสวีย “นีเป็ นอาหารขึนชือของหลินเจียงโหลว
รสชาติไม่เลวเลย เจ้าลองชิมดู”

“เจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียพยักหน้า กัดเข้าไปทีเนื อปลาหนึ งคํา กลินหอมเข้มข้นฟุ้ งกระจายไปทัวทังปาก ทําให้ผคู้ น


รู ้สึกถูกปากยิงนัก นับได้ว่ารสชาติไม่เลวจริ ง ๆ

“คุณชาย” พริ บตาเดียวสวินเฟิ งก็ปรากฏอยูข่ า้ งกายของคุณชายโอวหยาง สี หน้าของเขาเคร่ งครึ มกระซิ บ


บางอย่างทีข้างหู ของเขา

ทันใดนันคิวดกดําของคุณชายโอวหยางก็ขมวดเข้าหากัน มิกล่าววาจาใด

มู่หรงเสวียปรายตามองเขา พลางกล่าวขึนอย่างช้า ๆ “หากมีธุระท่านก็ไปจัดการเถอะ ข้าดูแลตัวเองได้”

สี หน้าของคุณชายโอวหยางเคร่ งขรึ ม เขามองไปทีมู่หรงเสวีย “บังเอิญมีเรื องเร่ งด่วน ข้าไปจัดการสักครู่ แล้วจะ


รี บกลับมา สวินเฟิ งจะอยูท่ ีนี ปกป้ องเจ้า !”

มู่หรงเสวียไม่ได้ใส่ ใจนัก นางต้องการให้คนมาปกป้ องทีไหนกันเล่า เมือหันหน้ามองไปทีคุณชายโอวหยาง


สายตาของนางก็สบเข้าพอดีกบั แววตาลําลึกของเขา ดวงตาสี ดาํ ขลับดังอัญมณี เหมือนกับกําลังจ้องมองเข้าไปใน
ทะเลสาบทีมืดมิด ทําให้ผคู ้ นต้องหลงติดอยูด่ า้ นในจนไม่สามารถหาทางออกเจอได้ คําพูดทีพุ่งขึนมาถึงริ มผีปาก
ของนาง กลับต้องอ้อมเลียวเคียวคด เปลียนเนื อหาทีจะกล่าว “ตกลง !”
เมือมองส่ งคุณชายโอวหยางออกจากห้องไม้ไผ่ มู่หรงเสวียก็หมดความอยากอาหารวางตะเกียบลง จริ ง ๆ แล้ว
นางเป็ นคนกินไม่มาก แต่ทีสังอาหารมาเต็มโต๊ะขนาดนี เหตุผลหลัก ๆ ก็เพราะเพือต้องการใช้เงินตําลึงของ
คุณชายโอวหยางเยอะ ๆ เป็ นการแก้แค้นทีเขาใช้ลมปราณโจมตีใส่ นางเมือครู่ นี

แต่พอคุณชายโอวหยางไปแล้ว แม้แต่กบั ข้าวหนึ งในสิ บบนโต๊ะนี นางก็กินไม่หมด “สวินเฟิ ง เจ้ายังไม่ได้ทาน


ข้าวสิ นะ นังลงมาทานด้วยกันเถอะ”

“ขอบคุณสําหรับความหวังดีของคุณหนูมู่หรงขอรับ แต่ขา้ น้อยทานเรี ยบร้อยแล้ว” สวินเฟิ งกล่าวขึนเสี ยงตํา ยืน


อยูด่ า้ นหลังของนางไม่ขยับเขยือน ระมัดระวังทุกความเคลือนไหวรอบด้าน

มู่หรงเสวียถอนหายใจอย่างหมดคําพูด เวลาพักผ่อนขององค์รักษ์เงากับคนธรรมดาไม่เหมือนกัน เวลารับสํารับ


แน่นอนว่าก็ตอ้ งไม่เหมือนกันไปด้วย สวินเฟิ งทานข้าวแล้ว นางอีกไม่นานก็คงอิม ยังเหลือกับข้าวอีกตังมากมาย
ดูแล้วสิ นเปลืองจนนางรู้สึกเสี ยดาย......

“ฟ้ าว ฟ้ าว ฟ้ าว !” ทันใดนันลูกธนูสีดาํ ก็พ่งุ ทะลุกาํ แพงเข้ามาในห้องตรงมาทีมู่หรงเสวีย !

แววตาของมู่หรงเสวียเย็นยะเยือก ทันใดนันก็ยกโต๊ะพลิกตังขึนแล้วหลบอยูด่ า้ นหลังของโต๊ะ กลุ่มธนูหนาแน่ น


พุ่งทะลุเข้ามาในห้อง ปั กเข้ากับกําแพง ประตู หน้าต่าง โต๊ะเก้าอี ร้ายกาจจนผูค้ นไม่กล้าเงยหน้าออกไป
“คุณหนูม่หู รง ท่านเป็ นอย่างไรบ้าง ?” สวินเฟิ งสอบถามขึนอย่างรี บร้อน สะบัดดาบฟาดฟั นลูกธนูดอกแล้วดอก
เล่า

“ข้าไม่เป็ นไร !” มู่หรงเสวียยืดตัวตรง หยิบเอาดาบสันออกมาจากแขนเสื อ สะบัดวูบไหวอย่างรวดเร็ ว ปัดป้ อง


จนลูกธนูดอกแล้วดอกต้องร่ วงลงตกพืน !

“กลุ่มธนูหนาแน่นจนเกินไป สิ งของในห้องล้วนถูกปั กทะลุเกือบหมดแล้ว พวกเราจําต้องเร่ งรี บออกไปจากทีนี”


สวินเฟิ งกล่าวขึนเสี ยงตําแววตาของเขาเปล่งประกายด้วยความกังวลใจทีน้อยครังจะได้พบ

“ข้ารู ้แล้ว !” มู่หรงเสวียพยักหน้า ปัดป้ องลูกธนู แล้วก้าวถอยไปตรงด้านหน้าหน้าต่าง เปิ ดหน้าต่างออกแล้ว


กระโดดลงไป

สวินเฟิ งตามหลังไปติด ๆ !

ชัวเวลาทีมู่หรงเสวียกับสวินเฟิ งตกลงถึงฟื น คนชุดดํานับสิ บก็พ่งุ เข้ามาล้อมจากรอบทิศทาง ดาบในมือสะบัด


ออก พุ่งแทงเข้าไปทีคนทังสองอย่างไร้ความปรานี !

มู่หรงเสวียยกยิมเย็น เดิมทีนึกว่าหากกระโดดออกจากหน้าต่างได้ก็จะปลอดภัยแล้ว แต่ไม่คาดว่าทีนีจะยังมีกบั


ดักรอนางอยูอ่ ีก ดูท่าแล้วคงมีการเตรี ยมการและวางแผนเอาไว้อย่างแยบยลเพือทีต้องการจะสังหารนาง เห็นพวก
เขาทุ่มกําลังกันมาเต็มทีขนาดนี นางก็จะเล่นกับพวกเขาเสี ยหน่ อย หลังจากการปะทะทีหุบเขาหวีซาน นางก็
ไม่ได้ออกกําลังยืดเส้นยืดสายมานานแล้ว !
มู่หรงเสวียแทงดาบออกไปทีหัวใจของชายชุดดําทีอยูใ่ กล้ตวั ทีสุ ด ชัวขณะนัน เม็ดเลือดก็พ่งุ ออกมา สาดกระเซ็น
ไปโดยรอบ.......

มู่หรงเสวียทีมองเห็นแต่กไ็ ม่แยแส นางยกเท้าขึนถีบศพของเขาออกไป หมุนด้ามดาบแล้วแทงไปทีชายชุดดําที


กําลังพุ่งเข้ามา......

กระบวนท่าของคนชุดดําทังรวดเร็ ว โหดเหี ยม และแม่นยํา แต่ละกระบวนท่าล้วนอํามหิ ต ทางด้านของมู่หรง


เสวีย และสวินเฟิ งแต่ละกระบวนท่าก็เต็มไปด้วยกลินไอฆ่าฟัน ไร้เยือใยเช่นเดียวกัน เพียงพริ บตาตรอกหลัง
โรงเตียมก็กลายเป็ นชุลมุนวุ่นวาย......

ตงฟางหลียนื อยูต่ รงหน้าต่างในห้องส่ วนตัวบนชันสองของโรงนําชา เขามองไปทีมู่หรงเสวียทีกําลังถูกรุ มล้อม


จากพวกคนชุดดํา กระบวนท่าทีนางใช้ลว้ นต่อเนื องไหลลืน ทุก ๆ ครังทีสะบัดดาบ จะมีคนชุดดําหนึ งคนได้รับ
บาดเจ็บสาหัสหรื อว่าล้มลง แววตาของเขาเปล่งประกายครุ่ นคิดตรึ กตรอง

คุณหนูแห่งจวนเจินกัวโหวผูน้ ี มีวรยุทธ์ทีไม่เลวนัก องครักษ์ทีคุม้ กันนางก็มีฝีมือสู งส่ ง ถึงว่าทําไมถึงได้จดั การซู


หนานเซี ยงจนมีสภาพเป็ นเช่นนัน......

ตอนแรกเขาก็ยงั กังวลใจทีฮัวถงจัดเตรี ยมผูค้ นมามากมายขนาดนัน ถ้าไม่ทนั ระวังและทําให้คุณหนู ผนู ้ ันตาย


ขึนมา คงจะลําบากไม่นอ้ ย แต่ตอนนีดูท่าแล้วคงเป็ นเขาทีคิดมากไปเอง อยากจะสังสอนคุณหนู ผนู ้ ี คงไม่ง่ายดาย
อย่างทีคิดนัก......
แต่ว่า เรื อนร่ างของคุณหนู ผนู ้ ี ดูช่างคลับคล้ายคลับคลายิงนัก เหมือนกับเคยเห็นทีไหนมาก่อน......

มู่หรงเสวียฟันดาบปาดคอของชายชุดดําคนหนึ ง เลือดสี แดงสดพุ่งกระจายออกมา แล้วก็หมุนกาย ดวงตาสี ดาํ


เย็นชา มองดูจนตงฟางหลีตอ้ งหยุดหายใจ ดวงตาคู่นี...... เป็ นของหญิงสาวทีช่วยเหลือเขาเอาไว้ผนู้ น......

ลมเย็นพัดโชยมา สายรัดเอวของมู่หรงเสวียทีมัดเป็ นปมผีเสื อค่อย ๆ พลิวไหวน้อย ๆ ไม่ต่างกับปมรู ปผีเสื อบน


ผ้าพันแผลของตงฟางหลีเลยแม้แต่นิดเดียว......

“หยุด รี บหยุดเดียวนี !” ตงฟางหลีสงการเสี


ั ยงดัง เขากระโดดออกจากหน้าต่างลงไปทีตรอกถนนด้านหน้า......

ซูหนานเซี ยงทียืนอยูด่ า้ นหน้าของหน้าต่าง รอยยิมเย็นชาของนางเพียงพริ บตาก็กลายเป็ นแข็งค้างอยูบ่ นใบหน้า


ตงฟางหลีมิใช่กาํ ลังเชยชมมู่หรงเสวียทีต้องดินรนอยูห่ รอกหรื อ ? ทําไมอยู่ ๆ เขาถึงได้ตะโกนให้หยุดเช่นนัน
หรื อว่าเขาจะจําได้แล้วว่ามู่หรงเสวียเป็ นคนทีช่วยชีวิตเขาไว้ ?

แต่ว่าตอนทีนางไปถึงด้านหน้าของตงฟางหลี ก็เห็นอยูว่ ่าเขากําลังสลบไม่ได้สติ เขาไม่มีทางทีจะจํามู่หรงเสวีย


ได้......หรื อว่าเขาจะรู ้สึกชอบพอมู่หรงเสวียขึนมา......

แววตาของซูหนานเซี ยงลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ นางรู้ดีว่าความสามารถในการล่อลวงยัวยวนผูค้ นของมู่หรง


เสวียนันเป็ นทีหนึงในแผ่นดิน นางไม่มีทางทีจะยอมให้มู่หรงเสวียได้มีโอกาสทําเรื องชัวช้าอีก......

แววตาของซูหนานเซี ยงเปล่งประกายเย็นชา นางหยิบเอาคันธนูทีวางอยูบ่ นโต๊ะ เล็งไปทีมู่หรงเสวีย......


ตอนที 112 ถูกพิษ
‘ฟ้ าว’ ลูกธนูดอกหนึ งพุ่งแหวกอากาศออกไป พุ่งไปทางมู่หรงเสวียอย่างไร้ความปรานี

ลอบโจมตีนางเช่นนี ไม่เจียมตนนัก !

มู่หรงเสวียยกยิมมุมปากอย่างเย็นชา สะบัดมือฟาดคนชุดดําด้านหน้าออกไป ดาบสันในมือเงือฟันไปทีลูกธนู


ดอกนัน

เงาร่ างสี ม่วงเข้มร่ อนลงตรงหน้าของนาง กดดาบในมือของนางลง เพียงแค่มือโบกเบา ๆ ลูกธนูทีอยูใ่ กล้แค่เอือม


พริ บตาเปลียนทิศทางพุ่งสวนกลับไป !

ลูกศรแหลมคมทีแฝงไว้ดว้ ยจิตสังหารพุ่งเข้าไปในหน้าต่าง เข้าไปปั กทีไหล่ของซูหนานเซี ยง พลังปราณทีกล้า


แกร่ งทําให้นางกระเด็นออกไปไกลสองสามเมตร กระแทกเข้ากับกําแพงทีอยูไ่ ม่ไกล เพียงพริ บตาเลือดสี แดงสด
ก็ไหลซึ มไปตามเสื อผ้าของนาง......

“คุณหนู !” มีเอ๋ อร์ กรี ดร้องเสี ยงดังลัน !

ทันใดนันความชุลมุนวุ่นวายในตรอกด้านหลังก็เงียบสงบลง คนชุดดําต่างละเลิกความต้องการทีจะฆ่าฟันไป
ก่อนแล้วพากันไปรวมตัวกันทีด้านข้างของชายหนุ่ ม กล่าวขึนอย่างนอบน้อม “คุณชาย !”
ชายชุดม่วงมองไปทีมู่หรงเสวียด้วยแววตาทีเต็มไปด้วยความห่ วงใย “เจ้าไม่เป็ นอะไรนะ ?”

“เป็ นท่าน !” มู่หรงเสวียมองไปทีเขาด้วยความแปลกใจ แววตาเปล่งประกายไปด้วยความไม่เข้าใจและสงสัยเป็ น


อย่างมาก ตอนทีนางช่วยเขาไว้ทีริ มแม่นาํ นันถือว่าเป็ นการพบกันกับเขาเป็ นครังแรก นางไม่เคยทําอะไรผิดต่อ
เขา เหตุใดเขาต้องส่ งคนมาฆ่านาง ? แล้วอยู่ ๆ ตอนนี ก็กลับเปลียนใจมาช่วยเหลือนางอีก......

สวินเฟิ งยืนถือดาบอยูด่ า้ นหน้าของมู่หรงเสวีย มองไปทางพวกชายชุดดําและชายหนุ่ มในชุดสี ม่วงอย่าง


ระแวดระวังภัย

ตงฟางหลียมขึ
ิ นด้วยความรู ้สึกเสี ยใจ “ขออภัย ความจริ งแล้วข้า......”

“ตงฟางหลี คุณหนูของข้ามีจิตใจเมตตาช่วยเหลือท่าน แต่ท่านกลับตอบแทนนางเช่นนี หรื อ จิตใจของท่านช่าง


โหดเหี ยมนัก......” มองไปทีบาดแผลของซูหนานเซี ยงทียังมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด ความโกรธของมีเอ๋ อร์ กพ็ ุ่ง
ปะทุขนมา
ึ นางไม่สนใจเรื องฐานะระหว่างนายบ่าว หันไปทางตงฟางหลี ต่อว่าอย่างเสี ยงดัง !

ตงฟางหลีเพียงปรายตามองไป ก็เห็นร่ างของซูหนานเซี ยงมีเลือดไหลอาบไปทัวเสื อผ้า นางค่อย ๆเงยหน้าขึน


มองมาทางเขาอย่างเสี ยใจ ดวงตาไหลริ นไปด้วยนําตา ท่าทางทีน่ าสงสาร ราวกับกําลังจะพูดว่า “ข้าช่วยท่าน เป็ น
ผูม้ ีพระคุณของท่าน ถึงแม้ว่าท่านจะถูกมารยาของมู่หรงเสวีย แต่กไ็ ม่สมควรทีจะหันคมดาบมาฆ่าข้า......”

“ซูหนานเซี ยง เจ้าแน่ ใจหรื อว่าเจ้าเป็ นคนทีช่วยข้า ?” ตงฟางหลีมองไปทางนางคล้ายยิมคล้ายไม่ยมิ แววตาเปล่ง


ประกายไปด้วยความเหยียดหยามทียากจะปกปิ ด
ซูหนานเซี ยงตืนตระหนกในใจ “ท่านหมายความว่าอย่างไร ?”

“คนทีช่วยข้าตังแต่แรกไม่มีทางเป็ นเจ้า เจ้าก็แค่เป็ นคนทีสวมรอยแอบอ้างเท่านัน” ตงฟางหลีกล่าวเน้นทีละคํา


เปิ ดโปงคําโกหกของนางอย่างไร้เยือใย

ตังแต่แรกเขาก็รู้สึกสงสัยอยูแ่ ล้วว่าซูหนานเซี ยงเป็ นคนทีช่วยเหลือเขาจริ งหรื อไม่ ก็เลยทําการทดสอบในจวน


ราชครู ไปเล็กน้อย ซูหนานเซี ยงไม่สามารถนําเอายาชันสู งออกมาได้ รวมถึงตอนทีพันแผลให้เขาก็ไม่ได้ผกู เงือน
ด้วยปมผีเสื อ เพียงเท่านีเขาก็รู้แล้วว่าคนทีช่วยเหลือเขาไม่มีทางเป็ นซูหนานเซี ยงอย่างแน่นอน

จวนราชครู เป็ นทีพักเท้าทีไม่เลวจริ ง ๆ ซูหนานเซี ยงถูกคนรังแก แน่ นอนว่าเขาสามารถลงมือช่วยเหลือจะได้ถือ


เสี ยว่าเป็ นการตอบแทนนางไปเสี ยเลย แต่ว่านางไม่ควรเลย ไม่ควรเลยจริ ง ๆ ทีมาบงการให้เขาไปฆ่าผูม้ ีพระคุณ
ตัวจริ งของเขา ลูกธนูดอกนันก็ถือเสี ยว่าเป็ นผลตอบแทนเล็ก ๆ น้อย ๆ ทีเขามอบให้ก็แล้วกัน !

ใบหน้าเรี ยวเล็กของซูหนานเซี ยงซี ดขาวจนไร้สีเลือด ตงฟางหลีรู้แล้ว ทําไมเขาถึงรู ้ได้ ทําไมถึงกลายเป็ นแบบนี


? ทําไมถึงกลายเป็ นแบบนีได้ ?

ยังมีเรื องราวอีกมากมายทีนางจะขอความช่วยเหลือจากตงฟางหลี ตอนนี แม้แต่เรื องเดียวก็คงทําไม่ได้แล้ว......


ซูหนานเซี ยงทังตืนตระหนกทังโมโห ความเจ็บปวดอันแหลมคมแล่นปลาบขึนมา นางขมวดคิวเข้าหากันแน่ น
ดวงตาปรากฏแววมืดมิดลงแล้วสลบไสลไป !

มีเอ๋ อร์ ตืนตระหนกอย่างทันที แล้วร้องเรี ยกเสี ยงดัง “คุณหนู คุณหนู......ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาที......ช่วยด้วย


.....”

ห้องส่ วนตัวทีปิ ดสนิทถูกผลักให้เปิ ดออก ผูด้ ูแลร้านกับบรรดาเหล่าเสมียนพากันกรู เข้ามา เพียงพริ บตาห้อง


ส่ วนตัวทีเงียบสงบก็กลายเป็ นชุลมุนวุ่นวาย......

มู่หรงเสวียมองไปทีซูหนานเซี ยงทีบาดเจ็บสาหัสจนสลบไม่ได้สติ นางก็ยกยิมมุมปากเย็นชา หลังจากทีนางช่วย


คนแล้วจากไป ซูหนานเซี ยงก็เลยแอบสวมรอย ทังยังใช้ฐานะผูม้ ีพระคุณของตัวเองบงการให้ตงฟางหลีมาฆ่า
นาง ช่างโง่งมไร้สมองยิงนัก !

โชคยังดีทีตงฟางหลีมองแผนการของซูหนานเซี ยงออก ไม่เช่นนันนางทีถูกล้อมไปด้วยชายชุดดําทีมีฝีมือร้ายกาจ


มากมายขนาดนี หากไม่ตายก็ตอ้ งได้รับบาดเจ็บแน่ นอน !

จะโทษก็ตอ้ งโทษคุณชายโอวหยาง ใครให้เขาเร่ งรี บลากนางออกมากันเล่า ? ถ้าเกิดพวกเขารอให้ตงฟางหลีฟืน


ได้สติแล้วค่อยจากมา ก็คงจะไม่เกิดความเข้าใจผิดเช่นนี ขึน !

“คุณหนู ขออภัย ข้าไม่ทราบมาก่อนว่าคนทีซูหนานเซี ยงต้องการจะสังสอนจะเป็ นท่าน !” ตงฟางหลีมองไปทีมู่


หรงเสวียด้วยแววตาทีเต็มไปด้วยความรู ้สึกผิด
“ไม่เป็ นไร ขอเพียงแค่ท่านไม่ตอ้ งการแก้แค้นให้คนทีตายไปก็พอแล้ว” เวลาทีมู่หรงเสวียใช้ปะทะกับพวกชาย
ชุดดํานันไม่นาน แต่นางใช้ออกด้วยกระบวนท่าทีคมกริ บถึงตาย ไม่ได้ออมมือแม้แต่นอ้ ย ชายชุดดําทีตายภายใต้
ฝี มือของนางก็เลยมีจาํ นวนไม่นอ้ ย

ตงฟางหลีปรายตามองศพทีนอนกระจัดกระจายอยูบ่ นพืน กระแอมไออย่างไม่เป็ นธรรมชาติอยูส่ องสามครา


“เป็ นข้าทีเชือใจคนไม่ดี สังการผิดพลาด พวกเขาถึงต้องมาตกตาย ทังหมดนี ล้วนเป็ นความผิดของข้า ไม่
เกียวข้องอันใดกับคุณหนู......”

“เช่นนันก็ดี” มู่หรงเสวียถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ตงฟางหลีทีสามารถมีลูกน้องทีเก่งกาจขนาดนี แน่นอน


ว่าจะต้องเป็ นคนทีร้ายกาจมากผูห้ นึง นางกับเขาไม่ก่อความแค้นต่อกันได้และไม่ตอ้ งกลายเป็ นศัตรู ต่อกันได้กย็ งิ
ดีนกั !

มองไปทีดวงตากระจ่างใสของนาง แววตาของตงฟางหลีกเ็ ปล่งประกายครุ่ นคิด เตรี ยมทีจะเปิ ดปาก อยู่ ๆ ในอก


เลือดลมเกิดแปรปรวนขึนมา ในคอรู ้สึกถึงบางสิ งทีกําลังพุ่งขึนมา เขาเร่ งรี บปิ ดปาก เลือดสี แดงสดไหลออกจาก
ร่ องนิ วทีปิ ดไม่มิดของเขา ไหลออกมาทีละหยดสองหยดลงสู่ พนื !

“คุณชาย !” แววตาของฮัวถงแข็งทือ ยืนมือเข้าไปทีถุงผ้าทีข้างเอวของตงฟางหลีแล้วเร่ งรี บเปิ ดออก หยิบยาผง


ออกมาหนึงถุง เทลงไปในปากของตงฟางหลี
สี หน้าของตงฟางหลีทีเปลียนเป็ นซี ดขาวและคิวทีขมวดเข้าหากันค่อย ๆ คลายออก ความเจ็บปวดทรมานในแวว
ตาค่อย ๆ สลายหายไป

ฮัวถงค่อย ๆ ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก สายตาหันไปเห็นมู่หรงเสวียทีมองมายังตงฟางหลีตาไม่กระพริ บ


คล้ายกับว่ามีความคิดบางอย่าง เขาจึงเร่ งรี บอธิบาย “คุณชายของข้าน้อยมีอาการป่ วยหนัก เพียงทานยาเข้าไปก็ไม่
เป็ นไรแล้วขอรับ”

“จริ งหรื อ ?” มู่หรงเสวียเลิกคิวมองฮัวถง กล่าวขึนคล้ายยิมคล้ายมิยมิ “โรคอะไรกันทีใช้สารหนูมายับยังอาการ


เจ้าไม่กลัวว่าจะทําให้เขาถูกพิษจนตายหรื อย่างไร ?”

ฮัวถงตืนตระหนก แววตาหรี เล็กลง “ท่านทําไมถึงรู ้ว่า...นันเป็ นสารหนู......”

สารหนูทีคุณชายใช้ ล้วนเป็ นสารหนูทีถูกบดจนละเอียด ถือว่าละเอียดเล็กมาก กลินก็เหลือเพียงบางเบา ถึงจะ


เป็ นหมอทีไหน แต่ถา้ อยูไ่ กลออกไปหน่ อย ก็ลว้ นดูไม่ออกคิดเพียงว่าเป็ นยาผงเท่านัน

มู่หรงเสวียยิมขึนอย่างลึกลับ “ข้าไม่ได้แค่รู้ว่าของสิ งนันเป็ นสารหนู ยังรู ้อีกว่าคุณชายของเจ้าถูกพิษร้าย และ


กําลังใช้สารหนูเพือเป็ นการใช้พิษสยบพิษ”

ตอนทีนางช่วยเขาทีริ มแม่นาํ ก็รู้แล้วว่าสี เลือดของเขาไม่เหมือนกับคนปกติทวไป


ั ตอนนันเพราะว่าเร่ งรี บ นางก็
เลยมิได้สนใจนัก แต่เมือครู่ ตอนทีเขาใช้สารหนู นางได้กลินของมันอย่างบางเบา ถึงแม้จะบางเบามาก แต่นางก็
ยังดมออกว่านันเป็ นสารหนู
นางเคยเรี ยนเรื องศาสตร์แห่ งพิษในยุคปั จจุบนั ถึงแม้วา่ จะไม่ค่อยเหมือนกับพิษในยุคโบราณเท่าไร แต่ว่าโดย
พืนฐานแล้วก็นบั ว่าไม่ต่างกันมากนัก เจ้าสารหนูสิงนี มีพิษร้ายแรงนัก คนธรรมดาทัวไปกินไปแค่ห่อเล็ก ๆ ก็คง
ตกตาย แต่ตงฟางหลีกลับเตรี ยมไว้ตงห่
ั อหนึง ใช้เหมือนยารักษาโรค ความน่ าจะเป็ นเพียงหนึ งเดียวก็คอื เขาต้อง
ถูกพิษร้ายแรง แถมพิษชนิ ดนันยังมีพิษทีรุ นแรงกว่าสารหนู เขาเลยไม่เกรงกลัวการกัดกร่ อนของสารหนู !

สี หน้าของตงฟางหลีค่อย ๆ กลับมามีรอยเลือดฝาดเล็กน้อย มองไปทางมู่หรงเสวียอย่างรู ้สึกตืนเต้นสนใจ “ทําไม


คุณหนูถึงรู ้เรื องพวกนีได้ ?”

มู่หรงเสวียยกยิมบางเบา กล่าวเน้นทีละคํา “ตอนทีท่านใช้สารหนู สี หน้าของท่านดูเขียวคลํา ชัดเจนว่าพิษทีอยูใ่ น


ตัวท่านนันได้แพร่ กระจ่ายไปทัวทุกส่ วนของร่ างกายแล้ว อาการป่ วยทีแสดงบนหน้าผากของท่านก็ได้ลามไปถึง
ดวงตาแล้ว เห็นได้วา่ พิษร้ายในร่ างกายของท่านกําลังเพิมความเร็ วในการกัดกร่ อน ถึงแม้ว่าท่านจะใช้สารหนู
กดมันเอาไว้ แต่มากทีสุ ดก็คงสามารถมีชีวิตอยูต่ ่อไปได้เพียงแค่สามเดือนเท่านัน !”
ตอนที 113 แก้ พษิ

สามเดือน ! เทียบกับการคาดการณ์ของบรรดาหมอหลวงแล้วไม่ต่างกันเท่าไหร่ นัก !

แต่ว่า พวกหมอหลวงเหล่านันได้มีการจับชีพจรของเขามาแล้วครังแล้วครังเล่า ถึงจะสามารถบอกวันเวลาทีแน่


ชัดแก่เขาได้ แต่นางเพียงมองแค่ครู่ ดียว ก็สามารถบอกได้ถึงเวลาทีชัดเจน......

แววตาของตงฟางหลีทีใช้มองมู่หรงเสวียมีความสนใจมากขึนหลายส่ วน “ท่านเข้าใจเรื องการแพทย์หรื อ ?”

มู่หรงเสวียยิมบางเบา “ก็พอรู ้บา้ งเล็กน้อย ท่านถูกพิษอะไร ?”

“ชีเซวีย” แววตาของตงฟางหลีลาลึ
ํ ก พลางกล่าวเน้นทีละคํา “หมอหลวงบอกว่าไม่มียารักษา ทุกครังทีพิษกําเริ บ
จะไอออกมาเป็ นเลือดไม่หยุด เป็ นเช่นนี ไปเรื อย ๆ จนกว่าจะตาย !”

มู่หรงเสวียพยักหน้าเบา ๆ นางเคยได้ยนิ ชือพิษ ‘ชีเซวีย’ ชนิดนี ถือเป็ นพิษทีโหดเหี ยมและอํามหิ ตมาก แน่ นอน
ว่าไม่มียารักษา......
“แค่ก แค่ก แค่ก !” ทันใดนันตงฟางหลีกเ็ อามือปิ ดปากไว้แล้วไอขึนอย่างรุ นแรง เลือดสี ดาํ ไหลหยดออกจากร่ อง
นิวทีละสายสองสาย หยดลงไปบนชุดสี ม่วงเข้มจนไหลซึ มกลายเป็ นรอยเลือดคล้ายดอกเหมยสี ดาํ ......

“คุณชายเพิงจะทานยาเข้าไปทําไมพิษถึงยังกําเริ บได้ ?” ฮัวถงตืนตระหนก ร้อนรนจะหยิบยาขึนจากถุงผ้า

มู่หรงเสวียหยุดยังเขาไว้ “คุณชายของเจ้าไม่ได้พิษกําเริ บ แต่ถูกพิษของสารหนูตีกลับ ถ้าหากยังป้ อนสารหนูให้


เขาอีกถุง เขาจะสิ นใจต่อหน้าเจ้าตอนนี แหละ”

ฮัวถงชะงักไป “แต่ก่อนหลังจากทีคุณชายใช้สารหนู ก็ไม่เคยถูกพิษของมันตีกลับมาก่อน ทําไมวันนี ถึงได้......”

“นันก็เพราะแต่ก่อนร่ างกายของเขาแข็งแรง สามารถต่อต้านพิษของสารหนูได้ แต่เมือวานเขาได้รับบาดเจ็บ


สูญเสี ยพละกําลังไปไม่นอ้ ย ร่ างกายยังไม่ฟืนคืน ก็มาเจอเข้ากับอาการพิษกําเริ บอีก เลยไม่สามารถทีจะต่อต้าน
พิษของสารหนู ได้ แน่ นอนว่าจะต้องถูกพิษตีกลับ !” มู่หรงเสวียพูดขึนอย่างช้า ๆ ถอนหายใจเบา ๆ ขึนในใจ

สารหนูกถ็ ือเป็ นพิษร้าย ในขณะทีมันต่อกรกับพิษ ‘ชีเซวีย’ ก็ยงั ทําการกัดกร่ อนตงฟางหลีไปพร้อม ๆ กัน ถึงแม้
ว่าวรยุทธ์ของตงฟางหลีจะสู งส่ ง พลังภายในกล้าแกร่ งเพียงใด ก็ยงั ไม่มีความสามารถพอทีจะหยุดยังการกัด
กร่ อนของพิษร้ายทังสองได้ ฉะนันหัวใจจะหยุดเต้นหรื อถูกทําลายก็เป็ นเรื องของเวลาทีจะช้าหรื อจะเร็ วเพียงใด
เท่านัน......
“เช่นนันตอนนี ควรทําเช่นไรขอรับ ?” ฮัวถงมองมู่หรงเสวียอย่างขอความช่วยเหลือ คุณชายถูกพิษของสารหนูตี
กลับอย่างรุ นแรงนัก แต่ว่าเขาไม่เข้าใจศาสตร์ แพทย์ ไม่ทราบว่าต้องทําอย่างไรถึงจะสามารถช่วยคุณชายของเขา
เอาไว้ได้ !

ตงฟางหลีไอขึนอย่างรุ นแรงแล้วสํารอกเอาก้อนเลือดสี ดาํ ออกมา สี หน้าของเขาซี ดขาวจนไร้สีเลือด อาการป่ วย


ทีแสดงบนใบหน้าสี ขาวหยกดังหิ มะของเขานันค่อย ๆ แผ่ขยายออกไป ทําให้จิตใจของผูท้ ีได้พบเห็นรู ้สึกสงสาร
เวทนา !

แววตาของมู่หรงเสวียเปล่งประกายวูบไหว พลางกล่าวกดเสี ยงตําลงอย่างลึกลับ “ท่านอยากมีชีวิตอยูห่ รื อไม่ ?”

ตงฟางหลีชะงักไป พริ บตาเดียวก็เงยหน้ามองมู่หรงเสวีย แววตาเปล่งประกายไปด้วยความตืนตระหนก “แค่ก


แค่ก......ท่านสามารถ......แก้พิษชีเซวียได้หรื อ ?”

มู่หรงเสวียยกยิมขึนอย่างลึกลับ หมุนกายค่อย ๆ เดินออกไปด้านหน้า นําเสี ยงใสกระจ่างของนางลอยมาตาม


อากาศ “ตามข้ามาเถอะ !”

เมือมองไปทีแผ่นหลังของนางทีเดินไกลออกไป ฮัวถงก็เบิกตากว้างขึนด้วยความตกตะลึง คุณหนูท่านนีสามารถ


แก้พิษชีเซวียได้ ? แต่ว่าเหล่าบรรดาหมอทีเคยรักษาคุณชายมาทุกท่านล้วนกล่าวว่าพิษชีเซวียนันไม่มีทางรักษา !

หันไปมองตงฟางหลีทีอยูด่ า้ นข้าง ก็เห็นเขามองไปทางมู่หรงเสวียราวด้วยสายตาทีเชือได้ยาก แววตาของเขาวูบ


ไหวไปด้วยความซับซ้อน ฮัวถงอดไม่ได้ทีจะเรี ยกขึนเสี ยงเบา “คุณชาย !”
ทันใดนันตงฟางหลีกห็ ลุดจากภวังค์ แล้วกล่าวขึนเสี ยงตํา “ตามนางไปเถอะ”

เขาถูกพิษมาเป็ นเวลานานมากแล้ว เหลือเวลาไม่มาก ถึงแม้จะกินสารหนูแทนยา ก็ทาํ ได้เพียงแค่ยดื เวลาออกไป


ได้แค่สามเดือน เช่นนันมิสู้ลองตามคุณหนูท่านนันไป ดูว่านางเตรี ยมจะทําอย่างไร ถ้าหากว่านางสามารถแก้พิษ
ชีเซวียของเขาได้กจ็ ะเป็ นการดีทีสุ ด ถึงแม้จะแก้ไม่ได้กไ็ ม่เป็ นไร อย่างน้อยก็ถือว่าเขาได้ลองดู......

ความมืดมิดคืบคลานเข้ามา มู่หรงเสวียเดินมาถึงริ มแม่นาสายหนึ


ํ ง มองไปยังนําในแม่นาที
ํ ใสสะอาดแล้วพยัก
หน้าเบา ๆ “ทีนี แหละ !”

“องครักษ์ท่านนี ข้าขอยืมเลือดของเจ้าสักเล็กน้อยสิ !” มู่หรงเสวียยิมอย่างงดงามพร้อมกับกล่าวขึน มือของนาง


ยกเข็มขึนแล้วปั กลง จิมลงบนปลายนิ วของฮัวถงจนเกิดเป็ นรู เล็ก ๆ แล้วบีบให้เลือดไหลออกมาหลายหยด หยด
ลงไปทีผ้าสี ขาวทีวางไว้อีกด้านหนึง

“ท่านทําอะไรน่ ะ ?” ฮัวถงมองไปทีนางอย่างไม่เข้าใจ

“อีกสักครู่ เจ้าก็จะรู ้เอง” มู่หรงเสวียพูดขึนอย่างลึกลับ ยืนดาบสันในมือไปให้สวินเฟิ ง นางหยิบเอาผ้าทีเปื อน


เลือดขึนแล้วกระโดดลงไปในแม่นาสายเล็
ํ ก ๆ จนสายนําสาดกระเซ็น !
แรงกระเพือมระลอกแล้วระลอกเล่าสาดซัดออกมา ทันใดนันก็ไม่เห็นเงาร่ างของมู่หรงเสวียอีกแม้แต่นอ้ ย ตง
ฟางหลี ฮัวถง สวินเฟิ งสามคนล้วนมิกล่าววาจา จ้องเขม็งไปทีผิวนําทีค่อย ๆ นิงสงบลง......

หนึ งเวลาทีใช้ในการต้มชาผ่านไป ( ประมาณ 10 – 20 นาที ) ครึ งเค่อ ( 7 นาทีครึ ง) ผ่านไป หนึงเค่อ ( 15 นาที )
ผ่านไป......ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไรแล้ว พลันได้ยนิ เสี ยง ‘ซ่า’ เสี ยงหนึงดังขึน มู่หรงเสวียโผล่ขึนมาจากนํา ค่อย
ๆ ขึนมาบนฝัง แหวกผ้าสี ขาวเปื อนเลือดในมือออก ชัวขณะนัน ปลิงนําทีกําลังดินไปดินมาก็ปรากฏขึนต่อสายตา
ของผูค้ น

อยู่ ๆ ฮัวถงชะงักไป “ท่านจับปลิงนําขึนมาทําไม ?”

“แน่นอนว่าเอามาใช้แก้พิษ !” มู่หรงเสวียยกยิมขึนอย่างงดงาม

“ใช้ปลิงนําแก้พิษอย่างนันหรื อ ?” ฮัวถงเบิกตากว้างขึนอย่างแปลกใจ

มู่หรงเสวียตอบรับนําเสี ยงราบเรี ยบ กล่าวขึนเสี ยงตํา “เจ้าอย่าได้ดูเบาปลิงนํา พิษร้ายมากมายทีไม่สามารถใช้ตวั


ยาสมุนไพรรักษาให้หาย พอใช้พวกมันรักษาแล้วกลับได้ผลชะงัดนัก !”

“จริ งหรื อ ?” ฮัวถงยังคงเชือครึ งไม่เชือครึ ง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจเรื องการแพทย์ แต่พอได้ฟังว่าปลิงนําสามารถ


แก้พิษได้ ก็รู้สึกว่าฟังดูแล้วรู ้สึกไม่ค่อยน่าเชือถือหรื อพึงพาได้เท่าไร
“แน่นอนว่าเป็ นเรื องจริ ง ข้าจะหลอกเจ้าไปทําไมกัน !” ฮัวถงไม่ค่อยเข้าใจศาสตร์แห่ งการแพทย์เท่าไรนัก มู่หรง
เสวียขีเกียจจะพูดกับเขาให้มากความ มองตรงไปทีตงฟางหลี “คุณชายตงฟาง ท่านถอดเสื อด้านบนออก !”

“ได้ !” ตงฟางหลีพยักหน้า ค่อย ๆ ถอดเสื อส่ วนนอกออกแล้วจึงปลดกระดุมเสื อส่ วนใน เผยให้เห็นหน้าอกที


เนี ยนขาว

“คุณชาย......ทําอย่างนีจะดีจริ ง ๆ หรื อขอรับ ?” ฮัวถงยังคงมิค่อยวางใจเท่าไหร่ นกั

ตงฟางหลีไม่สนใจ “ไหน ๆ พิษก็แล่นเข้าสู่ หัวใจแล้ว ก็ลองดูสักครังไม่เห็นจะเป็ นไร !”

ใช้ปลิงนําในการรักษา เขาก็ยงั ดูจะมีความหวังทีจะมีชีวิตอยูต่ ่อขึนมาอีกครังหนึง ถ้าหากไม่ใช้วิธีนีทางเดียวที


เขาจะเหลือก็คือตายเท่านัน !

ตงฟางหลีเป็ นคนทีมีจิตวิญญาณมุ่งมันและกล้าหาญ ถ้าหากยอมให้ถูกพิษชีเซวียกับพิษของสารหนูจดั การจนตก


ตาย ก็คงจะน่ าเสี ยดายนัก !

มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ ตาก็ไม่มองใช้กิงไม้คีบปลิงนําทีละตัวสองตัววางลงบนจุดชีพจรหลัก ๆ บนอกของตงฟาง


หลี
ปลิงนําทีสัมผัสถูกกับผิวหนังพากันเร่ งรี บพุ่งเข้าไปดูดเลือด เพียงไม่ถึงครึ งเค่อ ร่ างกายทีเรี ยวเล็กของพวกมันก็
พองบวมขึนมา ร่ างสี นาตาลดํ
ํ าเปลียนเป็ นสี ดาํ เข้มด้วยความรวดเร็ วเท่าทีสายตาของมนุษย์สามารถจะมองเห็น
ได้ แล้วหยุดนิงลงบนหน้าอกของตงฟางหลีไม่ขยับเคลือนไหวอีก

แววตาของฮัวถงหรี ลง พลางกล่าวเสี ยงตํา “พวกปลิงนําเป็ นอะไรไป ?”

“ถูกพิษชีเซวียและพิษจากสารหนูจดั การจนตายแล้ว !” มู่หรงเสวียกล่าวขึนด้วยนําเสี ยงปกติราบเรี ยบ ใช้กิงไม้


คีบปลิงแม่นาขึ
ํ นแล้ววางลงไปด้านข้าง มอบไปทางตงฟางหลีดว้ ยสี หน้าเรี ยบเฉย “คุณชายตงฟางรู ้สึกอย่างไร
บ้าง ?”

“ความเข้มข้นของพิษน้อยลง !” แววตาของคุณชายตงฟางลําลึกดังก้นทะเลสาบทีมืดมิด หลังจากถูกพิษ เขาทําได้


เพียงเบิกตามองพิษในร่ างกายทียิงหนาแน่นและเข้มข้นยิงขึน โดยไม่สามารถทําอะไรได้เลย แต่คาดไม่ถึงว่า
วันนีเขากลับรู ้สึกว่าความเข้มข้นของพิษในร่ างกายได้ลดจํานวนน้อยลงแล้ว

“ต้องขอบพระคุณคุณหนู มาก !” นําเสี ยงทีฟั งดูเหมือนราบเรี ยบแต่ภายในแฝงไว้ดว้ ยความตืนเต้นยินดี !

“ท่านถูกพิษมาหลายปี จนพิษไหลซึ มเข้าสู่ หัวใจ ในระยะเวลาอันสันคงไม่สามารถทีจะขับพิษออกไปจนหมดได้


ขอบคุณตอนนีถือว่ายังเร็ วไปนัก !” มู่หรงเสวียยิมขึนอย่างสดใสพลางกล่าวขึนเชิงล้อเล่น

“คุณหนูช่วยชีวิตผูน้ ้อยเอาไว้สองครัง แค่คาํ ขอบคุณเพียงคําเดียว คุณหนูสมควรรับมันเอาไว้ ! ดวงตาของตงฟาง


หลีมีแววหนักแน่น ถ้าหากไม่ได้พบกับนาง เขาคงใกลกับความตายมากขึนทุกที......
มู่หรงเสวียยิมบาง ๆ แล้วกล่าวขึนอย่างราบเรี ยบ “การใช้ปลิงนํารักษาถึงแม้วา่ จะใช้ได้ผล แต่วา่ ไม่สามารถใช้ได้
บ่อยครัง อย่างน้อยสามวันถึงจะสามารถใช้ได้ครังหนึง คุณชายตงฟางพักอยูท่ ีใด ? สามวันหลังจากนี ข้าจะไปขับ
พิษให้ท่านทีจวนทีพัก !”

การใช้ปลิงนําดูดพิษออกนันต้องดูว่าติดพิษมามากน้อยเพียงไร แล้วค่อยวางปลิงนําลงตามจุดชีพจรที
เฉพาะเจาะจง ไม่สามารถวางอย่างส่ ง ๆ ได้ ไม่เช่นนันจะถูกพิษสะท้อนกลับ ข้างกายของตงฟางหลีไม่มีคนที
เข้าใจในศาสตร์ทางด้านการแพทย์ ถึงนางจะอธิบายเกียวกับการรักษาด้วยปลิงนําอย่างไร พวกเขาก็คงไม่เข้าใจ
มีเพียงทางเดียวคือนางคงต้องเดินทางไปรักษาตงฟางหลีดว้ ยตัวเอง !

“ผูน้ อ้ ยเพิงจะมาถึงเมืองหลวง ยังไม่มีทีพัก......” ตงฟางหลีแววตาเคร่ งขรึ ม มองไปทีมู่หรงเสวีย “ไม่ทราบว่า ข้า


จะสามารถไปรบกวนทีจวนสักช่วงหนึงได้หรื อไม่ ?”
ตอนที 114 ต่ อรอง

ไปพักทีจวนของนางอย่างนันหรื อ ?

มู่หรงเสวียเลิกคิวขึน เตรี ยมทีจะกล่าววาจา แต่ทว่าเสี ยงทุม้ สายหนึงกลับพูดแทรกขึนมาเสี ยก่อน “ไม่ได้ !”

เมือมู่หรงเสวียมองตามเสี ยงไป ก็เห็นคุณชายโอวหยางกําลังก้าวยาว ๆ เข้ามา ชุดสี ขาวหิ มะโบกสะบัดพลิวไหว


คล้ายผีเสื อ ทําให้ความสง่างามและความสู งส่ งทีแผ่ออกมาจากตัวเขายิงเด่นชัดมากขึน

ริ มผีปากของเขาเม้มสนิทเข้าหากันแน่น จ้องมองไปทางมู่หรงเสวียตาไม่กระพริ บ จ้องจนมู่หรงเสวียต้องยิมขึน


อย่างเก้ ๆ กัง ๆ “เอ่อทะ......ทําไมท่านถึงมาทีนี ล่ะ?”

“แน่นอนว่ามาหาเจ้า !” แววตาของคุณชายโอวลําลึก ตอนทีเขาจัดการธุ ระเสร็ จแล้วกลับไปถึงหลินเจียงโหลว


พบเข้ากับห้องไม้ไผ่ทีถูกลูกธนูเจาะทะลุจนพลุน ดีทีเห็นเครื องหมายปลอดภัยทีสวินเฟิ งทําทิงเอาไว้ถึงได้รู้ว่า
นางไม่เป็ นไร ต่อจากนันเขาจึงตามเครื องหมายมาจนหาทีนีเจอ ต้นสายปลายเหตุของเรื องราวทังหมด เขาล้วน
เข้าใจชัดแจ้งหมดแล้ว
“ยืนตัวเปี ยกปอนอยูร่ ิ มแม่นาเช่
ํ นนี เจ้าไม่กลัวเป็ นหวัดหรื อ ?” คุณชายโอวหยางพูดขึนอย่างอารมณ์ไม่ดีนัก ถอด
ชุดนอกของเขาออกคลุมลงไปบนร่ างของมู่หรงเสวีย

มู่หรงเสวียไม่ได้ใส่ ใจนัก อากาศยิงร้อนขึนทุกที ตัวนางก็นบั ได้วา่ เป็ นผูฝ้ ึ กวรยุทธ์อยูค่ รึ งหนึง ไม่ตอ้ งพูดถึงใส่
ชุดเปี ยก ๆ อยูเ่ พียงครู่ หนึ งหรอก ถึงใส่ แล้วยืนอยูค่ รึ งวัน นางก็ไม่มีทางถูกลมหนาวพัดจนเป็ นหวัดได้ !

มือจับทีชุดส่ วนนอกเตรี ยมทีจะถอดมันลง แต่สายตามองเห็นแววตาทีลึกลําของเขา ดวงตาสี ดาํ ขลับราวกับก้น


ทะเลสาบทีมืดมิด ยิงจ้องมองยิงมืดมิด คล้ายกับจะกลืนกินนางเข้าไป !

สายตาของนางวูบไหวอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ แล้วค่อย ๆ ปล่อยมือออก เสื อนอกของเขาก็ไม่หนาเท่าไร บวกกับ


ริ มแม้นาที
ํ มีลมพัดโชยมาเรื อย ๆ นางคลุมเอาไว้หน่ อยก็แล้วกัน......

เมือมองเห็นความใกล้ชิดอบอุ่นระหว่างคุณชายโอวหยางกับมู่หรงเสวีย แววตาของตงฟางหลีกว็ บู ไหวไปด้วย


ความแปลกใจ ทีแท้นางก็เป็ นคนรักตังแต่วยั เด็กของคุณชายโอวหยาง สายตาของคุณชายโอวหยางช่างไม่เลวนัก

“คุณชายโอวหยาง ผูน้ ้อยเป็ นคนไข้ คุณหนูท่านนี เป็ นหมอ ผูป้ ่ วยไปพักรักษาตัวทีบ้านของท่านหมอ อยูอ่ าศัย
และพักฟื น ไม่มีตรงไหนทีไม่เหมาะสม !” สามารถพักอาศัยอยูใ่ นชายคาเดียวกันกับคนในดวงใจของคุณชาย
โอวหยาง แน่ นอนว่าจะต้องเป็ นเรื องทีน่ารื นรมย์ยงิ

คุณชายโอวหยางปรายตามองตงฟางหลีคราหนึ ง แล้วกล่าวขึนอย่างเย็นชา “เสวียเอ๋ อร์ เป็ นผูห้ ญิง ดึกดืนมืดคํา


เช่นนี พาชายหนุ่ มผูห้ นึงกลับจวนเป็ นเรื องทีไม่ควรและเสี ยเกียรตินัก......”
ตงฟางหลีหรี ตาลง ชือเสี ยงของหญิงสาวเป็ นสิ งทีสําคัญมาก ถ้าเขาเข้าไปพักทีจวนเจินกัวโหวอย่างไร้ซุ้มไร้เสี ยง
แน่นอนว่าจะพาเรื องยุง่ ยากมาสู่ นาง !

“เช่นนันข้าไปคารวะผูห้ ลักผูใ้ หญ่ของจวนเจินกัวโหวก่อน พอทําเช่นนัน ข้าก็จะกลายเป็ นแขกของจวนเจินกัว


โหว คนอืนก็จะไม่มีทางพูดว่าอะไรได้อีก......”

“เสวียเอ๋ อร์ กาํ พร้าพ่อแม่ตงแต่


ั เล็ก พีชายก็อยูท่ ีค่ายทหาร ผูห้ ลักผูใ้ หญ่ทีเหลืออยูอ่ ีกสองคน......องค์ชายเจ็ดก็
อย่าได้ไปคารวะเลยจะเป็ นการดี” ประโยคท้ายสุ ดคุณชายโอวหยางพูดเน้นเสี ยงหนัก ความหมายทีแฝงเอาไว้ฟัง
จนตงฟางหลีตอ้ งขมวดคิว

ตระกูลของชนชันสู งมีการกระทบกระทังกันภายในจวนไม่นอ้ ย พ่อแม่ของนางล้วนสิ นไปตังแต่ยงั เล็ก กลายเป็ น


เด็กกําพร้า แน่ นอนว่าผูห้ ลักผูใ้ หญ่คนอืน ๆ จะต้องคิดอ่านแผนการจัดการนาง แย่งชิงสิ งของทีเป็ นของนาง !

คุณหนูเสวียเอ๋ อร์ ท่านนี มีความสัมพันธ์ทีไม่ดีกบั ผูใ้ หญ่ทงสองในจวน


ั เขาเป็ นคนไข้ของนาง ก็ไม่คิดทีอยากจะ
ไปพบเจอกับศัตรู ของนางมากนัก แต่เขาก็ไม่อยากอยูห่ ่ างจากนางมากนักเช่นกัน “ใกล้ ๆ จวนเจินกัวโหวมีจวน
ทียังว่างอยูบ่ า้ งหรื อไม่ ?”

“ไม่มี !” คุณชายโอวหยางจ้องมองเขา พลางกล่าวขึนเสี ยงสู ง “ใกล้ ๆ กับจวนเจินกัวโหวล้วนเป็ นจวนของชน


ชันสูงทังหมด แน่นอนว่าไม่มีคนปล่อยจวนออกเช่า องค์ชายเจ็ดไปพักทีอีก่วน (ทีรับรองของราชการ) เถอะ......”
ตงฟางหลีส่ายหน้าไม่เห็นด้วย “อีก่วนห่ างกับจวนเจินกัวโหวตังไกลขนาดนัน ถ้าเกิดอยู่ ๆ พิษของข้ากําเริ บ
ขึนมาจะทําอย่างไร ?”

“เช่นนันเจ้าก็ยอมรับความโชคร้ายเสี ยเถอะ !” คุณชายโอวหยางกล่าวทิงประโยคไว้แล้วยืนมือไปโอบไหล่มู่หรง


เสวียพานางเดินออกไปด้านหน้า “เวลาก็ดึกมากแล้ว ข้าไปส่ งเจ้ากลับจวน !”

มองไปทีเงาร่ างของทังสองทีค่อย ๆ ไกลออกไป ตงฟางหลีกส็ บถขึนเบา ๆ เขาไม่มีทางยอมให้ตวั เองโชคร้ายแน่


เขาต้องหาทีพักใกล้ ๆ กับจวนเจินกัวโหว ใกล้หมอเท่าไรยิงดี “ฮัวถง”

ึ างระมัดระวังแล้วตามมู่หรงเสวียกับคุณชายโอวหยาง
“พ่ะย่ะค่ะ!” อัวถงรับคําสัง ค่อย ๆ พยุงตงฟางหลีขนอย่
ออกไป

หน้าเรี ยวเล็กของมู่หรงเสวียงองําลง ถลึงตาไต่ถามไปยังคุณชายโอวหยาง “ตอนทีอยูร่ ิ มแม่นาคราแรกนั


ํ น ทําไม
เจ้าต้องรี บร้อนพาข้าจากมา ? เพราะว่าพวกเราจากมาเร็ วเกินไปเลยถูกซูหนานเซี ยงจึงสวมรอยเข้า อีกนิ ดเดียวข้า
ก็จะถูกองครักษ์เงาของตงฟางหลียงิ ธนูใส่ จนตกตาย ?”

“จิตใจของตงฟางหลีโหดเหี ยมนัก เขาลงมือด้วยความอํามหิ ต ข้าไม่อยากมีความข้องเกียวกับเขามากเกินไป ถึง


ได้ลากเจ้าจากมา คาดไม่ถึงว่าจะเป็ นการเปิ ดโอกาสให้ซูหนานเซี ยงง่าย ๆ เช่นนี ......” คุณชายโอวหยางพูดเสี ยง
ตํา แววตาเปล่งประกายคมกริ บเย็นยะเยือก
“ตงฟางหลีโหดเหี ยมมากเลยหรื อ ?” มู่หรงเสวียเชือครึ งไม่เชือครึ ง ร่ างกายของตงฟางหลีถูกพิษร้าย ทังยังถูกคน
ตามฆ่า ไม่ว่าดูอย่างไรก็เป็ นคนอืนทีทําเรื องโหดร้ายกับเขา

“เจ้าไม่เคยไปทีแคว้นซี เหลียงมาก่อน ไม่รู้ว่าตงฟางหลีอยูท่ ีซี เหลียงนันเป็ นเช่นไร......โดยสรุ ปแล้วตงฟางหลี


เป็ นคนทีไม่ธรรมดานัก คบหากับเขาให้นอ้ ยทีสุ ดก็เป็ นเรื องทีสมควรแล้ว” แววตาของคุณชายโอวหยางเปล่ง
ประกายวูบไหว ท่าทางราวกับไม่เต็มใจจะพูดต่อให้มากความ เขาโอบไหล่ของมู่หรงเสวียแน่ นเร่ งฝี เท้าในการ
ก้าวเดินไปด้านหน้าอย่างเร่ งรี บ

มู่หรงเสวียกระพริ บตาปริ บ ๆ นิสัยของตงฟางหลีรวมถึงการจัดการเรื องราวต่าง ๆ ดูแล้วไม่เหมือนกับคนทีมี


จิตใจชัวร้ายโหดเหี ยมสักนิด ! คุณชายโอวหยางเข้าใจอะไรผิดไปหรื อเปล่า ?

นางเงยหน้ามองไปทีคุณชายโอวหยางเตรี ยมทีจะไต่ถาม แต่เสี ยง “เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง !” ของการปะทะที


ดุเดือดก็ดงั ขึนเสี ยก่อน

มู่หรงเสวียขมวดคิวแน่ น ไร้ซึงวาจาคําพูดใด มีคนกําลังถูกลอบสังหารอีกแล้ว ในระยะเวลาสัน ๆ เช่นนี นางพบ


เห็นการลอบสังหารทังในทีมืดและทีสว่างมานับครังไม่ถว้ น เป็ นทีการควบคุมดูแลของชิงเหยียนไม่ดีหรื อว่าเป็ น
เพราะพวกบรรดานักฆ่าเองทีเหิ มเกริ มถือดีกนั แน่ ?

นางไม่ตอ้ งการทีจะยุง่ เกียวกับเรื องราวยุง่ ยาก แต่ทิศทางของเสี ยงของการฆ่าฟันทีดังขึนมาเป็ นทางทีนางจําเป็ น


จะต้องใช้กลับจวน “พวกเราไปดูกนั เถอะ !”
“ตกลง !” คุณชายโอวหยางพยักหน้าแล้วโอบไหล่มู่หรงเสวียอ้อมออกไปดู

ภาพทีปรากฏสู่ สายตาเป็ นถนนสายหนึงทีส่ องสว่างไปด้วยโคมไฟ รถม้าหรู หรางดงามคันหนึงจอดอยูต่ รงกลาง


ของถนน ด้านข้างของรถม้ากระจัดกระจายไปด้วยซากศพ มีร่างทีอยูใ่ นชุดขององครักษ์เจ็บศพ มีคนชุดดํา
ประมาณสิ บคนทีปิ ดหน้ามิดชิดยืนอยูด่ า้ นหน้าของรถม้า ล้อมชายในชุดสี ครามผูห้ นึ งเอาไว้ภายใน ดาบยาว
มากมายภายใต้แสงเทียนทีสาดแสงเปล่งประกายหนาวเหน็บเย็นยะเยือก !

ชายผูน้ นไม่
ั ร้อนรนกระวนกระวาย แววตาคมกริ บกวาดตามองไปทีชายชุดดําทีละคน ถามขึนอย่างเย็นชา “ใคร
ส่ งพวกเจ้ามา ?”

“ไปถามยมบาลเอาเสี ยเถอะ !” คนชุดดําตวาดขึนเสี ยงดังดาบยาวในมือแทงออกไป พุ่งเขาเข้าไปหาชายผูน้ นจาก



รอบทิศทางอย่างไร้ความปรานี

“ไม่เจียมตนนัก !” ชายผูน้ นหั


ั วเราะขึนเย็นชา ฝ่ ามือเกร็ งขึนใช้แรงสะบัดออก ได้ยนิ เสี ยงระเบิด ‘ปั ง ปั ง ปั ง’ ดัง
ขึน ทุกทีทีฝ่ ามือลมพัดผ่าน คนชุดดําแต่ละคนล้วนกระอักเลือด แต่ละคนคล้ายกับเศษผ้าทีขาดลุ่ยปลิวว่อนตก
กระแทกลงสู่ พน......

ั างเงียบ ๆ แทงดาบในมือพุ่งเข้าใส่ ดา้ นหลังของชายผูน้ นั


ชายชุดดําผูห้ นึงแอบอ้อมไปด้านหลังของชายผูน้ นอย่
อย่างไร้ความปรานี......
“ระวัง !” มู่หรงเสวียร้องเรี ยกขึนอย่างทันที เข็มเงินในมือพุ่งออกไป พุ่งปั กเข้าไปทีหัวใจของชายชุดดําผูน้ นั คน
ชุดดําร้อง ‘อัก’ ขึนเสี ยงหนึง แล้วกระอักเลือดออกมา ล้มลงไปนอนกับพืน......

ั นกายมา เห็นชายหนุ่ มผูห้ นึงยืนอยูภ่ ายใต้แสงไฟ ดูองอาจสู งส่ ง


“ขอบคุณสหายน้อยทีช่วยเหลือข้า” ชายผูน้ นหั
หน้าตาดูดีไม่ธรรมดา ภายใต้แสงจันทร์ทีเปล่งประกาย หญิงสาวทียืนอยูข่ า้ งกายของเขามีรูปร่ างสมส่ วนได้รูป
ดวงหน้าหมดจดงดงาม ร้อยยิมหยดย้อยทีแม้แต่ดวงอาทิตย์ยงั ต้องหลบหน้าให้กบั ความงามนัน

ใบหน้างดงามในความทรงจํากับหญิงสาวทียืนอยูต่ รงหน้าผนวกรวมเข้าด้วยกัน เพียงพริ บตาแววตาเย็นชาและ


คมกริ บของชายผูน้ นก็
ั เปลียนเป็ นตืนตะลึงขึนมา “เจ้า......เจ้าคือ......”
ตอนที 115 อดีตจิงอ๋ องกลับเมืองหลวง
“อดีตจิงอ๋ อง นางคือมู่หรงเสวียพ่ะย่ะค่ะ !” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนอย่างราบเรี ยบ เดินออกไปด้านหน้าอย่าง
เป็ นธรรมชาติแล้วบังตัวของมู่หรงเสวียเอาไว้ดา้ นหลัง

อดีตจิงอ๋ อง ? เขาคือพ่อของเย่อีเฉิ น ! ในทีสุ ดเขาก็กลับมาเมืองหลวงแล้ว !

แววตาของมู่หรงเสวียเปล่งประกาย นางเงยหน้ามองไปทีชายวัยกลางคน อายุของเขาดูราวสามสิ บกว่าปี แววตา


ี นอยูส่ ามถึงสี ส่ วน
เย็นเยียบ จมูกเชิดสู ง ใบหน้าดูองอาจหล่อเหลาคล้ายคลึงกับเย่อเฉิ

เสื อส่ วนนอกสี ครามใส่ ทบั อยูบ่ นตัวเขา ไม่ได้บดบังความเย็นชาและความเด็ดขาดของเขาเลยแม้แต่นอ้ ย กลิน


อายของความหนักแน่ นมันคงทีมีตามวัยของผูม้ ากประสบการณ์ทาํ ให้เขาดูเหมือนกับคมดาบอันแหลมคมทีถูก
แอบซ่ อนเอาไว้ในฝัก เหมือนนํานิงทีไหลลึก ปิ ดบังตัวตนของตัวเองไว้......

อดีตจิงอ๋ องมองไปทีมู่หรงเสวียกับคุณชายโอวหยางทีดูสนิทสนมใกล้ชิด แววตาวูบไหวอะไรบางอย่างแต่ก็


สลายหายไปในพริ บตาอย่างไร้ร่องรอย

เพียงเพ่งมองไปทีร่ างโปร่ งอันแสนงดงามดังหยกของมู่หรงเสวีย แววตาของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง “ทีแท้


ก็คอื เสวียเอ๋ อร์ นีเอง ไม่ได้เจอกันนานหลายปี เสวียเอ๋ อร์ ลว้ นเติบใหญ่ขนาดนีแล้ว ใบหน้าค่าตาของเจ้าข้าก็จาํ
ไม่ได้แล้ว เสวียเอ๋ อร์ หลายปี มานีเจ้าสบายดีไหม?”
“ขอบพระคุณท่านอ๋ องทีเป็ นห่ วงเพคะ หม่อนฉันสบายดีเพคะ !” มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ ในความทรงจําของร่ าง
เดิมนัน ตอนนางอายุได้เก้าปี อดีตจิงอ๋ องได้มอบตําแหน่งอ๋ องให้เย่อีเฉิ น แล้วพาอดีตจิงหวังเฟย(พระชายาเอก
แห่ งอดีตจิงอ๋ อง) กลับไปอยูท่ ีทีดินตามศักดินาทีหวินหนาน นางไม่ได้พบหน้ากับพวกเขามาหลายปี แล้ว

“หวินหนานมีระยะทางห่ างไกลจากเมืองหลวงยิงนัก จริ ง ๆ แล้วไม่ควรลําบากให้ท่านอ๋ องกลับมาด้วยตัวเอง


เพียงแต่การหมันหมายระหว่างเสวียเอ๋ อร์ กบั จิงอ๋ องล้วนเกิดจากการตัดสิ นใจของผูใ้ หญ่ จึงจําเป็ นจะต้องให้
ผูใ้ หญ่เป็ นคนยกเลิกกันต่อหน้าด้วยตนเองเท่านันเพคะ เลยต้องรบกวนท่านอ๋ องแล้ว ขอท่านอ๋ องโปรดอภัย......”

อดีตจิงอ๋ องมองไปทีมู่หรงเสวีย เขาถอนหายใจเบา ๆ “ในจดหมายทีฝ่ าบาทใช้นกพิราบส่ งมา ได้พดู กล่าวถึงต้น


สายปลายเหตุเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว ข้ารู ้วา่ ทังหมดเป็ นความผิดของเย่อีเฉิ น เจ้าอย่าได้กงั วลไป ข้าจะทวงคืน
ความเป็ นธรรมให้แก่เจ้า......”

มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ ความยุติธรรมอะไรนันนางไม่ตอ้ งการ นางเพียงแต่ตอ้ งการถอนหมันกับเย่อีเฉิ นโดยเร็ ว


เท่านัน ต่อไปจะได้ไม่ตอ้ งยุง่ เกียวกันอีก !

แววตาของนางเคร่ งขรึ มเตรี ยมจะกล่าววาจา แต่นาเสี


ํ ยงเฉยชาของชายผูห้ นึงกลับดังแทรกขึนมาเสี ยก่อน “ท่าน
พ่อ !”

เมือมู่หรงเสวียมองตามเสี ยงไป ก็เห็นเย่อเฉิ


ี นก้าวยาว ๆ เดินเข้ามา ชุดสี ม่วงเข้มทีเขาสวมใส่ พลิวไหวไปตามสาย
ลม สี หน้าของเขาดูซีดขาว ท่าทางไม่ค่อยดีเท่าไรนัก แต่มนั กลับไม่ได้ลดความเย็นชาและความหล่อเหลาของเขา
ลงแม้แต่นอ้ ย
พอเห็นมู่หรงเสวียกับคุณชายโอวหยาง เขาก็หยุดเท้าลงเล็กน้อยแต่เพียงพริ บตาก็กลับกลายเป็ นปกติดงั เดิม ก้าว
ท้าวดังสายลมไม่นานนักก็มาถึงด้านหน้าของอดีตจิงอ๋ อง

กลินคาวเลือดบางเบากระทบเข้ากับจมูก ภาพของซากศพทีกระจัดกระจาดลอยเข้าสู่ สายตา แววตาคมกริ บของ


เขาหรี ลง “ท่านพ่อท่านไม่เป็ นอะไรใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ ?”

ทหารเฝ้ าประตูเมืองส่ งข่าวมาบอกว่าท่านพ่อเข้าเมืองมาแล้ว เขาเลยทิงงานและธุระทังหมดในจวนไว้แล้ว


ออกมาต้อนรับ แต่ไม่คาดว่าจะพบกับศพของมือสังหารทีนอนอยูเ่ ต็มพืน......

อดีตจิงอ๋ องปรายตามองเขาครู่ หนึง และกล่าวขึนอย่างอารมณ์ไม่ดีนกั “ถ้ายังหวังรอให้เจ้ามาช่วย ป่ านนี ข้าคงเกิด


เรื องแล้ว โชคดีทีมู่หรงเสวียผ่านมา แล้วช่วยชีวติ ของข้าเอาไว้......”

แววตาของเย่อีเฉิ นวูบไหวไปด้วยความซับซ้อน หลังจากนันก็มองไปทางมู่หรงอย่างเรี ยบเฉย “ขอบคุณมาก !”

“ไม่เป็ นไร” มู่หรงเสวียตอบเขากลับอย่างเฉยชา “วรยุทธ์ของอดีตจิงอ๋ องล้วนสู งส่ ง ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ลงมือ มือ


สังหารผูน้ นก็
ั คงทําอะไรเขาไม่ได้ !”

แววตาของเย่อีเฉิ นเคร่ งขรึ มขึน กล่าวขึนอย่างเรี ยบเฉย “แต่เช่นนันก็ตอ้ งขอบคุณเจ้าอยูด่ ี เพราะเจ้าได้ออกมือ


ช่วยเหลือแล้ว......”
เมือมองไปทีสี หน้าเรี ยบเฉยห่ างเหิ นของเขา ทันใดนันสี หน้าของอดีตจิงอ๋ องก็มืดครึ มลง หมุนกายก้าวยาว ๆ
ออกไปด้านหน้า ในสายลมนันมีเสี ยงสังการทีกดตําของเขาดังขึน “เย่อีเฉิ น เจ้ามานี !”

แววตาของเย่อีเฉิ นวูบไหวค่อย ๆ เดินก้าวเข้าไป......

พอเดินเข้าไปในเงามืดทีตัดกับเส้นแสง อยู่ ๆ อดีตจิงอ๋ องก็หมุนกายคว้าของสิ งหนึงออกมาจากแขนเสื อ ปาเข้า


ไปทีใบหน้าของเย่อีเฉิ น “ลดขันภรรยาเอกเป็ นอนุ เป็ นใครกันทีสังสอนเจ้าเช่นนี ? เหล่าบรรพชนล้วนอับอาย
เพราะเจ้ากันหมดแล้ว !”

เย่อีเฉิ นมิได้หลบหนีแต่อย่างใด ทําให้หนังสื อเล่มหนึงเฉี ยดผ่านหน้าผากของเขาไปจนข่วนเป็ นรอยยาวลึกรอย


หนึ ง แต่เขาไม่สนใจ กลับมองไปทางอดีตจิงอ๋ องตาไม่กระพริ บ “เป็ นท่านพ่อทีสอนข้าว่าหากมีคนทีชอบพอก็
ต้องคว้าเอาไว้ให้มนั อย่าได้ปล่อยให้หลุดมือ ทีข้าทําเช่นนีก็เพือไม่ตอ้ งการให้ผหู ้ ญิงทีตัวเองรักได้รับความอ
ยุติธรรม......”

“ช่างเหิ มเกริ มยิงนัก นี เจ้าถึงกับกล้าสังสอนข้าแล้วหรื อ !” อดีตจิงอ๋ องมองไปทีเย่อีเฉิ น กล่าวต่อว่าอย่างเสี ยงดัง


ั กอยูท่ ีวังจิงอ๋ องใช่หรื อไม่ นางรู้ว่าข้ากลับมาแล้ว แต่ยงั จะทําตัววางมาดไม่โผล่หน้า
“องค์หญิงม่อเป่ ยผูน้ นพั
ออกมาอีก หญิงสาวทีไม่รู้มารยาทเช่นนี เจ้ากลับกล้าทีไปชอบพอนางหรื อ ? สายตาของเจ้าแย่ขนาดนีเชียวหรื อ
?”

“ยวีเยียนได้รับบาดเจ็บสาหัส เช่นนันจึงไม่ได้มาต้อนรับท่าน......” เย่อีเฉิ นกล่าวอธิบายขึนเสี ยงเบา


อดีตจิงอ๋ องสบถขึนอย่างดูถูก “นางเพิงจะมาเมืองหลวงได้ไม่เท่าไร แต่กไ็ ด้รับบาดเจ็บสาหัส ดูท่าแล้วคงจะอวด
ดีสร้างเรื องสร้างราวไว้ไม่นอ้ ย ผูห้ ญิงเช่นนี เป็ นตัวทําลายบ้านทําลายตระกูล ใครทีตบแต่งกับนาง บ้านและ
ั จะวุ่นวายไม่สงบ......”
ตระกูลของคนผูน้ นก็

สี หน้าของเย่อีเฉิ นค่อย ๆ มืดครึ มลง พลางกล่าวเน้นทีละคํา “ท่านพ่อ ท่านล้วนยังไม่ได้พบเจอกับนาง แต่ก็


ตัดสิ นนางไปเสี ยก่อนแล้ว นี ถือว่าไม่ยตุ ิธรรมกับนางยิงนัก......”

“หุ บปาก !” อดีตจิงอ๋ องตัดบทคําพูดของเย่อีเฉิ น แล้วมองไปทางเขาอย่างเย็นชา “ข้าเป็ นขุนนางของราชสํานักมา


หลายปี มีหรื อทีความสามารถในการมองดูผคู ้ นจะด้อยไปกว่าเจ้า ? ข้าไม่เคยพบหน้าฉิ นยวีเยียนมาก่อน แต่ขา้ ก็
ไม่ได้พบหน้ามู่หรงเสวียมานานมากแล้วเช่นกัน แต่เจ้าคิดดูหน่อยเถิดว่าคนทีล้อมรอบมู่หรงเสวียเป็ นใคร ?”

“คุณชายโอวหยาง ตงฟางหลี แต่ละคนล้วนสามารถยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กบั เจ้าได้ เจ้ากล้าพูดหรื อว่าสายตาของ


พวกเขาไม่ดีเท่าเจ้า ? เจ้ากล้าพูดหรื อว่าทีพวกเขาสนใจมู่หรงเสวีย เป็ นเพราะพวกเขามีสายตาทีไม่ดี ?”

คุณชายโอวหยางเป็ นองค์ชายเซี ยวเหยาอ๋ องทีมีชือเสี ยงโด่งดัง ตงฟางหลีอยูท่ ีซี เหลียงก็เป็ นองค์ชายทีมีชือคน


หนึ ง หากพวกเขาเพียงแค่คนเดียวสนใจมู่หรงเสวียก็อาจจะพูดได้ว่าตาไม่ดี แต่ว่าทังสองคนล้วนสนใจในตัวมู่
หรงเสวีย เช่นนันก็ไม่อาจพูดได้แล้วว่าพวกเขามีสายตาทีไม่ดี......
“ฉินยวีเยียนทีเจ้าชอบพอ ไม่วา่ จะอยูท่ ีม่อเป่ ยหรื อว่าชิงเหยียน รอบกายล้วนล้อมรอบไปด้วยผูค้ นทีมี
ความสามารถธรรมดาสามัญใช่หรื อไม่ !” นําเสี ยงของอดีตจิงอ๋ องเข้มตําลงทังยังแฝงไปด้วยการดูถกู เหยียด
หยาม

แววตาของเย่อีเฉิ นเย็นยะเยือก นึ กคิดถึงผูค้ นทีชอบพอในตัวฉิ นยวีเยียนทีเคยพบเจอ ถึงแม้แต่ละคนจะมาจาก


ตระกูลชนชันสู งก็จริ ง แต่ว่าก็เป็ นผูท้ ีไม่ได้มีความสามารถหรื ออํานาจอะไร พวกเขาทังหมดล้วนดาษดืนและพบ
ได้ทวไป......

เมือเห็นเขานิงเงียบไม่กล่าววาจา สี หน้าของอดีตจิงอ๋ องจึงค่อย ๆ อ่อนลง แล้วกล่าวเสี ยงตํา “อีเฉิ น พ่อเคยพบปะ


ผูค้ นมากมายกว่าเจ้า การมองดูผคู ้ นถือว่าแม่นยํากว่าเจ้านัก เจ้าเป็ นลูกเพียงคนเดียวของพ่อ พ่อไม่มีทางทําร้ายเจ้า
มู่หรงเสวียเป็ นคนทีพ่อเลือกเฟ้ นแล้วอย่างพิถีพิถนั ถึงได้หมันหมายนางให้แก่เจ้า เจ้าแต่งนางเป็ นชายาเอก
แน่นอนว่ามีแต่เรื องดีไม่มีเรื องร้าย......”

“ยวีเยียนเป็ นองค์หญิง ไม่มีทางยอมรับตําแหน่งชายารอง !” เย่อีเฉิ นกล่าวเสี ยงตํา แววตาลึกลําดังมหาสมุทร

อดีตจิงอ๋ องพูดขึนอย่างไม่เกรงใจ “ไม่ยอมเป็ นชายารองก็ไสหัวกลับม่อเป่ ยไปสิ วังจิงอ๋ องของข้าไม่ตอ้ งการนาง


......”

“ท่านอ๋ อง ท่านอ๋ อง......” คนรับใช้ของวังจิงอ๋ องนายหนึงเร่ งรี บวิงเข้ามา แล้วกล่าวขึนอย่างยินดี “องค์หญิงฉิ น


ฟื นแล้วพ่ะย่ะค่ะ นางต้องการพบท่าน......”
แววตาของเย่อีเฉิ นวูบไหว “จริ งหรื อ ?”

คนรับใช้หอบหายใจ พยักหน้าแรง ๆ “จริ งแท้แน่ นอนพ่ะย่ะค่ะ !”

ช่างดียงนั
ิ ก!

เย่อีเฉิ นถอนหายใจอย่างโล่งอก กําลังเตรี ยมตัวทีจะกลับจวน แต่เสี ยงออกคําสังอย่างเย็นชาของอดีตจิงอ๋ องก็ดงั


ขัดขึน “ห้ามไป !”

ทันใดนันเย่อีเฉิ นก็หยุดเท้าลง เขามองไปทีอดีตจิงอ๋ องแล้วกล่าวเน้นทีละคํา “ท่านพ่อ ยวีเหยียนเป็ นองค์หญิง


ของม่อเป่ ย ทังยังเป็ นเพราะข้านางถึงได้รับบาดเจ็บ สลบไม่ฟืน เป็ นตายไม่แน่ ชดั เช่นนี ตอนนี ข้าไม่สามารถ
ละเลยนางได้......”

อดีตจิงอ๋ องไม่ใจอ่อน เขากล่าวขึนเสี ยงเย็น “คําพูดของข้ายังไม่จบ ถ้าหากเจ้ากล้ากลับจวนไปดูนาง ก็อย่าได้


เรี ยกข้าว่าพ่ออีก !”
ตอนที 116 อดีตจิงอ๋ องสลบ
“ท่านพ่อ ยวีเยียนบาดเจ็บสาหัสมาก ร่ างกายอ่อนแอนัก ถึงแม้จะฟื นแล้วแต่กไ็ ม่รู้วา่ จะมีชีวิตอยูต่ ่อไปได้หรื อไม่
ข้าจําเป็ นจะต้องไปดูนาง พอเสร็ จแล้วจะขอมารับโทษจากท่าน” เย่อีเฉิ นกล่าวขึนเสี ยงตําแล้วหมุนกายเดินไป
ทางวังจิงอ๋ อง

“อกตัญ ู ! เพือผูห้ ญิงเพียงคนเดียวแม้แต่พ่อตัวเองก็ไม่สนใจ !” อดีตจิงอ๋ องเกรี ยวกราดสายตาทีมองเย่อีเฉิ นเต็ม


ไปด้วยความโมโหจนแทบจะสามารถพ่นออกมาเป็ นไฟได้

มู่หรงเสวียกระพริ บตาปริ บ ๆ ค่อย ๆ เดินออกไปด้านหน้า “ท่านอ๋ อง !”

นําเสี ยงใสกระจ่างลอยเข้าหู ทันใดนันความโมโหของอดีตจิงอ๋ องสลายหายไป เขาถอนหายใจหนัก ๆ มองไป


ทางนางอย่างรู ้สึกผิด “ล้วนเป็ นความผิดของข้าทีไม่ได้สังสอนลูกชายของตัวเองให้ดี แต่ว่าเจ้าวางใจได้ เจ้าเป็ น
ลูกสะใภ้ทีข้าหมันหมายเอาไว้ ข้าจะยอมรับเพียงเจ้าเป็ นพระชายาเอกเท่านัน ไม่มีทางให้เจ้าได้รับความอ
ยุติธรรมแน่นอน......”

“ท่านอ๋ องเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้อยากเป็ นพระชายาเอกแห่ งจิงอ๋ อง เพียงแค่อยากขอให้ท่านอ๋ องยกเลิกการหมัน


หมายครังนี.......” มู่หรงเสวียยิมบางเบา แววตาเย็นชาของนางเปล่งประกายหนักแน่ นอย่างทีไม่เคยมีมาก่อน !

อดีตจิงอ๋ องหยุดชะงักไปในทันที “เพราะเหตุใดกัน ?”


เมือปี นันตอนทีทําการหมันหมาย เด็กสาวทีงดงามราวดังหยกแกะสลักผูน้ นเฝ้
ั ามองอีเฉิ นด้วยสายตาแห่ งความ
ชืนชมและตืนเต้นยินดี นางชอบพออีเฉิ นขนาดนันก็สมควรจะไขว่คว้าแย่งชิงตําแหน่งจิงหวังเฟยมาไว้ใน
ครอบครองถึงจะถูก ? แต่เหตุใดถึงได้กลายเป็ นการขอถอนหมันไปได้ ?

มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ แล้วกล่าวเสี ยงราบเรี ยบ “จิงอ๋ องกับองค์หญิงยวีเยียนต่างก็รักใคร่ ปรองดอง การหมันหมาย


ของข้ากับจิงอ๋ องนันได้ผกู มัดเขาเอาไว้ และขัดขวางความรักของพวกเขาทังสอง ข้าเข้าไปแทรกกลางระหว่าง
พวกเขาก็ยงมี
ิ แต่ทาํ ให้พวกเขาลําบากใจ อีกทังยังเป็ นการทําให้ตวั เองอึดอัดใจ นันไม่เท่ากับยกเลิกการหมัน
หมายไปไม่ดีกว่าหรื อ สําหรับจิงอ๋ อง สําหรับองค์หญิงฉิ นและสําหรับข้าแล้วล้วนมีแต่ผลดีดว้ ยกันทังนัน......”

“คําพูดเหล่านีเป็ นเย่อเฉิ
ี นทีบีบบังคับให้เจ้าพูดใช่หรื อไม่ ?” อดีตจิงอ๋ องกัดฟันพูดกล่าวเสี ยงตํา

“มิใช่ มิใช่......คําพูดเหล่านีล้วนเป็ นคําพูดจากใจจริ งของข้าเป็ นข้าทีต้องการถอนหมันเอง......” มู่หรงเสวียส่ าย


หน้า พูดขึนอย่างจริ งจัง

“ท่านอ๋ องรักและปกป้ องข้า ข้ารู้สึกตืนตันยิงนัก เพียงแต่ขา้ กับจิงอ๋ องนันไร้วาสนาต่อกัน ถ้าผูกมัดเอาไว้ดว้ ยกัน


มีแต่จะห่ างเหิ นหมางเมินต่อกันและกัน ตลอดชีวิตคู่ไม่มีทางมีความสุ ขได้ ไม่เท่ากับถอนหมันแล้วมอบอิสระ
ให้แก่กนั ให้เขาไปหาความสุ ขของเขา ให้ขา้ ไปหาความสุ ขของข้า......”

เมือฟังคําพูดทีพูดออกมาจากใจจริ งของนาง แววตาของอดีตจิงอ๋ องก็วบู ไหวไปด้วยความตืนตระหนกอยูช่ วั


ขณะหนึงแต่เพียงพริ บตาก็สลายหายไปกลับเป็ นปกติ เปลือกตาหรี ลง ในดวงตารู ้สึกพร่ ามัวไม่แจ่มใส.....
สายลมสายหนึงพัดผ่านแฝงไว้ดว้ ยความหนาวเหน็บ มู่หรงเสวียอดไม่ได้ทีจะกํามือกับเสื อผ้าแน่ น เหล่มองไป
ทางอดีตจิงอ๋ องอย่างเฉยชา

“ตอนนี ก็นบั ว่ายังไม่สายไป พวกเรายกเลิกการหมันหมายเร็ วหน่ อยคงไม่เป็ นไร หนังสื อหมันกับของหมันทีปี


นันท่านอ๋ องมอบให้ท่านพ่อรวมถึงของขวัญตามเทศกาลและวันขึนปี ใหม่ทีส่ งมาทีจวนเจินกัวโหว ข้าล้วนเก็บ
รวมเอาไว้ดว้ ยกันหมดแล้ สามารถให้คนงานขนกลับไปทีวังจิงอ๋ องได้ทนั ที ท่านอ๋ องเพียงแค่มอบหนังสื อหมันที
ท่านพ่อมอบให้ท่านอ๋ องคืนมาให้ขา้ เท่านี ก็ได้แล้วเพคะ......”

ทันใดนันสี หน้าของอดีตจิงอ๋ องก็ซีดขาว เขาเพียงกระอักเลือดสี แดงสดออกมาครังหนึ ง ร่ างกายสู งใหญ่ก็ลม้ ลง


ไปกับพืน......

“ท่านอ๋ อง !” มู่หรงเสวียตืนตกใจเร่ งยืนมือออกไปรับไว้ !

เพียงพริ บตาเงาร่ างสี ม่วงเข้มสายหนึงปรากฏขึนตรงหน้าของนาง แย่งตัวอดีตจิงอ๋ องเอาไปพยุงไว้ทงยั


ั งสกัดจุด
ชีพจรสําคัญ ๆ บนร่ างกายของอดีตจิงอ๋ องแล้วเร่ งรี บหยิบเอายาลูกกลอนป้ อนใส่ ปากของอดีตจิงอ๋ องทันที......

เมือมองไปทีดวงหน้าหล่อเหลาและการกระทําทีคล่องแคล่วของเขา มู่หรงเสวียก็เลิกคิวเบา ๆ มิใช่ว่าเย่อีเฉิ น


กลับวังจิงอ๋ องไปดูอาการของฉิ นยวีเยียนแล้วหรอกหรื อ ? ทําไมเขาถึงได้ยอ้ นกลับมา ?
เมือมองเห็นสี หน้าสงสัยของนาง เย่อีเฉิ นก็ขมวดคิว แล้วกล่าวตําหนิ ขนอย่
ึ างไม่พอใจ “ท่านพ่อมีโรคประจําตัว
อีกทังยังนังรถม้ามาตลอดทางกลับเมืองหลวงไม่ได้แวะพักทีใดเลยแม้แต่น้อย แต่เจ้ากลับมาพูดเรื องถอนหมัน
กับเขา......”

หลังจากเมือครู่ ทีเขาเดินออกไปได้ช่วงหนึง ก็เห็นมู่หรงเสวียก้าวเดินออกไปทีด้านหน้าของอดีตจิงอ๋ อง เช่นนัน


เขาก็อยากได้ยนิ ว่ามู่หรงเสวียจะพูดอะไรกับอดีตจิงอ๋ อง ก็เลยแอบเดินย้อนกลับมาอย่างเงียบ ๆ แต่กลับคาดไม่
ถึงว่ามู่หรงเสวียกลับมิได้ฟ้องหรื อว่าร้ายเขาแต่อย่างใด และไม่ได้พูดกล่าวหรื อต่อว่าถึงเรื องราวทีเขากระทํา
เอาไว้ แต่นางกลับพูดขอถอนหมันออกไปตรง ๆ......

“ข้าไหนจะไปรู ้วา่ อดีตจิงอ๋ องมีโรคประจําตัวหนักขนาดนี ?” มู่หรงเสวียตอบเขาอย่างไม่พอใจ นางก็แค่พูดถึง


เหตุผลและการตัดสิ นใจของนางในการถอนหมันเพียงเท่านัน ใครจะไปรู ้วา่ โรคประจําตัวของอดีตจิงอ๋ องกลับ
จะถูกกระตุน้ จนกําเริ บ......

ดูท่าอดีตจิงอ๋ องคงอยากให้นางกับเย่อเฉิ
ี นครองคู่ดว้ ยกันมาก แต่น่าเสี ยดายทีเจ้าบ่าวไม่ได้รัก ฝ่ ายเจ้าสาวก็ไม่มี
ใจ ชาติภพนี คงไม่มีทางอยูด่ ว้ ยกันได้......

เย่อีเฉิ นกล่าวขึนอย่างเย็นชา “ท่านพ่อพอใจกับการหมันหมายครังนี มาก คราวหลังเจ้าอย่าได้พดู เรื องการถอน


หมันต่อหน้าเขาอีก......”

มู่หรงเสวียหัวเราะขึนอย่างดูถกู “ไม่ถอนหมันแล้วจะให้ไปเป็ นอนุให้เจ้าทีวังจิงอ๋ องอย่างนันหรื อ ? หากจะฝัน


กลางวันเจ้าก็ควรดูเวลาด้วย”
สี หน้าของเย่อีเฉิ นมืดครึ มลง เขากล่าวเน้นขึนทีละคํา “ข้าสามารถให้เจ้าเป็ นพระชายาเอกแห่ งจิงอ๋ อง......”

“แล้วหลังจากนันล่ะ ? จิงอ๋ องก็แต่งองค์หญิงฉิ นเป็ นชายารอง หลงนาง รักนาง อยู่ ๆ ก็อยากจะตามใจนางแล้ว


มอบอํานาจการจัดการดูแลวังอ๋ องให้นางเมือใดใครจะรู ้ได้ ส่ วนข้าผูท้ ีครอบครองตําแหน่งพระชายาเอกก็จะ
กลายเป็ นเพียงส่ วนเกิน สุ ดท้ายถูกส่ งเขาเรื อนทีผุพงั ทรุ ดโทรมใช้ชีวิตตามมีตามเกิด ? หรื อว่าจะถูกส่ งไปที
จวงจือ (ทีดินอืน ๆ นอกวังอ๋ อง) เพือจะได้ไม่ขวางหู ขวางตาพวกเจ้า ? หรื อว่าจะมอบยาพิษหนึ งถ้วยให้ขา้ ป่ วย
หนักจนตกตายไป ?”

มู่หรงเสวียเลิกคิวมองเย่อีเฉิ น สี หน้าของนางคล้ายยิมคล้ายไม่ยมจนสี
ิ หน้าของเย่อีเฉิ นมืดครึ ม “เจ้าคิดว่าข้าจะ
ปฏิบตั ิตนกับเจ้าเช่นนันหรื อ ?”

“หรื อว่าไม่ใช่ล่ะ ? อ้อ......ข้าลืมไปว่าอดีตจิงอ๋ องยังอยู.่ .....ถ้าเขามีชีวิตอยูข่ า้ ก็จะสามารถใช้ชีวติ ได้อย่างสุ ขสบาย


เท่านีข้าก็จะเปรี ยบเสมือนเครื องประดับของวังจิงอ๋ อง แต่พอเขาสิ นไปข้าก็คงจะต้องตกตายตามไปด้วย......”

“พระชายาเอกแห่ งจิงอ๋ องร่ างกายอ่อนแอเพราะว่าญาติผใู ้ หญ่สินใจไปเลยตรอมใจมากจนเกินไป โชดไม่ดีอยูไ่ ด้


ไม่นานก็สินใจตามไปด้วย ช่างเป็ นข้ออ้างทีทําให้ผคู ้ นซาบซึ งใจยิงนัก และยังเป็ นเหตุผลทีทําให้ผคู ้ นเคารพนับ
ถือ......องค์หญิงฉิ นก็จะใช้ขอ้ อ้างว่าวังอ๋ องไม่สามารถไม่มีนายหญิงได้ จึงเลือนขึนเป็ นพระชายาเอกแห่ งจิงอ๋ อง
แล้วครองรักกับท่านอ๋ องไปจนแก่เฒ่า......” มู่หรงเสวียพูดถึงฉากทีตัวเองคาดเดาไว้อย่างเป็ นตุเป็ นตะ

สี หน้าของเย่อีเฉิ นเขียวคลํา แววตาวูบไหวไปด้วยความดุดนั กัดฟั นกรอด “มู่หรงเสวีย !”


ทันใดนันมู่หรงเสวียก็หลุดจากภวังค์ ยิมขึนอย่างขอโทษขอโพย “ข้าคงพูดมากเกินไปหน่อย พวกเรามาพูดจา
เป็ นการเป็ นงานกันเถอะ อดีตจิงอ๋ องไม่เห็นด้วยทีจะให้ฉินยวีเยียนเป็ นพระชายาเอกนันถือว่ามันเป็ นเรื องของ
พวกเจ้า พวกเจ้าอย่าได้คดิ จะเอาข้าไปเป็ นเกาะกําบังธนู ทังอย่าได้คิดจะเอาข้าไปเป็ นเครื องสังเวยเพือทีเจ้าทัง
สองจะได้ครองรักกันดังหวัง การหมันหมายครังนี ไม่ว่ายังไงก็ตอ้ งยกเลิกให้ได้ !”

เพียงทิงคําพูดเย็นชาเอาไว้ มู่หรงเสวียก็หมุนกายเดินอาด ๆ ออกไปด้านหน้าโดยไม่หันกลับมามองอีก

ดวงตาคุณชายโอวหยางฉายแววเคร่ งขรึ มเดินไปด้านหน้าโอบไหล่ของมู่หรงเสวียเอาไว้ “เวลาก็ล่วงเลยไปมาก


แล้ว ข้าจะไปส่ งเจ้ากลับจวน !”

“ตกลง !” มู่หรงเสวียพยักหน้า แล้วเดินออกไปด้านหน้าตามการนําพาของคุณชายโอวหยาง

ี นมืดครึ มจนดูน่ากลัว แววตาลุกโชนไปด้วยไฟ


มองไปทีเงาร่ างของทังสองทีแนบชิดแอบอิงกัน สี หน้าของเย่อเฉิ
โกรธถึงสามารถจะปรากฏเป็ นตัวอักษรได้ว่า มู่หรงเสวีย !

ตงฟางหลีมองเย่อีเฉิ นทีแววตาเต็มไปด้วยไฟโกรธ แล้วค่อยหันมองไปทีคุณชายโอวหยางกับมู่หรงเสวียทีดู


เหมาะสมกันดังคู่รักแห่ งเทพเซี ยน พลันแววตาวูบไหวไปด้วยรอยยิมสนใจ

ฮังถงทีไม่เข้าใจดังนันจึงถามขึน “คุณชาย ท่านเป็ นอะไรหรื อพ่ะย่ะค่ะ ?”


“ไม่มีอะไร !” ตงฟางหลีส่ายหน้า มุมปากของเขายกขึนน้อย ๆ คล้ายยิมคล้ายไม่ยมิ “เพียงแค่รู้สึกว่าพวกเรามา
ได้ถูกจังหวะยิงนัก เมืองหลวงของชิงเหยียน อีกไม่นานคงจะมีเรื องราวให้ได้ดูชมแน่ ”
ตอนที 117 ไปถอนหมัน

ท้องฟ้ ายามราตรี คอ่ ย ๆ มืดมิดลง คุณชายโอวหยางโอบมู่หรงเสวียมาถึงจวนเจินกัวโหว ทังสองข้างของประตู


หลักแขวนไว้ดว้ ยโคมไฟสี แดงลวดลายวิจิตรงดงามทีเปล่งแสงสว่างออกมาอ่อน ๆ

สี หน้าของคุณชายโอวหยางเคร่ งขรึ มลงแล้วกล่าวขึนด้วยเสี ยงราบเรี ยบ “โรคประจําตัวของอดีตจิงอ๋ องกําเริ บ เจ้า


อยากจะไปเยียมทีวังจิงอ๋ องหรื อไม่ ?”

มู่หรงเสวียพยักหน้า “แน่นอนว่าต้องไป พรุ่ งนีเช้าข้าค่อยไปเยียมเขาแล้วก็จะได้นาํ พวกของหมันและของขวัญ


ต่าง ๆ ทีวังจิงอ๋ องเคยมอบให้ส่งกลับไปพร้อมกันเสี ยเลย จะได้จดั การเรื องการถอนหมันให้เรี ยบร้อย......”

อดีตจิงอ๋ องกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว นางจะต้องเร่ งรี บยกเลิกการหมันหมายระหว่างนางกับเย่อีเฉิ นให้เร็ วทีสุ ด


เพือป้ องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝันจะเกิดขึน

แววตาของคุณชายโอวหยางเจือปนไปด้วยรอยยิมทียากจะค้นพบแต่เพียงครู่ เดียวก็กลับสลายหายไป แล้วกล่าว


เสี ยงตํา “ดูท่าว่าอดีตจิงอ๋ องไม่อยากจะยกเลิกการหมันหมายระหว่างเจ้ากับเย่อีเฉิ น......”

มู่หรงเสวียสบถออกมาเบา ๆ “แต่ขา้ ไม่อยากไปเป็ นอนุ ให้เย่อีเฉิ นทีวังจิงอ๋ อง อีกทังยังไม่อยากตกตายภายใต้


นํามือของเขา การหมันหมายครังนี ถึงแม้เขาไม่อยากยกเลิก แต่กต็ อ้ งยกเลิก......”
เมือมองไปทีดวงตาหนักแน่ นของนาง คุณชายโองหยางก็ยกยิมขึนอย่างหล่อเหลาแล้วกล่าวขึนอย่างราบเรี ยบว่า
“เจ้าต้องการให้ขา้ ช่วยหรื อไม่ ?”

“ไม่ตอ้ ง นีเป็ นเรื องส่ วนตัวระหว่างข้ากับเย่อีเฉิ น เจ้าเข้ามายุง่ เกียวด้วยมันจะดูไม่ดีนัก” มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ แต่


ในใจกําลังคิดอ่านอะไรบางอย่าง

คุณชายโอวหยางเป็ นองค์ชายเซี ยวเหยาอ๋ อง ไม่ใช่คนของจวนเจินกัวโหว เขาเป็ นคนนอก หากนางพาเขาไป


เจรจาเรื องการถอนหมันทีวังจิงอ๋ องด้วยก็คงจะดูไม่เหมาะไม่ควรนัก ถ้าเกิดอดีตจิงอ๋ องรู ้สึกไม่ดีคิดว่านางไม่รู้จกั
กาลเทศะขึนมา และกดดันให้นางลําบากด้วยอารมณ์โกรธเพียงชัววูบ การถอนหมันในครังนี ก็คงจะกลายเป็ น
เรื องยากขึนมาทันที......

“เช่นนันข้าก็จะรอฟังข่าวของเจ้าอยูท่ ีวัง !” คุณชายโอวหยางพูดขึนอย่างราบเรี ยบ แววตาเปล่งประกายไปด้วย


ความหมายทีผูค้ นไม่อาจเข้าใจ

“ตกลง !” มู่หรงเสวียพยักหน้า องครักษ์เงาของวังเซี ยวเหยาอ๋ องนันมีเครื อข่ายครอบคลุมเกือบครึ งเมืองหลวง ถ้า


นางถอนหมันสําเร็ จ คุณชายโอวหยางก็คงจะรู ้ขา่ วอย่างรวดเร็ ว

เมือมองไปทีแววตาเหนื อยล้าของนาง คุณชายโอวหยางก็กล่าวขึนเสี ยงเบา “นีก็ดึกมากแล้ว เจ้ารี บกลับเรื อนไป


พักผ่อนเสี ยเถอะ พรุ่ งนียังต้องจัดการกับเรื องราวต่าง ๆ อีกมากมายนัก”
“ได้ ราตรี สวัสดิ !” มู่หรงเสวียพูดขึนเพียงเบา ๆ แล้วค่อย ๆ หมุนกายอย่างช้า ๆ เดินนวยนาดเข้าจวนเจินกัวโหว
ไป

จนกระทังมองส่ งนางหายลับไปจากสุ ดทางเดินหิ น สี หน้าของคุณชายโอวหยางก็กลายเป็ นเคร่ งขรึ มทันที เขา


หมุนกายอย่างสง่างามเดินไปทางทิศของวังเซี ยวเหยาอ๋ อง

เสี ยงฝี เท้าบางเบาดังขึนด้านหลัง ตามเขามาอย่างไม่เร่ งรี บนัก คุณชายโอวหยางทําเป็ นไม่สนใจ เพียงแต่กา้ วยาว
ๆ ไปด้านหน้าต่อไป หลังจากทีเลียวไปมาได้หลายครา ก็กา้ วเดินเข้าไปในวังเซี ยวเหยาอ๋ องอย่างช้า ๆ

แต่แล้วก็มีเสี ยงห้ามปรามของทหารยามก็ดงั ขึนตามหลัง “คุณชาย ทีนี คือวังเซี ยวเหยาอ๋ อง คนแปลกหน้าห้ามเข้า


!”

“คุณชายของข้าเป็ นเพือนกับคุณชายของท่าน ไม่ใช่คนแปลกหน้าอะไร !” เสี ยงอธิบายด้วยความเย็นชาของฮัวถง


ดังเข้าหู คุณชายโอวหยางย่นคิวบางเบาแล้วหมุนกายหันไปมองนายบ่าวทังสองคน “ตงฟางหลี นี ก็มืดคําแล้ว เจ้า
กลับไม่ไปทีอีก่วนหรื อโรงเตียม แต่ตามข้ามาทีวังเซี ยวเหยาอ๋ องด้วยเหตุใด ?”

“ข้าจะมาขอเข้าพักทีวังเซี ยวเหยาอ๋ องน่ ะสิ ” ตงฟางหลีกล่าวขึนอย่างเป็ นเรื องปกติธรรมดา มู่หรงเสวียเป็ นหญิง


มันไม่เหมาะนักทีเขาจะตามนางเข้าจวนเจินกัวโหว ถึงแม้ว่าเขาไปอาศัยอยูร่ อบ ๆ จวนเจินกัวโหวจะใกล้กบั จวน
เจินกัวโหวมากกว่า แต่ก็ยงั ถูกขวางกันด้วยกําแพงไม่สะดวกทีดูชมเรื องราววุ่นวายทีจะเกิดขึน
คุณชายโอวหยางชอบพอในตัวมู่หรงเสวีย เรื องราวของมู่หรงเสวียกับเย่อเฉิ
ี น มีความเป็ นไปได้สูงทีเขาจะเข้าไป
ยุง่ เกียวแทรกแซง เขาอาศัยอยูท่ ีวังเซี ยวเหยาอ๋ องจับตาดูคุณชายโอวหยาง จึงไม่ตอ้ งกลัวทีจะไม่ได้ดูชมเรื องราว
ทีน่ าสนใจพวกนีแน่ นอน

คุณชายโอวหยางมองมาทางเขาด้วยสี หน้าเรี ยบนิง พลางกล่าวเสี ยงเย็น “วังเซี ยวเหยาอ๋ องมิใช่โรงเตียม หาก


อยากจะเช่าพัก เชิญไปทีอีก่วน”

“อีก่วนสภาพแวดล้อมและการตกแต่งล้วนธรรมดาสามัญ สํารับอาหารก็เพียงพืน ๆ ข้าย่อมไม่มีทางไปทีนัน !”


ตงฟางหลีส่ายหน้าด้วยความขยาด เมือมองไปทีสี หน้าดุดนั ของคุณชายโอวหยาง แววตาของเขาก็วบู ไหวอย่าง
เปล่งประกาย

“ถ้าเกิดวังเซี ยวเหยาอ๋ องไม่สะดวกให้ขา้ เข้าพักจริ ง ๆ ข้าสามารถไปทีวังจิงอ๋ อง ถึงแม้ว่าข้ากับจิงอ๋ องและอดีตจิง


อ๋ องจะเพิงพบหน้ากันโดยบังเอิญแค่เพียงครังเดียวดท่านัน แต่ว่าข้าเป็ นถึงองค์ชายเจ็ดของซี เหลียง มาตรว่าพวก
เขาคงเต็มใจให้ขา้ เข้าพัก......”

ตงฟางหลียกยิมมุมปากขึนอย่างลําลึกพอเตรี ยมจะหมุนกายจากไป

“หยุดอยูต่ รงนัน !” นําเสี ยงเรี ยกเย็นชาของคุณชายโอวหยางหยุดเขาฝี เท้าของเขาเอาไว้ แววตาตรึ กตรอง ตงฟาง


หลีเป็ นองค์ชายเจ็ดของแคว้นซี เหลียง เพียงรู ้ถึงศักดิฐานะของเขาไม่ว่าใครก็ลว้ นยินดีทีจะให้เขาเข้าพักแน่
ตัวเขาถูกพิษชีเซวีย มีเพียงมู่หรงเสวียเท่านันทีสามารถแก้พิษได้ อีกทังยังต้องไปรักษาให้เขาทุก ๆ สามวันครัง
ถ้าหากเขาไปพักทีวังจิงอ๋ อง มู่หรงเสวียก็จะต้องเข้าออกวังจิงอ๋ องบ่อย ๆ......

“เด็ก ๆ พวกเจ้าพาองค์ชายเจ็ดไปทีเรื อนรับรองทิศตงหนาน (ทิศตะวันออกเฉี ยงใต้) !”

“ทิศตงหนาน ?” แววตาของตงฟางหลีหรี เล็กลง เขาขมวดคิวน้อย ๆ “คุณชายโอวหยาง ข้าทีมาเยือนเป็ นแขก แต่


เจ้ากลับให้ขา้ ไปพักทีเรื อนทีอยูห่ ่ างไกลผูค้ นเช่นนันหรื อ ?”

“ทีนี คือวังเซี ยวเหยาอ๋ อง มิใช่วงั หลวงแห่ งแคว้นซี เหลียง เจ้าไม่ได้มีสิทธิทีจะเลือกได้ ทีข้าให้พกั ทีเรื อนรับรอง
ทิศตงหนานนี ก็ถือว่าให้เกียรติเจ้ามากพอแล้ว อยากอยูก่ อ็ ยู่ ไม่อยากอยูก่ เ็ ชิญ !” คุณชายโอวหยางปรายตามองเขา
ครู่ หนึงแล้วก็หมุนกายจากไป เดินต่อไปด้านหน้าโดยทีไม่หันกลับมามองอีก

ตงฟางหลีมองไปทีทิศตะวันออกเฉี ยงใต้ เขายกยิมมุมปากบาง ๆ เมือครู่ เขาเดินมาจากทิศตะวันออกเฉี ยงใต้


ถึงแม้วา่ จะถูกขวางกันไว้ดว้ ยกําแพงสู งลํา แต่สภาพโดยรวมของทีนันเขาก็กวาดตาดูจนเกือบทัวแล้ว เรื อน
รับรองหลังนันถึงแม้จะอยูไ่ กลไปหน่ อย แต่วา่ ด้านในถูกปลูกไว้ดว้ ยต้นไม้สีเขียว และดอกไม้นานาพันธุ์
สภาพแวดล้อมถือว่าดีมาก เหมาะกับการพักฟื นรักษาตัวยิงนัก เขาก็จะยอม ๆ อดทนอยู่ ๆ ไปก่อน เพือทีจะได้ดู
ชมความวุ่นว่ายทีกําลังจะเกิดขึน

พรุ่ งนีมู่หรงเสวียก็จะไปขอถอนหมันทีวังจิงอ๋ องแล้ว ไม่รู้ว่าเรื องราวจะสําเร็ จลุล่วงหรื อไม่


เช้าวันรุ่ งขึน ก้อนเมฆค่อย ๆ เปิ ดออก หมอกหนาเริ มเบาบางลงและสลายหายไปอย่างช้า ๆ แสงอาทิตย์สีทอง
เปล่งประกายทอแสงผ่านก้อนเมฆสาดส่ องไปทัวทังผืนดิน

เรื อนหลักวังจิงอ๋ อง อดีตจิงอ๋ องทีสลบไสลมาทังคืนนัน ขนตาก็คอ่ ย ๆ สันไหว เปิ ดเปลือกตาขึนอย่างช้า ๆ สิ ง


แรกทีกระทบเข้าสู่ สายตาก็คือดวงหน้าหล่อเหลาแต่ทว่าซี ดขาวของเย่อีเฉิ น ดวงตาของเขาดูเหนือยล้า ใต้ตาดํา
คลํา แน่ นอนว่าไม่ได้นอนมาทังคืน

เมือเห็นอดีตจิงอ๋ องฟื นขึนมาแล้ว เย่อีเฉิ นก็ถอนหายใจออกมาโล่งอก “ท่านพ่อท่านฟื นแล้ว !”

อดีตจิงอ๋ องตอบรับเสี ยงอืมเบา ๆ ในลําคอ เขาชันกายลุกขึนอย่างช้า ๆ เมือมองไปทีสี หน้าเหนื อยล้าและซี ดขาว


ของเย่อีเฉิ น ก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ “อีเฉิ น การหมันหมายระหว่างเจ้ากับมู่หรงเสวียเป็ นพ่อและลุงเยว่ของเจ้า
ทีกําหนดขึน ลุงเยว่ของเจ้าก็สินไปเร็ วนัก พวกเราวังจิงอ๋ องสมควรทีจะดูแลลูก ๆกําพร้าของเขาถึงจะถูกต้อง ไม่
อาจทําเรื องทีผิดต่อคํามันสัญญาได้ มู่หรงเสวียจะต้องเป็ นชายาเอกของเจ้า เจ้ารี บล้มเลิกความคิดทีจะลดนางให้
เป็ นอนุทิงไปเสี ย......”

แววตาของเย่อีเฉิ นดุดนั เขาเอ่ยกล่าวเสี ยงตํา “แต่ม่หู รงเสวียไม่อยากได้ตาํ แหน่งชายาเอก ตอนนี ในใจของนาง


คิดเพียงอยากถอนหมันเรื องเดียวเท่านัน......”

“ทังหมดนี ล้วนเป็ นเพราะเจ้าไม่ใช่หรื อ ? ถ้าหากเจ้าไม่ได้ลดขันนางเป็ นอนุ ต่อหน้าผูค้ นมากมายในงานเลียง ทํา


ให้นางถูกเยาะเย้ยดูถูก ทําให้นางต้องลําบากทุกข์ยากใจ นางไหนเลยจะต้องการขีดเส้นแบ่งเขตตัดขาดกับเจ้า
เช่นนี ?”
อดีตจิงอ๋ องต่อว่าเขาเสี ยงดัง ถลึงตามองอย่างอารมณ์เสี ย “เจ้ารี บไปทีจวนเจินกัวโหว ยอมรับผิดกับเสวียเอ๋ อร์
ขอร้องให้นางให้อภัย......”

“ท่านพ่อ !” เย่อีเฉิ นแววตาวูบไหวไปด้วยความตกตะลึง ระดับเขาทีเป็ นถึงจิงอ๋ อง แต่กลับต้องลดตัวไปขอโทษ


ขอโพยมู่หรงเสวีย ?

“จ้องอะไรอีก ?” อดีตจิงอ๋ องจ้องมองไปทีเขา แล้วกล่าวเน้นยํา “การหมันหมายทีข้าเป็ นคนกําหนดจะไม่มีทาง


เปลียนแปลงโดยเด็ดขาด ชายาเอกของเจ้า ต้องเป็ นมู่หรงเสวียผูเ้ ดียวเท่านัน ถ้าหากเจ้าไม่ได้แต่งกับนาง ชัวชีวิต
นีก็อย่าได้หวังจะแต่งกับหญิงอืนอีก......”

สี หน้าเย่อีเฉิ นมืดครึ ม ไม่กล่าววาจาใด !

เวลานันทหารยามนายหนึงก็เร่ งรี บวิงเข้ามา รายงานขึนอย่างนอบน้อม “นายท่าน นายท่าน คุณหนูแห่ งจวน


เจินกัวโหวมู่หรงเสวียขอเข้าพบพ่ะย่ะค่ะ !”
ตอนที 118 การถอนหมันล้ มเหลว

แววตาคมกริ บของเย่อีเฉิ นหรี ลง “นางมาขอถอนหมัน !” นี เพิงจะยามเฉิ น (7โมง ถึง 9 โมงเช้า) นางก็ถ่อมาที


วังจิงอ๋ องเสี ยแล้ว ดูท่าคงอดรนทนไม่ไหวทีจะขอถอนหมันกับเขา

“ข้ารู ้ !” อดีตจิงอ๋ องถลึงตามองไปทีเขาอย่างอารมณ์เสี ย “เจ้าไปพบเสวียเอ๋ อร์ เสี ยก่อน พูดจาให้มนั อ่อนหวานน่ า


ฟัง แล้วก็ขอโทษยอมรับผิดกับนางเสี ย รวมถึงอย่าลืมให้คาํ มันและรับประกันว่าเจ้าจะดูแลนางอย่างดีมาก ๆ
ด้วย จะต้องทําให้นางเปลียนใจและเลิกเอ่ยถึงเรื องการถอนหมันให้ได้”

พูดจาอ่อนหวาน ? คําขอโทษ ? คํามันสัญญา ? รับประกัน ? นีไม่ใช่การให้เขาทิงเกียรติของเขาไปปลอบโยนมู่


หรงเสวียหรอกหรื อ !

แววตาของเย่อีเฉิ นวูบไหวไปด้วยความไม่พอใจ เขากล่าวขึนอย่างหมดความอดทน “ลูกปลอบคนไม่เป็ น !”

“ปลอบคนไม่เป็ นก็ตอ้ งไปปลอบ !” อดีตจิงอ๋ องคว้ามือจับไปทีหมอนด้านหลังกาย ปาเข้าไปทีเย่อีเฉิ นอย่างแรง


“เจ้าไม่ใช่ท่านอ๋ องเทพสงครามแห่ งแคว้นชิงเหยียนหรอกหรื อ ? ทหารมากมายของม่อเป่ ยก็ถูกเจ้าจัดการเสี ยราบ
คาบ ถ้าหากผูห้ ญิงเพียงคนเดียวยังปลอบไม่ได้ เจ้าก็อย่าได้กลับมาเจอหน้าข้าอีก !”
เย่อีเฉิ นเบียงกายไปด้านข้างเบา ๆ หลบหมอนทีถูกปามา มองไปทีใบหน้าเกรี ยวกราดของอดีตจิงอ๋ อง คิวหนา
ขมวดเข้าหากันแน่ น ฆ่าคนกับปลอบคนช่างเป็ นสองเรื องทีแตกต่างกันโดยสิ นเชิง จะเอามาเปรี ยบเทียบกันได้
อย่างไร ?

อีกทังแต่ก่อนมู่หรงเสวียมีนิสัยเรี ยบร้อยอ่อนโยน ทังยังหลงรักเขาทังกายและใจ เขาพูดคําหวานเพียงไม่กีคํา


นางก็จะเปลียนใจอย่างง่ายดาย “ตอนนี มู่หรงเสวียมีความคิดเป็ นของตัวเองสู ง อีกทังยังเกลียดชังลูกยิงกว่าอะไร
ดี คิดแต่จะถอนหมันลูกเดียว ไม่ว่าลูกจะพูดอะไร นางล้วนไม่มีทางเชือ คงมีแต่จะเร่ งให้ลูกถอนหมันกับนาง
โดยเร็ ว......”

“เช่นนันเจ้าเห็นว่าควรทําเช่นไร ?” อดีตจิงอ๋ องถลึงตามองเขาอย่างเสี ยอารมณ์ การหมันหมายทีดีงามสมบูรณ์


แบบเช่นนี กลับถูกเขาทําให้เละเทะเสี ยได้ ช่างน่าโมโหยิงนัก......

สี หน้าของเย่อีเฉิ นเคร่ งขรึ ม “ลูกจะพูดให้ม่หู รงเสวียยอมกลับจวนเจินกัวโหวไปก่อน แล้วค่อยคิดหาแผนการให้


ละเอียดรอบคอบกว่านี เท่านี การหมันหมายของพวกเราก็ยงั จะคงอยู่ แล้วค่อยคิดหาวิธีให้นางเปลียนใจทีหลังได้
!”

ตอนนี มู่หรงเสวียหยิงทะนงถือตัว ล้วนมองไม่เห็นเขาอยูใ่ นสายตา เขาไม่มีทางลดเกียรติไปปลอบโยนนาง

ท่านพ่อทีมีโรคประจําตัวควรหลีกเลียงเรื องราวทีส่ งผลต่ออารมณ์ความรู ้สึก ถ้าเกิดเขาปฏิเสธไม่ทาํ ตามความ


ต้องการของท่านพ่อ แน่ นอนว่าท่านพ่อจะต้องโมโหอย่างรุ นแรงแล้วส่ งผลกระทบต่อร่ างกาย เขาก็จะขอใช้
ข้ออ้างนีทําให้ท่านพ่อสบายใจไปก่อน และค่อยคิดหาวิธีจดั การเรื องของมู่หรงเสวียอย่างช้า ๆ
อดีตจิงอ๋ องนิงเงียบไปครู่ หนึ ง แล้วกล่าวขึนเสี ยง “เจ้าก็จดั การดูแล้วกัน แต่วา่ เจ้าต้องจําเรื องหนึ งไว้ให้ขึนใจ
ชายาเอกของเจ้ามีเพียงมู่หรงเสวียเท่านัน การหมันหมายของพวกเจ้าห้ามยกเลิกโดยเด็ดขาด !”

“ลูกทราบแล้ว !” เย่อีเฉิ นพยักหน้าอย่างไม่ค่อยเต็มใจ ในแววตาคมของเขาวูบไหวไปด้วยความมืดมิด

ภายใต้แสงอาทิตย์ทีสาดส่ อง มู่หรงเสวียยืนอยูห่ น้าประตูวงั จิงอ๋ อง ก้าวเดินไปมาอย่างช้า ๆ แววตากระจ่างใส


มองเข้าไปในวังอ๋ องเป็ นพัก ๆ......

ทันใดนัน บนทางเดินหิ นก็ปรากฏเงาร่ างสู งโปร่ งของคนผูห้ นึง เขาอยูใ่ นชุดสี นาเงิ
ํ นเข้ม ใบหน้าหล่อเหลา เป็ น
บุตรชายของจวนสังซูสวีเทียนโย่ว

เขาค่อย ๆ เดินมาทีด้านหน้าของมู่หรงเสวีย ทักทายอย่างมีมารยาท “คุณหนูมู่หรง !”

“ทําไมถึงเป็ นเจ้าได้ ?” มู่หรงเสวียขมวดคิวเบา ๆ นางมาขอถอนหมัน ก็น่าจะเป็ นจิงอ๋ องกับอดีตจิงอ๋ องทีออกมา


ส่ งมอบหนังสื อหมันคืนให้แก่นางสิ ถึงจะถูก ส่ งสวีเทียนโย่วทีไม่มีความเกียวข้องอะไรมาเพราะเหตุใดกัน ?

สวีเทียนโย่วยิมน้อย ๆ “โรคเก่าของอดีตจิงอ๋ องกําเริ บ จิงอ๋ องกําลังเฝ้ าดูแลเขาอยูท่ ีข้างเตียง ตอนนี ไม่มีเวลา


ออกมาต้อนรับคุณหนูม่หู รง ผูน้ ้อยได้รับคําสังของจิงอ๋ อง ให้เชิญคุณหนู ม่หู รงไปนังรอทีเรื อนรับรองสักครู่ รอ
ให้อดีตจิงอ๋ องฟื นได้สติเมือไร เขาจึงจะออกมาพบคุณหนูขอรับ......”
“ถ้าเช่นนันอดีตจิงอ๋ องจะฟื นเมือไร ?” แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหวอย่างลําลึก

“นีเอ่อ......ยังไม่สามารถบอกได้แน่ ชดั ขอรับ” สวีเทียนโย่วส่ ายหน้า แววตาส่ อความหนักใจ “หมอหลวงยังรอดู


อาการอยูใ่ นวังอ๋ องอยูข่ อรับ พวกเขายังไม่สามารถบอกถึงเวลาฟื นคืนสติทีชัดเจนของอดีตจิงอ๋ องได้......”

แววตาของมู่หรงเสวียสันไหว “อาการป่ วยของอดีตจิงอ๋ องหนักมากเลยหรื อ ?”

แววตาของสวีเทียนโย่วเปล่งประกายวูบไหว แล้วกล่าวขึนเสี ยงตํา “อดีตจิงอ๋ องได้รับบาดเจ็บตอนอยูใ่ นสนาม


รบ ไม่สามารถไปรบต่อได้อีก เพราะเหตุนนถึ
ั งได้ยกตําแหน่ งจิงอ๋ องให้เย่อเฉิ
ี น โรคประจําตัวของเขาก็เป็ น
ผลกระทบมาจากอาการบาดเจ็บสาหัสครังนันด้วย ทุกครังทีอาการกําเริ บก็จะเหมือนกับสู ญเสี ยพลังชีวิตไป
ครึ งหนึง......”

มู่หรงเสวียหรี ตาลง ท่านลุงฮุยเป็ นพ่อบ้านของจวนเจินกัวโหวมาหลายปี นางทราบอย่างชัดเจนว่าคนทีได้รับ


บาดเจ็บสาหัสบนสนามรบ จะต้องระวังเรื องอารมณ์และความรู ้สึก ไม่สามารถรู ้สึกโกรธและเครี ยดมาก
จนเกินไปได้ ทังยังไม่สามารถใช้วรยุทธ์ได้อย่างบ่อยครัง มิเช่นนันตอนทีอาการกําเริ บ จะเจ็บปวดจนหน้าซี ด
ขาว สุ ดท้ายก็จะสลบไม่ได้สติไป !

เมือคืนอดีตจิงอ๋ องถูกกระตุน้ ให้โกรธจนโรคประจําตัวกําเริ บ ถึงจะไม่ได้ร้ายแรงจนถึงขึนเสี ยชีวิตแต่พละกําลังก็


คงเหลืออยูอ่ ีกไม่มากแล้ว ทว่าตอนทีเขาอาการกําเริ บก็ได้รับยาเข้าไปอย่างทันเวลา ถึงแม้ร่างกายจะอ่อนแอก็
ควรทีจะฟื นคืนสติได้แล้วสิ ถึงจะถูก “ข้าสามารถเข้าไปเยียมเขาได้หรื อไม่ ?”
สวีเทียนโย่วยิมปฏิเสธขึน “ขออภัย จิงอ๋ องมีคาํ สังว่าอดีตจิงอ๋ องมีอาการป่ วยทีสาหัสนัก ต้องการความสงบให้
การพักฟื น ก่อนทีเขาจะฟื นคืนสติไม่ว่าใครก็หา้ มเข้าไปรบกวน”

“จริ งหรื อ ?” มู่หรงเสวียเลิกคิวมองไปทีเขา กล่าวเน้นทีละคํา “ข้าเพียงแค่เข้าไปเยียมดูเท่านัน รับรองว่าจะไม่ส่ง


เสี ยงดังอะไร ไม่มีทางรบกวนการพักผ่อนของอดีตจิงอ๋ องแน่ !”

“คุณหนูม่หู รง ทีนี คือวังจิงอ๋ อง ผูน้ อ้ ยฟังเพียงคําสังของท่านอ๋ องเท่านัน โปรดอย่าได้ทาํ ให้ผนู ้ อ้ ยลําบากใจเลย


ขอรับ......”

สวีเทียนโย่วพูดเหตุผลทีคิดเตรี ยมเอาไว้แล้วอย่างแนบเนี ยนไม่มีอาการกระวนกระวายให้เห็นแม้แต่นอ้ ย แต่เมือ


เงยหน้าขึนมองไปอย่างช้า ๆ กลับเห็นมู่หรงเสวียกําลังมองมาทีเขาด้วยท่าทางคล้ายยิมคล้ายมิยมิ ดวงตากระจ่าง
ใสเหมือนดังแก้วทีสามารถมองทะลุผา่ นได้ แต่ในเวลาเดียวกันก็ให้ความรู ้สึกเย็นยะเยือกคมกริ บคล้ายกับว่ามอง
ออกถึงคําโกหกจนทะลุปรุ โปร่ งและรับรู ้ความจริ งทังหมด......

อยู่ ๆ สวีเทียนโย่วก็มีอาการหนังตากระตุก คําพูดทีคิดเอาไว้อย่างสวยหรู พลันชะงักลง พยายามยกมุมปากขึนยิม


อย่างเก้ ๆ กัง ๆ “เอ่อ แดดเริ มทีจะค่อนข้างแรง พวกเราไปพูดคุยกันต่อทีเรื อนรับรองเถอะ คุณหนูม่หู รงโปรด
ตามข้ามา......”

“ไม่ตอ้ ง !” มู่หรงเสวียปฏิเสธคําเชิญของเขาอย่างเย็นชา แล้วกล่าวขึนอย่างไม่นาํ พา “อดีตจิงอ๋ องโรคประจําตัว


กําเริ บ ต้องการพักผ่อนมาก ๆ ข้าก็ไม่เข้าวังอ๋ องไปรบกวนแล้ว รอเขาฟื นได้สติเมือไรค่อยมาเยียมเขา !”
แน่นอนว่าอดีตจิงอ๋ องต้องตืนแล้วแต่ว่าไม่อยากให้นางถอนหมัน ดังนันจึงตังใจหาข้ออ้างทีจะไม่ให้นางเข้าพบ !

การป้ องกันด้านในของวังจิงอ๋ องนันเข้มงวดนัก ด้านในวังอ๋ องทุกซอกทุกมุมล้วนเต็มไปด้วยบรรดาทหารยาม


แถมพวกเขายังเป็ นทหารทีผ่านสนามรบและการต่อสู ้มานับครังไม่ถว้ น แน่ นอนว่าวรยุทธ์ตอ้ งสูงส่ ง รอจนนาง
หลุดพ้นจากแนวป้ องกันของพวกเขาไปได้ แล้วพบเจอกับอดีตจิงอ๋ องและเย่อีเฉิ น ถึงตอนนันอดีตจิงอ๋ อง
แน่นอนว่าจะต้อง ‘สลบไม่ได้สติ’ เหมือนอย่างทีสวีเทียนโย่วพูดไว้ เย่อีก็จะยุง่ วุ่นวายอยูก่ บั การดูแลอดีตจิงอ๋ อง
ไม่มีเวลามาสนใจนาง สุ ดท้ายก็เหมือนเดิมคือไม่สามารถถอนหมันได้......

“เวลาก็ไม่นอ้ ยแล้ว เช่นนันข้าขอตัวกลับจวนก่อน หี บกล่องพวกนี ก็ทิงไว้ทีนีแล้วกัน” อดีตจิงอ๋ องไม่อยากพบ


นาง ถึงนางจะรอไปถึงพรุ่ งนี จนฟ้ าสว่าง อดีตจิงอ๋ องก็ไม่มีทาง ‘ฟื น’ ขึนมา นางคงไม่มามัวยืนโง่ ๆอยูต่ รงนี ทน
ตากแดดตากลมให้ทรมาน

สวีเทียนโย่วปรายตามองไปทีหี บกล่องเจ็ดแปดใบใหญ่ ๆ ด้านหลังของมู่หรงเสวีย ยืนปากออกมาเล็กน้อย นัน


มิใช่ของหมันกับพวกของขวัญต่าง ๆ นา ๆ ทีจิงอ๋ องมอบให้มู่หรงเสวียหรอกหรื อ ? นางล้วนขนกลับมาทังหมด
นีนางคงคิดทีจะตัดขาดความสัมพันธ์กบั จิงอ๋ องอย่างสิ นเชิงจริ ง ๆ

แต่ทีจิงอ๋ องสังการเขาไว้คอื ไม่อนุญาตให้ม่หู รงเสวียถอนหมัน ดังนันหี บกล่องพวกนี คงทิงเอาไว้ทีนี ไม่ได้ !

“คุณหนูม่หู รง ของหมันทีจิงอ๋ องส่ งให้ท่าน ท่านควรมอบให้กบั เขาด้วยตัวเองถึงจะเหมาะสม ผูน้ อ้ ยเป็ นแค่คน


นอก ไม่เหมาะไม่ควรทีจะเข้าไปยุง่ เกียวกับเรื องราวของพวกท่าน......”
มู่หรงเสวียปรายตามองเขาครู่ หนึง พร้อมทังกล่าวขึนอย่างเย็นชา “เย่อีเฉิ นให้เจ้ามาต้อนรับข้า แน่ นอนว่าไม่ได้
มองเจ้าเป็ นคนนอก ก็แค่ของหมันหมายไม่กีกล่องเท่านัน มอบให้เขาหรื อมอบให้เจ้าก็ลว้ นไม่ต่างกัน......”
ตอนที 119 ส่ งของหมันคืน

“เอ่อ......” ดวงตาของสวีเทียนโย่วมีแววลําบากใจ “ผูน้ อ้ ยไม่ใช้เจ้านายของวังจิงอ๋ อง รับสิ งของแทนพวกเขาโดย


ไม่ได้รับอนุญาต กลัวว่าจะไม่เหมาะ......”

“เช่นนันเจ้าก็เข้าไปถามเย่อีเฉิ น......” มู่หรงเสวียกล่าวชีแนะขึนอย่างเย็นชา เย่อเฉิ


ี นลดขันนางเป็ นอนุ ต่อหน้า
ผูค้ นมากมาย ถือเป็ นการเหยียดหยามนาง ดูหมินนาง นางทีขอถอนหมันก็ถูกต้องสมเหตุสมผลแล้ว นางไม่เชือ
ว่าเย่อีเฉินจะกล้าพูดว่าไม่รับของหมันคืน !

“จิงอ๋ องกําลังเฝ้ าไข้อดีตจิงอ๋ องอยู่ เกรงว่าจะไม่มีเวลามาสนใจข้า” สวีเทียนโย่วยิมขึนอย่างขออภัย ท่าทางปฏิเสธ


ไม่ตอ้ งการทําตามคําแนะนําของนาง

“อย่างนันหรื อ ?” มู่หรงเสวียเลิกคิว กล่าวขึนอย่างไม่ตอ้ งคิด “เช่นนันก็ทิงของหมันไว้ทีนี รอให้เย่อีเฉิ นจัดการ


เรื องราวเสร็ จแล้ว เจ้าค่อยไปบอกเขา เขาจะต้องให้คนขนหี บเข้าไปในวังจิงอ๋ องแน่นอน......” มีทหารยามของ
วังจิงอ๋ องเฝ้ าอยูท่ ีประตูวงั หี บกล่องพวกนี ไม่มีทางสู ญหายแน่

“ถนนใหญ่สายนี มีผคู ้ นพลุกพล่าน ถ้าหากมีคนไม่ระวังมาชนกับหี บกล่องพวกนีเข้าแล้วทําให้ของด้านใน


เสี ยหาย จะทําเช่นไร ?” สวีเทียนโย่วไม่เห็นด้วย เขาค่อย ๆ กล่าวขึนเสี ยง “คุณหนูมู่หรงนําหี บกล่องพวกนี
กลับไปเถอะขอรับ......”
“เสี ยหายก็เสี ยหายสิ ไม่เห็นจะเป็ นไร ถึงตอนนันข้าค่อยส่ งของทีมีสภาพสมบูรณ์มาแทนทีก็ได้แล้ว......” มู่หรง
เสวียตัดบทคําพูดของเขาอย่างไม่แยแส ของหมันทีวังจิงอ๋ องส่ งมาให้ ทุกชินล้วนมีราคาลําค่า แต่วา่ จวนเจินกัว
โหวก็มีของมีค่าทีไม่ธรรมดาสามัญไม่นอ้ ย ถึงสิ งของด้านในของหี บกล่องจะเสี ยหายทังหมด นางก็ยงั สามารถ
ส่ งมอบของมีค่าทีราคาเท่าเทียมกันชดเชยให้ได้......

แน่นอนว่าหนังสื อหมันและของหมันชินพิเศษทีแนบมากับหนังสื อหมันนางจะต้องนํากลับไปด้วย เพราะว่ามัน


เป็ นสมบัติลาค่
ํ าประจําวังจิงอ๋ องซึ งมีเพียงชุดเดียวในแผ่นดิน ถ้าหากเกิดพังเสี ยหาย ไม่มีทางทีจะหาชินทีสองมา
ทดแทนได้ ฉะนันการหมันหมายครังนี ก็คงไม่สามารถยกเลิกได้สาํ เร็ จแน่ นอน......

“เวลาก็ล่วงเลยมามากแล้ว อดีตจิงอ๋ องก็ป่วยหนัก แถมจิงอ๋ องปลีกตัวออกมาไม่ได้ คุณชายสวีแน่ นอนว่ายังมี


เรื องราวให้จดั การอีกมากมาย เช่นนันข้าก็ไม่ขอรบกวนท่านแล้ว ขอลา !” มู่หรงเสวียโยนคําพูดทิงไว้ หมุนกาย
เดินออกไปด้านหน้าไม่หันกลับไปมองอีก......

สายลมเย็นสบายพัดผ่าน ผนึ กกุญแจสี ทองบนหี บไม้หอมเปล่งประกายแวววาวระยิบระยับภายใต้แสงอาทิตย์ที


สาดส่ อง เพียงพริ บตาสวีเทียนโย่วก็หลุดออกจากภวังค์ แล้วเร่ งรี บตามนางไป “คุณหนูม่หู รง คุณหนูม่หู รง......”

ของทีใส่ ไว้ในหี บไม้หอมเป็ นของหมันทีจิงอ๋ องมอบให้มู่หรงเสวีย หี บกล่องพวกนี ไม่สามารถปล่อยทิงไว้


ด้านหน้าประตูของวังจิงอ๋ องโดยเด็ดขาด ไม่เช่นนันเขาก็จะทําให้เรื องทีจิงอ๋ องสังการเอาไว้ลม้ เหลว......

มู่หรงเสวียได้ยนิ แต่ไม่สนใจ นางค่อย ๆ แหวกม่านก้าวเท้าขึนไปบนรถม้า


“คุณหนูม่หู รง !” สวีเทียนโย่วร้องเรี ยกอย่างร้อนรน เมือสายตาเห็นว่าเขาจะเข้ามาถึงด้านหน้ารถม้าทหารยาม
จวนเจินกัวโหวจึงยืนมือออกไปกันเขาเอาไว้

ช่วงทีเขาหยุดเท้าลงรถม้าก็ได้เคลือนออกไปตามทางแล้ว แล่นไปบนถนนใหญ่ทีราบเรี ยบแล้ววิงออกไป


ด้านหน้าด้วยความรวดเร็ ว......

ช่วงทีรถกําลังจะเลียวออกไป มู่หรงเสวียก็แหวกม่านออกพลางแอบมองไปทีด้านหลัง เห็นสวีเทียนโย่วยืนสี


หน้าเขียวคลําอยูด่ า้ นล่างของขันบันได มองมาทีรถม้าของนาง แล้วค่อยหันกลับไปมองทีหี บไม้หอมหลายหี บ
ด้านข้าง แววตาลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ......

มู่หรงเสวียสบถในใจ ของหมันพวกนีแต่เดิมก็เป็ นของวังจิงอ๋ อง คืนให้วงั จิงอ๋ องก็ดูสมเหตุสมผลแล้ว ทีนางเอา


พวกมันมาด้วยก็ไม่ได้คิดทีจะเอากลับไป ถึงพวกเขาไม่อยากรับ แต่อย่างไรก็ตอ้ งรับไว้......

ิ นยิงสู ง มู่หรงเสวียกลับถึงจวนเจินกัวโหว ก้าวเดินไปบนทางเดินภายในจวนอย่างเบิกบานใจ มุม


ดวงอาทิตย์ยงขึ
ปากยกยิมขึนอย่างงดงาม ภายใต้ความสนใจของผูค้ น ของหมันถูกวางทิงเอาไว้ทีวังจิงอ๋ อง การถอนหมันของ
นางครังนี ถือว่าสําเร็จไปแล้วครึ งนึง......

รอจนนางจะหาจังหวะและโอกาสทีเหมาะสมเจอค่อยไปแลกเปลียนหนังสื อหมันและของหมันแทนตัวชินนัน
คืนให้กบั เย่อีเฉิ น เท่านีนางก็นบั ว่าสามารถตัดขาดจากเย่อีเฉิ นได้อย่างสิ นเชิง กลายเป็ นคนทีไร้พนั ธะ ชาติภพนี ก็
จะได้ไม่ตอ้ งยุง่ เกียวอะไรกับเขาอีก......
“ฟ้ าว ฟ้ าว ฟ้ าว !” เสี ยงแหวกอากาศทีรุ นแรงดังขึน

แววตาของมู่หรงเสวียเย็นยะเยือกเตรี ยมพร้อมทีจะสะบัดมือปั ดมันออกไป แต่กลับเห็นคนชุดดําผูห้ นึงปรากฏ


กายออกมาจากความว่างเปล่านําเอาหี บกล่องมากมายวางเรี ยงไว้ดา้ นหน้าของนาง......

หี บกล่องทํามาจากไม้จนั ทร์ หอม ด้านบนติดไว้ดว้ ยแม่กุญแจทรงกลมสี ทอง ภายใต้แสงอาทิตย์ทีสาดส่ องเปล่ง


ประกายแวววาว

มู่หรงเสวียชะงักไปครู่ หนึง นี ไม่ใช่ของหมันหมายทีนางส่ งคืนให้วงั จิงอ๋ องหรอกหรื อ ? เหตุใดพวกเขากลับนํา


มันส่ งคืนมาให้นาง......

ทันใดนันแววตาของมู่หรงเสวียลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ ถลึงตามองไปยังเหล่าองครักษ์เงาอย่างโหดเหี ยม “พวก


เจ้านําหี บพวกนีกลับไป รี บขนกลับไป......”

เหล่าองครักษ์เงาได้ยนิ แต่ไม่สนใจ เพียงขยับเท้าเบา ๆ บรรดาเงาร่ างสู งใหญ่พริ บตาสลายหายไปจนเหลือแต่


เพียงอากาศธาตุ......

เสี ยงแหวกอากาศค่อย ๆ ไกลออกไป เรื อนหิ มะโปรยเหลือเพียงแค่มู่หรงเสวียผูเ้ ดียว หี บไม้หอมแต่ละใบวางไว้


บนพืนโดยไร้ซึงความเสี ยหาย คล้ายกับกําลังเยาะเย้ยนางโดยไร้เสี ยงพูด......
ความโกรธของมู่หรงเสวียพุ่งปะทุขนสู
ึ ง นางเตะไปทีหี บใส่ ของหมันทีละใบสองใบ แก้วแหวนเงินทองทีลําค่า
รวมถึงผ้าไหมต่าง ๆ นา ๆ ต่างตกกระจัดกระจายลงบนพืน แต่นางกลับไม่สนใจกัดฟันตวาดขึน “เย่อีเฉิ น !”

อยู่ ๆ คิดอยากจะส่ งองครักษ์เงาสักหลายคนบุกเข้าจวนเจินกัวโหวอย่างไม่สนหน้าอินทร์ หน้าพรหม และยังขน


เอาหี บไม้พวกนี มาโยนไว้ดา้ นหน้านาง นี เขารังแกนางเพราะเห็นว่าข้างกายนางไม่มีผคู ้ นให้ใช้สอย อย่างไรก็ไม่
มีทางขัดขวางหยุดยังองครักษ์เงาของวังจิงอ๋ องได้ใช่ไหม ? น่าโมโหยิงนัก น่าคับแค้นใจยิงนัก !

“ของหมันก็ถูกส่ งกลับมาหมดแล้ว เจ้าจะโมโหไปก็ไม่ได้อะไรขึนมา” นําเสี ยงทุม้ ลอยเข้าหู มู่หรงเสวียเงยหน้า


มองไปเห็นคุณชายโอวหยางนอนเอนกายอยูบ่ นตังไม้ใต้ตน้ ฉยงฮวา กําลังลิมรสเหล้าเลิศรสอยูด่ ว้ ยท่าทีสบาย ๆ
ชายเสื อสี ขาวหิ มะลู่ลงไปกับพืน แต่กลับสะอาดสะอ้านไม่เปรอะเปื อนฝุ่ นผงใด ๆแม้แต่นอ้ ย

กลินหอมบางเบาของไม้ไผ่กบั กลินหอมของดอกฉยงฮวาผนวกรวมเข้าด้วยกัน ทําให้กลินหอมฟุ้ งกระจายไปทัว


บริ เวณ บอกได้อีกนัยหนึงว่าคุณชายโอวหยางอยูต่ รงนี มาสักพักแล้ว

“เจ้าอยูท่ ีนี แล้วทําไมเมือครู่ ไม่ออกหน้าช่วยเหลือ ? จัดการไล่พวกองครักษ์เงากับคนทีขนหี บออกไป ดูสิวา่ เย่อี


เฉิ นยังจะกล้าส่ งคนมาทีนี อีกหรื อไม่......”

มู่หรงเสวียเดินออกไปด้านหน้าด้วยอารมณ์โมโหนังลงไปทีเก้าอีด้านข้างของคุณชายโอวหยาง ยืนมือออกไปดึง
ทีแก้มของเขา แล้วหยิกแรง ๆ พริ บตาใบหล่อเหลาก็ขึนรอยแดงเพราะถูกหยิก
ความรู ้สึกเจ็บ ๆ คัน ๆ แล่นขึนมา แววตาของคุณชายโอวหยางวูบไหวไปด้วยความเหนือยใจน้อย ๆ เขายืนมือ
ออกไปจับมือของนางข้างทีกําลังทําร้ายเขา พลางกล่าวเสี ยงตํา “เย่อีเฉิ นไม่มีทางรับของหมันทีเจ้าส่ งคืนไป
ถึงแม้วา่ ข้าจะไล่พวกองครักษ์เงาออกไป พวกเขาก็คงคิดหาวิธีอืนนําเอาของหมันหมายส่ งกลับมา”

มู่หรงเสวียทีได้ยนิ เช่นนันก็ขมวดคิวแน่ นเข้าหากัน ทีคุณชายโอวหยางพูดมานันก็ไม่ผดิ เย่อีเฉิ นไม่อยากทีจะ


ถอนหมันกับนาง แน่นอนว่าก็ตอ้ งคิดแผนการต่าง ๆ นา ๆ นําเอาของหมันหมายส่ งกลับคืนมา ครังแรกไม่สาํ เร็ จ
ก็ตอ้ งมีครังทีสอง ครังทีสองไม่สาํ เร็ จก็ตอ้ งมีครังทีสาม อย่างว่าเขานันมีองครักษ์มากมายให้ใช้สอย

“เจ้ารู ้ตงแต่
ั แรกว่าผลจะเป็ นเช่นนี ? แล้วเหตุใดเจ้าไม่ยอมเตือนข้าสักคํา ?”

“เมือคืนวานไม่ใช่ว่าข้าบอกไปแล้วหรื อว่าอดีตจิงอ๋ องไม่อยากยกเลิกการหมันหมายการแต่งงานระหว่างเจ้ากับเย่


อีเฉิ น ? เจ้าก็ไม่ยอมฟังข้า” คุณชายโอวหยางจ้องมองมาทีนาง คําพูดของเขาแฝงไปด้วยความเยาะเย้ย

“ข้า......” มู่หรงเสวียชะงักไป คําพูดของคุณชายโอวหยางนันนางล้วนรับฟั ง แต่นางคิดไม่ถึงว่าของหมันทีนาง


ส่ งคืนไป เย่อีเฉิ นจะใช้วิธีนีส่ งกลับมา การกระทําของนางทังช่วงสายทีผ่านมากลับกลายเป็ นไร้ค่าไปในทันที
......

เมือมองไปทีใบหน้างํางอของนาง แววตาของคุณชายโอวหยางเจือปนไปด้วยรอยยิมบางเบา มือหยกยกเหล้าเลิศ


รสบนโต๊ะขึนจิบอย่างช้า ๆ !
ใบหน้างดงามของมู่หรงเสวียมืดครึ มลง นางยืนมือไปแย่งจอกเหล้าในมือของเขาแล้วเอาไปวางไว้อีกด้านหนึง
กล่าวขึนอย่างอารมณ์เสี ย “ไม่ตอ้ งดืมแล้ว เจ้ามาช่วยข้าคิดหาแผนการเสี ยก่อน อดีตจิงอ๋ องกลับมาเมืองหลวง
แล้ว ข้าอยากจะถอนหมันให้เร็ วทีสุ ด ไม่อยากให้มนั ยืดเยือออกไปโดยไม่มีกาํ หนด”

“อดีตจิงอ๋ องถือเป็ นผูใ้ หญ่ เขาไม่อยากยกเลิกการหมันหมายระหว่างพวกเจ้า เส้นทางการถอนหมันของเจ้าก็


จะต้องมีแต่อุปสรรคมากมาย เจ้าอยากตัดขาดความเกียวข้องกับเย่อีเฉิ นไม่สามารถทําการอย่างรี บร้อนได้ จําต้อง
คิดแผนการระยะยาว......” คุณชายโอวหยางกล่าวเสี ยงตํา แววตาวูบไหวไปด้วยความคิดทีลําลึก......
ตอนที 120 คิดแผนการ

มู่หรงเสวียหมดคําทีจะพูดกล่าว “เหตุผลเหล่านี ข้าล้วนเข้าใจ เจ้าก็ไม่ตอ้ งมาสอนสังข้าแล้ว รี บ ๆบอกข้ามาตาม


ตรงว่าสมควรทําเช่นไร !”

ช่วงทีอดีตจิงอ๋ องอยูท่ ีหวินหนานนันนางไม่สามารถทําอะไรได้ แต่ตอนนี อดีตจิงอ๋ องกลับมาทีวังจิงอ๋ องแล้ว


นางจะต้องถอนหมันให้ได้โดยเร็ วทีสุ ด แม้แต่เค่อเดียวก็ไม่อยากคิดยุง่ เกียวกับคนชัวช้าผูน้ นอี
ั ก!

“อดีตจิงอ๋ องใจแข็งไม่ตอ้ งการให้เจ้าถอนหมัน การกระทําเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างการส่ งคืนของหมันหรื อหนังสื อ


หมันของเจ้าล้วนไม่ส่งผลประโยชน์อะไร หากเจ้าอยากจะถอนหมันกับเย่อีเฉิ นก็ตอ้ งลงมือทีตัวเย่อเฉิ
ี น แอบทํา
เรื องบางเรื องอย่างเงียบ ๆ ให้พวกเขาต้องยอมถอนหมัน !” คุณชายโอวหยางกล่าวเสี ยงตํา แววตาของเขาดําขลับ
เปล่งประกายลึกลําดังมหาสมุทรทียามคําคืน

แววตาของมู่หรงเสวียเปล่งประกายวูบไหว นางพยักหน้าแรง ๆ อย่างเข้าใจ “ข้าเข้าใจแล้ว”

คุณชายโอวหยางปรายตามองนางครู่ หนึง หลังจากนันก็ยกยิมมุมปากขึนอย่างงดงาม “ดูท่า เจ้าก็ไม่ได้โง่งม


เท่าไรนัก”
ทันใดนันใบหน้างดงามของมู่หรงเสวียกลายเป็ นมืดครึ มลงทันที คว้าจับหมอนอิงด้านหน้าปาเข้าไปทีคุณชาย
โอวหยางอย่างแรง “เจ้าน่ะสิ โง่ !”

เมือมองไปทีแววตาเกรี ยวกราดของมู่หรงเสวีย แววตาของคุณชายโอวหยางก็วบู ไหวไปด้วยรอยยิมบางเบา เขา


เบียงตัวหลบหมอนเบา ๆ คว้าจับเข้าไปทีมือของนาง ลากนางมาด้านบนของตังทีนัง แขนแกร่ งแข็งแรงของเขา
ยึดกอดเข้าไปทีเอวของนางอย่างแน่นหนา ริ มฝี ปากบางเฉี ยดผ่านเลยริ มผีปากของนางไปอย่างบางเบาคล้ายกับ
สัมผัสของแมลงปอทีเกาะบนผิวนํา

ความรู ้สึกทีถูกสัมผัสทีบางเบาแล่นขึนมา มู่หรงเสวียรู ้สึกว่ามีบางสิ งกําลังระเบิดอยูใ่ นหัว ทําให้ความรู ้สึกนึกคิด


ทังหมดกลายเป็ นสี ขาวโพลน กลินหอมของไม้ไผ่บาง ๆ โชยกระทบเข้ากับจมูก แววตาของนางพร่ ามัวคล้ายกับ
กําลังพลัดหลงอยูใ่ นม่านหมอก

ตังเก้าอีก็ไม่ได้ใหญ่นกั แล้วเขายังกอดนางเอาไว้แน่ น ร่ างกายของทังสองคนแนบชิดเข้าด้วยกันอย่างไร้ช่องว่าง


กันไว้เพียงชันเสื อผ้าทีบาง ๆ เท่านัน นางสามารถรู ้สึกได้ถึงความอบอุ่นทีแผ่ซานออกมาจากตัวเข้าได้อย่าง
ชัดเจน......

มู่หรงเสวียทีตกใจทันใดนันก็หลุดจากภวังค์ ถลึงตามองไปทีคุณชายโอวหยางด้วยความโมโห ออกแรงผลักเขา


ออกห่ าง “คุณชายโอวหยาง......ท่านจะทําอะไร ?”
มองไปทีแววตาเกรี ยวกราดของนาง แววตาของคุณชายโอวหยางก็วบู ไหวไปด้วยความเหนื อยใจ เขากล่าวขึน
อย่างไม่ใส่ ใจนัก “ท้องฟ้ าเพิงจะสว่าง เจ้าก็ลุกจากเตียงแล้วยังมัวแต่ยงุ่ วุน่ วายจนถึงตอนนี แน่ นอนว่าเจ้าต้อง
เหนือยล้า ข้าจึงอยากให้เจ้าเอนหลังพักผ่อนเสี ยหน่ อย”

“จริ งหรื อ ?” มู่หรงเสวียมีท่าทางเชือครึ งไม่เชือครึ ง

“เรื องแบบนี ข้าจะโกหกเจ้าทําไมกัน ?” คุณชายโอวหยางปรายตามองนาง แววตาเต็มไปด้วยความเหนือยหนาย

ก็แค่เข้าใจผิดเล็กน้อย จําเป็ นจะต้องมองนางด้วยสายตาเหนือยหนายเช่นนันเลยหรื อ ?

มู่หรงเสวียถลึงตามองคุณชายโอวหยาง แล้วกล่าวขึนอย่างอารมณ์ไม่ดี “ข้าจะกลับไปนอนทีห้อง”

“อากาศดูท่าจะยิงร้อนมากขึน ในห้องก็คงจะอบอ้าวนัก เจ้านอนอยูท่ ีนีเถอะ !” คุณชายโอวหยางกล่าวเสี ยงตํา


เกยคางเข้าทีไหล่ของมู่หรงเสวียแล้วปิ ดตาลง

ใบหน้าเรี ยวเล็กของมู่หรงเสวียดุดนั ลง นีเขากําลังใช้นางแทนหมอนอยูห่ รื อ !

ทันใดนันนางก็เตรี ยมทีจะยืนมือทังสองข้างออกไปผลักตัวของคุณชายโอวหยางออก เขาเปิ ดปากขึนอย่าง


ราบเรี ยบ “เจ้าคิดวิธีต่อกรกับเย่อีเฉิ นออกหรื อยัง ?”
มู่หรงเสวียหยุดชะงักการเคลือนไหวลง แล้วส่ ายหน้า “ตอนนียังคิดไม่ออก แต่ว่าข้ารู ้สึกว่าอีกไม่นานก็คงจะมี
คนลงมือแทนข้าอย่างแน่นอน”

มุมปากของนางยกสู งขึน พลางปรายตาอย่างดูถูกไปทีกําแพงทีอยู่ไม่ไกล

เมือคุณชายโอวหยางมองตามนางไปเห็นเงาร่ างสายหนึงทีกําลังหลบหนี ไปอย่างรวดเร็ ว “นันมัน......คนของย่า


เลียงกับอาสองของเจ้า !”

“ใช่ !” มู่หรงเสวียพยักหน้า “หูตาของพวกเขานันครอบคลุมไปทัวทังจวนเจินกัวโหว บางช่วงก็จะมาทีด้านหน้า


ของเรื อนหิ มะโปรยแอบเฝ้ าจับตามองทุกการกระทําของข้า แต่กถ็ ือว่าโชคดีนกั ทีมีคนเหล่านีเฝ้ าจับตามองอยู่
เพราะมีเรื องราวข่าวสารมากมายทีข้าเพียงแค่พดู ออกไปเบา ๆ พวกเขาก็จะรู ้ได้ในทันที ไม่จาํ เป็ นจะต้องให้ขา้
ไปคิดแผนการให้เหนื อยเปล่าเพือทีส่ งข่าวให้พวกเขา......”

คุณชายโอวหยางยกมุมปากโค้งขึน ทีแท้ข่าวทีนางแอบปล่อยออกไปล้วนเป็ นสิ งทีนางต้องการให้พวกเขารู ้ ช่าง


เจ้าเล่ห์ยงนั
ิ ก

“ผูค้ นในเมืองหลวงล้วนทราบว่าข้าต้องการถอนหมันกับเย่อีเฉิ น ถ้าเกิดตอนนี เย่อเฉิ


ี นเกิดเรื องอะไรขึนมาก็จะ
ํ ข่นุ แล้วลงมือตอนทีเหตุการณ์กาํ ลังวุ่นวาย อัตรา
สงสัยในตัวข้าเป็ นอันดับแรก ดังนัน ข้าจึงเตรี ยมทีจะตีนาให้
ความสําเร็จก็จะเพิมมากขึน พอถึงตอนนันถึงแม้วา่ เย่อีเฉิ นจะไม่อยากถอนหมัน ก็คงไม่ทนั การณ์เสี ยแล้ว......”
มู่หรงเสวียพูดขึนด้วยท่าทางชัวร้าย จ้องมองไปบนท้องฟ้ าด้วยความเย็นชา รอคอยคําชีแนะและคําพูดเห็นดีเห็น
งามจากคุณชายโอวหยาง แต่รออยูน่ านก็ไม่ได้ยนิ เสี ยงตอบรับอะไรกลับมา นางเหล่ตามองไปมองอย่างไม่เข้าใจ
ก็เห็นปากของคุณชายโอวหยางเม้มเข้าหากัน ดวงตาปิ ดสนิ ท หายใจเข้าออกอย่างสมําเสมอ

นีเขา.....หลับไปเสี ยแล้ว ! นี นางพูดอยูข่ า้ งหู ของเขาเลยนะ เขากลับยังสามารถหลับสนิ ทลงได้อีก ?


ความสามารถในการป้ องกันสิ งรบกวนของเขานันดีมาก หรื อว่าแผนการของนางมันน่ าเบือเกินไปกัน ?

สี หน้าของมู่หรงเสวียมืดครึ ม นางถลึงตาใส่ คุณชายโอวหยาง เห็นเขานอนหลับสนิทอย่างสุ ขสบาย ขนตายาว


ทอดเป็ นเงาลงไปทีขอบตาของเขา......เอ๊ะ นันไม่ใช่เงาของขนตา แต่เป็ นรอยดําคลําทีมาจากผิวหนัง !

ถึงว่าทําไมฟังนางพูดอยูด่ ี ๆ ถึงหลับสนิทลงได้ ทีแท้กเ็ พราะว่าความเหนื อยล้านีเอง ไม่รู้ว่าช่วงนีเขากําลังยุง่


วุ่นวายกับเรื องอะไรอยู่ ? วังเซี ยวเหยาอ๋ องเป็ นวังอ๋ อง ในแคว้นชิงเหยียนมีฐานะสู งส่ งไม่ธรรมดา มีคนเคารพนับ
ถือ แต่ในทางตรงกันข้ามก็มีคนเกลียดชัง เซี ยวเหยาอ๋ องกับพระชายาออกไปท่องเทียว ความรับผิดชอบทังหมด
ของวังอ๋ องล้วนกดทับลงบนตัวคุณชายโอวหยาง

คุณชายโอวหยางเพิงจะอายุสิบแปดปี ยังนับว่าไม่เป็ นผูใ้ หญ่ ถึงแม้จะท่องเทียวอยูข่ า้ งนอกมาสิ บปี แต่วา่ อายุของ


เขาก็ถือว่ายังน้อยนัก ประสบการณ์ตนเขิ
ื น แต่กลับต้องไปต่อกรกับพวกบรรดาจิงจอกเฒ่า เขาช่างน่าสงสารนัก
ไม่แปลกเลยทีเขาจะรู ้สึกเหนื อยขนาดนี ......

สายลมอ่อน ๆ พัดโชยเข้ามา มู่หรงเสวียหาวขึนหลายครังหลายคราอย่างเกียจคร้าน ยุง่ วุ่นวายตังแต่เช้าตรู่ จนถึง


ตอนนี นางก็รู้สึกล้าลงไปไม่นอ้ ย
พักสายตาอยูค่ รู่ หนึง ก็หลับสนิทลงไปอย่างไม่รู้สึกตัว !

คุณชายโอวหยางลืมตาขึนช้า ๆ มองไปทีใบหน้าทีหลับสนิทของนาง แววตาของเขาวูบไหวไปด้วยรอยยิมบาง


เบา นางดูฉลาดขึนเล็กน้อยไม่โง่งมเหมือนแต่ก่อน การหมันหมายระหว่างนางกับเย่อีเฉิ น ก็ปล่อยให้เป็ นไปตาม
ความต้องการของนาง ให้นางได้จดั การด้วยตัวเอง ถ้าหากวิธีของนางไม่ได้ผล เขาค่อยลงมือก็ยงั ไม่สาย......

ส่ วนพวกแซ่ ตู ้ มู่หรงเจียนและมู่หรงโหรว......ก็ให้เสวียเอ๋ อร์เล่นกับพวกเขาอย่างช้า ๆ ไปก่อน ถ้าเล่นจนเกิด


ปัญหาก็ไม่เป็ นไร เพราะเขาจะคอยเก็บกวาดตามหลังให้อย่างเงียบ ๆ เอง......

เรื อนหยก

แซ่ ตูเ้ อนกายอยูบ่ นตังเก้าอีด้านหน้าหน้าต่าง หลังพิงไปทีหมอนอิงใบใหญ่ ใบหน้าของนางดูมีชีวิตชีวาขึนมา


เล็กน้อย แต่แววตากลับเปล่งประกายเต็มไปด้วยความเกรี ยวกราด ตวาดต่อว่าขึนเสี ยงดัง “ทําไมเจ้าถึงไม่ระวัง
เช่นนี ? กลับถูกคนชันตําเช่นนันจัดการจนมีสภาพเป็ นเช่นนีได้ ?”

ร่ างกายของนางได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก ทุก ๆ วันมักจะพักผ่อนแต่หัวคํา แต่คาดไม่ถึงว่าวันนีพอตืนมากลับได้


ยินการกระทําบัดสี ระหว่างโหรวเอ๋ อร์ กบั สวีเหวิน ทังยังถูกซ่ งเทียนเหวินจับได้คาเตียง......
มู่หรงโหรวนังอยูบ่ นเก้าอีไม้แดง ดวงตาของนางแดงกํา สี หน้าซี ดเซี ยวจากความโศกเศร้า กัดฟันพูดขึนว่า “ข้า
ไม่มีทางปล่อยมู่หรงเสวียไว้แน่ !”

“ตอนนี มากล่าวคําพูดพวกนี แล้วจะมีประโยชน์อะไรกัน ?” แซ่ ตถู ้ ลึงตามองไปทีนางอย่างหงุดหงิดใจ “อีกหนึง


เดือนหลังจากนีเจ้าก็จะต้องเข้าวัด ไม่มีทางได้กลับไปทีตระกูลซ่ งอีก ตอนนี เจ้าสมควรคิดอ่านให้ดี ๆ ว่าหลังเจ้า
ออกจากจวนอู่อนั โหวไปแล้ว ควรจะทําอย่างไรกับชิงเหยียน ?”

ซ่งชิงเหยียนเป็ นลูกสาวสายตรงของจวนอู่อนั โหว แน่ นอนว่าจะต้องอยูท่ ีจวนอู่อนั โหวต่อไป

ซ่งเทียนเหวินอายุยงั ไม่แก่มากนัก รอจนนางเข้าวัดไปแล้ว แน่ นอนว่าเขาจะต้องแต่งภรรยาเอกเข้าบ้านอีก


แน่นอน......

เมือคิดถึงภาพทีซ่ งเทียนเหวินกอดหญิงอืนไว้ในอ้อมอก ดูแลทะนุ ถนอมนางอย่างอ่อนโยน หัวใจของมู่หรง


โหรวก็เจ็บปวดราวกับถูกมีดกรี ด ร้องห่ มร้องไห้กล่าวขึน “ภายในหนึงเดือนนี ......ข้าจะต้องหมันหมายชิงเหยียน
กับตระกูลทีดีให้ได้.....ไม่ว่าฮูหยินทีแต่งเข้ามาทีหลังผูน้ ันจะร้ายกาจเพียงใด......จะได้ไม่มีสิทธิเข้าไปยุง่ เกียวกับ
การแต่งงานของชิงเหยียน......”

แซ่ ตูป้ รายตามองนาง แล้วสบถขึนเบา ๆ “เจ้าเป็ นอู่อนั โหวฮูหยิน ชิงเหยียนก็เป็ นถึงคุณหนูผสู ้ ู งส่ งแห่ งจวนอู่อนั
โหว อยากจะหมันหมายกับตระกูลดี ๆ นันไม่ยาก แต่รอจนเจ้าเข้าวัดไป ฐานะของชิงเหยียนก็จะต้องตกลง พอ
ถึงตอนนัน ตระกูลทีหมันหมายเอาไว้รู้เรื องเข้าแล้วต้องการถอนหมัน เช่นนันจะทําอย่างไร ?”
มู่หรงโหรวชะงักไป ผูค้ นในเมืองหลวงทียึดมันในการหมันหมายนันมีมากมาย แต่ว่าผูค้ นทียืดมันในลาภยศก็มี
ไม่น้อยเช่นกัน ใครจะไปสามารถรับประกันได้ว่าตระกูลทีหมันหมายไว้นนจะเป็
ั นตระกูลทีมีคุณธรรมสู งส่ ง ?

ถ้าเกิดเป็ นอย่างทีท่านแม่กล่าวมาจริ ง ๆ พอนางก้าวเท้าหน้าเข้าวัดได้ไม่ทนั ไร พวกเขาก็คงมาขอถอนหมันเสี ย


แล้ว เช่นนันชิงเหยียนก็จะกลายเป็ นหญิงสาวทีถูกถอนหมัน ชือเสี ยงเสื อมเสี ย หากอยากคิดทีจะหมันหมายอีกก็
คงยากเสี ยแล้ว “เช่นนันตามความคิดเห็นของท่านแม่ สมควรทําเช่นไรเจ้าคะ ?”
ตอนที 121 ต้ องเป็ นชายารอง
แซ่ ตูย้ กนําแกงโสมต้มขึนจิบช้า ๆ แล้วค่อย ๆ กล่าวขึน “เมือครู่ สาวใช้นางหนึ งมาส่ งข่าวว่าของหมันทีมู่หรง
เสวียส่ งคืนไปทีวังจิงอ๋ องล้วนถูกส่ งกลับคืนมา......”

แววตาของมู่หรงโหรววูบไหว “ความหมายของท่านแม่คอื ......”

“มู่หรงเสวียใจแข็งต้องการถอนหมัน แต่จิงอ๋ องกลับไม่ยอมตอบรับ ระหว่างพวกเขาทังสองเกิดความขัดแย้งต่อ


กัน พวกเราควรอาศัยโอกาสนีให้ชิงเหยียนแทนทีมู่หรงเสวียแต่งเข้าวังจิงอ๋ อง !” แซ่ ตกู ้ ล่าวเน้นทีละคํา แววตา
ของนางทอประกายวูบไหว

“นีเอ่อ......คงไม่ดีนกั ” มู่หรงโหรวขมวดคิวเบา ๆ “อย่างไรชิงเหยียนก็แซ่ ซ่ง มิได้แซ่ มู่หรง ไม่นบั ว่าเป็ นคุณหนู


สายตรงของจวนเจินกัวโหว......”

แซ่ ตูค้ ิดว่าไม่สนใจ “พวกนางล้วนเป็ นคุณหนูสายตรงของจวนเจินกัวโหว คุณหนูใหญ่ในตระกูลหรื อคุณหนู


ลูกพีลูกน้องนอกตระกูลแล้วเป็ นอย่างไรเล่า”

“แต่ความสัมพันธ์ทีอดีตจิงอ๋ องมีต่อมู่หรงเยว่ถือว่าสนิทชิดเชือยิงนัก ทีเขาหมันหมายเพราะต้องการให้ลูกสาว


ของมู่หรงเย่วเป็ นลูกสะใภ้ ไม่มีทางเห็นด้วยทีจะให้ชิงเหยียนแต่งแทน” มู่หรงโหรวมองไปทีแซ่ ตูด้ ว้ ยแววตา
เต็มไปด้วยความไม่เห็นพ้อง
“อดีตจิงอ๋ องไม่เห็นด้วย พวกเราก็สามารถคิดหาวิธีการทําให้เขาเห็นด้วยได้.....” แซ่ ตูก้ ล่าวเสี ยงตํา ดวงตาของ
นางแฝงไปด้วยความคิดทีลึกซึ ง

สายตานันมองดูจนมู่หรงโหรวต้องขมวดคิวขึน นางมีประสบการณ์เกียวกับเรื องราวการกระทบกระทังกันใน


จวนฝ่ ายในมาสิ บกว่าปี ดังนันนางถึงเข้าใจดีว่าวิธีการทีแซ่ ตูต้ อ้ งการจะใช้คืออะไร “เอ่อ......ไม่ได้นะเจ้าคะ ถ้า
ชือเสี ยงของชิงเหยียนเสื อมเสี ย นางคงไม่สามารถเป็ นพระชายาเอกได้......”

สี หน้าของแซ่ ตูเ้ ข้มขึน พลางถลึงตามองมาทีนางอย่างหงุดหงิดใจ “เจ้าฝันกลางวันอะไรอยู่ ? เย่อีเฉิ นมีคนรักใน


ดวงใจอยูแ่ ล้ว ทีเขากับมู่หรงเสวียมีเรื องกันรุ นแรงขนาดนี ไม่ใช่เพราะว่าเขาต้องการลดขันมู่หรงเสวียเป็ นชายา
รองเพือทีจะกรุ ยทางให้คนรักของเขาหรอกหรื อ ? ชิงเหยียนทีเข้าวังจิงอ๋ องจึงเป็ นได้เพียงแค่ชายารองเท่านัน ถ้า
หากเข้าไปยุง่ เกียวกับตําแหน่ งชายาเอกแม้แต่นอ้ ยกลัวว่าแม้แต่ตวั เองตายอย่างไรก็คงไม่อาจรู ้ได้......”

มู่หรงโหรวชะงักไปในทันที ในหัวของนางปรากฏภาพความรักใคร่ ทีเย่อีเฉิ นมีต่อฉิ นยวีเยียนรวมถึงการลงมือที


โหดเหี ยมของเขา ก็อดไม่ได้ทีจะหลังเหงือเย็นออกมา นางเกือบลืมเรื องนี ไปเสี ยสนิทเลย ชิงเหยียนทีเข้าวังจิง
อ๋ องแน่นอนว่าคงเป็ นได้เพียงแค่ชายารอง !

ฐานะของเย่อีเฉิ นสู งส่ ง ความสามารถไม่ธรรมดา อีกทังยังมีอาํ นาจอยูใ่ นมือ แต่งเป็ นชายารองให้เขาเปรี ยบเทียบ
กับการแต่งเป็ นชายาเอกให้ตระกูลอืนแล้วดีกว่าเป็ นไหน ๆ

พอชิงเหยียนกับเย่อีเฉิ นมีการหมันหมายต่อกันแล้ว ถึงแม้จีซื อ (ภรรยาเอกคนใหม่) ของเทียนเหวินจะร้ายกาจ


เพียงใดแต่ก็คงไม่กล้ายืนมือเข้ามายุง่ เกียว หลังจากทีชิงเหยียนเข้าวังจิงอ๋ องไปแล้ว ถึงแม้ฐานะจะไม่ดีเท่าฉินยวี
เยียนแต่กจ็ ะไม่มีทางตํามากไปกว่านัน เป็ นการยิงปื นนัดเดียวได้นกสองตัว......
มองไปทีแววตาเห็นด้วยของนาง แซ่ ตูก้ พ็ ยักหน้าด้วยความพอใจ “รอจนชิงเหยียนเข้าวังอ๋ องไปแล้ว จิงอ๋ องก็จะ
กลายเป็ นทีพึงพาทีเข้มแข็งของพวกเรา เมือถึงตอนนันพวกเราก็จะไม่ตอ้ งกังวลเรื องการจัดการมู่หรงเสวีย......
เจียนเอ๋ อร์ กจ็ ะกลายเป็ นเจ้าของจวนเจินกัวโหวทีแท้จริ ง......ไม่แน่เจ้าอาจจะได้กลับไปเป็ นอู่อนั โหวฮูหยิน
ดังเดิมก็ได้......”

“ปั ง !” ประตูห้องทีปิ ดสนิ ทถูกเปิ ดออกอย่างแรง ซ่ งชิงเหยียนทีมีสีหน้าดํามืดก็พุ่งตรงเข้ามา กล่าวขึนด้วยความ


โมโหว่า “ท่านแม่ ท่านยาย ข้าไม่ได้อยากแต่งเข้าวังจิงอ๋ อง.....”

แซ่ ตูช้ ะงักไป “เพราะอะไร ?” ตําแหน่งชายารองแห่ งจิงอ๋ องนัน ผูค้ นมากมายต่างก็อยากจะเป็ นแต่ก็ใช่ว่าจะ
สามารถเป็ นได้ง่าย ๆ

“เพราะว่า......คนทีข้าชอบคือคุณชายโอวหยาง !” ซ่ งชิงเหยียนกล่าวขึนเสี ยงดังอย่างถือดี ใบหน้าเรี ยวเล็กเต็มไป


ด้วยความอับอายจนขึนสี แดงเถือก

แซ่ ตูข้ มวดคิวเข้าหากันแน่ น “ความรู ้สึกนึกคิดของคุณชายโอวหยางล้วนอยูท่ ีตัวของมู่หรงเสวีย ระหว่างเจ้ากับ


เขาก็ไม่ได้มีการหมันหมายมาผูกมัดอะไร เจ้าไปชอบเขาก็เสี ยแรงเปล่า เขาไม่มีทางแต่งเจ้าเป็ นชายารองแน่นอน
......”

“ข้าจะพยายามทําให้เขาชอบข้าให้ได้ !” ซ่ งชิงเหยียนพูดยืนยันอย่างหนักแน่น แต่แววตาของนางกลับเต็มไปด้วย


ความเขินอาย “ถึงแม้เขาจะไม่ชอบข้า แต่ขา้ ก็จะคิดหาวิธีให้ได้เป็ นชายารองของเขา......”
แซ่ ตูส้ บถออกมาเสี ยงเย็น “มู่หรงเสวียก็ชอบพอกับคุณชายโอวหยาง อุบายและความรู ้สึกนึ กคิดของมู่หรงเสวีย
เจ้าก็ไม่ได้ไม่เคยประสบพบเจอ ขอเพียงแค่นางอยูเ่ คียงข้างกับคุณชายโอวหยาง เจ้าก็ไม่มีทางทีจะได้กลายเป็ น
ชายารองของคุณชายโอวหยาง......”

ซ่งชิงเหยียนเร่ งรี บกล่าวขึน “ข้าสามารถคิดหาวิธีการทีจะกันมู่หรงเสวียออกไป......”

“คุณชายโอวหยางกับมู่หรงเสวียสนิทชิดเชือกันจนถึงขันนอนบนตังเก้าอีตัวเดียวกันแล้ว เดินอยูบ่ นถนนมือทัง


ห้าก็ลว้ นประสานเข้าหากันอย่างแน่ นหนาราวกับกลัวว่าจะมีคนมาแยกพวกเขาออกจากกัน เจ้าคิดว่าแผนการเล็ก
ๆ น้อย ๆ ของเจ้าสามารถแยกพวกเขาออกจากกันได้อย่างนันหรื อ ?” แซ่ ตูก้ ล่าวตัดบทประโยคของนางขึนอย่าง
ไร้เยือใย แววตาวูบไหวไปมาอย่างดูถูก

เป็ นนางทีเลียงดูชิงเหยียนมาจนเติบใหญ่ แน่นอนว่านางย่อมรู ้จกั หลานสาวผูน้ ีดี ตาสู งแต่ฝีมือตํา ทังยังไม่มี


ความสามารถอะไรโดดเด่น คงจะไปต่อกรกับมู่หรงเสวียได้แค่ไม่กีครังแล้วสุ ดท้ายก็ตอ้ งแพ้กลับมาอย่างอนาถ !

ใบหน้าเรี ยวเล็กของซ่ งชิงเหยียนค่อย ๆ ซี ดขาวลง นางกล่าวขึนอย่างยากทีจะยอมรับ “ทีท่านพูดมาเป็ นความจริ ง


หรื อ ?”

“เรื องราวเช่นนี ข้าจะไปหลอกลวงเจ้าไปทําไม ?” แซ่ ตถู ้ ลึงตามองนางอย่างเสี ยอารมณ์ “สาวใช้เมือครู่ เพิงจะมา


รายงานว่าพวกเขานอนพักผ่อนกอดกันและกันอยูบ่ นตังเก้าอีทีเรื อนหิ มะโปรย ตอนนี คงยังไม่ตืน ถ้าหากเจ้าไม่
เชือก็ไปดูดว้ ยตาตนเองเถอะ”
ดวงตาของซ่ งชิงเหยียนลุกโชนไปด้วยความโกรธ ท่านยายพูดเสี ยชัดเจนขนาดนี แน่นอนว่าเรื องราวทังหมด
จะต้องเป็ นความจริ ง มู่หรงเสวียนางแพศยา เจ้ากล้ามาแย่งคุณชายโอวหยางไปจากข้า ช่างชัวร้ายยิงนัก !

“ได้ เช่นนันข้าจะแต่งเป็ นชายารองของจิงอ๋ อง !” รอจนนางกลายเป็ นชายารองของจิงอ๋ องเมือไหร่ นางจะต้องสัง


สอนมู่หรงเสวียอย่างหนักแน่ นอน ทําให้นางไม่อาจร้องขอชีวิตและก็ไม่สามารถร้องขอความตายไปพร้อม ๆ
กัน !

เมือมองไปทีสายตาแน่วแน่ ของนาง แซ่ ตกู ้ บั มู่หรงโหรวก็สบตาซึ งกันและกัน แววตาเต็มไปด้วยความพึงพอใจ

แซ่ ตูค้ ่อย ๆ หรี ตาลง แล้วกล่าวเน้นขึนทีละคํา “อดีตจิงอ๋ องเป็ นคนทีหัวแข็งมากผูห้ นึ ง อยากทําให้เขาเปลียนตัว
ว่าทีภรรยานันไม่ง่ายดายนัก พวกเราจะต้องคิดอ่านให้รอบคอบ ห้ามมีขอ้ ผิดพลาดแม้แต่น้อย !”

อดีตจิงอ๋ องถูกเบิกตัวเข้าเมืองหลวง เขาไม่ได้ปิดบังการมาของตัวเอง เรื องทีเมือพอเขามาถึง โรคประจําก็กลับ


เกิดอาการกําเริ บขึนมานัน พริ บตาก็ถูกแพร่ สะพัดไปทัวเมืองหลวงอย่างรวดเร็ ว

ขุนนางบุ๋นบู๊ลว้ นพากันนําตัวยาลําค่ามากมายไปเยียมไข้ แต่ก็ลว้ นถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าพบโดยอ้างเหตุผลว่าป่ วย


หนัก ต้องการพักรักษาตัว จึงไม่สามารถต้อนรับแขกได้
เมือตอนทีมู่หรงเจียนมาขอเข้าพบทีวังจิงอ๋ อง อดีตจิงอ๋ องกําก็ลงั อาบแดดอย่างสบายอกสบายใจอยูท่ ีชานเรื อน
เขามองไปทีเทียบขอเข้าพบของมู่หรงเจียนทีถูกส่ งมา แววตาก็พลันเคร่ งขรึ ม กล่าวเสี ยงตําว่า “เชิญเขาเข้ามา
เถอะ”

เขาไม่ได้เจอมู่หรงเจียนมาสิ บปี แล้ว เมือมู่หรงเจียนมาขอพบเขา เขาก็จะพบเสี ยหน่อย

ถึงแม้ม่หู รงเจียนจะเป็ นอาสองของมู่หรงเสวีย แต่ความสัมพันธ์ของเขากับมู่หรงเสวียนันก็เหมือนนํากับไฟ ดูท่า


เขาคงจะไม่ได้มาดูท่าทีของตนแน่ ถึงแม้ว่าจะมาดูท่าทีของตนจริ งก็ไม่เป็ นไร การหมันหมายของทังสองตระกูล
อย่างไรก็จะไม่มีทางถูกยกเลิกเด็ดขาด......

ขณะทีเขากําลังครุ่ นคิด หางตาก็เห็นชายกลางคนผูห้ นึ งเดินเข้ามาโดยมีทหารองครักษ์เป็ นคนนําทางมา เขาอยูใ่ น


ชุดผ้าไหมสี ขาวนวล เอวถูกรัดด้วยผ้าคาดเอวสี ดาํ สวมใส่ รองเท้าสี ดาํ ดูองอาจสมชายชาตรี ใบหน้าหล่อเหลา
หันคารวะมาทางเขา “ท่านอ๋ อง !”

อดีตจิงอ๋ องตอบรับเพียงบางเบา กวาดตามองเขาขึนลงไปมาแล้วค่อย ๆ ยิมกล่าว “จากกันสิ บปี เจ้ากลับไม่


เปลียนไปแม้แต่น้อย ช่างน่าอิจฉายิงนัก......”

มู่หรงเจียนยิมน้อย ๆ “ท่านอ๋ องชมเกินไปแล้ว ความสง่างามของท่านอ๋ องก็ไม่ได้ลดน้อยไปกว่าปี นัน......”

“ข้าได้รับบาดเจ็บอยูห่ ลายปี สุ ขภาพร่ างกายก็ถดถอยไม่เหมือนปี ก่อน ๆ แล้ว......” อดีตจิงอ๋ องถอนหายใจ


ออกมาเบา ๆ ค่อย ๆ เอ่ยกล่าวขึน “อย่ามัวแต่ยนื อยูเ่ ลย นังลงเถอะ !”
“ขอบคุณท่านอ๋ อง !” มู่หรงเจียนยิมน้อย ๆ นังลงตรงข้ามอดีตจิงอ๋ องด้วยท่าทางอย่างมีมารยาท หญิงสาวทีถูกเขา
บังเอาไว้ดา้ นหลังก็ปรากฏออกมา

อดีตจิงอ๋ องชะงักไปครู่ หนึ ง “ผูน้ ี คือ ?”

“นีคือหลานสาวนอกสกุลของผูน้ อ้ ย ชิงเหยียน !”
ตอนที 122 ล่ อลวง
มู่หรงเจียนกล่าวแนะนําพรางยิมตาหยี เขาสอดส่ องดูท่าทีทุกความเคลือนไหวของอดีตจิงอ๋ องอย่างไม่ให้หลุด
สายตาไปได้

เห็นเพียงเขามีสีหน้าเรี ยบเฉย คิวคมขมวดเข้าหากันแน่ น แต่ครู่ เดียวก็สลายหายไปกลับเป็ นปกติ กล่าวขึนอย่าง


ไม่ได้ใส่ ใจเท่าไรนัก “ชิงเหยียนก็เติบใหญ่ขนาดนี แล้ว ล้วนเป็ นคุณหนูทีงดงามผูห้ นึง !”

นําเสี ยงราบเรี ยบและฟั งดูห่างเหิ น มู่หรงเจียนยิมขึนอย่างเก้ ๆ กัง ๆ “ข้าบังเอิญพบชิงเหยียนบนถนน ไม่วางใจ


ให้นางกลับจวนคนเดียว จึงพานางมาทีนีด้วย เสี ยมารยาทแล้ว ขอจิงอ๋ องโปรดอภัย”

“น้องมู่หรงกล่าวหนักเกินไปแล้ว วังจิงอ๋ องกับจวนเจินกัวโหวก็ถือเป็ นตระกูลสหายพีน้อง คนรุ่ นก่อนคนรุ่ น


หลังของทังสองตระกูลไปมาหาสู่ กบั บ่อย ๆ ถึงจะดีทีสุ ด !” อดีตจิงอ๋ องมองมาทีเขายิมตาหยี แววตาวูบไหวไป
ด้วยความลึกลํา

มู่หรงเจียนหนังตากระตุก ยิมแห้ง ๆ ออกมาอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ “คํากล่าวของท่านอ๋ องนันถูกต้องนัก คนของ


ทังสองตระกูลแน่ นอนว่าต้องไปมาหาสู่ กนั บ่อย ๆ......”

ห่ างออกไปไม่ไกลนัก สายตาพลันเห็นเงาร่ างสี ม่วงเข้มทีคุน้ เคยสายหนึงกําลังเดินเข้ามา อยู่ ๆ เขาก็กล่าวขึน


เสี ยงสู ง “เอ่อ......ชิงเหยียน ลุงกับท่านอ๋ องจะพูดคุยลําลึกอดีตกันเสี ยหน่ อย เจ้าไปเดินเล่นทีสวนดอกไม้ไปพราง
ๆ ก่อนเถอะ”
“เจ้าค่ะ !” ซ่ งชิงเหยียนย่อกายลง แล้วค่อย ๆ เดินนวยนาดออกไปยังด้านนอก พอออกจากตัวเรื อนก็ตามเงาร่ างสี
ม่วงนันไปเดินเลาะไปตามทางเดินอย่างไม่รีบไม่ร้อน !

ภายใต้แสงอาทิตย์อนั อบอุ่นทีสาดส่ อง เย่อีเฉิ นหยุดยืนอยูท่ ีด้านหน้าหิ นจําลองก้อนหนึ งมองไปทีผิวนําทีถูก


แสงอาทิตย์ส่องจนเกิดเป็ นประกายสี ทองระยิบระยับ แววตาลึกลําดังก้นทะเลสาบทีมืดมิด

หลังจากทีเขาสังให้คนของเขาโยนของหมันกลับไปทีเรื อนหิ มะโปรย มู่หรงเสวียกลับเงียบหายไป ไม่ได้มาที


วังจิงอ๋ องเพือโวยวายขอถอนหมันอีก และไม่ได้ดาํ เนินการทําสิ งใดเพือจะถอนหมันอีก นีล้วนไม่ใช่นิสัยของ
นาง แน่ นอนว่านางต้องกําลังคิดแผนร้ายอะไรอยู.่ .....

“ชิงเหยียนคารวะจิงอ๋ องเพคะ” นําเสี ยงอ่อนหวานของหญิงสาวดังขึนจากด้านหลัง ทันใดนันเย่อเฉิ


ี นก็หลุดออก
จากภวังค์ทนั ที เมือเขาหันกายกลับไปมองก็เห็นหญิงสาวนางหนึงยืนอยูด่ า้ นหน้าของเขา นางสวมใส่ ชุดสี แดง
ดอกเหมย ปกเสื อ ปลายแขนเสื อและชายกระโปรงปั กด้วยลวดลายของดอกท้อ เส้นผมยาวดกดํา ถูกรวบม้วนขึน
เป็ นทรงอย่างงดงาม ต่างหู และปิ นปั กผมสี มุกเสริ มรับเข้ากับใบหน้าเรี ยวเล็กของนาง งามลําจนผูค้ นต้องสันไหว

ชิงเหยียน ? คนทีเขารู ้จกั มีคนทีชือว่าชิงเหยียนด้วยหรื อ ?

เย่อีเฉิ นนึกคิดไตร่ ตรองในสมองอย่างรวดเร็ ว หลังจากผ่านไปครู่ หนึงถึงจะคิดถึงฐานะของคนตรงหน้าออก “เจ้า


คือซ่ งชิงเหยียนแห่ งจวนอู่อนั โหว !”
“เพคะ !” ซ่งชิงเหยียนตอบขึนด้วยรอยยิมแสนสดใส ชายกระโปรงสี แดงพลิวไหวบางเบาไปตามสายลม ยิง
เสริ มให้นางงดงามดึงดูดสายตาของผูค้ นมากขึนไปอีก !

แต่เย่อีเฉิ นกลับมิได้สันไหวแต่อย่างใด เขามองนางอย่างผูท้ ีอยูส่ ู งกว่า แล้วกล่าวขึนด้วยเสี ยงเย็นชา “เจ้ามาวังจิง


อ๋ องมีธุระหรื อ ?”

ซ่งชิงเหยียนยิมบางเบา “ไม่ได้มีธุระอันใดเพคะ ชิงเหยียนแค่มาพร้อมกับท่านลุง......”

“หากไม่มีธุระก็รีบกลับไปเสี ย เสด็จพ่อป่ วยหนักต้องการพักผ่อนอย่างสงบ ไม่ชอบให้คนแปลกหน้าเข้าไป


รบกวน !” เย่อีเฉิ นตัดบทคําพูดของนางขึนอย่างหมดความอดทน ออกคําสังส่ งแขกอย่างไร้เยือใย

เพียงพริ บตาใบหน้าเรี ยวเล็กของซ่ งชิงเหยียนกลายเป็ นสี ซีดขาว ร่ างกายบอบบางเซถอยหลังไปหลายก้าว ชนเข้า


กับหิ นก้อนใหญ่กอ้ นหนึง นําตาทีได้รับความไม่เป็ นธรรมไหลริ นลงไปตามดวงหน้าสวย

นางยอมตัดใจจากชายในดวงใจของตน เสี ยสละความสุ ขชัวชีวิตของตน เตรี ยมทีจะเอาใจจิงอ๋ องเพือทีจะได้รับ


ความชอบพอความรักใคร่ จากเขา แต่เขากลับพูดว่านางเป็ นคนแปลกหน้า เขาไม่ได้สนใจในตัวนางเลยสักนิด
......

ใช่แล้ว ! เขาเป็ นท่านอ๋ องเทพสงครามทีสู งส่ ง ฐานะมิธรรมดาสามัญ ในมือมีอาํ นาจมากมาย ทังยังมีรูปลักษณ์ที


หล่อเหลา หญิงสาวมากมายในเมืองหลวงล้วนแล้วแต่มีใจแอบชอบพอเขา เขาจะไปมีใจให้กบั คุณหนูแห่งจวนอู่
อันโหวทีตําต้อยเช่นนางได้อย่างไร
นางทําให้เขาสนใจไม่ได้ก็คงต้องใช้ไพ่ตายแล้ว !

แววตาของซ่ งชิงเหยียนกลายเป็ นเย็นยะเยือก นางค่อย ๆ ดึงถุงผ้าทีห้อยไว้ทีเอวออก กลินหอมอ่อน ๆ บางเบา


โชยออกจากถุงผ้า พัดโชยไปลอบทิศ ลอยเข้ากระทบกับจมูกของเย่อีเฉิ นโดยไม่รู้ตวั

กลินหอมบางเบาทีคล้ายมีคล้ายไม่มีถูกพัดโชยมา ทันใดนันแววตาของเย่อีเฉิ นสันไหวเร่ งรี บกลันหายใจอย่าง


ทันที แววตาเย็นชามองไปทางทิศทีกลินพัดโชยมา ก็เห็นว่าซ่ งชิงเหยียนกําลังมองมาทีเขาด้วยรอยยิมสดใส “จิง
อ๋ อง ท่านเป็ นอะไรไปหรื อเพคะ ? ใบหน้าของท่านช่างแดงยิงนัก......”

เย่อีเฉิ นไม่กล่าววาจาใด มองไปทีนางอย่างเย็นชา !

ซ่งชิงเหยียนไม่ใส่ ใจ มือเรี ยวเล็กขาวเนี ยนดังหยกค่อย ๆ แกะกระดุมเม็ดแรกบนเสื อผ้า ในแววตาสดใสของนาง


วูบไหวไปด้วยประกายแวววาว ท่าทางเขินอาย ล่อลวงจิตใจของผูค้ น !

“ท่านอ๋ อง ข้ารู ้สึกร้อนยิงนัก......” นําเสี ยงยัวยวนฟังจนผูค้ นต้องสันไหว

สี หน้าของเย่อีเฉิ นยังคงเย็นชาเช่นเดิม เขามองไปทีใบหน้าเรี ยวเล็กทีแดงกําและกําลังยัวยวนผูค้ นของนาง แววตา


วูบไหวไปด้วยความเหยียดหยามอย่างไม่นึกปิ ดบัง
เหยียดหยาม ! เย่อีเฉิ นกําลังดูถกู นาง !

แววตาของซ่ งชิงเหยียนลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ ใช่สิ เขาเป็ นท่านอ๋ องเทพสงครามผูส้ ู งส่ ง แน่ นอนว่าเขาต้องมี


สิ ทธิทีจะดูถูกนาง แต่แล้วอย่างไรเล่า ? นางก็เป็ นถึงคุณหนูแห่งจวนอู่อนั โหว เพียงแค่นางกับเขาทําเรื องนัน
เสร็ จสิ น อย่างน้อยทีสุ ดเขาก็ตอ้ งมอบตําแหน่งพระชายารองให้นาง !

สิ งทีนางต้องการคือตําแหน่ งชายารอง ต้องการให้เย่อเฉิ ่หรง


ี นกลายเป็ นทีพึงพาของนาง เพือทีจะได้สงสอนมู

เสวียให้เข็ดหลาบ ไม่ว่าจะทําเช่นไรนางยอมเสี ยงทังหมด !

ซ่งชิงเหยียนกัดฟันกรอดปลดสายรัดเอวของตัวเองออก แกะกระดุมบนกระโปรงออกอย่างรวดเร็ ว ชุดสี แดง


ไหลลู่ไปตามแขนร่ วงลงบนพืน เผยให้เห็นผิวขาวนวลเนี ยน กระดูกไหปลาร้าได้รูป รวมถึงเอียมสวยสี ชมพูที
ปักด้วยลายมัจฉา

สี หน้าของเย่อีเฉิ นค่อย ๆ มืดครึ มลง แววตาเปล่งประกายวูบไหวอย่างไม่รู้ว่ากําลังคิดสิ งใดอยู่

เมือมองในมุมของซ่ งชิงเหยียน เหมือนเขากําลังหลงใหลในเรื อนร่ างงดงามของนาง เลยจ้องมองนางอย่างไม่นึก


ปิ ดบัง แววตาของนางเจือปนไปด้วยรอยยิมได้ใจ นางค่อย ๆ ก้าวทีละก้าว เดินเข้าไปหาเย่อีเฉิ นอย่างช้า ๆ
นําเสี ยงไพเราะค่อย ๆ ดังขึน “ท่านอ๋ อง ท่านมิใช่กาํ ลังทรมานมากขึนเรื อย ๆ หรอกหรื อ มิตอ้ งกังวลไป ข้าจะ
ช่วยท่านเอง !”

เย่อีเฉิ นปิ ดเปลือกตาลงไม่กล่าววาจาใด !


แววตาได้ใจของซ่ งชิงเหยียนยิงเข้มมากขึน มือเรี ยวเล็กบอบบางยืนออกไปลูบไล้เสื อตรงหน้าอกของเขา......

“ไสหัวไป !” เย่อีเฉิ นยกเท้าถีบไปทีหน้าอกของนางเข้าอย่างแรง !

ซ่งชิงเหยียนทีไม่ทนั ระวังถูกเตะออกไปไกลห้าหกเมตร เสี ยงดังตูม้ ดังขึน นางตกลงไปในบ่อนําทันที กรี ดร้อง


เสี ยงดังลันทะลุกอ้ นเมฆ “อ้า !”

เหล่าบรรดาทหาร สาวใช้ บ่าวไพร่ ทีอยูใ่ กล้ ๆ ต่างตกใจ พากันกรู เข้ามาอย่างเร่ งรี บ มู่หรงเจียนกับอดีตจิงอ๋ องที
กําลังลําลึกอดีตก็กา้ วยาว ๆ เข้ามาเช่นกัน

เมือเห็นซ่ งชิงเหยียนดินรนอยูใ่ นบ่อนํา เดียวผลุบเดียวโผล่ ร้องขอความช่วยเหลืออย่างอย่างร้อนรน “ช่วยด้วย


......ช่วยข้าด้วย......”

เย่อีเฉิ นทียืนอยูด่ า้ นข้างของบ่อนํา กลับยืนดูนางอย่างเย็นชา !

“ชิงเหยียน !” อยู่ ๆ ในใจของมู่หรงเจียนก็รู้สึกถึงรางสังหรณ์ไม่ดีนกั ร้องเรี ยกขึนด้วยความตกใจ พลางกระโดด


ลงไปในบ่อนําช่วยเอาซ่ งชิงเหยียนขึนมา
เมือเห็นผมทีม้วนเป็ นมวยของนางหลุดลุ่ย เปี ยกปอนไปทัวทังร่ าง เอียมสี ชมพูกบั ชุดส่ วนในสี ขาวลู่ติดไปกับ
ร่ างกาย เผยให้เห็นผิวขาวหิ มะเรี ยบเนี ยนอยูช่ ่วงใหญ่ สถานการณ์ช่างดูล่อแหลมมาก......

มู่หรงเจียนเร่ งรี บถอดชุดนอกออกคลุมไปบนร่ างของนาง แล้วเขย่าเบา ๆ “ชิงเหยียนเจ้าเป็ นอย่างไรบ้าง ? ชิงเห


ยียน ?”

“แค่ก แค่ก !” ซ่ งชิงเหยียนไอหนัก ๆ ออกมาเสี ยหลายครัง สําลักนําออกมาทีละอึกสองอึก !

มู่หรงเจียนตืนตระหนก “ใครก็ได้ รี บเชิญหมอ เชิญท่านหมอที !”

“ไม่ตอ้ งเชิญหมอหรอก นางไม่ตายแน่นอน !” นําเสี ยงเย็นชาลอยเข้าหู ร่ างกายของมู่หรงเจียนกระตุก ค่อย ๆ เงย


หน้าขึนมองไป ก็สบตาเข้ากับแววตาเย็นยะเยือกของเย่อีเฉิ น......
ตอนที123 การมาถึงของพระชายาเอก
“มู่หรงเจียน เจ้าพาซ่ งชิงเหยียนมาวังจิงอ๋ องเพือทีจะวางยาปลุกกําหนัดข้า แท้จริ งแล้วมีจุดประสงค์อะไรกันแน่
?”

พอสิ นคําพูดของเขา รอบด้านก็เกิดเสี ยงอืออึงขึนมา คุณหนูจวนอู่อนั โหวเล็ก ๆ นางหนึ งกลับกล้าคิดอุบาย


ล่อลวงจิงอ๋ องเช่นนี ช่างรนหาทีตายยิงนัก !

แววตาดูถูกเหยียดหยามของฝูงชนค่อย ๆ หันเหไปทีตัวของมู่หรงเจียนและซ่ งชิงเหยียน !

สี หน้าของมู่หรงเจียนมืดมัว แล้วถลึงตามองใส่ ซ่งชิงเหยียนครังหนึ ง ทําไมเรื องเล็ก ๆ แค่นีก็ทาํ ไม่สาํ เร็ จ ช่าง


โง่เง่าจนถึงทีสุ ด !

ในใจของเขานึกเกลียดชังนางอย่างมาก แต่บนใบหน้าของมู่หรงเจียนกลับปรากฏท่าทางแปลกประหลาดใจ
ขึนมา “นีเอ่อ......ผูน้ อ้ ยไม่รู้จริ ง ๆ นะขอรับ......”

ในอากาศโดยรอบยังคงหลงเหลือกลินหอมบางเบาของยาปลุกกําหนัดอยู่ ชุดสี แดงดอกเหมยก็ตกอยูท่ ีพืน


ด้านหน้าของจิงอ๋ อง ความผิดในฐานะทีคิดแผนการยัวยวนจิงอ๋ อง หากอยากจะปฏิเสธก็คงทําไม่ได้เสี ยแล้ว แต่
ว่าเขาห้ามยอมรับอย่างเด็ดขาดว่ารู ้เรื องเกียวกับแผนการของชิงเหยียน ไม่เช่นนันก็จะเป็ นการบอกเย่อีเฉิ นอ้อม
ๆ ว่านีเป็ นแผนทีพวกเขาเตรี ยมการณ์เอาไว้แต่แรก
“เจ้าไม่รู้เรื องด้วยจริ ง ๆ น่ะหรื อ ?” เย่อีเฉิ นจ้องมองไปทีมู่หรงเจียน แววตาของเขาวูบไหวไปด้วยความเย็นยะ
เยือก มองจนเขาหลังเหงือเย็น ๆ ออกมา ทัวทังร่ างรู้สึกหนาวเหน็บ ซ่ งชิงเหยียนเป็ นเขาทีพามาวังจิงอ๋ อง เย่อเฉิ
ี น
คงไม่มีทางเชือในคําพูดของเขาง่าย ๆ แน่.......

แววตาของเขาสันไหวไปด้วยความหนาวเหน็บ เขายกมือขวาสู งขึน กล่าวสาบานทีละคํา “สวรรค์ดา้ นบน พืน


พิภพด้านล่าง คําพูดทีข้ามู่หรงเจียนพูดออกไปแต่ละคําล้วนเป็ นความจริ ง ถ้าหากมีคาํ โกหกแม้แต่น้อย ขอให้ถูก
ฟ้ าผ่าไม่ตายดี !”

เย่อีเฉิ นไม่ใช่คนทีจะถูกหลอกได้ง่าย ๆ ถ้าหากเขายังคงพูดโต้แย้งต่อไป เย่อีเฉิ นไม่เพียงทีจะไม่เชือคําพูดของเขา


เท่านัน แต่ยงั จะดูหมินเขาทีผลักไสความผิดให้พน้ ตัว กล้าทําไม่กล้ารับ ไม่เท่ากับพูดสาบานเพือแสดงความ
บริ สุทธิ ใจ ถึงแม้ว่าเย่อีเฉิ นจะยังสงสัยในตัวเขาแต่กจ็ ะไม่ได้มีความต้องการทีจะจัดการสังสอนตัวเขามากเท่าใด
นัก

เมือค่อย ๆ เหล่มองไปทีเย่อีเฉิ น ก็เห็นสี หน้าของเย่อีเฉิ นอ่อนลงไปบ้าง กําลังมองเขาอย่างผูท้ ีมีฐานะสู งกว่า แวว


ตาวูบไหวไปด้วยความนึ กคิดทีลึกลํา “ในเมือใต้เท้ามู่หรงไม่รู้เรื องด้วย เช่นนันก็คงเป็ นซ่ งชิงเหยียนทีวางแผน
เรื องราวเองทังหมด เด็ก ๆ ลากตัวซ่ งชิงเหยียนออกไป โบยหนัก ๆ หนึงร้อยครัง !”

มู่หรงเจียนตืนตระหนกขึนมาทันใด “ชิงเหยียนอายุยงั น้อยนัก ทังยังไม่รู้ความจึงกระทําผิดต่อจิงอ๋ อง ท่านอ๋ องได้


โปรดเมตตา !” ร่ างกายของชิงเหยียนบอบบางอ่อนแอ อีกทังยังมีอาการบาดเจ็บ ถ้าเกิดถูกโบยหนัก ๆ หนึ งร้อย
ไม้ แน่ นอนว่านางคงต้องจบชีวิตลง
“กล้าคิดวางแผนต่อข้า ก็จะต้องยอมรับผลลัพธ์ของมัน !” นําเสี ยงเย็นยะเยือกของเย่อีเฉิ นแฝงไปด้วยความคิดฆ่า
ฟัน “พวกเจ้ายังเฉยอยูท่ าํ ไมกัน ? ลากคนออกไปลงโทษ !”

“พ่ะย่ะค่ะ !” เหล่าทหารต่างเดินออกมาด้านหน้า คว้าจับไปทีแขนของซ่ งชิงเหยียนด้านซ้ายคนด้านขวาคน


กระชากนางขึนมาไม่ได้มีท่าทางทะนุ ถนอมเลยแม้แต่นอ้ ย

“ท่านอ๋ อง โปรดเมตตา ชิงเหยียนเพิงจะมีอายุสิบสามปี ถึงแม้นางจะกระทําผิด แต่โทษทีได้รับก็ไม่ควรถึงตาย


......” สี หน้าของมู่หรงเจียนซี ดขาว เขากอดร่ างของซ่ งชิงเหยียนไว้แน่ นไม่ยอมปล่อย แววตาวูบไหวไปด้วยความ
กระวนกระวายและความเจ็บปวด ดูจนอดีตจิงอ๋ องต้องถอนหายใจออกมาหนัก ๆ

เมือปรายตามองไปทีซ่ งชิงเหยียน ก็เห็นนางหลับตาปิ ดสนิ ท ทีมุมปากมีเลือดไหลออกมา ชัดเจนว่าได้รับ


บาดเจ็บไม่เบานัก แววตาของเขาก็ขรึ มขึน พลางกล่าวเสี ยงตํา “อีเฉิ น ซ่ งชิงเหยียนถูกเจ้าตีจนบาดเจ็บหนักเช่นนี
ความผิดทีนางกระทําก็นบั ว่าได้รับการลงโทษแล้ว ปล่อยพวกเขาไปเถอะ !”

ี นค่อย ๆ ขมวดเข้าหากันแน่ น เขาลังเลอยูค่ รู่ หนึ ง แต่ก็ยงั ยอมพยักหน้า “ทังหมดล้วนฟั งท่านพ่อ


คิวคมของเย่อเฉิ
!”

แล้วหันมองไปทีมู่หรงเจียน กล่าวขึนนําเสี ยงเย็นชา “รี บไสหัวออกไป จากนี เป็ นต้นไป อย่าได้เข้ามาทีวังจิงอ๋ อง


อีกแม้แต่กา้ วเดียว !”
ทันใดนันหัวใจทีเต้นแรงของมู่หรงเจียนก็พลันผ่อนคลายลง เขาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “ขอบพระคุณ
อดีตจิงอ๋ อง ขอบพระคุณจิงอ๋ อง......”

“ไม่ตอ้ งกล่าวให้มากความ รี บพาซ่ งชิงเหยียนไปรับการรักษาเถอะ” อดีตจิงอ๋ องตัดบทคําพูดของเขาอย่างหมด


ความอดทน เขาคาดเดาได้แต่แรกแล้วว่าทีมู่หรงเจียนมาทีวังจิงอ๋ องนันจะต้องมีความคิดอ่านอะไรแอบซ่ อนไว้
แต่กลับคาดไม่ถึงว่าเป้ าหมายของมู่หรงเจียนจะเป็ นอีเฉิ น ทังยังใช้แผนการชันตําเช่นนี อีก......

นิสัยใจคอของแม่ลูกแซ่ ตู้ ยังคงเหมือนกับเมือสิ บปี ก่อนไม่มีผดิ ตําทรามเสี ยจนผูค้ นไม่กล้ากล่าวชม ลูกหลาน


รุ่ นหลังก็คงถูกพวกเขาสังสอนจนเสี ยคนหมด......

“ขอบพระคุณอดีตจิงอ๋ องทีเป็ นห่ วง !” แววตาของมู่หรงเจียนเปล่งประกายวูบไหวสายหนึงมองไปทีซ่ งชิงเห


ยียนทีมีสภาพไม่น่าดู ถอนหายใจออกมาหนัก ๆ “ชิงเหยียนเป็ นเพียงเด็กสาว ร่ างกายทีบริ สุทธิ ผุดผ่องถูกผูค้ น
มองเห็นหมดแล้ว ไม่รู้ว่าควรทําเช่นไรดี ?”

“บรรดาบ่าวไพร่ และทหารองครักษ์ของทีนี ล้วนยังไม่ได้แต่งภรรยา ใต้เท้ามู่หรงสามารถเลือกออกมาได้ตามใจ


หนึ งคนให้เป็ นสามีของซ่ งชิงเหยียน” เย่อีเฉิ นตอบขึนอย่างไม่ใส่ ใจฟั งจนมู่หรงเจียนต้องหยุดหายใจ

คนทีมองเห็นเรื อนร่ างของซ่ งชิงเหยียนคนแรกคือเย่อีเฉิ น ถ้าหากจะต้องรับผิดชอบ ก็สมควรจะเป็ นเย่อเฉิ


ี น แต่
เขากลับผลักไสความรับผิดชอบไปทีตัวของเหล่าทหารและบ่าวไพร่ เช่นนี !

ชิงเหยียนเป็ นถึงคุณหนูสายตรงแห่ งจวนอู่อนั โหว คนใช้ชนตํ


ั าพวกนันไม่มีคุณสมบัติทีจะครอบครองได้ !
เย่อีเฉิ นชักจะรังแกคนมากเกินไปแล้ว !

แววตาของมู่หรงเจียนลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ อดกลันอยูน่ านกว่าจะสลายมันให้หายไป กล่าวเสี ยงตํา “ท่านอ๋ อง


เข้าใจผิดแล้ว ผูน้ อ้ ยเพียงต้องการให้คนของวังจิงอ๋ องปิ ดเรื องนี ไว้เป็ นความลับ ไม่กล่าวเรื องทีชิงเหยียนตกนํา
ออกไป”

หากเย่อีเฉิ นใจดําไม่ยอมรับผิดชอบชิงเหยียน เช่นนันเขาก็คงจะทําอะไรไม่ได้ ทังยังไม่มีเหตุผลอะไรทีจะไปบีบ


คัน คงทําได้เพียงการประนี ประนอมยอมความเพียงเท่านี

“ในวังจิงอ๋ อง ไม่มีคนทีปากมาก !” นําเสี ยงเย็นชาของเย่อีเฉิ นแฝงไว้ดว้ ยการดูถูกเหยียดหยาม

มู่หรงเจียนลุกโชนไปด้วยความโกรธแค้นแต่ไม่กล้ากล่าววาจา เขาเพียงอุม้ ซ่ งชิงเหยินขึนอล้วค่อย ๆ เดินออกไป


ด้านนอก “ขอบพระคุณท่านอ๋ อง ผูน้ อ้ ยขอลา !”

แผนการของซ่ งชิงเหยียนล้วนล้มเหลว นอกจากจะอับอายแล้วยังจะได้รับบาดเจ็บสาหัส สายตาของเหล่าคนรับ


ใช้ทีมองมาหากไม่มีแววดูถูกก็มีแววเหยียดหยาม พวกเขาไม่สามารถอยูท่ ีนี ต่อไปได้อีก จําต้องรี บจากไปอย่าง
รวดเร็ ว !
ซ่งชิงเหยียนทีรู ้สึกสะลึมสะลือดวงตาพร่ ามัว คําพูดปฏิเสธทีดูถูกและเหยียดหยามของเย่อีเฉิ น นางล้วนได้ยนิ เข้า
หูทงหมดไม่
ั ตกหล่น ในอกลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ นางร้องอักออกมาเสี ยงหนึง เลือดสี แดงสดกระอักออกมา
จากปากของนาง แล้วจึงค่อย ๆ รู ้สึกวิงเวียนแล้วสลบไม่ได้สติไป

“ชิงเหยียน ชิงเหยียน......” มู่หรงเจียนตืนตระหนก อุม้ ซ่ งชิงเหยียนพุ่งทะยานออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ ว

หญิงงามผูห้ นึงภายใต้การห้อมล้อมของเหล่าสาวใช้เดินเข้ามา ริ มฝี ปากสี แดงปิ ดเข้าหากัน มวยผมม้วนสู งเผยให้


ใบหน้างดงามทีถูกดูแลรักษามาอย่างดี ปิ นปั กผมอันงดงามถูกปั กอยูต่ รงกลางของมวยผม วูบไหวแวววาว เสริ ม
ให้ทวทั
ั งร่ างเปล่งรัศมีทีดูมีสูงส่ งสง่างามยิงขึน สายตาเย็นชากวาดมองไปทีซ่ งชิงเหยียนทีมีสีหน้าซี ดขาวสลบ
ไสลไม่ได้สติ สบถขึนอย่างเหยียดหยาม

“ถึงกับกล้าใช้ยาปลุกกําหนัดวางแผนใส่ อีเฉิ น คนของตระกูลมู่หรง แต่ละคนช่างหน้าด้านหน้าทนไร้ยางอายยิง


นัก......”

ทันใดนันสี หน้าของอดีตจิงอ๋ องก็พลันเคร่ งขรึ มขึน กล่าวขึนเสี ยงดัง “เจ้ากําลังพูดอะไร ?”

“หรื อว่าข้าพูดอะไรผิดไปเล่า ? เมือครู่ คนทีชือชิงเหยียน ไม่ใช่เพราะว่าล่อลวงอีเฉิ นไม่สาํ เร็ จเลยถูกอีเฉิ นเตะจน


ได้รับบาดเจ็บอย่างนันหรื อ ?” หญิงงามผูน้ ันเลิกคิวมองไปทีอดีตจิงอ๋ อง หางตาเลิกขึนเต็มไปด้วยความหยิง
ทะนงถือตน
นางมาถึงวังจิงอ๋ องตังนานแล้ว แต่เห็นทีนี กําลังมีละครฉากหนึ งแสดงอยูเ่ ลยไม่ได้เข้ามารบกวน รอให้ละครฉาก
นันจบลงแล้วค่อยเข้ามา

สี หน้าของอดีตจิงอ๋ องยิงเข้มขึน “ข้าบอกให้เจ้ารออยูท่ ีหวินหนานไม่ใช่หรื อ ? เหตุใดเจ้าถึงมาทีเมืองหลวงได้ ?”


นิสัยของมู่หรงเจียนกับซ่ งชิงเหยียนไม่ค่อยดีเท่าไร เขาก็ขีเกียจจะไปวิจารณ์พวกเขาต่อให้มากความ

“ลูกชายของข้าจะแต่งงานแล้ว ข้าทีเป็ นแม่ แน่นอนว่าจะต้องมาทีวังอ๋ องทีเมืองหลวง ดูแลจัดการงานแต่งของ


เขาให้เพียบพร้อม จะยังอยูท่ ีหวินหนานไปอีกทําไมกัน ?” หญิงงามถามกลับอย่างไม่เกรงใจ อดีตจิงอ๋ องไม่เห็น
ด้วยทีจะให้นางมาเมืองหลวง นางจึงต้องแอบเดินทางตามมาทีหลังอย่างไม่รีบร้อน ในทีสุ ดวันนี ก็ตามมาถึงวังจิง
อ๋ องแล้ว

อดีตจิงอ๋ องกล่าวขึนอย่างไม่พอใจ “มู่หรงเสวียนางต้องการถอนหมันกับลูกชายเจ้า ไม่ใช่แต่งงาน !”


ตอนที 124 โต้ เถียง

หญิงงามไม่สนใจ “ถอนหมันก็ถอนหมัน มีอะไรเสี ยหายกัน ในแผ่นดินนี มีหญิงสาวอีกตังเป็ นร้อยเป็ นพัน อีเฉิ น


สามารถเลือกได้ตามใจชอบ เหตุใดจะต้องไปแต่งกับมู่หรงเสวียหญิงสาวทีน่ ารังเกียจผูน้ นด้
ั วย ?”

“เจ้าพูดอะไรของเจ้า ? อะไรทีเรี ยกว่าเสวียเอ๋ อร์น่ารังเกียจ ?” สี หน้าของอดีตจิงอ๋ องมืดครึ มลง ไต่ถามขึนเสี ยงดัง

“สองคนเมือครู่ นนที
ั จากไป คนหนึงเป็ นอาสองของมู่หรงเสวีย อีกคนเป็ นน้องสาวลูกพีลูกน้องของมู่หรงเสวีย
ใช่หรื อไม่เล่า อีเฉินไม่ตอ้ งการถอนหมัน นางก็เลยส่ งพวกเขาสองคนมาวังจิงอ๋ องวางยาปลุกกําหนัดใส่ อีเฉิ น บีบ
คันให้อีเฉิ นทําเรื องผิดพลาด หากไม่เรี ยกน่ ารังเกียจแล้วจะเรี ยกอะไรไปได้ ?” หญิงงามพูดขึนอย่างรู้สึกเกลียด
ชัง แววตาของนางวูบไหวไปด้วยความเย็นยะเยือกทีคมกริ บ

พีน้องไม่สามารถมีสามีคนเดียวกันได้ เพียงแค่อีเฉิ นกับซ่ งชิงเหยียนเกิดเรื องขึน นางก็จะกลายเป็ นอนุ ของอีเฉิ น


พอถึงเวลานัน อีเฉิ นก็จะถูกว่าร้ายว่าเป็ นคนชัวช้าทีเป็ นต้นเหตุของเรื องราวยุง่ วุ่นวายทังหมด ไม่อาจทีจะไม่
ยกเลิกการหมันหมายกับมู่หรงเสวียได้ !

กลับกันมู่หรงเสวียก็จะสามารถตัดขาดความสัมพันธ์กบั อีเฉิ นได้อย่างทีใจหวัง ทังยังได้รับความสงสารและ


ความเห็นใจจากผูค้ น นางช่างวางแผนได้แยบยลยิงนัก !
“เสวียเอ๋ อร์ กบั มู่หรงเจียนและซ่ งชิงเหยียนนันเหมือนนํากับไฟ ไม่มีทางทีจะร่ วมมือกันวางแผนต่ออีเฉิ นได้ ครัง
นีแน่นอนว่าต้องเป็ นมู่หรงเจียนกับซ่ งชิงเหยียนทีเป็ นคนต้นคิด คิดอยากแย่งชิงการแต่งงานของเสวียเอ๋ อร์ ......”
อดีตจิงอ๋ องกล่าวขึนเสี ยงตํา แววตาของเขาเปล่งประกายคมกริ บเย็นยะเยือก

อันดับแรกก็ยศศักดินาของมู่หรงเยว่ ต่อมาก็ทรัพย์สินของมู่หรงเสวียกับมู่หรงเย่ ตอนนี ก็ลามมาถึงการแต่งงาน


ของมู่หรงเสวีย แซ่ ตสู ้ ามแม่ลูกนัน นับวันยิงน่ารังเกียจยิงนัก !

“ถึงแม้วา่ มู่หรงเสวียจะไม่ได้ร่วมมือกับมู่หรงเจียน แต่นางทีไม่เต็มใจจะแต่งกับอีเฉิ นก็เป็ นเรื องจริ ง ในเมือนาง


ต้องการถอนหมัน พวกเราก็ควรทําตามความต้องการของนาง !” แววตาของหญิงงามลําลึก

ร่ างกายของมู่หรงเสวียอ่อนแอ ทุกวันนันมัวแต่เจ็บป่ วยออด ๆ แอด ๆ ไม่รู้วา่ จะจบสิ นชีวิตลงเมือใด ตระกูลชน


ชันสูงทีไหนจะยอมแต่งหญิงสาวเช่นนีเป็ นภรรยาอย่างนันหรื อ ? อีเฉิ นยอมให้นางเป็ นชายารอง ก็ถือเป็ นการ
สงสารนางมากแล้ว นางไม่เพียงแต่ไม่ยอมรับความหวังดี อีกทังยังจะโวยวายขอถอนหมัน ช่างไม่รู้จกั กาลเทศะ
ยิงนัก !

สี หน้าของอดีตจิงอ๋ องค่อย ๆ เข้มขึน เขากล่าวเน้นทีละคํา “การหมันหมายแต่งงานไม่ใช่เรื องทีจะมําเป็ นเล่นได้


ข้านันเลือกเฟ้ นมาอย่างดี พอต้องการถอนหมันก็จะมาถอนหมันกันง่าย ๆ เช่นนีน่ ะหรื อ ?”

หญิงงามไม่คิดว่าเป็ นเช่นไร “อีเฉิ นก็ไม่ได้ชอบพอมู่หรงเสวีย แต่งกับนางไปก็ไม่มีความสุ ข ไม่เท่ากับถอนหมัน


ไปแต่เนิน ๆ ให้อีเฉิ นแต่งกับฉิ นยวีเยียน.....”
อีเฉิ นอายุยงั น้อยทังยังรู ปร่ างองอาจหล่อเหลา วรยุทธ์สูงส่ ง ยิงได้แต่งกับหญิงงามในดวงใจอย่างฉิ นยวีเยียน
แน่นอนว่าจะต้องใช้ชีวิตด้วยความสุ ข มีแต่คนจะอิจฉาตาร้อน

แต่ม่หู รงเสวียนัน หลังจากถอนหมันไปแล้วนางก็จะเสื อมเสี ยชือเสี ยง ทังยังมีร่างกายอ่อน ใครทีไหนจะยอมแต่ง


กับนาง ถึงแม้ว่าจะแต่งออกไปได้ ก็ไม่มีทางแต่งเข้ากับตระกูลทีดีอะไรนัก ภายภาคหน้ารอจนนางได้เห็นอีเฉิ นที
สง่างามหล่อเหลาเต็มไปด้วยความสุ ขมีชีวิตชีวา แน่ นอนว่าจะต้องรู ้สึกเสี ยใจและเสี ยดาย......

กล้าปฏิเสธเย่อีเฉิ น สุ ดท้ายต้องมาเสี ยดายทีหลังก็เป็ นเรื องทีสมควรแล้ว......

“เจ้ายังไม่ได้พบกับฉิ นยวีเยียน ทําไมถึงรู ้ได้ว่านางเหมาะกับตําแหน่งชายาเอกแห่ งจิงอ๋ อง ?” อดีตจิงอ๋ องจ้องมอง


ไปทีหญิงงามถามขึนเสี ยงเย็น

หญิงงามเพียงแต่ยมน้
ิ อย ๆ กล่าวขึนอย่างภาคภูมิ “ข้าเชือในสายตาของอีเฉิ น หญิงสาวทีเขาชอบ แน่ นอนว่าต้อง
ดีทีสุ ด เขาคิดว่าฉิ นยวีเยียนเหมาะกับตําแหน่งชายาเอก ฉิ นยวีเยียนแน่นอนว่าต้องสามารถเป็ นได้......”

“ข้าไม่เห็นด้วย ชายาเอกของอีเฉิ น สิ บปี ก่อนก็กาํ หนดเอาไว้ดีแล้วว่าต้องเป็ นมู่หรงเสวีย !” อดีตจิงอ๋ องกล่าวขึน


เสี ยงดังตัดบทคําพูดของนาง สายตาคมกริ บดังปลายดาบแหลมคม

“อีเฉินก็อายุสิบแปดปี แล้ว ล้วนไม่ใช่เด็กแล้ว เขารู ้วา่ ตัวเองชอบหญิงสาวแบบไหน ทังยังรู้ว่าหญิงสาวแบบไหน


ทีเหมาะสมกับเขา ตังแต่แรกเจ้าทีกําหนดการหมันหมายให้เขาก็เพราะความหวังดีทีมีต่อเขา แต่วา่ การหมันหมาย
ครังนันมีเพียงแต่จะผูกมัดเขา ขัดขวางเขา ไม่เท่ากับถอนหมันไปเสี ย ให้เขาได้ครองคู่กบั หญิงสาวทีเขารัก ไม่
ดีกว่าหรื อ ?” หญิงงามกล่าวขึนอย่างมีเหตุมีผล

อดีตจิงอ๋ องไม่กล่าววาจาใด มองไปทีนางอย่างเย็นชา แววตาวูบไหวไปด้วยความดูถูกและเยาะเย้ย มองจนหญิง


งามลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ “อีเฉิ นโตแล้ว การแต่งงานของเขา พวกเราก็ไม่ตอ้ งยืนมือเข้าไปยุง่ เกียวอีก ให้เขา
ตัดสิ นใจเองว่า อยากจะแต่งงานกับหญิงสาวแบบไหน......”

กล่าวขึนด้วยความโมโห นางหันไปมองทางเย่อีเฉิ น แต่กลับเห็นเพียงหิ นจําลองทีว่างเปล่า ไร้ซึงร่ องรอยของเย่อี


เฉิ นเสี ยแล้ว “อีเฉิ น......อีเฉิ นล่ะ ?”

“โมโหเจ้าจนจากไปแล้ว” อดีตจิงอ๋ องตอบนางกลับไปอย่างไม่เกรงใจ

“ข้าจะไปทําให้เขาโมโหได้เช่นไรกัน......” หญิงงามขมวดคิวแน่ นเข้าหากัน อีเฉิ นชอบพอกับฉิ นวีเยียน อยาก


แต่งนางเป็ นชายาเอก เห็น ๆ ว่านางพูดตามสิ งทีเขาต้องการทังหมด

อดีตจิงอ๋ องยิมขึนอย่างเยาะเย้ย “อะไรก็ลว้ นไม่เข้าใจ ก็ไม่ตอ้ งเข้ามาเสนอความคิดเห็นให้ยงุ่ วุ่นวายอีก หญิงโง่ที


ไม่รู้ความ นันก็คือเจ้า !” เขากล่าวทิงคําพูดเย็นชาเอาไว้ หลังจากนันก็สะบัดแขนเสื อหมุนกายเดินออกไป ก้าว
ยาว ๆ ไปด้านหน้าไม่หนั กลับไปมองอีก

“เจ้า !” หญิงงามชีไปทีแผ่นหลังของเขาทีค่อย ๆ ไกลออกไป โมโหจนไร้คาํ พูดจะกล่าว สามีดูหมิน ลูกชายก็ไม่


สนใจ ทังหมดทังมวลนี ล้วนเป็ นเพราะมู่หรงเสวีย !
ยังไม่ได้ผา่ นพ้นประตูวงั จิงอ๋ องเข้ามาก็ทาํ ให้ผชู ้ ายทังสองคนทีสําคัญทีสุ ดในชีวิตของนางไม่สนใจใยดีนาง ดู
ท่ามู่หรงเสวียคงจะร้ายกาจยิงนัก ถ้าหากมู่หรงเสวียแต่งเข้ามา วังจิงอ๋ องแห่ งนี ยังจะมีทียืนของนางอยูอ่ ีกหรื อ !

ขอแค่เพียงนางยังมีชีวิตอยู่ นางไม่มีทางยอมให้ม่หู รงเสวียแต่งเป็ นภรรยาของอีเฉิ นแน่ !

หญิงงามทีกําลังโมโหเกรี ยวกราดไม่ได้มองเห็นเลยว่าในมุมหนึ งทีไม่ไกลออกไป มีเงาร่ างสายหนึงค่อย ๆ แอบ


จากไปอย่างเงียบ ๆ แล้วเดินเลาะไปตามทางเดินหิ นสี ดาํ เดินเข้าไปในเรื อนบัวหอมทีฉิ นยวีเยียนรักษาตัวอยู่

แขนและขาของฉิ นยวีเยียนถูกพิษเผาไหม้ ทังตอนทีเกิดการระเบิดก็ได้รับบาดเจ็บภายในไม่นอ้ ย ทัวทังร่ างล้วน


ถูกพันไปทัวด้วยผ้าขาว ถูกมัดจนคล้ายกับบ๊ะจ่างกําลังนอนพักฟื นอยูบ่ นเตียงอย่างไรอย่างนัน !

ได้ยนิ ข่าวทีสาวใช้นาํ มา นางก็เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง “อดีตจิงอ๋ องไม่อยากให้ขา้ เป็ นชายาเอกแห่ งจิงอ๋ อง


เจ้าไม่ได้ฟังผิดแน่นะ ?”

“จริ งแท้แน่นอนเพคะ ข้าน้อยไม่มีทางฟังผิดแน่” อิงอิงกล่าวเน้นทีละคํา แววตาเต็มไปด้วยความหนักใจ

“ทําไมถึงเป็ นเช่นนี ได้ ?” ฉิ นยวีเยียนขมวดคิวแน่ นเข้าหากัน อดีตจิงอ๋ องเป็ นพ่อแท้ ๆ ของอีเฉิ น แม้อีเฉิ นจะ
ชอบนางเพียงใด แต่ก็คงไม่มีทางกล้าปฏิเสธความต้องการของพ่อตัวเองได้อย่างแน่ นอน นางทีอยากแต่งให้อี
เฉิ นนัน ก็ดูเหมือนหนทางจะยิงยากขึนไปอีก !
ทังหมดทังมวลล้วนเป็ นเพราะมู่หรงเสวีย ถ้าหากไร้ซึงมู่หรงเสวีย อดีตจิงอ๋ องคงไม่ได้เป็ นดังเช่นตอนนี ทีแม้แต่
หน้าของนางก็ยงั ไม่อยากพบ ทังยังรู้สึกรังเกียจนาง......

เมือมองไปทีแววตาโกรธแค้นของนาง แววตาของอิงอิงก็วบู ไหว กล่าวขึนเสี ยงตํา “แต่พระชายาเอกแห่ งอดีตจิง


อ๋ องนันชอบพอในตัวท่าน ทังยังเห็นด้วยทีท่านจะแต่งกับจิงอ๋ อง......”

“ทีวังจิงอ๋ อง คนทีเป็ นใหญ่คืออดีตจิงอ๋ อง เพียงแค่เขาไม่เห็นด้วย แม้พระชายาเอกหรื อแม้แต่อีเฉิ นจะชอบพอข้า


มากเพียงไรก็ไร้ประโยชน์......” ฉิ นยวีเยียนถอนหายใจออกมาหนัก ๆ ดวงตางามหรี ลง “คนทีส่ งมาจากม่อเป่ ยจะ
มาถึงเมือใด ?”

“พวกเขามาได้ครึ งทางแล้วเพคะ มาตรว่าคงใช้เวลาไม่มากเท่าไรก็จะสามารถมาถึงเมืองหลวงของชิงเหยียนได้


!” อิงอิงกล่าวเสี ยงตํา พูดเน้นทีละคํา

“เช่นนันก็ดี” ฉิ นยวีเยียนพยักหน้า คนทีกําลังมาล้วนเป็ นคนทีมีความสามารถและถูกคัดเลือกมากอย่างดี แต่ว่าจะ


สามารถช่วยนางได้.....จริ ง ๆ น่ะหรื อ ?

ทันใดนันในหัวของฉิ นยวีเยียนก็มีความคิดสายหนึงวูบขึนมา “เมือครู่ เจ้าพูดว่า โรคประจําตัวของอดีตจิงอ๋ อง


กําเริ บและกําลังพักรักษาตัวอยูใ่ ช่หรื อไม่......”
“ใช่เพคะ !” อิงอิงพยักหน้า “หมอหลวงบอกว่า เขาเดินทางระยะไกล อีกทังยังถูกกระตุน้ ด้วยความร้อนใจ จึงทํา
ให้โรคประจําตัวกําเริ บขึนมาอีก......”

“เช่นนันก็ดียงนั
ิ ก !” ฉิ นยวีเยียนยกมุมปากขึน แววตาเจือปนไปด้วยรอยยิมแปลก ๆ กล่าวเสี ยงกดตําขึนอย่าง
ลึกลับ “อิงอิง เจ้าช่วยข้าทําเรื องหนึงสิ !”
ตอนที 125 ขันวิกฤต
เสี ยงกระซิ บกดตําทีชัดเจนลอยเข้าหู ทันใดนันดวงตาของอิงอิงก็เบิกกว้างขึน แววตาของนางฉายตกอกตกใจ
“องค์หญิง......นี มัน......คงไม่ดีนกั เพคะ......”

“ทีข้าทําเช่นนี ก็เพราะหวังดีต่อวังจิงอ๋ อง ถึงแม้วา่ ในอนาคตเรื องราวจะแดงขึนมา พวกเขาก็มีเพียงแต่จะขอบคุณ


ข้า......” ฉิ นยวีเยียนกล่าวเน้นทีละคํา นําเสี ยงมีความถือดี

อิงอิงมีแววตาลําบากใจ “แต่ว่า......”

“เจ้าไม่ตอ้ งกล่าวให้มากความ จะแพ้จะชนะก็อยูท่ ีการลงมือในครัง ความสุ ขชัวชีวิตของข้า ก็ขอฝากไว้กบั ตัวเจ้า


แล้ว เจ้าอย่าได้ทาํ ให้ขา้ ผิดหวัง !” เสี ยงเย็นเฉี ยบของฉิ นยวีเยียนตัดบทคําพูดของนางจนหมดสิ น จ้องมองนางตา
ไม่กระพริ บ แววตาวูบไหวไปด้วยความเย็นยะเยือก สายตานันทําเอาแผ่นหลังของอิงอิงหลังไปด้วยเหงือเย็น
นางจึงเร่ งรี บก้มหัวลง

“เพคะ !” อิงอิงแอบถอนหายใจเบา ๆ ย่อกายแล้วก้าวเท้าออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ ว......

เมือมองไปทีเงาร่ างทีค่อย ๆ ไกลออกไปของนาง ฉิ นยวีเยียนก็ยกยิมมุมปากขึนอย่างเย็นชา ผูท้ ีมีอาํ นาจในการ


ตัดสิ นใจมากทีสุ ดในวังจิงอ๋ องก็คืออดีตจิงอ๋ อง อดีตจิงอ๋ องนันลําเอียงชอบแต่มู่หรงเสวีย แต่เกลียดชังนาง ถึงแม้
อีเฉิ นกับพระชายาเอกแห่ งอดีตจิงอ๋ องจะชอบในตัวนางมากเพียงไรแล้วบวกเข้ากับการทีนางอยากแต่งเป็ น
ภรรยาให้อีเฉิ นเองด้วยแล้ว ก็ยงั ดูท่าว่าจะยากลําบากยิงนัก !
อีเฉิ นเป็ นของนาง นางไม่มีทางยอมปล่อยมือหลีกถอยให้คนอืนโดยง่ายแน่ ดังนันนางจึงคิดแผนการนี ขึนมา ให้
คนในวังจิงอ๋ องเห็นว่านิ สัยใจคอของมู่หรงเสวียนันช่างชัวร้ายและน่ ารังเกียจมากเพียงใด ในทางเดียวกันก็จะทํา
ให้พวกเขาได้รู้ว่านางนีแหละทีมีความเพียบพร้อมและเหมาะสมต่อตําแหน่งพระชายาเอกมากทีสุ ด !

ยามเช้า อากาศเย็นสบายปลอดโปร่ ง แสงอาทิตย์อบอุ่นสี ทองบาง ๆ สาดส่ องกระทบกับหลังคาเรื อนโบราณอัน


วิจิตรงดงาม จนแผ่นกระเบืองมีประกายสี ทองอบอุ่นจาง ๆ มองดูแล้วช่างงดงามจนมิอาจกล่าวบรรยายออกมาได้
!

ี นสามคนนังอยูท่ ีโต๊ะอาหาร รับสํารับเช้ากันด้วยท่าทางสง่า


อดีตจิงอ๋ อง พระชายาเอกแห่ งอดีตจิงอ๋ อง และเย่อเฉิ
งามสมฐานะ

ขนมโก๋ กลินกุหลาบ แผ่นแป้ งทอดอ่อนนุ่ มสี ทองร้อนกรุ่ น ขนมเปี ยะโรยงาขาว ขนมแป้ งทอดฟั กทองเหลือง
อร่ าม......ข้าวต้มแดง ข้าวต้มธัญพืช ข้าวต้มฟั กทอง ข้าวต้มดํา......อาหารต่าง ๆ นา ๆ ถูกวางเรี ยงรายเต็มโต๊ะ
อาหาร กลินหอมอบอวล ชวนให้ผคู ้ นนําลายสอ

ทว่าอดีตจิงอ๋ องกลับไม่อยากอาหาร เพียงทานเข้าไปง่าย ๆ ไม่กีคําก็วางตะเกียบลงเสี ยแล้ว เขาค่อย ๆ มองไป


ทางเย่อีเฉิ นพลางกล่าวว่า “วันนีเจ้ามีธุระอะไรต้องจัดการหรื อไม่ ?”

“ธุระเรื องราวในค่ายทหารก็ลว้ นจัดการเสร็ จสิ นไปนานแล้ว ตอนนีไม่มีธุระอะไร ท่านพ่อมีอะไรหรื อพ่ะย่ะค่ะ


?” เย่อีเฉิ นกล่าวขึนด้วยเสี ยงราบเรี ยบปกติ เงยหน้ามองไปทีอดีตจิงอ๋ อง
“ก็ไม่ได้มีเรื องอะไรใหญ่โตนัก ในเมืองานราชการเจ้าก็จดั การเสร็ จเรี ยบร้อยหมดแล้ว เจ้าก็ไปหาเสวียเอ๋ อร์ ที
จวนเจินกัวโหวเสี ยหน่ อยสิ พานางไปเดินเล่นซื อของ ชมวิวทิวทัศน์ แล้วค่อยไปรับสํารับทีโรงเตียมด้วยกัน
สร้างความคุน้ เคยสนิทสนม......” เสี ยงราบเรี ยบของอดีตจิงอ๋ องแฝงไว้ดว้ ยคําสังอย่างขัดไม่ได้

แววตาของเย่อีเฉิ นเคร่ งขรึ มลง เขาไม่กล่าววาจาใด

พระชายาเอกสบถขึนอย่างไม่พอใจ “อีเฉิ นก็ไม่ได้ชอบมู่หรงเสวีย ไปสร้างความสนิทใกล้ชิดก็คงไม่ทาํ ให้เกิด


ความรักใคร่ อะไรขึนมา......”

ทันใดนันสี หน้าของอดีตจิงอ๋ องก็มืดครึ มลง เขามองไปทางพระชายาเอกด้วยสายตาเย็น “ข้ากับอีเฉิ นกําลังพูดคุย


กัน เจ้าไม่มีสิทธิทีจะสอดปาก”

“ข้าก็ไม่ได้พดู อะไรผิด” พระชายาเอกกระแทกตะเกียบลง แสดงถึงความไม่ยอมอ่อนข้อ “หญิงทีอีเฉินชอบคือยวี


เยียน เจ้ามีฐานะเป็ นพ่อ เหตุใดจะต้องขัดขวางความรักของพวกเขาโดยการบังคับเอาผูห้ ญิงทีเขาไม่ชอบมายัด
เยียดให้เขาด้วย ? สู ้ให้เขาแต่งกับยวีเยียนคนทีเขารัก จะได้รักใคร่ ทะนุถนอมซึ งกันและกันแล้วครองรักกันอย่าง
สุ ขสมหวัง.....”

“เจ้าก็รู้จกั แต่การรักใคร่ ทะนุ ถนอม ครองรักกันอย่างมีความสุ ข นอกจากนีแล้วเจ้าเข้าใจสิ งใดบ้าง ?” อดีตจิงอ๋ อง


มองไปทีพระชายาเอกพลางต่อว่าขึนเสี ยงดัง “ผูห้ ญิงในจวนฝ่ ายใน สายตาคับแคบมิได้กว้างไกลเลยแม้แต่น้อย
......”
เมือมองไปทีสายตาโมโหของเขา พระชายาเอกก็สบถขึนอย่างไม่พอใจ “ข้าไม่มีสายตาทีกว้างไกล แต่เจ้ามี เจ้าจึง
กลายเป็ นคนทีร้ายกาจสุ ดในแผ่นดินไง ! พอใจเจ้าหรื อยัง !”

“เจ้า !” สี หน้าของอดีตจิงอ๋ องเขียวคลํา ชีนิ วไปทีพระชายาเอกพร้อมกับร่ างทีมีอาการสันน้อย ๆ เสี ยง ‘อัก’ เสี ยง


หนึ งดังขึนพร้อมกับกระอักเลือดออกมา ร่ างกายสู งใหญ่เอนล้มลงไปทีพืนทันที

“ท่านพ่อ !” เย่อีเฉิ นร้องเรี ยกตกใจ เพียงพริ บตาก็ปรากฏกายทีด้านหน้าของอดีตจิงอ๋ องพอดี ยืนมือออกไปพยุง


เขาไว้ เร่ งรี บหยิบเอายาจากถุงยาของเขาออกมาเม็ดหนึ ง แล้วป้ อนเข้าไปในปาก

ดวงตาของอดีตจิงอ๋ องปิ ดสนิ ทสลบไสล ชายเสื อสี เขียวเข้มเปื อนไปด้วยรอยเลือดจาง ๆ

แววตาของพระชายาเอกตืนตระหนกตกใจ กล่าวขึนอย่างกระวนกระวาย “นี......นี มันอะไรกัน ?”

เย่อีเฉิ นปรายตามองนางแล้วถอนหายใจกล่าวขึน “ความโกรธปะทุสูงแล่นปะทะเข้าสู่ หวั ใจ เลยส่ งผลให้โรค


ประจําตัวกําเริ บ !”

โรคประจําตัวกําเริ บ !
สี หน้าของพระชายาเอกตืนตระหนก ปี นันจิงอ๋ องได้รับบาดเจ็บสาหัสนัก ทุกครังทีอาการกําเริ บ ล้วนทรมานจน
สลบไม่ได้สติไปพักใหญ่กว่าจะฟื น......

“ข้าให้ท่านพ่อกินยาเข้าไปแล้ว พักผ่อนเล็กน้อยก็คงไม่เป็ นไร” เสี ยงของเย่อีเฉิ นเพิงดังขึนได้ไม่นานพริ บตาก็ได้


ยินเสี ยง ‘อัก’ ดังขึนอีกเสี ยงหนึง อดีตจิงอ๋ องกระอักเลือดออกมาอีกครา เพียงพริ บตาก็ยอ้ มเสื อผ้าจนกลายเป็ นสี
แดงฉาดไปเกือบครึ ง......

มองไปทีใบหน้าซี ดขาวไร้สีเลือดของเขา เย่อีเฉิ นก็รู้สึกตืนตระหนกขึนมาทันที “ทําไมถึงเป็ นเช่นนี ไปได้ ? หรื อ


ว่าโรคประจําตัวของเขาจะมีอาการหนักขึน ?”

โรคประจําตัวมีอาการหนักขึน ! พระชายาเอกเบิกตากว้างด้วยความตืนตกใจ ร้องเรี ยกขึนอย่างเสี ยงดัง “หมอ


หลวง หมอหลวง......รี บไปเชิญหมอหลวงมา !”

โรคประจําตัวของอดีตจิงอ๋ องกําเริ บไม่ใช่เรื องทีอาจจะมองข้ามได้ หมอหลวงทีมาดูอาการครังก่อนจึงไม่ได้จาก


ไปไหน ชัวครู่ กม็ าถึงเรื อนหลักอย่างรวดเร็ ว จับชีพจรของอดีตจิงอ๋ องอย่างละเอียดถีถ้วน สักพักก็ขมวดคิวเข้า
หากันแน่น !

หัวใจของพระชายาเอกเต้นถีรัวกล่าวสอบถามขึนอย่างระมัดระวัง “หมอหลวง อาการของเขาเป็ นเช่นไรบ้าง ?”


หมอหลวงมองไปทีพระชายาเอกกับเย่อเฉิ
ี น แล้วกล่าวขึนเสี ยงสู ง “พระชายาเอก ท่านอ๋ อง โปรดอภัยทีผูน้ ้อย
ต้องกล่าวตรง ๆ เช่นนี อดีตจิงอ๋ องมีโรคประจําตัวอยูก่ บั ตัว จะต้องระวังเรื องอารมณ์ความรู ้สึก เหตุใดพวกท่าน
ถึงได้ทาํ ให้เขาโกรธจนความโกรธแล่นปะทะเข้าสู่ หวั ใจได้ ?”

พระชายาเอกมีอาการอึกอัก หลายปี มานีทีหวินหนาน อาการของเขาก็ดีมาโดยตลอด โรคประจําตัวก็ไม่ได้กาํ เริ บ


อะไร นางก็เลยนึ กว่าเขาหายดีแล้ว เพราะว่ารักในตัวลูกชาย นางถึงได้โต้เถียงกับเขาด้วยอารมณ์โกรธเพียงชัววูบ
ถ้าหากนางรู ้วา่ เขาโรคประจําตัวกําเริ บ แน่นอนว่าจะต้องตามใจเขา ไม่มีทางโต้เถียงกับเขาอย่างเด็ดขาด

ดวงตาของเย่อีเฉิ นมืดครึ มลง เขามองไปทีหมอหลวง “ท่านหมอ อาการของท่านพ่อเป็ นอย่างไรบ้าง ?”

“ผูน้ อ้ ยไม่ขอปิ ดบัง อาการของอดีตจิงอ๋ องหนักหนาสาหัสนัก ผูน้ อ้ ยไร้ความสามารถ” หมอหลวงแซ่ ซุนกล่าว


ขึนเสี ยงเบา แววตาของเขาฉายแววเสี ยใจ

“นี......นี มันเป็ นไปได้อย่างไร ?” ดวงตาของพระชายาเอกเต็มไปด้วยความตกใจและไม่อยากจะเชือ ปี ก่อนเขา


ได้รับบาดเจ็บหนักขนาดนันก็ยงั มีชีวิตรอดมาได้ กับแค่อาการกําเริ บเพียงครังเดียวถึงกับต้องตายเลยหรื อ

ซุนไท่อีถอนหายใจออกมาหนัก ๆ “โรคประจําตัวของอดีตจิงอ๋ อง วันก่อนเพิงจะกําเริ บ อาการเจ็บป่ วยยังไม่ฟืน


ดีถึงสามส่ วน ก็กลับมากําเริ บเป็ นการซําเติมลงไปอีก ทําให้ชีพจรได้รับผลกระทบไปด้วย แม้วา่ เทพเซี ยนผู้
ยิงใหญ่มาเองก็คงไม่สามารถช่วยเหลือเขาได้......”
พระชายาเอกตืนตกใจ กล่าวขึนอย่างร้อนรน “หมอหลวงซุ น ท่านได้โปรดคิดหาวิธี จะต้องช่วยเหลือเขาให้ได้
......”

หมอหลวงซุนถอนหายใจออกมาหนัก ๆ อีกครา “ผูน้ อ้ ยเรี ยนศาสตร์ แพทย์กเ็ พือช่วยคน แต่อาการเจ็บป่ วยของ


อดีตจิงอ๋ องนันหนักเกินไป ผูน้ อ้ ยความรู ้ความสามารถตืนเขินไม่สามารถช่วยเขาได้จริ ง ๆ ......”

พระชายาเอกเซไปด้านหลังเล็กน้อย แววตาของนางเต็มไปด้วยความเศร้าโศกเสี ยใจ ความสามารถของหมอ


หลวงซุนนันดีทีสุ ดในสํานักหมอหลวง ถ้าเขายังไม่สามารถช่วยได้ คนอืนก็คงไม่สามารถเช่นกัน......

เย่อีเฉิ นมองไปทีอดีตจิงอ๋ องทีมีสีหน้าซี ดขาวหายใจรวยริ น แววตาวูบไหวไปด้วยความรู ้สึกทีผูค้ นไม่อาจเข้าใจ


ได้......

เพียงพริ บตาในห้องนอนก็มีแต่ความเงียบเชียบ ความเศร้าโศกแผ่ขยายปกคลุมไปทัวทังห้องอย่างรวดเร็ ว อึดอัด


เสี ยจนผูค้ นไม่กล้าหายใจ......

อยู่ ๆ เสี ยงกระจ่างใสของหญิงสาวนางหนึงก็ดงั ขึน “ข้าน้อยเคยได้ยนิ วิธีการพิเศษทีสามารถรักษาคน บางที


อาจจะสามารถรักษาอาการของอดีตจิงอ๋ องได้......”
ตอนที 126 การรักษาด้ วยวิธีการ 'ชงสี '

“วิธีอะไร ?” พระชายาเอกหันมองไปตามทีมาของเสี ยง มองไปทีสาวใช้ทีอยูใ่ นชุดสี เขียว สาวใช้นางนี มีนาม


ว่าลวีเอ๋ อ นางอายุสิบห้าสิ บหกปี เป็ นสาวใช้ขนสองของเรื
ั อนหลัก

นางย่อกายลงพร้อมกับกล่าวขึนอย่างนอบน้อม “ทูลพระชายา ข้าน้อยเคยได้ยนิ ว่าการทําชงสี (เสริ มมงคลด้วย


การแต่งงาน) สามารถรักษาได้ร้อยโรค !”

“ชงสี !” พระชายาเอกแววตาเปล่งประกาย ใช่แล้ว ความมงคลทีเกิดจากคู่แต่งงานใหม่สามารถขับไล่ความชัว


ร้ายออกไปได้ สามารถทําให้ผคู ้ นทีเจ็บป่ วยจนไม่สามารถรักษาได้กลับมาแข็งแรงได้ดงั เดิม นางเคยพบคนป่ วย
หนักของตระกูลหนึ งพอเสร็ จสิ นจากการชงสี แล้วก็มีอาการดีขนึ

ี นสามารถเพิมความมงคลให้ท่านพี อาการบาดเจ็บของท่านพีก็จะดีขึนอย่างรวดเร็ ว
ถ้าหากการแต่งงานของเย่อเฉิ
......

พระชายาเอกมองไปทางเย่อีเฉิ นด้วยแววตาวูบไหวเปล่งประกาย แต่กลับเห็นเขากําลังมองไปทีหมอหลวงซุ น


ด้วยแววตาสงสัย “หมอหลวงซุ น ชงสี สามารถทําให้อาการป่ วยของท่านพ่อดีขนได้
ึ จริ ง ๆหรื อ ?”
“นีเอ่อ......” หมอหลวงซุ นขมวดคิวลําบากใจ “ชงสี ไม่ใช่ศาสตร์ การแพทย์ ข้าไม่กล้ารับรองว่าอาการของอดีตจิง
อ๋ องจะดีขึนจริ งหรื อไม่ แต่ทว่ามีคนทีเคยทําชงสี แล้วอาการป่ วยหนักดีขนจริ
ึ ง ๆ......” แน่นอนว่าก็ตอ้ งมีป่วยตาย
ไปไม่นอ้ ยเหมือนกัน คงต้องดูทีชะตาฟ้ าลิขิตแล้ว

เย่อีเฉิ นพยักหน้า เปลือกตาลู่ลงไม่กล่าววาจาไปครู่ หนึง

พระชายาเอกไม่อาจทีจะอดกลันไหว นางจึงกล่าวขึนอย่างเร่ งรี บ “อีเฉิ น พ่อของเจ้าอายุยงั ไม่มากนัก ขอเพียงแค่


มีโอกาสรอดเพียงน้อยนิด พวกเราก็ตอ้ งลองดูจริ งหรื อไม่ ?”

“แม่รู้ว่าเจ้าดํารงตําแหน่งเป็ นอ๋ อง งานแต่งงานของเจ้าจะต้องจัดขึนด้วยความยิงใหญ่ แต่ในเวลาสัน ๆ เช่นนีคง


ไม่สามารถจัดงานแต่งงานขึนอย่างยิงใหญ่สมกับฐานะเจ้าได้ แต่แม่ก็จะเตรี ยมการให้เจ้าอย่างสุ ดความสามารถ
ไม่มีทางทําให้เจ้าเสื อมเสี ยเกียรติแน่ นอน......”

เสี ยงพูดกล่าวแนะนําอย่างไม่หยุดหย่อนดังขึนทีข้างหู เย่อีเฉิ นขมวดคิวเข้าหากันแน่น เงยหน้ามองไปทีพระชายา


เอก “ท่านแม่คิดว่าข้าควรจะแต่งกับใครเพือเป็ นการเสริ มความมงคลหรื อพ่ะย่ะค่ะ ?”

การทําชงสี จะต้องแต่งบ้านหลัก (ภรรยาเอก) เข้ามา แต่คนทีจะเป็ นชายาเอกของเขายังไม่ได้รับการกําหนดอย่าง


ชัดเจน......

นางนึ กว่าเขาจะไม่ยอมแต่งงานเสริ มมงคลเสี ยอีก ทีแท้กเ็ ป็ นเพราะเขายังตัดสิ นใจไม่ได้วา่ จะแต่งกับใครต่างหาก


หัวใจทีเต้นถีรัวของพระชายาเอกพลันผ่อนคลายลง แล้วกล่าวยิมตาหยี “แน่นอนว่าต้องเป็ นยวีเยียน !”

เพียงแค่การแต่งงานเสริ มมงคลก็นบั ว่าไม่เป็ นธรรมต่อลูกชายมากพอแล้ว ดังนันแน่นอนว่าว่าทีสะใภ้จะต้อง


เลือกคนทีลูกชายชอบพอเท่านัน ไม่มีทางเพิมความลําบากใจให้ลูกชายเด็ดขาด !

เย่อีเฉิ นทีได้ยนิ คําพูดของนาง กลับไม่ได้มีสีหน้ายินดี เขายังคงขมวดคิวอยูเ่ ช่นเดิม กล่าวเสี ยงตํา “ยวีเยียนเป็ น


องค์หญิงแห่ งแคว้นม่อเป่ ย ให้นางมาทําการชงสี ดูไม่คอ่ ยดีเท่าไรนัก !”

พระชายาเอกหยุดชะงักไปครู่ หนึ ง ทันใดนันก็นึกขึนได้ การทําชงสี ไม่มีผลกระทบกับฝ่ ายชายมากเท่าใดนัก แต่


กลับกันแล้วมันเป็ นความเสี ยเปรี ยบของฝ่ ายหญิง ถ้าหากสามารถทําให้คนทีได้รับบาดเจ็บหนักอาการดีขนึ ฝ่ าย
หญิงก็จะได้รับความชืนชมในทางทีดีมากมายนับไม่ถว้ น แต่กลับกันนันถ้าหากคนป่ วยสิ นใจไป คนผูน้ นก็
ั จะถูก
ต่อว่าสาปแช่ง ชัวชีวิตจะต้องตกอยูภ่ ายใต้การดูหมินและเหยียดหยามของผูค้ น ไม่สามารถเชิดหน้าชูตาได้อีก !

ฉิ นยวีเยียนเป็ นหญิงสาวทีอีเฉิ นรัก อีเฉิ นไม่อยากให้นางต้องมาได้รับความเสี ยงพวกนี......

“ข้าเต็มใจ !” นําเสี ยงอ่อนโยนของหญิงสาวดังขึน เย่อีเฉิ นมองไปเห็นฉิ นยวีเยียนทีนังอยูบ่ นเก้าอีตังไม้ไผ่ ทีแบก


มาด้วยคนงานทีค่อย ๆ เดินใกล้เข้ามา
นางอยูใ่ นชุดสี เขียวอ่อนตัวใหญ่ บดบังผ้าพันแผลอันหนาเตอะบนตัวนาง ผมดําขลับใช้เพียงปิ นปั กผมเกล้ามวย
ผมเอาไว้หลวม ๆ สี หน้าซี ดขาวไร้รอยเลือด ทําให้นางดูอ่อนแอและน่าสงสารจับใจยิงนัก !

“เจ้ามีอาการบาดเจ็บอยูก่ บั ตัว หมอหลวงก็ได้สังการไว้เป็ นพิเศษแล้วว่าห้ามขยับเคลือนไหว ให้พกั รักษาตัวที


เรื อนบัวหอมให้ดี ๆ เหตุใดเจ้าถึงมาทีนี เล่า ?” สี หน้าของเย่อีเฉิ นมืดครึ มพร้อมกับเดินไปด้านหน้าของนาง
สายตาคมกริ บของเขาวูบไหวไปด้วยแววตําหนิ ติเตียน

นางรู ้ว่าเขาเป็ นห่ วงนาง ฉิ นยวีเยียนจึงไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา แววตาเพียงปรากฏรอยยิมบางเบาทียากจะ


พบพาน “อาการป่ วยของอดีตจิงอ๋ องหนักถึงเพียงนี แล้วข้าจะไม่มาได้อย่างไร”

เมือหันมองไปทางอดีตจิงอ๋ องทีสลบไม่ได้สติ นางก็กล่าวขึนเรี ยบ ๆ “คําพูดทีพวกท่านพูดกันเมือครู่ ขา้ ล้วนได้


ยินหมดแล้ว ข้าเต็มใจทําการชงสี เพือทีจะได้เป็ นการช่วยเหลืออดีตจิงอ๋ องอีกแรง......”

แววตาของเย่อีเฉิ นวูบไหวไปด้วยความซับซ้อน “เจ้าคิดดีแล้วหรื อ ? ถ้าเกิดการชงสี ล้มเหลว......”

“ข้าก็จะไม่มีทางเสี ยใจ” ฉิ นยวีเยียนพูดต่อคําพูดของเขา กล่าวเน้นทีละคํา “เพราะว่าอดีตจิงอ๋ องเป็ นพ่อของเจ้า


เพือร่ างกายทีแข็งแรงของเขา ถึงแม้วา่ ข้าจะถูกต่อว่า ข้าก็เต็มใจ......”

“ยวีเยียน ขอบใจเจ้ามาก !” พระชายาเอกนําตาไหลริ นไปด้วยความปลืมปี ติ นางค่อย ๆ เช็ดนําตาทีละน้อย


สายตาของเย่อีเฉิ นนันนับว่าดีมากทีหญิงสาวทีเขาชอบพอมีจิตใจทีดีงามเช่นนี
ฉิ นยวีเยียนยิมบาง ๆ “ท่านป้ าเกรงใจไปแล้วเพคะ นี ถือว่าเป็ นสิ งทีข้าควรทํา”

พระชายาเอกมองไปทางนางอย่างติเตียน “ยังเรี ยกท่านป้ าอะไรอีก อีกไม่นานก็จะเป็ นครอบครัวเดียวกันแล้ว”

ทันใดนันใบหน้าเรี ยวเล็กของฉิ นยวีเยียนก็กลายเป็ นแดงระเรื อ เปลือกตาลู่ลงกล่าวขึนด้วยนําเสี ยงบางเบา “ท่าน


แม่ !”

“นีสิ ถึงจะถูกต้อง !” พระชายาเอกยิมขึนอย่างเบิกบานใจ มือลูบลงไปทีสร้อยข้อมือเตรี ยมทีจะส่ งเป็ นของขวัญ


แรกพบระหว่างพวกนางทังสอง พลันสายตาก็เห็นเย่อีเฉิ นขมวดคิว เปลือกตาลู่ลง ไม่รู้ว่ากําลังคิดสิ งใดอยู่

อีกไม่นานก็จะได้แต่งกับคนรักของเขา เขาไม่น่าทีจะดีใจหรอกหรื อ ? ทําไมยังมีท่าทางลําบากใจไม่แสดงอาการ


ดีใจแม้แต่นอ้ ย ?

“อัก !” อยู่ ๆ อดีตจิงอ๋ องก็กระอักเลือดออกมาอีกครัง สี หน้าเจ็บปวดทรมานแผ่ขยายไปทัวใบหน้าอย่างรวดเร็ ว

แววตาของหมอหลวงซุนสันไหว เขาหยิบเอาเข็มเงินบางยาวเล่มแล้วเล่มเล่า ฝังลงไปตามจุดชีพจรสําคัญ ๆ ของ


อดีตจิงอ๋ องอย่างเร่ งรี บ......
เมือมองไปทีใบหน้าทีเต็มไปด้วยความเจ็บปวดของอดีตจิงอ๋ อง พระชายาเอกก็ตวั แข็งทือไปครู่ หนึงถึงจะดึงสติ
กลับมาได้ “นี......นีมันเกิดอะไรขึน ?” เมือครู่ ยงั ดี ๆ อยูเ่ ลย ทําไมตอนนี ถึงได้กระอักเลือดออกมาอีก ?

“ท่านพ่อน่าจะไม่เห็นด้วยทีจะให้ยวีเยียนทําการชงสี !” เย่อีเฉิ นกล่าวเสี ยงตํา แววตาวูบไหวไปด้วยความเคร่ ง


ขรึ ม

พระชายาเอกชะงักไปครู่ หนึ ง “เช่นนัน......เช่นนันควรทําเช่นไร ?”

แววตาคมกริ บของเย่อีเฉิ นหรี ลง “ท่านพ่อต้องการให้ขา้ แต่งกับมู่หรงเสวียมาโดยตลอด ถ้าหากทําตามความ


ต้องการของท่านพ่อ ไม่แน่ว่าอาการป่ วยของท่านพ่ออาจจะหายก็ได้......”

พระชายาเอกขมวดคิว อดีตจิงอ๋ องให้ความสําคัญกับการหมันหมายระหว่างจวนเจินกัวโหวกับวังจิงอ๋ องมาก สิ ง


นีนางรู้ดี แต่นางกลับคิดไม่ถึงว่าเขาทีสลบไม่ได้สติยงั ยึดติดกับการหมันหมายนันอยู่ “เช่นนัน......ยวีเยียนจะทํา
เช่นไร ?”

เย่อีเฉิ นมองไปทีฉิ นยวีเยียน แล้วกล่าวเสี ยงตํา “ข้าขอโทษ !”

“ไม่......ไม่เป็ นไร” ฉิ นยวีเยียนพยายามยกมุมปากยิมขึนอย่างยากเย็น “ความกตัญ ูตอ้ งมาก่อน เขาเป็ นพ่อของ


เจ้า เจ้าเลือกมู่หรงเสวียเพราะว่าต้องช่วยเหลือเขา ข้าไม่โทษเจ้า !”
แววตาของเย่อีเฉิ นวูบไหวไปมาอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ “ขอบใจเจ้ามาก !”

หันมองไปทางอดีตจิงอ๋ อง เห็นความเจ็บปวดทรมานบนใบหน้าเขาลดลงไปเจ็ดแปดส่ วน สี หน้าค่อย ๆ กลับมา


เป็ นปกติ เช่นนันเขาก็คอ่ ย ๆ ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แล้วกล่าวขึนเสี ยงสู ง “ตอนนีท่านพ่อไม่มีอาการ
อะไรทีน่ าเป็ นห่ วง ข้าจะไปหามู่หรงเสวียทีจวนเจินกัวโหวก่อน รี บเร่ งหารื อเกียวกับฤกษ์การแต่งงาน เพือจะได้
ชงสี ให้กบั ท่านพ่อ !”

“ดี !” พระชายาเอกพยักหน้า “เจ้ารี บไปรี บกลับ !”

เย่อีเฉิ นตอบรับเบา ๆ แล้วก้าวยาว ๆ ออกไปด้านนอก

เมือมองส่ งเขาหายลับไปจากทางเดินหิ น พระชายาเอกก็เหล่มองไปทางฉิ นยวีเยียน เห็นนางก้มหน้าลงดูทุกข์ใจ

ยวีเยียนเป็ นเด็กดี ทําไมท่านพีถึงไม่ได้ชอบนางกัน ?

พระชายาเอกถอนหายใจออกมาหนัก ๆ เดินไปทีข้างตัวของฉิ นยวีเยียน แล้วกล่าวเสี ยงตํา “ยวีเยียนอย่าได้เสี ยใจ


ไป ถึงแม้ว่ามู่หรงเสวียจะเข้าจวนมา เจ้าก็ยงั จะเป็ นลูกสะใภ้ทีข้ายอมรับทีสุ ด ข้ากับเย่อีเฉิ นไม่มีทางทําให้เจ้า
ลําบากใจ.....”
“ขอบพระคุณท่านป้ า !” ฉิ นยวีเยียนกล่าวเสี ยงตํา แววตาลึกลํา ความหมายของพระชายาเอกคือจะให้นางเป็ นผิง
ชี (เป็ นภรรยาเอกคนทีสองต่างจากจีซื อตรงทีภรรยาเอกคนแรกยังไม่ตาย) แต่นางเป็ นถึงองค์หญิงแห่ งแคว้น
ม่อเป่ ยทีสู งส่ ง จะให้ไปอยูใ่ ต้คนอืนเป็ นผิงชีน่ะหรื อ ? ทีนางต้องการเป็ นคือพระชายาเอกแห่ งวังจิงอ๋ อง เป็ น
ภรรยาเพียงผูเ้ ดียวของอีเฉิ น !

นางค่อย ๆ เงยหน้ามองไปทีอดีตจิงอ๋ อง แววตาเปล่งแสงเย็นยะเยือก อยากให้มู่หรงเสวียเสริ มมงคลช่วยเหลือเขา


มากหรื อ ? เช่นนันก็ขอส่ งเขาไปหายมบาลเลยก็แล้วกัน !
ตอนที 127 การรวมตัวทีเรือนหิมะโปรย
ภายใต้แสงอาทิตย์อนั อบอุ่นทีกําลังสาดส่ อง มู่หรงเสวียนังอยูใ่ ต้ตน้ ฉยงฮวา ริ นนําชาด้วยท่วงท่าทีสง่างามแล้ว
ส่ งให้กบั คุณชายโอวหยาง “แม่ลูกแซ่ ตดู ้ า้ นนัน มีความเคลือนไหวอะไรบ้างหรื อไม่ ?”

องครักษ์เงาของวังเซี ยวเหยาอ๋ องอยูใ่ กล้ ๆ กับจวนเจินกัวโหว ทุกความเคลือนไหวของแม่ลูกแซ่ ตนู ้ ัน พวกเขา


ล้วนรับทราบทุกอย่างอย่างชัดเจน

คุณชายโอวหยางยกถ้วยชาขึนจิบเบา ๆ แล้วกล่าวขึนอย่างราบเรี ยบ “ตอนนี ยังคงเก็บตัวอยู่ ไม่มีท่าทางผิดปกติ


อะไร......ซ่ งชิงเหยียนฟื นขึนมาแล้ว แต่ว่าอาการยังถือว่าหนักหนา อย่างน้อยก็ตอ้ งพักฟื นไปเกือบ ๆ ครึ งเดือน
ถึงจะกลับมาเป็ นปกติได้”

“จริ งรึ ? ดูท่าแล้วแรงทีเย่อีเฉิ นใช้เตะนางคงไม่เบานัก” มู่หรงเสวียกล่าวขึนอย่างช้า ๆ แววตาของนางเต็มไปด้วย


ความสะใจ เย่อีเฉิ นเป็ นท่านอ๋ องเทพสงครามทีมีฐานะสู งส่ ง สิ งทีเขาเกลียดมากทีสุ ดก็คือการทีถูกคนมาคิด
แผนการวางอุบายต่อตนเอง แต่ม่หู รงเจียนกับซ่ งชิงเหยียนกลับกล้าวางยาปลุกกําหนัดเขา ช่างรนหาทีตายนัก เย่
อีเฉิ นไม่สับร่ างของพวกเขาเป็ นชิน ๆ นันก็ถือว่าพวกเขาโชคดีเท่าไหร่ แล้ว......

เมือมองไปทีรอยยิมงดงามของนาง แววตาของคุณชายโอวหยางก็เจือปนไปด้วยรอยยิมบางเบา แล้วกล่าวขึน


เรี ยบ ๆ “หมอทีมาดูอาการบอกว่า ถ้าเท้านันออกแรงขึนอีกนิ ด อวัยวะภายในของซ่ งชิงเหยียนก็คงจะแหลกเหลว
คงได้กลับบ้านเก่าอย่างแน่นอน......”
หนักหนาขนาดนันเชียว ? เปลือกตาของมู่หรงเสวียกระพริ บปริ บ ๆ ดูท่าแล้วเย่อีเฉิ นคงอยากจะเตะซ่ งชิงเหยียน
ให้ตกตายเลยทีเดียว ! แต่ว่าเขาทีสู ดดมยาปลุกกําหนัดเข้าไปกําลังภายในเลยได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย ซ่ งชิง
เหยียนจึงโชคดีทียังมีชีวิตรอดกลับมาได้......

“แม่ลูกแซ่ ตตู ้ กใจไปไม่นอ้ ย ดูท่าคงไม่กล้าไปล่วงเกินเย่อีเฉิ นอีก เจ้าคงต้องคิดหาวิธีอืนไปถอนหมันเสี ยแล้วล่ะ


!” เสี ยงเรี ยบเฉยของคุณชายโอวหยางดังขึน

ฃมู่หรงเสวียพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว !” แม่ลูกแซ่ ตูแ้ ต่ไหนแต่ไรมาก็เป็ นพวกขีขลาดทีชอบรังแกแต่คนอ่อนแอ แต่


หวาดกลัวไม่กล้าต่อกรกับคนมีอาํ นาจเข้มแข็งกว่า พอเจอเข้ากับเย่อีเฉิ นทีเป็ นเทพแห่ งการรบราฆ่าฟั น พวกเขา
จะแอบซ่ อนอย่างไรก็คงจะหนี ไม่พน้ คงไม่มีทางไปทําอะไรเป็ นการรนหาทีตายเพิมอีก

ซ่งชิงเหยียนเป็ นเพียงแค่แผนการเริ มต้นของนางเท่านันทีต้องการโยนหิ นถามทาง สุ ดท้ายกลับพบว่าอดีตจิงอ๋ อง


กับเย่อีเฉิ นทีอยูใ่ นวังจิงอ๋ องนันมีความระมัดระวังตัวในเรื องต่าง ๆ ยิงนัก อยากจะคิดหาแผนการให้พวกเห็นด้วย
กับการถอนหมันนันคงเป็ นเรื องทีไม่ง่าย......

“คุณชายโอวหยาง คุณหนูมู่หรง !” นําเสี ยงทุม้ องอาจของชายหนุ่ มลอยเข้าหู มู่หรงเสวียเงยหน้ามองไปก็เห็นตง


ฟางหลีกา้ วยาว ๆ เข้ามา ชายเสื อสี ม่วงเข้มพลิวไหวไปตามสายลม ให้ความรู้สึกทีสง่างามและสู งส่ งจนไม่
สามารถอธิบายออกมาเป็ นคําพูดได้

“องค์ชายเจ็ด !” มู่หรงเสวียเบิกตากว้างด้วยความแปลกใจ เหตุใดเขาถึงมาทีเรื อนหิ มะโปรยได้ ?


“วันนีเป็ นวันขับพิษของผูน้ ้อย คุณหนูม่หู รงคงยังมิลืมใช่หรื อไม่ !” ตงฟางหลีมองไปทีมู่หรงเสวีย นําเสี ยงทุม้
องอาจแฝงไว้ดว้ ยท่วงทีหยอกล้อน้อย ๆ

มู่หรงเสวียเพียงยิมบาง ๆ “แน่นอนว่าไม่ลืม ข้ากําลังเตรี ยมทีจะไปวังเซี ยวเหยาอ๋ องอยูเ่ ชียว......”

“ร่ างกายของคุณหนูมู่หรงไม่ค่อยจะแข็งแรงนัก ข้าก็ไม่ขอรบกวนให้ท่านไป ๆ มา ๆ แล้ว ผูน้ อ้ ยเป็ นคนไข้ ตาม


มารยาทแล้วควรจะเดินทางมาพบหมอด้วยตัวเอง ต่อจากนี ไปทุก ๆ สามวันก็ให้ผนู ้ อ้ ยมารับการรักษาจาก
คุณหนูม่หู รงเถอะ”

ตงฟางหลีกล่าวขึนช้า ๆ รับเอาผ้าขาวจากในมือของฮัวถงมาแล้วยิมขึนบาง ๆ “ปลิงนําก็เตรี ยมมาเรี ยบร้อยแล้ว


สามารถเริ มการรักษาได้ทุกเมือ”

มู่หรงเสวียนิงเงียบไป “......” คิดอ่านรอบคอบและมีการเตรี ยมการทีไร้ทีติยงนั


ิ ก!

สี หน้าของคุณชายโอวหยางค่อย ๆ ฉายแววเคร่ งขรึ ม มองไปทางตงฟางหลีอย่างเย็นชา “เรื อนหิ มะโปรยเป็ นที


พํานักของเสวียเอ๋ อร์ มิใช่โรงหมอ เจ้าเป็ นผูช้ ายคนหนึง จะสามารถเข้าออกทีนี ไปมาบ่อย ๆ ได้อย่างไรกัน ?”

แต่ตงฟางหลีกลับไม่สะทกสะท้าน “ไม่ใช่ว่าคุณชายโอวหยางก็มาบ่อย ๆ หรอกหรื อ !”


หลังจากทีเข้าพํานักทีวังเซี ยวเหยาอ๋ องแล้ว เขาไปหาคุณชายโอวหยางเกือบทุกวัน แต่ทุกครังก็จะพบแต่ความว่าง
เปล่า พอสื บดูถึงได้รู้ว่า ทุกวันเมือฟ้ าสว่างคุณชายโอวหยางก็จะมาหามู่หรงเสวียทีจวนเจินกัวโหว

“ข้าจะไปเหมือนเจ้าได้อย่างไรกัน ?” คุณชายโอวหยางปรายตามองเขาครู่ หนึง แววตาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

“มีตรงไหนทีไม่เหมือนกันงันหรื อ ?” ตงฟางหลีเลิกคิวมองไปทีคุณชายโอวหยาง “คุณชายโอวหยางไม่ได้


แต่งงาน ผูน้ อ้ ยก็ยงั ไม่ได้แต่งงานเช่นกัน คุณชายโอวหยางไม่มีการหมันหมาย ผูน้ อ้ ยก็ไม่มีการหมันหมาย
เช่นกัน คุณชายโอวหยางยังบริ สุทธิ ผูน้ ้อยก็ไม่เคยแนบชิดแอบอิงกับสาวใด......”

มู่หรงเสวียหนังตากระตุก ทําไมนางถึงได้รู้สึกว่าการสนทนาของทังสองคนยิงฟั งดูแล้วยิงรู ้สึกแปลกประหลาด ?

นางเหล่มองไปทีคุณชายโอวหยาง ก็เห็นแววตาของเขาวูบไหวไปด้วยความเย็นยะเยือก ฝ่ ามือภายใต้แขนเสื อกํา


แน่นเข้าหากัน สายตามองเห็ นแขนเสื อของเขาเหมือนกับกําลังจะยกขึนมา นางจึงเร่ งรี บเปิ ดปากขึน “นีก็สาย
มากแล้ว เช่นนันข้าขับพิษให้องค์ชายเจ็ดเลยแล้วกัน !”

“รบกวนคุณหนูม่หู รงแล้ว !” ตงฟางหลียมน้


ิ อย ๆ มุมปากของเขายกสู งขึนไม่ว่าดูยงั ไงก็เหมือนกับกําลังท้าทาย
และได้ใจ

สายตาเห็นเขาเดินไปด้านหน้าตังทีนังเตรี ยมทีจะนังลง แววของคุณชายโอวหยางก็เย็นยะเยือก เพียงโบกมือเบา


ๆ อยู่ ๆ ตังไม้ไผ่กไ็ ถลออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร “ก็แค่ดูดพิษเท่านัน จะต้องนอนลงบนตังเก้าอีไปทําไมกัน นัง
บนเก้าอีธรรมดาก็ได้แล้ว”
“ตังเก้าอีก็ไม่ได้มีคนนัง ว่างเปล่าไม่มีอะไร ทําไมข้าจะใช้ไม่ได้ ?” ตงฟางหลีมองไปทีคุณชายโอวหยาง

คุณชายโอวหยางตอบเสี ยงเย็น “เพราะว่าตังเก้าอีตัวนันมีไว้ให้ขา้ กับมู่หรงเสวียใช้โดยเฉพาะเท่านัน ไม่ว่าผูใ้ ดก็


ไม่สามารถเข้ามายุม่ ย่ามได้”

มู่หรงเสวียไร้วาจาคําพูด อยู่ ๆ สองคนนีก็เกิดเขม่นอะไรกันขึนมา “องค์ชายเจ็ด ท่านเลือกหาเก้าอีตัวอืนนังเถอะ


ตอนนีสิ งทีสําคัญทีสุ ดคือการดูดพิษให้ท่าน”

“ตกลง !” ได้ยนิ คําพูดของนาง ตงฟางหลีก็ขเกี


ี ยจจะไปโต้เถียงกับคุณชายโอวหยาง เขาพยักหน้าแล้วนังลงบน
เก้าอีไม้ไผ่ หลังพิงเข้ากับพนักเก้าอี ปลดเสื อตัวนอกกับเสื อตัวในออก เผยให้เห็นแผ่นอกแกร่ งทีดูขาวเรี ยบเนียน

มู่หรงเสวียกระพริ บตาเตรี ยมทีจะเดินเข้าไป แต่คุณชายโอวหยางกลับยืนมือออกมาขวางนางไว้ “ชายหญิงไม่


ควรใกล้ชิดกิน ทังเจ้ายังเป็ นเด็กสาวอายุยงั น้อย วางปลิงนําลงบนอกของตงฟางหลีมนั จะดูไม่ค่อยเหมาะนัก เอา
อย่างนี แล้วกันเจ้าบอกจุดชีพจรแล้วให้ฮวถงเป็
ั นคนวางจะดีกว่า”

มู่หรงเสวียเลิกคิว แล้วกล่าวขึนช้า ๆ “พิษทีอยูใ่ กล้เคียงกับหัวใจของเขาถูกดูดออกไปสามสี ส่ วนแล้ว ไม่สามารถ


วางปลิงนําเฉย ๆ ได้อีก จําเป็ นจะต้องฝังเข็มเงินควบคู่ไปด้วย ให้พิษสลายไปอย่างรวดเร็ ว......”

“ให้ฮวถงฝั
ั ง !” คุณชายโอวหยางออกความคิดเห็นออกมาอย่างไม่เกรงใจ
“ข้าน้อยไม่เข้าใจศาสตร์ การแพทย์” ฮัวถงมองมาทีเขา แล้วว่าด้วยนําเสี ยงเข้ม

“จุดชีพจรเจ้านันสมควรทีจะรู ้อยูแ่ ล้ว แค่เอาเข็มเงินฝังลงไปตามจุดชีพจรไม่กีนิวแค่นีก็ได้แล้ว !” คุณชายโอวห


ยางกล่าวชีแนะแบบพอเป็ นพิธี

“แต่ว่า......”

“ไม่ตอ้ งแต่วา่ แล้ว เจ้านายของเจ้า เจ้าก็ดูแลเอง !” คุณชายโอวหยางตัดบทคําพูดของเขา ยกถ้วยชาด้านหน้าขึนมา


จิบเบา ๆ มือหยกของเขาจับเข้าทีมือเรี ยวเล็กของมู่หรงเสวียเอาไว้แน่ นไม่ยอมปล่อย

“องค์ชาย !” ฮังถงมองไปตงฟางหลีอย่างลําบากใจ ก็เห็นเขาหันมองไปทางคุณชายโอวหยางกับมู่หรงเสวียทีจับ


มือกันแน่ น คิวคมของเขาก็ขมวดแน่นเข้าหากัน เมือผ่านไปครู่ หนึ งจึงกล่าวขึนว่า “เจ้ามาวางปลิงนําให้ขา้ เถอะ”

“พ่ะย่ะค่ะ !” ฮัวถงถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก้าวยาว ๆ ไปด้านข้างของตงฟางหลี เปิ ดผ้าออกเตรี ยมทีจะหยิบเอา


ปลิงนําออกมา แต่ลมแรงสายหนึ งพัดผ่าน ทันใดนันเงาร่ างสี ม่วงเข้มสายหนึงลอยลงสู่ ดา้ นหน้าของพวกเขา

มู่หรงเสวียลุกยืนขึน มองไปทีใบหน้าหล่อเหลาและเย็นชาของเขา แล้วขมวดคิวแน่ นเข้าหากัน “เย่อีเฉิ น เจ้ามา


ทําไมกัน ?”
“มาปรึ กษากับเจ้าเรื องงานแต่ง” เย่อีเฉิ นมองไปทีมู่หรงเสวียพลางกล่าวเน้นทีละคํา แววตาวูบไหวไปด้วย
ความรู ้สึกทีผูค้ นไม่สามารถเข้าใจได้

“ปรึ กษาเรื องงานแต่ง ?” มู่หรงเสวียหัวเราะขึนอย่างเยาะเย้ย “เจ้ากําลังล้อเล่นอะไรอยู่ ?” ในหัวของนางตอนนี มี


แต่คิดว่าต้องทําอย่างไรถึงจะถอนหมันกับเขาได้เท่านัน

“ข้าไม่ได้ลอ้ เล่น โรคประจําตัวของท่านพ่อของข้ากําเริ บ ตอนนี หมดหนทางทีจะรักษาแล้ว หมอหลวงซุ นชีแนะ


ให้ขา้ แต่งงาน......” เย่อีเฉิ นกล่าวเสี ยงตํา แววตาวูบไหวไปด้วยความหนักแน่ นทีไม่เคยมีมาก่อน

แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหว “ความหมายของเจ้าคือให้ขา้ ไปทําการชงสี อย่างนันรึ **!”**


ตอนที 128 เดิมพัน

แววตาของเย่อีเฉิ นเคร่ งขรึ ม ไม่กล่าววาจา ถือเป็ นการยอมรับว่าสิ งทีนางพูดนันถูกต้อง

มู่หรงเสวียยิมเย็นขึน ชงสี เป็ นการเสริ มความมงคลให้คนทีใกล้ตายหายกลับเป็ นปกติ นันถือว่าเป็ นเรื องที


สมควรทํา เพราะไม่วา่ ใครก็จะรู ้สึกซาบซึ งและรู ้สึกขอบคุณในตัวเจ้า แต่กลับกันถ้าหากเจ้าทําให้คนทีทําชงสี ให้
ตายไป เจ้าก็จะกลายเป็ นตัวเคราะห์ร้ายทีถูกรังเกียจ ชัวชีวิตก็จะถูกผูค้ นสาปแช่ง วิพากษ์วิจารณ์ ไม่สามารถโง
หัวขึนได้อีก

จิงอ๋ องต้องการแต่งพระชายาเอก เย่อเฉิ


ี นไม่เคยคิดถึงนาง จิงอ๋ องต้องการไปค้นหาสมบัติ เขาก็ไม่เคยคิดถึงนาง
อดีตจิงอ๋ องป่ วยหนักหมดหนทางรักษาต้องการชงสี กลับจะมาคิดถึงนางอย่างนันหรื อ เย่อีเฉิ นช่างดีกบั นางยิง
นัก !

“เหตุใดเจ้าถึงไม่ให้ฉินยวีเยียนชงสี เล่า ?” นําเสี ยงไต่ถามอย่างเย็นชาลอยเข้าหู เย่อเฉิ


ี นมองไปทีนาง แล้วกล่าว
เน้นทีละคํา “ท่านพ่อของข้าไม่เห็นด้วยทีจะให้ยวีเยียนเป็ นชายาเอก !”
“จริ งหรื อ ? ข้ายังนึ กว่าเจ้าชอบฉิ นยวีเยียนมากจนไม่อยากให้นางต้องเสี ยงทีจะถูกด่าว่าถ้าหากทําการชงสี
ผิดพลาด เลยตังใจจะให้ขา้ เป็ นแพะรับบาปเสี ยอีก !” มู่หรงเสวียยกมุมปากขึนคล้ายยิมคล้ายไม่ยมิ แววตาของ
นางวูบไหวไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม มองเสี ยดแทงไปทีเย่อีเฉิ น “ในใจของเจ้า ข้าเป็ นคนเช่นนันหรื อ ?”

“หรื อว่าไม่ใช่เล่า ?” มู่หรงเสวียจ้องมองเขา กล่าวตอกหน้ากลับไปอย่างไร้เยือใย “ในหัวใจของจิงอ๋ อง ฉิ นยวี


เยียนเป็ นสมบัติลาค่
ํ า แต่ขา้ เป็ นแค่ตน้ หญ้าต้นหนึ ง เพือสมบัติลาค่
ํ าแล้วเจ้าสามารถกําจัดหรื อเสี ยสละต้นหญ้าที
ไร้ความสําคัญเช่นข้าได้ทุกเมือ......”

เย่อีเฉิ นอาจจะไม่ชอบพอนางได้ แต่กอ็ ย่าได้เห็นว่านางเป็ นเพียงร่ างกายทีไร้หัวใจ ทีอยากจะใช้สอยหรื อทิงขว้าง


อย่างไรเมือไหร่ ก็ได้ !

เมือมองไปทีดวงตาทีเย็นชาของนาง คิวของเย่อีเฉิ นก็ขมวดเข้าหากันแน่น แล้วกล่าวขึนด้วยความอดทนอดกลัน


“ข้าไม่ได้ตอ้ งการทีจะมาทะเลาะกับเจ้า.....”

“ข้าก็ขีเกียจทีจะทะเลาะกับเจ้า ประตูอยูด่ า้ นหน้า เดินดี ๆ ข้าไม่ส่ง !” มู่หรงเสวียกล่าวส่ งแขกอย่างไร้เยือใย

สี หน้าของเย่อีเฉิ นมืดครึ มจนน่ ากลัว เขากล่าวขึนเสี ยงดัง “มู่หรงเสวีย ท่านพ่อของข้าก็ถือเป็ นผูห้ ลักผูใ้ หญ่ของ
เจ้า เขามองดูเจ้าเติบโตมาตังแต่ยงั เล็ก เมือเห็นเขากําลังจะตายเหตุใดเจ้าถึงไม่ช่วย ?”

“ข้าเห็นคนกําลังจะตายแต่ไม่ช่วยอย่างนันหรื อ ?” มู่หรงเสวียทีถูกคําพูดของเขาต่อว่าก็อดไม่ได้ทีจะเค้นรอยยิม
ออกมาอย่างมีอารมณ์ “เย่อีเฉิ น อดีตจิงอ๋ องเป็ นพ่อของเจ้า เพียงแค่เจ้าแต่งภรรยาไม่ว่าจะแต่งกับใคร ก็ลว้ นถือ
เป็ นการชงสี ฉะนันถ้าอดีตจิงอ๋ องมีท่าทีทีอาการจะดีขึน ก็ตอ้ งดีขึนแน่นอน !” แน่นอนว่าถ้าหากเขาจะไม่หายดี
ไม่ว่าเย่อีเฉิ นจะไปแต่งเอาเทพเซี ยนทีไหนกลับวังอดีตจิงอ๋ องก็อย่าได้หวังว่าจะมีชีวิตอยูต่ ่อไป

“แต่ว่าท่านพ่อของข้ายอมรับเจ้าเป็ นลูกสะใภ้เท่านัน ข้าทําการชงสี แต่งกับเจ้า เขาก็ยงั ถือว่ามีความหวังอยู่ ถ้า


หากว่าข้าแต่งกับคนอืนเขาก็คงจะไม่มีทางทีจะฟื นขึนมาอีก !” เย่อีเฉิ นกล่าวเสี ยงตํา แววตาของเขาเต็มไปด้วย
ความทุกข์ใจ

มู่หรงเสวียเห็นแต่ไม่สนใจ พลางหัวเราะขึนอย่างรู ้สึกเยาะเย้ย “อดีตจิงอ๋ องสลบไม่ได้สติ จะไปรู ้ได้อย่างไรว่า


เจ้าแต่งกับใคร ?” อยากจะหลอกล่อให้นางร่ วมมือ ก็ควรจะพูดถึงเหตุผลทีน่าเชือถือหน่ อย กลับมาพูดถึงข้ออ้าง
ทีมีช่องโหว่มากมายเช่นนี เด็กสามขวบทีไหนก็ไม่มีทางเชือ......

เมือมองเห็นสายตาเย็นชาและหนักแน่นของนาง ในใจของเย่อีเฉิ นก็เกิดความรู ้สึกไร้ซึงกําลัง นางนันยึดมันหนัก


แน่นมากกว่าทีเขาคิดเอาไว้มากนัก ไม่ว่าเขาจะพูดเช่นไรนางก็ลว้ นไม่ใจอ่อน “เช่นนันต้องทําอย่างไรเจ้าถึงจะ
ยอมแต่งให้ขา้ ?”

“ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่แต่งให้เจ้า !” มู่หรงเสวียมองไปทีเขาด้วยแววตาทีเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือกคมกริ บและ


หนักแน่นอย่างทีไม่เคยเป็ นมาก่อน

“เพราะเหตุใดกัน ?” ดวงตาคมกริ บของเย่อีเฉิ นหรี ลง แววตาวูบไหวไปด้วยความรู ้สึกทีผูค้ นยากจะคาดเดา


“เจ้าไม่ได้ชอบพอข้า ข้าก็ไม่ได้ชอบพอเจ้า แล้วต้องมาถูกบังคับผูกมัดเอาไว้ดว้ ยกันไม่เพียงแต่จะไม่มีความสุ ข
แต่ยงั ทําให้ทงสองฝ่
ั ายต้องทนทุกข์ทรมาน ไม่สู้กบั การยกเลิกการหมันหมายจะดีกว่าหรื อ เท่านีเจ้าก็จะมี
ความสุ ข และข้าเองก็จะมีความสุ ข !” มู่หรงเสวียกล่าวขึนอย่างราบเรี ยบ แววตาของนางวูบไหวลึกลํา

แววตาของเย่อีเฉิ นเต็มไปด้วยความซับซ้อน ผ่านไปครู่ หนึ งถึงจะกล่าวออกมาเบา ๆ “แต่ว่าอาการเจ็บป่ วยของ


ท่านพ่อของข้า......ต้องการเจ้า......”

“ข้าสามารถช่วยทําให้เขาฟื นได้ แต่หลังจากนันพวกเราต้องถอนหมันกัน เจ้าคิดเห็นเช่นไร ?” มู่หรงเสวียมองไป


ทีเขา แววตาเต็มไปด้วยความเย็นชา

เช่นนันแววตาของเย่อีเฉิ นก็สันไหวขึนมาทันที “เจ้าเข้าใจในศาสตร์ การแพทย์หรื อ ?”

“ก็แค่อ่านตําราแพทย์ฆ่าเวลาตอนเบือเท่านัน !” มู่หรงเสวียยิมเพียงบางเบา ศาสตร์ การแพทย์นันไม่ใช่ว่าจะอ่าน


มันเพียงช่วงเวลาสัน ๆ แล้วจะสามารถเข้าใจได้ จําเป็ นจะต้องมีคนคอยช่วยชีแนะอย่างละเอียดถีถ้วน ร่ างกาย
ของเจ้าของร่ างเดิมอ่อนแอ อีกทังยังไม่ชอบพบปะกับผูค้ น หากบอกว่านางเข้าใจในศาสตร์ การแพทย์ แน่นอน
ว่าเย่อีเฉินต้องสงสัย !

“อาการป่ วยของท่านพ่อของข้าถูกซําให้หนักขึน อีกทังยังได้รับบาดเจ็บทีหัวใจ แม้กระทังหมอหลวงซุนทีมีฝีมือ


เก่งกาจทีสุ ดในสํานักหมอหลวงล้วนบอกว่าไร้ความสามารถ แต่เจ้าบอกว่าสามารถช่วยเขาได้อย่างนันหรื อ ?” เย่
อีเฉิ นเลิกคิวมองไปทีนาง แววตาเต็มไปด้วยความไม่เชือถือ
ใบหน้าเรี ยวงามของมู่หรงเสวียค่อย ๆ มืดครึ มลง แล้วกล่าวขึนอย่างภาคภูมิ “ยังไม่ได้ลอง เหตุใดเจ้าถึงรู ้ว่าข้า
ช่วยเขาไม่ได้ ? เช่นนันพวกเรามาเดิมพันกัน ถ้าหากว่าข้าสามารถทําให้ท่านพ่อของเจ้าฟื นได้ พวกเราต้องยกเลิก
การหมันหมายทีมีต่อกัน !”

เย่อีเฉิ นทีได้ยนิ ดังนัน แววตาคมของเขาก็หรี ลง นิ งเงียบไม่กล่าววาจา

มู่หรงเสวียรอจนหมดความอดทน ก็ปรายตามองเขา กล่าวขึนคล้ายยิมคล้ายไม่ยมิ “จิงอ๋ องให้ขา้ ชงสี ไม่ใช่เพือ


ช่วยอดีตจิงอ๋ องหรอกหรื อ ตอนนี มีวิธีช่วยเขาแล้ว แต่จิงอ๋ องกลับไม่ยอมตอบตกลง ไม่ใช่ว่า จริ ง ๆ แล้วอดีตจิง
อ๋ องไม่ได้ป่วย ? หรื อว่าจิงอ๋ องไม่อยากให้อดีตจิงอ๋ องฟื นคืน.........”

“เจ้าอย่าได้พดู จาพล่อย ๆ” เย่อีเฉิ นตัดบทคําพูดของนาง แล้วมองไปทีนางอย่างเย็นชา “ข้าเพียงแต่กาํ ลังกังวลว่า


ถ้าเจ้าไม่สามารถทําให้เขาฟื นขึนมาได้จะทําอย่างไร ?”

มู่หรงเสวียไม่ใส่ ใจ “ข้าไม่มีทางทีจะไม่สามารถทําให้เขาฟื นได้......”

“ไม่ว่าเรื องใด ๆ ก็ยอ่ มต้องมีขอ้ ผิดพลาด เจ้าอย่าได้พดู จาอย่างมันใจนัก” นําเสี ยงเย็นชาของเย่อีเฉิ นแฝงไว้ดว้ ย
ความหมายทีแปลก ๆ เหมือนกําลังคิดสิ งใดอยู่

มู่หรงเสวียทีได้ฟังเช่นนันก็ขมวดคิวแล้วกล่าวขึนอย่างไม่แยแส “อย่าได้ออ้ มค้อมให้มากความนัก จริ ง ๆ แล้วคิด


เช่นไรเจ้าก็พดู ออกมาตรง ๆ เถอะ !”
“ถ้าหากว่าเจ้าไม่สามารถทําให้ท่านพ่อฟื นขึนมาได้ เจ้าต้องแต่งให้กบั ข้าเป็ นอย่างไร ?” เย่อีเฉิ นกล่าวเน้นทีละคํา
แววตาวูบไหวไปด้วยความมืดมิด

ดวงตาดําของคุณชายโอวหยางหรี ลง มองไปทางมู่หรงเสวียอย่างไม่ละสายตา !

มู่หรงเสวียยิมเยาะในใจ พูดไปพูดมา เย่อเฉิ


ี นก็ยงั อยากทีจะให้นางชงสี อยูด่ ี ช่างน่ารังเกียจยิงนัก แต่ว่าน่าเสี ยดาย
แผนการทีเขาคิดเอาไว้ เกรงว่าคงต้องล้มเหลวแล้ว “ตกลงคําไหนคํานัน !”

“คําไหนคํานัน !” เย่อีเฉิ นกล่าวเน้นยําทีละคํา ยกยิมมุมปากอย่างงดงาม

ทันใดนันแววตาของคุณชายโอวหยางก็กลายเป็ นมืดครึ ม เขามองไปทีมู่หรงเสวียแล้วเดินออกไปด้านหน้า ไม่


หันกลับมามองนางอีก

ในหัวของมู่หรงเสวียเต็มไปด้วยความมึนงง แล้วเร่ งรี บวิงออกไป คว้าจับแขนเสื อของเขาเอาไว้ กล่าวขึนอย่างไม่


เข้าใจ “เจ้าเป็ นอะไร ?”

“เจ้ากลับกล้ากล่าวตกลงเดิมพันกับเย่อีเฉิ น เจ้านี ยิงนานวันยิงโง่งมนัก......” คุณชายโอวหยางถลึงตามองนาง


อย่างเสี ยอารมณ์ เขานึ กว่านางจะกลายเป็ นคนฉลาดแล้วเสี ยอีก คงไม่มีทางยอมตอบตกลงเดิมพันกับเย่อีเฉิ นได้
ง่าย ๆ แน่ แต่ไม่คิดว่านางจะครุ่ นคิดเพียงครู่ เดียวก็ตอบตกลงเขาอย่างโง่งมเสี ยแล้ว
มู่หรงเสวียเบ้ปาก แลวกล่าวเสี ยงตํา “อดีตจิงอ๋ องล้วนไม่ยอมพบหน้าข้ามาโดยตลอด ตอนนี ข้าคิดหาวิธีถอน
หมันวิธีอืนไม่ออกแล้ว เลยจําใจต้องตัดสิ นใจเช่นนี......”

เมือมองเห็นใบหน้าทุกข์ใจของนาง คุณชายโอวหยางก็ถอนหายใจออกมาหนัก ๆ “หากตอนนีคิดหาแผนการ


ไม่ได้ แต่กส็ ามารถคิดอ่านทีหลังได้ แต่ถา้ หากครังนีเจ้าเดิมพันแพ้แล้ว เจ้าก็ตอ้ งแต่งให้กบั เย่อีเฉิ น การแต่งงาน
ครังนี ของเจ้าก็คงจะไม่สามารถยกเลิกได้อีกตลอดไป”

“วางใจได้ ข้าไม่มีทางทีจะแพ้เด็ดขาด !” มู่หรงเสวียยิมออกมาน้อย ๆ ท่าทางเต็มไปด้วยความมันใจ

แววตาของคุณชายโอวหยางวูบไหว “เพราะอะไร ?”

“ข้ามีแผนแล้วกัน แต่เพียงตอนนี ยังไม่สามารถเปิ ดเผยได้ เมือไปถึงวังจิงอ๋ องแล้วเจ้าจะรู ้เอง......” มู่หรงเสวียยิม


อย่างสดใสกล่าวขึน สายตาเห็นคุณชายโอวหยางยังอยากไต่ถาม นางจึงเร่ งรี บพูดขึน “นีก็สายมากแล้ว พวกเรา
รี บไปทีวังจิงอ๋ องเถอะ รี บจัดการเรื องราวแต่เนิ น ๆ จะได้ถอนหมันเร็ ว ๆ”
ตอนที 129 ถอนพิษ

มองไปทีดวงตาสี ดาํ ขลับของนาง คําติเตียนต่อว่าทีคุณชายโอวหยางเตรี ยมจะกล่าวทังหมดนันพลันหายไป เหลือ


เพียงเสี ยงตอบรับอืมเบา ๆ เสี ยงหนึงในลําคอ ยอมให้ม่หู รงเสวียลากเขาออกจากเรื อนหิ มะโปรยไปอย่างช้า ๆ

เมือมองไปทีนิวทังสิ บของทังสองทีประสานเข้าหากัน แววตาของเย่อเฉิ


ี นวูบไหวไปด้วยความอํามหิ ตแต่เพียงชัว
ครู่ กส็ ลายหายไป ก้าวยาว ๆ ด้วยความรวดเร็ วตามทังสองคนออกไป

ฮัวถงยืนนิงอยูท่ ีหน้าเก้าอีไม้ไผ่ มองไปทีเหล่าบรรดาปลิงนําทีดินไปมาบนผืนผ้า แล้วมองไปทีตงฟางหลีทีเอน


กายอยูบ่ นเก้าอี กล่าวขึนอย่างระมัดระวัง “องค์ชาย !”

มู่หรงเสวียจากไปโดยไม่แม้แต่กล่าวคําอธิบายสักน้อย เขาไม่รู้ศาสตร์ การแพทย์ ไม่รู้ว่าจะต้องเอาปลิงนําวางลง


ตรงจุดชีพจรจุดไหน ถึงจะสามารถขับพิษให้องค์ชายได้

สี หน้าของตงฟางหลีมืดครึ ม เพียงพริ บตาเขาก็ชนั กายลุกขึน แต่งตัวให้เรี ยบร้อยแล้วก้าวยาว ๆ ออกไปด้านหน้า


ั ต่ รงนี แต่ตอนทีสามคนนันจากไปกลับทําเหมือนกับเขาไม่มีตวั ตนอยู่ แม้แต่บอกลาเพียงสัก
ทัง ๆ ทีเขาก็นงอยู
นิดก็ไม่มี กลับพากันเดินออกไปด้านนอกอย่างไม่สนใจไยดี ช่างเลวร้ายทีสุ ด
เรื องทีอดีตจิงอ๋ องป่ วยหนักจนสลบไปไม่ได้สตินัน จะบอกว่าเป็ นเรื องใหญ่กไ็ ม่ใหญ่ จะบอกว่าเป็ นเรื องเล็กก็ไม่
เล็ก ทางมู่หรงเสวียก็ไม่รู้ว่านางจะกลับมาตอนไหน ถ้าจะให้นงรออยู
ั ท่ ีนีเฉย ๆ มันไม่ใช่นิสัยของเขา “วังจิงอ๋ อง
กําลังมีละครทีน่าดูชมแสดงอยูพ่ วกเราก็ไปร่ วมชมกันเถอะ !”

หลังจากนันหนึ งก้านธูป มู่หรงเสวียก็กา้ วเท้าเข้าสู่ วงั จิงอ๋ องเลาะไปตามทางเดินหิ นอย่างช้า ๆ เดินไปทางเรื อน


หลัก เพียงแค่กา้ วเข้าประตูไปก็เห็นเงาร่ างอ่อนช้อยร่ างหนึงพุ่งเข้ามาอย่างเร่ งรี บ “อีเฉิ น เป็ นอย่างไรบ้าง ? ได้
......”

เมือสายตามองเห็นด้านข้างของเย่อีเฉิ นมีหญิงสาวนางหนึ งยืนอยู่ ‘ฤกษ์การหมันหมาย’ สี คํานี ก็จุกติดอยูใ่ นลําคอ


จนมีอาการอํา ๆ อึง ๆ พูดไม่ออก

มู่หรงเสวียอยูใ่ นชุดสี เขียวอ่อน ร่ างกายบอบบาง ตัวยืดตรง ดวงตาสี ดาํ ขลับดูเย็นชา ดวงหน้างดงามหาใดเปรี ยบ


รู ปลักษณ์ของนางค่อย ๆ ผนวกรวมเข้ากับใบหน้างดงามในความทรงจํา ทันใดนันแววตากังวลและคาดหวังรอ
คอยของพระชายาเอกแห่ งอดีตจิงอ๋ องก็ฉายแววตกตะลึง “เจ้า......เจ้าคือมู่หรงเสวีย !”

มู่หรงเสวียพยักหน้า แล้วกล่าวขึนอย่างมีมารยาท “ถวายพระพรพระชายา !”

พระชายาเอกมองไปทีนางแข็งค้างอยูน่ านไม่สามารถหลุดจากภวังค์ได้ กล่าวเสี ยงตํา “คล้าย......คล้ายมาก !”


รู ปลักษณ์ของเจ้าของร่ างเดิมกับท่านแม่ของนางแน่ นอนว่าคล้ายกันมาก พระชายาเอกกับท่านแม่ของเจ้าของร่ าง
เดิมคงจะคุน้ เคยกันมาก ถึงขนาดแค่เพียงเห็นหน้าค่าตาของนางก็ตกใจเสี ยแล้ว ใบหน้าทีจากไปสิ บกว่าปี อยู่ ๆ ก็
ปรากฏขึนตรงหน้า หากเป็ นนางนางก็คงจะรู ้สึกตกใจเช่นกัน

มู่หรงเสวียยิมบาง ๆ ปรายตามองไปทีเย่อีเฉิ น “อดีตจิงอ๋ องตอนนีอยูท่ ีไหน ?” สุ ขภาพของพระชายาเอกยังมี


ท่าทางทีดีอยูเ่ อาไว้คอ่ ยพูดคุยกับนางเมือใดก็ได้ เรื องทีเร่ งด่วนตอนนี คือการรักษาอาการป่ วยของอดีตจิงอ๋ อง

“อยูด่ า้ นในห้อง !” เย่อีเฉิ นกล่าวเสี ยงตําเดินผ่านพระชายาเอกไปแล้วก้าวยาว ๆ เข้าไปในห้องนอน

มู่หรงเสวียเองก็กา้ วตามไปติด ๆ พอแหวกม่านออก ทันใดนันก็เห็นอดีตจิงอ๋ องทีกําลังนอนอยูบ่ นเตียงหลังใหญ่


ทีดูหรู หรา เขาห่ มผ้าสี นาเงิ
ํ นเข้ม ดวงตาปิ ดสนิท สี หน้าซี ดขาวไร้สีเลือด ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
ทรมาน ริ มฝี ปากแห้งผากเม้มสนิ ทเข้าหากันจนกลายเป็ นสี ม่วงคลําจาง ๆ.......

มู่หรงเสวียเยืองย่างกายเข้าไปทีด้านหน้าของเตียง นางยืนมือออกไปจับจุดชีพจรตรงคอของอดีตจิงอ๋ อง สัมผัส


ได้ถึงชีพจรทีเต้นอย่างแผ่วเบาทีแล่นขึนมาจากปลายนิว เช่นนันนางก็ค่อย ๆ หรี ตาลง

“ท่านพ่อพอกระอักเลือดออกมาแล้วก็สลบไป หมอหลวงซุนบอกว่าเขาสามารถมีชีวิตอยูไ่ ด้อีกแค่สิบวัน เจ้ามีวิธี


เช่นไรทีจะทําให้เขาฟื นหรื อ ?” เย่อีเฉิ นกล่าวสอบถามเสี ยงเบา ในใจไม่ได้มีความคาดหวังใด ๆ คนทีหมอหลวง
ซุนบอกว่าไร้หนทางรักษา ยังจะมีใครทีสามารถช่วยเขาได้อีก ?
“ริ มฝี ปากของอดีตจิงอ๋ อง ดูไม่ค่อยปกตินกั ” มู่หรงเสวียกล่าวขึนอย่างช้า ๆ พลางดึงมือกลับ แววตาดําขลับเปล่ง
ประกายวูบไหว

เย่อีเฉิ นปรายตามองไปทีริ มฝี ปากของอดีตจิงอ๋ อง ก็เห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติจึงกล่าวขึน “หมอหลวงซุ นบอกว่า


โรคประจําตัวของท่านพ่อกําเริ บจนแล่นปะทะเข้าสู่ หัวใจ ริ มฝี ปากจึงได้มีสีม่วงคลํา”

มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ “บอกแบบนันก็ไม่ผดิ แต่วา่ ยังมีอีกสาเหตุหนึงทีสามารถทําให้ริมฝี ปากม่วงคลําได้ นันก็


คือถูกพิษ !”

แววตาของเย่อีเฉิ นสันไหวเย็นยะเยือก “นีเจ้ากําลังบอกว่า ท่านพ่อของข้าถูกพิษ !”

“ใช่ !” มู่หรงเสวียพยักหน้า ทีแรกนันนางเข้าใจว่าโรคประจําตัวของอดีตจิงอ๋ องมีอาการหนักขึนกว่าเดิมถึงได้


สลบไปไม่ฟืน ถ้าเป็ นเช่นนันนางเพียงแค่ฝังเข็มให้เขาไม่กีเข็ม ก็จะช่วยกระตุน้ ผลักดันเลือดลม และสามารถทํา
ให้เขาฟื นคืนสติได้อย่างง่ายดาย แล้วสุ ดท้ายก็จะสามารถถอนหมันได้อย่างราบรื นสะดวกสบาย แต่กลับไม่ได้
คาดคิดเลยว่าเขาจะถูกพิษ ทีนีเรื องราวคงจะกลายเป็ นงานทีตึงมือเสี ยแล้ว

“เจ้าพูดจริ งหรื อ ?” เย่อีเฉิ นยังคงมีท่าทางเชือครึ งไม่เชือครึ ง

ความสามารถทางด้านการแพทย์ของหมอหลวงซุนนันเก่งกาจไม่ธรรมดา ทังยังมีประสบการณ์ดา้ นการรักษามา


หลายสิ บปี เขายังไม่สามารถทีจะตรวจพบว่าท่านพ่อนันถูกพิษ แต่มู่หรงเสวียคนทีแค่อ่านตําราแพทย์มาเพียง
ไม่กีเล่มกลับตรวจพบว่าเขาถูกวางยาพิษ......
“เรื องราวเช่นนี ข้าจะหลอกเจ้าไปทําไมกัน” มู่หรงเสวียถลึงตามองเขา กล่าวขึนอย่างอารมณ์ไม่ดี “ถ้าหากเจาไม่
เชือ เจ้าก็เข้ามาดูทีคอของอดีตจิงอ๋ องสิ ......”

เย่อีเฉิ นทียังคงไม่เชือจึงเดินเข้าไปทีข้างเตียง ก้มลงมองไปทีคอของอดีตจิงอ๋ อง เห็นเส้นสี ดาํ สามสายเดียวก็


ปรากฏเดียวก็จางหายอยูต่ รงบริ เวณลําคอของเขา เดียวจางเดียวเข้ม ถ้าหากไม่ดูให้ละเอียดชัดเจนแล้วล่ะก็คงไม่
มีทางทีตรวจพบ......

ท่านพ่อถูกพิษจริ ง ๆ !

ดวงตาคมกริ บของเย่อีเฉิ นหรี เล็กลง แววตาวูบไหวไปด้วยความหนาวเหน็บเย็นยะเยือก “ท่านพ่อของข้าถูกพิษ


อะไร ?” ถึงกับขนาดกล้าวางยาพิษใส่ ท่านพ่อของเขา ช่างรนหาทีตายนัก

“ข้าก็ไม่รู้ !” มู่หรงเสวียส่ ายหน้าอย่างจนใจ

เย่อีเฉิ นชะงักไป “ไม่ใช่ว่าเจ้ารู ้เรื องศาสตร์ การแพทย์หรอกหรื อ ? แค่จบั ชีพจรให้เขาแล้วดูว่าเขาถูกพิษอะไร


เท่านัน”

“พิษทีเขาโดนนันหมอหลวงซุนยังตรวจไม่พบ แล้วข้าจะวินิจฉัยออกได้อย่างไร ?” มู่หรงเสวียพูดขึนโดยไม่ตอ้ ง


คิด แววตาของนางมืดมัว
จริ ง ๆ แล้วนางเป็ นคนยุคปั จจุบนั ทีเคยเรี ยนมาก็มีแต่พิษในยุคปั จจุบนั วิธีการทีแค่อาศัยการมองและดมกลิน
แล้วสามารถยืนยันว่าเป็ นพิษอะไร หรื อการไปจับชีพจรแล้วบอกว่าเป็ นโรคอะไร วิธีการพวกนี ทีนับได้ว่าเป็ น
แพทย์แผนจีนโบราณ นางล้วนไม่สามารถทีจะทําได้และไม่กเ็ คยได้เรี ยนมาก่อน ทีเอานิ ววางไปบนคอก็ทาํ ได้แค่
ตรวจดูว่าหัวใจของเขาเต้นนาทีละกีครังเท่านัน ไม่สามารถตรวจได้ว่าทีแท้นนอดี
ั ตจิงอ๋ องถูกพิษอะไร......

เมือมองไปทีคิวทีขมวดเข้าหากันของนาง แววตาของเย่อีเฉิ นก็วบู ไหวไปรอยยิมทีไม่อาจตรวจพบได้ อารมณ์


ึ นพิเศษ “ถ้าหากเจ้าทําให้ท่านพ่อฟื นไม่ได้ เจ้าก็ตอ้ งทําตามการเดิมพัน แต่งให้กบั ข้าเพือทีจะได้
ของเขาดีขนเป็
ทําการชงสี ให้ท่านพ่อ”

แม้ว่าท่านพ่อจะถูกพิษ แต่กไ็ ม่ใช่การบาดเจ็บหรื อเจ็บป่ วยอะไร ถึงจะทําชงสี ไปก็ไม่ได้อะไรขึนมา แต่วา่ การ


เดิมพันของพวกเขายังคงอยู่ เช่นนันทังสองฝ่ ายก็ยงั ต้องยึดมันในคําพูดและรักษาสัญญา

“ใครบอกว่าข้าทําให้อดีตจิงอ๋ องฟื นไม่ได้ ?” มู่หรงเสวียยิมขึนแปลก ๆ นางหยิบเอาผ้าผืนเล็ก ๆออกมาจากแขน


เสื อเปิ ดออกด้วยความรวดเร็ ว ด้านในปรากฏเข็มเงินจํานวนหนึ งทีถูกเสี ยบเรี ยงรายไว้บนตัวผ้าอย่างเป็ นระเบียบ
เรี ยบร้อย เปล่งแสงประกายแวววาว !

ถึงแม้วา่ นางจะไม่รู้ว่าอดีตจิงอ๋ องถูกพิษอะไร แต่ว่าถ้าดูจากทีริ มฝี ปาก ผิวหนังและสี หน้าของเขาแล้ว สามารถ


แยกแยะได้วา่ มันเป็ นพิษประเภทไหน แล้วใช้วิธีรักษาของพิษประเภทนันขับพิษออกมา ถึงแม้ว่าจะยังไม่
สามารถถอนพิษได้ทงหมด
ั แต่การทีจะปลุกเขาให้ฟืนขึนมาชัวคราวนันสามารถทําได้ไม่เป็ นปั ญหา
มู่หรงเสวียดึงเอาเข็มเงินยาวบางเล่มหนึ งออกมา ปลายเข็มแหลมคมเปล่งประกายแวววาวภายใต้แสงอาทิตย์ที
สาดส่ อง

เย่อีเฉิ นหรี ตาลง ในใจมีลางสังหรณ์ทีไม่ดีเกิดขึน ความรู ้สึกของเขาบอกว่าจะต้องออกปากห้ามนางไว้ แต่ไม่คาด


ว่า เพียงพริ บตามู่หรงเสวียก็ฝังเข็มผ่านผ้าห่ มไปบนร่ างของอดีตจิงอ๋ อง เข็มเงินในมือฝังเข้าทีจุดชีพจรตรงอก
ของเขาอย่างไม่ลงั เล......

“ฉึก ฉึ ก ฉึก !” เข็มเงินเล่มแล้วเล่มเล่าถูกฝังลงไปบนอกของเขา ค่อย ๆ รวมตัวกันกลายเป็ นรู ปทรงวงรี ไม่เล็กไม่


ใหญ่ มู่หรงเสวียปรายตามองบ่าวรับใช้คนหนึงทีอยูไ่ ม่ไกลจากนาง “เจ้ามาพยุงอดีตจิงอ๋ องให้ลุกขึน !”

“ขอรับ !” บ่าวรับใช้พยักหน้าแล้วเดินมาทีด้านข้างของเตียง พยุงอดีตจิงอ๋ องขึนมาด้วยความระมัดระวัง

มู่หรงเสวียหยิบเอาถ้วยเปล่าทีอยูบ่ นโต๊ะวางไว้ใกล้ ๆ กับหน้าอกของอดีตจิงอ๋ อง มีดในมือวาดไปบนอกของเขา


เบา ๆ ได้ยนิ เสี ยง ‘ปุ’ ดังขึนเสี ยงหนึง ผิวหนังถูกกรี ดให้เป็ นรู เล็ก ๆ พริ บตาเลือดสี ดาํ ก็พุ่งออกมา......
ตอนที 130 ขุดออกมา

ใช้ยกมือขึนมาปิ ดปากปิ ดจมูก และเร่ งรี บเปิ ดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทเสี ยยกใหญ่

อดีตจิงอ๋ องทีสลบไม่ได้สติไอออกมาหนัก ๆ หลายครัง แล้วค่อย ๆ ลืมตาขึน มองไปทีใบหน้างดงามของมู่หรง


เสวียทีอยูใ่ กล้แค่เอือม เขาชะงักไปครู่ หนึงแล้วกล่าวขึนว่า “เสวียเอ๋ อร์ !”

มู่หรงเสวียตอบรับเพียงเบา ๆ พร้อมกับยิมสดใสมองไปทีเขา “อดีตจิงอ๋ องท่านรู ้สึกดีขนบ้


ึ างไหมเจ้าคะ ?”

ทันใดนันกลินเหม็นก็พ่งุ โชยกระทบเข้ากับจมูก อดีตจิงอ๋ องขมวดคิวเข้าหากันแน่น แล้วมองไปทีบาดแผลและ


เข็มเงินบนหน้าอกของตน จากนันสายตาก็มองเห็นเลือดสี ดาํ ครึ งถ้วย ตอนนันก็เข้าใจความเป็ นมาของเรื องราว
ทังหมดแล้ว เขาจึงพยักหน้าเบา ๆ “ดีขนมากแล้
ึ ว นี คือพิษอะไรกัน ?”

“ข้าเองก็ไม่รู้ชือของพิษ แต่รู้เพียงว่าเป็ นพิษทีมีฤทธิทําลายหัวใจ” มู่หรงเสวียทีอยูใ่ นยุคปั จจุบนั เคยพบกับพิษที


ทําลายจิตใจ พิษทีทําลายสมองและพิษทีทําลายอวัยวะภายในพวกนี มามากมายหลายชนิ ด แต่ละอย่างก็ออกฤทธิ
ไม่เหมือนกัน ใช้ตวั ยาวัตถุดิบต่างกัน กลินทีเกิดจากพวกมันแน่นอนว่าก็ตอ้ งไม่เหมือนกัน !
กลินเหม็นทีพัดโชยไปทัวทังห้องมีกลินของตัวสมุนไพรอยูบ่ างเบา และตัวยาสมุนไพรชนิ ดนี มีฤทธิทําลายหัวใจ
โดยเฉพาะ

สี หน้าของเย่อีเฉิ นดุดนั จนดูน่ากลัว ทีแท้โรคประจําตัวของอดีตจิงอ๋ องทีกลับมากําเริ บอีกครังและส่ งผลกระทบ


เข้าสู่หัวใจไม่ใช่เรื องบังเอิญ แต่ว่ามีคนตังใจให้เป็ นเช่นนัน “หลังจากทีถูกพิษแล้วใช้เวลานานเท่าไรพิษนันถึง
จะออกฤทธิ ?”

มู่หรงเสวียหยุดคํานวณเล็กน้อย “ประมาณหนึงถึงสองชัวยามเจ้าค่ะ” หากพิษมีความร้ายกาจมากเท่าไรก็ยงออก



ฤทธิเร็ วขึนเท่านัน ถ้าเป็ นความร้ายกาจของพิษชนิดนี หลังจากทีพิษเข้าสู่ ร่างกายแล้ว อย่างมากทีสุ ดก็จะออก
ฤทธิ ภายในหนึงถึงสองชัวยาม

“ไม่กีวันมานีท่านพ่อก็ลว้ นพักรักษาตัวอยูแ่ ต่ในวัง แม้แต่ประตูเรื อนก็กา้ วออกมาน้อยนัก พิษทีเขาโดนแน่ ว่า


จะต้องถูกวางจากในวัง......” คําพูดหลังจากนันแม้เย่อีเฉิ นจะไม่ได้พดู ต่อ แต่วา่ ทุกคนก็เข้าใจว่าดีว่าคําพูด
ต่อจากนันคืออะไร

การดูแลคุม้ กันในวังจิงอ๋ องนันถือว่าเข้มงวดมาก แถมวรยุทธ์ของอดีตจิงอ๋ องนันก็แข็งแกร่ งมากเช่นกัน ไม่มีทาง


ทีคนภายนอกจะแอบเข้ามาวางยาอดีตจิงอ๋ องได้ คนทีวางยาพิษแน่นอนว่าจะต้องอาศัยอยูใ่ นวังจิงอ๋ อง

เหล่าบรรดาสาวใช้มองตากันไปมา แล้วก็พากันก้มหน้าลง แม้แต่สูดลมหายใจบางเบาก็ไม่กล้าทําให้เกิดเสี ยงดัง


ทําร้ายอดีตจิงอ๋ องนันถือว่าเป็ นความผิดทีร้ายแรงนัก พวกนางไม่มีทางทีอยากจะให้ความซวยครังนี มาตกอยูท่ ี
ตนเอง
เย่อีเฉิ นกวาดตามองบรรดาสาวใช้ บ่าวไพร่ และพวกทหาร สุ ดท้ายค่อยมาหยุดอยูท่ ีร่ างของมู่หรงเสวีย “เจ้า
สามารถตรวจสอบถึงทีมาของพิษได้หรื อไม่ ?”

“เอ่อ......” มู่หรงเสวียนิงไปครู่ หนึ งแล้วค่อย ๆ พยักหน้าเบา ๆ “ข้าจะลองดู” ตัวยาพิษทีรุ นแรงขนาดนี จะต้องมี


ราคามูลค่าทีไม่ธรรมดานัก อีกทังยังใช้ในปริ มาณน้อย คนทีวางยาพิษน่ าจะยังไม่ได้ใช้มนั ไปจนหมด เพียงแค่
เขาหรื อนางยังคงมีมนั หลงเหลืออยู่ นางก็จะสามารถลากตัวคนผูน้ นออกมาได้

ี นก็ชะงักไปครู่ หนึง เหล่าบรรดาสาวใช้ บ่าวไพร่ และเหล่าทหาร


เมือมองไปทีแววตามันอกมันใจของนาง เย่อเฉิ
ยามเมือรวมเข้าด้วยกันนันก็มีจาํ นวนเกือบร้อยคน อยากจะหาคนร้ายท่ามกลางคนมากมายเช่นนีนันไม่ใช่เรื องที
ง่ายเลย เมือครู่ เขาก็แค่ถามไปผ่าน ๆ เท่านัน แต่คาดไม่ถึงว่านางจะตอบตกลง

“เป้ ยเป้ ย !” มู่หรงเสวียยิมสดใสมองไปทีประตู แล้วเรี ยกขึนเสี ยงหนึง

เย่อีเฉิ นมองตามสายตาของนางไป ก็เห็นลูกสุ นัขตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ งทีกําลังนอนหมอบอยูบ่ นพืน มันค่อย ๆ ชัน


กายลุกขึนแล้ววิงเข้ามาด้านในอย่างรวดเร็ ว

ขนของมันดูขาวสะอาดนุ่ มลืนคล้ายดังผ้าขาว นอนหมอบอยูด่ า้ นข้างของคุณชายโอวหยาง จนกลมกลืนเข้ากับสี


เสื อผ้าของเขาจนเกือบเป็ นเนื อเดียวกัน ถ้ามู่หรงเสวียไม่ได้เรี ยกหา ไม่วา่ ใครก็คงไม่สามารถสังเกตเห็นมันได้
แน่นอน
“โฮ่ง โฮ่ง !” เป้ ยเป้ ยวิงมาทีด้านหน้าของมู่หรงเสวียแล้วร้องออดอ้อนอยูส่ องสามครัง หางสี ขาวส่ ายไปมาด้วย
ท่าทางเบิกบานใจ

มู่หรงเสวียหยิบถ้วยทีมีเลือดสี ดาํ อยูค่ รึ งหนึงขึนมาแล้ววางลงไปด้านหน้าจมูกของเป้ ยเป้ ย “เจ้าดมกลินนีแล้วพา


พวกเราไปหาทีทีมีกลินทีเหมือนกันที”

“โฮ่ง โฮ่ง !” เป้ ยเป้ ยดมกลินของเลือดสี ดาํ ดวงตากลอกไปมาเล็กน้อยแล้วค่อยหมุนกายกลับไป เสี ยง ‘ฟ้ าว’ ดัง
ขึนเสี ยงหนึงแล้วพุ่งออกไปด้านนอก !

แววตาของเย่อีเฉิ นเย็นยะเยือกแล้วจึงเร่ งตามออกไป !

บรรดาทหารยาม บ่าวไพร่ และสาวใช้กพ็ ากันออกจากห้องตามเป้ ยเป้ ยไป ทีนี คือวังจิงอ๋ อง คนผูน้ นกลั
ั บกล้าทํา
ร้ายอดีตจิงอ๋ องทีเป็ นหนึงในเจ้านายของวังอ๋ องอย่างอุกอาจเช่นนี ช่างบังอาจและรนหาทีตายยิงนัก ไม่รู้ว่ามัน
เป็ นใครกันแน่ ?

เป้ ยเป้ ยออกจากเรื อนหลัก ตลอดทางนันมันวิงด้วยความรวดเร็ ว สักพักก็วงผ่


ิ านศาลากลางนําแห่ งหนึง ข้าม
สะพานทีกระแสนําด้านล่างกําลังไหลเอือย ๆ พุ่งเข้าไปทีเรื อนแห่ งหนึง

เมือมองไปทีด้านบนของประตูทางเข้าเรื อนก็เห็นตัวอักษรเขียนไว้ว่า ‘เรื อนบัวหอม’ ตัวหนังสื อใหญ่ ๆ ทังสาม


ตัวดูอ่อนช้อยงดงาม ทันใดนันแววตาของเย่อเฉิ
ี นก็ฉายแววตกตะลึง เร่ งก้าวเดินเข้าไปด้านใน เห็นเป้ ยเป้ ยหยุด
อยูท่ ีใต้ตน้ ลีฮวาทีอยูบ่ ริ เวณด้านในของเรื อน เท้าหน้าสี ขาวหิ มะของมันขุดดินด้านหน้าออกด้วยความรวดเร็ ว ขุด
ไปขุดมา จนด้านข้างกลายเป็ นกองดินสู ง หลุมกว้างประมาณสิ บกว่าเซนติเมตรปรากฏอยูด่ า้ นหน้าของสายตา

เช่นนันเป้ ยเป้ ยถึงจะหยุดความเคลือนไหวลง แล้วมองไปทีเย่อีเฉิ น “โฮ่ง โฮ่ง !”

เย่อีเฉิ นเดินมาด้านหน้าเห็นด้านในของหลุมปรากฏกล่องสี ทองกล่องหนึง ด้านบนถูกแกะสลักเป็ นรู ปดอก


กล้วยไม้ช่อหนึง ตรงกลางของดอกกล้วยไม้แต่ละดอกประดับไว้ดว้ ยทับทิมสี แดงดอกละเม็ด ดูแล้วงดงามสู งค่า
ไม่ธรรมดา

เพียงแค่ทาํ ลายแม่กญ
ุ แจสี ทองด้านบนเบา ๆ เย่อีเฉิ นก็สามารถเปิ ดกล่องนันออก ด้านในมีขวดกระเบืองจํานวน
สามขวดวางเรี ยงราย สี เขียวอ่อนขวดหนึ ง สี ขาวสองขวด

มู่หรงเสวียเร่ งเดินเข้ามาด้านหน้า หยิบขวดสี เขียวอ่อนมาเปิ ดออก แล้วจึงสู ดดมเบา ๆ “ขวดนี ก็คือพิษชนิ ดนัน !”

เย่อีเฉิ นมองไปทีขวดยาสี เขียวอ่อนนัน สี หน้าแววตาของเขาพลันหมองคลําลงอย่างรวดเร็ ว

เมือปิ ดจุกขวดแล้ววางมันลง มู่หรงเสวียก็หยิบขวดสี ขาวทีอยูด่ า้ นข้างขึนมาเปิ ดจุกออก ลองสู ดดมดูอีกครัง อยู่ ๆ


แววตาของนางก็เปล่งประกายอย่างวูบไหว “ขวดนี คือยาแก้พิษ !”

“ยาแก้พิษอย่างนันหรื อ ?” เย่อีเฉิ นชะงักไป


“ใช่แล้ว มียาพิษก็ตอ้ งมียาแก้พิษ มันน่ าเปลกใจตรงไหนกัน !” มู่หรงเสวียพูดขึนอย่างไม่นาํ พา นางหยิบขวดสี
ขาวขวดสุ ดท้ายขึนมา แล้วเปิ ดดมดู “ขวดนีเป็ นยาพิษร้ายแรง เพียงแค่หยดเดียวก็สามารถทําให้คนตายได้ทนั ที
อีกทังยังไม่สามารถตรวจหาสาเหตุการตายได้......”

เพราะว่านีเป็ นพิษทีทําให้สมองตาย หลังจากทีใครโดนมันเข้าไปก็จะมีอาการเหมือนกับนอนหลับ เพียงแต่ถา้


หากหลับไปก็จะไม่ฟืนขึนมาอีก ไม่ว่าหมอจะเก่งกาจแค่ไหนก็ไม่สามารถตรวจหาสาเหตุการตายได้พบ......

สี หน้าของเย่อีเฉิ นเขียวคลํา เขาค่อย ๆ เงยหน้าขึนก็เห็นฉิ นยวีเยียนทีนังอยูบ่ นรถเข็น ร่ างของนางกําลังค่อย ๆ ถูก


เข็นออกมา นางอยูใ่ นชุดสี เขียวอ่อนตัวใหญ่ ใบหน้าเรี ยวเล็กซี ดขาวท่าทางดูน่าสงสาร แต่ในสายตาของเขาแล้ว
กลับไม่ได้รู้สึกสงสารเลยแม้แต่นอ้ ย กลับกันนันมันมีแต่ความรู้สึกว่ากําลังโดนดูถูกเหยียดหยาม !

“ฉินยวีเยียนเจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกไหม ?”

นําเสี ยงไต่ถามด้วยความเกรี ยวกราดดังเข้าหู ทันใดนันร่ างกายบอบบางของฉิ นยวีเยียนก็สันไหวเล็กน้อย แต่ยงั


แกล้งทําเป็ นยิมสู ้ “อีเฉิ นมีอะไรหรื อ ?”

“เจ้ายังจะแกล้งทําเป็ นไม่รู้เรื องอีก เจ้าเบิกตากว้าง ๆ แล้วดูให้ชดั เจนว่านี คืออะไร !” เย่อีเฉิ นหยิบยาพิษสองขวด


นันขึนมา ปาเข้าไปทีเท้าของฉิ นยวีเยียนอย่างแรง ได้ยนิ เสี ยง ‘เพล้ง เพล้ง’ สองเสี ยงดังขึน ขวดกระเบือง
เหล่านันแตกละเอียด ไอพิษสี ดาํ เข้มละเหยขึนมาจากบนพืน ทําให้พนด้
ื านล่างละลายไปชันหนึง
ฉิ นยวีเยียนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “นีมันยาพิษ ?”

“ถ้าจะให้พูดอย่างถูกต้องแล้วล่ะก็นีเป็ นยาพิษทีท่านพ่อของข้าถูกวางยาใส่ แล้วก็เป็ นยาพิษทีเจ้าแอบซ่ อนเอาไว้


!” สายตาเย็นชาของเย่อีเฉิ นมองตรงไปทีฉิ นยวีเยียน แววตาของเขาวูบไหวไปด้วยความมืดมิดอํามหิ ต......

ทันใดนันใบหน้าเรี ยวเล็กของฉิ นยวีเยียนกลับขาวซี ดยิงกว่าเดิม รี บส่ ายหน้าอย่างร้อนรน “นีไม่ใช่ยาพิษทีข้า


แอบซ่ อนเอาไว้ ไม่ใช่จริ ง ๆ !”

“แต่ว่าพิษนี ถูกขุดเจอจากใต้ตน้ ลีฮวาภายในเรื อนของเจ้า” แววตาของเย่อีเฉิ นเย็นยะเยือก ฉิ นยวีเยียนเป็ นผูพ้ าํ นัก


คนแรกของเรื อนบัวหอมและเป็ นเพียงผูเ้ ดียวเท่านัน พิษใต้ตน้ ลีฮวาไม่มีทางเป็ นของผูพ้ าํ นักคนก่อนทีเอามาฝัง
ไว้แน่ นอน

“มีคนทีต้องการใส่ ร้ายข้า !” สายตากระวนกระวายของฉิ นยวีเยียนกวาดมองไปทีบรรดาเหล่าสาวใช้บ่าวไพร่ แล้ว


หยุดลงทีร่ างของมู่หรงเสวีย อยู่ ๆ แววตาของนางก็เปล่งประกายออกมา “เป็ นมู่หรงเสวีย แน่ นอนว่าต้องเป็ นนาง
ทีใส่ ร้ายข้า......”
ตอนที 131 ถกเถียง
มู่หรงเสวียยกมุมปากขึนอย่างเย็นชา ฉิ นยวีเยียนนางคงกลายเป็ นสุ นัขจนตรอกแล้ว เตรี ยมทีจะแว้งกัดผูค้ นไปทัว
ในเมือนางอยากรนหาทีตายเช่นนี ตัวนางก็จะทําให้นางสมหวังเอง “ทําไมข้าต้องใส่ ร้ายเจ้า ?”

“เพราะว่าข้าแย่งชิงว่าทีสามีของเจ้า จึงทําให้เจ้าถูกผูค้ นหัวเราะเยาะดูถูกเหยียดหยาม เจ้าจึงเจ็บแค้นแล้วใช้


วิธีการทีน่ ารังเกียจชันตําเช่นนีมาใส่ ร้ายข้า !” ฉิ นยวีเยียนกล่าวต่อว่าเสี ยงดัง ในดวงตาของนางลุกโชนไปด้วย
ความเกรี ยวกราดจนแทบจะสามารถพ่นออกมาเป็ นไฟได้

มู่หรงเสวียยิมเย้ยหยันขึนมา “จิงอ๋ องว่าทีสามีผนู ้ ี แต่ไหนแต่ไรมาข้าก็ไม่เคยต้องการ เจ้าอยากได้กเ็ อาไปได้


ตามใจ ข้าไม่มีทางติดใจเอาความกับเจ้าแม้แต่น้อย เกียวกับพวกขุนนางบุ๋นบู๊ จริ ง ๆ แล้วในเมืองหลวงพวกเขา
นันกําลังหัวเราะเยาะเยาะเย้ยพวกเจ้าทังสองอยูต่ ่างหาก คนหนึ งไร้ซึงศีลธรรมลดขันภรรยาเป็ นอนุ อีกคนก็มี
ความคิดอ่านนิสัยเลวร้ายอาศัยทีตัวเองเป็ นองค์หญิงแย่งชิงว่าทีสามีของชาวบ้าน......”

“เจ้าหุบปาก !” ความโกรธของฉิ นยวีเยียนลุกโชน ตัดบทคําพูดของนาง แววตาวูบไหวไปด้วยไฟโกรธ นางเป็ น


องค์หญิงม่อเป่ ยทีมีฐานะสู งส่ ง หลายปี มานียังไม่เคยมีใครทีกล้ากล่าวต่อว่าดูหมินนางอย่างไม่ไว้หน้าเช่นนี มา
ก่อน มู่หรงเสวีย เจ้าช่างรนหาทีตายนัก !

“เจ้าก็เป็ นแค่คุณหนูทีเอาแต่หมกตัวอยูใ่ นจวนฝ่ ายใน แม้แต่โรคทีตัวเองเป็ นอยูก่ ย็ งั รักษาไม่หาย แต่กลับทําให้


อดีตจิงอ๋ องทีแม้แต่หมอหลวงซุ นก็ยงั ไม่สามารถรักษาได้ฟืนคืนสติ ฮ่าฮ่า เจ้ากล้าพูดว่านี เป็ นเพียงแค่เรื องบังเอิญ
อย่างนันหรื อ ?”
สายตาของฝูงชนพากันมองไปทีร่ างของมู่หรงเสวีย เห็นนางร่ างกายอ่อนแอ ดวงหน้างดงามขาวซี ดน้อย ๆ ก็
ชัดเจนว่าสุ ขภาพร่ างกายของนางยังอ่อนแอไม่แข็งแรง ไม่สามารถรักษาอาการป่ วยของตัวเองได้ แต่กลับ
สามารถถอนพิษร้ายกาจได้เช่นนี แน่ นอนว่าดูแล้วช่างย้อนแยงแปลก ๆ ยิงนัก พิษชนิดนันคงไม่ใช่นางทีเป็ นคน
วางยาพิษหรอกนะ แต่ก็คงมีเพียงคนทีวางยาพิษเท่านันถึงจะรู ้และเข้าใจในวิธีการแก้พิษมากทีสุ ด......

เมือมองไปทีสายตาทีเต็มไปด้วยความสงสัยของผูค้ น มู่หรงเสวียก็กล่าวขึนอย่างไม่รีบร้อน “ตอนทีข้าเบือ ๆ ไม่


มีอะไรทําอยูท่ ีเรื อนหิ มะโปรย ข้าเคยอ่านหนังสื อแพทย์เล่มหนึง เนือหาข้างในเพียงอธิ บายว่าควรแก้พิษยังไง แต่
ไม่ได้อธิบายถึงวิธีการรักษาโรค......”

ฉิ นยวีเยียนยกยิมเยาะเย้ย “เจ้าแก้ตวั ให้มนั น้อย ๆ หน่ อย......”

“นางไม่ได้แก้ตวั แน่นอนว่านางสามารถถอนพิษได้ !” ตงฟางหลีกา้ วออกมาด้านหน้า มองไปทางฉิ นยวีเยียน


อย่างเฉยชา “ผูน้ อ้ ยตงฟางหลีแห่ งแคว้นซี เหลียง ถูกพิษชีเซวีย ได้อาศัยความช่วยเหลือจากคุณหนู ม่หู รง จึงทําให้
พิษในร่ างกายของข้านันนับวันยิงลดน้อยถอยลง ถ้าหากองค์หญิงฉิ นไม่เชือ สามารถเชิญให้หมอหลวงมาจับชีพ
จรดูได้......”

เพียงหยุดไปชัวครู่ เขาก็กล่าวต่อขึนว่า “พิษชนิ ดนี ข้าได้รับตอนอยูท่ ีแคว้นซี เหลียง ทังยังถูกพิษมานานหกเจ็ดปี


ไม่มีทางทีคุณหนูมู่หรงจะเป็ นคนวางยาพิษได้......”

“ฮ่า ฮ่า !” คนรับใช้ผหู ้ นึงไม่สามารถอดกลันเสี ยงหัวเราะอยูจ่ ึงระเบิดหัวเราะออกมา องค์ชายแห่ งซี เหลียงผูน้ ี


กําลังดูหมินฉิ นยวีเยียนอย่างไม่ไว้หน้า
ทันใดนันใบหน้างามเรี ยวเล็กของฉิ นยวีเยียนก็มืดครึ มลง มู่หรงเสวียไปมีความสัมพันธ์กบั องค์ชายเจ็ดแห่ ง
แคว้นซี เหลียงเมือใดกัน ? อีกทังยังสามารถให้ตงฟางหลีออกหน้าช่วยเหลือได้อีก ตําช้ายิงนัก ตงฟางหลีกล้าให้
หมอหลวงมาตรวจจับชีพจร ชัดเจนว่าพิษในร่ างกายของเขาลดน้อยลงจริ ง ๆ.....

แต่ว่าถึงแม้ม่หู รงเสวียจะสามารถแก้พิษได้จริ ง ๆ แต่กย็ งั ไม่ได้หมายความว่านางไม่ได้ใส่ ร้ายตัวนาง !

แววตาของฉิ นยวีเยียนเย็นยะเยือก นางชีนิวไปทีเป้ ยเป้ ยทีอยูใ่ ต้ตน้ ลีฮวา กล่าวขึนเสี ยงเย็นว่า “มู่หรงเสวียสุ นัขตัว
นีเป็ นเจ้าทีพามา หลังจากทีมันออกจากเรื อนหลักก็วิงตรงมาทีเรื อนบัวหอมของข้า ออกนอกเส้นทางสักนิดก็ไม่
มีแม้แต่นอ้ ย มองดูแล้วก็เหมือนกับว่ามันตามกลินของยาพิษมาทีนี แต่วา่ ใครจะรู ้เล่าว่ามันไม่ได้ถูกเจ้าสังให้มนั
วิงมาทีนี......”

“วันนีเป็ นวันทีข้าก้าวเท้าเข้ามาในวังจิงอ๋ องเป็ นครังแรก ไม่มีทางทีจะรู ้ได้ว่าเจ้านันพํานักอยูท่ ีเรื อนบัวหอม แล้ว


ข้าจะฝังยาพิษเอาไว้ล่วงหน้าเพือใส่ ร้ายเจ้าได้อย่างไร ?” มู่หรงเสวียเลิกคิวมองไปทีฉิ นยวีเยียน แววตาเต็มไป
ด้วยความดูถกู เยาะเย้ย

“เจ้าไม่เคยมาวังจิงอ๋ องก็จริ ง แต่มนั ก็ไม่ได้หมายความว่าเพือนของเจ้าบางคนจะไม่เคยมา......” ฉิ นยวีเยียนสบถ


เบา ๆ แววตาบังเอิญมองไปทางคุณชายโอวหยางทียืนอยูไ่ ม่ไกลนัก

คุณชายโอวหยางมีวรยุทธ์ทีสู งส่ ง แน่นอนว่าเขาสามารถทีจะแอบเข้ามาทีวังจิงอ๋ องได้อย่างเงียบ ๆ โดยทีผูค้ นไม่


รู ้สึกตัว แล้วแอบเอายาพิษมาฝังไว้ทีใต้ตน้ ฉยงฮวา
“ถ้าข้าเกลียดชังเจ้ามากขนาดนัน แล้วเพือนของข้าสามารถเข้ามาทีวังจิงอ๋ องได้จริ ง ๆ ข้าจะให้เขาวางพิษใส่ เจ้า
โดยตรง เจ้าทีบาดเจ็บหนักอยูแ่ ล้วนันเพียงแต่นอนหลับแล้วตายไป ผูค้ นก็จะนึกว่าเจ้าบาดเจ็บหนักจนเกิน
เยียวยาจึงได้ตกตาย ใครจะไปสงสัยล่ะว่าเจ้าตายอย่างผิดปกติ ? เทียบกับการใช้วิธีทีซับซ้อนอ้อมค้อมไปมาเช่น
ทีเจ้าพูดมาวางอุบายและใส่ ร้ายเจ้าแล้ว สุ ดท้ายก็ยงั ไม่สามารถเอาชีวิตเจ้าได้ แค่คิดข้าก็รู้สึกว่ามันวุ่นวายอ้อม
ค้อมไร้สาระยิงนัก......” มู่หรงเสวียจ้องมองไปทีนาง แววตาเต็มไปด้วยความดูหมินเยาะเย้ย

“เจ้า......” ฉินยวีเยียนชีนิ วไปทีมู่หรงเสวีย โมโหจนพูดไม่ออก

ผูค้ นมองหน้าสบตากันไปมา สี หน้าเริ มทีจะเคร่ งขรึ มขึน เอาพิษมาฝังไว้พอเสร็ จแล้วก็วางยาพิษใส่ อดีตจิงอ๋ อง


ต่อมาก็ถอนพิษให้อดีตจิงอ๋ อง สุ ดท้ายให้สุนขั ตามกลินยาพิษมาทีเรื อนบัวหอมกล่าวหาว่าฉิ นยวีเยียนเป็ นคน
วางยาพิษ แน่ นอนว่าเป็ นแผนการทียืดเยือเกินความจําเป็ นจนเกินไป ทังยังทําอะไรฉิ นยวีเยียนไม่ได้อีก ไม่
เท่ากับว่าวางยาพิษใส่ นางแล้วให้นางทรมานจนตาย เช่นนันดูจะสะใจกว่ามาก......

ลมเย็นสบายสายหนึงพัดผ่านกลินของตัวยาพัดโชยเข้าจมูก มู่หรงเสวียกระพริ บตา แล้วกล่าวขึนอย่างช้า ๆ “ยา


พิษสองขวดนันและยาแก้พิษอีกหนึงขวดนี ทังหมดล้วนเป็ นองค์หญิงทีนํามาจากแคว้นม่อเป่ ยสิ นะ จากทีข้าได้
กลินจากตัวยานัน ข้าได้กลินของวัตถุดิบทีพิเศษมากชนิ ดหนึง ตัววัตถุดิบชนิดนีจะเติบโตและพบได้เพียงทีป่ า
เขาในเขตแดนของม่อเป่ ยเท่านัน......”

“เจ้าโกหก !” ฉิ นยวีเยียนตัดบทนางขึนอย่างร้อนรน แววตาเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย


มู่หรงเสวียปรายตามองนางอย่างเฉยชา “ข้าไม่ได้โกหก รอจนหมอหลวงมาถึง แล้วตรวจสอบตัวยาสามชนิ ดนี
อย่างละเอียด เจ้าก็จะรู ้เอง !”

แววตาของฉิ นยวีเยียนวูบไหวแล้วกล่าวขึนเสี ยงสู ง “ถึงแม้วา่ ในตัวยานีจะมีวตั ถุดิบทีสามารถพบได้เพียงใน


แคว้นม่อเป่ ย แต่กย็ งั ไม่สามารถทีจะกล่าวหาได้ว่ายาพิษนันเป็ นของข้า !”

ยาพิษก็แค่ถูกขุดเจอจากในจวนของนาง ไม่ใช่ในห้องของนางหรื อค้นเจอจากในตัวของนาง เพียงแค่นาง


ปากแข็งไม่ยอมรับ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถทําอะไรนางได้ !

“โฮ่ง โฮ่ง!” เป้ ยเป้ ยเห่ าขึนร่ างตัวเล็กสี ขาวของมันพุ่งไปทางฉิ นยวีเยียนอย่างดุดนั

ฉิ นยวีเยียนทีไม่ทนั ได้ระวังก็ถูกเป้ ยเป้ ยพุ่งชนจนล้มลงไปกับพืนทังเก้าอี ความเจ็บปวดแล่นขึนมาจากแผ่นหลัง


นางกรี ดร้องขึนเสี ยงแหลม “อ้า !”

เป้ ยเป้ ยทีได้ยนิ แต่ไม่สนใจ เท้าเล็ก ๆ ทังสี ข้างกระหนําตะกุยเข้าไปทีหัวของนางอย่างสะเปะสะปะ มวยผมทีถูก


เกล้าไว้อย่างงดงามถูกตะกุยจนยุง่ เหยิงรุ งรังดังรังนกก็ไม่ปาน

แขนของฉิ นยวีเยียนบาดเจ็บจนไม่สามารถออกแรงมาก ๆ ได้ นางได้แต่ตบตีปัดป้ องออกไปอย่างมัวซัว


สะเปะสะปะ เรี ยกร้องขึนเสี ยงดัง “ยังนิงอยูท่ าํ ไมอีก พวกเจ้ารี บมาลากสุ นขั น่าตายตัวนี ออกไปสิ ......”
“เพคะ เพคะ เพคะ !” เหล่าบรรดาสาวใช้รีบหลุดออกจากภวังค์ แล้วเร่ งก้าวออกมาด้านหน้าเตรี ยมทีจะจับตัวเป้ ย
เป้ ยไว้

แต่ไม่คาดว่าจะมีเสี ยง “เพล้ง !” ดังขึนเสี ยงหนึ ง ปิ นปั กผมสี ทองทีปักอยูบ่ นผมของฉิ นยวีเยียนร่ วงตกลงบนพืน
ผงสี ขาว ๆ จํานวนหนึงต่างกระจายออกมา......

แววตาของฉิ นยวีเยียนหนาวเหน็บเตรี ยมทีจะยืนมือออกไปจับปิ นปั กผม แต่ไม่คาดว่าแขนขาวนวลสายหนึ งชิง


ตัดหน้านางไปก่อน หยิบเอาปิ นปั กผมขึนมา

เมือมองไปทีปิ นปั กผมลวดลายวิจิตรงดงามเล่มนัน มู่หรงเสวียก็เลิกคิวขึน “ทีแท้ปินปั กผมเล่มนีด้านในเป็ น


รู ปทรงกลวงว่างเปล่าอีกทังยังบรรจุเศษผงสี ขาวเอาไว้ ช่างคล้ายกับยาพิษทีอดีตจิงอ๋ องได้รับชนิดนัน......”

“ไม่ใช่ ไม่ใช่ เจ้าอย่าได้ปรักปรําข้า.....” ฉิ นยวีเยียนกล่าวแย้งขึนอย่างร้อนรน แววตาวูบไหวไปด้วยความกระวน


กระวายอย่างปิ ดไม่มิด

“ข้าไม่ได้ปรักปรําเจ้า ในใจเจ้าเองก็คงชัดเจนดี” มู่หรงเสวียมองไปทางฉิ นยวีเยียนอย่างเยือกเย็น “ปิ นปั กผมเล่ม


นีร่ วงลงมาจากผมของเจ้า แล้วก็เป็ นเจ้าเองทีเต็มใจปั กมันลงไป เจ้าอย่าได้กล่าวอีกว่าข้าอาศัยตอนทีเจ้าไม่ทนั
ระวังตัวปั กปิ นผมอันนี ลงบนผมของเจ้า......”
ตอนที 132 ข้ าต้ องการถอนหมัน
ฉิ นยวีเยียนถลึงตามองมู่หรงเสวียด้วยความเกลียดชัง แววตาของนางลุกโชนไปด้วยไฟโกรธราวกับว่ากําลังใกล้
จะปะทุออกมา ตอนทีเจ้าสุ นัขชันตําตัวนันนําพาผูค้ นเข้ามาทีเรื อนบัวหอม นางนังอยูท่ ีริ มหน้าต่างพอดี ตา
มองเห็นเจ้าสุ นขั ชันตําขุดเจอกล่องยาทีลําค่าของนาง นางไม่สามารถทีจะขัดขวางได้ทนั การณ์ ก็เห็นอีเฉิ นที
กําลังกําลังเกรี ยวกราด นางกลัวว่าเขาจะเข้ามารื อค้นสิ งของด้านในห้อง ถึงได้แอบซ่ อนยาพิษไว้ในปิ นปั กผม
แล้วปั กไว้ทีผมของนาง แต่คาดไม่ถึงว่ายังจะถูกเจ้าสุ นขั ชันตําตัวนี ค้นเจอได้อีก......

แววตาของฝูงชนทีเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยามและรังเกียจล้วนตกไปทีร่ างของฉิ นยวีเยียน แน่ นอนแล้วว่า


พิษร้ายนันต้องเป็ นฝี มือของนางทีวางใส่ อดีตจิงอ๋ องอย่างไม่ตอ้ งสงสัย

อดีตจิงอ๋ องก็แค่ไม่ชอบนาง แต่ยงั ไม่เคยทําอะไรทีเป็ นการระรานนางแม้แต่นอ้ ย ทีกิน ทีใช้ ทีอาศัยอยู่ มี


ตรงไหนทีลดน้อยลงกัน ? นางได้รับบาดเจ็บสาหัส ตัวยาสู งค่ามากมายล้วนถูกส่ งมาให้ทีเรื อนบัวหอมอย่างไม่มี
ขาด เพือทีจะได้ใช้บาํ รุ งรักษาร่ างกายของนาง แต่นางไม่เพียงไม่รู้สึกสํานึ กบุญคุณแต่กลับมาเนรคุณวางยาพิษใส่
อดีตจิงอ๋ องเช่นนี ช่างเป็ นหญิงทีน่ารังเกียจและอกตัญ ูยงนั
ิ ก......

“ฉินยวีเยียนเจ้าทําให้ขา้ ผิดหวังยิงนัก !” เย่อีเฉิ นมองไปทีฉิ นยวีเยียน แววตาของเขาเปล่งประกายเย็นยะเยือก


ท่านพ่อลําเอียงต่อนาง นางสามารถทีจะรู ้สึกไม่พอใจได้ จะต่อว่านิ นทาเขาก็ไม่เป็ นไร แต่นางกลับใช้วิธีสกปรก
อย่างการวางยาพิษทําร้ายเสด็จพ่อเช่นนี

ดวงตาคูง่ ามของฉิ นยวีเยียนเอ่อคลอไปด้วยนําตา นางมาทีชิงเหยียนเป็ นเวลานานมากแล้วแต่อีเฉิ นก็ไม่ยอมแต่ง


กับนางเสี ยที อดีตจิงอ๋ องก็ไม่ชอบพอในตัวนาง อีกทังยังจับคู่ให้อเฉิ
ี นกับมู่หรงเสวียบ่อย ๆ นางรู ้สึกอดรนทนไม่
ไหวถึงได้คิดแผนการเช่นนี ออกมา
แต่แรกนันนางวางแผนไว้ว่าถ้าหากเย่อเฉิ
ี นแต่งนางเป็ นภรรยา นางก็จะมอบยาแก้พิษให้อดีตจิงอ๋ อง พอถึงตอน
นันเมืออดีตจิงอ๋ องฟื นแล้ว ก็จะแสดงว่านางทําการชงสี สําเร็ จ พระชายาเอกกับอีเฉิ นก็จะชอบในตัวนางมาก
ยิงขึน อดีตจิงอ๋ องทีเกลียดหรื อไม่ชอบพอนางอย่างไร ก็จะเห็นแก่บุญคุณทีนางช่วยเขาเอาไว้ แล้วไม่รังเกียจนาง
อีก

ถ้าหากเย่อีเฉิ นแต่งกับมู่หรงเสวียนางก็จะวางยาพิษอีกชนิ ดใส่ อดีตจิงอ๋ องให้เขานอนหลับแล้วตกตายไป เมือ


มองจากสายตาของคนภายนอกเขาก็จะเหมือนกับตายเพราะอาการเจ็บป่ วยนันหนักหนาจนเกินทีจะเยียวยา พอ
เป็ นเช่นนัน ก็จะหมายความว่ามู่หรงเสวียทําการชงสี ล้มเหลว มู่หรงเสวียก็จะกลายเป็ นตัวเคราะห์ร้าย ถูกผูค้ นต่อ
ว่าสาปส่ ง พระชายาเอกก็จะไม่ชอบนาง อีเฉิ นก็พลอยจะรังเกียจนาง ด้วยอารมณ์โกรธอาจจะไล่นางให้ไปอยูใ่ น
เรื อนทีทรุ ดโทรมผุพงั หรื อทีดินทีรกร้างห่ างไกล อาจจะขันหย่ากับนางเลยก็เป็ นไปได้

พอถึงตอนนัน นางก็จะแต่งให้อีเฉิ นได้อย่างราบรื นและสมเหตุสมผล ขึนเป็ นพระชายาเอกแห่ งจิงอ๋ องคนใหม่


ใช้ชีวิตกับเย่อเฉิ
ี นอย่างมีความสุ ข รักใคร่ ไม่ตอ้ งพลัดพรากแยกจากกัน

แต่อย่างไรนางก็คิดไม่ถึงว่ามู่หรงเสวียจะสามารถถอนพิษและทําให้อดีตจิงอ๋ องฟื นคืนสติได้สาํ เร็ จ แล้วส่ งผลให้


แผนการของนางล้มเหลวลง อีกทังยังทําให้นางพ่ายแพ้เสื อมเสี ยชือเสี ยงอีกเช่นนี ช่างเลวร้ายทีสุ ด !

นางเป็ นถึงองค์หญิงม่อเป่ ยทีสู งส่ ง อยากจะจัดการนางก็ไม่ได้ง่ายดายขนาดนันหรอก !


“ปิ นสี ทองเล่มนี เคยเป็ นของข้ามาก่อนก็จริ ง แต่เมือหนึงเดือนทีแล้วข้าได้มอบเป็ นของรางวัลให้กบั อิงอิงไปแล้ว
เมือครู่ เร่ งรี บออกมา เครื องประดับของข้าไม่ได้อยูใ่ กล้ ๆ ตัว อิงอิงก็เลยเอาปิ นสี ทองอันนีปั กให้ขา้ ......”

พอคําพูดนี หลุดออกมาจากปากของนาง รอบด้านก็เกิดเสี ยงฮือฮาขึนมา ความหมายของฉิ นยวีเยียนก็คือผงยาใน


ปิ นปั กผมสี ทองนี เป็ นนางกํานัลทีชืออิงอิงใส่ เอาไว้ นางไม่รู้เรื องด้วยแม้แต่นอ้ ย......

สายตาของฝูงชนต่างมองไปทีอิงอิง ก็เห็นร่ างบอบบางของนางสันไหว ใบหน้าซี ดขาวไร้สีเลือด แววตาเต็มไป


ด้วยความตืนตระหนกและคาดไม่ถึง นี องค์หญิงกําลังต้องการให้นางรับผิดแทนอย่างนันหรื อ ? แต่นางเป็ นนาง
กํานัลข้างกายขององค์หญิงทีใกล้ชิดสนิ ทสนมกับองค์หญิงมากทีสุ ดนะ !

นางเบิกตากว้างมองไปทีฉิ นยวีเยียน พอดีสบตาเข้ากับฉิ นยวีเยียนทีกําลังมองมาทีนางอยูพ่ อดี ในแววตานัน


แสดงถึงการขมขู่อย่างชัดเจน มองจนนางต้องหลังเหงือเย็นออกมา ในใจเต็มไปด้วยความทุกข์ตรม ฉิ นยวีเยียน
เป็ นองค์หญิงทีมีฐานะสู งส่ ง แต่นางเป็ นเพียงนางกํานัลทีตําต้อยผูห้ นึ ง ฉิ นยวีเยียนต้องการให้นางตาย นางก็ตอ้ ง
ตาย ต้องการให้นางเป็ นแพะรับบาป นางก็ตอ้ งเป็ นแพะรับบาป !

“พิษร้ายล้วนเป็ นข้าน้อยทีวางยาพิษ ไม่เกียวข้องกับองค์หญิง !”

เมือมองไปทีแววตาไร้ชีวิตของนาง มู่หรงเสวียก็ยกมุมปากขึนอย่างเย็นชา ให้นางกํานัลคนสนิทรับผิดแทน


เพือทีจะมอบความบริ สุทธิให้ตวั เอง ตอนนีฉิ นยวีเยียนดูเหมือนจะฉลาดปราดเปรื องก็จริ งแต่ก็ยงั คงพ่วงด้วย
ความโง่งมไปในเวลาเดียวกัน “ทําไมเจ้าถึงต้องวางยาพิษอดีตจิงอ๋ อง !”
“เพราะว่าอดีตจิงอ๋ องไม่ชอบองค์หญิง ข้าน้อยทนมองต่อไปไม่ได้อีก ก็เลยต้องการสังสอนอดีตจิงอ๋ อง” อิงอิง
กล่าวบรรดาสาวใช้ของอดีตจิงอ๋ องมองหน้ากันไปมา คิดขึนในใจ อิงอิงก็แค่ขา้ รับใช้ตวั เล็ก ๆ ทีตามเจ้านายมา
พํานักทีวังจิงอ๋ อง ถึงแม้ว่านางจะไม่พอใจเจ้านายของวังจิงอ๋ องเช่นไร อย่างมากก็คงทําได้เพียงนิ นทาว่าร้ายบ้างก็
เท่านัน

มีหรื อทีอยู่ ๆ นางจะกลายเป็ นคนต้นคิดวางยาพิษใส่ อดีตจิงอ๋ องอย่างโหดเหี ยมได้เช่นนี ? ไปหลอกใครทีไหนก็


ไม่มีทางเชือ แน่ นอนว่านางจะต้องถูกคนบงการ ส่ วนผูท้ ีบงการนางอยูเ่ บืองหลังนัน เหอะ เหอะ......

แววตาดูหมินเหยียดหยามของผูค้ นล้วนตกลงไปทีตัวของฉิ นยวีเยียนอีกครา แววตาแสดงถึงความดูหมินเหยียด


หยามอย่างเห็นได้ชดั จนมิตอ้ งกล่าวออกมาเป็ นคําพูด

มู่หรงเสวียมองไปทีเย่อเฉิ
ี น คนทีฉลาดหลักแหลมเท่านันทีจะสามารถคาดเดาถึงความจริ งออกแล้วคาดเดาได้
ว่าอิงอิงเป็ นเพียงแค่แพะรับบาป อาการเจ็บป่ วยของอดีตจิงอ๋ อง เย่อีเฉิ นมีอาํ นาจในการจัดการเรื องนีอย่างเต็มที
จะลงโทษผูใ้ ดล้วนขึนอยูก่ บั การตัดสิ นใจของเขา

“อิงอิงมีความผิดฐานวางยาพิษ คิดร้ายต่ออดีตจิงอ๋ อง ลากออกไปโบยให้ตายเสี ย !” เย่อีเฉิ นสังการเสี ยงเย็น

“พ่ะย่ะค่ะ!” ทหารสองนายก้าวออกมาด้านหน้า จับตัวของอิงอิงด้านซ้ายหนึ งคนด้านขวาหนึ งคนลากนาง


ออกไปจากเรื อนบัวหอม
หลังจากนันก็มีเสี ยงโบยหนัก ๆ ดังขึน รวมถึงเสี ยงกรี ดร้องอย่างเจ็บปวดทรมานของอิงอิงทีดังเข้ามาจากด้าน
นอก บรรดาเหล่าสาวใช้ต่างมองหน้ากันไปมา ร่ างกายสันไหวไม่กล้าทีจะส่ งเสี ยงดัง เจ้านายตัดสิ นใจเช่นนี
แน่นอนว่าต้องมีเหตุผล พวกนางก็ไม่ควรทีจะไปวิพากษ์วิจารณ์ให้มากความ

มู่หรงเสวียยกยิมเย็นขึน อดีตจิงอ๋ องถูกวางยาพิษควรทีจะลากตัวคนผิดทีแท้จริ งออกมาถึงจะเป็ นการแก้แค้นให้


อดีตจิงอ๋ อง แต่เย่อีเฉิ นกลับไม่เค้นเอาความจริ ง แต่กลับอาศัยข้อมูลเท็จลงโทษอิงอิงเพือทีจะปกป้ องฉิ นยวีเยียน
เขานันคงชอบฉิ นยวีเยียนมากสิ นะ !

แต่ว่าอดีตจิงอ๋ องเป็ นถึงพ่อแท้ ๆ ของเย่อเฉิ


ี น แต่ฉินยวีเยียนกลับกล้าทีจะวางยาพิษเขา แน่นอนว่าเย่อเฉิ
ี นต้อง
โกรธมาก เท่านี ก็คงจะเกิดช่องว่างระหว่างคนทังสอง ถึงแม้เย่อีเฉิ นจะชอบพอนางอย่างไร ก็คงจะไม่มีทาง
ปฏิบตั ิต่อนางดีเช่นครังก่อน ๆ อีกต่อไป

คนรับใช้ของวังจิงอ๋ องทีล้วนรู ้ถึงข้อเท็จจริ งทังหมด ก็จะดูหมินฉิ นยวีเยียนทีนางผลักความรับผิดชอบ และเมือ


นางนันไม่ได้รับการลงโทษใด ๆ เลย ก็จะยิงทําให้ผคู ้ นรังเกียจนางเข้าไปอีก ถึงแม้วา่ นางจะเป็ นถึงองค์หญิง
ม่อเป่ ย แต่ต่อไปนีก็อย่าหวังว่าจะได้ใช้ชีวิตอย่างสุ ขสบายในวังจิงอ๋ องอีก

ฉิ นยวีเยียนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แววตาของนางวูบไหวไปด้วยความปี ติยนิ ดี นางรู ้อยูแ่ ล้วว่าอีเฉิ น


จะต้องเอนเอียงมาทางนาง ถึงแม้ว่านางจะทําผิดจริ ง แต่เขาก็ไม่สามารถฝื นใจลงโทษนางได้ลง !

มุมปากของนางยกยิมขึนอย่างงดงาม นางมองไปทางเย่อีเฉิ นด้วยความรู ้สึกรักใคร่ ทีเต็มเปี ยม แต่กลับมองเห็น


เขาทีกําลังมองมาทีนางด้วยแววตาทีหนาวเหน็บเยือกเย็น จนเสี ยดแทงเข้าสู่ หวั ใจ หนาวเหน็บเสี ยจนนางต้อง
หลังเหงือเย็น ๆ ออกมา
เขาเป็ นอะไรไป ?

นางมองไปทีเย่อีเฉิ นด้วยความตกตะลึง ก็เห็นเพียงเขาหมุนกายออกไป ก้าวยาว ๆ ออกไปด้านหน้าไม่แม้แต่หัน


กลับมามองนางอีก ทุก ๆ ย่างก้าวกระแทกลงกับพืนจนเกิดเสี ยงดังสนัน คล้ายกับว่าความสุ ขทีหอมหวานกําลัง
ห่ างไกลออกจากนางไปทีละก้าว ทีละก้าว......

อีเฉิ นรังเกียจนางแล้ว ? นางเกือบจะทําให้พ่อของเขาถูกพิษจนตกตาย เขาจะรังเกียจนางนันก็เป็ นเรื องทีสมควร


แล้ว แต่นางเพียงแค่ตอ้ งการวางอุบายจัดการมู่หรงเสวีย ไม่ได้ตงใจที
ั จะทําร้ายพ่อของเขาจริ ง ๆ......

ฉิ นยวีเยียนรู ้สึกไม่ได้รับความเป็ นธรรม ดวงตาของนางคลอไปด้วยนําตาวูบไหว เพียงพริ บตานําตาก็ค่อย ๆ


ไหลริ นอาบลงไปตามใบหน้า อีเฉิ นเข้าใจนางผิดแล้ว นางจะต้องอธิบายกับเขาให้ชดั เจน !

ํ ยงเย็นสายหนึ งชิงแทรกดังขึนเสี ยก่อน “จิงอ๋ องรอสักครู่ !”


ฟันขบเข้าหากันเตรี ยมทีจะร้องเรี ยกอีเฉิ น แต่นาเสี

เย่อีเฉิ นหยุดเท้าลงหันกายกลับมาเห็นมู่หรงเสวียทีค่อย ๆ เดินเข้ามาหา ดวงตาสี ดาํ ขลับเปล่งประกายอย่างเย็นชา


ใบหน้าของนางนันงดงามหยดย้อย ชุดสี เขียวอ่อนพลิวไหวน้อย ๆ ไปตามสายลมทีพัดผ่าน ช่างดูสูงส่ งสง่างาม
งดงามสู งค่าหาใดเปรี ยบ

ทันใดนันจิตใจของเย่อีเฉิ นเหมือนตกอยูใ่ นมนต์สะกด กล่าวขึนด้วยเสี ยงอันอ่อนโยน “มีอะไรหรื อ ?”


มู่หรงเสวียเพียงยิมน้อย ๆ “จิงอ๋ อง อดีตจิงอ๋ องก็ฟืนคืนสติตามทีเดิมพันกันไว้แล้ว พวกเราสมควรสามารถยกเลิก
การหมันหมายได้แล้ว”
ตอนที 133 ถอนหมัน
เดิมพัน ? ยกเลิกการหมัน ? นีมันเกิดอะไรขึนกันแน่ ? อดีตจิงอ๋ องทีเพิงจะเดินมาถึงทางเข้าของเรื อนบัวหอมได้
เมือครู่ กพ็ ลันหยุดเท้าลง แล้วเลิกคิวมองไปทางเย่อีเฉิ น ก็เห็นคิวคมเข้มของเขากําลังขมวดเข้าหากัน สี หน้ามีแวว
เคร่ งขรึ ม

ตอนนันทีหมอหลวงซุนวินิจฉัยว่าหัวใจของท่านพ่อได้รับการกระทบกระเทือนอย่างสาหัส ไร้หนทางรักษา
เหลือเวลาเพียงไม่มาก เขาจึงคิดว่ามู่หรงเสวียทีเป็ นเหมือนดังนกน้อยในกรงทอง คงไม่มีทางทีจะช่วยเหลือท่าน
พ่อได้ ถึงได้ยอมรับปากตกลงเดิมพันกับนาง อีกทังยังคาดไม่ถึงว่าท่านพ่อจะถูกวางยาพิษ ยิงไปกว่านันความรู ้
ทางการแพทย์ของมู่หรงเสวียนันก็สูงลําไม่ธรรมดา จนในทีสุ ดก็สามารถถอนพิษออกไปได้ส่วนหนึง แล้วทําให้
เท่านพ่อฟื นคืนสติกลับขึนมาได้......

“จิงอ๋ อง ทําไมท่านถึงไม่กล่าววาจา คงมิใช่ว่าอยากจะทําลายสัญญาการเดิมพันหรอกนะ ?” มู่หรงเสวียมองไปที


เขาด้วยสี หน้าคล้ายยิมคล้ายไม่ยมิ

“แน่นอนว่าไม่ใช่ !” เย่อีเฉิ นปฏิเสธอย่างเย็นชา แววตาของเขาเปล่งประกายมืดมิด

แน่นอนว่าเขานันอยากยกเลิกการเดิมพันมาก แต่ว่าตอนทีเดิมพันกับมู่หรงเสวียนัน คุณชายโอวหยางกับตงฟาง


หลีกอ็ ยูต่ รงนันด้วย ล้วนได้ยนิ การเดิมพันของพวกเขาอย่างชัดเจน

คุณชายโอวหยางเป็ นคุณชายเซี ยวเหยาอ๋ องทีฉลาดหลักแหลมปราดเปรื อง อีกทังยังมีชือเสี ยงเลืองลือไปทัว


แผ่นดิน ส่ วนตงฟางหลีเป็ นองค์ชายเจ็ดของแคว้นซี เหลียง ฐานะสู งส่ งไม่ธรรมดา มีอาํ นาจมากมาย เพียงแค่สอง
คนนีเป็ นพยานให้มู่หรงเสวีย ผูค้ นก็จะล้วนเชือถือในคําพูดของมู่หรงเสวียแน่ ถ้าหากเขาไม่ยอมรับว่ามีการเดิม
พันเกิดขึนจริ ง ก็จะเป็ นการนําพาความรู ้สึกดูหมินเหยียดหยามจากคนทังแผ่นดินมาสู่ ตวั เขาเอง

“ถ้าเช่นนันทําไมเจ้านิงเงียบอยูเ่ สี ยนาน ไม่กล่าววาจาเล่า ?” มู่หรงเสวียเลิกคิวมองไปทีเขา

“การหมันหมายของพวกเราทังสองล้วนเป็ นผูห้ ลักผูใ้ หญ่ทีกําหนดขึน ก็สมควรทีจะให้ผใู ้ หญ่เป็ นคนดําเนิ นการ


ถอนหมัน ถ้าหากถอนหมันกันตรงนีจะเป็ นการไม่ให้เกียรติเจ้าเท่าไรนัก !” เย่อีเฉิ นกล่าวเสี ยงตํา แววตาวูบไหว
ไปด้วยความรู ้สึกทีผูค้ นไม่อาจคาดเดาได้

“ก็แค่การถอนหมันเท่านัน กระทําอย่างง่าย ๆ ก็ได้แล้ว ไม่เห็นจําเป็ นจะต้องไปสนใจเรื องราวเล็กน้อยเหล่านัน


เลย” มู่หรงเสวียกล่าวขึนอย่างช้า ๆ หยิบเอาป้ ายหยกสี เขียวอันหนึงออกมา “นีเป็ นของหมันแทนตัวทีอดีตจิง
อ๋ องมอบให้ท่านพ่อของข้า ข้าพกมันมาด้วยแล้ว ส่ วนของหมันและของขวัญชินอืน ๆ ทีวังจิงอ๋ องส่ งมาให้ก็
น่าจะขนมาถึงด้านหน้าวังจิงอ๋ องแล้ว เจ้านําเอาของหมันแทนตัวทีท่านพ่อของข้ามอบให้เจ้าออกมาเถอะ หลัก
จากทีทําการแลกเปลียนกันแล้วพวกเราก็จะได้ถอนหมันกันอย่างเป็ นทางการเสี ยที !”

หลักการทีว่าอาจเกิดเรื อราวแทรกซ้อนได้ถา้ หากปล่อยให้เรื องราวยืดเยือออกไปนันนางล้วนเข้าใจดี ทีเย่อีเฉิ น


เสนอให้ญาติผใู ้ หญ่มาทําการถอนหมันนันก็คงอยากทีจะยืดเวลาออกไปไม่ผิดแน่ ทําให้วนั เวลาการถอนหมัน
เลือนออกไปวันแล้ววันเล่าอย่างไม่มีกาํ หนด นางไม่มีทางทําให้เขาสมหวังแน่ จะต้องทําการถอนหมันให้เสร็ จ
สมบูรณ์ภายในวันนี และตอนนีให้เสร็ จสิ นลงเท่านัน นางถึงจะวางใจ
หยกสี เขียวดูมีราคาลําค่า ด้านบนแกะสลักด้วยลวดลายทีประณี ตงดงาม เมือกระทบกับสายตาของเย่อเฉิ
ี น แวว
ตาของเขาก็วบู ไหว กล่าวเสี ยงตํา “ของหมันหมายและหนังสื อหมันทีโหวเหย่ (คําเรี ยกผูท้ ีมีตาํ แหน่ งโหว) มอบ
ให้ ข้าหาไม่เจอแล้ว......”

ดวงตาของมู่หรงเสวียฉายแววเย็นยะเยือก “เจ้าทําของหมันหมายและหนังสื อหมันสู ญหายอย่างนันหรื อ ?”

“มิใช่” เย่อีเฉิ นส่ ายหน้า “เป็ นเพราะข้ามีงานรัดตัวยุง่ วุ่นวายมาโดยตลอด จึงลืมไปว่าเก็บของหมันหมายและ


หนังสื อหมันไว้ทีใด”

มู่หรงเสวียยกยิมเย็น ของหมันแทนตัวและหนังสื อหมันก็เปรี ยบเหมือนตัวแทนการหมันหมายของทังสอง


ตระกูล ก่อนทีจะแต่งงานกันโดยทัวไปแล้วจะถูกเก็บรักษาเอาไว้อย่างดี เป็ นการแสดงว่าเต็มใจและให้
ความสําคัญกับการแต่งงานครังนี มาก แต่เย่อเฉิ
ี นกลับเอาของหมันแทนตัวและหนังสื อหมันโยนไปไว้ทีมุมไหน
ก็ไม่รู้ ดูท่าสําหรับเขาแล้วล้วนไม่ใส่ ใจในการหมันหมายของนางและเขานัก และสามารถพูดตรง ๆ ได้ว่าเขานัน
ไม่ได้สนใจใยดีในตัวนางเลยแม้แต่นอ้ ย

และก็แน่ นอนว่าของหมันแทนตัวชินนันก็คงไม่ได้หายไปไหน แต่ทีเย่อีเฉิ นพูดเช่นนัน ก็เพราะไม่อยากถอน


หมัน......

ไม่เป็ นไร ล้วนไม่เป็ นไร ไม่ว่าเย่อีเฉิ นจะทําของหมันแทนตัวหายไปจริ งหรื อว่าจะแกล้งบอกว่ามันหายไป นาง


ล้วนไม่ใส่ ใจ ตอนนี นางต้องการเพียงแค่อย่างเดียวนันก็คือการถอนหมันกับเย่อเฉิ
ี น!
“ข้าจะเร่ งรี บให้คนไปค้นหา พอหาของหมันแทนตัวพบพวกเราก็จะถอนหมันกัน......”

ํ นสัญญาอย่างจริ งใจของเย่อีเฉิ นดังเข้าหู มู่หรงเสวียสบถออกมาอย่างดูหมิน ในวังจิงอ๋ องที


นําเสี ยงให้คามั
กว้างขวางเช่นนี การหาของหมันแทนตัวทีมีขนาดเล็กเท่าฝ่ ามือชินหนึ ง ไม่ใช่เรื องทีง่ายดายนัก แล้วถ้าให้พวก
บรรดาสาวใช้บ่าวไพร่ หา พวกเขาก็ตอ้ งยืดยาดถ่วงเวลาแน่ หรื อว่าบางทีของหมันหมายแทนตัวชินนันและ
หนังสื อหมันอาจจะหาไม่เจอมาหลายสิ บปี แล้วก็ได้ ซึ งนางก็ไม่อยากจะให้มนั ยืดเยือออกไปอีกหลายปี รอจน
คนแก่ชราแล้วก็ยงั ไม่ได้ถอนหมันกับเย่อเฉิ
ี น

“ก็แค่ของหมันแทนตัวกับหนังสื อหมันเท่านัน ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อการถอนหมันของพวกเรานัก” มู่หรงเสวียยก


ยิมสดใสกล่าวขึน หนังสื อหมันและของหมันแทนตัวทีอยูใ่ นมือของนางถูกยัดเยียดเข้าไปทีมือของเย่อีเฉิ น
รวดเร็ วเสี ยจนเขาปฏิเสธไม่ทนั

“ของหมันแทนตัวของวังจิงอ๋ องก็กลับคืนสู่ เจ้าของเดิมแล้ว จิงอ๋ องก็แค่เขียนตัวอักษรเป็ นหลักฐานรับรองว่า


พวกเราได้ยกเลิกการหมันหมายกันอย่างสมบูรณ์ เท่านี ก็เพียงพอแล้ว ส่ วนของหมันแทนตัวและหนังสื อหมัน
ของจวนโหว คนของวังจิงอ๋ องค่อย ๆ หาต่อไปอย่างช้า ๆ ได้ ถ้าหากหาเจอแลวก็ส่งคืนให้จวนเจินกัวโหว แต่ถา้
หาไม่เจอก็ไม่เป็ นไร” จวนเจินกัวโหวไม่ได้ขาดเหลือกับแค่ของหมันแทนตัวแค่ชินเดียว

ป้ ายหยกผิวเรี ยบลืนมือ ดูวิจิตรประณี ต ทังยังให้ความอุ่นบางเบาเมือได้สัมผัส ช่วยให้จิตใจของผูค้ นรู ้สึกสงบ


ํ าประจําวังจิงอ๋ อง มันทีแยกจากไปสิ บปี ได้กลับคืนมาสู่ ในมืออีกครัง แต่เย่อีเฉิ นกลับ
ของชินนี ถือเป็ นสมบัติลาค่
ไร้ซึงความยินดีใด ๆ เพราะว่าการกลับมาของมันไม่ได้แสดงว่ามู่หรงเสวียตบแต่งให้เขา แต่เป็ นการขีดเส้นแบ่ง
ตัดขาดความสัมพันธ์กบั เขา......
“จิงอ๋ อง เชิญเขียนหนังสื อไว้เป็ นหลักฐานเถอะ” มู่หรงเสวียกล่าวเร่ งขึนด้วยรอยยิมสดใส

สวินเฟิ ง อู๋เหิ นปรากฏขึนจากอากาศธาตุ ยกโต๊ะเล็กตัวหนึ งเดินไปทีด้านหน้าของเย่อีเฉิ น ด้านบนโต๊ะวางเรี ยง


ไว้ดว้ ยอุปกรณ์เครื องเขียนครบครัน !

สี หน้าของเย่อีเฉิ นเขียวคลํา นางถึงกับอดรนทนไม่ไหวทีจะยกเลิกการหมันหมายกับเขาเช่นนี เขาก็จะทําให้นาง


สมปรารถนา !

เย่อีเฉิ นหยิบพู่กนั ขึนมา จรดตัวอักษรลงบนกระดาษขาวด้วยความรวดเร็ ว ผ่านไปเพียงครู่ เดียวเนื อหาการถอน


หมันก็เขียนเสร็ จสิ น หลังจากนันก็ลงชือแล้วก็ประทับตรา ทังหมดเสร็ จสิ นลงในชัวเวลาอึดใจเดียวอย่างไร้ความ
ลังเล

มู่หรงเสวียเดินออกไปด้านหน้าหยิบกระดาษแผ่นนันขึนมา อ่านเนือหาด้านบนอย่างละเอียดรอบคอบแล้วจึง
พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ขอบพระทัยจิงอ๋ อง จากวันนี เป็ นต้นไป การหมันหมายของพวกเราก็ถูกยกเลิกแล้ว
อย่างเป็ นทางการ ไม่ว่าจะแต่งให้ใครในภายภาคหน้าล้วนไม่มีอนั ใดเกียวข้องกันอีก !”

เมือหยิบเอาแผ่นกระดาษขึนมาได้ไม่นานก็ประกาศยกเลิกการหมันหมาย นางคงอดรนทนไม่ไหวทีจะตัดคาด
ความสัมพันธ์กบั เขามากสิ นะ !

สี หน้าของเย่อีเฉิ นดุดนั จนน่ากลัว ในแววตาลําลึกวูบไหวไปด้วยความหนาวเหน็บเย็นยะเยือก


มู่หรงเสวียทีเห็นดังนันก็ไม่สนใจ นางเพียงแต่มว้ นเก็บหนังสื อถอนหมันใส่ ลงในถุงผ้าอย่างระมัดระวัง มุมปาก
ยกยิมขึนน้อย ๆ ในทีสุ ดก็ได้ถอนหมันกับเย่อีเฉิ นเสี ยที ตัดขาดความยุง่ เกียวกัน ไม่ตอ้ งถูกบีบคันบังคับให้
ร่ วมมือและไม่ตอ้ งถูกรบกวนอีก ช่างเป็ นเรื องทีน่ ายินดียงนั
ิ ก นางจะต้องฉลองครังใหญ่เสี ยหน่ อยแล้ว......

มู่หรงเสวียยกยิมคิดขึนตาหยี แต่อยู่ ๆ ก็รู้สึกเจ็บขึนมาตรงบริ เวณหน้าอก คล้ายกับมีเข็มเงินแหลมเล็กมากมาย


กําลังพุ่งแทงเข้าสู่ หวั ใจ เจ็บปวดจนนางต้องขมวดคิวแน่น เม็ดเหงือไหลซึ มออกมาเต็มหน้าผาก......

“เสวียเอ๋ อร์ !” คุณชายโอวหยางเป็ นคนพบเห็นความผิดปกติของนางเป็ นคนแรก เขาจึงยืนมือยาวออกไปดึงตัว


นางเข้ามาโอบไว้ในอ้อมแขน ปลายนิวสัมผัสได้ถึงความเย็นเยียบทีไร้ซึงความอบอุ่น แววตาของเขาเย็นยะเยือก
กล่าวขึนเสี ยงกดตํา “พิษเยือกแข็งของเจ้ากําเริ บหรื อ”

“ใช่ !” มู่หรงเสวียพยักหน้าอย่างยากลําบาก เจ้าของร่ างเดิมติดพิษเยือกแข็งมานานสิ บปี อยู่ ๆ จะกําเริ บก็กาํ เริ บ


ขึน ไม่สามารถทีจะคาดการณ์ล่วงหน้าได้ ทังยังไร้แบบแผนกฎเกณฑ์......

“เด็ก ๆ พวกเจ้ารี บไปเอาบัวอัคคีมา” อดีตจิงอ๋ องสังการขึนอย่างร้อนรน เขารู ้วา่ มู่หรงเสวียติดพิษเยือกแข็ง อีกทัง


ยังเคยเห็นนางมีอาการพิษกําเริ บ จากท่าทางทรมานของนางตอนนี นันแน่นอนว่าพิษเยือกแข็งกําลังกําเริ บแล้ว
......
มู่หรงเสวียพยายามยกมุมปากยิมขึนบาง ๆ “ขอบพระทัยในความหวังดีของอดีตจิงอ๋ อง ทีจวนเจินกัวโหวมีตน้ ตี
หยางมากมาย คงไม่จาํ เป็ นต้องสิ นเปลืองบัวอัคคีของท่านอ๋ องแล้ว !” นางกับวังจิงอ๋ องไร้ซึงความเกียวข้องต่อ
กันแล้ว การไปเอาของของวังจิงอ๋ องมาง่าย ๆ นางนันไม่อยากได้และรังเกียจทีจะได้รับ

จากนันก็เงยหน้ามองคุณชายโอวหยาง พลางกล่าวขึนอย่างอ่อนแรง “พวกเราไปกันเถอะ”

“ตกลง !” คุณชายโอวหยางพยักหน้าอุม้ นางขึนมา ร่ างกายสู งโปร่ งวูบไหวเหมือนดังก้อนเมฆสี ขาวก้อนหนึง


ล่องลอยขึนไปบนท้องฟ้ าของวังจิงอ๋ อง เพียงพริ บตาก็หายลับไปจากสายตาของผูค้ น......
ตอนที 134 ขอท่ านโปรดอภัย
เมือมองไปทีคุณชายโอวหยางและมู่หรงเสวียทีลอยไกลออกไป สี หน้าของอดีตจิงอ๋ องก็ดุดนั จนดูน่ากลัว พิษ
เยือกแข็งเป็ นพิษธาตุหยินสุ ดขัว มีเพียงบัวอัคคีทีเป็ นตัวยาธาตุหยางสุ ดขัวเท่านันถึงจะเป็ นตัวยาทีสะกดข่มมัน
ได้ ต้นตีหยางเป็ นเพียงตัวยาธาตุหยางไม่สามารถทีจะสะกดข่มพิษเยือกแข็งได้ทงหมด
ั กินมันเข้าไปก็แค่เพียงทํา
ให้พน้ ทางตายได้เพียงเท่านัน แต่จะยังหลงเหลือความเจ็บปวดทีทําให้รู้สึกราวดกับทรมานทังเป็ น

ไม่มีใครทีจะยอมละทิงตัวยาทีดีกว่าแล้วหันกลับไปใช้ตวั ยาทีมีสรรพคุณตํากว่า เพือให้ตวั เองได้รับความทรมาน


การทีมู่หรงเสวียทําเช่นนี นันก็ชดั เจนแล้วว่าจวนเจินกัวโหวนันไม่มีตวั ยาบัวอัคคีหลงเหลืออยูอ่ ีก เพราะฉะนัน
นางจึงได้แต่ตอ้ งใช้ตน้ ตีหยางแทน

แต่เขาก็ยงั จําได้อย่างชัดเจนว่า ปี นันมู่หรงเยว่ได้เก็บรวบรวมบัวอัคคีเอาไว้ไม่นอ้ ย ถึงแม้ว่าพิษเยือกแข็งของมู่


หรงเสวียจะกําเริ บถีเพียงใดก็สมควรจะมีให้นางใช้ไปได้ถึงสิ บปี

ทังปี ก่อนเขาก็เริ มต้นกําชับให้เย่อีเฉิ นมอบบัวอัคคีให้มู่หรงเสวียมาก ๆ แต่เหตุใดจวนเจินกัวโหวกลับไม่มีบวั


อัคคีได้ ?

อดีตจิงอ๋ องค่อย ๆ ปรายตามองไปทีเย่อีเฉิ น แล้วตวาดขึนเสี ยงดัง “ทีผ่านมาเจ้าทําอะไรลงไปบ้าง ?”

ถึงแม้วา่ เขาจะพบเจอกับมู่หรงเสวียไม่มากนัก แต่ก็สามารถรู ้สึกได้วา่ นางเป็ นเด็กสาวทีอ่อนโยนจิตใจดี ถ้าหาก


ไม่ได้ทาํ อะไรให้นางรู ้สึกยากเกินจะรับได้ นางไม่มีทางยอมทีจะละจากบัวอัคคีไปใช้ตน้ ตีหยางแน่ นอน !
สี หน้าของเย่อีเฉิ นขรึ มขึน ไม่กล่าววาจาใด

“เหตุใดเจ้าไม่กล่าววาจา ? ทีแท้เจ้าทําเรื องเลวร้ายต่อผูอ้ ืนไปมากน้อยเท่าไรกันแน่ ?” อดีตจิงอ๋ องตวาดขึนเสี ยง


ดัง แววตาของเขาลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ

เย่อีเฉิ นก้มหน้าตําลง ไม่กล่าววาจา

พระชายาเอกทนดูต่อไปอีกไม่ได้ นางจึงขมวดคิวกล่าวขึน “มู่หรงเสวียหยิงยโสไม่ตอ้ งการบัวอัคคีของพวกเรา


แล้วมันไปเกียวอะไรกับอีเฉิ น......”

“เจ้าหุบปาก เพราะเจ้าถึงได้ทาํ ให้เขาเสี ยคน จนกลายเป็ นคนทีเอาแต่ใช้ความรู ้สึกนึ กคิดของตัวเองไประรานคน


อืนและทําตัวตามอําเภอใจไปทัวเมืองหลวง แถมยังไม่สนใจความเป็ นตายของผูค้ นเช่นนี !” อดีตจิงอ๋ องตวาดขึน
เสี ยงดังตัดบทคําพูดของนาง นําเสี ยงแฝงไปด้วยความหนาวเหน็บเย็นยะเยือก

“บัวอัคคีมีเฉพาะในเขตแดนทีอยูใ่ นปกครองของวังจิงอ๋ อง แต่ละขวดทีอยูใ่ นคลังของวังจิงอ๋ องมากเสี ยจนกอง


เป็ นภูเขาลูกย่อม ๆ ได้ มู่หรงเสวียทีมีฐานะเป็ นว่าทีภรรยาของจิงอ๋ อง แต่พอพิษกําเริ บกลับใช้ตน้ ตีหยางแทน
พวกเจ้าไม่คิดว่ามันน่าขันหรอกหรื อ ?”
“มู่หรงเสวียก็ไม่ได้เป็ นว่าทีภรรยาของอีเฉิ นแล้ว นางพิษกําเริ บจะใช้ตวั ยาอะไร แล้วเกียวข้องอันใดกับพวกเรา
เล่า ?” พระชายาเอกยืนปากออกมา กล่าวด้วยนําเสี ยงกระซิ บกระซาบ

“แต่ก่อนหน้านี นางเกียว !” สี หน้าของอดีตจิงอ๋ องดุดนั “ถ้าอีเฉิ นยังมีความเป็ นห่ วงเป็ นใยนางอยูบ่ า้ ง วันทีนาง
ถอนหมันไปแล้วจะไม่มีบวั อัคคีใช้ได้อย่างไร ?”

“แต่เป็ นมู่หรงเสวียทีขอถอนหมัน !” พระชายาเอกย่นคิวด้วยความไม่พอใจ มู่หรงเสวียไม่รู้จกั ดีชวั ไม่มีบวั อัคคี


ก็เป็ นเรื องทีสมควรแล้ว

“ถ้าหากลูกชายของเจ้าไม่ได้ลดขันนางจากภรรยาเป็ นอนุ ไม่ทาํ ให้นางถูกคนหัวเราะเยาะดูถูก แล้วนางจะถอน


หมันไหม ?” อดีตจิงอ๋ องถามกลับเสี ยงดัง แววตาลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ “ทัง ๆ ทีนางกําลังจะได้แต่งเป็ นชายา
เอก แต่เพราะว่าคําพูดของเย่อีเฉิ นคําเดียว ก็ตอ้ งตกเป็ นรองคนอืนขันหนึ งอย่างชายารอง ลูกทีจะเกิดขึนมาใน
อนาคตก็จะเป็ นบุตรชายบุตรสาวสายรองทีมีฐานะตําต้อย หากเปลียนเป็ นเจ้า เจ้าจะเต็มใจหรื อไม่เล่า ?”

แววตาของพระชายาเอกวูบไหวขึนอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ ถ้ามีคนกล้าทํากับนางเช่นนี แน่นอนว่านางจะต้อง


ถอนหมัน แต่วา่ “อีเฉิ นก็ยอมถอนหมันตามทีนางต้องการแล้ว มู่หรงเสวียกับวังจิงอ๋ องของพวกเราก็ไม่มีอนั ใด
เกียวข้องกันอีก แล้วเหตุใดเจ้าจะต้องทําเพือคนอืนทีไม่ได้มีความเกียวข้องกันแล้วมาต่อว่าลูกชายของตนด้วย ?”

“เขาทีทําความผิดนันไม่สมควรทีจะถูกต่อว่าหรอกหรื อ ? ถ้าไม่ให้เขาจดจําเอาไว้ให้ขึนใจเขาก็จะทําความผิด
เดิมซําสองอีก !” อดีตจิงอ๋ องกล่าวขึนอย่างดุดนั ถอนหายใจหนัก ๆ ในใจ การหมันหมายทีดีงามเช่นนี กลับถูก
เขาทําลายจนย่อยยับไม่มีชินดี !
จริ ง ๆ แล้วเขาแล้วไม่เห็นด้วยทีจะให้ม่หู รงเสวียถอนหมันกับอีเฉิ น แต่อีเฉิ นกลับทําการเดิมพันกับมู่หรงเสวีย
ไปแล้ว ทังยังเดิมพันให้คุณชายโอวหยางกับตงฟางหลีได้ยนิ อีก ถ้าเขายังยึดมันไม่ยอมยกเลิกการหมันหมาย อี
เฉิ นก็จะได้ชือว่าเป็ นคนทีไม่น่าเชือถือ ชือเสี ยงของเขาและวังจิงอ๋ องก็จะถูกทําลายลงอย่างย่อยยับ......

เจ้านายเฒ่ากําลังสังสอนเจ้านายน้อย เป็ นเพียงคนรับใช้ก็ไม่สมควรอยูด่ ูชม เหล่าบรรดาสาวใช้ บ่าวไพร่ และพวก


ทหารทีฉลาดหลักแหลมของวังจิงอ๋ องค่อย ๆ จากไปอย่างเงียบ ๆ ทีละคนสองคน เรื อนบัวหอมทีโอ่อ่า เหลือ
เพียงอดีตจิงอ๋ อง พระชายาเอก เย่อเฉิ
ี น และฉิ นยวีเยียนสี คน

เมือมองไปทีอดีตจิงอ๋ องทีกําลังตวาดต่อว่าเย่อีเฉิ น สี หน้าของฉิ นยวีเยียนก็ซีดขาวไร้สีเลือด อดีตจิงอ๋ องอาศัย


คําพูดของมู่หรงเสวียแค่คาํ เดียวก็สามารถคาดเดาเรื องราวต่าง ๆ ได้มากมาย ช่างเป็ นคนทีร้ายกาจจนน่ า
หวาดกลัวยิงนัก

ความจริ งเกียวกับการทีเขาโดนพิษรวมถึงคนทีวางยาพิษใส่ เขา แน่ นอนว่าเขาจะต้องเดาออกได้ เรื องทีนางโยน


ความผิดให้อิงอิงเป็ นแพะรับบาปก็จะยิงทําให้เขาเกลียดนางเข้าไปอีก เขายิงต้องไม่คดิ อยากให้นางแต่งกับเย่อี
เฉิ น......

เย่อีเฉิ นเป็ นของนาง ฐานะพระชายาเอกแห่ งจิงอ๋ องก็ตอ้ งเป็ นของนาง !

ฉิ นยวีเยียนแววตาสันไหวคลานลงจากรถเข็น ทันใดนันเสี ยง ‘ตุบ !’ เสี ยงหนึงดังขึน นางคุกเข่าไปทีด้านหน้า


ของอดีตจิงอ๋ อง “อดีตจิงอ๋ อง ข้าขอโทษ พิษทีท่านได้รับไม่ใช่อิงอิงทีเป็ นคนต้นคิดแต่เป็ นข้าทีสังให้นางทํา !”
อดีตจิงอ๋ องปรายตามองนาง ไม่กล่าววาจาทําราวกับว่าไม่ได้ยนิ คําพูดของนาง

มีเพียงพระชายาเอกทีเบิกตากว้างขึนด้วยความตกตะลึง “ทําไมเจ้าถึงทําเช่นนี ?”

“เพราะข้าอยากแต่งกับอีเฉิ น อดีตจิงอ๋ องไม่ชอบข้า ทังในใจยังมีลูกสะใภ้ทีเลือกเอาไว้อยูแ่ ล้ว ข้าเลยคิดถึงวิธีการ


ชงสี !” ฉิ นยวีเยียนกล่าวเสี ยงตํา ในดวงตางดงามเปล่งประกายสันไหว

ทันใดนันสี หน้าของพระชายาเอกก็มืดครึ มลง แล้วกล่าวขึนเสี ยงดัง “เจ้ารู ้รึไม่ว่าทําเช่นนีอาจจะทําให้สามีของข้า


ตายได้ ?”

“ไม่ ไม่ ไม่......ยาพิษชนิ ดนันมียาแก้พิษ ไม่ว่าพระชายาเอกกับเย่อเฉิ


ี นจะให้หรื อไม่ให้ขา้ ทําการชงสี ข้าก็ลว้ นคิด
ทีจะมอบยาแก้พิษให้อดีตจิงอ๋ องอยูแ่ ล้ว ไม่มีทางให้เขามีอนั ตรายถึงชีวิต......” ฉิ นยวีเยียนเร่ งรี บกล่าวอธิบาย แต่
ในใจกลับคิดอีกอย่าง

อดีตจิงอ๋ องมีความเมตตานิสัยดี ใจกว้างต่อผูค้ น เขาชอบทีสุ ดคือคนทีกล้าทํากล้ารับ เขาทีสามารถคาดเดาถึง


ความจริ งได้หมดแล้ว นางจะต้องกล้ายอมรับอย่างตรงไปตรงมาเท่านันถึงจะสามารถพลิกสถานการณ์ให้ดีขึนได้

แน่นอนว่าความตรงไปตรงมาของนาง ก็ไม่ได้หมายความว่านางจะกล่าวความจริ งออกไปทังหมด แต่เป็ นการ


ปรับเปลียนมันเล็ก ๆ น้อย ๆ ทําให้เรื องราวเหล่านันส่ งผลดีต่อนาง
“จริ งหรื อ ?” อดีตจิงอ๋ องมองไปทีนางอย่างเย็นยะเยือก “ข้ากลับนึ กว่าถ้าหากเสวียเอ๋ อร์ ทาํ การชงสี แล้ว เจ้าก็จะ
ใช้ยาพิษร้ายแรงอีกขวดทีอยูใ่ นกล่องนันมาใช้กบั ข้าเสี ยอีก......”

“ไม่ ไม่ ไม่......ข้าไม่มีทางมีความคิดเช่นนัน......” ฉิ นยวีเยียนส่ ายหน้าขึนอย่างกระวนกระวาย แววตาวูบไหวไป


ด้วยความตืนตระหนกทียากจะค้นพบ อดีตจิงอ๋ องช่างเป็ นคนทีร้ายกาจผูห้ นึ ง คาดเดาแผนการในใจของนาง
ออกมาได้อย่างชัดเจนแม่นยํา ไม่มีตกหล่นแม้แต่นอ้ ย......

ความเจ็บแปลบจากขาแล่นขึนมา ฉิ นยวีเยียนเจ็บจนต้องสู ดลมหายใจ ก้มหน้าลงมองไปทีพืนทีทังแข็งทังเย็น


ขมวดคิวแน่ นเข้าหากัน นางออกมาด้วยความเร่ งรี บจึงใส่ เพียงแค่ชุดบาง ๆ อยูช่ นเดี
ั ยวเท่านัน อาการบาดเจ็บตรง
ขาก็หนักหนา นําหนักตัวทีกดลงบนพืนแข็งก็ทาํ ให้รู้สึกเจ็บปวดตรงเข่า แต่วา่ เช่นนีจะยิงช่วยทําให้นางได้รับ
ความสงสารและการให้อภัยจากอดีตจิงอ๋ องได้ง่ายมากขึน......

เมือมองไปทีร่ างของนางทีกําลังโอนเอนไปมาคุกเข่าอย่างไม่มนคง
ั พระชายาเอกก็ถอนหายใจออกมาหนัก ๆ
“เจ้ากําลังบาดเจ็บ ไม่เหมาะทีจะคุกเข่านาน ๆ ลุกขึนเสี ยก่อนเถอะ !”

ฉิ นยวีเยียนยกยิมขึนบาง ๆ แต่พริ บตาก็สลายหายไป นางเงยหน้ามองไปทีอดีตจิงอ๋ องด้วยแววตาทีเต็มไปด้วย


ความซื อตรง “ขออดีตจิงอ๋ องโปรดให้อภัย ! ข้านันไม่ได้อยากทําร้ายท่านจริ ง ๆ......”

นางทําให้พระชายาเอกหวันไหวได้แล้ว อีกไม่นานอดีตจิงอ๋ องก็น่าทีจะใจอ่อน !


อดีตจิงอ๋ องมองไปทีนางด้วยสายตาเย็นชา แขนเสื อสะบัดออกหมุนกายก้าวเดินอาด ๆ ออกไปด้านหน้าไม่หนั
กลับมามองอีก......

เพือความปรารถนาส่ วนตัวของตัวเอง กลับได้มีจิตใจโหดเหี ยมกล้าวางยาพิษทําร้ายผูค้ น เช่นนีเพียงแค่การกล่าว


ขอโทษง่าย ๆ ก็คิดว่าจะได้รับการให้อภัยอย่างนันรึ อย่าได้คิดหวังเลย......
ตอนที 135 กรอกยา

มองไปยังแผ่นหลังทีแสดงถึงการปฏิเสธของเขา ทันใดนันรอยยิมมันใจบนใบหน้าของฉิ นยวีเยียนก็ชะงักค้างอยู่


บนใบหน้า นางล้วนพูดกล่าวแสดงความจริ งใจถึงเพียงนีแล้ว เขากลับยังไม่ยอมยกโทษให้นางอีก ช่างเป็ นคนที
ใจหิ นยิงนัก......

แววตาของเย่อีเฉิ นวูบไหว เขาเร่ งก้าวเท้าตามออกไป “ท่านพ่อ !”

อดีตจิงอ๋ องหยุดเท้าลงแล้วหันหลังกลับมองมาทีเขา แววตาลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ “เจ้าเปิ ดตาดูเสี ยสิ วา่ คนทีเจ้า


ชอบพอนันเป็ นคนเยียงไร ?”

เพือทีจะได้แต่งเป็ นชายาเอกของเย่อีเฉิ นอย่างสมเกียรตินางกลับกล้าวางยาพิษทําร้ายเขา ช่างมีจิตใจโหดเหี ยม ไร้


ซึงคุณธรรม เพือทีจะไปให้ถึงเป้ าหมายไม่ว่าแผนการอะไรก็สามารถทําได้โดยไม่เลือกวิธีการ

“ท่านพ่อ ข้าขอโทษ !” เย่อีเฉิ นกล่าวขึนเสี ยงตํา เขารู ้ว่าฉิ นยวีเยียนนันฉลาดและมีความคิดอ่าน แต่เขากลับคิดไม่


ถึงว่าเพือทีจะสร้างโอกาส นางถึงกับกล้าว่ายาพิษใส่ ท่านพ่อของเขา......

“สายตาการดูคนของเจ้า ช่างเลวร้ายเสี ยชนผูค้ นไม่กล้ากกล่าวชืนชม !” อดีตจิงอ๋ องกล่าวต่อว่าเสี ยงดัง


แววตาของเย่อีเฉิ นเจือปนไปด้วยความประหลาดใจ คํากล่าวเช่นนี คุณชายโอวหยางก็เคยพูดกับเขามาก่อน ท่าน
พ่อถึงกับต่อว่าเขาเช่นเดียวกัน......

เมือเห็นเขาขมวดคิว สี หน้าของอดีตจิงอ๋ องจึงอ่อนลง “นีก็สายมากแล้ว เจ้าก็อย่าได้เสี ยเวลาอยูท่ ีนี อีกเลย พิษของ


เสวียเอ๋ อร์ กาํ ลังกําเริ บ เจ้าทีมีเวลาก็ไปดูนางทีจวนเจินกัวโหวเสี ย !”

เย่อีเฉิ นหรี ตาลง “ความหมายของท่านพ่อคือ ?”

“ถึงแม้วา่ เจ้ากับเสวียเอ๋ อร์จะถอนหมันกันแล้ว แต่ก่อนทีเสวียเอ๋ อร์ จะแต่งงาน เจ้าก็ยงั เหลือโอกาสอยู่ ไปหานาง


ทีจวนโหวบ่อย ๆ อยูเ่ ป็ นเพือนนาง การหมันหมายทียกเลิกไปไม่แน่ วา่ อาจจะสามารถหวนคืนกลับมาเหมือนเดิม
ได้ !” อดีตจิงอ๋ องกล่าวเสี ยงตํา แววตาของเต็มไปด้วยความหนักใจทีน้อยนักจะมีให้เห็น

“ท่านให้ขา้ คิดไตร่ ตรองสักหน่อยเถอะ” เย่อีเฉิ นลู่เปลือกตาลงสี หน้าแววตามืดมัว

“เช่นนันเจ้าก็คดิ ไตร่ ตรองให้ดีและเร็ ว ๆ ด้วย ถ้าช้าไปแล้วเสวียเอ๋ อร์ ก็คงถูกผูอ้ ืนแย่งชิงไป บนแผ่นดินนี ไม่ใช่
ว่าชายหนุ่ มทุกคนจะไร้สายตาในการดูคนเหมือนเจ้า” อดีตจิงอ๋ องโยนคําพูดทิงไว้แล้วหมุนกายเดินออกไป
ด้านหน้าไม่หันหลังกลับมามองอีก

เย่อีเฉิ นยืนอยูท่ ีเดิมมองไปทีแผ่นหลังของเขาทีค่อย ๆ ไกลออกไป แล้วค่อยหันมองไปทางทิศทีอยูข่ องจวน


เจินกัวโหว แววตาเต็มไปด้วยความซับซ้อน
อดีตจิงอ๋ องอยูห่ ่ างจากเรื อนบัวหอมไปหลายสิ บเมตร แต่ว่าคําพูดทีเขาพูดยังคงดังเข้าหู ของฉิ นยวีเยียนไม่ขาด
แม้แต่คาํ เดียว ทันใดนันสี หน้าของฉิ นยวีเยียนก็กลายเป็ นดุดนั จนดูน่ากลัว

นางยอมละทิงซึ งเกียรติยศและศักดิศรี ไปขอโทษอดีตจิงอ๋ อง อดีตจิงอ๋ องไม่เพียงแต่ไม่ยอมรับกลับยังต่อว่า


กล่าวโทษนาง ดูหมินนาง ทังยังชีนําและเร่ งให้เย่อีเฉิ นถอยห่ างจากนางไปทําตัวสนิ ทสนมกับมู่หรงเสวีย ช่าง
เลวร้ายทีสุ ด !

ถ้าหากยาพิษขวดนันยังไม่ถกู ทําลายลง นางก็คงจะหยดยาพิษให้ให้อดีตจิงอ๋ องทีหัวรันสติไม่ดีผนู้ ี สักหลายหยด


ให้เขาถูกพิษจนตกตาย !

แววตาของฉิ นยวีเยียนลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ ผ่านไปเสี ยครู่ หนึงถึงจะสงบลงได้ อดีตจิงอ๋ องเป็ นคนทีร้ายกาจ


อีกทังยังระแวงในตัวนาง ตอนนีนางไม่สามารถทําอะไรบุ่มบ่ามได้ ก็คงต้องพักรักษาตัวอยูท่ ีเรื อนบัวหอมไป
ก่อน รอให้กาํ ลังเสริ มทีม่อเป่ ยส่ งมาถึงเมืองหลวงก่อน แล้วนางจะให้อดีตจิงอ๋ องได้เจอดี !

ภายใต้แสงอาทิตย์สีทองทีสาดส่ องเข้ามา เหล่าบรรดาสาวใช้พากันเข้า ๆ ออก ๆ เรื อนหิ มะโปรย ช่างดูชุลมุน


วุ่นวายยิงนัก

มู่หรงเสวียนอนเอนหลังอยูบ่ นเตียงหรู หราหลังใหญ่ ความเจ็บปวดทีทิมแทงและไอเย็นแผ่ซ่านไปทัวเส้นเอ็น


และกล้ามเนือ เจ็บเสี ยจนนางต้องขมวดคิวแน่ นเข้าหากัน ใบหน้าซี ดขาวไร้สีเลือด หน้าผากมีเม็ดเหงือผุดขึนเต็ม
ไปหมด ร่ างบางถูกห่ มไว้ดว้ ยผ้าหนาหลายชัน แต่กย็ งั คงหนาวสันอยูเ่ ช่นเดิม
คุณชายโอวหยางนังอยูข่ า้ ง ๆ มือขาวราวหยกสอดประทับอยูต่ รงแผ่นหลังของนางส่ งพลังปราณเข้าไปอย่าง
ต่อเนือง ดวงตาลําลึกหันมองออกไปทีด้านนอกประตูถี ๆ “ต้นตีหยางยังต้มไม่เสร็จอีกรึ ?”

ั กอยูแ่ ล้วสามารถกินเข้าไปได้ทนั ที แต่วา่ ต้นตีหยางเป็ นตัวยาสมุนไพรจําเป็ นจะต้องต้ม


เม็ดบัวของบัวอัคคีนนสุ
เป็ นยานําถึงจะสามารถกินเข้าไปได้

“ต้มเสร็ จแล้วเจ้าค่ะ ต้มเสร็ จแล้วเจ้าค่ะ !” หงซิ วตอบรับเสี ยงสู งตักเอายานําร้อน ๆ ขึนมาถ้วยหนึ ง แล้วพุ่งเข้าไป
ด้านในด้วยความเร่ งรี บ

คุณชายโอวหยางโอบไหลของมู่หรงเสวียแล้วพยุงร่ างของนางขึนมา รับเอาถ้วยยามาแล้วยืนจ่อไปทีริ มฝี ปาก


ของนาง กล่าวด้วยเสี ยงอ่อนโยน “รี บดืมยาเสี ยเถอะ พอดืมยาก็จะไม่เป็ นไรแล้ว”

กลินยาเข้มข้นโชยขึนจมูก มู่หรงเสวียขมวดคิวแน่ นเข้าหากัน ไอหนาวเหน็บในร่ างกายแพร่ กระจายออกไป


อย่างรวดเร็ ว นางกลันใจดืมเข้าไปเสี ยอึกหนึง ชัวเวลานัน กลินยาคละคลุง้ ไปทัวช่องปาก ลมหายใจเข้าก็ลว้ น
เต็มไปด้วยกลินของยาขมจนนางต้องสําลักแล้วไอหนัก ๆ ออกมาหลายครา “ยานีทําไมถึงขมนัก ?”

“ยาดีลว้ นมีรสขม !” คุณชายโอวหยางพูดขึนเบา ๆ แล้วก็จ่อถ้วยยาเข้าทีปากของนางอีกครัง


มู่หรงเสวียไร้วา่ จาคําพูด แต่ยานีมันขมมากเกินไปแล้ว ชาติภพนี สิ งทีนางไม่อยากดืมมากทีสุ ดก็คือยาขม ตอน
อยูท่ ียุคปั จจุบนั ถึงนางเจ็บไข้ได้ป่วยแค่ไหน แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยกินยา อาศัยภูมิตา้ นทานของร่ างกายตนเอง
ก็สามารถผ่านพ้นมันไปได้ ถึงแม้ว่าจะไม่ทนั ระวังโดนพิษเข้านางก็จะเลือกใช้วิธีการฉี ดยารักษาแทน

ถึงแม้วา่ แคว้นชิงเหยียนจะไม่มีสิงของทีทันสมัยขนาดนัน มีแต่พืชสมุนไพรทีเป็ นวัตถุดิบตังต้น นางก็ยงั ไม่


อยากได้รับความทรมานจากยาขมอยูด่ ี “ข้าไม่ดืมแล้ว เจ้าเอายาออกไปเถอะ”

สี หน้าของคุณชายโอวหยางมืดครึ มลงทันที “ยิงเวลาผ่านไปพิษเยือกแข็งในร่ างกายของเจ้าก็ยงแพร่


ิ กระจายอย่าง
รวดเร็ ว หากไม่ดืมยาเจ้าก็จะตาย”

มู่หรงเสวียขมวดคิวแน่ น “ยามันขมเกินไป ข้าดืมไม่ลงจริ ง ๆ เจ้าให้หมอทําต้นตีหยางเป็ นยาลูกกลอนเถอะ ข้า


จะกินยาลูกกลอน”

สี หน้าของคุณชายโอวหยางเคร่ งขรึ มขึน “เอาตัวยาสมุนไพรทําเป็ นยาลูกกลอน จําต้องใช้เวลาหลายชัวยาม หาก


เจ้าจะรอยาลูกกลอน เจ้าก็จะต้องเจ็บปวดมากยิงขึน......”

“ไม่เป็ นไรข้าทนได้” มู่หรงเสวียพยักหน้าหนัก ๆ แววตาของนางวูบไหว ตอนนางอยูท่ ียุคปั จจุบนั นันล้วนเคย


ได้รับบาดเจ็บทังภายในและภายนอกร่ างกายในรู ปแบบต่าง ๆ มามากมายนัก ซึ งมันทําให้นางมีความอดทนทีดี
เยียม พิษเยือกแข็งจะออกฤทธิได้ทรมานเพียงใดนางก็สามารถทนได้ แต่รสชาติของยาทีขมลินนันนางทนไม่ได้
จริ ง ๆ นางเต็มใจยอมทีจะทรมานจากการทีพิษเยือกแข็งกําเริ บ แต่ไม่มีทางยอมดืมยาขมเด็ดขาด
“แต่ขา้ ไม่สามารถทนมองดูเจ้าเจ็บปวดทรมานจนสลบไปได้ !” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนเสี ยงเย็นยืนมือออกไป
จับปากของมู่หรงเสวียเอาไว้แล้วยกยานํากรอกเข้าไปในปากของนาง

เพราะว่ายามีรสขม นางจึงไม่ยอมดืมเข้าไป แต่ยอมให้พิษเยือกแข็งออกฤทธิกําเริ บอยูใ่ นร่ างกาย นางนันยิงนาน


วันยิงโง่งม ล้วนไม่สามารถแยกแยะได้ว่าสิ งไหนสําคัญสิ งไหนไม่สาํ คัญ

รสยาขมลินไหลผ่านปากเข้าไปในลําคอ ทังปากและจมูกพริ บตาเต็มไปด้วยกลินยาขมทีเข้มข้น มู่หรงเสวียขมวด


คิวเข้าหากันเตรี ยมทีจะยืนมืออกไปปั ดถ้วยยาออก แต่กลับเศร้าใจทีเห็นว่าแขนของนางถูกคุณชายโอวหยางกด
เอาไว้แน่ น จนไม่สามารถขยับเคลือนไหวได้แม้แต่นอ้ ย

ํ อยจนไม่สามารถสู ้กบั วรยุทธ์ทีสู งส่ งของเขาได้ !


คุณชายโอวหยางทีชัวช้าชอบรังแกนางทีมีวรยุทธ์ตาต้

มู่หรงเสวียถลึงตามองไปทีคุณชายโอวหยางอย่างดุร้าย คุณชายโอวหยางทีเห็นนันก็ไม่สนใจ ยังคงกรอกยานาง


ต่อไป

ยาหยดสุ ดท้ายไหลเข้าไปในปากของมู่หรงเสวีย เมือป้ อนยาเสร็ จแล้วคุณชายโอวหยางถึงจะคลายมือออก

มู่หรงเสวียทีถูกกลินยาขมจนต้องไอสําลักหนัก ๆ ออกมา จากนันถึงค่อยชันกายนังขึนหลังตรงได้ แววตาลุก


โชนไปด้วยไฟโกรธยกมือตีเขาไปทีคุณชายโอวหยาง
คุณชายโอวหยางวางถ้วยยาลงหลีกกายไปด้านข้างอย่างไม่ใส่ ใจ หลบการโจมตีของนาง หยิบผลไม้เชือมทีดู
หอมหวานเม็ดหนึงยัดใส่ ปากของนาง “กินผลไม้เชือมเสี ย จะได้ลดความขมจากยา”

“เดียวข้าจะให้ท่านหมอเอาต้นตีหยางทีเหลือทําเป็ นยาลูกกลอน คราวหลังถ้าเจ้าพิษกําเริ บกินยาเข้าไปเม็ดเดียวก็


คงเพียงพอแล้ว ไม่จาํ เป็ นต้องดืมยาทีมีรสขมเช่นนี อีกต่อไป” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนอย่างเรี ยบเฉยแล้วนังลง
ไปทีข้างเตียง วางมือลงไปทีแผ่นหลังของมู่หรงเสวียอย่างไหลลืนแล้วถ่ายเทพลังปราณเข้าไป
ตอนที 136 วิธีรักษาพิษเยือกแข็ง

พลังปราณทีไหลเข้าสู่ แผ่นหลังพริ บตาเดียวก็แปรเปลียนเป็ นความอบอุ่นสายหนึงแผ่ซ่านไปตามร่ างกายแล้ว


หลอมหลวมเข้ากับฤทธิ ยาของต้นตีหยางจนขับไอเย็นในร่ างของมู่หรงเสวียจนสลายหายไปอย่างรวดเร็ ว ชัวอึด
ใจไอเย็นก็ถูกขับออกไปจนหมดเกลียงเหลือแต่เพียงความอบอุ่นทียังไหลเวียนอยูใ่ นร่ างกาย

ร่ างกายทีหนาวเหน็บกลับกลายเป็ นอุ่นขึน ใบหน้าเรี ยวเล็กซี ดขาวของนางค่อย ๆ ฟื นฟูกลับมามีเลือดฝาดดังเดิม


ริ มฝี ปากสี เขียวคลําก็ค่อย ๆ เปลียนกลับไปเป็ นสี แดงของดอกเหมยดังเดิม แต่ว่าในปากยังคงมีรสชาติของความ
ขมหลงเหลืออยู่ ผลไม้เชือมเม็ดนันไม่สามารถทีจะกดกลินยารสขมในปากของนางลงได้

มู่หรงเสวียถลึงตามองคุณชายโอวหยาง “ช่วยหยิบนมโยเกิร์ตบนโต๊ะนันให้ขา้ ที” นมโยเกิร์ตนันมีรสชาติเข้มข้น


มากน่ าจะสามารถข่มความขมในปากของนางลงได้

คุณชายโอวหยางปรายตามองแก้วกระเบืองสี ขาวบนโต๊ะ แล้วเลิกคิวเบา ๆ “พิษเยือกแข็งบนตัวเจ้าเพิงจะถูกขับ


ออกมา ตอนนี ไม่เหมาะทีจะดืมนมโยเกิร์ต !” พิษเยือกแข็งมีธาตุหยินหลังจากอาการกําเริ บได้ไม่นานก็ไปดืม
หรื อกินของเย็นอาจจะส่ งผลกระทบต่อร่ างกายได้

“นมโยเกิร์ตช่วยในการย่อยอาหาร บํารุ งกระเพาะลําไส้ เสริ มสร้างภูมิคุม้ กัน แล้วข้าก็ยงั ดืมเพียงแค่แก้วเดียว มี


แต่ประโยชน์ลว้ นไม่มีโทษ !” มู่หรงเสวียโต้เถียงขึน
“ถึงจะเป็ นเช่นนันก็ไม่สมควรทีดืมตอนนีรอจนผ่านไปสักครึ งชัวยาม ร่ างกายของเจ้าไม่เป็ นอะไรแล้วค่อยดืมก็
ยังไม่สาย !” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนด้วยนําเสี ยงราบเรี ยบแสดงถึงการไม่ยอมอ่อนข้อและผ่อนปรนแม้แต่นอ้ ย

“ถ้ารอหลังจากครึ งชัวยามข้าคงถูกความขมของยาทรมานจนตายแล้ว” มู่หรงเสวียพูดขึนอย่างอารมณ์เสี ย นาง


โยกตัวผ่านคุณชายโอวหยางไปคว้านมโยเกิร์ตบนโต๊ะขึนแล้วเปิ ดฝาออกอย่างรวดเร็ ว กําลังเตรี ยมทีจะดืมลงไป
แต่ไม่คาดคุณชายโอวหยางกลับยืนมือออกมาแย่งแก้วนมโยเกิร์ตไป ดืมเข้าไปอึกหนึงด้วยความท่าทางงดงาม
แขนเสื อสี ขาวหิ มะลู่ลงพลิวไหวดูสูงส่ งสง่างาม

มู่หรงเสวียมองดูจนต้องขมวดคิวแน่ นกล่าวขึนอย่างอารมณ์ไม่ดี “คุณชายโอวหยางท่านทําอะไร ?” บนโต๊ะก็มี


นมโยเกิร์ตอีกตังหลายแก้ว ถ้าเขาอยากดืมก็สามารถทีจะหยิบเอาอันไหนก็ได้ เหตุใดจะต้องมาแย่งนางด้วย

คุณชายโอวหยางไม่ได้กล่าววาจาใด เขาแค่วางแก้วโยเกิร์ตลงช้า ๆ ดวงตาสี ดาํ ขลับเปล่งประกายมืดมิดดัง


มหาสมุทร เขายืนมือออกไปโอบนางเข้าสู่ ออ้ มกอด ริ มฝี ปากบางประกบเข้ากับริ มฝี ปากแดงของนางอย่างแนบ
แน่น นมโยเกิร์ตสี ขาวไหลผ่านช่องฟันทีเผยอออกน้อย ๆ แล้วไหลเข้าสู่ ปาก ทันใดนันความรู ้สึกหวานอมเปรี ยว
และอุ่นกําลังดีกแ็ ผ่ซ่านไปทัวทังปาก

มู่หรงเสวียรู ้สึกเหมือนได้ยนิ เสี ยงอะไรบางอย่างระเบิดขึนในหัว เพียงพริ บตาความรู ้สึกนึกคิดก็กลับกลายเป็ น


ขาวโพลน ทีเขาดืมนมโยเกิร์ตนันเขาไม่ได้จะดืมจริ ง ๆ แต่กาํ ลัง ‘เพิมความร้อนให้มนั ’ แล้วป้ อนมันให้กบั นาง
......
มู่หรงเสวียถลึงตามองไปทีคุณชายโอวหยาง พอดีสบมองเข้าไปในดวงตาดําขลับแวววาวของเขาทีกําลังสะท้อน
เงาร่ างของนางอย่างชัดเจน พริ บตามู่หรงเสวียชะงักไปครู่ หนึ ง ทําไมเหตุการณ์เช่นนี ช่างดูคุน้ เคยนัก ?
เหมือนกับเคยเกิดขึนทีไหนมาก่อน......

ภาพขาด ๆ หาย ๆ ในหัววาบขึนมาด้วยความรวดเร็ ว ค่อย ๆ ผนวกรวมเข้าด้วยกันจนกลายเป็ นภาพเหตุการณ์ที


สมบูรณ์ฉากหนึง ซึ งมันทับซ้อนเข้ากับฉากเหตุการณ์ตรงหน้านีอย่างพอดี มู่หรงเสวียเบิกตากว้างขึน ระหว่าง
ทางทีกลับจากค่ายทหารนัน นางเข้าใจผิดคิดว่าเหล้าเป็ นนําแล้วดืมเข้าไปจนเมา จากนันจูบแรกในชาติทีสองของ
นางกลับถูกคุณชายโอวหยางขโมยไปตอนทีนางกําลังสะลึมสะลือไม่ได้สติเช่นนี น่ ะหรื อ ช่างชัวร้ายทีสุ ด !

แววตาของมู่หรงเสวียลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ นางยกมือทังสองข้างขึนทุบตีไปทีคุณชายโอวหยางอย่างแรง
ท่าทางคล้ายกับแมวป่ าตัวน้อย

คุณชายโอวหยางเบียงกายออกมาจากนางเล็กน้อย แล้วกล่าวขึนด้วยความไม่เข้าใจ “เจ้าเป็ นอะไรไป ?”

“เจ้ายังจะมาถามอีกหรื อ” มู่หรงเสวียเกรี ยวกราด คว้าหยิบไปทีหมอนด้านหลังกายแล้วฟาดไปทีคุณชายโอวห


ยางเต็มแรง

คุณชายโอวหยางยืนมือเข้าไปรับหมอนไว้อย่างไม่ใส่ ใจ มองไปทีมู่หรงเสวียอย่างเรี ยบเฉย “ทีใช้วิธีเช่นนีป้ อน


นมโยเกิร์ตให้เจ้า เป็ นเรื องทีหลีกเลียงไม่ได้ ถ้าหากเจ้าคิดว่าถูกเอาเปรี ยบข้าสามารถรับผิดชอบได้ !”

ทีนางโกรธเขาไม่ใช่เพราะเรื องทีเขาป้ อนนมโยเกิร์ตนางเข้าใจบ้างไหม แต่เป็ น......แต่เป็ น......


มู่หรงเสวียทังโกรธทังโมโห แต่วา่ ไม่สามารถบอกคุณชายโอวหยางออกไปตรง ๆ ได้ ใบหน้าเรี ยวเล็กเจือปนไป
ด้วยรอยแดงระเรื อจาง ๆ กล่าวโพล่งขึน “ข้ายังไม่รู้ว่าตัวเองจะมีชีวิตอยูต่ ่อไปได้อีกนานแค่ไหน เจ้าจะมา
รับผิดชอบอะไรกัน !”

แววตาของคุณชายโอวหยางหนักแน่น “ฝี มือในการถอนพิษของเจ้านันสู งลํา ทําไมจะแก้พิษเยือกแข็งไม่ได้”

“ถ้าหากแก้ได้ ข้าก็แก้ไปตังแต่แรกแล้ว !” มู่หรงเสวียแววตาวูบไหว พิษเฮ่อติงหงหรื อพิษสารหนูทีเป็ นพิษร้าย


พวกนี มันเป็ นพิษทีสามารถคร่ าชีวิตคนได้ทนั ที ดังนันวิธีการขับพวกมันออกมานันมีมากมายหลากหลาย

แต่ว่าคนทีถูกพิษเยือกแข็ง ในเวลาปกติแล้วจะไม่ต่างกับผูค้ นทัวไปเท่าใดนัก แต่ตอนทีพิษกําเริ บจะทําให้คนผู ้


นันรู ้สึกราวกับทรมานทังเป็ น แต่เพียงแค่ใช้บวั อัคคีได้ทนั เวลาก็จะอยูร่ อดปลอดภัย ดังนันพิษเยือกแข็งจะไม่ทาํ
ร้ายผูค้ นด้วยพิษจนถึงแก่ชีวิต เพราะเหตุนนมั
ั นก็เลยไม่มีวิธีแก้ !

แต่ว่า คนทีถูกพิษเยือกแข็งร่ างกายจะถูกกัดกร่ อนเป็ นเวลาหลายปี โดยพืนฐานแล้วจะตายไปตังแต่อายุยงั น้อย !

“ไม่ตอ้ งกังวลไป ขอเพียงเป็ นพิษก็ตอ้ งมีวิธีแก้” คุณชายโอวหยางกล่าวเสี ยงตํา แววตาสี ดาํ ขลับลึกลําดัง
มหาสมุทร
“มันก็ไม่ได้เป็ นเช่นนันเสมอไป” มู่หรงเสวียพูดขึนอย่างเศร้าสร้อย ในใจไม่ได้มีความคาดหวังอะไรเลย ในยุค
ปัจจุบนั พวกหมอทีมีความรู ้ความสามารถทางการแพทย์สืบทอดกันมาตังห้าพันปี ยังไม่สามารถแก้พิษเยือกแข็ง
ได้ หมอของแคว้นชิงเหยียนจะไปคิดหาวิธีการออกได้อย่างไร......

อยู่ ๆ มู่หรงเสวียก็รู้สึกว่าข้างกายของนางถูกเบียด นางจึงหันมองไป ก็เห็นคุณชายโอวหยางถอดรองเท้าออกแล้ว


ขึนมาบนเตียง พลางกระเถิบเข้ามานังทีด้านข้างของนาง

“เจ้าทําอะไรน่ ะ” มู่หรงเสวียถอยหนีเข้าไปด้านใน พลางขมวดคิวมองไปทีเขา

“ข้ารู ้สึกเหนื อยล้าเลยอยากจะพักผ่อนสักครู่ ” คุณชายโอวหยางพูดขึนเรี ยบ ๆ แล้วปิ ดตาเอนกายลงไปทีหัวเตียง


คิวย่นเข้าหากันเบา ๆ ท่าทางดูเหนือยล้า

เหนือย ? พักผ่อน ? มู่หรงเสวียชะงักไปครู่ หนึงทันใดนันก็นึกขึนได้ แต่ก่อนตอนทีนางพิษกําเริ บ หลังจากทีกิน


บัวอัคคีเข้าไปก็จะหลับลึกลงไปหลายชัวยาม แต่วนั นีพิษกําเริ บแล้วดืมยานําของต้นตีหยางเข้าไปก็สมควรจะ
หลับสนิทลงไปตังแต่แรกถึงจะถูก แต่เหตุใดตอนนี กลับยังตืนอยู่

อีกทังคราวก่อนตอนทีพิษกําเริ บก็นอนหลับไปเพียงเวลาสัน ๆ ก็ตืนขึนมา พิษกําเริ บสองครังนีทีไม่เหมือนครัง


ก่อน ๆ ก็คือคุณชายโอวหยางนันถ่ายพลังปราณให้นางอยูข่ า้ งกาย......

ใช่แล้วพลังปราณ ! พลังปราณของคุณชายโอวหยางสามารถขับพิษเยือกแข็งในร่ างกายของนางได้ !


มู่หรงเสวียมองไปทีคุณชายโอวหยางด้วยแววตาวูบไหวเปล่งประกาย เห็นคิวของเขาย่นเข้าหากันน้อย ๆ หว่าง
คิวเต็มไปด้วยความรู ้สึกเหนื อยล้า นางจึงเปล่งเสี ยงออกไปเบา ๆ “เจ้าเหนือยมากหรื อ ”

“ไม่เท่าไร พักผ่อนสักครู่ ก็ไม่เป็ นไรแล้ว” เสี ยงทุม้ ของคุณชายโอวหยางแฝงไว้ดว้ ยความเหนื อยล้าอยูจ่ าง ๆ

“เช่นนันเจ้าก็พกั ผ่อนให้เต็มทีเถอะ” มู่หรงเสวียกล่าวขึนเสี ยงเบา ดึงเอาผ้าห่ มของตัวเองห่ มไปทีร่ างของคุณชาย


โอวหยาง ตอนนีจิตใจของนางแจ่มใส่ มีพลังงานเต็มเปี ยม ไม่มีความเหนื อยล้าใดใดแม้แต่น้อย ไม่จาํ เป็ นที
จะต้องอยูพ่ กั ผ่อนในห้องนอนอีกต่อไป

แต่ว่าคุณชายโอวหยางทีใช้พลังปราณออกไปเป็ นจํานวนมากนันต้องการการพักผ่อนมากทีสุ ด

คุณชายโอวหยางตอบรับเพียงเบา ๆ เปลือกตาลู่ลงหยิบเอาแก้วนมโยเกิร์ตทีด้านข้างขึนมา

มู่หรงเสวียชะงักไป เร่ งกล่าวขึน “ในปากของข้าไม่หลงเหลือรสขมแล้วไม่จาํ เป็ นต้องดืมนมโยเกิร์ตอีกแล้ว !”

เมือมองไปทีท่าทางระมัดระวังของนาง แววตาของคุณชายโอวหยางก็เจือปนไปด้วยรอยยิมจาง ๆ “เป็ นข้าทีจะ


ดืมเอง”
เช่นนันก็พดู ออกมาแต่แรกสิ ! มู่หรงเสวียถอนหายออกมาอย่างใจโล่งอก ถลึงตามองเขาอย่างมีอารมณ์ “นม
โยเกิร์ตรสชาติเป็ นอย่างไรบ้าง”

“ก็ไม่เลวนัก” คุณชายโอวหยางยกนมโยเกิร์ตขึนดืมอย่างวิจิตรบรรจง แล้วกล่าวขึนอย่างเนิบ ๆ “ถ้าหากมีเวลา


เจ้าก็น่าจะเตรี ยมมันเอาไว้เยอะ ๆ เสี ยหน่อย ถ้าตัวเองดืมไม่หมดก็สามารถนําไปมอบให้ผอู ้ ืนได้......”

“ข้าอยูท่ ีเมืองหลวงล้วนรู ้จกั คนแค่เพียงไม่กีคน จะให้เอานมโยเกิร์ตไปมอบให้ใครกัน” มู่หรงเสวียกล่าวขึนช้า ๆ


ทันใดนันแววตาเปล่งประกาย “ข้าเปิ ดร้านนมโยเกิร์ตทีเมืองหลวง ขายนมโยเกิร์ตเจ้าคิดว่าเป็ นเช่นไร”

“เป็ นความคิดทีไม่เลวนัก” คุณชายโอวหยางพยักหน้าเบา ๆ รสชาติของนมโยเกิร์ตก็อร่ อยถูกปาก มีรสชาติ


แตกต่างกับนมแพะและนมวันอย่างสิ นเชิง แน่นอนว่าจะต้องมีผคู ้ นทีชอบดืมมันเป็ นจํานวนมาก
ตอนที 137 ความลับสําคัญ

“เช่นนันก็เอาตามนี ” มู่หรงเสวียยกยิมสดใส ในเมืองหลวงของชิงเหยียนไม่มีคนทีทํานมโยเกิร์ตเป็ น พอร้านนม


โยเกิร์ตของนางเปิ ดกิจการแน่ นอนว่าต้องมีผคู้ นมากมายแย่งกันซื อ

“ตัวร้านจะต้องเปิ ดในถนมทีมีผคู้ นผ่านไปมาคึกครื น......” คุณชายโอวหยางมองไปทีมู่หรงเสวียพลางกล่าว


แนะนําเสี ยงเบา

“ข้ารู ้......” มู่หรงเสวียพยักหน้า บนถนนทีคึกครื นเช่นนันจะต้องมีผคู ้ นมาก พอมีคนผ่านไปมามากมายลูกค้าก็จะ


มากตามไปด้วย ขายของออกไปได้มากเท่าไรแน่ นอนว่าก็จะได้กาํ ไรมากเท่านัน
เย่อีเฉิ นยืนอยูด่ า้ นบนหลังคาของเรื อนฝังตรงข้าม มองลอดผ่านหน้าต่างทีเปิ ดอ้าออก มองไปทีมู่หรงเสวียกับ
คุณชายโอวหยางก็เห็นทังสองคนทีกําลังนังพูดคุยกันอยูบ่ นเตียงอย่างใกล้ชิดสนิ ทสนม สี หน้าของเขากลายเป็ น
ดุดนั จนน่ากลัว

เขากังวลว่าต้นตีหยางจะยับยังพิษเยือกแข็งเอาไว้ไม่อยูเ่ ลยตังใจเอาบัวอัคคีมาด้วย แต่คาดไม่ถึงว่าจะเห็นนาง


กําลังนังพลอดรักอยูก่ บั คุณชายโอวหยางอย่างปกติสุขและยิมแย้ม

ดูท่านางทีใช้ตน้ ตีหยางคงจะสามารถรักษาชีวิตให้อยูร่ อดปลอดภัยได้ ความกังวลของเขาคงจะมีมากเกินไปจน


เสี ยเปล่าแล้ว

แววตาของเย่อีเฉิ นหนาวเหน็บ มือแกร่ งกําแน่นเข้าหากัน ได้ยนิ เสี ยง ‘เพล้ง!’ ดังขึนเสี ยงหนึ ง ขวดกระเบืองสี
ขาวในมือแตกละเอียด เศษกระเบืองกับเศษของบัวอัคคีผสมปนเปเข้าด้วยกันแล้วปลิวสลายหายไปตามสายลม

เขาไม่แม้แต่จะชายตามองพวกเขาอีก หันหลังกลับแล้วพุ่งทะยานออกไปด้านหน้า

เมือมองไปทีแผ่นหลังของเขาทีค่อย ๆ ห่ างไกลออกไป แววตาของคุณชายโอวหยางวูบไหวไปด้วยความเยาะเย้ย


ทีน้อยนักทีจะได้พบ......
“เจ้ามองอะไรอยูห่ รื อ ?” นําเสี ยงกระจ่างใสลอยดังเข้าหู คุณชายโอวหยางปรายตามองนาง เห็นสายตาของมู่หรง
เสวียมองไปทางทิศทีเขามองอยูเ่ มือครู่ ดว้ ยความสงสัยไม่เข้าใจ......

“ไม่มีอะไร” คุณชายโอวหยางเบียงกายบดบังสายตาของนางเอาไว้ แล้วพูดขึนอย่างราบเรี ยบ “เปิ ดร้านค้าขาย


ของต้องเตรี ยมการอย่างละเอียดรอบคอบ วันนีท้องฟ้ าก็มืดแล้ว ไว้พรุ่ งนี ข้าจะพาเจ้าไปเดินดูตามถนน เสาะหา
วัตถุดิบแล้วค่อยหาดูทาํ เลทีตังทีเหมาะสม......”

“ตกลง !” มู่หรงเสวียพยักหน้าเบา ๆ นมโยเกิร์ตของนางใช้นมวัวในการทําถ้าหากจะเปิ ดร้านขาย ก็ตอ้ งใช้นมวัว


เป็ นจํานวนมาก แน่ นอนว่าจะต้องหาแหล่งผลิตวัตถุดิบทีมันคง......

ความมืดเข้าปกคลุม ซ่ งชิงเหยียนทีใชรับสํารับเย็นเรี ยบร้อยแล้วกําลังนอนอยูบ่ นเตียงสายตาของนางมองไปทาง


ทิศของเรื อนหิ มะโปรย นางรู ้สึกเกลียดชังจนต้องกัดฟันแน่น คุณชายโอวหยางเข้าไปในเรื อนหิ มะโปรยจนถึง
ป่ านนีก็ยงั ไม่ออกมา แน่นอนว่าต้องเป็ นมู่หรงเสวียทีใช้แผนการและมารยายัวยวนเพือให้เขาหลงใหล คนชันตํา
ทีน่ าไม่อาย ช่างเลวร้ายนัก ! รอให้นางรักษาตัวจนหายดีก่อนเถอะ แน่นอนว่าจะต้องทําให้ม่หู รงเสวียได้เจอดีแน่
......

เสี ยงแหวกอากาศเบา ๆ ดังขึน ทันใดนันหน้าต่างทีแง้มอยู่กถ็ ูกคนเปิ ดออก ทหารองครักษ์สองนายยกเก้าอีไม้ไผ่


ั ่ มวยผมรวบยกสู งขึน
ตัวหนึงเข้ามา ด้านบนของเก้าอีไม้ไผ่มีหญิงสาวผูห้ นึงในชุดสี เหลืองอ่อนตัวใหญ่นงอยู
ด้วยความประณี ต ใบหน้าเรี ยวเล็กขาวซี ด เป็ นองค์หญิงม่อเป่ ยฉิ นยวีเยียน
ซ่งชิงเหยียนมองไปทีนางด้วยความแปลกใจ “องค์หญิงเหตุใดถึงได้มาทีนี หรื อเพคะ ?”

“แน่นอนอยูแ่ ล้วว่าต้องมาเยียมเจ้า” ฉินยวีเยียนพูดขึนด้วยรอยยิมสดใสนังลงด้านหน้าเตียงของซ่ งชิงเหยียนแล้ว


ยกมือตบไปทีนาง ได้ยนิ สี ยง ‘เพียะ’ ดังขึนเสี ยงหนึง ใบหน้าเรี ยวเล็กของซ่ งชิงเหยียนถูกตบจนหันไปอีกทาง
บนใบหน้าขาวนวลของนางพริ บตาก็ปรากฏรอยนิ วมือแดงห้านิ ว มุมปากมีเลือดไหลออกมาสายหนึ ง

นางค่อย ๆ หันหน้ากลับไปมองทีฉิ นยวีเยียน แววตาเต็มไปด้วยความตืนตกใจ “องค์หญิงตบข้าเพราะเหตุใดกัน


?”

“เจ้ายังจะกล้ามาถามอีกหรื อ เจ้าทํา ‘เรื องงามหน้า’ อะไรเอาไว้ทีวังจิงอ๋ อง จําไม่ได้แล้วหรื ออย่างไร” ฉิ นยวีเยียน


เลิกคิวมองไปทีซ่ งชิงเหยียน แววตาของนางลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ เมือได้ยนิ ถึงเรื องทีซ่ งชิงเหยียนวางยาปลุก
กําหนัดใส่ อีเฉิ นแล้วนางนันรู ้สึกรังเกียจจนอดไม่ได้ทีจะสับซ่ งชิงเหยียนออกเป็ นหมืน ๆ ชิน !

ตอนนันอาการของนางกําลังบาดเจ็บสาหัส ไม่สะดวกทีจะออกไปไหน ก็เลยไม่ได้มาสังสอนซ่งชิงเหยียน


ตอนนีแผนการทีนางวางเอาไว้ลม้ เหลว อดีตจิงอ๋ องรังเกียจนาง อีเฉิ นก็ไม่อยากพบหน้านาง เหล่าบรรดาคนรับ
ใช้กม็ องนางด้วยสายตาแปลก ๆ นางรู ้สึกอารณ์ไม่ดีกเ็ ลยให้ทหารองครักษ์พานางออกมาผ่อนคลายแล้วก็ถือ
โอกาสคิดบัญชีกบั ซ่ งชิงเหยียนเสี ย !
“ข้า...ข้าไม่ได้ตงใจ...”
ั ซ่ งชิงเหยียนพูดขึนอย่างอํา ๆ อึง ๆ ใบหน้าเรี ยวเล็กของนางซี ดขาวจนไร้สีเลือด แต่ในใจ
แอบต่อว่า นางก็แค่อยากเป็ นชายารอง ไม่ได้อยากแย่งตําแหน่งพระชายาเอกของฉิ นยวีเยียนเสี ยหน่ อย เหตุใด
นางจะต้องโมโหด้วย

“ถึงแม้วา่ จะไม่ได้ตงใจ
ั แต่เจ้าก็ได้วางอุบายต่ออีเฉิ นไปแล้ว !” ฉิ นยวีเยียนมองไปทีนางด้วยความเกลียดชัง
นําเสี ยงของนางหนาวเหน็บเย็นยะเยือก ทําไมไม่ลองส่ องกระจกชะโงกดูเงาหัวของตัวเองบ้างว่าเป็ นตัวอะไร ถึง
ได้กลับกล้ามาทําให้อีเฉิ นของนางต้องแปดเปื อน ช่างรนหาทีตายยิงนัก !

ทหารองครักษ์นายหนึงค่อย ๆ เดินเข้าไปหาซ่ งชิงเหยียน เขาอยูใ่ นชุดองครักษ์สีนาเงิ


ํ นเข้ม ข้างเอวสะพายดาบ
ใบหน้าดูเย็นชา แววตาเต็มไปด้วยกลินอายแห่ งการฆ่าฟั น ทุก ๆ ครังทีเสี ยงยําเท้าดังขึนก็จะให้ความรู ้สึกเหมือน
เสี ยงฝี เท้าของยมบาลทีกําลังค่อย ๆ คืบคลานเข้ามา

ซ่งชิงเหยียนรู ้สึกตืนตระหนก แววตาของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ด้านหนึ งก็เขยิบเข้าไปหากําแพงทีอยู่


ด้านใน ด้านหนึงก็ร้องเรี ยกขึนด้วยความหวาดกลัว “ใครก็ได้...ใครก็ได้ช่วยด้วย......”

“คนทีอยูใ่ กล้ ๆ บริ เวณนี ล้วนถูกข้าล่อหลอกออกไปหมดแล้ว ถึงเจ้าจะร้องให้คอแตกเพียงใด ก็คงไม่มีใคร


ออกมาช่วยเจ้าได้ !” ฉิ นยวีเยียนปรายตามองนาง แววตาเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยดูถูก กล้ามายุง่ เกียวกับคนของ
นาง ก็ตอ้ งได้รับโทษทีสาสม
สายตาเห็นองครักษ์เดินมาถึงด้านหน้าของเตียง เตรี ยมทีจะยืนมือเข้ามาคว้าจับนางไว้ ทันใดนันซ่ งชิงเหยียนก็
กรี ดร้องขึนเสี ยงดังอย่างกระวนกระวาย “ข้ารู ้ความลับสําคัญของมู่หรงเสวียเรื องหนึง หากองค์หญิงยอมปล่อย
ข้าไป ข้าก็จะยอมมอบความลับนันให้องค์หญิงได้รู้ !”

“จริ งหรื อ ?” ฉิ นยวีเยียนปรายตามองไปทีนางอย่างไม่นาํ พา ท่าทีเชือครึ งไม่เชือครึ ง มู่หรงเสวียเป็ นคนทีฉลาดจะ


ถูกซ่ งชิงเหยียนล่วงรู ้ถึงความลับได้อย่างไรกัน

“จริ งเพคะ จริ งเพคะ จริ งแท้แน่นอนเพคะ !” ซ่ งชิงเหยียนพยักหน้าติดกันสี ยหลายครัง เร่ งกล่าวขึนอย่างร้อนรน
“ท่านยายของข้าดูแลควบคุมจวนเจินกัวโหวมาตังหลายปี หูตาทอดยาวไปทัวทังจวนโหว ทุกความเคลือนไหว
ของมู่หรงเสวีย ล้วนอยูใ่ นการเฝ้ าดูของพวกเรา ความลับนี พวกเราได้มนั มาด้วยความบังเอิญ......”

ความลับนี นางเพิงจะรู ้ แต่เดิมคิดว่าจะเก็บเอาไว้ในใจไม่พูดออกไป แต่ไม่คาดว่าฉิ นยวีเยียนจะมาคิดบัญชีกบั


นางเช่นนี เพือทีจะรักษาชีวิตของตน นางคงทําได้เพียงยอมบอกความลับนี ออกไป

ฉิ นยวีเยียนพยักหน้าเข้าใจ แล้วกล่าวขึนอย่างช้า ๆ “ถ้าหากความลับนี สมราคา ข้าจะลองไตร่ ตรองดูว่าสมควรจะ


ปล่อยเจ้าไปหรื อไม่ !”

“องค์หญิงวางใจได้เพคะ ความลับเรื องนี แน่นอนว่าต้องสมราคาแน่ นอน ถ้าหากมู่หรงเสวียรู ้ว่าความลับถูก


เปิ ดเผยออกไป แน่ นอนว่าจะต้องโมโหจนควันออกหู !” ซ่ งชิงเหยียนพูดขึนอย่างเกลียดชัง แววตาวูบไหวไป
ด้วยความอํามหิต นางกับมู่หรงเสวียนันไม่ถูกกัน ขอเพียงเป็ นเรื องทีสามารถจัดการมู่หรงเสวียได้ นางล้วนเต็ม
ใจทีจะทํา !

แววตาวูบไหวเย็นยะเยือก นางเดินไปด้านข้างฉิ นยวีเยียน กล่าวกดเสี ยงตํา “ความลับก็คือ......”

แต่ละพยางค์ลอยเข้าหู อย่างชัดเจนไม่มีตกหล่น ดวงตางามของฉิ นยวีเยียนหรี ลง แววตาวูบไหวเปล่งประกาย


แน่นอนว่าเป็ นความลับทีไม่เลวเลย นางจะต้องใช้การมันให้ดี ๆ ให้มู่หรงเสวียรู ้สึกโกรธจนอกแตกตาย แล้วก็
จะได้ถือโอกาสทําให้อดีตจิงอ๋ องได้รู้ไปในตัวว่านางนันดีกว่ามู่หรงเสวียเป็ นร้อยเท่าพันเท่า !

ภายใต้แสงอาทิตย์อนั อบอุ่นงดงามทีสาดส่ อง บนถนนทีมีกลินอายโบราณเต็มไปด้วยผูค้ นทีเดินกันขวักไขว่ไป


มาดูคึกครื นวุ่นวาย มู่หรงเสวียค่อย ๆ เดินอย่างช้า ๆ ท่ามกลางเหล่าผูค้ น มองไปทีร้านค้าทังสองฝังฝากถนน
แล้วกล่าวขึนช้า ๆ ว่า “ถนนเส้นนีก็ดูคึกครื นไม่เบา เปิ ดกิจการทีนี ก็คงไม่เลวนัก......”
พวกเขาเสาะหามาแล้วสี ห้าวัน ดูร้านรวงไปแล้วเจ็ดแปดร้าน ทําเลของร้านทังหมดล้วนไม่เลวนัก แต่วา่ ตอนนี
นางเพียงต้องการเปิ ดร้านขายนมโยเกิร์ตเพียงร้านเดียว เพราะฉะนันจะต้องคิดให้ละเอียดรอบคอบว่าจะเปิ ดร้าน
บนถนนสายไหน......

เมือมองไปทีใบหน้าเหนือยล้าของนาง คุณชายโอวหยางก็กล่าวขึนเบา ๆ ว่า “ด้านหน้ามีร้านนําชา พวกเราไปนัง


พักจิบชากันเสี ยหน่อยเถอะ !”

“ตกลง !” มู่หรงเสวียพยักหน้าตอบ นางเดินมาตังนานแล้วแน่ นอนว่ารู ้สึกล้าอยูม่ าก......

“เร็ ว ๆ รี บไปกันเร็ ว......” คนกลุ่มหนึงวิงผ่านนางไปทีละคนสองคน วิงออกไปยังด้านหน้าอย่างเร่ งรี บ......

มู่หรงเสวียกะพริ บตาด้วยความไม่เข้าใจ เรี ยกคนในกลุ่มนันเอาไว้คนหนึง “พีชายท่านนี พวกท่านดูท่าทางเร่ งรี บ


กําลังจะไปทีไหนกันหรื อ ?”

ชายหนุ่ มคนนันกล่าวขึนอย่างเร่ งรี บว่า “ด้านหน้าเปิ ดร้านนมโยเกิร์ตอะไรก็ไม่รู้ นมโยเกิร์ตทีขายรสชาติดีเลิศยิง


นัก ราคาก็เป็ นธรรม อีกทังยังดืมง่ายไม่เหม็นคาว นี พวกเราก็กาํ ลังไปแย่งซื อนมโยเกิร์ต ถ้าไปช้าแล้วก็คงแย่งเอา
มาไม่ได้แน่......”
ตอนที 138 ยัวโมโห

ร้านนมโยเกิร์ตอย่างนันหรื อ มู่หรงเสวียชะงักไป นางไม่ได้ได้ยนิ ผิดไปใช่ไหม ในเมืองหลวงของชิงเหยียนแล้ว


นอกจานางยังมีคนทีทํานมโยเกิร์ตเป็ นด้วยหรื อ

เมือมองเห็นแววตาสงสัยไม่เข้าใจของนาง คุณชายโอวหยางย่นคิวกล่าวขึนเบา ๆ “พวกเราไปดูกนั เถอะ”

“ตกลง !” มู่หรงเสวียพยักหน้าตามกลุ่มคนด้านหน้าไป นางก้าวเดินไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ ว

ชาวชิงเหยียนปกติแล้วจะดืมนมวัวนมแพะบริ สุทธิทีไม่ผา่ นการแปรรู ปเท่านัน อย่างมากก็จะใส่ พวกของเช่น


นําตาลลงไปด้วย เพือทีจะดับกลินคาวของนม น้อยนักทีจะมีคนคิดวิธีการพิถีพิถนั อะไรอืน ๆ ขึนมาอีก

ทังนมโยเกิร์ตนันยังมีตน้ กําเนิดมาจากประเทศบัลแกเรี ย ในต้นศตวรรษที 20 ได้เผยแพร่ ออกไปทัวโลกโดย


นักวิทยาศาสตร์ ชาวรัสเซี ย ถ้าหากคนทีขายนมโยเกิร์ตผูน้ นสามารถใช้
ั ความสามารถของตัวเองคิดค้นนมโยเกิร์ต
ขึนมาได้จริ ง เช่นนันเขาก็จะต้องเป็ นอัจฉริ ยะผูห้ นึ ง......
เมือเลียวโค้งออกมามู่หรงเสวียก็เห็นร้านร้านหนึง ป้ ายทีแขวนไว้ดา้ นบนร้านเขียนไว้ว่า ‘ร้านนมโยเกิร์ต’
ตัวอักษรสี ทองตัวใหญ่สีตัว ด้านหน้าของร้านกําลังรายล้อมไปด้วยผูค้ นมากมาย แต่ละคนต่างชูเงินตําลึง ตะโกน
ร้องเรี ยกกันอย่างวุ่นวาย “ข้าเอาสามแก้ว......”

“ข้าเอาห้าแก้ว......”

“ข้าเอาสิ บแก้ว......”

“อย่าเบียดกัน อย่าเบียดกัน......มีให้ทุกคน มีให้ทุกคน......” ผูจ้ ดั การร้านยืนอยูด่ า้ นหน้าร้าน กล่าวเสี ยงดังขึน


รับรองลูกค้าร้อยกว่าคนอยูด่ า้ นหน้า กําลังยิมหน้าบานไม่หุบ

ห่ างจากร้านออกมาสองเมตรยังตังป้ ายไม้เล็ก ๆ สี นาตาลเอาไว้


ํ ป้ายหนึง ด้านบนเขียนด้วยตัวอักษรสี ดาํ ตัวใหญ่
ว่า ‘สิ นค้าพิเศษจากม่อเป่ ย’ !

แววตาเย็นชาของมู่หรงเสวียหรี ลง นีเป็ นร้านนมโยเกิร์ตทีคนจากม่อเป่ ยเปิ ดขึน ซึ งจากทีผ่านมาจนถึงตอนนี


นางรู ้จกั คนจากแคว้นม่อเป่ ยเพียงคนเดียว ก็คือองค์หญิงม่อเป่ ยฉิ นยวีเยียน......

“คุณชายโอวหยาง คุณหนูมู่หรง !” นําเสี ยงอ่อนหวานของหญิงสาวผูห้ นึงดังขึน มู่หรงเสวียมองตามไปก็เห็น


องครักษ์สองนายกําลังยกเก้าอีไม้ไผ่ค่อย ๆ ก้าวเดินเข้ามาด้านหน้าอย่างช้า ๆ
บนเก้าอีไม้ไผ่มีหญิงสาวนางหนึงกําลังนังอยู่ นางอยูใ่ นชุดสี ขาวนวล ผมสี ดาํ ขลับถูกม้วนยกขึนสู งเป็ นมวยอย่าง
ประณี ต ใบหน้าเรี ยวขาวซี ดไร้เครื องสําอาง แต่กย็ งั คงดูสวยสดงดงามต้องตาผูค้ น นางคือองค์หญิงม่อเป่ ยฉิ นยวี
เยียน

แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหว “ร้านนมโยเกิร์ตนีเป็ นร้านทีองค์หญิงฉิ นเปิ ดเองหรื อ”

“ไม่ผดิ ” ฉิ นยวีเยียนพยักหน้า แววตาของนางเต็มไปด้วยความอวดดี

ความลับทีซ่ งชิงเหยียนบอกนาง ก็คือวิธีการทํานมโยเกิร์ต นางเคยเห็นมู่หรงเสวียดืมนมโยเกิร์ตทีหุ บเขาหวีซาน


รู ้ว่ามันเป็ นของดีกเ็ ลยยอมปล่อยซ่ งชิงเหยียนไป แล้วเอาวิธีการทํากลับไปทีวังแล้วลองทํานมโยเกิร์ตตามวิธีดู
......

“ทีม่อเป่ ยมีนมหมาป่ า มีนมหมี แล้วจะทํานมโยเกิร์ตได้ทีไหนกัน” มู่หรงเสวียเลิกคิวมองไปทีฉิ นยวีเยียน


นําเสี ยงของนางหนาวเหน็บเย็นยะเยือก

“นมโยเกิร์ตนีเป็ นข้าทีคิดขึนมาได้เองโดยบังเอิญ !” ฉิ นยวีเยียนยิมสดใสมองไปทีมู่หรงเสวีย แววตาเต็มไปด้วย


ความท้าทายและเยาะเย้ยอย่างไม่นึกปิ ดบัง หลังจากทีทํานมโยเกิร์ตเสร็ จนางก็ได้ชิมไปอึกหนึง รสชาตินนช่
ั าง
เลิศลําเสี ยจนผูค้ นต้องตกตะลึง !

นางคาดเดาไว้แต่แรกแล้วว่าถ้าพอร้านเปิ ดกิจการขึน ก็น่าจะมีคนจํานวนหนึงมาซื อ แต่พอถึงเวลาทีเปิ ดกิจการ


จริ ง ๆ กลับปรากฏผูค้ นมากมายเช่นนี มาพากันแย่งซื อ ช่างเกินจากทีนางคาดหมายไว้ตงแต่
ั แรกไปมากนัก !
“จริ งหรื อ องค์หญิงฉิ นช่างฉลาดปราดเปรื องยิงนัก !” นําเสี ยงเย็นชาของมู่หรงเสวียแฝงไว้ดว้ ยเสี ยงกัดฟัน

ฉิ นยวีเยียนเป็ นองค์หญิงทีถูกเลียงดูมาอย่างทะนุ ถนอม แน่ นอนว่าไม่มีทางไปเสี ยแรงเสี ยเวลากับการคิดค้นนม


โยเกิร์ต ชัดเจนว่านางจะต้องขโมยวิธีการทํานมโยเกิร์ตจากตัวนางมาอย่างแน่นอน พอทํานมโยเกิร์ตออกมาได้
ยังจะมาพูดว่าเป็ นผลงานทีตัวเองทําขึนมาได้อย่างหน้าตาเฉย ช่างไร้ยางอายจนถึงทีสุ ด......

“คุณหนูม่หู รงกล่าวชมเกินไปแล้ว !” ฉิ นยวีเยียนยิมขึนด้วยรอยยิมสดใส แววตาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน นางรู ้


จากซ่ งชิงเหยียนว่ามู่หรงเสวียเตรี ยมจะเปิ ดร้านขายนมโยเกิร์ต ก็เลยเร่ งรี บทีจะจัดการเรื องราวทังหมด แย่งเปิ ด
กิจการร้านขายนมโยเกิร์ตตัดหน้านางขึนมาก่อน ทังยังจัดทําป้ ายทีเขียนว่าสิ นค้าพิเศษจากม่อเป่ ยขึนมาเป็ นพิเศษ

ถ้าหากมู่หรงเสวียยังเปิ ดร้านขายนมโยเกิร์ตขึนมาอีกก็จะเป็ นการเลียนแบบนาง แน่ นอนว่าพอถึงตอนนันกิจการ


ของนางก็จะไม่ดีเท่านาง แล้วนางก็ค่อยสังการอะไรลงไปเล็กน้อยให้ผคู ้ นคิดว่ามู่หรงเสวียขโมยวิธีการทํานม
โยเกิร์ตไปจากนาง ทีนีชาวบ้านชาวชิงเหยียนก็จะรู ้สึกรังเกียจและดูถูกมู่หรงเสวีย ไม่ว่ามู่หรงเสวียจะอธิบาย
อย่างไรก็จะไม่มีผใู ้ ดเชือ เท่านีกิจการร้านค้าของมู่หรงเสวียก็จะค่อย ๆ แย่ลงแย่ลงเรื อย ๆ

ถ้าหากมู่หรงเสวียปิ ดร้านลงด้วยอารมณ์โกรธเพียงชัววูบ เช่นนันก็ดีตลาดการค้านมโยเกิร์ตทังหมดก็จะ


กลายเป็ นของนาง !

ฉิ นยวีเยียนมองไปทีมู่หรงเสวียอย่างอวดดี พอดีเห็นเข้ากับมู่หรงเสวียทีมองมาทางนาง นางกล่าวขึนช้า ๆ ว่า


“องค์หญิงฉิ นทําไมอยู่ ๆ ถึงอยากได้เปิ ดร้านนมโยเกิร์ตหรื อ”
ผูค้ นชนชันสู งล้วนไม่ขาดเงินตําลึง เคล็ดลับการทําขนมหรื ออาหารล้วนจะเก็บเอาไว้ใช้ในจวน นอกเสี ยจากว่า
จะมีเหตุผลพิเศษบางอย่างถึงค่อยเปิ ดร้านขึนมา

ฉิ นยวีเยียนยิมน้อย ๆ กล่าวขึนอย่างไม่รีบไม่ร้อนนัก “สรรพคุณของนมวัวนันมีมากมาย แต่ว่ารสชาตินนคาว



เกินไป ทําให้ผคู ้ นไม่คอ่ ยนิยมชอบนัก แต่วา่ นมโยเกิร์ตทําขึนมาจากนมวัวทังยังคงไว้ซึงสรรพคุณทังหมดของ
นมวัว นอกจากนี ยังมีรสชาติทีดีขนึ เพือทีจะให้ผคู ้ นมากมายสามารถดืมนมทีมีสรรพคุณครบถ้วน ข้าถึงได้เปิ ด
ร้านนมโยเกิร์ตร้านนี ขึนมา......”

สายตาของบรรดาลูกค้าพากันมองไปทีร่ างของฉิ นยวีเยียน ชืนชมขึนอย่างไม่ขาดปาก “องค์หญิงฉิ นช่างเป็ นคนดี


นัก......”

“ใช่แล้ว ใช่แล้ว.......มีจิตใจคิดเผือแผ่ผอู ้ ืนทังยังไม่เห็นแก่ตวั ......”

“องค์หญิงทีเพียบพร้อมงดงามเช่นนี ช่างเหมาะสมกับจิงอ๋ องยิงนัก......”

คําพูดเชยชมคําแล้วคําเล่าต่างลอยเข้าหู ฉิ นยวีเยียนยิมจนคิวโก่งงอ ในใจรู ้สึกเบิกบานหาใดเปรี ยบ มองไปทีมู่


หรงเสวียด้วยสายตาได้ใจและท้าทาย !
มู่หรงเสวียยิมขึนอย่างเหยียดหยาม ขโมยวิธีการผลิตของผูอ้ ืนเอาไปหาเงินเข้าตัวเอง แล้วยังพูดจาเสี ยสวยหรู มี
หลักการยิงใหญ่ ช่างไร้ยางอายยิงนัก นางมีความคิดต้องการจะยัวยุ ท้าทายและหาเรื องนาง สําหรับเรื องนี ตัวนาง
เองก็ไม่ได้มีความคิดทีจะจัดการนางอย่างช้า ๆ อยูแ่ ล้ว หากนางอยากหาทีตายนัก ได้นางจะส่ งเสริ มนางเอง

“ถ้าพูดเช่นนี วัตถุดิบทีองค์หญิงฉิ นทําให้นมวัวกลายเป็ นนมโยเกิร์ตก็ตอ้ งมาจากม่อเป่ ยทังหมดใช่หรื อไม่ ?”

“แน่นอน !” องค์หญิงฉิ นยิมขึนด้วยรอยยิมสดใส สิ นค้าพิเศษจากม่อเป่ ยไม่ใช่หรื อ แน่ นอนอยูแ่ ล้วว่าต้องใช้


วัตถุดิบทีมาจากม่อเป่ ย ถ้าใช้วตั ถุดิบของชิงเหยียนก็ไม่สมชือน่ ะสิ

“นมโยเกิร์ตมีรสชาติดี ราคาเป็ นธรรม ถ้าคุณหนู มู่หรงต้องการซื อ เพือเป็ นการสมนาคุณช่วงเปิ ดร้านใหม่ ข้า


สามารถลดราคาให้ท่านได้ !”

นมโยเกิร์ตเป็ นมู่หรงเสวียทีทําออกมา ตัวนางขโมยวิธีทาํ มาจากนาง เยาะเย้ยถากถางนางอยูน่ านแล้วยังให้นาง


ต้องเสี ยเงินซื ออีก แน่นอนว่านางจะต้องเกรี ยวกราดจนกระอักเลือด !

ฉิ นยวีเยียนยิมได้ใจมองไปทางมู่หรงเสวียแต่กลับเห็นนางมีสีหน้าเรี ยบเฉย แววตาเย็นชา มุมปากยกขึนเบา ๆ


กล่าวขึนคล้ายยิมคล้ายไม่ยมิ “ขอบพระทัยในความหวังดีขององค์หญิงฉิ น แต่วา่ อาหารของม่อเป่ ยนันทังเย็นทัง
แข็ง หากข้ากินเข้าไปแล้วคงจะไม่สบาย......”

ฉิ นยวีเยียนยิมขึนอย่างเหยียดหยาม ไม่สบายอะไร ? นีชัดเจนว่าตังใจหาข้ออ้างบ่ายเบียง ตัวนางทีท้าทายนางมา


อย่างต่อเนื อง ตอนนี ในใจของนางจะต้องเกรี ยวกราดจนจะปะทุแล้ว......
“ไอ้หยา ท้องของข้าปวดยิงนัก......”

“ท้องข้าก็ปวด......”

“ท้องของข้า......ไอ้หยา ไอ้หยา......ช่างปวดยิงนัก......”

อยู่ ๆ ผูค้ นในฝูงชนพากันนังลงไปกุมท้องทีละคนสองคน เม็ดเหงือผุดออกมาเต็มหน้าผาก แววตาเต็มไปด้วย


ความเจ็บปวดอย่างทรมาน......

“นีมันเกิดอะไรขึน ?” รอยยิมอวดดีของฉิ นยวีเยียนแข็งค้างอยูบ่ นใบหน้า หนังตากระตุกถีรัว ในใจเกิดลาง


สังหรณ์ไม่ดีขนึ “พวกเจ้าได้กินของสกปรกอะไรเข้าไปหรื อไม่ ?”

“มือเช้าก็ผา่ นไปตังหลายชัวยามแล้ว ของอะไรก็ลว้ นยังไม่ได้กินเข้าไป มีแค่เพียงดืมนมโยเกิร์ต......” คนผูห้ นึง


ตอบขึนอย่างไร้เรี ยวแรง เพียงพริ บตาก็นึกขึนได้ จึงเงยหน้ามองไปเห็นผูค้ นทังหมดทีกําลังปวดท้อง ในมือของ
ั มหมดไปแล้วบ้าง เหลืออยูค่ รึ งแก้วบ้าง......
พวกเขาต่างถือแก้วนมโยเกิร์ตทีมีทงดื
ตอนที 139 กําลังเสริมจากม่ อเป่ ย
สิ งของต้องสงสัยอย่างแรกทีทําให้พวกเขามีอาการปวดท้องก็คือนมโยเกิร์ต !

ทันใดนันคนผูน้ นก็
ั เงยหน้ามองไปทีฉิ นยวีเยียน นําเสี ยงเย็นยะเยือก “องค์หญิงฉิ นในนมโยเกิร์ตของท่านทีแท้
ใส่ อะไรลงไปกันแน่ ?”

“ก็มีแค่นมวัวกับวัตถุดิบทีใช้ในการแปรรู ปนิ ดหน่ อย......” ฉินยวีเยียนตอบขึนอย่างรําคาญแล้วถลึงตามองไปที


เขาอย่างดุร้าย

ั เห็นไม่สนใจ กล่าวเสี ยงเย็น “พวกเราทุกคนทีดืมนมโยเกิร์ตเข้าไปล้วนปวดท้องกันถ้วนหน้า ไม่ใช่วา่


คนผูน้ นที
วัตถุดิบทีท่านใช้มีปัญหาหรอกหรื อ......”

“ไม่มีทาง !” ฉิ นยวีเยียนปฏิเสธเสี ยงแข็ง วัตถุดิบทีเขียนไว้บนใบรายการนางดูอย่างละเอียดแล้ว ทังหมดล้วน


เป็ นของทีสามารถกินได้ ไม่ทาํ ร้ายคน......

“เช่นนันทําไมพวกเราทีดืมนมโยเกิร์ตเข้าไปปวดท้องเล่า ?” คนผูน้ นเค้


ั นถามต่อไปอย่างไม่ลดลาวาศอก

“ข้าไม่รู้ !” ฉิ นยวีเยียนถลึงตามองไปทีเขาอย่างอารมณ์ไม่ดี “หลังจากทีทํานมโยเกิร์ตเสร็ จ ข้าเป็ นคนทีชิมมัน


เป็ นคนแรก จนถึงตอนนี ก็ยงั ไม่มีอะไรผิดปกติ......”
“พวกเราหลังจากทีดืมนมโยเกิร์ตเข้าไปแล้วกลับพากันปวดท้องทังหมด ท่านทีเป็ นเจ้าของร้านนมโยเกิร์ตมิใช่ว่า
สมควรทีจะแสดงความรับผิดชอบหรอกรึ !” คนผูน้ นมองไปทางฉิ
ั นยวีเยียนสายตาเย็น

“นีเอ่อ......สิ งของทีทําให้พวกเจ้าปวดท้องอาจจะไม่ใช่นมโยเกิร์ตก็ได้......” แววตาของฉิ นยวีเยียนแววตาหนาว


เหน็บ ถ้าหากนางยอมรับว่านมโยเกิร์ตของนางมีปัญหา หลังจากนี ไปก็จะไม่มีคนมาซื อนมโยเกิร์ตของนางอีก
ถึงแม้วา่ มันจะเป็ นของมีรสชาติดีเพียงไร แต่ถา้ หากมีผลเสี ยต่อผูค้ น พวกชาวบ้านแน่ นอนว่าก็จะไม่นิยมอีก
ต่อไป !

“ข้อเท็จจริ งล้วนปรากฏอยูต่ รงหน้า องค์หญิงยังจะปฏิเสธอีกหรื อ นิสัยใจคอของท่านช่าง......” คนผูน้ นไม่


ั ได้
กล่าววาจาต่อ ปรายตาดูหมินไปทีฉิ นยวีเยียนครังหนึ งแล้วหมุนกายเดินไปทีผูด้ ูแลร้านอย่างช้า ๆ เดินเข้าไป
พร้อมกล่าวขึนเสี ยงดัง “นมโยเกิร์ตเป็ นของทีมีไว้ให้ใช้เฉพาะชนชันสู ง ผูน้ อ้ ยเป็ นเพียงประชาชนคนธรรมดา
คงไม่มีวาสนาต่อมันอีก ทีข้ายังมีนมโยเกิร์ตทียังไม่ได้เปิ ดฝาอยูอ่ ีกหลายแก้ว รบกวนผูด้ ูแลร้านซื อคืนกลับไป
เถอะ......”

“ข้าก็คืน......”

“ข้าก็คืน ข้าก็คืน......”

เหล่าฝูงชนพากันกรู เข้าไปล้อมรอบด้านหน้าของร้านโยเกิร์ตยืนแก้วนมโยเกิร์ตขึนแล้วตะโกนขอคืนเงิน
“อย่าเพิงใจร้อน ทุกคนใจเย็น ๆ ก่อน......” เมือเห็นด้านหน้ามีแขนยืดยาวออกโบกไปมา สี หน้าของผูด้ ูแลร้านก็
กลายเป็ นสี เขียวคลํา เมือครู่ ยงั พากันดีใจอยูเ่ ลยตอนนี กลับกลายเป็ นเกรี ยวกราดโวยวายเสี ยแล้ว เขาอดทีจะถอน
หายใจในใจไม่ได้

ผูค้ นทีอยูใ่ กล้เคียงล้วนรู ้แล้วว่านมโยเกิร์ตมีปัญหา ไม่วา่ จะนมโยเกิร์ตทีถูกคืนกลับมาหรื อว่านมโยเกิร์ตที


เหลืออยู่ ต่อไปก็คงขายไม่ออกแล้ว มันมีตงหลายร้
ั อยขวดเชียวนะ จะต้องเสี ยไปเปล่า ๆ ไปเช่นนีน่ ะหรื อ......

“ทีบ้านของข้าผูเ้ ฒ่ายังมีธุระ คงรอต่อไปไม่ได้แล้ว นี นมโยเกิร์ตของเจ้า ข้าผูเ้ ฒ่าขอหยิบเอาเงินเองแล้วกัน !”


ชายผูห้ นึ งทียืนอยูด่ า้ นหน้าโต๊ะเอาแก้วนมโยเกิร์ตสามแก้วโยนไปบนโต๊ะแล้วเอือมมือไปหยิบเงินในลินชักเก็บ
เงินออกมาหลายตําลึงแล้วเดินเบียดเสี ยดออกจากฝูงชนไปอย่างลอยนวล !

“ทีบ้านข้าก็ยงั มีธุระ ไม่สามารถรอนานได้......” ฝูงชนก็ตะโกนเลียนแบบขึนเสี ยงดัง เอานมโยกิร์ตโยนไว้บน


โต๊ะแล้วยืนมือออกไปหยิบเงินในลินชักเก็บเงิน ชัวเวลานันผูด้ ูแลร้านทีถูกบรรดาแขนทียืนเข้ามาผลักจน
กระเด็นออกไปอีกด้านหนึง บรรดามือเหล่านันพากันยือยุดฉุ ดกระชากยืนเข้าไปในลินชัก คว้าหยิบเงินกันอย่าง
ชุลมุนวุ่นวาย ลินชักเก็บเงินถูกลือค้นจนเละเทะ

เมือได้ยนิ เสี ยงเคร้งเคร้งเคร้งหลายเสี ยงดังขึน เงินตําลึงนับไม่ถว้ นตกลงจากลินชักร่ วงหล่นลงสู่ พืน ชาวบ้านที


ละโมภโลภมากพากันกระโดดเข้าไปในโต๊ะเก็บโกยเงิน เพียงพริ บตาร้านนมโยเกิร์ตทังด้านนอกและด้านใน
กลายเป็ นชุลมุนวุ่นวาย
ชาวบ้านเบียดเสี ยดเข้าหา เจ้าผลักข้าดัน ทําเอาองครักษ์ทีแบกเก้าอีทังสองคนถูกเบียดเข้าไปอยูใ่ นมุมหนึง แรง
เบียดทําเก้าอีทีฉิ นยวีเยียนนังอยูล่ ม้ ลง ฉิ นยวีเยียนทีไม่ทนั ระวังพุ่งตกลงไปบนพืนความเจ็บปวดอันแหลมคมพุ่ง
เสี ยดแทงไปทัวทังร่ างกายจนนางต้องขมวดคิว

เจ้าพวกขอทานทีโลภมากรอให้นางไปจากทีนี เสี ยก่อนเถอะ นางจะต้องไปฟ้ องร้องทีศาลซุ่ นเทียนให้มาจับพวก


เขาทังหมดไปสังสอน !

ฉิ นยวีเยียนคิดอ่านขึนด้วยความโหดเหี ยมเตรี ยมทีจะร้องเรี ยกองครักษ์เสี ยงดัง อยู่ ๆ ชาวบ้านผูห้ นึงอก็สะดุดก้าว


ถอยออกมาหลายก้าวแล้วบังเอิญเหยียบลงบนแขนของนางอย่างแรง

“อ้า !” ฉิ นยวีเยียนกรี ดร้องเสี ยงดังลัน เพียงพริ บตาก็ถูกกลบลงด้วยเสี ยงของความวุน่ วายของผูค้ น

ชาวบ้านคนแล้วคนเล่าต่างเบียดเสี ยดผลักดันกันไปมาอยูข่ า้ งกายของฉิ นยวีเยียน เข้า ๆ ออก ๆ เดียวก็เหยียบนาง


เตะนาง แขนและขาของนางล้วนได้รับบาดเจ็บไม่สามารถยืนได้อย่างมันคง ยิงดินรนยิงถูกเหยียบและเตะหนัก
ขึน !

ฉิ นยวีเยียนเงยหน้ามองไป สายตาทีเต็มไปด้วยความเกลียดชังและเกรี ยวกราดทะลุผา่ นฝูงชน มองไปทีมู่หรง


เสวียทีอยูไ่ ม่ไกลนัก ก็เห็นนางยืนอยูร่ ิ มขอบของถนน และกําลังมองมาที ‘นาง’ อย่างเรี ยบเฉยพร้อมกับยกมุม
ปากขึนบาง ๆ ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็ลว้ นเป็ นการเยาะเย้ยและดูถูกนางแน่ นอน......
แววตาของฉิ นยวีเยียนลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ มู่หรงเสวียกําลังหัวเราะเยาะนาง เมือมองไปทีนางทีอยูใ่ นท่าทาง
สบาย ๆ คล้ายกับรู ้ตงแต่
ั แรกว่าจะต้องเกิดเรื องกับตัวนาง......วิธีการทํา จะต้องเป็ นวิธีการทําแน่ ทีมีปัญหา......

มู่หรงเสวียยกยิมเย็นชา กระบวนการและขันตอนการทํานมวัวให้เป็ นโยเกิร์ตล้วนอยูใ่ นหัวของนาง จะต้องการ


ใบรายการทีเขียนวิธีการทําเพืออะไรกัน นางคาดเดาได้แต่แรกแล้วว่าแม่ลูกแซ่ ตจู ้ ะต้องโลภมากต้องการสิ งของ
ทีเป็ นของนาง ก็เลยเขียนใบรายการทีมีวิธีการทําอยูด่ า้ นบนแล้วมอบโอกาสให้พวกเขาขโมยออกไป ตอนแรก
คิดว่าคนทีหลงกลจะเป็ นแซ่ ตูก้ บั มู่หรงเจียนเสี ยอีก แต่คาดไม่ถึงว่าจะกลับกลายเป็ นฉิ นยวีเยียน......

“นีเจ้าทําตุกติกอะไรไว้บนใบรายการวิธีการทําหรื อ ?” คุณชายโอวหยางพูดขึนด้วยความเรี ยบเฉยมองไปทีมู่หรง


เสวีย พอได้ยนิ ว่ามีร้านนมโยเกิร์ตเปิ ดกิจการเขาก็เดาออกแล้วว่าจะต้องมีคนขโมยวิธีการทํานมโยเกิร์ตของมู่
หรงเสวียแน่

“ข้าก็ไม่ได้ทาํ อะไรมาก แค่เขียนวัตถุดิบชนิดพิเศษไม่กีอย่างใส่ ลงไปบนใบรายการเท่านัน......” มู่หรงเสวียยกยิม


ขึนอย่างสดใส ผูค้ นของชิงเหยียนจะกินอาหารทีนิ มและร้อน แต่วตั ถุดิบทีนางเขียนบนใบรายการล้วนเป็ นของ
เย็นและแข็ง พอใส่ พวกมันลงไปในนมโยเกิร์ต ก็จะทําให้กระเพาะลําไส้ของคนรู ้สึกไม่ดีจนทําให้เกิดอาการ
ปวดท้อง......

สิ งของของนาง จะยอมให้ถูกขโมยไปง่าย ๆ ได้อย่างไรกัน แต่ถึงแม้วา่ จะถูกขโมยไปได้ พวกคนทีเอาไปก็จะไม่


มีทางได้ใช้มนั อย่างมีความสุ ข !

คุณชายโอวหยางพยักหน้าน้อย ๆ แล้วค่อย ๆ ปรายตามองไปทีป้ ายไม้ดา้ นบนของร้าน “ร้านนมโยเกิร์ตร้านนี


ของฉิ นยวีเยียนก็คงจะพังไม่เป็ นท่าเสี ยแล้ว !”
“นางทําให้ชาวบ้านปวดท้องมากมายขนาดนัน พวกชาวบ้านไม่รือร้านของนางทิง ก็ถือว่าไว้หน้านางมากแค่
ไหนแล้ว......” มู่หรงเสวียกล่าวขึนช้า ๆ แววตาเต็มไปด้วยความสะใจ

เปิ ดกิจการร้านนมโยเกิร์ตวันแรกก็สร้างเรื องทําให้ชาวบ้านไม่พอใจจนต้องปิ ดร้านลง ช่างเป็ นเรื องทีน่ าตลก


ขบขันยิงนัก ในทีสุ ดฉิ นยวีเยียนก็โด่งดังเลืองลือในชิงเหยียนขึนอีกครัง แต่ว่าน่าเสี ยนักทีมันเป็ นเรื องน่าอับอาย
ขายหน้า ดูสิวา่ หลังจากนี ไปนางจะกล้าขโมยของทีเป็ นของนางอีกหรื อไม่......

มู่หรงเสวียเลิกคิวมองไปทีฉิ นยวีเยียน ก็เห็นนางกําลังกลิงไปกลิงมาอยูบ่ นพืน กรี ดร้องเสี ยงดัง “ใครก็ได้...ใครก็


ได้ช่วยด้วย......”

เสี ยงแหวกอากาศบางเบาดังขึนสายหนึง พร้อมกับสายลมรุ นแรงสายหนึ งทีพุ่งผ่านบรรดาเหล่าชาวบ้านมา ได้


ยินเสี ยง ‘ปั ง’ ดังขึน พวกชาวบ้านหลายคนถูกโจมตีจนกระเด็นออกไปไกล พืนแข็งด้านล่างถูกผลกระทบจาก
การโจมตีจนเกิดเป็ นหลุมบ่อขนาดใหญ่เล็กมากมาย ชัวขณะนันเศษฝุ่ นควันฟุ้ งกระจายไปทัว ผูค้ นทีกําลังชุลมุน
วุ่นวายพริ บตากลายเป็ นเงียบสงบลง

ั ใ่ นชุดสี นาตาลทองด้
เงาร่ างองอาจสายหนึ งร่ อนลงมาจากบนฟ้ า ลอยลงไปทีด้านหน้าของผูค้ น คนผูน้ นอยู ํ านบน
ปักไว้ดว้ ยลวดลายก้อนเมฆทีวิจิตรงดงาม แววตาเต็มไปด้วยความแข็งกระด้างและหยิงยโส

สายตาเห็นฉินยวีเยียนทีล้มอยูบ่ นพืนแววตาแข็งกระด้างกลายเป็ นมืดครึ มลง “ท่านพีหญิง !”

“น้องชายรัชทายาท ในทีสุ ดเจ้าก็มา !” ฉิ นยวีเยียนรู ้สึกยินดีจนนําตาไหลอาบลงไปบนใบหน้า......


ตอนที 140 องค์ รัชทายาทแห่ งม่ อเป่ ยทีอันตราย
มวยผมทีงดงามของฉิ นยวีเยียนล้วนหลุดลุ่ยออกจากกัน ผมยาวสี ดาํ ขลับพันกันจนดูยงุ่ เหยิง ชุดสี ขาวนวลก็ขาด
ออกยับยูย้ ี เผยให้เห็นเสื อส่ วนในสี แดงตรงหน้าอก ภาพตรงหน้าช่างดูล่อแหลมนัก ชายกระโปรงก็เต็มไปด้วย
เศษดิน ทังยังมีรอยเท้าสี ดาํ จาง ๆ สิ บกว่ารอยประทับอยูด่ า้ นบนซ้ายบ้างขวาบ้าง สภาพท่าทางดูน่าอนาถเท่าที
ผูค้ นจะนึกคิดได้

องค์รัชทายาทฉิ นมองนางอย่างผูท้ ีอยูส่ ู งกว่า แววตาของเขาแข็งกระด้างวูบไหวไปด้วยความเย็นยะเยือก “ท่านพี


หญิงพวกเราไม่ได้เจอกันแค่สองเดือน เหตุใดท่านถึงได้มีสภาพน่าอนาถเช่นนี ?”

“เพราะว่ามีคนวางแผนทําร้ายข้า !” ฉิ นยวีเยียนกัดฟันพูดแล้วเงยหน้ามองไปทีมู่หรงเสวีย แววตาเต็มไปด้วย


ความคมกริ บเย็นยะเยือกเหมือนกําลังพูดว่า “กําลังเสริ มของข้ามาแล้วเจ้าเตรี ยมตัวโชคร้ายได้เลย ?”

มู่หรงเสวียไม่สนใจ “ถ้าพวกเจ้ามีปัญญาก็รีบใช้ออกมาเสี ยเถอะ !” ทีนี เป็ นเมืองหลวงของชิงเหยียน องค์รัช


ทายาทของม่อเป่ ยมาอยูท่ ีนียังจะสามารถพลิกฟ้ าพลิกแผ่นดินได้อีกหรื อ ไม่ว่าจะใช้วิธีการใดนางก็จะจัดการ
ตอกกลับไปให้หมดก็พอแล้ว

“ถ้าหากว่าข้าบอกชาวบ้านพวกนี ว่านมโยเกิร์ตเป็ นเจ้าทีเป็ นคนคิดค้นขึนมา เจ้าว่าพวกเขาจะกดเจ้าลงพืนและ


ทุบตีเจ้าจนเสี ยโฉมหรื อไม่ ?” ฉิ นยวีเยียนมองไปทางมู่หรงเสวียอย่างเกลียดชัง แววตาเต็มไปด้วยความอํามหิ ต
อาการบาดเจ็บของนาง และสภาพอนาถน่ าอับอายของนางทีเป็ นอยูต่ อนนีล้วนเป็ นมู่หรงเสวียทีมอบให้ นางไม่มี
ทางปล่อยมู่หรงเสวียไว้แน่
มู่หรงเสวียยกยิมขึนอย่างเย้ยหยัน “เมือครู่ นีไม่ใช่องค์หญิงทีพูดขึนอย่างเชิดหน้าชูตาว่านมโยเกิร์ตเป็ นสิ นค้า
พิเศษของม่อเป่ ยทีท่านทํามันขึนมาเองหรอกหรื อ เหตุใดจึงกลายเป็ นข้าทีเป็ นคนทํามันขึนมาได้เล่า ? ถ้าหากเจ้า
เอาเรื องเช่นนีป่ าวประกาศออกไปจริ ง ๆ บรรดาเหล่าชาวบ้านไม่เพียงจะไม่เชือเท่านัน คงจะดูหมินเจ้าทีพูดจามัว
ซัว ทําเรื องผิดพลาดแล้วไม่เพียงไม่รับผิดชอบ แต่ยงั จะโยนความผิดไปใส่ ร้ายผูค้ นอีก......”

“เจ้า......” ฉินยวีเยียนชีนิ วไปทีมู่หรงเสวีย นางโมโหจนพูดไม่ออก ตอนนันนางก็แค่ตอ้ งการขัดขวางทางถอย


ของมู่หรงเสวียทําให้ม่หู รงเสวียไม่สามารถจะแย่งชิงตลาดการค้าขายนมโยเกิร์ตไปได้ ไหนเลยจะไปคิดว่าใบ
รายการวิธีทาํ แผ่นนันจะมีปัญหา......

มู่หรงเสวียปรายตามองนางครังหนึ ง แล้วสบถขึนอย่างดูถูก “ถ้าหากข้าเป็ นเจ้า ข้าก็จะรี บกลับไปทีวังเก็บตัวเอง


อยูใ่ นห้องสงบจิตสงบใจ ทําร้ายผูค้ นมากมายขนาดนี แล้วไม่รู้จกั ละอายใจยังเชิดหน้าชูตาอยูท่ ีนี ต่อได้อีก ไม่อบั
อายผูค้ นบ้างหรื ออย่างไรกัน......”

“เจ้า !” อารมณ์ของฉิ นยวีเยียนคุกรุ่ น สายตาทีมองมู่หรงเสวียนันเต็มไปด้วยไฟแค้นจนแทบจะสามารถพ่น


ออกมาได้

มู่หรงเสวียไม่แยแส นางเงยหน้ามองไปทีด้านหน้าก็เห็นองครักษ์ของม่อเป่ ยนับสิ บนายลอยลงมาจากบนฟ้ าแล้ว


พากันหันไปทีชายหนุ่ มผูน้ นอย่
ั างพร้อมเพรี ยง “องค์รัชทายาท !”

องค์รัชทายาทฉิ นตอบรับเบา ๆ ก้มลงไปอุม้ ฉิ นยวีเยียนขึนมาวางลงบนเก้าอีทีอยูด่ า้ นข้าง แล้วกล่าวขึนเสี ยงเย็น


“ส่ งองค์หญิงยวีเยียนกลับวังจิงอ๋ อง”
“พ่ะย่ะค่ะ!” เหล่าองครักษ์ต่างรับคําสังแล้วค่อยยกเก้าอีไม้ไผ่ขนอย่
ึ างมันคง

ฉิ นยวีเยียนถลึงตามองมู่หรงเสวียอย่างเกลียดชังครังหนึง แล้วร่ างของนางจึงถูกพาออกไปด้านหน้าด้วยความไม่


เต็มใจ

องค์รัชทายาทฉิ นหมุนกายหันมองไปทีคุณชายโอวหยาง เขาเดินแหวกผ่านฝูงชนเข้ามาแล้วกล่าวทักทายขึน


อย่างเคร่ งขรึ ม “คุณชายโอวหยาง !”

“องค์รัชทายาทฉิ น !” คุณชายโอวหยางมองไปทีเขากล่าวขึนด้วยนําเสี ยงราบเรี ยบ

“ท่านพีหญิงร่ างกายได้รับบาดเจ็บ ข้าคงต้องขอตัวก่อน ไว้พวกเราค่อยพบกันใหม่” องค์รัชทายาทฉิ นกล่าวขึน


ด้วยนําเสี ยงเคร่ งขรึ ม

“องค์รัชทายาทฉิ นเชิญตามสบายเถอะ” ในนําเสี ยงทุม้ ของคุณชายโอวหยางนันแฝงไว้ดว้ ยความห่ างเหิ นและ


เรี ยบเฉย

“ขอลา !” องค์รัชทายาทฉิ นกล่าวเสี ยงตําแล้วหมุนกายจากไปอย่างช้า ๆ ตอนทีจากไปเขาปรายตามองไปทีมู่หรง


เสวียตาหนึ ง ดวงตาดําขลับวูบไหวไปด้วยความอํามหิ ตและชัวร้ายทีหนาแน่น มองดูจนมู่หรงเสวียต้องหลังเหงือ
เย็นออกมา ไอหนาวเหน็บเย็นยะเยือกไหลซึ มเข้าสู่ แผ่นหลังเพียงพริ บตาก็แผ่ซ่านไปทัวร่ าง ทังร่ างของนาง
เหมือนตกลงไปในก้อนนําแข็งจนความหนาวเหน็บนันแทรกผ่านเข้าทะลุถึงกระดูก......

ทันใดนันคุณชายโอวหยางก็รู้สึกถึงความผิดปกติของนาง เขากํามือแน่นเข้าทีมือเย็นเยียบของนาง แววตาลึกลํา


เต็มไปด้วยความเป็ นห่ วง “เจ้าเป็ นอะไรไป ?”

“ไม่เป็ นอะไร” ทันใดนันมู่หรงเสวียก็หลุดจากภวังค์ นางเพียงยิมขึนบาง ๆ มองไปทีแผ่นหลังขององค์รัชทายาท


ฉิ นทีค่อย ๆ ไกลออกไป แววตาวูบไหวไปด้วยความครุ่ นคิดไตร่ ตรอง “องค์รัชทายาทของม่อเป่ ยผูน้ ีดูแล้วไม่
ธรรมดานัก !”

คุณชายโอวหยางปรายตามองไปทีองค์รัชทายาทฉิ น แล้วกล่าวขึนเบา ๆ “เขามีชือว่าฉิ นเฮ่าเหยียน เป็ นบุตรชาย


ของฮองเฮาแห่ งแคว้นม่อเป่ ย นิสัยโหดเหี ยมดุร้าย......”

“มีฐานะเป็ นองค์รัชทายาทแห่ งแคว้นม่อเป่ ย ไม่ใช่ว่าเขาควรอยูท่ ีวังหลวงของม่อเป่ ยเพือแบ่งเบาภาระของแคว้น


หรอกหรื อ เหตุใดถึงได้ถ่อมาทีเมืองหลวงของแคว้นชิงเหยียนของพวกเราได้” มู่หรงเสวียไต่ถามเสี ยงเบา แววตา
เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ

“แน่นอนว่าต้องมาหาฉิ นยวีเยียน” แววตาของคุณชายโอวหยางลําลึก “ฉิ นยวีเยียนเป็ นบุตรสาวทีฮ่องเต้ของ


แคว้นม่อเป่ ยโปรดปรานมากทีสุ ด เจ้าสังหารองครักษ์เงาของนางทังยังจัดการนางจนเสี ยยับเยินเช่นนัน เพียงแค่
นางฟ้ องไปทีหน้าพระพักตร์ ของฮ่องเต้แห่ งแคว้นม่อเป่ ย ฮ่องเต้ผนู ้ ันแน่ นอนว่าจะต้องส่ งกําลังเสริ มมาช่วยเหลือ
นาง......”
มู่หรงเสวียกะพริ บตา “พูดเช่นนี ก็หมายความว่าฉิ นเฮ่าเหยียนนันมาช่วยนางต่อกรกับข้าอย่างนันหรื อ !”

“ไม่ผดิ ” คุณชายโอวหยางพยักหน้าแววตาเต็มไปด้วยความหนักใจทีน้อยนักจะมี “คราวหลังเจ้าคงต้องระวังตัว


แล้ว วิธีการทีฉิ นเฮ่าเหยียนใช้จดั การผูค้ นนันช่างโหดเหี ยมนัก......”

“ข้ารู ้แล้ว !” มู่หรงเสวียพยักหน้าหนัก ๆ มองไปทีสายตาของฉิ นเฮ่าเหยียนนางก็รู้แล้วว่าฉิ นเฮ่าเหยียนนันไม่ใช่


คนทีมีจิตใจอ่อนโยนอะไรนัก แต่ว่า ฉิ นเฮ่าเหยียนเป็ นองค์รัชทายาทแห่ งแคว้นม่อเป่ ย เขาทีอยูใ่ นชิงเหยียนก็
ไม่ได้มีสิทธิพิเศษอะไรทีจะสามารถทําการอุกอาจได้ เขาทีอยากจะจัดการนางก็คงไม่ง่ายดายเช่นกัน

“เจ้ากับฉิ นเฮ่าเหยียนมีความสัมพันธ์กนั เช่นไรบ้าง ?” มู่หรงเสวียมองไปทีคุณชายโอวหยางด้วยแววตาวูบไหว

“เพียงรู ้จกั กันแค่ผวิ เผินเท่านัน !” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนนําเสี ยงราบเรี ยบ

“เหตุใดความสัมพันธ์ถึงได้จืดจางเช่นนี เล่า” มู่หรงเสวียขมวดคิวมองไปทีคุณชายโอวหยาง กล่าวขึนหยอกล้อ


เขาอย่างขํา ๆ “ฉิ นเฮ่าเหยียนเป็ นถึงองค์รัชทายาทแห่ งแคว้นม่อเป่ ย ในอนาคตอาจได้เป็ นถึงเจ้าของแคว้นแคว้น
หนึ ง ทําไมเจ้าถึงไม่สานสัมพันธ์กบั เขาให้สนิทสนมมากกว่านี......”
“ข้าทีท่องเทียวผ่านแต่ละแว่นแคว้น จะคบค้าสมาคมเพียงแต่กบั คนทีถูกใจเท่านัน คนทีมองแล้วขัดตาแต่ไหน
แต่ไรมาข้าก็ลว้ นแต่ไม่สนใจ !” คุณชายโอวหยางปรายมองนางตาหนึ ง กล่าวด้วยนําเสี ยงภาคภูมิ เขานันไม่ได้
สนใจหรื อชอบใจในตัวฉิ นเฮ่าเหยียน ดังนันเขาก็จะขีเกียจไปสนใจ ‘เขา’ !

ไม่ผดิ ทีเป็ นคุณชายเซี ยวเหยาอ๋ อง แม้กระทังการคบเพือนก็ยงั มีขอ้ แม้จุกจิกวุ่นวาย

มู่หรงเสวียยูป่ ากปรายตามองดวงอาทิตย์บนท้องฟ้ าทีท่อแสงเจิดจ้า แล้วกล่าวขึนช้า ๆ “นีก็สายมากแล้วพวกเรา


กลับกันเถอะ !”

“กลับ ?” คุณชายโอวหยางชะงักไปครู่ หนึง “เจ้าไม่หาร้านค้าต่อแล้วหรื อ ?”

“ไม่หาแล้ว” มู่หรงเสวียส่ ายหน้า กล่าวขึนช้า ๆ “นมโยเกิร์ตก็ถูกฉิ นยวีเยียนทําให้ชือเสี ยงเหม็นโฉ่ เสี ยขนาดนัน


ถ้าหากข้ายังเปิ ดร้านนมโยเกิร์ตอีกไม่เพียงจะค้าขายไม่ดีแล้วยังจะต้องถูกชาวบ้านพากันสงสัยอีก เรื องราวทีทํา
แล้วไม่เป็ นประโยชน์เช่นนี ข้าก็ขเกี
ี ยจจะไปทํามัน พวกเรารี บกลับจวนเถอะ ถ้าหากข้าคาดเดาไม่ผดิ ทีจวนเจินกัว
โหวจะต้องมีละครทีน่ าดูชมกําลังแสดงอยูแ่ น่ !”

“ละครอะไรหรื อ ?” คุณชายโอวหยางเลิกคิวมองไปทีนาง

“ไปถึงแล้วเจ้าก็จะรู ้เอง” มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ ท่าทางอมภูมิ แล้วลากคุณชายโอวหยางออกไปด้านหน้าอย่าง


รวดเร็ ว
พอเดินเข้าไปในจวนเจินกัวโหว มู่หรงเสวียกับคุณชายโอวหยางไม่ได้กลับไปทีเรื อนหิ มะโปรย แต่ว่ากลับเดิน
เลาะไปตามทางหิ นจนมาถึงรอบนอกของเรื อนพํานักของชิงเหยียน แล้วค่อยพากันกระโดดขึนไปซ่ อนกายบน
ต้นไม้ใหญ่ตน้ หนึงอย่างเงียบ ๆ

ต้นไม้ใหญ่อยูต่ รงข้ามกับห้องของซ่ งชิงเหยียนพอดิบพอดี กิงไม้และใบไม้ทีหนาแน่ นบดบังทังสองคนเอาไว้


ั คนแอบซ่ อนอยู่ พวกนางทังสองมองผ่านใบไม้
อย่างมิดชิดเสี ยจนคนภายนอกไม่มีทางมองออกว่าบนต้นไม้นนมี
สี เขียวรวมถึงหน้าต่างทีเปิ ดออกเข้าไปก็สามารถมองเห็นทุกซอกทุกมุมในห้องของซ่ งชิงเหยียน

พอถึงเวลายามอู่ เหล่าสาวใช้ลว้ นถูกสังให้ออกไป ห้องด้านในทีโออ่าใหญ่โตเหลือเพียงแต่ซ่งชิงเหยียนแค่เพียง


ผูเ้ ดียว นางใส่ ชุดสี เขียวอ่อน เส้นผมสี ดาํ ถูกม้วนขึนเป็ นมวยรู ปทรงวิจิตรงดงาม เครื องประดับมุกลําค่ายิงเสริ ม
ให้ใบหน้าเรี ยวเล็กของนางยิงเปล่งประกายงดงามมากยิงขึน ใบหน้าของนางถึงจะซี ดขาวแต่สีหน้ากลับดูดีไม่
น้อย เดินไปเดินมาในห้องด้วยท่าทางร่ าเริ งเบิกบานใจ

ร้านนมโยเกิร์ตของฉิ นยวีเยียนคงเปิ ดกิจการแล้ว ลูกค้าทีเข้าไปซื อจะต้องมีมากมาย นางจะรํารวยแล้ว......ฮ่าฮ่า


นันเป็ นถึงวิธีการทํานมโยเกิร์ตทีมู่หรงเสวียคิดค้นขึน ตอนนีนางคงยังไม่รู้ว่ามันหายไป......นีนางควรทีจะไป
เรื อนหิ มะโปรยเพือปล่อยข่าวให้นางรู ้ดีหรื อไม่ จะได้ทาํ ให้นางโกรธจนแทบกระอักเลือด......

ซ่งชิงเหยียนคิดขึนด้วยความสะใจ อยู่ ๆ ก็ได้ยนิ เสี ยง ‘ปั ง’ ดังขึนเสี ยงหนึ ง ประตูทีปิ ดสนิ ทอยูถ่ ูกคนเปิ ดออก
อย่างแรง เงาร่ างสายหนึงก้าวยาวๆเข้ามาด้านใน......
ตอนที 141 ทุบตีซ่งชิงเหยียน

ผูม้ าเป็ นชายหนุ่ มผูห้ นึง เขาอยูใ่ นชุดองครักษ์สีนาตาล


ํ ข้างเอวสะพายดาบ รู ปลักษณ์ธรรมดาสามัญ เดินเข้าไป
หาซ่ งชิงเหยียนทีละก้าวทีละก้าว

“เจ้าเป็ นใคร” แววตาของซ่ งชิงเหยียนสันไหวตวาดขึนเสี ยงดัง จากนันสายตาก็เห็นองครักษ์สองนายยกเก้าอีไม้


ไผ่ตวั หนึงตามเข้ามา บนเก้าอีไม้ไผ่มีหญิงสาวผูห้ นึงทีอยูใ่ นชุดสี แดงสดตัวใหญ่นงอยู
ั ่ เส้นผมถูกรวบขึนเป็ น
ทรง ใบหน้าขาวซี ด เป็ นองค์หญิงม่อเป่ ยฉิ นยวีเยียน

ซ่งชิงเหยียนมองไปทีนางด้วยความแปลกใจ “องค์หญิงฉิ น !” ตอนนี มิใช่ว่านางควรอยูท่ ีร้านนมโยเกิร์ตดูชม


ชาวบ้านทีพากันแย่งซื อนมโยเกิร์ตหรอกหรื อ ทําไมถึงมาทีเรื อนพํานักของนางได้

ฉิ นยวีเยียนมองไปทีนางด้วยสายตาเย็นยะเยือก พร้อมกับกล่าวขึนเสี ยงดัง “ทุบตีนางให้แรง ๆ เดียวนี !”

“พ่ะย่ะค่ะ !” องครักษ์รับคําสังยืนมือออกไปกระชากปกเสื อของซ่ งชิงเหยียนแล้วตบหน้านางซ้ายทีขวาทีอย่าง


แรง
“เพียะ เพียะ เพียะ !” ฝ่ ามือตบลงทีใบหน้าของนางถีรัวดังห่ าฝน ตบจนหน้าของนางหัน หันไปทางซ้ายที หันไป
ทางขวาที แล้วตบหน้าหันกลับมาอีกที จนซี กหน้าด้านซ้ายขวาของนางรู ้สึกปวดแสบปวดร้อนจนใกล้จะไร้
ความรู ้สึกอยูเ่ ต็มที ในปากล้วนเต็มไปกลินคาวจากเลือดทีซึ มออกมา

ทันใดนันซ่งชิงเหยียนก็ตืนขึนจากภวังค์ มองไปทางฉิ นยวีเยียนอย่างร้อนรนกระวนกระวาย “องค์หญิงฉิ น ชิงเห


ยียนทําผิดอะไรกัน เหตุใดท่านต้องสังให้คนตีขา้ ด้วย ?”

“เพราะว่าวิธีการทํานมโยเกิร์ตทีเจ้ามอบให้ขา้ นันเป็ นของปลอม !” ฉิ นยวีเยียนตอบกลับเสี ยงดัง แววตาของนาง


ลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ เพราะว่าวิธีทาํ นมโยเกิร์ตปลอมนันนางจึงถูกพวกชาวบ้านชันตําหัวเราะเยาะ อีกทังยังด่า
ว่าสาปแช่ง ชือเสี ยงถูกทําลายย่อยยับ ตลอดทางทีผ่านมาผูค้ นล้วนชีไม้ชีมือใส่ นาง กระซิ บกระซาบนิ นทา
ชือเสี ยงของนางเหม็นโฉ่ แพร่ สะพัดไปทัวเมืองหลวงของชิงเหยียนแล้ว !

วิธีทาํ นมโยเกิร์ตปลอมนันเป็ นซ่ งชิงเหยียนทีมอบให้นาง นางทีถูกผูค้ นวิพากษ์วิจารณ์ ถูกผูค้ นหัวเราะเยาะ


เพราะซ่ งชิงเหยียนทีเป็ นตัวต้นเรื อง อย่าหวังว่านางจะหนี รอดไปได้ !

อะไรนะ ? วิธีการทํานมโยเกิร์ตเป็ นของปลอมอย่างนันหรื อ ?

ซ่งชิงเหยียนตืนตกใจ สาวใช้ทีขโมยวิธีการทํามานันเป็ นคนของท่านยาย ไม่มีทางทีจะหลอกนางแน่ เช่นนัน


ความน่าจะเป็ นหนึ งเดียวก็คือ “เป็ นมู่หรงเสวีย......จะต้องเป็ นมู่หรงเสวียทีตังใจให้ขา้ ขโมยวิธีทาํ ของปลอมมา
......”
“เช่นนันแล้วอย่างไร ? สุ ดท้ายข้าก็ได้รับวิธีการทํามาจากเจ้า !” ฉิ นยวีเยียนเลิกคิวมองไปทีนาง แววตาเต็มไป
ด้วยความดูถกู เหยียดหยาม นางล้วนยังไม่ได้ตรวจสอบว่าวิธีการทํานันเป็ นของจริ งหรื อปลอม แต่ก็กล้าเอามัน
มามอบให้นาง ช่างโง่งมจนถึงทีสุ ด “ตีนางต่อไป !”

“พ่ะย่ะค่ะ !” ทหารองครักษ์กล่าวตอบรับเสี ยงตําเตะไปทีซ่ งชิงเหยียนอย่างแรง เตะนางจนล้มลงไปทีพืน ความ


เจ็บปวดแหลมคมแล่นขึนมาจากหน้าอก เจ็บจนดวงหน้าซี ดขาว เม็ดเหงือผุดขึนเต็มหน้าผาก......

องครักษ์เห็นแต่ไม่สนใจ เตะนางไปอีกหนึงที เตะนางจนกลิงออกไปไกลสามสี เมตรแล้วกระแทกเข้ากับโต๊ะ


อย่างแรง ความเจ็บปวดแล่นปลาบขึนมาจากแผ่นหลัง เจ็บจนนางต้องขมวดคิวแน่น ร่ างบางของนางงอเข้าหากัน
แล้วกรี ดร้องขึนอย่างเจ็บปวด “อ้า !”

องครักษ์ได้ยนิ แต่กย็ งั ไม่สนใจ กระหนําหมัดเท้าถีรัวเข้าใส่ ร่างของซ่ งชิงเหยียนอย่างไร้เยือใย เตะจนดวงหน้า


ของนางเป็ นสี ซีดขาว เจ็บปวดทรมาน กรี ดร้องออกมาเสี ยงดัง “ช่วยด้วย......ช่วยข้าด้วย......”

เสี ยงกรี ดร้องดังลันไปด้วยความเจ็บปวดทําให้มู่หรงเจียนกับมู่หรงโหรวทีกําลังเดินเล่นอยูไ่ ม่ไกลตืนตกใจพา


กันมองหน้าสบตากันแล้วรี บวิงเข้ามาด้วยความเร่ งรี บ

เมือมองไปทีเรื อนพํานักของซ่ งชิงเหยียนทีดูเละเทะวุน่ วาย มู่หรงเจียนตวาดขึนเสี ยงดังอย่างเกรี ยวกราด “หยุด


นะ !”
มู่หรงโหรวก็เร่ งวิงเข้ามาด้านในห้องผลักองครักษ์ชุดนําตาลออกแล้วกอดซ่ งชิงเหยียนเอาไว้แนบอก นิ วมือลูบ
ไปทีใบหน้าทีเต็มไปด้วยรอยเขียวข้างดําข้างของนางอย่างแผ่วเบา นางรู ้สึกเจ็บปวดใจจนนําตาไหลออกมา
กล่าวเรี ยกเสี ยงสัน “ชิงเหยียน เจ้าเป็ นยังไงบ้าง......”

เมือมองเห็นสายตาทีห่ วงใยของนาง ความน้อยเนื อตําใจทีไม่ได้รับความเป็ นธรรมของซ่ งชิงเหยียนเพียงพริ บตา


ก็พรังพรู ออกมาเป็ นนําตา นางสะอึกสะอืนขึนเสี ยงดัง “ท่านแม่ ข้าเจ็บเหลือเกิน......”

สี หน้าของมู่หรงเจียนเขียวคลํามองไปทางฉิ นยวีเยียนอย่างเย็นชา “องค์หญิงฉิ นนี มันเรื องอะไรกัน ?” บุกรุ ก


เรื อนโหว ทุบตีซ่งชิงเหยียน นีนางกําลังแก้แค้นเคืองเรื องส่ วนตัว หรื อว่ากําลังท้าทายจวนเจินกัวโหวกันแน่

ฉิ นยวีเยียนปรายตามองเขาหนหนึ ง แล้วกล่าวขึนอย่างเหยียดหยาม “ซ่ งชิงเหยียนทําให้ชือเสี ยงของข้าเสื อมเสี ย


ข้าเพียงแค่สังสอนนางเล็ก ๆ น้อย ๆ ทําให้นางได้หลาบจํา !”

องครักษ์ผนู ้ นลงมื
ั อแต่ละครังล้วนโหดเหี ยมไม่มีการยังมือ ไหนเลยจะเป็ นการสังสอนเล็ก ๆ น้อย ๆ ชัดเจนว่า
ต้องการเอาชีวิตของชิงเหยียน

สี หน้าของมู่หรงเจียนเคร่ งขรึ ม เขากล่าวเน้นขึนทีละคํา “ชิงเหยียนเป็ นคุณหนูแห่ งจวนอู่อนั โหว ถ้าจะต้องสัง


สอนก็สมควรเป็ นผูห้ ลักผูใ้ หญ่ของจวนอู่อนั โหวหรื อว่าคนของจวนเจินกัวโหวของพวกเราเท่านัน ไม่ใช่หน้าที
ขององค์หญิงฉิ นทีจะต้องลงมือ”
“เช่นนันพวกเจ้าจะกักบริ เวณนางหรื อว่าลงโทษให้นางคัดลอกบทสวดมนต์กนั เล่า ขาดการอบรมสังสอนไม่พอ
ยังลงโทษนางสถานเบาเช่นนี มันจะทําให้นางหลาบจําได้อย่างไร” ฉิ นยวีเยียนเลิกคิวมองไปทีมู่หรงเจียน แววตา
ของนางเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

“เจ้า !” มู่หรงเจียนชีนิ วไปทีฉิ นยวีเยียน โมโหจนพูดไม่ออก

ฉิ นยวีเยียนไม่สนใจ แววตาของนางวูบไหวไปด้วยความหนาวเหน็บเย็นยะเยือก “มีเพียงความเจ็บปวดทีเสี ยด


แทงเข้ากระดูกเท่านัน ถึงจะทําให้นางจดจําได้อย่างชัดเจนถึงความผิดทีตัวเองได้กระทําไว้ ! เป็ นการรับประกัน
ว่าคราวหลังจะไม่ทาํ เรื องเช่นนีอีก......”

ฉิ นยวีเยียนหันมองไปทีซ่ งชิงเหยียน ก็เห็นนางร้องไห้หลบอยูใ่ นอกของมู่หรงโหรว แววตาวูบไหวไปด้วยความ


เหยียดหยามทีไม่อาจปิ ดบัง กล่าวขึนอย่างช้า ๆ “ข้าก็ได้สังสอนซ่ งชิงเหยียนไปแล้ว ความโกรธในใจเบาลงไป
ไม่น้อย เช่นนันข้าก็ขอลาเลยแล้วกัน !”

องครักษ์สองนายยกเก้าอีไม้ไผ่ขึนแล้วก้าวยาว ๆ ออกไปด้านนอกไม่หนั กลับมามองอีก ฉิ นยวีเยียนทีนังอยูบ่ น


เก้าอีไม้ไผ่ถูกยกออกไปจากเรื อนพํานักของซ่ งชิงเหยียนด้วยท่าทางสบาย ๆ ไม่รีบไม่ร้อน แม้แต่หนั มามองพวก
เขาสักนิดก็ไม่มี

มู่หรงเจียนเกรี ยวกราดพลางชกหมัดออกไปทีกําแพงหมัดหนึง กัดฟั นกรอด “ฉิ นยวีเยียนชักจะรังแกคนมาก


เกินไปแล้ว ชิงเหยียนเหตุใดเจ้าถึงได้ไปยัวโมโหฉิ นยวีเยียน ?”
“ก็เพราะว่าเรื องของจิงอ๋ อง......” ซ่ งชิงเหยียนร้องห่ มร้องไห้กล่าวสาธยายถึงต้นสายปลายเหตุของเรื องราว
ทังหมดออกไปรอบหนึง เมือได้รับรู้เรื องราวทังหมดสี หน้าของมู่หรงเจียนก็กลายเป็ นเขียวคลํา “เจ้าถูกแผนการ
ของมู่หรงเสวียเล่นงานเข้าให้แล้ว นางตังใจให้สาวใช้ขโมยใบรายการวิธีทาํ ของปลอม พอหลังจากร้านนม
โยเกิร์ตเปิ ดกิจการ นอกจากจะสามารถทําลายชือเสี ยงของฉิ นยวีเยียนให้ยอ่ ยยับได้ ยังจะทําให้เจ้าถูกนางทุบตี
ระบายแค้น ถือเป็ นแผนการทียิงศรดอกเดียวได้นกสองตัว......”

“ข้ารู ้......แต่ว่า มันก็สายเกินไปเสี ยแล้ว......” ซ่ งชิงเหยียนร้องไห้ขนอย่


ึ างเสี ยใจ ก็นางได้ถูกทุบตีจนเละเทะไป
แล้ว......

“มู่หรงเสวีย...เจ้าคนชัวช้า......” มู่หรงเจียนโมโหจนต้องกัดฟันแน่ น สี หน้าของเขามืดครึ มลง มู่หรงเสวียโตมา


หน้าตาเหมือนแซ่ เฉินแต่นิสัยใจคอกลับเหมือนมู่หรงเยว่ทีมีนิสัยเจ้าเล่ห์ร้ายกาจจนยากทีผูค้ นจะต่อกรด้วย......

มู่หรงโหรวค่อย ๆ หรี ตาลง “มู่หรงเสวียอายุยงั น้อยก็ร้ายกาจจนคิดแผนการซับซ้อนได้ขนาดนี ถ้าหากเติบโตขึน


อีกหน่อย พวกเราก็คงไม่สามารถเป็ นคูป่ รับของนางได้อีก !”

“ข้ารู ้ ข้าจะคิดอ่านหาแผ่นการให้ละเอียดรอบคอบ ไม่มีทางยอมให้มู่หรงเสวียทําตัวอวดดีเช่นนี ได้อีกต่อไป” มู่


หรงเจียนกล่าวเสี ยงตําแววตาเต็มไปด้วยความโหดเหี ยมอํามหิ ต

คุณชายโอวหยางทียืนอยูบ่ นกิงไม้ แววตาสี ดาํ ขลับของเขาดูลึกลําดังก้นมหาสมุทร กล่าวเสี ยงตํา “พวกเขากําลัง


คิดแผนการจัดการเจ้า”
แต่ม่หู รงเสวียกลับไม่ใส่ ใจ “ในทุก ๆ วันพวกเขาก็ลว้ นเอาแต่คิดแผนการจัดการข้า ข้าก็แค่คอยตังรับแล้วตอก
กลับไปก็พอแล้ว”

บางทีนางก็อาจจะขุดหลุมให้พวกเขากระโดดลงไปเสี ยเอง เช่นวิธีการทํานมโยเกิร์ตครังนี ฉิ นยวีเยียนไม่มีหูตา


อยูใ่ นจวนเจินกัวโหว ดังนันใบรายการวิธีทาํ แผ่นนันจะต้องเป็ นคนอืนทีมอบให้ฉินยวีเยียน

ฉิ นยวีเยียนเป็ นคนจิตใจคับแคบ ชือเสี ยงเหม็นโฉ่ ของนางก็ลว้ นแพร่ สะพัดออกไปไกลขนาดนีแล้ว แน่ นอนว่า


ต้องไม่มีทางยอมปล่อยคนทีมอบวิธีการทําให้นางเป็ นแน่ ด้วยเหตุนีเองนางแน่นอนว่าจะต้องวกกลับมาลงมือ
จัดการสังสอนซ่ งชิงเหยียน เท่านีตัวนางเองก็จะได้ไม่ตอ้ งเปลืองมือเปลืองเท้าแล้วให้พวกนางจัดการกันเอง !

เมือมองไปทีคิวของมู่หรงเสวียทีโก่งสู งขึน แววตาของคุณชายโอวหยางเปล่งประกายวูบไหวด้วยแสงแห่ งความ


มืดมิด “จะต้องระวังตัวอยูท่ ุกวีทุกวันเช่นนีเจ้าไม่คิดว่ามันเหนื อยยุง่ ยากเกินไปหน่ อยหรื อ ?”

“เหนือยแล้วจะทําอะไรได้ ใครใช้ให้พ่อแม่ของข้าล้วนจากไปหมดแล้ว ข้าก็คงทําได้เพียงดูแลตัวเองให้ดี


เท่านัน” มู่หรงเสวียกะพริ บตา ถอนหายใจออกมาเบา ๆ

แววตาของคุณชายโอวหยางวูบไหว กล่าวขึนเสี ยงตํา “แล้วเจ้าไม่เคยคิดบ้างเลยหรื อว่าจะหาสามีดี ๆ ให้เขามา


ดูแลเจ้า ?”
ตอนที 142 การแข่งขันเรือมังกร (1)
มู่หรงเสวียกะพริ บตา “ข้าเพิงจะอายุสิบสี ปี พูดเรื องการแต่งงานตอนนี ก็คงเร็ วไปนัก !” ในยุคปั จจุบนั อายุสิบสี
ปี เพิงจะอยูเ่ พียงชันมัธยมต้นเท่านันเองนะ

“ไม่เร็ วไปหรอก หญิงสาวของชิงเหยียนโดยทัวไปเมืออายุถึงสิ บสองสิ บสามปี ก็จะทําการหมันหมายกันแล้ว


หลังจากคํานวนฤกษ์ยามแล้วก็จะแต่งงาน เจ้าเองก็อายุสิบสี ปี แล้ว ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้แต่งงาน แต่กค็ วรทีจะ
หมันหมายได้แล้ว !” คุณชายโอวหยางมองไปทางนางด้วยสี หน้าราบเรี ยบ แววตาลึกลํา

หมันหมายอย่างนันหรื อ นางเพิงจะถอนหมันกับเย่อีเฉิ นไป รู ้สึกสบายใจได้เพียงแค่ไม่กีวันก็จะให้นางหมัน


หมายอีกแล้ว หลังจากนันวัน ๆ นางก็คงต้องเก็บตัวอยูแ่ ต่ในเรื อน เย็บแต่ชุดแต่งงานน่ ะหรื อ การใช้ชีวติ ทีน่ าเบือ
เช่นนันนางล้วนไม่ตอ้ งการ !

มู่หรงเสวียยูป่ าก แล้วกล่าวขึนช้า ๆ “ข้าไม่อยากหมันหมาย ข้าคิดไว้วา่ จะท่องเทียวไปรอบ ๆ เมืองหลวง ไป


ท่องเทียวให้หลายแห่ ง ดูให้มาก ๆ ถ้าหากพบเข้ากับชายหนุ่มทีรู ้สึกว่าสามารถพึงพาได้ ก็ค่อยแต่งงานกับเขา ถ้า
หากไม่พบก็จะครองตนเป็ นโสด......”

“ความหมายของเจ้าคือ เจ้ายังไม่พบคนทีรู ้สึกว่าสามารถพึงพาได้อย่างนันหรื อ” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนเสี ยง


ตํา เงยหน้ามองไปทีมู่หรงเสวีย แววตาสี ดาํ ขลับมืดมิดดังก้นมหาสมุทรยิงดูยงลึ
ิ กลํา คล้ายกับกําลังจะดูดกลืน
ผูค้ นเข้าไปเสี ยอย่างนัน

หนังตาของมู่หรงเสวียกระตุกแรง ๆ นางพยักหน้าตอบเขาอย่างไร้เดียงสา
ทันใดนันใบหน้าหล่อเหลาของคุณชายโอวหยางก็กลายเป็ นมืดครึ ม “เช่นนันเจ้าก็ครองตนเป็ นโสดชัวชีวติ เถอะ
!” เขากล่าวเน้นทีละคํา นําเสี ยงทุม้ แฝงไว้ดว้ ยเสี ยงของการกัดฟัน เพียงขยับเท้าเบา ๆ ร่ างโปร่ งคล้ายเมฆก้อน
หนึ งก็ลอยขึนไปบนฟ้ าแล้วลอยออกไปจากจวนเจินกัวโหวไม่หันกลับมามองอีก

เมือมองไปทีเงาร่ างของเขาทีค่อย ๆ ไกลออกไป ในหัวมู่หรงเสวียก็เต็มไปด้วยเมฆหมอกแห่ งความสับสน “ข้า


พูดอะไรผิดไปอย่างนันหรื อ”

“เจ้าไม่ได้พดู อะไรผิดไปหรอก เพียงแต่เจ้านันโง่งมเกินไป ไม่สามารถเข้าใจความหมายในคําพูดของคุณชาย


โอวหยางได้ !” เสี ยงถอนหายใจด้วยความเหนื อยหนายสายหนึงดังเข้าหู มู่หรงเสวียหันมองไปเห็นชายหนุ่ มผู ้
หนึ งยืนอยูใ่ ต้ตน้ ไม้ เขาอยูใ่ นชุดสี นาตาล
ํ ปกเสื อทีถูกปั กเป็ นลายดอกไม้สีดาํ แหวกออก ใบหน้าเจ้าเล่ห์นนหล่
ั อ
เหลาเสี ยจนผูค้ นไม่อาจละสายตาได้ เป็ นมู่หลิวเฟิ งแห่ งจวนเฉิ งกัวกงนันเอง

เขาเงยหน้าขึน มองมาทีนางคล้ายยิมคล้ายไม่ยมิ แววตาดําขลับเต็มไปด้วยความตลกขบขัน มองดูจนมู่หรงเสวีย


ไฟโกรธลุกโชน “มู่หลิวเฟิ ง เจ้าน่ ะสิ โง่ !”

“ถึงข้าจะโง่แต่ขา้ ก็เข้าใจในความหมายทีคุณชายโอวหยางต้องการจะสื อ เจ้าทีฉลาดนักเหตุใดถึงฟังไม่เข้าใจกัน


เล่า” มู่หลิวเฟิ งถอนหายใจออกมาหนัก ๆ ยกมุมปากขึนยิมเย้ยหยัน !

เพียงพริ บตาใบหน้างดงามของมู่หรงเสวียก็กลายเป็ นมืดครึ ม คุณชายโอวหยางไม่ใช่ว่าอยากให้นางหมันหมาย


แต่งงานกับผูค้ นหรอกหรื อ นางฟังไม่เข้าใจตรงไหนกัน
มู่หลิวเฟิ งเป็ นเพือนสนิ ทของคุณชายโอวหยาง ขนาดพูดจาก็ยงั จะมีท่าทางอมภูมิเหมือนคุณชายโอวหยางไม่
ผิดเพียน นางก็ขีเกียจจะไปอธิบายต่อความยาวสาวความยืดกับเขาให้มากความนัก “มู่หลิวเฟิ ง เหตุใดเจ้าถึงไม่อยู่
ทีจวนเฉิ งกัวกง แต่มาทีจวนเจินกัวโหวทําไมกัน”

“ข้าจะมาเชิญเจ้าไปดูการแข่งขันเรื อมังกรทีริ มทะลสาบน่ ะสิ !” มู่หลิวเฟิ งกล่าวพลางยิมตาหยี กางพัดออกพัดไป


มา !

มู่หรงเสวียชะงักทันที “แข่งเรื อมังกรงันหรื อ”

“ใช่แล้ว พรุ่ งนีเป็ นเทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง ชาวบ้านชาวชิงเหยียน ขุนนางบุ๋นบู๊ รวมถึงองค์ฮ่องเต้และองค์ฮองเฮาก็


ล้วนเสด็จไปดูชมการแข่งขันเรื อมังกรทีริ มทะเลสาบ บรรยากาศคงจะครึ กครื นเป็ นอย่างมาก......” ในใจของมู่
หลิวเฟิ งเต็มไปด้วยความเบิกบานใจเป็ นอย่างมาก เขาอธิบายต่อทันที “ทีบ้านของข้ามีเรื อชมวิวอยูท่ ีทะเลสาบลํา
หนึ ง ถ้าหากเจ้าสนใจสามารถไปนังเรื อเล่นด้วยกันได้......”

มู่หรงเสวียพยักหน้าเป็ นเชิงเข้าใจ ร่ างกายของเจ้าของร่ างเดิมอ่อนแอ หลายปี มานีพอถึงเทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง นาง


ล้วนแต่ฉลองเทศกาลอยูท่ ีเรื อนหิ มะโปรย ไม่เคยได้ไปทีริ มทะเลสาบเลยสักครัง การแข่งเรื อมังกรเป็ นอย่างไร
นางนันยังไม่เคยเห็นมาก่อน

หลังจากทีมาถึงชิงเหยียนสุ ขภาพร่ างกายก็ดีขึนไม่นอ้ ย การกินบ๊ะจ่างหรื อการแข่งเรื อมังกรทีน่าสนใจพวกนี


นางนันไม่ยอมพลาดอย่างแน่ นอน “การแข่งขันเรื อมังกรเริ มเมือใดกัน !”
“ยามซื อ (9 โมงถึง11โมงเช้า)” มู่หลิวเฟิ งกล่าวขึนช้า ๆ แววตาวูบไหวแล้วยกยิมตาขึนหยีแล้วกล่าวขึน “ยามเฉิ น
(7 โมงถึง 9 โมงเช้า) ข้าจะมารับเจ้าก็แล้วกัน......”

“ไม่เป็ นไร ข้าไปทีนันเองได้” มู่หรงเสวียยิมส่ ายหน้า ทะเลสาบเทียนสุ่ ยอยูใ่ นตัวเมือง ห่ างจากจวนเจินกัวโหวก็


ถือว่าไม่ไกลเท่าไรนัก นางนังรถม้าไปก็ได้แล้ว ไม่จาํ เป็ นต้องให้คนเสี ยเวลาส่ งไปส่ งมา

“นีก็สายมากแล้ว ข้าขอตัวกลับไปเตรี ยมตัวทีเรื อนหิ มะโปรยก่อน เจ้าเชิญตามสบายเถอะ !” มู่หรงเสวียพูดขึน


อย่างช้า ๆ แล้วกระโดดลงจากกิงไม้ไป เลาะเดินไปตามทางหิ น เดินไปทางเรื อนหิ มะโปรยอย่างสบายอารมณ์

เมือมองไปทีร่ างของนางทีค่อย ๆ ไกลออกไป รอยยิมเจิดจ้าของมู่หลิวเฟิ งก็แข็งค้างอยูบ่ นใบหน้า เขาจะตาม


สบายได้อย่างไรกัน อยากจะไล่เขาก็พดู ออกมาตรง ๆ เถอะ ! อยูก่ บั คุณชายโอวหยางนาน ๆ เข้า มู่หรงเสวียก็เริ ม
ทีจะเจ้าเล่ห์ร้ายกาจขึนมาบ้างแล้ว ทุก ๆ คําพูดและการกระทําของนางล้วนแฝงไปด้วยความหมายลําลึก ช่างสม
กับคํากล่าวทีว่าคบหาสหายเช่นใดก็จะได้นิสัยเช่นนันมา !

แต่ว่ามู่หรงเสวียอายุยงั น้อยนัก สําหรับเรื องราวรัก ๆ ใคร่ ๆ เช่นนีนางยังคงไม่ค่อยเข้าใจนัก คุณชายโอวหยางก็


คงต้องรอไปก่อนเสี ยแล้ว คนเจ้าเล่ห์ร้ายกาจเช่นเขาในทีสุ ดก็เจอกับดาวข่มเสี ยที ไม่ใช่ว่าจะทําอะไรก็ราบรื นสม
ปรารถนาไปเสี ยหมด ! วันนีเขาโกรธจนหนี ไป พรุ่ งนีหลังจากเจอหน้ามู่หรงเสวียแล้วไม่รู้ว่าเขาจะทําตัวเช่นไร
กัน

มู่หลิวเฟิ งคิดขึนอย่างสะใจ เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ วก็ถึงวันทีสองแล้ว


ยามเฉิ นมู่หรงเสวียทีรับสํารับเช้าเสร็ จเรี ยบร้อย นางนังอยูบ่ นรถม้าทีกําลังแล่นไปทีทะเลสาบเทียนสุ่ ย !

ทะเลสาบเทียนสุ่ ยอยูท่ ีทิศตะวันตกเฉี ยงใต้ของเมืองหลวง ผิวนํากว้างขวางจนสุ ดลูกหู ลูกตา มองไปไกล ๆ ผิว


นําทีทอดยาวออกไปบรรจบเข้ากับขอบฟ้ าสี คราม สมกับชือทะเลสาบเทียนสุ่ ยทีแปลว่าทะเลสาบแห่งสรวง
สวรรค์

ตอนทีมู่หรงเสวียมาถึงริ มทะเลสาบเทียนสุ่ ย ริ มทะเลสาบก็มีมา้ อันหรู หรามากมายหลายแบบจอดเรี ยงรายอยูเ่ ต็ม


ไปหมด ขุนนางบุ๋นบู๊รวมถึงบรรดาคนในครอบครัว บ้างพูดคุยบ้างหัวเราะยิมแย้มพากันก้าวเดินไปด้านหน้า
ด้านหน้าสุ ดบนผิวนํานันเป็ นแท่นศาลา ด้านบนของแท่นศาลานันประกอบด้วยพระทีนังของฮ่องเต้และฮองเฮา
ด้านล่างของพระทีนังมีเก้าอีเล็ก ๆ มากมายนับไม่ถว้ นทีเป็ นทีนังของบรรดาขุนนางบุ๋นบู๊และครอบครัววางไว้อยู่

มู่หรงเสวียลงจากรถม้าแล้วเดินตามผูค้ นเข้าไปอย่างช้า ๆ ทันใดนันก็ปรากฏเสี ยงหญิงสาวทีคุน้ เคยเสี ยงหนึ งดัง


ขึนเข้าหู “ไม่ใช่ว่าพีเสวียเอ๋ อร์ ไม่ชอบออกมาข้างนอกหรอกหรื อ เหตุใดถึงอยากมาดูการแข่งขันเรื อมังกรได้กนั ”

มู่หรงเสวียมองตามเสี ยงไปก็เห็นซ่ งชิงเหยียนทีมีสาวใช้คอยจับจูงกําลังค่อย ๆ เยืองย่างเดินเข้ามา นางอยู่ในชุดสี


แดงของดอกเหมย รู ปร่ างดูน่ารักอ้อนแอ้น ใบหน้าเรี ยวเล็กแต่งแต้มไปด้วยเครื องประทินโฉมอันหนาเตอะ
ปิ ดบังรอยเขียวชําของนางเอาไว้อย่างมิดชิด แต่กลับไม่สามารถปกปิ ดความเกลียดชังในแววตาของนางได้

“การแข่งเรื อมังกรหนึงปี จะมีเพียงหนึงครัง ข้าทีอยากดูแน่ นอนว่าก็ตอ้ งมาสิ !” มู่หรงเสวียตอบนางกลับอย่างไม่


ใส่ ใจแล้วหมุนกายเดินออกไปด้านหน้า !
สี หน้าของซ่ งชิงเหยียนเขียวคลําจนน่ากลัว แววตาของนางเต็มไปด้วยความเกลียดชัง นางคนชันตํา ตัวนางทีพูด
กับนางนันถือเป็ นการไว้หน้านางมากแล้ว แต่นางกลับกล้าจะเยาะเย้ยตัวนางอีก ช่างน่ าตายนัก แต่วา่ วันนี คงจะ
เป็ นวันทีตัวนางได้เยาะเย้ยนางเสี ยมากกว่า !

“พีเสวียเอ๋ อร์ มาดูการแข่งเรื อมังกรอย่างเบิกบานใจได้ถือว่าเป็ นเรื องทีดีนกั แต่ว่าทีนังของพีเสวียเอ๋ อร์ไม่ได้อยู่


ด้านหน้า แต่ว่าอยูท่ ีทิศตะวันออกเฉี ยงใต้นะเจ้าคะ......”

มู่หรงเสวียกะพริ บตาปริ บ ๆ พลางหยุดเท้าลงแล้วปรายตามองไปทีซ่ งชิงเหยียน “เหตุใดถึงเป็ นเช่นนันเล่า” นาง


เป็ นคุณหนูแห่ งจวนเจินกัวโหว ก็ถือว่าเป็ นครอบครัวของขุนนาง ทีนังก็ควรอยูด่ า้ นหน้าสิ ถึงจะถูก

ซ่งชิงเหยียนยิมออกมาน้อย ๆ “ขุนนางบุ๋นบู๊และครอบครัวทีมีตาํ แหน่งเป็ นขุนนางในราชสํานักถึงจะมีสิทธินังที


ด้านหน้า แต่เจ้ากับจิงอ๋ องถอนหมันกันแล้ว พีชายเพียงคนเดียวของเจ้าก็ไม่ได้เป็ นขุนนางของราชสํานัก ถึงแม้ว่า
เจ้าจะเป็ นคุณหนูแห่ งจวนเจินกัวโหวก็ไม่นบั ว่าเป็ นครอบครัวของขุนนางแต่อย่างใด แน่ นอนว่าไม่มีสิทธินังที
นัน......”

คุณหนูแห่งจวนแล้วเป็ นเช่นไรเล่า ได้รับความชอบพอจากคุณชายโอวหยางแล้วเป็ นเช่นไรเล่า ตอนนี เก้าอีเพียง


ตัวเดียวก็ยงั ไม่มีสิทธิทีจะได้นงั ในทีสุ ดตัวนางก็สามารถสร้างความอัปยศให้นางแล้วสะบัดนางให้ทิงห่าง
ออกไปไกลเรื อย ๆ
ตอนที 143 การแข่งขันเรือมังกร (2)

“พีชายของข้าถึงแม้ว่าจะไม่ได้เข้าทํางานในราชสํานัก แต่เขาก็มียศตําแหน่งอยูก่ บั ตัว ในทุก ๆ เดือนล้วนยัง


ได้รับเงินเดือนไม่ขาด เมือเป็ นเช่นนี ก็ยงั สามารถนับได้ว่าเป็ นขุนนางในราชสํานักผูห้ นึง แต่ก่อนพอถึงเทศกาล
ไหว้บ๊ะจ่างล้วนมีทีนังของข้า เหตุใดปี นีถึงไม่มีได้” มู่หรงเสวียเลิกคิวมองไปทีซ่ งชิงเหยียน แววตาเย็นชาวูบไหว
ไปด้วยความมืดมิด

“ขุนนางของราชสํานากมีมากขึนทุกปี แต่ว่าทีนังในการชมดูการแข่งเรื อมังกรนันยังคงมีจาํ นวนเท่าเดิม ไม่


สามารถเพิมจํานวนให้มากขึนได้ เพือทีจะให้ขนุ นางทีสร้างผลงานและครอบครัวของเขาสามารถชืนชมการแข่ง
เรื อมังกรได้ ขุนนางทีแขวนชือเอาไว้เฉย ๆ ไม่มีอาํ นาจหน้าทีอะไรแน่ นอนว่าต้องถูกตัดสิ ทธิออก !”

ซ่งชิงเหยียนกล่าวพลางยิมตาหยี แววตาเต็มไปด้วยความสะใจ มู่หรงเย่กแ็ ค่คนเสเพลทีไม่เป็ นทังบุ๋นและบู๊ ไหน


เลยจะมีสิทธินังเทียบเคียงอยู่กบั เหล่าขุนนางชนชันสู งได้เล่า ตอนนีเพิงจะมาตัดชือของเขาออกนันถือว่าให้
เกียรติเขามากแล้ว

“จริ งหรื อ” มู่หรงเสวียจ้องมองไปทีซ่ งชิงเหยียน พลางกล่าวเน้นทีละคํา “น้องชิงเหยียนเป็ นเพียงแค่คุณหนูผู ้


หนึ ง เหตุใดถึงได้เข้าใจเรื องราวของราชสํานักได้ละเอียดชัดเจนขนาดนี ล่ะ”

“เพราะว่าผูท้ ีจัดการแข่งขันเรื อมังกรครังนีเป็ นท่านลุงของข้าอย่างไร” ซ่ งชิงเหยียนเชิดหน้าขึน แววตาของนาง


เต็มไปด้วยความหยิงยโสอวดดี
มู่หรงเสวียเงยหน้ามองไปเห็ นว่าบนแท่นศาลานัน คนทีกําลังสังการบรรดาสาวใช้บ่าวไพร่ ทีกําลังวิงวุ่นไปมา
เป็ นตูอ้ ีหลานชายจากบ้านเดิมของหญิงเฒ่าแซ่ ต.ู ้ .....

“ท่านลุงบอกข้าด้วยปากของตัวเองว่าทีนังของเจ้ากับมู่หรงเย่นันไม่มีแล้ว เจ้าก็อย่าได้ไปร้องเรี ยกโวยวายให้มาก


ความอีกเลย ยอมไปทีทีนังฝังตะวันออกเฉี ยงใต้แต่โดยดีเถอะ......” ซ่ งชิงเหยียนกล่าวขึนอย่างถือดี แววตาเต็มไป
ด้วยความเยาะเย้ย

ั กมาก แล้วยังอยูไ่ กล ทัศนวิสัยไม่ดีนัก ยืนอยูท่ ีนันดูการแข่งเรื อมังกร ก็


แท่นศาลาฝังตะวันออกเฉี ยงใต้นนเล็
ไม่ได้ต่างอะไรกับการไม่ได้ดูเลย

“ตอนทีคนอืนจัดการแข่งเรื อมังกร ทีนังของพวกเราสองพีน้องก็ยงั คงอยูด่ ี พอตูอ้ ีเป็ นคนจัดงานทีนังของพวกเรา


ก็ไม่มีเสี ยแล้ว นี ไม่ใช่ว่าเป็ นการแก้แค้นข้าหรอกหรื อ......”

มู่หรงเสวียพูดกระซิ บกระซาบขึนด้วยเสี ยงไม่ดงั ไม่เบานัก แต่กพ็ อทีจะให้ผคู ้ นทีอยูใ่ กล้ ๆ ได้ยนิ อยูด่ ี สายตา
ของผูค้ นพากันมองมา กวาดตามองมาด้วยความคิดต่าง ๆ นา ๆ มองดูจนสี หน้าของซ่ งชิงเหยียนกลายเป็ นมืด
ครึ ม แล้วพูดโพล่งขึนว่า “แก้แค้นอะไรกัน พีชายของเจ้าเกเรขนาดนัน ตังแต่เช้ายันคําไม่ยอมใฝ่ หาความรู ้อะไร
งานการในราชสํานักล้วนไม่เคยได้เข้าร่ วม แต่ท่านลุงสองของข้าเป็ นขุนนางทีลงทุนลงแรงเพือแคว้นไปมากมาย
มอบทีนังของพีชายเจ้าให้เขานันเป็ นเรื องทีไม่สมควรหรอกหรื อ”
มู่หรงเสวียชะงักไปครู่ หนึงทันใดนันก็นึกขึนได้ มู่หรงเจียนสองสามีภรรยาจากเมืองหลวงไปสิ บปี ดูท่าคงไม่มีที
นังเหลือไว้ให้พวกเขาแล้ว พวกเขาทีอยากมาดูการแข่งขันเรื อมังกรก็จะต้องตัดชือของคนออกไปสองคน เขา
ไม่ได้ไประรานกับขุนนางทีมีตาํ แหน่ งตํากว่าเขาแต่ว่ามาแย่งทีนังนางกับมู่หรงเย่สองคนแทน !

“ทีแท้ไม่ใช่การแก้แค้น แต่เป็ นเพียงนกพิราบทีต้องการแย่งรังของนกกางเขน !”

“มู่หรงเสวียโปรดระวังการใช้คาํ ของเจ้าด้วย !” ซ่ งชิงเหยียนแสดงท่าทีเกรี ยวกราดออกมา “อะไรคือนกพิราบ


แย่งรังของนกกางเขนกัน แต่ไหนแต่ไรมาสองทีนังนันก็สมควรเป็ นของท่านลุงสองกับท่านป้ าสะใภ้สอง”

“ใช่แล้ว ใช่แล้ว ใต้เท้ามู่หรงเจียนนันสุ ขมุ องอาจ ทังยังมีผลงานมากมาย แต่ว่าพีชายของข้า อายุยงั น้อย หัวก็ไม่ดี
ถูกคนอืนชีนําให้ไปตีไก่เล่นพนัน อีกเพียงแค่นิดเดียวก็เกือบจะได้เข้าหอโคมเขียวแล้ว จอมเสเพลทีบุ๋นไม่ได้บู๊ก็
ไม่ดี ไหนเลยจะสามารถไปเทียบเท่ากับใต้เท้ามู่หรงเจียนได้ ทีนังสองทีนันก็สมควรทีจะเป็ นของใต้เท้ามู่หรง
เจียนแล้ว......” มู่หรงเสวียพูดขึนอย่างไม่นาํ พา แต่แววตาเต็มไปด้วยความดูถูกเยาะเย้ยทีไม่ง่ายทีจะค้นพบ

แววตาของฝูงชนทีมองนางเต็มไปด้วยความสงสารเห็นใจ พ่อแม่กส็ ิ นใจไปทังคู่ ไม่มีคนดูแลปกป้ อง ทรัพย์สินก็


ถูกขโมย พีชายก็ถูกทําให้เสี ยคน ตัวนางเองก็ร่างกายอ่อนแอ ไม่ง่ายเลยทีจะสามารถออกมาชมงานแข่งเรื อมังกร
ได้ แต่ทีนังก็ยงั ถูกแย่งไปอีก ช่างน่าสงสารยิงนัก......

ซ่งชิงเหยียนทีจับจ้องอยูท่ ีร่ างของมู่หรงเสวียไม่ได้สนใจการตอบสนองของฝูงชน เห็นนางยอม ‘อ่อนข้อ’ แล้ว


แววตาก็ยกยิมได้ใจ “นับว่าเจ้ายังรู ้ความ !”
สายตาดูถูกเหยียดหยามของฝูงชนล้วนตกลงไปทีร่ างของนาง ชัดเจนว่านางกําลังแย่งชิงสิ งของของผูอ้ ืนแต่กลับ
พูดคล้ายกับว่าผูอ้ ืนติดค้างพวกเขาอย่างไรอย่างนัน ช่างไร้ยางอายจนถึงทีสุ ด !

“ชิงเหยียน เจ้าพูดไร้สาระอะไรกัน ทีนังของเย่เอ๋ อร์ กบั เสวียเอ๋ อร์ ลว้ นจัดเตรี ยมเอาไว้อย่างดี จะไปมอบให้ลุง
สองของเจ้าได้อย่างไรกัน !” ตูอ้ ีก้าวอาด ๆ เข้ามาใบหน้าองอาจเคร่ งขรึ มจนน่ ากลัว !

ทีพวกเขาแย่งทีนังของพวกมู่หรงเสวียสองพีน้องเพราะว่าอยากให้มู่หรงเจียนเข้ามาแทนทีมู่หรงเย่อย่างเงียบ ๆ
เย้ยหยันมู่หรงเสวียเล็กน้อยแล้วไล่นางออกไปก็ได้แล้ว แต่ซ่งชิงเหยียนกลับป่ าวประกาศเรื องราวออกไปให้ผคู ้ น
ได้รับรู้ ขุนนางบุ๋นบู๊ทีนีก็คงเดาออกได้อย่างรวดเร็ วแล้วว่าพวกเขาร่ วมมือกันรังแกมู่หรงเย่ม่หู รงเสวียสองพีน้อง
กําพร้าทีไร้พ่อแม่คู่นี ช่างโง่งมจนถึงทีสุ ด !

ซ่งชิงเหยียนชะงักไปครู่ หนึง “ไม่ใช่นะเจ้าคะ ก็เมือครู่ ท่านลุงท่านยังบอกอยูเ่ ลยว่า......”

“หุ บปาก ข้าพูดอะไรนัน ในใจของข้าล้วนชัดเจนดี ไม่ตอ้ งรอให้เจ้ามาบอกกล่าว !” ตูอ้ ีกล่าวขึนเสี ยงดังตัดบท


คําพูดของนาง ถลึงตามองไปทีนางอย่างดุร้าย เรื องราวเช่นนี รู ้ชดั เจนในใจก็เพียงพอแล้ว ไหนเลยจะสามารถป่ าว
ประกาศออกไปจนทัว แผนการทีดีเลิศเช่นนี ล้วนถูกนางทําลายจนพังหมดแล้ว ช่างโง่งมยิงนัก !

ซ่งชิงเหยียนทีถูกต่อว่าไม่หยุดนัน ทังรู ้สึกอับอายทังรู ้สึกเสี ยใจ ทันใดนันดวงตางามก็คลอไปด้วยนําตา......

ตูอ้ ีเห็นแต่ไม่สนใจ เขาปรายตามองไปทีมู่หรงเสวียครู่ หนึ ง แล้วกล่าวขึนพลางยิมตาหยี “เสวียเอ๋ อร์ ทีนังของเจ้า


อยูด่ า้ นหน้า เจ้าตามอามาเถอะ......”
“ไม่ตอ้ งแล้วเจ้าค่ะ พวกเราสองพีน้องไม่เคยแบ่งเบาภาระของชิงเหยียนเลยแม้แต่นอ้ ย คงไม่สามารถเทียบได้กบั
ผลงานทียิงใหญ่ของใต้เท้ามู่หรงเจียน ให้ใต้เท้ามู่หรงนังทีนันเถอะเจ้าค่ะ พอเขาดูการแข่งเรื อมังกรจนมีความสุ ข
แล้วก็คงจะสามารถทําเพือแคว้นเพือประชาชนได้อย่างเต็มที......” มู่หรงเสวียยกยิมสดใสกล่าวขึน นําเสี ยง
กระจ่างใสของนางเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

“เสวียเอ๋ อร์ ลอ้ เล่นแล้ว......” ตูอ้ ียิมขึนอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ในใจของเขาด่าว่าทีนังของมู่หรงเย่กบั มู่หรงเสวียสามารถ


ว่างได้ และสามารถให้คนอืนนังได้ แต่ไม่สามารถให้ม่หู รงเจียนสองสามีภรรยานันนังได้ ไม่เช่นนันก็จะเป็ นการ
ยอมรับว่าพวกเขารวมหัวกันแย่งชิงทีนังของพวกนางสองพีน้อง !

เรื องทีจะให้ม่หู รงเจียนแทนทีมู่หรงเย่อย่างเงียบ ๆ ก็คงต้องล้มเหลวลงอีกครังหนึ งแล้ว ล้วนเป็ นเพราะซ่ งชิงเห


ยียนทีมีความคิดความอ่านตืนเขินจนโง่งม เรื องสําเร็ จไม่เคยมี มีแต่เรื องผิดพลาด !

“หากเสวียเอ๋ อร์ ไม่นงที


ั นี เช่นนันเตรี ยมทีจะไปชมการแข่งขันเรื อมังกรทีใดกัน”

มู่หรงเสวียหันมองซ้ายทีขวาที แท่นศาลาทางทิศตะวันออกเฉี ยงใต้กไ็ กลเกินไป ยืนอยูท่ ีนันก็คงมองไม่เห็น


อะไรเท่าไหร่ นกั นางคงไม่มีทางไปทีนันแน่ “เรื อของเฉิ งกัวกงอยูท่ ีใด มู่หลิวเฟิ งบอกว่าข้าสามารถไปชมการ
แข่งขันเรื อมังกรทีเรื อของพวกเขาได้ !”

หากตูอ้ ีไม่อยากให้นางขึนไปบนแท่นศาลา นางก็คร้านทีจะขึนไป


ตูอ้ ีหยุดชะงักไปครู่ หนึง เทศกาลไหว้บ๊ะจ่างระหว่างทีแข่งขันเรื อมังกรนันไม่อนุญาตให้เรื อส่ วนตัวของผูใ้ ดอยู่
ในทะเลสาบ แต่ก็มีขอ้ ยกเว้นสําหรับเรื อไม่กีลํา และเรื อของจวนเฉิ งกัวกงก็เป็ นหนึ งในนัน นี เปรี ยบเสมือนว่า
องค์ฮ่องเต้ให้ความสําคัญกับพวกเขาทังยังเป็ นการแสดงถึงฐานะและความสามารถทีสู งส่ งไม่ธรรมดาของพวก
เขา !

มู่หลิวเฟิ งเป็ นคุณชายเฉิ งกัวกง เป็ นผูส้ ื บทอดตําแหน่งเฉิ งกัวกงคนต่อไป ไปมาไร้ร่องรอย ในยามปกตินนแม้

พวกเขาอยากจะพบก็ลว้ นไม่สามารถ แต่ม่หู รงเสวียไปใกล้ชิดกับเขามากขนาดนีเมือไรกัน

หางตาเหลือบมองเห็นชายเสื อสี ขาวสายหนึ ง ทันใดนันตูอ้ ก็ี หลุดจากภวังค์มองเห็นคุณชายโอวหยางเดินมา


ด้านหน้าของมู่หรงเสวีย ใบหน้าหล่อเหลานันขรึ มขึนคว้าจับไปทีข้อมือของมู่หรงเสวียแล้วลากนางก้าวออกไป
ด้านนอกอย่างรวดเร็ ว

มู่หรงเสวียมองไปทีเขาด้วยความไม่เข้าใจ “เจ้าจะพาข้าไปทีใด”

“ทีทีสามารถชมการแข่งเรื อมังกรได้ !” คุณชายโอวหยางตอบโดยไม่หันมามองนาง แววตาดําขลับของเขาเปล่ง


ประกายมืดมิด

มู่หรงเสวียกะพริ บตา “ใช่เรื อส่ วนตัวของเฉิ งกัวกงหรื อไม่”


ตอนที 144 การแข่งขันเรือมังกร (3)

คุณชายโอวหยางจ้องมองนางแล้วกล่าวขึนอย่างอารมณ์ไม่ดีนกั “เรื อของจวนเฉิ งกัวกงทีนังเต็มแล้ว......”

“เอ...ถ้าเช่นนันพวกเราจะไปดูการแข่งเรื อมังกรทีไหนกันเล่า” มู่หรงเสวียมองไปทีเขาอย่างไม่เข้าใจ ดวงตาดํา


ขลับวูบไหวไปมาด้วยความมึนงงน้อย ๆ มองจนในใจของคุณชายโอวหยางลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ กระชากนาง
ขึนไปทีเรื อลําหนึ งอย่างแรง

พืนของเรื อปูพืนไว้ดว้ ยแผ่นไม้หอม ดูเรี ยบลืนดังกระจกจนสามารถสะท้อนออกมาเป็ นเงาคนได้ ด้านบนหลังคา


เรื อสี นาตาลแกะสลั
ํ กไว้ดว้ ยลวดลายของหงส์ไฟทีวิจิตรงดงามราวดังมีชีวติ อีกทังด้านบนยังแขวนประดับไว้
ด้วยโคมไฟแปดเหลียมอันสวยสดงดงาม ฉากกันไม้ชิงชันสี แดงถูกประดับด้วยกระจกหลากสี สัน ดูประณี ต
งดงามและหรู หราจนผูค้ นต้องหยุดหายใจ !

“นีคือ......เรื อของวังเซี ยวเหยาอ๋ อง !” มู่หรงเสวียเบิกตากว้างด้วยความตืนตะลึง เรื อทีดูหรู หรางดงามนางก็ลว้ น


พบเจอมาไม่น้อยนัก แต่ว่าทีหรู หราถึงขันนี นางเพิงจะเคยเห็นเป็ นครังแรก

คุณชายโอวหยางตอบรับเสี ยงราบเรี ยบ เขาเดินไปทีด้านหน้าของโต๊ะไม้แดงยกกานําชาขึนมาริ นชา กลินหอม


จาง ๆ ลอยโชยไปทีศาลาทีนัง ผูค้ นทีได้สูดดมเข้าไปนันแววตาล้วนแต่เปล่งประกาย นี มันชาดีนีน่า !
สายตาทีมองมู่หรงเสวียเต็มไปด้วยความอิจฉา

ส่ วนซ่ งชิงเหยียนนันได้แต่ถลึงตามองมู่หรงเสวียด้วยความเกลียดชัง แววตาของนางลุกโชนไปด้วยไฟโกรธจน


แทบจะสามารถพ่นออกมาเป็ นไฟได้ แต่เดิมตัวนางคิดว่าพอสามารถไล่นางออกไปจากศาลาได้แล้วก็จะสามารถ
ทําให้นางเสี ยหน้าได้ไม่นอ้ ย แต่คิดไม่ถึงว่านางจะไปประจบสอพลอคุณชายโอวหยางจนได้ขนเรื
ึ อของวังเซี ยว
เหยาอ๋ องเช่นนี !

เรื อส่ วนตัวลํานันอยูต่ ิดกับศาลาพระทีนัง ทัศนวิสัยดีเยียม ทังยังไม่มีผคู ้ นบดบังสายตา สามารถดูการแข่งเรื อ


มังกรได้อย่างชัดเจน ทังยังสามารถดืมชา ทานของว่าง กินบ๊ะจ่าง เปรี ยบกับนังบนเวทีแล้วดูพิเศษและสบายกว่า
มากนัก ดวงของคนชันตําผูน้ ี ทําไมถึงได้ดีนกั น่าโมโหทีสุ ด ช่างน่าโมโหยิงนัก !

แววตาแหลมคมของตูอ้ ีค่อย ๆ หรี ลง แต่ไหนแต่ไรมาคุณชายโอวหยางก็เป็ นคนทีหาตัวจับได้ยาก ขุนนางบุ๋นบู๊


ในเมืองหลวงทีอยากจะพบกับเขาสักครังนันนับว่าเป็ นเรื องทียากเย็นนัก แต่เหตุใดมู่หรงเสวียคุณหนู ผทู ้ ีไม่ค่อย
ก้าวเท้าออกจากประตูจวนถึงได้ใกล้ชิดกับเขาถึงขนาดนี ได้......

ตูอ้ ีมองไปทีมู่หรงเสวียอย่างไม่เข้าใจ พินิจมองดูไปทีนางอย่างเงียบ ๆ !

มู่หรงเสวียไม่แม้แต่สนใจ นางได้แต่หยิบบ๊ะจ่างขึนมาอันหนึงแล้วค่อย ๆ แกะเปลือกออก ข้าวสี ขาวกับพุทราสี


แดงเม็ดใหญ่ปรากฏสู่ สายตา กลินหอมฟุ้ งกระจายจนพาผูค้ นนําลายสอ เพียงกัดเข้าไปเบา ๆ ก็สามารถรู้สึกถึง
รสชาติหอมหวานทีกระจายแผ่ซ่านไปทัวทังปาก
ดวงตาของมู่หรงเสวียเปล่งประกาย กล่าวชมขึนอย่างไม่หยุดปาก “ไม่เลว ไม่เลวนัก อร่ อยกว่าบ๊ะจ่างทีบ้านข้า
ทําขึนหลายเท่านัก”

“หากชอบเจ้าก็กินเสี ยเยอะ ๆ !” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนอย่างเรี ยบ ๆ ดันจานทีเต็มไปด้วยบ๊ะจ่างมายัง


ด้านหน้าของนาง

“ขอบคุณ !” มู่หรงเสวียยกยิมสดใส บ๊ะจ่างของวังเซี ยวเหยาอ๋ องนันใช้วตั ถุดิบทีดีนกั แน่นอนว่ารสชาติก็จะไม่


เหมือนทีอืน......

ทันใดนันสวินเฟิ งก็ปรากฏขึนบนเรื อแล้วกล่าวรายงานขึนเสี ยงเข้ม “คุณชาย ราชครู ซูมางานด้วยขอรับ”

“จริ งหรื อ” ท่วงท่าการดืมชาของคุณชายโอวหยางหยุดชะงักไป สี หน้าค่อย ๆ เคร่ งขรึ มขึน ราชครู ซูนอนรักษา


ตัวอยูบ่ นเตียงมาโดยตลอด เหตุใดวันนีถึงยอมลงจากเตียงได้หรื อว่าจะมาชมการแข่งเรื อมังกร

“ข้าไปหาราชครู ซูสักครู่ แล้วจะรี บกลับมา !” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนเบา ๆ แล้วลุกยืนขึน

ราชครู ซูอบรมสอนสังมอบความรู ้ให้แก่เขามาหลายปี ถือว่าเป็ นอาจารย์ของเขา ราชครู ซูมาทีทะเลสาบเทียนสุ่ ย


แน่นอนว่าเขานันจะต้องเข้าไปทักทายถามไถ่
“ตกลง” มู่หรงเสวียพยักหน้า มองส่ งคุณชายโอวหยางก้าวลงไปจากเรื อ แววตาของนางวูบไหวเปล่งประกายแล้ว
แอบตามออกไปเงียบ ๆ

คนโบราณนันยิดติดเรื องมารยาทพิธีรีตอง ราชครู ซูเป็ นครู บาอาจารย์ทีเคยสอนสังคุณชายโอวหยาง คุณชาย


โอวหยางไปหาเขาก็ไม่ได้เป็ นเรื องทีผิดอะไรนัก แต่ว่าในใจของมู่หรงเสวียรู ้สึกไม่ค่อยสบายใจสักเท่าไหร่ นาง
ก็เลยตามไปดู.....

อนั แล้วอันเล่าในทีสุ ดคุณชายโอวหยางก็มาหยุดอยูท่ ีด้านหน้าของราชครู ซูแล้ว


เดินไปบนแผ่นไม้ทีปูพนเอาไว้

ค่อย ๆ ค้อมกายลงคารวะ “อาจารย์ !”

ราชครู ซูอายุหกสิ บกว่าปี แล้ว เส้นผมหนวดเคราล้วนกลายเป็ นสี ขาว หว่างคิวปรากฏรอยย่นบาง ๆ สายตายังคม


กริ บ สุ ขภาพจิตใจยังถือว่าไม่เลวนัก เขามองไปทีใบหน้าหล่อเหลาสง่างาม แววตาของเขาวูบไหวไปด้วยความ
ประหลาดใจ “เจ้าคือ...โอวหยาง......”

“ท่านอาจารย์ยงั จําข้าได้ ความจําของท่านยังคงดีเยียมนัก !” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนอย่างเรี ยบ ๆ มุมปากยกยิม


บาง ๆ

ราชครู ซูลูบเคราเบา ๆ พลางหัวเราะฮาฮา “ชือเสี ยงของเจ้านันโด่งดังเลืองลือไปทัวแผ่นดิน ความสามารถโดด


เด่นไม่ธรรมดา ไม่อยากจะจําก็คงทําไม่ได้ !”
“อาจารย์กล่าวชมเกินไปแล้ว สุ ขภาพร่ างกายของอาจารย์ดีขนบ้
ึ างไหมขอรับ ?” คุณชายโอวหยางมองไปที
ราชครู ซู ไต่ถามขึนเสี ยงเบา

วล่ะ โชคดีทีมีหนานเซี ยงคอยดูแล......” ราชครู ซูกล่าวขึนยิมตาหยี ลากซูหนานเซี ยงทียืนอยู่


“ดีขนมากแล้

ด้านหลังของเขาออกมา “นีคือหลานสาวของอาจารย์ หนานเซี ยง ตอนพวกเจ้ายังเล็กเคยพบหน้ากัน ยังจําได้
หรื อไม่”

คุณชายโอวหยางมองไปทีซูหนานเซี ยงครู่ หนึง “แน่นอนว่าจําได้ คุณหนูซู” นําเสี ยงทุม้ แฝงไว้ดว้ ยความ


ราบเรี ยบห่ างเหิ น

“คุณชายโอวหยาง” ซูหนานเซี ยงย่อกายลงอย่างมีมารยาท แววตางดงามของนางมองไปทางคุณชายโอวหยาง


อย่างเขินอาย

ราชครู ซูทีดูออกถึงความรู ้สึกของนางก็ยกยิมกล่าวขึน “อาจารย์ก็อายุมากแล้วคงทําได้เพียงนังชมวิวทิวทัศน์ของ


ทะเลสาบอยูท่ ีนี ความสนุ กครึ กครื นของการแข่งเรื อมังกรก็คงไม่ขอเข้าร่ วมแล้ว ให้หนานเซี ยงไปดูชมเพียงผู ้
เดียวอาจารย์ก็ไม่ค่อยวางใจนัก โอวหยางสามารถดูแลนางแทนอาจารย์ได้หรื อไม่ ?”

ใบหน้าเรี ยวเล็กของซูหนานเซี ยงขึนสี แดงระเรื อ นางค่อย ๆ แอบเงยหน้ามองคุณชายโอวหยาง ทีนางมาที


ทะเลสาบเทียนสุ่ ยก็เพราะอยากเทียวชมทะเลสาบกับเขา ยืนเคียงข้างกันอยูบ่ นเรื อชมการแข่งเรื อมังกรด้วยกัน
“ขออภัยขอรับท่านอาจารย์ ศิษย์มีนดั แล้ว นางผูน้ นทั
ั งโง่ทงเขลา
ั ต้องให้ศิษย์ดูแลอยูเ่ ป็ นประจํา ศิษย์ไม่สามารถ
ทีจะแบ่งความสนใจไปดูแลคุณหนูซูได้จริ ง ๆ ขอรับ”

คําปฏิเสธทีมีมารยาทและหนักแน่ นนันดังเข้าหู ทันใดนันใบหน้าเรี ยวงามของซูหนานเซี ยงก็กลายเป็ นสี ซีดขาว


ฝ่ ามือภายใต้แขนเสื อของนางกําแน่ นเข้าหากัน นางทีพาท่านปู่ มาชมการแข่งเรื อมังกร ก็เพือทีจะอาศัยความที
ท่านปู่ เป็ นอาจารย์ทีสอนสังมอบวิชาให้เขามานานปี ให้เขายอมไว้หน้าตกปากรับคําคําขอของท่านปู่ และยอมไป
เดินเทียวเล่นกับนาง......

แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะกล่าวปฏิเสธนําใจออกมาได้เช่นนี ปฏิเสธคําขอของท่านปู่ อย่างไม่ไว้หน้า ช่างเลวร้ายทีสุ ด


......

ราชครู ซูคาดไม่ถึงว่าคุณชายโอวหยางจะปฏิเสธ รอยยิมใจดีแข็งค้างอยูบ่ นใบหน้า แต่เพียงพริ บตาก็กลับ


กลายเป็ นปกติ “เช่นนันก็มิเป็ นไร เจ้าทีนัดเพือนไว้แล้วแน่ นอนว่าต้องดูแลนางก่อน......”

“ขอบพระคุณท่านอาจารย์ทีให้อภัย....” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนอย่างเรี ยบเฉยแววตาปรากฏรอยยิมบาง ๆ ที


ยากจะค้นพบ มู่หรงเสวียทีเห็นดังนันก็ตอ้ งขบเขียวเคียวฟั น หากอยากปฏิเสธราชครู ซูเขาก็มีเหตุผลตังมากมาย
ในการปฏิเสธ เหตุใดจะต้องมากถากถางนางด้วย ช่างชัวร้ายยิงนัก......

มู่หรงเสวียถลึงตามองคุณชายโอวหยางอย่างดุร้าย เมือเห็นเขามองไปทีราชาครู ซูแล้วกล่าวขึนอย่างราบเรี ยบ


“การแข่งเรื อมังกรอีกไม่นานก็จะเริ มขึนแล้ว ถ้าหากอาจารย์ไม่มีธุระอะไรแล้วศิษย์ขอตัวขอรับ”
“ตามสบาย !” ราชครู ซูยมน้
ิ อย ๆ แววตามีแค่ความเมตตาใจดี

“เช่นนันศิษย์ขอลา !” คุณชายโอวหยางพูดขึนอย่างราบเรี ยบแล้วหมุนกายก้าวยาว ๆ ออกไปด้านหน้า

เมือมองไปทีแผ่นหลังทีค่อย ๆ จากไปไกลของเขา แววตาของซูหนานเซี ยงก็วบู ไหวไปด้วยความกระวนกระวาย


เขาจะจากไปอย่างนี น่ ะหรื อ ทัง ๆ ทีนางล้วนยังไม่ได้พูดคุยกับเขาสักคําอย่างนีน่ ะหรื อ !

แววตาขอความช่วยเหลือของนางพุ่งมองไปทีราชครู ซู “ท่านปู่ !”

ราชครู ซูถอนหายใจออกมาหนัก ๆ “หนานเซี ยง เรื องความรักใคร่ คงไม่อาจไปบังคับใจใครได้ โอวหยางไม่ได้


ชอบพอเจ้า ถึงแม้ว่าปู่ จะบังคับให้เขาอยูต่ ่อ แต่ในใจของเขาก็ยงั จะคิดถึงคนในดวงใจของเขาผูน้ นอยู
ั ด่ ี ไม่มีทาง
ทีจะเป็ นเจ้า......”

ซูหนานเซี ยงขบเขียวเคียวฟัน คุณชายโอวหยางมองไม่เห็นนางเป็ นเพราะว่าระหว่างเขากับนางมีม่หู รงเสวีย


แทรกอยูต่ รงกลาง เพียงแค่จดั การมู่หรงเสวียทีขวางทางนันออกไป เท่านี คุณชายโอวหยางก็จะหันมาสนใจนาง
......
ตอนที 145 การแข่งขันเรือมังกร (4)

สายตาทีมองเห็นคุณชายโอวหยางกําลังจะเดินมา มู่หรงเสวียจึงรี บหันหลังกลับเตรี ยมทีจะแอบกลับไปทีเรื อ


อย่างเงียบ ๆ แต่ไม่คาดคิดเมือเพิงจะก้าวเท้าออกไปได้เพียงก้าวเดียว ก็ชนกับแผ่นอกของคนผูห้ นึ งเข้าอย่างจังจน
ปวดจมูกไปหมด อีกนิดเดียวก็คงนําตาไหลออกมาด้วยความเจ็บปวดแล้ว นางรี บถอยหลังออกมาเสี ยหลายก้าว
สร้างระยะห่ างกับคนผูน้ นแล้
ั วกล่าวขอโทษขึน “ขอโทษ......”

“มู่หรงเสวีย !” ได้ยนิ เสี ยงเรี ยกคุน้ เคยเสี ยงหนึ งดังขึนจากด้านบน นางเพียงชะงักไปครู่ หนึง แล้วเงยหน้าขึน
มองเห็นใบหน้าเจ้าเล่ห์ของคนผูห้ นึง ทันใดนันใบหน้าเรี ยวงามของนางก็มืดครึ มลง “มู่หลิวเฟิ ง เจ้ามายืนลับ ๆ
ล่อ ๆ อยูท่ ีนี ทําไมกัน”

“ข้าลับ ๆ ล่อ ๆ ตรงไหนกัน ข้าเดินมาทีนี อย่างสง่าผ่าเผย แต่ตรงกันข้าม เจ้าน่ ะสิ กลับแอบตามคุณชายโอวหยาง


มาอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ ทําไมกัน” มู่หลิวเฟิ งมองไปทีมู่หรงเสวีย มุมปากของเขายกขึนน้อย ๆคล้ายยิมคล้ายไม่ยมิ

“นีมันเป็ นเรื องของข้าล้วนไม่เกียวกับเจ้า” มู่หรงเสวียตอบกลับเขาไปอย่างอารมณ์ไม่ดี “ทําไมเจ้าไม่อยูท่ ีเรื อของ


เจ้าชมการแข่งเรื อมังกรเล่า ถ่อมาทีนีด้วยเหตุผลใดกัน”

“ทัศนวิสัยจากเรื อของบ้านข้าไม่ดีเท่าทีนี ดังนันข้าก็เลยมาทีนี” มู่หลิวเฟิ งพูดขึนด้วยท่าทีสบาย ๆ พัดในมือเดียว


พัดไปทางซ้ายที เดียวพัดไปทางขวาที ใบหน้าเจ้าเล่ห์ของเขายกยิมขึนอย่างกวน ๆ
มู่หรงเสวียถลึงตามองไปทีเขาอย่างอารมณ์ไม่ดีนัก “เช่นนันเจ้าก็อยูช่ มดูการแข่งเรื อมังกรทีนี ต่อไปตามสบาย
เถอะ ข้าจะกลับเรื อแล้ว !” มู่หรงเสวียกล่าวขึนอย่างช้า ๆ แล้วนางก็พ่งุ กายผ่านมู่หลิวเฟิ งไป เดินออกไป
ด้านหน้าอย่างรวดเร็ ว ด้านหลังตามมาด้วยเสี ยงของมู่หลิวเฟิ งทีจงใจลากเสี ยงยาว “เกรงว่าคงจะไม่ทนั แล้ว !”

“ไม่ทนั อะไรกัน” มู่หรงเสวียหยุดฝี เท้าลง มองไปทีเขาอย่างไม่เข้าใจนัก

“ฮ่องเต้กบั ฮองเฮาเสด็จมาถึงแล้ว คงไม่ทนั แล้วทีเจ้าจะกลับเรื อ” นําเสี ยงสะใจของมู่หลิวเฟิ งเพิงจะจบลง


นําเสี ยงแหลมสูงเป็ นพิเศษทีมีเฉพาะขันทีกด็ งั ขึน “ฮ่องเต้เสด็จแล้ว ฮองเฮาเสด็จแล้ว......”

“ถวายพระพรฝ่ าบาท ขอฝ่ าบาททรงมีอายุยนื หมืนปี หมืนปี หมืนหมืนปี ถวายพระพรฮองเฮา ขอฮองเฮาทรงพระ


เจริ ญพันปี พันปี พันพันปี ......” ขุนนางบุ๋นบู๊และบรรดาครอบครัวรวมถึงเหล่าราษฎรทีอยูบ่ ริ เวณรอบ ๆ
ทะเลสาบต่างพากันคุกเข่าลง ทอดสายตามองไปเห็นเป็ นจุดดํา ๆ แผ่กว้างออกไป

มู่หรงเสวียไม่สามารถทีจะเดินต่อไปได้ จําต้องย่อกายคุกเข่าลงตามผูค้ นอย่างชดช้อย แล้วค่อย ๆ แอบมองไป


เห็นฮ่องเต้ทีอยูใ่ นชุดสี ทองลายมังกรกําลังจูงมือของฮองเฮาไปยังพระทีนังด้านบน พระองค์ทรงสะบัดชายเสื อ
เบา ๆ แล้วประทับลง สายพระเนตรคมกริ บกวาดมองเหล่าขุนนางแล้วตรัสขึนเสี ยงเบาว่า “ทุกคนลุกขึนได้ !”

“ขอบพระทัยฝ่ าบาท !” ฝูงชนพากันลุกขึนแล้วนังลงกลับไปทีทีนังของตนเช่นเดิม สายตาของพวกเขาพากันมอง


ไปทางฮ่องเต้ทีประทับอยูบ่ นพระทีนัง
แสงอาทิตย์สีทองงดงามเจิดจ้าหมืนลีไร้กอ้ นเมฆบดบัง สายลมอ่อน ๆ พัดโชยมาเบา ๆ แฝงไว้ดว้ ยกลินของไอ
นําจาง ๆ ทําให้ผคู้ นต่างเคลิบเคลิม ฮ่องเต้อารมณ์ดีไม่นอ้ ย ทอดพระเนตรไปทางขันทีผูต้ ิดตามแล้วส่ งสายพระ
เนตรให้เขา ขันทีรับทราบถึงความต้องของฝ่ าบาท ในมือถือไว้ดว้ ยไม้ขนห้างม้าพลางก้าวเดินออกไปด้านหน้า
แล้วหันหน้าออกไปตะโกนขึนเสี ยงดัง “การแข่งขันเรื อมังกรเริ มได้ !”

‘ตึง’ เสี ยงระฆังเริ มการแข่งขันดังขึน เสี ยงนันดังกังวานไปทัวโดยรอบบริ เวณ เรื อมังกรสิ บกว่าลําทีลอยลําเรี ยง
รายอยูบ่ นทะเลสาบ ต่างพุ่งออกตัวไปอย่างรวดเร็ วดังศรแสงดอกแล้วดอกเล่า

เรื อมังกรมีลกั ษณะยาวบางราวกับใบหลิว แต่ละลําถูกประกอบสร้างขึนมามีลกั ษณะเหมือนกัน หัวเรื อประดับไว้


ด้วยธงสี แดง เหลือง นําเงิน เขียวสี สันต่าง ๆ นา ๆ แตกต่างกันออกไป ทําไว้เพือแยกแยะเรื อมังกรแต่ละลํา

หลังจากทีเรื อแล่นออกมาได้สักพักแล้ว ก็สามารถมองออกถึงความเร็ วช้าทีไม่เท่ากันของเรื อแต่ละลํา เสี ยงเชียร์


เสี ยงตะโกนของประชาชนริ มทะเลสาบค่อย ๆ โห่ ร้องดังกึกก้องขึน

ํ นถึงได้พายช้าขนาดนัน ตอนเช้าไม่ได้กินข้าวหรื ออย่างไร......”


“เหตุใดเรื อมังกรสี นาเงิ

“คนทีตีกลองผูน้ ันอีก เสี ยงกลองดูยดื ๆ ยาน ๆ ฟังจนข้าใกล้จะหลับแล้ว เพิมแรงตีเข้าไปอีกไม่ได้รึอย่างไรกัน


ช่างโง่เง่าเสี ยจริ ง ๆ......” เสี ยงวิพากษ์วจิ ารณ์อย่างอวดดีเสี ยงหนึงดังขึน มู่หรงเสวียมองตามเสี ยงไปก็เห็นเงาร่ าง
สี ขาวสายหนึ งลอยขึนจากแท่นศาลาแล้วพุ่งออกไป ปลายเท้าแตะพืนผิวนําเบา ๆ แล้วกระโดดลงบนเรื อมังกรสี
นําเงินอย่างช้า ๆ
เขากระชากคอเสื อของคนตีกลองขึนแล้วโยนออกไปอีกด้านหนึง เงาร่ างสี ขาวนวลคว้าเอาไม้กลองจากในมือเขา
มาแล้วตีลงไปแรง ๆ พลันเสี ยงกลองหนักแน่นสายหนึงก็ลอยเข้าหู สะเทือนไปถึงหัวใจ ความรู ้สึกฮึกเหิ มของ
ผูค้ นถูกกระตุน้ ขึน เพียงพริ บตาเรื อมังกรนําเงินก็เพิมความเร็ วมากยิงขึน......

เพียงอาศัยแค่เสี ยงกลองก็สามารถกระตุน้ เพิมแรงฮึกเหิ มของผูค้ นได้ คนผูน้ ี ช่างมีพรสวรรค์ในการเป็ นผูน้ าํ ยิง


นัก !

มู่หรงเสวียยิมออกมาน้อย ๆ พลางเงยหน้ามองขึนไป เห็นคนผูน้ ี คิวเข้มตาโต มีผวิ สี เข้ม ร่ างกายสูงใหญ่บึกบึน


เขาอยูใ่ นชุดสี ขาวนวลของผูห้ ญิงทีฟิ ตแน่นเข้ากับลําตัว ดูขดั ตากับร่ างกายของเขายิงนัก เส้นผมแห้งกร้านถูกมัด
รวบขึนเป็ นทรงอย่างประณี ตคล้ายกับแตงโมครึ งผลทีถูกครอบลงบนศีรษะด้านหนึ ง รู ปร่ างท่าทางแบบนันอยาก
ให้ตลกมากเท่าใดก็สามารถตลกได้มากเท่านัน

มู่หรงเสวียกะพริ บตาถีรัว “เขาเป็ นชาย หรื อว่าเป็ นหญิงกันแน่ ”

“บุตรสาวสายตรงจากจวนแม่ทพั หยวนฟางเฟย เจ้าว่านางเป็ นหญิงหรื อว่าเป็ นชายกันล่ะ” มู่หลิวเฟิ งเลิกคิวมอง


ไปทีนาง แววตาเต็มไปด้วยการหยอกล้อ หยวนฟางเฟยไม่ได้มีรูปลักษณ์ทีงดงามน่ารักอ่อนหวาน ตรงกันข้าม
นางนันมีส่วนสูงถึงร้อยเจ็ดสิ บห้าเซนติเมตร ทังยังมีนาหนั
ํ กมากถึงเจ็ดสิ บห้ากิโลกรัม เรี ยกได้วา่ มีรูปร่ างสู ง
ใหญ่จนคล้ายกับผูช้ ายร่ างใหญ่ผหู ้ นึง

หน้าผากของมู่หรงเสวียชืนไปด้วยเหงือเย็น ตอนทีนางอยูใ่ นยุคปั จจุบนั นางได้พบกับหญิงสาวทีมีรูปร่ างคล้าย


ผูช้ ายมามากมายนัก แต่วา่ กริ ยาท่าทางของพวกนางนันอ่อนหวานดีงามไม่ดอ้ ยไปกว่ากับสาวประเภทสองเลย
แม้แต่น้อย ซึ งพวกนางก็ยงั สามารถทําให้ผคู้ นมากมายหลงใหลในตัวพวกนางได้ !
แต่ว่าคุณหนูหยวนฟางเฟยทีอยูด่ า้ นหน้าผูน้ ีนัน ถ้าหากถอดกระโปรงออก แล้วตัดผมเสี ยก็ไม่ต่างอะไรเลยกับ
ชายฉกรรจ์ทีหยาบกร้านผูห้ นึง รู ปลักษณ์ช่างห่ างไกลกับสาวประเภทสองยิงนัก......

“หยวนฟางเฟยมีหน้าตาเหมือนกับพ่อของนาง หลายคนล้วนพากันบอกว่านางมาเกิดผิดทีผิดเวลา นางสมควร


เกิดเป็ นชายแล้วเรี ยนรู ้วรยุทธ์ทีสู งส่ งเพือปกป้ องแว่นแคว้นเฝ้ ารักษาชายแดนเสี ยมากกว่า......” มู่หลิวเฟิ งพูดขึน
ด้วยท่าทางมันอกมันใจ

มู่หรงเสวียพยักหน้าเห็นด้วย “ข้าก็คิดเช่นนัน !” รู ปลักษณ์ของหยวนฟางเฟยทีใส่ ชุดของหญิงสาวยากนักทีจะทํา


ให้ผคู ้ นรับได้ ถ้าหากนางใส่ ชุดของบุรุษโดยเฉพาะชุดเกราะแน่ นอนว่าต้องดูองอาจเหมือนดังวีรบุรุษแน่นอน !

“คําพูดเช่นนีเจ้าอย่าได้พูดต่อหน้าหยวนฟางเฟยเป็ นอันขาด นางเกลียดทีสุ ดคือการทีคนอืนวิพากษ์วจิ ารณ์เพศ


ของนาง ความเกรี ยวกราดของนางนันก็มิธรรมดานัก ถ้าหากเจ้าได้พบเจอกับนางทางทีดีควรจะหลีกเลียงเสี ย ถ้า
วล่ะก็ หึ หึ รับรองได้ว่าเจ้าจะถูกทุบตีจนเละเทะแน่ นอน......” มู่
หากเกิดไปยัวโมโหนางเข้าโดยไม่ได้ตงใจแล้

หลิวเฟิ งกล่าวเตือนขึนไม่หยุดปาก

มู่หรงเสวียพยักหน้าขึนอย่างไม่นาํ พา นางกับหยวนฟางเฟยไม่มีเรื องราวบาดหมางกัน ไหนเลยจะไปยัวโมโห


หยวนฟางเฟยได้......
ํ นลอยลําอยูด่ า้ นหน้าสุ ด ห่ างจากทีทีนางยืนอยูย่ งไกล
เมือเงยหน้ามองไปทีริ มทะเลสาบก็เห็นเรื อมักรสี นาเงิ ิ
ออกไป สายตาเห็นว่าอีกนิ ดเดียวก็จะถึงด้านหน้าแล้ว อยู่ ๆ ด้านหลังของนางก็มีแรงผลักออกไปด้านหน้าอย่าง
แรง......

โดยไม่ทนั ระวังมู่หรงเสวียก็เซไปด้านหน้าเสี ยหลายก้าว พุ่งถลาไปทีเรื อมังกรสี นาเงิ


ํ นลํานัน......

“มู่หรงเสวีย !” มู่หลิวเฟิ งตืนตกใจเตรี ยมทีจะยืนมือออกไปคว้าตัวมู่หรงเสวียไว้ แต่กลับคว้าได้แต่เพียงอากาศ


ธาตุเท่านัน......

หยวนฟางเฟยทียืนอยูด่ า้ นบนของเรื อมังกร เมือเห็นหญิงสาวผูห้ นึงกําลังจะตกจากเรื อ แววตาแหลมคมของนาง


ก็หรี ลง กลับกล้าตกลงมาตอนนี นางไม่มีตารึ อย่างไรกัน นางรู้หรื อไม่ว่าถ้านางตกนําตอนนีเรื อมังกรสี นาเงิ
ํ น
จะต้องหยุดลง เรื อมังกรทีอยูด่ า้ นหลังก็จะตามขึนมาได้ทนั ช่างรนหาทีตายนัก !

ํ นเท่านัน นางไม่มีทางทีจะยอมถอยให้กบั ผูอ้ ืน !


ผูช้ นะต้องเป็ นเรื อมังกรสี นาเงิ

“หลีกไป !” หยวนฟางเฟยตวาดขึน เสี ยงดังของฝ่ ามือใหญ่โตหยาบกร้านทีใช้ออกด้วยพลังปราณเต็มสิ บส่ วนพุ่ง


โจมตีเข้าไปทีมู่หรงเสวีย......

แววตาของมู่หรงเสวียเย็นยะเยือก นางชักกระบีออกมาจากเอวอย่างรวดเร็ วแล้วพุ่งแทงไปทีกาบเรื อ พลังปราณ


แข็งกล้าของหยวนฟางเฟยเฉียดผ่านชายเสื อของนางไป พุ่งปะทะเข้าไปบนร่ างของคนทีอยูด่ า้ นหลังจนกระเด็น
ออกไปไกลราวสี ห้าเมตร กระแทกลงกับพืนอย่างแรง จนเสี ยง ‘อัก’ ดังขึนเสี ยงหนึ ง คนผูน้ นกระอั
ั กเลือก
ออกมาคําหนึ ง......
ตอนที 146 ประมือ

ทัวทังร่ างของนางเจ็บปวดทรมานราวกับกระดูกกําลังหลุดออกจากกัน นางค่อย ๆ เงยหน้าขึนมองไปทีมู่หรง


เสวียด้วยแววตาเปล่งประกายวูบไหวไปด้วยความเกรี ยวกราด จนอดไม่ได้ทีจะถลกหนังของนางออกมา ใบหน้า
เรี ยวเล็กซี ดขาว คนผูน้ นก็
ั คือหลานสาวของราชครู ซู ซูหนานเซี ยง !

มู่หรงเสวียยกยิมเย็น ทีทีนางยืนอยูน่ นมี


ั เพียงนาง มู่หลิวเฟิ ง และซูหนานเซี ยงสามคนเท่านัน มู่หลิวเฟิ งกับนาง
นันแน่ นอนว่าไม่มีความแค้นต่อกัน อีกทังยังยืนอยูท่ างซ้ายด้านหน้าของนาง คนทีผลักนางให้ตกนําแน่นอนว่า
ต้องเป็ นซูหนานเซี ยงอย่างไม่ตอ้ งสงสัย ซูหนานเซี ยงทีถูกโจมตีจนได้รับบาดเจ็บ ล้วนเป็ นตัวนางเองทีแส่ หา
เรื อง ทําชัวย่อมได้ชวั

เมือมองไปทีมู่หรงเสวียทีมือจับกระบีห้อยตัวลอยอยูบ่ นผิวนําทีไร้ซึงรอยบาดเจ็บแล้ว แววตาของหยวนฟางเฟย


ก็หรี เล็กลง เพิมความลําบากให้นางแล้วยังกล้าหลบฝ่ ามือของนางอีกอย่างนันหรื อ ช่างรนหาทีตายนัก เพียงแค่
สะบัดมือขึนเบา ๆ สายลมแหลมคมต่างพุ่งโจมตีไปทีมู่หรงเสวียอย่างไร้ความปรานีอีกครัง “ไสหัวไป !”

แววตาของมู่หรงเสวียเปล่งประกายออกมาด้วยความเย็นยะเยือก ยกมือขึนรับการโจมตีจากหยวนฟางเฟยโดยไม่
หลีกหนี ได้ยนิ เสี ยง “ปัง !” ดังขึนเสี ยงหนึ ง ทันใดนันพลังปราณทีกล้าแกร่ งก็ทาํ ให้ม่หู รงเสวียกระเด็นลอยกลับ
ออกไป
มู่หรงเสวียไม่มีแม้แต่อาการกระวนกระวาย เพียงแต่ผ่อนร่ างกายตามแรงของพลังปราณสายนันถอยออกไป
หลายก้าวอย่างรวดเร็ ว ค่อย ๆ ลอยกลับขึนไปบนเรื อ แววตาสี ดาํ ขลับวูบไหวไปด้วยรอยยิมน้อย ๆ “คุณหนู
หยวนขอบคุณมากทีส่ ง !”

เพียงพริ บตาสี หน้าของหยวนฟางเฟยก็กลายเป็ นสี มืดครึ มจนดูน่ากลัว “เจ้ากลับกล้าเย้ยหยันข้า !” นางกัดฟั นพูด


ฟาดไม้กลองลงบนกลองอย่างรัวแรงแล้วขยับเท้าเพียงเบา ๆ ร่ างกายแข็งแรงบึกบึนก็ลอยขึนกลางอากาศ ฝ่ ามือ
ซ้ายขวาสะบัดไปมาอย่างต่อเนื อง พลังปราณกล้าแกร่ งสายแล้วสายเล่าล้วนพุ่งโจมตีใส่ มู่หรงเสวีย

มู่หรงเสวียเลิกคิวหลบหลีกด้วยความรวดเร็ ว พลังปราณกล้าแกร่ งสายแล้วสายเล่าต่างเฉี ยดผ่านชายเสื อของนาง


พุ่งปะทะเข้าใส่ ซูหนานเซี ยงทีอยูด่ า้ นหลังของนาง

“ปั ง !” ขาทังสองข้างของซูหนานเซี ยงโดนเข้าไปหนึงฝ่ ามือ

“ปั ง !” ท้องของซูหนานเซี ยงโดนเข้าไปอีกฝ่ ามือหนึ ง

“ปั ง !” หน้าอกของซูหนานเซี ยงก็โดนเข้าไปอีกฝ่ ามือหนึ ง นางกระอักเลือดออกมาอย่างรุ นแรง ร่ างบางของนาง


ถูกปะทะกลิงตลบออกไปด้านหลังอย่างรวดเร็ ว จนหัวกระแทกเข้ากับตอไม้อย่างแรง นางถลึงตามองมู่หรงเสวีย
อย่างเกลียดชังแล้วสลบไปอย่างเสี ยไม่ได้......

เมือสายตาเห็นหยวนฟางเฟยทียังลอยอยูก่ ลางอากาศอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดมือ มู่หรงเสวียก็กะพริ บตาแล้ว


กล่าวขึนอย่างช้า ๆ “คุณหนูหยวน หากเจ้ายังจะโจมตีต่อไป นางก็คงไม่เหลือชีวิตแล้ว !”
หยวนฟางเฟยปรายตามองไปทีซูหนานเซี ยงทีดวงตาปิ ดสนิทสลบอยูบ่ นพืนไม้เป็ นตายไม่ชดั เจน เช่นนันแววตา
ของนางก็ลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ ฝ่ ามือของนางชัดเจนว่าพุ่งไปทีหญิงชัวด้านหน้า แต่สุดท้ายพลังปราณทังหมด
กลับพุ่งโจมตีไปทีร่ างของซูหนานเซี ยง แน่ นอนว่าหญิงสาวผูน้ ีต้องทําอะไรบางอย่างลงไปแน่ ......

“เจ้ายังจะเย้ยหยันข้าอีก !” กัดฟั นพูดเงาร่ างของหยวนฟางเฟยขยับเตรี ยมทีจะพุ่งเข้าใส่ ม่หู รงเสวีย

มู่หรงเสวียมองไปทีนางอย่างราบเรี ยบ แล้วกล่าวขึนอย่างไม่รีบไม่ร้อน “คุณหนูหยวนถ้าเจ้ายังเสี ยเวลากับข้า


ต่อไป ผูช้ นะการแข่งเรื อมังกรก็คงต้องเปลียนมือแล้ว !”

หยวนฟางเฟยชะงักไปเสี ยครู่ หนึ ง นางก้มหน้ามองไปเห็นเรื อมังกรสี แดงตามทันขึนมาแล้ว สายตาเห็นว่าอีกนิ ด


ํ นของนางไป แววตาของนางพลันวูบไหวแล้วถลึงตามองไปทีมู่หรงเสวีย
เดียวมันก็จะแซงหน้าเรื อมังกรสี นาเงิ
ตานึง เร่ งรี บลอยกลับไปทีเรื อมังกรนําเงินหยิบไม้กลองขึนลันกลองต่ออย่างรวดเร็ ว พริ บตาเรื อมังกรนําเงินก็พ่งุ
ออกไปดังศรแสง พุ่งทะยานเข้าไปทีเส้นชัย......

เมือมองไปทีหยวนฟางเฟยทีค่อย ๆ ไกลออกไปนัน ผูค้ นบนแท่นศาลาทีกําลังชมดูเรื องราววุน่ วายต่างพากันเบิก


ตากว้างขึนด้วยความตกตะลึง หยวนฟางเฟยจะยอมจากไปง่าย ๆ เช่นนี น่ ะหรื อ ทัง ๆ ทีไม่ได้ทุบตีมู่หรงเสวียจน
ยับเยินเนี ยน่ ะหรื อ นี ช่างเกินความคาดหมายไปมากนัก......แต่ก่อนผูค้ นทีถูกคาดโทษจากหยวนฟางเฟยอย่าง
น้อยก็ตอ้ งถูกทุบตีจนเดินไม่ได้ นอนพักรักษาตัวอยูบ่ นเตียงตังสองสามเดือน......
ซ่งชิงเหยียนทีนังอยูท่ ่ามกลางฝูงชนถลึงตามองมู่หรงเสวียอย่างเกลียดชัง ถูกหยวนฟางเฟยคาดโทษแต่กลับ
ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่นอ้ ย ความสามารถของคนชันตําผูน้ ี ช่างไม่เบาเลย......

มู่หลิวเฟิ งทียืนอยูบ่ นเรื อมองไปทีซูหนานเซี ยงทีสลบไม่ได้สติ แล้วหันมองไปทีมู่หรงเสวียทีปลอดภัยไร้


ร่ องรอยของบาดแผล แววตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “เจ้าช่างเจ้าเล่ห์ยงนั
ิ ก !”

ช่วงทีหยวนฟางเฟยลงมือนัน เขายังคิดทีจะแอบช่วยมู่หรงเสวีย แต่กลับคาดไม่ถึงว่ามู่หรงเสวียไม่ตอ้ งให้เขา


ออกแรงช่วยก็สามารถจัดการหยวนฟางเฟยอย่างหมดจดงดงามได้ดว้ ยตัวของนางเอง ทังยังอาศัยโอกาสนี ในการ
จัดการซูหนางเซี ยงทีคิดร้ายต่อนางจนได้รับบาดเจ็บสาหัสไปด้วยในตัว ช่างฉลาดหลักแหลมยิงนัก......

มู่หรงเสวียปรายตามองซูหนานเซี ยง แล้วกล่าวขึนอย่างดูถกู “นันก็เพราะเจ้าแส่ หาเรื องเอง !” ถ้าซูหนานเซี ยง


ไม่ได้ผลักนาง นางก็คงจะไม่ตกจากเรื อจนทําให้หยวนฟางเฟยโมโหเช่นนี พอไม่ทาํ ให้หยวนฟางเฟยโมโห นาง
ไหนเลยจะสามารถชักนําให้หยวนฟางเฟยโจมตีซูหนานเซี ยงจนบาดเจ็บสาหัสเช่นนี ได้......

“เด็ก ๆ พาซูหนานเซี ยงส่ งกลับเรื อของจวนราชครู !” มู่หลิวเฟิ งสังการขึนอย่างไม่รีบไม่ร้อนนัก ไม่ใช่เขาทีทํา


ให้ซูหนานเซี ยงได้รับบาดเจ็บ เช่นนันเขาก็ไม่ได้มีหน้าทีทีจะต้องเชิญหมอมาดูบาดแผลให้นาง เช่นนันก็ส่งกลับ
ไปให้ราชครู ซูดูแลเองเถอะ

“เจ้าค่ะ !” บรรดาสาวใช้พากันเดินหน้าเข้ามาแบกซูหนานเซี ยงขึนอย่างระมัดระวังแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ ว


สี หน้าของมู่หลิวเฟิ งเคร่ งขรึ มขึน เขากล่าวกดเสี ยงตํา “ซูหนานเซี ยงเป็ นคนทีมีนิสัยถ้ามีความแค้นแล้วต้องชําระ
เจ้าทําให้นางได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี นางไม่มีทางทีจะยอมปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ แน่ เจ้าคงต้องระวังตัวหน่ อย
แล้ว”

“ข้ารู ้” มู่หรงเสวียพยักหน้าอย่างเข้าใจ ความบาดหมางระหว่างนางกับซูหนานเซี ยงนัน ไม่ใช่เรื องทีจะสามารถ


ั ามคืนอีกต่อไปแล้ว ซูหนานเซี ยงไม่วา่ เวลาใดก็เอาแต่คิดอ่านหาวิธีการทีจะจัดการนาง......
จบลงได้เพียงแค่ชวข้

“ผูช้ นะอันดับหนึงคือเรื อมังกรนําเงิน !” นําเสี ยงร้องเรี ยกอย่างยินดีดงั เข้าหู มู่หรงเสวียปรายตามองไป ก็เห็นว่า


เรื อมังกรแต่ละลําล้วนพากันเข้าเส้นชัยเรี ยบร้อยแล้ว !

การแข่งขันเรื อมังกรแต่เดิมนันเป็ นการแข่งขันของผูช้ าย ผูห้ ญิงไม่สามารถทีจะเข้าร่ วมได้ ฉะนันก็อย่าได้พดู ถึง


เรื องรางวัลชนะเลิศเลย แต่วา่ หยวนฟางเฟยผูน้ ีสามารถนับว่าเป็ นหญิงสาวได้หรื อ ? เหล่าบรรดามือกลองมือพาย
ต่างไม่สนใจเพศสภาพของหยวนฟางเฟย พากันห้อมล้อมนางขึนไปบนแม่นศาลา

หยวนฟางเฟยเดินไปเพียงไม่กีก้าวก็ไปถึงหน้าพระพักตร์ ของฮ่องเต้ นางคุกเข่าลงถวายบังคม “ข้าน้อยหยวนฟาง


เฟยถวายบังคมฝ่ าบาทเพคะ”

“ลุกขึนเถอะ” สายพระเนตรคมกริ บของฮ่องเต้กวาดตามองหยวนฟางเฟยอย่างราบเรี ยบ แล้วพยักพระพักตร์


เพียงเบา ๆ “ไม่เลว ไม่เลว ฟางเฟยเจ้านันถือเป็ นหญิงสาวทีมีความสามารถไม่แพ้บุรุษแม้แต่นอ้ ย เจ้าทีเป็ นผูช้ นะ
ต้องการสิ งใดเป็ นของรางวัลหรื อ ?”
สายตาของฝูงชนพากันจ้องมองไปทีร่ างของหยวนเฟยฟาง เทศกาลไหว้บ๊ะจ่างมีเพียงปี ละครัง สําหรับรางวัล
ของผูช้ นะการแข่งขันเรื อมังกรนันฮ่องเต้จะประทานให้อย่างพระทัยกว้างนัก แต่ก่อนบรรดาผูช้ นะมักจะขอเป็ น
แก้วแหวนเงินทอง หรื อไม่กเ็ ป็ นผ้าไหมลําค่า บางครังก็ขอให้พระราชทานสมรส โดยปกติแล้วนันฮ่องเต้จะทรง
อนุญาตทังหมด แต่ไม่รู้ว่าครานี หยวนฟางเฟยจะต้องการสิ งใด

หยวนฟางเฟยทีถูกผูค้ นจับจ้อง นางเงยหน้ามองไปฮ่องเต้ พลางกล่าวเน้นทีละคํา “ทูลฝ่ าบาท หม่อนฉันอะไรก็


ล้วนไม่ขาด แก้วแหวนเงินทอง ผ้าไหมลําค่าอะไรก็ลว้ นไม่ตอ้ งการ ถ้าหากฝ่ าบาทอยากจะมอบของรางวัลให้
หม่อมฉันก็ขอทรงอนุ ญาตให้หม่อมฉันกับนาง......” หยวนฟางเฟยชีนิวไปทีมู่หรงเสวีย “ได้ประลองกันอย่าง
เต็มทีด้วยเถิดเพคะ !”

พอคําพูดหลุดออกจากปากของนาง ผูค้ นโดยรอบต่างพากันอืออึง ทีแท้ทีหยวนฟางเฟยยอมกลับไปทีมังกรนํา


เงินนัน ไม่ได้เป็ นการปล่อยมู่หรงเสวียไปแต่เตรี ยมทีจะสังสอนนางหลังจากทีได้เป็ นผูช้ นะแล้วต่างหาก นี ช่าง
เหมาะกับนิสัยของหยวนฟางเฟยยิงนัก หึ หึ การแข่งขันเรื อมังกรเพิงจะจบไปได้ไม่นาน ก็จะมีเรื องสนุ กน่ าดูชม
ให้ดูอีกแล้ว ช่างทําให้ผคู ้ นตังตารอคอยยิงนัก......

ซ่งชิงเหยียนชะงักไป แววตาวูบไหวไปด้วยความยินดีทีปิ ดไม่มิด นางคาดไว้แล้วว่าเหตุใดหยวนฟางเฟยถึงยอม


ปล่อยมู่หรงเสวียไปได้อย่างง่าย ๆ ทีแท้กม็ ีไพ่ตายซ่ อนเอาไว้เช่นนีนีเอง ฮ่องเต้โปรดรี บพยักหน้าเห็นด้วยเร็ ว ๆ
เถิดเพคะ ตอนนีนางนันอดรนทนไม่ไหวทีจะได้ดูชมแล้วว่ามู่หรงเสวียจะถูกจัดการสังสอนจนมีสภาพเละเทะน่ า
อนาถเช่นไร......
ตอนที 147 ภัยอสรพิษ

สายพระเนตรของฮ่องเต้กลายเป็ นเคร่ งขรึ มทันที พระองค์หนั ไปทอดพระเนตรทางมู่หรงเสวีย แววตาเปล่ง


ประกายอย่างลําลึก “เสวียเอ๋ อร์ คิดเห็นเช่นไร ?”

“ทูลฝ่ าบาท หม่อนฉันมีโรคอยูก่ บั ตัว ไม่ควรทีจะปะมือกับผูใ้ ดเพคะ” มู่หรงเสวียพูดขึนด้วยนําราบเรี ยบ แววตา


ของนางลําลึกเย็นยะเยือก หยวนฟางเฟยมีนิสัยขีโมโหขีหงุดหงิดง่าย เห็นการต่อยตีกบั ผูค้ นเป็ นเรื องสนุก แต่
นางไม่ได้สนุ กทีจะตกเป็ นเป้ าของหยวนฟางเฟย แล้วปล่อยให้หยวนฟางเฟยทุบตีระบายอารมณ์......

“พูดจาโป้ ปดให้มนั น้อย ๆ หน่ อย ถ้าหากเจ้ามีโรคอยูก่ บั ตัวจริ ง ๆ เจ้าไม่มีทางหลบฝ่ ามือทังสิ บของข้าได้......”


หยวนฟางเฟยตัดบทคําพูดของมู่หรงเสวียขึนเสี ยงดัง แววตาวูบไหวเปล่งประกายไปด้วยความเย็นยะเยือก
เรี ยนวรยุทธ์มาสิ บปี นีเป็ นครังแรกทีนางถูกหยามหน้ามากขนาดนี นางจะต้องได้ทุบตี ‘นาง’ หนัก ๆ สักครังหนึ ง
เพือเป็ นการแก้แค้นระบายความอึดอัดในใจ !

มู่หรงเสวียเลิกคิวขึน “นันก็เพือการปกป้ องชีวิตและเป็ นการกระทําทีร่ างกายตอบสนองออกไปด้วยตัวของมัน


เอง คงไม่สามารถเทียบได้กบั วรยุทธ์อนั สู งส่ งของคุณหนูหยวน เสวียเอ๋ อร์ นนยิ
ั นยอมทีจะเป็ นรอง......”

“ล้วนยังไม่ทนั ได้ประลอง เจ้าจะยอมแพ้ได้อย่างไร ข้าเกลียดทีสุ ดก็คือคนขีขลาดตาขาวทียอมแพ้โดยทียังไม่สู้


รับมือ !” หยวนฟางเฟยกัดฟั นพูดพร้อมทังขยับเท้าเบา ๆ แส้ยาวในมือพุ่งโจมตีไปทีมู่หรงเสวีย......
เมือมองไปทีแส้ทีอยูใ่ กล้แค่เอือม มู่หรงเสวียก็ขมวดคิวแน่น นางไม่อยากทีจะลงมือกับหยวนฟางเฟย แต่หยวน
ฟางเฟยเป็ นคนทีไร้กฎเกณฑ์ กลับกล้าพุ่งเข้ามาหานางอย่างโหดเหี ยมเช่นนี นางไม่ปะทะด้วยเห็นทีกค็ งจะไม่ได้
เสี ยแล้ว ในเมือเป็ นเช่นนี นางก็จะเติมเต็มความปรารถนาของนางเอง !

เงาร่ างของมู่หรงเสวียขยับวูบไหว กระบีในมือสวนแทงออกไปรับการโจมตีของหยวนฟางเฟยอย่างไม่เกรงกลัว


ชัวขณะนัน ฝูงชนเห็นเงาร่ างสองสาย ร่ างหนึงสี ขาวร่ างหนึงสี นาเงิ
ํ นขยับวูบไหวไปมา แส้ยาวสี นาตาลกั
ํ บกระบี
สี เงินปะทะกันอย่างดุเดือด จนผูค้ นทีได้ดูชมล้วนตาลาย เพียงแต่ฮ่องเต้ยงั ไม่ทนั ได้ทรงประทานอนุญาตอันใด
เลย เหตุใดพวกนางทังสองคนถึงกล้าปะมือกันได้ ?

ฝูงชนพากันแอบเหล่มองไปทีฮ่องเต้ เห็นพระองค์นิงชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ออกปากห้ามปรามแต่อย่างใด


พอเป็ นเช่นนันฝูงชนจึงค่อย ๆ พากันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แล้วค่อย ๆ แอบเหล่มองไปทีเรื อของพวก
นางทีกําลังประลองฝี มือกันอยู่

หยวนฟางเฟยมีวรยุทธ์ทีดีเยียม กระบวนท่าซับซ้อนไม่ธรรมดา ตรงกันข้ามกับมู่หรงเสวียทีมีกระบวนท่าที


ธรรมดาสามัญแต่กลับใช้มนั ออกมาด้วยประสิ ทธิ ภาพอย่างสู งทีสุ ด เมือผ่านไปไม่ถึงหนึงเค่อ ทังสองคนก็ได้ปะ
มือกันไปสิ บกระบวนท่าแล้ว

เมือมองไปทีทังสองทีปะมือกันอยูน่ านแต่ยงั ไม่สามารถปรากฏผลแพ้ผลชนะออกมาได้ แววตาของผูค้ นต่างวูบ


ไหวไปด้วยความตืนตะลึง หยวนฟางเฟยมีรูปร่ างสู งใหญ่แข็งแรง ทังวรยุทธ์ยงั สู งส่ งมีชือเสี ยงลําลือ แส้แส้หนึ ง
สามารถทําลายต้นไม้ใหญ่ ๆ ให้ลม้ ลงได้ องครักษ์ทีมีรูปร่ างสู งใหญ่พออยูใ่ นมือนางนันไม่มีทางทีจะสามารถ
ทนได้เกินสิ บกระบวนท่า
แต่ม่หู รงเสวียทีเป็ นแค่เพียงคุณหนูธรรมดา อีกทังมีร่างกายอ่อนแอมากโรคทีแค่เพียงลมพัดก็สามารถล้มป่ วยได้
ผูห้ นึง ถ้าให้นางไปปะทะต่อกรกับหยวนฟางเฟยแล้วสามารถหลบหลีกกระบวนท่าของนางได้อย่างรวดเร็ ว
เหมือนเมือครู่ นันแล้วบอกว่าเป็ นการป้ องกันตัวเองนันยังพอเชือถือได้ แต่ว่าถ้าหากให้นางปะทะกับหยวนฟาง
เฟยตรง ๆ ไม่ใช่ว่าสมควรจะถูกหยวนฟางเฟยทุบตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้วหรอกหรื อ ? เหตุใดถึงยังสามารถ
ปะมือกับหยวนฟางเฟยเกินสิ บกระบวนท่าได้ ยิงไปกว่านันยังไม่ตกเป็ นรองอีกต่างหาก นี มันจะน่าเหลือเชือ
จนเกินไปแล้ว......

มู่หลิวเฟิ งส่ ายพัดไปมาซ้ายทีขวาที มองดูจนอดชืนชมไม่ได้ ไม่เลวไม่เลว ถือว่าเป็ นสายเลือดของท่านอาเยว่จริ ง


ๆ ไม่แปลกเลยทีเป็ นคนของตระกูลมู่หรง

ซ่งชิงเหยียนทังรู ้สึกตกตะลึงทังรู ้สึกโมโห ผ้าเช็ดหน้าในมือของนางถูกกําแน่ นจนยับยูย่ ี มู่หรงเสวียเจ้าคนชันตํา


ทําไมถึงได้กลายเป็ นคนร้ายกาจได้ถึงเพียงนีกัน ขนาดปะมือกับหยวนฟางเฟยแล้วยังได้เปรี ยบอีก ช่างเลวร้ายถึง
ทีสุ ด......

นางไม่ชอบเรี ยนการต่อสู้แล้วก็ไม่รู้เรื องวรยุทธ์ มิเช่นนันแน่ นอนว่านางจะต้องพุ่งออกไปร่ วมมือกับหยวนฟาง


เฟยเพือจัดการมู่หรงเสวียแล้ว......

ในอกของซ่ งชิงเหยียนลุกโชนไปด้วยไฟโกรธตีมือลงไปทีพนักเก้าอีอย่างแรง สัมผัสนิ มลืนแล่นขึนมาจากฝ่ ามือ


ของนาง ทันใดนันนางก็แข็งทือไปอยูค่ รู่ หนึ งแล้วค่อย ๆ ก้มหน้ามองลงไป เห็นหัวเล็ก ๆ สี เขียวอ่อนแนบชิดติด
อยูบ่ นฝ่ ามือของนาง สายตาของมันกําลังจ้องมองมาทีนาง......
“อ้า !” ซ่ งชิงเหยียนร้องตกใจขึนเสี ยงดังแล้วรี บดึงมือกลับในทันใด ถอยหลังออกไปหลายก้าวแววตาเต็มไปด้วย
ความหวาดกลัว เสี ยงกรี ดร้องแหลมสู งดังขึนทําเอาผูค้ นตกอกตกใจ “งู...มีง.ู .....”

ทันใดนันขุนนางบุ๋นบู๊รวมถึงบรรดาครอบครัวต่างตืนจากภวังค์กม้ หน้ามองไป เห็นบนพืน บนโต๊ะ บนเก้าอี


ล้วนเต็มไปด้วยงูนาลํ
ํ าตัวบางยาวมากมายเสี ยจนนับไม่ถว้ น “งู งู งู......งูเต็มไปหมดเลย......”

เสี ยงกรี ดร้องของบรรดาฮูหยินและคุณหนูดงั ขึน ต่างพากันกระโดดหนี ถอยหลังออกไปด้วยร่ างกายทีแข็งทือสี


หน้าหวาดกลัว เจ้าเบียดข้า ข้าผลักเจ้า เพียงพริ บตาทังแท่นศาลาก็กลายเป็ นชุลมุนวุ่นวาย.....

ํ มีจาํ นวนมากมายกําลังเลือยอย่างยุบยับอยูบ่ นพืน แววตาแหลมคมหรี เล็กลง.....


ฮ่องเต้ลุกยืนขึนมองไปทีงูนาที

ขันทียนื ขวางอยูด่ า้ นหน้าขององค์ฮ่องเต้มองไปทีงูนาที


ํ กําลังคืบคลานเข้ามาร้องขึนเสี ยงแหลม “ทหาร....
คุม้ ครองฝ่ าบาท...คุม้ ครองฝ่ าบาท......”

ทหารวีหลินต่างพุ่งเข้ามาล้อมรอบด้านข้างขององค์ฮ่องเต้และฮองเฮา ชักดาบออกมาจากเอวแล้วฆ่าฟันพวกงูนาํ
อย่างรวดเร็ ว ช่วงเวลานันสายเลือดต่างสาดกระเซ็นไปทัว หัวของงูและตัวของงูทีขาดออกจากกันพุ่งกระเด็นเข้า
ไปในฝูงชน เสี ยงกรี ดร้องด้วยความหวาดกลัวดังลันขึนระงมไปทัว “อ้า อ้า อ้า......ช่วยด้วย...ช่วยข้าด้วย....”

มู่หรงเสวียปรายตามองแท่นศาลาทีปรากฏความชุลมุนวุ่นวายแล้วค่อย ๆ หรี ตาลง กล่าวขึนเสี ยงเย็น “หยวนฟาง


เฟยเลิกปะมือได้แล้ว มีงูนาํ !”
“งูนาก็
ํ ไม่ได้เลือยมาถึงนี เจ้าจะกังวลอะไรกัน รับมือ !” หยวนฟางเฟยไม่สนใจ นางเพียงพลิกข้อมือเบา ๆ เพียง
เท่านันแส้ไร้เสี ยงก็พุ่งโจมตีไปทางมู่หรงเสวีย

มู่หรงเสวียขมวดคิวขึนเตรี ยมทีจะถีบนางออกไป ได้ยนิ เสี ยง ‘ฟ้ าว !’ ดังขึนเสี ยงหนึ ง เงาร่ างสี เขียวอ่อนสายหนึง
พุ่งเข้ามารัดแน่นเข้าไปทีแขนของหยวนฟางเฟยแล้วกระชากนางลงไปในทะเลสาบเทียนสุ่ ย เสี ยง ‘ตูม้ ’ ดังขึน
สายนําสาดกระเซ็นไปทัวบริ เวณ......

แววตาของมู่หรงเสวียเย็นยะเยือกเตรี ยมทีจะวิงเข้าไปดู แต่ไม่คาดว่างูนาสี


ํ เขียวอ่อนตัวแล้วตัวเล่าต่างพุ่งตรงมาที
นาง นางเร่ งรี บวาดกระบีออกไปฆ่าฟั นอย่างรวดเร็ วจนเลือดสี แดงสดสาดกระเซ็นไปทัว นางเห็นหยวนฟางเฟ
ยลอยขึนสู่ ผวิ นํา คว้าจับเข้าไปทีงูนาที
ํ รัดแขนของนางออกแล้วกระชากมันจนขาดออกเป็ นสองท่อน สบถด่าทอ
ต่อว่าอย่างไม่หยุด “เจ้าพวกงูนาเหม็
ํ นเน่า กลับกล้ามารัดข้า ไปตายซะ ! ไปตายซะ !”

‘ซี ซี ซี !’ งูนาตั
ํ วแล้วตัวเล่าต่างว่ายนําเข้าไปหาหยวนฟางเฟยแล้วพากันรัดแขน เอว ขา หน้าอก และคอของนาง
เอาไว้แน่ น หยวนฟางเฟยใช้แรงกระชากดึงพวกมันออกแต่กไ็ ม่สามารถต่อกรกับความรวดเร็ วในการรัดของ
พวกมันได้

คอของนางถูกรัดจนแน่ น สี หน้าค่อย ๆ กลายเป็ นสี เขียวคลํา อากาศในปอดยิงเริ มทีจะลดน้อยลงทุกที หายใจก็ยงิ


ลําบากขึน ภาพทีมองเห็นด้านหน้ายิงค่อย ๆ เลือนราง ความรู ้สึกนึ กคิดก็ค่อย ๆ เริ มทีจะถดถอยลง นางได้แต่
ต่อต้านอย่างสุ ดชีวิตเพือทีจะไม่ยอมปิ ดตาลง นางยังไม่อยากตาย ยังไม่อยากตาย......
“ฉึก ฉึ ก ฉึก !” คลืนดาบคมกริ บพุ่งผ่านบรรดางูนาจนพวกมั
ํ นขาดออกจากกันเป็ นสองท่อนในพริ บตา ทันใดนัน
ลําคอของหยวนฟางเฟยก็ปลอดโล่ง อากาศบริ สุทธิ ค่อย ๆ พากันหลังไหลเข้าสู่ ปอด นางไอออกมาหนัก ๆ เสี ย
หลายครัง มองไปทางด้านหลังอย่างรู ้สึกขอบคุณ

เมือมองไปก็เห็นมู่หรงเสวียยืนอยูท่ ีหัวเรื อ ถือดาบตังตรงใบหน้างดงามหยดย้อยแต่ในแววตานันเต็มไปด้วย


ความเย็นชาสุ ขมุ ชุดกระโปรงสี ฟ้าพลิวไหวไปตามสายลม เรื อนร่ างของนางคล้ายกับหลอมรวมเข้ากับท้องฟ้ าสี
ครามจนเป็ นหนึงเดียวกัน มองดูจนหยวนฟางเฟยต้องเบิกตากว้าง “เป็ นเจ้าทีช่วยข้า !”

“อย่ามัวแต่พดู พล่ามให้มากความ พวกงูนาว่


ํ ายมานูน้ แล้ว ถ้าหากเจ้ายังไม่อยากถูกกัดตายหรื อถูกรุ มจนตายล่ะก็
รี บขึนมาบนเรื อเดียวนี !” มู่หรงเสวียพูดขึนอย่างเย็นชา นางรี บเดินเข้าไปด้านในของเรื ออย่างรวดเร็ ว เมือหยวน
ฟางเฟยหันไปมองก็เห็นว่ามีงูอยูป่ ระมาณสิ บตัวทีกําลังพุ่งมาทางนางจริ ง ๆ นางยูป่ ากลงแล้วกระโดดขึนไปบน
เรื อ ยังไม่ทนั ทีจะได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก ก็เห็นด้านบนพืนไม้ของเรื อเต็มไปด้วยงูยวเยี
ั ยมากมาย พวกมันพา
กันเลือยไปมาจนผูค้ นทีได้เห็นต่างต้องรู ้สึกขนลุก......
ตอนที 148 เห็นคนลําบากแต่ ไม่ ช่วย
ํ าตัวบางยาวพากันพุ่งเข้ามารัดเท้าของหยวนฟางเฟยเอาไว้แน่ น ดวงตาของหยวนฟางเฟยฉายแวว
‘ซี ซี ซี’ งูนาลํ
เย็นยะเยือก นางชักกรี ชออกมาจากตัวแล้ววาดฟั นออกไปอย่างรวดเร็ ว เลือดสี แดงสดสาดกระจาย เพียงพริ บตา
เศษชินส่ วนของงูต่างก็กระจัดกระจายไปทัว ตกลงไปในทะเลสาบเกิดเสี ยงดัง ‘ตูม้ ตูม้ ’ จนผิวนําสันกระเพือม
หลายสาย......

“ฉึก ฉึ ก ฉึก !” สายลมทีรุ นแรงพาดผ่านไป มู่หรงเสวียกําลังวาดดาบฆ่าฟั นพวกงูนาํ งูนาตั


ํ วแล้วตัวเล่าขาดออก
จากกันเป็ นสองส่ วน แล้วถูกเตะลงไปในนํา แต่ว่างูนาที
ํ มีจาํ นวนมากเพิมขึนเรื อย ๆ ต่างพากันเลือยขึนมาบนเรื อ
อย่างไม่หยุดหย่อน......

หยวนฟางเฟยขมวดคิวเข้าหากันแน่น “งูนาพวกนี
ํ น คล้ายกับมีมาให้ฆ่าไม่มีวนั หมด ถ้า
ยิงรวมตัวกันก็ยงมากขึ

หากพวกเรายังฆ่าพวกมันต่อไปเช่นนี ไม่รู้วา่ จะต้องฆ่าไปจนถึงเมือไร พวกเราจะต้องคิดอ่านหาวิธีอืนจัดการมัน
......”

“เช่นนันเจ้าคิดแผนการอะไรดี ๆ ได้บา้ ง” มู่หรงเสวียถามขึนอย่างไม่นาํ พา กระบีในมือของนางยังคงฟาดฟั น


ต่อไปไม่หยุด !

“ไม่มี !” หยวนฟางเฟยส่ ายหน้าออกมาด้วยความท้อแท้ สิ งทีนางถนัดทีสุ ดก็คือการลงสนามรบราฆ่าฟันศัตรู ถ้า


หากให้นางนําทัพต่อสู ้หรื อว่าต่อยตีกบั ผูค้ นนัน อย่างน้อยนางสามารถคิดหาแผนการหลายสิ บแผนการทีสารถ
คว้าเอาชัยชนะมาได้ แต่ว่างูนานั
ํ นนางล้วนไม่เคยไปต่อกรกับพวกมันมาก่อน ไม่รู้ว่าจะต้องจัดการกับพวกมัน
อย่างไร......
“อ้า......” เสี ยงกรี ดร้องด้วยความหวาดกลัวดังขึน มู่หรงเสวียเงยหน้ามองไปเห็นงูยกั ษ์ยาวสามถึงสี เมตรตัวหนึ ง
เลือยอยูบ่ นแท่นศาลา ชูคอขึนแล้วพุ่งไปทางพวกหญิงสาวชนชันสู ง

มู่หรงโหรว แซ่ โจว ซ่ งชิงเหยียนสามคนก็อยูใ่ นบรรดาหญิงสาวชนชันสู งกลุ่มนัน พวกนางพากันก้าวถอยหลัง


ตามกลุ่มหญิงสาวพวกนันไปอย่างตัวสันงันงก อยู่ ๆ เท้าของพวกนางก็เหยียบเข้ากับอากาศธาตุ เกิดเสี ยง ‘ตูม้ ’
ดังขึนเสี ยงหนึ ง ทันใดนันพวกนางต่างพากันตกลงไปในนํา !

“ช่วยด้วย...ช่วยข้าด้วย...” มู่หรงโหรวทีว่ายนําไม่เป็ น ได้แต่ดินรนตะเกียกตะกายในนําไปมา กรี ดร้องขึนเสี ยง


ดัง !

“ช่วยด้วย......” แซ่ โจวก็ลอยคอสําลักนําอยูใ่ นนําเช่นกัน นางกรี ดร้องขึนเสี ยงดัง ซ่ งชิงเหยียนทีเพิงจะตกนํามา


ได้ไม่กีวัน เลยเข้าใจเล็กน้อยว่าควรทรงตัวเช่นไร นางตะเกียกตะกายไปมาอย่างสุ ดชีวิต พยามยามดินรนเพือ
ไม่ให้ตวั เองจมลงไป สายตากระวนกระวายพยายามกวาดตามองไปโดยรอบแล้วบังเอิญเห็นเข้ากับมู่หรงเสวีย
ทันใดนันดวงตาของนางก็เปล่งประกายวูบไหว เรี ยกร้องขึนอย่างเสี ยงดัง “พีเสวียเอ๋ อร์ ......ช่วยข้า......รี บมาช่วย
ข้า......”

แซ่ โจวชะงักงัน เมือมองตามสายตาของซ่ งชิงเหยียนไปก็เห็นว่ามู่หรงเสวียอยูบ่ นเรื อลําหนึ ง ทันใดนันแววตา


ของนางก็วบู ไหวเปล่งประกาย “มู่หรงเสวียรี บพายเรื อเข้ามา......” นําเสี ยงสู งแฝงไว้การออกคําสังทีห้ามขัดขืน !
แม้แต่ขอให้คนช่วยยังทําตัวอวดดีเช่นนี ช่างไม่รู้จกั ดูสถานการณ์เอาเสี ยเลย !

มู่หรงเสวียอดไม่ได้ทีจะเหยียดหยามในใจ แล้วก็กล่าวขึนอย่างไม่เกรงใจว่า “ข้ากําลังฆ่างูนาอยู


ํ ่ ไม่มีเวลาว่างไป
พายเรื อ......”

“เจ้า...” ความโกรธของแซ่ โจวลุกโชน นางถลึงตามองไปทีมู่หรงเสวียอย่างเกลียดชังจนอีกนิ ดเดียวความเกรี ยว


กราดในดวงตาของนางก็แทบทีจะสามารถพ่นออกมาเป็ นไฟได้

ึ ยงดัง “ท่านพีเสวียเอ๋ อร์ ข้าขอโทษ เมือครู่ ขา้ ไม่ควร


แววตาของซ่ งชิงเหยียนเปล่งประกายวูบไหว ร้องไห้ขนเสี
ขัดขวางท่านขึนไปบนแท่นศาลา ความผิดทังหมดล้วนเป็ นความผิดของข้า หากท่านไม่ช่วยข้า ข้าก็ไม่มีอะไรจะ
กล่าว แต่ขอร้องท่านโปรดช่วยท่านแม่ของข้ากับท่านป้ าสะใภ้สองด้วยเถอะ พวกนางก็ลว้ นเป็ นญาติผใู ้ หญ่ของ
ท่าน ท่านย่อมไม่อาจเห็นพวกนางทีกําลังจะตายแล้วไม่ช่วยได้หรอก......”

สายตาของผูค้ นล้วนจับจ้องไปทีร่ างของมู่หรงเสวีย ความขัดแย้งของมู่หรงเสวียกับซ่ งชิงเหยียนพวกนางล้วน


เห็นกันหมด ซ่ งชิงเหยียนเย้ยหยันนางแน่ นอนว่าเป็ นความผิดของซ่ งชิงเหยียน แต่ซ่งชิงเหยียนก็เป็ นน้องสาว
ลูกพีลูกน้องของมู่หรงเสวีย มู่หรงโหรวก็เป็ นอาแท้ ๆ ของนาง แซ่ โจวก็เป็ นอาสะใภ้สองของนาง เพียงแค่เรื อง
เล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านีแต่มู่หรงเสวียกลับพาลโกรธพวกนาง ในเวลาสําคัญเช่นความเป็ นความตายของพวกนางกลับ
ไม่เข้าไปช่วยเหลือ ช่างเป็ นคนจิตใจทีคับแคบยิงนัก......

มู่หรงเสวียยกยิมมุมปากขึนอย่างเย็นชา ซ่ งชิงเหยียนกลับกล้าใช้ฝูงชนมาบีบคันนางให้ช่วยคน ช่างไม่รู้จกั ดู


สถานการณ์เอาเสี ยเลย ในเมือพวกนางอย่างรนหาทีตายนัก นางก็จะเติมเต็มให้พวกนางเอง !
มู่หรงเสวียเลิกคิวมองไปทีซ่ งชิงเหยียน พลางกล่าวเน้นขึนทีละคํา “ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากช่วย แต่ว่าบนเรื อนัน
อันตรายนัก พวกเจ้าแน่ ใจหรื อว่าอยากจะขึนมา ?”

“แน่นอน ข้ามันใจ !” ซ่ งชิงเหยียน แซ่ โจว มู่หรงโหรวสามคนพากันพยักหน้า จะอันตรายอย่างไรก็คงไม่เท่ากับ


จมนําจนตายได้หรอก !

“นีถือว่าเป็ นพวกเจ้าทีเลือกเองนะ หากเกิดเรื องอะไรขึนมาก็อย่าได้โทษข้าก็แล้วกัน !” มู่หรงเสวียกล่าวเสี ยงตํา


แววตาเต็มไปด้วยความหนักใจทีน้อยนักจะมี

“ไม่โทษเจ้า ข้าไม่มีทางโทษเจ้า รี บดึงพวกข้าขึนเรื อเถอะ” ซ่ งชิงเหยียนสามคนพากันพูดขึนอย่างร้อนรน ในใจ


พากันคิดว่าไม่เห็นจะเป็ นเช่นไร มู่หรงเสวียคงอยากจะข่มขู่ให้พวกนางกลัวแค่เพียงเท่านัน พวกนางไหนเลยจะ
ยอมเชืออย่างง่ายดายขนาดนัน

“ตกลง” มู่หรงเสวียพยักหน้ายกยิมมุมปากขึนอย่างแปลกประหลาด นางคว้าแส้ยาวสี นาตาลขึ


ํ นมา ‘ฉึ บ’ พลาง
เหวียงแส้ไปทีด้านข้างของซ่ งชิงเหยียนรัดเอวของนางเอาไว้แล้วลากนางขึนมา

ซ่งชิงเหยียนล้มนังลงบนพืนเรื อ เสื อผ้าบนร่ างล้วนเปี ยกปอนจนนําหยดลงบนพืนเจิงนองไปหมด นางหายใจเข้า


ลึก ๆ หัวใจทีเต้นแรงค่อย ๆ ผ่อนคลายลง นางขึนมาบนเรื อแล้วในทีสุ ดก็จะได้ไม่ตอ้ งจมนําตายแล้ว ช่างดียงนั
ิ ก
!
ไอหนัก ๆ อยูห่ ลายครัง เตรี ยมทีจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แต่ฝ่ามือกลับสัมผัสได้ถึงความนิ มลืน พืนเรื อ
ด้านล่างเหมือนกับว่ากําลังขยับเคลือนไหว

ซ่งชิงเหยียนชะงักไปครู่ หนึงแล้วก้มหน้ามองไปอย่างช้า ๆ ก็พบว่านางกําลังนังอยูบ่ นงูนาจํ


ํ านวนมากทีเลือย
ํ าตัวบางยาวตัวแล้วตัวเล่าต่างเลือยขึนมารัดแขนและเอวของนาง สัมผัสอันนุ่ มลืนและเย็นเยียบ
ยัวเยียไปมา งูนาลํ
ทะลุผา่ นเสื อผ้ากระทบเข้ากับผิวหนังของนาง ทําให้ผูค้ นขนลุกขนชัน

“อ้า......อ้า......อ้า !” ซ่ งชิงเหยียนกรี ดร้องเสี ยงแหลมออกมาด้วยความหวาดกลัวแล้วลุกพรวดขึนพร้อมทังงูนาที



อยูบ่ นตัวพุ่งทะยานออกไปทีกาบเรื อ เสี ยงตูม้ ดังขึนเสี ยงหนึง ทันใดนันนางก็พลัดตกลงไปในทะเลสาบ......

งูนามากมายรั
ํ ดร่ างของซ่ งชิงเหยียนเอาไว้แน่น นางกรี ดร้องดินรนไปมาอย่างไร ก็ยงั ไม่สามารถทีจะสะบัดพวก
มันให้หลุดออกไปได้

มู่หรงโหรว และแซ่ โจวเบิกตากว้างด้วยความตืนตระหนก เพิงจะพบว่ามีงูนามากมายนั


ํ บไม่ถว้ นกําลังพุ่งขึนไป
บนเรื อของมู่หรงเสวีย สี ของงูนากั
ํ บเรื อนันคล้ายคลึงกันจนพวกนางทีอยูห่ ่ างออกไปไกลอีกทังยังมีจิตใจว้าวุ่น
กระวนกระวายจึงไม่ทนั ทีจะมองเห็น......

“ท่านอา ท่านอาสะใภ้สอง ข้าจะลากพวกท่านขึนเรื อเอง !” เสี ยงหัวเราะสดใสดังเข้าหู จนมู่หรงโหรวกับแซ่ โจว


หลังเหงือเย็นเยียบออกมา พวกนางเงยหน้ามองไปอย่างตืนตระหนก ก็เห็นมู่หรงเสวียกําลังยืนอยูบ่ นเรื อ ข้อมือ
ของนางสะบัดวูบเตรี ยมทีจะเหวียงแส้ออกมา......
“ไม่ตอ้ งแล้ว ไม่ตอ้ งแล้ว......พวกข้าไม่ขนเรื
ึ อแล้ว.....” แซ่ โจวส่ ายหน้าไปมาอย่างกระวนกระวาย ด้านบนเรื อ
นันมีงูอยูเ่ ต็มไปหมด หลังจากทีพวกนางขึนไปแล้วคงมีแต่ตายทางเดียวเท่านัน เทียบกันแล้วรออยู่ในนําคงจะ
ปลอดภัยเสี ยมากกว่า......

“จะได้อย่างไรกัน ? ข้าเป็ นหลานสาวของพวกท่าน เห็นพวกท่านกําลังลําบากแล้วจะไม่ช่วยได้อย่างไร !” มู่หรง


เสวียพูดขึนด้วยรอยยิมสดใส ขนคิวงอขึนเตรี ยมทีจะเหวียงแส้ออกไป

แซ่ โจวรี บตะเกียกตะกายถอยห่ างออกไปด้านหลังอย่างกระวนกระวาย นางกรี ดร้องขึนเสี ยงดัง “เจ้าไม่ได้เห็น


คนกําลังลําบากแล้วไม่ช่วย แต่เป็ นพวกข้าเองทีไม่ตอ้ งการขึนไป ไม่ตอ้ งการขึนไปบนเรื อ......เสวียเอ๋ อร์ เจ้าก็
อย่าได้ลากพวกข้าขึนไปอีกเลย......” พูดขึนถึงตอนท้ายนัน แซ่โจวก็เริ มทีจะสะอึกสะอืนออกมา นางพูดจาไม่รู้
เรื อง นําตาเม็ดโตไหลอาบลงมาตามใบหน้า ท่าทางเช่นนันดูน่าสารจับใจยิงนัก......

มู่หรงเสวียเลิกคิวแล้วกล่าวขึนอย่างช้า ๆ “นีเป็ นสิ งทีพวกท่านพูดเองนะ พวกท่านไม่ตอ้ งการขึนเรื อเอง ไม่ใช่ว่า


ข้าไม่ยอมช่วยพวกท่าน !”

“ใช่ ใช่ ใช่......เป็ นพวกข้าเองทีไม่ตอ้ งการขึนไป ไม่เกียวอันใดกับเจ้า......” แซ่ โจวรับคําขึนอย่างเร่ งรี บ สี หน้า
เต็มไปด้วยความยินดี มู่หรงเสวียไม่บีบคันให้พวกนางขึนเรื อแล้ว ช่างดียงนั
ิ ก!

มู่หรงเสวียตอบรับเพียงบางเบาแล้วดึงแส้กลับเข้าไป ยกยิมมุมปากขึนด้วยความลําลึก ละครน่าสนุ กฉากหนึง


กําลังจะเริ มขึนแล้ว !
“ท่านแม่ ท่านป้ าสะใภ้ช่วยข้าด้วย อ้า !” เสี ยงกรี ดร้องด้วยความหวาดกลัวลอยเข้าหู แซ่ โจวเงยหน้ามองไปเห็น
ํ รัดอยูบ่ นแขนของนางประมาณสองสามตัว
แขนของซ่ งชิงเหยียนถูกงูรัดจนเลือดไหลซึ มออกมา แล้วก็เห็นงูนาที
กําลังพุ่งกระโจนลงมาในนํา พุ่งตรงมาทีนางกับมู่หรงโหรว......
ตอนที 149 ไฟเผาอสรพิษ
แซ่ โจวตืนตระหนก นางกระเสื อกกระสนดินรนว่ายนําออกไปด้านหน้าสุ ดแรง กรี ดร้องขึนเสี ยงดังด้วยความ
หวาดกลัว “ช่วยด้วย......ช่วยข้าด้วย......”

ํ ดกายเอาไว้แน่น แววตาของมู่
“ชิงเหยียน !” เมือมองไปทีซ่ งชิงเหยียนทีได้รับบาดเจ็บสาหัสและกําลังถูกงูนารั
หรงโหรวก็เต็มไปด้วยความเป็ นห่ วงและกังวลใจ นางดึงปิ นปั กผมบนหัวลงมาแล้วใช้แรงโยนไปทางซ่ งชิงเห
ยียน “ชิงเหยียนรับปิ นปั กผมไว้ ใช้ปินปั กผมแทงไปทีคอของพวกมัน......”

แขนของซ่ งชิงเหยียนได้รับบาดเจ็บ จึงทําได้เพียงเบิกตามองไปทีปิ นปั กผมทีลอยเข้ามาแต่กลับไร้เรี ยวแรงทีจะ


รับเอาไว้ ปิ นปั กผมร่ วงตกลงไปบนหัวของงูนาอย่
ํ างแรง งูนาสะบั
ํ ดหัวไปมาเล็กน้อยดวงตาสี แดงเปล่งประกาย
วูบไหวขึนอย่างเกรี ยวกราดดุร้าย มันผละออกจากตัวซ่ งชิงเหยียนแล้วว่ายนําพุ่งตรงไปทางมู่หรงโหรวทีเป็ นตัว
สร้างเรื องอย่างรวดเร็ ว......

งูนามั
ํ น......กําลังจะมากัดนาง !

ในใจของมู่หรงโหรวตืนตระหนก นางสะบัดแขนทังสองข้างไปมา ว่ายนําออกไปด้านหน้าอย่างสุ ดชีวิต งูนาํ


มากมายยังคงพุ่งตามติดมาทางด้านหลัง

งูนายิ
ํ งเข้ามาใกล้นางมากขึนทุกที สายตาของนางเห็นพวกมันกําลังจะตามมาทันแล้ว แววตาคมของแซ่โจวก็หรี
เล็กลง ทันใดนันก็หันหลังกลับถีบไปทีมู่หรงโหรวเข้าเท้าหนึง ถีบนางไปที ฝูงงูอย่างไร้เยือใย......
มู่หรงโหรวตืนตกใจยืนมือสวนกลับไปคว้าทีข้อเท้าของแซ่ โจวเอาไว้แล้วถลึงตามองไปทีนางอย่างดุร้าย “ผู ้
แซ่ โจว เจ้าจะทําอะไร ?”

แซ่ โจวใช้แรงขัดขืนแต่กไ็ ม่สามารถดินหลุดจากการจับกุมของมู่หรงโหรวได้ คิวเรี ยวของนางเลิกขึนมองไป


ทางมู่หรงโหรวอย่างผูอ้ ยูส่ ู งกว่า “งูนาเป็
ํ นเจ้าทีล่อมันออกมา ข้าเพียงแต่ตอ้ งการให้เจ้าไปต่อกรกับพวกมันก็
เท่านัน !”

แซ่ โจวกล่าวขึนอย่างช้า ๆ แววตาของนางนิงสงบไร้อาการสันไหว ไร้ซึงอาการทีบ่งบอกว่าเพิงถูกจับได้วา่ ทํา


เรื องชัวช้าลงไป

มู่หรงโหรวขมวดคิวเข้าหากันแน่น “เพือทีข้าจะช่วยชิงเหยียนถึงได้......”

“เจ้าเป็ นแม่แท้ ๆ ของชิงเหยียน เจ้าช่วยนางก็เป็ นเรื องทีสมควรแล้ว แต่ขา้ เป็ นเพียงป้ าสะใภ้สองของชิงเหยียน
ไม่มีความเกียวข้องทางสายเลือดใด ๆ กับนาง ข้ามีสามีและลูกชายของข้าทีต้องกลับไปดูแล ไม่สามารถตายไป
พร้อมกับพวกเจ้าแม่ลูกอย่างไร้ค่าเช่นนี ได้......” แซ่ โจวตัดบทคําพูดของนางขึนอย่างหมดความอดทน นําเสี ยง
เต็มไปด้วยความหนาวเหน็บเย็นยะเยือก

“ดังนันเจ้าจึงเตรี ยมทีจะผลักพวกข้าแม่ลูกเข้าปากงูแล้วถือโอกาสนีหนี ไปเช่นนันน่ะหรื อ” มู่หรงโหรวกล่าวขึน


เสี ยงเย็น แววตาวูบไหวไปด้วยความโหดเหี ยมอํามหิ ต “ผูแ้ ซ่ โจว เจ้าช่างโหดเหี ยมอํามหิ ตยิงนัก......”
ความสัมพันธ์ฉันท์พีน้องกว่าสิ บปี ทีผ่านมาในทีสุ ดก็ไม่สามารถมีคา่ มากไปกว่าชีวิตของนางเองได้
แซ่ โจวสบถขึนอย่างเหยียดหยาม “มู่หรงโหรว ในเวลาเป็ นตายไม่วา่ ใครก็ตอ้ งทําเช่นนี หากเจ้าเป็ นข้า เจ้าก็คงจะ
ทําเช่นเดียวกันกับข้า เช่นนันพวกเราก็อย่าได้วา่ กล่าวกันอีกเลย”

“พูดแล้วก็ถูกต้อง เสี ยสละผูอ้ ืนเพือเอาชีวิตของตนเองให้รอดถึงจะเป็ นความคิดทีฉลาดหลักแหลมทีสุ ด” มู่หรง


โหรวยกมุมปากขึนอย่างบิดเบียวคว้าจับไปทีข้อเท้าของแซ่ โจวแล้วออกแรงกระชากสะบัดร่ างกายบอบบางของ
แซ่ โจวพุ่งเข้าไปหาฝูงงูทีกําลังตามติดเข้ามา

งูตวั แล้วตัวเล่าต่างพุ่งเข้ารัดไปตามลําคอ แขนและเอวของแซ่ โจวเอาไว้แน่ น เขียวแหลมคมทะลุผ่านชันเสื อผ้า


เข้าไปทีผิวหนังแล้วทิมแทงเข้าไปในเนื อของนางอย่างดุร้าย เลือดสี แดงสดไหลทะลักออกมาจากบาดแผลของ
นางจนนําในทะเลสาบรอบตัวนางกลายเป็ นสี แดงฉาน แซ่ โจวกรี ดร้องขึนเสี ยงดัง “อ้า......ช่วยด้วย......ช่วยข้า
ด้วย อ้า......”

เมือเห็นพวกงูทีมากันมากมายไม่หยุดหย่อนนัน ผูค้ นทังหมดก็คงคิดได้เพียงแค่เอาชีวิตตัวเองให้รอดก่อนเท่านัน


ไหนเลยจะมีคนไปช่วยนางได้ ไปร้องขอความช่วยเหลือต่อในนรกเถอะ

มู่หรงโหรวสบถเหยียดหยามขึนในใจ มุมปากของนางยกขึนอย่างเย็นยะเยือก สะบัดมือออกว่ายนําต่อไป


ด้านหน้าด้วยความรวดเร็ ว ไม่คาดว่าเพียงพริ บตาผิวนําทีสงบนิงจะกระเพือมสันไหวจนสาดกระเซ็น งูตวั ใหญ่
ยักษ์ตวั หนึงพุ่งพรวดขึนมาจากใต้นาํ พุ่งตรงเข้าไปรัดทีร่ างกายของนางแน่ น ร่ างของงูยงรั
ิ ดยิงแน่ นขึน รัดแน่น
จนดวงตาของนางแทบจะถลนออกมา สี หน้าเขียวคลํา อ้าปากกว้างเรี ยกร้องขึนอย่างไร้เรี ยวแรง “ช่วยด้วย...ช่วย
ข้าด้วย......”
มู่หรงเสวียยืนอยูบ่ นเรื อมองไปทางพวกนางทังสองอย่างผูท้ ีอยูเ่ หนื อกว่า แววตาเต็มไปด้วยความดูหมินเหยียด
หยาม เวลาปกติเรี ยกพีเรี ยกน้อง เทียบกับพีน้องแท้ ๆ แล้วยังดูสนิทสนมยิงกว่านัก พอเรื องราวเกียวข้องกับชีวติ
ของตัวเองกลับลงมือหักหน้ากันจนกลายเป็ นคูแ่ ค้นต่อกันอย่างรวดเร็ วเสี ยแล้ว ช่างน่าขันยิงนัก แต่วา่ ทําไมใน
ทะเลสาบเทียนสุ่ ยถึงมีงูตวั ใหญ่ยกั ษ์มากมายขนาดนี ได้ เรื องราวดูแล้วไม่ค่อยถูกต้องเท่าไรนัก......

“ฟ่ อ !” งูยกั ษ์ลาํ ตัวใหญ่ยาวตัวหนึงพุ่งขึนจากผิวนํารัดแน่ นเข้าไปทีร่ างของหยวนฟางเฟยแล้วกระชากนางลงไป


ในนําอย่างรวดเร็ ว

“ช่วยด้วย......” เสี ยงร้องขอความช่วยเหลือทีอ่อนแรงของหยวนฟางเฟยดังขึนมาจากในนํา แววตาของมู่หรงเสวีย


วูบไหวเย็นยะเยือกเตรี ยมทีจะวิงเข้าไปช่วยเหลือ แต่ได้ยนิ เสี ยง ‘ตูม้ ’ ดังขึนเสี ยงหนึ งก็มีงูยกั ษ์อีกตัวปรากฏขึน
จากผิวนําแล้วพุ่งตรงเข้ามาเตรี ยมทีจะรัดร่ างมู่หรงเสวียด้วยความดุร้าย......

แววตาเรี ยวเล็กของมู่หรงเสวียหรี เล็กลงหลบหลีกไปมาอย่างรวดเร็ ว งูนารั


ํ ดไม่โดนนาง แต่เพียงพริ บตาก็สะบัด
หางพุ่งไปทีแผ่นหลังของมู่หรงเสวียจนฟาดนางล้มลงไปบนพืนแล้วอ้าปากสี แดงสดออกพุ่งเข้าไปกัดมู่หรงเสวีย
อย่างดุดนั ......

มู่หรงเสวียแววตาหรี เล็กลงยืนมือออกไปง้างปากบนล่างของมันเอาไว้แล้วใช้แรงดันมันค้างเอาไว้

งูนาแลบลิ
ํ นยาวออกมาแล้วใช้แรงพุ่งตัวเข้าไปโจมตีใส่ ใบหน้าของมู่หรงเสวียด้วยความเกรี ยวกราด มู่หรงเสวีย
รี บหลีกหัวหลบด้วยความรวดเร็ ว ปากของมันเฉี ยดเสยใบหน้าของนางไปตกกระแทกลงบนพืนอย่างแรง เจ็บจน
ร่ างกายของมันดินพล่านไปมาอย่างบิดเบียว
มู่หรงเสวียคว้าจับเข้าไปทีปากบนร่ างของมันอีกครัง แววตาของนางหรี เล็กลง เพียงพริ บตาก็พลิกกายนังลงไปที
หลังของมันแล้วดึงปิ นปั กผมลงมาแทงเข้าไปทีคอของมันอย่างแรง งูนารู
ํ ้สึกเจ็บปวดทรมานจนร่ างกายอันยาว
เหยียดของมันบิดเบียวไปมา สะบัดเอาร่ างของมู่หรงเสวียกระเด็นออกจากหลังของมันไปอย่างแรง......

มู่หรงเสวียรี บบังคับตัวเองให้ยนื ตัวตรงแต่ก็ยงั เซถอยไปด้านหลังอย่างติด ๆ ขัด ๆ ยังไม่ทนั ทีจะได้ยนื อย่าง


ํ อา้ ปากแล้วพุ่งตรงเข้ามากัดนางอีกครัง ทีคอด้านหลังของมันยังถูกปั กไว้ดว้ ยปิ นปั กผมของนาง
มันคง งูนาก็
เลือดสี แดงคลําไหลหยดลงบนพืนเรื อทีละหยดสองหยด......

แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหว พลางยืนมือออกไปหยิบบางสิ งทีอยูด่ า้ นข้าง แล้วปาเข้าไปทีงูนาอย่


ํ างสุ ดแรง ทันที
ทีของสิ งนันกระทบเข้ากับตัวงูกแ็ ตกกระจายออกจากกัน ของเหลวสี เหลืองทองค่อย ๆ ไหลรดลงไปบนตัวของงู
นํา......

นีมัน......นํามัน !

ทันใดนันมู่หรงเสวียก็คดิ ขึนได้ว่าเรื อทีใช้ชมวิวทิวทัศน์ในทะเลสาบนัน ยังสามารถรับสํารับบนตัวเรื อได้ บน


เรื อลํานี นอกจากดีดพิณ เดินหมาก จิบชา และทานของว่างแล้ว ยังพรังพร้อมไปด้วยผัก เนื อ นํามันทีใช้ในการ
ทําอาหารและก็ทีจุดไฟ......

สายตามองเห็นงูยกั ษ์เกรี ยวกราดขึนอีกครัง มันอ้าปากกว้างแล้วพุ่งกายตรงมาทีมู่หรงเสวียอย่างดุร้าย แววตา


ของมู่หรงเสวียหรี เล็กลงคว้าเข้าทีจุดไฟด้านข้างขึนมาโยนไปทีงูยกั ษ์......
เมือประกายไฟเจอกับนํามันเพียงพริ บตาก็เกิดเป็ นเปลวไฟทีลุกโชนขึนมา ทันใดนันก็ลุกลามไปทัวทังตัวของงู
ํ กลายเป็ นงูไฟทีกําลังกรี ดร้องดินรนไปมาแล้วกระโดดหนี ลงสู่ นา......
ยักษ์ จากงูนาก็ ํ

หนี ลงนําคิดว่ารอดแล้วอย่างนันหรื อ อย่าได้คดิ หวังเลย

มู่หรงเสวียยกยิมเย็นหยิบคว้าเอานํามันทังหมดบนเรื อออกมาเทลงไปบนผิวนําในทะเลสาบจนหมดไม่มีเหลือ
คราบนํามันไหลกระเพือมออกไปตามลมและกระแสนํา ไหลกระจายออกไปโดยรอบ ตาเห็นคราบนําแผ่ขยาย
ออกไปได้ไม่นอ้ ยแล้ว มู่หรงเสวียมองไปทีด้านบนแท่นศาลาแล้วตะโกนขึนเสี ยงดัง “ข้าจะจุดไฟหลีกออกไปให้
หมด !”

ทันใดนันฝูงชนทีถูกฝูงงูรายล้อมเอาไว้กพ็ ากันชะงักไปครู่ หนึ งแล้วค่อย ๆ พากันมองมาเห็นมู่หรงเสวียยืนอยูบ่ น


กาบเรื อร่ างกายปะทะเข้ากับสายลม ชุดกระโปรงสี ฟ้าพลิวไหวโบกสะบัด รับเข้ากับใบหน้างามลําหาใดเปรี ยบ
ของนาง นิวมือบางดังหยกคลายออกช้า ๆ ทีจุดไฟอันหนึ งร่ วงหล่นลงไปในนําจนเกิดเสี ยง ‘พรื บ’ ดังขึนเสี ยง
ํ อยูบ่ นผิวนําทังหมดก็ลว้ นแต่ถูกไฟครอก พวกมันพากันดิน
หนึ ง เพียงพริ บตาเปลวไฟมหึ มาก็ลุกโชนขึน งูนาที
รนหลบหนีไปมา แต่ทว่าการเคลือนไหวของมันก็ค่อย ๆ ช้าลง จนสุ ดท้ายก็ถูกไฟครอกจนไหม้เกรี ยมไปอย่างช้า
ๆ......

เปลวไฟโหมกระหนําขึนอย่างรุ นแรง ลุกโชนอย่างบ้าคลังไปทัวทังผืนนํา เหล่างูนายิ


ํ งค่อย ๆ ลดน้อยถอยลง
สายตาของผูค้ นทีมองมู่หรงเสวียเต็มไปด้วยความชืนชม ใช้ไฟเผางูแล้วทําลายทีมาของงู วิธีการทีง่ายดายเช่นนี
พวกเขาทําไมถึงนึ กไม่ออกกัน ! มู่หรงเสวียช่างฉลาดปราดเปรื องยิงนัก !

แววตาของฮ่องเต้ฉายแววเคร่ งขรึ มหันมองไปทีมู่หรงเสวียด้วยสายตาวูบไหวไปด้วยความซับซ้อน......


ตอนที 150 ลงโทษและมอบรางวัล
“ฉึก ฉึ ก ฉึก !” บรรดาทหารวีหลินวาดดาบยาวฟาดฟันไปมาอย่างรวดเร็ ว ฟาดฟันงูนาบนแท่
ํ นศาลาทังหมดจน
ขาดออกเป็ นสองท่อนแล้วโยนทิงลงไปในเปลวไฟ เลือดสี แดงสดสายแล้วสายเล่าเจิงนองไปทัวพืน ผูค้ นทีเห็น
ต่างอดไม่ได้ทีจะหลังเหงือเย็นออกมา......

มู่หรงเสวียค่อย ๆ ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ในทีสุ ดก็สามารถจัดการงูนาได้


ํ จนหมด......

‘เปรี ยะ’ เปลวไฟทีลุกโชนเพียงพริ บตากลับกลายเป็ นรุ นแรงขึน ไอร้อนหนาแน่นพุ่งเข้ามาปะทะกับร่ างของมู่


หรงเสวียจนนางเซถอยไปด้านหลังเสี ยหลายก้าว หลังจากทียืนทรงตัวได้แล้วเงยหน้ามองไปเห็นเปลวไฟบนผิว
ํ กไม่นานก็คงแผ่ขยายมาถึงเรื อทีนางยืนอยู่ สะเก็ดไฟตกลง
นําลุกโชนกําลังลามมาตามซากศพของพวกงูนาจนอี
บนนํามันทีเปราะเปื อนอยูบ่ นพืนเรื อ ชัวพริ บตาเปลวไฟสายหนึงทีเหมือนกับศรแสงก็พ่งุ ตรงเข้าหานาง......

แววตาของมู่หรงเสวียเย็นยะเยือก นางหันหลังกลับอย่างรวดเร็ วแล้วกระโดดขึนไปบนท่าเรื อทีอยูไ่ ม่ไกลนัก เรื อ


ลํานี อีกไม่นานก็คงถูกเปลวเพลิงกลืนกิน นางจําต้องกระโดดไปทีแท่นศาลาด้านหน้าให้เร็ วทีสุ ด ถึงจะปลอดภัย
......

เปลวเพลิงเริ มลุกลามขึนอย่างรวดเร็ ว ยิงตามมาก็ยงใกล้


ิ มากขึน สายตาของนางเห็นว่าอีกนิดเดียวเปลวไฟก็จะ
กระทบไปถูกกับร่ างของมู่หรงเสวียแล้ว ในเวลาเป็ นตายชัวขณะนัน เงาร่ างสี ขาวสายหนึ งก็ร่อนลงมาจาก
ฟากฟ้ า โอบเอวบางของนางไว้แล้วพานางกระโดดขึนไปบนฟ้ า เปลวไฟลามมาจนสุ ดทางและไม่ได้พุ่งลาม
ต่อไปอีก เพียงพริ บตาเรื อชมวิวทังลําก็กลายเป็ นทะเลเพลิง......
เสี ยงสายลมพัดผ่านใบหูดงั ขึน กลินหอมของไม้ไผ่จาง ๆ โชยกระทบเข้ากับจมูก มู่หรงเสวียเงยหน้ามองไปไม่
ผิดจากทีคาดไว้นกั เมือเห็นใบหน้าหล่อเหลาคล้ายดังภาพวาด นางจึงถลึงตามองไปทีเขาแล้วขมวดคิวกล่าวขึน
“เมือครู่ เจ้าไปทีไหนมา ?”

บนเรื อลํานี นางพบเจอกับอันตรายมากมาย ถ้าหากคุณชายโอวหยางอยูใ่ กล้ ๆ แน่ นอนว่าจะต้องพุ่งออกมาช่วย


นางตังแต่แรก ไม่มีทางทีจะรอจนถึงตอนนี

“มีธุระอย่างหนึ งทีต้องจัดการ ข้าจึงเลยไปทีริ มทะเลสาบมาครู่ หนึง พอกลับมาก็เห็นเจ้ากําลังจะถูกไฟครอก......”


คุณชายโอวหยางปรายตามองนาง สายตาบ่งบอกถึงความเย้ยหยันทีชัดเจนโดยมิตอ้ งกล่าววาจาใด

ทันใดนันใบหน้างดงามของมู่หรงเสวียก็คอ่ ย ๆ งํางอลง นางกล่าวขึนอย่างอารมณ์ไม่ดีนกั “เรื องนีจะโทษข้าได้


อย่างไรกัน เพราะเพือต้องการทีจะจัดการกับพวกงูนาที
ํ น่ารังเกียจพวกนันให้หมด ข้าถึงได้จุดไฟ......”

“หลังทีเจ้าจุดไฟแล้วทําไมถึงไม่รีบหนี ออกมา กลับยืนรอให้ไฟลุกโชนมาถึงตัว ช่าง......” คุณชายโอวหยางจ้อง


มองไปทีนางครู่ หนึง แล้วค่อยเปล่งคําพูดหนึงออกมาอย่างเลือดเย็น “โง่ !”

ทันใดนันดวงหน้าของมู่หรงเสวียก็กลับกลายเป็ นมืดครึ มขึนทันที นางถลึงตามองไปทีเขาอย่างโหดร้าย “ข้า


ไหนเลยจะไปรู ้ว่าเปลวไฟจะโหมแรงขึนเช่นนี แล้วยังอาศัยซากศพของพวกงูทีลอยอยูบ่ นผิวนําลามมาเผาเรื อชม
วิวได้เล่า......”
“นํามันติดไฟได้ง่าย ซากศพงูทีเต็มไปด้วยนํามันมากมายขนาดนันลอยอยูท่ ีข้างเรื อ แน่ นอนว่าจะต้องทําให้ไฟ
ลามมาถึงตัวเรื อ แต่เจ้ากลับคิดไม่ได้ หากไม่โง่แล้วจะเป็ นอะไรไปได้เล่า ?” คุณชายโอวหยางเลิกคิวมองไปที
นาง แววตาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

“เจ้าน่ะสิ ทีโง่ !” มู่หรงเสวียโมโหเกรี ยวกราดพุ่งเข้าไปทุบตีคุณชายโอวหยาง หลังจากจุดไฟแล้วนางก็เตรี ยมที


จะจากไป แต่วา่ เปลวไฟนันเผาไหมเร็ วเกินไปนางก็เลยหนีออกมาไม่ทนั ไม่ได้คิดว่าจะไม่หนี......

เสี ยงเสี ยดสี ของสายลมทีรุ นแรงดังขึน คุณชายโอวหยางไม่รีบไม่ร้อนเบียงกายออกเบา ๆ หลบการโจมตีของนาง


แล้วปล่อยมือออก เพียงพริ บตามู่หรงเสวียก็ร่วงหล่นลงไปบนแท่นศาลา เซถอยหลังไปสามสี ก้าวถึงค่อยยืนทรง
ตัวได้

กลินคาวเลือดจาง ๆ พุ่งปะทะเข้าทีใบหน้า มู่หรงเสวียขมวดคิวขึนน้อย ๆ ถลึงตามองไปทีคุณชายโอวหยางตา


หนึ ง แล้วเงยหน้ามองตรงไปด้านหน้า เห็นเก้าอีบนแท่นศาลาถูกฟันออกจากกันเละเทะกระจัดกระจายไปเสี ย
หมด เหล่าฮูหยินและคุณหนูต่างพากันเกาะกลุ่มเข้าด้วยกัน จิตใจยังคงหวาดผวา !

ฮองเฮาและบรรดาพระสนมมีสีหน้าซี ดขาวน้อย ๆ ถูกห้อมล้อมอยูท่ ่ามกลางบรรดานางกํานัลทีกําลังจัดแต่งทรง


ผมและเครื องแต่งกายให้อยูอ่ ย่างระมัดระวัง

ฮ่องเต้ยนื อยูต่ รงกลางของแท่นศาลา กํามือเข้าหากันแน่น มองไปทีผิวนําของทะเลสาบทีกําลังลุกโชนไปด้วย


เปลวไฟ แววตาเปล่งประกายด้วยความหนาวเหน็บเย็นยะเยือก ริ มฝี ปากเม้มแน่นเข้าหากัน ถึงจะไม่แสดงออกถึง
ความโมโห แต่บรรยากาศรอบด้านล้วนเต็มไปด้วยความกดดัน
“การแข่งขันเรื อมังกรครังนี ใครเป็ นผูร้ ับผิดชอบ ?” เสี ยงสอบถามเย็นยะเยือกและดุดนั ดังเข้าหู ร่ างกายของ
บรรดาขุนนางบุ๋นบู๊ต่างสันระริ กพากันมองไปทีทางซ้ายมือด้านหลัง

ทันใดนันเงาร่ างสายหนึงก็พุ่งเข้ามาอย่างงก ๆ เงิน ๆ เสี ยงตุบดังขึนเสี ยงหนึง คุกเข่าลงตรงหน้าพระพักตร์ ของ


ฮ่องเต้ แล้วกล่าวขึนเสี ยงตํา “ทูลฝ่ าบาท การแข่งขันเรื อมังกรครังนี เป็ นกระหม่อมทีเป็ นผูร้ ับผิดชอบพ่ะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้กม้ หน้ามองไปทีคนทีพุ่งเข้ามาก็เห็นเขาอยูใ่ นชุดของขุนนางหลักขันสี หมวกขุนนางทีใส่ อยูน่ นเอี


ั ยงน้อย
ๆ ตามแขนและขาล้วนได้รับบาดเจ็บ ร่ างกายกระตุกสันไหว สี หน้าซี ดขาว ผูน้ ันก็คือไท่ฉางซื อชิงตูอ้ ี

“เจ้าจัดงานแข่งขันเรื อมังกรเช่นนีน่ ะหรื อ ?” นําเสี ยงกดตําของฮ่องเต้แฝงไว้ดว้ ยความเกรี ยวกราด ตูอ้ ีทีได้ยนิ


เช่นนัน ร่ างกายของเขาก็พลันกระตุกสันไหว กล่าวขึนอย่างเร่ งรี บ “ขอฝ่ าบาทโปรดอภัย กระหม่อมไม่ทราบว่างู
นําจะเลือยขึนมาแท่นศาลาจนโจมตีผคู้ นเช่นนี ......”

เพือทีจะแย่งชิงสิ ทธิในการเป็ นผูร้ ับผิดชอบจัดการแข่งขันเรื อมังกรครังนีนัน เขาได้ออกทังกําลังคนและกําลัง


ทรัพย์ไปมากมาย ไหนเลยจะคิดว่าการแข่งขันเรื อมังกรทีอยูใ่ นมือของผูอ้ ืนแล้วล้วนแต่สามารถจัดงานออกมาได้
อย่างสนุ กสนานรื นเริ งไร้เรื องราวใด ๆ พอตกมาอยูใ่ นมือของเขาแล้วนันกลับพบเจอเข้ากับการโจมตีจากฝูงงู
......
“ตอบไม่รู้ได้ดีนกั การแข่งขันเรื อมังกรนันจัดการแข่งขันขึนบนนํา แท่นศาลาก็สร้างขึนบนนํา เรื องทีในนํามีงู
นันไม่ว่าใครก็ต่างรู ้ ขอเพียงเป็ นคนก็จะต้องคิดป้ องกันงู แต่เจ้ากลับไม่ได้ทาํ อะไรเลยสักอย่าง แล้วเช่นนีข้าจะ
ต้องการเจ้าไปทําไมกัน ?” ฮ่องเต้ตวาดถามขึนเสี ยงดัง สายพระเนตรคมกริ บเปล่งประกายวูบไหวเย็นยะเยือก

ทันใดนันร่ างกายสู งใหญ่ของตูอ้ ีก็กระตุกสันไหวขึนอย่างรุ นแรง เขากล่าวขึนเสี ยงสัน “กระหม่อมรู ้ความผิด


แล้ว ขอฝ่ าบาททรงเมตตา......”

ฝูงงูบงั อาจบุกโจมตีขึนมา ทําให้ฮ่องเต้และฮองเฮาได้รับความตืนตระหนก บรรดาขุนนางและครอบครัวล้วน


ได้รับบาดเจ็บ สาเหตุเพราะว่าเขานันจัดการไม่รอบคอบ ฉะนันเขาก็อย่าได้หวังเลือนขันหรื อรับพระราชทาน
รางวัลอะไรเลย ขอเพียงแค่ฮ่องเต้ไม่ลงโทษเขาหนัก ๆ ก็ดีมากเหลือเกินแล้ว......

“เพราะเจ้าบกพร่ องในหน้าที ทําให้บรรดาหญิงสาวอ่อนแอได้รับความตืนตระหนกตกใจ ทําให้ราษฎรมากมาย


ต่างได้รับบาดเจ็บ เจ้าจะให้ขา้ เมตตาเจ้าอย่างไร” สี พระพักตร์ ของฮ่องเต้เขียวคลํา พระองค์ตวาดต่อว่าขึนเสี ยงดัง

ตูอ้ ีแทบจะหยุดหายใจลงตรงนัน ฮ่องเต้กาํ ลังกริ ว เขายิงขอร้องมากเท่าไรฮ่องเต้ก็คงยิงกริ วมากเท่านัน ไม่เท่ากับ


ว่ายอมรับไปเลยเสี ยจะดีกว่า อารมณ์กริ วขององค์ฮ่องเต้จะได้ลดน้อยลงไป !

เขากัดฟั ดกล่าวขึนเสี ยงตํา “กระหม่อมบกพร่ องในหน้าที ขอฝ่ าบาทโปรดลงโทษพ่ะย่ะค่ะ !”


มองไปทีแววตาเถรตรงของเขา สี พระพักตร์ ขององค์ฮ่องเต้ก็ผอ่ นเบาลงเล็กน้อย แล้วตรัสขึนเสี ยงเย็น “เจ้าคิด
อ่านไม่รอบคอบ จนสร้างความผิดพลาดทีใหญ่หลวงเช่นนี ให้ปลดออกจากตําแหน่ งไท่ฉางซื อชิง ลดขันเป็ น
ผิงหมิน (ประชาชน) ห้ามเข้ารับราชอีก......แล้วให้ไปรับโทษโบยร้อยทีทีกรมยุติธรรม”

“ขอบพระทัยฝ่ าบาททีเมตตา ขอบพระทัยฝ่ าบาท !” ตูอ้ ีโขกศีรษะลงในใจถอนหายใจโล่งอก เพียงแค่ถอด


ตําแหน่งเขาออกแล้วโบยหนึ งร้อยไม้ เขาจําต้องอดทนยอมรับถึงจะสามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้......

“ยังนิงอยูท่ าํ ไมเล่า ยังไม่รีบไปรับโทษอีก !” เสี ยงตวาดต่อว่าของฮ่องเต้ดงั ขึนเหนื อหัว ร่ างกายของตูอ้ ีสันกระตุก


กล่าวขึนอย่างร้อนรน “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมขอทูลลา !”

ตูอ้ ีลุกยืนขึน ถอยออกไปด้านหลังทีละก้าว ทีละก้าวแล้วเดินออกไป สายตาเหลือบเห็นฮ่องเต้หันพระวรกาย


พระสุ รเสี ยงเมตตาใจดีอย่างไม่เคยมีมาก่อน “เสวียเอ๋ อร์ เจ้าได้รับบาดเจ็บหรื อไม่ ?”

ฝี เท้าของตูอ้ ีหยุดชะงักลง เสวียเอ๋ อร์ อย่างนันหรื อ คงมิใช่ม่หู รงเสวียนางนันหรอกใช่ไหม ?

เขาค่อย ๆ แอบมองไป ก็เห็นว่าตรงข้ามของฮ่องเต้ยนื มีหญิงสาวผูห้ นึงยืนอยู่ ใบหน้าของนางงดงาม เรื อนร่ าง


อ้อนแอ้นอรชร เป็ นมู่หรงเสวียจริ ง ๆ ไม่ผดิ แน่

มู่หรงเสวียมองไปทีองค์ฮ่องเต้ แล้วยิมขึนบาง ๆ “ขอบพระทัยฝ่ าบาททีเป็ นห่ วงเพคะ คุณชายโอวหยางมาช่วย


ได้ทนั เวลา หม่อมฉันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเพคะ”
“เช่นนันก็ดี !” ฮ่องเต้ทรงพยักพระพักตร์ แววตาของพระองค์วบู ไหว “แผนการใช้เปลวเพลิงเผางูของเสวียเอ๋ อร์
นันสามารถจัดการงูนาได้
ํ อย่างสิ นเชิง สามารถช่วยข้า ฮองเฮา รวมถึงบรรดาขุนนางบุ๋นบู๊เอาไว้ได้ จึงนับว่าเจ้า
นันได้สร้างผลงานทีใหญ่หลวงนัก เจ้าสามารถร้องขอรางวัลจากข้าได้ขอ้ หนึ ง......”
ตอนที 151 คุณชายถูกพิษ

มู่หรงเสวียชะงักไปครู่ หนึงแต่ไหนแต่ไรมาคนทีสร้างผลงานไม่ใช่ว่าฮ่องเต้จะเป็ นคนพระราชทานรางวัลให้ตาม


ความเหมาะสมหรอกหรื อ เหตุใดพอถึงคราวของนางถึงกลับกลายเป็ นให้นางร้องขอเองได้เล่า

นางค่อย ๆ แอบมองไปทีคุณชายโอวหยางก็เห็นเขาขมวดคิวขึนคล้ายกับไม่เข้าใจความต้องการของฮ่องเต้ทีทรง
ทําเช่นนี

แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหวกล่าวขึนอย่างราบเรี ยบ “ขอบพระทัยฝ่ าบาททีทรงมีพระเมตตาเพคะ หม่อมฉัน


ไม่ได้ขาดเหลือสิ งใด ความต้องการข้อนี คงไม่เป็ นไรดีกว่าเพคะ......”

“ข้าได้อนุ ญาตให้เจ้ากล่าวคําขอแล้ว ถ้าหากถอนคําพูดง่าย ๆ ข้าก็คงจะกลายเป็ นคนไร้สัจจะในคําพูด !” ฮ่องเต้


มองนางอย่างผูท้ ีมีฐานะสู งกว่า แววพระเนตรของพระองค์เปล่งประกายดุดนั

“เอ่อ......” มู่หรงเสวียขมวดคิวขึน “ในช่วงเวลากะทันหันเช่นนี หม่อมฉันยังคิดคําขอไม่ออกเพคะ......”

เมือมองไปทีใบหน้าลําบากใจของนาง มุมปากของฮ่องเต้ยกขึนอย่างงดงามอยูค่ รู่ หนึ งแต่กส็ ลายหายไปอย่าง


รวดเร็ ว พลางกล่าวขึนเสี ยงสู ง “เช่นนันก็ติดเอาไว้ก่อนรอจนเจ้าคิดคําขอออก ค่อยบอกข้า......คําขอข้อนีสามารถ
ขออะไรก็ได้”
ประโยคสุ ดท้ายนันฮ่องเต้เน้นเสี ยงเป็ นพิเศษ ฮองเฮา บรรดาพระสนมรวมถึงบรรดาเหล่าขุนนางทีได้ฟังต่างพา
กันตกตะลึง นี ฮ่องเต้กาํ ลังรับปากกับมู่หรงเสวียอย่างหนักแน่นว่าไม่ว่านางจะต้องการแก้วแหวนเงินทอง อํานาจ
สถานะหรื อสิ งใดก็ตาม ฮ่องเต้ก็จะอนุ ญาตทังหมดอย่างนันหรื อ......

ชัวเวลานันสายตาของฝูงชนล้วนตกไปทีร่ างของมู่หรงเสวีย มีทงความอิ


ั จฉา ริ ษยา เกรี ยวกราด ไม่พอใจมากมาย
เต็มไปหมด......

มู่หรงเสวียทีเห็นดังนันกลับไม่สนใจ นางเพียงยิมขึนบาง ๆ แล้วกล่าวว่า “ขอบพระทัยฝ่ าบาทเพคะ”

มากมาย ช่วยขุนนางบุ๋นบู๊และครอบครัวเอาไว้ก็ไม่
เปลือกตาค่อย ๆ หรี ลง ไฟทีนางจุดแน่ นอนว่าฆ่างูนาไปได้

น้อย

แต่ว่าข้างกายของฮ่องเต้มีทหารวีหลินคอยปกป้ องคุม้ ครอง พวกเขาแต่ละคนล้วนมีวรยุทธ์สูงส่ งทีถึงแม้ว่านางจะ


ไม่ได้จุดไฟ พวกเขาก็สามารถคุม้ กันฮ่องเต้ให้หนี รอดไปได้อย่างปลอดภัย ถ้าหากจะให้พดู ตรง ๆ ก็คือนางไม่ได้
เป็ นคนช่วยฮ่องเต้ไว้ ฉะนันถ้าหากฮ่องเต้จะมอบรางวัลให้นางก็สามารถเลือกพระราชทานรางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ
ให้กเ็ พียงพอแล้ว เหตุใดถึงได้รับปากนางด้วยสิ งทีใหญ่หลวงขนาดนี

อีกทังงูนานั
ํ นในเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างของปี ก่อน ๆ ช่วงทีจัดงานการแข่งขันเรื อมังกรอย่างมากก็พบเจอบ้างแค่
ประปรายเพียงหนึงถึงสองตัว แต่ปีนี กลับทะลักออกมาทีเดียวเป็ นหมืนเป็ นพันตัว นี มันจะเป็ นเรื องทีน่ า
เหลือเชือจนเกินไปแล้ว
โดยเฉพาะพวกงูนาตั
ํ วใหญ่ยกั ษ์พวกนัน อย่างน้อยทีสุ ดพวกมันก็ตอ้ งมีอายุสิบขวบปี แล้ว หลายปี มานี ไม่เคย
ปรากฏตัวแล้วทําไมถึงโผล่ตวั ออกมากันในวันนี ได้ ทังยังรัดและกัดผูค้ นอย่างบ้าคลัง......

หรื อว่าเรื องราวทังหมดนี ยังมีอะไรทีแอบซ่ อนเอาไว้อยูโ่ ดยทีนางยังไม่รู้......

หางตาพลันเห็นเงาร่ างสายหนึงวูบไหวผ่านไป มู่หรงเสวียเงยหน้ามองไปเห็นเรื อลําหนึงกําลังแล่นอยูบ่ น


ทะเลสาบ ชายหนุ่มผูห้ นึงยืนอยูบ่ ริ เวณริ มกาบเรื อ เขาอยูใ่ นชุดสี ทองเข้ม ใบหน้าหล่อเหลาแต่แข็งกระด้าง คนผู ้
นันก็คือองค์รัชทายาทแห่ งแคว้นม่อเป่ ย ฉิ นเฮ่าเหยียน !

ใบหน้าของเขาคล้ายยิมคล้ายไม่ยมจ้
ิ องมองมาทีแท่นศาลาแล้วค่อย ๆ ปล่อยม่านลงอย่างช้า ๆ ช่วงเวลาทีม่านปั ด
มุกกําลังตกลงนัน เขาปรายตามองมาทีมู่หรงเสวียอยูค่ รู่ หนึง แววตาสี ดาํ ขลับของเขาวูบไหวไปด้วยความ
โหดเหี ยมและอันตรายทีมู่หรงเสวียเห็นแล้วต้องหรี ตาลง ฉิ นเฮ่าเหยียนมีพิรุธ !

เพียงขยับเท้าเบา ๆ มู่หรงเสวียเตรี ยมทีจะตามไป แต่ทนั ใดนันเองก็มีงูนาสี


ํ เขียวอ่อนตัวหนึงพุ่งออกมากระโจน
เข้าใส่ ม่หู รงเสวียอย่างรวดเร็ ว กลินเหม็นเน่าบางเบาพุ่งเข้าปะทะกับใบหน้า เขียวเรี ยวแหลมของงูนาเพี
ํ ยง
พริ บตาก็พ่งุ ประชิดติดกับใบหน้าของนาง นางคิดอยากจะหลบตอนนีก็คงไม่ทนั เสี ยแล้ว......

“ระวัง !” แววตาของคุณชายโอวหยางวูบไหว เขายืนมือคว้าจับไปทีงูนาอย่


ํ างรวดเร็ วดังสายฟ้ า ทันใดนันฝ่ ามือ
หยกก็กาํ เข้าหากัน เพียงพริ บตางูนาก็
ํ สลายกลายเป็ นผุยผง
เขาก้มหน้ามองมู่หรงเสวียด้วยแววตาทีเต็มไปด้วยความห่ วงใย “เจ้าเป็ นอย่างไรบ้าง”

“ข้าไม่เป็ นไร” มู่หรงเสวียส่ ายหน้า มองไปทางเขาตาไม่กะพริ บ “เจ้าล่ะ ?” เมือครู่ งูตวั นันเป็ นงูทีมีพิษร้ายแรง
คุณชายโอวหยางทีคว้าจับมันไว้ไม่รู้วา่ ได้รับบาดเจ็บบ้างหรื อไม่

“ข้าก็ไม่เป็ นไร” คุณชายโอวหยางพูดขึนอย่างราบเรี ยบ แววตาวูบไหวไปด้วยความลําลึก

“จริ งหรื อ เช่นนันก็ให้ขา้ ดูมือของเจ้าหน่ อย !” มู่หรงเสวียพูดขึนเบา ๆ แล้วยืนมือออกไปคว้าแขนเสื อของ


คุณชายโอวหยางไว้ หลังจากทีเขาฆ่างูตวั นันไป มือของเขาก็ถูกแขนเสื อปกปิ ดไว้ !

“ไม่จาํ เป็ นต้องดูหรอก ข้าไม่เป็ นอะไรจริ ง ๆ !” มุมปากของคุณชายโอวหยางยกยิมขึนเพียงบาง ๆ แล้วไพล่มือ


ไปไว้ดา้ นหลังอย่างรวดเร็ ว

มู่หรงเสวียขมวดคิวเตรี ยมทีจะเปิ ดปากพูดอะไรออกมา แต่จมูกกลับได้กลินคาวเลือดจาง ๆ ทีผสมปนเปอยูก่ บั


กลินบาง ๆ ของนําหอมไม้ไผ่จนเตะจมูก

ใบหน้าของมู่หรงเสวียเปลียนสี ทนั ที ทันใดนันนางรี บยืนมือคว้าเข้าไปทีมือของคุณชายโอวหยาง ดึงมันเข้ามาที


ด้านหน้า สายตาเห็นหลังมือสี ขาวหยกของเขาปรากฏรอยเขียวลึกสองรอย และกําลังมีเลือดสี ดาํ ทีค่อย ๆ ไหล
ออกมาด้านนอก “นีเรี ยกว่าไม่เป็ นไรอย่างนันหรื อ ? ชัดเจนว่าเจ้าถูกกัดจนติดพิษแล้ว”
ตอนทีงูตวั นันอ้าปากออกเตรี ยมทีกัดนาง คุณชายโอวหยางได้คว้ามันออกไป ดังนันมันก็เลยกัดเข้าทีหลังมือของ
คุณชายโอวหยางแทน......

เมือมองไปทีสายตาโมโหของนาง แววตาของคุณชายโอวหยางก็เจือปนไปด้วยรอยยิมบางเบา แล้วกล่าวขึนอย่าง


ราบเรี ยบ “ข้าได้กินยาลูกกลอนแก้พิษเข้าไปแล้ว คงไม่มีปัญหา......”

คําพูดยังไม่ทนั กล่าวจบ เพียงพริ บตาริ มฝี ปากของเขาก็กลายเป็ นสี ม่วงคลํา มุมปากมีเลือดไหลออกมาสายหนึง


ร่ างกายสูงใหญ่ค่อย ๆ ล้มลง......

“คุณชายโอวหยาง !” มู่หรงเสวียตืนตระหนกรี บยืนมือออกไปพยุง่ ร่ างของคุณชายโอวหยางไว้ ไม่คาดว่าคุณชาย


โอวหยางกลับทิงตัวลงใส่ บ่าของนางอย่างแรง กระแทกจนนางต้องเซไปด้านหลังสี ยหลายก้าวถึงจะกลับมาทรง
ตัวได้อย่างมันคงดังเดิม กลินเหม็นคาวของเลือดพุ่งปะทะเข้ากับจมูก เป็ นแขนเสื อของคุณชายโอวหยางทีถูก
ย้อมด้วยรอยเลือดสี นาตาลเข้
ํ มทีกําลังแผ่กว้างออกไป ทําให้ผคู ้ นทีได้เห็นต้องตกอกตกใจ

ทันใดนันดวงตาสี ดาํ ของมู่หรงเสวียก็หรี เล็กลง นางก้มหน้าลงไปทีหลังมือของเขาแล้วดูดเลือดออกอย่างรวดเร็ ว


แล้วบ้วนลงไปทีพืนด้านข้าง เลือดพิษสี นาตาลเข้
ํ มไหลนองไปทัวพืน จนฮ่องเต้ทีได้ทอดพระเนตรต้องขมวด
พระขนงแน่ น สายพระเนตรวูบไหวไปด้วยความหมายอะไรบางอย่าง......

เมือพิษร้ายค่อย ๆ ลดลง คุณชายโอวหยางก็ไอออกมาเบา ๆ เสี ยงหนึง เขาค่อย ๆ ลืมตาขึนในภาพพร่ ามัวเบือง


หน้านันปรากฏเงาร่ างบอบบางกําลังก้ม ๆ เงย ๆ
หลังมือของเขาสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นทีแล่นขึนมา คุณชายโอวหยางชะงักไปเพียงครู่ หนึ งภาพพร่ ามัวเบืองหน้า
ก็กลับกลายเป็ นชัดเจนขึน เขารี บชักมือทีได้รับบาดเจ็บกลับมาอย่างรวดเร็ วแล้วแอบซ่ อนมันเอาไว้ดา้ นหลัง ใน
แววตาเต็มไปด้วยความตืนตกใจ “นีเป็ นพิษร้าย ห้ามดูดพิษต่ออีก !”

ถ้าเกิดเมือครู่ เขายังมีสติดีอยู่ เขาไม่มีทางทีจะให้นางเข้าใกล้บาดแผลทีได้รับพิษของเขาแน่

มู่หรงเสวียเช็ดเลือดพิษทีมุมปากของตนเองแล้วถลึงตามองไปทีเขา “งูนาตั
ํ วนันมีพิษร้ายแรง ถ้าหากไม่ดูดพิษ
ออกมา เจ้าก็จะไม่รอด !” พิษร้ายถึงแม้ว่าจะดูดออกไปไม่นอ้ ยแล้ว แต่ว่าพิษทีหลงเหลืออยูใ่ นตัวของเขาก็ไม่
อาจจะดูเบาได้เลย......

“วางใจได้ ข้าไม่มีทางตายแน่ นอน !” นําเสี ยงทุม้ นุ่มของคุณชายโอวหยางไพเราะดังเสี ยงพิณ ดวงตาสี ดาํ ขลับ
ของเขาวูบไหวไปด้วยความหยิงทะนง เขานันเป็ นถึงคุณชายเซี ยวเหยาอ๋ อง ไม่มีทางตายเพราะว่างูพิษตัวเล็ก ๆ
แน่นอน......

“เช่นนันข้าจะใช้เข็มเงินช่วยเจ้าขับพิษทีเหลืออยูใ่ นร่ างกายของเจ้าออกแล้วกัน !” มู่หรงเสวียพูดขึนอย่างอารมณ์


ไม่ดี นางหยิบเอาห่อเข็มเงินออกมา คุณชายโอวหยางเป็ นคนดือรันหัวแข็ง เขาไม่อยากให้นางดูดพิษร้าย ไม่วา่
นางจะพูดอย่างไรเขาก็คงไม่มีทางเห็นด้วย นางก็คงทําได้เพียงใช้วิธีอืนช่วยเหลือเขาเท่านัน

คุณชายโอวหยางนิ งไปครู่ หนึ งแล้วค่อย วียเช็ดเลือดพิษทีมุมปากของตนเองๆ พยักหน้าลง “ตกลง” เขาค่อย ๆ


ยอมยืนมือทีได้รับบาดเจ็บออกไปให้นาง
มู่หรงเสวียยกมุมปากยิมขึนน้อย ๆ แล้วเปิ ดห่ อเข็มเงินออก หยิบเอาเข็มเงินออกมาเล่มแล้วเล่มเล่า ฝังมันลงไป
บนจุดชีพจรของคุณชายโอวหยางอย่างแรง ใครให้เจ้าถือมัน ใครให้เจ้าดือรัน ใครให้เจ้าไม่เชือฟั ง ดูสิว่าคราว
หลังเจ้ายังจะกล้าอวดดีอีกไหม......
ตอนที 152 แก้ พษิ

เข็มเงินถูกปั กลงไปทีหลังมือของคุณชายโอวหยางทีละเข็มสองเข็ม ปั กจนหลังมือของเขาดูราวกับเม่น ปลายเข็ม


แหลมคมภายใต้แสงอาทิตย์ทีสาดส่ องนันสันไหวเปล่งประกายหนาวเหน็บเย็นยะเยือกน้อย ๆ จนผูค้ นทีได้พบ
เห็นต้องเม้มริ มฝี ปากแน่ น ๆ เข้าหากัน แผ่นหลังชืนไปด้วยเหงือเย็นยะเยือกทีหลังออกมา

คุณชายโอวหยางมีสีหน้าปกติธรรมดา ปรายตามองหลังมือทีเต็มไปด้วยเข็มเงินอย่างเรี ยบเฉยไม่แสดงท่าทาง


เจ็บปวดอะไร !

แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหวไปด้วยความรู ้สึกทีพ่ายแพ้ เข็มเงินจํานวนมากมายขนาดนี ปักอยูท่ ีหลังมือของเขา


แต่เขากลับไม่แสดงอาการเจ็บปวดออกมาเลยแม้แต่นอ้ ย ความอดทนของเขานันช่างไม่ธรรมดานัก !

นางหยิบเอาเข็มเงินเข็มสุ ดท้ายขึนมาปั กแรง ๆ เข้าไปทีบริ เวณหลังมือของเขา จากนันนางก็พูดขึนอย่างอารมณ์


เสี ยว่า “สวินเฟิ งไปแบกเก้าอีนอนมาตัวหนึ ง” เข็มเงินก็ได้ฝังเสร็ จเรี ยบร้อยแล้วต่อจากนี ก็ควรเริ มถอนพิษได้
แล้ว ต้องให้คุณชายโอวหยางนังลงถึงจะสะดวกต่อการลงมือของนาง

“ขอรับ !” สวินเฟิ งรับคําสัง หลังจากนันก็แบกเก้าอีเข้ามาสองตัว เก้าอีนอนตัวหนึ ง เก้าอีธรรมดาตัวหนึง


คุณชายโอวหยางนังลงไปทีเก้าอีนอนมือข้างทีได้รับบาดเจ็บวางไว้บนพนักเก้าอี ท่วงท่านันธรรมดาสามัญแต่พอ
เป็ นเขาทีทํามันกลับช่างดูสง่างามและสู งส่ งจนผูค้ นไม่อาจทีจะละสายตาได้

มู่หรงเสวียเบ้ปากนังลงทีข้างกายของเขา บิดเข็มเงินทีหลังมือของเขาหมุนไปมาเบา ๆ แล้วกล่าวขึนเสี ยงตํา


“สวินเฟิ ง เจ้าไปตรวจสอบงูนาในทะเลสาบดู
ํ หน่อย ข้ามีลางสังหรณ์ว่างูพวกนันต้องมีอะไรแน่ !”

ํ อาศัยอยูใ่ นทะเลสาบเทียนสุ่ ยมาโดยตลอด ทังในช่วงหลายปี มานี ล้วนไม่เคยออกมารบกวน


แต่ไหนแต่ไรงูนาก็
ํ งเป็ นหมืนเป็ นพันตัวมีท่าทางบ้าคลังเกรี ยวกราดดู
ผูค้ นเลย แต่วนั นี กลับพากันยกโขยงออกมาทําร้ายคน งูนาตั
เหมือนกับว่าได้รับการกระตุน้ จากอะไรบางอย่าง......

สวินเฟิ งยืนอยูด่ า้ นหลังคุณชายโอวหยางกล่าวขึนเสี ยงตํา “ข้าน้อยจับงูพวกนันเอาไว้ได้หลายตัวจึงลองส่ งไปให้


หมอตรวจดูแล้ว หมอบอกว่างูพวกนันถูกวางยา......”

“วางยาอย่างนันหรื อ” มู่หรงเสวียเบิกกว้างด้วยความตืนตะลึง นางเคยได้ยนิ เพียงว่ามีการวางยาใส่ คนหรื อว่าวาง


ใส่ สัตว์ในสนามประลอง แต่ยงั ไม่เคยได้ยนิ ว่ามีการวางยาใส่ งูทีอยู่ในทะเลสาบด้วย

“ใช่แล้วขอรับ มีคนเอายาชนิ ดหนึงเทลงไปในทะเลสาบเทียนสุ่ ย หลังจากทีงูถูกวางยาแล้วก็พากันพุ่งเข้าโจมตี


ใส่ ผคู ้ นอย่างบ้าคลัง !” สวินเฟิ งกล่าวเสี ยงตํา แววตาวูบไหวไปด้วยความหนักใจทีน้อยนักจะปรากฏ ฝูงงูพุ่ง
โจมตีใส่ ผคู้ นไม่ใช่อุบตั ิเหตุหรื อภัยพิบตั ิอะไรแต่เป็ นคนทีสร้างสถานการณ์ขนมา
ึ !
มู่หรงเสวียพยักหน้าขึนอย่างเข้าใจ แววตาของนางวูบไหวเปล่งประกายลําลึก “รู ้หรื อไม่ว่านันเป็ นยาอะไร” ยาที
สามารถบังคับงูนาได้
ํ มากมายขนาดนันแน่นอนว่าจะต้องไม่ธรรมดา......

“เอ่อ...ท่านหมอบอกว่าไม่ทราบขอรับ......” สวินเฟิ งส่ ายหน้า หมอผูน้ นมี


ั ฝีมือการแพทย์ทีไม่เลวนัก แต่เขากลับ
ตรวจได้เพียงแค่ว่างูนนถู
ั กวางยา แต่ไม่อาจบอกได้ว่ายาตัวนันมีชือว่าอะไร......

มู่หรงเสวียขมวดคิว ไม่รู้ชือของยาเช่นนี ก็ไม่ง่ายเลยทีจะหาตัวคนวางยาเจอ......

“ม่อเป่ ยมีตวั ยาลับชนิดหนึง มีชือเรี ยกว่าเฟิ งหมอตาน (ยาบ้าคลัง) ไม่ว่าจะเป็ นสัตว์ชนิ ดอะไรเพียงแค่ได้กินยา
ชนิ ดนีเข้าไป ก็จะมีอาการบ้าคลัง พวกบรรดาชนชันสู งของม่อเป่ ยชอบใช้มนั กับเสื อดาว งูและสัตว์ป่าชนิ ดต่าง
ๆ นา ๆ เพือให้พวกมันต่อสู ้กนั เพือความบันเทิง”

อยู่ ๆ คุณชายโอวหยางก็เปิ ดปากขึน นําเสี ยงทุม้ ของเขาคล้ายดังเสี ยงพิณทีถูกบรรเลงออกมาเบา ๆ ฟังดูไพเราะ


จับใจผูค้ น แต่ม่หู รงเสวียทีได้ฟังแล้วแววตากลับสันไหวเย็นยะเยือก “งูนาถู
ํ กวางยาเฟิ งหมอตานอย่างนันหรื อ !”

“เก้าในสิ บส่ วน !” คุณชายโอวหยางพูดขึนเสี ยงตํา ดวงตาสี ดาํ ขลับเปล่งประกายมืดมิดอํามหิ ต

แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหวไปด้วยความลึกลํา “ถ้าพูดเช่นนียาในทะเลสาบเทียนสุ่ ยก็คงเป็ นฉิ นเฮ่าเหยียนที


เป็ นคนเทลงไป”
คุณชายโอวหยางมิได้กล่าววาจาใด แต่กน็ ับว่าเป็ นการยอมรับในคําพูดของนาง

มู่หรงเสวียค่อย ๆ หรี ตาลง ถึงว่าทําไมฉิ นเฮ่าเหยียนถึงได้นงอยู


ั บ่ นเรื อในทะเลสาบ ทีแท้เขามาดูชมความวุ่นวาย
นีเอง เพียงแต่เขาคิดทีจะต้องการทําอะไรกันแน่

ข้างกายของฮ่องเต้ ฮองเฮา และเหล่าบรรดาองค์ชายล้วนมีทหารวีหลินคอยปกป้ องคุม้ ครอง ไม่ว่าจะมีงูนาํ


มากมายเพียงใดก็คงไม่สามารถทีจะทําอันตรายพวกเขาได้แม้แต่ปลายเล็บ กลับเป็ นพวกขุนนางบุ๋นและเหล่า
ครอบครัวทีได้รับบาดเจ็บเสี ยมากกว่า แต่ว่าขุนนางของแคว้นชิงเหยียนก็มีเป็ นหมืนเป็ นพันคน เจ็บตายไปไม่กี
สิ บคน โดยพืนฐานแล้วไม่อาจทําให้ความมันคงของแคว้นชิงเหยียนนันสันคลอนได้......

เดียวก่อน ระหว่างนางกับฉิ นยวีเยียนนันมีความแค้นต่อกัน ส่ วนฉิ นเฮ่าเหยียนนันมีฐานะเป็ นน้องชายของฉิ นยวี


เยียน เขามาทีแคว้นชิงเหยียนก็เพือทีจะช่วยเหลือฉิ นยวีเยียน ทีเขาทําแบบนี ไม่ใช่ว่าต้องการจะจัดการนางหรอก
หรื อ

แต่นางเป็ นเพียงแค่หญิงสาวธรรมดาผูห้ นึง เพือทีจะวางแผนจัดการนางกลับต้องใช้สอยงูนามากมายขนาดนี


ํ ดู
แล้วจะไม่เป็ นการทําเกินกว่าเหตุมากไปหน่อยหรื ออย่างไร......

“ฉินเฮ่าเหยียนนันเป็ นคนอันตราย คราวหลังหากเจ้าพบเขาก็ควรระวังให้จงหนัก !” คุณชายโอวหยางมองไปทีมู่


หรงเสวียแววตาวูบไหวไปด้วยความหนักใจ
มู่หรงเสวียพยักหน้า “ข้ารู ้แล้ว” ฉิ นเฮ่าเหยียนเป็ นน้องชายของฉิ นยวีเยียน ถึงแม้ว่าคุณชายโอวหยางจะไม่เตือน
นาง นางก็ระวังเขาไว้แต่แรกอยูแ่ ล้ว......

“ชิงเหยียน อาโหรว !” เสี ยงเรี ยกร้องด้วยความกังวลดังเข้าหูของมู่หรงเสวีย เมือนางเงยหน้ามองไปก็เห็นพวก


บรรดาทหารกําลังลากคนสองคนขึนมาจากในนํา เสื อผ้าของพวกนางเปี ยกโชกจนลู่แนบติดไปกับร่ างกาย
ใบหน้าเรี ยวของพวกนางถูกเขม่าควันรมเสี ยจนดําข้างขาวข้าง ปิ นปั กผมต่างหูเครื องประดับต่าง ๆ นา ๆ ล้วนถูก
เขม่าควันเปรอะเปื อนจนดําไปหมด แต่ก็ยงั สามารถดูออกได้ว่าพวกนางคือมู่หรงโหรวกับซ่งชิงเหยียน

ดวงตาของมู่หรงโหรวปิ ดสนิ ท นางสลบไสลไม่ได้สติ แต่หน้าอกยังกระเพือมขึนลงเป็ นสิ งทีบ่งบอกว่านางยังมี


ชีวิตอยู่

ซ่งชิงเหยียนเองก็สลบไม่ได้สติบาดแผลทีแขนเต็มไปด้วยเลือดทีไหลซึ มออกมาด้านนอก เลือดสี นาตาลดํ


ํ าคลํา
ไหลลงเจิงนองไปทัวพืน กลินเหม็นพุ่งโชยอย่างตลบอบอวล เหม็นเสี ยจนผูค้ นต้องพากันขมวดคิว

มู่หรงเสวียกะพริ บตา มู่หรงโหรวถูกงูรัด ซ่ งชิงเหยียนถูกงูกดั อีกทังยังแช่อยูใ่ นทะเลสาบเป็ นเวลานานขนาดนัน


แต่กลับยังไม่ตาย ดวงชีวิตอันชัวช้าของพวกนางทังสองช่างแข็งยิงนัก......

อู่อนั โหว ซ่ งเทียนเหวินมองไปทีทังสองคนด้วยแววตาเต็มไปด้วยความร้อนรนใจ เขาหันมองไปทีแท่นศาลา


ด้านบนแล้วร้องเรี ยกขึนเสี ยงดัง “หมอหลวง...หมอหลวง...”
ทหารวีหลินนายหนึงเดินเข้ามาด้านหน้ากล่าวขึนอย่างนอบน้อม “หมอหลวงกําลังดูอาการผูท้ ีได้รับบาดเจ็บอยู่ อู่
อันโหวโปรดรอสักครู่ ......”

ซ่งเทียนเหวินมองไปทีบรรดาผูค้ นทีเป็ นจุดดํา ๆ เต็มไปหมดแล้วขมวดคิวขึน หมอหลวงมีเพียงแค่ไม่กีคนแต่วา่


คนทีได้รับบาดเจ็บนันกลับมีเป็ นร้อย กว่าจะรอให้หมอหลวงดูอาการเสร็ จก็ยงั ไม่รู้ว่าจะต้องรอถึงตอนไหน ทัง
ชิงเหยียนยังถูกพิษงูจาํ ต้องเป็ นต้องได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ วทีสุ ด ไม่เช่นนันนางจะต้องจบชีวติ ลงเป็ นแน่
คราวนี จะทําเช่นไรดี ?

ซ่งเทียนเหวินร้อนใจยิงนักบังเอิญมองเห็นมู่หรงเสวียเข้าด้วยความไม่ตงใจ
ั ทันใดนันแววตาก็เปล่งประกายวูบ
ไหว “เสวียเอ๋ อร์ ข้าขอร้องเจ้าช่วยชิงเหยียนด้วยเถอะ......”

อะไรนะ ? ให้นางช่วยซ่ งชิงเหยียนอย่างนันหรื อ นี นางไม่ได้ฟังผิดไปหรอกใช่ไหม มู่หรงเสวียเบิกตากว้างขึน


ด้วยความตกตะลึง ค่อย ๆ หันมองไปทีซ่ งเทียนเหวินอย่างช้า ๆ......

เมือมองเห็นนางทีมีท่าทีขมวดคิวน้อย ๆ ทันใดนันซ่ งเทียนเหวินก็นึกได้ถึงความขัดแย้งระหว่างมู่หรงเสวีย


กับซ่งชิงเหยียน แววตาเข้มครึ มลงกล่าวเน้นทีละคํา “เสวียเอ๋ อร์ ข้ารู ้วา่ ชิงเหยียนกับเจ้าไม่ถูกกัน แต่นางนันก็พูด
ได้ว่าเป็ นน้องสาวของเจ้า เจ้าไม่สามารถเห็นคนกําลังจะตายแล้วไม่ช่วยได้นะ......”

ไม่ผดิ นักทีเป็ นพ่อลูกกัน บีบบังคับให้นางช่วยคนเช่นนี อีกทังยังใช้ขอ้ อ้างทีไม่ต่างกันเลยแม้แต่นอ้ ย ถ้าหากอยูท่ ี


เรื อนฝ่ ายใน แน่ นอนว่านางจะไม่มีแม้แต่ความลังเลเลยทีจะไม่ช่วยพวกนาง แต่วา่ เมือถูกสายตาของผูค้ นจับจ้อง
อย่างมากมายขนาดนี นางทีเป็ น ‘คนดี’ เห็นคนกําลังจะตายแล้วเหตุใดจะไม่ช่วยได้เล่า หึ หึ......
“อู่อนั โหวท่านแน่ ใจหรื อว่าจะให้ขา้ ช่วยพวกนาง” มู่หรงเสวียมองไปทีซ่ งเทียนเหวิน มุมปากยกขึนน้อย ๆ คล้าย
ยิมคล้ายไม่ยมิ

ซ่งเทียนเหวินหนังตากระตุก “เจ้าหมายความว่าอย่างไร ?”

“ข้าทําได้เพียงแก้พิษเท่านัน แต่ไม่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ ดูท่าทางของน้องเหยียนแล้วชัดเจนว่าได้รับ


ทังพิษร้ายและได้รับบาดเจ็บ ถ้าหากตอนทีข้ากําลังฝังเข็มให้นาง นางบาดเจ็บหนักจนตายไปท่านอย่าได้กล่าว
เชียวว่าข้าแก้แค้นจนจัดการนางต่อหน้าสาธารณะชน !” มู่หรงเสวียยกมุมปากขึนยิมอย่างแปลก ๆ

มู่หรงโหรวกับซ่ งชิงเหยียนวางอุบายคิดร้ายต่อนางมาอย่างนับครังไม่ถว้ น ระหว่างพวกนางนันก็เหมือนนํากับ


ไฟทีไม่สามารถเข้ากันได้มาตังแต่ไหนแต่ไรแล้ว พวกนางทีตกอยูใ่ นสภาพดังทีเป็ นอยูใ่ นตอนนี ล้วนเป็ นสิ งที
พวกนางรนหาทีเอง คิดอ่านอย่างไรก็ได้รับการตอบแทนอย่างนัน นางไม่มีทางคิดทีจะเข้าไปช่วยเหลือพวกนาง
อย่างแน่นอน ขอแค่เพียงแค่ซ่งเทียนเหวินพยักหน้าเท่านัน นางก็จะจัดการส่ งซ่ งชิงเหยียนไปหายมบาลอย่าง
รวดเร็ ว !
ตอนที 153 มู่หรงโหรวตังครรภ์
ซ่งเทียนเวินขมวดคิวแน่ นเข้าหากัน เขาทีขู่ม่หู รงเสวียให้ยอมช่วยเพราะว่าต้องการให้ชิงเหยียนมีชีวิตรอด ไม่ใช่
ให้มารักษานางจนตกตาย มู่หรงเสวียถึงขนาดพูดออกมาอย่างชัดเจนแล้วว่าไม่มีความรู ้ในการรักษาอาการ
บาดเจ็บ ดังนันเขาจึงไม่สามารถกล่าวข่มขู่ให้นางช่วยต่อไปได้อีก ไม่เช่นนันชีวิตของชิงเหยียนเกรงว่าคงจะ......

ซ่งชิงเหยียนถูกพิษเข้าไปเป็ นจํานวนมากนัก ทังยังมีอาการบาดเจ็บสาหัส หมอหลวงก็ไม่รู้ว่าจะทําการรักษาคน


ทีได้รับบาดเจ็บเบืองหน้าเสร็ จเมือใด ไม่รู้ว่านางจะสามารถทนได้ถึงตอนทีหมอหลวงมาถึงหรื อไม่......

“หมอหลวงมาแล้ว หมอหลวงมาแล้ว......” เสี ยงเรี ยกร้องด้วยความยินดีดงั ขึนตัดบทความคิดของซ่ งเทียนเหวิน


เขาเงยหน้ามองไปเห็นหมอหลวงอายุประมาณสี สิ บกว่าปี ผูห้ นึ งเดินออกมาจากกลุ่มผูท้ ีได้รับบาดเจ็บ

แววตาของเขาวูบไหว เขาเร่ งก้าวเดินเข้าไปทีด้านหน้าของหมอหลวง ประสานมือคารวะเข้าหากันแล้วกล่าวขึน


ว่า “หมอหลวงหลี ฮูหยินกับลูกสาวของข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสยังสลบไม่ได้สติ ขอท่านหมอหลวงได้โปรดช่วย
ดูอาการให้ดว้ ยเถอะ......”

“ท่านโหวเกรงใจเกินไปแล้ว !” หลีไท่อีพูดขึนยิมตาหยี ก้าวเท้ายาว ๆ ไปทีด้านหน้าของซ่ งชิงเหยียน พลาง


สะบัดชายเสื อออกแล้วย่อกายนังยอง ๆ ลงไป นิวมือทังสองยืนออกไปจับจุดชีพจรของนาง

สัมผัสของชีพจรทีแล่นขึนมาจากปลายนิวนันสันไหวอย่างเบาบางและอ่อนแรง หมอหลวงหลีขมวดคิวแน่ นขึน


หยิบเอาเข็มเงินออกมาจากห่ อเข็มเงินปั กลงไปตามจุดชีพจรของซ่ งชิงเหยียน ทันใดนันเลือดพิษสี ดาํ คลําก็ไหล
พุ่งออกมาตามบาดแผล ริ มฝี ปากทีม่วงคลําของซ่ งชิงเหยียนค่อย ๆ กลับคืนเป็ นปกติ......
ชิงเหยียนพ้นขีดอันตรายแล้ว !

ซ่งเทียนเหวินถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก พลางปรายตามองไปทีมู่หรงโหรวทีนอนสลบอยูด่ า้ นข้าง ดวงตา


ของเขาวูบไหวเปล่งประกาย ถอดชุดคลุมตัวนอกออกแล้วค่อย ๆ ห่ มลงไปทีร่ างของนางอย่างบางเบา......

ชุดคลุมตัวนอกนันอบอุ่นมาก อีกทังยังแฝงไว้ดว้ ยกลินอายของบุรุษทีเป็ นเอกลักษณ์ของเขา ให้ความอบอุ่นแก่


ร่ างกายอันหนาวเหน็บของนาง สติทีเลือนรางของนางค่อย ๆ ฟื นคืน ขนตาสันไหวน้อย ๆจากนันนางก็ค่อย ๆ
เปิ ดเปลือกตาขึน มองไปทีใบหน้าหล่อเหลาของซ่ งเทียนเหวินทีอยูใ่ กล้แค่เพียงเอือม ทันใดนันดวงตาของนางก็
กลายเป็ นแดงระเรื อ “เทียนเหวิน !”

“เจ้าฟื นแล้ว !” ซ่ งเทียนเหวินมีสีหน้าราบเรี ยบ

“อืม !” มู่หรงโหรวพยักหน้าออกแรงดันมือไปทีพืนคิดอยากทีจะลุกขึนนัง

“ระวัง !” ซ่ งเทียนเหวินก้าวเท้าออกมาก้าวหนึ ง พยุงนางให้นงขึ


ั นอย่างช้า ๆ พลางกล่าวติเตียน “เจ้าได้รับ
บาดเจ็บไม่ควรขยับตัวเช่นนี ......”

“เทียนเหวิน !” มู่หรงโหรวยืนมือเข้าไปกอดทีคอของเขา นําตาแห่ งความปี ติยนิ ดีไหลอาบไปทัวใบหน้า เมือครู่


นันทีนางกําลังสะลึมสะลือได้ยนิ คําพูดของเทียนเหวินทีขาด ๆ หาย ๆ จับใจความได้วา่ เขา ได้ข่มู ่หู รงเสวียให้เข้า
มาช่วยเหลือเพือทีจะช่วยนางให้มีชีวิตรอด อีกทังยังเรี ยกร้องหาหมอหลวงให้มาช่วยเหลือ นันแสดงว่าเขายังเป็ น
ห่ วงนางและยังคิดถึงนาง !

นางก็ยงั คงคิดถึงและโหยหาเขาเช่นกัน ความสัมพันธ์ฉนั ท์สามีภรรยาทีมีมาสิ บกว่าปี นัน มีใครทีบอกว่าจะตัด


แล้วก็จะสามารถตัดกันได้ง่าย ๆ เล่า ตอนนันทีนางถูกมู่หรงเสวียซ้อนแผนจนถูกล่วงเกิน เทียนเหวินด้วยอารมณ์
โกรธเพียงชัววูบถึงได้เขียนหนังสื อหย่าให้นาง ตอนนีเขาคลายความโกรธลงไปไม่น้อยแล้ว นางควรจะลองเข้า
ใกล้เขาดู เพือทีจะได้ทวงตัวเขากลับคืนมา แล้วรื อฟื นความสัมพันธ์ขึนมาใหม่อีกครังหนึ ง......

นางจะต้องกลับไปเป็ นฮูหยินแห่ งอู่อนั โหวทีผูค้ นอิจฉาดังเดิมให้ได้ แล้วหลังจากนันก็จะได้ครองรักกับเทียนเห


วินอย่างมีความสุ ขไปจนแก่เฒ่า......

มู่หรงโหรวทีกําลังนึ กวาดฝันถึงชีวิตทีงดงาม เบิกบานใจเสี ยจนมุมปากต้องยกขึนยิมอย่างบาง ๆ นางทีอยูใ่ น


อ้อมอกของซ่ งเทียนเหวินกระชับแขนกอดเขาให้แน่นขึน เสื อผ้าทีเปี ยกปอนของนางทําเอาเสื อผ้าของซ่ งเทียนเห
วินเปี ยกเป็ นวงกว้าง ให้ความรู ้สึกชืนแฉะ ไม่สบายตัว

ซ่งเทียนเหวินขมวดคิวขึนคว้าจับไปทีข้อมือของมู่หรงโหรว อยากทีจะดันตัวนางออกไปโดยไม่ตอ้ งการให้


รู ้สึกตัว แต่ไม่คาดว่ามู่หรงโหรวจะกอดเขาเสี ยแน่นจนไม่ว่าเขาจะผลักดันอย่างไรก็ไม่ขยับแม้แต่น้อย......

ซ่งเทียนเหวินขมวดคิวแน่นขึนเตรี ยมทีจะใช้แรงดันนางออก พลันเสี ยงคุน้ เคยของชายผูห้ นึงดังขัดขึนเสี ยก่อน


“ฮะแฮ่ม......ซ่ งโหวเหย่ (ท่านโหวแซ่ ซ่ง) พิษในร่ างการของคุณหนูซ่งนันถูกขับออกไปจนหมดแล้ว อาการ
บาดเจ็บก็คงทีแล้ว ตอนนี ไม่มีอะไรทีน่าเป็ นห่ วงอีก ซ่ งฮูหยินไม่ทราบว่าต้องการให้ตรวจอาการด้วยหรื อไม่”
มู่หรงโหรวชะงักไปครู่ หนึง ทันใดนันก็นึกขึนได้วา่ นางกําลังอยูบ่ นแท่นศาลา โดยรอบนันเต็มไปด้วยผูค้ น
มากมาย ฉากความใกล้ชิดระหว่างนางกับซ่ งเทียนเวินเมือครู่ คงถูกผูค้ นเห็นเข้ากันหมดแล้ว......

นางจึงรี บดึงมือกลับคลายอ้อมกอดจากซ่ งเทียนเหวินในทันใดแล้วค่อย ๆ ก้มหน้าลง ใบหน้าเรี ยวเล็กแดงกําเสี ย


จนเลือดจะหยดออกมาอยูแ่ ล้ว......

สี หน้าของซ่ งเทียนเหวินเป็ นปกติหนั มองไปทีนางอย่างเรี ยบเฉยแล้วค่อย ๆ ลุกขึนยืน “รบกวนหมอหลวงหลี


แล้ว !”

“โหวเหย่เกรงใจเกินไปแล้ว !” หมอหลวงหลีหัวร่ อฮาฮากล่าวขึนแล้วเดินไปทีด้านหน้าของมู่หรงโหรวยืนนิว


สัมผัสไปทีข้อมือของนาง ชีพจรทีสัมผัสได้จากนิวมือสันไหวแปลก ๆ เขาชะงักไปอยูช่ วครู
ั ่ แล้วค่อย ๆ ใช้แรง
กดเข้าไปทีจุดชีพจรของนางอีกครัง ลักษณะการเต้นของชีพจรก็ยงั คงเหมือนเดิมคือเดียวอ่อนเดียวเบา หลีไท่อี
พยักหน้าออกมาด้วยรอยยิมยินดี “ขอแสดงความยินดีกบั โหวเหย่ ซ่ งฮูหยินมีเรื องมงคลแล้ว......”

คําพูดแสดงความยินดีของหมอหลวงคล้ายดังสายฟ้ าทีผ่าลงมา ทําเอาซ่ งเทียนเหวินกับมู่หรงโหรวร่ างกายแข็ง


ค้างไปชัวครู่ หนึง อะ...อะไรนะ ? ตังครรภ์แล้ว......

มู่หรงเสวียเบิกตากว้างด้วยความแปลกใจ แววตาของนางนันเต็มไปด้วยความสะใจ มู่หรงโหรวกลับถูกตรวจ


พบว่าตังครรภ์ในเวลาเช่นนี ไม่รู้ว่าเด็กคนนันจะเป็ นลูกของใครกัน
“ตังครรภ์ได้นานเท่าใดแล้ว” ซ่ งเทียนเหวินก็คาํ นึ งถึงปั ญหาในข้อนี เขากล่าวถามขึนเสี ยงตํา แววตาสี ดาํ ขลับวูบ
ไหวไปด้วยความหนักใจทีน้อยนักทีจะมี !

หมอหลวงหลีตรวจจับชีพจรของมู่หรงโหรวอย่างละเอียดอีกครังแล้วค่อย ๆ กล่าวขึนว่า “เกือบหนึ งเดือนแล้ว !”

มู่หรงเสวียกะพริ บตาปริ บ ๆ เรื องราวระหว่างมู่หรงโหรวกับสวีเหวินนันเกิดขึนได้ยสิี บกว่าวันแล้ว หลังจากนัน


นางก็เก็บตัวอยูแ่ ต่ในจวนเจินกัวโหวมาโดยตลอด ล้วนไม่ได้พบหน้ากับซ่ งเทียนเวินแม้แต่ครังเดียว ฉะนันยิงไม่
ต้องกล่าวถึงเลยว่าพวกเขาจะได้ทาํ เรื องนันลงไป

ก่อนหน้านี มู่หรงโหรวยังเคยเข้าคุกมาแล้วยีสิ บวัน นับรวมเข้าด้วยกันแล้วนางกับซ่งเทียนเหวินแน่ นอนว่าต้อง


ไม่ได้เจอหน้ากันมาสี สิ บกว่าวันแล้ว แต่ว่าครรภ์ของนางยังมีอายุไม่ถึงหนึงเดือน ดังนันเด็กทีอยูใ่ นท้องของนาง
แน่นอนว่าจะต้องไม่ใช่ลูกของซ่ งเทียนเหวินแต่เป็ นเมล็ดพันธุ์ระหว่างนางกับสวีเหวิน......

“รบกวนหมอหลวงหลีแล้ว !” สี หน้าของซ่ งเทียนเหวินเขียวคลํา โยนคําพูดเย็นชาทิงไว้แล้วก็หมุนกายเดินอาด ๆ


ออกไปด้านหน้าอย่างไม่หันหัวกลับมามองอีก

“เทียนเหวิน !” มู่หรงโหรวเจ็บปวดใจเค้นแรงในกายทังหมดลุกยืนขึนตามไปอย่างอ่อนแรง หลายปี มานี นาง


ล้วนแต่วาดหวังว่าตัวเองจะตังครรภ์ แต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่คาดคิดว่าลูกของนางจะมาถึงในช่วงเวลาทีตกตํา
ทีสุ ดเช่นนี......
มองไปทีเงาร่ างของทังสองทีจากไปไกลลิบอย่างรวดเร็ ว ในใจของหมอหลวงหลีเต็มไปด้วยความงุนงงและ
สับสน บ้านหลักมีเรื องมงคลไม่ใช่ว่าควรดีใจหรอกหรื อ แต่เหตุใดบนใบหน้าซ่ งโหวเหย่กบั ซ่ งฮูหยินถึงได้ไม่มี
ความตืนเต้นยินดีเลยแม้แต่น้อยเลยเล่า......

แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหวดึงเอาเข็มเงินบนหลังมือของคุณชายโอวหยางออกมาแล้วลากเขาวิงออกไป
ด้านหน้าอย่างรวดเร็ ว “ไป ไป ไปเร็ วเข้า พวกเราไปดูชมเรื องราววุ่นวายกันเถอะ !”

เมือมองไปทีใบหน้ากระตือรื อร้นของนาง สายตาของคุณชายโอวหยางก็มีแววเหนือยใจ “ก็แค่มู่หรงโหรวมีชู้


แล้วตังครรภ์ลูกของคนอืน มันมีอะไรน่าดูกนั ”

แววตาของมู่หรงเสวียเปล่งประกายวูบไหว “ก็ชูผ้ นู ้ นนางไม่


ั ได้อยากจะมีเอง แต่เป็ นเพราะนางถูกข้าวางอุบายใส่
จนเด็กเกิดขึนมาอย่างไรเล่า แน่ นอนว่ามู่หรงโหรวจะต้องเจ็บแค้นและไม่ยนิ ยอม ไม่ว่าอย่างไรนางก็ตอ้ งคิดหา
แผนการคืนดีกบั ซ่ งเทียนเหวินให้ได้”

ดวงตาของคุณชายโอวหยางมีแววเคร่ งขรึ ม กล่าวขึนอย่างราบเรี ยบ “มู่หรงโหรวเป็ นคนหลักแหลม แต่ซ่งเทียน


เวินก็ไม่ได้เป็ นคนโง่ นอกจากตัวเองจะถูกสวมหมวกเขียวแล้วยังต้องไปช่วยเหลือเลียงดูลูกของมู่หรงโหรวกับชู ้
อีก !”

“ข้ารู ้ ดังนันข้าจึงอยากตามพวกเขาไปอย่างไรเล่า เพือทีจะดูว่าพวกเขาจะจัดการกับปั ญหานีเช่นไร” มู่หรงเสวีย


ยิมขึนแปลก ๆ พลางลากคุณชายโอวหยางวิงออกไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ ว “รี บไป รี บไปเร็ ว ถ้าขืนชักช้าแล้วก็
คงไม่มีเรื องราวอะไรให้ดูแล้ว......”
เมือมองไปทีแววตาเปล่งประกายวูบไหวของนาง คุณชายโอวหยางก็รู้สึกอับจนหมดคําพูดจะกล่าวถอนหายใจ
ออกมาเบา ๆ ยอมปล่อยให้นางลากดึงไป แล้วก้าวอาด ๆ ตรงไปด้านหน้า

ริ มทะเลสาบเทียนสุ่ ยมีรถม้าหรู หราคันหนึงจอดไว้อยู่ ซ่ งเทียนเหวินก้าวอาด ๆ ไปทีด้านข้างของรถม้าคันนัน


แหวกม่านลูกปั ดออกเตรี ยมทีจะก้าวขึนไป มู่หรงโหรวเร่ งรี บตามเข้ามาอย่างร้อนใจคว้าจับไปทีแขนเสื อของเขา
แน่น กล่าวขึนอย่างเสี ยใจ “เทียนเหวินเจ้าฟังข้าอธิบายก่อน ฟั งข้าอธิบายสักนิดเถิด......”
ตอนที 154 ซ่ งเทียนเหวินมีบ้านน้ อย

“เจ้ายังอยากจะอธิบายอะไรอีก จะบอกว่าเจ้าไม่ได้ถูกล่วงเกินหรื อเจ้าไม่ได้ครรภ์ลูกของคนอืนอย่างนันหรื อ” ซ่ ง


เทียนเหวินมองไปทีนางด้วยสายตาเย็นชา แววตาเปล่งประกายหนาวเหน็บเย็นยะเยือก

“ข้า......” มู่หรงโหรวรู้สึกอับจนคําพูด นําตาทีไม่ได้รับความเป็ นธรรมไหลอาบไปทัวทังใบหน้า “เทียนเหวินข้า


ไม่เคยคิดทีจะทําเรื องราวเสื อมเสี ยแก่เจ้าเลย ข้าถูกคนอืนวางอุบาย......”

“ข้ารู ้แต่จะให้ขา้ ทําอย่างไร เจ้าได้เสื อมเสี ยเกียรติไปแล้วอีกทังยังตังครรภ์อีก จะเต็มใจหรื อว่าโดนขืนใจ แล้วมัน


ต่างกันตรงไหน” ซ่ งเทียนเหวินมองไปทีนางอย่างผูท้ ีมีฐานะสู งกว่า แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรู ้สึกหยิง
ทะนงไร้ความรู ้สึก

ใบหน้าเรี ยวของมู่หรงโหรวกลายเป็ นสี ซีดขาว ใช่แล้ว ไม่ว่าจะพูดเหตุผลอะไร นางก็ได้เสื อมเสี ยเกียรติทาํ เรื อง
ขายหน้าต่อเทียนเหวินไปแล้ว แต่ว่านางไม่อยากจากสามีและลูกสาวทีนางรักไป......

“เจ้ามอบโอกาสให้ขา้ อีกครังได้หรื อไม่ !” มู่หรงโหรวมองไปทีซ่ งเทียนเหวิน นําตาไหลอาบเต็มใบหน้า

“เจ้าคิดว่ายังมีโอกาสอยูอ่ ีกหรื อ” แววตาของซ่งเทียนเหวินมีแต่ความเย็นชา ระดับจวนอู่อนั โหวทีมีฐานะไม่


ธรรมดา ให้หญิงทีเสื อมเกียรติและตังครรภ์ลูกของชูเ้ ป็ นนายหญิงใหญ่ของบ้าน ช่างน่าขันยิงนัก ในแผ่นดินนี ไม่
มีสาวบริ สุทธิหลงเหลืออยูแ่ ล้วหรื ออย่างไร......

“ข้าจะเอาเด็กออก...จะไม่ทาํ ให้เจ้าอับอาย......ข้ายังจะให้เจ้าแต่งอนุ....เพือทีจะได้ให้กาํ เนิดทายาทสื บทอด


ตระกูลแก่เจ้า......” มู่หรงโหรวรับปากโดยไร้ขอ้ แม้ แววตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง แต่ในใจกลับเจ็บชํา
หลังจากเอาเด็กออก อย่างน้อยนางก็ตอ้ งพักรักษาตัวไปหนึงถึงสองปี ในระยะเวลาสัน ๆ เช่นนันคงไม่สามารถมี
บุตรได้ เหลือเพียงหาหญิงอืนให้กาํ เนิดบุตรให้เทียนเหวินแทน จากนีเป็ นต้นไปนางก็จะต้องแบ่งปั นเทียนเหวิน
ของนางกับหญิงอืนตลอดไป......

“ลูกชายทีเกิดจากอนุเป็ นได้เพียงบุตรชายสายรอง แต่ขา้ นันต้องการบุตรชายสายตรง......” ซ่งเทียนเหวินโบกมือ


ตัดบทคําพูดของนาง แววตาเย็นชา

“เช่นนัน.....เช่นนันเจ้าก็แต่งผิงชี (ใช้เรี ยกภรรยาเอกคนทีสองเป็ นต้นไปในกรณี ทีภรรยาเอกคนแรกยังคงอยู)่ ลูก


ทีเกิดจากผิงชีกจ็ ะเป็ นบุตรสายตรง......” แววตาของมู่หรงโหรววูบไหวเสนอความคิดเห็ นออกมา เสี ยงพูดไม่
หยุดหย่อนทีน่ ารําคาญของนางทําเอาซ่ งเทียนเหวินอารมณ์เสี ย “มู่หรงโหรว เจ้าฟังคําพูดของข้าไม่เข้าใจหรื อ ข้า
ต้องการหย่ากับเจ้า......”

ร่ างของมู่หรงโหรวแข็งทือ นางมองไปทีเขา นําตาจากดวงตาทังสองข้างพรังพรู ออกมาไม่ขาดสาย “เทียนเหวิน


หลังจากทีเราแต่งให้กนั แล้วก็มีความรักใคร่ ต่อกันเรื อยมา ข้าแต่งให้เจ้ามาสิ บกว่าปี อีกทังยังตังใจดูแลจวนอู่อนั
โหวอย่างไม่ขาดตกบกพร่ อง ถือว่าใช้แรงกายแรงใจลงไปไม่น้อย ข้าถูกคนวางแผนวางอุบายใส่ จนพลาดพลังทํา
ผิดไปเพียงแค่ครังเดียว เจ้าก็ไม่สามารถอภัยให้ขา้ ได้เลยหรื อ”
“ถ้าหากเป็ นเรื องอืน แน่ นอนว่าข้าย่อมจะให้อภัยเจ้าได้ แต่ว่าตอนนีเจ้าตังครรภ์ลูกของชูอ้ ีกทังยังทําการสวม
หมวกเขียวให้ขา้ เจ้าจะให้ขา้ อภัยให้เจ้าได้อย่างไร ข้าไม่ได้ป่าวประกาศเรื องราวของเจ้ากับสวีเหวินต่อหน้าผูค้ น
ก็ถือว่าไว้หน้าและเมตตาเจ้ามากแล้ว......”

เสี ยงตวาดต่อว่าอย่างไร้เยือใยของซ่ งเทียนเหวินลอยเข้าหู จิตใจของมู่หรงโหรวสันไหวขาแข้งอ่อนไร้เรี ยวแรง


ั งตังครรภ์กบั ชายชู ้
ล้มฟุบลงไปกับพืน ไม่มีทางทีผูช้ ายใดจะทนได้ทีภรรยาเอกของตนมีเรื องราวเสื อมเกียรติทงยั
ซ่งเทียนเหวินจะหย่ากับนาง นางสามารถเข้าใจได้ แต่วา่ นางนันรักเทียนเหวินมาก ไม่อยากจากเขาไปไหน ไม่
อยากปล่อยเขาไป !

มู่หรงโหรวมองไปทีซ่ งเทียนเหวินใบหน้าเต็มไปด้วยนําตา เตรี ยมทีจะกล่าววาจา นําเสี ยงกระจ่างใสดังขึนตัด


หน้าคําพูดของนาง “ท่านพ่อ...ท่านพ่อ......”

เสี ยงกระจ่างใสของเด็กดังขึนทําเอาจิตใจของผูค้ นทีได้ฟังรู้สึกถึงความอบอุ่น เมือมู่หรงโหรวมองตามเสี ยงไปก็


เห็นเด็กชายอายุเจ็ดแปดขวบกําลังวิงเข้ามาอย่างรวดเร็ ว ยืนแขนเล็ก ๆ ทังสองข้างออกมากอดไปทีซ่ งเทียนเหวิน
ด้วยความตืนเต้นดีใจ เสื อผ้าหรู หราสี นาเงิ
ํ นพลิวไหวไปตามสายลมเปล่งรัศมีสวยสดงดงาม

เพียงพริ บตาแววตาเย็นชาของซ่ งเทียนเหวินก็พลันสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย ถูกแทนทีด้วยรอยยิมอัน


อ่อนโยนทีไม่เคยมีมาก่อน เขาย่อกายลงอุม้ เด็กชายคนนันขึนอย่างเบามือ จับเข้าทีจมูกของเขาเบา ๆ แกล้งทําท่า
เคร่ งขรึ มแล้วกล่าวขึน “ไม่ใช่ว่าพ่อให้เจ้ารออยูท่ ีบ้านหรอกหรื อ ทําไมถึงตามมาทีนีได้ ?”

“ก็ขา้ คิดถึงท่านพ่อหนิ ก็เลยตามมาทีริ มทะเลสาบหาท่านพ่อ !” เด็กชายตัวน้อยกอดเข้าทีคอของซ่ งเทียนเหวิน


ใบหน้าเรี ยวเล็กน่ ารักแก้มยุย้ เสี ยจนผูค้ นต้องหัวใจละลาย
สี หน้าของซ่ งเทียนเหวินขรึ มขึนน้อย ๆ บิดเข้าไปทีจมูกเล็ก ๆ ของเขา สังสอนด้วยความ ‘ดุดนั ’ “ด้านนอก
อันตรายนัก ทําไมเจ้าถึงได้วิงเล่นออกมาเพียงลําพังเช่นนี ”

“ข้าไม่ได้ออกมาวิงเล่นเพียงลําพัง แต่วา่ ข้ามาพร้อมกับท่านแม่” เด็กชายตัวน้อยยิมขึนอย่างอารมณ์ดีหันมองไป


ยังทิศทางทีตนจากมา พลันปรากฏร่ างของหญิงสาวผูห้ นึงทีอยูใ่ นชุดสี เขียวอ่อนกําลังเยืองย่างเดินเข้ามา นางอายุ
ประมาณยีสิ บสี ถึงยีสิ บห้าปี ใบหน้างดงาม ร่ างกายบอบบางอ้อนแอ้นอรชรทังยังมีความเว้านูนทีชัดเจน ทําให้
ผูค้ นทีพบเจอยากนักทีจะลืมเลือน

หญิงสาวผูน้ ันเดินมาทีด้านหน้าของซ่ งเทียนเหวินอย่างรวดเร็ ว พร้อมกับกล่าวขึนด้วยความร้อนใจ “เสี ยวป๋ อ


โวยวายอยากเจอท่านพี แต่แรกก็คิดทีจะพาเขามาหาท่านพีอยูแ่ ล้ว แต่พอเขามองเห็นท่านพีไกล ๆ ไม่คิดว่าเขาจะ
วิงมาหาท่านพีเองเสี ยได้ ลูกไม่ได้สร้างความลําบากให้ท่านพีใช่ไหมเจ้าคะ”

“วางใจเถอะ เขาไม่ได้สร้างปั ญหาอันใด” ซ่ งเทียนเหวินยิมขึนน้อย ๆ ยืนมือเข้าไปโอบไหล่ของหญิงสาว สาม


คนครอบครัวกอดกันแน่น ดูท่าทางมีความสุ ขยิงนัก

ทันใดนันมู่หรงโหรวก็หลุดออกจากภวังค์ เบิกตากว้างมองไปทีสามคนครอบครัวทีเหมือนกําลังหลุดเข้าไปใน
โลกส่ วนตัวไม่สนใจคนรอบข้างแม้แต่น้อย แววตาเต็มไปความตืนตกใจและไม่อยากจะเชือ “เทียน...เทียนเหวิน
...นีมันเรื องอะไรกัน”

ทําไมอยู่ ๆ เขาถึงได้มีลูกชายตัวโตขนาดนีโผล่ออกมาได้
นําเสี ยงสอบถามเสี ยงสันดังเข้าหู ทันใดนันซ่ งเทียนเหวินก็หลุดจากภวังค์ หันหน้ามองไปทีมู่หรงโหรวทีมี
ร่ างกายแข็งทือเหมือนดังก้อนหิ น แววตาของเขาวูบไหวไม่เป็ นธรรมชาติเล็กน้อย กล่าวเสี ยงตํา “เรื องก็มาถึงขัน
นีแล้ว ข้าก็จะไม่ปิดบังเจ้าอีกต่อไป ก็อย่างทีเจ้าเห็น จิงเอ๋ อร์ เป็ นบ้านน้อยของข้า เสี ยวป๋ อเป็ นลูกของพวกเราทัง
สอง......”

มู่หรงโหรวรู ้สึกราวกับว่ามีบางสิ งกําลังระเบิดในหัว จนความรู ้สึกนึ กคิดกลายเป็ นขาวโพลนไปจนหมด สามี


ของนาง คนทีรักใคร่ กบั นางผูน้ นั สามีทีแม้แต่อนุ กไ็ ม่ยอมแต่งเข้ามา กลับปิ ดบังนางแอบเลียงบ้านน้อยเอาไว้ทงั
อีกยังมีลูกชายด้วยกัน......

ทันใดนันเรี ยวแรงภายในร่ างกายของมู่หรงโหรวเหมือนถูกดึงออกไปฟุบลงไปบนพืนถลึงตามองไปทีซ่ งเทียน


เหวิน แล้วกล่าวถามขึนเสี ยงดัง “พวกเจ้าอยูด่ ว้ ยกันมานานเพียงใดแล้ว”

“แปดเก้าปี แล้ว......” ซ่ งเทียนเหวินพูดเสี ยงเบา แววตาสงบนิ ง ในตระกูลชนชันสู งมีผูช้ ายคนไหนทีไม่มีภรรยา


หลายคนบ้าง เขาแต่งเพียงภรรยาเอกแค่คนเดียวไม่ได้แต่งอนุ แต่เลียงบ้านน้อยเอาไว้บา้ นหนึง แน่นอนว่าผูค้ น
จะไม่มีทางวิพากษ์วจิ ารณ์อะไรมากนัก

มู่หรงโหรวหัวเราะขึนอย่างเย็นชา ในรอยยิมแฝงไว้ดว้ ยการดูถกู เหยียดหยามทีไม่ได้พูดออกมา นางกับเขา


แต่งงานกันมาสิ บสามสิ บสี ปี แต่เขากลับเลียงบ้านน้อยเอาไว้ตงแปดเก้
ั าปี หลอกนางจนนางนึกว่าตัวเองได้แต่ง
กับสามีทีซื อสัตย์รักเดียวใจเดียวผูห้ นึ ง
“เจ้ายืนกรานทีจะหย่าขาดจากข้าก็เพือทีแต่งนางเข้าจวนอย่างนันหรื อ” มู่หรงโหรวกัดฟั นถาม แววตาลุกโชนไป
ด้วยไฟโกรธ

“ไม่ใช่เสี ยทังหมด” ซ่ งเทียนเหวินส่ ายหน้า มู่หรงโหรวก็ถือเป็ นภรรยาเอกทีผ่านเกณฑ์ผหู ้ นึงถ้าหากนางไม่ได้


ถูกทําให้เสื อมเกียรติ เขานันเต็มใจทีจะให้นางดูแลจวนอู่อนั โหวให้เขาต่อไป แต่ว่านางกลับทําเรื องน่าอับอายทัง
ยังสวมหมวกเขียวให้เขา เขาจึงจําต้องหย่ากับนาง

ส่ วนจิงเอ๋ อร์ กบั เสี ยวป๋ อ แต่เดิมเขาคิดจะหาโอกาสพาพวกนางแม่ลูกเข้าจวนอู่อนั โหว ให้พวกนางอยูใ่ นฐานะอนุ


กับลูกชายสายรอง แต่กเมือกลับเกิดเรื องเสื อมเสี ยกับมู่หรงโหรวขึนเช่นนี จนนางไม่สามารถเป็ นนายหญิงใหญ่
ได้อีกต่อไปแล้ว เขาก็เลยเตรี ยมทีจะหย่ากับมู่หรงโหรวแล้วให้พวกนางแม่ลูกเข้าจวนไปเป็ นจีซื อ(บ้านหลักที
แต่งเข้ามาหลังจากภรรยาเอกคนแรกตายไปหรื อถูกหย่าออกไป) และตีจือ (ลูกชายสายตรง)

เขาเองก็มีอายุสามสิ บกว่าปี แล้ว ควรจะต้องมีลูกชายสายตรงเป็ นตัวเป็ นตนคนหนึงได้แล้ว !

“โหรวเอ๋ อร์ อายุอานามของเจ้าก็ไม่นอ้ ยแล้วจําเป็ นจะต้องมีทายาทอยูข่ า้ งกาย เด็กทีเกิดมาในครรภ์เจ้าก็ควรเก็บ


เอาไว้ เจ้าแต่งให้สวีเหวินเป็ นจีซื อแล้วเลียงดูลูกของพวกเจ้าด้วยกันไม่ใช่ว่าเป็ นเรื องทีดีหรอกหรื อ ?”
ตอนที 155 ซ่ งเทียนเหวินต้ องการหย่ า
“เฮอะ นีเป็ นการตัดสิ นใจของเจ้าอย่างนันหรื อ” มู่หรงโหรวมองไปทีซ่ งเทียนเหวิน แววตาของนางเต็มไปด้วย
ความเย้ยหยัน เขากับจิงเอ๋ อร์ คนรักในดวงใจของเขาได้ครองคูเ่ ป็ นสามีภรรยากัน มีชีวิตรักใคร่ ปรองดองไม่พอ
ยังจะไม่ลืมทีจะจับคู่ให้นางทีเป็ นภรรยาคนก่อนทัง ๆ ทียังไม่ถามไถ่ความเต็มใจของนาง ก็บีบบังคับให้นาง
ครองคู่กบั สวีเหวิน ความคิดช่าง ‘มีหลักการ’ ยิงนัก !

“โหรวเอ๋ อร์ ทีข้าทําแบบนี ก็เพราะข้าหวังดีต่อเจ้า......” ซ่ งเทียนเหวินมองไปทีนางด้วยแววตาจริ งใจ นางเองก็


อายุสามสิ บกว่าปี แล้วอีกทังยังตังครรภ์ ตระกูลชนชันสู งในเมืองหลวงก็คงไม่มีใครยอมแต่งนางเป็ นภรรยาอีก
แต่งให้สวีเหวินเป็ นสิ งทีเหมาะกับนางทีสุ ดแล้ว !

มู่หรงโหรวยิมเย้ยหยัน ถ้าหากเขาหวังดีต่อนางจริ ง ก็สมควรทีจะให้นางอยูท่ ีจวนอู่อนั โหวเป็ นอู่อนั โหวฮูหยิ


นต่อไป ไม่ใช่ว่าหย่าขาดจากนางแล้วจับคู่ให้นางไปแต่งกับคนทีโสโครกไร้ความสามารถผูห้ นึง ไปเป็ นจีซื อ
ให้กบั ขุนนางเตียนสื อทีตําต้อยจนไร้ขนผู
ั น้ น......

เมือมองไปทีสายตาเกรี ยวกราดของนาง ซ่ งเทียนเหวินก็รู้วา่ นางไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของเขา เขาจึงได้แต่ถอน


หายใจออกมาเบา ๆ “โหรวเอ๋ อร์ ระหว่างพวกเรานันได้เกิดรอยบาดแผลขึนแล้ว คงไม่สามารถดีได้ดงั เดิมอีก
ต่อไป เป็ นสามีภรรยากันมาหลายปี พวกเราก็ควรจะจากกันด้วยดี พรุ่ งนีข้าจะเขียนหนังสื อหย่าให้เจ้า ตัดขาด
ความเกียวข้องระหว่างพวกเรา......”

ทันใดนันมู่หรงโหรวก็เงยหน้ามองซ่ งเทียนเหวิน แววตาของนางลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ พลางกัดฟันพูด “ยังไม่


ครบกําหนดหนึงเดือน......”
ซ่งเทียนเหวินไม่สนใจ “ก็เหลือเพียงแค่ไม่กีวันเท่านัน ไม่วา่ อย่างไรพวกเราก็ตอ้ งแยกทางกันอยูด่ ี ช้ากีวัน เร็ วกี
วันก็ไม่ได้แตกต่างอะไร......”

ฮะ ๆ เขาถึงกับอดรนทนทีจะหย่ากับนางไม่ไหวแล้วไปแต่งกับหญิงอืนมากถึงขนาดนี !

บ้านทีนางสามารถเข้าออกได้ตามทีใจต้องการทีอยูอ่ าศัยมาตังหลายสิ บปี จัดการดูแลมาก็หลายสิ บปี พรุ่ งนีพวก


เขาก็จะไล่นางออกมาแล้ว และทีนันก็จะกลายเป็ นสถานทีทีนางไม่สามารถเข้าไปยุง่ เกียวได้อีก ช่างเป็ นการถูก
เหยียดหยามทีหนักหนานัก......

มู่หรงโหรวนําตาคลอเบ้า ร่ างกายบอบบางนังแข็งค้างอยูก่ บั พืน ดูแล้วช่างโดดเดียวอ้างว้างยิงนัก

แววตาของซ่ งเทียนเหวินวูบไหวอย่างหมดความอดทน เขาถอนหายใจออกมาหนัก ๆ “ทีพวกเราเดินมาถึงจุดจุด


นีล้วนแต่ไม่ใช่สิงทีข้าและเจ้าต้องการ แต่ว่าเราก็ไม่สามารถไม่เดินหน้าต่อไปได้อีก ใครให้เจ้าและมู่หรงเสวีย
วางอุบายใส่ กนั ล่ะ แล้วเป็ นอย่างไรสุ ดท้ายก็ได้สูญเสี ยเกียรติอนั สู งส่ งทีผูห้ ญิงคนหนึงควรจะมีไป”

จะโทษก็โทษมู่หรงเสวียกับตัวนางเองเถอะ ใครให้พวกนางสองคนวางแผนร้ายใส่ กนั ไปมาเล่า พวกนางวาง


อุบายใส่ กนั จนเกิดเป็ นเรื องราวใหญ่โต เช่นนีจะไม่ให้เขาไม่หย่าได้อย่างไร
“เจ้าก็อย่าได้เสี ยใจมากนัก ดูแลตัวเองให้ดี ส่ วนชิงเหยียน นางก็ยงั จะเป็ นคุณหนูสายตรงแห่งจวนอู่อนั โหว
ดังเดิม ข้ากับจิงเอ๋ อร์ จะไม่มีทางทิงขว้างนาง ถ้าหากเจ้าอยากเจอนางก็สามารถมาเยียมนางทีจวนอู่อนั โหวได้
......”

แววตาของจิงเอ๋ อร์ วบู ไหว นางยิมขึนรับคําพูดของเขา “ใช้แล้วเจ้าค่ะพีสาว พีสาวโปรดวางใจได้ จิงเอ๋ อร์ จะดูแล
ชิงเหยียนให้เหมือนกับลูกของตัวเอง ดูแลและรักใคร่ นางอย่างดี......”

ยังไม่ทนั เข้าจวนอู่อนั โหวนางก็วางมาดเป็ นฮูหยินแห่ งอู่อนั โหวเสี ยแล้ว การปรับตัวของนางถือว่ารวดเร็ วยิงนัก


! แววตาเย็นยะเยือกดังศรแสงของมู่หรงโหรวจ้องมองไปทีจิงเอ๋ อร์ อย่างไร้เยือใย !

จิงเอ๋ อร์ ได้ยนิ เสี ยงปังดังขึนเสี ยงหนึงในหัว พลันแผ่นหลังของนางหลังเหงือเยียบเย็นออกมา ร่ างกายบอบบาง


สันน้อย ๆ กอดเข้าไปทีอกของซ่ งเทียนเหวินแน่ น แววตากระจ่างใสคลอไปด้วยนําตาราวกับกวางน้อยทีกําลัง
ตืนตกใจ “สา...สามี......”

“ไม่ตอ้ งกลัว ไม่มีอะไร !” ซ่งเทียนเหวินกล่าวปลอบโยนเสี ยงนุ่ ม โอบเข้าทีไหล่ของนาง รวบนางเข้ามาในอ้อม


อกแน่นแล้วมองไปทีมู่หรงโหรวอย่างเย็นชา “เรื องราวก็ตกลงตามนี พรุ่ งนี ปลายยามเฉิ น (7 โมงถึง 9 โมงเช้า)
เจ้ามารับหนังสื อหย่าทีจวนอู่อนั โหว !”

นางไม่มาก็ไม่เป็ นไร อย่างไรเขาก็สามารถให้คนเอาหนังสื อหย่ากับสิ นเดิมครึ งหนึงส่ งกลับไปทีจวนเจินกัวโหว


ได้ ภรรยาทีสู ญเสี ยเกียรติ ตังครรภ์ของชูแ้ ล้วยังกล้าข่มขู่จิงเอ๋ อร์ ผนู ้ ี เขาจะหย่าด้วยแน่ นอน !
มู่หรงโหรวล้มฟุบไปกับพืนดวงตาแข็งค้าง ไม่กล่าววาจาใด !

จิงเอ๋ อร์ ยกยิมมุมปากขึนอย่างถือดีแต่เพียงพริ บตาก็สลายหายไป สายตาเห็นบรรดาฮูหยินและคุณหนูชนชันสู ง


หลายสิ บคนทยอยออกมาจากแท่นศาลากําลังเดินเข้ามา เช่นนันก็เร่ งรี บยืนมือออกไปรับตัวเด็กชายเอาไว้ “ท่านพี
มีคนกําลังมา พวกข้าคงต้องขอตัวกลับก่อนแล้ว !”

เมือปรายตามองไปเห็นบรรดาหญิงสาวค่อย ๆ ใกล้เข้ามา แต่ซ่งเทียนเหวินไม่ได้มีท่าทางร้อนรนแต่อย่างใด อีก


ทังยังไม่ยอมปล่อยมือทีกอดเด็กชายเอาไว้ เขาค่อย ๆ เดินออกไปด้านหน้าด้วยท่าทีปกติ “ข้าจะกลับไปพร้อมกับ
พวกเจ้า !”

เด็กชายชะงักไปครู่ หนึงกล่าวขึนอย่างไม่เข้าใจ “ท่านพ่อจะกลับบ้านพร้อมกับพวกเราหรื อ”

“ใช่แล้ว” ซ่ งเทียนเหวินพยักหน้าหยิกเข้าทีแก้มยุย้ ของเด็กชายเบา พลางยิมตาหยีกล่าวขึน “วันนีพ่อจะอยูก่ บั


พวกเจ้าทังวันเลย เสี ยวป๋ อดีใจหรื อไม่”

“ดีใจ ดีใจมากเลยขอรับ ท่านแม่ทาํ กับข้าวเอาไว้มากมาย รอให้ท่านพ่อกลับไปกินด้วยกัน......” เด็กชายตบมือขึน


อย่างมีความสุ ข โบกไม้โบกมือไปมาด้วยความดีใจ

แววตาของซ่ งเทียนเหวินเต็มไปด้วยความรู ้สึกผิดสายหนึง เขาเป็ นอู่อนั โหวทังยังแต่งภรรยาเอก ในทุก ๆ


เทศกาลก็ลว้ นอยูแ่ ต่ทีจวน ฉลองกับพวกผูห้ ลักผูใ้ หญ่ น้อยมากทีจะไปทีเรื อนของจิงเอ๋ อร์ กบั เสี ยวป๋ อ มีเพียงแค่
ตอนทีเบือ ๆ เท่านันทีจะไปนังเล่นกับพวกเขาทีนัน “หลายปี มานี ลําบากเจ้ากับเสี ยวป๋ อแล้ว......”
“ขอเพียงแค่สามารถอยูเ่ คียงข้างท่านพี จิงเอ๋ อร์ก็ไม่รู้สึกลําบากอะไร......” จิงเอ๋ อร์ พดู เน้นทีละคํา แววตาเต็มไป
ด้วยความหนักแน่น

แววตารู ้สึกผิดของซ่ งเทียนเหวินยิงลําลึกเข้าไปอีก เขาจับมือของจิงเอ๋ อร์ แน่นรับปากขึนอย่างหนักแน่น “รอจน


ข้าหย่าขาดแล้ว ก็จะรี บเลือกหาฤกษ์มงคลแต่งเจ้าเข้าจวน......”

“อืม !” จิงเอ๋ อร์ พยักหน้าน้อย ๆ ใบหน้าเรี ยวเล็กขึนสี แดงกํา แววตาวูบไหวด้วยความได้ใจ หลายปี มานีนางล้วน
คาดหวังมาโดยตลอดว่าโหวเหย่จะพานางเข้าจวนอู่อนั โหวไปเป็ นอีเหนี ยง คาดไม่ถึงว่าฝันนันจะกลายเป็ นจริ ง
แล้ว ทังยังให้นางไปเป็ นจีซืออีก ช่างเป็ นเรื องน่ายินดีเกินจากทีความวาดหวังไปมากนัก......

เมือซ่ งเทียนเหวินเห็นนางดีใจ แววตาของเขาก็เจือปนไปด้วยรอยยิมบาง ๆ หยิกเข้าไปทีแก้มของเด็กชายเบา ๆ


“อีกไม่นานหลังจากนี เสี ยวป๋ อก็จะได้ไปอยูบ่ า้ นใหม่แล้ว ครอบครัวอยูด่ ว้ ยกันพร้อมหน้าพร้อมตาไม่ตอ้ งแยก
จากกันอีก เสี ยวป๋ อดีใจหรื อไม่”

“จริ งหรื อขอรับ ช่างดียงนั


ิ ก......” เด็กชายดีอกดีใจ ยืนมือข้างหนึงออกไปกอดคอของซ่ งเทียนเหวิน แล้วยืนอีก
มือหนึ งไปกอดทีคอของจิงเอ๋ อร์ ยิมตาหยีจนไม่เห็นลูกตา !

แววตาของซ่ งเทียนเหวินเปล่งประกายอย่างอ่อนโยน สามคนครอบครัวเดินออกไปไกลอย่างรักใคร่ สนิ ทสนม


ทิงมู่หรงโหรวให้โดดเดียวนังนิงแข็งค้างอยูบ่ นพืนทีเย็นชืดอยูเ่ พียงผูเ้ ดียว !
นางมองไปทีสามคนพ่อแม่ลูกครอบครัวทีรักใคร่ สนิ ทสนมแล้วนางก็หัวเราะขึนอย่างบ้าคลังจนเสี ยงดังลัน “ฮ่า
ฮ่า ฮ่า !”

นีนะหรื อสามีทีดีงามทีนางเลือกเฟ้ นหามาอย่างพิถีพิถนั กลับกล้าพลอดรัก ปกป้ องหญิงอืนต่อหน้าภรรยาเอก


เช่นนาง ทังยังไปมีลูกอายุเจ็ดแปดขวบอยูข่ า้ งนอกด้วยกัน ความรักแน่ นแฟ้ นอะไร รักเดียวใจเดียวอะไร ทังหมด
ล้วนเป็ นแค่ลมปากทังสิ น ! สิ บกว่าปี มานี นางกลับใช้ชีวิตอยูภ่ ายใต้คาํ โกหกหลอกลวงของซ่ งเทียนเหวิน......

นางถูกคนวางอุบายจนต้องเกิดเรื องเช่นนี เขาไม่ช่วยเหลือนางก็พอทําเนา แต่นีถึงกับจะหย่าขาดกับนาง หนังสื อ


หย่ายังไม่ทนั เขียนเสร็ จก็หาจีซื อได้เรี ยบร้อยแล้ว ช่างเป็ นเรื องราวแดกดันทีหนักหนานัก ความสัมพันธ์ฉันท์
สามีภรรยาทีมีมาสิ บกว่าปี ในใจของเขาเทียบกับฉี หมาอะไรก็คงไม่เท่า......

มู่หรงเสวียยืนอยูด่ า้ นหลังของรถม้าหรู หราคันหนึง เมือมองไปทีซ่ งเทียนเหวินสามคนทีเดินออกไปไกลแล้วก็


หันมองไปทีมู่หรงโหรวทีนังแข็งทืออยูบ่ นพืน นางเลิกคิวขึนเบา ๆ “คิดไม่ถึงว่าจะมีเรื องราวทีซับซ้อนขนาดนี
ซ่งเทียนเหวินทีมีความซื อสัตย์รักมันคงกลับเลียงบ้านน้อยเอาไว้ อีกทังยังมีลูกอยูข่ า้ งนอกด้วยกัน ช่างเป็ นเรื องที
ผูค้ นคาดคิดไม่ถึงจริ ง ๆ ดูท่ามู่หรงโหรวคงเจ็บชําอยูไ่ ม่น้อย......”
ตอนที 156 ป้ อนข้ าว
เป็ นสามีภรรยาทีรักใคร่ ปรองดองกันมานานหลายปี มู่หรงโหรวนันคิดมาโดยตลอดว่าสามีของตัวเองนันรัก
เดียวใจเดียว ไหนเลยจะไปเคยคิดว่าวันทีนางเกิดเรื องนัน ลูกชายอายุเจ็ดแปดขวบทีเติบโตอยูภ่ ายนอกกับบ้าน
น้อยจะปรากฏต่อหน้านาง ทําเอานางเจ็บปวดเสี ยจนเหมือนดังตายทังเป็ น เท่านันยังไม่พอนางยังถูกแย่งชิง
ตําแหน่งฮูหยินแห่ งอู่อนั โหวไปอีก เคราะห์ร้ายช่างกระหนําซําเติมยิงนัก......

คุณชายโอวหยางปรายตามองไปทีมู่หรงโหรว พลางกล่าวขึนด้วยนําเสี ยงเรี ยบเฉย “เจ้าคิดว่านางจะยอมรออยู่


เฉย ๆ ให้ถูกหย่าหรื อไม่”

“แน่นอนว่าไม่ !” มู่หรงเสวียส่ ายหน้าแววตาลําลึก มู่หรงโหรวเป็ นคนทีดือรันไม่ยอมอะไรง่าย ๆ นางไม่มีทาง


ยอมแพ้แบบนี แน่ นอน แต่ว่าตอนนี มู่หรงโหรวกลับนังนิงอยูบ่ นพืนอย่างโง่งม ไม่ขยับเคลือนไหวอะไรเลย
แม้แต่น้อย ดวงตาก็แข็งทืออยูเ่ ช่นนัน ทําให้ผคู ้ นมิอาจคาดเดาได้ว่าทีแท้นนนางกํ
ั าลังคิดอะไรอยู.่ .....

ปลายนิวสัมผัสได้ถึงความรู ้สึกเปี ยกชืน มู่หรงเสวียขมวดคิวขึนอย่างไม่เข้าใจ เมือก้มหน้ามองลงไปก็เห็นว่าที


หลังมือสี ขาวหยกของคุณชายโอวหยางกําลังมีเลือดค่อย ๆ ไหลออกมาจากรอยเขียวของงูทงสองรอยอย่
ั างช้า ๆ
เลือดไหลตามนิวมือหยดลงไปด้านล่าง หยดลงบนพืนทีละหยดสองหยด......

เมือครู่ นางเร่ งรี บทีจะมาชมดูเรื องราววุ่นวาย จึงเพียงแค่ทาํ การขับพิษให้คุณชายโอวหยางเพียงอย่างเดียวยังไม่


ทันได้ทาํ แผลให้เขา......
แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหวอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ นางหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาจากแขนเสื อ เช็ดไปทีเลือดที
หลังมือของเขาอย่างเบามือ

เมือมองไปทีแววตารู ้สึกผิดของนาง ดวงตาสี ดาํ ขลับของคุณชายโอวหยางเจือปนไปด้วยรอยยิมบางเบา กล่าวขึน


อย่างเรี ยบ ๆ “เพียงบาดแผลเล็ก ๆ เท่านัน ไม่มีอะไรให้ตอ้ งกังวล เจ้าเช็ดช้า ๆ ก็พอแล้วไม่จาํ เป็ นต้องเร่ งรี บ
อะไร”

มู่หรงเสวียตอบรับเขาอย่างลวก ๆ คําหนึง เช็ดรอยเลือดบนมือของเขาออกจนสะอาดแล้วหยิบเอายาสมานแผล


ขึนมาโรยไปทีบาดแผลของเขาอย่างตังอกตังใจ การกระทําอันระมัดระวังของนางทําให้ยาสมานแผลค่อย ๆ ไหล
ซึมเข้าไปในบาดแผลอย่างช้า ๆ ความรู ้สึกหนาวเหน็บและเจ็บปวดทีแล่นขึนมาจากบาดแผลค่อย ๆ เบาบางลง

ภายใต้แสงอาทิตย์ทีสาดส่ อง มู่หรงเสวียยืนตัวตรง ผิวขาวเรี ยบเนี ยนเปล่งรัศมีขาวนวลบาง ๆ ใบหน้าเรี ยวเล็ก


งดงามจนจิตใจของผูค้ นอดไม่ได้ทีจะสันไหว ดวงตาสี ดาํ ขลับกระจ่างใส ริ มผีปากสี แดงเม้มสนิทเข้าหากัน
คล้ายกับกําลังรอคอยให้เจ้าชายมาเก็บเกียวมัน !

ทันใดนันสี หน้าของคุณชายโอวหยางก็แปรเป็ นเคร่ งขรึ มดังนําหมึก เขาค่อย ๆ ย่อกายลง ริ มผีปากบางโน้มเข้า


ไปใกล้ปากบางสี ชมพูของนาง......

“มู่หรงเสวีย !” ทันใดนันเสี ยงเรี ยกแข็งกระด้างเสี ยงหนึงก็ดงั ขึน ทําให้คุณชายโอวหยางหลุดจากภวังค์ถอยห่ าง


ออกมาจากมู่หรงเสวียเล็กน้อยอย่างทันที แววตาวูบไหวไปด้วยความไม่พอใจจาง ๆ นางมาได้ผิดเวลานัก
มู่หรงเสวียยืนเคียงคู่กบั คุณชายโอวหยาง นางไม่ทนั เห็นการกระทําของเขามองตามเสี ยงไปเห็นหยวนฟางเฟ
ยทีอยูภ่ ายใต้การพยุงของสาวใช้สองนางกําลังเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ สี หน้าของนางซี ดขาว การก้าวเดินก็ดูส่ายไป
มาเล็กน้อย บนแขนพาดพันไว้ดว้ ยผ้าขาวหลายแห่ ง ชัดเจนว่าได้รับบาดเจ็บไม่นอ้ ย

“มีธุระอะไร” มู่หรงเสวียมองไปทีนางอย่างเรี ยบเฉย มู่หรงโหรวกับซ่ งชิงเหยียนทีมีร่างกายบอบบางอ่อนแอ


ล้วนรอดมาจากเปลวเพลิงกองนันได้ ฉะนันคนทีอึดถึกอย่างหยวนฟางเฟยแน่ นอนว่าจะต้องไม่มีเรื องราวอะไร
หนักหนาเกิดขึน

“เอ่อ...ขอบใจเจ้ามากทีช่วยชีวติ ข้า บุญคุณทีเจ้าช่วยเหลือไว้ ข้าหยวนฟางเฟยจะจําเอาไว้ขึนใจ ถ้าหากเจ้า


ต้องการให้ช่วยเหลือเรื องอะไร ก็ขอให้มาหาข้าทีจวนแม่ทพั หยวน” หยวนฟางเฟยพูดขึนอย่างภาคภูมิ ท่าทางดู
องอาจยิงนัก !

มู่หรงเสวียยกยิมขึนบาง ๆ “ตกลง” ไม่ว่านางจะมีเรื องให้หยวนฟางเฟยช่วยเหลือหรื อไม่ นําใจของหยวนฟาง


เฟยครังนี นางก็ขอรับไว้แล้วกัน

“เช่นนันข้าก็ขอตัวกลับไปก่อนแล้ว เจ้าอย่าลืมมาทีจวนแม่ทพั หยวน......” หยวนฟางเฟยพูดกล่าวเน้นยําแล้วค่อย


เดินอย่างช้า ๆ ไปทีม้าเร็ วทีอยูไ่ ม่ไกลนัก

“อืม !” มู่หรงเสวียพยักหน้ามองส่ งหยวนฟางเฟยขึนหลังม้า นางเก็บยาสมานแผลในมือลงแล้วหยิบเอา


ผ้าเช็ดหน้าสี ขาวทียังไม่ได้ใช้อีกผืนขึนมาพันลงไปทีหลังมือของคุณชายโอวหยางอย่าระมัดระวัง
“มู่หรงโหรวจะจากไปแล้ว !” นําเสี ยงทุม้ ดังเข้าหู มู่หรงเสวียเงยหน้ามองไปเห็นมู่หรงโหรวกําลังหยัดกายลุกขึน
เดินไปทางรถม้าหรู หราคันหนึ งอย่างไร้เรี ยวแรง ดวงตาของนางยังคงล่องลอยคล้ายกับไร้ซึงจิตวิญญาณ

มู่หรงเสวียกะพริ บตา ฮูหยินและคุณหนูชนชันสู งกําลังพากันเดินเข้ามา ถ้ามู่หรงโหรวยังนังฟุบอยูก่ บั พืนต่อไป


แน่นอนว่าจะต้องดึงดูดสายตาผูค้ น การจากไปนับว่าเป็ นทางเลือกทีเหมาะสมทีสุ ดแล้ว

ภายใต้แสงอาทิตย์ทีสาดส่ อง ตอนนีก็ล่วงเลยเข้ายามเซิ น (บ่ายสามถึงห้าโมงเย็น) แล้ว เวลาก็ถือว่าล่วงเลยมา


นานมากแล้ว “พวกเราก็ไปกันเถอะ”

“ตกลง” คุณชายโอวหยางพยักหน้าลากข้อมือของมู่หรงเสวียเดินไปทีรถม้าของวังเซี ยวเหยาอ๋ อง

พืนไม้ในรถม้าหรู หราถูกปูไว้ดว้ ยพรมทีทังอบอุ่นทังอ่อนนุ่ม ให้ความรู ้สึกสบายจนถึงทีสุ ด ตรงกลางมีโต๊ะไม้


หอมตัวหนึ งตังอยู่ บนโต๊ะวางไว้ดว้ ยกล่องอาหารกล่องหนึง ฝากล่องอาหารเปิ ดอ้าออกน้อย ๆ กลินหอมตลบ
อบอวลไปทัวอดไม่ได้ทีผูค้ นจะนําลายสอ

ทันใดนันมู่หรงเสวียทีรู ้สึกถึงความหิ วทีแล่นปะทะถึงได้นึกขึนได้ว่าเวลาของสํารับกลางวันนันล่วงเลยไปตัง


นานแล้ว แต่นางยังไม่ทนั ได้รับสํารับกลางวันเลย

เมือเปิ ดฝากล่องอาหารออก ก็เห็นด้านในมีขา้ วต้มสองถ้วย ข้าวสวยสองถ้วย นอกจากนันยังมีกบั ข้าวน่ากินที


ยังคงร้อนกรุ่ นอยูห่ ลายอย่าง
แววตาของมู่หรงเสวียเปล่งประกาย นางหยิบเอากับข้าวออกมาวางเรี ยงรายไว้บนโต๊ะด้วยความรวดเร็ ว แล้ว
กล่าวขึนเสี ยงสู ง “คุณชาย เวลาก็ล่วงเลยมานานมากแล้ว พวกเรารับสํารับกันเถอะ”

“ตกลง” คุณชายโอวหยางพยักหน้าหยิบเอาตะเกียบไม้ไผ่ขนมาคี
ึ บกับข้าว แต่ไม่คาดว่าเพิงจะคีบขึนมาได้เพียง
ครู่ เดียวก็ตกกลับลงไปทีเดิมเสี ยแล้ว

“คุณชาย ท่านเป็ นอะไรไป” มู่หรงเสวียมองไปทีเขาอย่างไม่เข้าใจนัก

“มือได้รับบาดเจ็บ คีบอาหารไม่ได้......” คุณชายโอวหยางพูดขึนอย่างราบเรี ยบวางตะเกียบลง ด้วยท่าทางเศร้า


สร้อยทีไม่สามารถรับสํารับได้

“คุณชายโอวหยาง มือข้างซ้ายของเจ้าไม่ได้รับบาดเจ็บ แล้วในกล่องข้าวก็ยงั มีชอ้ นอยูน่ ะ” มู่หรงเสวียกล่าวเตือน


ด้วยรอยยิมสดใส ถึงแม้ว่ามือข้างซ้ายของเขาจะไม่สามารถใช้ตะเกียบได้ถนัดจริ ง ก็คงสามารถใช้ชอ้ นตักข้าวตัก
อาหารได้อย่างสบาย ๆ

“พิษงูเมือครู่ นนช่
ั างร้ายกาจนัก มือซ้ายของข้ารู ้สึกอ่อนแรงจนไม่สามารถใช้แรงได้......”

“แม้แต่แรงจะยกช้อนก็ไม่มีเลยหรื อ” มู่หรงเสวียขมวดคิว จ้องมองไปทีเขาอย่างตาไม่กะพริ บ


“ไม่มี” คุณชายโอวหยางส่ ายหน้าแววตาวูบไหว “มือทังมือเหมือนกับถูกพิษจนชาไปหมดแล้ว ล้วนแล้วแต่ไม่
ฟังการสังการ......”

พิษงูในร่ างกายของเขาถูกขับออกไปจนเกือบหมดแล้ว ถึงแม้ว่าจะเหลืออยูเ่ พียงน้อยนิดก็สมควรจะเป็ นมือขวาที


ไร้เรี ยวแรง มือซ้ายอยูต่ งไกลไม่
ั มีทางโดนผลกระทบได้ ! หรื อว่าจะเป็ น......

แววตาของมู่หรงเสวียมีความเย็นยะเยือก นางถลึงตามองไปทีคุณชายโอวหยางอย่างดุร้าย “มือซ้ายขวาของ


คุณชายล้วนไม่สามารถหยิบตะเกียบได้แล้ว เช่นนันจะรับสํารับอย่างไร”

“ตอนนี ก็คงไม่รับสํารับแล้ว รอจนความรู ้สึกกลับคืนมา ค่อยรับสํารับก็ไม่สาย” คุณชายโอวหยางพูดขึนเสี ยงเบา


สี หน้าของเขาเรี ยบเฉย

“พิษงูร้ายแรงขนาดนัน ไม่รู้ว่าตอนไหนความรู ้สึกของคุณชายจะฟื นคืนกลับมา......” มู่หรงเสวียถามขึนอย่างช้า


ๆ มุมปากของนางยกขึนคล้ายยิมคล้ายไม่ยมิ

คุณชายโอวหยางไม่สนใจ “น่าจะไม่นานเกินไป ทนหิ วสักมือสองมือคงไม่เป็ นไร”

มู่หรงเสวียส่ ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย “ข้าวเป็ นสิ งสําคัญทีผูค้ นจะขาดไม่ได้ ร่ างกายของคุณชายนันสําคัญนัก จะ


ปล่อยให้หิวได้อย่างไร ถ้าหากคุณชายไม่รังเกียจให้ขา้ ป้ อนคุณชายกินข้าวเป็ นอย่างไร”
คุณชายโอวหยางยกยิมขึนบาง ๆ แต่พริ บตาก็สลายหายไปอย่างรวดเร็ ว เงยหน้ามองไปทีมู่หรงเสวีย “นีเอ่อ...จะ
ไม่เป็ นการรบกวนเจ้าหรื อ”
ตอนที 157 ถูกวางอุบาย
“เป็ นเพราะข้า คุณชายถึงได้รับบาดเจ็บ อีกทังยังถูกพิษเข้าไปอีก ข้าดูแลปรนนิบตั ิคุณชายก็นบั ว่าเป็ นเรื องที
ถูกต้องแล้ว พูดว่ารบกวนได้อย่างไรกัน......” มู่หรงเสวียยกยิมสดใสพูดขึน หยิบถ้วยข้าวมาไว้ตรงหน้าคุณชาย
โอวหยาง ใช้ชอ้ นตักข้าวขึนคําโต ๆ แล้วยัดมันเข้าไปในปากคุณชายโอวหยางอย่างแรง......

เพียงพริ บตาข้าวทีมีกลินหอมอ่อนนุ่ มก็ถูกยัดเข้ามาเต็มปากมากเสี ยจนไม่สามาถเคียวได้ คุณชายโอวหยางขมวด


คิวเข้าหากันแน่ น เร่ งรี บกล่าวเตือนขึน “ข้าวเขาไม่ได้ป้อนกันแบบนี......”

“ขออภัยคุณชายโอวหยาง ข้านันเป็ นคนโง่เขลาและหยาบกร้าน ป้ อนข้าวเป็ นแต่แบบนี เท่านัน ท่านก็ทนเอา


หน่ อยเถิด !” มู่หรงเสวียกล่าวพูดขึนยิมตาหยีแล้วตักข้าวคําโตขึนอีกช้อนหนึงยัดเข้าไปในปากของคุณชายโอวห
ยางอย่างไร้เยือใย......

ถูกนางยัดข้าวใส่ ปากเข้าไปจนเต็ม คุณชายโอวหยางมองไปทีนางแล้วพูดแย้งขึนอย่างอูอ้ ีฟังไม่ชดั เจน “ช้อนแรก


ข้ายังกินไม่หมด......”

“ข้าเพียงรับผิดชอบแต่การป้ อนข้าวไม่ได้รับผิดชอบในการกิน ป้ อนหมดไม่หมดเป็ นเรื องของข้า กินหมดไม่


หมดนันเป็ นเรื องของคุณชาย” มู่หรงเสวียพูดพลางยิมขึนตาหยีแล้วยัดข้าวคําโตช้อนหนึ งเข้าไปอีก ดวงตา
กระจ่างวูบไหวด้วยรอยยิมได้ใจน้อย ๆ

คุณชายโอวหยางอยากให้นางป้ อนข้าวนางก็จะป้ อนให้เขาดู ให้เขาได้รู้ว่าข้าวทีนางป้ อนให้นนไม่


ั เหมือนกับ
ผูค้ นทัวไปมากเพียงใด หึ หึ ดูสิวา่ คราวหลังเขายังจะกล้าให้นางป้ อนข้าวอีกหรื อไม่......
“คุณชาย คุณหนูม่หู รง มู่หรงโหรวเลียวออกไปแล้วขอรับ เหมือนกับว่าไม่ได้คิดทีจะกลับไปทีจวนเจินกัวโหว”
เสี ยงรายงานบางเบาของสวินเฟิ งดังเข้ามาจากด้านนอก

แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหว “จริ งหรื อ” นางวางตะเกียบลง หยุดการ ‘ปรนนิบตั ิ’ คุณชายโอวหยางทันที แหวก


ม่านปั ดออกมองไปทีด้านหน้า ก็เห็นรถม้าของมู่หรงโหรวเลียวเข้าตรอกเล็ก ๆ ตรอกหนึ งไป ด้านหน้าทางเข้า
ของตรอกนันเต็มไปด้วยอาคารทีดูแปลกหน้าไม่คุน้ ตา

นีมู่หรงโหรวกําลังคิดจะไปทีใดกัน

แววตาเย็นชาของมู่หรงเสวียหรี ลง “ค่อย ๆ ตามนางไปอย่างเงียบ ๆ”

“ขอรับ !” สวินเฟิ งรับคําสังแล้วบังคับรถม้าตามไป

รถม้าแล่นไปเรื อย ๆ ไม่เร็ วไม่ชา้ อยูด่ า้ นในตรอก รักษาระยะห่ างกับรถม้าของมู่หรงโหรวเอาไว้ช่วงหนึง


เพือทีจะไม่ได้คลาดสายตาจากนางและกันไม่ให้นางรู ้สึกถึงความผิดปกตินีได้

เวลาผ่านไปหนึ งช่วงชงชา รถม้าของมู่หรงโหรวก็หยุดลงทีด้านหน้าของอาคารหลังหนึง นางแหวกม่านลงจาก


รถม้าแล้วปรายตามองป้ ายบนประตูของอาคารตาหนึงพร้อมกับยกยิมเย้ยหยันขึนบาง ๆ แล้วค่อย ๆ เยืองย่างเดิน
เข้าไป
นีมันคือสถานทีอะไรกัน มู่หรงโหรวมาทีนีต้องการทําอะไร

มู่หรงเสวียขมวดคิวขึนอย่างไม่เข้าใจ นางก้าวเท้าลงจากรถม้าเบา ๆ ค่อย ๆ เดินไปทีด้านหน้าของอาคารหลังนัน


กวาดตามองเห็นรอบด้านไร้ผคู ้ น นางขยับฝี เท้าเบา ๆ กระโดดขึนไปด้านบนกําแพงแอบมองไปทีด้านในอย่าง
เงียบ ๆ

ภาพทีปรากฏอยูด่ า้ นหน้าเป็ นสวนดอกไม้สวนหนึ ง ดอกไม้ดา้ นในนันกําลังบานสะพรังชูช่อประชันความงาม


แข่งขันกัน ทําให้ผคู ้ นดวงตาพร่ ามัว ด้านข้างของสวนดอกไม้ประดับไว้ดว้ ยภูเขาจําลอง ด้านบนของยอดของ
ภูเขาจําลองถูกปกคลุมไปพืชพรรณเขียวขจี ดูแล้วช่างงดงามยิงนัก

ด้านหน้าของภูเขาจําลองมีศาลาแปดเหลียมหลังหนึ ง ตรงกลางของศาลาแปดเหลียมมีโต๊ะไม้แดงตัวใหญ่ตวั หนึง


วางอยู่ ด้านบนวางเรี ยงรายไว้ดว้ ยบ๊ะจ่าง ขนมข้าวแดง ขนมแผ่นอบ เค้กพุทราของว่างเลิศรสมากมายหลายชนิด

ซ่งเทียนเหวิน จิงเอ๋ อร์ เสี ยวป๋ อสามคนพ่อแม่ลูกกําลังนังอยูด่ า้ นหน้าของโต๊ะ กินของว่างกันอย่างเบิกบานใจ


สามคนนันผลัดกันป้ อนกันไปมา เจ้าป้ อนข้า ข้าป้ อนเจ้า บรรยากาศช่างดูรืนรมย์จนผูค้ นรอบข้างอดทีจะอิจฉา
ไม่ได้ คําพูดคุยหยอกล้อทีเต็มไปด้วยความสุ ขดังก้องไปทัวบริ เวณ ดังต่อเนืองยาวนานไม่หยุด

ทีแท้ทีนีก็คือเรื อนทีซ่ งเทียนเวินเอาไว้ซ่อนบ้านน้อย สภาพแวดล้อมเงียบสงบ หลบซ่ อนอยูอ่ ย่างมิดชิด ถึงว่า


หลายปี มานี ล้วนไม่ถูกผูค้ นพบเจอ แต่ว่ามู่หรงโหรวทีรู ้แล้วว่าซ่ งเทียนเวินมีบา้ นน้อยและลูกนอกสมรส ทังเมือ
ครู่ ยงั ถูกพวกเขาสามคนทําให้เจ็บชําไปไม่น้อย นางยังจะถ่อตามมาทีนีทําไมอีก
ในขณะทีกําลังสงสัยไม่เข้าใจอยูน่ นั เสี ยงหญิงสาวทีแสนคุน้ เคยเสี ยงหนึงดังขึน “เทียนเหวิน !”

มู่หรงเสวียมองตามเสี ยงไปก็เห็นมู่หรงโหรวกําลังเยืองย่างไปทีด้านหน้าของสวนดอกไม้ ร่ างกายบอบบางของ


นางดูอ่อนแอไร้เรี ยวแรง สี หน้าซี ดขาวไร้สีเลือด ดวงตาสี ดาํ ขลับคลอไปด้วยนําตาบางเบา ท่าทางน่าสงสารจน
ผูค้ นอดไม่ได้ทีจะเห็นใจ

แต่จิงเอ๋ อร์ ทีได้เห็นนัน ร่ างกายของนางสันไหว อุม้ เสี ยวป๋ อไปแอบทีด้านหลังของซ่ งเทียนเหวิน ท่าทาง
หวาดกลัวของนาง ทําให้ผคู้ นทีได้เห็นต้องใจอ่อนยวบยาบ !

“ไม่ตอ้ งกลัว มีขา้ อยู่ นางไม่กล้าทําอะไรเจ้าหรอก !” ซ่งเทียนเวินลูบหลังของจิงเอ๋ อร์ เบา ๆ พูดปลอบขึนด้วย


นําเสี ยงอ่อนโยน แววตาคมกริ บเย็นชาพุ่งตรงไปทีมู่หรงโหรว “เจ้ามาทําไมกัน ?”

แววตาของมู่หรงโหรววูบไหวไปด้วยความอํามหิ ตสายหนึ ง แต่เพียงพริ บตาก็สลายหายไป พลางกล่าวขึนเสี ยง


ตํา “ข้ามีเรื องอยากจะคุยกับเจ้า......”

“ถ้าหากเป็ นเรื องเกียวกับการหย่าก็ไม่ตอ้ งพูดคุยอะไรกันอีกแล้ว !” ซ่ งเทียนเวินตัดบทคําพูดของนางอย่างหมด


ความอดทน นางเสื อมเสี ยเกียรติไปแล้วทังยังตังครรภ์ลูกชู ้ ไม่เหมาะทีจะเป็ นฮูหยินแห่ งอู่อนั โหวอีกต่อไป
ภรรยาเอกนางนีไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะหย่าด้วยอย่างแน่ นอน
“ข้าไม่ได้มาขอร้องเจ้าให้ไม่หย่า แต่มาพูดคุยกับเจ้าเรื องสิ นเดิม” มู่หรงโหรวรี บกล่าวแทรกขึน แววตาของนาง
เต็มไปด้วยความจริ งใจ

มาคุยกับเขาเรื องสิ นเดิมเช่นนันก็แปลว่ายอมรับเรื องทีจะต้องถูกหย่าแล้วสิ นะ คงจะไม่โวยวายทีจะขออยูท่ ีจวนอู่


อันโหวต่อแล้วอย่างนันหรื อ

ซ่งเทียนเหวินถอนหายใจอย่างโล่งอก สี หน้าของนางค่อย ๆ อ่อนลง เขามองไปทางมู่หรงโหรวอย่างผูท้ ีอยู่


เหนือกว่า “ข้าเตรี ยมทีจะแบ่งสิ นเดิมของเจ้าออกเป็ นสองส่ วน ส่ วนหนึงเก็บไว้ทีจวนอู่อนั โหวไว้ให้ชิงเหยียน
อีกส่ วนหนึงก็ให้เจ้านํากลับไปทีจวนเจินกัวโหวพร้อมกัน เจ้าไม่พอใจกับการตัดสิ นใจของข้าอย่างนันหรื อ ?”

หญิงสาวทําเรื องผิดประเวณี จะต้องถูกหย่าแล้วส่ งกลับบ้านเดิม ตามกฎหมายของชิงเหยียนแล้วนันผูก้ ระทําผิด


จริ ง ๆ แล้วจะไม่มีสิทธินําเอาสิ นเดิมกลับไปด้วยแม้แต่ชินเดียว แต่ซ่งเทียนเหวินทียอมให้นางเอาสิ นเดิมกลับไป
ด้วยครึ งหนึงนันนับว่าดีต่อนางมากแล้ว

“การตัดสิ นใจของโหวเหย่นนปราดเปรื
ั องนัก เพียงแต่ชิงเหยียนยังเล็กนักคงไม่สามารถจัดการดูแลสิ นเดิมได้
โหรวเอ๋ อร์ จึงอยากนําเอาใบรายการสิ นเดิมรวมถึงสัญญาของร้านรวงทังหมดกลับเอาไปด้วย จะได้จดั การดูแล
ด้วยตนเองไปพลาง ๆ รอจนชิงเหยียนแต่งให้ผคู ้ นค่อยนําร้านรวงทีนางควรได้รับมอบกลับไปให้นาง ไม่ทราบ
ว่าโหวเหย่คิดเห็นเช่นไร ?” มู่หรงโหรวพูดเน้นทีละคําแววตาวูบไหวด้วยความหนักแน่นจริ งจัง

ซ่งเทียนเหวินเลิกคิว ยิมเย็นขึนอย่างไร้สุ่ มเสี ยง จิงเอ๋ อร์ แต่งเข้าจวนอู่อนั โหว ก็เท่ากับว่าเป็ นนายหญิงใหญ่แห่ ง


จวนอู่อนั โหว อํานาจการดูแลเรื องราวต่าง ๆ ในจวนโหวก็จะถูกมอบให้นาง สิ นเดิมทีมู่หรงโหรวเหลือทิงเอาไว้
แน่นอนว่าก็ตอ้ งถูกมอบให้จิงเอ๋ อร์ จดั การดูแล มู่หรงโหรวทีต้องการขอคืนใบรายการสิ นเดิมกับสัญญาร้านรวงก็
เพราะว่าต้องการป้ องกันไม่ให้จิงเอ๋ อร์ ยกั ยอกเอาสิ นเดิมของนางไป !

จิงเอ๋ อร์ ถึงแม้จะเป็ นคุณหนูทีมาจากตระกูลเล็ก ๆ แต่กไ็ ม่ได้หมายความว่านางจะไม่รู้ความ จวนอู่อนั โหวนันก็มี


รายรับอยูม่ ากมายสามารถให้นางใช้ชีวิตอย่างสุ ขสบายจนเพียงพอ นางไม่มีทางทีจะลดฐานะลงไปยักยอกสิ น
เดิมของภรรยาคนก่อนอย่างแน่นอน มู่หรงโหรวทีทําเช่นนี ล้วนเป็ นการใช้ความคิดของคนชันตํามาตัดสิ นผูค้ น
ยิงนัก !

เขานันเป็ นถึงอู่อนั โหวก็จะไม่เอาความกับหญิงใจแคบชันตําผูน้ ี จวนอู่อนั โหวก็มีร้านรวงมากมายไม่นอ้ ย ใน


เมือมู่หรงโหรวเป็ นห่ วงเป็ นใยสิ นเดิมของตัวเองมากนัก ตัวเขาก็จะเติมเต็มความปรารถนาของนางเอง “ตกลง”

“ขอบพระคุณซ่ งโหวเหย่” มู่หรงโหรวย่อกายลงอย่างตืนตันใจ นางยกยิมมุมปากขึนอย่างแปลก ๆเล็กน้อย

“ไม่ตอ้ งเกรงใจ !” ซ่ งเทียนเวินกล่าวขึนอย่างไม่ใส่ ใจนัก ในใจคิดเพียงว่าเรื องทังหมดจะได้จบลงเสี ยที จะได้


ไล่ม่หู รงโหรวออกไปแล้วใช้เวลาอันแสนสุ ขสามคนหนึงครอบครัว

เขาเงยหน้ามองไปทีมู่หรงโหรว เตรี ยมทีจะพูดไล่แขก แต่ไม่รู้ว่าเรี ยวแรงในร่ างกายเป็ นอะไร อยู่ ๆ ก็เกิดไร้


เรี ยวแรง ร่ างกายของเขาซวนเซน้อย ๆ แล้วล้มลงไปบนพืนอย่างแรง......

“ท่านพี !” จิงเอ๋ อร์ ตืนตระหนกเตรี ยมทีจะเข้าไปพยุงเขา แต่ไม่คาดว่าร่ างกายของนางเองอยู่ ๆ ก็อ่อนยวบล้มลง


ไปทีพืนอย่างแรงอีกคน......
เสี ยวป๋ อทีอยูใ่ นอกก็ลม้ ตามลงไปด้วย ดวงตาของนางเบิกกว้างขึน ความรู ้สึกนึ กคิดนันยังคงเป็ นปกติแต่ว่าทัวทัง
ร่ างเหตุใดถึงกลับไร้เรี ยวแรง ไม่สามารถขยับเคลือนไหวได้เลยแม้แต่น้อย......
ตอนที 158 ศาลาโชกเลือด

นีพวกเขากําลัง......ถูกคนวางแผนร้าย ! ผูใ้ ดกันทีกลับกล้าวางแผนร้ายใส่ พวกเขา ช่างรนหาทีตายยิงนัก !

แววตาของซ่ งเทียนเหวินวูบไหวไปด้วยความโหดเหี ยมอํามหิ ต เขาร้องเรี ยกขึนเสี ยงดัง “ใครอยูแ่ ถวนีบ้าง รี บเข้า


มา......”

“ซ่งโหวเหย่ไม่ตอ้ งเรี ยกแล้ว พวกบรรดาคนเฝ้ าประตูนนทํ


ั างานกันอย่างยากลําบาก ข้าได้สงให้
ั พวกเขาไป
พักผ่อนแล้ว เจ้าเรี ยกจนคอแตกก็ไม่มีใครมาหรอก !” มู่หรงโหรวยิมตาหยีกล่าวพูดขึน ค่อยเดินเยืองย่างเข้าไปที
ตัวศาลา ทุก ๆ ครังทีเท้ากระทบลงบนพืนนันคล้ายกับย่างก้าวของยมทูตทีกําลังค่อย ๆ คืบคลานเข้ามา !

มู่หรงเสวียยิมขึนน้อย ๆ นางคาดไว้แล้วว่ามู่หรงโหรวไม่มีทางยอมรับความพ่ายแพ้อะไรง่าย ๆ ทีนางมาทีเรื อน


ทีใช้ซ่อนบ้านน้อยหลังนีนันไม่ได้มาเพียงแค่พูดถึงเรื องสิ นเดิมอย่างเดียวเท่านัน แต่นางนันมีจุดประสงค์อืน
แอบแฝงอยู.่ .....

ยกยิมมุมปากขึนอย่างงดงาม ร่ างบางของมู่หรงเสวียเขยิบเข้าไปด้านในเงาของร่ มไม้ เพือเตรี ยมดูชมเรื องราว


ต่อไป ต่อจากนี ไปเรื องราวจะต้องน่าดูชมยิงนัก......

แววตาของซ่ งเทียนเหวินคมกริ บดังศรพุ่งตรงไปทีมู่หรงโหรว “ทีแท้กเ็ ป็ นเจ้า !”


“ไม่ผดิ คนทีวางแผนร้ายใส่ เจ้าเป็ นข้า !” มู่หรงโหรวค่อย ๆ เดินนวยนาดเข้าไปทีตัวศาลา ปรายตามองไปทีซ่ ง
เทียนเวินอย่างผูท้ ีอยูเ่ หนื อกว่า แววตาวูบไหวไปด้วยความโหดเหี ยมอํามหิ ต มองดูจนหนังตาของซ่ งเทียนเหวิน
ต้องกระตุกถีรัว ในใจรู ้สึกถึงลางสังหรณ์ทีไม่ดี จึงตวาดขึนเสี ยงดัง “มู่หรงโหรว เจ้าคิดจะทําอะไร”

“ข้าเป็ นเพียงแค่ผหู ้ ญิงอ่อนแอคนหนึง จะทําอะไรได้เล่า แน่นอนว่าจะต้องเป็ นการแก้แค้นและทวงคืนความ


ยุติธรรม !” มู่หรงโหรวพูดเน้นขึนทีละคํา นําเสี ยงกดตําแฝงด้วยเสี ยงกัดฟันเล็กน้อย

เพียงพริ บตาซ่ งเทียนเหวินก็มีสีหน้าดําคลํา ถลึงตามองไปทีมู่หรงโหรวอย่างเกลียดชัง “เป็ นสามีภรรยากันมา


หลายปี ข้าทังรักและทังให้เกียรติเจ้า เจ้าเกิดเรื องราวน่าอับอาย ข้าก็ยงั ช่วยเจ้าหลบซ่ อนปิ ดบัง แต่ไหนแต่ไรมา
ข้าก็ปฏิบตั ิกบั เจ้าด้วยดีมาโดยตลอด แต่เจ้ากลับตอบแทนบุญคุณข้าด้วยความแค้น......”

“เหอะ การทีเจ้าทรยศข้าด้วยการเลียงบ้านน้อยนันก็ถือเป็ นการปฏิบตั ิต่อข้าอย่างดีดว้ ยอย่างนันหรื อ เจ้าทรยศข้า


ไปมีลกู นอกสมรสเป็ นการปฏิบตั ิต่อข้าอย่างดีดว้ ยอย่างนันหรื อ ถ้าหากว่านี ถือเป็ นบุญคุณทีเจ้าว่า เช่นนันข้าก็จะ
ตอบแทนบุญคุณด้วยความแค้น......” มู่หรงโหรวพูดตัดบทคําพูดของเขาขึนอย่างเกลียดชัง ฝ่ ามือสี ขาวนวลฟาด
ตบไปทีใบหน้าของเขาอย่างแรง

ได้ยนิ เสี ยง ‘เพียะ เพียะ เพียะ !’ ดังก้องขึน ใบหน้าของซ่ งเทียนเหวินถูกตบจนหันไปทางซ้าย แล้วก็หนั ไป


ทางขวา แล้วก็หันไปทางซ้าย แล้วก็ถูกตบหันไปทางขวาอีกครัง จนใบหน้าหล่อเหลาของเขาปรากฏรอยนิ วมือ
แดงกําขึนห้านิ ว บวมเปล่งออกมา ในปากเต็มไปด้วยกลินคาวเลือดทีซึ มออกมา เลือดสายหนึงไหลลงมาจากมุม
ปากของเขา......
จิงเอ๋ อร์ ทีเห็นเช่นนันก็รู้สึกเจ็บปวดใจเป็ นอย่างมาก นางจึงโพล่งขึนว่า “ท่านพี !” เสี ยงใสเต็มไปด้วยความ
โศกเศร้าและความกังวลใจทีไม่อาจกล่าวออกมาเป็ นคําพูดได้

ทันใดนันมู่หรงโหรวก็หยุดมือลงหันกายไปทีจิงเอ๋ อร์ “ทําไมเล่า เป็ นห่ วงสามีทีแสนดีของเจ้าหรื อ ช่างมีความรัก


ใคร่ เป็ นห่ วงเป็ นใยกันดียงนั
ิ ก......”

จิงเอ๋ อร์ ถลึงตามองไปทีมู่หรงโหรวอย่างเกลียดชัง แววตาของนางลุกโชนไปด้วยไฟโกรธจนแทบจะสามารถพ่น


ออกมาเป็ นไฟได้ นางจึงกล่าวต่อว่าขึนเสี ยงดัง “มู่หรงโหรว เหตุใดเจ้าถึงทํากับเขาเช่นนีได้ อย่างไรเขาก็ถือว่า
เป็ นสามีของเจ้า หลายปี มานี เขานันปฏิบตั ิกบั เจ้าอย่างดีจริ ง ๆ......”

“หุ บปาก ! ข้ารังเกียจทีได้ยนิ คําพูดเช่นนีทีสุ ด ปฏิบตั ิกบั ข้าด้วยดีบา้ บออะไรกัน ชัดเจนว่าเขากําลังหลอกลวงข้า


อีกทังเจ้า ! จิงเอ๋ อร์ เจ้าก็ทาํ ผิดต่อข้า !” มู่หรงโหรวตัดบทคําพูดของนางขึนอย่างเกลียดชัง หยิบเอามีดเล่มหนึง
ออกมาจากแขนเสื อกรี ดเฉื อนไปทีใบหน้าของจิงเอ๋ อร์อย่างไร้เยือใย......

“อ้า !” จิงเอ๋ อร์ กรี ดร้องเสี ยงดังลันทะลุไปยังฟ้ าเบืองบน !

มู่หรงโหรวทีได้ยนิ แต่ก็ไม่สนใจ กํามีดในมือแน่ นพลางใช้แรงกรี ดไปทีใบหน้าขาวนวลของนาง ครังแล้วครัง


เล่า เลือดสี แดงสดสายแล้วสายเล่าสาดกระเซ็นไปทัวทังบริ เวณ แววตาของมู่หรงโหรวเต็มไปด้วยความรังเกียจ
ขยะแขยง กล้ายัวยวนซ่ งเทียนเหวินแล้วเข้ามาเป็ นบ้านน้อยให้เขา เจ้าทําเช่นนี คงไม่ตอ้ งการหน้าตาแล้วสิ นะ
แล้วทีนียังจะเหลือหนังหน้าใบนีเอาไว้ทาํ ไมกันเล่า เช่นนันตัวนางก็จะช่วยนางทําลายมันเอง ให้นางได้มี
รู ปลักษณ์เหมาะสมกับความผิดทีนางกระทําไว้ คนชันตําไร้ยางอายทีไร้ใบหน้าช่างเหมาะสมและเข้ากันยิงนัก
.......
เมือมองไปทีใบหน้าเรี ยวเล็กทีเละเทะดูไม่ได้ของจิงเอ๋ อร์ มู่หรงเสวียก็กะพริ บตาอย่างถีรัว ลงมือโหดเหี ยมถึงขัน
นี ดูท่ามู่หรงโหรวคงจะเกลียดแค้นจิงเอ๋ อร์ ยงนั
ิ ก เกลียดถึงขนาดอยากจะสับนางเป็ นหมืน ๆชิน......

“อ้า...อ้า...อ้า...” ความเจ็บปวดแหลมคมแล่นปลาบขึนมาจากใบหน้า จิงเอ๋ อร์ เจ็บเหมือนกับตายทังเป็ น เสี ยงกรี ด


ร้องโหยหวนยิงนานเข้ายิงอ่อนแรง นางใกล้จะสลบไม่ได้สติลงไปทุกที บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยกรี ดของมีด
แนวนอนบ้าง แนวตังบ้างเต็มไปหมด เลือดเปรอะเปื อนเละเทะ ดูน่าเกลียดน่ ากลัวยิงนัก......

มู่หรงโหรวหยุดมือลงด้วยความพึงพอใจ แววตาวูบไหวไปด้วยโหดเหี ยม สภาพของนางน่าเกลียดแบบนีก็จะไม่


มีอะไรให้ไปล่อลวงซ่ งเทียนเหวินได้อีก ฮ่า ฮ่า ฮ่า !

“ท่านแม่ !” เสี ยงใสไร้เดียงสาของเด็กอยู่ ๆ ก็ดงั ขึน

เมือมู่หรงโหรวมองตามเสี ยงไปก็เห็นเสี ยวป๋ อทีนอนอยูท่ ีพืน กําลังร้องไห้อย่างเจ็บปวด สายตามองไปทีจิงเอ๋ อร์


ในดวงตาสี ดาํ ขลับของเขาไหลริ นไปด้วยนําตาเม็ดโต ดูแล้วช่างน่ าสงสารจับใจยิงนัก !

เหมือนกับเขารู ้สึกถึงการจ้องมองของนาง เขาจึงหันหน้ามาถลึงตามองนางอย่างเกลียดชัง ตวาดด่าว่าขึนเสี ยงดัง


“คนเลว เจ้ารังแกท่านแม่ของข้า เจ้าช่างชัวช้านัก......”
ช่างเหมาะสมกับการเป็ นลูกชัว ๆ ของซ่ งเทียนเหวินกับจิงเอ๋ อร์ ยงนั
ิ ก ได้รับการสื บทอดจากซ่ งเทียนเหวินกับจิง
เอ๋ อร์ไปไม่นอ้ ยเลยทีเดียว ลักษณะหน้าตาของเจ้าตัวน้อยนี ก็คล้ายกับรู ปลักษณ์ของพวกเขาสองคนอยูไ่ ม่นอ้ ย ใน
พวกเขาสามคน คนทีนางเกลียดชังทีสุ ดก็ตอ้ งเป็ นเขาเสี ยแล้ว พอมองเห็นเขานางก็จะนึ กถึงเรื องทีซ่ งเทียนเหวิน
ปิ ดบังและหลอกลวงนาง ถ้าหากเขายังมีชีวิตอยูก่ จ็ ะถือเป็ นความอัปยศอดสู ทีสุ ดของนาง

แววตาของมู่หรงโหรวหนาวเหน็บเย็นยะเยือก นางยืนมือออกไปกระชากผมของเสี ยวป๋ อแล้วกระแทกมันลงไป


กับพืนแข็งอย่างแรง “ตุบ ตุบ ตุบ !” เสี ยงของแข็งกระทบกันดังขึน จนผูค้ นทีได้ยนิ อดไม่ได้ทีจะขนลุกชันด้วย
ความหวาดกลัว หัวเล็ก ๆ ของเขาพริ บตาถูกย้อมไปด้วยเลือดมากมาย......

“มู่หรงโหรว อย่าทําร้ายเสี ยวป๋ อ” ซ่ งเทียนเหวินตวาดขึนเสี ยงดัง แววตาของเขาลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ

“บอกช้าเกินไปแล้ว !” มู่หรงโหรวพูดขึนอย่างโหดเหี ยมคว้าจิกเข้าไปทีผมของเสี ยวป๋ อ แล้วกระแทกลงไปอีก


ครังอย่างบ้าคลัง เลือดสี แดงสดเปรอะเปื อนทีพืนแข็งด้านล่างของตัวเขาเต็มไปหมด......

“เสี ยวป๋ อ เสี ยวป๋ อ......” จิงเอ๋ อร์ ร้องเรี ยกขึนเสี ยงแหลมแววตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดใจและหมดหวัง

กลับกัน มู่หรงโหรวมีแววตาทีเต็มไปด้วยความบ้าคลังคว้าไปทีหัวของเสี ยวป๋ อเพิมแรงกระแทกลงกับพืนเข้าไป


อีก เจ้าเด็กเหลือเดนผูน้ ี เป็ นสมบัติลาค่
ํ าของซ่ งเทียนเวินกับจิงเอ๋ อร์ นางฆ่าเขาแล้วแน่ นอนว่าซ่ งเทียนเหวินกับจิง
เอ๋ อร์จะต้องเจ็บปวดและทรมานเป็ นอย่างมาก พวกเขายิงเจ็บปวดยิงสิ นหวังเท่าไหร่ นางก็จะยิงมีความสุ ขยิงเบิก
บานใจมากขึนเท่านัน !
“มู่หรงโหรว ข้าจะฆ่าเจ้า !” จิงเอ๋ อร์ กรี ดร้องเสี ยงแหลม ไม่รู้วา่ นางเอาเรี ยวแรงมาจากไหนพลิกกายลุกขึนพุ่งเข้า
หามู่หรงโหรวอย่างดุร้าย !

ฆ่านางอย่างนันหรื อ ช่างไม่เจียมตนยิงนัก !

มู่หรงโหรวยกยิมมุมปากขึนอย่างเย็นยะเยือก กระชากเด็กชายทีอยูใ่ นกํามือเหวียงไปทีจิงเอ๋ อร์ ทีกําลังพุ่งเข้ามา


อย่างไร้เยือใย

จิงเอ๋ อร์ ทีไม่ทนั ระวัง นางถูกกระแทกจนล้มลงไปกับพืน ยังไม่ทนั ได้มองไปทีร่ างกายทีเต็มไปด้วยเลือดของลูก


ชาย สายตาก็เห็นว่าด้านหน้าวูบไหวด้วยแสงสี เงินอันหนาวเหน็บ มีดในมือของมู่หรงโหรวตวัดแทงมาทีข้อมือ
ของนางอย่างเลือดเย็น จนมันแทงทะลุขอ้ มือของนางไป “อ้า !” จิงเอ๋ อร์ กรี ดร้องขึนเสี ยงดังลันศาลา ทําให้จิตใจ
ของผูค้ นพลอยสันกลัว !

มู่หรงโหรวทีได้ยนิ เสี ยงนันกลับไม่สนใจ มองไปทางนางอย่างผูท้ ีอยูเ่ หนือกว่า แววตาเต็มไปด้วยความดูถูก


เหยียดหยาม “ไม่ใช่ว่าเจ้าเก่งกาจนักหรื อ ทําไมไม่มาฆ่าข้าเล่า ฆ่าข้า ฆ่าข้า ฆ่าข้าสิ !”

มู่หรงโหรวพูดขึนอย่างดุร้ายพลางตวัดมีดในมืออย่างบ้าคลัง แทงเข้าไปทีข้อมือและข้อเท้าของจิงเอ๋ อร์ จนทะลุ


ทิงรอยแผลลึกเอาไว้ดา้ นบนจํานวนสี รอย เลือดสี แดงสดคล้ายกับนําในเขือนทีพังทะลายไหลทะลักออกมาจาก
รอยแผล เจิงนองไปทัวพืนของตัวศาลา......
จิงเอ๋ อร์ ลม้ ฟุบอยูก่ บั พืนทําได้เพียงเบิกตามองเลือดทีไหลออกจากตัวของนางเองทียิงมากขึน ไม่สามารถทีจะ
ขัดขวางหรื อหยุดยังได้ ริ มฝี ปากและสี หน้าของนางค่อย ๆ แปรเปลียนเป็ นสี ซีดขาว ปากอ้ากว้างขึนคล้ายกับปลา
ทีกําลังจะตาย......

เสี ยวป๋ อนอนอยูบ่ นหน้าอกของนาง ดวงตาของเขาปิ ดสนิ ท บริ เวณศีรษะเต็มไปด้วยเลือดสี แดงสด นอนหายใจ
รวยริ น ลมหายใจค่อย ๆ แผ่วเบาลงทีนอ้ ย ทีละน้อย......

“จิงเอ๋ อร์ เสี ยวป๋ อ !” ซ่ งเทียนเหวินมองไปทีคนทังสองคนทีได้รับบาดเจ็บสาหัส แล้วคํารามขึนอย่างเจ็บปวดใจ


ท่าทางคล้ายกับสัตว์ร้ายทีกําลังทุกข์ทรมานใจอย่างแสนสาหัส !

มู่หรงโหรวหมุนตัวกลับมองไปทีเขาอย่างผูท้ ีอยูเ่ หนื อกว่า แล้วพูดเน้นขึนทีละคําว่า “พวกเขาต้องตกอยูใ่ นสภาพ


เช่นนี ก็ลว้ นเป็ นเพราะเจ้า ถ้าหากเจ้าไม่ได้ไปตอแยกับจิงเอ๋ อร์ ก็จะไม่เกิดเสี ยวป๋ อเจ้าเด็กเหลือเดนผูน้ นั แล้ว
แน่นอนว่าพวกนางสองคนแม่ลูกก็จะไม่มีสภาพน่าอนาถเป็ นตายไม่ชดั เจนเช่นนี......”

“มู่หรงโหรวเหตุใดเจ้าถึงได้ทาํ เช่นนี ” ซ่ งเทียนเหวินพูดถามขึน แววตาของเขาลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ ใน


บรรดาตระกูลชนชันสู งยังจะมีผชู ้ ายคนไหนทีไม่มีภรรยาหลายคนกัน เขาก็แค่เลียงบ้านน้อยเอาไว้เท่านัน นาง
อาศัยสิ งใดมาโกรธเขาและทําการอุกอาจเช่นนี......

“เพราะว่าเจ้าหลอกลวงข้ามาตังเก้าปี ข้าทีถูกเจ้าหลอกนันรู ้สึกเจ็บปวดทรมานยิงนัก !” มู่หรงโหรวพูดขึนอย่าง


เกลียดชัง แววตาของนางวูบไหวไปด้วยความหนาวเหน็บ นางนึกว่าสามีของนางนันรักนาง ให้เกียรตินาง ชัว
ชีวิตนีจะมีแค่นางเพียงผูเ้ ดียว แต่ว่าในความเป็ นจริ งเล่า เก้าปี ก่อนหน้านีเขาก็เลียงบ้านน้อยเอาไว้เสี ยแล้ว อีกทัง
ยังมีลูกนอกสมรสแอบซ่ อนเอาไว้อีก นางใช้ชีวิตอยูภ่ ายใต้คาํ โกหกและหลอกลวงของเขามาตลอดทังเก้าปี นาง
รักเดียวใจเดียวต่อเขามาโดยตลอด นี ชัดเจนว่านางเป็ นตัวโง่งมอันดับหนึงในแผ่นดิน !

แววตาแปรเปลียนเป็ นเย็นยะเยือก มู่หรงโหรวปลดเข็มขัดของซ่ งเทียนเหวินออกแล้วดึงกางเกงของเขาลงจนสุ ด


ผิวกายส่ วนล่างทังหมดถูกเผยออกสู่ ภายนอกทีมีอากาศหนาวเย็นจนอดไม่ได้ทีจะสันด้วยความหนาวเหน็บ
โดยเฉพาะบางส่ วนบนร่ างกายของเขา สามารถรู ้สึกถึงความหนาวเหน็บทีปะทะเข้ามาได้อย่างชัดเจน !

ร่ างกายองอาจของซ่ งเทียนเหวินกระตุกสันไหว รู ้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีนกั คําพูดของเขาจึงมีอาการติด ๆ ขัด ๆ “มู่


หรงโหรว เจ้า...เจ้าจะทําอะไร......”

มู่หรงโหรวมองไปตรงส่ วนนันของเขาแล้วยกยิมขึนน้อย ๆ “เก้าปี มานี เจ้าคงใช้มนั พลอดรักกับจิงเอ๋ อร์ไปไม่


น้อยเลย เด็กเหลือเดนเสี ยวป๋ อผูน้ นั ก็เป็ นเจ้าทีใช้มนั สร้างขึนมา มันถือเป็ นสิ งทีเจ้าใช้หลอกลวงข้า เป็ นสิ งทีใช้
ทําผิดต่อข้า เช่นนันข้าก็จะลงโทษมัน......”

พอสิ นคําพูด ทันใดนันมู่หรงโหรวก็ยกมีดขึน เฉื อนไปทีตรงส่ วนนันอย่างเลือดเย็น......

ใครใช้ให้เขาหลอกลวงนางกัน ใครใช้ให้เขาทําเรื องผิดต่อนางกัน ถ้าหากไม่มีของสิ งนี แล้วดูสิวา่ เขาจะเลียงบ้าน


น้อยได้อย่างไรอีก จะให้กาํ เนิ ดลูกนอกสมรสได้อย่างไรอีก......

สายเลือดสาดกระเซ็น กระจายไปทัวบริ เวณ......


“อ้า !” ซ่ งเทียนเวินร้องโหยหวนขึนเสี ยงดังลันฟ้ า หน้าผากเกร็ งเขม็งจนปรากฏเป็ นรอยเส้นเลือด มือของเขากุม
ไปทีบาดแผลทีเลือดกําลังไหลริ น รําไห้ขึนด้วยความเจ็บปวดทรมาน !

ร่ างกายสูงใหญ่กลิงไปกลิงมาบนพืนแข็งจนกระแทกเข้ากับโต๊ะไม้แดงจนของว่าง นําชาและเหล้าเลิศรสทีอยูบ่ น
โต๊ะกลิงตกลงกับพืน ถ้วยชากับจอกเหล้าทีลําค้าตกกระทบพืนจนแตกกระจาย นําชากับเหล้าผสมปนเปเข้า
ด้วยกันไหลเจิงนองไปทัวพืน......

มู่หรงโหรวปรายมองเขาอย่างเหยียดหยามครู่ หนึงแล้วสะบัดแขนเสื อเบา ๆ เพียงหนึ งครัง ทีจุดไฟอันหนึ งร่ วง


ออกมาตกลงไปบนเหล้าทีเจิงนองอยูบ่ นพืน เสี ยง ‘พรึ บ’ ดังขึนเสี ยงหนึ ง เปลวไฟก็โหมกระหนําลุกโชนขึน ไฟ
ติดบนร่ างของจิงเอ๋ อร์ และเสี ยวป๋ อถ้วนหน้า พวกเขาพากันดินรนอย่างเจ็บปวดทรมาน ร้องห่ มร้องไห้ออกมา
อย่างสะอึกสะอืน “อ้า อ้า อ้า......ช่วยด้วย......ช่วยด้วย......”

มู่หรงโหรวทีเห็นนันก็ไม่สนใจ นางค่อย ๆ เดินออกไปด้านนอกอย่างช้า ๆ แต่อยู่ ๆ ข้อเท้าก็เหมือนกับว่าถูกจับ


เอาไว้ ไม่สามารถเดินต่อไปได้ เมือก้มหน้ามองไปก็เห็นซ่ งเทียนเหวินทีนอนอยูบ่ นพืนกําลังกําข้อเท้าของนาง
เอาไว้แน่ น ถลึงตามองนางอย่างเกลียดชัง แววตาลุกโชนไปด้วยไฟโกรธจนราวกับอยากจะเผานางให้ไหม้เป็ น
จุล “มู่หรงโหรว เจ้าช่างโหดร้ายยิงนัก !”

“ก็ไม่เท่าไร ซ่ งเทียนเหวิน เจ้าเองก็ต่างจากข้าไม่มากไปกว่ากันหรอก !” พอเห็นนางเสื อมเสี ยเกียรติ ก็ตดั สิ นใจที


จะหย่าขาดจากนางอย่างรวดเร็ ว ไม่ได้สนใจแม้แต่นอ้ ยว่านางนันถูกคนวางแผนร้ายใส่ ท่าทางเย็นชาไร้เยือใยใน
ตอนนัน เทียบกับกระทําของนางแล้วนันมันโหดร้ายยิงกว่านัก เขาทีหลอกลวงนางเช่นนัน จะให้นางอาศัยอะไร
ไปเกรงใจเขาอีก !
แววตาของมู่หรงโหรวหนาวเหน็บเย็นยะเยือก นางเตะแรง ๆ เข้าไปทีซ่ งเทียนเหวินเท้าหนึง จนเขากระเด็น
ออกไปไกลสองสามเมตร แล้วล้มฟุบไปทีข้างกองไฟทีกําลังโหมกระหนํา เพียงพริ บตาเปลวไฟร้อนแรงก็ลาม
ไปบนเสื อผ้าของเขา ชัวพริ บตาซ่ งเทียนเหวินก็กลายเป็ นมนุ ษย์ไฟ ร้องโหยหวนเสี ยงดังออกมาอย่างเจ็บปวด
“ช่วยด้วย......ช่วยด้วย......”

มู่หรงโหรวได้ยนิ แต่ไม่สนใจ นางเพียงแต่เดินนวยนาดออกจากตัวศาลาแล้วไปยืนอยูด่ า้ นหน้าของสวนดอกไม้


เมือมองกลับไปทีตัวศาลาทีไฟกําลังลุกโชนโหมกระหนํา รวมทังซ่ งเทียนเหวิน จิงเอ๋ อร์ เสี ยวป๋ อทีกําลังกรี ดร้อง
โหยหวนพากันกลิงดินรนไปมาอยูใ่ นศาลาแปดเหลียม มุมปากของนางยกยิมขึนอย่างเยือกเย็น

แต่งให้ซ่งเทียนเวินมาเป็ นเวลาสิ บสี ปี นางนันประพฤติตวั ตามขนบธรรมเนี ยมประเพณี มาโดยตลอด ทังยังดูแล


ปกครองบ้านอย่างขยันขันแข็งและประหยัดมัธยัสถ์ ไม่กล้าหย่อนยานเลยแม้แต่น้อย แต่ซ่งเทียนเวินเล่า ตอนที
นางจัดการดูแลจวนอู่อนั โหวอย่างเหน็ดเหนือยนัน เขากลับไปพลอดรักกับจิงเอ๋ อร์ ตอนทีนางดูแลบรรดาร้าน
รวงอย่างยากลําบาก เขาก็กลับไปพลอดรักอยูก่ บั จิงเอ๋ อร์ อีกเช่นเคย......

นางนันเหนื อยยากลําบากลําบนมากมายเพือจวนอู่อนั โหว ทังหมดก็เพือซ่ งเทียนเหวินเท่านัน แต่ซ่งเทียนเหวิน


กลับเห็นว่ามันเป็ นเรื องปกติธรรมดาทีสมควรกระทํา ไม่ได้ชืนชมนาง อีกทังยังไม่ได้ให้รางวัลนาง กลับกันเพียง
เพราะว่านางกระทําสิ งผิดพลาดไปเพียงครังเดียว เขาก็กลับต้องการหย่าขาดกับนางเสี ยแล้ว แล้วยังจะให้จิงเอ๋ อร์
นางชันตําผูน้ นกลายเป็
ั นจีซื อแทนทีนาง เสพสุ ขในสิ งทีนางลําบากตรากตรําสร้างขึนมาตลอดสิ บกว่าปี ทังยังให้
เด็กเหลือเดนชันตําของพวกเขามาเป็ นตีจือสื บทอดจวนอู่อนั โหวทีนางลําบากดูแลมานานหลายปี บนโลกนี ไหน
เลยจะมีเรื องราวอะไรทีง่ายดายเช่นนัน......
จวนอู่อนั โหวนี จะต้องเป็ นของลูกชายทีเกิดจากนางเท่านัน !

มู่หรงโหรวลูบเบา ๆ ไปทีหน้าท้องแบนราบของนาง แววตาเจือปนไปด้วยรอยยิมบาง ๆ โชคดีทีนางนันตังครรภ์


ครรภ์นีสมควรทีจะเป็ นลูกผูช้ าย จะต้องขอบคุณซ่ งเทียนเหวินทีไม่ได้เอาเรื องของนางกับสวีเหวินป่ าวประกาศ
ออกไป ฉะนันคนในตระกูลซ่ งก็จะคิดว่านี เป็ นลูกของนางกับซ่ งเทียนเหวิน ขอเพียงแค่ซ่งเทียนเหวินตายไป
เด็กชายผูน้ ี ก็จะสามารถสื บทอดจวนอู่อนั โหวได้อย่างถูกต้องตามกฎเกณฑ์ และนางก็จะกลายเป็ นอู่อนั โหวเหล่า
ฮูหยิน จะได้ไม่ตอ้ งกลายเป็ นหญิงหม้ายทีชือเสี ยงเสื อมเสี ยถูกสามีหย่าร้างอีก !

เพียงเท่านี จวนอู่อนั โหวก็จะถูกควบคุมอยูใ่ นกํามือของลูกชายของนางอย่างแท้จริ ง พ่อของเด็กนันจะเป็ นใคร ก็


จะไม่ตอ้ งไปสนใจมันอีก......
ตอนที 159 ทุบตีม่ ูหรงโหรว (1)

“ทําไมถึงได้มีควันมากมายเช่นนี นี มันเกิดเรื องอะไรขึน ?” อยู่ ๆ เสี ยงร้องตกใจทีสับสนอย่างไม่เข้าใจเสี ยงหนึง


ก็ดงั ขึน ฟั งแล้วรู ้สึกช่างคุน้ หู เป็ นพิเศษ

ร่ างกายแข็งทือของมู่หรงโหรวค่อย ๆ หันหน้ามองไป ก็เห็นว่าซ่ งเหล่าฮูหยินทีอยูใ่ นชุดสี นาเงิ


ํ นทีปั กด้วย
ํ นเข้มทีอยูภ่ ายใต้การห้อมล้อมของบรรดาสาวใช้
ลวดลายอันวิจิตรงดงาม บนศีรษะประดับไว้ดว้ ยอัญมณี สีนาเงิ
กําลังพากันเดินเข้ามาอย่างเร่ งรี บร้อนรน !

เมือมองไปทีศาลาแปดเหลียมทีกําลังลุกโชนไปด้วยเปลวไฟทีโหมกระหนําและอบอวลไปด้วยควันไฟที
หนาแน่ น รวมถึงมนุษย์ไฟสามคนทีดินรนคลุกคลานอยูใ่ นกองไฟไปมา ทันใดนันซ่ งเหล่าฮูหยินก็เบิกตากว้าง
ขึน กรี ดร้องเสี ยงดังขึนอย่างตกใจ “เทียนเหวิน...เสี ยวป๋ อ......”

มู่หรงโหรวยิม ยิมขึนอย่างเย็นเสี ยงเรี ยกเสี ยวป๋ อนัน ฟังดูเสี ยใกล้ชิดสนิทสนม แม่สะใภ้ทีแท้กร็ ู ้อยูแ่ ต่แรกแล้ว
ว่าซ่ งเทียนเหวินแอบเลียงบ้านน้อยเอาไว้ อีกทังยังมีลูกนอกสมรส แต่นางไม่เพียงไม่บอกตัวนางกลับยังไปมี
ความสัมพันธ์ทีสนิทชิดเชือกับลูกนอกสมรสผูน้ ี ลับหลังนางอีก นางกับซ่ งเทียนเหวินล้วนเป็ นพวกเดียวกันรวม
หัวกันปิ ดบังเรื องราวต่อนางเอาไว้ตงเก้
ั าปี เต็ม ๆ......

“พวกเจ้ายังนิงอยูท่ าํ ไมกัน รี บไปช่วยคนเดียวนี !” ซ่ งเหล่าฮูหยินกล่าวสังการขึนเสี ยงดัง แววตาวูบไหวไปด้วย


ความร้อนใจและกังวลใจ
“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ......” เหล่าบรรดาสาวใช้ตืนขึนจากภวังค์ต่างเร่ งรี บวิงเข้าไปทีตัวศาลา......

ซ่งเทียนเหวินรู ้เรื องไม่ดีของตัวนางทังหมด ถ้าหากเขามีชีวิตรอดออกไปจากศาลาได้ คนทีโชคร้ายก็จะกลายเป็ น


นางเอง !

แววตาของมู่หรงโหรววูบไหวไปด้วยความเย็นยะเยือก นางเดินออกไปด้านหน้าขวางทางของบรรดาสาวใช้
เอาไว้ “ไม่ว่าใครก็หา้ มเข้าใกล้ตวั ศาลา......”

“ฮูหยิน !” เหล่าบรรดาสาวใช้พากันหยุดเท้าลงมองไปทางมู่หรงโหรวอย่างตกตะลึง ทําไมนางถึงอยูท่ ีนี ได้ ?

“มู่หรงโหรว !” ซ่ งเหล่าฮูหยินตืนตกใจ แววตาของนางลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ ทันใดนันในหัวของนางก็วูบ


ไหวไปด้วยความคิดอะไรบางอย่าง แล้วกัดฟันพูด “เป็ นเจ้าทีจุดไฟหรื อ ?”

“ไม่ใช่ !” มู่หรงโหรวโกหกหน้าตาย

“เช่นนันเจ้าขวางทางไว้ทาํ ไมกัน ? รี บหลีกไปเทียนเหวินจะถูกไฟครอกตายอยูแ่ ล้ว !” ซ่ งเหล่าฮูหยินตวาดขึน


เสี ยงดัง
แต่ม่หู รงโหรวกลับไม่สนใจ “โหวเหย่กาํ ลังใกล้จะหมดลมหายใจแล้ว ถึงแม้วา่ จะช่วยเขาออกมาได้แต่เขาก็คง
ไม่สามารถมีลมหายใจต่อไปได้อีกนานนัก เปลวไฟในศาลาโหมกระหนําขนาดนันแล้วยังให้บรรดาสาวใช้ฝ่า
เข้าไปแน่นอนว่าจะต้องถูกเปลวไฟลวกจนได้รับบาดเจ็บ เพือคนทีกําลังจะตายคนหนึงต้องทําให้พวกนางได้รับ
แผลไฟลวก ช่างไม่คุม้ ค่านัก......”

“หุ บปาก เทียนเหวินเป็ นอู่อนั โหว เป็ นเจ้านายของจวน บรรดาสาวใช้ลว้ นเป็ นคนรับใช้ของเขา ไม่ตอ้ งพูดแค่ว่า
ถูกไฟลวกจนได้รับบาดเจ็บเพราะเขา ถ้าสังให้ตายเพือเขาก็ลว้ นแต่สมควรทังนัน เจ้ารี บหลีกไป อย่าได้ขวางทาง
!” ซ่ งเหล่าฮูหยินตวาดขึนเสี ยงดัง ถลึงตามองไปทีบรรดาเหล่าสาวใช้ “รี บไปช่วยเขาสิ !”

“เจ้าค่ะ !” บรรดาสาวใช้พากันพยักหน้าแล้วพุ่งทะยานเข้าไปอย่างเร่ งรี บ สายตามมองแต่จะวิงผ่านมู่หรงโหรว


ไปเพือพุ่งเข้าไปทีตัวศาลา !

แววตาของมู่หรงโหรวเย็นยะเยือก ทันใดนันนางหยิบมีดทีซ่ อนเอาไว้ในแขนเสื อออกมา กวัดแกว่งออกไปอย่าง


สะเปะสะปะ “ห้ามเข้าไป ใครเข้าไปข้าจะฆ่าคนนัน !”

ปลายมีดคมกริ บถึงทีสุ ดทังยังเปรอะเปื อนไปด้วยรอยเลือดแห้งกรัง กวัดแกว่งไปมาท่ามกลางกลุ่มของบรรดา


สาวใช้ กลินคาวเลือดจาง ๆ พุ่งปะทะเข้ากับจมูก ทําให้ผคู ้ นอดทีจะสันกลัวไม่ได้ !

ซ่งเหล่าฮูหยินลุกโชนไปด้วยความโกรธ “มู่หรงโหรว เจ้ากบฏหรื อ......”


“ข้าแน่ นอนว่ากบฏ......” มู่หรงโหรวตวาดขึนเสี ยงดัง มีดคมกริ บแทงวาดฟันไปทีเหล่าบรรดาสาวใช้ ตวัดฟันไป
มาจนเกิดเป็ นแสงสี เงินทีพุ่งฉวัดเฉวียนไปมา

เหล่าบรรดาสาวใช้ทีอยูแ่ ต่ในจวนฝ่ ายในมานาน ไหนเลยจะเคยพบเจอกับสถานการณ์เช่นนี ต่างก็พากันหลบ


ซ้ายขวากันเป็ นพัลวันจนแข้งขาล้วนพันกันไปหมด ไม่รู้ว่าจะควรทําเช่นไรดี เพียงพริ บตาสวนดอกไม้กเ็ กิดเป็ น
ความชุลมุนวุ่นวายขึนมา สี หน้าของซ่ งเหล่าฮูหยินมืดครึ มจนดูน่ากลัว คนตังมากมายเช่นนี แต่กลับเอามู่หรง
โหรวทีมีแค่คนเดียวไม่อยู่ ช่างเป็ นกลุ่มคนทีโง่เขลายิงนัก !

“ครื น !” เสาคํายันตัวศาลาถูกไฟเผาจนพังทลายลงมาต้นหนึง สายตาเห็นว่ามันใกล้จะถล่มลงมาแล้ว แววตาของ


ซ่งเหล่าฮูหยินวูบไหวเย็นยะเยือก ก้าวเดินเข้าไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ ว คว้าจับไปทีข้อมือของมู่หรงโหรวเอาไว้
แน่น ใช้แรงทังหมดยือแย่งมีดจากมือของนาง แล้วกล่าวสังการขึนเสี ยงดัง “มู่หรงโหรวนันให้ขา้ จัดการ พวกเจ้า
รี บไปช่วยคนเดียวนี !”

“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ.......” ด้านหน้าของบรรดาสาวใช้ไม่ได้ถูกขัดขวางแล้ว พวกนางห่ มคลุมผ้าชุบนําแล้วพากัน


ฝ่ าเปลวไฟโหมกระหนําพุ่งเข้าไปทีตัวศาลา เพือหาตัวของซ่ งเทียนเหวิน จิงเอ๋ อร์ และเสี ยวป๋ อสามคนทีอยู่
ภายในควันไฟจนเจอ แล้วพากันฉุ ดกระชากลากถูเอาพวกเขาออกจากตัวศาลา......

ช่วงทีก้าวออกจากตัวศาลาในขณะนัน ได้ยนิ เสี ยง ‘ปั ง’ ดังขึนเสี ยงหนึ ง เพียงพริ บตาตัวศาลาต่างพังทลายลง ไอ


ร้อนพุ่งปะทะเข้ากับใบหน้าของผูค้ นจนปวดแสบปวดร้อนทันใด ร้อนเสี ยจนเกือบจะลืมตาไม่ขึน
มู่หรงโหรวหันหน้ามองไปเห็นซ่ งเทียนเหวิน จิงเอ๋ อร์ เสี ยวป๋ อสามคนทีนอนหงายอยูด่ า้ นหน้าของตัวศาลา
เปลวไฟบนตัวของพวกเขาถูกดับลงจนหมดแล้ว ดวงตาหลับสนิท ทัวทังร่ างเต็มไปด้วยคราบเขม่าควันจนดํา
มะเมียมไปหมด ไม่รู้วา่ เป็ นหรื อตาย !

ซ่งเทียนเหวินกลับรอดออกมาจากตัวศาลาได้ ดวงของเขาช่างแข็งยิงนัก ไม่ว่าเขาจะเป็ นหรื อตาย นางจําเป็ น


จะต้องแทงเขาอีกสักมีดหนึ ง เพือให้แน่ใจว่าเขานันจะต้องตกตายไปอย่างแน่ นอน ไม่สามารถตืนขึนมาเผย
ความลับของนางออกได้อีก !

แววตาของมู่หรงโหรวเย็นยะเยือก นางเตะซ่ งเหล่าฮูหยินให้หลีกทางออกไปแล้วกระชับมีดในมือมันแล้วพุ่งเข้า


ไปหาซ่ งเทียนเหวิน

ซ่งเหล่าฮูหยินทีไม่ทนั ระวังถูกนางเตะกระเด็นออกไปไกลสี ห้าก้าว แล้วล้มตุบลงไปกับพืน กระดูกทัวทังร่ าง


เหมือนหลุดออกจากกัน เจ็บปวดจนยากจะเกินทน สี หน้าของนางซี ดขาวเร่ งชีนิวไปทีมู่หรงโหรว กล่าวสังการ
ขึนด้วยอารมณ์โกรธทีไร้เรี ยวแรง “เร็ ว...รี บขัดขวางนาง......”

“เจ้าค่ะ !” เหล่าบรรดาสาวใช้รับคําสังพากันวิงเข้าไปล้อมตัวนางไว้ คนทีกอดขาก็กอดขา คนทีจับแขนก็จบั แขน


จนสามารถจับกุมมู่หรงโหรวเอาไว้ได้

“หลีก หลีกไป......” มู่หรงโหรวตวาดขึนเสี ยงดัง ดินรนอย่างสุ ดชีวิต แต่ไม่ว่าจะดินรนอย่างไรก็ไม่สามารถ


สะบัดหลุดจากการเกาะกุมของพวกนางออกไปได้ มีดในมือ ตกลงบนทีพืน เสี ยงดัง ‘เคร้ง’......
ซ่งเหล่าฮูหยินถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก นางมองไปทีซ่ งเทียนเหวินสามคนทีเป็ นตายไม่ชดั เจน แล้วเร่ งรี บ
สังการ “รี บไปเชิญหมอมา !”

“ฮูหยินเฒ่าโปรดวางใจ มีคนไปเรี ยกแล้วเจ้าค่ะ !” สาวใช้คนสนิทตอบรับขึนเสี ยงเบา นางคุกเข่าลงยืนมือ


ออกไปสัมผัสทีคอของซ่ งเทียนเหวิน จิงเอ๋ อร์ เสี ยวป๋ อสามคนนัน แววตาวูบไหวไปด้วยความหนักใจ

หนังตาของซ่ งเหล่าฮูหยินกระตุกถีรัว ในใจปรากฏลางสังหรณ์ทีไม่ดีนกั “พวกเขาเป็ นอย่างไรบ้าง ?”

“เรี ยนฮูหยินเฒ่า จิงเอ๋ อร์ กบั คุณชายน้อยสิ นใจแล้ว แต่โหวเหย่ยงั มีทางรอดเจ้าค่ะ......” เสี ยงพูดตอบกดตําของ
สาวใช้ดงั เข้าหู ซ่ งเหล่าฮูหยินรู ้สึกเหมือนมีบางสิ งระเบิดในหัว ความรู ้สึกนึ กคิดกลายเป็ นว่างเปล่า หลานชาย
ของนาง หลานชายอายุแปดขวบทีน่ารักของนาง ต้องมาตายลงเช่นนี นะหรื อ......

มู่หรงโหรว ล้วนเป็ นนางทีทําเรื องเลวร้ายเช่นนี ขึน !

สายตาคมกริ บของซ่ งเหล่าฮูหยินคล้ายดังลูกศรพุ่งตรงไปทีมู่หรงโหรว “ลากนางออกไปโบยให้หนัก......”

“ข้ากําลังท้อง ท่านแน่ ใจนะว่าจะสังโบยข้า ?” นําเสี ยงเย็นชาของมู่หรงโหรวตัดบทคําพูดของนาง แล้วมองมาที


นางอย่างผูท้ ีอยูเ่ หนื อกว่า !
“จริ งหรื อ ?” ท่าทีของซ่ งเหล่าฮูหยินยังเชือครึ งไม่เชือครึ ง หลังจากทีให้กาํ เนิดชิงเหยียน นางก็ไม่มีเรื องราวมงคล
เกิดขึนอีก เหตุใดตอนนี ถึงได้ตงครรภ์
ั ได้

“หมอหลวงหลีแห่ งสํานักหมอหลวงตรวจดูดว้ ยตัวเอง ถ้าหากท่านไม่เชือ ท่านสามารถเชิญหมอคนใดก็ได้มา


ตรวจจับชีพจรของข้าดู !” มู่หรงโหรวพูดขึนเสี ยงเย็น แววตาเต็มไปด้วยความหยิงทะนง !

ตอนนีนางอาจจะกําลังตังครรภ์ลูกชายทีเป็ น ‘ผูส้ ื บทอดสายตรงของตระกูลซ่ ง’ ทีหลงเหลืออยูเ่ พียงหนึ งเดียว


ถึงแม้วา่ นางจะกระทําความผิดใหญ่หลวงอะไรลงไป ซ่ งเหล่าฮูหยินก็จะต้องพะวงห่วงในตัวเด็กคนนี ก่อน ไม่มี
ทางกล้าลงมือรุ นแรงกับนางแน่นอน !

เมือครู่ นนนางก็
ั นึกถึงเรื องนี ได้แต่แรกแล้วถึงได้กล้าลงมือกับซ่ งเทียนเหวินภายใต้สายตาของผูค้ นมากมาย ลูก
ชายทีเป็ นตายไม่ชดั เจนผูห้ นึ ง กับหลานชายทีกําลังดินอยูใ่ นท้องถ้าให้เปรี ยบเทียบกันขึนมา แน่นอนว่า
หลานชายจะต้องสําคัญกว่า ขอเพียงเด็กยังอยูใ่ นท้องของนาง ซ่ งเหล่าฮูหยินไม่มีทางคิดเอาชีวิตของนางแน่ นอน
ตอนที 160 ทุบตีม่ ูหรงโหรว (2)

ซ่งเหล่าฮูหยินมองไปทีหน้าท้องแบนราบของมู่หรงโหรว แววตาของนางวูบไหวไปด้วยความซับซ้อน หากกล้า


ให้หมอมาตรวจชีพจรเช่นนี ดูแล้วนางคงจะตังครรภ์จริ ง ๆ ทีนางโผล่มาทีนี แน่ นอนว่าจะต้องรู ้เรื องของจิงเอ๋ อร์
และเสี ยวป๋ อ ทีศาลาไฟไหม้นนก็
ั ตอ้ งเป็ นฝี มือของนาง นี นางคงกําลังช่วยลูกทียังไม่เกิดของนางกําจัดตัวการทีจะ
ขัดขวางเขาในอนาคต ช่างโหดเหี ยมอํามหิ ตยิงนัก......

สายตาทีเหล่าบรรดาสาวใช้มองไปทีมู่หรงโหรวนันผิดแปลกจากเดิมไปหลายส่ วน พวกนางค่อย ๆ พากันปล่อย


มือ นางเป็ นอู่อนั โหวฮูหยิน ถ้าหากในท้องของนางเป็ นเด็กผูช้ าย เช่นนันเขาก็จะกลายเป็ นอู่อนั โหวในอนาคต มี
ฐานะสู งส่ งแน่นอนว่าไม่สามารถทําให้รับการกระทบกระเทือนได้......

เมือมองเห็นสายตาเกรงกลัวของพวกนาง มู่หรงโหรวก็ยกยิมมุมปากขึนอย่างได้ใจ จุดไฟเผาซ่ งเทียนเหวินนัน


ไม่ใช่เรื องเล็ก ๆ แต่นางเพียงใช้ขอ้ อ้างทีกําลังตังครรภ์อ่อน ๆ ก็สามารถคลายความไม่พอใจของซ่ งเหล่าฮูหยิน
ได้ อีกทังยังทําให้นางได้รับโอกาสสร้างตัวใหม่ในอนาคตดีกว่าการได้รับป้ ายทองละเว้นโทษตายเป็ นไหน ๆ
สําหรับนางแล้วเด็กชายคนนี ช่างเป็ นสมบัติทีลําค่ายิงนัก......

ในมุมหนึงทีผูค้ นไม่ได้สนใจ ทันใดนันซ่ งเทียนเหวินทีสลบไม่ได้สติก็ลืมตาขึน แววตาของเขาวูบไหวไปด้วย


ความหนาวเหน็บทีน่ าสะพรึ งกลัว ค่อย ๆ เก็บมีดทีตกอยูบ่ นพืนขึนอย่างเงียบ ๆ แล้วแทงมันเข้าไปทีขาของมู่
หรงโหรว
มู่หรงโหรวทีไม่ทนั ระวังเข่าของนางจึงทรุ ดลงพร้อมกับร่ างกายทีล้มลงไปบนพืน มีดในมือของซ่ งเทียนเหวิน
แทงเข้าไปทีท้องของนางอย่างไร้เยือใย ได้ยนิ เสี ยง ‘ฉึ ก’ ดังขึนเสี ยงหนึ งใบมีดแทงทะลุผา่ นผิวหนังของนางไป
......

ความเจ็บปวดอันแหลมคมแล่นปลาบขึนมาจากท้อง ร่ างกายของมู่หรงโหรวสันไหว รอยยิมได้ใจสลายหายไป


เพียงพริ บตา นางค่อย ๆ ก้มหน้ามองลงไป ก็เห็นว่าใบมีดปั กลงไปในหน้าท้องของนางจนมิดด้าม เหลือเพียง
ด้ามมีดทีปั กอยูด่ า้ นนอกเท่านัน เลือดสี แดงสดไหลทะลักจนเปรอะเปื อนเสื อผ้าของนาง......

ใบหน้าดําขมุกขมัวปรากฏอยูต่ รงเท้าของนาง ใบหน้าทีถูกไฟเผาจนดูไม่ออกว่าใบหน้าเดิมเป็ นเช่นไร แต่ดวงตา


ทังสองข้างกลับจ้องเขม็งมองมาทีนาง ด้านในแววตานันลุกโชนไปด้วยไฟโกรธและเจ็บแค้น ทันใดนันเขาก็ดึง
มีดออกมาแล้วแทงเข้าไปทีท้องของนางอีกครัง แล้วก็ดึงมันออกมาอีก แล้วก็ปักซําเข้าไปอีก......

เป็ นเช่นนีซําไปซํามาหลายครัง ท้องของมู่หรงโหรวถูกแทงจนเกิดเป็ นรอยแผลทีเต็มไปด้วยเลือดมากมาย เลือด


สี แดงสดย้อมไปบนเสื อผ้าของนาง ทีมุมปากของมู่หรวโหรวมีเลือดไหลออกมาสายหนึ ง ร่ างกายอ่อนแอของ
นางทนรับความเจ็บปวดต่อไปอีกไม่ไหว เสี ยงตุบดังขึนเสี ยงหนึงนอนฟุบลงไปกับพืน......

พวกบรรดาสาวใช้พากันแข็งค้างตืนตกใจกับเหตุการณ์ทีเกิดขึน เบิกตากว้างมองไปทีร่ างกายทีได้รับบาดเจ็บ


และโชกไปด้วยเลือดของมู่หรงโหรว ร่ วมทังซ่ งเทียนเหวินทีร่ างกายดํามะเมือมทีกําลังแทงผูค้ นอย่างบ้าคลัง
พวกนางพากันตกอยูใ่ นภวังค์ นี มันเกิดอะไรขึน

ซ่งเหล่าฮูหยินหลุดจากภวังค์ก่อนใครเพือน นางเบิกตากว้างมองไปทีซ่ งเทียนเหวิน คํารามขึนอย่างเกรี ยวกราด


“เทียนเหวินเจ้ากําลังทําอะไร นันเป็ นลูกแท้ ๆ ของเจ้านะ......”
“ชู.้ ..ลูกชู.้ ..ลูกชู.้ .....” ซ่ งเทียนเหวินพูดเน้นขึนทีละคํา นําเสี ยงของเขาแหบแห้ง ใช้แรงยกหัวขึนถลึงตามองมู่หรง
โหรวอย่างเกลียดชัง !

ซ่งเหล่าฮูหยินชะงักไปครู่ หนึ ง “เจ้าหมายความว่าเด็กในท้องของมู่หรงโหรวไม่ใช่ลูกของเจ้าแต่ว่าเป็ นลูกของ


ผูช้ ายคนอืน......”

ซ่งเทียนเหวินพยักหน้าถีรัว “ไม่...ไม่ผิด......”

แววตาของซ่ งเหล่าฮูหยินวูบไหวไปด้วยความตืนตกใจ นางกล่าวขึนอย่างไม่อยากจะเชือ “เจ้าไม่ได้เข้าใจผิด


หรอกใช่ไหม ?”

“แน่นอน......ไม่มีทางผิด...ลูกชู.้ ..เป็ นลูกชู.้ .....” ซ่งเทียนเหวินกล่าวขึนด้วยนําเสี ยงหนักแน่ นทีแฝงไว้ดว้ ยการกัด


ฟันโกรธ

ซ่งเหล่าฮูหยินรู ้สึกว่ามีบางอย่างกําลังระเบิดในหัว ความรู ้สึกนึ กคิดกลับกลายเป็ นขาวโพลน มู่หรงโหรวคบชูส้ ู่


ชายอีกทังยังตังครรภ์ลูกชู ้ แล้วยังเผาลูกชายของนาง เผาหลานของนางอีก ช่างมีจิตใจทีโหดเหี ยมอํามหิ ตยิงนัก
นางถือว่ามีโทษผิดมหันต์นัก “เด็ก ๆ ลากมู่หรงโหรวออกไปโบยให้หนัก !”
มู่หรงโหรวล้มฟุบอยูบ่ นพืนเลือดไหลออกมาจากท้องน้อยไม่หยุด นางรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าชีวิตน้อย ๆ ทีอยูใ่ น
ท้องของนางนันกําลังอยูใ่ นขันวิกฤตและกําลังจะจากนางไปในเร็ ว ๆ นี ......

นางมองไปทีท้องฟ้ าแล้วหัวเราะขึนเสี ยงดัง แต่งเข้าจวนอู่อนั โหวมาสิ บห้าปี นางเป็ นวัวเป็ นม้ามาสิ บห้าปี ถ้า
หากไม่มีนาง จวนอู่อนั โหวไม่มีทางรุ่ งโรจน์ได้ถึงเพียงนี ถ้าหากไม่มีนางจวนอู่อนั โหวไม่มีทางมังคังได้ถึงขนาด
นี !

นางเป็ นผูป้ ระคับประคองจวนอู่อนั โหวขึนมา แล้วมีเหตุผลอะไรทีจะให้นางคนชันตําจิงเอ๋ อร์ กับเด็กเหลือเดน


อย่างเสี ยวป๋ อมาเสพสุ ขกัน ตรงกันข้ามกับนาง หลังจากทีฟ้ าสว่างในวันพรุ่ งนี นางก็จะกลายเป็ นหญิงผูต้ กตําที
จะต้องถูกผูค้ นชีมือชีไม้วิพากษ์วิจารณ์ ! นางไม่ยนิ ยอม ไม่มีทางยอม !

ดังนันนางจึงคิดแผนการอันโหดเหี ยมนี ขึนมาแล้วลงมือก่อนเพือความได้เปรี ยบ เผาซ่ งเทียนเหวิน จิงเอ๋ อร์ เสี ยว


ป๋ อให้ตกตายเพือทีจะได้ควบคุมจวนอู่อนั โหวให้อยูใ่ นมือ แต่วา่ การมาถึงของซ่ งเหล่าฮูหยินกลับทําลายแผนการ
ของนางจนพังและก็ทาํ ลายตัวนางไปด้วยพร้อม ๆ กัน......

นางก็แค่อยากจะยกฐานะของตัวเองให้สูงขึนมาหน่ อยแล้วจะได้ใช้ชีวิตอย่างสุ ขสบายบ้าง ไม่ตอ้ งคอยถูกผูค้ นดู


ถูกเหยียดหยามอีกต่อไป หรื อว่านางทําสิ งใดผิดกันเล่า

เสี ยงยําเท้าหนัก ๆ ดังเข้าหู เป็ นสาวใช้ตวั ใหญ่สองนางทีก้าวเดินเข้ามา ด้านซ้ายหนึ งคนด้านขวาหนึงคนจับกุม


เข้าทีแขนของนาง แล้วกระชากร่ างของนางไปทีเก้าอีไม้อย่างแรง......
มู่หรงโหรวยิม นางยกยิมขึนอย่างเย็นชา ร่ างกายของนางได้รับบาดเจ็บชีวิตกําลังแขวนอยูบ่ นเส้นด้าย แค่เพียง
โบยลงมาไม้เดียว นางก็จะต้องตกตายอย่างแน่ นอน แม่สะใภ้ตระกูลซ่ งผูน้ ี คงคิดทีจะโบยนางให้ตายเป็ นแน่ แท้
เพือเป็ นการแก้แค้นให้หลานชายของนาง ฮ่า ฮ่า......

สายตาเห็นสาวใช้ยกไม้โบยสู งขึนเตรี ยมทีจะโบยนางแรง ๆ พลันนําเสี ยงดุดนั เสี ยงหนึงดังขึน “หยุดเดียวนี !”

มู่หรงโหรวใช้แรงทังหมดหันหน้ามองไปเห็นมู่หรงเจียนทีอยูภ่ ายใต้การห้อมล้อมของเหล่าทหาร เดินเข้ามา


อย่างรวดเร็ ว มุมปากของนางจึงยกยิมขึนอย่างอ่อนแรง “ท่านพี...ช่วยข้า......”

แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหว ร่ างบางค่อย ๆ ขยับเข้าไปในเงาใกล้ ๆ เพือทีจะเข้าไปดูให้ชดั เจน การต่อกร


ระหว่างแม่ของซ่ งเทียนเหวินกับพีชายของมู่หรงโหรวนันดูท่าทางน่าสนุกจนไม่ควรพลาดชมแม้แต่ฉากเดียว คิด
พลางหันกลับไปตังอกตังใจดูชมละครต่อไป !

เมือมองไปทีร่ างโชกเลือดของมู่หรงโหรว มู่หรงเจียนก็ขมวดคิวเข้าหากันแน่ น เขามีธุระผ่านมาแถวนีแล้ว


บังเอิญได้ยนิ ข่าวว่าทีนี เกิดเรื องขึน ก็เลยเข้ามาตรวจดู แต่ไม่คาดว่าจะเห็นเข้ากับฉากฉากนี !

“หากซ่ งเหล่าฮูหยินจะสังสอนลูกสะใภ้ใช้แค่คาํ พูดก็เพียงพอแล้ว โหรวเอ๋ อร์ กไ็ ด้รับบาดเจ็บหนักหนาขนาดนี


แล้วท่านยังจะโบยนางซําเข้าไปอีก แน่นอนว่านางจะต้องถูกโบยจนตกตาย......”
ซ่งเหล่าฮูหยินมองไปทีมู่หรงเจียนด้วยสายตาเย็นชา แล้วกล่าวขึนทีละคํา “ใต้เท้ามู่หรง ไม่ใช่ว่าข้าโหดร้าย แต่
เป็ นน้องสาวของเจ้าทีมีจิตใจอํามหิ ต นางจุดไฟเผาศาลาแปดเหลียม เผาลูกชายของข้าจนได้รับบาดเจ็บ ทังยังเผา
หลานชายของข้าจนตกตาย......”

กฎหมายของชิงเหยียนกําหนดเอาไว้วา่ ฆ่าคนก็ตอ้ งชดใช้โทษด้วยชีวิต มู่หรงโหรวกล้าทําให้หลานชายทีน่ ารัก


ของนางตกตาย นางไม่มีทางปล่อยให้ม่หู รงโหรวมีชีวิตรอดไปจากทีนีแน่ !

ซ่งเทียนเหวินมิได้แต่งอนุ มิใช่หรื อ โหรวเอ๋ อร์ก็ยงั ไม่เคยให้กาํ เนิ ดบุตรชาย แล้วซ่ งเหล่าฮูหยินไปเอาหลานชายที


ไหนมากัน หรื อว่าจะเป็ น......

มองไปทีตัวเรื อนทีดูหรู หราทังยังอยูใ่ นทีมิดชิด แล้วค่อย ๆ มองไปทีศพของเสี ยวป๋ อทีอยูไ่ ม่ไกลกันนัก ทันใด
นันสี หน้าของมู่หรงเจียนก็มืดครึ มเสี ยจนดูน่ากลัว ซ่ งเทียนเหวินมีบา้ นน้อยลับหลังโหรวเอ๋ อร์ อีกทังบ้านน้อย
ยังให้กาํ เนิดลูกชาย ช่างเลวร้ายทีสุ ด !

“ซ่งเหล่าฮูหยินได้เห็นโหรวเอ๋ อร์จุดไฟด้วยตัวเองหรื อไม่” มู่หรงเจียนเลิกคิวมองไปทีซ่ งเหล่าฮูหยิน แววตาเต็ม


ไปด้วยความหนาวเหน็บเย็นยะเยือก

“ข้ามาช้าเกินไป เลยไม่ทนั เห็น แต่ว่าเทียนเหวินเห็น เทียนเหวิน......” ซ่ งเหล่าฮูหยินพูดขึนอย่างมีอารมณ์ ก้ม


หน้ามองซ่ งเทียนเหวิน เห็นเขาล้มอยูบ่ นพืน ดวงตาทังสองข้างปิ ดสนิทสลบไม่ได้สติ มือกําด้ามมีดทีเปื อนเลือด
เอาไว้แน่ น......
นีคือ......ซ่ งเทียนเหวิน !

มู่หรงเจียนมองไปทีซ่ งเทียนเหวิน ร่ างกายของเขาเต็มไปด้วยเขม่าควันกําลังสลบไม่ได้สติ เขายกมุมปากขึน ซ่ ง


เทียนเหวินตอนนี จะว่าเป็ นคนก็ไม่ใช่ จะเป็ นผีกไ็ ม่เชิง ถ้าหากซ่ งเหล่าฮูหยินไม่ได้เปิ ดปากเรี ยก เขาไม่มีทางทีจะ
จําได้ว่าเป็ นเขา !
ตอนที 161 หักหน้ าสร้ างความแค้ น
ซ่งเทียนเหวินทีได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี คงเป็ นเพราะว่าโหรวเอ๋ อร์ทีลงมืออย่างโหดเหี ยม แต่ก็ช่วยไม่ได้ซ่ง
เทียนเหวินอยากทีจะเลียงบ้านน้อยเอาไว้เองจะมาโทษโหรวเอ๋ อร์ ได้อย่างไรกัน......

“บาดแผลบนตัวโหรวเอ๋ อร์ เป็ นซ่ งเทียนเหวินทีแทงใช่หรื อไม่ ?” มู่หรงเจียนไต่ถามเสี ยงเย็น

ซ่งเหล่าฮูหยินสบถขึนอย่างไม่พอใจ “เป็ นน้องสาวของเจ้าทีทําตัวดังต้นท้อแดงทีแอบยืนกิงก้านออกไปนอก


กําแพงแอบคบชูส้ ู่ ชายกับผูค้ น อีกทังยังตังครรภ์กบั ชู ้ เทียนเหวินทีโมโหจนทนไม่ไหวถึงได้ใช้มีดแทงนางจน
ได้รับบาดเจ็บ !”

“จริ งหรื อ ? เช่นนันแล้วชายชูข้ องนางอยูท่ ีไหนกัน ?” แววตาของมู่หรงเจียนคมกริ บเย็นยะเยือก หากอยากจะจับ


ขโมยก็ตอ้ งมีหลักฐาน อยากจะจับชูก้ ็ตอ้ งได้ตวั ชู้ ถึงโหรวเอ๋ อร์ จะตังครรภ์แต่ก็ไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้ มีเพียง
หาชายชูเ้ จอเท่านันถึงจะสามารถตัดสิ นได้อย่างแน่ นอนว่านางนันคบชูส้ ู่ ชายจริ ง

“เอ่อนี......เรื องนีคงมีแต่เทียนเหวินเท่านันทีรู ้......” ซ่งเหล่าฮูหยินพูดขึนอย่างเย็นชา สายตาของนางวูบไหวไปมา


ถ้าหากเทียนเหวินยังคงมีสติแจ่มชัดสามารถบอกกล่าวได้วา่ มู่หรงโหรวคบชู้ เท่านี พวกนางก็จะใช้ความผิดทีมู่
หรงโหรวประพฤติตนผิดประเวณี คบชูส้ ู่ ชาย เอาตัวนางไปขังใส่ ตะกร้าแล้วถ่วงนําให้ตกตายเสี ย !

“ถ้าเป็ นเช่นทีพูดก็แสดงว่าซ่ งเหล่าฮูหยินไม่มีหลักฐานว่าโหรวเอ๋ อร์ แอบคบชูแ้ ละจุดไฟเผาตัวศาลาใช่หรื อไม่ ?”


มู่หรงเจียนยกคิวขึนมองไปทีซ่ งเหล่าฮูหยิน แววตาเต็มไปด้วยความดูถกู เหยียดหยาม !
ซ่งเหล่าฮูหยินรี บกล่าวขึน “แค่รอจนเทียนเหวินฟื นได้สติกม็ ีหลักฐานแล้ว......”

“ซ่งโหวเหย่เจ็บหนักขนาดนัน จะฟื นขึนเมือใดกัน ถ้าหากเขาสลบไม่ฟืนอยูเ่ ป็ นวัน ๆ เล่า พวกเรามิตอ้ งเฝ้ ารอ


เค้าอยูท่ ีนี ไม่ตอ้ งกินไม่ตอ้ งดืมเลยหรื ออย่างไร” มู่หรงเจียนถามขึนเสี ยงดังแววตาวูบไหวไปด้วยความหนาว
เหน็บเย็นยะเยือก

ซ่งเหล่าฮูหยินขมวดคิวเข้าหากันแน่น เทียนเหวินถูกไฟครอกจนอาการสาหัสขนาดนี ทังทีนีก็ยงั เป็ นสถานทีที


ไม่เหมาะกับการพักฟื นอาการมากเท่าไรนัก “เช่นนันตามความคิดเห็นของใต้เท้ามู่หรงแล้วสมควรทําเช่นไร ?”

มู่หรงเจียนกล่าวขึนเสี ยงสู ง “ซ่ งเทียนเหวินเป็ นลูกชายของท่าน ท่านก็พาเขากลับไปรักษาตัวทีจวนอู่อนั โหวแล้ว


กัน โหรวเอ๋ อร์เป็ นน้องสาวของข้า ข้าก็จะพานางกลับจวนเจินกัวโหวไปรักษา รอจนซ่ งโหวเหย่ฟืนคืนสติแล้ว
พวกเราค่อยมาหารื อกันว่าควรจะทําเช่นไร......”

ซ่งเหล่าฮูหยินยกยิมขึนอย่างเย็นชา มู่หรงโหรวเป็ นลูกหลานของจวนเจินกัวโหว จวนเจินกัวโหวถือเป็ นทีพึงที


แข็งแกร่ งของนาง ขอเพียงแค่นางเข้าไปในจวนเจินกัวโหว ก็เหมือนกับเข้าไปในเกราะกําบังอย่างกราย ๆ
ถึงแม้วา่ เทียนเหวินจะฟื นแล้วและสามารถนําหลักฐานออกมาได้มากมายเพียงใด ก็อย่าได้คิดหวังทีจะทุบตีม่หู รง
โหรวเพือระบายความแค้นอีก นางไม่มีทางโง่งมถึงขนาดยอมปล่อยเสื อเข้าป่ า “ถ้าหากข้าพูดว่า ‘ไม่’ ล่ะ ?”
“เช่นนันข้าน้อยก็คงต้องขอล่วงเกินแล้ว !” มู่หรงเจียนทิงคําพูดอย่างเลือดเย็นเอาไว้แล้วก้าวอาด ๆไปทีด้านหน้า
ของมู่หรงโหรวทีร่ างกายโชกไปด้วยเลือด เขาค่อย ๆ อุม้ นางขึนมาอย่างระมัดระวัง แล้วเดินออกไปข้างหน้าด้วย
ท่าทางองอาจ ท่าทางทีหยิงยโสนันเหมือนกับไม่เห็นซ่ งเหล่าฮูหยินอยูใ่ นสายตาเลยแม้แต่นอ้ ย

ซ่งเหล่าฮูหยินค่อย ๆ ส่ งสายตาทีวูบไหวไปด้วยความคมกริ บเย็นยะเยือกไปให้

บรรดาสาวใช้เมือรับทราบถึงความต้องการของนาง ต่างพากันพุ่งตรงไปทีมู่หรงเจียนอย่างดุดนั

จะขัดขวางเขา ช่างไม่เจียมตนยิงนัก !

มู่หรงเจียนยกยิมมุมปากขึนอย่างเย็นชา ขยับเท้าเบา ๆ ร่ างกายสู งใหญ่วบู ไหวไปมาท่ามกลางบรรดาสาวใช้ ได้


ยินเสี ยง ‘ปั ง ปั ง ปั ง !’ ดังขึนหลายเสี ยง บรรดาสาวใช้ทงหมดถู
ั กเขาเตะจนล้มลงไปกับพืน ฝ่ ามือพากันกุมไปที
อกร้องโอดโอยขึนอย่างเจ็บปวด......

มู่หรงเจียนเห็นแต่ไม่สนใจ เขาเพียงอุม้ มู่หรงโหรวเดินออกไปด้านนอกตัวอาคารอย่างถือดี ท่าทางไม่เห็นหัวคน


เช่นนันเมือซ่ งเหล่าฮูหยินได้เห็นสี หน้าของนางจึงขึนสี เขียวคลํา ฝ่ ามือภายใต้แขนเสื อกําแน่นเข้าหากัน คําราม
ขึนอย่างเกรี ยวกราดเสี ยงดังลันฟ้ า “มู่หรงเจียน !”

มู่หรงเสวียนังอยูด่ า้ นบนกําแพง คิวงามดังใบหลิวของนางเลิกสู งขึน พอต้องอยูต่ ่อหน้าผูม้ ีวรยุทธ์ทีสู งส่ งเช่นนี


ไม่ว่าอะไรก็ไม่สามารถต่อกรได้ วรยุทธ์ของมู่หรงเจียนนันไม่เลวเลย เหล่าบรรดาสาวใช้กแ็ ค่มีเรี ยวแรงมาก
หน่ อยเท่านัน ไหนเลยจะเป็ นคู่มือของเขาได้ถึงจะมีคนรับใช้เพิมเข้ามาอีกเท่าตัว ก็คงไม่สามารถขัดขวางเขาได้
......

“ท่านหมอรี บมาดูอาการของเทียนเหวินเร็ วเข้า !” เสี ยงเรี ยกร้องอย่างยินดีของซ่ งเหล่าฮูหยินดังเข้าหู มู่หรงเสวีย


หันหน้ามองไปเห็นหมออายุประมาณสี สิ บกว่า ๆ ผูห้ นึงกําลังแบกกระเป๋ ายาวิงเข้าไปทีสวนดอกไม้อย่างเร่ งรี บ
......

มู่หรงเจียนกับมู่หรงโหรวจากไปแล้ว ซ่ งเทียนเหวินก็กาํ ลังอยูใ่ นการรักษา งิวฉากนี ก็ดาํ เนินมาถึงส่ วนท้ายแล้ว


ไม่มีอะไรน่าดูอีกต่อไป

มู่หรงโหรวฆ่าจิงเอ๋ อร์กบั เสี ยวป๋ อ ส่ วนซ่ งเทียนเหวินถูกทําร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส อีกด้านหนึงซ่ งเทียนเห


วินก็แทงมีดเข้าใส่ ม่หู รงโหรวจนทําให้ลูกในครรภ์ของนางตกตายเช่นกัน พอเป็ นเช่นนีความแค้นและความ
ขัดแย้งของพวกเขาก็จะยิงจะหนักหนามากยิงขึน จวนเจินกัวโหวกับจวนอู่อนั โหวตอนนี ได้เปลียนจากญาติพี
น้องกลายเป็ นศัตรู คู่แค้นกันเรี ยบร้อยแล้ว ตัดขาดซึ งความสัมพันธ์ทีมีต่อกันและกันอย่างสิ นเชิง......

มู่หรงโหรวกับซ่ งเทียนเหวินทังสองก็ลว้ นไม่ได้เป็ นคนดีอะไรนัก พวกเขาทีตอนนี ได้รับบาดเจ็บสาหัสคงไม่


สามารถทําอะไรได้ แต่ถา้ รอจนบาดแผลของพวกเขาหายดีแล้ว พวกเขาคงจะต้องวางอุบายใส่ กนั และต่อกรกัน
อย่างดุเดือดจนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ งแน่นอน อีกไม่นานเมืองหลวงก็จะมีเรื องราวน่าตืนเต้นให้ดูชมอีกแล้ว
......
มู่หรงเสวียยกยิมมุมปากขึนอย่างเบิกบานใจ นางกระโดดลงจากกําแพงไปอย่างเงียบ ๆ แล้วค่อย ๆ เดินเยืองย่าง
ออกไปด้านนอกอย่างช้า ๆ แต่เห็นทีทีรถม้าของวังเซี ยวเหยาอ๋ องควรจอดอยูก่ ลับกลายเป็ นว่างเปล่า ไม่มี
ร่ องรอยของรถม้าแม้แต่นอ้ ย......

เมือหันมองไปทางซ้ายทางขวาก็ลว้ นว่างเปล่าไม่เห็นร่ องรอยรถม้าของวังเซี ยวเหยาอ๋ องแม้แต่นอ้ ย......

มู่หรงเสวียขมวดคิวเข้าหากันเบา ๆ รถม้าหายไปไหนเสี ยแล้ว หรื อว่าคุณชายโอวหยางจะรําคาญจนหมดความ


อดทนจนกลับไปทีวังเซี ยวเหยาอ๋ องโดยทีไม่รอนางอย่างนันหรื อ......

“รถม้าดูหรู หราเกินไปจอดอยูด่ า้ นในตรอกเช่นนีจะถูกผูค้ นค้นพบเอาได้ง่าย ๆ ข้าก็เลยสังให้สวินเฟิ งนํามัน


กลับไปแล้ว เจ้าดูงิวจบแล้วหรื อ” เสี ยงทุม้ ลอยเข้าหู มู่หรงเสวียหันมองตามเสี ยงไปเห็นคุณชายโอวหยางอยูใ่ น
ชุดสี ขาวหิ มะ นังอยูท่ ีโต๊ะหิ นใต้ตน้ กุย้ ฮวา จิบชาด้วยท่าทีละเมียดละไม ชายเสื อยาวลู่ลงไปทีพืนดูสูงส่ งสง่างาม
เสี ยจนผูค้ นไม่อาจละสายตาได้

“ดูจบแล้ว !” มู่หรงเสวียพยักหน้า ในอกปรากฏความรู ้สึกแปลก ๆ สายหนึ ง คุณชายโอวหยางไม่ได้ทิงนางแล้ว


จากไปเพียงลําพัง......

“งิวเป็ นอย่างไรบ้าง ?” คุณชายโอวหยางถามขึนเรี ยบ ๆ

“สนุ กมาก อย่างช้าทีสุ ดพรุ่ งนีเรื องนี จะต้องถูกลือไปทัวเมืองหลวง !” มู่หรงเสวียยกยิมขึนอย่างสดใส มู่หรง


โหรว ซ่ งเทียนเหวิน จากสามีภรรยาทีรักใคร่ กลายเป็ นศัตรู คู่แค้น แน่ นอนว่าจะต้องทําให้เหล่าผูค้ นชนชันสู งใน
เมืองหลวงต่างแปลกประหลาดใจแน่นอน การต่อกรระหว่างพวกเขาทังสองแน่ นอนว่าจะต้องน่าดูกว่าเรื องราว
อืน ๆ เป็ นไหน ๆ ช่างทําให้ผคู ้ นเฝ้ ารอคอยยิงนัก......

เมือมองไปทีสายตาเปล่งประกายแวววาวของนาง แววตาของคุณชายโอวหยางก็เจือปนไปด้วยรอยยิมเล็กน้อย
เขาลุกขึนเดินไปทีด้านหน้าของนางจับมือเรี ยวของนางเอาไว้แล้วเดินออกไปด้านหน้า “มู่หรงโหรวกับซ่ งเทียน
เหวินล้วนได้รับบาดเจ็บ เร็ ว ๆ นี คงยังไม่สามารถลงมือต่อกันและกันได้ เจ้าก็อย่าได้เอาความสนใจไปไว้ทีตัว
พวกเขาให้มากนัก......”

“ข้ารู ้ !” มู่หรงเสวียพยักหน้า นางนันวางแผนเอาไว้ว่าจะรอจนพวกเขาหายดีแล้วค่อยไปดูชมงิวใหม่ ตอนทีซ่ ง


เทียนเหวินจะถูกไฟครอกจนตาย ซ่ งเหล่าฮูหยินมาช่วยเอาไว้ทนั ตอนทีมู่หรงโหรวจะถูกโบยจนตายมู่หรงเจียน
ก็มาช่วยเอาไว้ทนั พวกเขาทังสองคนล้วนเป็ นคนชัวช้าทีดวงแข็งนัก คงถูกกําหนดเอาไว้แล้วว่าให้มีชีวิตต่อไป
เพือต่อกรซึ งกันและกัน......

คนขายของหาบเร่ ผหู ้ นึ งกําลังแบกถังหู ลู่ (ผลไม้เชือมเสี ยบไม้) เดินมาจากด้านหน้า แววตาของมู่หรงเสวียพลัน


เปล่งประกาย “ข้าจะกินถังหู ลู่ !”

“ได้ !” คุณชายโอวหยางพยักหน้าเรี ยกหาบเร่ คนนันเอาไว้ เดินเขาไปหยิบถังหู ล่อู อกมาไม้หนึงยืนไปให้มู่หรง


เสวีย ภายใต้แสงอาทิตย์ทีสาดส่ องรอบกายของเขาเปล่งแสงสี ทองจาง ๆ ล้อมรอบกายอยูช่ นหนึ
ั ง ดูแล้วช่าง
สูงส่ งสง่างาม ไร้การแปดเปื อนใด ๆ

เขามองดูจนมู่หรงเสวียต้องชะงักไป แววตาของนางวูบไหวอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ รับเอาถังหู ลู่ไม้นนมากั


ั ดเข้า
ไปอย่างรวดเร็ วเสี ยคําหนึง รสชาติหวานอมเปรี ยวพริ บตาแผ่ซ่านไปทัวทังปาก !
รสชาติกลมกล่อม ใช้วตั ถุดิบชันยอด เทียบกับถังหู ล่ใู นยุคปั จจุบนั ทีเอาเปรี ยบผูบ้ ริ โภคแอบใช้วตั ถุดิบคุณภาพตํา
แล้วนันช่างอร่ อยกว่ายิงนัก

มู่หรงเสวียพยักหน้าอย่างพอใจแล้วหันมองไปทีคุณชายโอวหยาง แววตาของนางวูบไหวด้วยความหมันเขียว
แล้วยืนถังหู ลู่ไปทีปากของเขา “รสชาติอร่ อยนัก เจ้าลองชิมดูสิ !”
ตอนที 162 คุณชายได้ รับบาดเจ็บ
ผลซันจาสี แดงสดทีถูกเคลือบด้วยนําตาล ดูแวววาว ช่างล่อตาผูค้ นนัก คุณชายโอวหยางทีมองมาได้แต่ส่ายหัว
น้อย ๆ “ข้าไม่ชอบกินถังหู ลู่ !”

มู่หรงเสวียกะพริ บตา แล้วกล่าวขึนช้า ๆ “ถังหู ลู่ไม้นีมีตงหลายลู


ั ก ข้านันไม่มีทางกินหมดแน่ เจ้าก็ช่วยข้ากินสัก
สองเม็ดเถอะ !” มือสี ขาวนวลยกถังหู ลู่ขนสู
ึ งจ่อไปทีปากของคุณชายโอวหยางไม่ขยับไปไหน คล้ายว่าถ้าหาก
เขาไม่กินนางก็จะถือเอาไว้อย่างนัน

คุณชายโอวหยางมองไปทีนาง พลันแววตาสี ดาํ ขลับวูบไหวไปด้วยความเหนื อยใจ “ข้าไม่ชอบกินของทีหวาน ๆ


เปรี ยว ๆ เท่าไร เจ้าก็อย่าได้คะยันคะยอเลย !”

“เจ้ากินแค่เม็ดเดียว แค่เพียงเม็ดเดียว ทีเหลือค่อยเป็ นของข้า......” มู่หรงเสวียตือแววตาวูบไหว

“ไม่ได้...” ช่วงเวลาทีคุณชายโอวหยางเปิ ดปากพูด มู่หรงเสวียก็อาศัยเวลานันรี บยัดถังหู ล่เู ม็ดหนึงเข้าไปในปาก


ของเขาอย่างรวดเร็ ว

ทันใดนันรสชาติหวานอมเปรี ยวก็แผ่ซ่านไปทัวทังปาก ความสดใหม่ ความหอมหวาน อีกทังยังมีรสเปรี ยวจาง ๆ


เขาค่อย ๆ ขบฟั นลงไปช้า ๆ คุณชายโอวหยางขมวดคิวเบา ๆ แล้วถลึงตามองไปทีมู่หรงเสวียอย่างอับจนคําพูด

มู่หรงเสวียยิมสดใสมองไปทีเขา “รสชาติเป็ นอย่างไรบ้าง ?”


“ถือว่ายังใช้ได้ !” คุณชายโอวหยางตอบกลับเสี ยงไม่ดงั ไม่เบานัก

“ในเมือชอบ เช่นนันก็กินอีกเม็ดสิ !” มู่หรงเสวียพูดขึนยิมตาหยีแล้วดึงถังหูล่อู อกมาอีกเม็ดหนึ งยัดเข้าไปในปาก


คุณชายโอวหยาง

นางกับคุณชายโอวหยางรับสํารับด้วยกันมาตังหลายครัง แน่นอนว่าจะต้องรู ้ว่าเขานันไม่ชอบกินของรสเปรี ยว


และหวาน แต่ว่าของทีมีรสชาติเปรี ยวหวานนันดีต่อร่ างกายคนมากยิงนัก เขานันจะต้องกินมันเข้าไปบ้าง ไม่
สมควรทีจะเลือกกินอีก......

สายตาเห็นถังหู ล่จู ่ออยูท่ ีปากของเขา คุณชายโอวหยางจึงรี บยืนมือออกไปคว้าข้อมือของมู่หรงเสวียไว้ “ข้ากิน


เม็ดนันเข้าไปก็เพียงพอแล้ว ทีเหลือเป็ นของเจ้า !” เมือพูดจบคุณชายโอวหยางก็พลิกข้อมือเบา ๆ ถังหู ลู่ถูกยัดเข้า
ไปในปากของมู่หรงเสวียอย่างพอดิบพอดี

รสชาติหวานอมเปรี ยวพริ บตาแผ่ซ่านไปทัวทังปาก มู่หรงเสวียถลึงตามองคุณชายโอวหยางอย่างเสี ยอารมณ์ ถัง


หูล่ทู ีน่ าอร่ อยขนาดนี เขากลับไม่ชอบช่างไร้รสนิ ยมยิงนัก !

ํ ยงเรี ยกทีฟังดูแก่ชราและแหบแห้งดังขึน มู่หรงเสวียหันหน้ามองไปก็


“คุณหนู โปรดเมตตา !” ทันใดนันก็มีนาเสี
เห็นชายแก่หวั หงอกเสื อผ้าขาดแหว่งผูห้ นึ งกําลังยืนอยูห่ ่ างจากนางออกไปประมาณครึ งเมตร เขาโน้มกายโค้งลง
มาครึ งตัวในมือถือไม้เท้าเอาไว้อนั หนึง ในมืออีกข้างถือชามทีพุพงั เอาไว้ใบหนึ ง และกําลังยืนชามใบนันมาที
ด้านหน้าของนาง ทังยังมองมาทีนางด้วยท่าทางอ้อนวอนน่ าสงสาร
“รอสักครู่ !” มู่หรงเสวียยิมสดใสพูดขึนยืนมือขาวนวลไปทีเอวชักกระบีออกพุ่งแทงไปทีชายแก่ผนู ้ ันอย่างไร้เยือ
ใย......

ชายแก่ผนู ้ ันหรี ตาลงเล็กน้อยวาดไม้เท้ารับการโจมตี ได้ยินเสี ยง ‘เพล้ง’ ดังขึนเสี ยงหนึ ง เพียงพริ บตาเปลือกไม้


นันก็แตกแยกออกจากกัน เผยให้เห็นดาบยาวด้านในทีเปล่งประกายหนาวเหน็บเย็นยะเยือก......

“เคร้ง !” ชายแก่วาดดาบพุ่งหลบออกห่ างจากตัวของมู่หรงเสวีย แล้วพาร่ างกระโดดออกไปอีกด้านหนึ ง เขามอง


ไปทางนางอย่างผูท้ ีอยูเ่ หนือกว่า ทัวร่ างเต็มไปด้วยความหยิงทะนงและกลินอายแห่งการฆ่าฟั น ไหนเลยจะมี
ท่าทางแก่ชราและน่ าสงสารอย่างเมือครู่ นี “เหตุใดเจ้าถึงดูขา้ ผูเ้ ฒ่าออกได้ ?”

ปลอมตัวมานานหลายปี ยังไม่เคยมีผใู ้ ดมองเขาออกเลยแม้แต่นอ้ ย !

“เพราะว่าสี หน้าของเจ้าอย่างไรล่ะ พวกขอทานมักจะกินไม่อิมอยูห่ ลายปี ซึ งจะส่ งผลให้มีลกั ษณะผอมแห้งผิวซี ด


เหลือง ถึงแม้ว่าสี หน้าของเจ้าจะมีสีเหลืองแต่วา่ มันเหลืองอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ แค่ดูก็รู้ว่าใช้สิงของบางอย่างทา
อยูบ่ นใบหน้า อีกทังยังเสี ยงของเจ้าทีจงใจกดเสี ยงตํา ถึงจะฟังดูแก่ชราและแหบแห้งก็จริ ง แต่ถา้ หากตังใจฟังดี ๆ
ก็จะสามารถฟั งออกถึงเสี ยงเดิมของเจ้าทีดูใหญ่และเต็มไปด้วยพละกําลัง ทังยังมีฝ่ามือของเจ้าทีปกปิ ดเอาไว้ไม่
มิดชิดพอ มันยังมีรอยตาปลาหนา ๆ ปรากฏออกมาให้เห็น ซึ งแค่มองดูกร็ ู ้ได้ว่าเป็ นสิ งทีคนฝึ กดาบมานานหลาย
ปี เท่านันถึงจะสามารถมีมนั ได้......” มู่หรงเสวียพูดขึนอย่างไม่นาํ พา แววตาของนางเต็มไปด้วยความดูถูกและเย้ย
หยัน !
ชายแก่คอ่ ย ๆ หรี ตาลง “ช่างเป็ นคนทีร้ายกาจยิงนัก การปลอมตัวของข้าผูเ้ ฒ่านันอยูต่ ่อหน้าเจ้าคงไร้ความหมาย
......” แต่เดิมเขาวางแผนไว้วา่ จะอาศัยฐานะของขอทานเข้าใกล้ตวั นาง อาศัยตอนทีนางไม่ทนั ระวังรับเอาชีวิต
ของนางไป แต่คาดไม่ถึงว่านางจะฉลาดถึงเพียงนี ดูท่าเขาคงต้องใช้วิธีอืนในการสังหารนางเสี ยแล้ว......

“ใครส่ งเจ้าให้มาฆ่าข้า ?” มู่หรงเสวียมองไปทีเขาด้วยสายตาเย็น

“ไปถามยมบาลเถอะ !” ชายแก่สะบัดมือเบา ๆ ทันใดนันบนหลังคารวมถึงด้านในตรอกก็ปรากฏชายชุดดํา


ออกมาจํานวนมากมายนับไม่ถว้ น ในมือถือดาบทีเปล่งประกายวูบไหวไปด้วยความเย็นยะเยือก พวกเขาพากัน
พุ่งแทงไปทีมู่หรงเสวียกับคุณชายโอวหยางอย่างไร้เยือใย

ฆ่านางอย่างนันเหรอ ช่างไม่เจียมตน !

มู่หรงเสวียยกมุมปากขึนยิมอย่างเย็นชา พุ่งเข้ารับกับการปะทะของชายชุดดํา กระบีในมือสะบัดฟาดฟั นไปมา


จนเลือดสาดกระเซ็นไปทัว......

แววตาของคนชุดดํามีความโหดเหี ยม พวกเขาพุ่งเข้าล้อมมู่หรงเสวียอย่างรวดเร็ วและคล่องแคล่ว ดาบยาวในมือ


พุ่งตรงแทงเข้าไปทีนางรอบทิศทาง......

“ปั ง ปั ง ปั ง !” พลังปราณกล้าแกร่ งสายหนึงพุ่งเข้ามา พุ่งโจมตีจนคนชุดดําทีล้อมนางเอาไว้จนพุ่งกระเด็น


ออกไป คุณชายโอวหยางค่อย ๆ ลอยลงมาจากฟ้ าร่ อนลงไปทีด้านข้างของนาง ยืนมือเข้าไปรับกระบีจากมือนาง
เอาไว้
“เจ้าทําอะไร ?” มู่หรงเสวียมองไปทีเขาอย่างไม่เข้าใจ

“ฝี มือของเจ้าก็ไม่เลว แต่ว่ายังไม่โหดเหี ยมและรวดเร็ วมากพอ ข้าจะสอนเจ้าสักหลายกระบวนท่า ดูให้ดี !”


คุณชายโอวหยางพูดขึนอย่างราบเรี ยบ เพียงขยับเท้าเบา ๆ ทันใดนันร่ างกายสู งโปร่ งก็หายไปจากสายตาของผูค้ น

ชายแก่ตกตะลึงกวาดตามองไปโดยรอบหาร่ องรอยของคุณชายโอวหยาง กลินหอมของไม้ไผ่จาง ๆกระทบเข้า


กับจมูก หางตาเห็นชายเสื อสี ขาววูบผ่าน แสงหนาวเหน็บทีรวดเร็ วดังสายฟ้ าสายหนึงวูบขึนด้านหน้าของเขา

เขาเพียงแค่รู้สึกเจ็บทีคอ พลันก็มีเลือดสี แดงสดค่อย ๆ ไหลซิ บออกมา เขาค่อย ๆ ก้มหน้าลงมองก็เห็นเลือดสี


แดงสดค่อย ๆ ไหลลงไปตามคอของเขา ไหลลงไปตามเสื อผ้าของเขาจนเปี ยกเป็ นวงกว้าง กลินคาวเลือดจาง ๆ
ค่อย ๆ โชยขึนมาอย่างช้า ๆ เสี ยงทุม้ ของคุณชายโอวหยางดังขึนข้างหู “เสวียเอ๋ อร์ ดูชดั แล้วรึ ยงั นี ถึงจะเรี ยกว่า
การฆ่าคน !”

เหอะ คุณชายเซี ยวเหยาอ๋ อง ทีแท้ก็ร้ายกาจไม่ผิดไปจากคําลําลือ ถ้ารู ้แต่แรกว่าเขาร้ายกาจขนาดนี เขานันจะรอ


จนมู่หรงเสวียกับคุณชายโอวหยางแยกออกจากกันก่อนแล้วค่อยลงมือ !

ชายแก่ยกมุมปากขึนยิมอย่างบิดเบียว ร่ างกายของเขาทรุ ดลง ขาดใจตายล้มลงไปกับพืน เลือดสี แดงสดไหล


ทะลักออกมาจากคอของเขาอย่างรวดเร็ ว จนพืนกลายเป็ นสี แดง......
เมือมองไปทีชายแก่ทีตกตายไป เพียงพริ บตาพวกชายชุดดําก็พากันหยุดชะงักไปครู่ หนึ ง ตอนทีหลุดจากภวังค์
นันกระบวนท่าดาบของคุณชายโอวหยางก็ได้พุ่งตรงเข้ามาแล้ว เงาร่ างสี ขาวสายหนึงวูบไหวผ่านไปพร้อมกับ
ประกายดาบทีโหดเหี ยมทีพุ่งตามเข้ามา เหล่าบรรดาชายชุ ดดําทีล้วนมองไม่เห็นถึงกระบวนดาบของเขา ก็ถูกฟั น
จนคอขาด พากันล้มลงไปทีพืนอย่างไม่ยนิ ยอม ดวงตาพากันเบิกกว้างขึน นอนตายตาไม่หลับ......

นีไม่ใช่การต่อสู ้อะไร แต่เป็ นการล่าอย่างเดียวล้วน ๆ มู่หรงเสวียทียืนอยูด่ า้ นข้าง มองเห็นเพียงเงาร่ างสี ขาวสาย


หนึ งวูบไหวไปมาท่ามกลางพวกชายชุดดํา สายเลือดสี แดงสดสายแล้วสายเล่าสาดกระเซ็นไปทัว หลังจากนัน
เหล่าบรรดาชายชุดดําก็ลว้ นพากันนอนตายอยูท่ ีพืน......

ซากศพกระจัดกระจายเต็มพืน สายเลือดเจิงนองดังสายนํา กลินคาวเลือดคละคลุง้ ไปในอากาศทัวบริ เวณ ในมือ


ของคุณชายโอวหยางถือกระบียืนอยูท่ ่ามกลางบรรดาซากศพ ชายเสื อสี ขาวพลิวไหวไปตามสายลม ไร้สิงเปรอะ
เปื อนใด ๆ ใบหน้าอ่อนเยาว์งดงามดังภาพวาดโบราณ หล่อเหลาเสี ยจนผูค้ นมิอาจละสายตาได้ !

มู่หรงเสวียเลิกคิวเรี ยวขึน วรยุทธ์ของคุณชายโอวหยางนันสู งลํา กําลังภายในกล้าแกร่ ง เพลงดาบก็ลึกลําเสี ยจน


เสี ยผูค้ นหวาดกลัวและยําเกรง ไม่ผิดจากชือเสี ยงของเซี ยวเหยาอ๋ องซื อจือทีเลืองลือเลย......

“คุณชายโอวหยาง !” มู่หรงเสวียเดินเข้าไปด้านหน้า ตบเข้าไปทีไหล่ของเขาเบา ๆ เตรี ยมทีจะกล่าวชมเชยสัก


หลายคํา แต่ไม่คาดคุณชายโอวหยางจะล้มลงไปตามแรงตบเบา ๆ ของนาง......
ตอนที 163 เสวียเอ๋อร์ แบกคุณชาย
“คุณชายโอวหยาง !” มู่หรงเสวียร้องขึนอย่างตกใจ นางเร่ งรี บยืนมือออกไปพยุงร่ างของเขาเอาไว้ ให้เขาซบลงมา
ทีบ่าของนาง แล้วมองตรวจดูเขาอย่างละเอียด ก็เห็นว่าเขาปิ ดตาสนิทเข้าหากัน หายใจแผ่วเบาอย่างสมําเสมอ ขน
ตายาวพริ มปิ ดสนิ ทเกิดเป็ นเงาทอดยาวลงไปทีขอบตา สี หน้าซี ดขาวน้อย ๆ ริ มฝี ปากเจือปนไปด้วยสี ม่วงคลําดู
ไม่เป็ นธรรมชาติ !

นีเขา......พิษทีหลงเหลืออยูก่ าํ ลังกําเริ บอย่างนันหรื อ !

ตอนทีเขาถูกพิษงูในช่วงขณะนันพิษของมันก็ได้แพร่ กระจายไปทัวทังร่ างตามกระแสการไหลเวียนของเลือด


แล้ว ถึงแม้ว่านางจะขับพิษงูออกให้เขาแล้ว แต่ไม่มากก็นอ้ ยก็คงต้องมีหลงเหลืออยูบ่ า้ ง ซึ งหากกินยาเข้าไปสัก
สองชุดก็คงจะสามารถกําจัดพิษออกไปได้หมด แต่เดิมแล้วนันไม่ควรทีจะมีอะไรหนักหนา

แต่เขายังไม่ทนั ได้ใช้ตวั ยาก็ตอ้ งใช้ออกด้วยวรยุทธ์ ซึ งมันเป็ นการเพิมการแพร่ กระจายของพิษในกระแสเลือด


ดังนันพิษจึงพุ่งปะทะเข้าสู่ หัวใจจนสลบไม่ได้สติไป......

ทีโชคดีก็คอื พิษทีเหลืออยูม่ ีจาํ นวนน้อยจึงไม่ได้ออกฤทธิ กับเขารุ นแรงนัก !

มู่หรงเสวียหยิบเอาเข็มเงินออกมาเล่มหนึง แล้วก็ค่อย ๆ ปั กมันลงไปทีจุดชีพจรตรงอกของคุณชายโอวหยาง


หมุนไปมาเบา ๆ สี ม่วงคลําบนริ มฝี ปากของคุณชายโอวหยางก็คอ่ ย ๆ จางลงจนสลายหายไป ใบหน้าซี ดขาวของ
เขาค่อย ๆ กลับมามีสีเลือดฝาดเล็กน้อย......
“แค่ก แค่ก......” คุณชายโอวหยางไอออกมาเบา ๆ เพียงไม่กีครังก็ค่อย ๆ ลืมตาขึน พอดีกบั เห็นความกังวลใน
ดวงตาของมู่หรงเสวีย มุมปากของเขายกขึนยิมบาง ๆ “มิตอ้ งกังวลไป ข้าไม่เป็ นไร !”

“เจ้าได้รับบาดเจ็บหรื อไม่ ?” แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหว เมือครู่ นนนางมั


ั วแต่กงั วลเรื องทีจะขับพิษให้เขายัง
ไม่ทนั ได้ตรวจดูว่าเขาได้รับบาดเจ็บหรื อไม่

“ก็แค่นกั ฆ่าแค่ไม่กีสิ บคนเท่านัน ยังทําให้ขา้ บาดเจ็บไม่ได้หรอก” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนเสี ยงสู งด้วยท่าทาง


ภาคภูมิ

เช่นนันก็ดี ! มู่หรงเสวียถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก กลินคาวเลือดอันหนาแน่ นกระทบเข้ากับจมูก นางขมวด


คิวแน่นเข้าหากันพลางปรายตามองไปทีซากศพทีกระจัดกระจายอยูเ่ ต็มพืน กล่าวขึนเสี ยงเข้ม “ทีนี สกปรกนัก
พวกเราไปกันเถอะ !”

“แค่ก แค่ก......” คุณชายโอวหยางไอขึนเบา ๆ หลายเสี ยง แล้วกล่าวขึนอย่างไร้เรี ยวแรง “ตอนนี ข้าไร้เรี ยวแรงยิง


นักคงเดินต่อไปไม่ไหวแล้ว เจ้าไปทีวังเซี ยวเหยาอ๋ องช่วยเรี ยกสวินเฟิ งกับอู๋เหิ นมาให้ขา้ หน่อย ข้าจะรออยูท่ ีนี !”

“จะได้อย่างไรกัน !” มู่หรงเสวียส่ ายหน้าปฏิเสธข้อเสนอของเขา พิษทีหลงเหลืออยูใ่ นร่ างคุณชายโอวหยางเพิง


จะกําเริ บซําแม้แต่แรงจะเดินก็ยงั ไม่มี คนทีเป็ นวรยุทธ์แค่ผวิ เผินก็สามารถจัดการเขาจนตกตายได้แล้ว นางไม่มี
ทางปล่อยเขาเอาไว้ท่ามกลางกองซากศพเช่นนี ได้
“ข้าแบกเจ้าเอง !” มู่หรงเสวียหมุนกายหันหลังให้คุณชายโอวหยางอย่างคล่องแคล่ว

เมือมองไปทีเงาร่ างบอบบางของนาง คุณชายโอวหยางก็ชะงักไปเล็กน้อย “ตัวข้านันหนักมาก เจ้าจะแบกข้าไหว


หรื อ ?”

“อย่าพูดจาไร้สาระ ยังไม่ได้ลองเจ้าจะรู ้ได้อย่างไรว่าข้าแบกเจ้าไม่ไหว !” มู่หรงเสวียพูดขึนอย่างเสี ยอารมณ์


พลางคว้าจับไปทีแขนของเขาแล้วแบกเขาขึน

คุณชายโอวหยางโน้มตัวพิงเข้าไปทีแผ่นหลังของมู่หรงเสวีย เท้าทังสองข้างของเขายังคงอยูบ่ นพืน มีเพียงมือทัง


สองข้างทียืนพาดลําคอขาวนวลของนางไป แขนทังสองข้างลู่ลงไปทีด้านหน้าของนาง มองไปทีหน้าผากของ
นางทีมีเม็ดเหงือผุดออกมา แววตาของคุณชายโอวหยางก็เจือปนไปด้วยรอยยิมบาง ๆ

“เจ้าจับให้ดี ข้าจะเดินแล้วนะ !” มู่หรงเสวียกล่าวเตือนเสี ยงเบา ค่อย ๆ เดินออกไปด้านหน้าอย่างช้า ๆ

คุณชายโอวหยางพยักหน้าตอบรับ “ตกลง !”

ท้องฟ้ าค่อย ๆ มืดครึ มลง มู่หรงเสวียแบกคุณชายโอวหยางเดินออกจากตรอกเล็ก ๆ มาถึงทีถนนใหญ่ดา้ นหน้า


แล้วนางก็ค่อย ๆ แบกคุณชายโอวหยางเดินออกไปอย่างช้า ๆ บนหน้าผากปรากฏเม็ดเหงือออกมาจํานวนหนึ ง
คิวเรี ยวขมวดเข้าหากัน นางเดินไปข้างหน้าพร้อมกับสู ดลมหายใจเข้าลึก ๆ คุณชายโอวหยางทําไมถึงได้หนัก
เช่นนี !
ขอทานสามสี คนพากันปรากฏตัวออกมาจากคนละทิศทาง ฝี เท้าแผ่วเบาไร้ซึงซุ่ มเสี ยง มองหน้าสบตากัน
เล็กน้อยแล้วใช้ออกด้วยอาวุธลับอันคมกริ บดังศรแสง ส่ งพวกมันพุ่งแทงไปตามจุดชีพจรทัวร่ างของมู่หรงเสวีย

คุณชายโอวหยางยกยิมขึนอย่างเย็นยะเยือก นิ วมือภายใต้แขนเสื อดีดเบา ๆ ใบมีดสายลมคมกริ บพุ่งสวนเข้าโจมตี


ไปทีอาวุธลับนัน ได้ยนิ เสี ยง ‘ปั ง ปัง ปั ง’ ดังขึนเสี ยงเบา ทันใดนันอาวุธลับกลับเปลียนทิศทางหันกลับพุ่งโจมตี
ไปทีเจ้าของเดิม แทงลึกเข้าไปทีจุดชีพจรของพวกเขา......

ทันใดนันเหล่าบรรดาขอทานก็เบิกตากว้างขึน พวกเขาพร้อมใจพากันล้มลงสิ นใจไปบนพืนอย่างทีฝื นไม่ได้ มิใช่


ว่าคุณชายโอวหยางไร้เรี ยวแรงจนไม่สามารถเดินต่อไปได้แล้วหรอกหรื อ เหตุใดถึงยังสามารถใช้พลังปราณ
สวนกลับอาวุธลับของพวกเขาได้กนั

สายลมอ่อน ๆ พัดผ่าน จิตสังหารทีคล้ายมีคล้ายไม่มีสายหนึงปรากฏขึนทีตรงหน้า แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหว


เย็นยะเยือก รี บเงยหน้ามองไปอย่างรวดเร็ ว แต่กลับเห็นเพียงรอบด้านทีว่างเปล่า ไม่เห็นร่ องรอยของผูค้ นแม้แต่
น้อย “คุณชายโอวหยาง เมือครู่ เจ้าสัมผัสได้ถึงจิตสังหารหรื อไม่ ?”

“จิตสังหารหรื อ ไม่มีนี เจ้าคิดไปเองหรื อเปล่า” คุณชายโอวหยางตอบกลับอย่างเรี ยบ ๆ ศีรษะโน้มไปทีไหล่


ของมู่หรงเสวีย สัมผัสนุ่ มนิ มทําให้เขารู ้สึกไม่อยากจะผละออกไปจากมันอีก
“จริ งหรื อ” มู่หรงเสวียขมวดคิวเบา ๆ จิตสัมผัสถึงอันตรายทีบ่มเพาะมาหลายปี ของนางแต่ไหนแต่ไรมาก็ลว้ น
แม่นยําเสมอมา ไม่เคยผิดพลาดมาก่อน แต่ว่ารอบด้านในตอนนี กลับว่างเปล่า อีกทังยังเงียบเชียบอย่างมาก
ชัดเจนว่าไม่มีตวั อันตรายใด ๆ หรื อว่าจะเป็ นสัมผัสของนางเองทีผิดพลาด

เมือมองไปทีแววตาหงิกงอของนางนัน แววตาของคุณชายโอวหยางก็เจือปนไปด้วยรอยยิมบาง ๆ “เจ้าก็เดินมา


ได้ครึ งเค่อแล้ว ต้องการจะพักผ่อนหรื อไม่ ?”

“ไม่ตอ้ ง !” มู่หรงเสวียส่ ายหน้าปฏิเสธ ท้องฟ้ ายิงเริ มทีจะมืดมิดมากขึน บนถนนก็ยงอั


ิ นตรายมากขึน ทางทีดี
พวกนางควรกลับไปถึงให้เร็ วทีสุ ดจะดีเสี ยกว่า

“แต่เจ้าเหนือยจนเหงือออกเต็มหน้าผากแล้วนะ” คุณชายโอวหยางพูดขึนอย่างเรี ยบ ๆ ยกแขนเสื อใยไหมขึนเช็ด


ไปทีเหงือบนหน้าผากของมู่หรงเสวียเบา ๆ !

“ไม่เป็ นไร รอจนพวกเรากลับถึงจวนเจินกัวโหวแล้วค่อยพักก็ยงั ไม่สาย !” มู่หรงเสวียพูดขึนด้วยรอยยิมสดใส


เดินไปข้างหน้าต่อไป คุณชายโอวหยางไร้เรี ยวแรงเช่นนี เมือกลับถึงจวนแล้วถึงจะปลอดภัยทีสุ ด อยูข่ า้ งนอก
น้อยลงหนึงนาทีกจ็ ะสามารถปลอดภัยขึนได้หนึงส่ วน

เมือมองไปทีสายตาหนักแน่ นจริ งจังของนาง แววตาของคุณชายโอวหยางก็วบู ไหวอย่างเปล่งประกาย พลังปราณ


ไหลเวียนไปทัวทังร่ างอย่างรวดเร็ ว
อยู่ ๆ มู่หรงเสวียก็รู้สึกว่าคุณชายโอวหยางทีอยูบ่ นหลังนําหนักตัวเบาลงไปมาก การก้าวเท้าของนางค่อย ๆ เบา
และเร็ วขึนมา นางแบกคุณชายโอวหยางไปตามถนนใหญ่ผา่ นตรอกซอกซอยไปสายแล้วสายเล่าจนกระทังเดิน
เข้าไปในจวนเจินกัวโหว

ความมืดค่อย ๆ เข้ามากลํากราย เหล่าบรรดาสาวใช้ของจวนเจินกัวโหวล้วนพากันกลับเข้าห้องของตัวเองไป


หมดแล้ว จวนฝ่ ายในนันเงียบสงบ มู่หรงเสวียจึงแบกคุณชายโอวหยางกลับไปทีเรื อนหิ มะโปรยอย่างราบรื นไร้
ซึงการขัดขวางใด ๆ

เมือมองไปทีชุดโต๊ะเก้าอีและเตียงทีคุน้ เคย มู่หรงเสวียก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมายาว ๆ ในทีสุ ดก็กลับ


มาถึงแล้ว ถือว่าไม่ง่ายดายเอาเสี ยเลย !

“พยุงข้าไปนังทีเก้าอีเถอะ !” คุณชายโอวหยางพูดด้วยนําเสี ยงราบเรี ยบ

“จะได้อย่างไรกัน พิษทีเหลือบนร่ างกายของเจ้ายังไม่ได้ถูกขับออกจนหมด ไปนังเก้าอีทีแข็งขนาดนันจะสบาย


ตรงไหนกัน !” มู่หรงเสวียปฏิเสธข้อเสนอของเขา แล้วแบกเขาไปทีข้างเตียงแล้ววางเขาลงบนเตียงอย่าง
ระมัดระวัง

นางเปิ ดลินชักทีด้านข้างของเตียงออก แล้วหยิบเอาเม็ดยาลูกกลอนออกมาเม็ดหนึ งยืนไปให้คุณชายโอวหยาง “นี


คือยาแก้พิษสามารถแก้พิษทียังหลงเหลือในร่ างกายของเจ้าได้”

“ขอบใจมาก” คุณชายโอวหยางพูดขึนอย่างเรี ยบ ๆ แล้วรับเอาเม็ดยากินเข้าไป


มู่หรงเสวียเดินไปทีด้านข้างของโต๊ะกลม นางริ นชาแก้วหนึงแล้วยยกขึนจิบขึนเบา ๆ ลําคอทีแหบแห้งกระหาย
นําพลันค่อย ๆ อุ่นและสดชืนขึน “คุณชายโอวหยาง เจ้ารู ้สึกเป็ นอย่างไรบ้าง พลังภายในฟื นฟูขึนมาบ้างไหม”

“ดีขนหน่
ึ อยแล้ว” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนด้วยนําเสี ยงราบเรี ยบ

“ยาแก้พิษเม็ดนี เป็ นข้าทีทําขึนมาเอง มีสรรพคุณแก้พิษของงูอย่างดีทีสุ ด เจ้ากินมันลงไปพิษทีหลงเหลืออยูใ่ น


ร่ างกายก็คงจะถูกกําจัดออกไปได้ไม่นอ้ ยแล้ว ไม่จาํ เป็ นจะต้องไปใช้ตวั ยาอะไรอืนอีกแล้ว......” มู่หรงเสวียพูด
ขึนด้วยรอยยิมสดใส เมือหันกายมองไปทีคุณชายโอวหยางก็เห็นเขานอนอยูบ่ นเตียง ดวงตาทังสองข้างก็ปิด
สนิ ท หายใจเข้าออกอย่างสมําเสมอ ชายเสื อสี ขาวหิ มะลู่ลงไปทีพืนด้านล่างตามขอบเตียง ช่างดูสูงส่ งสง่างามจน
ไม่สามารถกล่าวออกมาเป็ นคําพูดได้......

มู่หรงเสวียเบิกตากว้างด้วยความแปลกใจ นีเขา......หลับสนิทเสี ยแล้ว !


ตอนที 164 นอนร่ วมเตียง

“คุณชาย คุณชาย !” มู่หรงเสวียเดินไปทีข้างเตียง เรี ยกเขาขึนเสี ยงเบา

ดวงตาของคุณชายโอวหยางปิ ดสนิท ไม่ได้ตอบกลับแม้แต่นอ้ ย

มู่หรงเสวียขมวดคิวขึนน้อย ๆ ตอนแรกนันนางนึ กว่าหลังจากทีเขากินยาแก้พิษเข้าไปแล้วก็จะออกจากเรื อนหิ มะ


โปรยกลับไปทีวังเซี ยวเหยาอ๋ อง แต่กลับคาดไม่ถึงว่าเขาจะนอนหลับสนิ ทไปบนเตียงของนางดือ ๆเช่นนี เขาทํา
อย่างนี ได้อย่างไรกัน

หรื อว่านางจะปลุกเขาให้ตืนแล้วไล่เขาออกไปดี แต่ว่าพิษทีเหลือในร่ างของเขายังไม่ได้ถูกขับออกไปจนหมด


ดังนันช่วงนี จึงไม่เหมาะนักทีเขาจะเดินเหิ นหรื อขยับเคลือนไหว แต่ถา้ หากนางไม่เรี ยกเขา ก็ไม่รู้วา่ เขาจะตืน
ขึนมาเมือไหร่ ......

เมือมองไปทีท้องฟ้ าด้านนอกของหน้าต่างทียิงค่อย ๆ มืดมิดมากยิงขึน มู่หรงเสวียก็ถอนหายใจออกมาหนัก ๆ ดู


ท่าทางคงต้องให้เขาพักผ่อนอยูท่ ีนี คืนนึงเสี ยแล้ว ทีด้านหน้าของหน้าต่างก็ยงั มีตงที
ั นอนอยูห่ ลังหนึง นางไป
นอนทีตังก็คงจะพอได้
เมือคิดได้เช่นนัน มู่หรงเสวียก็เดินไปทีหลังฉากกันตักเอานําร้อนมาขันหนึ ง ชุบผ้าขาวลงไปในนัน บิดจนแห้ง
หมาด ๆ แล้วเช็ดเข้าทีใบหน้าของคุณชายโอวหยางอย่างแผ่วเบา ก่อนนอนนางมักจะชอบอาบนํา ชําระล้างความ
เหน็ดเหนื อยรวมถึงสิ งสกปรก คุณชายโอวหยางทีเป็ นคนรักสะอาดถึงขนาดนันแน่ นอนว่าจะต้องอาบนําทุกวัน
แต่ว่าตอนนีเขากําลังหลับสนิ ทไม่สามารถทีจะอาบนําเองได้ นางก็คงทําได้แค่เช็ดหน้ากับเช็ดแขนให้เขาเท่านัน

ผ้าอุ่นร้อนลูบไล้ไปตามใบหน้า ช่างอุ่นสบายจนบรรยายออกมาเป็ นคําพูดไม่ได้ ดวงตาภายใต้เปลือกตาของ


คุณชายโอวหยางสันไหวเบา ๆ แต่เพียงพริ บตาก็กลับไปเรี ยบสงบดังเดิม !

มู่หรงเสวียนันมองไม่เห็น นางกําลังตังอกตังใจเช็ดมือทังสองข้างให้คุณชายโอวหยาง พอเสร็ จแล้วก็โยนผ้าเปี ยก


ลงไปในขันนํา หันไปถอดรองเท้าให้เขาอย่างเบามือ ยกขาทีตกอยูข่ า้ งเตียงของเขาขึนไปไว้บนเตียง

มือเรี ยวเล็กขาวนวลยืนไปทีเอวของเขา ช่วงขณะทีปลายนิ วมือสัมผัสไปโดนเข็มขัดของเขานัน ใบหน้างดงาม


ของนางก็กลายเป็ นสี แดงระเรื อ

ชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดกัน นางเป็ นผูห้ ญิง แต่ตอ้ งมาผลัดเปลียนเสื อผ้าให้ผูช้ ายเช่นคุณชายโอวหยางเช่นนี ดู


แล้วไม่ค่อยเหมาะสมนัก แต่ว่าหากให้เขาใส่ เสื อผ้านอนเช่นนี คงจะทําให้รู้สึกไม่สบายตัวนัก และนางก็ถอด
เพียงเสื อนอกของคุณชายโอวหยางออกเท่านัน ก็คงไม่นบั ว่าเกินเลยอะไรมากนักหรอกใช่ไหม

เมือถอดสายรัดเสื อกับกระดุมของคุณชายโอวหยางออกแล้ว มู่หรงเสวียก็พยุงไหล่ของคุณชายโอวหยางให้ลุก


ขึนนัง คิดทีจะถอดเสื อชุดนอกให้เขา แต่ไม่คาคว่าอยู่ ๆ คุณชายโอวหยางจะกลับพลิกกายเสี ยอย่างนัน มู่หรง
เสวียทียังไม่ได้ดึงแขนของตนออกมา จึงทําให้ทงร่
ั างของนางล้มกระเด็นเข้าไปยังเตียงด้านใน
เมือแผ่นหลังสัมผัสได้ถึงผ้านุ่ มลืน มู่หรงเสวียก็มีอาการตืนตกใจ เตรี ยมทีจะชันกายลุกขึน แต่อยู่ ๆ คุณชาย
โอวหยางก็พลิกกายอีกครัง เพียงพริ บตาร่ างกายสู งโปร่ งก็พลิกมากดทับอยูบ่ นตัวของนาง บดบังเรื อนร่ างเรี ยว
เล็กบอบบางของนางจนเสี ยมิดชิด

แผ่นอกแข็งแกร่ งของเขาอยูใ่ กล้แค่เอือมตรงหน้า กลินหอมของไม้ไผ่จาง ๆ ลอยโชยเข้ากระทบกับจมูก ช่างมี


กลินทีหอมสดชืนยิงนัก แต่ร่างสู งใหญ่ดา้ นบนกดทับเสี ยจนมู่หรงเสวียหายใจอย่างติดขัด นางจึงกล่าวประท้วง
ขึน “คุณชายโอวหยาง เจ้าทับข้าแล้ว......”

ไม่รู้ว่าคุณชายโอวหยางหลับสนิทจริ ง ๆ หรื อว่าแกล้งทํา เขายังคงนิงเงียบไม่ขยับเคลือนไหวเหมือนเดิมแต่อย่าง


ใด

มู่หรงเสวียถลึงตามองไปทีเขา หัวน้อย ๆ ของนางหันซ้ายหันขวาเพือทีจะหาช่องว่างหาอากาศหายใจไปทัว มือ


ทังสองข้างขยับซ้ายขวาไปมา ดินรนจนสุ ดชีวิตในทีสุ ดก็สามารถหลุดออกจากการกักขังของคุณชายโอวหยาง
ได้ นางหยิกเข้าไปทีแก้มของเขาเบา ๆ ใช้แรงดึงมันออกทังสองข้าง คํารามต่อว่าอย่างดุร้าย “คุณชายโอวหยาง
ตืน ตืน......รี บตืนเดียวนี......ถ้าหากเจ้ายังไม่ยอมเปิ ดตาข้าจะหยิกเจ้าให้เสี ยโฉม......”

ใบหน้าหล่อเหลาของเขาถูกนางหยิกไปหยิกมา หยิกจนขึนเป็ นรอยแดง รู ้สึกเจ็บ ๆ คัน ๆ คุณชายโอวหยางเพียง


ไอออกมาเบา ๆ เล็กน้อย แล้วเปิ ดเปลือกตาขึนอย่างช้า ๆ ดวงตาสี ดาํ ขลับนันดูงงงวยและสับสน “เกิดอะไรขึน”
“เจ้ายังจะแกล้งทําอีก !” มู่หรงเสวียโมโหเกรี ยวกราด ฟาดมือเข้าไปทีจุดชีพจรของเขาอย่างแรง นางเคยได้ยนิ ว่า
ถ้าถูกตีเข้าทีจุดชีพจรจะทําให้ผคู ้ นเจ็บปวดทรมานไม่นอ้ ย ถ้าเช่นนันนางก็จะลองดู

เสี ยงแหวกอากาศรุ นแรงพุ่งเข้ามา คิวดกดําของคุณชายโอวหยางเลิกขึนเบา ๆ แล้วยืนมือออกไปจับข้อมือของ


นางไว้ ดวงตาสี ดาํ ขลับเปล่งประกายวูบไหวด้วยความมุ่งมัน “อย่าได้โกรธไปเลย ข้าจะรับผิดชอบแน่นอน !”

รับ...รับผิดชอบ ! ประโยคนี อีกแล้ว ความเกรี ยวกราดในใจของมู่หรงเสวียยิงเพิมทวีสูงขึน นางกล่าวขึนอย่างดุ


ร้าย “ใครใช้ให้เจ้ารับผิดชอบกัน” นางก็แค่อยากตีเขาแรง ๆ สักครังเพือระบายอารมณ์อดั อันทีเกิดขึนเมือครู่
เท่านัน

เมือมองไปทีใบหน้าหงิกงอของนาง ส่ วนลึกในแววตาของคุณชายโอวหยางก็มืดมนลงเล็กน้อย นางยังคงไม่


เข้าใจความรู ้สึกนึ กคิดของเขา......

พลังปราณทีเงียบสงบพริ บตาไหลเวียนอย่างบ้าคลังไปทัวทังร่ าง คุณชายโอวหยางยกมือขึนไปกุมทีอก ไอ


ออกมามาอย่างรุ นแรง !

“เจ้าเป็ นอะไรไป” แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหว นางรี บยืนมือออกไปลูบหลังของเขา ลูบเบา ๆ ด้วยความ


อ่อนโยน

“ไม่เป็ นไร......” คุณชายโอวหยางพูดขึนอย่างราบเรี ยบ แต่วา่ ยิงกลายเป็ นไอหนักขึน ริ มผีปากบางของเขาค่อย ๆ


ซีดลงเล็กน้อย
“นีคงเป็ นพิษในร่ างของเจ้าทียังไม่ได้ถูกขับออกไปจนหมด ลมหายใจก็ยงั ติด ๆ ขัด ๆ เจ้ารี บนอนลงพักผ่อน
เดียวนี !” มู่หรงเสวียพูดขึนอย่างเร่ งรี บ กดคุณชายโอวหยางให้นอนลงบนเตียง เตรี ยมทีจะข้ามตัวเขาไป แต่อยู่ ๆ
ข้อมือก็ถูกคุณชายโอวหยาฉุ ดเอาไว้ “เจ้าจะไปไหน”

“ไปเอานําให้เจ้า” มู่หรงเสวียมองไปทีเขา ตอบกลับเสี ยงเบา

“ข้าไม่ดืม เจ้าแบกข้ามาตลอดทางแน่นอนว่าจะต้องเหนือยแล้ว เจ้าเองก็นอนลงพักผ่อนเถอะ”

คุณชายโอวหยางพูดขึนอย่างราบเรี ยบคล้องเอวของมู่หรงเสวียลากนางกลับมาทีเตียง แขนอีกข้างหนึ งยืนสอด


เขามาใต้ลาํ คอของนาง เพือให้นางใช้หนุนแทนหมอน

กลินหอมจาง ๆ ของไม้ไผ่ห้อมล้อมไปทัวทังตัวของนาง ดวงตาของมู่หรงเสวียวูบไหวอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ


นางไม่คุน้ ชินเอาเสี ยเลยทีต้องนอนเตียงเดียวกับผูช้ ายเช่นนี แต่ว่าคุณชายโอวหยางกําลังป่ วย ไม่ควรขยับ
เคลือนไหวหรื อมีอารมณ์โกรธโดยง่าย เช่นนันนางก็ทาํ ตามความต้องการของเขาไปก่อนแล้วกัน นอนไปสักพัก
รอให้เขาหลับสนิ ทแล้ว ตอนนันนางค่อยจากไป

มู่หรงเสวียค่อย ๆ พลิกกายพลางยืนแขนออกไปข้างหนึงลูบไปทีแผ่นหลังของคุณชายโอวหยางเบา ๆ “ดีขึนบ้าง


หรื อไม่”
ว !” คุณชายโอวหยางพยักหน้า เกยคางเข้าไปทีหัวของมู่หรงเสวีย กลินหอมจาง ๆ ของบัวอัคคีโชย
“ดีขนมากแล้

เข้าจมูก มุมปากของเขายิมขึนด้วยความสง่างาม “ท้องฟ้ าก็มืดมากแล้ว เจ้ายังจะรับสํารับเย็นอยูอ่ ีกหรื อไม่ ?”

“ข้าไม่หิว !” มู่หรงเสวียส่ ายหน้าอาจจะเป็ นเพราะว่ารับสํารับกลางวันเลยเวลาออกมามากเกินไป จนถึงตอนนี


นางยังไม่รู้สึกหิ วเลยสักนิด แต่ตรงกันข้ามกลับรู ้สึกเพลียเป็ นอย่างมากแทน แบกคุณชายโอวหยางเดินมาตังไกล
แน่นอนว่าคงจะต้องเหนื อยล้าอยูแ่ ล้ว นางควรจะพักสักครู่ ......

มู่หรงเสวียค่อย ๆ ปิ ดตาลง เสี ยงหัวใจทีเต้นแรงของคุณชายโอวหยางดังขึนทีข้างหู คล้ายกับเนือเพลงเสนาะหู


กําลังเล่นบรรเลงอยูอ่ ย่างไรอย่างนัน ทําให้นางหลับใหลลงไปอย่างไม่รู้เนือรู ้ตวั

มองไปทีใบหน้าเหนื อยล้าอ่อนเพลียของนาง แววตาของคุณชายโอวหยางก็เจือปนไปด้วยรอยยิมน้อย ๆ ชัดเจน


ว่าเมือครู่ เขายังเป็ นคนทีถูกพิษและได้รับบาดเจ็บ นางทียังดีดีอยูท่ าํ ไมถึงได้หลับสนิ ทเร็ วกว่าเขากัน......

เสี ยงเบา ๆ ทียากจะได้ยนิ เสี ยงหนึ งดังขึนมาจากด้านนอกหน้าต่าง แววตาของคุณชายโอวหยางวูบไหวเย็นยะ


เยือก เขายืนมือออกไปปิ ดหู ของมู่หรงเสวียแล้วมองไปทีอากาศธาตุอนั ว่างเปล่าพลางกล่าวขึนเสี ยงเย็น “สื บได้
ความว่าอย่างไรบ้าง ?”

สวินเฟิ งในชุดสี ดาํ ปรากฏขึนกลางอากาศทางด้านนอกของหน้าต่าง กล่าวรายงานอย่างนอบน้อม “เรี ยนคุณชาย


สื บได้ชดั เจนแล้วขอรับ พวกทีปรากฏกายออกมาสังหารท่านกับคุณหนู ม่หู รงเป็ นพวกทหารองครักษ์จากแคว้น
ม่อเป่ ย......”
ทหารองครักษ์ของม่อเป่ ย !

ดวงตาสี ดาํ ขลับดังอัญมณี ของคุณชายโอวหยางหรี เล็กลง “เป็ นฉิ นเฮ่าเหยียนส่ งมาใช่หรื อไม่”

“เก้าในสิ บส่ วนขอรับ !” สวินเฟิ งตอบกลับเสี ยงตํา ในเมืองหลวงของแคว้นชิงเหยียนมีเพียงฉิ นเฮ่าเหยียนกับ


ฉิ นยวีเยียนสองคนเท่านันทีเป็ นคนของม่อเป่ ย พวกบรรดาทหารองครักษ์เหล่านี ก็ลว้ นเป็ นกลุ่มเดียวกันกับพวก
ทีติดตามฉิ นเฮ่าเหยียนมาจากแคว้นม่อเป่ ย คงจะเชือฟั งคําสังของพวกเขาสองพีน้องเป็ นอย่างมาก ฉิ นยวีเยียนนัน
เป็ นองค์หญิงแห่ งแคว้นม่อเป่ ยแต่ว่านางมีอาการบาดเจ็บสาหัสอยูก่ บั ตัว ขยับเคลือนไหวเองคงไม่สะดวกนัก ถ้า
หากคิดอยากจะสังการองครักษ์ม่อเป่ ยทีมากมายขนาดนัน แน่ นอนว่าจะต้องเป็ นเรื องทีง่ายดาย......
ตอนที 165 ชีแนะพีเขย

“จับตาฉิ นเฮ่าเหยียนให้ดี ทางฉิ นยวีเยียนก็อย่าได้ลดการเฝ้ าระวัง !” คุณชายโอวหยางพูดขึนเสี ยงเย็น ดวงตาสี ดาํ


ขลับของเขาวูบไหวไปด้วยความลึกลําดังก้นมหาสมุทร พวกเขาเป็ นคนของฮ่องเต้แห่ งแคว้นม่อเป่ ย ล้วนแล้ว
สามารถสังการทหารองครักษ์ของม่อเป่ ยได้ แต่ผทู ้ ีอยูเ่ บืองหลังทีแท้จริ งจะเป็ นใคร อย่างไรคงต้องตามสื บดู
ต่อไป......

“ขอรับ !” สวินเฟิ งรับคําสังเสี ยงเข้ม จากมุมมองของเขานันเห็นคุณชายโอวหยางนอนเอนอยูบ่ นเตียงเพียงคน


เดียว เขาจึงเลิกคิวขึนเล็กน้อย กล่าวเสี ยงตํา “คุณชาย ท่าน......”

“ยังมีธุระ ?” คุณชายโอวหยางหันมองไปทางสวินเฟิ ง แววตาวูบไหวเปล่งประกายคมกริ บ เขาทีเห็นเช่นนันต้อง


หลังเหงือเย็นออกมา “ไม่...ไม่มีขอรับ เช่นนันข้าน้อยขอลา !” สวินเฟิ งกล่าวขึนอย่างเร่ งรี บ เพียงพริ บตาก็หาย
ตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

คุณชายโอวหยางดึงสายตากลับไปก้มมองไปทีมู่หรงเสวีย เห็นดวงตาทังสองข้างของนางปิ ดสนิท หายใจเข้า


ออกอย่างสมําเสมอ ขนตายาวพริ มสวยดังผีเสื อทอดยาวเป็ นเงาลงบนขอบตา ใบหน้างามขาวซี ดน้อย ๆ นอน
หลับนิ งสงบจนเขาอดไม่ได้ทีจะล่วงเกิน
คุณชายโอวหยางยกยิมมุมปากขึนบาง ๆ แล้วลากเอาผ้าห่ มจากด้านในห่ มลงทีร่ างของพวกเขาทังสอง นิวมือหยก
ลูบไล้ทีใบหน้าเรี ยวเล็กเรี ยบเนียนดังกระเบืองสี ขาวของนาง พลางถอนหายใจออกมาอย่างเหนือยอ่อนใจ ทําไม
นางถึงได้โง่งมขนาดนีนะ เมือไรถึงจะฉลาดขึนมาบ้าง จะได้รับรู ้ถึงความรู ้สึกทีเขามีต่อนาง......

ในระหว่างทีสะลึมสะลืออยูน่ นั มู่หรงเสวียก็คิดทีอยากจะพลิกกาย แต่ไม่ว่าจะทําอย่างไรก็ไม่สามารถขยับได้


กลินหอมจาง ๆ ของไม้ไผ่ลอยกระทบเข้ากับจมูก มู่หรงเสวียย่นคิวน้อย ๆ จากนันก็ค่อย ๆ ลืมตาขึนอย่างช้า ๆ

แผ่นอีกสี ขาวเรี ยบเนี ยนกระทบเข้าสู่ สายตา เสี ยงหัวใจเต้นแรงดังขึนทีข้างหู ลมหายใจอุ่นร้อนพ่นรดบนเส้นผม


แขนแกร่ งโอบกอดเอวของนางไว้แน่น มู่หรงเสวียถอนหายใจออกมาอย่างหมดคําทีจะพูดกล่าว เมือวานนางคิด
ว่าจะพักผ่อนเพียงชัวครู่ แต่คาดไม่ถึงว่าพอปิ ดตาลงก็หลับสนิทมาจนถึงตอนนี ......

“น้องหญิง น้องหญิง...ข้ากลับมาแล้ว......” เสี ยงเรี ยกร้องอย่างยินดีดงั ขึน ตามมาด้วยประตูห้องนอนทีถูกผลัก


ออก เงาร่ างผอมแห้งทีเห็นได้ชดั ตาปรากฏขึนสู่ สายตา สี หน้ายิมแย้มเตรี ยมทีจะก้าวเข้ามาด้านในห้อง

“ฟ้ าว !” สายลมแหลมคมทีรุ นแรงสายหนึ งพัดผ่านประตูหอ้ งทีเปิ ดออกกว้าง เพียงพริ บตาก็กลายเป็ นปิ ดสนิท
เสี ยง ‘ปั ง’ ดังขึนเสี ยงหนึ งขวางกันมู่หรงเย่เอาไว้ดา้ นนอก เสี ยงร้องขึนอย่างเจ็บปวดดังขึนมาจากด้านนอก “ไอ้
หยา จมูกของข้า......เกือบถูกกระแทกจนหักแล้ว......”

มู่หรงเสวียชะงักไปครู่ หนึง แล้วค่อย ๆ หันหน้ามองไป ก็เห็นคุณชายโอวหยางทีไม่รู้ว่าลืมตาขึนมาตังแต่เมือใด


กําลังมองไปทีประตูห้องอย่างราบเรี ยบ ดวงตาสี ดาํ ขลับอันปราดเปรื องเปล่งประกายดํามืดของเขาคล้ายกับไม่
พอใจเรื องทีมู่หรงเย่บุกรุ กเข้าห้องของนางยิงนัก
มู่หรงเสวียมองไปทีเขาอย่างไม่เข้าใจนัก “เจ้าทําอะไร”

“ชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดกัน เขาจะมาบุกรุ กเข้าห้องของเจ้าตามอําเภอใจได้อย่างไร” คุณชายโอวหยางพูดเน้นขึน


ทีละคํา ดวงตาสี ดาํ ขลับเปล่งประกายอย่างมืดมิดอํามหิ ต

มู่หรงเสวียหมดวาจาไร้คาํ พูด กล่าวเน้นยําขึนว่า “เขาเป็ นพีชายของข้า !”

“พีชายของเจ้าก็เป็ นผูช้ าย ชายหญิงหลังจากเจ็ดขวบปี ไปแล้วไม่ควรทีจะใกล้ชิดกัน เจ้าลืมไปแล้วหรื อว่าเขานัน


อายุสิบสี ปี แล้ว !” คุณชายโอวหยางเลิกคิวมองไปทีนาง หางตาของเขาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

มู่หรงเสวียเงียบงัน “......”

ถ้าเช่นนันเขาเองก็ไม่ใช่ผูช้ ายหรอกหรื อ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้บุกรุ กเข้าห้องของนาง แต่กอ็ ยูค่ า้ งคืนทีห้องของนาง


มากกว่าหนึงคืนเสี ยอีก......

เมือเห็นว่านางนิงเงียบไม่กล่าววาจาใด สี หน้าของคุณชายโอวหยางก็ค่อย ๆ อ่อนลง เขาค่อย ๆ ขยับลงจากเตียง


หยิบเอาชุดนอกสี ขาวทีอยูข่ า้ งเตียงขึนมาสวมใส่ อย่างประณี ตบรรจง แล้วกล่าวขึนอย่างราบเรี ยบ “เวลายังคงเช้า
อยูเ่ ลย กลางวันนีเจ้าก็ไม่มีเรื องราวหรื อธุระใด เช่นนันก็นอนต่ออีกสักหน่ อยเถอะ”
มู่หรงเย่มาถึงปากประตูขนาดนีแล้ว นางไหนเลยจะพักผ่อนได้ !

มู่หรงเสวียเบ้ปากพลิกกายลงจากเตียง แล้วเดินไปทีตูเ้ สื อผ้าหยิบเอาชุดกระโปรงยาวแล้วค่อย ๆ เดินนวยนาดไป


เปลียนเสื อผ้าทีด้านหลังฉากกัน

มู่หรงเย่ทีอยู่ดา้ นนอกประตูร่างกายแข็งทือ ดวงตาเบิกกว้างขึนด้วยความตกตะลึง เหตุใดในห้องของน้องหญิงถึง


มีเสี ยงผูช้ ายได้

เขาเคาะประตูแรง ๆ เร่ งถามขึน “น้องหญิง ข้าเข้าไปได้หรื อไม่”

“เข้ามาสิ ” เสี ยงทุม้ ของชายหนุ่ มลอดผ่านประตูออกมา มู่หรงเย่สะดุดเท้าเกือบจะเซล้มลง เขาไม่สนใจแม้แต่นอ้ ย


เลยว่าคนอืนจะรู ้ว่าเขาอยูใ่ นห้องของน้องหญิง ช่างบังอาจเหิ มเกริ มยิงนัก ไม่รู้วา่ เขาเป็ นใคร ยิงใหญ่มาจากไหน
กัน !

เมือผลักประตูเปิ ดอ้าออกก้าวเข้าไปด้านในห้อง มู่หรงเย่กเ็ ดินตรงเข้าไปทีห้องด้านใน สายตาก็เห็นชายผูห้ นึงที


อยูใ่ นชุดสี ขาวกําลังยืนอยูต่ รงกลางห้อง ร่ างกายองอาจสู งใหญ่ ชายเสื อสี ขาวลากยาวลงบนพืนโดยไร้ซึงสิ งแปด
เปื อน ผมยาวสี ดาํ ดังใยไหมรวบสู งขึนด้วยรัดเกล้าสี ขาวหยก ปล่อยยาวลงไปด้านหลัง ใบหน้าหล่อเหลาดัง
ภาพวาดมายาอันงดงาม กลินอายเย็นยะเยือกดังดวงจันทร์ บนฟากฟ้ า ช่างทําให้ผคู ้ นรู ้สึกหวาดกลัวและยําเกรงยิง
นัก !

ทันใดนันมู่หรงเย่กเ็ บิกตากว้างขึน แล้วกล่าวขึนอย่างอํา ๆ อึง ๆ “คุณ...คุณชายโอวหยาง......”


คุณชายโอวหยางตอบรับเพียงเบา ๆ เสี ยงหนึ ง “ไม่ใช่ว่าเจ้าอยูใ่ นค่ายทหารหรอกหรื อ ทําไมอยู่ ๆ ถึงกลับออกมา
ได้”

เสี ยงสอบถามอันชัดเจนดังเข้าหู มู่หรงเย่ยกยิมขึนอย่างไม่เป็ นธรรมชาติเล็กน้อย “แม่ทพั จางบอกว่าข้านัน


ประพฤติตนดี เลยให้วนั หยุดข้าเป็ นพิเศษเป็ นสามวันแล้วให้ขา้ กลับบ้านมาเยียมครอบครัวได้” พ่อแม่ของเขา
ล้วนสิ นใจไปแล้วทังคู่ น้องสาวจึงถือเป็ นครอบครัวเพียงหนึ งเดียวของเขา พอเขากลับมาถึงจวนเจินกัวโหวก็เลย
รี บมาเยียมน้องสาวก่อน

ทีแท้กเ็ ป็ นเช่นนี ! คุณชายโอวหยางพยักหน้าอย่างเข้าใจ แล้วกล่าวขึนอย่างเรี ยบเฉย “เจ้าอยูท่ ีค่ายทหารเรี ยนรู ้


อะไรไปบ้างแล้ว”

“เพลงดาบ กระบวนท่าต่อสู ้ วิชาตัวเบา อีกยังมีการวางแผนทําการรบ......” มู่หรงเย่กล่าวไล่เรี ยงขึนอย่างไม่หยุด


ด้วยจิตใจทีเบิกบาน ตอนเข้าไปในค่ายทหารแรก ๆ เขาก็รู้สึกชอบทีนันทันที ระยะเวลาสัน ๆ เพียงเดือนกว่า ๆ
เขาก็ได้เรี ยนรู ้สิงต่าง ๆ มากมายทีต่างไม่เคยได้พบเจอมาก่อน ยิงเรี ยนก็ยงรู
ิ ้สึกชอบ......

เมือมองไปทีดวงตาเปล่งประกายสดใสของเขา คุณชายโอวหยางก็ยกมุมปากขึน ดูท่าว่าค่ายทหารจะเหมาะกับ


นิสัยของเขานัก ให้เขาเข้าค่ายทหารนันนับว่าเป็ นเรื องทีถูกต้องแล้ว “อะไรคือสิ งทีเจ้าเรี ยนได้ดีทีสุ ด”

“น่าจะเป็ นเพลงดาบกับการวางแผนการรบ ข้าชอบทังสองอย่างนี มากทีสุ ดแล้ว” มู่หรงเย่ไม่ได้กล่าวบอกออกไป


ว่าบรรดาวิชาดาบกับการวางแผนการรบทีพวกแม่ทพั ถ่ายทอดสอนให้นนั เขานันสามารถเข้าใจได้อย่างรวดเร็ ว
อีกทังยังสามารถชีแนะข้อบกพร่ องของแผนการและวิชาเหล่านันออกมาได้ไม่มากก็น้อย ทุก ๆ ครังทีได้ฟังคํา
ชีแนะจากเขา พวกบรรดาแม่ทพั ล้วนทึงตืนตะลึงกันเป็ นอย่างมาก ล้วนพากันชมว่าเขามีพรสวรรค์ทีไม่ธรรมดา

แววตาของคุณชายโอวหยางวูบไหวเล็กน้อย มู่หรงเยว่นนถนั
ั ดวิชาดาบกับการวางแผนการรบมากทีสุ ด ไม่ผดิ
เลยทีเป็ นพ่อลูกกัน “เช่นนันก็หมายความว่าวิชาดาบของเจ้านันก็ไมธรรมดาสิ นะ”

“ถือว่าน่าจะพอรับได้ แหะแหะ......” เขาเพียงเรี ยนวิชาดาบมาได้แค่เดือนกว่า ๆ คงนับได้เพียงว่าสําเร็ จเพียง


เล็กน้อยเท่านัน

“เช่นนันเจ้าลองแสดงกระบวนท่าให้ขา้ ดูสิว่ามีตรงไหนทีต้องแก้ไขบ้าง !” คุณชายโอวหยางพูดขึนเสี ยงเรี ยบ

“ดี ดี ดี!” มู่หรงเย่พยักหน้าอย่างรัวเร็ ว แววตาวูบไหวไปด้วยความตืนเต้นยินดี ได้รับการชีแนะจากคุณชายโอวห


ยาง ถือเป็ นบุญวาสนาทียากนักทีจะได้รับ เขาไม่มีทางทีจะยอมพลาดแน่ “ในห้องข้าวของเยอะไปหน่ อย คง
แสดงออกมาได้ไม่เต็มทีนัก พวกเราไปด้านนอกกันเถอะ”

มู่หรงเสวียอาบนําแต่งตัวเสร็ จเรี ยบร้อย พอนางเดินออกมาจากหลังฉากกัน ก็พบว่ามู่หรงเย่ได้นาํ ทางคุณชาย


โอวหยางเดินออกจากห้องไปแล้ว ก้าวยาว ๆ ไปทีภูเขาจําลองด้านนอกเรื อนหิ มะโปรย

เมือมองไปทีใบหน้ายิมแย้มสดใสของมู่หรงเย่ มู่หรงเสวียก็หมดวาจาไร้คาํ พูด แค่คาํ พูดไม่กีคํานัน ไม่เพียงแต่


สลายความรู ้สึกต่อต้านของมู่หรงเย่ทีมีต่อเขาให้หายไปเท่านัน แต่ยงั สามารถทําให้มู่หรงเย่ยอมรับเขาทังกายและ
ใจ เคารพเทิดทูนเขาจนถึงทีสุ ด คุณชายโอวหยางนันยิงนานวันยิงร้ายกาจ ไม่ผดิ ไปจากชือเสี ยงของคุณชายเซี ยว
เหยาอ๋ องทีเลืองลือเลยแม้แต่นอ้ ย !

ไม่รู้ว่าเขาเตรี ยมทีจะชีแนะวิชาดาบให้ม่หู รงเย่อย่างไร

มู่หรงเสวียกะพริ บตาปริ บ ๆ แล้วค่อย ๆ เดินออกไปด้านนอก นางเร่ งเท้าเดินไปทีภูเขาจําลอง......


ตอนที 166 ความขัดแย้ งทีเลวร้ ายลง
ด้านข้างของภูเขาจําลอง มู่หรงเย่ถือดาบไว้ในมือแล้วออกร่ ายรําเพลงดาบไปมาอย่างรวดเร็ ว ใบดาบคมกริ บ
ภายใต้แสงอาทิตย์ทีสาดส่ องวูบไหวเปล่งประกายหนาวเหน็บ ทําให้สายตาของผูค้ นพร่ ามัว กระบวนท่าดาบดู
คล่องแคล่วไหลลืนและปราณดาบทีร้ายกาจ ทําให้ผคู ้ นทีได้ดูชมรู ้สึกยําเกรง !

ฝึ กฝนอยูแ่ ต่ในค่ายทหารมาหลายวัน ใบหน้าของเขาก็ยงั คงขาวสะอาดอยูเ่ หมือนเดิม ไม่มีแม้แต่รอยหมองคลํา


จากการกรําแดดแม้แต่น้อย ตอนนี เขาทีกําลังร่ ายรําดาบนัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความตังใจและความจริ งจังมุ่งมัน
จนผูค้ นทีได้เห็นต้องรู้สึกตกตะลึง

ข้อมือพลิกไปมา ปลายดาบแหลมคมชีไปทีภูเขาจําลอง ได้ยนิ เสี ยง ‘ปั ง’ ดังขึนเสี ยงหนึ งภูเขาจําลองทีทํามาจาก


หิ นแข็งพลันถูกทําลายจนแหว่งออกไป ชัวขณะนัน เศษหิ นฟุ้ งกระจาย ฝุ่ นควันคละคลุง้ ไปทัวบริ เวณ......

มู่หรงเย่ยนื อยูด่ า้ นในฝุ่ นควัน เก็บดาบเข้าฝักอย่างคล่องแคล่วดูชาํ นิ ชาํ นาญ ดวงตาสี ดาํ ขลับของเขาวูบไหวเปล่ง
ประกายไปด้วยความหนักแน่นและมุ่งมันอย่างทีไม่เคยเป็ นมาก่อน !

“คุณชายโอวหยาง เพลงดาบของข้าเป็ นอย่างไรบ้าง” มู่หรงเย่เดินออกมาจากกลุ่มควันทีคละคลุง้ นัน แววตาเปล่ง


ประกายวูบไหวมองมาทีคุณชายโอวหยาง พลางกล่าวสอบถามขึนอย่างถ่อมตัว

“กระบวนท่าดูคล่องแคล่วไหลลืน ท่วงท่าการใช้ดาบนันก็แม่นยําเป็ นอย่างมาก แต่ว่ากระบวนท่าดาบของเจ้ายัง


ขาดความรวดเร็ วและกําลังทีใช้ออกนันยังเบาไปนัก วิชาดาบชุดนี ดูแล้วเจ้าคงเพิงจะสําเร็ จไปแค่เพียงห้าส่ วน ที
เหลืออีกห้าส่ วนจะต้องกลับไปฝึ กฝนต่อให้ดี......”
คุณชายโอวหยางกล่าวชีแนะด้วยสี หน้าเรี ยบเฉย วิชาดาบจะแบ่งออกเป็ นท่วงท่าและจิตวิญญาน ตอนนี มู่หรงเย่
เพิงจะเรี ยนรู ้ถึงแค่ท่วงท่ายังไม่ได้เรี ยนไปถึงขันจิตวิญญาณ !

มู่หรงเย่ยกยิมขึนอย่างเก้อเขิน “เช่นนันเมือใดถึงจะสามารถนับได้วา่ ข้านันสําเร็ จวิชาดาบครบทังชุดแล้ว”

“รอจนวิชาดาบของเจ้ามีความเร็ ว แรงและแม่นยําทังสามอย่างนี ครบแล้ว ก็จะคล้ายกับเช่นนี ......” คุณชายโอวห


ยางพูดขึนอย่างราบเรี ยบ เพียงพริ บตาดาบในมือของมู่หรงเย่กต็ กไปอยูใ่ นมือของเขาอย่างรวดเร็ ว เขาวาดดาบ
เพียงเบา ๆ ปราณดาบรุ นแรงสายหนึงวาดผ่าน ไปทีภูเขาจําลองทีสู งใหญ่พริ บตาก็ปรากฏรอยตัดเล็ก ๆ ขึนมา
สายหนึง ภูเขาจําลองสันไหวเล็กน้อยพริ บตาก็ถล่มลงมา เผยให้เห็นรอยตัดขาดทีเรี ยบเนียนเหมือนดังกระจก
ปรากฏออกสู่ สายตา รอบด้านยังคงมีทศั นวิสัยทีชัดเจนไร้ซึงฝุ่ นควันแต่อย่างใด......

มู่หรงเย่เบิกตากว้างขึนด้วยความตกตะลึง ร้ายกาจ ช่างร้ายกาจมาก นีสิ ถึงจะเรี ยกว่าวิชาดาบทีแท้จริ ง ! แววตา


ของเขาวูบไหวเปล่งประกายจ้องมองไปทีคุณชายโอวหยาง แววตาเต็มไปด้วยความเคารพนับถือ “คุณชาย เหตุ
ใดท่านถึงทําเช่นนี ได้ ?”

“เจ้าต้องมีสมาธิ พลังปราณและดาบจะต้องหลอมรวมเป็ นหนึ งเดียวกัน เช่นนันก็จะสามารถทําได้......” คุณชาย


โอวหยางพูดขึนอย่างเรี ยบ ๆ ทันใดนันก็นึกขึนได้ว่ามู่หรงเย่นนเพิ
ั งจะเริ มเรี ยนวรยุทธ์ ถึงแม้ว่าจะเข้าใจ
ความหมายทีเขาพูด แต่กค็ งไม่รู้ว่าจะต้องทําเช่นไร “สวินเฟิ ง เจ้ามาสอนเขา......”

“ขอรับ !” สวินเฟิ งปรากฏขึนจากอากาศธาตุ รับเอาดาบยาวไปแล้วเดินไปทีด้านหน้าของมู่หรงเย่......


ดวงตาของมู่หรงเย่วบู ไหวเปล่งประกาย สวินเฟิ งถือเป็ นองครักษ์เงาคนสนิทของคุณชายโอวหยางแน่นอนว่าวร
ยุทธ์ของเขาต้องไม่เลวนัก มีเขาคอยชีแนะให้ตวั เขา กระบวนท่าดาบของเขาแน่ นอนว่าจะต้องก้าวหน้าไปอย่าง
รวดเร็ ว......

มู่หรงเสวียเลิกคิวขึน สวินเฟิ งเป็ นองครักษ์เงา กระบวนท่าดาบทีรําเรี ยนมาแน่นอนว่าจะต้องเน้นไปทีการฆ่าคน


ทีแม่นยําและหมดจน คิดดูแล้วก็ช่างเหมาะกับมู่หรงเย่ยงนั
ิ ก ไม่ว่าอย่างไรหลังจากทีเขาเข้าไปในค่ายทหารแล้วก็
ต้องลงไปในสนามรบ กระบวนท่าดาบทีโหดเหี ยมร้ายกาจนันจะทําให้เขาทีต้องตกอยูท่ ่ามกลางการรบราฆ่าฟัน
ของคนนับหมืนนับพันสามารถทีจะปกป้ องคุม้ ครองชีวิตของตัวเองได้ อีกทังยังสามารถฆ่าสังหารศัตรู ไปพร้อม
ๆ กันในตัว......

“เวลาก็สายมากแล้ว พวกเราไปรับสํารับเช้ากันเถอะ !” นําเสี ยงทุม้ ดังขึนทีข้างหู เป็ นคุณชายโอวหยางทีเดินมา


ข้างหน้าของนาง

มู่หรงเสวียกะพริ บตา “เรี ยกท่านพีไปด้วยกันเถอะ !”

“ดูท่าทางของเขาทีตืนเต้นกระตือรื อร้นเสี ยขนาดนันแล้ว แน่นอนว่าจะต้องรับสํารับเช้ามาเรี ยบร้อย......” คุณชาย


โอวหยางพูดขึนอย่างราบเรี ยบ โอบเข้าทีเอวบางของมู่หรงเสวียพานางเดินออกไปด้านหน้าอย่างช้า ๆ

“แต่ว่าตอนนีเพิงจะยามเฉิ น (7 โมงถึง 9 โมงเช้า) เขานันเร่ งรี บกลับมาจากค่ายทหารโดยไม่หยุดพัก ไม่มีทางที


จะได้รับสํารับเช้าแล้ว.....” แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหว
“ตอนนีเขาล้วนจดจ่ออยูก่ บั วิชาดาบ ถึงแม้ว่าเจ้าจะเรี ยกเขาไปรับสํารับ แต่กไ็ ม่แน่ ว่าเขาจะฟัง อย่างไรก็ปล่อยให้
เขาเรี ยนวิชาดาบไปเถอะ ถ้าหากว่าหิ วขึนมา แน่นอนว่าเขาจะต้องสังการให้คนไปจัดสํารับเองอยูด่ ี” คุณชาย
โอวหยางกล่าวขึนเพียงเบา ๆ แล้วโอบมู่หรงเสวียเดินเข้าไปในเรื อนหิ มะโปรย เขาไม่ตอ้ งการให้ระหว่างทีเขา
กับเสวียเอ๋ อร์ ใช้สาํ รับมีชายอืนนังร่ วมโต๊ะอยูด่ ว้ ย ถึงแม้ว่าคนผูน้ นจะเป็
ั นมู่หรงเย่กต็ าม เขาก็ไม่ชอบอยูด่ ี......

มู่หรงเจียนยืนแอบซ่ อนอยูท่ ีด้านในของมุมมุมหนึง เขามองสวินเฟิ งทีกําลังอธิบายเกียวกับวิชาดาบอย่างละเอียด


แล้วก็มองไปทีมู่หรงเย่ทีกําลังตังใจรับฟัง แววตาของเขาพลันเปล่งประกายมืดมิดอํามหิ ตแล้วค่อย ๆ แอบจากไป
อย่างเงียบเชียบ เร่ งเดินไปทีเรื อนเวินโหรว

ในเรื อนเวินโหรว มู่หรงโหรวนอนห่ มผ้าหลับสนิทอยูบ่ นเตียง ดวงตาของนางปิ ดสนิท ใบหน้าเรี ยวซี ดขาวไร้
รอยสี เลือด กระถางธูปตรงมุมห้องโชยไปด้วยกลินหอมสดชืนจาง ๆ ตลบอบอวลไปทัวทังห้อง แต่ว่าก็ยงั คงมี
กลินจาง ๆ ของคาวเลือดทีคล้ายมีคลายไม่มี

ั ท่ ีด้านหน้าของเตียง นางหยิบเอาผ้าเปี ยกอุ่น ๆ จากอีกด้านหนึงเช็ดไปทีใบหน้าซี ดขาวของมู่หรงโหร


แซ่ ตูน้ งอยู
วอย่างอ่อนโยน แววตาเต็มไปด้วยความสงสารจับใจ พลางถอดถอนใจออกมาอย่างไร้ซุ่ มเสี ยง

“ท่านแม่ !” เสี ยงเรี ยกร้อนรนดังขึน มู่หรงเจียนเร่ งรี บเดินเข้ามา แววตาวูบไหวไปด้วยความหนักใจ เขามองไปที


สาวใช้ทีอยูเ่ ต็มห้องแล้วหยุดวาจาลง

เช่นนันแซ่ ตูก้ โ็ บกมือไล่บรรดาเหล่าสาวใช้ให้ออกไป แล้วค่อย ๆ หันมองไปทีเขา “เกิดอะไรขึน”


สี หน้าของมู่หรงเจียนมืดครึ ม เขากล่าวเน้นขึนทีละคํา “เรื องทีโหรวเอ๋ อร์ กบั สวีเหวินมีเรื องราวเกินเลยต่อกันอีก
ทังยังตังครรภ์ลูกชูข้ ึนมารวมถึงเรื องทีนางจุดไฟเผาซ่ งเทียนเหวิน ล้วนแพร่ สะพัดลําลือไปทัวทังตรอกซอกซอย
แล้ว ผูค้ นล้วนพากันด่าว่าสาปแช่งทีโหรวเอ๋ อร์ ทีประพฤติตนเสื อมเสี ย ไร้ยางอาย......”

แน่นอนว่าเรื องทีซ่ งเทียนเหวินแอบเลียงบ้านน้อยทังยังมีลูกนอกสมรสด้วยกันผูค้ นก็รู้ แต่วา่ เรื องทีมู่หรงโหรว


ตังครรภ์ลูกชูท้ งยั
ั งทําร้ายสามีของตัวเองนันน่าตกตะลึงเสี ยยิงกว่า เมือเปรี ยบเทียบกันแล้ว ความผิดทีซ่งเทียนเห
วินทําลงไปก็กลายเป็ นแค่ความผิดเล็ก ๆ เพียงเท่านัน ผูค้ นในเมืองหลวงทีคิดถึงสถานะของเขาในตอนนี ก็มีแต่
จะพากันส่ ายหน้าเห็นใจ......

“ข้าก็พอจะรู ้ว่ามันต้องเป็ นเช่นนี !” แซ่ ตูก้ ล่าวเสี ยงตํา ฟาดมือลงไปบนโต๊ะ โหรวเอ๋ อร์ จุดไฟเผาบ้านน้อยกับลูก
นอกสมรสจนตายไม่พอ ยังเผาซ่ งเทียนเหวินไปด้วย จวนอู่อนั โหวไม่มีทางยอมปล่อยเรื องนี ไปง่าย ๆอย่าง
แน่นอน “รู ้หรื อไม่ว่าอาการบาดเจ็บของซ่ งเทียนเหวินเป็ นเช่นไรบ้าง”

“สามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้แล้ว แต่วา่ บาดแผลไฟลวกของเขานันยังสาหัสนัก ทังยังต้องกลายเป็ นขันทีเช่นนี


เรื องราวดูท่าจะไม่ค่อยดีนกั ......”

มู่หรงเจียนส่ ายหน้า ถอนหายใจอย่างหมดคําพูด

แซ่ ตูม้ องไปทีใบหน้าเรี ยวเล็กไร้ความรู ้สึกของมู่หรงโหรว เช่นนันนางก็ถอนหายใจออกมาหนัก ๆ “โหรวเอ๋ อร์


ถูกซ่ งเทียนเหวินทําร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ถึงขนาดต้องแท้งลูก ทังท่านหมอยังวินิจฉัยว่ามดลูกของนางถูก
ทําลายจนไม่สามารถทีจะมีลูกได้อีกแล้ว ถ้าหากนางไม่ได้ทาํ ให้ซ่งเทียนเหวินกลายเป็ นขันที ความแค้นของพวก
เขาทังสองคนแน่นอนว่าอาจจะสามารถไกล่เกลียได้......”

แต่ว่ามู่หรงโหรวนันลงมือได้อย่างโหดเหี ยมนัก นางทําลายของสําคัญของเทียนเหวินไปเช่นนี ทําให้เขาไม่


สามารถมีผสู ้ ื บทอดได้อีก ซ่ งเทียนเหวินนันเป็ นถึงอู่อนั โหว แต่ไม่สามารถมีลูกสื บทอดกิจการครอบครัวได้ ก็
นับได้ว่าไร้ทายาทสื บสกุล โหรวเอ๋ อร์ กบั จวนอู่อนั โหวได้ผกู เงือนแห่ งความแค้นทีใหญ่หลวงต่อกันเสี ยแล้ว
พวกเขาทีมีฐานะเป็ นแม่กบั พีชาย แน่ นอนว่าก็จะต้องพลอยต่อกรกับจวนอู่อนั โหวจนกว่าจะตายกันไปข้างหนึง
......

“ตอนนีพวกเราควรจะทําเช่นไรดี” แซ่ ตมู ้ องไปทีมู่หรงเจียนอย่างไร้ทีพึงอับจนหนทาง นางเป็ นแค่คนในจวน


ฝ่ ายใน อีกทังยังแก่ชราลงเรื อย ๆ จัดการดูแลเรื องราวภายในจวนฝ่ ายในนันยังนับว่าพอถูไถไปได้ แต่เกียวกับ
เรื องราวภายนอกนันถึงนางคิดทีจะแทรกแซงอย่างไรก็คงไม่มีกาํ ลังเพียงพอทีจะทําได้ดงใจหวั
ั ง

ซ่งเทียนเหวินมีอาการบาดเจ็บอยูก่ บั ตัว ตอนนี จวนอู่อนั โหวยังคงไม่มีเวลามาสนใจพวกเขา รอจนบาดแผลของ


ซ่งเทียนเหวินดีขนเมื
ึ อไร แน่ นอนว่าจะต้องหันเหความสนใจมาทีพวกเขาอย่างแน่ นอน

ซ่งเทียนเหวินกลายเป็ นขันทีแน่ นอนว่าภายในใจของเขาจะต้องเจ็บแค้นโหรวเอ๋ อร์ เป็ นอย่างมาก และคงจะต้อง


พาลเกลียดพวกเขาเข้าไปด้วย รอเพียงเขาฟื นคืนสติขึนเท่านัน แน่ นอนว่าจะต้องลงมือจัดการพวกเขาอย่าง
โหดเหี ยมไร้เยือใยแน่นอน......

เขานันทีเป็ นถึงนายท่านสองแห่ งจวนเจินกัวโหวไม่มีทางยอมให้ใครมาทําร้ายได้อย่างง่าย ๆ หรอก !


มู่หรงเจียนหรี ตาลง แล้วกล่าวขึนเสี ยงตํา “คิดอยากจะจัดการพวกเขา มีเพียงวิธีเดียว !”

“วิธีอะไร” แววตาของแซ่ ตวู ้ บู ไหว มองไปทีเขาด้วยสายตาแห่ งความคาดหวัง


ตอนที 167 มู่หรงเจียนวางแผนร้ าย

“จวนเจินกัวโหวจะต้องมีแม่ทพั ทีมีอาํ นาจทางการทหารปรากฏขึนมาสักคนหนึง เอาไว้กดข่มซ่ งเทียนเหวิน !” มู่


หรงเจียนกล่าวเน้นทีละคํา แววตามุ่งมัน ด้วยความสามารถและอํานาจของเขาในตอนนียังนับว่าสามารถต่อกร
กับกับซ่งเทียนเหวินได้อยู่ แต่วา่ ฐานอํานาจของพวกเขาทังสองนันแตกต่างกันไม่ค่อยมาก สุ ดท้ายก็คงจะต่อกร
กันจนพากันย่อยยับพร้อมกันไปทังคู่ สิ งทีเขาต้องทําก็คือการกดข่มซ่ งเทียนเหวินให้ลงไปอย่างสิ นเชิง ถึงจะได้
ไม่ตรงกับสํานวนทีว่าสังหารศัตรู ไปได้หนึงพันคน แต่ฝ่ายตัวเองกลับสู ญเสี ยไปแปดร้อยคน

แซ่ ตูค้ ่อย ๆ หรี ตาลง “ความหมายของเจ้าคือ ?”

“ส่ งจีเอ๋ อร์ไปทีค่ายทหาร รอให้เขาสามารถสร้างผลงานขึนในค่ายทหารจนสามารถมีอาํ นาจทางการทหารใน


ระดับหนึงได้แล้ว แน่ นอนว่าจวนอู่อนั โหวจะต้องเกรงกลัวอย่างแน่นอน” มู่หรงเจียนกล่าวเสี ยงตํา แววตาวูบ
ไหวไปด้วยความลําลึก

เขาเห็นมู่หรงเย่ทีข้างภูเขาจําลอง ตอนนันเห็นเขาทีมีท่าทีสุขมุ หนักแน่ น รอบกายรายล้อมไปด้วยกลินอายของ


การฆ่าฟันทีจะมีเฉพาะทหารทีอยูใ่ นสนามรบเท่านัน เทียบกับเขาเมือก่อนทีเป็ นจอมเสเพลไม่รําไม่เรี ยนแล้ว
เหมือนกับเป็ นคนละคนกันอย่างเห็นได้ชดั !

เพียงการฝึ กฝนในค่ายทหารได้แค่เดือนกว่า ๆ ก็สามารถเปลียนเป็ นคนใหม่ได้อย่างสิ นเชิง ยิงนานวันยิง


เหมือนกับพ่อปี ศาจมู่หรงเยว่ของเขาเข้าไปทุกที ดูท่าแล้วทีค่ายทหารคงจะสามารถสังสอนฝึ กฝนคนได้ดียงนั
ิ ก
ตัวเขาจําต้องส่ งจีเอ๋ อร์ เข้าไป ให้จีเอ๋ อร์ ได้ฝึกฝนวรยุทธ์ดี ๆ สร้างผลงานจนกลายเป็ นกําลังหลักของชิงเหยียน จะ
ได้กดข่มมู่หรงเย่ให้จมดินจนโง่หวั ไม่ขึน

แววตาของแซ่ ตทู ้ อแววสงสัย “เช่นนันบาดแผลของจีเอ๋ อร์ ......”

ึ นอ้ ยแล้ว ไม่หนักหนาอะไร” แววตาของมู่หรงเจียนมีความสุ ขมุ ร่ างกายของซ่ งเทียนเหวินได้รับ


“ดีขนไม่
บาดเจ็บ อย่างน้อยก็ตอ้ งใช้เวลาหลายเดือนถึงจะสามารถฟื นคืนกลับมาเป็ นปกติได้ ถ้าหากจีเอ๋ อร์ ขยันขันแข็ง
รี บสร้างชือเสี ยงขึนมาแต่เนิน ๆ ให้ซ่งเทียนเหวินเกิดความเกรงกลัวจนไม่กล้าลงมือจัดการกับพวกเขา เท่านีก็จะ
สามารถลดความยุง่ ยากวุน่ วายของเขาลงไปได้ไม่นอ้ ยแล้ว

“เจ้าพูดจามีเหตุผล” แซ่ ตูพ้ ยักหน้าเห็นด้วย หลังจากทีจีเอ๋ อร์ ฝึกฝนรําเรี ยนจนประสบความสําเร็ จและมีอาํ นาจอยู่
ในมือแล้ว แน่ นอนว่าจะสามารถกดข่มซ่ งเทียนเหวินได้ อีกทังยังสามารถแย่งชิงตําแหน่งเจินกัวโหวมาได้อย่าง
ง่าย ๆ ถือว่าเป็ นการยิงปื นนัดเดียวได้นกสองตัว แต่วา่ “ปี นี ไม่ใช่ปีทีรับสมัครทหารใหม่ ตามค่ายทหารล้วนไม่
รับทหารใหม่ เจ้าจะทําให้จีเอ๋ อร์เข้าค่ายทหารได้อย่างไรกัน”

“นีก็เป็ นเรื องทีข้ากําลังปวดหัวอยู”่ มู่หรงเจียนขมวดคิวเข้ม ค่ายทหารนันจะรับสมัครทุก ๆ สามปี ถ้าหากคิด


อยากจะเข้าค่ายทหารอย่างถูกต้องตามระเบียบ จําเป็ นจะต้องรอจนถึงฤดูใบไม้ร่วงปี หน้า แต่วา่ ตอนนันซ่งเทียน
เหวินก็คงจะรักษาตัวจนหายดี แล้วคงคอยแต่จะจ้องขยําพวกเขาอยูข่ า้ ง ๆ อีกทังนานวันเข้ามู่หรงเย่กจ็ ะยิงโดด
เด่น จีเอ๋ อร์ นนจํ
ั าเป็ นจะต้องเข้าไปทีค่ายทหารโดยเร็ วทีสุ ด ไม่สามารถทีจะยืดเยือได้อีกต่อไป......
“แม่ทพั หยวนก็ดูแลค่ายทหารอยูม่ ิใช่รึ” นําเสี ยงอ่อนหวานของหญิงสาวดังขึน แซ่ โจวค่อย ๆ เดินเยืองย่างเข้ามา
ตามการพยุงของสาวใช้ ใบหน้าของนางนันซี ดขาวจากอาการบาดเจ็บเล็กน้อย นางแอบหันไปถลึงตาใส่ ม่หู รง
โหรวอย่างไร้ซุ่ มไร้เสี ยงหนหนึง

นางทีถูกพิษและได้รับบาดเจ็บเช่นนี ล้วนเป็ นมู่หรงโหรวทีมอบให้ มู่หรงโหรวถูกแทงจนได้รับบาดเจ็บแน่นอน


ว่านางนันต้องปรบมือยินดี แต่เดิมไม่ได้คิดอยากทีจะมาเยียมมู่หรงโหรวแม้แต่นอ้ ย แต่วา่ แม่สะใภ้กบั สามีลว้ น
อยูท่ ีนี นางทีฟื นคืนสติขนมาแล้
ึ ว ไม่มาเยียมดูเสี ยหน่อยก็คงจะดูไม่เหมาะสมนัก ตอนแรกคิดว่าจะมาเยียมดูทาํ
ท่าทางเป็ นห่ วงเป็ นใยสักครู่ แล้วก็จะจากไป แต่คาดไม่ถึงว่าจะได้ยนิ บทสนทนาทีสามีกาํ ลังพูดคุยกับแม่สามี

“ใช่แล้ว” มู่หรงเจียนพยักหน้า กล่าวขึนอย่างไม่ตอ้ งคิด “ทําไมเจ้าถึงคิดถึงเขาขึนมาได้ ?”

แซ่ โจวยิมออกมาน้อย ๆ “การแข่งขันเรื อมังกรเมือวาน ลูกสาวของแม่ทพั หยวนหยวนฟางเฟย ‘โดดเด่น’ เสี ย


ขนาดนัน เหล่าบรรดาฮูหยินรอบกายข้าต่างพากันวิพากษ์วจิ ารณ์ถึงนางไม่หยุด......”

ดวงตาของมู่หรงเจียนวูบไหวเปล่งประกาย “ล้วนพูดกล่าวกันว่าอย่างไรบ้าง” คําพูดนิ นทาของเหล่าบรรดาฮู


หยินในจวนฝ่ ายในนันมีบางครังก็จะสามารถกลายเป็ นหัวใจสําคัญทีสามารถเอาไปใช้แก้ไขปั ญหาของเรื องบาง
เรื องได้

“พวกนางต่างพูดกันว่า แม่ทพั หยวนโปรดปรานลูกสาวมาก แต่ลูกสาวของเขาอายุสิบเก้าปี แล้วยังไม่สามารถ


แต่งออกไปได้เสี ยที แม่ทพั หยวนนันกังวลเป็ นอย่างมาก ถึงขนาดกังวลใจจนล้มป่ วย......” แซ่ โจวพูดขึนยิมตาหยี
แววตาของนางวูบไหว จีเอ๋ อร์ เป็ นลูกชายของนาง นางทีเป็ นแม่แน่ นอนว่าจะต้องคาดหวังให้เขาเป็ นคนมี
ความสามารถทีมีอาํ นาจอยูใ่ นมือ
แววตาของมู่หรงเจียนวูบไหวเปล่งประกาย “เพียงแค่พวกเราสามารถเสาะหาผูช้ ายดี ๆ ให้หยวนฟางเฟยได้ ก็ถือ
เป็ นการคลายความกังวลให้แม่ทพั หยวน เมือแม่ทพั หยวนเบิกบานใจ แน่นอนว่าจะต้องรับจีเอ๋ อร์ เข้าค่ายทหาร !”

“ไม่ผดิ ” แซ่ โจวยกยิมสดใส เมือได้ฟังแผนการของสามีแล้วนางก็นึกขึนได้ถึงแผนการดี ๆ แผนหนึง

“แต่ว่าหญิงสาวทีมีรูปลักษณ์เช่นหยวนฟางเฟยนัน ยังจะมีคุณชายบ้านไหนจะยอมแต่งด้วย ?” มู่หรงเจียนหุ บยิม


ลง ขมวดคิวแน่ นเข้าหากัน เมือวานตอนทีเขายืนอยูบ่ นเท่นศาลาก็สามารถเห็นรู ปร่ างของหยวนฟางเฟยได้อย่าง
ชัดเจน เรื อนร่ างทีบึกบึน สี ผิวดําคลํา อีกทังยังมีนาเสี
ํ ยงทีแข็งกระด้าง กริ ยามารยาทก็หยาบกร้าน ราวกับว่าเป็ น
ผูช้ ายอกสามศอกก็ไม่ปาน

เหล่าบรรดาคุณชายจากตระกูลชนชันสู งยังมีรูปลักษณ์ดีกว่านางมากมายนัก ใครเล่าจะยอมแต่งนางเป็ นภรรยา


กัน ถึงแม้ว่านางจะยอมลดฐานะลงแต่งเข้ากับตระกูลสายรอง แต่กค็ งไม่มีใครยอมแต่งกับนาง

“ถึงคุณชายตระกูลอืนจะไม่ยอมแต่งหยวนฟางเฟย เช่นนันทําไมท่านพีไม่ให้นางแต่งเข้าจวนเจินกัวโหวเล่า !”
แซ่ โจวกล่าวยิมตาหยีเสนอความคิดเห็น แววตาวูบไหวเปล่งประกาย

ดวงตาคมกริ บของมู่หรงเจียนหรี ลง “เจ้าหมายถึง......มู่หรงเย่”


“ไม่ผดิ !” แซ่ โจวพยักหน้า นางกล่าวขึนยิมตาหยี “เย่เอ๋ อร์ กอ็ ายุสิบสี ปี แล้ว ถือว่าอายุไม่น้อย สมควรจะหมัน
หมายได้แล้ว รอจนผ่านไปอีกไม่กีปี เมือเขาอายุสิบแปดปี ก็คอ่ ยแต่งงาน”

การแต่งงานของชายหญิงล้วนขึนอยู่กบั ความเห็นและความต้องการของผูใ้ หญ่ รวมถึงการตกลงกันระหว่าง


พ่อสื อแม่สือของทังสองฝ่ าย พ่อแม่ของมู่หรงเย่ต่างตายไปแล้วทังคู่ เหลือแต่เพียงย่าเลียงและอาสองสองคนที
เป็ นผูห้ ลักผูใ้ หญ่สายตรง พวกเขาจัดการเรื องการแต่งงานให้เขาเช่นนีก็ถือว่าเป็ นเรื องทีถูกต้องเหมาะสมตาม
ขนบธรรมเนี ยมประเพณี

“มู่หรงเย่ไม่มีทางยอมเห็นด้วยกับการแต่งงานครังนี แน่ ” มู่หรงเจียนพูดกล่าวเสี ยงตํา ขมวดคิวเข้าหากันแน่ นขึน


หยวนฟางเฟยแก่กว่ามู่หรงเย่ตงสี
ั ห้าปี ทังยังมีรูปลักษณ์หน้าตาเช่นนัน ถึงมู่หรงเย่จะมีรสนิ ยมแย่อย่างไรก็คงไม่
มีทางทีจะไปชอบพอนางได้

“หากเขาไม่เห็นด้วย พวกเราก็สามารถคิดหาวิธีการให้เขาเห็นด้วยได้” แซ่ โจวยิมตาหยีพูดขึน แววตาวูบไหว


เปล่งประกายมืดมิด

แววตาของมู่หรงเจียนวูบไหว “ความหมายของเจ้าคือ......”

“ไม่ผดิ !” แซ่ โจวพยักหน้า แววตาวูบไหวด้วยความมืดมิด จีเอ๋ อร์ เป็ นเลือดเนือเชือไขทีนางคลอดออกมา มู่หรง


เย่กแ็ ค่หลานชายอ่อนแอทีกําพร้าพ่อแม่ เพืออนาคตของจีเอ๋ อร์ นางก็เต็มใจทีจะใช้หลานชายทีอ่อนแอผูน้ ี เป็ น
เครื องมือให้จีเอ๋ อร์ เหยียบข้ามไป !
หว่างคิวของมู่หรงเจียนยังคงขมวดแน่ นเข้าหากัน ไม่ได้คลายออก เขานิงคิดอยูช่ วครู
ั ่ แล้วกล่าวขึนเสี ยงตํา
“หลังจากทีเรื องราวสําเร็ จแล้ว มู่หรงเย่กจ็ ะกลายเป็ นลูกเขยของแม่ทพั หยวน ถ้าหากพอถึงตอนนัน มู่หรงเย่
เกรี ยวกราดขึนภายใต้อารณ์โกรธเพียงชัววูบแล้วบอกให้แม่ทพั หยวนไม่รับเอาจีเอ๋ อร์ ไว้ พวกเรามิใช่ว่าเสี ยแรง
เปล่าหรอกหรื อ ?”

“นีเอ่อ...” แววตาของแซ่โจวเคร่ งขรึ มขึน แล้วกล่าวขึนอย่างช้า ๆ “พวกเราสามารถลองโยนหิ นถามทาง ให้แม่


ทัพหยวนรู ้ถึงจุดประสงค์ของพวกเราได้ พอเขาตกลงแล้วพวกเราถึงค่อยลงมือ” ในบรรดาเหล่าผูน้ าํ ทัพทาง
การทหารนัน พวกเขาจะยึดถือคํามันสัญญาเป็ นทีสุ ด เรื องราวทีพวกเขากล่าวรับรองด้วยตัวเองไม่มีทางทีจะกลับ
คําพูดได้

“แม่ทพั หยวนควบคุมดูแลค่ายทหาร ในมือมีอาํ นาจทางการทหารอยูใ่ นระดับหนึง ถ้าหากมู่หรงเย่กลายเป็ น


ลูกเขยของเขาจริ ง ๆ ก็จะได้รับการช่วยเหลือจากเขา ดูแล้วจะไม่เป็ นประโยชน์กบั พวกเรานัก !” แววตาของมู่
หรงเจียนวูบไหวลําลึก การวางแผนจัดการคนหนึงคนไม่สามารถมองได้เพียงผลประโยชน์ทีอยูต่ รงหน้า จะต้อง
คิดถึงผลลัพธ์ระยะยาวด้วย

“จีเอ๋ อร์ เข้าค่ายทหารไปแล้วถ้าเขาขยันสร้างผลงานจนมีอาํ นาจทางการทหารก็จะได้เลือนขันเป็ นแม่ทพั ตอนอายุ


ยังน้อย เท่านีเขาก็จะมีชือเสี ยงเลืองลือไปทัวเมืองหลวง พอถึงตอนนันไม่ตอ้ งกลัวว่าฐานรากของเราจะไม่มนคง

เพราะว่าจะต้องมีตระกูลชนชันสู งทีมีอาํ นาจมาขอเกียวดองด้วยแน่นอน” แซ่ โจวกล่าวยิมตาหยี แววตาเต็มไป
ด้วยความภาคภูมิ อํานาจทางการทหารของแม่ทพั หยวนนันไม่เล็กไม่ใหญ่ ในเมืองหลวงยังมีตระกูลทีมีอาํ นาจ
ทางการทหารมากกว่าเขาอีกหลายตระกูลนัก
มู่หรงเจียนไตร่ ตรองผลได้ผลเสี ยซําไปซํามาแล้วค่อย ๆ พยักหน้าออกมา “พูดจามีเหตุผล เช่นนันเรื องราวก็ตก
ลงตามนี !” จีเอ๋ อร์ นนฉลาดหลั
ั กแหลม ถ้าฝึ กฝนขัดเกลาตัวเองให้ดี ๆ แน่ นอนว่าจะต้องสามารถกลายเป็ นแม่ทพั
คนสําคัญได้ ให้ม่หู รงเย่กลายเป็ นเครื องมือให้เขาก้าวข้ามไป ก็ถือเป็ นการให้เกียรติมู่หรงเย่มากพอแล้ว
ตอนที 168 ผลักเจ้ าตกนํา

ความมืดมิดเข้าย่างกราย มู่หรงเย่ทีร่ างกายเปี ยกโชกไปด้วยเหงือวิงเข้ามาด้านในของเรื อนหิ มะโปรย แววตาสี ดาํ


ขลับของเขาวูบไหวด้วยตืนเต้นยินดี “เพลงดาบของสวินเฟิ งนันไม่เลวเลย พอได้รับคําชีแนะจากเขาแล้วภายใน
ระยะเวลาสัน ๆ เพลงดาบของข้าถึงกับก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ วเช่นนี ได้......”

ฟังโอวาทจากผูเ้ ชียวชาญดีกว่าศึกษาเล่าเรี ยนเองสิ บปี สํานวนนี กล่าวไว้ไม่ผดิ เลยแม้แต่นอ้ ย

มู่หรงเสวียหมดวาจาไร้คาํ พูด ตังแต่เขากลับถึงจวนจนถึงตอนนี มู่หรงเย่นนมั


ั วแต่คลุกตัวฝึ กดาบอยูก่ บั สวินเฟิ ง
สํารับเช้าก็ยงั ไม่ได้รับ ข้าวกลางวันก็กินไปแค่ขนมจานเดียว จดจ่อกับการฝึ กฝนรําเรี ยนจนถึงขันลืมเลือนความ
หิ ว เขาคงคิดทีจะใช้เวลาทีเสี ยไปตอนทําตัวเกเร เอามันชดเชยกลับคืนมาให้หมดอย่างนันน่ ะหรื อ

“คุณชายโอวหยางเล่า” มู่หรงเย่มองซ้ายมองขวา ไม่เห็นแม้แต่เงาของคุณชายโอวหยาง ก็อดไม่ได้ทีจะออกปาก


ไต่ถามขึน เขานันทีได้รับการชีแนะจากสวินเฟิ งได้กเ็ พราะอาศัยบารมีจากคุณชายโอวหยาง......

“มีธุระกลับวังเซี ยวเหยาอ๋ องไปแล้ว” มู่หรงเสวียพูดขึนอย่างราบเรี ยบ เงยหน้ามองไปทีเขา “ฟ้ าก็มืดไม่นอ้ ยแล้ว


มีเรื องอะไรเอาไว้ค่อยพูดกล่าวเถอะ ตอนนีเจ้าไปล้างมือเตรี ยมรับสํารับก่อน”
โต๊ะหินด้านหน้ามีกบั ข้าววางเรี ยงรายไว้หา้ หกอย่าง กลินหอมลอยอบอวลไปทัว ชวนให้ผคู ้ นนําลายสอ ทันใด
นันมู่หรงเย่กร็ ู ้สึกถึงความหิ วโหยขึนมาทันที เช่นนันเขาถึงค่อยนึกขึนได้ว่าตัวเองนันไม่ได้กินอะไรเลยมาทังวัน
จึงไต้แต่ยมขึ
ิ นมาอย่างเก้ ๆ กัง ๆ “ตกลง”

เมือนําเอาดาบวางไว้ทีด้านข้างเก้าอี มู่หรงเย่กร็ ี บล้างมืออย่างเร่ งรี บ แล้วนังลงไปทีข้างโต๊ะหยิบตะเกียบขึนมา


รับสํารับด้วยท่วงท่าสง่างามแต่รวดเร็ ว หลังจากกินไปได้ไม่กีคําถึงพบว่ามีเพียงเขาคนเดียวทีกําลังรับสํารับ ก็อด
ไม่ได้ทีจะเงยหน้าขึนมองไปทางมู่หรงเสวียอย่างสงสัยไม่เข้าใจ “น้องหญิง เหตุใดเจ้าถึงไม่กินเล่า”

“ข้ากินไปแล้ว สํารับนีเตรี ยมไว้ให้เจ้าโดยเฉพาะ” มู่หรงเสวียพูดขึนอย่างราบเรี ยบ นําเอาจานกับข้าวดันเข้าหา


เขา “กินช้า ๆ”

“อืม !” มู่หรงเย่พยักหน้า แล้วรับสํารับต่ออย่างพิถีพิถนั สายตาของเขามองไปทีใบหน้าเรี ยวงามของมู่หรงเสวีย


แล้วนิงเงียบไปครู่ หนึง แกล้งทําเป็ นกล่าวเสี ยงเบาขึนอย่างช้า ๆ “น้องหญิง เจ้ากับเย่อีเฉิ นถอนหมันกันแล้ว
หรื อ”

“ใช่แล้ว” มู่หรงเสวียพยักหน้า เรื องทีนางกับเย่อีเฉิ นถอนหมันนันไม่ใช่ความลับอะไร ทังยังเลืองลือแพร่ สะพัด


ไปทัวตังแต่แรกแล้ว ไม่ว่าใคร ๆ ก็ต่างรับรู ้กนั ไปทัว มู่หรงเย่อยูท่ ีค่ายทหารจะได้ยนิ ข่าวคราวก็ไม่ใช่เรื องที
แปลกอะไร

“ถอนหมันน่ะดีแล้ว เย่อีเฉิ นเจ้าคนเย็นชาไร้ความรู ้สึกผูน้ ันไม่มีทางทีจะเหมาะสมกับเจ้า......” มู่หรงเย่กล่าวขึน


ต่อประโยคอย่างโกรธแค้นแทนนางทีไม่ได้รับความยุติธรรม แววตาวูบไหวเย็นยะเยือก แล้วกล่าวต่อขึนด้วย
นําเสี ยงทีกดตํา “เอ่อเช่นนัน...น้องหญิง เจ้ากับคุณชายโอวหยาง......มีความสัมพันธ์กนั อย่างไรหรื อ”
“เพือน !” มู่หรงเสวียกล่าวตอบรับเสี ยงตํา

“เป็ นแค่เพือนธรรมดา ๆ เช่นนันน่ ะหรื อ” มู่หรงเย่เลิกคิวมองไปทีนาง ชัดเจนว่าไม่เชือคําพูดของนาง

“ถ้าไม่เช่นนันแล้วเจ้าคิดว่าเป็ นเช่นไรล่ะ” มู่หรงเสวียเงยหน้ามองไปทีมู่หรงเย่

เขานึ กว่านันจะเป็ นน้องเขยในอนาคตของเขาเสี ยอีก ถึงกับอยูห่ ้องเดียวกันกับน้องสาวของเขา อีกทังยังนอน


เตียงเดียวกัน นันถือว่าเป็ นความสัมพันธ์อนั ใกล้ชิดทีมีแต่ระหว่างสามีภรรยาเท่านันทีถึงจะมีได้ !

ถ้าหากคุณชายโอวหยางได้กลายเป็ นน้องเขยของเขาจริ ง ก็จะสามารถดูแลน้องสาวของเขาได้อย่างดี อีกทังยัง


สามารถชีแนะวิชาดาบให้เขาได้บ่อย ๆ ถือว่าเป็ นการยิงปื นนัดเดียวได้นกสองตัว......

แต่ดูท่าทางของน้องหญิงแล้วเหมือนกับว่าไม่ได้มีความคิดความรู้สึกเช่นนันเลย แต่เหตุใดนางถึงยอมให้คุณชาย
โอวหยางนอนอยูใ่ นห้องของนางได้เล่า......

มู่หรงเย่คดิ อย่างไรก็ไม่เข้าใจ เตรี ยมทีจะไต่ถามออกไปอีกครัง แต่ทว่าบ่าวนายหนึ งก็วิงเข้ามาเสี ยก่อน “ท่าน


โหวน้อย นายท่านสองให้มาเชิญท่านไปทีโถงรับแขกสักครู่ ขอรับ”

มู่หรงเจียนเรี ยกหาเขาเช่นนี มันจะต้องไม่ใช่เรื องดีแน่ !


มู่หรงเย่เบ้ปาก แล้วกล่าวขึนอย่างไม่ใส่ ใจนัก “เขามีเรื องอะไร ?”

“เรี ยนท่านโหวน้อย มีแขกมาทีจวนโหว นายท่านสองเลยให้มาเชิญท่านไปรับแขกขอรับ” บ่าวรับใช้ตอบกลับ


อย่างนอบน้อม

เพือนของมู่หรงเจียน ล้วนเป็ นแต่พวกตัวเจ้าเล่ห์ เขานันขีเกียจจะไปทีโถงรับแขกเพือสวมหน้ากากพูดคุยกับคน


อย่างพวกเขา !

มู่หรงเย่สบถขึนอย่างไม่พอใจนัก แล้วกล่าวขึนช้า ๆ “ตอนคําข้ายังมีธุระ คงไปไม่ได้......”

“เอ่อ......” บ่าวนายนันขมวดคิวเตรี ยมทีจะเปิ ดปากตือต่อ แต่นาเสี


ํ ยงคุน้ เคยสายหนึงก็ดงั ขึน “พีชายมีธุระอะไร
ถึงได้ยงุ่ นักหรื อ แม้แต่เวลารับสํารับร่ วมกันก็ไม่มี”

มู่หรงเย่เงยหน้ามองไปเห็นมู่หรงจีเดินเข้ามาด้วยท่าทางหยิงยโส หางตาเต็มไปด้วยความถือดี !

แววตาสี ดาํ ขลับของเขาหรี ลง แล้วกล่าวขึนอย่างช้า ๆ “เป็ นธุ ระทัวไปของค่ายทหาร จําเป็ นจะต้องจัดการคิดอ่าน


อย่างรอบคอบ น้องชายไม่เคยได้เข้าค่ายทหาร ข้าพูดไปเจ้าก็คงไม่เข้าใจ......”
แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหวอย่างเปล่งประกาย มองไปทางเขาด้วยท่าทีแปลกใจ มู่หรงเย่สามารถเรี ยนรู ้การ
เหน็บแนมเยาะเย้ยผูค้ นได้แล้ว ช่างไม่ธรรมดานัก ดูท่าในค่ายทหารคงจะสามารถฝึ กฝนผูค้ นได้ดียงนั
ิ ก......

สี หน้าของมู่หรงจีมืดครึ มจนน่ากลัว ก็แค่ผา่ นการฝึ กในค่ายทหารมาแค่เดือนเดียว มีอะไรน่ าภูมิใจกันนัก เร็ ว ๆ


นีเขาก็จะได้เข้าค่ายทหารแล้วเหมือนกัน “วันนีแขกทีมาถือเป็ นสหายคนสําคัญของจวนเจินกัวโหว เจ้าทีมีฐานะ
เป็ นเจินกัวโหวไม่ออกไปต้อนรับ ดูท่าจะไม่ค่อยเหมาะสมนัก......”

มู่หรงเย่ไม่แม้แต่สนใจ “มีท่านอาสองต้อนรับเขาอยูก่ เ็ พียงพอแล้ว เขาก็ถือเป็ นญาติผใู้ หญ่ของข้า รับแขกแทนข้า


ก็ถือเป็ นเรื องทีถูกต้องเหมาะสม......”

“แต่ว่าแขกท่านนันพูดชือเจ้า เขาต้องการทีจะพบเจ้าโดยเฉพาะ” มู่หรงจีพูดขึนอย่างเรี ยบ ๆ เลิกคิวมองไปทีมู่


หรงเย่

“เช่นนี นีเอง !” แววตาของมู่หรงเย่ลึกลํา เขาเป็ นเจินกัวโหว ในอนาคตไม่ว่าจะเข้าเป็ นขุนนางในราชสํานักหรื อ


จะอยูท่ ีค่ายทหารต่อ ล้วนแต่ตอ้ งพบเจอขุนนางบุ๋นบู๊มากมาย พวกลุง ๆ อา ๆ สหายทีท่านพ่อเคยคบค้าสมาคม
ด้วยนัน เขาตัดสิ นใจทีจะทําความรู ้จกั เอาไว้ทงหมด
ั “เช่นนันข้าก็จะไปดูทีโถงรับแขกหน่อยก็แล้วกัน”

มู่หรงเย่วางตะเกียบลงค่อย ๆ แล้วลุกยืนขึนอย่างช้า ๆ หันไปพูดเน้นยํากับมู่หรงเสวีย “กับข้าวเก็บเอาไว้ให้ขา้


ก่อน เดียวข้าจะรี บกลับมา”
“ตกลง” มู่หรงเสวียพยักหน้ามองไปทีเงาร่ างของมู่หรงเย่ทีค่อย ๆ เดินไกลออกไป ดวงตาแหลมคมหรี เล็กลง
เพือทีจะสะดวกต่อการแย่งชิงตําแหน่ งเจินกัวโหวของมู่หรงเย่ แซ่ ตลู ้ ว้ นแต่คิดแผนการขัดขวางการสานสัมพันธ์
ระหว่างมู่หรงเย่กบั ตระกูลสหายทีสนิทใกล้ชิด แต่เหตุใดครังนี กลับเป็ นฝ่ ายเสนอให้ม่หู รงเย่ออกไปพบปะกับ
พวกเขาด้วยตัวเองได้เล่า เรื องราวดูท่าว่าจะไม่ค่อยถูกต้องนัก......

แววตาของมู่หรงเสวียส่ อประกายวูบไหว นางเร่ งฝี เท้าเดินออกไปจากเรื อนหิ มะโปรย ตามมู่หรงเย่และมู่หรงจี


ไป

บนทางเดินหิ นทีสะอาดสะอ้านนัน มู่หรงเย่กบั มู่หรงจีเดินไปด้านหน้าเคียงข้างกัน แววตาของมู่หรงจีวูบไหว


กล่าวขึนเสี ยงเบา “พีชาย ปกติแล้วเจ้าอยูใ่ นค่ายทําอะไรบ้าง”

“ก็ยงิ ธนู ฝึ กดาบ วางค่ายกลซ้อมรบ...วันใดทีเจ้าได้เข้าไปในค่ายทหารเจ้าก็จะรู ้เอง......” มู่หรงเย่พดู ขึนอย่างไม่


นําพา คล้ายกับว่ากล่าว ๆ ไปพอเป็ นพิธี

สี หน้าของมู่หรงจีค่อย ๆ เคร่ งขรึ มลง ในอกของเขาลุกโชนไปด้วยไฟโกรธแต่กอ็ ดทนไม่ปะทุมนั ออกมา แล้ว


กล่าวขึนเสี ยงตํา “ท่านพีอยูใ่ นค่ายทหารคุน้ ชินบ้างหรื อยัง ”

“คุน้ แล้ว” มู่หรงเย่พยักหน้า กล่าวขึนอย่างช้า ๆ “ตอนกลางวันฝึ กดาบค่อนข้างเหนือยไปบ้าง แต่ตอนกลางคืนก็


กินดี และหลับสบาย......”
กินดีหรื อ หลับสบายหรื อ ไม่ต่างอะไรจากหมูตวั หนึงเลย ถ้าจะพูดให้แย่หน่ อยมูห่ รงเย่กไ็ ม่ต่างอะไรจากหมูทีโง่
งมตัวหนึง ฝึ กฝนอยูใ่ นค่ายทหารตังนานขนาดนี นอกจากฝี ปากจะพัฒนาขึนมาบ้างสามารถกล่าววาจาเหน็บแนม
ผูค้ นได้แล้ว แต่เอาจริ ง ๆ แล้วตัวเขาก็ไม่เห็นว่าเขาจะมีความก้าวหน้าขึนตรงไหน !

คนโง่งมไม่ว่าจะฝึ กอย่างไรก็ไม่มีทางจะฉลาดขึนมาได้ !

แววตาของมู่หรงจีวูบไหวไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม สายตามองเห็นสระนําและภูเขาจําลองทีอยูไ่ ม่ไกลนัก


เช่นนันมุมปากของเขาก็ยกยิมแปลกขึนบาง ๆ แล้วกล่าวขึนเสี ยงสู ง “ท่านพีรี บดูสิ ในสระนํามีปลาอะไรกําลัง
ว่ายอยูก่ ็ไม่รู้......”

“สระนําในจวนของพวกเราเลียงปลาด้วยหรื อ” มู่หรงเจียนพูดขึนอย่างไม่ค่อยเข้าใจ เงยหน้ามองไปทางสระนํา

แววตาของมู่หรงจีวูบไหวไปด้วยความอํามหิ ตยืนมือออกไปผลักมู่หรงเย่......
ตอนที 169 ทําชัวได้ ชัว (1)

“ผิวนําก็แค่ถกู ลมพัดจนเกิดเป็ นคลืนเท่านัน มีปลาอะไรทีไหนกัน !” มู่หรงเย่กล่าวขึนอย่างช้า ๆ เพียงพริ บตาก็


เบียงกายหลบไปด้านข้าง

มู่หรงจีทีผลักมือใส่ อากาศธาตุทีมีแต่ความว่างเปล่า จึงทําให้เขาเสี ยหลักจนร่ างกายทีผอมแห้งพุ่งเซถลาไป


ด้านหน้า เขาตืนตกใจพยายามทีจะกลับมาทรงตัวไม่ให้ลม้ แต่ไม่คาดว่าอยู่ ๆ จะมีหินก้อนหนึงพุ่งออกมาจาก
อากาศธาตุชนเข้าไปทีเข่าของเขา จนร่ างกายเอียงเอนเซไปด้านหน้า จนเกิดเสี ยง ‘ตูม้ ’ ดังขึนเสี ยงหนึ ง ร่ างของ
เขาตกลงไปในสระนําจนสายนําสาดกระเซ็นไปทัว !

“ใครน่ ะ ใครกระโดดลงมาในนํา” เสี ยงสอบถามหยาบกร้านดังขึนตามมาด้วยเงาร่ างทีว่ายนําออกมาจากหลัง


ภูเขาจําลอง คิวดกดํา ดวงตากลมโต ใบหน้าดําคลํา นันมันบุตรสาวสายตรงแห่ งจวนแม่ทพั หยวนฟางเฟย !

ภายใต้แสงไฟสลัว ๆ จากโคมไฟ ร่ างกายของนางนันเปล่าเปลือย เส้นผมแห้งกร้านทีดูหงิงงอถูกมัดรวมเข้า


ด้วยกันเป็ นทรงกลม รวบสู งขึนเหนื อศีรษะ เรื อนร่ างบึกบึนของนางปรากฏสู่ สายตาอย่างชัดเจนแผ่นอก
แข็งแกร่ งภายใต้แรงกระเพือมของนําเดียวผลุบเดียวโผล่ จุดกลม ๆ ดํา ๆ สองจุดแนบติดอยูก่ บั กล้ามเนื อทีดู
แข็งแกร่ งซึ งไม่สามารถแยกแยะออกได้เลยว่าเป็ นหน้าอกของหญิงสาวหรื อว่าชายหนุ่ ม

มู่หรงจีทีได้เห็นดังนันจึงต้องเบ้ปากออกมา แล้วกล่าวขึนอย่างเร่ งรี บร้อนรน “ข้าขอโทษ ข้าขอโทษ......”


“พูดแค่คาํ ขอโทษก็นึกว่าจะจบเรื องแล้วหรื ออย่างไร” หยวนฟางเฟยก้าวยาว ๆ เข้าไปกระชากคอเสื อของมู่หรงจี
ขึน แล้วกล่าวต่อว่าขึนเสี ยงดัง “นีเป็ นสระแช่นาของข้
ํ า ใครให้เจ้ากระโดดลงมา !”

ทันใดนันร่ างกายผอมแห้งของมู่หรงจีก็ถกู ยกลอยขึนจากพืน ลําคอถูกคอเสื อรัดแน่นจนหายใจติดขัด ใบหน้า


ขาวผ่องกลายเป็ นสี แดงเถือก จนต้องไอออกมาแรง ๆ “ข้า......ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตงใจ......”

ั แต่กไ็ ด้รบกวนข้าเสี ยแล้ว......” หยวนฟางเฟยตัดบทคําพูดของเขาขึนอย่างโหดร้าย แววตา


“ถึงเจ้าจะไม่ได้ตงใจ
เปล่งประกายออกมาด้วยความดุดนั ถูกเขาเข้ามารบกวนเช่นนี ความสําราญของนางล้วนไม่หลงเหลืออีกแล้ว เจ้า
คนชัวช้า !......

“คุณหนูหยวน โปรดเบามือ เย่เอ๋ อร์เขาไม่ตงใจ......”


ั เสี ยงอธิบายอย่างร้อนรนดังขึน มู่หรงเจียน แซ่ โจวเร่ งรี บ
เดินเข้ามาโดยมีบรรดาสาวใช้ห้อมล้อม มุมปากของพวกเขายกยิมขึนอย่างสะใจ มู่หรงเย่ตกหลุมพลางแล้ว ทีนีจี
เอ๋ อร์กจ็ ะได้เข้าค่ายทหารเป็ นการตอบแทนแล้ว......

เมือเงยหน้ามองไปในสระนําก็เห็นร่ างสู งใหญ่บึกบึนของหยวนฟางเฟยยืนแช่อยูใ่ นนํา แววตาเต็มไปด้วยความ


โหดเหี ยม กําลังคว้าจับชายหนุ่มผูห้ นึ งราวกับกําลังจับแมวตัวน้อยเอาไว้อย่างไรอย่างนัน เท้าทังสองข้างของชาย
หนุ่ มเตะดินรนไปมาอย่างสุ ดชีวิต แต่กย็ งั ไม่สามารถหลุดพ้นจากการจับกุมของนางได้อยูด่ ี ใบหน้าขาวผ่อง
กลายเป็ นสี แดงเถือก
เมือแซ่ โจวเห็นดังนัน นางก็ตอ้ งเบิกตากว้างขึนด้วยความตืนตระหนก โพล่งกล่าวขึนว่า “จีเอ๋ อร์ ! ทําไมถึงเป็ น
เจ้าได้ ?” คนทีตกลงไปในนําสมควรเป็ นมู่หรงเย่สิถึงจะถูก

“ท่านแม่ช่วยข้าด้วย !” มู่หรงจีมองไปทางแซ่ โจวอย่างอ้อนวอน ดวงตาสี ดาํ ขลับของเขาคลอไปด้วยนําตาทีวูบ


ไหวแวววาว บ่งบอกถึงความทรมานและไม่ได้รับความเป็ นธรรมอย่างถึงทีสุ ด......

ตอนนันเองแซ่ โจวก็เข้าใจถึงต้นสายปลายเหตุของเรื องราวทังหมด ดวงตาทีชัวร้ายค่อย ๆ หรี ลง มู่หรงเย่กลับไม่


ตกหลุมพลาง ดูท่าเขาจะฉลาดขึนไม่นอ้ ยแล้ว แต่ว่าวันนีทีเกิดเรื องขึนเช่นนีก็เพือทีจะจัดการเขา เขาอย่าได้หวัง
ทีจะหลุดพ้นไปได้เลย !

เช่นนันนางจึงเงยหน้ามองไปทีมู่หรงจี แล้วกล่าวขึนเสี ยงสู ง “เมือครู่ ยงั ดี ๆ อยูเ่ ลย เหตุใดเจ้าถึงตกไปในสระนํา


ได้เล่า”

แววตาของมู่หรงจีวูบไหวกล่าวขึนผสมโรงโดยมิตอ้ งนัดหมาย “ข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึน ข้ากําลังเดินเล่นทีริ ม


สระนํากับท่านพีอยูด่ ี ๆ อยู่ ๆ ก็มีคนผลักข้า ข้าก็เลยตกลงมา......”

สายตาของแซ่ โจวทีมีแววคมกริ บดังศรพุ่งตรงไปทีมู่หรงเย่ “เย่เอ๋ อร์ นีเจ้าต้องการจะทําอะไรกันแน่ ”

“ท่านอาสะใภ้สอง ตอนทีข้ากําลังเดินอยู่ขา้ ง ๆ ลูกชายของท่าน เป็ นข้าทีเดินอยูช่ ิดริ มสระนํา เขานันยืนอยูท่ ี


ด้านซ้ายของข้า ถ้าหากข้าจะคิดร้ายต่อเขา เขาก็สมควรจะใช้คาํ ว่ากระชากหรื อดึง ไม่ใช่ใช้คาํ ว่าผลัก” มู่หรงจีเลิก
คิวมองไปทีนาง แววตาเต็มไปด้วยความดูถกู เย้ยหยัน
“เจ้าอย่าได้เล่นลินให้มนั มากนัก ถึงแม้วา่ เจ้าจะอยูใ่ กล้สระนํา เจ้าก็แค่ทิงระยะห่างไปด้านหลังเล็กน้อยแล้วใช้มือ
ซ้ายผลักเขาตกนําก็ได้แล้ว” แซ่ โจวเถียงกลับทันควัน แววตาของนางเต็มไปด้วยความอํามหิ ต

“พูดได้เหมือนจริ งยิงนัก คล้ายกับว่าอาสะใภ้สองเคยทําเรื องเช่นนี มาก่อนก็ไม่ปาน......” มู่หรงเย่เบิกตาโตขึนราว


กับประหลาดใจเสี ยเต็มปประดา ท่าทางของเขาทีคล้ายยิมคล้ายไม่ยมนั
ิ นทําให้แซ่ โจวเกรี ยวกราด ในอกลุกโชน
ไปด้วยไฟโกรธ “มู่หรงเย่......”

มู่หรงเย่โบกมือตัดบทคําพูดของนาง แล้วกล่าวขึนอย่างเย็นชา “อาสะใภ้สอง เหตุใดอยูด่ ี ๆ ข้าจะต้องผลักลูกชาย


ของท่านตกนําด้วยเล่า”

“เพราะว่า......เพราะว่า......” ดวงตาของแซ่ โจววูบไหวไปมา กล่าวถึงสาเหตุขนึ “เจ้าเห็นจีเอ๋ อร์ แล้วขัดตา......”

มู่หรงเย่สบถขึนอย่างเย้ยหยัน “ถ้าหากข้าเห็นลูกของท่านแล้วขัดตา ตอนทีเขาเข้าไปทีเรื อนหิ มะโปรยก็คงทุบตี


เขาไปแล้ว ไหนเลยจะต้องรอมาจนถึงตอนนี นําในสระนําก็ไม่ได้ลึกมากเป็ นพิเศษ ไม่มีทางทําให้เขาจมนําตาย
ได้......”

ความโกรธของแซ่ โจวพุ่งปะทุขึน นางจึงตวาดขึนเสี ยงดัง “มู่หรงเย่ !......”


“หยุดทะเลาะกันได้แล้ว” นําเสี ยงทรงพลังและดูมีอาํ นาจดังขึน ตามมาด้วยเงาร่ างสู งใหญ่ทีเดินเข้ามา สี ผวิ ดํา
คลําขนตาดกดํา ดวงตากลมโตดุดนั คล้ายกับหยวนฟางเฟยเจ็ดถึงแปดส่ วน มู่หรงเสวียทีได้เห็นต้องกะพริ บตาถี
รัว เขาคงเป็ นแม่ทพั หยวน บิดาของหยวนฟางเฟยสิ นะ สองคนพ่อลูกช่างมีรูปลักษณ์คล้ายคลึงกันยิงนัก

เมือหันหน้ามองไปทีหยวนฟางเฟย ก็เห็นนางกําลังหันไปเรี ยกชายผูน้ นพอดี


ั “ท่านพ่อ !”

แม่ทพั หยวนตอบรับเพียงเบา ๆ สายตาดุดนั กวาดมองไปทีมู่หรงเย่ มู่หรงจี และสุ ดท้ายสายตานันตกลงไปทีร่ าง


ของแซ่ โจว “ความขัดแย้งระหว่างมู่หรงเย่กบั มู่หรงจีนันเป็ นเรื องราวภายในของจวนเจินกัวโหวของพวกเจ้า ตัว
ข้านันคร้านทีจะเข้าไปยุง่ เกียวด้วย แต่ว่าลูกชายของเจ้าทีเห็นเรื อนร่ างของฟางเฟยไปแล้ว มิใช่วา่ สมควรทีจะ
แสดงความรับผิดชอบต่อพวกเราสองพ่อลูกหรอกหรื อ !”

เรื อนร่ างของหยวนฟางเฟยมีอะไรแตกต่างกับผูช้ ายกัน ดูแล้วยังจะให้คนรับผิดชอบอีก ช่างน่ าขันยิงนัก

ใ่ นใจ แต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความรู ้สึกเสี ยใจ แล้วกล่าวเน้นขึนทีละคํา “เช่นนัน


แซ่ โจวได้แต่ยมเยาะอยู

พรุ่ งนีพวกเราจะจัดเตรี ยมของขมาไปขอโทษทีจวนอย่างเป็ นทางการ !”

เช่นนันสี หน้าของแม่ทพั หยวนก็ฉายแววมืดครึ มจนดูน่ากลัว “หยวนฟางเฟยเป็ นคุณหนูทียังบริ สุทธิผุดผ่อง ลูก


ของเจ้าเห็นเรื อนร่ างของนางแล้ว ทําให้นางสู ญเสี ยเกียรติไปแล้ว แค่เพียงนําของขอขมามาขอโทษก็เป็ นอันจบ
สิ นแล้วเท่านันน่ ะหรื อ”

แซ่ โจวหนังตากระตุก ในใจรู ้สึกถึงลางสังหรณ์ทีไม่ดีนกั “ความหมายของแม่ทพั หยวนคือ ?”


“ลูกชายของเจ้ายังไม่ได้หมันหมายมิใช่หรื อ ฟางเฟยก็ยงั ไม่ได้หมันหมายเช่นกัน อย่างนันก็ให้พวกเขาทังสอง
คนคู่กนั ก็แล้วกัน !”

“เช่นนันจะได้อย่างไร !” แซ่ โจวปฏิเสธออกไปทันควันอย่างทีไม่ตอ้ งคิดเลยแม้แต่นอ้ ย จีเอ๋ อร์ ของนางนันฉลาด


หลักแหลม จะต้องกลายเป็ นแม่ทพั อายุเยาว์ในอนาคตอย่างแน่นอน และจากนันก็จะต้องได้แต่งกับคุณหนูทีมี
ฐานะตระกูลดี ใบหน้าสวยสดงดงาม นิ สัยอ่อนหวานแล้วได้ครองคู่กนั ไปจนชัวชีวิต

แต่หยวนฟางเฟยผูน้ นั คิวดกดําดวงตากลมโต ร่ างกายสู งใหญ่บึกบึน ผิวพรรณดําคลํา กริ ยามารยาทหยาบ


กระด้าง ล้วนไม่ต่างอะไรกับชายฉกรรจ์ทีมีนิสัยกระโชกโฮกฮากผูห้ นึ ง จีเอ๋ อร์ ของนางจะแต่งกับคนเช่นนี ให้
นางมาเป็ นภรรยาได้อย่างไร

ทันใดนันสี หน้าของแม่ทพั หยวนก็ฉายแววมืดครึ มจนน่ากลัว “ลูกชายของเจ้าทําให้ลูกสาวของข้าเสื อมเสี ยเกียรติ


ไม่ใช่ว่าสมควรรับผิดชอบหรื ออย่างไร !”

นําเสี ยงคํารามดุดนั ดังขึนก้องกังวานทะลุฟ้า เสี ยงดังจนใบหูของแซ่ โจวสันสะเทือน นางไม่สงสัยเลยถ้าหากนาง


กล้าพูดคําว่าไม่ออกไป ผูแ้ ซ่ หยวนจะต้องลงมือสังสอนพวกนางทังครอบครัวแน่นอน ตอนนี พวกนางยังมี
รากฐานทีไม่มนคง
ั ยังไม่ควรทีจะกลายเป็ นศัตรู ของแม่ทพั หยวน !

“มิใช่...มิใช่....ข้าไม่ได้หมายความเช่นนัน......ข้าหมายความว่าเย่เอ๋ อร์ ก็อยูท่ ีนีด้วยตลอดเวลา เขาก็เห็นเรื อนร่ าง


ของคุณหนูหยวนแล้วเช่นกัน เขานันโตกว่าจีเอ๋ อร์ ถ้าหากจะหมันหมายก็สมควรจะเป็ นเขาทีแต่งก่อน......”
ตอนที 170 ทําชัวได้ ชัว (2)

แซ่ โจวพูดกล่าวขึนด้วยดวงตายิมหยี แววตาคมกริ บเย็นยะเยือก ถึงจะไม่สามารถล่วงเกินผูแ้ ซ่ หยวนได้ แต่นางยัง


สามารถโยนความซวยนี ให้ม่หู รงเย่แต่งกับหยวนฟางเฟยแทนได้ แล้วกันจีเอ๋ อร์ ของนางออกมา

“อาสะใภ้สอง ข้ายืนอยูด่ า้ นหลังของภูเขาจําลองมาโดยตลอด เรื อนร่ างของคุณหนูหยวนนันข้าไม่เห็นเลยแม้แต่


น้อย ท่านอย่าได้พูดจากล่าวความใส่ ผคู ้ นส่ งเดช......” มู่หรงเย่เร่ งกล่าวอธิบายขึนอย่างเร่ งรี บ หันมองไปทีเรื อน
ร่ างบึกบึนียืนอยูใ่ นนํา เขาอดไม่ได้ทีจะเบ้ปากออกมา เขานันชอบรู ปลักษณ์ของหญิงสาวทีเหมือนกับน้องหญิงที
ตัวเล็กน่ารักมีใบหน้างดงาม หยวนฟางเฟยทีมีร่างกายองอาจบึกบึนเช่นนีนันไม่ใช่รสนิ ยมของเขาเลยแม้แต่นอ้ ย
......

“แต่ถึงแม้ว่าจะเห็นไปเล็กน้อยแล้วเป็ นเช่นไร ก็คงเปรี ยบไม่ได้กบั น้องจีทีอยูใ่ นอกของคุณหนูหยวนทีดินไปดิน


มา ร่ างกายก็แนบชิดไปกับเรื อนร่ างของนาง เกียรติของคุณหนูหยวนนันถูกทําให้เสื อมเสี ยเพราะน้องจีไปแล้ว
การทีน้องจีแสดงความรับผิดชอบต่อนางก็เป็ นเรื องทีถูกต้องสมควรแล้ว......”

มู่หรงเสวียพูดขึนอย่างเย็นชาแล้วค่อย ๆ เยืองย่างกายเข้ามา ดวงตาสี ดาํ นันเย็นชาดุจนําแข็ง ทีแท้นีก็เป็ นเหตุผลที


แท้จริ งของแซ่ โจวกับมู่หรงเจียน ผลักมู่หรงเย่ให้ตกนํา ให้เขาได้ใกล้ชิดกับหยวนฟางเฟยในนํา แล้วจะได้
รับผิดชอบแต่งงานกับหยวนฟางเฟย......

“เจ้า......” แซ่ โจวถลึงตามองไปทีมู่หรงเสวียอย่างเกลียดชัง โมโหจนไม่สามารถกล่าวออกมาเป็ นวาจาได้ !


มู่หรงเสวียทีเห็นดังนันแต่ก็ไม่ได้สนใจ นางมองตรงไปทีหยวนฟางเฟย “หากให้น้องจีเป็ นสามีของคุณหนู
หยวน คุณหนูหยวนจะเต็มใจหรื อไม่”

“จริ งหรื อ” หยวนฟางเฟยเบิกตากว้างด้วยความตืนตะลึงมองสอบถามไปยังแม่ทพั หยวน

แม่ทพั หยวนพยักหน้าเล็กน้อย “ถ้าหากเจ้าชอบ มู่หรงจีก็จะเป็ นสามีของเจ้า ถ้าหากไม่ชอบ......”

“ชอบ ชอบ......ข้าชอบแน่ นอน !” แววตาของหยวนฟางเฟยเต็มไปด้วยความตืนเต้นยินดียกมู่หรงจีให้สูงขึนแล้ว


มองเขาอย่างละเอียดถีถ้วน เห็นเขามีฟันสี ขาว ใบหน้าหล่อเหลา มีดวงตาสี ดาํ ขลับแวววาว งดงามจนนางจิตใจ
ละลาย

นางวาดหวังภาพของสามีในอนาคตของนางไว้ไม่สูงนัก ขอเพียงเป็ นผูช้ ายก็พอแล้ว คิดไม่ถึงว่ากามเทพจะ


บันดาลชายหนุ่ มทีน่ารักขนาดนี ให้มาปรากฏขึนตรงหน้าของนาง นางนันถูกใจจนถึงทีสุ ด

หยวนฟางเฟยยิมตาหยีกอดเอวของมู่หรงจีท่าทีคล้ายกับกําลังกอดเด็กน้อยอยูก่ ไ็ ม่ปาน กักขังเขาเอาไว้ในอ้อม


กอดแน่ น ใบหน้าดําคลําถูไถแรง ๆ ไปมาบนใบหน้าขาวสะอาดของเขา สัมผัสอันนุ่ มลืนทีแล่นขึนมาทําให้นาง
ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างมีความสุ ข นีเป็ นสามีในอนาคตของนาง ช่างไม่เลวเลย
มู่หรงจีถูกใบหน้าอันหยาบกร้านของนางถูไถไปมาจนปวดแสบปวดร้อน แขนแกร่ งนันก็กอดแน่นเสี ยจนเขา
ใกล้จะหายใจไม่ออกเข้าไปทุกที เขาดินรนอย่างสุ ดชีวิตแต่ก็ไม่สามารถหลุดออกจากเงือมมือปี ศาจของหยวน
ฟางเฟยไปได้ เขาโกรธจนใบหน้าแดงกําจนนําตาใกล้จะไหลริ นออกมาทุกที......

แม่ทพั หยวนหัวเราะดังก้อง “ไม่เลว ไม่เลว ฟางเฟยกับเสี ยวจีดูรักใคร่ สนิทสนมช่างเหมาะสมกันยิงนัก......”

ความโกรธของแซ่ โจวพุ่งปะทุ ดวงตาข้างไหนของเขาทีเห็นว่าพวกเขารักใคร่ สนิ ทสนมกันอย่างนันหรื อ นีเป็ นจี


เอ๋ อร์ทีดินไม่หลุดจากหยวนฟางเฟยต่างหาก

“อายุของฟางเฟยเองก็ไม่นอ้ ยแล้ว เลือกวันทีฤกษ์ยามดีงามแล้วจัดงานมงคลให้พวกเขาเลยก็แล้วกัน” แม่ทพั


หยวนกล่าวแนะขึนยิมตาหยี

แซ่ โจวร้อนใจจึงโพล่งกล่าวขึน “ไม่ได้ !”

สี หน้าของแม่ทพั หยวนมืดครึ มลงอีกครัง เขามองไปทีนางสายตาเย็น “ทําไมถึงไม่ได้เล่า”

“เพราะว่า......” แววตาของแซ่ โจววูบไหวไปมาอย่างรวดเร็ ว รี บโพล่งกล่าวเหตุผลทีพอฟั งได้ออกมา “จีเอ๋ อร์ เพิง


จะอายุสิบสามปี ยังไม่ถึงเวลาทีจะเป็ นฝังเป็ นฝา......”

ทีแท้ก็กงั วลเรื องอายุนีเอง ไม่ได้ตอ้ งการจะปฏิเสธลูกสาวของเขาเสี ยหน่ อย


สี หน้าของแม่ทพั หยวนพลันอ่อนลง “ไม่เป็ นไร เช่นนันก็ให้พวกเขาหมันหมายกันไว้ก่อนก็ได้ รอจนอาจีมีอายุ
ถึงเกณฑ์แล้วค่อยแต่ง ตอนนี อาจีอายุเท่าไรแล้ว......”

“สิ บสามปี !” แซ่ โจวกล่าวขึนเบา ๆ ในหัวมีความคิดหนึงกําลังวูบไหวอยู่ แล้วกล่าวขึนเสี ยงสู ง “เขามีอายุนอ้ ย


กว่าคุณหนูหยวนหกปี ถ้าหากคุณหนูหยวนทนรอไม่ไหว......”

“รอไหว ข้ารอไหว......” หยวนฟางเฟยตัดบทคําพูดของนางกล่าวขึนยิมตาหยี “มีคาํ กล่าวเอาไว้วา่ แต่งภรรยาทีมี


อายุมากกว่าเหมือนได้กอดอิฐทอง ข้าล้วนให้เขากอดไปสองครังแล้ว พอข้าแต่งเข้าบ้านของพวกท่านแน่นอนว่า
จะต้องส่ งเสริ มให้การงานกิจการของพวกท่านเจริ ญรุ่ งเรื อง”

แซ่ โจวยิมเยาะขึนในใจ หยวนฟางเฟยท่าทางโง่งมเช่นนี เพียงแค่ไม่เพิมเติมความลําบากให้พวกนางก็ดีมากแล้ว


ยังจะพาให้เจริ ญรุ่ งเรื องอะไรอีก ช่างน่าขันยิงนัก ถึงแม้นางจะเสริ มดวงสามีจริ ง ๆ ความรํารวยทีได้มาจาก
ลูกสะใภ้เช่นนี พวกนางนันล้วนเต็มใจทีจะไม่ตอ้ งการ......

หยวนฟางเฟยหยิบเอาเสื อผ้าบนภูเขาจําลองขึนมาสวมใส่ อย่างลวก ๆ พอเสร็ จแล้วก็แบกมู่หรงจีเดินออกมาจาก


สระนํา หยิบจับแขนขาผอมแห้งของเขาบิดหมุนไปมา ขมวดคิวขึนด้วยความผิดหวัง “ร่ างกายเล็ก ๆ เช่นนี ช่าง
ผอมแห้งเกินไปแล้ว จะให้มาเป็ นสามีของข้าหยวนฟางเฟยแล้วยังดูไม่ค่อยผ่านเกณฑ์นกั ......”

มู่หรงจีถูกนางบิดหมุนแขนไปมาจนเจ็บปวด ถลึงตามองไปทีหยวนฟางเฟย ใครอยากเป็ นสามีของนางกัน จะ


ชายก็ไม่ชาย จะหญิงก็ไม่หญิง ช่างเลวร้ายทีสุ ด......
“พรุ่ งนี ข้าจะพาเจ้าไปทีค่ายทหาร ฝึ กฝนเจ้าให้ดีให้เจ้ากลายเป็ นชายชาตรี ทีองอาจมีชือเสี ยงเลืองลือผูห้ นึ ง !”
หยวนฟางเฟยกล่าวขึนยิมตาหยี ฝ่ ามือหยาบกร้านลูบไล้ไปตามใบหน้าของมู่หรงจี นางนันชอบใบหน้าเรี ยบ
เนี ยนของเขาทีเปรี ยบแล้วยังเนี ยนนุ่ มกว่าผ้าไหมบนตัวนางทีสุ ดแล้ว......

สัมผัสอันหยาบกร้านแล่นขึนมาจากใบหน้า มู่หรงจีขมวดคิวแน่นด้วยความรังเกียจ ในทีสุ ดเขาก็ได้เข้าค่ายทหาร


สมใจปรารถนา แต่ว่าวิธีการเข้าไปของเขานัน ช่างน่าอับอายยิงนัก เดิมทีตอ้ งเป็ นมู่หรงเย่ทีเป็ นคนตกหลุมพลาง
ั เป็ นอยูใ่ นตอนนี ถูก
และเขานันเป็ นผูไ้ ด้รับผลประโยชน์จนสามารถเข้าไปในค่ายทหารได้สิ ไม่ใช่เหตุการณ์ดงที
ผูท้ ีจะหญิงก็ไม่ใช่จะชายก็ไม่เชิงพาเข้าไปในค่ายทหารด้วยเหตุผลไร้สาระ......

ใบหน้าดําคลําของหยวนฟางเฟยอยูใ่ กล้ตรงหน้า มู่หรงจีเตรี ยมทีจะหันหน้าถอยห่ างจากนาง แต่ไม่คาดว่าหยวน


ฟางเฟยจะใช้มือจับคางของเขาเอาไว้แน่น ความเจ็บปวดอันแหลมคมแล่นขึนมาจนเขาดวงตาแดงกําขอบตาคลอ
ไปด้วยนําตา......

แต่หยวนฟางเฟยกลับยิมขึนอย่างเบิกบานใจ “ช่างน่ าสนุ กยิงนัก เหมือนกับของเล่นชินใหญ่ก็ไม่ปาน......”

ทันใดนันมู่หรงเสวียก็ยน่ หน้าผากขึน นีหยวนฟางเฟยกําลังเห็นมู่หรงจีเป็ นของเล่นอยูง่ นหรื


ั อ

ในอกของแซ่ โจวลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ คางของจีเอ๋ อร์ ถกู นางกดจนแดงแล้ว เจ้าคนชันตําผูน้ ี ใช้แรงไม่มีหนัก


เบา จีเอ๋ อร์ ไม่ได้เป็ นของเล่นของนางนะ......
หยวนฟางเฟยไม่สนใจแววตาทีลุกโชนไปด้วยไฟโกรธของพวกนางสองแม่ลูก นางยิมตาหยีมองไปทีมู่หรงเสวีย
“มู่หรงเสวียหลังจากนีเป็ นต้นไปข้าก็กลายเป็ นว่าทีภรรยาของลูกพีลูกน้องชายของเจ้าแล้ว ในอนาคตจะต้องแต่ง
เข้ามาทีจวนเจินกัวโหว ขอฝากเนือฝากตัวด้วย ฝากเนือฝากตัวด้วยล่ะ !”

ิ ก !” มู่หรงเสวียพยักหน้าด้วยรอยยิมสดใส หยวนฟางเฟยกับนางไม่มีความแค้นอะไรต่อกัน
“ยินดี ยินดียงนั
แน่นอนว่าตัวนางจะต้องต้อนรับนางอย่างดี

“สามี ห้องของเจ้าอยูท่ ีใดหรื อ” หยวนฟางเฟยยิมตาหยีมองไปทางมู่หรงจี ตังใจผ่อนเสี ยงให้ดูอ่อนโยนแต่กย็ งั มี


ความแหบแห้งเจือปนอยูเ่ ล็กน้อย มู่หรงจีทีได้ฟังก็อดขนลุกชันไม่ได้ มองไปทางนางอย่างระแวดระวัง “เจ้าจะ
ทําอะไร”

“ข้าได้ยนิ พวกสาวใช้ในจวนของพวกเจ้าพูดว่านําในสระนําของพวกเจ้านันนํามากจากทีไหนสักแห่ งทีพอใช้มนั


ชําระล้างร่ างกายแล้วจะสามารถทําให้ผิวขาวสวยดังหยก เรี ยบเนี ยนดังกระเบือง......”

หยวนฟางเฟยกล่าวขึนยิมตาหยี แววตาวูบไหวเปล่งประกาย ก่อนหน้านีเค่อหนึงนางยังเป็ นแขกของจวนเจินกัว


โหว ไม่สามารถต้มนําร้อนอาบนําได้กเ็ ลยมาแช่นาตรง
ํ ๆ ทีสระนําแห่งนี ตอนนีนางเป็ นว่าทีภรรยาของมู่หรงจี
แล้ว นับว่าเป็ นคนของจวนเจินกัวโหวอยูค่ รึ งหนึง ไปแช่นาอะไรนั
ํ นทีห้องของว่าทีสามีกเ็ ป็ นเรื องทีสมควรและ
ถูกต้องแล้ว......
ตอนที 171 ทําชัวได้ ชัว (3)
มู่หรงเสวียแอบยกยิมเย็นขึนอย่างเงียบ ๆ ทีแท้พวกเขาก็ใช้วิธีการเช่นนี หลอกล่อให้หยวนฟางเฟยมาทีสระนํา
ช่างฉลาดหลักแหลมยิงนัก !

แซ่ โจวขบเคียวเขียวฟั นขึนอย่างนึ กเกลียดชัง นี ก็เป็ นแค่คาํ โกหกทีนางสังให้พวกสาวใช้โกหกออกไปส่ ง ๆ


เท่านัน หยวนฟางเฟยก็ยงั จะเชืออีก ช่างโง่งมถึงทีสุ ด !

“ท่านแม่สะใภ้ เวลาก็ล่วงเลยมามากแล้ว พวกเราขอตัวไปทีเรื อนของฟูจวินก่อนนะเจ้าคะ ท่านอย่าลืมสังให้พวก


สาวใช้ขนนําในบ่อมาด้วยนะเจ้าคะ” หยวนฟางเฟยกล่าวขึนยิมตาหยียกมู่หรงจีขึนแล้วเดินออกไปด้านหน้า ชาย
หนุ่ มทีอยูใ่ นมือช่างหล่อเหลาน่าดูนกั นางนันเบิกบานใจจนถึงทีสุ ด โยนชายหนุ่ มผูน้ นขึ
ั นไปบนฟ้ าแล้วก็ก็รับ
เอาไว้ แล้วก็โยนขึนฟ้ าแล้วรับเอาไว้......

ช่างเป็ นการกระทําทีน่าหวาดเสี ยวทีพอมู่หรงเสวียได้เห็นนันก็อดทีจะหนังตากระตุกไม่ได้ หยวนฟางเฟยคง


เห็นมู่หรงจีเป็ นของเล่นจริ ง ๆ โยนเล่นขึน ๆ ลง ๆ ไม่หยุด !

หยวนฟางเฟยนันมีรูปร่ างกํายําสู งใหญ่ เมือเปรี ยบเทียบกับมู่หรงจีทีร่ างกายผอมแห้งบอบบางนันเขาเหมือน


กลายเป็ นเด็กก็ไม่ปาน เขาทีตกอยูใ่ นเงือมมือของนางนันไร้ซึงหนทางขัดขืนใด ๆ ทําได้เพียงถูกนางพลิกไป
หมุนมาอยูเ่ พียงฝ่ ายเดียว......

ในอกของแซ่ โจวลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ จีเอ๋ อร์ เป็ นผูช้ าย ในอนาคตจะต้องกลายเป็ นแม่ทพั ใหญ่ทีมีชือเสี ยง


เลืองลือ จะมาถูกหยวนฟางเฟยทีมีนิสัยหยาบกร้านและโง่งมผูน้ ี กระทําการดูถูกเช่นนี ได้เช่นไร......
แววตาเย็นยะเยือกเตรี ยมทีจะตวาดต่อว่าขึนเสี ยงดัง แต่มู่หรงเจียนกลับรี บห้ามปรามนางไว้แล้วค่อย ๆ ส่ งสายตา
ให้นาง แม่ทพั หยวนยังอยูท่ ีนี พวกเขาไม่สามารถกระทําการอะไรบุ่มบ่ามได้......

สายตาของแม่ทพั หยวนตกอยูท่ ีร่ างของหยวนฟางเฟยกับมู่หรงจี ความร้ายกาจและดุดนั ของลูกสาวทําให้ความ


โกรธในใจของเขาลดลงไปไม่น้อย เขาพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ไม่เลว ไม่เลว ลูกสาวของเขาช่างร้ายกาจนัก ล้วน
สามารถสะกดข่มลูกเขยได้จนอยูห่ มัด ในอนาคตพอเข้ามาทีจวนโหวแล้วไม่มีทางทีจะถูกรังแกอย่างแน่นอน......

“เวลาก็ล่วงเลยมานานมากแล้ว ข้าก็คงต้องขอตัวกลับจวนก่อน พวกเจ้าก็เลือกวันมงคลแล้วค่อยมามอบของหมัน


หมายทีจวนแม่ทพั แล้วกัน !” แม่ทพั หยวนกล่าวขึนพลางยิมตาหยี หมุนกายเดินไปด้านนอกอย่างช้า ๆ ในทีสุ ด
เรื องราวของบุตรสาวก็ได้รับการจัดการแล้ว เรื องทีเขากังวลมาโดยตลอดในทีสุ ดก็สามารถปล่อยวางมันลงได้
แล้ว ในทีสุ ดก็สามารถนอนหลับอย่างสบายอกสบายใจได้เสี ยที

เมือมองไปทีเงาร่ างของเขาทีค่อย ๆ ไกลออกไป แววตาของแซ่ โจวก็วบู ไหว แล้วกล่าวขึนเสี ยงสู ง “แม่ทพั หยวน
เดินทางตอนกลางคืนไม่ค่อยปลอดภัยนัก ท่านรอพาบุตรสาวกลับไปพร้อมกันเถิด” พาหยวนฟางเฟยจากไป
ด้วยกันก็จะได้ไม่สามารถรังแกจีเอ๋ อร์ ของนางได้อีก

แม่ทพั หยวนไม่เห็นว่าเป็ นเช่นไร เขากล่าวขึนโดยทีไม่แม้แต่หันกลับมามอง “ฟางเฟยมีวรยุทธ์ทีไม่เลวเดินทาง


ตอนกลางคืนเพียงลําพัง ไม่มีทางทีจะเกิดเรื องอะไรขึนได้” ฟางเฟยได้รับการสื บทอดวิชาจากเขามาอย่างดี ชาย
ฉกรรจ์สิบกว่าคนรุ มโจมตีนางล้วนไม่สามารถเป็ นคู่ปรับของนางได้ ถ้ากล้าคิดทีจะปล้นนาง เหอะ เหอะ พวก
มันก็คงจะไม่อยากมีชีวิตอยูอ่ ีกต่อไปแล้ว
เมือมองส่ งเงาร่ างของแม่ทพั หยวนหายไปในเงามืด แววตาของมู่หรงเจียนก็วบู ไหวเปล่งประกาย กล่าวขึนเสี ยง
เข้ม “เด็ก ๆ รี บไปเตรี ยมของหมันพรุ่ งนี ฤกษ์ยามก็ไม่เลว จะได้ไปจวนแม่ทพั ทําการมอบของ......”

ทันใดนันแซ่ โจวก็หมุนกายมองไปทีเขาอย่างตกตะลึง “เจ้าจะให้จีเอ๋ อร์ แต่งกับหยวนฟางเฟยทีหยาบกระด้างผู ้


นันหรื อ !”

“ไม่อย่างนันจะทําเช่นไร ?” มู่หรงเจียนเลิกคิวมองไปทีนาง แล้วกล่าวเน้นทีละคํา “แม่ทพั หยวนกับหยวนฟางเฟ


ยต้องการตัวจีเอ๋ อร์ เสี ยขนาดนัน ถ้าหากพวกเราไม่เป็ นคนไปมอบของหมันหมายด้วยตัวเอง พวกเขาต้องบุก
มาถึงประตูจวนอย่างแน่ นอน !”

พอถึงตอนนัน ถ้าพวกเขามาร้องห่ มร้องไห้พดู จาใส่ ไฟ จีเอ๋ อร์ มิใช่กลายเป็ นคนไร้ยางอายทีทําให้ผอู ้ ืนเสื อมเสี ย
เกียรติแล้วไม่ยอมรับผิดชอบไปหรอกหรื อ ชือเสี ยงเหม็นโฉ่ ดงั กระฉ่ อนไปทัวเมืองหลวงไหนเลยจะมีคุณหนู
จากตระกูลอืนยอมแต่งกับเขาอีก

แซ่ โจวกัดฟันโกรธกล่าวขึนอย่างเกลียดชัง “แต่ว่าหยวนฟางเฟยผูน้ นั เหมาะสมกับจีเอ๋ อร์ ทีไหนกัน !” จีเอ๋ อร์ กบั


นางยืนอยูด่ ว้ ยกัน ช่างคล้ายกับเอาดอกไม้ดอกหนึ งไปปั กลงบนขีวัว !

แววตาของมู่หรงเจียนวูบไหวกล่าวขึนอย่างไม่ได้คดิ มากแต่อย่างใด “ก็แค่หมันหมายแต่เพียงเท่านัน ยังไม่ได้


แต่งงานเสี ยหน่ อย เจ้าคิดไกลเช่นนันไปทําไมกัน !”

แววตาของแซ่ โจววูบไหว “เจ้าหมายความว่า......”


“จีเอ๋ อร์ อายุสิบสามปี อย่างน้อยทีสุ ดก็ตอ้ งรอสามถึงสี ปี ถึงจะแต่งงานได้ ในระยะเวลาทียาวนานเช่นนี ไม่
สามารถรับประกันได้ว่าจะเกิดเรื องอะไรขึน......” มู่หรงเจียนกล่าวเสี ยงตํามุมปากยกขึนด้วยรอยยิมแปลก ๆ !

แววตาของแซ่ โจววูบไหวเปล่งประกาย ใช่แล้ว...ขอเพียงแค่ยงั ไม่ได้แต่งงาน การแต่งงานระหว่างจีเอ๋ อร์ กบั


หยวนฟางเฟยก็ยงั คงสามารถเปลียนแปลงได้ จะนับอะไรกับแค่การหมันหมาย ไม่วา่ ตอนไหนก็ยงั สามารถถอน
หมันได้เหมือนมู่หรงเสวียกับจิงอ๋ อง หมันหมายกันมาสิ บปี ก็ยงั ถูกองค์หญิงม่อเป่ ยฉิ นยวีเยียนเข้ามาแทรกกลาง
ได้......

มู่หรงเสวีย ? มู่หรงเสวีย ! แซ่ โจวแววตาหรี เล็กลงพริ บตาหันกายมองไปเห็นมู่หรงเสวียยืนอยูด่ า้ นหน้าภูเขา


ิ พ่ อดี ในอกของนางลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ
จําลอง และกําลังจ้องมองมาทีนางด้วยท่าทางคล้ายยิมคล้ายไม่ยมอยู
กล่าวขึนด้วยนําเสี ยงดุดนั “คนทีเกิดเรื องเป็ นจีเอ๋ อร์ เจ้าสะใจมากหรื อ ?”

“อะไรทีเรี ยกว่าข้าสะใจมากกัน เรื องราวในวันนี เป็ นอาสะใภ้สองทีคิดวางแผนขึน ! ข้าต้องยินดีกบั อาสะใภ้ที


สามารถพบเจอกับลูกสะใภ้ทีดีงามได้สิถึงจะถูก” มู่หรงเสวียพูดกล่าวขึนด้วยรอยยิมสดใส แววตาเต็มไปด้วย
ความดูถูกเยาะเย้ย

“เจ้า......” แซ่ โจวชีนิ วไปทีนาง รู ้สึกโมโหจนไม่สามารถกล่าวออกมาเป็ นคําพูดได้ มู่หรงเสวียรู้ว่านางนันรังเกียจ


หยวนฟางเฟยมากเพียงใดยังจะมาแสดงความยินดีกบั นางอีก นี ชัดเจนว่ากําลังเยาะเย้ยนาง ช่างน่าโมโหยิงนัก
ช่างน่ าโมโหจนถึงทีสุ ด !
“นีก็ดึกมากแล้ว พวกเรากลับเรื อนไปพักผ่อนกันเถอะ อาสอง อาสะใภ้สองค่อย ๆ หารื อเรื องการหมันหมายไป
นะเจ้าคะ” มู่หรงเสวียยิมตาหยีโยนคําพูดทิงไว้แล้วหมุนกายก้าวยาว ๆ เดินออกไปด้านหน้าโดยไม่หันกลับมา
มองอีก มีหยวนฟางเฟยคอยฉุ ดรังมู่หรงจี สามคนหนึงครอบครัวนีสมควรทีจะหยุดเคลือนไหวกันไปสักพักหนึง
ทีนีมู่หรงเย่กจ็ ะสามารถฝึ กฝนดาบและรําเรี ยนการนําทัพอยูใ่ นค่ายโดยไม่ตอ้ งมีเรื องราวมาให้กวนใจอีกต่อไป
......

ชายหนุ่ มทีเดินอยูด่ า้ นข้างมีริมฝี ปากแดง ฟั นสี ขาว ใบหน้าหล่อเหลา ความซื อไร้เดียงสาทีเคยปรากฏอยูบ่ น


ใบหน้าค่อย ๆ จางหายไปถูกแทนทีด้วยความุ่งมันทีชัดเจนขึน อดไม่ได้ทีจะทําให้ผคู ้ นเคารพนับถือ

“ท่านพีฉลาดขึนแล้ว” มู่หรงเสวียถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้ตามมาด้วยและไม่ได้


ใช้หินโยนใส่ ทีเข่าของมู่หรงจี มู่หรงเย่กค็ งจะไม่มีทางตกลงไปในแผนการของพวกเขาแน่นอน

“ข้าก็สมควรทีจะฉลาดขึนมาบ้างได้แล้ว ไม่อย่างนันจะปกป้ องเจ้าและตําแหน่งโหวทีท่านพ่อทิงไว้ให้ขา้ ได้


อย่างไร” แววตาของมู่หรงเย่ลึกลํา ตําแหน่ งโหวกับน้องสาวเป็ นสมบัติลาค่
ํ าทีพ่อแม่ทิงเอาไว้ให้เขา เขาจะต้อง
ปกป้ องดูแลสองสิ งนี ให้ดีทีสุ ด

เมือมองไปทีดวงตาหนักแน่ นของเขา มู่หรงเสวียก็ยกยิมขึนบาง ๆ “ถ้าหากท่านพ่อกับท่านแม่ทีอยูบ่ นฟ้ าได้ยนิ


คําพูดของเจ้าเช่นนี แน่ นอนว่าจะต้องดีใจมาก”

มู่หรงเย่ยกมุมปากขึนยิมบาง ๆ แต่ก่อนนันเขาช่างไม่ได้ความเกินไปแล้ว จากนีไปเขาจะขยันเรี ยนรู้สิงต่าง ๆ ที


สามารถทําให้ตนเองแข็งแกร่ งขึนได้ ทําให้ตวั เองกลายเป็ นคนทีฉลาดขึน ไม่มีทางทําให้พ่อแม่ผดิ หวังและก็ไม่มี
ทางทําให้นอ้ งสาวผิดหวัง
‘ฟ้ าว !’ เสี ยงแหวกอากาศสายหนึ งดังขึนบนหลังคาทีอยูไ่ ม่ไกล พลันปรากฏเงาร่ างสี ดาํ สายหนึงขึนแล้วพริ บตา
ก็สลายหายไป

ความหนาวเหน็บเย็นยะเยือกปรากฏขึนในแววตาของมู่หรงเสวีย “ใครน่ ะ ?”
ตอนที 172 ฉินยวีเยียนวางแผนร้ าย

คนชุดดําไม่สนใจในเสี ยงเรี ยกนัน กอดสิ งของบางอย่างเอาไว้แนบอกแล้วกระโดดไปตามหลังคาหลังแล้วหลัง


เล่าพุ่งทะยานออกไปด้านหน้า

เหมือนกับว่าเขากระโดดออกมาจากทิศทางของเรื อนหิ มะโปรย !

แววตาคมกริ บของมู่หรงเสวียหรี เล็กลง นางขยับฝี เท้าเบา ๆ ไม่นานนักร่ างบอบบางก็กระโดดขึนไปด้านบน


หลังคาตามคนชุดดําผูน้ นออกไปอย่
ั างรวดเร็ ว

“น้องหญิง รอข้าด้วย !” มู่หรงเย่ร้องขึนอย่างตืนตระหนกเร่ งรี บวิงตามออกไป

ท้องฟ้ ายามราตรี มืดมิดดังนําหมึก เงาร่ างของคนชุดดําผสานรวมเข้ากับสี ของท้องฟ้ ายามราตรี จนกลายเป็ นหนึง


เดียวกัน รอบ ๆ บริ เวณทีผ่านเหมือนกับเข้าสู่ เขตแดนทีไร้ผคู ้ นก็มิปาน พุ่งตามไล่ล่ากันผ่านถนนสายแล้วสายเล่า
ด้วยความรวดเร็ ว สุ ดท้ายก็พุ่งตรงเข้าไปในจวนแห่ งหนึ ง
มู่หรงเสวียขยับเท้าเบา ๆ แล้วรี บพุ่งตามเข้าไป

ี นยืนอยูด่ า้ นข้างหน้าต่าง มือไขว้


ในห้องนอนของเรื อนหลักของจวนแห่ งนันมีแสงสาดส่ องเข้ามาสลัว ๆ เย่อเฉิ
หลัง แววตาลําลึกของเขาจ้องมองออกไปนอกหน้าต่าง มองไปทีท้องฟ้ ายามราตรี สีดาํ มืด แววตาวูบไหวไปด้วย
ความคิดทีผูค้ นมิอาจจะคาดเดาได้

ฉิ นเฮ่าเหยียนอยูใ่ นชุดสี เหลืองเข้มเอนกายอยูบ่ นตังทีนัง กวาดตามองการตกแต่งด้านในห้องอย่างช้า ๆ “ท่านพี


หญิง ยามมืดคําเช่นนี ท่านเรี ยกพวกเรามาทีนี ทําไมกันหรื อ”

ฉิ นยวีเยียนนังอยูบ่ นเก้าอีไม้ไผ่กลางห้อง นางอยูใ่ นชุดสี เขียวอ่อนทีรับเข้ากับใบหน้าเรี ยวงดงามทีขาวซีดน้อย ๆ


แววตาวูบไหวไปด้วยความหนาวเหน็บเย็นยะเยือก กล่าวเน้นขึนทีละคํา “มาดูงิว !”

ฉิ นเฮ่าเหยียนเลิกคิวขึน “ทีนี เป็ นเพียงแค่จวนเล็ก ๆ แห่ งหนึง ในระแวกใกล้เคียงไม่ค่อยมีผคู ้ นอาศัยอยูม่ ากนัก


แล้วจะมีงิวอะไรให้ดูกนั ?”

ฉิ นยวีเยียนค่อย ๆ ก้มหน้าลง รอยยิมทีมุมปากรับเข้ากับปิ นปั กผมสี หยกของนางเกิดเป็ นกลินอายเย็นยะเยือก


แปลก ๆ “อีกไม่นานเจ้าก็จะได้รู้ !”

“ฉึก !” เพียงพริ บตาความมืดด้านนอกก็เหมือนกับสว่างไสวขึน ทันใดนันเงาร่ างบางสายหนึ งก็ปรากฏขึนตรง


กลางลานกว้าง ใบหน้าเรี ยวเล็กงดงาม แววตาดูฉลาดปราดเปรื อง เมือได้เห็นดังนันแววตาคมของเย่อีเฉิ นก็หรี
เล็กลง “มู่หรงเสวีย ! เหตุใดนางถึงมาอยูท่ ีนีได้ ?”
“เป็ นข้าทีให้คนล่อนางมา” ฉิ นยวีเยียนดันเก้าอีไม้ไผ่มาทีด้านหน้าหน้าต่าง มองไปทีเรื อนร่ างอ้อนแอ้นของมู่
หรงเสวีย พลันแววตาของนางก็วบู ไหวไปด้วยความโหดเหี ยมอํามหิ ต

เย่อีเฉิ นขมวดคิวขึน หันมองไปทีฉิ นยวีเยียนทันที “เจ้าต้องการจะทําอะไร ?”

“มีแค้นก็ตอ้ งแก้แค้น ทวงคืนสิ งนางได้ทาํ เอาไว้” ฉิ นยวีเยียนกล่าวเน้นขึนทีละคํา แววตาวูบไหวไปด้วยความ


โหดเหี ยม

“หมายความว่าอย่างไร ?” เย่อเฉิ
ี นมองไปทีนางอย่างไม่เข้าใจ

“บาดแผลทีมือของข้าและอาการบาดเจ็บทีบอบชําภายในของข้าล้วนแต่เป็ นมู่หรงเสวียทีมอบให้ เช่นนันข้า


จะต้องได้ทุบตีแขนขาและทัวทังร่ างของมู่หรงเสวียคืนเป็ นการแก้แค้น ให้นางได้ลิมรสความเจ็บปวดทีข้าเคย
ได้รับ” ฉินยวีเยียนกัดฟันพูด อยู่ ๆ ฝ่ ามือของนางก็ตีลงไปทีโต๊ะด้านหน้า !

“ฟ้ าว ฟ้ าว ฟ้ าว !” ทันใดนันลูกธนูสีดาํ ดอกแล้วดอกเล่าต่างพุ่งออกมาจากรอบทิศทาง พุ่งตรงเข้าไปทีมู่หรงเสวีย


อย่างไร้เยือใย

แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหวไปด้วยความเย็นยะเยือก ชักกระบีออกมาวาดฟั นปั ดป้ องลูกธนูเหล่านัน ได้ยนิ เสี ยง


‘เคร้ง เคร้ง เคร้ง’ ดังขึนหลายเสี ยง ลูกธนูดอกแล้วดอกเล่าถูกมู่หรงเสวียตวัดฟันจนพากันร่ วงลงบนพืน......
มู่หรงเสวียนผูน้ ี ช่างร้ายกาจนัก ! ฉิ นเฮ่าเหยียนค่อย ๆ เดินไปด้านหน้าอย่างช้า ๆ มองลอดจากช่องว่างของ
หน้าตามองไปทางมู่หรงเสวียอย่างตืนเต้นสนใจ

“พวกองครักษ์เมือวานทีข้ามอบให้ท่านพีหญิงยืมไป ไม่ว่าท่านพีหญิงจะสังการให้ปล่อยงูหรื อแกล้งเป็ นขอทาน


ก็ลว้ นไม่สามารถทีจะทําอะไรมู่หรงเสวียได้แม้แต่ปลายเล็บ กลับกันยังถูกนางฆ่าตายจนหมด......”

ทันใดนันสี หน้าของฉิ นยวีก็มีความมืดครึ มขึนทันที นางกล่าวเน้นขึนทีละคํา “นันเป็ นเพราะนางโชคดี ถึงได้


รอดชีวติ ไปได้ ครังนี ข้านันวางกลไกอันร้ายกาจเอาไว้ในจวนแห่ งนี มากมายนัก อย่าได้หวังว่านางจะกางปี กหนี
ไปไหนได้อีก !”

“จริ งหรื อ ?” ฉิ นเฮ่าเหยียนยกยิมมุมปากขึนอย่างแปลก ๆ เขามองไปนอกหน้าต่างอย่างไม่ใส่ ใจ “เช่นนันข้าจะรอ


ดูม่หู รงเสวียโชคร้ายก็แล้วกัน”

เย่อีเฉิ นมิได้กล่าววาจาใด แววตาคมกริ บเพียงแต่มองทะลุผา่ นออกไปนอกหน้าต่าง มองไปทีมู่หรงเสวียตาไม่


กระพริ บ

มู่หรงเสวียยืนอยูด่ า้ นในลานกว้างปั ดป้ องลูกธนูไปมา ดวงตาอันแหลมคมค่อย ๆ หรี เล็กลง หลังจากทีคนชุดดํา


กระโดดเข้ามาในจวนแล้วก็หายไปอย่างรวดเร็ ว และหลังจากทีนางตกลงสู่ พนแล้
ื ว ก็ถูกห่ าธนูพวกนี โจมตีเข้าใส่
ไม่หยุด ลูกธนู มีมากมายนับไม่ถว้ น ไม่ว่าจะปั ดป้ องอย่างไรก็ไม่มีวนั หมด ถ้านางยังคงอยูท่ ีนีต่อไปก็คงไม่ได้
อะไรขึนมาแน่ เช่นนันนางก็ขอใช้หนึงใน 36 กลยุทธ์ นันก็คือการหนี เป็ นตัวเลือกก่อนก็แล้วกัน !
มู่หรงเสวียเลิกคิวขึน ฟั นลูกธนูตรงหน้าจนหมดพลางหมุนกายเตรี ยมทีจะจากไป แต่ไม่คาดว่าห่ าธนูทีหนาแน่น
นันพริ บตาก็กลับหยุดลงเสี ยดือ ๆ แต่ทนั ใดนันก็มีตน้ ไม้และดอกไม้มากมายปรากฏออกมาล้อมรอบกักขังตัว
ของนางเอาไว้ ต้นไม้สีเขียว ดอกไม้สีแดงขยับเคลือนไหวไปมารอบ ๆ กายของนาง รวดเร็ วเสี ยจนทิงภาพติดตา
ไว้บนตําแหน่งเดิมของมัน ทําให้ดวงตาของผูค้ นทีได้เห็นต่างพร่ ามัว

แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหวเย็นยะเยือก นีเป็ นค่ายกล ! นางกําลังถูกกักขังเอาไว้ในค่ายกล !

“ฟ้ าว ฟ้ าว !” เสี ยงเบา ๆ สองเสี ยงดังขึน พลันกับดักเหล็กแหลมคมสองอัน หนึ งซ้ายหนึ งขวาพุ่งตรงเข้าหานาง


ทันที

มู่หรงเสวียยกยิมเย็น กระโดดออกไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ ว กับดักแหลมคมเฉี ยดผ่านชายเสื อของนางไป ปะทะ


กันเข้าทีด้านหลังของนางอย่างแรง “ปั ง !” ดังขึนเสี ยงหนึ ง ดังลันจนหูออื

แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหวไปด้วยความหนาวเหน็บเย็นยะเยือก ร่ างของนางกําลังจะตกลงบนพืนอย่างช้า ๆ
แต่ไม่คาดว่าช่วงทีกําลังจะตกถึงพืนนัน ใต้เท้าของนางกลับว่างเปล่า เพียงพริ บตาร่ างบอบบางก็ร่วงตกลงไปใน
กับดัก ในกับดักด้านล่างสุ ดนันเต็มไปด้วยเหล็กแหลมทีทังคมทังยาว......

มู่หรงเสวียหรี ตาลงเล็กน้อย พลันพลิกกายกลับตัวอย่างรวดเร็ ว เท้าชีฟ้ าหัวพุ่งลงด้านล่าง กระบีในมือยืนออก


แทงไปทีแผ่นเหล็กด้านล่างของกับดักอย่างแรง กระบีงอเป็ นทรงกลมรู ปทรงสวยงามแล้วดีดออก นางอาศัยแรง
ดีดกระโดดออกจากหลุมกับดักแล้วตกลงสู่ พืนอย่างไหลลืนนิ มนวล ดวงตาสี ดาํ ขลับวูบไหวไปด้วยความเย็นชา
และหยิงทะนงทีชัดเจน

ฉิ นเฮ่าเหยียนทียืนอยูด่ า้ นหน้าของช่องว่างตรงหน้าต่างมองไปทีนางทีไร้ซึงรอยบาดแผล มุมปากพลันยกสู งขึน


ท่าทางคล้ายยิมคล้ายไม่ยมิ “ท่านพีหญิง สําหรับนางแล้วกับดักทีสู งส่ งของท่านช่างไร้ประโยชน์ยงนั
ิ ก พวกมัน
ถูกนางแก้ทางได้จนหมด !”

สี หน้าของฉิ นยวีเยียนมืดครึ มขึนมาทันที นางกล่าวขึนอย่างโหดเหี ยม “ก็แค่ของเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านัน แก้ทาง


พวกมันได้ก็ไม่ได้ถือว่าจะเก่งกาจอะไร ของทีร้ายกาจกว่านันยังรอนางอยูข่ า้ งหลังอีก”

“จริ งหรื อ เช่นนันท่านพีหญิงเตรี ยมไพ่ตายร้ายกาจอะไรไว้ช่วงหลังกัน” ฉิ นเฮ่าเหยียนกล่าวขึนอย่างเรี ยบ ๆ เงย


หน้ามองไปด้านนอก ทันใดนันก็เห็นว่าท่ามกลางต้นไม้ใบหญ้าปรากฏควันสี ขาวพวยพุ่งขึน แล้วค่อย ๆ พุ่งโชย
เข้าไปทีมู่หรงเสวียอย่างช้า ๆ

แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหว นางรี บกลันหายใจในทันใด นี มันควันพิษ ! กลับกล้าวางยาพิษใส่ นางถือว่าโง่งม


ยิงนัก ไม่รู้หรื ออย่างไรว่านางเชียวชาญการแก้พิษมากทีสุ ด ?

แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหวไปด้วยความเยาะเย้ยดูถูก มือทังสองข้างค่อย ๆ ร่ ายรําขึนเป็ นทรงกลมทีดูแล้วช่าง


งดงาม รู ปทรงกลมดูสมมาตรเส้นโค้งซ้ายขวาทังสองข้างดูเท่ากันอย่างชัดเจน วงกลมทีนางสร้างขึนกําลังดูดเอา
ควันพิษโดยรอบสายแล้วสายเล่าดูดเข้าไปเรื อย ๆ ไม่หยุด
ฉิ นเฮ่าเหยียนเบิกตากว้างขึนด้วยความตกตะลึง “มู่หรงเสวียกลับสามารถนําเอาควันพิษควบรวมเข้าด้วยกันได้”
เหตุใดนางถึงทําเช่นนี ได้ ?

อีกทังท่วงท่าของนางเมือครู่ นี ทีดูเชืองช้าแต่กลับมีประสิ ทธิ ภาพ แต่ไหนแต่ไรมาเขากลับไม่เคยพบเจอมาก่อน


เลย......

สี หน้าของฉิ นยวีเยียนมืดมิดจนน่ ากลัว ฝ่ ามือภายใต้แขนเสื อกําเข้าหากันแน่ น มู่หรงเสวียกลับสามารถทําลาย


แผนควันพิษทีนางคิดเอาไว้ได้ ช่างเลวร้ายทีสุ ด !

ควันพิษยิงรวมตัวกันยิงเยอะ ยิงรวมตัวยิงหนาแน่น ควันสี ขาวค่อย ๆ กลายเป็ นสี เทาแล้วค่อย ๆกลายเป็ นสี ดาํ
ฉิ นยวีเยียนทีได้เห็นดังนันต้องขมวดคิวแน่ น อยูด่ ี ๆ เหตุใดมู่หรงเสวียจะต้องรวบรวมเอาควันพิษมากมายขนาด
นีควบรวมเข้าด้วยกันด้วย จริ ง ๆ แล้วนางทําไปเพืออะไรกันแน่

ในขณะทียังรู ้สึกสับสนไม่เข้าใจอยู่นนั อยู่ ๆ สายตาก็เห็นมู่หรงเสวียหันมองมาทิศทีพวกนางอยูแ่ ล้วยกยิมมุม


ปากขึนอย่างแปลก ๆ มือนวลขาวออกแรงผลักเบา ๆ ทันใดนันเจ้าควันพิษก้อนใหญ่ ๆ นันก็ถูกผลักมาทางพวก
นางอย่างไร้เยือใย......
ตอนที 173 สาดนําเสี ยกลับคืน
ตอนนันเองฉิ นยวีเยียนก็รู้สึกตืนตระหนกขึนมาทันใด “ระวัง !”

ระหว่างทีพูดนัน นางได้ยนิ เสี ยง ‘ปั ง’ ดังขึนเสี ยงหนึ ง ลูกบอลควันพิษก็พ่งุ ปะทะเข้ากับหน้าต่างจนแตกละเอียด


ควันพิษหนาแน่ นพุ่งโชยแผ่ขยายไปทัวโดยรอบห้อง ทําเอาแต่ละคนไอสําลักออกมาจนคอแหบแห้ง รู ้สึก
เจ็บปวดทรมานทีบริ เวณปอดและหัวใจไปหมด เกือบจะหายใจไม่ออก......

“นีเป็ นพิษร้าย...รี บใช้ยาแก้พิษ......” ฉิ นยวีเยียนกล่าวเตือนขึนอย่างหมดเรี ยวแรง มือเรี ยวเล็กสันไหวพยายาม


เปิ ดปากถุงผ้าทีเอวแล้วหยิบเอายาลูกกลอนเม็ดสี นาตาลเข้
ํ มเม็ดหนึ งยัดเข้าใส่ ปากด้วยมือทีสันไหว พลัน
ความรู ้สึกทรมานก็ค่อย ๆ ทีจะทุเลาลง......

“ข้าก็นึกว่าเป็ นใครกัน ทีแท้กเ็ ป็ นองค์หญิงฉิ นนี เอง ไม่ทราบว่าดึกดืนมืดคําเช่นนี องค์หญิงเชิญข้ามาพบทําไม


หรื อเพคะ” นําเสี ยงเย็นชาลอยเข้าหู ฉิ นยวีเยียนเงยหน้ามองไปก็เห็นมู่หรงเสวียกําลังยืนอยูด่ า้ นหน้าของนาง
อย่างสง่างามและกําลังมองมาทีนางด้วยท่าทางคล้ายยิมคล้ายไม่ยมิ

แววตาของฉิ นยวีเยียนลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ “แน่นอนว่าก็เพือทีจะสังสอนเจ้า” หลังจากมาถึงทีแคว้นชิงเหยียน


มู่หรงเสวียทําให้เรื องดี ๆ ของนางเสี ยเรื องไปมากมายนัก นางนันคิดอยากทีจะสังสอนมู่หรงเสวียให้หนัก ๆ มา
ตังนานแล้ว !
มู่หรงเสวียพยักหน้าอย่างเข้าใจ แววตาของนางเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน “ในทีแจ้งองค์หญิงฉิ นทําอะไรข้าไม่ได้
ก็เลยเปลียนมาเป็ นจัดการในทีลับบ้างแล้วหรื อเพคะ ค่ายกลธนู ค่ายกลกักขัง กับดักหลุมพราง รวมถึงกับดัก
ควันพิษทังหมดดูท่าแล้วไร้ประโยชน์กบั ข้ายิงนัก”

“พวกกับดักเหล่านี เป็ นเพียงแค่การเริ มต้นเท่านัน ของทีร้ายกาจกว่านี ยังมีอยูอ่ ีกข้างหลัง” ฉิ นยวีเยียนยกมุมปาก


ขึนด้วยรอยยิมทีแฝงไปด้วยความอันตรายแปลก ๆ ฝ่ ามือทีถูกพันด้วยผ้าสี ขาวหนาเตอะตบลงไปทีปุ่ มกลไก
อันหนึ ง

อยู่ ๆ พืนดินใต้ฝ่าเท้าของมู่หรงเสวียก็สันไหวขึนมา สันสะเทือนจนนางต้องซวนเซไปมาจนเกือบจะล้มลงไป


น่ นั ขณะนันก็เห็นว่าพืนแข็งรอบด้านพากันแตก
บนพืน ระหว่างทีกําลังพยายามค่อย ๆ ทรงตัวให้มนคงอยู

กระจายออก พลันมีเงาร่ างสู งใหญ่ค่อย ๆ โผล่ออกมาจากใต้พืนดินร่ างแล้วร่ างเล่า

พวกเขาอยูใ่ นชุดสี ดาํ มืดทีเหมาะสําหรับการเดินทางในเวลากลางคืน ไม่ได้สวมผ้าปิ ดหน้า ใบหน้าไร้ความรู ้สึก


ท่าทางคล้ายกับเครื องจักร ตาทังสองข้างไร้ประกาย เหมือนกับร่ างทีไร้ซึงชีวิต เสื อคลุมชันนอกเปรอะเปื อนไป
ด้วยเศษดิน กลินเน่าเหม็นคละคลุง้ ไปทัวบริ เวณอย่างรวดเร็ ว......

มู่หรงเสวียขมวดคิวเข้าหากันแน่น นี มันตัวอะไรกัน ผีดิบอย่างนันหรื อ แต่ว่าในบันทึกของยุคโบราณทีได้บนั ทึก


เกียวกับผีดิบเอาไว้ พวกมันนันล้วนนอนอยูแ่ ต่ในโลงศพและมักจะแต่งกายอย่างหรู หรา ไหนเลยจะมีสภาพ
คล้ายกับเจ้าตัวแปลกประหลาดตรงหน้านี ได้ ตามเนือตามตัวของพวกมันล้วนมีแต่กลินเหม็น เหมือนกับนอนอยู่
ในดินมาเป็ นระยะเวลานานอย่างไรอย่างนัน......
“นักฆ่าโลหิ ตทมิฬ !” เย่อีเฉิ นและฉิ นเฮ่าเหยียนโพล่งเรี ยกชือทีฟังดูแล้วให้ความรู ้สึกถึงความอันตรายขึนมา
พร้อมกัน แววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความตืนตระหนก

นักฆ่าโลหิ ตทมิฬทีว่าก็คือการเอาคนทีตายไปแล้วฝังเอาไว้ในดินแล้วใช้มนต์คาถากํากับลงไปบนตัวพวกเขา ขอ
แค่ผทู ้ ีเป็ นคนใช้มนต์เรี ยกอัญเชิญขึนมาพวกมันก็จะปรากฏออกมาจากพืนดินทันที ไม่ว่าพบเห็นใครก็จะลงมือ
เข่นฆ่าสังหารไม่มีเว้น

“ท่านพีหญิง เหตุใดท่านถึงสามารถใช้นกั ฆ่าโลหิ ตทมิฬได้กนั ” ฉิ นเฮ่าเหยียนมองไปทางฉิ นยวีเยียนตาไม่


กะพริ บ มนต์คาถานีเป็ นมนต์คาถาของหนานเจียง ไม่ตอ้ งพูดถึงว่าพวกคนธรรมดานันไม่มีทางทําได้ เพราะ
แม้แต่คนของหนานเจียงเองก็ไม่แน่ ว่าจะทําเช่นนี ได้ แต่ก่อนเขาก็เคยได้ยนิ เกียวกับเรื องพวกนี มาบ้าง แต่คาดไม่
ถึงว่าจะได้เห็นเข้ากับตาตัวเองเช่นนี

“ช่วงก่อนหน้านีข้าบังเอิญได้พบกับคนจากหนานเจียงท่านหนึง และบังเอิญได้สร้างบุญคุณเล็ก ๆ น้อย ๆ ไว้กบั


เขา เขาก็เลยช่วยข้าปลุกเสกมนต์คาถานี ขึนมา เพียงแค่ขา้ อัญเชิญมาก็ใช้การได้แล้ว” ฉินยวีเยียนพูดกล่าวอธิบาย

“ท่านพีหญิง ของสิ งนี เป็ นนักฆ่าเดนตายทีล้วนไม่สนใจผูค้ น พบเจอใครก็ฆ่าทันที ท่านแน่ใจหรื อว่าจะใช้พวก


มันไปจัดการมู่หรงเสวีย” ฉิ นเฮ่าเหยียนกล่าวขึนเสี ยงตํา แววตาของเขาเปล่งประกายวูบไหวด้วยความหนักใจที
น้อยนักจะมีให้เห็น ถ้าหากหลังจากทีมู่หรงเสวียตกตายไป แล้วนักฆ่าโลหิ ตพวกนี ยังคงอยู่ พวกมันก็คงจะออก
จากจวนแห่ งนีไปหาเป้ าหมายอืนแล้วออกเข่นฆ่าผูค้ นไปทัวทังเมืองหลวง

“ล้วนเรี ยกอัญเชิญออกมาแล้วจะให้ไม่ใช้ได้อย่างไร” ฉิ นยวีเยียนกล่าวขึนเสี ยงตํา แววตาของนางกลายเป็ นเย็น


เยียบ กล่าวตวาดขึนเสี ยงดัง “ฆ่ามู่หรงเสวียเสี ย !”
หลังจากทีมาถึงแคว้นชิงเหยียน นางกับมู่หรงเสวียได้ประมือกันไปหลายครานัก แต่ละครังล้วนแต่พ่ายแพ้อยู่
ภายใต้ฝีมือของมู่หรงเสวีย อดีตจิงอ๋ องไม่ชอบนาง ใจของเย่อีเฉิ นก็เหมือนเริ มทีจะค่อย ๆ ห่ างเหิ นจากนางไปทุก
งมวลนี ช่างทําให้นางเคียดแค้นมู่หรงเสวียยิงนัก !
ที สาเหตุทงหมดทั

ทีนางเรี ยกอีเฉิ นมาทีนีก็เพืออยากให้เขาได้เห็นกับตาว่านางจัดการมู่หรงเสวียจนพ่ายแพ้ได้อย่างไร สําหรับ


วิธีการนันก็ไม่จาํ ต้องไปใส่ ใจมากนัก ขอเพียงแค่ชนะก็ลว้ นนับว่าเป็ นแผนการทีดี !

“ฟุบ ฟุบ ฟุบ !” เหล่านักฆ่าเดนตายกระชับดาบในมือแล้วพากันพุ่งทะยานเข้าฟั นใส่ ม่หู รงเสวียอย่างบ้าคลัง

แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหว นางวาดกระบีใส่ แขนนักฆ่าทีวิงอยูด่ า้ นหน้าสุ ดจนสายเลือดสาดกระเซ็นไปทัว แต่


ั บไร้ซึงความรู ้สึกเจ็บปวดใด ๆ ยังคงสามารถยืนแขนซ้ายออกมาคว้าจับไปทีมู่หรงเสวีย
นักฆ่าผูน้ นกลั

มู่หรงเสวียขมวดคิวแน่ นขึน ลองวาดกระบีออกไปตัดแขนซายของมันอีกครัง เพียงพริ บตาร่ างกายครึ งหนึงของ


มันล้วนเปี ยกโชกไปด้วยเลือดจากบาดแผล แต่มนั ก็ยงั คงไร้ซึงความรู ้สึกเจ็บปวดดังเดิมและยังคงสามารถยกเท้า
ขึนมาเตะมู่หรงเสวียได้อย่างหน้าตาเฉย

มู่หรงเสวียหรี ตาลง พร้อมทังวาดกระบีออกไปสายหนึงตวัดฟั นขาทังสองข้างของมันจนขาดออกจากกัน ร่ าง


ของมันล้มตุบลงไปนอนกองอยูบ่ นพืน ร่ างกายครึ งส่ วนขยับเคลือนไหวดินรนไปมาบนกองเลือดในทันใด อ้า
ปากออกกว้างเตรี ยมทีจะพุ่งเข้าไปกัดใส่ มู่หรงเสวียอย่างดุร้าย......
มู่หรงเสวียหมดซึ งวาจาไร้ซึงคําพูด นีพวกมันช่างเหมือนกับเป็ นสัตว์ประหลาดทีไร้ความรู ้สึกนึ กคิดฝูงหนึง ไม่
สามารถใช้มาตรฐานของคนปกติธรรมดาไปตัดสิ นพวกมันได้......

“ฟุบ ฟุบ ฟ้ าว !” กระบวนดาบทีมาพร้อมกับกลินเหม็นเน่ากระบวนท่าแล้วกระบวนท่าเล่าพุ่งตรงเข้ามา มู่หรง


เสวียหรี ตาเล็กลง ยกเท้าเตะใส่ นกั ฆ่าด้านหน้าออกไป สะบัดกระบีพุ่งเข้ารับกับการโจมตีของบรรดาดาบยาวตรง
หน้าทีพุ่งเข้ามา เพียงพริ บตาในจวนทีเงียบสงบก็เกิดเป็ นเสี ยงการปะทะทีดุเดือดดังขึน......

ทันใดนันอยู่ ๆ สายลมหนาวเย็นก็พ่งุ โจมตีเข้าจากด้านหลัง แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหว นางรี บพุ่งหลบอย่าง


รวดเร็ ว ดาบยาวตวัดเฉี ยดผ่านชายเสื อของนางไป เส้นผมสี ดาํ กระจุกหนึ งทีหลบไม่ทนั ถูกตัดขาดออกไปแล้ว
ค่อย ๆ ลอยลู่ลงสู่ พน......

เมือมองไปทีเส้นผมสี ดาํ นุ่ มลืนกระจุกนัน ในแววตาของเย่อีเฉิ นก็ปรากฏความอํามหิ ตขึนมาวูบหนึง แต่เพียง


พริ บตาก็สลายหายกลับไปเป็ นเรี ยบเฉยอย่างปกติดงั เดิมแล้วหันมองไปทีมู่หรงเสวียทีกําลังถูกห้อมล้อมอยู่
ท่ามกลางของเหล่าบรรดานักฆ่าอย่างเฉยชา......

น กระบวนดาบกับการรุ กเห็นทีกย็ งโหดเหี


นักฆ่าซากศพยิงมาก็ยงเยอะขึ
ิ ิ ยมดุดนั มากขึน มู่หรงเสวียทีต้องต่อกร
ด้วยรู ้สึกว่ากินแรงของนางไม่นอ้ ยเลย นางปรายตามองไปทีฉิ นยวีเยียน ฉิ นเฮ่าเหยียน เย่อเฉิ
ี นสามคนทีนังดูงิว
แก่เบืออยูภ่ ายในห้องอย่างสบาย ๆ แล้วอยู่ ๆ นางก็ยกยิมมุมปากขึนแปลก ๆ วาดดาบเปิ ดทางใส่ นกั ฆ่าชุดดํา
ตรงหน้าแล้วกระโดดไปทางทีสามคนนันนังอยู.่ .....

นักฆ่ากระหายเลือดตังกลุ่มใหญ่เช่นนี พุ่งเป้ าฆ่ามาทีนางเพียงคนเดียวช่างสิ นเปลืองทรัพยากรนัก เช่นนันนางก็


หาคนให้พวกมันสักหลาย ๆ คน เพือให้พวกมันค่อย ๆ ฆ่าช้า ๆ !
เหล่าบรรดานักฆ่าทมิฬกระชับดาบในมือเร่ งตามติดไปด้วยใบหน้าไร้ความรู ้สึก......

เมือมองไปยังเหล่าบรรดานักฆ่าทมิฬทีกําลังพากันพุ่งเข้ามาทีห้อง ใบหน้าของฉิ นยวีเยียนก็เปลียนสี ไปในทันที


นางกล่าวขึนด้วยความตืนตกใจ “มู่หรงเสวียเจ้าจะทําอะไร”

“ข้าจะสามารถทําอะไรได้เล่า นอกเสี ยจากว่าจะหลบการโจมตีจากพวกนักฆ่าประหลาดพวกนี แต่ว่าเจ้าตัว


ประหลาดพวกนี เป็ นองค์หญิงฉิ นทีปล่อยมันออกมา แน่ นอนว่าองค์หญิงฉิ นจะต้องชอบพวกมัน ข้าก็เลยอยากจะ
ให้องค์หญิงฉิ นกับพวกมันได้พบปะกันอย่างใกล้ชิดสนิทสนมเสี ยหน่ อย”

มู่หรงเสวียยกยิมขึนอย่างสดใส แววตาของนางวูบไหวไปด้วยรอยยิมสะใจ ผลลัพธ์ในการพบปะรวมถึงความ


เป็ นตายของฉิ นยวีเยียนนัน หึ หึ หึ ล้วนไม่เกียวข้องกับนางแต่อย่างใด เช่นนันนางก็คร้านทีจะไปสนใจ......

“ฟ้ าว ฟ้ าว ฟ้ าว !” เหล่าบรรดานักฆ่าทมิฬพากันกระโดดเข้ามาในห้องแล้วสะบัดดาบยาวออก พุ่งทะยานเข้าฟัน


ดาบใส่ ฉินยวีเยียน ฉิ นเฮ่าเหยียน เย่อเฉิ
ี นทังสามคน......

ฉิ นเฮ่าเหยียนไม่รู้ว่าไปเอาดาบยาวออกมาจากไหน เขานันร่ ายรําดาบไปมาอย่างรวดเร็ ว แต่ละครังทีฟาดฟันมัน


ออกไปล้วนปรากฏสายเลือดสาดกระเซ็นไปทัวบริ เวณ......
ฉิ นยวีเยียนขยับเก้าอีไม้ไผ่เข้าไปหลบอยูต่ รงกลางระหว่างเย่อีเฉิ นกับฉิ นเฮ่าเหยียนหลบซ้ายหลบขวาไปมา
เสาะหาการปกป้ อง ใบหน้าเรี ยวเล็กของนางซี ดขาวจนไร้สีเลือด......
ตอนที 174 ฉินยวีเยียนแส่ หาเรือง
สายเลือดทีสาดกระเซ็น เศษเนื อทีปลิวว่อน เพียงพริ บตาห้องเล็ก ๆ ทีคับแคบกลับเกิดเป็ นความชุลมุนวุ่นวาย
ขึนมา......

เลือดเหนี ยวเหนอะหนะรวมถึงเศษชินเนื อทีตกใส่ ร่างกายและบนหัวไม่หยุด เหม็นเน่าเสี ยจนผูค้ นอยากจะขย้อน


ของเก่าออกมา......

ใบหน้าของฉิ นยวีเยียนซี ดขาวไปด้วยความสันกลัว เมือปรายตามองไปทางมู่หรงเสวียทีอยูไ่ ม่ไกล แววตาของ


นางก็เปล่งประกายอย่างอํามหิ ต ชัดเจนว่าพวกนางกําลังยืนอยูใ่ นห้องอย่างสบาย ๆ นางชันตําผูน้ นกลั
ั บลากนัก
ฆ่าพวกนันมาฆ่าพวกนาง ช่างเลวร้ายยิงนัก !

นางค่อย ๆ ขยับเก้าอีไม้ไผ่เบา ๆ แอบเขยิบไปทีด้านหลังของมู่หรงเสวียอย่างไร้ซุ่ มไร้เสี ยง แล้วผลักมู่หรงเสวีย


ไปทางดาบของพวกนักฆ่าทีพุ่งแทงเข้ามาด้วยความโหดเหี ยม......

แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหวแล้วขัยบเท้าเบา ๆ เบียงกายหลบดาบยาวของนักฆ่าชุดดําทีกําลังพุ่งเข้ามาได้อย่าง
พอดิบพอดีแล้วสวนฝ่ ามือกลับไปฝ่ ามือหนึงออกแรงตีไปทีร่ างของนักฆ่าชุดดําอย่างแรง พริ บตาดาบยาวในมือ
ของนักฆ่าชุดดําก็พ่งุ ตรงแทงเข้าไปทางฉิ นยวีเยียนทันที......

“ช่วยด้วย !” ฉิ นยวีเยียนตืนตระหนกขึนมาทันใด นางรี บถอยหลบอย่างรวดเร็ ว แต่กลับไม่ทนั การณ์เสี ยแล้ว


เพราะใบดาบนันได้กรี ดผ่านใบหน้าของนางไปแล้ว เพียงพริ บตาใบหน้าเรี ยวงามเรี ยบเนี ยนดังกระเบืองก็
ปรากฏรอยแผลทีดูชดั เจนขึน เม็ดเลือดสี แดงเล็ก ๆ ไหลซิ บ ๆ ออกมาจากผิวของนาง สี แดงสดตัดกับใบหน้าซี ด
ขาวของนางดูช่างโดดเด่นยิงนัก

อยู่ ๆ ก็มีพลังปราณกล้าแข็งสายหนึงพุ่งเข้าโจมตีใส่ นกั ฆ่าตัวนันจนร่ างกายของมันระเบิดออกจากกัน เศษเนื อ


เลือดกระเด็นใส่ จนเปรอะเปื อนไปทัวทังร่ าง ฉิ นยวีเยียนยังคงนังนิงอยูก่ บั ทีด้วยความอึง บนใบหน้าของนางรู ้สึก
ปวดแสบปวดร้อน ยกมือทีกําลังสันไหวขึนสัมผัสไปทีรอยบาดแผลเบา ๆ เลือดสี แดงสดทีไม่ได้มีจาํ นวนมาก
นักก็ปรากฏขึนสู่ สายตา แต่กลับกันความเกรี ยวกราดของฉิ นยวีเยียนกลับพุ่งปะทุสูงขึน มู่หรงเสวียกลับกล้า
ทําลายใบหน้าของนางเช่นนี ช่างชัวช้าทีสุ ด !

ื อออกไปคว้าดาบยาวทีตกอยูบ่ นพืนแล้วแทงมันเข้าไปทีหัวใจของมู่หรงเสวียจากทาง
เพียงพริ บตา นางก็ยนมื
ด้านหลัง......

เสี ยงแหวกอากาศทีมากจากการโจมตีจากทางด้านหลังดังขึน มู่หรงเสวียสบถออกมาเบา ๆ เสี ยงหนึงแล้วเบียง


กายหลบการโจมตีทีชัวช้าสายนันแล้วใช้กระบีในมือพุ่งแทงสวนกลับไปอย่างไร้เยือใย ได้ยนิ เสี ยง ‘ฉึ ก’ ดังขึน
เสี ยงหนึง ตัวกระบีเฉี ยดผ่านศีรษะของฉิ นยวีเยียนไป บาดลึกจนเกิดรอยบาดแผลเป็ นวงกว้างบนหนังศีรษะของ
ฉิ นยวีเยียน เพียงพริ บตาเลือดสี แดงสดก็ไหลทะลักออกมา......

“อ้า !” ฉิ นยวีเยียนกรี ดร้องขึนเสี ยงดังลันฟ้ า ดังลันไปทัวสารทิศ

เย่อีเฉิ นปรายตามองนาง เห็นทีใบหน้าและหนังศีรษะของนางได้รับบาดเจ็บ เขาก็ขมวดคิวแน่ นเข้าหากัน ศัตรู ที


ร้ายกาจอยูต่ รงหน้าแต่นางกลับสนใจเพียงแต่ความแค้นส่ วนตัว......
“ปั ง ปั ง ปั ง !” พืนดินด้านล่างสันไหว นักฆ่าชุดดํารู ปร่ างสู งใหญ่ตวั หนึงปรากฏออกมา มันแค่กา้ วเท้าเพียงก้าว
เดียวก็ทาํ ให้กลินเหม็นเน่ ารุ นแรงพวยพุ่งเข้ามาอย่างหนาแน่น แล้วทันใดนันมันก็พุ่งเข้ามาถึงด้านในห้อง ฝ่ ามือ
เหม็นเน่าทีคล้ายกับกระดูกทีแผลมคมดังกรงเล็บของนกอินทรี ยพ์ ุ่งคว้าเข้าไปทีตําแหน่ งหัวใจของมู่หรงเสวียกับ
ฉิ นยวีเยียนทันที......

“ระวัง !” เย่อีเฉิ นรี บหมุนกายทันใด เพียงพริ บตาก็โผล่ไปทีตรงหน้าของมู่หรงเสวียคว้าจับไปทีแขนของนาง


ลากนางออกไปไว้ดา้ นหลังแล้วสะบัดดาบออกไปโจมตีนกั ฆ่าตัวนัน......

เมือมองไปทีเงาร่ างสู งโปร่ ง มู่หรงเสวียก็ขมวดคิวเข้าหากันแน่น แกะนิ วมือของเขาออกอย่างไม่เกรงใจและดัน


มันออกไปจากแขนของนางแล้วกล่าวขึนด้วยอารมณ์ทีไม่ดีนกั “ขอบคุณมาก !”

ก็แค่นกั ฆ่าทีตัวใหญ่เกินไปหน่อยเท่านัน นางล้วนสามารถจัดการเองได้ ไหนเลยจะต้องการความช่วยเหลือ


ี นกัน เขาช่างยุง่ วุ่นวายไม่เข้าเรื อง
จากเย่อเฉิ

“ไม่ตอ้ งเกรงใจ” แววตาของเย่อีเฉิ นวูบไหวอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ เมือครู่ นนตั


ั วเขาเองก็ไม่รู้วา่ เป็ นเพราะอะไร
เช่นกัน เมือเห็นว่ามู่หรงเสวียมีอนั ตรายก็ยนมื
ื อช่วยเหลือนางอย่างไม่ทนั ได้รู้ตวั ......

เมือครู่ ฝ่ามือแกร่ งของเขาเฉี ยดผ่านกับปลายนิ วอ่อนนุ่ มของมู่หรงเสวียเบา ๆ มันให้ความรู ้สึกทีเหมือนกับกําลัง


มีไฟฟ้ าสถิตวิงไหลพลุ่งพล่านไปเสี ยทังร่ าง ร่ างกายของเย่อเฉิ
ี นพลันหยุดชะงัก ดวงตาหรี เล็กลงเข้าหากัน นีมัน
เกิดอะไรขึน......
ฉิ นยวีเยียนทีนังอยูบ่ นเก้าอีไม้ไผ่สีเขียว มองไปทางเย่อีเฉิ นอย่างนิ งอึงเหม่อลอย แววตาของนางเต็มไปด้วยความ
ตืนตระหนกและไม่อยากจะเชือ อีเฉิ นช่วยมู่หรงเสวีย ในตอนทีนางกําลังตกอยูใ่ นความเป็ นตาย เขากลับเลือกที
จะทอดทิงนางไปช่วยมู่หรงเสวีย ทําไมถึงเป็ นเช่นนี ได้ เป็ นเช่นนี ได้อย่างไรกัน !

แต่ก่อนนันอีเฉิ นชอบนางทีสุ ด ไม่ว่าเรื องอะไรก็ตามก็จะเห็นนางเป็ นสําคัญ เพือนางเขานันถึงกับสามารถลดขัน


ของมู่หรงเสวียลงเป็ นอนุ และเพราะว่ามีความเห็นไม่ตรงกันกับอดีตจิงอ๋ องเขาจึงจัดการถอนหมันกับมู่หรงเสวีย
อย่างไร้เยือใย แต่เหตุใดตอนนี เมือนางพบเจอกับเรื องอันตราย เขากลับไปช่วยเหลือมู่หรงเสวียเล่า เขาจะต้อง
เกลียดมู่หรงเสวียมากไม่ใช่หรื อ ไม่ว่ามู่หรงเสวียจะลําบากจนต้องตกตายอย่างไรก็จะไม่มีทางสนใจไม่ใช่หรอก
หรื อ......

ี นอย่างขุ่นเคือง แต่กลับพบว่าสายตาของเขากําลังมองไปทีมู่หรงเสวีย ดวงตาสี ดาํ


นางเงยหน้าขึนมองไปทีเย่อเฉิ
ขลับของเขาวูบไหวด้วยความอ่อนโยนจาง ๆ

นีหรื อว่าเขา......ชอบพอมู่หรงเสวียเข้าให้เสี ยแล้ว

เหมือนฉิ นยวีเยียนได้ยนิ เสี ยงระเบิดในหัว เพียงพริ บตาสมองก็พลันขาวโพลนไปเสี ยหมด เป็ นเช่นนี ไปได้
อย่างไรกัน มันจะเป็ นเช่นนี ไปได้อย่างไร ! อีเฉิ นเป็ นของนาง เหตุใดถึงไปชอบพอมู่หรงเสวียได้ !

ดวงตาของฉิ นยวีเยียนเย็นเยียบ นางคว้าดาบขึนมาส่ ง ๆ เล่มหนึงแล้วปามันไปทีมู่หรงเสวียอย่างโหดเหี ยม......


แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหว ยกกระบีในมือขึนวาดออก รังให้ดาบยาวเล่มนันเปลียนทิศกลับอย่างรวดเร็ ว เสี ยง
‘ฟ้ าว’ ดังขึนเสี ยงหนึ งแล้วส่ งมันออกไปในพริ บตา คมดาบส่ องประกายหนาวเหน็บเย็นยะเยือกแล้วดาบยาวเล่ม
นันก็พุ่งแทงเข้าปั กไปทีอกของฉิ นยวีเยียนอย่างแรงจนนางต้องกระเด็นถอยออกไปด้านหลังสามสี ก้าวแล้ว
กระแทกเข้ากับกําแพงอย่างจัง......

ฉิ นยวีเยียนเบิกตากว้าง ถลึงตามองมู่หรงเสวียอย่างเกลียดชัง แววตาของนางลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ นางกลับ


แพ้ม่หู รงเสวียอีกแล้ว นางไม่ยนิ ยอม ไม่มีทางยอม !......

แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหวเปล่งประกายคมกริ บ กระบีวาดฟันออกไปเบา ๆ เตรี ยมทีจะพุ่งแทงเข้าไปทีฉิ นยวี


เยียนอย่างไร้เยือใย ฉิ นยวีเยียนเกลียดนางเข้ากระดูกดํา ถ้าหากไม่ฆ่านางให้ตกตายนางก็จะไม่มีวนั เลิกรา แล้ว
เช่นนี นางจะยังยอมให้ฉินยวีเยียนมีชีวิตรอดอยูอ่ ีกไปทําไมกัน ฆ่าฉิ นยวีเยียนเสี ยตอนนี ก็จะถือว่าเป็ นการ
กระทําเพียงครังเดียวแต่สามารถลดความยุง่ ยากไปได้ร้อยครัง.......

“ไม่ได้ !” นําเสี ยงเฉยชาดังเข้าหู มือแกร่ งข้างหนึ งยืนออกมาคว้าจับข้อมือของนางไว้

มู่หรงเสวียใช้แรงขัดขืนดินรนไปมาแต่ก็ไม่สามารถทีจะสะบัดหลุดได้ นางเลิกคิวมองไปทีเจ้าของมือ เห็น


ดวงตาของเขาปรากฏแววเย็นชาดุจนําแข็งขึนสายหนึง “จิงอ๋ อง ท่านต้องการช่วยคนรักของท่านเช่นนันหรื อ”
ประโยคท้าย ๆ มู่หรงเสวียเน้นเสี ยงหนักเป็ นพิเศษ แสดงถึงความเย้ยหยันอย่างถึงทีสุ ด

แววตาของเย่อีเฉิ นวูบไหวอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ เขากล่าวขึนเสี ยงตํา “นางเป็ นองค์หญิงม่อเป่ ย ฆ่านางแล้วไม่


ถือว่าเป็ นผลดีต่อเจ้า”
“เช่นนันตามความคิดเห็นของท่านอ๋ องแล้ว ข้าสมควรทําเช่นไรเล่า ปล่อยให้นางรอดกลับไป รอจนนางหายดี
แล้วค่อยกลับมาคิดอ่านวางแผนการร้ายต่อข้าอีกอย่างนันน่ะหรื อ” มู่หรงเสวียมองไปทีเขาอย่างเย็นชา แววตา
เต็มไปด้วยการดูถูกเยาะเย้ย ทีฉิ นยวีเยียนลอบทําร้ายนางนันไม่ใช่ครังสองครังแล้ว นางไม่คิดอยากจะปล่อยตัว
ปัญหาเช่นนี เอาไว้เพิมความลําบากให้ตวั เองอีก

“ข้าจะไม่ให้นางทําร้ายเจ้าอีกต่อไปแล้ว !” เย่อีเฉิ นกล่าวขึนเสี ยงตํา แววตาของเขาเปล่งประกายไปด้วยความ


หนักแน่นอย่างทีไม่เคยเป็ นมาก่อน

มู่หรงเสวียสบถออกมาอย่างไม่พอใจนัก เย่อีเฉิ นชอบฉิ นยวีเยียนเสี ยขนาดนัน เพียงแค่ไม่ช่วยฉิ นยวีเยียน


วางแผนร้ายต่อนางก็ถือว่าไม่เลวแล้ว แต่นียังจะมาช่วยเหลือนางกํากับดูแลฉิ นยวีเยียนอีกน่ ะหรื อ “เจ้ากําลัง
ล้อเล่นอะไรอยูก่ นั แน่ ”

“ข้าไม่ได้ลอ้ เล่น” เย่อีเฉิ นมองไปทีมู่หรงเสวีย แล้วกล่าวเน้นทีละคํา “คําพูดแต่ละคําของข้าล้วนออกมาจากใจ


ถ้าหากเจ้าไม่เชือก็ขอเวลาให้ขา้ สามวัน ภายในสามวันนี ข้าจะทําตามทีพูดให้เจ้าดู !”

ในใจของมู่หรงเสวียยกยิมเย็นขึน คํามันสัญญาของเย่อเฉิ
ี นนางนันไม่ตอ้ งการและก็ไม่อยากทีจะได้มนั ด้วย
ตอนนีนางคิดเพียงแต่ว่าทําเช่นไรถึงจะสามารถพรากเอาชีวิตของฉิ นยวีเยียนไปได้เพียงเท่านัน......

‘ฟ้ าว’ ประกายแสงเย็นเยียบพริ บตาวูบขึนแล้วฟันลงมาจนแขนซ้ายของมู่หรงเสวียปรากฏรอยบาดแผลเป็ นทาง


ยาว เพียงพริ บตาเลือดสี แดงสดก็ไหลย้อมไปทัวแขนเสื อ......
“เสวียเอ๋ อร์ !” แววตาของเย่อีเฉิ นวูบไหว เขายืนมือออกไปตรวจดูรอยบาดแผลของนาง

มู่หรงเสวียสะบัดมือของเขาออก แววตาของนางเต็มไปด้วยความขยะแขยง “หลีกไป !” ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าเขา


จับข้อมือของนางเอาไว้แน่นเช่นนี นางไหนเลยจะโดนนักฆ่าชุดดําฟั นจนได้รับบาดเจ็บได้

‘ฟ้ าว ฟ้ าว ฟ้ าว !’ เหล่านักฆ่าชุดดําในมือถือดาบพากันพุ่งเข้ามาฟันแทงใส่ พวกนางอย่างบ้าคลัง แววตาของมู่


หรงเสวียหรี เล็กลง นางหยิบเอาลูกกลม ๆ สี ดาํ ออกมาเม็ดหนึ งแล้วดีดมันไปทีกลุ่มนักฆ่าเดนตายพวกนัน......
ตอนที 175 การพบกันระหว่ างศัตรู ทางความรัก
“ปั ง !” เสี ยงระเบิดอย่างรุ นแรงดังขึนจนเกิดเป็ นฝุ่ นควันปลิวว่อนตลบอบอวลไปทัว คนชุดดํากลุ่มใหญ่ถูก
ระเบิดจนล้มลงกับพืน

มู่หรงเสวียเห็นว่าได้จงั หวะพอดีจึงขยับเท้าเบา ๆ ร่ างบางคล้ายกับศรแสงสายหนึงพุ่งทะยานออกไปด้านนอก


อย่างรวดเร็ ว นักฆ่าชุดดํามีจาํ นวนมากมายจนนับไม่ถว้ น ไม่รู้ว่าจะจัดการลงหมดได้เมือใด อีกทังนางยังได้รับ
บาดเจ็บและขีเกียจทีจะเสี ยเวลาอยูท่ ีนี อีกต่อไปแล้ว !

นักฆ่าพวกนันเป็ นฉิ นยวีเยียนทีเรี ยกออกมาก็ให้พวกเขาสามคนค่อย ๆ จัดการพวกมันไปอย่างช้า ๆ น่ ะดีแล้ว จะ


เป็ นหรื อตายก็คงต้องดูทีดวงของพวกเขาแล้ว......

“เสวียเอ๋ อร์ !” แววตาของเย่อีเฉิ นหรี เล็กลงเตรี ยมทีจะขยับตัวตามนางออกไป แต่ไม่คาดว่านักฆ่ากลุ่มใหญ่นนจะ



พากันกรู เข้ามาล้อมรอบกักขังเขาเอาไว้ เขาทําได้เพียงเบิกตามองไปทีมู่หรงเสวียทีค่อย ๆ ไกลออกไปอย่างช้า
ๆ......

ในตัวจวนถูกระเบิดออกจนเกิดเป็ นหลุมใหญ่ ๆ นักฆ่าชุดดําบาดเจ็บล้มตายไปเกือบร้อยคน กลินกํามะถันลอย


กระทบเข้ากับจมูก แววตาของฉิ นเฮ่าเหยียนหรี เล็กลง “ของทีมู่หรงเสวียโยนออกมาเมือครู่ คอื สิ งใดกัน”

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” เย่อีเฉิ นส่ ายหน้า ในเวลาทีรวดเร็ วขนาดนันเขาเห็นเพียงว่าลักษณะของมันเป็ นลูกกลม ๆ สี


ดําเล็ก ๆ สิ งของทีเล็กขนาดนันแต่กลับมีความสามารถในการฆ่าฟันทีรุ นแรงนัก ช่างน่ าประหลาดใจเหมือนกับ
ตัวของมู่หรงเสวียเอง เพราะทุกครังทีได้พบนาง เขาล้วนแต่จะได้พบเจอกับเรื องราวแปลกประหลาดทีตัวเขา
มักจะคาดไม่ถึงอยูเ่ สมอ......

ฉิ นเฮ่าเหยียนเลิกคิวขึนน้อย ๆ ลองสู ดดมกลินในอากาศ กลินนันคล้ายกับกํามะถัน แต่กาํ มะถันไม่ใช่มีลกั ษณะ


เป็ นผงหรอกหรื อ อีกทังมันก็ยงั ต้องใช้ไฟในการจุดชนวน มู่หรงเสวียกลับสามารถทําให้มนั ระเบิดได้เองเช่นนี
ช่างน่ าเหลือเชือยิงนัก......

“ฟุบ ฟุบ ฟุบ !” นักฆ่าชุดดํากระชับดาบในมือแน่นแล้วพากันกรู เข้ามาอย่างบ้าคลัง !

แววตาคมกริ บของเย่อีเฉิ นหรี เล็กลง “นักฆ่าชุดดํายิงมาก็ยงมาก


ิ ถ้าหากยังจะต้องฆ่าพวกมันต่อไปเช่นนี ก็ยงั ไม่รู้
ว่าจะต้องฆ่าพวกมันไปถึงเมือใด พวกเราหนี ออกไปก่อนเสี ยจะดีกว่า หลังจากนันแล้วค่อยส่ งคนมาจัดการ
ทําลายพวกมันทีหลัง !”

“ตกลง !” ฉิ นเฮ่าเหยียนพยักหน้า เพียงพริ บตาก็หมุนกายดึงดาบจากไหล่ของฉิ นยวีเยียนออก โดยรอบบริ เวณ


ล้วนแต่เต็มไปด้วยซากศพมากมาย ทังด้านในห้องยังเต็มไปด้วยเศษชินเนื อ รอบด้านนอกจากกลินคาวเลือดแล้ว
ก็เต็มไปด้วยกลินเหม็นเน่า กลินของมันนันเหม็นรุ นแรงเป็ นพิเศษ เขาก็ไม่ได้คิดทีจะรังอยูท่ ีนีตังแต่ทีแรกแล้ว

ฉิ นยวีเยียนกระอักเลือดออกมาอึกหนึ ง สี หน้าของนางซี ดขาวไร้สีเลือด ซบอยูบ่ นหลังของฉิ นเฮ่าเหยียนอย่างไร้


เรี ยวแรง แววตาล่องลอย......
เย่อีเฉิ นดีดนิ วปล่อยพลังปราณออกไปสายแล้วสายเล่า โจมตีเข้าใส่ พวกบรรดานักฆ่าเพือเปิ ดทางแล้วกระโดด
ขึนไปบนกําแพงสู ง พร้อมกับปล่อยพลังปราณทีกล้าแกร่ งสกัดพวกมันเอาไว้อย่างต่อเนื อง ฉิ นเฮ่าเหยียนอาศัย
จังหวะนี แบกฉิ นยวีเยียนพุ่งออกไปจากบริ เวณของจวนแล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่ พนด้
ื านนอก

“ยวีเยียนได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าพานางกลับไปรักษาตัวทีวังจิงอ๋ องก่อนเถอะ” เย่อีเฉิ นทีเพิงลอยลงถึงพืนทิง


คําพูดราบเรี ยบเอาไว้ พลางหมุนกายเดินก้าวยาว ๆ ออกไปด้านหน้า

ฉิ นเฮ่าเหยียนเลิกคิวมองไปทีเขาอย่างไม่เข้าใจนัก “จิงอ๋ อง แล้วท่านจะไปทีใดหรื อ”

“ข้ามีธุระเร่ งด่วนเรื องหนึ งทีต้องไปจัดการ” เย่อีเฉิ นตอบกลับโดยทีไม่หันกลับมามองอีก แล้วก้าวอาด ๆ ออกไป


ยังด้านหน้า

เมือมองไปทีเงาร่ างของเขาทีค่อย ๆ ไกลออกไป ฉิ นเฮ่าเหยียนก็ยกมุมปากขึนด้วยรัศมีทีเปล่งประกายอย่างสง่า


งาม ธุระของเย่อีเฉิ นทีสําคัญนันล้วนก็อยูท่ ีวังจิงอ๋ องหรื อไม่ก็คา่ ยทหาร แต่ฟ้ามืดขนาดนี และอีกทังประตูเมืองที
ปิ ดลงแล้ว เขาไม่มีทางกลับไปทีค่ายทหารได้อย่างแน่นอน แล้วเขายังจะมีธุระอะไรทีเร่ งรี บต้องไปจัดการอยูอ่ ีก
หรื อ

“ท่านพีหญิง ท่านบอกข้าหน่ อยสิ ว่าพีเขยในอนาคตของข้ามิได้กาํ ลังไปหามู่หรงเสวีย” เมือครู่ ทีเย่อเฉิ


ี นแสดง
ความเป็ นห่ วงเป็ นใยต่อมู่หรงเสวียนัน เขาเองก็ลว้ นมองเห็นมันทังหมด
นางได้รับบาดเจ็บหนักขนาดนี แต่อีเฉิ นกลับไม่ปลอบโยนนางทังยังไม่พานางไปรับการรักษา แต่กลับไปหามู่
หรงเสวีย ช่างเลวร้ายถึงทีสุ ด !

ความโกรธของฉิ นยวีเยียนพุ่งปะทุจนกระอักเลือดออกมาอีกคราหนึ ง ในอกรู ้สึกถึงความเจ็บปวดอันแหลมคมที


แล่นแปลบขึนมา ภาพด้านหน้าของนางกลายเป็ นมืดสลัวลงแล้วนางก็สลบไสลไม่ได้สติลงไปอย่างไม่สามารถที
จะฝื นได้ เสื อผ้าบริ เวณหน้าอกถูกย้อมไปด้วยเลือดสี แดงสดจนเป็ นวงกว้าง......

เมือมองไปทีเลือดทีกําลังไหลริ นออกจากบาดแผลของนาง แววตาทีดูชวร้


ั ายของฉิ นเฮ่าเหยียนก็วบู ไหวเปล่ง
ประกายอย่างครุ่ นคิด ถ้าหากท่ากระบีเมือครู่ เอียงมาอีกนิด ท่านพีหญิงก็คงต้องจบสิ นชีวิตไปแล้ว ช่างโหดเหี ยม
อํามหิตยิงนัก !

วิธีการจัดการของนางช่างคล้ายคลึงกับการจัดการเรื องราวของเขายิงนัก !

ท้องฟ้ าค่อย ๆ มืดครึ มลง มู่หรงเสวียเดินอยูเ่ พียงลําพังกลางถนนใหญ่ทีว่างเปล่าไร้ผคู้ น เสี ยงยําฝี เท้าเบา ๆ


ท่ามกลางความมืดมิดและเงียบสนิทรอบด้านดังสะท้อนออกไปไกล......

บาดแผลตรงแขนซ้ายเจ็บปวดยิงนัก มีเลือดไหลออกมาด้านนอกไม่หยุด ย้อมแขนเสื อเป็ นสี แดงจนเป็ นวงกว้าง


กลินคาวเลือดจาง ๆ ลอยกระทบเข้ากับจมูก มู่หรงเสวียขมวดคิวแน่ นเข้าหากัน พละกําลังของพวกตัวประหลาด
นันไม่เบาเลย ถ้าหากนางหลบได้ไม่เร็ วพอแขนซ้ายครึ งหนึ งคงถูกมันตัดออกไป......
เสี ยงแหวกอากาศทียากทีจะได้ยนิ ดังขึน เงาร่ างสี ม่วงเข้มสายหนึ งร่ วงหล่นลงมาจากฟ้ าค่อย ๆ ลอยลงทีพืน
ด้านหน้าอย่างบางเบา “เสวียเอ๋ อร์ !”

เมือมองไปทีสายตาระมัดระวังของนาง ดวงตาคมกริ บของเย่อีเฉิ นก็มืดมนลงน้อย ๆ เขาหยิบเอาขวดยาเล็ก ๆ สี


เขียวอ่อนขึนมาขวดหนึงยืนไปทีด้านหน้าของนาง “แขนของเจ้าได้รับบาดเจ็บข้าเลยเอายามาให้เจ้า”

ขวดยามีผิวเรี ยบเนี ยนดังหยก อีกทังยังมีกลินยาอ่อน ๆ ทีโชยออกมาจากจุกขวด กลินนันช่างหอมยิงนัก เพียงแค่


ดูกร็ ู ้ว่าเป็ นยารักษาบาดแผลชันดี

มู่หรงเสวียไม่ได้รู้สึกซาบซึ งใจเลยแม้แต่นอ้ ย นางกล่าวขึนเสี ยงเย็นว่า “ขอบพระคุณในความหวังดีของจิงอ๋ อง


เพคะ แต่จวนเจินกัวโหวมียารักษาบาดแผลมากมาย คงไม่ขอรบกวนจิงอ๋ องให้ตอ้ งสิ นเปลืองอีกแล้ว” นางคาด
ี นจะสะบัดหลุดจากกลุ่มนักฆ่าชุดดําได้รวดเร็ วขนาดนี อีกทังยังไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ ไม่ผดิ เลยที
ไม่ถึงว่าเย่อเฉิ
เป็ นถึงเทพสงครามแห่ งแคว้นชิงเหยียน

“ยารักษาบาดแผลของจวนเจินกัวโหวไม่วา่ จะมากมายเพียงใดก็ลว้ นเป็ นของของเจ้า แต่วา่ ยาขวดนี ถือว่ามาจาก


ใจของข้า” เย่อีเฉิ นกล่าวขึนเสี ยงตํา แววตาคมกริ บของเขาวูบไหวไปด้วยความจริ งใจจาง ๆ

มู่หรงเสวียหัวเราะเย้ยหยัน “เย่อีเฉิ น ระหว่างพวกเราไม่ได้มีความเกียวข้องอะไรกันอีกแล้ว ข้าจะไม่รับของ


อะไรก็ตามทีมาจากเจ้าอีก ใจของเจ้าก็สมควรทีจะไปมอบมันให้กบั ฉิ นยวีเยียน”

แววตาของเย่อีเฉิ นวูบไหวไปด้วยความรู ้สึกซับซ้อน ดวงตาเคร่ งขรึ มมิกล่าววาจา


“นีก็มืดมากแล้ว ข้าขอตัวไปก่อน เชิญจิงอ๋ องตามสบาย” มู่หรงเสวียกล่าวขึนเสี ยงเย็นเร่ งรุ ดเดินออกไปด้านหน้า
อย่างรวดเร็ ว ตอนทีกําลังเดินผ่านเย่อีเฉิ นนัน อยู่ ๆ เขาก็ยนมื
ื อออกมาคว้าจับแขนของนางเอาไว้ “เสวียเอ๋ อร์ ......”

“ปล่อยมือ !” แววตาของมู่หรงเสวียเย็นเยียบ นางฟาดมือตีเข้าไปทีเย่อเฉิ


ี นทันที

เย่อีเฉิ นยืนมือออกไปจับข้อมือของนางไว้ แววตาลึกลําของเขาเปล่งประกายวูบไหว “เสวียเอ๋ อร์ พวกเราไม่


สามารถพูดกันดี ๆ ได้เลยหรื อ”

“จิงอ๋ อง เจ้าไม่เคยชอบข้า ข้าก็ไม่เคยชอบเจ้า การหมันหมายทีผูกมัดพวกเราเอาไว้กล็ ว้ นยกเลิกไปแล้ว ตอนนี


พวกเราก็เป็ นเพียงแค่คนแปลกหน้าทีรู้จกั กันแต่เพียงเท่านัน ยังจะมีอะไรให้พูดคุยกันอีก” มู่หรงเสวียพูดขึนเสี ยง
ี น เขาจับนางแน่ นเกินไป นางดินไม่หลุด สิ งทีพอทําได้กค็ ือถีบ
เย็น เพียงพริ บตาก็ยกเท้าถีบเข้าไปทีร่ างของเย่อเฉิ
เขาออกไปเท่านัน

เย่อีเฉิ นเบียงกายหลบอย่างรวดเร็ ว มู่หรงเสวียทีถีบได้แต่อากาศว่างเปล่านัน ทําให้ร่างกายบอบบางของนางพุ่ง


ล้มลงไปทีพืน......

“ระวัง !” เย่อีเฉิ นยืนมือออกไปโอบเอวบางของนางไว้ แล้วพยุงร่ างของนางขึนมา เงาร่ างคุน้ เคยสายหนึงปรากฏ


เข้าสู่สายตา เขาเงยหน้ามองไป......
มู่หรงเสวียทีกลับมาทรงตัวได้ดงั เดิมก็ทงโกรธทั
ั งโมโห ยืนมือตีไปทีแขนของเย่อเฉิ
ี นอย่างแรง “เอามือออกไป
!”

เย่อีเฉิ นไม่ขยับเคลือนไหวแต่อย่างใด แววตาคมกริ บพุ่งตรงมองไปทีด้านหน้า

เมือมู่หรงเสวียมองตามสายตาของเขาไปก็เห็นว่าเงาร่ างสู งใหญ่กาํ ลังยืนอยูบ่ ริ เวณใต้ตน้ ไม้ใหญ่ทีอยูด่ า้ นหน้า


ของนาง ใบหน้าของเขาหล่อเหลา รู ปลักษณ์ดูสูงส่ งสง่างาม เขาคือคุณชายเซี ยวเหยาอ๋ อง...คุณชายโอวหยาง !
ตอนที 176 จูบทีดุดนั (1)

“คุณชาย” มุมปากของมู่หรงเสวียกยกยิมขึนบาง ๆ นางหมุนกายจะพุ่งเข้าไปหาคุณชายโอวหยาง

ทันใดนันแววตาของเย่อีเฉิ นก็วบู ไหวคว้าจับข้อมือของนางเอาไว้แล้วกระชากนางให้กลับมา มือใหญ่จบั แขน


ของนางเอาไว้แน่น จนข้อมือของนางขาวซี ดขาว เห็นเส้นเอ็นบนหลังมือปูดบวมออกมา

ข้อมือของมู่หรงเสวียถูกบีบจนแน่นราวกับว่าจะขาดออกจากกัน ช่างเจ็บยิงนัก นางขมวดคิวแน่ นตีเข้าไปทีหลัง


มือของเย่อีเฉิ นอย่างแรง แล้วตวาดขึนด้วยความโมโห “ปล่อยมือ ! รี บปล่อยมือเดียวนี !”

เย่อีเฉิ นได้ยนิ แต่กลับไม่สนใจ ฝ่ ามือของเขากลับยิงจับแน่ นมากยิงขึน......

“เย่อีเฉิ นปล่อยนาง !” คุณชายโอวหยางออกคําสังเสี ยงเย็น เขาค่อย ๆ เดินเข้ามาทีละก้าวอย่างช้า ๆ ความรู ้สึก


หนาวเหน็บเย็นยะเยือกดังกับดวงจันทร์อนั โดดเดียวทีอยูบ่ นฟากฟ้ านําพามาซึ งแรงกดดันอันเกรี ยวกราดดุดนั
กดดันเสี ยจนผูค้ นแทบทีจะหยุดหายใจ

เย่อีเฉิ นไม่เห็นว่าเป็ นเช่นไร ยังคงมองไปทีเขาอย่างเย็นชา “คุณชายโอวหยาง นางเป็ นว่าทีภรรยาของข้า !”


“หลายวันก่อนพวกเจ้าก็ได้ยกเลิกการหมันหมายต่อกันไปแล้ว จิงอ๋ องช่างเป็ นคนชันสู งทีลืมเรื องราวได้ง่ายดาย
นัก” คุณชายโอวหยางพูดเสี ยงเย็น เพียงพริ บตาก็ปรากฏร่ างขึนตรงหน้าของมู่หรงเสวียเขายืนมือออกไปโอบเอว
บางของนางเอาไว้ ฝ่ ามือหยกปั ดตีไปทีข้อมือของเย่อีเฉิ นอย่างรวดเร็ ว

แววตาของเย่อีเฉิ นวูบไหวเปล่งประกาย พลางเบียงกายหลบแล้วคลายข้อมือของมู่หรงเสวียออกอย่างลืมตัว

คุณชายโอวหยางโอบร่ างของมู่หรงเสวียเข้าสู่ ออ้ มกอดอย่างไหลลืนเป็ นธรรมชาติ เขากอดนางแล้วหมุนกายก้าว


ยาว ๆ ออกไปด้านหน้า

เย่อีเฉิ นมองไปทีมืออันว่างเปล่า พลันแววตาคมกริ บก็หรี เล็กลง เพียงพริ บตาก็หมุนกายพุ่งไปทีด้านหน้าของมู่


หรงเสวียกับคุณชายโอวหยางขวางทางเดินไปข้างหน้าของพวกเขาเอาไว้ “คุณชายโอวหยาง เจ้าสามารถไปได้
แต่ม่หู รงเสวียนางต้องอยูท่ ีนี ”

“เพราเหตุใด” คุณชายโอวหยางมองไปทีเขาด้วยสายตาเย็นชา แววตาลึกลําดังมหาสมุทร

แววตาของเย่อีเฉิ นวูบไหวอย่างลําลึก แล้วพูดโพล่งออกมาว่า “ก็เพราะว่าข้าชอบเสวียเอ๋ อร์ ......”

คุณชายโอวหยางเหยียดยิมเย้ยหยัน “ผูท้ ีจิงอ๋ องชอบมิใช่องค์หญิงม่อเป่ ยหรอกหรื อ เหตุใดถึงได้กลายเป็ นเสวีย


เอ๋ อร์ได้เล่า ตอนแรกเพือทีจะทําให้ฉินยวีเยียนพึงใจ จิงอ๋ องถึงกับยอมทําเรื องราวเลวร้ายกับเสวียเอ๋ อร์ ไปตัง
มากมายนัก ขุนนางบุ๋นบู๊และชาวบ้านชาวช่องในเมืองหลวงนันมีใครบ้างทีไม่รู้เรื องนี กันเล่า มีใครทีไม่ทราบ
เรื องบ้าง จิงอ๋ องทีมีฐานะสู งส่ ง แต่กลับลืมเลือนเรื องราวต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดายจําเป็ นจะต้องให้ขา้ กล่าวเตือน
ความจําให้หรื อไม่ ?”

เย่อีเฉิ นชะงักไปครู่ หนึง ในหัวของเขาปรากฏภาพของมู่หรงเสวียทีได้พบเจอเรื องราวยากลําบากจากเขามากมาย


แววตาคมกริ บวูบไหวไปด้วยความรู ้สึกผิด “เสวียเอ๋ อร์ ข้าขอโทษ !”

“มาพูดขอโทษตอนนี จะมีความหมายอะไรขึนมา” คุณชายโอวหยางเลิกคิวมองไปทีเขา แววตาเต็มไปด้วยความ


ดูถูกเหยียดหยาม เรื องราวล้วนเกิดขึนแล้วต่อให้พูดขอโทษอีกมากมายเพียงไร ก็ไม่สามารถทวงคืนอะไรได้

“เสวียเอ๋ อร์ อภัยให้ขา้ ได้หรื อไม่ ?” เย่อีเฉิ นมองไปทางมู่หรงเสวีย แววตาของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง

มู่หรงเสวียมองไปทีเขาด้วยสายตาเย็นชา แล้วกล่าวขึนอย่างไม่เกรงใจ “พวกเราเป็ นแค่คนแปลกหน้าทีรู ้จกั ซึ ง


กันและกัน การทีข้าจะให้อภัยเจ้าหรื อไม่นนั มีอะไรเกียวข้องกัน”

เย่อีเฉิ นยกมุมปากขึนด้วยรอยยิมขมขืน “เจ้าเกลียดข้า ?”

เขาทีทําเรื องเลวร้ายกับนางมากมายขนาดนัน หากนางจะเกลียดเขาก็ถือเป็ นเรื องทีสมควรแล้ว

“ข้าไม่ได้เกลียดเจ้าและก็ไม่อยากให้อภัยเจ้า หลังจากนี ไปเจ้าก็อย่าได้มาปรากฏตัวต่อหน้าข้าอีก ข้าไม่อยากเจอ


หน้าเจ้า !” มู่หรงเสวียโยนคําพูดทิงไว้ แล้วหันกายไปมองคุณชายโอวหยาง “นีก็ดึกมากแล้วพวกเราไปกันเถอะ”
“ตกลง” คุณชายโอวหยางพยักหน้าพร้อมกับโอบเอวของนางให้กา้ วยาว ๆ เดินออกไปด้านหน้าอย่างสง่าผ่าเผย
ในสายลมนันมีเสี ยงทุม้ กล่าวเตือนลอยดังขึนมา “ฉิ นยวีเยียนได้รับบาดเจ็บหนัก ในเมือจิงอ๋ องชอบนางขนาดนัน
ก็สมควรทีจะรี บกลับไปดูแลนางเสี ยหน่อยเถิด อย่าได้รังรอเถลไถลอยูด่ า้ นนอกอีกต่อไปเลย......”

สี หน้าของเย่อีเฉิ นเขียวคลํา ชัดเจนว่าคุณชายโอวหยางนันรู้วา่ เขาชอบพอมู่หรงเสวีย แต่ยงั จะมาจงใจเตือนเขา


เรื องทีฉิ นยวีเยียนได้รับบาดเจ็บหนักและให้เขากลับไปดูแลนางอีก นี ชัดเจนว่าเขากําลังเย้ยหยันในตัวเขา !

เสวียเอ๋ อร์ เคยเป็ นว่าทีภรรยาของเขาและก็สมควรทีจะเป็ นภรรยาของเขาในอนาคต เขาไม่มีทางทีจะยอมปล่อย


มือจากนางแน่ ส่ วนเรื องของฉิ นยวีเยียนนัน เขาก็จะจัดการนางให้เข้าทีเข้าทางเอง......

คุณชายโอวหยางโอบมู่หรงเสวียแล้วเลียวเข้าถนนอีกสายหนึงจนทิงห่ างเย่อเฉิ
ี นออกไปไกล !

ถนนเส้นนีเงียบเชียบวังเวงไม่เห็นร่ องรอยของผูค้ นแม้แต่นอ้ ย ทันใดนันสี หน้าของคุณชายโอวหยางก็มืดครึ มลง


อยู่ ๆ เขาก็ปล่อยมือออกจากมู่หรงเสวียแล้วก้าวยาว ๆ เดินไปด้านหน้าเพียงลําพัง

มู่หรงเสวียเลิกคิวขึนอย่างไม่เข้าใจ นางเร่ งรี บเดินตามไปดึงแขนเสื อของเขาเอาไว้แล้วกล่าวขึน “คุณชายท่าน


เป็ นอะไร ?”
“ดึกดืนมืดคําเช่นนีเหตุใดเจ้าไม่อยูพ่ กั ผ่อนในห้อง กลับออกมาพูดคุยอะไรกับเย่อีเฉิ นอยูบ่ นถนนใหญ่กนั ”
คุณชายโอวหยางถามขึนเสี ยงดัง ทันใดนันก็หันหน้าไปมองนาง แววตาของเขาวูบไหวพลุ่งพล่านไปด้วยความ
โมโห

มู่หรงเสวียชะงักไปครู่ หนึง แล้วกล่าวขึนเสี ยงตํา “ข้าไหนเลยจะแอบออกมาพูดคุยกับเย่อีเฉิ น ข้านันถูกคน


หลอกให้ออกมา.....”

“ถูกคนหลอกให้ออกมาแล้วพูดคุยพลอดรักกับเย่อีเฉิ นอย่างนันหรื อ” คุณชายโอวหยางเลิกคิวมองไปทีนาง


ท่าทางชัดเจนว่าไม่เชือคําพูดของนางเลยแม้แต่นอ้ ย

ทันใดนันแววตาของมู่หรงเสวียก็ลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ “ใครพลอดรักกับเย่อีเฉิ นกัน เขาจับข้อมือของข้า ข้า


อยากทีจะสะบัดเขาออกแต่เขามีพละกําลังทีแข็งแกร่ งกว่า ข้าเลยไม่สามารถทีจะสะบัดเขาหลุดได้......”

“จริ งหรื อ” คุณชายโอวหยางจ้องมองนาง มุมปากของเขายิมเยาะขึน “ถ้าหากว่าข้าไม่ได้มาถึงทีนี เจ้ากับเขาก็คง


กอดกันอยู่ เห็นทีคืนนี ก็คงไม่มีทางแยกออกจากกัน......”

“หุ บปาก ข้าจะเป็ นคนเช่นนันได้อย่างไร !” มู่หรงเสวียตัดบทคําพูดของเขาขึนเสี ยงดัง ถลึงตามองไปทีเขาด้วย


แววตาวูบไหวไปด้วยความเย็นเยียบ
“ไม่ใช่หรื ออย่างไร ตอนทีข้ามาถึงทีนันก็เห็นพวกเจ้าก็กาํ ลังกอดกันอย่างแนบชิดสนิทสนม......” คุณชายโอวห
ยางกล่าวเน้นขึนทีละคํา แววตาของเขาวูบไหวไปด้วยความเย็นยะเยือก ตอนทีเขาเห็นแขนของเย่อีเฉินวางอยูท่ ี
เอวของมู่หรงเสวียนัน เขาก็อยากทีจะตัดแขนของเย่อีเฉิ นให้ขาดเสี ย......

“ตอนนันข้าถีบเขาแล้วไม่ทนั ระวังจึงลืนล้ม ไหนเลยจะเรี ยกได้ว่ากอดกันอย่างใกล้ชิดสนิทสนม ตาของเจ้า


ไม่ได้อยูบ่ นหน้าแล้วหรื ออย่างไร” มู่หรงเสวียสวนกลับเขาด้วยความโมโห ถลึงตามองไปทีเขาอย่างดุดนั

คุณชายโอวหยางทีเห็นดังนันแต่ไม่สนใจ พลางกล่าวขึนเสี ยงเย็น “สายตาของข้านันไม่ได้ยดื ยาว จึงเห็นเพียงแต่


พวกเจ้ากําลังใกล้ชิดดูดดืม......”

“เจ้า......ชัดเจนว่าเจ้าไม่ได้สนใจหลักการเหตุผลอะไรทังนัน !” มู่หรงเสวียถลึงตามองคุณชายโอวหยางด้วยความ
โมโห ชัดเจนว่านางกําลังปฏิเสธไม่ให้เย่อเฉิ
ี นเข้าใกล้ แต่ในสายตาของคุณชายโอวหยางนันกลับกลายเป็ นว่าเขา
เห็นว่านางกับเย่อีเฉิ นกําลังพลอดรักกันอย่างดูดดืม ไม่ว่านางจะอธิบายเช่นไรเขาก็ลว้ นไม่ยอมทีจะรับฟัง “ข้า
นันขีเกียจจะอธิบายให้เจ้าฟั งแล้ว......”

“แต่ขา้ ว่าเจ้ากําลังหมดคําพูดทีจะแก้ตวั เสี ยมากกว่า !” คุณชายโอวหยางมองไปทีมู่หรงเสวีย ดวงตาสี ดาํ ขลับ


เปล่งประกายเย็นเยียบ เสี ยงทุม้ คล้ายกับหิ มะทีแตกกระจาย

มู่หรงเสวียยิมเยาะขึนอย่างโมโห นางถลึงตามองไปทีคุณชายโอวหยาง “ใช่ ข้าแอบพลอดรักกับเขากลางคํา


กลางคืนแล้วถูกจับได้ ไม่มีขอ้ แก้ตวั อะไรจะกล่าวอีก เจ้าพอใจแล้วหรื อยัง ?”
แววตาของคุณชายโอวหยางวูบไหว ดวงตาสี ดาํ ขลับของเขาเปล่งแสงแห่ งความอันตรายทีไม่เคยมีมาก่อน “เจ้า
ชอบเย่อีเฉิ นจริ ง ๆ อย่างนันหรื อ ?”

“เรื องของข้า เจ้าไม่มีสิทธิทีจะมาถาม” มู่หรงเสวียโยนคําพูดทิงไว้อย่างเสี ยอารมณ์ พลางหมุนกายเดินจากไป


ด้านหน้า แม้แต่หน้าก็ไม่หันกับมามองอีกแม้แต่น้อย นางใช้แรงไปตังมากมายกว่าจะหนีออกมาจากฝูงนักฆ่า
พวกนันได้ แค่ตอ้ งมาพบเจอกับเย่อเฉิ
ี นก็เหนื อยใจมากพอแล้ว

ไม่ง่ายเลยทีจะได้พบกับคุณชายโอวหยาง เขาไม่เพียงแต่ไม่ปลอบนางเท่านัน แต่อยู่ ๆ ยังจะมาเค้นถามและหา


เรื องทะเลาะกับนางอีก ช่างน่ าโมโหยิงนัก แม้แต่เค่อเดียว นางก็ไม่อยากทีจะรังอยูท่ ีนี อีกต่อไปแล้ว......

เมือมองไปทีเงาร่ างของนางทีเดินออกไปไกลอย่างรวดเร็ ว ดวงตาสี ดาํ ขลับของคุณชายโอวหยางก็วบู ไหวไปด้วย


ความเกรี ยวกราดทีโหมกระหนํา ร่ างกายขยับไหววูบราวกับก้อนเมฆสี ขาวก้อนหนึง เพียงพริ บตาก็มาปรากฏร่ าง
อยูต่ รงหน้าของมู่หรงเสวียแล้ว เขาโอบเอวของนางเอาไว้แล้วกระชากนางเข้าสู่ ออ้ มอก ริ มฝี ปากบางช่วงชิง
ประทับลงไปบนกลีบปากสี ชมพูของนางทันที......
ตอนที 177 จูบทีดุดนั (2)
สัมผัสอันอ่อนนุ่ มแล่นขึนมาจากริ มฝี ปาก มู่หรงเสวียได้ยนิ เพียงเสี ยง ‘ปัง’ ดังขึนในหัวเสี ยงหนึง ทันใดนันนาง
ก็เบิกตากว้างขึน เมือเห็นใบหน้าหล่อเหลาของคุณชายโอวหยางทีอยูใ่ กล้แค่เอือม ดวงตาสี ดาํ ขลับดังอัญมณี ก็
คล้ายกับมีความเกรี ยวกราดดุดนั พลุ่งพล่านอยูภ่ ายใน !

นางรู ้สึกตืนตระหนกขึนในใจ พยายามอย่างยิงทีจะใช้แรงผลักคุณชายโอวหยางให้ถอยออกไป

แต่คุณชายโอวหยางก็คว้าจับข้อมือของนางเอาไว้อย่างไม่สะทกสะท้าน ฝ่ ามือหยกแฝงไว้ดว้ ยพละกําลังอัน


แข็งแกร่ งทีเพียงแค่คว้าจับเบา ๆ แขนของนางก็ไม่สามารถทีจะขยับเคลือนไหวได้อีกต่อไป นางทําได้เพียงยืนขา
เตะออกไปอย่างสะเปะสะปะเท่านัน

คุณชายโอวหยางเบียงหลบการโจมตีของนางแล้วขยับกายกดนางเข้าไปจนติดกําแพง กลืนกินริ มผีปากอันอ่อน


นุ่มของนางอย่างดุดนั ฉาบฉวยเอารสสัมผัสอันหอมหวานทีจะมีเฉพาะหญิงสาวเยาว์วยั อย่างเอาแต่ใจ

การจูบอันดูดดืมบ้าคลังทีโจมตีเข้ามาอย่างกะทันหันนัน ทําเอาจิตใจของมู่หรงเสวียพลุ่งพล่านแตกกระเจิง กลิน


หอมจาง ๆ ของไม้ไผ่ทีมาจากร่ างของคุณชายโอวหยางต่างอบอวลไปทัวริ มฝี ปากของนาง การกระทํานันช่างบ้า
คลังและดุดนั เสี ยจนนางทนรับเอาไว้ไม่ไหว

ภายในหัวของนางกลายเป็ นว่างเปล่าขาวโพลน หายใจหอบถี หัวใจเต้นแรงจนแทบจะหยุดเต้น นางพยายามทีจะ


ใช้แรงดินรนทุบตีเข้าไปทีคุณชายโอวหยางอย่างสุ ดกําลัง
คุณชายโอวหยางไม่สนใจมองไปทีใบหน้าแดงกําจากการหายใจไม่ทนั ของนาง แววตาเจือปนไปด้วยรอยยิมบาง
ๆ แล้วกัดเข้าไปทีริ มฝี ปากของนางอย่างแรง

ความเจ็บปวดแล่นปลาบขึนมา ทันใดนันในปากของนางก็คละคลุง้ ไปด้วยกลินคาวเลือด มู่หรงเสวียร้องอย่าง


เจ็บปวดออกมาเสี ยงหนึ ง แล้วรี บผลักคุณชายโอวหยางให้ออกไปอย่างโมโห ยกแขนเสื อขึนมาเช็ดปากจนเลือด
สี แดงสดจํานวนหนึ งซึ มลงไปบนแขนเสื อสี เขียวอ่อนของนาง แววตาของนางลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ ถลึงตา
มองคุณชายโอวหยางอย่างดุร้าย “เจ้าทําอะไร !”

เมือมองไปทีใบหน้าเกรี ยวกราดและริ มฝี ปากทีแดงเถือกของนาง ดวงตาสี ดาํ ขลับของคุณชายโอวหยางก็เปล่ง


ประกายลําลึกดังมหาสมุทร มุมปากยกยิมขึนอย่างเยือกเย็น “เจ้าแอบออกมาพลอดรักกับผูช้ ายในเวลากลางคํา
กลางคืนไม่ใช่หรอกหรื อ ถ้าหากไม่ทิงรอยเอาไว้บนตัวเจ้าแล้วจะรับรองได้อย่างไรว่าเจ้าแอบไปพลอดรักกับ
ผูค้ นมาเล่า”

นําเสี ยงทุม้ ทีแฝงไว้ดว้ ยการเย้ยหยันทีแสนชัดเจนดังขึน มู่หรงเสวียทีได้ฟังเช่นนันก็ตอ้ งหรี ตาเล็กลง ความรู้สึก


ปวดแสบปวดร้อนแล่นขึนมาจากริ มฝี ปากเป็ นการยําเตือนนางว่าเมือครู่ นันได้เกิดเหตุการณ์อะไรขึน

นางก็แค่ไม่ทนั ระวังจึงถูกคนล่อลวงให้เข้าไปในกับดัก ลําบากยากเย็นยิงนักกว่าทีจะหนีรอดออกมาได้ ยังไม่ทนั


ทีจะได้พกั หายใจก็พบเข้ากับเย่อีเฉิ นทีแสนน่ ารังเกียจ ไม่ง่ายเลยทีจะหลุดพ้นออกมาจากเขา แล้วคุณชายโอวห
ยางก็ยงั จะมารังแกนางอีก อีกทังยังกล่าววาจาเยาะเย้ยประชดประชันใส่ นาง นางไปทําอะไรไว้ให้พวกเขากัน ?
พลันขอบตาค่อย ๆ เปลียนเป็ นสี แดงกํา เพียงพริ บตาดวงตาสี ดาํ แวววาวของมู่หรงเสวียก็คลอไปด้วยนําตาทีแทบ
จะปริ มล้นออกมา นางถลึงตามองไปทางคุณชายโอวหยาง “หลังจากนี ไปข้าไม่อยากเจอหน้าเจ้าอีกแล้ว !” เมือ
โยนคําพูดอันแสนดุดนั ทิงไว้ นางก็หมุนกายวิงไปด้านหน้าโดยทีไม่หนั กลับมามองอีก

ร่ างกายบอบบางเดินโซเซไปมา ท่าทางสิ นหวังเสี ยใจของนางทําให้คุณชายโอวหยางทีได้เห็นหรี ตาเล็กลง เขา


รี บเร่ งตามไปแล้วยืนมือออกไปดึงแขนของนางเอาไว้ “เจ้าจะไปทีใดกัน ?”

“ไม่ใช่เรื องของเจ้า !” มู่หรงเสวียสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของเขาแล้ววิงออกไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ ว

เมือรู ้สึกถึงความเปี ยกชืนเหนี ยวเหนอะหนะบนมือ คุณชายโอวหยางก็กม้ หน้าลงไปมอง เห็นว่าบนฝ่ ามือหยก


ของเขาเปื อนไปด้วยคราบเลือดสี แดงสดสะดุดตา กลินคาวเลือดจาง ๆ ลอยเข้ากระทบกับจมูก แววตาของเขาวูบ
ไหวพลางเร่ งก้าวยาว ๆ ออกไปจับแขนของมู่หรงเสวียเอาไว้แน่น “แขนของเจ้าเลือดไหลแล้ว”

“ไม่ถึงตายหรอก” มู่หรงเสวียกล่าวขึนอย่างอารมณ์ไม่ดี นางใช้แรงสะบัดแขนออก คิดอยากทีจะหลุดพ้นจาก


การเกาะกุมของคุณชายโอวหยาง แต่คล้ายกับว่าแขนของคุณชายโอวหยางนันงอกอยูบ่ นแขนนางอย่างไรอย่าง
นัน ไม่ว่าจะสะบัดเท่าไรก็ไม่สามารถทีจะสะบัดหลุด

“ร่ างกายของเจ้ากําลังอ่อนแอ ไม่ควรปล่อยให้เลือดไหลมากเกินไป” คุณชายโอวหยางพูดขึนเสี ยงเรี ยบ ฝ่ ามือ


หยกจับเข้าไปทีแขนเสื อของนางแล้วใช้แรงฉี กมันออก ได้ยนิ เสี ยง ‘แคว้ก’ ดังขึนเสี ยงหนึ ง แขนเสื อส่ วนหนึง
ถูกฉี กออกไปเป็ นวงกว้าง เผยให้เห็นแขนสี ขาวนวลดังหยกของนาง
“เจ้าจะทําอะไร ?” มู่หรงเสวียตวาดขึนเสี ยงหนึง ในดวงตาของนางลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ ยกมือขึนตีเข้าไปที
คุณชายโอวหยาง

คุณชายโอวหยางเบียงกายหลบน้อย ๆ หลีกเลียงการโจมตีของนาง แล้วหยิบเอาขวดยาเล็ก ๆ ขึนมาขวดหนึงแล้ว


เปิ ดฝาออก เอาผงยาด้านในโรยไปทีบาดแผลของนาง “บาดแผลลึกมากถ้าหากยังไม่ใส่ ยาตอนนี ก็จะทิงรอย
แผลเป็ นเอาไว้......”

“ข้าจะมีแผลเป็ นหรื อไม่กไ็ ม่เกียวอันใดกับเจ้า !” มู่หรงเสวียกล่าวขึนอย่างอารมณ์ไม่ดี ทันใดนันก็พยามยามใช้


แรงสุ ดกําลังคิดทีอยากจะดึงมือของตนกลับมา

ใบหน้าหล่อเหลาของคุณชายโอวหยางมืดครึ มลงแล้วออกแรงดึงนางเข้าสู่ ออ้ มกอด ดวงตาสี ดาํ ขลับลําลึกจนสุ ด


จะหยัง “หยุดโวยวายได้แล้ว ข้าจะใส่ ยาให้เจ้า......”

“ใครโวยวาย แขนก็เป็ นของข้า จะใส่ ยาหรื อไม่ ข้าล้วนเป็ นคนทีตัดสิ นใจ” มู่หรงเสวียพูดขึนอย่างดุดนั พยายาม
ใช้แรงทีจะดึงมือกลับ

แววตาของคุณชายโอวหยางวูบไหว แขนยาวยึดกุมเอวบางของนางเอาไว้แน่น ทันใดนันปลายนิวก็กดลงไปที


บาดแผลของนาง

“อ้า !” มู่หรงเสวียกรี ดร้องขึนเสี ยงหลง ใบหน้าเรี ยวเล็กซี ดขาวไร้รอยเลือด ทันใดนันนางก็รีบยกมือขึนทุบตีเข้า


ไปทีคุณชายโอวหยางอย่างแรง “เจ้าทําอะไรน่ ะ ? ข้าเจ็บจะตายอยูแ่ ล้วนะ !”
“เจ้ารู ้จกั เจ็บด้วยหรื อ ? ถ้าหากเจ้าไม่ใส่ ยา เช่นนันก็ไม่รู้ว่าเจ้าจะต้องเจ็บไปจนถึงเมือไร” คุณชายโอวหยางกล่าว
ขึนอย่างอารมณ์ไม่ดี เขาจับแขนทีได้รับบาดเจ็บของนางเอาไว้แน่ นแล้วใส่ ยาให้นางด้วยความตังอกตังใจ ผงยาที
ถูกโรยลงบนบาดแผล คล้ายกับกําลังมีเข็มเล็กจํานวนมากมายนับไม่ถว้ นปั กลงมาบนบาดแผลของนาง ช่าง
เจ็บปวดยิงนัก มู่หรงเสวียสู ดหายใจเย็น หน้าผากผุดเต็มไปด้วยเม็ดเหงือ !

“ทนอีกหน่ อย อีกไม่นานก็จะไม่เจ็บแล้ว” คุณชายโอวหยางกล่าวปลอบโยนเสี ยงอ่อน แล้วกะปริ มาณโรยผงยา


ลงบนบาดแผลของนางให้เท่า ๆ กันอย่างตังอกตังใจ ความเย็นจาง ๆ ค่อย ๆ แผ่ซ่านไปรอบบริ เวณทีมีบาดแผล
จนความเจ็บปวดจากบาดแผลค่อย ๆ บรรเทาลงไปไม่นอ้ ย กลินยาอ่อน ๆ ค่อย ๆ โชยกระทบเข้ากับจมูก กลิน
หอมสดชืนเย็นสบายค่อย ๆ กลบกลินคาวเลือดทีโชยอยูใ่ นอากาศจนสลายหายไป

คุณชายโอวหยางหยิบผ้าขาวออกมาจากในแขนเสื อพันไปรอบ ๆ บาดแผลของนางอย่างเบามือ บนผ้ารมควัน


ด้วยสมุนไพรทําให้บริ เวณแขนเกือบครึ งรู ้สึกเย็นสบายน้อย ๆ ทําให้รู้สึกผ่อนคลายเป็ นพิเศษ

มู่หรงเสวียพลิกแขนไปมา นอกจากความเจ็บปวดจาง ๆ แล้วก็ไม่รู้สึกว่าไม่สบายตัวทีใดอีก นางถลึงตามอง


คุณชายโอวหยางหนหนึ ง แล้วกล่าวขึนอย่างไม่เต็มใจ “ขอบคุณมาก”

คุณชายโอวหยางตอบรับเบา ๆ เสี ยงหนึง แล้วมองไปทีใบหน้างุ่มง่ามของนาง นิงเงียบไปเสี ยครู่ หนึ งแล้วกล่าว


ขึนเสี ยงตํา “เจ้ากับเย่อีเฉิ น......ทีแท้มีความสัมพันธ์อย่างไรกันแน่ ”
มู่หรงเสวียไม่ชอบเดินทางตอนกลางคืน ส่ วนเย่อีเฉิ นก็ไม่ได้เป็ นคนทีมีจิตใจดีงามอะไรขนาดนัน ดังนันพอเห็น
ว่าพวกเขาสองคนกอดกันอยูบ่ นถนนใหญ่ อีกทังยังฉุ ดกระชากพัวพันกันไปมา เขาก็เลยรู ้สึกโกรธขึน !

“มิใช่เพราะว่าฉิ นยวีเยียนหรอกหรื อ” มู่หรงเสวียสบถขึนอย่างอารมณ์ไม่ดีแล้วกล่าวถึงต้นสายปลายเหตุของ


เรื องราวทังหมดออกไปรอบหนึ ง หลังจากนันก็เน้นเสี ยงหนักกล่าวออกมา “เย่อีเฉิ นเคยทําเรื องชัวช้ากับข้า
มากมายขนาดนัน ฉะนันถึงแม้ว่าผูช้ ายบนโลกจะตายจนหมด ข้าก็จะไม่มีทางไปชอบพอเย่อีเฉิ น ถึงแม้ว่าพวก
เราจะยืนกันใกล้ชิดอย่างไรก็จะต้องมีสาเหตุทีทําให้เกิดเหตุการณ์เช่นนันขึน ขอเจ้าโปรดอย่าได้คิดว่าพวกเรา
กําลังพลอดรักกันอีก”

แววตาของคุณชายโอวหยางวูบไหวอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ เย่อีเฉิ นเคยหมันหมายกับนางมาตังสิ บปี ความรู ้สึก


ชอบพอทีนางมีต่อเย่อีเฉิ นนันเขาล้วนได้ยนิ มาบ้างไม่นอ้ ย

เย่อีเฉิ นไม่รู้จกั ของลําค่า ลดขันนางเป็ นอนุ เพียงอารมณ์โกรธชัววูบนางจึงตัดขาดความสัมพันธ์กบั เย่อีเฉิ น

แต่ว่าตอนนีเย่อีเฉิ นนันเปลียนใจแล้ว อีกทังยังมีท่าทางเป็ นห่ วงเป็ นใยดูแลนางอย่างใกล้ชิดและทัวถึง ไม่แน่ว่า


นางนันอาจจะกลับไปยอมรับในตัวของเย่อีเฉิ นอีกครัง ดังนันเมือเห็นพวกเขากอดกันอย่างแนบแน่ นเช่นนันแล้ว
เขาถึงได้รู้สึกโมโหขึนมา

“ชัวชีวิตนี พวกเจ้าจะไม่พบเจอกันอีกอย่างนันใช่หรื อไม่” คุณชายโอวหยางถามขึนด้วยความไม่แน่ ใจ


“ถึงแม้วา่ จะเจอหน้าก็เพียงแค่เดินผ่านกัน ย่อมไม่ยงุ่ เกียวซึ งกันและกันอีก” มู่หรงเสวียกล่าวเน้นทีละคํา แววตา
เต็มไปด้วยความหนักแน่ นทีไม่เคยมีมาก่อน

“ได้เช่นนี ก็ดี” คุณชายโอวหยางกล่าวเสี ยงตํา มุมปากยกยิมขึนอย่างทียากจะสังเกตเห็น


ตอนที 178 ขับไล่ ฉินยวีเยียน

นําเสี ยงใสกังวาลสายนันค่อนข้างทีจะเบามาก มู่หรงเสวียทีฟังไม่ชดั เจนก็อดไม่ได้ทีจะขมวดคิวมุ่น “เจ้ากําลัง


พูดอะไรหรื อ ?”

“ไม่มีอะไร” แววตาของคุณชายโอวหยางวูบไหวเปล่งประกาย มองไปทีริ มฝี ปากทีเปื อนเลือดของมู่หรงเสวีย


แล้วพูดขึนว่า “ปากของเจ้าแตกแล้ว !” เช่นนันปลายนิวก็แตะไปทีผงยาแล้วค่อย ๆ แต้มลงไปทีบาดแผลบนริ ม
ฝี ปากของนางอย่างเบามือ

ทันใดนันความเจ็บปวดก็แล่นปลาบขึนมา มู่หรงเสวียอดไม่ได้ทีจะสู ดหายใจเย็น ๆ เข้าไป นางถลึงตามองไปที


คุณชายโอวหยางอย่างอารมณ์เสี ย “ล้วนเป็ นเพราะเจ้าทีทําให้ขา้ มีสภาพเช่นนี แล้วนีข้าจะออกไปให้ผคู ้ นพบเจอ
ได้อย่างไรกัน”

ดวงตาสี ดาํ ขลับของคุณชายโอวหยางเจือปนไปด้วยรอยยิมจาง ๆ แล้วกล่าวขึนอย่างช้า ๆ “วันพรุ่ งนี พอฟ้ าสว่าง


ริ มฝี ปากของเจ้าก็จะดีขึนไม่นอ้ ยแล้ว......”

“จริ งหรื อ” ท่าทีของมู่หรงเสวียยังคงเชือครึ งไม่เชือครึ ง ไม่ว่ายาจะดีอย่างไรก็ตอ้ งใช้เวลาเกือบ 12ชัวยามถึงจะทํา


ให้บาดแผลกลับมาเป็ นปกติได้ ตอนนี นันห่ างจากเวลาทีฟ้ ากําลังจะสว่างอีกไม่กีชัวยามเท่านัน
“แน่นอนว่าเป็ นความจริ ง ข้าจะหลอกเจ้าไปทําไมกัน” ยารักษาแผลทีเขาใช้นนทํ
ั าขึนเป็ นพิเศษแน่ นอนว่า
สรรพคุณของยาจะไม่เหมือนกับตัวยาธรรมดาทัวไป ! คุณชายโอวหยางกล่าวขึนอย่างราบเรี ยบ เขาเก็บยารักษา
แผลแล้วย่อกายลงอุม้ มู่หรงเสวียขึน

กลินหอมของไม้ไผ่บางเบาห้อมล้อมไปทัวกายแล้วอยู่ ๆ ฝ่ าเท้าก็ลอยขึนจากพืน มู่หรงเสวียชะงักไปครู่ หนึงเงย


หน้ามองไปทีคุณชายโอวหยาง “เจ้าจะทําอะไรน่ ะ”

เมือมองไปทีสายตาเฝ้ าระวังและสับสนของนาง แววตาของคุณชายโอวหยางก็วบู ไหวไปด้วยความมืดมัว เขา


กล่าวขึนอย่างเรี ยบ ๆ ว่า “นีก็มืดคํามากแล้ว ข้าจะส่ งเจ้ากลับไปพักผ่อน”

“อ้อ” มู่หรงเสวียถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ทีนี ยังมีระยะทางห่ างไกลจากจวนเจินกัวโหวอยูช่ ่วงหนึ ง ถ้า


หากนางเดินกลับไปเองนันคงต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ งชัวยาม ถ้าคุณชายโอวหยางใช้วชิ าตัวเบาไปส่ งนางก็คง
จะเร็ วขึนมาก......

คุณชายโอวหยางอุม้ มู่หรงเสวียลอยขึนไปบนฟ้ าแล้วพุ่งทะยานออกไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ ว

เสี ยงพัดผ่านของสายลมดังขึนทีข้างหู วิวทิวทัศน์ทงสองฝากฝั


ั งวูบไหวผ่านไปอย่างรวดเร็ ว ทันใดนันมู่หรงเสวีย
ก็นึกถึงมู่หรงเย่ขนมาได้
ึ นางจึงกล่าวออกมาเสี ยงตํา “พีชายของข้าตามหลังข้าออกมาด้วย วิชาตัวเบาของเขานัน
ยังด้อยอยูม่ ากนัก ไม่สามารถตามข้ากับคนชุดดําได้ทนั แน่ ตอนนีฟ้ าก็มืดขนาดนีแล้ว ไม่รู้ว่าเขากลับจวนไปหรื อ
ยัง......”
“เช่นนันเดียวข้าจะสังให้คนไปตามหาเขา” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนอย่างราบเรี ยบ

“ขอบคุณมาก” แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหวไปด้วยรอยยิมจาง ๆ ช่างดูงดงามหยดย้อยดึงดูดสายตาของผูค้ น

คุณชายโอวหยางยกมุมปากขึนพลางนึ กถึงเหตุการณ์ทีเกิดขึนเมือครู่ “เสวียเอ๋ อร์ เจ้าแน่ ใจนะว่า นักฆ่าทีเจ้าพบ


ในจวนเมือครู่ นนเป็
ั นนักฆ่าโลหิ ตทมิฬ”

มู่หรงเสวียกะพริ บตาปริ บ ๆ “เย่อีเฉิ นกับฉิ นเฮ่าเหยียนล้วนพูดแบบนี ” นีเป็ นครังแรกของนางทีได้พบเจอกับตัว


ประหลาดเช่นนัน นางไหนเลยจะไปรู ้ชือเรี ยกจํากัดความของมันได้ “นักฆ่าพวกนันน่ าจะเป็ นคนทีตายแล้ว พวก
มันล้วนแล้วแต่ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด หลังจากทีปรากฏตัวออกมาจากพืนดินก็เพียงนึ กคิดแต่ฆ่าคนเท่านัน ฆ่า
คนแล้วก็ฆ่าคน”

เมือเปรี ยบเทียบกับผีดิบทีมีบนั ทึกเอาไว้ในหนังสื อประวัติศาสตร์ แล้วช่างน่ ากลัวมากกว่านัก เพราะผีดิบพวกนัน


ยังมีจุดอ่อน แต่ว่าพวกนักฆ่าเหล่านี ไม่มีจุดอ่อนแม้แต่นอ้ ย คล้ายกับกองทัพนักฆ่าทีกลายพันธุ์แล้วอย่างไรอย่าง
นัน ถ้าหากไม่จดั การพวกมันให้สินซาก พวกมันก็ไม่มีทางทีจะยอมเลิกรา......

“เช่นนันก็คงเป็ นนักฆ่าโลหิ ตทมิฬไม่ผดิ แน่ ” แววตาของคุณชายโอวหยางวูบไหวไปด้วยความลึกลํา เย่อีเฉิ นกับ


ฉิ นเฮ่าเหยียนล้วนเป็ นคนทีมีความรู ้กว้างขวางไม่นอ้ ย นักฆ่าโลหิ ตทมิฬเป็ นตัวประหลาดทีมีเอกลักษณ์ชดั เจน
เช่นนี พวกเขาไม่มีทางทีจะดูผิด
เพียงแต่คาดไม่ถึงว่าคนเช่นองค์หญิงแห่ งแคว้นม่อเป่ ยจะสามารถเสาะหามนต์คาถาของหนานเจียงมาได้ ดู
ท่าทางวังจิงอ๋ องคงมีงิวให้ดูชมเสี ยแล้ว

ในระหว่างทีสะลึมสะลืออยูน่ นั ฉิ นยวีเยียนก็รู้สึกเจ็บแปลบทีอก ในลําคอของนางรู ้สึกแห้งผากจนเกินจะทน


ไหว อดไม่ได้ทีจะไอออกมาเสี ยหลายครา แล้วกล่าวขึนอย่างไร้เรี ยวแรง “นํา......นํา......”

ํ ่นทีมีความร้อนกําลัง
แขนแกร่ งแขนหนึงยืนเข้ามาโอบไหล่ของนางไว้ พยุงร่ างของนางขึนมา พร้อมกับมีนาอุ
พอดียนมาจ่
ื อทีปากของนาง ฉิ นยวีเยียนจิบมันเข้าไปอย่างช้า ๆ

ความร้อนจากนําอุ่นค่อย ๆ แผ่ซ่านไปสู่ หัวใจ ความรู ้สึกนึ กคิดทีพร่ ามัวของฉิ นยวีเยียนค่อย ๆ ฟื นคืนขึนมา นาง
ค่อย ๆ ลืมตาขึน กลินอายทีมีเฉพาะผูช้ ายกระทบเข้ากับจมูก นางค่อย ๆ เงยหน้ามองไปพอดีเห็นเข้ากับใบหน้า
หล่อเหลาหาใดเปรี ยบของเย่อเฉิ
ี น

ในแววตาของเขาเจือปนไปด้วยความเหนื อยล้าน้อย ๆ ใต้ตาปรากฏรอยดําคลําจาง ๆ ชัดเจนว่าเขาคงไม่ได้นอน


มาทังคืน

เขาดูแลนางมาตลอดทังคืน !

เช่นนันหัวใจของฉิ นยวีเยียนก็เหมือนถูกความสุ ขเติมจนเต็มล้น มุมปากของนางยกยิมขึนด้วยรอยยิมอันแสน


อ่อนหวาน “อีเฉิ น !” นําเสี ยงอ่อนหวานแฝงไว้ดว้ ยความแหบแห้งน้อย ๆ ทีบ่งบอกว่านางนันได้รับบาดเจ็บไม่
น้อยดังขึน
เย่อีเฉิ นเพียงตอบรับเบา ๆ เสี ยงหนึ ง มองไปทีใบหน้าและศีรษะทีถูกพันด้วยผ้าขาวแล้วกล่าวขึนเบา ๆ “เจ้ารู ้สึก
เป็ นอย่างไรบ้าง”

“ดีขนมากแล้
ึ ว” ฉินยวีเยียนกล่าวขึนอย่างเบิกบานใจ บาดแผลบนใบหน้าและศีรษะก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรอีก
ต่อไปแล้ว

“เช่นนันก็ดี” เย่อีเฉิ นกล่าวเสี ยงเบา เขาวางแก้วนําลงแล้วหยิบหมอนขึนใบหนึ งสอดเข้าไปทีด้านหลังของนาง


ให้นางได้อิงมันเพือทีจะได้นงสบาย
ั ๆ

เมือเขามองไปทีแววตายิมแย้มสดใสของนาง แววตาของเขาก็วบู ไหวเปล่งประกายซับซ้อน นิงเงียบไปครู่ หนึง


แล้วกล่าวขึนเสี ยงเบา “ยวีเยียนหลังจากทีบาดแผลของเจ้าหายดีแล้ว เจ้ากับองค์รัชทายาทฉิ นก็กลับแคว้นม่อเป่ ย
ไปด้วยกันเถอะ”

รอยยิมสดใสของฉิ นยวีเยียนพลันแข็งข้างอยูบ่ นใบหน้า นางชะงักค้างพลางจ้องมองไปทีเขา เมือเวลาผ่านไปชัว


ครู่ ถึงจะสามารถหลุดออกจากภวังค์ได้ “เจ้า......กําลังล้อเล่นอยูใ่ ช่ไหม” นางมาทีชิงเหยียนนนันก็เพือทีจะ
แต่งงาน เพือทีจะแต่งเป็ นพระชายาเอกให้กบั เขา นางเป็ นชายาเอกแห่ งจิงอ๋ องของแคว้นชิงเหยียนนะ แล้วยังจะ
ให้นางกลับไปแคว้นม่อเป่ ยเพืออะไรกัน

“ข้าไม่ได้ลอ้ เล่น ข้าไม่สามารถทีจะแต่งเจ้าเป็ นชายาเอกได้อีกแล้ว” เย่อีเฉิ นมองไปทีนางกล่าวเน้นขึนทีละคํา


แววตาของเขาวูบไหวไปด้วยความหนักแน่ นทีน้อยนักจะปรากฏ
ฉิ นยวีเยียนได้ยนิ เสี ยงปั งดังขึน ในหัวกลายเป็ นสี ขาวโพลน แล้วพูดกล่าวอย่างนิงอึง “เพราะอะไรกัน” ตอนอยูท่ ี
ม่อเป่ ยเขานันพูดเป็ นมันเป็ นเหมาะว่าจะแต่งนางเป็ นพระชายาเอก นีเพิงจะผ่านมาได้ไม่กีเดือนเท่านัน แต่เขา
กลับเปลียนใจเสี ยแล้วหรื อ

อยู่ ๆ ในหัวก็ปรากฏความคิดขึนมาประการหนึ ง ฉิ นยวีเยียนกัดฟั นกรอดพลางกล่าวขึนว่า “เป็ นเพราะว่ามู่หรง


เสวียใช่ไหม เจ้าชอบพอนางแล้วใช่ไหม เจ้าต้องการทีจะแต่งนางเป็ นพระชายาเอกอย่างนันหรื อ”

เย่อีเฉิ นนิงเงียบไปครู่ หนึงแล้วพยักหน้าตอบรับเบา ๆ “ไม่ผดิ ข้าต้องการแต่งมู่หรงเสวียเป็ นชายาเอก !”

“เพราะเหตุใดกัน” ฉิ นยวีเยียนเบิกตากว้างจ้องมองไปทีเขาอย่างตกตะลึง เขาเคยลดขันของมู่หรงเสวียลงเป็ น


ชายารอง ทําให้นางโดนดูถูกเหยียดหยาม อีกทังยังขโมยบัวอัคคีทาํ ให้นางได้รับความทรมานอย่างเจ็บปวด เห็น
ได้ชดั ว่าเขารังเกียจมู่หรงเสวียถึงขนาดนัน แล้วอยู่ ๆ ทําไมถึงได้ไปชอบพอนางได้

“ข้าก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร” ดวงตาของเย่อีเฉิ นมืดมัว หมันหมายกันมาสิ บปี การพูดคุยระหว่างเขากับมู่หรงเสวีย


นันสามารถทีจะนับนิ วได้ เขาล้วนแต่คดิ ว่านางเป็ นคุณหนูทีบอบบางอ่อนแอ คิดว่านางก็เป็ นหญิงสาวธรรมดาที
ไม่เห็นว่าจะมีอะไรดี

แต่ว่าตอนทีเขาลดนางเป็ นอนุนนั นางกลับตอบโต้เขากลับอย่างดุดนั แล้วยังตอนทีเขาจะบีบคันให้นางแต่งงาน


ด้วยหลายครังหลายครา นางนันก็ต่อต้านเขาอย่างสุ ดกําลัง ทําลายแผนการของเขาแผนแล้วแผนเล่า ความฉลาด
ของนาง ความมุ่งมันของนาง ทําให้เขาต้องหันกลับไปสนใจมอง ไม่รู้ว่าเมือใดกันทีนางก็เดินเข้ามาอยูใ่ นใจของ
เขาเสี ยแล้ว......

ตอนทีมองดูนกั ฆ่าโลหิ ตทมิฬทีกําลังจะฆ่านางในตอนนัน หัวใจของเขานันพลันพลุ่งพล่านว้าวุ่นจนแทบจะหยุด


เต้น ตอนนันเองเขาถึงได้รู้วา่ ในใจของเขานันมีม่หู รงเสวียอยูข่ า้ งในมาตังนานแล้ว......

ตรงหน้าปรากฏภาพของมู่หรงเสวีย แววตาของเย่อีเฉิ นเจือปนไปด้วยรอยยิมจาง ๆ นางช่างดูสง่างามดึงดูด


สายตาของผูค้ น ฉิ นยวีเยียนทีเห็นดังนันแววตาของนางก็ลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ กัดฟั นคํารามขึนมา “ทีแท้เจ้าก็
ชอบพอมู่หรงเสวียถึงขนาดนี ?”

“ชัวชีวิตนี ข้าขาดนางไม่ได้” เย่อีเฉิ นกล่าวเน้นขึนทีละคํา แววตาของเขาเต็มไปด้วยความหนักแน่ นลําลึก ฉิ นยวี


เยียนทีได้เห็นดังนัน ไฟโกรธก็ลุกโชน ตะโกนขึนสุ ดเสี ยง “เช่นนันแล้วข้าเล่า ? แล้วข้าเล่า ? ตอนทีเจ้าอยูแ่ คว้น
ม่อเป่ ยแล้วรับปากว่าจะดูแลข้าไปชัวชีวิต ล้วนเป็ นคําโกหกทีเอาไว้หลอกลวงผูค้ นเช่นนันหรื อ......”
ตอนที 179 จะอยู่หรือจะไป
ตอนที 179 จะอยูห่ รื อจะไป

แววตาของเย่อีเฉิ นวูบไหวพร้อมทังกล่าวขึนเสี ยงตํา “ข้าขอโทษ......” ตอนนันเขาไม่รู้จริ ง ๆ ว่าตัวเองนันชอบมู่


หรงเสวีย มิเช่นนันก็คงจะไม่กล่าวคํามันสัญญาอะไรก็ตามต่อฉิ นยวีเยียน

“ทีข้าต้องการไม่ใช่คาํ ขอโทษจากเจ้า !” ฉินยวีเยียนตวาดขึนเสี ยงดัง ดวงตากระจ่างใสเอ่อคลอไปด้วยหยาด


นําตา

“นอกจากคําขอโทษแล้ว ข้าก็ไม่สามารถให้อะไรกับเจ้าได้อีก” เย่อีเฉิ นมองไปทีฉิ นยวีเยียน ดวงตาสี ดาํ ขลับนิ ง


เงียบไร้ซึงความสันไหว

“ข้าเพียงแต่ตอ้ งการทีจะอยูข่ า้ งกายเจ้า !” ฉิ นยวีเยียนจ้องมองไปทีเขา หยดนําตาใส ๆ คล้ายกับลูกปัดทีถูกตัด


สายร้อยออกจากกันไหลหยดพรังพรู ลงด้านล่าง “ให้ขา้ เป็ นชายารองของเจ้าก็ได้.....หรื อว่าอีเหนียง(อนุ)......หรื อ
จะให้เป็ นซื อเชีย(นางบําเรอมีฐานะตํากว่าอนุ) ก็ยงั ได้......”

“เจ้าเป็ นถึงองค์หญิงม่อเป่ ยทีมีฐานะสู งส่ งแล้วจะให้ขา้ ลดฐานะของเจ้าเป็ นอนุ ได้อย่างไร” เย่อีเฉิ นกล่าวขึนเสี ยง
ดังตัดบทคําพูดของนาง แววตาของเขาเต็มไปด้วยประกายแห่ งความมืดมิด
เช่นนันฉิ นยวีเยียนรี บกล่าวขึนอย่างรวดเร็ ว “ข้าไม่สนใจ ขอเพียงข้าได้อยูข่ า้ งกายเจ้าเท่านัน อะไรข้าก็ลว้ นไม่
สนใจ !”

“แต่ว่าข้าสนใจ” แววตาของเย่อีเฉิ นคมกริ บ นางเป็ นองค์หญิงทีฮ่องเต้แคว้นม่อเป่ ยโปรดปรานทีสุ ด เป็ นเทพ


เซี ยนทีชาวม่อเป่ ยนับพันนับหมืนคนให้ความเคารพนับถือ ให้นางเป็ นอนุนนก็
ั เท่ากับว่าเป็ นการลดเกียรตินาง

ฉิ นยวีเยียนกล่าวขึนอย่างร้อนรน “เช่นนันก็ให้ขา้ เป็ นสาวใช้......”

“เจ้าไม่ตอ้ งพูดอะไรอีกแล้ว !” เย่อีเฉิ นโบกมือตัดบทคําพูดของนางแล้วมองไปทางนางอย่างผูท้ ีอยูเ่ หนือกว่า “ข้า


จะสังการให้หมอหลวงรักษาเจ้าอย่างสุ ดความสามารถ พอบาดแผลของเจ้าหายดีแล้ว เจ้าก็รีบออกเดินทางเสี ย
เถอะ”

พอกล่าวจบเย่อีเฉิ นก็หมุนกายเตรี ยมทีจะเดินออกไป แต่ฉินยวีเยียนกลับยืนแขนออกไปกอดเขาเอาไว้แน่นอย่าง


ไม่ยนิ ยอม นําตาของนางไหลทะลักดังเขือนทีพังทลายลง พร้อมกับละลําละลักกล่าวออกมาว่า “อีเฉิ น ขอร้องเจ้า
ได้โปรดให้ขา้ อยูต่ ่อเถอะนะ......”

ดวงตาของเย่อีเฉิ นมีแววเคร่ งขรึ มพร้อมกับกล่าวขึนเสี ยงตํา “ข้าขอโทษ !” ฝ่ ามือแกร่ งคว้าจับเข้าทีมือของนาง


แล้วค่อย ๆ ใช้แรงแกะมันออกไปทีละนิ วทีละนิ ว แล้วค่อย ๆ พลิกกายเดินออกไปด้านนอกไม่หันกลับมามองอีก
......
“อีเฉิน !” เมือมองไปทีแผ่นหลังทีไร้เยือใยของเขา ฉิ นยวีเยียนก็รําไห้ขนด้
ึ วยความเสี ยใจ เหตุใดเรื องราวถึง
กลายเป็ นเช่นนี ได้ นางกับเขาชัดเจนว่าชอบพอและรักใคร่ ซึงกันและกัน และเพืออีเฉิ นนางถึงกับยอมละทิงบ้าน
เกิด อยู่ ๆ ทําไมอีเฉิ นถึงได้ไม่ตอ้ งการนาง......

นางไม่ยนิ ยอม ไม่มีทางยอม นางไม่อยากกลับแคว้นม่อเป่ ย นางจะต้องคิดหาแผนการอย่างสุ ดความสามารถ


เพือทีจะได้อยูข่ า้ งกายของเย่อีเฉิ นต่อไป......

แสงอาทิตย์สดใสลอดผ่านหน้าต่างสาดแสงลงบนเตียงหรู หราหลังหนึง ให้ความรู้สึกทีอบอุ่นยิงนัก ภายใต้


แสงอาทิตย์อ่อน ๆ ทีสาดส่ องเข้ามา มู่หรงเสวียผ่อนลมหายใจอย่างสบายตัวออกมาเสี ยงหนึงแล้วค่อย ๆ พลิก
กายขยับตัว

“แขนซ้ายของเจ้าได้รับบาดเจ็บ อย่าได้นอนทับมันเช่นนัน” นําเสี ยงทีไพเราะดังเสี ยงสวรรค์ลอยเข้าหูของนาง


แขนข้างหนึ งสอดเข้ามาทีใต้ลาํ คอของนางแล้วโอบไหล่ของนางขึน พลิกร่ างของนางให้กลับมาอยูใ่ นท่าเดิม

มู่หรงเสวียรู ้สึกเหมือนกับกําลังถูกรบกวน นางขมวดคิวขึนระหว่างทีกําลังสะลึมสะลือ แล้วก็ใช้แรงพลิก


กลับไปนอนตะแคงกดทับแขนข้างซ้ายดังเดิม

ด้านบนหัวของนางได้ยนิ เสี ยงถอนหายใจดังขึนเฮือกหนึง แขนแกร่ งข้างหนึงโอบเอวของนางไว้ แล้วดึงร่ างของ


นางเข้าไปในอ้อมกอด
ใครกันทีมารบกวนนางขณะทีกําลังนอนฝันดีเช่นนี มู่หรงเสวียขมวดคิวแน่ นเข้าหากันแล้วกล่าวขึนอย่างรําคาญ
ใจ “ใครกําลังกวนข้ากัน”

ทันทีทีเปิ ดเปลือกตาขึนก็พอดีสบสายตาเข้ากับดวงตาสี ดาํ ขลับคู่หนึงทีดํามืดลําลึกดังมหาสมุทร แววตาคู่นนต่


ั าง
พาให้ผคู ้ นต้องพลัดหลงอยูภ่ ายในจนไม่สามารถทีจะหาฝังเจอได้

มู่หรงเสวียทีกําลังสะลึมสะลือก็ถึงกับตาสว่างขึนมา นางรี บชันกายลุกขึนนังทันที “คุณชายโอวหยาง ทําไมเจ้า


ถึงอยูท่ ีนี ได้” นางจําได้ชดั เจนว่าหลังจากทีคุณชายโอวหยางส่ งนางกลับห้อง เขาก็ได้กลับวังเซี ยวเหยาอ๋ องไป
แล้วนี

“ข้ามาดูอาการของเจ้า” คุณชายโอวหยางพูดขึนเสี ยงเบา ดวงตาสี ดาํ เจือปนไปด้วยความเหนือยหน่ายใจ รู ้ว่านาง


ได้รับบาดเจ็บคงจะต้องตืนสาย เขาก็เลยตังใจรับสํารับเช้าก่อนแล้วค่อยมาดูนาง แต่คาดไม่ถึงว่านางกลับยังคง
หลับอยู่ อีกทังยังเกือบจะนอนกดทับแผลของตัวเอง “บาดแผลของเจ้าเป็ นอย่างไรบ้าง”
ตอนที 180 ปลุกก็ไม่ ปลุกนาง

ว” มู่หรงเสวียกล่าวเสี ยงเบาแหวกผ้าพันแผลลูบเข้าไปทีบาดแผล แผลของนางไม่รู้สึกเจ็บตังนาน


“ดีขนมากแล้

แล้ว แต่กย็ งั คงรู ้สึกคันอยูเ่ ล็กน้อย เนืองจากบาดแผลกําลังจะสมานตัวเข้าหากัน

“เจ้าสามารถเดินทางไกลได้หรื อไม่” คุณชายโอวหยางมองมาทีนางด้วยสี หน้าราบเรี ยบ

“ถ้าหากนังรถม้าและถนนหนทางราบเรี ยบสักหน่อย ก็คงจะสามารถเดินทางได้ช่วงระยะหนึง แต่ถา้ หากต้องขี


ม้าก็คงไม่สามารถไปไกลได้......” มู่หรงเสวียค่อย ๆ กล่าวขึนแล้วมองไปทางคุณชายโอวหยางอย่างไม่เข้าใจ
“เจ้าถามเรื องนี ไปทําไมกัน”

“ฮ่องเต้ ฮองเฮา รวมถึงบรรดาพระสนมและเหล่าองค์ชายกําลังจะเสด็จแปรพระราชฐานไปยังพระราชวังฤดูร้อน


ฝ่ าบาททรงอนุญาตให้ขนุ นางบุ๋นบู๊ชนผู
ั ใ้ หญ่ทีมียศขันสามขึนไปสามารถพาครอบครัวร่ วมเดินทางไปด้วยได้
......” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนอย่างเรี ยบ ๆ

“จริ งหรื อ” ดวงตาของมู่หรงเสวียเปล่งประกายขึนทันที หลังจากทีผ่านเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างไป นับวันอากาศก็ยงิ


ร้อนขึน ในยุคโบราณนันไม่มีเครื องปรับอากาศ หลังจากผ่านยามอู่ (ช่วงประมาณ 11 โมงถึง บ่ายโมง) ของทุก ๆ
วันไปแล้ว นางก็จะถูกความร้อนเข้าจู่โจมจนเกินกว่าทีจะรับได้ “เช่นนันข้าก็จะไปทีพระราชวังฤดูร้อน !”
คุณชายโอวหยางมองไปทีแขนซ้ายทีได้รับบาดเจ็บของนาง แล้วขมวดคิวขึนเบา ๆ “พระราชวังฤดูร้อนห่ างไกล
จากทีนี ตังร้อยกว่าลี บาดแผลของเจ้า......”

“บาดแผลของข้าไม่ได้ลึกมากมายอะไรนัก พวกเรานังรถม้าไป แล้วให้รถม้าแล่นช้า ๆ หน่ อยก็ได้แล้ว ไม่น่าจะมี


ปัญหาอะไร......” มู่หรงเสวียรี บกล่าวขึน กลัวว่าคุณชายโอวหยางจะไม่เชือคําพูดของนาง นางจึงยืนมือออกไป
แกะผ้าพันแผลทีพันเอาไว้ออก “ถ้าหากเจ้าไม่เชือ เจ้าก็ดูทีบาดแผลสิ พวกมันสมานตัวปิ ดสนิ ทไม่นอ้ ยแล้ว......”

“ไม่ตอ้ งดูแล้ว” คุณชายโอวหยางยืนมือออกไปห้ามปราม มองไปทีดวงตาแวววาวของนาง พลันดวงตาของเขาก็


เปล่งประกายวูบไหวไปด้วยความเหนื อยใจ “ในเมือเจ้าอยากไปพระราชวังฤดูร้อนนัก ก็รีบไปแต่งตัวเปลียน
เสื อผ้าเสี ย ยามซื อ (ประมาณ 9 โมงถึง 11 โมงเช้า) ก็จะเริ มออกเดินทางแล้ว”

“หา !” มู่หรงเสวียชะงักไปครู่ หนึง พลางมองไปทีนาฬิกาทรายบนหัวเตียง “ใกล้จะถึงยามซื อแล้ว !”

“เช่นนันข้าถึงให้เจ้ารี บอย่างไรเล่า” คุณชายโอวหยางปรายตามองนาง ท่าทางคล้ายบอกว่าทําไมเจ้าถึงได้โง่งม


เช่นนี

ใบหน้างดงามของมู่หรงเสวียมืดครึ มลง แล้วกล่าวขึนอย่างไม่พอใจ “แล้วเหตุใดเจ้าถึงไม่ปลุกข้าให้เร็ วกว่านี


เล่า”

“ข้าเรี ยกเจ้าแล้ว แต่เป็ นเจ้าเองทีไม่ยอมตืน” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนอย่างเรี ยบ ๆ แววตาของเขาเต็มไปด้วย


ความเหนื อยใจ
“เจ้า......” มู่หรงเสวียอารมณ์คุกรุ่ นน้อย ๆ แต่ไหนแต่ไรมาการระวังตัวของนางก็ดีเยียมมาโดยตลอด ถ้าหาก
คุณชายโอวหยางปลุกนางจริ ง ๆ แน่นอนว่านางต้องรู ้สึกตัวตืนขึนมาแล้ว ไหนเลยจะนอนมาถึงตอนนี ได้เล่า เขา
คงไม่ได้ปลุกนางแน่ นอน ไม่มีทางปลุกนาง......

“ถ้าหากเจ้ายังขืนชักช้า ขบวนเสด็จของฮ่องเต้ก็คงจะออกเดินทางแล้ว” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนอย่างไม่ใส่ ใจ


เขายกมุมปากขึนด้วยรอยยิมสง่างาม

มู่หรงเสวียถลึงตามองเขาครังหนึง แล้วเลิกผ้าห่ มออกพร้อมลงจากเตียงอย่างไม่พอใจ นางเดินไปหยิบเสื อผ้า


ออกมาจากตูเ้ สื อผ้าชุดหนึงแล้วเดินอย่างรวดเร็ วไปทีด้านหลังฉากกัน

ได้ยนิ เสี ยงตักนําดังขึนจากหลังฉากกันอย่างเร่ งรี บ ดวงตาสี ดาํ ขลับดังอัญมณี ของคุณชายโอวหยางก็เจือปนไป


ด้วยรอยยิมจาง ๆ ยากนักทีเขาจะได้เห็นนางเร่ งรี บถึงเพียงนี......

หางตาเห็นชายเสื อสี เขียวอ่อนสายหนึง เป็ นมู่หรงเสวียทีเดินออกมาจากหลังฉากกันนัน ใบหน้าเรี ยวงามสะอาด


สะอ้านหมดจด ดวงตาสี ดาํ วาวดูกระจ่างใส ร่ างบางอ้อนแอ้นคล้ายกับต้นหลิวทีลู่ไปตามลม กระโปรงยาวลู่ลง
จนกวาดไปกับพืนจนเป็ นทางยาวไร้รอยเปรอะเปื อน

ดวงตาสี ดาํ ดังอัญมณี ของคุณชายโอวหยางเปล่งแสงขึนด้วยความตืนตะลึงสายหนึงทียากจะได้พบ สายตาเห็นมู่


หรงเสวียเดินมาถึงด้านหน้าของเขาแล้วลากข้อมือของเขาเดินออกไปด้านนอกอย่างเร่ งรี บ “นีก็สายมากแล้ว
พวกเรารี บไปกันเถอะ” เส้นผมสี ดาํ เงางามปลิวไสวไปตามสายลมทีพัดผ่าน สัมผัสเข้ากับใบหน้าของคุณชาย
โอวหยางอย่างแผ่วเบา ให้ความรู ้สึกนุ่ มลืนจนจิตใจของผูค้ นพลอยสันไหว

แววตาของคุณชายโอวหยางวูบไหวเปล่งประกายขึนอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ “เหตุใดเจ้าถึงไม่หวีรวบผมให้เป็ น


ทรง”

“ไม่ทนั การณ์แล้ว ถึงรถม้าแล้วค่อยว่ากันเถอะ” มู่หรงเสวียตอบกลับอย่างไม่ใส่ ใจดึงร่ างของคุณชายโอวหยาง


ออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ ว

ไกลออกไปก็ได้ยนิ เสี ยงตําหนิต่อว่าอันหยาบกร้านดังขึนเสี ยงหนึง “ท่านแม่สะใภ้ ข้าบอกท่านกีรอบแล้วว่าข้า


ต้องการของว่างทีรสชาติเค็ม ๆ น่ะเค็ม ๆ ท่านให้หอ้ งครัวทําขนมหวานมามากมายขนาดนี มาทําไมกัน”

มู่หรงเสวียเงยหน้ามองไปก็เห็นแซ่ โจวกับหยวนฟางเฟยกําลังยืนอยูด่ า้ นนอกประตูจวนโหว กําลังโต้เถียงกัน


อย่างดุเดือด

แซ่ โจวมองไปทีหยวนฟางเฟย แล้วสบถขึนอย่างไม่พอใจ “จีเอ๋ อร์ ชอบกินของหวาน ข้าทีเป็ นแม่กเ็ ลยเตรี ยมให้
เขาเสี ยเยอะหน่ อย มีตรงไหนทีไม่ถกู ต้องกัน”

“มารดารักลูกชายแน่ นอนว่าย่อมไม่ผิด แต่ว่าท่านอย่าได้ลืมสิ ว่าข้าก็เป็ นลูกสะใภ้ในอนาคตของท่านเช่นกัน ของ


ทีท่านเตรี ยมเอาไว้กค็ วรจะคิดถึงรสปากของข้าด้วย ข้าไม่ชอบกินของหวาน ข้าต้องการของว่างทีมีรสเค็ม......”
หยวนฟางเฟยมองไปทีนางอย่างผูท้ ีอยูส่ ู งกว่า แววตาเต็มไปด้วยความหยิงทะนง
ในใจของแซ่ โจวยกยิมเย็น ของหมันยังไม่ทนั จะได้มอบให้ จึงถือว่ายังไม่ได้เกียวดองกัน แต่นางกลับมาวางมาด
ลูกสะใภ้ต่อหน้านางเสี ยแล้ว ช่างเลวร้ายทีสุ ด จีเอ๋ อร์ เป็ นลูกแท้ ๆ ของนาง แน่ นอนว่านางต้องรักใคร่ ห่วงใย แต่
หยวนฟางเฟยถือเป็ นตัวอะไรกันกลับกล้ามาเรี ยกร้องโวยวายกับนางเช่นนี ช่างไม่รู้เรื องรู ้ราวยิงนัก

แซ่ โจวสบถขึนอย่างไม่พอใจ แต่บนใบหน้ากลับมีสีหน้าเรี ยบเฉย แล้วกล่าวขึนพอเป็ นพิธีอย่างไม่ใส่ ใจนัก


“ห้องครัวดูท่าคงจะยุง่ วุน่ วายนักจึงไม่ได้ทาํ ของว่างของเจ้าออกมา เดียวก็จะถึงยามซื อแล้วทําตอนนี ก็คงไม่ทนั
เสี ยแล้ว.....”

“เป็ นเช่นนีนีเอง เช่นนันตอนนีข้าก็ยงั จะไม่ไปไหน รอจนจวนเจินกัวโหวทําของว่างทีมีรสเค็มออกมาเมือไรข้าก็


จะไปเมือนัน” หยวนฟางเฟยกล่าวขึนอย่างช้า ๆ แล้วหย่อนก้นลงนังไปทีบันไดด้านข้าง อิงหัวแนบไปทีสิ งโต
หิ นด้านข้างแล้วยกขาขึนนังไขว่หา้ ง ท่าทางทีดูสุขสบายขนาดนัน แซ่ โจวทีได้เห็นในอกก็ลุกโชนไปด้วยไฟ
โกรธ “หยวนฟางเฟย ทําไมเจ้าถึงเป็ นเช่นนี ”

“เพราะอะไรข้าถึงเป็ นเช่นนี ไม่ได้เล่า” หยวนฟางเฟยเงยหน้ามองไปทีแซ่ โจวแล้วเชิดหน้าสู งขึน แววตาของนาง


เต็มไปด้วยความหยิงทะนง “การเดินทางออกจากเมืองหลวงครังนี มีระยะทางห่ างไกล ข้าไม่อยากทีจะทนหิ ว
ระหว่างกําลังเดินทางไกลตังร้อยลีหรอกนะ......”

“เจ้า......” อารมณ์ของแซ่ โจวคุกรุ่ น แววตาลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ พยายามยับยังอยูน่ านถึงจะกลับมาสงบลงได้


จีเอ๋ อร์ ยงั ไม่ได้เข้าค่ายทหาร นางยังไม่สามารถหักหน้าหยวนฟางเฟยได้ ตอนนีนางต้องอดทนกับความอวดดีของ
หยวนฟางเฟย “เด็ก ๆ ไปทีโรงเตียมหลินเจียงโหลวซื อของว่างรสเค็มมาเสี ยหลาย ๆ อย่าง”
“เจ้าค่ะ !” คนรับใช้รับคําสังออกไป

หยวนฟางเฟยยืนขึนอย่างพึงพอใจแล้วกล่าวขึนยิมตาหยี “ขอบพระคุณท่านแม่”

สี หน้าของแซ่ โจวมืดครึ ม สบถออกมาอย่างเสี ยอารมณ์คราหนึง แล้วหันกายไปทางมู่หรงจี กล่าวกําชับเรื องราว


ต่าง ๆ อย่างละเอียด......

เมือมองไปทางสะใภ้แม่ลูกทังสองทีเกือบจะกลายเป็ นศัตรู กนั เสี ยแล้ว มู่หรงเสวียก็ยกยิมมุมปากขึนอย่างบางเบา


มีลกู สะใภ้ทีหนักข้อเช่นหยวนฟางเฟย หลังจากนีแซ่ โจวก็อย่าได้คิดทีจะมีวนั ดี ๆ อยูอ่ ีกเลย......

“มู่หรงเสวีย” หยวนฟางเฟยทีหันมาเห็นมู่หรงเสวียก่อนใครเพือนนางจึงกล่าวเรี ยกขึนเสี ยงเบา

“คุณหนูหยวน” มู่หรงเสวียก็ตอบกลับไปอย่างมีมารยาท แล้วกล่าวขึนอย่างช้า ๆ “คุณหนูหยวนบอกว่าจะไปค่าย


ทหารไม่ใช่หรอกหรื อ เหตุใดถึงยังไม่ออกเดินทาง”

หยวนฟางเฟยกล่าวขึนเสี ยงสู ง “ฮ่องเต้มีรับสังให้ตามเสด็จไปพระราชวังฤดูร้อน วันนีพวกเราก็เลยยังไม่ไปที


ค่ายทหาร แต่ไปทีพระราชวังฤดูร้อนก่อน หลังกลับมาจากพระราชวังฤดูร้อนแล้วค่อยไปทีค่ายทหาร เจ้าก็กาํ ลัง
จะไปทีพระราชวังฤดูร้อนเหมือนกันใช่หรื อไม่”
“ใช่แล้ว” มู่หรงเสวียพยักหน้า จวนเจินกัวโหวนันอยูใ่ นกลุ่มขุนนางทีมียศขันสามสามมารถตามเสด็จฮ่องเต้
เดินทางไปทีพระราชวังฤดูร้อนได้

“เช่นนันพวกเราก็เดินทางไปด้วยกันเถอะ จะได้เดินทางไปเป็ นเพือนกัน” หยวนฟางเฟยกล่าวแนะขึนเสี ยงดังจน


คนทังถนนล้วนได้ยนิ กันทัว

“ตกลง” มู่หรงเสวียพยักหน้า รู ปลักษณ์ของหยวนฟางเฟยถึงแม้จะดูหยาบกร้านไปเสี ยบ้างแต่ว่านางนันมีนิสัยที


เถรตรง คงจะเป็ นเพือนร่ วมทางทีดีไม่นอ้ ย

“นีก็สายมากแล้ว สมควรจะออกเดินทางได้แล้ว” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนเรี ยบ ๆ ลากมู่หรงเสวียไปทีด้านหน้า


รถม้าของวังเซียวเหยาอ๋ อง เลิกม่านออกแล้วดันร่ างของนางขึนไป......
ตอนที 181 ซ้ อมมู่หรงจี

มู่หรงเสวียเดินเข้าไปในรถม้าแล้วนังลงริ มหน้าต่างอย่างช้า ๆ คุณชายโอวหยางก็เดินตามเข้ามาแล้วนังลงที


ข้างหน้าต่างตรงข้ามกับนางด้วยท่วงท่าสง่างาม

ด้านนอกรถม้ามีเสี ยงเร่ งทีหยาบกระด้างของหยวนฟางเฟยดังขึน “จะถึงยามซื อแล้ว เวลาก็ใกล้มากขึนทุกที มู่


หรงจีรี บไปได้แล้ว”

“ท่านแม่ขา้ ไปแล้วนะขอรับ” มู่หรงจีแอบถลึงตาใส่ หยวนฟางเฟยอย่างเงียบ ๆ แล้วบอกลาด้วยท่าทางทีไม่เต็มใจ


นัก เขาค่อย ๆ เดินไปทีด้านหน้าของรถม้า เหยียบลงบนเก้าอีรองเท้าแล้วค่อย ๆ ก้าวขึนไปอย่างช้า ๆ

หยวนฟางเฟยรอจนหมดความอดทน เช่นนันนางก็ยกตัวของมู่หรงจีขึนอย่างไม่เบามือ แล้วนางก็โยนเขาเข้าไป


ในรถม้าจนเกิดเป็ นเสี ยงดัง ‘ปึ ง’ ดังขึนเสี ยงหนึ ง “เจ้าเป็ นผูช้ ายตัวโตขนาดนีแล้ว ขึนรถม้าให้มนั เร็ ว ๆ หน่อย
ไม่ได้รึไงกัน มัวแต่ชกั ช้าอืดอาดอยูไ่ ด้ ช่างชักช้าเสี ยจริ งเลย”

มู่หรงจีไม่ทนั ระวังก็ถูกนางโยนกระแทกใส่ พนอย่


ื างแรง กระดูกทัวร่ างคล้ายกับจะหลุดออกจากกันเจ็บปวด
ทรมานจนเกินจะทนได้ ดวงตากระจ่างใสของเขาค่อย ๆ แดงกําขึนมา ตังแต่เล็กจนโต พ่อแม่ต่างก็รักและทะนุ
ถนอมเขา เอ็นดูเขา แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยทําอะไรรุ นแรงกับเขาเลยแม้แต่น้อย หยวนฟางเฟยเป็ นตัวอะไร ทําไม
ถึงกลับกล้าทีจะลงมือรุ นแรงกับเขาเช่นนี......
“ขวางทางเข้าไว้ทาํ ไมกัน เขยิบเข้าไปด้านในหลีกทางให้ขา้ ด้วยสิ ” หยวนฟางเฟยกล่าวขึนอย่างอารมณ์เสี ย นาง
ยืนมือออกไปผลักมู่หรงจีให้หลบไป

ร่ างกายผอมบางของมู่หรงจีนันกลิงขลุกขลักเข้าไปด้านใน เสี ยง ‘ปั ง’ ดังขึนเสี ยงหนึ ง ร่ างของเขากระแทกเข้า


กับผนังรถม้าจนมีอาการมึนงง ดวงตาพร่ ามัว แววตาของเขาลุกโชนไปด้วยไฟโกรธยกฝ่ ามือฟาดมือกลับคืนไป
“หยวนฟางเฟย ข้าจะไม่ยอมเจ้าอีกแล้ว !”

จากเมือคืนจนถึงตอนนี ถ้าหากหยวนฟางเฟยไม่จุกจิกด่าว่าเขา นางก็จะลงไม้ลงมือรุ นแรงกับเขา จนกระทัง


ตอนนีทัวทังร่ างของเขานันเต็มไปด้วยบาดแผล เขาได้รับมันมามากพอแล้ว เขาทนมามากพอแล้วกับหญิงบ้าทีมี
นิสัยป่ าเถือนดังผูช้ ายเช่นนาง แม้แต่เค่อเดียวเขานันก็ไม่อยากทีจะทนอีกต่อไป เขาจะต้องจัดการสังสอนร่ าง
หญิงใจชายนางนี เพือเป็ นการระบายความเจ็บแค้นให้กบั ตัวเอง

ฝ่ ามือลอยพุ่งเข้ามา หยวนฟางเฟยยิมเยาะขึนเสี ยงหนึง ทันใดนันนางก็ยนมื


ื อออกไปคว้าจับข้อมือของมู่หรงจี
แล้วเหวียงฟาดเขาไปรอบด้านอย่างบ้าคลัง เสี ยงด่าว่าอันหยาบกระด้างของหยวนฟางเฟยดังลันไปทัว “กลับกล้า
ลงมือกับข้าเช่นนี เจ้าคงเบือทีจะมีชีวิตอยูม่ ากสิ นะ.......”

“ปั ง ปั ง ปั ง !” ถึงจะถูกกันอยูด่ ว้ ยสองผนังรถ แต่ม่หู รงเสวียก็ยงั คงสามารถได้ยนิ ถึงเสี ยงทีมู่หรงจีถูกโยนฟาด


กระแทกแรง ๆ ไปมากับพืนและผนังของรถม้าอยูด่ ี รถม้าทีดูแข็งแรงมันคงนันยังถูกกระแทกจนตัวรถสันไหว
น้อย ๆ
นางกะพริ บตาปริ บ ๆ “นีหยวนฟางเฟยเห็นมู่หรงจีเป็ นกระสอบทรายจนใช้ทุ่มโยนไปมาแล้วหรื อ นางลงมือ
หนักขนาดนี แล้วมู่หรงจียังจะมีชีวิตรอดอยูอ่ ีกไหม”

“หยวนฟางเฟยเติบโตมาจากในค่ายทหาร นางรู ้ว่าควรจะลงมือจัดการอย่างไร ไม่มีทางลงมือจนมู่หรงจีตกตาย


แน่ แต่วา่ เรื องทีได้รับบาดเจ็บนันถือว่าก็คงหลีกเลียงไม่ได้” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนอย่างไม่ใส่ ใจนัก เขาหยิบ
ตําราไม้ไผ่ขึนมาพลิกอ่านไปมาอย่างตังใจ

“ก็คงต้องเป็ นเช่นนัน !” มู่หรงเสวียพยักหน้า มู่หรงจีเป็ นสามีในอนาคตของนาง นางไม่มีทางลงมือจนถึงตาย


แต่ว่า “มีภรรยาเอกทีแข็งแกร่ งดุดนั ขนาดนี มู่หรงจีคงต้องกลายเป็ นสามีทีกลัวภรรยาเสี ยแล้ว ชัวชีวิตนี อย่าได้
หวังจะมีวนั ดี ๆ เหลืออยูอ่ ีกเลย”

แน่นอนเช่นกันว่ามู่หรงเจียนกับแซ่ โจวทีมีฐานะเป็ นพ่อตาแม่ยายก็อย่าได้คิดทีจะมีวนั เวลาดี ๆ เหมือนกัน


เพราะมีลูกสะใภ้ทีเผด็จการอีกทังยังแข็งแกร่ งมากเช่นหยวนฟางเฟย เท่านันไม่พอบ้านเดิมของนางยังมีอาํ นาจ
กล้าแกร่ งค่อยหนุนหลัง ไม่ใช่คนทีพวกเขาจะมาบังคับกะเกณฑ์อะไรได้......

หางตาวูบไหวไปด้วยประกายแสงสายหนึง ทันใดนันมู่หรงเสวียก็หลุดจากภวังค์เงยหน้ามองไป เห็นคุณชาย


โอวหยางหยิบกระจกทองแดงขึนมาวางไว้ตรงหน้าของนาง “หวีรวบทรงผมให้ดีเถอะ”

“ได้” มู่หรงเสวียพยักหน้า การร่ วมขบวนเสด็จตามไปกับราชวงศ์ แน่นอนว่าเสื อผ้าหน้าผมจะต้องเรี ยบร้อย นาง


ทีสยายผมปล่อยยาวเช่นนี ดูท่าแล้วไม่ค่อยเหมาะสมนัก แต่ว่าทรงผมพวกนันเขาทําอย่างไรกันล่ะ......
มู่หรงเสวียหยิบหวีไม้ขึนมาสางมันไปตามเส้นผม มือซ้ายขวารวบผมเข้าไว้ดว้ ยกัน พลิกไปหมุนมาก็ทาํ มันเป็ น
ทรงไม่ได้เสี ยที......

คุณชายโอวหยางอดทนดูต่อไปอีกไม่ได้แล้ว เขาถอนหายใจออกมาอย่างเหนื อยใจ วางตําราลงแล้วหยิบเอาหวีมา


จากมือของนาง “นีเจ้ารวบทรงผมไม่เป็ นงันหรื อ !”

มู่หรงเสวียยิมออกมาอย่างเขินอาย “เดิมทีเป็ นหงซิ วกับอันเซี ยงทีช่วยจัดการทรงผมให้ขา้ แต่ไหนแต่ไรมาข้าก็


ไม่เคยลงมือทําเอง......”

เขาก็รู้อยูแ่ ล้วว่ามันต้องเป็ นเช่นนี !

คุณชายโอวหยางจ้องมองนางอย่างเย้ยหยัน เขาคว้าเอาผมของนางไปหวีอย่างตังอกตังใจ เส้นผมสี ดาํ ขลับอยูบ่ น


มือหยกของเขา พลิกหมุนขึนลงไปมา ผ่านไปไม่ถึงหนึ งเค่อก็สามารถรวบเป็ นทรงตัวหม่าจีทีบรรดาหญิงสาว
ชืนชอบใช้ทีสุ ด เมือเปรี ยบเทียบกับฝี มือของหงซิ วกับอันเซี ยงแล้วยังดูประณี ตบรรจงกว่ายิงนัก

แววตากระจ่างใสของมู่หรงเสวียหรี เล็กลง แววตาทีแฝงด้วยความอันตรายพุ่งมองตรงไปทีคุณชายโอวหยาง


“ทําไมเจ้าถึงสามารถทําทรงผมของผูห้ ญิงได้” อีกทังยังรวบได้อย่างชํานิ ชาํ นาญและประณี ตเช่นนี แน่ นอนว่า
จะต้องเคยทําให้หญิงสาวไปไม่นอ้ ย แต่วา่ เขานันเพิงเคยจะทําผมให้นางเป็ นครังแรก......

“ท่านพ่อของข้ามักจะทําผมให้ท่านแม่ของข้าอยูบ่ ่อย ๆ ข้าทีได้เห็นมาเป็ นเวลานานแน่ นอนว่าก็ตอ้ งทําเป็ นไป


เอง” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนอย่างไม่ใส่ นัก
“จริ งหรื อ” มู่หรงเสวียเลิกคิวมองไปทีเขา ชัดเจนว่าไม่เชือในคําพูดของเขา

“คนฉลาดนันไม่วา่ เรื องอะไรเพียงแค่ได้มองครังเดียวก็สามารถทําได้แล้ว ไม่เหมือนกับคนบางคนทีทังโง่ทงั


เขลา ดูมาเป็ นร้อยรอบแล้วยังทําอะไรไม่เป็ นสักอย่าง” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนอย่างเรี ยบ ๆ ปรายตามองนาง
ครู่ หนึง แววตาเต็มไปด้วยความเบือหน่าย

“เจ้า......” อารมณ์ของมู่หรงเสวียคุกรุ่ น นางกับเขาชัดเจนว่ากําลังพูดถึงเรื องการจัดทรงผม อยู่ ๆ เหตุใดถึงได้ลาก


ยาวมาถึงเรื องฉลาดเรื องโง่งมไปได้......

คุณชายโอวหยางปรายตามองนางแล้วหยิบเอาเครื องประดับทองทีด้านบนประดับด้วยดอกบัวสี ชมพูปักลงไป


บนทรงผมของนาง

ทันใดนันมู่หรงเสวียก็นึกขึนได้ว่าตอนทีนางออกจากเรื อนหิ มะโปรยนัน นางเดินออกมาอย่างเร่ งรี บ หยิบติดมือ


มาเพียงแค่เพียงปิ นปั กผมด้ามเดียวเท่านัน ไม่ได้หยิบเครื องประดับอืน ๆ มาด้วย แล้วเจ้าเครื องประดับทองลาย
ดอกบัวนี มาจากทีใดกัน

ในระหว่างทีกําลังสบสนงงงวยอยูน่ นั นางก็เห็นคุณชายโอวหยางหยิบต่างหู ไข่มุกขึนมาอีกคู่หนึงติดเข้าทีหู ของ


นางอย่างเบามือ
มู่หรงเสวียเลิกคิวเบา ๆ มองไปทีคุณชายโอวหยางอย่างไม่พอใจ “เหตุใดบนรถม้าของเจ้าถึงมีเครื องประดับของ
ผูห้ ญิงได้” ทังเครื องประดับลายดอกบัว ทังต่างหู ไข่มุก ล้วนถูกเตรี ยมเอาไว้อย่างครบครัน

คุณชายโอวหยางค่อย ๆ ปิ ดฝากล่องเครื องประดับทีทําจากไม้หอมลง แล้วกล่าวขึนอย่างราบเรี ยบ “นีเป็ นของที


ข้าตังใจทําขึนมาเป็ นพิเศษ แต่เดิมคิดว่าจะมอบให้เจ้าเป็ นของขวัญวันเกิด คิดไม่ถึงว่าวันนีเจ้ากลับไม่ได้เอา
เครื องประดับมาด้วย ก็เลยมอบให้เจ้าเสี ยก่อน เจ้าชอบหรื อไม่ ?”

ในกระจกทองเหลืองสะท้อนใบหน้างดงามขึนดวงหนึง เครื องประดับลายดอกบัวทีกําลังสันไหวกับต่างหู ไข่มุก


ทีสะท้อนแสงแวววาวดูรับเข้ากับความงดงามทีเปล่งประกายออกมาจากตัวนาง ถ้าพูดให้ชดั เจนก็คือพวกมันทัง
สองถูกสังทําขึนมาเพือนางโดยเฉพาะ

เครื องประดับอันวิจิตรกับต่างหูค่งู ามทีสวยลําค่า มู่หรงเสวียล้วนแต่ชืนชอบทังนัน ทว่าวันเกิดในปี นี ของนางได้


ผ่านไปตังนานแล้ว ยังไม่ทนั ไรคุณชายโอวหยางก็สังทําของขวัญของปี หน้าขึนมาแล้วหรื อ นี จะไม่เร็ วเกินไป
หน่ อยหรื ออย่างไร......

รถม้าค่อย ๆ หยุดลง เสี ยงรายงานของสวินเฟิ งดังขึนมาจากด้านนอก “คุณชายถึงนอกเมืองแล้วขอรับ !”

คุณชายโอวหยางตอบรับเบา ๆ เสี ยงหนึง จวนจะถึงยามซื อแล้ว อีกไม่นานก็คงจะออกเดินทางแล้ว

ฮ่องเต้รับสังให้ขุนนางและครอบครัวทีมากมายขนาดนันให้ร่วมเดินทางไปด้วย แน่ นอนว่าด้านนอกจะต้องมี


ผูค้ นมากมายนัก !
มู่หรงเสวียกะพริ บตาแล้วเลิกม่านปั ดมองออกไปด้านนอก ก็เห็นว่าบนถนนหลวงเรี ยงรายไปด้วยรถม้าอัน
หรู หรามากมาย ล้วนจอดเรี ยงกันไปสุ ดลูกหูลูกตา สองข้างทางเรี ยงรายไปด้วยทหารองครักษ์ทีอยูบ่ นหลังม้า
ช่างดูองอาจและเป็ นระเบียบเรี ยบร้อยยิงนัก

ดวงตาคมกริ บของมู่หรงเสวียกวาดมองบรรดาทหารองครักษ์ ขุนนางบุ๋น ขุนนางบู๊ รวมถึงบรรดาครอบครัวของ


พวกเขา แล้วสายตาของนางก็ไปหยุดอยูท่ ีรถม้าหรู หราคันหนึ ง เมือเห็นป้ ายด้านบนของรถม้าคันนันนางก็ขมวด
คิวขึนเบา ๆ นันมันรถม้าของวังจิงอ๋ อง ด้านในรถม้าก็คงจะเป็ นอดีตจิงอ๋ องกับพระชายาเอกสิ นะ......
ตอนที 182 การเผชิญหน้ า
ทันใดนันเงาร่ างทีคุน้ เคยสายหนึงก็ปรากฏเข้าสู่ สายตา ใบหน้าทีดูหล่อเหลาหาใดเปรี ยบ พร้อมกับสายตาอันเย็น
ชาแหลมคม นี จะเป็ นใครไปไม่ได้นอกจากเย่อีเฉิ น !

ฉิ นยวีเยียนได้รับบาดเจ็บหนักขนาดนัน ทําไมเขาไม่อยูด่ ูแลทีจวน แต่ยงั จะไปทีพระราชวังฤดูร้อนทําไมกัน

มู่หรงเสวียเลิกคิวขึนอย่างไม่เข้าใจแล้วค่อย ๆ ปล่อยม่านลง ตอนทีม่านลู่ลงนัน เหมือนว่าเย่อีเฉิ นจะรู ้สึกถึง


อะไรบางอย่างได้ เขาพอดีเห็นเข้ากับเงาร่ างของนางทีค่อย ๆ ถูกม่านปิ ดกันลง แววตาคมกริ บหรี เล็กลง นาง
กลับไปอยูบ่ นรถม้าของคุณชายโอวหยาง !

เห็นเช่นนันแววตาก็เจือปนไปด้วยความโกรธ เขาเดินก้าวอาด ๆ เข้ามา

สายตาเห็นว่าเขากําลังจะเดินมาถึงทีด้านหน้ารถม้าของคุณชายโอวหยางแล้ว สวินเฟิ งจึงยืนมือออกมาขวางเขา


ไว้ในทันใด “จิงอ๋ อง โปรดหยุดเท้าด้วยขอรับ”

เย่อีเฉิ นหยุดเท้าลง มองไปทีผ้าม่านบนรถม้าทีเรี ยบนิงไม่ไหวติง แววตาวูบไหวไปด้วยความมืดมิด นางรู ้ว่าเขา


มาแล้ว แต่กลับนิงเงียบไร้ความเคลือนไหวใด ๆ “เสวียเอ๋ อร์ ขา้ มีเรื องทีจะพูดคุยกับเจ้า”

“ข้าไม่มีเรื องอะไรจะพูดกับจิงอ๋ อง ท่านอ๋ องเชิญกลับไปเถิด” มู่หรงเสวียพูดขึนอย่างช้า ๆ กล่าวไล่แขกอย่างไม่


เกรงใจ
แววตาของเย่อีเฉิ นวูบไหวไปด้วยความโกรธ แต่เพียงพริ บตาก็สลายหายไปอย่างไร้ร่องรอยกล่าวขึนเสี ยงสู ง
“ชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดกัน เจ้ากับคุณชายโอวหยางไม่ได้มีอะไรทีเกียวข้องกัน นังรถม้าคันเดียวกันเช่นนีมันดู
ไม่เหมาะสมนัก”

“แขนของข้าได้รับบาดเจ็บ ไม่ควรทีจะได้รับการกระทบกระเทือน รถม้าของวังเซียวเหยาอ๋ องนันนังสบายอีกทัง


ยังแล่นไปตามทางอย่างเรี ยบนิงมันคง ข้านังแล้วจะไม่กระเทือนต่อบาดแผล......” มู่หรงเสวียปฏิเสธขึนอย่างไร้
เยือใย เลือกสิ งทีทําให้ตวั เองสะดวกสบายทีสุ ดถึงจะเป็ นเรื องสําคัญ นางไม่มีทางยอมเปลียนรถม้าเพราะว่าคําพูด
ตําหนิ ติเตียนถึงความไม่เหมาะสมของคนอืน แล้วยอมให้บาดแผลของนางได้รับการกระทบกระเทือนจนถึงต้อง
เจ็บแผลอีกครัง......

แววตาของเย่อีเฉิ นเคร่ งขรึ มแล้วกล่าวขึนอย่างเรี ยบ ๆ “รถม้าของวังจิงอ๋ องก็นงสบาย


ั เจ้าสามารถไปนังทีนันก็ได้
......”

“ข้ากับจิงอ๋ องไม่ได้มีความเกียวข้องอะไรกัน นังรถม้าคันเดียวกันมันดูไม่ค่อยเหมาะสมนัก......” มู่หรงเสวียตัด


บทคําพูดของเย่อเฉิ
ี นอย่างเยือกเย็น

“ข้าไม่นงรถม้
ั า......” เย่อีเฉิ นมองไปทีรถม้านําเสี ยงเคร่ งขรึ ม

มู่หรงเสวียเลิกคิวขึนกล่าวเสี ยงสู ง “อดีตจิงอ๋ องกับพระชายาเอกอยูบ่ นรถม้า ข้าทีเป็ นเด็กนันถ้าจะเข้าไปนังก็คง


ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ ......”
“อดีตจิงอ๋ องกับพระชายาเอกไปถึงทีพระราชวังฤดูร้อนตังแต่เมือวานแล้ว” อยู่ ๆ คุณชายโอวหยางก็เปิ ดปากพูด
ขึน

เช่นนันมู่หรงเสวียก็ชะงักไปครู่ หนึ ง “เช่นนันเป็ นใครกันทีนังอยูบ่ นรถม้าของวังจิงอ๋ อง” ตอนทีนางเลิกม่านมอง


ออกไป ชัดเจนว่าเห็นเงาร่ างของคนบนรถม้าของวังจิงอ๋ อง แต่ตอนนันเย่อีเฉิ นไม่ได้อยูบ่ นรถม้า......

“คงมิใช่องค์หญิงม่อเป่ ยฉิ นยวีเยียนหรอกกระมัง” ทอดตามองไปทัวทังวังจิงอ๋ องแล้วคนทีมีคุณสมบัติพอทีจะ


สามารถนังบนรถม้าของวังจิงอ๋ องได้ ก็คงมีแต่นางเสี ยแล้ว

แววตาของเย่อีเฉิ นวูบไหวอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ ยวีเยียนบอกว่าอากาศร้อนอบอ้าวอยากจะไปรักษาตัวที


พระราชวังฤดูร้อน เขาก็เลยตอบตกลง แต่คาดไม่ถึงว่าจะพบเจอกับมู่หรงเสวียเข้าทีนี “องค์หญิงฉิ นนาง......”

“จิงอ๋ องไม่ตอ้ งอธิบายแล้ว ท่านอ๋ องกับองค์หญิงฉิ นรักใคร่ ชอบพอกัน นางนังบนรถม้าของท่านก็เป็ นเรื องที
สมควรแล้ว” มู่หรงเสวียตัดบทคําพูดของเขาเสี ยงเย็น ดวงตาเย็นชาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ก็รู้อยูว่ ่านางกับ
ฉิ นยวีเยียนเป็ นศัตรู คู่แค้นต่อกัน แล้วยังจะให้พวกนางสองคนไปนังบนรถม้าคันเดียวกันอีก เขาคิดว่าพวกนางยัง
ประมือกันรุ นแรงดุเดือดไม่พออีกหรื อ

“เสวียเอ๋ อร์ ......”


“จิงอ๋ องอย่าได้กล่าวให้มากความเลย เชิญกลับไปเถิด” มู่หรงเสวียตัดบทคําพูดของเขาอย่างหมดความอดทน
ดวงตาค่อย ๆ ปิ ดลงคิวขมวดเข้าหากันแน่ น ท่าทางเหมือนกับไม่อยากฟังคําพูดกล่าวของเขาอีก......

แววตาของเย่อีเฉิ นเคร่ งขรึ มเตรี ยมทีจะกล่าววาจาว่า ‘ข้าจะสังให้คนส่ งฉิ นยวีเยียนกลับวังจิงอ๋ อง เจ้าสามารถนัง


บนรถม้าของวังจิงอ๋ องเพียงลําพังได้’ แต่สวินเฟิ งกลับเปิ ดปากแทรกขึนมาเสี ยก่อน “จิงอ๋ อง ขบวนเคลือนตัวแล้ว
ขอรับ”

ี นหันไปมอง ขบวนเสด็จของฮ่องเต้กบั ฮองเฮาก็กาํ ลังเคลือนตัวออกไปด้านหน้าแล้วจริ ง ๆ บรรดาขุน


เมือเย่อเฉิ
นางบุ๋นบู๊ต่างพากันกลับไปทีรถม้าหรื อขึนขีม้าของตัวเองออกไปอย่างเร่ งรี บ เร่ งพากันตามขบวนไปติด ๆ

เขาไม่สามารถมัวชักช้าโอ้เอ้อยูท่ ีนีได้อีก เมือมองไปทีม่านปั ดทีไม่ขยับสันไหว แววตาก็วูบไหวไปด้วยความอับ


จนหนทาง “เสวียเอ๋ อร์ พอถึงพระราชวังฤดูร้อนแล้วข้าค่อยมาอธิบายกับเจ้า”

เสี ยงยําเท้าบางเบาค่อย ๆ ไกลออกไป มู่หรงเสวียสบถขึนอย่างไม่พอใจนัก เขากับฉิ นยวีเยียนรักใคร่ ชอบพอกัน


การทีจะพาฉิ นยวีเยียนไปทีพระราชวังฤดูร้อนด้วยก็เป็ นเรื องปกติ แล้วยังจะมาอธิบายอะไรกับนางอีกเล่า เขาช่าง
ทําตัวแปลกเกินไปแล้ว !

ดวงอาทิตย์ค่อย ๆ ลอยสู งขึน อีกนิดเดียวไอแดดก็จะแผดเผาพืนดินจนเดือดแล้ว พวกบรรดาทหารองค์รักษ์พา


กันเดินหลบไปใต้ร่มไม้ แต่กย็ งั คงรู ้สึกได้ถึงความร้อนจนเหงือเปี ยกโชกไปทัวทังร่ างเช่นเดิม
มู่หรงเสวียนังอยูใ่ นรถม้าหยิบพัดขึนมาพัดไปพัดมาไม่หยุดมือ เหงือไหลผุดออกจากหน้าผากมนของนางอย่าง
ต่อเนืองไม่หยุด

นางเลิกคิวมองไปทางคุณชายโอวหยาง “คุณชายโอวหยาง เหตุใดเจ้าไม่ใส่ นาแข็


ํ งเอาไว้บนรถม้า” เหล่าบรรดา
ชนชันสู งมักจะพากันเก็บตุนนําแข็งเอาไว้ ทุกครังเมือถึงฤดูร้อนก็จะวางมันไว้ตามสถานทีต่าง ๆ เช่นห้องหับ
หรื อบนรถม้า เพือให้พวกมันช่วยคลายร้อน

คุณชายโอวหยางปรายตามองนางแล้วกล่าวขึนอย่างเรี ยบ ๆ “ในร่ างของเจ้ามีพิษเยือกแข็ง แน่ นอนว่าในรถม้าไม่


สามารถวางนําแข็งเอาไว้ได้ !”

ก้อนนําแข็งจะปล่อยไอเย็นออกมา และพิษเยือกแข็งก็ชอบไอเย็นมากทีสุ ด ถ้าหากว่าเจ้าวางก้อนนําแข็งไว้ในรถ


ม้า อย่างมากทีสุ ดเค่อหนึงไอเย็นก็จะทําให้พิษเยือกแข็งในร่ างของมู่หรงเสวียเกิดกําเริ บขึนมา แต่ไหนแต่ไรมา
ในเรื อนหิ มะโปรยก็ลว้ นไม่เคยวางก้อนนําแข็งเอาไว้ดา้ นในเลย ถึงแม้ว่าจะอยูใ่ นช่วงเวลาสามวันทีเป็ นช่วงเวลา
ทีอากาศร้อนมากทีสุ ด แต่ก็ไม่เคยมีใครกล้าวางก้อนนําแข็งเอาไว้แม้แต่นอ้ ยถึงแม้จะเป็ นก้อนนําแข็งทีมีขนาด
เล็กเพียงไรก็ตาม......

มู่หรงเสวียขมวดคิวแน่ นเข้าหากัน “วางเอาไว้สักนิ ดสักหน่อยก็คงไม่เป็ นไรกระมัง”

“แม้แต่นิดเดียวก็ไม่ได้” คุณชายโอวหยางปฏิเสธข้อเสนอของนางอย่างไร้เยือใย
ใบหน้าเรี ยวงามของมู่หรงเสวียค่อย ๆ มืดครึ มลง “ไม่วางก้อนนําแข็งเอาไว้เช่นนี เจ้าไม่รู้สึกร้อนอย่างนันรึ ”
ส่ วนนางนันถูกไอร้อนจนจะทนไม่ไหวอยูแ่ ล้ว

“ยังพอได้ !” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนด้วยนําเสี ยงราบเรี ยบ เขาเป็ นคนทีฝึ กวรยุทธ์ ไม่ว่าจะอากาศร้อนหรื อ


อากาศหนาวก็มีผลกระทบต่อเขาไม่มากเท่าไร

“ข้าร้อนมาก ข้าอยากเปิ ดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท” มู่หรงเสวียกล่าวเสี ยงสู ง รถม้าทีกําลังวิงไปข้างหน้าด้วย


ความรวดเร็ วจะมีลมพัดโชยเข้ามาด้านในรถ เท่านี ก็คงสามารถระบายความร้อนออกไปได้ไม่นอ้ ยแล้ว

คุณชายโอวหยางปรายตามองเม็ดเหงือทีผุดออกมาจากหน้าผากของนางแล้วกล่าวขึนอย่างเรี ยบ ๆ “ตามสบาย !”

“ขอบคุณมาก !” มู่หรงเสวียพูดขึนด้วยร้อยยิมอันสดใส แล้วรี บหันไปเปิ ดหน้าต่างซ้ายขวาทังสองด้านอย่าง


รวดเร็ ว สายลมอ่อน ๆ ค่อย ๆ พัดโชยเข้ามา ช่วยระบายไอร้อนออกไปบางส่ วนแต่ก็ยงั ไม่สามารถคลายร้อนให้
นางได้

มู่หรงเสวียแกะสายรัดเอวของชุดส่ วนนอกออกแล้วถอดมันออกมา สายลมอ่อน ๆ พัดผ่านช่วงคอและบ่าที


เปลือยเปล่าของนาง ช่วยผ่อนคลายความร้อนให้นางไปได้ไม่นอ้ ยเลย......

มู่หรงเสวียยกยิมมุมปากขึนจาง ๆ สายลมทีพัดผ่านช่างเย็นสบายเสี ยนีกระไร


“มู่หรงเสวียเจ้ากําลังทําอะไร !” นําเสี ยงทุม้ ทีแฝงไว้ดว้ ยอารมณ์ทีคุกรุ่ นดังเข้าหู มู่หรงเสวียเงยหน้ามองไปเห็น
คุณชายโอวหยางทีมาอยูท่ ีด้านหน้าของนาง เขาหยิบเอาชุดส่ วนนอกทีอยูบ่ นพืนพรมห่ มมาทีร่ างของนาง แววตา
ลุกโชนไปด้วยความขุ่นเคือง “รอบด้านมีผคู ้ นมากมายขนาดนี เหตุใดเจ้าถึงกล้าใส่ เสื อผ้าน้อยชินเช่นนี ได้”

มู่หรงเสวียเบ้ปากออก นางยังคงใส่ ชุดส่ วนในเอาไว้อยูแ่ ละมันปิ ดบังตังแต่หน้าอกของนางลงมา ก็เหมือนกับชุด


ราตรี ในยุคปั จจุบนั ทีไม่แตกต่างกันเท่าไรนัก จะเรี ยกว่า ‘ใส่ เสื อผ้าน้อยชิน’ ได้อย่างไรกัน

คุณชายโอวหยางเป็ นคนแคว้นชิงเหยียน ถึงแม้นางจะอธิบายอย่างไรเขาก็คงไม่เข้าใจ !

“อากาศมันร้อนเกินไป อีกทังในรถม้ายังไม่สามารถวางก้อนนําแข็งได้ ข้าก็เลยใช้วิธีนีแก้ร้อนแทน......” มู่หรง


เสวียหาคําแก้ตวั แล้วพูดส่ ง ๆ ออกไปเป็ นพิธี ในใจคิดว่าไม่เห็นเป็ นเช่นไร รถม้าวิงเร็ วขนาดนี หน้าต่างก็เล็ก
ออกเสี ยขนาดนี คนข้างนอกจะเห็นอะไรได้ทีไหนกัน เขานีชอบทําเรื องเล็กให้เป็ นเรื องใหญ่เสี ยจริ ง

ความร้อนบนร่ างของมู่หรงเสวียทะลุผา่ นเสื อผ้าแล่นไปสู่ ฝ่ามือของคุณชายโอวหยาง เขาเลิกคิวขึนน้อย ๆ


อุณหภูมิในร่ างกายของนางนันสู งไม่เบา ชัดเจนว่านางต้องรู ้สึกร้อนยิงนัก......
ตอนที 183 คุณชายใช้ นําแข็ง
“ถ้าหากวางนําแข็งไว้บนรถม้า เช่นนันเจ้าก็จะไม่ร้อนใช่หรื อไม่” คุณชายโอวหยางมองไปทีมู่หรงเสวียด้วย
สายตานิง ๆ

“แน่นอน” มู่หรงเสวียพยักหน้ารัว ๆ ก้อนนําแข็งจะปล่อยไอเย็นออกมาขับไอร้อนทีอยูใ่ นรถม้า แน่นอนว่านาง


จะไม่ร้อนจนเหงือออกเต็มหน้าอีก......

แววตาของคุณชายโอวหยางเคร่ งขรึ ม เขาเปิ ดช่องลับออกมาช่องหนึ ง ทันใดนันก็ปรากฏถังเล็ก ๆ สี เงินทีดู


ประณี ตเข้าสู่ สายตา เขาหยิบขึนมาส่ ง ๆ เพียงใบหนึงแล้ววางมันลงบนโต๊ะไม้แดงแล้วเปิ ดฝาออกเบา ๆ ทําให้
เห็นว่าด้านในของถังใบนันเต็มไปด้วยนําแข็ง นําแข็งแต่ละก้อนช่างดูกระจ่างใสดุจอัญมณี กไ็ ม่ปาน......

ทีแท้คุณชายโอวหยางก็เตรี ยมนําแข็งไว้บนรถม้ามากมายขนาดนี ถ้าหากนางนันไม่อยูบ่ นรถม้า แน่ นอนว่าด้าน


ในของรถม้าคงมีนาแข็
ํ งวางเต็มไปด้วยตังแต่ทีแรกแล้ว คงไม่มีทางร้อนอบอ้าวดังเช่นนีตอนนีหรอก ชัดเจนว่า
เป็ นนางทีทําให้คุณชายโอวหยางต้องลําบาก......

คุณชายโอวหยางหยิบถังนําแข็งออกมาอีกสองถัง เขาวางมันไว้ทีมุมด้านใน ไอเย็นทีหนาแน่ นค่อย ๆ แผ่ซ่าน


ออกมาโดยรอบบริ เวณอย่างรวดเร็ ว ช่วยขับเอาไอร้อนออกไปจนหมด ทําให้อุณหภูมิบนรถม้าลดลงอย่างมาก
ไอเย็นของนําแข็งสายแล้วสายเล่าสัมผัสเข้ากับผิวหนัง อยู่ ๆ มู่หรงเสวียก็กระชับเสื อผ้าบนกายขึนอย่างไม่รู้ตวั

“หนาวหรื อไม่” คุณชายโอวหยางมองไปทีนางอย่างเงียบขรึ ม


“นิดหน่ อยเท่านัน !” มู่หรงเสวียหัวเราะขึนอย่างเก้อเขิน พิษเยือกแข็งในร่ างกายนางนันช่างดุร้ายยิงนัก ด้านนอก
มีไอเย็นแค่เพียงน้อยนิดก็ทาํ ให้นางรู ้สึกหนาวเหน็บเข้าเสี ยแล้ว......

แขนยาวของคุณชายโอวหยางยืนออกมาโอบเข้าทีเอวของนางแล้วดึงเอาตัวนางเข้ามาไว้ทีข้างกาย ฝ่ ามือหยก
ประทับลงไปทีแผ่นหลังของนาง พลังปราณอันหนาแน่นกลายเป็ นไออุ่นสายแล้วสายเล่า เพียงชัวพริ บตาก็
แผ่ซ่านไปทัวทังร่ างของนาง

ร่ างกายทีหนาวเหน็บน้อย ๆ ค่อย ๆ กลับมาอบอุ่นอีกครัง นางผ่อนลมหายใจยาวออกมาอย่างโล่งอก มองไปทาง


คุณชายโอวหยางอย่างซาบซึ งใจ “ขอบคุณคุณชายมากเจ้าค่ะ”

เมือมองไปทีดวงตาทีวูบไหวของนาง แววตาของคุณชายโอวหยางก็เจือปนไปด้วยรอยยิมบาง ๆ พร้อมกล่าวขึน


อย่างเรี ยบ ๆ ว่า “พิษเยือกแข็งในร่ างของเจ้าไม่เหมาะทีจะให้มนั มาเจอเข้ากับนําแข็งเช่นนี ตอนนี ข้ากําลังใช้พลัง
ปราณช่วยเจ้าสะกดข่มไอเย็นไว้ ยังไม่รู้ว่าจะสะกดข่มไปได้อีกนานเท่าใด ถ้าหากเจ้ารู ้สึกว่าร่ างกายผิดปกติ
จะต้องรี บบอกข้าทันที”

“ตกลง” มู่หรงเสวียพยักหน้า รู ้สึกถึงเพียงไออุ่นสายหนึงกําลังไหลเวียนไปมาตามจุดชีพจรของนาง ทัวทังร่ าง


ของนางพลันรู้สึกอบอุ่นขึนมา คล้ายกับว่ากําลังอยูภ่ ายใต้แสงอาทิตย์ยามต้นฤดูใบไม้ผลิ สบายตัวเสี ยจนทําให้
อยู่ ๆ นางก็รู้สึกง่วงขึนมาแปลก ๆ
สายตาของเขามองไปทีนางทีกําลังตาปรื อ พร้อมกับศีรษะทีสัปหงกไปมาจนเกือบจะล้มลง เช่นนันคุณชายโอวห
ยางก็เลิกคิวขึน แล้วกล่าวขึนด้วยท่าทางนิ งขรึ ม “กว่าจะถึงพระราชวังฤดูร้อนก็คงอีกประมาณหนึ งชัวยามกว่า ๆ
ถ้าหากเจ้าเหนื อยก็พกั ผ่อนเสี ยหน่ อยเถิด”

“ตกลง” มู่หรงเสวียพยักหน้า เมือคืนนางนอนหลับไม่สนิ ทเลย หากอาศัยช่วงเวลาทีกําลังเดินทางอยูน่ ี คงสามารถ


นอนหลับสนิ ทได้สักตืนหนึง

นางยืนมือไปผลักโต๊ะไม้แดงออกไปด้านข้าง แล้วเอนกายพิงลงไปทีข้างกายของคุณชายโอวหยาง

เสี ยงหายใจทีสมําเสมอดังขึนมาจากข้างกาย เมือคุณชายโอวหยางก้มหน้าลงไปมอง ก็เห็นนางปิ ดตาหลับสนิ ท


หายใจแผ่วเบา ขนตายาวพริ มสันไหวน้อย ๆ ดังปี กของฝี เสื อทีทอดยาวลงไปเป็ นเงาทีด้านล่างขอบตาทังสองข้าง
ใบหน้าทีกําลังหลับสนิ ทอย่างสุ ขสบายของนาง ทําให้ผคู ้ นอดไม่ได้ทีจะล่วงเกิน

คุณชายโอวหยามองดูจนต้องเลิกคิวขึนบาง ๆ นางยังจะนอนกดทับแขนซ้ายทีได้รับบาดเจ็บอยูอ่ ีก นางนันช่าง


ดูแลตัวเองไม่เป็ นเอาเสี ยเลย !

เขาโอบไหล่ของนางเพือทีจะพลิกตัวนางให้นอนหันไปทางด้านขวาแล้วกอดนางเข้ามาในอก แหวนหยกสี นม
แพะล่วงออกมาจากในเสื อของนางตกลงบนชุดส่ วนนอกของคุณชายโอวหยาง

ตัวหยกนันถูกแกะสลักไว้อย่างประณี ต ผิวหยกเรี ยบเนียนให้ความรู ้สึกทีอบอุ่น แค่มองดูกร็ ู ้ว่าว่าเป็ นหยกร้อน


เนื อดี !
มุมปากของคุณชายโอวหยางยกยิมขึนบาง ๆ พลางหยิบตัวหยกขึนมาถูมือไปบนผิวของมันเบา ๆแล้วค่อย ๆ นํา
มันใส่ กลับเข้าไปในเสื อส่ วนในของมู่หรงเสวียอย่างระมัดระวัง ให้มนั แนบไปกับผิวเนือของนาง แล้วฝ่ ามือหยก
ก็หยิกเข้าไปทีใบหน้าเรี ยบเนี ยนดังกระเบืองของนางเบา ๆ

ผอมกว่าตอนเด็กไปมากนัก แต่ว่าใบหน้ายังคงงดงามดูน่ารักเหมือนดังตอนเด็กไม่เปลียนไปเลย ไอเย็นอัน


หนาแน่ นทีปกคลุมในรถม้า ทําให้มู่หรงเสวียทีรู ้สึกหนาวเหน็บค่อย ๆ เบียดร่ างเข้ามาแนบชิดกับอกของคุณชาย
โอวหยางอย่างไม่รู้ตวั

คุณชายโอวหยางปิ ดฝานําแข็งบนโต๊ะไม้แดงลงแล้วถอดเสื อคลุมชุดนอกของตนออกห่ มไปทีร่ างของมู่หรงเสวีย


ในรถม้าตอนนีหนาวขึนไม่มากนัก หากคนธรรมดาทัวไปทีอยูใ่ นอุณหภูมิเช่นนีคงจะรู ้สึกสบายตัว ไร้ปัญหาใด
ๆ แต่ในร่ างของมู่หรงเสวียนันมีพิษเยือกแข็ง ดังนันควรจะรักษาความอบอุ่นเอาไว้เสี ยหน่ อยจะดีกว่า......

รถม้าค่อย ๆ หยุดลง สวินเฟิ งยืนอยูด่ า้ นนอกของรถม้า เขารายงานขึนอย่างนอบน้อม “คุณชาย ถึงพระราชวังฤดู


ร้อนแล้วขอรับ”

ในรถม้านันยังคงเงียบเชียบไม่มีเสี ยงตอบรับแต่อย่างใด

สวินเฟิ งเลิกคิวขึนเบา ๆ เกิดอะไรขึนหรื อ ดูท่าคุณชายคงจะหลับไปแล้วสิ นะ ถ้าเช่นนันเขาก็ไม่ควรทีจะส่ งเสี ยง


รบกวนต่อไปอีกใช่หรื อไม่
ในขณะทีกําลังขมวดคิวครุ่ นคิดอยูน่ นเอง
ั เงาร่ างสี ม่วงเข้มสายหนึ งก็เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ ว เดินผ่านเลยสวินเฟิ ง
ทีขวางทางเอาไว้อย่างพอดิบพอดี เขาเลิกม่านออกอย่างรวดเร็ วแล้วกล่าวขึนเสี ยงสู ง “เสวียเอ๋ อร์ เจ้า......”

เมือเห็นเข้ากับฉากด้านในรถม้า คําพูดของเย่อีเฉิ นก็ถึงกับแข็งค้างจุกอยูใ่ นลําคอ

คุณชายโอวหยางนันสวมใส่ เพียงเสื อตัวในสี ขาวไว้ติดกาย เขาพิงหลังกับผนังรถม้าอยูเ่ งียบ ๆ หลับตาลงพักผ่อน


แขนแกร่ งวางอยูบ่ นเอวของมู่หรงเสวีย โอบเอวของนางไว้อย่างแผ่วเบา

ท่าทางของมู่หรงเสวียทีคล้ายกับแมวนันกําลังหลับสนิทซบอยูบ่ นอกของเขา ใบหน้าเรี ยวงามแดงระเรื อน้อย ๆ


มุมปากยกยิมขึนจาง ๆ เหมือนกับไว้วางใจและเชือมันในตัวเขาอย่างมากมายนัก......

สี หน้าของเย่อีเฉิ นเขียวคลําฝ่ ามือภายใต้แขนเสื อกําเข้าหากันแน่ น พวกเขาทังสองคนใกล้ชิดกันถึงเพียงนีแล้ว


หรื อ......

สวินเฟิ งเร่ งเดินเข้ามาแย่งผ้าม่านจากมือเขาไปแล้วปิ ดมันลงอย่างรวดเร็ ว ยืนขวางอยูด่ า้ นหน้า ของเขาแล้วกล่าว


ขึนอย่างด้วยท่าทางทีจริ งจัง “จิงอ๋ องโปรดอย่าได้รบกวนคุณชายของข้า !”

เย่อีเฉิ นมองจ้องไปทีรถม้า แววตาคมกริ บเปล่งประกายอย่างเย็นเยียบ เขากับมู่หรงเสวียหมันหมายกันมาตังสิ บปี


ตอนนีก็แค่มีเรื องไม่ลงรอยกันเพียงแค่ไม่กีเดือนเท่านัน แต่คุณชายโอวหยางกลับอาศัยจังหวะนี เข้ามาสวมรอย
แทนเขาเสี ยแล้ว !
คุณชายโอวหยางช่างเป็ นคนทีฉลาดยิงนัก......

เสี ยงหาวเบา ๆ ดังขึนมาจากด้านในของรถม้า มู่หรงเสวียค่อย ๆ ตืนขึน เปิ ดเปลือกตาขึนอย่างช้า ๆ ‘เตียงนอน’


ด้านล่างกายของนางนันช่างอบอุ่นยิงนัก ระหว่างทีตาปรื ออยูน่ นนางก็
ั กล่าวขึนอย่างงัวเงียว่า “ถึงพระราชวังฤดู
ร้อนแล้วหรื อ”

“อืม” คุณชายโอวหยางพยักหน้า ดวงตาสี ดาํ วาวดังอัญมณีดูสดใสเปล่งประกาย ดึงดูดสายตาของผูค้ นให้ลุ่มหลง


ไม่ได้สะลึมสะลือดังคนทีเพิงตืนนอนเลยแม้แต่น้อย

“เช่นนันพวกเราก็ลงไปกันเถอะ” มู่หรงเสวียลุกขึนยืนอย่างไม่เต็มใจเท่าไรนัก ชุดชันนอกสี ขาวหิ มะไหลลืนลง


ไปกองกับพืน นางรี บเก็บมันขึนมาอย่างรวดเร็ วแล้วยืนกลับคืนไปให้คุณชายโอวหยาง “ขอบคุณคุณชายมากเจ้า
ค่ะ”

“ไม่ตอ้ งเกรงใจ” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนด้วยนําเสี ยงนิ ง ๆ เขารับเอาชุดส่ วนนอกมาสวมใส่ แล้วเลิกม่านออก


ื าไปด้านในรถม้า พยุงร่ างของมู่หรง
ลงจากรถม้าไปเป็ นคนแรก หลังจากทีเท้าถึงพืนแล้ว มือหยกของเขาก็ยนเข้
เสวียให้เดินลงมาอย่างเบามือ

“เส่ าเฉิ น (ชือคุณชายโอวหยาง)” เสี ยงเรี ยกกดตําดังขึน ชายผูห้ นึงเดินอาด ๆ เข้ามา ใบหน้าของเขาหล่อเหลา
ดวงตาเปล่งประกายคมกริ บ นีคืออดีตจิงอ๋ อง
“อดีตจิงอ๋ อง” คุณชายโอวหยางเรี ยกขึนเสี ยงเบาด้วยท่าทางเรี ยบเฉย

อดีตจิงอ๋ องไม่สนใจ เพียงแต่มองมาทีเขาอย่างเรี ยบนิง “ตอนแรกนึ กว่าข้ามองผิดไป ไม่คิดว่าจะเป็ นเจ้าจริ ง ๆ


ด้วย เป็ นอย่างไรบ้างล่ะ เดินทางราบรื นดีหรื อไม่”

“ขอบพระคุณอดีตจิงอ๋ องทีเป็ นห่ วง เดินทางราบรื นดีพ่ะย่ะค่ะ !” คุณชายโอวหยางพูดขึนอย่างเฉยเมย ดวงตาสี


ดําขลับวูบไหวลําลึกดังมหาสมุทร “อดีตจิงอ๋ องอยูท่ ีนี รู ้สึกคุน้ ชินบ้างหรื อยังพ่ะย่ะค่ะ”

“ก็ไม่เลวนัก ทีนี นันเงียบสงบและย็นสบายมาก เหมาะสมทีจะเป็ นพระราชวังฤดูร้อนจริ ง ๆ !” อดีตจิงอ๋ องกล่าว


ขึนเสี ยงเบา สายตาเห็นมู่หรงเสวียทีอยูด่ า้ นหลังของเขา แววตาก็วบู ไหวไปด้วยประกายแสงอะไรบางอย่าง
“เสวียเอ๋ อร์ กม็ าด้วยหรื อ......”
ตอนที 184 อยู่ทเรื
ี อนไหน
“อดีตจิงอ๋ อง !” มู่หรงเสวียค่อย ๆ ย่อกายลงด้วยท่าทางอย่างมีมารยาท

แววตาของอดีตจิงอ๋ องวูบไหว เขากล่าวขึนยิมตาหยี “เสวียเอ๋ อร์ มาถึงพระราชวังฤดูร้อนเป็ นครังแรกคงยังมิได้


เตรี ยมทีพักเอาไว้ใช่หรื อไม่ ข้าอยูท่ ีเรื อนสวนกล้วยไม้ ยังมีห้องว่างอยูอ่ ีกสองห้อง พอดีให้เจ้ากับเย่อีเฉิ นอยูก่ นั
คนละห้อง......”

มู่หรงเสวียยิมขึนน้อย ๆ “ขอบพระคุณในความหวังดีของท่านอ๋ อง เพียงแต่องค์หญิงฉิ นเดินทางมาทีพระราชวัง


ฤดูร้อนกับจิงอ๋ องด้วย ห้องรับรองของเรื อนสวนกล้วยไม้ให้องค์หญิงฉิ นเข้าพักดูจะเหมาะสมกว่าเพคะ”

ครอบครัวของชาวบ้านคนอืน ๆ เขามากันสี คน คือหนึงพ่อตา หนึงแม่ยาย หนึ งลูกชาย และหนึงลูกสะใภ้ พากัน


มาพักผ่อนหนี ร้อนอยูก่ นั อย่างพร้อมหน้าพร้อมตาตามประสาคนครอบครัวเดียวกัน แล้วนางจะเข้าไปยุง่ วุน่ วาย
ด้วยทําไมกัน

ทันใดนันสี หน้าของอดีตจิงอ๋ องก็มืดครึ มลง เขาหันมองไปทีเย่อีเฉิ น “ข้ากําชับเจ้าแล้วไม่ใช่หรื อว่าให้เอานางไป


ไว้ไกล ๆ ทําไมเจ้าถึงได้พานางมาทีนี ด้วยกันได้”

ิ อนขึน นางรักษาตัวอยูท่ ีวังจิงอ๋ องไม่ค่อยสบายตัว


“ฉิน......ยวีเยียนได้รับบาดเจ็บสาหัส นานวันอากาศก็ยงร้
เท่าไรนัก ลูกจึงพานางมาไว้ทีนี ให้นางได้พกั รักษาตัวจนหายดี” เย่อีเฉิ นอธิบายขึนเสี ยงเบา
สี หน้าของอดีตจิงอ๋ องค่อย ๆ อ่อนลง พวกเขาก็แค่หนี ร้อนมาพักทีนีเท่านัน ไม่ได้อยูน่ านมากเท่าไร ฉิ นยวีเยียน
สมควรทีจะพักรักษาตัวอยูท่ ีนีอยูห่ ลายเดือนทีเดียวกว่าทีบาดแผลจะหาย นางก็คงจะไม่ได้กลับไปทีวังจิงอ๋ องอีก
“ให้องค์หญิงฉิ นไปอยูพ่ าํ นักทีเรื อนเรื อนหนึงเสี ยเลยเถอะ บรรยากาศเงียบสงบก็จะได้สะดวกต่อการรักษาตัว
ของนางด้วย”

เย่อีเฉิ นกล่าวเสี ยงเข้ม “ลูกก็กาํ ลังคิดเช่นนี อยูพ่ อดีพ่ะย่ะค่ะ”

อดีตจิงอ๋ องพยักหน้าอย่างพอใจ ยิมตาหยีมองไปทีมู่หรงเสวีย “ห้องรับรองของเรื อนสวนกล้วยไม้ยงั เหลือทีว่าง


อีกห้องหนึ ง เสวียเอ๋ อร์ กม็ าอยูด่ ว้ ยกันเถอะ”

นางไม่อยากเจอกับเย่อีเฉิ น หากเย่อีเฉิ นพักอยูท่ ีเรื อนสวนกล้วยไม้ เช่นนันนางถอยห่ างไกลได้เท่าไรก็ขออยูไ่ กล


เท่านัน ไม่มีทางเข้าไปอยูด่ ว้ ยแน่ นอน !

มู่หรงเสวียเลิกคิวขึนเตรี ยมทีจะกล่าวปฏิเสธ แต่คุณชายโอวหยางกลับแย่งนางพูดขึนเสี ยก่อน “อดีตจิงอ๋ องช่างมี


นําใจยิงนัก แต่ว่าทีพักของเสวียเอ๋ อร์นัน ข้าได้เตรี ยมเอาไว้เรี ยบร้อยแล้ว นางคงไม่สามารถไปพักทีเรื อนสวน
กล้วยไม้ได้”

“จริ งหรื อ” อดีตจิงอ๋ องเลิกคิวคมขึนมองไปทางคุณชายโอวหยาง “เช่นนันทีพักของเสวียเอ๋ อร์จดั เตรี ยมไว้ทีใด


กัน”
“เรื อนสวนไผ่” คุณชายโอวหยางตอบกลับเสี ยงเบา นําเสี ยงทุม้ สดใส เย่อีเฉิ นทีได้ยนิ เช่นนันแววตาพลัน
เปล่งแสงวูบวาบ ปรายตามองไปทีมู่หรงเสวีย “เสวียเอ๋ อร์ จะไปอยูท่ ีเรื อนสวนไผ่หรื อ”

มู่หรงเสวียกะพริ บตาปริ บ ๆ หยักหน้าลงเบา ๆ “เพคะ” นางมาทีพระราชวังฤดูร้อนเป็ นครังแรก ไม่รู้ว่าเรื อน


สวนไผ่เป็ นสถานทีแบบไหน แต่วา่ ทีพักทีคุณชายโอวหยางพูดถึงแน่ นอนว่าคงไม่ได้แย่มาก และต้องอยูห่ ่าง
จากเย่อเฉิ
ี นมากแน่ ๆ เช่นนี นางจะได้ไม่ตอ้ งถูกรบกวน นางจึงเออออไปตามความต้องการของเขาไปก่อน พักที
เรื อนสวนไผ่ก่อนก็แล้วกัน

ดวงตาคมกริ บของอดีตจิงอ๋ องค่อย ๆ หรี เล็กลง ทุก ๆ ปี วังเซี ยวเหยาอ๋ องกับวังจิงอ๋ องจะตามเสด็จมาทีพระราชวัง
ฤดูร้อนด้วย ในเขตพระราชฐานมีทีสร้างเอาไว้อยูอ่ ย่างชัดเจน เรื อนสวนกล้วยไม้เป็ นทีพักของวังจิงอ๋ อง ส่ วน
เรื อนสวนไผ่กเ็ ป็ นทีพักของวังเซี ยวเหยาอ๋ อง

เขากับคุณชายโอวหยางออกปากเชิญขึนพร้อมกัน แต่มู่หรงเสวียกลับปฏิเสธเรื อนสวนกล้วยไม้ของวังจิงอ๋ อง คิด


ทีจะไปพักทีเรื อนสวนไผ่ของวังเซี ยวเหยาอ๋ อง ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับคุณชายโอวหยาง เปรี ยบกับอีเฉิ น
แล้วช่างดีกว่ามากนัก......

“อดีตจิงอ๋ อง เวลาก็ไม่นอ้ ยแล้ว พวกเราคงต้องขอตัวก่อน” นําเสี ยงทุม้ ของคุณชายโอวหยางดังเข้าหู ทําให้ทนั ใด


นันอดีตจิงอ๋ องก็หลุดจากภวังค์ทนั ที “ตามสบาย !”

“ไปเถอะ” คุณชายโอวหยางลากมือเรี ยวของมู่หรงเสวีย แล้วค่อย ๆ เยืองย่างกายเดินออกไปด้านหน้า


เมือมองไปทีทังสองทีจูงมือพากันเดินออกไปแล้ว สี หน้าของเย่อีเฉิ นก็มืดครึ มจนดูน่ากลัว ฝ่ ามือภายใต้แขนเสื อ
กําเข้าหากันแน่ น แค่ระยะเวลาสัน ๆ เพียงสองเดือนพวกเขากลับใกล้ชิดสนิ ทสนมกันเสี ยจนไร้ซึงช่องว่างต่อกัน
แล้ว......

“ล้วนเป็ นเพราะเจ้าทีดูคนไม่เป็ น ว่าทีภรรยาทีดีงามเช่นนันจึงถูกคนอืนแย่งชิงไปแล้ว ถ้าเจ้ายังไม่พยายามตังอก


ตังใจมากกว่านี ว่าทีภรรยาในอนาคตของเจ้าก็คงกลายเป็ นของคนอืนไปอย่างแน่นอน” อดีตจิงอ๋ องถลึงตามอง
เขาจนดวงตาบูดบวม แล้วหันกายเดินอาด ๆ ออกไปด้านหน้า

เขาก็ไม่รู้วา่ เรื องราวจะกลายเป็ นเช่นนี ได้ !

ในหัวปรากฏภาพใบหน้าเรี ยวงามของมู่หรงเสวีย ความเชือใจของนาง ความผูกพันของนางล้วนอยูแ่ ต่ทีคุณชาย


โอวหยาง !

ในใจของเย่อีเฉิ นรู ้สึกหงุดหงิดเป็ นอย่างมาก เขาปรายตามองไปทีรถม้าของวังจิงอ๋ อง กล่าวสังการขึนอย่างหมด


ความอดทน “พวกเจ้ายังเฉยอยูท่ าํ ไมกัน องค์หญิงฉิ นมีอาการบาดเจ็บสาหัส รี บพยุงนางลงจากรถม้าไปพักผ่อน
เดียวนี ”

“พ่ะย่ะค่ะ !” เหล่าบรรดาคนรับใช้พากันรับคําสังด้วยอาการสะดุง้ สันไหว เร่ งก้าวเท้ายาว ๆ ไปทีด้านหน้าของรถ


ม้า แบกฉิ นยวีเยียนลงมาอย่างระมัดระวัง
ฉิ นยวีเยียนทีนังอยูบ่ นเก้าอีไม้ไผ่เงยหน้ามองมาทีเย่อเฉิ
ี น แต่กลับเห็นว่าเขาเดินไปจากทีทียืนอยูเ่ มือครู่ แล้ว
กําลังเดินอาด ๆ ออกไปด้านหน้า ร่ างกายสู งโปร่ งดูไร้เยือใยและแสดงถึงการปฏิเสธยิงนัก

ขอบตาของฉิ นยวีเยียนแดงระเรื อ นําตาเม็ดโตไหลอาบลงมาตามใบหน้าของนางไม่หยุด เย่อีเฉิ นกลับปล่อยนาง


ทิงไว้ทีนี คนเดียว เขาคงจะไม่ชอบนางแล้วจริ ง ๆ เขาไม่สนใจนางอีกต่อไปแล้ว......

มู่หรงเสวีย ทังหมดนีล้วนเป็ นเพราะมู่หรงเสวีย เพราะว่าอีเฉิ นชอบพอมู่หรงเสวีย เขาถึงได้ไม่สนใจนางเช่นนี !

อีกทังอดีตจิงอ๋ อง เมือครู่ นางทีอยูใ่ นรถม้าล้วนได้ยนิ ถึงคําพูดของอดีตจิงอ๋ องทังหมดทุกคํา ก็เพราะว่ามู่หรงเสวีย


อีกเช่นกันเขาถึงได้ต่อต้านกีดกันนาง ไม่ชอบนางถึงเพียงนี นางทีตกอยูใ่ นสภาพเช่นนี ก็ลว้ นเป็ นเพราะมู่หรง
เสวีย นางไม่มีทางยอมปล่อยมู่หรงเสวียไปอย่างง่ายดายแน่ ๆ......

ในทีประดับฤดูร้อนมีทุ่งหญ้าทีสวยสดงดงาม มีตน้ ไม้สีเขียวขจีเต็มไปหมด กิงไม้และใบไม้สีเขียวปกคลุมยืน


ยาวออกไปทัวบริ เวณทังบนฟ้ าและบนดิน กันเอาไอแดดอันร้อนแรงเอาไว้ดา้ นนอก มู่หรงเสวียเดินเลาะตามไป
บนทางเดินหิ นสี ดาํ แล้วค่อย ๆ เดินเข้าไปในเรื อนสวนไผ่ สายลมเย็นสบายอ่อน ๆ พัดโชยไปมา ทําให้ผคู ้ นรู ้สึก
ผ่อนคลายและมีความสุ ขยิงนัก

เช่นนันนางก็อดทีจะชืนชมขึนมาไม่ได้ “พระราชวังฤดูร้อนไม่ผิดไปจากชือเสี ยงทีเลืองลือเลย พักอาศัยอยูท่ ีนีไม่


ว่าจะเป็ นในช่วงเวลาสามวันทีร้อนทีสุ ดก็คงจะเย็นสบายยิงนัก แม้แต่กอ้ นนําแข็งก็คงไม่ตอ้ งใช้แล้ว !”
เมือมองไปทีแววตาวูบไหวของนาง แววตาของคุณชายโอวหยางก็เจือปนไปด้วยร้อยยิมน้อย ๆ “ถ้าหากชอบเจ้า
ก็สามารถพักอยูท่ ีนีจนถึงฤดูใบไม้ร่วงก็ได้ หลังจากทีอากาศร้อนหมดไปแล้ว ช่วงทีกําลังย่างเข้าสู่ ฤดูใบไม้ร่วง
ค่อยกลับไปทีจวนเจินกัวโหวก็ยงั ได้”

“ความคิดนี ก็ไม่เลวนัก” ดวงตาของมู่หรงเสวียเปล่งประกาย นางพยักหน้าอย่างเห็นด้วยไม่หยุด นางไม่ชอบ


ํ งได้ อยูท่ ีนี ในช่วงฤดูร้อนก็ดูจะเหมาะทีสุ ดแล้ว
อากาศร้อน ทังยังไม่สามารถใช้นาแข็

ห้องด้านในของเรื อนสวนไผ่กจ็ ดั เตรี ยมเอาไว้อย่างเพียบพร้อม ไม่ว่าจะเป็ นเครื องเรื อนของใช้ทีใหม่เอียม ฟูก


และผ้าห่ มบนเตียงก็ลว้ นเป็ นของใหม่ ทังนุ่ ม ทังอุ่น อีกทังยังมีกลินของแสงแดดอ่อน ๆ กลินช่างหอมยิงนัก

มู่หรงเสวียเร่ งเดินไปทีด้านข้างของเตียง แล้วทิงตัวล้มลงไปบนเตียง ใบหน้ามุดเข้าไปในหมอน พลางสู ดดมเอา


กลินอ่อน ๆ ของแสงแดด ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างสุ ขสบายเสี ยงหนึง ทันใดนันความรู้สึกง่วงบางเบาก็พุ่ง
โจมตีเข้ามาทันที

เมือมองไปทีใบหน้าอ่อนเพลียและเหนื อยล้าของนาง คุณชายโอวหยางก็เลิกคิวขึน “เจ้าเหนือยมากหรื อ”

“อืม” มู่หรงเสวียพยักหน้าตอบรับด้วยเสี ยงอูอ้ ี แต่ไหนแต่ไรมาร่ างกายของนางก็อ่อนแออยูแ่ ล้ว ยิงเมือคืนยัง


ปะทะกับคนพวกนันอย่างดุเดือดมาครึ งคืน ตอนนีจึงรู ้สึกเหนื อยมากเข้าแล้วจริ ง ๆ
คุณชายโอวหยางเงียบนิงไปครู่ หนึง แล้วกล่าวขึนด้วยนําเสี ยงเรี ยบ ๆ “ครึ งชัวยามหลังจากนี ฮ่องเต้จะจัดงาน
เลียงกับเหล่าขุนนางขึน ตอนนีเจ้ายังไม่สามารถทีจะพักผ่อนได้ ไปอาบนําเตรี ยมตัวทีหลังฉากกันเถอะ จะได้
คลายความเมือยล้าไปในตัว......”

มู่หรงเสวียขมวดคิว แล้วกล่าวขึนอย่างงัวเงีย “ข้าไม่อยากไปร่ วมงานเลียง......”

“ไม่ได้ !” คุณชายโอวหยางตัดบทคําพูดของนางเสี ยงเย็น แววตาสี ดาํ ขลับวูบไหวไปด้วยความหนักใจน้อย ๆ “มี


คนมากมายทีรู ้วา่ เจ้ามาทีพระราชวังฤดูร้อน ถ้าหากเจ้าไม่ไปร่ วมงานเลียงแล้วคนไม่หวังดีรู้เข้า กราบทูลไปถึง
หน้าพระพักตร์ ของฝ่ าบาท เช่นนันผลลัพธ์คงจะเลวร้ายนัก......”
ตอนที 185 ช่ วยมู่หรงเสวียอาบนํา
“แต่ขา้ เหนือยจนไม่อยากทีจะขยับไปไหนแล้วจริ ง ๆ......” มู่หรงเสวียพูดขึนอูอ้ ีด้วยเสี ยงเบา ขมวดคิวแน่ นเข้าหา
กัน

แต่อยู่ ๆ นางก็รู้สึกว่าร่ างกายนันเบาลง เป็ นคุณชายโอวหยางทีอุม้ นางขึนมา แล้วก้าวเดินอาด ๆ ออกไปด้านหน้า

มู่หรงเสวียเบิกตากว้างขึนมองไปทางเขาอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจนัก “เจ้าจะทําอะไรน่ ะ”

“ช่วยเจ้าอาบนําเปลียนเสื อผ้า แล้วค่อยพาเจ้าไปทีงานเลียง” คุณชายโอวหยางพูดขึนด้วยท่าทีเรี ยบเฉย แล้วอุม้


นางไปไว้ทีด้านหลังของฉากกัน

ด้านหลังฉากกันนันเป็ นบ่ออาบนําขนาดใหญ่ ด้านบนโรยกลีบดอกไม้เอาไว้เต็มผิวนํา ดูแล้วช่างงดงามยิงนัก


กลินหอมอ่อน ๆ ลอยโชยมาตามไอร้อนทีคละคลุง้ ขึนมารอบตัวนาง กลินหอมเสี ยจนผูค้ นต้องหลงใหลเมามาย

คุณชายโอวหยางโอบร่ างของมู่หรงเสวียเบา ๆ มือหยกยืนออกไปทีด้านหน้าของนาง ปลดกระดุมเม็ดแรกบนชุด


ของนางออก......

ความรู ้สึกหนาวบาง ๆ สัมผัสเข้ากับผิวกายของนาง ร่ างของมู่หรงเสวียกระตุกสันไหว ความง่วงล้วนหายไปเป็ น


ปลิดทิง เร่ งรี บคว้าจับเข้าไปทีมือของคุณชายโอวหยาง “เดียวก่อน เดียวก่อน......”
“รี บเร่ งมาตลอดทาง ร่ างกายของเจ้าคงเปรอะเปื อนไปด้วยฝุ่ นผงคราบไคลไม่นอ้ ยจําเป็ นจะต้องอาบนําชําระ
ร่ างกายถึงจะสามารถเข้าร่ วมงานเลียงได้ อีกไม่นานงานเลียงก็จะเริ มขึนแล้ว ไม่สามารถรังรอได้อีกต่อไป
......” คุณชายโอวหยางพูดขึนอย่างราบเรี ยบยืนมือออกไปแกะกระดุมของนางอีกครัง

“ข้าทําเอง ข้าทําเองได้......” มู่หรงเสวียรี บยืนมือไปคว้าจับมือทียืนเข้ามาของเขา ในดวงตางามลุกโชนไปด้วยไฟ


โกรธ เขาเป็ นผูช้ าย นางเป็ นผูห้ ญิง ทําไมอยู่ ๆ เขาถึงจะได้มาช่วยนางอาบนําผลัดเปลียนเสื อผ้าได้ตามใจชอบกัน
......

“เจ้าเหนือยมากไม่ใช่หรื อ ข้าช่วยเจ้าก็เหมือนกันนันล่ะ” ฝ่ ามือของคุณชายโอวหยางยือแย่งคว้าจับเข้าทีเสื อของ


นางอย่างพอดิบพอดี นิ วมือเพียงกระตุกเบา ๆ ก็สามารถปลดกระดุมเม็ดทีสองของนางออกได้แล้ว

“ตอนนี ไม่เหนือยแล้ว ไม่เหนือยแล้ว......” มู่หรงเสวียพูดขึนอย่างร้อนรน นางคว้าจับไปทีมือของเขาพลางยือ


เอาไว้แน่ น ดวงตาสี ดาํ ขลับลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ

แววตาของคุณชายโอวหยางเจือปนไปด้วยรอยยิมจาง ๆ อย่างไม่ง่ายนักทีจะได้พบเจอ เขามองไปทางนางอย่างผู ้


ทีอยูเ่ หนื อกว่า “แน่ใจนะว่าเจ้าไม่เหนือยจริ ง ๆ”

“จริ ง จริ ง จริ งแท้แน่นอน” มู่หรงเสวียพยักหน้าถีรัว “ข้าสามารถอาบนําเองได้ เจ้าไปรอข้าข้างนอกเถอะ......”

เมือมองไปทีแววตาทีเฝ้ ารอของนางนัน คุณชายโอวหยางก็ยกมุมปากขึนอย่างสง่างาม “เช่นนันก็ดี ถ้าเช่นนันข้า


ออกไปก่อนก็แล้วกัน เจ้าก็รีบอาบนําโดยเร็ วล่ะ !”
“รู ้แล้ว ข้ารู ้แล้ว !” มู่หรงเสวียพยักหน้าถีรัวผลักคุณชายโอวหยางให้เดินออกไปจากฉากกัน เมือมองไปทีห้อง
อาบนําทีเหลือนางเพียงคนเดียวแล้ว ก็ค่อย ๆ ถอนหายใจออกมายาว ๆ ในทีสุ ดนางก็สามารถไล่เขาออกไปได้
ช่างไม่ง่ายดายเลย

เม็ดทรายในนาฬิกาทรายทรงโค้งนูนทีวางอยูบ่ นโต๊ะค่อย ๆ ไหลลงไปด้านล่างอย่างเอือย ๆ มู่หรงเสวียเดินไปที


ริ มบ่อนําอย่างเชืองช้า ถอดเสื อผ้าออกแล้วเดินลงไปในบ่อนําแล้วตักนําขึนมาเบา ๆ

ในใจของนางนันก็อดทีจะบ่นไม่ได้ ก็แค่เข้าร่ วมงานเลียงงานหนึ งยังจะต้องมาอาบนําเปลียนเสื อผ้าอะไรอีก การ


ออกเดินทางตามขบวนเสด็จของฮ่องเต้ กฎระเบียบช่างมากมายยุง่ ยากยิงนัก !

นางนันอาบนําทีจวนเจินกัวโหวทุกวัน ร่ างกายล้วนแล้วแต่สะอาดสะอ้าน ไม่จาํ เป็ นจะต้องใส่ นาหอมผลั


ํ ด
เครื องสําอางให้เปรอะเปื อนอีกแล้ว เพียงแค่อาบนําธรรมดา ๆ ล้างเอาฝุ่ นสกปรกทีติดตามร่ างกายออกก็เพียงพอ
แล้ว......

“ข้าลืมบอกเจ้าไปว่ายังมีเวลาเหลืออยูอ่ ีกสองเค่อ เจ้าไม่จาํ เป็ นทีจะต้องเร่ งรี บนัก” นําเสี ยงทุม้ ดังขึน เป็ นคุณชาย
โอวหยางทีเดินเข้ามาอยูด่ า้ นหน้าของฉากกัน เขามองมาทีนางด้วยท่าทางเรี ยบเฉย ดวงตาสี ดาํ ขลับดังอัญมณี ดู
กระจ่างชัดแหลมคมผิดปกติ แต่กไ็ ม่ได้มีความคิดเกินเลยแฝงอยูแ่ ต่อย่างใด

มู่หรงเสวียมองเขาด้วยสายมตาทีมีไฟโกรธลุกโชน นางหยิบเอาผ้าเช็ดตัวสี ขาวทีอยูด่ า้ นข้างริ มบ่อนําปาเข้าไปที


เขาอย่างแรง “รู ้แล้ว เจ้ารี บออกไปเดียวนี !”
“ตกลง” คุณชายโอวหยางพยักหน้า แล้วค่อย ๆ หันกายเดินออกไปด้านนอก ฝ่ ามือหยกดีดเพียงเบา ๆ ทันใดนัน
ผ้าเช็ดตัวทีอยูใ่ กล้แค่เอือมก็เปลียนทิศทาง คล้ายดังกับศรแสงพุ่งกลับไปทางเดิม เสี ยง ‘แปะ’ ดังขึนเสี ยงหนึ ง
ผ้าเช็ดตัวร่ วงแมะลงทีหัวของมู่หรงเสวีย

แววตาของมู่หรงเสวียลุกโชนไปด้วยไฟโกรธอันดุเดือดอีกครัง นางคํารามขึนเสี ยงดังอย่างโมโห “คุณชายโอวห


ยาง !”

เพียงครู่ หนึ ง มู่หรงเสวียก็อาบนําเสร็ จเรี ยบร้อย นางเปลียนเป็ นชุดกระโปรงทีสะอาดสะอ้านตัวหนึง แล้วเดิน


ออกมาจากฉากกันอย่างรวดเร็ ว ทันใดนันก็เห็นคุณชายโอวหยางสวมใส่ ชุดสี ขาวหิ มะ นังอยูด่ ว้ ยท่วงท่าทีสง่า
งาม ด้านหน้ามีโต๊ะทรงกลมทีทําจากไม้ซวนจือมู่ เขากําลังยกถ้วยชาจิบเพือลิมรสอย่างช้า ๆ

สายลมโชยอ่อน ๆ พัดผ่านเข้ามา กลินหอมของไม้ไผ่ปนไปด้วยกลินไอของนําร้อนทีคล้ายมีไม่มีกระทบเข้ากับ


จมูก ให้ความรู ้สึกสดชืนและเป็ นธรรมชาติ ทําให้ผคู ้ นอดทีจะหลงใหลมัวเมาไม่ได้

มู่หรงเสวียเลิกคิวขึนเบา ๆ คุณชายโอวหยางอาบนําเสร็ จแล้ว อีกทังยังเปลียนเสื อผ้าเสร็ จแล้ว การกระทําของเขา


ช่างรวดเร็ วยิงนัก......

เมือมองไปทีมู่หรงเสวียทีเปลียนโฉมใหม่ มุมปากของคุณชายโอวหยางก็ยกยิมอย่างยากทีจะได้พบขึนสายหนึ ง
เขาวางถ้วยชาลงแล้วลุกยืนขึน “เวลาก็ไม่นอ้ ยแล้วพวกเราไปเข้าร่ วมงานเลียงกันเถอะ”
“ตกลง” มู่หรงเสวียตอบรับขึนอย่างอารมณ์ไม่ดี แล้วหมุนกายก้าวอาด ๆ ออกไปด้านนอก......

ฤดูร้อนนันอากาศค่อนข้างร้อน งานเลียงก็เลยไม่ได้จดั ขึนทีโถงด้านใน แต่กลับจัดขึนทีลานกว้างของพระราชวัง


ฤดูร้อนแทน

ตังแต่เช้าลานกว้างทีกว้างใหญ่นนก็
ั ถูกปั ดกวาดทําความสะอาดจนเรี ยบร้อย อีกทังยังจัดสร้างอัฒจันทร์ ทีสู งตํา
ไม่เท่ากัน อัฒจันทร์ ทีสู งทีสุ ดนันมีเก้าอีทองคําทีดูโดดเด่นน่ ายําเกรงจัดวางไว้อยู่ เป็ นเก้าอีทีใช้สาํ หรับฮ่องเต้
และฮองเฮาโดยเฉพาะ

อัฒจันทร์ ทงสองข้
ั างทีตําลงมาหน่อยเป็ นทีนังของบรรดาพระสนม องค์ชาย ท่านอ๋ องและบรรดาคุณชาย
ทังหลาย

เก้าอีทีทําจากไม้ซวนจือมู่นนถู
ั กแกะสลักอย่างประณี ตงดงามนัก ทําให้ผคู ้ นต้องหยุดมองค้างอยูเ่ สี ยครู่ หนึง
ด้านหน้าของเก้าอีมีโต๊ะยาวตัวหนึ งวางตังไว้อยู่ ด้านบนมีของหวานและผมไม้หลากหลายชนิ ดทีดูสดใหม่น่ากิน
วางเรี ยงรายไว้ ด้านในกาเหล้าสี เงินมีกลินหอมทีทําให้ผคู ้ นรู ้สึกเมามายโชยออกมา ต่างอดไม่ได้ทีจะนําลายสอ

ขันทีนอ้ ยหลายคนยืนอยูด่ า้ นในของบริ เวณลานกว้าง นําทางผูค้ นไปทีทีนังอย่างกระตือรื อร้นด้วยท่าทางอย่าง


อัธยาศัยดี

มู่หรงเสวียเดินตามผูค้ นก้าวเข้าไปด้านในลานกว้างเตรี ยมทีจะหาทีนังของจวนเจินกัวโหว แต่กลับมีเสี ยงร้อง


เรี ยกเสี ยงดังอันหยาบกร้านเสี ยงหนึงดังขึนเสี ยก่อน “มู่หรงเสวีย ทางนี ทางนี......”
เมือมู่หรงเสวียมองตามเสี ยงไปนันก็เห็นหยวนฟางเฟยกําลังนังอยูท่ ีทีนังของจวนเจินกัวโหว นางกําลังโบกมือ
ยิมตาหยีมาทีนาง

ท่าทางสบาย ๆ ทีดูราวกับมันอกมันใจเช่นนัน มู่หรงเสวียทีได้เห็นมุมปากของนางก็อดไม่ได้ทีจะโค้งขึน ของ


หมันหมายยังไม่ได้ส่งมอบ แต่นางกลับคิดว่าตัวเองกลายเป็ นลูกสะใภ้ของจวนเจินกัวโหวอย่างเต็มตัวเสี ยแล้ว ดู
ท่านางคงอยากจะแต่งงานจนอดรนทนไม่ไหวแล้วสิ นะ......

มู่หรงเสวียเดินออกไปด้านหน้าอย่างช้า ๆ แล้วนังลงตรงด้านข้างของหยวนฟางเฟย มองนางอย่างราบเรี ยบแล้ว


กล่าวขึนเสี ยงหนึงว่า “ทําไมเหลือเพียงเจ้าคนเดียว มู่หรงจีเล่า ?”

“อยูต่ รงนูน้ แหนะ” หยวนฟางเฟยกล่าวขึน พลางชีมือไปทีด้านหลังอย่างไม่ใส่ ใจนัก

เมือมู่หรงเสวียมองตามนิวมือของนางไปก็เห็นชายหนุ่ มร่ างกายผอมบางผูห้ นึงกําลังยืนอยูใ่ นมุม ๆ หนึง เขา


กําลังส่ องกระจกทองเหลืองเพือทีกําลังจะทายาบนใบหน้าของตน รอยแผลฟกชําเขียวข้าง ม่วงข้างประดับอยู่
เต็มใบหน้า อีกทังยังปูดบวมออกมา ถ้าหากหยวนฟางเฟยไม่ได้บอกนางว่านันคือมู่หรงจี นางคงไม่มีทางมอง
ออกว่าเขาเป็ นใครแน่......

หยวนฟางเฟยซ้อมตีเขาไปบนรถม้ายกหนึง ซ้อมจนมู่หรงจีมีสภาพน่าอนาถขนาดนี นางช่างแข็งแรงบึกบึนจริ ง


ๆ......
“ดูสิ นัน คุณชายมู่มาแล้ว......” เสี ยงยินดีปนตืนเต้นของหญิงสาวดังเข้าหู จนมู่หรงเสวียต้องเงยหน้ามองไป นาง
เห็นมู่หลิวเฟิ งกําลังก้าวอาด ๆ เดินเข้ามา เขาสวมใส่ ดว้ ยชุดสี นาเงิ
ํ นปกคอเสื อทีปั กด้วยลวดลายสี ดาํ แหวกออก
เผยให้เห็นแผ่นอกทีแข็งแกร่ งของเขา ใบหน้าเจ้าเล่ห์ภายใต้แสงอาทิตย์สีทองทีสาดส่ อง ดูสง่างามเสี ยจนผูค้ นมิ
อาจละสายตาได้

สายตาอันแพรวพราวทีทําให้ผคู ้ นหลงใหลสอดส่ ายสายตาไปมาแล้วกะพริ บตาคราหนึ ง ช่างดูมีเสน่ ห์เย้ายวนใจ


ยิงนัก จนสามารถเรี ยกเสี ยงกรี ดกร๊ าดอย่างหลงใหลเคลิบเคลิมให้ดงั ขึนไปทัวทังบริ เวณ......

หยวนฟางเฟยปรายตามองไปตาหนึง แล้วสบถขึนอย่างเบา ๆ “ทีแท้กเ็ ป็ นคนเจ้าชูท้ ีทําตัวหว่านเสน่ ห์ไปทัวนี เอง


ใครชอบเขาเข้าก็คงซวยนัก......”

มู่หรงเสวียแหงนหน้ามองฟ้ า คําวิจารณ์ของหยวนฟางเฟยไม่ได้น่าฟังอะไรนัก แต่กค็ ล้ายกับว่านางไม่ได้พดู


อะไรผิด ฟังดูแล้วก็เหมาะสมกับนิสัยของมู่หลิวเฟิ งยิงนัก......
ตอนที 186 เริมงานเลียง

“องค์ชายสี ...องค์ชายสี มาถึงแล้ว.....” เสี ยงเรี ยกร้องอย่างตืนเต้นพากันดังขึนอีกครัง มู่หรงเสวียหันหน้ามองไป


ดูเย่เทียนฉี ก็เห็นเขาอยูใ่ นชุดสี เขียวอ่อน ตรงเอวคาดไว้ดว้ ยเข็มขัดอัญมณี ท่าทางดูองอาจสง่างามไม่ธรรมดา
สามัญ เขายิมน้อย ๆ ทําให้ผคู ้ นรู ้สึกเหมือนกับมีสายลมของฤดูใบไม้ผลิกาํ ลังพัดผ่าน

ิ ก แต่ว่าเขาเป็ นคนในราชวงศ์ ชัดเจนว่าคงมี


“องค์ชายท่านนี ไม่เลวนัก ช่างเหมาะสมกับการเอามาทําเป็ นสามียงนั
ตัวเลือกมากมาย......” หยวนฟางเฟยวิจารณ์ออกมาเสี ยงเบา แล้วถอนหายใจออกมาพร้อมกับส่ ายหัวช้า ๆ

มู่หรงเสวียเลิกคิวขึนเตรี ยมทีจะกล่าววาจา แต่นาเสี


ํ ยงร้องเรี ยกยินดีกลับดังแทรกขึนมาเสี ยก่อน “จิงอ๋ อง...จิงอ๋ อง
มาแล้ว...คุณชายโอวหยาง......คุณชายโอวหยางก็มาแล้ว......”

เมือมู่หรงเสวียหันหน้ามองไปก็เห็นเย่อเฉิ
ี นกับคุณชายโอวหยางกําลังเดินตามกันเข้ามา ใบหน้าหล่อเหลาหาใด
เปรี ยบ ฐานะสูงส่ งเกินอาจเอือม ทําเอาเหล่าบรรดาคุณหนูทีได้เห็นนันพากันใจเต้นตาลาย หัวใจคล้ายกับกวาง
น้อยทีกําลังวิงพล่านไปมา พากันจับกลุ่มกันพูดคุยกันอย่างตืนเต้น......

“มู่หรงเสวีย คนรักของเจ้าถูกหญิงสาวไม่ได้ความพวกนันจับจ้องเข้าให้แล้ว เจ้าจะต้องระวังตัวหน่ อยแล้วละ


......” หยวนฟางเฟยกล่าวเตือนขึนยิมตาหยี แววตาวูบไหวไปด้วยรอยยิมทีสนุ กสนาน ถ้ามีคนรักทีสมบูรณ์แบบ
เกินไป ก็ไม่ใช่เรื องทีดีอะไรนัก......
มู่หรงเสวียปรายตามองนางตาหนึง แล้วกล่าวขึนอย่างราบเรี ยบ “คนรักอะไรทีไหนกัน พวกเราเป็ นแค่เพือนทีดี
ต่อกันเท่านัน”

“หะ !” หยวนฟางเฟยชะงักไปครู่ หนึง เลิกคิวมองไปทีนาง “ข้าว่าไม่ใช่หรอก เจ้ากับคุณชายโอวหยางนังรถม้า


คันเดียวกันอย่างเปิ ดเผยไม่ปิดบังเช่นนัน ยังบอกว่าไม่ใช่คู่รักกันอีกหรื อ”

มู่หรงเสวียขมวดคิวเข้าหากัน “ต้องเป็ นแค่คนรักกันเท่านันหรื อถึงจะนังบนรถม้าคันเดียวกันได้”

“นันก็ไม่ใช่......” หยวนฟางเฟยส่ ายหน้า แต่วา่ คุณชายโอวหยางกับมู่หรงเสวียดูอย่างไรก็ไม่เหมือนกับแค่เพือน


สนิ ทธรรมดาทัวไป......

“ฮ่องเต้เสด็จแล้ว ฮองเฮาเสด็จแล้ว !” เสี ยงแหลมสู งทีมีเฉพาะขันทีดงั ขึน ลานกว้างทีอึกทึกวุ่นวาย เพียงพริ บตา


กลับกลายเป็ นเงียบสงบไร้เสี ยงพูดคุย ขุนนางบุ๋นบู๊ รวมถึงบรรดาครอบครัวพากันคุกเข่าถวายบังคมลงกับพืน
ทันที “ถวายพระพรฝ่ าบาท ขอฝ่ าบาททรงมีอายุยนื หมืนปี หมืนหมืนปี ถวายพระพรฮองเฮา ขอฮองเฮาทรงมีอายุ
ยืนพันปี พันพันปี !”

ฮ่องเต้ทีฉลองพระองค์ในชุดมังกรสี ทองสง่า ค่อย ๆ พระดําเนินไปทีตรงกลางอัฒจันทร์แล้วยิมตรัสขึนน้อย ๆ


“พวกท่านเชิญลุกขึนเถิด !”
“ขอบพระทัยฝ่ าบาท !” ขุนนางบุ๋นบู๊ รวมถึงบรรดาครอบครัวพากันลุกขึน นังลงบนทีนังของตน

มู่หรงเสวียเองก็นงลงตามผู
ั ค้ น สายตาของนางมองไปทีฮ่องเต้ทีประทับอยูบ่ นอัฒจันทร์ ปี นีฮ่องเต้มีพระ
ชนมพรรษาใกล้จะ 40 พรรษาแล้ว แต่ว่าพระวรกายของพระองค์ยงั คงสู งใหญ่องอาจเช่นเดิม สี พระพักตร์ กย็ งั คง
ปกติดี ใบหน้าหล่อเหลาสง่างาม บริ เวณระหว่างพระขนงยังคงแฝงไว้ดว้ ยความรู ้สึกทีเข้มงวดดุดนั ดูน่ายําเกรง

ส่ วนฮองเฮานันมีพระชนมพรรษา 30 กว่าพรรษา ฉลองพระองค์ดว้ ยชุดวิหคเพลิงสี แดงสด ตรงส่ วนเอวคาดไว้


ด้วยเข็มขัดลวดลายวิหคเพลิง บนพระเกศาอันตระการตาปั กไว้ดว้ ยปิ นปั กผมวิหคเพลิงเก้าหาง ทรงมีกริ ยาอัน
อ่อนช้อยและพระพักตร์ ทีงดงาม ท่วงท่าสง่างามสู งส่ งเหมาะกับฐานะมารดาแห่ งแผ่นดินจนหาใดเปรี ยบ เมือ
ประทับเคียงคู่กบั ฮ่องเต้แล้วช่างดูเหมาะสมกันยิงนัก......

“งานเลียงวันนี มีเพือทีจะหนี ร้อนมาพักผ่อน พวกเจ้าก็อย่าได้มากพิธีเลย” แววพระเนตรคมกริ บของฮ่องเต้กวาด


มองขุนนางคนแล้วคนเล่าแล้วกล่าวขึนอย่างเรี ยบ ๆ

“ขอบพระทัยฝ่ าบาท !” เหล่าขุนนางบุ๋นบู๊พากันตอบรับผสมโรง ค่อย ๆ หยิบผลไม้และเหล้าเลิศรสขึนจิบและ


รับประทานอย่างมีมารยาทเป็ นระเบียบเรี ยบร้อย

มู่หรงเสวียเองก็ยกกาเหล้าสี เงินด้านหน้าขึนเทเหล้าลงไปเต็มแก้ว กลินเหล้าทีให้ความรู ้สึกเย็นสบายสดชืนโชย


เข้าจมูก หอมเสี ยจนผูค้ นรู ้สึกเมามาย แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหวอย่างพอใจ ช่างเป็ นเหล้าทีดียงนั
ิ ก!
เมือยกจอกเหล้าขึนเตรี ยมทีจะดืมลงไป ทันใดนันสายลมไร้ลกั ษณ์สายหนึงก็พ่งุ โจมตีเข้าสู่ ดา้ นหน้า ปะทะเข้า
กับข้อมือของนาง จนข้อมือของนางสันไหวทําให้เหล้ากระฉอกออกไปเกือบครึ ง เมือเงยหน้าขึนมองไปด้วย
ความโมโหก็พอดีเห็นเข้ากับใบหน้าหล่อเหลาหาใดเปรี ยบของคุณชายโอวหยาง

ดวงตาสี ดาํ ขลับของเขาลําลึกดังมหาสมุทร ด้านในแววตาวูบไหวไปด้วยความมืดมิดจาง ๆ คล้ายกับกําลังพูดว่า


“เจ้ากําลังบาดเจ็บ ไม่ควรทีจะดืมเหล้า !”

มู่หรงเสวียไม่สนใจ แต่กลับถลึงตามองเขาอย่างท้าทาย “หากข้าจะดืม เจ้าจะทําอะไรได้ !”

“จริ งหรื อ” คิวดกดําของคุณชายโอวหยางค่อย ๆ เลิกขึนน้อย ๆ มองไปทีมู่หรงเสวียคล้ายยิมคล้ายไม่ยมิ “เช่นนัน


เจ้าก็ลองดูว่าจริ ง ๆ แล้วข้าจะทําได้หรื อไม่ได้ !”

มู่หรงเสวียหนังตากระตุกอย่างถีรัว รู ้สึกถึงลางสังหรณ์ทีไม่ดีเกิดขึนในใจ “เจ้าจะทําอะไร”

“หากเจ้าดืมเข้าไปอึกหนึง เจ้าก็จะเข้าใจเอง” แววตาของคุณชายโอวหยางวูบไหวแวววาว ในดวงตาทอประกาย


มืดมิด มู่หรงเสวียทีได้เห็นหนังตาก็กระตุกถีรัว เทเหล้าเลิศรสในแก้วออกอย่างไม่เต็มใจเท่าไรนัก หากคุณชาย
โอวหยางลงมือเอง ไม่ว่าใครก็ลว้ นไม่สามารถทีจะรับมือได้ นางยังไม่อยากแส่ หาเรื องตอนนี จึงเลิกสนใจเหล้า
เลิศรสจอกนี ไปก่อน ไว้วนั หลังถ้ามีโอกาสค่อยดืมก็แล้วกัน......

ความเคลือนไหวของมู่หรงเสวียกับคุณชายโอวหยางนันเงียบเชียบไร้ซุ่ มไร้เสี ยง ขุนนางบุ๋นบู๊รวมถึงบรรดา


ครอบครัวของพวกเขาล้วนไม่มีใครรู ้สึกถึง แต่เย่อีเฉิ นทีกําลังมองดูม่หู รงเสวียกลับเห็ นเข้าพอดี สี หน้าของเขา
มืดครึ มจนน่ากลัว ห่ างกันตังไกลเสี ยขนาดนี แต่พวกเขากับยังกล้าส่ งสายตาหากันไปมา ดูท่าว่าคุณชายโอวหยาง
จะชอบพอมู่หรงเสวียมาก และมู่หรงเสวียเองก็ชอบพอเขามากเช่นกัน......

ซูหนานเซี ยงทีมองคุณชายโอวหยางอยูต่ ลอดเวลาก็มองเห็ นเช่นกัน ในดวงตางามของนางลุกโชนไปด้วยไฟ


โกรธอันดุเดือด ภายใต้สายตาทีจับจ้องของผูค้ นมากมายมู่หรงเสวียกลับยังไม่ลืมทีจะยัวยวนคุณชายโอวหยาง
ช่างเลวร้ายทีสุ ด แน่ นอนว่านางจะต้องสังสอนมู่หรงเสวียให้หนัก ๆ ให้นางจดจําให้ขึนใจ......
ตอนที 187 พิณขลุ่ยประชันเสียง

ซูหนานเซี ยงลุกขึน เดินไปตรงกลางลานกว้างช้า ๆ หันไปทางฮ่องเต้คอ้ มกายลงคํานับ “ฝ่ าบาท งานเลียงแปร


พระราชฐานฤดูร้อนหนึงปี มีเพียงครังเดียว หากเพียงแต่ดืมสุ รา เสวยพระกระยาหารตามธรรมดา คงน่าจะเบือยิง
นัก มิสู้ให้หม่อมฉันดีดพิณเพือเสริ มรสสุ ราดีหรื อไม่เพคะ”

“ดี” ฮ่องเต้พยักพระพักตร์ อย่างชืนชม พระราชวังฤดูร้อนนันห่างไกลจากวังหลวงมากนัก นักดนตรี นางระบําใน


วังหลวงก็ลว้ นไม่ได้ติดตามมาด้วย งานเลียงแปรพระราชฐานครังนี ก็ดูน่าเบือไปจริ ง ๆ อย่างทีนางว่า หากมีคน
ลุกขึนมาเสนอตัวขอแสดงฝี มือทางศิลปะบ้างย่อมเป็ นเรื องทีดีอยูแ่ ล้ว

ซูหนานเซี ยงหลุบตามองตําด้วยรอยยิมขึนวูบหนึงทีแผนการสําเร็ จได้ดงใจ


ั แต่เพียงพริ บตานันก็สลายหายไป
พร้อมพูดขึนเสี ยงเบา ๆ ว่า “หากบรรเลงเพลงพิณเพียงอย่างเดียว ก็ดูจะธรรมดาไปหน่ อย หม่อมฉันได้เตรี ยมหา
คุณหนูผสู ้ ู งศักดิ มาร่ วมบรรเลงเพลงพิณและเพลงขลุ่ยสอดประสานกัน ฝ่ าบาททรงเห็นว่าเป็ นอย่างไรเพคะ”

“เชิญ !” ฮ่องเต้ทรงผายมือเชือเชิญอย่างใจกว้าง

“ขอบพระทัยเพคะฝ่ าบาท” ซูหนานเซี ยงค้อมกายลงคํานับด้วยท่าทางชดช้อย มุมปากยกยิมขึนอย่างชัวร้าย


สายตาคมกริ บกวาดมองไปยังบรรดาคุณหนูสูงศักดิทีละคนทีละคน แล้วก็หยุดลงทีร่ างของมู่หรงเสวีย นางยิม
แย้มขึนพลางเอ่ยกล่าวว่า “ขอเชิญคุณหนู มู่หรงออกมาบรรเลงพิณขลุ่ยร่ วมกับหนานเซี ยงสักเพลงเถอะเจ้าค่ะ !”
มู่หรงเสวียทีกําลังหยิบผลไม้นนชะงั
ั กไปชัวครู่ คิวของนางขมวดแน่ นเข้าหากัน บริ เวณลานกว้างนี มีคุณหนู
ตระกูลดังตังมากมาย คนนู ้นนางไม่เลือก คนนันนางก็ไม่เลือก แต่กลับมาเจาะจงให้ตนไปร่ วมเป่ าขลุ่ยร่ ายพิณ
ด้วย แน่ นอนว่าจะต้องมีเจตนาทีไม่ดี “ขออภัยคุณหนูซูดว้ ยเจ้าค่ะ แต่ขา้ เป่ าขลุ่ยไม่เป็ น”

เมือได้ยนิ เสี ยงปฏิเสธอันไร้เยือใยของนาง ซูหนานเซี ยงก็ไม่ได้ร้อนรนใจหรื อโกรธเคืองแต่อย่างใด เพียงแต่มอง


นางพลางยิมขึนน้อย ๆ “ได้ยนิ มาว่าฮูหยินจวนเจินกัวโหวนันเคยเป็ นสตรี ทีมากความสามารถเป็ นอันดับหนึ ง
ของเมืองหลวง พิณหมากพู่กนั ภาพวาดล้วนชํานาญเก่งกาจยิงนัก คุณหนู ม่หู รงทีเป็ นถึงลูกสาว จะเป่ าขลุ่ยไม่
เป็ นได้อย่างไร......”

มู่หรงเสวียยกยิมเย็น มารดาของนางมีความรู ้เรื องพิณหมากพู่กนั ภาพวาด แล้วนางก็จาํ เป็ นจะต้องรู ้ดว้ ยหรื อ
อย่างไร นี มันตรรกะผุพงั อะไรกัน แซ่ เฉิ นจากโลกนี ไปตังแต่เจ้าของร่ างเดิมอายุเพียงสี ขวบ ต่อให้ทกั ษะทางพิณ
หมากพู่กนั ภาพวาดนันจะลําเลิศกว่านีเพียงใด แต่กไ็ ม่มีทางถ่ายทอดให้เจ้าของร่ างเดิมได้นี !

ซูหนานเซี ยงรู ้ชดั ว่านางไม่ได้เรี ยนรู ้อะไรมาจากแซ่ เฉิ นเลยแม้แต่น้อย แต่กย็ งั จะให้ตวั นางไปร่ วมร่ ายบรรเลง
เพลงพิณเป่ าขลุ่ยกับนางด้วย เห็นได้ชดั ว่าต้องการเห็นนางขายหน้า......

นางมาทีพระราชวังฤดูร้อนก็เพียงเพือหลบร้อนเท่านัน ไม่ได้หาเรื อง ไม่ได้ก่อกวนซูหนานเซี ยงเลยแม้แต่นอ้ ย


เลย แล้วเหตุใดซูหนานเซี ยงถึงได้จอ้ งหาเรื องนางไม่ปล่อยกัน
เมือเห็นมู่หรงเสวียเงียบไปไม่พูดจา ซูหนานเซี ยงก็ยกมุมปากยิมเย็นอย่างยากทีจะได้พบเห็นขึน นางรู้อยูแ่ ล้ว
ว่ามู่หรงเสวียนันเป่ าขลุ่ยไม่เป็ น และก็เพราะรู ้ว่ามู่หรงเสวียไม่สามารถ นางจึงยิงอยากให้มู่หรงเสวียมาดีดพิณ
เป่ าขลุ่ยร่ วมกันกับนาง

“คุณหนูม่หู รง ฝ่ าบาททรงประทานอนุ ญาตด้วยพระองค์เอง ให้ขา้ กับเจ้าร่ วมบรรเลงพิณขลุ่ย หากแม่นางมู่หรง


ปฏิเสธ จะมิใช่เป็ นการขัดราชโองการไม่เคารพเบืองสู งหรื อ......”

มู่หรงเสวียยิมเย็นทีมุมปาก ขัดราชโองการไม่เคารพเบืองสู งอย่างนันหรื อ ซูหนานเซี ยงคิดจะโยนความผิดใหญ่


หลวงเช่นนี ลงหัวนางเสี ยแล้ว หากว่านางเอ่ยปฏิเสธอีกครัง ซูหนานเซี ยงคงพูดว่าควรยึดบ้านประหารทังตระกูล
เสี ยกระมัง !

ในเมือซูหนานเซี ยงลงแรงคิดอุบายอย่างเต็มที เพือคิดทีจะบรรเลงพิณขลุ่ยร่ วมกับนาง เช่นนันนางก็จะทําให้ซู


หนานเซี ยงได้สมใจปรารถนา แต่ว่า “ข้าเป่ าขลุ่ยไม่เป็ นจริ ง ๆ ใช้อย่างอืนแทนได้หรื อไม่”

“แน่นอนว่าได้” ซูหนานเซี ยงพยักหน้าเบา ๆ มุมปากของนางยกยิมเย็นอย่างยากทีจะสังเกตเห็นได้ อีกไม่นาน


นางก็จะขายหน้าจนหมดสิ น ใช้อะไรแทนก็ไม่ต่างกัน

“ขอบคุณมาก !” มู่หรงเสวียพูดขึนอย่างเรี ยบ ๆ นางลุกขึนเดินไปทีต้นไม้ใหญ่ขา้ ง ๆ ยกมือขึนเด็ดใบไม้สีเขียว


สดออกมาหนึงใบ ปั ดฝุ่นด้านบนออกเบา ๆ......
“ข้าจะเริ มดีดพิณแล้ว คุณหนูม่หู รงฟังให้ดีล่ะ !” ซูหนานเซี ยงพูดขึนอย่างถือดี นิ วเรี ยวงามวางลงบนสายพิณ
จรดนิ วดีดลงไปเบา ๆ เสี ยงพิณเยือกเย็นดังก้องขึน ก้องกังวาลไปทัวโดยรอบบริ เวณ รื นหู ชวนฟั งยิงนัก

ทุกคนล้วนตกตะลึงในใจ ต่างพากันชืนชมไม่ขาดปาก ไม่เลว ไม่เลวเลย เสี ยงพิณบรรเลงได้ไม่เลวเลยทีเดียว ไม่


รู ้ว่าเช่นนี มู่หรงเสวียจะสอดประสานได้หรื อไม่

เมือเหลือบตามองไปทีมู่หรงเสวีย ก็เห็นเพียงว่านางค่อย ๆ หยิบใบไม้วางลงทีริ มฝี ปาก แล้วเสี ยงทํานองเสนาะหู


ค่อย ๆ ดังขึนอย่างช้า ๆ เมือสอดประสานกับเสี ยงพิณแล้ว ให้ความรู ้สึกเยือกเย็นแต่อ่อนโยน ช่างรื นหู น่าฟังนัก
......

ซูหนานเซี ยงขมวดคิวน้อย ๆ คิดไม่ถึงว่ามู่หรงเสวียก็พอจะมีฝีมืออยูบ่ า้ ง สามารถสอดประสานกับเสี ยงพิณของ


นางได้เช่นนี แต่ว่าอีกครู่ เดียวเท่านันนางจะทิงห่ างมู่หรงเสวียให้ดู......

สายตาเยียบเย็น นิวเรี ยวงามทังสิ บของนางเร่ งดีดพิณเร็ วรัว ทํานองผันแปรฉับพลัน เสี ยงพิณแหลมสู งชวนให้คน
ฟังจิตใจฮึกเหิ ม สี หน้าตืนเต้นจนเลือดในกายพลุ่งพล่าน......

มู่หรงเสวียเหยียดยิมเย็น ทํานองทีซูหนานเซี ยงบรรเลงนัน เหมาะเพียงบรรเลงด้วยพิณเท่านัน การจะใช้ขลุ่ยเอย


ปี เอย ไม่มีทางทีจะสามารถเป่ าได้ทนั นางเลือกเพลงนี มาบรรเลงร่ วมกับตน เห็นได้ชดั ว่าต้องการให้ตนขายหน้า
ตัวนางนันไม่มีทางให้นางได้สมหวังแน่......
แววตาของมู่หรงเสวียฉายแววเยือกเย็นออกมา ทํานองพลันเปลียนแปลงไป บางครังเสี ยงสู งบางคราเสี ยงตํา
เหมือนกับเมฆทีโบยบินเป็ นอิสระบนท้องฟ้ า ราวกับสายลมแผ่วหยาดฝนโปรยเข้าภายในใจ ทําเอาจิตใจของ
ผูค้ นสงบรื นรมย์ ผูค้ นต่างสบตากัน สี หน้านันแสดงความประหลาดใจ เสี ยงเป่ าใบไม้ของมู่หรงเสวียนันไพเราะ
แต่นีมันไม่ใช่ทาํ นองเดียวกันกับการดีดพิณของซูหนานเซี ยงนี นา......

มู่หรงเสวียร้องฮึขึนเบา ๆ ในใจ ใครเป็ นกําหนดไว้เล่าว่าหากบรรเลงร่ วมกันต้องบรรเลงทํานองเดียวกัน ซู


หนานเซี ยงเตรี ยมทีจะแสดงข่มนาง ผลักนางลงไปในโคลนตม ถ้าหากนางยังบรรเลงทํานองเดียวกับซูหนาน
เซี ยง นางนันก็คือคนโง่งมผูห้ นึงเท่านัน......

เมือมองมู่หรงเสวียทีถือใบไม้เป่ าบรรเลงท่วงทํานองอย่างสบายอารมณ์นนั ซูหนานเซี ยงก็ยมหยั


ิ นดูถกู ขึน ตังแต่
โบราณจนถึงตอนนี มีใครทีใช้ใบไม้ธรรมดา ๆ มาเป่ าบรรเลงเพลงกันบ้าง มู่หรงเสวียถือเป็ นคนแรกทีทําเช่นนี
จริ ง ๆ

เสี ยงดนตรี ทีนางเป่ านันแม้จะไพเราะ แต่อย่างไรเสี ย เสี ยงเพลงนันก็ดงั มาจากใบไม้เน่า ๆ ใบหนึ งเท่านัน ก็
เหมือนกับอาชาสวรรค์ทีวิงวนไปมาบนฟ้ าอยูเ่ ช่นนัน วุ่นวายไร้ระเบียบ ไม่มีรูปแบบตายตัว แต่นางกลับยังกล้า
เอามาแสดงให้ขายหน้าถึงทีนี น่ าหัวเราะเสี ยจริ ง เมือเทียบกับเสี ยงพิณของตนแล้วยังห่ างไกลอีกหนึงแสนแปด
พันลี ยกนี ดูท่าว่ามู่หรงเสวียจะต้องพ่ายแพ้แน่นอน......

ซูหนานเซี ยงยิมเย้ยหยันขึนทีมุมปาก ในขณะทีเตรี ยมจะประชดเยาะเย้ยมู่หรงเสวียสักสองสามประโยคอยูน่ นั


นางก็ได้ยนิ เสี ยง “พึบพับ ๆ” ดังขึนเสี ยงหนึ ง ทันใดนันนกตัวหนึงก็บินเข้ามาในลานกว้าง

นีมันเรื องอะไรกัน ?
ซูหนานเซี ยงขมวดคิวแน่น ในขณะทีนางกําลังจะเอ่ยถามขึนนันก็ได้ยนิ เพียงเสี ยง “พึบพับ ๆ” ดังขึนเรื อย ๆ อีก
ครัง นกตัวเล็ก ๆ สี สวยสดตัวแล้วตัวเล่าต่างบินเข้ามาในลานกว้าง แล้วบินไปทางมู่หรงเสวีย......

บรรดานกต่างพากันบินเข้ามารวมตัวกันตามท่วงทํานองทีมู่หรงเสวียเป่ าออกมา พากันเรี ยงแถวเป็ นรู ปคน รู ป


ภูเขา รู ปเหลียมทรงต่าง ๆ นานาหลากหลายรู ปแบบ ขึนลงตามเสี ยงของทํานองเพลง บินร่ อนวนรอบลานกว้าง
ไปมาไม่หยุด

รู ปขบวนทีงดงาม กลายเป็ นกลุ่มก้อนทีสวยงาม ช่างดูพร้อมเพรี ยงเป็ นหนึงเดียวกัน ทําให้ผคู ้ นต้องอ้าปากค้าง


มองอย่างตกตะลึง องครักษ์ทีรักษาการณ์ นางกํานัลทีกําลังทํางานกันอย่างยุง่ วุน่ วาย รวมถึงพวกขันทีลว้ นพากัน
หยุดชะงัก มองดูดว้ ยสายตาอันเหลือเชือ......

มีนกใจกล้าบางตัว ทีบินออกจากกลุ่มขบวน ค่อย ๆ ไปหยุดอยูท่ ีพระหัตถ์ของฮองเฮา และเหล่าสนม......

ตอนแรกฮองเฮาและเหล่าสนมก็พากันตกใจเล็กน้อย แต่เมือเห็นว่านกน้อยเหล่านันเพียงหยุดนิง ไม่ได้มีการ


เคลือนไหวอืนใด ก็ค่อย ๆ วางพระทัยลง เมือเห็นนกน้อยค่อย ๆ หลับตาลง ท่าทางทีเคลิบเคลิมหลงใหลไปกับ
เสี ยงเพลงอันไพเราะ ค่อย ๆ ยกเท้าเล็ก ๆ ขึนมา กระพือปี กเบา ๆ......

ตรงบริ เวณทีคุณชายโอวหยางนังนันก็มีนกน้อยปี กหางสี สดอยูต่ วั หนึง แต่ว่ามันเพียงหยุดอยูท่ ีบนโต๊ะตรงหน้า


เขา ขยับปี ก หมุนตัว กางปี กกระพือไปมา แสดงท่าทางร่ ายรํางดงามให้เขาดูดว้ ยท่าทางอวดดี......
ดวงตาสี ดาํ ขลับราวกับนิลของคุณชายโอวหยางมองผ่านกลุ่มนกไปหยุดอยูท่ ีร่ างของมู่หรงเสวียทีกําลังเป่ าใบไม้
บรรเลงเพลง ภายใต้แสงอาทิตย์สีทองทีสาดส่ องลงมานัน ผมสี ดาํ สนิ ทของนางปลิวไสว กระโปรงสี ม่วงอ่อน
พลิวไหวตามสายลม ดูท่าทางเยือกเย็นอีกทังยังหยิงทะนง ชวนให้ผคู ้ นหลงใหลเคลิบเคลิม......
ตอนที 188 ราชทูตจากหนานเจียง
มุมปากของเขายกยิมขึนอย่างยากทีจะได้เห็น เด็กสาวทีทังโง่ทงเขลา
ั แต่ตอนนีกลับสามารถใช้ดนตรี ในการ
ดึงดูดเหล่าปั กษา ทําให้นางเริ มทีจะดูฉลาดขึนมาหน่ อยแล้ว......

แววตาทีเย่อีเฉิ นใช้มองมู่หรงเสวียนันเต็มไปด้วยความสลับซับซ้อน เขาไม่เคยรู ้มาก่อนเลยว่านางจะสามารถใช้


ใบไม้บรรเลงท่วงทํานองทีไพเราะเช่นนี ได้ แต่ก่อนเขาคงพบเจอทําความรู ้จกั กับนางน้อยเกินไปแล้วจริ ง ๆ จึง
ไม่รู้ถึงความสามารถและพรสวรรค์ของนางเช่นนี......

มู่หลิวเฟิ งนังเอนหลังชิดติดพนักเก้าอี เขาใช้สายตากวาดมองไปทีคุณชายโอวหยาง เย่อีเฉิ น แล้วสุ ดท้ายก็ตกไปที


ร่ างของมู่หรงเสวียอย่างขํา ๆ และอดทีจะทอดถอนหายใจออกมาเบา ๆ มิได้ ถ้ามีคนรักทีดีงามสมบูรณ์แบบ
จนเกินไป ไม่ว่าเวลาใดก็ลว้ นจะมีแต่ผคู ้ นคิดทีจะจับจ้องแย่งชิง ถือเป็ นเรื องราวทีน่ ารําคาญใจยิงนัก......

ั อได้วา่ เป็ นเรื องทีเหนื อความคาดหมายมากเรื องหนึ ง แต่มู่หรง


ทว่าการทีจะบรรเลงเพลงดึงดูดเหล่าปั กษาได้นนถื
เสวียนางกลับสามารถทีจะทํามันได้ จนเขาทีได้ดูชมนันรู้สึกตืนตาตืนใจยิงนัก ถ้าหากมู่หรงเสวียไม่ได้เป็ นคนที
คุณชายโอวหยางชอบพอแล้วล่ะก็ แน่นอนว่าเขาคงคิดทีจะลงมือแล้ว......

ภายใต้แสงอาทิตย์สีทองทีระยิบระยับ มู่หรงเสวียจับใบไม้เอาไว้อย่างเบามือ ท่วงทํานองอันไพเราะค่อย ๆ หยุด


ลง บรรดานกน้อยทีถูกแววตาอันตืนตะลึงของฝูงชนจับจ้องต่างแตกฮือกระจายกันออกไปโดยรอบทิศทาง พา
กันกระพือปี กเบา ๆ ทะยานขึนไปบนฟากฟ้ า ทิงแผ่นหลังทีสง่างามเอาไว้ให้ฝงู ชน......
ฝูงชนเหล่านันมองไปยังบนอากาศทีว่างเปล่า แววตาของพวกเขายังคงเต็มไปด้วยความตืนตะลึง นิงอยูน่ านก็ยงั
ไม่หลุดจากภวังค์......

“ดี !” ทันใดนันบริ เวณลานกว้างก็มีเสี ยงร้องดังขึนด้วยความชืนชม ขุนนางบุ๋นบู๊รวมถึงบรรดาครอบครัวราวกับ


ตืนจากความฝัน พากันกล่าวชืนชมด้วยแววตาอันอัศจรรย์ใจ “ฝูงปั กษาพอได้ยนิ ถึงเสี ยงบรรเลงเพลง ก็เลย
มาร่ วมรับฟัง อีกทังยังพากันเต้นรําไปตามท่วงทํานองของเพลง ช่างทําให้ผคู ้ นรู ้สึกอัศจรรย์ใจยิงนัก......”

“ใช่น่ะสิ ข้ามีชีวิตอยูม่ าเกือบครึ งชีวิต นีเป็ นครังแรกทีได้เห็นเสี ยงเพลงทีดึงดูดมวลปั กษา ช่างน่าเหลือเชือยิงนัก


......”

“การบรรเลงเพลงดึงดูดมวลปั กษานี เป็ นสิ งอัศจรรย์ทีหาชมได้ยากของแผ่นดิน แต่วนั นี ข้ากลับสามารถได้ดูชม


ชีวิตนี ก็คงไม่เสี ยดายแล้ว......”

“มวลปั กษามักจะชอบเพียงเสี ยงเพลงทีไพเราะ เสี ยงเพลงทีคุณหนูมู่หรงเป่ าบรรเลงฟั งแล้วเสนาะหูดงเสี


ั ยง
สวรรค์ยงนั
ิ ก......”

“อะแฮ่ม.....คุณหนูซูกด็ ีดพิณอยูเ่ หมือนกัน เหล่ามวลปั กษาพวกนันไม่ใช่ว่าเป็ นนางทีดึงดูดมาหรอกหรื อ......”

“เจ้าโง่หรื อไง ไม่เห็นหรื ออย่างไรว่าตอนทีคุณหนูม่หู รงเปลียนท่วงทํานอง พวกมวลปั กษาถึงจะบินเข้ามาน่ะ ”


“ไม่เห็นหรื อว่าพวกมันล้วนพากันร่ ายรําอยูด่ า้ นบนท้องฟ้ าทีคุณหนูมู่หรงยืนอยู”่

“ไม่เห็นพวกมันเปลียนรู ปขบวนทิศทางตามจังหวะเสี ยงเพลงทีคุณหนูมู่หรงเป่ าหรื อ......”

“หลังจากทีฝูงนกพวกนันบินเข้ามาแล้ว ข้าก็ไม่ได้ยนิ เสี ยงพิณของคุณหนูซูอีก......”

“ใช่แล้ว ใช่แล้ว เสี ยงพิณสายนันล้วนถูกเสี ยงกระพือปี กของมวลปั กษากลบจนมิด......”

“เจ้าได้ยนิ หรื ออย่างไรว่าหลังจากนันคุณหนูซูดีดเพลงอะไรบ้าง......”

“ไม่ได้ยนิ ......”

“แล้วเช่นนันเจ้ายังกล้าพูดอีกหรื อว่านกพวกนันเป็ นนางทีดึงดูดมา......”

เสี ยงวิพากษ์วจิ ารณ์ของฝูงชนนันไม่ดงั ไม่เบาจนเกินไป แต่กย็ งั ดังจนผูค้ นทังหมดในงานเลียงล้วนแล้วได้ยนิ


ใบหน้าของซูหนานเซียงเดียวแดงเดียวขาว เพียงพริ บตาก็เปลียนสี ไปมามากมายไม่นอ้ ย แววตาวูบไหวด้วย
ประกายแสงอันเย็นเยียบ
การทีนางลําบากลําบนคิดแผนการบรรเลงพิณขลุ่ยรวมกันขึนในครังนี ก็เพือทีจะสะบัดมู่หรงเสวียให้ทิงห่ าง
ออกไปหนึ งแสนแปดหมืนลี ภายใต้สายตาของผูค้ นทีมากมาย นางต้องการทีจะสร้างความอับอายให้แก่มู่หรง
เสวีย ทําให้คุณชายโอวหยางได้รู้ว่าเมือเปรี ยบกับมู่หรงเสวียแล้ว นางนันเพียบพร้อมกว่าเป็ นร้อยเท่าพันเท่า แต่
ว่าตอนนี คนทีถูกทําให้อบั อายกลับกลายเปลียนเป็ นนางเสี ยเอง......

ก็แค่เป่ าบรรเลงเพลงด้วยใบไม้เน่า ๆ ใบหนึ ง ดึงดูดฝูงปั กษาทีโง่เง่ามาได้ มีอะไรน่าภูมิใจกัน ?

เมือมองไปทีเหล่าขุนนางบุ๋นบู๊ทีเต็มไปด้วยเสี ยงชมเชยและเทิดทูนนับถือแล้ว พวกเขาช่างเป็ นกลุ่มคนโง่งมทีไม่


เคยออกไปเห็นโลกกว้างยิงนัก......

“ใช้ใบไม้เป็ นเครื องดนตรี เป่ าบรรเลงเพลงทีเหมือนกับเสี ยงสวรรค์ออกมา ช่างทําให้ผคู ้ นตืนตาตืนใจยิงนัก


เสวียเอ๋ อร์ เป็ นใครทีสอนเจ้ากัน ?” อยู่ ๆ ฮองเฮาก็ตรัสขึน พระนางค่อย ๆ หันมองไปทางมู่หรงเสวีย แววพระ
เนตรเต็มไปด้วยความสงสัยและชืนชม

มู่หรงเสวียย่อกายลงคํานับไปทางฮองเฮา ยิมน้อย ๆ แล้วกล่าวขึนว่า “ทูลฮองเฮาเพคะ ตอนเด็ก ๆ หม่อมฉันไม่มี


อะไรทําก็เลยเอาใบไม้มาเป่ าเล่น พอนานวันเข้าก็สามารถเป่ าจนเป็ นท่วงทํานองได้เอง ไม่มีผใู ้ ดสอนเพคะ”

จริ ง ๆ แล้วเสี ยงเพลงทีนางเพิงเป่ าเมือครู่ นีนันแฝงไว้ดว้ ยภาษาลับทีเอาไว้ใช้สือสารกับพวกนกจากยุคปั จจุบนั


เสี ยงร้องของนกทีชัดเจนขนาดนัน แน่ นอนว่าก็ตอ้ งสามารถดึงดูดมวลปั กษามาได้
“ทีแท้ก็ศึกษาจนสําเร็ จวิชาเองน่ ะหรื อ ช่างฉลาดหลักแหลมยิงนัก !” ฮองเฮาค่อย ๆ ตรัสขึน แววพระเนตรเต็มไป
ด้วยความชืนชมอันเห็นได้ชดั

มู่หรงเสวียยิมน้อย ๆ “ฮองเฮาทรงกล่าวชมเกินไปแล้วเพคะ !”

“มีพ่อแม่ทีเพียบพร้อมเช่นเจินกัวโหวกับเจินกัวโหวฮูหยิน เสวียเอ๋ อร์ ทีฝึ กฝนจนสําเร็ จวิชาเองก็เป็ นเรื องทีไม่


แปลกนัก” ฮ่องเต้ปรายตามองมู่หรงเสวียตาหนึงแล้วก็เปิ ดปากขึน แววตาวูบไหวไปด้วยความคิดอ่านทีผูค้ นมิ
อาจจะเข้าใจได้

ฮองเฮาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “จริ งสิ นะ เสวียเอ๋ อร์ เติบโตขึนมามีหน้าตาทีเหมือนกับมารดา แน่นอนว่าก็ตอ้ ง


สื บทอดความฉลาดและพรสวรรค์มาจากมารดา......”

ทันใดนันใบหน้าเรี ยวเล็กของซูหนานเซี ยงก็ซีดขาวจนไร้สีเลือด นางค่อย ๆ แอบมองไปทีคุณชายโอวหยาง


พอดีเห็นเข้ากับเขาทีกําลังยกจอกเหล้าทีทําจากหยกขาวขึนลิมรสเบา ๆ สายตาจ้องมองไปทีมู่หรงเสวียอย่างทีไม่
คิดหลบซ่ อน แววตาของเขาเจือปนไปด้วยรอยยิมเอ็นดูจาง ๆ ซูหนานเซี ยงทีได้เห็นนันทําให้ในอกของนางลุก
โชนไปด้วยไฟแค้น ฝ่ ามือภายใต้แขนเสื อค่อย ๆ กําเข้าหากันแน่น !

มู่หรงเสวีย ! มู่หรงเสวีย ! มู่หรงเสวีย !


ผูค้ นทีอยูต่ ามทีนังล้วนพากันพูดถึงมู่หรงเสวีย ฮ่องเต้กบั ฮองเฮาก็เริ มทีจะเอ็นดูนางมากขึน คุณชายโอวหยางนัน
ก็มองเพียงแต่นาง นางมีอะไรดีกนั ? นางอาศัยเพียงโชคดวงชักนําให้สัตว์ป่าฝูงหนึงบินไปบินมาก็เท่านันเอง
เพียงแค่นีพวกเขาก็พากันเห็นนางเป็ นของลําค่าไปเสี ยแล้วหรื อ

นางต่างหากถึงจะเป็ นหญิงงามอันดับหนึงของชิงเหยียน นางไม่สามารถทีจะแพ้ให้แก่มู่หรงเสวียได้ ไม่สามารถ


แพ้ได้ !

แววตาของซูหนานเซี ยงวูบไหวไปด้วยความหนาวเหน็บทีพร้อมจะทิมแทง ขบเขียวเคียวฟันไปมา คิดหา


แผนการทีจะสามารถทําให้มู่หรงเสวียพ่ายแพ้ได้อย่างรวดเร็ ว

แต่ทนั ใดนันขันทีผหู ้ นึงก็เดินเข้ามาอย่างเร่ งรี บ กล่าวถวายรายงานขึนอย่างนอบน้อม “ทูลฝ่ าบาท ราชทูตจาก


แคว้นหนานเจียงขอเข้าพบพ่ะย่ะค่ะ !”

ลานกว้างทีก่อนหน้านันมีเสี ยงดังอึกทึก เพียงพริ บตาก็พลันเงียบสงบลง ฝูงชนต่างมองหน้ากันไปมา แววตาเต็ม


ไปด้วยความแปลกใจ ทูตจากแคว้นหนานเจียงมาทีชิงเหยียนเมือใดกัน ? อีกทังยังไม่ยอมไปทีเมืองหลวงแต่
กลับมาขอเข้าพบฝ่ าบาททีพระราชวังฤดูร้อนเช่นนี เห็นทีการสื บข่าวของพวกเขาช่างกว้างขวางนัก !

แววพระเนตรของฮ่องเต้พลันเคร่ งขรึ มขึนมาทันใด พร้อมทังพูดกล่าวขึน “เชิญเข้ามา !”

“พ่ะย่ะค่ะ !” ขันทีน้อยตอบรับอย่างนอบน้อมหันไปด้านนอกลานกว้างกล่าวเบิกตัวขึนเสี ยงดัง “เบิกตัวราชทูต


แคว้นหนานเจียงเข้าเฝ้ า !”
ทูตจากแคว้นหนานเจียงอย่างนันหรื อ !

ในหัวของมู่หรงเสวียพลันปรากฏภาพของเหล่านักฆ่าทีน่ากลัวสยดสยองทีปรากฏตัวขึนในจวนร้างวันนัน แวว
ตาอันปราดเปรื องค่อย ๆ หรี เล็กลง คนของหนานเจียงนันลึกลับ อีกทังยังชอบทําของแปลก ๆ ขึนมา หนอน
ตะขาบเอย พิษเอย ล้วนเป็ นสิ งทีพวกเขาชืนชอบทีสุ ด

หลังจากทีนางมาถึงชิงเหยียนแล้ว นางก็เคยพบเจอแต่เพียงพวกนักฆ่าโลหิ ตทมิฬทีพวกเขาบ่มเพาะขึนมาเท่านัน


ยังไม่เคยได้พบคนหนานเจียงอย่างจริ ง ๆ จัง ๆ เสี ยที เช่นนันก็ขอดูเสี ยหน่อยว่าหน้าตาของราชทูตจากแคว้น
หนานเจียงผูน้ ีนันเป็ นเช่นไร

เมือหันไปมองทีปากทางเข้าของลานกว้าง นางก็เห็นชายผูห้ นึ งค่อย ๆ ก้าวเท้าเดินเข้ามา เขามีอายุประมาณ 20 ปี


ใบหน้าหล่อเหลา ผิวพรรณขาวนวลจนแทบจะเรื องแสงได้ อีกทังยังมีกลินอายอันดํามืดล้อมรอบอยูจ่ าง ๆ
ดวงตาของเขานันเป็ นสี นาตาลอมแดง

เสื อผ้าตัวยาวสี ดาํ ถูกตัดมาอย่างพอดีตวั ด้านบนปั กไว้ดว้ ยลวดลายของดอกชงโคสี แดงดอกใหญ่ทีดูคล้ายกับสี


ของเลือดอย่างไรอย่างนัน ท่าทางของเขาดูหยิงยโส ถือตัว ลึกลับ และอันตราย อีกทังยังมีกลินอายของความ
อํามหิตเจือปนอยูไ่ ม่น้อย
พวกคุณหนูชนชันสูงทีได้เห็นต่างก็พากันขนลุกชัน หนังตากระตุกขึนอย่างถีรัว ในใจนึกคิดว่า ทูตจากแคว้น
หนานเจียงผูน้ ี ช่างทําตัวมืดมนยิงนัก เพียงแค่มองดูกท็ าํ ให้ผคู ้ นรู ้สึกไม่ปลอดภัย แน่ นอนว่าเขาจะต้องอันตราย
มากแน่ ๆ......

ชายผูน้ นไม่
ั สนใจต่อการจ้องมองของผูค้ น เขาเดินตรงไปทีด้านหน้าของอัฒจันทร์ ค่อย ๆ โค้งกายลง “ชางฉง
ถวายบังคมฝ่ าบาท !” นําเสี ยงอันไพเราะสง่างามแฝงด้วยความแหบแห้งน้อย ๆ ดังขึน ทําให้ผคู ้ นทีได้ยนิ ต่างพา
กันเคลิบเคลิม

หยวนฟางเฟยทีได้ฟังก็เบิกตากว้างมองไปทางเขาตาไม่กะพริ บ “ทีแท้เขาก็คือชางฉง !”

มู่หรงเสวียกะพริ บตาหันมองไปทีหยวนฟางเฟย “เจ้าเคยได้ยนิ ชือของเขาหรื อ ?”


ตอนที 189 เทพเซียนมาเอง

“เขาเป็ นบุตรชายคนเล็กของเฉิ งเซี ยงแห่ งแคว้นหนานเจียง และก็ยงั เป็ นน้องชายของชายาองค์รัชทายาทแห่ ง


แคว้นหนานเจียง ทหารทีเคยเฝ้ ารักษาชายแดนตรงหนานเจียงล้วนแต่รู้จกั เขา” หยวนฟางเฟยกล่าวขึนเสี ยงเบา

มู่หรงเสวียพยักหน้าด้วยท่าทางเข้าใจ เขาทีมีฐานะทีสู งส่ งขนาดนี แน่นอนว่ามีคุณสมบัติเป็ นราชทูตจากหนาน


เจียงได้

“ข้ายังเคยได้ยนิ มาอีกว่า คนผูน้ ี มีนิสัยแปลกประหลาด เดียวดีเดียวร้ายฆ่าคนไม่เลือกหน้า......”

หยวนฟางเฟยพูดเสี ยงกดตําด้วยท่าทีลึกลับ แววตาวูบไหวไปด้วยความกลัวน้อย ๆ

มู่หรงเสวียเพียงแค่ยมออกมาน้
ิ อย ๆ เห็นว่ารอบกายของชางฉงเต็มไปกลินอายของความมืดมิดอันหนาแน่น
ขนาดนี แค่ดูกร็ ู ้วา่ เขาเป็ นคนทีมีพรสรรค์เกียวกับเรื องราวในเงามืด ความโหดเหี ยมและป่ าเถือนล้วนเป็ นนิสัย
ของคนเช่นพวกเขา ไม่มีทางทีอารมณ์และนิ สัยจะดีได้ !

ฮ่องเต้ทีประทับอยูบ่ นพระทีนังสี เหลืองทองอร่ ามก้มลงทอดพระเนตรชางฉงอย่างผูท้ ีมีอาํ นาจเหนือกว่า พร้อม


กับกล่าวขึนเสี ยงเย็น “ไม่รู้ว่าชางฉงมาทีชิงเหยียนมีเรื องราวอันใดหรื อ ?”
“กระหม่อมได้รับพระบัญชาจากองค์เหนือหัวให้มาส่ งมอบของขวัญแก่ฮ่องเต้แห่ งแคว้นชิงเหยียนพ่ะย่ะค่ะ” ชา
งฉงยกยิมมุมปากขึนอย่างงดงาม แต่รอยยิมนันกลับแฝงไปด้วยความลึกลับและอันตราย !

“มอบของขวัญหรื อ ?” แววพระเนตรของฮ่องเต้วบู ไหวลําลึก ปลายปี ของปี ทีแล้วหนานเจียงกับชิงเหยียนเพิงจะ


ทําสงครามด้วยกันไปหนหนึ ง และเป็ นฝ่ ายหนานเจียงทีสู ญเสี ยอย่างหนักหนาสาหัสจนต้องยอมยุติสงครามลง
ฮ่องเต้แคว้นหนานเจียงคงจะเกลียดพระองค์เข้ากระดูกดํา ของขวัญทีส่ งมอบมาให้นนแน่
ั นอนว่าจะต้องไม่ใช่
ของดีอะไร......

เมือทอดสายตามองไปทีฉางชง ก็เห็นว่าเขาหยิบม้วนกระดาษออกมาม้วนหนึงแล้วค่อย ๆ เปิ ดออกอย่างรวดเร็ ว


ทําให้ภาพวาดด้านในค่อย ๆ ปรากฏสู่ สายตาของผูค้ น บนกระดาษสี ขาวด้านบนเป็ นรู ปวาดมังกรทองห้านิ วตน
หนึ ง ดวงตาของมังกรทองตนนันคมกริ บแวววาว ลําตัวใหญ่ยาว กรงเล็บคมกริ บ ให้ความรู ้สึกทีน่ าเกรงขามและ
ทรงพลังอํานาจ

เพียงแต่มงั กรทองนันวาดไว้เพียงแค่ครึ งกายด้านหน้า แต่ว่าครึ งกายด้านหลังกลับยังคงว่างเปล่าเหมือนกับว่าอยู่


ๆ ก็มีบางสิ งบางอย่างชนเข้ามาจนร่ างกายส่ วนหลังอีกครึ งนันกระเด็นหายไปอย่างไร้ร่องรอย......

มังกรนันเปรี ยบเสมือนบารมีและอํานาจอันสู งส่ งของฮ่องเต้ ชางฉงทีนํารู ปวาดมังกรทีพิกลพิการมามอบเป็ น


ของขวัญให้แก่พระองค์ แน่นอนว่าต้องเป็ นการสาปแช่งให้พระองค์พิกลพิการ สิ นชีวิตลงในเร็ ววัน......

แววตาของตูซ้ ่ างซูทีนังอยูต่ รงริ มสุ ดวูบไหวไปมา เขาตบโต๊ะกล่าวขึน “ชางฉง เจ้ากลับกล้าล่วงเกินฝ่ าบาทเช่นนี


ช่างบังอาจยิงนัก !”
เขาเป็ นคนแรกทีกล้าต่อว่าชางฉง แน่นอนฝ่ าบาทว่าจะต้องทรงจดจําเขาได้ รอจนเรื องราวจบลงแล้ว พระองค์
ต้องพระราชรางวัลแก่เขาทีสร้างผลงานอย่างแน่นอน......

นําเสี ยงต่อว่าด้วยความเกรี ยวกราดดังเข้าหูสันสะเทือนไปถึงหัวใจ ชางฉงไม่สนใจ เขาค่อย ๆ ปรายตามองไปที


เขาอย่างช้า ๆ แล้วกล่าวขึนอย่างไม่รีบไม่ร้อน “ชางฉงล่วงเกินฝ่ าบาททีใดกัน เชิญท่านพูดกล่าวให้กระจ่าง”

“เจ้าวาดมังกรครึ งตัวบนภาพวาด ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่เคารพต่อฝ่ าบาทหรอกหรื อ” ตูซ้ ่ างซูชีนิวไปทีภาพวาดมังกร


พิการนัน แล้วตวาดขึนด้วยความโมโห

“มังกรในภาพวาดนันชัดเจนว่าเป็ นมังกรเต็มตัวทีทรงอํานาจไม่ธรรมดาตนหนึง ถือว่าเป็ นการอวยพรให้พระ


วรกายของฝ่ าบาทแข็งแรง ไหนเลยจะเป็ นมังกรครึ งตัวไปได้......” ชางฉงกวาดสายตามองตูซ้ ่ างซูขนลงไปมาครู
ึ ่
หนึ ง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม “แต่ว่าถึงจะมองผิดก็คงโทษท่านไม่ได้ ในเมือท่านเองก็
อายุมากแล้ว คงไม่สามารถหลีกเลียงอาการตาลายพร่ ามัวทีเกิดขึนได้......”

“คนแก่ชราภาพแล้วหากอยูใ่ นราชสํานักก็คงไม่สามารถทีจะทําเรื องราวสําคัญ ๆ อะไรได้อีก สมควรทีจะเกษียณ


ตัวเองลากลับไปอยูบ่ า้ นเกิด แล้วส่ งมอบตําแหน่งขุนนางต่อให้คนหนุ่ มทีอายุยงั น้อยถึงจะถูกต้อง แต่ท่านกลับยัง
ยึดเอาตําแหน่งขุนนางเอาไว้ไม่ปล่อยเช่นนี ล้วนไม่รู้วา่ จะตกเป็ นทีน่าหัวเราะขบขันมากเพียงใด......”
“เจ้า......” ตูซ้ ่ างซูชีนิวไปทีชางฉง เขาโมโหจนไม่สามารถทีจะกล่าวออกมาเป็ นคําพูดได้ เจ้าชางฉงผูน้ ี ช่างปาก
คอเราะร้ายยิงนัก ชัดเจนว่าเขาเป็ นฝ่ ายทีอยูใ่ นหลักของเหตุผล แต่ไม่เพียงไม่สามารถทีจะสังสอนชางฉงหนัก ๆ
แต่ตนกลับเป็ นฝ่ ายทีถูกเขาเยาะเย้ยสวนกลับเสี ยได้ ช่างเลวร้ายจนถึงทีสุ ด !

เขาเป็ นคนแรกทีต่อว่าชางฉง ออกตัวไปก่อนใครเพือน ฝ่ าบาทรวมถึงขุนนางบุ๋นบู๊ลว้ นแล้วแต่ตอ้ งจับจ้องสนใจ


ในตัวเขา แต่เสี ยดายนักทีเขากลับเป็ นฝ่ ายพ่ายแพ้ นําพาความขายหน้าและความอัปยศมาสู่ ชิงเหยียน แน่นอนว่า
ฝ่ าบาทจะต้องผิดหวังในตัวเขาเป็ นอย่างมาก......

ชางฉงพูดอย่างชัดเจนว่าบนภาพวาดนันมีมงั กรอยูเ่ ต็มตัว ถ้าหากเขายังต่อว่าเรื องมังกรครึ งตัวกับชางฉงอยูอ่ ีก ชา


งฉงก็จะยิงเหยียดหยามเขามากขึน เขานันสมควรจะใช้เหตุผลอะไรในการต่อว่าชางฉงดี ถึงจะได้เป็ นการระบาย
ความแค้นให้ตวั เขาเอง แล้วก็ยงั สามารถทําให้ฝ่าบาทพึงพอใจเขามากขึน......

ซูหนานเซี ยงทียืนอยูร่ ิ มขอบเวทียกสู งมองดูไปทีภาพวาด แววตางดงามของนางค่อย ๆ หรี เล็กลง บนม้วนผ้านัน


เพียงแค่ติดกระดาษลงไปเท่านัน ด้านบนไม่มีกลไกอะไรทีแอบซ่ อนเอาไว้ บนภาพวาดก็วาดไว้ดว้ ยมังกรครึ งตัว

ชางฉงยืนยันอย่างชัดเจนว่ามันเป็ นมังกรทังตัว เพียงแค่นางสามารถทําให้มงั กรทองตัวนันเสร็ จสมบูรณ์ ภาพวาด


ภาพนี ก็จะเสร็ จสมบูรณ์อย่างรวดเร็ ว เช่นนันไม่เพียงแต่จะสามารถตอบโต้ชางฉงได้เท่านัน แต่ยงั จะสามารถ
ปกป้ องเกียรติของชิงเหยียนเอาไว้ได้อีก และอาจจะทําให้ฮ่องเต้ทรงแย้มพระสรวลออกมา

เพียงแต่เมือดูจากเนือกระดาษและสี ของภาพแล้ว ภาพวาดก็ดูเหมือนถูกวาดมานานแล้วช่วงระยะเวลาหนึ ง


ถึงแม้วา่ ฝี มือการวาดภาพของนางจะดีอย่างไร สามารถลงพู่กนั ได้เบาเพียงไร แต่สีของมังกรครึ งหลังทีวาด
ออกมาก็คงไม่เหมือนกับสี ของมังกรครึ งตัวหน้า การต่อเติมเสริ มแต่งทีออกมาแตกต่างกันเช่นนี ก็จะทําลายความ
งดงามของภาพวาดทังหมด ทําให้ภาพวาดกลายเป็ นไม่น่าดู พอถึงตอนนันก็จะไม่ใช่การสร้างผลงาน แต่เป็ นการ
สร้างความอับอายขายหน้า......

สายตาอันหยิงผยองของชางฉงกวาดมองไปทีบรรดาขุนนางบุ๋น ขุนนางบู๊ ฮูหยิน คุณหนูและพวกคุณชายคนแล้ว


คนเล่า เขากล่าวขึนอย่างถือดี “ยังมีท่านไหนทีเห็นว่าภาพวาดนีเป็ นภาพวาดมังกรครึ งตัวทีไม่เป็ นมงคลอีกบ้าง
ขอเชิญก้าวออกมาพูดกล่าววิพากษ์ได้ !”

เมือมองไปทีแววตาอันท้าทายของเขา แววพระเนตรของฮ่องเต้กว็ บู ไหวไปด้วยความมืดมิดอํามหิ ต แต่เพียง


พริ บตาก็สลายหายไปอย่างรวดเร็ ว......

ดวงตาของซูหนานเซี ยงวูบไหวไปมา สี หน้าของนางก็มีความร้อนรนใจ ในหัวคิดอ่านไตร่ ตรองไปมาแต่ไม่


สามารถคิดหาแผนการทีจะรับมือได้

คุณชายโอวหยางยกจอกเหล้าขึนลิมรสด้วยความละเมียดละไมอย่างช้า ๆ สี หน้าเรี ยบเฉยคล้ายกับว่าแม้ฟ้าจะ


ถล่มลงมาก็ไม่เกียวข้องอันใดกับเขา......

เหล่าบรรดาขุนนางบุ๋นบู๊ต่างมองหน้าสบตากันไปมา แล้วพากันส่ ายหน้าถอนหายใจ คิวทีขมวดแน่ นขึนบ่งบอก


ว่าพวกเขานันคิดแผนการทีจะรับมือไม่ออก......
สายตาทีถือดีของชางฉงกวาดมองไปทีฝูงชนในลานกว้างทีเอาแต่เงียบนิงไม่พูดไม่จา แววตาของเขาจึงเต็มไป
ด้วยความเยาะเย้ยดูถูก “หากพวกท่านทังหลายไม่กล่าวแย้งก็แสดงว่าภาพวาดแผ่นนี ไม่มีอะไรทีไม่เหมาะสม
เช่นนันผูน้ อ้ ยก็จะขอมอบมันให้เป็ นของขวัญแก่ฮ่องเต้แห่ งแคว้นชิงเหยียนแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า......”

ชางฉงหัวเราะขึนเสี ยงดังอย่างได้ใจ สายตาพลางเหลือบไปเห็นหญิงสาวผูห้ นึงทีค่อย ๆ เดินเข้ามา นางหยิบเอา


พู่กนั ขนหมาป่ าวาดไปบนภาพวาดเบา ๆ แล้วกล่าวขึนเสี ยงสู ง “ขอบพระคุณคุณชายชางฉงทีมอบภาพวาดให้
ภาพวาดทีดูยงใหญ่
ิ ทรงอํานาจและมีความมงคลเช่นนี แน่ นอนว่าฝ่ าบาทต้องทรงพอพระทัย......”

ทันใดนันเสี ยงหัวเราะของชางฉงก็พลันหยุดลง แล้วก้มลงมองไปทีด้านล่างของตัวมังกรทีปรากฏภาพภูเขาสู ง


ชันธรรมดา ๆ ลูกหนึง เมือมองดูไกล ๆ แล้วก็คล้ายกับมังกรทองทีกําลังแหวกว่ายอยูบ่ นทะเลเมฆท่ามกลางยอด
ขุนเขา ร่ างกายครึ งล่างถูกยอดของขุนเขาบดบังสายตาเอาไว้......

“มังกรแห่ งสรวงสวรรค์ความหมายทีแฝงไว้นีช่างเป็ นมงคลยิงนัก สมบูรณ์แบบทีสุ ด !” สายตาชืนชมของเซี ยเฉิ ง


เซี ยงกวาดมองผ่านมู่หรงเสวียแล้วตกไปทีร่ างของชางฉง แววตาเต็มไปด้วยความเหยียดหยามเย้ยหยันอย่างปิ ด
ไม่มิด “ขอบคุณคุณชายชางฉงทีมอบภาพวาดให้ !”

“ใช่แล้ว ขอบคุณคุณชายชางฉง ขอบพระทัยฮ่องเต้หนานเจียงทีอยูไ่ กลออกไปพันลี แต่ยงั มีใจคิดถึงฝ่ าบาทของ


พวกเรา......”

“ถึงแม้วา่ จะเป็ นภาพวาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ภาพหนึง แต่ว่านําใจนันยิงใหญ่กว่าสิ งของนัก......”


“ฮ่องเต้หนานเจียงทรงมากด้วยนําพระทัยนัก คุณชายชางฉงเองก็เช่นกัน แน่ นอนว่าฝ่ าบาทของพวกเราจะต้อง
เป็ นเหมือนกับภาพวาดทีฮ่องเต้หนานเจียงกับคุณชายชางฉงต้องการทีจะสื อถึงแน่นอน เป็ นมังกรแห่ งสรวง
สวรรค์......”

เสี ยงวิพากษ์วจิ ารณ์ของขุนนางบุ๋นบู๊ทีเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ไร้เยือใย พากันดังขึนอย่างไม่ขาดสาย ทันใดนัน


สี หน้าของชางฉงก็เคร่ งขรึ มขึนจนดูน่ากลัว แววตาคมกริ บหรี เล็กลง เขามองไปทีมู่หรงเสวียด้วยสายตาทีเย็น
เหยียบ “เจ้าเป็ นใคร ?”

คุณหนูทีอ่อนแอตัวเล็ก ๆ ผูห้ นึง แค่วาดภาพง่าย ๆ เติมลงไปบนภาพวาดเล็กน้อยก็สามารถทําลายแผนการของ


เขาทีใช้เวลาหลายวันกว่าจะคิดขึนมาได้เสี ยย่อยยับ ช่างเลวร้ายจนถึงทีสุ ด !

มู่หรงเสวียปรายตามองเขา แล้วกล่าวขึนอย่างไม่ดงั ไม่เบานัก “ประชาชนชาวชิงเหยียน !”

“ข้านันถามชือของเจ้า !” ชางฉงตวาดถามขึนใหม่เสี ยงดัง ในแววตาของเขาวูบไหวไปด้วยความมืดมิดอํามหิ ต


ในแผ่นดินนีนางเป็ นคนแรกทีกล้าทําลายภาพวาดของเขา เขาไม่มีทางปล่อยนางไปได้ง่าย ๆแน่นอน
ตอนที 190 สั งสอนชางฉง

“ชือของข้านันตําต้อย เช่นนันข้าก็คงไม่พดู ไปให้แปดเปื อนหู ของคุณชายชางฉงแล้วล่ะเจ้าค่ะ” เสี ยงไม่ดงั ไม่เบา


ของมู่หรงเสวียดังขึนสะท้อนถึงความไม่ใส่ ใจออกมา ชางฉงทีมีนิสัยบ้าอํานาจเผด็จการ ดีร้ายไม่แน่ นอนนัน
นางเองก็คร้านทีจะพูดกับเขาให้มากความ !

ภายใต้แสงอาทิตย์สีทองอ่อน ๆ นัยน์ตาสี ดาํ ขลับของมู่หรงเสวียนันเยือกเย็น ใบหน้าเรี ยวดูงดงามราวกับจะล่ม


เมืองได้ทงเมื
ั อง แต่ชางฉงกลับมองด้วยสายตาอันดุดนั โหดเหี ยม มองนางด้วยแววตาดูแคลนพลางเอ่ยว่า “ทีแท้
เจ้าก็ชือ เจ้าหมา เจ้าแมวอย่างนันรึ ชือเช่นนี ถึงจะนับว่าตําต้อย......”

“คุณชายชางฉง วิธีการยัวโมโหของท่านใช้กบั ข้าไม่ได้ผลหรอกเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียเลิกคิวมองไปทีเขา หางตา


สะท้อนถึงความดูแคลนอย่างถึงทีสุ ด !

“ข้าเองก็ไม่ได้อยากจะรู ้ชือของเจ้ามากเท่าไรนัก เพียงแต่ขา้ ค่อนข้างสนใจในตัวเจ้าเท่านัน” ชางฉงมองมู่หรง


เสวียด้วยสายตาเยือกเย็น “เจ้าฉลาดมาก เป็ นหญิงสาวแบบทีข้าชอบ หากตามข้ากลับไปทีหนานเจียงเป็ นซื อเชีย
(สาวใช้อุ่นเตียง) ของข้า เจ้าว่าเป็ นอย่างไร ? หากเจ้าสามารถทําให้ขา้ สําราญใจได้ ข้าก็จะทะนุ ถนอมดูแลเจ้าเป็ น
อย่างดี......”
เพียงแค่คาํ พูดเหล่านันหลุดออกมา ผูค้ นก็ลว้ นพากันส่ งเสี ยงฮือฮาไปทัว มู่หรงเสวียเป็ นถึงคุณหนูสายตรงแห่ง
จวนเจินกัวโหว คุณสมบัติของนางมากพอทีจะแต่งเป็ นชายาเอกขององค์ชาย หรื อเป็ นภรรยาเอกของคุณชายได้
ด้วยซํา แต่ชางฉงกลับอยากให้นางไปเป็ นสาวใช้อุ่นเตียง เขาช่างพูดจาใหญ่โตไม่ละอายใจเสี ยจริ ง ๆ

ต่อให้ชางฉงไม่รู้ฐานะทีแท้จริ งของนาง แต่คนทีสามารถติดตามฮ่องเต้มาทีพระราชวังฤดูร้อนได้นันจะมีคนที


ฐานะธรรมดา ๆ อยูก่ ีคนกัน ? ชางฉงต้องรู ้แน่ วา่ ฐานะของมู่หรงเสวียนันไม่ได้ตอ้ ยตํา

การทีเขาทําเช่นนี ก็คงเป็ นเพราะว่ามู่หรงเสวียวาดภาพต่อเติมลงบนภาพวาดเพียงแค่พู่กนั เดียว ก็สามารถทําลาย


แผนการของเขาลงได้ ทําให้เขาต้องโดนดูถูกดูแคลน เขาเลยต้องการทีจะหมินเกียรติของมู่หรงเสวียเพือเป็ นการ
เอาคืน......

ใบหน้าหล่อเหลาของคุณชายโอวหยางเคร่ งขรึ มลงทันใด นิ วเรี ยวยาวกรี ดเบา ๆ ทีขอบของจอกเหล้าทีทําขึนจาก


หยก สุ รากลินหอมเลิศรสแปรเปลียนเป็ นธนูนาแข็
ํ งในพริ บตา แล้วค่อย ๆ ลอยออกมาจากจอกสุ รา กลายเป็ นศร
แหลมคมขึนดอกหนึ ง ศรนันมีปลายแหลมคมกริ บ ขอเพียงแค่ปักลงบนจุดสําคัญ ก็สามารถรับประกันได้เลยว่า
คนผูน้ นอาจจะถึ
ั งตายได้ในเพียงการโจมตีเพียงครังเดียว !

“ชางฉง โปรดประมาณตนด้วย” มู่หรงเสวียพูดขึนเสี ยงดัง สายตาเยือกเย็นราวกับนําแข็ง

“เรี ยกชือข้าตรง ๆ แล้ว ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของเราก็ใกล้ชิดขึนมาอีกขันหนึงแล้วสิ นะ” ชางฉงพูดขึนยิม ๆ


รอยยิมนันเจ้าเล่ห์จนยากเกินจะบรรยาย ม้วนภาพวาดยาว ๆ พัดลอยตามลมเข้ามาตรงหน้า เขาปั ดมือออกอย่าง
หงุดหงิดรําคาญใจ แล้วเอาภาพวาดนันไปแขวนไว้อีกด้านหนึง......
สายตาตกตะลึงของซูหนานเซี ยงก็วบู ไหวไปตามภาพวาด นางจึงค่อย ๆ ได้สติหลุดจากภวังค์ แค่ลงมือเพียง
เล็กน้อย แต่กส็ ามารถเปลียนแปลงความหมายแฝงของภาพทังภาพจากอัปมงคลให้กลายเป็ นมงคลได้เช่นนี ช่าง
น่าตกตะลึงยิงนัก

นางคิดเพียงแต่ทีจะลงมือทีร่ างของมังกรเท่านัน ไม่ว่าอย่างไรก็คิดไม่ถึงการเพิมภูเขา เพิมก้อนเมฆ ของเหล่านี


เดิมทีสีสันก็ไม่ได้เหมือนกับมังกร เมือวาดลงบนภาพ นอกจากจะสามารถบังร่ างไม่สมบูรณ์ของมังกร ปิ ดบัง
ความอัปมงคลแล้ว ยังแสดงถึงจินตนาการทีโดดเด่นแตกต่างจากผูค้ นทัวไปของนาง......

มู่หรงเสวียช่างฉลาดจริ ง ๆ นางคิดถึงวิธีการเหล่านี ได้อย่างไร ? เหตุใดตนถึงคิดไม่ได้กนั ?

ไม่ไม่ไม่ มู่หรงเสวียจะฉลาดกว่านางได้อย่างไร ? ความสามารถ ความรอบรู ้ของมู่หรงเสวียจะเกินหน้านางได้


อย่างไร......

สายตาของซูหนานเซี ยงฉายแววเจ้าเล่ห์นอ้ ย ๆ นางเงยหน้าขึนมองไปทีชางฉง แล้วต่อว่าขึนเสี ยงดัง “คุณชายชา


งฉงรู ้ประมาณตนด้วย นางเป็ นถึงบุตรสาวสายตรงแห่ งจวนเจินกัวโหวจะไปเป็ นสาวใช้อุ่นเตียงให้ท่านได้
อย่างไรกัน ท่านรี บหยุดความคิดนีเสี ยเถอะ"

ชางฉงสนใจในตัวมู่หรงเสวีย เช่นนันนางก็จะบอกถึงฐานะและสถานะทังหมดของมู่หรงเสวียให้ชางฉงได้รู้ คน
เจ้าเล่ห์ร้ายกาจเช่นชางฉงจะต้องใช้วิธีชวร้
ั ายมาช่วยนางกําจัดศัตรู หวั ใจคนนีให้พน้ ทางแน่นอน......
ชางฉงมองไปทีมู่หรงเสวีย ยิมของเขามีความเจ้าเล่ห์มากกว่าเดิม “ทีแท้กเ็ ป็ นคุณหนูจวนเจินกัวโหวนี เอง
เช่นนันพรุ่ งนีข้าจะไปทีเมืองหลวงของชิงเหยียน เข้าคารวะผูอ้ าวุโสด้วยตัวเอง ขอให้พวกเขาอนุ ญาตให้ขา้ รับเจ้า
เป็ นอนุ......”

ํ งบนจอกเหล้าพุ่งออกไปในพริ บตา กระทบเข้าที


แววตาคุณชายโอวหยางฉายแววเยือกเย็นขึนวูบหนึง ธนูนาแข็
กรามของชางฉงอย่างแรง ตีจนใบหน้าของเขาบิดเบียว ฟั นกรามสองซี และเลือดสด ๆ พุ่งออกมาในอากาศ......

“เป็ นใครกันทีลอบทําร้ายข้า !” ชางฉงค่อย ๆ หันมองไปมา สายตาเยียบเย็นกวาดมองไปโดยรอบลานกว้างอย่าง


รวดเร็ ว ช่างดูอาํ มหิ ตและเย็นยะเยือก

“เป็ นข้าเอง !” เสี ยงทุม้ อันเลือดเย็นก้องกังวานไปทัวโดยรอบ !

เมือชางฉงมองตามเสี ยงไป ก็เห็นเงาร่ างสู งศักดิสง่างามในชุดขาวราวหิ มะ นัยน์ตาสี ดาํ ราวนิลฉายแววลําลึก


ใบหน้าหล่อเหลาราวกับภาพวาด แววตาคมวาวชวนให้คนเคลิบเคลิมตาลาย ท่าทางสู งส่ งราวกับพระจันทร์ที
ลอยเด่นบนฟากฟ้ า หากไม่ใช่คุณชายโอวหยางแล้วจะเป็ นใคร !

เช่นนันดวงตาเจ้าเล่ห์ร้ายกาจของชางฉงก็หรี เล็กลง คุณชายโอวหยางกลับมาทีชิงเหยียนแล้ว นับเป็ นเรื องทีเหนือ


ความคาดหมายของเขายิงนัก ฝี มือของคุณชายโอวหยางไม่ธรรมดา ไม่สามารถรับมือได้ง่าย ๆ แต่เขาเองก็ไม่ใช่
ว่าจะยอมเสี ยเปรี ยบอยูเ่ ฉย ๆ “เจ้าถือดีอะไรมาทําร้ายข้า ?”
“ก็ถือดีทีเจ้ามาดูถูกมู่หรงเสวียอย่างไรเล่า !” คุณชายโอวหยางพูดขึนช้า ๆ ทีละคํา แววตาของเขาเยือกเย็น “นาง
เป็ นเพือนของข้า ไม่จาํ เป็ นต้องให้เจ้ามาสังสอน !”

เหล่าขุนนางบุ๋นบู๊ต่างมองหน้าสบตากัน แววตาวูบไหวลําลึก ฝี มือพู่กนั เทพของมู่หรงเสวียนันน่าตืนตาตืนใจยิง


นัก สามารถทวงคืนหน้าตาเกียรติยศทังหมดของชิงเหยียนกลับมาได้ และสามารถทําลายแผนของชางฉงลงจน
เสี ยย่อยยับ ด้วยเหตุนีชางฉงจึงได้ตอ้ งการทีจะหมินเกียรตินาง !

หากจะพูดให้ถูกต้องก็คอื ชางฉงนันกําลังอาศัยนางเพือดูถูกชิงเหยียน ดูแคลนฮ่องเต้ ดูหมินบรรดาขุนนางบุ๋นบู๊


ทังหลาย

คนทีน่ าเกลียดเช่นนี จะต้องสังสอนเสี ยให้หนัก......


ตอนที 191 งานเลียงทีแปรผัน (1)

“เดียวนีคุณชายโอวหยางคบค้ากับหญิงสาวเป็ นเพือนแล้วหรื อ ทําไมข้าไม่เคยได้ยนิ มาก่อนเลย” ชางฉงมองไปที


คุณชายโอวหยาง แววตาของเขาเต็มเปี ยมไปด้วยความตืนตระหนกและไม่อยากทีจะเชือ แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่
เคยทีจะสนใจเรื องราวระหว่างชายหญิงไม่ใช่หรื ออย่างไร

“เจ้าเป็ นใครกันเล่า ข้าคบใครเป็ นเพือนจําเป็ นต้องบอกเจ้าด้วยหรื อ” เสี ยงทุม้ ของคุณชายโอวหยางแฝงไว้ดว้ ย


ความเยือกเย็นอย่างถึงทีสุ ด เขาตอกกลับชางฉงอย่างไม่ไว้หน้าแม้แต่นอ้ ย ชางฉงทีได้ฟังนันเพียงพริ บตาสี หน้า
ของเขาก็กลายเป็ นมืดครึ ม

เขารู ้จกั คุณชายโอวหยางเมือไม่กีปี ก่อน รู ้ว่าเขาเป็ นคุณชายเซี ยวเหยาอ๋ องของชิงเหยียนทีไม่ควรไปยัวให้เขา


โมโห แต่ว่าตนนันก็เป็ นถึงบุตรชายสายตรงของจวนเสนาบดีเช่นกัน ศักดิฐานะก็ไม่ได้ดอ้ ยไปกว่าเขามากเท่าใด
นัก ไม่จาํ เป็ นจะต้องไปประนี ประนอมยอมความต่อเขา และไม่จาํ เป็ นทีจะต้องย่อกายเกรงกลัวเขา !

หญิงสาวทีชือมู่หรงเสวียทีอยูต่ รงหน้านัน ทําลายแผนการของเขาเสี ยจนย่อยยับ ตนไม่มีทางยอมปล่อยนางไป


ง่าย ๆ แน่ !

แววตาของชางฉงวูบไหวไปด้วยความโหดเหี ยม เขากล่าวขึนอย่างไม่เกรงใจว่า “ข้าชอบพอมู่หรงเสวีย อย่างไร


ข้าจะต้องได้แต่งกับนาง......”
“ไสหัวไปให้พน้ !” แววตาของคุณชายโอวหยางวูบไหว ฝ่ ามือหยกนวลขาวสะบัดออกแรง ๆ คราหนึง ทันใดนัน
พลังปราณอันหนาแน่ นสายหนึงก็พ่งุ ออกไปปะทะเข้ากับร่ างกายชางฉงอย่างแรง

ชางฉงไม่ทนั ระวังถูกกระแทกจนกระเด็นออกไปไกลสิ บกว่าเมตร ร่ างของเขากระแทกลงกับพืนอย่างแรงจน


ศีรษะวิงเวียนดวงตาพร่ ามัวไปหมด กระดูกทัวทังร่ างราวกับหลุดออกจากกัน เจ็บจนเกินกว่าจะทนได้......

เมือมองไปทีคิวทีขมวดแน่นเข้าหากันของเขา แววตาของขุนนางบุ๋นบู๊รวมไปถึงบรรดาครอบครัวต่างวูบไหวไป
ด้วยความดูถกู เหยียดหยาม เขาทีถูกตีจนได้รับบาดเจ็บจนแทบจะกระอักเลือดขนาดนี ก็ถือเป็ นเรื องทีสมควร
แล้ว ! ดูสิว่าต่อไปนี เขายังจะกล้าทําตัวอวดดีอยูอ่ ีกหรื อไม่ !

ซูหนานเซี ยงขบเขียวเคียวฟันถลึงตามองมู่หรงเสวียด้วยความเกลียดชัง เพือนางคุณชายโอวหยางถึงกลับกล้าลง


มือกับชางฉงหนักขนาดนี ดูท่าเขาจะให้ความสําคัญกับนางยิงนัก ช่างน่ าโมโหทีสุ ด......

ชางฉงพยายามอดทนต่อความเจ็บปวด แล้วค่อย ๆ เงยหน้าขึนไปมอง แววตาอํามหิ ตพุ่งผ่านทุกผูท้ ุกคนอย่าง


เกลียดชัง “ข้าเป็ นราชทูตจากหนานเจียง เป็ นตัวแทนของหนานเจียงรวมถึงองค์เหนือหัวแห่ งแคว้นหนานเจียง
แล้วพวกเจ้าต้อนรับแขกทีเดินทางมาอย่างยาวไกลเช่นนี น่ ะหรื อ”

“หากสําหรับสหายแล้วแน่นอนว่าพวกเราจะต้อนรับด้วยพิธีการอันมีเกียรติมีมารยาท แต่สาํ หรับเจ้านันไม่จาํ เป็ น


ทีจะต้องเกรงใจ” มู่หลิวเฟิ งปรายตามองเขาตาหนึ ง แล้วสบถขึนอย่างไม่พอใจ แววตาเต็มไปด้วยความดูถูกและ
เหยียดหยาม
ในดวงตาของบรรดาขุนนางบุ๋นบู๊และเหล่าครอบครัว ก็เต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยามเช่นกัน ชางฉงทีได้
เห็นในอกของเขาก็ลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ “ดี ! เช่นนี ก็ดี ไม่ผดิ เลยทีเป็ นชาวชิงเหยียน มักจะร่ วมมือกันต่อกร
กับศัตรู ค่แู ค้น พวกเจ้ารอดูเถอะ รอดู ข้าไม่มีทางทีจะปล่อยพวกเจ้าไปแน่ !”

เมือโยนคําพูดอันชัวร้ายทิงไว้ชางฉงก็ลุกยืนขึน เดินกะเผลก ๆ ออกไปด้านนอก

“ชางฉงโปรดเดินทางอย่างระมัดระวัง อย่าได้ลม้ เข้าเสี ยล่ะ !” มู่หลิวเฟิ งกล่าวเตือนอย่าง ‘ห่ วงใย’ พัดในมือ


สะบัดเล็กน้อย ทําให้พลังปราณกล้าแกร่ งสายหนึงพุ่งออกไปปะทะเข้ากับแผ่นหลังของชางฉงจนเขาล้มกระแทก
ลงไปกับพืน ทําให้เกิดเสี ยง ‘ตุบ’ ดังขึนเสี ยงหนึง......

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า !” เหล่าขุนนางบุ๋นบู๊รวมทังบรรดาครอบครัวพากันหัวเราะขึนมาอย่างสะใจ เสี ยงดังลันไปทัวโดยรอบ


บริ เวณ

ดวงตาสี นาตาลของชางฉงกลายเป็
ํ นสี แดงกํา ในดวงตาปรากฏความอํามหิ ตขึนจาง ๆ พวกเจ้ากลับกล้าหัวเราะ
เยาะเขาเช่นนี ช่างรนหาทีตายนัก !

ฝ่ าเท้าขยับเบา ๆ เงาร่ างองอาจสี ดาํ ของเขาก็คล้ายดังศรแสงหายไปจากทีทีเขายืนอยูใ่ นทันใด ทิงเอาไว้เพียงภาพ


ติดตาสายหนึ ง เพียงพริ บตาก็สลายหายไปอย่างรวดเร็ ว......
เมือมองไปทีแผ่นหลังทีหายลับไป แววพระเนตรคมกริ บของฮ่องเต้ก็ค่อย ๆ หรี ลง วูบไหวด้วยความมืดมิดอยู่
น้อย ๆ

“ทูตจากหนานเจียงทีน่ารังเกียจก็จากไปแล้ว พวกเราดืม ดืม !” ขุนนางบู๊ผหู ้ นึงริ นเหล้าลงใส่ แก้วด้วยท่าทาง


กระโชกโฮกฮาก กล่าวชีแนะขึนเสี ยงสู ง

“ดี ดี ดี !” เหล่าขุนนางบุ๋นบู๊พากันริ นเหล่าผสมโรง “มา มา มาดืมกันเถอะ......”

ลานกว้างทีเคยเงียบเชียบเพียงพริ บตาก็กลับมาครึ กครื นในทันใด ขุนนางบุ๋นบู๊ต่างก็รวมกลุ่มกัน ชนจอกเหล้า


แลกเปลียนเรื องราวกันไปมาอย่างครื นเครง ในอากาศอบอวลไปด้วยกลินหอมทีรุ นแรงของเหล้าทีค่อย ๆ โชย
กระทบเข้ากับจมูก กลินหอมคละคลุง้ อยู่นานไม่ยอมสลายหายไป

มู่หรงเสวียไม่มีกะจิตกะใจทีจะไปสนใจกลินเหล้ามากนัก นางยังคงจ้องมองไปยังทิศทางทีชางฉงหายลับไป
ดวงตาอันแหลมคมพลันหรี เล็กลง ในใจรู ้สึกถึงลางสังหรณ์ทีไม่ดี......

“เจ้ากําลังคิดอะไรอยู”่ คุณชายโอวหยางเดินเข้ามาทีด้านข้างของนาง ยืนขนมหลายชินมาให้นาง ตังแต่เริ มงาน


เลียงจนถึงตอนนี นางล้วนไม่ได้กินอะไรเลยแม้แต่นอ้ ย

มู่หรงเสวียรับเอาขนมหวานกัดเข้าปากไปหลายคํา คิวทีขมวดแน่ นเข้าหากันเหมือนเดิมยังคงไม่ได้คลายออก


นางกล่าวขึนเสี ยงตํา “เมือครู่ ความเร็ วทีชางฉงใช้ออกในการหายตัวไปนันรวดเร็ วยิงนัก วิชาตัวเบาของเขา
แน่นอนว่าจะต้องสู งส่ ง นิสัยของเขาก็ป่าเถือนโหดเหี ยม ทังยังมีจิตใจทีคับแคบ จดจําฝังใจเรื องบุญคุณ
ความแค้น พวกเราชาวชิงเหยียนเย้ยหยันสังสอนเขาอย่างไม่ยงมื
ั อเสี ยขนาดนัน แน่นอนว่าเขาจะต้องไม่ยอม
ปล่อยวางเรื องราวไปง่าย ๆ ......”

“วางใจได้ ทีนี คือแคว้นชิงเหยียน ไม่ใช่หนานเจียง ถึงแม้เขาจะไม่พอใจอย่างไร ก็ไม่มีทางทําอะไรเราได้......” มู่


หลิวเฟิ งค่อย ๆ เดินเข้ามาด้านหน้าตัดบทคําพูดของนาง ในมือของเขาถือจอกเหล้าหยกสี ขาว ยิมตาหยีมองไป
ทีมู่หรงเสวีย “พู่กนั เซี ยนของเจ้าเมือครู่ นนสั
ั งสอนชางฉงได้ดีเยียมนัก ทังยังสามารถทวงคืนหน้าตาของพวกเรา
ชาวชิงเหยียนได้ ถือว่าเป็ นคนทีมีผลงาน ข้าขอคารวะเจ้าจอกนึง......”

“เกรงว่าเหล้าอวยพรแก้วนีจะดืมไม่ได้เสี ยแล้ว !” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนเสี ยงตํา แววตาสี ดาํ ขลับของเขาวูบ


ไหวด้วยความมืดมิด

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร ?” มู่หลิวเฟิ งมองเขาอย่างไม่เข้าใจ

“เจ้าลองมองทีด้านหน้าเสี ยก่อน” คุณชายโอวหยางพูดขึนอย่างราบเรี ยบแววตาลึกลําดังมหาสมุทร

เมือมู่หลิวเฟิ งมองตามสายตาของเขาไปก็เห็นคนทีสวมใส่ ชุดคลุมสี ดาํ ปรากฏขึนอย่างมากมายนับไม่ถว้ น คน


ประหลาดทีบนหัวสวมไว้ดว้ ยหมวกคลุมสี ดาํ กําลังบังคับของแปลก ๆ ทีรู ปร่ างคล้ายงูมากมายวิงทะยานเข้ามา
อย่างรวดเร็ ว
ของประหลาดสิ งนันเป็ นสิ งทีใช้ไม้ต่อเข้าหากันจนมีรูปร่ างคล้ายงูซึงมันดูเหมือนของจริ งมาก หากมองดูเผิน ๆ
ก็เหมือนกับงูยกั ษ์ทีมีพละกําลังมหาศาลตัวหนึง บนหลังของงูมีช่องว่างอยูด่ า้ นใน ในช่องว่างนันมีคนประหลาด
ทีใส่ ชุดคลุมและสวมหมวกคลุมสี ดาํ นังอยู่ เงาร่ างสี ดาํ แทบจะกลมกลืนเป็ นร่ างเดียวกับตัวงู !

คนประหลาดกับงูไม้พวกนันมีจาํ นวนมากมายนัก ยุบยับไปทัวผืนฟ้ าโดยรอบจนคล้ายกับก้อนเมฆสี ดาํ อันมหึ มา


ทีสามารถบดบังประกายแสงของดวงดาว......

“เจ้างูไม้พวกนันสามารถบินบนฟ้ าได้ พวกมันทําได้อย่างไรกัน ?” มู่หลิวเฟิ งเบิกตากว้างขึนด้วยความตกตะลึง


ไม่ว่างูจริ งหรื องูปลอมเขาล้วนเคยพบเจอมาไม่นอ้ ย แต่ว่าสิ งทีมีรูปร่ างคล้ายกับงูไม้ตรงหน้าทีสามารถบินได้นัน
นับเป็ นครังแรกทีเขาเคยได้พบเจอ......

แววตาเย็นยะเยือกของมู่หรงเสวียหรี เล็กลง “ถ้าหากข้าเดาไม่ผดิ งูไม้พวกนี น่าจะเป็ นศาสตร์ แห่ งเครื องกล !”

ในยุคปั จจุบนั มีสิงของต่าง ๆ นานาจําพวกเครื องบิน หรื อบอลลูนทีสามารถบินบนท้องฟ้ าได้ แต่ว่าชิงเหยียนนัน


เป็ นยุคโบราณไม่ได้มีวิทยาการทีก้าวหน้ามากขนาดนัน และบนตัวของงูพวกนันก็ไม่ติดตังเครื องเก็บแก๊สทีทํา
ให้ลอยตัวได้เอาไว้แต่อย่างใด ความน่าจะเป็ นเพียงหนึงเดียวก็คือ นางพบกับศาสตร์ ของเครื องกลโบราณทีเคย
อ่านผ่านตาในบันทึกโบราณเข้าเสี ยแล้ว......

“ศาสตร์แห่งเครื องกลอย่างนันหรื อ !” มู่หลิวเฟิ งเลิกคิวขึน รู ้สึกไม่คุน้ เคยกับคําศัพท์คาํ นียิงนัก


มู่หรงเสวียยิมขึนมาน้อย ๆ “ศาสตร์แห่ งเครื องกลเริ มต้นมาจากตระกูลม่อทีอยูต่ อนต้นของราชวงศ์ฉิน ตระกูลนี
สามารถสร้างเครื องกลขนาดใหญ่ขึนมาได้ มีทงรู
ั ปลักษณ์ทีเป็ นมังกร พยัคฆ์ หรื องูหลากหลายรู ปแบบนัก บน
เครื องกลนี ยังสามารถให้คนนังและสามารถบรรทุกผูค้ นบินไปบนท้องฟ้ าได้ตามต้องการ แต่หลังจากนันไม่รู้ว่า
เพราะเหตุผลใดสิ งนีก็ได้หายสาบสู ญไป ตอนนี ดูท่าแล้วคงมิใช่หายสาบสู ญเพราะไร้ผสู ้ ื บทอดเสี ยแล้ว แต่คง
เป็ นเพราะว่าคนทีเข้าใจเรื องราวของเครื องกลนันแอบซ่ อนเร้นกายอยูใ่ นเงามืด และเพิงมาเปิ ดเผยตัวตนเอา
ในตอนนี......”

“นันเป็ นของประหลาดสิ งใดกัน ! ของประหลาดสิ งใดกัน......” เมือเหล่าขุนนางบุ๋นบู๊รวมทังคนในครอบครัวที


อยูท่ ีบริ เวณลานกว้างนันได้เห็นคนผูน้ ันทีลอยอยูท่ ่ามกลางอากาศ รวมทังงูไม้ ก็พากันหวีดร้องขึนด้วยความ
หวาดกลัว ไม่นานนักบริ เวณลานกว้างแห่ งนันก็ปรากฏเป็ นความชุลมุนวุ่นวายขึนมาเสี ยแล้ว

เมือมู่หรงเสวียเงยหน้าขึนไปมองบนท้องฟ้ า ทันใดนันก็เห็นเพียงคนประหลาดพวกนันบังคับให้ฝงู งูประหลาด


แหวกออกเป็ นสองขบวน ตรงกลางเว้นช่องว่างเอาไว้สายหนึ ง ชายชุดดําผูห้ นึ งยืนอยูบ่ นหลังของงูทีตัวใหญ่ยาว
ค่อย ๆ บินทะยานมาจากด้านหลัง......
ตอนที 192 งานเลียงทีแปรผัน (2)

ใบหน้าของชายผูน้ ันหล่อเหลา ผิวของเขาขาวผ่องจนแทบทีจะเรื องแสงได้ ผูท้ ีมีดวงตาสี ดาํ อมแดงเช่นนีจะเป็ น


ใครไปไม่ได้นอกจากชางฉง ราชทูตจากแคว้นหนานเจียง

สายตาอันโหดเหี ยมของเขากวาดมองไปทีเหล่าบรรดาขุนนางรวมถึงเหล่าครอบครัวทีละคน ทีละคน มุมปากยก


ยิมขึนอย่างชัวร้ายและอํามหิ ต เป็ นชาวชิงเหยียนทีแสนโง่เขลาเองทีแส่ หาเรื องตาย เช่นนันเขาก็จะทําให้พวกเขา
สมปรารถนา !

“ฆ่าให้หมด !” นําเสี ยงสังการอันแสนเลือดเย็นดังขึนก้องกังวาน ดังลันจนทะลุเมฆบนฟ้ า

แววตาของบรรดาคนประหลาดวูบไหวเปล่งประกาย พวกเขาพากันควบคุมงูไม้ให้บินพุ่งทะยานลงไปด้านล่าง
ดาบในมือเปล่งประกายอย่างเยียบเย็น ฟาดฟันไปทีเหล่าบรรดาขุนนางและเหล่าครอบครัว จนเกิดเป็ นสายเลือด
ทีสาดกระเซ็น......

แววตาของบรรดาคุณหนูและเหล่าฮูหยินทีไม่เป็ นวรยุทธ์นนต่
ั างเต็มไปด้วยความตืนตระหนก พากันวิงพล่าน
วุ่นวายไปมารอบทิศทาง กรี ดร้องหวาดกลัวด้วยท่าทางทีน่ าสงสารจับใจ “ช่วยด้วย...ช่วยข้าด้วย......”
เหล่าทหารองค์รักษ์ทีดูแลความสงบเรี ยบร้อยต่างพากันเร่ งรี บกรู เข้ามา ชักดาบออกต่อกรกับฝูงคนประหลาด
พวกนัน ทัวทังลานกว้างพริ บตากลายเป็ นชุลมุนวุ่นวาย......

“ชางฉง ทีนี คือแคว้นชิงเหยียน แต่เจ้ากลับกล้าลงมือเข่นฆ่าผูค้ นเช่นนีไม่กลัวว่าฮ่องเต้แคว้นหนานเจียงจะมอบ


โทษตายให้เจ้าหรื ออย่างไร !” ตูซ้ ่ างซูทียืนอยูท่ ่ามกลางการเฝ้ าอารักขาของบรรดาเหล่าทหารองครักษ์ ถลึงตา
จ้องมองไปทีชางฉง แววตาวูบไหวไปด้วยความเย็นยะเยือก

ชางฉงปรายตามองไปทีเขาอย่างผูท้ ีอยูส่ ู งกว่า สบถขึนอย่างดูถูก “สิ งทีองค์เหนื อหัวแห่ งหนานเจียงเกลียดทีสุ ดก็


คือกลุ่มคนชิงเหยียนเช่นพวกเจ้า ถ้าหากข้าสามารถจัดการสังหารพวกเจ้าได้จนหมด ชิงเหยียนก็จะถูกผนวก
รวมเข้ากับหนานเจียง องค์เหนือหัวจะต้องตบรางวัลให้ขา้ อย่างงาม ไหนเลยจะมาลงโทษข้าได้ !”

แววตาปราดเปรื องของตูซ้ ่ างซูหรี เล็กลง “เช่นนันเจ้าได้รับคําสังของฮ่องเต้แห่ งหนานเจียงให้มาสังหารองค์


เหนือหัวของข้าใช่หรื อไม่”

“ใช่ไม่ใช่ก็ลว้ นไม่สาํ คัญแล้ว ทีสําคัญคือพวกเจ้าล้วนแต่จะต้องตกตายอยูท่ ีนี ฮ่า ฮ่า ฮ่า......” ชางฉงหัวเราะขึน


อย่างบ้าคลัง แววตาของเขาแดงกําดังสี เลือดสด กล่าวสังการขึนเสี ยงดัง “ฆ่ามันให้ขา้ ฆ่าให้ตกตายอย่างทรมาน
แม้แต่คนเดียวก็อย่าให้เหลือ !”

“ขอรับ !” เหล่าคนประหลาดรับคําสังขึนเสี ยงดังกระหึ ม ควบคุมงูไม้ตวั แล้วตัวเล่าให้พุ่งตรงเข้าไปหาตูซ้ ่ างซู


อย่างโหดเหี ยม......
ทันใดนันพวกทหารองครักษ์ทีอยูข่ า้ งกายของตูซ้ ่ างซูต่างก็ถูกกลุ่มคนประหลาดทีมากมายเหลือคณานับบดบัง
จนมิด......

ชางฉงทียืนอยูก่ ลางอากาศ มองไปทีตูซ้ ่ างซูทีหายไปอย่างไร้ร่องรอยเป็ นตายไม่แน่ ชดั แล้วสบถออกมาอย่าง


เหยียดหยาม กล้าต่อปากต่อคํากับเขา ช่างรนหาทีตายนัก......

เมือครู่ นนเขายั
ั งบ่มเพาะศัตรู คแู่ ค้นเอาไว้อีกหลายคน แน่ นอนว่าจะต้องทําให้พวกเขาตกตายไปอย่างอเนจอนาถ
ทีสุ ด แม้แต่คนเดียวก็ไม่ให้เหลือ !

ชางฉงยกมุมปากขึนยิมอย่างอํามหิ ต มองไปทางมู่หรงเสวียอย่างผูท้ ีอยูเ่ หนื อกว่า

เมือเห็นว่านางกําลังถูกงูไม้และคนประหลาดล้อมกรอบเอาไว้ ในมือของนางถือกระบีอยูเ่ ล่มหนึง สะบัดวาดฟัน


ไปมาอย่างรวดเร็ ว แวววูบไหวเปล่งประกายขึนอย่างเย็นยะเยือก ชายเสื อสี ม่วงอ่อนพลิวไหวไปตามสายลม คน
ประหลาดและงูไม้ทีอยูใ่ กล้ตรงหน้าเพียงพริ บตาก็ถกู นางฟั ดจนขาดเป็ นสองท่อนอย่างรวดเร็ ว เสี ยง 'ตุบ' ดังขึน
เสี ยงหนึง ทันใดนันก็พากันร่ วงหล่นลงไปบนพืน......

คุณชายโอวหยางยืนอยูต่ รงด้านข้างของนาง นิ วมือของเขาดีดไปมาเบา ๆ พลังปราณกล้าแกร่ งสายแล้วสายเล่าก็


พุ่งออกไปปะทะเข้ากับลําตัวของงูไม้อย่างไม่ยงมื
ั อ เพียงพริ บตางูไม้กส็ ลายหายไปเป็ นผุยผง คนประหลาดบน
หลังงูไม้กถ็ ูกทําร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสล้มลงนอนตายไปบนพืน......
มู่หลิวเฟิ งก็อยูไ่ ม่ไกลไปจากสองคนนันนัก พัดในมือของเขาสะบัดวูบไหวไปมา ทีทีพัดพาดผ่าน งูไม้และเหล่า
คนประหลาดก็ถูกฟั นขาดจนตกตายราวใบไม้ร่วง......

กลินเลือดคละคลุง้ ลอยโชยเข้ากระทบกับจมูก มู่หลิวเฟิ งขมวดคิวเข้าหากันแน่ น “ทีชางฉงส่ งคนประหลาดและงู


ไม้ออกมามากมายขนาดนี มันคิดทีจะสังหารเข่นฆ่าพวกเราจนหมดรึ อย่างไรกัน”

ท่ามกลางท้องฟ้ า คนประหลาดบังคับบรรดางูไม้ให้บินฉวัดเฉวียนไปมา สถานการณ์ดูเลวร้ายลงเสี ยจนหนังตา


ของมู่หรงเสวียต้องกระตุกถีรัว นางพยักหน้าเพียงเบา ๆ “ดูท่าเขาคงคิดเช่นนัน”

“ช่างเป็ นคนทีบ้าดีเดือดนัก” มู่หลิวเฟิ งทิงคําพูดเอาไว้อย่างขยะแขยง พัดในมือสะบัดไปมาอย่างรวดเร็ ว เลือดสี


แดงสดสาดกระเซ็นไปทัว คนประหลาดคนแล้วคนเล่าพากันตกตายนอนกองลงไปกับพืน ส่ วนงูไม้กแ็ หลก
ละเอียดกระจัดกระจาย......

เมือมองไปทีซากศพของพวกคนประหลาดทีทอดกายอยูบ่ นพืนเป็ นวงกว้างนัน ชางฉงทียืนมองการปะทะอยู่


ด้านบนท้องฟ้ า ดวงตาแหลมคมของเขาค่อย ๆ หรี ลง ฮ่องเต้แคว้นชิงเหยียนออกจากวังมาคลายร้อน พาองค์รักษ์
มากฝี มือมาด้วยมากมาย รวมถึงบรรดาแม่ทพั คนสําคัญ ๆ ทีกล้าแกร่ งก็ติดตามมาด้วยไม่น้อย ด้วยความสามารถ
ของพวกเขาถ้าหากยังเป็ นเช่นนีอยู่ ถึงแม้ว่าคนของเขาจะสามารถสังหารคนทีร่ วมเดินทางมากับฮ่องเต้แคว้นชิง
เหยียนได้ทงหมด
ั แต่ฝ่ายตนแน่นอนว่าก็จะต้องสู ญเสี ยไปไม่นอ้ ยเช่นกัน

สังหารศัตรู ได้พนั คนแต่ตวั เองต้องสู ญเสี ยกําลังคนไปเกือบแปดร้อยคนนันไม่ใช่สิงทีเขาต้องการ สิ งทีเขา


ต้องการก็คือชัยชนะ ชัยชนะทีทีสวยงามหมดจด “บินให้สูงขึนหน่อย บินให้เร็ วขึนหน่ อย ทําให้คนชิงเหยียนที
ไม่เจียมตนพวกนี คว้าจับพวกเจ้าไม่ได้ เท่านีพวกมันก็จะทําอะไรพวกเจ้าไม่ได้แล้ว”
“ขอรับ !” เหล่าคนประหลาดตอบรับคําสัง ทันใดนันก็บินสู งขึนและเพิมความเร็ วมากยิงขึน เพียงพริ บตางูไม้ที
บรรทุกพวกเขาก็ปรากฏอยูท่ ีด้านบนของบรรดาทหารองครักษ์ เสี ยง ‘ฟ้ าว ฟ้ าว ฟ้ าว !’ บินฉวัดเฉวียนไปมา หาก
พบเจอองครักษ์เข้าเมือใดก็จะสะบัดดาบออกจนเกิดเป็ นสายเลือดทีสาดกระเซ็นไปทัว......

การโจมตีรูปแบบกองโจรทําให้เหล่าบรรดาทหารองครักษ์ทีมีกระบวนดาบทีดีและมีวรยุทธ์สูงส่ งได้แต่มองดู
พวกเขาเพราะไม่สามารถทีจะทําอะไรได้ ทําได้เพียงแค่รอคอยให้พวกเขาเข้าไปสังหาร ศพสูงใหญ่ร่างแล้วร่ าง
เล่าล้มลงกระแทกกับพืนเสี ยงดังไม่หยุดหย่อน เลือดสี แดงสดไหลทะลักออกมาจากบาดแผลไหลเจิงนองไปทัว
พืน......

นีไม่ใช่การต่อกรระหว่างคนประหลาดของแคว้นหนานเจียงกับองครักษ์ชาวชิงเหยียนแล้ว แต่นีเป็ นการไล่ฆ่า


อยูฝ่ ่ ายเดียว !

เมือมองไปบนพืนทีเต็มไปด้วยเลือด ชางฉงก็ยกยิมมุมปากขึนอย่างได้ใจ เขาค่อย ๆ สะบัดมือส่ งสัญญาณออกไป


เบา ๆ ศัตรู ทีเขาเกลียดทีสุ ดต่างยืนหยัดอยูบ่ นลานกว้างมาก็นานไม่นอ้ ยแล้ว อีกทังยังสังหารคนของเขาไป
มากมายนัก ช่างเลวร้ายจนถึงทีสุ ด ถึงเวลาแล้วทีจะส่ งพวกเขาไปสู่ สุคติ !

“ฟ้ าว ฟ้ าว !” คนประหลาดสองคนบังคับงูไม้ให้พุ่งทะยานไปทางมู่หรงเสวียอย่างโหดเหี ยม ใบดาบอันคมกริ บ


ภายใต้แสงอาทิตย์ทีสาดส่ องก็เปล่งประกายหนาวเหน็บเย็นยะเยือก แค่ฟันลงมาฉับเดียวก็สามารถฟันคอของ
ผูค้ นให้ขาดลงได้
แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหว นางใช้แรงขยับเท้าเบา ๆ ทันใดนันร่ างบางก็กระโดดลอยขึนไปบนฟ้ ากระบีในมือ
ปาดคอของคนประหลาดรวดเร็ วดังสายฟ้ าฟาด !

บาดแผลไม่ลึกนักปรากฏขึนบนคอของคนประหลาดทังสองคน แล้วค่อย ๆ เปิ ดกว้างออกจากกัน เพียงพริ บตา


สายเลือดสี แดงสดก็ไหลทะลักออกมาจากบาดแผล คอของคนประหลาดค่อย ๆ ตกลงบ่งบอกว่าพวกมันไร้ซึงลม
หายใจแล้ว งูไม้ทีไร้คนควบคุมต่างก็ตกลงกระแทกกับพืนอย่างแรง จนแตกละเอียด......

“ใช้ธนู รี บใช้ธนู......ใช้ธนู โจมตีใส่ พวกมัน” แววตาของมู่หรงเสวียเย็นเยียบอย่างลึกลํา ระยะห่ างทีลูกธนู


สามารถพุ่งออกไปได้เมือเปรี ยบกับระยะดาบแล้วช่างไกลกว่ากันยิงนัก ใช้ลูกธนูต่อกรกับฝูงงูไม้ลว้ นเป็ นการ
กระทําทีเหมาะสมทีสุ ด

“ขอรับ ขอรับ ขอรับ !” เหล่าบรรดาองครักษ์เหมือนเพิงตืนจากความฝัน และก็ไม่สนใจแต่อย่างใดว่าเป็ นใครที


ออกคําสัง ต่างพากันหยิบธนู ออกมาอย่างรวดเร็ ว วางศรลงบนคันธนูแล้วยิงออกไปใส่ พวกบรรดาคนประหลาด
และงูไม้ทีพุ่งเข้ามา

“ฟ้ าว ฟ้ าว ฟ้ าว !” ลูกธนูทีแฝงไว้ดว้ ยกลินอายของการฆ่าฟั นอันรุ นแรงพุ่งเข้ามา เหล่าบรรดาคนประหลาดทีอยู่


บนท้องฟ้ าพากันหลบไม่ทนั ถูกลูกธนูปักเข้าจนได้รับบาดเจ็บ พากันร่ วงหล่นระนาวลงกระแทกกับพืนอย่างแรง
งูไม้และซากศพพากันร่ วงหล่นเหมือนกับซากดอกไม้แห้งทีร่ วงโรยลงสู่ พนื

พวกบรรดาทหารองครักษ์เมือเห็นว่าลูกธนูใช้ได้ผล แววตาก็วบู ไหวไปด้วยความปี ติยนิ ดี ยิงรี บพากันยิงธนู


ออกไปอย่างรวดเร็ ว ลูกศรสี ดาํ คล้ายดังห่ าฝนก็ไม่ปานพุ่งไปทางบรรดาคนประหลาดอย่างไม่ขาดสาย......
เมือมองไปทีเหล่าบรรดาคนประหลาดและงูไม้ทีค่อย ๆ ร่ วงหล่นลงไปนัน ชางฉงก็ยกมุมปากขึนยิมเย็น ยัง
สามารถคิดหาวิธีการต่อกรกับฝูงงูไม้ของเขาได้ มู่หรงเสวียช่างฉลาดปราดเปรื องยิงนัก แต่ว่าหากนางคิดอยากจะ
เอาชนะเขา มันก็คงไม่ง่ายดายขนาดนันแน่ !

“แต่ละคนหาทีกําบัง ป้ องกันไม่ให้ตวั เองถูกลูกธนูยงิ ใส่ เร็ วเข้า” นําเสี ยงสังการเสี ยงเย็นดังก้องไปทัวทังลาน


กว้าง ดังกังวานเข้าไปในหู ของบรรดาคนประหลาดทุกคน

“ขอรับ !” พวกคนประหลาดรับคําสัง ทันใดนันก็กดกลไกบนหลังของงูไม้ งูไม้ทีตัวเรี ยวยาวพริ บตาก็ปรากฏ


กรงเล็บสองข้างทีทังใหญ่และคมเพิมเข้ามา ด้วยความเร็ วทีรวดเร็ วดังสายฟ้ าพุ่งทะยานเข้าไปในกลุ่มของเหล่า
บรรดาขุนนางบุ๋นและอิสตรี อย่างโหดเหี ยม มันยืนกรงเล็บออกไปโจมตีใส่ พวกเขา
ตอนที 193 งานเลียงทีแปรผัน (3)
“อ๊า......ช่วยด้วย.......” คุณหนูนางหนึงร้องขึนด้วยนําเสี ยงตืนตระหนก นางโดนงูไม้คว้าจับเข้าทีเอวแล้วลากลอย
ขึนไปกลางอากาศ

ลูกธนูแต่ละดอกของเหล่ามือธนูไม่สามารถหยุดยังควบคุมทิศทางได้ทนั ยิงโดนเข้าไปทีแขน ไหล่ เท้าของนาง


อย่างรุ นแรง เลือดสี แดงสดไหลทะลักออกมาจนเสื อผ้าของนางกลายเป็ นสี แดงฉาน ริ มฝี ปากของนางซี ดขาว
หายใจติดขัด แต่งูไม้ทีจับนางและคนประหลาดทีอยูด่ า้ นหลังงูไม้กลับไม่เป็ นอะไรเลยแม้แต่น้อย

างพากันพุ่งไปยัง
พวกคนประหลาดเมือเห็นว่าวิธีนีได้ผล ต่างก็ทาํ ตามกันไปเรื อย ๆ กรงเล็บของงูไม้ทงสองข้

เหล่าหญิงสาวทีอ่อนแออย่างไม่ปรานี

“ฮองเฮา !” เสี ยงร้องเรี ยกอย่างตืนตระหนกของเหล่านางกํานัลดังแว่วเข้ามาในหู เมือมู่หรงเสวียเงยหน้าขึนมอง


ไปก็เห็นว่างูไม้ตวั หนึงกําลังคว้าจับเข้าทีไหล่ของฮองเฮาแล้วบินออกไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ ว แววพระเนตร
ของฮองเฮาเต็มไปด้วยความเครี ยดขึง จับตีทีกรงเล็บไม้บนบ่าแรง ๆ แต่กรงเล็บไม้นันก็เกาะแน่ นเสี ยจนไม่
สันสะเทือนเลยแม้แต่นอ้ ย.....

“ทหาร มาช่วยฮองเฮา ! รี บ ๆ มาช่วยฮองเฮาเร็ วเข้า......” นางกํานัลระดับสู งทีภักดีต่างเร่ งรี บวิงตามหลังของงูไม้


ไปพร้อมทังตะโกนร้องไปตลอดทาง
เหล่าองครักษ์ต่างถูกคนประหลาดพัวพันอย่างแน่ นหนา ไม่สามารถทีจะปลีกตัวมาช่วยคนได้ เช่นนันแววตา
ของมู่หรงเสวียก็ฉายแววเยือกเย็นออกมา นางขยับเท้าเบา ๆ ทันใดนันร่ างเพรี ยวบางก็ลอยขึนไปปรากฏตัวอยู่
ด้านหน้าของงูไม้ นางยกเท้าสู งขึนแล้วเตะแรง ๆ ไปทีงูไม้ตวั นัน

งูไม้ทีแข็งแรงถูกเตะจนแท่งไม้กระเด็นออกมาเป็ นสองท่อน เพียงพริ บตากรงเล็บทีจับฮองเฮาไว้กค็ ลายออก แล้ว


พระนางก็พลันร่ วงหล่นลงมา มู่หรงเสวียรี บยืนมือออกมาจับพระกรของฮองเฮาไว้ ก่อนจะค่อย ๆ พาพระนาง
ร่ อนลงมาทีพืนดิน

นางกํานัลต่างรี บเดินเข้ามา แววตาเต็มไปด้วยความร้อนรนใจ “ฮองเฮาเป็ นอย่างไรบ้างเพคะ”

“มีเสวียเอ๋ อร์ มาช่วยไว้พอดี เราไม่เป็ นอะไร” ฮองเฮาตรัสตอบเบา ๆ ด้วยท่าทางทีสูงศักดิ เพียบพร้อมงดงาม ไม่


เห็นแม้แต่ร่องรอยของความตืนตระหนกหรื อเคร่ งเครี ยดทีต้องประสบอันตรายแต่อย่างใด

ิ ก ! เหล่านางกํานัลพากันถอนหายใจออกมายาว ๆ มองมู่หรงเสวียด้วยแววตาซาบซึ ง “ขอบคุณ


เช่นนันก็ดียงนั
คุณหนูม่หู รงมากเจ้าค่ะ ขอบคุณคุณหนู ม่หู รงมาก......”

มู่หรงเสวียยิมออกมาอย่างบางเบา “พีสาวไม่ตอ้ งเกรงใจ จัดองครักษ์เพิมมาอีกเสี ยสองสามนาย ปกป้ องคุม้ ครอง


ฮองเฮาให้ดี ๆ เถอะ” นางกํานัลพยักหน้ารับคําอย่างหนักแน่ น “ ต้องเป็ นเช่นนันแน่นอน องครักษ์กาํ ลังเร่ ง
มาแล้ว......”
“เป็ นเช่นนันก็ดี !” มู่หรงเสวียพยักหน้า พลันได้ยนิ เสี ยงตะโกนขึนมาอย่างกราดเกรี ยว “ เจ้างูอปั ลักษณ์ กล้ามา
จับข้าหรื อ เจ้าเบือชีวิตแล้วหรื อไร ข้าจะฟั นเจ้าให้ตายเสี ยตอนนี ”

เมือมู่หรงเสวียหันไปมองก็เห็นว่างูไม้ตวั หนึงกําลังจับแขนของหยวนฟางเฟยเอาไว้ แล้วกระชากลากนางให้ไหล


ครู ดไปด้านหน้า

ในมือของหยวนฟางเฟยนันมีดาบร้อยห่ วงทีพุ่งแทงไปทางงูไม้ เสี ยง “ปั ง ปั ง ปั ง” ดังขึนอย่างสับสนวุ่นวาย เศษ


ไม้ต่างปลิวว่อนไปทัว สี หน้าของคนประหลาดบนหลังงูไม้นนบิ
ั ดเบียว รี บหลบเป็ นพัลวัน มือกดทีปุ่ มบนร่ างงู
ไม้ เตรี ยมทีจะให้งูไม้บินขึนไปกลางอากาศ !

ขอเพียงไปถึงกลางอากาศ การต่อต้านของหยวนฟางเฟยก็จะลดลงไปมากนัก ไม่จาํ เป็ นต้องหวาดกลัวอีก......

เมือมองเห็นว่างูไม้เตรี ยมทีจะลากหยวนฟางเฟยให้บินขึนไป มู่หรงเสวียก็รีบหมุนกาย ก้าวเร็ ว ๆ มายังด้านหน้า


ของงูไม้ สะบัดกระบีฟั นลงไปทีกรงเล็บของงูไม้อย่างรวดเร็ ว

ได้ยนิ เพียงเสี ยง “ครึ ก ๆ” กรงเล็บของงูไม้โดนตัดจนขาดทันใด หยวนฟางเฟยร่ วงหล่นมาทีขันบันไดด้านล่าง


กลิงขลุก ๆ ลงไปด้านล่างไม่หยุด

ภาพทีเห็นเดียวไกลเดียวใกล้เปลียนแปลงเสี ยรวดเร็ วจนดวงตาพร่ ามัว กระดูกทัวทังร่ างโดนขันบันไดกระแทก


ไปมา กระแทกเข้าตรง ๆ จนรู ้สึกเจ็บ หยวนฟางเฟยขมวดคิวแน่น ร้องเรี ยกเสี ยงดังด้วยความร้อนรน “มู่หรง
เสวียช่วยจับข้าไว้เร็ ว ๆ เข้า”
มู่หรงเสวียวิงตามอยูด่ า้ นหลังของนางอย่างเร่ งรี บ แล้วพูดขึนอย่างร้อนใจว่า “เจ้ากลิงเร็ วไป ข้าตามไม่ทนั !”

เมือพูดไม่ทนั ขาดคํา ก็ได้ยนิ เพียงเสี ยงโครมดังขึนเสี ยงหนึ ง เป็ นหยวนฟางเฟยทีกลิงไปจนถึงบันไดขันสุ ดท้าย


ชนเข้ากับกําแพงหิ นตรงหน้าเข้าอย่างเต็มแรง ร่ างกายแกร่ งราวเจดียเ์ หล็กในทีสุ ดก็หยุดลง กระดูกทังร่ างราวกับ
จะแยกชินออก เจ็บจนแทบจะทนไม่ไหว

หยวนฟางเฟยกัดฟั นอดกลันต่อความเจ็บปวด นางนอนควําหน้าอยูท่ ีด้านหน้าของกําแพงหิ น พึมพําออกมาด้วย


ท่าทางโกรธเกรี ยวแต่ไร้เรี ยวแรง “ค่อยยังชัว ค่อยยังชัว.....ถือว่าหยุดลงได้เสี ยที......”

“ซึบ !” คนประหลาดรายหนึ งบังคับงูไม้เข้ามา เตรี ยมทีจะคว้าจับมู่หรงเสวียอย่างดุร้าย !

จับนางอย่างนันหรื อ ไม่ประมาณตน !

มุมปากของมู่หรงเสวียยกยิมเยือกเย็น ปลายเท้าดีดขึนเบา ๆ คิดทีจะจัดการกับงูไม้ทีอยูก่ ลางอากาศ แต่ไม่คาดว่า


กลับมีคนผลักนางออกมาจากด้านหลังอย่างแรง ผลักนางเข้าสู่ กรงเล็บของงูไม้อย่างไม่ปรานี......

มู่หรงเสวียทีไม่ทนั ระวังตัว ร่ างของนางก็เลยพุ่งตรงไปทีกรงเล็บของงูไม้ เมือสายตาเห็นว่างูไม้นนกํ


ั าลังจะจับ
ศีรษะของนางได้อยูแ่ ล้ว นางจึงรี บเอนร่ างลงอย่างรวดเร็ ว พร้อมกับก้มหัวลงตํา ทําให้กรงเล็บของงูไม้เฉี ยดผ่าน
เส้นผมนางไป กรงเล็บโหดร้ายนันจึงคว้าจับเอาร่ างของคนทีอยูด่ า้ นหลังของนางไปแทน นําคนผูน้ นลาก
ั “ถูล่ถู ู
กัง” ขึนไปกลางอากาศ......

“ช่วยด้วย...ช่วยข้าด้วย...” เสี ยงกรี ดร้องทีฟั งดูคุน้ หู ดงั ขึนก้องลานกว้าง มู่หรงเสวียเงยหน้าขึนมองไป ก็เห็น


เพียงซูหนานเซี ยงโดนงูไม้ตวั ใหญ่จบั บ่าด้านขวาเอาไว้แล้วหนีบลอยขึนไปบนกลางอากาศ นางร้องขึนเสี ยงดัง
อย่างหวาดผวา พยายามดินรนสุ ดชีวิต แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“ซึบ ซึ บ ซึ บ” ลูกธนูทีลอยวนเวียนอย่างไร้ทิศทางตรงเข้ามาปั กทีมือ แขน และไหล่ของนาง ตรึ งนางไว้กบั งูไม้


จนแน่ น เลือดสี แดงเข้มพลันไหลพุ่งออกจากปากแผล อาบเสื อผ้าจนแดงฉาน......

“อ๊า” นางกรี ดเสี ยงร้องออกมาอย่างโหยหวน ใบหน้าซี ดเซี ยวไร้สีเลือด มองมู่หรงเสวียด้วยสายตาเคียดแค้น แวว


ตาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี ยว ราวกับอยากจะสับมู่หรงเสวียเป็ นชิน ๆ แล้วกลืนไปทังเป็ น

มู่หรงเสวียยกยิมเย็นยะเยือก ซูหนานเซี ยงคิดทีจะลอบทําร้ายนางอีกแล้ว ช่างไม่รู้จกั ประมาณตนเสี ยจริ ง ๆ นาง


ทีโดนงูไม้จบั ไป จนกลายเป็ นเป้ าบังธนูลว้ นเป็ นนางทีแส่ หาเรื องใส่ ตวั ทําชัวอย่างไรก็ได้อย่างนัน......

“หนานเซี ยง !” เสี ยงร้องอย่างตระหนกดังขึนสะท้อนไปทัวทังลานกว้าง เป็ นเสี ยงของราชครู ซูทียืนอยูบ่ น


อัฒจันทร์ เขากําลังแหงนหน้ามองไปทีซูหนานเซี ยง

“ท่านปู่ ช่วยข้าด้วย !” ริ มฝี ปากของซูหนานเซี ยงขยับเพียงเบา ๆ เสี ยงทีเปล่งออกมาแผ่วเบา ทําให้ราชครู ซูไม่มี


ทางได้ยนิ แต่เมือเห็นใบหน้าเล็ก ๆ ทีซี ดขาวราวแผ่นกระดาษของนางแล้ว แววตาของราชครู ซูกเ็ ต็มไปด้วย
ความกังวลและห่ วงใยอย่างลึกซึ ง เขาพูดขึนด้วยเสี ยงทีร้อนรน “ลูกธนูจะทําร้ายหนานเซี ยง หยุดยิง หยุดยิงธนู
เดียวนี !......”

ฮ่องเต้ขมวดพระขนงแน่น พระองค์ทรงโบกพระหัตถ์เบา ๆ ทําให้ลูกธนูทียิงออกไปนันหยุดลงในพริ บตา เหลือ


เพียงแต่งูไม้มากมายทีบินวนไปเวียนมาอยูบ่ นท้องฟ้ า สภาพการณ์ดูน่าหวันเกรงยิงนัก

อวีหลินจวิน หัวหน้ากองทหารเดินเข้ามาอย่างเร่ งรี บ แล้วพูดขึนด้วยเสี ยงทีนอบน้อมว่า “ ฝ่ าบาท งูไม้บินสูงยิง


นัก หากไม่ใช้ธนู เหล่าองครักษ์ไม่สามารถทีจะต่อกรกับพวกมันได้แน่ ยิงไม่ตอ้ งพูดถึงเรื องเอาชนะเลย การยิง
ธนูจะหยุดลงไม่ได้......”

ถึงซูหนานเซี ยงจะสูงส่ งเพียงใด แต่นางก็เป็ นเพียงแค่คุณหนูตระกูลชนชันสู งทัวไปเท่านัน ไม่อาจทีจะหยุดการ


ยิงธนูเพือนางเพียงคนเดียว แล้วให้ประมุขแห่ งชิงเหยียนและขุนนางอีกครึ งราชสํานักต้องตายตกอยูท่ ีนีได้......

สายพระเนตรของฮ่องเต้ฉายแววออกมาอย่างลึกลํา พระองค์ตรัสขึนด้วยเสี ยงเนิบ ๆ ว่า “คุณหนูทีติดตามการ


แปรพระราชฐานครังนี ล้วนเป็ นสตรี ทีสู งศักดิแห่ งเมืองหลวง ไม่ควรทําให้พวกนางได้รับบาดเจ็บมากไปกว่านี
จับงูไม้ไว้แล้วช่วยพวกนางลงมา ดูแลให้รัดกุมอย่าให้งูไม้จบั ใครเป็ นเป้ าธนูได้อีก จากนันเร่ งระดมยิงธนู ยิงเข้า
ไปทีพวกงูไม้ !”

“พ่ะย่ะค่ะ !” แม่ทพั รับพระบัญชา แล้วหยิบเอาคันธนูอนั ใหญ่ขนมา


ึ ขึนสายเล็ง เสี ยง “ฟึ บ” ดังขึน ลูกศรคมกริ บ
ถูกยิงออกไป ลูกศรนันแหวกอากาศพุ่งตรงเข้ากระทบทีกรงเล็บของงูไม้เข้าอย่างจัง กรงเล็บนันร่ วงหล่นลงสู่ พืน
คุณหนูทีโดนจับเอาไว้ภายใต้กรงเล็บค่อย ๆ พากันร่ วงลงมาทีละคนสองคน
ขันทีรีบเดินออกมา รับร่ างของคนทีร่ วงหล่นลงมาเอาไว้ แล้วพาพวกนางไปนังในเขตคุม้ ครองของเหล่าองครักษ์
ให้คนคอยคุม้ กันอย่างแน่ นหนา

ซูหนานเซี ยงเองก็ได้รับการช่วยเหลือลงมาเหมือนคนอืน ๆ สี หน้าของนางซี ดขาวไม่มีสีเลือดแม้แต่นอ้ ย มุมปาก


มีเลือดไหลออกมาให้เห็นจาง ๆ บริ เวณไหล่ และแขนยังคงมีลูกศรหัก ๆ ปั กคาติดอยู่ มีเลือดไหลออกมาเรื อย ๆ
ไม่หยุด......

นางเดินไปข้างหน้าอย่างทุลกั ทุเลโดยมีนางกํานัลสองคนคอยช่วยประคอง หันไปมองมู่หรงเสวียอย่างเกรี ยว


โกรธ แววตาเต็มไปด้วยไฟของความแค้นเคือง ......
ตอนที 194 งานเลียงทีแปรผัน (4)

ตอนที 194 งานเลียงทีแปรผัน (4)

มู่หรงเสวียเลิกคิวขึน ทําเป็ นไม่ได้ตงใจเตะท่


ั อนไม้ใต้เท้าออกไปทีหนึ ง ท่อนไม้พ่งุ ทะยานกระแทกเข้าทีแผ่น
หลังของซูหนานเซี ยงเข้าอย่างจังจนเสี ยงดัง ‘โป้ ก’ ทําให้นางล้มลงกับพืน ลูกธนูบนไหล่กระทบเข้ากับพืนเจาะ
ทะลุไหล่ของนางออกมา เสี ยงกรี ดร้องดังสะท้านไปทัวบริ เวณ “อ้า !”

สมนําหน้า !

มู่หรงเสวียเหลือบมองนางอย่างดูถูกเล็กน้อย คร้านทีจะไปสนใจ นางเงยหน้าขึนมองไปบนฟ้ าเห็นว่าลูกศรที


เหมือนดังห่ าฝนของกองทหารอวีหลินจวินกําลังพุ่งไปทีเหล่าคนประหลาดและงูไม้

คนประหลาดและงูไม้เมือไม่มีพวกคุณหนูทีเป็ นโล่กาํ บังธนู เพียงพริ บตาก็โดนลูกศรยิงตกลงมาทีละตัวทีละตัว


จนแตกกระจายเป็ นชิน ๆ……

เมือมองดูไปทีด้านล่างทีกําลังวุน่ วาย ชางฉงทียืนดูสถานการณ์อยูบ่ นท้องฟ้ าก็คอ่ ย ๆ หรี ตาลง ฮ่องเต้แคว้นชิงเห


ยียนสามารถป้ องกันได้อย่างดีเยียม งูไม้ไม่สามารถจับคนมาเป็ นทีกําบังธนูได้อีกต่อไปแล้ว คงจําเป็ นจะต้อง
เปลียนรู ปแบบการโจมตีอีกครัง “งูไม้ทงหมด
ั จงเพิมความสู งขึนอีก ยิงสู งยิงดี !”
“ขอรับ !” เหล่าบรรดาคนประหลาดรับคําสัง ทันใดนันก็บงั คับให้งูไม้เพิมความสู งมากขึน ‘ฟ้ าว ฟ้ าว ฟ้ าว’ เหล่า
งูไม้พากันไต่ระดับความสู งขึนอย่างรวดเร็ ว จนถึงระดับทีลูกศรยิงไม่ถึง ถึงจะหยุดลง !

กองทหารอวีหลินจวินมองตามงูไม้ทีลอยสู งไกลขึนไป พากันมองหน้าสบตากันไปมา งูไม้พวกนี ไม่ใช่วา่ มาเพือ


ฆ่าพวกเขาหรอกหรื อ จะบินสู งขึนไปขนาดนันเพืออะไรกัน สู งขนาดทีไม่สามารถสัมผัสโดนตัวพวกเขาทีเป็ น
กองทหารอวีหลินจวินของชิงเหยียนได้แล้ว แล้วทีนีพวกมันจะฆ่าพวกเขาอย่างไรกัน หรื อว่าพวกงูไม้จะมี
แผนการอืน ๆ อีก

ในขณะทีกําลังสับสนอยูน่ นั เขาก็เห็นงูไม้ทีลอยอยูบ่ นฟ้ าเริ มจะมีความเคลือนไหว ทันใดนันเองก็มีกอ้ นดํา ๆ ที


ไม่รู้ว่าคือสิ งใดถูกทิงลงมาด้านล่าง

“บึม บึม บึม !” ของสิ งนันพอตกลงถึงพืนก็ระเบิดออกในทันใด เศษฝุ่ นผงฟุ้ งกระจาย ควันโขมงคละคลุง้ ไปทัว
บริ เวณ พืนดินถูกระเบิดจนเกิดเป็ นหลุมขนาดใหญ่ กลินดินระเบิดทีเข้มข้นคละคลุง้ ลอยโชยไปในอากาศอย่าง
รวดเร็ ว !

ทันใดนันหัวหน้ากองทหารอวีหลินจวินหรี ตาลง “เป็ นดินระเบิด รี บหลบเร็ วเข้า !”

“ขอรับ !” กองทหารอวีหลินจวินรี บหาทีกําบังอย่างร้อนรน เหล่าขุนนางบุ๋น เหล่าฮูหยิน และบรรดาคุณหนู


ทังหลายทีอยูภ่ ายใต้ความคุม้ ครองของพวกเขาต่างก็รีบเร่ งฝี เท้าติดตามไป ทัวทังลานกว้างตกอยูใ่ นความชุลมุน
วุ่นวาย……
‘ฟ้ าว ฟ้ าว ฟ้ าว !’ เสี ยงของบรรดางูไม้ทีลอยขึนลงไปมาอยูบ่ นท้องฟ้ ากําลังทิงดินระเบิดอย่างบ้าคลังลงมาใส่
ลานกว้างด้านล่างทีกําลังวุ่นวาย

ฮ่องเต้และฮองเฮาทีอยูภ่ ายใต้การคุม้ กันของทหารองครักษ์ รี บเคลือนกายเข้าสู่ มุมปลอดภัยทีอยูฝ่ ังตรงข้ามทันที

มู่หรงเสวีย คุณชายโอวหยาง หยวนฟางเฟยและมู่หลิวเฟิ งต่างก็รีบพากันเข้าไปหลบทีหลังกําแพงหิ น ลอบมอง


ผ่านช่องแกะสลักของกําแพงหิ นออกไปด้านนอก

เห็นห่อดินระเบิดห่ อแล้วห่ อเล่าตกลงมาบนลานกว้าง ตกใส่ อฒั จันทร์ พระทีนังทองคําและโต๊ะหลายตัวล้ม


ระเนระนาด เหล้าเลิศรสและผลไม้ลว้ นพากันกระเด็นตกลงบนพืนกระจัดกระจายไปทัว ทังลานกว้างทีกว้าง
ใหญ่นนถู
ั กระเบิดลงจนกลายสภาพเป็ นเละเทะไปหมด……

มู่หรงเสวียขมวดคิวแน่ นเข้าหากัน นางกําลังเตรี ยมทีจะเอ่ยปากก็เห็นห่ อดินระเบิดห่ อหนึงกําลังตกลงมาทาง


่ …
กําแพงหิ นทีพวกเขาหลบอยู…

“ระวัง !” แววตาของคุณชายโอวหยางเยียบเย็นดึงร่ างของมู่หรงเสวียเข้าสู่ ออ้ มอก นิวมือเรี ยวงามดังหยกพริ บตา


ดีดออก ส่ งพลังภายในอันกล้าแกร่ งพุ่งออกไปปะทะกับห่ อดินระเบิด
ได้ยนิ แต่เสี ยง ‘บึม’ ดังขึนเสี ยงหนึ ง ถุงดินระเบิดก็ระเบิดขึนกลางอากาศเหนือกําแพงหินเสี ยงดังกระหึ มจนหู
แทบจะระเบิด เขม่า ฝุ่ น ควันปลิวว่อนกระจัดกระจายตกกระเด็นลงบนตัวและหัวของพวกเขา

ความโกรธของหยวนฟางเฟยพุ่งปะทุ นางรี บใช้มือทังสองปั ดป่ ายไปมา ปั ดเศษฝุ่ นและคราบเขม่าควันออกจาก


ตัว พร้อมด่าทอขึนเสี ยงดัง “ชางฉงทีโหดเหี ยมชัวช้า นีพวกเราไปขโมยภรรยาหรื อขุดหลุมบรรพชนของเขา
ขึนมาหรื ออย่างไรกัน เหตุใดเขาถึงได้ส่งคนประหลาดและงูไม้มากมายมาล้อมกรอบกักขังพวกเรา ไม่คิดยอม
เลิกราเช่นนี ……”

มู่หลิวเฟิ งเงยหน้าขึนมองไปทีบรรดางูไม้ทีลอยยัวเยียอยูเ่ ต็มท้องฟ้ าไปหมด ดวงตาดอกท้อสวยคูน่ ันค่อย ๆ หรี


เล็กลง……
ตอนที 195 ปะทะเดือด (1)

“ชางฉงคงต้องการทีจะฆ่าสังหารกําจัดพวกเราทังหมดไม่ให้เหลือ หลังจากนันก็จะได้นาํ ซากศพหรื อศีรษะของ


พวกเราไปขอรางวัลจากฮ่องเต้แคว้นหนานเจียง......”

“ข้าไม่มีทางยอม เขาจะคิดสวยหรู เกินไปแล้ว ถ้าข้าผูน้ ีตายอยูท่ ีนี ข้าก็จะขอลากเขาตามไปเป็ นของเซ่ นไหว้ดว้ ย


แน่นอน !” หยวนฟางเฟยเอามือเท้าเอวมองไปยังบรรดางูไม้บนท้องฟ้ าอย่างเกลียดชังแล้วเปิ ดปากตะโกนด่าทอ
ออกมา

มู่หลิวเฟิ งปรายตามองนางอย่างดูถูกเล็กน้อย “ชางฉงยืนอยูบ่ นหลังงูไม้นู้น ลอยอยูบ่ นท้องฟ้ าตังเกือบร้อยเมตร


ถึงแม้วา่ วิชาตัวเบาของเจ้าจะสู งส่ งแค่ไหนเจ้าก็ทาํ อะไรเขาไม่ได้ กลับกันถ้าเป็ นเขา แค่เขาทิงห่ อดินระเบิดลงมา
ห่ อหนึ งก็สามารถทําให้เจ้าถูกระเบิดจนเละได้แล้ว การจะฆ่าเจ้ามันช่างง่ายดายราวกับฆ่ามดฆ่าปลวก แล้วเจ้าจะ
ลากมันให้ตายไปกับเจ้าได้อย่างไรกัน !”

หยวนฟางเฟยยังคงไม่ยอมแพ้ “วิธีการมันก็ตอ้ งอาศัยความคิดออกมาไม่ใช่หรื ออย่างไร เจ้าก็รีบคิดหาวิธีจดั การ


กับชางฉงเสี ยสิ ......”

มู่หลิวเฟิ งขมวดคิว “ข้าก็กาํ ลังคิดอยู่ แต่ถึงตอนนี ก็ยงั คิดวิธีดี ๆ อะไรไม่ออกเลย......”


“บึม !” เสี ยงดินระเบิดอีกห่ อหนึงระเบิดอยูน่ อกกําแพงหิ น เศษดินหิ นแตกกระจาย ซากดินหิ นต่างกระเด็นข้าม
กําแพงหิ นตกลงทีศีรษะและหน้าของหยวนฟางเฟยเต็มไปหมด......

ทันใดนันไฟโกรธของหยวนฟางเฟยก็ลุกโชน “เจ้าชางฉงอันชัวช้า ! สร้างเรื องไม่จบไม่สินเสี ยที มารดาผูน้ ี จะ


ขอสู ้ตายกับเขาแล้ว......” เธอกล่าวออกมาอย่างดุร้าย หยวนฟางเฟยหมุนกายเตรี ยมทีจะวิงออกไปนอกกําแพงหิ น

มู่หรงเสวียรี บยืนมือออกมาดึงร่ างของนางไว้ “พวกคนแคว้นหนานเจียงพวกนันกําลังใช้ดินระเบิดสร้างความ


วุ่นวายอย่างบ้าคลังไปทัว เจ้าวิงออกไปทังอย่างนี ก็มีแต่จะวิงออกไปตายเปล่าเท่านัน”

“แล้วเช่นนันจะให้ขา้ ทําอย่างไร ยืนอยูท่ ีนี เพือรอความตายเช่นนันน่ะรึ ” แววตาของหยวนฟางเฟยลุกโชนไปด้วย


ไฟโกรธ ดินระเบิดบนงูไม้ทีถูกโยนลงมาด้านล่างราวกับมีจาํ นวนมากมายไม่จบไม่สิน

เมือคนประหลาดเห็นว่าบนลานกว้างไม่มีผคู ้ น ดินระเบิดทีเตรี ยมโยนลงไปบนลานกว้าง ก็ได้เปลียนเป้ าหมาย


ตามจุดทีแต่ละคนแอบซ่ อนอยู่ ไม่ชา้ ก็เร็ วดินระเบิดต้องตกลงมาตรงจุดทีพวกเขายืนอยู่ และทําให้พวกเขาถูก
ระเบิดจนตาย......

“แน่นอนว่าไม่ใช่ !” มู่หรงเสวียส่ ายหัวแล้วกล่าวขึนกดเสี ยงตําอย่างลึกลับ “พวกเจ้ามีวิธีทาํ ให้งูไม้มาทีนี


หรื อไม่”
“เจ้าจะเอางูไม้ไปทําอะไร” คุณชายโอวหยางมองนางอย่างไม่เข้าใจ งูไม้สร้างขึนโดยชาวแคว้นหนานเจียง
ด้านบนมีกลไกอันสลับซับซ้อนมากมาย หากไม่ใช้คนทีเคยพบเจอกับงูกลมาก่อน ถึงจะได้ตวั ของงูกลมา ก็คงใช้
ไม่เป็ นอยูด่ ี

“มีวิธีใช้มนั ดี ๆ แล้วกัน” มู่หรงเสวียยิมออกมาน้อย ๆ อย่างลึกลําและให้ความรู ้สึกแปลกประหลาด

หยวนฟางเฟยมองไปทีงูไม้อย่างพินิจพิเคราะห์คาดการณ์ แล้วนางจึงค่อย ๆ ส่ ายหัว “ระยะห่ างมากขนาดนี ด้วย


วิชาตัวเบาทีข้ามี ถึงอยากจะจัดการกับพวกมัน แน่ นอนว่าไม่ใช่เรื องทีง่ายดายนัก ข้าไม่ค่อยมันใจมากเท่าไรนัก
ว่าจะทําได้......”

มู่หลิวเฟิ งเองก็มองไปทีงูไม้ทีลอยอยูบ่ นฟ้ าเช่นกัน เขาขมวดคิวขึนเบา ๆ “บรรดางูไม้ต่างลอยอยูส่ ู งมาก ทําให้


ระยะห่างก็อยูไ่ กลออกไปมากเช่นกัน หากอยากจะจัดการกับพวกมัน แน่ นอนว่าไม่ง่ายดายเลยจริ ง ๆ ข้าเองก็ไม่
มีความมันใจเท่าไหร่ นกั ......”

เมือได้ฟังนําเสี ยงทีไม่มนใจของทั
ั งสองคนแล้ว ทีหว่างคิวของคุณชายโอวหยางก็ไม่ปรากฏร่ องรอยแห่ งความ
หนักใจเลยแม้แต่นอ้ ย เขาเหลือบตามองงูไม้ครู่ หนึงแล้วหันหน้ามองไปทางมู่หรงเสวีย “เจ้าอยากได้กีตัว”

แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหวเปล่งประกาย นางรี บบอกออกไปอย่างรวดเร็ ว “ห้าหกตัว เจ็ดแปดตัว ล้วนได้


ทังหมด งูไม้นนถ้
ั าจะให้ดีตอ้ งมีสภาพทีสมบูรณ์ แต่ถา้ แตกหักนิ ดหน่ อยก็ไม่เป็ นไร แต่อย่าให้พงั มากก็แล้วกัน
......”
งูไม้ทีตกอยูต่ ามพืนล้วนแต่เป็ นพวกทีแตกหัก อีกทังยังถูกดินระเบิดระเบิดซําจนแตกกระจายเป็ นชินเล็กชินน้อย
เต็มไปไปหมด ล้วนใช้การไม่ได้สักตัว คงจําเป็ นจะต้องเอางูไม้ตวั ใหม่ตวั อืนมาเท่านัน

“ตกลง !” คุณชายโอวหยางพยักหน้า ทันใดนันก็ขยับเท้าเล็กน้อย ร่ างสู งโปร่ งราวดังเมฆขาวพุ่งตรงขึนไปบน


ท้องฟ้ า ชุดสี ขาวหิ มะพลิวไสวไปตามสายลม......

เท้าของคุณชายโอวหยางเหยียบอยูบ่ นอากาศ เขายืนอยูท่ ่ามกลางฝูงงูไม้ทีหนาแน่ น ใบหน้าหล่อของเขาสุ ขมุ


เรี ยบนิ ง ท่วงท่าองอาจสง่างาม ใบหน้าและท่วงท่าของเขาต่างตราตรึ งเข้าไปในจิตใจของผูค้ นทีได้พบเห็น ทุก
คนต่างพากันชะงักมองไปทีเขาอย่างเหม่อลอย......

วิชาตัวเบาของคุณชายแห่ งวังเซี ยวเหยาอ๋ องช่างลึกลําเกินคาดเดายิงนัก......

คุณชายโอวหยางยืนอยูบ่ นอากาศด้วยท่าทางทีมันอกมันใจ ทันใดนันนิ วมือเรี ยวงามดังหยกของเขาก็ดีดออกไป


คราหนึง เขาส่ งพลังภายในอันกล้าแกร่ งให้พ่งุ ออกราวกับลูกศรแสงพุ่งตรงโจมตีไปทีคนประหลาดชุดดําผูห้ นึง
ทีอยูอ่ อกไปไม่ไกล โจมตีจนคนประหลาดผูน้ นลอยกระเด็
ั นออกไป......

งูไม้เมือขาดคนควบคุมก็ค่อย ๆ ลอยตกลงไปด้านล่าง......

แววตาของมู่หรงเสวียทอประกายอย่างยินดี เตรี ยมวิงทีจะออกไปรับงูไม้


แต่ทว่าหยวนฟางเฟยรี บดึงมือเธอไว้ รู ปร่ างดังหอเหล็กคล้ายกับศรแสง พุ่งตรงไปทีงูไม้ เสี ยงพูดอันหยาบกร้าน
ของนางลอยตามสายลมมา “ร่ างกายอ่อนแอบอบบางเช่นเจ้า งูไม้ทีตกลงมาอาจทับเจ้าตายได้ ให้ขา้ จัดการเองจะ
ดีกว่า......”

เมือกล่าวจบหยวนฟางเฟยก็ยนมื
ื อคว้าจับไปทีงูไม้ ไม่คาดว่า หางงูนนจะหนั
ั กเกินไป จนนางไม่สามารถทีจะคว้า
จับมันเอาไว้อย่างมันคงได้ ได้ยนิ แต่เสี ยง “ปั ง” ดังขึนเสี ยงหนึ ง หางงูตกลงไปบนพืนเศษไม้แตกกระจาย
ออกเป็ นชิน ๆ......

างแหย ๆ “ข้าไม่รู้วา่ งูไม้จะ


เมือมองไปทีเศษหางของงูไม้ทีตกพืนจนแตกกระจาย หยวนฟางเฟยก็ยมออกมาอย่

หนักขนาดนี พลาดไปแล้ว ข้าพลาดไปแล้ว......เฮ้อ...”

“ไม่เป็ นไร กลไกด้านหน้าไม่พงั ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว” มู่หรงเสวียยิมออกมาน้อย ๆ นางรี บก้าวเดินออกไปรับเอางู


ไม้มา ออกแรงลากมันไปหลังกําแพงหิ น......

“ให้ขา้ จัดการเองเถอะ !” มู่หลิวเฟิ งเดินออกมา คว้างูไม้ขึน เขาทีเป็ นชายฉกรรจ์ผหู ้ นึ งกําลังยืนหัวโด่อยูต่ รงนี


แล้วเช่นนันจะให้ผหู ้ ญิงทีอ่อนแอเป็ นฝ่ ายลําบากได้อย่างไร !

ชางฉงยืนอยูบ่ นท้องฟ้ า แววตาอันชัวช้ากวาดมองไปทีคุณชายโอวหยาง หยวนฟางเฟย แล้วตกไปทีมู่หลิวเฟิ ง


รวมถึงมู่หรงเสวียทียืนอยูข่ า้ ง ๆ งูไม้ดา้ นในกําแพงหิ น นีพวกเขาต้องการจะทําอะไรกัน แต่ไม่วา่ พวกเขาจะทํา
อะไร เขาก็ลว้ นไม่มีทางปล่อยให้แผนการของพวกเขาสําเร็ จเป็ นอันขาด !
“ฆ่าพวกมู่หรงเสวียซะ !” คําสังทีปราศจากความเมตตาดังออกมาก้องกังวาลไปทัวทังฟ้ า

“ขอรับ !” บรรดาคนประหลาดชุดดํารับคําสังอย่างนอบน้อม คว้าจับดินระเบิดห่ อแล้วห่ อเล่าขว้างปาออกไป


ทางมู่หรงเสวียและหยวนฟางเฟยอย่างไร้ความปรานี !

แววตาของคุณชายโอวหยางเหยียบเย็น นิวมือเรี ยวงามดังหยกของเขาดีดออกไปอย่างรวดเร็ ว พลังภายในอันกล้า


แกร่ งพุ่งออกไปโจมตีคนประหลาดชุดดําจากรอบทิศทาง โจมตีใส่ พวกมันจนกระเด็นออกไปคนละทิศคนละ
ทาง......

งูไม้เมือไร้คนบังคับก็ค่อยควําตกลงไปทีพืนด้านล่าง......

หยวนฟางเฟยทียืนอยูด่ า้ นล่าง รู ปร่ างสู งใหญ่ของนางกระโดดหลบดินระเบิดไปมาพร้อมรับเอางูไม้ตวั แล้วตัว


เล่าไว้......

มู่หลิวเฟิ งเองก็เดินเข้า ๆ ออก ๆ กําแพงหิ นเพือรับส่ งงูไม้จากหยวนฟางเฟย แล้วขนพวกมันทังหมดเข้าไปใน


กําแพงหิ น

“บึม บึม บึม !” ดินระเบิดระเบิดอยูด่ า้ นนอกกําแพงหิ นอย่างต่อเนือง เศษหิ น เศษดิน กระจายไปทัวโดยรอบ จน


ไม่มีใครกล้าเงยศีรษะขึนมา
มู่หรงเสวียนังคุกเข่าอยูใ่ นกําแพงหิ น คว้าจับท่อนไม้ท่อนแล้วท่อนเล่า ประกอบพวกมันเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ ว
ท่าทางทีชํานิ ชาํ นาญเช่นนันเสมือนกับทํามาเป็ นพันเป็ นร้อยครัง มู่หลิวเฟิ งทีได้เห็นก็มองจนดวงตาเบิกกว้างขึน
อย่างตกตะลึง......

มู่หรงเสวียเหลือบมองเขาแวบหนึ งแล้วรี บกล่าวขึนว่า “อย่ามัวแต่ตะลึงอยูเ่ ลย รี บมาช่วยข้ารื อชินส่ วนของงูไม้ที


ตกลงมาแตกกระจายเมือครู่ ออกมา......” นางจะได้ใช้ชินส่ วนทียังสภาพดีประกอบเข้าด้วยกัน จะได้ประหยัดทัง
เวลาและแรง

ชางฉงออกคําสังให้ฆ่าพวกเขาแล้ว นางจําเป็ นทีจะต้องรี บประกอบงูไม้อย่างรวดเร็ วทีสุ ด ประกอบเสร็ จเร็ ว


หน่ อย ก็เท่ากับว่าพวกเขาจะสามารถลดความเสี ยงไปส่ วนหนึง......

“นีเจ้า...จะทําอะไร......” มู่หลิวเฟิ งมองนางอย่างไม่เข้าใจนัก แล้วถามถึงสิ งทีตนกําลังสงสัยอยูใ่ นใจออกมา

“ตอบโต้ชางฉง !” มู่หรงเสวียพูดเน้นออกมาทีละคํา แววตาของนางวูบไหวไปด้วยความโหดเหี ยม

“ใช้มนั ต่อกรกับชางฉง !” มู่หลิวเฟิ งพูดขึนอย่างเชือครึ งไม่เชือครึ ง กองงูไม้ทีแตกหัก สามารถต่อกรกับชางฉงที


มีกองกําลังงูไม้มากมายนับไม่ถว้ นด้วยหรื อ

“ไม่ผดิ !” มู่หรงเสวียพยักหน้าพร้อมยิมออกมาแปลก ๆ ทีมุมปาก “เจ้ารี บช่วยข้าแยกชินส่ วนงูไม้ อีกไม่นานเจ้า


ก็จะรู ้เองว่าข้าจะต่อกรกับชางฉงได้อย่างไร......”
ตอนที 196 ปะทะเดือด (2)

“ตกลง !” มู่หลิวเฟิ งพยักหน้า ก้มตัวลงไปคว้างูไม้ขึนมาตัวหนึงแล้วรี บแยกชินส่ วนของพวกมันออกจากกัน

มู่หรงเสวียหยิบเอางูไม้ทีโดนแยกชินส่ วนออกมาแล้วรี บต่อประกอบพวกมันเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ ว

เสี ยงดินระเบิดห่ อแล้วห่ อเล่าระเบิดดัง “บึม บึม บึม” อยูท่ ีด้านนอกกําแพงหิ น เศษหิ นแตกกระจาย เศษดินฝุ่ น
ลอยฟุ้ ง ทังสองไม่สนใจเหตุการณ์ทีเกิดขึนด้านนอก หยิบจับเอางูไม้มาแยกส่ วนจนสุ มกันเป็ นกองเป็ นพัลวัน

ทันใดนันดินระเบิดห่ อหนึ งก็หล่นลงบนกําแพงหิ น เสี ยงระเบิดดัง “ปั ง” ขึนมาเสี ยงหนึ ง กําแพงหิ นทีแข็งแกร่ ง
ถูกระเบิดเป็ นเศษซากจํานวนนับไม่ถว้ น กระจายออกไปทัวทังสี ทิศ ภายในกําแพงหิ นทีกําลังยุง่ วุ่นวายกลับ
กลายเป็ นเงียบสงบลงในพริ บตา .......

หยวนฟางเฟยตกใจจนหน้าซี ด นางมองไปทีกําแพงหิ นทีเต็มไปด้วยควันทีลอยคละคลุง้ ร้องเสี ยงดังอย่างตืน


ตกใจขึน “มู่หรงเสวีย !”

ภายในกําแพงนันหิ นเงียบกริ บ ไม่มีเสี ยงตอบกลับมาแม้แต่นอ้ ย !


“มู่หรงเสวีย ...... มู่หรงเสวีย..... มู่หรงเสวีย.....” หยวนฟางเฟยไม่สนใจห่ อดินระเบิดทีหล่นลงมาอย่างไม่ขาด
สายแล้ว นางเร่ งรี บวิงไปทีกําแพงหิ น เสี ยงตะโกนโศกเศร้าผ่านชันเมฆ สะท้อนไปทัวท้องฟ้ า......

ชางฉงยกมุมปากขึน ยกยิมขึนอย่างร้ายกาจ เฮอะ ๆ มู่หรงเสวียตายแล้วหรื อ ช่างดียงนั


ิ ก ในทีสุ ดเขาก็สามารถ
กําจัดคู่แค้นทีน่ารังเกียจทิงไปได้รายหนึง เป็ นเรื องทีน่าสําราญใจจริ ง ๆ ......

“หยวนฟางเฟย เลิกตะโกนได้แล้ว หู ของข้าโดนเสี ยงของเจ้าสะเทือนจนแทบจะหนวกแล้ว !” เสี ยงเยือกเย็นของ


สตรี สายหนึ งดังขึน เสี ยงนันฟังดูอ่อนแอไร้เรี ยวแรง

หยวนฟางเฟยพลันชะงักฝี เท้า มองไปทีกําแพงหิ นทีมีควันตลบคละคลุง้ เบิกตากว้างอย่างตกตะลึง “มู่หรงเสวีย


...... เจ้ายังไม่ตาย......”

“ ไร้สาระ คนตายจะยังพูดกับเจ้าได้รึไง !” มู่หรงเสวียตอบนางอย่างอารมณ์เสี ยประโยคหนึ ง

หยวนฟางเฟยหัวเราะออกมาแห้ง ๆ อย่างเก้อเขิน “ระเบิดนันมันระเบิดใกล้ ๆ ข้างกายเจ้า แล้วเจ้าก็ไม่มีความ


เคลือนไหวไปเสี ยนานสองนาน ข้าถึงได้นึกว่าเจ้าตายแล้วไงเล่า.....”

“วางใจเถอะ ชางฉงทีร้ายกาจโหดเหี ยมบ้าคลังนันยังอยู่ แล้วข้าจะตายได้อย่างไร !” นําเสี ยงเยือกเย็นทีพูดเน้นที


ละคําดังก้องขึน ภายในกําแพงหิ นทีฝุ่ นคลุง้ ควันตลบ มีเงาร่ างหนึงค่อย ๆ เดินออกมา
ชุดกระโปรงยาวสี ม่วงอ่อนของนางเต็มไปด้วยฝุ่ นควัน ทรงผมทีจัดแต่งอย่างประณี ตก็ดูยงุ่ เหยิงเล็กน้อย ใบหน้า
เรี ยวงามนันมีคราบควันดําขวาจุดหนึงซ้ายจุดหนึง สภาพดูเละเทะเล็กน้อย แต่แววตายังคงเปล่งประกายแวววับ
เก่งกล้า ทําให้ผคู ้ นมองแล้วต้องรู ้สึกครันคร้าม

มู่หรงเสวียเคลือนออกมาจากกลุ่มควันทีละนิ ด ๆ เช่นนันหยวนฟางเฟยถึงได้พบว่า นางไม่ได้เดินออกมา แต่ยนื


อยูใ่ นช่องว่างของงูไม้ตวั หนึ ง งูไม้ตวั นี ใหญ่กว่าทีคนประหลาดควบคุมอยูถ่ ึงสองเท่า ช่องว่างด้านในก็ใหญ่กว่า
ของพวกเขามาก

มือเล็กขาวนวลของมู่หรงเสวียวางอยูบ่ นกลไกด้านหน้าของช่องว่าง ขับเคลือนมันให้ลอยไปด้านหน้าช้า ๆ ค่อย


ๆ เผยให้เห็นหางทีอยูด่ า้ นหลังตัวงูมากมาย หางเหล่านันถูกประกอบเข้าไปกับตัวงู เมือมองไกล ๆ ก็เหมือนพัด
ใหญ่อนั หนึง นับเป็ นภาพทีงดงามยิงนัก

หยวนฟางเฟยเบิกตากว้าง “นีมัน.....งูแปดหาง !”

มู่หรงเสวียมองหางทังแปดด้านหลังของงูครู่ หนึง “หากเรี ยกมันว่างูแปดหางก็คงได้อยู”่

เวลาทีเร่ งรัดเช่นนี นางไม่มีเวลาทีจะเปลียนแปลงรู ปลักษณ์ของงูกล ก็เลยใช้รูปร่ างงูเช่นเดิม แล้วเอามาต่อ


ประกอบใหม่เข้าด้วยกัน......

“บึม !” เสี ยงห่ อดินระเบิดระเบิดขึนไม่ไกล เศษหิ นแตกออกเป็ นเสี ยง ๆ ฝุ่ นฟุ้ งตลบไปทัว
แววตาเยือกเย็นของมู่หรงเสวียหรี ลงเล็กน้อย “ฟางเฟย รี บขึนมา เราจะรี บไปจัดการเจ้าชางฉงทีโหดเหี ยม
อํามหิตนันกัน”

“เจ้าบังคับงูได้หรื อ” เมือหยวนฟางเฟยคิดถึงปั ญหาสําคัญจุดนี ได้ ก็หันไปมองนางตาค้าง แววตาเต็มไปด้วย


ความประหลาดใจ

มู่หรงเสวียยิมออกมาบางเบา “พอรู ้แค่เล็กน้อยเท่านัน”

ในยุคปั จจุบนั นางเคยขับเครื องบิน รถสปอร์ ต มอเตอร์ ไซค์ แล้วสามารถขีจักรยานได้ หลักการเคลือนทีของ


กลไก ไม่ต่างจากยานพาหนะพวกนันนัก เพียงลองดูแค่ไม่กีครัง นางก็พอจะรู ้ว่าควรบังคับงูไม้นีได้อย่างไร.....

เมือสายตาเห็นปากของหยวนฟางเฟยเดียวอ้าเดียวหุ บ และยังคงเตรี ยมทีจะถามอะไรเพิมเติม มู่หลิวเฟิ งทีนังใน


ช่องว่างส่ วนหางก็ขมวดคิวขึนอย่างหมดความอดทน จับบ่าของหยวนฟางเฟยลากนางไปทีช่องว่างบนหางงูอีก
ห่ างหนึง

“เวลาเหลือไม่มากแล้ว เรื องไร้สาระเจ้าก็พดู น้อยหน่อย รอให้เอาชนะชางฉงได้ เจ้าค่อยสอบถามได้ตามสบาย


จะถามสามวันสามคืนก็ยงั ได้” เขาเองก็มีคาํ ถามมากมายทีอยากถามมู่หรงเสวียเช่นกัน แต่ยามนี ศัตรู ใหญ่กาํ ลังอยู่
ตรงหน้า ไม่ใช่เวลาทีจะถามคําถาม
“รู ้แล้วน่า !” หยวนฟางเฟยตอบกลับเขาประโยคหนึงอย่างไม่สบอารมณ์ ยอมหุ บปากลงไม่เค้นถามอะไรต่ออีก
แล้วหันมองไปสํารวจงูไม้ดว้ ยความฉงนใจ ค่อย ๆ ยืนมือออกไปลูบทีหางของงูไม้เบา ๆ ในใจอดทีจะชืนชม
ไม่ได้ ทําออกมาได้งดงามละเอียดประณี ตนัก ฝี มือไม่เลวเลยจริ ง ๆ

มู่หรงเสวียแยกส่ วนของงูไม้แล้วสามารถประกอบมันจนกลายเป็ นงูไม้ขนาดใหญ่เช่นนีเพียงลําพังได้ ช่างร้าย


กาจจริ ง ๆ !

มู่หรงเสวียขับเคลือนงูไม้ “ฟ้ าว” ครู่ หนึงก็เหาะมาทีซ่ อนตัวของกองทหารอวีหลินจวินนอกกําแพงหิ น พูดขึน


ด้วยเสี ยงทีดังก้อง “ผูท้ ีมีวิชาตัวเบาสู งส่ ง ขึนมาสักสองสามคน”

คนของแคว้นชิงเหยียนไม่สามารถขับเคลือนงูไม้ได้ ดังนันนางก็เลยเพิมหางให้งูตวั นี มากหน่อย คิดทีจะพาผูท้ ีมี


วิชาตัวเบาอันแข็งแกร่ งเหาะเหิ นไปจัดการกับศัตรู

บนท้องฟ้ ามีคนประหลาดและงูไม้ล่องลอยอยูม่ ากมาย หากขึนไปข้างบนท้องฟ้ าเพียงหนึงหรื อสองคน ถึงแม้ว่า


จะสามารถกําจัดงูไม้และคนประหลาดทีมากมายเหล่านันออกไปได้หมด แต่ก็คงต้องใช้เวลาเนินนานนัก

กลุ่มงูไม้ของชางฉง ร่ วมมือสอดประสานกัน ความสามารถในการสู ้รบนันสู งส่ ง ทุกหนึงนาที ล้วนสามารถเกิด


เรื องทีชวนให้คนคาดไม่ถึงได้มากมายนัก เพราะฉะนัน นางจึงไม่คิดทีจะยืดเยือกับชางฉงให้มากเกินไป แต่คิดที
จะจบการต่อสู่ นีลงอย่างรวดเร็ ว
การปะทะยิงจบลงเร็ วมากเท่าไร อุบายทีชางฉงใช้ก็จะน้อยลงเท่านัน คนตายและบาดเจ็บของชิงเหยียนก็สามารถ
ลดลงไปได้อีกมาก

“ข้าไป !.....ข้า...ข้าก็ไปด้วย...” ทหารจากกองทหารอวีหลินจวินกระโดดออกมาจากกําแพงหิ น แย่งชิงกันวิงเข้า


มา

ห่ อดินระเบิดเหล่านัน ระเบิดจนพวกเขาได้แต่หลบอยูด่ า้ นหลังกําแพง อดกลันไว้จนแทบตายแล้ว ตอนนี มีงูไม้


ยักษ์แปดหางตัวนีทีสามารถพาพวกเขาเหาะทะยานขึนไปบนท้องฟ้ าได้ ทําให้พวกเขาสามารถจัดการกับคน
ประหลาดได้โดยตรง ล้างอายให้หายสิ นด้วยวิธีเดียวกัน แน่นอนว่าพวกเขาย่อมต้องยินดีอยูแ่ ล้ว

เมือมองไปทีสายตาอันมุ่งมันของกองทหารอวีหลินจวิน มู่หรงเสวียก็พดู ขึนอย่างช้า ๆ ชัด ๆ ว่า “การสู้รบบนฟ้ า


อาจะมีเรื องทีไม่คาดฝันมากมายเกิดขึนได้ ดังนันวิชาตัวเบาจะต้องแกร่ งกล้าพอทีจะสามารถเหาะเหิ นบนอากาศ
ได้ หากวิชาตัวเบายําแย่ ไม่สามารถเหาะเหิ นไปบนท้องฟ้ าได้ แล้วไม่ทนั ระวังร่ วงจากงูไม้ก็คงมีแต่ตายทางเดียว
เท่านัน”

ทันใดนันฝี เท้าของกองทหารอวีหลินจวินก็พากันหยุดชะงัก สบตากันไปมา ลอบมองสี หน้ากันอยูค่ รู่ หนึ ง วร


ยุทธ์ของพวกเขานันนับว่าไม่เลว แต่วิชาตัวเบาน่ะหรื อ ค่อนข้างทีจะแย่หน่ อย ไม่สามารถเหาะเหิ นกลางอากาศ
ได้ หากระหว่างเข้าปะทะโดนคนผลักลงจากงูไม้ ก็คงต้องตายอย่างน่ าอนาถใจแล้ว.....

“ทหารอวีหลินจวินไม่ค่อยเน้นฝึ กวิชาตัวเบานัก เช่นนันก็ไม่ตอ้ งให้พวกเขาขึนไปบนฟ้ า ข้าไปเอง” เสี ยงทุม้


ุ่ นเปรอะเปื อนเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้
กังวานดังขึน องค์ชายสี เย่เทียนฉี เดินก้าวยาว ๆ เข้ามา ชุดยาวสี เขียวมีฝนควั
ทําลายท่าทางสู งส่ งสง่างามของเขาให้ลดลงแต่อย่างใดเลย
มู่หรงเสวียยิมจาง ๆ ออกมา เย่เทียนฉี เป็ นเชือพระวงศ์ วิชาตัวเบา การต่อสู้ของเขาต้องไม่เลวแน่นอน “องค์ชายสี
เชิญขึนมาเถอะเพคะ !”

“ได้” เย่เทียนฉี พยักหน้า สะบัดปลายเท้าเบา ๆ ลอยขึนไปบนช่องว่างบนหางงูหางหนึ ง

แววตาของมู่หรงเสวียสงบนิ งเยือกเย็น ในขณะทีเตรี ยมจะคัดเลือกคนอีกสักสองสามคนอยูน่ นั หางตาของนางก็


ปรากฏเงาร่ างในชุดสี ม่วงสายหนึง เมือเหลือบตามองไปก็เห็นเย่อีเฉิ นลอยทะยานร่ อนลงไปในช่องว่างบนหางงู
หางหนึง.......
ตอนที 197 ปะทะเดือด (3)

ตอนที 197 ปะทะเดือด (3)

นางมองไปทางเย่อีเฉิ นแล้วขมวดคิวขึนน้อย ๆ “จิงอ๋ องก็จะตามไปจัดการศัตรู บนท้องฟ้ าด้วยกันหรื อ”

“ไม่ได้หรื อ” เย่อีเฉิ นเลิกคิวมองไปทีนาง

“ได้ก็ได้อยูห่ รอก แต่ว่าการไปต่อสู ้กนั บนท้องฟ้ า อาจจะเกิดเรื องอันตรายทีไม่คาดคิดขึนได้มากมาย ถ้าหากท่าน


อ๋ องมีส่วนไหนได้รับบาดเจ็บเข้า อย่าได้มาโทษข้าเชียวล่ะ !” มู่หรงเสวียมองไปทีเขาอย่างราบเรี ยบกล่าวเน้นขึน
ทีละคํา

ี นอีก ถ้าหากเย่อีเฉิ นขึนมานังบนงูไม้ทีนางควบคุมอยู่ และไม่ทนั ระวังจน


นางไม่คิดอยากทีจะเกียวข้องกับเย่อเฉิ
ได้รับบาดเจ็บแล้วมากล่าวโทษนาง แน่นอนว่านางจะต้องมีเรื องลําบากยุง่ ยากมากกว่าเดิมไม่หยุดหย่อนแน่
ถึงแม้วา่ นางจะไม่กลัวเรื องลําบากยุง่ ยาก แต่กไ็ ม่อยากทีจะนําพามาซึ งปั ญหาทีจริ ง ๆ แล้วไม่ควรจะเกิดขึน......
“นันก็แน่นอนอยูแ่ ล้ว !” เย่อีเฉิ นพยักหน้าเบา ๆ การต่อสู่ กบั ผูค้ นนันยากนักทีจะไม่ได้รับบาดเจ็บ เขาก็ไม่ใช่คน
ทีโง่เขลาเบาปั ญญาอะไร ทีพอตัวเองได้รับบาดเจ็บแล้วกลับไปกล่าวโทษว่าเป็ นความผิดของผูอ้ ืน

“เป็ นเช่นนันได้กด็ ีทีสุ ด !” มู่หรงเสวียตอบกลับอย่างไม่นาํ พา วิชาตัวเบาและวรยุทธ์ของเย่อีเฉิ นนันสู งลํา


สามารถทําให้การต่อสู ้กบั พวกบรรดางูไม้และคนประหลาดนันง่ายมากขึน นางเพียงรับผิดชอบพาเขาลอยขึนไป
บนฟ้ าก็เพียงพอแล้ว ส่ วนเรื องราวนอกจากนัน ล้วนไม่เกียวข้องอันใดกับนาง

“ข้าก็จะตามพวกเจ้าไปด้วย” หัวหน้ากองทหารอวีหลินจวินเดินออกมาจากด้านหลังกําแพงหิ น เขาขยับเท้าเบา ๆ


กระโดดเข้าไปในช่องว่างบนหางงู

‘ฟ้ าว ฟ้ าว ฟ้ าว !’ อยู่ ๆ เงาร่ างสี ดาํ สามสายก็พากันกระโดดเข้าไปนังลงตรงทีว่างทีเหลืออยูอ่ ีกสามที

มู่หรงเสวียมองไปทีคนชุดดําทังสามคน บนศีรษะของพวกเขามีผา้ สี ดาํ โพกเอาไว้ คิวเรี ยวขมวดขึนเล็กน้อย “ข้า


ขอถาม ท่านทังสามคือใครกัน”

“องครักษ์เงาของฮ่องเต้ !” ชายชุดดําทีเป็ นผูน้ าํ มองไปทีมู่หรงเสวียแล้วอธิบายออกมาเสี ยงเย็น “ฝ่ าบาทรับสังให้


พวกข้ามาช่วยพวกเจ้าอีกแรงหนึง !”

มู่หรงเสวียปรายตามองไปทีกําแพงหิ นทีฮ่องเต้ซ่อนตัวหลบอยู่ มุมปากของนางยกยิมขึนจาง ๆ องครักษ์เงามี


หน้าทีปกป้ องความปลอดภัยของฮ่องเต้อยูใ่ นเงามืด แต่ฮ่องเต้กลับสังให้พวกเขาออกมา ดูท่าฝ่ าบาทคงจะเกลียด
ชังชางฉงยิงนัก พระองค์คงจะอดรนทนไม่ไหวทีจะฆ่าเขาให้ตายไว ๆ ชางฉงเป็ นคนหนานเจียงแต่ถ่อมาถึง
พระราชวังฤดูร้อนของชิงเหยียนเพือทีจะสังหารฮ่องเต้แคว้นชิงเหยียนและขุนนางชันผูใ้ หญ่อย่างบ้าคลัง ขอ
เพียงเป็ นคนทีมีสายเลือดของชิงเหยียนไหลเวียนอยูใ่ นกายล้วนแต่ลงมืออย่างโหดเหี ยมชัวช้า......

งูแปดหางมีคนนังครบแล้วแปดคน จํานวนคนเต็มพิกดั ของมันแล้ว ไม่จาํ เป็ นจะต้องรออะไรอีก !

“นังให้ดีล่ะ พวกเราจะบินขึนไปบนท้องฟ้ าแล้ว !” มู่หรงเสวียกล่าวออกมาเสี ยงเย็น ฝ่ ามือขาวยืนออกไปจับคัน


บังคับไม้ทีอยูด่ า้ นหน้าแล้วดึงขึนหนึงครัง ทันใดนันงูไม้ก็คล้ายกับศรแสงพุ่งทะยานออกไปบนฟ้ า ยิงบินยิงสู ง
สูงมากขึนเรื อย ๆ พุ่งตรงไปทีกลุ่มงูทีอยูห่ ่ างออกไปเกือบร้อยเมตร

เสี ยงเสี ยดสี ของสายลมพัดผ่านหู ทิวทัศน์ทงสองฟากฝั


ั งวูบไหวผ่านไปอย่างรวดเร็ ว หยวนฟางเฟยเบิกตากว้าง
ด้วยความตืนเต้นยินดี เยียมมาก ช่างยอดเยียมทีสุ ด เปรี ยบกับการใช้วิชาตัวเบาแล้วบินได้ดีกว่ามากนัก......

ทันใดนันเงาร่ างสี ขาวสายหนึ งปรากฏเข้าสู่ สายตา หยวนฟางเฟยชะงักไปครู่ หนึ ง แล้วกล่าวขึนอย่างร้อนใจ “แย่


แล้ว ลืมเหลือทีนังให้คุณชายโอวหยางไปเลย แล้วทีนีจะทําเช่นไรดี”

นีคือท้องฟ้ าทีสู งขึนมาเกือบร้อยเมตร ถึงแม้วิชาตัวเบาของคุณชายโอวหยางจะสู งลําเพียงใด และพลังปราณของ


เขาจะกล้าแกร่ งเพียงใด แต่ก็คงไม่สามารถยือเวลาอยูไ่ ด้นานนัก จําเป็ นจะต้องหาทีให้เขาหยุดพักเท้า

ในช่องว่างของงูไม้ตวั นี ล้วนมีคนนังหมดแล้ว ไม่เหลือทีว่างอีก คงไม่สามารถหาทีพักเท้าให้คุณชายโอวหยางได้


หางงูตรงส่ วนอืน ๆ ก็เป็ นเพียงท่อนไม้เล็ก ๆ ทีดูแล้วไม่มีทางสามารถให้คนไปยืนอยูบ่ นนันได้ นี ควรจะจัดการ
เช่นไรดี
เมือมองไปทีสายตากังวลของนาง ดวงตางามดังดอกท้อของมู่หลิวเฟิ งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน “เจ้าโง่รึไง
ช่องว่างทีมู่หรงเสวียยืนอยูก่ ว้างขนาดนัน ยังสามารถยืนได้อีกคนหนึง”

“อ๋ า !” หยวนฟางเฟยชะงักไปครู่ หนึงแล้วหันหน้ามองไป ก็เห็นว่าช่องว่างทีมู่หรงเสวียยืนอยูน่ นกว้


ั างกว่าทีว่าง
ของพวกเขาถึงสองเท่า เหมือนกับเผือทีเตรี ยมเอาไว้ให้คนสองคน

“เลินเล่อไปหน่อย ไม่ทนั มอง ข้าไม่ทนั มอง !” หยวนฟางเฟยยกยิมขึนอย่างเก้อเขิน แล้วปิ ดปากลงไม่กล่าววาจา


อีก มู่หรงเสวียฉลาดเสี ยขนาดนัน คงคิดอ่านไตร่ ตรองไว้อย่างรอบด้านแล้ว เช่นนันนางก็จะไม่ปากมากให้เสี ย
หน้าแล้ว

เย่อีเฉิ นมองไปยังทีว่างด้านข้างของมู่หรงเสวีย เพียงพริ บตาสี หน้าของเขาก็มืดครึ ม นางกลับเหลือทีของคุณชาย


โอวหยางเอาไว้ขา้ งกาย ดูท่าคุณชายโอวหยางทีอยูใ่ นใจของนางจะมีสถานะแตกต่างกับผูอ้ ืนมากมายนัก......

หางตาเห็นชายเสื อสี ขาวสายหนึง เป็ นคุณชายโอวหยางทีลอยลงมาจากบนฟ้ า เขาค่อย ๆ ลอยลงไปทีช่องว่างทีมู่


หรงเสวียยืนอยู่ ชายเสื อสี ขาวหิ มะลู่ยาวลงไปกับพืน ดูสะอาดสะอ้านไม่มีร่องรอยเปรอะเปื อนแต่อย่างใด

มู่หรงเสวียหันมองไปทีเขา ดวงตาสี ดาํ ขลับวูบไหวไปด้วยความห่ วงใยจาง ๆ “เจ้าไม่เป็ นไรใช่ไหม” เขาลอยอยู่


บนอากาศนานขนาดนัน แน่ นอนว่าจะต้องใช้พลังปราณไปไม่นอ้ ยเลย
“ข้าไม่เป็ นไร” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนอย่างราบเรี ยบ เขาหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าสี ขาวออกมาผืนหนึ งเช็ดไปทีเศษ
ฝุ่ นบนหน้าของนางอย่างเบามือ

แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหวอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ มีเศษฝุ่ นเปรอะเปื อนอยูบ่ นใบหน้านันช่างน่ารําคาญใจนัก


นางเองก็คดิ ทีจะเช็ดมันออกอยูเ่ ช่นกัน แต่ยงั หาเวลาไปเช็ดมันไม่ได้เสี ยที

ริ มฝี ปากขยับน้อย ๆ เตรี ยมทีจะพูดว่า ‘ข้าทําเอง’ แต่กน็ ึ กขึนได้ว่ามือทังสองข้างของนางนันล้วนบังคับงูไม้อยู่


ไม่สามารถทีจะผละมือออกมาเช็ดเศษคราบฝุ่ นสกปรกได้ กลินหอมจาง ๆ ของไม้ไผ่กระทบเข้ากับจมูก ดวง
หน้าเรี ยวงามของนางค่อย ๆ แดงกําขึนทังสองข้าง......

ความเขินอายของมู่หรงเสวีย พออยูใ่ นสายตาของเย่อเฉิ


ี นแล้วก็คือเด็กสาวทีกําลังขวยเขินเนียมอาย ทันใดนันสี
หน้าของเย่อีเฉินก็กลายเป็ นมืดครึ มจนดูน่ากลัว ฝ่ ามือภายใต้แขนเสื อของเขากําแน่ นเข้าหากัน......

‘ฟ้ าว ฟ้ าว !’ เสี ยงเสี ยดสี ของสายลมสายแล้วสายเล่าดังเข้าหู ม่หู รงเสวีย ทันใดนันนางก็หลุดจากภวังค์เงยหน้า


มองไปเห็นคนประหลาดชุดดําและงูไม้มากมายกําลังพุ่งเข้ามาหาพวกเขาด้วยท่าทางโหดเหี ยม

มู่หรงเสวียยกมุมปากขึนยิมอย่างเย็นยะเยือก นางกําลังคิดอยูว่ ่าจะไล่ตามพวกมันอย่างไรอยูพ่ อดี คิดไม่ถึงว่าพวก


มันจะเป็ นฝ่ ายทีพุ่งเข้ามาหาพวกนางเสี ยเองได้ เท่านี นางก็จะได้ไม่ตอ้ งลงมือให้ยงุ่ ยากเปลืองแรงอีกต่อไปแล้ว
“ทําตามแผนทีพวกเราหารื อกันไว้เมือครู่ !”
“เข้าใจแล้ว !” หยวนฟางเฟยกล่าวขึนเสี ยงดังด้วยความหยิงทะนง นางลุกขึนยืนบนช่องว่าง ขยับเท้าเบา ๆ แล้ว
กระโดดออกไป ดาบร้อยห่ วงในมือพุ่งเข้าฟันรับการโจมตีจากคนประหลาดนายหนึงทีพุ่งเข้ามา ได้ยนิ เสี ยงดัง
‘ฉัวะ’ ดังขึนเสี ยงหนึง คนประหลาดรวมถึงส่ วนคอของงูไม้ถูกฟั นจนขาดออกจากกัน เพียงพริ บตาก็ร่วงตกลง
ไปทีพืนด้านล่าง

หยวนฟางเฟยอาศัยแรงเหวียงของดาบร้อยห่ วงพุ่งทะยานไปทีด้านหน้าของคนประหลาดอีกผูห้ นึ ง ฟั นฉับไปที


เขาอย่างโหดเหี ยม......

มู่หลิวเฟิ ง เย่เทียนฉี เย่อีเฉิ น หัวหน้ากองทหารอวีหลินจวิน รวมถึงองครักษ์เงาทังสามคนก็พากันกระโดด


ออกไปจากงูไม้ หยิบมีด หยิบดาบ รวบรวมพลังปราณพุ่งเข้าไปปะทะฆ่าสังหารพวกบรรดาคนประหลาดและงู
ไม้อย่างไม่หยุดยัง

ชัวขณะนันก็ปรากฏเป็ นสายเลือดมากมายสาดกระเซ็นไปทัว เสี ยงร้องอันแสนเจ็บปวดดังขึนอย่างต่อเนื องไม่


หยุด ซากศพของงูไม้และคนประหลาดนับไม่ถว้ นพากันร่ วงหล่นลงไปด้านล่างอย่างต่อเนือง บนท้องฟ้ าทีเมือ
ครู่ ยงั เงียบสงบแต่เพียงพริ บตาก็กลายเป็ นความชุลมุนวุ่นวายขึนมา......

คุณชายโอวหยางยืนอยูด่ า้ นหลังของมู่หรงเสวีย ฝ่ ามือภายใต้แขนเสื อของเขาขยับวูบไหวไปมา พลังปราณสาย


แล้วสายเล่าพุ่งโจมตีออกไปจัดการเหล่าบรรดาคนประหลาดและงูไม้ทีอยูโ่ ดยรอบ สังหารฆ่าล้างบางพวกมันจน
หมด......
มู่หรงเสวียบังคับงูยกั ษ์บินอยูบ่ นท้องฟ้ าฉวัดเฉวียนไปมารอบแล้วรอบเล่า จนเกิดเป็ นเส้นสายอันงดงามมากมาย
หลายสาย ทุกทุกทีทีพาดผ่านต่างเต็มไปด้วยสายเลือดทีสาดกระเซ็น งูไม้และคนประหลาดนับไม่ถว้ นถูกไล่ล่า
สังหาร ร่ วงโรยไปด้านล่างเป็ นใบไม้ร่วง......

ดวงตาอันเย็นชาของนางจับจ้องเฝ้ ามองดูพวกมู่หลิวเฟิ งกับหยวนฟางเฟยไปด้วย หากเห็นว่ามีใครทีใช้แรงมาก


เกินไปและวิชาตัวเบาใกล้จะใช้ออกต่อไปไม่ไหว นางก็จะรี บบินไปหาอย่างรวดเร็ ว ลอยไปทีด้านล่างของพวก
เขาให้พวกเขาได้มีทียืนพักเท้า การร่ วมมือทีเข้าขากันเช่นนี ศัตรู ทีได้เห็นดวงตาก็ต่างแดงกํา......

คนประหลาดคนแล้วคนเล่าบังคับงูไม้พ่งุ ทะยานเข้าหาพวกมู่หรงเสวียอย่างไม่หยุดยัง ช่างคล้ายกับแมงเม่าทีบิน


เข้ากองไป เพียงพริ บตาก็ถูกวรยุทธ์และพลังปราณทีเข้มแข็งกล้าแกร่ งของพวกเขาจัดการสังหารจนหมด......
ตอนที 198 ปะทะเดือด (4)

นีไม่ใช่คนสองฝ่ ายกําลังต่อสู ้กนั อีกต่อไปแล้ว แต่เป็ นการไล่สังหารอยูฝ่ ่ ายเดียว เพียงแต่พวกทีถูกล่าสังหาร


ไม่ใช่คนของชิงเหยียนอีกต่อไป แต่กลายเป็ นคนของหนานเจียงแทน

มู่หรงเสวียบังคับงูไม้ยกั ษ์บินร่ อนไปมาท่ามกลางกลุ่มงูไม้เหล่านันด้วยความมันใจไร้สิงกีดขวาง บินวนไปรอบ


แล้วรอบเล่า จัดการสังหารบรรดาพวกงูไม้และคนประหลาดทีเข้าใกล้พวกเขาทังหมด......

เมือยิงบินรัศมีการบินของมู่หรงเสวียก็ยงกว้
ิ างมากขึน พวกบรรดาคนประหลาดชุดดําและงูไม้ทีพุ่งเข้ามาหาพวก
ิ อยลง นางยืนอยูบ่ นหลังงูไม้ยกั ษ์ กวาดตามองไปทีพวกบรรดางูไม้ตวั แล้วตัวเล่าทีลอยอยูบ่ นฟ้ า เริ ม
เขาก็ยงน้
ค่อย ๆ มองเห็นสุ ดขอบของพวกมันแล้ว เช่นนันมุมปากก็ยกยิมอย่างยากทีจะได้พบขึน......

ชางฉงยืนอยูบ่ นหลังของงูไม้มองไปทีเหล่าคนประหลาดชุดดําทีกําลังลดจํานวนลงอย่างรวดเร็ ว แววตาของเขา


วูบไหวด้วยความตืนตระหนกและไม่อยากจะเชือ มู่หรงเสวียไม่เพียงแต่จะไม่ถูกดินระเบิดระเบิดจนตาย แต่นาง
ยังสามารถดัดแปลงงูไม้และบังคับควบคุมมันได้ แล้วเอามันมาสวนกลับต่อกรกับเขา ช่างเลวร้ายทีสุ ด !

มู่หรงเสวียคิดจะฆ่าเขา มันไม่ได้ง่ายดายขนาดนันแน่ !

“รวมตัว !” นําเสี ยงสังการเย็นเยือกดังก้องขึน ดังลันก้องกังวานไปทัว


“ขอรับ !” เหล่าคนประหลาดชุดดําพากันรับคําสังเสี ยงเข้มแล้วกดลงไปบนแผ่นหลังของงูไม้อย่างรวดเร็ ว ชัว
ขณะนันท่อนไม้บนร่ างของงูไม้ยดื ยาวออกไปรอบทิศทางอย่างรวดเร็ ว เพียงพริ บตาก็กลายเป็ นลานเรี ยบ ๆ ผืน
หนึ ง ตัวงูไม้ยงั คงบินอยู่ มันประกอบรวมตัวเข้ากับงูไม้ทีอยูซ่ ้ายขวาทังสองด้านกลายเป็ นลานกว้างขนาดใหญ่

อยู่ ๆ ก็มีไม้บางยาวค่อย ๆ ปรากฏออกมาจากทังสองข้างของลานไม้ มีเส้นสายลักษณะโค้งอ่อน สายหนึ งเชือม


เอาไว้ตรงกลาง ความกว้างและยาวเป็ นพิเศษจนหย่อนลงไปกับพืนลานไม้ดา้ นล่าง ด้านข้างของสายยืดยังมีกล่อง
ขนาดใหญ่อยูก่ ล่องหนึ ง ไม่รู้ว่าด้านในบรรจุสิงของอะไรเอาไว้บา้ ง

คนประหลาดทีอยูด่ า้ นหน้าสุ ดบังคับให้ตวั ลานไม้บินไปมา พวกคนทีเหลืออีกสองคนยืนอยูด่ า้ นหน้าของสายรัด


รอคอยด้วยท่าทีทีเคร่ งขรึ ม !

“ฆ่า !” เสี ยงออกคําสังของชางฉงดังขึน คนประหลาดเหล่านันรี บอุม้ เอาสิ งกลม ๆ บางอย่างขึนมากจากกล่องวาง


มันลงไปบนสายยืดแล้วใช้แรงดึงมันไปด้านหลัง ลูกกลม ๆ บนสายรัดพุ่งโจมตีเข้าใส่ งูไม้ยกั ษ์ของมู่หรงเสวีย
อย่างรวดเร็ วราวกับศรแสง หยวนฟางเฟยทียืนอยูใ่ นช่องว่างบนหางของงูไม้ นางมองไปทีลูกกลม ๆ ทีพุ่งเข้ามา
รอบทิศทางแล้วร้องขึนด้วยความแปลกใจ “เจ้าพวกคนประหลาดกลุ่มนี ลวดลายช่างเยอะนัก ของพวกนันคือ
ของสิ งใดกัน”

“ข้าไม่รู้ แต่ว่าเป็ นของทีพวกมันยิงเข้ามา แน่นอนว่าต้องไม่ใช่ของทีดีอะไร !” มู่หรงเสวียส่ ายหน้าแล้วหันมอง


ไปทีหยวนฟางเฟยอีกครัง “ของทีข้าให้เจ้ารวบรวม เจ้าเตรี ยมไว้เรี ยบร้อยหรื อยัง”

“เรื องทีข้าทํา เจ้าวางใจได้” หยวนฟางเฟยกล่าวขึนอย่างโอ้อวด นางหยิบระเบิดจากด้านหลังขึนมาห่ อแล้วห่ อเล่า


ช่วงทีพวกนางไล่สังหารพวกคนประหลาด มู่หรงเสวียได้กาํ ชับเป็ นพิเศษว่าให้เก็บรวบรวมสิ งของบนตัวของงู
ไม้ติดมือมาด้วยเยอะ ๆ เรื องเล็กน้อยทีง่ายดายเช่นนี พวกเขาไหนเลยจะปฏิเสธ จึงได้รวบรวมดินระเบิดมาได้
กองใหญ่......

มู่หรงเสวียเลิกคิวขึนรี บกดทีกลไกบนตัวงูลงไปอย่างรวดเร็ ว ชัวขณะนัน ท่อนไม้บนหางงูก็ค่อย ๆ พากันเปิ ด


ออก เผยให้เห็นรางไม้เรี ยวยาวจํานวนสี อัน “รี บเอาดินระเบิดเทใส่ เข้าไป !”

ั อัน แล้วท่อนไม้ก็
“ได้เลย !” หยวนฟางเฟยพยักหน้า หยิบเอาดินระเบิดห่ อแล้วห่ อเล่าแยกใส่ ไปในรางไม้ทงสี
ค่อย ๆ ปิ ดลง ทันใดนันหางของงูก็กลับเป็ นราบเรี ยบปกติดงั เดิม

มู่หรงเสวียยกยิมทีมุมปากขึนอย่างแปลก ๆ นางกดลงไปทีกลไกทีอยู่ดา้ นหน้า หน้าอกทีเรี ยบลืนของตัวงูเพียง


พริ บตาก็ปรากฏช่องว่างขึนช่องหนึง ดินระเบิดห่ อแล้วห่ อเล่าต่างพุ่งออกมาจากด้านในช่องว่าง พุ่งยิงออกไป
รอบทิศทางอย่างรวดเร็ ว......

ดินระเบิดทีกระทบเข้ากับก้อนกลม ๆ พวกนันต่างก็ระเบิดขึนจนเกิดเสี ยงดัง ‘ปั ง ปั ง ปั ง’ เพียงพริ บตาบนท้องฟ้ า


ก็เกิดฝุ่ นควันโขมงขึนไปทัวบริ เวณ งูไม้ของมู่หรงเสวียถูกแรงระเบิดจนสะเทือนไปมาเล็กน้อย แต่งูไม้ของพวก
บรรดาคนประหลาดกลับถูกแรงระเบิดจนเละเทะกระจัดกระจาย......

มู่หรงเสวียกะพริ บตา ตอนทีนางดัดแปลงงูไม้นนนางค้


ั นพบว่างูไม้พวกนี ไม่ได้ธรรมดานัก ก็เลยสร้างกลไกไว้ที
หางของงูไม้แล้วให้พวกหยวนฟางเฟยรวบรวมดินระเบิดมา คาดไม่ถึงว่าจะได้ใช้ในสถานการณ์จริ ง......
ตอนที 199 ปะทะเดือดช่ วงปลาย (1)
“ฆ่า ! ฆ่าพวกมันอย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว !” ชางฉงคํารามออกมาอย่างกราดเกรี ยว แววตาอันชัวร้ายของเขา
แดงฉานดุจเลือด

ด้วยระยะเวลาสัน ๆ เพียงชัวครู่ มู่หรงเสวียไม่เพียงแต่จะสามารถดัดแปลงงูไม้ได้เท่านัน แต่นางยังสามารถสร้าง


กลไกภายในงูไม้ได้อีกด้วย พรสวรรค์เรื องกลไกของนาง ช่างเชียวชาญจนน่าตกใจนัก หากปล่อยให้นางอยูร่ อด
เช่นนี ต่อไป แน่ นอนว่านางจะต้องสามารถสร้างกลไกชันยอดออกมาได้อีกมากมาย แล้วคงค่อย ๆ ทิงห่ างหนาน
เจียงเอาไว้ขา้ งหลังไกลลิบอย่างแน่นอน !

ศาสตร์กลไกเป็ นสิ งทีมีเฉพาะทีหนานเจียง แล้วเขาจะปล่อยให้คนของแคว้นชิงเหยียนสามารถรู ้ได้อย่างไร


เช่นนี คงปล่อยมู่หรงเสวียเอาไว้ไม่ได้แล้ว ปล่อยไว้ไม่ได้เด็ดขาด !

“ขอรับ !” คนประหลาดรับคําสัง บังคับลานกลไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ ว ลูกบอลกลม ๆ อันหนาแน่นราวกับเม็ด


ฝนระดมยิงเข้าไปทีงูไม้แปดหางทีมู่หรงเสวียอยูอ่ ย่างไร้ความปรานี !

มู่หรงเสวียหรี ตาลงอย่างเยือกเย็น แล้วกล่าวขึนเบา ๆ ว่า “พวกเจ้าจับให้แน่น ข้าจะพุ่งบินแล้ว !” คนหนานเจียง


พวกนี ล้วนพากันอดรนทนไม่ไหวทีจะพุ่งเข้ามาตายเช่นนี เช่นนันนางก็จะทําให้พวกเขาได้สมหวังเอง

มือเรี ยวขาวของมู่หรงเสวียลากคันบังคับไม้ตรงหน้า งูไม้แปดหางเหมือนกับลูกธนูทีปล่อยออกจากแล่ง วูบไหว


ไปมาบนท้องฟ้ าอย่างรวดเร็ ว หลบหลีกลูกบอลกลมทีละลูก ๆ ได้อย่างเฉี ยดฉิ วพอดิบพอดี
เพียงพริ บตาดินระเบิดก็พ่งุ ออกจากท้องงูทีละห่ อ ๆ พุ่งยิงออกไปรอบด้านอย่างต่อเนืองไม่หยุด กระแทกเข้ากับ
ก้อนกลม ๆ ทีละลูก ๆ ด้านบนลานกลได้ยนิ เสี ยง “บึม บึม บึม” ดังต่อเนื องไม่หยุดอยูร่ ะยะหนึง ลานกลลานแล้ว
ลานเล่าระเบิดแตกออกเป็ นเสี ยง ๆ เศษซากปลิวว่อน ฝุ่ นควันฟุ้ งตลบไปทัว......

ชางฉงอยูบ่ นหลังของงูไม้ มองลานกลทีระเบิดออกอย่างต่อเนือง แต่งูไม้แปดหางกลับไม่ได้รับความเสี ยหายใด


ๆ เลยแม้แต่นอ้ ย ทันใดนันสี หน้าของเขาก็เขียวคลํา คนมากมายขนาดนี แต่กลับฆ่ามู่หรงเสวียเพียงคนเดียวไม่ได้
ช่างเป็ นพวกสวะทีไร้ประโยชน์เสี ยจริ ง !

สายตาฉายแววเยือกเย็น ชางฉงเดินไปด้านหน้ากลไก กดลงไปทีปุ่ มกลไกแรง ๆ ได้ยนิ เสี ยง “ฟ้ าว ฟ้ าว ฟ้ าว” ดัง


ขึนอย่างต่อเนืองอยูค่ รู่ หนึง ก้อนทรงรี สีขาวลูกแล้วลูกเล่าดังศรแสงพุ่งตรงเข้าไปทีงูไม้แปดหาง.......

ก้อนทรงรี สีขาวมีความเร็ วยิงนัก เพียงพริ บตาก็สามารถเข้ามาประชิดด้านหน้าได้แล้ว กลินไอแห่ งความตายอัน


เข้มข้นปะทะเข้าสู่ ใบหน้า มู่หรงเสวียทีไม่สามารถบังคับงูไม้ให้หลบหลีกได้ทนั แววตาของนางวูบไหวเย็นยะ
เยือก ออกแรงดึงคันบังคับไม้ งูไม้ทีกําลังบินร่ อนอยูบ่ นฟ้ า เพียงพริ บตาก็เปลียนทิศทาง......

หยวนฟางเฟย มู่หลิวเฟิ งและคนอืน ๆ รู ้สึกถึงเพียงมีเสี ยงลมเสี ยดสี วบู ไหวผ่านข้างหู หัวของตนโยกไปบนที


ล่างที ขวาที ซ้ายที ไปมาอย่างรวดเร็ ว ก้อนทรงรี สีขาววูบผ่านหางของงูไปกระแทกโดนเข้ากับลานกลทีอยูไ่ ม่
ไกล ได้ยนิ เสี ยง “บึม บึม บึม” ดังขึนอย่างต่อเนื อง ลานกลถูกโจมตีจนเหลือแต่เพียงเศษซาก ปลิวว่อนไปทัวทังสี
ทิศ
เมือหยวนฟางเฟยมองแล้วก็ปากสันระรัวอย่างรุ นแรง “เจ้าบ้าชางฉงนันคงคิดทีจะระเบิดเราให้แหลกเละไม่
เหลือซาก ช่างโหดเหี ยมยิงนัก”

โชคดีทีฝี มือเรื องการขับงูไม้ของมู่หรงเสวียนันสู งส่ ง นางสามารถหลบหลีกการโจมตีของก้อนทรงรี สีขาว


เหล่านันได้ หากไม่เช่นนันพวกเขาคงต้องโดนระเบิดตายทีนีอย่างแน่ นอน......

เย่อีเฉิ นเงยหน้ามองไปทีมู่หรงเสวีย นัยน์ตาสะท้อนแววสับสนแสนซับซ้อน ความสามารถการบังคับงูไม้ของมู่


หรงเสวียนันสู งส่ งจริ ง ๆ ขนาดก้อนทรงรี สีขาวทีรวดเร็ วขนาดนันนางก็ยงั สามารถทีจะหลบหลีกได้ ในชัว
ขณะทีก้อนทรงรี สีขาวกระแทกเข้ามานัน เขานึ กว่าตัวเองจะต้องตายทีนีเสี ยแล้ว......

วิชากระบีทีเชียวชาญ ศาสตร์ ดา้ นการแก้พิษ รวมถึงศาสตร์ ดา้ นกลไก ในทุก ๆ ครังทีเขาพบกับนาง ต่างก็จะได้
พบเจอกับความสามารถอันสู งส่ งลําลึกของนาง นางเป็ นหญิงฉลาดทีน้อยนักจะได้พบในแผ่นดิน ไม่ว่าเรื อง
อะไรก็ตามเมือได้เรี ยนเพียงแวบเดียวก็สามารถทําได้ นางยังมีความสามารถอะไรทีเขาไม่รู้อยูอ่ ีกบ้าง.......

มู่หลิวเฟิ งปรายตามองลานกลงูไม้ทีเหลืออยูไ่ ม่กีอัน แล้วพูดขึนเนิ บ ๆ ว่า “เขียวเล็บของชางฉงโดนเรากําจัดจน


เหลือไม่เท่าไหร่ แล้ว พวกเราทีปะทะต่อกรกับเขา คงดําเนินมาถึงช่วงท้ายแล้ว เขาทีกลายเป็ นสุ นขั จนตรอกคง
ร้อนรนจนคิดลูกไม้อะไรไม่ออก อีกไม่นานคงคิดเตรี ยมทีจะลงมือจัดการพวกเราอย่างโหดเหี ยม !”

“ถุย ! เจ้าคนเลวทรามตําช้า ข้าไม่มีทางปล่อยมันไปแน่ ๆ” หยวนฟางเฟยถลึงตามองชางฉงบนหลังงูไม้อย่าง


เกรี ยวกราด ในดวงตาลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ
“เจ้าอย่าได้โวยวายไป อีกนิ ดเดียวพวกเราก็จะสามารถหว่านแหจับปลาตัวใหญ่ได้แล้ว !” มู่หรงเสวียกล่าวขึนเบา
ๆ มุมปากของนางยกยิมอย่างทีดูอนั ตรายแปลก ๆ ขึน มือเรี ยวขาวกดลงไปทีปุ่ มกลไกเบา ๆ

ได้ยนิ เสี ยง “ฟ้ าว ฟ้ าว” ดังขึนอย่างต่อเนื องครู่ หนึง ห่ อดินระเบิดพริ บตาพุ่งออกจากท้องงูไปห่ อแล้วห่ อเล่า
กระแทกเข้ากับก้อนทรงรี สีขาวทีพุ่งเข้ามาโจมตีอย่างรุ นแรง ระเบิดลานกลไปทัวทังสี ทิศแปดทาง ทําให้ลานกล
ทีลอยอยูบ่ นท้องฟ้ าระเบิดเป็ นเศษซากกระจายไปทัว แล้วค่อย ๆ พากันร่ วงหล่นลงไปสู่ พืนด้านล่าง.......

ท่ามกลางกลุ่มควันคละคลุง้ กลางอากาศนันเหลือเพียงงูไม้แปดหางของพวกเขาและงูไม้ตวั ยักษ์ของชางฉง


เท่านัน

มู่หรงเสวียขับเคลือนงูไม้แปดหางไปทีด้านหน้างูไม้ยกั ษ์ชา้ ๆ แล้วมองสบตากับชางฉงทียืนอยูบ่ นหลังงูไม้ยกั ษ์


ไกล ๆ

หยวนฟางเฟยลุกยืนขึน ถลึงตามองไปทีชางฉงแล้วกล่าวขึนอย่างเกลียดชัง “ชางฉง ลูกน้องของเจ้าโดนพวกข้า


ลงโทษสังหารลงไปจนหมดสิ นแล้ว เจ้าก็ยอมให้พวกข้าจับกุมเสี ยดี ๆ เถอะ จะได้ไม่ตอ้ งเจ็บปวดทรมาน......”

ชางฉงกวาดตามองนางแวบหนึง แล้วยิมเยาะขึน “ถ้าข้ายอมรามือให้จบั กุม พวกเจ้าจะลงโทษอย่างไรกันเล่า ตัด


หัว หรื อว่าจะสับเป็ นชิน ๆ”
“เจ้าลอบสังหารฮ่องเต้ชิงเหยียนของเรา ลอบทําร้ายขุนนางชันผูใ้ หญ่ของชิงเหยียน ถือเป็ นความผิดทีร้ายแรงนัก
ไม่ว่าจะตัดหัวหรื อแยกร่ าง ล้วนถือว่าปรานีเจ้ามากแล้ว เจ้าโหดเหี ยมอํามหิ ตฆ่าคนไปมากมายนับไม่ถว้ นเช่นนี
เจ้ายังจะกลัวตายอยูอ่ ีกหรื อ” หยวนฟางเฟยเลิกคิวมองไปทีเขา หางตาฉายแววเย้ยหยันอย่างเต็มที

“ข้าไม่กลัวตาย ! ข้าแค่ไม่อยากให้ชีวิตตนต้องไปตกตายอยูใ่ นมือของคนชิงเหยียนเช่นพวกเจ้า” ไม่กีคําท้าย


ประโยคนัน ชางฉงเอ่ยออกมาด้วยเสี ยงทีหนักแน่น แววตาอันขุ่นมัวนันสะท้อนแววเยือกเย็น เอือมมือกดแรง ๆ
ไปทีกลไกตรงหลังงูไม้

“ฟ้ าว ฟ้ าว ฟ้ าว !” ลูกศรสี ดาํ จํานวนนับไม่ถว้ นถูกยิงออกมาจากร่ างงูไม้ ยิงพุ่งเข้ามาทีงูไม้แปดหางทีมีมู่หรง


เสวียและคนอืน ๆ ยืนอยู่

แววตาของมู่หรงเสวียเย็นเยียบ นางชักกระบีออกมาจากเอว แล้วรี บปั ดลูกธนูออกไปอย่างรวดเร็ ว

คุณชายโอวหยางทีอยูข่ า้ งกายดีดนิ วเบา ๆ ทันใดนันพลังภายในทีแข็งแกร่ งก็พ่งุ ออกมา ปั ดลูกธนูออกจนตกลง


กองเต็มพืน......

หยวนฟางเฟยทีอยูด่ า้ นหลังก็โบกวาดดาบร้อยห่ วงอย่างรวดเร็ ว ปั ดลูกธนูทีพุ่งเข้ามาด้านข้างของงูไม้แปดหาง


จนกระเด็นออกไป ฟันไปพลางเย้ยหยันไปพลาง “เจ้าบ้าชางฉงผูน้ ีฉลาดมากนักหรื อ ติดตังกลไกเอาไว้บนงูไม้
ตังมากมายขนาดนี คงกลัวว่าผูอ้ ืนจะเข้าไปลอบทําร้ายเขาเป็ นแน่ แท้.......”
มู่หรงเสวียยิมขึนมาจาง ๆ “ทหารทีเป็ นลูกน้องของชางฉงยังติดตังกลไกลมากมายขนาดนัน เขาทีเป็ นหัวหน้า
กลไกบนงูไม้กต็ อ้ งมีมากกว่าและร้ายกาจมากแน่นอน”

นางนันคาดเดาถึงเรื องนี ได้แต่แรกแล้ว จึงได้หยุดงูไม้แปดหางเอาไว้ทีด้านหน้าของงูไม้ยกั ษ์ของชางฉง ไม่ได้


พุ่งเข้าไปจับชางฉงอย่างวูว่ าม !

“นันก็ถูก !” หยวนฟางเฟยพยักหน้าอย่างเข้าใจ เงยหน้ามองไปทางงูไม้ยกั ษ์ “บนงูไม้นนั ไม่รู้ว่ามีลูกธนูอยู่


เท่าไหร่ พวกเราคงไม่ตอ้ งรอจนธนูยงิ ออกมาจนหมด แล้วค่อยเข้าไปจับคนหรอกนะ” ลูกศรเหล่านันถูกยิง
ออกมาเหมือนไม่มีทีสิ นสุ ด หากต้องรอก็ไม่รู้ว่าต้องรอไปจนถึงตอนไหน !

“แน่นอนว่าไม่“ มู่หรงเสวียส่ ายหัว พูดช้า ๆ ขึนทีละคํา ๆ ว่า “ขอแค่ทาํ ลายจุดทีปล่อยลูกธนู ได้ ทําให้มนั ไม่อาจ
ยิงลูกศรออกมาได้อีก พวกเราก็สามารถเข้าไปจับคนได้แล้ว......”

เมือคําพูดจบลง ก็เห็นคุณชายโอวหยางเพียงดีดนิ วมือเบา ๆ พลังภายในไร้รูปก็กระแทกเข้ากับงูไม้ยกั ษ์เข้าอย่าง


จัง ลูกธนูทีเคยพุ่งออกมาราวห่ าฝนพริ บตาหยุดลง......

ดวงตาของหยวนฟางเฟยวูบไหวเปล่งประกาย นางขยับปลายเท้าเบา ๆ ร่ างแข็งแกร่ งราวเจดียเ์ หล็กก็พ่งุ ทะยาน


เข้าไปทีงูไม้ยกั ษ์ เสี ยงกังวานก้องลอยสะท้อนขึนไปมาในสายลม “ข้าจะเข้าไปจับคน......”
พริ บตาทีคําพูดจบลง ก็เห็นว่าด้านหลังของงูไม้ทีชางฉงยืนอยูค่ ่อย ๆ เปลียนรู ปลักษณ์กลายเป็ นลานไม้ทรงกลม
หนามเหล็กแหลมพุ่งออกมาจากริ มขอบของลานไม้ทรงกลมลานนัน พุ่งแทงเข้าไปทีหยวนฟางเฟยอย่างไม่
ปรานี ......
ตอนที 200 ปะทะเดือดช่ วงปลาย (2)

“ระวัง !” แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหว มือคว้าห่ วงเชือกขึนมาห่ วงหนึงแล้วใช้แรงตวัดมันออกไป เชือกยาวพุ่ง


เข้ารัดทีเอวของหยวนฟางเฟยเอาไว้แน่ นแล้วกระชากหยวนฟางเฟยให้ลอยสู งขึนไปเกือบเมตรครึ ง ปลายเหล็ก
อันแหลมคมเฉี ยดเข้ากับพืนรองเท้าของหยวนฟางเฟยจนร้องเท้าของนางเกิดรอยข่วนลากเป็ นทางยาว

สายลมอันเย็นเยียบผ่านเข้ามาในรองเท้า ในอกของหยวนฟางเฟยลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ บังคับร่ างลอยลงไปที


ด้านบนลานทรงกลม กําหมัดขึนเตรี ยมทีจะโจมตีไปชางฉงอย่างเกลียดชัง “กลับกล้าลอบทําร้ายข้า ข้าจะฆ่าเจ้า
!”

ฆ่าเขางันหรื อ ช่างไม่เจียมตน !

ชางฉงยกยิมมุมปากขึนอย่างดูถูก พริ บตาก็ยนมื


ื อออกไปกดลงทีกลไก พืนลานกลทีทําจากไม้เลือนออกไปเผย
ให้เห็นกระจกแผ่นหนาทีอยูด่ า้ นล่างแทนที

ขณะทีหมัดของหยวนฟางเฟยกําลังจะกระทบเข้ากับอกของเขา ทันใดนันกระจกหนาก็เอียงลง หยวนฟางเฟยที


ไม่ทนั ระวังก็เกิดเท้าลืนขึนมา นางร้องตกใจขึนมาเสี ยงหนึง แล้วไถลตกลงไปด้านล่าง......
บนลานกว้างไร้ซึงรัวรอบขอบชิดไม่มีทีให้ยดึ จับแต่อย่างใด หยวนฟางเฟยทีไม่ทนั ระวังร่ วงตกลงไปนัน ก็คงต้อ
งกตกลงกระแทกเข้าทีพืนดินด้านล่างจนร่ างกายแหลกเหลวแน่นอน......

ตาคมของมู่หรงเสวียหรี ลงเตรี ยมทีจะเหวียงเชือกออกไปช่วยคน แต่อยู่ ๆ ก็กลับเห็นว่าขอบของลานกลปรากฏ


ตาข่ายยักษ์ขนมาผื
ึ นหนึง จับเอาหยวนฟางเฟยเข้าไปในตาข่าย......

หยวนฟางเฟยดินรนอย่างสุ ดชีวิตแต่กไ็ ม่สามารถดินหลุดออกมาได้ นางถลึงตามองไปทางชางฉงอย่างเกลียดชัง


แล้วเปิ ดปากด่าว่า “ชางฉง เจ้าคนชันตําไร้ยางอาย......”

“รู ้ว่าชางฉงเป็ นคนชันตําไร้ยางอาย แล้วยังจะออกไปประมือกับชางฉงตรง ๆ อีก ไม่ถูกจับเข้าสิ ถึงจะแปลก”

องครักษ์เงาปรายตามองนางอย่างดูถูกตาหนึง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม คิดจะจัดการกับคน


เช่นชางฉงนันก็ควรทีจะใช้การลอบโจมตีทีคาดเดาแบบแผนไม่ได้โจมตีตอนทีเขาไม่ทนั ระวัง !

หัวหน้าองครักษ์เงาส่ งสัญญาณมือออกมาเบา ๆ ร่ างกายองอาจสู งใหญ่พริ บตาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย องครักษ์


เงาอีกสองนายทีติดตามมาด้วยก็หายตัวไปในอากาศธาตุอย่างไร้ร่องรอยเช่นกัน

มู่หรงเสวียรู ้สึกถึงสายลมเบา ๆ สายหนึ งทีพัดผ่านเข้ามา เพียงพริ บตาองครักษ์ทงสามนายก็


ั ไปปรากฏตัวอยู่
ด้านหน้าของชางฉง ฟาดฝ่ ามือโจมตีไปทีเขา
ชางฉงกดลงไปทีกลไกด้านล่างเบา ๆ อย่างไม่รีบร้อน ทันใดนันก็เห็นว่าบนลานกระจกปรากฏกรงเหล็กขึนมา
ล้อมรอบกักขังชางฉงเอาไว้ดา้ นใน ด้านนอกกรงเหล็กเต็มไปด้วยเหล็กแหลมอันแหลมคมมากมาย

ยังไม่ทนั ทีฝ่ ามือขององครักษ์เงาทังสามจะดึงกลับ มือของพวกเขาก็ถูกเข้าทีเหล็กแหลมด้านบน ฝ่ ามือทังสามถูก


เหล็กแหลมแทงทะลุจนออกไปด้านหลัง เลือดสี แดงสดพริ บตาไหลทะลักออกมาสู่ ภายนอก......

สี หน้าของหัวหน้าองครักษ์เงากลายเป็ นสี เขียวคลํา เขานันเป็ นถึงหัวหน้ากององครักษ์เงาแห่ งแคว้นชิงเหยียน แต่


กลับถูกเจ้าเด็กทียังไม่สินกลินนํานมซ้อนแผนเอาเสี ยได้ ช่างเลวร้ายทีสุ ด !

มือขวาทียังว่างอยูเ่ ตรี ยมทีจะคว้าจับไปทีชางฉง แต่ไม่คาดว่าทันใดนันใต้เท้าของเขาก็ปรากฏตาข่ายยักษ์ขนมา



สามอัน จับเอาพวกเขาสามคนขังไว้ดา้ นในอย่างแน่นหนา แล้วดึงกระชากพวกเขาออกไปด้านหลัง ได้ยนิ เสี ยง
‘ฉึ ก ฉึ ก ฉึ ก’ ดังขึนเสี ยงหนึ ง มือของทังสามถูกดึงออกจากเหล็กแหลม เนื อและเลือดถูกปลายแหลมของเหล็ก
เกียวเอาไว้ ติดอยูท่ ีปลายเหล็กอันโชกไปด้วยเลือด จนมู่หลิวเฟิ งทีได้เห็นอดไม่ได้ทีจะเบ้ปากออกมา

ดวงตาอันปราดเปรื องมองตามรอยของเลือดทีถูกลากยาวออกไปยันขอบของลานกล ทีทีองครักษ์เงาทังสามถูก


มัดรวมอยูก่ บั หยวนฟางเฟย หนังตาของเขากระตุกขึนอย่างถีรัว หัวหน้าองครักษ์เงานายนีถือเป็ นคนสนิทของฝ่ า
บาท และเขาก็ยงั เคยประมือกับหัวหน้าหน่วยผูน้ ีมาแล้ว วรยุทธ์ ความคิดความอ่านรวมถึงความสามารถของเขา
สมควรถือได้วา่ เป็ นบุคคลชันแนวหน้าของแคว้นชิงเหยียน แต่เขากลับต้องมาพ่ายแพ้อยูใ่ นมือของชางฉงเช่นนี
“ดูท่า ชางฉงผูน้ ี คงเป็ นคนทีร้ายกาจยิงนัก”

“พูดตรง ๆ ก็คือเป็ นพวกองครักษ์เงาเองทีดูเบาศัตรู ถ้าให้พูดถึงการต่อสู ้ตวั ต่อตัวหรื อจิตใจในการต่อสู ้แล้ว ชา


งฉงไม่มีทางสู ้พวกองครักษ์เงาได้ ทีเขาชนะได้กเ็ พราะเขามีกลไกอันลึกลับอยูใ่ นครอบครองมากมาย......” อยู่ ๆ
หัวหน้ากองทหารอวีหลินจวินก็เปิ ดปากขึน แววตาของเขาวูบไหวลําลึก ใครจะไปคาดถึงว่าทีทีเขายืนอยูน่ นอยู
ั ่
ๆ จะมีเหล็กแหลมโผล่ขึนมาปกป้ อง ถ้าให้เปลียนเป็ นเขา มาตรว่าคงตกอยูใ่ นสภาพไม่ต่างกัน......

“แต่ว่าคนทีพวกเราต้องจัดการตอนนี ก็คือชางฉงคนทีควบคุมกลไกพวกนัน” มู่หลิวเฟิ งมองไปทีชางฉงด้วยแวว


ตาวูบไหวลําลึก “คิดทีจะจับกุมหรื อว่าสังหารเขาทิงนันก็จะต้องจัดการกับกลไกของเขาก่อน ถึงหยวนฟางเฟย
กับองครักษ์ทงสามจะพ่
ั ายแพ้อยูใ่ นมือเขา แต่อย่างน้อยพวกนางก็ยงั สามารถเปิ ดเผยกลไกชนิ ดอืน ๆ ออกมาให้
พวกเราได้รู้ ตอนนี ขอแค่เพียงพวกเราระวังตัวเอาไว้ให้มาก ไม่พลาดอีกซําสองก็พอแล้ว ทีนีใครจะเป็ นคน
ต่อไปทีจะอาสาไปล่อให้กบั ดักกลไกทํางาน”

หัวหน้ากองทหารอวีหลินจวินถลึงตามองไปทีเขา กล่าวขึนอย่างอารมณ์ไม่ดี “ถ้าทําตามทีเจ้าพูด พวกเราทีเข้าไป


จับชางฉงนันก็เท่ากับเข้าไปตาย เจ้าจะไม่คิดหน่ อยหรื อว่าควรทําอย่างไรถึงจะสามารถทําให้ชางฉงพ่ายแพ้ แล้ว
ให้ฝ่ายพวกเราสามารถได้รับชัยชนะอย่างหมดจด”

ทหารทังสองฝ่ ายทําสงครามกัน สิ งทีต้องการก็คือกําลังใจทีฮึกเหิ ม แต่เขากลับลดกําลังใจของคนอืนทําลาย


แรงใจของตนเอง คิดแต่ว่าตัวเองจะพ่ายแพ้ ช่างโง่เขลายิงนัก !

“ข้าก็อยากจะพูดเช่นนันแต่เจ้าก็เห็นแล้วนีว่าบนงูไม้ของชางฉงตัวนัน มีกลไกกับดักมากมาย พวกหยวนฟางเฟย


ก็แค่ทาํ ให้กลไกทํางานออกมาได้เพียงสองอันเท่านัน ด้านล่างของลานกลทีเงียบสงบนันยังไม่รู้วา่ จะแอบซ่อน
กับดักอีกมากมายเท่าใดเอาไว้รอคอยจัดการกับพวกเรา ความลึกลับและความอันตรายของกลไกเช่นนี พวกเราก็
ไม่เคยพบเจอมาก่อน อัตราการชนะนันน้อยจนเกินจะรับได้ขนาดนี คิดอยากจะจับเป็ นเอาเขาไปลงโทษ คงเป็ น
เพียงเรื องล้อเล่นเพ้อฝันแล้ว !” มู่หลิวเฟิ งกล่าวขึนอย่างช้า ๆ แววตาเต็มไปด้วยความผิดหวัง
ถ่อไปถึงรังของชางฉงเพือทีจะจัดการกับเขา ก็ไม่ต่างอะไรกับแพะทีเข้าปากเสื อ ฉะนันก็ไม่ตอ้ งไปคิดหวังว่าจะ
โชคดีจนสามารถจับเขาเอาไปสร้างผลงานได้เลย แค่เฝ้ าระวังเอาไว้ทุกฝี กา้ วอย่าให้เขาจับตัวเอาได้ แล้วค่อย ๆ
พยายามออกไปล่อให้กลไกทํางาน เท่านี ก็ถือว่าได้ทาํ ผลงานเอาไว้มากแล้ว

หัวหน้ากองทหารอวีหลินจ้องมองไปทีชางฉงด้วยแววตาอํามหิ ต แววตาคมกริ บค่อย ๆ หรี ลง ชางฉงมีกลไก


มากมายคอยปกป้ อง อยากจะจับเขาแน่ นอนว่าไม่ง่ายดาย แต่เขาทีใช้วิธีการอันโหดเหี ยมสังหารทําร้ายชาวชิงเห
ยียนไปมากมายนัก จําเป็ นจะต้องจับเป็ นแล้วเอาเขาไปลงโทษให้ได้ “ข้าจะเป็ นคนไปล่อกลไกอันต่อไปเอง !”

กลไกถูกล่อให้ทาํ งานได้อนั หนึง ก็ถือว่าได้ลดลงไปอันหนึง พอวนไปถึงคนสุ ดท้ายแล้วกลไกก็คงใช้ออกไปไม่


น้อย ทีนีพวกเขาก็จะสามารถเข้าจับกุมชางฉงได้

สายตาเห็นว่าหัวหน้ากองทหารอวีหลินลุกขึนเตรี ยมทีจะพุ่งทะยานเข้าไปหาชางฉง เช่นนันแววตาของมู่หรง


เสวียก็มืดครึ ม กล่าวรังเขาเอาไว้เสี ยงดัง “หัวหน้ากองโปรดช้าก่อน ใช้คนไปล่อให้กลไกทํางานไม่ใช่แผนการที
ดีนกั !”

“ทําไมถึงกล่าวเช่นนัน” หัวหน้ากองทหารอวีหลินมองนางอย่างเรี ยบเฉย

แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหว แล้วกล่าวเน้นขึนทีละคํา “พวกเราเหลือกันเพียงแค่หกคน แต่กลไกบนงูไม้ของชา


งฉงไม่รู้ว่ายังมีอยูอ่ ีกมากเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าหนึงคนจะล่อออกมาได้หนึงกลไกหรื อมากกว่านัน แต่กไ็ ม่สามารถ
รับประกันได้อยูด่ ีวา่ พอถึงคนสุ ดท้ายแล้วจะสามารถจับชางฉงได้ ถ้าหากคนสุ ดท้ายพ่ายแพ้เล่า พวกเราทังหมดก็
จะกลายเป็ นตัวประกันของชางฉง พอถึงตอนนันชิงเหยียนก็จะเข้าสู่ อนั ตรายอีกครัง !”
“ข้ารู ้ แต่ว่าชางฉงทีตังมันอยูด่ า้ นนัน จ้องจะจัดการพวกเราอยูต่ ลอดเวลา พวกเราจําเป็ นจะต้องคิดหาวิธีการ
จัดการเขาอย่างรวดเร็ วทีสุ ด......” หัวหน้ากองทหารอวีหลินจวินมองไปทีมู่หรงเสวีย กล่าวเน้นทีละคํา “นีเป็ นวิธี
เดียวทีข้าคิดได้ !”

“อย่าได้เร่ งรี บไปนัก แน่ นอนว่าจะต้องคิดวิธีอืนจัดการกับชางฉงได้......” มู่หรงเสวียกล่าวออกมาเสี ยงตํา แววตา


คมของนางวูบไหวอย่างคิดอ่านหาแผนการ เช่นนันเสี ยงเยาะเย้ยเยียบเย็นสายหนึงดังขึน “ทําไมพวกเจ้าไม่เข้ามา
จับข้าเล่า กลัวกลไกของข้าจนหัวหดแล้วหรื อ ไม่กล้ากระโดดเข้ามา หดหัวอยูบ่ นงูไม้แปดหางนัน รอให้ขา้ ตก
ตายไปเองหรื ออย่างไร”

มู่หรงเสวียเลิกคิวขึน เมือนางหันหน้ามองไป ก็เห็นชางฉงยืนอยูบ่ นลานกลมองมาทางพวกเขาอย่างผูท้ ีอยู่


เหนือกว่า แววตาของเขาเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม ด้านหลังของเขามีแท่นไม้กลม ๆ แท่นหนึ ง ด้านบนมี
ปุ่ มกลไกติดตังไว้มากมาย......

ทันใดนันแววตาของมู่หรงเสวียก็วบู ไหวเปล่งประกาย ดวงตาสี ดาํ ขลับของนางเต็มไปด้วยความยินดี นางคิดถึง


วิธีทีจะจัดการชางฉงได้แล้ว......
ตอนที 201 ปะทะเดือดช่ วงปลาย (3)
ตอนที 201 ปะทะเดือดช่วงปลาย (3)

มือเรี ยวขาวคว้าไปทีชายเสื อของคุณชายโอวหยางแล้วกระตุกเบา ๆ กระชากร่ างของเขาเข้ามาชิด


กาย มู่หรงเสวียเขยิบกายมาทีข้างหูเขาแล้วกระซิ บขึนเสี ยงเบา พยางค์ของคําทีชัดเจนแต่ละคําลอย
เข้าหู ดวงตาสี ดาํ ขลับดังอัญมณี ของคุณชายโอวหยางพลันวูบไหวเปล่งประกาย พยักหน้าเบา ๆ
อย่างยากทีจะสังเกตเห็น

เมือมองไปทีทังสองทีใกล้ชิดแนบอิง ดวงตาของมู่หลิวเฟิ งก็วบู ไหว ทันใดนันก็ลุกยืนขึนเพ่งมอง


ไปทางชางฉงทีอยูไ่ กลออกไป ตวาดต่อว่าขึนอย่างไม่ยอมอ่อนข้อ “ชางฉง เจ้าอย่าปากดีให้มนั มาก
นัก เจ้ามิใช่วา่ คิดอยากจะใช้แผนยัวโมโหกระตุน้ ให้พวกข้าพุ่งไปหาเจ้าอย่างโกรธแค้น แล้วจัดการ
พวกข้าทีละทีละคนหรอกหรื อ พวกข้าไม่มีทางไปติดกับเจ้าแน่ !”

“อ้อ มองแผนการของข้าออกด้วยหรื อ ดูท่าพวกเจ้าคงยังมีสมองอยูบ่ า้ งนี !” ชางฉงมองมายังคนทีอยู่


บนงูไม้แปดหางทีละคนทีละคน แววตาของเขาเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม

เห็นเช่นนันมู่หลิวเฟิ งก็สบถขึนอย่างเย้ยหยัน “แต่ไหนแต่ไรมาพวกเราก็ฉลาดอยูแ่ ล้ว สี ท่านนันก็แค่


ประมาทดูเบาศัตรู ไปหน่อย ถึงได้ตกหลุมพรางของเจ้าได้ ถึงแม้ตอนนีพวกข้ายังคิดวิธีจดั การกับเจ้า
ไม่ได้ แต่เจ้าก็คิดหาวิธีการจัดการกับพวกข้าไม่ได้เช่นกัน กลไกบนงูไม้ของเจ้าคงเหลือแต่เพียง
กลไกทีใช้ในการป้ องกันเท่านัน ไม่มีกลไกทีใช้โจมตีหลงเหลืออยูแ่ ล้วใช่ไหมล่ะ”

ทันใดนันสี หน้าของชางฉงก็มืดครึ มจนดูน่ากลัว เขาถลึงตามองมู่หลิวเฟิ งอย่างเกลียดชัง กล่าวเน้น


ขึนทีละคํา “ใครบอกเล่า”

“นียังต้องบอกอีกหรื อ ถ้าหากเจ้ามีกลไกทีใช้ในการโจมตีป่านนีก็คงโจมตีจนพวกเราตายหมดแล้ว
ไหนเลยจะยังพูดพรําอยูบ่ นงูไม้ผุพงั ตัวนันกระตุน้ ให้พวกเราพุ่งเข้าไปโจมตีอยูเ่ ช่นนี !” มู่หลิวเฟิ ง
ปรายตามองเขาตาหนึง ในดวงตาเรี ยวงามดังลูกท้อเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

สี หน้าของชางฉงเขียวคลํา ดวงตาสี แดงกําของเขาวูบไหวไปด้วยความโหดเหี ยมอํามหิต ไม่ใช่วา่ เขา


ไม่มีกลไกทีจะใช้โจมตีแล้ว เพียงแต่คิดว่ากลไกโจมตีทีรุ นแรงเช่นนันเอาไปใช้กบั พวกเขาช่าง
สิ นเปลืองนัก ถึงได้กระตุน้ ยัวโมโหให้พวกเขาพุ่งเข้ามาโจมตี แต่พวกเขากลับกล้ามาดูถกู เย้ยหยัน
เขาเช่นนี ดูท่าคงอดรนทนไม่ไหวทีจะหาทีตายแล้วสิ นะ เช่นนันเขาก็จะเติมเต็มความปรารถนาให้
พวกเขาเอง !

แววตาวูบไหว ชางฉงหมุนกายไปกดทีบนปุ่ มกลไก แท่นไม้ทีปุ่ มกลไกทีกําลังบุ๋มลึกลงไปเผย


ออกมาครึ งท่อน คุณชายโอวหยางดีดนิวเบา ๆ พลังปราณกล้าแกร่ งสายหนึงพุ่งออกไป ปะทะเข้ากับ
แท่นไม้อย่างแรง ได้ยนิ เสี ยง “ปั ง ปั ง ปั ง” ดังขึนช่วงหนึงติดต่อกัน แท่นไม้ทรงกลมถูกโจมตีจน
แตกกระจายเป็ นเศษเล็กเศษน้อยกระเด็นร่ วงไปบนพืนลานกล......
ชางฉงเป็ นผูท้ ีชํานาญในเรื องกลไกมิใช่รึ ถ้าหากทําลายปุ่ มกลไกทีเอาไว้สงการควบคุ
ั มกลไกจน
แตกกระจายเป็ นเศษซากแล้ว เช่นนันก็ดูสิวา่ เขาจะยังจัดการกับพวกเขาได้อย่างไร !

มู่หรงเสวียยกยิมมุมปากขึนอย่างเย็นชา เงยหน้ามองไปทีชางฉง ก็เห็นว่าสี หน้าของเขามืดครึ มจนน่า


บไหวไปด้วยประกายแสงแห่ งความมืดมิดอํามหิ ต รี บหันบังคับให้งูไม้พุ่ง
กลัว ดวงตาสี นาตาลวู

ทะยานเข้าหาพวกเขาอย่างดุร้าย......

“นีชางฉงมันต้องการจะทําอะไร” มู่หลิวเฟิ งเลิกคิวขึนอย่างไม่เข้าใจ กลไกก็ถูกพวกเขาทําลายลง


แล้ว เขาล้วนไม่หลงเหลือความสามารถในการต่อสูแ้ ล้ว ไม่ใช่วา่ สมควรบังคับให้งูไม้หนีไปหรอก
หรื อ ทําไมถึงกลับกลายเป็ นพุ่งเข้ามาหาพวกเขาได้

“คงอยากจะให้พวกเราตกตายไปพร้อมกัน !” หัวหน้ากองทหารอวีหลินจวินกล่าวขึนมาลอย ๆ

อะไรนะ ! ตกตายไปพร้อมกัน ?

มู่หลิวเฟิ งเบิกตากว้างด้วยด้วยความแปลกใจ จ้องมองไปทางชางฉงอย่างละเอียด ก็เห็นว่าดวงตา


ของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เขาคงต้องกําลังคิดอยากทีจะพาพวกเขาทังหมดตกตายไปตามกัน
ด้วยอย่างแน่นอน แต่วา่ เขาอายุยงั น้อยนัก ยังไม่อยากจะตกตายไปพร้อมกับคนบ้าเช่นนี !
เขารี บหันมองไปทีมู่หรงเสวียแล้วกล่าวเร่ งขึนอย่างร้อนใจ “มู่หรงเสวีย ขยับงูไม้ รี บขยับงูไม้เร็ ว !”

มู่หรงเสวียตอบรับเบา ๆ เสี ยงหนึงพร้อมกับลากคันไม้โยกเบา ๆ ทําให้งแู ปดหางโบยบินไปบน


ท้องฟ้ าพร้อมกับเปล่งรัศมีอนั งดงาม พุ่งทะยานตรงเข้าไปหาชางฉง......

มู่หลิวเฟิ งตืนตระหนก กล่าวขึนด้วยนําเสี ยงทีร้อนรน “มู่หรงเสวีย ข้าให้เจ้าบินหลบชางฉง ทําไม


เจ้าถึงได้พุ่งทะยานเข้าไปหาเขากัน”

มู่หรงเสวียกะพริ บตา “พุ่งเข้าไปหาเขา ถึงจะจับเขาได้”

“แต่ถา้ หากชนกับเขาเข้า พวกเรามิใช่เหลือแต่ทางตายหรอกหรื อ” มู่หลิวเฟิ งขมวดคิวแน่น กล่าว


ออกมาอย่างเร่ งรี บ “ชางฉงมีแค่คนเดียว แต่พวกเรามีกนั ตังสิ บคนทีล้วนต้องตกตายตามชางฉงไป นี
ดูแล้วไม่คุม้ นัก......”

“ใครบอกว่าพวกเราจะตกตายไปพร้อมกับเขากัน” มู่หรงเสวียยิมออกมาน้อย ๆ ท่าทางของนางดู


ลึกลับ ทันใดนันมือเรี ยวขาวก็กดไปทีปุ่ มกลไกด้านล่าง เพียงพริ บตางูไม้แปดหางกลับเปลียน
ทิศทางหันกลับไปยังทิศตรงกันข้าม หางงูทีไม่มีคนนังฟาดกระแทกไปทีงูไม้ยกั ษ์ของชางฉงอย่าง
แรง
ได้ยนิ เสี ยง ‘ปัง’ ดังขึนเสี ยงหนึง หางของงูแปดหางถูกกระแทกจนแตกกระจายไปสามสี หาง
กระจัดกระจายล่วงหล่นไปด้านล่าง หัวของงูยกั ษ์กแ็ ตกกระจายจนเละเทะเช่นกัน ชางฉงถูก
กระแทกจนกระเด็นออกไป ตกกระแทกลงไปทีพืนของลานกล ศีรษะวิงเวียนมึนงง ดวงตาลายพร่ า
มัว พยายามอยูห่ ลายครังถึงจะชันขาขึนมาได้ขา้ งหนึง

ทันใดนันเงาร่ างสี นาตาลก็


ํ พุ่งเข้ามา เป็ นมู่หลิวเฟิ งทีมาอยูด่ า้ นหน้าเขา พัดในมือ ‘ฉับ’ จ่อลงไปเบา
ๆ ทีคอแล้วยิมขึนตาหยีพลางมองไปทีเขา “คุณชายชางฉง ยินดีดว้ ยทีท่านได้กลายเป็ นตัวประกัน
แล้ว”

ชางฉงถลึงตามองเขาอย่างเกลียดชัง แววตาลุกโชนไปด้วยไฟโกรธทีสามารถพ่นออกมาเป็ นไฟได้


“เจ้าอวดดีให้มนั น้อย ๆ หน่อย......”

“จับเจ้าได้ ข้าจะไม่อวดดีได้อย่างไร......” มู่หลิวเฟิ งกล่าวขึนอย่างหยิงทะนง ใบหน้าเจ้าเล่ห์ยมกว้


ิ าง
ขึน

ชางฉงโกรธแค้นจนต้องกัดฟันแน่น หางตาเห็นว่าหัวหน้ากองทหารอวีหลินจวินเดินไปทีขอบลาน
กลฟันตาข่ายยักษ์จนขาด แล้วปล่อยหยวนฟางเฟยและองครักษ์เงาทังสามออกมา มู่หรงเสวีย
คุณชายโอวหยาง เย่อีเฉิน เย่เทียนฉี ทงสี
ั คนค่อย ๆ พากันเดินรวมตัวเข้ามา แววตาวูบไหวไปด้วย
ความหนาวเหน็บเย็นยะเยือก
“เจ้าถลึงตามองอะไรกัน” หยวนฟางเฟยก้าวอาด ๆ เข้ามา ยกหมัดขึนต่อยเข้าไปทีหน้าอกของชางฉง
แรง ๆ จนเขาล้มลงไปกับพืน เสี ยงอักดังขึนมาเสี ยงหนึง เขากระอักเลือดสี แดงสดออกมาคําหนึง......

เมือครู่ นางกําลังคิดอยากทีจะต่อยเขาสักหมัดหนึง ในทีสุ ดตอนนีก็สมปรารถนาแล้ว ! ได้แก้แค้นที


ถูกเขาจัดการไปเมือครู่ จิตใจจึงรู้สึกโล่งสบายขึนยิงนัก !

“มู่หรงเสวียพวกเรากลับกันเถอะ จะได้มอบชางฉงทีจิตใจโหดเหี ยมนีให้ฝ่าบาทจัดการเร็ ว ๆ......”

“ตกลง !” มู่หรงเสวียพยักหน้าแล้วค่อย ๆ เดินไปด้านหน้างูไม้ทีแตกหักทังสองตัว กวาดตามอง


อย่างละเอียดแล้วกล่าวขึนเสี ยงตํา “งูไม้แปดหางเสี ยหายหนักเกินไป คงบรรทุกคนได้แค่ไม่กีคน
เช่นนันพวกเราก็นงงู
ั ไม้ตวั นีกลับลงไปแล้วกัน ถึงแม้หวั ของงูไม้ตวั นี จะแตกหักไปแล้ว ทังคัน
บังคับไม้ยงั หักไปส่วนหนึ ง แต่วา่ ก็ยงั คงสามารถใช้การได้อยู่ !”

หยวนฟางเฟยคิดว่าจะเอาอย่างไรก็ได้ นางจึงโบกมือขึน “ตามสบาย !”

ขอแค่สามารถลงไปถึงพืนได้ก็พอแล้ว จะให้นงงู
ั ไม้ตวั ไหนก็ไม่เป็ นไร
คนอืน ๆ เองก็มีความคิดเช่นเดียวกัน ไม่มีเสี ยงคัดค้านใด ๆ ออกมา

มู่หรงเสวียจับคันบังคับไม้ทีแตกหักแล้วลากมันเบา ๆ เช่นนันลานกลก็คอ่ ย ๆ ขยับสันไหวเล็กน้อย


แล้วค่อย ๆ เริ มทีจะร่ อนลงสู่พืนด้านล่าง

ชางฉงค่อย ๆ ลุกยืนขึนเช็ดเลือดทีมุมปากเบา ๆ เปลือกตาของเขาลู่ลง แววตาเต็มไปด้วยความ


อํามหิต พวกเขาเตรี ยมทีจะจับเขาไปมอบให้ฮ่องเต้แคว้นชิงเหยียนเพือทีจะรายงานความสําเร็ จ ไหน
เลยจะมีเรื องทีง่ายดายเช่นนัน ! ถึงเขาจะตายก็ตอ้ งลากพวกเขาตามไปเป็ นเครื องเซ่นไหว้ดว้ ย !

แววตาของเขาวูบไหว ทันใดนันก็พุ่งตัวออกไปด้านหน้า พุ่งไปทางซากงูทีแตกหักแล้วใช้มือกดลง


ไปแรง ๆ เสี ยง ‘ซี ซี ซี’ พากันดังขึนมา......

แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหวพร้อมตะโกนขึน “นีมัน !...ชนวนระเบิดกําลังลุกไหม้ งูไม้ตวั นีกําลัง


จะระเบิด รี บหนี......”

นางพูดขึนอย่างเร่ งรี บ ทันใดนันนางก็กระโดดลงไปจากงูไม้ ช่วงเวลาทีขาทังสองข้างพ้นออกจาก


ลานกล ได้ยนิ เสี ยง ‘ปั ง’ ดังขึนเสี ยงหนึง เพียงพริ บตาลานกลก็ระเบิดออก งูไม้ทงตั
ั วกลายเป็ นทะเล
เพลิง เปลวเพลิงลูกใหญ่ลุกโชนอย่างบ้าคลังทันที เจิดจ้าเสี ยจนผูค้ นลืมตาไม่ขึน......
เสี ยงเสี ยดสี ของสายลมพัดผ่านหู ร่ างอ้อนแอ้นบอบบางของมู่หรงเสวียทิงดิงลงไปด้านล่างอย่าง
รวดเร็ ว ทันใดนันนางก็นึกขึนได้วา่ นางนันเพิงจะกระโดดลงมาจากบนฟ้ า ซึ งนางนันไม่เป็ นวิชาตัว
เบา ถ้าหากตกลงไปบนพืน นางก็คงไม่มีทางมีชีวติ รอดอย่างแน่นอน......
ตอนที 202 ฝนดาวตก

จะมีใครเข้ามาช่วยนางบ้างไหม

มู่หรงเสวียกวาดตามองออกไปโดยรอบ มองออกไปไกลประมาณสิ บกว่าเมตรก็เห็นเงาร่ างดํา ๆ


สองจุดลอยอยู่ แต่ทว่าความเร็ วในการตกลงพืนของพวกเขานันเร็ วกว่านางมากนัก นางคงไม่
สามารถร้องให้พวกเขาช่วยนางได้......

พืนดินยิงใกล้เข้ามาทุกที ใกล้จนนางสามารถมองเห็นฮ่องเต้ ฮองเฮารวมถึงเหล่าขุนนางบุ๋นทีกําลัง


ค่อย ๆ ทยอยออกมาจากกําแพงหินได้อย่างชัดเจน พวกเขาค่อย ๆ พากันจ้องมองมาทีนาง......

นีนางกําลังจะตกลงไปกระแทกพืนจนตายเช่นนีน่ะหรื อ

นางเป็ นคนทีเคยตายมาแล้วครังหนึง จึงไม่ได้รู้สึกกลัวอะไรอีก แต่ถา้ จะต้องตกกระแทกพืนจนตาย


เช่นนี ก็ออกจะดูน่าอับอายเกินไปเสี ยหน่อย !

มู่หรงเสวียขมวดคิวขึน ทันใดนันหางตาก็เหลือบไปเห็นเงาร่ างสู งโปร่ งสายหนึ ง เมือนางหันไปมอง


ก็เห็นชายคนหนึงกําลังพุ่งมาทางนางอย่างรวดเร็ ว หน้าตาอันหล่อเหลานันโดดเด่น คิวตะหวัดเฉี ยง
ขึนเฉี ยบคมดังคมกระบี สายตาแหลมคมวูบไหวด้วยความมืดมิดน้อย ๆ ชุดยาวสี ม่วงพลิวไหวไป
ตามสายลม เขาคือจิงอ๋ องเย่อีเฉิ น !

เขากําลังพุ่งเข้ามาอยูบ่ นท้องฟ้ าด้วยความเร็ วสูง ระยะห่ างจากนางยิงใกล้ขึนทุกที !

มู่หรงเสวียเลิกคิวขึน นีเย่อีเฉิ นต้องการมาช่วยนางอย่างนันหรื อ เช่นนันนางก็ขอตกลงไปตายให้จบ


ให้สินไปเลยจะดีกว่า นางไม่มีทางยอมติดหนีบุญคุณเย่อีเฉิ นอย่างแน่นอน !

แววตาของนางวูบไหว ขาทังสองข้างของนางใช้แรงถีบออกไปในอากาศคราหนึง เพิมความเร็วใน


การตกลงไป เสี ยงลมข้างหูเปลียนเป็ นเร็ วขึน ลมร้อนเสี ยดสี เข้ากับใบหน้าจนรู้สึกเจ็บราวโดนทิม
แทง

เมือมองไปยังร่ างของนางทีความเร็ วในการตกพืนเพิมสูงขึน เย่อีเฉิ นก็ขมวดคิวแน่นเข้าหากัน


พยายามเร่ งความเร็วติดตามลงไป เขายืนมือออกหมายจะคว้าไปทีไหล่ของนาง อีกนิดเดียวก็จะตก
ถึงพืนแล้ว ถ้าเขาไม่อาจจับคว้านางเอาไว้ได้ทนั การณ์ล่ะก็ อีกไม่นานนางก็จะต้องตกลงไปกระแทก
พืนจนตายแน่ !

ขณะทีปลายนิวมือของเขากําลังจะสัมผัสโดนเสื อของนางนัน ทันใดนันก็มีเงาร่ างสี ขาวสายหนึง


ปรากฏขึน คว้าเอาเอวเล็ก ๆ ของมู่หรงเสวีย กระชากนางเข้าสู่ออ้ มอก
ชายเสือสี ขาวปรากฏขึนสู่สายตา กลินหอมของไม้ไผ่อ่อน ๆ ลอยเข้ากระทบกับจมูก แววตาของมู่
หรงเสวียวูบไหวเปล่งประกาย นางรี บเงยหน้าขึนมองไป ใช่อย่างทีคิดเอาไว้ไม่มีผิดจริ ง ๆ เป็ น
ใบหน้าอันหล่อเหลาดังภาพวาดโบราณ “คุณชายโอวหยาง ท่านไม่เป็ นอะไรใช่ไหม”

ในขณะทีงูไม้กาํ ลังระเบิดนัน นางกับคุณชายโอวหยางอยูห่ ่ างกันมาก นางไม่อาจมองเห็นได้วา่ เขา


ได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรื อไม่

“ข้าไม่เป็ นไร” คุณชายโอวหยางพูดขึนเบา ๆ อย่างอ่อนโยน ท่อนแขนอันแข็งแกร่ งของเขาโอบไป


ทีเอวของนางแน่น ขยับเท้าไปบนท่อนไม้ชินเล็ก ๆ ทีละท่อนทีละท่อน แล้วค่อย ๆ ทะยานลงสู่พืน
เบืองล่างอย่างนุ่มนวล

เย่อีเฉิ นนันก็ตามลงมาติด ๆ เขามองไปทีคุณชายโอวหยางทีโอบกอดมู่หรงเสวียเอาไว้แน่น สี หน้า


ของเขาเคร่ งขรึ มลง ดวงตาอันเฉี ยบคมแปรเปลียนวูบไหวไปด้วยความมืดมิด ชัดเจนว่าเป็ นเขาทีเข้า
ไปช่วยมู่หรงเสวียก่อน แต่สุดท้ายคนทีช่วยนางกลับกลายเป็ นคุณชายโอวหยางเสี ยได้ ช่างน่าเจ็บใจ
ยิงนัก !

“ตุบ ตุบ......” เสี ยงตกลงพืนตามติดกันลงมา เมือมู่หรงเสวียเงยหน้าขึนไปมองก็เห็นหยวนฟางเฟย


เย่เทียนฉี หัวหน้ากองทหารอวีหลินจวิน กับพวกองครักษ์เงาพากันตกลงถึงพืนกันหมดแล้ว
บนเสื อผ้าของพวกเขาต่างเต็มไปด้วยรอยไหม้เป็ นจุด ๆ บนเส้นผมก็มีร่องรอยของการถูกไฟไหม้
หน้าตาเต็มไปด้วยคราบควันเขม่าไฟ ดําบ้างขาวบ้าง......

มู่หรงเสวียเลิกคิวขึน นางค่อย ๆ เดินไปด้านหน้าของหยวนฟางเฟย สอบถามอย่างห่วงใย “เจ้า


บาดเจ็บตรงไหนหรื อไม่”

หยวนฟางเฟยพูดขึนอย่างไม่ใส่ ใจเท่าไรนัก “ยังดีอยู่ มีแค่บาดแผลภายนอกเพียงเล็กน้อยเท่านัน


หากใส่ยาแค่นิดหน่อยก็หายดีแล้ว......”

“เช่นนันก็ดี !” มู่หรงเสวียพยักหน้า เมือมองไปรอบ ๆ ไม่เห็นร่ างของชางฉง นางก็คอ่ ย ๆ เอ่ยปาก


ถามขึน “ชางฉงไม่ได้ตามลงมาด้วยหรื อ”

หยวนฟางเฟยสบถออกมาเบา ๆ “เขาก็คงอยากจะตามลงมาอยูห่ รอก แต่น่าเสี ยดาย ดินระเบิดนันเริ ม


ระเบิดขึนจากจุดทีเขายืนอยู่ ไหนเลยทีเขาจะกระโดดหนีได้ทนั คงถูกระเบิดเผาตายอยูด่ า้ นบนโน่น
แล้ว” คนทําชัวไม่ควรมีชีวติ ช่างมีความหมายตรงกับคนเช่นเขายิงนัก !

มู่หรงเสวียแหงนหน้ามองขึนไปบนท้องฟ้ า มองเห็นเพียงท้องฟ้ าอันแสนสดใส ทีกําลังมีเศษซากชิน


เล็กชินน้อยสี ดาํ ๆ เป็ นจุด ๆ กําลังพากันพุ่งตกลงมาด้านล่าง......
ชางฉงพากองทัพงูกลของเขาติดตามไปทีนรกด้วยเช่นนี คงมีลูกน้องและงูกลมากมายไปอยูเ่ ป็ น
เพือน แน่นอนว่าเขาคงจะไม่รู้สึกเหงาและโดดเดียวอีกต่อไป เช่นนันก็อยูใ่ นนรกค่อย ๆ เล่นกับงูกล
ไปช้า ๆแล้วกัน !
ตอนที 203 ยกทัพประชิดหนานเจียง

“กระหม่อมมาช้า ขอฝ่ าบาททรงลงโทษด้วยพ่ะย่ะค่ะ !” นําเสี ยงทีแสนคุน้ เคยของชายผูห้ นึงดังเข้าหู


ทันใดนันมู่หรงเสวียก็หลุดจากภวังค์ หันหน้ามองไปเห็นแม่ทพั จางทีอยูใ่ นชุดเกราะข้างเอวสะพาย
ดาบ กําลังคุกเข่าอยูท่ ีด้านหน้าของฮ่องเต้ ด้านหลังของเขาติดตามมาด้วยทหารจากค่ายทหารหลาย
ร้อยคน

แม่ทพั จางอยูค่ วบคุมดูแลค่ายทหารไม่ได้ติดตามขบวนเสด็จมาทีพระราชวังฤดูร้อนด้วย แต่วา่ ค่าย


ทหารของพวกเขานันอยูห่ ่ างจากทีนีไปไม่ได้ไกลมากนัก มาตรว่าคงจะตรวจพบความผิดปกติของ
ทีนีได้ ก็เลยพาเหล่าทหารบางส่ วนเร่ งรุ ดเข้ามาช่วยเหลือก่อน คาดไม่ถึงว่าพวกเขายังจะมาช้าอยูก่ า้ ว
หนึง

ฮ่องเต้อยูใ่ นฉลองพระองค์ลวดลายมังกร ยืนเอาพระหัตถ์ไขว้หลัง บนพระมาลาเปรอะเปื อนไปด้วย


เศษฝุ่ นผงน้อย ๆ แต่ก็ไม่ได้ลดความองอาจและปราดเปรื องของพระองค์ลงไปแต่อย่างใด แววพระ
เนตรอันคมกริ บกวาดมองไปทีลานกว้างทีเต็มไปด้วยหลุมบ่อเละเทะไปหมด สี พระพักตร์ของ
พระองค์มืดครึ มจนดูน่ากลัว “แม่ทพั จางรับคําสัง นําทัพทหารสามแสนนายไปจัดการทําลายหนาน
เจียงให้สินซาก !”
แม่ทพั จางชะงักไปครู่ หนึง แล้วรับคําสังขึนเสี ยงเข้ม “กระหม่อมรับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ !”

มู่หรงเสวียกะพริ บตา ทําลายหนานเจียงให้สินซาก ดูท่าฮ่องเต้คงจะเคียดแค้นหนานเจียงยิงนัก !

มีศกั ดิฐานะเป็ นถึงนายเหนือหัวของผูค้ นนับหมืนนับแสน เขาทีอยูใ่ นแคว้นชิงเหยียนแน่นอนว่ามี


อํานาจตัดสิ นความเป็ นตายของผูค้ นได้มากมาย แต่วา่ ลูกชายคนเล็กของเสนาบดีแห่งแคว้นหนาน
เจียงกลับกล้าบังอาจมาคิดร้ายและโจมตีพระองค์เช่นนี อีกทังยังทําให้พระองค์เกือบทีจะต้องทิงชีวติ
ไปอย่างน่าอนาถ

เกียรติศกั ดิศรี ของพระองค์ทีเป็ นถึงนายเหนือหัวแห่งแคว้นแคว้นหนึงได้ถูกท้าทาย ก็เลยเตรี ยมทีจะ


ทําลายแคว้นหนานเจียงให้สินซากด้วยความโมโหอันคุกรุ่ น นีก็เป็ นเรื องทีพอเข้าใจได้......

“หนานเจียงมีงูไม้มากมายคอยช่วยเหลือ คิดอยากจะทําลายพวกเขานันไม่ง่ายนัก ไม่เท่ากับให้


คุณหนูม่หู รงสร้างงูไม้ขึนมาจํานวนหนึงแล้วแจกจ่ายให้เหล่าทหาร เช่นนันก็คงสามารถเพิม
ความสามารถในการสู้รบของบรรดาเหล่าทหารได้ !” นําเสี ยงของหญิงสาวทีอ่อนหวานดังขึนสาย
หนึง เป็ นฉิ นยวีเยียนทีนังอยูบ่ นเก้าอีไม้ไผ่ ดันรถเข็นเข้ามาอย่างช้า ๆ

ร่ างกายของนางบาดเจ็บสาหัส ไม่เหมาะทีจะเข้าร่ วมงานเลียง ก็เลยพักผ่อนอยูท่ ีเรื อนทีไกลออกไป


อย่างเงียบ ๆ จึงโชคดีทีสามารถรอดพ้นจากการโจมตีครังนีไปได้ แต่คาดไม่ถึงว่ามู่หรงเสวียจะ
สามารถผงาดขึนมาท่ามกลางภัยร้ายเช่นนี นางทีนังอยูใ่ นเรื อนหลังเล็กล้วนสามารถมองเห็นผลงาน
การรบทีน่าตืนตระหนกของนางได้อย่างชัดเจน

นางทีมีคุณชายโอวหยางและคนอืน ๆ คอยช่วยเหลือ จึงสามารถเข่นฆ่าสังหารคนของแคว้นหนาน


เจียงได้ทงหมด
ั อีกทังยังช่วยเหลือฮ่องเต้ ช่วยเหลือฮองเฮา ช่วยเหลือเหล่าขุนนางชันผูใ้ หญ่ รวมถึง
บรรดาครอบครัวของพวกเขาได้ ความฉลาดหลักแหลมของนาง ความรู้ความสามารถของนางล้วน
แสดงออกมาต่อหน้าของผูค้ นมากมาย ทําให้ตวั นางอดไม่ได้ทีจะขบฟันอย่างเคียดแค้น !

ไม่ใช่วา่ นางเข้าใจศาสตร์ของพวกงูไม้หรอกหรื อ เช่นนันก็ให้นางไปสร้างพวกงูไม้สกั พันสักหมืน


ตัวแล้วกัน ถึงจะบดขยีนางให้ตายไปไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็สามารถทําให้นางเหนือยตายได้ !

สายตาของผูค้ นพากันตกไปทีร่ างของมู่หรงเสวีย งูไม้สามารถเหาะเหิ น บินอยูบ่ นท้องฟ้ าได้ อีกทัง


ยังสามารถติดตังกลไกได้ ประโยชน์ใช้สอยทีแปลกใหม่ของมันรวมถึงความสามารถในการรบทีน่า
ตืนตระหนก เมือครู่ พวกเขาล้วนมองเห็นกันอย่างชัดเจน ถ้าหากชิงเหยียนมีพวกงูไม้คอยช่วยเหลือ
แน่นอนว่าก็จะเหมือนดังพยัคฆ์ติดปี ก สามารถบุกทําลายแคว้นหนานเจียงให้ราบคาบไม่มีชินดี......

“ขออภัย ข้าสร้างงูไม้ไม่เป็ น !” มู่หรงเสวียมองไปทางฉิ นยวีเยียนเปิ ดปากเอ่ยขึนอย่างราบเรี ยบ


ฝูงชนต่างมองหน้าสบตากันไปมา สี หน้าปรากฏแววสงสัย เมือครู่ นนชั
ั ดเจนว่านางสามารถสร้างงู
ไม้แปดหางออกมาได้ แล้วเหตุใดถึงมาพูดว่าสร้างไม่เป็ นกัน

ฉิ นยวีเยียนมองไปทีนาง แล้วหัวเราะขึนอย่างเย้ยหยัน “มู่หรงเสวีย เจ้าสร้างงูไม้แปดหางขึนมา


จัดการทําลายฝูงงูไม้ของชางฉงได้ทงหมด
ั ทุกผูท้ ุกคนในพระราชวังฤดูร้อนล้วนก็เห็นกันอย่าง
ชัดเจน......”

หากอยากจะพูดจาโป้ ปดก็ขอให้หาเหตุผลทีพอฟังได้หน่อย เรื องราวทีผูค้ นล้วนเห็นกันหมดเช่นนี


นางกลับยังกล้าปฏิเสธไม่ยอมรับ ช่างโง่งมยิงนัก

“งูไม้แปดหางนันข้าประกอบขึน ไม่ได้สร้างขึน” มู่หรงเสวียมองนางอย่างผูอ้ ยูเ่ หนื อกว่า แววตา


เยือกเย็นดังนําแข็ง

ฉิ นยวีเยียนสบถขึนอย่างเหยียดหยาม “แล้วมันต่างกันตรงไหน”

“แตกต่างกันมากโขนัก” มู่หรงเสวียมองไปทีนางด้วยสายตาเย็น กล่าวเน้นขึนทีละคํา “ถ้าพูดว่า


ประดิษฐ์สร้างขึนนันก็จะหมายความว่าไม้ทุกชินทีใช้บนตัวงูไม้นนล้
ั วนเป็ นข้าทีเลือกเฟ้ น กะขนาด
และทําข้อต่อต่าง ๆ ขึนมาเอง การประกอบทุกขันทุกตอนล้วนเป็ นข้าทีทําจนสําเร็ จเสร็จสิ น แต่ถา้
หากกล่าวถึงการประกอบก็จะหมายความว่าเอาชินส่ วนไม้มาประกอบเข้าด้วยกันจนกลายเป็ นงูกล
ตัวหนึง......”

“หมายความว่าอย่างไร” ฉิ นยวีเยียนฟั งจนในหัวของนางเต็มไปด้วยความมึนงง มองไปทางนาง


อย่างไม่เข้าใจนัก

มู่หรงเสวียกล่าวตอบขึนเสี ยงสู ง “ความหมายก็คือ งูกลของหนานเจียงใช้ชินส่ วนไม้ต่อเข้าด้วยกัน


ขนาดความยาวของท่อนไม้จาํ เป็ นจะต้องถูกวัดกะขนาดและทําข้อต่อออกมาให้มีขนาดเท่าและพอดี
กัน ข้าไม่ใช่ช่างไม้จึงไม่สามารถทําชินส่ วนไม้ทีละเอียดขนาดนันออกมาได้ และแน่นนอนว่าจะไม่
สามารถสร้างงูไม้ขึนมาได้......”

“ก็หมายความว่าหญิงฉลาดมากความสามารถมากเพียงใด ถ้าไม่มีขา้ วสารก็ไม่สามารถปรุ งข้าวสุก


ได้ใช่หรื อไม่ ไม่มีชินส่ วนไม้ทีถูกต้องแม่นยําก็เหมือนกับไม่มีขา้ วสาร เจ้าก็คงไม่สามารถทีจะสร้าง
งูไม้ทีเปรี ยบเหมือนดังข้าวสุ กได้ เจ้าหมายความเช่นนีใช่หรื อไม่” หยวนฟางเฟยตัดบทคําพูดของมู่
หรงเสวีย มองไปทีนางด้วยสายตาอันวูบไหว

มู่หรงเสวียพยักหน้า “ไม่ผิด ข้าหมายความเช่นนี !”


หยวนฟางเฟยยกยิมมุมปากขึนอย่างได้ใจ “เหตุผลทีเข้าใจง่ายขนาดนี คนหยาบกร้านทีเติบโตมาใน
ค่ายทหารอย่างข้าล้วนฟังเข้าใจ แต่เหตุใดบางคนทีอยูใ่ นวังมานาน รําเรี ยนอ่านเขียนหนังสื อกวีมา
มากมาย กลับไม่เข้าใจมันแม้แต่นอ้ ย ช่างโง่งมยิงนัก......”

ใบหน้าเรี ยวของฉิ นยวีเยียนเดียวแดงเดียวขาว เปลียนไปมามากมายหลายสี อย่างรวดเร็ว ดวงตาสี ดาํ


ขลับวูบไหวด้วยความหนาวเหน็บเย็นยะเยือก ก็แค่ฟังเข้าใจเรื องงูไม้เพียงเรื องเดียว มีอะไรให้น่า
ภูมิใจกัน นางก็แค่ไม่เข้าใจเรื องศาสตร์ของงูไม้ ถึงได้ฟังไม่เข้าใจก็เท่านัน......

ผูค้ นต่างพากันพยักหน้าอย่างเข้าใจ เมือครู่ นนมู


ั ่หรงเสวียนําเอาชินส่ วนงูไม้ของหนานเจียงเข้ามา
ประกอบเข้าด้วยกันจนกลายเป็ นงูไม้แปดหาง แต่ตอนนี งูไม้ของหนานเจียงล้วนแตกหัก ทีเป็ นซาก
ก็เป็ นซาก ทีถูกทําลายก็ถูกทําลาย ไม่มีทางเอามาประกอบเป็ นงูไม้ได้อีก เช่นนันพวกเขาก็ไม่ควรไป
บีบคันผูค้ นให้ลาํ บากใจแล้ว......

“ฟังจากคําพูดขององค์หญิงฉิ นแล้ว เหมือนกับว่าองค์หญิงจะถูกใจงูไม้ของหนานเจียงมาก ถ้าหา


กองค์หญิงฉิ นสามารถทําชินส่วนไม้แบบนันออกมาได้ ข้าไม่เพียงสามารถช่วยท่านประกอบงูไม้
เท่านัน จะให้ประกอบเป็ นเสื อ เป็ นแมวก็ลว้ นไม่มีปัญหา......” มู่หรงเสวียพูดขึนด้วยรอยยิมทีสดใส
แววตาของนางวูบไหวด้วยความเย้ยหยันน้อย ๆ
แววตาของฉิ นยวีเยียนลุกโชนไปด้วยไฟโกรธอันดุดนั นางเป็ นถึงองค์หญิงแห่ งแคว้นม่อเป่ ย ศักดิ
ฐานะล้วนสูงส่ง จะให้ลดตัวไปเรี ยนรู้งานไม้ทีคนชันตําทํากันได้อย่างไร มู่หรงเสวียทีกล่าววาจา
เช่นนีชัดเจนว่ากําลังเย้ยหยันให้นางอับอาย ช่างน่าเจ็บใจทีสุ ด !

“ขอบใจมาก !” นําเสี ยงอันอ่อนหวานของฉิ นยวีเยียนแฝงไว้ดว้ ยการขบเขียวเคียวฟัน

มู่หรงเสวียไม่ใส่ ใจกล่าวขึนอย่างช้า ๆ “ไม่ตอ้ งเกรงใจ !”

เมือหันมองไปทีฮ่องเต้ทีไม่ได้สนใจนางอีก มู่หรงเสวียก็ค่อย ๆ แอบถอนหายใจออกมา งูไม้ของ


หนานเจียงเป็ นเรื องทีแปลกใหม่นกั อีกทังยังร้ายกาจมาก ทังฝ่ าบาทยังเห็นนางบังคับงูไม้ทาํ ลายงูไม้
ของชางฉงจนพ่ายแพ้กบั ตา ถึงแม้วา่ เขาจะไม่ได้เปิ ดปาก แต่ท่าทางชะงักลังเลของเขานันทําให้นาง
เข้าใจได้วา่ เขาอยากให้นางสร้างงูไม้เพิมความแข็งแกร่ งในการสู้รบให้กบั พวกทหาร

นางนันไม่ได้เข้าใจศาสตร์ดา้ นกลไกอย่างละเอียดลึกซึงขนาดนัน ถ้าหากใช้เพียงกําลังของนางคน


เดียวคงไม่สามารถทีจะสร้างงูไม้ออกมาได้ ฉิ นยวีเยียนทีตังใจคิดร้ายต้องการจะสร้างความลําบาก
ให้นาง กลับถือเป็ นการมอบโอกาสให้นางอธิบายและกันตัวเองออกมาได้อย่างพอดิบพอดียงนั
ิ ก ให้
นางเปิ ดเผยเรื องราวทังหมดและพูดกล่าวอธิบายออกไปอย่างชัดเจน เท่านีฝ่ าบาทก็จะไม่มากดดัน
นางเรื องงูไม้แล้ว
“จัดขบวนกลับวัง !” ฮ่องเต้สะบัดแขนเสื อเบา ๆ เดินอาด ๆ ออกไปด้านหน้าอย่างทีไม่หนั กลับมา
มองอีก

ชางฉงนําพากองกําลังลอบบุกโจมตีถึงพระราชวังฤดูร้อนจนลานกว้างถูกทําลายเป็ นหลุมบ่อเละเทะ
ทําร้ายขุนนางบุ๋นและเหล่าบรรดาหญิงสาวชันสูงจนได้รับบาดเจ็บล้มตายเป็ นจํานวนมาก ทังยัง
เกือบทําให้ฮ่องเต้ได้รับบาดเจ็บ พระองค์ไม่มีจิตใจทีจะไปพักผ่อนแล้ว !

มีเพียงการรวบรวมกองทัพบุกประชิดแคว้นหนานเจียงแล้วทําลายเมืองหลวงของหนานเจียงให้ราบ
คาบเท่านัน ถึงจะสามารถระบายความแค้นในใจเขาได้ !

ั ใ้ หญ่ก็เดินตามฮ่องเต้ออกไปด้านนอก พวกเขานัน
ฮองเฮา เหล่าพระสนม รวมถึงขุนนางบุ๋นบู๊ชนผู
ตามขบวนเสด็จองค์เหนือหัวมาทีพระราชวังฤดูร้อน เมือฝ่ าบาทมีพระประสงค์ทีจะกลับเมืองหลวง
แน่นอนว่าพวกเขาก็จะต้องตามกลับไปพร้อมกันด้วย

มู่หรงเสวียทีเป็ นคุณหนูแห่ งจวนเจินกัวโหว ถือเป็ นครอบครัวของขุนนาง จะกลับหรื อไม่กลับเมือง


หลวงก็ไม่เป็ นไร เมือมองไปทีแผ่นหลังของผูค้ นทีค่อย ๆ ไกลออกไป นางก็กะพริ บตาปริ บ ๆ......
ตอนที 204 เข้ าร่ วมรบหรือไม่
“มู่หรงจี เจ้ากําลังทําอะไร” นําเสี ยงคํารามอันหยาบกร้านเสี ยงหนึงดังลันขึน ก้องกังวานไปทัวทัง
บริ เวณ

มู่หรงเสวียมองตามเสี ยงไปก็เห็นว่ามู่หรงจียืนอยูบ่ นทางเดินทีอยูอ่ อกไปไม่ไกลนัก เขากําลังพยุง


หญิงงามนางหนึงขึนมาอย่างเบามือ มือทังสองข้างสัมผัสซึ งกันและกัน ประสานเข้าหากันอย่าง
แนบแน่นคล้ายกับไม่อยากทีจะแยกจากกัน

หยวนฟางเฟยพุ่งเข้าไปอย่างเกรี ยวกราด แยกทังสองคนออกจากกันอย่างดุร้าย ร่ างกายอันบอบบาง


ของหญิงสาวถูกผลัก ‘ปั ก ปัก ปัก’ ถอยหลังออกไปสามสี ก้าวกระแทกเข้ากับรัวของระเบียงไม้อย่าง
แรง แล้วร้องขึนด้วยความเจ็บปวด “อ้า !”

“คุณหนูหลิว !” มู่หรงจีร้องขึนอย่างตกใจเสี ยงหนึง พร้อมทังเตรี ยมจะก้าวเข้าไปตรวจดูบาดแผล


ของหญิงสาว แต่ไม่คาดว่าแขนของเขาจะถูกหยวนฟางเฟยคว้าจับเอาไว้แน่น ไม่สามารถขยับ
เคลือนไหวได้อีก เขาถลึงตามองไปทีหยวนฟางเฟยอย่างเกลียดชัง แล้วกล่าวต่อว่าขึนด้วยความ
โมโห “หยวนฟางเฟย เจ้าจะทําอะไร”
“ข้าก็กาํ ลังถามเจ้าอยูน่ ี ไง !” หยวนฟางเฟยมองไปทีเขาอย่างผูท้ ีอยูส่ ูงกว่า พร้อมทังตวาดต่อว่าขึน
อย่างดุดนั “ข้าก็แค่บินขึนไปจัดการศัตรู ของชิงเหยียนนับร้อยได้ไม่ทนั ไร แต่เจ้ากลับกล้าอาศัยช่วง
ระยะเวลาสัน ๆ เช่นนีหว่านเสน่ห์ไปทัว......”

“เจ้ากําลังพูดจาไร้สาระอะไรกัน ตอนทีคนของแคว้นหนานเจียงกําลังโจมตีนนั ข้ากับคุณหนูหลิว


หลบอยูใ่ กล้ ๆ กัน คุณหนูหลิวไม่ทนั ระวังถูกพวกมันทําร้ายจนได้รับบาดเจ็บ เดินต่อไปเองไม่
สะดวกนัก ข้าก็แค่พยุงนางเบา ๆ เท่านัน ไหนเลยจะเป็ นการหว่านเสน่ห์ไปทัวได้ เป็ นเจ้าเองทีคิด
ไม่ดี เช่นนันก็อย่าได้คิดว่าคนอืนจะทําเรื องไม่ดีอย่างทีเจ้าคิด” มู่หรงจีตัดบทคําพูดของนางเสี ยงดัง
แล้วถลึงตามองไปทีนางอย่างเกลียดชัง หางตาของเขาเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม

“นี ! เจ้ากลับกล้าสังสอนข้าเช่นนี ดูวา่ เจ้าจะเก่งกล้าขึนแล้ว !” หยวนฟางเฟยพูดกล่าวขึนคล้ายยิม


คล้ายไม่ยมิ ทันใดนันก็ยกหมัดขึนพุ่งชกไปทีมู่หรงจีจนมิดหน้า “ข้าเห็นเจ้ากําลังพูดคุยกันอย่าง
แนบชิด สบสายตากันไปมา เห็นทังหมดว่าเจ้ากําลังทําอะไร แล้วเจ้ายังจะกล้าโต้เถียงข้าอีก คงไม่
อยากมีชีวิตอยูแ่ ล้วสิ นะ......”

ฝ่ ามือของนางกําหมัดชกออกไปทีมู่หรงจีอย่างรวดเร็ วดังห่าฝน ชกเขาโดยไม่เหลือเยือใย แต่ละหมัด


ล้วนแฝงไว้ดว้ ยพละกําลังภายในอันกล้าแกร่ ง ต่อยตีจนมู่หรงจีได้แต่ตงรั
ั บ ไม่สามารถทีจะสวน
กลับได้ ทัวทังร่ างของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขาเจ็บแค้นจนต้องกัดฟันแน่น คํารามออกมา
ด้วยความโกรธ “หยวนฟางเฟยข้าจะถอนหมันกับเจ้า !”
“เจ้าฝันไปเถอะ เจ้าได้เห็นร่ างกายอันเปล่าเปลือยของข้าไปแล้ว ชัวชีวติ นีเจ้าล้วนเป็ นคนของข้า
เช่นนันก็อย่าได้คิดว่าจะหนีขา้ ไปแต่งกับผูอ้ ืนเลย !” หยวนฟางเฟยกล่าวขึนอย่างโหดเหี ยม หมัดทัง
สองข้างของนางเพิมแรงโจมตีขึนไปอีก กลับกล้าพูดว่าจะถอนหมันกับนางเช่นนีหรื อ ช่างรนหาที
ตายนัก !

หมัดอันดุดนั หมัดแล้วหมัดเล่าต่อยเข้าไปทีร่ างของมู่หรงจี ทุบตีจนทัวร่ างของเขารู้สึกเจ็บปวด มือ


ทังสองของเขาข้างกุมไปทีหัวแล้วนังยอง ๆ ลงไป งอร่ างเข้าหากันพร้อมทังร้องเรี ยกขึนเสี ยงดัง
“หยวนฟางเฟย ถ้าเจ้ายังตีต่อไปข้าก็คงจบชีวติ ลงแล้ว”

“ไม่เป็ นไร ข้าไม่สนใจถ้าหากต้องกลายเป็ นม่าย !” หยวนฟางเฟยพูดขึนอย่างโดยทียังไม่หยุดมือ


นางเพิมแรงทังสองข้างทุบตีเขาเข้าไปอีก

ทัวทังร่ างของมู่หรงจีเจ็บปวดจนแทบจะทนต่อไปไม่ไหว แล้วกล่าวขึนอย่างร้อนรน “ข้าสํานึ กผิด


แล้ว สํานึกผิดแล้ว เจ้ารี บหยุดมือเถอะ”

“เจ้ามาขอร้องเอาตอนนี มันก็สายไปแล้ว !” หยวนฟางเฟยพูดขึนอย่างเกลียดชัง นางถีบไปทีมู่หรงจี


แรง ๆ เท้าหนึง ถีบจนเขาต้องล้มกลิงขลุกขลักขลุกขลักลงไปกับพืน แล้วตกลงไปตามบันได......
เมือมองไปทีใบหน้าอันเขียวชํายับเยินของมู่หรงจี มู่หรงเสวียก็หมดวาจาไร้ซึงคําพูด หยวนฟางเฟ
ยคงไม่ใช่แม่เสื อทีธรรมดาสามัญนัก มีภรรยาเอกดุดนั แข็งกร้าวเช่นนีคนหนึง เศษดอกไม้ใบหญ้าริ ม
ทางคงไม่กล้าทีจะเข้าใกล้ขา้ งกายของมู่หรงจีอีกแล้ว......

เมือปรายตามองไปทีคุณหนูหลิว ก็เห็นว่านางแอบอิงอยูด่ า้ นหลังเสารัวของระเบียง นางกําลังมอง


ไปทีหยวนฟางเฟยทีกําลังทุบตีผคู้ นรวมถึงมู่หรงจีทีกําลังถูกเตะอยูอ่ ย่างเหม่อลอย ใบหน้าเรี ยวงาม
นันขาวซีดราวกับสี ขาวของกระดาษ

ข้างกายของนางล้วนเต็มไปด้วยผิวดินทีเละเทะเป็ นหลุมเป็ นบ่อไปหมด มู่หรงเสวียทีมองไปคิวเรี ยว


ของนางก็คอ่ ย ๆ ขมวดเข้าหากันแน่น

“เจ้าเป็ นอะไรไปหรื อ” คุณชายโอวหยางมองมาทีนางอย่างไม่เข้าใจนัก

“ข้ากําลังคิดว่าพีของข้าก็อยูภ่ ายใต้การควบคุมของแม่ทพั จาง และแม่ทพั จางต้องเดินทัพเข้าโจมตี


แคว้นหนานเจียง ไม่รู้วา่ เขาจะต้องเดินทัพตามไปด้วยหรื อไม่” มู่หรงเสวียกล่าวขึนเสี ยงตํา แววตา
วูบไหวอย่างลําลึก

“คุณหนูมู่หรงไม่เต็มใจทีจะให้พีชายของตนไปทีหนานเจียง !” ฉิ นยวีเยียนเลิกคิวมองไปทีนาง แวว


ตาเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยดูถูก
“แน่นอนว่าไม่ใช่ ข้าก็แค่เพียงเป็ นห่วงเขาอยูบ่ า้ งเท่านัน !” มู่หรงเสวียตอกกลับนางประโยคหนึง
อย่างไม่เกรงใจ

มู่หรงเย่เพิงจะเข้าไปในค่ายทหารได้แค่เดือนกว่า ๆ วรยุทธ์และวิชาดาบของเขาเพิงจะเริ มก้าวหน้า


หากให้เข้าไปร่ วมในสนามรบตอนนี แน่นอนว่าคงต้องตกอยูท่ ่ามกลางการฆ่าฟันของคนนับพัน ม้า
นับหมืน ช่างอันตรายยิงนัก

“คิดกังวลว้าวุน่ ใจอยูท่ ีนีก็ไม่มีประโยชน์อะไร ไม่เท่ากับคุณหนูม่หู รงคิดหาวิธีการให้มู่หรงเย่ไม่


ต้องเข้าสนามรบ...ด้วยความสามารถของคุณหนูมู่หรงแล้ว แน่นอนว่าต้องสามารถทําได้” ฉิ นยวี
เยียนกล่าวขึนยิมตาหยี ดวงตาสี ดาํ ขลับของนางวูบไหวไปด้วยการดูถูกทีปิ ดไม่มิด

เมือมู่หรงเย่เข้าไปในค่ายทหารก็เป็ นคนของค่ายทหาร จะต้องรับคําสังจากแม้ทพั โดยสิ นเชิง ถ้าหาก


เขาหลบหนี ออกมาตอนทีกําลังจะรบทัพจับศึก ก็จะเป็ นการทําผิดวินยั ทหาร ชือเสี ยงของเขาก็จะถูก
ทําลาย ตนเองทีเป็ นคนช่วยเหลือเขาก็จะต้องถูกผูค้ นหยามหยันว่าเป็ นคนเห็นแก่ตวั

ข้อเสนอของฉิ นยวีเยียนนันล้วนแล้วแต่ไม่ได้คิดหวังดีอะไร
มู่หรงเสวียสบถขึนในใจอย่างเหยียดหยาม จ้องมองนางด้วยสายตาเย็น “ขอบคุณองค์หญิงฉิ นที
ห่วงใย พีชายของข้าเป็ นนายทหารในกองทัพ แน่นอนว่าเขาจะต้องรับผิดชอบต่อหน้าทีอย่างสุ ด
ความสามารถ เขาจะไปเจียงหนานหรื อไม่ก็ตอ้ งดูทีความต้องการของแม่ทพั จางแล้ว ข้าไม่สามารถ
ไปตัดสิ นใจอะไรได้ และข้าก็ไม่อยากไปแทรกแซงเรื องของเขามากนัก !”

“ตามทีข้ารู้มา ปี นีคุณชายมีอายุเพียง 14 ปี วรยุทธ์ไม่นบั ว่าสูงมากนัก ทังความรู้ยงั ตืนเขิน ถ้าหาก


ระหว่างทีกําลังรบกันเกิดเรื องทีไม่คาดฝันขึน พ่อของเจ้าไม่ใช่วา่ จะต้องไร้ผสู้ ื บทอดหรอกหรื อ”
ฉิ นยวีเยียนถอนหายใจออกมาเบา ๆ แววตาเต็มไปด้วยความเสี ยใจ

“องค์หญิงฉิ นช่างคิดอ่านได้ยาวไกลยิงนัก เช่นนันองค์หญิงฉิ นไม่คิดบ้างหรื อว่าพีชายของข้าก็เป็ น


เพียงทหารธรรมดา ๆ นายหนึงในกองทัพ ศัตรู ของเขาก็จะเป็ นแค่ทหารธรรมดา ๆ จํานวนหนึงของ
หนานเจียง ไม่ใช่คนทีมีวรยุทธ์สูงส่ งอะไร หากเขาละเอียดรอบคอบเสี ยหน่อยก็จะไม่เกิดเรื องแล้ว
ไม่แน่อาจจะสามารถสร้างผลงานจนกลายเป็ นแม่ทพั อายุเยาว์ได้......” มู่หรงเสวียเลิกคิวมองไปที
ฉิ นยวีเยียน แววตาของนางวูบไหวไปด้วยความมืดมิดอํามหิต

ฉิ นยวีเยียนกล่าวขึนด้วยรอยยิมสดใส “พูดเช่นนี ก็ไม่ผิด แต่ถา้ หากว่า......”

“คงไม่มีถา้ หากว่า คนของตระกูลมู่หรงเราเชียวชาญในการรบ ไม่มีทางทีจะตกตายตังแต่การรบใน


ครังแรกของตน เรื องตกตายก่อนทีผลงานจะสําเร็จลุล่วงเช่นนีจะไม่มีทางเกิดขึนกับพวกเราแน่นอน
คงจะเกิดขึนกับพวกคนแค่บางจําพวกเท่านัน......” มู่หรงเสวียมองไปทีฉิ นยวีเยียนคล้ายยิมคล้ายไม่
ยิม แววตาเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม !

ความโกรธของฉิ นยวีเยียนพุ่งปะทุ แววตาของนางลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ นีมู่หรงเสวียกําลังดูถูกว่า


นางนันโง่เขลาไร้ความสามารถงันหรื อ ช่างเลวร้ายทีสุ ด......

มู่หรงเสวียคร้านทีจะไปสนใจนางอีก นางเงยหน้ามองไปยังด้านหน้า

คุณชายโอวหยางเดินเข้ามาด้านหน้า แล้วกล่าวขึนเสี ยงเบา “เสวียเอ๋ อร์ เจ้าจะกลับเมืองหลวงหรื อว่า


จะพักผ่อนอยูท่ ีนีต่ออีกสักพัก”

มู่หรงเสวียกะพริ บตากวาดมองไปโดยรอบ เห็นว่าขุนนางและครอบครัวพากันเดินออกจากลาน


กว้างจนเกือบหมดแล้ว มีแต่เหล่าทหารองครักษ์เท่านันทีกําลังพากันเดินเก็บกวาดเศษซากที
พังทลายไปมา

ฝูงงูของชางฉงนันโจมตีเพียงแค่ทีลานกว้าง ทําให้เรื อนรับรองของพระราชวังฤดูร้อนยังคงเรี ยบร้อย


ดีอยู่ วิวทิวทัศน์ดา้ นหลังหุบเขาก็ยงั คงเหมือนเดิม ยังสามารถทีจะใช้พกั ผ่อนได้
แต่วา่ มู่หรงเย่นนอาจจะได้
ั เดินทัพไปทีหนานเจียงด้วย การไปครังนียังไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเมือใด
ก่อนทีเขาจะออกเดินทาง นางก็กลับไปพบเขาทีเมืองหลวงเสี ยหน่อยจะดีกว่า

“พวกเรากลับเมืองหลวงเถอะ”

“ตกลง !” คุณชายโอวหยางพยักหน้าจูงมือเรี ยวของมู่หรงเสวีย แล้วค่อย ๆ เดินออกไปยังด้านหน้า


ตอนที 205 ฉินยวีเยียนตาบอด
ชุดสี ขาวราวหิ มะกับชุดกระโปรงยาวสี ม่วงอ่อนดูช่างเหมาะสมกันยิงนัก ทําให้ม่หู รงเสวียกับ
คุณชายโอวหยางดูเหมือนกับคู่รกั เทพเซี ยนทีรักใคร่ สนิทสนม

ช่างเป็ นภาพทีทิมแทงบาดตาบาดใจเย่อีเฉิ นยิงนัก ชายหญิงไม่ควรชิดใกล้ แต่ทาํ ไมพวกเขาถึงกลับ


กล้าประสานมือเข้าด้วยกันภายใต้สายตาของผูค้ นหมู่มากเช่นนี ทําราวกับว่าเขาไม่มีตวั ตน......

สี หน้าของเขามืดครึ มจนน่ากลัว ฝ่ ามือภายใต้แขนเสื อกําแน่นเข้าหากัน รอบกายแผ่ออกด้วยไอ


สังหารทีเข้มข้น กดดันจนฉิ นยวีเยียนเริ มทีจะหายใจติดขัด นางค่อย ๆ เงยหน้าขึนมองไปทีเขา ถาม
ขึนอย่างร้อนใจว่า “อีเฉิน เจ้าเป็ นอะไร”

“ไม่มีอะไร” ทันใดนันเย่อีเฉิ นก็หลุดจากภวังค์ ไอสังหารหายไปอย่างไร้ร่องรอย ตอบกลับนางด้วย


เสี ยงทีไม่ดงั ไม่เบานัก แล้วเดินอาด ๆ ไปยังด้านหน้าไม่หนั กลับมามองอีก เสี ยงเย็นชาของเขาลอย
มาตามลม “ทหารสามแสนนายยกทัพไปทีหนานเจียงนันไม่ใช่เรื องเล็ก ๆ ข้าจะต้องรี บเดินทาง
กลับไปทีเมืองหลวงโดยเร็วเพือร่ วมหารื อแผนการต่าง ๆ กับเหล่าแม่ทพั นายกองอย่างละเอียด เจ้า
อยูท่ ีนีพักรักษาตัวไปก่อนก็แล้วกัน”
เมือมองไปทีเงาร่ างทีตัดสิ นใจอย่างเด็ดขาดของเขาแล้ว ฉิ นยวีเยียนก็แอบกัดฟั นเบา ๆ ลานกว้างถูก
ทําลายจนเละเทะไม่เหลือซากเดิมแม้แต่นอ้ ย พระราชวังฤดูร้อนก็ไม่ได้งดงามดุจเดิมแล้ว นางจะไป
พักผ่อนดี ๆ ได้อย่างไรเล่า

เขากําลังจะกลับเมืองหลวงไปเพียงลําพัง โดยไม่แม้แต่จะสนใจใยดีนางเลยสักนิด นีคงเตรี ยมทีจะ


ทิงนางไว้ทีนีโดยไม่สนใจว่านางจะเป็ นตายร้ายดีอย่างไรสิ นะ !

อีเฉิ นเป็ นของนางและนางก็เป็ นของอีเฉิ น เขาจะทิงนาง ไม่สนใจนางได้อย่างไร !

แววตาของฉิ นยวีเยียนวูบไหวไปด้วยความหนาวเหน็บอันคมกริ บ มือทังสองข้างของนางกําแน่นเข้า


ทีวางแขนของเก้าอีไม้ไผ่ จนข้อนิวมือไร้สีเลือด กลายเป็ นสี ขาว เส้นเลือดบนหลังมือปูดบวมขึนมา
ให้เห็นได้อย่างชัดเจน......

“พรึ บ พรึ บ พรึ บ !” เสี ยงสายลมเสี ยดสี กนั ดังขึนเบา ๆ คนร้ายชุดดําสิ บกว่าคนปรากฏกายขึนมาจาก
อากาศธาตุ ปลายกระบีพุ่งแทงเข้าไปทีมู่หรงเสวีย คุณชายโอวหยางและเย่อีเฉิน

พวกเขาล้วนสวมใส่ ชุดสี ดาํ และบนศีรษะก็ยงั โผกไว้ดว้ ยผ้าสี ดาํ คล้ายกับคนประหลาดบนงูไม้ทีชา


งฉงพามาด้วยไม่มีผิด !
นีคือ......พวกหนานเจียงทีเหลือหลุดรอดไปได้ ! มีกนั แค่ไม่กีสิ บคน แต่ก็ยงั กล้าทีจะมาสังหารพวก
นางเช่นนี ช่างรนหาทีตายนัก !

มุมปากของมู่หรงเสวียยกยิมเย็นขึน นางกําลังเตรี ยมทีจะชักกระบีรับการโจมตีของพวกเขา แต่กลับ


เห็นว่าชายชุดดําพลิกข้อมือกลับ ดึงดาบกลับไป แต่มือซ้ายทีกําผงบางอย่างเอาไว้เต็มกํามือนันกําลัง
ปาผงพวกนันมาทีนางอย่างมุ่งร้าย......

แววตาของมู่หรงเสวียเหยียบเย็น นางรี บเคลือนตัวถอยออกมาอย่างรวดเร็ ว ผ้าเช็ดหน้าในมือถูก


สะบัดวาดไปมาอย่างรวดเร็ว พัดเอาผงพวกนันทังหมดกลับไปทีร่ างคนชุดดํา

เมือผงพวกนันสัมผัสโดนร่ างกายของคนชุดดํา ทันใดนันพวกเขาก็หยุดชะงักไป ดาบยาวในมือพา


กันล่วงตกลงไปทีพืน มือทังสองข้างกุมเข้าไปทีคอขอตัวเอง แล้วคํารามออกมาด้วยความเจ็บปวด
ทุรนทุราย เลือดสี ดาํ เริ มไหลออกมาจากจมูก ปาก หู แล้วเริ มทีจะโซเซไปมาจนพากันล้มลงสิ นใจ
ไปกับพืน......

แววตาเหยียบเย็นของมู่หรงเสวียหรี ลงเล็กน้อย เห็นได้ชดั ว่าเมือไม่สามารถเอาชนะนางได้ตรง ๆ ก็


เลยใช้วิธีการทีเลวร้ายเช่นการปาผงยาพิษมาลอบทําร้ายนาง การกระทําของคนหนานเจียงช่างตําช้า
ไร้ยางอายยิงนัก......
“อีเฉิ น ระวัง !” เสี ยงร้องเตือนด้วยความเร่ งร้อนลอยเข้ากระทบหู เมือมู่หรงเสวียหันมองไปก็เห็นเย่
อีเฉิ นดีดนิวฆ่าสังหารพวกคนชุดดําทีอยูด่ า้ นหน้าเขาไปหลายคนไม่นอ้ ย แต่ทนั ใดนันก็มีนกั ฆ่าชุด
ดําคนหนึงโผล่ขึนมาจากทางด้านหลังของเขา ตวัดมือพุ่งเข้าไปทําร้ายเขาอย่างโหดเหี ยม......

เมือสายตามองเห็นว่าจะโจมตีถึงเขาแล้ว ฉิ นยวีเยียนก็ส่ายเก้าอีไม้ไผ่ไปมา พุง่ เข้าไปขวางทีตัวเขา


ได้ยนิ เพียงแต่เสี ยง “ปั ง”ดังขึนเสี ยงหนึง ฝ่ ามือของคนชุดดําโจมตีไปทีร่ างของฉิ นยวีเยียน ฉินยวี
เยียนร้อง ‘อึก’ ขึนมาเสี ยงหนึงแล้วกระอักเลือดออกมา......

“ยวีเยียน !” เย่อีเฉินร้องเสี ยงดังออกมาอย่างตกใจ เขาหันร่ างกลับไปคว้าร่ างของฉิ นยวีเยียนเอาไว้


ฝ่ ามืออันดุดนั โจมตีไปทีคนชุดดําอย่างไร้ความปรานี......

คนชุดดําทีถูกฝ่ ามือซัดจนลอยออกไป ทันใดนันก็คลายมือซ้ายออก แล้วก็ปาผงยาพิษไปทีเย่อีเฉิ น


อย่างมุ่งร้าย......

“ระวัง !” ฉิ นยวีเยียนร้องตกใจขึนอีกเสี ยงหนึง นางออกแรงผลักเย่อีเฉิ นให้ออกไป ผงยาพิษสี เทา


กระทบเข้ากับใบหน้าของนางเเต็ม ๆ เสี ยงกรี ดร้องดังออกมาทัวบริ เวณ “อ้า...ตาของข้า ตาของข้า
......”
ฉิ นยวีเยียนล้มลงไปกับพืน มือกุมเข้าทีดวงตา เจ็บปวดทุรนทุรายจนต้องกลิงไปกลิงมา เลือดเริ ม
ไหลซึมออกมาตามร่ องมือของนาง......

“เชิญหมอ......รี บเชิญหมอมาเร็วเข้า !” เย่อีเฉิ นตะโกนออกคําสังเสี ยงเย็นดังก้องไปทัวบริ เวณ

“ขอรับ ! ขอรับ !” บรรดาคนรับใช้ต่างเร่ งรี บรับคําสังออกไป

เย่อีเฉิ นมองไปยังฉิ นยวีเยียนทีกําลังเจ็บปวดทรมาน ลังเลอยูค่ รู่ หนึงแล้วก้มลงไป อุม้ นางขึนมาแล้ว


ก้าวพาไปทีเรื อนรับรอง กระซิ บปลอบโยนเบา ๆ “ไม่ตอ้ งกลัว ไม่เป็ นไรแล้ว ดวงตาของเจ้าจะต้อง
ไม่เป็ นไร......”

เมือมองไปทีสี หน้าเจ็บปวดทุรนทุรายของฉินยวีเยียน มู่หรงเสวียก็เลิกคิวขึนเบา ๆ หลังจากฉินยวี


เยียนมาถึงแคว้นชิงเหยียน ก็แทบจะไม่มีสกั วันทีนางจะไม่ได้รับบาดเจ็บ นางกับแคว้นชิงเหยียนคง
มีชะตาทีไม่สมพงศ์กนั เป็ นแน่แท้ !

ก็เหมือนนางในตอนนี แผลเก่ายังไม่ทนั หาย ก็ได้แผลใหม่เพิมเติมเข้ามาอีกแล้ว บาดเจ็บซํา ๆ ซาก


ๆ ไม่หยุดไม่หย่อน ต้องใช้เวลาสักหลายเดือนถึงจะสามารถรักษาให้หายดี
ความถีในการได้รับบาดเจ็บของนางกับแผนร้ายของนางถือว่ามีจาํ นวนค่อนข้างพอดีกนั นัก หรื อว่า
สวรรค์จะไม่พอใจในการกระทําของนาง จึงกําลังลงทัณฑ์นางอยูอ่ ย่างนันหรื อ

ถ้าเกิดว่าเป็ นเช่นนันจริ ง ๆ ล่ะก็ นางก็คงต้องขอขอบคุณสวรรค์เป็ นอย่างมากทีเปิ ดตาลงมาดู......

องครักษ์ส่วนหนึงเดินเข้ามาลากศพของพวกหนานเจียงออกไป ภายใต้แสงอาทิตย์ยามอัสดง เงาร่ าง


ของพวกเขาถูกสาดส่องจนเงาทอดยาวออกไปไกล......

ทันใดนันเองมู่หรงเสวียค้นพบว่าเวลาตอนนีก็ล่วงเลยไปมากเสี ยแล้ว นางหันมองไปทีคุณชายโอวห


ยางแล้วกล่าวขึนเบา ๆ ว่า “พวกหนานเจียงทีหลุดลอดไปได้ถกู กําจัดจนหมดแล้ว พวกเรากลับไป
เมืองหลวงกันเถอะ !”

คุณชายโอวอยางตอบรับออกมาเบา ๆ แล้วค่อย ๆ เดินนําออกไป แววตาลึกลําของเขากวาดตามอง


ไปทีซากศพของชาวหนานเจียงครู่ หนึง นัยน์ตาทอแววลึกลับขึนมาสายหนึง......

เมือสายตาเห็นคุณชายโอวหยางกับมู่หรงเสวียเดินเคียงข้างกันออกไปนอกลานกว้าง หยวนฟางเฟ
ยก็กระชากปกเสื อด้านหลังของมู่หรงจีไว้ เหมือนกับกําลังลากจูงสิ งของสิ งหนึงก็ไม่ปาน ลากเขา
ออกไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ ว “เวลาก็ล่วงเลยมามากแล้ว พวกเราก็กลับเมืองหลวงกันเถอะ !”
คนทีนางรู้จกั ล้วนพากันกลับเมืองหลวงไปแล้ว นางอยูท่ ีนีต่อไปก็คงไร้ความหมาย กลับไปพร้อม
กันกับพวกเขาจะดีกว่า !

มู่หรงจีถูกนางตีจนเจ็บปวดไปทัวทังร่ างกาย ตอนนีร่ างกายของเขาไร้เรี ยวแรง ในหัวของเขารู้สึกมึน


งงเล็กน้อย พยายามออกแรงทีจะดินรนขัดขืน แต่ก็ไม่อาจหลุดพ้นจากกรงเล็บมารของนางได้ ทําได้
เพียงปล่อยให้นางลากก้าวอาด ๆ เดินไปด้านหน้า......

ท้องฟ้ าค่อย ๆ มืดมิดลง เรื อนรับรองหลังหนึงในพระราชฐานฤดูร้อนจุดโคมไฟจนสว่างไสว หมอ


หลวงท่านหนึงนังอยูท่ ีด้านหน้าเตียงของฉิ นยวีเยียน ค่อย ๆ รักษาอาการบาดเจ็บของนางอย่าง
ระมัดระวัง

เสี ยงร้องทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดทรมานดังขึนเป็ นระยะ ๆ สี หน้าของเย่อีเฉิ นทียืนเฝ้ าอยูด่ า้ น


นอกก็ยงเคร่
ิ งขรึ มมากขึน

ทันใดนัน ผ้าม่านก็ถูกแหวกออก หมอหลวงก้าวเท้าเดินออกมา

เย่อีเฉิ นเร่ งก้าวเข้าไปถามอาการของนางอย่างเร่ งรี บ “ท่านหมอหลวง อาการบาดเจ็บของยวีเยียน


เป็ นอย่างไรบ้าง”
หมอหลวงกล่าวขึนเสี ยงตํา “เรี ยนท่านอ๋ อง ดวงตาของแม่นางฉิ นโดนพิษเข็มเพลิงของหนานเจียง
พิษชนิดนีร้ายแรงนัก หากถูกนําก็จะทําให้เกิดไฟ......”

“หมายความว่าอย่างไร !” เย่อีเฉิ นเอ่ยตัดบทคําพูดของเขาขึนอย่างเย็นชา มองมาทีเขาอย่างไม่เข้าใจ


เท่าไหร่ นกั

หมอหลวงกระแอมไอออกมาเล็กน้อย จิงอ๋ องไม่เข้าใจศาสตร์ทางด้านการแพทย์ ถึงเขาจะพยายาม


อธิ บายถึงพิษร้ายของพิษเข็มเพลิงอย่างละเอียดเพียงใด จิงอ๋ องก็ฟังไม่เข้าใจอยูด่ ี เช่นนันเขาก็จะ
กล่าวถึงพิษของมันอย่างง่าย ๆ ก็แล้วกัน

“ความหมายก็คือ ดวงตาของของแม่นางฉิ นถูกพิษเข็มเพลิงเผาไหม้ ต่อจากนี คงไม่สามารถมองเห็น


อะไรได้อีกต่อไป......”

“ทําไมถึงกลายเป็ นเช่นนีได้” ดวงตาคมกริ บของเย่อีเฉิ นหรี เล็กลง

หมอหลวงถอนหายใจออกมาอย่างแรง “พิษเข็มเพลิงมีพิษร้ายแรงมาก ทังภายในดวงตาก็มี


ส่ วนประกอบของนํา ช่วงทีพิษแทรกซึ มเข้าสู่ ดวงตา ณ ขณะนัน ดวงตาก็จะถูกแผดเผาจนเสี ยหาย
......”

คนหนานเจียงกลุ่มนัน ช่างมีจิตใจทีเหี ยมโหดอํามหิตนัก......


ตอนที 206 ขออยู่ข้างกายเจ้ า

ตอนที 206 ขออยูข่ า้ งกายเจ้า

“อีเฉิ น......อีเฉิ น......” เสี ยงร้องอันอ่อนระโหยโรยแรงของฉิ นยวีเยียนดังลอดออกมาจากห้องด้านใน

เย่อีเฉิ นแหวกผ้าม่านออกแล้วค่อยๆ ก้าวเดินเข้ามา เห็นฉิ นยวีเยียนนอนเอนอยูบ่ นเตียง สองตาของ


นางถูกพันไว้ดว้ ยผ้าขาวอันหนาเตอะ ใบหน้าอันงดงามมีเพียงความเศร้าสร้อยทีปกคลุม !

แววตาของเขาวูบไหวด้วยความซับซ้อนยุง่ ยากใจ ก้าวเท้าเบาๆ เข้าไปทีข้างเตียง แล้วจับมือนาง


ขึนมาพร้อมกับพูดขึน “ข้าอยูน่ ีแล้ว”

“อีเฉิ น ข้าจะกลายเป็ นคนตาบอดแล้วใช่หรื อไม่” ฉิ นยวีเยียนเอ่ยถามขึนด้วยนําเสี ยงทีไร้เรี ยวแรง


ท่าทางของนางอ่อนแอ มือน้อยๆ สันเบาๆ บ่งบอกถึงความกังวลในใจ

“ไม่หรอก เจ้าจะต้องไม่เป็ นอะไร” เย่อีเฉิ นเอ่ยปลอบโยนนางเบาๆ กําแน่นไปทีฝ่ ามืออันนุ่มนิมของ


นางโดยไม่รู้เนือรู้ตวั
ฉิ นยวีเยียนยิมขึนทีมุมปากอย่างขมขืน “เจ้าไม่ตอ้ งพูดปลอบใจข้าหรอก สิ งทีท่านหมอเอ่ยข้าล้วนได้
ยินทังหมดแล้ว ดวงตาของข้าถูกพิษเผาทําลายไปแล้ว ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้อีกต่อไป......”

“อย่าได้เศร้าใจไปเลย ข้าจะต้องตามหาหมอทีมีชือเสี ยง มารักษาเจ้าจนหายได้อย่างแน่นอน” เย่อี


เฉิ นกล่าวเน้นยําขึนทีละคํา แววตาของเขาเต็มไปด้วยความจริ งจัง

“นีข้าตาบอดนะ ไม่ได้บาดเจ็บทีแขนหรื อขา จะรักษาให้หายได้อย่างไร” ฉินยวีเยียนถอนหายใจ


ออกมาเบาๆ มุมปากเม้มแน่นเข้าหากันเต็มไปด้วยความขืนขม

“เจ้าอย่าเพิงกล่าวอย่างท้อใจสิ มันจะต้องมีวธิ ี สกั วิธีแน่” เย่อีเฉิ นบีบมือของฉินยวีเยียนแน่น ส่ ง


กําลังใจให้นางอย่างเงียบๆ

“ดวงตาของข้า ข้ารู้ตวั เองดี เจ้าไม่จาํ เป็ นต้องปลอบใจข้าหรอก” ฉินยวีเยียนยิมออกมาอย่างขืน ๆ


มองไปทางเย่อีเฉิ นแล้วเอ่ยเน้นยําทีละคํา “อีเฉิ น ถ้าข้ากลายเป็ นคนตาบอดไปแล้ว เจ้าจะดูแลข้าไป
ชัวชีวิตหรื อไม่”

เย่อีเฉิ นชะงักไปครู่ หนึง สี หน้าของเขาเปลียนเป็ นลึกลับซับซ้อน นิงงันไม่พดู ไม่จา


รอบบริ เวณกลายเป็ นสงบเงียบวังเวงไร้เสี ยงพูดคุย มีเพียงเสี ยงลมหายใจทีทอดยาว และเสี ยงหัวใจที
เต้นแรงดังก้องอยูภ่ ายในห้อง

ไม่มีเสี ยงตอบรับจากเย่อีเฉิ นอยูน่ าน เช่นนันก็ทาํ เอาหัวใจของฉิ นยวีเยียนห่อเหี ยวลงไป มุมปากของ


นางยกยิมหยันขึนอย่างขมขืน “ข้า...ไม่ขอตําแหน่งฐานะใดๆ...... ขอแค่เพียงให้ขา้ ได้อยูข่ า้ งๆ เจ้าก็
พอ...”

เย่อีเฉิ นยังคงนิงเงียบเหมือนเดิม ไม่กล่าววาจาใด !

“อีเฉิ น ดวงตาของข้า...มองไม่เห็นอะไรอีกแล้ว......ในเวลานีไม่มีใครยอมทีจะแต่งงานกับข้าอีก
แน่นอน ถ้าแม้แต่เจ้ายังไม่ดูแลข้า ข้าก็คงจะต้องใช้ชีวติ อยูอ่ ย่างโดดเดียวเดียวดาย อยูเ่ พียงลําพังไป
ทังชีวิตเป็ นแน่แท้แล้ว......” ฉินยวีเยียนสะอืนเอ่ยออกมาเบาๆ หยาดนําตาดังไข่มุกไหลริ นออกมา
ผ่านผ้าพันแผลสี ขาว ไหลอาบลงมาตามแก้มของนาง

เย่อีเฉิ นยังคงหลับตาอยูเ่ ช่นเดิม นิงเงียบไม่กล่าววาจา

ฉิ นยวีเยียนเอ่ยขึนต่อ “อีเฉิน ข้าไม่ได้อยากจะเอาบุญคุณมาบีบคันเจ้า แต่วา่ ข้าไม่อยากจะอยูอ่ ย่าง


โดดเดียวเดียวดายคนเดียวไปจนแก่เฒ่า ข้าทีกลายเป็ นคนตาบอดเช่นนี ทังชีวติ จะต้องอยูแ่ ต่ในความ
มืด ถ้ายังไม่มีใครมาคอยดูแลข้าอีก ข้าคงจะเหมือนกับตายทังเป็ น......”
“ข้าไม่ร้องขอตําแหน่งพระชายาเอก แค่เพียงหวังจะได้อยูเ่ คียงข้างเจ้าเท่านันก็พอใจแล้ว”

คําพูดขอร้องและรับปากทีจริ งจังดังเข้าหู เย่อีเฉิ นค่อยๆ เงยหน้าขึนมองไปทีฉินยวีเยียน “ยวีเยียน


เจ้าอย่าเพิงท้อใจไป ในโลกนียังมีหมอเก่งๆ อีกมากมาย ข้าจะสังให้คนออกตามหาให้ทวั จะได้มีคน
มารักษาตาเจ้าให้หายดีโดยเร็ ว !”

รอยยิมจริ งใจของฉิ นยวีเยียนแข็งค้างอยูบ่ นใบหน้า หัวใจดวงน้อยๆ พริ บตาเหมือนดังวูบตกลงไป


ในเหวลึก เพือเขานางยอมเสี ยงเป็ นเสี ยงตายเพือเอาตัวเองเข้าไปบังอันตรายให้เขาจนตาบอด
กลายเป็ นคนพิการ แม้แต่เพียงคําสัญญาง่ายๆ เขาก็ไม่สามารถมอบให้นางได้ จิตใจของเขาช่าง
โหดเหี ยมเลวทรามยิงนัก !

ทีเขาทําเช่นนี ทังหมดก็คงเป็ นเพราะมู่หรงเสวีย เพือทีจะทําให้ม่หู ลงเสวียพอใจ เขาถึงได้ใจร้ายกับ


นางทีเป็ นผูม้ ีพระคุณทีช่วยชีวิตของเขาเอาไว้ !

เย่อีเฉิ น เจ้าช่างดี ดียงนั


ิ ก!
แววตาของฉิ นยวีเยียนเปล่งประกายหนาวเหน็บ มือเรี ยวนุ่มนิมราวกับไร้กระดูกบีบเข้าไปทีฝ่ ามือ
แกร่ งของเย่อีเฉิ นแน่น ร่ างสันไหวเบาๆ ออกแรงบีบแน่นเสี ยจนข้อนิวกลายเป็ นสี ซีดขาว กล้ามเนือ
เส้นเลือดปูดบวมออกมาด้านหลังฝ่ ามือ......
ตอนที 207 ตาเปลียนตา

มือของเย่อีเฉิ นโดนนางบีบจนซี ดขาวเล็กน้อย !

เย่อีเฉิ นไม่สนใจ เขาเพียงแต่พูดขึนเรี ยบ ๆ “เจ้าพักผ่อนให้ดีเถอะ ข้าสังคนเคียวยาไว้ให้เจ้าแล้ว”

“ตาของข้าบอดไปแล้ว ไม่วา่ อะไรก็มองไม่เห็น แล้วยังจะให้ดืมยาอะไรอีก !” ฉิ นยวีเยียนโมโห


เกรี ยวกราด คว้าหยิบเอานาฬิกาทรายปาออกไปทีผ้าม่านอย่างแรง

มือใหญ่มือหนึ งยืนเข้ามาด้านในผ้าม่าน รับเอานาฬิกาทรายเอาไว้ เงาร่ างร่ างหนึงเดินเข้ามาอย่าง


ช้าๆ ชุดคลุมลายวิจิตรสี ทองเข้ม ใบหน้างามสง่า แววตาฉลาดมากเล่ห์ เขาคือองค์รัชทายาทแห่ง
ม่อเป่ ยฉิ นเฮ่าเหยียน

เมือมองไปทางฉิ นยวีเยียนทีได้รับบาดเจ็บ เขาก็พดู ขึนอย่างทีไม่เห็นเป็ นเรื องใหญ่วา่ “ก็แค่ถูกพิษ


เข็มเพลิงเผาจนตาบอดทังสองข้างมิใช่รึ มีอะไรใหญ่โตกัน เหตุใดท่านพีหญิงจึงเกรี ยวกราดเช่นนี
เล่า”
“องค์รัชทายาทฉิ นหมายความว่าอย่างไร” เย่อีเฉิ นมองเขาอย่างราบเรี ยบ แววตาวูบไหวไปด้วยความ
เคร่ งขรึ ม

“ข้าเคยได้ยนิ หมอเทวดาผูห้ นึงพูดถึงวิธีการทีจะทําให้ท่านพีหญิงกลับมามองเห็นได้ดงั เดิม” ฉิ นเฮ่า


เหยียนพูดตอบขึนอย่างช้าๆ

แววตาของเย่อีเฉินวูบไหว “วิธีการอะไร”

“ใช้ตาเปลียนตา !” ริ มผีปากบางเฉี ยบของฉิ นเฮ่าเหยียนยกขึนอย่างยิมเยาะ พูดช้าๆ ชัดๆ ออกมาที


ละคํา รอยยิมชัวร้ายแฝงไว้ดว้ ยความเจ้าเล่ห์

สายตาของเย่อีเฉิ นฉายแววลึกลํา “ความหมายของเจ้าก็คือ เอาตาของผูอ้ ืนมาแทนทีดวงตาของท่านพี


หญิงของเจ้า เท่านีนางก็จะกลับมามองเห็นได้อีกครังหรื อ”

“ไม่ผิด !” ฉิ นเฮ่าเหยียนพยักหน้าเบาๆ มุมปากของเขาเผยรอยยิมออกมาอย่างงดงาม

นัยน์ตาสี ดาํ สนิทของเย่อีเฉิ นหรี ลง “วิธีการรักษาเช่นนีจะได้ผลหรื อ” นําเสี ยงกดตําคล้ายกับกําลัง


สอบถาม ราวกับว่ากําลังพูดบ่นกับตัวเองอยูก่ ็ไม่เชิง แววตาคมกริ บคล้ายจะตังใจไม่ตงใจ
ั มองไปที
หมอหลวงทีอยูด่ า้ นนอก
“เรื องนี.....ข้าผูเ้ ฒ่าเพิงได้ยนิ วิธีการรักษา...ทีพิเศษพิสดารเช่นนีเป็ นครังแรก” หมอหลวงใคร่ ครวญ
อยูค่ รู่ หนึง แล้วจึงได้พดู อ้อมๆ ออกมา ควักเอาดวงตาของผูอ้ ืนมาใส่ ในเบ้าตาของตน แค่เพียงคิด ก็
รู้สึกขนพองสยองเกล้าแล้ว !

รัชทายาทม่อเป่ ยผูน้ ีพูดกล่าวเรื องเช่นนีออกมาได้ง่ายดายนัก ราวกับทําจนชํานาญชินชาแล้ว ช่าง


เป็ นคนทีโหดเหี ยมทารุ ณเสี ยจริ ง !

“ข้าเคยได้ยนิ ชือของหมอเทวดาทีผูค้ นเคารพศรัทธาและมีชือเสี ยงโด่งดังอยูผ่ หู้ นึง ฝี มือทาง


การแพทย์ของหมอเทวดาผูน้ นราวกั
ั บเทพเซี ยนลงมาจุติ ทัวโลกหล้าไม่มีอาการป่ วยไข้ใดทีทําให้
เขาลําบากได้ อย่าว่าเพียงเปลียนดวงตาเลย ต่อให้เป็ นหัวใจ หากหาของแทนทีทีเหมาะสมได้ เขาก็
สามารถช่วยเปลียนให้เจ้าได้.....”

ฉิ นเฮ่าเหยียนพูดขึนเรี ยบๆ ด้วยท่าทางยโสอวดดี มองไปทีสี หน้าทีค่อยๆ เงียบขรึ มของเย่อีเฉิ น ก็


เห็นว่าเขายิมขึนเบาๆ แล้วเปลียนหัวข้อสนทนา “แน่นอนว่า การเปลียนดวงตาก็ตอ้ งมีเงือนไขของ
มัน ไม่ใช่ว่าใช้ดวงตาของใครก็สามารถเปลียนดวงตาให้ท่านพีหญิงได้......”

“เช่นนัน ต้องใช้ดวงตาของคนแบบไหนกันถึงจะทําให้ยวีเยียนกลับมามองเห็นได้” เย่อีเฉิ นมองไป


ทีเขาอย่างเรี ยบๆ นัยน์ตาสี ดาํ สนิทวูบไหวไปมา
“ต้องใช้ดวงตาของคนทีมีพิษเยือกแข็งอยูใ่ นตัว ถึงจะสามารถช่วยให้ท่านพีหญิงกลับมามองเห็นได้
!” ฉิ นเฮ่าเหยียนพูดขึนพลางยิมจนตาหยี

นัยน์ตาคมกริ บของเย่อีเฉิ นหรี เล็กลง คนทีมีพิษเยือกแข็งอยูใ่ นร่ าง เหตุใดจึงบังเอิญเช่นนีเล่า

“เหตุใดจึงต้องการดวงตาของคนเช่นนี”

“เพราะดวงตาของคนทัวไปยังมีไอร้อนทีแผ่ซ่านเจือปนอยูด่ า้ นในอย่างหนาแน่นนัก หากควักมัน


ออกจากเบ้าตา มันก็จะแหลกเละทันที ไม่มีทางยัดมันเข้าไปในเบ้าตาของท่านพีหญิงได้ แต่คนทีมี
พิษเยือกแข็งอยูใ่ นร่ าง ดวงตาจะมีไอเย็นเจือปนอยูด่ า้ นใน ตอนทีควักมันออกมา ไอเย็นจะทําให้
ดวงตานันคงสภาพไว้ได้อย่างดี และสามารถใส่มนั ลงไปในเบ้าตาของท่านพีหญิงได้อย่างสมบูรณ์
ไร้ซึงความเสี ยหาย.......”

ฉิ นเฮ่าเหยียนพูดขึนอย่างช้าๆ พลางถอนหายใจออกมาเบาๆ “พิษเยือกแข็งถือเป็ นเอกในพิษทังร้อย


พิษ ไม่อาจปรุ งสร้างขึนมาได้ง่ายๆ อีกทังยังหาได้ยาก ข้าเคยได้ยนิ มาว่าครังสุ ดท้ายทีพิษเยือกแข็ง
ปรากฏขึน ก็คือเมือสิ บปี ทีแล้ว หลังจากนันก็สาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย คนทีมีพิษเยือกแข็งในร่ าง
ก็ลว้ นเป็ นพวกอายุสนั ไม่รู้วา่ พวกเขายังจะมีคนรอดชีวิตอยูอ่ ีกหรื อไม่ ดวงตาทีท่านพีหญิงต้องหา
ถึงแม้จะร้องขอแต่ก็ไม่อาจพบพานได้.....”
“วิธีการโหดเหี ยมเช่นนี ใช้ได้จริ งๆ หรื อ”เย่อีเฉิ นนันเชือครึ งไม่เชือครึ ง นัยน์ตาสี ดาํ สนิทลึกลําดัง
มหาสมุทร

“เรื องทีเกียวพันถึงดวงตาของท่านพีหญิง ข้าจะโกหกเพ้อเจ้อไปทําไมกัน” ฉิ นเฮ่าเหยียนปรายตา


มองเขาอย่างช้าๆ นัยน์ตาแฝงแววดูถูกอยูบ่ างเบา

แววตาของเย่อีเฉินลําลึก คิวเรี ยวราวกระบีขมวดแน่นเข้าหากัน เขารู้จกั ผูท้ ีมีพิษเยือกแข็งในร่ างคน


หนึงทียังคงมีชีวิตอยูใ่ นโลกนี พิษเยือกแข็งทีปรากฏขึนเมือสิ บปี ก่อน ก็เพราะเอามาใช้กบั ตัวนาง
นันเอง !

ฉิ นยวีเยียนโดนพิษเข็มเพลิงจนดวงตาถูกเผาไหม้กเ็ พราะว่าช่วยเขา เขาติดค้างบุญคุณอันใหญ่หลวง


คําฟ้ าต่อฉินยวีเยียน มีเพียงการรักษาดวงตาของฉิ นยวีเยียนให้หายดีเท่านันถึงจะถือว่าเขาได้ตอบ
แทนบุญคุณของนางแล้ว

แต่ทาํ ไมต้องมีเพียงดวงตาของนางเพียงเท่านัน ถึงจะสามารถช่วยให้เฉินยวีเยียนกลับมามองเห็นได้


อีกครัง

มู่หรงเสวีย ! ฉิ นยวีเยียน ! เขาควรจะทําเช่นไรดี ?


ฟ้ าสว่างรางเลือน มู่หรงเสวียนังรถม้าของวังเซี ยวเหยาอ๋ องมาถึงลานกว้างในเมืองหลวง ลานกว้าง
นันเต็มไปด้วยทหารทีสวมเกราะ มือถือหอกยาว เมือมองไปทัวทังลานกว้างก็เต็มไปด้วยจุดดําๆ
มากมายผืนหนึง

มู่หรงเสวียก้าวเท้าลงจากรถม้า สายตาเยือกเย็นของนางกวาดมองบรรดาทหารอย่างรวดเร็ ว มองหา


เงาร่ างของมู่หรงเย่ เมือวานหลังขึนนังบนรถม้า เมือออกวิงไปได้ครึ งทางนางก็นอนหลับสนิทไป
เดิมคิดว่า รถม้าของวังเซี ยวเหยาอ๋ องจะวิงทังคืนจนถึงเมืองหลวง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเพือทีต้องการ
จะให้นางได้พกั ผ่อนอย่างเต็มที คุณชายโอวหยางจึงหยุดรถม้าพักค้างคืนท่ามกลางป่ าเขา รอจนนาง
ตืนขึนมาถึงได้ค่อยเร่ งรี บเดินทางกลับเมืองหลวง แล้วแล่นมาทีนีโดยตรง

“น้องหญิง !” เสี ยงเรี ยกอันตืนเต้นยินดีแว่วมาเข้าหู เมือมู่หรงเสวียเงยหน้าขึนมองไปก็เห็นมู่หรงเย่


ก้าวเท้าเข้ามาอย่างเร่ งรี บ เขาสวมเกราะสี นวลขาวดังสี ของดวงจันทร์ ท่าทางองอาจผึงผาย ร่ างกาย
ผอมบางดูทะมัดทะแมนแข็งแกร่ งขึนไม่นอ้ ย ในมือถือดาบยาวด้ามหนึง บนหลังยังสะพายห่อ
สัมภาระไม่เล็กไม่ใหญ่ไว้ใบหนึง

ถึงแม้จะคาดเดาได้แต่แรกว่าเขาจะต้องตามกองทัพออกไปทําศึกด้วย แต่เมือเห็นด้วยตาตัวเองแล้ว มู่


หรงเสวียก็ยงั อดทีจะถอนหายใจออกมาเบาๆ ไม่ได้ “ท่านพีจะออกเดินทัพไปทีหนานเจียงแล้ว
หรื อ”
“ถูกต้อง !” มู่หรงเย่พยักหน้ารัวๆ มองนางด้วยแววตาวูบไหว “น้องหญิงมาส่ งข้าหรื อ”

เขาทีกําลังพักผ่อนอยูท่ ีจวน อยูๆ่ ทางกองทัพก็มีคนมาแจ้งข่าวเขาว่า วันนีต้องออกเดินทัพ เขาก็เลย


ต้องวิงวุน่ เก็บเสื อผ้าจัดของทังคืนกว่าจะเสร็ จ แล้วก็เร่ งรี บมาทีลานกว้าง เดิมทีนึกว่าน้องสาวจะ
หลบร้อนอยูท่ ีพระราชวังฤดูร้อนไม่กลับมา คิดว่าคงจะไม่ได้เจอน้องสาวแล้ว แต่คาดไม่ถึงว่าอยูๆ่
นางจะมาปรากฏตัวทีลานกว้างทีใช้รวมพลก่อนยกทัพไปกรําศึกเช่นนี

“อือ !” มู่หรงเสวียพยักหน้า หยิบเอาถุงหอมขึนมาแขวนไปทีร่ างมู่หรงเย่ “ถุงหอมนีคือถุงหอมทีเจ้า


เคยมอบให้ขา้ ไว้ ข้างในเป็ นเครื องรางทีท่านแม่เคยมอบให้เจ้า มันจะช่วยคุม้ ครองให้เจ้าเดินทาง
กลับมาอย่างปลอดภัย !”

“วางใจเถอะ ข้าต้องปลอดภัยกลับมาแน่นนอน” มู่หรงเย่กาํ ถุงหอมแล้วรับคําอย่างหนักแน่น

มู่หรงเสวียยกยิมอย่างจางๆ กําชับขึนอย่างจริ งจัง “การไปหนานเจียงครังนีหนทางยาวไกล ทัพทัง


สองทําศึกรุ นแรงอันตรายใหญ่หลวงนัก ท่านต้องระวังให้มาก !”

“ข้ารู้แล้ว !” มู่หรงเย่พยักหน้า สองทัพทําศึกกัน จะต้องมีฝ่ายหนึงทีพ่ายแพ้ หลักการนีเขาล้วนเข้าใจ


และเขาก็ไม่อยากเป็ นฝ่ ายทีพ่ายแพ้นนั
“มู่หรงเย่ ออกเดินทางได้แล้ว !” เสี ยงร้องเตือนอันเยือกเย็นแว่วดังเข้าหู แววตาของมู่หรงเย่วบู ไหว
“น้องหญิง ข้าไปแล้ว เจ้ารักษาตัวด้วย”

“ระวังตัวด้วย !” มู่หรงเสวียกําชับอย่างหนักแน่น มองมู่หรงเย่เดินเข้าไปในกองทหาร พลิกร่ าง


กระโดดขึนหลังม้าตัวใหญ่

ั บ่ นหลังม้าเร็วตัวใหญ่เช่นกัน สวมเกราะทัวทังร่ าง ท่าทางดูองอาจ เป็ นแม่ทพั


คนข้างๆ เขา ก็นงอยู
จางผูบ้ ญั ชาของกองทัพ !

“ออกเดินทางได้ !” แม่ทพั จางร้องสัง ขาทังสองของเขากระตุน้ ม้าแรง ๆ คราหนึง ม้าก็ออกวิงห้อ


ราวธนูทีออกจากสาย วิงตะบึงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว......
ตอนที 208 ข่ มขู่

เหล่านักรบต่างพากันเร่ งม้าเร็วตามติดไปด้านหลัง กองทัพเดินทางไปทางทิศใต้อย่างองอาจ


ข้างหน้าไม่เห็นหัวแถว ข้างหลังไม่เห็นท้ายแถว ลานกว้างใหญ่ถูกพวกเขาเหยียบยําจนพืนดิน
สันสะเทือน ฝุ่ นควันฟุ้ งตลบอบอวล !

เพียงครู่ เดียว สายลมบางเบาพัดเข้ามา ฝุ่ นทีฟุ้ งลอยคละคลุง้ เลือนหายไป ลานกว้างกลับกลายเป็ น


โล่งเรี ยบว่างเปล่าอีกครัง

มู่หรงเสวียยืนอยูท่ ีริ มลานกว้าง มองดูกองทัพใหญ่ทีเดินทางลงใต้ไปอย่างรวดเร็ ว เช่นนันก็ถอน


หายใจออกมาบางเบา “เวลาเพียงข้ามคืนก็สามารถเคลือนพลได้ถึงสามแสนนาย แม่ทพั จางผูน้ ี
ความสามารถไม่ธรรมดาเลย”

“แม่ทพั จางชํานาญเรื องการคัดเลือกทหารและจัดทัพรับศึก ฝ่ าบาทมีบญั ชาให้เขาไปปรบทีหนาน


เจียงเพราะว่าเห็นความสามารถเรื องการจัดการกองทัพทีสูงกว่าผูอ้ ืนของเขา” คุณชายโอวหยางเดิน
ขึนมา อธิ บายเรี ยบๆ
มู่หรงเสวียพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ดูท่าพีชายข้าออกรบร่ วมทัพกับท่านแม่ทพั จาง ความปลอดภัยใน
ชีวิตก็คงจะมากขึนไปอีกขัน”

สองทัพทําศึก สําคัญทีแม่ทพั หากแม่ทพั โง่เขลาจะต้องพ่ายแพ้แน่นอน หากแม่ทพั ทีนําทัพร้ายกาจ


แน่นอนว่าจะต้องชนะศึก จํานวนทหารทีได้รับบาดเจ็บก็จะลดน้อยลงไปด้วย

“ยังมีคนอืนในบ้านของเจ้าออกทําศึกในครังนีด้วยหรื อ” คุณชายโอวหยางสอบถามขึนเรี ยบๆ

“นอกจากพีชายข้า ไม่น่าจะมีคนอืนแล้ว เหตุใดเจ้าถึงถามเช่นนีล่ะ” มู่หรงเสวียมองเขาอย่างฉงน

“รถม้าจากบ้านเจ้าอยูข่ า้ งหน้า ดูท่าก็น่าจะมาส่ งคนเช่นกัน” คุณชายโอวหยางพูดขึนเรี ยบๆ แววตา


ลําลึกของเขามองไปด้านหน้า

เมือมู่หรงเสวียเงยหน้าขึนมองไป สายตาก็เห็นรถม้าหรู หราคันหนึง ตัวรถทําด้วยไม้เฉิ นเซี ยง


หน้าต่างรถสลักด้วยดอกจือจิง เป็ นรถทีมู่หรงเจียนและแซ่โจวใช้เป็ นประจํา ผ้าม่านของรถค่อยๆ
แหวกออก ใบหน้าทีได้รับการบํารุ งอย่างดีของแซ่โจวค่อยๆ เผยออกมา

เมือเห็นกองทัพใหญ่เคลือนออกไปจนกลายเป็ นจุดสี ดาํ เล็กๆ นางก็อดถอนหายใจซําๆ ออกมาไม่ได้


“คิดไม่ถึงว่าทัพใหญ่จะเดินทางอย่างองอาจสง่างามเช่นนี ช่างน่ายําเกรงนัก ถ้าหากจีเอ๋ อร์ได้ร่วม
ออกทัพไปด้วยก็คงจะดี ด้วยความสามารถของเขาจะต้องสร้างความชอบทางทหารได้ไม่นอ้ ย คงได้
เป็ นแม่ทพั อายุนอ้ ยในเร็ ววันแน่นอน......”

“ความชอบทางทหารครังนี ไม่ได้สร้างขึนง่ายๆ” มู่หรงเจียนพูดขึนเบาๆ แล้วมองนางครู่ หนึ ง “เจ้ารู้


ไหมว่าเหตุใดแม่ทพั จางถึงได้ออกศึกนี”

“ไม่ใช่วา่ เพือปราบหนานเจียงให้ราบหรอกหรื อ !” แซ่ โจวพูดขึนเรี ยบๆ แววตาเต็มไปด้วยความไม่


เข้าใจ “เมือก่อนชิงเหยียนกับหนานเจียงทําศึกกัน หนานเจียงเป็ นฝ่ ายทีพ่ายแพ้ยบั เยินกลับไป ศึก
ครังนีหนานเจียงก็คงไม่ได้ดีไปกว่านัน.....”

มู่หรงเจียนส่ ายหัวออกมาอย่างไม่เห็นด้วย “ศึกทีพระราชวังฤดูร้อนเมือวานนันล้วนแพร่ สะพัดไป


ทัวทังเมืองหลวงแล้ว ชาวหนานเจียงสามารถสร้างอาวุธใหม่ทีเรี ยกว่า ‘งูกลไม้’ ขึนมาได้ จํานวน
ของพวกมันมากมายเสี ยจนล้นฟ้ าปิ ดตะวัน กองทหารอวีหลินจวินทีเก่งกล้า องครักษ์เงาทีลึกลับ
ล้วนโดนพวกมันสะกดข่มจนแทบโงหัวไม่ขึน หากคนหนานเจียงเอาอาวุธพวกนี มาใช้ในสนามรบ
ใครแพ้ชนะ ก็คงไม่อาจตัดสิ นได้โดยง่ายแล้ว......”

“นันก็จริ ง !” แซ่ โจวพยักหน้าแววตาลําลึก แม้ความชอบทางการทหารจะสําคัญ แต่ชีวติ นันสําคัญ


กว่า จีเอ๋ อร์เป็ นลูกชายเพียงคนเดียวของพวกเขา การรบทีไม่อาจรู้ผลแพ้ชนะแน่นอนเช่นนี พวกเขา
ไม่อาจให้จีเอ๋ อร์ออกไปสุ่มเสี ยงได้
ไม่เช่นนันหากเสี ยชีวติ ไปแล้ว ไม่วา่ ความชอบทางทหารจะยิงใหญ่เพียงใดก็ไม่มีประโยชน์อีก
ต่อไป ให้เขาอยูใ่ นค่ายทหาร ค่อยๆ สร้างผลงานไปอย่างช้าๆ เถอะ ถึงแม้จะแย่งชิงความชอบได้ชา้
หน่อย แต่ดีเลวอย่างไรก็ไม่ตอ้ งกังวลเรื องชีวติ ......

“มู่หรงเย่ติดตามกองทัพออกไปทําศึกด้วย ท่านว่าเขาจะได้ความชอบกลับมา หรื อว่า.....” เสี ยงเยือก


เย็นตําเบาของแซ่โจวพลันชะงักลง นัยน์ตาของนางฉายแววเยือกเย็น

มู่หรงเจียนเข้าใจความนัยของนางทังหมด เขาจึงอดทีจะถอนใจออกมาเบาๆ ไม่ได้ “มู่หรงเย่เข้าค่าย


ทหารได้เพียงแค่เดือนกว่าๆ ยังไม่ทนั ทีจะได้เรี ยนรู้อะไรมากมายนัก เขาทีไปทีสมรภูมิเช่นนีในสิ บ
มีแปดถึงเก้าส่วนคือไปเป็ นกองเสริ ม ต่อให้โชคดีขึนมาหน่อยก็คงแค่สามารถสร้างความชอบขึนมา
ได้เพียงเล็กน้อยเท่านัน ไม่จาํ เป็ นต้องกังวล !”

แต่ถา้ หากเขาโชคร้าย ตายในสนามรบก็ยงดี


ิ ตําแหน่งเจินกัวโหวก็จะได้มาเป็ นของตนอย่างราบรื น
ง่ายดาย ลดแรงมือเท้าตนไปได้อีกหนึงส่ วน......

เมือพูดถึงมู่หรงเย่ มู่หรงเจียนก็นึกถึงมู่หรงจีขึนมา “เมือวานจีเอ๋ อร์ก็ไปทีพระราชวังฤดูร้อนมามิใช่


หรื อ จะไม่เป็ นอะไรใช่ไหม”
ตําแหน่งขุนนางขันสี ของเขา ไม่มีคุณสมบัติมากพอทีจะติดตามการเสด็จแปรพระราชฐานไปยัง
พระราชวังฤดูร้อนได้ แต่หยวนฟางเฟยเป็ นบุตรสาวแม่ทพั ใหญ่ขนหนึ
ั ง มีคุณสมบัติทีจะตามเสด็จ
เขาอยากให้ม่หู รงจีได้รู้จกั ผูค้ นให้มาก สะสมบารมี จึงให้เขาตามหยวนฟางเฟยไปทีพระราชวังฤดู
ร้อนด้วย

“คงไม่มีเรื องอะไรหรอก” แซ่ โจวส่ ายหัว คนทีได้รับบาดเจ็บ องค์ชายสี ก็ลว้ นส่ งคนไปปลอบขวัญ
หมดแล้ว ไม่ได้มีคนมาแจ้งข่าวทีจวนเจินกัวโหว เห็นได้ชดั ว่าจีเอ๋ อร์นนไม่
ั เป็ นอันตราย.....

“ท่านพ่อ ท่านแม่ !” เสี ยงอันหยาบกระด้างแว่วดังขึน หยวนฟางเฟยยิมแย้มเดินเข้าไปทีรถม้าของ


จวนเจินกัวโหว

เมือเห็นใบหน้าอันดําคลําและรูปร่ างอันลําสันของนาง แซ่โจวก็ปิดกันความดูแคลนเอาไว้ไม่ได้ จึง


ตอบรับขึนอย่างอารมณ์เสี ย เห็นมืออับหยาบใหญ่ของนาง กําลังหิ วหนุ่มน้อยมาด้วยผูห้ นึง

ใบหน้าดูดีของหนุ่มน้อยผูน้ นั มีสีม่วงจุดหนึง สี เขียวจุดหนึง ดวงตาคู่ใสดวงนันมีแววเหม่อลอย ใน


แววตามีประกายบางอย่างวูบไหวไปมาเล็กน้อย ทําให้แซ่โจวจําได้วา่ นันคือมู่หรงจีลูกชายของนาง
เช่นนันเสี ยงร้องตกใจก็ดงั ก้องขึนจนแทบสะเทือนไปถึงชันเมฆ “จีเอ๋ อร์ !”
นางจับแขนของมู่หรงจี ออกแรงดึงเขาออกมา มืออันสันเทาค่อยๆ ลูบไล้ไปทีรอยเขียวชําทีเต็มหน้า
ของเขา นําตาของแซ่โจวไหลพรากไปด้วยความเจ็บปวด “จีเอ๋ อร์ ใครกัน ใครกันทีทําให้เจ้าอยูใ่ น
สภาพเช่นนี”

แววตาเหม่อลอยของมู่หรงจีค่อยๆ ส่องประกายกลับคืนมา เมือได้มองสบตาทีเต็มไปด้วยความ


ห่วงใยของแซ่โจวแล้ว ราวกับเขาได้พบกับทีพึงพิงสุ ดท้าย ความรู้สึกทีไม่ได้รับความเป็ นธรรมพุ่ง
ขึนมาโดยฉับพลัน เขาโผเข้าไปในอ้อมอกของแซ่โจวเต็มแรง ร้องไห้ออกมาเจ็บปวด “ท่านแม่ ช่วย
ข้าด้วย หยวนฟางเฟย นางตีขา้ ......”

โจวซื อเงยหน้ามองหยวนฟางเฟย แววตาของนางเต็มไปด้วยไฟแห่งความกราดเกรี ยว ขบเขียวเคียว


ฟันว่า “ทีแท้กเ็ ป็ นเจ้า !”

ลูกชายนาง แม้แต่นิวมือนางยังไม่กล้าตีสกั แปะ สตรี หยาบกร้านผูน้ ีกลับทุบตีเขาจนบาดเจ็บ น่า


รังเกียจเป็ นทีสุด !

“ข้าตีเขา ก็เพือทีจะประลองกับเขา ให้เขาได้พฒั นาฝี มือและทักษะทางด้านการรบ.....” หยวนฟาง


เฟยพูดขึนเรี ยบๆ แววตาของนางวูบไหวไม่เห็นว่าเป็ นเรื องใหญ่อะไร
“เจ้าพูดโกหกให้มนั น้อยๆ หน่อย เห็นชัดเจนว่าเจ้ามองจีเอ๋ อแล้วขัดตา ถึงได้ทุบตีเขาอย่างทารุ ณ
ขนาดนี” แซ่ โจวถลึงตาจ้องมองไปทีหยวนฟางเฟยอย่างโกรธขึง ความกราดเกรี ยวในแววตาพลัน
พลุ่งพล่าน

“ในฐานะสตรี เจ้าควรเคารพสามี ให้สามีเป็ นฟ้ า แต่เจ้าทํากับสามีอย่างทารุ ณเช่นนี ตระกูลมู่หรง


ของเราไม่อาจต้อนรับสะใภ้เช่นเจ้าได้ สัญญาการหมันหมายของพวกเจ้าทังสองคน ขอให้เป็ นอัน
โมฆะเถอะ !”

“ดีสิ มู่หรงจีไม่ได้เป็ นสามีในอนาคตของข้าแล้ว ข้าก็ไม่จาํ เป็ นต้องช่วยเขาปิ ดบังเรื องเลวร้ายทีเขา


ทํา ข้าจะรี บขึนไปยืนบนลานสูงข้างหน้านัน ป่ าวประกาศให้ประชาชนชาวชิงเหยียนได้รู้วา่ ข้าเป็ น
คู่หมันของมู่หรงจีได้อย่างไร !” หยวนฟางเฟยพูดขึนอย่างยิมๆ หันร่ างเดินไปทางลานสูงด้านหน้า

แซ่ โจวตกใจ “เจ้ากล้า !”

“ท่านคอยดูแล้วกันว่าข้าจะกล้าหรื อไม่ !” หยวนฟางเฟยพูดอย่างถือดี เร่ งความเร็ วมากขึนกว่าเดิม


แรกเริ มพวกเขาวางแผนล่อลวงนาง ให้นางกลายเป็ นคู่หมันของมู่หรงจี ตอนนีจะบอกเลิกก็เลิก มี
เรื องง่ายดายเช่นนันทีไหนกัน !
เมือมองร่ างของนางทีเดินออกไปไกล แซ่ โจวก็รู้สึกร้อนรน จีเอ๋ อร์ร่วงตกลงไปในบ่อนําของหยวน
ฟางเฟย จนเห็นเรื อนร่ างของนางทังหมด หากทอดทิงนาง เขาคงกลายเป็ นคนสับปลับ ไม่มีความ
รับผิดชอบ

หากคนทังหลายรู้เรื องนีเข้า พวกเขาจะต้องดูถูกเยาะเย้ยจีเอ๋ อร์เป็ นแน่ เมือถึงยามนันชือเสี ยงของจี


เอ๋ อร์คงป่ นปี จะแต่งภรรยาก็คงยาก แถมคุณสมบัติในการเป็ นขุนนางก็คงหมดลง

“ หยุดนะ เจ้าหยุดเดียวนี พวกเราไม่ถอนหมัน ไม่ถอนหมันแล้ว !”


ตอนที 209 เสวียเอ๋อร์ ปะทะจิงอ๋ อง

เสี ยงร้องอันตืนตระหนกดังแว่วมา หยวนฟางเฟยชะงักฝี เท้า ค่อยๆ หันกลับไปมองพวกเขาอย่าง


ช้าๆ “จริ งหรื อ”

“จริ งแน่นอน เรื องแบบนี ข้าจะหลอกเจ้าไปทําไม !” หญิงแซ่ โจวถลึงตามองนางอย่างขัดใจ อนาคต


ของจีเอ๋ อร์สาํ คัญทีสุ ด เพืออนาคตของจีเอ๋ อร์ พวกนางจะยอมทนกับหญิงใจชายผูน้ ี ไปก่อน

“สามีของข้าหยวนฟางเฟย ต้องเป็ นลูกผูช้ ายทียืนหยัดกล้าหาญ พวกขีแยเจ้านําตานันไม่คู่ควรกับข้า


!” หยวนฟางเฟยพูดขึนอย่างทะนงตน นางเดินก้าวยาวๆ เข้ามา ท่าทางทีองอาจเช่นนัน ทําให้หญิง
แซ่ โจวทีได้เห็นต้องหนังตากระตุกแล้วกระตุกอีก “เจ้าจะทําอะไร”

“ข้าจะพาเขากลับค่ายทหารไปฝึ ก !” หยวนฟางเฟยพูดออกมาอย่างถือดี กระชากปกเสื อของมู่หรงจี


แล้วยกเขาขึนแล้วเดินก้าวยาวๆ จากไป

มู่หรงจีเท้าไม่แตะพืนลอยอยูก่ ลางอากาศ ปวดหัว เจ็บหน้า เจ็บแขน ขาก็ปวด มองหญิงแซ่โจวด้วย


ท่าทางน่าสงสาร นําตาเอ่อคลอในดวงตา หญิงแซ่โจวทีได้เห็นเช่นนัน นางก็เจ็บปวดทีหัวใจเหมือน
โดนใครบีบ ในขณะทีกําลังจะเอ่ยปากเรี ยกหยวนฟางเฟยไว้ มู่หรงเจียนก็ยนมื
ื อออกมาห้ามนางไว้
เสี ยก่อน “จีเอ๋ อร์ได้เข้ากองทัพนับเป็ นเรื องดี.....”

“ข้ารู้ แต่หยวนฟางเฟยลงมือกับจีเอ๋ อร์รุนแรงขนาดนัน จีเอ๋ อร์จะไม่เป็ นอะไรแน่หรื อ” แววตาของ


หญิงแซ่ โจวเต็มไปด้วยความเป็ นห่วง

“วางใจเถอะ จีเอ๋ อร์เป็ นคูห่ มันของหยวนฟางเฟย หยวนฟางเฟยไม่มีทางทีเอาชีวิตเขาหรอก !”


นัยน์ตาของมู่หรงเจียนฉายแววอย่างลําลึก จีเอ๋ อร์อยูใ่ ต้การปกป้ องของเขาและหญิงแซ่โจวมาตังแต่
เล็ก ถึงแม้วิชาต่อสู้จะไม่เลวนัก แต่อย่างไรก็ไม่เคยต้องลําบากอะไร ให้หยวนฟางเฟยทุบๆ ตีๆ เสี ย
บ้าง ก็เป็ นเรื องทีดี

“ท่านพ่อ ท่านแม่ ตอนกลางวันเราไปทีค่ายทหาร แล้วเดียวตอนกลางคืนจะกลับไปพักทีจวนนะเจ้า


คะ พวกท่านกําชับสาวใช้ให้เก็บอาหารเย็นไว้ให้พวกเราด้วย !”เสี ยงเตือนทุม้ กระด้างของหยวนฟาง
เฟยดังแว่วลอยมาตามลม ใบหน้าทีดูแลบํารุ งอย่างดีของหญิงแซ่โจวเงียบขรึ มลง ตอนกลางวันทํา
ร้ายจีเอ๋ อร์ยงั ไม่พอ ตอนกลางคืนยังจะมาทําร้ายพวกนางทีจวนอีก ช่างน่ารังเกียจเสี ยจริ ง ๆ........

หยวนฟางเฟยกับครอบครัวของมู่หรงจีนันดูท่าจะไม่ค่อยถูกกันเท่าไหร่ นกั ถึงแม้ยงั ไม่ถึงขันสะบัด


ดาบเล็งธนูใส่ กนั แต่ความสัมพันธ์ก็ยงั อิหลักอิเหลือ แต่วา่ เรื องของพวกเขายังไม่ถึงขันต้องให้นาง
เข้าไปยุง่ เกียว นางเองก็ขเกี
ี ยจจะซักถาม เช่นนันก็ให้พวกเขาจัดการกันเองเถอะ
มู่หรงเสวียกะพริ บตาถีๆ นางหันกายไปทางคุณชายโอวหยาง “ข้างหน้านันมีโรงเตียมแห่งหนึง เรา
ไปรับสํารับเช้าทีนันกันเถอะ !” นับตังแต่เมือวานนางก็ไม่ค่อยได้รับสํารับกลางวัน สํารับเย็น
เท่าไหร่ จนถึงเวลาสํารับเช้านี นางก็หิวมากเสี ยแล้ว

“ดี !” คุณชายโอวหยางพยักหน้า ค่อยๆ หันกายไป

“คุณชาย !” อยูๆ่ สวินเฟิ งก็โผล่มา พูดกระซิ บทีข้างหูของเขาด้วยท่าทางอย่างมีความลับ

ทันใดนันแววตาของคุณชายโอวหยางฉายแววครุ่ นคิดออกมา ก่อนทีเขาจะมองไปทางมู่หรงเสวีย


อย่างขออภัย “ข้ามีเรื องสําคัญทีจะต้องกลับวัง ไม่อาจรับสํารับเช้ากับเจ้าได้แล้ว”

“ไม่เป็ นไร หากท่านมีธุระก็รีบไปเถอะ ข้าไปรับสํารับเช้าคนเดียวก็ได้” มู่หรงเสวียพูดยิมๆ หมุน


กายเตรี ยมทีจะเดินจากไป แต่ไม่คาดว่าคุณชายโอวหยางจะยืนแขนมาดึงนางไว้ หลังจากนัน ริ ม
ฝี ปากของเขาก็ประทับลงทีริ มฝี ปากของนางด้วยสัมผัสอันบางเบาราวกับแมงปอแตะบนผิวนํา !

สัมผัสอันอ่อนนุ่มส่ งผ่านมาทางริ มฝี ปาก มู่หรงเสวียรู้สึกเหมือนมีเสี ยงดังสนันดังลันขึนในหัว นาง


เบิกตากว้างอย่างตกใจ กลินหอมไม้ไผ่อ่อนๆ ลอยมาแตะปลายจมูก แววตาของนางยังตกตะลึง
ไม่ได้สติ
เมือมองแววตาอันตกตะลึงนิงอึงของนางแล้ว สายตาของคุณชายโอวหยางก็ส่องประกายแย้มยิม
“ข้าไปแล้ว หากเจ้ารับสํารับเรี ยบร้อยแล้ว ก็รีบกลับจวนเร็ วๆ เข้าล่ะ !”

เสี ยงทุม้ กังวานดังก้องในหู มู่หรงเสวียพลันได้สติขึนมา นางมองเงาร่ างทีค่อยๆ ไกลออกไปของเขา


อย่างโกรธเคือง แววตาเต็มไปด้วยไฟโกรธ คุณชายโอวหยางไม่ใช่คนโบราณทีเกิดและโตในแคว้น
ชิงเหยียนหรอกหรื อ เขากล้าดียงั ไงมาจูบลานางต่อหน้าธารกํานัลเช่นนี ความคิดเปิ ดกว้างยิงกว่าคน
ในศตวรรษที 21 เช่นนางเสี ยอีก

แต่วา่ พวกนางยืนอยูใ่ นพืนทีทีค่อนข้างห่างไกลสายตาผูค้ น คุณชายโอวหยางเพียงแค่สมั ผัสเบาๆ


ราวกับแมลงปอทีบินแตะผิวนํา คงไม่มีใครเห็นหรอกใช่ไหม

มู่หรงเสวียมองไปรอบๆ อย่างกังวลใจ ก็เผอิญมองสบเข้ากับแววตาโกรธเกรี ยวคู่หนึงทีกําลังมองมา


เขายืนอยูไ่ ม่ไกลนัก ตัวตรงองอาจ ใบหน้าคมสันงามสง่ามีร่องรอยโมโหทาบทา ชุดแพรสี ม่วงโบก
พลิวสะบัดตามลม บรรยากาศทีแผ่ซ่านมารอบกายเต็มไปด้วยความคับแค้นทีรอการปะทุ

“เมือครู่ นีพวกเจ้าทําอะไรกัน” เสี ยงคาดคันอย่างกริ วโกรธดังลันสนันทีข้างหู กระทบเข้าถึงจิตใจ มู่


หรงเสวียขมวดคิวแน่น ตอบกลับอย่างอารมณ์ไม่ดีเช่นกัน “เรื องของข้า ไม่จาํ เป็ นต้องให้ท่านอ๋ อง
ต้องมาถาม !”
“เจ้าชอบคุณชายโอวหยางนันแล้วใช่ไหม” เย่อีเฉิ นถามขึนเสี ยงเย็น เขาเดินบีบเข้ามาทีละก้าวๆ
นัยน์ตาเต็มไปด้วยความโมโหจนเห็นได้ชดั เขาเร่ งเดินทางจากพระราชวังฤดูร้อนมาเสี ยทังคืน
เพือทีจะมาหานาง แต่กลับคาดไม่ถึงว่าเขาจะได้มาเห็นภาพเมือครู่ นี !

“หากใช่แล้วอย่างไร ไม่ใช่แล้วอย่างไร” มู่หรงเสวียเลิกคิวมองเขา หางตาแฝงไว้ดว้ ยแววเย้ยเยาะ

“ห้ามชอบคุณชายโอวหยาง !” เย่อีเฉิ นพูดขึนเสี ยงตําเบา มองนางตาไม่กะพริ บ แววตาคมกล้าส่อง


ประกายอย่างมุ่งมันออกมา

“ท่านถือดีอย่างไรมายุง่ กับเรื องของข้ากัน” มู่หรงเสวียมองเขาเยือกเย็น

“ก็ถือทีข้าชอบเจ้าอย่างไรล่ะ !” เย่อีเฉิ นมองมู่หรงเสวียพลางพูดช้าๆ ชัดๆ ทีละคํา นัยน์ตาสี ดาํ สนิท


ถ่ายทอดความรู้สึกออกมาอย่างลึกซึ ง

มู่หรงเสวียมองแต่ทาํ เป็ นไม่เห็น นางยิมเย้ยเยาะขึน “ท่านชอบข้าหรื อ ท่านอย่าได้ลอ้ เล่นเลย !”

หลังจากทีนางมาถึงชิงเหยียนเรื องร้ายๆ แต่ละเรื องทีเย่อีเฉิ นทํากับนาง นางยังคงจําติดตาได้จนถึง


วันนี แล้วเขายังถือดีกล้าออกปากว่าชอบนางออกมาได้ พูดเพ้อเจ้อออกมาโดยไม่คิดเลยหรื ออย่างไร
“ทีข้าพูดไปเป็ นความจริ ง......”

มู่หรงเสวียโบกมือตัดบทคําพูดของเขา แล้วมองไปทีเขาอย่างเยือกเย็น “เป็ นจริ งก็ดี เป็ นเท็จก็ช่าง


แต่ทงหมดมั
ั นล้วนไม่เกียวข้องอันใดกับข้า ยามนี ข้าสามารถบอกท่านได้อย่างชัดเจนว่าข้าไม่ได้
ชอบท่าน ต่อไปอย่าได้มาปรากฏกายให้ขา้ เห็นอีก จะได้ไม่ตอ้ งให้ผคู้ นรู้สึกรังเกียจ !”

ทันใดนันใบหน้าของเย่อีเฉิ นก็กลายเป็ นเงียบขรึ มลงจนน่ากลัว “ดูท่า เจ้าคงชอบคุณชายโอวหยาง


เข้าแล้วจริ งๆ สิ นะ......”

หากไม่ชอบเขาก็หมายความว่าชอบคุณชายโอวหยาง เป็ นตรรกะเหตุผลระดับเทพจริ งๆ เขาและนาง


คงหมดหนทางจะคุยกันได้จริ งๆ เสี ยแล้ว

มู่หรงเสวียส่ งเสี ยงเฮอะออกมาเบาๆ แล้วหมุนกายเตรี ยมทีจะเดินจากไป ทีด้านหลังนันเย่อีเฉิ นถาม


ขึนด้วยนําเสี ยงเยือกเย็น “เจ้าจะไปไหน”

“กลับจวนไปพักผ่อน” มู่หรงเสวียตอบเพียงเรี ยบๆ เมือเห็นหน้าเย่อีเฉิ นความอยากอาหารของนางก็


ไม่หลงเหลืออยูอ่ ีกแล้ว แม้กระทังสํารับเช้า นางก็คงได้ประหยัดไม่ตอ้ งกินแล้ว
“ไม่ตอ้ งรี บกลับจวนไปหรอก ข้าจะพาเจ้าไปทีแห่งหนึง !” เย่อีเฉิ นพูดขึนด้วยนําเสี ยงเยือกเย็น หมุน
ตัวเพียงวูบเดียวก็มาปรากฏอยูต่ รงหน้าของมู่หรงเสวีย ดึงข้อมือของนางลากเดินออกไป

ข้อมือเล็กๆ ของนางโดนจับบีบจนเจ็บร้อน แววตาของมู่หรงเสวียฉายแววเย็นเยียบออกมา สะบัดฝ่ า


มือตีลงไปทีมือของเย่อีเฉิ นแล้วพูดขึนเสี ยงเย็นว่า “ข้าไม่คุน้ เคยกับจิงอ๋ อง สถานทีทีท่านอ๋ องพูดถึง
ข้าก็ลว้ นไม่สนใจ หากจิงอ๋ องยังบีบบังคับข้าอีก ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ !”

“เช่นนัน ข้าก็อยากจะเห็นนักว่าหากเจ้าไม่เกรงใจจะเป็ นเช่นไร !” แววตาของเย่อีเฉิ นวูบไหว สะบัด


มือพุ่งไปทางมู่หรงเสวีย

มู่หรงเสวียหรี ตาลง ชักกระบีออกจากข้างเอว อยูๆ่ เย่อีเฉิ นก็มาหาเรื องต่อยตีกบั นาง นางไม่ถือสา


หากจะทิงรอยแผลไว้บนร่ างเขาบ้าง

ชัวพริ บตานัน บรรยากาศทีเงียบสงบก็เกิดเสี ยงปะทะอันดุเดือดดังขึน เงาร่ างทังสองเดียวขึนเดียวลง


บ้างซ้ายบ้างขวาต่อยตีกนั เป็ นพัวพันไม่ลดละ แยกไม่ชดั ว่าใครเป็ นใคร กระบวนท่ากระบีทีพลิก
แพลงหลากหลาย ทําให้ผคู้ นทีได้เห็นต่างตาพร่ ามัว เสี ยงสะบัดกระบีทีกรี ดสายลมไปมาดังแว่วบาด
หู.......
ตอนที 210 ควักดวงตา

ตอนที 210 ควักดวงตา

มู่หรงเสวียชักกระบีออกมากวัดแกว่ง ประกายแสงสี เงินวูบไหวไปมา พุ่งแทงเข้าไปทีเย่อีเฉิ นอย่าง


ไร้เยือใย......

เย่อีเฉิ นหลบหลีกกระบวนกระบี นิ วมือดีดเบาๆ พลังปราณอันร้ายกาจสายแล้วสายเล่าพุ่งโจมตีไป


ทีมู่หรงเสวีย......

ทังสองปะทะไปพลางขยับเคลือนไหวไปพลาง ไม่ทนั รู้ตวั ก็เข้าไปปะทะกันอยูใ่ นจวนหลังหนึงเสี ย


แล้ว ชัวขณะนันทหารมากมายจํานวนนับไม่ถว้ นก็ต่างพากันกรู เข้ามาจากรอบบริ เวณ มือชีดาบไป
ทางมู่หรงเสวียกักขังนางเอาไว้ในวงล้อม !

นีนาง......ตกเข้ามาในหลุมพลางของเย่อเฉิ
ี นแล้ว !
แววตาอันแหลมคมเย็นชาของมู่หรงเสวียกวาดมองไปทีทหารแต่ละคน สุ ดท้ายสายตาก็ตกไปทีร่ าง
ของเย่อีเฉิ นทียืนอยูไ่ ม่ไกล แววตาเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม “นีคือสถานทีทีจิงอ๋ องต้องการ
‘เชิญ’ ข้ามาหรื อ ช่างเป็ นสถานทีทีน่ากลัวนัก ข้าทีไม่เชือคําหวานของจิงอ๋ องแล้วยอมตามมาทีนี
อย่างง่าย ๆ นับว่าเป็ นการกระทําทีถูกต้องแล้ว......”

สี หน้าของเย่อีเฉิ นมืดครึ ม เขาล้วนครุ่ นคิดมาตลอดทางว่าเขาจะใช้ดวงตาของมู่หรงเสวียเพือช่วย


ฉิ นยวีเยียนดีหรื อไม่ แต่พอเขาเห็นความใกล้ชิดสนิทสนมระหว่างมู่หรงเสวียกับคุณชายโอวหยาง
บนทางเดินนันแล้ว เขานันก็รู้สึกโมโหยิงนัก ไม่ทนั รู้ตวั เขาก็ล่อนางมาถึงทีนีเสี ยแล้ว......

ร่ างของฉิ นเฮ่าเหยียนค่อยๆ เดินออกมาจากเรื อนหลัก ปรายตามองไปทีมู่หรงเสวียครู่ หนึง แล้ว


กล่าวขึนอย่างไม่เข้าใจ “จิงอ๋ อง เจ้าพานางมาทีนีทําไมกัน”

แววตาของเย่อีเฉินฉายแววเคร่ งขรึ ม เตรี ยมทีจะพูดกล่าว แต่นาเสี


ํ ยงตืนเต้นดีใจของหญิงสาวนาง
หนึงก็ดงั แทรกขึนมาเสี ยก่อน “ข้านึกออกแล้ว ตอนทีมู่หรงเสวียอยูท่ ีเรื อนบัวหอมนัน อดีตจิงอ๋ อง
เคยสังให้คนไปเอาบัวอัคคีให้นาง นางนันถูกพิษเยือกแข็งอยูใ่ ช่ไหม ทีอีเฉิ นพานางมาทีนีก็เพือ
เตรี ยมทีจะเอาดวงตาของนางมาเปลียนให้ขา้ อย่างนันใช่ไหม”
ฉิ นเฮ่าเหยียนชะงักไปครู่ หนึง แววตาอันชัวร้ายของเขาวูบไหวไปด้วยความแปลกประหลาดใจ
กวาดตามองไปทีมู่หรงเสวียอย่างละเอียด “นางเป็ นคนทีถูกพิษเยือกแข็ง !” น่าจะพูดได้วา่ ตอนหา
หาให้ตายอย่างไรก็ไม่มีทางเจอ แต่จะเจอก็เจอเอาง่ายโดยไม่ตอ้ งเปลืองแรงแม้แต่นอ้ ย !

เดิมทีเขาคิดว่า อย่างน้อยท่านพีหญิงก็ตอ้ งรอไปอีกสามสี ปี ถึงจะหาดวงตาทีเหมาะสมได้......

ดวงตาเหยียบเย็นของมู่หรงเสวียคล้ายดังศรแสงพุ่งตรงไปทีเย่อีเฉิ น “เจ้าลงทุนลงแรงล่อข้ามาทีนี ก็
เพือทีจะควักดวงตาข้าไปให้ฉินยวีเยียนเช่นนันน่ะหรื อ”

เย่อีเฉิ นจ้องสบกับสายตาของนางทีพุ่งตรงเข้ามา ไม่หลีกหนีแม้แต่นอ้ ย แล้วกล่าวขึนตรงๆ ว่า “ยวี


เยียนช่วยข้าเอาไว้ ดวงตาของนางถึงได้ถูกพิษเข็มเพลิงเผาไหม้ ข้าต้องการทีจะรักษานางเพือเป็ น
การตอบแทนบุญคุณของนาง !”

“ถึงเป็ นเช่นนันแล้วมีอนั ใดเกียวข้องกับข้า ทีนางเสี ยดวงตาไปก็ไม่ใช่เพราะข้า แล้วเจ้าถือสิ ทธิ อะไร


มาควักดวงตาของข้ากัน” มู่หรงเสวียตวาดถามขึนเสี ยงสูง ดวงตาสี ดาํ ขลับวูบไหวไปด้วยความ
หนาวเหน็บเย็นยะเยือก
“ดวงตาของเจ้าเหมาะสมกับนางมากทีสุ ด และก็มีเพียงดวงตาของเจ้าถึงจะสามารถทําให้นางกลับมา
มองเห็นได้” เย่อีเฉิ นมองไปทีมู่หรงเสวีย กล่าวเน้นขึนทีละคํา “ถ้าเจ้าตอบแทนบุญคุณยวีเยียนแทน
ข้า ข้าก็จะแต่งเจ้าเป็ นพระชายาเอก ดูแลเจ้าไปชัวชีวติ !”

ใครอยากเป็ นชายาเอกของเขาขนาดนันกัน ! ใครต้องการให้เขาดูแลขนาดนันกัน !

คนทีเยือกเย็นอย่างมู่หรงเสวียพอได้ฟังคํากล่าวอ้างทีเป็ นเป็ นเหตุเป็ นผลของเย่อีเฉิ นแล้ว ก็อดไม่ได้


ทีจะต่อว่าสาปแช่ง ฉิ นยวีเยียนถูกพิษเผาไหม้ดวงตา เป็ นเย่อีเฉิ นกับฉิ นยวีเยียนทีไร้ความสามารถ
ไม่สามารถหลบการลอบโจมตีจากคนของหนานเจียงได้ แล้วมีอนั ใดเกียวข้องกับนางกัน พวกเขา
ถือสิ ทธิอะไรมาให้นางไปตอบแทนบุญคุณแทนเย่อีเฉิ นกัน

“จิงอ๋ อง เจ้าฟังข้าให้ชดั เจน ข้าไม่ใช่พอ่ ไม่ใช่แม่ของเจ้า ข้าไม่มีความจําเป็ นทีจะต้องควักดวงตาทัง


สองข้างไปตอบแทนบุญคุณคนแทนเจ้า !”

“เสวียเอ๋ อร์......”

“อย่าได้เรี ยกชือของข้า พอได้ฟังเสี ยงของเจ้าแล้วข้าล้วนแต่จะรู้สึกคลืนไส้ขยะแขยง !” มู่หรงเสวีย


ตัดบทคําพูดของเขาเสี ยงดัง ดวงตาสี ดาํ ขลับวูบไหวด้วยความหนาวเหน็บเย็นยะเยือก
เย่อีเฉิ นมองไปทีนาง ในแววตาสี ดาํ วูบไหวด้วยความเจ็บปวดทรมานใจ เตรี ยมทีจะกล่าวอะไรสัก
อย่าง แต่ฉินเฮ่าเหยียนกลับพูดแทรกขึนมาเสี ยก่อน “จิงอ๋ องดวงตาสําคัญขนาดนัน ไม่มีใครทีจะ
ยอมควักมันออกมาให้ท่านพีหญิงหรอก เจ้าก็อย่าได้เสี ยเวลาพูดมากเลย.....เด็กๆ รี บจับตัวมู่หรง
เสวีย ควักเอาดวงตาของนางออกมา !”
ตอนที 211 ตาบอดอย่างแท้ จริง

“พ่ะย่ะค่ะ !” เหล่าทหารต่างพากันรับคําสัง ดาบในมือพุ่งตรงเข้าไปหามู่หรงเสวียอย่างไร้เยือใย จับ


ตัวนางงันหรื อ ไม่เจียมตน !

มู่หรงเสวียยกยิมมุมปากขึนอย่างเย็นชา ขยับเท้าทังสองข้างเบาๆ แล้วกระโดดลอยขึนไปบนฟ้ า


ร่ างกายอันบอบบางคล้ายกับนกก็ไม่ปาน แผ่รัศมีอนั งดงามออกมายามอยูบ่ นท้องฟ้ า กระโดดข้าม
ออกจากวงล้อมของพวกทหารได้อย่างพอดิบพอดี ร่ างของนางค่อยๆ ร่ อนลงทีด้านนอกของประตู
เรื อนหลัก แววตาของเหล่าทหารวูบไหวเตรี ยมทีจะเร่ งเท้าตามออกไป แต่กลับเห็นฉิ นยวีเยียนทีมี
สาวใช้สองคนช่วยประคองค่อยๆ เข็นเก้าอีไม้ไผ่ออกมาช้าๆ

มู่หรงเสวียยกยิมมุมปากขึนอย่างเย็นยะเยือก นางกําลังคิดทีจะไปหาฉิ นยวีเยียนอยูพ่ อดี แต่คิดไม่ถึง


ว่านางจะออกมาเองเช่นนี ช่างดียงนั
ิ กเช่นนันนางจะได้ไม่ตอ้ งเปลืองมือเปลืองเท้าให้มากนัก !

นางก้าวไปด้านหน้าก้าวหนึงโจมตีใส่ สาวใช้ทีตามออกมาให้หลีกทาง แล้วยืนมือเข้าไปกระชากร่ าง


ของฉิ นยวีเยียนทีอยูบ่ นเก้าอีไม้ไผ่ขึนมา
การกระทําอันหยาบกร้านของนางกระชากดึงเสี ยจนฉิ นยวีเยียนต้องรู้สึกเจ็บปวด อดกลันไม่ไหวจน
ต้องร้องออกมาเสี ยงหนึง กลินของบัวอัคคีทีคล้ายมีคล้ายไม่มีลอยกระทบเข้ากับจมูก ทันใดนัน
ฉิ นยวีเยียนก็ชะงักไปครู่ หนึง “เจ้าคือ......มู่หรงเสวีย !”

“พูดมาก นอกจากข้าแล้วยังจะมีใครไปจับเจ้าได้อีก !” มู่หรงเสวียพูดขึนอย่างเกลียดชัง กระชาก


ฉิ นยวีเยียนออกจากเก้าอีไม้ไผ่แล้วเอามาบังไว้ทีด้านหน้าของตัวเอง กระบีในมือวางแนบไปกับคอ
ของฉิ นยวีเยียนอย่างไม่เกรงใจ สายตาของนางมองไปทีฉิ นเฮ่าเหยียน เย่อีเฉินรวมถึงบรรดาทหาร
สายตาเย็น “พวกเจ้าทังหมดอย่าขยับ ห้ามก้าวเข้ามาแม้แต่กา้ วเดียว !”

ตัวกระบีอันคมกริ บแนบชิดไปกับลําคอของฉินยวีเยียน กลินไออันเย็นยะเยือกแผ่ซ่านเข้าสู่ผิวหนัง


ฉิ นยวีเยียนไม่สงสัยเลยว่าหากเย่อีเฉินกับฉินเฮ่าเหยียนกล้าขยับเคลือนไหวแม้แต่นอ้ ย มู่หรงเสวียก็
คงจะปาดคอของนางจนขาดอย่างไร้เยือใยทันที

ใบหน้าเรี ยวงามของฉิ นยวีเยียนเริ มทีจะซี ดขาวลง นางหันไปทางทิศทีเย่อีเฉินและฉิ นเฮ่าเหยียนอยู่


แล้วพูดขึนอย่างติดๆ ขัดๆ “อีเฉิ น......น้องชายรัชทายาท......”

เย่อีเฉิ นยังยืนอยูท่ ีเดิม มองไปทีมู่หรงเสวียด้วยสายตาราบเรี ยบ ดวงตาสี ดาํ เต็มไปด้วยความเศร้าและ


เสี ยใจ แล้วยังแฝงไว้ดว้ ยประกายความรู้สึกบางอย่างทีผูค้ นไม่อาจเข้าใจ......
แววตาของฉิ นเฮ่าเหยียนเคร่ งขรึ ม เขาค่อยๆ ดึงเท้าของตัวเองกลับ มองไปทีมู่หรงเสวียด้วยสายตา
เย็น “มู่หรงเสวีย เจ้าจะทําอะไร”

“พวกเจ้าต้องการจะควักดวงตาของข้าไปมอบให้นาง แล้วองค์รัชทายาทฉินคิดว่าข้าสมควรจะทํา
เช่นไรดีเล่า” มู่หรงเสวียเลิกคิวขึนมองไปทีเขา แววตาของนางเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

“เจ้าอย่าได้ทาํ อะไรบ้าๆ......” ฉิ นเฮ่าเยียนมองไปทีนางด้วยสายตาเย็นชา แววตาวูบไหวด้วยความมืด


มิดอํามหิต

“วางใจได้ ข้าเป็ นคนทีมีสติปัญญา ไม่มีทางทีจะฆ่าคนบริ สุทธิส่ งเดช แต่สาํ หรับคนชันสูง


จอมปลอมทีมีจิตใจโหดเหี ยมเลวทราม จิตใจคับแคบ ข้าก็จะลงมืออย่างไม่ปรานีเช่นกัน” มู่หรง
เสวียกล่าวเน้นขึนทีละคํา นําเสี ยงอันกระจ่างใสฟังดูหนาวเหน็บเย็นยะเยือกดังนําแข็ง

“เจ้าต้องการจะทําอะไรกันแน่” ฉิ นเฮ่าเยียนเลิกคิวมองไปทีนาง แววตาอันชัวร้ายบ้าคลังวูบไหวไป


ด้วยความอํามหิต

“ก็ไม่ได้จะทําอะไรมาก ข้าเพียงแค่อยากให้พวกเจ้าได้รู้วา่ ดวงตาของข้าเป็ นสิ งของของข้า หาก


ไม่ได้รับการอนุญาตจากข้า พวกเจ้าไม่วา่ ใครก็อย่าได้คิดจะแย่งชิงไป !” ประโยคท้ายสุ ดนันมู่หรง
เสวียเน้นเสี ยงหนักเป็ นพิเศษ ในดวงตาสี ดาํ ขลับเปล่งประกายด้วยความเยือกเย็น
ฉิ นเฮ่าเหยียนเลิกคิวขึน โบกมือขึนด้วยท่าทางใจกว้าง “เช่นนันก็ดี งันเจ้าปล่อยท่านพีหญิงเสี ยก่อน
แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป......”

มู่หรงเสวียยิมเยาะอย่างดูถูกขึน “องค์รัชทายาทฉิ น เจ้าเห็นข้าเป็ นเด็กสามขวบหรื ออย่างไร ในจวน


จวนนี อย่างน้อยทีสุ ดก็ตอ้ งมีทหารแอบซ่อนอยูร่ ้อยกว่าคน ถ้าหากข้าปล่อยนางไป ข้าก็จะถูกสับ
เป็ นชินๆ โดยเร็ว......”

ฉิ นเฮ่าเหยียนเลิกคิวขึน มองไปทีนางแล้วพูดกล่าวขึนช้า ๆ “เช่นนันเจ้าว่าสมควรทําเช่นไร”

แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหว “ง่ายมาก......”

ทันใดนันทีด้านหลังมีลมแรงสายหนึ งพุ่งเข้ามา มู่หรงเสวียปรายตามองไปเห็นองครักษ์ชุดนําตาลผู้


หนึงทีไม่รู้วา่ แอบอ้อมมาทีด้านหลังของนางตังแต่เมือใด เขาเตรี ยมทีจะเอามีดพุ่งแทงมาทีนางอย่าง
ชัวร้าย !

ฉิ นยวีเยียนทีอยูด่ า้ นหน้าของนางนัน ก็ปัดกระบีของนางออกแล้วดึงปิ นปั กผมออกมา แทงเข้าทีมู่


หรงเสวียอย่างไร้เยือใย !
เดิมทีพวกเขาก็ไม่ได้คิดทีจะปล่อยนางออกไป ทียอมพูดคุยตกลงเงือนไขกับนาง ก็แค่เป็ นการหยุด
ความเคลือนไหวของนางเอาไว้เท่านัน เพือทีจะได้อาศัยจังหวะนี จับตัวนางเอาไว้ แล้วควักดวงตา
ของนางออกมา ช่างเป็ นกลุ่มคนชันตําทีไร้ยางอายยิงนัก

อีกทังฉิ นยวีเยียน นางเป็ นถึงองค์หญิงม่อเป่ ยทีมีศกั ดิฐานะสูงส่ง แล้วนางจะยอมเป็ นคนตาบอด


ง่ายๆ ได้อย่างไร เป็ นพวกเขาทีไม่รักษาสัจจะก่อน เช่นนันก็อย่าได้โทษว่านางลงมืออย่างโหดเหี ยม
ก็แล้วกัน

แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหวอย่างเย็นยะเยือก นางยืนมือจับเข้าไปทีข้อมือขององครักษ์เงาแล้วชัก
นําให้มีดในมือของเขาพุ่งตวัดฟันไปทีดวงตาของฉิ นยวีเยียน ได้ยนิ เสี ยง ‘ฉัวะ’ ดังขึนสี ยงหนึ ง
ผ้าพันแผลสี ขาวทีอยูต่ รงดวงของฉิ นยวีเยียนฉี กขาด เลือดสี แดงสดสาดกระจายไปออกมาในอากาศ
......

ฉิ นยวีเยียนเอามือกุมดวงตาล้มลงไปกับพืน นางกรี ดร้องอย่างโหยหวนขึนเสี ยงดัง ดังลันไปทัว


บริ เวณ “อ้า......ตาของข้า ตาของข้า.....”

“ท่านพีหญิง !” แววตาของฉิ นเฮ่าเหยียนวูบไหว เขาเร่ งก้าวเท้าเดินออกมาด้านหน้า พยุงร่ างของ


ฉิ นยวีเยียนขึน ตอนนันเองก็เห็นว่าดวงตาของนางถูกมีดสันฟันจนเละเลือดไหลออกมาไม่หยุด
สายเลือดสายแล้วสายเล่าไหลอาบลงมาตามใบหน้า มู่หรงเสี ยยกยิมเย็น ดวงตาของฉิ นยวีเยียนถูก
ฟันจนเละ ประสาทสัมผัสของดวงตาจะเสื อมถอยลงอย่างรวดเร็ว ถึงแม้วา่ พวกเขาจะเชิญหมอ
เทวดาทีเก่งกาจจากทีไหนมา ก็ไม่สามารถทีจะทําให้นางกลับมามองเห็นแสงสว่างได้อีก เมือผ่าน
เหตุการณ์ครังนี ไปนางก็จะกลายเป็ นคนตาบอดอย่างแท้จริ ง !

“มู่หรงเสวีย รี บจับตัวมู่หรงเสวียเร็ วเข้า !......ถ้าเปลียนดวงตาตอนนี ก็ยงั คงทันเวลา !” ฉิ นเฮ่าเยียน


ตวาดสังการขึนเสี ยงดัง

“พ่ะย่ะค่ะ พ่ะย่ะค่ะ !” เหล่าทหารเหมือนหลุดจากภวังค์พากันตอบรับอย่างเร่ งรี บ พากันกรู เข้าหามู่


หรงเสวียอย่างดุดนั

มู่หงเสวียยกยิมมุมปากขึนอย่างเย็นชา ขยับเท้าเบาๆ กระโดดออกจากวงล้อมของพวกทหาร แล้ววิง


ออกไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ ว อยากจะจับตัวนางมันก็ไม่ได้ง่ายดายขนาดนันหรอก !

“ตามไป !” หัวหน้ากองของเหล่าทหารออกคําสังเสี ยงเย็น พวกเขากระชับดาบในมือมัน พุ่งตามมู่


หรงเสวียไปอย่างรวดเร็ว

‘พรึ บ พรึ บ พรึ บ’ บนกําแพงสูงและทุกซอกทุกมุมในจวนปรากฏร่ างของทหารนับไม่ถว้ นพากันกรู


ออกมา มู่หรงเสวียทีไม่สามารถกระโดดข้ามกําแพงหนีได้อีก นางจึงรี บวิงกลับไปทีด้านหลังจวน
อย่างรวดเร็ว จํานวนของพวกทหารถึงจะมาก แต่กย็ งั ไม่เพียงพอให้ตอ้ งเกรงกลัว แต่ถา้ หากเป็ นเย่อี
เฉิ นกับฉิ นเฮ่าเหยียน พวกเขาล้วนเป็ นยอดฝี มือทังยังอยูฝ่ ังเดียวกับฉินยวีเยียน ถ้าหากพวกเขาสอง
คนร่ วมมือกันขึนมา นางคงเหลือแค่ตายทางเดียวเท่านัน มีเพียงหนี ไปนางถึงจะมีชีวิตอยูร่ อด
ปลอดภัย......

พวกบรรดาทหารต่างพากันตามติดไม่ยอมปล่อย ตะโกนขึนเสี ยงสู งอย่างเร่ งรี บ “เร็ วเร็วเร็ ว มู่หรง


เสวียอยูท่ ีนัน อย่าได้ปล่อยให้นางหนีไปได้”

เย่อีเฉิ นยืนอยูท่ ีเดิมมองไปทีฉิ นยวีเยียนทีได้รับบาดเจ็บสาหัสร้องไห้ออกมาอย่างฟูมฟายไม่หยุด


แล้วก็หนั มองไปทีมู่หรงเสวียทีกําลังหลบหนีไปอย่างรวดเร็ ว แววตาอันคมกริ บของเขาวูบไหวด้วย
ความเศร้าหมอง......

มู่หรงเสวียวิงเข้าไปทีเรื อนด้านหลังพุ่งทะยานไปตามระเบียงทางเดินอย่างรวดเร็ว แต่ไม่คาดว่า


ด้านหน้ายังมีทหารกลุ่มหนึงกําลังวิงเข้ามา

มู่หรงเสวียเลิกคิวขึน นางกระโดดออกจากระเบียงทางเดินวิงเลาะไปตามทางเดินหิ นด้านหน้า แล้วก็


เห็นว่าทางเดินหิ นด้านหน้ายังมีทหารกําลังวิงเข้ามาอีกกลุ่มหนึง......
นางกะพริ บตาปริ บๆ แล้วพุ่งสวบเข้าไปในสวนดอกไม้ แต่เพิงจะวิงออกไปได้ไม่กีก้าวก็คน้ พบด้วย
ความเศร้าใจว่าสวนดอกไม้ดา้ นหน้าก็ยงั มีเหล่าทหารวิงตามมา......

ทังสี ทิศล้วนถูกขัดขวาง มู่หรงเสวียไม่มีทางให้หนีอีกต่อไป นางขมวดคิวเข้าหากันแน่น กวาด


สายตามองไปโดยรอบทิศทางอย่างร้อนรน สายตาพลันเห็นเข้ากับสระนําด้านหลังดงดอกไม้

เช่นนันดวงตาของนางก็เปล่งประกายขึนทันที แล้วแอบเข้าไปทีด้านหลังภูเขาจําลองอย่างรวดเร็ ว
อาศัยการบดบังของภูเขาจําลองกระโดดลงไปในสระนํา......

ตอนทีทหารทังสี กองวิงมาถึงมู่หรงเสวียก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยเสี ยแล้ว “นางเล่า เมือครู่ ยงั อยูท่ ีนี


อยูเ่ ลย”

“น่าจะอยูใ่ กล้ ๆ แถวนี พวกเราไปค้นหาดูให้ทวั !”

“ขอรับ !” พวกทหารพากันแยกตัวออกไปตามหา ค้นหาภายในสวนดอกและภูเขาจําลองไปมาหลาย


รอบ โดยไม่ทนั ระวังก็เตะก้อนหิ นก้อนหนึงกลิงขลุกขลักตกลงไปในสระนํา ผิวนําทีเงียบสงบเกิด
แรงกระเพือมเบา ๆ ทหารทีดูฉลาดสองนายต่างมองหน้าสบตากัน คว้าจับไปทีดาบ พุ่งแทงเข้าไป
ในนําอย่างโหดเหี ยม......
ตอนที 212 ระเบิดพวกเจ้ าให้ ตาย

‘ฉึบ ฉึ บ !’ ปลายดาบคมกริ บเฉี ยดผ่านเสื อผ้าของมู่หรงเสวียไป ปั กลึกลงไปในเลนโคลนก้นสระนํา


จนตะกอนและเลนโคลนฟุ้ งกระจายไปทัวสระนําโดยรอบ......

กลินเหม็นของโคลนเลนโชยขึนรอบกาย นําขุ่นมัวจนมองไม่ออกว่าทิศไหนคือเหนือใต้ออกตก มู่


หรงเสวียขมวดคิวแน่นเข้าด้วยกัน กลันลมหายใจ แล้วพุ่งตัวไปด้านหน้าอย่างเงียบเชียบไร้ร่องรอย
......

“มู่หรงเสวีย......มู่หรงเสวียเล่า” ฉิ นเฮ่าเหยียนเดินเข้ามาในสวนดอกไม้ ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา


มืดครึ มจนน่ากลัว

ทหารนายหนึงเร่ งเดินเข้าไปด้านหน้า “ทูลองค์รัชทายาท เมือพวกกระหม่อมตามมาถึงตรงนีก็ไม่


เห็นร่ องรอยของมู่หรงเสวียอีกเลยพ่ะย่ะค่ะ......”

“จริ งรึ !” แววตาอันชัวร้ายของฉิ นเฮ่าเหยียนกวาดมองไปทีระเบียงทางเดิน ทางเดินหิ น สวนดอกไม้


ภูเขาจําลองแล้วหยุดลงทีสระนํา มุมปากของเขายกยิมขึนอย่างเยือกเย็น การคุม้ กันในจวนนันแน่น
หนานัก มู่หรงเสวียไม่สามารถทีจะหนี ออกไปด้านนอกได้ นางหายไปจากตรงนี มีความเป็ นไปได้
ว่าอาจจะแอบซ่อนลงไปในนํา “ทหาร ระเบิดสระนํา !” เขาไม่เชือว่าระเบิดนีจะไม่โดนนาง !

“พ่ะย่ะค่ะ !” เหล่าทหารต่างรับคําสัง คว้าเอาดินระเบิดเดินไปทีริ มสระนํา เตรี ยมทีจะจุดชนวน


ทันใดนันนําเสี ยงเย็นชาสายหนึงก็ดงั ขึน “หยุดมือ ! ถ้าเจ้าระเบิดสระนํา อาจจะทําให้ม่หู รงเสวียถูก
ระเบิดจนตายได้”

ฉิ นเฮ่าเหยียนปรายตามองคนทีเดินเข้ามาครู่ หนึง แล้วกล่าวขึนอย่างไม่นาํ พา “แล้วเป็ นเช่นไรเล่า


ท่านพีหญิงต้องการดวงตาของมู่หรงเสวีย ไม่ได้ตอ้ งการชีวติ ของนาง ขอเพียงดวงตาของนางไร้
ความเสี ยหายก็เพียงพอแล้ว ความเป็ นตายของนาง ล้วนไม่ตอ้ งไปสนใจ......”

“เจ้าไม่สนใจ แต่ขา้ สนใจ......” เย่อีเฉิ นตัดบทคําพูดของเขาขึนเสี ยงเย็น แววตาคมกริ บวูบไหวด้วย


ความหนาวเหน็บเย็นยะเยือก

เช่นนันแววตาอันชัวร้ายของฉิ นเฮ่าเหยียนก็หรี เล็กลง “จิงอ๋ อง คงไม่ใช่วา่ เจ้าชอบพอมู่หรงเสวีย


ขึนมาจริ งๆ หรอกนะ......”

“ถ้าใช่แล้วจะเป็ นเช่นไร” เย่อีเฉิ นจ้องมองไปทีเขา ดวงตาฉายแววคมกริ บ


“เช่นนันท่านพีหญิงของข้าจะทําเช่นไรเล่า” ฉินเฮ่าเหยียนมองไปทีเขา ตวาดถามขึนอย่างเสี ยงดัง

แววตาของเย่อีเฉินเคร่ งขรึ ม แล้วกล่าวขึนเสี ยงตํา “ข้าจะรักษาดวงตาของนางจนหายดี แล้วให้นาง


ตามเจ้ากลับม่อเป่ ยไป หาตระกูลดีๆ สักตระกูล......”

“นางชอบเจ้า นางต้องการอยูข่ า้ งกายเจ้า......” ฉิ นเฮ่าเหยียนตัดบทคําพูดของเขาขึนเสี ยงดัง แววตา


วูบไหวด้วยความโหดเหี ยมอํามหิต

“แต่ขา้ ไม่ได้รู้สึกอะไรกับนางแล้ว ปล่อยให้นางอยูข่ า้ งกายข้าต่อไปดูจะไม่ค่อยยุติธรรมกับนาง


เท่าไรนัก......” เย่อีเฉินกล่าวขึนเสี ยงตํา ดวงตาคมสี ดาํ ขลับของเขาดูสุขมุ เรี ยบนิงไร้ความรู้สึกใดๆ
แม้แต่นอ้ ย

ในทีสุดฉิ นเฮ่าเหยียนก็เชือแล้วว่าเขาไม่ได้ชอบฉิ นยวีเยียนจริ งๆ เช่นนันดวงตาอันชัวร้ายก็หรี เล็กลง


“เพราะมู่หรงเสวีย เจ้าถึงได้ไม่ชอบพอท่านพีหญิงใช่หรื อไม่ ผูห้ ญิงคนนันช่างเป็ นดาวเคราะห์ของ
ท่านพีหญิงจริ งๆ !”

ฉิ นเฮ่าเหยียนหัวเราะ หัวเราะขึนอย่างเยือกเย็น ระหว่างทีกําลังหัวเราะอยูน่ นั เขาก็ยนมื


ื อออกคว้าเอา
ระเบิดในมือของทหารมา จุดชนวนแล้วโยนลงไปในสระนําอย่างโหดเหี ยม รวดเร็วเสี ยจนผูค้ น
ตอบสนองไม่ทนั ......
ได้ยนิ เสี ยง “ตูม้ !” ดังขึนเสี ยงหนึง สระนําทีเงียบสงบถูกระเบิดจนเกิดคลืนนําซัดสาดสองถึงสาม
เมตร แรงระเบิดอันรุ นแรงทําเอาพวกทหารต้องตกใจเร่ งก้าวถอยหลังออกไป

เงาร่ างสี ม่วงอ่อนสายหนึงกระเด็นออกมาพร้อมกับปลาตายทีกระเด็นออกมามากมาย ค่อยๆ ลอยขึน


จากผิวนําช้าๆ กลินการถูกเผาไหม้ลอยโชยไปทัวอากาศโดยรอบ......

“เสวียเอ๋ อร์ !” เย่อีเฉิ นร้องเรี ยกออกมาอย่างตกใจ แววตาวูบไหวด้วยความกระวนกระวาย ขยับเท้า


เบาๆ เงาร่ างสูงโปร่ งก็คล้ายดังศรแสงพุ่งเข้าไปทีเงาร่ างสี ม่วงอ่อนอย่างรวดเร็ว

แววตาของฉิ นเฮ่าเหยียนวูบไหวพลางเร่ งรี บตามไป ศพของมู่หรงเสวียไม่สามารถปล่อยให้ตกอยูใ่ น


มือของเย่อีเฉิ นได้ ไม่เช่นนันหากชัววูบเขานึกโกรธจนไม่ยอมมอบดวงตาให้ขึนมา ท่านพีหญิงก็คง
ต้องจะกลายเป็ นคนตาบอดอย่างแท้จริ งแล้ว

เย่อีเฉิ น ฉิ นเฮ่าเหยียนต่างพากันพุ่งทะยานเข้าไปด้านหน้าของเงาร่ างสายนัน แย่งกันยืนมือเข้าไปจับ


เงาร่ างสายนัน ขณะทีนิวมือสัมผัสเข้ากับชายเสื อของนาง ก็ได้ยนิ เสี ยง ‘ปั ง’ ดังขึนเสี ยงหนึง เสื อผ้า
ชุดนันระเบิดออกจากกันทันที เย่อีเฉิ น ฉิ นเฮ่าเหยียนรวมถึงพวกทหารทีอยูใ่ กล้ๆ ต่างถูกระเบิดจน
กระเด็นออกไปไกล......
มู่หรงเสวียยืนอยูด่ า้ นข้างของภูเขาจําลอง บนร่ างของนางสวมใส่ เพียงชุดส่ วนในสี ขาว มองไปที
เหล่าคนทีถูกระเบิดจนกระเด็นออกไปล้มกระอักเลือดอยูก่ บั พืนด้วยสายอันเยือกเย็น มุมปากยกยิม
ขึนอย่างโหดเหี ยม

พวกเขาทีมีจิตใจโหดเหี ยมคิดจะระเบิดนางให้ตาย ดังนันนางจึงถอดเสื อส่ วนนอกออก แล้วใส่


ระเบิดเอาไว้ดา้ นในเสี ยหลายลูกให้ดูเหมือนเป็ นตัวนางทีลอยขึนจากผิวนํา ให้พวกเขาได้ลิมลอง
รสชาติของการถูกระเบิดดูเสี ยบ้าง.....

ฉิ นเฮ่าเหยียนล้มฟุบลงอยูก่ บั พืนหิน อดกลันเอาไว้ไม่ไหวจนต้องกระอักเลือดออกมาสามสี ครา


บริ เวณหน้าอกปวดแสบปวดร้อนไปหมด เขาค่อยๆ เงยหน้าขึนอย่างเกลียดชัง สายตามองเห็นมู่หรง
เสวียทียืนอยูด่ า้ นข้างหินจําลองโดยไม่ได้ตงใจ
ั พลันดวงตาอันชัวร้ายก็หรี เล็กลง “มู่หรงเสวียอยูท่ ี
นันรี บไปจับนางเร็วเข้า......”

“พ่ะย่ะค่ะ !” พวกทหารรับคําสังพยายามตะเกียดตะกายลุกขึนมา คว้าหยิบดาบพุ่งเข้าไปหามู่หรง


เสวียด้วยท่าทางโซซัดโซเซ

ก็มีแค่กลุ่มทหารทีได้รับบาดเจ็บ ยังคิดจะจับตัวนางอีกหรื อ ช่างไม่เจียมตนนัก !


มู่หรงเสวียยกยิมมุมปากขึนอย่างเหยียดหยาม รี บพุ่งไปทีตีนกําแพงอย่างรวดเร็ว แล้วดีดตัวกระโดด
ขึนไป ร่ างบอบบางคล้ายกับผีเสื อทีสง่างามตัวหนึง ค่อยๆ โผบินออกไปด้านนอกของกําแพง

“ตาม รี บตามไป......จะต้องจับตัวมู่หรงเสวียให้ได้ !” ฉิ นเฮ่าเหยียนตวาดสังการขึนเสี ยงดัง ในแวว


ตาของเขาลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ จากเล็กจนโตไม่มีใครเคยกล้าทีจะทําร้ายเขา แต่มู่หรงเสวียกลับ
กล้าใช้ระเบิดใส่เขาเช่นนี ช่างบังอาจยิงนัก !

“พ่ะย่ะค่ะ พ่ะย่ะค่ะ !” เหล่าทหารต่างพากันตอบรับอย่างไม่หยุด แล้วเร่ งรี บตามออกไปด้านนอก

“แค่ก แค่ก !” เย่อีเฉินทีล้มฟุบอยูก่ บั พืนไอหนักๆ ออกมาหลายเสี ยง แล้วค่อยๆ ใช้ตน้ ไม้ดา้ นข้าง


พยุงให้ตวั เองลุกขึนอย่างช้าๆ มองไปทีเงาร่ างของพวกทหารทีตามออกไป แววตาวูบไหวด้วยความ
มืดครึ ม......

เมือมู่หรงเสวียออกจากหลังจวนไปแล้ว นางก็วิงทะยานไปด้านหน้าอย่างบ้าคลัง ทะลุผา่ นถนนใหญ่


ตรอกซอกซอยมากมายหันหลังมองไปทีพวกทหารทีตามติดมาทางด้านหลัง คิวเรี ยวทีน่าดูของนาง
ขมวดแน่นเข้าหากัน

ความคิดชัวร้ายของพวกเขายังคงไม่เลิกรา คล้ายกับกาวหนังหมาอย่างไรอย่างนัน ไม่วา่ จะสะบัด


อย่างไรก็ไม่หลุด ช่างเลวร้ายยิงนัก !
แววตาของมู่หรงเสวียเยือกเย็น วิงทะยานไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ ว อยูๆ่ ข้างกายของนางก็มีแขน
หนึงยืนออกมาปิ ดปากของนางเอาไว้แล้วกระชากนางเข้าไปในตรอกด้านข้าง

มู่หรงเสวียตืนตระหนกขึนมาทันใด เตรี ยมทีดินหนี พลันกลินของไม้ไผ่จางๆ กระทบเข้าสู่ จมูก


เสี ยงทุม้ ไพเราะดังขึนข้างหู “ข้าเอง !”

มู่หรงเสวียชะงักไปครู่ หนึ งแล้วรี บแกะมือของคุณชายโอวหยางทีปิ ดปากของนางออก เงยหน้าขึน


มองไปทีเขาอย่างไม่เข้าใจ “คุณชาย ทําไมท่านถึงมาอยูท่ ีนีได้”

วิงทะยานมาตลอดทาง ทําให้ชุดกระโปรงสี ขาวของนางกึงแห้งกึงชืน อีกทังยังเปรอะเปื อนไปด้วย


ดินโคลน ทรงผมทีหลุดลุ่ยตกลงเอียงกระเท่เร่ ดูยงุ่ เหยิงยิงกว่าอะไรดี สภาพท่าทางน่าอนาถยิงนัก

คุณชายโอวหยางขมวดคิวขึน สายตาทีมองนางเต็มไปด้วยความเหนือยใจ “คําถามนีควรเป็ นข้าที


ถามเจ้า เจ้าไปสร้างเรื องอะไรไว้อีก ทัวทังร่ างถึงได้สกปรกเละเทะขนาดนี อีกทังยังถูกพวกทหารวิง
ไล่เต็มถนนจนวุน่ วายไปหมด”

ทันใดนันใบหน้าเรี ยวงามของมู่หรงเสวียก็มืดครึ มลง พร้อมทังกล่าวขึนอย่างโมโห “จะมาโทษข้า


ได้อย่างไร เป็ นพวกเขาทีคิดร้ายต่อข้า ข้าถึงได้ลงมือสังสอนพวกเขา......”
“เช่นนันตอนทีเจ้าสังสอนพวกเขา เจ้าตกลงไปทีใดกัน บนร่ างของเจ้าถึงได้มีกลินเหม็นแปลกๆ ติด
มาด้วยเต็มไปหมด......” คุณชายโอวหยางตัดบทคําพูดของนาง มองไปทีนางอย่างราบเรี ยบ ท่าทาง
เหนือยหนายอย่างชัดเจนเสี ยจนไม่ตอ้ งกล่าวออกมาเป็ นคําพูด

“บนร่ างของข้ามีกลินเหม็นแปลกๆ งันหรื อ” มู่หรงเสวียคว้าเอาแขนเสื อขึนมาดมอย่างเชือครึ งไม่


เชือครึ ง กลินโคลนเหม็นเน่าอันบางเบาโชยเข้าจมูก นางกะพริ บตาปริ บๆ เป็ นกลินเหม็นเน่าจากดิน
เลนในสระนํา น่าจะเป็ นตอนทีนางเคลือนไหวในนํามันถึงได้ติดมาด้วย......
ตอนที 213 สั งหารเรียบ

ตอนที 213 สังหารเรี ยบ

“เร็ วเข้า......มู่หรงเสวียอยูด่ า้ นหน้า...อย่าได้ปล่อยให้นางหนี ไปได้.....” เสี ยงตวาดสังการเสี ยงดังดัง


ลันขึน พวกทหารพากันพุง่ เข้ามาอย่างรวดเร็ ว ภายใต้แสงอาทิตย์ดาบในมือต่างสาดส่ องวูบไหว
เปล่งประกายเย็นยะเยือก

แย่แล้ว พวกเขาตามมาทันแล้ว !

แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหว เตรี ยมทีจะก้าวเดินออกไปด้านหน้า แต่คุณชายโอวหยางกลับยืนแขน


ออกมาโอบเอวของนางเอาไว้ ร่ างกายของเขาวูบไหวคล้ายกับเมฆขาวก้อนหนึง เพียงพริ บตาก็ไป
ปรากฏตัวขึนด้านในของวังเซี ยวเหยาอ๋ อง มองไปทีนางอย่างเหนือยใจแล้วกล่าวขึน “กลินบนร่ าง
ของเจ้า ช่างเหม็นยิงนัก !”
ทันใดนันใบหน้าเรี ยวเล็กของมู่หรงเสวียก็มืดครึ มลง นางกล่าวขึนอย่างอารมณ์ไม่ดี “จะมาโทษข้า
ได้อย่างไร...” นางนันถูกบีบจนไม่เหลือทางเลือก ถึงได้กระโดดลงไปในสระนําหนีอนั ตรายเช่นนัน
......

“เร็ วเข้า...รี บตามมู่หรงเสวียไป......” เสี ยงร้องเรี ยกอันวุน่ วายดังเข้าหู มู่หรงเสวียค่อยๆ มองออกไป


ด้านนอก สายตาเห็นพวกทหารสิ บกว่าคนมาถึงทีหน้าประตูวงั เซี ยวเหยาอ๋ อง ถือดาบเตรี ยมทีจะบุก
เข้ามา

อู๋เหิ นเดินออกไปข้างหน้าก้าวหนึง ขวางกันพวกเขาเอาไว้อย่างไม่เกรงใจ แล้วตวาดขึนเสี ยงดัง “ทีนี


คือวังเซี ยวเหยาอ๋ อง ผูท้ ีบุกรุ กเข้ามา ข้าฆ่าไม่เว้น !”

พริ บตาพวกเหล่าทหารทีดูฮึกเหิ มต่างพากันเงียบสงบลง สบตามองหน้ากันไปมา แล้วแยกกัน


ออกไปทังสองด้านเปิ ดทางเล็กๆ สายหนึง ฉิ นเฮ่าเหยียนทีอยูใ่ นชุดสี ทองเข้มก้าวเข้ามาทีละก้าว ที
ละก้าว เดินเข้ามาอย่างช้าๆ มองไปทีอู๋เหิ นด้วยสายตาเย็น “ข้าเป็ นรัชทายาทแห่งม่อเป่ ย เมือครู่ มี
นักโทษของม่อเป่ ยหนีเข้าไปในวังเซี ยวเหยาอ๋ องของพวกเจ้า ข้าต้องการทีจะเข้าไปจับคน”

อู๋เหิ นเลิกคิวขึน แล้วกล่าวขึนเสี ยงเย็น “องค์รัชทายาทฉิ นพูดเล่นแล้ว การดูแลควบคุมในวังเซี ยว


เหยาอ๋ องนันแน่นหนา จะมีนกั โทษของม่อเป่ ยแอบเข้ามาได้อย่างไรกัน”
การปฏิเสธอย่างไม่ไว้หน้า ทําให้ฉินเฮ่าเหยียนทีได้ฟังดวงตาหรี เล็กลง แววตาชัวร้ายของเขาวูบไหว
ไปมา “ทหารตังมากมายล้วนเห็นนางแอบเข้าไป หากเจ้ายังขัดขวาง ก็อย่าได้หาว่าข้าไม่เกรงใจ......”

“ฮา...” เสี ยงหัวเราะก้องกังวานดังขึน นําเสี ยงอันไพเราะแฝงไว้ดว้ ยความดูถูกเหยียดหยามอย่างไม่


ปิ ดบัง สายลมรุ นแรงไร้ลกั ษณ์สายหนึงพุ่งออกมาจากวังเซี ยวเหยาอ๋ อง พุ่งโจมตีไปทีฉิ นเฮ่าเหยียน
อย่างไม่ไว้หน้า

แววตาของฉิ นเฮ่าเหยียนวูบไหว เขารี บหลบออกไปด้านข้าง สายลมรุ นแรงสายนันพุ่งผ่านชายเสื อ


ของเขาไปกระแทกเข้ากับต้นไม้ใหญ่ทีอยูอ่ อกไปไม่ไกลนัก ได้ยนิ เสี ยง ‘ปั ง’ ดังขึนเสี ยงหนึง ต้นไม้
ใหญ่ถูกโจมตีจนเกิดเป็ นรู ใหญ่ๆ ขนาดเท่าไข่ไก่ ทะลุออกไปด้านหลัง......

แผ่นหลังของฉิ นเฮ่าเหยียนหลังเหงือเย็นออกมา โชคดีทีเขาหลบได้เร็ วพอ ไม่เช่นนันหากพลังปราณ


สายนันกระทบเข้ากับร่ างของเขาคงจะต้องทําให้ร่างหน้าหลังของเขาทะลุอย่างแน่นอน !

วังเซี ยวเหย๋าอ๋ องตอนนี ผูท้ ีสามารถมีกาํ ลังภายในอันกล้าแกร่ งเช่นนีได้ ก็คงมีเพียงคุณชายโอวหยาง


ผูเ้ ดียวเท่านัน !
เมือเงยหน้ามองไปทีวังเซียวเหย๋ าอ๋ อง ฉิ นเฮ่าเหยียนก็กล่าวขึนเสี ยงเย็น “คุณชายโอวหยาง ข้าไม่ได้
มีเจตนาทีจะบุกรุ กวังอ๋ อง เพียงแต่ขา้ คิดอยากจะจับนักโทษร้ายแรง นักโทษผูน้ นมี
ั ความพิเศษมาก
สําหรับข้าแล้วมีความสําคัญมาก......”

“วังเซี ยวเหย๋าอ๋ อง ไม่มีนกั โทษทีองค์รัชทายาทฉิ นกล่าวถึง !” คุณชายโอวหยางโกหกหน้าตาย

ดวงตาอันคมกริ บของฉินเฮ่าเหยียนหรี เล็กลง กล่าวเน้นขึนทีละคํา “ข้าเห็นนางหนีเข้าวังเซี ยวเหยา


อ๋ องไปกับตา แน่นอนว่านางต้องอยูด่ า้ นใน......”

“เช่นนันแล้วอย่างไร” คุณชายโอวหยางเลิกคิวมองไปทีเขา นําเสี ยงทุม้ แฝงด้วยความดูถูกอย่างไม่


นึกปิ ดบัง

“ข้าจะต้องจับนักโทษผูน้ นให้
ั ได้” ฉินเฮ่าเหยียนกล่าวขึนเสี ยงตํา แววตาคมกริ บ “คุณชายโอวหยาง
เตรี ยมทีจะส่ งมอบคนออกมา หรื อว่าจะให้ขา้ บุกเข้าวังเซี ยวเหยาอ๋ องจับนักโทษด้วยตัวเอง......”

“เจ้าแน่ใจหรื อว่าตัวเองมีความสามารถมากขนาดนัน คิดว่าเจ้าจะสามารถบุกเข้ามาในวังเซี ยวเหยา


อ๋ องได้งนหรื
ั อ” คุณชายโอวหยางพูดขึนเสี ยงเย็น แววตาเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยอย่างดูถูก
“คุณชายโอวหยางก็คงต้องลองดูถึงจะรู้เอง” ฉิ นเฮ่าเหยียนยกยิมมุมปากขึนแปลกๆ กล่าวตวาดขึน
เสี ยงดัง “ทหาร บุกเข้าวังอ๋ อง จับคนร้าย !”

“พ่ะย่ะค่ะ !” พวกทหารต่างรับคําสังเสี ยงเข้ม ดาบยาวในมือเปล่งแสงวูบไหว พากันกรู เข้าวังเซี ยว


เหยาอ๋ องด้วยท่าทางอันดุดนั คล้ายกับกระแสนําอันเชียวกรากก็ไม่ปาน !

รนหาทีตายนัก !

คุณชายโอวหยางยกยิมมุมปากขึนอย่างเย็นยะเยือก นิวมือหยกดีดเบาๆ พลังปราณกล้าแกร่ งสายแล้ว


สายเล่าพุ่งออกไป ‘ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ !’ วูบไหวไปมาท่ามกลางพวกทหาร

ทุกทีทีพลังปราณพาดผ่าน ก็เกิดเลือดสี แดงสดพุ่งกระจายออกมาสายแล้วสายเล่า พวกทหารกรี ด


ร้องออกมาอย่างโหยหวน ล้มลงไปตายกับพืน เลือดสี แดงสดสายแล้วสายเล่าไหลทะลักออกมาจาก
บาดแผลย้อมพืนจนกลายเป็ นสี แดง กลินคาวเลือดโชยคละคลุง้ ทัวอากาศโดยรอบ......

ฉิ นเฮ่าเหยียนทียืนอยูไ่ ม่ไกลนักมองไปทีพวกทหารทีแม้แต่กระบวนท่าเดียวก็ยงั ไม่ทนั ทีจะได้ใช้


ออกไป แต่ก็พากันล้มระเนระนาดกองไปกับพืนนอกประตูวงั อ๋ องเสี ยแล้ว แขนทียืนยาวออกไปยัง
ไม่ทนั ได้แตะแม้แต่ขอบประตูของวังเซี ยวเหยาอ๋ องเลยด้วยซํา !
ทันใดนันสี หน้าของเขาก็เขียวคลํา ฝ่ ามือภายใต้แขนเสื อกําแน่นเข้าหากันจนเส้นเลือดกล้ามเนือหลัง
ฝ่ ามือปูดบวมออกมา ข้อกระดูกซี ดขาวจางๆ

พวกทหารเหล่านีล้วนเป็ นคนทีเขาพามาจากม่อเป่ ย แต่ละคนมีวรยุทธ์สูงส่ งผ่านการรบมาแล้วนับ


ร้อยครัง แต่ยงั ไม่ทนั ถึงหนึงช่วงเวลาต้มชาต่างก็พากันตกตายภายใต้นามื
ํ อของคุณชายโอวหยางเสี ย
แล้ว อีกทังคุณชายโอวหยางยังไม่ทนั ได้โผล่หน้าออกมาเลย มีเพียงแต่พลังปราณอันกล้าแกร่ งสาย
แล้วสายเล่าพวกนันทีพุ่งออกมาจากวังอ๋ อง......

“คุณชายโอวหยาง !” ฉิ นเฮ่าเหยียนถลึงตามองไปทางทิศทีคุณชายโอวหยางอยู่ แววตาของเขาลุก


โชนวูบไหวไปด้วยไฟโกรธ

“ทําไมเล่า องค์รัชทายาทฉินคิดอยากจะลงมือกับข้าอย่างนันหรื อ” คุณชายโอวหยางปรายตามองไป


ทีเขาสายตาเย็น แววตาเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม

ฉิ นเฮ่าเหยียนมองไปทางทิศทีคุณชายโอวหยางอยู่ ดวงตาคมค่อยๆ หรี เล็กลง นิงอยูน่ านไม่กล่าว


วาจา เขารู้จกั คุณชายโอวหยางมาแล้วสี ห้าปี ล้วนแต่ไม่สามารถมองเขาออกได้ หลายปี มานีคนทีกล้า
ลงมือกับคุณชายโอวหยาง ก็ไม่ได้มีสภาพทีดีอะไรนัก เหมือนกับฉายาทีคนทัวล้ามอบให้เขา...
อัจฉริ ยะผูม้ ากเล่ห์ !
มีคนเช่นนีเป็ นศัตรู พอประมือกันผลลัพธ์ทีรอคอยอยูด่ า้ นหน้าไม่รู้วา่ จะออกมาเป็ นเช่นไร

เขาไม่อยากกลายเป็ นศัตรูกบั คุณชายโอวหยาง แต่ม่หู รงเสวียกรี ดตาของท่านพีหญิงจนได้รับ


บาดเจ็บ ถ้าหากไม่รีบหาดวงตาไปเปลียนโดยเร็ว เช่นนันท่านพีหญิงก็จะกลายเป็ นคนตาบอดอย่าง
แท้จริ ง......

“องค์รัชทายาทฉิ นทําไมมิกล่าววาจาเล่า หรื อว่าอึงจนพูดไม่ออกเสี ยแล้ว” คุณชายโอวหยางมองไป


ทีเขาอย่างราบเรี ยบ แววตาลึกลําดังมหาสมุทรอันมืดมิด

“คุณชายโอวหยางไม่ได้พบเห็นนักโทษของม่อเป่ ยผูน้ นจริ


ั งๆ หรื อ” ฉิ นเฮ่าเหยียนกล่าวไต่ถามเสี ยง
ตํา แววตาวูบไหวด้วยความืดมิดอํามหิต

“แน่นอนว่าไม่เห็น !” คุณชายโอวหยางโกหกอย่างเป็ นธรรมชาติ

“เช่นนันข้าก็ไม่รบกวนแล้ว ขอลา !” ฉิ นเฮ่าเหยียนกล่าวขึนเสี ยงเบา ค่อยๆ หมุนกายกลับไปอย่าง


ช้าๆ คุณชายโอวหยางนันฉลาดปราดเปรื องจนเหมือนกับปี ศาจ เขาไม่ควรทีจะเป็ นกับศัตรู กบั ‘เขา’
ซึ งๆหน้า ยังคงสามารถคิดหาวิธีอืนทีจะนําเอาดวงตาของมู่หรงเสวียมาได้ !
จากไปอย่างง่ายดายเช่นนีนะหรื อ ไม่คิดสร้างความลําบากยุง่ ยากใดๆ ให้เลยแม้แต่นอ้ ย ในใจของ
เขาแน่นอนว่าจะต้องคิดอ่านแผนการอืนอยูเ่ ป็ นแน่ !

คุณชายโอวหยางยกมุมปากขึนยิมอย่างอันตราย แล้วกล่าวขึนเสี ยงเย็น “ช้าก่อน !”

“ยังมีเรื องอะไรอีก” ฉิ นเฮ่าเหยียนหันกายมองไปทีเขา ดวงตาอันชัวร้ายวูบไหวด้วยความไม่พอใจ


น้อยๆ

“เอาซากศพทังหมดนอกประตูวงั อ๋ องกลับไปด้วย !” คุณชายโอวหยางสังการขึนอย่างไม่เกรงใจ

แววตาของฉิ นเฮ่าเหยียนวูบไหว เขามองไปทางคุณชายโอวหยางด้วยสายตาเย็น “หมายความว่า


อย่างไร”

“ทหารพวกนีล้วนเป็ นองค์รัชทายาทฉินทีพามา แน่นอนว่าสมควรทีจะให้องค์รัชทายาทฉิ นนํา


กลับไป !” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนเสี ยงเรี ยบ คําพูดทีฟังดูเป็ นเหตุเป็ นผลทําให้ฉินเฮ่าเหยียนทีได้
ฟังมีสีหน้าเขียวคลํา เขาเป็ นถึงองค์รัชทายาทของม่อเป่ ยทีสูงส่ ง แต่คุณชายโอวหยางกลับให้เขาไป
ขนศพ ชัดเจนว่ากําลังเหยียดหยามเขา......
“หนึงชัวยามหลังจากนี ข้าหวังว่าจะได้เห็นบันไดและพืนหน้าวังทีสะอาดเอียมอ่อง !” คุณชายโอวห
ยางพูดขึนเสี ยงเรี ยบ หมุนกายลากมือเรี ยวของมู่หรงเสวียแล้วเดินอาดๆ ออกไปด้านหน้าโดยไม่หนั
กลับมามองอีก
ตอนที 214 เหนือยใจ

ซากศพทีทอดร่ างกระจัดกระจายไปทัว ทําเอาฉิ นเฮ่าเหยียนทีได้เห็นมีสีหน้ามืดครึ มจนน่ากลัว


ความหมายของคุณชายโอวหยางก็คือคนทีเขาพามานันทําให้พืนและทางเดินหน้าประตูวงั เซี ยวเหยา
อ๋ องสกปรกเปรอะเปื อน เช่นนันเขาทีเป็ นคนพามาก็ควรทีจะเป็ นคนจัดการทําความสะอาดให้
เรี ยบร้อย ช่างน่าเจ็บใจยิงนัก !

ก็แค่ซากศพแค่ไม่กีสิ บซาก รอยเลือดแต่ไม่กีสิ บรอยแค่นนเอง


ั เขาก็แค่เรี ยกคนมาทําความสะอาดก็
ได้แล้ว !

มู่หรงเสวียเดินไปด้านหน้าอย่างช้าๆ แล้วค่อยๆ หันหลังมองไป เห็นว่าฉิ นเฮ่าเหยียนยังคงยืนอยูด่ า้ น


นอกของหน้าประตูวงั พูดกล่าวบางอย่างกับอู๋เหิ น “นีเขาอยากจะอยูท่ ีนี เพือทําความสะอาดซาก
ทังหมดจริ งๆ หรื อ......”

“ลงมือทําความสะอาดเองคงไม่ใช่ แต่ทีจะเรี ยกคนใช้มาจัดการทําความความสะอาดนันน่ะจริ ง”


คุณชายโอวหยางเอ่ยขึนเบาๆ จ้องมองไปทีมู่หรงเสวีย “เจ้าไปทําอะไรให้ฉินเฮ่าเหยียนไม่พอใจ
อย่างนันหรื อ”
“ก็ไม่ใช่เป็ นเพราะฉิ นยวีเยียนหรอกหรื อไง......” มู่หรงเสวียถอนหายใจออกมาอย่างเสี ยไม่ได้ รี บ
เล่าถึงสาเหตุทีแท้จริ ง

ิ าแย่ลงเรื อยๆ ดวงตาหรี ลง จะควักเอาดวงตาของมู่


เมือคุณชายโอวหยางยิงได้ฟัง สี หน้าของเขาก็ยงยํ
หรงเสวียไปเปลียนให้แก่ฉินยวีเยียน วิธีการทีเลวร้ายขนาดนี พวกเขาก็ยงั คิดกันออกมาได้......

“คุณชาย ในโลกนีมีหมอเทวดาทีสามารถเปลียนถ่ายดวงตาคนได้จริ งๆ หรื อ” แววตาของมู่หรงเสวีย


เลือนลอยเอ่ยถามออกไป ในดวงตานันมีเส้นประสาทมากมาย ซึ งล้วนแล้วแต่เปราะบาง ขนาดในยุค
ปั จจุบนั ทีการแพทย์พฒั นาไปไกลมากแล้ว แพทย์ยงั ต้องอาศัยเครื องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์
ต่างๆ มากมายเข้าช่วยถึงจะทําการเปลียนถ่ายดวงตาได้สาํ เร็ จ

แล้วหมอเทวดาทีไม่มีแม้แต่เครื องมือหรื ออุปกรณ์ทางการแพทย์เลยเช่นนี จะทําการเปลียนถ่าย


ดวงตาได้อย่างไรกัน

“จากข่าวลือทีเล่าลือกันมาก็มีหมอเทวดาคนหนึ งทีมีฝีมือทางการแพทย์ทีเก่งกาจมาก แต่ทว่าไม่มี


ใครเคยพบเห็นเขามาก่อน และก็ไม่รู้วา่ ทีเล่าลือกันมานันเป็ นเรื องจริ งหรื อเรื องทีแต่งขึน......”
คุณชายโอวหยางค่อยๆ เอ่ยขึน แววตาฉายแววลึกลับซับซ้อน
“ก็คงจะเป็ นเรื องจริ งนันแหละ ไม่เช่นนันฉิ นเฮ่าเหยียนจะรี บร้อนมาควักดวงตาของข้าไปทําไมกัน”
มู่หรงเสวียพูดขึน แววตาของนางเหยียบเย็น

“ตอนนีเจ้าอยูท่ ีวังเซี ยวเหยาอ๋ องแล้ว ถึงแม้พวกเขาอยากจะควักเอาดวงตาของเจ้าสักแค่ไหน ก็ไม่มี


ทางมาควักได้สาํ เร็จหรอก !” คุณชายโอวหยางเอ่ยขึนเบาๆ หยุดเดินไปครู่ หนึง มองจ้องไปทีผมอัน
ยุง่ เหยิงและร่ างกายทีสกปรกมอมแมมของมู่หรงเสวีย สายตาของเขาส่อแววเหนือยหนายอย่างรับ
ไม่ได้ออกมาครู่หนึง “สภาพของเจ้าตอนนีนันดูไม่ได้เป็ นอย่างยิง เนือตัวสกปรกมอมแมมและเริ มมี
กลินเหม็นอันหนักหน่วง เจ้าเข้าไปอาบนําแต่งตัวใหม่เสี ยเถอะ ส่ วนมีเรื องอะไรอืนอีก รอเจ้า
อาบนําแต่งตัวใหม่เสร็จแล้วค่อยว่ากัน”

มู่หรงเสวียหยุดเดินไปครู่ หนึง นางเพิงนึกขึนได้ นางเดินมาถึงห้องของคุณชายโอวหยางแล้ว กลิน


ไผ่อ่อนๆ ลอยมากระทบจมูก ผสมผสานเข้ากับกลินโคลนบนตัวนางจนกลายเป็ นกลินแปลกๆ ที
ยากจะทนทานได้

“รู้แล้วน่า !” มู่หลงเสวียมองเขาอย่างเกียงงอนและเดินเข้าไปทีหลังม่านกัน

หลังม่านกันมีบ่อนําร้อนขนาดใหญ่ เหนือบ่อนันมีควันอุ่นๆ ลอยโชยอยูเ่ หนือผิวนํา บริ เวณขอบบ่อ


มีโต๊ะเล็กๆ ขนาด 30 เซนติเมตรวางอยูห่ ลายตัว ด้านบนมีของใช้สอยสําหรับอาบนํา เครื องหอม
ผ้าขนหนู เป็ นต้น
มู่หรงเสวียสยายผมออก ถอดชุด แล้วก้าวลงไปในบ่อ ความอุ่นของบ่อนําร้อนกระทบเข้าสู่ ผิว ไอ
ร้อนแทรกซึ มเข้าไปผ่อนคลายเส้นสายกล้ามเนือ ทําให้รู้สึกสบายตัวเป็ นอย่างยิง

ดวงตาของฉิ นยวีเยียนก็ถูกนางทําลายไปแล้ว จะต้องรี บเปลียนถ่ายดวงตา แต่นางมาอยูท่ ีวังเซี ยว


เหยาอ๋ องคงไม่มีใครกล้าทีจะมาก่อความวุน่ วาย ดวงตาของฉิ นยวีเยียนก็คงเปลียนถ่ายไม่สาํ เร็ จ
แน่นอน อีกไม่นาน แคว้นม่อเป่ ยก็จะมีองค์หญิงทีตาบอดนางหนึง......

มู่หรงเสวียคิดถึงความทุกข์ของคนอืนอย่างมีความสุ ขอยูค่ รู่หนึ ง กลินกํายานอ่อนๆ ก็ลอยโชยมา


กระทบจมูก ทําให้นางรู้สึกได้ถึงความอ่อนล้าทีกล้ามเนือของตัวเอง เปลือกตาค่อยๆ ปิ ดลงอย่าง
ช้าๆ ดําดิงเข้าไปสู่ความฝันโดยไม่รู้ตวั !

ตอนทีคุณชายโอวหยางเข้าไปหลังฉากกัน ก็เห็นว่านางเอาศีรษะเอนพาดไปบนขอบบ่อนําร้อน
กําลังหลับไหลอย่างไม่รู้สึกตัว เส้นผมดําสนิทแผ่สยายดังม่านนําตกกระจัดกระจายอยูด่ า้ นหลัง
ใบหน้าเรี ยวเล็กอันงดงามถูกไอร้อนอบจนแดงระเรื อ ขนตาพริ มสวยงอนยาวราวกับผีเสื อจนทอด
ยาวเป็ นเงาลงไปทีขอบตา ท่าทางหลับสนิทดูสุขสบายของนางนันทําให้ผคู้ นไม่อาจหักใจทีจะ
ล่วงเกินได้
ตอนที 215 อบอุ่นละมุนละไม
กลีบดอกไม้สีแดงแผ่กระจายคลุมรูปร่ างอรชรแน่งน้อยของนาง ไหล่กลมกลึงทีโผล่ขึนมาเหนือนํา
ผิวคอละเอียดราวกับกระเบือง ความเปล่งปลังทีมีเฉพาะวัยเด็กสาว

แววตาสี ดาํ สนิทลําลึกราวกับนําในบึงลึก ฝี เท้าก้าวเร็วดุจลมเดินมาทีริ มบ่อนํา ยืนมือลงไปในนํา


โอบเอาเอวเล็กคอดของนางเข้ามา

ผิวนําเคลือนขยับเล็กน้อย มู่หรงเสวียตกใจ เบิกตากว้างขึน มองใบหน้างามสง่าของคุณชายโอวห


ยางทีแนบชิดเข้ามา พลางขมวดคิวขึนอย่างงุนงง “ท่านเข้ามาได้อย่างไร”

“เจ้าแช่นามาแล้
ํ วเป็ นชัวยาม ไม่มีความเคลือนไหวใดๆ ข้ากลัวเจ้าจะเป็ นอะไรไป ก็เลยเข้ามาดู”
คุณชายโอวหยางกวาดตามองนางผ่านๆ เพียงครู่ หนึง นัยน์ตามีแววเย้ยหยันอยูน่ อ้ ยๆ ขนาดในอ่าง
อาบนํานางยังหลับลงได้.......

มู่หรงเสวียขยับร่ างเบาๆ จึงได้พบว่านําในบ่อนันเย็นลงหมดแล้ว นางหลับไปพักใหญ่จริ งๆ ด้วย

“ช่วยหยิบผ้าคลุมตัวให้ขา้ หน่อยเถอะ” คุณชายโอวหยางยังคงยืนอยูท่ ีริ มบ่อนํา นางคงไม่อาจยืน


เปลือยกายขึนไปหยิบผ้าคลุมตัวเองได้ จึงได้แต่ร้องขอให้เขาช่วย
ื ม่หู รงเสวียแต่อย่างใด เขากลับ
คุณชายโอวหยางยืนมือไปหยิบผ้าคลุมตัวผืนเล็กมา แต่ไม่ได้ยนให้
ประคองเอวนางขึนมา เมือร่ างจะพ้นนําก็เอาผ้าพันกายนางเอาไว้อย่างรวดเร็ ว

ก้อนหิ มะขาวๆ โผล่วบั ๆ แวมๆ ภายใต้ผา้ ข้าวทีคลุมตัวนางไว้ ราวกับดอกเหมยแดงทีโผล่แซม


วับแวมในเขาหิ มะ

นัยน์ตาของคุณชายโอวหยางอดทีจะส่ องประกายขึนมาไม่ได้ เขาอุม้ นางออกมาจากฉากกัน ส่ วนที


ควรโค้งออกมาก็ยงั มีช่วงเวลาให้เติบโตได้อีก

ภายในห้องทีเงียบสงัด แสงตะวันสี ทองสาดเข้ามาด้านใน จนความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทัวทังห้อง

คุณชายโอวหยางค่อยๆ วางร่ างของนางลงบนเบาะนุ่ม ผมดกดําสยายยาวของนางกระจายออกมา


ครึ งเตียง ผิวขาวสะอาดส่องประกายความเปล่งปลัง นัยน์ตาสี ดาํ สนิททอประกายลึกลําชวนให้
หลงไหล ลําคอ กระดูกไหปลาร้าทีโผล่พน้ ชายผ้าขึนมาราวกับมีแรงดึงดูดมหาศาล ยวนยัวให้มวั เมา

นัยน์ตาสี ดาํ สนิทของคุณชายส่ องประกายขึนวูบหนึง เขาหมุนตัวเดินตรงไปทีโต๊ะไม้ถานมู่ ริ นชา


ขึนดืมจอกหนึง ประกายร้อนแรงในแววตาลดลงไปหลายส่วน.......
มู่หรงเสวียยืนมือออกมาดึงผ้าคลุมตัว แล้วค่อยๆ ลุกขึนนัง ถลึงตามองเขาก่อนจะพูดว่า “คุณชาย
โอวหยาง เจ้ารออีกครู่ คอ่ ยดืมชา ตอนนีช่วยมาหาเสื อผ้าให้ขา้ ก่อน !”

เสื อผ้าชุดเดิมของนางเปื อนโคลนทําให้กลินโคลนนันติดอยูอ่ ย่างรุ นแรง คงจะสวมใส่ ไม่ได้อีกแล้ว


หวังว่านางคงไม่ตอ้ งห่มผ้าคลุมตัวนีตลอดไปหรอกนะ

“ข้าให้คนออกไปหาซือเสื อผ้าทีร้านอีเก๋ อเซี ยงมาให้เจ้าแล้ว ในห้องของข้าตอนนี ไม่มีชุดแต่งกาย


ของสตรี เช่นนันเจ้าก็สวมชุดของข้าไปก่อนก็แล้วกัน” คุณชายโอวหยางพูดขึนเรี ยบๆ เขาเดินไปทีตู ้
ไม้ หยิบเอาชุดสี ขาวออกมา โยนใส่ ออ้ มแขนของมู่หรงเสวีย

ชุดด้านในเรี ยบๆ นิมลืนให้ความสัมผัสนุ่มทีลืนมือ มีกลินหอมของไม้ไผ่ทีเป็ นกลินเฉพาะตัวของ


คุณชายโอวหยางโชยมาอย่างบางเบา

มู่หรงเสวียพยักหน้าอย่างพึงพอใจ สายตากวาดมองไปทีคุณชายโอวหยางทียืนอยูด่ า้ นหน้าเตียง แล้ว


ขมวดคิวแน่นเข้าหากัน “คุณชายโอวหยาง ข้าต้องเปลียนเสื อผ้าแล้ว รบกวนท่านหันไปด้วย หรื อไม่
ก็ช่วยออกไปนอกประตูเถอะเจ้าค่ะ !”

แววตาของคุณชายโอวหยางส่ องประกายอย่างลําลึก เขาหมุนกายหันหลังให้ม่หู รงเสวีย


เมือมองไปทีเงาร่ างสูงโปร่ งของเขา มู่หรงเสวียก็เลิกคิวขึนบางเบา หันกายไปง่ายๆ เช่นนีเลยหรื อ
เหตุใดถึงไม่ยอ้ นเถียงนางเลยว่า “ก็ทีนีคือห้องของเขา” ช่างหาได้ยากยิงนัก แต่วา่ คุณชายโอวหยาง
นันเจ้าเล่ห์แสนกล ใครจะรู้วา่ เขาจะวางแผนอะไรไว้อีกบ้าง นางยังต้องป้ องกันไว้อีกชัน ถึงจะ
สามารถวางใจขึนมาหน่อย !

มู่หรงเสวียคิดพลางแย้มยิมออกมา นางหยิบเอาผ้าห่มผืนเล็กมาคลุมร่ างไว้อีกชันหนึง ค่อยๆ ดึงผ้า


คลุมร่ างออกแล้วสวมชุดบุรุษทีทําจากผ้าไหมเข้าไปแทน

เมือชุดด้านในมาอยูบ่ นร่ างนาง มันทังหลวมทังยาว ยาวจนถึงหัวเข่าของนางแล้ว จนไม่ตอ้ งสวม


เสื อผ้าอืนเพิมอีก !

มู่หรงเสวียเงยหน้ามองคุณชายโอวหยาง พูดยิมๆ ออกมาว่า “ขอบคุณคุณชายโอวหยางทีให้ขา้ ยืม


เสื อผ้า กางเกงขาวตัวนีก็คงไม่ตอ้ งใช้แล้ว คุณชายเชิญเก็บไปเถอะ”

เมือคุณชายโอวหยางหันร่ างมา เห็นมู่หรงเสวียทีอยูช่ ุดส่ วนในสี ขาวทีมีแค่เสื อนังอยูบ่ นเตียง ขาเรี ยว


ขาวโผล่ออกมา เรี ยวยาวราวลําไผ่ ส่องประกายเปล่งปลังราวไข่มุกในแสงสี ทองอ่อนๆ

เมือได้เห็น แววตาของคุณชายโอวหยางก็เป็ นประกายอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ เขาเดินช้าๆ เข้ามา


หยิบผ้าไปคลุมขาของนางเอาไว้ “ระวังจะหนาวเอาได้ !”
มู่หรงเสวียไม่ได้เห็นว่าเป็ นเรื องอะไร ยามนีคือฤดูร้อน นางจะหนาวได้อย่างไรกัน ! แต่ทาํ ไมนาง
ถึงรู้สึกวิงเวียนหนักหัวเหลือเกิน ดวงตายิงเมือยล้าเข้าไปทุกที เมือครู่ นางเพิงจะตืนนอนเองนีนา
“คุณชาย ในห้องของท่านวางนําแข็งไว้หรื ออย่างไร”

“เมือครู่ วางไว้ แต่เมือเจ้าเข้ามา ข้าก็สงให้


ั คนยกนําแข็งออกไปแล้ว ทําไมรึ เจ้าไม่สบายหรื อ”
คุณชายโอวหยางพูดออกมาเรี ยบๆ เงยหน้าขึนมองนาง

“ไม่ใช่วา่ ไม่สบาย แต่ขา้ เพียงแค่รู้สึกหนาวๆ เล็กน้อยเท่านัน” มู่หรงเสวียพูดออกมาเบาๆ เสี ยงใส


กังวานดูอ่อนแรง

“หนาวหรื อ” ดวงตาของคุณชายโอวหยางวูบไหว เขามองมู่หรงเสวียอย่างละเอียดถีถ้วน เห็นเพียงว่า


นางนังกอดแขนอยูบ่ นเตียง ร่ างเล็กๆ กําลังสันเทิม ใบหน้ากระจ่างใสแดงระเรื ออย่างผิดปกติ

คุณชายโอวหยางหรี ตาลง มือเรี ยวราวหยกขาวค่อยๆ ทาบลงบนหน้าผากของมู่หรงเสวีย ความร้อน


ทีผิดปกติแผ่ซ่านออกมา เขาขมวดคิวแน่น ชัดเจนว่านางเป็ นไข้จากลมหนาว แต่ตอนนี คือหน้าร้อน
นางจะเป็ นไข้จากความหนาวได้อย่างไรกัน
“แค่กๆ !” มู่หรงเสวียไอออกมาแรงๆ สองสามครัง เสี ยงใสกังวานพลันแหบเครื อ ริ มฝี ปากแดงสด
แห้งผาก ปอยผมกลุ่มหนึงร่ วงลงมาปิ ดบังการมองเห็น นางยกมือขึนรวบผมไปทัดไว้ทีหลังหู แขน
เสื อด้านขวาของชุดเลือนลงมาจนถึงข้อพับแขนเผยให้เห็นรอยแผลยาวๆ ปรากฏขึนรอยหนึ ง

เมือได้เห็นสี ทีผิดปกติของแผล นัยน์ตาคมกริ บของคุณชายโอวหยางก็หรี เล็กลง “แผลของเจ้าแช่นาํ


มาเป็ นเวลานานหรื อ”

“ อืม !” มู่หรงเสวียพยักหน้า นางหนีการตรวจค้นของกลุ่มองครักษ์ลงไปในนํา แน่นอนว่าต้องแช่


ทังร่ างลงไปในนํา แผลบนแขนขวาก็ตอ้ งโดนนําเป็ นธรรมดา

“บาดแผลโดนนําจนอักเสบ นีเป็ นสาเหตุทีทําให้เจ้าไข้ขึนสูง” คุณชายโอวหยางพูดขึนเรี ยบๆ หยิบ


เอาขวดกระเบืองขวดหนึงออกมา ค่อยๆ ทายาไปทีแผลของนาง แล้วค่อยๆ พันแผลให้อย่าง
เรี ยบร้อย ก่อนจะกําชับเสียงขึนเบา “รอยดาบนีลึกมาก ก่อนทีแผลจะสมานกันดีไม่ควรให้โดนนํา
อีก ไม่เช่นนันหากแผลอักเสบ เจ้าก็จะเป็ นไข้ได้......”

“ข้ารู้ !” มู่หรงเสวียพยักหน้า ครังนีนางตกหลุมพรางของเย่อีเฉิ น จึงทําให้แผลต้องโดนนํา ครัง


ต่อไปไม่มีทางประมาทเช่นนีเด็ดขาด
นิวมือเรี ยวขาว หยิบจับผ้าพันแผลสี ขาวผูกเข้าเป็ นปมอย่างชํานาญ ไม่นานเขาก็พนั แผลเสร็จ
คุณชายโอวหยางมองมู่หรงเสวียเรี ยบๆ พลางเอ่ยขึนว่า “เจ้าเป็ นไข้สูงต้องดืมยาจึงจะหาย ข้าจะให้
คนปรุ งยามาให้เจ้า”

“ไม่ ข้าไม่อยากดืมยาขม” มู่หรงเสวียปฏิเสธวุน่ วาย ยาโบราณนันขมเกินไป ดืมไปเพียงครังเดียว


นางก็ไม่อยากดืมอีกเป็ นครังทีสอง

คุณชายโอวหยางขมวดคิวเล็กน้อย “เจ้าโดนลมหนาวรุ นแรง หน้าผากร้อนราวไฟสุ ม หากไม่ดืมยา


เพียงไม่กีชัวยามก็คงไข้สูงจนไม่ได้สติ !”

“แต่ขา้ ไม่อยากดืมยาขมๆ จริ งๆ นะ” มู่หรงเสวียขมวดคิวแน่น ใบหน้าเล็กๆ แสดงอารมณ์ขมขืน


ออกมา คุณชายโอวหยางมองแล้วก็ได้แต่ยมบางๆ
ิ ทีมุมปาก “ไม่ดืมยา แต่คงกินยาเม็ดได้สินะ”
ตอนที 216 อัคคีภยั

มือทีงดงามราวหยกขาวยืนมาตรงหน้ามู่หรงเสวีย กลางฝ่ ามือขาวกระจ่างนันมียาเม็ดอยูส่ องเม็ด

เขารู้มานานแล้วว่านางนันไม่ชอบการดืมยา เขาจึงได้สงให้
ั คนเคียวปรุ งยาทีใช้เป็ นประจําให้เป็ นยา
เม็ด แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้ใช้วนั นี

ยาเม็ดนันถึงแม้จะขมเล็กน้อย แต่ก็ดีกว่าการดืมยานํามากนัก มู่หรงเสวียถอนหายใจออกมายาวๆ


ถลึงตามองคุณชายโอวหยางอย่างไม่สบอารมณ์ หากมียาเม็ดเขาก็รีบพูดออกมาสิ !

นางหยิบเอายาเม็ดเม็ดหนึงมาใส่ ปาก รสขมจางๆ ค่อยๆ แผ่กระจายในปาก มู่หรงเสวียขมวดคิว


แน่น นางไม่ได้ลิมรสโดยละเอียด ก็กลืนยาเม็ดนันลงไปทันที แล้วยืนมือไปหยิบนําอุ่นจากมือ
คุณชายโอวหยางมาดืมไปเสี ยหลายอึก เพือล้างรสขมในปากให้เจือจางลง

ลมเย็นๆ พัดโชยอ่อนเข้ามาในห้อง นําเอาความร้อนอุ่นๆ เข้ามาภายใน แต่ม่หู รงเสวียกลับรู้สึก


หนาว หนักหัวเท้าลอย หมดแรงอ่อนล้าไปเสี ยทังร่ าง เปลือกตาก็หนักจนแทบลืมไม่ขึน
“เจ้าพักผ่อนสักครู่ เถอะ เมือถึงเวลารับสํารับเดียวข้ามาเรี ยก” คุณชายโอวหยางพูดขึนอย่างเรี ยบๆ
ค่อยๆ ประคองให้นางนอนลงไปบนเตียง แล้วหยิบเอาผ้าห่ มบางๆ มาคลุมให้นาง

“ตกลง !” มู่หรงเสวียพยักหน้ามึนๆ หลับตาลง เมือวานนางไม่ได้นอนหลับดีๆ เลยแม้แต่นอ้ ย เมือ


ครู่ นนก็
ั ยงั ใช้แรงไปตังเยอะ แล้วยังมามีไข้ขึนสู งอีก ตอนนี นางต้องการพักผ่อนมากจริ งๆ

เพียงครู่ เสี ยงลมหายใจสมําเสมอก็ดงั ขึนจากบนเตียง คุณชายโอวหยางมองใบหน้าสงบของนางที


กําลังหลับสนิ ท ก็ยกยิมบางๆ ขึนทีมุมปาก ค่อยๆ จัดผ้าห่มให้นางอย่างระมัดระวัง มือเรี ยวราวหยก
าเมือครู่ เล็กน้อย ไข้ทีขึนสู งค่อยๆ ลดลงแล้ว
ค่อยๆ ทาบลงทีหน้าผากนาง อุณหภูมิตาลงกว่

เสี ยงลมกรี ดหวีดหวิวดังแว่วเข้ามา ร่ างสูงโปร่ งในชุดสี ม่วงก็มาปรากฏร่ างขึนในห้อง

คุณชายโอวหยางนังอยูห่ น้าเตียง ไม่ได้เหลือบตามองไปแม้แต่นิด แล้วพูดขึนด้วยเสี ยงทีเยือกเย็นว่า


“ไม่รู้วา่ จิงอ๋ องมาถึงทีนี มีเรื องใดจะชีแนะหรื อ”

นําเสี ยงเหนือยหน่ายอย่างไม่ใส่ ใจ จนเย่อีเฉินทีได้ฟังต้องขมวดคิวแน่น “ข้ามาหามู่หรงเสวีย.......”

“หลังจากนันก็พานางไปทีเรื อนหลังนัน ควักดวงตาของนางออกมาให้เฉิ นยวีเยียน” คุณชายโอวห


ยางขัดขึนอย่างไม่เกรงใจ ในแววตาสี ดาํ สนิทลึกลํานันเต็มไปแววแห่งความดูถูก
เย่อีเฉิ นยืนกรานไม่ยอมรับ “ไม่ใช่....”

“หากไม่ใช่เพราะท่านอ๋ อง เสวียเอ๋ อร์ก็คงไม่ถูกล่อลวงให้ไปทีเรื อนพักหลังนัน ทังยังต้องถูกทหาร


องครักษ์ทียืนเวรยามมากมายไล่จบั แต่ท่านทีอยูด่ ว้ ยกลับนิงเฉยไม่ยอมเคลือนไหวช่วยเหลือใดๆ
แม้แต่นอ้ ย......” คุณชายโอวหยางเหลือบตามองเขาเพียงครู่ เดียว แววตาไม่ปิดบังความดูแคลนและ
รังเกียจ

เย่อีเฉิ นทีได้เห็นก็มีสีหน้าเคร่ งเครี ยด พูดเสี ยงเคร่ งขรึ มว่า “คุณชายโอวหยาง เรื องของข้า ไม่ใช่
กงการทีเจ้าต้องมาถาม”

“หากเจ้าไม่ใช้วิธีมากเล่ห์ ไร้ยางอายกับเสวียเอ๋ อร์ เจ้าคิดว่าข้าจะสนใจเจ้างันหรื อ” คุณชายโอวหยาง


มองเขาด้วยหางตา แววตานันเต็มไปด้วยความดูถูก คนอืนได้ยนิ ชือทีเลืองลือของเย่อีเฉิ นก็เพราะเขา
สร้างความชอบใหญ่หลวง แต่เขาทีรู้จกั เย่อีเฉิ น กลับเป็ นเพราะมู่หรงเสวีย แม้แต่การพบกันครังแรก
ของพวกเขาเมือหลายปี ก่อนนันก็เพราะนาง

“หนวกหูจงั ” มู่หรงเสวียได้ยนิ เสี ยงทุ่มเถียงท่ามกลางความง่วงงุน แต่เปลือกตากลับหนักอึงเสี ยจน


ลืมไม่ขึน นางทําได้เพียงขมวดคิวส่ งเสี ยงพึมพําแสดงความไม่พอใจออกมา ดึงผ้าห่มสูงขึนมาปิ ดหู
ไว้อย่างไม่รู้เนือรู้ตวั แล้วก็หลับลงไปอีกครัง
ไข้ทีขึนสูงทยอยลดลงไปทีละน้อย จุดสี แดงเล็กๆ บนใบหน้าก็คอ่ ยๆ จางลง สี หน้าซี ดเผือด ขนตา
งอนยาวราวปี กผีเสื อ เกิดเป็ นเงาทาบทับบนใบหน้า ใบหน้ายามนอนทีสงบนิง เย่อีเฉินมองแล้วก็ได้
แต่ครุ่ นคิด

นางเกิดเรื อง คนแรกทีคิดถึงก็คือคุณชายโอวหยาง นางทีอยูใ่ นห้องของคุณชายโอวหยาง นอนอยู่


บนเตียงของเขา กลับสามารถหลับได้อย่างสบายใจช่นนี .........

คุณชายโอวหยางพลิกตัวเบาๆ บดบังสายตาของเย่อีเฉิ นเอาไว้ แล้วพูดขึนเสี ยงเยือกเย็น “เสวียเอ๋ อร์


บาดเจ็บ มีไข้สูง ช่วงนีก็คงจะพักทีวังเซี ยวเหยาอ๋ องไปก่อน จิงอ๋ องอย่าได้คิดหวังจะวางอุบายต่อ
นางอีกเลย เชิญกลับไปเสียเถอะ !” เดิมทีเขาก็ไม่ได้คิดจะพูดกับเย่อีเฉิ นมากมาย แต่เสวียเอ๋ อร์
รําคาญเสี ยงดังขึนมาเสี ยก่อน เขาก็เลยไล่ให้เย่อีเฉินกลับไปเสี ยตรงๆ

เย่อีเฉิ นยืนนิงไม่ขยับเขยือน สายตาคมกริ บของเขามองคุณชายโอวหยางไม่กะพริ บ ราวกับว่า


อยากจะมองทะลุร่างเขาไปถึงมู่หรงเสวียทีอยูด่ า้ นหลัง

“อะไรหรื อ เจ้ายังคิดหาวิธีการนับหมืนนับพันอะไรมาให้เสวียเอ๋ อร์ตอ้ งเสี ยสละเพือให้คนในใจของ


เจ้าได้กลับมามองเห็นอีก” คุณชายโอวหยางมองเย่อีเฉิ น แววตาลําลึกนันปิ ดบังรอยเย้ยเยาะไม่มิด
“ข้าไม่เคยคิดจะให้นางต้องเสี ยสละ .....” เย่อีเฉิ นพูดขึนช้าๆ ชัดๆ ทีละคํา

“เช่นนันหรื อ จิงอ๋ องคิดว่าการควักเอาดวงตาของเสวียเอ๋ อร์ ให้นางไปรับใช้หนีบุญคุณแทนเจ้า เสร็จ


แล้วค่อยแต่งนางเป็ นชายาเอก ดูแลนางไปตลอดชีวติ นันคือการรักนางใส่ใจนางหรื อ”

“วิธีการรักของท่านอ๋ อง พิเศษจนไม่อาจรับไว้ได้ ขอเพียงยังเป็ นสตรี ทวไป


ั คงตกใจจนวิญญาณ
แทบออกจากร่ างเป็ นแน่ คงไม่กล้ารับความรักทีพิเศษจากเจ้า......”

นําเสี ยงทีไม่ปิดบังการเย้ยเยาะของคุณชายโอวหยางดังแว่วในขึนอากาศ เย่อีเฉิ นค่อยๆ ขมวดคิว เขา


เพียงคิดทีจะให้ฉินยวีเยียนกลับมามองเห็นจะได้มีทางไปทีดีในอนาคตและเสวียเอ๋ อร์ทีต้องเสี ย
ดวงตาก็จะมีเขาดูแลนางไปชัวชีวติ พวกเขาทังสามก็จะได้มีความสุขไปทังหมด นีไม่ใช่หนทางทีดี
กับทังสองฝ่ ายหรอกหรื อ แล้วเหตุใดนางจึงต้องต่อต้านรุ นแรงเช่นนี

“จิงอ๋ อง เวลาก็ล่วงเลยมานานมากแล้ว เชิญเจ้ากลับไปเสี ยเถอะ !” เมือเห็นเย่อีเฉิ นยืนนิงไม่ขยับ แวว


ตาวูบไหวนันไม่รู้วา่ กําลังคิดอะไรอยู่ คุณชายโอวหยางก็ขมวดคิวแน่น ไล่แขกอย่างไม่เกรงใจเลย
แม้แต่นอ้ ย

ดวงตาของเย่อีเฉิ นฉายแววครุ่ นคิด พลางค่อยๆ เงยหน้าขึนมองคุณชายโอวหยาง พูดขึนช้าๆ ชัดๆ ที


ละคํา “คุณชายโอวหยาง ข้าชอบพอเสวียเอ๋ อร์ ไม่มีทางทีจะยอมวางมือง่ายๆ แน่....”
คุณชายโอวหยางหัวเราะเยาะออกมาอย่างไม่เห็นเป็ นเรื องสําคัญ “จิงอ๋ องจัดการเรื องฉิ นยวีเยียนให้
เรี ยบร้อยก่อนเถอะ แล้วค่อยมาทําคุยโว !”

เพียงวาจานันเอ่ยจบ ก็ได้ยนิ เสี ยงอึกทึกครึ กโครมดังขึน วังเซี ยวเหยาอ๋ องสันสะเทือนเล็กน้อย ทาง


ตะวันตกเฉี ยงเหนือเกิดแสงไฟลุกจ้า......

นัยน์ตาของเย่อีเฉิ นลุกวาบ นันเป็ นทิศของเรื อนพํานักทีฉิ นยวีเยียนอาศัยอยู่ !

เมือเหลือบตาไปมองคุณชายโอวหยาง นัยน์ตาคมกริ บก็ฉายแววเยือกเย็นคมกล้า “คุณชายโอวหยาง


เจ้าทําอะไร !”

“จิงอ๋ องกลับไปดูก็รู้แล้ว” คุณชายโอวหยางตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ นัยน์ตาดําสนิทลึกลําราว


นําในบึง

เย่อีเฉิ นมองมู่หรงเสวียทีนอนอยูบ่ นเตียง ก่อนจะมองเปลวไฟทางทิศตะวันตกเฉี ยงเหนืออีกครัง


หรุ บตาคิดอย่างใคร่ ครวญ เมือชังนําหนักร้ายดีแล้ว ชุดคลุมสะบัดเบาๆ หันกายกลับไป วิงออกไป
ข้างนอกอย่างไม่เหลียวหลัง.......
คุณชายโอวหยางยิมเยือกเย็นทีมุมปาก เมือสิ บปี ก่อนนันเขาและมู่หรงเสวียได้หมันหมายกัน เห็นได้
ชัดว่าเขาได้เปรี ยบอย่างสิ นเชิง แต่เขากลับไม่รู้จกั ทนุถนอม ผลักนางออกมาอย่างไร้เยือใย ยามนี เขา
ทําเรื องทีทําเลวร้ายกับนางไว้มากมายนัก ซํายังคิดจะผูกมัดนางเอาไว้ดว้ ยวิธีการอันตําช้าไร้ยางอาย
อีก ช่างโง่เขลาเสี ยจริ งๆ !

เขาไม่มีทางให้เย่อีเฉิ นได้เข้าใกล้ชิดกับเสวียเอ๋ อร์แน่นอน สตรี ซือบือนางนีต้องเป็ นของเขาเพียงคน


เดียวเท่านัน

ท่ามกลางแสงอาทิตย์สีทองอ่อนๆ เปลวไฟลุกพุ่งเจิดจ้า ดวงไฟทีลุกโชนขึนฟ้ าราวกับจะกลืนเรื อน


พักเข้าไปทังหมด สาวใช้ แม่นม คนรับใช้ต่างพากันวิงถือถังนําเข้าไปดับไฟ แต่เพียงพริ บตาก็ถกู
เปลวเพลิงเผาจนแห้งเหือด ไม่เกิดประโยชน์อนั ใดเลยแม้แต่นอ้ ย
ตอนที 217 ตาบอดไปตลอดชีวติ

แม่นมรับใช้สองนางของฉิ นยวีเยียนประคองนางหนีออกมาอย่างทุลกั ทุเล ชุดงดงามหรู หรามีคราบ


เขม่าควัน ผมดํางดงามโดนไฟลุกลามไปเกือบครึ ง ใบหน้านวลขาวมีคราบเขม่าด่างดํา ท่าทางทรุ ด
โทรมเกินพรรณนา

ฉิ นเฮ่าเหยียนเดินเข้ามาอย่างเร่ งรี บ มองเรื อนพักทีโดนไฟเผาไหม้ไปจนหมด สี หน้าก็พลันเคร่ งขรึ ม


“นีมันเรื องอะไรกัน”

“หม่อมชันเองก็ไม่ทราบเพคะ” แม่นมรับใช้ส่ายหน้า พลางตอบขึนอย่างเร่ งร้อน พวกนางกําลังรับ


ใช้องค์หญิง อยูๆ่ ห้องนันก็ระเบิดขึน โชคดีทีพวกนางหนีออกมาได้อย่างรวดเร็ว ไม่เช่นนันคงโดน
เผาเป็ นเถ้าถ่านไปแล้ว........

ไฟลุกโพลงสว่างจ้าไหม้ทะยานไปครึ งฟ้ า ไฟลามแลบจนรู้สึกเจ็บทีใบหน้า นัยน์ตาเจ้าเล่ห์ของฉิ น


เฮ่าเหยียนหรี ลงอย่างครุ่ นคิด ทังภายในภายนอกเรื อนพักต่างมีองครักษ์ยนื ยามอย่างแน่นหนา คน
ทัวไปไม่มีทางเล็ดรอดสายตาพวกเขาเข้ามาวางเพลิงได้ นีต้องเป็ นผลงานชันเลิศของยอดฝี มือแน่
เป็ นไปได้หรื อไม่ ทีจะเป็ น...คุณชายโอวหยาง อย่างไรเสี ย เขาก็ชอบมู่หรงเสวีย และมู่หรงเสวียเอง
ก็มาโดนรังแกทีนี เขาจะแก้แค้นให้นางนันก็เป็ นเรื องธรรมดา !

“น้องชายรัชทายาท.....น้องชายรัชทยาท......” เมือฉินยวีเยียนได้ยนิ เสี ยงของฉิ นเฮ่าเหยียน ใบหน้า


งดงามก็พลันปรากฏความตืนเต้นดีใจ ยืนมือออกมาจับแขนของเขาไว้แน่น แล้วพูดขึนด้วยเสี ยงร้อน
รน “มู่หรงเสวีย...มู่หรงเสวียล่ะ....เจ้าจับนางกลับมาหรื อยัง”

เมือเห็นสี หน้าร้อนรนของนาง นัยน์ตาของฉิ นเฮ่าเหยียนก็พลันวูบไหว พูดขึนอย่างขออภัย “ท่านพี


หญิง ขออภัยด้วย มู่หรงเสวียเข้าไปในวังเซี ยวเหยาอ๋ องแล้ว ข้าไม่ทนั จับนางไว้ได้........”

อะไรนะ ? จับนางไม่ได้ !

ฉิ นยวีเยียนตกตะลึง ในใจเต็มไปด้วยความร้อนรน นําเสี ยงของนางระทดท้อ “เช่นนันจะทําอย่างไร


ดี จะทําอย่างไรดีเล่า....” นางเสี ยดวงตาทังสองข้างไปเพราะเย่อีเฉิ น แต่ไม่ได้หมายความว่านางอยาก
เป็ นคนตาบอดไปชัวชีวติ

“ท่านพีหญิง....ท่านพีหญิง....ท่านสงบใจก่อนเถอะ ใจเย็นๆ ก่อน......” ฉิ นเฮ่าเหยียนจับแขนของ


ฉิ นยวีเยียนไว้ ปลอบโยนด้วยเสี ยงร้อนใจ “ข้าได้วางหูตาไว้ดา้ นนอกวังเซี ยวเหยาอ๋ องแล้ว ขอ
เพียงมู่หรงเสวียออกจากวังเซียวเหยาอ๋ อง ก็จะจับนางมาเปลียนตาให้ท่าน.......”
“เช่นนัน มู่หรงเสวียจะออกจากวังเมือใดกัน ดวงตาของข้ารอนานเกินไปไม่ได้ รอนานไม่ได้.......”
ฉิ นยวีเยียนพูดขึนอย่างเลือนลอย นัยน์ตาพลันสะท้อนความเจ็บปวดออกมา นางร้องขึนอย่าง
โหยหวน สองมือกุมดวงตาไว้ พลางร้องออกมาอย่างครําครวญ “ตาของข้า เจ็บเหลือเกิน ข้าเจ็บ
เหลือเกิน......”

“ท่านหมอ ท่านหมอ......รี บมาดูนางเร็ วเข้า......” แววตาของฉิ นเฮ่าเหยียนส่ องประกาย เขาร้องสังขึน


อย่างร้อนรน ฉิ นยวีเยียนบาดเจ็บหนัก เขาจึงให้หมอทีชํานาญด้านดวงตามาคอยดูแลนางโดยเฉพาะ

“พ่ะย่ะค่ะ พ่ะย่ะค่ะ” หมอรี บรับคําอย่างต่อเนือง พร้อมกับเร่ งเดินเข้ามา เมือจับมือของฉิ นยวีเยียน


ออกก็เห็นดวงตาทีกลายเป็ นหลุมเนือชําๆ ริ มขอบแผลนันมีฟองเล็กๆ สี ขาวขึนผุดพราย

“นีมัน...บาดแผลลุกลามแล้ว !” หมอเบิกตากว้างอย่างตืนตระหนก

“บาดแผลลุกลาม ? นันก็แปลว่าอาการบาดเจ็บของท่านพีหญิงร้ายแรงขึนอย่างนันสิ ” ฉิ นเฮ่าเหยียน


ขมวดคิวแน่น

“ไม่ใช่เพียงแต่อาการจะหนักขึนเท่านัน แต่หมายถึงว่าดวงตาขององค์หญิงได้เสี ยไปแล้วอย่าง


สิ นเชิง ลูกตาได้รับผลจากไฟไหม้ทีลุกลาม เสี ยหายไปไม่นอ้ ย ต่อให้เป็ นหมอเทวดามาเปลียน
ดวงตาให้นาง คาดว่าก็คงมองสิ งใดไม่เห็นแล้ว.......” หมอพูดขึนด้วยเสี ยงเคร่ งขรึ ม นัยน์ตานันหนัก
แน่น

มีเสี ยง “โครม” ดังขึนในหัวของฉิ นยวีเยียน ในหัวของนางขาวโพลน ในหูแว่วเพียงเสี ยงทีบอกว่า


ลูกตานางเสี ยหายอย่างสิ นเชิง นางจะต้องกลายเป็ นคนตาบอดอย่างแท้จริ ง ไม่มียาตัวไหนทีช่วยนาง
ได้แล้ว !

“ อ๊า !” เสี ยงร้องหวีดด้วยความสิ นหวังของฉินยวีเยียนดังทะลุชนเมฆ


“องค์หญิง !” แม่นมรับใช้สองคนรี บก้าวเข้ามาปลอบประโลมอย่างร้อนใจ

คิวของฉิ นเฮ่าเหยียนขมวดแน่นยิงกว่าเดิม นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความเคลือบแคลงอย่างไม่


เข้าใจ “ดวงตาของนางได้รับยาแล้ว ประคองอาการได้สามสี วันไม่มีปัญหา เหตุใดถึงกลับเป็ น
ร้ายแรงขึนมาได้เล่า” ซํายังร้ายแรงจนทําให้ส่วนทีไม่บาดเจ็บพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย ต้อง
กลายเป็ นคนตาบอดอย่างสิ นเชิงเข้าจริ งๆ

“เป็ นเพราะเกิดไฟไหม้รุนแรง ไฟลุกลามอย่างร้อนแรงนัก จนทําให้อุณหภูมิรอบๆ สูงขึน ทําให้


ประสิ ทธิภาพของยาลดลง เร่ งให้แผลเลวร้ายเร็วยิงขึน !” หมอพูดขึนอย่างช้าๆ ชัดๆ ทีละคํา แววตา
หนักแน่น
“มู่หรงเสวีย ต้องเป็ นมู่หรงเสวียแน่ นางไม่อยากควักดวงตาให้ขา้ ก็เลยต้องการทําลายดวงตาของข้า
ทําให้ขา้ หมดหนทางทีจะเปลียนดวงตาจนมองอะไรไม่เห็นอีกต่อไป นางช่างมีจิตใจทีโหดร้าย คิด
อ่านแผนการได้อย่างร้ายกาจนัก !” ฉิ นยวีเยียนกัดฟันพูดออกมา เสี ยงคังแค้นดังไปถึงชันเมฆ “มู่
หรงเสวีย ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่ !”

เย่อีเฉิ นยืนอยูไ่ ม่ไกลนัก เขามองเห็นฉิ นยวีเยียนทีคังแค้น นัยน์ตาก็ฉายแววลึกลําอย่างไม่อาจคาดเดา


นีคือเป้ าหมายของคุณชายโอวหยาง เขาทําลายดวงตาของฉิ นยวีเยียน ทําให้นางหมดทางทีจะเปลียน
ดวงตา ให้นางใช้ชีวิตทีเหลืออีกครึ งในความมืดมิด ทนทุกข์ทรมานไปครึ งชีวติ ทีเหลือ คุณชาย
โอวหยาง ช่างวางแผนได้ดีเหลือเกิน.......

เมือข่าวแพร่ ไปถึงวังเซี ยวเหยาอ๋ อง มุมปากของคุณชายโอวหยางก็ยกยิมขึนอย่างเยือกเย็น องครักษ์


เงาของวังเซียวเหยาอ๋ องโยนถุงระเบิดเข้าไปในนันสิ บกว่าถุง ทําได้แค่เพียงให้ฉินยวีเยียนกลายเป็ น
คนตาบอดอย่างแท้จริ ง แต่ไม่อาจเอาชีวติ ของนางมาได้ นางช่างโชคดียงนั
ิ ก.......

“คุณชาย เช่นนันให้ผนู้ อ้ ยไปอีก......” อู๋เหิ นพูดขึนเบาๆ ทํามือเป็ นนัยถึงการสังหาร

“ไม่ตอ้ งแล้ว ให้ฉินยวีเยียนใช้ชีวิตในความมืดมิด นีก็เป็ นการทรมานนางหนทางหนึง” นัยน์ตาของ


คุณชายฉายแววครุ่ นคิดลึกลํา ความตายนันไม่น่ากลัว ทีน่ากลัวคือการอยูไ่ ม่สู้ตาย ! กล้าลงมือร้าย
กาจกับเสวียเอ๋ อร์ เขาสังสอนนางเช่นนีก็ถือว่าปรานีมากแล้ว.......
“คุณชาย !” เสี ยงกังวานแหบพร่ าของสตรี ดงั แว่วมาจากในห้อง

อู๋เหิ นถอยออกไปอย่างรู้ความ

คุณชายโอวหยางเลิกม่านขึน แล้วเดินเข้าไปในห้อง ก็เห็นมู่หรงเสวียดึงผ้าห่มขึน ผมดําขลับยุง่ สยาย


นัยน์ตาสี ดาํ ดูงุนงงและล่องลอย เมือเห็นเขาก็ถามขึนอย่างเร่ งร้อน “ยามใดแล้ว”

“ยามเว่ย (ช่วงระหว่าง 13.00 - 15.00 ) แล้ว” คุณชายโอวหยางตอบเรี ยบๆ

มู่หรงเสวียขมวดคิว “เลยเวลารับสํารับไปแล้ว เหตุใดท่านจึงไม่เรี ยกข้าเล่า”

นางไม่ได้กินข้าวดีๆ มาสองวันแล้ว ตอนนีรู้สึกหิ วจนท้องร้องโครกคราก

“เห็นเจ้ากําลังหลับสบาย ข้าเลยไม่ได้เรี ยกเจ้า.....” คุณชายโอวหยางพูดเรี ยบๆ มองสี หน้าทีเคร่ งขรึ ม


ของนาง มุมปากพลันยกยิมสดใส “อาหารกําลังอุ่นรออยูใ่ นห้องครัว เจ้าล้างหน้าล้างตา ก็ไปกินได้
แล้ว”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ !” นัยน์ตาของมู่หรงเสวียเป็ นประกาย เลิกผ้าห่มออกวิงลงจากเตียง หยิบเอาชุดยาว
สี หิมะทีข้างเตียง แล้ววิงเข้าไปหลังฉากกัน

เมือเร่ งรี บเปลียนเสื อผ้าอย่างลวกๆ ออกมาจากหลังฉาก คุณชายโอวหยางก็พดู ขึนเรี ยบๆ “เย่อีเฉิ น


ฉิ นเฮ่าเหยียนกําลังซุ่มในทีมืด เตรี ยมทีจะจับเจ้า ช่วงหลายวันนีเจ้าพักทีวังเซี ยวเหยาอ๋ องไปก่อน
ค่อนข้างจะปลอดภัยกว่า”

“ข้ารู้แล้ว” มู่หรงเสวียพยักหน้า วรยุทธ์ขององครักษ์จวนเจินกัวโหวนันธรรมดาสามัญ ไม่สามารถ


ปกป้ องนางจากการรุ กล้อมขององครักษ์วงั จิงหวังได้

แต่ฝีมือขององครักษ์วงั เซียวเหยาอ๋ องนันไม่ได้ยาแย่


ํ ไปกว่าวังจิงอ๋ อง อีกทังในวังยังมีคุณชายโอวห
ยางพักอยูด่ ว้ ย เย่อีเฉิ น ฉิ นเฮ่าเหยียนคงไม่กล้าทีจะบุกเข้ามา นางพักทีนี แน่นอนว่าปลอดภัยกว่า แต่
ว่า “ข้าอยากกลับไปเอาของบางอย่างทีจวน.......”
ตอนที 218 หนังสื อหย่า

“ได้สิ !” คุณชายโอวหยางพยักหน้าแล้วเอ่ยขึน “ข้าจะไปกับเจ้าเอง”

“ตกลง” มู่หรงเสวียพยักหน้า เย่อีเฉิ นและฉิ นเฮ่าเหยียนจ้องจะคิดร้ายกับนางอยูต่ ลอดเวลา นางตัว


คนเดียว คงสู้พวกเขาไม่ได้ แต่ถา้ มีคุณชายโอวหยางคอยช่วยเหลือ นางก็ไม่ตอ้ งคอยหลบๆ ซ่อนๆ
จากพวกเขาอีกแล้ว

เวลาผ่านไปครู่ หนึง มู่หรงเสวียก็อาบนําแต่งตัวเสร็ จเรี ยบร้อย นางทีอยูใ่ นชุดกระโปรงยาวสี เขียว


อ่อนก้าวเดินออกมาจากหลังฉากกัน ชุดกระโปรงยาวมีขนาดพอดีตวั ราวกับว่าชุดกระโปรงยาวนี
สังจัดทําขึนเพียงเพือนางโดยเฉพาะ บนชุดกระโปรงยาวยังปั กด้วยลวดลายของผีเสื ออย่างประณี ต
รับเข้ากับจังหวะการก้าวเดินของนางอย่างพอดีราวกับเหล่าผีเสื อพวกนันกําลังโบยบินไปมา ราวดัง
มีชีวติ

บรรดาคนรับใช้ต่างทยอยกันขนอาหารทีเพิงปรุ งเสร็จเข้ามา มีทงลู


ั กชินปลา ไก่นิง ผัดมะเขือยาว
หมูผดั เปรี ยวหวานและอาหารเลิศรสต่างๆ นาๆ ทยอยวางเรี ยงรายอยูเ่ ต็มโต๊ะ กลินอาหารหอมกรุ่ น
อบอวนไปทัว ช่างยัวนําลายผูค้ นยิงนัก
มู่หรงเสวียคีบตักอาหารด้วยท่วงท่าทีสง่างามจนเสร็ จสิ น ก็เดินออกจากวังเซียวเหยาอ๋ อง มุ่งหน้า
ไปสู่จวนเจินกัวโหว

เมือมองออกไปไกลๆ ก็เห็นด้านนอกของจวนเจินกัวโหวมีกลุ่มคนจํานวนมากกําลังยืนมุงดูอะไรอยู่
เช่นนันนางก็ขมวดคิวขึนอย่างไม่เข้าใจนัก นีมันเกิดอะไรขึนหรื อ

นางรี บก้าวเดินเข้าไปข้างหน้า แล้วแหวกกลุ่มคนเข้าไปดู ก็เห็นว่าพ่อบ้านของจวนอู่อนั โหวยืนอยู่


หน้าประตูจวน ในมือถือประกาศใบหนึง พร้อมทังอ่านประกาศด้วยเสี ยงอันดัง “สมาชิกตระกูลซ่งมู่
หรงโหรว ทําตัวไร้ยางอาย หักหลังสามี แอบคบชู้ ตังครรภ์ลกู ชายอืน พอเรื องชัวถูกเปิ ดเผย นางก็
คิดวางแผนเผาทําร้ายสามี ทําร้ายหญิงบริ สุทธิ อีกทังยังมีจิตใจโหดเหี ยมเผาเด็กจนตายในกองเพลิง
......”

“นีคือ......หนังสื อร้องเรี ยนหรื อหนังสื อหย่ากันแน่” มู่หรงเสวียกระซิ บเบาๆ

“น่าจะเป็ นหนังสื อหย่า เพราะถ้าเป็ นหนังสื อร้องเรี ยน ต้องไปอ่านทีจวนซุนเทียนฟู่ ” คุณชายโอวห


ยางเอ่ยตอบ

มู่หรงเสวียขมวดคิวน้อยๆ “เหตุใดเขาถึงต้องยืนหนังสื อหย่าเวลานี ด้วยเล่า”


“ได้ยินมาว่า ซ่งเทียนเหวินเพิงจะฟื นสติ” คุณชายโอวหยางเอ่ยตอบด้วยเสี ยงราบเรี ยบ

เช่นนันมู่หรงเสวียก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ เมือซ่ งเทียนเหวินตืนขึน เขาคงเขียนหนังสื อหย่าทันที แล้ว


ก็ให้พอ่ บ้านนํามาส่ งมอบ

เมือบ้านอืนๆ บอกหย่าภรรยา ต่างก็เห็นแก่หน้าภรรยา พวกเขาจะแอบมอบหนังสื อหย่าให้กนั เป็ น


การภายใน

แต่ซ่งเทียนเหวินกลับให้พ่อบ้านเป็ นคนส่ งมอบหนังสื อหย่าเช่นนี และไม่พอยังให้ยนื ประกาศเรื อง


น่าอับอาย เรื องเลวร้ายทีมู่หรงโหรวเคยทําทีหน้าจวนเจินกัวโหว ต่อหน้าชาวบ้านธารกํานัลจํานวน
มาก นางคงจะต้องโดนชาวบ้านรุ มด่าว่าประณามอย่างแน่นอน......

“ขนาดเด็กตัวเล็กๆ นางยังสามารถฆ่าได้ มู่หรงโหรวช่างโหดเหี ยมยิงนัก......”

“นันสิ ถึงแม้เด็กคนนันจะไม่ใช่ลูกในไส้ของนาง แต่นางก็ไม่ควรทีจะลงมือหนักขนาดนัน......”

“จริ งด้วย นางก็ถือว่าเป็ นแม่คน ไม่กลัวบาปกรรมตามสนองหรื ออย่างไรกัน......”


“นางโดนบาปกรรมตามสนองแล้ว ก็ลูกในท้องนางทีแท้งแล้วนันไงเล่า......”

พวกชาวบ้านต่างได้ยนิ ถึงเรื องราวความแค้นระหว่างซ่งเทียนเหวินกับมู่หรงโหรวมาตังนานแล้ว แต่


พอมาได้ยนิ จากหนังสื อหย่าของซ่งเทียนเหวินอีกครัง พวกเขาก็รู้สึกเดือดแค้นขึนมาอีก ใช้วิธีตาํ
ทรามเลวร้ายขนาดนันฆ่าเด็กตัวเล็กๆ นางช่างโหดเหี ยมอํามหิ ตเกินไปแล้ว......

เมือกล่าวคําประณามจบ อยูๆ่ พ่อบ้านแห่งจวนอู่อนั โหวก็เพิมเสี ยงประกาศขึนเสี ยงดัง “มู่หรงโหรว


ประพฤติตวั เลวทราม จิตใจชัวร้าย ไม่เหมาะเป็ นสะใภ้ตระกูลซ่ง วันนีจึงได้ร่างหนังสื อหย่าขึน
ั าเนียบตระกูล นับแต่นีต่อไปจวนอู่อนั โหวกับสะใภ้ชวได้
ตระกูลซ่ งขอขับไล่สะใภ้ชวออกจากทํ ั ตดั
ขาดความสัมพันธ์ต่อกันอย่างสิ นเชิง ไม่มีความเกียวข้องใดๆ ต่อกันอีก......”

ั อ แสดงว่าซ่งเทียนเหวินคงโกรธมู่หรงโหรวมาก ถ้าไม่ใช่วา่ หนังสื อหย่า


ตัดขาดความสัมพันธ์งนหรื
ฉบับนีต้องอ่านต่อหน้าชาวบ้านแล้วละก็ เขาก็คงอยากจะเขียนว่าโกรธจนแทบจะอยากกินเลือดกิน
เนือนางเป็ นแน่

“คุณหนูซ่งชิงเหยียน คือคุณหนูแห่งจวนอู่อนั โหว อายุยงั น้อย ไม่อาจให้สะใภ้ชวทํ


ั าลายอนาคตของ
นางได้ เมือหนังสือหย่าส่ งถึงแล้ว ให้พอ่ บ้านรี บนําตัวนางกลับคืนสู่จวนอู่อนั โหวทันที !” เมือคํา
กล่าวอันยาวเหยียดจบลง พ่อบ้านก็ปิดผนึกซองจดหมายลง และส่ งมันให้กบั สาวใช้คนสนิทของมู่
หรงโหรวทีรอรับอยูด่ า้ นข้าง
พ่อบ้านไม่สนใจสี หน้าอันเขียวคลําของสาวใช้ เขาค่อยๆ เดินเข้าไปด้านในจวนเจินกัวโหว ยิมน้อย
ๆ แล้วเอ่ยขึน “คุณหนูใหญ่ เชิญตามข้ารับใช้ผนู้ ีกลับจวนอู่อนั โหวด้วยขอรับ”

มู่หรงเสวียเพิงจะสังเกตเห็นว่าซ่งชิงเหยียนนังอยูด่ า้ นในของประตูจวน ร่ างกายแสนอันอ่อนแอและ


บอบบางของนางสันไหวน้อยๆ ใบหน้าซี ดขาวราวกับกระดาษ คนใช้ภายในจวนบอกกับนางว่า
บิดาส่ งคนมา ท่านแม่ของนางป่ วยอยูไ่ ม่สามารถออกมารับหน้าเองได้ ก็เลยให้นางออกมารับหน้า
แทน

แต่นางกลับคิดไม่ถึงว่า ของทีท่านพ่อส่ งมอบให้กบั ท่านแม่จะเป็ นหนังสื อหย่า อีกทังยังด่าประณาม


ว่าท่านแม่ไม่ประพฤติตนตามหลักการเป็ นสะใภ้ทีดี ประพฤติตนชัว จิตใจโหดเหี ยม และไม่พอยัง
สังให้พานางไปจากจวนเจินกัวโหวอีก......

“คุณหนูใหญ่ เวลาสายมากแล้วขอรับ เชิญคุณหนูกลับไปกับข้าน้อยเถิด” เมือเห็นซ่งชิงเหยียนนังนิง


ไม่ยอมขยับตัว พ่อบ้านทีทนรอไม่ไหวจึงเอ่ยเตือนขึนด้วยเสี ยงอันดัง

เช่นนันซ่งชิงเหยียนก็ดึงสติกลับมา จ้องมองไปทีพ่อบ้าน แล้วเอ่ยขึนด้วยเสี ยงเหยียบเย็น “ท่านแม่


ของข้ากําลังป่ วยอยู่ ข้าผูเ้ ป็ นลูกสาว จะห่างไปไกลไปได้อย่างไร เจ้ากลับไปแจ้งท่านพ่อว่าท่านแม่
หายดีเมือไร ข้าค่อยกลับไปทีจวนอู่อนั โหว......”
“ขออภัยด้วยขอรับคุณหนูใหญ่ นายท่านกล่าวว่า ท่านคือคุณหนูแห่งจวนอู่อนั โหว วันนีต้องกลับสู่
จวนอู่อนั โหว !” เขากล่าวออกมาอย่างหนักแน่น พริ บตาผูต้ ิดตามสองคนก็เดินเข้าไปขนาบข้างซ่ง
ชิงเหยียนทังซ้ายและขวา กุมตัวนางเดินออกไปอย่างรวดเร็ ว

ซ่งชิงเหยียนตกตะลึงเป็ นอย่างมาก นางพยายามออกแรงขัดขืนสุ ดฤทธิ แต่กไ็ ม่สามารถทีจะสะบัด


หลุดออกจากผูต้ ิดตามทังสองได้ นางจึงมองไปทีพวกเขาด้วยสายตาโหดเหี ยม ตะโกนด้วยความ
โมโหว่า “พวกเจ้าทําอะไร จะทําอะไร ! คิดจะกบฏหรื ออย่างไร !”

“คุณหนูใหญ่ พวกข้าน้อยแค่ทาํ ตามคําสังเท่านัน !” ผูต้ ิดตามตอบกลับอย่างไร้อารมณ์ใดๆ รี บพยุง


นางก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ ว

ซ่งชิงเหยียนทีดินไม่หลุดนัน ทังโมโหทังร้อนรน ร้องตะโกนขึนอย่างตกใจ “ใครก็ได้...ช่วยข้าด้วย


...”

ชาวบ้านต่างก็มองตากันไปมา ทําเป็ นไม่สนใจ เรื องภายในครอบครัวคนอืน ไม่เหมาะสมทีจะยืนมือ


เข้าไปแทรก......
เมือมองไปตามเงาร่ างของซ่งชิงเหยียนทีค่อยๆ ห่างไกลออกไป มู่หรงเสวียก็ขมวดคิวขึนเบาๆ ใช้วธิ ี
บังคับลูกสาวกลับไปแบบนี แสดงว่าซ่ งเทียนเหวินเตรี ยมตัวทีจะประกาศตนเป็ นศัตรู กบั มู่หรงโหร
วอย่างจริ งจังเสี ยแล้ว หากไม่ตายก็ไม่ยอมเลิกรา......

ขณะทีผูต้ ิดตามกุมตัวซ่ งชิงเหยียนออกไปจากฝูงชนจนไปถึงรถม้าของจวนอู่อนั โหวนัน ซ่งชิงเห


ยียนก็ร้อนใจดังไฟลน สาดส่ องสายตาไปทัวอย่างตืนตระหนก โดยไม่ทนั ตังใจก็เหลือบไปเห็น
รู ปร่ างบอบบางอันคุน้ เคย แววตาก็ทอประกายออกมา รี บตะโกนขึนทันที “พีหญิง...พีเสวียเอ๋ อร์...
ช่วยข้าด้วย......รี บช่วยข้าที......”

พีเสวียเอ๋ อร์หรื อ นีไม่ใช่มู่หรงเสวีย คุณหนูแห่ งจวนเจินกัวโหวหรอกหรื อ

ชาวบ้านทีมุงดูอยู่ ดวงตาของพวกเขาต่างทอประกายแวววับ แววตาส่อแววประหลาดใจพากันจ้อง


มองมาทีมู่หรงเสวีย

มู่หรงเสวียยิมขึนอย่างเหยียบเย็น ซ่งชิงเหยียนชักนําไฟมาทีตัวนาง ช่างเฉลียวฉลาดยิงนัก นาง


ปะปนอยูก่ บั ชาวบ้านเพือทีจะดูความวุน่ วายตรงหน้าอย่างเงียบๆ เพียงเท่านัน แต่ซ่งชิงเหยียนยังจะ
ลากนางลงไปในนําขุ่นอีก ทว่าซ่งชิงเหยียนทีโยนเรื องมาให้นาง นางจําเป็ นจะต้องรับไว้หรื อ......
ตอนที 219 การมาของเสนาบดีเซีย
มู่หรงเสวียหันมองไปทีซ่งชิงเหยียน แล้วกล่าวขึนอย่างไม่นาํ พา “ซ่งโหวเหย่เป็ นพ่อแท้ๆ ของน้อง
ชิงเหยียน เขาเรี ยกเจ้ากลับจวน ข้าทีเป็ นเพียงแค่พีสาวนอกตระกูลไม่มีสิทธิอํานาจอะไรทีจะไป
ขัดขวาง......”

สนัก ต้องการการดูแลจากข้า ทังยังกําชับข้าเป็ นพิเศษว่าให้อยูท่ ี


“อาการบาดเจ็บของท่านแม่นนสาหั

จวนเจินกัวนานอีกหน่อย ข้าไม่สามารถทีจะไปแบบนีได้......” ซ่งชิงเหยียนเร่ งอธิ บายขึนอย่างร้อน
รน แววตาของนางเต็มไปด้วยความเศร้าโศกเสี ยใจ

มู่หรงเสวียไม่สนไหวแม้
ั แต่นอ้ ย นางเพียงกล่าวขึนอย่างช้าๆ “เป็ นเช่นนีเอง...เช่นนันข้าจะให้คนไป
แจ้งแม่ของเจ้า ให้นางมาออกหน้ารังตัวเจ้าไว้......”

“ท่านแม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่สามารถทีจะลงจากเตียงได้......” ซ่งชิงเหยียนอธิ บายขึนอย่างร้อน


รน ดวงตาของนางคลอไปด้วยนําตา

มู่หรงเสวียทีเห็นนันไม่แม้แต่สนใจ นางกล่าวขึนอย่างเรี ยบๆ ว่า “เช่นนันข้าจะไปแจ้งท่านยาย ท่าน


อา ท่านอาสะใภ้ซึงพวกเขาล้วนเป็ นญาติผใู้ หญ่ของเจ้า มีอาํ นาจในการตัดสิ นใจมากทีสุ ดว่าเจ้าควร
จะไปหรื อควรจะอยู.่ .....”
ความแค้นระหว่างมู่หรงโหรวกับซ่งเทียนเหวิน ล้วนพัฒนาไปถึงขันไม่ตายไม่เลิกราไปแล้ว ซ่งชิง
เหยียนทีเป็ นลูกสาวเพียงหนึงเดียวของพวกเขา แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องแย่งชิงกันอย่างดุเดือด
เพือให้ได้ตวั ซ่งชิงเหยียนมา นางนันไม่คิดอยากทีจะไปเข้าร่ วมในความวุน่ วายครังนี ด้วย นันจะเป็ น
การหาเรื องใส่ตวั ......

“สุ ขภาพร่ างกายของท่านยายไม่ค่อยดีนกั กําลังพักผ่อนอยูท่ ีห้องนอน ท่านอากับท่านอาสะใภ้มีธุระ


ออกไปข้างนอก ไม่ได้อยูใ่ นจวน......” ซ่งชิงเหยียนมองมาทางมู่หรงเสวียด้วยท่าทางน่าสงสาร ใน
จวนเจินกัวโหวคนทีสามารถออกหน้าให้นางได้ตอนนี เหลือเพียงแค่มู่หรงเสวียคนเดียวเท่านัน......

บังเอิญเช่นนี เชียวหรื อ ตอนทีสงบเงียบไม่มีเรื องไม่มีราว ครอบครัวนี ล้วนอยูใ่ นจวนเจินกัวโหวกัน


อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา แต่เมือพอเกิดเรื องพวกเขาทังหมดก็ลว้ นไม่อยูเ่ สี ยได้ คงคิดจะเอาเรื องราว
ปั ญหาทังหมดโยนให้นาง คิดอยากให้นางต่อกรกับซ่ งเทียนเหวินหรื อ ฝันกลางวันอะไรของพวก
เขากัน !

“ถึงแม้ขา้ จะเป็ นลูกพีลูกน้องของเจ้า แต่ต่อหน้าอู่อนั โหวแล้วข้าก็ยงั คงเป็ นแค่เด็ก ถ้าหากข้าไป


โต้แย้งการตัดสิ นใจของเขา ก็จะเป็ นการไม่เคารพเขาหรอกหรื อ แต่ท่านอาก็อยากให้เจ้าอยูเ่ ป็ น
เพือน ถ้าหากข้าพูดออกไปว่าให้เจ้ากลับจวนอู่อนั โหวได้ นางก็จะต้องเสี ยใจแน่นอน เอาอย่างนีแล้ว
กัน ข้าจะสังให้คนไปพยุงท่านย่าและท่านอาออกมา ให้พวกเขามาออกความเห็น......” มู่หรงเสวีย
พูดขึนด้วยรอยยิมสดใส ดวงตาสี ดาํ ขลับเต็มไปด้วยความดูถกู เยาะเย้ยทีอย่างไม่ยากเลยทีจะค้นพบ
ทันใดนันใบหน้าเรี ยวเล็กของซ่งชิงเหยียนก็มืดครึ มลงจนน่ากลัว ตอนทีท่านยาย ท่านอา ท่านอา
สะใภ้ ท่านแม่และท่านพ่อต่อกรปะทะคารมกับมู่หรงเสวีย นางเคยเคารพใครบ้าง ตรงกันข้ามนาง
กลับลงมือกับพวกเขาอย่างไม่ปรานี ตอนนีไม่วา่ จะเปิ ดปากหรื อหุบปากก็ลว้ นพูดถึงแต่การเคารพ
ให้เกียรติ ชัดเจนว่ากําลังกล่าวเพือทีจะผลักภาระ ไม่คิดอยากเข้ามายุง่ เกียวกับเรื องของนาง

เช่นนันตัวนางก็ไม่มีทางให้มู่หรงเสวียได้สมใจหวัง !

แววตาวูบไหว ซ่ งชิงเหยียนร้องขึนอย่างร้อนรน “ท่านยายกับท่านแม่พวกนาง......”

“ถึงแม้วา่ สุ ขภาพร่ างกายของพวกนางจะไม่ดีขนาดไหน แต่เพือเจ้าแล้ว แน่นอนว่าจะต้องออกมา


จากจวนเพือออกหน้าให้เจ้า จากจวนฝ่ ายในถึงปากประตูจวนระยะทางก็ไม่ได้ไกลมากนัก ให้พวก
นางนังเกียวออกมา ไม่มีทางเป็ นปั ญหาอะไร เจ้าไม่จาํ เป็ นต้องกังวล ข้าขอตัวเข้าจวนก่อนแล้ว เจ้า
รอข่าวดีจากข้าได้”

มู่หรงเสวียกล่าวตัดบทคําพูดของนางขึนด้วยรอยยิมสดใส แล้วหันกายค่อยๆ เยืองย่างเดินเข้าไปใน


จวนเจินกัวโหว ด้านหลังมีเสี ยงคําสังของพ่อบ้านจวนอู่อนั โหวดังขึน “เวลาก็ไม่นอ้ ยแล้ว ประคอง
คุณหนูขึนไปบนรถม้า พวกเราจะกลับจวนแล้ว......”
“เจ้าค่ะ !” สาวใช้ตอบรับเสี ยงเข้มกุมตัวซ่งชิงเหยียนไว้ แล้วยัดนางเข้าไปในรถม้า ความหมายของมู่
หรงเสวียนันชัดเจน นางไม่ตอ้ งการทีจะแทรกแซงเรื องราวระหว่างโหวเหย่กบั มู่หรงโหรว เท่านี
พวกเขาก็สามารถนําตัวคุณหนูใหญ่กลับจวนได้ถือเป็ นอันเสร็จสิ นเรื องราว

ซ่งชิงเหยียนกระแทกตัวเข้าไปนังในรถม้า แขนของนางถูกกระแทกจนรู้สึกเจ็บปวด นางเลิกดึง


ผ้าม่านขึนแล้วกรี ดร้องขึนเสี ยงดัง “พวกเจ้าจะทําอะไร.....ปล่อยข้าลงไปนะ......”

พ่อบ้านได้ยนิ แต่ไม่สนใจ เขานังอยูท่ ีหน้ารถม้าคว้าหยิบแส้ขึนมา ตวัดฟาดไปทีก้นม้าอย่างแรง ม้า


เร็ วร้องขึนเสี ยงหนึง พุ่งทะยานออกไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วราวกับศรแสง สายลมลอยมาด้วยเสี ยง
กรี ดร้องแหลมเล็กอันดังลันของซ่ งชิงเหยียน “ช่วยด้วย...ช่วยด้วย......”

ฝูงชนทีมุงดูอยูต่ ่างมองหน้าสบตากันไปมา ถอนหายใจออกมาอย่างเหนือยใจ ซ่งชิงเหยียนเป็ น


คุณหนูของจวนอู่อนั โหว นางกลับไปทีจวนอู่อนั โหวก็เป็ นเรื องปกติ คนทีทําผิดเป็ นแม่ของนาง
ไม่ใช่นาง เมือนางกลับจวนไปแล้วคนของอู่อนั โหวก็ไม่ได้ทุบตีนาง และก็ไม่ได้ด่าว่านาง เช่นนัน
นางจะโวยวายใหญ่โตไปทําไมกัน.....

มู่หรงโหรวทําผิดร้ายแรงจนถึงขันถูกหย่า ซ่งชิงเหยียนทีมีฐานะเป็ นลูกแท้ๆ ของนางอยูท่ ีจวนอู่อนั


โหว แน่นอนว่าจะต้องถูกผูค้ นต่อว่าวิพากษ์วิจารณ์ นีอาจจะเป็ นเหตุผลทีนางไม่อยากกลับจวนอู่อนั
โหว แต่วา่ เรื องราวของซ่งชิงเหยียนไม่มีอนั ใดเกียวข้องกับนาง เช่นนันนางก็คร้านทีจะไปยุง่ เกียว
ประตูทางเข้าจวนเจินกัวโหวมีทหารยาม และบ่าวไพร่ อยูห่ ลายนาย เรื องทีซ่งชิงเหยียนถูกอู่อนั โหว
จับตัวกลับไป พวกเขาคงจะไปรายงานให้แซ่ตูก้ บั มู่หรงโหรวรู้เอง เช่นนันนางก็จะไม่ไปยุง่ วุน่ วาย
แล้ว......

มู่หรงเสวียคิดขึนในใจ เลาะเดินตามทางเดินหิ นไป ค่อยๆ เดินเข้าไปในเรื อนหิมะโปรย หงซิ วและ


อันเซี ยงทีอยูใ่ นเรื อนหิมะโปรยกําลังวิงวุน่ พากันปั ดกวาดเช็ดถูกทําความสะอาดภายในเรื อน เมือ
เห็นมู่หรงเสวียทังสองก็หยุดมือลง ย่อกายลงคารวะอย่างพร้อมเพรี ยง “คุณหนูใหญ่ !”

มู่หรงเสวียตอบรับเบาๆ เสี ยงหนึ ง นางเดินเข้าไปในห้องด้านในแล้วเปิ ดลินชักออก หยิบเอากล่อง


ไม้หอมขึนมากล่องหนึง โฉนดทีดิน สัญญาร้านค้า กุญแจห้องเก็บของรวมถึงตัวเงินทีมาจากกําไร
ของร้านค้าล้วนอยูใ่ นกล่องกล่องนี นางเพียงแค่เอากล่องใบนีไปด้วย เท่านีก็หมดห่วงแล้ว

มู่หรงเสวียเอากล่องใบนันวางลงบนเก้าอีด้วยรอยยิมกระจ่างใส แล้วหมุนกายไปเปิ ดตูเ้ สือผ้า หยิบ


เอากระเป๋ าย่ามขึนมาใบหนึง แล้ววางลงไปบนโต๊ะ......

“เจ้าจะทําอะไร” คุณชายโอวหยางทียืนอยูด่ า้ นข้างมองไปทีนางอย่างไม่เข้าใจนัก


“เอาเสื อผ้าสะอาดไปเปลียนอย่างไรล่ะ” มู่หรงเสวียตอบขึนอย่างไม่สนใจนัก นานวันอากาศก็ยงิ
ร้อนขึน อย่างน้อยทีสุดนางจะต้องอาบนําวันละสองครัง แล้วจะไม่มีเสื อผ้าทีซักแล้วเอาไว้เปลียนได้
อย่างไรกัน

“ตอนช่วงสาย ข้าสังให้คนไปซือเสื อผ้าจากอีเซี ยงเก๋ อมาให้เจ้าเสี ยหลายชุด เพียงพอสําหรับให้เจ้า


ใส่ แล้ว เจ้าไม่จาํ เป็ นต้องจัดเตรี ยมเสื อผ้าเพิมอีก” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนเสี ยงเรี ยบ

“จริ งหรื อ” มู่หรงเสวียเงยหน้ามองไปทีเขา

“แน่นอนว่าเป็ นเรื องจริ ง” คุณชายโอวหยางพูดขึนเรี ยบๆ นําเอากระเป๋ าย่ามเก็บเข้าไปในตูเ้ สื อผ้า


แล้วปิ ดตูเ้ สื อผ้าลง มองไปทีมู่หรงเสวียแล้วกล่าวขึน “เครื องประดับเตรี ยมเอาไว้ให้แล้วหลายชุด
เจ้าก็ไม่ตอ้ งเอาไปเพิมอีก เอาไปแค่กล่องไม้หอมใบนันก็พอ ข้าวของเครื องใช้อย่างอืนทีวังเซี ยว
เหยาอ๋ องล้วนมีครบครัน”

“ตกลง !” มู่หรงเสวียพยักหน้า ข้าวของของวังเซี ยวเหยาอ๋ อง แน่นอนว่าไม่แย่นกั เช่นนันนางก็ใช้


ของทีคุณชายโอวหยางเตรี ยมเอาไว้ให้กแ็ ล้วกัน

นางค่อยๆ ค้อมกายลงไปหยิบกล่องไม้ขึน แล้วเตรี ยมทีจะเดินออกไปด้านนอก ทันใดนันด้านนอก


ประตูกม็ ีเสี ยงตวาดต่อว่าเสี ยงหนึงดังขึน “หลิวเฟิ ง เจ้าเข้ามาในเรื อนของเสวียเอ๋ อร์ทาํ ไม”
“ข้ามีธุระต้องการหารื อกับนาง” ในนําเสี ยงอธิบายอันยานคางของมู่หลิวเฟิ งแฝงไว้ดว้ ยความเจ้าเล่ห์
ทีแลดูมีเสน่ห์นอ้ ยๆ

“เช่นนันเจ้าก็ควรทีจะมอบเทียบขอเข้าพบทีหน้าประตูจวนโหว หลังจากทีได้รับอนุญาตแล้วก็คอ่ ย
เข้ามาอย่างสง่าผ่าเผย แต่ไม่ใช่เหมือนดังเช่นตอนนีทีแอบกระโดดเข้ามา คล้ายกับพวกขโมยย่องเบา
......”

นําเสี ยงติเตียนอันดุดนั และน่าเกรงขามดังเข้าหู แต่ม่หู ลิวเฟิ งไม่เห็นว่าเป็ นเช่นไร “ส่ งเทียบขอเข้า


พบ รอการตอบกลับแล้วค่อยตามคนเข้ามา ฟังดูช่างยุง่ วุน่ วายนัก ข้ากับมู่หรงเสวียเป็ นเพือนสนิท
กัน ไม่จาํ เป็ นจะต้องมากพิธีให้ยงุ่ ยาก หากอยากจะพบนางก็แค่ทาํ เหมือนกับตอนนี ก็คือกระโดดเข้า
มาตรงๆ ข้าคิดว่ามันสะดวกและรวดเร็ วมากกว่านัก......”

มู่หรงเสวียมองไปทีประตูทางเข้า ก็เห็นมู่หลิวเฟิ งกับชายวัยกลางคนผูห้ นึ งกําลังเดินตามกันเข้ามา


ั ใ่ นชุดสี คราม ใบหน้าหล่อเหลา แววตาเยียบเย็น เป็ นผูน้ าํ ของขุนนางทังหลาย เขาคือ
ชายผูน้ นอยู
เสนาบดีเซี ย !

มู่หรงเสวียกะพริ บตามองไปทีเขาอย่างไม่เข้าใจ “เสนาบดีเซี ย ท่านมาหาข้ามีธุระอันใดหรื อ”


ตอนที 220 องครักษ์ เงาทีลึกลับ
“ไม่ได้มีธุระอะไร” เสนาบดีเซี ยส่ ายหน้า ปรายตามองไปทีมู่หลิวเฟิ งแล้วกล่าวขึน “ข้าอยูด่ า้ นนอก
เห็นเขากระโดดเข้ามาทีนีอย่างลับๆ ล่อๆ กลัวว่าเขาจะคิดร้ายกับเจ้า ก็เลยตามเขาเข้ามา”

“ลับๆ ล่อๆ อะไรกัน ข้านันกระโดดเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผยต่างหากเล่า ทีทหารยามพวกนันไม่รู้สึกถึง


การมาของข้า ก็เป็ นเพราะพวกเขานันโง่งม ไร้ความสามารถ และวรยุทธ์ตาต้
ํ อยเอง......”

มู่หลิวเฟิ งโต้แย้งอย่างเป็ นเหตุเป็ นผล แววตาของเขาคุกรุ่ นน้อยๆ

มู่หรงเสวียกรอกตาไปมาด้วยความเหนือยใจ โบกมือขึนเพือขัดคําพูดของเขา “เจ้าหาข้ามีธุระอะไร”


ถ้าหากยังปล่อยให้เขาพูดต่อไปเช่นนี แน่นอนว่าเขาไม่มีทางพูดจบแน่

“ข้าได้ยนิ มาว่าเย่อีเฉิ นกับฉิ นเฮ่าเหยียนรวมหัวกันคิดร้ายต่อเจ้า เจ้ามีอะไรให้ขา้ ช่วยหรื อไม่” มู่หลิว


เฟิ งยิมถามขึนตาหยี ดวงตาทรงลูกท้ออันงดงามของเขาวูบไหวไปด้วยความโหดเหี ยมมืดมิด

ชายผูม้ ีอาํ นาจบาตรใหญ่สองคนรวมหัวกันรังแกหญิงสาวกําพร้าทีไม่มีทีพึงพิง ไม่อบั อายผูค้ นบ้าง


หรื ออย่างไร ตอนทีเขาได้ฟังองครักษ์เงากล่าวรายงาน ในใจล้วนด่าทอว่าสองคนผูน้ ีช่างไร้ยางอาย
ยิงนัก......
มู่หรงเสวียยิมขึนน้อยๆ “ขอบคุณคุณชายมู่ทีเป็ นห่วง เรื องราวของฉิ นยวีเยียน ข้าได้จดั การไปไม่
น้อยแล้ว ตอนนีไม่ตอ้ งการความช่วยเหลืออะไรอีก......”

“ดูท่าคงเป็ นข้าทีมาช้าไป......” มู่หลิวเฟิ งถอนหายใจออกมาหนักๆ แววตาวูบไหวด้วยความผิดหวัง


พลางมองไปทีมู่หรงเสวียแล้วกล่าวเน้นขึนทีละคํา “เช่นนันหลังจากนีหากเจ้ามีอะไรต้องการให้ขา้
ช่วย ก็รีบบอกข้าได้ทนั ที ข้าจะไม่บ่ายเบียงกลับคําอย่างแน่นอน......”

“พอแล้ว เสวียเอ๋ อร์มีองครักษ์เงาคอยคุม้ กัน ถึงแม้วา่ เย่อีเฉินกับฉิ นเฮ่าเหยียนจะร่ วมมือกัน ก็คงไม่


สามารถทําอะไรนางได้ ไหนเลยจะต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า......” ทันใดนันเสนาบดีเซี ยก็เปิ ด
ปากตัดบทคําพูดของเขาขึน ดวงตาอันดุดนั วูบไหวไปด้วยความเย้ยหยัน

มู่หรงเสวียชะงักไปครู่ หนึ ง “องครักษ์เงา องครักษ์เงาอะไรหรื อ”

“ก็องครักษ์เงาผูท้ ีแอบซ่อนอยูใ่ นเงามืดคอยปกป้ องเจ้าอย่างไรล่ะ” เสนาบดีเซี ยอธิบายขึนเสี ยงเบา

เช่นนันมู่หรงเสวียก็ปรายมองไปทีคุณชายโอวหยาง “เจ้าพาองครักษ์เงามาด้วยหรื อ”
“มีสวินเฟิ งตามมาด้วย” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนอย่างเรี ยบๆ ใช้นิวมือทําสัญลักษณ์ขึนในอากาศ
เพียงพริ บตาสวินเฟิ งก็ปรากฏขึนทีด้านข้างกายเขา

แววตาของมู่หลิวเฟิ งวูบไหวเปล่งประกาย สายตาทีมองไปทีเสนาบดีเซี ยเต็มไปด้วยความเคารพนับ


ถือ “ท่านกลับสามารถสัมผัสได้ถึงการมีอยูข่ ององครักษ์เงา ช่างร้ายกาจนัก......”

ตังแต่เล็กองครักษ์เงาจะเรี ยนวิชาทีจําเพาะเป็ นพิเศษวิชาหนึง ทีไม่วา่ จะเป็ นคนทีมีวรยุทธ์สูงส่ ง


เพียงไรก็จะไม่มีทางตรวจจับหรื อสัมผัสถึงการคงอยูข่ องพวกเขาได้ แต่เสนาบดีเซี ยกลับสามารถ
สัมผัสได้ ช่างเป็ นคนทีเก่งกาจไม่ธรรมดาสามัญนัก......

เมือหันมองไปทีสวินเฟิ ง แววตาของมู่หลิวเฟิ งก็วบู ไหวหยอกล้อขึน “สวินเฟิ ง การซ่ อนตัวของเจ้า


ด้อยลงแล้ว...หลังจากนีก็กลับไปฝึ กฝนให้มากขึนเสี ยล่ะ......”

“ทีข้ากล่าวถึงนันไม่ใช่องครักษ์เงาของวังเซียวเหยาอ๋ อง แต่เป็ นองครักษ์เงาของจวนเจินกัวโหวของ


พวกเจ้าต่างหาก” เสนาบดีเซี ยพบว่ามีบางอย่างทีไม่ถูกต้อง เขามองไปทีมู่หรงเสวียแล้วกล่าวเน้นขึน
ทีละคํา

“จวนเจินกัวโหวไม่มีองครักษ์เงานะเจ้าคะ” มู่หรงเสวียส่ ายหน้า นางมาถึงชิงเหยียนนานขนาดนี


แล้ว ถ้าหากจวนเจินกัวโหวมีองครักษ์เงา แน่นอนว่านางจะต้องรู้สึกได้
“เป็ นไปไม่ได้ !” เสนาบดีเซี ยส่ ายหน้าแย้งคําพูดของนาง “สิ บห้าปี ก่อน พ่อของเจ้าบ่มเพาะองครักษ์
เงาร้อยคนขึนมากองหนึง แต่ละคนล้วนมีวรยุทธ์สูงส่ ง ความสามารถไม่ธรรมดา ตอนกลางคืน
สามารถเดินทางได้ไกลเกือบพันลี นอกจากนียังสามารถเข้าไปในทีมันของศัตรู ราวกับเดินเล่นใน
เขตแดนทีไร้ผคู้ น แต่นนยั
ั งไม่พอ พวกเขายังสามารถเด็ดหัวผูน้ าํ ฝ่ ายศัตรู ได้อย่างง่ายดายโดยไม่
เปลืองแรง ไปมาอย่างไร้ร่องรอย ดังนันก็เลยได้ฉายาว่าภูติเงา......”

“ร้ายกาจเช่นนีเชียวหรื อ” มู่หลิวเฟิ งเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง องครักษ์เงาทีจวนเฉิงกัวกงบ่ม


เพาะขึน หลักๆ แล้วเอาไว้เพือปกป้ องคุม้ ครองผูค้ น ตรวจสอบเรื องราว สื บหาข่าวสาร หรื อปะทะ
ย่อยๆ กับศัตรู แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยเอาไปใช้ในการทหาร......

“องครักษ์เงากองนีเดิมทีสร้างขึนเพือเอาไว้ใช้ในการทําสงคราม มีความสามารถทีไม่ธรรมดานัก
เมือเทียบกับองครักษ์เงาโดยทัวไปแล้ว พวกเขาร้ายกาจมากกว่าหนึงถึงสองขัน พ่อของเจ้านันมี
ฐานะเป็ นผูบ้ ญั ชาการของพวกเขาและยังเป็ นผูบ้ ญั ชาการเพียงหนึงเดียวของพวกเขา......”
เสนาบดีเซี ยกล่าวขึนเสี ยงตํา มองไปทางมู่หรงเสวีย แววตาวูบไหวด้วยความจริ งจังทีน้อยนักจะมีให้
เห็น

“แต่ขา้ ไม่เคยพบองครักษ์เงาในจวนเจินกัวโหวเลยแม้แต่คนเดียว ไม่ใช่วา่ หลังจากทีท่านพ่อของข้า


สิ นใจไป พวกเขาก็แยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทางหรอกหรื อ” แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหวลึก
ลํา ในเมือผูบ้ ญั ชาการตายไปแล้ว พวกเขาทีเป็ นดังมังกรไร้หวั ไม่มีคนคอยสังการ ไม่มีผเู้ ป็ นศูนย์
รวมใจ ก็เลยพากันสลายตัวแยกย้ายไปบ้านใครบ้านมัน ก็ไม่เห็นมีอะไรทีน่าแปลกใจ

“ไม่มีทาง” เสนาบดีเซี ยส่ ายหน้า “องครักษ์เงาเป็ นผูท้ ีมีความจงรักภักดีมากทีสุ ด คนทีพ่อของเจ้า


เลือกเองล้วนแต่เป็ นผูท้ ีมีความภักดีสูง หลังจากทีพ่อของเจ้าตายไป พวกเขาสมควรทีจะฝาก
ความหวังเอาไว้ทีเจ้าไม่ก็พีชายของเจ้า ไม่มีทางทีจะปลิวหายไปราวกับเศษทรายทีแยกย้ายกันไปคน
ละทางได้......”

มู่หรงเสวียขมวดคิวแน่นเข้าหากัน ข้างกายของนางไม่มีทางทีจะมีองครักษ์เงาได้ ข้างกายของมู่หรง


เย่ก็ดูท่าทางคล้ายกับจะไม่มีองครักษ์เงาอยูเ่ ช่นกัน แล้วองครักษ์พวกนันหายไปทีใดกันเล่า

กลุ่มองครักษ์ทีร้ายกาจขนาดนันถ้าหากแยกย้ายกันกลับบ้านเกิดเมืองนอนของแต่ละคนไปก็นบั ว่า
เป็ นเรื องดี จะกลัวก็แต่วา่ พวกเขาจะตกไปอยูใ่ นมือของคนทีมีจิตใจโหดเหี ยม แล้วบีบบังคับให้พวก
เขาไปทําเรื องชัวๆ ด้วยความสามารถทีไม่ธรรมดาของพวกเขา แน่นอนว่าจะกลายเป็ นภัยพิบตั ิของ
แผ่นดิน......

ในหัวอยูๆ่ ก็ปรากฏเงาร่ างของผูค้ นสายหนึง ดวงตาของนางวูบไหวเปล่งประกาย กล่าวขึนอย่างเร่ ง


รี บ “หงซิ วรี บไปทีจวนฝ่ ายหน้า เชิญลุงฮุยมาทีนีที !” ลุงฮุยเคยเป็ นผูใ้ ต้บงั คับบัญชาของมู่หรงเยว่
อีกทังยังเป็ นพ่อบ้านของจวนเจินกัวโหวมาหลายปี ได้รับความไว้วางใจจากมู่หรงเยว่เป็ นอย่างมาก
เรื องของพวกองครักษ์เงา เขาคงจะต้องรับรู้อยูบ่ า้ ง
เวลาผ่านไปชัวครู่ ลุงฮุยทีมีหงซิ วนําทางก็กา้ วเข้ามา เขาคารวะไปทีมู่หรงเสวียคราหนึง “คุณหนู
ใหญ่ ท่านเรี ยกหาข้าหรื อ”

มู่หรงเสวียพยักหน้า มองไปทางเก๋ อฮุยอย่างราบเรี ยบ “ลุงฮุย ท่านรู้เรื ององครักษ์เงากองหนึงทีท่าน


พ่อบ่มเพาะขึนมาหรื อไม่”

“ทราบขอรับ” เก๋ อฮุยพยักหน้าแววตานิ งเรี ยบ “ตอนนัน โหวเหย่คิดจะให้ขา้ น้อยเข้าไปอยูใ่ น


องครักษ์เงากลุ่มนัน แต่ร่างกายของข้าน้อยได้รับบาดเจ็บ ไม่สามารถทีจะซ่อนเร้นกายได้ ก็เลยละ
เลิกความคิดนันไป”

แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหวเปล่งประกาย “เช่นนันลุงฮุยรู้หรื อไม่วา่ ตอนนีองครักษ์เงากลุ่มนันอยู่


ทีใด”

เก๋ อฮุยส่ ายหน้า “ข้าน้อยไม่ทราบขอรับ หลังจากทีข้าน้อยได้รับบาดเจ็บก็ไม่ได้เข้าสนามรบอีก ได้


พบปะกับองครักษ์เงากลุ่มนันไม่มากนัก แต่ขา้ น้อยรู้วา่ หากคิดอยากจะสังการองครักษ์เงากลุ่มนัน
นอกจากโหวเหย่แล้วยังสามารถใช้ของอีกชินหนึงได้......”

แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหว “ของหรื อ ของอะไรกัน”


“เพือความสะดวกในการสังการพวกองครักษ์เงา โหวเยว่ก็เลยสังทําสิ งของชินหนึงขึนมาเป็ นพิเศษ
ใครทีถือครองของสิ งนี พวกองครักษ์เงาก็จะฟั งคําสัง แต่ลกั ษณะรู ปร่ างของของสิ งนี นันข้าไม่เคย
พบเห็นมันมาก่อนเช่นกัน......” เก๋ อฮุยกล่าวเสี ยงตํา แววตาเคร่ งขรึ ม “แต่หลังจากทีโหวเหย่สินใจ
ศพก็ได้ถูกส่ งจากสนามรบกลับมาทีจวนโหว สิ งของทีติดตัวมาด้วยมีเพียงแผ่นหยกประจําตัวกับ
ดาบประจําตัวของโหวเหย่เท่านัน นอกจากของสองสิ งนีก็ไม่มีสิงของอืนใดอีก”

มู่หรงเสวียเลิกคิวขึน แววตาวูบไหวพร้อมกับกล่าวขึนว่า “ดาบประจําตัวกับแผ่นหยกทังสองชินนัน


ได้ฝังลงไปพร้อมกับท่านพ่อของข้าแล้วหรื อ”

คนโบราณมักมีธรรมเนียมอย่างหนึงคือ สิ งของทีผูต้ ายชอบมากทีสุ ดในตอนทีมีชีวติ อยู่ ส่ วนมาก


ล้วนจะใส่ เข้าไปในโลงศพของพวกเขาด้วย เพือให้มนั ติดตัวพวกเขาลงไปทีโลกเบืองล่าง

“ไม่ได้เป็ นเช่นนัน” เก๋ อฮุยส่ ายหน้า “ฮูหยินเป็ นผูม้ อบดาบกับแผ่นหยกให้กบั เสี ยวโหวเหย่ (ขุนนาง
ชันโหวทีอายุยงั น้อย ในทีนีหมายถึงมู่หรงเย่) ตอนออกเดินทัพเมือช่วงเช้า เสี ยวโหวเหย่ก็ได้พกพวก
มันไปทีสนามรบด้วยขอรับ......”

มู่หรงเสวียพยักหน้าอย่างเข้าใจ ดาบประจําตัวกับแผ่นหยกอยูก่ บั มู่หรงเย่มาเป็ นสิ บปี จวนเจินกัว


โหวล้วนไม่เคยมีองครักษ์เงาปรากฏขึนแม้แต่คนเดียว ดูท่าของทังสองสิ งนันล้วนไม่ใช่ของสิ ง
เดียวกันกับทีใช้กบั องครักษ์เงา “ไม่แน่วา่ ของชินนันอาจจะหายสาบสู ญไปในสนามรบแล้วก็เป็ นได้
.......”
ตอนที 221 มากเล่ห์ร้อยกล
“และก็อาจเป็ นไปได้วา่ โดนคนฉกฉวยไปแล้ว !” อยูๆ่ คุณชายโอวหยางก็พดู ขึน นัยน์ตาสี ดาํ สนิท
ของเขาลึกลําเหมือนนําในทะเลสาป ภูติเงาหน่วยนันเมือออกโจมตีไปแล้วก็ยากทีจะถูกขัดขวาง ไม่
ว่าศัตรู จะร้ายกาจเพียงใดก็ไม่อาจต่อกรกับพวกเขาได้ ยากนักทีจะห้ามไม่ให้ผคู้ นตืนกลัว.......

“นีก็ใช่อีกนันล่ะ” มู่หรงเสวียพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ช้อนตาขึนมองเสนาบดีเซี ย “เสนาบดีเซี ยทราบ


หรื อไม่วา่ ใครทีรู้จกั กองภูติเงาของท่านพ่อข้าบ้าง”

“มีขา้ รู้ เฉิ งกัวกงรู้ ท่านตาของเจ้าก็รู้ ส่ วนเรื องจะมีคนอืนรู้อีกหรื อไม่นนั ข้าก็ไม่กระจ่าง......” เซี ย
เสนาบดีเซี ยพูดเบาๆ

ดวงตากระจ่างใสของมู่หรงเสวียหรี ลงอย่างครุ่ นคิด ท่านตา เซี ยเสนาบดีเซี ย เฉิ งกัวกงล้วนเป็ นขุน


นางบุ๋น อยูใ่ นเมืองหลวงตลอดเวลา แต่วา่ ของชินนันของมู่หรงเยว่มนั หายไปบนสนามรบ “แม่ทพั ที
ออกรบกับท่านพ่อของข้าตอนนันมีใครบ้างหรื อ”

เสนาบดีเซี ยคิดย้อนกลับไปโดยละเอียด “เหมือนว่าจะมี......แม่ทพั ลู่ แม่ทพั ชี ....แล้วก็อดีตจิงอ๋ อง


......”

“อดีตจิงอ๋ องก็อยูด่ ว้ ยหรื อ” แววตาของมู่หรงเสวียเคลือบแคลงสงสัย


เสนาบดีเซี ยรับคําเสี ยงอืมเบาๆ “การรบครังนันเป็ นสงครามใหญ่ สองแคว้นส่ งทหารออกมาร่ วมรบ
กว่าสี ห้าแสนนาย ฝ่ าบาทเลยให้ท่านพ่อของเจ้าและอดีตจิงอ๋ องออกรบด้วยกัน การศึกครังสุ ดท้าย
ท่านพ่อของเจ้ารบจนตัวตาย อดีตจิงอ๋ องเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่สุดท้ายก็ยงั นับว่ารบชนะ
กลับมา”

“อาการบาดเจ็บของแม่ทพั ลู่ แม่ทพั ชี นันกลับดูเล็กน้อย แต่วา่ หลังจากนันไม่กีปี พวกเขาก็ออกรบ


ในศึกหนึงจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ถอดเกราะกลับไปทําเกษตร พักอยูท่ ีบ้านทีชานเมืองหลวงมาโดย
ตลอด”

มู่หรงเสวียพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ดูท่า ข้าคงต้องคิดหาวิธีไปทดสอบแล้วว่า องครักษ์เงากองนันตก


ไปอยูใ่ นมือของใครกันแน่”

ไม่ใช่วา่ นางไม่เชือถือในพวกของอดีตจิงอ๋ องทังสามคน แต่หลังจากทีมู่หรงเยว่ตายไป พวกเขาเป็ น


คนทีเข้าใกล้ศพมู่หรงเยว่ได้ง่ายทีสุ ด เรื องทีของชินนันหายไปอย่างไร้ร่องรอย พวกเขานันดูน่า
สงสัยทีสุ ดแล้ว......

“เจ้าเตรี ยมจะทดสอบอย่างไร” มู่หลิวเฟิ งมองนางด้วยสายตาเป็ นประกาย คาดหวังในวิธีการของ


นางยิงนัก
“เดียวเจ้าก็ได้รู้” มู่หรงเสวียยิมขึนบางๆ ท่าทางลําลึกเกินคาดเดา

ในขณะเดียวกัน มู่หรงโหรวก็กาํ ลังนอนบนเตียงในเรื อนเหวินโหรวหยวน ขบเขียวเคียวฟันอย่าง


เกลียดชังว่า “ซ่งเทียนเหวิน ไม่เพียงแต่จะให้พอ่ บ้านอ่านหนังสื อหย่าต่อหน้าธารกํานัล ซํายังใช้วธิ ี
แข็งขืนเช่นนัน พาตัวชิงเหยียนกลับจวนอู่อนั โหวไป เห็นชัดๆ ว่าเขาจงใจทีจะดูถูกข้า ช่างรังแกคน
เกินไปแล้ว รังแกกันเกินไปแล้ว ........”

แล้วยังมู่หรงเสวียนันอีก ฉลาด ร้ายกาจเช่นนัน การจะต่อกรกับพ่อบ้าน แล้วช่วยเหลือชิงเหยียนไว้


สําหรับนางแล้วเป็ นเรื องง่ายดายเหลือเกิน แต่นางกลับไม่พดู อะไรเลย ไม่ทาํ อะไรสักอย่าง มองดูชิง
เหยียนโดนพาไปต่อหน้าต่อตาขนาดนัน น่ารังเกียจเป็ นทีสุ ด

“หนังสื อหย่าอ่านจบไปแล้ว ชิงเหยียนก็โดนพาตัวไปแล้ว ตอนนีเจ้ามาพูดเช่นนียังมีประโยชน์อะไร


อีก” มู่หรงเจียนยืนอยูก่ ลางห้อง มองไปทีมู่หรงโหรวด้วยสายตาเหนือยหน่ายใจ แววตาฉายแวว
หมดความอดทน

“ซ่งเทียนเหวินฟื นคืนสติแล้ว เจ้าทําร้ายเขาจนสาหัส ทําให้เขาต้องกลายเป็ นคนพิการ เขาไม่ปล่อย


เจ้าไปง่ายๆ แน่ เขียนหนังสื อหย่า แย่งลูกสาวไป ถือเป็ นแค่การเริ มต้น ต่อไป เขาจะต้องมีวิธีการร้าย
กาจมากกว่านีมาจัดการเจ้า เจ้าก็คิดๆ หน่อยเถอะว่าจะรับมือกับเขาอย่างไร”
มู่หรงโหรวกัดฟัน ซ่ งเทียนเหวินแม้จะเป็ นเพียงโหวเหย่ชนสอง
ั ถึงแม้เขาจะไม่มีอาํ นาจอิทธิ พล
อะไรมากมาย แต่ก็มีอาํ นาจอยูป่ ระมาณหนึง หากเขาคิดจะแก้แค้นนางอย่างบ้าคลัง สตรี อ่อนแอเช่น
นาง ต่อให้ร้ายกาจเพียงใด ก็คงตกอยูใ่ นสภาพน่าอนาถไม่นอ้ ย

“หากกองภูติเงาทีมู่หรงเยว่ฝึกฝนมาตกอยูใ่ นกํามือพวกเราก็คงจะดี !” ถึงตอนนันอย่าว่าแต่ซ่งเทียน


เหวินเลย ต่อให้มีเขาอีกเป็ นสิ บคน ก็คงไม่ใช่คตู่ ่อกรขององครักษ์เงาของพวกเขาได้

“มู่หรงเยว่มีองครักษ์เงาทีร้ายกาจเช่นนันจริ งหรื อ” มู่หรงเจียนเชือครึ งไม่เชือครึ ง ไม่ใช่แค่ครังเดียว


ทีเขาได้ยนิ มู่หรงโหรวพูดถึงกององครักษ์เงา เขาเคยกล่าวไว้ประมาณว่า ในสนามรบโจมตีไม่มีพ่าย
รุ กรบไม่มีคาํ ว่าไม่ชนะ มันช่างฟังดูเก่งกาจจนยากทีจะเชือได้

“แน่นอนว่าจริ ง ข้าได้ยนิ มู่หรงเยว่พดู กับหญิงแซ่เฉิ นเองกับหู สาเหตุทีเขาฝึ กองครักษ์เงากองนี


ขึนมา การนําไปใช้ในสนามรบนันเป็ นเรื องรอง แต่เหตุผลหลักก็คือให้คอยคุม้ กันความปลอดภัย
ของหญิงแซ่เฉิ น มู่หรงเย่ มู่หรงเสวียทังสามคนในยามทีเขาออกจากจวนไปรบ........”

มู่หรงโหรวพูดเบาๆ นัยน์ตาไม่ปิดบังแววดูถกู มู่หรงเยว่ทุ่มเทสุ ดกําลังเพือทีจะปกป้ องภรรยาที


อ่อนแอ แต่ในความเป็ นจริ งนันเมือเขาตายในสนามรบ ภรรยาทีอ่อนโยนงดงามผูน้ นก็
ั ตอ้ งโดนฝัง
ตามไปด้วย ลูกๆ ทีอ่อนแอกลับยังมีชีวติ อยูร่ อด แต่ก็โดนคนรังแกทุกๆ วัน ซํายังโดนนางชักจูงไป
ในทางทีผิดเสี ยแล้ว หากเขาทีอยูใ่ นปรโลกได้รู้ คงนอนตายตาไม่หลับแน่
นางขัดตากับพีชายร่ วมพ่อต่างแม่คนนีมานานแล้ว ! ลูกชายสายตรงของภรรยาเอกคนก่อนนันฐานะ
สูงกว่านาง แต่สุดท้ายแล้วเป็ นอย่างไรเล่า ก็ยงั ตายเร็ วกว่านางอยูด่ ี

มู่หรงเจียนหรี ตาลงเล็กน้อย มู่หรงเยว่นนฉลาดลํ


ั าเหนือผูอ้ ืนมาแต่เล็ก ไม่วา่ จะเป็ นฝี มือทางศิลป์
หรื อการยุทธ์ เขาไม่เคยเปรี ยบกับ ‘คนผูน้ น’
ั ได้เลย ‘คนผูน้ น’
ั ทีมีพลังยุทธ์ลึกลํา ฝี มือการวางแผน
รบทีสูงส่ ง ทุกอย่างล้วนทําให้เขาตกตําราวผงธุลี และเป็ นเหตุให้เขาเกลียดชัง ‘คนผูน้ น’
ั เหลือเกิน !

หากกองภูติเงากองนันเป็ นมู่หรงเยว่ทีฝึ กฝนขึนมา ความสามารถของพวกเขาคงไม่อาจมองข้ามได้


“ข้างกายของมู่หรงเสวีย มู่หรงเย่ คงไม่มีภตู ิเงาพวกนีหรอกนะ”

“แน่นอนว่าไม่มี” มู่หรงโหรวส่ ายหัว พูดขึนอย่างทะนงตัว “พวกเราวางอุบายทําร้ายมู่หรงเย่ มู่หรง


เสวียตังหลายครัง หากข้างกายของมู่หรงเสวียมีองครักษ์เงา นางก็คงออกคําสังให้ฉีกเราเป็ นชินๆ
ไปตังนานแล้ว”

“องครักษ์เงาของมู่หรงเยว่ไม่ได้อยูใ่ นมือลูกสาวของเขา แล้วเช่นนันจะไปอยูท่ ีใดกัน” มู่หรงเจียน


พูดเบาๆ นัยน์ตาฉลาดเฉลียวนันค่อยๆ หรี ลง
“ไม่รู้สิ” มู่หรงโหรวส่ ายหน้า แววตาฉายความเยือกเย็น “แต่วา่ ข้ารู้วา่ ขอเพียงหาของสัญลักษณ์
ชินนึงได้ ก็จะสามารถควบคุมองครักษ์เงาได้ทงหมด”

ได้ยนิ เช่นนัน มู่หรงเจียนก็ตาเป็ นประกาย “ของสัญลักษณ์อะไร”

“ข้าไม่รู้ !” มู่หรงโหรวส่ายหน้า “ข้าไม่เคยเห็นจดหมายนัน เพียงแค่แอบได้ยนิ มู่หรงเยว่พดู ถึง


เท่านัน......”

แววตามู่หรงเจียนฉายแววถอดใจ ขมวดคิวแน่น “ไม่รู้วา่ เป็ นของอะไร แล้วจะหาได้อย่างไร”

“เจ้าจะร้อนใจไปทําไมกัน ภูติเงาคือกองกําลังทีมู่หรงเยว่ฝึกมาเพือคุม้ กันมู่หรงเย่ มู่หรงเสวีย ต่อ


ให้ม่หู รงเยว่ตายในสนามรบและยังไม่ทนั ได้ส่งมอบของชินนัน แต่อย่างน้อยก็ตอ้ งมีเบาะแส
หลงเหลือไว้บา้ ง”

“มู่หรงเย่ เจ้าสวะไร้ประโยชน์ทีไม่ใฝ่ เรี ยนรู้อะไรผูน้ นั เขาคงไม่รู้เรื องอะไรหรอก พวกเราก็อย่าไป


คาดหวังจากเขาเลย แต่ม่หู รงเสวียนันทังฉลาดทังเจ้าเล่ห์ ไม่แน่วา่ นางอาจจะค้นพบสิ งทีคนคาดไม่
ถึงออกมาตอนไหนก็ได้ เราแค่จบั ตานางให้มนั เท่านีก็ไม่ตอ้ งกังวลว่าจะหาของชินนันไม่เจอ”
มู่หรงโหรวพูดเบาๆ มุมปากปรากฏรอยยิมเจ้าเล่ห์ เลือดเนือทีมู่หรงเยว่ทุ่มเทบ่มเพาะมาหลายปี
อาจจะมีโอกาสได้มาตกอยูใ่ นมือของนาง แค่คิดก็น่าตืนเต้นเสี ยแล้ว

“นันก็ใช่ !” มู่หรงเจียนพยักหน้า นัยน์ตาฉลาดมากเล่ห์ครุ่ นคิด “ข้าจะให้คนไปจับตามองมู่หรงเสวีย


ไว้.....”

กองทัพเงาทีขจัดทุกอุปสรรค ช่างเป็ นสิ งทียัวยวนดึงดูดจิตใจผูค้ นยิงนัก เขารอทีจะหาพวกเขาให้


เจอไม่ไหวแล้ว จะได้บงั คับกุมไว้ในมือให้แน่นๆ

อากาศยามคําคืนเย็นดุจสายนํา ในเมืองหลวงเงียบสงัด บ้านเรื อนทุกหลังเงียบกริ บเห็นเพียงเงาดําๆ


บ่งบอกว่าเจ้าของจวนดับไฟพากันพักผ่อนแล้ว คนชุดดําทะยอยปี นข้ามกําแพงเข้ามาในเรื อนพัก
ราวกับเป็ นดินแดนไร้คน มุ่งตรงไปทีเรื อนหลังใหญ่.........
ตอนที 222 ทดสอบ
“ใครกัน !” เจ้าของห้องด้านในตรวจจับความผิดปกติได้ จึงตวาดดังขึนเสี ยงหนึง กระโดดทะยาน
ออกมา ดาบยาวในมือวูบไหวเปล่งแสงอันหนาวเหน็บภายใต้ความมืดมิดยามราตรี พุ่งแทงไปทีคน
ชุดดําอย่างไร้ความปรานี

คนชุดดําทังสี คนมองหน้าสบตากันไปมา แล้วกระโดดขึนจากพืนพร้อมกัน พร้อมกับตวัดมีดสันใน


มือทีแฝงไว้ดว้ ยประกายอันเย็นเหยียบสวนรับออกไป พุ่งแทงไปทีด้านหน้าของชายผูน้ นอย่
ั าง
โหดเหี ยม เข้าปะทะกับดาบยาวของเขาอย่างรวดเร็ว

ชายผูน้ นถู
ั กบีบจนได้แต่รับมือ ไม่มีจงั หวะทีจะหาช่องทางสวนกลับได้ จําต้องถอยร่ นออกไปเรื อยๆ
ทําได้แต่เพียงคอยรับกระบวนท่าด้วยความเกรี ยวกราด เขาคํารามขึนมาเสี ยงหนึง พริ บตาก็ดึงดาบที
กําลังใช้ประมือกลับไป แล้วพุ่งแทงไปทีชายชุดดําอีกครัง

ได้ยนิ เสี ยง ‘เคร้ง’ ดังขึนเสี ยงหนึง อาวุธของทังสองฝ่ ายตวัดฟันผ่านกัน คนชุดดําไร้ร่องรอย


ั บถูกฟั นขาดไปส่ วนหนึง ค่อยๆ ลู่ตกลงสู่พืน......
บาดแผลใดๆ แต่แขนเสื อสี ขาวของชายผูน้ นกลั

ั อยๆ แดงกํา อารมณ์โกรธลุกโชนเตรี ยมทีจะวาดดาบออกไปอีกครัง พอดีกบั


สี หน้าของชายผูน้ นค่
ชายชุดดําผูห้ นึ งทีกระโดดถีบออกมาเท้าหนึง ถีบเข้ามาทีหน้าอกของเขาอย่างจังจนกระเด็นออกไป
สองสามเมตร กระแทกลงกับพืนอย่างแรง ใบหน้าอันดุดนั ค่อยๆ ซี ดขาวลง......
“นายท่าน......นายท่าน......” เสี ยงเรี ยกร้องอันตืนตระหนกดังขึน เป็ นพ่อบ้านทีพาพวกคนคุม้ กันจวน
และพวกบ่าวไพร่ กลุ่มหนึงวิงเข้ามาอย่างเร่ งรี บร้อนใจ

คนชุดดําขมวดคิวขึนวาดดาบไปทางพ่อบ้านและพวกคนคุม้ กัน ได้ยนิ เสี ยง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ดังขึน


หลายครา พวกคนคุม้ กันและบ่าวไพร่ ทงหมดพากั
ั นล้มลงไปกองกับพืน มือกุมไปทีอก ทีแขน ร้อง
โอดโอยขึนอย่างเจ็บปวด......

พวกคนชุดดํามองหน้าสบตากันคราหนึง แววตาเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม แม้แต่ฝ่ามือเดียว


ก็รับเอาไว้ไม่ได้ ช่างไม่ได้ความยิงนัก !

สองเท้าขยับเบาๆ แล้วกระโดดลอยขึนไปบนฟ้ า ร่ างกายอันองอาจพริ บตาก็กระโดดออกจากจวน


ไป !

เมือมองไปทีเงาร่ างของพวกเขาทีหายไปในเงามืดยามราตรี สี หน้าของชายผูน้ นกลายเป็


ั นเขียวคลํา
อยูด่ ีๆ ก็บุกรุ กเข้ามาในบ้านของเขาโจมตีเขาอยูช่ ่วงหนึ ง หลังจากนันก็จากไป คนชุดดํากลุ่มนี ช่าง
แปลกประหลาดยิงนัก !
มู่หรงเสวียยืนอยูบ่ นหลังคาบ้าน มองไปทีใบหน้าอันแก่ชราทีแดงกําทีกําลังค่อยๆ ลุกขึนมาจากพืน
แล้วสะบัดแขนเสื อจากไปอย่างเกรี ยวกราด ดวงตาอันกระจ่างใสค่อยๆ หรี ลง ดูท่าแม่ทพั ลู่กบั แม่ทพั
วนไม่ได้มีองครักษ์เงากลุ่มนันอยูใ่ นครอบครอง เป้ าหมายถัดไปก็คงต้องไปทีวังจิงอ๋ อง
ชีทงสองล้

เพือทดสอบอดีตจิงอ๋ องแล้ว

ท้องฟ้ ายามราตรี คอ่ ยๆ มืดมิดลง วังจิงอ๋ องยังคงสว่างไสว เต็มไปด้วยโคมไฟทีจุดเรี ยงราย

อดีตจิงอ๋ องนังอยูใ่ นศาลาแปดเหลียมด้านหน้าของภูเขาจําลอง กําลังนังรับลมหนาวพร้อมกับจิบ


เหล้าเลิศรส สายตาเห็นพระชายาเอกทีมีเหล่าสาวใช้หอ้ มล้อมเดินเข้ามา เช่นนันเขาก็กล่าวขึนอย่าง
ช้าๆ ว่า “อีเฉิ นเล่า”

“ไปจัดการธุระทีห้องหนังสื อ” พระชายาเอกกล่าวขึนเบาๆ แล้วชะงักไปครู่ หนึงก็พดู ขึน “ต่อไปนี


ดวงตาของยวีเยียนก็จะมองไม่เห็นสิ งใดแล้ว”

อดีตจิงอ๋ องตอบรับไม่เบาไม่ดงั ขึนเสี ยงหนึง พลางจิบเหล้าเลิศรสต่อไปอย่างละเมียดละไม ไม่ได้มี


ท่าทางทีจะอยากรู้อะไรต่ออีก
เรื อนพํานักของฉิ นยวีเยียนถูกไฟไหม้จนเสี ยหาย ทังร่ างกายยังได้รับบาดเจ็บสาหัส เย่อีเฉิ นที
ไตร่ ตรองดีแล้ว ก็เลยรับนางกลับวังจิงอ๋ อง อดีตจิงอ๋ องเห็นแก่ทีนางบังพิษร้ายให้เย่อีเฉิ นจนทําให้
ได้รับบาดเจ็บไปไม่นอ้ ย จึงได้อนุญาตให้นางเข้ามาพํานักในวังได้

พระชายาเอกค่อยๆ นังลงตรงข้ามกับอดีตจิงอ๋ อง แล้วกล่าวขึนเสี ยงตํา “เพืออีเฉินยวีเยียนถึงได้ตา


บอดทังสองข้าง นางนันจริ งใจกับเย่อีเฉิ นนัก......”

“เจ้าต้องการจะพูดอะไรกันแน่” อดีตจิงอ๋ องปรายตามองนางคราหนึง แววตาวูบไหวไปด้วยความ


รําคาญใจ

พระชายาเอกยิมออกมาอย่างเก้ๆ กังๆ เล็กน้อย “ยวีเยียนตาบอดแล้ว ไม่สามารถแต่งให้ตระกูลดีๆ


ได้อีก ไม่เท่ากับให้อีเฉิ นแต่งกับนาง......”

“เจ้าลืมไปแล้วหรื อว่าตอนแรกนางวางยาพิษใส่ ขา้ อย่างไร ลูกสะใภ้ทีโหดเหียมเช่นนี เจ้ายังจะอยาก


ได้อยูอ่ ีกหรื อ” อดีตจิงอ๋ องจ้องมองไปทีพระชายาเอก แววตาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

“ตอนนันยวีเยียนนางก็แค่หน้ามืดตามัว ตอนนีนางไม่มีทางทําเรื องแบบนันอีกแล้ว” พระชายาเอก


รี บพูดขึนแก้ต่างให้ฉินยวีเยียน ฉิ นยวีเยียนวางยาพิษใส่ สามีของนาง แน่นอนว่านางต้องไม่พอใจ
มาก แต่ฉินยวีเยียนนันรักลูกของนางอย่างโง่งม ทังยังเอาตัวเข้าไปกันพิษให้ลูกชายของนาง นางก็
เลยรู้สึกไม่อยากเอาความกับฉิ นยวีเยียนอีกต่อไป......

อดีตจิงอ๋ องสบถขึนอย่างไม่พอใจ “คําพูดทีนางพูดเจ้าก็เชืองันหรื อ”

เขากับฉินยวีเยียนได้พบหน้ากันไม่มาก แต่ก็สามารถดูออกได้วา่ ฉิ นยวีเยียนเป็ นคนทีมีจิตใจลําลึก


ไม่สนใจว่าวิธีการทีใช้จะเลวร้ายโหดเหี ยมเพียงใด ขอเพียงแค่สามารถทําให้เป้ าหมายสําเร็ จก็
เพียงพอแล้ว คําพูดทีนางกล่าวออกมามีไม่กีคําเท่านันทีสามารถเชือถือได้

“คําพูดของนาง แน่นอนว่าข้าไม่ได้เชือถือทังสิ บส่ วน แต่วา่ ข้ารู้วา่ นางชอบอีเฉิ น ฉะนันนางก็คงไม่


มีทางลงมือฆ่าฟันพวกเราทีเป็ นพ่อแม่ของอีเฉิ นแน่ ! อีเฉิ นก็มีใจให้นาง ทังยังติดค้างดวงตาทังข้าง
ของนาง แน่นอนว่าจะต้องแต่งนางเข้ามาเพือเป็ นการตอบแทน” พระชายาเอกกล่าวขึนเสี ยงตํา แวว
ตาวูบไหวไปมา

สี หน้าของอดีตจิงอ๋ องมืดครึ มจนน่ากลัว เขากล่าวขึนทีละคํา “ขอแค่ขา้ ยังมีชีวิตอยู่ ฉิ นยวีเยียนก็


อย่าได้หวังจะผูกสัมพันธ์ใดๆ กับอีเฉิ น !”

“นีเจ้ากําลังตังใจทําให้อีเฉิ นลําบากใจอยูใ่ ช่หรื อไม่” พระชายาเอกมองไปทีอดีตจิงอ๋ อง แววตาลุก


โชนไปด้วยไฟโกรธ
“ใครใช้ให้เขาโง่ ไม่รู้จกั เลือกเฟ้ นภรรยาเอกให้ดีเล่า ถ้าหากเขาเคารพการหมันหมายทีข้าจัดการไว้
ให้ แล้วแต่งมู่หรงเสวียเข้ามา ไหนเลยจะเกิดเรื องราวยุง่ ยากวุน่ วายดังเช่นตอนนี !” อดีตจิงอ๋ องกล่าว
ขึนอย่างอารมณ์ไม่ดี นําเสี ยงอันดุดนั แฝงไว้ดว้ ยความโกรธเกรี ยว

พระชายาเอกขมวดคิวเข้าหากันแน่น มองไปทีอดีตจิงอ๋ อง “เจ้าหยุดพูดถึงมู่หรงเสวียตลอดเวลา


เช่นนีได้หรื อไม่ อีเฉิ นก็ไม่ได้ชอบอะไรนาง !”

“เพราะเช่นนีอย่างไรเล่า ข้าถึงได้บอกว่าเขาโง่ทีเลือกดูคนไม่เป็ น !” อดีตจิงอ๋ องทิงประโยคอัน


โหดร้ายเอาไว้แล้วลุกขึนเดินก้าวอาดๆ ออกไปด้านหน้าไม่หนั กลับมามองอีก เสี ยงอันดุดนั ของเขา
ลอยมาตามสายลม “ไม่วา่ จะเพราะเหตุใด ข้าก็จะไม่อนุญาตให้อีเฉิ นแต่งกับฉินยวีเยียน”

เมือมองไปทีแผ่นหลังทีตัดสิ นใจอย่างแน่วแน่ของเขา พระชายาเอกก็กดั ฟันแน่นด้วยความโมโห


ทําไมเขาถึงได้ดือรันเช่นนี เพราะถูกวางยาพิษแค่ครังเดียวอย่างนันหรื อ แม้แต่ความสุขชัวชีวติ ของ
ลูกชายก็ไม่สนใจแล้วหรื ออย่างไร ช่างน่าโมโหยิงนัก !

อดีตจิงอ๋ องเดินออกจากสวนดอกไม้ เลาะเดินไปตามทางเดินหิ นด้านหน้า กลินแปลกๆ ทีทําให้รู้สึก


ถึงอันตรายสายหนึงโชยเข้าจมูก ดวงตาของเขาวูบไหวเร่ งรี บกลันหายใจอย่างรวดเร็ ว ฝ่ ามือ
ลมปราณตวัดฟาดไปทางทิศกลินกลินนันโชยเข้ามา
ได้ยนิ เสี ยง ‘ปัง’ ดังขึนเสี ยงหนึง ก้อนหิ นทีแข็งแกร่ งถูกโจมตีจนเกิดรู ใหญ่ๆ คนชุดดําสี นายทะยาน
ออกมาจากด้านหลังของหิ นก้อนนัน ดาบยาวในมือพุ่งเสี ยดแทงมาทีเขา

ฆ่าเขาหรื อ ไม่เจียมตน !

อดีตจิงอ๋ องยกมุมปากขึนยิมอย่างเย็นยะเยือก เตรี ยมทีจะฟาดฝ่ ามือไปทีคนชุดดํา ไม่คาดว่าทันใด


นันเรี ยวแรงของเขาก็สลายหายไปอย่างหมดสิ น ทีหัวรู้สึกหนักอึง หนังตาก็รู้สึกหนักจนลืมไม่ขึน
เช่นกัน ร่ างกายซวนเซน้อยๆ แล้วค่อยๆ ทรุ ดลงไปนอนกองกับพืน

ดวงตาของคนชุดดําฉายแววสงสัยยืนมือออกไปจะคว้าจับทีเขา แต่ไม่คาดว่าจะมีคนชุดดําอีกสอง
คนปรากฏขึนมาจากอากาศธาตุ ดาบทีอยูใ่ นมือเปล่งแสงวูบไหว ใช้มนั พุ่งแทงมาทีพวกเขาอย่าง
โหดเหี ยม......

แววตาของคนชุดดําคมกริ บ กระชับดาบปะทะเข้ากับองครักษ์เงาชุดดําพวกนัน ทางเดินทีเงียบสงบ


ปรากฏเสี ยงต่อสูป้ ึ งปั งดังขึน จนเสี ยงดังก้องออกไปไกลภายใต้ยามราตรี อนั มืดมิด......
“มีมือสังหาร...จับมือสังหาร......รี บจับมือสังหารเร็ วเข้า !......” เหล่าบรรดาทหารยามและองครักษ์
เงาของวังจิงอ๋ องล้วนพากันตืนตระหนก เร่ งรี บวิงเข้ามากักขังคนชุดดําทังสี นายเอาไว้ในวงล้อม
แล้วก็ปะทะกันอย่างดุเดือด

มู่หรงเสวียยืนอยูบ่ นหลังคาทีห่างไปไม่ไกล มองไปทีการต่อสูอ้ นั ดุเดือดของคนชุดดํากับเหล่า


องครักษ์เงา ดวงตาอันแหลมคมค่อยๆ หรี เล็กลง......
ตอนที 223 โรคลมชักกําเริบ
ทีนางมาทีวังจิงอ๋ องก็เพือทีจะทดสอบองครักษ์เงาของวังจิงอ๋ อง เพราะเหตุนนถึ
ั งได้วางยาสลบอดีต
จิงอ๋ องเพือล่อให้พวกองครักษ์เงาออกมาลงมือ !

วรยุทธ์ของพวกองครักษ์เงาดูกล้าแกร่ งแต่ก็แค่กล้าแกร่ งธรรมดาๆ เท่านัน ยังไม่อาจเปรี ยบได้กบั


องครักษ์เงาของวังเซี ยวเหยาอ๋ องแม้แต่ครึ งขัน พวกเขาดูไม่มีความพิเศษโดดเด่นตรงไหน คํากล่าว
ของเสนาบดีเซี ยทีว่าภูติเงาผูโ้ จมตีไม่พลาดเป้ าและไม่เคยพ่ายแพ้ คงไม่มีทางเป็ นพวกเขาได้ !

“ดูท่าอดีตจิงอ๋ องจะไม่ได้ครอบครององครักษ์เงาพวกนันไว้” มู่หรงเสวียกะพริ บตาปริ บๆ หันมอง


ไปทีคุณชายโอวหยางแล้วเอ่ยขึน “พวกเราไปกันเถอะ !”

“ตกลง” คุณชายโอวหยางพยักหน้า จูงมือเรี ยวของมู่หรงเสวีย ค่อยๆ เดินออกไปด้านหน้า

คนชุดดําทีกําลังประมืออยูแ่ ววตาวูบไหว สะบัดมือโยนลูกกลมๆ สี ขาวลูกหนึงออกไป เสี ยง ‘บึม’


ระเบิดดังขึนเสี ยงหนึง ม่านควันสี ขาวแผ่ขยายออกมาบดบังสายตาของผูค้ น......

องครักษ์เงาของวังจิงอ๋ องพากันโบกมือปั ดม่านควันออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็คน้ พบว่าในวงล้อม


กลับกลายเป็ นว่างเปล่าเสี ยแล้ว ไม่เห็นเงาร่ างของชายชุดดําทังสี คนแม้แต่นอ้ ย......
เย่อีเฉิ นก้าวอาดๆ ออกมาด้านหน้า มองไปทีทางเดินทีเละเทะ รวมถึงร่ างของอดีตจิงอ๋ องทีสลบ
ไม่ได้สติ เช่นนันสี หน้าของเขามืดครึ มจนน่ากลัว “นีมันเรื องอะไรกัน”

องครักษ์เงาผูห้ นึงก้าวออกมาด้านหน้า กล่าวรายงานอย่างนอบน้อม “เรี ยนจิงอ๋ อง มีคนแอบลอบเข้า


มาทีวังอ๋ อง คิดสังหารอดีตจิงอ๋ องขอรับ......”

แววตาของเย่อีเฉินวูบไหว “อาการบาดเจ็บของท่านพ่อเป็ นอย่างไรบ้าง”

“เรี ยนท่านอ๋ อง อดีตจิงอ๋ องเพียงแค่ถูกยาสลบฤทธิ สูงเข้าไปเพียงเท่านัน ไม่ได้มีอาการบาดเจ็บ


ร้ายแรงอะไร พักผ่อนเสี ยหนึ งคืน ก็ไม่มีอะไรน่าเป็ นห่วงแล้วขอรับ” องครักษ์เงาทีตรวจดูอาการ
ของอดีตจิงอ๋ องอย่างละเอียดแล้ว ตอบกลับมาอย่างนอบน้อม

“เช่นนันก็ดี !” เย่อีเฉินถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ดวงตาคมหรี เล็กลง ถ้าหากพวกเขาอยากจะ


สังหารท่านพ่อจริ งๆ ก็สามารถใช้ยาพิษได้โดยตรง เหตุใดจะต้องใช้ยาสลบทีไม่ร้ายแรงอะไรเช่นนี
ด้วย เรื องราวดูท่าจะไม่ได้ธรรมดาเหมือนกับฉากหน้าทีแสดงออกมาเสี ยแล้ว......

ท้องฟ้ าทิศตะวันออกเผยให้เห็นแสงสว่างจางๆ มู่หรงเสวียเดินรับอากาศหนาวอยูบ่ นถนนอย่างช้าๆ


แล้วกล่าวขึนเสี ยงเบากระซิ บกระซาบ “แม่ทพั ลู่ แม่ทพั ชี อดีตจิงอ๋ องล้วนไม่ได้ครอบครององครักษ์
เงากองนันเอาไว้ พวกทหารทีอยูใ่ นกองทัพของพ่อข้าก็ไม่มีผใู้ ดทีอยูๆ่ ก็มีฝีมือร้ายกาจขึนมาจน
ได้รับยศเลือนขัน ดูท่าของชินนันคงไม่ได้ตกไปอยูใ่ นมือของพวกเขาแม้แต่คนเดียว......”

นางไม่เคยพบของชินนันมาก่อน ไม่รู้วา่ มันมีรูปร่ างเป็ นอย่างไร จะเป็ นเหลียม จะเป็ นทรงกลม หรื อ
เป็ นแผ่นบางๆ ไม่รู้วา่ มันเป็ นไม้ เป็ นเหล็ก เป็ นกระเบืองหรื อว่าเป็ นหยก ยิงไม่รู้อีกว่ามันไปตกอยู่
ณ ทีใด อยากจะหามันให้เจอก็เหมือนกับการงมเข็มในมหาสมุทร......

เมือมองไปทีใบหน้าทีงํางอลงของนาง แววตาของคุณชายโอวหยางก็เจือปนไปด้วยรอยยิมน้อยๆ
แล้วกล่าวขึนเรี ยบๆ “ถ้าของชินนันลําบากนักทีจะหา เหตุใดเจ้าไม่ลองหาพวกองครักษ์เงาพวกนันดู
เล่า ขอเพียงแค่หาพวกเขาพบ ก็จะรู้วา่ ของชินนันมีรูปลักษณ์เป็ นอย่างไรไม่ใช่หรื อ”

“เจ้าก็พดู ง่ายดายนัก แคว้นชิงเหยียนกว้างใหญ่เสี ยขนาดนี อีกทังยังมีผคู้ นมากมาย จะให้ขา้ ไปหา


องครักษ์เงาทีไหนกัน” มู่หรงเสวียมองค้อนไปทีเขา ถอนหายใจออกมาอย่างอับจนหนทาง

“องครักษ์เงาพวกนันเป็ นพ่อของเจ้าทีบ่มเพาะขึนมา มีความภักดีกบั พ่อของเจ้าเป็ นอย่างมาก


ถึงแม้วา่ พ่อของเจ้าจะจากไปแล้ว แต่พวกเขาก็คงไม่ได้ทิงพ่อของเจ้าไปไกลมากนัก......” คุณชาย
โอวหยางกล่าวขึนอย่างราบเรี ยบ แววตาวูบไหวลําลึกดังมหาสมุทร
ได้ยนิ เช่นนันแววตาของมู่หรงเสวียก็วบู ไหว “ความหมายของเจ้าคือ พวกองครักษ์เงาอาจจะอยูท่ ี
เมืองหลวงหรื อไม่ก็ใกล้ๆ กับเมืองหลวงอย่างนันหรื อ”

“ก็อาจจะเป็ นไปได้” คุณชายโอวหยางพยักหน้าเบาๆ

แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหวเปล่งประกาย แต่ในพริ บตาก็กลายเป็ นมืดครึ มลง แล้วกล่าวขึนอย่าง


ท้อแท้ใจ “แต่ล่ะวันนันในเมืองหลวงมีผคู้ นพลุกพล่านไปๆ มาๆ มากกว่าหมืนคน หากอยากจะหา
องครักษ์เงาทีลึกลับกลุ่มหนึงในผูค้ นจํานวนมากมายขนาดนัน ดูท่าคงไม่ง่ายนัก......”

คุณชายโอวหยางนิงเงียบไปครู่ หนึง แล้วก็กล่าวขึนอย่างเรี ยบๆ “องครักษ์เงากลุ่มนันใช้วิธีพิเศษใน


การบ่มเพาะขึนมา ถึงแม้วา่ พวกเขาจะแอบซ่อนอยูใ่ นฝูงชน แต่ลมหายใจและท่วงท่าการเคลือนไหว
ของพวกเขาจะต้องแตกต่างกับผูค้ นทัวไปอย่างแน่นอน อยากจะหาพวกเขาให้พบ ก็ไม่ได้ยากอะไร
นัก......”

“ความหมายของเจ้าคือ ให้องครักษ์เงาของวังเซี ยวเหยาอ๋ องช่วยกันออกตามหาคนงันหรื อ” มู่หรง


เสวียมองไปทีคุณชายโอวหยางด้วยแววตาวูบไหว พวกองครักษ์เงาของวังเซี ยวเหยาอ๋ องล้วนได้รับ
การฝึ กฝนมาเป็ นพิเศษ เปรี ยบกับองครักษ์เงาทีมู่หรงเยว่สร้างขึนมาแล้วก็เหมือนกับเป็ นเพลง
เดียวกันแต่บรรเลงกันคนละท่วงทํานองเท่านัน ความรู้สึกและการตรวจจับของพวกเขาทีมีต่อผูค้ น
พวกเดียวกันนันชัดเจนยิงกว่าทีมีต่อคนธรรมดาเสี ยอีก ให้พวกเขาไปตามหาภูติเงาแน่นอนว่าเป็ น
เรื องทีถูกต้องเหมาะสม......
“ไม่ผิด” คุณชายโอวหยางพยักหน้า เด็กสาวผูน้ ีช่างโง่งมเกินไปแล้ว ในมือของนางเองก็ยงั ไม่มีผคู้ น
ให้ใช้สอยอะไร เขาก็เลยต้องลงมือช่วยเหลือเสี ยหน่อย......

“ขอบคุณท่านมาก !” มู่หรงเสวียเผยยิมจนคิวโก่งขึน ยืนมือออกไปกอดคอคุณชายโอวหยาง เขย่ง


เท้าขึน แล้วประทับสัมผัสอันบางเบามาทีริ มฝี ปากของเขา

สัมผัสอันอ่อนนุ่มแล่นขึนมาจากริ มฝี ปาก ดวงตาอันลําลึกของคุณชายโอวหยางกลายเป็ นมืดมัว เมือ


เห็นนางทีมอบจูบเสร็จแล้วเตรี ยมทีจะผละจากไป มือยาวก็ยนออกไปโอบเอวของนางเอาไว้
ื แล้วดึง
นางเข้ามาสู่ออ้ มกอด ริ มฝี ปากบางประกบลงไปบนกลีบปากสี ชมพูของนางอีกครัง แล้วเปิ ดปราการ
ฟันของนางออกอย่างไหลลืน ดูดกลืนเอากลินไอหอมหวาดอันน่าดึงดูดเข้ามาอย่างดูดดืม

กลินหอมของไม้ไผ่จางๆ แผ่ซ่านเข้ามาในปากของนางทุกซอกทุกมุม ร้อนแรงดังเปลวเพลิง แต่ก็


นิมนวลเสี ยจนผูค้ นละลาย

เมือมองไปทีใบหน้าของคุณชายโอวหยางทีอยูใ่ กล้แค่เอือม มู่หรงเสวียก็เบิกตากว้างขึน นี ...นีมัน


เรื องอะไรกัน ! นางก็แค่ดีใจเกินไปหน่อย ก็เลยอยากจะแบ่งปั นความดีใจของนางให้คุณชายโอวห
ยางได้รับรู้ แล้วทําไมถึงกลายมาเป็ นแบบนีได้......
ดวงตาของมู่หรงเสวียมึนงงบือใบ้ อีกทังยังมีประกายหยาดนําตาน้อยๆ คลออยูใ่ นดวงตา ดูดึงดูด
ยัวยวน ล่อลวงจิตใจของผูค้ น ดวงตาสี ดาํ ขลับของคุณชายโอวหยางมืดครึ มดังนําหมึก แขนทังสอง
ข้างกระชับนางเข้ามาในอ้อมกอดแน่นขึน ไม่ทนั รู้ตวั เขาก็เพิมแรงจูบอันดูดดืมมากขึนไปอีกเสี ย
แล้ว.......

เมือเวลาผ่านไปอากาศในปอดของมู่หรงเสวียก็ยงน้
ิ อยลง ในหัวรู้สึกพร่ ามัว หายใจติดขัดไม่ทนั อยู่
หลายครัง ลมหายใจอันแผ่วเบากลายเป็ นหอบถีรัว......

“อ้ากก......” ทันใดนันเสี ยงร้องโหยหวนทีฟังดูทรมานเสี ยงหนึงก็ดงั ลันขึน เพียงพริ บตามู่หรงเสวีย


ก็หลุดจากภวังค์ ใช้แรงผลักคุณชายโอวหยางให้ออกไป ริ มฝี ปากของนางชาไปหมด จนใกล้จะไร้
ความรู้สึกแล้ว ไม่ตอ้ งใช้กระจกนางก็รู้วา่ มันบวมขึนมาไม่นอ้ ย

ใบหน้าเรี ยวงามทังสองข้างปรากฏรอยแดงระเรื ออย่างเขินอาย นางถลึงตามองไปทีคุณชายโอวห


ยางอย่างเกลียดชัง “ทังหมดล้วนเป็ นเพราะเจ้า !”

เมือมองไปทีริ มฝี ปากอันบวมเป่ ง และแววตาทีลุกโชนไปด้วยไฟโกรธของนาง แววตาของคุณชาย


โอวหยางก็เจือปนไปด้วยรอยยิมน้อยๆ กล่าวขึนอย่างราบเรี ยบ “ก็ไม่ได้บวมอะไรนัก อีกสักครู่ก็
หายแล้ว......”
แววตามู่หรงเสวียลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ ทีนางพูดถึงไม่ได้หมายความถึงเรื องนี แต่เป็ น...แต่เป็ น...
นางกับเขาที...บนถนนทีผูค้ นผ่านไปผ่านมา...จนโดนผูค้ นพบเห็นเข้าต่างหาก เสี ยงร้องเมือครู่ ดงั
ชัดเจนขนาดนัน......เอ๊ะ นีมันไม่ถูกต้อง คนโบราณทีบังเอิญเห็นพวกนางเข้านันอย่างมากก็แค่ตกใจ
แต่ไม่จาํ เป็ นจะต้องกรี ดร้องโหยหวนขนาดนันนี

มู่หรงเสวียเงยหน้ามองไป ก็เห็นชายในชุดสี เทาอ่อนผูห้ นึงล้มฟุบอยูก่ บั พืนไม่ไกล มือทังสองข้าง


กุมไปทีหัว กลิงตลบไปมา เสี ยงร้องอันเจ็บปวดถึงแม้จะอดกลันเอาไว้บางส่วนแต่ก็ยงั คงดังขึนไป
ในอากาศ จนผูค้ นอดทีจะสงสารไม่ได้ “อ้าก..อ้าก..อ้าก......”

“ท่านอา ท่านเป็ นอะไรไป” มู่หรงเสวียเร่ งเดินเข้าไปคว้าจับไปทีข้อมือของชายผูน้ นั เห็นว่าเขาเป็ น


ชายวัยกลางคนทีมีอายุสามสิ บสี สิ บกว่าปี ริ มฝี ปากด้านบนรวมถึงด้านล่างล้วนเต็มไปด้วยหนวด
เครา ปากของเขาเดียวอ้าเดียวหุบ แต่กลับไม่สามารถพูดออกมาเป็ นประโยคทีสมบูรณ์ได้

ฟองนําลายสี ขาวฟูมออกมาจากปากของเขา ดวงตาของเขาค่อยๆ เหลือกขาวขึน ร่ างกายสู งใหญ่


เกร็งเขม็งแล้วอยูๆ่ ก็สนกระตุ
ั กขึนมาอย่างรุ นแรง......

ดวงตาอันแหลมคมของมู่หรงเสวียค่อยๆ หรี เล็กลง นีเขากําลังชัก......


ตอนที 224 คุณชายหึง

มู่หรงเสวียปลดเครื องประดับไข่มุกออกจากเส้นผม แล้วใช้นิวมือหักก้านเงินของเครื องประดับออก


ทีละก้านทีกา้ น แล้วปั กเข้าไปทีจุดชีพจรของชายหนุ่มอย่างรวดเร็ ว แล้วบิดหมุนไปมาเบาๆ

ฟองสี ขาวทีไหลออกมาจากปากของชายหนุ่มค่อยๆ หยุดลง ดวงตาก็ค่อยๆ กลับมาเป็ นปกติ ร่ างกาย


ทีขดเกร็งและกระตุกไปมาก็ค่อยๆ สงบลง นัยน์ตาทีแข็งค้างเริ มจับจุดมองได้ มองมู่หรงเสวียด้วย
แววตาสงบนิง “ขอบคุณ คุณหนู !” นําเสี ยงอ่อนล้าไร้เรี ยวแรง แต่เต็มไปด้วยความจริ งใจดังขึน

มู่หรงเสวียยิมขึนอย่างอ่อนโยน “ท่านอาไม่ตอ้ งเกรงใจ อาการป่ วยของท่านอาหนักหนานัก เดียวข้า


จะจัดเทียบยาให้ท่านอาชุดหนึง ท่านอากินชุดนีทุกวัน อาการป่ วยเดียวก็ดีขึนเองเจ้าค่ะ......”

นัยน์ตาดําสนิทส่องประกายคมกล้าอย่างบอกไม่ถกู ออกมา “เจ้าสามารถรักษาโรคลมชักเช่นนีได้


ด้วยหรื อ” เขาเสาะหาหมอชือดังมาทัวแผ่นดิน ล้วนบอกว่าโรคของเขาไม่มีหมอหรื อยาทีช่วยได้

“ถือว่ายังพอรักษาได้เจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียยิมออกมาอ่อนโยน โรคลมชักในสมัยโบราณนันไม่มีหมอ


หรื อยาทีรักษาได้ แต่ในโลกปั จจุบนั นันสามารถหาวิธีรักษาได้แล้ว ตอนทีนางเรี ยนพิษวิทยา ก็ได้
เรี ยนวิชาการรักษาโรคทีแปลกๆ พิเศษมาบ้าง และโรคลมชักก็เป็ นหนึงในนัน
“แต่วา่ ศีรษะของท่านอานันได้รับบาดเจ็บค่อนข้างหนัก ซํายังปล่อยทิงเอาไว้มาตังหลายปี หาก
อยากจะรักษาโรคลมชักนีไม่ใช่เรื องทีจะทําในหนึงวันหนึ งคืนได้”

แววตาของชายหนุ่มหรี ลงอย่างครุ่ นคิด “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าหัวข้าเคยได้รับบาดเจ็บ”

มู่หรงเสวียยิมจางๆ “โรคลมชักแบ่งเป็ นสองประเภท ประเภทหนึงคือเป็ นตามธรรมชาติ อีกประเภท


คือเกิดจากการทีสมองได้รับการกระทบกระเทือน ร่ างกายของท่านอาแข็งแรง การเต้นของหัวใจก็
ปกติ คงไม่ได้มีอาการของโรคมาตังแต่เกิด เช่นนันก็เป็ นไปได้เพียงอย่างเดียวว่าเกิดจากการทีศีรษะ
กระแทกรุ นแรง”

“คุณหนูช่างฉลาดเฉลียวนัก” ชายหนุ่มมองมู่หรงเสวีย พยักหน้าด้วยความชืนชม “วันนีข้ามีเรื อง


สําคัญต้องไปจัดการ คงเสี ยเวลาต่อไปไม่ได้อีก วันหลังหากมีเวลาจะไปขอบคุณคุณหนูทีจวนแล้ว
รับเทียบยา ตอนนีต้องขอตัวก่อนแล้ว !”

เมือคําพูดจบลง ชายหนุ่มก็ลุกขึน เดินก้าวยาวๆ ออกไปข้างหน้า เพียงพริ บตาก็หายไปในตรอกเล็กๆ


ไม่ไกล……..
เมือมู่หรงเสวียมองไปในตรอก นางก็ขมวดคิวเล็กน้อย “ข้ายังไม่ได้บอกเขาเลยว่าข้าพักทีไหน เขา
จะรู้ได้อย่างไรว่าจะไปหาข้ารับเทียบยาได้ทีไหน”

“เขาอาจจะรู้ ต่อให้ตอนนีไม่รู้ แต่เขาก็น่าจะตรวจสอบได้ ไม่เช่นนันเขาคงไม่เดินไปอย่างสบายใจ


เช่นนันหรอก.....” คุณชายโอวหยางมองตรอกทีชายหนุ่มเดินเข้าไป ดวงตาของเขาฉายแววอย่างลํา
ลึก

“มือของท่านอาผูน้ นมี
ั หนังหนาๆ หยาบๆ เต็มไปหมด หว่างคิวก็แผ่รังสี ไอสังหารของผูท้ ีเคยรุ กไล่
บนสนามรบ แต่วา่ ไอสังหารนันเบาบางลงไปมากแล้ว เห็นได้ชดั ว่า เขาออกจากค่ายทหารมานาน
หลายปี บวกกับโรคลมชักของเขา คงทําให้ไม่สามารถใช้วิชาได้โดยง่าย เขาก็คงเหมือนกับแม่ทพั ลู่
แม่ทพั ชีทีได้รับบาดเจ็บหนักจากสนามรบ เป็ นทหารทีถอดเกราะคืนสู่ทอ้ งนา......” มู่หรงเสวียพูด
ขึนเบาๆ

ได้ยนิ เช่นนันคุณชายโอวหยางก็พยักหน้า “อาจเป็ นเช่นนัน....” นัยน์ตาลําลึกเหมือนนําในทะเลสาป

“คุณชายโอวหยาง มู่หรงเสวีย ทีแท้พวกเจ้าก็อยูท่ ีนี ให้ขา้ หาตัวกันเสี ยนานเชียว” เสี ยงโวยวายด้วย


ความไม่พอใจดังขึน เป็ นมู่หลิวเฟิ งทีเดินเข้ามา เสื อคลุมยาวสี นาตาลแดงของเขาสะบั
ํ ดพลิวไหวไป
ตามสายลม เสน่ห์แห่งความสง่างามแผ่กระจายออกมาอย่างมากมายนัก !
เมือมองเห็นริ มฝี ปากทีแดงผิดปกติของมู่หรงเสวีย เขาก็ขมวดคิวขึนน้อยๆ “มู่หรงเสวีย เหตุใดปาก
ของเจ้าถึงได้บวมเช่นนันเล่า”

มู่หรงเสวียยกมือขึนกุมปากของตน แววตาทอประกายอย่างเก้อเขิน พูดขึนอย่างดุดนั ว่า “โดนยุงกัด


เข้าน่ะ !”

“สถานทีแบบนี ลมพัดแรงเช่นนี ยังมียงุ อีกหรื อ” มู่หลิวเฟิ งหันมองรอบๆ ไปทัวสี ทิศ แววตาเต็มไป


ด้วยความไม่เชือถือ

“โดนกัดตอนลมยังไม่พดั น่ะ” มู่หรงเสวียบ่ายเบียงไปมัวๆ นางเกรงว่าจะโดนถามอะไรอีก จึงรี บชิง


พูดขึนว่า “เจ้าตามหาข้ามีอะไรหรื อ”

“ข้าเอาของมาให้เจ้า !” มู่หลิวเฟิ งไม่ได้ถามต่อ แต่กลับทําทีพูดจาลึกลับ มือทีไพล่หลังก็คอ่ ยๆ โผล่


ออกมา กระต่ายขนขาวๆ ฟูๆ หูยาวตาแดง อวบอ้วนดูน่ารักเป็ นทีสุดมาปรากฏต่อหน้ามู่หรงเสวีย

เช่นนันมู่หรงเสวียก็ตาเป็ นประกาย “เจ้าไปเอามันมาจากไหนกัน !”

“ซื อมาน่ะ ก็ถนนสายก่อนหน้านันอย่างไร นายพรานพวกนันจับกระต่ายมาตังหลายตัว ตัวนีแหละ


น่ารักทีสุ ดข้าเลยซื อมาให้เจ้า” มู่หลิวเฟิ งพูดออกมายิมๆ ส่ งกระต่ายให้กบั มือมู่หรงเสวีย
“ขอบใจนะ !” มู่หรงเสวียพูดจาแย้มยิม ก้มหน้ามองกระต่ายขาวในมือ เห็นกระต่ายกําลังจ้องนาง
ด้วยตาเป็ นประกายวับวาว น่ารักเสี ยจนใจละลาย

มู่หลิวเฟิ งทียืนอยูห่ น้ามู่หรงเสวียเองก็ยนมื


ื อไปดึงหูกระต่าย แล้วลูบหัวมันบ้าง เล่นสนุกจนไม่ได้
สนใจรอบข้างแต่อย่างใด เมือมองไกลๆ ก็เหมือนภาพคู่รักทีกําลังช่วยกันดูแลกระต่ายดีๆ นีเอง

ใบหน้างามสง่าของคุณชายโอวหยางพลันเคร่ งขรึ ม พูดขึนเสี ยงเย็นว่า “พวกเราวุน่ วายมาตลอดทัง


คืน เหนือยกันมากแล้ว กําลังเตรี ยมกลับวังพักผ่อน มู่หลิวเฟิ ง เจ้าตามสบายเถอะ”

คุณชายโอวหยางก็เดินมาดึงข้อมือของมู่หรงเสวีย เดินก้าวอาดๆ ไปข้างหน้า

มู่หลิวเฟิ งเดินทอดน่องตามมาด้านหลัง พูดยิมๆ ว่า “วันนีข้าก็ไม่มีธุระอะไร เช่นนันก็ตามพวกเจ้า


ไปทีวังเซี ยวเหยาอ๋ องด้วยก็แล้วกัน.......”

“ข้าไม่วา่ งต้อนรับเจ้า” คุณชายโอวหยางตอบเสี ยงเย็นหนึงประโยค เร่ งฝี เท้าให้เร็ วขึน


มู่หลิวเฟิ งไมได้เห็นเป็ นปัญหาอะไร เขาเพียงพูดยิมๆ ว่า “ไม่เป็ นไร พวกเจ้าก็พกั ผ่อนไปเถอะ ข้า
เดินเล่นรอบๆ วังเซี ยวเหยาอ๋ องก็ได้ จะว่าไปแล้วหากนับให้ถีถ้วน ข้าก็ไม่ได้ไปทีวังเซี ยวเหยาอ๋ อง
มาหลายวันแล้วเหมือนกัน......”

“ตอนทีข้าพักผ่อนไม่ชอบให้มีคนมารบกวน วันหน้าเจ้าค่อยไปวังเซียวเหยาอ๋ องเถอะ” คุณชาย


โอวหยางพูดเสี ยงเย็น ทํามือส่ งสัญญาณ เพียงพริ บตาองครักษ์เงาสองนายก็ออกมาขวางทางเดิน
ของมู่หลิวเฟิ งไว้

มู่หลิวเฟิ งทีตามต่อไปไม่ได้ เขามองไปทีเงาร่ างทีเดินไปไกลของคุณชายโอวหยางและมู่หรงเสวีย


แล้วรี บกล่าวขึน “คุณชายโอวหยาง เมือก่อนตอนเจ้าพักผ่อนข้าก็เคยเดินเล่นในวังของเจ้านี ไม่เคย
ได้ยนิ เจ้าพูดว่ากลัวถูกรบกวนเลย.......”

“เมือก่อนก็คือเมือก่อน ตอนนี คือตอนนี ยามนีข้ากลัวถูกรบกวนแล้ว ไม่ได้หรื อ” คุณชายโอวหยาง


ตวัดสายตามองมาทีเขา หางตามีแววเย็นเยียบ

มู่หลิวเฟิ งคิดขึนในใจ ได้ วังเซี ยวเหยาอ๋ องเป็ นบ้านของเขานี เขาอยากจะทําอย่างไรก็ได้ คนทีมีนิสยั


หยิงทะนงถือตนและฉลาดลําเช่นนี ขาดไม่ได้เลยก็คือความเอาแต่ใจสิ นะ !
คุณชายโอวหยางดึงมู่หรงเสวียให้เดินตามไปอย่างรวดเร็ว ฝี เท้าก้าวเร็ วจนนางตามไม่ทนั เวลาผ่าน
ไปครู่ ใหญ่ นางเหนือยจนหายใจหอบถีรัว พูดขึนอย่างเร่ งรี บ “หยุด หยุดก่อน คุณชายโอวหยางต่อ
ให้ท่านจะรี บไปพักผ่อน แต่ก็ไม่เห็นจําเป็ นจะต้องเร่ งความเร็วเช่นนีนีนา !”

ได้ยนิ เช่นนันคุณชายโอวหยางก็ชะงักฝี เท้า ก้มหน้ามองนาง “เจ้าเหนือยมากหรื อ”

มู่หรงเสวียพยักหน้า ตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์นกั “ข้าไม่รู้วชิ าตัวเบา ก็ตอ้ งเหนือยอยูแ่ ล้ว”

“เหนือยแล้วเจ้ายังจะกอดกระต่ายเอาไว้อีกหรื อ ทิงมันไปเจ้าก็ไม่เหนือยแล้ว” คุณชายโอวหยางพูด


ขึนเรี ยบๆ คีบหูกระต่ายทังสองข้าง ดึงมันออกมาจากอ้อมกอดมู่หรงเสวีย แล้วโยนมันทิงไปในกลุ่ม
คน......”

“คุณชายโอวหยาง เจ้าทําอะไรน่ะ” แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหวด้วยความเย็นยะเยือก นางออกแรง


ดึงมือของคุณชายโอวหยางทีจับข้อมือนางออก แล้วรี บพุ่งเข้าไปในกลุ่มคน เห็นเพียงกลุ่มคนเดิน
ผ่านไปมาวุน่ วาย ไหนเลยจะมีเงาร่ างของลูกกระต่ายน้อยสี ขาวอยูอ่ ีก..........
ตอนที 225 แผนของคนเจ้ าเล่ ห์

ตอนที 225 แผนของคนเจ้าเล่ห์

“คุณชายโอวหยาง !” มู่หรงเสวียหมุนกายหันไปถลึงตามองคุณชายโอวหยาง

สี หน้าของคุณชายโอวหยางเรี ยบเฉย มองไปทีนางอย่างผูท้ ีอยูเ่ หนื อกว่า “เป็ นเจ้าทีพูดเองว่าอุม้ กระ


ตายขาวแล้วเหนือย”

“แต่ขา้ ก็ไม่ได้ให้เจ้าเอามันไปทิงสักหน่อยนะ !” อารมณ์ของมู่หรงเสวียคุกรุ่ น ลูกกระต่ายขาวตัว


น้อยน่ารักขนาดนัน แต่เขาก็ยงั โยนทิงได้อย่างหน้าตาเฉยอย่างนันหรื อ

“เป้ ยเป้ ยก็น่ารักมากเหมือนกัน ทําไมไม่เห็นเจ้าอุม้ มันอย่างเอ็นดูเช่นนีบ้างเล่า” แววตาของคุณชาย


โอวหยางลึกลํา ลูกกระต่ายตัวขาวนีเป็ นของมู่หลิวเฟิ ง แต่เป้ ยเป้ ยนันเป็ นเขาทีมอบให้
“เป้ ยเป้ ยตัวโตเกินไปแล้ว ข้าอุม้ มันไม่ถนัด” มู่หรงเสวียแววตาวูบไหว พอเป็ นกระต่ายก็ไม่
เหมือนกันแล้ว ตัวเล็กน่ารักขนาดนัน จะถือไว้ในมือหรื อจะอุม้ ไว้ในอกก็ลว้ นสามารถทําได้

ทีแท้กเ็ พราะลูกกระต่ายขาวตัวนีอุม้ ง่าย ถึงได้ชอบขนาดนี......

แววตาของคุณชายโอวหยางวูบไหว มุมปากยกยิมขึนด้วยรอยยิมทียากนักจะได้พบเห็น......

“เจ้าชดใช้ลกู กระต่ายขาวของข้ามา !” มู่หรงเสวียเดินไปทีด้านหน้า ทุบตีเข้าไปทีคุณชายโอวหยาง


อย่างขุ่นเคือง

คุณชายโอวหยางคว้าจับมือเรี ยวของนางไว้ แล้วกล่าวขึนอย่างเหนือยใจ “ข้าจะรี บสังให้คนไปหา


และนํากระต่ายตัวนันกลับมา”

“พูดแล้วทําตามทีพูดด้วย !” มู่หรงเสวียจ้องเขม็งไปทีเขา
“แน่นอน ข้าเคยหลอกเจ้าเมือไหร่ กนั ” คุณชายโอวหยางยกยิมขึนจางๆ จับกุมไปทีมือเรี ยวของนาง
แล้วลากนางเดินไปทางวังเซียวเหยาอ๋ องช้าๆ ลูกกระต่ายตัวนันวิงหนีหายไปจนไร้ร่องรอยแล้ว พวก
องครักษ์เงาถึงแม้วา่ จะหากระต่ายน่ารักมาได้ตวั หนึง แต่ก็ไม่มีทางทีจะเป็ นกระต่ายตัวนัน

ของทีนางชืนชอบ เขาล้วนสามารถทีจะหาให้นางได้ ไม่จาํ เป็ นต้องให้คนอืนมามอบให้

พอเดินเข้ามาด้านในของวังเซี ยวเหยาอ๋ องแล้ว ดวงตาอันแหลมคมของมู่หรงเสวียก็กวาดมองไปที


เรื อนรับรองแต่ละหลัง พลางกล่าวขึนช้าๆ “คุณชายจะให้ขา้ พักทีเรื อนไหน”

“เรื อนรับรองไม่มีคนเข้าพักมานานแล้ว ไม่เหมาะทีจะให้คนพักอาศัยอยูเ่ ท่าไหร่ .....” คุณชายโอวห


ยางกล่าวขึนเรี ยบๆ แล้วค่อยๆ เดินออกไปทีด้านหน้า

“เช่นนันข้าจะต้องไปพักทีใด” มู่หรงเสวียขมวดคิวมองไปทีเขา

“เรื อนพํานักของข้ายังสามารถให้คนเข้ามาพักเพิมได้” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนนําเสี ยงราบเรี ยบ

มู่หรงเสวียพยักหน้าเข้าใจ พักอาศัยอยูท่ ีเรื อนของคุณชายโอวหยางนับว่าอยูใ่ กล้กบั เขามาก เย่อีเฉิ น


กับฉิ นเฮ่าเหยียนก็จะต้องเกิดความลังเลเกรงกลัว ไม่กล้าเข้ามาหาเรื องนางง่ายๆ ซึ งมันก็นบั ว่าเป็ น
เรื องทีดี “เช่นนันจะให้ขา้ พักห้องซี กตะวันออกหรื อว่าห้องซี กตะวันตกเล่า”
“ห้องหลักตรงกลาง” คุณชายโอวหยางพูดขึนด้วยท่าทางเรี ยบเฉย

มู่หรงเสวียชะงักไปครู่ หนึ ง “นันไม่ใช่ห้องของเจ้าหรื อ” ครังนีทีนางมาทีวังเซียวเหยาอ๋ องเพราะ


ต้องการจะพํานักหลายวัน ไม่ใช่จะมาพักแค่หนึงชัวยามสองชัวยามแล้วก็จากไป

“ในวังเซี ยวเหยาอ๋ อง ห้องของข้าปลอดภัยทีสุ ด !” คุณชายโอวหยางพูดขึนเสี ยงเรี ยบแล้วเดินเข้าไป


ในเรื อนพัก

มู่หรงเสวียเตรี ยมทีจะเถียงกลับ แต่สายตาเผอิญเห็นเข้ากับช่องหน้าต่างทีอยูไ่ ม่ไกลนัก ทันใดนันก็


ั นอนอยูต่ วั หนึง นางสามารถนอนบน
นึกขึนได้ ด้านหน้าหน้าต่างในห้องของคุณชายโอวหยางมีตงที
ตังทีนอนตัวนันได้ ถึงแม้วา่ ตังทีนอนตัวนันจะไม่สะดวกสบายเท่าเตียงหลังใหญ่ก็ตาม แต่วา่ เอาไว้
ใช้พกั ผ่อนไม่กีวันก็ถือว่าพอถูๆ ไถๆ ไปได้ไม่ลาํ บากนัก

มู่หรงเสวียคิดภาพพลางยิมออกมา สายตาเห็นสวินเฟิ ง และอู๋เหิ นทีเดินออกมาจากห้องด้านใน ใน


มือของพวกเขากําลังยกของชินหนึง เป็ นตังทีนอนตัวทีนางนึ กถึงเมือครู่

มู่หรงเสวียชะงักไปครู่ หนึ ง แล้วถามขึนมาว่า “ทําไมพวกเจ้าถึงขนเอาตังทีนอนออกมา”


“คุณชายต้องการทีจะฝึ กเขียนตัวอักษรในห้อง พวกข้าน้อยก็เลยยกตังทีนอนออกมาแล้วเปลียนเป็ น
ชุดโต๊ะเก้าอีไม้หอมแทนขอรับ......” สวินเฟิ งตอบกลับเสี ยงตํา

หากอยากจะฝึ กตัวอักษรก็ไปทีห้องหนังสือเสี ยสิ จะเอาโต๊ะไม้หอมมาวางไว้ในห้องทําไมกัน

มู่หรงเสวียถลึงตามองไปทีคุณชายโอวหยาง แล้วกล่าวขึนอย่างอารมณ์เสี ย “ในห้องไม่มีตงที


ั นอน
แล้ว ทีนีจะให้ขา้ นอนทีใดกันเล่า”

“ไม่ใช่วา่ ยังมีเตียงอยูห่ รอกหรื อ แน่นอนว่าเจ้าก็ตอ้ งนอนบนเตียงสิ ” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนมา


อย่างไม่นาํ พาแล้วค่อยๆ เดินเข้าห้องไป

มู่หรงเสวียขมวดคิวแน่นเข้าหากัน “นันมันเตียงของเจ้า ให้ขา้ ไปนอนทีนันมันดูไม่เหมาะสม......”


ตอนที 226 เจ้ าต้ องเสียสละให้ ข้า

“เช่นนันเจ้าก็ปเู สื อนอนพืนก็ได้ !” คุณชายโอวหยางปรายตามองนางตาหนึง แล้วค่อยๆ เดินเข้าไป


ยังห้องด้านใน ถอดเสื อตัวนอกสี ขาวออกด้วยทวงท่าอันองอาจสง่างาม เหลือเพียงเสื อกับกางเกงตัว
ในสี ขาวแล้วเอนหลังลงไปบนเตียงทีอ่อนนุ่ม

ผ้าม่าน ผ้าห่ม ผ้าปูเตียง โต๊ะหนังสื อ เก้าอีไม้ลว้ นอยูใ่ นโทนสี เย็น ทีดูเหมาะเข้ารับกับใบหน้าอันเฉย


ชาของคุณชายโอวหยางยิงนัก

แสงอาทิตย์สีทองผาดผ่านหน้าต่างสาดส่องเข้ามากระทบลงบนพืนทีสะอาดสะอ้าน จนเกิดแสง
เปล่งประกายออกมาระยิบระยับ

มู่หรงเสวียทีมองดูจนไฟโกรธลุกโชน ถึงแม้วา่ จะอยูใ่ นช่วงฤดูร้อน แต่วา่ พืนหิ นก็ยงั คงเย็นและแข็ง


อยูด่ ี ถึงแม้วา่ จะปูผา้ หนาๆ ลงไป แต่ก็ยงั คงแข็งจนคนนอนหลับไม่สบายตัว นางไม่มีทางยอมที
จะต้องปูเสื อนอนพืนเด็ดขาด !

นางหันหน้ามองไปทีคุณชายโอวหยาง แล้วกล่าวเน้นขึนทีละคํา “คุณชายโอวหยางเป็ นเจ้าทีสังให้


คนเอาตังทีนอนออกไป หากจะต้องปูเสื อนอนพืนก็สมควรเป็ นเจ้าทีต้องเป็ นคนไปนอน ถือสิ ทธิ
อะไรมาให้ขา้ เป็ นคนไปนอนพืนเล่า”
“เพราะว่าทีนีเป็ นห้องของข้า เตียงของข้า มีทีไหนทีจะให้เจ้าของห้องมาปูเสื อนอนพืน” คุณชาย
โอวหยางจ้องมองนางตาหนึง ในดวงตาสี ดาํ ขลับเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

ทันใดนันใบหน้าเรี ยวเล็กของมู่หรงเสวียก็กลายเป็ นมืดมิดลง นางมองไปทีเขาตาไม่กระพริ บ “แต่


ข้าเป็ นหญิงสาวอีกทังยังมีพิษเยือกแข็งอยูก่ บั ตัว ปูเสื อนอนพืนอาจจะทําให้อาการของพิษเยือกแข็ง
กําเริ บได้ เจ้าเป็ นชายทีมีสุขภาพร่ างกายแข็งแรงและวรยุทธ์สูงส่ ง สมควรทีจะเสี ยสละ เจ้าต้อง
เสี ยสละเตียงไม้ให้แก่ขา้ ถึงจะถูก”

นําเสี ยงกระจ่างใสไพเราะจับใจ ผูช้ ายชนชันสูงทัวไปทีได้ฟังแน่นอนว่าต้องเห็นใจมากขึน แต่


คุณชายโอวหยางนันไม่ใช่ชายหนุ่มชนชันสูงทัวไป มุมปากของเขากลับยกขึนด้วยรอยยิมแปลกๆ
มองไปทีนางอย่างเรี ยบเฉยแล้วกล่าวขึน “ข้าไม่ได้มีนิสยั ทีสูงส่ งเลิศลําขนาดนัน ไม่เข้าใจถึงการ
เสี ยสละ......”

“เจ้า......” ความโกรธของมู่หรงเสวียพุ่งปะทุ ใครกันทีบอกว่าคุณชายโอวหยางเป็ นอัจฉริ ยะทีมีนิสยั


ดีงามเลิศลํา ไสหัวออกมาเดียวนีนางรับรองว่าจะไม่ตีเขาให้ตาย !

คุณชายโอวหยางทีนางรู้จกั ชัดเจนว่าเป็ นคนปากร้ายใจดํา ทังยังชอบเย้ยหยันเหน็บแนมนาง เป็ นคน


มากเล่ห์ทีเอาแต่คอยกลันแกล้งนาง......
เมือมองไปทีใบหน้าทีเต็มไปด้วยความโกรธขึงของนาง แววตาของคุณชายโอวหยางก็เจือปนไป
ด้วยร้อยยิมน้อยๆ กล่าวขึนด้วยท่าทางไม่ใส่ใจนัก “ถ้าหากเจ้าไม่อยากปูเสื อนอนพืน ก็สามารถมา
นอนเตียงเดียวกับข้าได้......”

“ไม่มีทาง !” มู่หรงเสวียส่ ายหน้า ปฏิเสธข้อเสนอของเขาโดยไม่ตอ้ งคิด

“เช่นนันเจ้าก็ปเู สื อนอนพืนไปเถิด !” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนเสี ยงเรี ยบแล้วค่อยๆ ปิ ดตาลง แล้ว


กล่าวกําชับขึนมาประโยคหนึง “พืนหิ นทํามาจากเฮยจินสื อ ค่อนข้างทีจะเย็นหน่อย เจ้าก็อย่าลืมว่า
จะต้องปูผา้ ให้หนาๆ......แต่ถา้ หากเป็ นไข้หวัดขึนมาจริ งๆ ก็ไม่เป็ นไร ทีวังเซียวเหยาอ๋ องมียาแก้ไข้
......”

เสี ยงของคุณชายโอวหยางค่อยๆ เบาลง เบาลงเรื อยๆ ประโยคท้ายๆ เบาลงเสียจนแถบไม่ได้ยนิ


ชัดเจนว่าเขาหลับสนิทไปแล้ว......

เสี ยงลมหายใจทีสมําเสมอดังเข้าหู ภาพของคุณชายโอวหยางทีหลับสนิทด้วยท่วงท่างสบายๆ


ปรากฏเข้าสู่สายตา แววตาของมู่หรงเสวียลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ ทีทีจะให้นางนอนล้วนยังไม่ได้
กําหนดดี แต่เขากลับหลับสนิทเสี ยแล้วเนี ยนะ ทังยังหลับได้สบายอกสบายใจขนาดนีด้วย !
มู่หรงเสวียพุ่งเข้าไปทีข้างเตียงอย่างเกรี ยวกราด นางจับไปทีแขนของคุณชายโอวหยางใช้แรงดึงลง
มาด้านล่าง “เจ้าไปนอนทีพืนแล้วมอบเตียงให้ขา้ ......”

ร่ างสูงโปร่ งถูกลากจนเอียงน้อยๆ อีกไม่นานก็คงจะเอียงจนตกลงไปด้านล่าง......

คุณชายโอวหยางขมวดคิวขึน คว้าจับไปทีข้อมือของมู่หรงเสวีย ใช้แรงดึงน้อยๆ

มู่หรงเสวียไม่ทนั ระวังเซล้มลงไปบนร่ างของคุณชายโอวหยางอย่างบังคับตัวเองไม่ได้ นางถลึงตา


มองเขาด้วยความโมโหเตรี ยมทีจะลุกขึน แต่ไม่คาดว่าคุณชายโอวหยางกลับพลิกกายแล้วดึงตัวนาง
เอาไปไว้ทีเตียงด้านใน แขนแข็งแกร่ งกักขังเอวของนางเอาไว้ แล้วกล่าวขึนเสี ยงเบาว่า “เจ้าก็นอน
อยูท่ ีนีเถิด”

“ข้าไม่อยากนอนเตียงเดียวกับเจ้า !” มู่หรงเสวียพูดขึนด้วยความขุ่นเคือง ยืนมือออกไปแกะแขนของ


คุณชายโอวหยางทีเกาะอยูบ่ นเอวของนางออก

“ข้าเหนือยมาก มีเรื องอะไรค่อยเอาไว้พดู กันตอนตืนเถิด !” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนเรี ยบๆ


นําเสี ยงฟังดูไร้เรี ยวแรง บ่งบอกว่าเขาเหนือยล้าเป็ นอย่างมาก
มู่หรงเสวียชะงักไปครู่ หนึ งแล้วค่อยๆ ก้มหน้ามองไป เพือทีจะช่วยนางนัน อย่างน้อยทีสุ ดเขาก็คง
ไม่ได้พกั ผ่อนมาแล้วหนึงวันถึงสองวัน ตอนนี ไม่ง่ายเลยทีจะได้เอนหลังลงพักผ่อน หากนางยังไป
รบกวนเขาอีกก็คงจะเป็ นการไม่รู้บุญคุณคนเกินไปแล้ว......

คิวเรี ยวขมวดขึน นางมองไปทีคุณชายโอวหยางแล้วกล่าวเน้นขึนทีละคํา “เช่นนันข้าก็จะยอมไป


ก่อนวันหนึง รอจนเจ้าตืนแล้วจะต้องรี บหาเตียงให้ขา้ อีกหลังหนึง”

คุณชายโอวหยางตอบรับเสี ยงเรี ยบ ดวงตาของเขาค่อยๆ ปิ ดลง เสี ยงเบาจนยากจะได้ยนิ แล้วเสี ยง


ลมหายใจสมําเสมอก็คอ่ ยๆ ดังขึน

มู่หรงเสวียถอนหายใจออกมาอย่างอับจนหมดคําพูดจะกล่าว แกะแขนของคุณชายโอวหยางทีกักขัง
เอวของนางเอาไว้ออกเบาๆ แล้วพลิกกายอย่างระมัดระวังหันหลังให้กบั คุณชายโอวหยาง สักพักก็
ค่อยๆ ปิ ดตาลง

แขนซ้ายทีถูกกดทับอยูด่ า้ นล่างกายทําให้นางนอนไม่ถนัดนัก ค่อยๆ พลิกกายอย่างเงียบๆ แต่ก็เจอ


เข้ากับใบหน้าอันหล่อเหลาหาใดเปรี ยบของคุณชายโอวหยาง ลมหายใจทีสมําเสมอพ่นรดใบหน้า
แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหวขึนอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ แล้วก็พลิกกายกลับไปด้านเดิม แต่พอแขน
ซ้ายถูกกดทับ นางก็รู้สึกไม่ถนัดพลิกกายกลับมาอีกครัง......
พลิกไป พลิกมา พลิกไป แล้วก็พลิกมา......เป็ นเช่นนี ซําไปซํามา จนความง่วงของมู่หรงเสวียหาย
เป็ นปลิดทิง แต่คุณชายโอวหยางทีอยูข่ า้ งกายยังคงปิ ดตาหลับสนิทหายใจอย่างสมําเสมอ สี หน้าของ
เขาเรี ยบนิง หว่างคิวคลายออก ใบหน้าหล่อเหลาสู งศักดิดังดวงจันทร์บนฟ้ าสูงทีมักจะประดับด้วย
ความเรี ยบเฉยและดุดนั ถูกแทนทีด้วยความสุ ขสงบและความปราดเปรื อง

มู่หรงเสวียทีเห็นดังนันต้องขมวดคิว ค่อยผลักคุณชายโอวหยางเบาๆ “คุณชาย ข้าถนัดการนอน


ตะแคงขวา พอตะแคงซ้ายแล้วนอนไม่หลับเจ้าพลิกกายไปอีกด้านได้หรื อไม่”

“ไม่ได้” คุณชายโอวหยางปฏิเสธออกมาทันควัน ดวงตายังคงปิ ดสนิทอยูเ่ ช่นเดิม แล้วกล่าวขึนช้าๆ


“เพราะว่าข้าถนัดนอนตะแคงซ้าย ถ้าให้ตะแคงขวาก็จะนอนหลับไม่สนิ ท !”

มู่หรงเสวียขมวดคิวเข้าหากันแน่น นางไม่มีทาํ เพือความสบายของตัวเองแล้วไปบีบบังคับให้คุณชาย


โอวหยางเปลียนความถนัดในการนอนของเขา แต่วา่ นางก็อยากทีจะใช้ท่านอนทีถนัดของตัวเอง
“คุณชายพวกเราเปลียนทีกันเถอะ ข้าอยูด่ า้ นนอก คุณชายอยูด่ า้ นใน......”

พอทําเช่นนี นางกับเขาแต่ละคนก็จะนอนตะแคงซ้าย ตะแคงขวาจนหลับสนิทได้

“ไม่เปลียน !” คุณชายโอวหยางปฏิเสธออกมาทันที แล้วกล่าวขึนทังทียังปิ ดตา “ข้าถนัดนอนฝังด้าน


นอก นอนด้านในไม่ถนัด......”
“เจ้า......” มู่หรงเสวียถลึงตามองเขาอย่างขุ่นเคือง แววตาลุกโชนไปด้วยไฟโกรธจนแทบจะสามารถ
พ่นออกมาเป็ นไฟได้ การนอนไหนเลยจะมีการแบ่งนอนด้านใน นอนด้านนอกเล่า ตอนทีนางยังไม่
มาเขานอนอยูบ่ นเตียงหลังใหญ่หลังนีเพียงลําพัง แน่นอนว่าด้านในด้านนอกก็ตอ้ งนอนมาหมดแล้ว
เขาใช้เหตุผลนี มาปฏิเสธข้อเสนอของนาง ชัดเจนว่าไม่อยากให้นางได้พกั ผ่อนดี ๆ……

นางนอนไม่หลับ เช่นนันคุณชายโอวหยางก็อย่าได้คิดจะนอนดีๆ เลย !

ดวงตาสี ดาํ ขลับของมู่หรงเสวียวูบไหวด้วยประกายแสงแปลกๆ คว้าจับไปทีแขนของคุณชายโอวห


ยาง ใช้แรงเขย่ามันเบาๆ “คุณชาย อยูๆ่ ข้าก็นึกขึนได้แล้วว่าของชินนันควรจะไปอยูท่ ีไหน เจ้า
ต้องการจะฟังหรื อไม่”

“สถานทีใดกัน” ขนตายาวของคุณชายโอวหยางพริ มไหวน้อยๆ แล้วค่อยๆ เปิ ดเปลือกตาขึน มองไป


ทีนางอย่างเรี ยบเฉย ดวงตาสี ดาํ ขลับของเขาลําลึกดังนําในมหาสมุทร ช่างดูสุขมุ ลุ่มลึก หลักแหลม
ไม่เหมือนกับคนทัวไปทีเพิงตืนจากการหลับใหลทีควรจะงัวเงียและหงุดหงิดแม้แต่นอ้ ย......

มู่หรงเสวียิมน้อยๆ ออกมาด้วยท่าทางอมภูมิ กล่าวกดเสี ยงตําขึนอย่างลึกลับ “สถานทีแห่งนัน


คุณชายก็เคยไปมา......”
ตอนที 227 สั งสอน

“ห้องหนังสื อของพ่อข้า !”

“เพราะเหตุใดเจ้าถึงคิดเช่นนัน” คุณชายโอวหยางมองนางนิ งๆ เมือตอนขนย้ายศพมู่หรงเยว่เข้าเมือง


หลวงนัน บนร่ างเขาก็ไม่มีของชินนัน.........

“เจ้าบอกว่าพวกองครักษ์เงาเหล่านันภักดีต่อท่านพ่อของข้ามากไม่ใช่หรื อ ตอนทีพวกเขาซ่อนกาย
ในเงามืดเพือช่วยคุม้ กันท่านพ่อข้า เขาก็ตอ้ งคอยรักษาของชินนันเช่นกัน พอพ่อข้ามาตายในสนาม
รบอย่างกะทันหัน พวกเขาทีเข้าช่วยเหลือไม่ทนั แล้วก็ไม่อยากให้ของชินนันไปตกอยูใ่ นมือของ
ใคร ก็เลยลอบเก็บของชินนันเอาไว้ ส่ งคืนกลับมาทีห้องหนังสื อของท่านพ่อข้า......” มู่หรงเสวียพูด
อย่างเป็ นการเป็ นงาน

คุณชายโอวหยางมองนางแวบหนึง “ผูกเรื องได้ไม่เลวเลย แต่ความเป็ นไปได้นอ้ ยมาก น้อยมากๆ


......” ของชินนันเกิดขึนมาเพราะจุดประสงค์ในการควบคุมสังการองครักษ์เงา แล้วองครักษ์เงาจะ
เอากลับมาตามอําเภอใจได้อย่างไร...........
“ความเป็ นไปได้นอ้ ยเพียงใด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีนีนา พวกเราลองไปดูทีห้องหนังสื อของ
ท่านพ่อกันเถอะ” มู่หรงเสวียพูดยิมๆ นัยน์ตาดําสนิ ทส่ องประกายวาววับ

คุณชายโอวหยางมองอย่างอ่อนใจ ก่อนจะพยักหน้าออกมาเบาๆ “ได้ !”

เมือลงจากเตียงมาด้วยท่าทางสํารวมสง่างาม คุณชายโอวหยางก็หยิบเอาเสื อคลุมสี ขาวสะอาดขึนมา


สวม ก่อนทีจะจูงมู่หรงเสวียออกจากห้อง แขนยาวของเขาโอบรอบเอวคอดเล็กของมู่หรงเสวียไว้
พานางเหาะเหิ นราวกับเมฆขาวทะยานออกจากวังเซี ยวเหย่าอ๋ อง

เพียงหนึงอึดใจ คนทังสองก็เหาะมาถึงจวนเจินกัวโหวแล้ว ร่ างทังสองค่อยๆ ร่ อนลงทีหน้าห้อง


หนังสื อ

เก๋ อฮุยทียืนอยูไ่ ม่ไกลนัก เมือเห็นทังสองคนก็กา้ วเท้าเร็ วๆ เข้ามา “คุณหนูใหญ่ คุณชายโอวหยาง !”

มู่หรงเสวียตอบรับคําเบาๆ มองเขาพลางพูดว่า “ท่านลุงฮุย หลังจากทีท่านพ่อเสี ยชีวิตมีใครมาทีห้อง


หนังสื อบ้างหรื อไม่”
“เสี ยวโหวเหย่ (ชือเรี ยกตําแหน่งของมู่หรงเย่) เคยมาไม่กีครัง แล้วก็เด็กรับใช้ทีเข้าไปทําความ
สะอาดทุกวัน รวมถึงข้าน้อยทีเข้าไปเองบางครัง นอกจากนีแล้วก็ไม่มีคนอืนอีกขอรับ” เก๋ อฮุยตอบ
เสี ยงตําเบา

มู่หรงเสวียพยักหน้าอย่างเข้าใจ แล้วค่อยๆ เปิ ดประตูหอ้ งเข้าไป กลินไม้ถานเซี ยงปนกับกลินเข้มๆ


ของม้วนหนังสื อลอยปะทะเข้ามา เป็ นกลินทีหอมเหลือเกิน

นางกะพริ บตา ค่อยๆ เดินเข้าไปในห้องหนังสื อ เห็นเพียงชันหนังสื อสู งๆ อยูด่ า้ นในสุ ด ด้านในมี


หนังสื อประเภทต่างๆ วางเรี ยงรายอยูเ่ ต็มไปหมด ด้านหน้าของชันหนังสื อเป็ นชุดโต๊ะเขียนหนังสื อ
ไม้จือมู่ ลายแกะสลักซับซ้อนละเอียดประณี ต บนโต๊ะหนังสื อมีหมึกพู่กนั กระดาษและแท่นฝนหมึก
ชันดีวางไว้ ล้วนเป็ นของชันเลิศทีราคาไม่ธรรมดา

บนผนังมีภาพอักษรศิลป์ แขวนอยู่ ภาพเขียนละเอียดละออ เส้นหมึกคมชัด ทําให้หอ้ งหนังสื อดูทรง


ภูมิไปมาก

“เสี ยวโหวเหย่ไม่ค่อยได้มาทีห้องหนังสื อ การตกแต่งจัดวาง ยังเหมือนเมือครังทีโหวเหย่ยงั มีชีวิต”


เก๋ อฮุยอธิบายขึนเบาๆ
มู่หรงเสวียพยักหน้าอย่างเข้าใจ จากการตกแต่งห้องก็พอมองออก มู่หรงเยว่ไม่เพียงมีกาํ ลังกล้าแข็ง
แต่ยงั เป็ นคนทีเข้าใจเรื องความประณี ตอยูไ่ ม่นอ้ ย หนังสื อต่างๆ บนโต๊ะก็ดเู ป็ นของชันสูง.........

เมือเดินเข้าไปทีโต๊ะหนังสื อช้าๆ นางก็ยนมื


ื อไปทีลินชักบนโต๊ะ เห็นเพียงกล่องไม้สีดาํ วางแอบไว้ที
ด้านบนสุ ด

มู่หรงเสวียหยิบกล่องขึนมาเปิ ดเบาๆ เห็นเพียงกล่องโล่งว่าง ไม่มีอะไรเลยแม้แต่นอ้ ย นางจึงขมวด


คิวอย่างไม่เข้าใจ “ทําไมวางกล่องเปล่าๆ ไว้ตรงนี ล่ะ”

เก๋ อฮุยเข้ามาดูกล่องพลางเอ่ยออกมาเบาๆ ว่า “เดิมทีกล่องนีเคยใส่ ของหมันแทนตัวทีส่งไปยังวังจิง


อ๋ อง ด้วยมันเป็ นกล่องทีธรรมดาเกินไป ถือออกไปก็ดูไม่ค่อยเหมาะสม ตอนทีอดีตจิงอ๋ องและโหว
เหย่แลกเปลียนของหมันแทนตัวต่อกัน โหวเหย่ก็เลยเปลียนเป็ นกล่องทีหรู หราขึน กล่องอันนีเลย
ยังคงวางไว้อยูท่ ีนี.......

ของหมันแทนตัวหรื อ ไม่ใช่ “ผลึกแก้วนําแข็ง” ทีเย่อีเฉิ นทําหายไปนันหรอกหรื อ มู่หรงเยว่เปลียน


กล่องทีบรรจุ “ผลึกแก้วนําแข็ง” เพือให้ลกู สาวเหมือนกับความหมายของกล่องทีหรู หรา ได้รับ
ความสนใจและความสําคัญ แต่น่าเสี ยดายนัก ทีเจ้าของร่ างเดิมนันชะตาเหมือนกล่องไม้สีดาํ กล่องนี
โดนเย่อีเฉิ นละเลยไปอย่างสิ นเชิง
มู่หรงเสวียเลิกคิววางกล่องไม้สีดาํ ลง หยิบเอากระดาษพับหนึงออกมาจากลินชัก ค่อยๆ เปิ ดออกมา
มองอักษรและสัญลักษณ์ในรู ปภาพ นางก็เบิกตากว้างอย่างทันที “นีคือ...แผนทีพรมแดนระหว่างชิง
เหยียนและหนานเจียงนีนา.....”

“โหวเหย่เสี ยชีวิตในการรบกับหนานเจียง ภาพแผนทีนีเป็ นภาพแผนทีสุดท้ายทีเขาทําขึนกับมือ


เหล่าทหารส่ งภาพแผนทีนีกลับมาทีจวนโหวเหย่เพือให้เก็บเป็ นของดูต่างหน้า”

เก๋ อฮุยมองกระดาษแผนทีทีซี ดเหลืองแล้วถอนหายออกมาใจเบาๆ แววตาของเขาหม่นหมอง

นันย์ตากระจ่างใสของมู่หรงเสวียหรี ลง การรบครังสุ ดท้ายของมู่หรงเยว่เป็ นการรบกับหนานเจียง


.......

“กึก” เสี ยงทีเบาจนแทบไม่ได้ยนิ แว่วดังเข้าหู แววตาของมู่หรงเสวียส่ องประกาย หยิบเอาทีทับ


กระดาษบนโต๊ะหนังสื อขึนมา แล้วปาออกไปอย่างไม่ปรานี ได้ยนิ เพียงเสี ยง “ปั ง” ดังขึน แล้วเสี ยง
ร้องโอดโอยก็ดงั โหยหวนขึน “ อ๊า !”

มู่หรงเสวียเลิกม่านเสี ยงดัง “ซ่า” เห็นแม่นมวัยสี สิ บกว่าๆ นังกุมศีรษะทีมุมผนัง ร้องโอดโอยอย่าง


เจ็บปวด หน้าผากของนางโดนทีทับกระดาษโยนใส่ เข้าอย่างแรง เลือดสีแดงสดไหลทะลักออกมา
ไหลอาบตามใบหน้าเป็ นสายๆ จนแก้มแดงข้างซี ดข้าง ท่าทางน่าอนาถเป็ นทีสุ ด
มู่หรงเสวียมองนางด้วยสาตาของผูท้ ีเหนือกว่า แล้วพูดขึนเสี ยงเยือกเย็นว่า “เจ้าเป็ นแม่นมทีอยูข่ า้ ง
กายท่านอาหญิง ตอนนี ท่านอาอาการบาดเจ็บสาหัส เหตุใดเจ้าไม่คอยอยูด่ ูแลนางทีเรื อนเหวินโหรว
มาทําลับๆ ล่อๆ อะไรทีนีกัน”

“เรี ยนคุณหนูใหญ่ ผูน้ อ้ ยเพิงไปยกยาของฮูหยินมาจากครัว ทีนีมีร่มไม้เยอะ แดดไม่ร้อน จึงคิดจะ


เดินผ่านเส้นทางนีกลับไปยังเรื อนเหวินโหรว” แม่นมหลีพูดจากุกๆ กักๆ สายตาฉายแววด้วยความ
หวาดกลัว

มู่หรงเสวียเงยหน้าขึนมอง ข้างกายของนางมีถาดและถ้วยกระเบืองตกเกลือนอยู่ กลินยาอ่อนๆ โชย


เข้าจมูก นางขมวดคิว แล้วพูดเสี ยงเย็นว่า “ห้องหนังสื อเป็ นสถานทีสําคัญ คนทีไม่เกียวข้องไม่ควร
เข้าใกล้ แม้เจ้าจะเดินผ่านอย่างไรก็ตอ้ งอ้อมหลีกไป......”

“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ.....ผูน้ อ้ ยทราบแล้ว ผูน้ อ้ ยไม่กล้าอีกแล้ว......” แม่นมหลีรับคําต่อเนือง แววตาหวาด


เกรง

“เอาล่ะๆ เจ้าเลิกพูดได้แล้ว เก็บกวาดพืนให้สะอาดแล้วรี บไปซะ !” มู่หรงเสวียขัดคําพูดนางอย่าง


หมดความอดทน
“เจ้าค่ะ เช่นนันผูน้ อ้ ยขอลา !” แม่นมหลีรับคําด้วยเสี ยงร้อนรน รี บเก็บเศษจานและถาดบนพืน ก่อน
เดินออกไปด้วยท่าทางลุกลีลุกลน

เมือมองเงาร่ างของนางทีเดินไกลออกไป เก๋ อฮุยก็หรี ตาลงเล็กน้อย “เหตุผลทีแม่นมหลีมาอยูท่ ีนี คง


ไม่ได้ง่ายดายอย่างทีนางว่า”

“ข้ารู้” มู่หรงเสวียพยักหน้า แววตาปรากฏความเยือกเย็น “นางเป็ นคนของมู่หรงโหรว นางมาโผล่ที


นอกห้องหนังสื อ ก็เพราะจะมาแอบฟังพวกเราคุยกัน เหตุผลทีมายกยาอะไรนันล้วนเป็ นข้ออ้าง
ทังนัน ”

“แล้วทําไมคุณหนูใหญ่ ถึงได้ปล่อยนางไปง่ายๆ เช่นนีล่ะขอรับ” เก๋ อฮุยมองมู่หรงเสวียอย่างไม่


เข้าใจ

“ปล่อยนางก็เป็ นการผ่อนสายเบ็ดเพือตกปลาใหญ่อย่างไรล่ะ” มู่หรงเสวียยิมบางๆ ท่าทางลึกลับ


ซ่อนกล แม่นมหลีเป็ นเพียงคนรับใช้คนสนิทธรรมดาๆ ต่อให้นางตบตีแม่นมหลีสักยก แต่ก็ยงั มีแม่
นมจาง แม่นมหวังมาติดตามมาใหม่อยูด่ ี

แค่ฝงู กุง้ ฝอยทีไม่สะดุดตาเท่านัน นางคร้านทีจะลงมือกับคนพวกนันแล้ว หากจะลงมือ ก็ตอ้ งลงมือ


กับคนทีอยูเ่ บืองหลังกุง้ ฝอยพวกนีอย่างมู่หรงโหรว
เก๋ อฮุยพยักหน้า แววตาเยือกเย็นดุจนําแข็ง “ตอนทีโหวเหย่เสี ยชีวิต แม่ลูกตระกูลตูก้ ็วางอํานาจคับ
จวนโหว ถือเอาฐานะมาข่มเหงรังแกเสี ยวโหวเหย่และคุณหนูใหญ่ คงถึงเวลาทีจะได้รับการสังสอน
บ้างเสี ยที......”
ตอนที 228 ฆ่ าล้ าง
แสงอาทิตย์ทอประกายสี ทองอร่ าม สาดส่ องลงมาดูอบอุ่นแสนสงบสุ ข

ขณะทีมู่หรงโหรวกําลังเอนกายนอนอยูบ่ นตังทีนอน ดวงตาของนางพริ มหลับพักผ่อนอย่างมี


ความสุขอยูน่ นั ก็มีเสี ยงตะโกนโหวกเหวกขึนมาด้วยความรี บร้อน “ฮูหยิน...ฮูหยิน......”

มู่หรงโหรวถูกเสี ยงอันดังปลุกจนนางต้องสะดุง้ ตืนขึนมา ขมวดคิว แล้วลืมตาขึนอย่างไม่พอใจ


สายตามองเห็นแม่นมหลีรี บร้อนวิงเข้ามา ก็ทอดถอนใจออกมาด้วยความเหนือยหน่าย โกรธไม่ลง
มองไปยังขมับทีพันด้วยผ้าขาวของนางทีปลิวว่อนดึงดูดสายตา......

“เกิดอะไรขึนกับเจ้ากัน”

“เรี ยนฮูหยิน เมือครู่ บ่าวพบเจอกับมู่หรงเสวีย นางไปทีห้องหนังสื อของนายท่านมู่หรงเยว่ แถมยังมี


ท่าทีดีอกดีใจเดินออกไปพร้อมกับกล่องหี บไม้เล็กๆ กล่องหนึงเจ้าค่ะ” แม่นมหลีรี บร้อนตอบขึน

หลังจากมู่หรงเสวียขับไล่นางออกจากห้องหนังสื อ นางก็ไม่ได้จากไปไหน แต่แอบหลบอยูแ่ ถวมุม


อับ แอบดูสถานการณ์โดยรอบ รอจนเห็นมู่หรงเสวียถือเอากล่องหี บไม้ออกมาแล้วจากไป นางถึง
ได้รีบกลับมารายงานข่าว......
ดวงตาของมู่หรงโหรวทอแววประหลาดใจ “แล้วเจ้ารู้หรื อไม่วา่ ในกล่องไม้ใบนันบรรจุอะไรไว้”

“บ่าวก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ” แม่นมหลีส่ ายส่ายหน้า “แต่วา่ บ่าวอยูท่ ีนอกห้องหนังสื อแอบได้ยนิ มู่หรง


เสวียกับเก๋ อฮุยกําลังพูดอะไรกันบางอย่างเกียวกับ เยว่โหวเหย่...และศึกครังสุ ดท้ายทีหนานเจียง
......”

แววตาของมู่หรงโหรวเหยียบเย็น “เจ้าแน่ใจหรื อไม่วา่ ทีพวกเขาพูดคือศึกครังสุ ดท้ายของมู่หรงเยว่”

“ไม่ผิดไปจากนีแน่นอนเจ้าค่ะ !” แม่นมหลีพยักหน้าอย่างมันใจ แววตาของนางเหยียบเย็น ทอแวว


มันใจออกมา “เวลานันบ่าวยืนอยูด่ า้ นหลังของหน้าต่างพอดี ได้ยนิ ทีพวกเขาพูดกันอย่างชัดเจน......”

แววตาของมู่หรงโหรวโหดเหี ยมขึนในทันใด อยูด่ ีๆ พวกเขาก็พดู ถึงเรื องศึกครังสุ ดท้ายของมู่หรง


ั อ ในศึกครังนัน มู่หรงเยว่ตายท่ามกลางสนามรบ องครักษ์เงาหายสาบสูญ ตราคําสัง
เยว่งนหรื
องครักษ์เงาชินนันก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย......เดียวก่อนนะ หรื อว่าในกล่องไม้ใบนันจะเป็ นตรา
คําสังขององครักษ์เงา
ในปี นัน หลังจากทีมู่หรงเยว่ตายไป พีรองก็ถกู ย้าย เก๋ อฮุยก็พาคนมารักษาการทีห้องหนังสื อ โดย
ห้ามคนเข้าใกล้ สิ บปี ทีผ่านมานี นางกับท่านแม่พยายามหาทางทีจะเข้าไป แต่ก็ไม่อาจเข้าไปได้
แม้แต่กา้ วเดียว ทีแท้หอ้ งหนังสื อก็เก็บของทีสําคัญขนาดนีไว้นีเอง......

องครักษ์เงาทีรบชนะทุกศึก แข็งแกร่ งไร้ค่เู ปรี ยบ ถ้าได้มาครอบครองไว้ ก็จะเหมือนกับได้อาํ นาจ


อันไร้เทียมทานทีแม้แต่เงินทองก็ไม่อาจเทียบได้......

“แล้วเจ้ารู้หรื อไม่วา่ มู่หรงเสวียไปทีใด” มู่หรงโหรวจ้องไปทีแม่นมหลีอย่างคาดคันเพือทีจะเอา


คําตอบ

“บ่าวก็ไม่แน่ใจสถานทีทีแน่ชดั เจ้าค่ะ แต่วา่ ก่อนทีนางจะจากไปบ่าวได้ยนิ นางพูดกับเก๋ อฮุยว่าจะไป


ตามหาอะไรเงาๆ นีแหละเจ้าค่ะ......” แม่นมหลีขมวดคิว พยายามย้อนคิดคําพูดของมู่หรงเสวีย......

“องครักษ์เงา ?” มู่หรงโหรวยําต่อคําพูดของนาง

แววตาของแม่นมหลีทอประกาย แล้วพยักหน้าติดต่อกัน “ใช่ๆ ใช่แล้วเจ้าค่ะ องครักษ์เงา !”


แววตาของมู่หรงโหรวเหยียบเย็น สิ งทีมู่หรงเสวียนําออกไป มีความเป็ นไปได้ถึงแปดในสิ บส่ วนที
จะเป็ นตราคําสังองครักษ์เงา “รี บไปเขตนอกเมืองเรี ยนนายท่านรอง บอกไปว่ารู้ข่าวคราวของของ
สิ งนันแล้ว เชิญเขาให้รีบกลับจวนโดยด่วน......”

“เจ้าค่ะ !” สาวใช้นางหนึงรับคําสังแล้วออกไป

มู่หรงโหรวเงยหน้ามองไปทีแม่นมหลี “มู่หรงเสวียออกไปนานแค่ไหนแล้ว”

“ประมาณครึ งเค่อเจ้าค่ะ” แม่นมหลีเอ่ย “มู่หรงเสวียสังให้เก๋ อฮุยเตรี ยมม้าให้นางและเตรี ยมเสบียง


และนําไปไม่นอ้ ย ดูจากท่าทางแล้วน่าจะออกไปอย่างน้อยประมาณหนึงถึงสองวัน......”

มู่หรงเสวียถึงกับเริ มออกตามหาองครักษ์เงาแล้ว นางช่างเตรี ยมการได้รวดเร็วยิงนัก !

มู่หรงโหรวครุ่ นคิดอย่างละเอียด แล้วเอ่ยถามอีกครัง “นางออกเดินทางไปคนเดียวใช่หรื อไม่”

หลีมัวมัวส่ ายหน้า “ไม่ใช่เจ้าค่ะ นางนําองครักษ์ติดตามเดินทางไปด้วยสองคน”


มู่หรงโหรวพยักหน้าน้อยๆ อย่างเข้าใจ แค่นาํ องครักษ์เดินทางไปด้วยสองคน ก็ไม่ถือว่าจัดการยาก
สักเท่าไหร่ “รี บไปแจ้งคนรถให้เตรี ยมรถไว้ และไปแจ้งเหล่าองครักษ์ทีภักดีต่อข้า ให้ติดตามข้า
ออกไปข้างนอก......”

แม่นมหลีชะงักไปเล็กน้อย มองไปทีใบหน้าอันซี ดเซี ยวราวกระดาษของนาง แล้วรี บเอ่ยเตือนขึน “ฮู


หยิน บาดแผลของท่านยังไม่หายดี ไม่สะดวกทีจะออกไปจัดการ......”

“แค่แผลเล็กๆ น้อยๆ เท่านัน ไม่มีอะไรทีต้องกังวล” มู่หรงโหรวโบกมือขึนตัดบทพูดนาง แววตาทอ


ประกายเหยียบเย็น ช่องคลอดของนางโดนมีดตัดขาดแล้ว ไม่สามารถมีลูกได้อีก ตอนนีนางก็ไม่ได้
ต่างอะไรกับการเป็ นคนพิการไปแล้วครึ งหนึง !

ซ่งเทียนเหวินก็จอ้ งมองนางอยูต่ ลอด นางยังจะพักผ่อนอย่างสบายใจได้อย่างไร ตอนนีเรื องเร่ งด่วน


คือนางต้องได้ครอบครองกองกําลังองครักษ์เงา เมือครอบครองกลุ่มอํานาจอันแข็งแกร่ งได้แล้ว ถึง
จะสามารถกําจัดมู่หรงเสวีย และซ่งเทียนเหวินได้อย่างสิ นซาก !

หากอยากจะครอบครององครักษ์เงา ก็ตอ้ งมีตราคําสังองครักษ์เงา ตราคําสังนันสําคัญเป็ นอย่างยิง


นางต้องไปเอาด้วยมือตนเอง ไม่สามารถไว้ใจให้ไปอยูใ่ นมือของใครได้ ถึงแม้จะเป็ นเหล่าองครักษ์
ทีจงรักภักดีต่อนางก็ตาม นางก็ไม่อาจไว้ใจได้......
เมือมองเห็นแววตาทีตัดสิ นใจอย่างเด็ดขาดของนางแล้ว แม่นมหลีก็รู้วา่ ไม่วา่ นางจะพูดอย่างไรก็ไม่
เป็ นผล ได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วค่อยๆ เอ่ยขึน “บ่าวจะไปสังการคนใช้ให้เตรี ยมรถตอนนี
เลยเจ้าค่ะ......”

ตะวันเริ มตกคล้อยไปตามทิศตะวันตก เงาไม้ใหญ่เริ มทอดยาวออกไป มู่หรงเสวียทีควบม้าเร็ วไป


ตามถนนเพิมความเร็ วมากยิงขึน หมอกควันลอยออกมาตามลม ลอยกระทบเข้ากับจมูก กลินทีลอย
ออกมาทําให้คนขาดสติลองลอยไปได้

‘พรึ บ พรึ บ พรึ บ’ คนชุดดําสิ บกว่าคนปรากฏกายขึนกลางถนน เข้าขวางทางมู่หรงเสวียเอาไว้

มู่หรงเสวียขมวดคิว ไม่ได้ตืนตระหนกแต่อย่างใด นางกระตุกเชือกหยุดม้าเร็ว แล้วจ้องมองลงไปที


บรรดาคนชุดดํา เอ่ยขึนเบาๆ “พวกท่านมีเรื องอะไรอย่างนันหรื อ”

คนชุดดําทีอยูด่ า้ นหน้าก้าวออกมาก้าวหนึง มองหน้านางอย่างเหยียบเย็นแล้วเอ่ยขึน “ทิงของ


ทังหมดทีติดตัวมาไว้ทีนี แล้วพวกข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”

มู่หรงเสวียยิมเบาๆ ขึนทีมุมปาก เอ่ยออกมาช้าๆ อย่างสบายใจว่า “แล้วถ้าข้าบอกว่า ‘ไม่’ ล่ะ”


“เช่นนันพวกข้าก็พดู ได้แค่วา่ ‘ขออภัย’ แล้ว” นําเสี ยงอันหยาบคายชัวร้ายของชายคนหนึ งดังขึน
สะท้อนจิตใจ แต่ม่หู รงเสวียไม่ใส่ ใจ เอ่ยออกมาว่า “ถ้าพวกเจ้าวางอาวุธแล้วขอร้องข้าในตอนนี ข้า
สามารถพิจารณาไว้ชีวติ พวกเจ้าได้”

เมือเสี ยงอันสดใสชัดเจนดังขึน บรรดาคนชุดดําต่างชะงักเล็กน้อย เหมือนดังได้ยนิ เรื องตลกขับขัน


เช่นนันก็ไม่ปาน พากันหัวเราะฮาฮาออกมา “มู่หรงเสวีย เจ้ามองให้ชดั ๆ หน่อย ทีนีคือนอกเขตเมือง
หลวง ไม่ใช่จวนเจินกัวโหว พวกข้าคือนักฆ่าชุดดําทีฆ่าคนโดยไม่กะพริ บตา ไม่ใช่บ่าวรับใช้ของเจ้า
ทีจวนเจินกัวโหว ทีต้องคอยรับและทําตามคําสังของเจ้า......”

มู่หรงเสวียไม่ได้ตกใจ กลับเอ่ยขึนว่า “พอสวมชุดดํา พวกเจ้าก็เป็ นนักฆ่าชุดดํา แต่ถา้ หากถอดชุด


ออก พวกเจ้าไม่ใช่วา่ เป็ นบ่าวองครักษ์ของจวนเจินกัวโหวหรอกหรื อ”

บรรดาคนชุดดําชะงักเล็กน้อย ดวงตาทอแววตืนตระหนก แต่ก็กลับมาเป็ นปกติอย่างรวดเร็ ว มองมู่


หรงเสวียอย่างเหยียบเย็นแล้วเอ่ยขึน “เจ้าพูดมากเกินไปแล้ว รี บเอาของในตัวออกมาให้หมด
ไม่เช่นนัน อย่าหาว่าพวกข้าไม่เกรงใจ”

มู่หรงเสวียมองไปทีบรรดาคนชุดดํา แล้วยิมเย็นออกมา “พวกเจ้านีช่างจงรักภักดี......ข้ามอบโอกาส


ให้พวกเจ้าแล้ว แต่พวกเจ้าก็ไม่ใส่ ใจเอง เช่นนันพวกเจ้าอยูใ่ นนรก ก็อย่าหาว่าข้าโหดร้ายก็แล้วกัน
......”
เมือคําพูดหลุดออกไป มู่หรงเสวียก็ส่งสัญญาณให้องครักษ์ทงสองที
ั อยูด่ า้ นหลังของนางกระโดด
ลอยออกไปท่ามกลางกลุ่มคนชุดดํา ชักดาบยาวออกมา แล้วเริ มฆ่าล้างบางบรรดาคนชุดดําทีอยูร่ าย
ล้อมตัว

คนชุดดําตกใจอย่างมาก ชักกระบีออกมาเพือทีจะป้ องกัน แต่ก็ไม่อาจทีจะต้านทานกระบียาวของทัง


สองคนได้ เสี ยงเสื อผ้าและเลือดเนือขาดหลุดลุ่ยออกจากกันดังขึนไปทัวบริ เวณ......

องครักษ์ทงสองคนลงมื
ั ออย่างรวดเร็ วท่ามกลางกลุ่มของคนชุดดําอย่างไม่มีใครสามารถต้านทานได้
จนรอบบริ เวณเต็มไปด้วยรอยเลือด......

“เคร้ง เคร้ง......” คนชุดดําล้มลงกับพืนไปทีละคนทีละคน เศษซากร่ างกระจัดกระจาย กลินเลือด


เข้มข้นโชยออกมาทัวตามอากาศ......
ตอนที 229 ทุบตีม่ ูหรงโหรว

ทหารองครักษ์ ไม่สิ สวินเฟิ งก้าวเดินออกมาด้านหน้า กล่าวขึนอย่างนอบน้อม “คุณหนูม่หู รง คนชุด


ดําถูกสังหารจนหมดแล้วขอรับ”

“สังหารทังหมดแล้วจริ งๆ หรื อ เหตุใดข้ายังเห็นเหยือเล็ดลอดออกไปได้สองตัวกันเล่า !” มู่หรง


เสวียกล่าวขึนด้วยรอยยิมสดใส สายตาอันเย็นเหยียบปรายตามองไปด้านหลังเหมือนดังไม่ได้ตงใจ

ซวยแล้ว ถูกพบเข้าให้แล้ว !

มู่หรงโหรวกับแม่นมหลีทีซ่ อนอยูใ่ นพงหญ้าหัวใจเต้นแรง รี บพยุงกันวิงกลับไปอย่างรวดเร็ว

ร่ างของสวินเฟิ งไหววูบ เพียงพริ บตาก็ไปปรากฏด้านหน้าของทังสองคน เขายกเท้าขึนเตะไปทีทัง


สองคนอย่างแรงจนพวกนางกระเด็นออกไปไกลห้าหกเมตร ร่ างกระแทกลงบนถนนหลวงทีแข็งทือ
อย่างจัง กระแทกล้มลงจนหัวหมุนดวงตาพร่ ามัว กระดูกทัวทังร่ างคล้ายกับหลุดออกจากกัน ช่าง
เจ็บปวดทรมานยิงนัก
มู่หรงเสวียนังอยูบ่ นหลังม้า พลิกหมุนกล่องไม้สีดาํ ในมือไปมา แล้วกล่าวขึนอย่างไม่รีบไม่ร้อน
“ลองถามก่อนว่าพวกนางเตรี ยมทีจะแย่งชิงกล่องไม้สีดาํ ในมือข้าใช่หรื อไม่” ดวงตาของแม่นมหลี
กลิงกลอกไปมา แล้วกล่าวขึนอย่างร้อนรน “พวกข้าไม่ได้จะแย่งชิงของของเจ้า พวกเราเพียงแค่......”

“ผัวะ !” ทันใดนันมู่หรงเสวียก็สะบัดข้อมือ แส้ฟาดม้าในมือสะบัดฟาดไปทีร่ างของแม่นมหลีอย่าง


ไร้ความปรานี ตัดบทประโยคทียังพูดไม่ทนั จบของนาง แล้วกล่าวขึนเสี ยงเย็น “ข้าไม่ได้ถามเจ้า
......”

สายตาอันเหยียบเย็นกวาดมองผ่านแม่นมหลี แล้วตกลงไปทีร่ างของมู่หรงโหรว ดวงตาสี ดาํ ขลับวูบ


ไหวด้วยแสงอันเย็นเหยียบจางๆ มู่หรงโหรวทีถูกมองหัวใจเต้นรัว หนังตากระตุกถียิบ พลางกล่าว
ขึนอย่างร้อนรน “มู่หรงเสวียเจ้าจะทําอะไร ข้านันเป็ นถึงอา......”

“ผัวะ !” ทันใดนันมู่หรงเสวียก็สะบัดฟาดแส้ออกไปอีกครัง ฟาดลงไปทีอกของมู่หรงโหรวอย่าง


โหดเหี ยมจนร่ างของนางกระเด็นกลิงขลุกขลักออกไปสองสามเมตร แล้วกล่าวขึนอย่างช้าๆ “มือ
สังหารนางนี คงขาดการอบรมสังสอน โบยไปก่อนสักห้าสิ บแส้แล้วกัน......”

“ขอรับ !” สวินเฟิ ง และอู๋เหิ นรับคําสัง แล้วหยิบเอาแส้ขึนมาสะบัดฟาดไปทีมู่หรงโหรวอย่างไม่


ปรานี ทุกๆ ครังทีฟาดแส้ลงไปล้วนแต่เกิดรอยแผลบาดลึก......
“อ้า...อ้า...อ้า...” มู่หรงโหรวกรี ดร้องเสี ยงแหลม ล้มนอนอยูบ่ นพืนกลิงไปกลิงมาไม่หยุด ทัวทังร่ าง
มีแต่ความเจ็บปวด นางถลึงตามองไปทีมู่หรงเสวียอย่างเจ็บแค้น ดวงตาทอแววเกลียดชังอัน
หนาแน่น เกลียดจนอยากทีจะจับมู่หรงเสวียมาถลกหนัง......

มู่หรงเสวียไม่สนใจ นางมองไปทีสวินเฟิ ง และอู๋เหินอย่างเรี ยบเฉยแล้วกล่าวขึน “ห้าสิ บแส้จะทําให้


นางตายหรื อไม่”

“เช่นนันก็ตอ้ งดูวา่ คุณหนูมู่หรงต้องการให้นางตายหรื อว่าให้นางรอดขอรับ” อู๋เหิ นกล่าวขึนเสี ยงตํา


แววตาทอแววลําลึก

มู่หรงเสวียยกมุมปากโค้งขึน กล่าวขึนอย่างช้าๆ “มือสังหารหญิงนางนีปากแข็งนัก อย่าได้สินเปลือง


เวลาเลย......”

แต่ไหนแต่ไรมามู่หรงโหรวก็จิตใจโหดเหี ยม ส่ งคนชุดดํามากมายขนาดนันมาขวางทางนาง
แน่นอนว่าต้องการทีจะแย่งชิงสิ งของแล้วค่อยสังหารนางเพือปิ ดปาก แน่นอนว่านางคงไม่ตอ้ ง
เกรงใจมู่หรงโหรวอีกแล้ว

“ขอรับ !” สวินเฟิ ง อู๋เหินตอบรับเสี ยงเข้ม แส้ยาวในมือทีเต็มไปด้วยกลินคาวเลือดฟาดลงไปทีมู่


หรงโหรวอย่างแรง ทุกครังทีดึงแส้กลับก็จะนําพามาซึ งสายเลือดทีสาดกระจาย มู่หรงโหรวดินไป
มาอย่างทรมาน กรี ดร้องเสี ยงดังอย่างเจ็บปวด เสี ยงร้องนันดังก้องกังวานไปทัวบริ เวณ “อ้า อ้า อ้า...
ช่วยด้วย...ช่วยข้าด้วย......”

“หยุดมือ รี บหยุดมือ !” เสี ยงคํารามอันทุม้ หนาดังขึน เป็ นมู่หรงเจียนทีขีม้าเร็วพาทหารยีสิ บกว่านาย


พุ่งทะยานเข้ามาอย่างรวดเร็ว ในดวงตาสี ดาํ ขลับเจือปนไปด้วยความร้อนใจ

มู่หรงเสวียขมวดคิวขึนเบาๆ นีเพิงจะฟาดโบยมู่หรงโหรวได้ไม่เท่าไร แต่ม่หู รงเจียนก็ตามมาถึงเสี ย


แล้ว ดวงชะตาของนางช่างแข็งนัก......

“โหรวเอ๋ อร์ โหรวเอ๋ อร์......” มู่หรงเจียนพลิกร่ างลงจากม้า แล้วเร่ งรี บเดินไปทีด้านหน้าของมู่หรง


โหรว โอบไหล่ของนางขึนพลางร้องเรี ยกอย่างร้อนรน “เจ้าเป็ นอย่างไรบ้าง โหรวเอ๋ อร์......”

มู่หรงโหรวไอออกมาอย่างหนัก มุมปากของนางปรากฏเลือดไหลออกมา กล่าวขึนอย่างไร้เรี ยวแรง


“ยังดีอยู.่ ..ตอนนี......ยังคงไม่ตาย......”

“ไม่เป็ นไรก็ดีแล้ว” มู่หรงเจียนถอนหายใจออกมาโล่งอก แววตาอันคมกริ บดังลูกศรพุ่งตรงไปทีมู่


หรงเสวียอย่างเกลียดชัง “มู่หรงเสวีย เจ้าเตรี ยมทีจะโบยโหรวเอ๋ อร์จนตายหรื อ”

“นางเป็ นอาหญิงมู่หรงโหรวหรื อ” มู่หรงเสวียมองไปทีมู่หรงโหรว เบิกตากว้างขึนอย่างตกใจ


แววตาไร้เดียงสานัน ทําให้ม่หู รงเจียนทีได้เห็นตาลุกโชนด้วยไฟโกรธ “มู่หรงเสวีย ! เจ้าอย่าได้เส
แสร้ง เจ้ากับโหรวเอ๋ อร์เจอหน้ากันมาตังหลายปี เหตุใดถึงจะจํานางไม่ได้”

มู่หรงเสวียเลิกคิวมองไปทีมู่หรงเจียนแล้วกล่าวขึนอย่างช้าๆ “อาสอง เชิญท่านดูท่านอาหญิงให้


ชัดเจน ท่านสามารถเห็นใบหน้าของนางได้อย่างชัดเจนหรื อไม่”

มู่หรงเจียนชะงักไปครู่ หนึง ก้มหน้ามองไปเห็นใบหน้าของมู่หรงโหรวเขียวข้างดําข้าง ทีหัวของ


นางถูกตีจนแตก รอยเลือดไหลอาบไปตามใบหน้า ไหลหยดลงไปด้านล่าง บวกกับดินโคลนที
เปรอะเปื อนเต็มใบหน้า ช่างคล้ายกับขอทานข้างถนนไม่มีผิด สภาพท่าทางช่างน่าอนาถยิงนัก ดูแล้ว
ไม่สามารถเทียบได้กบั ใบหน้าของนางในตอนปกติทีดูงดงามน่าดูแม้แต่นอ้ ย......

“สภาพของท่านอาหญิงทีเป็ นอยูต่ อนนี ถึงแม้วา่ จะเป็ นคนทีสนิทชิดเชือกับนางอย่างซ่งโหวเหย่


(ชือเรี ยกตําแหน่งของซ่งเทียนเหวิน) กับน้องชิงเหยียน ก็ตอ้ งจ้องมองดูอย่างละเอียดถึงจะจําได้ ข้าที
จํานางไม่ได้ก็เป็ นเรื องปกตินกั แต่กลับกันท่านอาสองเมือครู่ อยูต่ งห่
ั างไกลขนาดนัน กลับสามารถ
จําท่านอาหญิงได้ อีกทังยังมีนาเสี
ํ ยงมันใจเช่นนันอีก ช่างทําให้ผคู้ นแปลกใจยิงนัก......”

มู่หรงเสวียยกมุมปากขึน คล้ายยิมคล้ายไม่ยมิ ดวงตาสี ดาํ ขลับทอแววเยาะเย้ยอย่างไม่ปิดบัง


สี หน้าของมู่หรงเจียนเขียวคลํา กล่าวเน้นขึนทีละคํา “ข้ากับโหรวเอ๋ อร์เติบโตมาด้วยกันตังแต่ยงั เล็ก
จึงคุน้ เคยกับนางมาก ถึงแม้วา่ ตัวของนางจะเต็มไปด้วยดินโคลน แต่ขา้ ทีมองแค่ครังก็ยงั สามารถจํา
นางได้...กลับกันเป็ นเจ้าทีมีศกั ดิเป็ นหลานสาว โบยตีจนอาหญิงของตัวเองบาดเจ็บสาหัส เกือบจะ
ไม่รอดชีวติ เช่นนี ยังไม่รีบก้มหัวยอมรับผิดอีก......”

มู่หรงเสวียหัวเราะขึนอย่างเย้ยหยัน กล่าวเน้นขึนทีละคํา “อาหญิงกับคนชุดดําร่ วมมือกันมาสังหาร


ข้า ข้าทีแค่ตอบกลับเล็กๆ น้อยๆ จําเป็ นต้องยอมก้มหัวรับผิดด้วยหรื อ อาสอง สมองของท่านคง
ไม่ได้เสื อมสภาพไปแล้วใช่หรื อไม่......”

ให้นางก้มหัวขอโทษมู่หรงโหรว ฝันกลางวันอะไรของพวกเขากัน !

“เจ้าพูดจาไร้สาระอะไรกัน ข้าไปร่ วมกับมือสังหารเพือสังหารเจ้าตอนไหนกัน” มู่หรงโหรวตวาด


ขึนอย่างโมโห แววตาของนางลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ นางไม่ได้สวมชุดสี ดาํ อีกทังยังไม่ได้โพกผ้า
ดํา และก็ไม่ได้ยนื อยูก่ บั พวกคนชุดดํา ขอเพียงแค่ปฏิเสธไม่ยอมรับ มู่หรงเสวียก็ไม่มีทางทําอะไร
นางได้

“ไม่ใช่หรอกหรื อ เช่นนันตอนทีข้าพูดว่ามีคนหนีเล็ดลอดไปได้ ท่านจะร้อนตัววิงหนี ไปทําไมเล่า”


มู่หรงเสวียมองนางอย่างผูอ้ ยูเ่ หนือกว่า แววตาเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยดูถกู
“ใครร้อนตัวกัน” แววตาของมู่หรงโหรววูบไหวอย่างลุกลีลุกลน พยายามคิดหาข้ออ้างที
สมเหตุสมผลอย่างรวดเร็ ว แล้วกล่าวขึนอย่างขุ่นเคือง “ทหารองครักษ์ของเจ้าเข้ามาจับกุมข้าอย่าง
โหดร้าย ข้าก็ตอ้ งหนีสิ”

“จริ งหรื อ มีคาํ กล่าวไว้วา่ คนดีไม่กลัวผี แต่ท่านอากลับตกใจกลัวทหารองครักษ์ จนวิงหนีไปอย่าง


ร้อนตัวขนาดนัน ดูท่าคงทําเรื องเลวร้ายเอาไว้ไม่นอ้ ยเลย......” มู่หรงเสวียกล่าวขึนอย่างช้าๆ นําเสี ยง
เย็นชาของนางเต็มไปด้วยไปด้วยการเย้ยหยัน

มู่หรงโหรวถลึงตามองไปทีมู่หรงเสวียอย่างเกลียดชัง แววตาลุกโชนไปด้วยไฟโกรธจนจะสามารถ
พ่นออกมาเป็ นไฟได้ “มู่หรงเสวียเจ้าอย่าได้ดูถูกข้า......”

“จะดูถูกหรื อไม่ ในใจของท่านล้วนชัดเจนดี เช่นนันข้าก็จะไม่กล่าวให้มากความแล้ว” มู่หรงเสวีย


โบกมือขึนตัดบทคําพูดของนาง มองไปทีนางอย่างผูท้ ีอยูเ่ หนือกว่า แล้วกล่าวขึนเสี ยงเย็น “ข้าจําได้
ว่าไม่กีวันก่อนท่านอาถูกซ่งโหวเหย่ทาํ ร้ายจนบาดเจ็บสาหัส แต่ทาํ ไมท่านกลับไม่ยอมพักรักษาตัว
อยูท่ ีจวน ถ่อมาทีเปลียวๆ ห่างไกลเช่นนีทําไมกัน”

“ข้าอยูใ่ นจวนจนรู้สึกเบือ ก็เลยออกมาเดินเล่นไม่ได้หรื ออย่างไร” มู่หรงโหรวโต้กลับเสี ยงดัง แวว


ตาลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ
ิ ก !” มู่หรงเสวียมองไปทีนางด้วยรอยยิม
“ถ่อสังขารมาเดินเล่นถึงทีนี ท่านช่างมีอารมณ์สุนทรี ยย์ งนั
สดใส ดวงตาอันกระจ่างใสทอแววเย้ยหยันอย่างไม่ปิดบัง คล้ายกับกําลังพูดว่า อยูด่ ีๆ ก็พาร่ างกายที
ได้รับบาดเจ็บหนักมาเดินเล่นถึงทีนี แล้วถูกนางเข้าใจผิดคิดว่าเป็ นมือสังหารจนถูกทุบตี ทังหมดทัง
มวลก็เป็ นเพียงเจ้าแส่ หาเรื องเอง......
ตอนที 230 คนทีอยู่เบืองหลัง
“เจ้า......” ความโกรธของมู่หรงโหรวพุ่งปะทุ ถลึงตามองไปทีมู่หรงเสวียอย่างเกลียดชัง แววตาของ
นางลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ เกลียดจนอยากทีจะถลกหนังของนางออกมา “มู่หรงเสวีย ข้าเป็ นอาของ
เจ้า เป็ นผูห้ ลักผูใ้ หญ่ของเจ้า เจ้าทีไม่มีความเคารพผูใ้ หญ่ ทําร้ายข้าจนได้รับบาดเจ็บเช่นนี เจ้ารู้
หรื อไม่วา่ ได้ทาํ ความผิดอะไรลงไปบ้าง”

“อีกสักครู่ ขา้ จะให้สวินเฟิ งกับอู๋เหินดึงผ้าโพกหัวของคนชุดดําออกมาแล้ววาดรู ปลักษณ์ทงหมด



ของพวกเขาส่ งไปทีซุ่นเทียนฝู่ (ศาลตัดสิ นคดี) เพือตรวจสอบฐานะทีแท้จริ งของพวกเขา เมือจับคน
ทีบงการอยูเ่ บืองหลังได้ ข้าจะลงดาบระบายแค้นให้ท่านอาอย่างแน่นอน......” มู่หรงเสวียพูดกล่าว
ขึนด้วยรอยยิมสดใส พร้อมกับโบกมือขึนเบาๆ

เช่นนันสวินเฟิ ง และอู๋เหินก็เร่ งเดินไปทีคนชุดดํา !

สายตาเห็นว่าทังสองกําลังจะเดินไปถึงทีด้านหน้าของพวกเขาแล้ว กําลังจะดึงผ้าโพกหัวของพวกเขา
ลงมา ทันใดนันแววตาของมู่หรงเจียนก็วบู ไหว ร้องกล่าวขึนอย่างเร่ งรี บ “พวกเจ้ายังจะโวยวายอะไร
กันอีก อาหลานเข้าใจผิดกันเกือบจะฆ่ากันตาย ยังขายหน้าผูค้ นไม่พออีกใช่ไหม”

คนชุดดําสิ บกว่าคนทีถูกฆ่าไปนันล้วนเป็ นคนทีเขาพามาจากจิงโจว เป็ นกําลังทีแอบบ่มเพาะไว้อย่าง


ลับๆ ของเขา ถ้าหากเอาภาพเหมือนของพวกเขาส่ งไปทีซุ่นเทียนฝู่ ไม่นานก็คงตรวจสอบฐานะที
แท้จริ งของพวกเขาพบ ถึงแม้จะสื บมาไม่ถึงตัวเขาทีอยูเ่ บืองหลัง แต่อย่างน้อยก็จะต้องเกิดความ
สงสัยต่อเขาอยูบ่ า้ ง......

“เช่นนันความหมายของท่านอาสองก็คือ......” มู่หรงเสวียเลิกคิวมองไปทีเขา

“เรื องในวันนีล้วนเป็ นการเข้าใจผิด ขอให้เลิกรากันไปแต่เพียงเท่านี ไม่วา่ ใครก็หา้ มกล่าวถึงมันอีก”


มู่หรงเจียนกล่าวเน้นขึนทีละคําแล้วอุม้ ร่ างของมู่หรงโหรวขึน เดินอาดๆ ออกไปด้านหน้า

“จะปล่อยไปง่ายๆ อย่างนีจริ งๆ หรื อ” มู่หรงโหรวมองไปทีมู่หรงเจียน แววตาของนางเต็มไปด้วย


ความเกรี ยวกราด นางเกลียดชังมู่หรงเสวีย มู่หรงเสวียก็รังเกียจนาง เมือครู่ ม่หู รงเสวียสังให้คน
สังหารนางอย่างไม่ปรานี ตอนนีนางนันคิดอยากจะถลกหนังของมู่หรงเสวียออกมาทังเป็ นยิงนัก......

“ไม่อย่างนันจะให้ทาํ เช่นไรเล่า” มู่หรงเจียนถามกลับอย่างอารมณ์เสี ย ขมวดคิวแน่นเข้าหากัน คน


ชุดดําพวกนันเป็ นเขาทีลงทุนลงแรงไปมากถึงจะบ่มเพาะขึนมาได้ เพิงจะสําเร็ จได้ไม่นาน ยังไม่ทนั
ํ อของมู่หรงเสวียเช่นนี แค่เพียง
ได้ตรวจสอบความสามารถของพวกเขา ก็ตอ้ งมาตกตายภายใต้นามื
นึกถึงเขาก็รู้สึกเจ็บปวดใจยิงนัก
แล้วพวกคนชุดดําก็เป็ นมือสังหาร ถ้าหากเอาเรื องราวแจ้งไปทีซุ่นเทียนฝู่ ไม่เพียงแต่จะมอบ
ความผิดให้ม่หู รงเสวียไม่ได้แล้ว มันยังจะทําให้เขาพลอยซวยไปด้วย เขานันเลยไม่อยากทีจะ
เสี ยหายย่อยยับทังทีเรื องราวยังไม่สาํ เร็ จลุล่วง......

“ข้าจะพาตัวเจ้าไปรักษาทีจวนก่อน เรื องอืนค่อยว่ากัน !”

“ก็ได้ !” มู่หรงโหรวพยักหน้าอย่างอับจนหนทาง กัดฟันโกรธอยูใ่ นใจ นางได้รับบาดเจ็บสาหัสทัง


ยังไม่ได้สิงของใดๆ มาจากมือของมู่หรงเสวียแม้แต่นอ้ ย ช่างน่าเจ็บใจนัก มู่หรงเสวียทีกล้าวางอุบาย
ใส่ นาง นางไม่มีทางปล่อยมู่หรงเสวียไปง่ายๆ แน่ !

เมือมองส่ งมู่หรงเจียนเรี ยบร้อย มู่หรงเสวียก็ขึนหลังม้าแล้วพุ่งทะยานจากไป แววตาของมู่หรงเสวีย


เปล่งประกายอย่างลําลึก คนชุดดําเป็ นกําลังลับของมู่หรงเจียน น้อยมากทีจะปรากฏขึนต่อหน้าผูค้ น
ถึงแม้วา่ นางจะจับพวกคนชุดดําทังหมดไปมอบให้ซุ่นเทียนฝู่ แต่ก็ไม่มีทางมอบความผิดอะไร
ให้กบั มู่หรงเจียนได้

ดังนันนางก็เลยสังหารคนชุดดําทังหมด ทําลายกองกําลังของเขา โบยมู่หรงโหรวให้บาดเจ็บหนัก ดู


สิ วา่ พวกเขาจะกล้าคิดแย่งชิงของๆ นางอย่างง่ายๆ เช่นนีอีกหรื อไม่......
“ตรวจพบอะไรบ้าง” นําเสี ยงทุม้ ดังเข้าหู เป็ นคุณชายโอวหยางทีค่อยๆ เดินเข้ามา ชายเสื อสี ขาวหิ มะ
ของเขาพลิวไหวราวกับผีเสื อ รับเข้ากับความสูงศักดิและสง่างามของเขา

แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหวเย็นยะเยือก “มู่หรงเจียน และมู่หรงโหรวก็รู้เรื ององครักษ์เงาเช่นกัน


พวกขาคงคิดอยากจะมาแย่งชิงของชินนัน แต่วา่ พวกเขาก็เหมือนกับข้า รู้เพียงแค่เรื องราวเผินๆ แต่
ไม่รู้วา่ ของชินนันมีลกั ษณะเป็ นอย่างไร” ไม่เช่นนันพวกเขาก็คงไม่พาคนตามกันมามากมาย
เพือทีจะแย่งชิงกล่องไม้สีดาํ ทีว่างเปล่ากล่องนี......

“แล้วเจ้ารู้หรื อไม่วา่ ทําไมพวกเขาถึงรู้วา่ มีองครักษ์เงาอยู”่ คุณชายโอวหยางถามขึนเสี ยงเรี ยบ แวว


ตาฉายแววออกมาอย่างลําลึก

มู่หรงเสวียยิมขึนน้อยๆ “จวนเจินกัวเป็ นบ้านของพ่อข้า เขาจะระวังเพียงใดก็ตอ้ งมีเรื องราวเล็ดลอด


ออกไปบ้าง มู่หรงโหรว มู่หรงเจียนเองก็ชอบทีจะจับตามองท่านพ่อของข้าอยูแ่ ล้ว การทีเขาจะ
บังเอิญรู้เรื ององครักษ์เงาก็คงไม่แปลกอะไรนัก......”

คุณชายโอวหยางพยักหน้า ดวงตาสี ดาํ ขลับเจือปนไปด้วยรอยยิมจางๆ บางเวลาเด็กสาวผูน้ ีก็ยงั


นับว่าฉลาดอยูบ่ า้ ง......
‘ฟุบ’ เสี ยงทียากจะได้ยนิ เสี ยงหนึงดังเข้าหู แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหว “ใคร ?” เข็มเงินในมือพุ่ง
ออกแทงไปทีต้นไม้ทีอยูไ่ ม่ไกล เงาร่ างสี ดาํ สายหนึงตกลงมาจากต้นไม้ เสี ยงตุบดังขึนเสี ยงหนึง
กระแทกลงกับพืนอย่างแรง......

เขาสวมเสื อดํา กางเกงสี ดาํ รวมถึงโผกผ้าสี ดาํ ทําให้มู่หรงเสวียทีได้เห็นต้องหรี ตาลง “เขาเป็ น......
องครักษ์เงา......”

“ในเมืองหลวงยังมีคนทีรู้เรื ององครักษ์เงา อีกทังยังคอยแอบสื บหาอย่างเงียบๆ......” คุณชายโอวห


ยางพูดขึนด้วยท่าทางเรี ยบเฉย แต่แววตากลับวูบไหวลําลึกดังก้นมหาสมุทรทีมืดมิด

ดวงตาอันแสนเย็นชาของมู่หรงเสวียหรี เล็กลง ห้องหนังสื อของมู่หรงเยว่นนสะอาดมาก


ั อีกทังยัง
เป็ นระเบียบเรี ยบร้อย ไม่สามารถหาของทีคล้ายกับเป็ นสัญลักษณ์เช่นนันได้ นางทีหยิบเอากล่องไม้
สี ดาํ ชินนีมาก็แค่ตอ้ งการทดสอบมู่หรงเจียน และมู่หรงโหรวสองพีน้อง แต่คาดไม่ถึงว่ากลับ
สามารถล่อเอาคนนอกในเงามืดออกมาได้อีกผูห้ นึง......

ผูท้ ีสามารถบ่มเพาะองครักษ์เงาได้ ล้วนเป็ นคนทีมีศกั ดิฐานะสูงส่ ง คนทีรู้เรื องราวผูน้ ี ไม่มีทางเป็ น


บุคคลธรรมดาๆ ได้อย่างแน่นอน แล้วเขาเป็ นใครกันแน่
อีกทังยังพวกองครักษ์เงาทีมู่หรงเยว่บ่มเพาะขึนมากลุ่มนัน จริ งๆ แล้วร้ายกาจถึงขนาดไหนกัน ถึง
สามารถดึงดูดผูค้ นออกมามากมายเช่นนีได้

เส้นทางการเสาะหาองครักษ์เงาและของสิ งนันของนาง ช่างมีอุปสรรคขัดขวางทีหนักหนานัก ดูท่า


แล้วคงจะลําบากยากเข็นไม่นอ้ ย......

วังจิงอ๋ อง

อดีตจิงอ๋ องนังอยูท่ ีศาลาแปดเหลียมเพียงลําพัง เขากําลังเล่นหมากขาวดําอยูก่ บั ตัวเอง

สายลมเย็นพัดผ่าน แฝงไว้ดว้ ยกลินหอมของดอกไม้จางๆ อดีตจิงอ๋ องนังรับสายลมเย็น วางหมาก


ขาวลงไปด้วยท่าทางอันสง่างาม

เย่อีเฉิ นเดินเข้ามาด้านในศาลา ดวงตาคมกริ บของเขาวูบไหวด้วยความหนักใจทีน้อยนักจะมีให้เห็น


“ท่านพ่อ !”

“เกิดอะไรขึน” อดีตจิงอ๋ องสอบถามอย่างไม่นาํ พา มือซ้ายของเขาคีบหมากดําขึนมาเม็ดหนึ งแล้ววาง


มันลงอย่างช้าๆ
“มู่หรงเสวียตรวจพบแล้วว่ามู่หรงเยว่เคยบ่มเพาะองครักษ์เงาทีใช้ในการรบเอาไว้กองหนึง ทังยัง
กําลังตรวจหาร่ องรอยของพวกองครักษ์เงาและของสัญลักษณ์ทีใช้สงการ
ั คุณชายโอวหยาง
เสนาบดีเซี ยรวมถึงมู่หรงโหรว มู่หรงเจียนล้วนเข้ามายุง่ เกียวด้วย......” เย่อีเฉิ นกล่าวขึนเสี ยงตํา
ดวงตาทอแววหนักใจ

“องครักษ์เงากลุ่มนันไม่ใช่องครักษ์เงาธรรมดา......ตอนนีเจ้าคงจะเสี ยใจแล้วกระมัง” อดีตจิงอ๋ อง


ถามขึนมาอย่างไม่เกรงใจ เขาหยุดการเคลือนไหวลงแล้วจ้องมองไปทีเย่อีเฉินตาไม่กระพริ บ

เย่อีเฉิ นฟังเข้าใจความหมายของเขา ก้มหัวลงไม่กล่าววาจา !

“ถ้าหากเจ้าไม่พาฉิ นยวีเยียนกลับมา ก็คงได้แต่งงานกับมู่หรงเสวียไปตังแต่แรกแล้ว เรื องราวก็คงจะ


ไม่ตกอยูใ่ นสภาพเช่นนี !” อดีตจิงอ๋ องกล่าวเสี ยงตํา ดวงตาทอแววลําลึก

“ลูกทราบ !” เย่อีเฉิ นแววตาวูบไหว เขาคิดว่าเรื องราวทังหมดล้วนอยูใ่ นการควบคุม แต่กลับคาดไม่


ถึงว่าอยูๆ่ เรื องราวจะหลุดจากการควบคุมของเขาไปได้ อีกทังยังเกิดเรื องราวแทรกซ้อนขึนมากมาย
พัวพันกันยุง่ เหยิงจนมีสภาพดังเช่นตอนนี ......
“เจ้ารู้รึยงั ว่าต่อจากนีไปตัวเองควรปฏิบตั ิตนเช่นไร” อดีตจิงอ๋ องมองไปทีเย่อีเฉิ นอย่างเรี ยบเฉย

“ลูกทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ !” เย่อีเฉิ นพยักหน้า แววตาวูบไหวด้วยประกายความคิดทีผูค้ นมิอาจคาดเดา


......
ตอนที 231 เสบียงทีลุกไหม้ เอง
หมู่เมฆเปิ ดออก หมอกบางค่อยๆ เลือนหาย แสงสี ทองอ่อนๆ ค่อยๆ สาดส่องลงมายังพืนโลก

มู่หรงเสวียสวมชุดคลุมยาวสี เขียวอ่อน เดินทอดน่องอย่างช้าๆ อยูใ่ นถนนเมืองหลวง นางเงยหน้า


ขึนมองคุณชายโอวหยางทีอยูข่ า้ งๆ “คุณชาย เรื ององครักษ์เงาตรวจสอบไปถึงไหนแล้วหรื อ”

“ตรวจสอบได้หลักฐานมาบ้างแล้ว แต่หลักฐานก็ยงั ไม่มากนัก......” คุณชายโอวหยางพูดขึนเรี ยบๆ


นัยน์ตาดําสนิทลําลึกเหมือนนําในทะเลสาป

มู่หรงเสวียพยักหน้าอย่างเข้าใจ องครักษ์เงามีความสามารถลําเลิศ อีกทังยังชํานาญในการซ่อนตัว


คนบางคนค้นหามาสิ บปี ก็ยงั หาร่ องรอยของครักษ์เงาไม่พบ พวกเขาเพิงค้นหาได้ไม่กีวัน แน่นอนว่า
ยังคงไม่สามรถหาหลักฐานทีสําคัญได้......

“หลิวชิงเฟิ ง เจ้าอย่าได้รังแกคนเกินไปนัก” นําเสี ยงหยาบกระด้างตะคอกดังเข้ามา ทําให้ม่หู รงเสวีย


หลุดจากภวังค์ นางเงยหน้ามองไป เห็นทีทําการกรมอาญามีฝงู ชนกําลังมุงดูอะไรบางอย่างอยู่ เงา
ร่ างทีคุน้ เคยสองร่ างเดียวผลุบเดียวโผล่อยูใ่ จกลางของฝูงชน

มู่หรงเสวียกะพริ บตา ค่อยๆ เดินเข้าไปแล้วแหวกกลุ่มคนเพือมองเข้าไปยังข้างใน สายตาเห็นว่าใน


ศาลกลางกรมอาญานันมีพลคุม้ กันทีสวมเกราะถือหอกยาว ยืนเรี ยงรายอยูท่ งสองข้
ั าง และยังมีแม่
ทัพหยวนกับหยวนฟางเฟยทียืนอยูต่ รงกลาง กําลังหันหน้าไปทางหลิวชิงเฟิ ง ทีมีตาํ แหน่งซือหลาง
(ตําแหน่งขุนนางทีมียศรองลงมาจากเจ้ากรม) ของกรมอาญา แล้วมองสบตาเขาด้วยความโกรธแค้น

หลิวชิงเฟิ งสวมชุดและหมวกขุนนาง ตบเข้าทีโต๊ะดัง “ปัง” จนตืนตกใจกันไปทัวทังศาล มองคนทัง


สองด้วยสายตาของผูท้ ีเหนือกว่า แล้วพูดออกมาอย่างทะนงตนว่า “แม่ทพั หยวน คุณหนูหยวน ทีนี
คือทีว่าการกรมอาญา ข้าเพียงทําตามหน้าที........”

“เรื องนีความผิดไม่ได้อยูท่ ีน้องชายของข้า หากท่านหลิวซื อหลางอยากทําหน้าที ก็ควรพาพลคุม้ กัน


เหล่านีไปยังสถานทีทีเกิดคดี ตรวจสอบคดีให้ถีถ้วน พิเคราะห์ความจริ งให้กระจ่าง ไม่ใช่ไม่
แยกแยะเขียวแดงขาวก็ตดั สิ นแล้วว่าน้องชายข้าผิด......” หยวนฟางเฟยพูดช้าๆ ขึนทีละคํา สายตา
ของนางเต็มไปด้วยความกรุ่ นโกรธ

เพียงพริ บตาสี หน้าของหลิวชิงเฟิ งก็ดาํ คลําจนน่ากลัว มองหยวนฟางเฟยพร้อมกับพูดเสี ยงเย็นว่า


“หยวนเซี ยวเว่ย (เซี ยวเว่ยเป็ นตําแหน่งทางทหารทีมียศรองจากแม่ทพั ) รับบัญชาให้คุม้ กันเสบียงไป
ส่ งทีหนานเจียง แต่ระหว่างทางกลับละเลยต่อหน้าที จนเป็ นเหตุให้เสบียงโดนเผาไหม้จนหมด
เกลียง เสบียงสําหรับทหารสามแสนคนในช่วงหลายเดือนนีล้วนพินาศในมือของเขา นีก็คือความ
จริ ง......”

เพียงวาจานีเอ่ยออกมา เสี ยงฮือฮาก็ดงั ขึนไปทัวบริ เวณ เสบียงสําหรับทหารสามแสนนาย อย่างน้อย


ก็สิบกว่าคันรถ ล้วนถูกไฟไหม้ทงหมดเลยเนี
ั ยนะ ทหารเอาแต่เล่นจนลืมหน้าทีเกินไปแล้วกระมัง
สูญเสี ยเสบียงยังถือว่าเป็ นเรื องเล็ก แต่หากเป็ นเหตุทาํ ให้ทหารทีไปหนานเจียง ท้องหิ วจนรบแพ้
เรื องราวก็คงกลายเป็ นความเสี ยหายทีใหญ่หลวงนัก มิน่าเล่าฮ่องเต้จึงได้พิโรธใหญ่โต มอบเรื องให้
กรมอาญามาจัดการ......

“ข้าไม่ได้ละเลยหน้าที” เสี ยงคํารามอย่างโกรธจัดดังขึน หนุ่มน้อยอายุสิบหกสิ บเจ็ดปี วิงออกมาจาก


ข้างกายหยวนฟางเฟย

รู ปร่ างของเขาสูงใหญ่ ผิวสี คลํา ตาโตคิวเข้ม จมูกโด่งคม ท่าทางเหมือนแม่ทพั หยวนห้าถึงหกส่ วน


เขามองไปทีหลิวชิงเฟิ งอย่างกราดเกรี ยว “ข้าและทหารทีคุม้ กันเสบียงล้วนตรวจสอบอย่าง
ระแวดระวังตลอดเวลา ใครจะคาดคิดเล่าว่าเมือเดินๆ อยูก่ ลางทาง เสบียงก็ติดไฟไหม้ลุกไหม้ขึนมา
เสี ยเอง ไฟลุกลามรุ นแรง พวกเราโหมแรงเข้าไปดับไฟ แต่พอตอนทีดับไฟได้นนั เสบียงสิ บกว่าคัน
รถนันก็ไหม้ไปเจ็ดแปดส่วนแล้ว.......”

หลิวชิงเฟิ งหัวเราะเยาะออกมา “เสบียงติดไฟเองอย่างนันหรื อ เจ้ากําลังหลอกใครอยู่ เด็กสามขวบก็


ยังไม่เชือเจ้าเลย......”

“เสบียงติดไฟจนลุกขึนเองจริ งๆ เหล่าทหารก็เห็นกับตา.......” หยวนเซี ยวเว่ยอธิบายด้วยท่าทางอย่าง


เป็ นการเป็ นงาน นัยน์ตาของเขาฉายออกมาอย่างร้อนรน
หลิวชิงเฟิ งยังคงไม่เห็นด้วย “นันก็เพราะพวกเจ้าอยากจะหลบหนี ความผิด ก็เลยรวมหัวกันเตรี ยมหา
ข้ออ้างส่ งๆ.......” มีเพียงคนโง่เท่านันล่ะถึงจะเชือ ความจริ งต่างเปิ ดเผยออกมาแล้ว ไม่ตอ้ งการการ
ไต่สวนให้มากความ เขาสามารถพิพากษาเรื องนีได้เลย “ทหาร คุมตัวเซี ยวเว่ยไปยังคุกใหญ่.......”

“ขอรับ !” ทหารตอบรับเสี ยงหนักแน่น เตรี ยมเดินเข้ามาจับกุมตัวของเขา

“ใครกล้าแตะต้องน้องชายของข้า !” หยวนฟางเฟยตะคอกพร้อมเดินพุ่งออกมาขวางกันตรงหน้า
ของหยวนเซี ยวเว่ยเอาไว้ สถานทีทีน่ากลัวเช่นคุกของกรมอาญา ขอเพียงได้ยา่ งกรายเข้าไปก็คงโดน
ถลกหนังทิงเป็ นแน่ น้องชายเป็ นผูบ้ ริ สุทธิ นางไม่มีทางให้เขาไปตกระกําลําบากอย่างแน่นอน

สี หน้าของหลิวชิงเฟิ งเขียวคลํา มองหยวนฟางเฟยอย่างเยือกเย็นพลางเอ่ยขึน “คุณหนูหยวน


น้องชายของท่านทําผิดครังใหญ่ ก็ตอ้ งเข้าคุกตามกฏหมายบ้านเมือง หากเจ้ายังขัดขวางเช่นนี เจ้าก็
อย่าได้หาว่าข้าไม่เกรงใจ”

“ขู่ขา้ อย่างนันหรื อ เจ้าคงขู่ขา้ สิ นะ ก็ดี ข้าก็ไม่ได้ยดื เส้นสายมานานวันแล้ว วันนีขอสังสอนพวก


เจ้ากรมอาญาทีไม่แยกแยะขาวดํา ไม่แยกถูกผิดหน่อยเถอะว่าอะไรทีเรี ยกว่าไม่เกรงใจ.......” หยวน
ฟางเฟยพูดขึนอย่างโกรธๆ แล้วสะบัดมือตีไปทางพวกทหาร
แววตาของมู่หรงเสวียเยือกเย็น พร้อมพูดขึนเสี ยงเย็น “หยุดมือ !”

เสี ยงกังวานใสของสตรี ดงั แว่วเข้ามา หลิวชิงเฟิ ง แม่ทพั หยวน หยวนฟางเฟย ต่างหันไปมอง สายตา
ก็เห็นเพียงมู่หรงเสวียทีเดินแหวกกลุ่มคนเข้ามาอย่างช้าๆ ชุดยาวสี ขาวราวหิมะของนางสะบัดพลิว
ไหวตามสายลมราวกับปี กผีเสื อ ดูช่างงดงามราวเทพธิ ดา

หลิวชิงเฟิ งมองแล้วขมวดคิวแน่น พร้อมพูดออกมาอย่างไม่ยนิ ดีวา่ “คุณหนูม่หู รง ทีนีคือศาลกรม


อาญา คนไม่เกียวข้องห้ามเข้ามายุง่ วุน่ วาย......”

มู่หรงเสวียยิมออกมาบางๆ “ข้าไม่ได้ตงใจมารบกวนการสอบสวนคดี
ั ของใต้เท้า ข้าเพียงอยากถาม
คําถามเล็กน้อย”

“คําถามอะไรกัน” หลิวชิงเฟิ งถามออกมาอย่างหมดความอดทน

“เสบียงทีถูกไฟไหม้ หลิวเซี ยวเว่ยได้ลากมันกลับมาด้วยหรื อไม่” มู่หรงเสวียมองไปทีหลิวเซี ยวเว่ย


พลางสอบถามขึนเสี ยงเบา

“เอากลับมาแล้ว เป็ นหนึงในคันรถพวกนัน” หลิวเซี ยวเว่ยพูดเบา พร้อมยกมือชีไปข้างหน้า


มู่หรงเสวียเงยหน้าขึนมอง เห็นว่าหน้าศาลทางด้านขวานันมีรถม้าคันใหญ่ ตัวรถโดนไฟเผาจน
กระดํากระด่างจนกลายเป็ นสี ดาํ เมียม เห็นได้ชดั ว่าตอนนันไฟได้ไหม้ลุกลามรุ นแรงเพียงใด ในรถ
ม้ายังมีเสบียงบางส่ วนทีโดนเผาวางอยู่

มู่หรงเสวียเดินไปทีหน้ารถม้า หยิบเอาเสบียงทีโดนเผาจนเป็ นสี ดาํ ขึนมา แล้วตรวจสอบอย่าง


ละเอียด.......

เมือเห็นนางมองอย่างละเอียดถีถ้วนด้วยท่าทางจริ งจังแล้ว หลิวชิงเฟิ งก็นึกเย้ยเยาะขึนในใจ เขาเดิน


ลงจากศาลช้าๆ แล้วเดินเข้ามาพูดเนิ บๆ ว่า” ก็เพียงแค่พวกเลินเล่อละเลยต่อหน้าที มีอะไรให้ดู
นักหนา”

มู่หรงเสวียมองหลิวชิงเฟิ งเพียงครู่หนึง “หลิวซือหลางเคยคิดหรื อไม่วา่ เสบียงถูกส่ งไปโดยรถม้า รถ


แต่ละคันก็จดั ลําดับเรี ยงหน้าหลัง ม้าแต่ละตัวมีระยะห่ างกัน ไม่ได้อยูต่ ิดกันเสี ยทุกคัน รถเสบียงไฟ
ไหม้คนั เดียวยังว่าเลินเล่อ สองคันอาจเป็ นเพราะละเลย แต่รถกว่าสิ บคันไฟไหม้พร้อมกันคงไม่ใช่
เรื องการละเลยเลินเล่อง่ายๆ หรอกกระมัง”

“สาเหตุทีแท้จริ งของการเกิดไฟไหม้ ข้าจะตรวจสอบให้กระจ่าง แต่เซียวเว่ยประมาทจนเสี ยงาน ทํา


ให้เสบียงโดนเผาไปจนหมด ข้าก็ตอ้ งทําตามกฏหมายของชิงเหยียน ส่ งเขาไปจําคุก.....” หลิวชิงเฟิ ง
พูดออกมาเสี ยงดัง แววตามีความหยิงยโส
มู่หรงเสวียมองเสบียงทีดํามะเมียม แล้วพูดขึนเบาๆ ว่า “เสบียงถูกไฟไหม้ อาจไม่ใช่ความผิดของ
เซี ยวเว่ย......”

เสี ยงใสกังวานแว่วดังขึน ทันใดนันหลิวชิงเฟิ งก็รู้สึกว่าอํานาจบารมีของตนกําลังถูกท้าทาย เขา


ขมวดคิวมองมู่หรงเสวีย หางตามีแววเย้ยเยาะ “คุณหนูม่หู รงคงไม่ได้เชือคําโกหกของเซี ยวเว่ย คิดว่า
เสบียงติดไฟลุกเองได้กระมัง”

“หยวนเซี ยวเว่ยไม่ได้พดู โกหก เสบียงติดไฟลุกเองได้จริ งๆ” มู่หรงเสวียเพียงพูดออกมาอย่างเนิบๆ


ดวงตาใสเย็นของนางส่ องประกายออกมาด้วยความเชือมันอย่างทีน้อยครังจะได้เห็น........
ตอนที 232 จับคนร้ ายตัวจริง

สี หน้าของหลิวชิงเฟิ งเปลียนเป็ นดําคลําราวกับสี หมึกในทันใด ยิงเขาบอกว่าเสบียงไม่มีทางลุกเป็ น


ไฟเองได้เท่าไหร่ มู่หรงเสวียก็ยงยื
ิ นยันว่าเสบียงลุกเป็ นไฟได้เองเท่านัน เห็นได้ชดั ว่านางจงใจทีจะ
ขัดคําพูดของเขา ช่างน่าเจ็บใจยิงนัก......

“ในเมือแม่นางมู่หรงเสวียยืนยันว่าเสบียงสามารถลุกเป็ นไฟได้เอง เช่นนันแม่นางก็ช่วยทําให้มนั ลุก


เป็ นไฟให้ขา้ ผูน้ ีได้เห็นด้วยตาตนเองอีกสักครังจะได้หรื อไม่” หลิวชิงเฟิ งปรายตามองนางเล็กน้อย
แววตาของเขาฉายแววเหยียดยามอย่างดูถูก

มู่หรงเสวียยิมออกมาเบาๆ อย่างไม่ใส่ ใจแล้วเอ่ยขึน “แน่นอนว่าได้ !” มือเล็กขาวนวลกําเสบียง


ขึนมา สาดเข้าไปทีบ่าของหลิวชิงเฟิ ง......

ได้ยนิ เพียงเสี ยง “บึม” ดังขึนครังหนึง เปลวไฟก็พลันลุกโชนขึน เสบียงทีตกบนบ่าเผาไหม้


กลายเป็ นเศษซากสี ดาํ อยูบ่ นบ่าของหลิวชิงเฟิ งอย่างรวดเร็ ว

หลิวชิงเฟิ งตกใจเป็ นอย่างมาก เขารี บเอามือปั ดไปปัดมาทีบ่าของตน ไม่คาดว่าจะเป็ นการทําให้ไฟ


ยิงลุกไหม้ลามหนักยิงกว่าเดิม เพียงพริ บตาก็ไหม้ไปถึงชายเสื อของเขาเสี ยแล้ว
เช่นนันหลิวชิงเฟิ งก็ยงรู
ิ ้สึกตกใจเข้าไปใหญ่ รี บเร่ งเอ่ยขึนว่า “เร็ ว ! รี บมาช่วยข้าเร็ วเข้า !”

“ขอรับ” เหล่าองคักษ์รับคําสัง แล้วรี บก้าวเข้ามา ข้ามือนึ ง เจ้ามือนึง พากันตบปั ดกันอย่างหนัก


หน่วงไปทีบ่าของหลิวชิงเฟิ ง ได้ยนิ เสี ยง ‘เพียะ เพียะ เพียะ’ ของฝ่ ามือทีกระทบเข้ากับบ่าของเขาดัง
ขึน จนบ่าของเขาถูกตีขึนเป็ นรอยแดงไหม้อย่างเจ็บปวด

เขาอยากจะร้องโอดครวญออกมา แต่ก็กลัวว่าจะขายขีหน้า จึงทําได้เพียงกัดฟันกลันเสี ยงเอาไว้ไม่


ยอมปล่อยมันออกมา ดวงตาเบิกโพลง ใบหน้าแดงกํา เส้นเลือดบนขมับปูดบวมขึนจนเห็นได้ชดั
สภาพเช่นนัน ชัดเจนว่าเขาคงเจ็บปวดทรมานยิงนัก......

มู่หรงเสวียทีมองดูนนก็
ั เบ้ปากออกมาน้อยๆ นางก็ไม่ได้อยากจะเข้ามาวุน่ วายด้วยเท่าไรนัก แต่ใคร
ใช้ให้เกิดเรื องกับเสบียงทีจะขนไปหนานเจียงกันเล่า กองทัพใหญ่กาํ ลังจะออกไปสู้รบ เสบียง
จะต้องออกเดินทางไปก่อน มู่หรงเย่กาํ ลังสู้รบอยูท่ ีหนานเจียง สิ งทีเขาต้องการมากทีสุ ดก็คือเสบียง
อาหาร ถ้าหากนางไม่หาตัวผูร้ ้ายเผาเสบียงออกมาแล้วล่ะก็ ไม่รู้วา่ เสบียงอาหารทีถูกส่ งออกไปจะ
ถูกเผาอีกกีรอบ มู่หรงเย่ไม่มีขา้ วกิน อดไม่กีมือก็ไม่เป็ นไร แต่ถา้ รบแพ้ แล้วเสี ยชีวิตขึนมาเล่า นีสิ
เรื องใหญ่......

หลิวชิงเฟิ งก็เป็ นคนหัวแข็งมาก เขาเอาแต่โต้เถียงว่าเสบียงไม่มีทางลุกเป็ นไฟเองได้ ไม่วา่ นางจะพูด


อย่างไร เขาก็ไม่มีทางเชือ นางก็เลยใช้วิธีนีบอกความจริ งแก่เขา.......
เมือฝ่ ามือสุ ดท้ายตบลงไป เปลวไฟบนบ่าและบนแขนของหลิวชิงเฟิ งก็ดบั ลง บนชุดขุนนางของเขา
ถูกไฟไหม้เสี ยจนมีรูเป็ นจุดๆ กระดํากระด่าง แม้แต่หมวกขุนนางก็ยงั เอียงกระเท่เร่

กลินไหม้ลอยโชยมากระทบกับจมูก สี หน้าของเขาเปลียนเป็ นซับซ้อนขึนทันที จ้องมองมู่หรงเสวีย


อย่างคาดคันทีจะเอาคําตอบแล้วเอ่ยขึนว่า “นีมันเกิดอะไรขึน” อยูด่ ีๆ เสบียงสามารถลุกเป็ นไฟไป
ได้อย่างไร

“ก็เพราะในเสบียงมีเกล็ดไฟ (ฟอสฟอรัส) น่ะสิ ” มู่หรงเสวียเน้นยําทีละคํา แววตาดูมนอกมั


ั นใจ

เกล็ดไฟ ? นันคือสิ งใดกัน ทุกคนต่างมองหน้ากันไปมา สี หน้างงงวยไม่ต่างกัน

“เกล็ดไฟก็คือสสารไวไฟทีง่ายต่อการลุกติดไฟ เพียงแค่อยูภ่ ายใต้ความร้อนสักระยะหนึง จนถึงจุด


ไวไฟของมันนิดหน่อย มันก็จะลุกเป็ นไฟได้เอง......” มู่หรงเสวียอธิบายขึนอย่างเรี ยบๆ

ตาของหยวนเซี ยวเว่ยเป็ นประกายขึนมาทันที เขารี บเอ่ยขึนว่า “ตอนทีเสบียงอาหารลุกเป็ นไฟ ก็เป็ น


ช่วงเวลาตอนเทียงทีแดดร้อนแรงทีสุ ดพอดี......”
แววตาของหลิวชิงเฟิ งเหยียบเย็น มองไปทีมู่หรงเสวียตาไม่กะพริ บ “ความหมายของเจ้าคือ ใน
เสบียงอาหารมีเกล็ดไฟเช่นนันหรื อ”

“ไม่ผิด !” มู่หรงเสวียพยักหน้า “ตอนนีอยูใ่ นช่วงฤดูร้อน อากาศร้อนอบอ้าว เสบียงอาหารถูกความ


ร้อนแผดเผาไปตามรายทาง ก็เป็ นธรรมดาทีจะติดไฟขึน แล้วหลังจากนันเปลวพลิงก็เผาทําลาย
เสบียงอาหาร......”

เมือครู่ บ่าของหลิวชิงเฟิ งอยูใ่ ต้แสงอาทิตย์พอดี นางก็เลยโยนเสบียงอาหารทีมีผงไฟใส่ บ่าของเขาไป


......

“ในเสบียงอาหารจะมีของสิ งนีอยูไ่ ด้อย่างไรกัน” คิวของหลิวชิงเฟิ งขมวดเป็ นปม

“เรื องนันก็คงต้องถามคนทีเคยสัมผัสกับเสบียงอาหารแล้ว” มู่หรงเสวียเอ่ยออกมาด้วยแววตาเหยียบ


เย็น

สายตาของหลิวชิงเฟิ งดังลูกศร พุ่งตรงไปทีหยวนเซี ยวเว่ย แล้วถามเขาขึนด้วยนําเสี ยงหยียบเย็น


“หยวนเซี ยวเว่ย เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกหรื อไม่”
“เรื องนีไม่เกียวกับข้า ก่อนทีแม่นางมู่หรงจะพูดเกียวกับเกล็ดไฟ ข้าก็ไม่รู้เลยว่าในโลกนีมีของแบบ
นันอยูด่ ว้ ย......” หยวนเซี ยวเว่ยเร่ งรี บอธิบายขึนมา

เช่นนันหลิวชิงเฟิ งก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ “เจ้าไม่ตอ้ งมาเสแสร้ง เสบียงอาหารเป็ นเจ้าที


รับผิดชอบในการขนส่ งทังหมด พอขนออกจากเมืองหลวงไปได้เจ็ดแปดวันถึงจะเกิดเรื องขึน ทีมี
เกล็ดไฟในเสบียงกรัง เจ้านันไม่มีทางหนีพน้ ข้อกล่าวหาแน่นอน......”

“แต่วา่ ข้าไม่เคยรู้จกั เกล็ดไฟมาก่อนเลยนะ......” หยวนเซี ยวเว่ยเร่ งรี บอธิบาย พร้อมขมวดคิวขึน


“การขนส่ งเสบียงอาหารครังนีข้าเป็ นคนรับผิดชอบ ถ้าเสบียงอาหารมีปัญหาข้าก็ตอ้ งรับโทษหนัก
แล้วข้าจะเอาเกล็ดไฟไปใส่ เสบียงอาหารเผือฆ่าตัวเองอย่างนันทําไมกัน......”

“ถึงเจ้าจะไม่ใช่คนทีใส่ มนั เช่นนันก็ตอ้ งเป็ นพวกทหารทีไปกับเจ้าเป็ นผูล้ งมือ......” หลิวชิงเฟิ งมอง


เขาแล้วถอนหายใจเล็กน้อย

แววตาของหยวนเซี ยวเว่ยเหยียบเย็น “ในเหล่าบรรดาทหารทีติดตามไปกับข้ามีไส้ศึกอย่างนันหรื อ”

“ก็ไม่แน่......” มู่หรงเสวียกําเสบียงกรังขึนมากําหนึง มองสํารวจอย่างละเอียด แล้วเอ่ยขึนเรี ยบๆ


“ความเร็ วในการเผาไหม้ของเสบียงอาหารไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ นันก็หมายความว่าเกล็ดไฟต้องถูก
ซ่อนอยูด่ า้ นในของเสบียงอาหาร ถ้าเกิดว่าเหล่าทหารเป็ นคนลงมือแล้วละก็ เกล็ดไฟก็ตอ้ งเผาไหม้
อย่างรุ นแรงจากด้านบน และเสบียงอาหารด้านบนจะต้องโดนเผาไหม้อย่างรุ นแรงทีสุ ด และก็
อาจจะไหม้ไปไม่ถึงชันล่างสุ ด......”

“ความหมายของแม่นางมู่หรงคือ......” รองเจ้ากรมอาญาหลิวหรี ตามองทีนาง

“ก่อนทีเสบียงอาหารจะถูกบรรจุนนก็
ั ได้มีคนใส่ เกล็ดไฟเข้าไปแล้ว ท่านรองเจ้ากรมอาญาหลิวเรี ยก
คนดูแลเรื องเสบียงอาหารมาสอบถามเถอะ ไม่แน่อาจจะเจอตัวผูร้ ้ายก็เป็ นได้......” มู่หรงเสวียเอ่ย
ออกมา แววตาเหยียบเย็นดังนําแข็ง

หลิวชิงเฟิ งหรี ตาลงอย่างครุ่ นคิด ถ้าเกิดว่าคนของคลังเสบียงเป็ นคนลงมือเองล่ะก็ เรื องราวก็คงยิง


วุน่ วายมากขึนเป็ นแน่......

“ทหาร ไปตามตัวพวกคนทีดูแลเรื องเสบียงอาหารทุกคนมาทีนีเดียวนี” ประชาชนในเมืองหลวงที


อยูด่ า้ นนอกกําลังรอฟังการตัดสิ นอยู่ พวกเขาต่างรอรับฟังความจริ ง เช่นนันเขาก็ตอ้ งสื บค้นจนถึง
ทีสุด !

“ขอรับ !” องครักษ์รับคําสัง พลางเร่ งรี บเดินออกไป


เวลาผ่านไปชัวครู่ บรรดาคนทีเกียวข้องกับการจัดการเสบียงอาหารทุกคน ทังผูด้ ูแล พนักงาน
อาลักษณ์และพวกเสมียนก็มาพร้อมหน้า ยืนเรี ยงกันเป็ นแถวสองแถว

องครักษ์กา้ วออกมารายงาน “รายงานใต้เท้า บรรดาคนทีเกียวข้องกับการจัดการเสบียงอาหารทุกคน


รวมอยูท่ ีนีทังหมดแล้วขอรับ”

หลิวชิงเฟิ งส่ งเสี ยงอืมเป็ นการรับรู้คาํ หนึ ง แล้วกวาดตามองไปทีบรรดาผูเ้ กียวข้อง “เสบียงอาหารที


ถูกส่ งไปหนานเจียง ถูกบรรจุโดยคนพวกนีอย่างนันหรื อ”

“รายงานใต้เท้า ใช่แล้วขอรับ” ผูด้ ูแลเอ่ยตอบอย่างหนักแน่น

หลิวชิงเฟิ งพยักหน้าอย่างเข้าใจ เขากวาดตามองบรรดาคนงานทังหมด ก็เห็นว่าทุกคนก็มีท่าทางทีดู


ปกติดี ไม่มีอะไรทีผิดสังเกต เขามองไม่ออกเลยว่าใครกันทีน่าสงสัย ไม่รู้วา่ มู่หรงเสวียจะสามารถ
มองออกหรื อไม่

เมือเหลือบมองไปทีมู่หรงเสวีย ก็เห็นว่านางเดินไปทีด้านหน้าของผูด้ ูแล อาลักษณ์ และบรรดา


เสมียนคนงาน สายตาจ้องมองไปทีพวกเขา แล้วเดินก้าวไปรอบๆ มองดูพวกเขาด้วยท่าทางสบายๆ
ทันใดนันนางก็หยุดลงอยูท่ ีด้านหน้าของคนผูห้ นึง แล้วจ้องมองไปทีคนคนนัน
เห็นเพียงแค่ท่าทางของคนผูน้ นก็
ั ดูปกติธรรมดา รู ปร่ างหน้าตาก็ธรรมดาทัวไป มองไม่พบเห็นอะไร
ทีผิดสังเกตน่าสงสัยแม้แต่นอ้ ย สองมือของเขาก็วางไว้ทีข้างตัวอย่างปกติ

มู่หรงเสวียบยกมุมปากขึนยิมอย่างงดงาม แล้วพูดกับเขาอย่างยิมๆ ว่า “เจ้าใช่ไหมทีเป็ นคนเอาเกล็ด


ไฟไปใส่ ไว้ในเสบียงอาหาร”

“ผูน้ อ้ ยไม่ทราบว่าแม่นางกําลังพูดถึงอะไร” คนงานมองไปทีมู่หรงเสวียอย่างสงสัยและไม่เข้าใจ

มู่หรงเสวียยิมขึน คว้าจับมือของเขาขึนมา แล้วยกมันชูขึนกลางอากาศ เอ่ยออกมาอย่างเหยียบเย็น


“เกล็ดไฟเป็ นสสารไวไฟ ใครทีสัมผัสมัน บนตัวของผูน้ นจะมี
ั กลินกํามะถันติดมา และผิวบริ เวณ
นันก็จะมีสีแดงเข้ม ดูคลําๆ คล้ายกับมือของเจ้าในตอนนี......”
ตอนที 233 ไปหนานเจียง

ชายผูน้ นหั
ั นมองไปทีแขนของตัวเอง ก็เห็นว่ากลางฝ่ ามือของเขาปรากฏเป็ นรอยแดงๆ ทีไม่
เหมือนกับผูอ้ ืนจริ งๆ มันมีสีทีดูคลําๆ เหมือนกับเลือดทีควบแน่นเข้าด้วยกัน......

แววตาของเขาหนาวเหน็บ ทันใดนันก็สะบัดฝ่ ามือออก ดินหลุดจากการจับกุมของมู่หรงเสวีย แล้ว


ฟาดฝ่ ามือไปทีนางอย่างไร้ความปรานี สถานะถูกเปิ ดเผย เขาก็ไม่จาํ เป็ นจะต้องแอบซ่อนตัวเองอีก
ต่อไป......

ลอบโจมตีนางหรื อ ? ไม่เจียมตน !

มู่หรงเสวียกยิมเย็นยะเยือก เบียงกายหลบการลอบโจมตีจากชายผูน้ นั แล้วยกเท้าขึนเท้าหนึ งเตะฟาด


เข้าไปทีอกของชายผูน้ นั จนชายผูน้ นกระเด็
ั นออกไปสามสี เมตร แล้วกระแทกลงกับพืนอย่างแรง
ล้มกระแทกจนมึนงงทัวร่ างเต็มไปด้วยความเจ็บปวด......

ชายผูน้ นกั
ั ดฟั นอย่างอดกลันพยายามทีจะลุกขึน ตอนนันได้ยนิ เสี ยง ‘ฟุบ ฟุบ ฟุบ’ ดังขึน ทันใดนัน
ทหารสิ บกว่านายก็มาปรากฏตัวทีด้านหน้าของเขา ดาบยาวในมือฟาดวางลงมาทีคอของเขาอย่างไม่
ปรานี ใบดาบอันคมกริ บแนบชิดไปกับคอของเขา กักขังเขาเอาไว้จนยากจะหลบหนี......

“เจ้าเป็ นใคร ทําไมต้องใส่เกล็ดไฟเอาไว้ในเสบียงด้วย” หลิวชิงเฟิ งมองไปทีชายผูน้ นั แล้วกล่าว


ตวาดขึนอย่างเสี ยงดัง

ั กล่าววาจา อยูๆ่ ทีมุมปากกลับมีเลือดสี ดาํ ไหลออกมาแล้วเอนล้มไปบนพืนอย่างช้าๆ


ชายผูน้ นไม่
ดวงตาเบิกโพลงไร้ซึงลมหายใจ......

หลิวชิงเฟิ งตืนตกใจ “นีมันเกิดอะไรขึน”

ทหารนายหนึงชันเข่าลงไปตรวจดูอย่างละเอียดอยูค่ รู่ หนึง “เรี ยนใต้เท้า เขากินยาฆ่าตัวตายแล้ว


ขอรับ !”

“กินยาฆ่าตัวตาย ?” หลิวชิงเฟิ งขมวดคิวแน่นเข้าหากัน เขาเคยได้ยนิ มาบ้างว่าพวกสายลับ องครักษ์


เงาและมือสังหารเวลาทีออกไปปฏิบตั ิภารกิจ จะใส่ ยาพิษเอาไว้ในซอกฟัน ถ้าหากภารกิจล้มเหลวก็
จะกินยาพิษฆ่าตัวตาย แต่คาดไม่ถึงว่าวันนี เขากลับจะได้พบกับเรื องราวเช่นนีและคนเช่นนีด้วย
ตัวเอง
เมือมองไปทีซากศพของชายผูน้ นเขาถอนหายใจออกมาหนั
ั กๆ “พอเขาตายไป ช่องทางการสื บหา
เบาะแสก็คงถูกกําลายลงไปด้วย......”

“ยังนับว่าไม่ได้ถูกทําลายลงไปทังหมด !” มู่หรงเสวียเดินออกมาด้านหน้ามองไปทีซากศพนันอย่าง
เรี ยบเฉย “เกล็ดไฟนันมีแหล่งกําเนิดอยูท่ ีหุบเขาหยินซานของหนานเจียง อีกทังหุบเขาหยินซานนัน
ถูกควบคุมดูแลโดยราชวงศ์ของหนานเจียงโดยตรง ชายผูน้ ี ทีสามารถหาเกล็ดไฟจํานวนมากได้
เช่นนี ก็เพียงพอทีจะบ่งบอกได้แล้วว่า เขากับหนานเจียงมีความสัมพันธ์กนั ......”

แววตาของหลิวชิงเฟิ งวูบไหว “เขาเป็ นไส้ศึกจากหนานเจียง !”

“เป็ นไปได้เก้าส่ วน” มู่หรงเสวียพยักหน้าเบาๆ ดวงตาอันปราดเปรื องทอแววหนักใจอย่างทีไม่เคย


พบพานมาก่อน

ไส้ศึกของหนานเจียงถึงกับเล็ดลอดเข้ามาถึงคลังเสบียงของชิงเหยียนได้ และยังแอบใส่เกล็ดไฟเข้า
ไปในเสบียงทหารของชิงเหยียนอีก การเผาเสบียงนันยังนับว่าเป็ นเรื องเล็ก แต่ถา้ หากเขาใส่ ยาพิษลง
ไปล่ะก็ กองทัพสามแสนคนนันก็คงจะถูกพิษของเขาจนตกตายไปทังกองทัพ......

ทันใดนันแผ่นหลังของหลิวชิงเฟิ งก็หลังเหงือเหยียบเย็นออกมา ดวงตาอันคมกริ บกวาดมองไปที


ผูด้ ูแลคลังเสบียง พนักงานอาลักษณ์ และเหล่าเสมียนทีละคนทีละคน จนพวกเขาทีถูกมองรู้สึก
หวาดกลัวจนตัวสัน พากันคุกเข่าลงอย่างร้อนใจ แล้วพูดแก้ต่างขึนอย่างเร่ งรี บ “ใต้เท้า เรื องราว
ไม่ได้เกียวกับพวกเราเลยขอรับ......พวกเราไม่รู้วา่ เขาเป็ นไส้ศึก......”

“ใช่แล้วขอรับใต้เท้า...เขาเพิงจะเข้ามาได้ไม่กีเดือน......พวกเราไม่ค่อยได้พดู คุยสนิทสนมกับเขามาก
เท่าไรนัก......”

“ถ้าหากรู้วา่ เขาเป็ นไส้ศึก ต่อให้ตายพวกเราก็ไม่มีทางรับเขาเข้ามาในคลังเสบียงแม้แต่กา้ วเดียว......”

เสี ยงแย่งกันอธิบายดังเข้าหู วุน่ วายเสี ยจนหลิวชิงเฟิ งปวดหัว ตัดบทคําพูดของพวกเขาขึนอย่างหมด


ความอดทน “พอแล้ว สําหรับเรื องนี ข้าจะตรวจสอบให้ละเอียดอีกที พวกเจ้าถอยไปเถอะ ก่อนที
เรื องราวจะตรวจสอบชัดเจน พวกเจ้าก็อยูแ่ ต่ในทีพัก ห้ามเข้าใกล้คลังเสบียงแม้แต่ครึ งก้าว”

“ขอรับ ขอรับ......” ผูด้ ูแล อาลักษณ์และพวกเสมียนพากันตอบรับขึน ถอนหายใจออกมาอย่างโล่


งอก พากันถอยออกไปอย่างนอบน้อมซาบซึ งใจ เพียงแค่ถูกกักบริ เวณให้อยูแ่ ต่ในทีพักอยูร่ อให้
เรื องราวตรวจสอบชัดเจนเท่านัน พวกเขาแน่นอนว่าต้องให้ความร่ วมมืออย่างดี......

หลิวชิงเฟิ งเดินอาดๆ กลับเข้าไปทีโถงตัดสิ นคดีความ แล้วตีคอ้ นพิพากษาจนเกิดเสี ยงดังขึน แล้ว


เอ่ยเสี ยงเย็นออกมา “บัดนีเรื องราวก็ได้กระจ่างชัดแล้วว่าเสบียงทีถูกเผาทําลายไปไม่เกียวอันใดกับ
หยวนเซี ยวเว่ย หยวนเซี ยวเว่ยสามารถกลับจวนได้......”
“ดียงนั
ิ ก !” ความไม่เป็ นธรรมทีเขาได้รับ ในทีสุ ดก็ถูกลบล้างแล้ว !

ดวงตาของหยวนเซี ยวเว่ยเปล่งประกายอย่างดีใจ มองไปทางมู่หรงเสวียด้วยความซาบซึ งใจ


“คุณหนูมู่หรง ขอบใจเจ้ามาก !”

มู่หรงเสวียยิมออกมาน้อย ๆ “ไม่ตอ้ งเกรงใจ หยวนเซียวเว่ยยังจะต้องไปส่ งเสบียงทีหนานเจียงอีก


หรื อไม่”

“ข้าก็อยากจะไปส่ งอยู่ แต่วา่ ข้าทีไม่ระมัดระวังปล่อยให้เกิดเรื องใหญ่โตเช่นนีขึน จะให้ขา้ ไปส่งอีก


หรื อไม่ก็คงต้องดูทีพระราชประสงค์ของฮ่องเต้แล้ว” หยวนเซี ยวเว่ยยิมขึนอย่างเก้ๆ กังๆ

มู่หรงเสวียพยักหน้าอย่างเข้าใจ เสบียงกรังของทหารสามแสนนายนันสําคัญมาก พอมีเรื องของ


เกล็ดไฟเกิดขึนมา เก้าในสิ บส่ วนฝ่ าบาทอาจจะส่ งคนทีรัดกุมอีกคนไปส่ งเสบียงแทน......

หยวนฟางเฟยก้าวเดินออกมาด้านหน้า ดวงตาสี ดาํ ขลับวูบไหวด้วยความรู้สึกซาบซึ งใจ “มู่หรงเสวีย


เจ้าได้ช่วยเหลือพวกข้าเอาไว้อย่างใหญ่หลวงนัก พวกข้าล้วนไม่รู้วา่ จะควรตอบแทนเจ้าอย่างไรดี
......”
“เป็ นเรื องทีไม่ได้ลาํ บากอะไร เจ้าอย่าได้เกรงใจไปเลย......” มู่หรงเสวียยิมขึนน้อยๆ สายตาพลันเห็น
ชายเสือสี ขาวสายหนึง เพียงพริ บตาก็นึกขึนได้วา่ ยังมีคนรอนางอยูท่ ีด้านนอก เช่นนันแววตาของ
นางก็วบู ไหวอย่างไม่เป็ นธรรมชาติเร่ งก้าวเท้าพุ่งออกไปย่างรวดเร็ ว ตามด้วยเสี ยงอันกระจ่างใสของ
นางทีลอยมาตามอากาศ “ข้ายังมีธุระอีก ต้องขอตัวไปก่อนแล้ว ไว้คอ่ ยคุยทีหลังแล้วกัน......”

พอแหวกออกจากฝูงชน มู่หรงเสวียก็เห็นคุณชายโอวหยางกําลังนังจิบชาอยูใ่ นโรงนําชาทีอยูไ่ ม่ไกล


นัก นางจึงเร่ งพุ่งเข้าไปหาเขาอย่างรวดเร็ ว “คุณชาย รอนานหรื อไม่”

เมือครู่ นีนางเพียงสนใจแต่จะจับไส้ศึก ก็เลยลืมไปว่าคุณชายโอวหยางกําลังรออยูด่ า้ นนอก

เมือมองไปทีสายตารู้สึกผิดของนาง แววตาของคุณชายโอวหยางก็เจือปนไปด้วยรอยยิมจางๆ “ก็


ไม่ได้นานเท่าไหร่ นกั ” เขาพูดขึนอย่างเรี ยบเฉย แล้วริ นชาถ้วยหนึงผลักไปทีด้านหน้าของนาง

ไอร้อนโชยขึนมาจากถ้วยชา กลินหอมสดชืนจางๆ พัดโชยเข้าจมูก ทันใดนันมู่หรงเสวียก็รู้สึก


คอแห้งยกชาขึนมาจิบอึกหนึงเบาๆ......

“สาเหตุทีเสบียงลุกไหม้ดว้ ยตัวเองนัน ตังแต่ขนุ นางผูม้ ีผลงานมากมายในเมืองหลวงจนไปถึงสํานัก


ปราชญ์ต่างๆ ล้วนไม่สามารถคิดหาสาเหตุออกมาได้ แต่เจ้ากลับตรวจเจอได้ ถือเป็ นการสร้าง
ผลงาน ทังยังถือเป็ นการเตือนฝ่ าบาท พระองค์จะต้องจะสังให้ทุกภาคส่ วนในเมืองหลวงเพิมการ
ป้ องกันและเฝ้ าระวังให้มากขึน แล้วเสบียงกรังก็จะต้องถูกส่ งไปทีหนานเจียงอย่างทันเวลาแน่นอน
เช่นนีเจ้าก็ไม่ตอ้ งเป็ นห่วงมู่หรงเย่แล้ว......”

คุณชายโอวหยางกล่าวขึนด้วยนําเสี ยงราบเรี ยบ ยกชาขึนจิบอย่างละเมียดละไม จิบเข้าไปอึกหนึง


ดวงตาสี ดาํ ขลับเปล่งประกายมืดมิด หนานเจียงกลับสามารถส่งไส้ศึกแทรกซึ มเข้ามาในกรมทังหก
ของชิงเหยียนได้ เรื องราวดูท่าจะใหญ่หลวงนัก เหล่าขุนนางของชิงเหยียน มีชีวติ สุ ขสบายเกินไป
แล้วจริ งๆ ถึงได้มีการเฝ้ าระวังทีหละหลวมเช่นนี......

แววตาของมู่หรงเสวียเคร่งขรึ ม นังลงตรงข้ามของคุณชายโอวหยาง มองไปทีเขานิงๆ แล้วกล่าวขึน


“คุณชาย ข้าอยากไปหนานเจียงสักครังหนึง !”

ทันใดนันท่วงท่าของคุณชายโอวหยางพลันหยุดชะงักไปครู่ หนึง มองไปทีนางอย่างไม่เข้าใจแล้วเอ่ย


ขึนว่า “เพราะอะไร เจ้าเป็ นห่วงมู่หรงเย่หรื อ”

มู่หรงเสวียส่ ายหน้า “ถึงคนหนานเจียงจะฉลาดและเจ้าเล่ห์มาก แต่มู่หรงเย่อยูก่ บั ทหารสามแสนนาย


ความปลอดภัยของเขานันข้าไม่ได้กงั วลอะไรเป็ นพิเศษ ทีข้าอยากไปหนานเจียงก็เพราะว่าอยาก
ตรวจสอบเกียวกับเรื องของพวกองครักษ์เงา”
“องครักษ์เงาเป็ นกองกําลังทีพ่อของข้าบ่มเพาะขึนมาใช้ในการทําสงคราม ทีทีพวกเขาอยูส่ ่ วนมากก็
ล้วนเป็ นสนามรบ ในเมืองหลวงนันไม่ค่อยมีเบาะแสของพวกเขามากนัก ก็คล้ายกับคนในราชสํานัก
บางคนทีสื บหาอยูใ่ นเมืองหลวงมาสิ บปี ก็ยงั ไม่สามารถหาเบาะแสใดๆ ของพวกเขาได้ ถ้าหากข้า
ไปทีหนานเจียงไม่แน่วา่ อาจจะหาจุดเชือมโยงไปยังเบาะแสได้......”

ชางฉงทีเป็ นคนนําทัพงูไม้กบั คนประหลาดพวกนันมา รวมถึงไส้ศึกผูน้ นของหนานเจี


ั ยง นัน
สามารถบ่งบอกได้วา่ คนหนานเจียงนันฉลาดและหลักแหลมไม่เหมือนกับผูค้ นทัวไป ดังนันนางก็
เลยคิดทีจะไปดูวา่ ทหารของหนานเจียงทีแท้มีความร้ายกาจมากขนาดไหน

คุณชายโอวหยางนิงเงียบไปครู่ หนึง จ้องมองไปทีนางตาไม่กะพริ บ “เจ้าจะต้องไปหนานเจียงให้ได้


เลยหรื อ”
ตอนที 234 เสวียเอ๋อร์ ถูกจับ

“ข้าอยูท่ ีเมืองหลวงก็ไม่มีเรื องราวอันใด ได้แต่รอคอยข่าวคราวไปวันๆ ไม่ได้ทาํ อะไร มันช่างน่าเบือ


ยิงนัก ไม่เท่ากับข้าไปทีหนานเจียง ถ้าหากเดินทางไปตามเส้นทางช้าหน่อยก็ยงั สามารถชืนชม
ธรรมชาติของภูเขาและผืนนําได้......” มู่หรงเสวียกล่าวขึนด้วยรอยยิมสดใส

“ฟังดูเข้าท่า” คุณชายโอวหยางพยักหน้ามองไปนางทีด้วยท่าทางเรี ยบเฉย “เช่นนันเจ้าเตรี ยมทีจะ


ออกเดินทางเมือใด”

“ก็ไม่กีวันนีแหละ” มู่หรงเสวียกล่าวขึนเสี ยงเบา อากาศร้อนอบอ้าว ไม่จาํ เป็ นจะต้องจัดเตรี ยมของ


ให้มากมายอะไรนัก แค่เตรี ยมเงินตําลึงกับเสื อผ้าสะอาดเอาไว้เปลียนก็พอแล้ว

คุณชายโอวหยางพยักหน้า กล่าวขึนเรี ยบๆ “ช่วงไม่กีวันนี ข้ามีธุระบางอย่างต้องจัดการ......”

“ธุระนันสําคัญ เจ้าก็คอ่ ยๆ จัดการไปเถอะ ถ้าหากเป็ นเรื องเร่ งด่วน ก็ไม่จาํ เป็ นต้องไปส่งข้าด้วย
ตัวเองก็ได้.....” มู่หรงเสวียพูดขึนด้วยรอยยิมตาหยี ท่าทางเข้าอกเข้าใจ
“ข้าบอกว่าจะไปส่ งเจ้าเมือใดกัน” ทันใดนันคุณชายโอหยางก็หนั มองไปทีมู่หรงเสวีย ดวงตาสี ดาํ
ขลับของเขาเปล่งประกายมืดมิด อยูๆ่ ก็เพิมเสี ยงสูงทีแฝงไว้ดว้ ยอารมณ์โมโห ทําเอาร่ างของมู่หรง
เสวียกระตุกสันไหวด้วยความตกใจ ถลึงตามองกลับไปทีเขาอย่างอารมณ์ไม่ดี “เวลาข้าเหลือน้อยนัก
จะต้องรี บกลับไปจัดเตรี ยมของทีจวน เช่นนันก็คงไม่ไปกับท่านต่อแล้ว เชิญคุณชายจิบชาไปเถอะ
เจ้าค่ะ !”

เมือทิงคําพูดเอาไว้ประโยคหนึง มู่หรงเสวียก็ลุกยืนขึนเดินออกจากโรงนําชาโดยไม่หนั หลับมามอง


เขาอีก นางเดินเลาะตามทางเดินอาดๆ ออกไปด้านหน้า แววตาเต็มไปด้วยไฟโกรธ ไม่ส่งก็ไม่ส่งสิ
แล้วจะมาโกรธใส่ นางขนาดนีทําไมกัน ช่างแปลกคนยิงนัก !

เมือเดินเลียวโค้งออกไปอย่างโมโห ทันใดนันด้านหน้าของนางก็ปรากฏแสงสี แดงขึนมาสายหนึง


จมูกสู ดดมได้ถึงกลินควันทีหนาแน่น อยูๆ่ ในหัวกลายเป็ นง่วงงุน ความง่วงพุ่งปะทุขึนมาอย่าง
รุ นแรง ภาพตรงหน้าของนางกลายเป็ นมืดมิด แล้วค่อยๆ ล้มยวบลงไปกับพืน......

ชายชุดดําผูห้ นึ งปรากฏออกมาจากอากาศธาตุแล้วยืนมือออกไปพยุงตัวนางไว้ คว้าจับไปทีแขนของ


นางแล้วผลักนางเข้าไปทีด้านในของรถม้าคันหนึง บังคับมันวิงออกไปไกลออกอย่างรวดเร็ว จนฝุ่ น
ควันฟุ้ งตลบอลอวนไปทัว......

ในโรงนําชา คุณชายโอวหยางวางเงินตําลึงทิงเอาไว้พวงหนึง แล้วก้าวยาวๆ ออกมา มองไปทีทิศทีมู่


หรงเสวียก้าวอาดๆ เดินออกไป ใบหน้าหล่อเหลาเคร่ งขรึ มจนน่ากลัว
สิ งทีเขาอยากจะพูดจริ งๆ นันก็คือ รอให้เขาจัดการเรื องราวธุระทังหมดของวังเซี ยวเหยาอ๋ องให้เสร็จ
สิ นภายในไม่กีวันนีแล้วเขาจะพานางไปทีหนานเจียงด้วยกัน ! แต่เหตุใดนางถึงไม่ยอมฟังคําพูดของ
เขาให้จบก่อน แต่กลับคิดเดาความหมายของเขาอย่างส่ งเดชมัวๆ ไปได้เล่า อีกทังยังคาดเดาผิด
ทังหมดอีก ช่างโง่งมยิงนัก

นางทีมีท่าทางโง่งมเช่นนี เขาก็ไม่ควรจะไปวาดหวังให้นางเข้าใจความรู้สึกนึกคิดอะไรของเขาอีก
แล้ว......

แสงแวววาวสายหนึงปรากฏเข้าสู่สายตา คุณชายโอวหยางก้มหน้ามองไปเห็นตรงมุมโค้งมุมหนึงมี
ไข่มุกหนานจูเม็ดใหญ่เม็ดหนึงวางแน่หนึงอยูบ่ นพืน

คุณชายโอวหยางขมวดคิวขึน ย่อกายลงไปหยิบไข่มุกหนานจูขึนมา มองไปทีตัวอักษร ‘เสวีย’ ที


สลักอยูบ่ นไข่มุกหนานจู ดวงตาอันลึกลําหรี เล็กลง นี มัน......เป็ นต่างหูไข่มุกหนานจูทีเขามอบให้มู่
หรงเสวียนี ! เกิดเรื องกับเสวียเอ๋ อร์แล้ว !

“สวินเฟิ ง อู๋เหินรี บไปปิ ดประตูเมือง หาตัวเสวียเอ๋ อร์ให้พบ อย่าได้ปล่อยคนน่าสงสัยแม้แต่คนเดียว


ให้หลุดรอดไปได้ ถ้าหากมีคนต่อต้านขัดขืนให้สังหารทิงโดยทันที !”
“ขอรับ !” สวินเฟิ ง อู๋เหินรับคําสัง แล้วเร่ งรี บพุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว

มือของคุณชายโอวหยางกําไปทีต่างหูไข่มุกหนานจูแน่น สี หน้ามืดครึ มจนน่ากลัว กลับกล้ามาจับตัว


เสวียเอ๋ อร์ พวกเขาช่างกล้าบังอาจยิงนัก

ในระหว่างทีสะลึมสะลืออยูน่ นั มู่หรงเสวียก็รู้สึกว่าใต้ร่างของตัวเองมีแรงสันสะเทือนเบาๆ หนังตา


หนักอึงเหมือนกับมีอะไรมากดทับไว้ นางพยายามฝื นลืมตา จนสามารถลืมตาขึนได้อย่างช้าๆ และก็
พบว่าตัวเองกําลังนอนอยูใ่ นรถม้าทีกําลังวิงไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ ว หน้าต่างฝังซ้ายและฝังขวามี
ลมพัดโชยเข้ามาอย่างรุ นแรง

นางค่อยๆ หรี ตาลง ขณะทีแสงสี แดงปรากฏขึนมานางก็คน้ พบว่าไม่ถูกต้องแล้ว จึงเร่ งรี บกลันลม


หายใจแต่ทว่าควันนันพวยพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ วนัก เร็ วจนนางเผลอสูดดมควันสลบเข้าไปบางส่วน
จนสลบลงไป ตอนนีถึงแม้วา่ จะฟื นได้สติขึนมาแล้ว แต่วา่ ทัวทังร่ างของนางยังคงอ่อนยวบยาบไม่
สามารถใช้แรงออกมาได้แม้แต่นอ้ ย ฤทธิของควันสลบเมือครู่ ช่างร้ายกาจยิงนัก.....

ไม่รู้วา่ คนทีจับนางมานันเป็ นใคร แล้วมีสาเหตุอะไรทีจับนางมากันแน่

รถม้าทีพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ ว อยูๆ่ ก็สนสะเทื


ั อนน้อยๆ เสี ยงอันเรี ยบนิงไร้ความเกรงกลัวดังเข้ามา
“องครักษ์เงาของวังเซี ยวเหยาอ๋ องพวกนัน ช่างร้ายกาจไม่ธรรมดายิงนัก ไม่เพียงแต่สามารถหา
ร่ องรอยของพวกเราเจอ แต่ยงั ตามติดมาไม่ปล่อยจนเกือบจะตามพวกเราได้ทนั แล้ว โชคดีนกั ทีอาลิว
กับอาชีล่อพวกเขาออกไปได้.....”

“เจ้าได้ใจอะไรนัก ไม่เห็นหรื ออย่างไรว่าเหล่าพีน้องทีหลอกล่อองครักษ์เงาของวังเซี ยวเหยาอ๋ อง


ออกไปนันไม่ได้กลับมาซักคน พวกเขาเก้าในสิ บคงตกตายอยูใ่ นนํามือขององครักษ์เงาของวังเซี ยว
เหยาอ๋ องแล้ว......”

ทันใดนันด้านนอกของรถม้าก็กลายเป็ นเงียบลง หลังจากนันชัวครู่ ก็มีเสี ยงถอนหายใจทีเคร่ งขรึ มดัง


ขึน “คุณชายโอวหยางแห่งวังเซี ยวเหยาอ๋ อง ช่างเป็ นคนทีไม่ธรรมดาสามัญนัก......”

“คุณชายโอวหยางทีมีชือเสี ยงโด่งดังไปทุกแว่นแคว้นจะธรรมดาได้อย่างไรกัน เจ้านายส่ งองครักษ์


เงามาตังสามสิ บคน ในระยะเวลาไม่กีวันมานีก็ได้ตกตายในมือของพวกเขาไปยีสิ บแปดคนแล้ว
ตอนนีก็เหลือเพียงพวกเราสองคนทียังมีชีวติ อยู่ ถ้าหากองครักษ์เงาของวังเซียวเหยาอ๋ องยังตามมาได้
ทันอีก เจ้าหรื อไม่ก็ขา้ จําเป็ นจะต้องมีคนหนึงทีออกไปหลอกล่อพวกเขา......”

“เพียงเพือหญิงสาวบนรถม้านางนี คุณชายโอวหยางถึงกับส่ งองครักษ์เงาของวังเซี ยวเหยาอ๋ อง


ออกมาตามล่าสังหารพวกเราอย่างไม่ปรานี หญิงสาวนางนีสามารถล่อลวงผูค้ นได้ขนาดนีเชียว
หรื อ” นําเสี ยงทุม้ ตําของชายหนุ่มดังขึนแฝงไว้ดว้ ยอารมณ์ความรู้สึกแปลกๆ
“เจ้าคิดจะทําอะไร” เสี ยงไต่ถามเสี ยงเย็นดังขึน

“คนงามอยูด่ า้ นข้าง เจ้าไม่รู้สึกสันไหวเลยหรื ออย่างไร” เสี ยงของชายผูน้ นดั


ั งขึนด้วยความหื น
กระหาย ทําให้ม่หู รงเสวียทีได้ฟังรู้สึกเกลียดชังขึนมา

“ถ้าให้เปรี ยบกับความหวันไหว ข้าขอเลือกรักษาชีวติ เอาไว้ดีกว่า นางเป็ นคนทีนายท่านต้องการตัว


เจ้าก็อย่าได้มีความคิดชัวๆ เลย” ประโยคอันเหยียบเย็นตอบกลับคนแรกไป

ชายคนแรกไม่คิดว่าจะเป็ นไร “เจ้าจะกลัวอะไร นายท่านต้องการเพียงตัวของมู่หรงเสวียทียังมีชีวิต


อยู่ ขอเพียงแค่นางไม่ตาย ภารกิจของพวกเราก็ถือว่าประสบความสําเร็ จแล้ว เกียวกับเรื องทีจะมี
อะไรเกิดขึนกับนาง นายท่านไม่มีทางสื บหาเอาความแน่นอน”

เช่นนันชายคนทีสองก็สบถออกมาอย่างไม่พอใจ “พวกองครักษ์เงาของวังเซียวเหยาอ๋ องสามารถ


ตามทันมาได้ทุกขณะ แต่เจ้ายังมีใจคิดเด็ดบุปผาหรื อ ข้าว่าพวกเราเอาเวลามาคิดดีกว่าว่าจะสามารถ
สะบัดหลุดจากองครักษ์เงาของวังเซียวเหยาอ๋ องแล้วเอามู่หรงเสวียไปส่ งมอบให้นายท่านได้
อย่างไร”
แต่ชายคนแรกก็ไม่เห็นว่าเป็ นเช่นไร “กังวลอะไรกันเล่า อีกไม่นานกําลังเสริ มทีนายท่านส่งมาก็จะ
ถึงแล้ว...ตลอดทางมานีองครักษ์เงาของวังเซี ยวเหยาอ๋ องตามติดพวกเราเสี ยยิงกว่าอะไรดี กัดแน่น
ไม่ยอมปล่อย อีกไม่นานพวกเราก็จะได้ระบายแค้นตอกกลับพวกเขาแล้ว.....”

ชายคนทีสองหัวเราะขําขึน “เจ้ารอให้กาํ ลังเสริ มมาถึงก่อนเถิด แล้วค่อยมากล่าววาจาโอ้อวด”

“นีไม่ได้เป็ นการโอ้อวดอะไร มันเป็ นความจริ ง !” ชายคนแรกตบไปทีบ่าของชายคนทีสอง กดเสี ยง


ตํากล่าวขึนยิมตาหยี “ทีนีเป็ นเขตทุรกันดาร ภูมิประเทศสลับซับซ้อน เร็ วๆ นีองครักษ์เงาของวัง
เซี ยวเหยาอ๋ องคงตามมาไม่ทนั เจ้าคอยบังคับให้รถม้าวิงช้าๆ ข้าขอเข้าไปเสพสุ ขก่อนแล้ว อีกสักครู่
ค่อยออกมาเปลียนกับเจ้า”

พอคําพูดจบลงเขาก็แหวกผ้าม่านออกแล้วเข้าไปด้านในรถม้า รวดเร็ วเสี ยจนผูค้ นตังตัวไม่ทนั

ชายคนทีสองได้แต่แอบด่าว่าในใจ ‘สุ นขั โสโครกก็ยงั เป็ นสุ ขนัขโสโครกวันยันคํา’ แล้วกําชับขึน


อย่างหนักใจ “เจ้าก็รีบเข้าหน่อย !”

“รู้แล้วน่า !” ชายคนแรกตอบรับอย่างไม่นาํ พา ขยับร่ างไปทีด้านหน้าของมู่หรงเสวีย เห็นว่านาง


กําลังนอนสลบอยูด่ า้ นในรถม้า ปิ ดตาลงหลับสนิท ขนตาพริ มยาวราวผีเสื อทอดยาวเป็ นเงาลงไปบน
ใบหน้า ริ มฝี ปากปิ ดสนิทเข้าหากัน ดูดึงดูดยัวยวนนัก หลับอย่างเงียบสงบสุขสบายเสี ยจนผูค้ นอด
ไม่ได้ทีจะล่วงเกิน

ชุดกระโปรงของมู่หรงเสวียตัดเย็บได้อย่างพอดีตวั จนร่ างกายอ้อนแอ้นอรชรนูนเว้าออกมา ทําเอา


ชายคนแรกทีได้เห็นถึงกับเบิกตากว้าง แววตาเปล่งประกายวูบไหว ไม่ผิดเลยทีเป็ นผูห้ ญิงของ
คุณชายโอวหยาง ไม่เหมือนกับหญิงสาวทัวไปยิงนัก ถ้าหากเข้าได้หลับนอนกับนางก็เหมือนกับได้
หลับนอนกับผูห้ ญิงของคุณชายโอวหยาง ถ้าพูดกล่าวออกไปก็จะมีหน้ามีตาไม่นอ้ ย ฮ่า ฮ่า ฮ่า......
ตอนที 235 บุรุษลึกลับ

ชายคนแรกหัวเราะหึ ๆ แววตาของเขาส่องแสงอย่างเปล่งประกาย ยืนมือออกมาจะจับเข้าทีใบหน้า


ของมู่หรงเสวีย

เมือเห็นว่ามือนันจะยืนมาถึงแก้มของนางแล้ว มู่หรงเสวียก็ลืมตาขึนอย่างรวดเร็ว ปิ นปั กผมสะบัด


ขึนไปกลางอากาศ แทงลงตรงจุดชีพจรตรงลําคอของเขาอย่างรวดเร็ว เลือดสี แดงสดสาดกระจาย
ออกมาอย่างทันที.........

ชายคนแรกเบิกตากว้างขึน มือทังสองข้างกุมไปทีคอแล้วแน่นิง แต่ก็ยงั ไม่สามารถห้ามเลือดทีพุ่ง


ออกมาจากลําคอได้ เลือดไหลอาบไปทัวชุดจนเสื อผ้ากลายเป็ นสี แดงฉาน แววตาทีเขาใช้มองไปทีมู่
หรงเสวียนอกจากความตระหนกตกใจแล้วยังเต็มไปด้วยความรู้สึกทีไม่อยากจะเชือ !

เขาอยากจะร้องเตือนเพือนทีอยูด่ า้ นนอก แต่ทาํ ได้เพียงส่งเสี ยง “อึกๆ อักๆ” ประหลาดๆ ในลําคอ


เท่านัน......
มู่หรงเสวียค่อยๆ ลุกขึนอย่างช้าๆ มุมปากของนางยกยิมอย่างเยือกเย็น จับปิ นปั กผมแน่นแล้วดึงมัน
ออกมาอย่างแรง มีเพียงเสี ยง “ฟุ่ บ” ดังขึนเสี ยงหนึง พลันเลือดสี แดงสดไหลเจิงนอง สาดกระเซ็น
จนเปรอะเปื อนไปทีผ้าม่านของรถม้าจนเต็มไปด้วยเลือดสีแดงสดทีดูสะดุดตา......

ศีรษะของชายหนุ่มแหงนค้างอยูค่ รู่ หนึง เสี ยง ‘ตุบ’ ดังขึนเสี ยงหนึง ร่ างของเขาล้มกองลงไปบนรถ


ม้า ดวงตาเบิกกว้าง ตายตาไม่หลับ !

แสงแดดสว่างจ้าส่ องผ่านหน้าต่างรถมาถึงปิ นปักผมในมือของมู่หรงเสวีย สะท้อนนัยน์ตาอันคม


กล้าวาววับ เลือดทีอาบปิ นปั กผมในมือรวมกันเป็ นหยด ก่อนจะหยด “ติง” ลงสู่พืน ดังขึนต่อเนือง
อย่างไม่ขาดสาย ชวนให้คนขนลุก......

“เกิดเรื องอะไรขึน” ชายคนทีสองทีกําลังบังคับรถอยูร่ ู้สึกได้ถึงความผิดปกติ เขาจึงเลิกม่านออกมอง


เข้าไปด้านใน

แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหว ปิ นปั กผมในมือพาดไปทีคอของชายคนทีสองเสี ยงดัง “ฉับ” แล้วพูด


กล่าวขึนเสี ยงเย็น “ใครใช้ให้พวกเจ้ามาจับตัวข้า”

ชายคนทีสองตกตะลึง แต่เพียงพริ บตาก็กลับไปเป็ นปกติ “ไปถามยมบาลเถอะ !”


ไม่ทนั ขาดขาดคําพริ บตานัน แววตาของเขาฉายแววเยือกเย็น ยกมือบิดเอาปิ นออกจากมือมู่หรงเสวีย
แล้วสะบัดฝ่ ามือใส่ หน้านางอย่างไม่ปรานี

มู่หรงเสวียเบียงกายหลบอย่างรวดเร็วจนสามารถหลบการโจมตีของเขาไปได้ แขนเล็กเรี ยวบางวูบ


ไหวไหลลืนอย่างทีคาดไม่ถึง ทําให้สามารถลดเลียวผ่านการป้ องกันของเขาไปได้ แล้วคว้าแย่งเอา
ปิ นปั กผมแทงเข้าไปทีตําแหน่งหัวใจเขาอย่างรุ นแรง เลือดสี แดงฉานไหลทะลัก แสงตะวันจาก
ภายนอกสาดส่ องเข้ามา ช่างดูสะดุดตายิงนัก......

ร่ างของชายคนทีสองชะงักค้าง ก่อนทีจะล้มลงไปกองกับพืน ดวงตาของเขายังคงเบิกกว้าง......

มู่หรงเสวียมองอย่างไม่ใส่ ใจ หยิบเอาผ้าเช็ดหน้าขึนมา เช็ดหยดเลือดบนปิ นเบาๆ ปิ นด้ามนีเป็ น


คุณชายโอวหยางทีมอบให้นาง นางต้องเช็ดให้สะอาดหมดจด เจ้าคนขีน้อยใจนันจะได้ไม่คิดว่านาง
ไม่ถนอมของทีเขาให้มา หาเรื องวุน่ วายให้นางอีก.........

พลันรถม้าก็สะดุดตกหลุม ร่ างของมู่หรงเสวียโงนเงนอยูค่ รู่ หนึง จากนันก็คอ่ ยๆ จับเสาในรถขึนยืน


ได้ เมือเงยหน้าขึนมอง ก็เห็นว่ารถม้ากําลังเสี ยการควบคุม วิงไปอย่างไร้จุดหมายบนทางขรุ ขระทีมี
เนินขนาดใหญ่รออยูด่ า้ นหน้า มู่หรงเสวียหรี ตาลง กําปิ นปั กผมแน่นและทะยานออกจากรถม้าไป
..........
เมือเท้าทังสองข้างแตะพืน ก็ได้ยนิ เสี ยงโครมดังขึนเสี ยงหนึง ม้าเร็ วและรถม้าไถลลงจากเนินสู งจน
ฝุ่ นฟุ้ งตลบอบอวล..........

แววตาของมู่หรงเสวียเย็นยะเยือก เนินสูงเช่นนัน คนชุดดําและรถม้าทีร่ วงลงไป คงแหลกเป็ นผง


แน่นอน พลังยุทธ์ของคนชุดดําไม่ธรรมดา ปากของเขาแข็งยิงนัก ดูท่าเจ้านายของเขาคงไม่ใช่คน
ธรรมดาแน่ นางทีรอดพ้นอันตรายมาได้ ยามนี ก็คงไม่ตอ้ งกังวลเรื องการเอาชีวิตรอดแล้ว คนชุดดํา
ไม่ให้เบาะแสทีสําคัญอะไรก็ไม่เป็ นไร นางสามารถตรวจสอบเองได้แล้วจะลากคอเอาจอมบงการ
เบืองหลังออกมาให้ดู

เรื องทีเร่ งด่วนยามนีก็คือ นางต้องรี บไปสมทบกับองครักษ์เงาของวังเซี ยวเหยาอ๋ องทีไล่ตามมา !

มู่หรงเสวียมองไปรอบๆ ก็เห็นว่านางนันกําลังยืนอยูใ่ นทีราบของหุบเขา ด้านหน้าคือเส้นทางอันคด


เคียว สองข้างทางเต็มไปด้วยภูเขาสูงเรี ยงรายไม่วา่ งเว้น !

ทีนีมันทีไหนกัน ?

เพือหลบหลีกจากองครักษ์เงาของเซียวเหยาอ๋ อง คนชุดดําจึงเลือกใช้เส้นทางทีห่ างไกลมาก


องครักษ์เงาของวังเซี ยวเหยาอ๋ องทีอยากจะค้นหาทีนีให้พบนัน ก็คงไม่ใช่เรื องง่ายเลย......
มู่หรงเสวียรู้สึกยุง่ ยากใจ เดินก้าวสันบ้างยาวบ้างกลับไปทางเดิม ทางขรุ ขระคดเคียวทําให้เดินยาก
นัก หลังจากทีนางเดินไปได้สิบกว่าก้าวก็รู้สึกถึงความหิ วทีส่ งมาจากในท้อง

เมือกวาดตามองไปรอบๆ ก็เห็นเพียงทีโล่งกว้างๆ ไม่มีอะไรเลยนอกจากดินและก้อนหิ น สันเขาที


อยูด่ า้ นข้างอีกร้อยกว่าเมตรมีตน้ ผลไม้ขึนอยู่ นางขมวดคิวน้อยๆ ค่อยๆ เดินไปบนทางเล็กๆ ไปทาง
ต้นผลไม้

นางไม่รู้วา่ ทีนีกว้างใหญ่เพียงใด และก็ไม่รู้วา่ ตัวเองต้องเดินอีกนานเพียงใดจึงจะออกไปได้ และก็


ไม่รู้ดว้ ยซําว่าทีนีมีสัตว์หรื อคนทีเป็ นอันตรายหรื อไม่ นางต้องมีเรี ยวแรงมากพอ ถึงจะปกป้ อง
ตัวเองได้ !

ยาสลบยังคงไม่หมดฤทธิ นางไร้เรี ยวแรงไปเสี ยทังร่ าง ซํายังหิ วอย่างไม่มีทีเปรี ยบ จําต้องได้กิน


อะไรเข้าไปบ้างสักเล็กน้อย

หลังจากผ่านไปราวหนึงเค่อ นางก็เห็นเข้ากับเห็นต้นผลไม้เขียวชอุ่มทีมีผลดกเต็มต้น แต่ละลูกล้วน


มีสีแดงสดชวนน่ารับประทาน ทําให้ความหิ วในท้องยิงรุ นแรงมากขึน

นางเดินเข้าไปเด็ดเอาผลไม้ลูกหนึ ง ใช้ผา้ เช็ดหน้าเช็ดๆ แล้วกัดเข้าไปเสี ยหนึงคํา ชัวขณะนัน


รสชาติสดชืนหวานอมเปรี ยวก็แผ่ซ่านไปทัวทังปาก.........
ดวงตาของมู่หรงเสวียเป็ นประกาย พยักหน้าออกมาอย่างพึงพอใจ รสชาติไม่เลวเลยทีเดียว ! เช่นนัน
ก็หยิบเอาลูกผลไม้ กัดเข้าไปอีกหลายคํา.......

ทันใดนัน นางก็รู้สึกว่ามีสายตาคู่หนึงจ้องมองมา แววตาของนางวูบไหว หันหลังไปมองอย่าง


รวดเร็ ว เห็นหิ นก้อนใหญ่ไกลออกไปราวสิ บเมตร มีชายหนุ่มสวมชุดคลุมยาวสี ดาํ อายุราวสิ บเจ็ด
สิ บแปดปี หน้าตาถือว่าหล่อเหลาเอาการ แววตาใสกระจ่างเหมือนนําทีไร้การแปดเปื อน......

“เหตุใดเจ้าถึงมาอยูท่ ีนีได้” ชายหนุ่มมองนางอย่างเรี ยบๆ นัยน์ตาใสกระจ่างนันเต็มไปด้วยความ


สงสัยและงุนงง

“ข้าผ่านทางมา” มู่หรงเสวียตอบอย่างไม่ใส่ ใจกลับไปหนึงประโยค

“อ้อ !” ชายหนุ่มพยักหน้า สี หน้าของเขางุนงง แต่ก็ไม่ได้ถามต่อ ราวกับคุณชายรํารวยทีไม่ได้สนใจ


เรื องทางโลก

เมือเห็นว่าชายหนุ่มไม่ได้มีเจตนาร้ายกับนาง มู่หรงเสวียก็ค่อยคลายสายตาระแวงลง แล้วก้มลงกัด


ผลไม้อีกหลายคํา สายตาเห็นชายหนุ่มผูน้ นเดิ
ั นข้ามา แววตาของนางส่องประกายอย่างหวาดระแวง
ทันใดนันนางก็หนั มองไปทีชายหนุ่มผูน้ นั “เจ้าจะทําอะไร”
นําเสี ยงใสกระจ่างแต่เต็มไปด้วยความระแวดระวัง ชายหนุ่มตกใจจนต้องชะงักเท้าลง ก่อนพูดขึน
เบาๆ “ผลไม้ชนิดนี หากกินมากไปก็จะเป็ นอันตราย และก็กินไม่คอ่ ยอิมเท่าไหร่ ข้ามีขนมกับนํา เจ้า
จะกินหรื อไม่”

ชายหนุ่มผูน้ นค่
ั อยๆ ยืนมือออกมา เผยให้เห็นกล่องอาหารเล็กๆ ทีดูประณี ต ในกล่องอาหารนันมีนาํ
ถุงหนึง และขนมอีกจานหนึ ง ขนมยังร้อนกรุ่ นจนไอร้อนโชยออกมา น่ารับประทานจนนําลายไหล
........

ความโหยหิ วในท้องมู่หรงเสวียยิงเพิมมากขึน นางลังเลอยูเ่ พียงครู่ แล้วก็รับกล่องอาหารมา


“ขอบคุณ !” นางไม่ชอบรับอาหารจากคนแปลกหน้า แต่ตอนนีนางหิ วมากเหลือเกิน ขนม นํา ล้วน
สะอาดสะอ้าน ไม่ได้มีสิงของแปลกปลอมอะไร ชายหนุ่มตรงหน้าก็ดูไม่ใช่คนเลวร้าย เช่นนันนาง
จะยอมแหกกฎตัวเองสักครัง.......

“ไม่ตอ้ งเกรงใจ !” รอยยิมของชายหนุ่มดูเปิ ดเผยจริ งใจ นัยน์ตากระจ่างใสของเขาราวนําพุ ไม่มีสิง


ใดแปดเปื อนเจือปน

เช่นนันมู่หรงเสวียก็คลายความระแวงลง แล้วหยิบขนมเข้าปาก มองเขาเรี ยบๆ ก่อนจะเอ่ยถามขึนว่า


“ทีนีคือทีไหนหรื อ”
“หมิงโจว !” ชายหนุ่มตอบคําถามอย่างเรี ยบๆ

หมิงโจว ? ชายแดนของหนานเจียงน่ะหรื อ ทําไมนางทีหลับไปเพียงตืนหนึง ถึงมาตืนเอาทีหนาน


เจียงได้ หรื อว่านางจะหลับไปหลายวันกัน

มู่หรงเสวียมองชายหนุ่ม แล้วพูดถามอย่างช้าๆ ชัดๆ “วันนืคือวันทีเท่าไหร่ ”

“ปี xx เดือน x วัน xx !” ชายหนุ่มตอบเบาๆ แววตากระจ่างใส

แววตาอันสุ ขมุ ของมู่หรงเสวียหรี เล็กลง นีมันวันที xx แล้วหรื อ นางไม่ได้สลบไปเพียงหนึ งถึงสอง


ชัวยาม และก็ไม่ได้สลบแค่วนั สองวัน แต่หลับไปเก้าวันเต็มๆ นางเพียงแค่สูดดมดมควันสลบเข้าไป
เพียงนิดเดียว แต่กลับหลับใหลไปนานเช่นนี ยาสลบนันคงมีฤทธิทีรุ นแรงไม่ธรรมดานัก คนชุดดํา
กลุ่มนันใช้ยารุ นแรงเช่นนีกับนาง คิดจะจับนางไปทีใหนกันแน่
ตอนที 236 พบเจอศัตรู

สายตาเห็นเข้ากับแววตาอันกระจ่างใสคู่หนึง เจ้าของดวงตาคู่นนกํ
ั าลังจ้องมองมาทีนางตาไม่
กะพริ บ ในแววตาอันบริ สุทธินันวูบไหวไปด้วยอาการเหม่อลอยและสับสนน้อยๆ

มู่หรงเสวียมองไปทีเขาอย่างสงสัยแล้วเอ่ยขึน “เจ้ามองอะไรหรื อ”

“ข้ารู้สึกว่าเจ้ากําลังมีเรื องราวอะไรในใจ” ชายหนุ่มค่อยๆ กล่าวขึน นําเสี ยงเคร่ งขรึ มจริ งจังเล็กน้อย

มู่หรงเสวียเงียบงัน “......”

ไม่ตอ้ งพูดตรงขนาดนีจะได้หรื อไม่เล่า คิดจะพูดอะไรก็พดู ออกมาอย่างนัน มันไม่ใช่นิสยั ของชาย


หนุ่มทีโตแล้ว แต่เป็ นนิสยั ของเด็กทียังไม่โตชัดๆ ชายหนุ่มทีอยูต่ รงหน้าของนาง ดูแล้วน่าจะอายุ
ประมาณสิ บเจ็ดสิ บแปดปี ไม่ใช่เด็กเจ็ดแปดขวบ......

“ขอบคุณสําหรับขนมและนําดืมของเจ้า” มู่หรงเสวียเอ่ยเบาๆ ส่ งกล่องอาหารทีว่างเปล่ากับกระบอก


นําคืนให้ชายหนุ่ม แล้วค่อยๆ หันเดินกลับไป
แววตาของชายหนุ่มด้านหน้าสดใส รอยยิมกว้างดูใสสะอาดไร้เดียงสา มารยาทราวกับถูกฝึ กมาอย่าง
ดี ท่วงท่าการเคลือนไหวก็ยงั ดูสูงศักดิและสง่างาม สถานะของเขาต้องไม่ธรรมดาเป็ นแน่

เขามีความคุน้ เคยต่อต้นไม้ใบหญ้าบนภูเขาลูกนีเป็ นอย่างดี เขาจะต้องเป็ นคนของเขตหมิงชวนแห่ง


แคว้นหนานเจียงแน่นอน แต่นางเป็ นคนของแคว้นชิงเหยียน ชิงเหยียนและหนานเจียงสองแคว้น
กําลังทําสงครามกัน นางกับเขาไม่ควรใกล้ชิดกันไปมากกว่านีจะเป็ นการดี

แสงแดดอันร้อนแรงสาดส่องลงมายังพืนดิน เกิดเป็ นรอยแตกระแหงไปตามพืนดินสายแล้วหลาย


สายเล่า

มู่หรงเสวียเดินไปตามทางเดินสายเล็กๆ อย่างไม่เร่ งรี บ เดินอย่างสบายอกสบายใจ ชายหนุ่มทีเดินอยู่


ด้านหลังของนางไม่กีก้าว ก็เดินอย่างไม่เร่ งรี บเช่นกัน เมือมู่หรงเสวียเดิน เขาก็เดิน เมือมู่หรงเสวีย
หยุด เขาก็หยุด

เดินตามมาจนมู่หรงเสวียทนไม่ไหว นางจึงหยุดเดิน และเอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าเดินตามข้า


มาทําไมกัน”

“ข้าก็จะลงเขาเช่นกัน......” ชายหนุ่มเอ่ยเบาๆ ด้วยแววตาอันสดใสบริ สุทธิ


มู่หรงเสวียเงียบงัน “......”

ช่างเถอะ นางก็คงไม่สามารถต่อว่าอะไรเขาได้ อย่างไรพวกเขาก็มาทางเดียวกันแล้ว

“เช่นนันเจ้าก็ลงไปก่อนเถิด !” มู่หรงเสวียค่อยๆ เบียงกายหลบทางเดินให้เขา

“ก็ได้” ชายหนุ่มพยักหน้า ก้าวยาวเดินนําออกไปด้านหน้า ตรงไปตามเส้นทางสายเล็กๆ เดินลงไป


ด้านล่าง ฝี เท้าก้าวเดินอย่างแผ่วเบา ชุดยาวสี ดาํ พลิวไหวไปตามสายลมดูลึกลับ

มู่หรงเสวียเดินตามหลังเขา เดินต่อไปด้านหน้าอย่างช้าๆ มองไปด้านหน้าของหุบเขาทีเดียวสูงเดียว


ตํากว้างไกลสุ ดลูกหูลกู ตา กับด้านหลังทีมองไม่เห็นจุดสิ นสุ ดของเส้นทางสายเล็กๆ ทีขรุ ขระ
เช่นนันก็อดไม่ได้ทีจะขมวดคิวแล้วเอ่ยถาม “พอถึงตีนเขาแล้ว แล้วเลาะไปตามถนนเล็กๆ นัน ก็จะ
สามารถออกจากหุบเขาลูกนีได้ใช่หรื อไม่”

“ไม่ได้” ชายหนุ่มส่ ายหน้า

“ทําไมเล่า” มู่หรงเสวียส่งสายตาไม่เข้าใจ
่ เมือง ทางแยกไปสู่ ภเู ขา ทางแยกไปสู่แม่นาํ แล้วยัง
“ทางสายนีมีทางแยกหลายทาง มีทงทางแยกไปสู

มีทางแยกไปสู่ หน้าผา......” ชายหนุมเอ่ยออกมาเบาๆ

มู่หรงเสวียพยักหน้าเบาๆ อย่างเข้าใจ ทางแยกเยอะเกินไป นางต้องไปให้ถกู ถึงจะไปถึงเมืองทีมีคน


ได้ ถ้าไปทางผิดคงหาทางออกไม่เจอแน่ “ถ้าเช่นนันทางแยกสายไหนคือทางไปสู่เมืองเล่า”

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่วา่ ข้าสามารถพาเจ้าไปทางแยกสายนอกเมืองได้......” ชายหนุ่มหันกลับไป


มองทีมู่หรงเสวีย ยิมให้นางอย่างบริ สุทธิ ดวงตาอันสดใสเปล่งประกายจนสะท้อนแววตาของผูค้ น

มู่หรงเสวียนิงเงียบ “......” คนผูน้ ีช่างดูซือบือเกินไปแล้ว......

“เมืองทีใกล้ทีสุ ดห่างจากทีนีเท่าใด”

“คงประมาณร้อยลีได้......” ชายหนุ่มเอ่ยเบาๆ

“ไกลขนาดนันเชียว ?” มู่หรงเสวียขมวดคิว
“แคว้นชิงเหยียนกับแคว้นหนานเจียงกําลังทําสงครามกัน ชาวบ้านใกล้เคียงต่างย้ายหนีกนั ไป
หมดแล้ว ทีนีคือหุบเขาเมิงซาน อยูใ่ นเขตปกครองของหมิงโจว แต่ระยะห่างจากเมืองหมิงโจวอย่าง
น้อยทีสุ ดก็ประมาณเกือบร้อยลี......” ชายหนุ่มเอ่ยเบาๆ

มู่หรงเสวียพยักหน้าอย่างเข้าใจ กองทัพใหญ่ของชิงเหยียนเพิงจะเคลือนทัพมาถึงชายแดนได้เพียง
แค่ระยะเวลาสันๆ แต่ก็สามารถบุกตีเข้ามาถึงเมืองหมิงโจวของแคว้นหนานเจียงได้ ดูจากรู ปการณ์
แล้ว ความสามารถในการรบของแม่ทพั จางช่างไม่เลวเลยทีเดียว......

เมือมองไปทีชายหนุ่ม แววตาของมู่หรงเสวียก็ฉายแววอย่างไม่สบายใจ เขาเป็ นชาวแคว้นหนาน


เจียง ทีทีแม่ทพั จางกําลังเข้าบุกโจมตีนนก็
ั คือบ้านเมืองของเขา “ในทีแถบนีแทบไม่มีผคู้ นเลย เจ้ามา
ทีนีได้อย่างไร”

“ข้ามาเดินเล่นผ่อนคลาย......” ชายหนุ่มพูดขึนเบาๆ นําเสี ยงฟั งดูหดหู่

“เดินเล่นผ่อนคลายงันหรื อ” มู่หรงเสวียมองไปทีเขาอย่างไม่เข้าใจ หมิงโจวเป็ นเมืองเมืองหนึง อีก


ทังยังกว้างขวางมาก สามาถเลือกหาทีพักผ่อนย่อนใจได้มากมาย แต่เหตุใดเขาถึงถ่อมาผ่อนคลาย
ไกลถึงทีนีกัน
“ทีทีข้าอยู่ มีคนเยอะแยะมากมาย ทุกๆ วันชอบทะเลาะกันไปทะเลาะกันมาให้ขา้ ได้ยนิ ช่างน่า
รําคาญยิงนัก ข้าก็เลยมาทีนีเพือสงบจิตสงบใจ” ชายหนุ่มเอ่ย แววตาของเขาฉายแววเกลียดชังขึนมา
แวบหนึ งแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย เขาหันหน้ามองไปทีมู่หรงเสวียแล้วเอ่ยขึน “แล้วเจ้าเล่า เหตุ
ใดเจ้าถึงมาอยูท่ ีนี ได้”

“ข้าหลงทางกันกับเพือน หากันไม่เจอ จนได้มาถึงทีนี” มู่หรงเสวียยิมเบาๆ พูดโกหกออกมาอย่างที


หน้าไม่เปลียนสี แม้แต่นอ้ ย

ชายหนุ่มเชืออย่างสนิ ทใจ มองไปทีนางแล้วเอ่ยขึน “ทีเจ้าอยากจะเข้าไปในเมือง ก็เพือตามหาเพือน


ของเจ้าอย่างนันหรื อ”

“อืม” มู่หรงเสวียพยักหน้าส่ งๆ ไปตามเรื อง นางอยากเข้าไปในเมือง ก็เพือเพราะจะไปรวมตัวกับ


องครักษ์เงาของวังเซี ยวเหยาอ๋ อง คงไม่นบั ว่าเป็ นการโกหกกระมัง

“ในเมืองใหญ่มาก จะหาคนสองคนเป็ นเรื องทีไม่ง่ายนัก เอาอย่างนีดีหรื อไม่ เจ้ามาทีบ้านของข้า


ก่อน บ้านของข้ามีคนรับใช้มากมาย ข้าสามารถสังให้พวกเขาช่วยเจ้าตามหาเพือนของเจ้าได้” ชาย
หนุ่มแนะนําขึนเบาๆ แววตาของเขาเป็ นประกายจ้องมองไปทีมู่หรงเสวีย
“ไม่จาํ เป็ น เพือนของข้าตามหาไม่ยากนัก ข้าตามหาเองก็ได้แล้ว” มู่หรงเสวียส่ ายหน้าอย่างไร้เยือใย
ล้อเล่นอันใดกัน แคว้นหนานเจียงกับแคว้นชิงเหยียนกําลังทําสงครามกัน นําและไฟไม่สามารถอยู่
ร่ วมกันได้ แล้วจะให้นางเข้าไปทีเมืองหมิงโจวได้อย่างไร ไม่เพียงเท่านันยังขอให้ชาวแคว้นหนาน
เจียงในเมืองหมิงโจวช่วยนางตามหาศัตรูของแคว้นอย่างองครักษ์เงาของวังเซียวเหยาอย่างนันน่ะ
หรื อ......

เมือนางปฎิเสธคําแนะนําของเขา แววตาของชายหนุ่มก็หดหู่ลงชัวครู่หนึง แต่เพียงแวบเดียวก็


กลับมาเปล่งประกายอีกครัง “เช่นนันก็ให้ขา้ เป็ นคนช่วยเจ้าตามหาเถอะ เจ้าบอกข้าว่าคนผูน้ นั
รู ปร่ างหน้าตาเป็ นอย่างไร ข้าใช้เวลาเพียงไม่นานก็คงสามารถช่วยเจ้าหาเพือนของเจ้าได้แล้ว......”

‘ฟุบ ฟุบ ฟุบ’ เสี ยงแหวกของสายลมเบาๆ ดังขึน ตัดบทคําพูดของชายหนุ่มเสี ยสิ น คนชุดดําสิ บกว่า
คน พรางหน้าด้วยสี ดาํ สวมหมวกสี ดาํ ปรากฏออกมาจากอากาศธาตุ ดาบยาวในมือวาดออก พุ่งแทง
ไปทีมู่หรงเสวียอย่างโหดเหี ยม......

มู่หรงเสวียชะงักไปครู่ หนึ ง ทันใดนันก็นึกขึนได้ถึงบทสนทนาทีได้ยนิ บนรถม้า นี ก็คือกําลังเสริ มที


ชายชุดดําทังสองคนพูดถึงกระมัง นางยังไม่ทนั ได้ออกตามหาพวกเขา พวกเขาก็พาตัวเองมาส่ งถึงที
เช่นนีเสี ยแล้ว ช่างรนหาทีตายนัก......

แววตาเหยียบเย็น มู่หรงเสวียชักกระบีออกมา กําลังเตรี ยมทีจะแทงไปทีคนชุดดํา แต่กลับเห็นว่า


พวกชายชุดดําทีอยูใ่ กล้แค่เอือมล้วนถูกโจมตีจนร่ างลอยกระเด็นออกไป......
นางปรายตามองไปอย่างไม่เข้าใจ เห็นสี หน้าของชายหนุ่มด้านข้างมืดครึ ม ฝ่ ามืองดงามยืนออกไป
ํ นเข้มลุกโชนอยูใ่ นฝ่ ามือของเขา แล้วมันก็ค่อยๆ พุ่งออกไปโจมตีตาม
กลางอากาศ เปลวไฟสี นาเงิ
จังหวะการขยับกายของตัวเขา โจมตีออกไปใส่พวกคนชุดดําทีเข้ามาใกล้พวกเขาอย่างไร้ความปรานี
จนพวกเขากระเด็นออกไปไกลถึงเจ็ดแปดเมตร กระแทกลงกับก้อนหิ นโดยรอบเข้าอย่างจัง แล้วล้ม
ลงกระอักเลือดขาดใจตาย......

มู่หรงเสวียหรี ตาลงอย่างเหยียบเย็น คิดไม่ถึงว่าท่าทางง่ายๆ ทีดูซือบือไร้เดียงสาแบบเขา จะมีกาํ ลัง


ภายในทีลึกลําขนาดนี......

‘ฟ้ าว !’ ลูกศรแหลมคมสายหนึงแหวกอากาศพุ่งเข้ามาทีตําแหน่งหัวใจของมู่หรงเสวีย ความเร็วนัน


เร็ วเกินกว่าทีผูค้ นจะตอบสนองได้ทนั

สายตาเห็นว่าอีกนิดเดียวลูกศรนันก็จะปักเข้ากับร่ างของมู่หรงเสวีย แววตาของชายหนุ่มวูบไหวเย็น


ยะเยือก เตรี ยมทีจะยืนมือเข้าไปช่วย แต่กลับเห็นว่าในอากาศปรากฏแสงสี ขาวสายหนึง คล้ายกับนก
หงส์ก็ไม่ปาน เพียงพริ บตาก็ไปปรากฏกายอยูท่ ีด้านข้างของมู่หรงเสวีย กอดเอวบางของนางไว้ แล้ว
พานางหลบไปอีกด้าน

นิวเรี ยวงามดังหยกดีดออก กําลังภายในพุ่งออกไปปะทะเข้ากับลูกศรอย่างรุ นแรงทันที จนลูกศร


เปลียนทิศทางย้อนดีดกลับไปทางทิศเดิมทีจากมา ได้ยนิ เพียงเสี ยง ‘ฉึ ก’ ดังขึนเสี ยงหนึง ลูกศรปัก
เข้าทะลุหวั ใจ คนชุดดําคนหนึ งปรากฏตัวออกมาจากด้านหลังของต้นไม้ตน้ หนึง กระอักเลือดออก
มากองโตแล้วกลิงตกภูเขาลงไปด้านล่าง......
ตอนที 237 องค์ รัชทายาทแห่ งหนานเจียง
กลินหอมของไม้ไผ่อ่อนๆ ลอยเข้าจมูก เสี ยงเต้นของหัวใจทีรุ นแรงดังขึนข้างหู มู่หรงเสวียเงยหน้า
มองไปเห็นใบหน้าหล่อเหลาของคุณชายโอวหยางปรากฏขึนตรงหน้า หว่างคิวทีดูองอาจ
ปราดเปรื องเต็มไปด้วยความเหนือยล้า ดวงตาสี ดาํ ขลับเจือปนไปด้วยความอิดโรย ชุดสี ขาวหิ มะ
ของเขามีกลินของฝุ่ นควันติดอยูจ่ างๆ เป็ นสิ งบ่งบอกว่าเขาเร่ งเดินทางมาตลอดทางโดยทีไม่ได้
พักผ่อนแม้แต่นอ้ ย

หัวใจของมู่หรงเสวียเต้นขึนอย่างแปลกประหลาด ในอกพลันเกิดความรู้สึกทีไม่แน่ชดั ทีไม่สามารถ


บอกได้วา่ เป็ นความรู้สึกเช่นไร “คุณชาย !”

เมือมองไปทีใบหน้างดงามหยาดเยิมของนาง แววตาของคุณชายโอวหยางก็ฉาบด้วยรอยยิมจางๆ
แขนทังสองข้างดึงนางเข้ามาในอ้อมกอดแน่น ร่ างบอบบางอ้อนแอ้น ให้ความสัมผัสทีนุ่มนิ ม อีกทัง
ยังมีกลินหอมจางๆ ของบัวอัคคีทีโชยเข้าจมูก หัวใจทีเต้นแรงของคุณชายโอวหยางค่อยๆ ผ่อนเบา
ลง ติดตามควานหามากว่าพันลี ในทีสุ ดเขาก็หานางเจอแล้ว “เจ้าไม่เป็ นไรก็ดีแล้ว”

กลินหอมจางๆ ของไม้ไผ่อบอวนไปโดยรอบ คางของมู่หรงเสวียเกยไปทีบ่าของคุณชายโอวหยาง


เบาๆ แววตาอันกระจ่างใสมองผ่านเลยเขาไป สายตาเห็นเข้ากับชายชุดดําทีอยูไ่ ม่ไกลกําลังมองมาที
นางกับคุณชายโอวหยางตาไม่กะพริ บ แววตาอันบริ สุทธิกระจ่างใสวูบไหวเปล่งประกายด้วยความ
งงงวยและแปลกใจ
แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหวไปด้วยความเขินอาย นางผลักคุณชายโอวหยางออกเบาๆ มือชีไปที
ั วกล่าวขึน “เมือครู่ เขาช่วยข้าเอาไว้มากมายนัก......”
ชายผูน้ นแล้

วรยุทธ์ของชายชุดดําผูน้ นสู
ั งลํา อีกทังยังโหดเหี ยมอํามหิ ต นางทีสลบไปตังหลายวันเรี ยวแรงย่อม
ถดถอย หากอาศัยกําลังของนางเพียงคนเดียว ถึงแม้วา่ จะสามารถต่อกรกับชายชุดดําพวกนันได้ แต่ก็
ต้องจ่ายค่าตอบแทนอันแสนแพงกลับไปเช่นกัน ไม่มีทางจะเหมือนกับตอนนีทีปลอดภัยไร้การ
บาดเจ็บใดๆ

คุณชายโอวหยางเงยหน้าขึนมองไปทีชายหนุ่มผูน้ นั ดวงตาสี ดาํ ขลับของเขาวูบไหวไปด้วยความ


ประหลาดใจทีน้อยนักจะได้เห็น แล้วกล่าวขึนเสี ยงเรี ยบ “ขอบพระทัยองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ !”
เสี ยงทุม้ ไม่ดงั ไม่เบา เรี ยบนิงไร้ความรู้สึกใดๆ

มู่หรงเสวียชะงักไปครู่ หนึ ง “องค์รัชทายาทหรื อ องค์รัชทายาทอะไรกัน”

“เขาเป็ นรัชทายาทแห่ งหนานเจียงนามว่ากงเชียนอวี แน่นอนว่าก็ตอ้ งเรี ยกองค์รัชทายาทสิ ” คุณชาย


โอวหยางกล่าวขึนเสี ยงเรี ยบ แววตาลําลึกทอแววมืดครึ ม

อะไรนะ ? องค์รัชทายาทแห่งหนานเจียง กงเชียนอวีงันหรื อ !


มู่หรงเสวียมองไปทีกงเชียนอวีอย่างตืนตะลึง แววตาของนางทอแววตกใจและไม่อยากจะเชือ นาง
เดาได้แต่แรกแล้วว่าฐานะของเขานันไม่ธรรมดา แต่นางนันคิดไม่ถึงเลยว่าคนทีดูบริ สุทธิ ทําตัว
สบายๆ เช่นเขาจะกลับเป็ นถึงองค์รัชทายาทแห่งหนานเจียง......

กงเชียนอวีไม่ได้สนใจคํากล่าวของคุณชายโอวหยาง เขายังคงจ้องมองไปทีมู่หรงเสวียตาไม่กะพริ บ
ในแววตาสะท้อนเงาร่ างเว้านูนทีชัดเจนของนาง ตังใจทีจะประทับเงาร่ างของนางเข้าไปในหัว......

แววตาทีเหม่อลอยและสนใจของเขา ทําเอาคุณชายโอวหยางทีได้เห็นต้องขมวดคิวแน่นเข้าหากัน
“เวลาก็ไม่นอ้ ยแล้ว พวกเราไปกันเถอะ” พูดขึนเสี ยงเรี ยบ เขาจับไปทีข้อมือเรี ยวของมู่หรงเสวียลาก
นางเดินอาดๆ ออกไปด้านหน้า

แววตาของกงเชียนอวีวูบไหว อยูๆ่ เขาก็เปิ ดปากขึน “รอเดียว !”

มู่หรงเสวียหยุดเท้าลง หันมองไปทีเขา “องค์รัชทายาทมีอะไรหรื อ”

“เจ้าชือว่าอะไร” กงเชียนอวีก้าวเดินออกมาด้านหน้า จ้องมองมาทีนาง

“มู่หรงเสวียเพคะ” มู่หรงเสวียกล่าวขึนเสี ยงเบา ก็แค่เพียงชือเท่านัน นางก็ไม่หวงว่าคนอืนจะรู้


“หลังจากนีพวกเราจะได้พบกันอีกหรื อไม่” กงเชียนอวีมองไปทีมู่หรงเสวีย แววตาใสกระจ่างวูบ
ไหวด้วยความวาดหวัง

มู่หรงเสวียยิมน้อยๆ “หากมีชะตาต้องกัน ก็คงได้พบกันอีก”

“แน่นอนว่าพวกเราต้องมีชะตาทีจะได้พบกันอีก !” กงเชียนอวีพูดขึนเรี ยบๆ ดวงตาอันกระจ่างใสดู


ดึงดูดเย้ายวน ทําให้ผคู้ นทีได้มองดวงตาต่างพร่ ามัว

มู่หรงเสวียหนังตากระตุก คําพูดทีเขาพูดออกมาเหตุใดถึงฟังดูแปลกๆ นัก......

ทันใดนันใบหน้าหล่อเหลาของคุณชายโอวหยางก็กลายเป็ นมืดครึ มจนดูน่ากลัว เขามองไปทีกงเชีย


นอวีด้วยสายตาเย็น โอบเข้าไปทีเอวของมู่หรงเสวียแล้วกระโดดขึน ร่ างสูงโปร่ งคล้ายกับก้อนเมฆสี
ขาว พริ บตาก็ไปปรากฏอยูบ่ นฟ้ าพุ่งทะยานออกไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว......

เสี ยงเสี ยดสี ของสายลมพัดผ่านหู วิวทิวทัศน์ทงสองฝากฝั


ั งวูบไหวผ่านไปอย่างรวดเร็ ว หลังจากที
เหาะทะยานออกมาไกลได้ช่วงหนึง มู่หรงเสวียก็ยงั คงสัมผัสได้ถึงสายตาทีกงเชียนอวีใช้มองจ้อง
นางอยู.่ .....
“เจ้ากับกงเชียนอวีรู้จกั กันได้อย่างไร” คุณชายโอวหยางมองไปทีมู่หรงเสวีย ดวงตาอันดําขลับวูบ
ไหวด้วยประกายแสงแห่งความมืดมิด

“บังเอิญได้พบกันเท่านัน” มู่หรงเสวียพูดขึนอย่างส่ งๆ อย่างไม่ใส่ ใจนักพร้อมกับกล่าวต้นสายปลาย


เหตุของเรื องราวทังหมด “ถ้าจะให้พดู ตรงๆ ก็คือ เป็ นเขาทีออกหน้าช่วยเหลือข้า ถือว่าเป็ นผูม้ ี
พระคุณ......”

“เช่นนันเจ้าคิดว่าจะตอบแทนบุญคุณเขาเช่นไร” คุณชายโอวหยางมองไปทีนาง ดวงตาสี ดาํ ทอแวว


มืดมิดดังมหารสมุทร มุมปากยกขึนด้วยท่าทางเงียบขรึ ม ดูอนั ตรายจนพูดไม่ออก

มู่หรงเสวียหนังตากระตุกถีรัว ในใจปรากฏลางสังหรณ์ทีไม่ดี แล้วกล่าวขึนอย่างร้อนรน “เรื องนัน


......ถ้าหากมีโอกาส ข้าอาจจะช่วยเหลือเขาในเรื องทีพอรับได้ เป็ นการตอบแทนเขาเล็กๆ น้อยๆ สัก
ครัง คงไม่ไปทําอะไรใหญ่โต......”

“จริ งหรื อ” คุณชายโอวหยางมองไปทางนางคล้ายยิมคล้ายไม่ยมิ ดวงตาสี ดาํ ขลับเปล่งประกายวูบ


ไหวแวววาว
“แน่นอนอยูแ่ ล้วสิ !” มู่หรงเสวียพยักหน้าไม่หยุด เมือเห็นคุณชายโอวหยางยังอยากจะกล่าวบางสิ ง
บางอย่าง นางจึงเร่ งกล่าวแทรกขึนอย่างร้อนรน “คุณชาย ตรวจพบหรื อยังว่าคนทีอยากจะจับข้าเป็ น
ใครกัน”

“ตอนนีตรวจพบรายชือคนต้องสงสัยอยูส่ องคน จะเป็ นคนไหนในสองคนนียังต้องสื บหาอย่าง


ละเอียดต่อไป” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนอย่างราบเรี ยบ แววตาทอแววลําลึกดังมหาสมุทร

มู่หรงเสวียพยักหน้าอย่างเข้าใจ “แล้วรู้หรื อไม่วา่ เขามาจับตัวข้าเพราะเหตุใด” หลังจากทีนางมาทีชิง


เหยียนแล้วก็ไม่เคยไปล่วงเกินคนทีมีอาํ นาจบาตรใหญ่ทีไหนเลย

“ตอนนียังไม่ชดั เจนนัก หากว่าตรวจสอบพบว่าเป็ นคนไหนแล้วไปถามเขาตรงๆ ก็ได้แล้ว” นําเสี ยง


ของคุณชายโอวหยางราบเรี ยบ แต่ในแววตาแฝงไว้ดว้ ยความอํามหิ ต

“ก็ดี !” มู่หรงเสวียพยักหน้า ไปถามสาเหตุเองมันทังง่ายดายและรวดเร็ ว เปรี ยบกับการคาดเดาเอา


มัวๆแล้วแม่นยํากว่าร้อยเท่าพันเท่า ! ถนนทีดูคดโค้งไปมาปรากฏเข้าสู่สายตา นางกล่าวขึนอย่าง
ช้าๆ “ตอนนีพวกเราจะไปทีใดกัน”

“ค่ายทัพของชิงเหยียน !” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนเสี ยงเรี ยบ


“เหตุใดจะต้องไปทีนันด้วยเล่า” มู่หรงเสวียมองไปทีเขาอย่างไม่เข้าใจนัก ในค่ายทัพเป็ นทีพํานัก
ของพวกแม่ทพั นายกอง คนทีไม่เกียวข้องห้ามเข้า......

“ตอนนีฟ้ าก็จวนเจียนจะมืดแล้ว ค่ายทหารของชิงเหยียนอยูใ่ กล้ทีนีมากทีสุด เช่นนันพวกเราก็ไปพัก


ทีค่ายทหารสักคืนหนึง แล้วพรุ่ งนี ค่อยเข้าไปในเมืองทีอยูใ่ กล้ๆ ก็ยงั ไม่สาย” คุณชายโอวหยางกล่าว
ขึนเรี ยบๆ

มู่หรงเสวียพยักหน้า “เช่นนันก็ได้”

พวกเขามาถึงหมิงโจวเป็ นครังแรก ทังเหนือยล้าและอ่อนแรง นอกจากนันยังไม่คุน้ เคยกับสภาพภูมิ


ประเทศของแถวนี ต้องการพักผ่อนให้มากทีสุ ดเพือทีพลังจะได้ฟืนคืน

เสี ยงของสายลมข้างหูหยุดลง คุณชายโอวหยางโอบไปทีเอวบางของมู่หรงเสวีย แล้วร่ อนลงบนพืน


อย่างช้าๆ

มู่หรงเสวียหันหน้ามองไปภาพทีปรากฏสู่สายตา ดวงตาเห็นเป็ นกระโจมเล็กใหญ่หลังแล้วหลังเล่า


มากมาย เว้นระยะห่างระหว่างกันเอาไว้อย่างเป็ นระเบียบ ทหารทีทัวร่ างเต็มไปด้วยชุดเกราะ ในมือ
ถือหอกเดินลาดตระเวนไปมาโดยรอบกองแล้วกองเล่า
และยังมีนายทหารอีกสองสามคนทีนังอยูด่ า้ นหน้ากระโจม พวกเขากําลังนังเช็ดทําความสะอาดดาบ
ของตัวเองอยูอ่ ย่างเงียบๆ ท่าทางดูตงอกตั
ั งใจ ดวงตาวูบไหวด้วยประกายแห่ งการฆ่าฟัน เสริ มให้ทวั
ทังค่ายทหารเต็มไปกลินไอแห่งการฆ่าฟันทีคละคลุง้ หนาแน่น......

ทหารนายหนึงเดินออกมาด้านหน้า แล้วกล่าวขึนอย่างนอบน้อมว่า “คุณชายโอวหยาง คุณหนูม่หู รง


แม่ทพั จางเชิญเข้าพบขอรับ !”

คุณชายโอวหยางตอบรับเบาๆ เสี ยงหนึง เขาจูงมือของมู่หรงเสวียให้เดินตามการนําทางของทหารผู้


นัน ค่อยๆ ก้าวเข้าไปในกระโจมหลังหนึ ง

กระโจมบัญชาการวางเรี ยงรายไว้ดว้ ยโต๊ะตัวยาว ด้านบนแผ่ปูไว้ดว้ ยแผนทีแผ่นหนึง แม่ทพั จางยืน


อยูด่ า้ นหน้าโต๊ะกําลังก้มมองลงไปทีแผนทีแผ่นนันจนคิวขมวดเป็ นปม

รองแม่ทพั สามสี นายยืนอยูท่ ีด้านข้างของเขาก็กาํ ลังมองไปทีแผนทีแผ่นนันจนคิวขมวดเป็ นปมอยู่


เช่นกัน......
ตอนที 238 ป่ ากับดัก
เมือสายตาเห็นเข้ากับคุณชายโอวหยางและมู่หรงเสวีย แม่ทพั จางก็เร่ งรี บละจากแผนที ประสานมือ
ไปทีคนทังสอง “คุณชายโอวหยาง คุณหนูมู่หรง กระโจมทีพักล้วนได้จดั เตรี ยมเอาไว้แล้ว อยู่
กระโจมถัดไปนีเอง......”

“รบกวนแม่ทพั จางแล้ว” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนเรี ยบๆ

“คุณชายโอวหยางเกรงใจไปแล้ว” แม่ทพั จางยิมน้อยๆ ด้านบนของแผนทีทีอยูด่ า้ นหน้าเต็มไปด้วย


สัญลักษณ์สีแดงทีดูยงุ่ เหยิงนัก บ่งบอกถึงจิตใจของพวกเขาทีกําลังหงุดหงิดและยุง่ ยากใจ

มู่หรงเสวียกะพริ บตา พร้อมกล่าวขึนเสี ยงเรี ยบ “แม่ทพั จางพบเจอเรื องลําบากอะไรอยูห่ รื อ”

“ก็ไม่ใช่เรื องลําบากทีหนักหนาอะไรนัก ก็แค่ทพั ใหญ่ถูกขวางกัน ไม่สามารถเดินทัพขยับไป


ด้านหน้าแม้แต่กา้ วเดียว......”

แม่ทพั จางถอนหายใจออกมาหนักๆ พลางขมวดคิวแน่น เรื องราวภายในกองทัพไม่สามารถแพร่ ง


พรายออกไปได้ แต่วา่ เรื องนีก็ไม่ได้ถือว่าเป็ นความลับอะไร ทหารทังสามแสนนายนอกกระโจม
ล้วนรับรู้ทงหมด
ั เขาก็คงไม่มีอะไรทีจะต้องปิ ดบัง
ในหัวของมู่หรงเสวียปรากฏความคิดอะไรบางอย่างขึนมาแวบหนึง รวดเร็ วเสี ยจนนางไม่สามารถ
จดจํามันเอาไว้ได้ทนั “เกิดอะไรขึนกัน”

“แม่ทพั ของหนานเจียงรบจนตกตายไปแล้ว ฮ่องเต้ของแคว้นหนานเจียงก็เลยส่ งองค์รัชทายาทของ


หนานเจียง กงเชียนอวีมานําทัพแทน วรยุทธ์ของกงเชียนอวีนันสูงส่ ง อีกทังยังเชียวชาญกลศึก เขา
ใช้จุดเด่นทางภูมิศาสตร์ของหมิงโจว ขวางเส้นทางการเดินทัพทหารสามแสนของชิงเหยียนไว้ดา้ น
นอกเขตหมิงโจว......” แม่ทพั จางกล่าวขึนเสี ยงตํา ดวงตาอันคมกริ บทอแววหนักใจอย่างทีไม่เคยมี
มาก่อน

ช่วงก่อนหน้าตอนทีเดินทัพออกไปกรําศึกก็มกั จะเจอการขวางทัพเอาไว้บ่อยๆ แต่หลังจากทีเขา


ปรึ กษาหารื อกับพวกรองแม่ทพั อย่างละเอียดถีถ้วนแล้ว ก็จะสามารถหาวิธีแก้ทางแผนการขวางทัพ
พวกนันได้ แต่พอมาครังนีกับดักทีองค์รัชทายาทแคว้นหนานเจียงคิดขึนนันช่างลึกลับและอันตราย
ยิงนัก พวกเขาคิดอ่านหาทางแก้จนสุ ดความสามารถแล้วก็ยงั ไม่สามารถหาวิธีหรื อแผนการทีแก้ทาง
กับดักนี ได้ ทัพใหญ่ก็เลยไม่กล้าบุกฝ่ าเข้าไปในป่ ากับดัก เช่นนันก็อย่าได้กล่าวถึงการเดินทัพรุ ก
หน้าต่อแล้ว......

ถ้าหากยังคงเสี ยเวลาอยูท่ ีหมิงโจวเช่นนีต่อไป เมือถึงปี หน้าก็อาจจะยังคงตีเขตหมิงโจวไม่แตก


ในหัวของมู่หรงเสวียปรากฏดวงตาอันกระจ่างชัดของกงเชียนอวีขึนมา แววตาของนางวูบไหวไป
ด้วยความแปลกประหลาดใจ ผูบ้ ญั ชาการหลักของฝ่ ายหนานเจียงกลับเป็ นกงเชียนอวี คนทีมีนิสยั
ง่ายๆ สบายๆ กับดวงตาอันกระจ่างใสผูน้ นั ไม่เพียงแต่จะมีวรยุทธ์ทีสู งส่ งเท่านัน แต่เขายังเป็ นคนที
เก่งกาจด้านกลศึก ทีอาศัยคนเพียงคนเดียวก็สามารถขัดขวางทัพสามแสนของชิงเหยียนเอาไว้ได้
ช่างน่าเหลือเชือยิงนัก......

“ท่านแม่ทพั พวกเราแอบจับทหารของหนานเจียงมาสักหลายคน แล้วเค้นถามเอาวิธีแก้ทางกับดัก


กับพวกเขาเป็ นเช่นไร” รองแม่ทพั นายหนึงเสนอความคิดเห็นออกมา

แม่ทพั จางส่ ายหัว “กับดักเหล่านันเป็ นกงเชียนอวีทีวางเอาไว้ พวกทหารน่าจะไม่รู้ถึงวิธีแก้กบั ดัก


ไปจับพวกเขามาก็ไม่มีประโยชน์อนั ใด......”

“แล้วเช่นนันควรทําอย่างไรเล่า......”

แม่ทพั จางกับพวกรองแม่ทพั ต่างปรึ กษาหารื อเรื องกลศึก ข้าประโยคหนึง เจ้าประโยคหนึง

มู่หรงเสวียไม่ได้รู้สึกสนใจเรื องกลศึกมากเท่าไรนัก ก็เลยไม่ได้กล่าวผสมโรงด้วย นางเพียงกวาด


สายตามองไปโดยรอบ ไม่เห็นถึงเงาร่ างทีนางต้องการพบร่ างนัน จึงอดไม่ได้ทีจะถามขึนมา “แม่ทพั
จาง พีชายของข้าตอนนีอยูท่ ีใดหรื อ”
“เขาพาทหารไปตรวจลาดตระเวนอยูร่ อบนอก อีกหนึงชัวยามก็คงจะกลับมา......” แม่ทพั จางตอบ
กลับอย่างราบเรี ยบ

มู่หรงเสวียพยักหน้าเข้าใจ นางจะพักอาศัยอยูท่ ีค่ายทหารนีคืนหนึง เจอมู่หรงเย่ชา้ หน่อยก็ไม่เป็ นไร


......

“แม่ทพั จาง แย่แล้ว แย่แล้วขอรับ......” เสี ยงร้องเรี ยกอันตืนตระหนกดังขึน ทหารนายหนึงแหวก


กระโจมวิงเข้ามาอย่างเร่ งรี บ ท่าทางเหนือยหอบ หายใจไม่ทนั

แม่ทพั จางขมวดคิวเข้าหากัน มองไปทีเขาอย่างไม่พอใจ “เกิดอะไรขึน เหตุใดถึงได้โหวกเหวก


โวยวายเช่นนี”

“เป็ นพวกทหารลาดตระเวน..... เกิดเรื องกับพวกทหารลาดตระเวนแล้วขอรับ......” ทหารนายนันสูด


หายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวขึนอย่างเร่ งรี บ “ตอนทีพวกทหารลาดตระเวนตรวจตราอยูด่ า้ นนอก พบเข้า
กับคนน่าสงสัยกลุ่มหนึงก็เลยตามไป แต่คิดไม่ถึงว่าจะตามเข้าไปถึงในป่ ากับดัก......”

แววตาของแม่ทพั จางวูบไหว ตวาดขึนเสี ยงดัง “ข้าได้กาํ ชับเอาไว้เป็ นพิเศษแล้วว่าไม่อนุญาตให้ใคร


เข้าไปในป่ ากับดัก ทหารพวกนันกลับกล้าขัดคําสังทางการทหาร ช่างกล้าบังอาจยิงนัก......”
“ไม่ใช่พวกทหารทีขัดคําสังขอรับ แต่วา่ เป็ นป่ ากับดักทีขยายวงกว้างมากขึน......พวกทหารแค่ตาม
ไปถึงเขตรอบนอกของป่ ากับดักเท่านัน ระยะห่างกับป่ ากับดักยังห่างอยูอ่ ีกระยะหนึง แต่พวกเขา
กลับหลงเข้าไปในกับดักทังหมด......” ทหารนายนันอธิ บายขึนอย่างเร่ งรี บ

แววตาคมกริ บของแม่ทพั จางหรี เล็กลง นีมันอะไรกัน กงเชียนอวีกลับขยายวงของป่ ากับดักให้กว้าง


ขึนงันหรื อ หากเป็ นเช่นนีต่อไป คงมิใช่วา่ ป่ ากับดักจะแผ่ขยายมาถึงค่ายทหารของแคว้นชิงเหยียนอ
ย่างไร้ซุ่มไร้เสี ยงหรอกหรื อ เมือถึงตอนนันทัพสามแสนไม่เพียงแต่จะขยับไปด้านหน้าไม่ได้ อีกทัง
ยังจะถูกบีบให้ตอ้ งถอยไปด้านหลังอีก......

มู่หรงเสวียหนังตากระตุกอย่างรุ นแรง ในใจมีลางสังหรณ์ทีไม่ดีเกิดขึน นางเงยหน้าไปมองทีทหาร


นายนัน “พีชาย พวกทหารทีไปลาดตระเวนอยูร่ อบนอก ล้วนหลงเข้าไปในกับดักทังหมดเลย
หรื อไม่”

“ใช่แล้วขอรับ” ทหารผูน้ นพยั


ั กหน้า แววตาวูบไหวด้วยความหนักใจ “กับดักในป่ ากับดักนัน
อันตรายยิงนัก ในช่วงเวลาเพียงพริ บตาเดียวพวกทหารลาดตระเวนเหล่านันก็ถกู กลืนเข้าไปเสี ย
ทังหมด เสี ยวโหวเหย่มู่หรงเย่ทีมีวรยุทธ์ดีหน่อยยังสามารถรับมืออยูไ่ ด้หลายกระบวน แต่สุดท้ายก็
ยังถูกกับดักดูดกลืนเข้าไป......”
มู่หรงเสวียขมวดคิวแน่น ไม่ใช่วา่ นางกําชับกับมู่หรงเย่อย่างดีแล้วหรื อว่าให้ระวังตัว คิดอ่านให้
รอบคอบ แต่เขากลับประมาทเลินเล่อตกเข้าไปในกับดักของผูอ้ ืนเช่นนี ช่างโง่งมยิงนัก......

“ป่ ากับดักน่ากลัวมากหรื อ”

“ในป่ ากับดักนันมีอนั ตรายหนักหนานัก พวกทหารทีเข้าไปไม่มีแม้แต่คนเดียวทีรอดกลับมาได้......”


แม่ทพั จางกล่าวเสี ยงตํา แววตาวูบไหวด้วยความกังวลใจ

เช่นนันมิใช่วา่ มู่หรงเย่กาํ ลังตกอยูใ่ นอันตรายหรอกหรื อ......

แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหว “เช่นนันขอข้าไปดูทีป่ ากับดักเสี ยหน่อยแล้วกัน......”

แม่ทพั จางหรี ตาลง เร่ งกล่าวห้ามปรามขึน “คุณหนูม่หู รง โปรดคิดอ่านให้รอบคอบเสี ยก่อน ป่ ากับ


ดักนันไม่ใช่กบั ดักธรรมดาทัวไป......”

เมือมองไปทีแผ่นหลังทีตัดสิ นใจอย่างแน่วแน่ของนาง แววตาของคุณชายโอวหยางก็วบู ไหวด้วย


ความเหนือยใจ ก้าวอาดๆ ตามไป
แม่ทพั จางกับพวกรองแม่ทพั นันต่างมองหน้าสบตากัน พากันเดินออกไปจากกระโจมอย่างเร่ งรี บ
พาทหารติดตามตามติดมู่หรงเสวียไป

ฉากทีนางรบกับพวกงูไม้และพวกคนประหลาดทีพระราชวังฤดูร้อน พวกเขาล้วนจดจําติดตามา
จนถึงทุกวันนี เพียงแต่ป่ากับดักพวกนันดูเหมือนว่าจะอันตรายกว่างูไม้พวกนันมากนัก ไม่รู้วา่ นาง
จะสามารถแก้ทางมันได้หรื อไม่......

ป่ ากับดักอยูท่ างทิศตะวันตกเฉี ยงใต้ของค่ายทหาร ห่างจากค่ายทหารไปประมาณสามลี

ไกลออกไปนันมู่หรงเสวียมองเห็นป่ าไม้ผืนหนึง ทีมีใบไม้กิงก้านสาขารกทึบ ภายในป่ าแห่งนันนิง


สงบเงียบเชียบ มีขนาดกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ไม่ได้ยนิ ถึงเสี ยงใดๆ ดังออกมาเลยแม้แต่นอ้ ย หมอก
สี ดาํ เทาปกคลุมไปทัวทังผืนป่ า ยิงทําให้ผืนป่ าตรงหน้าดูอนั ตรายและน่ากลัวยิงขึน

มู่หรงเสวียยืนอยูท่ ีหน้าผืนป่ า มองไปทีหมอกอันหนาแน่นนัน คิวขมวดเบาๆ เข้าหากัน “นีเป็ น


ปราการพิษ จําต้องกินยาแก้พิษเสี ยก่อนถึงจะเข้าไปได้ ไม่เช่นนันหากก้าวเข้าไปด้านในไม่เกินห้า
สิ บก้าวก็จะถูกพิษจัดการจนตกตายแน่นอน !”

ร้ายกาจถึงเพียงนีเชียวหรื อ !
แววตาของฝูงชนหรี เล็กลง พวกเขาคิดว่าหมอกตรงหน้าเป็ นเพียงหมอกธรรมดาๆ ทีมีความ
หนาแน่นเป็ นพิเศษมาโดยตลอดเท่านัน คาดไม่ถึงว่ามันจะเป็ นหมอกพิษ ! ถึงว่าพวกทหารถึงได้
เพียงเข้าไป แต่ไม่สามารถรอดออกมาได้......

เมือมองไปทีสายตาหวาดกลัวของผูค้ น มู่หรงเสวียก็ยมขึ
ิ นบางๆ หันกายแล้วยืนมือเรี ยวขาวเข้าไป
ในแขนเสื อของคุณชายโอวหยาง หยิบเอาถุงยาสี ขาวออกมาห่อหนึง เปิ ดถุงออก แล้วหยิบเอายา
ลูกกลอนสี ดาํ ใส่ เข้าไปในปากเม็ดหนึง นางกล่าวขึนอย่างช้าๆ “ในป่ ากับดักมีอนั ตรายอันใหญ่หลวง
นัก พวกท่านก็ไม่ตอ้ งตามเข้าไปแล้ว ข้าเข้าไปเองก็เพียงพอแล้ว !”
ตอนที 239 กับดักอันแปลกประหลาด

แม่ทพั จางหลุบตาลงอย่างเคร่ งขรึ ม คําทีอยากกล่าวกําชับตักเตือนเป็ นร้อยเป็ นพันคําทีแล่นขึนมาถึง


ปากหดลดลงจนเหลือเพียงประโยคเดียว "ระวังตัวด้วย !"

พวกทหารมีวรยุทธ์ทีไม่แข็งแกร่ งนัก อีกทังยังไม่คุน้ ชินกับป่ ากับดัก ถึงแม้พวกเขาจะตามเข้าไป ก็


คงช่วยอะไรไม่ได้อยูด่ ี เผลอๆ อาจจะทําให้เรื องวุน่ วายเพิมมากขึนไปเสี ยเปล่าๆ แต่ถา้ ให้มู่หรงเสวีย
ไปคนเดียว หากมีอนั ตรายนางก็ยงั สามารถหลบหนีออกมาได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ วกว่า

"ข้ารู้แล้ว" มู่หรงเสวียพยักหน้าตอบ ลากดึงคุณชายโอวหยางให้เดินเข้าไปในกับดักป่ าอย่างช้าๆ

ในป่ านันมีตน้ ไม้ทีสู งตระง่านมากมาย พงหญ้าพุ่มไม้กิงก้านสาขารกทึบเกียวพันกันยุง่ เหยิงระโยง


ระยางเต็มไปหมด มู่หรงเสวียก้าวเดินไปอย่างช้าๆ และระมัดระวัง ช่วงนีคือช่วงฤดูร้อน แต่ภายใน
ป่ าหนาวเย็นและชืนมาก ไม่มีแม้กระทังแสงสว่างจากดวงอาทิตย์หรื อลมพัด รอบด้านเงียบสงัดจน
น่ากลัว......
“อ้า” เสี ยงร้องดังขึนกระทบหู เมือมู่หรงเสวียหันมองไป ก็เห็นอู๋เหิ นทีปรากฏตัวออกมาจากความ
ว่างเปล่าห่างออกไปเจ็ดแปดเมตร หลังมือของเขาปรากฏแผลเป็ นทางยาว ปากแผลกว้าง เลือดไหล
ออกมาไม่หยุด ทังยังมีสีดาํ คลํา......

มู่หรงเสวียตกตะลึง รี บก้าวเข้าไปอย่างเร็ว หยิบเอาขวดยาแก้พิษออกมา แล้วโรยลงไปบนหลังมือ


ของเขาทันที “เกิดอะไรขึน”

“ข้าไม่ทนั ระวังเกียวเข้ากับกิงไม้ แล้วก็กลายเป็ นเช่นนี” อู๋เหิ นพูดขึนเบาๆ

แววตาของมู่หรงเสวียเหยียบเย็น กวาดตามองต้นไม้ใบหญ้ารอบๆ ทีแผ่กลินอายแห่งความตาย


ออกมา ดวงตาอันดําขลับหรี มองไปยังอากาศทีเต็มไปด้วยพิษ กิงไม้ใบไม้ของต้นไม้ก็เป็ นพิษ “ทีนี
คือป่ าพิษ ระหว่างเดินต้องระวังตัวให้ดี อย่าได้ไปโดนอะไรเป็ นอันขาด”

“ขอรับ !” เสี ยงตอบรับจากอู๋เหิ นดังขึนพร้อมกับพยักหน้า เขาเดินต่อไปข้างหน้าเพือสํารวจเส้นทาง


หลังจากเดินต่อไปประมาณสิ บเมตร อยูด่ ีๆ ร่ างสูงก็หนักลง ขาครึ งหนึ งจมลงไปในบ่อดินโคลน !

“ป่ ากับดักช่างเต็มไปด้วยกับดักสมชือ ไม่วา่ จะระมัดระวังตัวอย่างไรก็ไร้ผล มิน่าเล่าเหล่าทหารของ


ชิงเหยียนทังสามแสนนายถึงได้ถูกหยุดเอาไว้ดว้ ยกับดักนี” อู๋เหิ นตะโกนออกมาเบาๆ ออกแรงดึงขา
ออกจากโคลน หากแต่ยงดึ
ิ งเขาก็ยงจมลงเร็
ิ วขึน จมลงไปในบ่อโคลนชันแล้วชันเล่า โคลนหนา
เหนี ยวติดเต็มตามร่ างกายของเขา แม้แต่หวั เข่าก็จมลงไปในชัวพริ บตา......

ดวงตาของมู่หรงเสวียเบิกกว้าง “อู๋เหิ น อย่าขยับ ดินโคลนของทีนีพิเศษมาก ยิงเจ้าขยับตัว เจ้าก็จะยิง


จมลงไป......”

อู๋เหิ นตกตะลึง หยุดชะงักค้างการกระทํา แล้วเงยหน้ามองมู่หรงเสวีย “อย่างนันควรทําเช่นไร”

มู่หรงเสวียมองไปรอบทิศ ก็ไม่เห็นว่าจะมีของทีพอจะช่วยได้ ‘เช้ง’ เช่นนันจึงดึงกระบีทีซ่อนไว้ที


เอวออกมา ยืนไปข้างๆ อู๋เหิ น “จับด้ามดาบเอาไว้แน่นๆ เดียวข้าจะลากเจ้าขึนมา !”

“ขอรับ !” อู่หลางพยักหน้ารับ ยืนมือออกไปจับด้ามดาบเอาไว้แน่น

มู่หรงเสวียเตรี ยมทีจะดึงเขาขึนมา แต่สายตากลับเห็นคุณชายโอวหยางใช้มือจับเข้ามาทีข้อมือของ


นาง ด้วยพลังอันแข็งแกร่ งของเขา เพียงเสี ยวนาทีกส็ ามารถดึงอู๋เหิ นออกมาจากบ่อโคลนได้ เหวียง
ร่ างของเขาจนลอยไปทีพืนด้านข้าง

อู๋เหิ นลอยลงทีพืนอย่างบางเบา เมือมองไปทีโคลนทีติดอยูท่ ีหัวเข่าและกางเกงแล้ว ปากก็อดทีจะบ่น


ขึนมาไม่ได้ “บ่อโคลนนีช่างร้ายกาจไม่ธรรมดาเหมือนบ่อโคลนทัวไปนัก !”
ช่วงเวลาทีเขาอยูใ่ นบ่อโคลน โคลนค่อยๆ โอบรอบเขาทีละน้อย ทีละน้อย แล้วค่อยๆ ดูดเขาลงไป
ทําให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองถูกกระชากดึงด้วยเทพแห่ งความตาย ค่อยๆ ลากเขาลงไปในนรก
อย่างช้าๆ......

“นีไม่ใช่โคลนธรรมดา แต่มนั เป็ นโคลนดูด” มู่หรงเสวียจ้องมองไปทีโคลนสี เขียวอ่อนด้วยแววตาที


เลือนลอย

“โคลนดูดหรื อ มันคืออะไรกัน” อู๋เหิ นขมวดคิวไม่เข้าใจ

“โคลนดูดก็คือบ่อโคลนพิเศษชนิดหนึง” มู่หรงเสวียค่อยๆ กล่าวขึน แววตาเหยียบเย็นหรี ลง มิน่า


เหล่าทหารของชิงเหยียนทีได้เข้ามาทีนี ถึงกลับออกไปไม่ได้แม้แต่คนเดียว ในป่ านีทังต้นไม้และ
วนแต่เป็ นพิษ นอกจากนี ทีสําคัญทีสุ ดก็คือยังมีบ่อโคลนดูดทีแอบซ่อนเอาไว้รอบ
ใบไม้ทงหมดล้

บริ เวณมากมายหลายบ่อนัก ซึ งหากใครตกลงไปแล้ว ก็จะถูกโคลนดูดกระชากดูดจนจมลงไป คงไม่
มีใครสามารถออกจากทีนีแบบมีชีวิตได้......

ในป่ าแห่ งนีไม่มีการแอบซ่อนกับดักธนูดาํ และก็ไม่มีกบั ดักเหล็กแหลม ยิงไปกว่านันก็คือไม่มี


กลไกกับหลุมกับดักใดๆ แอบซ่อนเอาไว้ แต่กบั ดักเหล่านีล้วนแล้วแต่น่ากลัวกว่ากับดักพวกนันยิง
นัก เพราะโคลนดูดสามารถลอบฆ่าคนได้อย่างไร้เสี ยงไร้ร่องรอย ทังยังมีความลึกลับแปลก
ประหลาด แค่เพียงเหยียบหรื อแตะโดนโคลนเพียงนิ ดเดียว ก็จะสามารถทิงชีวิตเอาไว้ทีนีได้......
“สวบ สวบ สวบ !” อยูด่ ีๆ ก็มีกิงไม้ยนเข้
ื ามาแทรกระหว่างพวกมู่หรงเสวีย คุณชายโอวหยาง อู๋เหิน
แยกพวกเขาทังสามคนให้ออกจากกัน กิงไม้ใบไม้ขยับเองโดยไร้ซึงกระแสลม วูบไหวไปมาอย่าง
รวดเร็ ว พุ่งตรงมาทีนาง

แววตาอันเหยียบเย็นของมู่หรงเสวียหรี เล็กลง นางชักกระบีมาแล้วตวัดตัดกิงไม้อย่างรวดเร็วอย่างไร้


ความปรานี

แต่กิงไม้กลับโผล่มาเรื อยๆ อย่างไม่มีทีสิ นสุ ด หมดไปชุดหนึงก็ออกมาอีกชุด แล้วก็อีกชุด ตัด


อย่างไรก็ตดั ไม่หมดไม่สิน มู่หรงเสวียขมวดคิวขึน ขยับเท้าเบาๆ แล้วกระโดดลอยขึนไป ใช้กระบี
ในมือฟาดฟันไปทียอดไม้ทีอยูด่ า้ นบนสุ ดอย่างแรง ได้ยนิ เสี ยง ‘ฉัวะ’ ดังขึนเสี ยงหนึง กิงไม้ยาวถูก
ตัดจนขาด ตกลงบนพืน ต้นไม้ทงต้
ั นจึงหยุดและเงียบลง......

มู่หรงเสวียร่ อนลงทีพืนเบาๆ ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก จ้องมองไปทีต้นไม้ใหญ่ แววตาเหยียบ


เย็นดังนําแข็ง กับดักทีชาวหนานเจียงทําขึนนันช่างลึกลับและแปลกประหลาดยิงนัก ไม่เหมือนกับ
กับดักทัวไป เหล่าทหารของแคว้นชิงเหยียนพากันตกตายภายใต้กบั ดักอันแปลกประหลาดเหล่านี ก็
เป็ นเรื องทีไม่แปลกใจเท่าไรนัก......

เมือมู่หรงเสวียมองไปรอบด้าน ก็เห็นว่าป่ าโดยรอบนันกลายเป็ นว่างเปล่า เหลือแค่นางเพียงผูเ้ ดียว


คุณชายโอวหยาง อู๋เหิ น ล้วนหายไปอย่างไร้ร่องรอย
นางขมวดคิว ตะโกนร้องขึนเสี ยงดัง “คุณชาย......คุณชายโอวหยาง......”

บรรยากาศเงียบสงัดวังเวง ทีตอบกลับมานอกจากความเงียบแล้วก็มีแต่ความเงียบ !

“อู๋เหิ น......” มู่หรงเสวียตะโกนอีกครัง

รอบบริ เวณยังคงเงียบสงบ ไม่มีแม้แต่เสี ยงตอบกลับใดๆ

มู่หรงเสวียขมวดคิวเข้าหากันแน่น ตอนทีพวกต้นไม้เหล่านันปรากฏขึน ก็คงทําให้พวกเขาแยกออก


จากกันแล้ว คุณชายโอวหยาง อู๋เหิ นอาจจะอยูห่ ่างจากนางออกไปไกลมากแล้ว......

เพียงแค่มีป่าแห่งเดียว ก็สามารถสร้างและวางกับดักอันแปลกประหลาดออกมาได้เป็ นร้อยเป็ นพัน


เช่นนี ชาวหนานเจียงนันช่างยากทีจะต่อกรด้วยนัก กับดักของทีนีช่างมากมายและแน่นหนา ทีนี
อาจจะเป็ นบริ เวณใจกลางป่ า นางไม่ควรทีจะอยูแ่ ถวนีนาน......

แววตาของมู่หรงเสวียเคร่งขรึ ม กวาดตามองรอบด้านอย่างละเอียด หันมองไปยังทิศทิศหนึ ง แล้วรี บ


ก้าวเดินออกไปอย่างรวดเร็ ว
หลังจากเดินออกไประยะหนึงแล้ว หมอกทีลอยเอือยๆ อยูใ่ นอากาศก็คอ่ ยๆ จางลง ยิงเดินออกไป
ด้านหน้าเท่าไหร่ หมอกก็ยงจางลงเท่
ิ านัน จากเริ มต้นทีเป็ นสี เทาเข้ม ก็คอ่ ยๆ กลายเป็ นสี เทา สี เทา
อ่อน สี ขาว สี ขาวจางๆ แล้วค่อยบางลงจนหลงเหลือเป็ นไอหมอกจางๆ......

มันเกิดอะไรขึนกันแน่ ?

มู่หรงเสวียขมวดคิวแน่นอย่างไม่เข้าใจ เดินหลบบ่อโคลนดูดสองบ่อซ้ายขวาอย่างระมัดระวัง ก้าว


ช้าๆ ไปข้างหน้าตามพืนดินแข็ง......

“มามามา ดืมดืมดืม !” เสี ยงตะโกนเฮฮาดังเข้ากระทบหู เมือมู่หรงเสวียหันหน้าไปมอง ก็เห็นเหล่า


ทหารแคว้นหนานเจียงนังล้อมวงกันอยูท่ ีราบด้านนอกของป่ า ด้านบนกองไฟกําลังย่างเนือย่างไว้
มากมาย ทหารเหล่านันกําลังกินดืนกันอย่างครื นเครงเฮฮา

ในทีว่างด้านข้างนันยังมีเสาไม้สามเสา ใช้มดั ทหารของแคว้นชิงเหยียนสามนายทีทังร่ างเต็มไปด้วย


โคลนเอาไว้ ศีรษะของพวกเขาตกลู่ลง ไม่ทราบว่ายังมีชีวติ อยูห่ รื อไม่
ทหารแคว้นหนานเจียงคนหนึงคว้าเนือย่างกลินหอมขึนมาแล้วกัดเข้าไปคําใหญ่ๆ หนึงคํา เหลือบ
มองไปทีทหารแคว้นชิงเหยียนทีเป็ นตายไม่รู้แน่ชดั แล้วเอ่ยขึนอย่างลึกลับ “ยากนักทีจะจับทหารชิง
เหยียนเป็ นๆ มาได้สักคน พวกเจ้ามาเล่นอะไรสนุกๆ กันดีหรื อไม่”

“จะเล่นอย่างไร” เหล่าทหารแคว้นหนานเจียงตาลุกวาวจ้องมองไปทีเขา

“ง่ายมาก” ชายผูน้ นยิ


ั มขึนอย่างแปลกๆ เขาวางเนือย่างลง ก้าวเดินไปทีด้านหน้าของทหารแคว้นชิง
เหยียนนายหนึง หยิบดึงเอามีดสันออกมาจากร้องเท้าด้านล่าง แล้วแทงมันลงไปทีไหล่ของทหาร
นายนันอย่างโหดเหี ยม......
ตอนที 240 พบอันตราย

“อ้า !” ทหารชิงเหยียนร้องโหยหวนออกมา พลันตืนขึน เลือดบนบ่าของเขาไหลออกมาไม่ขาดสาย


เขามองไปทีทหารแคว้นหนานเจียงทีอยูด่ า้ นหน้าอย่างโกรธแค้น แล้วตะโกนออกมาอย่างโกรธ
เกรี ยว “เจ้าสุ นขั ชัว ถ้ามีปัญญาเจ้าก็ฆ่าข้าเสี ยสิ อย่ามาใช้วธิ ี สกปรกตําช้าทรมานคนเยียงนี......”

“ไอ้หยา ถือว่าเจ้ากระดูกแข็งนัก ถ้าเจ้าอยากตายมากนักล่ะก็ ข้าก็จะสนองความต้องการของเจ้าเอง


!” ทหารแคว้นหนานเจียงผูน้ นพู
ั ดขึนอย่างโมโห เขาหยิบถุงทีบรรจุผงบางอย่างออกมา แล้วโรยมัน
ลงไปทีร่ างของทหารแคว้นชิงเหยียนผูน้ นั ทันใดนันก็มีควันลอยออกมาจากร่ างของเขา เสือผ้า เลือด
เนือ และกระดูกของเขาก็หลอมละลายถูกกัดกร่ อนอย่างรุ นแรงและรวดเร็ว......

“อ้าก !” ทหารแคว้นชิงเหยียนผูน้ นร้


ั องขึนอย่างโหยหวนจนเสี ยงดังก้องไปทัวบริ เวณ

เขาดินทุรนทุรายไปมา ดวงตาแดงฉาน หน้าผากเต็มไปด้วยเส้นเอ็นทีปูดบวม เขาไม่สามารถทนต่อ


ความร้ายแรงของผงนันได้ ขาของเขา แขนของเขา ลําตัวของเขาและศีรษะของเขาค่อยๆ ถูกหลอม
ละลายจนโชกไปด้วยเลือด เลือดค่อยๆ หยดลงบนพืนทีละหยด ทีละหยด จนมีกลินฉุ นคาวเลือด
ลอยโชยไปทัวบริ เวณ......
มู่หรงเสวียขมวดคิวแน่นเข้าหากัน นันมันของสิ งใดกัน ผงละลายร่ าง ? หรื อผงละลายกระดูก ? คนผู้
นันเป็ นแค่เพียงทหารธรรมดาๆ เท่านัน แต่เหตุใดถึงได้มีสิงทีร้ายกาจขนาดนีอยูใ่ นมือได้เล่า

“ทรมานคนเช่นนีก็ไม่เลวนัก ต่อไป ขอข้าเล่นบ้าง !” แววตาของทหารแคว้นหนานเจียงอีกคนแวว


วับลุกขึนมา เขาหยิบอะไรบางอย่างทีทําจากไม้ไผ่ขึนมา แล้วเร่ งก้าวเดินไปทีทหารแคว้นชิงเหยียน
ทีถูกแขวนอยูบ่ นเสา

“ยาพิษเหลือเพียงแค่กระบอกเดียวแล้ว เจ้าก็ใช้มนั อย่างประหยัดหน่อยแล้วกัน” ทหารแคว้นหนาน


เจียงทีเพิงจะทรมานคนตายมาหมาดๆ เอ่ยเตือนขึนด้วยเสี ยงอันดัง

“รู้แล้วน่า !” ทหารแคว้นหนานเจียงคนนันพยักหน้ารับ รี บก้าวไปทีด้านหน้าของทหารแคว้นชิงเห


ยียนอีกคน เปิ ดจุกกระบอกไม้ไผ่ออก ควันสี ชมพูอ่อนพวยพุ่งออกมาจากกระบอกไม้ไผ่ พุ่งเข้าไปที
ใบหน้าของทหารชิงเหยียนนายนัน

“อ้าก !” ทหารแคว้นชิงเหยียนนายนันร้องโหยหวนออกมาอย่างทรมาน เขาดินไปมาอย่างทุรนทุราย


ไม่สามารถทีจะต้านทานพิษอันร้ายกาจชนิ ดนีได้ ร่ างกายทีดูหนุ่มแน่นเพียงพริ บตาก็กลายเป็ น
ซากศพอันแห้งเหี ยวทีดูแก่ชราซากหนึง......
แววตาอันเหยียบเย็นของมู่หรงเสวียหรี เล็กลง ควันจางๆ สี ชมพูนนั ทีแท้ก็มีพิษร้ายกาจเช่นนี นีเอง
เช่นนันในอากาศทีมีสีชมพูลอยเอือยๆ อยูน่ นั มิใช่วา่ ก็เป็ นยาพิษด้วยอย่างนันหรื อ ถ้าเกิดว่าใช่ ผืน
ป่ าแห่งนีก็สมกับทีมีชือว่าป่ ากับดักแห่งความตายไม่ผิดนัก......

“เพือนร่ วมชะตากรรมของเจ้าล้วนตายไปด้วยยาพิษหมดแล้ว ต่อไปก็ถึงตาของเจ้าแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า !”


ทหารแคว้นหนานเจียงยิมขึนอย่างแฝงความอันตรายไว้ ค่อยๆ เดินช้าๆ ไปทีด้านหน้าของทหาร
แคว้นชิงเหยียนคนสุดท้าย กระบอกไม้ไผ่ในมือ ชีไปทีใบหน้าของทหารแคว้นชิงเหยียนนายนัน......

ทหารแคว้นชิงเหยียนคนนันค่อยๆ ลืมตาขึน มองไปทีทหารแคว้นหนานเจียงนายนันอย่างเหยียบ


เย็นแล้วกล่าวขึนว่า “เจ้าไม่ตอ้ งทําเป็ นได้ใจไป ต้องมีสกั วันหนึงทีเจ้าจะต้องตายอย่างทรมานยิงกว่า
พวกข้าอีกหลายเท่า......”

เสี ยงทียังไม่แตกหนุ่มเต็มไปด้วยความเจ็บแค้นและหนักแน่น เมือได้ยนิ ดังนัน ดวงตาของมู่หรง


เสวียก็เป็ นประกาย นันเป็ นเสี ยงของมู่หรงเย่ไม่ผิดแน่ ทีแท้ทหารแคว้นชิงเหยียนคนสุ ดท้ายก็คือมู่
หรงเย่ !

“ไอ้หยา ปากดีไม่นอ้ ยเลย เจ้าแช่งให้ขา้ ตาย เช่นนันข้าก็จะให้รางวัลเจ้า ให้เจ้าได้ตายอย่างทรมาน


......” ทหารแคว้นหนานเจียงเอ่ยออกมาอย่างเหี ยมโหด มือกําไปทีกระบอกไม้ไผ่ เตรี ยมทีจะเปิ ดมัน
ออก......
มู่หรงเสวียหรี ตาลง ขยับเท้าทังสองข้างเบาๆ พริ บตาร่ างบางก็กระโดดลอยไปทีด้านหน้าของทหาร
แคว้นหนานเจียง คว้าจับไปทีกระบอกไม้ไผ่แล้วพลิกหมุนกลับ ควันสี ชมพูจางๆ พุ่งทะลักออกไป
พ่นใส่ ตวั ทหารแคว้นหนานเจียงนายนันทันที......

“อ้า อ้า อ้า......” ทหารแคว้นหนานเจียงนายนันล้มลงกับพืน แล้วดินไปมาอย่างทุรนทุราย ร่ างกายสูง


ใหญ่มว้ นเป็ นวงกลม เกือกกลิงไปมาบนพืน แค่ชวเวลาเพี
ั ยงพริ บตา เขาก็กลายเป็ นซากศพทีแห้ง
กรัง......

“เจ้าสี !” เหล่าทหารแคว้นหนานเจียงทีอยูด่ า้ นหน้ากองไฟตกตะลึงจนหน้าถอดสี เขารี บชักกระบี


ออกมา พุ่งแทงเข้าไปทีมู่หรงเสวียอย่างโหดเหี ยม......

มู่หรงเสวียสบถออกมาเบาๆ แล้วชักกระบีออกมาพุง่ ทะยานเข้าไปทีบรรดาทหารแคว้นหนานเจียง


ได้ยนิ เพียงเสี ยง ‘ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ’ ดังขึนเบาๆ ทันใดนันเลือดสี แดงสดก็กระจายไปทัว......

เหล่าทหารหนานเจียงตกตะลึง หยุดการชะงักการเคลือนไหวไปครู่หนึ ง นิงค้างอยูท่ ีในท่าทีกําลังเข้า


มาโจมตี เสี ยง ‘ตุบ’ ดังขึนครังหนึง เพียงพริ บตาพาก็กนั ล้มลงกับพืน ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตก
ตะลึงและไม่เชือสายตาตัวเอง......

มู่หรงเสวียทีเห็นนันก็ไม่สนใจ นางเพียงหันตัวกลับ แล้วค่อยๆ เดินไปทีมู่หรงเย่


มือทังสองของมู่หรงเย่ถูกมัดไว้ดา้ นหลัง หน้าตาของเขามอมแมมไปด้วยดินโคลนสี นาตาลคลํ
ํ า มอง
ไม่ออกถึงรู ปร่ างหน้าตาของเขา เขามองไปทีร่ างทีล้มกองอยูก่ บั พืนแล้วหันมองไปทีมู่หรงเสวีย
เช่นนันดวงตาสี ดาํ ขลับก็เปล่งเป็ นประกายวูบไหว “น้องหญิง !”

“อืม !” มู่หรงเสวียตอบรับอย่างเสี ยไม่ได้คาํ หนึง นางเดินไปข้างหน้าแล้วใช้กระบีตัดเชือกบนเสาไม้

ทันใดนันมู่หรงเย่ก็ร่วงตกลงกับพืนทันที มือไม้ของเขาชาไปหมด เขาเงยหน้ามองไปทีมู่หรงเสวีย


แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกสรรเสริ ญเยินยอ “น้องหญิง เจ้าเข้ามาทีนีได้อย่างไรกัน”

เขาทีแค่เพียงอยูร่ อบนอกของป่ ากับดักก็หมดสภาพ ถูกกับดักเล่นงานจนต้องตกลงไปในบ่อโคลน


แล้วยังถูกยาสลบจนสลบไป เมือครู่ ถึงจะได้สติคืนฟื นขึนมา......

“ถ้าจะให้พดู ก็คงยาวนัก ไว้มีเวลาว่างข้าค่อยเล่าให้เจ้าฟัง ทีนีนันอันตรายมาก ไม่สมควรทีจะอยู่


นาน พวกเราไปกันเถอะ” มู่หรงเสวียเอ่ยขึนเบาๆ พยุงร่ างของมู่หรงเย่ขึน โคลนสี ดาํ ๆ จากเสื อผ้า
ของมู่หรงเย่เปื อนไปบนชุดของนาง หากแต่นางไม่สนใจ
“ตกลง !” มู่หรงเย่พยักหน้าตอบ ลูบเอาโคลนบนใบหน้าออก กําลังเตรี ยมตัวจะจากไป แต่เพียง
พริ บตาพืนทีว่างเปล่าก็ปรากฏเหล่าทหารแคว้นหนานเจียงจํานวนนับไม่ถว้ นพากันกรู เข้ามา มือถือ
คันธนู เข้าล้อมกักขังพวกเขาสองคนเอาไว้ ง้างธนูเล็งเป้ ามาทีพวกเขาทังสองอย่างมาดร้าย

ชายหนุ่มทีสวมชุดสี เงินค่อยๆ ก้าวเดินออกมาด้านหน้า มองมู่หรงเสวียอย่างประหลาดใจ “คิดไม่ถึง


เลยว่าผูห้ ญิงอ่อนแอๆ คนหนึง จะสามารถข้ามผ่านกลไกอันร้ายกาจมากมายเหล่านันมาได้อย่าง
ปลอดภัยจนมาถึงทีนี ช่างไม่ธรรมดาจริ งๆ......”

“เจ้าเป็ นใคร” มู่หรงเสวียมองไปทีชายคนนันสายตาเย็น

“คนทีจะมาส่ งเจ้าไปปรโลกอย่างไรล่ะ” ชายหนุ่มยิมขึนอย่างมาดร้าย ทันใดนันเขาก็ส่งสัญญาณมือ


ทําให้พริ บตาลูกศรสี ดาํ นับไม่ถว้ นก็พุ่งเข้าใส่ ม่หู รงเสวียกับมู่หรงเย่ทนั ที

ดวงตาของมู่หรงเสวียทอประกายอย่างเหยียบเย็น นางชักกระบีออกมา กวัดแกว่งปั ดลูกธนูไปมา


อย่างรวดเร็ว

มู่หรงเย่เองก็เก็บดาบบนพืนทีอยูใ่ กล้ๆ มาเล่มหนึ ง กวัดแกว่งปั ดป้ องลูกธนูไปมาอย่างรวดเร็ ว


เช่นกัน ทําให้ลกู ธนูทีเปรี ยบประดุจห่าฝนกลับไม่สามารถทําให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บแม้แต่นอ้ ย
......
แววตาอันประหลาดใจของชายหนุ่มยิงเปล่งประกายมากยิงขึน พร้อมทังกล่าวชมเชย “ช่างเป็ นสอง
คนทีร้ายกาจนัก น่าเสี ยดาย ทีพวกเขาถูกกําหนดให้ตอ้ งมาตายทีนี......ยิงต่อไปจนกว่าพวกเขาจะตาย
ค่อยหยุด !......”

“ขอรับ !”เหล่าทหารต่างรับคําสัง ลูกธนูทียิงออกมา นับทียงถี


ิ รัวหนาแน่นขึน

คิดจะยิงพวกนางให้ตาย มันก็ไม่ง่ายนักหรอก !

แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหวเปล่งประกาย ขยับเท้าเบาๆ ทันใดนันก็ไปโผล่อยูท่ ีด้านหน้าของเหล่า


ทหารแคว้นหนานเจียง นางวาดกระบีออก สังหารทหารแคว้นหนานเจียงไปสามสี คน ทําลายความ
หนาแน่นต่อเนืองของลูกธนูลงได้ไม่นอ้ ย......

แววตาของมู่หรงเย่เป็ นประกาย เขาลอกเลียนการกระทําของนาง กระโดดไปทีด้านหน้าของเหล่า


ทหารแคว้นหนานเจียง เริ มไล่ฆ่าล้างสังหารพวกเขา ทําลายรู ปแบบทีจัดมาดีของกลุ่มทหารจนเกิด
ความวุน่ วายจนมองไม่ออกว่าใครเป็ นใคร เหล่าทหารหนานเจียงจึงยิงธนูต่อไปไม่ได้อีก......

ทันใดนันสี หน้าของชายหนุ่มผูน้ นก็


ั ดาํ คลําราวกับสีนาหมึ
ํ ก สองคนนี ช่างร้ายกาจยิงนัก......
มือคว้าหยิบไปทีคันธนูจากมือของทหารนายหนึ ง เตรี ยมทีจะยิงออกไป แต่สายตาก็เหลือบไปเห็น
เงาร่ างสี ดาํ สายหนึงลอยเข้ามา ร่ อนลงบนพืนดินอย่างบางเบา

แววตาของเขาวูบไหว เก็บคันธนูกลับไป แล้วรี บก้าวเดินเข้าไปด้านหน้า พร้อมทังกล่าวขึนอย่าง


นอบน้อม “องค์รัชทายาท ท่านกลับมาแล้ว......”
ตอนที 241 ฆ่ าสังหาร
สี หน้าของกงเชียนอวีเย็นเหยียบ ไม่แม้แต่ปรายตามองหน้าเขา ก้าวอาดๆ เดินเลยผ่านเขาออกไปยัง
ด้านหน้า การต่อสูอ้ นั ดุเดือดทีปรากฏขึนตรงหน้า เขาล้วนไม่สนใจเลยแม้แต่นอ้ ย......

ชายหนุ่มผูน้ นชิ
ั นชากับท่าทางไม่แยแสต่อสิ งใดของเขาแล้ว หันกายมองไปทีกลุ่มคนทีกําลังปะทะ
กันอยู่ กล่าวขึนเสี ยงเย็น “ฆ่าพวกมันให้หมด อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว......”

“ขอรับ !” เหล่าทหารต่างรับคําสังเสี ยงเข้ม ดาบยาวในมือนับทียงฟั


ิ นออกไปอย่างแม่นยํารวดเร็ว เงา
ร่ างสี เขียวอ่อนเดียวผลุบเดียวโผล่อยูท่ ่ามกลางพวกทหารเหล่านัน......

ทันใดนันกงเชียนอวีก็หยุดเท้าลง เงยหน้ามองไปเห็นใบหน้าเรี ยวเล็กงดงามของมู่หรงเสวีย แววตา


วูบไหวเปล่งประกาย เป็ นนางจริ งๆ ด้วย !

“หยุดมือ หยุดมือให้หมด !”

นําเสี ยงสังการอันเย็นเหยียบดังเข้าหู ทันใดนันเหล่าทหารต่างก็พากันหยุดมือลง มองไปทางกงเชีย


นอวีอย่างไม่เข้าใจ
กงเชียนอวีหันมองไปทีมู่หรงเสวีย มุมปากของเขายกขึนด้วยรอยยิมอันสง่างาม ดวงตาสี ดาํ ขลับดู
เรี ยบง่าย ให้ความรู้สึกสบายๆ ไม่เจือปนด้วยความรู้สึกอืนใด......

“องค์รัชทายาท” เมือแม่ทพั หนุ่มเห็นเขามองไปทีมู่หรงเสวียกับมู่หรงเย่มิกล่าววาจา ก็อดไม่ได้ทีจะ


เปิ ดปากเรี ยกขึน

ความคิดอ่านถูกรบกวน คิวเรี ยวองอาจของกงเชียนอวีขมวดเข้าหากัน มองไปทีชุดเกราะของชิงเห


ยียนทีมู่หรงเย่สวมใส่ อยู่ แววตาของเขาวูบไหวไปมากล่าวขึนเสี ยงตํา “ปล่อยพวกเขาไป !”

แม่ทพั หนุ่มผูน้ นหยุ


ั ดชะงักไป สายตามองไปทีกงเชียนอวี แล้วกล่าวขึนด้วยแววตาทีเต็มไปด้วย
ความสงสัย “องค์รัชทายาท แต่พวกเขาเป็ นคนของกองทัพชิงเหยียน จําเป็ นต้องกําจัดทิงเพือทีจะได้
ไม่สร้างปั ญหาขึนในภายหลัง จะปล่อยไปเฉยๆ ได้อย่างไร......”

ดวงตาของกงเชียนอวีคมกริ บดังศรพุ่งตรงไปทีแม่ทพั หนุ่มนายนัน มองจนร่ างเขาสันกระตุกไปด้วย


ความหวาดกลัว คําพูดจุกอยูท่ ีลําคอแล้วถูกกลืนกลับลงไปจนสิ น......

“ปล่อยพวกเขาไป” นําเสี ยงของกงเชียนอวีทีกดตําลงบ่งบอกว่าเป็ นคําสังอย่างมิตอ้ งสงสัย


“พ่ะย่ะค่ะ !” พริ บตาพวกทหารของหนานเจียงก็พากันเงียบลง เก็บดาบเข้าสู่ฝัก แยกออกเป็ นสอง
ทาง เปิ ดทางเล็กๆ ออกสายหนึง

ในหัวของมู่หรงเย่เต็มไปด้วยความมึนงง เขากับองค์รัชทายาทแห่งหนานเจียงเป็ นศัตรู ค่อู าฆาตต่อ


กัน องค์รัชทายาทแห่งหนานเจียงทีเห็นพวกเขาเข้า แม้วา่ จะไม่รีบสังหารให้ตกตาย แต่ก็สมควรทีจะ
จับกุมตัวกลับไปสอบสวนทีค่ายทหาร เหตุใดถึงได้ปล่อยพวกเขาไปได้อย่างง่ายดายเช่นนีเล่า......

“ไปเถอะ !” มู่หรงเสวียกล่าวขึนอย่างราบเรี ยบ มองไปทีกงเชียนอวีด้วยสายตาซับซ้อน แล้วหมุน


กายค่อยๆ เดินออกไปด้านนอก แต่ก็อดถอนหายใจออกมาในใจมิได้ นางกับกงเชียนอวีได้พบเจอ
กันสองครา ทังสองคราเป็ นเขาทีช่วยเหลือนางไว้ เช่นนันนางก็ติดหนีบุญคุณกับเขาไปสองครังแล้ว
......

กงเชียนอวียืนอยูใ่ นป่ า เอามือไพล่หลัง ชายเสือสี ครามพริ วไหวไปตามสายลม ดูลึกลับ สูงศักดิจน


ไม่อาจกล่าวออกมาเป็ นคําพูดได้ เมือมองไปทีเงาร่ างของมู่หรงเสวียทีค่อยๆ เดินไกลออกไป ดวงตา
สี ดาํ ขลับของเขาก็วบู ไหวด้วยรอยยิมจางๆ......

ความสนใจของแม่ทพั หนุ่มล้วนอยูท่ ีร่ างของมู่หรงเย่และมู่หรงเสวีย แววตาของเขาวูบไหวเย็นยะ


เยือกคว้าเอาธนูขึนมาคันหนึง วางลูกธนูแล้วดึงสายออกอย่างรวดเร็ ว ลูกศรอันคมกริ บพุ่งตรงไปที
ตําแหน่งหัวใจด้านหลังของมู่หรงเสวียอย่างไม่ปรานี......
“ฟ้ าว !” เสี ยงเสี ยดสี อนั รุ นแรงของสายลมดังเข้าหู มู่หรงเสวียพลิกตัวเบียงกายหันไปมอง สายตา
เห็นลูกศรอันคมกริ บทีพุ่งทะยานเข้ามากลางอากาศ อยูใ่ กล้เพียงตรงหน้า นางคิดอยากจะหลบก็คง
ไม่ทนั การณ์เสี ยแล้ว......

คิวเรี ยวขมวดขึนเตรี ยมทีจะหลบการโจมตี พอดีกบั ทีกงเชียนอวีสะบัดมือปล่อยศรไฟออกมาสาย


หนึง ลูกศรอันคมกริ บทีอยูใ่ กล้ตรงหน้าพริ บตาก็ถกู เผาไหม้จนสลายกลายเป็ นผุยผง แล้วศรไฟทียัง
หลงเหลือก็พุ่งตรงเข้าไปทีคอของแม่ทพั หนุ่มนายนันอย่างไม่ปรานี

ได้ยนิ เสี ยง ‘ฉึ ก’ ดังขึนเสี ยงหนึง แม่ทพั หนุ่มนายนันยังคงอยูใ่ นท่วงท่าการง้างธนู ร่ างกายแข็งทือ


ไม่ขยับเคลือนไหวแต่อย่างใด หลังจากนันเพียงครู่ หนึงก็เกิดเสี ยง ‘ตุบ’ ดังขึนเสี ยงหนึง ร่ างของเขา
ล้มกองลงไปกับพืน ดวงตาเบิกโพลง แววตาวูบไหวด้วยความเกรี ยวกราดและไม่ยนิ ยอม.....

“ข้ากล่าวไปแล้วว่าให้ปล่อยพวกเขาไป !” สี หน้าของกงเชียนอวีมืดครึ ม กล่าวเน้นขึนทีละคํา


นําเสี ยงอันเย็นยะเยือกก้องกังวานไปทัวบริ เวณ จนร่ างกายของพวกทหารกระตุกสันไหว แต่ละคน
พากันก้มหน้าลงแม้แต่ลมหายใจแรงๆ ก็ไม่กล้าหายใจออกมา

องค์รัชายาทควบคุมทังสามทัพ คําสังทีเขาเปล่งออกมาล้วนเป็ นคําสังทางการทหาร แต่ท่านแม่ทพั


กลับกล้าขัดคําสังของเขาต่อหน้าผูค้ นเช่นนี ตามกฎของวินยั ทหารแล้วแน่นอนว่าสมควรถูก
ประหาร !
“คุณหนูมู่หรง เสี ยวโหวเหย่ !” เสี ยงเรี ยกอันร้อนใจดังขึน มู่หรงเสวียเงยหน้ามองไปก็เห็นว่าเป็ นอู๋
เหินทีก้าวเดินเข้ามาอย่างเร่ งรี บ

คุณชายโอวหยางทีอยูใ่ นชุดสี ขาวปรากฏขึนด้านหน้าค่อยๆ เดินมาทางพวกนาง แววตาของเขาวูบ


ไหวไปด้วยความรู้สึกนึกคิดทีนางไม่อาจเข้าใจได้......

“เสี ยวโหวเหย่เป็ นอะไรไป” เมืออู๋เหิ นมาถึงด้านหน้าของทังสองคน มองไปทีมู่หรงเสวียทีกําลัง


พยุงมู่หรงเย่ ก็ชะงักไปครู่ หนึง

มู่หรงเย่ยมเก้
ิ อเขินออกมาเล็กน้อย “ขาถูกฟันไปหลายดาบ ตอนนียังไม่สามารถเดินได้สะดวก ไม่มี
อะไรน่าเป็ นห่วง......”

อู๋เหิ นพยักหน้าอย่างเข้าใจ พร้อมกล่าวขึนเสี ยงเบา “คุณหนูม่หู รงให้ขา้ น้อยพยุงเสี ยวโหวเหย่เถิด”

“ตกลง” มู่หรงเสวียพยักหน้าส่ งมู่หรงเย่ให้กบั อู๋เหิ น อู๋เหินนันตัวสูงกว่านาง อีกทังพละกําลังยัง


มากกว่านาง ให้เขาพยุงมู่หรงเย่แน่นอนว่าจะเหมาะสมกว่า......

คุณชายโอวหยางก้าวเดินมาทีด้านหน้า กุมเข้าไปทีมือของมู่หรงเสวียเบาๆ ดวงตาสี ดาํ ขลับวูบไหว


ด้วยความประหลาดใจ “กลับไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหน ช่าหาได้ยากยิงนัก......”
ใบหน้าเรี ยวงามของมู่หรงเสวียพริ บตามืดครึ มลง “อะไรทีเรี ยกว่าหาได้ยากนัก ข้านันได้รับบาดเจ็บ
น้อยมากมาโดยตลอดต่างหากเล่า เมือครู่ ตอนทีอยูใ่ นป่ า หลังจากทีข้ากับเจ้าพลัดหลงกันครู่ หนึงก็
เดินมาถึงทีนีแล้ว แต่กลับกันเจ้าสองคนติดอยูใ่ นป่ านานขนาดนันไม่ใช่วา่ บังเอิญพบเข้ากับเรื อง
ลําบากใหญ่หลวงอะไรหรอกหรื อ......”

“ก็แค่ควันกับต้นไม้ทีมีพิษและโคลนดูดเท่านัน ไม่นบั ว่าเป็ นเรื องลําบากยุง่ ยากอะไร......” คุณชาย


โอวหยางกล่าวบรรยายเสี ยงเรี ยบ ขณะเดียวกันก็ลากมู่หรงเสวียเดินไปด้านหน้าอย่างช้าๆ......

“ในเมือเจ้าคิดว่ามันไม่ได้ลาํ บากอะไร เช่นนันก็รบกวนเจ้าไปเดินนําทางอยูด่ า้ นหน้าด้วย......” มู่


หรงเสวียเบ้ปาก ยกรอยยิมแปลกๆ ขึน ควันพิษ ต้นไม้พิษ โคลนดูดล้วนเป็ นกับดักทีเอาไว้ใช้ฆ่า
สังหารคน ตอนนี ไม่ตอ้ งกล่าวถึงควันพิษกับต้นไม้พิษ แค่โคลนดูดก็ถูกวางเอาไว้ทวทั
ั งผืนป่ า หาก
ไม่ทนั ระวังก็จะต้องตกลงไปอย่างแน่นอน เมือครู่ คุณชายโอวหยางก็เพิงจะเจอกับบ่อโคลนดูดเล็กๆ
นางนันไม่เชือว่าเขาจะสามารถหลบได้ทงหมด......

“ตกลง” คุณชายโอวหยางพยักหน้าดึงมู่หรงเสวียเดินเข้าไปในดงไม้

กงเชียนอวียืนอยูท่ ีเดิม สายตามองไปทีมือทีจับเข้าด้วยกันของทังสอง รวมถึงแผ่นหลังทีค่อยๆ


ห่างไกลออกไป ทันใดนันดวงตาอันกระจ่างใสของเขาก็กลายเป็ นเคร่ งขรึ ม......
เมือมู่หรงเสวียเข้าไปในป่ า ก็สามารถก้าวเดินไปด้านหน้าโดยไร้ซึงการขัดขวางใดๆ สองเค่อหลัง
จากนันก็เดินมาถึงชายขอบของป่ าผืนนัน ห่ างจากพวกต้นไม้อนั หนาแน่นออกไปก็สามารถมองเห็น
แม่ทพั จางและพวกรองแม่ทพั ทีมีสีหน้าร้อนใจแล้ว

มู่หรงเสวียยกมุมปากขึน แค่เข้าไปในป่ าครังเดียวเพียงเท่านัน คุณชายโอวหยางก็สามารถแยกแยะ


ระหว่างพืนแข็งกับโคลนดูดได้ เดินออกนอกเส้นทางสักนิดก็ไม่มี ช่างเกินความคาดหมายของนาง
ยิงนัก......

แม่ทพั จางทียืนอยูท่ ีด้านนอกของผืนป่ า พอเห็นเข้ากับอู๋เหิ นทีพยุงมู่หรงเย่ ทันใดนันแววตาของเขาก็


เปล่งประกาย เร่ งเดินออกมาด้านหน้า “มู่หรงเย่ เจ้าไม่เป็ นอะไรช่างดียงนั
ิ ก แล้วคนอืนๆ เล่า”

สี หน้าของมู่หรงเย่มืดครึ ม กล่าวขึนเสี ยงตํา “มีเพียงข้าทีรอดชีวติ มาได้ คนอืนๆ ล้วนตายไปในกับ


ดักกันหมดแล้ว......”

เพียงพริ บตาใบหน้ายินดีของแม่ทพั จางก็กลายเป็ นเงียบขรึ ม มองไปทีผืนป่ าทีมืดมิดเงียบสงบ แล้ว


ั แรกแล้ว แต่เมือพอได้ฟังจากปากของมู่หรงเย่
ถอนหายใจออกมาหนักๆ เขาเดาถึงผลลัพธ์นีได้ตงแต่
เอง เขาก็ยงั อดรู้สึกหดหู่เสี ยใจมิได้......
“เจ้ากลับมาได้ก็ดีแล้ว ในป่ ากับดัก......เป็ นเช่นไรบ้าง” ประโยคด้านหลังนันเป็ นคําถามทีจงใจถามมู่
หรงเสวียกับคุณชายโอวหยาง

“กับดักมากมายช่างร้ายกาจนัก ไม่ง่ายเลยทีจะต่อกรด้วย......” มู่หรงเสวียกล่าวเสี ยงตํา ดวงตาสี ดาํ


ขลับวูบไหวด้วยความหนักใจอย่างทีไม่เคยมีมาก่อน......
ตอนที 242 ส่ งยา
ดวงตาของแม่ทพั จางวูบไหว “ทีพูดเช่นนีหมายความว่าอย่างไรหรื อ”

“ในป่ ามีบ่อโคลนดูดมากมายวางเอาไว้ ไม่เหมาะทีจะให้ทหารจํานวนมากเคลือนผ่านไปได้ และ


ถึงแม้วา่ จะส่ งทหารหน่วยก้านดีไปเท่าไหร่ ก็จะถูกทหารหนานเจียงทีเฝ้ าอยูร่ อบนอกป่ าจับตัวไปอยู่
ดี......” มู่หรงเสวียกล่าวขึนเสี ยงตําแววตาวูบไหว

กับดักในป่ ากับทหารหนานเจียงทีเฝ้ าอยูร่ อบนอกดูแล้วเหมือนจะไม่มีอะไร แต่จริ งๆ แล้วล้วนถูก


จัดวางเอาอย่างเป็ นระบบระเบียบมากนัก ทําให้ไม่วา่ อย่างไรทหารชิงเหยียนก็ไม่สามารถเดินผ่าน
ป่ าแห่งนี ไปได้ ใช้คนแค่เพียงไม่กีร้อยคนก็สามารถขัดขวางทัพสามแสนนายไว้อย่างอยูห่ มัดเช่นนี
กงเชียนอวีช่างเป็ นคนทีเชียวชาญในกลศึกยิงนัก

สายตาของแม่ทพั จางมองไปทีป่ ากับดัก คิวขมวดแน่นเข้าหากัน หรื อว่าเขาจะผ่านป่ านีไปไม่ได้


จริ งๆ จนต้องถูกขวางทัพเอาไว้ทีนีอย่างยาวนาน......

สายลมห่ าหนึงได้พดั ผ่าน แฝงไว้ดว้ ยความหนาวเหน็บเย็นยะเยือกจางๆ ชัดเจนว่าตอนนีอยูใ่ นฤดู


ร้อนทีอบอ้าวแต่กลับทําให้ผคู้ นรู้สึกหนาวเหน็บได้ รองแม่ทพั นายหนึ งหลังเหงือเย็นออกมา เร่ ง
กล่าวขึน “แม่ทพั จาง เวลาก็ไม่นอ้ ยแล้ว พวกเรากลับไปทีค่ายทหารก่อนแล้วค่อยหารื อแผนการให้
รอบคอบเถิดขอรับ !”
“ก็ดี” แม่ทพั จางพยักหน้า แล้วหมุนกายก้าวเดินอาดๆ ออกไปด้านนอก รองแม่ทพั และพวกทหาร
ติดตามก็พากันตามติดไปด้านหลัง

มู่หรงเสวียเองก็เดินออกจากป่ าเช่นกัน ค่อยๆ เดินกลับไปทีค่ายทัพทีใหญ่โตเต็มไปด้วยกลินไอของ


การฆ่าฟันอย่างช้าๆ

ดินโคลนบนร่ างของมู่หรงเย่กบั อู๋เหิ นล้วนแห้งกรังจนปล่อยกลินเหม็นทียากจะทานทนออกมา คิว


ของทังสองขมวดเข้าเป็ นปม เร่ งรี บก้าวเดินไปอาบนําผลัดเปลียนเสื อผ้าภายในกระโจมด้านใน

แล้วอยูๆ่ สวินเฟิ งก็ปรากฏตัวขึนทีมุมขวาด้านหน้า เขายืนกระดาษแผ่นหนึงออกมา “คุณชาย เมือง


หลวงส่ งนกพิราบสื อสารมาขอรับ !”

คุณชายโอวหยางตอบรับเบาๆ รับเอากระดาษแผ่นนันมาคลีอ่าน สายตากวาดมองข้อความบน


กระดาษแผ่นนันอย่างรวดเร็ ว เพียงพริ บตาใบหน้าหล่อเหลาก็กลายเป็ นเคร่ งขรึ ม......

“เกิดเรื องอะไรขึนหรื อ” มู่หรงเสวียเบิกตาขึนจ้องมองไปทีเขา


“เรื องยุง่ ยากทัวไปเท่านัน......” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนช้าๆ สายตาอันลึกลําดังเดิมยังคงกวาดมอง
ไปมาบนกระดาษแผ่นนัน

มู่หรงเสวียกะพริ บตา คุณชายโอวหยางพูดว่าเรื องราวยุง่ ยาก เช่นนันเรื องราวก็คงไม่ได้ซบั ซ้อนเป็ น


พิเศษอะไรนัก เขาเพียงคนเดียวก็สามารถจัดการกับมันได้ เช่นนันนางก็จะไม่เข้าไปยุง่ เกียวกับ
เรื องราวพวกนันแล้ว.....

สายลมห่ าหนึงค่อยๆ พัดผ่านนําพามาด้วยความอบอ้าวอันบางเบา มู่หรงเสวียทีโดนลมร้อนรู้สึกไม่


ค่อยสบายตัวเท่าไรนัก นางค่อยๆ ออกเดินไปทีใต้ร่มไม้ทีอยูไ่ ม่ไกล กวาดมองไปทีบรรยากาศ
โดยรอบอย่างช้าๆ......

“มู่หรงเสวีย มู่หรงเสวีย......” เสี ยงเรี ยกอันคุน้ เคยเสี ยงหนึ งดังเข้าหู เมือมู่หรงเสวียมองตามเสี ยงไปก็
เห็นกงเชียนอวีในชุดสี ดาํ ค่อยๆ ร่ อนลงบนพืนอย่างเงียบๆ ก้าวยาวๆ เดินมาทางนาง มุมปากของเขา
ยกขึนด้วยรอยยิมอันสง่างาม

มู่หรงเสวียตืนตะลึง มองไปทีรอบด้านทีไม่มีคน แล้วเร่ งก้าวเดินไปทีด้านหน้าของกงเชียนอวี จับ


ไปทีแขนของเขาแล้วกระชากเขาเข้าไปในมุมทียากจะสังเกตเห็น พร้อมทังกล่าวขึนเสี ยงตํา “เจ้ามา
ได้อย่างไร”
“ข้าเห็นทีแขนของเจ้าเหมือนจะได้รับบาดเจ็บ ข้าก็เลยเอายามาให้เจ้า......” กงเชียนอวีพูดขึนเสี ยง
เบา หยิบเอาขวดกระเบืองสี เขียวเล็กๆ ออกมาขวดหนึง กลินหอมของยาโชยออกมาจากจุกปิ ดจางๆ
บ่งบอกว่ายาด้านในนันเป็ นยาดี

“เจ้ามาทีนีก็เพือทีจะส่ งยาให้ขา้ อย่างนันหรื อ” มู่หรงเสวียเบิกตากว้างขึนจ้องมองไปทีเขา

กงเชียนอวีพยักหน้า “ไม่ผิด”

มู่หรงเสวียแหงนหน้ามองฟ้ าหมดวาจาจะว่ากล่าว เขาไม่รู้หรื ออย่างไรว่าทีนีเป็ นค่ายทหารของศัตรู


รอบด้านล้วนเต็มไปด้วยคนทีต้องการเอาชีวติ เขา เพือทีจะส่ งยาขวดหนึ งให้นาง เขาถึงกับบุกเข้ามา
อย่างอุกอาจเช่นนี......

“ข้ามียาสมานแผลมากมาย เจ้าไม่จาํ เป็ นจะต้องนํามาให้......”

“ยาสมานแผลขวดนีเป็ นของวังหลวงทีทําขึนจากสูตรลับ สรรพคุณยอดเยียมนัก ไม่สามารถหาได้


จากทีไหนอีก......” กงเชียนอวีกล่าวขึนเสี ยงเรี ยบ ยืนเอายาขวดนันไปทีด้านหน้าของมู่หรงเสวีย
คล้ายกับว่าถ้านางไม่รับเอาไว้เขาก็จะไม่เลิกรา
มู่หรงสวียถอนหายใจออกมาอย่างหมดคําพูด ยืนมือออกไปรับเอาขวดยาของเขาเอาไว้ แล้วกวาดตา
มองไปทีรอบด้านอย่างละเอียด เมือแน่ใจแล้วว่ารอบด้านไม่มีคนนางก็ผลักกงเชียนอวีออกไปด้าน
นอกอย่างรวดเร็ว “ข้ารับยาไว้แล้ว เจ้าไปเถอะ รี บไปเถอะ......”

กงเชียนอวีขมวดคิวหันกลับไปมองทีมู่หรงเสวีย ดวงตาอันกระจ่างใสเต็มไปความน้อยเนือตําใจ
“ข้าเหาะมาตังนานกว่าจะถึงทีนี รู้สึกล้าอยูบ่ า้ ง เจ้าจะไม่เชิญข้านังพักดืมชาสักหน่อยหรื อ”

ทันใดนันหน้าผากของมู่หรงเสวียก็ปรากฏเส้นดําๆ สามสาย ทีนีเป็ นค่ายทหารของชิงเหยียน ค่าย


ทัพของชิงเหยียน ศัตรู สามแสนอยูใ่ กล้แค่เอือม ไม่วา่ เวลาใดก็สามารถเข้ามาเอาชีวติ ของเขาได้ เขา
ไม่รีบจากไปไม่พอ แต่กลับยังคิดทีจะนังดืมชาอยูท่ ีนีอีก......

“วันนีดึกเกินไปแล้ว ไม่ใช่เวลาทีเหมาะสมทีจะมานังดืมชา ไว้วนั อืนข้าจะเชิญเจ้าไปดืมชาทีโรงนํา


ชาก็แล้วกัน !”

“จริ งหรื อ” กงเชียนอวีหันมองไปทีมู่หรงเสวีย ดวงตาอันสดใสของเขาเปล่งประกายระยิบระยับ


“ตกลงตามนี !”

“ตกลงตามนี !” มู่หรงเสวียพยักหน้ารัวๆ กล่าวขึนเสี ยงตํา “เจ้ารี บไปเถอะ”


“ได้ !” กงเชียนอวีพยักหน้ามุมปากยกยิมขึนด้วยรอยยิมอันเบิกบานใจ หมุนกายแล้วก้าวเบาๆ เดิน
ออกไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ ว

เขาเพิงจะก้าวออกไปได้ไม่ทนั ไร ทันใดนันก็เห็นว่ารอบด้านทีเมือครู่ ยงั ว่างเปล่าก็ปรากฏร่ างของ


ทหารชิงเหยียนจํานวนมากมายนับไม่ถว้ นเสี ยแล้ว ในมือของพวกเขาถือหอกยาวล้อมกักกงเชียนอวี
เอาไว้ดา้ นใน แม่ทพั จางพร้อมกับทหารติดตามหลายนายเดินออกมาจากมุมมุมหนึง มองไปทีกงเชีย
นอวีด้วยสายตาเย็น “องค์รัชทายาทกงเสด็จมาเยือน พวกเราเสี ยมารยาทแล้วทีต้อนรับได้ไม่ดีนกั
โปรดอภัยด้วย !”

มู่หรงเสวียมองไปทีพวกทหารจํานวนมากมาย พลางถอนหายใจออกมาอย่างเหนือยใจ นาง


ระมัดระวังหลบซ่อนเขาแล้ว แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะยังถูกคนค้นพบได้ เช่นนันก็คงต้องโทษกงเชีย
นอวีทีไม่ได้ปิดบังการมาของตัวเองแม้แต่นอ้ ย แต่กลับร่ อนลงมาจากท้องฟ้ าเสี ยโจ่งแจ้งขนาดนัน
อีกทังยังเดินเพ่นพ่านไปมาในค่ายทหารอย่างไม่เกรงกลัว หากไม่ถูกจับได้น่ะสิ ถึงจะแปลก......

ทหารของแม่ทพั จางล้วนผ่านการฝึ กฝนมาเป็ นพิเศษ มีความสามารถทีเก่งกาจนัก รอบด้านมีทหาร


อยูม่ ากมายเช่นนัน ไม่รู้วา่ กงเชียนอวีจะสามารถหนีรอดจากเงือมมือของแม่ทพั จางไปได้อย่าง
ปลอดภัยหรื อไม่......
เมือหันหน้ามองไปทีกงเชียนอวี ก็เห็นเขากําลังยกยิมมุมปากขึนอย่างสง่างาม ก้าวเดินไปด้านหน้า
อย่างองอาจ ดวงตาอันกระจ่างใสนันกําลังมองไปทีด้านหน้า คล้ายกับไม่ได้มองเห็นพวกทหารกับ
แม่ทพั จางทีอยูร่ อบด้านแม้แต่นอ้ ย......

ทันใดนันสี หน้าของแม่ทพั จางก็มืดครึ มลง เขาเคยได้ยนิ มาตังนานแล้วว่าองค์รัชทายาทของหนาน


เจียงนันถือตนและหยิงทะนงยิงนัก ในสายตาไม่เคยเห็นหัวผูใ้ ด วันนีได้พบเจอด้วยตัวเอง ข่าวลือคง
ไม่ได้เป็ นเรื องเท็จแน่นอน

เขานําพวกทหารมากักล้อมกงเชียนอวีเอาไว้เช่นนีก็ไม่ได้คิดจะพูดคุยอะไรกับเขาให้มากมายอยูแ่ ล้ว
เขาจะไม่สนใจตนก็ไม่เป็ นไร “ใครทีจับตัวกงเชียนอวีได้ ข้าจะปูนบําเหน็จรางวัลให้อย่างงาม !”

กงเชียนอวีเป็ นผูบ้ ญั ชาการของหนานเจียง ขอเพียงจับเขาได้ พวกหนานเจียงก็จะกลายเป็ นมังกรไร้


หัว กับดักทีเขาวางเอาไว้ในป่ ากับดักก็จะไร้การควบคุม เมือถึงตอนนันทหารสามแสนนายของชิงเห
ยียนก็จะสามารถอาศัยโอกาสนันบุกฝ่ าเข้าไป และเคลือนทัพผ่านป่ ากับดัก บุกเข้าโจมตีเขตแดน
ของหนานเจียง......

“ขอรับ !” พวกทหารรับคําสัง หอกในมือง้างแทงเข้าไปทีกงเชียนอวีอย่างดุดนั ......


เมือเห็นการโจมตีทีพุง่ เข้ามาหาจากรอบทิศทาง กงเชียนอวีก็ยกมุมปากขึนด้วยรอยยิมเหยียดหยาม
ํ นเข้มพุ่งออกไปจากฝ่ ามือของเขาสายแล้วสายเล่า โจมตี
ทันใดนันก็สะบัดมือเบาๆ เปลวไฟสี นาเงิ
เข้าใส่ พวกทหารอย่างไม่ปรานี

ได้ยนิ เสี ยง ‘ปัง ปั ง ปั ง !’ ดังขึนช่วงหนึง พวกทหารถูกโจมตีจนกระเด็นกระดอนออกไปเจ็ดแปด


เมตร ร่ างกระแทกลงกับพืนอย่างแรง เสี ยงอักดังขึนเสี ยงหนึง พวกเขาพากันกระอักเลือดออก
มาแล้วปิ ดตาลง หมดสิ นซึ งลมหายใจ......

สี หน้าของแม่ทพั จางเขียวคลํา เหล่าทหารทีเขาลงทุนลงแรงบ่มเพาะมา แม้แต่กระบวนท่าเดียวของ


กงเชียนอวีก็ยงั รับเอาไว้ไม่ได้ ช่างเลวร้ายทีสุ ด !

แววตาของเขาเปล่งประกายเหยียบเย็น กระโดดขึนจากพืน ดาบยาวทีแฝงด้วยประกายวูบไหวเย็นยะ


เยือกในมือพุ่งออกแทงเข้าไปทีกงเชียนอวี......
ตอนที 243 เบาะแสขององครักษ์ เงา
ํ นทึบพุ่งออกไป
ดวงตาของกงเชียนอวีสะท้อนแววหมดความอดทน นิวมือดีดเบาๆ ลูกศรไฟสี นาเงิ
กระแทกเข้าทีดาบยาวของแม่ทพั จางอย่างแรง แรงสะเทือนทําให้แม่ทพั จางต้องกระเด็นไปไกลห้า
หกเมตร ตกกระแทกไปทีพืนจนร่ างโงนเงนไปมา.......

กงเชียนอวีดีดปลายเท้าเบาๆ เพียงพริ บตาร่ างโปร่ งราวเมฆก้อนหนึงก็ลอยขึนไปกลางอากาศ มอง


ไปทีมู่หรงเสวียทีอยูบ่ นพืนแวบหนึง นัยน์ตาดําสนิทส่ องประกายวับวาว ปากเดียวอ้าเดียวหุบ กล่าว
ทิงเพียงสารทีไร้เสี ยงว่า “วันหน้าข้าค่อยมาเยียมเจ้าอีก.....”

ยังจะมาอีกหรื อ ! เขายังจําได้หรื อไม่วา่ เขาเป็ นผูบ้ ญั ชาการรบของหนานเจียง เป็ นศัตรู ตวั ฉกาจของ
พวกทหารชิงเหยียน เขามาค่ายทัพชิงเหยียนครังหนึง ก็ตอ้ งประมือกับทหารชิงเหยียนครังหนึง ป่ วน
ทีนีจนคนสับสน พวกม้าพลิกตลบ...

มู่หรงเสวียถอนหายใจออกมาเบาๆ เงยหน้าขึนไปมอง เห็นเพียงกงเชียนอวีทีบินห่างออกไปไกลลิบ


แล้ว ชุดดําโบกพลิวกลางอากาศ คล้ายกับดอกบัวสี ดาํ ทีเบ่งบาน

“ตามไป !” สี หน้าของแม่ทพั จางเขียวคลํา รี บนําทหารคนสนิทเหาะทะยานขึนติดตามกงเชียนอวีไป


เสี ยงเร่ งฝี เท้าดังขึนอย่างต่อเนืองรวดเร็ ว ค่ายทัพทีเคร่ งครัดเพียงพริ บตาก็โล่งไปเกินครึ ง........
“วันหลังค่อยมาเยียมเจ้างันหรื อ เจ้าสนิทกับกงเชียนอวีมากหรื อ !” เสี ยงทุม้ กังวานดังแว่วมา เป็ น
คุณชายโอวหยางทีเดินเข้ามาอย่างช้าๆ ชายเสื อสี หิมะสะบัดพลิวราวกับปี กผีเสื อ สะท้อนความสูงส่ ง
สง่างามของเขาอย่างเด่นชัด

นัยน์ตาสี ดาํ สนิทราวกับเม็ดนิลส่องประกายวาววับ สี หน้าราวกับจะยิมไม่ยมิ มู่หรงเสวียทีได้เห็น


นันพลันหนังตากระตุกถีรัว ในใจเกิดลางสังหรณ์ทีไม่ดีขึนมา พูดกล่าวออกมาอย่างติดๆ ขัดๆ “คือ
เอ่อ.....หากนับรวมกับเมือครู่ แล้ว พวกเราเจอกันได้เพียงแค่สามครังเท่านัน ไม่ถือว่าสนิทกันมากนัก
.....”

“ไม่ถือว่าสนิทมาก แต่ถึงกับทําให้เขายอมเสี ยงครังใหญ่ ลอบเข้าค่ายของทัพชิงเหยียนเพือมาส่ งยา


ให้เจ้า.....” คุณชายโอวหยางเลิกคิวมองนาง เห็นได้ชดั ว่าไม่เชือคําพูดของนาง

นัยน์ตาของมู่หรงเสวียเปล่งประกายวูบไหวอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ “ ข้าเองก็ไม่รู้วา่ ทําไมจู่ๆ เขาถึง


ได้มาทีนี ......คงอาจจะเห็นว่าข้าเป็ นเพือนสนิ ทแล้ว.......”

“คนทัวหล้าต่างรู้วา่ องค์รัชทายาทแห่งหนานเจียงนันถือตัวหยิงทะนง ไม่เห็นผูใ้ ดในสายตา ต่อให้


อยูต่ ่อหน้าฮ่องเต้แห่งหนานเจียง เขาก็ยงั ทําตัวตามอําเภอใจ แต่กลับกันเขากลับนับเจ้าทีเพิงพบหน้า
กันได้สามครังเป็ นเพือนเช่นนี ช่างหาได้ยากยิงนัก......” คุณชายโอวหยางมองนางเรี ยบๆ นัยน์ตาสี
นิลส่องแสงวาววับ
ใบหน้ากระจ่างใสของมู่หรงเสวียดําคลําลง จ้องมองไปทีเขาอย่างไม่สบอารมณ์นกั “คุณชายโอวห
ยาง เข้าใจให้กระจ่างด้วยว่าเป็ นเขามาส่ งยาให้ขา้ เอง ไม่ใช่ขา้ ไปส่ งยาให้เขา หากท่านอยากรู้สาเหตุ
ทีแท้จริ ง ก็ไปสอบถามกงเชียนอวีทีค่ายทัพหนานเจียงเอาเอง อย่าได้มากวนใจข้า !”

เมือทิงท้ายคําพูดอย่างโกรธขึง มู่หรงเสวียก็หมุนกาย เดินไปข้างหน้าอย่างไม่มองย้อนกลับมาอีก


นัยน์ตากระจ่างใสลุกวาวไปด้วยความโมโห นางเพียงแค่พดู กับกงเชียนอวีไม่กีประโยคเท่านัน แต่
คุณชายโอวหยางก็มาโมโหใส่นางอย่างไร้เหตุผลเช่นนี ทําตัวได้แปลกประหลาดนัก......

เดินเข้าไปในกระโจมอย่างรวดเร็ ว นางสะบัดผ้ากระโจมเสี ยงดัง “พรึ บ” เสี ยงสะบัดดังก้องเสี ยจน


ทหารทีเดินตรวจตราต่างก็พากันสะดุง้ ตกใจ.....

เมือมองผ้ากระโจมทีสันไหวลู่ลง นัยน์ตาดําสนิทวาววับของคุณชายโอวหยางก็หรี เล็กลง นางคง


โกรธเขาเข้าแล้วจริ งๆ......

มู่หรงเสวียเดินเข้าไปในกระโจม เข้าไปอาบนําหลังฉากกัน เปลียนเสือผ้า กินขนมของว่างอีกนิด


หน่อย จากนันก็นอนเอนกายลงไปบนเตียงอย่างโมโห สักพักความง่วงก็เข้ามาจู่โจมอย่างรวดเร็ ว
ในขณะทีกําลังสะลึมสลืออยูน่ นั มู่หรงเสวียก็รู้สึกได้วา่ มีคนนังลงข้างๆ กายของนาง กลินหอมของ
ไม้ไผ่จางๆ ทีเจือปนด้วยไอร้อนจากนําอุ่นโชยเข้าจมูก นางขมวดคิวอย่างไม่พอใจ พลิกตัว หันหลัง
ให้กบั คุณชายโอวหยาง.......

เมือมองไปทีใบหน้าขัดเคืองใจของนาง คุณชายโอวหยางก็ยมบางๆ
ิ พูดขึนลอยๆ ว่า “สวินเฟิ ง
นอกจากจะมาส่งจดหมายแล้ว ยังมาส่ งข่าวอีกเรื องหนึง เจ้าอยากฟังหรื อไม่”

“ไม่ฟัง !” มู่หรงเสวียตอบอย่างไม่ตอ้ งคิด ปฏิเสธออกมาอย่างทันที เสี ยงใสกระจ่างนันเต็มไปด้วย


ความขึงโกรธทีปิ ดไม่มิด

“อย่างนันหรื อ เช่นนันข้าก็จะบอกสวินเฟิ ง ไม่ตอ้ งตรวจสอบเรื ององครักษ์เงาต่อไปแล้ว....” คุณชาย


โอวหยางพูดเรี ยบๆ ลุกขึนเตรี ยมเดินออกไป

มู่หรงเสวียชะงักไปครู่ หนึ ง แล้วลืมตาขึนอย่างรวดเร็ว ยืนมือไปรังชายเสื อคุณชายโอวหยางไว้ มอง


เขาด้วยดวงตาทีเป็ นประกาย “ สื บได้ข่าวอะไรบ้าง”

“เจ้าไม่อยากฟังไม่ใช่หรอกหรื อ” คุณชายโอวหยางมองนางแวบหนึง หางตาแสดงความเย้ยเยาะ


อย่างเต็มที
“ตอนนีข้าอยากฟังแล้ว รี บพูดมาเร็ วเข้า !” มู่หรงเสวียจ้องมองไปทีคุณชายโอวหยาง มือขาวนวล
ของนางยืนเข้าไปในแขนเสื อของเขา หยิกแขนของเขาอย่างเต็มแรง

ความเจ็บแล่นแปลบขึนมาจากบริ เวณแขน แต่คุณชายโอวหยางไม่ได้ใส่ ใจ พูดเพียงเรี ยบๆ ว่า “สวิน


เฟิ งพบร่ องรอยขององครักษ์เงาทีมีฝีมือร้ายกาจทีหมิงโจว พลังยุทธ์ วิชาตัวเบาของพวกเขาไม่ได้
ด้อยกว่าองครักษ์เงาของวังเซี ยวเหยาอ๋ องเลย......”

ดวงตาอันใสกระจ่างของมู่หรงเสวียหรี ลง พลังยุทธ์ขององครักษ์เงาวังเซี ยวเหยานันสูงส่งลําเลิศ


แม้แต่องครักษ์เงาของวังจิงอ๋ องก็ยงั ด้อยกว่าอยูค่ รึ งขัน ในโลกนีทียังพอเทียบเคียงได้ เห็นจะมีแต่
องครักษ์เงาทีมู่หรงเยว่ฝึกฝนขึนมา

สนามรบทีมู่หรงเยว่ตกตายคืออิงโจวทีห่างออกไปไกลร้อยลี ถ้าหากหลังจากทีเขาตายไป พวก


องครักษ์เงาทีเหมือนกับมังกรไร้หวั เลือกทีจะอยูต่ ่อ ก็ตอ้ งเลือกเมืองทีเจริ ญอย่างหมิงโจวเป็ นแน่
.......

มู่หรงเสวียคิดในใจ แล้วพลิกตัวลงจากเตียง หยิบรองเท้าสานมาสวมใส่ การเคลือนไหวดู


คล่องแคล่วไหลลืน คุณชายโอวหยางมองพลางขมวดคิวเบาๆ “เจ้าจะทําอะไร”
“ข้าจะไปเมืองหมิงโจวดูสักหน่อย.....” มู่หรงเสวียพูดเรี ยบๆ ล้างมือในอ่างสําริ ดทีหน้าประตูอย่าง
รวดเร็ ว

คุณชายโอวหยางมองความมืดด้านนอกหน้าต่าง พลางเอ่ยออกมาเรี ยบๆ “ตอนนีก็ยามจือแล้ว ฟ้ ามืด


เกินไป ประตูเมืองหมิงโจวก็ปิดแล้ว ต่อให้เจ้าถ่อไปถึงเมืองหมิงโจว ก็ไม่สามารถเข้าเมืองได้”

มู่หรงเสวียไม่ใส่ ใจ “ช่วงนีฟ้ าสว่างเร็ว ทีนีกับเมืองหมิงโจวก็ห่างกันไกลนัก พวกเราเริ มเดินทาง


ตอนนี เมือฟ้ าสว่างก็จะถึงเมืองหมิงโจวพอดี......”

มู่หรเสวียพูดเบาๆ หยิบหวีขึนมาหวีผมสี ดาํ ขลับของตน ในกระโจมเงียบสงัด ไม่มีเสี ยงตอบจาก


คุณชายโอวหยางไปช่วงหนึง

เมือมู่หรงเสวียเงยหน้ามองอย่างงุนงง ก็เห็นเพียงคุณชายโอวหยางตะแคงร่ างนอนลงบนเตียง ตาทัง


สองข้างปิ ดสนิท ลมหายใจแผ่วเบาสมําเสมอ เห็นได้ชดั ว่าเขาหลับสนิทไปแล้ว......

มู่หรงเสวียขมวดคิวแน่น วางหวีไม้ลง เดินไปทีข้างเตียงอย่างรวดเร็ ว คว้าจับไปทีแขนคุณชายโอวห


ยางแล้วเขย่าแรงๆ “คุณชาย เลิกนอนได้แล้ว ลุกขึนมา......”
“ข้าไม่ได้นอนมาเก้าวันเก้าคืนแล้ว.......” คุณชายโอวหยางพูดเรี ยบๆ นําเสี ยงอ่อนแรง เห็นได้ชดั ว่า
เขาเหน็ดเหนือยและอ่อนล้ามากเพียงใด ใต้ตาของเขาเห็นรอยดําคลําจางๆ บนผิวหนัง......

มู่หรงเสวียกะพริ บตาอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ เขาเร่ งรุ ดเดินทางเป็ นพันลีเพือมาช่วยเหลือนาง เก้าวัน


เก้าคืนไม่ได้พกั ผ่อนแม้แต่นอ้ ย กว่าจะพักผ่อนเงียบๆ ได้ก็ไม่ง่ายเลย เขาทีสามารถพักผ่อนได้อย่าง
สบายใจแล้ว หากนางไปรบกวนเขาอีก ก็ดูจะเกินไปเสี ยหน่อย แต่นางก็อยากทีจะไปถึงหมิงโจวให้
เร็ วๆ เพือไปดูให้ชดั ว่าคนพวกนันใช่องครักษ์เงาทีมู่หรงเยว่ฝึกขึนมาหรื อไม่.......

“คุณชาย พวกเรานังรถม้าไปเมืองหมิงโจว ข้าให้รถม้าวิงช้าหน่อย ท่านจะได้พกั ผ่อนไปบนรถด้วย


เป็ นอย่างไรเล่า” มู่หรงเสวียกระซิ บเบาๆ เชิงปรึ กษา จ้องมองไปทีเขาตาไม่กะพริ บ.......
ตอนที 244 ค้ นพบองครักษ์ เงา
มองดวงตาทีเต็มไปด้วยความหวังของมู่หรงเสวีย นัยน์ตาดําสนิทของคุณชายโอวหยางก็มีรอยยิม
จางๆ ทียากจะได้พบ แต่เพียงครู่ เดียวก็หายไป เขาทําท่าทางลําบากใจพลางเอ่ย “รถม้าก็คือรถม้า ต่อ
ิ าเพียงใด ก็ยงั สันสะเทือนอยูด่ ี.....”
ให้วงช้

ั ดกับผนังรถเอาไว้
“ถ้าอย่างนันพวกเราก็ปพู รมหลายๆ ผืนในรถม้า ด้านข้างรถม้าทังสองข้างก็ปกู นติ
หนาๆ แบบนีก็แทบจะไม่รู้สึกถึงแรงสะเทือนแล้ว.......” มู่หรงเสวียพูดช้าๆ ทีละคําอย่างออก
ความเห็น

“จริ งหรื อ” คุณชายโอวหยางเลิกคิวขึน ท่าทางเชือครึ งไม่เชือครึ ง

“แน่นอนว่าเป็ นความจริ ง ข้าจะหลอกเจ้าไปทําไมกัน เวลาไม่คอยท่าแล้ว พวกเราก็ออกเดินทางกัน


เถอะ !” มู่หรงเสวียพูดจายิมแย้ม คว้าจับไปทีแขนของคุณชายโอวหยาง กึงดึงกึงฉุ ดลากให้เขาลุก
ขึนมา ดันเขาออกจากกระโจม ขึนไปบนรถม้า

อู๋เหิ นบังคับรถม้าให้ออกเดินทางจากค่ายทัพ วิงทะยานไปบนทางหลวงอันราบเรี ยบ


มู่หรงเสวียนังอยูด่ า้ นหน้าของหน้าต่าง แง้มเปิ ดหน้าต่างรถม้าออกเล็กน้อย อาศัยแสงจันทร์นวล
สว่าง มองทิวทัศน์ยามคําคืนทีผ่านไปอย่างรวดเร็ ว พลันก็รู้สึกหนักๆ ทีหัวไหล่ เป็ นคุณชายโอวห
ยางทีเอาหัวมาวางไว้ทีไหล่ของนางพลางหลับตาลงพักผ่อน

มู่หรงเสวียขมวดคิวงงๆ “คุณชาย ท่านทําอะไร”

“พักผ่อน” คุณชายโอวหยางตอบเรี ยบๆ นําเสี ยงแผ่วเบาเหมือนสายลมอ่อนๆ

“หากอยากจะพักผ่อนให้สบายๆ ก็ควรเอนกายลงนอน จะมาซบทีไหล่ขา้ ทําไมกัน” มู่หรงเสวียมอง


เขาอย่างไม่เข้าใจ

“รถกระเทือนเกินไป เอนแล้วนอนไม่หลับ” คุณชายโอวหยางตอบเรี ยบๆ ลมหายใจอุ่นร้อนพ่นรด


ข้างแก้มของมู่หรงเสวีย ดวงตาของนางวูบไหวอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ ใบหน้านวลกระจ่างค่อยๆ มืด
ครึ มลง

ภายในรถม้าไม่รู้วา่ ปูพรมหนาๆ เอาไว้กีผืน นังบนผืนพรมก็เหมือนกับนังบนเบาะนุ่มๆ มันคงเรี ยบ


นิง แต่คุณชายโอวหยางกลับกล้าบอกว่ากระเทือน......

“คุณชาย ไหล่ของข้าบาดเจ็บเล็กน้อย เกรงว่าจะให้คุณชายหนุนได้ไม่นาน.......”


“อย่างนันหรื อ” คุณชายโอวหยางพูดเรี ยบๆ แล้วค่อยๆ ลืมตาขึน มองหน้าต่างรถพลางเอ่ยกําชับ
เสี ยงเบา “อู๋เหิน บังคับรถกลับค่ายทัพ รอข้าพักผ่อนเพียงพอค่อยไปหมิงโจว....”

“ไม่ให้กลับ.....” มู่หรงเสวียขัดคําพูดเขา จ้องมองเขาอย่างเคืองๆ

คุณชายโอวหยางไม่ได้เห็นเป็ นเรื องสําคัญแต่อย่างใด เพียงพูดเรื อยๆ ว่า “ข้าเหนือยมาหลายวัน ถึง


ขันอ่อนล้า ต้องพักผ่อนดีๆ .......”

“ไหล่ขา้ ใส่ ยาแล้ว ตอนนีคงไม่เป็ นอะไรแล้ว” มู่หรงเสวียจ้องมองเขา พูดขึนช้าๆ ชัดๆ เสี ยงใส
กระจ่างลอดออกมาตามไรฟัน

เมือมองใบหน้าทีงองําของนาง คุณชายโอวหยางก็แอบยิมในดวงตา พยักหน้าเบาๆ “เช่นนันก็ดี !”


ว่าพลางเอนศีรษะลงไปทีไหล่ของมู่หรงเสวีย ค่อยๆ หลับตาลง

ลมหายใจแผ่วเบาสมําเสมอพ่นรดมาทีไหล่ของนาง ใบหน้าของมู่หรงเสวียงองํา มือเล็กๆ จับเข้าที


แก้มของคุณชายโอวหยาง หยิกเขาแรงๆ จนปรากฏเป็ นรอยนิวมือจึงได้หยุดลง..........
ใครใช้ให้เขาว่านางโง่งม ใครใช้ให้เขาดูถูกนาง ใครใช้ให้เขารังแกนาง........

ตอนนีเขาหลับไปแล้ว นางสามารถแก้แค้นเขาเล็กๆ น้อยๆ ได้...........

เมฆลอยคว้าง หมอกจางๆ ลับหาย แสงทองอ่อนๆ สาดส่ องลงมาทีพืนโลก

ประตูเมืองหมิงโจวเปิ ดแต่เช้า ชาวบ้านมากหน้าหลายตา พ่อค้าแม่คา้ ต่างเดินไปมาไม่ขาดสาย

อู๋เหิ นบังคับรถม้าเข้าไปในเขตเมืองหมิงโจว หยุดรถลงทีถนนทีดูเจริ ญคึกคักสายหนึง ม่านเปิ ด


ออกเป็ นคุณชายโอวหยางทีลงมาก่อน นัยน์ตาดําสนิทของเขาราวนําในทะเลสาป ลึกลําจนมองไม่
เห็นจุดสิ นสุ ด ไม่มีท่าทางง่วงงุนทีพักผ่อนไม่พอแต่อย่างใด ชายเสื อสี ขาวหิ มะสะบัดลงกับพืน ไม่มี
ฝุ่ นผงแปดเปื อนแม้แต่นอ้ ย......

มือเรี ยวราวหยกยืนเข้าไปในรถ ประคองร่ างของมู่หรงเสวียลงมา

เมือเห็นถนนทีกว้างไกลสุดสายตาจนไม่เห็นหัวเห็นท้าย เช่นนันมู่หรงเสวียก็ขมวดคิวงุนงง “ มาทีนี


ทําไมกัน”
“แน่นอนว่า มาหาองครักษ์เงา” คุณชายโอวหยางพูดขึนเรี ยบๆ นัยน์ตาลําลึก

ดวงตาของมู่หรงเสวียเป็ นประกาย “องครักษ์เงาอยูบ่ นถนนเส้นนีหรื อ”

คุณชายโอวหยางรับคําเสี ยงอืมเบาๆ “เจ้าเห็นแผงตีเหล็กข้างหน้านันไหม ช่างตีเหล็กทีกําลังตีเหล็ก


นันมีโอกาสสูงทีจะเป็ นองครักษ์เงา !”

มู่หรงเสวียเพ่งตามองไปตามทางทีเขาชี เห็นเพียงชายอายุราวสามสิ บหก สามสิ บเจ็ดปี สวมเสื อแขน


สันแหวกอก ยืนอยูห่ น้าก้อนหิ นก้อนใหญ่ กําลังยกค้อนเหล็กขนาดใหญ่ขึน แล้วฟาดลงบนเหล็กที
กําลังถูกเผาจนแดง

เหล็กหนาๆ ทีผ่านการตี ทุบ หลอมของเขา สุ ดท้ายก็กลายเป็ นกระบีบางเรี ยวประณี ตอย่างรวดเร็ว


เมือวางลงในนําก็ได้ยนิ เสี ยง ‘ซ่า’ ดังขึนเสี ยงหนึง กระบีคมกริ บเป็ นอันสําเร็ จเสร็ จสิ น......

“เจ้ามองอะไรออกหรื อไม่” คุณชายโอวหยางเห็นนางมองช่างตีเหล็กไม่พดู จา ก็อดถามขึนไม่ได้

นัยน์ตาของมู่หรงเสวียเยือกเย็น พูดเบาๆ ว่า “คนผูน้ ีคงเป็ นช่างตีเหล็กมานานแล้ว ทีมือมีหนังหนาๆ


ขึนเต็มไปหมด ร่ างกายแม้จะมีกลินไอของชาวเมือง แต่ไอสังหารในดวงตายังคงปรากฏอยูอ่ ย่างเร้น
ลับ เขาทํางานอย่างคล่องแคล่วรวดเร็วไม่อืดอาด เห็นได้ชดั ว่าเป็ นนักรบจากสนามรบอย่างไม่ตอ้ ง
สงสัย.....”

“สวินเฟิ งก็สมั ผัสกลินอายแบบเดียวกันจากร่ างเขาได้ พร้อมกับไปสอบถามจากผูค้ นรอบๆ ตัวเขา


มาถึงได้รู้วา่ เขามาทีนีเมือสิ บปี ทีแล้วหลังจากทีพ่อของเจ้าตายในสนามรบไปได้สองเดือนให้หลัง”
คุณชายโอวหยางอธิบายออกมาเสี ยงเบา

มู่หรงเสวียพยักหน้าอย่างเข้าใจ “พลังยุทธ์ของเขาเป็ นอย่างไรบ้าง”

“สวินเฟิ งไม่ทนั ได้ทดสอบ แต่ตามทีสวินเฟิ งคาดการณ์ พลังยุทธ์ของชายผูน้ ีน่ากลัวว่าจะเทียบเคียง


กับเขาได้” คุณชายโอวหยางพูดออกมาเรี ยบๆ นัยน์ตาดําสนิทลึกลําราวทะเลสาปทีมืดมิด

นัยน์ตาใสกระจ่างของมู่หรงเสวียหรี ลงทันที พลังยุทธ์ของสวินเฟิ งนับได้วา่ อยูใ่ นสามอันดับแรก


ของวังเซียวเหยาอ๋ อง แต่คนผูน้ ีกลับมีพลังยุทธ์ไม่ต่างจากเขา “ดูท่า คนผูน้ ีคงมีโอกาสเป็ นองครักษ์
เงาได้มากทีเดียว......”

“พรึ บ !” อยูๆ่ สายตาคมคู่หนึงก็จอ้ งมองมา มู่หรงเสวียดวงตาวูบไหว เงยหน้าขึนมองไป เห็นเพียง


ั นมีสีหน้าเคร่ งขึนชัวครู่ หนึง กําลังหันไปหยิบเอากระบีทีเพิงตีขึนมาแกะลาย อย่าง
ชายตีเหล็กผูน้ นนั
ใจจดใจจ่อ
เมือครู่ ทีรู้สึกเหมือนมีใครจ้องมองนันเป็ นเพราะนางรู้สึกไปเอง ไม่ได้มีใครแอบจ้องมองนางจริ งๆ
อย่างนันหรื อ

มู่หรงเสวียขมวดอย่างคิวงุนงง เห็นเพียงว่าชายกลางคนผูน้ นแขวนกระบี


ั ไว้บนผนังห้อง แล้วก็หยิบ
เอาหิ นตีเหล็ก เตาเผา ย้ายเข้าไปในแผง ปิ ดประตูลงกลอนแผงร้าน ขยับเสือบนร่ าง แล้วเดินก้าว
ยาวๆ ไปตามทาง

“นีเขากําลังจะไปทีใดกัน” มู่หรงเสวียเพ่งตามองตาม ตอนนีคือยามเฉิ น (เวลาประมาณ 7.00 น. -


9.00 น.) เป็ นเวลารับสํารับ ทางทีชายคนนันเดินไปมีร้านอาหาร และมีแผงขายอาหารเช้าอีกหลาย
แผง

แต่ระยะห่างจากแผงตีเหล็กไปยังร้านเหล่านันก็เพียงสิ บกว่าเมตร หากต้องการรับสํารับเช้าธรรมดา


ก็มิจาํ เป็ นจะต้องเก็บกวาดแผงให้เรี ยบร้อยเช่นนัน......

“เขาอาจมีธุระอะไรก็ได้ พวกเราตามเขาไปเถอะ !” คุณชายโอวหยางพูดเรี ยบๆ นัยน์ตาดําสนิทส่อง


ประกายลําลึก

“ตกลง !” มู่หรงเสวียพยักหน้า ลากจูงคุณชายโอวหยาง ตามไปอย่างเงียบๆ


คนทังสองเดินไปตามถนนอย่างช้าๆ รักษาระยะห่างจากชายกลางชายผูน้ นเอาไว้
ั ตลอดเวลา ไม่ให้
ชายผูน้ นค้
ั นพบพวกเขา และก็ไม่ให้เขาคลาดสายตา........
ตอนที 245 บังเอิญพบเย่ อเฉิ
ี น

ั งเดินยิงเร็ว ยิงเดินยิงเร็ ว หลังจากทีเลียวเข้าไปทีตรอกเล็กๆ ทีไม่ค่อยมีผคู้ นแล้ว เท้าก็ขยับ


ชายผูน้ นยิ
ไปบนพืนเบาๆ แล้วกระโดดขึน เสื อทีทําจากผ้าหยาบถูกลมพัดผ่านไปมาอย่างรุ นแรง แววตาวูบ
ไหวไปด้วยความเหยียบเย็นและเงียบขรึ ม ทําเอามู่หรงเสวียทีได้เห็นต้องหรี ตาลง “เขาเห็นพวกเรา
แล้ว......”

“ข้ารู้ !” คุณชายโอวหยางพยักหน้า ดวงตาสี ดาํ ขลับวูบไหวด้วยความมืดมิด “จับเขาไว้ แล้วลอง


สอบถามดู !”

พวกเขามาหมิงโจวก็เพือทีจะหาพวกองครักษณ์เงา ไม่ได้อยากทีจะมาปะทะกับพวกเขา แต่ชายน่า


สงสัยผูน้ ีได้ระแวงพวกเขาแล้ว เก้าในสิ บอาจจะไม่กลับไปทีร้านตีเหล็กอีก ถ้าหากปล่อยเขาไป
เช่นนี พวกเขาก็จะไม่มีเบาะแสของพวกองครักษ์เงาไปช่วงใหญ่ๆ แล้วก็คงไม่รู้วา่ จะหาจุดเชือมโยง
และร่ องรอยได้อีกครังเมือใด......

“ตกลง !” มู่หรงเสวียพยักหน้า เท้าขยับเบาๆ เงาร่ างบอบบางราวกับศรแสงพุ่งทะยานเข้าไปหาชาย


กลางคนผูน้ นั สายตาก็เห็นว่าอีกนิดนางจะเข้าถึงตัวเขาแล้ว แต่จ่ๆู ตรอกด้านข้างก็ปรากฏร่ างคนผู้
หนึงวิงออกมาชนกระแทกเข้ากับนางอย่างจัง กระแทกจนนางกระเด็นออกไปไกลสี ห้าเมตร ซวนเซ
ไปมาเล็กน้อยกว่าจะกลับมาทรงตัวได้

เมือเร่ งรี บหันหน้ามองไป ก็เห็นว่าตรอกด้านในกลายเป็ นว่างเปล่าเสี ยแล้ว ไหนเลยจะยังมีเงาร่ าง


ของชายกลางคนผูน้ นอี
ั ก

ในแววตาของมู่หรงเสวียลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ ถลึงตามองไปทีคนทีพุ่งเข้ามาชนนาง สายตาเห็น


ชายหนุ่มผูห้ นึงยืนอยูต่ รงสี แยกของตรอก รู ปร่ างสูงโปร่ ง เขาอยูใ่ นชุดสี ม่วงทีตัดเย็บมาอย่างพอดี
ตัว ใบหน้าหล่อเหลาหาใดเปรี ยบ มีแววตาทีเย็นชาและคมกริ บ จนนางทีได้เห็นต้องหยุดชะงักไป
“เย่อีเฉิ น เหตุใดเจ้าถึงอยูท่ ีนีได้”

“มีธุระ ผ่านทางมา” เย่อีเฉินกล่าวอธิบายขึนอย่างไม่ใส่ ใจนัก จ้องมองไปทีนางตาไม่กะพริ บ แววตา


วูบไหวด้วยความแปลกใจ “แล้วเหตุใดเจ้าถึงอยูท่ ีนีเล่า”

“มีธุระ ผ่านทางมา” มู่หรงเสวียตอบเขากลับไปอย่างอารมณ์ไม่ดี ยืดตัวขึนตรง อยูด่ ีๆ เขาจะวิงพุ่ง


ออกทําไมกัน ทําจนนางคลาดกับคนทีตามอยูเ่ สี ยได้ ช่างน่าเจ็บใจนัก......

เมือมองไปทีท่าทางห่างเหิ นไม่อยากเข้าใกล้เขาของนาง แววตาของเย่อีเฉิ นก็กลายเป็ นหมองคลํา


ทันที......
คุณชายโอวหยางค่อยๆ เดินเข้ามามองไปทีตรอกด้านหน้า แววตาของเขาลําลึกดังกับมหาสมุทรทีดํา
มืด ตอนทีเย่อีเฉิ นกับมู่หรงเสวียชนกันนัน ชายวัยกลางคนผูน้ นก็
ั หายตัวไปจากอากาศธาตุอย่างไร้
ร่ องรอยเสี ยแล้ว ชัดเจนว่าเขาต้องเป็ นองครักษ์เงาอย่างไม่ตอ้ งสงสัย

วิชาการพรางตัวของพวกองครักษ์เงานันลึกลับนัก ขอเพียงแค่พวกเขาได้พรางตัวหลบซ่อนในเงามืด
ไปแล้ว คนอืนก็จะไม่สามารถสัมผัสได้วา่ เขาอยูท่ ีไหน ฉะนันชัดเจนว่าตอนนีพวกเขาได้คลาดกับ
ว แต่วา่ อย่างน้อยก็สามารถยืนยันได้วา่ ชายผูน้ ีจะต้องเป็ นองครักษ์เงาทีมู่
ชายวัยกลางคนผูน้ นไปแล้

หรงเยว่บ่มเพาะขึนมาไม่ผิดตัวแน่......

การเดินทางมาหมิงโจวของพวกเขาครังนี ก็ยงั สามารถนับได้วา่ มีการประสบความสําเร็จอยูบ่ า้ ง......

คุณชายโอวหยางยกยิมมุมปากขึนอย่างสง่างาม ตรงแก้มทีขาวนวลดังหยกปรากฏรอยนิวแดงๆ อยู่


หลายรอยจางๆ รอยนิวดังกล่าวมีขนาดพอเหมาะพอเจาะกับขนาดนิ วมือของมู่หรงเสวียพอดี ทํา
เอาเย่อีเฉิ นทีได้เห็นต้องขมวดคิวขึนน้อยๆ “คุณชายโอวหยางเคยมาท่องเทียวทีหมิงโจวนานแล้ว
การเดินทางครังนีเป็ นการท่องเทียวเพือรําลึกความหลังหรื อ”

“จะกล่าวเช่นนันก็ได้ แต่จริ งๆ แล้วเป็ นเพราะเสวียเอ๋ อร์มาทําธุระทีหมิงโจว ข้าก็เลยมาเป็ นเพือน


นาง แน่นอนว่าต้องเอาธุระเป็ นหลัก เรื องเทียวเล่นเป็ นรอง” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนด้วยเสี ยง
ราบเรี ยบ นําเสี ยงไม่หนักไม่เบาฟังไม่ออกถึงความรู้สึกอืนใดแม้แต่นอ้ ย
แต่เย่อีเฉิ นกลับรู้สึกว่า ในเสี ยงทุม้ ของเขานันแฝงไว้ดว้ ยความถือดีเยาะเย้ยอยูไ่ ม่นอ้ ย ทําให้ใบหน้า
หล่อเหลาค่อยๆ เคร่ งขรึ มลง “เสวียเอ๋ อร์มีเรื องอะไรให้ตอ้ งจัดการหรื อ ถึงสามารถเชิญให้คุณชาย
โอวหยางติดตามมาด้วยได้”

มู่หรงเสวียพอมีธุระทีไรก็จะขอความช่วยเหลือแต่คุณชายโอวหยางมาโดยตลอด จะมาหาเขาสักครัง
ก็ไม่มี......

“ความลับสวรรค์ไม่อาจเปิ ดเผยได้ รอจนเรื องราวจัดการเสร็ จสิ นแล้ว ค่อยบอกจิงอ๋ องให้ทราบ !”


คุณชายโอวหยางกล่าวเสี ยงเรี ยบ มองไปทีเย่อีเฉิ นแล้วกล่าวขึนอย่างไม่นาํ พา “จิงอ๋ องรับผิดชอบ
ชายแดนทางฝังม่อเป่ ยมิใช่หรอกหรื อ เหตุใดถึงมาทีหนานเจียงได้”

“มีธุระให้ตอ้ งจัดการ” เย่อีเฉินกล่าวเสี ยงตํา แววตาวูบไหวลําลึก

“เช่นนันธุระจัดการไปถึงไหนแล้ว” คุณชายโอวหยางสอบถามเสี ยงเรี ยบ ดวงตาสี ดบั ขลับดังอัญมณี


เปล่งประกายมืดมิด

“ข้าเพิงจะมาถึงหมิงโจว ยังไม่ทนั จะได้จดั การธุระใด......” เย่อีเฉิ นกล่าวออกมาอย่างช้าๆ แววตาวูบ


ไหวด้วยความรู้สึกนึ กคิดทีผูค้ นไม่อาจเข้าใจได้
“ทีแท้กเ็ ป็ นเช่นนี !” คุณชายโอวหยางพยักหน้า แววตาสี ดาํ ขลับวูบไหวเปล่งประกาย เรื องที
สามารถทําให้เย่อีเฉิ นออกหน้าเองไม่มีทางเป็ นเรื องเล็กๆ เย่อีเฉิ นทีไม่ยอมคายมันออกมา เขาก็ไม่มี
กะจิตกะใจจะไปไต่ถามให้มากความอีก

เขาก้มหน้ามองไปทีมู่หรงเสวีย แล้วกล่าวขึนเสี ยงเรี ยบ “เวลาก็ไม่นอ้ ยแล้ว พวกเราไปรับสํารับกัน


เถอะ !”

“ตกลง !” มู่หรงเสวียพยักหน้า ถลึงตาใส่เย่อีเฉิ บเงียบๆ ตาหนึงแล้วค่อยหมุนกายเดินออกไปด้าน


นอกอย่างช้าๆ ไหนๆ ก็คลาดสายตาจากชายวัยกลางคนผูน้ นไปแล้
ั ว นางจะโมโหไปก็ไม่ได้อะไร
ไว้รับสํารับเช้าเสร็ จค่อยคิดหาแผนการกันอีกทีก็ไม่สาย

เมือมองไปทีเงาร่ างของทังสองทีค่อยๆ ไกลออกไป สี หน้าของเย่อีเฉิ นก็กลายเป็ นมืดครึ ม คุณชาย


โอวหยางกับมู่หรงเสวียแม้แต่กล่าวลาเขาสักคําก็ไม่มี แต่กลับเดินออกเป็ นเช่นนี บ่งบอกชัดเจนว่า
ไม่เห็นหัวเขาแม้แต่นอ้ ย !

ฝ่ ามือภายใต้แขนเสื อกําแน่นเข้าหากัน เขาเลาะตามตรอกเส้นนีก้าวยาวๆ ออกไปด้านหน้า ตรอก


เส้นนีเป็ นเส้นทีพวกเขาทังสองใช้ออกไปเมือครู่ และก็เป็ นเส้นทีเขาจําเป็ นต้องผ่านทางด้วยเช่นกัน
......
ตรงข้ามกับตรอกเส้นนี มีโรงเตียมอยูแ่ ห่งหนึง อีกทังยังมีเพิงขายอาหารเช้าอยูอ่ ีกหลายแห่ง ลูกค้า
แขกเหรื อทีมารับสํารับเช้าเดินไปเดินมาอย่างไม่ขาดสาย มู่หรงเสวียลากแขนของคุณชายโอวหยาง
ก้าวเดินไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว สายลมหอบหนึงพัดผ่าน กลินหอมอ่อนๆ โชยเข้าสู่ จมูก มู่หรง
เสวียดวงตาเปล่งประกายมองตามกลินหอมไปเห็นไม่ไกลนักมีร้านขายขนมอยูร่ ้านหนึ งทีเสมียน
กําลังเปิ ดหม้ออบขนมแล้วหยิบเอาขนมจานหนึงทีเพิงเสร็ จใหม่ๆ ออกมา เป็ นขนมแผ่นแป้ งฝักทอง
สี เหลืองทองอร่ ามทีไอร้อนกรุ่ นกําลังโชยออกมาโดยรอบ กลินหอมจนผูค้ นนําลายสอ

“เจ้ารอข้าสักครู่ ข้าขอไปซื อขนมก่อน !” มู่หรงเสวียพูดขึนด้วยรอยยิมสดใส แล้ววิงไปทีร้านขนม


ร้านนันอย่างเร่ งรี บ หลังจากวิงออกไปได้ไม่กีก้าว อยูๆ่ นางก็นึกถึงอะไรขึนมาได้ จึงต้องวิงกลับไป
มือขาวนวลยืนออกไปทีด้านหน้าของคุณชายโอวหยาง

“ทําอะไร” คุณชายโอวหยางมองไปทีนางอย่างไม่เข้าใจ

“เอาเงินมาสิ ข้าไม่ได้เอาเงินตําลึงมาด้วยไม่สามารถซือขนมได้” มู่หรงเสวียพูดขึนเสี ยงตํา จ้องมอง


ไปทีเขาตาไม่กะพริ บ ดวงตาวูบไหวแวววาว คุณชายโอวหยางทีเห็นดังนันต้องถอนลมหายใจ
ออกมาอย่างเหนือยใจเสี ยงหนึง หยิบเอาเงินตําลึงออกมาพวงหนึ งวางลงไปบนฝ่ ามือนาง

พวงเงินตําลึงหนักมากและเยอะมาก มากจนเกือบจะล้นออกจากมือของนาง มู่หรงเสวียทีได้เห็นก็


ขมวดคิวแน่นเข้าหากัน “เจ้าไม่มีทีมันเล็กกว่านีหรื อ”
ขนมห่อหนึงอย่างมากก็แค่สิบกว่าอีแปะ คุณชายโอวหยางกลับให้พวงเงินหนึงร้อยตําลึงให้กบั นาง
......

“ข้าไม่ค่อยชินทีจะพกเงินตําลึงจํานวนน้อยๆ” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนเสี ยงเรี ยบ

มู่หรงเสวียกะพริ บตาอย่างหมดวาจาจะกล่าว แล้วค่อยๆ เดินนวยนาดไปทีร้านขนม เอาเถอะ เช่นนัน


นางก็ใช้เงินหนึงร้อยตําลึงพวงนีซื อขนม แล้วค่อยให้ผดู้ ูแลร้านทอนเอา กิจการของร้านขนมดีขนาด
นีสมควรจะหาเงินทอนได้......

อยูๆ่ ก็มีเงาร่ างสี เทาอ่อนสายหนึงปรากฏขึนตรงหน้า เป็ นชายทีปล่อยทรงผมกระเซอะกระเซิ งใน


มือถือไม้เท้าอันหนึง เขาพุ่งชนเข้ามาทีแขนของมู่หรงเสวียอย่างจังจนเงินตําลึงในมือของนางนัน
กระเด็นออกไป

แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหว เตรี ยมทีจะกระโดดออกไปรับเงิน แต่กลับเห็นร่ างกายชองชายชุดเทา


ผูน้ นไหววู
ั บเพียงพริ บตาก็ไปปรากฏทีด้านหน้าเงินตําลึงพวงนัน ยืนมือออกไปคว้าเงินตําลึงกําลัง
ตกลงมา แล้วเร่ งรี บวิงหนีออกไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ ว......
ท่าร่ างของเขาไหลลืนอย่างไม่มีทีติ ดูคุน้ เคยชํานาญจนถึงทีสุ ด คล้ายกับว่าเคยทํามาแล้วหลายครา
......

ทันใดนันใบหน้าเรี ยวงามของมู่หรงเสวียก็กลายเป็ นมืดครึ ม กลางวันแสกๆ เช่นนีแต่เขากลับกล้า


ขโมยเงินตําลึงไปอย่างโจ่งแจ้ง ช่างชัวร้ายยิงนัก มีความสามารถไม่แพ้พวกวิงราวกระเป๋ าในยุค
ปั จจุบนั เลยแม้แต่นอ้ ย แต่อย่างน้อยพวกวิงราวก็มกั จะขีมอเตอร์ไซค์ฉกกระเป๋ า ซึงก็มีความเร็ วมาก
จนผูเ้ สี ยหายวิงตามไม่ทนั แต่วา่ คนผูน้ ีใช้เท้าวิง หากคิดอยากจะหนีนาง คงไม่ง่ายดายนัก......
ตอนที 246 หญิงสมองกลับผู้แปลกประหลาด

มู่หรงเสวียขยับเท้าเบาๆ ร่ างบางราวกับหงส์ทีโบยบินเพียงพริ บตาก็ไปปรากฏกายทีด้านหน้าของ


ชายชุดเทา ขัดขวางเส้นทางของเขาเอาไว้

แววตาของชายชุดเทาวูบไหวเย็นยะเยือก ยกไม้เท้าในมือขึน ฟาดตีไปทีมู่หรงเสวียอย่างดุดนั

มู่หรงเสวียหัวเราะเยาะขึนเสี ยงหนึง เบียงกายหลบกระบองไม้ แล้วฟาดมือสวนกลับไปทีหน้าอก


ของชายผูน้ นจนเขากระเด็
ั นล้มลงไปกับพืน แล้วกล่าวขึนอย่างผูท้ ีอยูเ่ หนือกว่า “เอาเงินคืนมา”

บไหว ไม้เท้าในมือยกฟาดไปทีข้อเท้ามู่หรงเสวียอย่างไม่ปรานี
ชายผูน้ นแววตาวู

ร่ างของมู่หรงเสวียกระโดดขึนหลบการโจมตีจากกระบองไม้ พร้อมกันนันก็ยกฝ่ าเท้าขึนเตะไปที


ใบหน้าของชายผูน้ นั จนเขาถูกเตะลงกับพืนอีกครัง กลิงกุกกักออกไปไกลสี ห้าเมตรถึงจะหยุดลง
ล้มกระแทกลงเสี ยจนในหัวมึนงง ดวงตาพร่ ามัว......
มู่หรงเสวียก้าวเดินออกไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ วกระชากคอเสื อของชายผูน้ นแล้
ั วยกขึน มือเรี ยวขาว
ยืนออกไปกระชากเอาถุงเงินขาดๆ ทีแขวนอยูบ่ นเอวของเขาออก หยิบเอาเงินตําลึงเมือครู่ ทีถูกขโมย
ไป แล้วกล่าวข่มขูข่ นเสี
ึ ยงเย็น “ถ้าเจ้ายังกล้าขโมยเงินอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี อย่าหาว่าข้า......”

“คนเลว อย่าได้คิดรังแกคนผูน้ อ้ ย !” นําเสี ยงกระจางใสอันเกรี ยวกราดดังขึน เงาร่ างสี แดงสายหนึง


พุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว กําหมัดเตรี ยมทีจะชกไปทีมู่หรงเสวียอย่างดุดนั

มู่หรงเสวียขมวดคิวขึน ปล่อยมือออกแล้วก้าวถอยออกมาหนึงก้าว หลบการโจมตีทีพุ่งเข้ามา มอง


ไปทีคนผูน้ นอย่
ั างไม่พอใจแล้วกล่าวขึน “เจ้าจะทําอะไร”

ผูท้ ีเข้ามาใหม่เป็ นหญิงสาว อายุประมาณสิ บสี สิบห้าปี ใบหน้าขาวนวลดังหยกท่าทางไร้เดียงสา ขน


ตางอนยาว คางยกสูงขึน มองไปทีมู่หรงเสวียอย่างอวดดี ดวงตาสี ดาํ ดังองุ่นดําเต็มไปด้วยความเป็ น
ปรปั กษ์

“ข้ามาจัดการกับความอยุติธรรม ขัดขวางไม่ให้เจ้ารังแกผูอ้ ่อนแอ !” หญิงสาวผูน้ นพู


ั ดขึนอย่าง
เกลียดชัง แล้วยืนมือออกมาขวางชายผูน้ นเอาไว้
ั ดา้ นหลัง ท่วงท่าอันองอาจทียึดมันในความถูกต้อง
และท่าทีทีแสดงความเป็ นศัตรู นนั ทําเอาจนมู่หรงเสวียทีได้เห็นต้องหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน ชี
ั วกล่าวขึนว่า “เขาเป็ นโจรขโมยเงินตําลึง ไม่ใช่ผอู้ ่อนแออะไร......”
นิวไปทีชายผูน้ นแล้
“เจ้าอย่าได้กลับขาวให้เป็ นดํา เมือครู่ ทีเจ้าขโมยเงินเขา ข้าล้วนเห็นอย่างชัดเจน.....” หญิงสาวผูน้ นั
ตัดบทคําพูดของนางอย่างไม่เกรงใจ ถลึงตามองมาทีนางอย่างดุดนั

มู่หรงเสวียกล่าวขึนเสี ยงเย็น “เงินตําลึงนีแต่เดิมเป็ นของข้า เขามาขโมยเอาไป ข้าก็แค่แย่งคืนกลับมา


เท่านัน......”

“จริ งหรื อ” หญิงสาวผูน้ นก้


ั มมองลงไปทีชายผูน้ นอย่
ั างเชือครึ งไม่เชือครึ ง เห็นเสื อของชายผูน้ นขาด

รุ่ งริ ง ซ้ายขวาเต็มไปด้วยรอยปะเป็ นจุดๆ กางเกงก็ขาดรุ่ ยขึนไปจนถึงเข่า ผมเผ้ายุง่ เหยิง
กระเซอะกระเซิ ง ใต้คางเต็มไปด้วยหนวดเครารกรุ งรัง

ในแววตาทีสะลึมสะลือวูบไหวไปด้วยความประกายอันปราดเปรื อง เสี ยงตุบดังขึนเสี ยงหนึง คุกเข่า


ลงทีด้านหน้าหญิงสาวร้องห่มร้องไห้ขึนอย่างน่าสงสาร “ข้าน้อยถูกใส่ ร้าย คุณหนูโปรดให้ความ
เป็ นธรรมกับข้าน้อยด้วย......”

หญิงสาวผูน้ นตบเข้
ั าไปทีบ่าของชายผูน้ นเบาๆ
ั แล้วกล่าวขึนอย่างปลอบโยน “วางใจเถอะ ข้าจะไม่
ทําให้เจ้าผิดหวังแน่นอน......”
ท่วงท่าอันชอบธรรมและโอบอ้อมอารี นนั มู่หรงเสวียทีได้เห็นต้องขมวดคิวแน่นเข้าหากัน แล้ว
กล่าวขึนเสี ยงเย็น “คุณหนูท่านนี โปรดเชิญดูสภาพของเขาให้ละเอียดว่าเป็ นสภาพของคนทีสามารถ
มีเงินหนึงร้อยตําลึงได้หรื อไม่”

“เขาเป็ นขอทานแน่นอนว่าไม่สามารถมีเงินหนึงร้อยตําลึงได้ แต่เขาก็ไม่ได้ขโมยเงินเจ้าแต่เป็ นเจ้าที


มอบเงินตําลึงให้เขาแล้วอยากได้กลับคืน พอเขาไม่เต็มใจให้เจ้าก็เลยใช้กาํ ลังแย่งชิงมา......” หญิง
สาวกล่าวเน้นทีละคํา มองไปทีมู่หรงเสวียอย่างเหยียดหยาม

มู่หรงเสวียนิงงัน “......”

นางคงกินอิมนอนหลับจนไม่มีเรื องราวอะไรให้ทาํ แก้เบือ ก็เลยบริ จาคเงินแล้วไปแย่งชิงมันกลับมา


......

“ดูจากเสื อผ้าและเครื องประดับของคุณหนูแล้ว แน่นอนว่าต้องเป็ นลูกขุนนางใช่หรื อไม่ คนทีมีนิสัย


เช่นพวกเจ้า ข้านันเห็นมามากนักแล้ว พวกนางแต่ละคนก็มีแต่พวกทีชอบใช้อาํ นาจกดขีชาวบ้านให้
ทุกข์ยากเพือความสนุกส่วนตน......”
“ชาวบ้านแล้วอย่างไร พวกเขาก็มีเลือดเนือและความรู้สึกนึ กคิด ไม่ใช่พวกสัตว์เดรัจฉานทีโง่เขลาที
เอาแต่ยอมให้ผคู้ นมารังแก พวกเขาก็ตอ้ งการความรักความเมตาจากผูอ้ ืน ต้องการให้ผอู้ ืนเคารพให้
เกียรติ......”

“เจ้าทีมีฐานะเป็ นคุณหนูของตระกูลขุนนาง ก็สมควรทําตัวให้เหมาะสม ให้เกียรติพวกชาวบ้าน


เมตตาพวกชาวบ้าน แต่ไม่ใช่มาดูถูกเหยียดหยามพวกเขา รังแกพวกเขา เจ้าจะต้องรู้วา่ นําสามารถทํา
ให้เรื อลอยได้ก็สามารถทําให้เรื อจมได้ ถ้าหากปวงประชาเกิดลุกฮือขึนมา คนแรกทีจะโชคร้ายก็จะ
เป็ นพวกเจ้าคุณหนูตระกูลชันสูงทีในตาไม่เห็นหัวของผูใ้ ด......” เสี ยงสังสอนเล็กแหลมดังขึนไม่
หยุดหย่อน ฟังจนในแววตาของมู่หรงเสวียเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน......

มู่หรงเสวีย “......”

หญิงสาวผูน้ ี ช่างไร้เดียงสาอ่อนต่อโลกนัก เพียงแค่ได้ฟังชายผูน้ นฟ้


ั องกล่าวก็คิดเชือมโยงเรื องราว
ออกมาได้มาเป็ นตุเป็ นตะเช่นนี......ช่างมีการคิดวิเคราะห์ทีดีงามยิงนัก เหมือนกับอยูค่ นละโลกกับ
นาง นางเองก็คร้านทีไปกล่าววาจากับพวกนางให้มากความ......

มู่หรงเสวียเบ้ปากออก แล้วหมุนกายเดินออกไปด้านหน้าไม่หนั กลับมามองอีก


เมือมองไปทีเงาร่ างไม่แยแสของนาง พริ บตาหญิงสาวนางนันก็มีสีหน้ามืดครึ ม ชัดเจนว่าเป็ นนางที
ทําผิด ทีตนไปสังสอนนางก็เพือหวังดีต่อนาง นางไม่เพียงแต่ไม่ซาบซึง แต่ยงั กลับกล้าสะบัดแขน
เสื อเดินหนีไปเช่นนี ช่างขาดการอบรมสังสอนยิงนัก

“เจ้าหยุดเดียวนี” หญิงสาวนางนันคํารามขึนเสี ยงหนึงกระโดดทะยานไปทีด้านหน้าของมู่หรงเสวีย


ขวางเส้นทางเดินของนางเอาไว้

“เจ้าจะทําอะไร” มู่หรงเสวียมองไปทีนางสายตาเย็น ดวงตาสี ดาํ ขลับวูบไหวด้วยความรําคาญใจ

“ทิงเงินหนึงร้อยตําลึงนันเอาไว้” หญิงสาวนางนันกล่าวขึนอย่างอวดดีดว้ ยท่าทางของผูถ้ ูกต้อง

“ถือสิ ทธิอะไร” มู่หรงเสวียเลิกคิวมองไปทีนาง แววตาเต็มไปประกายหยิงทะนงอันเย็นเยียบ

“ก็ถือสิ ทธิทีเจ้าเป็ นคนไปทําร้ายขอทานทีน่าสงสารผูน้ นอย่


ั างไรเล่า เงินหนึงร้อยตําลึงนัน ก็ถือว่า
เป็ นเงินปลอบขวัญให้เขาก็แล้วกัน” หญิงสาวนางนันพูดขึนอย่างเป็ นเหตุเป็ นผล แววตาเต็มไปด้วย
ความหยิงทะนง

“ขอทานผูน้ นขโมยเงิ
ั นของข้า อีกทังยังลงมือกับข้า ทีเขาได้รับบาดเจ็บก็เป็ นเพราะว่าเขาแส่ หาเรื อง
เอง เลยได้รับผลกรรมตอบสนอง แล้วยังจะให้ขา้ ไปมอบเงินปลอบขวัญให้เขาอีกหรื อ อย่าได้คิด
หวังเลย” มู่หรงเสวียกล่าวขึนเสี ยงเย็นก้าวเดินยาวๆ เลยผ่านหญิงสาวนางนันไป

โจรวิงฉกกระเป๋ าทีนิสยั ตําช้า ขโมยกระเป๋ าไม่พอยังกล้าลงมือกับนาง แต่พอได้รับบาดเจ็บกลับให้


นางมอบเงินปลอบขวัญให้ นีมันเรื องล้อเล่นอะไรกัน......

ทันใดนันใบหน้าเรี ยวของหญิงสาวนางนันกลายเป็ นมืดครึ ม จนอีกนิดเดียวนําหมึกเกือบจะหยด


ออกมา ฟาดฝ่ ามือไปทีมู่หรงเสวียอย่างโกรธเกรี ยว “เจ้าอย่าได้ปากแข็งเลย มอบเงินชดเชยให้คน
บาดเจ็บมาเสี ยดีๆ......”

นางใจดําไม่ยอมมอบให้ เช่นนันตนเองก็คงต้องลงมือเอาเงินตําลึงเองแล้ว

มู่หรงเสวียยิมเยาะเสี ยงหนึง เบียงกายหลบการโจมตีของหญิงสาว และออกกระบวนท่าต่อยตีกบั


หญิงสาวผูน้ นไปมา
ั ชัวขณะนัน สายตาของฝูงชนก็เห็นเงาสี แดงร่ างหนึ ง เงาสี นาเงิ
ํ นอีกร่ างหนึงวูบ
ไหวขึนลงไปมา เดียวซ้ายเดียวขวาปะทะต่อสูก้ นั อย่างดุเดือด ไม่สามารถแยกแยะได้วา่ ใครเป็ นใคร
กระบวนท่าทีรวดเร็วดุดนั ทําให้ผคู้ นทีได้เห็นต่างตาพร่ าลาย......

หญิงสาวนางนันปล่อยหมัดใส่ ม่หู รงเสวียถีรัว ทุกๆ หมัดทีใช้ออกใช้ดว้ ยพละกําลังอันสุ ดแรง


ชายเสือสี แดงดอกเหมยสะบัดพริ วไหวไปมา
มู่หรงเสวียรับมืออย่างสบายๆ แววตาอันสุ ขมุ เต็มไปด้วยความดูถกู เหยียดหยาม นางก็นึกว่าหญิง
สาวนางนี จะมีฝีมือร้ายกาจอะไร ทีแท้กแ็ ค่รําเรี ยนวิชาพืนฐานมาเล็กน้อยๆ ก็ถึงกลับกล้าวิงออกมา
ผดุงความยุติธรรม ช่างเป็ นตัวตลกทีน่าขันยิงนัก......

สายตาเห็นว่าหมัดของหญิงสาวกําลังจะพุ่งเข้ามาอีกครัง แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหวอย่างหมด
ความอดทน ยกเท้าขึนเบาๆ ถีบเข้าไปทีร่ างของหญิงสาวนางนัน จนนางกระเด็นออกไปไกลสอง
สามเมตร แล้วมองไปทีนางสายตาเย็นแล้วกล่าวขึน “อย่าได้มวั แต่สนใจจะต่อยตีกบั ข้าเลย เจ้าควรที
จะหันไปสนใจดูเพือนขอทานของเจ้าหน่อย......”
ตอนที 247 ทุบตีหญิงสมองกลับ

หญิงสาวซวนเซไปหลายรอบถึงจะกลับมายืนได้มนคงได้
ั อีกครัง แขน หน้าอก ล้วนเจ็บแสบไปเสี ย
หมด นางถลึงตาจ้องมู่หรงเสวียอย่างเคียดแค้น

ั งดีๆ อยู่ มีอะไรให้ตอ้ งดูกนั ......” นางพูดขึนอย่างเคืองโกรธ แล้วหัน


“เพือนขอทานของข้าผูน้ นยั
หน้าไปมองช้าๆ สายตาเห็นว่าจุดทีขอทานนังอยูเ่ มือครู่ นีกลับกลายเป็ นทีโล่งว่าง ไหนเลยจะมีเงา
ร่ างของเขาอยูอ่ ีก......

ถนนด้านหน้าทีมีคนเดินขวักไขว่ไปมาไม่ขาดสาย ล้วนมีแต่คนแปลกหน้าแปลกตา ไม่มีเงาร่ างของ


ขอทานผูน้ นเลยแม้
ั แต่นอ้ ย......

“แปลกจริ ง เขาวิงไปไหนเสี ยแล้ว” หญิงสาวขมวดคิวอย่างไม่เข้าใจ เมือมองไปรอบๆ ก็เผอิญ


เหลือบไปเห็นทีข้างเอวตนเองกลายเป็ นว่างเปล่า นางมองเสี ยตาแทบจะลุกเป็ นไฟ รี บค้นหาเสี ย
วุน่ วาย “ถุงผ้า ถุงผ้า ถุงผ้าของข้าเล่า” ถุงนันใส่ เงินของนางไว้ทงหมดเลยนะ......

ถุงผ้าหายเสี ยแล้ว สมนําหน้ายิงนัก ! นางเห็นเพียงเจ้าขอทานนันค่อยๆ แอบหนีออกไป แต่คิดไม่ถึง


ว่าก่อนทีเขาจะออกไปเขายังเอาของไปด้วย.....
นัยน์ตาสี ดาํ สนิทของมู่หรงเสวียฉายแววสุ ขใจทีเห็นคนตกทุกข์ หมุนกายกลับไป เดินออกไป
ข้างหน้าช้าๆ......

“เจ้าหยุดนะ หยุดเดียวนี.....” ด้านหลังตามมาด้วยเสี ยงใสกังวานของสตรี ทีดังขึน หญิงสาวผูน้ นก็


ั วิง
มาทีด้านหน้าของมู่หรงเสวียรวดเร็ วราวกับสายลม มองมู่หรงเสวียพลางถามว่า “ขอทานนันเป็ นโจร
ขโมยของจริ งๆ อย่างนันหรื อ”

“ไร้สาระ หากไม่ใช่ ถุงผ้าของเจ้าคงไม่โดนขโมยไปหรอก” มู่หรงเสวียมองนางแวบหนึง ทีหางตามี


แววเยาะเย้ยแฝงอยู่ ผิดถูกไม่แยกแยะ ขาวดําไม่กระจ่าง เห็นคนทําทีน่าสงสาร ก็ปกป้ องจนผลลัพธ์
ทีออกมาก็คือถุงเงินของตนโดนขโมย ถุงเงินของตัวเองถูกขโมยจากขอทานทีตัวเองเปรี ยบเปรยว่า
เป็ นสายนําทีสามารถทําให้เรื อลอยและเรื อจมได้ ช่างเป็ นผลตอบรับทีสาสมนัก......

หญิงสาวรู้สึกโมโหจนตาแดงกํา นัยน์ตาดําวาววูบไหวมืดมัว ถึงกับกล้ามาขโมยของของนาง เจ้า


ขอทานนันน่ารังเกียจทีสุด !

เมือเห็นเงาร่ างของมู่หรงเสวียทีเดินออกไปไกล แววตาของนางก็เคร่ งขรึ มลง ก้าวเท้ายาวๆ ไป


ด้านหน้าอย่างรวดเร็ ว แล้ววิงไปข้างหน้าขวางทางเดินของมู่หรงเสวียไว้ มองนางอย่างโมโหฟึ ดฟัด
“เจ้าคืนเงินข้ามา”
มู่หรงเสวียนิงชะงักค้าง มองนางราวกับเป็ นตัวโง่งม “เงินของเจ้าไม่ใช่เป็ นข้าทีเอาไปเสี ยหน่อย เจ้า
ถือสิ ทธิอะไรมาให้ขา้ คืนเงินให้เจ้า”

“เงินของข้าหายไปก็เพราะเจ้า หากไม่เป็ นเพราะเจ้าเกิดปะทะเข้ากับขอทานนัน ข้าก็คงไม่ออกมา


ร้องเรี ยกความเป็ นธรรม แล้วก็จะไม่สมั ผัสกับขอทานนัน และแน่นอนว่าถุงเงินก็จะไม่โดนขโมย”
หญิงสาวเชิดหน้า พูดขึนอย่างมีหลักการ

ถุงเงินของนางหายไปเพราะขอทานนันกับคุณหนูแห่งตระกูลขุนนางผูน้ ี ตอนนีขอทานนันไม่อยู่
แล้ว แน่นอนว่านางต้องให้คุณหนูตระกูลใหญ่ผนู้ ีชดใช้สักพันเท่า

มู่หรงเสวียทีได้ฟังหลักการของนางยัวโมโหจนหลุดหัวเราะออกมา มองนางด้วยหางตา พูดช้าๆ “ข้า


ให้เจ้ามาเรี ยกร้องความเป็ นธรรมหรื อ ให้เจ้ามาปกป้ องขอทานนันหรื อ ข้าให้เจ้ามาสังสอนข้า ให้มา
ประมือกับข้าอย่างนันหรื อ”

หญิงสาวชะงักไป มองมู่หรงเสวียอย่างโกรธเคือง แววตาเต็มไปด้วยความแค้นโกรธและไม่ยนิ ยอม


“ต่อให้เจ้าไม่ได้เรี ยกข้ามา แต่ถุงเงินของข้าก็หายไปเพราะเจ้าเป็ นต้นเหตุ เช่นนันเจ้าก็ควรเป็ น
ผูร้ ับผิดชอบไม่ใช่หรื อ”
รับผิดชอบกะผีเจ้าน่ะสิ มู่หรงเสวียทีเยือกเย็นเมือได้ฟังเหตุผลของสตรี นางนีก็แทบทนไม่ไหวอยาก
ด่าคนขึนมา สตรี นางนีเข้ามาถึงก็ข่มขู่ ต่อว่า ร้องท้าต่อยตี ไม่ได้ช่วยอะไรนางเลย แต่พอเมือถุงเงิน
หายไป กลับคิดจะให้นางชดใช้ให้ ช่างเป็ นตรรกะทีบ้าบอยิงนัก .......

มู่หรงเสวียถลึงตาจ้องมองหญิงสาว ก่อนจะเดินผ่านก้าวเดินออกไปด้านหน้า

แววตาดูถูกดูแคลนนันยิงทําให้สตรี นางนันยิงแค้นใจ พุ่งตรงมาทางมู่หรงเสวียอย่างรุ นแรง “เจ้า


หยุดเดียวนีนะ”

นางทีพุ่งมาอย่างมุ่งร้าย มู่หรงเสวียไม่ได้ตระหนกตกใจ พลิกร่ างหลบการโจมตีของนาง สะบัดฟาด


ฝ่ ามือเข้าไปทีกลางอก ฟาดตีจนหญิงสาวโซเซไปหลายก้าวแล้วล้มลงทีพืน

นางค่อยๆ เงยหน้ามองมู่หรงเสวีย นัยน์ตากลมดําราวเม็ดองุ่นลุกเป็ นเปลวเพลิง “เจ้ากล้าลงมือตีขา้


!”

“ข้ายังกล้าเตะเจ้าอีกด้วยนะ !” มู่หรงเสวียพูดขึนอย่างไม่สบอารมณ์ ยกขาขึนก่อนจะเตะลงไปทีร่ าง


ของหญิงสาวแรงๆ สมองกลับ สมองกลับ สมองกลับ........เป็ นคนสมองกลับทีหมดหนทางเยียวยา
รักษา นางพบคนสมองกลับปั ญญาอ่อนมามากมายในยุคปั จจุบนั แต่แปลกประหลาดเยียง “นาง” ก็
เพิงเคยพบเป็ นครังแรกจริ งๆ......
ความเจ็บปวดบาดลึกไปทัวทังร่ าง หญิงสาวร้องโอดโอยไปมา รู้สึกแค้นจนขบเขียวเคียวฟัน ถลึงตา
จ้องมู่หรงเสวียอย่างโกรธแค้น นัยน์ตาโกรธขึงจนแทบจะพ่นไฟออกมาได้ “เจ้า....รู้ไหมว่าข้าเป็ น
ใคร”

“ข้าสนใจทีไหนว่าเจ้าเป็ นใคร เจ้าหญิงบ้าสมองกลับ !” มู่หรงเสวียพูดขึนอย่างดุดนั แล้วเตะเข้าไปที


หญิงสาวแรงๆ ตรรกะความคิดทีพิสดาร ข้อเรี ยกร้องแปลกทีประหลาด ช่างยากจะอดทนได้จริ งๆ
...........

หญิงสาวสู้ม่หู รงเสวียไม่ได้ กอดแขนสองข้าง หดตัวเป็ นก้อนๆ เสี ยงร้องโหยหวนดังก้อง “ช่วยด้วย


ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย.......”

ร่ างสูงโปร่ งสว่างนวลราวกับแสงจันทร์ ร่ อนลงมาจากฟ้ า ก่อนจะลงแตะลงพืน มองหญิงสาวทีโดน


ตีจนล้มกองอยูก่ บั พืน กุมหัวร้องไห้ ก่อนจะขมวดคิวเบาๆ “อิงอิง เจ้าก่อเรื องอีกแล้วนะ !”

หญิงสาวค่อยๆ เงยหน้าขึน มองไปทีใบหน้าอันคุน้ เคยของชายหนุ่มผูน้ นั แววตาส่ องประกาย


วาววาม นําตาใสๆ ราวผลึกแก้วก็ยงไหลพรากยิ
ิ งกว่าเดิม “พีชาย* ช่วยข้าด้วย....”
(พีชาย* : ในทีนีตามต้นฉบับภาษาจีนใช้คาํ ว่า ‘เปี ยวเกอ’(表哥) มีความหมายว่า
ลูกพีลูกน้องชายเจ้าค่ะ)

“เจ้าจะอยูบ่ า้ นเงียบๆ ไม่ได้หรื ออย่างไร ไม่ออกมาก่อเรื องได้หรื อไม่.....” นําเสี ยงอันไพเราะของ


ชายหนุ่มแฝงไว้ดว้ ยนําเสี ยงของการต่อว่า

มู่หรงเสวียหันกลับไปมอง ก็เห็นว่าชายหนุ่มอายุราวสิ บแปดสิ บเก้าปี รู ปร่ างสู งโปร่ ง อยูใ่ นชุดสี


นวลแสงจันทร์ตดั อย่างประณี ตเข้ากับบุคลิก ส่ งให้เขาดูสูงสง่า บริ เวณปกเสื อ แขนเสื อ ล้วนใช้ไหม
ชันดีปักเป็ นลวดลายงามวิจิตร ทีเอวคาดด้วยเข็มขัดลายเมฆ ท่าทางสง่าองอาจ

“เจ้าเป็ นพีชายของนางหรื อ” มู่หรงเสวียมองชายหนุ่มเรี ยบๆ แววตาดําสนิทเย็นดุจนําแข็ง

ชายหนุ่มพยักหน้า มองใบหน้ากระจ่างใสของมู่หรงเสวีย นัยน์ตาสว่างแจ้ง พูดเสี ยงเรี ยบว่า “อิงอิง


อายุนอ้ ยไม่รู้ความ ล่วงเกินแม่นางแล้ว ขอแม่นางอภัยด้วย”

“วางใจเถอะ ข้าก็ไม่ได้จะเอาความกับคนโง่งมอยูแ่ ล้ว ในเมือเจ้ามาแล้ว ก็รับน้องสาวเจ้ากลับไป


ด้วยเถอะ จําไว้วา่ ดูแลให้ดีล่ะ อย่าได้ปล่อยให้ออกมาก่อเรื องก่อราวอะไรอีก....”มู่หรงเสวียพูด
เรี ยบๆ นําเสี ยงสงบไร้คลืนลม ไม่มีแม้แต่อารมณ์ใดๆ
หญิงสาวได้ฟังเช่นนันก็ยงโมโห
ิ มองจ้องนางอย่างโกรธๆ “เจ้าสิ เป็ นคนก่อเรื อง ทังบ้านเจ้าก็เป็ น
พวกชอบหาเรื อง.....”

“อิงอิง อย่าเสี ยมารยาท....” นําเสี ยงของชายหนุ่มดุดนั ต่อว่าขึนเสี ยงเย็น

อิงอิงเต็มไปด้วยความน้อยใจ “พีชาย นางเยาะเย้ยข้าก่อน.....”

“เจ้าทําผิด ยังไม่ยอมให้คนอืนสังสอนอีกหรื อ” ชายหนุ่มมองอิงอิงด้วยความเยือกเย็น นัยน์ตาเย็น


เยียบ

มู่หรงเสวียเลิกคิว พีชายของหญิงสาวผูน้ ี มาแล้ว นางคงไม่มาพัวพันกับตนอีก ในทีสุ ดก็สะบัดนาง


หลุดเสี ยที.....

มุมปากยิมออกมาจางๆ มู่หรงเสวียเตรี ยมเดินจากไป แต่กลับเห็นคุณชายโอวหยางเดินเร็วๆ เข้ามา


เสื อชุดสี หิมะสะบัดพริ วตามลม ราวกับหิ มะทีกําลังเล่นลม
เมือเห็นมือทีว่างเปล่าของนาง นัยน์ตาของเขาก็สะท้อนแววระอา “เจ้ามาซือขนมไม่ใช่หรื อ เหตุใด
ป่ านนียังไม่ได้ซืออีก”

“เกิดเรื องนิดหน่อย ข้าไม่มีอารมณ์อยากขนมแล้ว เช่นนันพวกเรากลับไปรับสํารับเถอะ” มู่หรงเสวีย


พูดขึนเรี ยบๆ ในขณะทีกําลังจะเดินกลับไปนัน เสี ยงใสกังวานก็ดงั แว่วเข้ามา “คุณชายโอวหยาง
......”
ตอนที 248 เจ้ าเมืองหมิงโจว

มู่หรงเสวียกะพริ บตา แล้วหันมองตามเสี ยงไป ก็เห็นว่าชายหนุ่มคนนันกําลังจ้องมองคุณชายโอวห


ยาง แววตาส่ อแววประหลาดใจเล็กน้อย “เป็ นคุณชายจริ งๆ”

“ต้วนไท่โส่ ว*!” คุณชายโอวหยางเอ่ยขึนไม่ดงั ไม่เบานัก แววตาสงบไร้คลืนลม

(ไท่โส่ ว : เป็ นขุนนางทีราชสํานักแต่งตังให้มาทําหน้าทีเป็ นเจ้าเมือง)

ต้วนไท่โส่ วงันหรื อ ได้ยนิ มาว่าไท่โส่ วแห่งเมืองหมิงโจวก็แซ่ตว้ น ชือว่าต้วนอู๋ลวั คงไม่ใช่วา่ เป็ น


คนตรงหน้านี หรอกนะ

มู่หรงเสวียเงยหน้ามองไปยังคุณชายโอวหยาง ก็เห็นเขาพยักหน้าให้

มู่หรงเสวียหมดวาจาไร้คาํ พูด แววตาวูบไหวด้วยความท้อแท้ นางเพิงจะมาถึงเมืองหมิงโจว เรื อง


อะไรก็ยงั ไม่ได้ทาํ สักอย่าง แต่กต็ อ้ งได้มาพบเจอกับไท่โส่ วผูป้ กครองเมืองเสี ยแล้ว ช่างโชคร้ายยิง
นัก......
นางเป็ นชาวแคว้นชิงเหยียน เป็ นศัตรูของแคว้นหนานเจียง และยังมาเมืองหมิงโจวในเวลานีอีก
ถึงแม้วา่ นางจะไม่ได้มาเพือคิดวางแผนจัดการแคว้นหนานเจียง แต่ไท่โส่ วแห่ งแคว้นหนานเจียงผูน้ ี
อย่างน้อยก็ตอ้ งสงสัยนาง จะต้องส่ งคนมาจับตาดูพวกนางทังในทีแจ้งและในทีลับ เรื องทีนางกําลัง
ตามหาองครักษ์เงา ก็คงมีอุปสรรคขัดขวางเพิมขึนมากมาย......

ทังหมดก็ตอ้ งโทษอิงอิงผูส้ มองกลับนางนัน ถ้านางไม่ได้เลือดร้อนออกมาผดุงความยุติธรรม ตาม


ติดเอาเรื องตนไม่ยอมปล่อย ตัวนางก็คงไม่ตอ้ งมีเรื องอะไรกับนาง และก็คงไม่ตอ้ งมาเจอกับต้วนไท่
โส่ วเช่นนี......

มู่หรงเสวียแอบลอบมองอิงอิง เห็นอิงอิงทีลุกยืนขึน แววตาเป็ นประกายจ้องมองมาทีคุณชายโอวห


ยางแล้วพุ่งเข้ามาหาเขา เอ่ยทักทายอย่างตืนเต้นเสี ยงดัง “คุณชายโอวหยาง......คุณชายโอวหยาง......”

กลินเครื องสําอางทีปะทะเข้าสู่ใบหน้า คุณชายโอวหยางแววตาวูบไหว ส่อแววรังเกียจ เบียงกาย


หลบอิงอิงอย่างง่ายดาย แล้วมองไปทีนางอย่างเย็นชา “เจ้าเป็ นใคร”

อิงอิงทีสัมผัสได้แต่อากาศธาตุ ดวงตาอันงดงามเริ มเอ่อคลอไปด้วยนําตา นางเงยหน้าขึนมองไปที


คุณชายโอวหยาง สายตาส่ อแววตัดพ้อ “คุณชายจําข้าไม่ได้แล้วหรื อ ข้าคืออิงอิงบุตรสาวสายตรง
ของจวนเฉิ งเซี ยงแห่งหนานเจียง......ชางอิง !”
แววตามู่หรงเสวียเหยียบเย็น จวนเฉิ งเซี ยงแห่งหนานเจียงชางอิงหรื อ นางก็คือน้องสาวของชางฉง
นันไม่ใช่หรอกหรื อ พีชายน้องสาวคู่นี คนหนึงโหดเหี ยมอํามหิต คนหนึงก็สมองกลับ ปัญญานิม
เอาแต่ความคิดของตัวเป็ นใหญ่ จวนเฉิ งเซี ยงแห่งหนานเจียงช่างพิสดารแปลกประหลาดยิงนัก......

“ชางอิง ?” คุณชายโอวหยางขมวดคิว ส่ ายหน้าตอบอย่างไม่เกรงใจ “ข้าจําไม่ได้”

แววตาของชางอิงฉายแววน้อยเนือตําใจพลางตีหน้าเศร้า “ตอนทีข้าไปเยือนวังหลวงของแคว้น
หนานเจียง ในตอนนันข้าก็ยนื อยูข่ า้ งๆ ท่านพีเชียนเจ๋ อ คุณชายมองไม่เห็นข้าอย่างนันหรื อ”

“มองไม่เห็น” คุณชายโอวหยางตอบอย่างไม่เกรงใจ ดวงตาวาวมืดมนเย็นชา

“จะเป็ นไปได้อย่างไร ในตอนนันข้าน่ารักขนาดนัน นอกจากท่านพีเชียนเจ๋ อแล้ว คนทีดูดีรองลงมา


ก็เป็ นข้า แล้วคุณชายจะมองไม่เห็นข้าได้อย่างไร......”ชางอิงเอ่ยขึนเสี ยงดังอย่างน้อยเนือตําใจ สอง
ตางดงามเอ่อคลอไปด้วยนําตา......

มู่หรงเสวียนิงไป “......” คนอะไรจะหลงตัวเองขนาดนี......


ั ได้ฟังก็ทาํ อะไรไม่ได้ อิงอิงถูกคนในครอบครัวตามใจจนเคยตัว บ่าวรับใช้ก็ยกยอปอปั น
ต้วนอู๋ลวที
ตังแต่เล็กจนโต เต็มไปด้วยความไร้เดียงสา ไม่เข้าใจโลกภายนอก บ่าวรับใช้ทีมักบอกว่านางน่ารัก
ทีสุดนัน พอนางได้ฟังบ่อยๆ เข้า ก็คิดว่าตัวเองคือทีหนึงไร้ค่เู ปรี ยบในโลกใบนี ......

ดวงตามองเห็นชางอิงทีกําลังจะพูดอะไรต่อ ต้วนอู๋ลวจึ
ั งรี บเอ่ยปากตัดบทขึน “ทําไมคุณชายถึงมาที
เมืองหมิงโจวได้” อิงอิงเป็ นคนทีพอให้พดู แล้วก็จะพูดไม่หยุด ถ้าหากให้นางพูดต่อ นางคงไม่มีวนั
พูดจบเรื องเป็ นแน่

“เมืองหมิงโจวมีบรรยากาศธรรมชาติทีงดงาม ข้าก็เลยพาเพือนมาท่องเทียว” คุณชายโอวหยางพูด


โกหกหน้าตาไม่เปลียนสี

ั กหน้า มองไปทีมู่หรงเสวียยิมเล็กน้อย “แม่นางท่านนี ก็คือเพือนของคุณชายหรื อ”


ต้วนอู๋ลวพยั

คุณชายโอวหยางส่งเสี ยงอืมตอบรับไปตามมารยาท นําเสี ยงห่างเหิ นและนิงเรี ยบ

ต้วนอู๋ลวไม่
ั ได้ใส่ ใจ ยิมแล้วเอ่ยขึน “ในเมืองหมิงโจวก็มีแค่ร้านขายของฟุ่ มเฟื อยกับถนนหนทางที
สะดวกเท่านัน ไม่ค่อยมีทิวทัศน์งดงามอะไรให้น่าดูมากนัก ก็คงมีเพียงทะเลสาบหมิงหู ชายฝังของ
ทีนันมีดอกไม้และต้นไม้มากมายหลากหลายสี สันปลูกไว้ กับในทะเลสาบทีมีดอกบัวสี เขียวอัน
กว้างไกลสุ ดลูกหูลกู ตาปลูกไว้เต็มไปหมด สามารถไปนังเรื อชมวิว มองชมทิวทัศน์อนั งามลําได้
คุณชายอยากไปชมหรื อไม่”

“สถานทีทีสามารถทําให้ตว้ นไท่โส่ วชืนชมได้ ทิวทัศน์คงต้องงดงามยิงนัก แน่นอนว่าพวกเราต้อง


อยากไปชม” คุณชายโอวหยางเอ่ยตอบเสี ยงเรี ยบ

ต้วนอู๋ลวพยั
ั กหน้าเบาๆ “เป็ นโอกาสอันยากยิงทีคุณชายจะนําเพือนมาเยียมชมเมืองหมิงโจว เช่นนัน
ไม่สู้ให้ขา้ เป็ นผูน้ าํ เทียวให้ คุณชายเห็นเป็ นอย่างไร”

“แล้วจะไม่เป็ นการรบกวนต้วนไท่โส่ วมากไปหรอกหรื อ” คุณชายโอวหยางมองไปทีต้วนอู๋ลวั แวว


ตาลึกลํา ต้วนอู๋ลวเป็
ั นถึงเจ้าเมืองเมืองหนึ ง ทุกทุกวันนันล้วนมีเรื องราวภาระมากมายทีต้องจัดการ
สะสาง ทหารสามแสนนายของแคว้นชิงเหยียนก็ใกล้เข้ามาทุกที เขาคงมีเรื องยุง่ วุน่ วายมากนัก......

“มีเพือนมาจากแดนไกล เป็ นเรื องสมควรทีจะดูแล ไม่ลาํ บากอะไรหรอก” ต้วนอู๋ลวั เอ่ยเบาๆ ดวงตา


ฉายแววออกมาอย่างจริ งใจ

คุณชายโอวหยางคิดอยูเ่ พียงครู่ แล้วเอ่ยออกมาว่า “ถ้าเช่นนัน ก็ตอ้ งขอรบกวนต้วนไท่โส่ วแล้ว”

ั มเบาๆ มองไปทางมู่หรงเสวีย “แม่นางท่านนีชือว่าอะไรหรื อ”


“คุณชายเกรงใจไปแล้ว” ต้วนอู๋ลวยิ
“มู่หรงเสวีย” มู่หรงเสวียเพียงเอ่ยตอบกลับเบาๆ

ั มออกมาและพยักหน้าเบาๆ “แม่นางมู่หรง คุณชาย เชิญทางนี”


ต้วนอู๋ลวยิ

“ต้วนไท่โส่ ว เชิญ” คุณชายโอวหยางเอ่ย พร้อมคว้าจับมือเล็กๆ ของมู่หรงเสวียไว้ ค่อยๆ ก้าวเดินไป


ข้างหน้า

แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหว ทีนางมาทีเมืองหมิงโจวนัน จุดมุ่งหมายไม่ได้มาเพือท่องเทียว แต่มา


เพือตามหาองค์รักษ์เงาทีหายสาบสูญ นางก็ไม่รู้วา่ จะเริ มตามหาจากทีใด ไปพักผ่อนหย่อนใจที
ทะเลสาบหมิงหูกเ็ ป็ นความคิดทีไม่เลวเลยทีเดียว......

เมือมองไปทางเงาร่ างของคนทังสามคนทีออกเดินทางไป ใบหน้าอันงดงามของชางอิงก็งางอลง



ทันที พวกเขาถึงกับไปกันเลยเช่นนี เรี ยกก็ไม่เรี ยกนางสักคํา ทําเหมือนกับว่านางไร้ตวั ตนอย่างไร
อย่างนัน ช่างน่าเจ็บใจนัก “รอข้าด้วย ข้าก็จะไป......”

ั ท่ างด้านทิศตะวันตกเฉี ยงใต้ของเมืองหมิงโจว ผืนนํากว้างใหญ่ ท้องฟ้ ากับผิว


ทะเลสาบหมิงหูตงอยู
นําบรรจบกัน ชายฝังมีตน้ สนปลูกเรี ยงรายไว้รอบๆ บริ เวณรอบๆ ต้นสนนันเป็ นหญ้าสี เขียว ดอกไม้
เบ่งบานไปทัว เรื อชมวิวลอยอยูเ่ หนือนํา ช่างเป็ นภาพทีงดงามยิงนัก
มู่หรงเสวีย คุณชายโอวหยาง ต้วนอู๋ลวั ชางอิง ทังสี คนนังบนเรื อชมวิวของจวนไท่โส่ ว พืนไม้หอม
ถูกขัดจนเงาวาววับจนสะท้อนภาพของตัวคน ตัวเรื อสลักลายดอกเหมย กล้วยไม้ ไม้ไผ่ ดอกเก๊กฮวย
งดงามอ่อนช้อยราวกับว่ามีชีวิต ด้านบนมีโคมไฟอันสวยงามสองดวงห้อยไว้ ดูหรู หราและสง่างาม
ทําให้คนอดทีจะชมเชยในความสมบูรณ์แบบไม่ได้

บนเรื อมีโต๊ะไม้แดง มู่หรงเสวียนังลงทีด้านหน้าโต๊ะ ค่อยๆ จัดการกับอาหารว่างอย่างช้าๆ สายตา


ของนางมองไปรอบๆ เพือชืนชมบรรยากาศ ดอกไม้ตน้ ไม้ลว้ นแล้วแต่งดงาม ท้องฟ้ าสี ฟ้าสดใส
เมฆขาวนวล ทะเลสาบใสสะอาด กลินอันสดชืนพัดผ่านวูบไหวรอบกาย เมือปล่อยใจไปกับทิวทัศน์
มู่หรงเสวียก็อดใจไม่ไหวเอ่ยชมออกมา “ทิวทัศน์ช่างงดงามยิงนัก !”

“ทะเลสาบหมิงหูในตอนนีอาจงดงาม แต่ทว่าหากเกิดสงครามขึนแล้ว ทะเลสาบแห่งนีก็จะมีแต่เรื อ


รบ รอบทะเลสาบก็จะมีแต่ซากศพ เลือดไหลเป็ นนํา ทําลายความใสสะอาดของทะเลสาบให้
ั นอยู่
กลายเป็ นสี แดงเลือด จนทําให้ไม่อาจมองเห็นเค้าความงดงามดังเดิมได้อีกแล้ว......” ต้วนอู๋ลวยื
หน้าเรื อ มองไปยังท้องฟ้ าทีว่างเปล่าแล้วถอนหายใจเบาๆ ชุดสี ขาวนวลพลิวปลิวไสวไปตามลม
สูงส่ งสง่างามจนไม่สามารถบรรยายออกมาได้

มู่หรงเสวียกะพริ บตาเงยหน้ามองไปทีต้วนอู๋ลวแล้
ั วเอ่ยขึน “ต้วนไท่โส่ วไม่ชอบสงครามอย่างนัน
หรื อ”
“ผูป้ กครองปราดเปรื องทรงคุณธรรม ราษฎรณ์อยูอ่ ย่างเป็ นสุ ขร่ มเย็นไม่ใช่วา่ ดีอยูแ่ ล้วหรื อ เหตุใด
ต้องใช้กาํ ลังทหารทําสงคราม สู้รบกันจนตายไปข้างหนึงด้วยเล่า” ต้วนอู๋ลวเอ่
ั ยเบาๆ ในนําเสี ยงอัน
อ่อนโยนแฝงไว้ดว้ ยความรู้สึกนึ กคิดทีผูค้ นไม่อาจคาดเดาได้

“อาจเป็ นเพราะเหล่าผูป้ กครองอันสู งศักดิพวกนันล้วนแล้วแต่มีความทะเยอทะยาน คิดอยากทีจะ


ผนวกรวมแผ่นดินให้เป็ นหนึ งเดียว......” มู่หรงเสวียตอบขึนลอยๆ อย่างไม่ใส่ใจนัก
ตอนที 249 เกิดเรืองทีทะเลสาบ (1)
“การรบระหว่างชิงเหยียนกับหนานเจียงครังนี คงไม่ได้เป็ นเพราะความทะเยอทะยานของผูป้ กครอง
ั นมองไปทีมู่หรงเสวีย ดวงตาสี ดาํ ขลับของเขาวูบไหวเปล่งประกายมืดมิด
หรอก” ต้วนอู๋ลวหั

“แน่นอนว่าไม่ใช่ แต่เป็ นเพราะคุณชายชางฉงแห่งจวนเสนาบดีของพวกท่านทีเป็ นผูน้ าํ พามาซึ ง


หายนะในครังนี เขาไปล่วงเกินองค์เหนือหัวแห่งแคว้นชิงเหยียนจนพระองค์กริ ว ถึงขันรับสังให้
ประกาศสงคราม......” มู่หรงเสวียมองไปทีต้วนอู๋ลวอย่
ั างเรี ยบเฉย แววตานิ งสงบไร้การสันไหว
คล้ายกับจะพูดว่า คนทีจุดชนวนสงครามเป็ นคนของจวนเสนาบดีแห่งหนานเจียงของพวกท่าน

“ชางฉงปองร้ายฮ่องเต้แห่งชิงเหยียน ก็ถือเป็ นความผิดของเขาคนเดียว เหตุใดจะต้องประกาศ


ั องมองไปทีมู่หรง
สงครามกับหนานเจียง ทําให้ประชาราษฎร์ตอ้ งเดือดร้อนไปด้วยเล่า” ต้วนอู๋ลวจ้
เสวียตาไม่กะพริ บ

“ไม่วา่ จะเป็ นฮ่องเต้พระองค์ไหน ก็ลว้ นไม่มีทางยอมให้พวกมือสังหารมาหยามเกียรติลอบฆ่าพวก


เขาเป็ นแน่ ในทางกลับกันหากชางฉงทําการลอบสังหารฮ่องเต้แห่งหนานเจียงทีเมืองหลวงของ
หนานเจียงเล่า ฮ่องเต้ของหนานเจียงแน่นอนว่าจะต้องกริ วแล้วสังประหารเขาเก้าชัวโคตรเป็ นแน่”
“ฮ่องเต้กริ วชางฉง ต้องการลงโทษเขา สังสอนเขา แต่เขาเป็ นบุตรสายตรงของจวนเสนาบดีแห่ง
หนานเจียง ทังแคว้นหนานเจียงก็เปรี ยบเสมือนกับเป็ นกําลังทีหนุนหลังให้พวกเขา เพราะเหตุนนั
องค์เหนือหัวแห่งชิงเหยียนถึงได้ประกาศศึกกับหนานเจียง เพือทีจะทําลายทีพึงของพวกเขาให้สิน
ซากอย่างไรเล่า......”

ถ้าหากจะให้พดู ตรงๆ ก็หมายความว่าจวนเสนาบดีของหนานเจียงอบรมสังสอนลูกหลานออกมาได้


หยิงยโสโอหังนัก ถึงได้ก่อให้เกิดสงครามระหว่างสองแคว้น ต้วนอู๋ลวอยากหาคนรั
ั บผิดชอบก็
สมควรทีจะไปถามจวนเสนาบดีแซ่ชาง จะมากล่าวเอาผิดกับนางทําไมกัน หรื อว่าเขากําลังทดสอบ
นางอยูง่ นหรื
ั อ

มู่หรงเสวียเลิกคิวมองไปทีต้วนอู๋ลวั ดวงตาอันเรี ยบนิงวูบไหวด้วยประกายแสงอันมืดมิด

ั งขรึ ม ก้มหน้าลงตํา ไม่รู้วา่ กําลังคิดอ่านอะไรอยู.่ .....


สี หน้าของต้วนอู๋ลวเคร่

“ว้าว มีดอกบัวเยอะแยะเต็มไปหมด ช่างงดงามยิงนัก......” เสี ยงเรี ยกร้องอันกระจ่างใสดังเข้าหู มู่


หรงเสวียหันหน้ามองไป ก็เห็นว่าไกลออกไปร้อยเมตรนันมีดอกบัวลอยอยูเ่ ต็มไปหมด ดอกบัว
มากมายต่างเบียดเสี ยดกันจนบดบังผิวนําด้านล่าง ใบบัวทอดยาวกว้างไกลสุ ดสายตา ช่างดูงดงามจน
หาทีติไม่ได้ ดอกบัวสี ชมพูอ่อนล้วนพากันบานสะพรัง ดูสวยสดและสง่างาม เป็ นหนึงไม่มีสอง......
ดวงตาของมู่หรงเสวียวูบไหวเปล่งประกายหันมองไปทีต้วนอู๋ลวั “ต้วนไท่โส่ ว เรื อชมวิวลํานีมีเรื อ
เล็กหรื อไม่”

“เจ้าจะทําอะไร” ต้วนไท่โส่ วมองไปทีนางอย่างไม่เข้าใจ

“ข้าอยากจะพายเรื อเล็กไปทีดงดอกบัว เด็ดดอกบัวกับฝักบัวจํานวนหนึง” มู่หรงเสวียตอบกลับเบาๆ


ไหนๆ เรื อชมวิวก็จะแล่นผ่านดงดอกบัวผืนนันแล้ว หากพายเรื อเล็กออกไปก็คงสามารถไปมา
ระหว่างเรื อชมวิวกับดงดอกบัวได้หลายรอบนัก นางอยากเด็ดดอกบัวมากเท่าไรก็สามารถเด็ดได้
มากเท่านัน

เมือมองไปทีประกายตาอันวาววับของนาง ในดวงตาของต้วนอู๋ลวก็
ั เจือปนไปด้วยรอยยิมจางๆ
กล่าวขึนเสี ยงเบา “เรื อเล็กผูกไว้ทีหลังเรื อนูน้ แหนะ......”

“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ” มู่หรงเสวียกล่าวขึนด้วยรอยยิมสดใส ก้าวลงไปทีพืนเรื อเดินไปทีด้านหลังของ


เรื ออย่างรวดเร็ ว

แววตาของชางอิงวูบไหวเร่ งรี บก้าวเดินตามนางไป “ข้าก็จะไป ข้าก็จะไปเด็ดดอกบัวด้วย......”


มู่หรงเสวียยืนอยูท่ ีด้านท้ายของเรื อ นางปลดเรื อเล็กออกมาลําหนึงแล้วค่อยๆ ก้าวเท้าขึนไป สายตา
เห็นชางอิงวิงเข้ามาอย่างตืนเต้นยินดี กําลังจะก้าวขึนเรื อเล็กของนาง เช่นนันคิวเรี ยวก็ขมวดเข้าหา
กันเล็กน้อย แล้วกล่าวขึนอย่างไม่ดงั ไม่เบานัก “ตรงนีมีเรื อเล็กอยูส่ องลํา พวกเราก็ใช้คนละลําเถอะ”

ทันใดนันเท้าของชางอิงก็พลันก้าวชะงักค้าง พริ บตารอยยิมอันสดใสก็แข็งค้างอยูบ่ นใบหน้า นาง


ถลึงตามองไปทีมู่หรงเสวียอย่างเกลียดชัง “ข้าพายเรื อไม่เป็ น”

“คนรับใช้บนเรื อชมวิวล้วนพายเรื อเป็ น เจ้าสามารถเรี ยกหาสักคนมาพายเรื อให้เจ้า......”

มู่หรงเสวียกล่าวขึนอย่างไม่นาํ พา สาวเชือกวางเก็บอย่างเรี ยบร้อย หยิบเอาไม้พายเล็กๆ ขึนมา

ชางอิงสบถออกมาอย่างไม่พอใจ “ก็แค่กลุ่มคนใช้ชนตํ
ั า ไหนเลยจะมีคุณสมบัติมานังเรื อลําเดียวกัน
กับข้าได้ ข้าเห็นว่าเจ้ายังสามารถพอไปวัดไปวาได้ ถึงได้มานังเรื อลําเดียวกับเจ้า......”

ชางอิงนีนาง......คงเห็นว่านางไปคนพายเรื อไปเสี ยแล้ว

“ขอบคุณทีคุณหนูชางรู้สึกเอ็นดู แต่วา่ ต้องขออภัย ข้าไม่ชินทีจะต้องนังเรื อลําเดียวกับคนแปลกหน้า


ถ้าหากคุณหนูชางไม่สามารถพายเรื อไปได้ก็รออยูท่ ีนีเถิด ข้าจะเด็ดฝักบัว และดอกบัวกลับมาเยอะๆ
แล้วแบ่งให้กบั คุณหนูชางบางส่ วน......” มู่หรงเสวียกล่าวขึนอย่างช้าๆ นังลงบนเรื อลําเล็ก วาดไม้
พายออกไปเบาๆ เรื อลําเล็กค่อยๆ ลอยลําออกไปอย่างช้าๆ

เมือมองไปทีแผ่นหลังของนางทีค่อยๆ ห่างไกลออกไป เพียงพริ บตาใบหน้าเรี ยวเล็กของชางอิงก็มืด


ครึ มลง ตัวนางทีต้องการขึนเรื อเล็กกับนางไปนันก็เพราะเห็นว่านางมีค่าพอ แต่นางกลับไม่ไว้หน้า
ตัวนางเช่นนี ช่างน่าเจ็บใจทีสุ ด ! นางไม่ยอมให้ตนขึนเรื อเล็กของนางงันหรื อ เช่นนันดูสิวา่ หากนาง
จะขึนไปให้ได้จะเป็ นเช่นไร

ชางอิงขยับเท้าเบาๆ พริ บตาเงาร่ างบอบบางก็กระโดดสูงขึน พุ่งทะยานออกไปทีเรื อเล็กของมู่หรง


เสวีย สายตาเห็นว่านางจะกระโดดมาถึงเรื อเล็กของนางแล้ว มู่หรงเสวียก็ยกมุมปากขึนด้วยรอยยิม
แปลกๆ ทันใดนันไม้พายในมือก็วาดไปในนําคราหนึง เรื อเล็กคล้ายดังลูกธนูทีออกจากแล่ง พริ บตา
ลอยออกไปไกลสี ห้าเมตร

ชางอิงทีไม่ทนั ระวัง เท้าทังสองข้างของนางสัมผัสเข้ากับความว่างเปล่า เสี ยง ‘ตูม้ ’ ดังขึนเสี ยงหนึง


ร่ างของนางตกลงไปในนํา จนเกิดฟองคลืนสาดกระจาย นางดินพล่านอย่างร้อนรนจนเกิดเป็ น
ระลอกคลืนบนผิวนํา ทรงผมทีเกล้ามวยไว้อย่างดีหลุดลุ่ย ชุดกระโปรงยาวผืนบางล้วนเปี ยกโชกจน
เรี ยบติดลู่ไปกับลําตัว ถ่วงนําหนักจนนางเดียวผุดเดียวจม กรี ดร้องขอความช่วยเหลือขึนอย่าง
กระวนกระวาย “ช่วยด้วย......ช่วยข้าด้วย”
เมือมองไปทีท่าทางน่าอนาถของนาง ต้วนอู๋ลวก็
ั ถอนหายใจออกมาอย่างอับจนคําพูด สังการบ่าว
ไพร่ ให้ไปช่วยคน แววตาอันคมกริ บกวาดตามองไปทีมู่หรงเสวียทีทําตัวไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาว แววตา
วูบไหวเปล่งประกายอย่างลําลึก “เพือนของคุณชาย ช่างคล้ายกับ...ลูกแมวป่ านัก......”

กรงเล็บพอยืนออกมาก็จะข่วนผูค้ นจนเกิดรอยแผล แต่พอหดกรงเล็บกลับก็จะทําให้อารมณ์ของ


ผูค้ นพุ่งพล่านจนควันออกหู ไม่วา่ อย่างไรก็ลว้ นไม่ได้เป็ นฝ่ ายทีเสี ยเปรี ยบเลยแม้แต่นอ้ ย

“ลูกแมวป่ าก็ดี จะได้ไม่ถูกคนรังแก” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนเสี ยงเรี ยบแล้วหันมองไปทีเรื อเล็ก


ของมู่หรงเสวีย แววตาสี ดาํ ขลับดังอัญมณี เจือปนไปด้วยรอยยิมทียากได้พบ

มู่หรงเสวียทีพายเรื อเล็กเข้าไปในดงดอกบัว กลินหอมอ่อนๆ ของดอกบัวกระทบเข้าสู่ใบหน้า ทําให้


ผูค้ นหลงใหลเมามาย มู่หรงเสวียอดจะชืนชมในใจไม่ได้ ค่อยๆ พายเรื อไปพลางชืนชมวิวทิวทัศน์
ไปพลาง เห็นดอกบัวกับฝักบัวดอกไหนถูกใจ ก็เด็ดมันโยนไปไว้ทีหลังเรื อ......

ทีนางไม่ให้ชางอิงขึนเรื อมาด้วยก็เพราะว่า หนึ งคือนางไม่อยากยุง่ เกียวกับชางอิงมากนัก และสองก็


เพือจะได้เก็บดอกบัวกับฝักบัวเยอะๆ......
เสี ยงแหวกอันบางเบาของสายนําดังเข้าหู มู่หรงเสวียหันหน้ามองไปเห็นเรื อเล็กลําหนึ งพายผ่าน
หน้านางไปอย่างช้าๆ คนทีพายเรื อเป็ นหญิงสาววัยกลางคนผูห้ นึง นางสวมใส่ เสื อและกางเกงขายาว
ทีทําจากผ้าหยาบสี เทาอ่อนๆ

บนเรื อยังมีหญิงสาวงดงามอีกนางหนึง นางอยูใ่ นชุดสี แดงทีปลิวไสว สี หน้าซี ดขาวน้อยๆ เป็ นใคร


ไปไม่ได้นอกจากชางอิงทีอาบนําและผลัดเปลียนเสื อผ้าใหม่เรี ยบร้อยแล้ว

มู่หรงเสวียเลิกคิวขึนน้อยๆ ครู่ เดียวก็สามารถมานังเรื อเล็กพายไปพายมาเช่นนี ดูท่านางทีเมือครู่ นี


จมนําไปคงจะไม่หนักหนานัก หรื ออาจจะเป็ นเพราะซนและดือรันจนเป็ นนิสยั แล้ว แค่ได้รับ
บาดเจ็บเล็กน้อยกับสําลักนําไปไม่กีอึก สําหรับนางแล้วคงเป็ นเรื องทีไม่หนักหนาอันใดนัก......

ไม่วา่ จะเป็ นเหตุผลใด ชางอิงกับนางก็ไม่ได้มีความแค้นต่อกัน ขอแค่เพียงชางอิงไม่เข้ามายุง่ วุน่ วาย


กับนาง นางก็คร้านทีจะไปสนใจ

ชางอิงยืนอยูบ่ นเรื อทีค่อยๆ พายเข้าไปในดงของดอกบัวอย่างช้าๆ มองไปทีดงของดอกบัวที


กว้างไกลสุ ดลูกหูลกู ตา ใบหน้าเรี ยวงามของนางก็ค่อยๆ เคร่ งขรึ มลง ก็แค่เด็ดดอกบัว เด็ดฝักบัวมิใช่
หรื อ เรื องง่ายๆ เช่นนีนางก็ทาํ เป็ น คอยดูแล้วกันนางจะเด็ดดอกบัวกับฝักบัวให้เยอะๆ จะได้ยวั
โมโหมู่หรงเสวียให้อกแตกตาย......
อยูๆ่ ในลําคอก็รู้สึกระคายเคืองขึนมา นางอดไม่ได้ทีจะไอออกมาเบาๆ เสี ยหลายเสี ยง มือคว้าบิดไป
ทีดอกบัวแล้วเด็ดก้านสี เขียวของมันจนขาด สุ ดท้ายก็โยนมันไปทีหลังเรื อ ล้วนเป็ นเพราะมู่หรง
เสวียทีทําร้ายนาง จนนางต้องสําลักนํา......

สายลมเย็นสบายผาดผ่าน พัดพามาด้วยเสี ยงร้องทีขาดๆ หายๆ “อ๊า......อ๊า......ช่วยด้วย......”

มีคนเกิดเรื องแล้ว ! ดวงตาสวยของชางอิงหรี เล็กลง แววตาสี ดาํ ขลับวูบไหวเปล่งประกาย “เร็ วเข้า


รี บพายเรื อไปดูเร็ ว......”
ตอนที 250 เกิดเรืองทีทะเลสาบ (2)
“เจ้าค่ะ !” หญิงวัยกลางคนรับคําสัง ใช้แรงพายพายไม้ เรื อเล็กคล้ายดังกับศรแสงแล่นออกไปทาง
ทิศทีเสี ยงนันลอยมา

“ช่วยด้วย......ช่วยด้วย......” เสี ยงร้องนับทียงดั


ิ งมากขึน นับทียงเข้
ิ ามาใกล้ ชางอิงแหวกดงดอกบัวที
หนาทึบออกแล้วมองไป เห็นว่าในดงดอกบัวมีเรื อลําหนึงทีไม่เล็กไม่ใหญ่ลอยนิ งอยู่ ชายหนุ่มผู้
หนึงกับหญิงสาวนางหนึงถูดมัดติดอยูก่ บั เสาเรื อไว้อย่างแน่นหนา

ชายหน้าตาน่าเกลียดร่ างหนา ใบหน้าตะปุ่ มตะปํ าผูห้ นึงกําลังสะบัดแส้ใส่ พวกเขา สะบัดฟาดอย่าง


ดุดนั โหดร้าย “ใครใช้ให้พวกเจ้าหนี หนีอีกซิ หนีอีกซิ ......”

“ขอร้องท่านล่ะ ได้โปรดปล่อยพวกเราไปเถิด !” หญิงสาวนางนันร้องห่มร้องไห้ เสื อผ้าบนร่ างถูก


แส้สะบัดฟาดจนขาดหลุดรุ่ ย ผิวพรรณอันเรี ยบเนี ยนถูกฟาดโบยจนเนือหนังปริ แตกออกมา จนเต็ม
ไปด้วยรอยแผลแนวตังบ้าง แนวนอนบ้าง เลือดสี แดงสดไหลปริ มออกมาเต็มบาดแผล จนซึ มย้อม
เข้าไปกับเสื อผ้า ท่าทางสภาพเช่นนันอยากให้อนาถได้มากเท่าไร ก็อนาถได้มากเท่านัน

“คิดเสี ยเลิศหรู !” ชายอัปลักษณ์ผนู้ นพู


ั ดขึนอย่างโหดร้าย แล้วสะบัดฟาดออกไปอีกครังหนึ ง หญิง
สาวนางนันกรี ดร้องออกมาเสี ยงดังลันจนดังไปถึงชันฟ้ า “อ๊า !”
หื ม กลางวันแสกๆ เช่นนี แต่ชายอัปลักษณ์กลับกล้าฉุดคร่ าสามีภรรยาทีรักใคร่ มีเจตนารังแก
ประทุษร้าย ช่างชัวช้ายิงนัก ไม่เกรงกลัวซึงกฎหมายและฟ้ าดิน เช่นนันนางก็จะเป็ นผูผ้ ดุงความ
ยุติธรรมปกป้ องผูอ้ ่อนแอเอง !

ชางอิงยกยิมมุมปากขึนอย่างอวดดี ขยับเท้าเบาๆ เพียงพริ บตาร่ างบางก็กระโดดออกไป ไม้พายใน


มือสะบัดฟาดไปทีชายอัปลักษณ์อย่างแรง “คนชัว รับการลงโทษเสี ย”

ชายอัปลักษณ์ไม่ทนั ระวังถูกตีเข้าไปทีหัว ได้ยนิ เสี ยง ‘ปั ก’ ดังขึนเสี ยงหนึง ภาพตรงหน้ากลายเป็ น


พร่ ามัว ซวนเซไปด้านหลังเล็กน้อยถึงจะกลับมาทรงตัวได้ดงั เดิม หน้าผากของเขาปูดบวมออกมา มี
เลือดสี แดงไหลอาบลงมาตามใบหน้า ค่อยๆ ไหลหยดลงสู่ดา้ นล่าง......

“พีใหญ่ พีใหญ่......ท่านเป็ นอย่างไรบ้าง” เพียงพริ บตาบนเรื อทีว่างเปล่าก็ปรากฏร่ างของนักเลงหัว


ไม้สิบกว่าคนทีพากันกรู ออกมา เร่ งรี บกันเข้าไปพยุงชายอัปลักษณ์ผนู้ นั สอบถามขึนอย่างร้อนรน

ชายอัปลักษณ์เอามือกุมไปทีบาดแผลบนหัว ค่อยๆ หันมองไปทีชางอิงทีละน้อยทีละน้อย พริ บตา


ดวงตานันก็กลายเป็ นสี แดงกํา “เจ้ากลับกล้าตีขา้ .....”
“คนโอหังไม่เกรงกลัวกฎหมายทีชอบรังแกผูค้ นเช่นเจ้า ก็สมควรแล้วทีจะโดนทุบตี !” ชางอิงยืนอยู่
ทีหัวเรื อ ถลึงตามองไปทีเขาอย่างไม่เกรงกลัวแต่อย่างใด เชิดหน้าขึน แววตาเต็มไปด้วยความหยิง
ทะนง

“ดี ดี ดี” อารมณ์โกรธของชายอัปลักษณ์พุ่งปะทุขึน พูดคําว่าดีติดต่อกันสามคํา แล้วชีนิ วไปทีชางอิง


กล่าวขึนอย่างกราดเกรี ยว “ดูท่าเจ้ากับพวกเขาคงเป็ นพวกเดียวกัน จับนางเอาไว้ !”

“ขอรับ !” พวกนักเลงรับคําสัง พากันวิงกรู กนั เข้าไปหาชางอิงอย่างชัวร้าย !

จับนางงันหรื อ ไม่เจียมตน !

ชางอิงยกยิมมุมปากขึนอย่างเย้ยหยัน ไม้พายในมือสะบัดฟาดไปมาอย่างรวดเร็ว ได้ยนิ เสี ยง ‘ปัก ปัก


ปั ก’ ดังขึนช่วงหนึง พวกนักเลงชุดเทาทีอยูใ่ กล้ๆ ถูกฟาดจนล้มลง ร้องโหยหวนขึนอย่างเจ็บปวด
......

ช่างเป็ นกลุ่มคนทีไม่ได้เรื องยิงนัก !

ชางอิงหัวเราะเยาะขึนมาเสี ยงหนึ ง คว้าหยิบเอามีดเล่มโตทีอยูบ่ นพืนเข้าไปตัดเชือกให้ชายหญิงคู่


นัน แล้วกล่าวขึนอย่างหยิงทะนง “พวกเจ้ารี บไปเถอะ ทีนีให้ขา้ จัดการก็พอแล้ว”
“ขอบพระคุณเจ้าค่ะคุณหนู” สี หน้าของชายหญิงสองคนนันซีดขาว ทัวทังร่ างเต็มไปด้วยเลือด หัน
มองไปทีชายอัปลักษณ์อย่างหวาดกลัว แล้วหันไปประสานมือขอบคุณชางอิงอย่างนอบน้อม เสี ยง
‘ตูม้ ’ ดังขึนเสี ยงหนึง กระโดดลงไปในนํา จนสายนําสาดกระเซ็น

เหลือเพียงระลอกคลืนทีกระเพือมไปมาบนผิวนํา คนทีอยูใ่ นนําพริ บตาหายไปอย่างไร้รอย สี หน้า


ของชายอัปลักษณ์มืดครึ มจนน่ากลัว แววตาลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ ถลึงตามองไปทีชางอิงอย่าง
ดุดนั แล้วกล่าวขึน “จับตัวนางให้ขา้ แล้วฟาดโบยให้หนัก !”

“ขอรับ !” พวกนักเลงชุดเทารับคําสังเสี ยงเข้ม พากันคว้าหยิบเอาแส้ ดาบยักษ์ ไม้พาย ท่อนไม้ทีอยู่


บนพืนขึนมาฟาดโจมตีไปทีชางอิงอย่างไม่ปรานี

ไม้พายของชางอิงไม่ได้มีความพิเศษอะไร ได้แต่รับการโจมตีจากพวกชายชุดเทาอยูฝ่ ่ ายเดียว ไม่มี


โอกาสได้สวนกลับเลยแม้แต่นอ้ ย ทังแขน ขาล้วนถูกฟาดตีจนบวมปวดแสบปวดร้อนไปหมด นาง
โกรธจนต้องกัดฟันแน่น เจ้าพวกชันตํากลับกล้าตีนางงันหรื อ ช่างรนหาทีตายนัก......

ทันใดนัน ไม้พายไม้หนึงก็ตีเข้ามา ฟาดเข้าไปทีแขนของนางอย่างแรง พอความเจ็บปวดอันแหลม


คมทีแขนพุ่งขึนมา นางก็เผลอคลายมือออก เสี ยงของไม้พายร่ วงลงพืนดัง ‘ตุบ’ ขึนเสี ยงหนึง......
ดวงตาของพวกนักเลงเปล่งประกาย แส้ ไม้พาย ไม้เท้าในมือฟาดออกมาอย่างรุ นแรงจนเกิดเสี ยง
เสี ยดสี กบั สายลม พุ่งฟาดไปทางนางอย่างไม่มีความปรานี......

“ช่วยด้วย......” ชางอิงร้องขึนเสี ยงหลง ใช้แรงขยับเท้าเบาๆ กระโดดกลับไปทีเรื อเล็กของนางอย่าง


ร้อนรน แล้วกล่าวเร่ งขึนอย่างเร่ งรี บ “พายเรื อ รี บพายเรื อออกไป......”

“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ!” หญิงวัยกลางคนก็กาํ ลังหวาดกลัวพวกนักเลงทีมีจาํ นวนมากอยูเ่ ช่นกัน รี บใช้


ไม้พายพายออกไปอย่างเร่ งรี บ

ชายอัปลักษณ์บงั คับเรื อพาพวกนักเลงชุดเทาไล่ตามติดไปอย่างโหดเหี ยม แววตาลุกโชนไปด้วยไฟ


โกรธ โมโหจนอยากถลกหนังชางอิงออกเป็ นชินๆ “ใครจับนางได้ ข้าจะมอบรางวัลให้อย่างงาม !”

“ขอรับ !” พวกนักเลงชุดเทารับคําสังเสี ยงขรึ ม ขยับเท้าทังสองข้างเบาๆ กระโดดลอยไปทีเรื อเล็ก


ของชางอิง สายตาเห็นพวกเขาจะลอยมาถึงทีเรื อของนางแล้ว ชางอิงก็รู้สึกตืนตระหนก คว้ากระชาก
ไปทีหญิงวัยกลางคนทีกําลังพายเรื อผูน้ นั แล้วเหวียงนางไปทีพวกนักเลงชุดเทาพวกนันอย่างแรง

เมือเห็นร่ างกายเทอะทะทีลอยเข้าหา แววตาของพวกนักเลงก็วบู ไหวอย่างดูถกู เบียงกายหลบออก


อย่างรวดเร็ว......
อาศัยจังหวะทีพวกเขาชะงักไป ชางอิงคว้าเอาไม้พายใช้แรงพายไปทีผิวนํา เรื อเล็กทีอยูใ่ นดก
ดอกบัว ค่อยๆ ลอยเอือยๆ ออกไปด้านหน้า......

เรื อด้านหลังยิงเข้ามาก็ยงใกล้
ิ ขึนทุกที ชางอิงทีหมดทางหนี ได้แต่ร้องเรี ยกขึนอย่างกระวนกระวาย
“ช่วยด้วย......ช่วยด้วย......”

“หยุดเดียวนี......ห้ามหนี นะ......”

เสี ยงโวยวายอึกทึกครึ กโครมดังเข้าหู มู่หรงเสวียเลิกคิวขึนอย่างไม่เข้าใจนัก นีมันเกิดเรื องอะไรขึน


กัน

นางนําเอาดอกบัวสี ชมพูอ่อนทีอยูใ่ นมือวางลงไปทีกองดอกบัว หยิบไม้พายแล้วค่อยๆ พายออกไป


ด้านนอกอย่างช้าๆ ไม่คาดว่าช่วงทีเรื อเล็กพายออกจากดงดอกบัวในขณะนัน เรื อเล็กอีกลําหนึงก็พุ่ง
เข้ามาจากด้านข้าง ชนเข้ากับเรื อเล็กของนางอย่างแรง......

ได้ยนิ เสี ยง ‘ปัง’ ดังขึนเสี ยงหนึง เรื อเล็กของนางถูกกระแทกจากด้านข้างจนลอยออกไปไกลสอง


สามเมตร เกือบจะพลิกควํา ร่ างของนางก็ส่ายไปส่ ายมาเล็กน้อย เกือบจะตกลงไปในนํา......

เป็ นใครทีทําตัวได้น่ารังเกียจหยาบคายเช่นนีกัน !
เพียงพริ บตาใบหน้าเรี ยวงามของมู่หรงเสวียก็มืดครึ มลง หันหน้ามองไปอย่างดุดนั สายตาพอดีเห็น
เข้ากับชางอิงทียืนอยูบ่ นเรื อเล็ก กําลังก้มหน้ามองมาทีนาง แววตาเต็มไปด้วยความตกใจ “มู่หรง
เสวีย ทําไมเป็ นเจ้า......”

มู่หรงเสวียถลึงตามองไปทีนางอย่างอารมณ์ไม่ดี “หากไม่ใช่ขา้ แล้วยังจะเป็ นใครได้อีก......”

ปากของชางอิงเดียวอ้าเดียวหุบเตรี ยมทีจะกล่าววาจา แต่เสี ยงคํารามหยาบกระด้างเสี ยงหนึงก็ดงั


แทรกขึนมาก่อน “หญิงชัวช้า ดูสิวา่ เจ้าจะหนี ไปไหนได้ !”

ในใจของชางอิงตืนตระหนก เมือหันกลับมองไป ก็เห็นว่าชายอัปลักษณ์กาํ ลังพาพวกนักเลงไล่ตาม


ติดเข้ามา เขากําลังยืนอยูท่ ีหัวเรื อมองมาทีนางอย่างผูอ้ ยูเ่ หนือกว่า แววตาวูบไหวเปล่งประกายเย็นยะ
เยือก นางทีเห็นดังนันก็อดหลังเหงือเย็นออกมาไม่ได้

‘ฟ้ าว !’ เพียงพริ บตาเขาก็กระโดดลงมาบนเรื อเล็กของมู่หรงเสวีย ทัวทังร่ างคล้ายกับนกกระจอกเทศ


ทีหดหัวหลบอยูท่ ีด้านหลังของมู่หรงเสวีย เผยให้เห็นเพียงดวงตาทังสองข้าง ร้องขึนเสี ยงดังด้วย
ท่าทางน่าสงสาร “มู่หรงเสวีย ช่วยข้าด้วย !”
มู่หรงเสวียขมวดคิวแน่น ยืนมือคว้าจับเข้าไปทีแขนของชางอิงคิดอยากทีจะดึงนางออก แต่วา่ ชางอิง
เกาะแน่นติดอยูท่ ีหลังของนางคล้ายกับกาวหนังหมาก็ไม่ปาน ไม่วา่ นางจะดึงอย่างไรก็ดึงไม่ออก

มู่หรงเสวียหันหน้ามองไปทีนางด้วยสายตาเย็นแล้วกล่าวขึน “เจ้าไปก่อเรื องอะไรมาอีก......”


ตอนที 251 เกิดเรืองทีทะเลสาบ (3)
“ข้าไม่ได้ก่อเรื อง” ชางอิงย้อนกลับอย่างเคืองๆ ชีมือไปทางชายหนุ่มอัปลักษณ์ในเรื อ แล้วพูด
ออกมาอย่างถือตัวว่า “เป็ นเพราะว่าพวกเขาจิตใจโหดร้ายจับเอาคู่สามีภรรยาทีรักกันดีมากักขัง
ทรมาน ข้าทนดูไม่ได้ ก็เลยปล่อยคู่สามีภรรยานันไป หลังจากนันพวกเขาก็มาไล่ตีขา้ “

“เจ้าเพ้อเจ้ออะไร” ชายหนุ่มอัปลักษณ์ขดั คําพูดของนางขึน ถลึงตาจ้องมองนางอย่างโกรธแค้น


“หญิงคนนันเป็ นภรรยาข้า นางลอบคบชูก้ บั ไอ้หน้าขาวนันลับหลังข้า นัดกันมาทีดงดอกบัวนีเพือ
ทําเรื องบัดสี พอโดนข้าจับได้คาหนังคาเขาบนเรื อ ข้าแค่อยากจะสังสอนพวกเขานิดหน่อยเท่านัน
คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะมาก่อเรื องวุน่ วาย ปล่อยชายหญิงใจสุ นขั นันไป.....”

“นี...นีจะเป็ นไปได้อย่างไร.....” ชางอิงเบิกตากว้างอย่างตกใจ “สามีภรรยาคู่นนดู


ั รักกันจะตาย......”

“พวกเขาเพิงลอบมีความสัมพันธ์กนั ได้ไม่นาน แน่นอนว่าต้องรักกันหวานชืนสิ ” ชายอัปลักษณ์จอ้ ง


ชางอิงอย่างโกรธแค้น นัยน์ตาเต็มไปด้วยไฟแค้น เขาแทบอยากจะจับนางกินเข้าไปชีวติ เสี ยเดียวนี

ชางอิงขมวดคิวแน่น พูดออกมาอย่างไม่ยอมแพ้วา่ “เจ้าบอกว่าหญิงคนนันเป็ นภรรยาของเจ้า นาง


เป็ นภรรยาของเจ้าจริ งๆ หรื อ จากทีข้าดูนนั เจ้าคงเห็นว่านางหน้าตาสวย ก็เลยคิดจะแย่งภรรยาคน
อืน คนเขาไม่ยอม เจ้าก็เลยนึกแค้นตีนางน่ะสิ !”
“ไม่ใช่วา่ ข้าจะดูถูกเจ้า แต่อปั ลักษณ์เช่นเจ้านัน ต่อให้เป็ นยายแก่อายุแปดสิ บก็ยงั ไม่แน่วา่ จะยอม
แต่งกับเจ้าเลย แล้วจะเอาอะไรกับแม่นางท่าทางอ้อนแอ้นคนนัน.....”

ชางอิงมองชายอัปลักษณ์ทีโกรธจนหน้าดําคลํา สายตาฉายแววดูถูกดูแคลนอย่างปิ ดไม่มิด ทําเอา


ชายอัปลักษณ์ทีได้เห็นมีสีหน้าเขียวคลํา หยิบเอาหนังสื อสี แดงเล็กๆ ขึนมาแล้วเหวียงไปทีหน้าของ
ชางอิง “นังคนน่ารําคาญ เจ้าเบิกตากว้างๆ ดูให้กระจ่าง นีเป็ นหนังสื อแต่งงานทีข้าแต่งภรรยาเข้ามา
......”

ชางอิงหดตัว หนังสื อแต่งงานลอยผ่านศีรษะนางไปจนเสี ยง ‘ฟับ’ ดังขึนหนึงเสี ยง แล้วก็ร่วงลงไป


ในนํา ภายใต้แสงอาทิตย์ทีสาดส่องนันชือของคนสองคนทีเขียนด้วยตัวอักษรสี ดาํ ก็ปรากฏขึนสะดุด
ตา......

ดวงตาของชางอิงเป็ นประกายอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ พูดขึนอย่างไม่ยอมแพ้ “ใครจะรู้เล่าว่าหนังสื อ


แต่งงานนีเป็ นของเจ้าหรื อเปล่า......”

“หุบปาก นังเด็กโง่......” ชายหนุ่มขัดคําพูดของนางขึนอย่างดุดนั ยืนมือหยิบดาบยาวออกมา ใบดาบ


อันคมกริ บสะท้อนแสงวาววับสะท้อนในแสงอาทิตย์จนเกิดประกายเงาคมกล้า

ชางอิงทีได้เห็นพลันหนังตากระตุก พูดออกมาอย่างตระหนกตกใจ “เจ้า...เจ้าจะทําอะไร”


“เจ้าปล่อยภรรยาของข้าไป เช่นนันเจ้าก็ตอ้ งชดใช้ให้ขา้ ....” ชายหนุ่มพูดขึนอย่างโหดร้าย นัยน์ตา
ฉายแววเยือกเย็น

“เจ้า...อย่าทําอะไรบ้าๆ นะ เจ้ารู้หรื อไม่วา่ ข้าเป็ นใคร ฐานะของข้าไม่ค่คู วรกับคางคกอัปลักษณ์เช่น


เจ้าแน่นอน....” ชางอิงต่อว่าด้วยสุ่ มเสี ยงหวาดหวัน มองไปทีชายอัปลักษณ์ผนู้ นั นัยน์ตาเต็มไปด้วย
ความโมโห

“รู ปร่ างขีริ วขีเหร่ อย่างเจ้า ให้ขา้ เปล่าๆ ข้ายังไม่อยากได้เลย......” ชายหนุ่มอัปลักษณ์มองนางแวบ


หนึง แววตาวาววับมองไปด้านหน้าของชางอิง “ข้าพูดถึงแม่นางคนงามทีอยูด่ า้ นหน้าเจ้า....”

ชางอิงเงียบงัน “........”

ด้านหน้าของนางคือมู่หรงเสวีย ชายหนุ่มอัปลักษณ์นีไม่ชอบนาง แต่กลับต้องใจมู่หรงเสวีย คิด


อยากให้มู่หรงเสวียใช้หนีแทนนางพอดี ฮ่าๆ ตอนนีนางปลอดภัยแล้ว........

ในใจของนางรู้สึกบันเทิงเริ งรื น แต่ลึกๆ ก็รู้สึกพ่ายแพ้อยูน่ ิดๆ มู่หรงเสวียสวยกว่านางอย่างนันหรื อ


นางค่อยๆ เงยหน้าขึนมองมู่หรงเสวีย เห็นเพียงสี หน้าราบเรี ยบราวผืนนํา นัยน์ตาวาวใสฉายแวว
เยือกเย็น มองชายหนุ่มมอซอเย็นเยียบพลางเอ่ยขึน “การปรักปรํามีตน้ เหตุ หนีมีเจ้าหนี นางทําให้
ภรรยาของเจ้าหนีไป เจ้าก็ไปทวงหาเอาทีนาง อย่าได้มาก่อกวนข้า.......”

นางเพียงมาทีดงบัว เพือเก็บดอกบัวและฝักบัวเท่านัน นางไปหาเรื องใครหรื อกวนใจใครเมือใดกัน


อยูๆ่ ความยุง่ ยากก็วงมาหานางเองเสี
ิ ยได้ นีมิใช่เป็ นการนอนเฉยๆ ก็โดนลูกปื นหรอกหรื อ โชคร้าย
ถึงทีสุ ดจริ งๆ......

“ข้าไม่ชอบนาง แต่ขา้ ชอบเจ้า....” ชายอัปลักษณ์พดู ขึนอย่างถือตัว โบกมือแรงๆ “จับนางไว้ หากจับ


ได้ ข้ามีรางวัลอย่างงาม !”

“ขอรับ !” เหล่านักเลงชุดดําตอบรับเสี ยงหนักแน่น หยิบเชือกยาว คว้าดาบ ยิมมาดร้ายมองไปทีมู่


หรงเสวีย........

ดวงตาของมู่หรงเสวียเป็ นประกาย ไม้พายในมือสะบัดฟาดออกอย่างเต็มแรง ฟาดลงบนร่ างนักเลง


เหล่านันไม่ปรานี ตีจนพวกเขาตกลงไปในนําเกิดเสี ยงดัง ‘ตูม้ ตูม้ ’ จนเกิดคลืนนําขึนมากมาย........

สี หน้าของชายอัปลักษณ์บนเรื อใหญ่เขียวคลํา พูดขึนอย่างโมโห “เจ้าพวกสวะ รี บจับคนเร็วๆ สิ รี บ


จับคนเร็วเข้า......”
“ขอรับ ขอรับ ขอรับ” เหล่านักเลงต่างรี บรับคํา ว่ายนําไปทีเรื อเล็กของมู่หรงเสวียจับกราบเรื อนาง
ไว้.......

มู่หรงเสวียยกยิมเย็นทีมุมปาก ไม้พายฟาดลงทีมือเหล่านักเลงเหล่านัน

“อ๊า.....” เหล่านักเลงร้องโหยหวน ค่อยๆ จมลงไปใต้นาํ

สวะไร้ประโยชน์ทงฝู
ั งแท้ๆ !

หน้าของชายอัปลักษณ์เขียวคลํา หยิบโต๊ะบนเรื อขึนมา โยนมาทางเรื อเล็กของมู่หรงเสวีย นัยน์ตา


ของมู่หรงเสวียเป็ นประกาย ใช้ไม้พายในมือฟาดรับมือกับโต๊ะทีพุ่งเข้ามา ได้ยนิ เพียงเสี ยง “ปั ง”
เสี ยงหนึง ไม้พายกับโต๊ะกระแทกกันรุ นแรง เพียงพริ บตาทังหมดก็ลว้ นแตกกระจายออกเป็ นเศษไม้
เป็ นชินๆ แล้วลอยตกลงไปในนําอย่างกระจัดกระจาย......

มู่หรงเสวียโดนกระทบจนร่ างโงนเงนไปเสี ยหลายครัง ถึงจะกลับมายืนมันคงได้ เรื อเล็กสันไหว


อย่างรุ นแรง เป็ นพวกนักเลงทีตกอยูใ่ นนําทีพากันว่ายเข้ามาเกาะขอบเรื อ พยายามตะเกียดตะกาย
ออกแรงปี นขึนไป......
มู่หรงเสวียหรี ตาลงเล็กน้อย เตรี ยมทีจะถีบคน ทันใดนันเสี ยงใสกังวานก็ดงั ขึนมาจากด้านหลัง “มู่
หรงเสวีย เจ้ารับมือไว้นะ ข้าจะไปเรี ยกคน แล้วจะรี บมาช่วยเจ้า.....”

เพียงขาดคํา ชางอิงก็ผลักมู่หรงเสวียแรงๆ ไปทางกลุ่มนักเลงเหล่านัน พวกนักเลงล้อมเรื อพวกนาง


ไว้แน่นหนานัก ใครก็คงหนีไปไม่ได้

่หรงเสวีย ก็ให้ม่หู รงเสวียเป็ นคนดึงความสนใจของพวกเขาเสี ย นาง


ในเมือชายอัปลักษณ์นนชอบมู

จะได้ถือโอกาสหนีไปทีเรื อชมวิวของท่านพีให้เร็ วทีสุ ด ขอความช่วยเหลือจากท่านพี แล้วค่อย
กลับมาช่วยมู่หรงเสวียก็ไม่สาย.......

มู่หรงเสวียยิมมุมปาก ยืนมือไปจับแขนชางอิง มองนางกึงยิมน้อยๆ “เป็ นเจ้าทีก่อเรื องขึนมา เช่นนัน


ก็ให้เจ้ามาดึงความสนใจพวกเขาแล้วกัน.......”

พอขาดคํา มู่หรงเสวียก็ออกแรงดึง ทันใดนันร่ างเล็กๆ ของชางอิงก็ถูกโยนใส่กลุ่มนักเลงชุดเทา


ทันที......

พวกนักเลงขมวดคิว รี บพากันหลบอย่างรวดเร็ว
มู่หรงเสวียรี บหยิบไม้พายขึนมาอีกอัน รี บพายเรื อออกไปอย่างรวดเร็ว เรื อเล็กแล่นฉิ วราวกับลูกศร
จากไปอย่างรวดเร็ ว มู่หรงเสวียร้องบอกขึนอย่างไม่ใส่ใจอีกว่า “ชางอิง ไม่ตอ้ งร้อนใจ ข้าจะรี บไป
ตามคน แล้วจะรี บกลับมาช่วยเจ้า.....”

แค่ชายอัปลักษณ์กบั นักเลงธรรมดาๆ เพียงไม่กีคนเท่านัน นางสามารถรับมือได้ ไม่จาํ เป็ นต้องเรี ยก


คนอะไร แต่ชางอิงลอบทําร้ายนาง คิดจะผลักนางไปบังภัย ช่างรนหาทีตายแท้ๆ

ชางอิงหญิงสมองกลับผูโ้ ง่งมทีไร้ซึงนําใจและหลักเหตุผล เหตุใดนางจะต้องไปรับภาระเก็บกวาด


เรื องวุน่ ๆ ให้ชางอิงด้วย เช่นนันก็ให้ชางอิงกับชายอัปลักษณ์คอ่ ยๆ ปรึ กษากันไปช้าๆ เถอะ....

ชางอิงตกกระแทกทีท้องเรื ออย่างรวดเร็ ว ตกกระแทกจนหน้ามืดหูอือ ตาลายจนเห็นดาว ทัวทังร่ าง


รู้สึกเจ็บจนเหมือนกับว่ากระดูกจะแยกชิน เจ็บจนแทบทนไม่ได้

เมือมองเงาร่ างทีหายไปไกลของมู่หรงเสวีย นางก็รู้สึกแค้นเคืองขัดใจเป็ นอย่างมาก ร้องขึนดังทะลุ


ชันเมฆ “มู่หรงเสวีย !.......”
ตอนที 252 เกิดเรืองทีทะเลสาบ (4)

มู่หรงเสวียทําเป็ นไม่ได้ยิน พายเรื อเล็กล่วงหน้าออกไปไม่หยุด

สี หน้าของชายอัปลักษณ์มีความซับซ้อน ตะโกนร้องออกมาอย่างเสี ยงดังก้อง “พวกเจ้ามัวแต่ตะลึง


อะไรกันอยู่ ยังไม่รีบตามไปอีก......”

“ขอรับ ขอรับ ขอรับ......” เหล่าฝี พายต่างรี บพยักหน้าอย่างตืนตระหนก มือไม้วนุ่ วายปี นไปบนเรื อ


ลําเล็กลําหนึง รี บออกติดตามมู่หรงเสวียไปอย่างทันที

ชายอัปลักษณ์กา้ วยาวๆ มาทีด้านหน้าของชางอิง ดึงคอเสื อของนางขึนมา แล้วกล่าวขึนอย่าง


โหดเหี ยม “ในทีสุ ดก็จบั เจ้าได้แล้ว เจ้าเด็กไม่สินกลินนํานม เจ้าช่างแส่ หาเรื องนัก......”

ฝ่ ามือตบเข้าไปทีใบหน้าเล็กๆ ของชางอิงอย่างรุ นแรงจนเขาหน้าหัน ในหน้าขาวนวลปรากฏรอยมือ


สี แดงอย่างทีเห็นได้ชดั เจน เจ็บชาไปทัวทังใบหน้า เลือดกลบปากจนเริ มไหลซึมออกมาทีมุมปาก
......
แววตาของชางอิงลุกโชนโกรธเป็ นฟื นเป็ นไฟ จ้องมองชายอัปลักษณ์อย่างโหดเหียมแล้วกล่าวขึนว่า
“เจ้าถึงกับกล้าตบหน้าข้า......”

“ข้าตบหน้าเจ้าแล้วเจ้าจะทําไม เจ้ากล้าปล่อยตัวผูห้ ญิงของข้าให้หนี ไป คิดว่าเจ้าจะไม่สมควรถูกตบ


เลยอย่างนันหรื อ” ชายอัปลักษณ์พดู ขึนอย่างโหดเหียม เริ มใช้ฝ่ามือใหญ่ตบเข้าไปทีใบหน้าของชาง
อิงทังซ้ายและขวา ตบจนหน้าของนางหันไปหันมา หันไปหันมา แล้วก็หนั ไป......

ชางอิงพยายามดินสู้จนสุดฤทธิ แต่ก็ไม่อาจทีจะสู้แรงของชายอัปลักษณ์ได้ ไม่สามารถหลุดออกมา


จากการจับกุมของเขาได้ ก็เลยร้องตะโกนดังลันไปทัวบริ เวณ “ช่วยด้วย...ใครก็ได้ช่วยด้วย......”

ดวงอาทิตย์เริ มตกดิน สายลมอ่อนๆ เริ มพัดโชยมาเบาๆ สี นาสดใสเริ


ํ มเป็ นประกายแสงสี ทองอ่อนๆ

มู่หรงเสวียพายเรื อเล็กลอยออกไปนอกดงดอกบัว พายมุ่งไปยังทางเรื อชมวิว

เหล่าฝี พายชุดเทาก็ต่างเร่ งพายเรื อเล็ก ติดตามนางมาทางด้านหลัง เร่ งรี บตามไปให้ทนั

ั นอยูบ่ นเรื อชมวิวทีบริ เวณริ มขอบเรื อ สายตามองไปทางเรื อลําเล็กทีมีเหล่าชายฉกรรจ์


ต้วนอู๋ลวยื
เป็ นฝี พายเรื อ คิวเฉี ยงก็ขมวดขึน “คุณชายโอวหยาง ดูเหมือนว่าแม่นางมู่หรงจะเจอปั ญหาเข้าแล้ว
......”
สี หน้าของคุณชายโอวหยางเคร่ งขรึ ม ชัวพริ บตาร่ างของเขาก็ไปปรากฏทีริ มขอบเรื อ มองไปทางเรื อ
ลําเล็ก เมือเห็นท่าทางสบายอกสบายใจของมู่หรงเสวียแล้ว แววตาของเขาก็ส่อแววเหนือยใจขึนแวบ
หนึง “แค่เรื องวุน่ วายเล็กน้อย นางสามารถจัดการเองได้......”

ั อครึ งไม่เชือครึ ง นันคือพวกนักเลงสิ บกว่าคนเชียวนะ มู่หรงเสวียก็แค่เด็ก


“จริ งหรื อ” ต้วนอู๋ลวเชื
สาวอ่อนแอนางหนึ ง......

บนผิวนําอันสดใสของทะเลสาบ เหล่านักเลงต่างติดตามมาจนทันมู่หรงเสวีย แล้วคว้าจับเข้าไปที


ขอบเรื อของนางเอาไว้เพือจะกระโดดขึนไป

แววตาของมู่หรงเสวียเหยียบเย็น ตวัดไม้พายในมือ ฟาดตีไปทีลําตัวของพวกนักเลงอย่างหนักหน่วง


ตีจนพวกเขาทังหมดตกลงไปในนํา เรื อลําเล็กก็พลอยถูกพวกเขาทําให้พลิกควําไปด้วย พลิกกลับลง
ไปในนํา ท่าทางทุลกั ทุเลน่าอับอายขายหน้าเป็ นอย่างมาก......

มุมปากของต้วนอู๋ลวกระตุ
ั กเบาๆ มู่หรงเสวียช่าง......ช่างแตกต่างจากคนอืนๆ ยิงนัก เขาเก็บความ
กังวลใจเมือครู่ กลับไป......
“พีชาย ช่วยข้าด้วย...ช่วยข้าด้วย......” เสี ยงร้องห่มร้องไห้เสี ยงดังลอยมากระทบเข้ากับหู เมือต้
วนอู๋ลวมองไปตามเสี
ั ยง ก็เห็นเรื อใหญ่ลาํ หนึงแล่นออกมาจากดงดอกบัว บนเรื อมีชายอัปลักษณ์
รู ปร่ างสูงใหญ่คนหนึงยืนอยู่ ในมือคว้าจับหญิงสาวนางหนึงไว้ นางสวมชุดกระโปรงสี แดง ใบหน้า
มีรอยฝ่ ามือแดงปื นใหญ่ ผมเผ้ายุง่ เหยิง ดวงตาฉายแววน้อยเนือตําใจ เป็ นใครไปไม่ได้นอกจาก
คุณหนูสายตรงจากจวนเฉิงเซี ยงแห่งหนานเจียงชางอิง

“อิงอิง !” แววตาของต้วนอู๋ลวเหยี
ั ยบเย็นมองไปทีชายอัปลักษณ์ “ปล่อยนางเดียวนี !”

“ฝันไปเถอะ นางปล่อยตัวผูห้ ญิงของข้า ข้าต้องการให้นางชดใช้แทน......” ชายอัปลักษณ์ตะโกน


ออกมาอย่างโหดเหี ยม มองไปทางต้วนอู๋ลวด้
ั วยแววตาท้าทาย

ั บซ้อน สองเท้าสะกิดเบาๆ พริ บตาเดียวก็ไปปรากฏอยูต่ รงหน้าชายอัปลักษณ์


สี หน้าของต้วนอู๋ลวซั
มือคว้าไปทีตัวของชางอิงทีอยูใ่ นมือของชายอัปลักษณ์ แล้วยกเท้าถีบหน้าอกชายอัปลักษณ์จนลอย
กระเด็นออกไปห้าหกเมตรนอกตัวเรื อ เสี ยงดังตูม ตกลงไปในนํา นําแตกกระเซ็นไปทัวบริ เวณ

ใบหน้าอันคุน้ เคยปรากฏขึนตรงหน้า ชางอิงทีกําลังตระหนกตกใจก็เริ มได้สติขึน กอดคว้าเอวต้


วนอู๋ลวแน่
ั น ร้องไห้เสี ยใจอย่างหนักหน่วง “พีชาย ข้าคิดว่าจะไม่มีโอกาสได้เจอหน้าท่านอีกต่อไป
แล้ว......”
หยดนําตาราวไข่มุกเริ มไหลลงมาตามแก้ม ใบหน้าฉายแววหดหู่นอ้ ยเนือตําใจอย่างถึงทีสุด

ต้วนอู๋ลวถอนหายใจออกมาอย่
ั างเสี ยไม่ได้ ลูบหลังของนางเบาๆ ค่อยๆ เอ่ยปลอบใจนาง “ดีแล้ว ดี
แล้ว ไม่มีอะไรแล้ว......เจ้าจะไปเก็บดอกบัวไม่ใช่หรื อ เหตุใดถึงได้ไปยุง่ เกียวกับพวกเขาได้”

“มู่หรงเสวีย......เป็ นเพราะมู่หรงเสวียทีผลักข้าไปทีเรื อของชายอัปลักษณ์นน......”


ั แววตาของชางอิง
เหยียบเย็น นางเงยหน้าขึนจ้องมองไปทีมู่หรงเสวียอย่างโกรธแค้น “เจ้าคนชันตําทีไร้ยางอาย เห็นแก่
ตัว......”

“ใช่แล้ว ข้ามันไร้ยางอายและเห็นแก่ตวั คุณหนูชางทีไปล่วงเกินชายผูน้ นั ข้าก็สมควรทีจะทําตาม


ความต้องการของคุณหนูชาง ยอมให้คุณหนูชางผลักข้าออกไปเป็ นตัวประกัน โดนชายคนนันด่าว่า
ตบตีแทนคุณหนูชาง ไหนเลยจะสามารถพายเรื อเล็กหนีออกมาได้......” มู่หรงเสวียมองชางอิงแล้ว
เอ่ยเหตุผลออกมาอย่างไม่ใส่ ใจนัก

ชางอิงชะงัก มองมู่หรงเสวียอย่างโกรธแค้นแล้วกล่าวขึน “ชายอัปลักษณ์ผนู้ นถู


ั กตาต้องใจในตัวเจ้า
ข้าผลักเจ้าไป ก็เพียงแค่ตอ้ งการถ่วงเวลาเท่านัน.....”

“ข้าทีผลักเจ้าออกไป ก็แค่เพียงต้องการให้เจ้าออกไปถ่วงเวลาเช่นเดียวกัน” มู่หรงเสวียกะพริ บตาม


องนาง ดวงตาฉายแววรังเกียจ “ก็เจ้าอยากจะทําตัวเป็ นวีรสตรี ปล่อยตัวผูห้ ญิงของเขากับชายชูผ้ นู้ นั
ของนางไปทําไมเล่า ชายอัปลักษณ์ทีเกลียดเจ้าเข้ากระดูกดํา จะต้องไม่มีทางหยิบดาบออกมาฆ่าเจ้า
ให้ตายในทันทีอย่างแน่นอน ข้าทีเร่ งกลับมาก็เพือทีจะเรี ยกคนไปช่วย แน่นอนว่าก็จะสามารถช่วย
เจ้าในตอนทีเจ้ายังมีชีวติ อยูไ่ ด้......”

“เจ้า ! หุบปากเดียวนีนะ ชายอัปลักษณ์คนนันแค้นข้าจะตายไป ข้าตกไปอยูใ่ นมือเขาไหนเลยจะมี


ผลลัพธ์ทีดีได้ เขาชอบพอเจ้า หลังจากจับเจ้าได้ เขาก็จะไม่ทรมานเจ้าแน่นอน เจ้าก็แค่
เออออห่อหมกไปกับเขาสักระยะหนึ ง ข้ากับท่านพีก็จะนําคนตามไปช่วยเจ้า แค่เรื องง่ายๆ เพียง
เท่านี เจ้าก็ไม่ยอมทํา ทําให้ขา้ ต้องรับความลําบาก จิตใจของเจ้าทําด้วยอะไรกัน”

ชางอิงมองจ้องมู่หรงเสวียอย่างโกรธเกรี ยว คาดคันถามออกไปอย่างโมโห ดวงตาของนางแทบลุก


เป็ นไฟ เกลียดจนอยากจะแช่งนางให้ตกตายไป

มู่หรงเสวียหัวเราะออกมาเสี ยงเย็น ชางอิงก่อเรื อง แล้วต้องให้นางชดใช้ดว้ ยงันหรื อ ไปตามเช็ดตาม


ล้างความวุน่ วายทีนางก่ออย่างนันหรื อ ฝันกลางวันฤดูใบไม้ผลิของนางไปคนเดียวเถอะ !

“ต้องขออภัยด้วยแล้วกัน ข้าเรี ยนตามขนบธรรมเนียมอันดีมาตังแต่เล็ก ไม่เหมือนคุณหนูชางอิง ทีมี


ความคุน้ เคยในการขายเสน่ห์ความงาม......”

“ใครกันทีขายเสน่ห์ความงาม” ชางอิงตอบกลับอย่างโมโห แววตาเหยียบเย็น


“ก็ทีเจ้าพูดเมือครู่ อย่างไร เจ้าไม่ได้หมายความเช่นนีหรอกหรื อ คุณหนูชางพูดราวว่ามันเป็ นเพียง
เรื องเล็กน้อย ราวกับว่าเรื องเช่นนีเป็ นเรื องปกติธรรมดาอย่างไรอย่างนัน ดูแล้วแต่ก่อนคงเคยทํามา
ไม่นอ้ ย......” มู่หรงเสวียจ้องมองไปทีชางอิง แววตาเหยียบเย็นไร้คลืนลมความหนักใจ

ชางอิงชะงัก โกรธจัดจนกัดฟันแน่นพูดอะไรไม่ออก นิวมือชีไปทีมู่หรงเสวียพลางเอ่ย “เจ้า......”

“พอแล้ว ทุกคนหยุดพูดได้แล้ว” ต้วนอู๋ลวพู


ั ดตัดบทชางอิงขึน เท่าทีเขาได้ยนิ ก็พอเข้าใจคร่ าวๆ ได้
แล้วว่าเรื องราวมีความเป็ นมาอย่างไร อิงอิงกระทําการไปก่อนโดยไม่ทนั คิดอ่านให้ถีถ้วนว่าถูกหรื อ
ผิด ไปทําให้เรื องส่ วนตัวของชายอัปลักษณ์จนเสี ยเรื อง ชายอัปลักษณ์ทีโกรธแค้น จึงลงมือสังสอน
นาง......

ต้วนอู๋ลวจ้
ั องมองไปทีชางอิง แววตาของเขาฉายแววมืดมน “อิงอิง ก่อนทีเจ้าจะทําตัวผดุงความเป็ น
ธรรม ไม่ได้ถามถึงต้นสายปลายเหตุของเรื องราวก่อนเลยอย่างนันหรื อ”

“เรื องนี......” ชางอิงกะพริ บตาไปมาอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ ชายอัปลักษณ์มดั คนไว้บนเรื อ อีกทังยังมี


ท่าทางดุร้าย คนทีมีตาหรื อจะมองไม่ออกว่าเขากําลังรังแกคนอืนอยู่ ต้นสายปลายเหตุเป็ นอย่างไรก็
เห็นชัดเจนอยูแ่ ล้ว ยังจําเป็ นต้องถามด้วยอีกหรื อ
ตอนที 253 บังเอิญพบกงเชียนอวี
เมือเห็นท่าทางยึดมันและไม่เชือในคําพูดเขาของนางแล้ว ต้วนอู๋ลวก็
ั ถอนหายใจออกมาเบาๆ “เรื อง
ช่วยคนอ่อนแอถามหาความยุติธรรม เจ้าก็ทาํ ให้นอ้ ยลงหน่อยเถอะ หากเรื องราวรุ นแรงเกินไป
จําเป็ นต้องยืนมือช่วย เจ้าก็ตอ้ งถามเหตุผลให้ชดั เจนก่อน อย่าได้สอดมือเข้าไปมัวๆ เช่นนีอีก ...”

“รู้แล้วน่า” ชางอิงพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจและไม่ยนิ ยอม สายตาของนางทีมองไปทางมู่หรงเสวีย


เต็มไปด้วยความแค้นเคือง พูดขึนอย่างโกรธๆ ว่า “ พีชาย มู่หรงเสวียทําร้ายข้า ท่านต้องช่วยข้าสัง
สอนนาง.....”

“อิงอิง อย่าหาเรื องมัวซัว เรื องนีไม่ใช่ความผิดของคุณหนูม่หู รง....” ต้วนอู๋ลวพู


ั ดออกมาช้าๆ แววตา
ของเขาเคร่ งขรึ ม

“ความหมายของท่านพีก็คือ เรื องนีก็ปล่อยให้ผา่ นไปอย่างนี ทีข้าลําบากมาก็คือสูญเปล่าทังหมด


ั างตกตะลึง ใบหน้าดีๆ ของนาง โดนมู่หรงเสวียทําร้ายจนบวม
อย่างนันหรื อ” ชางอิงมองต้วนอู๋ลวอย่
แดง แทบจะไม่มีความรู้สึกอะไรแล้ว แต่ท่านพีกลับไม่คิดทีจะแก้แค้นให้นาง.........

“ความวุน่ วายนีเป็ นเจ้าทีก่อขึนมา ความลําบากทีได้รับก็เป็ นเจ้าทีหาเรื องเอง จะไปโทษคนอืนไม่ได้


.....” ต้วนอู๋ลวมองนาง
ั พูดขึนด้วยเสี ยงเย็นๆ
ดวงตาดําสนิทของชางอิงเต็มไปด้วยนําตา มองเขาอย่างน้อยเนือตําใจพลางเอ่ย “ท่านพี ท่านลําเอียง
จัดการเรื องไม่เป็ นธรรม ข้าไม่ยอม !”

มู่หรงเสวียผลักนางชัดๆ นางถึงได้โดนชายอัปลักษณ์ทุบตี พีชายไม่เพียงไม่ช่วยนางเท่านัน แต่กลับ


โทษว่านางทําตัวรนหาเรื องเอง ช่างน่าโมโหนัก นางไม่ใช่คนโง่ ใครจะเข้าไปหาเรื องให้โดนทุบตี
เองเล่า

“ไม่ยอมก็รีบกลับจวนเฉิ งเซี ยงทีเมืองหลวงไป อย่าได้หาเรื องวุน่ วายไปทัวเมืองหมิงโจวอีกเลย” ต้


วนอู๋ลวตอบนางอย่
ั างไม่เกรงใจประโยคหนึง สายตาเยือกเย็นราวนําแข็ง “หลังจากทีเจ้ามาเมืองหมิง
โจว ก็ก่อเรื องไม่เว้นแต่ละวัน วันๆ พอข้าต้องจัดการงานราชการเสร็ จแล้วยังต้องคอยไปเก็บกวาด
เรื องวุน่ วายทีเจ้าก่ออีก ทังเหนือยทังวุน่ วาย หากเจ้ากลับไปเสี ย ข้าก็จะได้สงบๆ ลงบ้าง”

นําเสี ยงเยือกเย็นแว่วดังมา กระแทกเข้าสู่ หวั ใจ ชางอิงตัวสันเล็กน้อย มองต้วนอู๋ลวนิ


ั งงัน แววตาเต็ม
ไปด้วยความตระหนกและไม่อยากจะเชือ “ท่านไล่ขา้ ท่านถึงกับกล้าไล่ขา้ ...ข้าเกลียดท่านทีสุ ด.....”

ชางอิงกรี ดร้อง ก่อนจะออกแรงผลักต้วนอู๋ลวั ขยับเท้าเบาๆ ร่ างเล็กเหมือนดังศรออกจากแล่ง


กระโดดทะยานออกไปไกลอย่างรวดเร็ว......
เมือมองเงาร่ างของนางทีค่อยๆ ไกลออกไป ต้วนอู๋ลวถอนใจเบาๆ
ั หมุนกายมองมาทีมู่หรงเสวีย “อิง
อิงโดนตามใจจนเสี ยนิสัย คุณหนูม่หู รงโปรดอภัยด้วย.......”

“ต้วนไท่โส่ วกล่าวหนักเกินไปแล้ว” มู่หรงเสวียพูดเรี ยบๆ นําเสี ยงราบเรี ยบเต็มไปด้วยความเฉยเมย


ชางอิงโง่เง่าไร้สติ นางเองก็ไม่อยากไปเกียวข้องให้มากนัก และก็คร้านเกินกว่าทีจะพูดถ้อยคํา
เกรงใจแล้ว.....

ต้วนอู๋ลวไม่
ั ได้ถือสาท่าทางเย็นชาของนาง เขายิมขึนเล็กน้อย “ฟ้ าก็เริ มจะมืดแล้ว คุณชายโอวหยาง
คุณหนูม่หู รง ไม่สู้พกั ทีจวนไท่โส่ วสักคืน”

มู่หรงเสวียแหงนหน้ามองฟ้ า เห็นดวงอาทิตย์ลบั ตกไปทางทิศตะวันตกแล้ว ฟ้ าเริ มมืดแล้วจริ งๆ


“ขอบคุณต้วนไท่โส่ วทีมีนาใจ
ํ ในเมืองหมิงโจวมีโรงเตียมมากมาย พวกเราพักโรงเตียมก็ได้แล้ว....”

นางและคุณชายโอวหยางเป็ นคนแคว้นชิงเหยียน และต้วนอู๋ลวเป็


ั นไท่โส่ วแห่งหนานเจียง ในขณะ
ทีสองแคว้นกําลังรบราติดพัน พวกนางระวังตัวไว้ก่อนเป็ นการดี......

ั มเล็กน้อย “โรงเตียมคนมากวุน่ วาย ไม่เหมาะแก่การพักผ่อน เทียบกับจวนไท่โส่ วไม่ได้


ต้วนอู๋ลวยิ
คุณชายโอวหยาง คุณหนูม่หู รงเดินทางตรากตรํามาตลอด จําต้องได้รับการพักผ่อนทีดีๆ พักทีจวน
ไท่โส่ วนันดีกว่าพักทีโรงเตียมหลายเท่านัก.....”
จวนไท่โส่ วดีเช่นไร ก็ไม่เหมาะให้พวกนางไป !

มู่หรงเสวียกะพริ บตา เตรี ยมทีจะกล่าวปฏิเสธ แต่คุณชายโอวหยางกลับพูดขึนมาเสี ยก่อนว่า “เช่นนี


ก็รบกวนไท่โส่ วแล้ว....”

“คุณชายโอวหยางเกรงใจไปแล้ว.....เวลาไม่รอท่า พวกเรากลับจวนกันเถอะ !” ต้วนอู๋ลวยิ


ั มๆ ขยับ
ปลายเท้าเบาๆ ลอยลิวไปทีเรื อใหญ่ทีจอดอยูไ่ ม่ไกล

มู่หรงเสวียขมวดคิว มองดูคุณชายโอวหยางอย่างไม่เข้าใจนัก ราวกับกําลังพูดว่า “ไปทําอะไรทีจวน


ไท่โส่ ว”

“พักแรมสิ ทังสงบทังปลอดภัย ดีกว่าโรงเตียมทีคนวุ่นวายพลุกพล่าน” คุณชายโอวหยางมองนาง


เรี ยบๆ มุมปากยกยิมอย่างลึกลํา

มู่หรงเสวียจ้องมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ หยิบเอาไม้พาย ค่อยๆ พายลงนํา พายไปทางเรื อใหญ่


อย่างช้าๆ คุณชายโอวหยางเป็ นคนชอบความสงบ เขาอยากพักทีจวนไท่โส่ วก็พกั ทีจวนไท่โส่ วเถอะ
.....
เมือเห็นสี หน้าทีเคร่ งขรึ มของมู่หรงเสวีย นัยน์ตาดําสนิทของคุณชายโอวหยางก็ปรากฏรอยยิมจางๆ

ขึน ยืนบนขอบไม้กนในเรื อใหญ่ มองทะเลสาบทีวูบไหวไปด้วยคลืน เผอิญเห็นชายหนุ่มอัปลักษณ์
คนนัน เขากําลังโผล่หวั ขึนมาจากนําพอดิบพอดี คว้าจับไปทีขอบเรื อใหญ่เตรี ยมทีจะปี นขึนไป
ด้านบน......

มุมปากของคุณชายโอวหยางยกขึนอย่างแปลกๆ ดูอนั ตราย นิวมือใต้แขนเสือดีดเบาๆ พลันพลัง


ปราณสายหนึ งก็พุ่งออก เฉื อนผ่านลําคอชายอัปลักษณ์ผนู้ นอย่
ั างไม่ปรานี เลือดสี แดงสดสาด
างเบิกกว้าง เสี ยง “โครม”เสี ยงหนึงดังขึน ทันใดนันก็ร่วงตกกลับลงไป
กระจายออกมา ชายผูน้ นตาค้

ในนํา จนเกิดเป็ นคลืนสาดซัดจํานวนนับไม่ถว้ น.......

“เกิดอะไรขึน” มู่หรงเสวียขมวดคิว หมุนกายกลับมา เห็นเพียงผืนนําทีระลอกคลืนสงบลงแล้ว


นอกจากนัน ก็ไม่มีสิงอืนใด.........

“เหมือนจะมีของจากเรื อใหญ่หล่นลงนํา” คุณชายโอวหยางอธิบายอย่างไม่ใส่ ใจนัก พูดเพียงเบาๆว่า


“ฟ้ าใกล้มืดแล้ว เช่นนันพวกเรารี บขึนฝังเถอะ เจ้ารี บมาเถอะ”

“ตกลง !” มู่หรงเสวียพยักหน้า หันกายกลับไป หยิบเอาไม้พาย ค่อยๆ พายเรื อเล็กเข้าใกล้เรื อใหญ่


เรื อใหญ่ลาํ นันมีของพังไปหลายอย่าง หากจะมีของตกนําก็ไม่แปลกเท่าไรนัก......
ผืนนําด้านหลัง ศพของชายอัปลักษณ์คอ่ ยๆ ลอยขึนมา.....

คุณชายโอวหยางกวาดตามองอย่างเรี ยบๆ นัยน์ตาดําสนิทฉายแววเย็นเยียบ เพียงพริ บตาก็หายไป


เมือเห็นเรื อเล็กของมู่หรงเสวียเข้าใกล้เรื อใหญ่ เขาค่อยๆ เดินไปข้างเรื อใหญ่ ยืนมือประคองมู่หรง
เสวียขึนมา........

จวนไท่โส่ วค่อนข้างทีจะไกลจากทะเลสาบหมิงหู หลังจากทีคุณชายโอวหยาง มู่หรงเสวียขึนฝังแล้ว


ก็นงรถม้
ั าอีกครึ งชัวยามถึงจะไปถึง

ยามราตรี คืบคลานเข้ามา ในจวนไท่โส่ วจุดโคมขึน ส่ องสว่างราวมีแสงอาทิตย์สาดส่ องไปทัวทัง


เรื อน มู่หรงเสวียตามต้วนอู๋ลวกั
ั บคุณชายโอวหยางเดินเข้าไปในจวน เดินเลาะตามทางเดินหิ นอ่อน
มองไปรอบๆ อย่างไม่ได้ใส่ ใจนัก

สายตามองเห็นศาลา อาคาร เรื อน ภายในจวนล้วนงดงาม สะพานเล็กๆ สายธารน้อยๆ ล้วนจัดสร้าง


ขึนอย่างวิจิตรบรรจง ในสวนดอกไม้นนมี
ั ภูเขาจําลองเรี ยงราย วางเรี ยงสลับเป็ นแถวแนว ดูงดงาม
หรู หรา เสาทีระเบียงทางเดินสลักอักษรเป็ นบทกลอนของกวีชือดัง ฝื มือประณี ตละเอียดลออ ชวน
ให้คนตกตะลึง
มู่หรงเสวียกะพริ บตา ทัวทังจวนตกแต่งอย่างอลังการ แต่ก็ไม่ดอ้ ยในเรื องของความประณี ตบรรจง
ต้วนอู๋ลวนั
ั บเป็ นคนมีรสนิยมสู งส่ งคนหนึง......

“มู่หรงเสวีย !” เสี ยงร้องเรี ยกอย่างยินดีแว่วดังมา เมือมู่หรงเสวียหันกลับไปมอง ก็เห็นชายหนุ่มผู้


หนึงทีสวมชุดแพรสี ดาํ ดูสูงส่ ง ลึกลับ เส้นผมดําขลับราวชุดแพรรวบไว้ดว้ ยปิ นม่วงทองอย่างง่ายๆ
นัยน์ตาดําสนิทลําลึกจนไม่อาจเห็นจุดสิ นสุ ด ใบหน้ากระจ่างไร้ริวรอยใดเผยรอยยิมสดใสจริ งใจ
เดินเร็ วๆ มาตรงหน้านาง ยืนมือมาจับมือนาง “มู่หรงเสวีย เป็ นเจ้าจริ งๆ ด้วย !”

แววตาคุณชายโอวหยางเป็ นประกาย จับแขนมู่หรงเสวีย ก่อนจะลากนางไปด้านหลังของตน พูดกับ


กงเชียนอวียอย่างเยือกเย็น “องค์รัชทายาทกง ชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดกัน....”
ตอนที 254 คุณชายและกงเชียนอวีหึงหวง

กงเชียนอวีทีคว้าจับได้แต่อากาศธาตุ ดวงตาอันสดใสเริ มฉายแววโมโห มองคุณชายโอวหยางอย่าง


เหยียบเย็น “เจ้าก็เป็ นผูช้ ายเหมือนกัน เหตุใดถึงสามารถอยูใ่ กล้ชิดมู่หรงเสวียได้”

“พวกเรากับเจ้าไม่เหมือนกัน” คุณชายโอวหยางค่อยๆ กล่าวขึน นําเสี ยงทีไม่สืออารมณ์ใดๆ ดังเข้า


กระทบหู กงเชียนอวีครุ่ นคิดขมวดคิวสี หน้าฉายแววไม่เชือ “ตรงไหนทีไม่เหมือนกัน”

“ต่อไปพวกเราก็จะเป็ นคนในครอบครัวเดียวกัน ในอนาคตก็จะต้องอยูด่ ว้ ยกันตลอดไป !” คุณชาย


โอวหยางเอ่ยด้วยเสี ยงหนักแน่นแสดงถึงเจตนาทีจริ งจัง

กงเชียนอวีกะพริ บตา แล้วกล่าวเน้นขึนทีละคํา “ข้าก็สามารถเป็ นครอบครัวเดียวกันกับมู่หรงเสวีย


ได้และสามารถอยูด่ ว้ ยกันตลอดไปได้......”

สี หน้าของคุณชายโอวหยางปรากฏแววลึกลับซับซ้อนดําทะมึนขึนมาทันใด แววตาดังลูกศรพุ่งตรง
จ้องมองไปทีกงเชียนอวีอย่างเหยียบเย็น ดวงตาดําคมกริ บเย็นเฉี ยบดังนําแข็ง ทําให้อุณหภูมิรอบ
บริ เวณลดลง......
มู่หรงเสวียแหงนมองฟ้ า ไร้วาจาคําพูดทีจะกล่าว จิตใจของกงเชียนอวีเหมือนกับเด็กบริ สุทธิ ชอบ
เอาชนะ เขากับคุณชายโอวหยางมีปัญหาผิดใจกัน คุณชายโอวหยางพูดอะไร เขาก็จะพูดตาม โดย
ไม่ได้สนใจฟังความหมายในคําพูดของคุณชายโอวหยางเลย

การทีทําให้คุณชายแห่งวังเชียวเหยาอ๋ องโกรธเกรี ยว นับว่าไม่ใช่เรื องเล็กๆ ต้องรี บแก้ไขเรื องนี


โดยเร็ วเสี ยแล้ว

“องค์รัชทายาทกง ท่านมาทีนีได้อย่างไร” มู่หรงเสวียก้าวเดินออกมาจากด้านหลังของคุณชายโอวห


ยาง มองไปทีกงเชียนอวี เขาคือผูบ้ ญั ชาการของทังสามกองทัพ ต้องคอยนังบัญชาการอยูท่ ีกระโจมผู้
บัญชาการไม่ใช่หรื ออย่างไร

“แม่ทพั นายกองทังหลายล้วนน่ารําคาญ ข้าก็เลยกลับมาหาความสงบ......” กงเชียนอวีเอ่ยตอบเบาๆ


มองมู่หรงเสวียอย่างตาไม่กะพริ บตา “ในจวนไท่โส่ วมีเรื อนพํานักของข้าด้วย......เจ้าเองก็มาพักทีนี
ด้วยหรื อ”

“ใช่แล้ว” มู่หรงเสวียพยักหน้า
เช่นนันดวงตาของกงเชียนอวีก็สว่างเป็ นประกายขึน “ห้องถัดไปจากห้องของข้า บรรยากาศดีมาก
แล้วก็เงียบสงบดีดว้ ย เจ้าสามารถไปพักทีนันได้......”

ั ส่อ
เมือมองไปทีหน้าตายิมแย้มดีใจ และแววตาเป็ นประกายของกงเชียนอวี แววตาของต้วนอู๋ลวก็
แววตืนตระหนกตกตะลึง ชายทีกําลังพูดอยูต่ อนนี ใช่องค์รัชทายาทแห่งแคว้นหนานเจียงทีสู งส่ ง
สง่างามและไม่เคยเห็นใครอยูใ่ นสายตาทีเขาเคยรู้จกั ตัวจริ งใช่หรื อไม่......

อุณหภูมิโดยรอบบริ เวณลดตําลงกลายเป็ นความรู้สึกเย็นยะเยือกจนทําให้ร่างกายสันสะท้าน ต้


วนอู๋ลวได้
ั สติเงยหน้าขึนมอง สายตาก็เห็นคุณชายโอวหยางกําลังจับตามองการพูดคุยระหว่างกงเชีย
นอวีกับมู่หรงเสวียด้วยแววตาเฉี ยบคมเย็นยะเยือก ราวกับมีลมหนาวเย็นพัดผ่านใจคน เย็นยะเยือก
จนคนรู้สึกเหมือนย่างเข้าฤดูหนาวแล้ว......

หนังตาของต้วนอู๋ลวกระตุ
ั กเบาๆ รี บเอ่ยขึนว่า “เวลาไม่คอยท่า สํารับอาหารเย็นได้ถูกจัดเตรี ยมไว้
แล้ว เชิญทุกท่านร่ วมรับประทาน”

ฐานะของคุณชายโอวหยางสูงส่ ง ไม่ใช่คุณชายดาษดืนทีไหน นิสยั ก็เย็นชาไร้อารมณ์ มากเล่ห์กล


หากทําให้เขาโมโหขึนมาล่ะก็ ต้องเป็ นเรื องทีไม่ดีแน่ ต้องรี บหาวิธีระงับความโกรธของเขาเป็ นดี
......
“รบกวนต้วนไท่โส่ วแล้ว” คุณชายโอวหยางกล่าวขึน พร้อมกับคว้าจับแขนมู่หรงเสวียรี บก้าวเดินไป
ด้านหน้า “พวกเราไปรับสํารับเย็นกัน”

“มู่หรงเสวีย !” กงเชียนอวียืนนิ งอยูไ่ ม่ขยับไปไหน ดวงตากลมโตของเขาเปล่งประกายมองไปทีนาง

มู่หรงเสวียหันกลับไปมองเขา “เจ้ารับสํารับเย็นแล้วหรื อยัง”

“ยังเลย” กงเชียนอวีส่ ายหน้า ดวงตาสดใสฉายแววหงอยเหงาอย่างโดดเดียว

“ถ้าเช่นนันก็ไปทานด้วยกันดีหรื อไม่” มู่หรงเสวียยิมออกมาเบาๆ

“ดียงนั
ิ ก !”กงเชียนอวีพยักหน้ารัวๆ รี บเร่ งก้าวเดินไปด้านหน้า ดวงตาเปล่งประกายสดใสเปล่งปลัง

สี หน้าของคุณชายโอวหยางดําทะมึน จับแขนของมู่หรงเสวียแน่นขึน นางถึงกลับเอ่ยปากชวนกงเชีย


นอวีไปทานข้าวเย็นด้วยกัน นางไม่เห็นเคยเอ่ยปากชวนเขาบ้างเลย......

เมือรู้สึกถึงความเจ็บแปลบทีแล่นขึนมาจากบริ เวณแขน มู่หรงเสวียก็ขมวดคิวขึน ตีเข้าไปเบาๆ ที


หลังมือของเขา “แขนของข้าเจ็บไปหมดแล้ว รี บปล่อยมือ”
คุณชายโอวหยางหลุบตาลง คลายแรงทีมือออก แต่ก็ไม่ได้ปล่อยมือนาง ปรายตามองไปทีกงเชีย
นอวี แล้วเอ่ยขึนอย่างเหยียบเย็น “องค์รัชทายาทกงจะออกไปข้างนอกไม่ใช่หรอกหรื อ”

กงเชียนอวีเดินมาจากฝังตรงกันข้ามกับพวกเขา พวกเขากําลังจะเข้าไปในจวน ก็แสดงว่าเขาก็ตอ้ ง


กําลังจะออกนอกจวน

“ข้าไม่อยากออกไปข้างนอกแล้ว คงจะรับสํารับเย็นทีนี” กงเชียนอวีพูดขึนอย่างสบายอกสบายใจ


ก้าวเดินเข้าไปในห้องอาหาร

ตรงกลางของห้องอาหารมีโต๊ะไม้แดงรู ปทรงกลม ต้วนอู๋ลวนั


ั งลงตรงกลาง คุณชายโอวหยางนังลง
ทางด้านขวาถัดจากตรงกลาง มู่หรงเสวียนังลงข้างเขา กงเชียนอวีกําลังเตรี ยมตัวจะนังลงข้างมู่หรง
เสวีย แต่คุณชายโอวหยางก็เอ่ยปากขึน “องค์รัชทายาทกงเป็ นองค์รัชทายาทของแคว้นหนานเจียง ที
นังของเจ้าก็ควรอยูข่ า้ งทีนังของต้วนไท่โส่ วถึงจะถูก” ซึ งก็คือฝังตรงข้ามกับคุณชายโอวหยางและมู่
หรงเสวียนันเอง

กงเชียนอวีคิวขมวดเป็ นปม พูดก็ไม่พดู ขยับก็ไม่ขยับ สี หน้ามืดมน แววตาสดใสเต็มไปด้วยความ


ไม่ยนิ ยอมพร้อมใจ
มู่หรงเสวียถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ดึงตัวของกงเชียนอวีลงมานังทีข้างๆ นาง “ในทีนีก็มี
แค่พวกเราสี คน ไม่จาํ เป็ นต้องมีกฎระเบียบเคร่ งครัดก็ได้ มานังตรงนีเถอะ !” ก็แค่เรื องทีนัง ไม่เห็น
ต้องแย่งชิงแข่งขันให้คนอืนๆ ไม่สบายใจเลย

คุณชายโอวหยางขมวดคิว ดวงตาดําของเขามืดมน นางถึงกับออกตัวแทนกงเชียนอวี กับเขานางไม่


เห็นเคยจะออกตัวปกป้ องเขาอย่างนี บ้างเลย......

อุณหภูมิในห้องอาหารค่อยๆ ลดลง......

บรรยากาศเริ มคุกรุ่น จนเหงือเริ มผุดขึนบนหน้าผากของต้วนอู๋ลวเต็


ั มไปหมด เขากระแอมเอ่ย
ออกมาอย่างไม่เป็ นธรรมชาติ “อาหารใกล้จะเย็นแล้ว รี บทานกัน รี บทานกันเถอะ !”

ห้องครัวของจวนไทโส่ วช่างไม่เลวเลยจริ งๆ ทังหมูผดั นําแดง เป็ ดปาเป่ ายา ไก่อบเหล้า ก๋ วยเตียว


เนือสับ อาหารเลิศรสต่างๆ นาๆ ถูกวางเต็มโต๊ะไปหมด กลินอาหารรสเลิศหอมตลบอบอวล ชวน
ให้ผคู้ นนําลายสอ

กงเชียนอวีหยิบตะเกียบขึนมา คีบไก่อบเหล้าชินหนึงวางใส่ ถว้ ยให้มู่หรงเสวีย เอ่ยแนะนําเบาๆ


“อาหารจานนีข้าเคยทาน รสชาติไม่เลวนัก เจ้าลองทานดูสิ”
ดวงตาสดใสคล้ายตังใจและไม่ตงใจเหลื
ั อบมองไปทางคุณชายโอวหยาง รอยยิมบริ สุทธิ ดังจะ
อวดอ้างท้าทาย

“ขอบคุณ !” มู่หรงเสวียเอ่ย กําลังเตรี ยมจะคีบเนือไก่ แต่ก็ปรากฏตะเกียบคู่หนึง เขียไก่อบเหล้าใน


ถ้วยของนางทิงไป เปลียนเป็ นผักสี เขียวแทน “เสวียเอ๋ อร์เป็ นผูห้ ญิง ต้องกินผักเยอะๆ กินเนือน้อย ๆ
!”

แววตาของกงเชียนอวีมืดมน แล้วก็คีบผักสี เขียวชินหนึงให้มู่หรงเสวียบ้าง “ผักสี เขียวก็ดี เจ้ากิน


เยอะๆ หน่อย !”

“ถึงผักสี เขียวจะดี แต่กต็ อ้ งมีเนื อคู่ดว้ ย ถ้าจะกินแต่ผกั ล้วนๆ ก็คงจะส่ งผลไม่ดีต่อร่ างกาย !” คุณชาย
โอวหยางกล่าวขึน แล้วก็เขียผักทีกงเชียนอวีคีบมาทิงอีกครัง เปลียนเป็ นเนือเป็ ดปาเป่ ายาใส่ ให้นาง

กงเชียนอวีขมวดคิว คีบไก่เมามายให้มู่หรงเสวียอีก......

คุณชายโอวหยางใช้ตะเกียบเขียทิงอีก......

กงเชียนอวีคีบใส่ คุณชายโอวหยางเขียทิง กงเชียนอวีทีคีบใส่ อีก คุณชายโอวหยางก็เขียทิงอีก......


เมือมองไปทีกับข้าวด้านในถ้วยทีเดียวมากเดียวลด เดียวเข้าเดียวออก ทีไม่ใช่เพราะว่าถูกทานจน
หมด แต่เป็ นเพราะอาหารเลิศรสทังหมดล้วนถูกคุณชายโอวหยางเขียทิง มู่หรงเสวียก็ถอนหายใจ
ออกมาอย่างทําอะไรไม่ได้ คุณชายโอวหยางคือคุณชายแห่งวังเซี ยวเหยาอ๋ อง กงเชียนอวีคือองค์รัช
ทายาทแห่งแคว้นหนานเจียง ทังสองคนล้วนแล้วแต่ฐานะสูงส่ง อยูด่ ีๆ เกิดอารมณ์เสี ยขึนมาได้
อย่างไร อาหารล้วนแล้วแต่ถูกพวกเขาเขียทิงจนหมด สรุ ปจะให้คนได้กินบ้างหรื อไม่

“คุณชายโอวหยาง สรุ ปแล้วมู่หรงเสวียกินผักดีหรื อเนือดีกว่ากันแน่” อาหารทีคีบมาล้วนแต่ถกู เขีย


ทิงทังหมด สี หน้าของกงเชียนอวีมืดทะมึน มองคุณชายโอวหยางด้วยดวงตาเหยียบเย็น แววตาฉาย
แววโกรธเกรี ยวอยูจ่ างๆ

“ขอเพียงเป็ นอาหารทีเจ้าคีบให้ มู่หรงเสวียทานอะไรก็ไม่ดีทงนั


ั น !” คุณชายโอวหยางโพล่งออกไป
อย่างไม่เกรงใจ เขาลุกยืนขึน คว้ามือเล็กๆ ของมู่หรงเสวียให้ยนื ขึนตาม แล้วลากนางออกไปข้าง
นอกทันที......
ตอนที 255 ห้ ามคุยกับเขาอีก
เสี ยงกล่าวลาอันทุม้ ตําลอยตามมากับสายลม “พวกเราขอตัวกลับห้องไปพักผ่อนก่อน พวกท่านเชิญ
รับสํารับกันตามสบาย......”

เมือมองไปทีเงาร่ างของทังสองคนทีค่อยๆ ไกลออกไป สี หน้าของกงเชียนอวีก็มืดครึ ม ดวงตาสี ดาํ


ขลับวูบไหวด้วยประกายอันมืดมิด......

ต้วนอู๋ลวมองไปด้
ั านข้างโต๊ะทีว่างเปล่าแล้วมองไปทีการแสดงออกอันแตกต่างของทังสามคน สี
หน้าของเขาค่อยๆ เคร่ งขรึ มลง แววตาวูบไหวไปด้วยประกายอันลําลึก......

คุณชายโอวหยางเดินออกจากโถง ลากมู่หรงเสวียเดินก้าวอาดๆ ออกไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว เร็ว


เสี ยจนนางเหนือยหอบ ก้าวเดินตามเขาไม่ทนั นางจึงเร่ งกล่าวขึน “จะเดินเร็ วขนาดนีไปทําไมกัน
หยุดก่อน หยุดก่อน......”

คุณชายโอวหยางผ่อนฝี เท้าลงก้มหน้ามองนาง ดวงตาอันดําขลับวูบไหวไปด้วยความจริ งจังทีน้อย


นักจะมีให้เห็น “ต่อจากนี เจ้าอย่าได้พบปะพูดคุยกับกงเชียนอวีอีก......”

“เพราะเหตุใดเล่า ข้าคิดว่านิสยั ของกงเชียนอวีผูน้ ีก็ไม่เลวนัก นิสัยใจคอเรี ยบง่าย......” มู่หรงเสวีย


กล่าวเสี ยงเบา แววตาวูบไหวด้วยความงงงวยและไม่เข้าใจ ทําให้คุณชายโอวหยางทีได้ยนิ มีสีหน้า
มืดครึ ม กล่าวเน้นขึนทีละคํา “เจ้าเคยได้ยนิ คําว่าอย่าได้มองคนแต่ภายนอกหรื อไม่ คนทีดูเรี ยบง่ายดู
ธรรมดา จริ งๆแล้วอาจจะไม่ใช่อย่างทีเจ้าเห็นก็ได้......” เสี ยงทุม้ แฝงไว้ดว้ ยการกัดฟัน

“เจ้ารู้จกั กงเชียนอวีดีมากอย่างนันหรื อ” มู่หรงเสวียเลิกคิวมองไปทีคุณชายโอวหยาง

“ก็นบั ว่าไม่ได้รู้จกั มากมายอะไร แต่วา่ อย่างน้อยก็รู้จกั มากกว่าเจ้าแล้วกัน เจ้าไม่ไปข้องเกียวกับเขา


ให้มากนักถึงจะนับว่าถูกต้อง” คุณชายโอวหยางกล่าวขึนเพียงเรี ยบๆ ประโยคหนึง แววตาวูบไหว
ประกายแสงแห่งความมืดมิด

มู่หรงเสวียเบ้ปาก ถลึงตามองไปทีเขาอย่างไม่สบอารมณ์ “แต่เดิมข้าก็ไม่ได้คิดทีจะทําความรู้จกั กับ


เขามากมายอะไรนัก ใครให้เจ้าดือดึงทีจะมาพักทีจวนไท่โส่ วกันเล่า” ถ้าหากเขาไม่มาทีจวนไท่โส่ ว
ไหนเลยจะมีทางทีพบกับกงเชียอวีได้

เขาก็ไม่รู้วา่ กงเชียนอวีอยูท่ ีจวนไท่โส่ ว เช่นนันเขาก็ไม่มีทางมาทีนี แน่ !

แววตาของคุณชายโอวหยางวูบไหว กล่าวขึนเสี ยงเรี ยบ “เป็ นข้าเองทีคิดอ่านไม่รอบคอบ คราวหลัง


จะไม่เหยียบเข้าจวนขุนนางของหนานเจียงง่ายๆ อีก เจ้าก็อย่าได้ไปยุง่ เกียวกับกงเชียนอวีให้มากนัก
......”
“รู้แล้วน่า !” มู่หรงเสวียตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ ถลึงตามองไปทีเขาอย่างดุดนั “กับข้าวในชาม
ของข้าล้วนถูกเจ้าเขียออกจนหมด สํารับเย็นสักคําข้าก็ไม่ได้กิน ตอนนี หิ วมาก ข้าอยากไปข้างนอก
หาซื ออะไรกินเสี ยหน่อย”

พูดขึนเสี ยงเรี ยบ มู่หรงเสวียก็พลิกกายเตรี ยมทีจะเดินออกไป แต่ก็ถกู คุณชายโอวหยางยืนมือเข้ามา


จับนางเอาไว้เสี ยก่อน เขาแหงนหน้ามองไปทีท้องฟ้ ายามราตรี ทีเต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับ แล้ว
กล่าวขึนเสี ยงขรึ ม “ฟ้ าก็มืดมากแล้ว ของกินดีๆ ก็คงขายออกไปเกือบหมดแล้ว ถึงเจ้าจะออกไป
ตอนนีมาตรว่าก็คงหาซื อของอร่ อยอะไรไม่ได้ ทีข้ายังมีขนมของว่างอยูจ่ านหนึง เจ้าสนใจหรื อไม่”

คุณชายโอวหยางยืนมือออกมาช้าๆ กลางฝ่ ามือหยกมีขนมจานหนึ งวางไว้อยู่ ขนมสี ทองมากมาย


หลายชิน มีลกั ษณะคล้ายกับดอกเหมย ดูประณี ต น่ารักจนผูค้ นไม่อยากทีจะพลาดมันไป กลินหอม
ฟุ้ งตลบอบอวลไปทัวจนผูค้ นนําลายสอ

ทันใดนันมู่หรงเสวียก็รู้สึกหิ วขึนมา แต่นางแสร้งทําเป็ นไม่สนใจแล้วกล่าวขึน “ก็ยงั นับว่าดูน่ากิน


อยู”่ นางยืนมือออกไปรับเอาขนมมา แล้วหยิบขึนมาชินหนึงโยนใส่ เข้าไปในปาก รสชาติอนั หอม
หวานจางๆ แผ่ซ่านไปทัวทังปากอย่างทันที

แววตาของมู่หรงเสวียวูบไหวเปล่งประกาย อดทีจะชืนชมไม่ได้ รสชาติช่างไม่เลวนัก !


เมือมองไปทีดวงตาทีวูบไหวเปล่งประกายของมู่หรงเสวีย แววตาของคุณชายโอวหยางก็เจือปนไป
ด้วยรอยยิมน้อยๆ ลากมู่หรงเสวียเข้าไปในเรื อนอันวิจิตรหลังหนึ ง

ในเรื อนรับรองจุดโคมไฟทัวทังเรื อนจนสว่างไสว แสงสว่างอ่อนๆ สาดส่ องเข้าไปยังห้องด้านใน


ปรากฏให้เห็นโต๊ะเก้าอีรวมถึงเครื องเรื อนต่างมากมายวางเรี ยงรายอยูด่ า้ นในอย่างเป็ นระเบียบ
สะอาดสะอ้าน ผ้าห่มและผ้าปูเตียงก็ลว้ นเป็ นของทีเปลียนใหม่ โชยไปด้วยกลินหอมอันสดชืนจางๆ

มู่หรงเสวียกวาดตามองอย่างเรี ยบๆ ไปมา นีเป็ นเรื อนรับรองทีพวกเขาต้องเข้าพัก จัดการได้ไม่เลว


นั

You might also like